• คนจะอยู่ดาวดวงไหนก็ไม่มีอะไรถูกใจไปหมด ..ก็ยังมีเกลียด มีชัง มีอิจฉาตาร้อนเช่นเดิม
    คนจะอยู่ดาวดวงไหนก็ไม่มีอะไรถูกใจไปหมด ..ก็ยังมีเกลียด มีชัง มีอิจฉาตาร้อนเช่นเดิม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความพึ่งพอใจของคน..คงจะมีเงินทอง ทรัพย์สิน ความสุข ความหรูหรา หน้าตา ชื่อเสียง อย่าลืม ศิลธรรมละ
    ความพึ่งพอใจของคน..คงจะมีเงินทอง ทรัพย์สิน ความสุข ความหรูหรา หน้าตา ชื่อเสียง อย่าลืม ศิลธรรมละ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเวจี แปลว่า: "ปราศจากคลื่น"หรือ "ไม่มีการหยุดพัก" (ลงโทษไม่มีการพัก)) คือนรกขุมที่ลึกที่สุดในบรรดามหานรก 8 ขุมที่ปรากฏในพระไตรปิฎกChoawalit Chotwattanaphong ถือเป็นหนึ่งในนรกตามศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูในภายหลัง[2] ในศาสนาพุทธสื่อถึงดินแดนนรกชั้นต่ำสุดที่ผู้มีบาปกรรมอันร้ายแรงมีความทุกข์ทรมานสุด[3] กล่าวกันว่าแต่ละด้านยาว 20,000 โยชน์ (240,000 ถึง 300,000 กิโลเมตร) อยู่ใต้อรูปภูมิ[4] ในศาสนาฮินดู อเวจีเป็นหนึ่งใน 28 ขุมนรกในดินแดนของพระยม ผู้ที่อยู่ในนี้เคยเป็นพยานเท็จและให้ความเท็จขณะทำธุรกิจหรือให้การกุศล[5]
    อเวจี แปลว่า: "ปราศจากคลื่น"หรือ "ไม่มีการหยุดพัก" (ลงโทษไม่มีการพัก)) คือนรกขุมที่ลึกที่สุดในบรรดามหานรก 8 ขุมที่ปรากฏในพระไตรปิฎก[1] ถือเป็นหนึ่งในนรกตามศาสนาพุทธและศาสนาฮินดูในภายหลัง[2] ในศาสนาพุทธสื่อถึงดินแดนนรกชั้นต่ำสุดที่ผู้มีบาปกรรมอันร้ายแรงมีความทุกข์ทรมานสุด[3] กล่าวกันว่าแต่ละด้านยาว 20,000 โยชน์ (240,000 ถึง 300,000 กิโลเมตร) อยู่ใต้อรูปภูมิ[4] ในศาสนาฮินดู อเวจีเป็นหนึ่งใน 28 ขุมนรกในดินแดนของพระยม ผู้ที่อยู่ในนี้เคยเป็นพยานเท็จและให้ความเท็จขณะทำธุรกิจหรือให้การกุศล[5]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 411 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • การอัปเดตด้านความปลอดภัยของ Windows 11 และ Server 2025
    Microsoft ได้เปิดตัว Windows 11 24H2 และ Windows Server 2025 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เช่น Recall และ Windows Hotpatching ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อควรระวังสำหรับองค์กร

    Recall เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้อนดูการทำงานบนเครื่องได้ผ่าน AI และ Optical Character Recognition (OCR) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้เคยถูกวิจารณ์ว่าเป็น "ฝันร้ายด้านความเป็นส่วนตัว" ทำให้ Microsoft ต้องปรับให้เป็น ระบบ opt-in

    Windows Hotpatching เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถติดตั้งอัปเดตด้านความปลอดภัยโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง ซึ่งช่วยลดเวลาหยุดทำงานของระบบ

    ข้อมูลจากข่าว
    - Windows 11 24H2 และ Server 2025 มาพร้อมกับฟีเจอร์ Recall และ Windows Hotpatching
    - Recall ใช้ AI และ OCR เพื่อสร้างฐานข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้
    - Windows Hotpatching ช่วยให้สามารถติดตั้งอัปเดตโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง
    - Microsoft แนะนำให้ตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การบล็อก NTLM และการใช้ Entra ID
    - Server 2025 มีการปรับปรุงนโยบาย Local Administrator Password Solution (LAPS)

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Recall เคยถูกวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัว และต้องมีการตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม
    - Windows Hotpatching อาจไม่รองรับทุกอัปเดต และต้องมีการตรวจสอบก่อนใช้งาน
    - องค์กรควรพิจารณาการตั้งค่าความปลอดภัย เช่น การบล็อก NTLM เพื่อป้องกันการโจมตี
    - ต้องติดตามการอัปเดตจาก Microsoft เพื่อดูว่าฟีเจอร์ใหม่มีผลกระทบต่อระบบอย่างไร

    Windows 11 24H2 และ Server 2025 นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็มีข้อควรระวังที่องค์กรต้องพิจารณา เช่น การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Recall และการตรวจสอบความเข้ากันได้ของ Windows Hotpatching

    https://www.csoonline.com/article/3996290/securing-windows-11-and-server-2025-what-cisos-should-know-about-the-latest-updates.html
    🔐 การอัปเดตด้านความปลอดภัยของ Windows 11 และ Server 2025 Microsoft ได้เปิดตัว Windows 11 24H2 และ Windows Server 2025 พร้อมฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เช่น Recall และ Windows Hotpatching ซึ่งมีทั้งข้อดีและข้อควรระวังสำหรับองค์กร Recall เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้อนดูการทำงานบนเครื่องได้ผ่าน AI และ Optical Character Recognition (OCR) อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้เคยถูกวิจารณ์ว่าเป็น "ฝันร้ายด้านความเป็นส่วนตัว" ทำให้ Microsoft ต้องปรับให้เป็น ระบบ opt-in Windows Hotpatching เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่ช่วยให้สามารถติดตั้งอัปเดตด้านความปลอดภัยโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง ซึ่งช่วยลดเวลาหยุดทำงานของระบบ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Windows 11 24H2 และ Server 2025 มาพร้อมกับฟีเจอร์ Recall และ Windows Hotpatching - Recall ใช้ AI และ OCR เพื่อสร้างฐานข้อมูลกิจกรรมของผู้ใช้ - Windows Hotpatching ช่วยให้สามารถติดตั้งอัปเดตโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง - Microsoft แนะนำให้ตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม เช่น การบล็อก NTLM และการใช้ Entra ID - Server 2025 มีการปรับปรุงนโยบาย Local Administrator Password Solution (LAPS) ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Recall เคยถูกวิจารณ์เรื่องความเป็นส่วนตัว และต้องมีการตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติม - Windows Hotpatching อาจไม่รองรับทุกอัปเดต และต้องมีการตรวจสอบก่อนใช้งาน - องค์กรควรพิจารณาการตั้งค่าความปลอดภัย เช่น การบล็อก NTLM เพื่อป้องกันการโจมตี - ต้องติดตามการอัปเดตจาก Microsoft เพื่อดูว่าฟีเจอร์ใหม่มีผลกระทบต่อระบบอย่างไร Windows 11 24H2 และ Server 2025 นำเสนอฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็มีข้อควรระวังที่องค์กรต้องพิจารณา เช่น การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของ Recall และการตรวจสอบความเข้ากันได้ของ Windows Hotpatching https://www.csoonline.com/article/3996290/securing-windows-11-and-server-2025-what-cisos-should-know-about-the-latest-updates.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Securing Windows 11 and Server 2025: What CISOs should know about the latest updates
    Microsoft’s latest rollouts to Windows 11 24H2 and Windows Server 2025 include the arrival of Recall and hotpatching. Here are the security settings and recommendations to note.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 307 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิทยาศาสตร์ AI ที่ตั้งคำถามต่ออนาคตของ Generative AI
    Gary Marcus นักวิทยาศาสตร์และนักเขียนชื่อดัง ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ Generative AI โดยเขาเชื่อว่า เทคโนโลยีนี้ยังมีข้อบกพร่องมากเกินไป และอาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างที่ Silicon Valley คาดหวัง

    Marcus เคยเป็นหนึ่งในผู้ที่เรียกร้องให้มีการกำกับดูแล AI ร่วมกับ Sam Altman CEO ของ OpenAI ในปี 2023 อย่างไรก็ตาม Altman ได้เปลี่ยนท่าทีและหันไปหานักลงทุนจาก SoftBank และตะวันออกกลาง เพื่อผลักดัน ChatGPT ให้กลายเป็นเทคโนโลยีที่มีมูลค่ามหาศาล

    Marcus เชื่อว่า Large Language Models (LLMs) มีข้อจำกัดที่แก้ไขไม่ได้ และอาจไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดในการพัฒนา AI ที่มีความสามารถระดับมนุษย์

    ข้อมูลจากข่าว
    - Gary Marcus ยังคงตั้งคำถามต่อ Generative AI และเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้ยังมีข้อบกพร่องมากเกินไป
    - Sam Altman เปลี่ยนท่าทีจากการเรียกร้องให้กำกับดูแล AI ไปสู่การหานักลงทุนรายใหม่
    - LLMs อาจไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดในการพัฒนา AI ที่มีความสามารถระดับมนุษย์
    - Marcus สนับสนุนแนวทาง Neurosymbolic AI ซึ่งเน้นการสร้างตรรกะของมนุษย์ขึ้นมาใหม่แทนการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่
    - เขาเชื่อว่า Generative AI จะมีบทบาทในงานที่ไม่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การช่วยเขียนโค้ดและการระดมไอเดีย

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - LLMs มีปัญหาเรื่อง "hallucination" หรือการสร้างข้อมูลผิดพลาด ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานในระดับองค์กร
    - นักลงทุนอาจเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถที่แท้จริงของ Generative AI
    - บริษัท AI อาจหันไปใช้ข้อมูลผู้ใช้เพื่อสร้างรายได้แทน หากเทคโนโลยีไม่สามารถทำกำไรได้ตามที่คาดหวัง
    - ต้องจับตาดูว่า Neurosymbolic AI จะสามารถแข่งขันกับ Generative AI ได้หรือไม่

    Generative AI กำลังเผชิญกับคำถามสำคัญเกี่ยวกับ ความแม่นยำและความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโลก แม้ว่าจะมีการลงทุนมหาศาล แต่ข้อบกพร่องของเทคโนโลยีอาจทำให้ต้องมีการปรับแนวทางใหม่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/generative-ai039s-most-prominent-sceptic-doubles-down
    🤖 นักวิทยาศาสตร์ AI ที่ตั้งคำถามต่ออนาคตของ Generative AI Gary Marcus นักวิทยาศาสตร์และนักเขียนชื่อดัง ยังคงเป็นหนึ่งในผู้ที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ Generative AI โดยเขาเชื่อว่า เทคโนโลยีนี้ยังมีข้อบกพร่องมากเกินไป และอาจไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้อย่างที่ Silicon Valley คาดหวัง Marcus เคยเป็นหนึ่งในผู้ที่เรียกร้องให้มีการกำกับดูแล AI ร่วมกับ Sam Altman CEO ของ OpenAI ในปี 2023 อย่างไรก็ตาม Altman ได้เปลี่ยนท่าทีและหันไปหานักลงทุนจาก SoftBank และตะวันออกกลาง เพื่อผลักดัน ChatGPT ให้กลายเป็นเทคโนโลยีที่มีมูลค่ามหาศาล Marcus เชื่อว่า Large Language Models (LLMs) มีข้อจำกัดที่แก้ไขไม่ได้ และอาจไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดในการพัฒนา AI ที่มีความสามารถระดับมนุษย์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Gary Marcus ยังคงตั้งคำถามต่อ Generative AI และเชื่อว่าเทคโนโลยีนี้ยังมีข้อบกพร่องมากเกินไป - Sam Altman เปลี่ยนท่าทีจากการเรียกร้องให้กำกับดูแล AI ไปสู่การหานักลงทุนรายใหม่ - LLMs อาจไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดในการพัฒนา AI ที่มีความสามารถระดับมนุษย์ - Marcus สนับสนุนแนวทาง Neurosymbolic AI ซึ่งเน้นการสร้างตรรกะของมนุษย์ขึ้นมาใหม่แทนการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ - เขาเชื่อว่า Generative AI จะมีบทบาทในงานที่ไม่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การช่วยเขียนโค้ดและการระดมไอเดีย ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - LLMs มีปัญหาเรื่อง "hallucination" หรือการสร้างข้อมูลผิดพลาด ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการใช้งานในระดับองค์กร - นักลงทุนอาจเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความสามารถที่แท้จริงของ Generative AI - บริษัท AI อาจหันไปใช้ข้อมูลผู้ใช้เพื่อสร้างรายได้แทน หากเทคโนโลยีไม่สามารถทำกำไรได้ตามที่คาดหวัง - ต้องจับตาดูว่า Neurosymbolic AI จะสามารถแข่งขันกับ Generative AI ได้หรือไม่ Generative AI กำลังเผชิญกับคำถามสำคัญเกี่ยวกับ ความแม่นยำและความสามารถในการเปลี่ยนแปลงโลก แม้ว่าจะมีการลงทุนมหาศาล แต่ข้อบกพร่องของเทคโนโลยีอาจทำให้ต้องมีการปรับแนวทางใหม่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/generative-ai039s-most-prominent-sceptic-doubles-down
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Generative AI's most prominent sceptic doubles down
    Two and a half years since ChatGPT rocked the world, scientist and writer Gary Marcus still remains generative artificial intelligence's great sceptic, playing a counter-narrative to Silicon Valley's AI true believers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • มันก็ใกล้เข้ามาแล้วหนายอดดวงใจ
    ได้กลับไปอยู่ข้างในซะที
    อยู่ในนั้นมันไม่ต้องพล่านอย่างนี้
    นั่นแหละดีจะทำให้โลกพัฒนา
    อยู่ข้างในอย่าได้มีวันรื่นรมย์
    ให้มันสมกับที่เธอทำชั่วช้า
    เอาไปขังกักไว้ข้างในห้องกรง
    ตามประสงค์คนทั่วกันทั้งพารา
    ค่อยออกมาค่อยออกมาตอนตาย
    มันก็ใกล้เข้ามาแล้วหนายอดดวงใจ
    ได้กลับไปอยู่ข้างในสบาย
    อยู่ในนั้นไปชั่วฟ้าดินสลาย
    หากไม่ตายก็อย่าได้หามออกมา
    https://youtu.be/0AoZkHFiSFA
    มันก็ใกล้เข้ามาแล้วหนายอดดวงใจ ได้กลับไปอยู่ข้างในซะที อยู่ในนั้นมันไม่ต้องพล่านอย่างนี้ นั่นแหละดีจะทำให้โลกพัฒนา อยู่ข้างในอย่าได้มีวันรื่นรมย์ ให้มันสมกับที่เธอทำชั่วช้า เอาไปขังกักไว้ข้างในห้องกรง ตามประสงค์คนทั่วกันทั้งพารา ค่อยออกมาค่อยออกมาตอนตาย มันก็ใกล้เข้ามาแล้วหนายอดดวงใจ ได้กลับไปอยู่ข้างในสบาย อยู่ในนั้นไปชั่วฟ้าดินสลาย หากไม่ตายก็อย่าได้หามออกมา https://youtu.be/0AoZkHFiSFA
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • อนาคตของการค้นหาข้อมูลท่ามกลางการเติบโตของ AI
    ผู้พิพากษา Amit Mehta ตั้งคำถามต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร ในขณะที่คดีต่อต้านการผูกขาดของ Google กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย

    Mehta กำลังพิจารณาว่า AI ควรถือเป็นเทคโนโลยีที่แข่งขันกับการค้นหาข้อมูล หรือเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดย DOJ ต้องการให้ Google หยุดการจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น

    นอกจากนี้ DOJ ยังเสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม

    ข้อมูลจากข่าว
    - ผู้พิพากษา Mehta ตั้งคำถามว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร
    - DOJ ต้องการให้ Google หยุดจ่ายเงินให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น
    - Google ได้ยกเลิกข้อตกลงพิเศษกับ Samsung และผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อให้สามารถติดตั้งแอปค้นหาของคู่แข่งได้
    - DOJ เสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งแข่งขันได้
    - OpenAI สนใจซื้อ Chrome หาก Google ถูกบังคับให้ขาย

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การบังคับให้ Google แบ่งปันข้อมูลการค้นหาอาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    - AI อาจไม่สามารถแทนที่เครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิมได้ทั้งหมด
    - Google อาจใช้ข้อได้เปรียบจากการผูกขาดการค้นหาเพื่อพัฒนา AI ของตนเอง เช่น Gemini
    - ต้องติดตามว่าผู้พิพากษาจะตัดสินอย่างไรในเดือนสิงหาคม

    คดีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตลาดการค้นหาข้อมูล หาก DOJ ประสบความสำเร็จ Google อาจต้องปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ และเปิดโอกาสให้บริษัท AI เช่น OpenAI และ Perplexity เข้ามาแข่งขัน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/google-and-doj-to-make-final-push-in-us-search-antitrust-case
    🔍 อนาคตของการค้นหาข้อมูลท่ามกลางการเติบโตของ AI ผู้พิพากษา Amit Mehta ตั้งคำถามต่อกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร ในขณะที่คดีต่อต้านการผูกขาดของ Google กำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย Mehta กำลังพิจารณาว่า AI ควรถือเป็นเทคโนโลยีที่แข่งขันกับการค้นหาข้อมูล หรือเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าถึงข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดย DOJ ต้องการให้ Google หยุดการจ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์ให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น นอกจากนี้ DOJ ยังเสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม ✅ ข้อมูลจากข่าว - ผู้พิพากษา Mehta ตั้งคำถามว่า AI จะส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดการค้นหาข้อมูลอย่างไร - DOJ ต้องการให้ Google หยุดจ่ายเงินให้ Apple และบริษัทอื่น ๆ เพื่อเป็นเครื่องมือค้นหาเริ่มต้น - Google ได้ยกเลิกข้อตกลงพิเศษกับ Samsung และผู้ให้บริการเครือข่าย เพื่อให้สามารถติดตั้งแอปค้นหาของคู่แข่งได้ - DOJ เสนอให้ Google ขาย Chrome และแบ่งปันข้อมูลการค้นหา เพื่อเปิดโอกาสให้คู่แข่งแข่งขันได้ - OpenAI สนใจซื้อ Chrome หาก Google ถูกบังคับให้ขาย ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การบังคับให้ Google แบ่งปันข้อมูลการค้นหาอาจส่งผลต่อความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ - AI อาจไม่สามารถแทนที่เครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิมได้ทั้งหมด - Google อาจใช้ข้อได้เปรียบจากการผูกขาดการค้นหาเพื่อพัฒนา AI ของตนเอง เช่น Gemini - ต้องติดตามว่าผู้พิพากษาจะตัดสินอย่างไรในเดือนสิงหาคม คดีนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับตลาดการค้นหาข้อมูล หาก DOJ ประสบความสำเร็จ Google อาจต้องปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ และเปิดโอกาสให้บริษัท AI เช่น OpenAI และ Perplexity เข้ามาแข่งขัน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/google-and-doj-to-make-final-push-in-us-search-antitrust-case
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Judge in Google case questions future of search amid rise of AI
    WASHINGTON (Reuters) -A judge asked the U.S. Department of Justice on Friday how much room there would be for new search engines to emerge given the rise of artificial intelligence, as antitrust enforcers press for Alphabet's Google to take dramatic measures to restore competition in online search.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 450 มุมมอง 0 รีวิว
  • Meliuz เปิดขายหุ้นเพื่อซื้อ Bitcoin
    บริษัทฟินเทค Meliuz จากบราซิลได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin โดยมีการกำหนดราคาหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2025

    Meliuz เป็นบริษัทที่ให้บริการ แคชแบ็กและโซลูชันทางการเงิน ในบราซิล และการลงทุนใน Bitcoin ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงแนวโน้มของบริษัทฟินเทคที่หันมาใช้ สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการเงิน

    นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้นครั้งนี้อาจขยายขนาดได้ถึง 200% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในตอนแรก ซึ่งหมายความว่าบริษัทอาจสามารถระดมทุนได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้

    ข้อมูลจากข่าว
    - Meliuz ยื่นขอเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin
    - กำหนดราคาหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2025
    - การเสนอขายหุ้นครั้งนี้อาจขยายขนาดได้ถึง 200% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในตอนแรก
    - มูลค่าการเสนอขายหุ้นเริ่มต้นอยู่ที่ 150 ล้านเรียลบราซิล (ประมาณ 26.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
    - อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 5.6704 เรียลบราซิล

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การลงทุนใน Bitcoin มีความผันผวนสูง และอาจส่งผลต่อมูลค่าของหุ้น Meliuz
    - ต้องติดตามว่าการเสนอขายหุ้นจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากน้อยเพียงใด
    - ตลาดคริปโตยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบในหลายประเทศ
    - Meliuz อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารสินทรัพย์ดิจิทัล

    การที่ Meliuz หันมาลงทุนใน Bitcoin อาจเป็นสัญญาณว่า บริษัทฟินเทคในละตินอเมริกากำลังให้ความสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/brazil039s-meliuz-launches-share-offering-for-bitcoin-purchase
    💰 Meliuz เปิดขายหุ้นเพื่อซื้อ Bitcoin บริษัทฟินเทค Meliuz จากบราซิลได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin โดยมีการกำหนดราคาหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2025 Meliuz เป็นบริษัทที่ให้บริการ แคชแบ็กและโซลูชันทางการเงิน ในบราซิล และการลงทุนใน Bitcoin ครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงแนวโน้มของบริษัทฟินเทคที่หันมาใช้ สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการเงิน นอกจากนี้ การเสนอขายหุ้นครั้งนี้อาจขยายขนาดได้ถึง 200% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในตอนแรก ซึ่งหมายความว่าบริษัทอาจสามารถระดมทุนได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Meliuz ยื่นขอเสนอขายหุ้นเพื่อระดมทุนสำหรับการซื้อ Bitcoin - กำหนดราคาหุ้นในวันที่ 12 มิถุนายน 2025 - การเสนอขายหุ้นครั้งนี้อาจขยายขนาดได้ถึง 200% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายในตอนแรก - มูลค่าการเสนอขายหุ้นเริ่มต้นอยู่ที่ 150 ล้านเรียลบราซิล (ประมาณ 26.45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) - อัตราแลกเปลี่ยนล่าสุดอยู่ที่ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่ากับ 5.6704 เรียลบราซิล ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การลงทุนใน Bitcoin มีความผันผวนสูง และอาจส่งผลต่อมูลค่าของหุ้น Meliuz - ต้องติดตามว่าการเสนอขายหุ้นจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากน้อยเพียงใด - ตลาดคริปโตยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบในหลายประเทศ - Meliuz อาจต้องเผชิญกับความท้าทายในการบริหารสินทรัพย์ดิจิทัล การที่ Meliuz หันมาลงทุนใน Bitcoin อาจเป็นสัญญาณว่า บริษัทฟินเทคในละตินอเมริกากำลังให้ความสนใจสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้น อย่างไรก็ตาม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/30/brazil039s-meliuz-launches-share-offering-for-bitcoin-purchase
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Brazil's Meliuz launches share offering for bitcoin purchase
    SAO PAULO (Reuters) - Brazilian fintech Meliuz said it has filed for a primary offering of shares with the aim of raising funds for the acquisition of bitcoin, with pricing scheduled for June 12.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 349 มุมมอง 0 รีวิว
  • GPU รุ่นใหม่ของจีน: ก้าวสำคัญสู่ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี
    Lisuan Technology บริษัทสตาร์ทอัพด้านกราฟิกการ์ดของจีน ประกาศว่า G100 GPU ซึ่งเป็น กราฟิกการ์ด 6nm ตัวแรกที่ผลิตในประเทศ ได้เปิดใช้งานสำเร็จ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ

    Lisuan Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน Silicon Valley และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Dongxin Semiconductor ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนา G100 ต่อไปได้แม้จะเผชิญกับปัญหาทางการเงิน

    G100 ใช้ TrueGPU architecture ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนาเอง แตกต่างจากบริษัทจีนอื่น ๆ ที่มักใช้ IP จาก Imagination Technologies นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า G100 อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce RTX 4060

    ข้อมูลจากข่าว
    - G100 เป็นกราฟิกการ์ด 6nm ตัวแรกที่ผลิตในจีน
    - Lisuan Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน Silicon Valley
    - G100 ใช้ TrueGPU architecture ซึ่งพัฒนาเองโดยไม่ใช้ IP จากบริษัทอื่น
    - Dongxin Semiconductor สนับสนุนเงินทุน 27.7 ล้านเหรียญ เพื่อช่วยให้บริษัทดำเนินการต่อไป
    - G100 อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce RTX 4060

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - จีนไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 6nm จาก Samsung หรือ TSMC เนื่องจากข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ
    - G100 อาจผลิตโดย SMIC ซึ่งมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับโรงงานผลิตชิประดับโลก
    - ยังไม่มีข้อมูลทางเทคนิคที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ G100
    - การพัฒนาไดรเวอร์และซอฟต์แวร์เป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะกำหนดความสามารถของ G100 ในตลาด

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม GPU
    การเปิดตัว G100 แสดงให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านการผลิตและซอฟต์แวร์ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไขก่อนที่ G100 จะสามารถแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลกได้

    https://www.techspot.com/news/108122-china-first-6nm-gpu-boots-up-targets-performance.html
    🎮 GPU รุ่นใหม่ของจีน: ก้าวสำคัญสู่ความเป็นอิสระทางเทคโนโลยี Lisuan Technology บริษัทสตาร์ทอัพด้านกราฟิกการ์ดของจีน ประกาศว่า G100 GPU ซึ่งเป็น กราฟิกการ์ด 6nm ตัวแรกที่ผลิตในประเทศ ได้เปิดใช้งานสำเร็จ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีภายในประเทศ Lisuan Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน Silicon Valley และได้รับการสนับสนุนทางการเงินจาก Dongxin Semiconductor ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถพัฒนา G100 ต่อไปได้แม้จะเผชิญกับปัญหาทางการเงิน G100 ใช้ TrueGPU architecture ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่พัฒนาเอง แตกต่างจากบริษัทจีนอื่น ๆ ที่มักใช้ IP จาก Imagination Technologies นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่า G100 อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce RTX 4060 ✅ ข้อมูลจากข่าว - G100 เป็นกราฟิกการ์ด 6nm ตัวแรกที่ผลิตในจีน - Lisuan Technology ก่อตั้งขึ้นในปี 2021 โดยมีทีมงานที่มีประสบการณ์กว่า 25 ปีใน Silicon Valley - G100 ใช้ TrueGPU architecture ซึ่งพัฒนาเองโดยไม่ใช้ IP จากบริษัทอื่น - Dongxin Semiconductor สนับสนุนเงินทุน 27.7 ล้านเหรียญ เพื่อช่วยให้บริษัทดำเนินการต่อไป - G100 อาจมีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ GeForce RTX 4060 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - จีนไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 6nm จาก Samsung หรือ TSMC เนื่องจากข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ - G100 อาจผลิตโดย SMIC ซึ่งมีข้อจำกัดด้านเทคโนโลยี เมื่อเทียบกับโรงงานผลิตชิประดับโลก - ยังไม่มีข้อมูลทางเทคนิคที่ชัดเจนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของ G100 - การพัฒนาไดรเวอร์และซอฟต์แวร์เป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะกำหนดความสามารถของ G100 ในตลาด 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม GPU การเปิดตัว G100 แสดงให้เห็นถึงความพยายามของจีนในการลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านการผลิตและซอฟต์แวร์ ยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องแก้ไขก่อนที่ G100 จะสามารถแข่งขันกับแบรนด์ระดับโลกได้ https://www.techspot.com/news/108122-china-first-6nm-gpu-boots-up-targets-performance.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    China's first 6nm GPU boots up, targets performance parity with RTX 4060
    Lisuan was founded in 2021 by a crew of ex-Silicon Valley GPU veterans and is a part of the new wave of Chinese chipmakers like Moore Threads...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 0 รีวิว
  • เด็กดอยไทย คนไทยบนดอยสูง ยังขสดอุปกรณ์การศึกษา เครื่องแบบ ครู...รัฐบาลไม่เคยพูดแต่จะไปอุ้มเขมร ช่วยเหลือเขมร ฝึกทักษะฯให้เขมร
    เด็กดอยไทย คนไทยบนดอยสูง ยังขสดอุปกรณ์การศึกษา เครื่องแบบ ครู...รัฐบาลไม่เคยพูดแต่จะไปอุ้มเขมร ช่วยเหลือเขมร ฝึกทักษะฯให้เขมร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศดาวยูเรนัสจากข้อมูล 20 ปีของ Hubble
    นักดาราศาสตร์ใช้ข้อมูลจาก กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) ที่รวบรวมมาตลอด 20 ปี เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศดาวยูเรนัส ซึ่งเป็นดาวเคราะห์น้ำแข็งที่มีลักษณะพิเศษคือ โคจรรอบดวงอาทิตย์ในแนวเอียง

    ยูเรนัสมีฤดูกาลที่ยาวนานมาก โดย แต่ละฤดูใช้เวลาประมาณ 42 ปี เนื่องจากวงโคจรของมันรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลาถึง 84 ปีโลก ข้อมูลจาก Hubble แสดงให้เห็นว่า มีการเปลี่ยนแปลงของละอองลอยและหมอกในบรรยากาศ ซึ่งจะสว่างขึ้นในบริเวณขั้วเหนือเมื่อถึง ครีษมายันของซีกโลกเหนือในปี 2030

    นักวิจัยพบว่า มีการกระจายตัวของก๊าซมีเทนที่ไม่สม่ำเสมอ โดยบริเวณขั้วของดาวยูเรนัสมีปริมาณก๊าซมีเทนต่ำกว่าบริเวณอื่น ซึ่งแตกต่างจากดาวเคราะห์แก๊สยักษ์อื่น ๆ เช่น ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์

    ข้อมูลจากข่าว
    - นักดาราศาสตร์ใช้ข้อมูลจาก Hubble ที่รวบรวมมาตลอด 20 ปี เพื่อศึกษาบรรยากาศของยูเรนัส
    - ยูเรนัสมีฤดูกาลที่ยาวนานมาก โดยแต่ละฤดูใช้เวลาประมาณ 42 ปี
    - ละอองลอยและหมอกในบรรยากาศจะสว่างขึ้นในบริเวณขั้วเหนือเมื่อถึงครีษมายันในปี 2030
    - ก๊าซมีเทนในบรรยากาศของยูเรนัสมีการกระจายตัวที่ไม่สม่ำเสมอ โดยบริเวณขั้วมีปริมาณต่ำกว่าบริเวณอื่น
    - การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก Hubble ที่บันทึกในปี 2002, 2012, 2015 และ 2022

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาครอบคลุมเพียง 4 ช่วงเวลาในรอบ 20 ปี อาจยังไม่เพียงพอในการสรุปแนวโน้มระยะยาว
    - ต้องรอการสังเกตเพิ่มเติมจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ James Webb เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดขึ้น
    - การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศอาจมีผลต่อการศึกษาดาวบริวารของยูเรนัส เช่น Miranda
    - ยังไม่มีการสำรวจโดยยานอวกาศที่เข้าใกล้ยูเรนัสตั้งแต่ Voyager 2 ในปี 1986

    ผลกระทบต่อการศึกษาดาวเคราะห์
    การศึกษานี้ช่วยให้เราเข้าใจ การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศดาวยูเรนัส และอาจช่วยให้เราคาดการณ์สภาพอากาศของดาวเคราะห์น้ำแข็งอื่น ๆ ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ James Webb Space Telescope อาจให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์ประกอบของบรรยากาศและการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

    https://www.techspot.com/news/108115-astronomers-use-hubble-data-explore-uranus-atmosphere-afar.html
    🔭 การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศดาวยูเรนัสจากข้อมูล 20 ปีของ Hubble นักดาราศาสตร์ใช้ข้อมูลจาก กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) ที่รวบรวมมาตลอด 20 ปี เพื่อศึกษาการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศดาวยูเรนัส ซึ่งเป็นดาวเคราะห์น้ำแข็งที่มีลักษณะพิเศษคือ โคจรรอบดวงอาทิตย์ในแนวเอียง ยูเรนัสมีฤดูกาลที่ยาวนานมาก โดย แต่ละฤดูใช้เวลาประมาณ 42 ปี เนื่องจากวงโคจรของมันรอบดวงอาทิตย์ใช้เวลาถึง 84 ปีโลก ข้อมูลจาก Hubble แสดงให้เห็นว่า มีการเปลี่ยนแปลงของละอองลอยและหมอกในบรรยากาศ ซึ่งจะสว่างขึ้นในบริเวณขั้วเหนือเมื่อถึง ครีษมายันของซีกโลกเหนือในปี 2030 นักวิจัยพบว่า มีการกระจายตัวของก๊าซมีเทนที่ไม่สม่ำเสมอ โดยบริเวณขั้วของดาวยูเรนัสมีปริมาณก๊าซมีเทนต่ำกว่าบริเวณอื่น ซึ่งแตกต่างจากดาวเคราะห์แก๊สยักษ์อื่น ๆ เช่น ดาวพฤหัสบดีและดาวเสาร์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - นักดาราศาสตร์ใช้ข้อมูลจาก Hubble ที่รวบรวมมาตลอด 20 ปี เพื่อศึกษาบรรยากาศของยูเรนัส - ยูเรนัสมีฤดูกาลที่ยาวนานมาก โดยแต่ละฤดูใช้เวลาประมาณ 42 ปี - ละอองลอยและหมอกในบรรยากาศจะสว่างขึ้นในบริเวณขั้วเหนือเมื่อถึงครีษมายันในปี 2030 - ก๊าซมีเทนในบรรยากาศของยูเรนัสมีการกระจายตัวที่ไม่สม่ำเสมอ โดยบริเวณขั้วมีปริมาณต่ำกว่าบริเวณอื่น - การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก Hubble ที่บันทึกในปี 2002, 2012, 2015 และ 2022 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ข้อมูลที่ใช้ในการศึกษาครอบคลุมเพียง 4 ช่วงเวลาในรอบ 20 ปี อาจยังไม่เพียงพอในการสรุปแนวโน้มระยะยาว - ต้องรอการสังเกตเพิ่มเติมจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศ James Webb เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ละเอียดขึ้น - การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศอาจมีผลต่อการศึกษาดาวบริวารของยูเรนัส เช่น Miranda - ยังไม่มีการสำรวจโดยยานอวกาศที่เข้าใกล้ยูเรนัสตั้งแต่ Voyager 2 ในปี 1986 🚀 ผลกระทบต่อการศึกษาดาวเคราะห์ การศึกษานี้ช่วยให้เราเข้าใจ การเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศดาวยูเรนัส และอาจช่วยให้เราคาดการณ์สภาพอากาศของดาวเคราะห์น้ำแข็งอื่น ๆ ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ James Webb Space Telescope อาจให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับองค์ประกอบของบรรยากาศและการเปลี่ยนแปลงในอนาคต https://www.techspot.com/news/108115-astronomers-use-hubble-data-explore-uranus-atmosphere-afar.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Hubble reveals 20-year time-lapse of Uranus' changing atmosphere
    An international team used 20 years of data and photos taken by the Hubble Space Telescope to study Uranus' atmosphere and its seasonal changes. The icy world...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 0 รีวิว
  • เทคโนโลยี e-tattoo: นวัตกรรมติดตามความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
    นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน ได้พัฒนา e-tattoo ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่สามารถติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจแบบเรียลไทม์ โดยอุปกรณ์นี้อาจช่วย นักบิน, คนขับรถ, ผู้ควบคุมหุ่นยนต์ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง

    e-tattoo ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์ ภาระทางจิตใจ ของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ

    นักวิจัยพบว่า เมื่อภาระทางจิตใจเพิ่มขึ้น คลื่นสมองประเภท theta และ delta จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ คลื่น alpha และ beta จะเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า

    ข้อมูลจากข่าว
    - e-tattoo เป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่ติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
    - ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา
    - สามารถช่วยนักบิน, คนขับรถ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง
    - คลื่น theta และ delta เพิ่มขึ้นเมื่อภาระทางจิตใจสูงขึ้น
    - คลื่น alpha และ beta เพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม
    - ต้องหาวิธีให้เซ็นเซอร์สามารถถอดรหัสสัญญาณและแจ้งเตือนผ่านแอปได้โดยตรง
    - อุปกรณ์นี้อาจมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการเคลื่อนไหวมาก
    - ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะยอมรับการติดเซ็นเซอร์บนใบหน้าหรือไม่

    e-tattoo อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา เทคโนโลยีติดตามสุขภาพทางจิตใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์นี้สามารถใช้งานได้จริงในสถานการณ์ต่าง ๆ

    https://www.techspot.com/news/108124-stick-e-tattoo-tracks-mental-fatigue-real-time.html
    🧠 เทคโนโลยี e-tattoo: นวัตกรรมติดตามความเหนื่อยล้าทางจิตใจ นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเท็กซัสที่ออสติน ได้พัฒนา e-tattoo ซึ่งเป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่สามารถติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบ ความเหนื่อยล้าทางจิตใจแบบเรียลไทม์ โดยอุปกรณ์นี้อาจช่วย นักบิน, คนขับรถ, ผู้ควบคุมหุ่นยนต์ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง e-tattoo ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์ ภาระทางจิตใจ ของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ นักวิจัยพบว่า เมื่อภาระทางจิตใจเพิ่มขึ้น คลื่นสมองประเภท theta และ delta จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ คลื่น alpha และ beta จะเพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า ✅ ข้อมูลจากข่าว - e-tattoo เป็นเซ็นเซอร์แบบสติ๊กเกอร์ที่ติดบนหน้าผากเพื่อตรวจสอบความเหนื่อยล้าทางจิตใจ - ใช้ EEG และ EOG เพื่อตรวจจับคลื่นสมองและการเคลื่อนไหวของดวงตา - สามารถช่วยนักบิน, คนขับรถ และผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง - คลื่น theta และ delta เพิ่มขึ้นเมื่อภาระทางจิตใจสูงขึ้น - คลื่น alpha และ beta เพิ่มขึ้นเมื่อเกิดความเหนื่อยล้า ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - เทคโนโลยีนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของการพัฒนา และต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม - ต้องหาวิธีให้เซ็นเซอร์สามารถถอดรหัสสัญญาณและแจ้งเตือนผ่านแอปได้โดยตรง - อุปกรณ์นี้อาจมีข้อจำกัดด้านความแม่นยำเมื่อใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีการเคลื่อนไหวมาก - ต้องรอดูว่าผู้ใช้จะยอมรับการติดเซ็นเซอร์บนใบหน้าหรือไม่ e-tattoo อาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา เทคโนโลยีติดตามสุขภาพทางจิตใจ โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูง อย่างไรก็ตาม ต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมเพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์นี้สามารถใช้งานได้จริงในสถานการณ์ต่าง ๆ https://www.techspot.com/news/108124-stick-e-tattoo-tracks-mental-fatigue-real-time.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    This stick-on e-tattoo tracks mental fatigue in real time
    Dr Nanshu Lu, an author of the research from the University of Texas at Austin, writes that the e-tattoo could be valuable for professions that require high...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพการโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดร่อน FAB-500 ของรัสเซีย บนตำแหน่งศูนย์บัญชาการชั่วคราวของยูเครนใกล้เมืองอเล็กเซเยฟกา (Oleksiivka) ภูมิภาคซูมี (Sumy)
    ภาพการโจมตีทางอากาศด้วยระเบิดร่อน FAB-500 ของรัสเซีย บนตำแหน่งศูนย์บัญชาการชั่วคราวของยูเครนใกล้เมืองอเล็กเซเยฟกา (Oleksiivka) ภูมิภาคซูมี (Sumy)
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ชนะคดีสำคัญกับ VLSI ในข้อพิพาทด้านสิทธิบัตร
    Intel ได้รับชัยชนะในคดีความกับ VLSI Technology LLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น "Patent Troll" หรือบริษัทที่ใช้สิทธิบัตรเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยโดยไม่ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีจริง

    VLSI เป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ Fortress Investment Group ซึ่งเคยฟ้องร้อง Intel ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตรที่ได้มาจาก NXP Semiconductors NV โดยอ้างว่าเทคโนโลยีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกระบวนการออกแบบชิป

    ในปี 2022 Intel ถูกสั่งให้จ่ายค่าชดเชยเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ จากการละเมิดสิทธิบัตรของ VLSI อย่างไรก็ตาม Intel โต้แย้งว่าข้อตกลงด้านสิทธิบัตรที่ทำไว้กับ Finjan Inc. ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ Fortress เช่นเดียวกัน ครอบคลุมสิทธิบัตรที่เป็นข้อพิพาท

    ข้อมูลจากข่าว
    - Intel ชนะคดีความกับ VLSI Technology LLC ซึ่งอาจทำให้คำตัดสินก่อนหน้านี้ถูกยกเลิก
    - VLSI อยู่ภายใต้การควบคุมของ Fortress Investment Group ซึ่งเคยฟ้องร้อง Intel ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตร
    - Intel ถูกสั่งให้จ่ายค่าชดเชยเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 แต่โต้แย้งว่าข้อตกลงกับ Finjan Inc. ครอบคลุมสิทธิบัตรที่เป็นข้อพิพาท
    - คดีนี้อาจส่งผลให้คำตัดสินก่อนหน้านี้ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ถูกยกเลิก
    - Fortress เคยใช้กลยุทธ์ฟ้องร้องบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น Apple และ HTC

    สิทธิบัตรและบทบาทของ Patent Troll
    Patent Troll คือบริษัทที่ไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีเอง แต่ซื้อสิทธิบัตรมาเพื่อฟ้องร้องบริษัทอื่น ๆ เพื่อเรียกร้องค่าชดเชย โดยมักใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อสร้างรายได้จากการฟ้องร้อง

    Fortress Investment Group ถูกวิจารณ์ว่าใช้กลยุทธ์นี้เพื่อเรียกร้องเงินจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Intel, Apple และ HTC อย่างไรก็ตาม คำตัดสินล่าสุดอาจทำให้กลยุทธ์นี้ต้องถูกปรับเปลี่ยน

    https://www.techspot.com/news/108123-intel-wins-crucial-verdict-legal-fight-against-patent.html
    ⚖️ Intel ชนะคดีสำคัญกับ VLSI ในข้อพิพาทด้านสิทธิบัตร Intel ได้รับชัยชนะในคดีความกับ VLSI Technology LLC ซึ่งเป็นบริษัทที่ถูกกล่าวหาว่าเป็น "Patent Troll" หรือบริษัทที่ใช้สิทธิบัตรเพื่อเรียกร้องค่าชดเชยโดยไม่ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีจริง VLSI เป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ Fortress Investment Group ซึ่งเคยฟ้องร้อง Intel ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตรที่ได้มาจาก NXP Semiconductors NV โดยอ้างว่าเทคโนโลยีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับกระบวนการออกแบบชิป ในปี 2022 Intel ถูกสั่งให้จ่ายค่าชดเชยเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ จากการละเมิดสิทธิบัตรของ VLSI อย่างไรก็ตาม Intel โต้แย้งว่าข้อตกลงด้านสิทธิบัตรที่ทำไว้กับ Finjan Inc. ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ Fortress เช่นเดียวกัน ครอบคลุมสิทธิบัตรที่เป็นข้อพิพาท ✅ ข้อมูลจากข่าว - Intel ชนะคดีความกับ VLSI Technology LLC ซึ่งอาจทำให้คำตัดสินก่อนหน้านี้ถูกยกเลิก - VLSI อยู่ภายใต้การควบคุมของ Fortress Investment Group ซึ่งเคยฟ้องร้อง Intel ในข้อหาละเมิดสิทธิบัตร - Intel ถูกสั่งให้จ่ายค่าชดเชยเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2022 แต่โต้แย้งว่าข้อตกลงกับ Finjan Inc. ครอบคลุมสิทธิบัตรที่เป็นข้อพิพาท - คดีนี้อาจส่งผลให้คำตัดสินก่อนหน้านี้ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านดอลลาร์ถูกยกเลิก - Fortress เคยใช้กลยุทธ์ฟ้องร้องบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง เช่น Apple และ HTC 🏛️ สิทธิบัตรและบทบาทของ Patent Troll Patent Troll คือบริษัทที่ไม่ได้พัฒนาเทคโนโลยีเอง แต่ซื้อสิทธิบัตรมาเพื่อฟ้องร้องบริษัทอื่น ๆ เพื่อเรียกร้องค่าชดเชย โดยมักใช้ช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อสร้างรายได้จากการฟ้องร้อง Fortress Investment Group ถูกวิจารณ์ว่าใช้กลยุทธ์นี้เพื่อเรียกร้องเงินจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Intel, Apple และ HTC อย่างไรก็ตาม คำตัดสินล่าสุดอาจทำให้กลยุทธ์นี้ต้องถูกปรับเปลี่ยน https://www.techspot.com/news/108123-intel-wins-crucial-verdict-legal-fight-against-patent.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Intel wins crucial verdict in legal fight against patent troll VLSI
    After a three-day jury trial, the U.S. District Court for the Western District of Texas ruled that VLSI Technology LLC and Finjan Inc. are both under the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 485 มุมมอง 0 รีวิว
  • Western Digital เตรียมเปิดตัวฮาร์ดไดรฟ์ HAMR ในปี 2027
    Western Digital หนึ่งในผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์รายใหญ่ของโลก ได้ประกาศแผนเปิดตัว ฮาร์ดไดรฟ์ที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Assisted Magnetic Recording (HAMR) ในปี 2027 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มความจุของฮาร์ดไดรฟ์ให้สูงขึ้น

    เทคโนโลยี HAMR และการพัฒนา
    HAMR เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ ความร้อนเพื่อช่วยให้วัสดุบนจานแม่เหล็กสามารถบันทึกข้อมูลได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มความหนาแน่นของข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ก่อนที่จะเปิดตัว HAMR อย่างเต็มรูปแบบ Western Digital จะยังคงพัฒนา ePMR 2 (energy-assisted Perpendicular Magnetic Recording) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของข้อมูลโดยใช้กระแสไฟฟ้าเพิ่มเติมที่หัวเขียน

    ข้อมูลจากข่าว
    - Western Digital จะเปิดตัวฮาร์ดไดรฟ์ HAMR ในปี 2027
    - HAMR ใช้ความร้อนเพื่อช่วยให้วัสดุบนจานแม่เหล็กสามารถบันทึกข้อมูลได้แม่นยำขึ้น
    - ก่อนเปิดตัว HAMR บริษัทจะยังคงพัฒนา ePMR 2 เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของข้อมูล
    - ฮาร์ดไดรฟ์ HAMR รุ่นแรกจะมีความจุ 36TB และ 40TB
    - Western Digital ตั้งเป้าผลิตฮาร์ดไดรฟ์ 100TB ภายในปี 2030

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - HAMR เป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลาพัฒนาเพิ่มเติมก่อนเปิดตัว
    - Seagate กำลังนำหน้า Western Digital ในการพัฒนา HAMR และเริ่มทดสอบผลิตภัณฑ์แล้ว
    - SMR (Shingled Magnetic Recording) อาจมีปัญหาด้านประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือเมื่อเทียบกับ CMR (Conventional Magnetic Recording)
    - ต้องติดตามว่า Western Digital จะสามารถแข่งขันกับ Seagate ได้หรือไม่ในตลาดฮาร์ดไดรฟ์ความจุสูง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูล
    การเปิดตัว HAMR ของ Western Digital อาจช่วยให้ตลาดฮาร์ดไดรฟ์สามารถแข่งขันกับ SSD ที่มีความเร็วสูงขึ้น ได้ โดยเฉพาะในกลุ่ม

    https://www.techspot.com/news/108125-western-digital-plans-hamr-hard-disk-drives-materialize.html
    🔍 Western Digital เตรียมเปิดตัวฮาร์ดไดรฟ์ HAMR ในปี 2027 Western Digital หนึ่งในผู้ผลิตฮาร์ดไดรฟ์รายใหญ่ของโลก ได้ประกาศแผนเปิดตัว ฮาร์ดไดรฟ์ที่ใช้เทคโนโลยี Heat-Assisted Magnetic Recording (HAMR) ในปี 2027 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มความจุของฮาร์ดไดรฟ์ให้สูงขึ้น 🔬 เทคโนโลยี HAMR และการพัฒนา HAMR เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ ความร้อนเพื่อช่วยให้วัสดุบนจานแม่เหล็กสามารถบันทึกข้อมูลได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มความหนาแน่นของข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนที่จะเปิดตัว HAMR อย่างเต็มรูปแบบ Western Digital จะยังคงพัฒนา ePMR 2 (energy-assisted Perpendicular Magnetic Recording) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของข้อมูลโดยใช้กระแสไฟฟ้าเพิ่มเติมที่หัวเขียน ✅ ข้อมูลจากข่าว - Western Digital จะเปิดตัวฮาร์ดไดรฟ์ HAMR ในปี 2027 - HAMR ใช้ความร้อนเพื่อช่วยให้วัสดุบนจานแม่เหล็กสามารถบันทึกข้อมูลได้แม่นยำขึ้น - ก่อนเปิดตัว HAMR บริษัทจะยังคงพัฒนา ePMR 2 เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของข้อมูล - ฮาร์ดไดรฟ์ HAMR รุ่นแรกจะมีความจุ 36TB และ 40TB - Western Digital ตั้งเป้าผลิตฮาร์ดไดรฟ์ 100TB ภายในปี 2030 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - HAMR เป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลาพัฒนาเพิ่มเติมก่อนเปิดตัว - Seagate กำลังนำหน้า Western Digital ในการพัฒนา HAMR และเริ่มทดสอบผลิตภัณฑ์แล้ว - SMR (Shingled Magnetic Recording) อาจมีปัญหาด้านประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือเมื่อเทียบกับ CMR (Conventional Magnetic Recording) - ต้องติดตามว่า Western Digital จะสามารถแข่งขันกับ Seagate ได้หรือไม่ในตลาดฮาร์ดไดรฟ์ความจุสูง 🚀 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูล การเปิดตัว HAMR ของ Western Digital อาจช่วยให้ตลาดฮาร์ดไดรฟ์สามารถแข่งขันกับ SSD ที่มีความเร็วสูงขึ้น ได้ โดยเฉพาะในกลุ่ม https://www.techspot.com/news/108125-western-digital-plans-hamr-hard-disk-drives-materialize.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Western Digital's plans for HAMR hard disk drives will materialize in 2027
    At the recent Computex trade show in Taipei, Western Digital confirmed that its first hard drives based on Heat-Assisted Magnetic Recording (HAMR) technology are scheduled to debut...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัตถุลึกลับในทางช้างเผือกที่ปล่อยทั้งคลื่นวิทยุและรังสีเอกซ์
    ทีมนักวิจัยนานาชาติค้นพบวัตถุอวกาศที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 15,000 ปีแสง ในทางช้างเผือก วัตถุนี้มีชื่อว่า ASKAP J1832-0911 และมีพฤติกรรมที่น่าสนใจคือ ปล่อยทั้งคลื่นวิทยุและรังสีเอกซ์ในรูปแบบที่คาดเดาได้

    ASKAP J1832-0911 ถูกค้นพบครั้งแรกโดย Australian Square Kilometer Array Pathfinder (ASKAP) ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์วิทยุในออสเตรเลีย จากนั้น NASA ใช้ Chandra X-Ray Telescope ตรวจสอบเพิ่มเติมและพบว่ามันปล่อยรังสีเอกซ์เป็นระยะ

    พฤติกรรมของวัตถุนี้คือ ทุก 44 นาที มันจะปล่อยคลื่นวิทยุและรังสีเอกซ์เป็นเวลา 2 นาที นักวิจัยตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจเป็น Magnetar หรือ ดาวแคระขาวที่มีสนามแม่เหล็กสูงในระบบดาวคู่ แต่ยังไม่มีคำอธิบายที่แน่ชัด

    ข้อมูลจากข่าว
    - ASKAP J1832-0911 ตั้งอยู่ห่างจากโลก 15,000 ปีแสงในทางช้างเผือก
    - ปล่อยทั้งคลื่นวิทยุและรังสีเอกซ์ในรูปแบบที่คาดเดาได้
    - ทุก 44 นาที วัตถุนี้จะปล่อยคลื่นเป็นเวลา 2 นาที
    - ค้นพบครั้งแรกโดย ASKAP และตรวจสอบเพิ่มเติมโดย Chandra X-Ray Telescope
    - นักวิจัยตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจเป็น Magnetar หรือดาวแคระขาวที่มีสนามแม่เหล็กสูง

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีคำอธิบายที่แน่ชัดเกี่ยวกับพฤติกรรมของวัตถุนี้
    - อาจเป็นปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ใหม่ที่ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน
    - ต้องมีการศึกษาต่อเพื่อทำความเข้าใจวัตถุนี้ให้มากขึ้น
    - แม้ว่าจะอยู่ในทางช้างเผือก แต่ระยะทาง 15,000 ปีแสงยังถือว่าไกลมาก

    การค้นพบ ASKAP J1832-0911 อาจช่วยให้นักดาราศาสตร์เข้าใจ วิวัฒนาการของดาวฤกษ์และสนามแม่เหล็กในอวกาศ ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ อาจนำไปสู่การค้นพบ วัตถุประเภทใหม่ที่ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน

    https://www.techspot.com/news/108128-unknown-object-milky-way-found-emitting-both-x.html
    🌌 วัตถุลึกลับในทางช้างเผือกที่ปล่อยทั้งคลื่นวิทยุและรังสีเอกซ์ ทีมนักวิจัยนานาชาติค้นพบวัตถุอวกาศที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากโลกประมาณ 15,000 ปีแสง ในทางช้างเผือก วัตถุนี้มีชื่อว่า ASKAP J1832-0911 และมีพฤติกรรมที่น่าสนใจคือ ปล่อยทั้งคลื่นวิทยุและรังสีเอกซ์ในรูปแบบที่คาดเดาได้ ASKAP J1832-0911 ถูกค้นพบครั้งแรกโดย Australian Square Kilometer Array Pathfinder (ASKAP) ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์วิทยุในออสเตรเลีย จากนั้น NASA ใช้ Chandra X-Ray Telescope ตรวจสอบเพิ่มเติมและพบว่ามันปล่อยรังสีเอกซ์เป็นระยะ พฤติกรรมของวัตถุนี้คือ ทุก 44 นาที มันจะปล่อยคลื่นวิทยุและรังสีเอกซ์เป็นเวลา 2 นาที นักวิจัยตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจเป็น Magnetar หรือ ดาวแคระขาวที่มีสนามแม่เหล็กสูงในระบบดาวคู่ แต่ยังไม่มีคำอธิบายที่แน่ชัด ✅ ข้อมูลจากข่าว - ASKAP J1832-0911 ตั้งอยู่ห่างจากโลก 15,000 ปีแสงในทางช้างเผือก - ปล่อยทั้งคลื่นวิทยุและรังสีเอกซ์ในรูปแบบที่คาดเดาได้ - ทุก 44 นาที วัตถุนี้จะปล่อยคลื่นเป็นเวลา 2 นาที - ค้นพบครั้งแรกโดย ASKAP และตรวจสอบเพิ่มเติมโดย Chandra X-Ray Telescope - นักวิจัยตั้งข้อสันนิษฐานว่าอาจเป็น Magnetar หรือดาวแคระขาวที่มีสนามแม่เหล็กสูง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีคำอธิบายที่แน่ชัดเกี่ยวกับพฤติกรรมของวัตถุนี้ - อาจเป็นปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ใหม่ที่ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน - ต้องมีการศึกษาต่อเพื่อทำความเข้าใจวัตถุนี้ให้มากขึ้น - แม้ว่าจะอยู่ในทางช้างเผือก แต่ระยะทาง 15,000 ปีแสงยังถือว่าไกลมาก การค้นพบ ASKAP J1832-0911 อาจช่วยให้นักดาราศาสตร์เข้าใจ วิวัฒนาการของดาวฤกษ์และสนามแม่เหล็กในอวกาศ ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ อาจนำไปสู่การค้นพบ วัตถุประเภทใหม่ที่ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน https://www.techspot.com/news/108128-unknown-object-milky-way-found-emitting-both-x.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Unknown object in Milky Way found emitting both X-rays and radio waves
    The celestial body, dubbed ASKAP J1832- 0911, was initially found by astronomers using the Australian Square Kilometer Array Pathfinder (ASKAP), a radio telescope located in Australia. Another...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna: ก้าวใหม่ของ AI และวิทยาศาสตร์
    กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศแผนสร้าง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Berkeley โดยระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และ AI

    Doudna ได้รับการตั้งชื่อตาม Jennifer Doudna นักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี CRISPR gene editing

    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เข้าด้วยกัน โดยใช้ ซีพียู Arm-based และ ชิป Rubin AI ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และการจำลองข้อมูล

    ข้อมูลจากข่าว
    - Doudna จะตั้งอยู่ที่ Lawrence Berkeley National Laboratory และเริ่มใช้งานในปี 2026
    - Dell Technologies ได้รับเลือกให้สร้างระบบนี้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    - ใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์
    - Doudna จะเร็วกว่า Perlmutter ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นปัจจุบันกว่า 10 เท่า
    - ระบบนี้จะช่วยนักวิทยาศาสตร์กว่า 11,000 คนในการวิจัยด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพและควอนตัมคอมพิวติ้ง

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การใช้ AI ในการจำลองข้อมูลอาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการคำนวณแบบดั้งเดิม
    - การเปลี่ยนจากซีพียู Intel และ AMD ไปใช้ Arm-based อาจมีผลต่อการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องปรับตัว
    - ต้องติดตามว่าการรวม AI เข้ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะส่งผลต่อความแม่นยำของการจำลองข้อมูลอย่างไร
    - การลงทุนในระบบนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในอนาคต

    Doudna เป็นตัวอย่างของการผสานรวม AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หากระบบนี้สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง

    https://www.techspot.com/news/108119-energy-department-doudna-supercomputer-signals-new-era-ai.html
    🚀 ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna: ก้าวใหม่ของ AI และวิทยาศาสตร์ กระทรวงพลังงานสหรัฐฯ ประกาศแผนสร้าง ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Doudna ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ Lawrence Berkeley โดยระบบนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเร่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และ AI Doudna ได้รับการตั้งชื่อตาม Jennifer Doudna นักวิทยาศาสตร์เจ้าของรางวัลโนเบลที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยี CRISPR gene editing ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้จะใช้ แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เข้าด้วยกัน โดยใช้ ซีพียู Arm-based และ ชิป Rubin AI ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงานด้าน AI และการจำลองข้อมูล ✅ ข้อมูลจากข่าว - Doudna จะตั้งอยู่ที่ Lawrence Berkeley National Laboratory และเริ่มใช้งานในปี 2026 - Dell Technologies ได้รับเลือกให้สร้างระบบนี้ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในวงการซูเปอร์คอมพิวเตอร์ - ใช้แพลตฟอร์ม Vera Rubin ของ Nvidia ซึ่งรวมพลังของ AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ - Doudna จะเร็วกว่า Perlmutter ซูเปอร์คอมพิวเตอร์รุ่นปัจจุบันกว่า 10 เท่า - ระบบนี้จะช่วยนักวิทยาศาสตร์กว่า 11,000 คนในการวิจัยด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพและควอนตัมคอมพิวติ้ง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การใช้ AI ในการจำลองข้อมูลอาจต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการคำนวณแบบดั้งเดิม - การเปลี่ยนจากซีพียู Intel และ AMD ไปใช้ Arm-based อาจมีผลต่อการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ต้องปรับตัว - ต้องติดตามว่าการรวม AI เข้ากับซูเปอร์คอมพิวเตอร์จะส่งผลต่อความแม่นยำของการจำลองข้อมูลอย่างไร - การลงทุนในระบบนี้อาจส่งผลต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ในอนาคต Doudna เป็นตัวอย่างของการผสานรวม AI และการจำลองทางวิทยาศาสตร์ เพื่อเร่งความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี หากระบบนี้สามารถทำงานได้ตามที่คาดหวัง https://www.techspot.com/news/108119-energy-department-doudna-supercomputer-signals-new-era-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Dell, Nvidia, and Department of Energy join forces on "Doudna" supercomputer for science and AI
    The advanced system, to be housed at Lawrence Berkeley National Laboratory and scheduled to become operational in 2026, will be named "Doudna" in honor of Nobel laureate...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร.สั่ง ผบก.กองบินตำรวจ ช่วยราชการ หลัง ฮ.ตก 2 ครั้งในเดือนเดียว สั่งจเรตำรวจสอบข้อเท็จจริง หวั่นบกพร่องต่อหน้าที่ กระทบภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000051055

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ผบ.ตร.สั่ง ผบก.กองบินตำรวจ ช่วยราชการ หลัง ฮ.ตก 2 ครั้งในเดือนเดียว สั่งจเรตำรวจสอบข้อเท็จจริง หวั่นบกพร่องต่อหน้าที่ กระทบภาพลักษณ์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000051055 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1256 มุมมอง 0 รีวิว
  • "บิ๊กต่าย" เซ็นเด้ง "ผบก.กองบินตำรวจ" พ่วง รองผบก.-ช่างอากาศยาน รวม 4 นาย เซ่นปมเครื่องบิน-ฮ.ตก 2 ครั้งไล่เลี่ยกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000051037

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    "บิ๊กต่าย" เซ็นเด้ง "ผบก.กองบินตำรวจ" พ่วง รองผบก.-ช่างอากาศยาน รวม 4 นาย เซ่นปมเครื่องบิน-ฮ.ตก 2 ครั้งไล่เลี่ยกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000051037 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Sad
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 726 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mozilla ออกแพตช์ฉุกเฉินแก้ไขปัญหากราฟิกบน Nvidia GPU ใน Firefox
    Mozilla ได้ปล่อย Firefox 139.0.1 เพื่อแก้ไขปัญหากราฟิกที่เกิดขึ้นกับ Nvidia GPU โดยเฉพาะใน ระบบที่ใช้หลายหน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชแตกต่างกัน

    ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจาก Mozilla ปลดบล็อก DirectComposition ซึ่งเคยถูกจำกัดการใช้งานบน Nvidia GPU ที่ใช้หลายหน้าจอ ส่งผลให้เกิด อาการภาพแตก, glitch และ screen corruption เมื่อมีการเล่นวิดีโอ 60 FPS บนหน้าจอรอง

    ผู้ใช้บางรายพบวิธีแก้ไขชั่วคราวโดย ปิดการใช้งาน gfx.webrender.dcomp-video-hw-overlay-win ใน Bugzilla แต่ Mozilla ตัดสินใจออกแพตช์เพื่อแก้ไขปัญหาโดยตรง

    ข้อมูลจากข่าว
    - Mozilla ออก Firefox 139.0.1 เพื่อแก้ไขปัญหากราฟิกบน Nvidia GPU
    - ปัญหานี้เกิดขึ้นกับระบบที่ใช้หลายหน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชแตกต่างกัน
    - เกิดอาการภาพแตก, glitch และ screen corruption เมื่อเล่นวิดีโอ 60 FPS บนหน้าจอรอง
    - Mozilla ปลดบล็อก DirectComposition ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหา
    - สามารถอัปเดต Firefox ได้โดยไปที่เมนู Help > About Firefox

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนว่าทำไม Mozilla จึงปลดบล็อก DirectComposition
    - ปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ใช้ Intel หรือ AMD GPU หรือระบบที่มีหน้าจอเดียว
    - ต้องติดตามว่าแพตช์นี้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่
    - ผู้ใช้ที่ยังพบปัญหาอาจต้องปิดการใช้งาน gfx.webrender.dcomp-video-hw-overlay-win ด้วยตนเอง

    การอัปเดตนี้ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ใช้ Nvidia GPU ที่ใช้หลายหน้าจอ อย่างไรก็ตาม Mozilla ยังต้องตรวจสอบว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของ Firefox ในระยะยาวหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/mozilla-fires-off-emergency-patch-to-fix-nvidia-gpu-artifacting-bugs-in-firefox
    🖥️ Mozilla ออกแพตช์ฉุกเฉินแก้ไขปัญหากราฟิกบน Nvidia GPU ใน Firefox Mozilla ได้ปล่อย Firefox 139.0.1 เพื่อแก้ไขปัญหากราฟิกที่เกิดขึ้นกับ Nvidia GPU โดยเฉพาะใน ระบบที่ใช้หลายหน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชแตกต่างกัน ปัญหานี้เกิดขึ้นหลังจาก Mozilla ปลดบล็อก DirectComposition ซึ่งเคยถูกจำกัดการใช้งานบน Nvidia GPU ที่ใช้หลายหน้าจอ ส่งผลให้เกิด อาการภาพแตก, glitch และ screen corruption เมื่อมีการเล่นวิดีโอ 60 FPS บนหน้าจอรอง ผู้ใช้บางรายพบวิธีแก้ไขชั่วคราวโดย ปิดการใช้งาน gfx.webrender.dcomp-video-hw-overlay-win ใน Bugzilla แต่ Mozilla ตัดสินใจออกแพตช์เพื่อแก้ไขปัญหาโดยตรง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Mozilla ออก Firefox 139.0.1 เพื่อแก้ไขปัญหากราฟิกบน Nvidia GPU - ปัญหานี้เกิดขึ้นกับระบบที่ใช้หลายหน้าจอที่มีอัตราการรีเฟรชแตกต่างกัน - เกิดอาการภาพแตก, glitch และ screen corruption เมื่อเล่นวิดีโอ 60 FPS บนหน้าจอรอง - Mozilla ปลดบล็อก DirectComposition ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหา - สามารถอัปเดต Firefox ได้โดยไปที่เมนู Help > About Firefox ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ยังไม่มีคำอธิบายชัดเจนว่าทำไม Mozilla จึงปลดบล็อก DirectComposition - ปัญหานี้ไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ที่ใช้ Intel หรือ AMD GPU หรือระบบที่มีหน้าจอเดียว - ต้องติดตามว่าแพตช์นี้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างสมบูรณ์หรือไม่ - ผู้ใช้ที่ยังพบปัญหาอาจต้องปิดการใช้งาน gfx.webrender.dcomp-video-hw-overlay-win ด้วยตนเอง การอัปเดตนี้ช่วยแก้ไขปัญหาสำหรับผู้ใช้ Nvidia GPU ที่ใช้หลายหน้าจอ อย่างไรก็ตาม Mozilla ยังต้องตรวจสอบว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของ Firefox ในระยะยาวหรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/mozilla-fires-off-emergency-patch-to-fix-nvidia-gpu-artifacting-bugs-in-firefox
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Mozilla fires off emergency patch to fix Nvidia GPU artifacting bugs in Firefox
    Only affects multi-monitor setups with different refresh rates and Nvidia GPUs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • SSD รูปแบบใหม่ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 1,000,000 GB

    อุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูลกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ด้วย E2 SSD ซึ่งเป็นรูปแบบ SSD ที่สามารถรองรับความจุสูงสุดถึง 1 เพตะไบต์ (1,000,000 GB) โดยถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่าง HDD ความจุสูง และ SSD ประสิทธิภาพสูง

    E2 SSD ได้รับการพัฒนาโดย Storage Networking Industry Association (SNIA) และ Open Compute Project (OCP) โดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับ "warm data" ซึ่งเป็นข้อมูลที่ต้องการความหนาแน่นสูงและต้นทุนต่ำ

    อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบมาสำหรับ เซิร์ฟเวอร์ขนาด 2U และสามารถรองรับ 40 ไดรฟ์ในหนึ่งเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เซิร์ฟเวอร์เดียวสามารถมีความจุสูงถึง 40 เพตะไบต์

    ข้อมูลจากข่าว
    - E2 SSD สามารถรองรับความจุสูงสุดถึง 1 เพตะไบต์ (1,000,000 GB)
    - พัฒนาโดย SNIA และ OCP เพื่อรองรับ "warm data"
    - ออกแบบมาสำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาด 2U และสามารถรองรับ 40 ไดรฟ์ในหนึ่งเซิร์ฟเวอร์
    - ใช้มาตรฐาน EDSFF และเชื่อมต่อผ่าน PCIe 6.0 x4 หรือดีกว่า
    - Micron เป็นหนึ่งในผู้ผลิตหลักของ E2 SSD

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - E2 SSD มีการใช้พลังงานสูงถึง 80 วัตต์ต่อไดรฟ์ ซึ่งอาจเป็นปัญหาด้านความร้อน
    - ต้องมีการพัฒนาโซลูชันระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากอาจไม่สามารถใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศได้
    - ความเร็วของ E2 SSD อยู่ที่ 8-10 MB/s ต่อเทราไบต์ ซึ่งเน้นความจุมากกว่าประสิทธิภาพ
    - ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมก่อนที่จะนำไปใช้งานในเซิร์ฟเวอร์จริง

    E2 SSD อาจเป็นทางออกสำหรับ ศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความจุสูงในราคาที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม ต้องมีการพัฒนาโซลูชันระบายความร้อนที่เหมาะสม และ ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/a-new-ssd-form-factor-can-house-a-staggering-1-000-000-gb-of-storage-e2-drives-could-store-11-000-4k-movies-with-80w-power-draw
    💾 SSD รูปแบบใหม่ที่สามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 1,000,000 GB อุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูลกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ด้วย E2 SSD ซึ่งเป็นรูปแบบ SSD ที่สามารถรองรับความจุสูงสุดถึง 1 เพตะไบต์ (1,000,000 GB) โดยถูกออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างระหว่าง HDD ความจุสูง และ SSD ประสิทธิภาพสูง E2 SSD ได้รับการพัฒนาโดย Storage Networking Industry Association (SNIA) และ Open Compute Project (OCP) โดยมีเป้าหมายเพื่อรองรับ "warm data" ซึ่งเป็นข้อมูลที่ต้องการความหนาแน่นสูงและต้นทุนต่ำ อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบมาสำหรับ เซิร์ฟเวอร์ขนาด 2U และสามารถรองรับ 40 ไดรฟ์ในหนึ่งเซิร์ฟเวอร์ ทำให้เซิร์ฟเวอร์เดียวสามารถมีความจุสูงถึง 40 เพตะไบต์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - E2 SSD สามารถรองรับความจุสูงสุดถึง 1 เพตะไบต์ (1,000,000 GB) - พัฒนาโดย SNIA และ OCP เพื่อรองรับ "warm data" - ออกแบบมาสำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาด 2U และสามารถรองรับ 40 ไดรฟ์ในหนึ่งเซิร์ฟเวอร์ - ใช้มาตรฐาน EDSFF และเชื่อมต่อผ่าน PCIe 6.0 x4 หรือดีกว่า - Micron เป็นหนึ่งในผู้ผลิตหลักของ E2 SSD ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - E2 SSD มีการใช้พลังงานสูงถึง 80 วัตต์ต่อไดรฟ์ ซึ่งอาจเป็นปัญหาด้านความร้อน - ต้องมีการพัฒนาโซลูชันระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากอาจไม่สามารถใช้ระบบระบายความร้อนด้วยอากาศได้ - ความเร็วของ E2 SSD อยู่ที่ 8-10 MB/s ต่อเทราไบต์ ซึ่งเน้นความจุมากกว่าประสิทธิภาพ - ยังต้องมีการทดสอบเพิ่มเติมก่อนที่จะนำไปใช้งานในเซิร์ฟเวอร์จริง E2 SSD อาจเป็นทางออกสำหรับ ศูนย์ข้อมูลที่ต้องการความจุสูงในราคาที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม ต้องมีการพัฒนาโซลูชันระบายความร้อนที่เหมาะสม และ ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายอื่นจะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/a-new-ssd-form-factor-can-house-a-staggering-1-000-000-gb-of-storage-e2-drives-could-store-11-000-4k-movies-with-80w-power-draw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • Molex เปิดตัวโซลูชันสายเคเบิล PCIe 7.0 รองรับความเร็ว 128 GT/s
    Molex ได้เปิดตัว Genesis cable and connector solution สำหรับ PCIe 7.0 ที่สามารถรองรับความเร็ว 128 GT/s ที่ระยะ 1 เมตร โดยออกแบบมาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของ PCB traces ในการส่งสัญญาณความเร็วสูง

    Genesis ใช้ SFF TA-1040 connector ซึ่งช่วยให้สามารถรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรมได้อย่างกว้างขวางเมื่อ PCIe 7.0 เริ่มถูกนำมาใช้ โดย Molex ได้ทำการทดสอบ signal integrity และพบว่า loss อยู่ที่ -3.4 dB ที่ 250 มม. และ -9.2 dB ที่ 1000 มม. ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้

    นอกจากนี้ Genesis ยังใช้ 29 AWG low-loss microwave coax cables เพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพสัญญาณได้ดีแม้ในระยะทางที่ยาวขึ้น

    ข้อมูลจากข่าว
    - Molex เปิดตัว Genesis cable สำหรับ PCIe 7.0 รองรับความเร็ว 128 GT/s ที่ระยะ 1 เมตร
    - ใช้ SFF TA-1040 connector เพื่อรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรม
    - ทดสอบ signal integrity พบว่า loss อยู่ที่ -3.4 dB ที่ 250 มม. และ -9.2 dB ที่ 1000 มม.
    - ใช้ 29 AWG low-loss microwave coax cables เพื่อรักษาคุณภาพสัญญาณ
    - Molex วางแผนเปิดตัว x8 connector ในเดือนพฤษภาคม 2025 และ x16 ในเดือนกรกฎาคม 2025

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - PCIe 7.0 ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการนำมาใช้งานจริง
    - Genesis cable อาจมีต้นทุนสูงเมื่อเทียบกับ PCB traces แบบเดิม
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่นจะนำโซลูชันนี้ไปใช้หรือไม่
    - PCIe 7.0 อาจเริ่มถูกนำมาใช้ในศูนย์ข้อมูลช่วงปลายทศวรรษ 2020 หรือต้นทศวรรษ 2030

    Genesis cable ของ Molex อาจช่วยให้ PCIe 7.0 สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการ การส่งข้อมูลความเร็วสูงในระยะทางที่ไกลขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่นจะนำโซลูชันนี้ไปใช้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/peripherals/cables-connectors/molex-demonstrates-pcie-7-0-cabling-solution-128-gt-s-at-1-meter
    🚀 Molex เปิดตัวโซลูชันสายเคเบิล PCIe 7.0 รองรับความเร็ว 128 GT/s Molex ได้เปิดตัว Genesis cable and connector solution สำหรับ PCIe 7.0 ที่สามารถรองรับความเร็ว 128 GT/s ที่ระยะ 1 เมตร โดยออกแบบมาเพื่อแก้ไขข้อจำกัดของ PCB traces ในการส่งสัญญาณความเร็วสูง Genesis ใช้ SFF TA-1040 connector ซึ่งช่วยให้สามารถรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรมได้อย่างกว้างขวางเมื่อ PCIe 7.0 เริ่มถูกนำมาใช้ โดย Molex ได้ทำการทดสอบ signal integrity และพบว่า loss อยู่ที่ -3.4 dB ที่ 250 มม. และ -9.2 dB ที่ 1000 มม. ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ นอกจากนี้ Genesis ยังใช้ 29 AWG low-loss microwave coax cables เพื่อให้สามารถรักษาคุณภาพสัญญาณได้ดีแม้ในระยะทางที่ยาวขึ้น ✅ ข้อมูลจากข่าว - Molex เปิดตัว Genesis cable สำหรับ PCIe 7.0 รองรับความเร็ว 128 GT/s ที่ระยะ 1 เมตร - ใช้ SFF TA-1040 connector เพื่อรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรม - ทดสอบ signal integrity พบว่า loss อยู่ที่ -3.4 dB ที่ 250 มม. และ -9.2 dB ที่ 1000 มม. - ใช้ 29 AWG low-loss microwave coax cables เพื่อรักษาคุณภาพสัญญาณ - Molex วางแผนเปิดตัว x8 connector ในเดือนพฤษภาคม 2025 และ x16 ในเดือนกรกฎาคม 2025 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - PCIe 7.0 ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และอาจต้องใช้เวลาหลายปีในการนำมาใช้งานจริง - Genesis cable อาจมีต้นทุนสูงเมื่อเทียบกับ PCB traces แบบเดิม - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่นจะนำโซลูชันนี้ไปใช้หรือไม่ - PCIe 7.0 อาจเริ่มถูกนำมาใช้ในศูนย์ข้อมูลช่วงปลายทศวรรษ 2020 หรือต้นทศวรรษ 2030 Genesis cable ของ Molex อาจช่วยให้ PCIe 7.0 สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในศูนย์ข้อมูลที่ต้องการ การส่งข้อมูลความเร็วสูงในระยะทางที่ไกลขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายอื่นจะนำโซลูชันนี้ไปใช้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/peripherals/cables-connectors/molex-demonstrates-pcie-7-0-cabling-solution-128-gt-s-at-1-meter
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 357 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาชิป DRAM พุ่งขึ้น 20% ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง

    ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่ราคาขยับจาก $1.65 ในเดือนเมษายน เป็น $2.10 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27%

    การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM ส่วนหนึ่งเกิดจาก การกักตุนสินค้าของบริษัทต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจาก ภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้ ระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้

    นอกจากนี้ Samsung, Micron และ SK hynix ได้ประกาศ ยุติการผลิต DDR4 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจาก ผู้ผลิตจีน เช่น CXMT และ Fujian Jinhua ที่สามารถขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าหน่วยความจำที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากผู้ผลิตรายใหญ่

    ข้อมูลจากข่าว
    - ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่เพิ่มขึ้น 27% ในเดือนพฤษภาคม
    - บริษัทต่าง ๆ กักตุนสินค้าก่อนที่ภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้
    - Samsung, Micron และ SK hynix ประกาศยุติการผลิต DDR4
    - CXMT และ Fujian Jinhua ขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าผู้ผลิตรายใหญ่
    - การลดลงของอุปทาน DDR4 อาจทำให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นต่อไป

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หากภาษีนำเข้ามีผลบังคับใช้ ราคาชิปอาจเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป
    - การยุติการผลิต DDR4 อาจทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนไปใช้ DDR5 ซึ่งมีราคาสูงกว่า
    - ตลาดหน่วยความจำยังคงมีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจีนจะสามารถรักษาราคาที่ต่ำได้หรือไม่ในระยะยาว

    การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM อาจส่งผลต่อ ราคาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายใหญ่จะปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากจีน

    ลุงแนะนำว่าใครอยาก Upgrade RAM DDR4 ให้รีบทำในช่วงนี้เลยครับ เพราะข่าวนี้ และยังมีข่าว บ.จีน จะเลิกผลิต DDR4 ในกลางปีหน้าอีกด้วย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-have-jumped-by-20-percent-for-the-second-month-in-a-row-surging-demand-is-likely-due-to-stockpiling
    💾 ราคาชิป DRAM พุ่งขึ้น 20% ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่ราคาขยับจาก $1.65 ในเดือนเมษายน เป็น $2.10 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27% การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM ส่วนหนึ่งเกิดจาก การกักตุนสินค้าของบริษัทต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจาก ภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้ ระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ Samsung, Micron และ SK hynix ได้ประกาศ ยุติการผลิต DDR4 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจาก ผู้ผลิตจีน เช่น CXMT และ Fujian Jinhua ที่สามารถขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าหน่วยความจำที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากผู้ผลิตรายใหญ่ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่เพิ่มขึ้น 27% ในเดือนพฤษภาคม - บริษัทต่าง ๆ กักตุนสินค้าก่อนที่ภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้ - Samsung, Micron และ SK hynix ประกาศยุติการผลิต DDR4 - CXMT และ Fujian Jinhua ขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าผู้ผลิตรายใหญ่ - การลดลงของอุปทาน DDR4 อาจทำให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นต่อไป ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หากภาษีนำเข้ามีผลบังคับใช้ ราคาชิปอาจเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป - การยุติการผลิต DDR4 อาจทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนไปใช้ DDR5 ซึ่งมีราคาสูงกว่า - ตลาดหน่วยความจำยังคงมีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจีนจะสามารถรักษาราคาที่ต่ำได้หรือไม่ในระยะยาว การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM อาจส่งผลต่อ ราคาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายใหญ่จะปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากจีน ℹ️ℹ️ ลุงแนะนำว่าใครอยาก Upgrade RAM DDR4 ให้รีบทำในช่วงนี้เลยครับ เพราะข่าวนี้ และยังมีข่าว บ.จีน จะเลิกผลิต DDR4 ในกลางปีหน้าอีกด้วย https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-have-jumped-by-20-percent-for-the-second-month-in-a-row-surging-demand-is-likely-due-to-stockpiling
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 460 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความแตกต่างของความเร็วสัญญาณนาฬิกาใน Yeston Radeon RX 9060 XT

    Yeston ได้เปิดตัว Radeon RX 9060 XT GAEA ซึ่งมีทั้งรุ่น 16 GB และ 8 GB โดยพบว่ามีความแตกต่างของ ความเร็วสัญญาณนาฬิกา ระหว่างสองรุ่นนี้

    รุ่น 16 GB มี Boost Clock 3230 MHz และ Game Clock 2620 MHz ในขณะที่รุ่น 8 GB ใช้ค่ามาตรฐานของ AMD ที่ Boost Clock 3130 MHz และ Game Clock 2530 MHz

    นอกจากนี้ รุ่น Game Ace OC 16 GB ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงของ Yeston มี Boost Clock สูงถึง 3320 MHz และ Game Clock 2780 MHz

    ข้อมูลจากข่าว
    - Yeston เปิดตัว Radeon RX 9060 XT GAEA รุ่น 16 GB และ 8 GB
    - รุ่น 16 GB มี Boost Clock 3230 MHz และ Game Clock 2620 MHz
    - รุ่น 8 GB ใช้ค่ามาตรฐานของ AMD ที่ Boost Clock 3130 MHz และ Game Clock 2530 MHz
    - Game Ace OC 16 GB มี Boost Clock สูงถึง 3320 MHz และ Game Clock 2780 MHz
    - รุ่น White Game Ace มีเฉพาะตัวเลือก 8 GB และไม่มีการโอเวอร์คล็อกจากโรงงาน

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ความแตกต่างของความเร็วสัญญาณนาฬิกาอาจไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพมากนัก
    - ข้อมูลที่เผยแพร่อาจเป็นตัวเลขชั่วคราวหรือ placeholder
    - ต้องติดตามว่ารุ่น Game Ace OC 8 GB จะเปิดตัวหรือไม่
    - ราคาของรุ่นต่าง ๆ อาจมีผลต่อความคุ้มค่าของการเลือกซื้อ

    การเปิดตัว Radeon RX 9060 XT GAEA ของ Yeston แสดงให้เห็นถึง ความแตกต่างของสเปกภายในแบรนด์เดียวกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าความแตกต่างของความเร็วสัญญาณนาฬิกาจะส่งผลต่อประสิทธิภาพจริงหรือไม่

    https://www.techpowerup.com/337504/clock-speed-disparities-noted-between-yestons-radeon-rx-9060-xt-gaea-16-gb-8-gb-skus
    🎮 ความแตกต่างของความเร็วสัญญาณนาฬิกาใน Yeston Radeon RX 9060 XT Yeston ได้เปิดตัว Radeon RX 9060 XT GAEA ซึ่งมีทั้งรุ่น 16 GB และ 8 GB โดยพบว่ามีความแตกต่างของ ความเร็วสัญญาณนาฬิกา ระหว่างสองรุ่นนี้ รุ่น 16 GB มี Boost Clock 3230 MHz และ Game Clock 2620 MHz ในขณะที่รุ่น 8 GB ใช้ค่ามาตรฐานของ AMD ที่ Boost Clock 3130 MHz และ Game Clock 2530 MHz นอกจากนี้ รุ่น Game Ace OC 16 GB ซึ่งเป็นรุ่นเรือธงของ Yeston มี Boost Clock สูงถึง 3320 MHz และ Game Clock 2780 MHz ✅ ข้อมูลจากข่าว - Yeston เปิดตัว Radeon RX 9060 XT GAEA รุ่น 16 GB และ 8 GB - รุ่น 16 GB มี Boost Clock 3230 MHz และ Game Clock 2620 MHz - รุ่น 8 GB ใช้ค่ามาตรฐานของ AMD ที่ Boost Clock 3130 MHz และ Game Clock 2530 MHz - Game Ace OC 16 GB มี Boost Clock สูงถึง 3320 MHz และ Game Clock 2780 MHz - รุ่น White Game Ace มีเฉพาะตัวเลือก 8 GB และไม่มีการโอเวอร์คล็อกจากโรงงาน ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ความแตกต่างของความเร็วสัญญาณนาฬิกาอาจไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพมากนัก - ข้อมูลที่เผยแพร่อาจเป็นตัวเลขชั่วคราวหรือ placeholder - ต้องติดตามว่ารุ่น Game Ace OC 8 GB จะเปิดตัวหรือไม่ - ราคาของรุ่นต่าง ๆ อาจมีผลต่อความคุ้มค่าของการเลือกซื้อ การเปิดตัว Radeon RX 9060 XT GAEA ของ Yeston แสดงให้เห็นถึง ความแตกต่างของสเปกภายในแบรนด์เดียวกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้ใช้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าความแตกต่างของความเร็วสัญญาณนาฬิกาจะส่งผลต่อประสิทธิภาพจริงหรือไม่ https://www.techpowerup.com/337504/clock-speed-disparities-noted-between-yestons-radeon-rx-9060-xt-gaea-16-gb-8-gb-skus
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Clock Speed Disparities Noted Between Yeston's Radeon RX 9060 XT GAEA 16 GB & 8 GB SKUs
    Earlier in the week, Yeston revealed a sci-fi/cyberpunk character-themed Radeon RX 9060 XT 16 GB Game Ace SKU. Eager followers of the Chinese brand were wondering whether additional custom designs—based on AMD's Navi 44 XT GPU—were in the pipeline, possibly ready in time for an official June 5 launc...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว