• วิธีบำบัดร่างกายโดยธรรมชาติ ด้วยอาหารธรรมชาติ ออกแดด พักสายตามองธรรมชาติ เดินเท้าเปล่าบนพื้นหญ้า ฝึกการหายใจ ปรับสมดุล ฟื้นฟูร่างกาย ผ่อนคลาย นอนหลับสบาย
    วิธีบำบัดร่างกายโดยธรรมชาติ ด้วยอาหารธรรมชาติ ออกแดด พักสายตามองธรรมชาติ เดินเท้าเปล่าบนพื้นหญ้า ฝึกการหายใจ ปรับสมดุล ฟื้นฟูร่างกาย ผ่อนคลาย นอนหลับสบาย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • https://youtu.be/PI-nMYGJtqI?si=RlJ5LRo92TJPK0rz
    https://youtu.be/PI-nMYGJtqI?si=RlJ5LRo92TJPK0rz
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/NCR1JL9foug?si=X700cQinKOdDCogv
    https://youtube.com/shorts/NCR1JL9foug?si=X700cQinKOdDCogv
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtube.com/shorts/a2sOZZTUcMs?si=EfV0SxQan2p9aVyj
    https://youtube.com/shorts/a2sOZZTUcMs?si=EfV0SxQan2p9aVyj
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨พระสิวลีพิมพ์เล็บมือ วัดประสาทบุญญาวาส ปีพ.ศ.2506 เป็นอีกหนึ่งพิมพ์ที่สร้างในคราวเดียวกับพระอีกหลายๆพิมพ์ของวัดประสาทฯที่จัดพิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่โดยพระเกจิคณาจารย์ที่มาร่วมปลุกเสกมากถึงสองร้อยกว่ารูป อาทิ พระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อคล้าย หลวงพ่อน้อย หลวงพ่อแดง หลวงพ่อมุ่ย หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อทิม วัดละหารไร่ หลวงพ่อทบ หลวงพ่อจง หลวงพ่อกวย เป็นต้น
    ✨พระสิวลีพิมพ์เล็บมือ วัดประสาทบุญญาวาส ปีพ.ศ.2506 เป็นอีกหนึ่งพิมพ์ที่สร้างในคราวเดียวกับพระอีกหลายๆพิมพ์ของวัดประสาทฯที่จัดพิธีพุทธาภิเษกอย่างยิ่งใหญ่โดยพระเกจิคณาจารย์ที่มาร่วมปลุกเสกมากถึงสองร้อยกว่ารูป อาทิ พระอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ หลวงปู่โต๊ะ หลวงพ่อเงิน หลวงพ่อคล้าย หลวงพ่อน้อย หลวงพ่อแดง หลวงพ่อมุ่ย หลวงปู่ดู่ หลวงพ่อทิม วัดละหารไร่ หลวงพ่อทบ หลวงพ่อจง หลวงพ่อกวย เป็นต้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • เด็กสร้าง #มวยไทยวัยรุ่น
    เด็กสร้าง #มวยไทยวัยรุ่น
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • สละได้...สลัดได้
    Cr.Wiwan
    สละได้...สลัดได้ Cr.Wiwan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันจันทร์ที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันจันทร์ที่ 3 เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ตัดไฟคอลเซ็นเตอร์
    คิดนาน
    ตัดไฟชาวบ้าน เดือนเดียว ยกหม้อ"
    "ตัดไฟคอลเซ็นเตอร์ คิดนาน ตัดไฟชาวบ้าน เดือนเดียว ยกหม้อ"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 1 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥 **ทำไมโรคอ้วน เบาหวาน และไขมันพอกตับถึงถามหา?** 🤔❓

    🚨 สาเหตุอาจซ่อนอยู่ใน **“ภาวะดื้ออินซูลิน”** 🚫🩸 ที่ร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลินอย่างเหมาะสม! 😱⚠️

    ❌ ถ้าปล่อยไว้… **ระดับน้ำตาลพุ่ง** 📈🍬 เสี่ยง **โรคเรื้อรังเพียบ**! ⚡🩺
    ✅ ถึงเวลาปรับพฤติกรรม 💪🥗 ออกกำลังกาย 🏃‍♂️ และดูแลสุขภาพให้แข็งแรง!

    📩 **ปรึกษาฟรี! ให้เราช่วยดูแลสุขภาพของคุณ** 💙✨ ทักหาเราได้เลย! 💬💡

    #ดื้ออินซูลิน #ไขมันพอกตับ #ลดน้ำหนัก #เบาหวาน #สุขภาพดีไม่มีขาย #ลดพุง #ปรึกษาสุขภาพฟรี #feelgreat #joeyoungfit #thaitimes
    🔥 **ทำไมโรคอ้วน เบาหวาน และไขมันพอกตับถึงถามหา?** 🤔❓ 🚨 สาเหตุอาจซ่อนอยู่ใน **“ภาวะดื้ออินซูลิน”** 🚫🩸 ที่ร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินซูลินอย่างเหมาะสม! 😱⚠️ ❌ ถ้าปล่อยไว้… **ระดับน้ำตาลพุ่ง** 📈🍬 เสี่ยง **โรคเรื้อรังเพียบ**! ⚡🩺 ✅ ถึงเวลาปรับพฤติกรรม 💪🥗 ออกกำลังกาย 🏃‍♂️ และดูแลสุขภาพให้แข็งแรง! 📩 **ปรึกษาฟรี! ให้เราช่วยดูแลสุขภาพของคุณ** 💙✨ ทักหาเราได้เลย! 💬💡 #ดื้ออินซูลิน #ไขมันพอกตับ #ลดน้ำหนัก #เบาหวาน #สุขภาพดีไม่มีขาย #ลดพุง #ปรึกษาสุขภาพฟรี #feelgreat #joeyoungfit #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 435 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว

  • เขาขึ้นหรือเขานางบวชและวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ
    ....
    ในท้องทุ่งแห่งลุ่มแม่น้ำน้อยมีตำนานเล่าเรื่องวีรชนแห่งบ้านระจันหรือบางระจัน ที่ต้านทัพพม่า ซึ่งเข้ามาล้อมกรุงศรีอยุธยาที่อยู่ทางใต้ไม่ไกลนักได้ถึง ๗ ครั้ง ชาวบ้านบางระจันได้รวมตัวกันต่อสู้รบและเสียชีวิตทั้งหมู่บ้านในครั้งที่ ๘ แม้นักประวัติศาสตร์หลายท่านจะเห็นแย้งและกล่าวว่าทัพพม่าเข้ามาทางบ้านตากนั้นยังคงไม่ถึงกรุงศรีอยุธยา เอกสารที่บันทึกไว้อย่างละเอียดน่าจะเป็นพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวน่าจะขยายความและบรรยายอย่างละเอียด โดยมีนำมากล่าวถึงในหนังสือไทยรบพม่าของ สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ส่วนพระราชพงศาวดารฉบับอื่นคงบรรยายไว้เพียงไม่มาก ปรากฎชื่อสถานที่ว่า ‘บ้านระจัน’ พระอาจารย์วัดเขานางบวชซึ่งก็หมายถึงพระอาจารย์ธรรมโชติ นายจันเขียว พระยารัตนาธิเบศ
    .
    อย่างไรก็ตาม พระราชพงศาวดารและบันทึกคำให้การต่างๆ ล้วนมีการบันทึกเหตุการณ์ที่ชาวบ้านเสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญและมีส่วนที่เป็นข้อเท็จจริง ส่วนจะมีรายละเอียดอย่างใดนั้น เรื่องเล่าติดที่คือตำนานต่างๆ ถูกสร้างและแต่งเสริมด้วยผู้คนที่เป็นชาวบ้านแห่งท้องทุ่งในลุ่มแม่น้ำน้อยนี้
    .
    น่าสนใจว่า ผู้นำทางจิตวิญญาณที่สำคัญ คือ ‘พระอาจารย์ธรรมโชติ’ แห่งวัดเขานางบวช สุพรรณบุรี นั้นกลายเป็น Culture hero แห่งเขตพื้นที่กลางอันเป็นพื้นที่นครรัฐเจนลีฟูแต่เดิม เมื่อย้อนกลับไปราวห้าร้อยกว่าปีก่อนหน้านั้น
    .
    พื้นที่สู้รบนั้นอยู่ตามลำแม่น้ำน้อย ตั้งแต่แขวงเมืองวิเศษไชยชาญจนลงเข้าสู่ผักไห่และตั้งค่ายสำคัญอยู่ที่สีกุก
    .
    ส่วนด้านทางเหนือก็เข้าควบคุมพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านไปรวมกันแถบรอบวัดโพธิ์เก้าต้น ต่อชาวบ้านไปอาราธนาพระอาจารย์ธรรมโชติจากวัดเขานางบวช ให้ไปช่วยคุ้มครองทำผ้าประเจียด ตะกรุด พิสมร (ตะกรุดรูปแบบหนึ่ง ใช้ร้อยสายไว้ป้องกันอันตราย) แจกจ่ายนักรบชาวบ้าน เล่าสืบต่อมาว่าพระอาจารย์ธรรมโชติ บวชครั้งแรกที่ ‘วัดยาง’ ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง กับวัดโพธิ์เก้าต้นหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘วัดแดง’ เพราะมีดงไม้แดงขึ้นเยอะ ทั้งสองวัดนี้เป็นวัดเก่า เพราะมีวิหารแบบแอ่นท้องสำเภา พระพุทธรูปหินทราย และพระพุทธรูปปูนปั้นประดิษฐานไว้ ก่อนย้ายไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานในถ้ำบนยอดเขานางบวช ต่อมาชาวบ้านบางระจันได้อาราธนามาอยู่ ณ วัดโพธิ์เก้าต้น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการสู้รบ
    .
    บริเวณ ‘วัดโพธิ์เก้าต้น’ นี้เป็นย่านชุมชนเก่ามาตั้งแต่สมัยทวารวดีช่วงปลาย แต่อยู่อาศัยกันบางเบาเพราะเป็นเขตที่ต้องใช้ดารเดินทางติดต่อทางน้ำเป็นหลัก [Riverine] เพราะอยู่ไม่ไกลจาก ‘เมืองคูเมือง’ ในตำบลแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ที่อยู่ห่างไปราว ๓ กิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเมืองรูปสี่เหลี่ยมของลุ่มน้ำระหว่างลำสีบัวทองและแม่น้ำน้อย มีการอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยทวารวดีและยุคลพบุรีหรือราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๘ และคงอยู่สืบเนื่องกันต่อเรื่อยมาจนถึงสิ้นกรุงศรีอยุธยา
    .
    พอพม่าเข้าตีค่ายบางระจันที่วัดโพธิ์เก้าต้นได้ ใน ‘ไทยรบพม่า’ พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ว่าชาวบ้านที่เหลือตายหนีไปได้บ้าง พม่าจับเอาไปเป็นเชลยบ้าง แต่พระอาจารย์ธรรมโชตินั้นเลยหายสาบสูญไป จะถึงมรณภาพในเวลาเสียค่ายพม่าหรือหนีรอดไปได้ไม่มีหลักฐานปรากฎ
    .
    แต่ในบทความของอาจารย์มนัส โอภากุล เรื่อง พระอาจารย์ธรรมโชติ หายไปไหน? (มนัส โอภากุล. พระอาจารย์ธรรมโชติหายไปไหน? ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๒๗) ใช้ข้อมูลประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจากทายกวัดนางบวช อายุ ๗๕ ปี ใน พ.ศ. ๒๕๒๗ เล่าว่า พระอาจารย์ธรรมโชติกลับมาจำพรรษาที่วัดเขานางบวชตามเดิม โดยคำบอกเล่าของปู่ย่าตายายเล่าว่า เมื่อค่ายบางระจันแตก พระอาจารย์ธรรมโชติหลบหนีมาที่เขานางบวช ทหารก็ไล่ติดตามมาจนมาค้นที่วัดเขานางบวชหาตัวเท่าไหร่ก็ไม่พบ เพราะท่านลงไปหลบในอุโมงค์ภายในวิหารที่ยังปรากฎอยู่จนปัจจุบันที่เคยเป็นที่นั่งวิปัสสนากรรมฐาน เล่ากันว่าภายในมีพื้นที่ให้คนนั่งรวมกันได้ ๕ - ๖ คน ทุกวันนี้ก็ยังปรากฎอยู่....
    .
    ซึ่งเป็นความเชื่อในคุณวิเศษของพระอาจารย์ธรรมโชติ ที่ชาวบ้านทางแถบเดิมบางตลอดไปจนถึงเขาพระ หัวเขาและบ้านกำมะเชียร ในย่านลุ่มน้ำสุพรรณเชื่อถือกันสืบต่อมา
    .
    พระวิหารวิปัสสนาที่เขาขึ้นหรือวัดเขานางบวชนั้น เป็นอาคารยาวมุงกระเบื้องกาบกล้วยแบบเก่า ประดิษฐานรอยพระบาท ด้านหลังเป็นโพรงหรืออุโมงค์ลงไปในโพรงแคบๆ ของพระเจดีย์ที่อาจจะเป็นกรุมาแต่ดั้งเดิม (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็มีพระราชวินิจฉัยเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เป็นโพรงถ้ำวิปัสสนามาแต่ก่อน
    .
    ‘เขาขึ้น’ หรือ ‘เขานางบวช’ นั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มโบราณสถานบนเขาและชุมชนยุคแรกๆ มราเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ เนื่องจากใกล้ชิดกับชุมชนที่เดิมบางฯ ริมแม่น้ำสุพรรณซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมต่อเส้นทางเดินทางสมัยโบราณได้หลายทิศทาง ไม่ว่าจะขึ้นเหนือไปทางลุ่มน้ำสะแกกรังผ่านไปทางลำน้ำปิง ทางลำน้ำมะเขามเฒ่าสู่กลุ่มเมืองทางอู่ตะเภาและพื้นที่ดอนที่ติดต่อกับที่ราบสูงโคราช ทางตะวันตกสู่ลุ่มน้ำสุพรรณ อู่ทองและแม่กลอง และทางใต้ติดต่อกับท้องทุ่งและลำน้ำใหญ่น้อยที่ลงสูากลุ่มละโว้ได้เช่นกัน และมีการอยู่อาศัยต่อเนื่อง จนกลายเป็นแลนด์มาร์กและวัดสำคัญของท้องถิ่น มำตำนานของผู้เข้ามาอยู่อาศัยใหม่ๆ สร้างให้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น และกลายมาเป็นการสร้างประเพณีสำคัญของท้องถิ่นสืบมาจนถึงปัจจุบัน
    .
    เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสขึ้นบนเขานางบวช เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑ ในพระราชหัตถเลขาบันทึกไว้ว่า
    .
    ...ที่บนนั้นมีพระอุโบสถหลังหนึ่ง ห้าห้อง ไม่มีหน้าต่าง ก่อเว้นช่องอย่างวัดพุทไธสวรรย์ แต่ไม่มีหลังคามุงแฝกคลุมไว้ พระที่ตั้งอยู่บนฐานชุกชีเป็นพระพุทธรูปศิลาปั้นปูน ประกอบปิดทอง ผนังโบสถ์ด้านหนึ่งก่อเป็นแท่นเหมือนอาสนสงฆ์ ตั้งพระพุทธรูป เป็นพระยืนขนาดใหญ่ เห็นจะเป็นพระเก่าผีมือดี ๆ อย่างโบราณ สวมเทริด หน้าต่าง ๆ แต่ ชำรุดทั้งสิ้น ได้เชิญให้ลงมาปฏิสังขรณ์ ๔ องค์ ถ้าเสร็จแล้วจะส่งกลับไปไว้ที่เขานั้นบ้าง เสมาใช้ศิลาแผ่นใหญ่ ๆ อย่างเสมาวัดหลวงกรุงเก่า มีกำแพงแก้วรอบไป จนกระทั่งเจดีย์และวิหารด้วย แต่วิหารนั้นเป็นที่น่าสงสัยอยู่ว่า ทำเป็นสองคราว เพราะกระชั้นพระเจดีย์นัก ไม่ได้ไว้ช่อง อีกมีช่องหน้าต่างเล็กสูงเพียงศอกเดียว กว้างกับเศษ ๒ ช่องเท่านั้น ท้ายวิหารจดฐานพระเจดีย์ มีทางเข้าไปในองค์พระเจดีย์ที่กำแพงแก้ว มีพระเจดีย์ประจำมุมเห็นจะมีถึงด้านละ ๔ องค์ พระเจดีย์นั้นก็เป็นพานแว่นฟ้า ๓ ชั้น
    .
    เขานางบวชนี้เป็นที่ราษฎรนับถือมาก มีกำหนดขึ้นไหว้กันกลางเดือน ๔ ทุกปี มาแต่หัวเมืองอื่นก็มากใช้เดินทางบกทั้งนั้น...
    .
    ลักษณะของเจดีย์ที่สร้างแบบผสมกับหินก้อนใหญ่ๆ ซึ่งมักนิยมสร้างกันเช่นนี้ตามเขาที่มีฐานวิหารและพระเจดีย์บนเขา เช่น ที่บ้านหัวเขาในอำเภอเดิมบางฯ นี้ และแนวเขาพระที่ต่อเนื่องมาจากอู่ทองจนถึงเลาขวัญอีกหลายแห่ง ก็มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งเป็นยุคสมัยแบบลพบุรีหรือในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๘ อันเป็นช่วงร่วมสมัยกับกลุ่มนครรัฐเจนลีฟูที่ปรากฎขึ้นในบริเวณนี้ และเป็นรัฐที่นับถือพุทธศาสนาเป็นหลักตามระบุไว้ในจดหมายเหตุจีน
    .
    และยังพบฐานแท่นหินทรายขนาดย่อมๆ สำหรับประติมากรรมที่อาจเป็นพระพุทธรูปหรือเทวรูปก็ได้ และพระพุทธรูปยืนสวมเทริดทำจากหินที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกล่าวถึงที่อาจนำไปปฏิสังขรณ์แล้วและอาจไม่ได้ส่งกลับมาก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังพบพระพุทธรูปแบบหินทรายปางมารวิชัยแบบเก่าซึ่งพบในแถบพื้นที่ดอนของสามชุก หนองหญ้าไซ และดอนเจดีย์
    ...
    ภาพ วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติบนเขาขึ้นหรือเขานางบวช ต่อด้วยเจดีย์ทำจากก้อนหินผสมกับอิฐ ซึ่งมีโพรงด้านใน และพระอุโบสถมีพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยที่พบในเขตนี้หลายองค์ ทั้งใบเสมาทำจากหินชนวนแบบวัดหลวงแต่ทำลวดลายที่พบได้ทั่วไปในเขตชัยนาท เมืองสิงห์เก่าและเมืองพรหมเก่า
    เขาขึ้นหรือเขานางบวชและวิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ .... ในท้องทุ่งแห่งลุ่มแม่น้ำน้อยมีตำนานเล่าเรื่องวีรชนแห่งบ้านระจันหรือบางระจัน ที่ต้านทัพพม่า ซึ่งเข้ามาล้อมกรุงศรีอยุธยาที่อยู่ทางใต้ไม่ไกลนักได้ถึง ๗ ครั้ง ชาวบ้านบางระจันได้รวมตัวกันต่อสู้รบและเสียชีวิตทั้งหมู่บ้านในครั้งที่ ๘ แม้นักประวัติศาสตร์หลายท่านจะเห็นแย้งและกล่าวว่าทัพพม่าเข้ามาทางบ้านตากนั้นยังคงไม่ถึงกรุงศรีอยุธยา เอกสารที่บันทึกไว้อย่างละเอียดน่าจะเป็นพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวน่าจะขยายความและบรรยายอย่างละเอียด โดยมีนำมากล่าวถึงในหนังสือไทยรบพม่าของ สมเด็จพระบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ส่วนพระราชพงศาวดารฉบับอื่นคงบรรยายไว้เพียงไม่มาก ปรากฎชื่อสถานที่ว่า ‘บ้านระจัน’ พระอาจารย์วัดเขานางบวชซึ่งก็หมายถึงพระอาจารย์ธรรมโชติ นายจันเขียว พระยารัตนาธิเบศ . อย่างไรก็ตาม พระราชพงศาวดารและบันทึกคำให้การต่างๆ ล้วนมีการบันทึกเหตุการณ์ที่ชาวบ้านเสียชีวิตทั้งหมด ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญและมีส่วนที่เป็นข้อเท็จจริง ส่วนจะมีรายละเอียดอย่างใดนั้น เรื่องเล่าติดที่คือตำนานต่างๆ ถูกสร้างและแต่งเสริมด้วยผู้คนที่เป็นชาวบ้านแห่งท้องทุ่งในลุ่มแม่น้ำน้อยนี้ . น่าสนใจว่า ผู้นำทางจิตวิญญาณที่สำคัญ คือ ‘พระอาจารย์ธรรมโชติ’ แห่งวัดเขานางบวช สุพรรณบุรี นั้นกลายเป็น Culture hero แห่งเขตพื้นที่กลางอันเป็นพื้นที่นครรัฐเจนลีฟูแต่เดิม เมื่อย้อนกลับไปราวห้าร้อยกว่าปีก่อนหน้านั้น . พื้นที่สู้รบนั้นอยู่ตามลำแม่น้ำน้อย ตั้งแต่แขวงเมืองวิเศษไชยชาญจนลงเข้าสู่ผักไห่และตั้งค่ายสำคัญอยู่ที่สีกุก . ส่วนด้านทางเหนือก็เข้าควบคุมพื้นที่ ทำให้ชาวบ้านไปรวมกันแถบรอบวัดโพธิ์เก้าต้น ต่อชาวบ้านไปอาราธนาพระอาจารย์ธรรมโชติจากวัดเขานางบวช ให้ไปช่วยคุ้มครองทำผ้าประเจียด ตะกรุด พิสมร (ตะกรุดรูปแบบหนึ่ง ใช้ร้อยสายไว้ป้องกันอันตราย) แจกจ่ายนักรบชาวบ้าน เล่าสืบต่อมาว่าพระอาจารย์ธรรมโชติ บวชครั้งแรกที่ ‘วัดยาง’ ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอแสวงหา จังหวัดอ่างทอง กับวัดโพธิ์เก้าต้นหรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘วัดแดง’ เพราะมีดงไม้แดงขึ้นเยอะ ทั้งสองวัดนี้เป็นวัดเก่า เพราะมีวิหารแบบแอ่นท้องสำเภา พระพุทธรูปหินทราย และพระพุทธรูปปูนปั้นประดิษฐานไว้ ก่อนย้ายไปฝึกวิปัสสนากรรมฐานในถ้ำบนยอดเขานางบวช ต่อมาชาวบ้านบางระจันได้อาราธนามาอยู่ ณ วัดโพธิ์เก้าต้น เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการสู้รบ . บริเวณ ‘วัดโพธิ์เก้าต้น’ นี้เป็นย่านชุมชนเก่ามาตั้งแต่สมัยทวารวดีช่วงปลาย แต่อยู่อาศัยกันบางเบาเพราะเป็นเขตที่ต้องใช้ดารเดินทางติดต่อทางน้ำเป็นหลัก [Riverine] เพราะอยู่ไม่ไกลจาก ‘เมืองคูเมือง’ ในตำบลแสวงหา จังหวัดอ่างทอง ที่อยู่ห่างไปราว ๓ กิโลเมตร ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มเมืองรูปสี่เหลี่ยมของลุ่มน้ำระหว่างลำสีบัวทองและแม่น้ำน้อย มีการอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยทวารวดีและยุคลพบุรีหรือราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๘ และคงอยู่สืบเนื่องกันต่อเรื่อยมาจนถึงสิ้นกรุงศรีอยุธยา . พอพม่าเข้าตีค่ายบางระจันที่วัดโพธิ์เก้าต้นได้ ใน ‘ไทยรบพม่า’ พระนิพนธ์ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ว่าชาวบ้านที่เหลือตายหนีไปได้บ้าง พม่าจับเอาไปเป็นเชลยบ้าง แต่พระอาจารย์ธรรมโชตินั้นเลยหายสาบสูญไป จะถึงมรณภาพในเวลาเสียค่ายพม่าหรือหนีรอดไปได้ไม่มีหลักฐานปรากฎ . แต่ในบทความของอาจารย์มนัส โอภากุล เรื่อง พระอาจารย์ธรรมโชติ หายไปไหน? (มนัส โอภากุล. พระอาจารย์ธรรมโชติหายไปไหน? ศิลปวัฒนธรรม ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๒๗) ใช้ข้อมูลประวัติศาสตร์ท้องถิ่นจากทายกวัดนางบวช อายุ ๗๕ ปี ใน พ.ศ. ๒๕๒๗ เล่าว่า พระอาจารย์ธรรมโชติกลับมาจำพรรษาที่วัดเขานางบวชตามเดิม โดยคำบอกเล่าของปู่ย่าตายายเล่าว่า เมื่อค่ายบางระจันแตก พระอาจารย์ธรรมโชติหลบหนีมาที่เขานางบวช ทหารก็ไล่ติดตามมาจนมาค้นที่วัดเขานางบวชหาตัวเท่าไหร่ก็ไม่พบ เพราะท่านลงไปหลบในอุโมงค์ภายในวิหารที่ยังปรากฎอยู่จนปัจจุบันที่เคยเป็นที่นั่งวิปัสสนากรรมฐาน เล่ากันว่าภายในมีพื้นที่ให้คนนั่งรวมกันได้ ๕ - ๖ คน ทุกวันนี้ก็ยังปรากฎอยู่.... . ซึ่งเป็นความเชื่อในคุณวิเศษของพระอาจารย์ธรรมโชติ ที่ชาวบ้านทางแถบเดิมบางตลอดไปจนถึงเขาพระ หัวเขาและบ้านกำมะเชียร ในย่านลุ่มน้ำสุพรรณเชื่อถือกันสืบต่อมา . พระวิหารวิปัสสนาที่เขาขึ้นหรือวัดเขานางบวชนั้น เป็นอาคารยาวมุงกระเบื้องกาบกล้วยแบบเก่า ประดิษฐานรอยพระบาท ด้านหลังเป็นโพรงหรืออุโมงค์ลงไปในโพรงแคบๆ ของพระเจดีย์ที่อาจจะเป็นกรุมาแต่ดั้งเดิม (ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็มีพระราชวินิจฉัยเช่นเดียวกัน ไม่ใช่เป็นโพรงถ้ำวิปัสสนามาแต่ก่อน . ‘เขาขึ้น’ หรือ ‘เขานางบวช’ นั้นเป็นหนึ่งในกลุ่มโบราณสถานบนเขาและชุมชนยุคแรกๆ มราเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้ เนื่องจากใกล้ชิดกับชุมชนที่เดิมบางฯ ริมแม่น้ำสุพรรณซึ่งเป็นจุดที่เชื่อมต่อเส้นทางเดินทางสมัยโบราณได้หลายทิศทาง ไม่ว่าจะขึ้นเหนือไปทางลุ่มน้ำสะแกกรังผ่านไปทางลำน้ำปิง ทางลำน้ำมะเขามเฒ่าสู่กลุ่มเมืองทางอู่ตะเภาและพื้นที่ดอนที่ติดต่อกับที่ราบสูงโคราช ทางตะวันตกสู่ลุ่มน้ำสุพรรณ อู่ทองและแม่กลอง และทางใต้ติดต่อกับท้องทุ่งและลำน้ำใหญ่น้อยที่ลงสูากลุ่มละโว้ได้เช่นกัน และมีการอยู่อาศัยต่อเนื่อง จนกลายเป็นแลนด์มาร์กและวัดสำคัญของท้องถิ่น มำตำนานของผู้เข้ามาอยู่อาศัยใหม่ๆ สร้างให้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น และกลายมาเป็นการสร้างประเพณีสำคัญของท้องถิ่นสืบมาจนถึงปัจจุบัน . เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสขึ้นบนเขานางบวช เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๑ ในพระราชหัตถเลขาบันทึกไว้ว่า . ...ที่บนนั้นมีพระอุโบสถหลังหนึ่ง ห้าห้อง ไม่มีหน้าต่าง ก่อเว้นช่องอย่างวัดพุทไธสวรรย์ แต่ไม่มีหลังคามุงแฝกคลุมไว้ พระที่ตั้งอยู่บนฐานชุกชีเป็นพระพุทธรูปศิลาปั้นปูน ประกอบปิดทอง ผนังโบสถ์ด้านหนึ่งก่อเป็นแท่นเหมือนอาสนสงฆ์ ตั้งพระพุทธรูป เป็นพระยืนขนาดใหญ่ เห็นจะเป็นพระเก่าผีมือดี ๆ อย่างโบราณ สวมเทริด หน้าต่าง ๆ แต่ ชำรุดทั้งสิ้น ได้เชิญให้ลงมาปฏิสังขรณ์ ๔ องค์ ถ้าเสร็จแล้วจะส่งกลับไปไว้ที่เขานั้นบ้าง เสมาใช้ศิลาแผ่นใหญ่ ๆ อย่างเสมาวัดหลวงกรุงเก่า มีกำแพงแก้วรอบไป จนกระทั่งเจดีย์และวิหารด้วย แต่วิหารนั้นเป็นที่น่าสงสัยอยู่ว่า ทำเป็นสองคราว เพราะกระชั้นพระเจดีย์นัก ไม่ได้ไว้ช่อง อีกมีช่องหน้าต่างเล็กสูงเพียงศอกเดียว กว้างกับเศษ ๒ ช่องเท่านั้น ท้ายวิหารจดฐานพระเจดีย์ มีทางเข้าไปในองค์พระเจดีย์ที่กำแพงแก้ว มีพระเจดีย์ประจำมุมเห็นจะมีถึงด้านละ ๔ องค์ พระเจดีย์นั้นก็เป็นพานแว่นฟ้า ๓ ชั้น . เขานางบวชนี้เป็นที่ราษฎรนับถือมาก มีกำหนดขึ้นไหว้กันกลางเดือน ๔ ทุกปี มาแต่หัวเมืองอื่นก็มากใช้เดินทางบกทั้งนั้น... . ลักษณะของเจดีย์ที่สร้างแบบผสมกับหินก้อนใหญ่ๆ ซึ่งมักนิยมสร้างกันเช่นนี้ตามเขาที่มีฐานวิหารและพระเจดีย์บนเขา เช่น ที่บ้านหัวเขาในอำเภอเดิมบางฯ นี้ และแนวเขาพระที่ต่อเนื่องมาจากอู่ทองจนถึงเลาขวัญอีกหลายแห่ง ก็มีลักษณะคล้ายกัน ซึ่งเป็นยุคสมัยแบบลพบุรีหรือในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๘ อันเป็นช่วงร่วมสมัยกับกลุ่มนครรัฐเจนลีฟูที่ปรากฎขึ้นในบริเวณนี้ และเป็นรัฐที่นับถือพุทธศาสนาเป็นหลักตามระบุไว้ในจดหมายเหตุจีน . และยังพบฐานแท่นหินทรายขนาดย่อมๆ สำหรับประติมากรรมที่อาจเป็นพระพุทธรูปหรือเทวรูปก็ได้ และพระพุทธรูปยืนสวมเทริดทำจากหินที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกล่าวถึงที่อาจนำไปปฏิสังขรณ์แล้วและอาจไม่ได้ส่งกลับมาก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังพบพระพุทธรูปแบบหินทรายปางมารวิชัยแบบเก่าซึ่งพบในแถบพื้นที่ดอนของสามชุก หนองหญ้าไซ และดอนเจดีย์ ... ภาพ วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติบนเขาขึ้นหรือเขานางบวช ต่อด้วยเจดีย์ทำจากก้อนหินผสมกับอิฐ ซึ่งมีโพรงด้านใน และพระอุโบสถมีพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัยที่พบในเขตนี้หลายองค์ ทั้งใบเสมาทำจากหินชนวนแบบวัดหลวงแต่ทำลวดลายที่พบได้ทั่วไปในเขตชัยนาท เมืองสิงห์เก่าและเมืองพรหมเก่า
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 493 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนุกหล่ะไอ้ลุง เจอร้านขายของชำที่ขายขนมในยุค 80-90 ใครเคยกินยกมือขึ้น

    เห็นขนมชีวิตวัยเด็กวิ่งตัดหน้ามาเลย ความทรงจำเก่าๆพุ่งแว๊บเข้าเครื่องฉายในสมอง รอยยิ้มพลิออกเหมือนดอกแรกแย้ม แต่ตอนนี้น้ำลายเยิ้มเพราะรสชาดของขนมในวัยเด็กยังตรึงใจถึงวัยนี้

    #ช้างชักภาพ #ขนมรุ่นเก๋า #ช้างเรื่องเยอะ #phototherapy
    สนุกหล่ะไอ้ลุง เจอร้านขายของชำที่ขายขนมในยุค 80-90 ใครเคยกินยกมือขึ้น เห็นขนมชีวิตวัยเด็กวิ่งตัดหน้ามาเลย ความทรงจำเก่าๆพุ่งแว๊บเข้าเครื่องฉายในสมอง รอยยิ้มพลิออกเหมือนดอกแรกแย้ม แต่ตอนนี้น้ำลายเยิ้มเพราะรสชาดของขนมในวัยเด็กยังตรึงใจถึงวัยนี้ #ช้างชักภาพ #ขนมรุ่นเก๋า #ช้างเรื่องเยอะ #phototherapy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศกำลังอักเสบหนัก ก็เพราะเราคือหนึ่งคนที่เป็นต้นเหตุ

    ค่าฝุ่นยังคงวิกฤตต่อเนื่องมาหลายวัน โดยเฉพาะวันนี้ สิบสองปีก่อนตอนที่ข้าพเจ้าย้ายมาอยู่ที่พักปัจจุบันในซอยโชคชัยสี่ ซึ่งห้องอยู่ชั้น5 ชั้นบนสุดของตึก ยืนที่ระเบียงมองออกไปไกล ๆ ทางซ้ายมือจะเห็นตึกช้างตั้งตระหง่านโดดเด่น มาวันนี้ตึกช้างและตึกทั้งหลายหายแวบไปหมด เห็นเพียงม่านขาวหนาหนักเท่านั้น

    เมื่อมองให้ลึกลงไป นี่มาจากนิสัยมักง่าย สบาย ๆ อะไรก็ได้ ไร้วินัย ไร้ความรับผิดชอบ เห็นแก่ตัวของพลเมืองไทยทั้งประเทศเองนี้แหละ จึงทำให้สถานการณ์หลายสิ่งเดินมาถึงจุดนี้ เราจึงต้องแบกรับกรรมที่ก่อร่วมกัน

    เหมือนดังเช่นที่เราคนไทยไปที่ไหนก็มีแต่กองขยะหลังทำกิจกรรมจบ

    เหมือนดังเช่นที่เราคนไทยชาชินกับการชอบจอดรถส่วนตัวบนถนนสาธารณะกีดขวางคนใช้รถใช้ถนนคนอื่น แล้วอ้างว่าถนนสาธารณะ

    เหมือนดังเช่นที่คนไทยใช้รถโดยเฉพาะคนขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่ยอมจอดชะลอให้คนข้ามยามเห็นทางม้าลาย ชอบฝ่าไฟแดง ชอบฝ่าไม้กั้นทางรถไฟ ชอบย้อนศร ชอบขับขี่รถขึ้นทางคนเดิน และอีกสารพัดชอบที่เป็นความชั่ว

    เหมือนดังเช่นที่คนไทยไม่ใส่ใจว่าไฟที่เราจุดเผาจะสร้างความลำบากแก่ใครอย่างไรบ้าง อยากเผาก็เผา

    เหมือนดังเช่นที่คนไทยคิดตากข้าวก็ตากบนถนนกินเลนไปครึ่งทางตลอดแนว

    เหมือนดังเช่นที่คนไทยอยากใช้ก็จะใช้ อยากกินก็จะกิน อยากทิ้งตรงไหนก็จะทิ้ง แม้นรู้ดีว่าการกินการใช้การทิ้งของตน สร้างภาระแก่สังคมและโลกใบนี้มากมายมหาศาล

    เหมือนดังเช่นที่คนไทยบอกว่าผู้มีอำนาจหรือคนมาบริหารประเทศโกงบ้างไม่เป็นไรขอให้เก่งเป็นพอ แม้นจะเก่งในทางโกงก็ตาม

    เหมือนที่คนไทยชอบแซงคิวคนอื่นไม่สนใจใครยืนรอต่อกันอยู่ก่อน ขอแทรกนิด ขอแทรกหน่อยก็เอา

    เหมือนที่คนไทยชอบใช้เส้นสายให้คนรู้จักดำเนินการอะไรให้ทางสะดวกในทุกวงการตั้งแต่ระดับล่างไปยันระดับบนโดยที่ต้องมีใต้โต๊ะ หรือถ้ารู้จักสนิทสนมก็ไม่ต้องจ่าย

    เหมือนที่คนไทยไม่เคยจดจำว่าใครเคยทำเลวทำชั่ว ทำร้ายคนอื่นทำร้ายประเทศไว้มากขนาดไหน แค่เขาใช้ลมปากเข้าหน่อยก็หลงเคลิ้มไปกับสิ่งที่เขาพ่นออกมาราวกับว่านั่นคือวาจาของทูตสวรรค์

    เหมือนที่คนไทยชอบบอกว่าเรื่องไม่ดีส่วนตัวของคนสาธารณะไม่เกี่ยวข้องกันกับเรื่องงาน เขาจะเลวจะร้ายอย่างไรฉันไม่สน ขอเสพสิ่งที่เขาปรนเปรอให้ฉันพอใจได้เท่านั้นแหละ

    และอีกมากมายที่เราคนไทยซึ่งเป็นพันธุ์อย่างนี้มานมนาน แล้วไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยังปล่อยให้นิสัยเสียเช่นนี้แอบแฝงอยู่ในตัวตนของเราต่อไป แล้วก็ใช้ชีวิตไปอย่างบ้า ๆ บอ ๆ ไปวัน ๆ แล้วเมื่อไรมันจะถึงวันที่เราหลุดพ้นออกจากดีเอ็นเอนี้ ที่สร้างความอักเสบไปทั่วประเทศได้สักที

    เพราะทุกคนแค่บ่นด่าคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบระดับบนเพื่อให้พ้นตัว ทว่าปล่อยคนคนหนึ่งให้ยังใช้ชีวิตแบบไร้ความรับผิดชอบต่อไป เพราะคิดอย่างสั้นเอาว่าเป็นหน้าที่ของเขา โดยไม่มองเห็นเลยว่าแล้วตัวเราเองล่ะ

    หน้าที่ของเรา เราทำหน้าที่แล้วหรือยัง


    ถ้าเราไม่สนใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เราอาจคือฝุ่นพีเอ็ม2.5ที่ทำร้ายคนไทยด้วยกันอยู่ทุกวันก็เป็นได้

    ที่นี่ประเทศไทย

    #บทความ
    #ข้อคิด
    #thaitimes
    #คนไทย
    #วิกฤตฝุ่น
    ประเทศกำลังอักเสบหนัก ก็เพราะเราคือหนึ่งคนที่เป็นต้นเหตุ ค่าฝุ่นยังคงวิกฤตต่อเนื่องมาหลายวัน โดยเฉพาะวันนี้ สิบสองปีก่อนตอนที่ข้าพเจ้าย้ายมาอยู่ที่พักปัจจุบันในซอยโชคชัยสี่ ซึ่งห้องอยู่ชั้น5 ชั้นบนสุดของตึก ยืนที่ระเบียงมองออกไปไกล ๆ ทางซ้ายมือจะเห็นตึกช้างตั้งตระหง่านโดดเด่น มาวันนี้ตึกช้างและตึกทั้งหลายหายแวบไปหมด เห็นเพียงม่านขาวหนาหนักเท่านั้น เมื่อมองให้ลึกลงไป นี่มาจากนิสัยมักง่าย สบาย ๆ อะไรก็ได้ ไร้วินัย ไร้ความรับผิดชอบ เห็นแก่ตัวของพลเมืองไทยทั้งประเทศเองนี้แหละ จึงทำให้สถานการณ์หลายสิ่งเดินมาถึงจุดนี้ เราจึงต้องแบกรับกรรมที่ก่อร่วมกัน เหมือนดังเช่นที่เราคนไทยไปที่ไหนก็มีแต่กองขยะหลังทำกิจกรรมจบ เหมือนดังเช่นที่เราคนไทยชาชินกับการชอบจอดรถส่วนตัวบนถนนสาธารณะกีดขวางคนใช้รถใช้ถนนคนอื่น แล้วอ้างว่าถนนสาธารณะ เหมือนดังเช่นที่คนไทยใช้รถโดยเฉพาะคนขี่มอเตอร์ไซค์ ไม่ยอมจอดชะลอให้คนข้ามยามเห็นทางม้าลาย ชอบฝ่าไฟแดง ชอบฝ่าไม้กั้นทางรถไฟ ชอบย้อนศร ชอบขับขี่รถขึ้นทางคนเดิน และอีกสารพัดชอบที่เป็นความชั่ว เหมือนดังเช่นที่คนไทยไม่ใส่ใจว่าไฟที่เราจุดเผาจะสร้างความลำบากแก่ใครอย่างไรบ้าง อยากเผาก็เผา เหมือนดังเช่นที่คนไทยคิดตากข้าวก็ตากบนถนนกินเลนไปครึ่งทางตลอดแนว เหมือนดังเช่นที่คนไทยอยากใช้ก็จะใช้ อยากกินก็จะกิน อยากทิ้งตรงไหนก็จะทิ้ง แม้นรู้ดีว่าการกินการใช้การทิ้งของตน สร้างภาระแก่สังคมและโลกใบนี้มากมายมหาศาล เหมือนดังเช่นที่คนไทยบอกว่าผู้มีอำนาจหรือคนมาบริหารประเทศโกงบ้างไม่เป็นไรขอให้เก่งเป็นพอ แม้นจะเก่งในทางโกงก็ตาม เหมือนที่คนไทยชอบแซงคิวคนอื่นไม่สนใจใครยืนรอต่อกันอยู่ก่อน ขอแทรกนิด ขอแทรกหน่อยก็เอา เหมือนที่คนไทยชอบใช้เส้นสายให้คนรู้จักดำเนินการอะไรให้ทางสะดวกในทุกวงการตั้งแต่ระดับล่างไปยันระดับบนโดยที่ต้องมีใต้โต๊ะ หรือถ้ารู้จักสนิทสนมก็ไม่ต้องจ่าย เหมือนที่คนไทยไม่เคยจดจำว่าใครเคยทำเลวทำชั่ว ทำร้ายคนอื่นทำร้ายประเทศไว้มากขนาดไหน แค่เขาใช้ลมปากเข้าหน่อยก็หลงเคลิ้มไปกับสิ่งที่เขาพ่นออกมาราวกับว่านั่นคือวาจาของทูตสวรรค์ เหมือนที่คนไทยชอบบอกว่าเรื่องไม่ดีส่วนตัวของคนสาธารณะไม่เกี่ยวข้องกันกับเรื่องงาน เขาจะเลวจะร้ายอย่างไรฉันไม่สน ขอเสพสิ่งที่เขาปรนเปรอให้ฉันพอใจได้เท่านั้นแหละ และอีกมากมายที่เราคนไทยซึ่งเป็นพันธุ์อย่างนี้มานมนาน แล้วไม่เปลี่ยนแปลง แต่ยังปล่อยให้นิสัยเสียเช่นนี้แอบแฝงอยู่ในตัวตนของเราต่อไป แล้วก็ใช้ชีวิตไปอย่างบ้า ๆ บอ ๆ ไปวัน ๆ แล้วเมื่อไรมันจะถึงวันที่เราหลุดพ้นออกจากดีเอ็นเอนี้ ที่สร้างความอักเสบไปทั่วประเทศได้สักที เพราะทุกคนแค่บ่นด่าคนที่มีหน้าที่รับผิดชอบระดับบนเพื่อให้พ้นตัว ทว่าปล่อยคนคนหนึ่งให้ยังใช้ชีวิตแบบไร้ความรับผิดชอบต่อไป เพราะคิดอย่างสั้นเอาว่าเป็นหน้าที่ของเขา โดยไม่มองเห็นเลยว่าแล้วตัวเราเองล่ะ หน้าที่ของเรา เราทำหน้าที่แล้วหรือยัง ถ้าเราไม่สนใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เราอาจคือฝุ่นพีเอ็ม2.5ที่ทำร้ายคนไทยด้วยกันอยู่ทุกวันก็เป็นได้ ที่นี่ประเทศไทย #บทความ #ข้อคิด #thaitimes #คนไทย #วิกฤตฝุ่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว