• ✨ บรรลุความเปล่งประกายเยาว์วัยด้วย Atomy Pomegranate Jelly ✨

    เก็บเกี่ยวจากเมืองอันตัลยา ประเทศตุรกี ทุกแพ็คของเจลลี่ทับทิมของเรามีกรดเอลลาจิกมากกว่าน้ำทับทิมถึง 26 เท่า ผ่านกระบวนการพิเศษ 30 ขั้นตอน ผลลัพธ์ที่ได้คือประโยชน์ที่พิสูจน์แล้วสำหรับผิวพรรณและสุขภาพ:

    💦 การเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว

    เพิ่มความชุ่มชื้นของผิวขึ้น 13.03%

    ลดการสูญเสียความชุ่มชื้นลง 11.05%

    ลดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วลง 6.12% เพื่อความเปล่งปลั่งตามธรรมชาติ


    🌿 การสนับสนุนสำหรับวัยหมดประจำเดือน สูตรของเราช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและความสบายตัว โดยมีการปรับปรุง 60% ใน Kupperman Index และ 61% ใน Menopause Rating Scale

    ด้วย Atomy Pomegranate Jelly คุณจะได้สัมผัสผิวสุขภาพดีและความสมดุลของสุขภาพทุกวัน 💖

    คุณภาพที่เหนือชั้น 💙 ราคาที่เหนือชั้น

    ผลิตภัณฑ์ที่มีคะแนน (PV) 😉 PV = 💰💰💰 เปลี่ยนรายจ่ายประจำวันเป็นรายได้! เป็นผู้บริโภคที่ฉลาด! Atomy ไม่ใช่แค่การขาย แต่เป็นการแบ่งปัน ผลประโยชน์, กลายเป็นผู้บริโภคที่ฉลาด! สมัครสมาชิกฟรีเพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ทั่วโลกของ Atomy!

    Atomy บริษัทที่คุณสามารถไว้วางใจ! 😃
    ✨ บรรลุความเปล่งประกายเยาว์วัยด้วย Atomy Pomegranate Jelly ✨ เก็บเกี่ยวจากเมืองอันตัลยา ประเทศตุรกี ทุกแพ็คของเจลลี่ทับทิมของเรามีกรดเอลลาจิกมากกว่าน้ำทับทิมถึง 26 เท่า ผ่านกระบวนการพิเศษ 30 ขั้นตอน ผลลัพธ์ที่ได้คือประโยชน์ที่พิสูจน์แล้วสำหรับผิวพรรณและสุขภาพ: 💦 การเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เพิ่มความชุ่มชื้นของผิวขึ้น 13.03% ลดการสูญเสียความชุ่มชื้นลง 11.05% ลดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วลง 6.12% เพื่อความเปล่งปลั่งตามธรรมชาติ 🌿 การสนับสนุนสำหรับวัยหมดประจำเดือน สูตรของเราช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนและความสบายตัว โดยมีการปรับปรุง 60% ใน Kupperman Index และ 61% ใน Menopause Rating Scale ด้วย Atomy Pomegranate Jelly คุณจะได้สัมผัสผิวสุขภาพดีและความสมดุลของสุขภาพทุกวัน 💖 คุณภาพที่เหนือชั้น 💙 ราคาที่เหนือชั้น ผลิตภัณฑ์ที่มีคะแนน (PV) 😉 PV = 💰💰💰 เปลี่ยนรายจ่ายประจำวันเป็นรายได้! เป็นผู้บริโภคที่ฉลาด! Atomy ไม่ใช่แค่การขาย แต่เป็นการแบ่งปัน ผลประโยชน์, กลายเป็นผู้บริโภคที่ฉลาด! สมัครสมาชิกฟรีเพื่อเข้าถึงแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ทั่วโลกของ Atomy! Atomy บริษัทที่คุณสามารถไว้วางใจ! 😃
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 11/3/68

    ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน

    { กินอาหารไม่เป็น อายุลดลง }

    ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน

    การเลือกอาหารของคุณไม่เพียงแค่มีผลต่อสุขภาพปัจจุบันของคุณ แต่ยังมีผลต่ออายุขัยในอนาคตด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อกินอาหาร 6 อย่างนี้

    เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องว่า "โรคมาจากปาก" เพราะการเลือกอาหารของแต่ละคนไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อรสชาติและให้พลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัยของคุณด้วย อาหารที่ดีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว ในขณะที่การมีนิสัยการกินที่ไม่ดีจะมีผลในทางตรงกันข้าม

    การวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก พบว่าอาหารบางประเภท "กิน" ชีวิตคุณได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบ ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์ หัวหน้าผู้วิจัยกล่าวว่าอาหารที่อยู่ในอันดับต้นๆ ได้แก่ อาหารแปรรูปขั้นสูง (UFOs) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็ง 34 ชนิด รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ

    1.ไส้กรอก: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิตออกไป 36 นาที ไส้กรอกอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาหารที่ทำให้ชีวิตสั้นลง ดร. ดาริน เดตไวเลอร์ (มหาวิทยาลัยมิชิแกน) อธิบายว่าเป็นเพราะเนื้อสัตว์แปรรูปประเภทนี้มีไขมัน ไนไตรต์และไนเตรตจำนวนมาก พร้อมทั้งอาจมีสารแต่งรสและสารกันบูด เมื่อกินมากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และเบาหวาน การแปรรูปมักใช้ไขมันและน้ำมันจำนวนมาก โดยการใช้ความร้อนสูงอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งบางประเภท

    2.แซนด์วิชเช้า: ลดอายุขัย 13 นาทีต่อมื้อ แซนด์วิชเช้าพร้อมทานอาจสะดวก แต่ถ้ากินเป็นประจำไม่ดีต่อสุขภาพ ขนมปังขาวเป็นแป้งที่ผ่านการขัดสี - ขนมปังที่ผลิตในปริมาณมากซึ่งมีแคลอรีที่ว่างเปล่าและสารเติมแต่งที่ไม่ดี สำหรับไข่, เนื้อสัตว์แปรรูป, ชีส และเนยในแซนด์วิชก็ทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวมากเกินไป

    3.น้ำอัดลม: ลดอายุขัย 12 นาทีต่อกระป๋อง ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์เตือนว่าน้ำตาลที่เติมลงไปในเครื่องดื่มเป็น "ศัตรูที่ซ่อนอยู่" ในหลายๆ เครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลมหรือแม้แต่น้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง/ขวด การดื่มน้ำอัดลม 355 มล. จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 24 นาทีจากชีวิต แต่ถ้าคุณดื่มมันเป็นประจำตั้งแต่อายุยังน้อย ก็อาจทำให้ชีวิตสั้นลงเกือบปีภายในอายุ 55 ปี น้ำตาลไม่ได้ทำให้เกิดโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง

    4.ขนมปังชีส: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิต 9 นาที ขนมปังชีสโดยเฉพาะแบบที่ผลิตจำนวนมากและบรรจุหีบห่อไว้จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 9 นาทีจากชีวิตทุกคำที่กัด ขนมปังชิ้นเล็กๆ หนักแค่ 150 กรัม หากขนมปังนั้นมีเนื้อหรือไส้กรอกและเสิร์ฟพร้อมชีส ก็จะยิ่งเพิ่มผลกระทบต่อสุขภาพและอายุขัย

    5.เบคอน: ลดเวลา 6 นาทีต่อการเสิร์ฟ ดร. ดาริน เดตไวเลอร์กล่าวว่าเบคอนมีเกลือและสารกันบูดมาก การบริโภคเบคอนเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ การศึกษานี้พบว่าแค่การกินเบคอน 1 เสิร์ฟ (ประมาณ 15-20 กรัม) ก็สามารถทำให้ลดอายุขัยลง 26 นาที
    cr:sanook.com
    https://www.sanook.com/news/9672670/
    #ฐิติพรก้อนแก้วข้อมูลพลิกชีวิต
    #ฐิติพรก้อนแก้วกินอาหารเป็นไม่ต้องกินยา
    20 ธันวาคม 2567
    #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    11/3/68 ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน { กินอาหารไม่เป็น อายุลดลง } ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน การเลือกอาหารของคุณไม่เพียงแค่มีผลต่อสุขภาพปัจจุบันของคุณ แต่ยังมีผลต่ออายุขัยในอนาคตด้วย ดังนั้น ควรพิจารณาอย่างรอบคอบเมื่อกินอาหาร 6 อย่างนี้ เป็นคำกล่าวที่ถูกต้องว่า "โรคมาจากปาก" เพราะการเลือกอาหารของแต่ละคนไม่เพียงแค่ตอบสนองต่อรสชาติและให้พลังงานเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและอายุขัยของคุณด้วย อาหารที่ดีและการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์จะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีและมีอายุยืนยาว ในขณะที่การมีนิสัยการกินที่ไม่ดีจะมีผลในทางตรงกันข้าม การวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนและมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก พบว่าอาหารบางประเภท "กิน" ชีวิตคุณได้อย่างรวดเร็ว แต่เป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบ ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์ หัวหน้าผู้วิจัยกล่าวว่าอาหารที่อยู่ในอันดับต้นๆ ได้แก่ อาหารแปรรูปขั้นสูง (UFOs) ซึ่งเกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือดและมะเร็ง 34 ชนิด รวมถึงปัญหาสุขภาพอื่นๆ 1.ไส้กรอก: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิตออกไป 36 นาที ไส้กรอกอยู่ในอันดับต้นๆ ของอาหารที่ทำให้ชีวิตสั้นลง ดร. ดาริน เดตไวเลอร์ (มหาวิทยาลัยมิชิแกน) อธิบายว่าเป็นเพราะเนื้อสัตว์แปรรูปประเภทนี้มีไขมัน ไนไตรต์และไนเตรตจำนวนมาก พร้อมทั้งอาจมีสารแต่งรสและสารกันบูด เมื่อกินมากขึ้น ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอ้วน โรคหัวใจ และเบาหวาน การแปรรูปมักใช้ไขมันและน้ำมันจำนวนมาก โดยการใช้ความร้อนสูงอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งบางประเภท 2.แซนด์วิชเช้า: ลดอายุขัย 13 นาทีต่อมื้อ แซนด์วิชเช้าพร้อมทานอาจสะดวก แต่ถ้ากินเป็นประจำไม่ดีต่อสุขภาพ ขนมปังขาวเป็นแป้งที่ผ่านการขัดสี - ขนมปังที่ผลิตในปริมาณมากซึ่งมีแคลอรีที่ว่างเปล่าและสารเติมแต่งที่ไม่ดี สำหรับไข่, เนื้อสัตว์แปรรูป, ชีส และเนยในแซนด์วิชก็ทำให้ได้รับไขมันอิ่มตัวมากเกินไป 3.น้ำอัดลม: ลดอายุขัย 12 นาทีต่อกระป๋อง ดร. โอลิเวียร์ โจลิเยต์เตือนว่าน้ำตาลที่เติมลงไปในเครื่องดื่มเป็น "ศัตรูที่ซ่อนอยู่" ในหลายๆ เครื่องดื่ม เช่น น้ำอัดลมหรือแม้แต่น้ำผลไม้บรรจุกระป๋อง/ขวด การดื่มน้ำอัดลม 355 มล. จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 24 นาทีจากชีวิต แต่ถ้าคุณดื่มมันเป็นประจำตั้งแต่อายุยังน้อย ก็อาจทำให้ชีวิตสั้นลงเกือบปีภายในอายุ 55 ปี น้ำตาลไม่ได้ทำให้เกิดโรคอ้วนเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง 4.ขนมปังชีส: กิน 1 ชิ้นเท่ากับการตัดเวลาในชีวิต 9 นาที ขนมปังชีสโดยเฉพาะแบบที่ผลิตจำนวนมากและบรรจุหีบห่อไว้จะทำให้คุณสูญเสียเวลาไป 9 นาทีจากชีวิตทุกคำที่กัด ขนมปังชิ้นเล็กๆ หนักแค่ 150 กรัม หากขนมปังนั้นมีเนื้อหรือไส้กรอกและเสิร์ฟพร้อมชีส ก็จะยิ่งเพิ่มผลกระทบต่อสุขภาพและอายุขัย 5.เบคอน: ลดเวลา 6 นาทีต่อการเสิร์ฟ ดร. ดาริน เดตไวเลอร์กล่าวว่าเบคอนมีเกลือและสารกันบูดมาก การบริโภคเบคอนเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และมะเร็งลำไส้ใหญ่ การศึกษานี้พบว่าแค่การกินเบคอน 1 เสิร์ฟ (ประมาณ 15-20 กรัม) ก็สามารถทำให้ลดอายุขัยลง 26 นาที cr:sanook.com https://www.sanook.com/news/9672670/ #ฐิติพรก้อนแก้วข้อมูลพลิกชีวิต #ฐิติพรก้อนแก้วกินอาหารเป็นไม่ต้องกินยา 20 ธันวาคม 2567 #เพจสุขภาพและความงามโดยเยาว์
    WWW.SANOOK.COM
    ภัยเงียบจาก "อาหารยอดฮิต" แค่ 1 ชิ้น อายุสั้นลง 36 นาที คนไทยกินแทบทุกวัน
    ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐฯ เตือน "อาหารยอดฮิต" กินแค่ 1 ชิ้น อายุขัยสั้นลง 36 นาที เป็นเมนูโปรดคนไทยที่กินแทบทุกวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้อง Nina Raemont นักเขียนจาก ZDNET ได้ทดสอบการใช้งาน Abbott Lingo เครื่องติดตามระดับน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitor - CGM) ที่มีราคาเพียง $49 ตลอดสองสัปดาห์ โดยแบ่งปันประสบการณ์และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการใช้งานอุปกรณ์นี้

    == ความสำคัญของ CGM และวิธีการทำงาน ==
    Abbott Lingo คือเครื่องติดตามระดับน้ำตาลในเลือดที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน แต่ต้องการติดตามสุขภาพของตนเอง มันสามารถตรวจจับการขึ้นลงของระดับน้ำตาลในเลือดตลอดทั้งวัน ซึ่งต่างจากแอปพลิเคชันติดตามอาหารเช่น MyFitnessPal หรือ LoseIt! ที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับร่างกายของคุณได้โดยตรง

    == ประสบการณ์การใช้งาน Lingo ==
    ในการทดสอบของ Nina เธอใส่อุปกรณ์นี้ที่แขนหลัง ซึ่งต้องใช้เข็มเล็ก ๆ ในการเจาะเข้าที่ผิวหนัง แต่กระบวนการนี้ไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่คิด หลังจากติดตั้งแล้ว CGM จะคำนวณและติดตามระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างแม่นยำ

    Lingo มีฟีเจอร์ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Apple Watch ได้ ทำให้ข้อมูลการออกกำลังกายจาก Apple Health แสดงในแอป Lingo ซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมของการทำงานของระดับน้ำตาลในเลือดในแต่ละวันได้อย่างละเอียด

    == สิ่งที่ต้องการเห็นในการอัปเดตครั้งหน้า ==
    แม้ว่า Lingo จะใช้งานได้ดี แต่แอปยังมีปัญหาการโหลดข้อมูลย้อนหลังที่ทำให้ผู้ใช้ต้องกลับไปที่ข้อมูลล่าสุดอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารที่ผู้ใช้งานบันทึก เช่น การที่บันทึกการกินข้าวขาวและไม่สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับข้าวขาวในแอปได้

    Nina เสนอว่าฟีเจอร์เพิ่มเติมที่มีประโยชน์คือการสรุปอาหารที่ทานในวันก่อนหน้าและให้คำแนะนำว่าควรทานอะไรบ้างเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดียิ่งขึ้น

    Abbott Lingo เป็นอุปกรณ์ที่ดีสำหรับคนที่อยากรู้ว่าการทานอาหารส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร โดยเฉพาะผู้ที่สนใจสุขภาพและการออกกำลังกาย แต่อาจไม่จำเป็นสำหรับคนที่มีสุขภาพดีและการออกกำลังกายอยู่แล้ว

    https://www.zdnet.com/article/i-wore-a-low-cost-otc-continuous-glucose-monitor-for-two-weeks-what-i-learned/
    น้อง Nina Raemont นักเขียนจาก ZDNET ได้ทดสอบการใช้งาน Abbott Lingo เครื่องติดตามระดับน้ำตาลในเลือดแบบต่อเนื่อง (Continuous Glucose Monitor - CGM) ที่มีราคาเพียง $49 ตลอดสองสัปดาห์ โดยแบ่งปันประสบการณ์และสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการใช้งานอุปกรณ์นี้ == ความสำคัญของ CGM และวิธีการทำงาน == Abbott Lingo คือเครื่องติดตามระดับน้ำตาลในเลือดที่ออกแบบมาสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นเบาหวาน แต่ต้องการติดตามสุขภาพของตนเอง มันสามารถตรวจจับการขึ้นลงของระดับน้ำตาลในเลือดตลอดทั้งวัน ซึ่งต่างจากแอปพลิเคชันติดตามอาหารเช่น MyFitnessPal หรือ LoseIt! ที่ไม่สามารถเชื่อมต่อกับร่างกายของคุณได้โดยตรง == ประสบการณ์การใช้งาน Lingo == ในการทดสอบของ Nina เธอใส่อุปกรณ์นี้ที่แขนหลัง ซึ่งต้องใช้เข็มเล็ก ๆ ในการเจาะเข้าที่ผิวหนัง แต่กระบวนการนี้ไม่ได้เจ็บปวดอย่างที่คิด หลังจากติดตั้งแล้ว CGM จะคำนวณและติดตามระดับน้ำตาลในเลือดได้อย่างแม่นยำ Lingo มีฟีเจอร์ที่สามารถเชื่อมต่อกับ Apple Watch ได้ ทำให้ข้อมูลการออกกำลังกายจาก Apple Health แสดงในแอป Lingo ซึ่งช่วยให้เห็นภาพรวมของการทำงานของระดับน้ำตาลในเลือดในแต่ละวันได้อย่างละเอียด == สิ่งที่ต้องการเห็นในการอัปเดตครั้งหน้า == แม้ว่า Lingo จะใช้งานได้ดี แต่แอปยังมีปัญหาการโหลดข้อมูลย้อนหลังที่ทำให้ผู้ใช้ต้องกลับไปที่ข้อมูลล่าสุดอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังไม่มีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัตถุดิบอาหารที่ผู้ใช้งานบันทึก เช่น การที่บันทึกการกินข้าวขาวและไม่สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับข้าวขาวในแอปได้ Nina เสนอว่าฟีเจอร์เพิ่มเติมที่มีประโยชน์คือการสรุปอาหารที่ทานในวันก่อนหน้าและให้คำแนะนำว่าควรทานอะไรบ้างเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดียิ่งขึ้น Abbott Lingo เป็นอุปกรณ์ที่ดีสำหรับคนที่อยากรู้ว่าการทานอาหารส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร โดยเฉพาะผู้ที่สนใจสุขภาพและการออกกำลังกาย แต่อาจไม่จำเป็นสำหรับคนที่มีสุขภาพดีและการออกกำลังกายอยู่แล้ว https://www.zdnet.com/article/i-wore-a-low-cost-otc-continuous-glucose-monitor-for-two-weeks-what-i-learned/
    WWW.ZDNET.COM
    I wore a low-cost, OTC continuous glucose monitor for two weeks - what I learned
    The Abbott Lingo CGM is a different kind of meal tracker, and I recommend it to anyone who's bio-wearable-curious. Here's why.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📣 ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี❓️มันยาวนะ แต่อ่านจบแล้วจะรู้คำตอบ

    👉ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี เป็นข้อความที่ยั่วยุให้คนไทยเปิดอ่านหนังสือชื่อนี้ ซึ่งฟังแปลกหูและแปลกใหม่

    คนญี่ปุ่นก็เป็นเช่นเดียวกันเพราะเป็นหนังสือยอดฮิตในประเทศนั้น โดยมีเนื้อหาปลุกเร้าให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและต่อกระเป๋า

    หนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี” แปลจากภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนคือนายแพทย์โยะชิ โนะริ นะงุโม (Yoshinori Nagumo) ผู้แปลคือคุณพิมพ์รัก สุขสวัสดิ์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น

    ปิยมิตรของผมคนหนึ่งคือ คุณอดิศร ธรรมาพฤทธิ นักธุรกิจใหญ่แนวหน้าของไทยในเรื่องการหล่อโลหะ ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้เป็นร้อยเล่มเพื่อแจกเพื่อนๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังได้เขียนสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้และโพสต์ออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน ผมขอนำเอาสิ่งที่คุณอดิศรเขียนไว้มานำเสนอดังต่อไปนี้

    “ผู้เขียนเป็นนายแพทย์และเป็นผู้อำนวยการใหญ่ในโรงพยาบาลสี่แห่งในญี่ปุ่น เป็นนักเขียนชื่อดังในญี่ปุ่น และเป็นแขกประจำรายการทีวีหลายรายการ เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Anti-Aging Medicine World Congress ผู้เขียนค้นพบวิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานเหลือวันละมื้อ และพบว่าความหิวเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยยีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา

    คุณหมอบอกว่า “...สิ่งที่ผมมุ่งหวังคือการวางแผนสำหรับชีวิตที่มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปี โดยยังมีหน้าท้องที่แบนราบและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนเยาว์ บางคนบอกว่าไม่อยากอายุยืนขนาดนั้น... แต่คนที่พูดแบบนั้นพอถึงคราวเจ็บป่วยก็รีบวิ่งโร่มาหาหมอทุกราย …เมื่อเข้าสู่วัยชรา ทุกวันจะมีแต่ความทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นผลจากการละเลยสุขภาพ.... …ผมว่าต้องเลือกแล้วละว่า จะใช้เวลานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้วทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน หรือจะมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชา รูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนเยาว์จนถึงวาระสุดท้าย แล้วจากไปอย่างสง่างาม…”

    ในบทนำมีการเกริ่นว่าผู้เขียนเริ่มทานอาหารเหลือวันละมื้อเมื่ออายุ 45 ปีเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ ผ่านไปสิบปีเมื่อเขาไปตรวจร่างกายพบว่าอายุหลอดเลือดของเขาเท่ากับคนอายุ 26 ปี

    เขาเล่าว่ามนุษย์ในอดีตไม่ได้มีกินอุดมสมบูรณ์โดยกินสามมื้อเหมือนปัจจุบันนี้ ในอดีตเรากินวันละมื้อก็บุญแล้ว ดังนั้น ร่างกายเราจึงมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง เมื่อเราหิวไม่มีกินเราจะมียีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ออกมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ภายในร่างกาย ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา ซึ่งเจ้า Growth Hormone นี้ทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการเพื่อการอยู่รอด

    ปัญหาก็คือ เมื่อร่างกายอิ่ม กลไกนี้ไม่เกิด เราจึงแก่ไปเรื่อยๆ สรุปง่ายๆ ก็คือ การกินมากไปคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ และที่สำคัญร่างกายเราไม่ได้ถูกออกแบบให้กินอิ่ม เราจึงปรับตัวให้การกินอิ่มได้ไม่ดี ทำให้กระบวนการธรรมชาติของร่างกายเรารวนนั่นเอง

    ในเรื่องการกินวันละมื้อ ผู้เขียนได้แนะนำสิ่งที่เขาทำมาแล้วได้ผล เขาบอกว่าเขาเพลิดเพลินกับการที่ได้ยินเสียงท้องร้องจ๊อกๆ เพราะว่าเขารู้ว่าร่างกายเรากำลังซ่อมแซมและปรับตัวให้เยาว์วัยด้วยกระบวนการที่กล่าวถึงข้างต้น

    ในเชิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เขาอธิบายดังนี้

    (1) ปากทางเข้าลำไส้เล็กจะมีเซนเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่ ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมาเสียที ลำไส้เล็กก็จะรีบหลั่งฮอร์โมนสำหรับย่อยอาหาร โมลิติน (Molitin) ออกมา ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัว เพื่อส่งของกินที่อาจจะตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก เรียกว่า “การบีบตัวเมื่อหิว” และเป็นตัวการที่แท้จริงของอาการท้องร้องจ๊อกๆ

    (2) เมื่อกระเพาะรู้ตัวว่าหิวจะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ออกมา เกรลินจะถูกหลั่งออกมาจากเยื่อบุกระเพาะอาหารซึ่งถูกกระตุ้นเพราะความหิว โดยจะออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ทำให้เกิดความอยากอาหาร ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง ทำให้หลั่ง Growth Hormone ออกมา เจ้า Growth Hormone นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฮอร์โมนที่ทำให้กลับไปเป็น หนุ่มสาว” นั่นหมายความว่าตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ เพราะหิว คุณจะค่อยๆ มีเสน่ห์ขึ้นจากฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว ถึงท้องจะร้องก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร ให้มาลองเพลิดเพลินกับประสิทธิภาพของการกลับเป็นหนุ่มสาวที่ได้จาก Growth Hormone กันสักครู่หนึ่งก่อน

    (3) ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ นั้น ความสามารถในการอยู่รอดอันยอดเยี่ยมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา นั่นก็คือ “ยีนเซอร์ทูอิน” ที่มีสมญาว่า “ยีนต่ออายุขัย” หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ยีนที่ทำให้อายุยืน” กำลังทำงาน จากการทดลองกับสัตว์หลายชนิดพบว่า เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่า ทว่ายีนนี้จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบางประการ นั่นคือ “ความหิว” ตราบใดที่ท้องไม่ร้องจ๊อกเพราะหิว ยีนนี้ก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นการกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ มาทำให้ท้องร้องจ๊อกด้วยการกินอาหารวันละมื้อดีกว่า แล้วยีนเซอร์ทูอินนี้จะช่วยสแกนยีนในร่างกายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งค่อยๆ ฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย กล่าวกันว่าความแก่ชราและโรคมะเร็งก็มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน ดังนั้นเราสามารถทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวและป้องกันโรคมะเร็งด้วยการกินอาหารวันละมื้อ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหิวแล้วอาหารยังตกไม่ถึงท้อง ร่างกายจะนำไขมันที่สะสมไว้ในช่องท้องมาเปลี่ยนเป็นสารอาหาร ทำให้หน้าท้องแบนราบ

    นอกจากการกินวันละมื้อแล้ว ผู้เขียนมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมอีกว่าการนอนที่ดีคือนอนในช่วงร่างกายผลิต Growth Hormone ได้ดีที่สุดนั่นก็คือช่วงเวลาระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง

    หลังอ่านจบผมมีความเห็นส่วนตัวว่าสิ่งที่จะทำคือ

    (1) รอให้ท้องร้องจ๊อกๆ บ่อยๆ เพื่อซ่อมแซมตัวเองและทำให้เยาว์วัยลง และ (2) ทานน้อยลง 60% ของแต่ละมื้อ.......”

    นอกจากที่คุณอดิศรเขียนแล้ว ผมไปค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่าเมื่อตอนคุณหมอ Nagumo มีอายุ 37 ปี เขาหนัก 77 กิโลกรัม และเมื่ออายุ 57 ปี หนัก 62 กิโลกรัม ความดันโลหิตเท่ากับคนอายุ 26 ปี อายุมวลกระดูกเท่ากับคนอายุ 28 ปี และสมองมีอายุเท่ากับคนอายุ 38 ปี จากที่ดูรูปในอินเทอร์เน็ตถึงแม้ขณะนี้คุณหมออายุ 59 ปี แต่หน้าตาเหมือนไม่ถึง 40 ปี ด้วยซ้ำ

    คุณหมอพูดในโทรทัศน์ว่าแค่เริ่มต้นไม่กี่วันก็จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพแล้ว กลิ่นตัวจะหายไป ผิวหนังจะเนียนขึ้น หน้าท้องจะเรียบขึ้น รูปลักษณ์ของคนผอมจะเริ่มปรากฏ และจิตใจคึกคักขึ้นกว่าเก่า

    คุณหมอแนะนำให้ทำติดต่อกัน 52 วัน โดยกินอาหารวันละหนึ่งมื้อคือมื้อกลางวัน ในมื้อนี้อยากกินอะไรก็ตามใจตัวเองได้ หากหิวมากก็อาจเสริมด้วยผลไม้และอาหารเบาๆ ก่อนอาหารเย็น

    การกินอาหารน้อยลงมีประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะมนุษย์เราโดยทั่วไปก็กินกันเกินพอดีอยู่แล้ว การทำตามคำแนะนำของคุณหมอแค่กินอาหารน้อยลง กินหลังจากที่ท้องร้องนานพอควร และหากแถมด้วยการเดินและออกกำลังกายก็ย่อมดีต่อสุขภาพ

    ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ

    ที่มา: คอลัมน์ "อาหารสมอง" | กรุงเทพธุรกิจ | 20 ม.ค. 58

    Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
    📣 ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี❓️มันยาวนะ แต่อ่านจบแล้วจะรู้คำตอบ 👉ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี เป็นข้อความที่ยั่วยุให้คนไทยเปิดอ่านหนังสือชื่อนี้ ซึ่งฟังแปลกหูและแปลกใหม่ คนญี่ปุ่นก็เป็นเช่นเดียวกันเพราะเป็นหนังสือยอดฮิตในประเทศนั้น โดยมีเนื้อหาปลุกเร้าให้เกิดพฤติกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพและต่อกระเป๋า หนังสือ “ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดี” แปลจากภาษาญี่ปุ่น ซึ่งผู้เขียนคือนายแพทย์โยะชิ โนะริ นะงุโม (Yoshinori Nagumo) ผู้แปลคือคุณพิมพ์รัก สุขสวัสดิ์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น ปิยมิตรของผมคนหนึ่งคือ คุณอดิศร ธรรมาพฤทธิ นักธุรกิจใหญ่แนวหน้าของไทยในเรื่องการหล่อโลหะ ได้ซื้อหนังสือเล่มนี้เป็นร้อยเล่มเพื่อแจกเพื่อนๆ และยิ่งไปกว่านั้นยังได้เขียนสรุปเนื้อหาของหนังสือเล่มนี้และโพสต์ออนไลน์เมื่อเร็วๆ นี้เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สาธารณชน ผมขอนำเอาสิ่งที่คุณอดิศรเขียนไว้มานำเสนอดังต่อไปนี้ “ผู้เขียนเป็นนายแพทย์และเป็นผู้อำนวยการใหญ่ในโรงพยาบาลสี่แห่งในญี่ปุ่น เป็นนักเขียนชื่อดังในญี่ปุ่น และเป็นแขกประจำรายการทีวีหลายรายการ เป็นประธานกิตติมศักดิ์ของ Anti-Aging Medicine World Congress ผู้เขียนค้นพบวิธีการลดน้ำหนักด้วยการทานเหลือวันละมื้อ และพบว่าความหิวเป็นกระบวนการที่ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอด้วยยีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา คุณหมอบอกว่า “...สิ่งที่ผมมุ่งหวังคือการวางแผนสำหรับชีวิตที่มีอายุยืนถึงหนึ่งร้อยปี โดยยังมีหน้าท้องที่แบนราบและมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูอ่อนเยาว์ บางคนบอกว่าไม่อยากอายุยืนขนาดนั้น... แต่คนที่พูดแบบนั้นพอถึงคราวเจ็บป่วยก็รีบวิ่งโร่มาหาหมอทุกราย …เมื่อเข้าสู่วัยชรา ทุกวันจะมีแต่ความทุกข์ทรมาน ซึ่งเป็นผลจากการละเลยสุขภาพ.... …ผมว่าต้องเลือกแล้วละว่า จะใช้เวลานอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลแล้วทำให้คนรอบข้างเดือดร้อน หรือจะมีสุขภาพดีร่างกายแข็งแรง มีกำลังวังชา รูปลักษณ์ภายนอกดูอ่อนเยาว์จนถึงวาระสุดท้าย แล้วจากไปอย่างสง่างาม…” ในบทนำมีการเกริ่นว่าผู้เขียนเริ่มทานอาหารเหลือวันละมื้อเมื่ออายุ 45 ปีเพราะปัญหาเรื่องสุขภาพ ผ่านไปสิบปีเมื่อเขาไปตรวจร่างกายพบว่าอายุหลอดเลือดของเขาเท่ากับคนอายุ 26 ปี เขาเล่าว่ามนุษย์ในอดีตไม่ได้มีกินอุดมสมบูรณ์โดยกินสามมื้อเหมือนปัจจุบันนี้ ในอดีตเรากินวันละมื้อก็บุญแล้ว ดังนั้น ร่างกายเราจึงมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง เมื่อเราหิวไม่มีกินเราจะมียีนที่ชื่อ เซอร์ทูอิน (Sirtuin) ออกมาซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอต่างๆ ภายในร่างกาย ในขณะเดียวกันร่างกายก็จะผลิต Growth Hormone ออกมา ซึ่งเจ้า Growth Hormone นี้ทำให้เรากลับเป็นหนุ่มสาวมากขึ้น ซึ่งเป็นกระบวนการเพื่อการอยู่รอด ปัญหาก็คือ เมื่อร่างกายอิ่ม กลไกนี้ไม่เกิด เราจึงแก่ไปเรื่อยๆ สรุปง่ายๆ ก็คือ การกินมากไปคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภัยต่างๆ และที่สำคัญร่างกายเราไม่ได้ถูกออกแบบให้กินอิ่ม เราจึงปรับตัวให้การกินอิ่มได้ไม่ดี ทำให้กระบวนการธรรมชาติของร่างกายเรารวนนั่นเอง ในเรื่องการกินวันละมื้อ ผู้เขียนได้แนะนำสิ่งที่เขาทำมาแล้วได้ผล เขาบอกว่าเขาเพลิดเพลินกับการที่ได้ยินเสียงท้องร้องจ๊อกๆ เพราะว่าเขารู้ว่าร่างกายเรากำลังซ่อมแซมและปรับตัวให้เยาว์วัยด้วยกระบวนการที่กล่าวถึงข้างต้น ในเชิงหลักการทางวิทยาศาสตร์เขาอธิบายดังนี้ (1) ปากทางเข้าลำไส้เล็กจะมีเซนเซอร์เตรียมรอรับของกินอยู่ ถ้าไม่มีอาหารไหลลงมาเสียที ลำไส้เล็กก็จะรีบหลั่งฮอร์โมนสำหรับย่อยอาหาร โมลิติน (Molitin) ออกมา ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัว เพื่อส่งของกินที่อาจจะตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหารเข้าไปในลำไส้เล็ก เรียกว่า “การบีบตัวเมื่อหิว” และเป็นตัวการที่แท้จริงของอาการท้องร้องจ๊อกๆ (2) เมื่อกระเพาะรู้ตัวว่าหิวจะหลั่งฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ออกมา เกรลินจะถูกหลั่งออกมาจากเยื่อบุกระเพาะอาหารซึ่งถูกกระตุ้นเพราะความหิว โดยจะออกฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ทำให้เกิดความอยากอาหาร ขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่ต่อมใต้สมอง ทำให้หลั่ง Growth Hormone ออกมา เจ้า Growth Hormone นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ฮอร์โมนที่ทำให้กลับไปเป็น หนุ่มสาว” นั่นหมายความว่าตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ เพราะหิว คุณจะค่อยๆ มีเสน่ห์ขึ้นจากฮอร์โมนที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาว ถึงท้องจะร้องก็อย่าเพิ่งรีบกินอาหาร ให้มาลองเพลิดเพลินกับประสิทธิภาพของการกลับเป็นหนุ่มสาวที่ได้จาก Growth Hormone กันสักครู่หนึ่งก่อน (3) ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆ นั้น ความสามารถในการอยู่รอดอันยอดเยี่ยมกำลังพลุ่งพล่านขึ้นมา นั่นก็คือ “ยีนเซอร์ทูอิน” ที่มีสมญาว่า “ยีนต่ออายุขัย” หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ยีนที่ทำให้อายุยืน” กำลังทำงาน จากการทดลองกับสัตว์หลายชนิดพบว่า เมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่า ทว่ายีนนี้จะมีประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบางประการ นั่นคือ “ความหิว” ตราบใดที่ท้องไม่ร้องจ๊อกเพราะหิว ยีนนี้ก็จะไม่ทำงาน ดังนั้นการกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมายถึงการมีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ มาทำให้ท้องร้องจ๊อกด้วยการกินอาหารวันละมื้อดีกว่า แล้วยีนเซอร์ทูอินนี้จะช่วยสแกนยีนในร่างกายอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งค่อยๆ ฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย กล่าวกันว่าความแก่ชราและโรคมะเร็งก็มีสาเหตุมาจากความผิดปกติของยีน ดังนั้นเราสามารถทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวและป้องกันโรคมะเร็งด้วยการกินอาหารวันละมื้อ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อหิวแล้วอาหารยังตกไม่ถึงท้อง ร่างกายจะนำไขมันที่สะสมไว้ในช่องท้องมาเปลี่ยนเป็นสารอาหาร ทำให้หน้าท้องแบนราบ นอกจากการกินวันละมื้อแล้ว ผู้เขียนมีข้อมูลใหม่เพิ่มเติมอีกว่าการนอนที่ดีคือนอนในช่วงร่างกายผลิต Growth Hormone ได้ดีที่สุดนั่นก็คือช่วงเวลาระหว่างสี่ทุ่มถึงตีสอง หลังอ่านจบผมมีความเห็นส่วนตัวว่าสิ่งที่จะทำคือ (1) รอให้ท้องร้องจ๊อกๆ บ่อยๆ เพื่อซ่อมแซมตัวเองและทำให้เยาว์วัยลง และ (2) ทานน้อยลง 60% ของแต่ละมื้อ.......” นอกจากที่คุณอดิศรเขียนแล้ว ผมไปค้นคว้าเพิ่มเติมและพบว่าเมื่อตอนคุณหมอ Nagumo มีอายุ 37 ปี เขาหนัก 77 กิโลกรัม และเมื่ออายุ 57 ปี หนัก 62 กิโลกรัม ความดันโลหิตเท่ากับคนอายุ 26 ปี อายุมวลกระดูกเท่ากับคนอายุ 28 ปี และสมองมีอายุเท่ากับคนอายุ 38 ปี จากที่ดูรูปในอินเทอร์เน็ตถึงแม้ขณะนี้คุณหมออายุ 59 ปี แต่หน้าตาเหมือนไม่ถึง 40 ปี ด้วยซ้ำ คุณหมอพูดในโทรทัศน์ว่าแค่เริ่มต้นไม่กี่วันก็จะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสุขภาพแล้ว กลิ่นตัวจะหายไป ผิวหนังจะเนียนขึ้น หน้าท้องจะเรียบขึ้น รูปลักษณ์ของคนผอมจะเริ่มปรากฏ และจิตใจคึกคักขึ้นกว่าเก่า คุณหมอแนะนำให้ทำติดต่อกัน 52 วัน โดยกินอาหารวันละหนึ่งมื้อคือมื้อกลางวัน ในมื้อนี้อยากกินอะไรก็ตามใจตัวเองได้ หากหิวมากก็อาจเสริมด้วยผลไม้และอาหารเบาๆ ก่อนอาหารเย็น การกินอาหารน้อยลงมีประโยชน์อย่างแน่นอนเพราะมนุษย์เราโดยทั่วไปก็กินกันเกินพอดีอยู่แล้ว การทำตามคำแนะนำของคุณหมอแค่กินอาหารน้อยลง กินหลังจากที่ท้องร้องนานพอควร และหากแถมด้วยการเดินและออกกำลังกายก็ย่อมดีต่อสุขภาพ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ที่มา: คอลัมน์ "อาหารสมอง" | กรุงเทพธุรกิจ | 20 ม.ค. 58 Cr.FB: โต๊ะป้าศรี CH Table
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/3/68

    กินวิถีญี่ปุ่น 3 อาหาร "ต้านมะเร็ง" แถมยืดอายุยืน ไทยมีครบทุกอย่าง และราคาถูกกว่าด้วย!

    จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยของชาวญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 84.3 ปี ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากระบบการแพทย์ที่ทันสมัย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ต่ยังรวมถึงการรับประทานอาหารที่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง

    ในขณะเดียวกัน การศึกษาหลายชิ้นพบว่า มะเร็งเป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการรับประทานอาหาร ตามข้อมูลจากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (AICR) ระบุว่า ประมาณ 30–50% ของเคสมะเร็ง สามารถป้องกันได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีสุขภาพดีขึ้น แล้วคนญี่ปุ่นมักกินอะไร เพื่อปกป้องสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง?

    3 เมนูต้านมะเร็ง ที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ อุดมไปด้วยสารอาหาร!

    1.กระเทียม: ยารักษามะเร็งจากธรรมชาติ
    คนญี่ปุ่นมักใส่กระเทียมเข้าไปในอาหารประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการปรุงซุป ผัดผัก ไปจนถึงการทำน้ำจิ้ม ขณะเดียวกัน กระเทียมนั้นเป็นหนึ่งในอาหารต้านมะเร็งชั้นนำที่คนญี่ปุ่นบริโภคทุกวัน

    ตามการวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) กระเทียมมีสารออร์แกโนซัลเฟอร์ ซึ่งสามารถกระตุ้นเอนไซม์กำจัดสารพิษในตับได้ จึงช่วยกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกายได้

    นอกจากนี้ กระเทียมยังยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากไนไตรต์ที่พบในอาหารแปรรูปอีกด้วย และยังมีอัลลิซิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยทำลายเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition แสดงให้เห็นว่าผู้ที่บริโภคกระเทียมเป็นประจำ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง 30–50% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานกระเทียม

    2.ชาเขียว: เคล็ดลับอายุยืนของคนญี่ปุ่น
    ในญี่ปุ่น ชาเขียวไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังถูกมองว่าเป็นยาสำหรับการปกป้องสุขภาพด้วย ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Cancer Epidemiology, Biomarkers & Prevention ผู้ที่ดื่มชาเขียว 5 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้น มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ดื่มน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ

    ชาเขียวมีสารคาเทชินและอีจีซีจี (Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง
    โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก
    มะเร็งปอด
    และมะเร็งกระเพาะอาหาร,
    ป้องกันการสร้างเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง ซึ่งช่วยยับยั้งการขยายตัวของมะเร็ง, ขับสารพิษและปกป้องตับ เนื่องจากความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย

    ไม่เพียงเท่านั้น แอล-ธีอะนีน (L-theanine) ในชาเขียวยังช่วยลดความเครียดและปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ ชาวญี่ปุ่นหลายคนจึงมีนิสัยดื่มชาเขียวทุกวัน และบางคนยังสร้างสรรค์มัทฉะ - ผงชาเขียวบริสุทธิ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าชาเขียวปกติหลายเท่า

    3.กล้วยที่มีจุดดำ:
    ซูเปอร์ฟู้ดเสริมภูมิคุ้มกัน
    ชาวญี่ปุ่นมีนิสัยที่ค่อนข้างพิเศษ คือพวกเขาชอบกินกล้วยที่มีจุดดำบนเปลือก แทนที่จะกินสุกสีเหลืองธรรมดาเหมือนประเทศอื่นๆ

    จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโตเกียว พบว่ากล้วยที่สุกจนมีจุดดำจะมีสาร TNF (Tumor Necrosis Factor) ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็ง

    ประโยชน์ของกล้วยที่มีจุดดำคือ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสามารถระบุและทำลายเซลล์มะเร็งได้เร็วขึ้น,
    มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก
    ปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ,
    ช่วยในการย่อยอาหาร
    ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดความเสี่ยงของการอักเสบและมะเร็งลำไส้ใหญ่ และจากการศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีอาหารญี่ปุ่นยังพบว่า กล้วยที่มีจุดดำช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้มากกว่ากล้วยที่ยังไม่สุกถึง 8 เท่า

    ท้ายที่สุด วิธีการรับประทานอาหารของชาวญี่ปุ่นเป็นหลักฐานชัดเจนว่า อาหารสามารถมีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็งและยืดอายุขัย แทนที่จะไปมองหา "ซูเปอร์ฟู้ด" ที่มีราคาสูง พวกเขาเลือกอาหารที่ใกล้ตัวและให้คุณค่าทางสุขภาพสูง!
    cr:sanook
    2/3/68 กินวิถีญี่ปุ่น 3 อาหาร "ต้านมะเร็ง" แถมยืดอายุยืน ไทยมีครบทุกอย่าง และราคาถูกกว่าด้วย! จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า อายุขัยเฉลี่ยของชาวญี่ปุ่นอยู่ที่ประมาณ 84.3 ปี ซึ่งถือว่าสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก ไม่เพียงแต่ได้รับการสนับสนุนจากระบบการแพทย์ที่ทันสมัย และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเท่านั้น ต่ยังรวมถึงการรับประทานอาหารที่มีหลักการทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการช่วยป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะโรคมะเร็ง ในขณะเดียวกัน การศึกษาหลายชิ้นพบว่า มะเร็งเป็นโรคที่มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับการรับประทานอาหาร ตามข้อมูลจากสถาบันวิจัยมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (AICR) ระบุว่า ประมาณ 30–50% ของเคสมะเร็ง สามารถป้องกันได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีสุขภาพดีขึ้น แล้วคนญี่ปุ่นมักกินอะไร เพื่อปกป้องสุขภาพและลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง? 3 เมนูต้านมะเร็ง ที่คนญี่ปุ่นชื่นชอบ อุดมไปด้วยสารอาหาร! 1.กระเทียม: ยารักษามะเร็งจากธรรมชาติ คนญี่ปุ่นมักใส่กระเทียมเข้าไปในอาหารประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการปรุงซุป ผัดผัก ไปจนถึงการทำน้ำจิ้ม ขณะเดียวกัน กระเทียมนั้นเป็นหนึ่งในอาหารต้านมะเร็งชั้นนำที่คนญี่ปุ่นบริโภคทุกวัน ตามการวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (NCI) กระเทียมมีสารออร์แกโนซัลเฟอร์ ซึ่งสามารถกระตุ้นเอนไซม์กำจัดสารพิษในตับได้ จึงช่วยกำจัดสารก่อมะเร็งออกจากร่างกายได้ นอกจากนี้ กระเทียมยังยับยั้งการสร้างไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งที่เกิดจากไนไตรต์ที่พบในอาหารแปรรูปอีกด้วย และยังมีอัลลิซิน ซึ่งเป็นสารต้านการอักเสบที่มีประสิทธิภาพซึ่งช่วยทำลายเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Nutrition แสดงให้เห็นว่าผู้ที่บริโภคกระเทียมเป็นประจำ มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและลำไส้ลดลง 30–50% เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ค่อยรับประทานกระเทียม 2.ชาเขียว: เคล็ดลับอายุยืนของคนญี่ปุ่น ในญี่ปุ่น ชาเขียวไม่เพียงแต่เป็นเครื่องดื่มยอดนิยมเท่านั้น แต่ยังถูกมองว่าเป็นยาสำหรับการปกป้องสุขภาพด้วย ตามการศึกษาที่ตีพิมพ์ใน Cancer Epidemiology, Biomarkers & Prevention ผู้ที่ดื่มชาเขียว 5 แก้วต่อวัน หรือมากกว่านั้น มีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งน้อยกว่าผู้ที่ดื่มน้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ชาเขียวมีสารคาเทชินและอีจีซีจี (Epigallocatechin gallate) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร, ป้องกันการสร้างเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงก้อนมะเร็ง ซึ่งช่วยยับยั้งการขยายตัวของมะเร็ง, ขับสารพิษและปกป้องตับ เนื่องจากความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระที่เป็นอันตรายในร่างกาย ไม่เพียงเท่านั้น แอล-ธีอะนีน (L-theanine) ในชาเขียวยังช่วยลดความเครียดและปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้ ชาวญี่ปุ่นหลายคนจึงมีนิสัยดื่มชาเขียวทุกวัน และบางคนยังสร้างสรรค์มัทฉะ - ผงชาเขียวบริสุทธิ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าชาเขียวปกติหลายเท่า 3.กล้วยที่มีจุดดำ: ซูเปอร์ฟู้ดเสริมภูมิคุ้มกัน ชาวญี่ปุ่นมีนิสัยที่ค่อนข้างพิเศษ คือพวกเขาชอบกินกล้วยที่มีจุดดำบนเปลือก แทนที่จะกินสุกสีเหลืองธรรมดาเหมือนประเทศอื่นๆ จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยโตเกียว พบว่ากล้วยที่สุกจนมีจุดดำจะมีสาร TNF (Tumor Necrosis Factor) ในปริมาณสูง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้โจมตีเซลล์มะเร็ง ประโยชน์ของกล้วยที่มีจุดดำคือ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายสามารถระบุและทำลายเซลล์มะเร็งได้เร็วขึ้น, มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก ปกป้องเซลล์จากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ, ช่วยในการย่อยอาหาร ช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดความเสี่ยงของการอักเสบและมะเร็งลำไส้ใหญ่ และจากการศึกษาของสถาบันเทคโนโลยีอาหารญี่ปุ่นยังพบว่า กล้วยที่มีจุดดำช่วยเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาว เสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้มากกว่ากล้วยที่ยังไม่สุกถึง 8 เท่า ท้ายที่สุด วิธีการรับประทานอาหารของชาวญี่ปุ่นเป็นหลักฐานชัดเจนว่า อาหารสามารถมีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็งและยืดอายุขัย แทนที่จะไปมองหา "ซูเปอร์ฟู้ด" ที่มีราคาสูง พวกเขาเลือกอาหารที่ใกล้ตัวและให้คุณค่าทางสุขภาพสูง! cr:sanook
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิด วิเคราะห์ แยกแยะ สำคัญมาก สำหรับข้อมูลในทุกยุคทุกสมัยครับ

    กลุ่ม Influencer ในสื่อสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพต่าง ๆ เช่น การตรวจ MRI ทั้งตัว ว่าเป็นการตรวจที่สามารถช่วยชีวิตได้ แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

    Kim Kardashian หนึ่งใน Influencer ได้โพสต์รูปตัวเองในชุดเครื่องมือแพทย์ของบริษัท Prenuvo โดยกล่าวว่าเครื่อง MRI ที่เธอใช้สามารถตรวจพบร่องรอยของมะเร็งหรือโรคอื่น ๆ ได้ แต่การโพสต์ของเธอก็ทำให้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการตรวจนี้

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Sydney ได้ทำการศึกษาโพสต์จากกลุ่ม Influencer บน TikTok และ Instagram ที่มีผู้ติดตามหลายร้อยล้านคน พบว่า โพสต์เหล่านี้มักนำเสนอข้อมูลที่เกินจริงและไม่กล่าวถึงความเสี่ยงหรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น มีเพียง 15% ของโพสต์ที่พูดถึงข้อเสีย และเกือบสองในสามมาจากบัญชีที่มีความสัมพันธ์ทางการเงินกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้

    การตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นอาจนำไปสู่การรักษาที่ไม่จำเป็นและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ไม่จำเป็น เรื่องนี้เรียกว่า Overdiagnosis โดยผลการศึกษาพบว่า การตรวจสุขภาพเช่นนี้มักจะไม่ช่วยปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ที่มีสุขภาพดี

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การศึกษาพบว่าโพสต์ที่เล่าเรื่องราวส่วนตัวเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพมักจะดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้มากกว่า โพสต์เหล่านี้มักจะบอกเล่าถึงผลลัพธ์ที่ดีและประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ที่ได้รับการตรวจ ทำให้ผู้ชมรู้สึกมีความสัมพันธ์กับเรื่องราวและเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของการตรวจนี้มากขึ้น

    หากคุณเจอโพสต์เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพบนสื่อสังคมออนไลน์ ควรพิจารณาว่าโพสต์นั้นพยายามชักจูงให้คุณเชื่อในสิ่งใดหรือไม่ แทนที่จะให้ข้อมูลที่เป็นกลาง นอกจากนี้ควรคำนึงถึงว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพอาจยังไม่ครบถ้วน และเรื่องราวส่วนตัวที่โพสต์เหล่านี้เล่ามักจะกระตุ้นความรู้สึกและทำให้คุณดึงดูดใจ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/01/influencers-call-these-medical-tests-lifesaving-heres-what-you-may-not-know
    คิด วิเคราะห์ แยกแยะ สำคัญมาก สำหรับข้อมูลในทุกยุคทุกสมัยครับ กลุ่ม Influencer ในสื่อสังคมออนไลน์ได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพต่าง ๆ เช่น การตรวจ MRI ทั้งตัว ว่าเป็นการตรวจที่สามารถช่วยชีวิตได้ แต่ก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับประสิทธิภาพและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น Kim Kardashian หนึ่งใน Influencer ได้โพสต์รูปตัวเองในชุดเครื่องมือแพทย์ของบริษัท Prenuvo โดยกล่าวว่าเครื่อง MRI ที่เธอใช้สามารถตรวจพบร่องรอยของมะเร็งหรือโรคอื่น ๆ ได้ แต่การโพสต์ของเธอก็ทำให้มีข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการตรวจนี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Sydney ได้ทำการศึกษาโพสต์จากกลุ่ม Influencer บน TikTok และ Instagram ที่มีผู้ติดตามหลายร้อยล้านคน พบว่า โพสต์เหล่านี้มักนำเสนอข้อมูลที่เกินจริงและไม่กล่าวถึงความเสี่ยงหรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น มีเพียง 15% ของโพสต์ที่พูดถึงข้อเสีย และเกือบสองในสามมาจากบัญชีที่มีความสัมพันธ์ทางการเงินกับผลิตภัณฑ์เหล่านี้ การตรวจพบโรคในระยะเริ่มต้นอาจนำไปสู่การรักษาที่ไม่จำเป็นและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่ไม่จำเป็น เรื่องนี้เรียกว่า Overdiagnosis โดยผลการศึกษาพบว่า การตรวจสุขภาพเช่นนี้มักจะไม่ช่วยปรับปรุงผลลัพธ์สำหรับผู้ที่มีสุขภาพดี สิ่งที่น่าสนใจคือ การศึกษาพบว่าโพสต์ที่เล่าเรื่องราวส่วนตัวเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพมักจะดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้มากกว่า โพสต์เหล่านี้มักจะบอกเล่าถึงผลลัพธ์ที่ดีและประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ที่ได้รับการตรวจ ทำให้ผู้ชมรู้สึกมีความสัมพันธ์กับเรื่องราวและเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของการตรวจนี้มากขึ้น หากคุณเจอโพสต์เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพบนสื่อสังคมออนไลน์ ควรพิจารณาว่าโพสต์นั้นพยายามชักจูงให้คุณเชื่อในสิ่งใดหรือไม่ แทนที่จะให้ข้อมูลที่เป็นกลาง นอกจากนี้ควรคำนึงถึงว่าข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการตรวจสุขภาพอาจยังไม่ครบถ้วน และเรื่องราวส่วนตัวที่โพสต์เหล่านี้เล่ามักจะกระตุ้นความรู้สึกและทำให้คุณดึงดูดใจ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/03/01/influencers-call-these-medical-tests-lifesaving-heres-what-you-may-not-know
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Influencers call these medical tests lifesaving. Here’s what you may not know
    If you come across a post discussing medical tests on social media, ask yourself whether it is trying to convince you of something, rather than just providing you with information.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✅️10 เหตุผลที่ Gen X และ Gen Y ควรดูแลสุขภาพและการเงินแบบ✅️ป้องกันดีกว่า❌️แก้ไข
    1. สุขภาพแข็งแรงระยะยาว – ป้องกันโรคเรื้อรัง ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในอนาคต

    2. ลดภาระค่ารักษาพยาบาล – ค่ารักษาแพงขึ้นทุกปี การป้องกันช่วยประหยัดเงิน

    3. มีพลังทำงานต่อเนื่อง – สุขภาพดีช่วยให้ทำงานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพ

    4. ลดความเครียดทางการเงิน – การออมและลงทุนล่วงหน้าป้องกันปัญหาหนี้สิน

    5. เพิ่มคุณภาพชีวิตสูงวัย – สุขภาพดีและเงินพอใช้ทำให้ชีวิตบั้นปลายมีความสุข

    6. ลดความเสี่ยงโรคร้าย – การดูแลร่างกายช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน

    7. ใช้ชีวิตอิสระยาวนาน – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยให้ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น

    8. สร้างหลักประกันให้ครอบครัว – การวางแผนสุขภาพและการเงินช่วยลดภาระลูกหลาน

    9. เตรียมพร้อมสำหรับวิกฤติ – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

    10. อายุยืนอย่างมีคุณภาพ – การดูแลสุขภาพและการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ชีวิตสมดุล

    ✅️10 เหตุผลที่ Gen X และ Gen Y ควรดูแลสุขภาพและการเงินแบบ✅️ป้องกันดีกว่า❌️แก้ไข 1. สุขภาพแข็งแรงระยะยาว – ป้องกันโรคเรื้อรัง ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพในอนาคต 2. ลดภาระค่ารักษาพยาบาล – ค่ารักษาแพงขึ้นทุกปี การป้องกันช่วยประหยัดเงิน 3. มีพลังทำงานต่อเนื่อง – สุขภาพดีช่วยให้ทำงานได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพ 4. ลดความเครียดทางการเงิน – การออมและลงทุนล่วงหน้าป้องกันปัญหาหนี้สิน 5. เพิ่มคุณภาพชีวิตสูงวัย – สุขภาพดีและเงินพอใช้ทำให้ชีวิตบั้นปลายมีความสุข 6. ลดความเสี่ยงโรคร้าย – การดูแลร่างกายช่วยลดโอกาสเกิดโรคหัวใจ เบาหวาน 7. ใช้ชีวิตอิสระยาวนาน – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยให้ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น 8. สร้างหลักประกันให้ครอบครัว – การวางแผนสุขภาพและการเงินช่วยลดภาระลูกหลาน 9. เตรียมพร้อมสำหรับวิกฤติ – มีเงินสำรองและสุขภาพดีช่วยรับมือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน 10. อายุยืนอย่างมีคุณภาพ – การดูแลสุขภาพและการเงินตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ชีวิตสมดุล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการประท้วงทั่วประเทศที่มุ่งโจมตี Elon Musk และบริษัท Tesla ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว การเคลื่อนไหวนี้เน้นที่การส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของ Tesla และเพื่อตอบโต้มุมมองทางการเมืองของ Musk ที่ออกมาต่อต้านหลายสิ่ง

    เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2025 การประท้วงในซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ได้รวมกลุ่มผู้ชุมนุมหลายร้อยคนที่ชุมนุมกันที่ทางเข้าห้างสรรพสินค้า University Village รวมถึงหน้าร้านโชว์รูมของ Tesla เป้าหมายของการเคลื่อนไหวนี้คือการเรียกร้องให้คนขายรถ Tesla และขายหุ้น Tesla เพื่อกดดันให้ราคาหุ้นตก

    หนึ่งในผู้จัดงานคือ Alex Winter นักแสดงและผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง เขากล่าวว่า "การเคลื่อนไหวนี้มีเป้าหมายเพื่อเตือนผู้ถือหุ้นและประชาชนว่า Tesla เป็นส่วนสำคัญในมูลค่าของ Musk และการประท้วงนี้อาจส่งผลให้ราคาหุ้นของ Tesla ตกลง"

    Tesla ซึ่ง Musk ดำรงตำแหน่ง CEO ตั้งแต่ปี 2008 มีมูลค่าตลาดกว่า 1.14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Musk ถือหุ้นประมาณ 13% ของบริษัท ที่มูลค่าประมาณ 73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การประท้วงครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงกดดันต่อบริษัทและทำให้มูลค่าหุ้นลดลง ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของ Musk

    แม้ว่าราคาหุ้น Tesla จะลดลงถึง 15% ในเดือนที่ผ่านมา แต่หุ้น Tesla ยังมีสุขภาพดีในระยะยาว ในปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้น 87% และปัจจุบันอยู่ที่ 360 ดอลลาร์สหรัฐ แต่บริษัทกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากตลาด ในยุโรป ยอดขายของ Tesla ลดลง 59% ในเยอรมนี และ 63% ในฝรั่งเศสเมื่อเทียบปีต่อปี

    รายได้สุทธิของ Tesla ในไตรมาสที่สี่ของปี 2024 ลดลง 71% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลงจาก 7.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือเพียง 2.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    การเคลื่อนไหวประท้วงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสความไม่พอใจต่อบริษัทขนาดใหญ่ เช่น การประท้วง Bud-Light ในปี 2023 และการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Target ที่เกิดจากแรงกดดันจากผู้บริโภค

    เป้าหมายของการประท้วงนี้คือการกดดันให้ผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการบริหารของ Tesla พิจารณาถึงความเสี่ยงและผลกระทบจากการเป็นผู้นำของ Musk

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/24/the-tesla-takedown-has-begun-a-national-protest-movement-seeks-to-strike-a-blow-to-elon-musks-net-worth
    มีการประท้วงทั่วประเทศที่มุ่งโจมตี Elon Musk และบริษัท Tesla ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว การเคลื่อนไหวนี้เน้นที่การส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของ Tesla และเพื่อตอบโต้มุมมองทางการเมืองของ Musk ที่ออกมาต่อต้านหลายสิ่ง เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2025 การประท้วงในซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ได้รวมกลุ่มผู้ชุมนุมหลายร้อยคนที่ชุมนุมกันที่ทางเข้าห้างสรรพสินค้า University Village รวมถึงหน้าร้านโชว์รูมของ Tesla เป้าหมายของการเคลื่อนไหวนี้คือการเรียกร้องให้คนขายรถ Tesla และขายหุ้น Tesla เพื่อกดดันให้ราคาหุ้นตก หนึ่งในผู้จัดงานคือ Alex Winter นักแสดงและผู้สร้างภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง เขากล่าวว่า "การเคลื่อนไหวนี้มีเป้าหมายเพื่อเตือนผู้ถือหุ้นและประชาชนว่า Tesla เป็นส่วนสำคัญในมูลค่าของ Musk และการประท้วงนี้อาจส่งผลให้ราคาหุ้นของ Tesla ตกลง" Tesla ซึ่ง Musk ดำรงตำแหน่ง CEO ตั้งแต่ปี 2008 มีมูลค่าตลาดกว่า 1.14 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Musk ถือหุ้นประมาณ 13% ของบริษัท ที่มูลค่าประมาณ 73 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การประท้วงครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงกดดันต่อบริษัทและทำให้มูลค่าหุ้นลดลง ส่งผลกระทบต่อมูลค่าของ Musk แม้ว่าราคาหุ้น Tesla จะลดลงถึง 15% ในเดือนที่ผ่านมา แต่หุ้น Tesla ยังมีสุขภาพดีในระยะยาว ในปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นได้เพิ่มขึ้น 87% และปัจจุบันอยู่ที่ 360 ดอลลาร์สหรัฐ แต่บริษัทกำลังเผชิญกับแรงกดดันจากตลาด ในยุโรป ยอดขายของ Tesla ลดลง 59% ในเยอรมนี และ 63% ในฝรั่งเศสเมื่อเทียบปีต่อปี รายได้สุทธิของ Tesla ในไตรมาสที่สี่ของปี 2024 ลดลง 71% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ลดลงจาก 7.93 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เหลือเพียง 2.31 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ การเคลื่อนไหวประท้วงนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระแสความไม่พอใจต่อบริษัทขนาดใหญ่ เช่น การประท้วง Bud-Light ในปี 2023 และการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Target ที่เกิดจากแรงกดดันจากผู้บริโภค เป้าหมายของการประท้วงนี้คือการกดดันให้ผู้ถือหุ้นและคณะกรรมการบริหารของ Tesla พิจารณาถึงความเสี่ยงและผลกระทบจากการเป็นผู้นำของ Musk https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/24/the-tesla-takedown-has-begun-a-national-protest-movement-seeks-to-strike-a-blow-to-elon-musks-net-worth
    WWW.THESTAR.COM.MY
    The Tesla takedown has begun. A national protest movement seeks to strike a blow to Elon Musk’s net worth
    As DOGE barrels through D.C., Americans on the ground are starting to mobilize outside Tesla dealerships.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิสัย พลังงาน สุขภาพสัมพันธ์กันยังไง?

    ผู้ใหญ่ที่สุขภาพดี อายุยืน มักจะมีพลังงานเย็น ๆ สบาย ๆ อะไรเป็นเคล็ดลับของการมีชีวิตยืนยาว แบบมีความสุข สุขภาพดี

    👉🏻 https://youtu.be/ugmLpIoxe30
    นิสัย พลังงาน สุขภาพสัมพันธ์กันยังไง? ผู้ใหญ่ที่สุขภาพดี อายุยืน มักจะมีพลังงานเย็น ๆ สบาย ๆ อะไรเป็นเคล็ดลับของการมีชีวิตยืนยาว แบบมีความสุข สุขภาพดี 👉🏻 https://youtu.be/ugmLpIoxe30
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💪✨ **โปรตีน: พลังงานและการสร้างกล้ามเนื้อ!** ✨💪

    โปรตีนคือสารอาหารพื้นฐานที่สำคัญต่อร่างกาย มีบทบาทในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ รวมถึงเป็นส่วนประกอบหลักของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อต่าง ๆ 🌱

    นอกจากนี้ โปรตีนยังช่วยในกระบวนการสร้างฮอร์โมน เอนไซม์ และแอนติบอดี้ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔬💚 การรับประทานโปรตีนที่เพียงพอในแต่ละวันสามารถลดความรู้สึกหิว ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และสนับสนุนการควบคุมน้ำหนัก 💚🍽️

    อย่าลืมเพิ่มโปรตีนในมื้ออาหารของคุณเช่น ไข่, เนื้อสัตว์, ปลา, ถั่ว และผลิตภัณฑ์นม เพื่อสุขภาพที่ดีและร่างกายที่แข็งแรง! 🥚🐟🍗

    #Millionlsland
    #MI4
    #REBORN
    #REBORNNEWBEGIN
    #พลังZeeds

    #โปรตีน #สุขภาพดี #พลังงานจากธรรมชาติ
    💪✨ **โปรตีน: พลังงานและการสร้างกล้ามเนื้อ!** ✨💪 โปรตีนคือสารอาหารพื้นฐานที่สำคัญต่อร่างกาย มีบทบาทในการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ รวมถึงเป็นส่วนประกอบหลักของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อต่าง ๆ 🌱 นอกจากนี้ โปรตีนยังช่วยในกระบวนการสร้างฮอร์โมน เอนไซม์ และแอนติบอดี้ที่ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔬💚 การรับประทานโปรตีนที่เพียงพอในแต่ละวันสามารถลดความรู้สึกหิว ทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็วขึ้น และสนับสนุนการควบคุมน้ำหนัก 💚🍽️ อย่าลืมเพิ่มโปรตีนในมื้ออาหารของคุณเช่น ไข่, เนื้อสัตว์, ปลา, ถั่ว และผลิตภัณฑ์นม เพื่อสุขภาพที่ดีและร่างกายที่แข็งแรง! 🥚🐟🍗 #Millionlsland #MI4 #REBORN #REBORNNEWBEGIN #พลังZeeds #โปรตีน #สุขภาพดี #พลังงานจากธรรมชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 289 มุมมอง 0 รีวิว
  • “โภชนาการ Reborn ✨ เปลี่ยนชีวิตด้วย 3 ครบ 2 คลีน!
    ✅ ครบมื้อ ✅ ครบหมู่ ✅ ถูกสัดส่วน
    🥗 คลีนปรุง 🍏 คลีนสารพิษ

    สุขภาพดีเริ่มที่การกิน กินให้เป็น แล้วร่างกายจะขอบคุณ! ❤️
    #โภชนาการReborn #3ครบ2คลีน #กินดีสุขภาพดี”
    #REBORN
    #REBORNNEWBEGIN
    #พลังZeeds
    “โภชนาการ Reborn ✨ เปลี่ยนชีวิตด้วย 3 ครบ 2 คลีน! ✅ ครบมื้อ ✅ ครบหมู่ ✅ ถูกสัดส่วน 🥗 คลีนปรุง 🍏 คลีนสารพิษ สุขภาพดีเริ่มที่การกิน กินให้เป็น แล้วร่างกายจะขอบคุณ! ❤️ #โภชนาการReborn #3ครบ2คลีน #กินดีสุขภาพดี” #REBORN #REBORNNEWBEGIN #พลังZeeds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💖 น้องสาวแน่น ฟิตเปรี๊ยะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ✨
    .
    คืนความมั่นใจและความกระชับให้น้องสาวของคุณ ด้วยเทคโนโลยีการดูแลเฉพาะ 💎 ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรก ทั้งฟิตกระชับ สุขภาพดี และเพิ่มความมั่นใจในทุกกิจกรรม 🩷 มั่นใจในมาตรฐานและความปลอดภัยที่พร้อมดูแลคุณทุกขั้นตอน อย่าปล่อยให้ความกังวลเป็นอุปสรรคในชีวิต !
    .
    สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองคิวใน Comment
    .
    #ตรวจภายใน #ดูแลสุขภาพผู้หญิง #ฟื้นฟูความมั่นใจ #การดูแลสุขภาพ #ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ #สุขภาพผู้ #ตรวจเพื่อป้องกัน #ผู้หญิงยุคใหม่ #Ultrasound #VagiRejuCO2Laser #DrJim #VagiClinic
    💖 น้องสาวแน่น ฟิตเปรี๊ยะ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ✨ . คืนความมั่นใจและความกระชับให้น้องสาวของคุณ ด้วยเทคโนโลยีการดูแลเฉพาะ 💎 ผลลัพธ์ที่สัมผัสได้ตั้งแต่ครั้งแรก ทั้งฟิตกระชับ สุขภาพดี และเพิ่มความมั่นใจในทุกกิจกรรม 🩷 มั่นใจในมาตรฐานและความปลอดภัยที่พร้อมดูแลคุณทุกขั้นตอน อย่าปล่อยให้ความกังวลเป็นอุปสรรคในชีวิต ! . สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองคิวใน Comment . #ตรวจภายใน #ดูแลสุขภาพผู้หญิง #ฟื้นฟูความมั่นใจ #การดูแลสุขภาพ #ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ #สุขภาพผู้ #ตรวจเพื่อป้องกัน #ผู้หญิงยุคใหม่ #Ultrasound #VagiRejuCO2Laser #DrJim #VagiClinic
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 566 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • ธรรมชาติสร้างสรรค์ วิทยาศาสตร์เป็นตัวกำหนด ทุกความอร่อยต้องมีเรื่องราว…
    ..ช็อกโกแลตคือของทานเล่นที่ทำให้ทุกคนมีความสุข…ในทุกเพศทุกวัยเพื่อสุขภาพที่ดี

    COCORA ….Premium Chocolate.
    ..Taste note: Nutty>Floral>Fruitty
    เข้มข้น กลิ่นหอม กลมกล่อม ละมุนลิ้น ไม่มีเปรี้ยว

    ความจริงที่ควรรู้กี่ยวกับ…Craft chocolate …สำหรับคนรัก Chocolate
    ..….ถ้าเป็นCraft Chocolate มันต้องเปรี้ยวสิ !!..คำนี้หลายท่านคงได้ยินกันมาจนชิน จนหลายท่านอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมมันถึงเปรี้ยว ...คราฟท์ช็อกโกแลตที่เปรี้ยวนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการหมักเมล็ดโกโก้ในกระบวนการแบบ Natural process ไปในทิศทางที่ไม่สมบูรณ์แบบ จนทำให้ในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการหมักยังคงมีกรดอะซิติก(กรดนำ้ส้มสายชู)คงตกค้างอยู่ในเมล็ดจำนวนหนึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความพิถีพิถันของผู้หมัก ซึ่งขั้นตอนนี้จะทำค่อนข้างยาก การหมักโกโก้จึงเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้ความรู้และเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ (food science )เข้ามาช่วยและต้องมีความละเอียดความเข้าใจในทุกขั้นตอนอย่างลึกซึ้ง ส่วนใหญ่กว่า90%มักจะทำให้เกิดรสชาติที่เปรี้ยวนำเพราะไม่สามารถกำจัดกรดอะซิติกออกไปจนหมด…ความเปรี้ยวที่เกิดขึ้นนี้รสชาติจะเปรี้ยวโดดแตกต่างจากเมล็ดโกโก้ที่มีโอกาสเกิดความเปรี้ยวเล็กน้อยหรือเปรี้ยวปลายแบบรสชาติผลไม้นานาชนิดที่มี taste note เรียกว่า fruity ซึ่งรสชาตินี้จะเกิดขึ้นได้จริงๆจากการหมักที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น เมื่อการหมักสมบูรณ์ปัจจัยปลีกย่อยอีกหลายอย่างก็ตามมากำหนดรสชาติความเป็นพื้นถิ่น เช่นสายพันธุ์เมล็ดโกโก้ที่ปลูก ,แหล่งที่ปลูก ,สภาพพื้นดินที่เป็นกรดเป็นด่าง ,ปุ๋ยที่ใ้ช้ และสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันในแต่ฤดูกาล และยังมีอีกหลายด้านที่ยังคงเป็นความลับของธรรมชาติ ที่มีผลทำให้เกิดรสชาติเฉพาะในพื้นถิ่นนั้นๆ(origin) ซึ่งอาจจะได้ taste note ในอีกหลากหลายรสชาติเช่น Nutty,Herbal,Spicy,Fruity,Vegetal
    ,Dark, Sweet ซึ่งเป็นเสน่ห์ของ craft chocolate ดังนั้นความอร่อยของรสชาติที่แท้จริงของช็อกโกแลตจึงต้องมาจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต้นทาง โดยเฉพาะกระบวนการหมักที่จะเป็นตัวกำหนดรสชาติ
    ซึ่งก็ไม่ต่างจากการหมักเบียร์ หมักไวน์ หรือการหมักอาหาร ที่ยังต้องใช้เทคนิคทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหารเข้ามาช่วย

    แตกต่างกับ Factory chocolate (กระบวนการหมักแบบDutch Proceess)ที่ต้องใช้สารเคมีโปแตสเซียม ,อัลคาไรด์ ที่มีคุณสมบัติเป็นด่าง เพื่อมาลดความเป็นกรด คือลดความเปรี้ยวเป็นหลัก รสชาติส่วนใหญ่จึงออกมาคลา้ยๆกันจนส่งผลกระทบต่อความหลากหลายของรสชาติอื่นๆ(taste note)ไปด้วย
    …ซึ่งไม่ว่าจะมาจากพื้นถิ่นไหน แถบใดของโลก สรุปได้ว่าถ้าเมล็ดที่หมักไม่สมบูรณ์ ก็จะเกิดความเปรี้ยวแบบลิ้นสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่รสชาติโกโก้ที่ทุกคนคุ้นเคยจนน่าแปลก ยิ่งถ้าเปรี้ยวโดดเปรี้ยวดีดแล้ว จะหารสชาติที่เป็น single origin นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะความเปรี้ยวจะไปลดทอน taste noteที่แท้จริง ทำให้ยากที่จะหาความชัดเจนของรสชาติโกโก้เฉพาะถิ่นนั้นๆ ซึ่งบางท่านอาจจะเข้าใจผิดในสิ่งที่รับรู้มาจากการสร้างเรื่องราวของการอ้างดินฟ้าอากาศ พื้นที่ที่ปลูก ฯลฯ ซึ่งเป็นstory ที่เป็นเรื่องเล่าถูกสร้างมาแบบไม่มีวิทยาศาสตร์มารองรับ เอาจริงๆมันก็เกี่ยวในแง่ของรสชาติพื้นถิ่น แต่คนละเรื่องกับความเปรี้ยวที่ว่านี้ อย่าลืมนะครับว่าเรากำลังทานโกโก้ที่ผ่านกระบวนการหมักแล้ว ไม่ใช่ทานผลสด ที่จะอมเปรี้ยว อมหวาน….หรือว่าบางท่านอาจหลงไหลชื่นชอบในรสชาติความแปลกใหม่ของรสชาติเปรี้ยวนำ เปรี้ยวโดด ซึ่งเป็นความชอบเฉพาะตัว จนบางท่านหลงคิดว่าเป็นรสชาติ Fruitty แต่อย่าลืมว่ามันคือ…ช็อกโกแลตที่ใส่นำ้ส้มสายชู..ดีดีนี่เอง….

    -กระบวนการหมักที่สมบูรณ์แบบ Natural process
    = เกิดรสชาติโกโก้แท้ๆอาจมี taste noteและกลิ่นที่หลากหลายของผลไม้ ดอกไม้ สมุนไพรหรือถั่วต่างๆ และไม่มีรสชาติเปรี้ยวโดดที่เกิดจากกรดนำ้ส้มสายชูตกค้าง
    -กระบวนการหมักไม่สมบูรณ์แบบ Natural process
    =โกโก้+นำ้ส้มสายชูตกค้าง ทำให้มีรสชาติเปรี้ยวนำ เปรี้ยวโดด จนสูญเสียรสชาติช็อกโกแลตที่แท้จริงไป
    -กระบวนการหมักแบบ Dutch Process = โกโก้ + โปแตสเซียม + (อัลคาไลน์) หรือสารเคมีชนิดอื่น ที่มีคุณสมบัติเป็นด่างเพื่อลดกรดจะทำให้ไม่มีรสชาติเปรี้ยว ออกแนวขมเข้มข้น กลิ่นหอม มักจะคั่วที่อุณภูมิสูงขาดจนความหลากหลายของ taste note

    **การคั่วเข้มคั่วอ่อนก็ยังมีผลต่อรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ
    -คั่วอ่อน เมล็ดโกโก้แห้งจะมีกลิ่นหอมขึ้นระดับหนึ่ง รสชาติจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากยังคงได้taste note แบบดั้งเดิม และยังคงมีคุณค่าทางอาหารได้มากกว่าคั่วเข้ม
    -คั่วเข้ม รสชาติจะเข้มข้นขึ้น(dark)ออกไปทางขม(bitter) เพิ่มกลิ่นหอมของโกโก้ แต่จะเสียคุณค่าทางโภชนาการไปมากกว่า
    ….เรื่องราวทั้งหมดนี้ หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนรัก craft chocolate ที่ต้องการทราบความจริงที่มีหนึ่งเดียว จริงๆแล้ววิทยาศาสตร์อยู่รอบตัวเรา การใช้ศาสตร์มาคิดวิเคราะห์ ด้วยหลักของเหตุผล เราก็จะได้ทราบถึงที่มาที่ไปและเข้าใจมันอย่างแท้จริง
    …หากท่านใดคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกด Like กดShare ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบ craft chocolate ได้เปิดโลกทัศน์ในโลกของโกโก้ด้วยครับ ขอบคุณครับ
    #cocora
    #craftchocolate
    #perfectfermentation
    #ไม่เปรี้ยวแน่นอน
    #rareitem

    ….ความสะอาด พิถีพิถัน คือหัวใจของเรา
    อร่อยมาจากข้างในเพราะเราใส่ใจทุกกระบวนการผลิต

    ..สุขภาพดี …แค่เพียงปลายนิ้ว
    ..ส่งตรงถึงบ้าน..ไม่มีละลายด้วยการบรรจุหีบห่ออย่างดี

    สนใจสั่งซื้อรายละเอียดตามนี้ครับ
    Inbox messenger ….จะตอบกลับโดยเร็วที่สุด ง่ายต่อการสื่อสารและต้องการข้อมูลรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม สามารถดูเมนูได้ตามลิ้งค์ครับ

    https://www.facebook.com/share/p/1DqByxv8wA/?mibextid=wwXIfr

    ลิงค์ Lazada Shoppee (21/2/68 ปิดร้าน1วัน)

    https://s.lazada.co.th/s.Oi1un

    https://shope.ee/30OIXwR87J
    ธรรมชาติสร้างสรรค์ วิทยาศาสตร์เป็นตัวกำหนด ทุกความอร่อยต้องมีเรื่องราว… ..ช็อกโกแลตคือของทานเล่นที่ทำให้ทุกคนมีความสุข…ในทุกเพศทุกวัยเพื่อสุขภาพที่ดี COCORA ….Premium Chocolate. ..Taste note: Nutty>Floral>Fruitty เข้มข้น กลิ่นหอม กลมกล่อม ละมุนลิ้น ไม่มีเปรี้ยว ความจริงที่ควรรู้กี่ยวกับ…Craft chocolate …สำหรับคนรัก Chocolate ..….ถ้าเป็นCraft Chocolate มันต้องเปรี้ยวสิ !!..คำนี้หลายท่านคงได้ยินกันมาจนชิน จนหลายท่านอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมมันถึงเปรี้ยว ...คราฟท์ช็อกโกแลตที่เปรี้ยวนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการหมักเมล็ดโกโก้ในกระบวนการแบบ Natural process ไปในทิศทางที่ไม่สมบูรณ์แบบ จนทำให้ในขั้นตอนสุดท้ายของกระบวนการหมักยังคงมีกรดอะซิติก(กรดนำ้ส้มสายชู)คงตกค้างอยู่ในเมล็ดจำนวนหนึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความพิถีพิถันของผู้หมัก ซึ่งขั้นตอนนี้จะทำค่อนข้างยาก การหมักโกโก้จึงเป็นงานศิลปะที่ต้องใช้ความรู้และเทคนิคทางวิทยาศาสตร์ (food science )เข้ามาช่วยและต้องมีความละเอียดความเข้าใจในทุกขั้นตอนอย่างลึกซึ้ง ส่วนใหญ่กว่า90%มักจะทำให้เกิดรสชาติที่เปรี้ยวนำเพราะไม่สามารถกำจัดกรดอะซิติกออกไปจนหมด…ความเปรี้ยวที่เกิดขึ้นนี้รสชาติจะเปรี้ยวโดดแตกต่างจากเมล็ดโกโก้ที่มีโอกาสเกิดความเปรี้ยวเล็กน้อยหรือเปรี้ยวปลายแบบรสชาติผลไม้นานาชนิดที่มี taste note เรียกว่า fruity ซึ่งรสชาตินี้จะเกิดขึ้นได้จริงๆจากการหมักที่สมบูรณ์แบบเท่านั้น เมื่อการหมักสมบูรณ์ปัจจัยปลีกย่อยอีกหลายอย่างก็ตามมากำหนดรสชาติความเป็นพื้นถิ่น เช่นสายพันธุ์เมล็ดโกโก้ที่ปลูก ,แหล่งที่ปลูก ,สภาพพื้นดินที่เป็นกรดเป็นด่าง ,ปุ๋ยที่ใ้ช้ และสภาพภูมิอากาศที่แตกต่างกันในแต่ฤดูกาล และยังมีอีกหลายด้านที่ยังคงเป็นความลับของธรรมชาติ ที่มีผลทำให้เกิดรสชาติเฉพาะในพื้นถิ่นนั้นๆ(origin) ซึ่งอาจจะได้ taste note ในอีกหลากหลายรสชาติเช่น Nutty,Herbal,Spicy,Fruity,Vegetal ,Dark, Sweet ซึ่งเป็นเสน่ห์ของ craft chocolate ดังนั้นความอร่อยของรสชาติที่แท้จริงของช็อกโกแลตจึงต้องมาจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต้นทาง โดยเฉพาะกระบวนการหมักที่จะเป็นตัวกำหนดรสชาติ ซึ่งก็ไม่ต่างจากการหมักเบียร์ หมักไวน์ หรือการหมักอาหาร ที่ยังต้องใช้เทคนิคทางด้านวิทยาศาสตร์การอาหารเข้ามาช่วย แตกต่างกับ Factory chocolate (กระบวนการหมักแบบDutch Proceess)ที่ต้องใช้สารเคมีโปแตสเซียม ,อัลคาไรด์ ที่มีคุณสมบัติเป็นด่าง เพื่อมาลดความเป็นกรด คือลดความเปรี้ยวเป็นหลัก รสชาติส่วนใหญ่จึงออกมาคลา้ยๆกันจนส่งผลกระทบต่อความหลากหลายของรสชาติอื่นๆ(taste note)ไปด้วย …ซึ่งไม่ว่าจะมาจากพื้นถิ่นไหน แถบใดของโลก สรุปได้ว่าถ้าเมล็ดที่หมักไม่สมบูรณ์ ก็จะเกิดความเปรี้ยวแบบลิ้นสัมผัสได้ว่ามันไม่ใช่รสชาติโกโก้ที่ทุกคนคุ้นเคยจนน่าแปลก ยิ่งถ้าเปรี้ยวโดดเปรี้ยวดีดแล้ว จะหารสชาติที่เป็น single origin นั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะความเปรี้ยวจะไปลดทอน taste noteที่แท้จริง ทำให้ยากที่จะหาความชัดเจนของรสชาติโกโก้เฉพาะถิ่นนั้นๆ ซึ่งบางท่านอาจจะเข้าใจผิดในสิ่งที่รับรู้มาจากการสร้างเรื่องราวของการอ้างดินฟ้าอากาศ พื้นที่ที่ปลูก ฯลฯ ซึ่งเป็นstory ที่เป็นเรื่องเล่าถูกสร้างมาแบบไม่มีวิทยาศาสตร์มารองรับ เอาจริงๆมันก็เกี่ยวในแง่ของรสชาติพื้นถิ่น แต่คนละเรื่องกับความเปรี้ยวที่ว่านี้ อย่าลืมนะครับว่าเรากำลังทานโกโก้ที่ผ่านกระบวนการหมักแล้ว ไม่ใช่ทานผลสด ที่จะอมเปรี้ยว อมหวาน….หรือว่าบางท่านอาจหลงไหลชื่นชอบในรสชาติความแปลกใหม่ของรสชาติเปรี้ยวนำ เปรี้ยวโดด ซึ่งเป็นความชอบเฉพาะตัว จนบางท่านหลงคิดว่าเป็นรสชาติ Fruitty แต่อย่าลืมว่ามันคือ…ช็อกโกแลตที่ใส่นำ้ส้มสายชู..ดีดีนี่เอง…. -กระบวนการหมักที่สมบูรณ์แบบ Natural process = เกิดรสชาติโกโก้แท้ๆอาจมี taste noteและกลิ่นที่หลากหลายของผลไม้ ดอกไม้ สมุนไพรหรือถั่วต่างๆ และไม่มีรสชาติเปรี้ยวโดดที่เกิดจากกรดนำ้ส้มสายชูตกค้าง -กระบวนการหมักไม่สมบูรณ์แบบ Natural process =โกโก้+นำ้ส้มสายชูตกค้าง ทำให้มีรสชาติเปรี้ยวนำ เปรี้ยวโดด จนสูญเสียรสชาติช็อกโกแลตที่แท้จริงไป -กระบวนการหมักแบบ Dutch Process = โกโก้ + โปแตสเซียม + (อัลคาไลน์) หรือสารเคมีชนิดอื่น ที่มีคุณสมบัติเป็นด่างเพื่อลดกรดจะทำให้ไม่มีรสชาติเปรี้ยว ออกแนวขมเข้มข้น กลิ่นหอม มักจะคั่วที่อุณภูมิสูงขาดจนความหลากหลายของ taste note **การคั่วเข้มคั่วอ่อนก็ยังมีผลต่อรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ -คั่วอ่อน เมล็ดโกโก้แห้งจะมีกลิ่นหอมขึ้นระดับหนึ่ง รสชาติจะไม่เปลี่ยนแปลงไปมากยังคงได้taste note แบบดั้งเดิม และยังคงมีคุณค่าทางอาหารได้มากกว่าคั่วเข้ม -คั่วเข้ม รสชาติจะเข้มข้นขึ้น(dark)ออกไปทางขม(bitter) เพิ่มกลิ่นหอมของโกโก้ แต่จะเสียคุณค่าทางโภชนาการไปมากกว่า ….เรื่องราวทั้งหมดนี้ หวังว่าคงมีประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับคนรัก craft chocolate ที่ต้องการทราบความจริงที่มีหนึ่งเดียว จริงๆแล้ววิทยาศาสตร์อยู่รอบตัวเรา การใช้ศาสตร์มาคิดวิเคราะห์ ด้วยหลักของเหตุผล เราก็จะได้ทราบถึงที่มาที่ไปและเข้าใจมันอย่างแท้จริง …หากท่านใดคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์ ฝากกด Like กดShare ให้ผู้ที่รักและชื่นชอบ craft chocolate ได้เปิดโลกทัศน์ในโลกของโกโก้ด้วยครับ ขอบคุณครับ #cocora #craftchocolate #perfectfermentation #ไม่เปรี้ยวแน่นอน #rareitem ….ความสะอาด พิถีพิถัน คือหัวใจของเรา อร่อยมาจากข้างในเพราะเราใส่ใจทุกกระบวนการผลิต ..สุขภาพดี …แค่เพียงปลายนิ้ว ..ส่งตรงถึงบ้าน..ไม่มีละลายด้วยการบรรจุหีบห่ออย่างดี สนใจสั่งซื้อรายละเอียดตามนี้ครับ Inbox messenger ….จะตอบกลับโดยเร็วที่สุด ง่ายต่อการสื่อสารและต้องการข้อมูลรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติม สามารถดูเมนูได้ตามลิ้งค์ครับ https://www.facebook.com/share/p/1DqByxv8wA/?mibextid=wwXIfr ลิงค์ Lazada Shoppee (21/2/68 ปิดร้าน1วัน) https://s.lazada.co.th/s.Oi1un https://shope.ee/30OIXwR87J
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 590 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุขภาพดีจากภายใน ด้วยสารสกัดจากใบแปะก๊วย หนึ่งในสารสกัดสำคัญที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ DG สูตร พรีเมี่ยม
    #ขมิ้นชันดีจี #ขมิ้นชันดรออย
    สุขภาพดีจากภายใน ด้วยสารสกัดจากใบแปะก๊วย หนึ่งในสารสกัดสำคัญที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ DG สูตร พรีเมี่ยม #ขมิ้นชันดีจี #ขมิ้นชันดรออย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## รู้จัก NCDs โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง...ก่อนสายเกินไป!

    รู้หรือไม่? โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) กำลังเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของคนไทยและทั่วโลก! อย่ามองข้าม เพราะมันอาจใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คิด

    **NCDs คืออะไร?** รวมโรคเรื้อรังที่เกิดจากหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดี ได้แก่

    * **โรคหัวใจและหลอดเลือด:** อันตรายถึงชีวิต! อาการเริ่มต้นอาจไม่ชัดเจน ต้องหมั่นตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำ
    * **โรคมะเร็ง:** ตัวร้ายที่คร่าชีวิตคนเป็นอันดับต้นๆ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจสุขภาพและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี
    * **โรคเบาหวาน:** ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ควบคุมได้ด้วยการรับประทานอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
    * **โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD):** หายใจลำบาก มักเกิดจากการสูบบุหรี่ เลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า

    **ป้องกันได้นะ! ด้วยวิธีง่ายๆเหล่านี้**

    * **กินดีอยู่ดี:** เน้นผักผลไม้ ลดอาหารมัน เค็ม หวาน
    * **ออกกำลังกายสม่ำเสมอ:** อย่างน้อย 30 นาที ต่อวัน
    * **หลีกเลี่ยงอบายมุข:** เลิกบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    * **ตรวจสุขภาพประจำปี:** รู้เท่าทันสุขภาพตัวเอง

    **อย่าปล่อยให้ NCDs มาทำลายสุขภาพของคุณ!** เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่มีสุขภาพดีและยืนยาว

    #NCDs #โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง #สุขภาพดี #สุขภาพ #ดูแลตัวเอง

    #พลังZeeds
    ## รู้จัก NCDs โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง...ก่อนสายเกินไป! รู้หรือไม่? โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) กำลังเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของคนไทยและทั่วโลก! อย่ามองข้าม เพราะมันอาจใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คิด **NCDs คืออะไร?** รวมโรคเรื้อรังที่เกิดจากหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดี ได้แก่ * **โรคหัวใจและหลอดเลือด:** อันตรายถึงชีวิต! อาการเริ่มต้นอาจไม่ชัดเจน ต้องหมั่นตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำ * **โรคมะเร็ง:** ตัวร้ายที่คร่าชีวิตคนเป็นอันดับต้นๆ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจสุขภาพและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี * **โรคเบาหวาน:** ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ควบคุมได้ด้วยการรับประทานอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม * **โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD):** หายใจลำบาก มักเกิดจากการสูบบุหรี่ เลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า **ป้องกันได้นะ! ด้วยวิธีง่ายๆเหล่านี้** * **กินดีอยู่ดี:** เน้นผักผลไม้ ลดอาหารมัน เค็ม หวาน * **ออกกำลังกายสม่ำเสมอ:** อย่างน้อย 30 นาที ต่อวัน * **หลีกเลี่ยงอบายมุข:** เลิกบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ * **ตรวจสุขภาพประจำปี:** รู้เท่าทันสุขภาพตัวเอง **อย่าปล่อยให้ NCDs มาทำลายสุขภาพของคุณ!** เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่มีสุขภาพดีและยืนยาว #NCDs #โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง #สุขภาพดี #สุขภาพ #ดูแลตัวเอง #พลังZeeds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 471 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨 รู้ไหม? กระเทียมคือยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติที่ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองได้! 🧄

    เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกพบบ่อยในผู้ชายวัย 40+ เพราะพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารไม่ดี ส่งผลให้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งกีดขวาง 😱
    .
    แต่มีวิธีง่ายๆ เพื่อสุขภาพดี แค่ทานกระเทียมเป็นประจำ! เพราะกระเทียมช่วยสลายไขมันในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด 💪
    .
    คุณล่ะ ทานกระเทียมวันละกี่กลีบ? แชร์เคล็ดลับกันหน่อย! 🤔
    .
    #สุขภาพดี #กระเทียมเพื่อสุขภาพ #อาหารเป็นยา #สมุนไพรไทย #รักษาสุขภาพ
    🚨 รู้ไหม? กระเทียมคือยาอายุวัฒนะจากธรรมชาติที่ช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองได้! 🧄 เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกพบบ่อยในผู้ชายวัย 40+ เพราะพฤติกรรมเสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารไม่ดี ส่งผลให้ไขมันอุดตันในเส้นเลือด เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งกีดขวาง 😱 . แต่มีวิธีง่ายๆ เพื่อสุขภาพดี แค่ทานกระเทียมเป็นประจำ! เพราะกระเทียมช่วยสลายไขมันในเส้นเลือด ลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด 💪 . คุณล่ะ ทานกระเทียมวันละกี่กลีบ? แชร์เคล็ดลับกันหน่อย! 🤔 . #สุขภาพดี #กระเทียมเพื่อสุขภาพ #อาหารเป็นยา #สมุนไพรไทย #รักษาสุขภาพ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • 🛡️ **หมดห่วงทุกค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพ**
    - ค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่ายสูงสุดตามแผน
    - ครอบคลุมทั้งโรคร้ายแรง อุบัติเหตุ และการรักษาทั่วไป
    - ไม่ต้องสำรองจ่าย โรงพยาบาลในเครือข่ายทั่วประเทศ

    ✨ **ยืดหยุ่น เลือกได้ตามความต้องการของคุณ**
    - วงเงินคุ้มครองสูงสุดที่ปรับได้ตามไลฟ์สไตล์
    - แผนที่เหมาะกับทุกวัย ทั้งคนโสด ครอบครัว หรือผู้สูงอายุ

    💡 **จุดเด่นที่ทำให้คุณอุ่นใจ**
    - บริการรวดเร็ว เคลมง่าย ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก
    - เบี้ยประกันเริ่มต้นในราคาที่เข้าถึงได้

    💬 **ให้คำปรึกษาฟรี!** คลิกเพื่อหาแผนที่ใช่สำหรับคุณ
    🌐 FB Page: Fiamony
    📩 Line ID: @fiamony
    📩 แชทได้เลย: https://lin.ee/lXOjzTj
    ☎️ โทร 081-323-8168

    **เพราะสุขภาพดีต้องมาพร้อมความคุ้มครองที่ดี
    ให้เราเป็นตัวช่วยในทุกจังหวะชีวิตของคุณ**

    #fiamony | #AllianzAyudhya | #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต
    #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย | #ซื้อประกันออนไลน์
    #ประกันออนไลน์ | #ประกันชีวิต | #ประกันสุขภาพ
    #ประกันสุขภาพเด็ก | #ซื้อประกันสุขภาพ #เหมาจ่าย
    🛡️ **หมดห่วงทุกค่าใช้จ่ายเรื่องสุขภาพ** - ค่ารักษาพยาบาลเหมาจ่ายสูงสุดตามแผน - ครอบคลุมทั้งโรคร้ายแรง อุบัติเหตุ และการรักษาทั่วไป - ไม่ต้องสำรองจ่าย โรงพยาบาลในเครือข่ายทั่วประเทศ ✨ **ยืดหยุ่น เลือกได้ตามความต้องการของคุณ** - วงเงินคุ้มครองสูงสุดที่ปรับได้ตามไลฟ์สไตล์ - แผนที่เหมาะกับทุกวัย ทั้งคนโสด ครอบครัว หรือผู้สูงอายุ 💡 **จุดเด่นที่ทำให้คุณอุ่นใจ** - บริการรวดเร็ว เคลมง่าย ไม่มีขั้นตอนยุ่งยาก - เบี้ยประกันเริ่มต้นในราคาที่เข้าถึงได้ 💬 **ให้คำปรึกษาฟรี!** คลิกเพื่อหาแผนที่ใช่สำหรับคุณ 🌐 FB Page: Fiamony 📩 Line ID: @fiamony 📩 แชทได้เลย: https://lin.ee/lXOjzTj ☎️ โทร 081-323-8168 **เพราะสุขภาพดีต้องมาพร้อมความคุ้มครองที่ดี ให้เราเป็นตัวช่วยในทุกจังหวะชีวิตของคุณ** #fiamony | #AllianzAyudhya | #อลิอันซ์อยุธยาประกันชีวิต #ประกันสุขภาพเหมาจ่าย | #ซื้อประกันออนไลน์ #ประกันออนไลน์ | #ประกันชีวิต | #ประกันสุขภาพ #ประกันสุขภาพเด็ก | #ซื้อประกันสุขภาพ #เหมาจ่าย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨 รู้หรือไม่? ผู้ชายวัย 40+ มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า ที่จะเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก! 🧠

    สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่รักสุขภาพทุกคน 👋 วันนี้เรามาคุยกันเรื่องภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ กันดีกว่า
    .
    เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ชายวัย 40 ขึ้นไป สาเหตุหลักๆ มาจากไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะพวกไขมันเลวที่สะสมในเส้นเลือด 😱
    .
    เปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ แต่ไม่ต้องกลัวไป! เรามีวิธีป้องกันง่ายๆ แค่:
    - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 💪
    - กินอาหารแบบพอดีๆ ไม่เผ็ด เค็ม หวาน มัน จนเกินไป
    - ทานกระเทียมเป็นตัวช่วยธรรมชาติ 🧄
    .
    เพื่อนๆ คิดว่าไง? มีใครเคยมีญาติหรือคนรู้จักเป็นโรคนี้บ้างไหม? แชร์ประสบการณ์กันหน่อย! 🤔
    .
    ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์ แชร์ และติดตามเพจเราด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดสาระดีๆ แบบนี้ 🙏
    .
    #สุขภาพดี #โรคหลอดเลือดสมอง #ความรู้สุขภาพ #รักษาสุขภาพ #ป้องกันโรค
    🚨 รู้หรือไม่? ผู้ชายวัย 40+ มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า ที่จะเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือแตก! 🧠 สวัสดีครับเพื่อนๆ ที่รักสุขภาพทุกคน 👋 วันนี้เรามาคุยกันเรื่องภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนไทยเป็นอันดับต้นๆ กันดีกว่า . เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกเป็นปัญหาที่พบบ่อยในผู้ชายวัย 40 ขึ้นไป สาเหตุหลักๆ มาจากไลฟ์สไตล์ที่เสี่ยง ทั้งดื่มเหล้า สูบบุหรี่ กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ โดยเฉพาะพวกไขมันเลวที่สะสมในเส้นเลือด 😱 . เปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ ก็เหมือนท่อน้ำที่มีสิ่งอุดตัน ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ แต่ไม่ต้องกลัวไป! เรามีวิธีป้องกันง่ายๆ แค่: - ออกกำลังกายสม่ำเสมอ 💪 - กินอาหารแบบพอดีๆ ไม่เผ็ด เค็ม หวาน มัน จนเกินไป - ทานกระเทียมเป็นตัวช่วยธรรมชาติ 🧄 . เพื่อนๆ คิดว่าไง? มีใครเคยมีญาติหรือคนรู้จักเป็นโรคนี้บ้างไหม? แชร์ประสบการณ์กันหน่อย! 🤔 . ถ้าชอบบทความนี้ อย่าลืมกดไลค์ แชร์ และติดตามเพจเราด้วยนะคะ จะได้ไม่พลาดสาระดีๆ แบบนี้ 🙏 . #สุขภาพดี #โรคหลอดเลือดสมอง #ความรู้สุขภาพ #รักษาสุขภาพ #ป้องกันโรค
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • Kombucha ที่หมัก F2 (การหมักครั้งที่สอง)
    ด้วยชาพาสชั่นฟรุต และพีช มีประโยชน์หลายประการ ดังนี้:

    1. **เพิ่มรสชาติ**: การเติมชาพาสชั่นฟรุตและพีชในขั้นตอน F2 ช่วยเพิ่มรสชาติที่หลากหลายและน่าดึงดูด ทำให้ Kombucha มีรสหวานอมเปรี้ยวพร้อมกลิ่นผลไม้สดชื่น
    2. **เพิ่มสารอาหาร**: ชาพาสชั่นฟรุตและพีชอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยเสริมคุณค่าทางโภชนาการของ Kombucha
    3. **ช่วยระบบย่อยอาหาร**: Kombucha มีโปรไบโอติกที่ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
    4. **เสริมภูมิคุ้มกัน**: สารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินจากชาพาสชั่นฟรุตและพีชช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
    5. **ดีท็อกซ์ร่างกาย**: Kombucha ช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย และการเติมชาพาสชั่นฟรุตและพีชยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการนี้
    6. **ลดความเครียด**: ชาพาสชั่นฟรุตมีคุณสมบัติช่วยคลายความเครียดและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย
    7. **เพิ่มพลังงาน**: Kombucha มีวิตามินบีและคาเฟอีนจากชาที่ช่วยเพิ่มพลังงานและความตื่นตัว
    8. **ดีต่อผิวพรรณ**: สารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีจากพีชและชาพาสชั่นฟรุตช่วยบำรุงผิวให้สุขภาพดี


    สรุปแล้ว Kombucha ที่หมัก F2 ด้วยชาพาสชั่นฟรุตและพีชไม่เพียงแต่มีรสชาติที่ดี แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ทั้งระบบย่อยอาหาร ภูมิคุ้มกัน และผิวพรรณ

    https://s.shopee.co.th/1g3sU0Y2KZ
    Kombucha ที่หมัก F2 (การหมักครั้งที่สอง) ด้วยชาพาสชั่นฟรุต และพีช มีประโยชน์หลายประการ ดังนี้: 1. **เพิ่มรสชาติ**: การเติมชาพาสชั่นฟรุตและพีชในขั้นตอน F2 ช่วยเพิ่มรสชาติที่หลากหลายและน่าดึงดูด ทำให้ Kombucha มีรสหวานอมเปรี้ยวพร้อมกลิ่นผลไม้สดชื่น 2. **เพิ่มสารอาหาร**: ชาพาสชั่นฟรุตและพีชอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งช่วยเสริมคุณค่าทางโภชนาการของ Kombucha 3. **ช่วยระบบย่อยอาหาร**: Kombucha มีโปรไบโอติกที่ช่วยปรับสมดุลของแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น 4. **เสริมภูมิคุ้มกัน**: สารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินจากชาพาสชั่นฟรุตและพีชช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย 5. **ดีท็อกซ์ร่างกาย**: Kombucha ช่วยในการขับสารพิษออกจากร่างกาย และการเติมชาพาสชั่นฟรุตและพีชยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการนี้ 6. **ลดความเครียด**: ชาพาสชั่นฟรุตมีคุณสมบัติช่วยคลายความเครียดและทำให้รู้สึกผ่อนคลาย 7. **เพิ่มพลังงาน**: Kombucha มีวิตามินบีและคาเฟอีนจากชาที่ช่วยเพิ่มพลังงานและความตื่นตัว 8. **ดีต่อผิวพรรณ**: สารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีจากพีชและชาพาสชั่นฟรุตช่วยบำรุงผิวให้สุขภาพดี สรุปแล้ว Kombucha ที่หมัก F2 ด้วยชาพาสชั่นฟรุตและพีชไม่เพียงแต่มีรสชาติที่ดี แต่ยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ทั้งระบบย่อยอาหาร ภูมิคุ้มกัน และผิวพรรณ https://s.shopee.co.th/1g3sU0Y2KZ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 300 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔹 วิธีตัดสินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลของกรรมเก่าหรือกรรมใหม่?

    ในพุทธศาสนา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์ ล้วนเป็นผลของกรรมทั้งสิ้น แต่จะแยกออกเป็นกรรมเก่า (อดีต) และกรรมใหม่ (ปัจจุบัน) ซึ่งสามารถจำแนกได้ตามเกณฑ์ดังนี้:


    ---

    1️⃣ กรรมเก่า (กรรมจากอดีตชาติหรือต้นทุนชีวิตที่เลือกไม่ได้)

    ✅ เกิดขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมได้
    ✅ เป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้ตั้งแต่เกิด
    ✅ เป็นเงื่อนไขพื้นฐานของชีวิตเรา

    🔹 ตัวอย่างของกรรมเก่า

    เกิดมามีร่างกายเป็นมนุษย์ (ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เทวดา)

    เกิดมาในครอบครัวฐานะดี หรือยากจน

    เกิดมาในประเทศหนึ่ง ไม่ใช่อีกประเทศหนึ่ง

    เกิดมามีลักษณะร่างกายแบบนี้ (สูง/ต่ำ ผิวพรรณดี/ไม่ดี)

    บางครั้งโชคดีแบบคาดไม่ถึง หรือโชคร้ายแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้


    👉 กรรมเก่าจะส่งผลเป็นเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น

    ได้รับรางวัลใหญ่จากการสุ่มจับฉลาก โดยไม่ได้พยายามอะไร

    ถูกรถชนแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ข้ามถนนถูกต้องแล้ว

    เกิดมามีสุขภาพแข็งแรง หรือมีโรคประจำตัวที่ไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมของตน



    ---

    2️⃣ กรรมใหม่ (การกระทำและเจตนาในปัจจุบัน)

    ✅ เกิดจากความพยายามและการเลือกของตัวเอง
    ✅ เป็นสิ่งที่ควบคุมได้
    ✅ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเจตนาในปัจจุบัน

    🔹 ตัวอย่างของกรรมใหม่

    ตัดสินใจอดทน ไม่ตอบโต้คนที่ด่าหรือทำร้ายเรา → ได้ผลคือ "ใจเบา" และไม่สร้างศัตรู

    ตัดสินใจทำงานหนัก และเก็บเงินอย่างมีวินัย → ได้ผลคือ "รวยขึ้น" จากความพยายามของตัวเอง

    เลือกคบคนดี หรือแวดล้อมตัวเองด้วยสิ่งแวดล้อมที่ดี → ได้ผลคือ "จิตใจสงบ" และมีชีวิตดีขึ้น

    ตัดสินใจมีศีล ไม่ผิดศีลข้อ ๓ (กาเม) → ได้ผลคือ "โล่งใจ" และไม่ต้องรู้สึกผิด

    ฝึกสติ นั่งสมาธิ → ได้ผลคือ "จิตสงบ" และมีปัญญามากขึ้น


    👉 กรรมใหม่เป็นตัวแทรกแซงผลของกรรมเก่าได้ เช่น

    แม้เกิดมาในครอบครัวยากจน (กรรมเก่า) แต่หากขยันทำงาน เก็บเงิน สร้างโอกาสให้ตัวเอง (กรรมใหม่) ก็สามารถร่ำรวยได้

    แม้เกิดมามีร่างกายอ่อนแอ (กรรมเก่า) แต่ดูแลสุขภาพดี ออกกำลังกาย กินอาหารที่ดี (กรรมใหม่) ก็สามารถแข็งแรงขึ้นได้

    แม้เกิดมามีโอกาสน้อย (กรรมเก่า) แต่หมั่นเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง (กรรมใหม่) ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตได้



    ---

    🔹 วิธีตัดสินว่าเป็นกรรมเก่าหรือกรรมใหม่

    📌 ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นควบคุมไม่ได้ → เป็นผลของกรรมเก่า
    📌 ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการกระทำและเจตนา → เป็นผลของกรรมใหม่

    💡 แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ กรรมใหม่สามารถเปลี่ยนผลของกรรมเก่าได้
    💡 อย่าเชื่อว่า "ชีวิตถูกกำหนดแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้" → นี่คือมิจฉาทิฏฐิ
    💡 พุทธศาสนาสอนให้เราลงมือเปลี่ยนชีวิตด้วยกรรมใหม่ที่ดีในปัจจุบัน


    ---

    🔹 สรุป: ทางเลือกที่ชาญฉลาด

    ✅ อย่าโทษกรรมเก่าแล้วปล่อยตัวให้เป็นไปตามยถากรรม
    ✅ ตั้งใจสร้างกรรมใหม่ที่ดี เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเอง
    ✅ แม้กรรมเก่าจะเป็นตัวกำหนด "ต้นทุนชีวิต" แต่กรรมใหม่คือสิ่งที่เราใช้พลิกชีวิตได้

    📌 วันนี้คุณเลือกสร้างกรรมใหม่แบบไหน?
    ✨ กรรมดีที่พาตัวเองไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น หรือ
    🔥 กรรมชั่วที่ทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในปัญหาเดิมๆ

    ➡ ทุกอย่างอยู่ที่ "การตัดสินใจในปัจจุบัน" นี่แหละ!

    🔹 วิธีตัดสินว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลของกรรมเก่าหรือกรรมใหม่? ในพุทธศาสนา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะเป็นสุขหรือทุกข์ ล้วนเป็นผลของกรรมทั้งสิ้น แต่จะแยกออกเป็นกรรมเก่า (อดีต) และกรรมใหม่ (ปัจจุบัน) ซึ่งสามารถจำแนกได้ตามเกณฑ์ดังนี้: --- 1️⃣ กรรมเก่า (กรรมจากอดีตชาติหรือต้นทุนชีวิตที่เลือกไม่ได้) ✅ เกิดขึ้นโดยไม่สามารถควบคุมได้ ✅ เป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้ตั้งแต่เกิด ✅ เป็นเงื่อนไขพื้นฐานของชีวิตเรา 🔹 ตัวอย่างของกรรมเก่า เกิดมามีร่างกายเป็นมนุษย์ (ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่เทวดา) เกิดมาในครอบครัวฐานะดี หรือยากจน เกิดมาในประเทศหนึ่ง ไม่ใช่อีกประเทศหนึ่ง เกิดมามีลักษณะร่างกายแบบนี้ (สูง/ต่ำ ผิวพรรณดี/ไม่ดี) บางครั้งโชคดีแบบคาดไม่ถึง หรือโชคร้ายแบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ 👉 กรรมเก่าจะส่งผลเป็นเหตุการณ์ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น ได้รับรางวัลใหญ่จากการสุ่มจับฉลาก โดยไม่ได้พยายามอะไร ถูกรถชนแบบไม่ทันตั้งตัว ทั้งที่ข้ามถนนถูกต้องแล้ว เกิดมามีสุขภาพแข็งแรง หรือมีโรคประจำตัวที่ไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมของตน --- 2️⃣ กรรมใหม่ (การกระทำและเจตนาในปัจจุบัน) ✅ เกิดจากความพยายามและการเลือกของตัวเอง ✅ เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ ✅ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะเจตนาในปัจจุบัน 🔹 ตัวอย่างของกรรมใหม่ ตัดสินใจอดทน ไม่ตอบโต้คนที่ด่าหรือทำร้ายเรา → ได้ผลคือ "ใจเบา" และไม่สร้างศัตรู ตัดสินใจทำงานหนัก และเก็บเงินอย่างมีวินัย → ได้ผลคือ "รวยขึ้น" จากความพยายามของตัวเอง เลือกคบคนดี หรือแวดล้อมตัวเองด้วยสิ่งแวดล้อมที่ดี → ได้ผลคือ "จิตใจสงบ" และมีชีวิตดีขึ้น ตัดสินใจมีศีล ไม่ผิดศีลข้อ ๓ (กาเม) → ได้ผลคือ "โล่งใจ" และไม่ต้องรู้สึกผิด ฝึกสติ นั่งสมาธิ → ได้ผลคือ "จิตสงบ" และมีปัญญามากขึ้น 👉 กรรมใหม่เป็นตัวแทรกแซงผลของกรรมเก่าได้ เช่น แม้เกิดมาในครอบครัวยากจน (กรรมเก่า) แต่หากขยันทำงาน เก็บเงิน สร้างโอกาสให้ตัวเอง (กรรมใหม่) ก็สามารถร่ำรวยได้ แม้เกิดมามีร่างกายอ่อนแอ (กรรมเก่า) แต่ดูแลสุขภาพดี ออกกำลังกาย กินอาหารที่ดี (กรรมใหม่) ก็สามารถแข็งแรงขึ้นได้ แม้เกิดมามีโอกาสน้อย (กรรมเก่า) แต่หมั่นเรียนรู้ พัฒนาตัวเอง (กรรมใหม่) ก็สามารถเปลี่ยนชีวิตได้ --- 🔹 วิธีตัดสินว่าเป็นกรรมเก่าหรือกรรมใหม่ 📌 ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นควบคุมไม่ได้ → เป็นผลของกรรมเก่า 📌 ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นผลจากการกระทำและเจตนา → เป็นผลของกรรมใหม่ 💡 แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือ กรรมใหม่สามารถเปลี่ยนผลของกรรมเก่าได้ 💡 อย่าเชื่อว่า "ชีวิตถูกกำหนดแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้" → นี่คือมิจฉาทิฏฐิ 💡 พุทธศาสนาสอนให้เราลงมือเปลี่ยนชีวิตด้วยกรรมใหม่ที่ดีในปัจจุบัน --- 🔹 สรุป: ทางเลือกที่ชาญฉลาด ✅ อย่าโทษกรรมเก่าแล้วปล่อยตัวให้เป็นไปตามยถากรรม ✅ ตั้งใจสร้างกรรมใหม่ที่ดี เพื่อเปลี่ยนแปลงอนาคตของตัวเอง ✅ แม้กรรมเก่าจะเป็นตัวกำหนด "ต้นทุนชีวิต" แต่กรรมใหม่คือสิ่งที่เราใช้พลิกชีวิตได้ 📌 วันนี้คุณเลือกสร้างกรรมใหม่แบบไหน? ✨ กรรมดีที่พาตัวเองไปสู่ชีวิตที่ดีขึ้น หรือ 🔥 กรรมชั่วที่ทำให้ต้องวนเวียนอยู่ในปัญหาเดิมๆ ➡ ทุกอย่างอยู่ที่ "การตัดสินใจในปัจจุบัน" นี่แหละ!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพื่อนบ้านส่งรูปไทก้ามาบอกว่ายังอยู่ดี ไทก้าชอบนอนในบ้านบนตัวคน ขี้เหงา ดีใจนะที่ไทก้ายังมีสุขภาพดีอยู่กับคนใจดีที่สมาคมชุมชนแมว แต่ระยะหลังนานๆมาหน
    เพื่อนบ้านส่งรูปไทก้ามาบอกว่ายังอยู่ดี ไทก้าชอบนอนในบ้านบนตัวคน ขี้เหงา ดีใจนะที่ไทก้ายังมีสุขภาพดีอยู่กับคนใจดีที่สมาคมชุมชนแมว แต่ระยะหลังนานๆมาหน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • เติมเต็มความมั่นใจ คืนความฟูให้น้องสาว ด้วย Vagi Fill Program ✨💖

    ✔ ลาน้องคล้ำ คืนความกระชับ เติมเต็มเนื้อเยื่อให้น้องสาวดูสุขภาพดี
    ✔ น้องสาวชุ่มชื่น ลดความแห้ง คืนความเนียนนุ่ม สบายตัวขึ้น
    ✔ น้องสาวอิ่มฟู โหนกนูน เสริมความอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ
    ✔ เติมคอลลาเจน ฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ช่วยให้ผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นดูเต่งตึง
    ✔ ปรับรูปทรงน้องสาว ให้ได้สัดส่วน ดูสมดุลขึ้น
    ✔ ไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จแล้วใช้ชีวิตได้ตามปกติ
    ✔ ปลอดภัย ใช้สารเติมเต็มมาตรฐานสูง ไม่เป็นอันตราย
    แค่ดูแลให้ถูกจุด น้องสาวก็กลับมาดูดีได้อีกครั้ง! 💖💫
    .
    สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองคิวใน Comment
    .
    #ตรวจภายใน #Ultrasound #VAGIFILL #สุขภาพ #น้องสาว #ผู้หญิง #ปัญหาสุขภาพ #สูตินรีเวช #หมอสู #DrJim #VagiClinic
    เติมเต็มความมั่นใจ คืนความฟูให้น้องสาว ด้วย Vagi Fill Program ✨💖 ✔ ลาน้องคล้ำ คืนความกระชับ เติมเต็มเนื้อเยื่อให้น้องสาวดูสุขภาพดี ✔ น้องสาวชุ่มชื่น ลดความแห้ง คืนความเนียนนุ่ม สบายตัวขึ้น ✔ น้องสาวอิ่มฟู โหนกนูน เสริมความอวบอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ ✔ เติมคอลลาเจน ฟื้นฟูเนื้อเยื่อ ช่วยให้ผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นดูเต่งตึง ✔ ปรับรูปทรงน้องสาว ให้ได้สัดส่วน ดูสมดุลขึ้น ✔ ไม่ต้องพักฟื้น ทำเสร็จแล้วใช้ชีวิตได้ตามปกติ ✔ ปลอดภัย ใช้สารเติมเต็มมาตรฐานสูง ไม่เป็นอันตราย แค่ดูแลให้ถูกจุด น้องสาวก็กลับมาดูดีได้อีกครั้ง! 💖💫 . สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือสำรองคิวใน Comment . #ตรวจภายใน #Ultrasound #VAGIFILL #สุขภาพ #น้องสาว #ผู้หญิง #ปัญหาสุขภาพ #สูตินรีเวช #หมอสู #DrJim #VagiClinic
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • **สุขภาพดีด้วยกาแฟดำ: เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อคนรักสุขภาพ**
    .
    ทำไมกาแฟดำถึงเป็นตัวช่วยของสายสุขภาพ? เพราะนอกจากช่วยให้ตื่นตัว ยังช่วยลดความหิว เหมาะกับคนที่ไม่กินอาหารเช้า ตามแบบมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ แต่ถ้าคุณกินอาหารเช้าเป็นประจำ การใช้กาแฟดำช่วย จะทำให้ปรับพฤติกรรมได้ง่ายขึ้น
    .
    *ประโยชน์ของกาแฟดำเพื่อสุขภาพดี:*
    ✅ ควบคุมน้ำหนัก ลดความอยากอาหาร
    ✅ เพิ่มพลังงาน พร้อมลุยงานทั้งวัน
    ✅ ลดความเครียด เสริมอารมณ์ดี
    ✅ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดเสี่ยงโรคหัวใจ
    ✅ ช่วยลดความเสี่ยงโรคเกาต์และมะเร็ง
    .
    แล้วคุณล่ะ เคยใช้กาแฟดำเพื่อสุขภาพดีหรือมีเคล็ดลับอะไรบ้าง? คอมเมนต์มาแชร์กันเลย!
    .
    ถ้าชอบบทความนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามเพจด้วยนะ!
    .
    #สุขภาพดี #กาแฟดำ #สายสุขภาพ #ลดน้ำหนัก #เคล็ดลับสุขภาพ
    **สุขภาพดีด้วยกาแฟดำ: เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อคนรักสุขภาพ** . ทำไมกาแฟดำถึงเป็นตัวช่วยของสายสุขภาพ? เพราะนอกจากช่วยให้ตื่นตัว ยังช่วยลดความหิว เหมาะกับคนที่ไม่กินอาหารเช้า ตามแบบมนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ แต่ถ้าคุณกินอาหารเช้าเป็นประจำ การใช้กาแฟดำช่วย จะทำให้ปรับพฤติกรรมได้ง่ายขึ้น . *ประโยชน์ของกาแฟดำเพื่อสุขภาพดี:* ✅ ควบคุมน้ำหนัก ลดความอยากอาหาร ✅ เพิ่มพลังงาน พร้อมลุยงานทั้งวัน ✅ ลดความเครียด เสริมอารมณ์ดี ✅ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดเสี่ยงโรคหัวใจ ✅ ช่วยลดความเสี่ยงโรคเกาต์และมะเร็ง . แล้วคุณล่ะ เคยใช้กาแฟดำเพื่อสุขภาพดีหรือมีเคล็ดลับอะไรบ้าง? คอมเมนต์มาแชร์กันเลย! . ถ้าชอบบทความนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามเพจด้วยนะ! . #สุขภาพดี #กาแฟดำ #สายสุขภาพ #ลดน้ำหนัก #เคล็ดลับสุขภาพ
    Love
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 515 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • **สุขภาพดีด้วยกาแฟดำ: เครื่องดื่มมหัศจรรย์เพื่อคนรักสุขภาพ☕💪**

    เคยสงสัยไหมว่าทำไมกาแฟดำถึงเป็นเครื่องดื่มคู่ใจของสายสุขภาพ? 🧐 เพราะนอกจากจะช่วยให้ตื่นตัวแล้ว ยังมีประโยชน์ดีต่อสุขภาพแบบคาดไม่ถึง โดยเฉพาะสำหรับสาย *Intermittent Fasting* ที่ไม่อยากกินอาหารเช้า
    .
    รู้หรือไม่? มนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ไม่เคยกินอาหารเช้า สมองดึกดำบรรพ์ของเราจึงไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเช้าตามนาฬิกา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่กินอาหารเช้าเป็นประจำและอยากลองปรับพฤติกรรม การใช้ "กาแฟดำ" เป็นตัวช่วย จะทำให้คุณผ่านช่วงเวลาหิวได้ง่ายขึ้น!
    .
    💥 *ประโยชน์สุดปังของกาแฟดำเพื่อสุขภาพดี:*
    ✅ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความอยากอาหาร
    ✅ กระตุ้นพลังงาน สร้างเอเนอร์จี้พร้อมลุยงาน
    ✅ ลดความเครียด ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น
    ✅ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
    ✅ ป้องกันโรคเกาต์ และช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็ง
    .
    แล้วคุณล่ะ เคยใช้ "กาแฟดำ" เป็นตัวช่วยเพื่อสุขภาพดีไหม? หรือมีเคล็ดลับอะไรเด็ดๆ มาแชร์กันบ้าง ☕💬 มาร่วมพูดคุยกันใต้โพสต์เลย! 💖
    .
    ถ้าชอบบทความนี้ ฝากกดไลค์ ❤️ กดแชร์ 📲 และกดติดตามเพจเพื่อไม่พลาดสาระดีๆ นะจ๊ะ 🙏
    .
    #สุขภาพดี #กาแฟดำ #สายสุขภาพ #ลดน้ำหนัก #เคล็ดลับสุขภาพ
    **สุขภาพดีด้วยกาแฟดำ: เครื่องดื่มมหัศจรรย์เพื่อคนรักสุขภาพ☕💪** เคยสงสัยไหมว่าทำไมกาแฟดำถึงเป็นเครื่องดื่มคู่ใจของสายสุขภาพ? 🧐 เพราะนอกจากจะช่วยให้ตื่นตัวแล้ว ยังมีประโยชน์ดีต่อสุขภาพแบบคาดไม่ถึง โดยเฉพาะสำหรับสาย *Intermittent Fasting* ที่ไม่อยากกินอาหารเช้า . รู้หรือไม่? มนุษย์ยุคดึกดำบรรพ์ไม่เคยกินอาหารเช้า สมองดึกดำบรรพ์ของเราจึงไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเช้าตามนาฬิกา แต่ถ้าคุณเป็นคนที่กินอาหารเช้าเป็นประจำและอยากลองปรับพฤติกรรม การใช้ "กาแฟดำ" เป็นตัวช่วย จะทำให้คุณผ่านช่วงเวลาหิวได้ง่ายขึ้น! . 💥 *ประโยชน์สุดปังของกาแฟดำเพื่อสุขภาพดี:* ✅ ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความอยากอาหาร ✅ กระตุ้นพลังงาน สร้างเอเนอร์จี้พร้อมลุยงาน ✅ ลดความเครียด ช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น ✅ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ✅ ป้องกันโรคเกาต์ และช่วยลดโอกาสเกิดมะเร็ง . แล้วคุณล่ะ เคยใช้ "กาแฟดำ" เป็นตัวช่วยเพื่อสุขภาพดีไหม? หรือมีเคล็ดลับอะไรเด็ดๆ มาแชร์กันบ้าง ☕💬 มาร่วมพูดคุยกันใต้โพสต์เลย! 💖 . ถ้าชอบบทความนี้ ฝากกดไลค์ ❤️ กดแชร์ 📲 และกดติดตามเพจเพื่อไม่พลาดสาระดีๆ นะจ๊ะ 🙏 . #สุขภาพดี #กาแฟดำ #สายสุขภาพ #ลดน้ำหนัก #เคล็ดลับสุขภาพ
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • การผลิตเม็ดเลือดแดง (erythropoiesis)

    เกิดขึ้นในไขกระดูกภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนอีริโทรโพอีติน (erythropoietin-EPO) ไฟโบรบลาสต์ระหว่างหลอดไตสร้างอีริโทรโพอีติน เพื่อตอบสนองต่อการส่งออกซิเจน ที่ลดลง (เช่น ในโรคโลหิตจางหรือภาวะขาดออกซิเจน) นอกจากอีริโทรโพอีตินแล้ว การผลิตเม็ดเลือดแดงยังต้องการสารตั้งต้นที่เพียงพอ โดยเฉพาะธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 โฟเลตและฮีม

    เม็ดเลือดแดงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 120 วัน จากนั้นเม็ดเลือดแดงจะสูญเสียเยื่อหุ้มเซลล์และส่วนใหญ่จะถูกกำจัดออกจากระบบไหลเวียนเลือดโดยเซลล์ที่ทำหน้าที่จับกินเซลล์ของม้ามและในตับด้วย ฮีโมโกลบินจะถูกย่อยสลายโดยระบบฮีมออกซิเจเนสเป็นหลัก โดยจะรักษา (และนำกลับมาใช้ใหม่) ของธาตุเหล็ก ย่อยสลายฮีมให้เป็นบิลิรูบินผ่านขั้นตอนของเอนไซม์ชุดหนึ่ง และนำกรดอะมิโนกลับมาใช้ใหม่ การรักษาจำนวนเม็ดเลือดแดงให้คงที่นั้นต้องอาศัยการสร้างเซลล์ใหม่ 1/120 เซลล์ทุกวัน และเม็ดเลือดแดงผลิตได้เฉลี่ยนาทีละ 25 ล้านเซลล์ เม็ดเลือดแดงที่ยังไม่โตเต็มที่ (เรติคิวโลไซต์-reticulocytes) จะถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องและคิดเป็น 0.5 ถึง 2.5% ของประชากรเม็ดเลือดแดงรอบนอกในผู้ใหญ่

    เมื่ออายุมากขึ้น ระดับฮีโมโกลบินและฮีมาโตคริต (Hct) จะลดลงเล็กน้อยแต่ไม่ต่ำกว่าค่าปกติ ในผู้หญิงที่มีประจำเดือน สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของระดับเม็ดเลือดแดงต่ำคือการขาดธาตุเหล็กเนื่องจากการเสียเลือดเรื้อรังอันเป็นผลจากการมีประจำเดือน

    ธาตุเหล็กมีมากในอาหารดังต่อไปนี้

    หอย

    หอยเป็นอาหารที่มีรสชาติดีและมีคุณค่าทางโภชนาการ หอยทุกชนิดมีธาตุเหล็กสูง แต่หอยตลับ หอยนางรม และหอยแมลงภู่เป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดีโดยเฉพาะ

    ตัวอย่างเช่น หอยตลับ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) อาจมีธาตุเหล็กสูงถึง 3 มก. ซึ่งคิดเป็น 17% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    อย่างไรก็ตาม ปริมาณธาตุเหล็กในหอยตลับนั้นผันผวนมาก และหอยตลับบางชนิดอาจมีธาตุเหล็กน้อยกว่ามาก

    ธาตุเหล็กในหอยตลับคือธาตุเหล็กในรูปแบบฮีม ซึ่งร่างกายดูดซึมได้ง่ายกว่าธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีมซึ่งพบในพืช

    ในความเป็นจริง หอยเป็นแหล่งที่ดีของกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ที่ดีต่อหัวใจ

    EPA และ FDA แนะนำให้กินอาหารทะเล 2 ถึง 3 จานต่อสัปดาห์จากรายการ "ทางเลือกที่ดีที่สุด" ซึ่งรวมถึงหอยเช่น หอยตลับ หอยนางรม และหอยเชลล์

    ผักโขม

    มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายแต่มีแคลอรี่น้อยมาก

    ผักโขมดิบประมาณ 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) มีธาตุเหล็ก 2.7 มก. หรือ 15% ของ DV ( คำแนะนำการบริโภคต่อวัน)
    แม้ว่านี่จะเป็นธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีมซึ่งดูดซึมได้ไม่ดีนัก แต่ผักโขมก็อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากวิตามินซีช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างมาก

    ผักโขมยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าแคโรทีนอยด์ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็ง ลดการอักเสบ และปกป้องดวงตาของคุณจากโรคต่างๆ

    การรับประทานผักโขมและผักใบเขียวอื่นๆ ที่มีไขมันจะช่วยให้ร่างกายดูดซับแคโรทีนอยด์ได้ ดังนั้นอย่าลืมรับประทานไขมันที่มีประโยชน์ เช่น น้ำมันมะกอกกับผักโขม

    ตับและเครื่องในอื่นๆ

    มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ประเภทที่นิยมรับประทาน ได้แก่ ตับ ไต สมอง และหัวใจ ซึ่งล้วนมีธาตุเหล็กสูง

    ตัวอย่างเช่น ตับวัว 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) มีธาตุเหล็ก 6.5 มก. หรือ 36% ของ DV

    เครื่องในสัตว์ยังมีโปรตีนสูงและอุดมไปด้วยวิตามินบี ทองแดง และซีลีเนียม

    ตับมีวิตามินเอสูงเป็นพิเศษ โดยให้มากถึง 1,049% ของ DV ต่อ 3.5 ออนซ์

    ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องในสัตว์ยังเป็นแหล่งโคลีนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับสุขภาพสมองและตับที่หลายคนไม่ได้รับอย่างเพียงพอ

    พืชตระกูลถั่วเป็นแหล่งธาตุเหล็กชั้นดี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ ถั่วเลนทิลปรุงสุก 1 ถ้วย (198 กรัม) มีธาตุเหล็ก 6.6 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็น 37% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    ถั่ว

    ถั่วดำ ถั่วเนวี่ และถั่วแดง ล้วนช่วยเพิ่มปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายได้รับได้อย่างง่ายดาย

    ถั่วดำปรุงสุก 1 ถ้วย (86 กรัม) มีธาตุเหล็กประมาณ 1.8 มิลลิกรัม หรือคิดเป็น 10% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    พืชตระกูลถั่วยังเป็นแหล่งโฟเลต แมกนีเซียม และโพแทสเซียมที่ดีอีกด้วย

    นอกจากนี้ การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าถั่วและพืชตระกูลถั่วชนิดอื่นๆ สามารถลดการอักเสบในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ พืชตระกูลถั่วยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจสำหรับผู้ที่มีอาการเมตาบอลิกซินโดรมได้อีกด้วย

    นอกจากนี้ พืชตระกูลถั่วยังช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ดี พืชตระกูลถั่วมีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้สูงมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่ม ลดการบริโภคแคลอรี่ และส่งเสริมแบคทีเรียในลำไส้ที่มีสุขภาพดี ซึ่งส่งผลต่อน้ำหนัก การอักเสบ และความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง

    แต่มีข้อควรระวังคือ ถั่วทุกชนิดนำไปสู่กรดไหลย้อน

    เนื้อแดง

    มีคุณค่าทางโภชนาการและน่าพอใจ เนื้อบด 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) มีธาตุเหล็ก 2.7 มก. ซึ่งคิดเป็น 15% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    เนื้อสัตว์ยังอุดมไปด้วยโปรตีน สังกะสี ซีลีเนียม และวิตามินบีหลายชนิด

    นักวิจัยแนะนำว่าผู้ที่กินเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และปลาเป็นประจำอาจมีแนวโน้มขาดธาตุเหล็กน้อยลง

    ในความเป็นจริง เนื้อแดงอาจเป็นแหล่งธาตุเหล็กฮีมที่หาได้ง่ายที่สุด จึงอาจทำให้เนื้อแดงเป็นอาหารสำคัญสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคโลหิตจางได้

    การวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่กินเนื้อแดงน้อยกว่า 2 ออนซ์ต่อวัน มีแนวโน้มที่จะได้รับสังกะสี ธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 โพแทสเซียม และวิตามินดีไม่เพียงพอมากกว่าผู้หญิงที่กินเนื้อแดง 2 ถึง 3 ออนซ์ต่อวัน

    เมล็ดฟักทอง

    เป็นอาหารว่างที่อร่อยและพกพาสะดวก

    เมล็ดฟักทอง 1 ออนซ์ (28 กรัม) มีธาตุเหล็ก 2.5 มก. ซึ่งคิดเป็น 14% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    นอกจากนี้ เมล็ดฟักทองยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินเค สังกะสี และแมงกานีส นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งแมกนีเซียมที่ดีที่สุดอีกด้วย ซึ่งเป็นภาวะขาดแคลนอาหารที่พบบ่อย

    เมล็ดฟักทอง 1 ออนซ์ (28 กรัม) มีแมกนีเซียม 40% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการดื้อต่ออินซูลิน เบาหวาน และภาวะซึมเศร้า

    บรอกโคลี

    มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก บรอกโคลีปรุงสุก 1 ถ้วย (156 กรัม) มีธาตุเหล็ก 1 มก. ซึ่งคิดเป็น 6% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
    นอกจากนี้ บร็อคโคลี 1 มื้อยังมีวิตามินซี 112% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น

    ปริมาณที่รับประทานเท่ากันนี้ยังมีโฟเลตสูงและมีไฟเบอร์ 5 กรัม รวมถึงวิตามินเคอีกด้วย บร็อคโคลีเป็นสมาชิกของตระกูลผักตระกูลกะหล่ำ ซึ่งรวมถึงกะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์ คะน้า และกะหล่ำปลี

    ผักตระกูลกะหล่ำมีอินโดล ซัลโฟราเฟน และกลูโคซิโนเลต ซึ่งเป็นสารประกอบจากพืชที่เชื่อว่าช่วยป้องกันมะเร็ง

    โกโก้และช็อกโกแลตดำ

    มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างมีนัยสำคัญคล้ายกับสารสกัดจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และเชอร์รี่

    การศึกษายังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า โกโก้และช็อกโกแลตมีผลดีต่อคอเลสเตอรอลและอาจช่วยลดความเสี่ยงของอาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง

    อย่างไรก็ตาม โกโก้และช็อกโกแลตไม่ได้ถูกผลิตมาเท่าเทียมกันทั้งหมด เชื่อกันว่าสารประกอบที่เรียกว่าฟลาโวนอลเป็นสารที่รับผิดชอบต่อประโยชน์ของพวกเขาและปริมาณฟลาโวนอลในช็อกโกแลตดำสูงกว่าช็อกโกแลตนมมาก

    ดังนั้น จึงควรบริโภคช็อกโกแลตที่มีโกโก้เป็นส่วนผสมอย่างน้อย 70% เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด

    ปลา

    เป็นส่วนผสมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และปลาบางชนิด เช่น ปลาทูน่า มีธาตุเหล็กสูงเป็นพิเศษ

    อันที่จริง ปลาทูน่ากระป๋อง 3 ออนซ์ (85 กรัม) มีธาตุเหล็กประมาณ 1.4 มก. ซึ่งคิดเป็นประมาณ 8% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน

    ปลาอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันดีต่อหัวใจชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรดไขมันโอเมก้า 3 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าส่งเสริมสุขภาพสมอง เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และสนับสนุนการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่แข็งแรง

    นอกจากปลาทูน่าแล้ว ปลาแฮดด็อก ปลาแมคเคอเรล และปลาซาร์ดีนแล้ว ยังมีปลาอีกไม่กี่ชนิดที่มีธาตุเหล็กสูงซึ่งคุณสามารถนำมารับประทานได้

    วิตามินบี 12

    วิตามินบี 12 (ไซยาโนโคบาลามิน) เป็นวิตามินที่มีความสำคัญเกี่ยวกับระบบประสาท หากขาดจะเกิดอาการโลหิตจางได้ มีขนาดเม็ดเลือดแดงโตกว่าปกติ พบในกลุ่มเนื้อสัตว์ ไข่แดง โยเกิร์ต

    ปริมาณที่ควรได้รับ

    วัยเด็ก 4-8 ปี 1.2 ไมโครกรัมต่อวัน
    วัยรุ่น 9-12 ปี 1.8 ไมโครกรัมต่อวัน
    วัยรุ่น 13-18 ปี 2.4 ไมโครกรัมต่อวัน
    วัยผู้ใหญ่ 19-71 ปี 2.4 ไมโครกรัมต่อวัน
    โฟเลตหรือกรดโฟลิก ( Folic acid)

    โฟเลตหรือกรดโฟลิกหรือวิตามินบี 9 เป็นสารอาหารที่หาง่าย สามารถพบได้ใน ผักสดใบเขียว คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักปวยเล้ง บล็อกโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วลิสง ส้ม มะนาว มะเขือเทศ อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ลูกเดือย

    โฟเลตเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและขับออกทางปัสสาวะ

    โฟเลตกับความจำเป็นในชีวิตวัยต่างๆ

    -หญิงสาว โฟลิกจะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยทดแทนการสูญเสียเลือดในแต่ละเดือน ช่วยบำรุงผิวพรรณและสุขภาพช่วยชะลอให้ผมขาวช้าลงเมื่อรับประทานร่วมกับพาบาและวิตามินบี และยังพบว่ามีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในสตรีอีกด้วย

    -หญิงตั้งครรภ์ นอกจากช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงเพื่อการเจริญของลูกในครรภ์และเตรียมสำรองเลือดเผื่อไว้ตอนคลอดแล้ว โฟลิกยังช่วยการสร้างเนื้อเยื่อของลูกในครรภ์ สร้างเซลล์ประสาทสมองช่วยลดความพิการแต่กำเนิด ช่วยความฉลาดและเชาว์ปัญญาของลูกที่จะเกิดมาและยังช่วยในการสร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร

    -โฟเลตในเด็กทารก ช่วยสร้างความเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง เป็นตัวการสำคัญในการสร้างกรดนิวคลิอิก ซึ่งจำเป็นสำหรับขั้นตอนในการเจริญเติบโตของร่างกายและสร้างเซลล์ทั้งหลายให้กับร่างกายอย่างถูกต้องและเหมาะสมรวมถึงสีผิวของทารก

    สร้างภูมิต้านทานโรคในต่อมไธมัสให้แก่ทารกแรกเกิด และเด็กเล็ก
    -ทุกเพศทุกวัย โฟเลตจะช่วยการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายใช้น้ำตาล และกรดอะมิโนผ่านทางขบวนการระดับเซลล์ป้องกันเบาหวาน

    -ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง โดยไปช่วยไขกระดูกให้ผลิตเม็ดเลือดแดง

    - กระตุ้นการผลิตกรดไฮโดรคลอริกซึ่งช่วยในการป้องกันเชื้อก่อโรคในลำไส้และป้องกันอาหารเป็นพิษ

    -ช่วยในการปฏิบัติหน้าที่ของตับให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    -ทำหน้าที่คล้ายน้ำย่อยทำงานร่วมกับวิตามินบี 12 และวิตามินซี เผาผลาญโปรตีนและใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่

    -กระตุ้นถุงน้ำดีให้บีบตัวแรงขึ้น เพิ่มพลังผลิตน้ำดี ทำให้การย่อยไขมันและการดูดซึมไขมันดีขึ้น โดยเฉพาะกรดไขมันที่จำเป็นและวิตามินเอ ดี อี เค

    -ทำให้เจริญอาหารมากขึ้น ในรายที่รู้สึกเบื่ออาหาร

    -โฟเลตสามารถช่วยป้องกันหัวใจได้หลายวิธี ประการแรก โฟเลตสามารถช่วยลดสามารถช่วยลดปัจจัยเสี่ยงจากโรคหัวใจ และอันตรายจากโคเลสเตอรอล และโฮโมซิสเทอีน ซึ่งทั้งสองชนิดสามารถทำลายหลอดเลือดหัวใจได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดการปวดหน้าอก และลดอัตราการตายลงด้วย

    ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำสำหรับเม็ดเลือดแดง

    น้ำปั่นป๋า
    โกโก้ป๋า
    Glap
    Whole c

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    การผลิตเม็ดเลือดแดง (erythropoiesis) เกิดขึ้นในไขกระดูกภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนอีริโทรโพอีติน (erythropoietin-EPO) ไฟโบรบลาสต์ระหว่างหลอดไตสร้างอีริโทรโพอีติน เพื่อตอบสนองต่อการส่งออกซิเจน ที่ลดลง (เช่น ในโรคโลหิตจางหรือภาวะขาดออกซิเจน) นอกจากอีริโทรโพอีตินแล้ว การผลิตเม็ดเลือดแดงยังต้องการสารตั้งต้นที่เพียงพอ โดยเฉพาะธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 โฟเลตและฮีม เม็ดเลือดแดงสามารถมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 120 วัน จากนั้นเม็ดเลือดแดงจะสูญเสียเยื่อหุ้มเซลล์และส่วนใหญ่จะถูกกำจัดออกจากระบบไหลเวียนเลือดโดยเซลล์ที่ทำหน้าที่จับกินเซลล์ของม้ามและในตับด้วย ฮีโมโกลบินจะถูกย่อยสลายโดยระบบฮีมออกซิเจเนสเป็นหลัก โดยจะรักษา (และนำกลับมาใช้ใหม่) ของธาตุเหล็ก ย่อยสลายฮีมให้เป็นบิลิรูบินผ่านขั้นตอนของเอนไซม์ชุดหนึ่ง และนำกรดอะมิโนกลับมาใช้ใหม่ การรักษาจำนวนเม็ดเลือดแดงให้คงที่นั้นต้องอาศัยการสร้างเซลล์ใหม่ 1/120 เซลล์ทุกวัน และเม็ดเลือดแดงผลิตได้เฉลี่ยนาทีละ 25 ล้านเซลล์ เม็ดเลือดแดงที่ยังไม่โตเต็มที่ (เรติคิวโลไซต์-reticulocytes) จะถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องและคิดเป็น 0.5 ถึง 2.5% ของประชากรเม็ดเลือดแดงรอบนอกในผู้ใหญ่ เมื่ออายุมากขึ้น ระดับฮีโมโกลบินและฮีมาโตคริต (Hct) จะลดลงเล็กน้อยแต่ไม่ต่ำกว่าค่าปกติ ในผู้หญิงที่มีประจำเดือน สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของระดับเม็ดเลือดแดงต่ำคือการขาดธาตุเหล็กเนื่องจากการเสียเลือดเรื้อรังอันเป็นผลจากการมีประจำเดือน ธาตุเหล็กมีมากในอาหารดังต่อไปนี้ หอย หอยเป็นอาหารที่มีรสชาติดีและมีคุณค่าทางโภชนาการ หอยทุกชนิดมีธาตุเหล็กสูง แต่หอยตลับ หอยนางรม และหอยแมลงภู่เป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดีโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่น หอยตลับ 100 กรัม (3.5 ออนซ์) อาจมีธาตุเหล็กสูงถึง 3 มก. ซึ่งคิดเป็น 17% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน อย่างไรก็ตาม ปริมาณธาตุเหล็กในหอยตลับนั้นผันผวนมาก และหอยตลับบางชนิดอาจมีธาตุเหล็กน้อยกว่ามาก ธาตุเหล็กในหอยตลับคือธาตุเหล็กในรูปแบบฮีม ซึ่งร่างกายดูดซึมได้ง่ายกว่าธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีมซึ่งพบในพืช ในความเป็นจริง หอยเป็นแหล่งที่ดีของกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถเพิ่มระดับไขมันดี (HDL) ที่ดีต่อหัวใจ EPA และ FDA แนะนำให้กินอาหารทะเล 2 ถึง 3 จานต่อสัปดาห์จากรายการ "ทางเลือกที่ดีที่สุด" ซึ่งรวมถึงหอยเช่น หอยตลับ หอยนางรม และหอยเชลล์ ผักโขม มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมายแต่มีแคลอรี่น้อยมาก ผักโขมดิบประมาณ 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) มีธาตุเหล็ก 2.7 มก. หรือ 15% ของ DV ( คำแนะนำการบริโภคต่อวัน) แม้ว่านี่จะเป็นธาตุเหล็กที่ไม่ใช่ฮีมซึ่งดูดซึมได้ไม่ดีนัก แต่ผักโขมก็อุดมไปด้วยวิตามินซี ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเนื่องจากวิตามินซีช่วยเพิ่มการดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างมาก ผักโขมยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่าแคโรทีนอยด์ ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็ง ลดการอักเสบ และปกป้องดวงตาของคุณจากโรคต่างๆ การรับประทานผักโขมและผักใบเขียวอื่นๆ ที่มีไขมันจะช่วยให้ร่างกายดูดซับแคโรทีนอยด์ได้ ดังนั้นอย่าลืมรับประทานไขมันที่มีประโยชน์ เช่น น้ำมันมะกอกกับผักโขม ตับและเครื่องในอื่นๆ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ประเภทที่นิยมรับประทาน ได้แก่ ตับ ไต สมอง และหัวใจ ซึ่งล้วนมีธาตุเหล็กสูง ตัวอย่างเช่น ตับวัว 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) มีธาตุเหล็ก 6.5 มก. หรือ 36% ของ DV เครื่องในสัตว์ยังมีโปรตีนสูงและอุดมไปด้วยวิตามินบี ทองแดง และซีลีเนียม ตับมีวิตามินเอสูงเป็นพิเศษ โดยให้มากถึง 1,049% ของ DV ต่อ 3.5 ออนซ์ ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องในสัตว์ยังเป็นแหล่งโคลีนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญสำหรับสุขภาพสมองและตับที่หลายคนไม่ได้รับอย่างเพียงพอ พืชตระกูลถั่วเป็นแหล่งธาตุเหล็กชั้นดี โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติ ถั่วเลนทิลปรุงสุก 1 ถ้วย (198 กรัม) มีธาตุเหล็ก 6.6 มิลลิกรัม ซึ่งคิดเป็น 37% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ถั่ว ถั่วดำ ถั่วเนวี่ และถั่วแดง ล้วนช่วยเพิ่มปริมาณธาตุเหล็กที่ร่างกายได้รับได้อย่างง่ายดาย ถั่วดำปรุงสุก 1 ถ้วย (86 กรัม) มีธาตุเหล็กประมาณ 1.8 มิลลิกรัม หรือคิดเป็น 10% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน พืชตระกูลถั่วยังเป็นแหล่งโฟเลต แมกนีเซียม และโพแทสเซียมที่ดีอีกด้วย นอกจากนี้ การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าถั่วและพืชตระกูลถั่วชนิดอื่นๆ สามารถลดการอักเสบในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ พืชตระกูลถั่วยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจสำหรับผู้ที่มีอาการเมตาบอลิกซินโดรมได้อีกด้วย นอกจากนี้ พืชตระกูลถั่วยังช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้ดี พืชตระกูลถั่วมีไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้สูงมาก ซึ่งช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่ม ลดการบริโภคแคลอรี่ และส่งเสริมแบคทีเรียในลำไส้ที่มีสุขภาพดี ซึ่งส่งผลต่อน้ำหนัก การอักเสบ และความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง แต่มีข้อควรระวังคือ ถั่วทุกชนิดนำไปสู่กรดไหลย้อน เนื้อแดง มีคุณค่าทางโภชนาการและน่าพอใจ เนื้อบด 3.5 ออนซ์ (100 กรัม) มีธาตุเหล็ก 2.7 มก. ซึ่งคิดเป็น 15% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน เนื้อสัตว์ยังอุดมไปด้วยโปรตีน สังกะสี ซีลีเนียม และวิตามินบีหลายชนิด นักวิจัยแนะนำว่าผู้ที่กินเนื้อสัตว์ สัตว์ปีก และปลาเป็นประจำอาจมีแนวโน้มขาดธาตุเหล็กน้อยลง ในความเป็นจริง เนื้อแดงอาจเป็นแหล่งธาตุเหล็กฮีมที่หาได้ง่ายที่สุด จึงอาจทำให้เนื้อแดงเป็นอาหารสำคัญสำหรับผู้ที่มีแนวโน้มเป็นโรคโลหิตจางได้ การวิจัยแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงที่กินเนื้อแดงน้อยกว่า 2 ออนซ์ต่อวัน มีแนวโน้มที่จะได้รับสังกะสี ธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 โพแทสเซียม และวิตามินดีไม่เพียงพอมากกว่าผู้หญิงที่กินเนื้อแดง 2 ถึง 3 ออนซ์ต่อวัน เมล็ดฟักทอง เป็นอาหารว่างที่อร่อยและพกพาสะดวก เมล็ดฟักทอง 1 ออนซ์ (28 กรัม) มีธาตุเหล็ก 2.5 มก. ซึ่งคิดเป็น 14% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน นอกจากนี้ เมล็ดฟักทองยังเป็นแหล่งที่ดีของวิตามินเค สังกะสี และแมงกานีส นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งแมกนีเซียมที่ดีที่สุดอีกด้วย ซึ่งเป็นภาวะขาดแคลนอาหารที่พบบ่อย เมล็ดฟักทอง 1 ออนซ์ (28 กรัม) มีแมกนีเซียม 40% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อการดื้อต่ออินซูลิน เบาหวาน และภาวะซึมเศร้า บรอกโคลี มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก บรอกโคลีปรุงสุก 1 ถ้วย (156 กรัม) มีธาตุเหล็ก 1 มก. ซึ่งคิดเป็น 6% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน นอกจากนี้ บร็อคโคลี 1 มื้อยังมีวิตามินซี 112% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ซึ่งช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น ปริมาณที่รับประทานเท่ากันนี้ยังมีโฟเลตสูงและมีไฟเบอร์ 5 กรัม รวมถึงวิตามินเคอีกด้วย บร็อคโคลีเป็นสมาชิกของตระกูลผักตระกูลกะหล่ำ ซึ่งรวมถึงกะหล่ำดอก กะหล่ำบรัสเซลส์ คะน้า และกะหล่ำปลี ผักตระกูลกะหล่ำมีอินโดล ซัลโฟราเฟน และกลูโคซิโนเลต ซึ่งเป็นสารประกอบจากพืชที่เชื่อว่าช่วยป้องกันมะเร็ง โกโก้และช็อกโกแลตดำ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างมีนัยสำคัญคล้ายกับสารสกัดจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และเชอร์รี่ การศึกษายังแสดงให้เห็นอีกด้วยว่า โกโก้และช็อกโกแลตมีผลดีต่อคอเลสเตอรอลและอาจช่วยลดความเสี่ยงของอาการหัวใจวายและโรคหลอดเลือดสมอง อย่างไรก็ตาม โกโก้และช็อกโกแลตไม่ได้ถูกผลิตมาเท่าเทียมกันทั้งหมด เชื่อกันว่าสารประกอบที่เรียกว่าฟลาโวนอลเป็นสารที่รับผิดชอบต่อประโยชน์ของพวกเขาและปริมาณฟลาโวนอลในช็อกโกแลตดำสูงกว่าช็อกโกแลตนมมาก ดังนั้น จึงควรบริโภคช็อกโกแลตที่มีโกโก้เป็นส่วนผสมอย่างน้อย 70% เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุด ปลา เป็นส่วนผสมที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และปลาบางชนิด เช่น ปลาทูน่า มีธาตุเหล็กสูงเป็นพิเศษ อันที่จริง ปลาทูน่ากระป๋อง 3 ออนซ์ (85 กรัม) มีธาตุเหล็กประมาณ 1.4 มก. ซึ่งคิดเป็นประมาณ 8% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน ปลาอุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งเป็นไขมันดีต่อหัวใจชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรดไขมันโอเมก้า 3 ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าส่งเสริมสุขภาพสมอง เสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน และสนับสนุนการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่แข็งแรง นอกจากปลาทูน่าแล้ว ปลาแฮดด็อก ปลาแมคเคอเรล และปลาซาร์ดีนแล้ว ยังมีปลาอีกไม่กี่ชนิดที่มีธาตุเหล็กสูงซึ่งคุณสามารถนำมารับประทานได้ วิตามินบี 12 วิตามินบี 12 (ไซยาโนโคบาลามิน) เป็นวิตามินที่มีความสำคัญเกี่ยวกับระบบประสาท หากขาดจะเกิดอาการโลหิตจางได้ มีขนาดเม็ดเลือดแดงโตกว่าปกติ พบในกลุ่มเนื้อสัตว์ ไข่แดง โยเกิร์ต ปริมาณที่ควรได้รับ วัยเด็ก 4-8 ปี 1.2 ไมโครกรัมต่อวัน วัยรุ่น 9-12 ปี 1.8 ไมโครกรัมต่อวัน วัยรุ่น 13-18 ปี 2.4 ไมโครกรัมต่อวัน วัยผู้ใหญ่ 19-71 ปี 2.4 ไมโครกรัมต่อวัน โฟเลตหรือกรดโฟลิก ( Folic acid) โฟเลตหรือกรดโฟลิกหรือวิตามินบี 9 เป็นสารอาหารที่หาง่าย สามารถพบได้ใน ผักสดใบเขียว คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักปวยเล้ง บล็อกโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วลิสง ส้ม มะนาว มะเขือเทศ อะโวคาโด เมล็ดทานตะวัน ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ลูกเดือย โฟเลตเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำและขับออกทางปัสสาวะ โฟเลตกับความจำเป็นในชีวิตวัยต่างๆ -หญิงสาว โฟลิกจะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยทดแทนการสูญเสียเลือดในแต่ละเดือน ช่วยบำรุงผิวพรรณและสุขภาพช่วยชะลอให้ผมขาวช้าลงเมื่อรับประทานร่วมกับพาบาและวิตามินบี และยังพบว่ามีฤทธิ์ลดความดันโลหิตในสตรีอีกด้วย -หญิงตั้งครรภ์ นอกจากช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดงเพื่อการเจริญของลูกในครรภ์และเตรียมสำรองเลือดเผื่อไว้ตอนคลอดแล้ว โฟลิกยังช่วยการสร้างเนื้อเยื่อของลูกในครรภ์ สร้างเซลล์ประสาทสมองช่วยลดความพิการแต่กำเนิด ช่วยความฉลาดและเชาว์ปัญญาของลูกที่จะเกิดมาและยังช่วยในการสร้างน้ำนมของมารดาหลังคลอดบุตร -โฟเลตในเด็กทารก ช่วยสร้างความเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง เป็นตัวการสำคัญในการสร้างกรดนิวคลิอิก ซึ่งจำเป็นสำหรับขั้นตอนในการเจริญเติบโตของร่างกายและสร้างเซลล์ทั้งหลายให้กับร่างกายอย่างถูกต้องและเหมาะสมรวมถึงสีผิวของทารก สร้างภูมิต้านทานโรคในต่อมไธมัสให้แก่ทารกแรกเกิด และเด็กเล็ก -ทุกเพศทุกวัย โฟเลตจะช่วยการทำงานของระบบต่างๆในร่างกาย ช่วยให้ร่างกายใช้น้ำตาล และกรดอะมิโนผ่านทางขบวนการระดับเซลล์ป้องกันเบาหวาน -ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง โดยไปช่วยไขกระดูกให้ผลิตเม็ดเลือดแดง - กระตุ้นการผลิตกรดไฮโดรคลอริกซึ่งช่วยในการป้องกันเชื้อก่อโรคในลำไส้และป้องกันอาหารเป็นพิษ -ช่วยในการปฏิบัติหน้าที่ของตับให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น -ทำหน้าที่คล้ายน้ำย่อยทำงานร่วมกับวิตามินบี 12 และวิตามินซี เผาผลาญโปรตีนและใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ -กระตุ้นถุงน้ำดีให้บีบตัวแรงขึ้น เพิ่มพลังผลิตน้ำดี ทำให้การย่อยไขมันและการดูดซึมไขมันดีขึ้น โดยเฉพาะกรดไขมันที่จำเป็นและวิตามินเอ ดี อี เค -ทำให้เจริญอาหารมากขึ้น ในรายที่รู้สึกเบื่ออาหาร -โฟเลตสามารถช่วยป้องกันหัวใจได้หลายวิธี ประการแรก โฟเลตสามารถช่วยลดสามารถช่วยลดปัจจัยเสี่ยงจากโรคหัวใจ และอันตรายจากโคเลสเตอรอล และโฮโมซิสเทอีน ซึ่งทั้งสองชนิดสามารถทำลายหลอดเลือดหัวใจได้ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการเกิดการปวดหน้าอก และลดอัตราการตายลงด้วย ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำสำหรับเม็ดเลือดแดง น้ำปั่นป๋า โกโก้ป๋า Glap Whole c ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 751 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts