• ไม่ไว้วางใจ อนุทิน-สหรัฐฯ-มาเลเซีย

    กรณีที่สหรัฐอเมริกาขอระงับ (Suspend) การเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ (Agreement on Reciprocal Trade Framework) ชั่วคราว จนกว่าไทยจะกลับมาปฎิบัติตามคำแถลงร่วม (Joint Declaration) ปฎิญญาสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา สร้างความไม่พอใจต่อคนไทยอย่างกว้างขวาง เพราะแม้จะลงนามคำแถลงร่วมไปแล้ว แต่กัมพูชาไม่ปฏิบัติตามและละเมิดเงื่อนไข โดยเฉพาะกรณีที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณห้วยตามาเรีย ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ ทำให้ทหารไทยต้องสูญเสียข้อเท้าขวาเป็นรายที่ 7 ซึ่งพบว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่

    แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย อ้างว่าหนังสือจากรองผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ส่งมาให้ไทย เกิดขึ้นก่อนการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา แต่ไม่อาจคลายความกังวลของคนไทยทั้งประเทศ เพราะเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2025 เข้าข้างและสนับสนุนกัมพูชา อีกทั้งนายอนุทินเรียกร้องแค่ให้กัมพูชาขอโทษต่อคนไทยกรณีทุ่นระเบิดนั้นไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับความสูญเสียในช่วงที่ผ่านมา

    โดยเฉพาะกรณีทหารกัมพูชาใช้เครื่องยิงจรวด BM-21 ยิงใส่เป้าหมายพลเรือนของไทยทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการน้ำมันแบบไม่เลือกหน้า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 32 ราย เป็นผลจากความบ้าคลั่งของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยไร้ความรับผิดชอบอย่างจริงใจ คือต้นเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาขาดสะบั้น สร้างบาดแผลลึกในใจคนไทย ยากที่จะกลับมาไว้วางใจได้อีก

    ข้อตกลงหยุดยิงและปฎิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ตั้งแต่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ฉวยโอกาส ต้องการแสวงหาการยอมรับและความน่าเชื่อถือ โดยทำลายหลักการอาเซียนที่ไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก และความทะเยอทะยานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการรางวัลสันติภาพเพื่อสร้างความยอมรับ แต่ไม่ดูถึงสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา อีกทั้งสันติภาพที่ผู้นำกัมพูชากล่าวเป็นเพียงลมปาก ลับหลังยังคงเป็นภัยคุกคามประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

    นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมที่สำนักข่าวแห่งชาติมาเลเซีย BERNAMA รายงานข่าวว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่า ก่อนอ้างว่าแปลจากภาษามาเลย์ผิด ถูกกัมพูชานำไปขยายผลโจมตีประเทศไทยซ้ำอีก กลายเป็นสถานการณ์ที่คนไทยต่างไม่น่าไว้วางใจทั้งนายกฯ อนุทิน ประธานอาเซียนอย่างอันวาร์ และประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ

    #Newskit
    ไม่ไว้วางใจ อนุทิน-สหรัฐฯ-มาเลเซีย กรณีที่สหรัฐอเมริกาขอระงับ (Suspend) การเจรจากรอบความตกลงการค้าต่างตอบแทนระหว่างไทยกับสหรัฐฯ (Agreement on Reciprocal Trade Framework) ชั่วคราว จนกว่าไทยจะกลับมาปฎิบัติตามคำแถลงร่วม (Joint Declaration) ปฎิญญาสันติภาพระหว่างไทย-กัมพูชา สร้างความไม่พอใจต่อคนไทยอย่างกว้างขวาง เพราะแม้จะลงนามคำแถลงร่วมไปแล้ว แต่กัมพูชาไม่ปฏิบัติตามและละเมิดเงื่อนไข โดยเฉพาะกรณีที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณห้วยตามาเรีย ใกล้ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.ศรีสะเกษ ทำให้ทหารไทยต้องสูญเสียข้อเท้าขวาเป็นรายที่ 7 ซึ่งพบว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย อ้างว่าหนังสือจากรองผู้แทนการค้าของสหรัฐฯ ส่งมาให้ไทย เกิดขึ้นก่อนการพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา แต่ไม่อาจคลายความกังวลของคนไทยทั้งประเทศ เพราะเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปี 2025 เข้าข้างและสนับสนุนกัมพูชา อีกทั้งนายอนุทินเรียกร้องแค่ให้กัมพูชาขอโทษต่อคนไทยกรณีทุ่นระเบิดนั้นไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับความสูญเสียในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีทหารกัมพูชาใช้เครื่องยิงจรวด BM-21 ยิงใส่เป้าหมายพลเรือนของไทยทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการน้ำมันแบบไม่เลือกหน้า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. ประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บ 32 ราย เป็นผลจากความบ้าคลั่งของ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยไร้ความรับผิดชอบอย่างจริงใจ คือต้นเหตุที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาขาดสะบั้น สร้างบาดแผลลึกในใจคนไทย ยากที่จะกลับมาไว้วางใจได้อีก ข้อตกลงหยุดยิงและปฎิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา กลัดกระดุมเม็ดแรกผิด ตั้งแต่นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ฉวยโอกาส ต้องการแสวงหาการยอมรับและความน่าเชื่อถือ โดยทำลายหลักการอาเซียนที่ไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก และความทะเยอทะยานของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการรางวัลสันติภาพเพื่อสร้างความยอมรับ แต่ไม่ดูถึงสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา อีกทั้งสันติภาพที่ผู้นำกัมพูชากล่าวเป็นเพียงลมปาก ลับหลังยังคงเป็นภัยคุกคามประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมที่สำนักข่าวแห่งชาติมาเลเซีย BERNAMA รายงานข่าวว่าเป็นทุ่นระเบิดเก่า ก่อนอ้างว่าแปลจากภาษามาเลย์ผิด ถูกกัมพูชานำไปขยายผลโจมตีประเทศไทยซ้ำอีก กลายเป็นสถานการณ์ที่คนไทยต่างไม่น่าไว้วางใจทั้งนายกฯ อนุทิน ประธานอาเซียนอย่างอันวาร์ และประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 36 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน
    #20251115 #techradar

    SanDisk เปิดตัวแฟลชไดรฟ์ 1TB ขนาดจิ๋ว
    SanDisk ออกแฟลชไดรฟ์ USB-C รุ่นใหม่ Extreme Fit ที่มีความจุสูงสุดถึง 1TB แต่ตัวเล็กมากจนสามารถเสียบติดเครื่องไว้ตลอดเวลาโดยไม่เกะกะ เหมาะกับคนที่ใช้โน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ตบ่อย ๆ ต้องการพื้นที่เพิ่มโดยไม่ต้องพกฮาร์ดดิสก์พกพา ความเร็วอ่านสูงสุด 400MB/s ใกล้เคียง SSD ราคาก็จับต้องได้ เริ่มต้นเพียงสิบกว่าดอลลาร์ ไปจนถึงรุ่นท็อป 1TB ราวร้อยดอลลาร์ ถือเป็นการผสมผสานความสะดวกกับประสิทธิภาพในอุปกรณ์เล็ก ๆ

    PNY ยกเลิกดีล Black Friday สะท้อนวิกฤตวงการชิป
    ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายใหญ่ PNY ประกาศหยุดโปรโมชันลดราคาสินค้าจัดเก็บข้อมูลในช่วง Black Friday เพราะต้นทุน NAND และ DRAM พุ่งสูงขึ้นมากจนกระทบตลาด SSD และแฟลชไดรฟ์ สถานการณ์นี้สะท้อนว่าตลาดหน่วยความจำกำลังตึงตัวอย่างหนัก และอาจทำให้การประกอบคอมพิวเตอร์หรืออัปเกรดเครื่องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นในปีถัดไป

    IBM เปิดตัวชิปควอนตัมใหม่ Nighthawk และ Loon
    IBM ก้าวหน้าอีกขั้นในเส้นทางควอนตัมคอมพิวติ้ง ด้วยการเปิดตัวชิป Nighthawk ที่มี 120 qubits และสามารถทำงานซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม 30% พร้อมชิป Loon ที่ทดลองสถาปัตยกรรมใหม่เพื่อรองรับการแก้ไขข้อผิดพลาดในระดับใหญ่ จุดมุ่งหมายคือการทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้งานได้จริงในธุรกิจและวิทยาศาสตร์ภายในทศวรรษนี้

    CTO บริษัท Checkout.com ปฏิเสธจ่ายค่าไถ่ไซเบอร์
    บริษัท Checkout.com ถูกกลุ่มแฮ็กเกอร์ ShinyHunters เจาะระบบเก่าและเรียกค่าไถ่ แต่ CTO ตัดสินใจไม่จ่ายเงินให้คนร้าย กลับนำเงินจำนวนดังกล่าวไปบริจาคให้มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon และ Oxford เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่สนับสนุนอาชญากรรมออนไลน์

    ExpressVPN จับมือ Brooklyn Nets มอบดีลพิเศษแฟนบาส
    ExpressVPN กลายเป็นพาร์ทเนอร์ด้านความเป็นส่วนตัวดิจิทัลของทีมบาส NBA Brooklyn Nets พร้อมมอบส่วนลดสูงสุดถึง 73% ให้แฟน ๆ ถือเป็นการนำโลกไซเบอร์กับกีฬาเข้ามาเชื่อมโยงกัน และช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการป้องกันข้อมูลในราคาที่คุ้มค่า

    Apple เปิดตัว Digital ID จุดประกายกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว
    Apple เพิ่มฟีเจอร์ Digital ID ในแอป Wallet ให้ผู้ใช้แสดงพาสปอร์ตผ่านมือถือที่สนามบินในสหรัฐฯ แม้จะสะดวก แต่หลายฝ่ายกังวลว่าการใช้ข้อมูลอัตลักษณ์ดิจิทัลอาจนำไปสู่การถูกติดตามหรือการละเมิดความเป็นส่วนตัว Apple ยืนยันว่าข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในเครื่องเท่านั้นและใช้การเข้ารหัสขั้นสูง แต่เสียงวิจารณ์ก็ยังดังอยู่

    Intel Panther Lake CPU หลุดผลทดสอบ กราฟิกแรงเกินคาด
    มีข้อมูลหลุดของซีพียู Intel Panther Lake รุ่น Core Ultra X7 358H ที่มาพร้อมกราฟิก Xe3 ในตัว ผลทดสอบออกมาดีกว่า GPU แยกอย่าง RTX 3050 ถึงกว่า 10% ทำให้โน้ตบุ๊กบางเบาและเครื่องเกมพกพาในอนาคตอาจไม่ต้องพึ่งการ์ดจอแยกอีกต่อไป ทั้งแรงและประหยัดพลังงานมากขึ้น

    Akira Ransomware ขยายโจมตี Nutanix VMs
    แรนซัมแวร์ Akira ถูกพบว่าเริ่มโจมตีระบบ Nutanix AHV VM โดยใช้ช่องโหว่ SonicWall และ Veeam เพื่อเข้าถึงและเข้ารหัสไฟล์ ทำให้บริษัทต่าง ๆ เสียหายหนัก ยอดเงินที่คนร้ายรีดไถได้รวมแล้วกว่า 240 ล้านดอลลาร์ หน่วยงานความปลอดภัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตระบบและเปิดใช้การยืนยันตัวตนหลายชั้น

    Operation Endgame 3.0 ยึดเซิร์ฟเวอร์อาชญากรรมไซเบอร์
    Europol และหน่วยงานยุโรปเปิดปฏิบัติการ Endgame 3.0 ปราบปรามเครือข่ายมัลแวร์ใหญ่ เช่น Rhadamanthys, VenomRAT และ Elysium ยึดเซิร์ฟเวอร์กว่า 1,000 เครื่อง และโดเมนกว่า 20 แห่ง พร้อมจับผู้ต้องสงสัยหนึ่งราย แม้จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากไม่มีการจับกุมต่อเนื่อง เครือข่ายเหล่านี้อาจกลับมาอีก
    📰📌 รวมข่าวจาก TechRadar ประจำวัน 📌 📰 #20251115 #techradar 🗂️ SanDisk เปิดตัวแฟลชไดรฟ์ 1TB ขนาดจิ๋ว SanDisk ออกแฟลชไดรฟ์ USB-C รุ่นใหม่ Extreme Fit ที่มีความจุสูงสุดถึง 1TB แต่ตัวเล็กมากจนสามารถเสียบติดเครื่องไว้ตลอดเวลาโดยไม่เกะกะ เหมาะกับคนที่ใช้โน้ตบุ๊กหรือแท็บเล็ตบ่อย ๆ ต้องการพื้นที่เพิ่มโดยไม่ต้องพกฮาร์ดดิสก์พกพา ความเร็วอ่านสูงสุด 400MB/s ใกล้เคียง SSD ราคาก็จับต้องได้ เริ่มต้นเพียงสิบกว่าดอลลาร์ ไปจนถึงรุ่นท็อป 1TB ราวร้อยดอลลาร์ ถือเป็นการผสมผสานความสะดวกกับประสิทธิภาพในอุปกรณ์เล็ก ๆ 💸 PNY ยกเลิกดีล Black Friday สะท้อนวิกฤตวงการชิป ผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายใหญ่ PNY ประกาศหยุดโปรโมชันลดราคาสินค้าจัดเก็บข้อมูลในช่วง Black Friday เพราะต้นทุน NAND และ DRAM พุ่งสูงขึ้นมากจนกระทบตลาด SSD และแฟลชไดรฟ์ สถานการณ์นี้สะท้อนว่าตลาดหน่วยความจำกำลังตึงตัวอย่างหนัก และอาจทำให้การประกอบคอมพิวเตอร์หรืออัปเกรดเครื่องมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นในปีถัดไป ⚛️ IBM เปิดตัวชิปควอนตัมใหม่ Nighthawk และ Loon IBM ก้าวหน้าอีกขั้นในเส้นทางควอนตัมคอมพิวติ้ง ด้วยการเปิดตัวชิป Nighthawk ที่มี 120 qubits และสามารถทำงานซับซ้อนขึ้นกว่าเดิม 30% พร้อมชิป Loon ที่ทดลองสถาปัตยกรรมใหม่เพื่อรองรับการแก้ไขข้อผิดพลาดในระดับใหญ่ จุดมุ่งหมายคือการทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้งานได้จริงในธุรกิจและวิทยาศาสตร์ภายในทศวรรษนี้ 🔐 CTO บริษัท Checkout.com ปฏิเสธจ่ายค่าไถ่ไซเบอร์ บริษัท Checkout.com ถูกกลุ่มแฮ็กเกอร์ ShinyHunters เจาะระบบเก่าและเรียกค่าไถ่ แต่ CTO ตัดสินใจไม่จ่ายเงินให้คนร้าย กลับนำเงินจำนวนดังกล่าวไปบริจาคให้มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon และ Oxford เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่สนับสนุนอาชญากรรมออนไลน์ 🏀 ExpressVPN จับมือ Brooklyn Nets มอบดีลพิเศษแฟนบาส ExpressVPN กลายเป็นพาร์ทเนอร์ด้านความเป็นส่วนตัวดิจิทัลของทีมบาส NBA Brooklyn Nets พร้อมมอบส่วนลดสูงสุดถึง 73% ให้แฟน ๆ ถือเป็นการนำโลกไซเบอร์กับกีฬาเข้ามาเชื่อมโยงกัน และช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงการป้องกันข้อมูลในราคาที่คุ้มค่า 🍏 Apple เปิดตัว Digital ID จุดประกายกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัว Apple เพิ่มฟีเจอร์ Digital ID ในแอป Wallet ให้ผู้ใช้แสดงพาสปอร์ตผ่านมือถือที่สนามบินในสหรัฐฯ แม้จะสะดวก แต่หลายฝ่ายกังวลว่าการใช้ข้อมูลอัตลักษณ์ดิจิทัลอาจนำไปสู่การถูกติดตามหรือการละเมิดความเป็นส่วนตัว Apple ยืนยันว่าข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในเครื่องเท่านั้นและใช้การเข้ารหัสขั้นสูง แต่เสียงวิจารณ์ก็ยังดังอยู่ 💻 Intel Panther Lake CPU หลุดผลทดสอบ กราฟิกแรงเกินคาด มีข้อมูลหลุดของซีพียู Intel Panther Lake รุ่น Core Ultra X7 358H ที่มาพร้อมกราฟิก Xe3 ในตัว ผลทดสอบออกมาดีกว่า GPU แยกอย่าง RTX 3050 ถึงกว่า 10% ทำให้โน้ตบุ๊กบางเบาและเครื่องเกมพกพาในอนาคตอาจไม่ต้องพึ่งการ์ดจอแยกอีกต่อไป ทั้งแรงและประหยัดพลังงานมากขึ้น 🦠 Akira Ransomware ขยายโจมตี Nutanix VMs แรนซัมแวร์ Akira ถูกพบว่าเริ่มโจมตีระบบ Nutanix AHV VM โดยใช้ช่องโหว่ SonicWall และ Veeam เพื่อเข้าถึงและเข้ารหัสไฟล์ ทำให้บริษัทต่าง ๆ เสียหายหนัก ยอดเงินที่คนร้ายรีดไถได้รวมแล้วกว่า 240 ล้านดอลลาร์ หน่วยงานความปลอดภัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตระบบและเปิดใช้การยืนยันตัวตนหลายชั้น 🚔 Operation Endgame 3.0 ยึดเซิร์ฟเวอร์อาชญากรรมไซเบอร์ Europol และหน่วยงานยุโรปเปิดปฏิบัติการ Endgame 3.0 ปราบปรามเครือข่ายมัลแวร์ใหญ่ เช่น Rhadamanthys, VenomRAT และ Elysium ยึดเซิร์ฟเวอร์กว่า 1,000 เครื่อง และโดเมนกว่า 20 แห่ง พร้อมจับผู้ต้องสงสัยหนึ่งราย แม้จะเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าหากไม่มีการจับกุมต่อเนื่อง เครือข่ายเหล่านี้อาจกลับมาอีก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rust ใน Android: ปรับปรุงความปลอดภัยและเพิ่มความเร็วในการพัฒนา

    Google ได้เผยแพร่รายงานล่าสุดเกี่ยวกับการนำ ภาษา Rust มาใช้ใน Android โดยชี้ให้เห็นว่า Rust ไม่เพียงช่วยลดช่องโหว่ด้าน Memory Safety แต่ยังทำให้กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์เร็วขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้นด้วย

    ลดช่องโหว่ Memory Safety อย่างมหาศาล
    ข้อมูลปี 2025 แสดงให้เห็นว่า ช่องโหว่ด้าน Memory Safety ลดลงเหลือต่ำกว่า 20% ของช่องโหว่ทั้งหมด เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ Android โดยการใช้ Rust ทำให้ความหนาแน่นของช่องโหว่ลดลงกว่า 1000 เท่า เมื่อเทียบกับโค้ดที่เขียนด้วย C/C++ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพที่สำคัญต่อความปลอดภัยของระบบ

    เร็วขึ้นและเสถียรกว่าเดิม
    นอกจากความปลอดภัยแล้ว Rust ยังช่วยให้ทีมพัฒนา Android ทำงานได้เร็วขึ้น โดยโค้ดที่เขียนด้วย Rustใช้เวลาในการ Code Review น้อยลง 25% และมีอัตราการ Rollback ต่ำกว่า C++ ถึง 4 เท่า ซึ่งหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงที่ทำด้วย Rust มีความเสถียรและถูกต้องมากกว่า ลดภาระการแก้ไขและเพิ่มความต่อเนื่องในการพัฒนา

    การขยายการใช้งาน Rust ในระบบ Android
    Google กำลังขยายการใช้ Rust ไปยังหลายส่วนของระบบ เช่น Linux Kernel, Firmware, และแอปพลิเคชันสำคัญ อย่าง Nearby Presence และ Google Messages รวมถึง Chromium ที่ได้เปลี่ยน Parser ของ PNG, JSON และ Web Fonts ให้เป็น Rust เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการจัดการข้อมูลจากเว็บ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผลลัพธ์จากการใช้ Rust ใน Android
    ช่องโหว่ Memory Safety ลดลงเหลือต่ำกว่า 20%
    ความหนาแน่นของช่องโหว่ลดลงกว่า 1000 เท่าเมื่อเทียบกับ C/C++

    ประสิทธิภาพการพัฒนา
    Code Review ใช้เวลาน้อยลง 25%
    Rollback Rate ต่ำกว่า C++ ถึง 4 เท่า

    การขยายการใช้งาน Rust
    ใช้ใน Kernel, Firmware และแอปสำคัญของ Google
    Chromium เปลี่ยน Parser หลายตัวเป็น Rust

    คำเตือนสำหรับนักพัฒนา
    แม้ Rust ปลอดภัยกว่า แต่โค้ดใน unsafe{} blocks ยังเสี่ยงหากใช้งานไม่ถูกต้อง
    หากไม่อัปเดตระบบหรือใช้ Rust อย่างถูกวิธี อาจยังมีช่องโหว่เกิดขึ้นได้

    https://security.googleblog.com/2025/11/rust-in-android-move-fast-fix-things.html
    🦀 Rust ใน Android: ปรับปรุงความปลอดภัยและเพิ่มความเร็วในการพัฒนา Google ได้เผยแพร่รายงานล่าสุดเกี่ยวกับการนำ ภาษา Rust มาใช้ใน Android โดยชี้ให้เห็นว่า Rust ไม่เพียงช่วยลดช่องโหว่ด้าน Memory Safety แต่ยังทำให้กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์เร็วขึ้นและมีเสถียรภาพมากขึ้นด้วย 🔐 ลดช่องโหว่ Memory Safety อย่างมหาศาล ข้อมูลปี 2025 แสดงให้เห็นว่า ช่องโหว่ด้าน Memory Safety ลดลงเหลือต่ำกว่า 20% ของช่องโหว่ทั้งหมด เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ Android โดยการใช้ Rust ทำให้ความหนาแน่นของช่องโหว่ลดลงกว่า 1000 เท่า เมื่อเทียบกับโค้ดที่เขียนด้วย C/C++ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพที่สำคัญต่อความปลอดภัยของระบบ ⚡ เร็วขึ้นและเสถียรกว่าเดิม นอกจากความปลอดภัยแล้ว Rust ยังช่วยให้ทีมพัฒนา Android ทำงานได้เร็วขึ้น โดยโค้ดที่เขียนด้วย Rustใช้เวลาในการ Code Review น้อยลง 25% และมีอัตราการ Rollback ต่ำกว่า C++ ถึง 4 เท่า ซึ่งหมายความว่าการเปลี่ยนแปลงที่ทำด้วย Rust มีความเสถียรและถูกต้องมากกว่า ลดภาระการแก้ไขและเพิ่มความต่อเนื่องในการพัฒนา 🌍 การขยายการใช้งาน Rust ในระบบ Android Google กำลังขยายการใช้ Rust ไปยังหลายส่วนของระบบ เช่น Linux Kernel, Firmware, และแอปพลิเคชันสำคัญ อย่าง Nearby Presence และ Google Messages รวมถึง Chromium ที่ได้เปลี่ยน Parser ของ PNG, JSON และ Web Fonts ให้เป็น Rust เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการจัดการข้อมูลจากเว็บ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผลลัพธ์จากการใช้ Rust ใน Android ➡️ ช่องโหว่ Memory Safety ลดลงเหลือต่ำกว่า 20% ➡️ ความหนาแน่นของช่องโหว่ลดลงกว่า 1000 เท่าเมื่อเทียบกับ C/C++ ✅ ประสิทธิภาพการพัฒนา ➡️ Code Review ใช้เวลาน้อยลง 25% ➡️ Rollback Rate ต่ำกว่า C++ ถึง 4 เท่า ✅ การขยายการใช้งาน Rust ➡️ ใช้ใน Kernel, Firmware และแอปสำคัญของ Google ➡️ Chromium เปลี่ยน Parser หลายตัวเป็น Rust ‼️ คำเตือนสำหรับนักพัฒนา ⛔ แม้ Rust ปลอดภัยกว่า แต่โค้ดใน unsafe{} blocks ยังเสี่ยงหากใช้งานไม่ถูกต้อง ⛔ หากไม่อัปเดตระบบหรือใช้ Rust อย่างถูกวิธี อาจยังมีช่องโหว่เกิดขึ้นได้ https://security.googleblog.com/2025/11/rust-in-android-move-fast-fix-things.html
    SECURITY.GOOGLEBLOG.COM
    Rust in Android: move fast and fix things
    Posted by Jeff Vander Stoep, Android Last year, we wrote about why a memory safety strategy that focuses on vulnerability prevention in ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • Anthropic เปิดโปงการโจมตีไซเบอร์ครั้งแรกที่ใช้ AI เป็นตัวดำเนินการหลัก

    Anthropic ได้เผยแพร่รายงานกรณีการโจมตีไซเบอร์ที่ถือว่าเป็น ครั้งแรกที่ใช้ AI เป็นตัวดำเนินการหลัก (agentic AI) โดยผู้โจมตีสามารถบังคับให้โมเดล AI ทำงานแทนมนุษย์ในการเจาะระบบและขโมยข้อมูลจากองค์กรเป้าหมายทั่วโลก เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกไซเบอร์ ที่ AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่ถูกใช้เป็น “ผู้ปฏิบัติการ” ในการโจมตีโดยตรง

    รายละเอียดการโจมตี
    ในเดือนกันยายน 2025 Anthropic ตรวจพบกิจกรรมต้องสงสัยที่ต่อมาพบว่าเป็น แคมเปญสอดแนมไซเบอร์ขั้นสูง โดยกลุ่มที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน ผู้โจมตีสามารถ เจลเบรกโมเดล Claude Code เพื่อให้มันทำงานที่ผิดวัตถุประสงค์ เช่น เขียนโค้ดเจาะระบบ, ตรวจสอบโครงสร้างเครือข่าย, และดึงข้อมูลสำคัญออกมา โดย AI ทำงานได้ถึง 80–90% ของกระบวนการโจมตีทั้งหมด มนุษย์มีส่วนร่วมเพียงบางจุดสำคัญเท่านั้น

    สิ่งที่น่ากังวลคือ AI สามารถทำงานได้รวดเร็วมาก เช่น การสแกนระบบและสร้างโค้ดเจาะระบบในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งหากเป็นมนุษย์จะใช้เวลานานกว่ามาก ทำให้การโจมตีมีความเร็วและขนาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    ผลกระทบต่อความมั่นคงไซเบอร์
    เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า อุปสรรคในการทำการโจมตีไซเบอร์ลดลงอย่างมาก เพราะแม้กลุ่มที่มีทรัพยากรไม่มากก็สามารถใช้ AI เพื่อทำงานแทนทีมแฮกเกอร์มืออาชีพได้ การโจมตีลักษณะนี้จึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของภัยคุกคามไซเบอร์ในอนาคต

    Anthropic เตือนว่าการพัฒนา AI ที่มีความสามารถสูงจำเป็นต้องมี มาตรการป้องกันและตรวจจับที่เข้มงวด เพื่อไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด พร้อมแนะนำให้ทีมรักษาความปลอดภัยทดลองใช้ AI ในการป้องกัน เช่น การตรวจจับการบุกรุก, การวิเคราะห์ช่องโหว่ และการตอบสนองต่อเหตุการณ์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การโจมตีไซเบอร์ครั้งแรกที่ใช้ AI เป็นตัวดำเนินการหลัก
    กลุ่มที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้ Claude Code ในการเจาะระบบ
    AI ทำงานได้ถึง 80–90% ของกระบวนการโจมตี

    ความสามารถของ AI ในการโจมตี
    เขียนโค้ดเจาะระบบและสแกนโครงสร้างเครือข่ายได้รวดเร็ว
    ดึงข้อมูลและสร้าง backdoor โดยแทบไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุม

    ผลกระทบต่อโลกไซเบอร์
    ลดอุปสรรคในการทำการโจมตีไซเบอร์
    เพิ่มความเสี่ยงที่กลุ่มเล็กๆ จะสามารถโจมตีในระดับใหญ่ได้

    คำเตือนสำหรับองค์กรและนักพัฒนา AI
    หากไม่สร้างมาตรการป้องกันที่เข้มงวด AI อาจถูกนำไปใช้โจมตีในวงกว้าง
    การละเลยการตรวจสอบและการแชร์ข้อมูลภัยคุกคามอาจทำให้ระบบป้องกันไม่ทันต่อภัยใหม่

    https://www.anthropic.com/news/disrupting-AI-espionage
    🕵️‍♀️ Anthropic เปิดโปงการโจมตีไซเบอร์ครั้งแรกที่ใช้ AI เป็นตัวดำเนินการหลัก Anthropic ได้เผยแพร่รายงานกรณีการโจมตีไซเบอร์ที่ถือว่าเป็น ครั้งแรกที่ใช้ AI เป็นตัวดำเนินการหลัก (agentic AI) โดยผู้โจมตีสามารถบังคับให้โมเดล AI ทำงานแทนมนุษย์ในการเจาะระบบและขโมยข้อมูลจากองค์กรเป้าหมายทั่วโลก เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกไซเบอร์ ที่ AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่ถูกใช้เป็น “ผู้ปฏิบัติการ” ในการโจมตีโดยตรง ⚡ รายละเอียดการโจมตี ในเดือนกันยายน 2025 Anthropic ตรวจพบกิจกรรมต้องสงสัยที่ต่อมาพบว่าเป็น แคมเปญสอดแนมไซเบอร์ขั้นสูง โดยกลุ่มที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีน ผู้โจมตีสามารถ เจลเบรกโมเดล Claude Code เพื่อให้มันทำงานที่ผิดวัตถุประสงค์ เช่น เขียนโค้ดเจาะระบบ, ตรวจสอบโครงสร้างเครือข่าย, และดึงข้อมูลสำคัญออกมา โดย AI ทำงานได้ถึง 80–90% ของกระบวนการโจมตีทั้งหมด มนุษย์มีส่วนร่วมเพียงบางจุดสำคัญเท่านั้น สิ่งที่น่ากังวลคือ AI สามารถทำงานได้รวดเร็วมาก เช่น การสแกนระบบและสร้างโค้ดเจาะระบบในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งหากเป็นมนุษย์จะใช้เวลานานกว่ามาก ทำให้การโจมตีมีความเร็วและขนาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 🔐 ผลกระทบต่อความมั่นคงไซเบอร์ เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า อุปสรรคในการทำการโจมตีไซเบอร์ลดลงอย่างมาก เพราะแม้กลุ่มที่มีทรัพยากรไม่มากก็สามารถใช้ AI เพื่อทำงานแทนทีมแฮกเกอร์มืออาชีพได้ การโจมตีลักษณะนี้จึงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของภัยคุกคามไซเบอร์ในอนาคต Anthropic เตือนว่าการพัฒนา AI ที่มีความสามารถสูงจำเป็นต้องมี มาตรการป้องกันและตรวจจับที่เข้มงวด เพื่อไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด พร้อมแนะนำให้ทีมรักษาความปลอดภัยทดลองใช้ AI ในการป้องกัน เช่น การตรวจจับการบุกรุก, การวิเคราะห์ช่องโหว่ และการตอบสนองต่อเหตุการณ์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การโจมตีไซเบอร์ครั้งแรกที่ใช้ AI เป็นตัวดำเนินการหลัก ➡️ กลุ่มที่เชื่อว่าได้รับการสนับสนุนจากรัฐจีนใช้ Claude Code ในการเจาะระบบ ➡️ AI ทำงานได้ถึง 80–90% ของกระบวนการโจมตี ✅ ความสามารถของ AI ในการโจมตี ➡️ เขียนโค้ดเจาะระบบและสแกนโครงสร้างเครือข่ายได้รวดเร็ว ➡️ ดึงข้อมูลและสร้าง backdoor โดยแทบไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุม ✅ ผลกระทบต่อโลกไซเบอร์ ➡️ ลดอุปสรรคในการทำการโจมตีไซเบอร์ ➡️ เพิ่มความเสี่ยงที่กลุ่มเล็กๆ จะสามารถโจมตีในระดับใหญ่ได้ ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กรและนักพัฒนา AI ⛔ หากไม่สร้างมาตรการป้องกันที่เข้มงวด AI อาจถูกนำไปใช้โจมตีในวงกว้าง ⛔ การละเลยการตรวจสอบและการแชร์ข้อมูลภัยคุกคามอาจทำให้ระบบป้องกันไม่ทันต่อภัยใหม่ https://www.anthropic.com/news/disrupting-AI-espionage
    WWW.ANTHROPIC.COM
    Disrupting the first reported AI-orchestrated cyber espionage campaign
    A report describing an a highly sophisticated AI-led cyberattack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • Blue Origin ประสบความสำเร็จครั้งแรกกับ New Glenn

    Blue Origin ของ Jeff Bezos ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการนำ บูสเตอร์ของจรวด New Glenn ลงจอดบนเรือโดรนกลางมหาสมุทรแอตแลนติกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก หลังจากความพยายามครั้งแรกในเดือนมกราคมล้มเหลว การลงจอดครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ New Glenn กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ SpaceX ในตลาดการปล่อยดาวเทียมและภารกิจเชิงพาณิชย์

    ปล่อยยาน NASA สู่ดาวอังคาร
    นอกจากการลงจอดบูสเตอร์แล้ว ภารกิจครั้งนี้ยังได้ส่ง ยานคู่ของ NASA ออกเดินทางไปดาวอังคารเพื่อศึกษาบรรยากาศของดาวเคราะห์สีแดง โดยการปล่อยดาวเทียมเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของ New Glenn ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของระบบจรวดใหม่ที่สามารถรองรับภารกิจขนาดใหญ่และซับซ้อนได้

    ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมอวกาศ
    ความสำเร็จนี้ทำให้ Blue Originก้าวเข้าสู่การแข่งขันอย่างจริงจังกับ SpaceX ซึ่งครองตลาดด้วย Falcon 9, Falcon Heavy และ Starship การที่ New Glenn สามารถนำบูสเตอร์กลับมาใช้ใหม่ได้ จะช่วยลดต้นทุนการปล่อยจรวดและเพิ่มความน่าสนใจให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน โดย SpaceX เองก็ได้แสดงความยินดีต่อความสำเร็จครั้งนี้ผ่านโพสต์ของ Gwynne Shotwell และ Elon Musk

    เป้าหมายต่อไป: ดวงจันทร์และภารกิจเชิงพาณิชย์
    Blue Origin ยังคงมีแผนพัฒนา Lunar Lander เพื่อสนับสนุนโครงการ Artemis ของ NASA และตั้งเป้าใช้ New Glenn ในการขนส่งภารกิจไปยังดวงจันทร์และอวกาศเชิงลึก การพิสูจน์ความสามารถในการลงจอดและปล่อยดาวเทียมครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทเดินหน้าสู่เป้าหมายใหญ่ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การลงจอดครั้งแรกของ New Glenn
    บูสเตอร์ลงจอดบนเรือโดรนกลางมหาสมุทรแอตแลนติกได้สำเร็จ
    หลังจากความพยายามครั้งแรกในเดือนมกราคมล้มเหลว

    ภารกิจ NASA
    ปล่อยยานคู่ไปดาวอังคารเพื่อศึกษาบรรยากาศ
    ถือเป็นการปล่อยดาวเทียมเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของ New Glenn

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอวกาศ
    Blue Origin กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ SpaceX
    การนำบูสเตอร์กลับมาใช้ใหม่ช่วยลดต้นทุนการปล่อยจรวด

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    Blue Origin ต้องพิสูจน์ความสามารถในการนำบูสเตอร์กลับมาใช้ซ้ำได้จริง
    หากไม่สามารถรักษาความเสถียรและความปลอดภัย อาจเสียเปรียบในการแข่งขันกับ SpaceX

    https://techcrunch.com/2025/11/13/blue-origin-sticks-first-new-glenn-rocket-landing-and-launches-nasa-spacecraft/
    🚀 Blue Origin ประสบความสำเร็จครั้งแรกกับ New Glenn Blue Origin ของ Jeff Bezos ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการนำ บูสเตอร์ของจรวด New Glenn ลงจอดบนเรือโดรนกลางมหาสมุทรแอตแลนติกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก หลังจากความพยายามครั้งแรกในเดือนมกราคมล้มเหลว การลงจอดครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ New Glenn กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ SpaceX ในตลาดการปล่อยดาวเทียมและภารกิจเชิงพาณิชย์ 🛰️ ปล่อยยาน NASA สู่ดาวอังคาร นอกจากการลงจอดบูสเตอร์แล้ว ภารกิจครั้งนี้ยังได้ส่ง ยานคู่ของ NASA ออกเดินทางไปดาวอังคารเพื่อศึกษาบรรยากาศของดาวเคราะห์สีแดง โดยการปล่อยดาวเทียมเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของ New Glenn ถือเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของระบบจรวดใหม่ที่สามารถรองรับภารกิจขนาดใหญ่และซับซ้อนได้ 🌌 ความสำคัญต่ออุตสาหกรรมอวกาศ ความสำเร็จนี้ทำให้ Blue Originก้าวเข้าสู่การแข่งขันอย่างจริงจังกับ SpaceX ซึ่งครองตลาดด้วย Falcon 9, Falcon Heavy และ Starship การที่ New Glenn สามารถนำบูสเตอร์กลับมาใช้ใหม่ได้ จะช่วยลดต้นทุนการปล่อยจรวดและเพิ่มความน่าสนใจให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชน โดย SpaceX เองก็ได้แสดงความยินดีต่อความสำเร็จครั้งนี้ผ่านโพสต์ของ Gwynne Shotwell และ Elon Musk 🌙 เป้าหมายต่อไป: ดวงจันทร์และภารกิจเชิงพาณิชย์ Blue Origin ยังคงมีแผนพัฒนา Lunar Lander เพื่อสนับสนุนโครงการ Artemis ของ NASA และตั้งเป้าใช้ New Glenn ในการขนส่งภารกิจไปยังดวงจันทร์และอวกาศเชิงลึก การพิสูจน์ความสามารถในการลงจอดและปล่อยดาวเทียมครั้งนี้จึงเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทเดินหน้าสู่เป้าหมายใหญ่ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การลงจอดครั้งแรกของ New Glenn ➡️ บูสเตอร์ลงจอดบนเรือโดรนกลางมหาสมุทรแอตแลนติกได้สำเร็จ ➡️ หลังจากความพยายามครั้งแรกในเดือนมกราคมล้มเหลว ✅ ภารกิจ NASA ➡️ ปล่อยยานคู่ไปดาวอังคารเพื่อศึกษาบรรยากาศ ➡️ ถือเป็นการปล่อยดาวเทียมเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของ New Glenn ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอวกาศ ➡️ Blue Origin กลายเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ SpaceX ➡️ การนำบูสเตอร์กลับมาใช้ใหม่ช่วยลดต้นทุนการปล่อยจรวด ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ Blue Origin ต้องพิสูจน์ความสามารถในการนำบูสเตอร์กลับมาใช้ซ้ำได้จริง ⛔ หากไม่สามารถรักษาความเสถียรและความปลอดภัย อาจเสียเปรียบในการแข่งขันกับ SpaceX https://techcrunch.com/2025/11/13/blue-origin-sticks-first-new-glenn-rocket-landing-and-launches-nasa-spacecraft/
    TECHCRUNCH.COM
    Blue Origin sticks first New Glenn rocket landing and launches NASA spacecraft | TechCrunch
    It's an impressive accomplishment for the new mega-rocket launch system, and paves the way for the company to start re-using the boosters in commercial missions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • Mozilla เปิดตัว AI Window ใน Firefox

    Mozilla ประกาศแผนการสร้างโหมดใหม่ใน Firefox ที่เรียกว่า AI Window ซึ่งจะเป็นโหมดการท่องเว็บแบบที่สาม นอกเหนือจาก Classic Mode และ Private Window จุดเด่นคือผู้ใช้สามารถเปิดโหมดนี้เพื่อสนทนากับผู้ช่วย AI ขณะท่องเว็บได้ โดย Mozilla ย้ำว่า ทุกฟีเจอร์ AI จะเป็นแบบ Opt-in ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดได้ตามต้องการ ไม่ถูกบังคับให้ใช้งาน

    ตลอดปีที่ผ่านมา Firefox ได้เพิ่มฟีเจอร์ AI หลายอย่าง เช่น AI Chatbot ใน Sidebar, การสร้าง Alt Text อัตโนมัติ, และ การจัดกลุ่มแท็บด้วย AI เพื่อแข่งขันกับ Chrome และ Edge ที่ลงทุนหนักใน AI อย่างไรก็ตาม Mozilla พยายามสร้างความแตกต่างด้วยการเน้น ความโปร่งใสและการควบคุมของผู้ใช้

    Mozilla ให้คำมั่นว่าจะรักษา 3 หลักการสำคัญ ได้แก่
    ประสบการณ์ที่เป็น Opt-in เต็มรูปแบบ
    ฟีเจอร์ที่ปกป้องการเลือกของผู้ใช้
    ความโปร่งใสในการใช้ข้อมูล

    Ajit Varma รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Firefox กล่าวว่า Mozilla มองว่า AI เป็นอนาคตของเว็บ และไม่ควรเพิกเฉย แต่ต้องออกแบบให้ผู้ใช้มี สิทธิ์เลือกและการควบคุมมากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง

    ฟีเจอร์นี้ยังไม่เปิดใช้งาน แต่ Mozilla กำลังพัฒนาแบบ “in the open” และเชิญชวนผู้ใช้เข้าร่วม Waitlist ที่ firefox.com/ai เพื่อรับสิทธิ์ทดลองก่อนใคร พร้อมให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงฟีเจอร์ให้ตรงกับความต้องการจริงของผู้ใช้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AI Window ใน Firefox
    โหมดใหม่ที่ให้ผู้ใช้สนทนากับ AI ระหว่างท่องเว็บ
    เป็นโหมดที่สาม ต่อจาก Classic และ Private Window

    ฟีเจอร์ AI ที่มีอยู่แล้ว
    AI Chatbot ใน Sidebar
    Alt Text อัตโนมัติ และ Tab Grouping ด้วย AI

    หลักการสำคัญของ Mozilla
    Opt-in เต็มรูปแบบ
    ปกป้องการเลือกของผู้ใช้
    โปร่งใสในการใช้ข้อมูล

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    ฟีเจอร์ยังไม่เปิดใช้งาน ต้องสมัคร Waitlist เพื่อทดลอง
    หากไม่ตรวจสอบสิทธิ์การใช้งาน อาจพลาดการควบคุมข้อมูลส่วนตัว

    https://itsfoss.com/news/mozilla-ai-window-plans/
    🌐 Mozilla เปิดตัว AI Window ใน Firefox Mozilla ประกาศแผนการสร้างโหมดใหม่ใน Firefox ที่เรียกว่า AI Window ซึ่งจะเป็นโหมดการท่องเว็บแบบที่สาม นอกเหนือจาก Classic Mode และ Private Window จุดเด่นคือผู้ใช้สามารถเปิดโหมดนี้เพื่อสนทนากับผู้ช่วย AI ขณะท่องเว็บได้ โดย Mozilla ย้ำว่า ทุกฟีเจอร์ AI จะเป็นแบบ Opt-in ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดหรือปิดได้ตามต้องการ ไม่ถูกบังคับให้ใช้งาน ตลอดปีที่ผ่านมา Firefox ได้เพิ่มฟีเจอร์ AI หลายอย่าง เช่น AI Chatbot ใน Sidebar, การสร้าง Alt Text อัตโนมัติ, และ การจัดกลุ่มแท็บด้วย AI เพื่อแข่งขันกับ Chrome และ Edge ที่ลงทุนหนักใน AI อย่างไรก็ตาม Mozilla พยายามสร้างความแตกต่างด้วยการเน้น ความโปร่งใสและการควบคุมของผู้ใช้ Mozilla ให้คำมั่นว่าจะรักษา 3 หลักการสำคัญ ได้แก่ 🎗️ ประสบการณ์ที่เป็น Opt-in เต็มรูปแบบ 🎗️ ฟีเจอร์ที่ปกป้องการเลือกของผู้ใช้ 🎗️ ความโปร่งใสในการใช้ข้อมูล Ajit Varma รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ Firefox กล่าวว่า Mozilla มองว่า AI เป็นอนาคตของเว็บ และไม่ควรเพิกเฉย แต่ต้องออกแบบให้ผู้ใช้มี สิทธิ์เลือกและการควบคุมมากขึ้น ไม่ใช่น้อยลง ฟีเจอร์นี้ยังไม่เปิดใช้งาน แต่ Mozilla กำลังพัฒนาแบบ “in the open” และเชิญชวนผู้ใช้เข้าร่วม Waitlist ที่ firefox.com/ai เพื่อรับสิทธิ์ทดลองก่อนใคร พร้อมให้ข้อเสนอแนะเพื่อปรับปรุงฟีเจอร์ให้ตรงกับความต้องการจริงของผู้ใช้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AI Window ใน Firefox ➡️ โหมดใหม่ที่ให้ผู้ใช้สนทนากับ AI ระหว่างท่องเว็บ ➡️ เป็นโหมดที่สาม ต่อจาก Classic และ Private Window ✅ ฟีเจอร์ AI ที่มีอยู่แล้ว ➡️ AI Chatbot ใน Sidebar ➡️ Alt Text อัตโนมัติ และ Tab Grouping ด้วย AI ✅ หลักการสำคัญของ Mozilla ➡️ Opt-in เต็มรูปแบบ ➡️ ปกป้องการเลือกของผู้ใช้ ➡️ โปร่งใสในการใช้ข้อมูล ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ ฟีเจอร์ยังไม่เปิดใช้งาน ต้องสมัคร Waitlist เพื่อทดลอง ⛔ หากไม่ตรวจสอบสิทธิ์การใช้งาน อาจพลาดการควบคุมข้อมูลส่วนตัว https://itsfoss.com/news/mozilla-ai-window-plans/
    ITSFOSS.COM
    Mozilla Unveils Plans for New 'AI Window' Browsing Mode in Firefox, Opens Signups
    Planned browsing mode will let users chat with an AI assistant while surfing the web.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ubuntu LTS ได้รับการสนับสนุนยาวนานถึง 15 ปี

    Canonical ผู้พัฒนา Ubuntu ได้เปิดตัวการขยายระยะเวลาการสนับสนุนใหม่สำหรับ Ubuntu Long-Term Support (LTS) โดยเพิ่มการดูแลความปลอดภัยและการบำรุงรักษาเป็น 15 ปีเต็ม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับระบบปฏิบัติการที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในองค์กรและโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั่วโลก

    ก่อนหน้านี้ Ubuntu LTS มีการสนับสนุนมาตรฐาน 5 ปี และสามารถขยายได้อีก 5 ปีผ่านบริการ Expanded Security Maintenance (ESM) รวมเป็น 10 ปี แต่ในปี 2024 Canonical ได้เปิดตัว Legacy add-on ที่เพิ่มการสนับสนุนอีก 2 ปี รวมเป็น 12 ปี และล่าสุดได้ขยายเพิ่มอีก 3 ปี ทำให้รวมทั้งหมดเป็น 15 ปี

    การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นกับ Ubuntu 14.04 LTS ซึ่งจะได้รับการดูแลต่อเนื่องจนถึง เมษายน 2029 โดยองค์กรที่ต้องการใช้ Legacy add-on จะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้น 50% จาก Ubuntu Pro ปกติ และสามารถติดต่อทีมขายของ Canonical เพื่อเปิดใช้งานได้

    นโยบายใหม่นี้สะท้อนถึงความต้องการขององค์กรที่ใช้ระบบระยะยาว เช่น ภาคการเงิน, การผลิต, และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ที่ไม่สามารถเปลี่ยนระบบได้บ่อย การสนับสนุน 15 ปีจึงช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนในการอัปเกรดระบบบ่อยครั้ง พร้อมสร้างความมั่นใจในเสถียรภาพของแพลตฟอร์ม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Ubuntu LTS ได้รับการสนับสนุน 15 ปี
    5 ปีมาตรฐาน + 5 ปี ESM + 5 ปี Legacy add-on
    เริ่มใช้กับ Ubuntu 14.04 LTS และรุ่นถัดไปทั้งหมด

    รายละเอียดการใช้งาน Legacy add-on
    มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 50% จาก Ubuntu Pro
    ต้องติดต่อทีมขายหรือ Account Manager ของ Canonical

    ผลกระทบต่อองค์กร
    ลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนระบบบ่อย
    เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการเสถียรภาพระยะยาว เช่น ภาคการเงินและพลังงาน

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน
    หากไม่ต่ออายุ Legacy add-on ระบบจะหมดการสนับสนุนหลัง 10 ปี
    การละเลยการอัปเดตอาจทำให้เสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบที่ยังใช้งานอยู่

    https://itsfoss.com/news/ubuntu-15-year-support-commitment/
    🐧 Ubuntu LTS ได้รับการสนับสนุนยาวนานถึง 15 ปี Canonical ผู้พัฒนา Ubuntu ได้เปิดตัวการขยายระยะเวลาการสนับสนุนใหม่สำหรับ Ubuntu Long-Term Support (LTS) โดยเพิ่มการดูแลความปลอดภัยและการบำรุงรักษาเป็น 15 ปีเต็ม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับระบบปฏิบัติการที่ถูกใช้อย่างแพร่หลายในองค์กรและโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีทั่วโลก ก่อนหน้านี้ Ubuntu LTS มีการสนับสนุนมาตรฐาน 5 ปี และสามารถขยายได้อีก 5 ปีผ่านบริการ Expanded Security Maintenance (ESM) รวมเป็น 10 ปี แต่ในปี 2024 Canonical ได้เปิดตัว Legacy add-on ที่เพิ่มการสนับสนุนอีก 2 ปี รวมเป็น 12 ปี และล่าสุดได้ขยายเพิ่มอีก 3 ปี ทำให้รวมทั้งหมดเป็น 15 ปี การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นกับ Ubuntu 14.04 LTS ซึ่งจะได้รับการดูแลต่อเนื่องจนถึง เมษายน 2029 โดยองค์กรที่ต้องการใช้ Legacy add-on จะต้องจ่ายค่าบริการเพิ่มขึ้น 50% จาก Ubuntu Pro ปกติ และสามารถติดต่อทีมขายของ Canonical เพื่อเปิดใช้งานได้ นโยบายใหม่นี้สะท้อนถึงความต้องการขององค์กรที่ใช้ระบบระยะยาว เช่น ภาคการเงิน, การผลิต, และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ที่ไม่สามารถเปลี่ยนระบบได้บ่อย การสนับสนุน 15 ปีจึงช่วยลดความเสี่ยงและต้นทุนในการอัปเกรดระบบบ่อยครั้ง พร้อมสร้างความมั่นใจในเสถียรภาพของแพลตฟอร์ม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Ubuntu LTS ได้รับการสนับสนุน 15 ปี ➡️ 5 ปีมาตรฐาน + 5 ปี ESM + 5 ปี Legacy add-on ➡️ เริ่มใช้กับ Ubuntu 14.04 LTS และรุ่นถัดไปทั้งหมด ✅ รายละเอียดการใช้งาน Legacy add-on ➡️ มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม 50% จาก Ubuntu Pro ➡️ ต้องติดต่อทีมขายหรือ Account Manager ของ Canonical ✅ ผลกระทบต่อองค์กร ➡️ ลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนระบบบ่อย ➡️ เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการเสถียรภาพระยะยาว เช่น ภาคการเงินและพลังงาน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้งาน ⛔ หากไม่ต่ออายุ Legacy add-on ระบบจะหมดการสนับสนุนหลัง 10 ปี ⛔ การละเลยการอัปเดตอาจทำให้เสี่ยงต่อช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบที่ยังใช้งานอยู่ https://itsfoss.com/news/ubuntu-15-year-support-commitment/
    ITSFOSS.COM
    Ubuntu's New 15-Year Commitment Targets Long-Lived Enterprise Systems
    Legacy add-on extended to five years, starting with Ubuntu 14.04 LTS.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนขยาย Chrome ปลอมขโมย Seed Phrase ผ่าน Sui Blockchain

    ทีมวิจัยจาก Socket Threat Research พบส่วนขยาย Chrome ที่อ้างว่าเป็นกระเป๋าเงิน Ethereum ชื่อ Safery: Ethereum Wallet ซึ่งถูกเผยแพร่ใน Chrome Web Store และปรากฏใกล้เคียงกับกระเป๋าเงินที่ถูกต้องอย่าง MetaMask และ Enkrypt จุดอันตรายคือส่วนขยายนี้สามารถ ขโมย Seed Phrase ของผู้ใช้ ได้ทันทีที่มีการสร้างหรือ Import Wallet

    สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้แตกต่างคือ การซ่อนข้อมูลในธุรกรรมบล็อกเชน Sui โดยส่วนขยายจะเข้ารหัส Seed Phrase ของเหยื่อเป็นที่อยู่ปลอมบน Sui และส่งธุรกรรมเล็กๆ (0.000001 SUI) ไปยังที่อยู่นั้น จากนั้นผู้โจมตีสามารถถอดรหัสกลับมาเป็น Seed Phrase ได้โดยตรงจากข้อมูลบนบล็อกเชน โดยไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์กลางหรือการส่งข้อมูลผ่าน HTTP

    การทำงานเช่นนี้ทำให้การโจมตี ยากต่อการตรวจจับ เพราะทุกอย่างดูเหมือนธุรกรรมปกติบนบล็อกเชน ไม่มีการติดต่อกับ Command & Control Server และไม่มีการส่งข้อมูลแบบ plaintext ออกไปนอกเบราว์เซอร์

    แม้ Socket ได้แจ้ง Google แล้ว แต่ในช่วงเวลาที่รายงานเผยแพร่ ส่วนขยายนี้ยังคงสามารถดาวน์โหลดได้ใน Chrome Web Store ทำให้ผู้ใช้ที่กำลังมองหากระเป๋าเงินเบาๆ เสี่ยงต่อการถูกโจมตีและสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบส่วนขยายปลอม Safery: Ethereum Wallet
    ปรากฏใน Chrome Web Store ใกล้กับกระเป๋าเงินที่ถูกต้อง
    ทำงานเหมือนกระเป๋าเงินปกติ แต่แอบขโมย Seed Phrase

    วิธีการโจมตี
    เข้ารหัส Seed Phrase เป็นที่อยู่ปลอมบน Sui Blockchain
    ส่งธุรกรรมเล็กๆ เพื่อซ่อนข้อมูลโดยไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์กลาง

    ความยากในการตรวจจับ
    ไม่มีการส่งข้อมูลผ่าน HTTP หรือ C2 Server
    ทุกอย่างดูเหมือนธุรกรรมปกติบนบล็อกเชน

    คำเตือนต่อผู้ใช้งาน
    ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดส่วนขยายนี้เสี่ยงต่อการสูญเสียคริปโตทั้งหมด
    ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของส่วนขยายก่อนติดตั้ง และใช้กระเป๋าเงินจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น

    https://securityonline.info/sui-blockchain-seed-stealer-malicious-chrome-extension-hides-mnemonic-exfiltration-in-microtransactions/
    🕵️‍♂️ ส่วนขยาย Chrome ปลอมขโมย Seed Phrase ผ่าน Sui Blockchain ทีมวิจัยจาก Socket Threat Research พบส่วนขยาย Chrome ที่อ้างว่าเป็นกระเป๋าเงิน Ethereum ชื่อ Safery: Ethereum Wallet ซึ่งถูกเผยแพร่ใน Chrome Web Store และปรากฏใกล้เคียงกับกระเป๋าเงินที่ถูกต้องอย่าง MetaMask และ Enkrypt จุดอันตรายคือส่วนขยายนี้สามารถ ขโมย Seed Phrase ของผู้ใช้ ได้ทันทีที่มีการสร้างหรือ Import Wallet สิ่งที่ทำให้การโจมตีนี้แตกต่างคือ การซ่อนข้อมูลในธุรกรรมบล็อกเชน Sui โดยส่วนขยายจะเข้ารหัส Seed Phrase ของเหยื่อเป็นที่อยู่ปลอมบน Sui และส่งธุรกรรมเล็กๆ (0.000001 SUI) ไปยังที่อยู่นั้น จากนั้นผู้โจมตีสามารถถอดรหัสกลับมาเป็น Seed Phrase ได้โดยตรงจากข้อมูลบนบล็อกเชน โดยไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์กลางหรือการส่งข้อมูลผ่าน HTTP การทำงานเช่นนี้ทำให้การโจมตี ยากต่อการตรวจจับ เพราะทุกอย่างดูเหมือนธุรกรรมปกติบนบล็อกเชน ไม่มีการติดต่อกับ Command & Control Server และไม่มีการส่งข้อมูลแบบ plaintext ออกไปนอกเบราว์เซอร์ แม้ Socket ได้แจ้ง Google แล้ว แต่ในช่วงเวลาที่รายงานเผยแพร่ ส่วนขยายนี้ยังคงสามารถดาวน์โหลดได้ใน Chrome Web Store ทำให้ผู้ใช้ที่กำลังมองหากระเป๋าเงินเบาๆ เสี่ยงต่อการถูกโจมตีและสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบส่วนขยายปลอม Safery: Ethereum Wallet ➡️ ปรากฏใน Chrome Web Store ใกล้กับกระเป๋าเงินที่ถูกต้อง ➡️ ทำงานเหมือนกระเป๋าเงินปกติ แต่แอบขโมย Seed Phrase ✅ วิธีการโจมตี ➡️ เข้ารหัส Seed Phrase เป็นที่อยู่ปลอมบน Sui Blockchain ➡️ ส่งธุรกรรมเล็กๆ เพื่อซ่อนข้อมูลโดยไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์กลาง ✅ ความยากในการตรวจจับ ➡️ ไม่มีการส่งข้อมูลผ่าน HTTP หรือ C2 Server ➡️ ทุกอย่างดูเหมือนธุรกรรมปกติบนบล็อกเชน ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้งาน ⛔ ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดส่วนขยายนี้เสี่ยงต่อการสูญเสียคริปโตทั้งหมด ⛔ ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของส่วนขยายก่อนติดตั้ง และใช้กระเป๋าเงินจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น https://securityonline.info/sui-blockchain-seed-stealer-malicious-chrome-extension-hides-mnemonic-exfiltration-in-microtransactions/
    SECURITYONLINE.INFO
    Sui Blockchain Seed Stealer: Malicious Chrome Extension Hides Mnemonic Exfiltration in Microtransactions
    A malicious Chrome extension, Safery: Ethereum Wallet, steals BIP-39 seed phrases by encoding them into synthetic Sui blockchain addresses and broadcasting microtransactions, bypassing HTTP/C2 detection.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ก้าวขึ้นสู่ 25% ของตลาด x86 CPU

    ข้อมูลจาก Mercury Research ระบุว่า AMD มีส่วนแบ่งตลาดรวมของ x86 CPU อยู่ที่ 25.6% เพิ่มขึ้นจาก 24.2% ในไตรมาสก่อน และจาก 24% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการบรรลุ milestone สำคัญที่สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

    เดสก์ท็อป: จุดแข็งของ AMD
    ในตลาดเดสก์ท็อป AMD ทำผลงานโดดเด่นด้วยซีรีส์ Ryzen 9000 “Granite Ridge” ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ระดับ enthusiast และ performance ทำให้ AMD ครองส่วนแบ่งถึง 33.6% เพิ่มขึ้นจาก 32.2% ในไตรมาสก่อน และมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2024

    ตลาดโน้ตบุ๊กและเซิร์ฟเวอร์
    แม้ AMD จะเสียส่วนแบ่งเล็กน้อยในตลาดโน้ตบุ๊กเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็เริ่มกลับมาแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสล่าสุด โดยมีส่วนแบ่ง 21.9% ขณะที่ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ AMD ยังคงขยายตัวอย่างช้า ๆ โดยมีส่วนแบ่ง 27.8% ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นของซีรีส์ EPYC Turin

    Intel ยังคงครองตลาดแต่ถูกกดดัน
    Intel ยังคงครองส่วนแบ่งใหญ่กว่า 74% ของตลาดรวม แต่กำลังเผชิญปัญหาการจัดหาชิป entry-level และการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์ ทำให้ AMD สามารถแทรกตัวเข้ามาได้มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเดสก์ท็อปที่ Intel สูญเสียความนิยมในรุ่น Core Raptor Lake

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AMD ครอง 25.6% ของตลาด x86 CPU รวม
    เพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบ QoQ และ YoY

    AMD ครอง 33.6% ของตลาดเดสก์ท็อป
    Ryzen 9000 “Granite Ridge” ได้รับความนิยมสูง

    AMD มีส่วนแบ่ง 21.9% ในตลาดโน้ตบุ๊ก
    เริ่มกลับมาแข็งแกร่งหลังจากเสียส่วนแบ่งก่อนหน้านี้

    AMD มีส่วนแบ่ง 27.8% ในตลาดเซิร์ฟเวอร์
    EPYC Turin ได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้น

    Intel สูญเสียความนิยมในบางเซ็กเมนต์
    ปัญหาการจัดหาชิป entry-level และการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์

    การแข่งขันรุนแรงในตลาดเดสก์ท็อป
    Intel ถูกกดดันจาก Ryzen รุ่นใหม่ที่ครองใจผู้ใช้ enthusiast

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-continues-to-chip-away-at-intels-x86-market-share-company-now-sells-over-25-percent-of-all-x86-chips-and-powers-33-percent-of-all-desktop-systems
    📊 AMD ก้าวขึ้นสู่ 25% ของตลาด x86 CPU ข้อมูลจาก Mercury Research ระบุว่า AMD มีส่วนแบ่งตลาดรวมของ x86 CPU อยู่ที่ 25.6% เพิ่มขึ้นจาก 24.2% ในไตรมาสก่อน และจาก 24% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ถือเป็นการบรรลุ milestone สำคัญที่สะท้อนถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 🖥️ เดสก์ท็อป: จุดแข็งของ AMD ในตลาดเดสก์ท็อป AMD ทำผลงานโดดเด่นด้วยซีรีส์ Ryzen 9000 “Granite Ridge” ที่ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ระดับ enthusiast และ performance ทำให้ AMD ครองส่วนแบ่งถึง 33.6% เพิ่มขึ้นจาก 32.2% ในไตรมาสก่อน และมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2024 💻 ตลาดโน้ตบุ๊กและเซิร์ฟเวอร์ แม้ AMD จะเสียส่วนแบ่งเล็กน้อยในตลาดโน้ตบุ๊กเมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็เริ่มกลับมาแข็งแกร่งขึ้นในไตรมาสล่าสุด โดยมีส่วนแบ่ง 21.9% ขณะที่ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ AMD ยังคงขยายตัวอย่างช้า ๆ โดยมีส่วนแบ่ง 27.8% ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับที่เพิ่มขึ้นของซีรีส์ EPYC Turin ⚡ Intel ยังคงครองตลาดแต่ถูกกดดัน Intel ยังคงครองส่วนแบ่งใหญ่กว่า 74% ของตลาดรวม แต่กำลังเผชิญปัญหาการจัดหาชิป entry-level และการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์ ทำให้ AMD สามารถแทรกตัวเข้ามาได้มากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดเดสก์ท็อปที่ Intel สูญเสียความนิยมในรุ่น Core Raptor Lake 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AMD ครอง 25.6% ของตลาด x86 CPU รวม ➡️ เพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบ QoQ และ YoY ✅ AMD ครอง 33.6% ของตลาดเดสก์ท็อป ➡️ Ryzen 9000 “Granite Ridge” ได้รับความนิยมสูง ✅ AMD มีส่วนแบ่ง 21.9% ในตลาดโน้ตบุ๊ก ➡️ เริ่มกลับมาแข็งแกร่งหลังจากเสียส่วนแบ่งก่อนหน้านี้ ✅ AMD มีส่วนแบ่ง 27.8% ในตลาดเซิร์ฟเวอร์ ➡️ EPYC Turin ได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้น ‼️ Intel สูญเสียความนิยมในบางเซ็กเมนต์ ⛔ ปัญหาการจัดหาชิป entry-level และการเปลี่ยนผ่านผลิตภัณฑ์ ‼️ การแข่งขันรุนแรงในตลาดเดสก์ท็อป ⛔ Intel ถูกกดดันจาก Ryzen รุ่นใหม่ที่ครองใจผู้ใช้ enthusiast https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-continues-to-chip-away-at-intels-x86-market-share-company-now-sells-over-25-percent-of-all-x86-chips-and-powers-33-percent-of-all-desktop-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลแข่งขันทางการค้าของสหราชอาณาจักรตัดสินให้การขายต่อ Windows และ Office perpetual licenses เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    คดีนี้เริ่มจากบริษัท ValueLicensing ที่ฟ้อง Microsoft เรื่องการห้ามขายต่อ perpetual licenses ของ Windows และ Office ศาลได้ตัดสินว่า ลูกค้าที่ถือ perpetual license มีสิทธิขายต่อได้ตามกฎหมาย และไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์

    ข้อโต้แย้งของ Microsoft ถูกปฏิเสธ
    Microsoft พยายามอ้างว่าโปรแกรม Office มีองค์ประกอบเชิงกราฟิกและงานสร้างสรรค์ จึงควรได้รับการคุ้มครองในฐานะ “creative work” แต่ศาลเห็นว่า ไม่มีองค์ประกอบที่เพียงพอ ที่จะทำให้ซอฟต์แวร์เหล่านี้เข้าข่ายงานศิลปะหรือวรรณกรรมที่ห้ามขายต่อ

    ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภค
    หากคำตัดสินนี้ถูกยืนยัน จะทำให้ตลาดซอฟต์แวร์มือสองในสหราชอาณาจักรเปิดกว้างมากขึ้น ผู้บริโภคสามารถซื้อ Windows หรือ Office ราคาถูกจากผู้ที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งอาจทำให้ Microsoft สูญเสียรายได้มหาศาล โดยมีการประเมินว่า ค่าเสียหายอาจสูงถึง 270 ล้านปอนด์

    Microsoft เตรียมอุทธรณ์
    Microsoft แถลงว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินนี้ โดยยังคงยืนยันว่าการขายต่อ license ขัดต่อสัญญาและเป็นการละเมิดสิทธิ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม คดีนี้อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในยุโรปเกี่ยวกับสิทธิการขายต่อซอฟต์แวร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ศาลสหราชอาณาจักรตัดสินให้ขายต่อ Windows และ Office license ได้
    ลูกค้าที่ถือ perpetual license มีสิทธิขายต่อโดยไม่ผิดกฎหมาย

    ข้อโต้แย้งของ Microsoft ถูกปฏิเสธ
    ศาลเห็นว่าโปรแกรมไม่เข้าข่าย “งานสร้างสรรค์” ที่ห้ามขายต่อ

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด
    เปิดโอกาสให้ซื้อซอฟต์แวร์ราคาถูกจากตลาดมือสอง

    ความเสี่ยงต่อรายได้ของ Microsoft
    อาจสูญเสียรายได้มหาศาลและต้องจ่ายค่าเสียหาย 270 ล้านปอนด์

    ความไม่แน่นอนจากการอุทธรณ์
    หาก Microsoft ชนะการอุทธรณ์ ตลาดซอฟต์แวร์มือสองอาจถูกจำกัดอีกครั้ง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/microsoft-to-appeal-ruling-in-favor-of-reselling-perpetual-windows-licenses-uk-competition-court-says-fineprint-holds-no-ground-as-judges-throw-out-companys-creative-work-argument
    ⚖️ ศาลแข่งขันทางการค้าของสหราชอาณาจักรตัดสินให้การขายต่อ Windows และ Office perpetual licenses เป็นสิ่งที่ถูกต้องตามกฎหมาย คดีนี้เริ่มจากบริษัท ValueLicensing ที่ฟ้อง Microsoft เรื่องการห้ามขายต่อ perpetual licenses ของ Windows และ Office ศาลได้ตัดสินว่า ลูกค้าที่ถือ perpetual license มีสิทธิขายต่อได้ตามกฎหมาย และไม่ถือเป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ 🎨 ข้อโต้แย้งของ Microsoft ถูกปฏิเสธ Microsoft พยายามอ้างว่าโปรแกรม Office มีองค์ประกอบเชิงกราฟิกและงานสร้างสรรค์ จึงควรได้รับการคุ้มครองในฐานะ “creative work” แต่ศาลเห็นว่า ไม่มีองค์ประกอบที่เพียงพอ ที่จะทำให้ซอฟต์แวร์เหล่านี้เข้าข่ายงานศิลปะหรือวรรณกรรมที่ห้ามขายต่อ 💰 ผลกระทบต่อธุรกิจและผู้บริโภค หากคำตัดสินนี้ถูกยืนยัน จะทำให้ตลาดซอฟต์แวร์มือสองในสหราชอาณาจักรเปิดกว้างมากขึ้น ผู้บริโภคสามารถซื้อ Windows หรือ Office ราคาถูกจากผู้ที่ไม่ใช้แล้ว ซึ่งอาจทำให้ Microsoft สูญเสียรายได้มหาศาล โดยมีการประเมินว่า ค่าเสียหายอาจสูงถึง 270 ล้านปอนด์ 🏛️ Microsoft เตรียมอุทธรณ์ Microsoft แถลงว่าจะยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินนี้ โดยยังคงยืนยันว่าการขายต่อ license ขัดต่อสัญญาและเป็นการละเมิดสิทธิ์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม คดีนี้อาจกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ในยุโรปเกี่ยวกับสิทธิการขายต่อซอฟต์แวร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ศาลสหราชอาณาจักรตัดสินให้ขายต่อ Windows และ Office license ได้ ➡️ ลูกค้าที่ถือ perpetual license มีสิทธิขายต่อโดยไม่ผิดกฎหมาย ✅ ข้อโต้แย้งของ Microsoft ถูกปฏิเสธ ➡️ ศาลเห็นว่าโปรแกรมไม่เข้าข่าย “งานสร้างสรรค์” ที่ห้ามขายต่อ ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและตลาด ➡️ เปิดโอกาสให้ซื้อซอฟต์แวร์ราคาถูกจากตลาดมือสอง ‼️ ความเสี่ยงต่อรายได้ของ Microsoft ⛔ อาจสูญเสียรายได้มหาศาลและต้องจ่ายค่าเสียหาย 270 ล้านปอนด์ ‼️ ความไม่แน่นอนจากการอุทธรณ์ ⛔ หาก Microsoft ชนะการอุทธรณ์ ตลาดซอฟต์แวร์มือสองอาจถูกจำกัดอีกครั้ง https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/microsoft-to-appeal-ruling-in-favor-of-reselling-perpetual-windows-licenses-uk-competition-court-says-fineprint-holds-no-ground-as-judges-throw-out-companys-creative-work-argument
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • Samsung ขึ้นราคาชิปหน่วยความจำ

    รายงานระบุว่า Samsung ได้ปรับราคาชิปหน่วยความจำขึ้นมากถึง 60% ตั้งแต่เดือนกันยายน โดยเฉพาะ DDR5 ขนาด 32GB ที่ราคาสัญญาเพิ่มจาก 149 ดอลลาร์ เป็น 239 ดอลลาร์ การปรับขึ้นครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากตลาดที่ต้องการหน่วยความจำจำนวนมากเพื่อรองรับการประมวลผล AI

    AI Data Center จุดชนวนความต้องการ
    การสร้างศูนย์ข้อมูล AI ทั่วโลกเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ความต้องการหน่วยความจำพุ่งสูง ผู้ผลิตไม่เร่งเพิ่มกำลังการผลิต เพราะกังวลว่าความต้องการอาจลดลงในอนาคต ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนและราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่อง

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรม
    ราคาที่สูงขึ้นไม่ได้กระทบแค่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ DIY แต่ยังส่งผลต่อ สมาร์ทโฟน, โน้ตบุ๊ก, IoT และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่ต้องใช้ DRAM และ NAND การขาดแคลนทำให้บางตลาดเกิดการ “panic buying” หรือการสั่งซื้อเกินความต้องการเพื่อกักตุนสินค้า

    แนวโน้มในอนาคต
    นักวิเคราะห์เตือนว่าภาวะขาดแคลนอาจยืดเยื้อไปถึงปี 2026 และอาจกินเวลานานถึง 10 ปี หากอุตสาหกรรมยังไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้ทันกับการเติบโตของ AI ที่ต้องใช้หน่วยความจำจำนวนมหาศาล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Samsung ปรับขึ้นราคาชิปหน่วยความจำสูงสุด 60%
    DDR5 32GB ราคาพุ่งจาก 149 ดอลลาร์เป็น 239 ดอลลาร์

    AI Data Center เป็นตัวการหลัก
    ความต้องการหน่วยความจำเพิ่มขึ้นมหาศาลจากการสร้างศูนย์ข้อมูล AI

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรม
    สมาร์ทโฟน, โน้ตบุ๊ก, IoT และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะได้รับผลกระทบ

    ความเสี่ยงจากการขาดแคลนยาวนาน
    อาจยืดเยื้อไปถึงปี 2026 และกินเวลานานถึง 10 ปี

    การกักตุนสินค้า (panic buying)
    ทำให้ตลาดตึงเครียดและราคายิ่งพุ่งสูงขึ้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/samsung-raises-memory-chip-prices-by-up-to-60-percent-since-september-according-to-reports-ai-data-center-build-out-strangles-supply
    💾 Samsung ขึ้นราคาชิปหน่วยความจำ รายงานระบุว่า Samsung ได้ปรับราคาชิปหน่วยความจำขึ้นมากถึง 60% ตั้งแต่เดือนกันยายน โดยเฉพาะ DDR5 ขนาด 32GB ที่ราคาสัญญาเพิ่มจาก 149 ดอลลาร์ เป็น 239 ดอลลาร์ การปรับขึ้นครั้งนี้สะท้อนถึงแรงกดดันจากตลาดที่ต้องการหน่วยความจำจำนวนมากเพื่อรองรับการประมวลผล AI 🏗️ AI Data Center จุดชนวนความต้องการ การสร้างศูนย์ข้อมูล AI ทั่วโลกเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ความต้องการหน่วยความจำพุ่งสูง ผู้ผลิตไม่เร่งเพิ่มกำลังการผลิต เพราะกังวลว่าความต้องการอาจลดลงในอนาคต ส่งผลให้เกิดการขาดแคลนและราคาพุ่งขึ้นต่อเนื่อง 📈 ผลกระทบต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรม ราคาที่สูงขึ้นไม่ได้กระทบแค่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ DIY แต่ยังส่งผลต่อ สมาร์ทโฟน, โน้ตบุ๊ก, IoT และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ที่ต้องใช้ DRAM และ NAND การขาดแคลนทำให้บางตลาดเกิดการ “panic buying” หรือการสั่งซื้อเกินความต้องการเพื่อกักตุนสินค้า 🔮 แนวโน้มในอนาคต นักวิเคราะห์เตือนว่าภาวะขาดแคลนอาจยืดเยื้อไปถึงปี 2026 และอาจกินเวลานานถึง 10 ปี หากอุตสาหกรรมยังไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตให้ทันกับการเติบโตของ AI ที่ต้องใช้หน่วยความจำจำนวนมหาศาล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Samsung ปรับขึ้นราคาชิปหน่วยความจำสูงสุด 60% ➡️ DDR5 32GB ราคาพุ่งจาก 149 ดอลลาร์เป็น 239 ดอลลาร์ ✅ AI Data Center เป็นตัวการหลัก ➡️ ความต้องการหน่วยความจำเพิ่มขึ้นมหาศาลจากการสร้างศูนย์ข้อมูล AI ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคและอุตสาหกรรม ➡️ สมาร์ทโฟน, โน้ตบุ๊ก, IoT และเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะได้รับผลกระทบ ‼️ ความเสี่ยงจากการขาดแคลนยาวนาน ⛔ อาจยืดเยื้อไปถึงปี 2026 และกินเวลานานถึง 10 ปี ‼️ การกักตุนสินค้า (panic buying) ⛔ ทำให้ตลาดตึงเครียดและราคายิ่งพุ่งสูงขึ้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/samsung-raises-memory-chip-prices-by-up-to-60-percent-since-september-according-to-reports-ai-data-center-build-out-strangles-supply
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระชินราชท่าเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ปี2497
    พระชินราชท่าเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี พิมพ์เล็ก (พระแท้ๆ ดูง่าย หาไม่ง่ายนะครับ จำนวนสร้างน้อย หายากมาก) วัดพระบรมธาตุ จ. นครศรีธรรมราช ปี2497 // พระดีพิธีใหญ่มีการปลุกเสกอย่างเข้มขลัง พิธีนี้ได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี //พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม เสริมเสน่ห์ เจรจาธุรกิจง่าย ช่วยในการค้าขายดี ผู้คนรักใคร่เอ็นดู โชคลาภ อำนาจวาสนาบารมี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องบริหาร และ คงกระพันชาตรี ป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาแผ้วพาน **

    ** พระชินราชท่าเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ปี2497 พระดีพิธีใหญ่มีการปลุกเสกอย่างเข้มขลัง การปลุกเสกเน้นเด่นเฉพาะทาง แบ่งออกเป็นช่วง ช่วงละ 7 วัน เช่น ปลุกเสกเน้นด้านคงกระพันชาตรี 7 วัน มหาอุด 7 วัน ป้องกันสัตว์ร้ายและโจรร้าย 7 วัน ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและภูตผีปีศาจ 7 วัน เมตตามหานิยม 7 วัน เนรมิตกายกำราบศัตรูให้เห็นเราคนเดียวเป็นหลายคน เป็นต้น **

    ** พิธีนี้ได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี มีท่านเจ้าคุณภัทรมุขมุณี วัดพระบรมธาตุฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สำหรับพระคณาจารย์ที่ปลุกเสกขอยกมาเป็นบางส่วน ได้แก่ หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน จันดี, หลวงพ่อโอภาสี บางมด ธนบุรี, หลวงพ่อเขียว วัดหรงบน, หลวงพ่อเมือง วัดท่าพญา, หลวงพ่อคง วัดคลองน้อย, หลวงพ่อมุ่ย วัดป่าระกำ ปากพนัง, หลวงพ่อแดง วัดโท ท่าศาลา, หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง ร่อนพิบูลย์, หลวงพ่อแดง วัดเขาหลัก ทุ่งใหญ่, หลวงพ่อตุด วัดทุ่งกง กระบี่, หลวงพ่อวัน มะนะโส วัดประสิทธิชัย, หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด ตรัง, หลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อ, หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน, หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ. หลวงพ่อเจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก, หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง ตะวันออก พัทลุง, หลวงพ่อพัว วัดเขาราหู (วัดบางเดือน). หลวงพ่อแดง วัดคลองไทร, หลวงพ่อวิรัช วัดกะเปา คีรีรัฐนิคม สุราษฎร์ธานี, หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน, หลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย, หลวงพ่อจีด วัดถ้ำเขาพลู, หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ชุมพร, หลวงพ่อท้วม วัดเขาโบสถ์ บางสะพาน, หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์, หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม ฯลฯ อาจารย์ที่เป็นฆราวาสได้แก่ อ.ชุม ไชยคีรี, อ.นำ แก้วจันทร์, พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ ราชเดช **

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระชินราชท่าเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ปี2497 พระชินราชท่าเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี พิมพ์เล็ก (พระแท้ๆ ดูง่าย หาไม่ง่ายนะครับ จำนวนสร้างน้อย หายากมาก) วัดพระบรมธาตุ จ. นครศรีธรรมราช ปี2497 // พระดีพิธีใหญ่มีการปลุกเสกอย่างเข้มขลัง พิธีนี้ได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี //พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณแคล้วคลาดปลอดภัย เมตตามหานิยม เสริมเสน่ห์ เจรจาธุรกิจง่าย ช่วยในการค้าขายดี ผู้คนรักใคร่เอ็นดู โชคลาภ อำนาจวาสนาบารมี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องบริหาร และ คงกระพันชาตรี ป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามาแผ้วพาน ** ** พระชินราชท่าเรือ อาจารย์ชุม ไชยคีรี ปี2497 พระดีพิธีใหญ่มีการปลุกเสกอย่างเข้มขลัง การปลุกเสกเน้นเด่นเฉพาะทาง แบ่งออกเป็นช่วง ช่วงละ 7 วัน เช่น ปลุกเสกเน้นด้านคงกระพันชาตรี 7 วัน มหาอุด 7 วัน ป้องกันสัตว์ร้ายและโจรร้าย 7 วัน ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บและภูตผีปีศาจ 7 วัน เมตตามหานิยม 7 วัน เนรมิตกายกำราบศัตรูให้เห็นเราคนเดียวเป็นหลายคน เป็นต้น ** ** พิธีนี้ได้นิมนต์พระเถราจารย์ ผู้เรืองเวทวิทยาคม 108 รูป มาร่วมประกอบพิธี มีท่านเจ้าคุณภัทรมุขมุณี วัดพระบรมธาตุฯ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ สำหรับพระคณาจารย์ที่ปลุกเสกขอยกมาเป็นบางส่วน ได้แก่ หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน จันดี, หลวงพ่อโอภาสี บางมด ธนบุรี, หลวงพ่อเขียว วัดหรงบน, หลวงพ่อเมือง วัดท่าพญา, หลวงพ่อคง วัดคลองน้อย, หลวงพ่อมุ่ย วัดป่าระกำ ปากพนัง, หลวงพ่อแดง วัดโท ท่าศาลา, หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง ร่อนพิบูลย์, หลวงพ่อแดง วัดเขาหลัก ทุ่งใหญ่, หลวงพ่อตุด วัดทุ่งกง กระบี่, หลวงพ่อวัน มะนะโส วัดประสิทธิชัย, หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด ตรัง, หลวงพ่อปาล วัดเขาอ้อ, หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน, หลวงพ่อดิษฐ์ วัดปากสระ. หลวงพ่อเจ็ก วัดเขาแดงตะวันตก, หลวงพ่อหมุน วัดเขาแดง ตะวันออก พัทลุง, หลวงพ่อพัว วัดเขาราหู (วัดบางเดือน). หลวงพ่อแดง วัดคลองไทร, หลวงพ่อวิรัช วัดกะเปา คีรีรัฐนิคม สุราษฎร์ธานี, หลวงพ่อทอง วัดดอนสะท้อน, หลวงพ่อสงฆ์ วัดศาลาลอย, หลวงพ่อจีด วัดถ้ำเขาพลู, หลวงพ่อรุ่ง วัดบางแหวน ชุมพร, หลวงพ่อท้วม วัดเขาโบสถ์ บางสะพาน, หลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก ประจวบคีรีขันธ์, หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี, หลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ เพชรบุรี, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม, หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม ฯลฯ อาจารย์ที่เป็นฆราวาสได้แก่ อ.ชุม ไชยคีรี, อ.นำ แก้วจันทร์, พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ ราชเดช ** ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลายัดเยียดขยายความเทาให้คนอื่น แมร่งร่ายยาวเป็นวัน พอความเทาของพรรคมัน ดันตอบแค่สิบกว่าวินาที คนเทาเท่ากันกี่โมง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เวลายัดเยียดขยายความเทาให้คนอื่น แมร่งร่ายยาวเป็นวัน พอความเทาของพรรคมัน ดันตอบแค่สิบกว่าวินาที คนเทาเท่ากันกี่โมง #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • Musk ปั้นซัพพลายเชนชิปในสหรัฐ: จาก PCB สู่แพ็คเกจชิปขั้นสูง

    วิสัยทัศน์ “TeraFab” ของ Elon Musk เริ่มเห็นรูปธรรม: รายงานระบุว่ากำลังพัฒนาโรงงาน Advanced Packaging แบบ FOPLP ในเท็กซัส โดยมี SpaceX เป็นผู้จัดการเริ่มต้น ผลิตคอมโพเนนต์ RF สำหรับ Starlink เป้าหมายเดินเครื่องผลิตช่วงไตรมาส 3 ปี 2026 เพื่อแก้คอขวดซัพพลายเชนในสหรัฐและยกระดับอินทิเกรชันของโมดูล RF/พาวเวอร์ให้แน่นขึ้น ลดต้นทุนและเวลานำส่ง.

    สิ่งนี้สอดคล้องกับการสร้างฐาน PCB ขนาดมหึมาใน Bastrop, Texas ที่ประกาศว่าจะเป็น “โรงงาน PCB ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ” ผลิตอุปกรณ์ Starlink มหาศาล มีแผนเพิ่มดาวเทียมและลูกค้าอีกมาก โครงสร้างพื้นฐาน PCB ทำให้การต่อยอดสู่ FOPLP เป็นธรรมชาติ ทั้งกระบวนการผลิตมีส่วนร่วมกัน และช่วยเร่งสปรินต์ดีไซน์—ผลิต สำหรับระบบดาวเทียม.

    รายงานอีกฉบับชี้ว่าไลน์ FOPLP อาจใช้แผงขนาด 700×700 มม. ซึ่งท้าทายเรื่องการแอ่น/บิด แต่หากสเกลสำเร็จจะลดต้นทุนอย่างมาก และเพิ่มความเร็วการผลิต นอกจากนี้ การผลิตในประเทศช่วยตอบโจทย์สัญญาเชิงความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ สำหรับเครือข่ายดาวเทียมที่มีการขยายตัวรวดเร็วของ SpaceX.

    ทั้งหมดตั้งอยู่บนภูมิทัศน์การผลิตที่กว้างขึ้นในเท็กซัส—ตั้งแต่ Starbase ที่เป็นฐานทดสอบ/ผลิต Starship ไปจนถึงฐานอุตสาหกรรมในหลายเมือง โครงสร้างพื้นฐานและแรงงานที่เพิ่มขึ้นช่วยโอบอุ้มแผน vertical integration ของ Musk ให้ขับเคลื่อนเร็วขึ้นในห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์จาก PCB ถึงแพ็คเกจชิปขั้นสูง.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    FOPLP กำลังมา: โรงงานแพ็คเกจชิปขั้นสูงในเท็กซัส ตั้งเป้าเริ่มผลิต Q3 2026
    โฟกัสแรก: โมดูล RF/พาวเวอร์สำหรับ Starlink แบบแพ็คเกจอินทิเกรตแน่น ลดต้นทุนเวลานำส่ง

    ฐาน PCB มหึมา: Bastrop จะเป็นโรงงาน PCB ใหญ่สุดในสหรัฐ ผลิตอุปกรณ์ Starlink
    ผลกระทบ: เพิ่มความพึ่งพาตนเอง ลดการเอาท์ซอร์สเอเชีย และเร่งขยายเครือข่ายผู้ใช้

    สเกล 700×700 มม.: พยายามสเกล FOPLP บนแผงขนาดใหญ่อุตสาหกรรม
    ข้อดี: หากสำเร็จ ลดต้นทุนและเพิ่ม throughput อย่างมีนัยสำคัญ

    ระบบนิเวศเท็กซัส: โครงสร้างพื้นฐาน Starbase/โรงงานต่างๆ หนุน vertical integration
    ภาพรวม: สายการผลิตในประเทศสอดคล้องข้อกำหนดสัญญารัฐและลดเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์

    ความท้าทายเทคนิค: แผง FOPLP ใหญ่เสี่ยงการแอ่น/บิด และ yield ต่ำในช่วงแรก
    แนวทาง: ต้องลงทุนเครื่องมือ/กระบวนการควบคุมความเรียบและความแม่นยำขั้นสูง

    ไทม์ไลน์ผลิต: Q3 2026 เป็นกรอบเริ่มต้นที่อาจเลื่อนจากการติดตั้ง/ปรับจูน
    ข้อควรเฝ้าระวัง: ความพร้อมเครื่องจักร ซัพพลายเออร์ และทีมกระบวนการอาจกระทบกำลังผลิตเริ่มต้น

    https://wccftech.com/elon-musk-dramatic-chip-ambitions-have-already-started-to-play-out/
    🙎‍♂️ Musk ปั้นซัพพลายเชนชิปในสหรัฐ: จาก PCB สู่แพ็คเกจชิปขั้นสูง 🚀 วิสัยทัศน์ “TeraFab” ของ Elon Musk เริ่มเห็นรูปธรรม: รายงานระบุว่ากำลังพัฒนาโรงงาน Advanced Packaging แบบ FOPLP ในเท็กซัส โดยมี SpaceX เป็นผู้จัดการเริ่มต้น ผลิตคอมโพเนนต์ RF สำหรับ Starlink เป้าหมายเดินเครื่องผลิตช่วงไตรมาส 3 ปี 2026 เพื่อแก้คอขวดซัพพลายเชนในสหรัฐและยกระดับอินทิเกรชันของโมดูล RF/พาวเวอร์ให้แน่นขึ้น ลดต้นทุนและเวลานำส่ง. สิ่งนี้สอดคล้องกับการสร้างฐาน PCB ขนาดมหึมาใน Bastrop, Texas ที่ประกาศว่าจะเป็น “โรงงาน PCB ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ” ผลิตอุปกรณ์ Starlink มหาศาล มีแผนเพิ่มดาวเทียมและลูกค้าอีกมาก โครงสร้างพื้นฐาน PCB ทำให้การต่อยอดสู่ FOPLP เป็นธรรมชาติ ทั้งกระบวนการผลิตมีส่วนร่วมกัน และช่วยเร่งสปรินต์ดีไซน์—ผลิต สำหรับระบบดาวเทียม. รายงานอีกฉบับชี้ว่าไลน์ FOPLP อาจใช้แผงขนาด 700×700 มม. ซึ่งท้าทายเรื่องการแอ่น/บิด แต่หากสเกลสำเร็จจะลดต้นทุนอย่างมาก และเพิ่มความเร็วการผลิต นอกจากนี้ การผลิตในประเทศช่วยตอบโจทย์สัญญาเชิงความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ สำหรับเครือข่ายดาวเทียมที่มีการขยายตัวรวดเร็วของ SpaceX. ทั้งหมดตั้งอยู่บนภูมิทัศน์การผลิตที่กว้างขึ้นในเท็กซัส—ตั้งแต่ Starbase ที่เป็นฐานทดสอบ/ผลิต Starship ไปจนถึงฐานอุตสาหกรรมในหลายเมือง โครงสร้างพื้นฐานและแรงงานที่เพิ่มขึ้นช่วยโอบอุ้มแผน vertical integration ของ Musk ให้ขับเคลื่อนเร็วขึ้นในห่วงโซ่อิเล็กทรอนิกส์จาก PCB ถึงแพ็คเกจชิปขั้นสูง. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ FOPLP กำลังมา: โรงงานแพ็คเกจชิปขั้นสูงในเท็กซัส ตั้งเป้าเริ่มผลิต Q3 2026 ➡️ โฟกัสแรก: โมดูล RF/พาวเวอร์สำหรับ Starlink แบบแพ็คเกจอินทิเกรตแน่น ลดต้นทุนเวลานำส่ง ✅ ฐาน PCB มหึมา: Bastrop จะเป็นโรงงาน PCB ใหญ่สุดในสหรัฐ ผลิตอุปกรณ์ Starlink ➡️ ผลกระทบ: เพิ่มความพึ่งพาตนเอง ลดการเอาท์ซอร์สเอเชีย และเร่งขยายเครือข่ายผู้ใช้ ✅ สเกล 700×700 มม.: พยายามสเกล FOPLP บนแผงขนาดใหญ่อุตสาหกรรม ➡️ ข้อดี: หากสำเร็จ ลดต้นทุนและเพิ่ม throughput อย่างมีนัยสำคัญ ✅ ระบบนิเวศเท็กซัส: โครงสร้างพื้นฐาน Starbase/โรงงานต่างๆ หนุน vertical integration ➡️ ภาพรวม: สายการผลิตในประเทศสอดคล้องข้อกำหนดสัญญารัฐและลดเสี่ยงภูมิรัฐศาสตร์ ‼️ ความท้าทายเทคนิค: แผง FOPLP ใหญ่เสี่ยงการแอ่น/บิด และ yield ต่ำในช่วงแรก ⛔ แนวทาง: ต้องลงทุนเครื่องมือ/กระบวนการควบคุมความเรียบและความแม่นยำขั้นสูง ‼️ ไทม์ไลน์ผลิต: Q3 2026 เป็นกรอบเริ่มต้นที่อาจเลื่อนจากการติดตั้ง/ปรับจูน ⛔ ข้อควรเฝ้าระวัง: ความพร้อมเครื่องจักร ซัพพลายเออร์ และทีมกระบวนการอาจกระทบกำลังผลิตเริ่มต้น https://wccftech.com/elon-musk-dramatic-chip-ambitions-have-already-started-to-play-out/
    WCCFTECH.COM
    Elon Musk’s Dramatic Chip Ambitions Are Already Taking Shape — And the Early Signs Look Highly Optimistic
    Elon Musk's statements around building up a chip supply were seen as 'ambitious', but it appears that Tesla already has efforts in place.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • โนวาเลคของ Intel: คืนชีพเวคเตอร์ 512 บิต หรือแผนเปลี่ยนกลางทาง?

    Intel ถูกจับตาอย่างหนักว่ารุ่น Nova Lake จะรองรับ AVX10.2 (เวคเตอร์แบบ “Converged” 128/256/512 บิต) และ APX (เพิ่มรีจิสเตอร์ทั่วไป) ตามเอกสาร ISA และการอ้างอิงของชุมชนนักพัฒนา ซึ่งถ้าจริง จะเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ของไลน์ลูกค้า (เดสก์ท็อป/โน้ตบุ๊ก) ให้มีประสิทธิภาพเวคเตอร์และงาน AI/สื่อ ที่เคยจำกัดใน Xeon กลับมาอยู่บนเครื่องทั่วไปอีกครั้ง.

    อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลจากแพตช์คอมไพเลอร์ GCC/LLVM และเอกสารฟีเจอร์สถาปัตยกรรมฉบับล่าสุดบางส่วนที่ “ไม่เห็น” การประกาศรองรับ AVX10/APX สำหรับ Nova Lake ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ฟีเจอร์จะถูกจำกัดหรือเลื่อน แม้จะมีหลักฐานจาก NASM ที่ทำให้ความหวังกลับมาอีกครั้ง จึงเกิดภาพ “ข่าวดี-ข่าวลบ” ปะทะกันในระยะเตรียมเปิดตัว.

    หาก Nova Lake รองรับ AVX10/APX จริง พร้อมขยาย 512 บิตสู่ไลน์ลูกค้า จะเป็นครั้งแรกที่ Intel และ AMD (Zen 5 รองรับ AVX-512 เต็มจริง) ยืนบนเวทีเวคเตอร์ 512 บิตพร้อมกันในตลาดผู้ใช้ทั่วไป ลดความแตกแยกของโปรแกรมมิงโมเดล และยกระดับงานวิทยาศาสตร์ สื่อ และ AI inference บนพีซีส่วนบุคคลอย่างมีนัยสำคัญ.

    ข่าวลือด้านฮาร์ดแวร์ยังพูดถึงสเกลคอร์ที่ทะเยอทะยาน (เช่น สูงสุด 52 คอร์แบบผสม P/E/LPE) เพื่อบาลานซ์ซิงเกิลเธรดกับงานขนานโดยคุมพลังงาน แม้รายละเอียดยังไม่เป็นทางการ แต่หากจับคู่กับ AVX10/APX ได้จริง จะเป็นแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนเกมทั้งงานครีเอทีฟ เกม และซอฟต์แวร์ขับเคลื่อน AI บนไคลเอนต์.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    สัญญาณรองรับ: เอกสาร ISA และชุมชนเครื่องมือพัฒนาเผยเบาะแส AVX10.2/APX บน Nova Lake
    ผลเชิงปฏิบัติ: เวคเตอร์ 512 บิตและรีจิสเตอร์เพิ่ม ช่วยทั้งสื่อ วิทย์ และ AI บนเดสก์ท็อป/โน้ตบุ๊ก

    ประโยชน์ผู้ใช้: โมเดลโปรแกรมที่ “คงที่” มากขึ้น ระหว่างลูกค้ากับเซิร์ฟเวอร์
    การแข่งขัน: สอดรับกับ AMD Zen 5 ที่รองรับ 512 บิตเต็มในไลน์ลูกค้าแล้ว

    ฮาร์ดแวร์ลือ: โครงสร้างไฮบริดคอร์จำนวนมากเพื่อคุมพลังงาน-ขยายมัลติเธรด
    ผลลัพธ์: ยกระดับเกม งานครีเอทีฟ และซอฟต์แวร์ AI บนไคลเอนต์ถ้าฟีเจอร์มาเต็มจริง

    คำเตือนข้อมูล: แพตช์ GCC/LLVM และบางเอกสารล่าสุด “ไม่กล่าวถึง” AVX10/APX สำหรับ Nova Lake
    ข้อควรจำ: อาจเปลี่ยนแผนกลางทาง หรือจำกัดตาม SKU—อย่าตัดสินใจซื้อจากข่าวลือเพียงอย่างเดียว

    ความเสี่ยงเฟิร์มแวร์/OS: หาก P/E cores รองรับไม่เท่ากัน อาจเกิดข้อจำกัดการจัดคิวงาน
    แนวทาง: รอการยืนยันทางการและรายละเอียดการแมปคอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้งานผิดคอร์แล้วเกิด error

    https://wccftech.com/intel-confirms-avx10-support-for-nova-lake-including-both-desktop-and-mobile-lineups/
    🔰 โนวาเลคของ Intel: คืนชีพเวคเตอร์ 512 บิต หรือแผนเปลี่ยนกลางทาง? 🧠 Intel ถูกจับตาอย่างหนักว่ารุ่น Nova Lake จะรองรับ AVX10.2 (เวคเตอร์แบบ “Converged” 128/256/512 บิต) และ APX (เพิ่มรีจิสเตอร์ทั่วไป) ตามเอกสาร ISA และการอ้างอิงของชุมชนนักพัฒนา ซึ่งถ้าจริง จะเป็นการยกเครื่องครั้งใหญ่ของไลน์ลูกค้า (เดสก์ท็อป/โน้ตบุ๊ก) ให้มีประสิทธิภาพเวคเตอร์และงาน AI/สื่อ ที่เคยจำกัดใน Xeon กลับมาอยู่บนเครื่องทั่วไปอีกครั้ง. อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลจากแพตช์คอมไพเลอร์ GCC/LLVM และเอกสารฟีเจอร์สถาปัตยกรรมฉบับล่าสุดบางส่วนที่ “ไม่เห็น” การประกาศรองรับ AVX10/APX สำหรับ Nova Lake ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่ฟีเจอร์จะถูกจำกัดหรือเลื่อน แม้จะมีหลักฐานจาก NASM ที่ทำให้ความหวังกลับมาอีกครั้ง จึงเกิดภาพ “ข่าวดี-ข่าวลบ” ปะทะกันในระยะเตรียมเปิดตัว. หาก Nova Lake รองรับ AVX10/APX จริง พร้อมขยาย 512 บิตสู่ไลน์ลูกค้า จะเป็นครั้งแรกที่ Intel และ AMD (Zen 5 รองรับ AVX-512 เต็มจริง) ยืนบนเวทีเวคเตอร์ 512 บิตพร้อมกันในตลาดผู้ใช้ทั่วไป ลดความแตกแยกของโปรแกรมมิงโมเดล และยกระดับงานวิทยาศาสตร์ สื่อ และ AI inference บนพีซีส่วนบุคคลอย่างมีนัยสำคัญ. ข่าวลือด้านฮาร์ดแวร์ยังพูดถึงสเกลคอร์ที่ทะเยอทะยาน (เช่น สูงสุด 52 คอร์แบบผสม P/E/LPE) เพื่อบาลานซ์ซิงเกิลเธรดกับงานขนานโดยคุมพลังงาน แม้รายละเอียดยังไม่เป็นทางการ แต่หากจับคู่กับ AVX10/APX ได้จริง จะเป็นแพลตฟอร์มที่เปลี่ยนเกมทั้งงานครีเอทีฟ เกม และซอฟต์แวร์ขับเคลื่อน AI บนไคลเอนต์. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ สัญญาณรองรับ: เอกสาร ISA และชุมชนเครื่องมือพัฒนาเผยเบาะแส AVX10.2/APX บน Nova Lake ➡️ ผลเชิงปฏิบัติ: เวคเตอร์ 512 บิตและรีจิสเตอร์เพิ่ม ช่วยทั้งสื่อ วิทย์ และ AI บนเดสก์ท็อป/โน้ตบุ๊ก ✅ ประโยชน์ผู้ใช้: โมเดลโปรแกรมที่ “คงที่” มากขึ้น ระหว่างลูกค้ากับเซิร์ฟเวอร์ ➡️ การแข่งขัน: สอดรับกับ AMD Zen 5 ที่รองรับ 512 บิตเต็มในไลน์ลูกค้าแล้ว ✅ ฮาร์ดแวร์ลือ: โครงสร้างไฮบริดคอร์จำนวนมากเพื่อคุมพลังงาน-ขยายมัลติเธรด ➡️ ผลลัพธ์: ยกระดับเกม งานครีเอทีฟ และซอฟต์แวร์ AI บนไคลเอนต์ถ้าฟีเจอร์มาเต็มจริง ‼️ คำเตือนข้อมูล: แพตช์ GCC/LLVM และบางเอกสารล่าสุด “ไม่กล่าวถึง” AVX10/APX สำหรับ Nova Lake ⛔ ข้อควรจำ: อาจเปลี่ยนแผนกลางทาง หรือจำกัดตาม SKU—อย่าตัดสินใจซื้อจากข่าวลือเพียงอย่างเดียว ‼️ ความเสี่ยงเฟิร์มแวร์/OS: หาก P/E cores รองรับไม่เท่ากัน อาจเกิดข้อจำกัดการจัดคิวงาน ⛔ แนวทาง: รอการยืนยันทางการและรายละเอียดการแมปคอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้งานผิดคอร์แล้วเกิด error https://wccftech.com/intel-confirms-avx10-support-for-nova-lake-including-both-desktop-and-mobile-lineups/
    WCCFTECH.COM
    Intel Confirms AVX10 Support For Nova Lake, Including Both Desktop And Mobile Lineups
    According to the official ISA documents, the Intel Nova Lake CPUs will reportedly support the AVX10 vector and APX performance extensions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD Zen 6 “EPYC Venice” – ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของโลกเซิร์ฟเวอร์

    AMD ได้เปิดเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับซีพียูรุ่นถัดไป Zen 6 ภายใต้ชื่อรหัส “EPYC Venice” ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2026 โดยชูจุดเด่นคือ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มขึ้นกว่า 70% เมื่อเทียบกับรุ่น Zen 5 และยังเพิ่มความหนาแน่นของเธรดขึ้นอีก 30% ทำให้รองรับงานในศูนย์ข้อมูลและ AI ได้ดียิ่งขึ้น ซีพียูนี้จะใช้เทคโนโลยีการผลิต 2nm จาก TSMC ที่เปลี่ยนจาก FinFET ไปสู่ Nanosheet (GAA) ซึ่งช่วยให้ได้ทั้งความเร็วสูงขึ้นและการใช้พลังงานที่ลดลง

    นอกจากนี้ EPYC Venice จะมีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ และ 512 เธรด ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนที่มี 192 คอร์เท่านั้น การปรับปรุงไม่ได้มาจากจำนวนคอร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเพิ่ม IPC (Instructions per Cycle) และสถาปัตยกรรมใหม่ที่ช่วยให้การประมวลผลต่อคอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังรองรับหน่วยความจำ DDR5 รุ่นใหม่และแบนด์วิดท์ที่สูงขึ้น ซึ่งเหมาะกับงานจำลองทางวิศวกรรมและการประมวลผล AI ขนาดใหญ่

    สิ่งที่น่าสนใจคือ AMD ไม่ได้หยุดแค่ซีพียู แต่ยังเตรียมเปิดตัว Instinct MI400 AI Accelerator ที่มาพร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 432GB และแบนด์วิดท์สูงถึง 19.6TB/s เพื่อรองรับการฝึกและการประมวลผลโมเดล AI ขนาดมหึมา ทำให้ AMD มีแนวโน้มจะขยายส่วนแบ่งตลาดในศูนย์ข้อมูลได้มากกว่า 50%

    สรุป
    จุดเด่นของ Zen 6
    ประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มขึ้นกว่า 70%
    ความหนาแน่นของเธรดสูงขึ้น 30%
    ใช้เทคโนโลยีการผลิต 2nm จาก TSMC

    ข้อมูลเพิ่มเติม
    สูงสุด 256 คอร์ / 512 เธรด
    รองรับ DDR5 และ PCIe 6.0

    คำเตือน
    การใช้พลังงานอาจสูงขึ้นในบางรุ่น (TDP สูงถึง 600W)
    ซอฟต์แวร์บางประเภทอาจยังไม่รองรับจำนวนคอร์มหาศาล

    https://wccftech.com/amd-next-gen-zen-6-cpus-over-70-percent-performance-efficiency-improvement/
    🖥️ AMD Zen 6 “EPYC Venice” – ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของโลกเซิร์ฟเวอร์ AMD ได้เปิดเผยข้อมูลใหม่เกี่ยวกับซีพียูรุ่นถัดไป Zen 6 ภายใต้ชื่อรหัส “EPYC Venice” ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2026 โดยชูจุดเด่นคือ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มขึ้นกว่า 70% เมื่อเทียบกับรุ่น Zen 5 และยังเพิ่มความหนาแน่นของเธรดขึ้นอีก 30% ทำให้รองรับงานในศูนย์ข้อมูลและ AI ได้ดียิ่งขึ้น ซีพียูนี้จะใช้เทคโนโลยีการผลิต 2nm จาก TSMC ที่เปลี่ยนจาก FinFET ไปสู่ Nanosheet (GAA) ซึ่งช่วยให้ได้ทั้งความเร็วสูงขึ้นและการใช้พลังงานที่ลดลง นอกจากนี้ EPYC Venice จะมีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 256 คอร์ และ 512 เธรด ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนที่มี 192 คอร์เท่านั้น การปรับปรุงไม่ได้มาจากจำนวนคอร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการเพิ่ม IPC (Instructions per Cycle) และสถาปัตยกรรมใหม่ที่ช่วยให้การประมวลผลต่อคอร์มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังรองรับหน่วยความจำ DDR5 รุ่นใหม่และแบนด์วิดท์ที่สูงขึ้น ซึ่งเหมาะกับงานจำลองทางวิศวกรรมและการประมวลผล AI ขนาดใหญ่ สิ่งที่น่าสนใจคือ AMD ไม่ได้หยุดแค่ซีพียู แต่ยังเตรียมเปิดตัว Instinct MI400 AI Accelerator ที่มาพร้อมหน่วยความจำ HBM4 ขนาด 432GB และแบนด์วิดท์สูงถึง 19.6TB/s เพื่อรองรับการฝึกและการประมวลผลโมเดล AI ขนาดมหึมา ทำให้ AMD มีแนวโน้มจะขยายส่วนแบ่งตลาดในศูนย์ข้อมูลได้มากกว่า 50% 📌 สรุป ✅ จุดเด่นของ Zen 6 ➡️ ประสิทธิภาพและประสิทธิผลเพิ่มขึ้นกว่า 70% ➡️ ความหนาแน่นของเธรดสูงขึ้น 30% ➡️ ใช้เทคโนโลยีการผลิต 2nm จาก TSMC ✅ ข้อมูลเพิ่มเติม ➡️ สูงสุด 256 คอร์ / 512 เธรด ➡️ รองรับ DDR5 และ PCIe 6.0 ‼️ คำเตือน ⛔ การใช้พลังงานอาจสูงขึ้นในบางรุ่น (TDP สูงถึง 600W) ⛔ ซอฟต์แวร์บางประเภทอาจยังไม่รองรับจำนวนคอร์มหาศาล https://wccftech.com/amd-next-gen-zen-6-cpus-over-70-percent-performance-efficiency-improvement/
    WCCFTECH.COM
    AMD Promises Big Gains With Next-Gen Zen 6 CPUs: Over 70% Performance & Efficiency Uplift
    AMD's Zen 6 CPUs will deliver over 70% improvement in performance and efficiency versus the existing Zen 5 lineups.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไต้หวันเพิ่มงบป้องกันประเทศ สร้าง “T-Dome” ป้องกันขีปนาวุธ

    ไต้หวันประกาศเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศเป็น 5% ของ GDP พร้อมพัฒนาระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Iron Dome ของอิสราเอล โดยตั้งชื่อว่า T-Dome เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากจีนที่อาจใช้ขีปนาวุธโจมตี

    สิ่งที่ทำให้โลกจับตามองคือคำเตือนจากนักวิจัยว่า หากจีนยิงขีปนาวุธเพียงลูกเดียวใส่ Hsinchu Science Park ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตชิปของ TSMC ผลกระทบจะรุนแรงถึงขั้นทำให้ GDP โลกหดตัว 6–10% และการผลิต iPhone อาจหยุดชะงักไปนานถึง 3 ปีเต็ม

    แม้สหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรพยายามสร้างโรงงานผลิตชิปในประเทศ เช่น TSMC ที่ลงทุนในรัฐแอริโซนา แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 20 ปีจึงจะลดการพึ่งพาไต้หวันได้ นี่ทำให้ไต้หวันยังคงเป็น “จุดเปราะบางที่สุด” ของห่วงโซ่อุปทานโลก

    สรุปประเด็น
    ไต้หวันเพิ่มงบป้องกันประเทศเป็น 5% ของ GDP
    พัฒนาระบบ T-Dome ป้องกันภัยทางอากาศ

    Hsinchu Science Park เป็นหัวใจการผลิตชิปโลก
    มี TSMC และบริษัทกว่า 600 แห่งตั้งอยู่

    สหรัฐฯ พยายามสร้างโรงงานชิปในประเทศ
    แต่ต้องใช้เวลา 20 ปีจึงจะลดการพึ่งพาไต้หวัน

    หากจีนโจมตี Hsinchu จะกระทบเศรษฐกิจโลกทันที
    GDP โลกอาจหดตัว 6–10% และ iPhone ขาดตลาด 3 ปี

    ความเสี่ยงสูงต่อห่วงโซ่อุปทานโลก
    ทำให้ทั้ง AI, รถยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมไฮเทคหยุดชะงัก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/taiwan-to-up-defense-spending-and-develop-iron-dome-inspired-missile-protection-expert-warns-one-well-placed-chinese-missile-could-make-it-impossible-to-get-a-new-iphone-for-three-years
    🚀 ไต้หวันเพิ่มงบป้องกันประเทศ สร้าง “T-Dome” ป้องกันขีปนาวุธ ไต้หวันประกาศเพิ่มงบประมาณด้านการป้องกันประเทศเป็น 5% ของ GDP พร้อมพัฒนาระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก Iron Dome ของอิสราเอล โดยตั้งชื่อว่า T-Dome เพื่อรับมือกับภัยคุกคามจากจีนที่อาจใช้ขีปนาวุธโจมตี สิ่งที่ทำให้โลกจับตามองคือคำเตือนจากนักวิจัยว่า หากจีนยิงขีปนาวุธเพียงลูกเดียวใส่ Hsinchu Science Park ซึ่งเป็นศูนย์กลางการผลิตชิปของ TSMC ผลกระทบจะรุนแรงถึงขั้นทำให้ GDP โลกหดตัว 6–10% และการผลิต iPhone อาจหยุดชะงักไปนานถึง 3 ปีเต็ม แม้สหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรพยายามสร้างโรงงานผลิตชิปในประเทศ เช่น TSMC ที่ลงทุนในรัฐแอริโซนา แต่ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 20 ปีจึงจะลดการพึ่งพาไต้หวันได้ นี่ทำให้ไต้หวันยังคงเป็น “จุดเปราะบางที่สุด” ของห่วงโซ่อุปทานโลก 📌 สรุปประเด็น ✅ ไต้หวันเพิ่มงบป้องกันประเทศเป็น 5% ของ GDP ➡️ พัฒนาระบบ T-Dome ป้องกันภัยทางอากาศ ✅ Hsinchu Science Park เป็นหัวใจการผลิตชิปโลก ➡️ มี TSMC และบริษัทกว่า 600 แห่งตั้งอยู่ ✅ สหรัฐฯ พยายามสร้างโรงงานชิปในประเทศ ➡️ แต่ต้องใช้เวลา 20 ปีจึงจะลดการพึ่งพาไต้หวัน ‼️ หากจีนโจมตี Hsinchu จะกระทบเศรษฐกิจโลกทันที ⛔ GDP โลกอาจหดตัว 6–10% และ iPhone ขาดตลาด 3 ปี ‼️ ความเสี่ยงสูงต่อห่วงโซ่อุปทานโลก ⛔ ทำให้ทั้ง AI, รถยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมไฮเทคหยุดชะงัก https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/taiwan-to-up-defense-spending-and-develop-iron-dome-inspired-missile-protection-expert-warns-one-well-placed-chinese-missile-could-make-it-impossible-to-get-a-new-iphone-for-three-years
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดี “Bitcoin Queen” – ฟอกเงินกว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์

    เรื่องราวของ Zhimin Qian หรือที่รู้จักกันว่า “Bitcoin Queen” กลายเป็นข่าวใหญ่ในอังกฤษ เธอถูกตัดสินจำคุกเกือบ 12 ปี หลังจากฟอกเงินผ่านคริปโตมูลค่ากว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลอกนักลงทุนกว่า 128,000 รายในจีนระหว่างปี 2014–2017 ก่อนหลบหนีไปหลายประเทศด้วยพาสปอร์ตปลอม

    การสืบสวนเริ่มต้นเมื่อเธอพยายามซื้ออสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนด้วย Bitcoin ทำให้ตำรวจเริ่มติดตามและยึดได้กว่า 61,000 Bitcoin ซึ่งถือเป็นการยึดคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ช่วงนั้น แม้เธอจะใช้ชีวิตหรูหราและเดินทางหลบเลี่ยงประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่สุดท้ายก็ถูกจับในอังกฤษ

    สิ่งที่น่าสนใจคือ เธอเคยวางแผนจะขาย Bitcoin เดือนละ 250,000 ดอลลาร์เพื่อใช้ชีวิต และถึงขั้นฝันอยากเป็น “ราชินีแห่ง Liberland” ประเทศเล็ก ๆ ระหว่างโครเอเชียและเซอร์เบีย แต่ความฝันก็จบลงเมื่อถูกจับและตัดสินโทษหนัก ปัจจุบันยังมีข้อถกเถียงว่าจีนและอังกฤษจะจัดการคืนเงินให้ผู้เสียหายอย่างไร

    สรุปประเด็น
    Zhimin Qian ถูกตัดสินจำคุกเกือบ 12 ปี
    ฟอกเงินผ่านคริปโตมูลค่ากว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์

    ตำรวจอังกฤษยึดได้กว่า 61,000 Bitcoin
    ถือเป็นการยึดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

    เธอใช้ชีวิตหรูหราและหลบหนีหลายประเทศ
    เลี่ยงประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน

    ผู้เสียหายกว่า 128,000 รายยังไม่แน่ว่าจะได้เงินคืน
    การจัดการระหว่างรัฐบาลจีนและอังกฤษยังไม่ชัดเจน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-queen-who-laundered-usd5-6-billion-in-illicit-funds-through-crypto-gets-nearly-12-years-in-prison-uk-court-hands-down-sentence
    💰 คดี “Bitcoin Queen” – ฟอกเงินกว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์ เรื่องราวของ Zhimin Qian หรือที่รู้จักกันว่า “Bitcoin Queen” กลายเป็นข่าวใหญ่ในอังกฤษ เธอถูกตัดสินจำคุกเกือบ 12 ปี หลังจากฟอกเงินผ่านคริปโตมูลค่ากว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยหลอกนักลงทุนกว่า 128,000 รายในจีนระหว่างปี 2014–2017 ก่อนหลบหนีไปหลายประเทศด้วยพาสปอร์ตปลอม การสืบสวนเริ่มต้นเมื่อเธอพยายามซื้ออสังหาริมทรัพย์ในลอนดอนด้วย Bitcoin ทำให้ตำรวจเริ่มติดตามและยึดได้กว่า 61,000 Bitcoin ซึ่งถือเป็นการยึดคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ช่วงนั้น แม้เธอจะใช้ชีวิตหรูหราและเดินทางหลบเลี่ยงประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน แต่สุดท้ายก็ถูกจับในอังกฤษ สิ่งที่น่าสนใจคือ เธอเคยวางแผนจะขาย Bitcoin เดือนละ 250,000 ดอลลาร์เพื่อใช้ชีวิต และถึงขั้นฝันอยากเป็น “ราชินีแห่ง Liberland” ประเทศเล็ก ๆ ระหว่างโครเอเชียและเซอร์เบีย แต่ความฝันก็จบลงเมื่อถูกจับและตัดสินโทษหนัก ปัจจุบันยังมีข้อถกเถียงว่าจีนและอังกฤษจะจัดการคืนเงินให้ผู้เสียหายอย่างไร 📌 สรุปประเด็น ✅ Zhimin Qian ถูกตัดสินจำคุกเกือบ 12 ปี ➡️ ฟอกเงินผ่านคริปโตมูลค่ากว่า 5.6 พันล้านดอลลาร์ ✅ ตำรวจอังกฤษยึดได้กว่า 61,000 Bitcoin ➡️ ถือเป็นการยึดครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ✅ เธอใช้ชีวิตหรูหราและหลบหนีหลายประเทศ ➡️ เลี่ยงประเทศที่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน ‼️ ผู้เสียหายกว่า 128,000 รายยังไม่แน่ว่าจะได้เงินคืน ⛔ การจัดการระหว่างรัฐบาลจีนและอังกฤษยังไม่ชัดเจน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-queen-who-laundered-usd5-6-billion-in-illicit-funds-through-crypto-gets-nearly-12-years-in-prison-uk-court-hands-down-sentence
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • Checkout.com ยืนหยัดต่อกรกับการขู่กรรโชกไซเบอร์

    Checkout.com บริษัทด้านการชำระเงินระดับโลกออกแถลงการณ์ว่าเพิ่งถูกกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ “ShinyHunters” พยายามขู่กรรโชก โดยเจาะเข้าระบบเก็บไฟล์เก่าที่เคยใช้ในปี 2020 แต่ไม่ได้ปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์ แม้ข้อมูลบางส่วนของลูกค้าอาจได้รับผลกระทบ แต่ระบบประมวลผลการชำระเงินสดใหม่ยังปลอดภัย ไม่ถูกแตะต้อง และไม่มีเงินหรือข้อมูลบัตรเครดิตรั่วไหล

    สิ่งที่น่าสนใจคือบริษัทเลือกที่จะไม่จ่ายค่าไถ่ แต่กลับนำเงินจำนวนดังกล่าวไปบริจาคให้มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon และ Oxford เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ถือเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และสร้างภาพลักษณ์ด้านความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสังคม

    จากข้อมูลเพิ่มเติมในโลกไซเบอร์ปี 2025 กลุ่ม ShinyHunters ไม่ได้ทำงานเพียงลำพัง แต่มีการจับมือกับกลุ่ม Scattered Spider และ LAPSUS$ เพื่อทำการโจมตีเชิงสังคมวิศวกรรม (social engineering) เช่นการโทรหลอก (vishing) และสร้างแอปปลอมเพื่อหลอกให้เหยื่อกรอกข้อมูล สิ่งนี้สะท้อนว่าการโจมตีไซเบอร์กำลังพัฒนาไปสู่รูปแบบที่ซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น

    สรุป
    เหตุการณ์การขู่กรรโชก
    กลุ่ม ShinyHunters เจาะระบบไฟล์เก่า ไม่กระทบระบบจ่ายเงินสดใหม่

    การตอบสนองของบริษัท
    ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่บริจาคเงินเพื่อวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์

    ความเคลื่อนไหวในโลกไซเบอร์
    ShinyHunters จับมือกับกลุ่มอื่น ใช้เทคนิค vishing และ phishing ที่ซับซ้อน

    คำเตือน
    ธุรกิจที่ยังใช้ระบบเก่าโดยไม่ปิดอย่างถูกต้องเสี่ยงต่อการถูกเจาะข้อมูล
    การโจมตีเชิงสังคมวิศวกรรมกำลังเป็นภัยที่ยากต่อการป้องกัน

    https://www.checkout.com/blog/protecting-our-merchants-standing-up-to-extortion
    🛡️ Checkout.com ยืนหยัดต่อกรกับการขู่กรรโชกไซเบอร์ Checkout.com บริษัทด้านการชำระเงินระดับโลกออกแถลงการณ์ว่าเพิ่งถูกกลุ่มอาชญากรรมไซเบอร์ “ShinyHunters” พยายามขู่กรรโชก โดยเจาะเข้าระบบเก็บไฟล์เก่าที่เคยใช้ในปี 2020 แต่ไม่ได้ปิดใช้งานอย่างสมบูรณ์ แม้ข้อมูลบางส่วนของลูกค้าอาจได้รับผลกระทบ แต่ระบบประมวลผลการชำระเงินสดใหม่ยังปลอดภัย ไม่ถูกแตะต้อง และไม่มีเงินหรือข้อมูลบัตรเครดิตรั่วไหล สิ่งที่น่าสนใจคือบริษัทเลือกที่จะไม่จ่ายค่าไถ่ แต่กลับนำเงินจำนวนดังกล่าวไปบริจาคให้มหาวิทยาลัย Carnegie Mellon และ Oxford เพื่อสนับสนุนงานวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ถือเป็นการพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส และสร้างภาพลักษณ์ด้านความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อสังคม จากข้อมูลเพิ่มเติมในโลกไซเบอร์ปี 2025 กลุ่ม ShinyHunters ไม่ได้ทำงานเพียงลำพัง แต่มีการจับมือกับกลุ่ม Scattered Spider และ LAPSUS$ เพื่อทำการโจมตีเชิงสังคมวิศวกรรม (social engineering) เช่นการโทรหลอก (vishing) และสร้างแอปปลอมเพื่อหลอกให้เหยื่อกรอกข้อมูล สิ่งนี้สะท้อนว่าการโจมตีไซเบอร์กำลังพัฒนาไปสู่รูปแบบที่ซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น 📌 สรุป ✅ เหตุการณ์การขู่กรรโชก ➡️ กลุ่ม ShinyHunters เจาะระบบไฟล์เก่า ไม่กระทบระบบจ่ายเงินสดใหม่ ✅ การตอบสนองของบริษัท ➡️ ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่บริจาคเงินเพื่อวิจัยด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ ความเคลื่อนไหวในโลกไซเบอร์ ➡️ ShinyHunters จับมือกับกลุ่มอื่น ใช้เทคนิค vishing และ phishing ที่ซับซ้อน ‼️ คำเตือน ⛔ ธุรกิจที่ยังใช้ระบบเก่าโดยไม่ปิดอย่างถูกต้องเสี่ยงต่อการถูกเจาะข้อมูล ⛔ การโจมตีเชิงสังคมวิศวกรรมกำลังเป็นภัยที่ยากต่อการป้องกัน https://www.checkout.com/blog/protecting-our-merchants-standing-up-to-extortion
    WWW.CHECKOUT.COM
    Protecting our Merchants: Standing up to Extortion
    Our statement detailing an incident concerning a legacy system. We outline our commitment to transparency, accountability, and planned investment in cyber security research.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 68 มุมมอง 0 รีวิว
  • มิจฉาชีพใช้ฟีเจอร์ Screen Sharing บน WhatsApp ขโมย OTP และเงิน

    ภัยคุกคามใหม่ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วคือการหลอกให้เหยื่อแชร์หน้าจอผ่าน WhatsApp โดยมิจฉาชีพจะโทรเข้ามาในรูปแบบวิดีโอคอล แสร้งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือฝ่ายสนับสนุนของ Meta แล้วสร้างความตื่นตระหนกว่าบัญชีถูกแฮ็กหรือมีการใช้บัตรเครดิตผิดปกติ จากนั้นจึงขอให้เหยื่อแชร์หน้าจอหรือแม้แต่ติดตั้งแอปควบคุมระยะไกลอย่าง AnyDesk หรือ TeamViewer

    เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและแชร์หน้าจอ มิจฉาชีพสามารถเห็นรหัสผ่าน ข้อมูลธนาคาร และที่สำคัญคือ OTP (One-Time Password) ที่ปรากฏขึ้น ทำให้สามารถเข้าถึงบัญชีและเงินได้ทันที มีกรณีในฮ่องกงที่เหยื่อสูญเงินกว่า 700,000 ดอลลาร์สหรัฐ

    Meta เองก็พยายามแก้ไขด้วยการเพิ่มระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ หากผู้ใช้แชร์หน้าจอกับเบอร์ที่ไม่อยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อ พร้อมทั้งลบแอคเคานต์ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงไปแล้วหลายล้านราย แต่ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนว่าการป้องกันที่ดีที่สุดคือการไม่แชร์หน้าจอหรือรหัสใด ๆ กับคนแปลกหน้า และควรเปิดการยืนยันสองขั้นตอนใน WhatsApp เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    วิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพ
    โทรวิดีโอคอล, แสร้งเป็นเจ้าหน้าที่, ขอแชร์หน้าจอ

    ผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง
    สูญเงินมหาศาล, ขโมย OTP และข้อมูลส่วนตัว

    การตอบโต้ของ Meta
    ระบบแจ้งเตือน, ลบแอคเคานต์ปลอม, ใช้ AI ตรวจสอบ

    ความเสี่ยงที่ผู้ใช้ต้องระวัง
    อย่าแชร์หน้าจอหรือรหัสกับคนแปลกหน้า, เปิด Two-Step Verification

    https://hackread.com/whatsapp-screen-sharing-scammers-steal-otps-funds/
    📱 มิจฉาชีพใช้ฟีเจอร์ Screen Sharing บน WhatsApp ขโมย OTP และเงิน ภัยคุกคามใหม่ที่กำลังแพร่กระจายอย่างรวดเร็วคือการหลอกให้เหยื่อแชร์หน้าจอผ่าน WhatsApp โดยมิจฉาชีพจะโทรเข้ามาในรูปแบบวิดีโอคอล แสร้งเป็นเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือฝ่ายสนับสนุนของ Meta แล้วสร้างความตื่นตระหนกว่าบัญชีถูกแฮ็กหรือมีการใช้บัตรเครดิตผิดปกติ จากนั้นจึงขอให้เหยื่อแชร์หน้าจอหรือแม้แต่ติดตั้งแอปควบคุมระยะไกลอย่าง AnyDesk หรือ TeamViewer เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและแชร์หน้าจอ มิจฉาชีพสามารถเห็นรหัสผ่าน ข้อมูลธนาคาร และที่สำคัญคือ OTP (One-Time Password) ที่ปรากฏขึ้น ทำให้สามารถเข้าถึงบัญชีและเงินได้ทันที มีกรณีในฮ่องกงที่เหยื่อสูญเงินกว่า 700,000 ดอลลาร์สหรัฐ Meta เองก็พยายามแก้ไขด้วยการเพิ่มระบบแจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ หากผู้ใช้แชร์หน้าจอกับเบอร์ที่ไม่อยู่ในรายชื่อผู้ติดต่อ พร้อมทั้งลบแอคเคานต์ที่เกี่ยวข้องกับการหลอกลวงไปแล้วหลายล้านราย แต่ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนว่าการป้องกันที่ดีที่สุดคือการไม่แชร์หน้าจอหรือรหัสใด ๆ กับคนแปลกหน้า และควรเปิดการยืนยันสองขั้นตอนใน WhatsApp เพื่อเพิ่มความปลอดภัย 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ วิธีการหลอกลวงของมิจฉาชีพ ➡️ โทรวิดีโอคอล, แสร้งเป็นเจ้าหน้าที่, ขอแชร์หน้าจอ ✅ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง ➡️ สูญเงินมหาศาล, ขโมย OTP และข้อมูลส่วนตัว ✅ การตอบโต้ของ Meta ➡️ ระบบแจ้งเตือน, ลบแอคเคานต์ปลอม, ใช้ AI ตรวจสอบ ‼️ ความเสี่ยงที่ผู้ใช้ต้องระวัง ⛔ อย่าแชร์หน้าจอหรือรหัสกับคนแปลกหน้า, เปิด Two-Step Verification https://hackread.com/whatsapp-screen-sharing-scammers-steal-otps-funds/
    HACKREAD.COM
    Scammers Abuse WhatsApp Screen Sharing to Steal OTPs and Funds
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • อายุการใช้งานทีวีราคาถูก จริง ๆ แล้วอยู่ได้นานแค่ไหน

    ทีวีราคาถูกที่ขายกันทั่วไปในตลาดราว 300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10,000 บาท มักถูกตั้งคำถามว่าใช้งานได้นานจริงหรือไม่ ผู้ผลิตมักเคลมว่าอายุการใช้งานอยู่ที่ราว 45,000–50,000 ชั่วโมง หรือประมาณ 5–6 ปี แต่ในความเป็นจริง ผู้ใช้จำนวนมากพบว่าทีวีราคาถูกเสื่อมสภาพเร็วกว่านั้น ทั้งจากปัญหาซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัย การระบายความร้อนที่ไม่ดี และคุณภาพชิ้นส่วนที่ต่ำกว่า

    เจ้าของทีวีราคาถูกหลายคนเล่าว่าบางเครื่องอยู่ได้เพียง 2–4 ปี โดยเฉพาะหากเปิดใช้งานต่อเนื่องวันละหลายชั่วโมง ขณะที่บางเครื่องอาจอยู่ได้นานถึง 10 ปี หากใช้งานเบา ๆ และดูแลรักษาอย่างดี เช่น การลดความสว่าง ปิดเครื่องเมื่อไม่ใช้ และทำความสะอาดช่องระบายอากาศเพื่อป้องกันฝุ่นสะสม

    นอกจากนี้ เทคโนโลยีทีวีสมัยใหม่ที่เน้นซอฟต์แวร์อัจฉริยะกลับทำให้เครื่องเสื่อมเร็วขึ้น เพราะระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันอาจไม่รองรับในเวลาไม่กี่ปี ทำให้ทีวีที่ยังใช้งานได้ดีด้านฮาร์ดแวร์ กลายเป็นล้าสมัยด้านซอฟต์แวร์ไปโดยปริยาย ผู้ใช้จึงต้องพิจารณาว่าการซื้อทีวีราคาถูกเป็นการลงทุนระยะสั้นมากกว่าระยะยาว

    สรุปเป็นหัวข้อ:
    อายุการใช้งานทีวีราคาถูกโดยเฉลี่ย 4–6 ปี
    ผู้ผลิตเคลมสูงสุด 45,000–50,000 ชั่วโมง
    บางเครื่องอยู่ได้ถึง 10 ปีหากใช้งานเบา ๆ

    ปัจจัยที่ทำให้เสื่อมเร็ว
    ซอฟต์แวร์ล้าสมัย
    คุณภาพชิ้นส่วนต่ำ

    ความเสี่ยงจากการใช้งานต่อเนื่อง
    เปิดทั้งวันทำให้ชิ้นส่วนร้อนและเสื่อมเร็ว
    ฝุ่นสะสมทำให้ระบบระบายความร้อนล้มเหลว

    ปัญหาซอฟต์แวร์ที่ทำให้ทีวีล้าสมัย
    ระบบปฏิบัติการไม่รองรับแอปใหม่
    ทำให้ทีวียังดีด้านฮาร์ดแวร์แต่ใช้งานจริงไม่ได้

    https://www.slashgear.com/2012275/how-long-cheap-tvs-last-lifespan/
    📺 อายุการใช้งานทีวีราคาถูก จริง ๆ แล้วอยู่ได้นานแค่ไหน ทีวีราคาถูกที่ขายกันทั่วไปในตลาดราว 300 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 10,000 บาท มักถูกตั้งคำถามว่าใช้งานได้นานจริงหรือไม่ ผู้ผลิตมักเคลมว่าอายุการใช้งานอยู่ที่ราว 45,000–50,000 ชั่วโมง หรือประมาณ 5–6 ปี แต่ในความเป็นจริง ผู้ใช้จำนวนมากพบว่าทีวีราคาถูกเสื่อมสภาพเร็วกว่านั้น ทั้งจากปัญหาซอฟต์แวร์ที่ล้าสมัย การระบายความร้อนที่ไม่ดี และคุณภาพชิ้นส่วนที่ต่ำกว่า เจ้าของทีวีราคาถูกหลายคนเล่าว่าบางเครื่องอยู่ได้เพียง 2–4 ปี โดยเฉพาะหากเปิดใช้งานต่อเนื่องวันละหลายชั่วโมง ขณะที่บางเครื่องอาจอยู่ได้นานถึง 10 ปี หากใช้งานเบา ๆ และดูแลรักษาอย่างดี เช่น การลดความสว่าง ปิดเครื่องเมื่อไม่ใช้ และทำความสะอาดช่องระบายอากาศเพื่อป้องกันฝุ่นสะสม นอกจากนี้ เทคโนโลยีทีวีสมัยใหม่ที่เน้นซอฟต์แวร์อัจฉริยะกลับทำให้เครื่องเสื่อมเร็วขึ้น เพราะระบบปฏิบัติการและแอปพลิเคชันอาจไม่รองรับในเวลาไม่กี่ปี ทำให้ทีวีที่ยังใช้งานได้ดีด้านฮาร์ดแวร์ กลายเป็นล้าสมัยด้านซอฟต์แวร์ไปโดยปริยาย ผู้ใช้จึงต้องพิจารณาว่าการซื้อทีวีราคาถูกเป็นการลงทุนระยะสั้นมากกว่าระยะยาว 📌 สรุปเป็นหัวข้อ: ✅ อายุการใช้งานทีวีราคาถูกโดยเฉลี่ย 4–6 ปี ➡️ ผู้ผลิตเคลมสูงสุด 45,000–50,000 ชั่วโมง ➡️ บางเครื่องอยู่ได้ถึง 10 ปีหากใช้งานเบา ๆ ✅ ปัจจัยที่ทำให้เสื่อมเร็ว ➡️ ซอฟต์แวร์ล้าสมัย ➡️ คุณภาพชิ้นส่วนต่ำ ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้งานต่อเนื่อง ⛔ เปิดทั้งวันทำให้ชิ้นส่วนร้อนและเสื่อมเร็ว ⛔ ฝุ่นสะสมทำให้ระบบระบายความร้อนล้มเหลว ‼️ ปัญหาซอฟต์แวร์ที่ทำให้ทีวีล้าสมัย ⛔ ระบบปฏิบัติการไม่รองรับแอปใหม่ ⛔ ทำให้ทีวียังดีด้านฮาร์ดแวร์แต่ใช้งานจริงไม่ได้ https://www.slashgear.com/2012275/how-long-cheap-tvs-last-lifespan/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How Long Can You Expect A Cheap TV To Last? Here's What Owners Say - SlashGear
    Cheap TVs typically last about 5 years under normal use, though signs of wear and picture degradation may show sooner according to owners.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวใหญ่: Apple Wallet รองรับ “Digital Passport” ใช้ผ่านด่าน TSA ได้แล้ว

    การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการเดินทาง
    Apple ได้อัปเดต Apple Wallet ให้สามารถเก็บ หนังสือเดินทางดิจิทัล (Digital Passport) ได้โดยตรงบน iPhone และ Apple Watch เพื่อใช้เป็นบัตรแสดงตนที่ด่านตรวจความปลอดภัยของ TSA ในสนามบินสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องพกพาหนังสือเดินทางเล่มจริงสำหรับการบินภายในประเทศอีกต่อไป โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่ได้อัปเกรดบัตรขับขี่เป็น Real ID

    วิธีการใช้งานและข้อจำกัด
    การตั้งค่า Digital Passport ทำได้ง่าย เพียงเปิดแอป Wallet และทำตามขั้นตอนที่กำหนด เช่น การถ่ายเซลฟีและการเคลื่อนไหวศีรษะเพื่อยืนยันตัวตน อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ยังมีข้อจำกัดคือ ใช้ได้เฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศสหรัฐฯ เท่านั้น ผู้ที่เดินทางระหว่างประเทศยังคงต้องใช้หนังสือเดินทางเล่มจริงที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง

    ความปลอดภัยและการรองรับ
    Apple ยืนยันว่าระบบนี้ใช้การตรวจสอบตัวตนด้วย Face ID และการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อความปลอดภัยสูงสุด แต่ในช่วงแรกยังไม่ใช่ทุกสนามบินที่มีเครื่องสแกนรองรับ ทำให้ผู้โดยสารควรพกหนังสือเดินทางจริงไว้ด้วยเพื่อป้องกันปัญหา ขณะเดียวกัน Google Wallet ก็ได้เปิดตัวฟีเจอร์คล้ายกัน แต่ยังรองรับเฉพาะบางสนามบินเช่นกัน

    วิสัยทัศน์ในอนาคต
    Apple มีแผนจะขยายการใช้งาน Digital ID ไปสู่การตรวจสอบอายุและการยืนยันตัวตนในร้านค้า เพื่อผลักดันแนวคิด “กระเป๋าสตางค์ไร้กระดาษ” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นและลดการพึ่งพาเอกสารจริง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Apple Wallet รองรับ Digital Passport
    ใช้ได้กับ iPhone และ Apple Watch
    ใช้เป็นบัตรแสดงตนที่ TSA สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ

    วิธีการตั้งค่าและใช้งาน
    ทำผ่านแอป Wallet ด้วยการถ่ายเซลฟีและตรวจสอบการเคลื่อนไหวศีรษะ
    ใช้ Face ID และระบบเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัย

    ข้อจำกัดของระบบ
    ใช้ได้เฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศสหรัฐฯ
    สนามบินบางแห่งยังไม่รองรับเครื่องสแกน

    แผนการในอนาคตของ Apple
    ขยายการใช้งาน Digital ID ไปสู่ร้านค้าและการตรวจสอบอายุ
    มุ่งสู่การสร้างกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลเต็มรูปแบบ

    คำเตือนสำหรับผู้โดยสาร
    ควรพกหนังสือเดินทางจริงไว้ด้วยในช่วงเปลี่ยนผ่าน
    การเดินทางระหว่างประเทศยังต้องใช้เอกสารจริงเสมอ

    https://securityonline.info/apple-wallet-now-stores-digital-passports-for-tsa-checkpoints/
    📱 ข่าวใหญ่: Apple Wallet รองรับ “Digital Passport” ใช้ผ่านด่าน TSA ได้แล้ว ✈️ การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการเดินทาง Apple ได้อัปเดต Apple Wallet ให้สามารถเก็บ หนังสือเดินทางดิจิทัล (Digital Passport) ได้โดยตรงบน iPhone และ Apple Watch เพื่อใช้เป็นบัตรแสดงตนที่ด่านตรวจความปลอดภัยของ TSA ในสนามบินสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้โดยสารไม่จำเป็นต้องพกพาหนังสือเดินทางเล่มจริงสำหรับการบินภายในประเทศอีกต่อไป โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่ได้อัปเกรดบัตรขับขี่เป็น Real ID 🔧 วิธีการใช้งานและข้อจำกัด การตั้งค่า Digital Passport ทำได้ง่าย เพียงเปิดแอป Wallet และทำตามขั้นตอนที่กำหนด เช่น การถ่ายเซลฟีและการเคลื่อนไหวศีรษะเพื่อยืนยันตัวตน อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์นี้ยังมีข้อจำกัดคือ ใช้ได้เฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศสหรัฐฯ เท่านั้น ผู้ที่เดินทางระหว่างประเทศยังคงต้องใช้หนังสือเดินทางเล่มจริงที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง 🛡️ ความปลอดภัยและการรองรับ Apple ยืนยันว่าระบบนี้ใช้การตรวจสอบตัวตนด้วย Face ID และการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อความปลอดภัยสูงสุด แต่ในช่วงแรกยังไม่ใช่ทุกสนามบินที่มีเครื่องสแกนรองรับ ทำให้ผู้โดยสารควรพกหนังสือเดินทางจริงไว้ด้วยเพื่อป้องกันปัญหา ขณะเดียวกัน Google Wallet ก็ได้เปิดตัวฟีเจอร์คล้ายกัน แต่ยังรองรับเฉพาะบางสนามบินเช่นกัน 🌐 วิสัยทัศน์ในอนาคต Apple มีแผนจะขยายการใช้งาน Digital ID ไปสู่การตรวจสอบอายุและการยืนยันตัวตนในร้านค้า เพื่อผลักดันแนวคิด “กระเป๋าสตางค์ไร้กระดาษ” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันสะดวกขึ้นและลดการพึ่งพาเอกสารจริง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Apple Wallet รองรับ Digital Passport ➡️ ใช้ได้กับ iPhone และ Apple Watch ➡️ ใช้เป็นบัตรแสดงตนที่ TSA สำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ ✅ วิธีการตั้งค่าและใช้งาน ➡️ ทำผ่านแอป Wallet ด้วยการถ่ายเซลฟีและตรวจสอบการเคลื่อนไหวศีรษะ ➡️ ใช้ Face ID และระบบเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัย ✅ ข้อจำกัดของระบบ ➡️ ใช้ได้เฉพาะเที่ยวบินภายในประเทศสหรัฐฯ ➡️ สนามบินบางแห่งยังไม่รองรับเครื่องสแกน ✅ แผนการในอนาคตของ Apple ➡️ ขยายการใช้งาน Digital ID ไปสู่ร้านค้าและการตรวจสอบอายุ ➡️ มุ่งสู่การสร้างกระเป๋าสตางค์ดิจิทัลเต็มรูปแบบ ‼️ คำเตือนสำหรับผู้โดยสาร ⛔ ควรพกหนังสือเดินทางจริงไว้ด้วยในช่วงเปลี่ยนผ่าน ⛔ การเดินทางระหว่างประเทศยังต้องใช้เอกสารจริงเสมอ https://securityonline.info/apple-wallet-now-stores-digital-passports-for-tsa-checkpoints/
    SECURITYONLINE.INFO
    Apple Wallet Now Stores Digital Passports for TSA Checkpoints
    Apple Wallet now supports digital US Passports for TSA identity checks on domestic flights, eliminating the need for a physical passport or Real ID-compliant license.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • การกลับมาของ Valve ในตลาด VR

    หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ Steam Deck และ Steam Deck OLED ล่าสุด Valve ได้เปิดตัว Steam Frame VR ซึ่งเคยถูกเรียกในโค้ดเนมว่า “Deckard” โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในปี 2026 ตัวเครื่องถูกออกแบบให้เป็น อุปกรณ์ VR แบบไร้สายและทำงานได้ด้วยตัวเอง (standalone) แต่ยังคงรองรับการสตรีมเกมจาก PC ผ่านอะแดปเตอร์ไร้สาย 6GHz ที่มีระบบ dual-radio เพื่อลดการรบกวนสัญญาณ

    สเปกและฟีเจอร์ที่โดดเด่น
    Steam Frame ใช้ Snapdragon 8 Gen 3, RAM 16GB และมีตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุดถึง 1TB พร้อมช่อง microSD สำหรับขยายเพิ่ม รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.3 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ SteamOS และมีโปรแกรม Steam Frame Verified เพื่อบอกว่ามีเกมใดที่สามารถเล่นได้ในโหมด standalone นอกจากนี้ยังรองรับเกม Android เพื่อดึงดูดนักพัฒนาที่เคยทำงานบนแพลตฟอร์ม Quest

    เทคโนโลยี Foveated Streaming
    หนึ่งในฟีเจอร์ที่สร้างความตื่นเต้นคือ Foveated Streaming ซึ่งใช้กล้องติดตามดวงตา 2 ตัวเพื่อเพิ่มความละเอียดภาพเฉพาะบริเวณที่ผู้เล่นกำลังมองอยู่ Valve อ้างว่าสามารถเพิ่มคุณภาพภาพและประสิทธิภาพแบนด์วิดท์ได้ถึง 10 เท่า ทำให้การสตรีมเกมจาก PC มีความคมชัดและลื่นไหลมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาการปรับแต่งจากนักพัฒนาเกม

    การออกแบบและประสบการณ์ใช้งาน
    ตัวเครื่องมีน้ำหนักรวมเพียง 440 กรัม โดยแบตเตอรี่ 21.6Wh ถูกติดตั้งไว้ด้านหลังเพื่อถ่วงน้ำหนักให้สมดุล รองรับการชาร์จเร็ว 45W และมีเลนส์แบบ pancake ที่ให้ภาพคมชัดทั่วทั้งขอบ พร้อมจอ LCD คู่ความละเอียด 2160 × 2160 ต่อข้าง รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz และมุมมองกว้าง 110 องศา ด้านเสียงมีลำโพงสเตอริโอคู่ที่ให้เสียงคุณภาพสูง ขณะที่คอนโทรลเลอร์ถูกออกแบบใหม่ให้มีระบบติดตาม 6-DOF และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ AA

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัว Steam Frame VR
    เปิดตัวอย่างเป็นทางการ กำหนดวางจำหน่ายต้นปี 2026
    เป็นอุปกรณ์ VR แบบ standalone และรองรับการสตรีมจาก PC

    สเปกและระบบภายใน
    Snapdragon 8 Gen 3, RAM 16GB, พื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 1TB
    รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3 และ SteamOS

    ฟีเจอร์ใหม่ Foveated Streaming
    ใช้กล้องติดตามดวงตาเพื่อเพิ่มคุณภาพภาพเฉพาะจุดที่มอง
    Valve เคลมว่าประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 10 เท่า

    การออกแบบและประสบการณ์ใช้งาน
    น้ำหนักรวม 440 กรัม พร้อมแบตเตอรี่ด้านหลังเพื่อสมดุล
    จอ LCD คู่ 2160 × 2160, รีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    ยังไม่ประกาศราคาและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่แน่นอน
    ประสิทธิภาพเกม PC VR ที่ต้องการสเปกสูงอาจยังไม่สมบูรณ์ในโหมด standalone

    https://securityonline.info/steam-frame-vr-unveiled-valves-standalone-headset-targets-quest-with-snapdragon-foveated-streaming/
    🎮 การกลับมาของ Valve ในตลาด VR หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงกับ Steam Deck และ Steam Deck OLED ล่าสุด Valve ได้เปิดตัว Steam Frame VR ซึ่งเคยถูกเรียกในโค้ดเนมว่า “Deckard” โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในปี 2026 ตัวเครื่องถูกออกแบบให้เป็น อุปกรณ์ VR แบบไร้สายและทำงานได้ด้วยตัวเอง (standalone) แต่ยังคงรองรับการสตรีมเกมจาก PC ผ่านอะแดปเตอร์ไร้สาย 6GHz ที่มีระบบ dual-radio เพื่อลดการรบกวนสัญญาณ ⚡ สเปกและฟีเจอร์ที่โดดเด่น Steam Frame ใช้ Snapdragon 8 Gen 3, RAM 16GB และมีตัวเลือกพื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุดถึง 1TB พร้อมช่อง microSD สำหรับขยายเพิ่ม รองรับ Wi-Fi 7 และ Bluetooth 5.3 ทำงานบนระบบปฏิบัติการ SteamOS และมีโปรแกรม Steam Frame Verified เพื่อบอกว่ามีเกมใดที่สามารถเล่นได้ในโหมด standalone นอกจากนี้ยังรองรับเกม Android เพื่อดึงดูดนักพัฒนาที่เคยทำงานบนแพลตฟอร์ม Quest 👀 เทคโนโลยี Foveated Streaming หนึ่งในฟีเจอร์ที่สร้างความตื่นเต้นคือ Foveated Streaming ซึ่งใช้กล้องติดตามดวงตา 2 ตัวเพื่อเพิ่มความละเอียดภาพเฉพาะบริเวณที่ผู้เล่นกำลังมองอยู่ Valve อ้างว่าสามารถเพิ่มคุณภาพภาพและประสิทธิภาพแบนด์วิดท์ได้ถึง 10 เท่า ทำให้การสตรีมเกมจาก PC มีความคมชัดและลื่นไหลมากขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาการปรับแต่งจากนักพัฒนาเกม 🔊 การออกแบบและประสบการณ์ใช้งาน ตัวเครื่องมีน้ำหนักรวมเพียง 440 กรัม โดยแบตเตอรี่ 21.6Wh ถูกติดตั้งไว้ด้านหลังเพื่อถ่วงน้ำหนักให้สมดุล รองรับการชาร์จเร็ว 45W และมีเลนส์แบบ pancake ที่ให้ภาพคมชัดทั่วทั้งขอบ พร้อมจอ LCD คู่ความละเอียด 2160 × 2160 ต่อข้าง รองรับรีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz และมุมมองกว้าง 110 องศา ด้านเสียงมีลำโพงสเตอริโอคู่ที่ให้เสียงคุณภาพสูง ขณะที่คอนโทรลเลอร์ถูกออกแบบใหม่ให้มีระบบติดตาม 6-DOF และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ AA 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัว Steam Frame VR ➡️ เปิดตัวอย่างเป็นทางการ กำหนดวางจำหน่ายต้นปี 2026 ➡️ เป็นอุปกรณ์ VR แบบ standalone และรองรับการสตรีมจาก PC ✅ สเปกและระบบภายใน ➡️ Snapdragon 8 Gen 3, RAM 16GB, พื้นที่เก็บข้อมูลสูงสุด 1TB ➡️ รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.3 และ SteamOS ✅ ฟีเจอร์ใหม่ Foveated Streaming ➡️ ใช้กล้องติดตามดวงตาเพื่อเพิ่มคุณภาพภาพเฉพาะจุดที่มอง ➡️ Valve เคลมว่าประสิทธิภาพดีขึ้นถึง 10 เท่า ✅ การออกแบบและประสบการณ์ใช้งาน ➡️ น้ำหนักรวม 440 กรัม พร้อมแบตเตอรี่ด้านหลังเพื่อสมดุล ➡️ จอ LCD คู่ 2160 × 2160, รีเฟรชเรตสูงสุด 144Hz ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่ประกาศราคาและระยะเวลาการใช้งานแบตเตอรี่ที่แน่นอน ⛔ ประสิทธิภาพเกม PC VR ที่ต้องการสเปกสูงอาจยังไม่สมบูรณ์ในโหมด standalone https://securityonline.info/steam-frame-vr-unveiled-valves-standalone-headset-targets-quest-with-snapdragon-foveated-streaming/
    SECURITYONLINE.INFO
    Steam Frame VR Unveiled: Valve's Standalone Headset Targets Quest with Snapdragon & Foveated Streaming
    Valve unveiled Steam Frame VR, a standalone headset with Snapdragon 8 Gen 3, SteamOS, and Foveated Streaming, set to launch in early 2026.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนขยาย Chrome ปลอมที่แฝงตัวเป็น Ethereum Wallet

    นักวิจัยจาก Socket พบส่วนขยายชื่อ Safery: Ethereum Wallet ที่ปรากฏใน Chrome Web Store และดูเหมือนเป็นกระเป๋าเงินคริปโตทั่วไป. มันสามารถสร้างบัญชีใหม่, นำเข้า seed phrase, แสดงยอดคงเหลือ และส่ง ETH ได้ตามปกติ ทำให้ผู้ใช้เชื่อว่าเป็นกระเป๋าเงินที่ปลอดภัย.

    เทคนิคการขโมย Seed Phrase แบบแนบเนียน
    เมื่อผู้ใช้สร้างหรือใส่ seed phrase ส่วนขยายจะเข้ารหัสคำเหล่านั้นเป็น ที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain และส่งธุรกรรมเล็ก ๆ (0.000001 SUI) ไปยังที่อยู่นั้น. ข้อมูล seed phrase ถูกซ่อนอยู่ในธุรกรรม ทำให้ไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ C2 หรือการส่งข้อมูลผ่าน HTTP. ภายหลังผู้โจมตีสามารถถอดรหัสธุรกรรมเหล่านี้เพื่อกู้คืน seed phrase ได้ครบถ้วน.

    ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป
    มัลแวร์นี้ไม่ส่งข้อมูลออกทางอินเทอร์เน็ตโดยตรง แต่ใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ ทำให้ยากต่อการตรวจจับโดยระบบรักษาความปลอดภัย. ไม่มีการส่งข้อมูล plaintext, ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง และไม่มีการเรียก API ที่ผิดปกติ. วิธีนี้ถือเป็นการใช้บล็อกเชนเป็น “ช่องทางสื่อสาร” ที่ปลอดภัยสำหรับผู้โจมตี.

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้
    แม้ส่วนขยายนี้ยังคงอยู่ใน Chrome Web Store ณ เวลาที่รายงาน ผู้ใช้ที่ค้นหา “Ethereum Wallet” อาจเจอและติดตั้งโดยไม่รู้ตัว. การโจมตีรูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีเริ่มใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นเครื่องมือขโมยข้อมูล ซึ่งอาจแพร่กระจายไปยังมัลแวร์อื่น ๆ ในอนาคต.

    ส่วนขยาย Safery: Ethereum Wallet
    ปลอมเป็นกระเป๋าเงิน Ethereum บน Chrome Web Store
    ทำงานเหมือนกระเป๋าเงินจริงเพื่อหลอกผู้ใช้

    เทคนิคการขโมย Seed Phrase
    เข้ารหัส seed phrase เป็นที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain
    ส่งธุรกรรมเล็ก ๆ เพื่อซ่อนข้อมูล

    ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป
    ไม่ใช้ HTTP หรือเซิร์ฟเวอร์ C2
    ใช้ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    ส่วนขยายยังคงอยู่ใน Chrome Web Store
    ผู้ใช้ที่ค้นหา Ethereum Wallet อาจติดตั้งโดยไม่รู้ตัว
    การใช้บล็อกเชนเป็นช่องทางขโมยข้อมูลอาจแพร่ไปยังมัลแวร์อื่น

    https://securityonline.info/sui-blockchain-seed-stealer-malicious-chrome-extension-hides-mnemonic-exfiltration-in-microtransactions/
    🕵️‍♂️ ส่วนขยาย Chrome ปลอมที่แฝงตัวเป็น Ethereum Wallet นักวิจัยจาก Socket พบส่วนขยายชื่อ Safery: Ethereum Wallet ที่ปรากฏใน Chrome Web Store และดูเหมือนเป็นกระเป๋าเงินคริปโตทั่วไป. มันสามารถสร้างบัญชีใหม่, นำเข้า seed phrase, แสดงยอดคงเหลือ และส่ง ETH ได้ตามปกติ ทำให้ผู้ใช้เชื่อว่าเป็นกระเป๋าเงินที่ปลอดภัย. 🔐 เทคนิคการขโมย Seed Phrase แบบแนบเนียน เมื่อผู้ใช้สร้างหรือใส่ seed phrase ส่วนขยายจะเข้ารหัสคำเหล่านั้นเป็น ที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain และส่งธุรกรรมเล็ก ๆ (0.000001 SUI) ไปยังที่อยู่นั้น. ข้อมูล seed phrase ถูกซ่อนอยู่ในธุรกรรม ทำให้ไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์ C2 หรือการส่งข้อมูลผ่าน HTTP. ภายหลังผู้โจมตีสามารถถอดรหัสธุรกรรมเหล่านี้เพื่อกู้คืน seed phrase ได้ครบถ้วน. ⚡ ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป มัลแวร์นี้ไม่ส่งข้อมูลออกทางอินเทอร์เน็ตโดยตรง แต่ใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ ทำให้ยากต่อการตรวจจับโดยระบบรักษาความปลอดภัย. ไม่มีการส่งข้อมูล plaintext, ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลาง และไม่มีการเรียก API ที่ผิดปกติ. วิธีนี้ถือเป็นการใช้บล็อกเชนเป็น “ช่องทางสื่อสาร” ที่ปลอดภัยสำหรับผู้โจมตี. 🚨 ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ แม้ส่วนขยายนี้ยังคงอยู่ใน Chrome Web Store ณ เวลาที่รายงาน ผู้ใช้ที่ค้นหา “Ethereum Wallet” อาจเจอและติดตั้งโดยไม่รู้ตัว. การโจมตีรูปแบบนี้แสดงให้เห็นว่าผู้โจมตีเริ่มใช้ ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นเครื่องมือขโมยข้อมูล ซึ่งอาจแพร่กระจายไปยังมัลแวร์อื่น ๆ ในอนาคต. ✅ ส่วนขยาย Safery: Ethereum Wallet ➡️ ปลอมเป็นกระเป๋าเงิน Ethereum บน Chrome Web Store ➡️ ทำงานเหมือนกระเป๋าเงินจริงเพื่อหลอกผู้ใช้ ✅ เทคนิคการขโมย Seed Phrase ➡️ เข้ารหัส seed phrase เป็นที่อยู่ปลอมบน Sui blockchain ➡️ ส่งธุรกรรมเล็ก ๆ เพื่อซ่อนข้อมูล ✅ ความแตกต่างจากมัลแวร์ทั่วไป ➡️ ไม่ใช้ HTTP หรือเซิร์ฟเวอร์ C2 ➡️ ใช้ธุรกรรมบล็อกเชนเป็นช่องทางลับ ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ ส่วนขยายยังคงอยู่ใน Chrome Web Store ⛔ ผู้ใช้ที่ค้นหา Ethereum Wallet อาจติดตั้งโดยไม่รู้ตัว ⛔ การใช้บล็อกเชนเป็นช่องทางขโมยข้อมูลอาจแพร่ไปยังมัลแวร์อื่น https://securityonline.info/sui-blockchain-seed-stealer-malicious-chrome-extension-hides-mnemonic-exfiltration-in-microtransactions/
    SECURITYONLINE.INFO
    Sui Blockchain Seed Stealer: Malicious Chrome Extension Hides Mnemonic Exfiltration in Microtransactions
    A malicious Chrome extension, Safery: Ethereum Wallet, steals BIP-39 seed phrases by encoding them into synthetic Sui blockchain addresses and broadcasting microtransactions, bypassing HTTP/C2 detection.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • Windows 11 รวมพลังกับ Password Manager – ยุคใหม่ของ Passkeys

    Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ Passkeys ที่เก็บไว้ใน Password Manager โดยตรงในการล็อกอินเข้าสู่ระบบและเว็บไซต์ โดยไม่ต้องสร้าง Passkey แยกสำหรับ Windows อีกต่อไป

    รายละเอียดสำคัญ:
    ก่อนหน้านี้ Windows 11 ต้องการให้ผู้ใช้สร้าง Passkey แยกที่ผูกกับอุปกรณ์
    ในอัปเดตล่าสุด ผู้ใช้สามารถใช้ Passkey ที่จัดเก็บใน Password Manager ได้ทันที
    ระบบยังคงใช้ Windows Hello (PIN หรือ Face Unlock) เพื่อยืนยันตัวตน แต่การตรวจสอบจะดำเนินการผ่าน Password Manager
    ฟีเจอร์นี้เริ่มรองรับใน 1Password และ Bitwarden และจะขยายไปยังผู้ให้บริการอื่นในอนาคต
    จุดเด่นคือ ความสะดวกในการซิงก์ Passkeys ข้ามอุปกรณ์ และลดความซับซ้อนในการจัดการ

    สรุปสาระสำคัญ
    Windows 11 เพิ่ม API สำหรับ Password Manager
    ใช้ Passkeys ที่จัดเก็บใน Password Manager ได้โดยตรง
    ไม่ต้องสร้าง Passkey แยกสำหรับ Windows

    การทำงานร่วมกับ Windows Hello
    ยังคงใช้ PIN หรือ Face Unlock เพื่อยืนยันตัวตน
    การตรวจสอบดำเนินการผ่าน Password Manager

    ผู้ให้บริการที่รองรับแล้ว
    1Password
    Bitwarden

    ข้อดีของฟีเจอร์ใหม่
    ลดความซับซ้อนในการจัดการ Passkeys
    ซิงก์ข้ามอุปกรณ์ได้สะดวกขึ้น

    คำเตือนและข้อจำกัด
    ฟีเจอร์ยังอยู่ในช่วงทดสอบ อาจมีปัญหาการยืนยันตัวตนล้มเหลว
    ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้พัฒนา Password Manager เพื่อปรับปรุงต่อเนื่อง

    https://securityonline.info/no-more-separate-passkeys-windows-11-adds-api-for-password-manager-integration/
    🔐 Windows 11 รวมพลังกับ Password Manager – ยุคใหม่ของ Passkeys Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ Passkeys ที่เก็บไว้ใน Password Manager โดยตรงในการล็อกอินเข้าสู่ระบบและเว็บไซต์ โดยไม่ต้องสร้าง Passkey แยกสำหรับ Windows อีกต่อไป รายละเอียดสำคัญ: 🔰 ก่อนหน้านี้ Windows 11 ต้องการให้ผู้ใช้สร้าง Passkey แยกที่ผูกกับอุปกรณ์ 🔰 ในอัปเดตล่าสุด ผู้ใช้สามารถใช้ Passkey ที่จัดเก็บใน Password Manager ได้ทันที 🔰 ระบบยังคงใช้ Windows Hello (PIN หรือ Face Unlock) เพื่อยืนยันตัวตน แต่การตรวจสอบจะดำเนินการผ่าน Password Manager 🔰 ฟีเจอร์นี้เริ่มรองรับใน 1Password และ Bitwarden และจะขยายไปยังผู้ให้บริการอื่นในอนาคต 🔰 จุดเด่นคือ ความสะดวกในการซิงก์ Passkeys ข้ามอุปกรณ์ และลดความซับซ้อนในการจัดการ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Windows 11 เพิ่ม API สำหรับ Password Manager ➡️ ใช้ Passkeys ที่จัดเก็บใน Password Manager ได้โดยตรง ➡️ ไม่ต้องสร้าง Passkey แยกสำหรับ Windows ✅ การทำงานร่วมกับ Windows Hello ➡️ ยังคงใช้ PIN หรือ Face Unlock เพื่อยืนยันตัวตน ➡️ การตรวจสอบดำเนินการผ่าน Password Manager ✅ ผู้ให้บริการที่รองรับแล้ว ➡️ 1Password ➡️ Bitwarden ✅ ข้อดีของฟีเจอร์ใหม่ ➡️ ลดความซับซ้อนในการจัดการ Passkeys ➡️ ซิงก์ข้ามอุปกรณ์ได้สะดวกขึ้น ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ ฟีเจอร์ยังอยู่ในช่วงทดสอบ อาจมีปัญหาการยืนยันตัวตนล้มเหลว ⛔ ต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้พัฒนา Password Manager เพื่อปรับปรุงต่อเนื่อง https://securityonline.info/no-more-separate-passkeys-windows-11-adds-api-for-password-manager-integration/
    SECURITYONLINE.INFO
    No More Separate Passkeys: Windows 11 Adds API for Password Manager Integration
    Windows 11 now supports a new API allowing password managers (like 1Password, Bitwarden) to handle passkey authentication directly, simplifying cross-platform sign-in.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts