• ## เล่ห์เหลี่ยม เขมร ที่นักการเมืองไทย มองไม่เห็น...??? ##
    ..
    ..
    "เขมร" เขา เล่นเล่ห์เหลี่ยม ทุกขณะจิต...!!!
    .
    ถามว่า สิ่งปลูกสร้าง ที่ยื่นออกมาในทะเล ตามแนวที่ เขมร ขีดเส้นผ่านเกาะกูด บนแผนที่...!!!
    .
    ที่ เขมร สร้างขึ้นใหม่นั่นหน่ะ สร้างขึ้นมาทำไม...???
    .
    ก็เพราะต้องการจะทำให้การ ระบุเขตแดนที่มีอยู่เดิม เป็นอันใช้ไม่ได้
    .
    เพราะเมื่อมองจากยอดสุดของเกาะกูด มองลงมา ไม่สามารถเห็นหมุดหลักเขต เพราะไอ้สิ่งปลูกสร้างนี้ มันบดบัง ทำให้มองไม่เห็น
    .
    แล้ว กฎหมาย UNCLOS 1982 ระบุสิ่งปลูกสร้างอันยึดติดเป็นการถาวรให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน...!!!
    .
    แต่ในขณะเดียวกัน เขมร ก็ไม่ยอมลงสัตยาบัน ใน UNCLOS 1982 เพราะ กฎหมาย UNCLOS ล่าสุดข้อนึง ระบุว่า...
    .
    โขดหิน ที่มนุษย์ไม่สามารถ อาศัยอยู่ได้ ไม่สามารถนับเป็นเขตแดน...!!!
    .
    แต่ เขมร มันนับเอา "โขดหินที่มนุษย์อาศัยอยู่ไม่ได้" มาวาดเป็นแผนที่ ที่แนบท้าย MOU44 กินเขตแดน และ ทะเลอาณาเขตของ ประเทศไทยเข้ามา เกินกว่ากฎหมายสากลระหว่างประเทศกำหนด
    .
    นี่ไง...!!!
    .
    เขายอมเป็น "หมา" พูดจา แสดงท่าที กลับกลอก ทางการเมืองระหว่างประเทศ
    .
    แต่...นักการเมืองไทย กลับทำ "ใสซื่อ"...!!!
    .
    ไม่รู้เลย ว่า เขมร มันแทงข้างหลังเราจนพรุนไปหมดแล้ว...
    .
    พ่อหนุ่มน้อย อายุ 14 ปี...???
    .
    ใสซื่อบริสุทธิ์ ไร้เดียงสาจริงๆ นะพ่อคุณ...!!!
    .
    "เขาพระวิหาร" โดน กฎหมายปิดปาก เพียงเพราะแค่ "ไม่เคยแสดงออกในการปฏิเสธ" เป็นตัวอย่างมาแล้ว...
    .
    วันนี้ นักการเมืองไทย ยังจะออกมาพูดจาแบบนี้อยู่อีก...
    .
    แผ่นดินไทย คนไทยไม่รัก ไม่หวงแหน...???
    .
    นักการเมืองไม่รักไม่หวงแหน...???
    .
    ทำไม ข้าราชการ และ นักการเมือง "เขมร" มันถึง รักชาติบ้านเมืองของเขาได้...!!!
    .
    แต่...
    .
    ข้าราชการ และ นักการเมือง "ไทย" ถึง รักชาติบ้านเมืองของเราบ้างไม่ได้...???
    ...
    ...
    หากยึดตาม "พระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป" ของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งยึดตามหลักกฎหมายสากลระหว่างประเทศ...!!!
    .
    แหล่งพลังงานทั้งหมดตรงนั้น จะเป็นของประเทศไทย ทั้งหมด...!!!
    .
    ไม่ต้องไปแบ่งครึ่งๆกับ เขมร เลย...!!!
    ## เล่ห์เหลี่ยม เขมร ที่นักการเมืองไทย มองไม่เห็น...??? ## .. .. "เขมร" เขา เล่นเล่ห์เหลี่ยม ทุกขณะจิต...!!! . ถามว่า สิ่งปลูกสร้าง ที่ยื่นออกมาในทะเล ตามแนวที่ เขมร ขีดเส้นผ่านเกาะกูด บนแผนที่...!!! . ที่ เขมร สร้างขึ้นใหม่นั่นหน่ะ สร้างขึ้นมาทำไม...??? . ก็เพราะต้องการจะทำให้การ ระบุเขตแดนที่มีอยู่เดิม เป็นอันใช้ไม่ได้ . เพราะเมื่อมองจากยอดสุดของเกาะกูด มองลงมา ไม่สามารถเห็นหมุดหลักเขต เพราะไอ้สิ่งปลูกสร้างนี้ มันบดบัง ทำให้มองไม่เห็น . แล้ว กฎหมาย UNCLOS 1982 ระบุสิ่งปลูกสร้างอันยึดติดเป็นการถาวรให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดิน...!!! . แต่ในขณะเดียวกัน เขมร ก็ไม่ยอมลงสัตยาบัน ใน UNCLOS 1982 เพราะ กฎหมาย UNCLOS ล่าสุดข้อนึง ระบุว่า... . โขดหิน ที่มนุษย์ไม่สามารถ อาศัยอยู่ได้ ไม่สามารถนับเป็นเขตแดน...!!! . แต่ เขมร มันนับเอา "โขดหินที่มนุษย์อาศัยอยู่ไม่ได้" มาวาดเป็นแผนที่ ที่แนบท้าย MOU44 กินเขตแดน และ ทะเลอาณาเขตของ ประเทศไทยเข้ามา เกินกว่ากฎหมายสากลระหว่างประเทศกำหนด . นี่ไง...!!! . เขายอมเป็น "หมา" พูดจา แสดงท่าที กลับกลอก ทางการเมืองระหว่างประเทศ . แต่...นักการเมืองไทย กลับทำ "ใสซื่อ"...!!! . ไม่รู้เลย ว่า เขมร มันแทงข้างหลังเราจนพรุนไปหมดแล้ว... . พ่อหนุ่มน้อย อายุ 14 ปี...??? . ใสซื่อบริสุทธิ์ ไร้เดียงสาจริงๆ นะพ่อคุณ...!!! . "เขาพระวิหาร" โดน กฎหมายปิดปาก เพียงเพราะแค่ "ไม่เคยแสดงออกในการปฏิเสธ" เป็นตัวอย่างมาแล้ว... . วันนี้ นักการเมืองไทย ยังจะออกมาพูดจาแบบนี้อยู่อีก... . แผ่นดินไทย คนไทยไม่รัก ไม่หวงแหน...??? . นักการเมืองไม่รักไม่หวงแหน...??? . ทำไม ข้าราชการ และ นักการเมือง "เขมร" มันถึง รักชาติบ้านเมืองของเขาได้...!!! . แต่... . ข้าราชการ และ นักการเมือง "ไทย" ถึง รักชาติบ้านเมืองของเราบ้างไม่ได้...??? ... ... หากยึดตาม "พระบรมราชโองการ ประกาศเขตไหล่ทวีป" ของ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งยึดตามหลักกฎหมายสากลระหว่างประเทศ...!!! . แหล่งพลังงานทั้งหมดตรงนั้น จะเป็นของประเทศไทย ทั้งหมด...!!! . ไม่ต้องไปแบ่งครึ่งๆกับ เขมร เลย...!!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    ดร.สุรเกียรติ์ยิ่งก่อข้อสงสัยรูป 1-2 มีเอกสารวิชาการเขียนโดย ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย เกี่ยวกับ MOU44 เผยแพร่ในปี 2554 จุลสารความมั่นคงศึกษา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ มีข้อมูลสำคัญที่ผมไม่รู้มาก่อนแต่ข้อมูลใหม่เหล่านี้ ยิ่งก่อข้อสงสัยในเจตนารมณ์ที่รัฐบาลของอดีตนายกฯทักษิณไปจัดทำ MOU44 🫡 ข้อสงสัยที่หนึ่ง กัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดจริงหรือ?รูป 3-6 คือพระราชกฤษฎีกาของกัมพูชา ผมเข้าใจมาตลอดว่า กัมพูชาขีดเส้นพาดผ่านเกาะกูด แต่ในเอกสารหน้า 6-9 ดร.สุรเกียรติ์วิเคราะห์ว่ากัมพูชาขีดเส้นเว้นเกาะกูดแผนที่รูป 6 ขยายไปเป็นรูป 7 ท่านเขียนว่าเส้นของกัมพูชาลากจากจุด A บนชายฝั่งมาจนถึงชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันออก แล้วไปเริ่มเส้นต่อไปจากชายฝั่งเกาะกูดด้านตะวันตก ประกอบกับท่านเห็นว่า ในแผนที่มีการระบุชื่อเกาะกูดว่า Koh Kut (Siam) ซึ่งท่านอนุมาน'เป็นการบ่งบอกว่าเกาะกูดเป็นของประเทศไทย' ท่านจึงตีความว่า "ดังนั้น กัมพูชาไม่เคยอ้างอธิปไตยเหนือเกาะกูด"🧐 ผมโต้แย้ง:- ในรูป 3 พระราชกฤษฎีกา กัมพูชาระบุตั้งใจลากเส้นโดยอ้างอิงสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศส คศ 1907 เพราะต้องการใช้ประโยชน์จากในสนธิสัญญาฯ มีข้อความ "ยอดเขาสูงสุดของเกาะกูด" ดังนั้น ถึงแม้ในรูป 7 ท่านตีความว่ากัมพูชาแสดงเจตนาไม่ต้องการให้เส้นผ่านเกาะกูด แต่อาจเป็นการตีความเข้าข้างตัวเอง🥶 ข้อสงสัย:- ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้แน่นอนว่า วันหน้ากัมพูชาจะไม่อ้างว่าไทยรับรู้ใน MOU44 แล้วว่า โดยสภาพความเป็นจริง เส้นนี้ย่อมมีเจตนาผ่านเกาะกูด เพราะ (ก) พระราชกฤษฎีกามีการอ้างอิงตำแหน่งแห่งหนที่ตั้งอยู่เฉพาะบนเกาะกูด และ(ข) ตรรกแห่งการตีเส้นเขตไหล่ทวีปที่ขาดแหว่งเป็นเส้นประ ไม่อยู่ในข้อใดในอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีป มีแต่เส้นต่อเนื่องทั้งนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สอง กัมพูชายอมรับว่าเกาะกูดเป็นอธิปไตยของไทยจริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35-36 ท่านเขียนว่า "ถึงแม้ว่าบันทึกความเข้าใจนี้จะไม่ถือว่าเป็นที่สิ้นสุดของการเจรจามีผลผูกพันทั้งสองประเทศเกี่ยวกับเส้นเขตทางทะเล แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ถือเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงการที่รัฐบาลกัมพูชาในปัจจุบันได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่า ประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด" และ"ภายหลังจากการลงนามในบันทึกความเข้าใจแล้วนั้น ฝ่ายไทยก็ได้มอบหมายให้ผู้เขียนพยายามที่จะเจรจาในระดับรัฐมตรีเพื่อไม่ไม่ให้เส้นเขตแดนล้อมรอบเกาะกูดถูกกำหนดเป็นรูปตัว "U" ซึ่งผู้เขียนจำได้ว่าเคยหารือกับนาย ซก อาน รัฐมนตรีอาวุโสของกัมพูชา (ตำแหน่งในขณะนั้น) ว่าเหตุใดเส้นเขตแดนจึงมีโค้งเป็นเบ้าขนมครก เหตุใดจึงไม่เป็นเส้นตรง ซึ่งหมายความว่าจากหลักเขตแดนที่ 73 นั้น เส้นเขตทางทะเลควรจะลากจากลงมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นเส้นตรง และต้องไม่ลากผ่านเกาะกูด มิใช่ลากเส้นมาถึงเกาะกูดแล้ว จึงเกิดส่วนเว้าหลบอ้อมเกาะกูดไป ซึ่งในแง่ของไทยแล้วการลากเส้นเขตแดนเป็นเส้นตรงโดยไม่ผ่านกึ่งกลางของเกาะกูดจะมีผลทำให้อธิปไตยของเกาะกูดมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้อาณาเขตรวมของพื้นที่ทับช้อนทางทะเลมีขนาดเล็กลง ดังรูป 10 (เป็นเส้นประที่ลูกศรขี้ซึ่งแสดงอยู่ในรูป 8 )ซึ่งในเรื่องนี้อยู่ในระหว่างการที่ฝ่ายกัมพูชาจะขอความเห็นชอบจากผู้นำสูงสุดของกัมพูชา แต่ผู้เขียนได้พ้นหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมทางเทคนิคไปเสียก่อน"🧐 ผมโต้แย้ง:- กัมพูชาไม่ได้ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าประเทศไทยมีอธิปไตยเหนือเกาะกูด เพราะ(ก) ไม่มีข้อความเช่นนั้นแม้แต่คำเดียวปรากฏใน MOU44 กลับเป็นการตีความของท่านฝ่ายเดียว(ข) ถ้ากัมพูชายอมรับเช่นนั้นจริง เส้นจะต้องไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด แต่จะต้องเอียงลงตะวันตกเฉียงใต้ ดังที่ท่านเองก็ยอมรับในบทความ🥶 ข้อสงสัย:- ในขณะที่ลงนามใน MOU44 ท่านทราบหรือไม่ว่า เส้นที่ถูกต้องคือไม่เข้ามาใกล้เกาะกูด? ถ้าทราบ ท่านไปลงนามทำไม?🫡 ข้อสงสัยที่สาม:- ฝ่ายไทยควรพอใจแผนผังแนบท้าย MOU44 จริงหรือ?ในเอกสารหน้า 35 ท่านเขียนว่า"ดังนั้น แผนผังแนบท้ายบันทึกความเข้าใจนี้จึงเป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยพอใจเพราะแสดงถึงความคืบหน้าในการเจรจาจุดเริ่มต้นของการลงเส้นเขตทางทะเลจากหลักเขตแดนทางบกที่ตรงกับจุดยืนของไทย และเส้นที่ลากนั้นได้ยอมรับอธิปไตยของไทยเหนือเกาะกูด และยังยอมรับอธิบไตยของไทยเหนือทะเลอาณาเขตรอบๆ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ไม่มีเหตุผลใดที่ไทยควรจะพอใจกับการแสดงแผนที่ซึ่งเป็นแผนผังแนบท้าย MOU44 เพราะแสดงเส้นของสองประเทศที่ไม่เท่าเทียมกัน คือเส้นของไทยประกาศตามอนุสัญญาเจนีวา ในขณะที่เส้นของกัมพูชาไม่เป็นเช่นนั้น🫡 ข้อสงสัยที่สี่:- ท่านรู้ว่า MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้น หรือไม่?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"(5) บันทึกความเข้าใจดังกล่าวได้ลงนามโดยผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลของทั้งสองประเทศ จึงมีสถานะเป็นสนธิสัญญาตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969"🧐 ผมโต้แย้ง:- ตรงนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เพราะท่านในฐานะผู้แทนที่ได้รับมอบอำนาจเต็มจากรัฐบาลไทย ไปลงนามในสนธิสัญญา ..ทั้งที่มิได้มีการทูลเกล้าฯ และมีได้มีการนำเสนอรัฐสภาเสียก่อน เป็นการกระทำเกินอำนาจ ultra vires จึงไม่ผูกพันรัฐบาลไทย และทำให้ MOU44 เป็นโมฆะตั้งแต่ต้นผมเห็นว่าไม่มีเอกสารหลักฐานชิ้นไหน ที่มีความสำคัญเท่าชิ้นนี้อีกแล้ว🫡 ข้อสงสัยที่ห้า:- ทำไมท่านไม่แจ้งรัฐบาลว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ ผิด?ในเอกสารหน้า 11-12 ท่านวิเคราะห์ว่ากัมพูชาตีความสนธิสัญญาฯ เข้าข้างตัวเองว่าเป็นการแบ่งเขตทางทะเล แต่เจตนารมณ์เป็นเพียงเพื่อกำหนดเส้นแบ่งเขตทางบก ซึ่งตรงกับของผม 🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นของกัมพูชาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ ท่านควรจะแจ้งให้รัฐบาลของท่านนายกทักษิณทราบ และกต.น่าจะแจ้งให้รัฐบาลต่างๆ ทราบ 🫡 ข้อสงสัยที่หก:- ท่านรู้หรือไม่ว่าเส้นของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป?ข้อ 6 ในอนุสัญญาว่าด้วยไหล่ทวีป ไม่ได้อนุญาตการลากเส้นที่อ้างอิงสิทธิทางประวัติศาสตร์ดังเช่นกรณีขอทะเลอาณาเขต แต่กัมพูชากลับไปอ้างอิงสนธิสัญญาฯ เป็นสิทธิทางประวัติศาสตร์ ทั้งที่ไม่ตรงกับเจตนารมณ์ของสนธิสัญญาฯ และขัดกับอนุสัญญาเจนีวาว่าด้วยไหล่ทวีปอย่างสิ้นเชิง🧐 ผมโต้แย้ง:- ในเมื่อท่านรู้ดีอยู่แล้วว่าเส้นเขตไหล่ทวีปของกัมพูชาขัดกับอนุสัญญาไหล่ทวีป ทำไมท่านไม่โต้แย้งกัมพูชาเป็นลายลักษณ์อักษร?🫡 ข้อสงสัยที่เจ็ด:- ทำไมท่านไม่ดำเนินการตามขั้นตอนของพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย?ในเอกสารหน้า 36 ท่านเขียนว่า"ภายหลังจากที่ผู้เขียนได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544 ก็ได้รับทราบถึงผลการเจรจาร่วมกันในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2543 และได้มีความเห็นตรงกันว่าควรมีการเปิดการเจรจาอย่างเป็นทางการกับรัฐบาลกัมพูชาเนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่ไทยยังไม่เคยเจรจาอย่างจริงจังเพื่อแสวงพาผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งๆ ที่ได้มีการเจรจากับรัฐบาลมาเลเซียและเวียดนามจนเสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว ดังนั้น จึงได้มีการเริ่มเปิดการเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเขตพื้นที่ที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับช้อนกัน และการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรปิโตรเลียมร่วมกันในพื้นที่ทับซ้อนในอ่าวไทย จนสามารถกำหนดแนวทางการเจรจาและการดำเนินการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสของทั้งสองประเทศที่เมืองเสียมราฐ เมื่อวันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2544 และนำไปสู่การลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ"🧐 ผมโต้แย้ง:- ประชาชนมีข้อสงสัยดังนี้(ก) ในลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เริ่มต้นจากการเจรจาเส้นเขตแดนของทั้งสองประเทศให้เสร็จเรียบร้อยก่อน จึงจะได้อาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมที่ยอมรับทั้งสองฝ่าย เป็นขั้นตอน ใช้ม้าลากรถแต่ลำดับขั้นตอนการจัดทำพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-กัมพูชา เริ่มต้นจากการกำหนดอาณาเขตพื้นที่พัฒนาร่วมขึ้นมาเอง เป็นการรีบร้อนลัดขั้นตอน ใช้รถลากม้า(ข) การเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับมาเลเซีย ใช้เวลาหลายปี ท่านใช้เวลาเจรจากำหนดพื้นที่พัฒนาร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชาเพียงสองสามเดือนส่อเจตนาชัดเจนว่าให้ความสำคัญลำดับหนึ่งแก่การแสวงหาประโยชน์ปิโตรเลียม จนมีความเสี่ยงเรื่องเขตแดนเกิดขึ้นการเร่งรีบเช่นนี้ ทำให้ประชาชนกังวลว่า มีวาระซ่อนเร้นแฝงอยู่ในการเจรจาหรือไม่🧐 ผมขอย้ำว่า เขียนบทความนี้ด้วยความเคารพ และหวังจะให้ประโยชน์แก่รัฐมนตรีพรรคร่วมอย่างเต็มที่เป็นสำคัญวันที่ 26 พฤศจิกายน 2567นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และประธานคณะกรรมการด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • Probability ของ ทองคำ
    Probability ของ ทองคำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไมค์ วอลซ์ บุคคลซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เลือกให้เป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของเขา เผยยุทธศาสตร์ของคณะบริหารชุดที่กำลังจะเข้ามารับตำแหน่ง ในการจัดการกับการสู้รบขัดแย้งยูเครน ระบุทีมทรัมป์จะเริ่มต้นดำเนินการเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากัน ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับมอบงานในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า
    .
    วอลซ์ ซึ่งปัจจุบันยังมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจากรัฐฟลอริดา ให้สัมภาษณ์ โทรทัศน์ ฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อวันอาทิตย์ (24 พ.ย.) ว่า เรื่องที่มีลำดับความสำคัญสูงเรื่องหนึ่งคือการจัดให้มีการพูดจากันระหว่างรัสเซียกับยูเครน ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะนำทั้งสองฝ่ายเข้ามาร่วมกันเจรจาเพื่อทำข้อตกลงหยุดยิงหรือข้อตกลงสันติภาพ
    .
    “เราจำเป็นต้องหารือกันในเรื่องว่าใครจะเข้ามานั่งในโต๊ะเจรจานี้บ้าง มันจะเป็นการทำข้อตกลง (สันติภาพ) กัน หรือเป็นการตกลงหยุดยิงกัน จะใช้วิธีการยังไงในการทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่โต๊ะเจรจา และจากนั้นก็คือขอบเขตของการทำความตกลงกันครั้งนี้” เขากล่าว
    .
    วอลซ์ยังย้ำถึงความสำคัญของการให้พวกพันธมิตรของอเมริกาในยุโรปเข้ามีส่วนในกระบวนการนี้ “พันธมิตรและหุ้นส่วนของเราทั้งหมดจำเป็นต้องมาแบกรับภารกิจนี้” เขาย้ำ และสำทับว่า การแก้ไขการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ย้ำให้สัญญาว่า จะทำให้การสู้รบขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนยุติลงโดยรวดเร็ว และแสดงความกังวลที่สถานการณ์ลุกลาม ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดแผนการที่เขาจะดำเนินการ
    .
    การแสดงความคิดเห็นของ วอลซ์ ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่กำลังพุ่งสูงขึ้น หลังจากสหรัฐฯอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธยุทธวิธีพิสัยไกล อย่างระบบ อะแทคซิมส์ (ATACMS) โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนหมีขาว และมอสโกตอบโต้ด้วยการยิงระบบขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยปานกลางระบบใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “โอเรซนิก” โจมตีใส่ยูเครนในสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    วอลซ์ตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจเมื่อเร็วๆ นี้ของสหรัฐฯ ซึ่งกระทำโดยคณะบริหารประธานาธิบดีโจ ไบเดน นำไปสู่การสู้รบอย่างดุเดือดรุนแรงขึ้น พร้อมกับพูดถึง สถานการณ์แนวหน้ายูเครนเวลานี้ว่า พวกที่อยู่ที่นั่นเหมือนตกอยู่ใน “เครื่องบดเนื้ออย่างแท้จริง”
    .
    วอลซ์ เป็นนายทหารปฏิบัติการพิเศษหน่วย “กรีน แบเรต์” ของสหรัฐฯที่เกษียณจากกองทัพขณะมียศพันเอก ก่อนหันมาเล่นการเมือง และได้ชื่อว่ามีแนวทางต่างประเทศสายเหยี่ยว เขาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัสเซียมาโดยตลอด ทว่าขณะเดียวกันก็คัดค้านการเพิ่มความช่วยเหลือให้ยูเครนเช่นเดียวกับทรัมป์
    .
    ว่าที่ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯผู้นี้ แสดงความมั่นใจว่า คณะบริหารของทรัมป์จะทำให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนยุติลงอย่างรวดเร็วและอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมกันนั้นก็สำทับว่า อเมริกาต้องฟื้นฟูยกระดับการป้องปรามและสันติภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้บานปลายขยายตัวในภายหลัง แทนที่จะเพียงแค่แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น
    .
    อย่างไรก็ดี ถึงแม้ทรัมป์แสดงความมุ่งมั่นที่จะยุติการสู้รบในยูเครน แต่ยังมีความเคลือบแคลงทั้งในอเมริกาและรัสเซีย ตัวอย่างเช่น วุฒิสมาชิกไมค์ ราวส์ สังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐเซาท์ดาโคตา ซึ่งออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาโดยตรงระหว่างมอสโกกับเคียฟ
    .
    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน ก็คัดค้านตลอดมาต่อข้อเสนอให้ยูเครนยอมยกดินแดนให้รัสเซีย ถึงแม้เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว เขาได้ยอมรับกับฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ยูเครนคงแพ้สงคราม ถ้าวอชิงตันยุติการสนับสนุน
    .
    นอกจากเรื่องยูเครนแล้ว วอลซ์ยังเปิดเผยในการพูดกับฟ็อกซ์ นิวส์คราวนี้ว่า เขาได้มีการหารือกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน และเตือนอริต่างชาติว่า อย่าคิดฉวยโอกาสระหว่างการถ่ายโอนอำนาจในสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่า ทีมถ่ายโอนอำนาจของทรัมป์และของไบเดนขณะนี้มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด
    .
    วอลซ์ยังยกย่องความเข้มแข็งและความพยายามของอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซาไปอย่างน้อยเกือบๆ 45,000 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และประกาศว่า ถึงเวลาแล้วที่จะร่างแผนการซึ่งไม่เพียงป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้วที่ฮามาสบุกเข้าไปโจมตีอิสราเอลและจุดชนวนสงครามในกาซา แต่ต้องนำเสถียรภาพมาสู่ตะวันออกกลางอย่างแท้จริง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113496
    ..............
    Sondhi X
    ไมค์ วอลซ์ บุคคลซึ่งว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เลือกให้เป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของเขา เผยยุทธศาสตร์ของคณะบริหารชุดที่กำลังจะเข้ามารับตำแหน่ง ในการจัดการกับการสู้รบขัดแย้งยูเครน ระบุทีมทรัมป์จะเริ่มต้นดำเนินการเพื่อให้ทั้งสองฝ่ายเจรจากัน ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับมอบงานในวันที่ 20 ม.ค.ปีหน้า . วอลซ์ ซึ่งปัจจุบันยังมีตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯจากรัฐฟลอริดา ให้สัมภาษณ์ โทรทัศน์ ฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อวันอาทิตย์ (24 พ.ย.) ว่า เรื่องที่มีลำดับความสำคัญสูงเรื่องหนึ่งคือการจัดให้มีการพูดจากันระหว่างรัสเซียกับยูเครน ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะนำทั้งสองฝ่ายเข้ามาร่วมกันเจรจาเพื่อทำข้อตกลงหยุดยิงหรือข้อตกลงสันติภาพ . “เราจำเป็นต้องหารือกันในเรื่องว่าใครจะเข้ามานั่งในโต๊ะเจรจานี้บ้าง มันจะเป็นการทำข้อตกลง (สันติภาพ) กัน หรือเป็นการตกลงหยุดยิงกัน จะใช้วิธีการยังไงในการทำให้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่โต๊ะเจรจา และจากนั้นก็คือขอบเขตของการทำความตกลงกันครั้งนี้” เขากล่าว . วอลซ์ยังย้ำถึงความสำคัญของการให้พวกพันธมิตรของอเมริกาในยุโรปเข้ามีส่วนในกระบวนการนี้ “พันธมิตรและหุ้นส่วนของเราทั้งหมดจำเป็นต้องมาแบกรับภารกิจนี้” เขาย้ำ และสำทับว่า การแก้ไขการสู้รบขัดแย้งครั้งนี้ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ย้ำให้สัญญาว่า จะทำให้การสู้รบขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนยุติลงโดยรวดเร็ว และแสดงความกังวลที่สถานการณ์ลุกลาม ทว่าไม่ได้ให้รายละเอียดแผนการที่เขาจะดำเนินการ . การแสดงความคิดเห็นของ วอลซ์ ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่กำลังพุ่งสูงขึ้น หลังจากสหรัฐฯอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธยุทธวิธีพิสัยไกล อย่างระบบ อะแทคซิมส์ (ATACMS) โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนหมีขาว และมอสโกตอบโต้ด้วยการยิงระบบขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยปานกลางระบบใหม่ที่ใช้ชื่อว่า “โอเรซนิก” โจมตีใส่ยูเครนในสัปดาห์ที่แล้ว . วอลซ์ตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจเมื่อเร็วๆ นี้ของสหรัฐฯ ซึ่งกระทำโดยคณะบริหารประธานาธิบดีโจ ไบเดน นำไปสู่การสู้รบอย่างดุเดือดรุนแรงขึ้น พร้อมกับพูดถึง สถานการณ์แนวหน้ายูเครนเวลานี้ว่า พวกที่อยู่ที่นั่นเหมือนตกอยู่ใน “เครื่องบดเนื้ออย่างแท้จริง” . วอลซ์ เป็นนายทหารปฏิบัติการพิเศษหน่วย “กรีน แบเรต์” ของสหรัฐฯที่เกษียณจากกองทัพขณะมียศพันเอก ก่อนหันมาเล่นการเมือง และได้ชื่อว่ามีแนวทางต่างประเทศสายเหยี่ยว เขาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัสเซียมาโดยตลอด ทว่าขณะเดียวกันก็คัดค้านการเพิ่มความช่วยเหลือให้ยูเครนเช่นเดียวกับทรัมป์ . ว่าที่ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯผู้นี้ แสดงความมั่นใจว่า คณะบริหารของทรัมป์จะทำให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนยุติลงอย่างรวดเร็วและอย่างมีความรับผิดชอบ พร้อมกันนั้นก็สำทับว่า อเมริกาต้องฟื้นฟูยกระดับการป้องปรามและสันติภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้บานปลายขยายตัวในภายหลัง แทนที่จะเพียงแค่แสดงปฏิกิริยาโต้ตอบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วเท่านั้น . อย่างไรก็ดี ถึงแม้ทรัมป์แสดงความมุ่งมั่นที่จะยุติการสู้รบในยูเครน แต่ยังมีความเคลือบแคลงทั้งในอเมริกาและรัสเซีย ตัวอย่างเช่น วุฒิสมาชิกไมค์ ราวส์ สังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐเซาท์ดาโคตา ซึ่งออกมาตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจาโดยตรงระหว่างมอสโกกับเคียฟ . ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ของยูเครน ก็คัดค้านตลอดมาต่อข้อเสนอให้ยูเครนยอมยกดินแดนให้รัสเซีย ถึงแม้เมื่อต้นสัปดาห์ที่แล้ว เขาได้ยอมรับกับฟ็อกซ์ นิวส์ว่า ยูเครนคงแพ้สงคราม ถ้าวอชิงตันยุติการสนับสนุน . นอกจากเรื่องยูเครนแล้ว วอลซ์ยังเปิดเผยในการพูดกับฟ็อกซ์ นิวส์คราวนี้ว่า เขาได้มีการหารือกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน และเตือนอริต่างชาติว่า อย่าคิดฉวยโอกาสระหว่างการถ่ายโอนอำนาจในสหรัฐฯ พร้อมย้ำว่า ทีมถ่ายโอนอำนาจของทรัมป์และของไบเดนขณะนี้มีการร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด . วอลซ์ยังยกย่องความเข้มแข็งและความพยายามของอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มฮามาสที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในกาซาไปอย่างน้อยเกือบๆ 45,000 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน และประกาศว่า ถึงเวลาแล้วที่จะร่างแผนการซึ่งไม่เพียงป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยวันที่ 7 ต.ค.ปีที่แล้วที่ฮามาสบุกเข้าไปโจมตีอิสราเอลและจุดชนวนสงครามในกาซา แต่ต้องนำเสถียรภาพมาสู่ตะวันออกกลางอย่างแท้จริง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113496 .............. Sondhi X
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • 25 พ.ย.2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง ปัญหา “ความเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีเนื้อหาดังนี้

๑.ข้อเท็จจริง นายกิตติรัตน์ ถือได้ว่าเป็นมือไม้ทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยโดยแท้ พ้นจาก กลต.แล้ว ก็รับงานเป็นรัฐมนตรีทั้งคลังและพาณิชย์ ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้ช่วงพรรคเพื่อไทยต้องหยุดงานการเมืองสมัย คสช. นายกิตติรัตน์ก็ไปรับเป็นที่ปรึกษา ให้ นายกฯอบจ.เชียงใหม่ เมื่อเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล นายกฯเศรษฐา ก็ตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และพ้นตำแหน่งตามนายกฯเศรษฐาไปในที่สุด๒. พรรคเพื่อไทยกับธนาคารกลาง แนวทางเศรษฐกิจ “ทักษิโณมิคส์” ของทักษิณเน้นการอัดฉีดเงินเข้าระบบมาโดยตลอด ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกับผู้บริหารธนาคารกลางเป็นระยะเรื่อยมา ทั้งนโยบายดอกเบี้ย และการจัดการเงินเฟ้อ จนมาถึงปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยพบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงนี้ นโยบายแจกเงินดิจิตอลก็บานปลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างฐานคิดทางการเมือง กับฐานคิดในเรื่องความมั่นคงทางการเงินของชาติอย่างชัดเจนยิ่ง มีรัฐมนตรีของพรรคออกมาตำหนิติเตียนธนาคารกลางอย่างเปิดเผยกร้าวร้าวเป็นระยะ ดังตัวนายกิตติรัตน์เองก็เคยประกาศเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีคลังว่า เฝ้าคิดจะปลดผู้ว่าธนาคารกลางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยทีเดียว๓. พฤติการณ์ “ยึดครองส่วนราชการ” ของ “ระบอบทักษิณ” ระบอบนี้ไม่เคยยอมรับและเคารพในอิสระของราชการประจำที่ต้องยึดมั่นในระเบียบแบบแผนและเหตุผลเป็นหลัก เหตุเพราะพรรคชินวัตรนี้เป็น “เผด็จการพรรคการเมืองนายทุน” มุ่งเอาเงินมาสร้างอำนาจและเอาอำนาจมาสร้างเงินตลอดเวลา ครองอำนาจเมื่อใดก็จะหาทางยึดครองส่วนราชการมาเป็นเบ๊ทุกครั้งไป ทั้งกระทรวงทบวงกรม รัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร จนปัจจุบันก็ได้สร้างคดีความให้เจ้าหน้าที่กับลูกมือของพรรคต้องโทษติดคุกมากมายหลายคน ซึ่งตัวทักษิณเอง ก็ได้ยอมรับความผิดนานาของตนในคำขอพระราชทานอภัยโทษมาแล้วเช่นกัน ด้วยพฤติการณ์ยึดครองอันเป็นนิสัยฝังลึกเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้การส่งนายกิตติรัตน์ผ่านกระบวนการสรรหาจนสำเร็จ ผ่านเป็นรายชื่อเสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารกลางในครั้งนี้ ต้องถูกมองว่า เป็นก้าวแรกของการแทรกซึมเข้ายึดครองการบริหารโดยเด็ดขาดต่อไป ทั้งในการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคาร และคณะกรรมการสำคัญสามคณะ ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แล้วกลายเป็นเหตุให้เกิดกระแสคัดค้านต่อต้านขึ้นทั่วไป จนทุกวันนี้ในที่สุด๔. ความผิดพลาดในการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานธนาคารกลาง ระยะห่างจากการเมืองของธนาคารกลางเป็นหลักการสากลที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายธนาคารชาติก็พยายามวางหลักประกันไว้หลายมาตรการด้วยกัน โดยเฉพาะในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งนั้น ก็กำหนดไว้ว่า จะต้องไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากเคยเป็น ก็ต้องพ้นตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี ซึ่งก็ทำให้กรณีของนายกิตติรัตน์ เกิดปัญหาเป็นข้อพิจารณาสองประการดังนี้๔.๑) ความขัดแย้งต่อกฎหมาย มีข้อพิจารณาว่า การที่นายกิตติรัตน์ พ้นตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ในสมัยนายกฯเศรษฐามาไม่ถึง ๑ ปี นั้น ตำแหน่งนี้เป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ที่ต้องห้ามตาม มาตรา ๑๘ ของ พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไม่ ต่อปัญหานี้มีแนววินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๔๘๑/๒๕๓๕ เคยวางไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า คำนี้ครอบคลุมถึง “ผู้ช่วยรัฐมนตรี”ด้วย ทั้งๆที่ตำแหน่งนี้มิใช่ตำแหน่งตามกฎหมายฉบับใด สำหรับเหตุผลนั้นกฤษฎีกาก็อธิบายว่า เป็นคำที่กว้างกว่า “ข้าราชการการเมือง” หมายมุ่งให้ครอบคลุมบุคลากรทั้งหมดที่มีหน้าที่หรือมีส่วนร่วมในการอำนวยการปกครองประเทศ ดังนั้นหากยึดถือตามความหมายอย่างกว้างนี้ ตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ที่นายกฯใช้อำนาจตามกฎหมายแต่งตั้งขึ้น แล้วกำหนดให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือตามที่ท่านสั่งการนั้น จึงอยู่ในวิสัยที่จะตีความให้ถือเป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ได้ ซึ่งหาก ครม.นี้ ด่วนมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งและนำความขึ้นกราบบังคมทูลแล้ว กรณีก็อาจเป็นปัญหาโต้แย้งขึ้นมาได้ในภายหลัง หนทางที่รัดกุมที่สุดจึงควรที่จะมีมติให้นำปัญหานี้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพื่อที่หากภายหลังมีผู้นำคดีขึ้นสู่ศาลปกครองแล้ว รัฐบาลก็จะมีความเห็นทางกฎหมายที่รัดกุมอธิบายได้เสมอ๔.๒) การใช้ดุลพินิจโดยผิดพลาด ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่นายกฯรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานั้น อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอิสระทางความคิดเคารพตนเอง หรืออาจเป็นเพียงมือไม้ที่คอยรับใช้คิดอ่านให้ตามที่พรรคการเมืองต้องการเท่านั้นก็ได้ ดังนั้นแม้กรรมการสรรหาจะเห็นว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ “ตำแหน่งทางการเมือง”ก็ตาม กรรมการก็ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงระยะห่างจากพรรคการเมือง ของนายกิตติรัตน์อยู่ดี ซึ่งหากไม่ผ่านเกณฑ์ในข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะสนับสนุนเลยแม้แต่น้อยด้วยเหตุนี้หากคณะกรรมการสรรหาละทิ้งไม่พิจารณาประเด็นนี้ เพราะเห็นว่านายกิตติรัตน์ ผ่านด่านทางกฎหมายแล้ว ตนจะสรรหาอย่างไรก็ได้ไม่ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติความใกล้ชิดพรรคการเมืองอีกต่อไป จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ผิดพลาดยิ่ง และจำเป็นที่ ครม.พึงจะต้องเล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เหมาะสมในข้อนี้ให้ถี่ถ้วนด้วยเช่นกัน
    25 พ.ย.2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง ปัญหา “ความเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง”ของนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง มีเนื้อหาดังนี้

๑.ข้อเท็จจริง นายกิตติรัตน์ ถือได้ว่าเป็นมือไม้ทำงานทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยโดยแท้ พ้นจาก กลต.แล้ว ก็รับงานเป็นรัฐมนตรีทั้งคลังและพาณิชย์ ให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ แม้ช่วงพรรคเพื่อไทยต้องหยุดงานการเมืองสมัย คสช. นายกิตติรัตน์ก็ไปรับเป็นที่ปรึกษา ให้ นายกฯอบจ.เชียงใหม่ เมื่อเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาล นายกฯเศรษฐา ก็ตั้งให้เป็นประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และพ้นตำแหน่งตามนายกฯเศรษฐาไปในที่สุด๒. พรรคเพื่อไทยกับธนาคารกลาง แนวทางเศรษฐกิจ “ทักษิโณมิคส์” ของทักษิณเน้นการอัดฉีดเงินเข้าระบบมาโดยตลอด ทำให้เกิดความขัดแย้งทางความคิดกับผู้บริหารธนาคารกลางเป็นระยะเรื่อยมา ทั้งนโยบายดอกเบี้ย และการจัดการเงินเฟ้อ จนมาถึงปัจจุบันที่เศรษฐกิจไทยพบปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงนี้ นโยบายแจกเงินดิจิตอลก็บานปลายเป็นปัญหาขัดแย้งระหว่างฐานคิดทางการเมือง กับฐานคิดในเรื่องความมั่นคงทางการเงินของชาติอย่างชัดเจนยิ่ง มีรัฐมนตรีของพรรคออกมาตำหนิติเตียนธนาคารกลางอย่างเปิดเผยกร้าวร้าวเป็นระยะ ดังตัวนายกิตติรัตน์เองก็เคยประกาศเมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรีคลังว่า เฝ้าคิดจะปลดผู้ว่าธนาคารกลางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเลยทีเดียว๓. พฤติการณ์ “ยึดครองส่วนราชการ” ของ “ระบอบทักษิณ” ระบอบนี้ไม่เคยยอมรับและเคารพในอิสระของราชการประจำที่ต้องยึดมั่นในระเบียบแบบแผนและเหตุผลเป็นหลัก เหตุเพราะพรรคชินวัตรนี้เป็น “เผด็จการพรรคการเมืองนายทุน” มุ่งเอาเงินมาสร้างอำนาจและเอาอำนาจมาสร้างเงินตลอดเวลา ครองอำนาจเมื่อใดก็จะหาทางยึดครองส่วนราชการมาเป็นเบ๊ทุกครั้งไป ทั้งกระทรวงทบวงกรม รัฐวิสาหกิจ ธนาคารของรัฐ ทั้งพลเรือน ตำรวจ ทหาร จนปัจจุบันก็ได้สร้างคดีความให้เจ้าหน้าที่กับลูกมือของพรรคต้องโทษติดคุกมากมายหลายคน ซึ่งตัวทักษิณเอง ก็ได้ยอมรับความผิดนานาของตนในคำขอพระราชทานอภัยโทษมาแล้วเช่นกัน ด้วยพฤติการณ์ยึดครองอันเป็นนิสัยฝังลึกเช่นนี้นี่เอง ที่ทำให้การส่งนายกิตติรัตน์ผ่านกระบวนการสรรหาจนสำเร็จ ผ่านเป็นรายชื่อเสนอต่อ ครม. เพื่อพิจารณาเห็นชอบให้เป็นประธานคณะกรรมการธนาคารกลางในครั้งนี้ ต้องถูกมองว่า เป็นก้าวแรกของการแทรกซึมเข้ายึดครองการบริหารโดยเด็ดขาดต่อไป ทั้งในการแต่งตั้งผู้ว่าการธนาคาร และคณะกรรมการสำคัญสามคณะ ที่จะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้ แล้วกลายเป็นเหตุให้เกิดกระแสคัดค้านต่อต้านขึ้นทั่วไป จนทุกวันนี้ในที่สุด๔. ความผิดพลาดในการแต่งตั้งนายกิตติรัตน์ เป็นประธานธนาคารกลาง ระยะห่างจากการเมืองของธนาคารกลางเป็นหลักการสากลที่ปฏิเสธไม่ได้ และกฎหมายธนาคารชาติก็พยายามวางหลักประกันไว้หลายมาตรการด้วยกัน โดยเฉพาะในการแต่งตั้งตำแหน่งสำคัญทุกตำแหน่งนั้น ก็กำหนดไว้ว่า จะต้องไม่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากเคยเป็น ก็ต้องพ้นตำแหน่งมาแล้วไม่น้อยกว่า ๑ ปี ซึ่งก็ทำให้กรณีของนายกิตติรัตน์ เกิดปัญหาเป็นข้อพิจารณาสองประการดังนี้๔.๑) ความขัดแย้งต่อกฎหมาย มีข้อพิจารณาว่า การที่นายกิตติรัตน์ พ้นตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ในสมัยนายกฯเศรษฐามาไม่ถึง ๑ ปี นั้น ตำแหน่งนี้เป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ที่ต้องห้ามตาม มาตรา ๑๘ ของ พรบ.ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือไม่ ต่อปัญหานี้มีแนววินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาที่ ๔๘๑/๒๕๓๕ เคยวางไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วว่า คำนี้ครอบคลุมถึง “ผู้ช่วยรัฐมนตรี”ด้วย ทั้งๆที่ตำแหน่งนี้มิใช่ตำแหน่งตามกฎหมายฉบับใด สำหรับเหตุผลนั้นกฤษฎีกาก็อธิบายว่า เป็นคำที่กว้างกว่า “ข้าราชการการเมือง” หมายมุ่งให้ครอบคลุมบุคลากรทั้งหมดที่มีหน้าที่หรือมีส่วนร่วมในการอำนวยการปกครองประเทศ ดังนั้นหากยึดถือตามความหมายอย่างกว้างนี้ ตำแหน่ง “ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี” ที่นายกฯใช้อำนาจตามกฎหมายแต่งตั้งขึ้น แล้วกำหนดให้ทุกส่วนราชการให้ความร่วมมือตามที่ท่านสั่งการนั้น จึงอยู่ในวิสัยที่จะตีความให้ถือเป็น “ตำแหน่งทางการเมือง”ได้ ซึ่งหาก ครม.นี้ ด่วนมีมติเห็นชอบให้แต่งตั้งและนำความขึ้นกราบบังคมทูลแล้ว กรณีก็อาจเป็นปัญหาโต้แย้งขึ้นมาได้ในภายหลัง หนทางที่รัดกุมที่สุดจึงควรที่จะมีมติให้นำปัญหานี้ปรึกษาคณะกรรมการกฤษฎีกาก่อน เพื่อที่หากภายหลังมีผู้นำคดีขึ้นสู่ศาลปกครองแล้ว รัฐบาลก็จะมีความเห็นทางกฎหมายที่รัดกุมอธิบายได้เสมอ๔.๒) การใช้ดุลพินิจโดยผิดพลาด ในความเป็นจริงแล้ว ผู้ที่นายกฯรัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานั้น อาจเป็นผู้ทรงคุณวุฒิที่มีอิสระทางความคิดเคารพตนเอง หรืออาจเป็นเพียงมือไม้ที่คอยรับใช้คิดอ่านให้ตามที่พรรคการเมืองต้องการเท่านั้นก็ได้ ดังนั้นแม้กรรมการสรรหาจะเห็นว่าตำแหน่งนี้ไม่ใช่ “ตำแหน่งทางการเมือง”ก็ตาม กรรมการก็ยังจำเป็นต้องพิจารณาถึงระยะห่างจากพรรคการเมือง ของนายกิตติรัตน์อยู่ดี ซึ่งหากไม่ผ่านเกณฑ์ในข้อนี้แล้ว ก็ไม่ควรที่จะสนับสนุนเลยแม้แต่น้อยด้วยเหตุนี้หากคณะกรรมการสรรหาละทิ้งไม่พิจารณาประเด็นนี้ เพราะเห็นว่านายกิตติรัตน์ ผ่านด่านทางกฎหมายแล้ว ตนจะสรรหาอย่างไรก็ได้ไม่ต้องพิจารณาถึงคุณสมบัติความใกล้ชิดพรรคการเมืองอีกต่อไป จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ผิดพลาดยิ่ง และจำเป็นที่ ครม.พึงจะต้องเล็งเห็นถึงปัญหาความไม่เหมาะสมในข้อนี้ให้ถี่ถ้วนด้วยเช่นกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอล กำลังเตรียมการตัดสินใจว่าจะตอบรับข้อเสนอหนึ่งๆสำหรับหยุดยิงในศึกสงครามกับฮิซบอลเลาะห์หรือไม่ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ทำเนียบขาวเชื่อว่าข้อตกลงยุติการสู้รบในเลบานอน ใกล้เข้ามาแล้ว
    .
    เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สหรัฐฯ สหภาพยุโรปและสหประชาชาติ ทุ่มเทสุดกำลังร่วมกันผลักดันข้อตกลงหยุดยิงฉบับหนึ่ง เพื่อยุติความเป็นปรปักษ์ที่ยืดเยื้อมานานระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ จนปะทุเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน
    .
    ท่ามกลางการเจรจาที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทางกระทรวงสาธารณสุของเลบานอน บอกว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล สังหารผู้คนอีกอย่างน้อย 31 รายในวันจันทร์(25พ.ย.) ส่วนใหญ่เสียชีวิตในทางภาคใต้ของประเทศ
    .
    ปฏิบัติการโจมตีระลอกใหม่ของอิสราเอล มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์ยกระดับยิงห่าจรวดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บางส่วนเป็นการโจมตีเข้าไปในดินแดนลึกของอิสราเอล
    .
    เจ้าหน้าที่อิสราเอลรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับเอเอฟพีว่า คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคง "จะตัดสินใจช่วงเย็นวันอังคาร(26พ.ย.) เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง"
    .
    จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ แสดงความหวังต่อแนวโน้มข้อตกลงหยุดยิง แต่บอกว่าการเจรจายังคงดำเนินต่อไป "เราเชื่อว่า เรามาถึงจุดนี้แล้ว จุดที่เราเข้าใกล้ แต่เรายังไม่บรรลุข้อตกลงดี" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว
    .
    ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เคยส่งเสียงมุมมองในแง่บวกซ้ำๆแล้วซ้ำเล่า เกี่ยวกับการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซาในปีนี้ แต่จนถึงปัจจุบัน อิสราเอลก็ยังคงสู้รบกับพวกนักรบฮามาส และกระทั่งเปิดการต่อสู้ในแนวรบที่ 2 ในเลบานอน อีกต่างหาก
    .
    ฝรั่งเศส ที่ยืนเคียงข้างสหรัฐฯในการเป็นหัวหอกความพยายามมุ่งหน้าสู่ข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน รายงานในวันจันทร์(25พ.ย.) ว่ามีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจาหยุดยิง ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีแดนน้ำหอม เร่งเร้าอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ ฉวยโอกาสนี้เอาไว้
    .
    Axios เว็บไซต์ข่าวสัญชาติสหรัฐฯ เคยรายงานว่าฝ่ายต่างๆใกล้บรรลุข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน 60 วัน โดยระหว่างนั้นกองทัพอิสราเอลจะถอนทหารกลับ ส่วนทหารเลบานอนจะมีการสับเปลี่ยนกำลังพลใกล้ชายแดน ในขณะที่พวกฮิซบอลเลาะห์จะถอนอาวุธหนักออกจากทางเหนือของแม่น้ำลิตานี
    .
    ร่างข้อตกลงนี้ยังเปิดทางจัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งที่นำโดยสหรัฐฯ สำหรับตรวจตราการบังคับใช้ข้อตกลง เช่นเดียวกับคำรับประกันจากอเมริกา ว่าอิสราเอลจะสามารถดำเนินการจัดการกับภัยคุกคามได้ทันที หากกองทัพเลบานอนไม่ทำเช่นนั้น
    .
    ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆให้หยุดการสู้รบในเลบานอน ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของสหประชาชาติ ที่เมื่อวันจันทร์(25พ.ย.) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายตอบรับข้อตกลงหยุดยิง
    .
    ในกรุงเบรุตเมื่อวันอาทิตย์(24พ.ย.) โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในทันที หลังจาก อาโมส โฮชสไตน์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ บอกว่าข้อตกลงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
    .
    สื่อมวลชนอิสราเอล รายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู จะสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยสหรัฐฯ
    .
    เมื่อถูกถามในนิวยอร์ก เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงหยุดยิง ทาง แดนนี ดาวอน ผู้แทนถาวรอิสราเอลประจำสหประชาชาติ บอกว่า "เรากำลังมุ่งหน้าสู่แนวหน้านี้" พร้อมเผยว่าคณะรัฐมนตรีจะประชุมกันเร็วๆนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว
    .
    อย่างไรก็ตาม อิตามาร์ เบน กาวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หัวขวาจัดของอิสราเอล เตือนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่าการใกล้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน อาจเป็นการพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการกำจัดฮิซบอลเลาะห์
    .
    ทั้งนี้ เบน กาวีร์ เคยขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะโค่นล้มรัฐบาล หากรัฐบาลเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาสในฉนวนกาซา หรือกับพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน
    .
    สงครามในเลบานอน มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเปิดศึกยิงปะทะข้ามชายแดนมานานเกือบ 1 ปี โดยพวกฮิซบอลเลาะห์บอกว่าพวกเขาลงมือเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส หลังฮามาสเปิดปฏิบัติการจู่โจมเล่นงานอิสราเอล แบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา
    .
    เลบานอน บอกว่ามีผู้เสียชีวิตในประเทศแล้วอย่างน้อย 3,768 ราย นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ส่วนใหญ่เสียชีวิตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทางฝั่งอิสราเอล มีทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 82 นายและพลเรือน 47 ราย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113499
    ..............
    Sondhi X
    คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคงของอิสราเอล กำลังเตรียมการตัดสินใจว่าจะตอบรับข้อเสนอหนึ่งๆสำหรับหยุดยิงในศึกสงครามกับฮิซบอลเลาะห์หรือไม่ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ ขณะที่ทำเนียบขาวเชื่อว่าข้อตกลงยุติการสู้รบในเลบานอน ใกล้เข้ามาแล้ว . เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา สหรัฐฯ สหภาพยุโรปและสหประชาชาติ ทุ่มเทสุดกำลังร่วมกันผลักดันข้อตกลงหยุดยิงฉบับหนึ่ง เพื่อยุติความเป็นปรปักษ์ที่ยืดเยื้อมานานระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ จนปะทุเข้าสู่สงครามเต็มรูปแบบเมื่อช่วงปลายเดือนกันยายน . ท่ามกลางการเจรจาที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ทางกระทรวงสาธารณสุของเลบานอน บอกว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล สังหารผู้คนอีกอย่างน้อย 31 รายในวันจันทร์(25พ.ย.) ส่วนใหญ่เสียชีวิตในทางภาคใต้ของประเทศ . ปฏิบัติการโจมตีระลอกใหม่ของอิสราเอล มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์ยกระดับยิงห่าจรวดเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บางส่วนเป็นการโจมตีเข้าไปในดินแดนลึกของอิสราเอล . เจ้าหน้าที่อิสราเอลรายหนึ่ง ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม บอกกับเอเอฟพีว่า คณะรัฐมนตรีด้านความมั่นคง "จะตัดสินใจช่วงเย็นวันอังคาร(26พ.ย.) เกี่ยวกับข้อตกลงหยุดยิง" . จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ แสดงความหวังต่อแนวโน้มข้อตกลงหยุดยิง แต่บอกว่าการเจรจายังคงดำเนินต่อไป "เราเชื่อว่า เรามาถึงจุดนี้แล้ว จุดที่เราเข้าใกล้ แต่เรายังไม่บรรลุข้อตกลงดี" เขาบอกกับผู้สื่อข่าว . ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เคยส่งเสียงมุมมองในแง่บวกซ้ำๆแล้วซ้ำเล่า เกี่ยวกับการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซาในปีนี้ แต่จนถึงปัจจุบัน อิสราเอลก็ยังคงสู้รบกับพวกนักรบฮามาส และกระทั่งเปิดการต่อสู้ในแนวรบที่ 2 ในเลบานอน อีกต่างหาก . ฝรั่งเศส ที่ยืนเคียงข้างสหรัฐฯในการเป็นหัวหอกความพยายามมุ่งหน้าสู่ข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน รายงานในวันจันทร์(25พ.ย.) ว่ามีความคืบหน้าอย่างมากในการเจรจาหยุดยิง ขณะที่ทำเนียบประธานาธิบดีแดนน้ำหอม เร่งเร้าอิสราเอลและฮิซบอลเลาะห์ ฉวยโอกาสนี้เอาไว้ . Axios เว็บไซต์ข่าวสัญชาติสหรัฐฯ เคยรายงานว่าฝ่ายต่างๆใกล้บรรลุข้อตกลงหนึ่งๆ ที่จะเกี่ยวข้องกับช่วงเวลาการเปลี่ยนผ่าน 60 วัน โดยระหว่างนั้นกองทัพอิสราเอลจะถอนทหารกลับ ส่วนทหารเลบานอนจะมีการสับเปลี่ยนกำลังพลใกล้ชายแดน ในขณะที่พวกฮิซบอลเลาะห์จะถอนอาวุธหนักออกจากทางเหนือของแม่น้ำลิตานี . ร่างข้อตกลงนี้ยังเปิดทางจัดตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งที่นำโดยสหรัฐฯ สำหรับตรวจตราการบังคับใช้ข้อตกลง เช่นเดียวกับคำรับประกันจากอเมริกา ว่าอิสราเอลจะสามารถดำเนินการจัดการกับภัยคุกคามได้ทันที หากกองทัพเลบานอนไม่ทำเช่นนั้น . ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีเสียงเรียกร้องมากขึ้นเรื่อยๆให้หยุดการสู้รบในเลบานอน ในนั้นรวมถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของสหประชาชาติ ที่เมื่อวันจันทร์(25พ.ย.) เรียกร้องให้ทุกฝ่ายตอบรับข้อตกลงหยุดยิง . ในกรุงเบรุตเมื่อวันอาทิตย์(24พ.ย.) โจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของสหภาพยุโรป เรียกร้องให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในทันที หลังจาก อาโมส โฮชสไตน์ ทูตพิเศษของสหรัฐฯ บอกว่าข้อตกลงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม . สื่อมวลชนอิสราเอล รายงานว่ามีความเป็นไปได้ที่นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู จะสนับสนุนข้อตกลงหยุดยิงที่เสนอโดยสหรัฐฯ . เมื่อถูกถามในนิวยอร์ก เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อตกลงหยุดยิง ทาง แดนนี ดาวอน ผู้แทนถาวรอิสราเอลประจำสหประชาชาติ บอกว่า "เรากำลังมุ่งหน้าสู่แนวหน้านี้" พร้อมเผยว่าคณะรัฐมนตรีจะประชุมกันเร็วๆนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับข้อเสนอดังกล่าว . อย่างไรก็ตาม อิตามาร์ เบน กาวีร์ รัฐมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ หัวขวาจัดของอิสราเอล เตือนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ ว่าการใกล้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในเลบานอน อาจเป็นการพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการกำจัดฮิซบอลเลาะห์ . ทั้งนี้ เบน กาวีร์ เคยขู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าจะโค่นล้มรัฐบาล หากรัฐบาลเห็นพ้องในข้อตกลงหยุดยิงกับฮามาสในฉนวนกาซา หรือกับพวกฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน . สงครามในเลบานอน มีขึ้นหลังจากพวกฮิซบอลเลาะห์กับอิสราเอลเปิดศึกยิงปะทะข้ามชายแดนมานานเกือบ 1 ปี โดยพวกฮิซบอลเลาะห์บอกว่าพวกเขาลงมือเพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนนักรบปาเลสไตน์ฮามาส หลังฮามาสเปิดปฏิบัติการจู่โจมเล่นงานอิสราเอล แบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 โหมกระพือสงครามในกาซา . เลบานอน บอกว่ามีผู้เสียชีวิตในประเทศแล้วอย่างน้อย 3,768 ราย นับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2023 ส่วนใหญ่เสียชีวิตในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนทางฝั่งอิสราเอล มีทหารเสียชีวิตอย่างน้อย 82 นายและพลเรือน 47 ราย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113499 .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/md02wa3yj2U?si=Sc4aB1SBcmd05AVi
    https://youtu.be/md02wa3yj2U?si=Sc4aB1SBcmd05AVi
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://youtu.be/ttHgji7CZl8?si=JKKzh7S4GWw04A5k
    https://youtu.be/ttHgji7CZl8?si=JKKzh7S4GWw04A5k
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความจริงมีหนึ่งเดียวเพื่อชาติ : เพิกถอน MOU 2544 ยึดมั่นพระบรมราชโองการ

    MOU สู่อเวจี “อ.ปานเทพ” ชี้ MOU44 ต้องโมฆะ เพราะไม่ผ่านสภา และละเมิดพระบรมราชโองการ

    #สนธิทอล์ค #Sondhitalk #ความจริงมีหนึ่งเดียว #เกาะกูด #MOU44
    ความจริงมีหนึ่งเดียวเพื่อชาติ : เพิกถอน MOU 2544 ยึดมั่นพระบรมราชโองการ MOU สู่อเวจี “อ.ปานเทพ” ชี้ MOU44 ต้องโมฆะ เพราะไม่ผ่านสภา และละเมิดพระบรมราชโองการ #สนธิทอล์ค #Sondhitalk #ความจริงมีหนึ่งเดียว #เกาะกูด #MOU44
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 42 0 รีวิว
  • ทหารยูเครนกำลังเปิดกว้างสละดินแดนและยอมรับข้อตกลงหยุดยิงหนึ่งๆ มากขึ้น ท่ามกลางขวัญกำลังใจที่อ่อนแอลงและถูกกดดันจากกองกำลังรัสเซียหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของอีโคโนมิสต์ สื่อมวลชนอังกฤษ อ้างอิงแหล่งข่าวจากยูเครน
    .
    รายงานข่าวนี้มีออกมา ในขณะที่กองกำลังรัสเซียรุกคืบภูมิภาคดอนบาส ในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่พบเห็นมาก่อน นับตั้งแต่วันแรกๆ ของความขัดแย้ง โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่าสามารถปลดปล่อยถิ่นพักอาศัยได้หลายสิบแห่ง ทั้งในแคว้นโดเนตสก์ ที่รัสเซียกล่าวอ้างผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และแคว้นคาร์คิฟของยูเครน
    .
    อีโคโนมิสต์ ระบุว่า "ปัญหาต่างๆ ของกองทัพยูเครนกำลังถูกซ้ำเติมจากประเด็นขาดแคลนกำลังพลที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ความพยายามผลักดันเกณฑ์ทหารทำได้เพียงแค่ 2 ใน 3 ของเป้าหมาย และเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่ง บอกว่าสถานการณ์อาจกลายเป็นเรื่องแก้ไข้ไม่ได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า" พร้อมอ้างเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกคน ระบุว่าพวกที่ถูกบังคับเข้าเกณฑ์ทหารนั้น จำนวนมากสุขภาพไม่แข็งแรงและไม่มีแรงจูงใจ
    .
    ท่ามกลางสถานการณ์ในสมรภูมิรบที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ประกอบกับประเด็นนี้ ที่ซ้ำเติมปัญหาการหมุนเวียนกำลังพล มีรายงานว่ามันกำลังส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทหารยูเครน โดยอีโคโนมิสต์อ้างอิงคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่งระบุ มีทหารในจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ที่มีความตั้งใจสู้รบจนถึงฉากจบ และส่งเสียงคัดค้านเบาลงต่อแนวคิดยอมสละดินแดน
    .
    ในช่วงปลายเดือนตุลาคม อเล็กเซย์ กอนชาเรนโก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยูเครน ซึ่งเคยถูกพบว่ามีความผิดในรัสเซีย โทษฐานเผยแพร่ข่าวกรองและมีความเชื่อมโยงอย่างกว้างขวางกับการจัดทำ "บัญชีต้องฆ่า" บนเว็บไซต์ Mirotvorets กล่าวอ้างว่า เคียฟ กำลังหาทางเกณฑ์ทหารเพิ่มเติม 160,000 ราย ในช่วง 3 เดือนหลังจากนั้น ท่ามกลางความสูญเสียและการละทิ้งหน้าที่หนีทัพในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น สื่อมวลชนยูเครนรายงานว่ามีหารยูเครนมากกว่า 100,000 นาย ที่หนีทัพหรือละทิ้งหน้าที่ ณ ฐานที่มั่น โดยไม่ได้รับอนุญาต นับตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายในปี 2022
    .
    ทั้งนี้ เว็บไซต์ Mirotvorets ที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลยูเครน ได้มีการเผยแพร่ประวัติของบุคคลสาธารณะ และพลเมืองทั่วไปที่พวกเขามองว่ากลายมาเป็นศัตรูของยูเครน กำหนดให้บุคคลเหล่านี้ถูกต้องกำจัดทิ้ง นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันว่าเว็บไซต์แห่งนี้จะเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของบรรดาบุคคลที่ตกเป้าหมายทุกๆ อย่างที่พวกเขาได้มา ซึ่งในเวลาต่อมาพบว่าบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำบางส่วนต้องมาจบชีวิตลงจากการถูกฆาตกรรม
    .
    ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ท่ามกลางความสูญเสียอย่างหนักในสมรภูมิรบ ยูเครนปรับลดอายุปรับลดอายุขั้นต่ำสำหรับการเข้ารับการเกณฑ์ทหารจาก 27 ปี เป็นอายุ 25 ปี และเพิ่มโทษสำหรับพวกหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ทั้งนี้กฎระเบียบด้านการเกณฑ์ทหารที่ถูกกระชับให้มีความเข้มงวดขึ้น บังคับให้ชายฉกรรจ์ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล แต่บ่อยครั้งผลลัพธ์ก็คือพวกเขาเหล่านั้นถูกบังคับให้เข้ารับราชการทหารในทันที และส่งไปยังแนวหน้า
    .
    หลายวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นพวกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร กำลังพยายามบีบบังคับพวกผู้ชายในที่สาธารณะ จนบ่อยครั้งนำมาซึ่งการเผชิญหน้ารุนแรง ขณะที่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งของยูเครน เตือนเกี่ยวกับการลงมือปราบปรามอย่างถูกต้องตามกฎหมายบนสื่อสังคมออนไลน์ จัดการกับคนที่หาทางช่วยเหลือผู้อื่นหลบหลีกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร
    .
    ข่าวคราวเกี่ยวกับการยอมสละดินแดนของทหารยูเครน มีขึ้นในขณะที่รัสเซียเคยบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาสันติภาพ และปัจจุบันก็ยังคงเน้นย้ำเช่นนั้น
    .
    อย่างไรก็ตาม ด้วย ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยระบุว่า "ยูเครนต้องยอมรับความเป็นจริงในภาคสนาม" พร้อมปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะยอมละทิ้งแคว้นโดเนตสก์, ลูฮันสก์, เคียร์ซอนและซาโปริซเซีย เช่นเดียวกับแคว้นไครเมีย ดังนั้นข้อตกลงสันติภาพใดๆ อาจจำเป็นต้องรวมถึงการที่ยูเครนยอมสละดินแดน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113532
    ..............
    Sondhi X
    ทหารยูเครนกำลังเปิดกว้างสละดินแดนและยอมรับข้อตกลงหยุดยิงหนึ่งๆ มากขึ้น ท่ามกลางขวัญกำลังใจที่อ่อนแอลงและถูกกดดันจากกองกำลังรัสเซียหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของอีโคโนมิสต์ สื่อมวลชนอังกฤษ อ้างอิงแหล่งข่าวจากยูเครน . รายงานข่าวนี้มีออกมา ในขณะที่กองกำลังรัสเซียรุกคืบภูมิภาคดอนบาส ในอัตราที่รวดเร็วอย่างที่ไม่พบเห็นมาก่อน นับตั้งแต่วันแรกๆ ของความขัดแย้ง โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่าสามารถปลดปล่อยถิ่นพักอาศัยได้หลายสิบแห่ง ทั้งในแคว้นโดเนตสก์ ที่รัสเซียกล่าวอ้างผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน และแคว้นคาร์คิฟของยูเครน . อีโคโนมิสต์ ระบุว่า "ปัญหาต่างๆ ของกองทัพยูเครนกำลังถูกซ้ำเติมจากประเด็นขาดแคลนกำลังพลที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ความพยายามผลักดันเกณฑ์ทหารทำได้เพียงแค่ 2 ใน 3 ของเป้าหมาย และเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่ง บอกว่าสถานการณ์อาจกลายเป็นเรื่องแก้ไข้ไม่ได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปีหน้า" พร้อมอ้างเจ้าหน้าที่ยูเครนอีกคน ระบุว่าพวกที่ถูกบังคับเข้าเกณฑ์ทหารนั้น จำนวนมากสุขภาพไม่แข็งแรงและไม่มีแรงจูงใจ . ท่ามกลางสถานการณ์ในสมรภูมิรบที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ ประกอบกับประเด็นนี้ ที่ซ้ำเติมปัญหาการหมุนเวียนกำลังพล มีรายงานว่ามันกำลังส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของทหารยูเครน โดยอีโคโนมิสต์อ้างอิงคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ยูเครนรายหนึ่งระบุ มีทหารในจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ที่มีความตั้งใจสู้รบจนถึงฉากจบ และส่งเสียงคัดค้านเบาลงต่อแนวคิดยอมสละดินแดน . ในช่วงปลายเดือนตุลาคม อเล็กเซย์ กอนชาเรนโก สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรยูเครน ซึ่งเคยถูกพบว่ามีความผิดในรัสเซีย โทษฐานเผยแพร่ข่าวกรองและมีความเชื่อมโยงอย่างกว้างขวางกับการจัดทำ "บัญชีต้องฆ่า" บนเว็บไซต์ Mirotvorets กล่าวอ้างว่า เคียฟ กำลังหาทางเกณฑ์ทหารเพิ่มเติม 160,000 ราย ในช่วง 3 เดือนหลังจากนั้น ท่ามกลางความสูญเสียและการละทิ้งหน้าที่หนีทัพในจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ . ไม่นานหลังจากนั้น สื่อมวลชนยูเครนรายงานว่ามีหารยูเครนมากกว่า 100,000 นาย ที่หนีทัพหรือละทิ้งหน้าที่ ณ ฐานที่มั่น โดยไม่ได้รับอนุญาต นับตั้งแต่สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลายในปี 2022 . ทั้งนี้ เว็บไซต์ Mirotvorets ที่มีความเชื่อมโยงกับรัฐบาลยูเครน ได้มีการเผยแพร่ประวัติของบุคคลสาธารณะ และพลเมืองทั่วไปที่พวกเขามองว่ากลายมาเป็นศัตรูของยูเครน กำหนดให้บุคคลเหล่านี้ถูกต้องกำจัดทิ้ง นอกจากนี้ ยังเป็นที่ทราบกันว่าเว็บไซต์แห่งนี้จะเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของบรรดาบุคคลที่ตกเป้าหมายทุกๆ อย่างที่พวกเขาได้มา ซึ่งในเวลาต่อมาพบว่าบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำบางส่วนต้องมาจบชีวิตลงจากการถูกฆาตกรรม . ในฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ท่ามกลางความสูญเสียอย่างหนักในสมรภูมิรบ ยูเครนปรับลดอายุปรับลดอายุขั้นต่ำสำหรับการเข้ารับการเกณฑ์ทหารจาก 27 ปี เป็นอายุ 25 ปี และเพิ่มโทษสำหรับพวกหลบหนีการเกณฑ์ทหาร ทั้งนี้กฎระเบียบด้านการเกณฑ์ทหารที่ถูกกระชับให้มีความเข้มงวดขึ้น บังคับให้ชายฉกรรจ์ไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล แต่บ่อยครั้งผลลัพธ์ก็คือพวกเขาเหล่านั้นถูกบังคับให้เข้ารับราชการทหารในทันที และส่งไปยังแนวหน้า . หลายวิดีโอที่เผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์พบเห็นพวกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร กำลังพยายามบีบบังคับพวกผู้ชายในที่สาธารณะ จนบ่อยครั้งนำมาซึ่งการเผชิญหน้ารุนแรง ขณะที่ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรรายหนึ่งของยูเครน เตือนเกี่ยวกับการลงมือปราบปรามอย่างถูกต้องตามกฎหมายบนสื่อสังคมออนไลน์ จัดการกับคนที่หาทางช่วยเหลือผู้อื่นหลบหลีกเจ้าหน้าที่เกณฑ์ทหาร . ข่าวคราวเกี่ยวกับการยอมสละดินแดนของทหารยูเครน มีขึ้นในขณะที่รัสเซียเคยบอกว่าพวกเขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาสันติภาพ และปัจจุบันก็ยังคงเน้นย้ำเช่นนั้น . อย่างไรก็ตาม ด้วย ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เคยระบุว่า "ยูเครนต้องยอมรับความเป็นจริงในภาคสนาม" พร้อมปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะยอมละทิ้งแคว้นโดเนตสก์, ลูฮันสก์, เคียร์ซอนและซาโปริซเซีย เช่นเดียวกับแคว้นไครเมีย ดังนั้นข้อตกลงสันติภาพใดๆ อาจจำเป็นต้องรวมถึงการที่ยูเครนยอมสละดินแดน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000113532 .............. Sondhi X
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • Undated footage released by Lebanese Hezbollah shows the resistance fighters carrying what appear to be advanced Iranian-made Almas-3 guided missiles.
    Undated footage released by Lebanese Hezbollah shows the resistance fighters carrying what appear to be advanced Iranian-made Almas-3 guided missiles.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงพ่อใหญ่ ชื่อเดิมของพระพุทธชินราชถ้าพูดถึงจังหวัดพิษณุโลกแน่นอนที่สุดเราจะนึกถึงพระพุทธชินราชพระเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหารแต่เดิมมีชื่อว่าวัดใหญ่ ในอดีตชาวบ้านจึงเรียกพระพุทธชินราชว่า "หลวงพ่อใหญ่"พระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย อายุกว่า 663 ปี เป็นงานฝีมือช่างจากเมืองแห่งศรีสัชนาลัย และเมืองหริภุญชัย หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ขนาดหน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว และสูง 7 ศอก สร้างขึ้นมาพร้อมๆการสร้างเมือง และสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ใน พ.ศ. 1900 จากพระราชดำริของพระมหากษัตริย์ผู้ครองกรุงสุโขทัยในสมัยนั้นในอดีตพระพุทธชินราชไม่ได้ลงรักปิดทอง ในปี พ.ศ.2146 สมเด็จพระเอกาทศรถคราวเสด็จพระราชดำเนินมา นมัสการ พระพุทธชินราชจึงได้ และมีการปิดทองครั้งแรกบรรพบุรุษไทยได้สร้างศิลปะอันทรงคุณค่าสืบทอดยาวนานมาให้ลูกหลานได้กราบสักการะบูชา ถือได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของชาวไทย ที่ควรสืบทอดและอนุรักษ์ให้อยู่คู่ประเทศไทยตราบนานเท่านานช้างเรื่องเยอะ!#ช้างเรื่องเยอะ #ช้างชักภาพ #พระพุทธชินราช #พิษณุโลก #วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร #เที่ยวไทย #เทรนวันนี้
    หลวงพ่อใหญ่ ชื่อเดิมของพระพุทธชินราชถ้าพูดถึงจังหวัดพิษณุโลกแน่นอนที่สุดเราจะนึกถึงพระพุทธชินราชพระเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองประดิษฐานอยู่ที่ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหารแต่เดิมมีชื่อว่าวัดใหญ่ ในอดีตชาวบ้านจึงเรียกพระพุทธชินราชว่า "หลวงพ่อใหญ่"พระพุทธชินราชเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย อายุกว่า 663 ปี เป็นงานฝีมือช่างจากเมืองแห่งศรีสัชนาลัย และเมืองหริภุญชัย หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ขนาดหน้าตักกว้าง 5 ศอก 1 คืบ 5 นิ้ว และสูง 7 ศอก สร้างขึ้นมาพร้อมๆการสร้างเมือง และสร้างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ใน พ.ศ. 1900 จากพระราชดำริของพระมหากษัตริย์ผู้ครองกรุงสุโขทัยในสมัยนั้นในอดีตพระพุทธชินราชไม่ได้ลงรักปิดทอง ในปี พ.ศ.2146 สมเด็จพระเอกาทศรถคราวเสด็จพระราชดำเนินมา นมัสการ พระพุทธชินราชจึงได้ และมีการปิดทองครั้งแรกบรรพบุรุษไทยได้สร้างศิลปะอันทรงคุณค่าสืบทอดยาวนานมาให้ลูกหลานได้กราบสักการะบูชา ถือได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจของชาวไทย ที่ควรสืบทอดและอนุรักษ์ให้อยู่คู่ประเทศไทยตราบนานเท่านานช้างเรื่องเยอะ!#ช้างเรื่องเยอะ #ช้างชักภาพ #พระพุทธชินราช #พิษณุโลก #วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร #เที่ยวไทย #เทรนวันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • Iran IRGC has ground-launched Almas anti-tank missile. How powerful ?

    https://youtu.be/GZrDCySjoB4
    Iran IRGC has ground-launched Almas anti-tank missile. How powerful ? https://youtu.be/GZrDCySjoB4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • "การอภัย: กุญแจสู่การปลดปล่อยและการเติบโต"---คู่เวรและการผูกพันในจิตใจในชีวิตของเราบางครั้ง เราอาจพบกับคนที่ทำให้เราเจ็บปวดมากเสียจนรู้สึกว่าความสัมพันธ์นั้นเป็น "คู่เวร" ซึ่งเป็นคำที่ใช้สำหรับการผูกพันระหว่างบุคคลที่ก่อให้เกิดความทุกข์อย่างไม่หยุดยั้ง บ่อยครั้งเมื่อเราถูกทำร้ายหรือถูกเอารัดเอาเปรียบจากบุคคลเหล่านี้ เราอาจเกิดความคิดในใจว่า "ขออย่าได้เจอกันอีกเลย" ด้วยความรู้สึกเกลียดชังและความอยากหลีกหนีจากสถานการณ์นั้น แต่คำถามคือ หากเราไม่สามารถหาทางหลีกเลี่ยงบุคคลเหล่านั้นได้ เราจะทำอย่างไร?---กรรมและการสร้างเส้นทางใหม่การพบเจอกับคู่เวรในชีวิต ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากกรรมที่เราเคยทำในอดีต หากเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเอง เราก็จะตกอยู่ในวงจรเดิม พบเจอแต่คนแบบเดิม และสถานการณ์ที่ทำให้เราทุกข์ซ้ำไปซ้ำมา แต่ถ้าหากเราเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยการตั้งใจทำสิ่งดีและหลีกเลี่ยงการปฏิบัติในลักษณะที่เคยทำมา เราก็สามารถหลุดพ้นจากวงจรนี้และสร้างชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความสงบและความสุขได้---การอภัย: ปลดปล่อยความเครียดจากจิตใจคำว่า "อภัยไม่ได้" เป็นคำที่เราใช้ยึดมั่นในใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว "การอภัย" เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกเรื่องในชีวิต หากเราไม่ยึดติดกับความแค้นหรือความเกลียดชัง การปล่อยให้ตัวเองได้อภัยให้กับผู้อื่นจะช่วยปลดปล่อยใจจากพันธนาการที่ยึดมั่นมาเนิ่นนานหากเราเลิกสนใจในสิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือหยุดรับฟังคำพูดที่กระตุ้นให้เราเจ็บใจ จิตใจเราจะค่อยๆ กลับสู่สภาวะที่เป็นธรรมชาติ ความสงบและความสุขจะกลับมาสู่ชีวิตเราอีกครั้ง เหมือนกับที่จิตใจจะมุ่งไปสู่ความเจริญและความสว่างสูงสุด หากเราหยุดยึดติดกับความแค้นและเริ่มให้ความสำคัญกับการอภัย---การอภัยในชีวิตจริง: หลวงปู่ขาวตัวอย่างที่ชัดเจนจากประสบการณ์ของหลวงปู่ขาวที่เคยมีความคิดในการฆ่าคน แต่ท่านกลับพลิกเปลี่ยนชีวิตโดยการอภัยในขณะนั้น หลวงปู่ขาวตัดสินใจวางมีดและดาบ ท่านไม่ได้ปล่อยให้ความแค้นครอบงำใจจนทำให้ชีวิตตกต่ำ แต่กลับเลือกที่จะให้ความสงบและการอภัยเป็นทางเลือกของการเติบโตในชีวิตหากหลวงปู่ขาวเลือกที่จะไม่อภัยในขณะนั้น ท่านอาจต้องใช้ชีวิตในคุกและความทุกข์อย่างไม่สิ้นสุด แต่เพราะท่านเลือกที่จะอภัยและปล่อยวาง ความทุกข์จึงได้หมดสิ้นไป และท่านสามารถกลายเป็นพระอรหันต์ที่มีจิตใจเบิกบานและเป็นอิสระจากความทุกข์---บทสรุป: การอภัยเป็นพลังที่มีอำนาจการอภัยไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเลิกยึดติดกับความแค้นและความทุกข์ที่เกิดจากผู้อื่น แต่ยังเป็นวิธีที่ช่วยให้เราปลดปล่อยตนเองจากภาวะทางจิตใจที่จำกัด โดยการอภัย เราจะได้มอบโอกาสให้ตัวเองเติบโตและพบกับความสุขในชีวิต เมื่อเราหยุดคิดถึงสิ่งที่เคยทำให้เจ็บปวด แล้วหันมองไปข้างหน้าอย่างมีสติและความสงบ ความเจริญจะตามมาอย่างเป็นธรรมชาติ"การอภัย คือการปล่อยให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการของความทุกข์และได้เติบโตไปสู่ความสงบและความสุขที่แท้จริง"
    "การอภัย: กุญแจสู่การปลดปล่อยและการเติบโต"---คู่เวรและการผูกพันในจิตใจในชีวิตของเราบางครั้ง เราอาจพบกับคนที่ทำให้เราเจ็บปวดมากเสียจนรู้สึกว่าความสัมพันธ์นั้นเป็น "คู่เวร" ซึ่งเป็นคำที่ใช้สำหรับการผูกพันระหว่างบุคคลที่ก่อให้เกิดความทุกข์อย่างไม่หยุดยั้ง บ่อยครั้งเมื่อเราถูกทำร้ายหรือถูกเอารัดเอาเปรียบจากบุคคลเหล่านี้ เราอาจเกิดความคิดในใจว่า "ขออย่าได้เจอกันอีกเลย" ด้วยความรู้สึกเกลียดชังและความอยากหลีกหนีจากสถานการณ์นั้น แต่คำถามคือ หากเราไม่สามารถหาทางหลีกเลี่ยงบุคคลเหล่านั้นได้ เราจะทำอย่างไร?---กรรมและการสร้างเส้นทางใหม่การพบเจอกับคู่เวรในชีวิต ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากกรรมที่เราเคยทำในอดีต หากเราไม่เคยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเอง เราก็จะตกอยู่ในวงจรเดิม พบเจอแต่คนแบบเดิม และสถานการณ์ที่ทำให้เราทุกข์ซ้ำไปซ้ำมา แต่ถ้าหากเราเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงตนเอง โดยการตั้งใจทำสิ่งดีและหลีกเลี่ยงการปฏิบัติในลักษณะที่เคยทำมา เราก็สามารถหลุดพ้นจากวงจรนี้และสร้างชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความสงบและความสุขได้---การอภัย: ปลดปล่อยความเครียดจากจิตใจคำว่า "อภัยไม่ได้" เป็นคำที่เราใช้ยึดมั่นในใจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว "การอภัย" เป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทุกเรื่องในชีวิต หากเราไม่ยึดติดกับความแค้นหรือความเกลียดชัง การปล่อยให้ตัวเองได้อภัยให้กับผู้อื่นจะช่วยปลดปล่อยใจจากพันธนาการที่ยึดมั่นมาเนิ่นนานหากเราเลิกสนใจในสิ่งที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง หรือหยุดรับฟังคำพูดที่กระตุ้นให้เราเจ็บใจ จิตใจเราจะค่อยๆ กลับสู่สภาวะที่เป็นธรรมชาติ ความสงบและความสุขจะกลับมาสู่ชีวิตเราอีกครั้ง เหมือนกับที่จิตใจจะมุ่งไปสู่ความเจริญและความสว่างสูงสุด หากเราหยุดยึดติดกับความแค้นและเริ่มให้ความสำคัญกับการอภัย---การอภัยในชีวิตจริง: หลวงปู่ขาวตัวอย่างที่ชัดเจนจากประสบการณ์ของหลวงปู่ขาวที่เคยมีความคิดในการฆ่าคน แต่ท่านกลับพลิกเปลี่ยนชีวิตโดยการอภัยในขณะนั้น หลวงปู่ขาวตัดสินใจวางมีดและดาบ ท่านไม่ได้ปล่อยให้ความแค้นครอบงำใจจนทำให้ชีวิตตกต่ำ แต่กลับเลือกที่จะให้ความสงบและการอภัยเป็นทางเลือกของการเติบโตในชีวิตหากหลวงปู่ขาวเลือกที่จะไม่อภัยในขณะนั้น ท่านอาจต้องใช้ชีวิตในคุกและความทุกข์อย่างไม่สิ้นสุด แต่เพราะท่านเลือกที่จะอภัยและปล่อยวาง ความทุกข์จึงได้หมดสิ้นไป และท่านสามารถกลายเป็นพระอรหันต์ที่มีจิตใจเบิกบานและเป็นอิสระจากความทุกข์---บทสรุป: การอภัยเป็นพลังที่มีอำนาจการอภัยไม่เพียงแต่ช่วยให้เราเลิกยึดติดกับความแค้นและความทุกข์ที่เกิดจากผู้อื่น แต่ยังเป็นวิธีที่ช่วยให้เราปลดปล่อยตนเองจากภาวะทางจิตใจที่จำกัด โดยการอภัย เราจะได้มอบโอกาสให้ตัวเองเติบโตและพบกับความสุขในชีวิต เมื่อเราหยุดคิดถึงสิ่งที่เคยทำให้เจ็บปวด แล้วหันมองไปข้างหน้าอย่างมีสติและความสงบ ความเจริญจะตามมาอย่างเป็นธรรมชาติ"การอภัย คือการปล่อยให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการของความทุกข์และได้เติบโตไปสู่ความสงบและความสุขที่แท้จริง"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีปูติน: หากรัฐบาลสหรัฐฯชุดต่อไป ตัดสินใจไม่ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซีย, ก็ขอให้เป็นเช่นนั้น
    .
    President Putin: If the next U.S. administration decides against normalizing relations with Russia, so be it.

    🔗 Full transcript: http://en.kremlin.ru/events/president/news/75385
    .
    8:03 AM · Nov 26, 2024 · 5,049 Views
    https://x.com/PutinDirect/status/1861214216029643129
    ประธานาธิบดีปูติน: หากรัฐบาลสหรัฐฯชุดต่อไป ตัดสินใจไม่ฟื้นฟูความสัมพันธ์กับรัสเซีย, ก็ขอให้เป็นเช่นนั้น . President Putin: If the next U.S. administration decides against normalizing relations with Russia, so be it. 🔗 Full transcript: http://en.kremlin.ru/events/president/news/75385 . 8:03 AM · Nov 26, 2024 · 5,049 Views https://x.com/PutinDirect/status/1861214216029643129
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • แดนเกิดแดนตายก็โลกมนุษย์นี้แหละ ..โลกแห่งเวียนว่ายตายเกิด
    แดนเกิดแดนตายก็โลกมนุษย์นี้แหละ ..โลกแห่งเวียนว่ายตายเกิด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 32 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨: ธนาคารในสหรัฐฯ

    ขณะนี้ ธนาคารในสหรัฐฯกำลังเผชิญกับการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น ๕๑๕ พันล้านดอลลาร์ - อาจไม่เป็นไร
    .
    BREAKING 🚨: U.S. Banks

    U.S. Banks are now facing $515 billion in unrealized losses - Probably Fine
    .
    10:36 AM · Nov 25, 2024 · 360.6K Views
    https://x.com/Barchart/status/1860890359598895217
    🚨: ธนาคารในสหรัฐฯ ขณะนี้ ธนาคารในสหรัฐฯกำลังเผชิญกับการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น ๕๑๕ พันล้านดอลลาร์ - อาจไม่เป็นไร . BREAKING 🚨: U.S. Banks U.S. Banks are now facing $515 billion in unrealized losses - Probably Fine . 10:36 AM · Nov 25, 2024 · 360.6K Views https://x.com/Barchart/status/1860890359598895217
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇷🇺🇺🇸 รัสเซียกล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามเจรจาแผนสันติภาพ, ขณะที่ฝ่ายบริหารของไบเดน-แฮร์ริส กำลังพยายามยกระดับความขัดแย้งในยูเครน
    .
    JUST IN: 🇷🇺🇺🇸 Russia says Donald Trump is trying to negotiate peace plans, while the Biden-Harris administration is seeking to escalate the conflict in Ukraine.
    .
    9:01 AM · Nov 26, 2024 · 65.5K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1861228802937942365
    🇷🇺🇺🇸 รัสเซียกล่าวว่า โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามเจรจาแผนสันติภาพ, ขณะที่ฝ่ายบริหารของไบเดน-แฮร์ริส กำลังพยายามยกระดับความขัดแย้งในยูเครน . JUST IN: 🇷🇺🇺🇸 Russia says Donald Trump is trying to negotiate peace plans, while the Biden-Harris administration is seeking to escalate the conflict in Ukraine. . 9:01 AM · Nov 26, 2024 · 65.5K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1861228802937942365
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • พอดีพอเพียง บางคนก็หวังมีกินมีใช้พอเพียง บางคนก็อยากได้มาก บางอยากหมดทั้งประเทศ บางคนจังหวัดนี้ต้องเป็นของกู..สารพัดอยากได้
    พอดีพอเพียง บางคนก็หวังมีกินมีใช้พอเพียง บางคนก็อยากได้มาก บางอยากหมดทั้งประเทศ บางคนจังหวัดนี้ต้องเป็นของกู..สารพัดอยากได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลอาจประกาศหยุดยิงในเลบานอนภายในวันพรุ่งนี้ และถอนตัวออกจากดินแดนเลบานอน

    ความขัดแย้งล่าสุดระหว่างฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอลมักจะจบลงด้วยการเจรจา มากกว่าการใช้กำลังทหารที่อิสราเอลพยายามทำ

    เป้าหมายหลักของเทลอาวีฟในการรุกรานเลบานอนคือ นำผู้พลัดถิ่นกลับบ้านด้วยวิธีการทางทหาร

    กองกำลังทหารไม่สามารถทำลายฮิซบอลเลาะห์ได้ และชาวอิสราเอลที่พลัดถิ่นก็ไม่ได้เดินทางกลับทางเหนือ
    .
    Israel could announce a ceasefire in Lebanon by tomorrow and withdraw from Lebanese territory

    The recent conflict between Hezbollah and Israel was always going to end through negotiations rather than military force Israel has attempted

    Tel Aviv's main objective for the invasion of Lebanon was to bring the displaced back to their homes by military means

    Military force failed to break Hezbollah and the displaced Israelis did not return back to the north
    .
    12:36 AM · Nov 26, 2024 · 308K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1861101655518818796
    อิสราเอลอาจประกาศหยุดยิงในเลบานอนภายในวันพรุ่งนี้ และถอนตัวออกจากดินแดนเลบานอน ความขัดแย้งล่าสุดระหว่างฮิซบอลเลาะห์และอิสราเอลมักจะจบลงด้วยการเจรจา มากกว่าการใช้กำลังทหารที่อิสราเอลพยายามทำ เป้าหมายหลักของเทลอาวีฟในการรุกรานเลบานอนคือ นำผู้พลัดถิ่นกลับบ้านด้วยวิธีการทางทหาร กองกำลังทหารไม่สามารถทำลายฮิซบอลเลาะห์ได้ และชาวอิสราเอลที่พลัดถิ่นก็ไม่ได้เดินทางกลับทางเหนือ . Israel could announce a ceasefire in Lebanon by tomorrow and withdraw from Lebanese territory The recent conflict between Hezbollah and Israel was always going to end through negotiations rather than military force Israel has attempted Tel Aviv's main objective for the invasion of Lebanon was to bring the displaced back to their homes by military means Military force failed to break Hezbollah and the displaced Israelis did not return back to the north . 12:36 AM · Nov 26, 2024 · 308K Views https://x.com/IranObserver0/status/1861101655518818796
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว