• Apple ออกแถลงการณ์ขอโทษคนไทย พร้อมยุติการเผยแพร่โฆษณาในซีรีส์ The Underdogs เนื่องจากไม่ได้นำเสนอวิถีชีวิตของประเทศไทยที่เป็นอยู่ในปัจจุบันได้อย่างครบถ้วน และเหมาะสม
    ...โดยที่ผ่านมา ชาวสามกีบสาวกก้าวไกลรวมถึงตัวตึงๆระดับหัวๆ
    คิดว่าทุกอย่างที่ฝรั่งทำคือความทันสมัย แบกแอปเปิ้ลอย่างไม่ละอาย
    ในเวลาเดียวกัน ที่ทั้งฝรั่งที่เคยมาเที่ยวประเทศไทย
    รวมถึงฝรั่งที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
    ต่างออกมาตำหนิ Apple ถึงการบิดเบือนข้อเท็จจริง และได้ให้สัมภาษณ์กับ Cnn ยืนยันว่าประเทศไทยนั้นเป็นประเทศที่ปลอดภัย และทันสมัย และยังเชิญชวนให้ชาวต่างชาติมาเยือนประเทศไทย
    ...แต่พบกว่า กลุ่มชาวสาวกก้าวไกล ยืนยันว่า ภาพที่ Apple นำเสนอนั้น "เป็นเรื่องที่ที่คนไทยทำเป็นรับไม่ได้"
    การออกมาปกป้องคนไทยโดยชาวต่างชาติ รวมถึง การที่ Apple รับฟังฟีตแบ๊ค ทำให้เกิดการทบทวนเนื้อหาที่ได้นำเสนอในคลิป และพิจารณาลบคลิปเหล่านั้น
    ...จนถึงวันนี้ คิงส์โพธิ์แดง จึงตระหนักและเข้าใจถึงประโยคที่ว่า กลุ่มหนึ่งกลุ่มนั้น คือพวก "ชังชาติ" ความจริงแล้ว คือแบบไหนอย่างแท้จริง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • แรงมา-แรงไป ! การสู้รบในภาคเหนือของรัฐฉาน เริ่มดุเดือดและโหดหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังกองทัพโกก้างนำโดรนบินไปทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลทหารในเมืองล่าเสี้ยว คร่าชีวิตนายทหารหลายสิบนายที่กำลังนอนรักษาตัว ขณะที่กองทัพพม่าตอบโต้กลับ ส่งเครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดโรงพยาบาลในเล่าก์ก่ายกลางดึก ชาวบ้านเสียชีวิต 10 คน

    2 สิงหาคม 2567- สำนักข่าว Khit Thit Media สื่อซึ่งให้การสนับสนุนความเคลื่อนไหวของรัฐบาลเงา (NUG) และกองกำลังติดอาวุธฝ่ายต่อต้าน (PDF) ได้รายงานสถานการณ์ในเมืองล่าเสี้ยว ภาคเหนือของรัฐฉาน ซึ่งยังคงมีการสู้รบกันอย่างดุเดือดระหว่างกองทัพโกก้าง (MNDAA) กับกองทัพพม่า ระบุว่า เมื่อวานนี้(1 ส.ค.) กองทัพโกก้าง ได้บังคับโดรนให้บินไปทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลทหารหมายเลข 9 ขนาด 100 เตียง ของกองบัญชาการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในเมืองล่าเสี้ยว

    ตามรายงานของ Khit Thit Media ยืนยันว่า การโจมตีด้วยระเบิดของกองทัพโกก้างครั้งนี้ ส่งผลให้นายทหารหลายสิบนาย ซึ่งกำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ ต้องเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ในนี้ รวมถึง พล.ต.โซติ้น อดีตผู้บัญชาการกองทัพภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งก็เสียชีวิตจากเหตุระเบิดครั้งนี้

    ขณะที่ Eleven Media Group รายงานว่า หลังจากโดรนได้บินไปทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลแล้ว ยังมีกำลังทหารโกก้างจำนวนมาก บุกเข้าไปโจมตีทหารพม่าที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในโรงพยาบาล เกิดการยิงต่อสู้กัน ซึ่งได้คร่าชีวิต แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยและญาติของผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงนั้นไปมากกว่า 100 คน

    สำนักข่าว Shan News รายงานว่า หลังเกิดเหตุกองทัพโกก้าง ได้โจมตีโรงพยาบาลทหารในเมืองล่าเสี้ยวด้วยระเบิดเมื่อวานนี้แล้ว ช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันนี้(2 ส.ค.) กองทัพพม่าได้ส่งเครื่องบินรบ บินไปทิ้งระเบิดลงยังโรงพยาบาลในเมืองเล่าก์ก่าย เมืองหลวงของพื้นที่พิเศษหมายเลข 1 เขตปกครองตนเองชนชาติโกก้าง ชายแดนรัฐฉาน-จีน ตรงข้ามกับเขตปกครองตนเองชนชาติไตและว้า กึ่งม้า จังหวัดหลินชาง มณฑลยูนนาน

    ตามรายงานของ Shan News ระบุว่า แรงระเบิด นอกจากสร้างความเสียหายแก่โรงพยาบาลแล้ว ยังทำลายอาคารที่ตั้งอยู่โดยรอบโรงพยาบาลได้รับความเสียหายไปอีกมากกว่า 10 หลัง มีชาวบ้านเล่าก์ก่าย 10 คน เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 10 คน จากการทิ้งระเบิดครั้งนี้

    https://sondhitalk.com/detail/9670000069987

    #Thaitimes
    แรงมา-แรงไป ! การสู้รบในภาคเหนือของรัฐฉาน เริ่มดุเดือดและโหดหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังกองทัพโกก้างนำโดรนบินไปทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลทหารในเมืองล่าเสี้ยว คร่าชีวิตนายทหารหลายสิบนายที่กำลังนอนรักษาตัว ขณะที่กองทัพพม่าตอบโต้กลับ ส่งเครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดโรงพยาบาลในเล่าก์ก่ายกลางดึก ชาวบ้านเสียชีวิต 10 คน 2 สิงหาคม 2567- สำนักข่าว Khit Thit Media สื่อซึ่งให้การสนับสนุนความเคลื่อนไหวของรัฐบาลเงา (NUG) และกองกำลังติดอาวุธฝ่ายต่อต้าน (PDF) ได้รายงานสถานการณ์ในเมืองล่าเสี้ยว ภาคเหนือของรัฐฉาน ซึ่งยังคงมีการสู้รบกันอย่างดุเดือดระหว่างกองทัพโกก้าง (MNDAA) กับกองทัพพม่า ระบุว่า เมื่อวานนี้(1 ส.ค.) กองทัพโกก้าง ได้บังคับโดรนให้บินไปทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลทหารหมายเลข 9 ขนาด 100 เตียง ของกองบัญชาการภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในเมืองล่าเสี้ยว ตามรายงานของ Khit Thit Media ยืนยันว่า การโจมตีด้วยระเบิดของกองทัพโกก้างครั้งนี้ ส่งผลให้นายทหารหลายสิบนาย ซึ่งกำลังรักษาอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ ต้องเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ในนี้ รวมถึง พล.ต.โซติ้น อดีตผู้บัญชาการกองทัพภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งก็เสียชีวิตจากเหตุระเบิดครั้งนี้ ขณะที่ Eleven Media Group รายงานว่า หลังจากโดรนได้บินไปทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลแล้ว ยังมีกำลังทหารโกก้างจำนวนมาก บุกเข้าไปโจมตีทหารพม่าที่เคลื่อนไหวอยู่ภายในโรงพยาบาล เกิดการยิงต่อสู้กัน ซึ่งได้คร่าชีวิต แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ผู้ป่วยและญาติของผู้ป่วย ซึ่งอยู่ในโรงพยาบาลในช่วงนั้นไปมากกว่า 100 คน สำนักข่าว Shan News รายงานว่า หลังเกิดเหตุกองทัพโกก้าง ได้โจมตีโรงพยาบาลทหารในเมืองล่าเสี้ยวด้วยระเบิดเมื่อวานนี้แล้ว ช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันนี้(2 ส.ค.) กองทัพพม่าได้ส่งเครื่องบินรบ บินไปทิ้งระเบิดลงยังโรงพยาบาลในเมืองเล่าก์ก่าย เมืองหลวงของพื้นที่พิเศษหมายเลข 1 เขตปกครองตนเองชนชาติโกก้าง ชายแดนรัฐฉาน-จีน ตรงข้ามกับเขตปกครองตนเองชนชาติไตและว้า กึ่งม้า จังหวัดหลินชาง มณฑลยูนนาน ตามรายงานของ Shan News ระบุว่า แรงระเบิด นอกจากสร้างความเสียหายแก่โรงพยาบาลแล้ว ยังทำลายอาคารที่ตั้งอยู่โดยรอบโรงพยาบาลได้รับความเสียหายไปอีกมากกว่า 10 หลัง มีชาวบ้านเล่าก์ก่าย 10 คน เสียชีวิต และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 10 คน จากการทิ้งระเบิดครั้งนี้ https://sondhitalk.com/detail/9670000069987 #Thaitimes
    SONDHITALK.COM
    เหี้ยมพอกัน! โดรนโกก้างทิ้งระเบิด รพ.ทหารล่าเสี้ยว ทัพพม่าโต้กลับบอมบ์ รพ.เล่าก์ก่าย
    การสู้รบในภาคเหนือของรัฐฉาน เริ่มโหดร้ายหนักขึ้นเรื่อยๆ หลังกองทัพโกก้างนำโดรนบินไปทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลทหารในเมืองล่าเสี้ยว คร่าชีวิตนายทหารหลายสิบนายที่กำลังนอนรักษาตัว กองทัพพม่าตอบโต้กลับ ส่งเครื่องบินรบไปทิ้งระเบิดโรงพยาบาลใ
    0 Comments 0 Shares 569 Views 0 Reviews
  • Like
    1
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • Doctors (doctor) or Demons (devil)⁉️
    หมอ🧑‍⚕️หรือ มาร👿⁉️

    นายแพทย์สุนิล ดาล แพทย์ยูทูปเปอร์ ชื่อดัง ออกมาพูดตรงๆ ถึงวงการแพทย์ ที่มีมาร ในคราบแพทย์ ที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทยา
    วงการแพทย์ไม่ใช่วงการที่ขาวสะอาดอย่างที่สังคมคิด จริงอยู่แพทย์ส่วนใหญ่เป็นแพทย์ที่มีจรรยาบรรณ หวังดีกับคนไข้ แต่แพทย์ที่ว่าก็แบ่งได้เป็นสองกลุ่ม คือ
    1.พวกที่เชื่อตาม “ผู้เชี่ยวชาญ” ไม่อ่านงานวิจัย ไม่เข้าใจกลลวงของบริษัทยา พวกนี้มีจำนวนมากที่สุด
    2 แพทย์ที่ คิดเป็น คิดเอง อ่านงานวิจัย วิเคราะห์หลักฐาน ข้อมูลก่อนเชื่อ แพทย์กลุ่มนี้มีอยู่น้อย

    แต่ที่สังคมไม่รับรู้ คือ มีแพทย์กลุ่มที่ 3 ที่มักอ้างตัวเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่ “รับใช้” บริษัทยา คนกลุ่มนี้ ไม่ใช่ หมอ แต่คือ “มาร” ที่ “ตั้งใจ” โกหก หลอกลวง ทำให้สังคม และ แพทย์กลุ่มที่ 1 คล้อยตาม เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ บริษัทยา

    มาร ในคราบหมอ มีอยู่จริง
    ในไทยก็มี คนพวกนี้ จะอ้าง วิทยาศาสตร์ แต่กลัวการตรวจสอบ กลัวความโปร่งใส ไม่กล้า ขึ้นเวทีวิชาการ

    หมอในคราบมาร เหล่านี้ มีใครบ้าง สังคม ก็คงรู้ดี

    นายแพทย์สุนิล พูดถึงมารเหล่านี้อย่างไรบ้าง ไปฟังกันดู

    https://youtu.be/ljQx2Zh4bkk
    Doctors (doctor) or Demons (devil)⁉️ หมอ🧑‍⚕️หรือ มาร👿⁉️ นายแพทย์สุนิล ดาล แพทย์ยูทูปเปอร์ ชื่อดัง ออกมาพูดตรงๆ ถึงวงการแพทย์ ที่มีมาร ในคราบแพทย์ ที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของบริษัทยา วงการแพทย์ไม่ใช่วงการที่ขาวสะอาดอย่างที่สังคมคิด จริงอยู่แพทย์ส่วนใหญ่เป็นแพทย์ที่มีจรรยาบรรณ หวังดีกับคนไข้ แต่แพทย์ที่ว่าก็แบ่งได้เป็นสองกลุ่ม คือ 1.พวกที่เชื่อตาม “ผู้เชี่ยวชาญ” ไม่อ่านงานวิจัย ไม่เข้าใจกลลวงของบริษัทยา พวกนี้มีจำนวนมากที่สุด 2 แพทย์ที่ คิดเป็น คิดเอง อ่านงานวิจัย วิเคราะห์หลักฐาน ข้อมูลก่อนเชื่อ แพทย์กลุ่มนี้มีอยู่น้อย แต่ที่สังคมไม่รับรู้ คือ มีแพทย์กลุ่มที่ 3 ที่มักอ้างตัวเป็น “ผู้เชี่ยวชาญ” ที่ “รับใช้” บริษัทยา คนกลุ่มนี้ ไม่ใช่ หมอ แต่คือ “มาร” ที่ “ตั้งใจ” โกหก หลอกลวง ทำให้สังคม และ แพทย์กลุ่มที่ 1 คล้อยตาม เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ บริษัทยา มาร ในคราบหมอ มีอยู่จริง ในไทยก็มี คนพวกนี้ จะอ้าง วิทยาศาสตร์ แต่กลัวการตรวจสอบ กลัวความโปร่งใส ไม่กล้า ขึ้นเวทีวิชาการ หมอในคราบมาร เหล่านี้ มีใครบ้าง สังคม ก็คงรู้ดี นายแพทย์สุนิล พูดถึงมารเหล่านี้อย่างไรบ้าง ไปฟังกันดู https://youtu.be/ljQx2Zh4bkk
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 462 Views 0 Reviews
  • กลั่นหามาเล่า Ep.176 - The Discipline Of Vision- John Maxwells Approach
    กลั่นหามาเล่า Ep.176 - The Discipline Of Vision- John Maxwells Approach
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • กลั่นหามาเล่า Ep.176 - The Discipline Of Vision- John Maxwells Approach
    กลั่นหามาเล่า Ep.176 - The Discipline Of Vision- John Maxwells Approach
    0 Comments 0 Shares 323 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • หนังดี
    หนังดี
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 241 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • ผ่อนปรนจ่ายขั้นต่ำ 8% ลูกหนี้ "ดีที่ไม่ตาย"

    การตัดสินใจผ่อนปรนอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิต (Minimum Pay) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ยังคงที่ 8% ออกไปอีก 1 ปี ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 จากเดิมวันที่ 1 มกราคม 2568 ต้องเข้าสู่เกณฑ์ปกติ 10% ในมุมมองลูกหนี้ถือว่า "ดีที่ไม่ตาย" หลังสถาบันการเงินปรับอัตราจากเดิม 5% ขึ้นเป็น 8% เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 ทำเอาลูกหนี้แทบปรับตัวไม่ทัน

    ยกตัวอย่างแบบกลมๆ วงเงินบัตรเครดิต 100,000 บาท ใช้เต็มวงเงิน ช่วงโควิด-19 จ่ายขั้นต่ำลดลงมาเหลือประมาณ 5,000 บาท ก่อนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 8,000 บาทในปัจจุบัน หากยังคงมาตรการเดิมต่อไป ต้องจ่ายขั้นต่ำสูงถึงประมาณ 10,000 บาท ในขณะที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น ค่าครองชีพสูงขึ้น รายได้ไม่ฟื้นตัว กำลังซื้อลดลง ส่งผลกระทบทำให้ชำระหนี้ได้ลำบากขึ้น

    ย้อนกลับไปในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน แบงก์ชาติขอความร่วมมือสถาบันการเงินต่างๆ พิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือปรับลดอัตราผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ จาก 10% เหลือ 5% ตั้งแต่ปี 2563 ถึงสิ้นปี 2566 ก่อนขยับมาเป็น 8% ในปีนี้ และมีแผนกลับสู่เกณฑ์ปกติในปีหน้า

    แม้กระทรวงสาธารณสุขประกาศยกเลิกโควิด-19 เป็นโรคอันตรายตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2565 เป็นต้นมา ประชาชนทั้งประเทศได้รับวัคซีนมากกว่า 70% แต่เศรษฐกิจไทยยังคงซบเซาแม้จะเปลี่ยนรัฐบาล ค่าครองชีพสูงขึ้น ซ้ำด้วยปัญหาหนี้ครัวเรือนเรื้อรัง สินเชื่อบางประเภทที่หยุดเฉพาะเงินต้น แต่ไม่หยุดดอกเบี้ย คนที่เคยเจ็บตัวจากโควิด-19 แทบไม่ฟื้นเป็นปกติ

    เมื่อสถาบันการเงินเลิกใจดีกับผู้ถือบัตรเครดิต ที่มีมากถึง 26 ล้านใบ ปรับอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำจากเดิม 5% เป็น 8% ในขณะที่ประชาชนซึ่งบาดเจ็บทางการเงินจากโควิด-19 ยังไม่หายดี หนำซ้ำแบงก์ชาติยังมองโลกสวย คิดว่าส่งผลดีต่อลูกหนี้ปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น ผลก็คือผู้ที่เคยจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ ที่ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือน จ่ายกันกระอักเลือด

    สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร ถึงกับบอกว่า แค่ไตรมาสแรกของปี 2567 หนี้เสียเพิ่มขึ้นถึง 14.6% เป็น 6.4 หมื่นล้านบาท แถมหนี้ที่ต้องจับตาส่อจะเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นอีก 32.4% เป็น 1.2 หมื่นล้านบาท เมื่อส่องที่มาพบว่ามีแต่คนเจนวาย (เกิดปี 2524-2539) แบกหนี้กันหลังแอ่น

    ขณะที่แบงก์ชาติกลับออกแคมเปญโลกสวยอย่าง "มาตรการปิดจบหนี้เรื้อรัง" ให้สถาบันการเงินเสนอทางเลือกปิดจบหนี้เรื้อรังให้แก่กลุ่มเปราะบางที่มีการจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าชำระเงินต้นแล้วเป็นเวลานานกว่า 5 ปี โดยต้องแลกกับการต้องปิดวงเงินของสินเชื่อที่เข้าร่วม เหลือเพียงแค่วงเงินเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ทั้งที่ประชาชนยังเจ็บตัวไม่หาย และเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว

    ที่ผ่านมามีความพยายามจากรัฐบาล เฉกเช่นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เป็นประธาน มีข้อห่วงใยขอให้แบงก์ชาติพิจารณาปรับลดอัตราการชำระคืนขั้นต่ำบัตรเครดิตกลับมาที่ 5% เนื่องจากขณะนี้เป็นภาวะที่ประชาชนกำลังยากลำบาก เรื่องวินัยทางการเงินค่อยกลับมาแก้ไขอีกครั้ง นำไปสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน

    แต่สุดท้ายแบงก์ชาติเลือกที่จะใช้มาตรการผ่อนปรน 8% ยาวไปถึงปีหน้า ไม่ได้ปรับลดเหลือ 5% ตามที่นายกรัฐมนตรีร้องขอ

    เป็นอีกหนึ่งความเห็นต่างและรอยร้าว ระหว่างแบงก์ชาติกับรัฐบาลเศรษฐา ไม่ต่างจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่แบงก์ชาติคัดค้านตั้งแต่ต้น และยังนับเป็นก้าวที่พลาดของแบงก์ชาติ ที่ดำเนินมาตรการโลกสวย แต่ไม่ดูความเป็นจริงว่า ประชาชนกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ ท่ามกลางธนาคารพาณิชย์ชั้นนำโชว์ผลประกอบการ ด้วยกำไรหลักหมื่นล้านบาท

    #Newskit #หนี้บัตรเครดิต #ธนาคารแห่งประเทศไทย
    ผ่อนปรนจ่ายขั้นต่ำ 8% ลูกหนี้ "ดีที่ไม่ตาย" การตัดสินใจผ่อนปรนอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิต (Minimum Pay) ของธนาคารแห่งประเทศไทย ให้ยังคงที่ 8% ออกไปอีก 1 ปี ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2568 จากเดิมวันที่ 1 มกราคม 2568 ต้องเข้าสู่เกณฑ์ปกติ 10% ในมุมมองลูกหนี้ถือว่า "ดีที่ไม่ตาย" หลังสถาบันการเงินปรับอัตราจากเดิม 5% ขึ้นเป็น 8% เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 ทำเอาลูกหนี้แทบปรับตัวไม่ทัน ยกตัวอย่างแบบกลมๆ วงเงินบัตรเครดิต 100,000 บาท ใช้เต็มวงเงิน ช่วงโควิด-19 จ่ายขั้นต่ำลดลงมาเหลือประมาณ 5,000 บาท ก่อนเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 8,000 บาทในปัจจุบัน หากยังคงมาตรการเดิมต่อไป ต้องจ่ายขั้นต่ำสูงถึงประมาณ 10,000 บาท ในขณะที่เศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้น ค่าครองชีพสูงขึ้น รายได้ไม่ฟื้นตัว กำลังซื้อลดลง ส่งผลกระทบทำให้ชำระหนี้ได้ลำบากขึ้น ย้อนกลับไปในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน แบงก์ชาติขอความร่วมมือสถาบันการเงินต่างๆ พิจารณาให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบ หนึ่งในนั้นคือปรับลดอัตราผ่อนชำระหนี้บัตรเครดิตขั้นต่ำ จาก 10% เหลือ 5% ตั้งแต่ปี 2563 ถึงสิ้นปี 2566 ก่อนขยับมาเป็น 8% ในปีนี้ และมีแผนกลับสู่เกณฑ์ปกติในปีหน้า แม้กระทรวงสาธารณสุขประกาศยกเลิกโควิด-19 เป็นโรคอันตรายตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2565 เป็นต้นมา ประชาชนทั้งประเทศได้รับวัคซีนมากกว่า 70% แต่เศรษฐกิจไทยยังคงซบเซาแม้จะเปลี่ยนรัฐบาล ค่าครองชีพสูงขึ้น ซ้ำด้วยปัญหาหนี้ครัวเรือนเรื้อรัง สินเชื่อบางประเภทที่หยุดเฉพาะเงินต้น แต่ไม่หยุดดอกเบี้ย คนที่เคยเจ็บตัวจากโควิด-19 แทบไม่ฟื้นเป็นปกติ เมื่อสถาบันการเงินเลิกใจดีกับผู้ถือบัตรเครดิต ที่มีมากถึง 26 ล้านใบ ปรับอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำจากเดิม 5% เป็น 8% ในขณะที่ประชาชนซึ่งบาดเจ็บทางการเงินจากโควิด-19 ยังไม่หายดี หนำซ้ำแบงก์ชาติยังมองโลกสวย คิดว่าส่งผลดีต่อลูกหนี้ปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น ผลก็คือผู้ที่เคยจ่ายบัตรเครดิตขั้นต่ำ ที่ส่วนใหญ่เป็นมนุษย์เงินเดือน จ่ายกันกระอักเลือด สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือเครดิตบูโร ถึงกับบอกว่า แค่ไตรมาสแรกของปี 2567 หนี้เสียเพิ่มขึ้นถึง 14.6% เป็น 6.4 หมื่นล้านบาท แถมหนี้ที่ต้องจับตาส่อจะเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นอีก 32.4% เป็น 1.2 หมื่นล้านบาท เมื่อส่องที่มาพบว่ามีแต่คนเจนวาย (เกิดปี 2524-2539) แบกหนี้กันหลังแอ่น ขณะที่แบงก์ชาติกลับออกแคมเปญโลกสวยอย่าง "มาตรการปิดจบหนี้เรื้อรัง" ให้สถาบันการเงินเสนอทางเลือกปิดจบหนี้เรื้อรังให้แก่กลุ่มเปราะบางที่มีการจ่ายดอกเบี้ยมากกว่าชำระเงินต้นแล้วเป็นเวลานานกว่า 5 ปี โดยต้องแลกกับการต้องปิดวงเงินของสินเชื่อที่เข้าร่วม เหลือเพียงแค่วงเงินเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ทั้งที่ประชาชนยังเจ็บตัวไม่หาย และเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว ที่ผ่านมามีความพยายามจากรัฐบาล เฉกเช่นที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน เป็นประธาน มีข้อห่วงใยขอให้แบงก์ชาติพิจารณาปรับลดอัตราการชำระคืนขั้นต่ำบัตรเครดิตกลับมาที่ 5% เนื่องจากขณะนี้เป็นภาวะที่ประชาชนกำลังยากลำบาก เรื่องวินัยทางการเงินค่อยกลับมาแก้ไขอีกครั้ง นำไปสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน แต่สุดท้ายแบงก์ชาติเลือกที่จะใช้มาตรการผ่อนปรน 8% ยาวไปถึงปีหน้า ไม่ได้ปรับลดเหลือ 5% ตามที่นายกรัฐมนตรีร้องขอ เป็นอีกหนึ่งความเห็นต่างและรอยร้าว ระหว่างแบงก์ชาติกับรัฐบาลเศรษฐา ไม่ต่างจากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ที่แบงก์ชาติคัดค้านตั้งแต่ต้น และยังนับเป็นก้าวที่พลาดของแบงก์ชาติ ที่ดำเนินมาตรการโลกสวย แต่ไม่ดูความเป็นจริงว่า ประชาชนกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ ท่ามกลางธนาคารพาณิชย์ชั้นนำโชว์ผลประกอบการ ด้วยกำไรหลักหมื่นล้านบาท #Newskit #หนี้บัตรเครดิต #ธนาคารแห่งประเทศไทย
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 1040 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 91 Views 31 0 Reviews
  • https://youtu.be/sEmd0UhLhcA?si=UdA3KntGbFdlEz-b
    https://youtu.be/sEmd0UhLhcA?si=UdA3KntGbFdlEz-b
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
    มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • วันนี้
    9โมงครึ่ง เป็นต้นไป
    วันนี้ 9โมงครึ่ง เป็นต้นไป
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • Like
    1
    0 Comments 0 Shares 208 Views 64 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • ทางโลกก็ทำลายกัน เพื่อจะได้ปกครองโลกแต่ผู้เดียวและได้ทรัพยกรโลกแต่ผู้เดียว
    ทางธรรม ไม่ยึดเอามีแต่ปล่อยวางไม่ทำลายกัน
    ทางโลกก็ทำลายกัน เพื่อจะได้ปกครองโลกแต่ผู้เดียวและได้ทรัพยกรโลกแต่ผู้เดียว ทางธรรม ไม่ยึดเอามีแต่ปล่อยวางไม่ทำลายกัน
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • ทางเดินมนุษย์มันก็ไม่ราบเรียบอะไรดอก มันมีอุปสรรคบ้างหรือมาดูบ้าง แก้ไขมันไป
    ทางเดินมนุษย์มันก็ไม่ราบเรียบอะไรดอก มันมีอุปสรรคบ้างหรือมาดูบ้าง แก้ไขมันไป
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • อย่าไปโทษโลก ให้โทษมนุษย์ด้วยกันที่ทำลายโลก
    อย่าไปโทษโลก ให้โทษมนุษย์ด้วยกันที่ทำลายโลก
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • เฮ! กรมการแพทย์ ยอมคืนฟ้าทะลายโจรให้กับผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว /ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    ช่วงบ่ายเมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2567 ได้มีการประชุมคณะกรรมการโควิด-19 ปรากฏว่ามีผู้เข้าร่วมประชุมน้อยมาก…

    เนื่องด้วยมีกรรมการหลายท่านชิงตัดหน้าลาออกก่อนวันประชุมและไม่เข้าประชุม

    ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อหวังทำให้องค์ประชุมไม่ครบ?

    หรือทำให้ไม่สามารถคืนฟ้าทะลายโจรได้สำเร็จ?

    หรือเป็นการประท้วงต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่จะเอาฟ้าทะลายโจรกลับคืนมา?

    หรือเป็นการแสดงความรับผิดชอบในความผิดของตัวเอง?

    หรือจะเป็นไปเพื่อหนีปัญหาไม่ต้องการตอบคำถามหนังสือร้องเรียนเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก และ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ร่วมกับคุณรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภาที่สอบถามถึงความผิดปกติในการตัดฟ้าทะลายโจรออกจากทุกขั้นตอนในคู่มือแพทย์ที่เรียกว่า

    “แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สําหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 28 วันที่ 5 มิถุนายน 2567”[1]

    โดยในการประชุมวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2567 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้มาเป็นประธานในที่ประชุมด้วยตัวเอง โดยการดำเนินการประชุมเป็นไปโดยรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นาน เพื่อสรุปแจ้งต่อที่ประชุมให้ทราบว่า

    1.เนื่องด้วยมติที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2567 ได้ยกเลิกแนวเวชปฏิบัติในการรักษาโควิด-19 ที่ประกาศโดยกรมการแพทย์ฉบับประกาศเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 แล้ว ด้วยเพราะไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของ “EOC” หรือ ศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน จึงย่อมไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้กลับไปใช้แนวเวชปฏิบัติในการรักษาโควิด-19 ฉบับเดิมก่อนหน้า คือฉบับปรับปรุงครั้งที่ 27 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566

    ซึ่งการย้อนกลับไปใช้แนวเวชปฏิบัติในการรักษาโควิด-19 ฉบับวันที่ 18 เมษายน 2566 นั้น ได้มียาฟ้าทะลายโจรอยู่ในขั้นตอนการรักษาในตารางที่ 2 ระบุในส่วนของยาฟ้าทะลายโจรว่า

    “เริ่มยาเร็วที่สุดหลังการติดเชื้อ SARS-CoV-2“[2]

    2.นอกจากนั้นที่ประชุมจึงได้ขอให้ รศ.นพ. ภิรุญ มุตสิกพันธุ์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย อนุสาขาวิชาโรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นผู้คัดสรรคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดใหม่แทนผู้ที่ลาออกไปทั้งหมด

    ต่อมาในเวลากลางคืน เว็บไซต์ของกรมการแพทย์ ที่เคยเผยแพร่แนวเวชปฏิบัติ ฉบับเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ในลิงค์เดิมเมื่อกดเข้าไปดูก็พบว่า แนวเวชปฏิบัติฉบับนี้ที่ได้ตัดฟ้าทะลายโจรออกตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2567 นั้น ได้มีการขึ้นข้อมูลที่มีการคาดตัวอักษรแดงลงข้อความทุกหน้าเป็นครั้งแรกในรอบ 58 วัน ความว่า

    “ยกเลิกตามมติที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุข Tuesday Morning Meeting (TMM) วันที่ 30 ก.ค.2567 ขอให้ใช้ดูแลรักษา ฉบับวันที่ 18 เมษายน 2566 แทน“ ตามลิงค์ด้านล่างนี้

    https://eid.dms.go.th/Content/Select_Eid_Landding_page?contentId=182&bannerId=1

    แปลว่านับตั้งแต่เย็นวันที่ 2 สิงหาคม 2567 ฟ้าทะลายโจรได้กลับคืนสู่แนวเวชปฏิบัติสำหรับโรคโควิด-19 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 27 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ในโรงพยาบาลทั่วประเทศแล้ว หลังจากที่ผู้ป่วยเสียโอกาสในการได้รับยาฟ้าทะลายโจรที่หายไปจากเวชปฏิบัตินานถึง “58 วัน”

    นับตั้งแต่เช้าวันที่ 3 สิงหาคม 2567 ผู้ป่วยทุกคนสามารถทวงสิทธิของตัวเองในการได้รับยาฟ้าทะลายโจรที่ต้อง “เริ่มยาเร็วที่สุดหลังการติดเชื้อโควิด-19“

    ในโอกาสนี้จึงต้องขอขอบคุณนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบาย อันเป็นผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้

    ขอขอบคุณแพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ ที่แม้จะเป็นผู้ที่ได้ออกประกาศแนวเวชปฏิบัติฉบับวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ให้ตัดฟ้าทะลายโจรออกจากทุกขั้นตอนการรักษาโควิด-19 เป็นเวลานานถึง 58 วันภายใต้แรงกดดันรอบด้านก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดก็เป็นผู้ที่ยอมแก้ไขเปลี่ยนแนวเวชปฏิบัติคืนฟ้าทะลายโจรให้ผู้ป่วยได้เมื่อคืนนี้

    ขอขอบคุณศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก คุณรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา รวมถึงทีมงานทุกคนใน บริษัท กฎหมายอรุณอัมรินทร์ จำกัด ที่ร่วมประชุม หารือการออกแบบขั้นตอนทางเอกสารและทางกฎหมาย และการให้ความรู้ประชาชนเพื่อนำไปสู่การกดดันทวงคืนฟ้าทะลายโจรจนประสบความสำเร็จในครั้งนี้

    อีกทั้งยังต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนและทีมงานวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ได้ช่วยเตรียมงานและมาให้กำลังใจในการยื่นหนังสือจนบรรลุภารกิจครั้งนี้ด้วย

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังต้องขอขอบคุณนักวิชาการ นักวิจัย รวมถึงข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข“จำนวนมาก” ที่มีจิตใจที่เป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ แม้จะเปิดเผยตัวไม่ได้ แต่ก็คอยให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้และความจริง จนทำให้เกิดความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ทีมงานสนธิทอล์ค ผู้เป็นปากกระบอกเสียงออกแรงที่วิพากษ์วิจารณ์และด่าอย่างหนักในเรื่องนี้แทนพวกเราอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์ จนสั่นสะเทือนต่อผู้เกี่ยวข้องและมีผลอย่างมีนัยยะสำคัญทำให้เกิดการเปลี่ยนในวันนี้

    ยังไม่นับสื่อมวลชนทุกท่านที่ได้นำเสนอข่าว ที่พวกผมได้มายื่นหนังสือการทวงคืนฟ้าทะลายโจรตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นมา

    ความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะยังคงมีสมุนไพรที่เป็นความมั่นคงทางยาในการพึ่งพาตัวเอง ที่จะไม่ยินยอมให้ใครมาทำลายได้โดยง่าย และจะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อทำให้ประเทศไทยได้ตระหนักรู้ ในการรักษาและพัฒนาภูมิปัญญาของชาติเพื่อนำพาประเทศให้รอดพ้นจากการล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจสุขภาพในวันข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน

    ด้วยจิตคารวะ
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    3 สิงหาคม 2567
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1024251249068575/?

    อ้างอิง
    [1] กรมการแพทย์, แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สําหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 28, วันที่ 5 มิถุนายน 2567
    https://eid.dms.go.th/Content/Select_Eid_Landding_page?contentId=182&bannerId=1

    [2]กรมการแพทย์, แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สําหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข สำหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข, ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 27 วันที่ 18 เมษายน 2566
    https://covid19.dms.go.th/backend///Content//Content_File/Covid_Health/Attach/25660418150721PM_CPG_COVID-19_v.27_n_18042023.pdf
    เฮ! กรมการแพทย์ ยอมคืนฟ้าทะลายโจรให้กับผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว /ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ช่วงบ่ายเมื่อวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2567 ได้มีการประชุมคณะกรรมการโควิด-19 ปรากฏว่ามีผู้เข้าร่วมประชุมน้อยมาก… เนื่องด้วยมีกรรมการหลายท่านชิงตัดหน้าลาออกก่อนวันประชุมและไม่เข้าประชุม ไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อหวังทำให้องค์ประชุมไม่ครบ? หรือทำให้ไม่สามารถคืนฟ้าทะลายโจรได้สำเร็จ? หรือเป็นการประท้วงต่อปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่จะเอาฟ้าทะลายโจรกลับคืนมา? หรือเป็นการแสดงความรับผิดชอบในความผิดของตัวเอง? หรือจะเป็นไปเพื่อหนีปัญหาไม่ต้องการตอบคำถามหนังสือร้องเรียนเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2567 ของ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก และ อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ร่วมกับคุณรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภาที่สอบถามถึงความผิดปกติในการตัดฟ้าทะลายโจรออกจากทุกขั้นตอนในคู่มือแพทย์ที่เรียกว่า “แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สําหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 28 วันที่ 5 มิถุนายน 2567”[1] โดยในการประชุมวันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2567 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุขได้มาเป็นประธานในที่ประชุมด้วยตัวเอง โดยการดำเนินการประชุมเป็นไปโดยรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นาน เพื่อสรุปแจ้งต่อที่ประชุมให้ทราบว่า 1.เนื่องด้วยมติที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันอังคารที่ 30 กรกฎาคม 2567 ได้ยกเลิกแนวเวชปฏิบัติในการรักษาโควิด-19 ที่ประกาศโดยกรมการแพทย์ฉบับประกาศเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 แล้ว ด้วยเพราะไม่ได้ผ่านความเห็นชอบของ “EOC” หรือ ศูนย์ปฏิบัติการในภาวะฉุกเฉิน จึงย่อมไม่ได้ผ่านความเห็นชอบจากกระทรวงสาธารณสุข จึงขอให้กลับไปใช้แนวเวชปฏิบัติในการรักษาโควิด-19 ฉบับเดิมก่อนหน้า คือฉบับปรับปรุงครั้งที่ 27 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ซึ่งการย้อนกลับไปใช้แนวเวชปฏิบัติในการรักษาโควิด-19 ฉบับวันที่ 18 เมษายน 2566 นั้น ได้มียาฟ้าทะลายโจรอยู่ในขั้นตอนการรักษาในตารางที่ 2 ระบุในส่วนของยาฟ้าทะลายโจรว่า “เริ่มยาเร็วที่สุดหลังการติดเชื้อ SARS-CoV-2“[2] 2.นอกจากนั้นที่ประชุมจึงได้ขอให้ รศ.นพ. ภิรุญ มุตสิกพันธุ์ นายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย อนุสาขาวิชาโรคติดเชื้อและเวชศาสตร์เขตร้อน ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นผู้คัดสรรคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิชุดใหม่แทนผู้ที่ลาออกไปทั้งหมด ต่อมาในเวลากลางคืน เว็บไซต์ของกรมการแพทย์ ที่เคยเผยแพร่แนวเวชปฏิบัติ ฉบับเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ในลิงค์เดิมเมื่อกดเข้าไปดูก็พบว่า แนวเวชปฏิบัติฉบับนี้ที่ได้ตัดฟ้าทะลายโจรออกตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2567 นั้น ได้มีการขึ้นข้อมูลที่มีการคาดตัวอักษรแดงลงข้อความทุกหน้าเป็นครั้งแรกในรอบ 58 วัน ความว่า “ยกเลิกตามมติที่ประชุมกระทรวงสาธารณสุข Tuesday Morning Meeting (TMM) วันที่ 30 ก.ค.2567 ขอให้ใช้ดูแลรักษา ฉบับวันที่ 18 เมษายน 2566 แทน“ ตามลิงค์ด้านล่างนี้ https://eid.dms.go.th/Content/Select_Eid_Landding_page?contentId=182&bannerId=1 แปลว่านับตั้งแต่เย็นวันที่ 2 สิงหาคม 2567 ฟ้าทะลายโจรได้กลับคืนสู่แนวเวชปฏิบัติสำหรับโรคโควิด-19 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 27 เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2566 ในโรงพยาบาลทั่วประเทศแล้ว หลังจากที่ผู้ป่วยเสียโอกาสในการได้รับยาฟ้าทะลายโจรที่หายไปจากเวชปฏิบัตินานถึง “58 วัน” นับตั้งแต่เช้าวันที่ 3 สิงหาคม 2567 ผู้ป่วยทุกคนสามารถทวงสิทธิของตัวเองในการได้รับยาฟ้าทะลายโจรที่ต้อง “เริ่มยาเร็วที่สุดหลังการติดเชื้อโควิด-19“ ในโอกาสนี้จึงต้องขอขอบคุณนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และนายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงนายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบาย อันเป็นผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ ขอขอบคุณแพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์ ที่แม้จะเป็นผู้ที่ได้ออกประกาศแนวเวชปฏิบัติฉบับวันที่ 5 มิถุนายน 2567 ให้ตัดฟ้าทะลายโจรออกจากทุกขั้นตอนการรักษาโควิด-19 เป็นเวลานานถึง 58 วันภายใต้แรงกดดันรอบด้านก็ตาม แต่ในท้ายที่สุดก็เป็นผู้ที่ยอมแก้ไขเปลี่ยนแนวเวชปฏิบัติคืนฟ้าทะลายโจรให้ผู้ป่วยได้เมื่อคืนนี้ ขอขอบคุณศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก คุณรสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา รวมถึงทีมงานทุกคนใน บริษัท กฎหมายอรุณอัมรินทร์ จำกัด ที่ร่วมประชุม หารือการออกแบบขั้นตอนทางเอกสารและทางกฎหมาย และการให้ความรู้ประชาชนเพื่อนำไปสู่การกดดันทวงคืนฟ้าทะลายโจรจนประสบความสำเร็จในครั้งนี้ อีกทั้งยังต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนและทีมงานวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่ได้ช่วยเตรียมงานและมาให้กำลังใจในการยื่นหนังสือจนบรรลุภารกิจครั้งนี้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังต้องขอขอบคุณนักวิชาการ นักวิจัย รวมถึงข้าราชการในกระทรวงสาธารณสุข“จำนวนมาก” ที่มีจิตใจที่เป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ แม้จะเปิดเผยตัวไม่ได้ แต่ก็คอยให้ข้อมูลข่าวสาร ความรู้และความจริง จนทำให้เกิดความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ทีมงานสนธิทอล์ค ผู้เป็นปากกระบอกเสียงออกแรงที่วิพากษ์วิจารณ์และด่าอย่างหนักในเรื่องนี้แทนพวกเราอย่างต่อเนื่องหลายสัปดาห์ จนสั่นสะเทือนต่อผู้เกี่ยวข้องและมีผลอย่างมีนัยยะสำคัญทำให้เกิดการเปลี่ยนในวันนี้ ยังไม่นับสื่อมวลชนทุกท่านที่ได้นำเสนอข่าว ที่พวกผมได้มายื่นหนังสือการทวงคืนฟ้าทะลายโจรตั้งแต่วันที่ 16 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นมา ความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะยังคงมีสมุนไพรที่เป็นความมั่นคงทางยาในการพึ่งพาตัวเอง ที่จะไม่ยินยอมให้ใครมาทำลายได้โดยง่าย และจะเป็นจุดเริ่มต้นเพื่อทำให้ประเทศไทยได้ตระหนักรู้ ในการรักษาและพัฒนาภูมิปัญญาของชาติเพื่อนำพาประเทศให้รอดพ้นจากการล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจสุขภาพในวันข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน ด้วยจิตคารวะ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 3 สิงหาคม 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1024251249068575/? อ้างอิง [1] กรมการแพทย์, แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สําหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 28, วันที่ 5 มิถุนายน 2567 https://eid.dms.go.th/Content/Select_Eid_Landding_page?contentId=182&bannerId=1 [2]กรมการแพทย์, แนวทางเวชปฏิบัติการวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สําหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข สำหรับแพทย์และบุคลากรสาธารณสุข, ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 27 วันที่ 18 เมษายน 2566 https://covid19.dms.go.th/backend///Content//Content_File/Covid_Health/Attach/25660418150721PM_CPG_COVID-19_v.27_n_18042023.pdf
    Like
    Love
    8
    0 Comments 0 Shares 3389 Views 1 Reviews
  • สวัสดีวันหยุดกับโพสแรกครับทุกคน
    สวัสดีวันหยุดกับโพสแรกครับทุกคน
    0 Comments 0 Shares 192 Views 0 Reviews