Just ordinary middle age crisis guy.....
อัปเดตล่าสุด
- คิดถึงสมัยเกือบสิบกว่าปีแล้วที่ยังทำงานเป็นหัวหน้าแผนกร้านขายของเล่นสัญชาติอเมริกา ที่มีเจ้าของเป็นยิว ตอนนั้นมีครอบครัวชาวอิสราเอลมาถามว่าเขาซื้อบอร์ดเกมมาจากสาขาอื่นต่างประเทศมาหลายเดือนแล้ว อยากจะ refund เพราะไม่ได้เล่นแล้ว เราก็บอกไม่ได้ เพราะคุณใช้งานมาหลายเดือนแล้ว และคุณก็ไม่เหลือหลักฐานอะไรที่บอกว่าซื้อจากเราที่ประเทศไหน เขาตอบกลับมาว่า “แต่พวกฉันคือคนอิสราเอลนะ” ....เล่นเอาผมสตันท์สักพัก และถามเขากลับว่า 🤨 so.....? เขาก็ทำหน้าอึ้งๆที่เราตอบแบบนั้น เพราะเหมือนว่าทำไมไม่ตอบสนองเขานะ อุตส่าห์พูดคำศักสิทธิ์แล้วนะ แล้วเขาก็บอก ok และเดินจากไป....
ผมว่าคนอิสราเอลมีแนวคิด และการสั่งสอนจากรุ่นสู่รุ่นที่ไม่ธรรมดาทีเดียว ทั้งในเรื่องการเจรจาต่อรอง และทัศนคติที่สูงส่งของพวกเขา 🤔
ประเทศที่น่ากลัวในเรื่องเจรจาค้าขายก็คงเป็น อินเดีย สิงค์โปร และอิสราเอล เพราะทุกเรื่องเขาคุยนั้นจะไม่ win/win กับเรา แต่เขาจะต้อง win win/lose หรืออย่างน้อยก็ win win/winคิดถึงสมัยเกือบสิบกว่าปีแล้วที่ยังทำงานเป็นหัวหน้าแผนกร้านขายของเล่นสัญชาติอเมริกา ที่มีเจ้าของเป็นยิว ตอนนั้นมีครอบครัวชาวอิสราเอลมาถามว่าเขาซื้อบอร์ดเกมมาจากสาขาอื่นต่างประเทศมาหลายเดือนแล้ว อยากจะ refund เพราะไม่ได้เล่นแล้ว เราก็บอกไม่ได้ เพราะคุณใช้งานมาหลายเดือนแล้ว และคุณก็ไม่เหลือหลักฐานอะไรที่บอกว่าซื้อจากเราที่ประเทศไหน เขาตอบกลับมาว่า “แต่พวกฉันคือคนอิสราเอลนะ” ....เล่นเอาผมสตันท์สักพัก และถามเขากลับว่า 🤨 so.....? เขาก็ทำหน้าอึ้งๆที่เราตอบแบบนั้น เพราะเหมือนว่าทำไมไม่ตอบสนองเขานะ อุตส่าห์พูดคำศักสิทธิ์แล้วนะ แล้วเขาก็บอก ok และเดินจากไป.... ผมว่าคนอิสราเอลมีแนวคิด และการสั่งสอนจากรุ่นสู่รุ่นที่ไม่ธรรมดาทีเดียว ทั้งในเรื่องการเจรจาต่อรอง และทัศนคติที่สูงส่งของพวกเขา 🤔 ประเทศที่น่ากลัวในเรื่องเจรจาค้าขายก็คงเป็น อินเดีย สิงค์โปร และอิสราเอล เพราะทุกเรื่องเขาคุยนั้นจะไม่ win/win กับเรา แต่เขาจะต้อง win win/lose หรืออย่างน้อยก็ win win/win0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิวกรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อกดถูกใจ แชร์ และแสดงความคิดเห็น! - ประเทศไทยเป็นประเทศที่ผสมผสานทุนทุกกลุ่มเข้าด้วยกันจนไม่รู้ดี หรือไม่ดีนะ แต่โชดดีของสังคมที่สินค้าอย่างเดียวกันมีหลายราคาเพื่อคนทุกชนชั้น ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราไปซื้อ
ดูแปลกตาดีเมื่อเข้ามาในห้างเจอกาแฟ หรือชานมแก้วละ 150 แต่พอข้ามถนนเข้าไปตลาดฝั่งตรงข้ามก็เจอกาแฟแก้วละ 25
ตั้งแต่เด็กมาจนโต 40 กว่าปี ก็เห็นได้เลยว่าผู้คนมีความคิดดีขึ้น มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น เชื่อเลยว่าถ้านักการเมืองไม่โกงชาติหาเงินเข้าพรรคพวกตัวเอง มีนโยบายให้มีชนชั้นกลางในสังคมให้มากขึ้น และมีความสามัคคีไม่ให้ต่างชาติเข้ามาเซาะบ่อน ประเทศไทยนี้จะโตติดท็อปในเอเซียเลยประเทศไทยเป็นประเทศที่ผสมผสานทุนทุกกลุ่มเข้าด้วยกันจนไม่รู้ดี หรือไม่ดีนะ แต่โชดดีของสังคมที่สินค้าอย่างเดียวกันมีหลายราคาเพื่อคนทุกชนชั้น ขึ้นอยู่กับสถานที่ที่เราไปซื้อ ดูแปลกตาดีเมื่อเข้ามาในห้างเจอกาแฟ หรือชานมแก้วละ 150 แต่พอข้ามถนนเข้าไปตลาดฝั่งตรงข้ามก็เจอกาแฟแก้วละ 25 ตั้งแต่เด็กมาจนโต 40 กว่าปี ก็เห็นได้เลยว่าผู้คนมีความคิดดีขึ้น มีความรับผิดชอบต่อสังคมมากขึ้น เชื่อเลยว่าถ้านักการเมืองไม่โกงชาติหาเงินเข้าพรรคพวกตัวเอง มีนโยบายให้มีชนชั้นกลางในสังคมให้มากขึ้น และมีความสามัคคีไม่ให้ต่างชาติเข้ามาเซาะบ่อน ประเทศไทยนี้จะโตติดท็อปในเอเซียเลย0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว - ทำไมต้องผลักดันกาสิโนให้ถูกกฎหมายทั้งๆที่เด็กก็ยังรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา ผู้ใหญ่ก็ยังรู้ว่าพนันใต้ดินไม่มึทางขึ้นมาบนดิน...
นอกจากผู้ที่ผลักดันอาจจะได้ค่าคอม ค่าหุ้น ส่วนแบ่งบลาๆๆตามที่รู้ๆ ผมคิดว่าอีกหนึ่งผลประโยชน์ one stop service จากกาสิโนถูกกฏหมายที่ได้กันทุกฝ่ายถ้วนหน้าคือการนำเงินเทา เงินดำ เงินจากพนันออนไลน์ จากค้ายา จากส่วย จากทุจริตโครงการต่างๆ มาฟอกสบายๆ ใกล้ๆ ไม่ต้องบินไปไหนไกล เป็นไปได้ไหม? 🤔🤔😏ทำไมต้องผลักดันกาสิโนให้ถูกกฎหมายทั้งๆที่เด็กก็ยังรู้ว่าไม่มีประโยชน์อะไรกับเขา ผู้ใหญ่ก็ยังรู้ว่าพนันใต้ดินไม่มึทางขึ้นมาบนดิน... นอกจากผู้ที่ผลักดันอาจจะได้ค่าคอม ค่าหุ้น ส่วนแบ่งบลาๆๆตามที่รู้ๆ ผมคิดว่าอีกหนึ่งผลประโยชน์ one stop service จากกาสิโนถูกกฏหมายที่ได้กันทุกฝ่ายถ้วนหน้าคือการนำเงินเทา เงินดำ เงินจากพนันออนไลน์ จากค้ายา จากส่วย จากทุจริตโครงการต่างๆ มาฟอกสบายๆ ใกล้ๆ ไม่ต้องบินไปไหนไกล เป็นไปได้ไหม? 🤔🤔😏 - ว่าด้วยเรื่องการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา...
ถ้าได้มีลูกน้องในหลายๆระดับก็จะมีทั้งความสนุก มันส์ ฮา ความเออ ออ ความทุกข์ที่ลูกน้องเราก่อ หรือความเอากลับมาคิดหลังเราตำหนิเขา ว่าแรงไปไหม เขาจะคิดได้ไหม เขาจะมองว่ายังงัย บลาๆๆ
มีหลายหลายตำราที่ได้ฟังได้อ่านมาในเรื่องการวิเคราะห์ดูลูกน้อง และให้งานแต่ละคนตามความเหมาะสม จากที่เจอมากับการปกครองลูกน้องร้อยกว่าชีวิตตั้งแต่ระดับต้นๆยันระดับจัดการก็จะมี....
1. ขยัน แต่ไม่ฉลาด เติบโตมาจากความขยัน มาแต่เช้าตรู่ แม้จะทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง แต่ก็ไม่เคยขาด ลา มาสาย ข้อเสียคือมักจะตัดสินใจผิดเสมอ ไปจนถึงสถานการณ์จริงแก้ปัญหาไม่ได้ เน้นใช้งานลูกน้องเป็นหลัก (แม้แต่งานตัวเอง) กลุ่มนี้ต้องมอบหมายงานที่เป็นประจำๆเป็นหลัก หลีกเลี่ยงงานที่ต้องให้วิเคราะห์ ตัดสินใจ หรือโปรเจ็กใหม่ๆ
2. ฉลาด แต่ขี้เกียจ กลุ่มนี้นี่แค่เกริ่นคร่าวๆให้ฟัง ก็คิดต่อ คิดตามได้เลย พวกเขาจะประยุกต์ และคิดวิธีใหม่ๆได้เสมอ และมักที่จะ get the job done แต่ข้อเสียคือ ไม่ค่อยเล่นเป็นทีม (ต่อให้เป็นระดับหัวหน้าทีมเล้วตาม ก็จะมองที่งานของตัวเองให้รอดก่อน) ขี้เกียจ ขี้เบื่อ ลาบ่อย ถ้าเบื่อมากๆก็จะหรอยไปโน่นนี่นั่น รวมไปถึงมีทัศนคติที่สูง ถ้าจะให้เขาเคารพคุณแบบหัวหน้า คุณก็ต้องพิสูจน์ฝีมือให้เขาดูก่อน ปกป้องสิทธิของตัวเองเป็นหลักก่อนเสมอ กลุ่มนี้จะต้องมอบงานที่ท้าทาย หรือไม่เคยทำมาก่อนในแผนก ไม่ต้องจูงมือให้เขาทำ หรือให้เขาเดินตามทางเรา เขาจะหาทางทำ และไปถึงจุดหมายด้วยตัวเอง แต่พองานเสร็จแล้วคุณจำเป็นต้องมานั่งคุยกับเขาด้วย ว่างานนี้อะไรดีไม่ดี อะไรต้องปรับปรุง เพราะไม่งั้นเขาจะมองว่างานเขาดีเลิศที่หนึ่ง และอย่าไปมอบงานประจำน่าเบื่อๆให้ล่ะ รับรองหรอยไปเดินเล่น หรือนั่งดูซีรีย์ตั้งแต่สามวันแรกแน่นอน
3. กลุ่มน้ำเต็มแก้วที่จมปลักอยู่กับสิ่งตัวเองคิดว่าเป็น achievement กลุ่มนี้จะมีทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ เป็นกลุ่มที่มักจะพูดให้คนอื่นฟังว่าเคยทำอะไรมาก่อน งานเก่าประสบความสำเร็จยังไง เคยผ่านงานลำบากขนาดไหน เคยเข้าประชุมประสานงานกับผู้บริหารหรือเจ้าของมาแล้ว บลาๆๆๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีซะทั้งหมด ผมมองว่ากลุ่มนี้เหมือนเตียวหุย มีฝีมือ แต่ประมาท และไม่ค่อยชอบเรียนรู้เพิ่ม สกิลหลักของกลุ่มนี้คือการพูด การเข้าหา และการพรีเซนต์ ถ้าคุณใช้เขาให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกสถานการณ์ เขาจะช่วยประหยัดเวลาคุณในการที่ต้องเข้าไปประชุม หรือจัดการด้วยตัวเองเยอะ แต่ข้อเสียกลุ่มนี้คือ ไม่ชอบ หรือไม่ถนัดการทำ full report หรือ analysis report เลย และอย่าไปยัดเยียดอะไรใหม่ๆให้เขาเรียนรู้ เพราะเขาจะมองว่าสกิลเขามีเพียงพอแล้ว
4. กลุ่มเพชรในตม คนที่เรามองข้าม อาจจะด้วยความที่เขาเป็นระดับเล็ก ไม่มีโอกาสได้คุยกับเรามากนัก หรือเรามองเลยไป กลุ่มนี้มี potential สูง หรือมี skill ที่ดี แต่อาจไม่ไดโอกาสในการแสดง ซึ่งถ้าขัดเกลา หรือเพิ่มการเรียนรู้ให้เขา เขาจะเป็นหัวหน้าที่ดีในอนาคตเลย การที่เราหยุดคุยกับลูกน้องเราสัก 2-3 นาที และให้ระดับหัวหน้า หรือผู้จัดการ พูดคุยถึงลูกน้องตัวเองก็ทำให้เราได้เพชรในตมเหมือนกันนะครับ
ขยันและฉลาด หายากมาก
โง่และขี้เกียจ มีนะแต่ไม่ค่อยปล่อยให้อยู่นาน
น้ำไม่เต็มแก้ว พูดเก่ง มี achievement ไม่ค่อยเจอ ถ้าเจอมักจะเป็นเพชรในตม เพราะมีความถ่อมตนมากกว่า
วันนี้นึกออกแค่นี้แหละ ขอบคุณครับว่าด้วยเรื่องการดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา... ถ้าได้มีลูกน้องในหลายๆระดับก็จะมีทั้งความสนุก มันส์ ฮา ความเออ ออ ความทุกข์ที่ลูกน้องเราก่อ หรือความเอากลับมาคิดหลังเราตำหนิเขา ว่าแรงไปไหม เขาจะคิดได้ไหม เขาจะมองว่ายังงัย บลาๆๆ มีหลายหลายตำราที่ได้ฟังได้อ่านมาในเรื่องการวิเคราะห์ดูลูกน้อง และให้งานแต่ละคนตามความเหมาะสม จากที่เจอมากับการปกครองลูกน้องร้อยกว่าชีวิตตั้งแต่ระดับต้นๆยันระดับจัดการก็จะมี.... 1. ขยัน แต่ไม่ฉลาด เติบโตมาจากความขยัน มาแต่เช้าตรู่ แม้จะทำงานบ้างไม่ทำงานบ้าง แต่ก็ไม่เคยขาด ลา มาสาย ข้อเสียคือมักจะตัดสินใจผิดเสมอ ไปจนถึงสถานการณ์จริงแก้ปัญหาไม่ได้ เน้นใช้งานลูกน้องเป็นหลัก (แม้แต่งานตัวเอง) กลุ่มนี้ต้องมอบหมายงานที่เป็นประจำๆเป็นหลัก หลีกเลี่ยงงานที่ต้องให้วิเคราะห์ ตัดสินใจ หรือโปรเจ็กใหม่ๆ 2. ฉลาด แต่ขี้เกียจ กลุ่มนี้นี่แค่เกริ่นคร่าวๆให้ฟัง ก็คิดต่อ คิดตามได้เลย พวกเขาจะประยุกต์ และคิดวิธีใหม่ๆได้เสมอ และมักที่จะ get the job done แต่ข้อเสียคือ ไม่ค่อยเล่นเป็นทีม (ต่อให้เป็นระดับหัวหน้าทีมเล้วตาม ก็จะมองที่งานของตัวเองให้รอดก่อน) ขี้เกียจ ขี้เบื่อ ลาบ่อย ถ้าเบื่อมากๆก็จะหรอยไปโน่นนี่นั่น รวมไปถึงมีทัศนคติที่สูง ถ้าจะให้เขาเคารพคุณแบบหัวหน้า คุณก็ต้องพิสูจน์ฝีมือให้เขาดูก่อน ปกป้องสิทธิของตัวเองเป็นหลักก่อนเสมอ กลุ่มนี้จะต้องมอบงานที่ท้าทาย หรือไม่เคยทำมาก่อนในแผนก ไม่ต้องจูงมือให้เขาทำ หรือให้เขาเดินตามทางเรา เขาจะหาทางทำ และไปถึงจุดหมายด้วยตัวเอง แต่พองานเสร็จแล้วคุณจำเป็นต้องมานั่งคุยกับเขาด้วย ว่างานนี้อะไรดีไม่ดี อะไรต้องปรับปรุง เพราะไม่งั้นเขาจะมองว่างานเขาดีเลิศที่หนึ่ง และอย่าไปมอบงานประจำน่าเบื่อๆให้ล่ะ รับรองหรอยไปเดินเล่น หรือนั่งดูซีรีย์ตั้งแต่สามวันแรกแน่นอน 3. กลุ่มน้ำเต็มแก้วที่จมปลักอยู่กับสิ่งตัวเองคิดว่าเป็น achievement กลุ่มนี้จะมีทั้งเด็ก และผู้ใหญ่ เป็นกลุ่มที่มักจะพูดให้คนอื่นฟังว่าเคยทำอะไรมาก่อน งานเก่าประสบความสำเร็จยังไง เคยผ่านงานลำบากขนาดไหน เคยเข้าประชุมประสานงานกับผู้บริหารหรือเจ้าของมาแล้ว บลาๆๆๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีซะทั้งหมด ผมมองว่ากลุ่มนี้เหมือนเตียวหุย มีฝีมือ แต่ประมาท และไม่ค่อยชอบเรียนรู้เพิ่ม สกิลหลักของกลุ่มนี้คือการพูด การเข้าหา และการพรีเซนต์ ถ้าคุณใช้เขาให้ถูกที่ ถูกเวลา ถูกสถานการณ์ เขาจะช่วยประหยัดเวลาคุณในการที่ต้องเข้าไปประชุม หรือจัดการด้วยตัวเองเยอะ แต่ข้อเสียกลุ่มนี้คือ ไม่ชอบ หรือไม่ถนัดการทำ full report หรือ analysis report เลย และอย่าไปยัดเยียดอะไรใหม่ๆให้เขาเรียนรู้ เพราะเขาจะมองว่าสกิลเขามีเพียงพอแล้ว 4. กลุ่มเพชรในตม คนที่เรามองข้าม อาจจะด้วยความที่เขาเป็นระดับเล็ก ไม่มีโอกาสได้คุยกับเรามากนัก หรือเรามองเลยไป กลุ่มนี้มี potential สูง หรือมี skill ที่ดี แต่อาจไม่ไดโอกาสในการแสดง ซึ่งถ้าขัดเกลา หรือเพิ่มการเรียนรู้ให้เขา เขาจะเป็นหัวหน้าที่ดีในอนาคตเลย การที่เราหยุดคุยกับลูกน้องเราสัก 2-3 นาที และให้ระดับหัวหน้า หรือผู้จัดการ พูดคุยถึงลูกน้องตัวเองก็ทำให้เราได้เพชรในตมเหมือนกันนะครับ ขยันและฉลาด หายากมาก โง่และขี้เกียจ มีนะแต่ไม่ค่อยปล่อยให้อยู่นาน น้ำไม่เต็มแก้ว พูดเก่ง มี achievement ไม่ค่อยเจอ ถ้าเจอมักจะเป็นเพชรในตม เพราะมีความถ่อมตนมากกว่า วันนี้นึกออกแค่นี้แหละ ขอบคุณครับ - สถานการณ์โลกที่ดู ฟัง อ่าน หลายๆที่มาสักระยะนึง สรุปในสิ่งที่จะเกิดในไม่กี่ปี ข้างหน้า
> สงครามโลกครั้งที่ 3 เกิด เพื่อรีเซ็ตระบบเก่าทั้งการเงิน และการปกครองให้เข้าไปสู่ New world order
> ระบบการเงินกำลังจะรีเซ็ตใหม่อีกครั้ง โดยตัวกระตุ้นหลักคือดอล์ล่าสหรัฐ
> Smart city, one government และ Digital currency (ที่ไม่ใช่คริปโต) เป็นส่วนหนึ่งของ New world order.
> ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะ ผู้ชนะที่แท้จริงคือผู้ที่อยู่เบื้อง ทั้งวางทิศทางโลก และหนุนทั้งสองฝ่าย และควบคุมให้เป็นไปตามบทที่ต้องการ
> เช่นกันที่คนกลุ่มนี้ก็จะทุบ และช้อนเอาสิ่งที่อยากได้ (ครอบครอง แต่ไม่ควบคุม)
> ผู้คนจะยอมรับระบบใหม่ก็ต่อเมื่อระบบเก่าล่มสลาย
ส่วนตัวคิดว่า...
> ระบบการเงินใหม่น่าจะเริ่มต้นหลังสงครามจบ
> เตรียมหาโอกาสหลังระบบโลกรีเซ็ตแล้ว
> ที่ดิน และทอง ก็ยังเป็นอะไรที่ยั่งยืน ในการแปรเปลี่ยนเป็นอบ่างอื่นหลังโลกถูกรีเซ็จ
> อย่าเล่นบอนระยะยาว และพันธบัตรของสหรัฐ เพราะธนาคารใหญ่ไม่น่าปล่อยกู้ให้แล้ว
> ถ้าแยกออกว่าใครคือผู้ปกครอง และใครคือผู้ครอบครอง และควบคุมจะเข้าใจป่าทั้งป่า
> ระวังเงินเฟ้อ
> Smart city จะเกิดกับประเทศที่ประชาชนยอมให้รัฐควบคุมสิทธิเสรีภาพ หรือระบบต่างๆในระดับนึง เหมือนสิงคโปร์ หรือจีน (ไทยน่าจะเกิดยาก555)สถานการณ์โลกที่ดู ฟัง อ่าน หลายๆที่มาสักระยะนึง สรุปในสิ่งที่จะเกิดในไม่กี่ปี ข้างหน้า > สงครามโลกครั้งที่ 3 เกิด เพื่อรีเซ็ตระบบเก่าทั้งการเงิน และการปกครองให้เข้าไปสู่ New world order > ระบบการเงินกำลังจะรีเซ็ตใหม่อีกครั้ง โดยตัวกระตุ้นหลักคือดอล์ล่าสหรัฐ > Smart city, one government และ Digital currency (ที่ไม่ใช่คริปโต) เป็นส่วนหนึ่งของ New world order. > ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะ ผู้ชนะที่แท้จริงคือผู้ที่อยู่เบื้อง ทั้งวางทิศทางโลก และหนุนทั้งสองฝ่าย และควบคุมให้เป็นไปตามบทที่ต้องการ > เช่นกันที่คนกลุ่มนี้ก็จะทุบ และช้อนเอาสิ่งที่อยากได้ (ครอบครอง แต่ไม่ควบคุม) > ผู้คนจะยอมรับระบบใหม่ก็ต่อเมื่อระบบเก่าล่มสลาย ส่วนตัวคิดว่า... > ระบบการเงินใหม่น่าจะเริ่มต้นหลังสงครามจบ > เตรียมหาโอกาสหลังระบบโลกรีเซ็ตแล้ว > ที่ดิน และทอง ก็ยังเป็นอะไรที่ยั่งยืน ในการแปรเปลี่ยนเป็นอบ่างอื่นหลังโลกถูกรีเซ็จ > อย่าเล่นบอนระยะยาว และพันธบัตรของสหรัฐ เพราะธนาคารใหญ่ไม่น่าปล่อยกู้ให้แล้ว > ถ้าแยกออกว่าใครคือผู้ปกครอง และใครคือผู้ครอบครอง และควบคุมจะเข้าใจป่าทั้งป่า > ระวังเงินเฟ้อ > Smart city จะเกิดกับประเทศที่ประชาชนยอมให้รัฐควบคุมสิทธิเสรีภาพ หรือระบบต่างๆในระดับนึง เหมือนสิงคโปร์ หรือจีน (ไทยน่าจะเกิดยาก555) - ไม่มีเพื่อนในนี้โฟสรูปตัวเองได้รัวๆๆ😎ไม่มีเพื่อนในนี้โฟสรูปตัวเองได้รัวๆๆ😎0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
- 0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
เรื่องราวเพิ่มเติม