• เพลงรักอบอุ่นๆมีความมุ่งมั่นมั่นคงสัตย์ซื่อ
    ความรักดีๆไม่มีคำว่าบังเอิญ
    มีแต่ความตั้งใจดี ที่จะทำแต่สิ่งดีๆให้กัน
    https://youtu.be/GTH2KbSx7ac?si=IDztc50WXhUzZF6t
    เพลงรักอบอุ่นๆมีความมุ่งมั่นมั่นคงสัตย์ซื่อ ความรักดีๆไม่มีคำว่าบังเอิญ มีแต่ความตั้งใจดี ที่จะทำแต่สิ่งดีๆให้กัน https://youtu.be/GTH2KbSx7ac?si=IDztc50WXhUzZF6t
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗

    เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด!

    🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨

    🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล!

    ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱

    🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨

    3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ?
    - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์
    - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์
    - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์

    รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸

    การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน

    🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง...

    นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨

    🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก
    - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม
    - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี
    - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์
    - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู

    ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ!

    ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡

    🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจระดับสารวัตรสอบสวน โรงพักที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้

    ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️

    4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊
    1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี
    2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี
    3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี
    4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี

    ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"!

    🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้!

    คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย

    คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท

    ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้

    นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน

    จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง

    บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้

    มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568

    🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    พันตำรวจโท "หัวโจก!" จัดฉากอุบัติเหตุ ฆาตกรรมอำพราง ชนซ้ำ 3 คัน 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้าน 💰🚗 เจาะลึกคดีสะเทือนขวัญ! พันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ จัดฉากอุบัติเหตุชนซ้ำ 3 คัน สะสม 22 กรมธรรม์ หวังเงินประกัน 14 ล้านบาท เรื่องจริงที่ซับซ้อนกว่าที่คิด! 🔥 เปิดโปงแผนฆาตกรรมอำพราง! พันตำรวจโท หัวโจก จัดฉากอุบัติเหตุหวังเงินประกัน 14 ล้าน 🚨 🚓 คดีสะเทือนวงการ! วันที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 วงการประกันภัยต้องสะเทือน เมื่อบริษัทประกันภัยหลากหลายแห่ง รวมตัวกันเดินทางไปยัง ภ.จว.สกลนคร เพื่อร้องขอให้ตรวจสอบอุบัติเหตุรถชนซ้ำถึง 3 คัน เมื่อกลางดึกวันจันทร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 ซึ่งทำให้นายวิเชียร จิตเย็น อายุ 32 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ความผิดปกติที่ปรากฏ ทำให้หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็น "ฆาตกรรมอำพราง" ที่มีการวางแผนอย่างแยบยล! ประเด็นร้อน คือมีการทำประกันภัยรถยนต์ถึง 22 กรมธรรม์ คาดว่าจะได้รับเงินประกันรวมสูงถึง 14 ล้านบาท! แต่ที่น่าสะพรึงยิ่งกว่าคือ การพบว่าเบื้องหลังขบวนการนี้ มีชื่อของ "พันตำรวจโท" เข้ามาเกี่ยวข้อง ในฐานะหัวหน้าแก๊ง! 😱 🤔 คดีฆาตกรรมอำพราง หรือ อุบัติเหตุธรรมดา? เหตุการณ์ในคืนสยองขวัญ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 21.10 น. ตำรวจโรงพักวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร ได้รับแจ้งเหตุรถชน บริเวณถนนระหว่างบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กม.ที่ 15 ตำบลธาตุ พบผู้เสียชีวิตคาที่คือนายวิเชียร จิตเย็น จากข้อมูลเบื้องต้น เหมือนจะเป็นอุบัติเหตุ แต่ความจริง กลับซับซ้อนเกินกว่าจะจินตนาการ! 😨 3 คัน 22 กรมธรรม์... แค่บังเอิญจริงหรือ? - รถคันแรก ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน กพ 2576 สกลนคร ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 12 กรมธรรม์ - รถคันที่สอง ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ สีขาว หมายเลขทะเบียน บษ 1720 กาฬสินธุ์ ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ - รถคันที่สาม ปิกอัพอีซูซุ ดีแมกซ์ 4 ประตู สีขาว หมายเลขทะเบียน ผผ 2872 อุดรธานี ทำประกัน พ.ร.บ. ภาคบังคับ 5 กรมธรรม์ รวมทั้งสิ้น 22 กรมธรรม์!!! คิดเป็นวงเงินประกันกว่า 14 ล้านบาท 💸 การทำประกันหลายฉบับในเวลาสั้น ๆ ทำให้บริษัทประกันภัยต่างสงสัยว่า คดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่เป็นแผนฆาตกรรมอำพราง ที่ถูกจัดฉากขึ้นอย่างแนบเนียน 🕵️‍♀️ ปมเบื้องหลัง และพี่สาวผู้ตายกับเบาะแสชิ้นสำคัญ คำพูดที่กลายเป็นชนวนโศกนาฏกรรม นางสาวบัวเรียน อายุ 33 ปี พี่สาวของผู้ตายเผยว่า ก่อนหน้านี้เคยระบายความในใจว่า อยากให้นายวิเชียร “ไปตายเสียที่ไหนก็ได้” เพราะทนพฤติกรรมไม่ไหว แต่คำพูดนั้นกลับถูกนายสกล ญาติคนสนิท นำไปตีความและจัดการ “สั่งสอน” ในแบบของตัวเอง... นายสกล... คนใกล้ตัวที่กลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น หลังจากที่นายสกลรับปากว่า จะพานายวิเชียรไปสั่งสอน กลับกลายเป็น การวางแผนฆาตกรรมอำพรางที่ซับซ้อน ร่วมกับนายตำรวจระดับสูงยศ "พันตำรวจโท"และพรรคพวก 😨 🔪 เผยแผนจัดฉากอุบัติเหตุสุดโหด! การเดินทางที่เต็มไปด้วยกับดัก - จุดเริ่มต้น โรงบรรจุน้ำอ่อนสุระทุม - จุดรับเหยื่อ บ้านสุวรรณคีรี - จุดตัดผมและซื้อเสื้อผ้า อ.เจริญศิลป์ - จุดดื่มสุรา ร้านบัวชมพู ทุกอย่างดูปกติ... แต่แท้จริงแล้วคือ แผนหลอกล่อเหยื่อให้ติดกับ! ฉากจบที่กิโลเมตรที่ 15... ถนนสายบ้านนาบัว-เจริญศิลป์ กับความตายที่ถูกจัดฉาก นายวิเชียรซึ่งอยู่ในอากาศเมามายอย่างหนัก ครองสติตัวเองไม่ได้ ถูกหลอกให้ลงจากหลังกระบะรถ ลากร่างนอนคว่ำหน้ากลางถนนลาดยาง ก่อนจะถูกขับรถเหยียบทับซ้ำ! จากนั้นก็พากันขับรถกลับไปจอด ที่โรงน้ำเพื่ออำพรางความผิด...😡 🕴️ พันตำรวจโท... หัวโจกผู้บงการเบื้องหลัง! บทบาทของนายตำรวจในคดีนี้ ในระหว่างการวางแผน มีรถตราโล่ในราชการตำรว จจอดหลบอยู่ในลานริมถนน ใกล้ที่กเกิดเหตุ และมีนายตำรวจระดับสารวัตรสอบสวน โรงพักที่เกิดเหตุ แต่งเครื่องแบบพันตำรวจโทเต็มยศ ยืนอยู่หน้ารถโล่ แม้ว่าตำรวจนายนี้จะไม่ได้ลงมือโดยตรง แต่การมีตัวตนในเหตุการณ์ สะท้อนถึงการพัวพันคดี อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ตำรวจสืบสวนเชื่อว่า พันตำรวจโทนายนี้คือ "หัวโจกตัวจริง!" เป็นคนวางแผน ประสานงาน และกำกับการฆาตกรรมอำพรางในครั้งนี้ อย่างแยบยล 👮‍♂️ 4 ผู้ต้องหา ถูกจับกุมและเปิดโปงความจริง! 👊 1. นายสมศักดิ์ หรือแอะ โวเบ้า อายุ 56 ปี 2. นายพีรพัฒน์ หรือป้อม รักกุศล อายุ 30 ปี 3. นายสกล สอนแก้ว อายุ 38 ปี 4. นายพรชนก หรือเก่ง อ่อนสุระทุม อายุ 41 ปี ทุกคนถูกแจ้งข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน"! 🚔 บทสรุป: เรื่องจริงที่ยังไม่จบ! ตำรวจยังเดินหน้าสืบสวน เพื่อรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม และขยายผลไปยังผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพันตำรวจโทผู้บงการใหญ่ ที่กำลังตกเป็นเป้าหมายหลัก ในการดำเนินคดีครั้งนี้! คดีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเงินประกัน 14 ล้านบาท... แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่เตือนให้สังคมเห็นถึง อันตรายของความโลภ และอิทธิพลที่แอบแฝง อยู่ในเงามืดของกฎหมาย คดีนี้เป็นเป็นการจัดฉากอุบัติเหตุ ที่มีแผนวางไว้ล่วงหน้า โดยมีเป้าหมายเพื่อเรียกเงินประกันภัย จาก 22 กรมธรรม์ รวมวงเงิน 14 ล้านบาท ผู้บงการหลักในคดีนี้ คือนายตำรวจยศพันตำรวจโท ที่ถูกระบุว่าเป็นหัวโจกใหญ่ ที่มีบทบาทสำคัญในขบวนการนี้ นายวิเชียรถูกเลือกเป็นเหยื่อ เพราะพฤติกรรมที่ไม่เป็นที่ยอมรับในครอบครัว และคำพูดของพี่สาว ที่ถูกตีความผิด ทำให้ถูกวางแผนฆ่าทิ้ง เพื่อหวังเงินประกัน จากข้อมูลที่ได้รับ มีการตกลงชดใช้เงินให้พี่สาวผู้ตายจำนวน 150,000 บาท เพื่อปิดปาก แต่ความจริงก็ถูกเปิดเผยในภายหลัง บริษัทประกันภัยตรวจพบความผิดปกติ ในการทำประกันภัยจำนวนมาก จึงได้ร้องเรียน และร่วมมือกับตำรวจ ในการเปิดโปงคดีนี้ มีแนวโน้มสูง! ที่จะมีผู้ต้องหารายอื่นถูกจับเพิ่มอีก เนื่องจากการสืบสวนพบว่า มีขบวนการที่กว้างขวาง และอาจมีเจ้าหน้าที่รัฐคนอื่นเกี่ยวข้องด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121544 มี.ค. 2568 🔖 #ฆาตกรรมอำพราง #จัดฉากอุบัติเหตุ #โกงประกัน #พันตำรวจโท #คดีดังสกลนคร #รถชนซ้ำ #14ล้านประกัน #ข่าวเด่นวันนี้ #คดีอาชญากรรม #เปิดโปงขบวนการ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อสองวันก่อน อยู่ดีๆ ยูทูปก็โผล่คลิปสั้นจากเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> มาให้ดูจน Storyฯ น้ำตาร่วงเผาะ วันนี้เลยเอามาแบ่งปันเผื่อว่าเพื่อนเพจจะ ‘อิน’ ตามไปด้วย

    เป็นฉากที่หรูอี้เอ่ยกับเฉียนหลงฮ่องเต้ว่า “ทรงทราบถึงวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ หรือไม่เพคะ? วลีนี้... ตอนหม่อมฉันเรียนเมื่อยังเด็กได้แต่รู้สึกเสียใจเสียดาย แต่วันนี้หม่อมฉันเข้าใจแล้ว... บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน...” (หมายเหตุ ถอดบทสนทนามาจากในละคร แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) เป็นประโยคที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเฉียนหลงในภายหลังไม่น้อย

    ทั้ง ‘หลันอินซวี่กั่ว’ และ “บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน” ล้วนเป็นประโยคเด็ดที่มีมาแต่วรรณกรรมโบราณ และมีเรื่องราวให้เล่าถึง แต่อาจต้องแบ่งคุยเป็นสองตอน

    วันนี้คุยกันเรื่องวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ (兰因絮果) ซึ่งเป็นสุภาษิตจีน บางทีสลับตำแหน่งเป็น ‘ซวี่กั่วหลันอิน’ ก็ได้ ความหมายของมันเป็นดังที่ในละครมีอธิบายไว้ว่า หมายถึงชีวิตคู่ที่เริ่มต้นสวยงามแต่จบลงอย่างขมขื่น เป็นวลีที่แปลยาก เพราะ ‘หลัน’ อาจแปลว่าดอกกล้วยไม้ (หลันฮวา) หรือดอกแม็กโนเลีย (อวี้หลันหรือมู่หลัน) และ ‘ซวี่’ แปลว่าปุยฝ้ายหรือดอกของต้นหลิ่วเรียกว่า ‘หลิ่วซวี่’ ส่วน ‘อิน’ นั้นแปลว่าต้นตอหรือสาเหตุ และ ‘กั่ว’ คือผล ดังนั้น วลีนี้แปลตรงตัวไม่ได้เพราะมันเป็นวลีเชิงอุปมาอุปไมย เลยขอเล่าความเป็นมาของมันก่อน เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น

    ที่มาของการเรียกชีวิตคู่ที่หวานชื่นว่า ‘หลันอิน’ นั้น เป็นเรื่องราวในยุคสมัยชุนชิวของเจิ้งเหวินกง เจ้าผู้ปกครองแคว้นเจิ้งและอนุภรรยานามว่าเยี่ยนจี๋ นางผู้นี้มาจากเมืองเล็กๆ และเป็นอนุภรรยาที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเจิ้งเหวินกง แต่ต่อมานางฝันว่ามีเทพธิดานำดอกหลันฮวามามอบให้และบอกว่าดอกไม้นี้จะทำให้นางได้รับความรักจากเจิ้งเหวินกงและจะได้บุตรที่โดดเด่นมาเป็นผู้สืบทอดแผ่นดินต่อไป ครั้นวันถัดไปนางได้พบกับเจิ้งเหวินกงโดยบังเอิญก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เจิ้งเหวินกงฟัง ก่อเกิดเป็นความสนใจในตัวนาง จนต่อมานางได้เป็นที่โปรดปรานมากมายของเจิ้งเหวินกง และภายหลังคลอดบุตรชายนามว่า ‘หลัน’ เรื่องนี้จึงเป็นการเล่าขานกันต่อในแง่ที่ว่าเป็นความรักที่งอกงามอันมีสาเหตุมาจากดอกหลันฮวาหรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘หลันอิน’ นั่นเอง และ ‘หลันอิน’ ถูกนำมาใช้ในบทประพันธ์ไม่น้อยเพื่อเรียกการครองคู่ที่เกิดขึ้นจากความรักอันสุกงอม

    มีเรื่องเล่าต่อมาว่า เจิ้งเหวินกงมีอนุภรรยามากมาย ความโปรดปรานในตัวเยี่ยนจี๋ลดเลือนไปตามกาลเวลา อีกทั้งเขาเป็นคนอำมหิต เพื่อรักษาอำนาจของตัวเองถึงกับฆ่าลูกชายไปสองคน ส่วนเจิ้งหลันนั้นถูกขับออกจากแคว้น แต่ต่อมาได้กลับมาครองแคว้นเจิ้งในที่สุด เป็นที่รู้จักกันในนามเจิ้งมู่กง ภายใต้การปกครองของเจิ้งมู่กงและลูกชายของเขา แคว้นเจิ้งกลายเป็นหนึ่งในแคว้นที่เข้มแข็งที่สุดของยุคสมัยนั้น

    ส่วนคำว่า ‘ซวี่’ นั้น ว่ากันว่าแรกเริ่มมาจากบทกวีของหลานสาวของเซี่ยไท่ฟู่ (ไท่ฟู่คือตำแหน่งราชครู) ในสมัยราชวงศ์จิ้น ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นสตรีที่เชี่ยวชาญด้านอักษร นางเปรียบเปรยหิมะขาวที่โปรยปรายด้วยวลีที่ว่า ‘ดุจดอกหลิ่วเริงระบำในสายลม’ (未若柳絮因风起) (ขอเรียกว่าดอก แต่จริงๆ เป็นเมล็ดของต้นหลิ่ว)

    ต่อมา ‘ซวี่กั่ว’ และ ‘หลันอินซวี่กั่ว’ ปรากฏขึ้นในบทประพันธ์ยุคสมัยชิง เป็นส่วนหนึ่งของวลีที่ว่า ‘หลันอินซวี่กั่ว เซี่ยนเยี่ยสุยเซิน’ (兰因絮果, 现业谁深) Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงประโยคนี้ว่า ‘รักแรกผลิบานงดงามดุจหลันฮวา สุดท้ายมลายหายดุจดอกหลิ่วพลิ้วสลาย ผู้ใดเล่าจะกล่าวได้ว่า สลักลึกลงบนใจผู้ใดมากกว่ากัน’

    ‘หลันอินซวี่กั่ว’ ในเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> จึงเป็นการสรุปเรื่องราวความรักของเฉียนหลงและหรูอี้ได้อย่างชัดเจนด้วยอักษรเพียงสี่ตัว

    เพื่อให้อินกับประโยคนี้ ขอเชิญเพื่อนเพจหลับตาและนึกภาพดอกไม้ผลิบานพร้อมกับรอยยิ้มสุขสดชื่นให้แก่กันของหรูอี้และเฉียนหลงในละคร แล้วตัดมาเป็นภาพปุยสีขาวๆ ที่ถูกสายลมพัดแตกไปพร้อมๆ กับภาพของหรูอี้ที่สิ้นลมอย่างสงบข้างๆ กระถางต้นเหมยที่แห้งกรอบ...

    “คัท!” อาทิตย์หน้ามาคุยกันต่อกับประโยคถัดไปที่ว่า ‘บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน’ ค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://okapi.books.com.tw/article/11422
    https://ent.tom.com/201807/1011240093.html
    https://www.sohu.com/a/230867588_100149137
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.xiumu.cn/ts/2018/0824/4278239.html
    https://www.163.com/dy/article/G0GD3GUH0537ML11.html
    https://baike.baidu.com/item/未若柳絮因风起/8776864

    #หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์ #หลันอินซวี่กั่ว #เจิ้งเหวินกง #เยี่ยนจี๋
    เมื่อสองวันก่อน อยู่ดีๆ ยูทูปก็โผล่คลิปสั้นจากเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> มาให้ดูจน Storyฯ น้ำตาร่วงเผาะ วันนี้เลยเอามาแบ่งปันเผื่อว่าเพื่อนเพจจะ ‘อิน’ ตามไปด้วย เป็นฉากที่หรูอี้เอ่ยกับเฉียนหลงฮ่องเต้ว่า “ทรงทราบถึงวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ หรือไม่เพคะ? วลีนี้... ตอนหม่อมฉันเรียนเมื่อยังเด็กได้แต่รู้สึกเสียใจเสียดาย แต่วันนี้หม่อมฉันเข้าใจแล้ว... บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน...” (หมายเหตุ ถอดบทสนทนามาจากในละคร แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) เป็นประโยคที่สร้างความเจ็บปวดให้กับเฉียนหลงในภายหลังไม่น้อย ทั้ง ‘หลันอินซวี่กั่ว’ และ “บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน” ล้วนเป็นประโยคเด็ดที่มีมาแต่วรรณกรรมโบราณ และมีเรื่องราวให้เล่าถึง แต่อาจต้องแบ่งคุยเป็นสองตอน วันนี้คุยกันเรื่องวลี ‘หลันอินซวี่กั่ว’ (兰因絮果) ซึ่งเป็นสุภาษิตจีน บางทีสลับตำแหน่งเป็น ‘ซวี่กั่วหลันอิน’ ก็ได้ ความหมายของมันเป็นดังที่ในละครมีอธิบายไว้ว่า หมายถึงชีวิตคู่ที่เริ่มต้นสวยงามแต่จบลงอย่างขมขื่น เป็นวลีที่แปลยาก เพราะ ‘หลัน’ อาจแปลว่าดอกกล้วยไม้ (หลันฮวา) หรือดอกแม็กโนเลีย (อวี้หลันหรือมู่หลัน) และ ‘ซวี่’ แปลว่าปุยฝ้ายหรือดอกของต้นหลิ่วเรียกว่า ‘หลิ่วซวี่’ ส่วน ‘อิน’ นั้นแปลว่าต้นตอหรือสาเหตุ และ ‘กั่ว’ คือผล ดังนั้น วลีนี้แปลตรงตัวไม่ได้เพราะมันเป็นวลีเชิงอุปมาอุปไมย เลยขอเล่าความเป็นมาของมันก่อน เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น ที่มาของการเรียกชีวิตคู่ที่หวานชื่นว่า ‘หลันอิน’ นั้น เป็นเรื่องราวในยุคสมัยชุนชิวของเจิ้งเหวินกง เจ้าผู้ปกครองแคว้นเจิ้งและอนุภรรยานามว่าเยี่ยนจี๋ นางผู้นี้มาจากเมืองเล็กๆ และเป็นอนุภรรยาที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของเจิ้งเหวินกง แต่ต่อมานางฝันว่ามีเทพธิดานำดอกหลันฮวามามอบให้และบอกว่าดอกไม้นี้จะทำให้นางได้รับความรักจากเจิ้งเหวินกงและจะได้บุตรที่โดดเด่นมาเป็นผู้สืบทอดแผ่นดินต่อไป ครั้นวันถัดไปนางได้พบกับเจิ้งเหวินกงโดยบังเอิญก็ได้เล่าเรื่องนี้ให้เจิ้งเหวินกงฟัง ก่อเกิดเป็นความสนใจในตัวนาง จนต่อมานางได้เป็นที่โปรดปรานมากมายของเจิ้งเหวินกง และภายหลังคลอดบุตรชายนามว่า ‘หลัน’ เรื่องนี้จึงเป็นการเล่าขานกันต่อในแง่ที่ว่าเป็นความรักที่งอกงามอันมีสาเหตุมาจากดอกหลันฮวาหรือเรียกสั้นๆ ว่า ‘หลันอิน’ นั่นเอง และ ‘หลันอิน’ ถูกนำมาใช้ในบทประพันธ์ไม่น้อยเพื่อเรียกการครองคู่ที่เกิดขึ้นจากความรักอันสุกงอม มีเรื่องเล่าต่อมาว่า เจิ้งเหวินกงมีอนุภรรยามากมาย ความโปรดปรานในตัวเยี่ยนจี๋ลดเลือนไปตามกาลเวลา อีกทั้งเขาเป็นคนอำมหิต เพื่อรักษาอำนาจของตัวเองถึงกับฆ่าลูกชายไปสองคน ส่วนเจิ้งหลันนั้นถูกขับออกจากแคว้น แต่ต่อมาได้กลับมาครองแคว้นเจิ้งในที่สุด เป็นที่รู้จักกันในนามเจิ้งมู่กง ภายใต้การปกครองของเจิ้งมู่กงและลูกชายของเขา แคว้นเจิ้งกลายเป็นหนึ่งในแคว้นที่เข้มแข็งที่สุดของยุคสมัยนั้น ส่วนคำว่า ‘ซวี่’ นั้น ว่ากันว่าแรกเริ่มมาจากบทกวีของหลานสาวของเซี่ยไท่ฟู่ (ไท่ฟู่คือตำแหน่งราชครู) ในสมัยราชวงศ์จิ้น ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นสตรีที่เชี่ยวชาญด้านอักษร นางเปรียบเปรยหิมะขาวที่โปรยปรายด้วยวลีที่ว่า ‘ดุจดอกหลิ่วเริงระบำในสายลม’ (未若柳絮因风起) (ขอเรียกว่าดอก แต่จริงๆ เป็นเมล็ดของต้นหลิ่ว) ต่อมา ‘ซวี่กั่ว’ และ ‘หลันอินซวี่กั่ว’ ปรากฏขึ้นในบทประพันธ์ยุคสมัยชิง เป็นส่วนหนึ่งของวลีที่ว่า ‘หลันอินซวี่กั่ว เซี่ยนเยี่ยสุยเซิน’ (兰因絮果, 现业谁深) Storyฯ ขอแปลและเรียบเรียงประโยคนี้ว่า ‘รักแรกผลิบานงดงามดุจหลันฮวา สุดท้ายมลายหายดุจดอกหลิ่วพลิ้วสลาย ผู้ใดเล่าจะกล่าวได้ว่า สลักลึกลงบนใจผู้ใดมากกว่ากัน’ ‘หลันอินซวี่กั่ว’ ในเรื่อง <หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์> จึงเป็นการสรุปเรื่องราวความรักของเฉียนหลงและหรูอี้ได้อย่างชัดเจนด้วยอักษรเพียงสี่ตัว เพื่อให้อินกับประโยคนี้ ขอเชิญเพื่อนเพจหลับตาและนึกภาพดอกไม้ผลิบานพร้อมกับรอยยิ้มสุขสดชื่นให้แก่กันของหรูอี้และเฉียนหลงในละคร แล้วตัดมาเป็นภาพปุยสีขาวๆ ที่ถูกสายลมพัดแตกไปพร้อมๆ กับภาพของหรูอี้ที่สิ้นลมอย่างสงบข้างๆ กระถางต้นเหมยที่แห้งกรอบ... “คัท!” อาทิตย์หน้ามาคุยกันต่อกับประโยคถัดไปที่ว่า ‘บุปผาผลิบานแล้วโรยร่วงตามเวลาของมัน’ ค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://okapi.books.com.tw/article/11422 https://ent.tom.com/201807/1011240093.html https://www.sohu.com/a/230867588_100149137 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.xiumu.cn/ts/2018/0824/4278239.html https://www.163.com/dy/article/G0GD3GUH0537ML11.html https://baike.baidu.com/item/未若柳絮因风起/8776864 #หรูอี้จอมนางเคียงบัลลังก์ #หลันอินซวี่กั่ว #เจิ้งเหวินกง #เยี่ยนจี๋
    OKAPI.BOOKS.COM.TW
    個人意見:演出深情演得最好也最落力的,往往都是渣男──《如懿傳》教會我的事
    《如懿傳》講的就是婚姻。該宮鬥的情節雖一樣不少,但心機只是這部小說的點綴,真正著力的...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เสี่ยสมพงษ์" เดินทางเข้าพบ ดีเอสไอ หลังเป็นผู้พบร่าง "แตงโม" คนแรก ยืนยันอยากช่วยค้นหา แต่ตลอด 3 ปีกลับถูกแฟนคลับตามต่อว่ามาตลอด

    วันนี้ (4 มี.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคานเอ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นายสมพงษ์ สุนทรพรวาที หรือ "เสี่ยสมพงษ์" อายุ 67 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท บางกอกโรลเลอร์ จำกัด ผู้นำเรือช่วยค้นหาและผู้พบร่าง น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เป็นคนแรก เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของแตงโม หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568

    นายสมพงษ์ กล่าวว่า เดินทางมาวันนี้ก็จะให้ข้อมูลแบบเดิมที่เคยให้การไปแล้วที่ สภ.นนทบุรี ส่วนที่รู้ว่าเป็นศพแตงโมตั้งแต่พบครั้งแรกเพราะด้วยสัญชาตญานความเป็นมนุษย์เวลานั้น เนื่องจากรู้ข่าวแตงโมตกน้ำเลยรู้ว่าต้องมีศพโผล่ขึ้นมาหรือจะให้เป็นศพคนอื่น โดยตนไม่ได้เป็นอาสาแต่ตนได้ซื้อเรือมาลำหนึ่ง จึงอยากช่วยค้นหาก็เลยเติมน้ำมันออกหาแตงโม แล้วก็บังเอิญเจอ แต่ตลอด 3 ปีมาถูกแฟนคลับแตงโมว่ามาตลอด ไม่เห็นบอกว่าตนเป็นพลเมืองดีเลย

    นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า วันพบร่างแตงโมใครจะเชื่อก็เชื่อ ใครไม่เชื่อก็ไม่ว่ากัน วันนั้นตรงกับวันเสาร์ บ้านตนมีโรงยิม มีสระว่ายน้ำ ตนตื่นตี 5 ทุกวัน ไปนั่งสมาธิที่โรงยิม ขณะเดินจากบ้านหลังใหญ่จะไปนั่งสมาธิที่โรงยิม แต่ไม่เกี่ยวกับนั่งสมาธิ คุณแตงโมก็ดลจิตดลใจขึ้นมา ตนได้ถามว่ามาทำอะไร เขาไม่ตอบอะไร จึงบอกกลับไปว่าจะเอาเรือไปช่วยหา ถ้าคุณอยากเจอตน ก็ขอให้เจอง่ายๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020976

    #MGROnline #เสี่ยสมพงษ์ #ดีเอสไอ #แตงโม
    "เสี่ยสมพงษ์" เดินทางเข้าพบ ดีเอสไอ หลังเป็นผู้พบร่าง "แตงโม" คนแรก ยืนยันอยากช่วยค้นหา แต่ตลอด 3 ปีกลับถูกแฟนคลับตามต่อว่ามาตลอด • วันนี้ (4 มี.ค.) เวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) อาคานเอ ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร นายสมพงษ์ สุนทรพรวาที หรือ "เสี่ยสมพงษ์" อายุ 67 ปี กรรมการผู้จัดการบริษัท บางกอกโรลเลอร์ จำกัด ผู้นำเรือช่วยค้นหาและผู้พบร่าง น.ส.ภัทรธิดา (นิดา) พัชรวีระพงษ์ หรือแตงโม เป็นคนแรก เดินทางเข้าพบ พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนข้อเท็จจริงคดีการเสียชีวิตของแตงโม หลังรับเป็นเลขสืบสวนที่ 20/2568 • นายสมพงษ์ กล่าวว่า เดินทางมาวันนี้ก็จะให้ข้อมูลแบบเดิมที่เคยให้การไปแล้วที่ สภ.นนทบุรี ส่วนที่รู้ว่าเป็นศพแตงโมตั้งแต่พบครั้งแรกเพราะด้วยสัญชาตญานความเป็นมนุษย์เวลานั้น เนื่องจากรู้ข่าวแตงโมตกน้ำเลยรู้ว่าต้องมีศพโผล่ขึ้นมาหรือจะให้เป็นศพคนอื่น โดยตนไม่ได้เป็นอาสาแต่ตนได้ซื้อเรือมาลำหนึ่ง จึงอยากช่วยค้นหาก็เลยเติมน้ำมันออกหาแตงโม แล้วก็บังเอิญเจอ แต่ตลอด 3 ปีมาถูกแฟนคลับแตงโมว่ามาตลอด ไม่เห็นบอกว่าตนเป็นพลเมืองดีเลย • นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า วันพบร่างแตงโมใครจะเชื่อก็เชื่อ ใครไม่เชื่อก็ไม่ว่ากัน วันนั้นตรงกับวันเสาร์ บ้านตนมีโรงยิม มีสระว่ายน้ำ ตนตื่นตี 5 ทุกวัน ไปนั่งสมาธิที่โรงยิม ขณะเดินจากบ้านหลังใหญ่จะไปนั่งสมาธิที่โรงยิม แต่ไม่เกี่ยวกับนั่งสมาธิ คุณแตงโมก็ดลจิตดลใจขึ้นมา ตนได้ถามว่ามาทำอะไร เขาไม่ตอบอะไร จึงบอกกลับไปว่าจะเอาเรือไปช่วยหา ถ้าคุณอยากเจอตน ก็ขอให้เจอง่ายๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000020976 • #MGROnline #เสี่ยสมพงษ์ #ดีเอสไอ #แตงโม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • 24 ปี เที่ยวบิน TG114 “ระเบิดก่อนขึ้นบิน” นายกทักษิณรอดหวุดหวิด ลอบฆ่า หรือว่า... อุบัติเหตุ?

    🛫 ย้อนรอย 24 ปี โศกนาฏกรรมทางการบินของไทย ที่ยังเป็นปริศนา เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2544 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ได้เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ของการบินไทย เที่ยวบิน TG114 ได้เกิดระเบิดกลางลานจอด และถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ เพียง 25 นาที ก่อนที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น พร้อมด้วบบุตรชาย จะเดินทางไปเชียงใหม่

    แม้ว่าจะไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง แต่ช่างเทคนิคการบิน 1 คน เสียชีวิต ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า นี่เป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นการวางแผนลอบสังหาร? 📌

    🔎 เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ 3 มีนาคม 2544 เวลา 14:48 น. 📍 เที่ยวบิน TG114 ของการบินไทย ซึ่งเป็นเครื่องบิน โบอิ้ง 737-400 ทะเบียน HS-TDC ดอนเมือง-เชียงใหม่ ได้เกิดการระเบิดขณะจอดอยู่ที่ลานจอด สนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ ไม่มีผู้โดยสารบนเครื่อง มีเพียงลูกเรือ 8 คน อยู่บนเครื่อง ซึ่งช่างเทคนิคการบินเสียชีวิต 1 คน

    ✈️ จุดหมายปลายทางของเที่ยวบิน เที่ยวบิน TG114 เดิมมีกำหนดออกเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีบุคคลสำคัญเดินทางไปด้วย รวมถึง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะเนั้น และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย

    🛑 แต่เพียง 25 นาที ก่อนเครื่องออกเดินทาง เครื่องบินกลับระเบิดขึ้นก่อน

    🚨 เหตุการณ์ครั้งนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง?

    🔥 สาเหตุที่เป็นไปได้ วินาศกรรม หรืออุบัติเหตุ? มี 2 ทฤษฎีหลัก ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ 🎯

    💥 ทฤษฎีวินาศกรรม ลอบสังหารนายกรัฐมนตรี? หลังเหตุการณ์เกิดขึ้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "นี่เป็นการก่อวินาศกรรม ที่มุ่งเป้าสังหารตนเอง"

    หลักฐานที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีการวางระเบิด ได้แก่
    🔎 พบร่องรอยสารระเบิด เจ้าหน้าที่ไทยตรวจพบ ร่องรอยของระเบิดซีโฟร์ (C-4) หรือเซมเท็กซ์ (Semtex)
    🎯 นายกทักษิณกล่าวว่า อาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ จากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เช่น ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เช่น กลุ่มว้าแดง
    ⏳ เวลาที่เกิดเหตุใกล้เคียงกับกำหนดการเดินทางของนายกฯ
    📢 ตำรวจไทยในตอนแรกสรุปว่า เป็นการ "วางระเบิด" และคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรเองก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน

    🛠️ ทฤษฎีอุบัติเหตุ ข้อสรุปของ NTSB คณะกรรมการความปลอดภัย ในการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) ซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมสอบสวน ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 ว่า
    🚫 ไม่มีร่องรอยของวัตถุระเบิด
    ⚡ การระเบิดอาจเกิดจากระบบปรับอากาศ ที่ทำงานต่อเนื่อง ส่งผลให้ถังน้ำมันส่วนกลาง เกิดการสันดาป และระเบิด
    ✈️ ลักษณะคล้ายกับอุบัติเหตุของเที่ยวบิน 143 ของฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ เมื่อปี 2543

    ในท้ายที่สุด รัฐบาลไทยและ NTSB ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "เป็นอุบัติเหตุจากความร้อนสะสม ของอุปกรณ์ทำความเย็น ที่อยู่ใกล้ถังน้ำมัน"

    💡 วินาศกรรมที่ล้มเหลว หรือโศกนาฏกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจ? ข้อถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ยังไม่จบง่ายๆ 🧐 เพราะ...

    1️⃣ ผลการสอบสวนของไทยและสหรัฐฯ ต่างกัน ฝ่ายไทยเชื่อว่ามี หลักฐานของการวางระเบิด
    NTSB แย้งว่า ไม่พบร่องรอยระเบิดเลย

    2️⃣ ช่วงเวลาการระเบิดน่าสงสัย ทำไมถึงเกิดขึ้นก่อนนายกฯ เดินทางเพียง 25 นาที ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทำไมไม่เกิดกับเครื่องลำอื่น?

    3️⃣ กลุ่มที่มีแรงจูงใจในการลอบสังหาร นโยบายปราบปรามยาเสพติดของนายกทักษิณ สร้างศัตรูจำนวนมาก ขบวนการค้ายาเสพติดอาจไม่พอใจ จนถึงขั้นต้องการลอบสังหาร

    📌 หรืออาจเป็นเพียงการ "ใช้ข่าวระเบิด" เพื่อกลบกระแสเรื่องคดีซุกหุ้น?

    🚨 เหตุการณ์ลอบสังหารนายกทักษิณ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว ที่มีความพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ 🎯

    📍 ปี 2546 ข่าวลือว่า กลุ่มว้าแดงตั้งค่าหัว 80 ล้านบาท ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย

    📍 ปี 2549 คดี "คาร์บอมบ์" ที่บริเวณสี่แยกบางพลัด ใกล้บ้านพักของนายกทักษิณ ก่อนที่ รปภ. จะพบระเบิดก่อน

    📍 ปี 2559 นายกทักษิณให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ว่า "มีคนพยายามลอบสังหารผม 4 ครั้ง"

    🎯 ระเบิดเที่ยวบิน TG114 ยังเป็นปริศนา?
    📌 แม้ว่าผลสอบสวนทางการบินของสหรัฐฯ จะสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่คำถามยังคงอยู่
    📌 หลายฝ่ายยังสงสัยว่า นี่อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง ที่ไม่สำเร็จ
    📌 หรือเป็นเพียง "เหตุบังเอิญ" ที่เกิดขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ?

    🔎 24 ปี ผ่านไป คำตอบของเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนา และอาจไม่มีวันได้รับคำตอบที่ชัดเจน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 030847 มี.ค. 2568

    📌 #ทักษิณ #เที่ยวบินTG114 #การบินไทย #วินาศกรรม #อุบัติเหตุ #เครื่องบินระเบิด #ข่าวการเมือง #ว้าแดง #คดีลึกลับ #ประวัติศาสตร์ไทย
    24 ปี เที่ยวบิน TG114 “ระเบิดก่อนขึ้นบิน” นายกทักษิณรอดหวุดหวิด ลอบฆ่า หรือว่า... อุบัติเหตุ? 🛫 ย้อนรอย 24 ปี โศกนาฏกรรมทางการบินของไทย ที่ยังเป็นปริศนา เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2544 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด ได้เกิดขึ้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินโบอิ้ง 737-400 ของการบินไทย เที่ยวบิน TG114 ได้เกิดระเบิดกลางลานจอด และถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ เพียง 25 นาที ก่อนที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีขณะนั้น พร้อมด้วบบุตรชาย จะเดินทางไปเชียงใหม่ แม้ว่าจะไม่มีผู้โดยสารอยู่บนเครื่อง แต่ช่างเทคนิคการบิน 1 คน เสียชีวิต ทำให้เกิดคำถามมากมายว่า นี่เป็นอุบัติเหตุ หรือเป็นการวางแผนลอบสังหาร? 📌 🔎 เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ 3 มีนาคม 2544 เวลา 14:48 น. 📍 เที่ยวบิน TG114 ของการบินไทย ซึ่งเป็นเครื่องบิน โบอิ้ง 737-400 ทะเบียน HS-TDC ดอนเมือง-เชียงใหม่ ได้เกิดการระเบิดขณะจอดอยู่ที่ลานจอด สนามบินนานาชาติดอนเมือง กรุงเทพมหานคร เครื่องบินถูกไฟไหม้เสียหายทั้งลำ ไม่มีผู้โดยสารบนเครื่อง มีเพียงลูกเรือ 8 คน อยู่บนเครื่อง ซึ่งช่างเทคนิคการบินเสียชีวิต 1 คน ✈️ จุดหมายปลายทางของเที่ยวบิน เที่ยวบิน TG114 เดิมมีกำหนดออกเดินทางไปยัง ท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่ โดยมีบุคคลสำคัญเดินทางไปด้วย รวมถึง พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะเนั้น และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย 🛑 แต่เพียง 25 นาที ก่อนเครื่องออกเดินทาง เครื่องบินกลับระเบิดขึ้นก่อน 🚨 เหตุการณ์ครั้งนี้ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง? 🔥 สาเหตุที่เป็นไปได้ วินาศกรรม หรืออุบัติเหตุ? มี 2 ทฤษฎีหลัก ที่ถูกหยิบยกขึ้นมา เกี่ยวกับเหตุการณ์ครั้งนี้ 🎯 💥 ทฤษฎีวินาศกรรม ลอบสังหารนายกรัฐมนตรี? หลังเหตุการณ์เกิดขึ้น พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า "นี่เป็นการก่อวินาศกรรม ที่มุ่งเป้าสังหารตนเอง" หลักฐานที่ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า มีการวางระเบิด ได้แก่ 🔎 พบร่องรอยสารระเบิด เจ้าหน้าที่ไทยตรวจพบ ร่องรอยของระเบิดซีโฟร์ (C-4) หรือเซมเท็กซ์ (Semtex) 🎯 นายกทักษิณกล่าวว่า อาจเป็นฝีมือของกลุ่มผู้เสียผลประโยชน์ จากนโยบายปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล เช่น ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ เช่น กลุ่มว้าแดง ⏳ เวลาที่เกิดเหตุใกล้เคียงกับกำหนดการเดินทางของนายกฯ 📢 ตำรวจไทยในตอนแรกสรุปว่า เป็นการ "วางระเบิด" และคณะกรรมาธิการ ของสภาผู้แทนราษฎรเองก็มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกัน 🛠️ ทฤษฎีอุบัติเหตุ ข้อสรุปของ NTSB คณะกรรมการความปลอดภัย ในการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ (NTSB) ซึ่งส่งผู้เชี่ยวชาญเข้ามาร่วมสอบสวน ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2544 ว่า 🚫 ไม่มีร่องรอยของวัตถุระเบิด ⚡ การระเบิดอาจเกิดจากระบบปรับอากาศ ที่ทำงานต่อเนื่อง ส่งผลให้ถังน้ำมันส่วนกลาง เกิดการสันดาป และระเบิด ✈️ ลักษณะคล้ายกับอุบัติเหตุของเที่ยวบิน 143 ของฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ เมื่อปี 2543 ในท้ายที่สุด รัฐบาลไทยและ NTSB ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันว่า "เป็นอุบัติเหตุจากความร้อนสะสม ของอุปกรณ์ทำความเย็น ที่อยู่ใกล้ถังน้ำมัน" 💡 วินาศกรรมที่ล้มเหลว หรือโศกนาฏกรรมที่ไม่ได้ตั้งใจ? ข้อถกเถียงเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ ยังไม่จบง่ายๆ 🧐 เพราะ... 1️⃣ ผลการสอบสวนของไทยและสหรัฐฯ ต่างกัน ฝ่ายไทยเชื่อว่ามี หลักฐานของการวางระเบิด NTSB แย้งว่า ไม่พบร่องรอยระเบิดเลย 2️⃣ ช่วงเวลาการระเบิดน่าสงสัย ทำไมถึงเกิดขึ้นก่อนนายกฯ เดินทางเพียง 25 นาที ถ้าเป็นเพียงอุบัติเหตุ ทำไมไม่เกิดกับเครื่องลำอื่น? 3️⃣ กลุ่มที่มีแรงจูงใจในการลอบสังหาร นโยบายปราบปรามยาเสพติดของนายกทักษิณ สร้างศัตรูจำนวนมาก ขบวนการค้ายาเสพติดอาจไม่พอใจ จนถึงขั้นต้องการลอบสังหาร 📌 หรืออาจเป็นเพียงการ "ใช้ข่าวระเบิด" เพื่อกลบกระแสเรื่องคดีซุกหุ้น? 🚨 เหตุการณ์ลอบสังหารนายกทักษิณ ที่เกิดขึ้นในเวลาต่อมา นี่ไม่ใช่ครั้งเดียว ที่มีความพยายามลอบสังหาร พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ 🎯 📍 ปี 2546 ข่าวลือว่า กลุ่มว้าแดงตั้งค่าหัว 80 ล้านบาท ทำให้ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย 📍 ปี 2549 คดี "คาร์บอมบ์" ที่บริเวณสี่แยกบางพลัด ใกล้บ้านพักของนายกทักษิณ ก่อนที่ รปภ. จะพบระเบิดก่อน 📍 ปี 2559 นายกทักษิณให้สัมภาษณ์กับ Al Jazeera ว่า "มีคนพยายามลอบสังหารผม 4 ครั้ง" 🎯 ระเบิดเที่ยวบิน TG114 ยังเป็นปริศนา? 📌 แม้ว่าผลสอบสวนทางการบินของสหรัฐฯ จะสรุปว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่คำถามยังคงอยู่ 📌 หลายฝ่ายยังสงสัยว่า นี่อาจเป็นการลอบสังหารทางการเมือง ที่ไม่สำเร็จ 📌 หรือเป็นเพียง "เหตุบังเอิญ" ที่เกิดขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ? 🔎 24 ปี ผ่านไป คำตอบของเหตุการณ์นี้ยังคงเป็นปริศนา และอาจไม่มีวันได้รับคำตอบที่ชัดเจน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 030847 มี.ค. 2568 📌 #ทักษิณ #เที่ยวบินTG114 #การบินไทย #วินาศกรรม #อุบัติเหตุ #เครื่องบินระเบิด #ข่าวการเมือง #ว้าแดง #คดีลึกลับ #ประวัติศาสตร์ไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์บทความของเพจเฟซบุ๊กKornkit Disthan ของกรกิจ ดิษฐาน ที่น่าสนใจวันนี้เขียนเยอะที่สุดแล้วในหนึ่งวัน เพราะมีแต่เรื่องทั้งวัน เพราะไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามี "คำเตือน" จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาฯ ในกรุงเทพ ว่า "...รัฐบาลไทยได้ส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 45 คนกลับประเทศจีน การเนรเทศในลักษณะเดียวกันนี้เคยก่อให้เกิดการโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการเนรเทศชาวอุยกูร์ออกจากประเทศไทยในปี 2015 ได้เกิดเหตุอุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่องระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 รายและบาดเจ็บอีก 125 ราย เนื่องจากศาลแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก (จึงตกเป็นเป้าหมายของพวกอุยกูร์)" ดังนั้น ทางสถานทูตจึงแนะนำพลเมืองสหรัฐฯ ในไทยว่า "เพิ่มความระมัดระวังและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านซึ่งนักท่องเที่ยวมักไป เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้"คำเตือนนี้ จะว่าไปก็เหมาะสมในแง่ "กันไว้ก่อน" แต่มันอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้ "ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยบอกว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้ได้อ่านเงื่อนไขของทางจีนแล้วว่าจะให้ดำรงชีวิตตามปกติ จึงยอมสมัครใจกลับจีนเอง ซึ่งจะจริงไม่จริงนั้นก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่ถ้าอิงตามนี้ว่าสมัครใจกลับเอง แล้ว "ใครกันแน่ที่จะเดือนร้อนแทนคนเหล่านี้จนต้องก่อการร้ายในไทย?"การทำเช่นนั้นอาจจะยิ่งทำให้ไทยเข้าใกล้จีนเข้าไปอีก หรืออาจบีบต้องมีปฏิบัติการใหม่ระว่างไทย-จีนที่กวาดล้างผู้ก่อการร้ายเพิ่มเติมจากตอนนี้ที่กำลังร่วมมือกวาดล้างสแกมเมอร์และถ้าชาวอุยกูร์เหล่านี้เป็นปัจจัยให้เกิดการก่อการร้ายในไทยขึ้นมาจริงๆ การส่งไปให้จีนก็ยิ่งชอบธรรม เพราะเท่ากับว่าถ้าส่งตัวคนเหล่านี้ออกไปตะวันตกหรือตุรกีหรือตะวันออกกลาง ไม่กลายเป็นการ "ปล่อยเสือเข้าป่า" หรอกหรือ? เพราะชาวอุยกูร์ที่ไปทางตะวันตก ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแอกทิวิสต์เชิงสันติ แต่ที่ออกไปรบในตะวันออกกลางมีเป็นพันคน และตอนนี้ฮึกเหิมอยากจะก่อญิฮาดกับจีนใจจะขาดอีกประเทศหนึ่งที่เตือน คือกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ออกคำเตือนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เรียกว่าไวกว่าสหรัฐฯ เสียอีก โดยเตือนไว้ว่า "ในกรุงเทพมหานคร หลังจากชาวอุยกูร์ถูกเนรเทศกลับประเทศจีน ในปี 2015 ได้เกิดระเบิดขึ้นที่สี่แยกราชประสงค์ ใกล้ศาลพระพรหมเอราวัณ เขตปทุมวัน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ปีเดียวกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บ 125 ราย รวมทั้งชาวญี่ปุ่นด้วย ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและนักท่องเที่ยวควรพยายามหาข้อมูลล่าสุดและดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะบริเวณรอบสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่จัดงาน ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ระบบขนส่งสาธารณะ สถานที่ทางศาสนา ฯลฯ ที่มีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกัน มักตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายและต้องใช้ความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง"เนื่องจากมีชาวญี่ปุ่นเป็นเหยื่อการระเบิดศาลพระพรหมครั้งนั้นด้วย จึงสมเหตุผลที่ทางการญี่ปุ่นต้องเตือน และน่าสังเกตว่าเหตุผลของการเตือนของญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ นั้นเหมือนกันอย่างมากแต่ก็มีบริบทแวดล้อมที่ควรทราบคือ ทางการญี่ปุ่นขู่ตอบโต้และขู่จะเล่นงานจีนมาหลายปีแล้วเรื่องที่ (พันธมิตรตะวันตก) อ้างว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ และคอยช่วยเหลือชาวอุยกูร์ จัดการประชุมชาวอุยกูร์จากทั่วโลกในญี่ปุ่น ประเด็นนี้จึงเป็น "เรื่องการเมือง" ที่ญี่ปุ่นคอยใช้กระซวกจีนมาตลอดด้วย มีเหตุผลที่ต้องพิจารณาเอาไว้ในใจว่า สหรัฐ ญี่ปุ่น และชาติ G7 ทั้งหมด ใช้ประเด็นอุยกูร์โจมตีและคว่ำบาตรจีน ดังนั้นประเทศที่ร่วมมือกับจีนเรื่องอุยกูร์ ก็ควรจะตระหนักถึงผลลัพธ์ที่จะเจอจากกลุ่มนี้เอาไว้ด้วยอีกด้านหนึ่งที่ควรทราบไว้แม้ว่าจะเกี่ยวข้องแบบห่างๆ ก็คือญี่ปุ่นก็ให้การคุ้มครองชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยมายังญี่ปุ่น และคนเหล่านี้ได้ก่อตั้งสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น (日本ウイグル協会) ขึ้นมาเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านจีนผู้ให้การสนับสนุน/เป็นพันธมิตรของสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น คือ สมาคมกัมบาเระนิปปง (頑張れ日本!) ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมญี่ปุ่น/ฝ่ายขวาจัด และเกี่ยวข้องกับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เอียงไปทางขวาเหมือนกัน แน่นอนว่ากลุ่มนี้ก็ต่อต้านจีนเช่นกันหนึ่งในกลุ่มที่สนับสนุนอุยกูร์ คือ สมาชิกพรรครัฐบาล LDP เช่นที่ปรึกษาของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ
    รีโพสต์บทความของเพจเฟซบุ๊กKornkit Disthan ของกรกิจ ดิษฐาน ที่น่าสนใจวันนี้เขียนเยอะที่สุดแล้วในหนึ่งวัน เพราะมีแต่เรื่องทั้งวัน เพราะไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมามี "คำเตือน" จากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาฯ ในกรุงเทพ ว่า "...รัฐบาลไทยได้ส่งตัวชาวอุยกูร์จำนวน 45 คนกลับประเทศจีน การเนรเทศในลักษณะเดียวกันนี้เคยก่อให้เกิดการโจมตีตอบโต้อย่างรุนแรงมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากการเนรเทศชาวอุยกูร์ออกจากประเทศไทยในปี 2015 ได้เกิดเหตุอุปกรณ์ระเบิดแสวงเครื่องระเบิดที่ศาลพระพรหมเอราวัณในกรุงเทพฯ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 20 รายและบาดเจ็บอีก 125 ราย เนื่องจากศาลแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวจากจีนเดินทางมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก (จึงตกเป็นเป้าหมายของพวกอุยกูร์)" ดังนั้น ทางสถานทูตจึงแนะนำพลเมืองสหรัฐฯ ในไทยว่า "เพิ่มความระมัดระวังและเฝ้าระวัง โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านซึ่งนักท่องเที่ยวมักไป เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้"คำเตือนนี้ จะว่าไปก็เหมาะสมในแง่ "กันไว้ก่อน" แต่มันอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องนี้ "ไม่น่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ" เจ้าหน้าที่ระดับสูงของไทยบอกว่าชาวอุยกูร์เหล่านี้ได้อ่านเงื่อนไขของทางจีนแล้วว่าจะให้ดำรงชีวิตตามปกติ จึงยอมสมัครใจกลับจีนเอง ซึ่งจะจริงไม่จริงนั้นก็แล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน แต่ถ้าอิงตามนี้ว่าสมัครใจกลับเอง แล้ว "ใครกันแน่ที่จะเดือนร้อนแทนคนเหล่านี้จนต้องก่อการร้ายในไทย?"การทำเช่นนั้นอาจจะยิ่งทำให้ไทยเข้าใกล้จีนเข้าไปอีก หรืออาจบีบต้องมีปฏิบัติการใหม่ระว่างไทย-จีนที่กวาดล้างผู้ก่อการร้ายเพิ่มเติมจากตอนนี้ที่กำลังร่วมมือกวาดล้างสแกมเมอร์และถ้าชาวอุยกูร์เหล่านี้เป็นปัจจัยให้เกิดการก่อการร้ายในไทยขึ้นมาจริงๆ การส่งไปให้จีนก็ยิ่งชอบธรรม เพราะเท่ากับว่าถ้าส่งตัวคนเหล่านี้ออกไปตะวันตกหรือตุรกีหรือตะวันออกกลาง ไม่กลายเป็นการ "ปล่อยเสือเข้าป่า" หรอกหรือ? เพราะชาวอุยกูร์ที่ไปทางตะวันตก ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแอกทิวิสต์เชิงสันติ แต่ที่ออกไปรบในตะวันออกกลางมีเป็นพันคน และตอนนี้ฮึกเหิมอยากจะก่อญิฮาดกับจีนใจจะขาดอีกประเทศหนึ่งที่เตือน คือกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ออกคำเตือนเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เรียกว่าไวกว่าสหรัฐฯ เสียอีก โดยเตือนไว้ว่า "ในกรุงเทพมหานคร หลังจากชาวอุยกูร์ถูกเนรเทศกลับประเทศจีน ในปี 2015 ได้เกิดระเบิดขึ้นที่สี่แยกราชประสงค์ ใกล้ศาลพระพรหมเอราวัณ เขตปทุมวัน เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม ปีเดียวกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 ราย และบาดเจ็บ 125 ราย รวมทั้งชาวญี่ปุ่นด้วย ชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยและนักท่องเที่ยวควรพยายามหาข้อมูลล่าสุดและดำเนินการดังต่อไปนี้เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด โดยเฉพาะบริเวณรอบสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่จัดงาน ร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ระบบขนส่งสาธารณะ สถานที่ทางศาสนา ฯลฯ ที่มีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกัน มักตกเป็นเป้าหมายของการก่อการร้ายและต้องใช้ความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง"เนื่องจากมีชาวญี่ปุ่นเป็นเหยื่อการระเบิดศาลพระพรหมครั้งนั้นด้วย จึงสมเหตุผลที่ทางการญี่ปุ่นต้องเตือน และน่าสังเกตว่าเหตุผลของการเตือนของญี่ปุ่นกับสหรัฐฯ นั้นเหมือนกันอย่างมากแต่ก็มีบริบทแวดล้อมที่ควรทราบคือ ทางการญี่ปุ่นขู่ตอบโต้และขู่จะเล่นงานจีนมาหลายปีแล้วเรื่องที่ (พันธมิตรตะวันตก) อ้างว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ และคอยช่วยเหลือชาวอุยกูร์ จัดการประชุมชาวอุยกูร์จากทั่วโลกในญี่ปุ่น ประเด็นนี้จึงเป็น "เรื่องการเมือง" ที่ญี่ปุ่นคอยใช้กระซวกจีนมาตลอดด้วย มีเหตุผลที่ต้องพิจารณาเอาไว้ในใจว่า สหรัฐ ญี่ปุ่น และชาติ G7 ทั้งหมด ใช้ประเด็นอุยกูร์โจมตีและคว่ำบาตรจีน ดังนั้นประเทศที่ร่วมมือกับจีนเรื่องอุยกูร์ ก็ควรจะตระหนักถึงผลลัพธ์ที่จะเจอจากกลุ่มนี้เอาไว้ด้วยอีกด้านหนึ่งที่ควรทราบไว้แม้ว่าจะเกี่ยวข้องแบบห่างๆ ก็คือญี่ปุ่นก็ให้การคุ้มครองชาวอุยกูร์ที่ลี้ภัยมายังญี่ปุ่น และคนเหล่านี้ได้ก่อตั้งสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น (日本ウイグル協会) ขึ้นมาเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้านจีนผู้ให้การสนับสนุน/เป็นพันธมิตรของสมาคมอุยกูร์ญี่ปุ่น คือ สมาคมกัมบาเระนิปปง (頑張れ日本!) ซึ่งเป็นกลุ่มชาตินิยมญี่ปุ่น/ฝ่ายขวาจัด และเกี่ยวข้องกับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่เอียงไปทางขวาเหมือนกัน แน่นอนว่ากลุ่มนี้ก็ต่อต้านจีนเช่นกันหนึ่งในกลุ่มที่สนับสนุนอุยกูร์ คือ สมาชิกพรรครัฐบาล LDP เช่นที่ปรึกษาของอดีตนายกรัฐมนตรี ชินโซ อาเบะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดสัมพันธ์ตัวละครลับ คดีแตงโมตกน้ำ มีแต่เรื่องบังเอิญ 19/02/68 #ตัวละครลับ #คดีแตงโม #แตงโมตกน้ำ #อ.ปานเทพ
    เปิดสัมพันธ์ตัวละครลับ คดีแตงโมตกน้ำ มีแต่เรื่องบังเอิญ 19/02/68 #ตัวละครลับ #คดีแตงโม #แตงโมตกน้ำ #อ.ปานเทพ
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 850 มุมมอง 35 0 รีวิว
  • มีรายงานว่าเซเลนสกีได้ยกเลิกการเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบียอย่างกะทันหัน โดยเขาจะเดินทางออกจากกรุงอังการา ประเทศตุรกี เพื่อกลับเคียฟทันที

    หลังจากทราบว่าการเจรจาระหว่างจากรัสเซียสหรัฐอเมริกาเสร็จสิ้นลง ไม่มีท่าทีเชิญให้เขาเข้าร่วมอีกครั้ง

    “เราไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ในซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับเรา ผมไม่ชอบเรื่องบังเอิญ ดังนั้น ผมคิดว่าจะไม่ไปซาอุดีอาระเบีย” เซเลนสกีกล่าวระหว่างการบรรยายสรุปหลังการประชุมกับประธานาธิบดีเรเซป เออร์โดกันของตุรกี
    มีรายงานว่าเซเลนสกีได้ยกเลิกการเดินทางไปยังซาอุดีอาระเบียอย่างกะทันหัน โดยเขาจะเดินทางออกจากกรุงอังการา ประเทศตุรกี เพื่อกลับเคียฟทันที หลังจากทราบว่าการเจรจาระหว่างจากรัสเซียสหรัฐอเมริกาเสร็จสิ้นลง ไม่มีท่าทีเชิญให้เขาเข้าร่วมอีกครั้ง “เราไม่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมการประชุมระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ ในซาอุดีอาระเบีย ถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับเรา ผมไม่ชอบเรื่องบังเอิญ ดังนั้น ผมคิดว่าจะไม่ไปซาอุดีอาระเบีย” เซเลนสกีกล่าวระหว่างการบรรยายสรุปหลังการประชุมกับประธานาธิบดีเรเซป เออร์โดกันของตุรกี
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปกติจะมาโพสต์อาทิตย์ละครั้ง แต่วันนี้มีควันหลงจากละครเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> มาแบ่งปันต่อแฟนคลับของใต้เท้าลู่ เป็นเรื่องที่ Storyฯ อ่านเจอโดยบังเอิญ

    ความมีอยู่ว่า
    ... ชายในชุดเขียวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของจินเซี่ยขณะนี้ก็คือบุตรชายของลู่ปิ่ง นามว่าลู่อี้ ลู่ปิ่งเป็นจอหงวนบู๊ ส่วนฝีมือของลู่อี้ผู้เป็นลูกนั้น ได้ยินมาว่าสูงส่งไม่เป็นรองผู้เป็นบิดา นับว่าเป็นยอดฝีมือลำดับต้นๆ ของหน่วยองครักษ์เสื้อแพร...
    - จากเรื่อง <เบื้องล่างของเสื้อแพร> ผู้แต่ง หลานเส้อซือ
    (หมายเหตุ ละครเรื่อง <ยอดองค์รักษ์เสื้อแพร> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้)

    ที่ต้องมาพูดถึงใต้เท้าลู่อี้และบิดาของเขา เป็นเพราะ Storyฯ อ่านเจอมาอย่างเซอร์ไพรส์ว่า ทั้งสองคนนี้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์! ในละครบิดาของลู่อี้ชื่อว่าลู่ถิง แต่ในหนังสือเขาชื่อลู่ปิ่ง

    ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ปรากฏมีผู้บัญชาการสูงสุดขององครักษ์เสื้อแพรที่ชื่อว่าลู่ปิ่งอยู่ในยุคสมัยขององค์หมิงสื้อจง (ค.ศ. 1521-1567) มีบุตรชายคนที่สามนามว่าลู่อี้ ลู่ปิ่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้หกปีก็เสียชีวิตลง ลู่อี้ซึ่งในขณะนั้นรับราชการเป็นองครักษ์เสื้อแพรด้วย จึงขึ้นสืบทอดตำแหน่งนี้แทนผู้เป็นบิดา เนื่องจากพี่ชายสองคนของเขาได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้

    จากเรื่องราวที่บันทึกไว้ ในชีวิตจริงลู่อี้เป็นคนที่รอบรู้และมีผลงานมากมาย ทั้งชีวิตมีภรรยาเดียว (ซึ่งต่างจากข้าราชการระดับสูงทั่วไปในสมัยนั้น) คือบุตรีของเสนาบดีกระทรวงขุนนาง มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ในระหว่างที่รับราชการนั้น เคยถูกปลดออกจากตำแหน่งเพราะถูกรื้อฟื้นเรื่องที่บิดาของเขาเคยสมคบคิดกับเหยียนซงซึ่งเป็นขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง เพื่อให้ร้ายขุนนางน้ำดีนามว่าเซี่ยเหยียน ต่อมาเมื่อเปลี่ยนรัชสมัยจึงได้รับการอภัยโทษและคืนยศให้ (เหมือนในละครเล้ย)

    จะเห็นว่าทั้งนิยายและละครคงความเป็น “ลู่อี้” ได้ค่อนข้างครบถ้วนตามประวัติศาสตร์ทีเดียว

    ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยแชร์กันด้วยนะคะ

    Credit รูปภาพจาก: https://j.17qq.com/article/fggpidhdz.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.tspweb.com/key/%E9%94%A6%E8%A1%A3%E5%8D%AB%E9%99%86%E7%BB%8E%E7%9A%84%E5%A6%BB%E5%AD%90%E5%90%B4%E6%B0%8F.html
    https://ld.sogou.com/article/i5630311.htm?ch=lds.pc.art.media.all

    #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #องครักษ์เสื้อแพร #ลู่อี้ #ใต้เท้าลู่ #ราชวงศ์หมิง #StoryfromStory
    ปกติจะมาโพสต์อาทิตย์ละครั้ง แต่วันนี้มีควันหลงจากละครเรื่อง <ยอดองครักษ์เสื้อแพร> มาแบ่งปันต่อแฟนคลับของใต้เท้าลู่ เป็นเรื่องที่ Storyฯ อ่านเจอโดยบังเอิญ ความมีอยู่ว่า ... ชายในชุดเขียวที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของจินเซี่ยขณะนี้ก็คือบุตรชายของลู่ปิ่ง นามว่าลู่อี้ ลู่ปิ่งเป็นจอหงวนบู๊ ส่วนฝีมือของลู่อี้ผู้เป็นลูกนั้น ได้ยินมาว่าสูงส่งไม่เป็นรองผู้เป็นบิดา นับว่าเป็นยอดฝีมือลำดับต้นๆ ของหน่วยองครักษ์เสื้อแพร... - จากเรื่อง <เบื้องล่างของเสื้อแพร> ผู้แต่ง หลานเส้อซือ (หมายเหตุ ละครเรื่อง <ยอดองค์รักษ์เสื้อแพร> ดัดแปลงมาจากนิยายเรื่องนี้) ที่ต้องมาพูดถึงใต้เท้าลู่อี้และบิดาของเขา เป็นเพราะ Storyฯ อ่านเจอมาอย่างเซอร์ไพรส์ว่า ทั้งสองคนนี้มีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์! ในละครบิดาของลู่อี้ชื่อว่าลู่ถิง แต่ในหนังสือเขาชื่อลู่ปิ่ง ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ปรากฏมีผู้บัญชาการสูงสุดขององครักษ์เสื้อแพรที่ชื่อว่าลู่ปิ่งอยู่ในยุคสมัยขององค์หมิงสื้อจง (ค.ศ. 1521-1567) มีบุตรชายคนที่สามนามว่าลู่อี้ ลู่ปิ่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้หกปีก็เสียชีวิตลง ลู่อี้ซึ่งในขณะนั้นรับราชการเป็นองครักษ์เสื้อแพรด้วย จึงขึ้นสืบทอดตำแหน่งนี้แทนผู้เป็นบิดา เนื่องจากพี่ชายสองคนของเขาได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ จากเรื่องราวที่บันทึกไว้ ในชีวิตจริงลู่อี้เป็นคนที่รอบรู้และมีผลงานมากมาย ทั้งชีวิตมีภรรยาเดียว (ซึ่งต่างจากข้าราชการระดับสูงทั่วไปในสมัยนั้น) คือบุตรีของเสนาบดีกระทรวงขุนนาง มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ในระหว่างที่รับราชการนั้น เคยถูกปลดออกจากตำแหน่งเพราะถูกรื้อฟื้นเรื่องที่บิดาของเขาเคยสมคบคิดกับเหยียนซงซึ่งเป็นขุนนางที่ฉ้อราษฎร์บังหลวง เพื่อให้ร้ายขุนนางน้ำดีนามว่าเซี่ยเหยียน ต่อมาเมื่อเปลี่ยนรัชสมัยจึงได้รับการอภัยโทษและคืนยศให้ (เหมือนในละครเล้ย) จะเห็นว่าทั้งนิยายและละครคงความเป็น “ลู่อี้” ได้ค่อนข้างครบถ้วนตามประวัติศาสตร์ทีเดียว ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยแชร์กันด้วยนะคะ Credit รูปภาพจาก: https://j.17qq.com/article/fggpidhdz.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.tspweb.com/key/%E9%94%A6%E8%A1%A3%E5%8D%AB%E9%99%86%E7%BB%8E%E7%9A%84%E5%A6%BB%E5%AD%90%E5%90%B4%E6%B0%8F.html https://ld.sogou.com/article/i5630311.htm?ch=lds.pc.art.media.all #ยอดองครักษ์เสื้อแพร #องครักษ์เสื้อแพร #ลู่อี้ #ใต้เท้าลู่ #ราชวงศ์หมิง #StoryfromStory
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sherry Duck Special #1
    New Single : ไม่ใช่ความบังเอิญ
    Artist : Mr. Morgan And Shaw Sherry Duck
    https://youtu.be/GTH2KbSx7ac
    Lyric & Melody : Shaw Sherry Duck
    Arrange & Musician : Mr. Morgan
    Vocal & Chorus : Shaw
    Mixed : Mr. Morgan
    Mastering : Shaw Sherry Duck
    Producer : เฮียชอว์ & อ.มอร์แกน
    Edit Video : รวย จัง ชอว์
    Actor : Ai Modeling

    เผยแพร่ได้ตามสะดวกครับ
    สำนักเพลง ดงเพลง (Dongpleng Record)
    ทีวีภูเก็ต - TV PHUKET

    #ไม่ใช่ความบังเอิญ #sherryduckspecial #morganandshaw #newsingle #newsong #Sherryduck #shawsherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #morgan #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต#Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord #tvphuket #ทีวีภูเก็ต
    Sherry Duck Special #1 New Single : ไม่ใช่ความบังเอิญ Artist : Mr. Morgan And Shaw Sherry Duck https://youtu.be/GTH2KbSx7ac Lyric & Melody : Shaw Sherry Duck Arrange & Musician : Mr. Morgan Vocal & Chorus : Shaw Mixed : Mr. Morgan Mastering : Shaw Sherry Duck Producer : เฮียชอว์ & อ.มอร์แกน Edit Video : รวย จัง ชอว์ Actor : Ai Modeling เผยแพร่ได้ตามสะดวกครับ สำนักเพลง ดงเพลง (Dongpleng Record) ทีวีภูเก็ต - TV PHUKET #ไม่ใช่ความบังเอิญ #sherryduckspecial #morganandshaw #newsingle #newsong #Sherryduck #shawsherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #morgan #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต​ #Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord #tvphuket #ทีวีภูเก็ต
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 507 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลงานเพลงที่2 ของชาวเราครับฮะ
    Sherry Duck Special #1
    Single : ไม่ใช่ความบังเอิญ
    Artist : Mr. Morgan And Shaw Sherry Duck
    14 กุมภาฯ เวลา 14.00 น. รับชมรับฟังทั่วไทยไกลทั่วโลก
    เพลงรักดีๆอบอุ่นๆ ฝากด้วยนะครับฮะ
    มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    ผลงานเพลงที่2 ของชาวเราครับฮะ Sherry Duck Special #1 Single : ไม่ใช่ความบังเอิญ Artist : Mr. Morgan And Shaw Sherry Duck 14 กุมภาฯ เวลา 14.00 น. รับชมรับฟังทั่วไทยไกลทั่วโลก เพลงรักดีๆอบอุ่นๆ ฝากด้วยนะครับฮะ มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกความรักไม่ใช่เรื่องบังเอิญ รักดีๆมีทุกวัน
    Single : ไม่ใช่ความบังเอิญ
    Sherry Duck Special #1
    Artist : Mr. Morgan And Shaw Sherry Duck
    Lyric & Melody : Shaw Sherry Duck
    Arrange & Musician : Mr. Morgan
    Vocal & Chorus : Shaw
    Mixed : Mr. Morgan
    Mastering : Shaw Sherry Duck
    Producer : เฮียชอว์ & อ.มอร์แกน
    รับชมรับฟังทั่วไทยไกลทั่วโลก วันแห่งความรัก
    #ไม่ใช่ความบังเอิญ #sherryduckspecial #morganandshaw #newsingle #newsong #Sherryduck #shawsherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #morgan #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต#Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord #tvphuket #ทีวีภูเก็ต
    ทุกความรักไม่ใช่เรื่องบังเอิญ รักดีๆมีทุกวัน Single : ไม่ใช่ความบังเอิญ Sherry Duck Special #1 Artist : Mr. Morgan And Shaw Sherry Duck Lyric & Melody : Shaw Sherry Duck Arrange & Musician : Mr. Morgan Vocal & Chorus : Shaw Mixed : Mr. Morgan Mastering : Shaw Sherry Duck Producer : เฮียชอว์ & อ.มอร์แกน รับชมรับฟังทั่วไทยไกลทั่วโลก วันแห่งความรัก #ไม่ใช่ความบังเอิญ #sherryduckspecial #morganandshaw #newsingle #newsong #Sherryduck #shawsherryduck #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #morgan #ศิลปินนักร้องอัลเทอร์ยุค90 #indieArtist #อินดี้โคตรๆ #ชอว์พิชิต​ #Alternative #อัลเทอร์เนทีฟ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #ดงเพลง #DongplengRecord #tvphuket #ทีวีภูเก็ต
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 595 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • ไม่ใช่ความบังเอิญ - NEW SINGLE
    SHERRY DUCK SPECIAL #1
    Feat. Mr.Morgan and Shaw Sherry Duck
    พบกันวันแห่งความรัก ทั่วไทยไกลทั่วโลก
    มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    ไม่ใช่ความบังเอิญ - NEW SINGLE SHERRY DUCK SPECIAL #1 Feat. Mr.Morgan and Shaw Sherry Duck พบกันวันแห่งความรัก ทั่วไทยไกลทั่วโลก มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ใช่ความบังเอิญ​
    NEW SINGLE - SHERRY DUCK SPECIAL #1
    Feat. Mr.Morgan and Shaw Sherry Duck
    พบกันวันแห่งความรัก ทั่วไทยไกลทั่วโลก
    มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    ไม่ใช่ความบังเอิญ​ NEW SINGLE - SHERRY DUCK SPECIAL #1 Feat. Mr.Morgan and Shaw Sherry Duck พบกันวันแห่งความรัก ทั่วไทยไกลทั่วโลก มุมิมุมิ.. จุฟๆ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายกฯอิชิบะแสดงความสบายใจ เชื่อญี่ปุ่นไม่ถูกอเมริการีดภาษีหนัก เนื่องจากตอนไปเยือนทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (7) ได้อธิบายให้ทรัมป์ “ตระหนัก” ว่าแดนอาทิตย์อุทัยเป็นนักลงทุนรายใหญ่สุดของสหรัฐฯ ขณะที่บีบีซีเผยเบื้องหลัง ความสำเร็จของอิชิบะครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะเขา “เตรียมตัวทำการบ้านอย่างหนัก” ดังนั้น แทนที่จะเผชิญหน้า เขากลับเลือกพูดในสิ่งที่ทรัมป์อยากได้ยิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอลงทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในอเมริกา
    .
    ภายหลังการประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาวนกรุงวอชิงตันเมื่อวันศุกร์ (7) นายกรัฐมนตรีชิเกรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ของแดนอาทิตย์อุทัยว่า ตอนที่ดูในทีวี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดูน่ากลัวมาก แต่พอมาเจอตัวจริง ผู้นำสหรัฐฯ จริงใจ ดูมีอำนาจมากและเป็นตัวของตัวเองสูง และเสริมว่า ตนและทรัมป์ไม่ได้พูดเรื่องภาษีศุลกากรรถยนต์ รวมทั้งยอมรับว่าไม่รู้ว่า ญี่ปุ่นจะถูกอเมริกาเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มหรือไม่
    .
    อย่างไรก็ตาม พวกนักวิเคราะห์มองว่า จนถึงตอนนี้โตเกียวยังคงรอดพ้นจากเพลิงสงครามการค้าที่ทรัมป์เที่ยวกระพือขึ้นตามจุดต่างๆ ทั่วโลกตั้งสัปดาห์แรกๆ หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. โดยที่สัปดาห์ที่แล้วเขาประกาศเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มจากสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน แม้ยอมเลื่อนการเก็บภาษีสองประเทศแรกภายหลังการหารือกับผู้นำของ 2 ชาติดังกล่าวก็ตาม
    .
    กระนั้น ภายหลังกลับถึงบ้าน อิชิบะกล่าวที่โตเกียวในวันอาทิตย์ (10) โดยระบุว่า เชื่อว่า ทรัมป์ “ตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ญี่ปุ่นต่างจากประเทศอื่นๆ ในฐานะที่เป็นนักลงทุนซึ่งลงทุนในอเมริกาเป็นรายใหญ่สุดต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน และญี่ปุ่นกำลังสร้างงานจำนวนมากในอเมริกา” ดังนั้น เขาจึงเชื่อว่า อเมริกาจะไม่ผลักดันไอเดียการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มกับญี่ปุ่น และสองประเทศจะสามารถหลีกเลี่ยงสงครามการค้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน พร้อมกับย้ำว่า ภาษีศุลกากรควรบังคับใช้ด้วยวิธีที่จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ
    .
    จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ญี่ปุ่นเป็นชาติที่มียอดการลงทุนโดยตรงของต่างประเทศในอเมริกาสูงที่สุดคือ 783,300 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ตามด้วยแคนาดาและเยอรมนี
    .
    นอกจากนั้น แม้กดดันให้อิชิบะยุติการที่ญี่ปุ่นได้เปรียบดุลการค้าอเมริกา 68,500 ล้านดอลลาร์ แต่ทรัมป์มองแง่ดีว่า เป้าหมายนี้จะลุล่วงได้อย่างรวดเร็ว หลังจากได้คำมั่นจากอิชิบะว่า ญี่ปุ่นจะลงทุนในอเมริกา 1 ล้านล้านดอลลาร์
    .
    อิชิบะ ระบุว่า เหล็กกล้า ปัญญาประดิษฐ์ และยานยนต์ คือธุรกิจที่บริษัทญี่ปุ่นจะเข้าไปลงทุนในอเมริกา และสำทับว่า สามารถประนีประนอมกับทรัมป์ได้เรื่องนิปปอน สตีล โดยผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ตอนนี้ นิปปอนจะลงทุนก้อนใหญ่ในยูเอส สตีลโดยไม่เข้าไปถือหุ้นใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทเหล็กกล้าของญี่ปุ่นแห่งนี้พยายามเข้าผนวกกิจการยูเอส สตีล ก่อนจะถูกอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขัดขวาง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ โดยที่ได้รับเสียงเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างแข็งขันจากทางพรรครีพับลิกัน
    .
    ด้าน บีบีซี รายงานว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะอิชิบะทำการบ้านมาดี ทั้งด้วยการ “ศึกษาหาข้อมูล” กับพวกเจ้าหน้าที่ รวมทั้งขอคำแนะนำจากฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้าเขา ตลอดจนขอความช่วยเหลือจากภรรยาม่ายของชินโซ อาเบะ เนื่องจากอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถึงแก่อสัญกรรมแล้วผู้นี้ มีความสนิทชิดเชื้อเป็นอันดีกับทรัมป์
    .
    บีบีซีชี้ว่า ความพยายามเหล่านี้เห็นผลชัดเจน ทำให้การพบปะกันครั้งนี้กลายเป็นการฟื้นความมั่นใจ ทั้งทรัมป์และอิชิบะดูเหมือนใจตรงกันเกี่ยวกับแผนส่งเสริมการค้าและการทหารจนอาจเรียกได้ว่าเป็น “ยุคทอง” ของความสัมพันธ์วอชิงตัน-โตเกียว
    .
    นอกจากแผนการลงทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในอเมริกาแล้ว อิชิบะยังบอกว่า โตเกียวจะเพิ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จากสหรัฐฯ ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริมนโยบายเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ทรัมป์ประกาศระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง
    .
    แม้อาจมีหลายเหตุผลที่ทำให้ญี่ปุ่นหายใจทั่วท้องได้ แต่เจฟฟรีย์ ฮอลล์ อาจารย์มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติคันดะในญี่ปุ่น ชี้ว่า เป้าหมายหลักของทริปนี้ของอิชิบะ มีลักษณะเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ เพราะนอกจากเวลานี้เขามีฐานะเป็นผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อยแล้ว ยังถูกสื่อท้องถิ่นปรามาสมาตลอดว่า ไม่มีทางประสบความสำเร็จทางการทูต เพราะทั้งเงอะงะ ไม่ชอบเข้าสังคม และจะถูกทรัมป์ไล่ต้อนอย่างแน่นอน
    .
    แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม เพราะดูเหมือนอิชิดะประสบความสำเร็จอย่างมาก
    .
    จากที่เคยเป็นนักการเมืองที่พูดพล่ามในสภา แต่อิชิบะได้รับคำแนะนำจากทีมงานระหว่างการวางกลยุทธ์ก่อนบินไปพบทรัมป์ให้ “พูดแบบรวบรัดด้วยถ้อยคำเรียบง่าย” ฮิลล์เสริมว่า อิชิบะทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วยการยกยอปอปั้นทรัมป์ และเสนอโครงการลงทุนในอเมริกาแทนการเผชิญหน้า
    .
    ฮิลล์ทิ้งท้ายว่า แม้มีหลายประเด็นที่ญี่ปุ่นอาจไม่เห็นด้วยกับอเมริกา เช่น ข้อเสนอของทรัมป์ในการเข้ายึดกาซา หรือสงครามการค้าอเมริกา-จีนที่ญี่ปุ่นจับตามองด้วยความกังวล เนื่องจากปักกิ่งเป็นคู่ค้าใหญ่สุดของโตเกียว อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการลงทุนใหญ่ที่สุดของบริษัทญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับทรัมป์มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และมีแนวโน้มสูงสุดว่า ญี่ปุ่นอาจทำตัวเป็น “เพื่อนที่พร้อมเข้าข้างอเมริกาเสมอ”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..
    ..............
    Sondhi X
    นายกฯอิชิบะแสดงความสบายใจ เชื่อญี่ปุ่นไม่ถูกอเมริการีดภาษีหนัก เนื่องจากตอนไปเยือนทำเนียบขาวเมื่อวันศุกร์ (7) ได้อธิบายให้ทรัมป์ “ตระหนัก” ว่าแดนอาทิตย์อุทัยเป็นนักลงทุนรายใหญ่สุดของสหรัฐฯ ขณะที่บีบีซีเผยเบื้องหลัง ความสำเร็จของอิชิบะครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะเขา “เตรียมตัวทำการบ้านอย่างหนัก” ดังนั้น แทนที่จะเผชิญหน้า เขากลับเลือกพูดในสิ่งที่ทรัมป์อยากได้ยิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสนอลงทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในอเมริกา . ภายหลังการประชุมสุดยอดที่ทำเนียบขาวนกรุงวอชิงตันเมื่อวันศุกร์ (7) นายกรัฐมนตรีชิเกรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ของแดนอาทิตย์อุทัยว่า ตอนที่ดูในทีวี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดูน่ากลัวมาก แต่พอมาเจอตัวจริง ผู้นำสหรัฐฯ จริงใจ ดูมีอำนาจมากและเป็นตัวของตัวเองสูง และเสริมว่า ตนและทรัมป์ไม่ได้พูดเรื่องภาษีศุลกากรรถยนต์ รวมทั้งยอมรับว่าไม่รู้ว่า ญี่ปุ่นจะถูกอเมริกาเรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มหรือไม่ . อย่างไรก็ตาม พวกนักวิเคราะห์มองว่า จนถึงตอนนี้โตเกียวยังคงรอดพ้นจากเพลิงสงครามการค้าที่ทรัมป์เที่ยวกระพือขึ้นตามจุดต่างๆ ทั่วโลกตั้งสัปดาห์แรกๆ หลังจากเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 20 ม.ค. โดยที่สัปดาห์ที่แล้วเขาประกาศเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มจากสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก และจีน แม้ยอมเลื่อนการเก็บภาษีสองประเทศแรกภายหลังการหารือกับผู้นำของ 2 ชาติดังกล่าวก็ตาม . กระนั้น ภายหลังกลับถึงบ้าน อิชิบะกล่าวที่โตเกียวในวันอาทิตย์ (10) โดยระบุว่า เชื่อว่า ทรัมป์ “ตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่ว่า ญี่ปุ่นต่างจากประเทศอื่นๆ ในฐานะที่เป็นนักลงทุนซึ่งลงทุนในอเมริกาเป็นรายใหญ่สุดต่อเนื่อง 5 ปีซ้อน และญี่ปุ่นกำลังสร้างงานจำนวนมากในอเมริกา” ดังนั้น เขาจึงเชื่อว่า อเมริกาจะไม่ผลักดันไอเดียการเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มกับญี่ปุ่น และสองประเทศจะสามารถหลีกเลี่ยงสงครามการค้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน พร้อมกับย้ำว่า ภาษีศุลกากรควรบังคับใช้ด้วยวิธีที่จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศ . จากข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ญี่ปุ่นเป็นชาติที่มียอดการลงทุนโดยตรงของต่างประเทศในอเมริกาสูงที่สุดคือ 783,300 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 ตามด้วยแคนาดาและเยอรมนี . นอกจากนั้น แม้กดดันให้อิชิบะยุติการที่ญี่ปุ่นได้เปรียบดุลการค้าอเมริกา 68,500 ล้านดอลลาร์ แต่ทรัมป์มองแง่ดีว่า เป้าหมายนี้จะลุล่วงได้อย่างรวดเร็ว หลังจากได้คำมั่นจากอิชิบะว่า ญี่ปุ่นจะลงทุนในอเมริกา 1 ล้านล้านดอลลาร์ . อิชิบะ ระบุว่า เหล็กกล้า ปัญญาประดิษฐ์ และยานยนต์ คือธุรกิจที่บริษัทญี่ปุ่นจะเข้าไปลงทุนในอเมริกา และสำทับว่า สามารถประนีประนอมกับทรัมป์ได้เรื่องนิปปอน สตีล โดยผู้นำสหรัฐฯ กล่าวว่า ตอนนี้ นิปปอนจะลงทุนก้อนใหญ่ในยูเอส สตีลโดยไม่เข้าไปถือหุ้นใหญ่ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทเหล็กกล้าของญี่ปุ่นแห่งนี้พยายามเข้าผนวกกิจการยูเอส สตีล ก่อนจะถูกอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน ขัดขวาง โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ โดยที่ได้รับเสียงเห็นดีเห็นงามด้วยอย่างแข็งขันจากทางพรรครีพับลิกัน . ด้าน บีบีซี รายงานว่า ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะอิชิบะทำการบ้านมาดี ทั้งด้วยการ “ศึกษาหาข้อมูล” กับพวกเจ้าหน้าที่ รวมทั้งขอคำแนะนำจากฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีคนก่อนหน้าเขา ตลอดจนขอความช่วยเหลือจากภรรยาม่ายของชินโซ อาเบะ เนื่องจากอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถึงแก่อสัญกรรมแล้วผู้นี้ มีความสนิทชิดเชื้อเป็นอันดีกับทรัมป์ . บีบีซีชี้ว่า ความพยายามเหล่านี้เห็นผลชัดเจน ทำให้การพบปะกันครั้งนี้กลายเป็นการฟื้นความมั่นใจ ทั้งทรัมป์และอิชิบะดูเหมือนใจตรงกันเกี่ยวกับแผนส่งเสริมการค้าและการทหารจนอาจเรียกได้ว่าเป็น “ยุคทอง” ของความสัมพันธ์วอชิงตัน-โตเกียว . นอกจากแผนการลงทุน 1 ล้านล้านดอลลาร์ในอเมริกาแล้ว อิชิบะยังบอกว่า โตเกียวจะเพิ่มการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) จากสหรัฐฯ ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งเสริมนโยบายเพิ่มการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่ทรัมป์ประกาศระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง . แม้อาจมีหลายเหตุผลที่ทำให้ญี่ปุ่นหายใจทั่วท้องได้ แต่เจฟฟรีย์ ฮอลล์ อาจารย์มหาวิทยาลัยการศึกษานานาชาติคันดะในญี่ปุ่น ชี้ว่า เป้าหมายหลักของทริปนี้ของอิชิบะ มีลักษณะเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ เพราะนอกจากเวลานี้เขามีฐานะเป็นผู้นำรัฐบาลเสียงข้างน้อยแล้ว ยังถูกสื่อท้องถิ่นปรามาสมาตลอดว่า ไม่มีทางประสบความสำเร็จทางการทูต เพราะทั้งเงอะงะ ไม่ชอบเข้าสังคม และจะถูกทรัมป์ไล่ต้อนอย่างแน่นอน . แต่ความจริงกลับตรงกันข้าม เพราะดูเหมือนอิชิดะประสบความสำเร็จอย่างมาก . จากที่เคยเป็นนักการเมืองที่พูดพล่ามในสภา แต่อิชิบะได้รับคำแนะนำจากทีมงานระหว่างการวางกลยุทธ์ก่อนบินไปพบทรัมป์ให้ “พูดแบบรวบรัดด้วยถ้อยคำเรียบง่าย” ฮิลล์เสริมว่า อิชิบะทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วยการยกยอปอปั้นทรัมป์ และเสนอโครงการลงทุนในอเมริกาแทนการเผชิญหน้า . ฮิลล์ทิ้งท้ายว่า แม้มีหลายประเด็นที่ญี่ปุ่นอาจไม่เห็นด้วยกับอเมริกา เช่น ข้อเสนอของทรัมป์ในการเข้ายึดกาซา หรือสงครามการค้าอเมริกา-จีนที่ญี่ปุ่นจับตามองด้วยความกังวล เนื่องจากปักกิ่งเป็นคู่ค้าใหญ่สุดของโตเกียว อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางการลงทุนใหญ่ที่สุดของบริษัทญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นจะหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับทรัมป์มากที่สุดเท่าที่ทำได้ และมีแนวโน้มสูงสุดว่า ญี่ปุ่นอาจทำตัวเป็น “เพื่อนที่พร้อมเข้าข้างอเมริกาเสมอ” . อ่านเพิ่มเติม.. .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1612 มุมมอง 0 รีวิว
  • [Exclusive on Sondhi Talk]
    "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี
    แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ
    แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง
    .
    บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย
    .
    วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง
    .
    การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี
    .
    ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา
    .
    บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ
    .
    ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง
    .
    ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้
    .
    ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น
    .
    ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย
    .
    พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา
    .
    เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี
    .
    เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย
    .
    เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้
    .
    ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว
    .
    คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224
    ......
    Sondhi X
    [Exclusive on Sondhi Talk] "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง . บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย . วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง . การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี . ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา . บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ . ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง . ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้ . ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น . ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย . พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา . เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี . เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย . เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้ . ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว . คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224 ...... Sondhi X
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 871 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เครือข่ายชั้นนำ คอนเนคชันขั้นเทพ”

    พ.ศ. 2498 ก่อเกิด วปอ. สุดยิ่งใหญ่ สถาบันชั้นสูง เปิดทางให้ก้าวไกล ผู้นำยุทธศาสตร์ ก้าวย่างเข้าสู่เส้นชัย สร้างเครือข่ายพันธมิตร ขยับไปสู่จุดหมาย

    ผ่านรั้วนี้ ต้องมีสิทธิ์ บทพิสูจน์ตัวเอง แต่ข้างนอกคนมองเห็น เป็นเส้นทางของคนเก่ง หากเข้าใจกลเกม ยิ่งเล่นยิ่งได้เปรียบ เครือข่ายที่แน่นแฟ้น คือพลังที่เหนือเทียบ

    * เครือข่ายชั้นนำ คอนเนคชันขั้นเทพ ขยับเข้าสู่เกม พลังอำนาจพร้อมเปลี่ยนโลก วางหมากเชื่อมโยง เศรษฐกิจ การเมือง ใครที่ยังเข้าไม่ถึง จึงต้องดิ้นรนต่อไป

    พันธมิตรธุรกิจ วางแผนให้ก้าวไกล ขยับจากเบื้องหลัง สู่เวทีที่ยิ่งใหญ่ สังคมตั้งคำถาม ถึงบทบาทที่ซ่อนใน เป็นโอกาสหรืออำนาจ ที่ควบคุมอนาคตไทย

    ในสนามประชาธิปไตย ใครกำหนดเกม เมื่ออำนาจอยู่ที่ใคร เสียงของเราจะแข็งแกร่ง เครือข่ายโยงใย ทุกวงการชัดเจน สุดท้ายคนทั่วไป ยังคงยืนอยู่ตรงไหน?

    ซ้ำ *

    นี่คือเกม ข้ายิ่งใหญ่กว่าใครๆ เข้าใจหรือเปล่า? เมื่อเครือข่ายแข็งแกร่ง บทใหม่จะเป็นเช่นไร? เสียงของเราต้องดังขึ้นมั๊ย หรือจะยอมแพ้ต่อไป? เลือกเอง ก็แล้วกัน…

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 021145 ก.พ. 2568

    #เครือข่ายชั้นนำ #คอนเนคชันขั้นเทพ #เกมแห่งอำนาจ #สังคมไทยต้องรู้ #ใครเป็นคนกำหนด #เส้นทางชนชั้นนำ #การเมืองการเงิน #เครือข่ายไม่ใช่เรื่องบังเอิญ #คิดให้ลึกมองให้ไกล #ใครได้ใครเสีย
    “เครือข่ายชั้นนำ คอนเนคชันขั้นเทพ”  พ.ศ. 2498 ก่อเกิด วปอ. สุดยิ่งใหญ่ สถาบันชั้นสูง เปิดทางให้ก้าวไกล ผู้นำยุทธศาสตร์ ก้าวย่างเข้าสู่เส้นชัย สร้างเครือข่ายพันธมิตร ขยับไปสู่จุดหมาย ผ่านรั้วนี้ ต้องมีสิทธิ์ บทพิสูจน์ตัวเอง แต่ข้างนอกคนมองเห็น เป็นเส้นทางของคนเก่ง หากเข้าใจกลเกม ยิ่งเล่นยิ่งได้เปรียบ เครือข่ายที่แน่นแฟ้น คือพลังที่เหนือเทียบ * เครือข่ายชั้นนำ คอนเนคชันขั้นเทพ ขยับเข้าสู่เกม พลังอำนาจพร้อมเปลี่ยนโลก วางหมากเชื่อมโยง เศรษฐกิจ การเมือง ใครที่ยังเข้าไม่ถึง จึงต้องดิ้นรนต่อไป พันธมิตรธุรกิจ วางแผนให้ก้าวไกล ขยับจากเบื้องหลัง สู่เวทีที่ยิ่งใหญ่ สังคมตั้งคำถาม ถึงบทบาทที่ซ่อนใน เป็นโอกาสหรืออำนาจ ที่ควบคุมอนาคตไทย ในสนามประชาธิปไตย ใครกำหนดเกม เมื่ออำนาจอยู่ที่ใคร เสียงของเราจะแข็งแกร่ง เครือข่ายโยงใย ทุกวงการชัดเจน สุดท้ายคนทั่วไป ยังคงยืนอยู่ตรงไหน? ซ้ำ * นี่คือเกม ข้ายิ่งใหญ่กว่าใครๆ เข้าใจหรือเปล่า? เมื่อเครือข่ายแข็งแกร่ง บทใหม่จะเป็นเช่นไร? เสียงของเราต้องดังขึ้นมั๊ย หรือจะยอมแพ้ต่อไป? เลือกเอง ก็แล้วกัน… ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 021145 ก.พ. 2568 #เครือข่ายชั้นนำ #คอนเนคชันขั้นเทพ #เกมแห่งอำนาจ #สังคมไทยต้องรู้ #ใครเป็นคนกำหนด #เส้นทางชนชั้นนำ #การเมืองการเงิน #เครือข่ายไม่ใช่เรื่องบังเอิญ #คิดให้ลึกมองให้ไกล #ใครได้ใครเสีย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 746 มุมมอง 181 0 รีวิว
  • สำหรับผม #DeepSeek ไม่ใช่แค่ AI หากแต่เป็นการประกาศชัยชนะของ Made in China 2025 และเป็นการเริ่มต้นอย่างสวยงามของ China Standards 2035
    .
    ความสำเร็จของ DeepSeek ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือความเก่งกาจเหนือมนุษย์ของนักวิทยาศาสตร์ในแล็บ หากแต่เกิดขึ้นจากโครงสร้างพื้นฐาน สภาวะแวดล้อม (Ecosystem) ที่มีความพร้อม ซึ่งทำให้นวัตกรรมเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ และนั่นอาจต้องเท้าความกลับไปที่ยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของรัฐบาลจีนที่ประกาศออกมาในปี 2015 พร้อมๆ กับแผน 5 ปีสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
    .
    คำถามต่อไปคือ ในปีนี้ที่เป็นปีสุดท้ายของยุทธศาสตร์ Made in China 2025 หลังจากนี้จีนจะเดินหน้าอย่างไรต่อ
    .
    คำที่ได้ยินกันมาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในแวดวงจีนศึกษาคือ China Standards 2035 ซึ่งเป็นหนึ่งในว่าที่ยุทธศาสตร์ใหม่ที่จะเปิดตัวพร้อมๆ กับแผน 5 ปีสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน ฉบับที่ 15 (ปี 2026-2030) และฉบับที่ 16 (2031-2035)
    .
    อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://thestandard.co/deepseek-china-standards-2035.../
    .
    #TheStandardNews
    สำหรับผม #DeepSeek ไม่ใช่แค่ AI หากแต่เป็นการประกาศชัยชนะของ Made in China 2025 และเป็นการเริ่มต้นอย่างสวยงามของ China Standards 2035 . ความสำเร็จของ DeepSeek ไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือความเก่งกาจเหนือมนุษย์ของนักวิทยาศาสตร์ในแล็บ หากแต่เกิดขึ้นจากโครงสร้างพื้นฐาน สภาวะแวดล้อม (Ecosystem) ที่มีความพร้อม ซึ่งทำให้นวัตกรรมเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ และนั่นอาจต้องเท้าความกลับไปที่ยุทธศาสตร์ Made in China 2025 ของรัฐบาลจีนที่ประกาศออกมาในปี 2015 พร้อมๆ กับแผน 5 ปีสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม . คำถามต่อไปคือ ในปีนี้ที่เป็นปีสุดท้ายของยุทธศาสตร์ Made in China 2025 หลังจากนี้จีนจะเดินหน้าอย่างไรต่อ . คำที่ได้ยินกันมาตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาในแวดวงจีนศึกษาคือ China Standards 2035 ซึ่งเป็นหนึ่งในว่าที่ยุทธศาสตร์ใหม่ที่จะเปิดตัวพร้อมๆ กับแผน 5 ปีสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน ฉบับที่ 15 (ปี 2026-2030) และฉบับที่ 16 (2031-2035) . อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ https://thestandard.co/deepseek-china-standards-2035.../ . #TheStandardNews
    THESTANDARD.CO
    DeepSeek: ชัยชนะของ Made in China 2025 และจุดเริ่มต้นที่สดใสของ China Standards 2035
    วิเคราะห์ความสำเร็จของ DeepSeek AI แอปพลิเคชันจีน เชื่อมโยงกับนโยบาย Made in China 2025 และแผนยุทธศาสตร์ China Standards 2035 ด้านมาตรฐานเทคโนโลยี
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 รีวิว
  • Part 2 : จาก “ไอ้ขี้ยา” ถึง “มื้อกลางวันที่เปลือยเปล่า”
    .
    การฆ่าคนสักคนโดยที่คนเราจะตั้งใจไม่หรือไม่ตั้งใจก็ตาม หากคนผู้นั้นมีจิตสำนึก ชีวิตอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับ วิลเลี่ยม “บิล” เอส. เบอร์โรส์ ที่ชักปืนมายิงเปรี้ยงพลาดเข้ากางหน้าผากโวมเมอร์ ภรรยาโดยพฤตินัยนั้น อย่างแรกที่เขาเลือกที่จะทำคือการโทรหาทนายความหัวหมอคนนั้นอีก ซึ่งแน่นอน เขารอดคุกเป็นครั้งที่ 2 จากการใช้ช่องโหว่ทางจดหมาย แต่ไม่นานเท่าไหร่ ทนายเองก็มีปัญหาส่วนตัวกับกฏหมายบ้านเมือง ทางออกที่ดีที่สุดคือ บิลต้องเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้ง คราวนี้ต้องไปให้ไกลกว่าเดิม ลึกกว่าเดิม เขาไปใช้ชีวิตในแถบอเมริกาใต้อยู่ครึ่งปี และกลายเป็นคนแรกในกลุ่มบีทส์ ที่ได้เสพ อายาวัสกาอย่างบ้าคลั่ง ในปี 1953 บิลกลับมาที่แม็กซิโก และ เดินทางออกจากที่นั่น กลับไปที่้ นิวยอร์ค เพื่อพบกับอัลแลน ซึ่งได้แนะนำเส้นสายในวงการโรงพิมพ์ให้เขารู้จัก หนึ่งในนั้นคือ คาร์ล โซโลมอน ซึ่งเป็นบรรณาธิการของ เอสบุ๊ค ผู้รับหนังสือเล่มแรกของบิลตีพิมพ์ออกสู่ตลาดในวงกว้าง "ไอ้ขี้ยา" - Junkie บิลได้เงินจากการขายสิทธิ์ในการตีพิมพ์เป็นเงิน 800 เหรียญ หนังสือเล่มนี้ "ไอ้ขี้ยา" - Junkie ขายไม่ค่อยดีเท่าไรนักในเวลานั้น เนื่องจากมันเป็นการรวมประสบการณ์ส่วนตัวที่ดิบและเถื่อนของบิลเองในฐานะผู้เสพยาเสพติดหลากหลายชนิด แต่หากมองในมุมมองของโลกบุคปัจจุบันซึ่งผ่านมาแล้วกว่า 70 ปี หนังสือเล่มนี้เปิดโลกอีกใบของสังคมอเมริกาในยุค mid-century ที่คนภายนอก หรือคนในปัจจุบัน มองว่าทุกอย่างนั้นเป็นระเบียบแบบแผน มีสีสัน มีความล้ำสมัย มีความเป็นอเมริกาน่าแบบไม่ตกยุค "ไอ้ขี้ยา" - Junkie จึงเป็นหนังสือเล่มหนึ่งในจำนวนที่น้อยมากๆ ที่สะท้อนสังคมอเมริกันในยุคนั้น อย่างลึกซึ้ง
    .
    อันที่จริง บิล ตกหลุมรัก อัลแลน แบบจริงจัง แบบหัวปักหัวปำ โดยออกปากว่าอยากความสัมพันธ์ทางเพศแบบชายรักชายกับเขา แต่เมื่อ อัลแลนปฏิเสธเขา บิลรู้สึกอกหัก และเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้งสู่ แทนเจียร์ ประเทศโมร็อกโก ซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า เป็นตลาดใหญ่ของ โสเภณีชาย และ ยาเสพติดทุกประเภทในโลก และมันก็ไม่เกินความคาดเดา บิลเสพยาหนักขึ้นอีก ยาที่เขาเลือกใช้บ่อยที่สุดในช่วงนั้นคือ ยูคาโดล ซึ่งก็คือชื่้อทางการตลาดของยาระงับประสาท ออกซิโคโดน นั่นเอง เขาติดแบบงอมแงมซะเขาต้องเลือกที่จะบากหน้ากลับไปหาแม่ ในเดือนกันยายน ปี 1956 เพื่อขอยืมเงิน 500 เหรียญเพื่อไปบำบัด ซึ่งเขาได้พบกับ ดร. จอห์น ยาเบอร์รี่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน แพทย์สายบำบัด ที่เก่งที่สุดในโลก โดยให้ อโปมอร์ฟีน กับบิลแทน นั่นก็ทำให้บิลหยุดอาการอยากยา ได้ขณะหนึ่ง แต่ไม่รู้เหตุอันใด บิล รีบเดินทางกลับไปที่แทนเจียร์เลยทันที
    .
    แทนเจียร์ สภาพที่คุ้นเคย สถานที่ที่บิลจัดหาทุกอย่างเพื่อสนองความต้องของตัวเองได้ทุกเวลา บิลเริ่มมีความมุ่งมั่นในการผลิตงานเขียนอย่างจริงๆจังๆ ก็ที่นี่ ที่ผลงานชั้นครูในโลกของวรรณกรรมนอกกระแส "มื้อกลางวันที่เปลือยเปล่า" - Naked Lunch บิลเขียนจดหมายถึงอัลแลนเล่าว่า "นายรู้หรือเปล่า? วิธีเขียนหนังสือยาวๆแบบฉัน ฉันนี่ดูดกัญชาไปเรื่อยๆ พิมพ์ไปด้วยความสูงสุดเท่าที่จะพิมพ์ได้ วันละ หกชั่วโมงติดต่อกันเท่านั้นเป็นเลิกกัน" อันที่จริงแล้วชื่อวรรณกรรมเล่มนี้มาด้วยความบังเอิญสุดๆ คือตอนที่จะให้ชื่อกับวรรณกรรมดังกล่าว ก่อนหน้านี้ที่บิลนั้นเดินทางไปเยี่ยมพรรคพวกที่ ม.โคลัมเบีย ซึ่งกลุ่มบีทส์ นำโดย แจ็ค กับ อัลแลน จะฝึกวิชาเขียนบทกันอย่างหนักหน่วงมาก โดยจะผลัดกับเขียนเรื่องสั้น เรียกว่า รูทีน และเอาพวกคนในกลุ่มผลัดกันมาเล่นละครแล้วก็วิจารณ์กันเองอย่างดุเดือด อัลแลนอ่านประโยค "ความใคร่อันเปลือยเปล่า" - Naked Lust ผิดเป็น Naked Lunch ซึ่งบิลชื่นชอบคำนี้มาก และจำมาเขียนเป็นชื่อวรรณกรรมของเขาเอง ในปี 1957 แจ็คเดินทางไปแทนเจียร์และพบว่า ต้นฉบับของ Naked Lunch นั้นปลิวกระจายไปทั่วห้อง แจ็คถึงกลับต้องเอามานั่งเรียบเรียงและพิมพ์ดีดลงกระดาษให้เรียบร้อย แต่อย่างไรก็ตาม เดือนถัดมา แจ็คก็ยังรู้สึกไม่พอใจ จึงกลับไปที่แทนเจียร์อีกรอบพร้อมกับชายคนรักคนใหม่ของเขา ปีเตอร์ ออลอฟสกี้ และสองคนนี้ก็ไปช่วยกันเรียบเรียงให้ต้นฉบับนี้สมบูรณ์และพร้อมตีพิมพ์ในเวลาต่อมา ซึ่งเมื่ออัลแลนได้อ่านต้นฉบับถึงกลับเขียนจดหมายไปหา ลูเชี่ยน คารร์ เล่าว่า "ผลงานของบิลนี้โคตรเจ๋ง การที่บิลเขาทุ่มเทกับมันใช้ความรู้และศิลปะในการใช้ภาษาที่เขามี และ ยังมีพวกเราที่มาขัดเกลามันขึ้นอีก!"
    .
    บิลกับอัลแลนเดินทางไปปารีสในเดือนมกราคมปี 1958 และขายสิทธิ์ในการตีพิมพ์งานชิ้นเอกของเขาให้กับ สำนักพิมพ์โอลิมเปีย และต่อมา ในปี 1962 ผลงานนี้จึงถูกนำเข้ามาตีพิมพ์ในอเมริกาโดย สำนักพิมพ์โกว์ฟ แต่ขายได้ไม่นานก็ถูกสั่งโดยรัฐบาลกลางให้เลิกขายโดยทันทีเนื่องจากมีเนื้อหาที่ลามกหยาบโลนเกินไปสำหรับนักอ่านในอเมริกา กว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ขายในตลาดหนังสืออเมริกาก็ปาเข้าไปปี 1966 ซึ่งบิลนั้นยินดีมากที่หนังสือเขาจะไม่ถูกหาว่าเป็นหนังสือต้องห้าม ในเวลาต่อมาเมื่อมีการเสวนากันโดยสื่อมวลชนถึง คุณค่าและความเป็นวรรณกรรมของหนังสือดังกล่าว นอแมน เมลเลอร์ กล่าวว่า "ก็ด้วยความที่มันสุดขอบในเรื่องเซ็กซ์ ความใคร่ ความกระสันในความรุนแรงแบบน่าสยดสยอง แบบดิบๆ ที่เราเจอได้ในหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมชื่นชม คุณ เบอร์โรส์ มากๆ เพราะเขาเข้าถึงเรื่องอย่างว่าได้ลึกกว่านักเขียนคนใดในโลกตะวันตกในยุคนี้"
    .
    วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ ก็ใช่่จะไม่เจอปัญหาที่ในชีวิตที่ดูเหมือนจะไม่แคร์โลกไม่แคร์สังคมของเขา นั่นก็คือลูกชายเขา - บิลจูเนียร์ นั่นเอง บิลจูเนียร์ติดยาเสพติดอย่างงอมแงม ตามไลฟสไตล์ที่เขาเห็นพ่อ และ แม่ผู้ล่วงลับใช้ชีวิตกันแบบนั้นมาตลอด บิลเดินทางออกจากแทนเจียร์อีกครั้ง มาอเมริกาเพื่อเอาลูกชายตัวเอง เข้าสถานบำบัดเอกชน เล็กซิงตั้น มีเรื่้องเล่าอยู่ว่า วันที่ สองคนเดินทางไปถึง พยาบาลถึงกลับงงและถามว่า "หนึ่งในสองคนนี้ คนไหนกันคะที่จะเข้ารับการบำบัด?" บิลจูเนียร์ มีชีวิตที่น่าสงสาร เป็นโรคไตวาย เปลี่ยนไตใหม่ไปหนึ่งครั้ง และก็จบชีวิตที่แสนสั้นของเขาที่ฟลอริดา บิลจูเนียร์เขียนจดหมายลาพ่อของเขา ลงท้ายจดหมาย "จาก บุตรที่โดนสาปแช่งตั้งแต่เกิดของท่านเอง"
    .
    .
    to be continued...
    .
    .
    Part 2 : จาก “ไอ้ขี้ยา” ถึง “มื้อกลางวันที่เปลือยเปล่า” . การฆ่าคนสักคนโดยที่คนเราจะตั้งใจไม่หรือไม่ตั้งใจก็ตาม หากคนผู้นั้นมีจิตสำนึก ชีวิตอาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับ วิลเลี่ยม “บิล” เอส. เบอร์โรส์ ที่ชักปืนมายิงเปรี้ยงพลาดเข้ากางหน้าผากโวมเมอร์ ภรรยาโดยพฤตินัยนั้น อย่างแรกที่เขาเลือกที่จะทำคือการโทรหาทนายความหัวหมอคนนั้นอีก ซึ่งแน่นอน เขารอดคุกเป็นครั้งที่ 2 จากการใช้ช่องโหว่ทางจดหมาย แต่ไม่นานเท่าไหร่ ทนายเองก็มีปัญหาส่วนตัวกับกฏหมายบ้านเมือง ทางออกที่ดีที่สุดคือ บิลต้องเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้ง คราวนี้ต้องไปให้ไกลกว่าเดิม ลึกกว่าเดิม เขาไปใช้ชีวิตในแถบอเมริกาใต้อยู่ครึ่งปี และกลายเป็นคนแรกในกลุ่มบีทส์ ที่ได้เสพ อายาวัสกาอย่างบ้าคลั่ง ในปี 1953 บิลกลับมาที่แม็กซิโก และ เดินทางออกจากที่นั่น กลับไปที่้ นิวยอร์ค เพื่อพบกับอัลแลน ซึ่งได้แนะนำเส้นสายในวงการโรงพิมพ์ให้เขารู้จัก หนึ่งในนั้นคือ คาร์ล โซโลมอน ซึ่งเป็นบรรณาธิการของ เอสบุ๊ค ผู้รับหนังสือเล่มแรกของบิลตีพิมพ์ออกสู่ตลาดในวงกว้าง "ไอ้ขี้ยา" - Junkie บิลได้เงินจากการขายสิทธิ์ในการตีพิมพ์เป็นเงิน 800 เหรียญ หนังสือเล่มนี้ "ไอ้ขี้ยา" - Junkie ขายไม่ค่อยดีเท่าไรนักในเวลานั้น เนื่องจากมันเป็นการรวมประสบการณ์ส่วนตัวที่ดิบและเถื่อนของบิลเองในฐานะผู้เสพยาเสพติดหลากหลายชนิด แต่หากมองในมุมมองของโลกบุคปัจจุบันซึ่งผ่านมาแล้วกว่า 70 ปี หนังสือเล่มนี้เปิดโลกอีกใบของสังคมอเมริกาในยุค mid-century ที่คนภายนอก หรือคนในปัจจุบัน มองว่าทุกอย่างนั้นเป็นระเบียบแบบแผน มีสีสัน มีความล้ำสมัย มีความเป็นอเมริกาน่าแบบไม่ตกยุค "ไอ้ขี้ยา" - Junkie จึงเป็นหนังสือเล่มหนึ่งในจำนวนที่น้อยมากๆ ที่สะท้อนสังคมอเมริกันในยุคนั้น อย่างลึกซึ้ง . อันที่จริง บิล ตกหลุมรัก อัลแลน แบบจริงจัง แบบหัวปักหัวปำ โดยออกปากว่าอยากความสัมพันธ์ทางเพศแบบชายรักชายกับเขา แต่เมื่อ อัลแลนปฏิเสธเขา บิลรู้สึกอกหัก และเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้งสู่ แทนเจียร์ ประเทศโมร็อกโก ซึ่งขึ้นชื่ออยู่แล้วว่า เป็นตลาดใหญ่ของ โสเภณีชาย และ ยาเสพติดทุกประเภทในโลก และมันก็ไม่เกินความคาดเดา บิลเสพยาหนักขึ้นอีก ยาที่เขาเลือกใช้บ่อยที่สุดในช่วงนั้นคือ ยูคาโดล ซึ่งก็คือชื่้อทางการตลาดของยาระงับประสาท ออกซิโคโดน นั่นเอง เขาติดแบบงอมแงมซะเขาต้องเลือกที่จะบากหน้ากลับไปหาแม่ ในเดือนกันยายน ปี 1956 เพื่อขอยืมเงิน 500 เหรียญเพื่อไปบำบัด ซึ่งเขาได้พบกับ ดร. จอห์น ยาเบอร์รี่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน แพทย์สายบำบัด ที่เก่งที่สุดในโลก โดยให้ อโปมอร์ฟีน กับบิลแทน นั่นก็ทำให้บิลหยุดอาการอยากยา ได้ขณะหนึ่ง แต่ไม่รู้เหตุอันใด บิล รีบเดินทางกลับไปที่แทนเจียร์เลยทันที . แทนเจียร์ สภาพที่คุ้นเคย สถานที่ที่บิลจัดหาทุกอย่างเพื่อสนองความต้องของตัวเองได้ทุกเวลา บิลเริ่มมีความมุ่งมั่นในการผลิตงานเขียนอย่างจริงๆจังๆ ก็ที่นี่ ที่ผลงานชั้นครูในโลกของวรรณกรรมนอกกระแส "มื้อกลางวันที่เปลือยเปล่า" - Naked Lunch บิลเขียนจดหมายถึงอัลแลนเล่าว่า "นายรู้หรือเปล่า? วิธีเขียนหนังสือยาวๆแบบฉัน ฉันนี่ดูดกัญชาไปเรื่อยๆ พิมพ์ไปด้วยความสูงสุดเท่าที่จะพิมพ์ได้ วันละ หกชั่วโมงติดต่อกันเท่านั้นเป็นเลิกกัน" อันที่จริงแล้วชื่อวรรณกรรมเล่มนี้มาด้วยความบังเอิญสุดๆ คือตอนที่จะให้ชื่อกับวรรณกรรมดังกล่าว ก่อนหน้านี้ที่บิลนั้นเดินทางไปเยี่ยมพรรคพวกที่ ม.โคลัมเบีย ซึ่งกลุ่มบีทส์ นำโดย แจ็ค กับ อัลแลน จะฝึกวิชาเขียนบทกันอย่างหนักหน่วงมาก โดยจะผลัดกับเขียนเรื่องสั้น เรียกว่า รูทีน และเอาพวกคนในกลุ่มผลัดกันมาเล่นละครแล้วก็วิจารณ์กันเองอย่างดุเดือด อัลแลนอ่านประโยค "ความใคร่อันเปลือยเปล่า" - Naked Lust ผิดเป็น Naked Lunch ซึ่งบิลชื่นชอบคำนี้มาก และจำมาเขียนเป็นชื่อวรรณกรรมของเขาเอง ในปี 1957 แจ็คเดินทางไปแทนเจียร์และพบว่า ต้นฉบับของ Naked Lunch นั้นปลิวกระจายไปทั่วห้อง แจ็คถึงกลับต้องเอามานั่งเรียบเรียงและพิมพ์ดีดลงกระดาษให้เรียบร้อย แต่อย่างไรก็ตาม เดือนถัดมา แจ็คก็ยังรู้สึกไม่พอใจ จึงกลับไปที่แทนเจียร์อีกรอบพร้อมกับชายคนรักคนใหม่ของเขา ปีเตอร์ ออลอฟสกี้ และสองคนนี้ก็ไปช่วยกันเรียบเรียงให้ต้นฉบับนี้สมบูรณ์และพร้อมตีพิมพ์ในเวลาต่อมา ซึ่งเมื่ออัลแลนได้อ่านต้นฉบับถึงกลับเขียนจดหมายไปหา ลูเชี่ยน คารร์ เล่าว่า "ผลงานของบิลนี้โคตรเจ๋ง การที่บิลเขาทุ่มเทกับมันใช้ความรู้และศิลปะในการใช้ภาษาที่เขามี และ ยังมีพวกเราที่มาขัดเกลามันขึ้นอีก!" . บิลกับอัลแลนเดินทางไปปารีสในเดือนมกราคมปี 1958 และขายสิทธิ์ในการตีพิมพ์งานชิ้นเอกของเขาให้กับ สำนักพิมพ์โอลิมเปีย และต่อมา ในปี 1962 ผลงานนี้จึงถูกนำเข้ามาตีพิมพ์ในอเมริกาโดย สำนักพิมพ์โกว์ฟ แต่ขายได้ไม่นานก็ถูกสั่งโดยรัฐบาลกลางให้เลิกขายโดยทันทีเนื่องจากมีเนื้อหาที่ลามกหยาบโลนเกินไปสำหรับนักอ่านในอเมริกา กว่าหนังสือเล่มนี้จะได้ขายในตลาดหนังสืออเมริกาก็ปาเข้าไปปี 1966 ซึ่งบิลนั้นยินดีมากที่หนังสือเขาจะไม่ถูกหาว่าเป็นหนังสือต้องห้าม ในเวลาต่อมาเมื่อมีการเสวนากันโดยสื่อมวลชนถึง คุณค่าและความเป็นวรรณกรรมของหนังสือดังกล่าว นอแมน เมลเลอร์ กล่าวว่า "ก็ด้วยความที่มันสุดขอบในเรื่องเซ็กซ์ ความใคร่ ความกระสันในความรุนแรงแบบน่าสยดสยอง แบบดิบๆ ที่เราเจอได้ในหนังสือเล่มนี้ ทำให้ผมชื่นชม คุณ เบอร์โรส์ มากๆ เพราะเขาเข้าถึงเรื่องอย่างว่าได้ลึกกว่านักเขียนคนใดในโลกตะวันตกในยุคนี้" . วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ ก็ใช่่จะไม่เจอปัญหาที่ในชีวิตที่ดูเหมือนจะไม่แคร์โลกไม่แคร์สังคมของเขา นั่นก็คือลูกชายเขา - บิลจูเนียร์ นั่นเอง บิลจูเนียร์ติดยาเสพติดอย่างงอมแงม ตามไลฟสไตล์ที่เขาเห็นพ่อ และ แม่ผู้ล่วงลับใช้ชีวิตกันแบบนั้นมาตลอด บิลเดินทางออกจากแทนเจียร์อีกครั้ง มาอเมริกาเพื่อเอาลูกชายตัวเอง เข้าสถานบำบัดเอกชน เล็กซิงตั้น มีเรื่้องเล่าอยู่ว่า วันที่ สองคนเดินทางไปถึง พยาบาลถึงกลับงงและถามว่า "หนึ่งในสองคนนี้ คนไหนกันคะที่จะเข้ารับการบำบัด?" บิลจูเนียร์ มีชีวิตที่น่าสงสาร เป็นโรคไตวาย เปลี่ยนไตใหม่ไปหนึ่งครั้ง และก็จบชีวิตที่แสนสั้นของเขาที่ฟลอริดา บิลจูเนียร์เขียนจดหมายลาพ่อของเขา ลงท้ายจดหมาย "จาก บุตรที่โดนสาปแช่งตั้งแต่เกิดของท่านเอง" . . to be continued... . .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 631 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในระบบไมโครโค้ดของ AMD ที่ถูกเปิดเผยโดยบังเอิญผ่านการอัปเดต BIOS เบต้าจาก Asus ช่องโหว่นี้ถูกเรียกว่า "ช่องโหว่การตรวจสอบลายเซ็นไมโครโค้ด" ซึ่งถูกค้นพบก่อนที่ AMD จะสามารถเปิดเผยได้อย่างเป็นทางการ ทำให้เกิดความกังวลในชุมชนความปลอดภัยไซเบอร์

    ช่องโหว่นี้ถูกค้นพบโดย Tavis Ormandy นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Google's Project Zero ซึ่งพบการอ้างอิงถึงช่องโหว่นี้ในบันทึกการอัปเดต BIOS เบต้าของ Asus สำหรับเมนบอร์ดเกมมิ่งรุ่นหนึ่ง AMD ได้ยอมรับปัญหานี้และกำลังพัฒนามาตรการแก้ไข

    การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ต้องการการเข้าถึงระบบในระดับผู้ดูแลระบบและความสามารถในการพัฒนาและเรียกใช้ไมโครโค้ดที่เป็นอันตราย ซึ่งทำให้การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้โจมตีทั่วไป

    https://www.techspot.com/news/106500-amd-confirms-microcode-vulnerability-revealed-beta-bios-update.html
    มีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในระบบไมโครโค้ดของ AMD ที่ถูกเปิดเผยโดยบังเอิญผ่านการอัปเดต BIOS เบต้าจาก Asus ช่องโหว่นี้ถูกเรียกว่า "ช่องโหว่การตรวจสอบลายเซ็นไมโครโค้ด" ซึ่งถูกค้นพบก่อนที่ AMD จะสามารถเปิดเผยได้อย่างเป็นทางการ ทำให้เกิดความกังวลในชุมชนความปลอดภัยไซเบอร์ ช่องโหว่นี้ถูกค้นพบโดย Tavis Ormandy นักวิจัยด้านความปลอดภัยจาก Google's Project Zero ซึ่งพบการอ้างอิงถึงช่องโหว่นี้ในบันทึกการอัปเดต BIOS เบต้าของ Asus สำหรับเมนบอร์ดเกมมิ่งรุ่นหนึ่ง AMD ได้ยอมรับปัญหานี้และกำลังพัฒนามาตรการแก้ไข การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ต้องการการเข้าถึงระบบในระดับผู้ดูแลระบบและความสามารถในการพัฒนาและเรียกใช้ไมโครโค้ดที่เป็นอันตราย ซึ่งทำให้การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่นี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้โจมตีทั่วไป https://www.techspot.com/news/106500-amd-confirms-microcode-vulnerability-revealed-beta-bios-update.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD confirms microcode vulnerability revealed in beta BIOS update
    The vulnerability was first noticed by Tavis Ormandy, a security researcher at Google's Project Zero. Ormandy spotted a reference to the flaw in the release notes of...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/1/68

    ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง
    ไฟไหม้ยังไม่ยุติและมีเรื่องบังเอิญงอกแปลกขึ้นเรื่อยๆคือ

    1.บังเอิญผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียรายนี้กำลังแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำพรรคเดโมแครตชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐวาระถัดไปในปี 2570 ก่อนเพลิงไหม้ไม่กี่วันเขาตัดงบประมาณสำหรับการดับไฟป่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ไม่ต่อสัญญาการป้องกันอัคคีภัยกับบริษัทการบินดับไฟป่าแล้วโยกเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์ไปทำบริการดูแลสุขภาพฟรีสำหรับผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายที่จะได้รับการแปลงสัญชาติเป็นชาวอเมริกันและมีสิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนชาวอเมริกันจริงๆต้องจ่ายเงินซื้อประกันสุขภาพเอาเอง

    2.บังเอิญนายกเทศมนตรีลอสแองเจลิสจากพรรคเดโมแครตตัดงบประมาณราว 17.6 ล้านดอลลาร์ของหน่วยดับเพลิงก่อนเกิดไฟไหม้พอดี พนักงานที่เคยมี 3,500 คนจึงถูกเลิกจ้างแทบทั้งหมด

    3.บังเอิญว่าอุปกรณ์ดับเพลิง ส่วนใหญ่ของเมืองถูกขนส่งไปให้ยูเครนตามนโยบายของรัฐบาลไบเดน ในวันเริ่มเพลิงไหม้ จึงเหลือคนงานดับเพลิงใหม่ที่ขาดประสบการณ์เพียง 109 คน รถดับเพลิง 65 คัน เฮลิคอปเตอร์ 7 ลำ และอุปกรณ์อีกเล็กน้อย หน่วยดับเพลิง 29 แห่งของนครลอสแองเจลิส จึงร้องขอนักดับเพลิงจากเทศบาลอื่นมาช่วยเหลือและกรมราชทัณฑ์รัฐแคลิฟอร์เนียส่งนักโทษที่ถูกคุมขัง 395 คนมาช่วยดับไฟ กลุ่มคนหนุ่มสาวใช้รถมอเตอร์ไซค์พยายามช่วยเหลือเพื่อนบ้านแต่พวกเขาหาน้ำดับไฟไม่ได้เพราะอ่างเก็บน้ำชำรุด จ้างซ่อม ปล่อย
    น้ำจนเกลี้ยงไม่มีเหลือแม้แต่หยดเดียวก่อนเกิดเพลิงไหม้พอดี

    4.บังเอิญในวันเริ่มไฟไหม้ เป็นวันที่มีแรงลมเร็วถึง 160 กมต่อชั่วโมง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนผู้นำสหรัฐอยู่ที่นั่น มีกำหนดเปิดอนุสรณ์สถานแห่งชาติ 2 แห่ง แต่งานถูกยกเลิกเพราะต้นไม้ล้มเขาระบุว่าภัยคุกคามจากลมแรงที่ทำให้ไฟไหม้ อ้างว่าที่การดับเพลิงทำได้ล่าช้าเนื่องจากต้องตัดกระแสไฟเครื่องปั้มน้ำดับเพลิง จึงใช้งานไม่ได้ทั้งที่ปกติแล้วปั้มน้ำดับเพลิงติดตั้งรถส่วนใหญ่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

    5.บังเอิญคฤหาสน์หรูคนดังเช่น ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายผู้นำสหรัฐชื่อกระฉ่อนถูกไฟไหม้เหลือแต่ตอ ไฟลุกลามไปที่เมืองที่ตั้งบ้านของกมลา แฮริส รองประธานาธิบดี อาโนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ดารารุ่นเดอะ และคนดังอีกมากมาย แต่คฤหาสน์ของทอม แฮงค์ ดาราคนดังรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อทั้งที่บ้านเกือบทุกหลังที่อยู่ติดกันถูกไฟไหม้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังเกาหัว บ้านคนดังเหล่านั้นสะสมของมีค่าเช่นเครื่องประดับสินค้าสารพัดแบรนด์เนม limited ภาพวาดศิลปะ ประมูลภาพถ่ายต้นฉบับส่วนตัว และของที่สะสมมาทั้งชีวิตประเมินมูลค่าไม่ได้

    6.บังเอิญเมล กิ๊บสัน ดาราคนดังที่ไฟไหม้คฤหาสน์หรูวอดวายเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์การจัดการไฟป่าของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างเผ็ดร้อนมาหลายปี เรียกร้องให้ผู้นำรัฐออกมาชี้แจงว่านโยบายต่างๆที่ไม่สามารถปกป้องประชาชนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะจากสถิติย้อนหลังแต่ละปีเกิดเหตุเพลิงไหม้ในรัฐนี้เฉลี่ยกว่า 8,000 ครั้ง หัวจะปวด

    7.บังเอิญว่าก่อนเพลิงไหม้ บริษัทประกันภัยต่างต่างพากันแจ้งยกเลิกกรมธรรม์ของเจ้าของคฤหาสน์หรูหลายพันหลังในพื้นที่เพลิงไหม้พอดี ทำให้ไม่ได้รับเงินชดเชยค่าสินใหมในการสร้างใหม่ คงต้องขายหรือให้เช่าที่ดินในราคาถูก

    8.บังเอิญในปี 2571 นคร ลอสแองเจลิสจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก มีนักลงทุนหัวใสทำโครงการชื่อสมารท์ LA 2028 มีเป้าหมายเปลี่ยนภูมิทัศน์ให้เป็นมหานครอัจฉริยะและยั่งยืน จะมีทีมนักกีฬาและผู้คนทั่วโลกมาเยือนจับจ่ายใช้สอย มีการระดมเงินทุนเครือข่ายผลประโยชน์จำนวนมากไปยังโครงการนี้ จัดการแบ่งเขตและแบ่งเค็ก การพัฒนาเมือง แม้แต่บริษัทประกันภัยต่างๆก็เอาด้วย

    9.บังเอิญกองทุน BlackRock ยักษ์ใหญ่ด้านการจัดการสินทรัพย์มูลค่า 11.5 ล้านล้านดอลลาร์หรือกว่า 391 ล้านล้านบาท ประกาศยกเลิกโครงการจัดการสินทรัพย์เท Zero ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์เช่นการปลูกป่า การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่ง การวัดปล่อยก๊าซคาร์บอนประเมินว่านักธุรกิจเงินหนา หันมาให้ความสำคัญกับผลกำไรตอบแทนจับต้องได้จากการลงทุนมากกว่า

    นามอธรรมสมมุติในจินตนาการไฟบรรลัยกันนี้คงไม่ใช่แค่ภัยธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังถูกกำหนดขึ้นอย่างมีกลยุทธ์เพื่อปูทางไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ที่พวกเขาควบคุมได้ซึ่งตรงกับช่วงไฮไลท์กีฬาโอลิมปิกจากทั่วโลกพอดีนั่นเอง

    โปรดกดไลค์กดแชร์พร้อมกดปุ่มติดตามไว้แจ้งเตือนตอนต่อไป

    World Update - ซุปเปอร์ไฟบรรลัยกัลป์ วายร้ายหักเหลี่ยมโหด
    https://youtu.be/XgX-zhUajsk?si=ZJFUMzWvCh7AmKxT

    Cr.fb.นบพ์ รตต์ฉัตร


    17/1/68 ความบังเอิญไม่มีอยู่จริง ไฟไหม้ยังไม่ยุติและมีเรื่องบังเอิญงอกแปลกขึ้นเรื่อยๆคือ 1.บังเอิญผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียรายนี้กำลังแข่งขันเพื่อเป็นผู้นำพรรคเดโมแครตชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐวาระถัดไปในปี 2570 ก่อนเพลิงไหม้ไม่กี่วันเขาตัดงบประมาณสำหรับการดับไฟป่ามากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ ไม่ต่อสัญญาการป้องกันอัคคีภัยกับบริษัทการบินดับไฟป่าแล้วโยกเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์ไปทำบริการดูแลสุขภาพฟรีสำหรับผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายที่จะได้รับการแปลงสัญชาติเป็นชาวอเมริกันและมีสิทธิ์เลือกตั้ง ส่วนชาวอเมริกันจริงๆต้องจ่ายเงินซื้อประกันสุขภาพเอาเอง 2.บังเอิญนายกเทศมนตรีลอสแองเจลิสจากพรรคเดโมแครตตัดงบประมาณราว 17.6 ล้านดอลลาร์ของหน่วยดับเพลิงก่อนเกิดไฟไหม้พอดี พนักงานที่เคยมี 3,500 คนจึงถูกเลิกจ้างแทบทั้งหมด 3.บังเอิญว่าอุปกรณ์ดับเพลิง ส่วนใหญ่ของเมืองถูกขนส่งไปให้ยูเครนตามนโยบายของรัฐบาลไบเดน ในวันเริ่มเพลิงไหม้ จึงเหลือคนงานดับเพลิงใหม่ที่ขาดประสบการณ์เพียง 109 คน รถดับเพลิง 65 คัน เฮลิคอปเตอร์ 7 ลำ และอุปกรณ์อีกเล็กน้อย หน่วยดับเพลิง 29 แห่งของนครลอสแองเจลิส จึงร้องขอนักดับเพลิงจากเทศบาลอื่นมาช่วยเหลือและกรมราชทัณฑ์รัฐแคลิฟอร์เนียส่งนักโทษที่ถูกคุมขัง 395 คนมาช่วยดับไฟ กลุ่มคนหนุ่มสาวใช้รถมอเตอร์ไซค์พยายามช่วยเหลือเพื่อนบ้านแต่พวกเขาหาน้ำดับไฟไม่ได้เพราะอ่างเก็บน้ำชำรุด จ้างซ่อม ปล่อย น้ำจนเกลี้ยงไม่มีเหลือแม้แต่หยดเดียวก่อนเกิดเพลิงไหม้พอดี 4.บังเอิญในวันเริ่มไฟไหม้ เป็นวันที่มีแรงลมเร็วถึง 160 กมต่อชั่วโมง ประธานาธิบดีโจ ไบเดนผู้นำสหรัฐอยู่ที่นั่น มีกำหนดเปิดอนุสรณ์สถานแห่งชาติ 2 แห่ง แต่งานถูกยกเลิกเพราะต้นไม้ล้มเขาระบุว่าภัยคุกคามจากลมแรงที่ทำให้ไฟไหม้ อ้างว่าที่การดับเพลิงทำได้ล่าช้าเนื่องจากต้องตัดกระแสไฟเครื่องปั้มน้ำดับเพลิง จึงใช้งานไม่ได้ทั้งที่ปกติแล้วปั้มน้ำดับเพลิงติดตั้งรถส่วนใหญ่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง 5.บังเอิญคฤหาสน์หรูคนดังเช่น ฮันเตอร์ ไบเดน บุตรชายผู้นำสหรัฐชื่อกระฉ่อนถูกไฟไหม้เหลือแต่ตอ ไฟลุกลามไปที่เมืองที่ตั้งบ้านของกมลา แฮริส รองประธานาธิบดี อาโนลด์ ชวาเซเนกเกอร์ ดารารุ่นเดอะ และคนดังอีกมากมาย แต่คฤหาสน์ของทอม แฮงค์ ดาราคนดังรอดมาได้อย่างเหลือเชื่อทั้งที่บ้านเกือบทุกหลังที่อยู่ติดกันถูกไฟไหม้ แม้แต่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงยังเกาหัว บ้านคนดังเหล่านั้นสะสมของมีค่าเช่นเครื่องประดับสินค้าสารพัดแบรนด์เนม limited ภาพวาดศิลปะ ประมูลภาพถ่ายต้นฉบับส่วนตัว และของที่สะสมมาทั้งชีวิตประเมินมูลค่าไม่ได้ 6.บังเอิญเมล กิ๊บสัน ดาราคนดังที่ไฟไหม้คฤหาสน์หรูวอดวายเป็นผู้วิพากษ์วิจารณ์การจัดการไฟป่าของรัฐแคลิฟอร์เนียอย่างเผ็ดร้อนมาหลายปี เรียกร้องให้ผู้นำรัฐออกมาชี้แจงว่านโยบายต่างๆที่ไม่สามารถปกป้องประชาชนจากภัยพิบัติที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะจากสถิติย้อนหลังแต่ละปีเกิดเหตุเพลิงไหม้ในรัฐนี้เฉลี่ยกว่า 8,000 ครั้ง หัวจะปวด 7.บังเอิญว่าก่อนเพลิงไหม้ บริษัทประกันภัยต่างต่างพากันแจ้งยกเลิกกรมธรรม์ของเจ้าของคฤหาสน์หรูหลายพันหลังในพื้นที่เพลิงไหม้พอดี ทำให้ไม่ได้รับเงินชดเชยค่าสินใหมในการสร้างใหม่ คงต้องขายหรือให้เช่าที่ดินในราคาถูก 8.บังเอิญในปี 2571 นคร ลอสแองเจลิสจะเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก มีนักลงทุนหัวใสทำโครงการชื่อสมารท์ LA 2028 มีเป้าหมายเปลี่ยนภูมิทัศน์ให้เป็นมหานครอัจฉริยะและยั่งยืน จะมีทีมนักกีฬาและผู้คนทั่วโลกมาเยือนจับจ่ายใช้สอย มีการระดมเงินทุนเครือข่ายผลประโยชน์จำนวนมากไปยังโครงการนี้ จัดการแบ่งเขตและแบ่งเค็ก การพัฒนาเมือง แม้แต่บริษัทประกันภัยต่างๆก็เอาด้วย 9.บังเอิญกองทุน BlackRock ยักษ์ใหญ่ด้านการจัดการสินทรัพย์มูลค่า 11.5 ล้านล้านดอลลาร์หรือกว่า 391 ล้านล้านบาท ประกาศยกเลิกโครงการจัดการสินทรัพย์เท Zero ที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์เช่นการปลูกป่า การฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่ง การวัดปล่อยก๊าซคาร์บอนประเมินว่านักธุรกิจเงินหนา หันมาให้ความสำคัญกับผลกำไรตอบแทนจับต้องได้จากการลงทุนมากกว่า นามอธรรมสมมุติในจินตนาการไฟบรรลัยกันนี้คงไม่ใช่แค่ภัยธรรมชาติอย่างเดียว แต่ยังถูกกำหนดขึ้นอย่างมีกลยุทธ์เพื่อปูทางไปสู่สภาพแวดล้อมใหม่ที่พวกเขาควบคุมได้ซึ่งตรงกับช่วงไฮไลท์กีฬาโอลิมปิกจากทั่วโลกพอดีนั่นเอง โปรดกดไลค์กดแชร์พร้อมกดปุ่มติดตามไว้แจ้งเตือนตอนต่อไป World Update - ซุปเปอร์ไฟบรรลัยกัลป์ วายร้ายหักเหลี่ยมโหด https://youtu.be/XgX-zhUajsk?si=ZJFUMzWvCh7AmKxT Cr.fb.นบพ์ รตต์ฉัตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 881 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นิดานามสกุลค๊กกี้อยู่ในอาการอิปลาส
    นางนิดา นามสกุล คือคุ๊กขี้
    นามนี้มี มิได้มา เพราะโชคช่วย
    อ้างพระเอก เพื่อหาแดรก หวังร่ำรวย
    สุดท้ายอวย แทบไส้แตก เมนสาวเกา
    ทั้งปกป้อง มิ๊จฉ๋าชีพ พี่น้องแฝด
    แถแซดๆ ว่าบังเอิญ ไม่นัดหมาย
    แต่เบื้องหลัง ร่วมจัดฉาก ปากไม่อาย
    หลุดว่าได้ สิบเปอร์เซ็นต์ ค่าผลงาน
    มาวันนี้ เหมือนหม๋าบ๊า เที่ยวไล่กัด
    เมนชาลี ที่ยืนหยัด ชัดเสมอ
    ใครไม่อยู่ ในอานัต กัดจนเบลอ
    คงจะเผลอ ตนยิ่งใหญ่ ในกะลา
    คนอย่างเมิง อินิดา คุกขรี้เหม็น
    ไม่จำเป็น ต้องไล่กัด ใครเหมือนหม๋า
    อยากมีเรื่อง เมิงมานี่ อย่าลีลา
    จัดเต็มมา พี่คิงส์พร้อม สนองเมิง
    อิฟาย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #นิดานามสกุลค๊กกี้อยู่ในอาการอิปลาส นางนิดา นามสกุล คือคุ๊กขี้ นามนี้มี มิได้มา เพราะโชคช่วย อ้างพระเอก เพื่อหาแดรก หวังร่ำรวย สุดท้ายอวย แทบไส้แตก เมนสาวเกา ทั้งปกป้อง มิ๊จฉ๋าชีพ พี่น้องแฝด แถแซดๆ ว่าบังเอิญ ไม่นัดหมาย แต่เบื้องหลัง ร่วมจัดฉาก ปากไม่อาย หลุดว่าได้ สิบเปอร์เซ็นต์ ค่าผลงาน มาวันนี้ เหมือนหม๋าบ๊า เที่ยวไล่กัด เมนชาลี ที่ยืนหยัด ชัดเสมอ ใครไม่อยู่ ในอานัต กัดจนเบลอ คงจะเผลอ ตนยิ่งใหญ่ ในกะลา คนอย่างเมิง อินิดา คุกขรี้เหม็น ไม่จำเป็น ต้องไล่กัด ใครเหมือนหม๋า อยากมีเรื่อง เมิงมานี่ อย่าลีลา จัดเต็มมา พี่คิงส์พร้อม สนองเมิง อิฟาย #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวบรวม 61ความระยำของ ทักษิณ บันทึกไว้ให้ลูกหลานมันจำ" 🧐เครดิต:ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิทย์ แชร์ให้โลกรู้
    9 ธค.นี้ 10.00 น.หน้าทำเนียบรัฐบาลไทยทุกคน

    1. แก้ พรบ.สรรพสามิตโทรคมนาคม ให้เสียภาษีน้อยลง ได้ผลประโยชน์ 8,000 ล้าน
    2. ลดสัมปทาน itv ได้ผลประโยชน์ 20,000 ล้าน แถมได้สถานีโทรทัศน์ที่เคยมีอุดมการณ์เปลี่ยนมาทำลายวัฒนธรรม โดยการเอาหนังเกาหลีมาฉาย และปิดสื่อความไม่ดีสร้างภาพดีๆให้ตัวเอง (กลุ่มชินคอร์ป ถือหุ้น itv 53%)
    3. ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุมทหาร
    4. ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตำรวจ
    5. ตั้ง วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ประธาน กกต ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กกต.
    6. ตั้ง สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลาก ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กองสลาก
    7. ตั้ง คงศักดิ์ วันทนา เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สามีลูกน้ำเพื่อนรักที่ช่วยแลกเช็คให้สมัยยังจนอยู่ก็ได้เพื่อนคุณหญิงอ้อ…มาคุมทุกเหล่า
    8. กล่าวคําพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอก อย่าไปใส่ใจ ทําให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมายและหลุดปากด่าทหารว่า “สมควรตาย”
    9. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000ล้าน เพื่อนำมาเช่าช่องสัญญาณ IP Star ของตัวเอง ถึงกำหนดแล้วพม่ายังไม่ใช้หนี้เลย
    10. เจรจาเซ็น FTA กับจีน ให้จีนนำเข้า หอม กระเทียม เข้ามาไม่เสียภาษี เกษตรกรที่ปลูกหอมปลูกกระเทียมทางเหนือก็ตายหมด ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่อง สัญญาณดาวเทียม IP Star
    11. เจรจาเซ็น FTA กับออสเตรเลีย ให้นำเข้า นม ไวน์ เข้ามาไม่เสียภาษี ทำลายเหล้าไวน์พื้นบ้าน OTOP ทำลายนมพระราชดำริ ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่องสัญญาณ IP Star
    12. ในเดือนพฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ของ ชินแซทเทิลไลท์ โดยให้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้ที่ได้รับจากต่างประเทศ ทั้ง ๆที่เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้วไม่รู้ไปยกเว้นภาษีทำไม บริษัทจึงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้อีก 16,459 ล้านบาทต่อปี
    13. แปรรูปขายหุ้น ปตท วันแรกเปิดขายหุ้นหมดภายใน 1 นาที 17 วินาที ตระกูลใครละที่ได้ซื้อหุ้นไปหลังจากแปรรูป น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ให้กองทุนน้ำมันของคนไทยขาดทุนกว่า 70,000 ล้านบาท แต่ ปตท ได้กำไรปี 2548 จำนวน 160,000 ล้านบาท แล้วกำไรแทนที่จะเป็นของรัฐก็กลายเป็นกำไรของตระกูลพวกถือหุ้น
    14. ซุกหุ้นภาคแรกให้เมียตัวเองขึ้นศาลรับผิด ซุกหุ้นภาค 2 ให้ลูกชายตัวเองขึ้นศาลรับผิดไหนบอกว่ารักครอบครัวไง
    15. บริษัทของลูกท่านได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย0% ไม่กำหนดเวลาชำระคืนแถมได้รับการเว้นภาษีจาก บีโอไอ อีกทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี
    16. ได้รับสัมปทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ได้รับการเปิดประมูลเพื่อแข่งขันกับบริษัทอื่น
    17. ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลานเปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง
    18. ลดเงินค่ารถไฟฟ้า-ใต้ดิน พอดีกับงานสวนสนุกธุรกิจของลูกๆ สอดคล้องสนับสนุนกันพอดี บังเอิญจริงๆ
    19. ทักษิณพูดว่า”จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทย จะให้ความดูแลก่อน” น้ำท่วมภาคใต้ 5 วันแล้ว แต่ทักษิณไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ไปกินก๋วยเตี๋ยวสร้างภาพ ไปเดินตลาดหาเสียง ทั้งๆที่มี สส อยู่เต็มสภาแล้วแต่ที่ต้องลงใต้ไปดูน้ำท่วมวันศุกร์เช้า เนื่องจากกลัวสนธิพูดตอนเย็นในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์
    20. การที่มีพวกพ้องตัวเองเป็น กกต. จึงเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งให้สามารถโกงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นได้อีก 2 วิธี
    20.1 ปั๊มตรายางอีกชุดรอเวลาเปลี่ยนกล่องบัตรได้ทุกเวลา
    20.2 หมึกมีแบบล่องหน และ แบบโผล่ขึ้นมาได้ (ในทางเคมีสามารถทำได้)
    21. ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนกทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตายแล้วยังไปแสดงการกินไก่ไปหัวเราะไป เพื่อ ซีพี.นายทุนพรรคเท่านั้น
    22. ทําให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์กว่า 2000 คน จากการปราบยาบ้าสั่งฆ่าคนได้หน้าตาเฉย โหดร้ายทารุณ
    23. ซุกหุ้นปั่นหุ้น ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้กับญาติพี่น้องเอาเงินไปฟอกต่างประเทศเอาเปรียบใน การทําธุรกิจผูกขาด
    ทั้งรับทั้งจ่ายใต้โต๊ะจนคนในวงการธุรกิจ เขารู้กันหมด ค้ากำไรเกินควร จนรํ่ารวยมหาศาล
    24. โกงที่ดินวัดของสนามกอล์ฟอัลไพน์มีคนโกงที่ดินธรณีสงฆ์เอามาทำสนามกอล์ฟ แล้วทักษิณไปซื้อต่อทั้ง ๆ รู้ว่าที่ดินนั้นได้มา ไม่ถูกต้องเพราะไม่กลัวบาปกรรม
    25. ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่มแทนค่าเทอม นั่นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจนของการปฎิรูปการศึกษาไทย ประชาชนจะถูกหลอกอีก 4 ปี เอาเข้าไป เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในโลกนี้ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทยที่กฎหมายบอกว่าเรียนฟรี แต่ความจริงมีใครบ้างที่เรียนฟรีถามผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย
    26. ชั่วเวลาแค่ปีเศษ ๆ รัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดนมิคสัญญี
    27. เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดินไทย ราคาเช่าช่างถูกจัง มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ตนเองน่าจะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไงใช้อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็นด้วย คิดไงท่านนายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมีเปลียนสัญญาได้ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำธรุกิจเลยขอเชิญชาวไทยเรียกร้องอธิปไตยชาติไทยกลับมาด้วยขอให้มี สส สว ที่ยังพอมีความเป็นไทยที่มิใช่มีความเป็น ทรท. ช่วยกันคัดค้าน ล่ารายชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ ตั้งแต่ AIS (มือถือ) ไทยคม1 ไทยคม 2 IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจ การเมือง อยู่ในมือสิงคโปร์ทั้งหมดแล้วครับ ชัดเจน มีผลประโยชน์ทับซ้อนแหง๋ ไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก อย่านึกว่าประชาชนโง่นะคุณ ยุคทักษิณคือ ยุคของเงินเหนือรัฐ ยุคตำรวจรังแกประชาชน ยุคทหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ยุคความรุนแรงอยู่เหนือเหตุผล
    28. ฉลาด อย่างตัวจับยาก เอาเงินหลวงไปหว่านให้รากหญ้าแล้ว ผ่านกระเป๋ารากหญ้าแบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ ผ่านธุรกิจมือถือเข้ากระเป๋ามันเอง
    29. ยุบสภาหนีความผิด เนื่องจากนายกองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ล่า 50,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง
    30. ยุบสภาได้ยังไงไม่ได้มีปัญหาภายในสภาสักหน่อย อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้ ฝ่ายค้านมีไม่พอ
    31. วันที่ประกาศยุบสภาประกาศพร้อมกันว่าให้ไปเลือกตั้งวันที่ 2 เมษา ได้ยังไง รู้ได้ยังไง ไหนว่า กกต. เป็นกลางไง
    32. คุณหญิงพจมาน อยากมีสมเด็จพระสังฆราชประจำตระกูลตัวเอง จึงให้นายวิษณุ เครืองา ลงนามแต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ วัดสระเกศ ขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2547 เสมอกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา อ้างว่า สมเด็จญาณฯ ทรงประชวร ไม่สามารถประกอบศาสนกิจได้ ทั้งๆที่มี VDO วันที่ 13 มีนาคม 2547 สมเด็จพระสังฆราชพระราชทานรางวัลให้กับเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนของมหามกุฏราชวิทยาลัยในการประกวดเรียงความเรื่อง สมเด็จพระสังฆราช 90 พรรษา
    33. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ตรวจเจอการทุจริตของรัฐบาลหลายเรื่อง ล่าสุดตรวจสอบเจอการทุจริต CTX ทางรัฐบาลจึงอ้างว่ากระบวนการสรรหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (ทั้งๆที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) คุณหญิงปิดห้องทำงานแล้ว ยังไปงัดห้องคุณหญิง คิดจะหาหลักฐานทุจริตที่ห้องคุณหญิง ต่อมาคนดีอย่างคุณหญิงก็ได้กลับมาทำงานเหมือนเดิม
    34. จัดซื้อเครื่องบินรบ ซู30 ตั้งงบประมาณไว้ 35,000 ล้าน ทั้งที่รัสเซียบอกว่าขายแค่ 20,000 ล้าน กะจะกินตั้ง 15,000 ล้าน เครื่องบินเป็นแบบบินระยะไกล เสียค่าซ่อมเยอะ (ไทยนี้รักสงบ) เราเป็นพวกบุกรุก หรือ ตั้งรับถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วจะซื้อเครื่องบินระยะไกลทำไม ให้ช่างทหารอากาศเลือกซื้อทำไมไม่ให้นักบินเป็นคนเลือก เพราะฝ่ายช่างอยู่ในความดูแลของ คงศักดิ์ วัณทนา สามีของเพื่อน คุณหญิงพจมาน…
    35. ก่อนขายหุ้นบอกว่าจะไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ 4 วัน เดินเล่นที่สิงคโปร์ไปเดินครึ่งวัน อย่างมากก็วันเดียวก็ไม่รู้จะไปเดิน ที่ไหนแล้วนี่ไปถึง 4 วันเจรจาขายหุ้น แต่โกหกประชาชนคนไทยว่าจะไปพักผ่อน บอกตรงๆก็ได้
    36. จัดซื้อ CTX ราคา ระหว่าง บทม.และใบแจ้งราคาสินค้าของบริษัท อินวิชั่นฯ เป็นเงินประมาณ 283,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.30 ล้านบาทต่อเครื่อง หากคิดรวม 26 เครื่อง เป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 294.4 ล้านบาทซึ่ง “ส่วนต่าง”ราคานี้ถูกนำไปใช้บันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม ทั้งที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ1,432 ล้านบาทกะจะกิน1,432 ล้าน – 294.4 ล้าน = ?
    37. ร่วมทุนชินคอร์ปกับมาเลเซีย เปิดธุรกิจสายการบิน Low Cost แล้วสั่งยกเลิกเที่ยวบินการบินไทยที่ได้กำไร แล้วเอาสายการบินของตัวเองไปบินทับที่แทน ทำให้การบินไทยซึ่ง เป็นสายการบินของคนไทยขาดทุน แล้วทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการว่านอกจากการบินไทยแล้ว สามารถใช้งบหลวงเบิกค่านั่งเครื่องบิน Low Cost ได้ด้วย แล้วยังขายหุ้น Low Cost ให้สิงคโปร์อีก ทำให้ Low Cost ที่มีเที่ยวบินที่กำไรดีที่สุด (แย่ง จากการบินไทย) เป็นเที่ยวบินของ มาเลเซีย+สิงคโปร์ (ขายชาติ)
    38. โทรศัพท์เครื่องที่ระบบ 1900 “ไทยโมบาย” ของ ทีโอที มันให้ ทีโอทีตั้งเสาเฉพาะใน กทม. ส่วนในต่างจังหวัด มันไม่ยอมให้ตั้งเสาทั้งๆที่ ทีโอทีมีที่ดินอยู่มากมายในต่างจังหวัด มันสั่งให้ ระบบ 1900 ของทีโอที ในต่างจังหวัดใช้เสาสัญญาณของAISโดยโทร 3 บาท ทีโอที ต้องจ่ายให้ AIS 2 บาท ทีโอที ได้ 1 บาท ..สุดยอดไหมละ
    39. ปี 2535 – วิ่งเต้นจนได้รับสัมปทานดาวเทียมไทยคมโดยการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลเผด็จ การ รสช. โดยอิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งก็ชดใช้บุญคุณมาจนถึงสนับสนุน 2 คนสนิทของท่านให้ได้ดีในยุคนี้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ได้เป็นรมว.กลาโหม และพล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ ได้เป็นผบ.สูงสุด
    40. การพูดจาบจ้วงดูหมิ่นพระบรมฯ
    40.1. สำนัก ราชเลขาฯ ขอให้รัฐบาลพิจารณาเครื่องบินราชพาหนะลำใหม่.. แทนลำเก่าที่ ชำรุดมากแล้ว …..ทักษิณ อ้างว่า ไม่มีงบประมาณ แต่สุดท้าย ซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้าให้ตนเองและครอบครัวนั่งก่อน..จาก ข่าวที่น้องสาว ทักษิณใช้เครื่องบินไปฉลองวันเกิดที่เชียงใหม่……………
    40.2. ทักษิณ ชินวัตร ใช้อุโบสถวัดพระแก้วในการทำบุญประเทศ (แต่แต่งกายในชุดสบายๆ ไม่เป็นทางการ) ทั้งๆที่ประธานในการทำบุญระดับประเทศควรเป็นพระองค์ท่านมากกว่า…ที่ สำคัญอุโบสถวัดพระแก้วเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับประกอบ ศาสนพิธีของพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน.. ไม่มีการขอพระบรมราชานุญาต… .พอ มีคนรู้ทัน.. รีบขอพระบรมราชานุญาตย้อนหลัง… จนพระองค์ท่านออกมาตรัสใน วันที่ 4 ธันวาคมว่า นายกฯจะให้ท่านทำอะไรก็ทำให้หมด แต่ควรพิจารณาด้วยว่าสมควรหรือไม่
    40.3. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ”ผีที่ไหนจะจงรักภักดี….”
    คนระดับทักษิณ มีการศึกษาสูงพอ ผ่านงานพระราชพิธีมามากมาย..ย่อมควรรู้ดีว่าสมควรพูดเช่นนี้ หรือไม่….ถ้ามีปัญญาก็ควรพูดว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ใครเล่าที่จะจงรักภักดี มากกว่า
    40.4. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้าในหลวงมากระซิบข้างหู…(พูดว่าข้างหู) ว่าออกเถอะจะกราบบังคมลาทันที…คำหลังยังใช้ราชาศัพท์เป็น แต่คำหน้าไหงใช้คำว่ามากระซิบข้างหู… ทักษิณ ไม่ควรทำตัวเสมอพระองค์ท่าน
    40.5. แม่ยายของทักษิณ กล่าวจาบจ้วงว่า บางทีตนอาจขอม็อบพระราชทานบ้าง คำว่า สิ่งพระราชทาน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มงคล เป็นสิ่งที่ดีแต่คำว่า “ม็อบ” หมายถึง กลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องบางอย่าง พระองค์ท่านจะพระราชทานได้อย่าง ไร…ไม่สมควรพูด
    40.6. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตนเป็นนายกฯพระราชทานอยู่แล้ว ถ้าได้กลับมาอีกครั้งพระองค์ท่านต้อง …ใช้คำว่า “ต้อง” เซ็นให้ตนเป็นนายกฯอยู่วันยังค่ำ
    40.7. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า โผทหารที่นายกฯเซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่…
    รวบรวม 61ความระยำของ ทักษิณ บันทึกไว้ให้ลูกหลานมันจำ" 🧐เครดิต:ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิทย์ แชร์ให้โลกรู้ 9 ธค.นี้ 10.00 น.หน้าทำเนียบรัฐบาลไทยทุกคน 1. แก้ พรบ.สรรพสามิตโทรคมนาคม ให้เสียภาษีน้อยลง ได้ผลประโยชน์ 8,000 ล้าน 2. ลดสัมปทาน itv ได้ผลประโยชน์ 20,000 ล้าน แถมได้สถานีโทรทัศน์ที่เคยมีอุดมการณ์เปลี่ยนมาทำลายวัฒนธรรม โดยการเอาหนังเกาหลีมาฉาย และปิดสื่อความไม่ดีสร้างภาพดีๆให้ตัวเอง (กลุ่มชินคอร์ป ถือหุ้น itv 53%) 3. ตั้ง ชัยสิทธิ์ ชินวัตร เป็น ผบ.ทบ. ก็ได้พี่ชายตนเองคุมทหาร 4. ตั้ง เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ เป็น รอง ผบ.ตร. ก็ได้พี่เขยตนเองคุมตำรวจ 5. ตั้ง วาสนา เพิ่มลาภ เป็น ประธาน กกต ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กกต. 6. ตั้ง สุรสิทธิ์ สังขพงศ์ เป็น ผอ.กองสลาก ก็ได้ตำรวจพวกพ้องตัวเองคุม กองสลาก 7. ตั้ง คงศักดิ์ วันทนา เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สามีลูกน้ำเพื่อนรักที่ช่วยแลกเช็คให้สมัยยังจนอยู่ก็ได้เพื่อนคุณหญิงอ้อ…มาคุมทุกเหล่า 8. กล่าวคําพูดท้าทายพวกก่อการร้ายในภาคใต้ว่าเป็นแค่โจรกระจอก อย่าไปใส่ใจ ทําให้เกิดความรุนแรงคนตายมากมายและหลุดปากด่าทหารว่า “สมควรตาย” 9. ปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000ล้าน เพื่อนำมาเช่าช่องสัญญาณ IP Star ของตัวเอง ถึงกำหนดแล้วพม่ายังไม่ใช้หนี้เลย 10. เจรจาเซ็น FTA กับจีน ให้จีนนำเข้า หอม กระเทียม เข้ามาไม่เสียภาษี เกษตรกรที่ปลูกหอมปลูกกระเทียมทางเหนือก็ตายหมด ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่อง สัญญาณดาวเทียม IP Star 11. เจรจาเซ็น FTA กับออสเตรเลีย ให้นำเข้า นม ไวน์ เข้ามาไม่เสียภาษี ทำลายเหล้าไวน์พื้นบ้าน OTOP ทำลายนมพระราชดำริ ส่วนไทยได้ขายธุรกิจช่องสัญญาณ IP Star 12. ในเดือนพฤศจิกายน 2546 คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มีมติส่งเสริมการลงทุนโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์ของ ชินแซทเทิลไลท์ โดยให้การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเฉพาะรายได้ที่ได้รับจากต่างประเทศ ทั้ง ๆที่เป็นกิจการที่ลงทุนเดิมอยู่แล้วไม่รู้ไปยกเว้นภาษีทำไม บริษัทจึงได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้อีก 16,459 ล้านบาทต่อปี 13. แปรรูปขายหุ้น ปตท วันแรกเปิดขายหุ้นหมดภายใน 1 นาที 17 วินาที ตระกูลใครละที่ได้ซื้อหุ้นไปหลังจากแปรรูป น้ำมันก็แพงขึ้นทุกวัน ให้กองทุนน้ำมันของคนไทยขาดทุนกว่า 70,000 ล้านบาท แต่ ปตท ได้กำไรปี 2548 จำนวน 160,000 ล้านบาท แล้วกำไรแทนที่จะเป็นของรัฐก็กลายเป็นกำไรของตระกูลพวกถือหุ้น 14. ซุกหุ้นภาคแรกให้เมียตัวเองขึ้นศาลรับผิด ซุกหุ้นภาค 2 ให้ลูกชายตัวเองขึ้นศาลรับผิดไหนบอกว่ารักครอบครัวไง 15. บริษัทของลูกท่านได้เงินกู้ 5,000 ล้าน จาก ICT ดอกเบี้ย0% ไม่กำหนดเวลาชำระคืนแถมได้รับการเว้นภาษีจาก บีโอไอ อีกทำสวนสนุกได้รับการเว้นภาษี 16. ได้รับสัมปทานสื่อโฆษณาที่รถไฟใต้ดิน โดยที่ไม่ได้รับการเปิดประมูลเพื่อแข่งขันกับบริษัทอื่น 17. ทักษิณ สั่ง รมต. กลางวง ครม. ลดค่าเช่าพื้นที่ย่านสยามสแควร์ เปิดทางลูก-หลานเปิด สตูดิโอ – ร้านกาแฟ อ้างค่าเช่าแพงเกินจริง 18. ลดเงินค่ารถไฟฟ้า-ใต้ดิน พอดีกับงานสวนสนุกธุรกิจของลูกๆ สอดคล้องสนับสนุนกันพอดี บังเอิญจริงๆ 19. ทักษิณพูดว่า”จังหวัดไหนเลือกไทยรักไทย จะให้ความดูแลก่อน” น้ำท่วมภาคใต้ 5 วันแล้ว แต่ทักษิณไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม ไปกินก๋วยเตี๋ยวสร้างภาพ ไปเดินตลาดหาเสียง ทั้งๆที่มี สส อยู่เต็มสภาแล้วแต่ที่ต้องลงใต้ไปดูน้ำท่วมวันศุกร์เช้า เนื่องจากกลัวสนธิพูดตอนเย็นในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ 20. การที่มีพวกพ้องตัวเองเป็น กกต. จึงเปลี่ยนรูปแบบการเลือกตั้งให้สามารถโกงการเลือกตั้งเพิ่มขึ้นได้อีก 2 วิธี 20.1 ปั๊มตรายางอีกชุดรอเวลาเปลี่ยนกล่องบัตรได้ทุกเวลา 20.2 หมึกมีแบบล่องหน และ แบบโผล่ขึ้นมาได้ (ในทางเคมีสามารถทำได้) 21. ปิดข่าวเรื่องไข้หวัดนกทําให้ชาวบ้านที่ไม่ทราบต้องตายแล้วยังไปแสดงการกินไก่ไปหัวเราะไป เพื่อ ซีพี.นายทุนพรรคเท่านั้น 22. ทําให้เกิดการฆ่าตัดตอนประชาชนผู้บริสุทธิ์กว่า 2000 คน จากการปราบยาบ้าสั่งฆ่าคนได้หน้าตาเฉย โหดร้ายทารุณ 23. ซุกหุ้นปั่นหุ้น ซุกซ่อนทรัพย์สินไว้กับญาติพี่น้องเอาเงินไปฟอกต่างประเทศเอาเปรียบใน การทําธุรกิจผูกขาด ทั้งรับทั้งจ่ายใต้โต๊ะจนคนในวงการธุรกิจ เขารู้กันหมด ค้ากำไรเกินควร จนรํ่ารวยมหาศาล 24. โกงที่ดินวัดของสนามกอล์ฟอัลไพน์มีคนโกงที่ดินธรณีสงฆ์เอามาทำสนามกอล์ฟ แล้วทักษิณไปซื้อต่อทั้ง ๆ รู้ว่าที่ดินนั้นได้มา ไม่ถูกต้องเพราะไม่กลัวบาปกรรม 25. ประชาชนเสียรู้ทักษิณ เรียนฟรี 12 ปี นโยบายรัฐที่เปิดช่องให้โรงเรียนนำค่าใช้จ่ายอย่างอื่นมาเพิ่มแทนค่าเทอม นั่นแหละ สุดท้ายก็ไม่ได้เรียนฟรีอยู่ดี เป็นความล้มเหลวที่เห็นได้ชัดเจนของการปฎิรูปการศึกษาไทย ประชาชนจะถูกหลอกอีก 4 ปี เอาเข้าไป เป็นความจริงที่สุดเลย นี่คือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในโลกนี้ซึ่งหาดูไม่ได้ที่ไหนนอกจากประเทศไทยที่กฎหมายบอกว่าเรียนฟรี แต่ความจริงมีใครบ้างที่เรียนฟรีถามผู้ปกครองทุกคนดูได้เลย 26. ชั่วเวลาแค่ปีเศษ ๆ รัฐบาลชุดนี้ก็ทำให้สถานการณ์ภาคใต้ที่ร่มเย็นเป็นสุขมานานหลายสิบปี กลับร้อนระอุกลายเป็นแดนมิคสัญญี 27. เช่าน่านฟ้า เช่าผืนแผ่นดินไทย ราคาเช่าช่างถูกจัง มีอะไรแอบแฝงหรือเปล่า ตนเองน่าจะรู้ดี ไหนบอกว่าแผ่นดินไทยจะไม่ให้หายแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไงใช้อำนาจจนเลยเถิดไม่เห็นด้วย คิดไงท่านนายก ที่ให้เช่า 15 ปี แถมมีเปลียนสัญญาได้ทุกๆ 5 ปี เหมือนทำธรุกิจเลยขอเชิญชาวไทยเรียกร้องอธิปไตยชาติไทยกลับมาด้วยขอให้มี สส สว ที่ยังพอมีความเป็นไทยที่มิใช่มีความเป็น ทรท. ช่วยกันคัดค้าน ล่ารายชื่อด้วยครับผมว่ามันเกี่ยวกันหมดแหละครับ ตั้งแต่ AIS (มือถือ) ไทยคม1 ไทยคม 2 IPstar ชินคอร์ป ธนาคาร ธุรกิจ การเมือง อยู่ในมือสิงคโปร์ทั้งหมดแล้วครับ ชัดเจน มีผลประโยชน์ทับซ้อนแหง๋ ไม่งั้นไม่งุบงิบกันทำหรอก อย่านึกว่าประชาชนโง่นะคุณ ยุคทักษิณคือ ยุคของเงินเหนือรัฐ ยุคตำรวจรังแกประชาชน ยุคทหารฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ยุคความรุนแรงอยู่เหนือเหตุผล 28. ฉลาด อย่างตัวจับยาก เอาเงินหลวงไปหว่านให้รากหญ้าแล้ว ผ่านกระเป๋ารากหญ้าแบบเคาะกะลาให้หมาดีใจ ผ่านธุรกิจมือถือเข้ากระเป๋ามันเอง 29. ยุบสภาหนีความผิด เนื่องจากนายกองค์การนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ล่า 50,000 รายชื่อ เพื่อถอดถอนนายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่ง 30. ยุบสภาได้ยังไงไม่ได้มีปัญหาภายในสภาสักหน่อย อภิปรายไม่ไว้วางใจก็ไม่ได้ ฝ่ายค้านมีไม่พอ 31. วันที่ประกาศยุบสภาประกาศพร้อมกันว่าให้ไปเลือกตั้งวันที่ 2 เมษา ได้ยังไง รู้ได้ยังไง ไหนว่า กกต. เป็นกลางไง 32. คุณหญิงพจมาน อยากมีสมเด็จพระสังฆราชประจำตระกูลตัวเอง จึงให้นายวิษณุ เครืองา ลงนามแต่งตั้ง สมเด็จพระพุฒาจารย์ เกี่ยว อุปเสโณ วัดสระเกศ ขึ้นปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2547 เสมอกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสถาปนา อ้างว่า สมเด็จญาณฯ ทรงประชวร ไม่สามารถประกอบศาสนกิจได้ ทั้งๆที่มี VDO วันที่ 13 มีนาคม 2547 สมเด็จพระสังฆราชพระราชทานรางวัลให้กับเด็กนักเรียนที่ได้รับทุนของมหามกุฏราชวิทยาลัยในการประกวดเรียงความเรื่อง สมเด็จพระสังฆราช 90 พรรษา 33. คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่า สตง. ตรวจเจอการทุจริตของรัฐบาลหลายเรื่อง ล่าสุดตรวจสอบเจอการทุจริต CTX ทางรัฐบาลจึงอ้างว่ากระบวนการสรรหา คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (ผู้ว่าการ สตง.) มิชอบด้วยรัฐธรรมนูญ (ทั้งๆที่ได้รับการแต่งตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว) คุณหญิงปิดห้องทำงานแล้ว ยังไปงัดห้องคุณหญิง คิดจะหาหลักฐานทุจริตที่ห้องคุณหญิง ต่อมาคนดีอย่างคุณหญิงก็ได้กลับมาทำงานเหมือนเดิม 34. จัดซื้อเครื่องบินรบ ซู30 ตั้งงบประมาณไว้ 35,000 ล้าน ทั้งที่รัสเซียบอกว่าขายแค่ 20,000 ล้าน กะจะกินตั้ง 15,000 ล้าน เครื่องบินเป็นแบบบินระยะไกล เสียค่าซ่อมเยอะ (ไทยนี้รักสงบ) เราเป็นพวกบุกรุก หรือ ตั้งรับถ้าเราเป็นฝ่ายตั้งรับ แล้วจะซื้อเครื่องบินระยะไกลทำไม ให้ช่างทหารอากาศเลือกซื้อทำไมไม่ให้นักบินเป็นคนเลือก เพราะฝ่ายช่างอยู่ในความดูแลของ คงศักดิ์ วัณทนา สามีของเพื่อน คุณหญิงพจมาน… 35. ก่อนขายหุ้นบอกว่าจะไปพักผ่อนที่สิงคโปร์ 4 วัน เดินเล่นที่สิงคโปร์ไปเดินครึ่งวัน อย่างมากก็วันเดียวก็ไม่รู้จะไปเดิน ที่ไหนแล้วนี่ไปถึง 4 วันเจรจาขายหุ้น แต่โกหกประชาชนคนไทยว่าจะไปพักผ่อน บอกตรงๆก็ได้ 36. จัดซื้อ CTX ราคา ระหว่าง บทม.และใบแจ้งราคาสินค้าของบริษัท อินวิชั่นฯ เป็นเงินประมาณ 283,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 11.30 ล้านบาทต่อเครื่อง หากคิดรวม 26 เครื่อง เป็นเงิน 7.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 294.4 ล้านบาทซึ่ง “ส่วนต่าง”ราคานี้ถูกนำไปใช้บันทึกซ้ำซ้อน โดยอ้างว่าเป็นอุปกรณ์ที่ต้องการซื้อเพิ่มเติม ทั้งที่รวมอยู่ในราคา 35.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือประมาณ1,432 ล้านบาทกะจะกิน1,432 ล้าน – 294.4 ล้าน = ? 37. ร่วมทุนชินคอร์ปกับมาเลเซีย เปิดธุรกิจสายการบิน Low Cost แล้วสั่งยกเลิกเที่ยวบินการบินไทยที่ได้กำไร แล้วเอาสายการบินของตัวเองไปบินทับที่แทน ทำให้การบินไทยซึ่ง เป็นสายการบินของคนไทยขาดทุน แล้วทำหนังสือถึงหน่วยงานราชการว่านอกจากการบินไทยแล้ว สามารถใช้งบหลวงเบิกค่านั่งเครื่องบิน Low Cost ได้ด้วย แล้วยังขายหุ้น Low Cost ให้สิงคโปร์อีก ทำให้ Low Cost ที่มีเที่ยวบินที่กำไรดีที่สุด (แย่ง จากการบินไทย) เป็นเที่ยวบินของ มาเลเซีย+สิงคโปร์ (ขายชาติ) 38. โทรศัพท์เครื่องที่ระบบ 1900 “ไทยโมบาย” ของ ทีโอที มันให้ ทีโอทีตั้งเสาเฉพาะใน กทม. ส่วนในต่างจังหวัด มันไม่ยอมให้ตั้งเสาทั้งๆที่ ทีโอทีมีที่ดินอยู่มากมายในต่างจังหวัด มันสั่งให้ ระบบ 1900 ของทีโอที ในต่างจังหวัดใช้เสาสัญญาณของAISโดยโทร 3 บาท ทีโอที ต้องจ่ายให้ AIS 2 บาท ทีโอที ได้ 1 บาท ..สุดยอดไหมละ 39. ปี 2535 – วิ่งเต้นจนได้รับสัมปทานดาวเทียมไทยคมโดยการสนับสนุนอย่างดีจากรัฐบาลเผด็จ การ รสช. โดยอิงความสัมพันธ์ที่สนิทแนบแน่นกับ พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ ซึ่งก็ชดใช้บุญคุณมาจนถึงสนับสนุน 2 คนสนิทของท่านให้ได้ดีในยุคนี้คือ พล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันท์ ได้เป็นรมว.กลาโหม และพล.อ.เรืองโรจน์ มหาสรานนท์ ได้เป็นผบ.สูงสุด 40. การพูดจาบจ้วงดูหมิ่นพระบรมฯ 40.1. สำนัก ราชเลขาฯ ขอให้รัฐบาลพิจารณาเครื่องบินราชพาหนะลำใหม่.. แทนลำเก่าที่ ชำรุดมากแล้ว …..ทักษิณ อ้างว่า ไม่มีงบประมาณ แต่สุดท้าย ซื้อเครื่องบินไทยคู่ฟ้าให้ตนเองและครอบครัวนั่งก่อน..จาก ข่าวที่น้องสาว ทักษิณใช้เครื่องบินไปฉลองวันเกิดที่เชียงใหม่…………… 40.2. ทักษิณ ชินวัตร ใช้อุโบสถวัดพระแก้วในการทำบุญประเทศ (แต่แต่งกายในชุดสบายๆ ไม่เป็นทางการ) ทั้งๆที่ประธานในการทำบุญระดับประเทศควรเป็นพระองค์ท่านมากกว่า…ที่ สำคัญอุโบสถวัดพระแก้วเป็นสถานที่ที่ใช้สำหรับประกอบ ศาสนพิธีของพระมหากษัตริย์ ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน.. ไม่มีการขอพระบรมราชานุญาต… .พอ มีคนรู้ทัน.. รีบขอพระบรมราชานุญาตย้อนหลัง… จนพระองค์ท่านออกมาตรัสใน วันที่ 4 ธันวาคมว่า นายกฯจะให้ท่านทำอะไรก็ทำให้หมด แต่ควรพิจารณาด้วยว่าสมควรหรือไม่ 40.3. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ”ผีที่ไหนจะจงรักภักดี….” คนระดับทักษิณ มีการศึกษาสูงพอ ผ่านงานพระราชพิธีมามากมาย..ย่อมควรรู้ดีว่าสมควรพูดเช่นนี้ หรือไม่….ถ้ามีปัญญาก็ควรพูดว่า ถ้านายกฯไม่จงรักภักดี ใครเล่าที่จะจงรักภักดี มากกว่า 40.4. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ถ้าในหลวงมากระซิบข้างหู…(พูดว่าข้างหู) ว่าออกเถอะจะกราบบังคมลาทันที…คำหลังยังใช้ราชาศัพท์เป็น แต่คำหน้าไหงใช้คำว่ามากระซิบข้างหู… ทักษิณ ไม่ควรทำตัวเสมอพระองค์ท่าน 40.5. แม่ยายของทักษิณ กล่าวจาบจ้วงว่า บางทีตนอาจขอม็อบพระราชทานบ้าง คำว่า สิ่งพระราชทาน ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มงคล เป็นสิ่งที่ดีแต่คำว่า “ม็อบ” หมายถึง กลุ่มผู้ชุมนุมที่เรียกร้องบางอย่าง พระองค์ท่านจะพระราชทานได้อย่าง ไร…ไม่สมควรพูด 40.6. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า ตนเป็นนายกฯพระราชทานอยู่แล้ว ถ้าได้กลับมาอีกครั้งพระองค์ท่านต้อง …ใช้คำว่า “ต้อง” เซ็นให้ตนเป็นนายกฯอยู่วันยังค่ำ 40.7. ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า โผทหารที่นายกฯเซ็นแล้ว ใครจะกล้าเปลี่…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1673 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า เปียงยางยิงมิสไซล์พิสัยใกล้ไม่กี่ลูกตกทะเลตะวันออก บังเอิญเกิดในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวายะ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างเยือนโซลเป็นทางการ
    .
    เอเอฟพีรายงาน(14 ม.ค.) ว่า การยิงทดสอบมิสไซล์ของเกาหลีเหนือเช้าวันอังคาร (14) นี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นเสมือนสัญญาณส่งไปให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.ที่จะถึง
    .
    คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ออกแถลงการณ์มีใจความว่า "มิสไซล์เดินทางราว 250 กม.หลังถูกปล่อยจากฐานเมื่อเวลาราว 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นจาก Kanggye จังหวัดจากัง (Jagang) ติดพรมแดนจีน" อ้างอิงจากรอยเตอร์
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า เป็นการยิงมิสไซล์พิสัยใกล้จำนวนไม่กี่ลูกลงทะเลตะวันออกในวันอังคาร (14)
    .
    เปียงยางยิงทดสอบเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวาระ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างการเยือนกรุงโซลอย่างเป็นทางการ และร่วมประชุมหลายคณะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน สัปดาห์หน้า
    .
    สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้และสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ ได้เฝ้าจับตาการเตรียมพร้อมยิงของเปียงยาง กองทัพเกาหลีใต้แถลง พร้อมยืนยันว่า โซลยังคงอยู่ในการเตรียมความพร้อมสูงสุดและมีการแชร์ข้อมูลร่วมกับทั้งวอชิงตันและโตเกียว
    .
    การยิงทดสอบมิสไซล์เกาหลีเหนือเรียกเสียงประณามจากรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ชเว ซังมก (Choi Sang-mok) ที่ชี้ว่าเป็นการละเมิดมติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ
    .
    “โซลจะตอบโต้อย่างรุนแรงมากกว่าในการยั่วยุของเกาหลีเหนือบนพื้นฐานของจุดยืนทางความมั่นคงที่แข็งแกร่งและความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ”
    .
    ขณะเดียวกัน กองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ประณามการทดสอบของเปียงยาง พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดจากการทดสอบที่ไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายและการกระทำที่สร้างความไร้เสถียรภาพ
    .
    ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า การยิงทดสอบก่อนสัปดาห์พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่นี้ “มันอาจชี้ไปว่าถึงความตั้งใจในการกดดันก่อนหน้ารัฐบาลทรัมป์ สมัยที่ 2 ก็เป็นได้” ยาง มู-จิน (Yang Moo-jin) อธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษาเกาหลีเหนือในกรุงโซลแสดงความเห็น
    .
    ขณะที่ อาห์น ชาน-อิล (Ahn Chan-il) อดีตเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่ผันตัวกลายเป็นนักวิจัยบริหารสถาบันโลกเพื่อการศึกษาเกาหลีเหนือ (World Institute for North Korea Studies) ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า นอกจากจะเป็นการแสดงตนให้รู้ต่อรัฐบาลทรัมป์แล้ว อาจจะมีเป้าหมายไปที่สร้างความไร้เสถียรภาพให้โซลในช่วงที่เกาหลีใต้กำลังตกอยู่ในความอลหม่านทางการเมืองภายในจากปัญหาผู้นำ ยุน ซอกยอล ประกาศใช้กฎอัยการศึกและทำให้ต้องโดนถอดถอนออกจากตำแหน่ง
    .
    เอเอฟพีรายงานว่า พิกัดที่ตั้งจุดการทดสอบไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ทว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA แสดงให้เห็นประธานาธิบดี คิม จองอึน พร้อมบุตรสาว คิมจูแอ (Kim Ju Ae) กำลังเฝ้ากำกับการทดสอบสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    KCNA รายงานถึงการใช้วัสดุใหม่คาร์บอนไฟเบอร์ (carbon fibre) ในเครื่องยนต์ของขีปนาวุธที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาเตือนว่า อาจช่วยให้เปียงยางสามารถส่งขีปนาวุธไปไกลมากขึ้นที่ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมิสไซล์นี้มีแต่แค่สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน เท่านั้นที่ครอบครอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004282
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า เปียงยางยิงมิสไซล์พิสัยใกล้ไม่กี่ลูกตกทะเลตะวันออก บังเอิญเกิดในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวายะ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างเยือนโซลเป็นทางการ . เอเอฟพีรายงาน(14 ม.ค.) ว่า การยิงทดสอบมิสไซล์ของเกาหลีเหนือเช้าวันอังคาร (14) นี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นเสมือนสัญญาณส่งไปให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.ที่จะถึง . คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ออกแถลงการณ์มีใจความว่า "มิสไซล์เดินทางราว 250 กม.หลังถูกปล่อยจากฐานเมื่อเวลาราว 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นจาก Kanggye จังหวัดจากัง (Jagang) ติดพรมแดนจีน" อ้างอิงจากรอยเตอร์ . เอเอฟพีชี้ว่า เป็นการยิงมิสไซล์พิสัยใกล้จำนวนไม่กี่ลูกลงทะเลตะวันออกในวันอังคาร (14) . เปียงยางยิงทดสอบเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวาระ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างการเยือนกรุงโซลอย่างเป็นทางการ และร่วมประชุมหลายคณะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน สัปดาห์หน้า . สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้และสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ ได้เฝ้าจับตาการเตรียมพร้อมยิงของเปียงยาง กองทัพเกาหลีใต้แถลง พร้อมยืนยันว่า โซลยังคงอยู่ในการเตรียมความพร้อมสูงสุดและมีการแชร์ข้อมูลร่วมกับทั้งวอชิงตันและโตเกียว . การยิงทดสอบมิสไซล์เกาหลีเหนือเรียกเสียงประณามจากรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ชเว ซังมก (Choi Sang-mok) ที่ชี้ว่าเป็นการละเมิดมติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ . “โซลจะตอบโต้อย่างรุนแรงมากกว่าในการยั่วยุของเกาหลีเหนือบนพื้นฐานของจุดยืนทางความมั่นคงที่แข็งแกร่งและความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ” . ขณะเดียวกัน กองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ประณามการทดสอบของเปียงยาง พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดจากการทดสอบที่ไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายและการกระทำที่สร้างความไร้เสถียรภาพ . ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า การยิงทดสอบก่อนสัปดาห์พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่นี้ “มันอาจชี้ไปว่าถึงความตั้งใจในการกดดันก่อนหน้ารัฐบาลทรัมป์ สมัยที่ 2 ก็เป็นได้” ยาง มู-จิน (Yang Moo-jin) อธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษาเกาหลีเหนือในกรุงโซลแสดงความเห็น . ขณะที่ อาห์น ชาน-อิล (Ahn Chan-il) อดีตเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่ผันตัวกลายเป็นนักวิจัยบริหารสถาบันโลกเพื่อการศึกษาเกาหลีเหนือ (World Institute for North Korea Studies) ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า นอกจากจะเป็นการแสดงตนให้รู้ต่อรัฐบาลทรัมป์แล้ว อาจจะมีเป้าหมายไปที่สร้างความไร้เสถียรภาพให้โซลในช่วงที่เกาหลีใต้กำลังตกอยู่ในความอลหม่านทางการเมืองภายในจากปัญหาผู้นำ ยุน ซอกยอล ประกาศใช้กฎอัยการศึกและทำให้ต้องโดนถอดถอนออกจากตำแหน่ง . เอเอฟพีรายงานว่า พิกัดที่ตั้งจุดการทดสอบไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ทว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA แสดงให้เห็นประธานาธิบดี คิม จองอึน พร้อมบุตรสาว คิมจูแอ (Kim Ju Ae) กำลังเฝ้ากำกับการทดสอบสัปดาห์ที่แล้ว . KCNA รายงานถึงการใช้วัสดุใหม่คาร์บอนไฟเบอร์ (carbon fibre) ในเครื่องยนต์ของขีปนาวุธที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาเตือนว่า อาจช่วยให้เปียงยางสามารถส่งขีปนาวุธไปไกลมากขึ้นที่ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมิสไซล์นี้มีแต่แค่สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน เท่านั้นที่ครอบครอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004282 .............. Sondhi X
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1827 มุมมอง 0 รีวิว