โอษฐภัยเผ่าภูมิ ถูกมอง'ดูถูกนักลงทุน'
ความมั่นใจเป็นภัยย้อนเข้าตัว ประโยค "คนฉลาดมองเห็นโอกาส คนไม่ฉลาดจะตื่นเต้น" ของนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง หลังตลาดหุ้นไทยตกต่ำกว่า 1,200 จุด และไม่มีแผนกระตุ้นนักลงทุนอย่างชัดเจน เรียกเสียงวิจารณ์จากทั่วทุกสารทิศ ถูกมองว่าดูถูกนักลงทุน นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ถึงกับกล่าวว่า "ตลาดหุ้นตกไม่ใช่เรื่องโง่หรือฉลาด แต่คือการบริหารผิดพลาด และขาดการกำกับดูแล"
โดยเห็นว่าคำพูดของนายเผ่าภูมิ นอกจากจะไม่ช่วยบรรเทาสถานการณ์แล้ว กลับทำลายความเชื่อมั่นให้ตกต่ำลงไปอีก ทั้งที่รัฐบาลควรรับฟังข้อเสนอแนะและข้อวิจารณ์ต่อความผิดพลาด โดยเฉพาะการแจกเงิน 10,000 บาท ที่มีผู้ทักท้วงว่าอาจไม่คุ้มกับต้นทุนการคลัง ปรากฎว่าตัวเลข GDP ปี 2567 เติบโตเพียง 2.5% รั้งท้ายอาเซียน แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉยแล้วเดินหน้าต่อด้วยงบประมาณมากขึ้น
นอกจากไม่เห็นโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่แล้ว รัฐบาลยังละเลยกำกับตลาดหุ้นไทยให้เป็นธรรมกับนักลงทุน กรณีซีพีแอ็กซ์ตร้า (CPAXT) เอาบริษัทมหาชนไปร่วมลงทุนกับบริษัทในครอบครัวนอกธุรกิจหลัก จากช่องโหว่ทางกฎหมาย และล่าสุดท่าอากาศยานไทย (AOT) ช่วยเหลือผู้ประกอบการดิวตี้ฟรี เลื่อนเงื่อนไขการชำระเงินตามสัญญา แต่ประกาศข่าวสำคัญล่าช้า จึงอยากเห็นตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นความหวังในอนาคตให้กับนักลงทุนได้บ้าง ในยามที่เศรษฐกิจไทยไม่ค่อยมีอนาคต ขอให้ประชาชนและนักลงทุนรายย่อยช่วยกันผลักดันรัฐบาลและ รมช.คลัง กำกับและเข้มงวดกับการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยให้มากขึ้น
ภายหลังนายเผ่าภูมิได้ขออภัย ระบุว่าเจตนาไม่ได้ต้องการวิพากษ์วิจารณ์นักลงทุน แต่ต้องการสื่อสารเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แต่ยอมรับว่ามีปัญหาการสื่อสารที่สั้นเกินไป และเนื้อหาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ที่ต้องการสื่อ หากเกิดความคลาดเคลื่อนต้องขออภัย
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันไม่ได้สะท้อนพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริง แต่ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ทั้งความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น แม้ตลาดหุ้นจะผันผวนแต่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง รัฐบาลไม่สามารถบอกได้ว่าหุ้นน่าซื้อหรือไม่ แต่เรามีหน้าที่ให้ข้อมูล เพื่อให้นักลงทุนมองเห็นโอกาสจากการปรับฐานของตลาดหุ้น และใช้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงในการตัดสินใจลงทุน
ตลาดหุ้นไทย ณ วันที่ 5 มี.ค. 2568 ปิดตลาดอยู่ที่ 1,206.96 จุด เพิ่มขึ้น 29.32 จุด (+2.49%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50,706.03 ล้านบาท โดยหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ AOT ADVANC DELTA CPALL และ TOP
#Newskit
ความมั่นใจเป็นภัยย้อนเข้าตัว ประโยค "คนฉลาดมองเห็นโอกาส คนไม่ฉลาดจะตื่นเต้น" ของนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง หลังตลาดหุ้นไทยตกต่ำกว่า 1,200 จุด และไม่มีแผนกระตุ้นนักลงทุนอย่างชัดเจน เรียกเสียงวิจารณ์จากทั่วทุกสารทิศ ถูกมองว่าดูถูกนักลงทุน นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ถึงกับกล่าวว่า "ตลาดหุ้นตกไม่ใช่เรื่องโง่หรือฉลาด แต่คือการบริหารผิดพลาด และขาดการกำกับดูแล"
โดยเห็นว่าคำพูดของนายเผ่าภูมิ นอกจากจะไม่ช่วยบรรเทาสถานการณ์แล้ว กลับทำลายความเชื่อมั่นให้ตกต่ำลงไปอีก ทั้งที่รัฐบาลควรรับฟังข้อเสนอแนะและข้อวิจารณ์ต่อความผิดพลาด โดยเฉพาะการแจกเงิน 10,000 บาท ที่มีผู้ทักท้วงว่าอาจไม่คุ้มกับต้นทุนการคลัง ปรากฎว่าตัวเลข GDP ปี 2567 เติบโตเพียง 2.5% รั้งท้ายอาเซียน แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉยแล้วเดินหน้าต่อด้วยงบประมาณมากขึ้น
นอกจากไม่เห็นโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่แล้ว รัฐบาลยังละเลยกำกับตลาดหุ้นไทยให้เป็นธรรมกับนักลงทุน กรณีซีพีแอ็กซ์ตร้า (CPAXT) เอาบริษัทมหาชนไปร่วมลงทุนกับบริษัทในครอบครัวนอกธุรกิจหลัก จากช่องโหว่ทางกฎหมาย และล่าสุดท่าอากาศยานไทย (AOT) ช่วยเหลือผู้ประกอบการดิวตี้ฟรี เลื่อนเงื่อนไขการชำระเงินตามสัญญา แต่ประกาศข่าวสำคัญล่าช้า จึงอยากเห็นตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นความหวังในอนาคตให้กับนักลงทุนได้บ้าง ในยามที่เศรษฐกิจไทยไม่ค่อยมีอนาคต ขอให้ประชาชนและนักลงทุนรายย่อยช่วยกันผลักดันรัฐบาลและ รมช.คลัง กำกับและเข้มงวดกับการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยให้มากขึ้น
ภายหลังนายเผ่าภูมิได้ขออภัย ระบุว่าเจตนาไม่ได้ต้องการวิพากษ์วิจารณ์นักลงทุน แต่ต้องการสื่อสารเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แต่ยอมรับว่ามีปัญหาการสื่อสารที่สั้นเกินไป และเนื้อหาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ที่ต้องการสื่อ หากเกิดความคลาดเคลื่อนต้องขออภัย
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันไม่ได้สะท้อนพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริง แต่ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ทั้งความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น แม้ตลาดหุ้นจะผันผวนแต่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง รัฐบาลไม่สามารถบอกได้ว่าหุ้นน่าซื้อหรือไม่ แต่เรามีหน้าที่ให้ข้อมูล เพื่อให้นักลงทุนมองเห็นโอกาสจากการปรับฐานของตลาดหุ้น และใช้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงในการตัดสินใจลงทุน
ตลาดหุ้นไทย ณ วันที่ 5 มี.ค. 2568 ปิดตลาดอยู่ที่ 1,206.96 จุด เพิ่มขึ้น 29.32 จุด (+2.49%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50,706.03 ล้านบาท โดยหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ AOT ADVANC DELTA CPALL และ TOP
#Newskit
โอษฐภัยเผ่าภูมิ ถูกมอง'ดูถูกนักลงทุน'
ความมั่นใจเป็นภัยย้อนเข้าตัว ประโยค "คนฉลาดมองเห็นโอกาส คนไม่ฉลาดจะตื่นเต้น" ของนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง หลังตลาดหุ้นไทยตกต่ำกว่า 1,200 จุด และไม่มีแผนกระตุ้นนักลงทุนอย่างชัดเจน เรียกเสียงวิจารณ์จากทั่วทุกสารทิศ ถูกมองว่าดูถูกนักลงทุน นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ถึงกับกล่าวว่า "ตลาดหุ้นตกไม่ใช่เรื่องโง่หรือฉลาด แต่คือการบริหารผิดพลาด และขาดการกำกับดูแล"
โดยเห็นว่าคำพูดของนายเผ่าภูมิ นอกจากจะไม่ช่วยบรรเทาสถานการณ์แล้ว กลับทำลายความเชื่อมั่นให้ตกต่ำลงไปอีก ทั้งที่รัฐบาลควรรับฟังข้อเสนอแนะและข้อวิจารณ์ต่อความผิดพลาด โดยเฉพาะการแจกเงิน 10,000 บาท ที่มีผู้ทักท้วงว่าอาจไม่คุ้มกับต้นทุนการคลัง ปรากฎว่าตัวเลข GDP ปี 2567 เติบโตเพียง 2.5% รั้งท้ายอาเซียน แต่รัฐบาลกลับเพิกเฉยแล้วเดินหน้าต่อด้วยงบประมาณมากขึ้น
นอกจากไม่เห็นโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่แล้ว รัฐบาลยังละเลยกำกับตลาดหุ้นไทยให้เป็นธรรมกับนักลงทุน กรณีซีพีแอ็กซ์ตร้า (CPAXT) เอาบริษัทมหาชนไปร่วมลงทุนกับบริษัทในครอบครัวนอกธุรกิจหลัก จากช่องโหว่ทางกฎหมาย และล่าสุดท่าอากาศยานไทย (AOT) ช่วยเหลือผู้ประกอบการดิวตี้ฟรี เลื่อนเงื่อนไขการชำระเงินตามสัญญา แต่ประกาศข่าวสำคัญล่าช้า จึงอยากเห็นตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นความหวังในอนาคตให้กับนักลงทุนได้บ้าง ในยามที่เศรษฐกิจไทยไม่ค่อยมีอนาคต ขอให้ประชาชนและนักลงทุนรายย่อยช่วยกันผลักดันรัฐบาลและ รมช.คลัง กำกับและเข้มงวดกับการคุ้มครองนักลงทุนรายย่อยให้มากขึ้น
ภายหลังนายเผ่าภูมิได้ขออภัย ระบุว่าเจตนาไม่ได้ต้องการวิพากษ์วิจารณ์นักลงทุน แต่ต้องการสื่อสารเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แต่ยอมรับว่ามีปัญหาการสื่อสารที่สั้นเกินไป และเนื้อหาไม่ตรงกับเจตนารมณ์ที่ต้องการสื่อ หากเกิดความคลาดเคลื่อนต้องขออภัย
ทั้งนี้ ราคาหุ้นปัจจุบันไม่ได้สะท้อนพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แท้จริง แต่ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยภายนอก ทั้งความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา แต่ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น แม้ตลาดหุ้นจะผันผวนแต่พื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง รัฐบาลไม่สามารถบอกได้ว่าหุ้นน่าซื้อหรือไม่ แต่เรามีหน้าที่ให้ข้อมูล เพื่อให้นักลงทุนมองเห็นโอกาสจากการปรับฐานของตลาดหุ้น และใช้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงในการตัดสินใจลงทุน
ตลาดหุ้นไทย ณ วันที่ 5 มี.ค. 2568 ปิดตลาดอยู่ที่ 1,206.96 จุด เพิ่มขึ้น 29.32 จุด (+2.49%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50,706.03 ล้านบาท โดยหุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด ได้แก่ AOT ADVANC DELTA CPALL และ TOP
#Newskit
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
5 มุมมอง
0 รีวิว