• ความหมายของ "สูงสุด คืนสู่สามัญ" ที่แท้จริง
    สำหรับคนทั่วไปแล้ว ความหมายของ "สูงสุด คืนสู่สามัญ" นั้นหมายถึง
    ไม่ว่าใครที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดแค่ไหนก็ตาม ล้วนมีจุดจบที่แสนเศร้าเหมือนกันหมดทุกคน นั่นก็คือความตาย นอนตายอยู่ในโลงศพที่ใหญ่กว่าตนด้วยกันทุกคน แต่ที่แตกต่างกันก็คือ ก่อนตายนั้นเขาเหล่านั้นได้ทิ้งอะไรไว้ก่อนที่ตนเองจะตายไป สิ่งนั้นก็คือคุณงามความดีหรือบาปบุญคุณโทษนั่นเอง
    แต่สำหรับผมแล้ว ความหมายของ "สูงสุด คืนสู่สามัญ" นั้นแตกต่างออกไปจากคนอื่นๆคือ การที่ผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดนั้น ได้ทำประโยชน์ให้แก่ผู้ที่ยืนอยู่ในจุดที่ต่ำกว่าตนเอง หรือผู้ที่ยืนอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดนั่นเอง
    ดังตัวอย่างในบุคคลหนึ่งที่สามารถเข้าใจในความหมายนั้นได้โดยง่ายที่สุด
    บุคคลนั้นก็คือ ในหลวงของพวกเราปวงชนชาวไทยนั่นเอง ซึ่งท่านได้ทำให้ทุกคนได้เห็นประจักษ์กันทั่วทั้งประเทศและทั่วทั้งโลกแล้วนั่นเอง
    ดังนั้นพวกเราปวงชนชาวไทยควรจะตอบแทนบุญคุณท่านด้วยการเป็นคนดี สามัคคีกัน อยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจกันและกัน ทำให้ท่านมีความสุขและกลับมายิ้มได้อีกครั้ง
    ความหมายของ "สูงสุด คืนสู่สามัญ" ที่แท้จริง สำหรับคนทั่วไปแล้ว ความหมายของ "สูงสุด คืนสู่สามัญ" นั้นหมายถึง ไม่ว่าใครที่เคยยืนอยู่บนจุดสูงสุดแค่ไหนก็ตาม ล้วนมีจุดจบที่แสนเศร้าเหมือนกันหมดทุกคน นั่นก็คือความตาย นอนตายอยู่ในโลงศพที่ใหญ่กว่าตนด้วยกันทุกคน แต่ที่แตกต่างกันก็คือ ก่อนตายนั้นเขาเหล่านั้นได้ทิ้งอะไรไว้ก่อนที่ตนเองจะตายไป สิ่งนั้นก็คือคุณงามความดีหรือบาปบุญคุณโทษนั่นเอง แต่สำหรับผมแล้ว ความหมายของ "สูงสุด คืนสู่สามัญ" นั้นแตกต่างออกไปจากคนอื่นๆคือ การที่ผู้ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดนั้น ได้ทำประโยชน์ให้แก่ผู้ที่ยืนอยู่ในจุดที่ต่ำกว่าตนเอง หรือผู้ที่ยืนอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดนั่นเอง ดังตัวอย่างในบุคคลหนึ่งที่สามารถเข้าใจในความหมายนั้นได้โดยง่ายที่สุด บุคคลนั้นก็คือ ในหลวงของพวกเราปวงชนชาวไทยนั่นเอง ซึ่งท่านได้ทำให้ทุกคนได้เห็นประจักษ์กันทั่วทั้งประเทศและทั่วทั้งโลกแล้วนั่นเอง ดังนั้นพวกเราปวงชนชาวไทยควรจะตอบแทนบุญคุณท่านด้วยการเป็นคนดี สามัคคีกัน อยู่ด้วยกันอย่างเข้าใจกันและกัน ทำให้ท่านมีความสุขและกลับมายิ้มได้อีกครั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความหวัง
    คนทั่วไปอาจจะคิดว่าความหวังไม่ใช่สิ่งสำคัญสักเท่าไหร่ในการมีชีวิตอยู่ของคนเรา
    แต่แท้ที่จริงแล้วความหวังเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไปในวันข้างหน้า
    น้อยคนนักที่จะมีความหวังอันเต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เรารู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง หรือตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังหมดกำลังใจที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆที่กำลังประสบพบเจออยู่ในขณะนั้น ท่ามกลางความท้อแท้สิ้นหวังนั้น คนที่สามารถปลุกเร้ากำลังใจขึ้นมาทำให้กลับมามีความหวังขึ้นมาได้อีกครั้งนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้นั้น มันก็เท่ากับว่าเค้าผู้นั้นได้กำกุญแจแห่งชัยชนะไว้ในมือแล้วนั่นเอง ส่วนผู้ที่ถูกความท้อแท้สิ้นหวังกลืนกินไปแล้วนั้น มันก็เท่ากับว่าเค้าผู้นั้นกำลังตกอยู่ในห้วงหุบเหวแห่งความพ่ายแพ้แล้วนั่นเอง
    คนเราควรจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความหวัง อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตนี้มีค่าแก่การมีชีวิตอยู่ มันเหมือนเป็นการให้กำลังใจตัวเองด้วยไปในตัว เมือเกิดความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังหมดอาลัยอาวรในชีวิต รันทดชีวิต เกิดความรู้สึกว่าในชั่วชีวิตนี้นั้นมันไม่เหลืออะไรให้อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว สุดท้ายก็จะคิดสั้น ฆ่าตัวตาย หรืออาจจะถึงขั้นพาลพลอยพาคนอื่นเดือดร้อน ฆ่าคนอื่นตายตามไปด้วย เพราะเกิดความรู้สึก เหงา ว้าแหว่ ที่ตัวเองตายไปแล้วไม่มีใครตายไปเป็นเพื่อนกับตนเองในโลกหน้าด้วยนั่นเอง
    ความรู้สึกนี้นันเกิดขึ้นได้กับทุกคน และแทบทุกคนก็ล้วนเคยประสบพบเจอกับความรู้สึกนี้มาด้วยกันทั้งนั้น เพราะในชั่วชีวิตของคนเราคนหนึ่งนั้นก็ต้องพบเจอกับความสุขความทุกข์มาด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครที่จะไม่เคยมีประสบการณ์ความสุขหรือความทุกข์แต่เพียงอย่างเดียวด้านเดียวไปชั่วทั้งชีวิตหรอกจริงมั้ย
    การคว้าความหวังมาไว้ในกำมือนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลยเสียทีเดียว เค้าคนนั้นจะต้องผ่านการทดสอบจากเบื้องบนมาอย่างแสนสาหัสมากมาย กว่าจะรู้ซึ้งถึงความหมายที่แท้จริงของตนเองว่าควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร เพื่อใคร แล้วจะทำอะไรต่อไปในวันข้างหน้า ในขณะที่ตนเองยังมีชีวิตอยู่ต่อดี ถ้าเค้าสามารถค้นหาคำตอบแห่งชีวิตของตนเองได้ เค้าคนนั้นก็จะเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม และก็สาสามารถคว้าความหวังมาไว้ในกำมือของตัวเองได้นั่นเอง
    สุดท้ายนี้ผมขอถามคุณผู้อ่านว่า
    1.คุณคิดว่าคุณรู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิตของตัวเองแล้วหรือยัง?
    2.คุณได้ค้นพบคำตอบของการมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรและหรือเพื่อใครแล้วหรือยัง?
    3.คุณจะดำเนินชีวิตของคุณต่อไปอย่างไรในอนาคต ตราบจนกระทั่งคุณได้หมดลมหายใจและตายไป?
    4.เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคและความท้อแท้สิ้นหวัง คุณจะยังมีความหวังและกำลังใจอันเต็มเปี่ยมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคที่อยู่ข้างหน้าอยู่อีกมั้ย?
    สุดท้ายนี้ ผมสามารถบอกกับคุณได้ว่า
    ความหวังเป็นสิ่งสำคัญมากในการดำรงชีวิตอยู่ของคนเราจริงๆ
    ความหวัง คนทั่วไปอาจจะคิดว่าความหวังไม่ใช่สิ่งสำคัญสักเท่าไหร่ในการมีชีวิตอยู่ของคนเรา แต่แท้ที่จริงแล้วความหวังเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการทำให้เรามีชีวิตอยู่ต่อไปในวันข้างหน้า น้อยคนนักที่จะมีความหวังอันเต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เรารู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง หรือตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังหมดกำลังใจที่จะเผชิญหน้ากับอุปสรรคต่างๆที่กำลังประสบพบเจออยู่ในขณะนั้น ท่ามกลางความท้อแท้สิ้นหวังนั้น คนที่สามารถปลุกเร้ากำลังใจขึ้นมาทำให้กลับมามีความหวังขึ้นมาได้อีกครั้งนั้น ในสถานการณ์เช่นนี้นั้น มันก็เท่ากับว่าเค้าผู้นั้นได้กำกุญแจแห่งชัยชนะไว้ในมือแล้วนั่นเอง ส่วนผู้ที่ถูกความท้อแท้สิ้นหวังกลืนกินไปแล้วนั้น มันก็เท่ากับว่าเค้าผู้นั้นกำลังตกอยู่ในห้วงหุบเหวแห่งความพ่ายแพ้แล้วนั่นเอง คนเราควรจะมีชีวิตอยู่อย่างมีความหวัง อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตนี้มีค่าแก่การมีชีวิตอยู่ มันเหมือนเป็นการให้กำลังใจตัวเองด้วยไปในตัว เมือเกิดความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวังหมดอาลัยอาวรในชีวิต รันทดชีวิต เกิดความรู้สึกว่าในชั่วชีวิตนี้นั้นมันไม่เหลืออะไรให้อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว สุดท้ายก็จะคิดสั้น ฆ่าตัวตาย หรืออาจจะถึงขั้นพาลพลอยพาคนอื่นเดือดร้อน ฆ่าคนอื่นตายตามไปด้วย เพราะเกิดความรู้สึก เหงา ว้าแหว่ ที่ตัวเองตายไปแล้วไม่มีใครตายไปเป็นเพื่อนกับตนเองในโลกหน้าด้วยนั่นเอง ความรู้สึกนี้นันเกิดขึ้นได้กับทุกคน และแทบทุกคนก็ล้วนเคยประสบพบเจอกับความรู้สึกนี้มาด้วยกันทั้งนั้น เพราะในชั่วชีวิตของคนเราคนหนึ่งนั้นก็ต้องพบเจอกับความสุขความทุกข์มาด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครที่จะไม่เคยมีประสบการณ์ความสุขหรือความทุกข์แต่เพียงอย่างเดียวด้านเดียวไปชั่วทั้งชีวิตหรอกจริงมั้ย การคว้าความหวังมาไว้ในกำมือนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลยเสียทีเดียว เค้าคนนั้นจะต้องผ่านการทดสอบจากเบื้องบนมาอย่างแสนสาหัสมากมาย กว่าจะรู้ซึ้งถึงความหมายที่แท้จริงของตนเองว่าควรจะมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่ออะไร เพื่อใคร แล้วจะทำอะไรต่อไปในวันข้างหน้า ในขณะที่ตนเองยังมีชีวิตอยู่ต่อดี ถ้าเค้าสามารถค้นหาคำตอบแห่งชีวิตของตนเองได้ เค้าคนนั้นก็จะเข้มแข็งขึ้นกว่าเดิม และก็สาสามารถคว้าความหวังมาไว้ในกำมือของตัวเองได้นั่นเอง สุดท้ายนี้ผมขอถามคุณผู้อ่านว่า 1.คุณคิดว่าคุณรู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิตของตัวเองแล้วหรือยัง? 2.คุณได้ค้นพบคำตอบของการมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรและหรือเพื่อใครแล้วหรือยัง? 3.คุณจะดำเนินชีวิตของคุณต่อไปอย่างไรในอนาคต ตราบจนกระทั่งคุณได้หมดลมหายใจและตายไป? 4.เมื่อคุณต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคและความท้อแท้สิ้นหวัง คุณจะยังมีความหวังและกำลังใจอันเต็มเปี่ยมที่จะฝ่าฟันอุปสรรคที่อยู่ข้างหน้าอยู่อีกมั้ย? สุดท้ายนี้ ผมสามารถบอกกับคุณได้ว่า ความหวังเป็นสิ่งสำคัญมากในการดำรงชีวิตอยู่ของคนเราจริงๆ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพลง 3
    ผมมีบทเพลงๆหนึ่งที่ยังจดจำได้ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ที่ได้ดูผ่านทางทีวีช่อง7รายการเจ้าขุนทอง ตอนเช้า วันเสาร์-อาทิตย์ ชื่อเพลงไม่ทราบแน่ชัดนัก ซึ่งรายการนี้น้องชายของผมซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ก็ชื่นชอบและชอบดูรายการนี้อยู่เสมอขณะที่เค้ายังมีชีวิตอยู่มากนั่นเองครับ
    ชื่อของเพลงๆนี้ผมขอตั้งชื่อให้ว่า "เพลงเพื่อนแท้" ละกันนะครับ
    เพื่อนของเราก็เป็นเด็กดี แต่ก็ไม่มีเงินมากมาย
    บ้างขาวดำแตกต่างผิวกาย สื่อภาษาความหมายต่างกัน
    เพื่อนดีๆเค้ามีน้ำใจ อย่าไปมองแค่เพียงผิวพรรณ
    เค้าก็เป็นเช่นเราเหมือนกัน ทุกคน
    สุดท้ายนี้ผมหวังว่าทุกท่านคงจะชื่นชอบในความหมายของเพลงๆนี้กันบ้างนะครับ
    ป.ล.ผมไม่มีทำนองให้ คงร้องกันไม่ถูกนัก ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
    เพลง 3 ผมมีบทเพลงๆหนึ่งที่ยังจดจำได้ตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ที่ได้ดูผ่านทางทีวีช่อง7รายการเจ้าขุนทอง ตอนเช้า วันเสาร์-อาทิตย์ ชื่อเพลงไม่ทราบแน่ชัดนัก ซึ่งรายการนี้น้องชายของผมซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ก็ชื่นชอบและชอบดูรายการนี้อยู่เสมอขณะที่เค้ายังมีชีวิตอยู่มากนั่นเองครับ ชื่อของเพลงๆนี้ผมขอตั้งชื่อให้ว่า "เพลงเพื่อนแท้" ละกันนะครับ เพื่อนของเราก็เป็นเด็กดี แต่ก็ไม่มีเงินมากมาย บ้างขาวดำแตกต่างผิวกาย สื่อภาษาความหมายต่างกัน เพื่อนดีๆเค้ามีน้ำใจ อย่าไปมองแค่เพียงผิวพรรณ เค้าก็เป็นเช่นเราเหมือนกัน ทุกคน สุดท้ายนี้ผมหวังว่าทุกท่านคงจะชื่นชอบในความหมายของเพลงๆนี้กันบ้างนะครับ ป.ล.ผมไม่มีทำนองให้ คงร้องกันไม่ถูกนัก ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความหมายของคำว่า "ตายอย่างเสือ ดีกว่าอยู่อย่างหมา"
    คนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของคนดีสักเท่าไหร่นัก ถ้าเค้าไม่เหลืออด หรือ สุดที่จะทนกับบางสิ่งบางอย่างที่เค้ากำลังต่อสู้อยู่กับสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าชีวิตของตัวเอง ยิ่งเป็นยุคสมัยนี้ที่คนเรามีค่านิยมที่ผิดๆและสังคมเสื่อมทรามลงไปทุกทีที่คนเราขาดธรรมะในจิตวิญญาณ หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า "คุณธรรม,ศีลธรรม,จริยธรรม,จรรยาบรรณ" หรือคำพูดสวยหรูต่างๆนาๆที่คนทั่วไปเค้าชอบพูดกันเพื่อทำให้ตัวเองดูดีมีความรู้สูงส่งนั่นเอง ในยุคสมัยนี้นั้น น้อยคนนักที่จะมีจิตวิญญาณในการเป็นคนดี คิดดี พูดดี และทำดีในสิ่งต่างๆมากนัก
    คำว่า "ตายอย่างเสือ ดีกว่าอยู่อย่างหมา" นั้น มันเป็นคำพูดที่มีความหมายในตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่น้อยคนนักที่จะทำอย่างที่พูดไว้ได้ เพราะเค้าคนนั้นจะต้องมีจิตสาธารณะ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว หรือที่คนทั่วไปเค้าเรียกกันว่าทำเพื่อส่วนรวมนั่นเอง เพราะว่าเค้าคนนั้นต้องเป็นคนที่เสียสละชีวิตของตนเองเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า และสิ่งที่มีค่าที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิตของเค้านั้นมันคืออะไรกัน ผมจะยกตัวอย่างให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจโดยง่าย เช่น ประเทศชาติ หรือ บุคคลสำคัญที่ควรค่าแก่การปกป้อง ซึ่งก็คือประมุขของชาตินั้นๆ และหรือสิ่งต่างๆที่เป็นของส่วนรวมที่ควรค่าแก่การปกปักษ์รักษาไว้ให้คนรุ่นต่อๆไปในภายหลัง และการกระทำอย่างนี้คนทั่วไปเค้าเรียกกันว่าเป็นคนที่มี "อุดมการณ์ หรือ อุดมคติ" ยกตัวอย่างเช่น บรรพชนของเราที่พวกเค้าเหล่านั้นได้เคยเสียสละมาแล้ว เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้ใช้ได้เข้าใจ ซึ่งก็คือ ผืนแผ่นดินเกิดและทรัพยากรทางธรรมชาติหรือขนบธรรมเนียมประเพณีของทุกคนในชาติ
    แค่นี้คุณผู้อ่านคงพอจะเข้าใจบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ
    ผมอยากจะส่งต่อเจตจำนงนี้ให้กับคุณ มันเรียกว่า "เจตจำนงของบรรพชน" ซึ่งคุณควรที่จะสานต่อและปกปักษ์รักษามันไว้ให้แก่คนรุ่นหลังได้มีต่อไป เหมือนกับที่บรรพชนของเราได้เคยกระทำไว้และส่งต่อให้กับรุ่นของเรานั่นเอง
    ความหมายของคำว่า "ตายอย่างเสือ ดีกว่าอยู่อย่างหมา" คนทั่วไปอาจจะไม่ค่อยได้ยินคำนี้ออกมาจากปากของคนดีสักเท่าไหร่นัก ถ้าเค้าไม่เหลืออด หรือ สุดที่จะทนกับบางสิ่งบางอย่างที่เค้ากำลังต่อสู้อยู่กับสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่าชีวิตของตัวเอง ยิ่งเป็นยุคสมัยนี้ที่คนเรามีค่านิยมที่ผิดๆและสังคมเสื่อมทรามลงไปทุกทีที่คนเราขาดธรรมะในจิตวิญญาณ หรือที่คนทั่วไปเรียกกันว่า "คุณธรรม,ศีลธรรม,จริยธรรม,จรรยาบรรณ" หรือคำพูดสวยหรูต่างๆนาๆที่คนทั่วไปเค้าชอบพูดกันเพื่อทำให้ตัวเองดูดีมีความรู้สูงส่งนั่นเอง ในยุคสมัยนี้นั้น น้อยคนนักที่จะมีจิตวิญญาณในการเป็นคนดี คิดดี พูดดี และทำดีในสิ่งต่างๆมากนัก คำว่า "ตายอย่างเสือ ดีกว่าอยู่อย่างหมา" นั้น มันเป็นคำพูดที่มีความหมายในตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่น้อยคนนักที่จะทำอย่างที่พูดไว้ได้ เพราะเค้าคนนั้นจะต้องมีจิตสาธารณะ เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว หรือที่คนทั่วไปเค้าเรียกกันว่าทำเพื่อส่วนรวมนั่นเอง เพราะว่าเค้าคนนั้นต้องเป็นคนที่เสียสละชีวิตของตนเองเพื่อสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า และสิ่งที่มีค่าที่ยิ่งใหญ่กว่าชีวิตของเค้านั้นมันคืออะไรกัน ผมจะยกตัวอย่างให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจโดยง่าย เช่น ประเทศชาติ หรือ บุคคลสำคัญที่ควรค่าแก่การปกป้อง ซึ่งก็คือประมุขของชาตินั้นๆ และหรือสิ่งต่างๆที่เป็นของส่วนรวมที่ควรค่าแก่การปกปักษ์รักษาไว้ให้คนรุ่นต่อๆไปในภายหลัง และการกระทำอย่างนี้คนทั่วไปเค้าเรียกกันว่าเป็นคนที่มี "อุดมการณ์ หรือ อุดมคติ" ยกตัวอย่างเช่น บรรพชนของเราที่พวกเค้าเหล่านั้นได้เคยเสียสละมาแล้ว เพื่อส่งต่อให้คนรุ่นหลังได้ใช้ได้เข้าใจ ซึ่งก็คือ ผืนแผ่นดินเกิดและทรัพยากรทางธรรมชาติหรือขนบธรรมเนียมประเพณีของทุกคนในชาติ แค่นี้คุณผู้อ่านคงพอจะเข้าใจบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ ผมอยากจะส่งต่อเจตจำนงนี้ให้กับคุณ มันเรียกว่า "เจตจำนงของบรรพชน" ซึ่งคุณควรที่จะสานต่อและปกปักษ์รักษามันไว้ให้แก่คนรุ่นหลังได้มีต่อไป เหมือนกับที่บรรพชนของเราได้เคยกระทำไว้และส่งต่อให้กับรุ่นของเรานั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมคำคมของผม(ที่ผมแต่งขึ้น)ในรอบหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งที่แต่งขึ้นมาใหม่ด้วย
    1. จงเป็นคนที่ต้องเป็น ไม่ใช่คนที่อยากเป็น เพราะเราไม่สามารถฝืนลิขิตฟ้า หรือ โชคชะตาได้หรอก
    1.1 ตายอย่างเสือ ดีกว่าอยู่อย่างหมา
    1.2 สูงสุด คืนสู่สามัญที่แท้จริง
    1.3 จิตวิญญาณแห่งความหวัง คือแสงแห่งความหวัง
    1.4 เจตจำนงบรรพชน
    2. รักแท้คือการไม่ผูกมัดกับคู่แท้ของเรา และเชื่อใจซึ่งกันและกัน
    2.1 คำว่า "รัก,ชอบ,หลง" นั้น มีความหมายที่แตกต่างกัน และลึกซึ้งมาก เพราะฉะนั้น จงใช้คำให้ถูกต้อง และพูดกับผู้อื่นอย่างระมัดระวังที่สุด(เพราะว่ามันอาจจะเกิดความเข้าใจผิดกันได้ และส่งผลกระทบย้อนกลับมาถึงตัวผู้พูดเองอย่างร้ายกาจที่สุด)
    2.2 ในเมื่อเค้าไม่รักเรา เราก็อย่าไปอาลัยอาวรถึงเค้าอีก
    2.3 จงรักคนที่รักเรา ไม่ใช่คนที่เรารัก เพราะว่าคนที่เรารักนั้นเค้าอาจจะไม่ได้รักเราก็เป็นได้
    2.4 ปล่อยวางไปกับอดีตที่ผ่านมา แล้วจำเอาไว้เป็นบทเรียน และอย่าได้ทำผิดพลาดซ้ำอีก
    2.5 จงมีความหวังและเฝ้ารอคนที่เราใฝ่ฝันอย่างตั้งใจจริง และอย่าได้ท้อถอยกับอุปสรรคจนกว่าจะได้พบกัน
    2.6 หมั่นทำความดีเอาไว้ให้มากๆ แล้วจะสมหวังในความรัก ถึงแม้ว่าชาติภพนี้เราอาจจะไม่ได้พบเจอกับคนที่ใช่ แต่ก็จะเป็นใบเบิกทางให้ชาติภพหน้าให้เราได้พบเจอกับเค้าคนนั้น
    2.7 จงมีความรักอย่างซื่อสัตย์ ทั้งต่อกับตัวเอง และคนที่เรารัก รวมทั้งทุกคนด้วย
    3. คนชั่วมักจะจองเวร คนดีมักจะให้อภัย
    3.1 ค่าของคน อยู่ที่จิตวิญญาณ และคุณความดี ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
    3.5 ค่าของคน อยู่ที่ใด ค่าของคน อยู่ที่ใจ ใจที่ดี ก็เป็นสุข ใจที่ชั่ว ก็เป็นทุกข์ แล้วใจของคุณล่ะ เป็นเช่นไร
    3.6 ความจริงกับความฝันสามารถอยู่ด้วยกันได้ในบางเรื่อง แต่ความจริงกับความฝันไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ในหลายเรื่อง
    3.4 จงมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง
    3.5 มันยังไม่สายไปหรอก สำหรับการเริ่มต้นใหม่ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ มันก็คงจะยังไม่สายไป
    3.6 เงินมีไว้ใช้(ประโยชน์) ไม่ได้มีไว้เก็บ(ตระหนี่)
    รวมคำคมของผม(ที่ผมแต่งขึ้น)ในรอบหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งที่แต่งขึ้นมาใหม่ด้วย 1. จงเป็นคนที่ต้องเป็น ไม่ใช่คนที่อยากเป็น เพราะเราไม่สามารถฝืนลิขิตฟ้า หรือ โชคชะตาได้หรอก 1.1 ตายอย่างเสือ ดีกว่าอยู่อย่างหมา 1.2 สูงสุด คืนสู่สามัญที่แท้จริง 1.3 จิตวิญญาณแห่งความหวัง คือแสงแห่งความหวัง 1.4 เจตจำนงบรรพชน 2. รักแท้คือการไม่ผูกมัดกับคู่แท้ของเรา และเชื่อใจซึ่งกันและกัน 2.1 คำว่า "รัก,ชอบ,หลง" นั้น มีความหมายที่แตกต่างกัน และลึกซึ้งมาก เพราะฉะนั้น จงใช้คำให้ถูกต้อง และพูดกับผู้อื่นอย่างระมัดระวังที่สุด(เพราะว่ามันอาจจะเกิดความเข้าใจผิดกันได้ และส่งผลกระทบย้อนกลับมาถึงตัวผู้พูดเองอย่างร้ายกาจที่สุด) 2.2 ในเมื่อเค้าไม่รักเรา เราก็อย่าไปอาลัยอาวรถึงเค้าอีก 2.3 จงรักคนที่รักเรา ไม่ใช่คนที่เรารัก เพราะว่าคนที่เรารักนั้นเค้าอาจจะไม่ได้รักเราก็เป็นได้ 2.4 ปล่อยวางไปกับอดีตที่ผ่านมา แล้วจำเอาไว้เป็นบทเรียน และอย่าได้ทำผิดพลาดซ้ำอีก 2.5 จงมีความหวังและเฝ้ารอคนที่เราใฝ่ฝันอย่างตั้งใจจริง และอย่าได้ท้อถอยกับอุปสรรคจนกว่าจะได้พบกัน 2.6 หมั่นทำความดีเอาไว้ให้มากๆ แล้วจะสมหวังในความรัก ถึงแม้ว่าชาติภพนี้เราอาจจะไม่ได้พบเจอกับคนที่ใช่ แต่ก็จะเป็นใบเบิกทางให้ชาติภพหน้าให้เราได้พบเจอกับเค้าคนนั้น 2.7 จงมีความรักอย่างซื่อสัตย์ ทั้งต่อกับตัวเอง และคนที่เรารัก รวมทั้งทุกคนด้วย 3. คนชั่วมักจะจองเวร คนดีมักจะให้อภัย 3.1 ค่าของคน อยู่ที่จิตวิญญาณ และคุณความดี ขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ 3.5 ค่าของคน อยู่ที่ใด ค่าของคน อยู่ที่ใจ ใจที่ดี ก็เป็นสุข ใจที่ชั่ว ก็เป็นทุกข์ แล้วใจของคุณล่ะ เป็นเช่นไร 3.6 ความจริงกับความฝันสามารถอยู่ด้วยกันได้ในบางเรื่อง แต่ความจริงกับความฝันไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ในหลายเรื่อง 3.4 จงมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเอง 3.5 มันยังไม่สายไปหรอก สำหรับการเริ่มต้นใหม่ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ มันก็คงจะยังไม่สายไป 3.6 เงินมีไว้ใช้(ประโยชน์) ไม่ได้มีไว้เก็บ(ตระหนี่)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมคำคมของคุณลุงตัวอย่าง(คุณลุงสนธิ ลิ้มทองกุล)
    ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง
    เราเอาธรรมนำหน้า ไม่ต้องไปกลัวอะไรทั้งนั้น
    คนคำนวณ ไม่สู้ฟ้าลิขิต
    คนเก่งน่ะ...มีเยอะ แต่คนกล้าน่ะ...ไม่มี
    ชีวิตนี้ มีแต่ความว่างเปล่า
    รวมคำคมของคุณลุงตัวอย่าง(คุณลุงสนธิ ลิ้มทองกุล) ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง เราเอาธรรมนำหน้า ไม่ต้องไปกลัวอะไรทั้งนั้น คนคำนวณ ไม่สู้ฟ้าลิขิต คนเก่งน่ะ...มีเยอะ แต่คนกล้าน่ะ...ไม่มี ชีวิตนี้ มีแต่ความว่างเปล่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 18 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความหมายของ "หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่บางสิ่งบางอย่างไม่เคยเปลี่ยน"
    ในชีวิตนี้ คนเราย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและสถานการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยกันทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งสิ่งต่างๆรอบตัวเรา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นรูปธรรมนั้นย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาเสมอ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นนามธรรมนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปเลย ยกตัวอย่างเช่น สัจธรรมความรู้ต่างๆที่ได้รับการยอมรับจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมความรู้ต่างๆ กฎเกณฑ์ต่างๆของธรรมชาติ เช่น ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตก เป็นต้น
    แต่ที่ผมตั้งใจจะบอกทุกคนนั้นก็คือ จิตใจ,จิตวิญญาณ,เจตจำนง และอุดมการณ์ของคนเราบางคน และหรือหลายคนที่ไม่มีวันผันแปรหรือเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานั่นเอง
    น้อยคนนักที่จะเป็นคนเดิม เป็นตัวตนเดิม หรือคงความเป็นตัวตนของตัวเองให้เหมือนเดิมอยู่ได้ตลอดเวลา เพราะเค้าคนนั้น หรือพวกเค้าเหล่านั้นจะต้องพบเจอกับอุปสรรคขวากหนามต่างๆนาๆที่ได้รับมาจากเบื้องบนเพื่อเป็นการทดสอบที่แสนสาหัส เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเค้าเหล่านั้นมีความตั้งใจจริงที่จะกระทำความดี คงความดีของตนเองไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลายได้เป็นอย่างดีนั่นเอง แต่ผลตอบแทนที่พวกเค้าเหล่านั้นได้รับมาหลังจากที่พวกเค้าได้ตายไปนั้น มันคุ้มค่าคู่ควรแก่การเป็นคนดีอย่างแท้จริง คนดีเมื่อเคยได้กระทำความดีให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนแล้วนั้น พวกเค้าเหล่านั้นย่อมจะตายอย่างเป็นสุข และของแถมของพวกเค้าก็คือการได้รับการยกย่องนับถือแก่วงศ์ตระกูลชั่วลูกชั่วหลานนั่นเอง
    คนชั่วคนเลวส่วนใหญ่มักจะหวังผลประโยชน์ตอบแทนในสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืนแบบไม่คงทนถาวรแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับคนดีที่พยายามจะกระทำความดีอีกด้วย เพราะไปขัดแข้งขัดขาคนชั่วคนเลวพวกนั้น นั่นก็คืออุปสรรคขวากหนามที่คนดีจะต้องพบเจออยู่เสมอๆนั่นเอง
    น้อยคนนักที่จะเป็นคนดีได้อย่างยั่งยืน และส่วนมากนั้นก็จะล้มเหลวและพบจุดจบที่น่าเศร้า
    ในความเห็นส่วนตัวของผมนั้น ผมคิดว่า การที่พันธมิตรฯลุกขึ้นมาต่อต้านคนชั่วที่ทำร้ายทำลายบ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และการที่พวกนปช.คิดที่จะล้มล้างสถาบันและทำลายบ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องทีไม่น่าให้อภัย และคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่คิดที่จะเข้าข้างใคร และไม่คิดที่จะทำอะไรเลย เอาแต่กล่าวหาว่าผู้อื่นทำไม่ดี และตัวเองเดือดร้อนจึงได้แต่ด่าว่าคนอื่นอยู่ร่ำไป
    ผมว่าบ้านเมืองที่ลุกเป็นไฟก็เพราะคนเราเห็นแก่ตัวกัน เห็นแก่ผลประโยชน์กัน ขัดแย้งผลประโยชน์กัน และอีกหลายเรื่องมากมายต่างๆนาๆ การที่คนเราไม่รักกัน ไม่สามัคคีกัน มันทำให้ทุกคนเจ็บปวด แต่จะทำไงได้ ในเมื่อสังคมเดี๋ยวนี้มันมีแต่ความเสื่อมทรามลงทุกวันๆ เพราะคนเราขาดคุณธรรม,ศีลธรรม,จริยธรรม,จรรยาบรรณ และคุณงามความดีกันนั่นเอง เพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ล้าหลังล้าสมัยกันนั่นเอง
    สุดท้ายแล้วโลกจะเป็นอย่างไรก็ไม่สนใจ และท้ายที่สุดแล้ววันนั้นมันก็จะมาถึง "วันแห่งการพิพากษา" ของโลกใบนี้ และตอนนี้มันก็เริ่มกระบวนการของมันอยู่แล้ว ก็คือภัยธรรมชาติของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง
    ผมอยากรู้จริงๆว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไปกันนะ และถึงที่สุดแล้วคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือใครกัน ผมว่าคงไม่ใช่คนที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในรัฐบาลอัปปรีย์สิทธิ์ หรือ รัฐบาลยิ่งอัปลักษณ์อย่างแน่นอน เพราะคนที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้นก็คือเหล่าพุทธะหรือผู้รู้แจ้งโลกแจ้งจักรวาลอย่างผู้นำทุกศาสนาที่เฝ้าสั่งสอนเราให้เป็นคนดีนั่นเอง
    ความหมายของ "หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนแปลงไป แต่บางสิ่งบางอย่างไม่เคยเปลี่ยน" ในชีวิตนี้ คนเราย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาและสถานการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยกันทุกคน ไม่เว้นแม้กระทั่งสิ่งต่างๆรอบตัวเรา ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นรูปธรรมนั้นย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลาเสมอ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นนามธรรมนั้นจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปเลย ยกตัวอย่างเช่น สัจธรรมความรู้ต่างๆที่ได้รับการยอมรับจากองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมความรู้ต่างๆ กฎเกณฑ์ต่างๆของธรรมชาติ เช่น ดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออก และตกทางทิศตะวันตก เป็นต้น แต่ที่ผมตั้งใจจะบอกทุกคนนั้นก็คือ จิตใจ,จิตวิญญาณ,เจตจำนง และอุดมการณ์ของคนเราบางคน และหรือหลายคนที่ไม่มีวันผันแปรหรือเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลานั่นเอง น้อยคนนักที่จะเป็นคนเดิม เป็นตัวตนเดิม หรือคงความเป็นตัวตนของตัวเองให้เหมือนเดิมอยู่ได้ตลอดเวลา เพราะเค้าคนนั้น หรือพวกเค้าเหล่านั้นจะต้องพบเจอกับอุปสรรคขวากหนามต่างๆนาๆที่ได้รับมาจากเบื้องบนเพื่อเป็นการทดสอบที่แสนสาหัส เพื่อที่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเค้าเหล่านั้นมีความตั้งใจจริงที่จะกระทำความดี คงความดีของตนเองไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลายได้เป็นอย่างดีนั่นเอง แต่ผลตอบแทนที่พวกเค้าเหล่านั้นได้รับมาหลังจากที่พวกเค้าได้ตายไปนั้น มันคุ้มค่าคู่ควรแก่การเป็นคนดีอย่างแท้จริง คนดีเมื่อเคยได้กระทำความดีให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่ทุกคนแล้วนั้น พวกเค้าเหล่านั้นย่อมจะตายอย่างเป็นสุข และของแถมของพวกเค้าก็คือการได้รับการยกย่องนับถือแก่วงศ์ตระกูลชั่วลูกชั่วหลานนั่นเอง คนชั่วคนเลวส่วนใหญ่มักจะหวังผลประโยชน์ตอบแทนในสิ่งที่ไม่จีรังยั่งยืนแบบไม่คงทนถาวรแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนให้กับคนดีที่พยายามจะกระทำความดีอีกด้วย เพราะไปขัดแข้งขัดขาคนชั่วคนเลวพวกนั้น นั่นก็คืออุปสรรคขวากหนามที่คนดีจะต้องพบเจออยู่เสมอๆนั่นเอง น้อยคนนักที่จะเป็นคนดีได้อย่างยั่งยืน และส่วนมากนั้นก็จะล้มเหลวและพบจุดจบที่น่าเศร้า ในความเห็นส่วนตัวของผมนั้น ผมคิดว่า การที่พันธมิตรฯลุกขึ้นมาต่อต้านคนชั่วที่ทำร้ายทำลายบ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และการที่พวกนปช.คิดที่จะล้มล้างสถาบันและทำลายบ้านเมืองนั้น เป็นเรื่องทีไม่น่าให้อภัย และคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ไม่คิดที่จะเข้าข้างใคร และไม่คิดที่จะทำอะไรเลย เอาแต่กล่าวหาว่าผู้อื่นทำไม่ดี และตัวเองเดือดร้อนจึงได้แต่ด่าว่าคนอื่นอยู่ร่ำไป ผมว่าบ้านเมืองที่ลุกเป็นไฟก็เพราะคนเราเห็นแก่ตัวกัน เห็นแก่ผลประโยชน์กัน ขัดแย้งผลประโยชน์กัน และอีกหลายเรื่องมากมายต่างๆนาๆ การที่คนเราไม่รักกัน ไม่สามัคคีกัน มันทำให้ทุกคนเจ็บปวด แต่จะทำไงได้ ในเมื่อสังคมเดี๋ยวนี้มันมีแต่ความเสื่อมทรามลงทุกวันๆ เพราะคนเราขาดคุณธรรม,ศีลธรรม,จริยธรรม,จรรยาบรรณ และคุณงามความดีกันนั่นเอง เพราะเห็นว่ามันเป็นเรื่องที่ล้าหลังล้าสมัยกันนั่นเอง สุดท้ายแล้วโลกจะเป็นอย่างไรก็ไม่สนใจ และท้ายที่สุดแล้ววันนั้นมันก็จะมาถึง "วันแห่งการพิพากษา" ของโลกใบนี้ และตอนนี้มันก็เริ่มกระบวนการของมันอยู่แล้ว ก็คือภัยธรรมชาติของธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง ผมอยากรู้จริงๆว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไปกันนะ และถึงที่สุดแล้วคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือใครกัน ผมว่าคงไม่ใช่คนที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ในรัฐบาลอัปปรีย์สิทธิ์ หรือ รัฐบาลยิ่งอัปลักษณ์อย่างแน่นอน เพราะคนที่ยิ่งใหญ่ที่แท้จริงนั้นก็คือเหล่าพุทธะหรือผู้รู้แจ้งโลกแจ้งจักรวาลอย่างผู้นำทุกศาสนาที่เฝ้าสั่งสอนเราให้เป็นคนดีนั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกิดเหตุคนขับเก๋งไล่ชนไรเดอร์ ร่างอัดกระแทกเสากล้องวงจรปิดเสียชีวิต ย่านสุขุมวิท หลังเกิดเฉี่ยวชนแล้วมีปากเสียงกัน

    วันนี้ (21 ม.ค.) ร.ต.อ.จรินทร์ รัตนสุวรรณชัย รอง สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุ รถเฉี่ยวชนมีผู้เสียชีวิตบริเวณ สุขุมวิท 10 แขวงเขตคลองเตย กรุงเทพฯ จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

    ที่เกิดเหตุอยู่บนฟุตปาธริมถนนสุขุมวิท ระหว่างซอย 8 กับซอย 10 พบร่างคนขับไรเดอร์ สวมเสื้อแขนยาวสีชมพู และกางเกงยีนส์ถูกชน ร่างกระแทกเสากล้องวงจรปิดได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่จึงเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อผู้ตายคือ นายฤทธิศักดิ์ ประคุปตานนท์ อายุ 48 ปี ใกล้กับบริเวณที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ไฟฟ้าสีดำ ทะเบียน 7ขฌ906 กรุงเทพมหานคร สภาพพังเสียหาย

    จากการสอบสวน นายกิตติภูมิ อายุ 48 ปี ไรเดอร์ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เห็นไรเดอร์และรถเก๋งคู่กรณี จอดอยู่เลนขวามีปากเสียงกันอยู่ คาดว่าน่าจะมีปัญหาการเฉี่ยวชนกันเกิดขึ้น ขณะนั้นรถเก๋งดังกล่าว ได้พยายามหลบหนี โดยไรเดอร์ได้ยืนขวางรถไว้ แต่รถเก๋งคันดังกล่าวพยายามจะขับหนี ตัวไรเดอร์จึงได้ทุบรถ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000006496

    #MGROnline #ไรเดอร์ #ขับเก๋งไล่ชน
    เกิดเหตุคนขับเก๋งไล่ชนไรเดอร์ ร่างอัดกระแทกเสากล้องวงจรปิดเสียชีวิต ย่านสุขุมวิท หลังเกิดเฉี่ยวชนแล้วมีปากเสียงกัน • วันนี้ (21 ม.ค.) ร.ต.อ.จรินทร์ รัตนสุวรรณชัย รอง สว.(สอบสวน) สน.ลุมพินี รับแจ้งเหตุ รถเฉี่ยวชนมีผู้เสียชีวิตบริเวณ สุขุมวิท 10 แขวงเขตคลองเตย กรุงเทพฯ จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุ พร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง • ที่เกิดเหตุอยู่บนฟุตปาธริมถนนสุขุมวิท ระหว่างซอย 8 กับซอย 10 พบร่างคนขับไรเดอร์ สวมเสื้อแขนยาวสีชมพู และกางเกงยีนส์ถูกชน ร่างกระแทกเสากล้องวงจรปิดได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่จึงเร่งปฐมพยาบาลเบื้องต้น แต่ไม่เป็นผลเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อผู้ตายคือ นายฤทธิศักดิ์ ประคุปตานนท์ อายุ 48 ปี ใกล้กับบริเวณที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ไฟฟ้าสีดำ ทะเบียน 7ขฌ906 กรุงเทพมหานคร สภาพพังเสียหาย • จากการสอบสวน นายกิตติภูมิ อายุ 48 ปี ไรเดอร์ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เห็นไรเดอร์และรถเก๋งคู่กรณี จอดอยู่เลนขวามีปากเสียงกันอยู่ คาดว่าน่าจะมีปัญหาการเฉี่ยวชนกันเกิดขึ้น ขณะนั้นรถเก๋งดังกล่าว ได้พยายามหลบหนี โดยไรเดอร์ได้ยืนขวางรถไว้ แต่รถเก๋งคันดังกล่าวพยายามจะขับหนี ตัวไรเดอร์จึงได้ทุบรถ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000006496 • #MGROnline #ไรเดอร์ #ขับเก๋งไล่ชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความไว้อาลัยแด่เพื่อนพ้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกๆท่าน ในวันครบรอบ ๗ ตุลา ปีที่ ๓
    ผมอยากจะบอกเพียงประโยคเดียว "คนดีไม่มีวันตาย" ถึงผมจะไม่เคยไปชุมนุมกับเหล่าเพื่อนพ้องพันธมิตรฯ แต่ก็มีจิตวิญญาณร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเหล่าเพื่อนพ้องทุกๆท่าน
    ผมยังดีใจและยังคงภูมิใจเสมอมาที่ได้เป็นพันธมิตรฯ นับตั้งแต่วันแรกที่ได้เป็น ได้ร่วมต่อสู้ไปกับเหล่าเพื่อนพ้องทุกๆท่านทางหน้าจอ และทุกวันนี้ผมก็เฝ้าสวดมนต์ภวานาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองในหลวง,ราชินี,สมเด็จญาณ,พลเอกเปรมและเพื่อนพ้องพันธมิตรฯที่เป็นคนดีอย่างแท้จริงทุกๆท่าน ทั้งที่มีชีวิตอยู่และได้สละชีพร่วงลับไปแล้ว
    ผมเชื่อมั่นว่าผืนแผ่นดินประเทศไทยสยามนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก คนดีเท่านั้นที่อยู่ได้ และมั่นใจอย่างแรงกล้ายิ่ง เพราะเรามีพระโพธิสัตว์อย่างในหลวงและพ่อแม่ครูอาจารย์ทุกๆท่านนั่นเอง
    ผมขอให้เพื่อนพ้องทุกๆท่านมั่นใจได้ว่ามันจะมีสักวันหนึ่งที่เป็นวันของพวกเรา ขอให้ทุกท่านร่วมกันไว้อาลัยแด่วีรชนผู้กล้าหาญทุกๆท่าน ถ้าไม่มีพวกเค้าในวันนั้น ก็คงจะไม่มีพวกเราในวันนี้ เพราะเรามีอดีต เราถึงได้แข็งแกร่งขึ้น จงจำไว้ให้ขึ้นใจเสมอ และอย่าได้ลืมเลือนว่าเพื่อนพ้องเราเสียสละกันมามากแค่ไหน เพราะฉะนั้นอย่าให้พวกเค้าต้องตายอย่างสูญเปล่า และเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เรายังมีเพื่อนพ้องอยู่ ทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า และเราจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรี่อยๆ แม้คนเพียงคนเดียวก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้
    จงเชื่อมั่นในตนเองและเพื่อนพ้องตลอดไป ตราบใดที่เรายังมีอุดมการณ์เดียวกัน พันธมิตรฯก็จะยังคงอยู่ชั่วลูกหลานอย่างแน่นอน
    สุดท้ายนี้ผมขอให้ทุกๆคนโชคดี และสามัคคีกันไว้ตลอดไปนะครับ
    บทความไว้อาลัยแด่เพื่อนพ้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทุกๆท่าน ในวันครบรอบ ๗ ตุลา ปีที่ ๓ ผมอยากจะบอกเพียงประโยคเดียว "คนดีไม่มีวันตาย" ถึงผมจะไม่เคยไปชุมนุมกับเหล่าเพื่อนพ้องพันธมิตรฯ แต่ก็มีจิตวิญญาณร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับเหล่าเพื่อนพ้องทุกๆท่าน ผมยังดีใจและยังคงภูมิใจเสมอมาที่ได้เป็นพันธมิตรฯ นับตั้งแต่วันแรกที่ได้เป็น ได้ร่วมต่อสู้ไปกับเหล่าเพื่อนพ้องทุกๆท่านทางหน้าจอ และทุกวันนี้ผมก็เฝ้าสวดมนต์ภวานาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองในหลวง,ราชินี,สมเด็จญาณ,พลเอกเปรมและเพื่อนพ้องพันธมิตรฯที่เป็นคนดีอย่างแท้จริงทุกๆท่าน ทั้งที่มีชีวิตอยู่และได้สละชีพร่วงลับไปแล้ว ผมเชื่อมั่นว่าผืนแผ่นดินประเทศไทยสยามนี้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก คนดีเท่านั้นที่อยู่ได้ และมั่นใจอย่างแรงกล้ายิ่ง เพราะเรามีพระโพธิสัตว์อย่างในหลวงและพ่อแม่ครูอาจารย์ทุกๆท่านนั่นเอง ผมขอให้เพื่อนพ้องทุกๆท่านมั่นใจได้ว่ามันจะมีสักวันหนึ่งที่เป็นวันของพวกเรา ขอให้ทุกท่านร่วมกันไว้อาลัยแด่วีรชนผู้กล้าหาญทุกๆท่าน ถ้าไม่มีพวกเค้าในวันนั้น ก็คงจะไม่มีพวกเราในวันนี้ เพราะเรามีอดีต เราถึงได้แข็งแกร่งขึ้น จงจำไว้ให้ขึ้นใจเสมอ และอย่าได้ลืมเลือนว่าเพื่อนพ้องเราเสียสละกันมามากแค่ไหน เพราะฉะนั้นอย่าให้พวกเค้าต้องตายอย่างสูญเปล่า และเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เรายังมีเพื่อนพ้องอยู่ ทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า และเราจะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรี่อยๆ แม้คนเพียงคนเดียวก็สามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้ จงเชื่อมั่นในตนเองและเพื่อนพ้องตลอดไป ตราบใดที่เรายังมีอุดมการณ์เดียวกัน พันธมิตรฯก็จะยังคงอยู่ชั่วลูกหลานอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ผมขอให้ทุกๆคนโชคดี และสามัคคีกันไว้ตลอดไปนะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณค่าของสิ่งที่รามีอยู่
    จงรู้ถึงคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่ และเก็บรักษามันไว้ให้ดีที่สุด สิ่งนั้นมันอาจจะมีค่ามากกว่าสิ่งใหม่ที่เราได้มาก็เป็นได้
    คุณค่าของสิ่งที่รามีอยู่ จงรู้ถึงคุณค่าของสิ่งที่เรามีอยู่ และเก็บรักษามันไว้ให้ดีที่สุด สิ่งนั้นมันอาจจะมีค่ามากกว่าสิ่งใหม่ที่เราได้มาก็เป็นได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำคมข้อคิดสอนใจในตำนานของฉันที่ฉันแต่งขึ้นเอง
    ก็เพราะว่าเรานั้นเคยมีอดีตที่แสนเจ็บปวด เราถึงได้เข้มแข็งขึ้น
    ก็เพราะว่าเรามีปัจจุบัน เราถึงได้มีอนาคตในวันข้างหน้า
    ก็เพราะว่าเรามีความหวัง เราถึงได้มีอนาคตที่สดใส
    คำคมข้อคิดสอนใจในตำนานของฉันที่ฉันแต่งขึ้นเอง ก็เพราะว่าเรานั้นเคยมีอดีตที่แสนเจ็บปวด เราถึงได้เข้มแข็งขึ้น ก็เพราะว่าเรามีปัจจุบัน เราถึงได้มีอนาคตในวันข้างหน้า ก็เพราะว่าเรามีความหวัง เราถึงได้มีอนาคตที่สดใส
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • บุญกุศลกับบุญบารมี
    บุญกุศลสามารถอุทิศแผ่ให้กันได้ แต่บุญบารมีให้กันไม่ได้ ถ้าอยากได้ต้องทำเอง
    บุญกุศลกับบุญบารมี บุญกุศลสามารถอุทิศแผ่ให้กันได้ แต่บุญบารมีให้กันไม่ได้ ถ้าอยากได้ต้องทำเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • มือกับใจ
    มือเปื้อนเมื่อไหร่ก็ล้างออกได้โดยง่าย แต่ใจเปื้อนน่ะล้างออกยากกว่ามากนัก
    เปรียบดั่งกับตัวตนของบุคคลนั้นที่เป็นอยู่ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงกว่าเดิมนั่นเอง
    มือกับใจ มือเปื้อนเมื่อไหร่ก็ล้างออกได้โดยง่าย แต่ใจเปื้อนน่ะล้างออกยากกว่ามากนัก เปรียบดั่งกับตัวตนของบุคคลนั้นที่เป็นอยู่ แล้วเปลี่ยนแปลงไปในทางที่แย่ลงกว่าเดิมนั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • การมองคนที่แท้จริง
    จงจำไว้ การมองคนที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่มองแค่เปลือกภายนอก แต่จงมองให้ลึกถึงจิตใจภายใน มองให้ลึกถึงแก่นแท้ของคนๆนั้น ไม่ใช่มองแค่รูปร่าง,หน้าตา,ฐานะ,ชื่อเสียง,ทรัพย์สิน,เงินทอง,การกระทำ หรืออย่างอื่นที่มีนอกเหนือไปกว่านี้เลย ถึงแม้ว่าเราจะบอกว่าการมองภายนอกจะบ่งบอกลักษณะ,บุคลิก,ท่าทาง,ท่าทีต่างๆของคนๆนั้นได้ก็ตามที แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะรู้จักคนๆนั้นอย่างถ่องแท้ถี่ถ้วนแล้ว โดยเฉพาะการมองคนที่การกระทำของเขา เพราะแท้ที่จริงแล้วเขาคนนั้นอาจจะทำดีต่อเราเพียงแค่กับต่อหน้าเรา แต่ลับหลังเรากลับทำในสิ่งที่ไม่ดีกับเราก็เป็นได้ หรือแม้แต่การที่เขาคนนั้นไม่ได้ทำดีกับเราเท่าที่ควรนัก บางทีเขาคนนั้นอาจจะถูกบีบคั้น บีบบังคับให้ทำในสิ่งที่เขานั้นไม่อยากจะกระทำต่อเรานักก็ได้ เพียงเพราะเขาคนนั้นต้องทำไปตามผู้ที่บงการ ที่บังคับขู่เข็ญเขา หรือคนที่มีอิทธิพลกับเขาในทางชั่วร้ายก็เป็นได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรมองคนโดยผิวเผิน แต่ให้เรามองเค้าคนนั้นอย่างตั้งใจจริงและจริงใจ โดยที่ให้เราไปคลุกคลี,เคล้าไคล้,ใกล้ชิดกับเขาบ่อยๆ ทั้งกับต่อหน้าและลับหลังเค้า และในทุกสถานการณ์เป็นต้น
    การมองคนที่แท้จริง จงจำไว้ การมองคนที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่มองแค่เปลือกภายนอก แต่จงมองให้ลึกถึงจิตใจภายใน มองให้ลึกถึงแก่นแท้ของคนๆนั้น ไม่ใช่มองแค่รูปร่าง,หน้าตา,ฐานะ,ชื่อเสียง,ทรัพย์สิน,เงินทอง,การกระทำ หรืออย่างอื่นที่มีนอกเหนือไปกว่านี้เลย ถึงแม้ว่าเราจะบอกว่าการมองภายนอกจะบ่งบอกลักษณะ,บุคลิก,ท่าทาง,ท่าทีต่างๆของคนๆนั้นได้ก็ตามที แต่มันก็ไม่ใช่ว่าเราจะรู้จักคนๆนั้นอย่างถ่องแท้ถี่ถ้วนแล้ว โดยเฉพาะการมองคนที่การกระทำของเขา เพราะแท้ที่จริงแล้วเขาคนนั้นอาจจะทำดีต่อเราเพียงแค่กับต่อหน้าเรา แต่ลับหลังเรากลับทำในสิ่งที่ไม่ดีกับเราก็เป็นได้ หรือแม้แต่การที่เขาคนนั้นไม่ได้ทำดีกับเราเท่าที่ควรนัก บางทีเขาคนนั้นอาจจะถูกบีบคั้น บีบบังคับให้ทำในสิ่งที่เขานั้นไม่อยากจะกระทำต่อเรานักก็ได้ เพียงเพราะเขาคนนั้นต้องทำไปตามผู้ที่บงการ ที่บังคับขู่เข็ญเขา หรือคนที่มีอิทธิพลกับเขาในทางชั่วร้ายก็เป็นได้ ดังนั้นเราจึงไม่ควรมองคนโดยผิวเผิน แต่ให้เรามองเค้าคนนั้นอย่างตั้งใจจริงและจริงใจ โดยที่ให้เราไปคลุกคลี,เคล้าไคล้,ใกล้ชิดกับเขาบ่อยๆ ทั้งกับต่อหน้าและลับหลังเค้า และในทุกสถานการณ์เป็นต้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำคมใหม่(เรื่องของคนดีกับคนชั่วที่มีความรู้สึกที่แตกต่างกัน)
    "คนดีเท่านั้นที่มีความสุขเสมอ คนชั่วเท่านั้นที่มีความทุกข์เสมอ"
    มันเป็นสัจธรรมอย่างแท้จริง
    คำคมใหม่(เรื่องของคนดีกับคนชั่วที่มีความรู้สึกที่แตกต่างกัน) "คนดีเท่านั้นที่มีความสุขเสมอ คนชั่วเท่านั้นที่มีความทุกข์เสมอ" มันเป็นสัจธรรมอย่างแท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคล็ดลับในการสร้างกำลังใจให้กับตนเอง
    เมื่อไหร่ที่เราท้อแท้สิ้นหวัง จงมองผู้คนที่เค้าย่ำแย่กว่าเรา หรือด้อยค่ามากกว่าเรา มันจะทำให้เรามีกำลังใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามต่างๆได้ดียิ่งขึ้น
    เมื่อไหร่ที่เราประสบความสำเร็จ จงเห็นคุณค่าของมัน และให้มองคนที่เค้าประสบความสำเร็จมากกว่าเรา และเอาตามแบบอย่างเค้า แล้วทำให้ได้อย่างเค้า หรือดีกว่าเค้า เป็นต้น
    เคล็ดลับในการสร้างกำลังใจให้กับตนเอง เมื่อไหร่ที่เราท้อแท้สิ้นหวัง จงมองผู้คนที่เค้าย่ำแย่กว่าเรา หรือด้อยค่ามากกว่าเรา มันจะทำให้เรามีกำลังใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามต่างๆได้ดียิ่งขึ้น เมื่อไหร่ที่เราประสบความสำเร็จ จงเห็นคุณค่าของมัน และให้มองคนที่เค้าประสบความสำเร็จมากกว่าเรา และเอาตามแบบอย่างเค้า แล้วทำให้ได้อย่างเค้า หรือดีกว่าเค้า เป็นต้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • รูปธรรมกับนามธรรม
    ทุกสิ่งที่เป็นรูปธรรม ล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาตลอดเวลา ไม่มีทางต่อต้านหรือลบล้างได้
    ทุกสิ่งที่เป็นนามธรรม ล้วนคงอยู่ถาวรคู่กับกาลเวลาเสมอมา ไม่มีทางต่อต้านหรือลบล้างได้เช่นกัน
    ตัวอย่างที่ทำให้เห็นได้ชัดเจน คือ สังขารของพระพุทธเจ้าไม่เที่ยง ไม่เหมือนกับคำสอนของท่านที่เที่ยงตรงถาวรเสมอมา
    รูปธรรมกับนามธรรม ทุกสิ่งที่เป็นรูปธรรม ล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาตลอดเวลา ไม่มีทางต่อต้านหรือลบล้างได้ ทุกสิ่งที่เป็นนามธรรม ล้วนคงอยู่ถาวรคู่กับกาลเวลาเสมอมา ไม่มีทางต่อต้านหรือลบล้างได้เช่นกัน ตัวอย่างที่ทำให้เห็นได้ชัดเจน คือ สังขารของพระพุทธเจ้าไม่เที่ยง ไม่เหมือนกับคำสอนของท่านที่เที่ยงตรงถาวรเสมอมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • จิตมารสังหาร
    การที่จะมีจิตมารสังหารนั้นไม่ยาก แต่มันก็ไม่ได้มาโดยง่ายนัก
    คนที่มีจิตมารสังหารนั้นมีอยู่สองประเภท คือ
    1.ผู้ที่ผ่านพ้นความทุกข์ทรมานมาอย่างแสนสาหัส โดยจะเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ ทำร้าย ทั้งทางกาย,วาจา และใจมาเนิ่นนานหลายวัน เดือน ปีก็ตาม
    2.ผู้ที่ผ่านการฝึกฝนที่แสนสาหัสยิ่งยวดโดยให้เป็นผู้ที่ฆ่า ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นทั้งคน สัตว์ และสิ่งของ ของรักของตนเองหรือของคนอื่นก็ตาม
    ทั้งสองประเภทนั้นถูกเรียกชื่อกันต่างๆนาๆทั่วไป เช่น เรียกว่า นักฆ่า,มือสังหาร,เพชฌฆาต เป็นต้น
    โดยจิตมารสังหารถือว่าเป็นขั้นที่สองจากจิตสังหารนั่นเอง มีทั้งคุณและโทษ แต่จะใช้งานเพื่อปกป้อง หรือ ทำลาย เท่านั้นเอง
    จิตมารสังหาร การที่จะมีจิตมารสังหารนั้นไม่ยาก แต่มันก็ไม่ได้มาโดยง่ายนัก คนที่มีจิตมารสังหารนั้นมีอยู่สองประเภท คือ 1.ผู้ที่ผ่านพ้นความทุกข์ทรมานมาอย่างแสนสาหัส โดยจะเป็นฝ่ายที่ถูกกระทำ ทำร้าย ทั้งทางกาย,วาจา และใจมาเนิ่นนานหลายวัน เดือน ปีก็ตาม 2.ผู้ที่ผ่านการฝึกฝนที่แสนสาหัสยิ่งยวดโดยให้เป็นผู้ที่ฆ่า ทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นทั้งคน สัตว์ และสิ่งของ ของรักของตนเองหรือของคนอื่นก็ตาม ทั้งสองประเภทนั้นถูกเรียกชื่อกันต่างๆนาๆทั่วไป เช่น เรียกว่า นักฆ่า,มือสังหาร,เพชฌฆาต เป็นต้น โดยจิตมารสังหารถือว่าเป็นขั้นที่สองจากจิตสังหารนั่นเอง มีทั้งคุณและโทษ แต่จะใช้งานเพื่อปกป้อง หรือ ทำลาย เท่านั้นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัวตาย ชื่ออยู่
    คำว่า "ตัวตาย ชื่ออยู่" นั้น มีความหมายที่ลึกซึ้งยิ่ง เพราะว่า น้อยคนนักที่จะยอมเสียสละตนเองเพื่อบางสิ่งบางอย่างที่มีค่ามากกว่าชีวิตของตนเองได้นั่นเอง คนที่ทำอย่างนี้ได้ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ที่ยอมเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อผู้อื่นและผลประโยชน์ของส่วนรวม เพื่อคนที่มีค่ามากกว่าชีวิตตนเอง เพื่อชาติบ้านเมืองประเทศชาติ เอกราชของผืนแผ่นดิน และคนจำพวกนี้นั้นก็เป็นคนดีที่น่ายกย่อง เพราะคนที่จะเสียสละชีวิตของตนเองได้นั้นมักจะเป็นคนที่ดีอยู่แล้ว หรือคนที่จงรักภักดีต่อเจ้านาย นายเหนือหัวของเค้า ถ้าหากเค้านั้นไม่ใช่คนที่ดีอะไรมากมายนัก และเจ้านายของเค้าก็จะต้องเป็นคนที่มีบุญคุณอันยิ่งใหญ่ต่อเค้านั่นเอง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าการที่ตัวเค้าได้ตายไปแล้วนั้น แต่ชื่อของเค้าจะยังคงมีผู้กล่าวขานไปอีกนานแสนนาน นั่นก็หมายถึง ชีวิตคนเรานั้นมันไม่จีรังยั่งยืน อยู่ไปไม่นานเราก็ตายกันแล้ว เพราะฉะนั้นเราควรที่จะหันมาทำความดีกันให้มากๆเข้าไว้ เพื่อให้ชาติหน้าภพหน้านั้น เราจะได้ไม่ต้องเกิดมาอย่างเจ็บปวดยิ่งกว่าเก่า หรือซ้ำรอยเดิมนั่นเอง
    ตัวตาย ชื่ออยู่ คำว่า "ตัวตาย ชื่ออยู่" นั้น มีความหมายที่ลึกซึ้งยิ่ง เพราะว่า น้อยคนนักที่จะยอมเสียสละตนเองเพื่อบางสิ่งบางอย่างที่มีค่ามากกว่าชีวิตของตนเองได้นั่นเอง คนที่ทำอย่างนี้ได้ส่วนใหญ่มักจะเป็นคนที่มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่ ที่ยอมเสียสละชีวิตของตนเองเพื่อผู้อื่นและผลประโยชน์ของส่วนรวม เพื่อคนที่มีค่ามากกว่าชีวิตตนเอง เพื่อชาติบ้านเมืองประเทศชาติ เอกราชของผืนแผ่นดิน และคนจำพวกนี้นั้นก็เป็นคนดีที่น่ายกย่อง เพราะคนที่จะเสียสละชีวิตของตนเองได้นั้นมักจะเป็นคนที่ดีอยู่แล้ว หรือคนที่จงรักภักดีต่อเจ้านาย นายเหนือหัวของเค้า ถ้าหากเค้านั้นไม่ใช่คนที่ดีอะไรมากมายนัก และเจ้านายของเค้าก็จะต้องเป็นคนที่มีบุญคุณอันยิ่งใหญ่ต่อเค้านั่นเอง ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าการที่ตัวเค้าได้ตายไปแล้วนั้น แต่ชื่อของเค้าจะยังคงมีผู้กล่าวขานไปอีกนานแสนนาน นั่นก็หมายถึง ชีวิตคนเรานั้นมันไม่จีรังยั่งยืน อยู่ไปไม่นานเราก็ตายกันแล้ว เพราะฉะนั้นเราควรที่จะหันมาทำความดีกันให้มากๆเข้าไว้ เพื่อให้ชาติหน้าภพหน้านั้น เราจะได้ไม่ต้องเกิดมาอย่างเจ็บปวดยิ่งกว่าเก่า หรือซ้ำรอยเดิมนั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไฮโซกับโลโซ
    ความแตกต่างระหว่างไฮโซกับโลโซนั้นดูเหมือนว่ามันจะมีมากมาย แต่แท้ที่จริงแล้วมันไม่ได้แตกต่างกันมากมายอะไรเลย ที่ต่างกันจริงๆนั้นก็คือ การยึดมั่นถือมั่นในอัตตาที่มีมากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง
    คนเรา ถึงจะเป็นไฮโซแต่ทำตัวสมถะติดดินก็ทำได้ เอาอย่างในหลวงท่านสอนให้พอเพียงนั่นไง และถ้าเค้าคนนั้นเป็นคนดีด้วยแล้วล่ะก็ ก็จะเอาทรัพย์สินเงินทองที่มีไปทำบุญช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนทุกข์ยาก ก็จะได้ทั้งบุญกุศลและบุญบารมีอย่างในหลวงท่าน และได้อริยทรัพย์อันยิ่งใหญ่ก็คือบุญติดตามไปในชาติภพหน้าด้วย
    ส่วนคนไฮโซที่เค้าอวดร่ำอวดรวยก็ช่างเขาเถอะ สักวันเค้าก็ต้องจนอยู่ดี โดยเฉพาะจนบุญกุศลบุญบารมีและจนใจ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย
    ส่วนคนที่เป็นพวกโลโซ แต่อยู่อย่างพอเพียง พอดี พอมี พอกิน ก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้นานโดยไม่มีความทุกข์เดือดร้อนกายใจ แต่โลโซบางพวกที่จะพูดถึงนี่สิ ช่างน่าสงสาร น่าเวทนา น่าสังเวชใจยิ่งนัก พอดีไม่มี อยากได้อยากมีอย่างเค้าแต่ทุนตัวเองก็ไม่มี ก็ไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นเค้ามา ลำพองตัวเอง อวดข้าว อวดของ ว่ามีอย่างคนอื่นเขา ทั้งๆที่ตนเองต้องเดือดร้อนในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน ซึ่งคนจำพวกนี้ก็มีเยอะนะในสังคมเรา
    สุดท้ายนี้ผมอยากจะให้ข้อคิดคุณผู้อ่านว่า สิ่งใดดีก็ควรเอาไปเป็นแบบอย่าง สิ่งใดที่ไม่ดีก็ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะครับ ซึ่งแบบอย่างที่ดีที่พวกเราเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือ ในหลวง ของพวกเราปวงชนชาวไทยนั่นเอง
    จงพอดี พอมี พอเพียง พออยู่ พอกิน แล้วเราจะไม่เดือดร้อนในภายภาคหน้า
    ไฮโซกับโลโซ ความแตกต่างระหว่างไฮโซกับโลโซนั้นดูเหมือนว่ามันจะมีมากมาย แต่แท้ที่จริงแล้วมันไม่ได้แตกต่างกันมากมายอะไรเลย ที่ต่างกันจริงๆนั้นก็คือ การยึดมั่นถือมั่นในอัตตาที่มีมากหรือน้อยกว่ากันเท่านั้นเอง คนเรา ถึงจะเป็นไฮโซแต่ทำตัวสมถะติดดินก็ทำได้ เอาอย่างในหลวงท่านสอนให้พอเพียงนั่นไง และถ้าเค้าคนนั้นเป็นคนดีด้วยแล้วล่ะก็ ก็จะเอาทรัพย์สินเงินทองที่มีไปทำบุญช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนทุกข์ยาก ก็จะได้ทั้งบุญกุศลและบุญบารมีอย่างในหลวงท่าน และได้อริยทรัพย์อันยิ่งใหญ่ก็คือบุญติดตามไปในชาติภพหน้าด้วย ส่วนคนไฮโซที่เค้าอวดร่ำอวดรวยก็ช่างเขาเถอะ สักวันเค้าก็ต้องจนอยู่ดี โดยเฉพาะจนบุญกุศลบุญบารมีและจนใจ ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย ส่วนคนที่เป็นพวกโลโซ แต่อยู่อย่างพอเพียง พอดี พอมี พอกิน ก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้นานโดยไม่มีความทุกข์เดือดร้อนกายใจ แต่โลโซบางพวกที่จะพูดถึงนี่สิ ช่างน่าสงสาร น่าเวทนา น่าสังเวชใจยิ่งนัก พอดีไม่มี อยากได้อยากมีอย่างเค้าแต่ทุนตัวเองก็ไม่มี ก็ไปกู้หนี้ยืมสินคนอื่นเค้ามา ลำพองตัวเอง อวดข้าว อวดของ ว่ามีอย่างคนอื่นเขา ทั้งๆที่ตนเองต้องเดือดร้อนในภายภาคหน้าอย่างแน่นอน ซึ่งคนจำพวกนี้ก็มีเยอะนะในสังคมเรา สุดท้ายนี้ผมอยากจะให้ข้อคิดคุณผู้อ่านว่า สิ่งใดดีก็ควรเอาไปเป็นแบบอย่าง สิ่งใดที่ไม่ดีก็ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างนะครับ ซึ่งแบบอย่างที่ดีที่พวกเราเห็นได้อย่างชัดเจนนั่นก็คือ ในหลวง ของพวกเราปวงชนชาวไทยนั่นเอง จงพอดี พอมี พอเพียง พออยู่ พอกิน แล้วเราจะไม่เดือดร้อนในภายภาคหน้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนังสือคือเพื่อนแท้
    ทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือกันสักเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีเวลา หรืออาจเป็นเพราะว่ามีสื่อประเภทอื่นๆที่ดีกว่า สะดวกกว่าก็เป็นไปได้ แต่ทุกวันนี้ผมก็ชอบที่จะอ่านหนังสืออยู่ดี ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยน่าสนใจ น่าอ่านเท่ากับในสมัยก่อนหน้านี้ ที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยและเลือกไม่ได้มากมายนักเหมือนกับในสมัยนี้ตอนนี้ แต่มันเป็นสื่อที่เป็นพื้นฐานและมีความเป็นมนต์ขลังในตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นหนังสืออะไรประเภทไหนๆก็ตาม ล้วนมีความหมายและคุณค่าในตัวของมันเองทุกเรื่องทุกเล่ม โดยเฉพาะหนังสือจำพวกประเภทศาสนา,ปรัชญา,ความรู้ทางด้านจิตวิญญาณนั้น ผมจะชอบเสาะแสวงหามาอ่านให้จนได้อยู่ดี ไม่ว่ามันจะให้ความรู้และคุณค่ามากน้อยเพียงใด แต่ในยุคสมัยนี้หนังสือที่มีคุณภาพและราคาถูกก็มี เช่น หนังสือในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น มักจะมีหนังสือใหม่ๆอยู่เสมอที่มีราคาถูกกว่าที่อื่น ผมมักจะเข้าไปที่ร้านและดูหนังสือและซื้อหนังสือเล่มที่ถูกใจไปอ่านแทบทุกเดือน ส่วนที่อื่นนั้นก็มี เช่น ที่ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊ค แต่เป็นบางเล่มเท่านั้นที่จะมีราคาถูกและมีเนื้อหาสาระที่ดีน่าอ่าน ร้านหนังสือไพลินบุ๊คก็มีหนังสือที่ราคาถูกและดีมีคุณภาพเหมือนกัน แต่จะเป็นเล่มที่เก่าหน่อย และหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นก็เป็นที่นิยมกันในหมู่เด็กวัยรุ่น เสริมสร้างจิตนาการณ์ได้ดี และอย่าคิดว่าหนังสือจำพวกนี้ไม่มีสาระและข้อคิดนะครับ หนังสือจำพวกนี้ก็มีข้อคิดคติเตือนใจเหมือนกัน ผมก็เช่าหามาอ่านตามร้านเช่าหนังสือการ์ตูนแถวบ้านเหมือนกัน และก็ดีตรงที่เราไม่ต้องไปซื้อหามาอ่านเพื่อประหยัดตังค์และหาเลือกอ่านได้มากมายหลายเรื่องเลย
    ที่ผมยกตัวอย่างของตัวเองมาให้เห็นเป็นภาพที่ชัดเจนก็เพื่อว่าจะได้ทำให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจโดยง่ายและหันมาอ่านหนังสือกันมากขึ้น ซึ่งสถิติที่ผมได้รับรู้มาคือ คนไทยเริ่มที่จะอ่านหนังสือกันน้อยลงมากขึ้นทุกที ไม่เหมือนกับในสมัยก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหวั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว หนังสือคือเพื่อนแท้ของเรา มันไม่เคยทำร้ายเรา เป็นทั้งครูที่คอยสอน เป็นทั้งเพื่อนในยามว่างและยามเหงา เป็นทั้งเพื่อนคู่ใจ เป็นทั้งเพื่อนในยามสนุกสนาน เป็นทั้งเพื่อนเก่าให้เพื่อนใหม่ และเป็นอีกหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย แล้วแต่คุณจะสื่อถึงและให้เป็น สุดท้ายนี้ผมแค่อยากจะบอกคุณผู้อ่านให้ได้รับรู้และทราบว่า ไม่มีมิตรใดที่ให้เราโดยถ่ายเดียวมากไปกว่าหนังสืออีกแล้วล่ะครับ และผมอยากจะขอและส่งต่อความคิดนี้ให้กับคุณ มันคือเพื่อนแท้ของเราจริงๆนะ หนังสือนี่น่ะ ได้โปรดเก็บรักษามันไว้ให้เป็นอย่างดีเพื่อตัวคุณเองและคนรอบข้างคุณได้สัมผัสกับหนังสือคู่คิดคู่ใจของคุณ
    หนังสือคือเพื่อนแท้ ทุกวันนี้ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้อ่านหนังสือกันสักเท่าไหร่นัก อาจเป็นเพราะว่าไม่ค่อยมีเวลา หรืออาจเป็นเพราะว่ามีสื่อประเภทอื่นๆที่ดีกว่า สะดวกกว่าก็เป็นไปได้ แต่ทุกวันนี้ผมก็ชอบที่จะอ่านหนังสืออยู่ดี ถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยน่าสนใจ น่าอ่านเท่ากับในสมัยก่อนหน้านี้ ที่เทคโนโลยียังไม่ทันสมัยและเลือกไม่ได้มากมายนักเหมือนกับในสมัยนี้ตอนนี้ แต่มันเป็นสื่อที่เป็นพื้นฐานและมีความเป็นมนต์ขลังในตัวของมันเอง ไม่ว่าจะเป็นหนังสืออะไรประเภทไหนๆก็ตาม ล้วนมีความหมายและคุณค่าในตัวของมันเองทุกเรื่องทุกเล่ม โดยเฉพาะหนังสือจำพวกประเภทศาสนา,ปรัชญา,ความรู้ทางด้านจิตวิญญาณนั้น ผมจะชอบเสาะแสวงหามาอ่านให้จนได้อยู่ดี ไม่ว่ามันจะให้ความรู้และคุณค่ามากน้อยเพียงใด แต่ในยุคสมัยนี้หนังสือที่มีคุณภาพและราคาถูกก็มี เช่น หนังสือในร้านสะดวกซื้อเซเว่นอีเลฟเว่น มักจะมีหนังสือใหม่ๆอยู่เสมอที่มีราคาถูกกว่าที่อื่น ผมมักจะเข้าไปที่ร้านและดูหนังสือและซื้อหนังสือเล่มที่ถูกใจไปอ่านแทบทุกเดือน ส่วนที่อื่นนั้นก็มี เช่น ที่ร้านหนังสือซีเอ็ดบุ๊ค แต่เป็นบางเล่มเท่านั้นที่จะมีราคาถูกและมีเนื้อหาสาระที่ดีน่าอ่าน ร้านหนังสือไพลินบุ๊คก็มีหนังสือที่ราคาถูกและดีมีคุณภาพเหมือนกัน แต่จะเป็นเล่มที่เก่าหน่อย และหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่นก็เป็นที่นิยมกันในหมู่เด็กวัยรุ่น เสริมสร้างจิตนาการณ์ได้ดี และอย่าคิดว่าหนังสือจำพวกนี้ไม่มีสาระและข้อคิดนะครับ หนังสือจำพวกนี้ก็มีข้อคิดคติเตือนใจเหมือนกัน ผมก็เช่าหามาอ่านตามร้านเช่าหนังสือการ์ตูนแถวบ้านเหมือนกัน และก็ดีตรงที่เราไม่ต้องไปซื้อหามาอ่านเพื่อประหยัดตังค์และหาเลือกอ่านได้มากมายหลายเรื่องเลย ที่ผมยกตัวอย่างของตัวเองมาให้เห็นเป็นภาพที่ชัดเจนก็เพื่อว่าจะได้ทำให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจโดยง่ายและหันมาอ่านหนังสือกันมากขึ้น ซึ่งสถิติที่ผมได้รับรู้มาคือ คนไทยเริ่มที่จะอ่านหนังสือกันน้อยลงมากขึ้นทุกที ไม่เหมือนกับในสมัยก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าหวั่นใจไม่น้อยเลยทีเดียว หนังสือคือเพื่อนแท้ของเรา มันไม่เคยทำร้ายเรา เป็นทั้งครูที่คอยสอน เป็นทั้งเพื่อนในยามว่างและยามเหงา เป็นทั้งเพื่อนคู่ใจ เป็นทั้งเพื่อนในยามสนุกสนาน เป็นทั้งเพื่อนเก่าให้เพื่อนใหม่ และเป็นอีกหลายสิ่งหลายอย่างมากมาย แล้วแต่คุณจะสื่อถึงและให้เป็น สุดท้ายนี้ผมแค่อยากจะบอกคุณผู้อ่านให้ได้รับรู้และทราบว่า ไม่มีมิตรใดที่ให้เราโดยถ่ายเดียวมากไปกว่าหนังสืออีกแล้วล่ะครับ และผมอยากจะขอและส่งต่อความคิดนี้ให้กับคุณ มันคือเพื่อนแท้ของเราจริงๆนะ หนังสือนี่น่ะ ได้โปรดเก็บรักษามันไว้ให้เป็นอย่างดีเพื่อตัวคุณเองและคนรอบข้างคุณได้สัมผัสกับหนังสือคู่คิดคู่ใจของคุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณสมบัติของผู้พิทักษ์
    ผู้พิทักษ์ในองค์กรลับใต้ดิน ดิ เอลเลเม้นท์ นั้น ใช่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็สามารถที่จะเป็นกันได้ง่ายๆ ซึ่งแม้แต่ตัวผมเองนั้น ถึงจะดูเหมือนว่าจะมีสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะในฐานะหนึ่งในหกเสาหลักผู้พิทักษ์ หรือ ในฐานะผู้ที่ก่อตั้งองค์กรนี้ขึ้นมาก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกันกับคนอื่นๆนะครับ อย่างแรกเลย ผมจะบอกสัดส่วนอัตราในการเป็นผู้พิทักษ์โดยคร่าวๆไว้ว่า คนที่จะมาเป็นผู้นำคนนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นกันได้โดยง่ายๆจริงๆ โดยเฉพาะหกเสาหลักผู้พิทักษ์ ซึ่งจะมีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในองค์กรมากกว่าผู้พิทักษ์สาขามากมายนัก เพราะว่าจะต้องเป็นศูนย์กลางแกนนำและเป็นขวัญกำลังใจให้กับทุกคนในองค์กร โดยมีอัตราการถือกำเนิดการเป็นผู้พิทักษ์ไว้ดังนี้ โดยไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่กระทั่งผู้พิทักษ์สาขาด้วยเช่นเดียวกัน คือ
    ผู้ที่มีคุณสมบัติของผู้พิทักษ์เสาหลักและสาขานั้น มีจำนวน หนึ่ง ใน หนึ่งล้าน คน หรือ ว่าที่ราชา-ราชินี
    ผู้ที่เป็นผู้พิทักษ์เสาหลักและสาขานั้น มีจำนวน หนึ่ง ใน หนึ่งพันล้าน คน หรือ ราชา-ราชินีเต็มตัว
    และผู้ที่เป็นผู้พิทักษ์เสาหลักและสาขาอย่างแท้จริงนั้น มีจำนวน หนึ่ง ใน หนึ่งล้านล้าน คน หรือ ราชา-ราชินีที่แท้จริง
    ซึ่งการเป็นหรือการเปลี่ยนขั้นดังกล่าวนั้นใช่ว่าจะทำกันได้โดยง่ายนัก แม้กระทั่งตัวผมเองนั้น ก็ยังไม่สามารถเรียกตัวเองได้เต็มปากว่าตนเองนั้นเป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงได้ เนื่องจากสาเหตุหลักหลายประการดังนี้ คือ
    ได้รับการรับเลือกว่าให้เป็นผู้พิทักษ์โดยคนในองค์กรชักชวน
    สามารถเสดงพลังหรือความสามารถพิเศษได้จริง(ปลดปล่อยพลังภายใน)
    สามารถใช้พลังความสามารถพิเศษนั้นได้จริงในทุกสถานการณ์(ปลดปล่อยพลังจักรวาล)
    ซึ่งหลายประการข้างต้นนั้นทำให้ผมไม่สามารถเป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงได้นั่นเอง โดยที่ตอนนี้นั้น ก่อนที่จะประกาศตนเองหรือการประกาศศักดิ์ศรีขององค์กรเรานั้น จะต้องตามหาผู้พิทักษ์เสาหลักคนที่เจ็ดให้ได้ก่อนนั่นเอง ซึ่งผู้พิทักษ์เสาหลักคนที่เจ็ดนั้นเราเรียกเค้าว่า ท่านอาจารย์ หรือชื่อเต็มคือ ราชันผู้พิทักษ์แห่งการรู้แจ้งและว่างเปล่า ไม่ว่าเค้าจะเป็นใครก็ตาม เราต้องพึ่งพาเค้าเป็นอย่างมากในการสอนเคล็ดวิชาปลดปล่อยพลังภายในและพลังจักรวาลให้ได้ เพื่อที่จะบรรลุภารกิจอันสูงส่งที่องค์กรเรามุ่งหวังนั่นเองครับผม
    ส่วนความลับในองค์กรเราในด้านอื่นๆเพิ่มเติมนั้น ผมจะค่อยๆเปิดเผยให้ทุกท่านที่ปรารถนาจะรู้ให้ทราบโดยทั่วกันในโอกาสต่อๆไปนะครับ
    คุณสมบัติของผู้พิทักษ์ ผู้พิทักษ์ในองค์กรลับใต้ดิน ดิ เอลเลเม้นท์ นั้น ใช่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็สามารถที่จะเป็นกันได้ง่ายๆ ซึ่งแม้แต่ตัวผมเองนั้น ถึงจะดูเหมือนว่าจะมีสิทธิพิเศษมากมาย ไม่ว่าจะในฐานะหนึ่งในหกเสาหลักผู้พิทักษ์ หรือ ในฐานะผู้ที่ก่อตั้งองค์กรนี้ขึ้นมาก็ไม่มีข้อยกเว้นเช่นกันกับคนอื่นๆนะครับ อย่างแรกเลย ผมจะบอกสัดส่วนอัตราในการเป็นผู้พิทักษ์โดยคร่าวๆไว้ว่า คนที่จะมาเป็นผู้นำคนนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นกันได้โดยง่ายๆจริงๆ โดยเฉพาะหกเสาหลักผู้พิทักษ์ ซึ่งจะมีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในองค์กรมากกว่าผู้พิทักษ์สาขามากมายนัก เพราะว่าจะต้องเป็นศูนย์กลางแกนนำและเป็นขวัญกำลังใจให้กับทุกคนในองค์กร โดยมีอัตราการถือกำเนิดการเป็นผู้พิทักษ์ไว้ดังนี้ โดยไม่มีข้อยกเว้นแม้แต่กระทั่งผู้พิทักษ์สาขาด้วยเช่นเดียวกัน คือ ผู้ที่มีคุณสมบัติของผู้พิทักษ์เสาหลักและสาขานั้น มีจำนวน หนึ่ง ใน หนึ่งล้าน คน หรือ ว่าที่ราชา-ราชินี ผู้ที่เป็นผู้พิทักษ์เสาหลักและสาขานั้น มีจำนวน หนึ่ง ใน หนึ่งพันล้าน คน หรือ ราชา-ราชินีเต็มตัว และผู้ที่เป็นผู้พิทักษ์เสาหลักและสาขาอย่างแท้จริงนั้น มีจำนวน หนึ่ง ใน หนึ่งล้านล้าน คน หรือ ราชา-ราชินีที่แท้จริง ซึ่งการเป็นหรือการเปลี่ยนขั้นดังกล่าวนั้นใช่ว่าจะทำกันได้โดยง่ายนัก แม้กระทั่งตัวผมเองนั้น ก็ยังไม่สามารถเรียกตัวเองได้เต็มปากว่าตนเองนั้นเป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงได้ เนื่องจากสาเหตุหลักหลายประการดังนี้ คือ ได้รับการรับเลือกว่าให้เป็นผู้พิทักษ์โดยคนในองค์กรชักชวน สามารถเสดงพลังหรือความสามารถพิเศษได้จริง(ปลดปล่อยพลังภายใน) สามารถใช้พลังความสามารถพิเศษนั้นได้จริงในทุกสถานการณ์(ปลดปล่อยพลังจักรวาล) ซึ่งหลายประการข้างต้นนั้นทำให้ผมไม่สามารถเป็นราชาแห่งความมืดที่แท้จริงได้นั่นเอง โดยที่ตอนนี้นั้น ก่อนที่จะประกาศตนเองหรือการประกาศศักดิ์ศรีขององค์กรเรานั้น จะต้องตามหาผู้พิทักษ์เสาหลักคนที่เจ็ดให้ได้ก่อนนั่นเอง ซึ่งผู้พิทักษ์เสาหลักคนที่เจ็ดนั้นเราเรียกเค้าว่า ท่านอาจารย์ หรือชื่อเต็มคือ ราชันผู้พิทักษ์แห่งการรู้แจ้งและว่างเปล่า ไม่ว่าเค้าจะเป็นใครก็ตาม เราต้องพึ่งพาเค้าเป็นอย่างมากในการสอนเคล็ดวิชาปลดปล่อยพลังภายในและพลังจักรวาลให้ได้ เพื่อที่จะบรรลุภารกิจอันสูงส่งที่องค์กรเรามุ่งหวังนั่นเองครับผม ส่วนความลับในองค์กรเราในด้านอื่นๆเพิ่มเติมนั้น ผมจะค่อยๆเปิดเผยให้ทุกท่านที่ปรารถนาจะรู้ให้ทราบโดยทั่วกันในโอกาสต่อๆไปนะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประกาศ ๆ
    วันนี้ lit nit ขอเปิดตัวมาสคอตของแบรนด์ศิษย์เกษตร น้องมีชื่อว่า "วรุณศิริ"
    .....
    พี่ที่เป็นพาร์ทเนอร์ด้านการออกแบบของ lit nit เป็นผู้ออกแบบให้และตั้งชื่อให้ด้วย พี่เขาบอกว่า
    วรุณศิริ =ความมั่งคั่งจากเทพเจ้าแห่งสายน้ำ
    ....
    น้องวรุณศิริมีต้นแบบมาจากตัวนาก เหตุที่ lit nit เลือกตัวนากเพราะเป็นสัตว์ที่มีนิสัยใช้ชีวิตด้วยความสุขและมีความฉลาด
    ....
    ต่อไปนี้น้องวรุณศิริจะเป็นตัวแทนเล่าเรื่องราวของแบรนด์ศิษย์เกษตรนะครับ รอติดตามผลงานกันได้เลย อ่อ...ประชาสัมพันธ์เลยก็แล้วกัน ผลงานแรกของน้องวรุณศิริจะออกวางจำหน่ายเดือนหน้า เป็นหนังสืออีบุ๊กเรื่อง
    "คู่มือรับเหมาตัดหญ้าให้มีรายได้มากกว่างานประจำ"
    #ถ้าน้องน่ารักก็ช่วยกดไลค์กดหัวจงหัวใจให้บ้างนะ555
    ประกาศ ๆ วันนี้ lit nit ขอเปิดตัวมาสคอตของแบรนด์ศิษย์เกษตร น้องมีชื่อว่า "วรุณศิริ" ..... พี่ที่เป็นพาร์ทเนอร์ด้านการออกแบบของ lit nit เป็นผู้ออกแบบให้และตั้งชื่อให้ด้วย พี่เขาบอกว่า วรุณศิริ =ความมั่งคั่งจากเทพเจ้าแห่งสายน้ำ .... น้องวรุณศิริมีต้นแบบมาจากตัวนาก เหตุที่ lit nit เลือกตัวนากเพราะเป็นสัตว์ที่มีนิสัยใช้ชีวิตด้วยความสุขและมีความฉลาด .... ต่อไปนี้น้องวรุณศิริจะเป็นตัวแทนเล่าเรื่องราวของแบรนด์ศิษย์เกษตรนะครับ รอติดตามผลงานกันได้เลย อ่อ...ประชาสัมพันธ์เลยก็แล้วกัน ผลงานแรกของน้องวรุณศิริจะออกวางจำหน่ายเดือนหน้า เป็นหนังสืออีบุ๊กเรื่อง "คู่มือรับเหมาตัดหญ้าให้มีรายได้มากกว่างานประจำ" #ถ้าน้องน่ารักก็ช่วยกดไลค์กดหัวจงหัวใจให้บ้างนะ555
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทบาทของผู้พิทักษ์เสาหลักแต่ละคน
    ความสัมพันธ์ของหกเสาหลักผู้พิทักษ์ที่มีความเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งรายละเอียดมีดังต่อไปนี้คือ
    ผู้พิทักษ์คนที่หนึ่งแห่งองค์กร ราชาแห่งผืนดิน เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยปกป้องเพื่อนพ้องจากการโจมตีจู่โจมต่อต้านจากศัตรู ซึ่งคอยช่วยเหลือเพื่อนพ้องยามมีภัยอันตรายต่างๆรุกล้ำเข้ามาในองค์กร ซึ่งเค้าเชี่ยวชาญทางด้านการป้องกันปกป้องเพื่อนพ้องจากภัยอันตรายต่างๆที่รุกล้ำเข้ามาหาเพื่อนพ้องที่เค้ารักและต้องการจะปกป้องซึ่งพลังที่แท้จริงของเค้านั้นจะแสดงอย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อมีผู้ที่ต้องคอยปกป้องอยู่ข้างหลัง และยิ่งมีผู้ที่ต้องคอยปกป้องมากเท่าไหร่พลังของเค้าก็จะยิ่งสำแดงเดชออกมามากยิ่งขึ้นเท่านั้น
    ผู้พิทักษ์คนที่สองแห่งองค์กร ราชินีแห่งสายน้ำ เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยช่วยเหลือเยียวยารักษาบาดแผลให้กับเพื่อนพ้องยามเพื่อนพ้องได้รับบาดเจ็บได้รับอันตรายจากศัตรูภายนอก ซึ่งเธอเชี่ยวชาญทางด้านการรักษาความบาดเจ็บทั้งทางกายและใจ และเธอก็มักจะอ่อนโยนต่อเพื่อนพ้องของเธอเป็นพิเศษอีกด้วย เธอเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุดในองค์กร
    ผู้พิทักษ์คนที่สามแห่งองค์กร ราชินีแห่งสายลม เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยประสานงานช่วยเหลือเพื่อนพ้องในทางด้านต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านการติดต่อสื่อสาร ค้นหาข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนพ้องของเธอ โดยเฉพาะข้อมูลของศัตรู อาทิเช่น จุดอ่อนจุดแข็งของศัตรู ซึ่งมีผลอย่างมากในการพิชิตศัตรูให้เพื่อนพ้องได้รับชัยชนะ ซึ่งเธอเชี่ยวชาญทางด้านข้อมูลข่าวสาร และเธอก็เป็นคนที่มีความคล่องตัวสูงอีกด้วย
    ผู้พิทักษ์คนที่สี่แห่งองค์กร ราชาแห่งเปลวเพลิง เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่เป็นกำลังรบหลักที่คอยทำให้เพื่อนพ้องได้รับชัยชนะ โดยการบุกทะลวงเข้าไปพิชิตศัตรูในค่ายต่างๆของศัตรู เค้าคือตัวแทนของหัวหมู่ทะลวงฟันผู้เป็นแม่ทัพขององค์กร ที่คอยทำหน้าที่ในทางด้านภาคปฏิบัติที่ทำให้แผนการรบประสบความสำเร็จและได้รับชัยชนะ เค้าเชี่ยวชาญทางด้านการรบและยุทธวิธีการรบต่างๆ เค้าเป็นผู้ที่มีพลังโจมตีสูงที่สุดในองค์กร และยังเป็นผู้ที่กล้าหาญมากอีกด้วย
    ผู้พิทักษ์คนที่ห้าแห่งองค์กร ราชินีแห่งแสงสว่าง เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนแห่งความถูกต้องดีงามและชอบธรรม เธอเป็นเสมือนพระแม่ผู้ให้ความรักและเมตตากับทุกคน เธอมักเป็นคนที่เปรียบเสมือนดั่งขวัญและกำลังใจหลักของทุกคนในองค์กร โดยปกติเธอจะเป็นมันสมองของทุกคนในองค์กร ซึ่งเธอเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดหลักแหลมและรอบครอบ แถมยังใส่ใจในทุกรายละเอียดอีกด้วย เธอเชี่ยวชาญทางด้านการวางกำลังรบต่างๆและเป็นคนที่กำกับบัญชาการการรบในทุกสมรภูมิ เธอเป็นคนใจดีที่สุดในองค์กรและเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมากอีกด้วย
    ผู้พิทักษ์คนที่หกแห่งองค์กร ราชาแห่งความมืด เปรียบเสมือนดั่งผู้ที่เป็นหัวใจของทุกคนในองค์กร เค้าเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนง่ายมาก มีความอ่อนโยนและอ่อนไหวง่าย เค้ามีสัมผัสพิเศษที่รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ ซึ่งโดยปกติเค้ามักจะเป็นคนที่เงียบขรึมและดูดุดันน่ากลัว แต่แท้ที่จริงแล้วเค้ากลับไม่เคยที่จะคิดร้ายและอาฆาตมาดร้ายกับใครที่ไม่ใช่คนที่เค้าเกลียดชังโดยที่เป็นคู่อริศัตรูซึ่งได้ไปทำให้เค้าได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจมาก่อน เค้ามักจะให้อภัยศัตรูคู่อาฆาตโดยให้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่ที่ดีอยู่เสมอ แต่ก็มีในบางครั้งที่เค้าสุดแสนที่จะทนกับความชั่วช้าของศัตรูของเค้าที่ไม่รู้จักกลับเนื้อกลับตัวกลับใจที่จะเป็นคนดี ซึ่งเป็นกรณีที่น้อยมากที่ทำให้เค้าจำใจต้องเป็นดั่งมัจจุราชที่พิพากษาลงโทษทัณฑ์ตามความเหมาะสมที่ควรกับโทษทัณฑ์ที่ควรได้ก่อเอาไว้นั่นเอง
    ผู้พิทักษ์คนที่เจ็ดแห่งองค์กร ราชันแห่งการรู้แจ้งและว่างเปล่า เปรียบเสมือนอาจารย์ของผู้พิทักษ์เสาหลักทั้งหกคนนั่นเอง เค้าเป็นคนที่คอยอบรมสั่งสอนวิธีปลดปล่อยพลังภายในและพลังจักรวาลให้กับศิษย์รักทั้งหกคนให้นำพลังวิเศษที่ได้รับมาไปใช้ในทางที่ถูกต้องดีงามและชอบธรรมกับทุกสรรพสิ่งบนโลก ซึ่งโดยปกติแล้วเค้าเป็นคนที่เข้มงวดมากๆ ซึ่งความเข้มงวดนี้เองที่คอยส่งผลให้ลูกศิษย์ทั้งหกคนได้ดำเนินรอยตามในหนทางที่ถูกต้องและดีงาม เพื่อประโยชน์สุขของเหล่าหมู่มวลสัตว์โลกนั่นเอง เค้าเชี่ยวชาญในทุกศาสตร์ทุกแขนงในจักรวาล เค้าเปรียบเสมือนดั่งพระพุทธเจ้าผู้ซึ่งจุติขึ้นมาบนโลกนี้เพื่อช่วยกอบกู้โลกที่แสนจะเสื่อมทรามและเน่าเฟะลงทุกทีๆ เค้าคือหนึ่งเดียว หรือ ผู้ปลดปล่อยนั่นเอง
    นี่คือบทบาทและภารกิจทั้งหมดอย่างคร่าวๆสำหรับผู้พิทักษ์เสาหลักในองค์กร ดิเอลเลเม้นท์ ซึ่งผู้ที่บรรลุธรรมเท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ได้ในทุกรายละเอียดทั้งหมดนั่นเอง
    บทบาทของผู้พิทักษ์เสาหลักแต่ละคน ความสัมพันธ์ของหกเสาหลักผู้พิทักษ์ที่มีความเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งรายละเอียดมีดังต่อไปนี้คือ ผู้พิทักษ์คนที่หนึ่งแห่งองค์กร ราชาแห่งผืนดิน เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยปกป้องเพื่อนพ้องจากการโจมตีจู่โจมต่อต้านจากศัตรู ซึ่งคอยช่วยเหลือเพื่อนพ้องยามมีภัยอันตรายต่างๆรุกล้ำเข้ามาในองค์กร ซึ่งเค้าเชี่ยวชาญทางด้านการป้องกันปกป้องเพื่อนพ้องจากภัยอันตรายต่างๆที่รุกล้ำเข้ามาหาเพื่อนพ้องที่เค้ารักและต้องการจะปกป้องซึ่งพลังที่แท้จริงของเค้านั้นจะแสดงอย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อมีผู้ที่ต้องคอยปกป้องอยู่ข้างหลัง และยิ่งมีผู้ที่ต้องคอยปกป้องมากเท่าไหร่พลังของเค้าก็จะยิ่งสำแดงเดชออกมามากยิ่งขึ้นเท่านั้น ผู้พิทักษ์คนที่สองแห่งองค์กร ราชินีแห่งสายน้ำ เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยช่วยเหลือเยียวยารักษาบาดแผลให้กับเพื่อนพ้องยามเพื่อนพ้องได้รับบาดเจ็บได้รับอันตรายจากศัตรูภายนอก ซึ่งเธอเชี่ยวชาญทางด้านการรักษาความบาดเจ็บทั้งทางกายและใจ และเธอก็มักจะอ่อนโยนต่อเพื่อนพ้องของเธอเป็นพิเศษอีกด้วย เธอเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุดในองค์กร ผู้พิทักษ์คนที่สามแห่งองค์กร ราชินีแห่งสายลม เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยประสานงานช่วยเหลือเพื่อนพ้องในทางด้านต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านการติดต่อสื่อสาร ค้นหาข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนพ้องของเธอ โดยเฉพาะข้อมูลของศัตรู อาทิเช่น จุดอ่อนจุดแข็งของศัตรู ซึ่งมีผลอย่างมากในการพิชิตศัตรูให้เพื่อนพ้องได้รับชัยชนะ ซึ่งเธอเชี่ยวชาญทางด้านข้อมูลข่าวสาร และเธอก็เป็นคนที่มีความคล่องตัวสูงอีกด้วย ผู้พิทักษ์คนที่สี่แห่งองค์กร ราชาแห่งเปลวเพลิง เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่เป็นกำลังรบหลักที่คอยทำให้เพื่อนพ้องได้รับชัยชนะ โดยการบุกทะลวงเข้าไปพิชิตศัตรูในค่ายต่างๆของศัตรู เค้าคือตัวแทนของหัวหมู่ทะลวงฟันผู้เป็นแม่ทัพขององค์กร ที่คอยทำหน้าที่ในทางด้านภาคปฏิบัติที่ทำให้แผนการรบประสบความสำเร็จและได้รับชัยชนะ เค้าเชี่ยวชาญทางด้านการรบและยุทธวิธีการรบต่างๆ เค้าเป็นผู้ที่มีพลังโจมตีสูงที่สุดในองค์กร และยังเป็นผู้ที่กล้าหาญมากอีกด้วย ผู้พิทักษ์คนที่ห้าแห่งองค์กร ราชินีแห่งแสงสว่าง เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนแห่งความถูกต้องดีงามและชอบธรรม เธอเป็นเสมือนพระแม่ผู้ให้ความรักและเมตตากับทุกคน เธอมักเป็นคนที่เปรียบเสมือนดั่งขวัญและกำลังใจหลักของทุกคนในองค์กร โดยปกติเธอจะเป็นมันสมองของทุกคนในองค์กร ซึ่งเธอเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดหลักแหลมและรอบครอบ แถมยังใส่ใจในทุกรายละเอียดอีกด้วย เธอเชี่ยวชาญทางด้านการวางกำลังรบต่างๆและเป็นคนที่กำกับบัญชาการการรบในทุกสมรภูมิ เธอเป็นคนใจดีที่สุดในองค์กรและเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมากอีกด้วย ผู้พิทักษ์คนที่หกแห่งองค์กร ราชาแห่งความมืด เปรียบเสมือนดั่งผู้ที่เป็นหัวใจของทุกคนในองค์กร เค้าเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนง่ายมาก มีความอ่อนโยนและอ่อนไหวง่าย เค้ามีสัมผัสพิเศษที่รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ ซึ่งโดยปกติเค้ามักจะเป็นคนที่เงียบขรึมและดูดุดันน่ากลัว แต่แท้ที่จริงแล้วเค้ากลับไม่เคยที่จะคิดร้ายและอาฆาตมาดร้ายกับใครที่ไม่ใช่คนที่เค้าเกลียดชังโดยที่เป็นคู่อริศัตรูซึ่งได้ไปทำให้เค้าได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจมาก่อน เค้ามักจะให้อภัยศัตรูคู่อาฆาตโดยให้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่ที่ดีอยู่เสมอ แต่ก็มีในบางครั้งที่เค้าสุดแสนที่จะทนกับความชั่วช้าของศัตรูของเค้าที่ไม่รู้จักกลับเนื้อกลับตัวกลับใจที่จะเป็นคนดี ซึ่งเป็นกรณีที่น้อยมากที่ทำให้เค้าจำใจต้องเป็นดั่งมัจจุราชที่พิพากษาลงโทษทัณฑ์ตามความเหมาะสมที่ควรกับโทษทัณฑ์ที่ควรได้ก่อเอาไว้นั่นเอง ผู้พิทักษ์คนที่เจ็ดแห่งองค์กร ราชันแห่งการรู้แจ้งและว่างเปล่า เปรียบเสมือนอาจารย์ของผู้พิทักษ์เสาหลักทั้งหกคนนั่นเอง เค้าเป็นคนที่คอยอบรมสั่งสอนวิธีปลดปล่อยพลังภายในและพลังจักรวาลให้กับศิษย์รักทั้งหกคนให้นำพลังวิเศษที่ได้รับมาไปใช้ในทางที่ถูกต้องดีงามและชอบธรรมกับทุกสรรพสิ่งบนโลก ซึ่งโดยปกติแล้วเค้าเป็นคนที่เข้มงวดมากๆ ซึ่งความเข้มงวดนี้เองที่คอยส่งผลให้ลูกศิษย์ทั้งหกคนได้ดำเนินรอยตามในหนทางที่ถูกต้องและดีงาม เพื่อประโยชน์สุขของเหล่าหมู่มวลสัตว์โลกนั่นเอง เค้าเชี่ยวชาญในทุกศาสตร์ทุกแขนงในจักรวาล เค้าเปรียบเสมือนดั่งพระพุทธเจ้าผู้ซึ่งจุติขึ้นมาบนโลกนี้เพื่อช่วยกอบกู้โลกที่แสนจะเสื่อมทรามและเน่าเฟะลงทุกทีๆ เค้าคือหนึ่งเดียว หรือ ผู้ปลดปล่อยนั่นเอง นี่คือบทบาทและภารกิจทั้งหมดอย่างคร่าวๆสำหรับผู้พิทักษ์เสาหลักในองค์กร ดิเอลเลเม้นท์ ซึ่งผู้ที่บรรลุธรรมเท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ได้ในทุกรายละเอียดทั้งหมดนั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความในใจในเรื่องของอาการป่วยของท่านพ่อกับท่านแม่(ในหลวงกับราชินี ในกลุ่มคนไทยรักในหลวง)
    สวัสดีครับทุกท่านในกลุ่มคนไทยรักในหลวง
    ในตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่(ในหลวงกับราชินี)พวกท่านทั้งสองพระองค์ป่วยอยู่ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พวกท่านไม่สบายทั้งกายและใจก็เพราะเนื่องมาจากพวกที่กล้าจาบจ้วง,ดูถูก,ดูหมิ่น,ทำร้าย,ทำลายพวกท่าน ซึ่งคนจำพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคนชั่วและเลว เนรคุณคนและแผ่นดิน และส่วนมากก็เป็นพวก นปช. หรือ พวกเสื้อแดง ซึ่งมีแค่เพียง พวกพันธมิตรฯ เท่านั้นที่กล้ายืนหยัดลุกขึ้นต่อสู้ต่อต้านกับคนกลุ่มนี้ แต่เพียงกำลังของพันธมิตรฯเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะช่วยพวกท่านทั้งสองพระองค์ได้ เพราะฉะนั้นผมจึงขอวิงวอนทุกท่านให้ช่วยเหลือกลุ่มพันธมิตรฯด้วยเถิดครับ ผมไม่ได้อยากให้ทุกคนมาเข้ากลุ่มพันธมิตรฯเหมือนกันกับผม แต่อย่างน้อยผมก็กล้าพูดได้เต็มปากว่าพันธมิตรฯทุกคนล้วนเป็นคนดี ไม่เหมือนกับพวกนปช. พวกนั้นเป็นคนชั่ว แต่กลับหลอกลวงประชาชนว่าพวกตนเองเป็นคนดีทั้งๆที่ไม่ใช่ และยังหลอกแม้กระทั่งตัวเองว่าเป็นคนดี ซึ่งทุกคนก็รู้ดีกันอยู่แล้วว่าพวกเค้าเป็นคนเช่นไร
    ผมแค่อยากจะให้ พวกเป็นกลาง หรือ พวกกลางกลวง อย่างพวกคุณนั้นช่วยเหลือพวกเราบ้าง เป็นกำลังให้พวกเราบ้าง เพื่อลูกหลานในวันข้างหน้าจะได้ไม่เดือดร้อน มันถึงเวลาแล้วที่พวกท่านต้องเลือกข้าง หรืออย่างน้อยก็อย่าดีแต่ปากเห็นแก่ตัวกัน เพราะถ้าพวกเราไม่สามัคคีกันในตอนนี้ เมื่อมันถึงเวลาที่มันไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่พวกเราพันธมิตรฯเท่านั้นที่ลำบาก แต่พวกท่านและทุกคนจะเดือดร้อนกันไปหมดทั้งแผ่นดิน ถ้าพวกท่านพ่อท่านแม่(ในหลวงกับราชินี)ไม่อยู่แล้วอะไรมันจะเกิดขึ้น บ้านเมืองมันจะลุกเป็นไฟ และทุกคนก็จะเดือดร้อนกันไปหมดกันทั้งชาติ และลูกหลานของพวกเราก็จะไม่มีประเทศผืนแผ่นดินไทยให้อยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเหมือนอย่างที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ ที่ที่มีท่านพ่อกับท่านแม่(ในหลวงกับราชินี)คอยเป็นขวัญกำลังใจให้พวกเราอีกต่อไป แล้วพวกคุณอยากจะให้มันเป็นเช่นนั้นกันนักใช่มั้ย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะรู้กันเอง ว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว รู้อย่างนี้เราน่าจะร่วมมือช่วยกันซะตั้งแต่แรก ซึ่งมันสายเกินไปเสียแล้วล่ะครับทุกคน
    อีกไม่นาน ถ้าพวกเรามัวงอมืองอเท้าเกี่ยงกันไม่ช่วยกันอย่างนี้ สุดท้ายมันจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว ผมขอให้ทุกคนช่วยกัน ช่วยคนดี แล้วมันจะดีเอง
    ป.ล.ถ้าทุกท่านไม่พอใจก็สามารถเลิกเป็นเพื่อนกับผมได้ทันทีเลย และลบผมออกจากกลุ่มไปซะ ซึ่งผมก็ไม่อยากจะอยู่กับกลุ่มคนที่เห็นแก่ตัวและดีแต่ปากกันอย่างพวกคุณนักหรอกครับ
    และถ้าผมทำสิ่งใดที่ผิดพลาดและไม่น่าให้อภัย ผมก็ขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ ขอบคุณครับ(ขอขอบคุณทุกท่าน ที่อย่างน้อยก็อ่านบทความของผมด้วยความจริงจังจริงใจนะครับ)
    ความในใจในเรื่องของอาการป่วยของท่านพ่อกับท่านแม่(ในหลวงกับราชินี ในกลุ่มคนไทยรักในหลวง) สวัสดีครับทุกท่านในกลุ่มคนไทยรักในหลวง ในตอนนี้ท่านพ่อกับท่านแม่(ในหลวงกับราชินี)พวกท่านทั้งสองพระองค์ป่วยอยู่ ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พวกท่านไม่สบายทั้งกายและใจก็เพราะเนื่องมาจากพวกที่กล้าจาบจ้วง,ดูถูก,ดูหมิ่น,ทำร้าย,ทำลายพวกท่าน ซึ่งคนจำพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นคนชั่วและเลว เนรคุณคนและแผ่นดิน และส่วนมากก็เป็นพวก นปช. หรือ พวกเสื้อแดง ซึ่งมีแค่เพียง พวกพันธมิตรฯ เท่านั้นที่กล้ายืนหยัดลุกขึ้นต่อสู้ต่อต้านกับคนกลุ่มนี้ แต่เพียงกำลังของพันธมิตรฯเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะช่วยพวกท่านทั้งสองพระองค์ได้ เพราะฉะนั้นผมจึงขอวิงวอนทุกท่านให้ช่วยเหลือกลุ่มพันธมิตรฯด้วยเถิดครับ ผมไม่ได้อยากให้ทุกคนมาเข้ากลุ่มพันธมิตรฯเหมือนกันกับผม แต่อย่างน้อยผมก็กล้าพูดได้เต็มปากว่าพันธมิตรฯทุกคนล้วนเป็นคนดี ไม่เหมือนกับพวกนปช. พวกนั้นเป็นคนชั่ว แต่กลับหลอกลวงประชาชนว่าพวกตนเองเป็นคนดีทั้งๆที่ไม่ใช่ และยังหลอกแม้กระทั่งตัวเองว่าเป็นคนดี ซึ่งทุกคนก็รู้ดีกันอยู่แล้วว่าพวกเค้าเป็นคนเช่นไร ผมแค่อยากจะให้ พวกเป็นกลาง หรือ พวกกลางกลวง อย่างพวกคุณนั้นช่วยเหลือพวกเราบ้าง เป็นกำลังให้พวกเราบ้าง เพื่อลูกหลานในวันข้างหน้าจะได้ไม่เดือดร้อน มันถึงเวลาแล้วที่พวกท่านต้องเลือกข้าง หรืออย่างน้อยก็อย่าดีแต่ปากเห็นแก่ตัวกัน เพราะถ้าพวกเราไม่สามัคคีกันในตอนนี้ เมื่อมันถึงเวลาที่มันไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่ใช่เพียงแค่พวกเราพันธมิตรฯเท่านั้นที่ลำบาก แต่พวกท่านและทุกคนจะเดือดร้อนกันไปหมดทั้งแผ่นดิน ถ้าพวกท่านพ่อท่านแม่(ในหลวงกับราชินี)ไม่อยู่แล้วอะไรมันจะเกิดขึ้น บ้านเมืองมันจะลุกเป็นไฟ และทุกคนก็จะเดือดร้อนกันไปหมดกันทั้งชาติ และลูกหลานของพวกเราก็จะไม่มีประเทศผืนแผ่นดินไทยให้อยู่อาศัยอย่างร่มเย็นเหมือนอย่างที่เป็นอยู่อย่างทุกวันนี้ ที่ที่มีท่านพ่อกับท่านแม่(ในหลวงกับราชินี)คอยเป็นขวัญกำลังใจให้พวกเราอีกต่อไป แล้วพวกคุณอยากจะให้มันเป็นเช่นนั้นกันนักใช่มั้ย เมื่อถึงเวลานั้นก็จะรู้กันเอง ว่ามันสายเกินไปเสียแล้ว รู้อย่างนี้เราน่าจะร่วมมือช่วยกันซะตั้งแต่แรก ซึ่งมันสายเกินไปเสียแล้วล่ะครับทุกคน อีกไม่นาน ถ้าพวกเรามัวงอมืองอเท้าเกี่ยงกันไม่ช่วยกันอย่างนี้ สุดท้ายมันจะย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว ผมขอให้ทุกคนช่วยกัน ช่วยคนดี แล้วมันจะดีเอง ป.ล.ถ้าทุกท่านไม่พอใจก็สามารถเลิกเป็นเพื่อนกับผมได้ทันทีเลย และลบผมออกจากกลุ่มไปซะ ซึ่งผมก็ไม่อยากจะอยู่กับกลุ่มคนที่เห็นแก่ตัวและดีแต่ปากกันอย่างพวกคุณนักหรอกครับ และถ้าผมทำสิ่งใดที่ผิดพลาดและไม่น่าให้อภัย ผมก็ขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ ขอบคุณครับ(ขอขอบคุณทุกท่าน ที่อย่างน้อยก็อ่านบทความของผมด้วยความจริงจังจริงใจนะครับ)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว