0 Comments
0 Shares
196 Views
0 Reviews
Directory
Discover new people, create new connections and make new friends
- Please log in to like, share and comment!
- "ปานเทพ" โต้ "ปอ-แซน" มีพิรุธ ย้ำจำลอง "แตงโม" ตกเรือ ค้นหา "ประเด็นแห่งคดี"
.
ปานเทพโต้ปอ-แซนแถลงข่าว กล่าวหาว่าจำลองแตงโม ภัทรธิดา นักแสดงสาวตกจากเรือไม่ตรงกัน ย้ำค้นหาประเด็นแห่งคดี นิติวิทยาศาสตร์ระบุแล้วว่าไม่มีดีเอ็นเอ และรู้อยู่แล้วว่าคนบนเรือจะต้องมีพิรุธ ร้อนตัว ถามถ้าแตงโมจับเรือ 10 วิ. จริงตามที่แถลง ทำไมไม่ช่วยเพื่อน
.
วันนี้ (16 ม.ค.) ที่โรงแรมริเวอร์ไลน์ เพลส โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ จ.นนทบุรี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ตอบโต้นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ และนายวิศาพัช มโนมันรัตน์ หรือแซน ที่แถลงข่าวการทดสอบเหตุการณ์จำลองการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงสาว ที่กล่าวหาว่าเป็นการจำลองไม่ตรงกัน 100% ว่า ที่การทดลองไม่ตกตรงนั้น ไม่ตกตรงนี้ เพราะไม่ใช่ประเด็นแห่งคดี ประเด็นคือคำให้การของแซน วิศาพัช ที่ให้การว่าแตงโมตกทางซ้ายมือของกาบท้ายเรือ และคนบนเรือทั้งหมดในการออกรายการโหนกระแส กล่าวว่าไม่เห็นการตกเรือและไม่เห็นอะไรเลย ตกแล้วหายไปเลย จึงเห็นว่าการพูดในครั้งนั้นเป็นประเด็นแห่งคดี
.
อีกทั้งในทางนิติวิทยาศาสตร์ตรวจแล้วพบว่า ไม่มีลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์บนเครื่องยนต์ เพราะฉะนั้นที่บอกว่าเกาะท้ายเรือ กาบเรือนั้นไม่มี ส่วนบนเบาะเรือด้านท้ายสุดไม่มีดีเอ็นเอของแตงโม แม้กระทั่งแซน วิศาพัชก็ไม่มี เรื่องนี้จึงมีพิรุธตั้งแต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พอทดสอบตามคำให้การว่าแซน วิศาพัช เห็นคนเดียว จึงทดสอบตามนั้น เพราะเป็นประเด็นแห่งคดีที่อยู่ในสำนวนในชั้นศาล ซึ่งเราต้องยึดประเด็นนี้ คือตกทางซ้ายมือของกาบท้ายเรือ แม้จะมีการท้วงแต่ก็ได้พยายามทดลอง
.
ขณะเดียวกันได้ตั้งข้อสังเกตว่า ที่แซน วิศาพัช อ้างว่าจำชุดไม่ได้ เพราะเมื่อ 2-3 วันก่อนออกรายการหนึ่งว่าตัวเองถอดคอนแทคเลนส์ ถอดแว่นตา ตาเจ็บ มองไม่เห็นอะไรเลย จากเดิมที่บอกว่าเห็นอยู่คนเดียว คำแถลงหรือคำให้การไม่ย้อนแย้งหรือ เพราะอ้างว่าเล่นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเล็กกว่าการมองเห็นคน ทำให้เราเห็นพิรุธจากสิ่งที่พูดออกมา และที่อาสาสมัครสวมเสื้อชูชีพ เพราะการทดสอบที่ผ่านมา ตำรวจและสื่อมวลชนก็สวมเสื้อชูชีพเช่นกัน ทำไมถึงตำหนิการทำงานของภาคประชาชน และมีอาสาสมัคร 3 คน ตัดสินใจไม่สวมเสื้อชูชีพให้ดู จะได้หมดข้ออ้าง และเป็นที่ชัดเจนว่าตำแหน่งดังกล่าวไม่เหมาะกับการปัสสาวะเพราะจะเปียกไปถึงเอว ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเปิดของสงวนต่อหน้าผู้ชายที่นั่งอยู่เฉียงๆ และเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ส่วนการตกด้านซ้ายหรือหงายหลัง ไม่ว่าตกไปทางไหนก็พิสูจน์ชัดว่าไม่โดนใบพัดเรือ
.
ส่วนที่นายตนุภัทรและแซน วิศาพัช แถลงข่าวในวันนี้ นายปานเทพเห็นว่ามีพิรุธอย่างมาก เพราะ 3 ปีที่แล้ว ปอ ตนุภัทร อ้างว่าขับเรือไม่เห็นอะไรเลย บัดนี้จะเห็นทุกอย่าง เกาะอยู่ที่เครื่องยนต์ รอ 10 วินาที เห็นไปหมด มันต่างจากคำให้การต่อศาล และสำนวนคดีที่แจ้งกับตำรวจหรือไม่ ถ้าคุณรู้ว่ามีการเกาะอยู่ 10 วินาทีจริง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทำไมไม่ช่วยคุณแตงโม 10 วินาที ไม่เห็นหรือว่ามีคนตกน้ำแล้วช่วยไว้ได้ทัน แต่ 3 ปีที่แล้วให้การว่าตกน้ำแล้วหายไปเลย ไม่รู้อยู่ที่ไหน มืดมาก บัดนี้บอกว่าเห็น 10 วินาทีแต่ไม่ช่วยเพื่อน เราเห็นว่ามีพิรุธและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และเราคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าสิ่งที่ทำจะต้องมีคนดิ้น แต่ถ้าดิ้นเป็น ออกอาการสมเหตุสมผล สังคมก็เชื่อ แต่ทุกคนรู้ทันกันหมดว่าผิดปกติ ถ้ายอกว่าเป็นเท็จก็ต้องมีข้อเท็จจริงอย่างอื่นที่ไม่ใช่แบบนี้ ถ้าจะแสดงออกตามอำเภอใจเพื่อเป็นเหตุอ้าง ต้องทำเอง แต่บัดนี้ยังไม่เห็น และบาดแผลทางขวาของแตงโมเกิดขึ้นไม่ได้ และศาลอาญายกฟ้อง 21 ตำรวจที่ฟ้องนายอัจฉริย เรืองรัตนพงษ์ ว่า ต้นขาขวาเป็นแผลเดี่ยว ลึก เรียบ เป็นไปไม่ได้ที่เกิดจากใบพัดเรือในการตกด้านซ้าย ทุกอย่างขัดแย้งหมด
.
"จะพูดอะไรก็พูดได้ แต่ประชาชนเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นผมจึงเห็นว่าคำแถลงของคุณปอ (นายตนุภัทร) ซึ่งหายไปหลายปี แล้วคุณก็ยุติไปแล้วในคดีกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คงจะรับรู้แล้วใช่ไหมว่าเรื่องของผลทางกฎหมายและการตัดสินก็เรื่องหนึ่ง แต่ผลแห่งกรรมมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และสิ่งที่คุณพูดวันนี้ไม่สามารถมีคำอธิยายอย่างสมเหตุสมผลได้ในประเด็นแห่งคดี เราต้องไม่ตกในมายาคติที่เขาจะชวนไปตกหัวเรือ กระโดดตีลังกาด้านซ้าย ด้านขวา เอาประเด็นแห่งคดี และที่เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้อย่างไร"
.
นายปานเทพ กล่าวว่า ที่อ้างว่าต้องขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ คนเหล่านี้ต่างหาก ที่เป็นอาสาสมัครที่ต้องขออนุญาต เพราะเขาเป็นคนเสียสละ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณแม่เลย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณแม่ และเมื่อคนบนเรือขัดแย้งก็เป็นพยานหลักฐานเช่นเดียวกัน
.
อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004962
.........
Sondhi X
"ปานเทพ" โต้ "ปอ-แซน" มีพิรุธ ย้ำจำลอง "แตงโม" ตกเรือ ค้นหา "ประเด็นแห่งคดี" . ปานเทพโต้ปอ-แซนแถลงข่าว กล่าวหาว่าจำลองแตงโม ภัทรธิดา นักแสดงสาวตกจากเรือไม่ตรงกัน ย้ำค้นหาประเด็นแห่งคดี นิติวิทยาศาสตร์ระบุแล้วว่าไม่มีดีเอ็นเอ และรู้อยู่แล้วว่าคนบนเรือจะต้องมีพิรุธ ร้อนตัว ถามถ้าแตงโมจับเรือ 10 วิ. จริงตามที่แถลง ทำไมไม่ช่วยเพื่อน . วันนี้ (16 ม.ค.) ที่โรงแรมริเวอร์ไลน์ เพลส โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ จ.นนทบุรี นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ตอบโต้นายตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ หรือปอ และนายวิศาพัช มโนมันรัตน์ หรือแซน ที่แถลงข่าวการทดสอบเหตุการณ์จำลองการเสียชีวิตของ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม นักแสดงสาว ที่กล่าวหาว่าเป็นการจำลองไม่ตรงกัน 100% ว่า ที่การทดลองไม่ตกตรงนั้น ไม่ตกตรงนี้ เพราะไม่ใช่ประเด็นแห่งคดี ประเด็นคือคำให้การของแซน วิศาพัช ที่ให้การว่าแตงโมตกทางซ้ายมือของกาบท้ายเรือ และคนบนเรือทั้งหมดในการออกรายการโหนกระแส กล่าวว่าไม่เห็นการตกเรือและไม่เห็นอะไรเลย ตกแล้วหายไปเลย จึงเห็นว่าการพูดในครั้งนั้นเป็นประเด็นแห่งคดี . อีกทั้งในทางนิติวิทยาศาสตร์ตรวจแล้วพบว่า ไม่มีลายนิ้วมือและดีเอ็นเอของมนุษย์บนเครื่องยนต์ เพราะฉะนั้นที่บอกว่าเกาะท้ายเรือ กาบเรือนั้นไม่มี ส่วนบนเบาะเรือด้านท้ายสุดไม่มีดีเอ็นเอของแตงโม แม้กระทั่งแซน วิศาพัชก็ไม่มี เรื่องนี้จึงมีพิรุธตั้งแต่หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พอทดสอบตามคำให้การว่าแซน วิศาพัช เห็นคนเดียว จึงทดสอบตามนั้น เพราะเป็นประเด็นแห่งคดีที่อยู่ในสำนวนในชั้นศาล ซึ่งเราต้องยึดประเด็นนี้ คือตกทางซ้ายมือของกาบท้ายเรือ แม้จะมีการท้วงแต่ก็ได้พยายามทดลอง . ขณะเดียวกันได้ตั้งข้อสังเกตว่า ที่แซน วิศาพัช อ้างว่าจำชุดไม่ได้ เพราะเมื่อ 2-3 วันก่อนออกรายการหนึ่งว่าตัวเองถอดคอนแทคเลนส์ ถอดแว่นตา ตาเจ็บ มองไม่เห็นอะไรเลย จากเดิมที่บอกว่าเห็นอยู่คนเดียว คำแถลงหรือคำให้การไม่ย้อนแย้งหรือ เพราะอ้างว่าเล่นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเล็กกว่าการมองเห็นคน ทำให้เราเห็นพิรุธจากสิ่งที่พูดออกมา และที่อาสาสมัครสวมเสื้อชูชีพ เพราะการทดสอบที่ผ่านมา ตำรวจและสื่อมวลชนก็สวมเสื้อชูชีพเช่นกัน ทำไมถึงตำหนิการทำงานของภาคประชาชน และมีอาสาสมัคร 3 คน ตัดสินใจไม่สวมเสื้อชูชีพให้ดู จะได้หมดข้ออ้าง และเป็นที่ชัดเจนว่าตำแหน่งดังกล่าวไม่เหมาะกับการปัสสาวะเพราะจะเปียกไปถึงเอว ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเปิดของสงวนต่อหน้าผู้ชายที่นั่งอยู่เฉียงๆ และเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ส่วนการตกด้านซ้ายหรือหงายหลัง ไม่ว่าตกไปทางไหนก็พิสูจน์ชัดว่าไม่โดนใบพัดเรือ . ส่วนที่นายตนุภัทรและแซน วิศาพัช แถลงข่าวในวันนี้ นายปานเทพเห็นว่ามีพิรุธอย่างมาก เพราะ 3 ปีที่แล้ว ปอ ตนุภัทร อ้างว่าขับเรือไม่เห็นอะไรเลย บัดนี้จะเห็นทุกอย่าง เกาะอยู่ที่เครื่องยนต์ รอ 10 วินาที เห็นไปหมด มันต่างจากคำให้การต่อศาล และสำนวนคดีที่แจ้งกับตำรวจหรือไม่ ถ้าคุณรู้ว่ามีการเกาะอยู่ 10 วินาทีจริง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ทำไมไม่ช่วยคุณแตงโม 10 วินาที ไม่เห็นหรือว่ามีคนตกน้ำแล้วช่วยไว้ได้ทัน แต่ 3 ปีที่แล้วให้การว่าตกน้ำแล้วหายไปเลย ไม่รู้อยู่ที่ไหน มืดมาก บัดนี้บอกว่าเห็น 10 วินาทีแต่ไม่ช่วยเพื่อน เราเห็นว่ามีพิรุธและเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และเราคิดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าสิ่งที่ทำจะต้องมีคนดิ้น แต่ถ้าดิ้นเป็น ออกอาการสมเหตุสมผล สังคมก็เชื่อ แต่ทุกคนรู้ทันกันหมดว่าผิดปกติ ถ้ายอกว่าเป็นเท็จก็ต้องมีข้อเท็จจริงอย่างอื่นที่ไม่ใช่แบบนี้ ถ้าจะแสดงออกตามอำเภอใจเพื่อเป็นเหตุอ้าง ต้องทำเอง แต่บัดนี้ยังไม่เห็น และบาดแผลทางขวาของแตงโมเกิดขึ้นไม่ได้ และศาลอาญายกฟ้อง 21 ตำรวจที่ฟ้องนายอัจฉริย เรืองรัตนพงษ์ ว่า ต้นขาขวาเป็นแผลเดี่ยว ลึก เรียบ เป็นไปไม่ได้ที่เกิดจากใบพัดเรือในการตกด้านซ้าย ทุกอย่างขัดแย้งหมด . "จะพูดอะไรก็พูดได้ แต่ประชาชนเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้นผมจึงเห็นว่าคำแถลงของคุณปอ (นายตนุภัทร) ซึ่งหายไปหลายปี แล้วคุณก็ยุติไปแล้วในคดีกระทำการโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย คงจะรับรู้แล้วใช่ไหมว่าเรื่องของผลทางกฎหมายและการตัดสินก็เรื่องหนึ่ง แต่ผลแห่งกรรมมันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง และสิ่งที่คุณพูดวันนี้ไม่สามารถมีคำอธิยายอย่างสมเหตุสมผลได้ในประเด็นแห่งคดี เราต้องไม่ตกในมายาคติที่เขาจะชวนไปตกหัวเรือ กระโดดตีลังกาด้านซ้าย ด้านขวา เอาประเด็นแห่งคดี และที่เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้อย่างไร" . นายปานเทพ กล่าวว่า ที่อ้างว่าต้องขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ คนเหล่านี้ต่างหาก ที่เป็นอาสาสมัครที่ต้องขออนุญาต เพราะเขาเป็นคนเสียสละ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณแม่เลย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณแม่ และเมื่อคนบนเรือขัดแย้งก็เป็นพยานหลักฐานเช่นเดียวกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004962 ......... Sondhi X1 Comments 0 Shares 2366 Views 0 Reviews
27
- หมู่บ้านคราฟท์ในฝัน#4
....
หากคุณถามผมว่าขุดหลุมหาอะไร ?
ผมจะบอกว่าคุณตั้งคำถามผิด คุณควรถามผมว่าขุดหลุมใส่อะไร ?
เมื่อเป็นแบบนั้นผมจะตอบคุณว่า...ทุกหลุมที่ผมขุด ผมใส่อนาคตไว้ที่นั่น...อุบ๊ะ เฉียบ!
....
คิดเอง พูดเอง ตบเอง คมเฉียบบาง บางจนแทบสัมผัสไม่ได้^^
#รับสร้างสวนหมู่บ้านคราฟท์ในฝัน#4 .... หากคุณถามผมว่าขุดหลุมหาอะไร ? ผมจะบอกว่าคุณตั้งคำถามผิด คุณควรถามผมว่าขุดหลุมใส่อะไร ? เมื่อเป็นแบบนั้นผมจะตอบคุณว่า...ทุกหลุมที่ผมขุด ผมใส่อนาคตไว้ที่นั่น...อุบ๊ะ เฉียบ! .... คิดเอง พูดเอง ตบเอง คมเฉียบบาง บางจนแทบสัมผัสไม่ได้^^ #รับสร้างสวน0 Comments 0 Shares 403 Views 0 Reviews1
- หมู่บ้านคราฟท์ในฝัน#4
....
หากคุณถามผมว่าขุดหลุมหาอะไร ?
ผมจะบอกว่าคุณตั้งคำถามผิด คุณควรถามผมว่าขุดหลุมใส่อะไร ?
เมื่อเป็นแบบนั้นผมจะตอบคุณว่า...ทุกหลุมที่ผมขุด ผมใส่อนาคตไว้ที่นั่น...อุบ๊ะ เฉียบ!
....
คิดเอง พูดเอง ตบเอง คมเฉียบบาง บางจนแทบสัมผัสไม่ได้^^
#รับสร้างสวนหมู่บ้านคราฟท์ในฝัน#4 .... หากคุณถามผมว่าขุดหลุมหาอะไร ? ผมจะบอกว่าคุณตั้งคำถามผิด คุณควรถามผมว่าขุดหลุมใส่อะไร ? เมื่อเป็นแบบนั้นผมจะตอบคุณว่า...ทุกหลุมที่ผมขุด ผมใส่อนาคตไว้ที่นั่น...อุบ๊ะ เฉียบ! .... คิดเอง พูดเอง ตบเอง คมเฉียบบาง บางจนแทบสัมผัสไม่ได้^^ #รับสร้างสวน0 Comments 0 Shares 362 Views 0 Reviews - “ต่อย ดายศ” พี่ชาย “แตงโม” ไปดูจำลองเหตุการณ์ตกน้ำ ยังทำใจไม่ได้ ซัดแค้น โกรธ เกลียด พวกมันทุกตัว! ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้น้องสาวเสียชีวิตลง
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004945
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
“ต่อย ดายศ” พี่ชาย “แตงโม” ไปดูจำลองเหตุการณ์ตกน้ำ ยังทำใจไม่ได้ ซัดแค้น โกรธ เกลียด พวกมันทุกตัว! ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้น้องสาวเสียชีวิตลง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004945 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes1 Comments 0 Shares 1809 Views 0 Reviews
14
- ด่วน!
สำนักงานนายกรัฐมนตรีเบนจามิน ประกาศระงับการจัดการประชุมของคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา โดยกล่าวหาว่า ฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลงเพื่อในนาทีสุดท้ายของการประนีประนอมในครั้งนี้
ตามกำหนดการ คณะรัฐมนตรีของอิสราเอลจะจัดการประชุมเพื่ออนุมัติข้อตกลงดังกล่าวในวันพฤหัสบดีนี้ด่วน! สำนักงานนายกรัฐมนตรีเบนจามิน ประกาศระงับการจัดการประชุมของคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา โดยกล่าวหาว่า ฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลงเพื่อในนาทีสุดท้ายของการประนีประนอมในครั้งนี้ ตามกำหนดการ คณะรัฐมนตรีของอิสราเอลจะจัดการประชุมเพื่ออนุมัติข้อตกลงดังกล่าวในวันพฤหัสบดีนี้0 Comments 0 Shares 279 Views 0 Reviews - 0 Comments 0 Shares 265 Views 0 0 Reviews
-
- ประชาชนต้องเข้าใจ ที่แซนแหล๋เรื่องแตงโมฉี่ตกเรือพบแต่พิรุธ เพราะแซนยืนฉี่จึงไม่มีวันรู้จริง
#คิงส์โพธิ์แดง
#คิงส์โพธิ์แดงสำรอง0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews - 1/
ด่วน!
อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย
ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!!
อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง1/ ด่วน! อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!! อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง0 Comments 0 Shares 439 Views 0 Reviews2
- World Military and Political (การทหารและการเมืองโลก) added video News and Politics2/
อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย
ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!!
อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง2/ อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!! อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง0 Comments 0 Shares 597 Views 25 0 Reviews - "ปานเทพ"โต้ "ปอ-แซน" แถลงข่าว กล่าวหาว่าจำลอง "แตงโม ภัทรธิดา" นักแสดงสาวตกจากเรือไม่ตรงกัน ย้ำค้นหาประเด็นแห่งคดี นิติวิทยาศาสตร์ระบุแล้วว่าไม่มีดีเอ็นเอ และรู้อยู่แล้วว่าคนบนเรือจะต้องมีพิรุธ ร้อนตัว ถามถ้าแตงโมจับเรือ 10 วิ. จริงตามที่แถลง ทำไมไม่ช่วยเพื่อน
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004965
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes"ปานเทพ"โต้ "ปอ-แซน" แถลงข่าว กล่าวหาว่าจำลอง "แตงโม ภัทรธิดา" นักแสดงสาวตกจากเรือไม่ตรงกัน ย้ำค้นหาประเด็นแห่งคดี นิติวิทยาศาสตร์ระบุแล้วว่าไม่มีดีเอ็นเอ และรู้อยู่แล้วว่าคนบนเรือจะต้องมีพิรุธ ร้อนตัว ถามถ้าแตงโมจับเรือ 10 วิ. จริงตามที่แถลง ทำไมไม่ช่วยเพื่อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004965 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes0 Comments 0 Shares 1500 Views 0 Reviews
24
- World Military and Political (การทหารและการเมืองโลก) added video News and Politics3/
อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย
ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!!
อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง3/ อิสราเอลทิ้งระเบิดถล่มกาซาที่อาคารหลังหนึ่งหลังข้อตกลงหยุดยิงสำเร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมง เสียชีวิตทันที 18 ราย และบาดเจ็บกว่า 200 ราย ต่อมามีรายงานมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 82 ราย!!! อิสราเอลประกาศว่า อิสราเอลยังมีสิทธิโจมตีฮามาส และจะไม่ยอมรับข้อตกลงอย่างเป็นทางการ จนกว่าเรื่องนี้จะผ่านคณะมนตรีด้านความมั่นคงและรัฐบาลของประเทศ ซึ่งมีกำหนดการลงญัตติในวันพฤหัสที่ 16 มกราคม แต่มีการระงับออกไปอย่างไม่มีกำหนด โดยอ้างว่าฮามาสผิดสัญญาบางส่วนของข้อตกลง0 Comments 0 Shares 643 Views 22 0 Reviews1
- https://www.youtube.com/live/7H80IMCIdAo- YouTubeเพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
-
- World Military and Political (การทหารและการเมืองโลก) added video News and Politicsในช่วงเวลาสุดท้าย อิสราเอลกล่าวหาฮามาสมาตลอดทุกครั้ง ว่าเป็นฝ่ายเปลี่ยนแปลงข้อตกลงหยุดยิง หลังข้อตกลงได้รับการยอมรับแล้ว
ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นวันนี้เมื่ออิสราเอล "กล่าวหาฮามาสอีกครั้ง!"
หรือความเป็นจริง อิสราเอลไม่เคยมีความคิดจะหยุดยิงตามข้อตกลง มันเป็นเพียงเกมการเมืองของเนทันยาฮูเท่านั้น ที่หาความชอบธรรมในการทำลายล้างชีวิตและทรัพย์สินของชาวกาซา
ภาพวิดีโอขณะตัวแทนอิสราเอลกล่าวหาฮามาสไม่ทำตามข้อตกลงหยุดยิง และอิสราเอลมีสิทธิโจมตีตอบโต้ฮามาสได้ในช่วงเวลาสุดท้าย อิสราเอลกล่าวหาฮามาสมาตลอดทุกครั้ง ว่าเป็นฝ่ายเปลี่ยนแปลงข้อตกลงหยุดยิง หลังข้อตกลงได้รับการยอมรับแล้ว ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นวันนี้เมื่ออิสราเอล "กล่าวหาฮามาสอีกครั้ง!" หรือความเป็นจริง อิสราเอลไม่เคยมีความคิดจะหยุดยิงตามข้อตกลง มันเป็นเพียงเกมการเมืองของเนทันยาฮูเท่านั้น ที่หาความชอบธรรมในการทำลายล้างชีวิตและทรัพย์สินของชาวกาซา ภาพวิดีโอขณะตัวแทนอิสราเอลกล่าวหาฮามาสไม่ทำตามข้อตกลงหยุดยิง และอิสราเอลมีสิทธิโจมตีตอบโต้ฮามาสได้0 Comments 0 Shares 548 Views 14 0 Reviews - 0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
- #ว่างว่างก็แวะมา😼😼😼#ว่างว่างก็แวะมา0 Comments 0 Shares 131 Views 0 Reviews
- ศาลหลักเมืองชอนแก่น #ว่างว่างก็แวะมาศาลหลักเมืองชอนแก่น #ว่างว่างก็แวะมา0 Comments 0 Shares 280 Views 0 Reviews
- 0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
- จีนอาจจะยอมขายTiktokให้อีลอนมัสก์ ทำไมเป็นเช่นนั้น? : คนเคาะข่าว 16-01-68
: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์
#คนเคาะข่าวจีนอาจจะยอมขายTiktokให้อีลอนมัสก์ ทำไมเป็นเช่นนั้น? : คนเคาะข่าว 16-01-68 : อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ ดำเนินรายการโดย อุษณีย์ เอกอุษณีย์ #คนเคาะข่าว1 Comments 0 Shares 765 Views 12 0 Reviews1
- "ชาญชัย" ยื่นคำร้องครั้งที่ 3 ขอให้ศาลไต่สวน และออกหมายจับ "ทักษิณ" กลับไปติดคุก โดยเขียนคำฟ้องใหม่ รวบรวมพยานหลักฐานผู้กระทำผิดให้ครบถ้วน
อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004976
#News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes"ชาญชัย" ยื่นคำร้องครั้งที่ 3 ขอให้ศาลไต่สวน และออกหมายจับ "ทักษิณ" กลับไปติดคุก โดยเขียนคำฟ้องใหม่ รวบรวมพยานหลักฐานผู้กระทำผิดให้ครบถ้วน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004976 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes1 Comments 0 Shares 1598 Views 1 Reviews
32
- เหนื่อยนักก็พักหน่อย TikTok@yuija6055 #เพลง #ความสุขของฉันอาจไม่เหมือนเธอ #ว่างว่างก็แวะมา0 Comments 0 Shares 610 Views 2 0 Reviews
- อ่านเอาเรื่อง Ep.88 : Affirmative Action
วันนี้อยากจะเล่าเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ Affirmative Action ของมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านของเราครับ
ในสมัยก่อนนู้น คือ ยุคก่อนปี 1950 นั้น มาเลเซีย (ตอนนั้นเรียก “มลายา”) เป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ครับ อังกฤษเขาเห็นว่าที่มลายานี้ยังขาดแคลลนแรงงานอยู่มาก ก็เลยเปิดรับชาวจีนให้อพยพเข้ามาเป็นแรงงานอยู่ที่มลายา
ชาวจีนที่อพยพมามลายานั้น ส่วนใหญ่จะมาจากมณฑลฟูเจี้ยนและกวางตุ้ง เหตุที่อพยพมาก็เพราะหนีความอดอยากและยากจนของประเทศจีนในเวลานั้นครับ
คนจีนเหล่านี้ เบื้องแรกก็มาเป็นแรงงานทำโน่นทำนี่ แต่อยู่ๆไปก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษและเริ่มทำธุรกิจ ชีวิตความเป็นอยู่และรายได้เริ่มดีขึ้นด้วยความขยันตามประสาคนจีน
นี่คือจุดเริ่มต้นของคนจีนในคาบสมุทรมลายา คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 10% ของประชากรทั้งหมดซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู
คนอินเดียก็มีมาอยู่ที่มลายาเหมือนกัน แต่น้อยกว่าคนจีน
ทีนี้พอถึงปี 1957 อังกฤษคืนเอกราชให้มลายา อำนาจการปกครองรัฐบาลนั้นเป็นของชาวมลายูเกือบ 100%
ในเวลานั้น ธุรกิจสำคัญส่วนใหญ่อยู่ในมือของชาวจีน และสำคัญคือ 99% ของนักศึกษาที่เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยนั้น ล้วนมีแต่ชาวจีนทั้งสิ้น
นักศึกษาชาวมลายูมีแค่ 1%
ในคณะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ ที่เราเรียกว่า STEM นั้น ก็เป็นแบบเดียวกันคือ มีแต่นักศึกษาชาวจีน อันทำให้ชาวจีนมีความรู้สูงกว่าและเจริญงอกงามกว่าชาวมลายูทั้งๆที่ประชากรชาวจีนนั้นมีไม่ถึง 20%
ก่อให้เกิดความเกลียดชังที่คนมลายูมีต่อคนจีน
.
.
.
ในปี 1960 รัฐบาลมาเลเซียซึ่งเป็นคนมลายูทั้งหมด จึงดำริโครงการที่ชื่อว่า Affirmative Action เพื่อช่วยชาวมลายู คือ ช่วยเหลือทุกวิถีทางที่จะเพิ่มจำนวนคนมลายูให้เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้
นำไปสู่การตั้งโควต้านักศึกษา ว่าจะต้องมีคนมลายูเท่านี้และจำกัดจำนวนคนจีนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ
และที่ช้อคสุดคือ รัฐบาลสั่งเปลี่ยนภาษาที่สอนในมหาลัย จากเดิมที่สอนเป็นภาษาอังกฤษให้เปลี่ยนเป็นภาษามลายูทั้งหมด
คือ กีดกันคนจีนกันเต็มที่
ทำให้นักศึกษาจีนที่เก่งๆหัวดีจำนวนมากถอดใจกับการเข้ามหาวิทยาลัย และย้ายไปเรียนที่อเมริกาและยุโรปแทน คนจีนที่มีความรู้สูงจำนวนมากย้ายออกจากมาเลเซีย
การกีดกันเชื้อชาตินี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์แยกตัวออกไปตั้งประเทศเอง และภายหลังสิงคโปร์นั้นเจริญงอกงามกว่ามาเลเซียมาก
(ถ้าจะพูดให้ถูกคือ รัฐบาลมลายูขับไล่นายลี กวน ยูและสิงคโปร์ออกไปครับ)
แต่กระนั้นความกดดันของรัฐบาลมลายูนี้ก็ก่อให้เกิดผลดีอยู่บ้างคือ ชาวจีนรวมตัวกันสร้างมหาวิทยาลัยเอกชนขึ้นในมาเลเซียหลายแห่ง สอนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเคย เพื่อสอนให้กับชาวจีนและอินเดียที่ได้รับผลกระทบ
และได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในเวลาต่อมา
.
.
.
เมื่อกาลเวลาผ่านไป 60 ปี Affirmative Action นี้ก็ยังคงอยู่ในมาเลเซียในรูปแบบของโควต้าเชื้อชาติ
ผลของ Affirmative Action นี้ ทำให้คนมลายูมีอัตราการเรียนมหาวิทยาลัยสูงขึ้นจริง มีรายได้สูงขึ้นจริง
แต่ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจยังคงเหมือนเดิม
คือ ธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชนขนาดใหญ่ในมาเลเซียยังคงอยู่ในมือของคนจีน
ส่วนคนมลายูนั้นส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในภาครัฐ ที่โดดเด่นขึ้นมาในภาคเอกชนก็มีครับ เช่น แอร์ เอเซีย ที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจมลายู 2 คนครับ
ในประชากรมาเลเซีย 100 คน มีชาวมลายูราวๆ 70% ชาวจีน 20% ที่เหลือเป็นอินเดีย 8% ครับ
เมื่อสำรวจรายได้ของคนมาเลเซียในปี 2022 ก็ได้พบว่า หากชาวจีนมีรายได้ 100 บาท ชาวมลายูจะมีรายได้ 70 บาท และชาวอินเดีย 87 บาท
ชาวมลายูยังคงรายได้ต่ำที่สุดอยู่เช่นเคย แม้จะกีดกันชาวจีนแล้วก็ตาม
.
.
.
ที่ผมยกเรื่องโครงการ Affirmative Action ขึ้นมานี้ เพราะเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันทั่วโลกมากว่าเป็นนโยบายที่เลือกปฏิบัติ (Discrimination) ครับ
คือ เลือกช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ
จริงๆแล้วมาเลเซียลอกไอเดียนี้มาจากอเมริกาในปี 1960 ที่ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี้ นำมาใช้เพื่อให้โอกาสคนดำและเชื้อชาติอื่นได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง
เพราะหากเอานักเรียนมาสอบแข่งขันกันจริงๆแล้ว ในเวลานั้นนักเรียนผิวขาวชนะขาดลอย เช่นเดียวกับที่นักเรียนจีนในมาเลเซียที่เก่งกว่าเด็กมลายู
อเมริกาใช้โครงการนี้อยู่หลายรัฐบาล มีการใช้โควต้าเชื้อชาติด้วย จนกระทั่งศาลสูงของอเมริกาสั่งยกเลิกระบบนี้ในการคัดเลือกนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย
และปัจจุบันอเมริกาก็เอานโยบายคล้ายๆกันนี้กลับเข้ามาใช้อีกในรูปแบบของ DEI (Diversity, Equity and Inclusion) คือ ให้เอาเชื้อชาติเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับคนเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐบาล
คือ ในหนึ่งองค์กรจะต้องมีคนจากทุกเชื้อชาติให้ได้มากที่สุด
เรื่อง DEI นี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อทรัมป์ถูกพยายามลอบสังหารและมีภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจลับหญิงอ้วนที่เงอะๆงั่นๆทำอะไรไม่ถูกยืนอยู่ข้างๆทรัมป์
ชาวเน็ทอเมริกันจึงจัดทัวร์ไปลงว่า “DEI ทำให้เราไม่ได้จ้างคนจากฝีมือและความสามารถ”
.
.
.
ผมนั่งดูๆเรื่องนี้แล้ว ก็บังเกิดความเห็นใจทั้ง 2 ฝั่ง
คือ ผมเห็นใจคนบางกลุ่มบางเผ่าพันธุ์ว่า ถ้าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษแล้ว โอกาสที่จะโงหัวขึ้นมามีชีวิตที่ดีบ้างนั้นก็แทบจะไม่มีเลย
ในขณะเดียวกันผมก็เห็นใจคนหัวดีและคนเก่งกว่าว่า เขาตั้งใจเรียนและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่กลายเป็นต้องมาแพ้ให้กับระบบโควต้าที่ช่วยคนที่ห่วยกว่าตัวเอง
หนทางที่ดีที่สุดของเรื่องลักษณะนี้ ผมเห็นด้วย 100% กับท่านผู้พิพากษาศาลสูงของอเมริกาชื่อ “ซานดร้า เดย์ โอคอนเนอร์”
ท่านกล่าวว่า “Race-conscious admissions policies must be limited in time. The court expects that 25 years from now, the use of racial preferences will no longer be necessary"
"นโยบายการเลือกรับคนโดยดูจากเชื้อชาตินั้นควรกำหนดกรอบเวลาไว้ ศาลหวังว่าในอีก 25 ปีจากนี้ไปนั้น เราไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเชื้อชาติมาร่วมพิจารณาอีกต่อไป“
ท่านบันทึกไว้ในปี 2003 ครับ
เพราะผมเห็นด้วยกับที่มีคนเคยพูดว่า “กลุ่มคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษหรือใช้ทางลัดมาตลอดชีวิตนั้น เมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องออกไปต่อสู้อย่างแฟร์ๆแล้ว คนพวกนี้ก็จะบอกว่า ”ฉันไม่ได้รับความยุติธรรม“
…ไม่ช่วยเลยก็น่าสงสาร ช่วยมากไปก็อ่อนแอ…
ภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องครับ ผมเห็นว่าสวยดีก็เลยโพสท์ไปด้วย
นัทแนะอ่านเอาเรื่อง Ep.88 : Affirmative Action วันนี้อยากจะเล่าเกร็ดความรู้เล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ Affirmative Action ของมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านของเราครับ ในสมัยก่อนนู้น คือ ยุคก่อนปี 1950 นั้น มาเลเซีย (ตอนนั้นเรียก “มลายา”) เป็นอาณานิคมของอังกฤษอยู่ครับ อังกฤษเขาเห็นว่าที่มลายานี้ยังขาดแคลลนแรงงานอยู่มาก ก็เลยเปิดรับชาวจีนให้อพยพเข้ามาเป็นแรงงานอยู่ที่มลายา ชาวจีนที่อพยพมามลายานั้น ส่วนใหญ่จะมาจากมณฑลฟูเจี้ยนและกวางตุ้ง เหตุที่อพยพมาก็เพราะหนีความอดอยากและยากจนของประเทศจีนในเวลานั้นครับ คนจีนเหล่านี้ เบื้องแรกก็มาเป็นแรงงานทำโน่นทำนี่ แต่อยู่ๆไปก็เริ่มเรียนภาษาอังกฤษและเริ่มทำธุรกิจ ชีวิตความเป็นอยู่และรายได้เริ่มดีขึ้นด้วยความขยันตามประสาคนจีน นี่คือจุดเริ่มต้นของคนจีนในคาบสมุทรมลายา คิดเป็นสัดส่วนราวๆ 10% ของประชากรทั้งหมดซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมลายู คนอินเดียก็มีมาอยู่ที่มลายาเหมือนกัน แต่น้อยกว่าคนจีน ทีนี้พอถึงปี 1957 อังกฤษคืนเอกราชให้มลายา อำนาจการปกครองรัฐบาลนั้นเป็นของชาวมลายูเกือบ 100% ในเวลานั้น ธุรกิจสำคัญส่วนใหญ่อยู่ในมือของชาวจีน และสำคัญคือ 99% ของนักศึกษาที่เข้าเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยนั้น ล้วนมีแต่ชาวจีนทั้งสิ้น นักศึกษาชาวมลายูมีแค่ 1% ในคณะที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี หรือ ที่เราเรียกว่า STEM นั้น ก็เป็นแบบเดียวกันคือ มีแต่นักศึกษาชาวจีน อันทำให้ชาวจีนมีความรู้สูงกว่าและเจริญงอกงามกว่าชาวมลายูทั้งๆที่ประชากรชาวจีนนั้นมีไม่ถึง 20% ก่อให้เกิดความเกลียดชังที่คนมลายูมีต่อคนจีน . . . ในปี 1960 รัฐบาลมาเลเซียซึ่งเป็นคนมลายูทั้งหมด จึงดำริโครงการที่ชื่อว่า Affirmative Action เพื่อช่วยชาวมลายู คือ ช่วยเหลือทุกวิถีทางที่จะเพิ่มจำนวนคนมลายูให้เข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ นำไปสู่การตั้งโควต้านักศึกษา ว่าจะต้องมีคนมลายูเท่านี้และจำกัดจำนวนคนจีนที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ และที่ช้อคสุดคือ รัฐบาลสั่งเปลี่ยนภาษาที่สอนในมหาลัย จากเดิมที่สอนเป็นภาษาอังกฤษให้เปลี่ยนเป็นภาษามลายูทั้งหมด คือ กีดกันคนจีนกันเต็มที่ ทำให้นักศึกษาจีนที่เก่งๆหัวดีจำนวนมากถอดใจกับการเข้ามหาวิทยาลัย และย้ายไปเรียนที่อเมริกาและยุโรปแทน คนจีนที่มีความรู้สูงจำนวนมากย้ายออกจากมาเลเซีย การกีดกันเชื้อชาตินี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สิงคโปร์แยกตัวออกไปตั้งประเทศเอง และภายหลังสิงคโปร์นั้นเจริญงอกงามกว่ามาเลเซียมาก (ถ้าจะพูดให้ถูกคือ รัฐบาลมลายูขับไล่นายลี กวน ยูและสิงคโปร์ออกไปครับ) แต่กระนั้นความกดดันของรัฐบาลมลายูนี้ก็ก่อให้เกิดผลดีอยู่บ้างคือ ชาวจีนรวมตัวกันสร้างมหาวิทยาลัยเอกชนขึ้นในมาเลเซียหลายแห่ง สอนหนังสือเป็นภาษาอังกฤษเหมือนเคย เพื่อสอนให้กับชาวจีนและอินเดียที่ได้รับผลกระทบ และได้กลายเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำในเวลาต่อมา . . . เมื่อกาลเวลาผ่านไป 60 ปี Affirmative Action นี้ก็ยังคงอยู่ในมาเลเซียในรูปแบบของโควต้าเชื้อชาติ ผลของ Affirmative Action นี้ ทำให้คนมลายูมีอัตราการเรียนมหาวิทยาลัยสูงขึ้นจริง มีรายได้สูงขึ้นจริง แต่ว่าโครงสร้างเศรษฐกิจยังคงเหมือนเดิม คือ ธุรกิจและอุตสาหกรรมภาคเอกชนขนาดใหญ่ในมาเลเซียยังคงอยู่ในมือของคนจีน ส่วนคนมลายูนั้นส่วนใหญ่จะทำงานอยู่ในภาครัฐ ที่โดดเด่นขึ้นมาในภาคเอกชนก็มีครับ เช่น แอร์ เอเซีย ที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจมลายู 2 คนครับ ในประชากรมาเลเซีย 100 คน มีชาวมลายูราวๆ 70% ชาวจีน 20% ที่เหลือเป็นอินเดีย 8% ครับ เมื่อสำรวจรายได้ของคนมาเลเซียในปี 2022 ก็ได้พบว่า หากชาวจีนมีรายได้ 100 บาท ชาวมลายูจะมีรายได้ 70 บาท และชาวอินเดีย 87 บาท ชาวมลายูยังคงรายได้ต่ำที่สุดอยู่เช่นเคย แม้จะกีดกันชาวจีนแล้วก็ตาม . . . ที่ผมยกเรื่องโครงการ Affirmative Action ขึ้นมานี้ เพราะเป็นประเด็นที่ถูกถกเถียงกันทั่วโลกมากว่าเป็นนโยบายที่เลือกปฏิบัติ (Discrimination) ครับ คือ เลือกช่วยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ จริงๆแล้วมาเลเซียลอกไอเดียนี้มาจากอเมริกาในปี 1960 ที่ปธน.จอห์น เอฟ เคนเนดี้ นำมาใช้เพื่อให้โอกาสคนดำและเชื้อชาติอื่นได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยบ้าง เพราะหากเอานักเรียนมาสอบแข่งขันกันจริงๆแล้ว ในเวลานั้นนักเรียนผิวขาวชนะขาดลอย เช่นเดียวกับที่นักเรียนจีนในมาเลเซียที่เก่งกว่าเด็กมลายู อเมริกาใช้โครงการนี้อยู่หลายรัฐบาล มีการใช้โควต้าเชื้อชาติด้วย จนกระทั่งศาลสูงของอเมริกาสั่งยกเลิกระบบนี้ในการคัดเลือกนักเรียนเข้ามหาวิทยาลัย และปัจจุบันอเมริกาก็เอานโยบายคล้ายๆกันนี้กลับเข้ามาใช้อีกในรูปแบบของ DEI (Diversity, Equity and Inclusion) คือ ให้เอาเชื้อชาติเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณารับคนเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐบาล คือ ในหนึ่งองค์กรจะต้องมีคนจากทุกเชื้อชาติให้ได้มากที่สุด เรื่อง DEI นี้กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อทรัมป์ถูกพยายามลอบสังหารและมีภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจลับหญิงอ้วนที่เงอะๆงั่นๆทำอะไรไม่ถูกยืนอยู่ข้างๆทรัมป์ ชาวเน็ทอเมริกันจึงจัดทัวร์ไปลงว่า “DEI ทำให้เราไม่ได้จ้างคนจากฝีมือและความสามารถ” . . . ผมนั่งดูๆเรื่องนี้แล้ว ก็บังเกิดความเห็นใจทั้ง 2 ฝั่ง คือ ผมเห็นใจคนบางกลุ่มบางเผ่าพันธุ์ว่า ถ้าเขาไม่ได้รับการช่วยเหลือเป็นพิเศษแล้ว โอกาสที่จะโงหัวขึ้นมามีชีวิตที่ดีบ้างนั้นก็แทบจะไม่มีเลย ในขณะเดียวกันผมก็เห็นใจคนหัวดีและคนเก่งกว่าว่า เขาตั้งใจเรียนและเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี แต่กลายเป็นต้องมาแพ้ให้กับระบบโควต้าที่ช่วยคนที่ห่วยกว่าตัวเอง หนทางที่ดีที่สุดของเรื่องลักษณะนี้ ผมเห็นด้วย 100% กับท่านผู้พิพากษาศาลสูงของอเมริกาชื่อ “ซานดร้า เดย์ โอคอนเนอร์” ท่านกล่าวว่า “Race-conscious admissions policies must be limited in time. The court expects that 25 years from now, the use of racial preferences will no longer be necessary" "นโยบายการเลือกรับคนโดยดูจากเชื้อชาตินั้นควรกำหนดกรอบเวลาไว้ ศาลหวังว่าในอีก 25 ปีจากนี้ไปนั้น เราไม่จำเป็นต้องเอาเรื่องเชื้อชาติมาร่วมพิจารณาอีกต่อไป“ ท่านบันทึกไว้ในปี 2003 ครับ เพราะผมเห็นด้วยกับที่มีคนเคยพูดว่า “กลุ่มคนที่เคยได้รับความช่วยเหลือเป็นพิเศษหรือใช้ทางลัดมาตลอดชีวิตนั้น เมื่อถึงวันหนึ่งที่ต้องออกไปต่อสู้อย่างแฟร์ๆแล้ว คนพวกนี้ก็จะบอกว่า ”ฉันไม่ได้รับความยุติธรรม“ …ไม่ช่วยเลยก็น่าสงสาร ช่วยมากไปก็อ่อนแอ… ภาพประกอบไม่เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องครับ ผมเห็นว่าสวยดีก็เลยโพสท์ไปด้วย 😉 นัทแนะ0 Comments 0 Shares 1080 Views 0 Reviews - ร้านก๋วยเตี๋ยวศรีลักษณ์ Ep.2 #สมุทรปราการ #พาชิม #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อาหารไทย #ครัวไทย #ร้านอร่อย #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminuteร้านก๋วยเตี๋ยวศรีลักษณ์ Ep.2 #สมุทรปราการ #พาชิม #ร้านดีบอกต่อ #อร่อยบอกต่อ #พิกัดของอร่อย #อาหารไทย #ครัวไทย #ร้านอร่อย #food #thaifood #thailand #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute0 Comments 0 Shares 985 Views 7 0 Reviews