• Pixel 10: Tensor G5 SoC ได้รับการอัปเดตเพิ่มประสิทธิภาพ

    รายงานจาก Wccftech ระบุว่า Google Pixel 10 ที่ใช้ชิป Tensor G5 SoC ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้การประมวลผล AI และการจัดการพลังงาน การอัปเดตนี้ถือเป็นการแก้ไขข้อจำกัดที่ผู้ใช้บางส่วนพบในช่วงแรกของการเปิดตัว

    Tensor G5 ถูกออกแบบโดย Google และผลิตโดย TSMC บนกระบวนการ 3nm ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนที่ใช้ Samsung Foundry จุดเด่นของ G5 คือการรวมหน่วยประมวลผล AI เข้ากับ CPU และ GPU เพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ Pixel เช่น การถ่ายภาพอัจฉริยะ การประมวลผลเสียง และการทำงานแบบเรียลไทม์ที่ต้องใช้ Machine Learning

    การอัปเดตล่าสุดช่วยให้ Pixel 10 มีประสิทธิภาพสูงขึ้นทั้งในด้านการตอบสนองและการจัดการพลังงาน โดยผู้ใช้คาดว่าจะเห็นการปรับปรุงในงานประจำวัน เช่น การเปิดแอปเร็วขึ้น การประมวลผลภาพที่ลื่นไหลกว่าเดิม และการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งานให้ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนเรือธงจากคู่แข่งรายใหญ่

    อย่างไรก็ตาม แม้ Tensor G5 จะได้รับการปรับปรุง แต่ Google ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก Apple และ Qualcomm ที่มีชิป A-series และ Snapdragon รุ่นล่าสุดซึ่งโดดเด่นด้านประสิทธิภาพและการจัดการพลังงาน การอัปเดตครั้งนี้จึงเป็นเพียงก้าวแรกของ Google ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้และนักพัฒนา

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน

    Tensor G5 ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์
    เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการจัดการพลังงานใน Pixel 10

    การออกแบบและการผลิต
    ผลิตโดย TSMC บนกระบวนการ 3nm แทน Samsung Foundry

    การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้
    เปิดแอปเร็วขึ้น ประมวลผลภาพลื่นไหล และใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟน
    ต้องเผชิญกับคู่แข่งอย่าง Apple และ Qualcomm ที่มีชิปประสิทธิภาพสูง

    คำเตือนด้านการแข่งขัน
    แม้จะปรับปรุงแล้ว แต่ Tensor G5 ยังต้องพิสูจน์ความสามารถเทียบกับ A-series และ Snapdragon
    หากการพัฒนาไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้ Pixel เสียเปรียบในตลาดเรือธงccftech.com/pixel-10s-tensor-g5-soc-gets-a-performance-boost/
    📱 Pixel 10: Tensor G5 SoC ได้รับการอัปเดตเพิ่มประสิทธิภาพ รายงานจาก Wccftech ระบุว่า Google Pixel 10 ที่ใช้ชิป Tensor G5 SoC ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์ใหม่ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะในงานที่ต้องใช้การประมวลผล AI และการจัดการพลังงาน การอัปเดตนี้ถือเป็นการแก้ไขข้อจำกัดที่ผู้ใช้บางส่วนพบในช่วงแรกของการเปิดตัว Tensor G5 ถูกออกแบบโดย Google และผลิตโดย TSMC บนกระบวนการ 3nm ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากรุ่นก่อนที่ใช้ Samsung Foundry จุดเด่นของ G5 คือการรวมหน่วยประมวลผล AI เข้ากับ CPU และ GPU เพื่อรองรับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ของ Pixel เช่น การถ่ายภาพอัจฉริยะ การประมวลผลเสียง และการทำงานแบบเรียลไทม์ที่ต้องใช้ Machine Learning การอัปเดตล่าสุดช่วยให้ Pixel 10 มีประสิทธิภาพสูงขึ้นทั้งในด้านการตอบสนองและการจัดการพลังงาน โดยผู้ใช้คาดว่าจะเห็นการปรับปรุงในงานประจำวัน เช่น การเปิดแอปเร็วขึ้น การประมวลผลภาพที่ลื่นไหลกว่าเดิม และการใช้พลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งานให้ใกล้เคียงกับสมาร์ทโฟนเรือธงจากคู่แข่งรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม แม้ Tensor G5 จะได้รับการปรับปรุง แต่ Google ยังต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงจาก Apple และ Qualcomm ที่มีชิป A-series และ Snapdragon รุ่นล่าสุดซึ่งโดดเด่นด้านประสิทธิภาพและการจัดการพลังงาน การอัปเดตครั้งนี้จึงเป็นเพียงก้าวแรกของ Google ในการสร้างความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้และนักพัฒนา 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ Tensor G5 ได้รับการอัปเดตไดรเวอร์ ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการจัดการพลังงานใน Pixel 10 ✅ การออกแบบและการผลิต ➡️ ผลิตโดย TSMC บนกระบวนการ 3nm แทน Samsung Foundry ✅ การปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ ➡️ เปิดแอปเร็วขึ้น ประมวลผลภาพลื่นไหล และใช้พลังงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ การแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟน ➡️ ต้องเผชิญกับคู่แข่งอย่าง Apple และ Qualcomm ที่มีชิปประสิทธิภาพสูง ‼️ คำเตือนด้านการแข่งขัน ⛔ แม้จะปรับปรุงแล้ว แต่ Tensor G5 ยังต้องพิสูจน์ความสามารถเทียบกับ A-series และ Snapdragon ⛔ หากการพัฒนาไม่ต่อเนื่อง อาจทำให้ Pixel เสียเปรียบในตลาดเรือธงccftech.com/pixel-10s-tensor-g5-soc-gets-a-performance-boost/
    WCCFTECH.COM
    Pixel 10's Tensor G5 SoC Gets A Performance Boost
    Imagination's IMG PowerVR DXT-48-1536 GPU within Pixel 10's Tensor G5 chip is now finally getting a critical driver update.
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • Intel Nova Lake: CPU รุ่นใหม่พร้อมแคชขนาดใหญ่ bLLC

    รายงานจาก Wccftech เผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ Intel Nova Lake Desktop CPUs ที่จะเปิดตัวในอนาคต โดยมีการยืนยันว่าชิปจะมาพร้อมกับ Big Last Level Cache (bLLC) ซึ่งเป็นการออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล โดยจะมีหลายรุ่นให้เลือกตั้งแต่ 52, 42, 28 และ 24 คอร์ พร้อมแคชขนาดใหญ่ถึง 288MB สำหรับ Core Ultra 9 และ 144MB สำหรับ Core Ultra 7

    การเพิ่มแคชในระดับนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมที่สำคัญ เพราะช่วยลดการเข้าถึงหน่วยความจำหลักที่ช้ากว่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแอปพลิเคชันที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก เช่น เกม, งาน AI, และการประมวลผลข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความสามารถในการทำงานแบบมัลติทาสก์และเวิร์กโหลดที่ซับซ้อน

    Intel ตั้งเป้าว่า Nova Lake จะเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่หลังจากสถาปัตยกรรม Meteor Lake และ Arrow Lake โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์ และการจัดการพลังงานที่ดีกว่าเดิม ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดที่ต้องการ CPU ที่ทรงพลังแต่ยังคงประหยัดพลังงานสำหรับเดสก์ท็อปและเวิร์กสเตชัน

    อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดยังคงดุเดือด เนื่องจาก AMD กำลังพัฒนา Zen 6 และ Zen 7 ที่จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีแคชและการผลิตที่เล็กกว่า 3nm ซึ่งอาจทำให้ Intel ต้องเร่งสร้างความแตกต่างด้วยการใช้ bLLC และจำนวนคอร์ที่สูงขึ้นเพื่อดึงดูดผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    Nova Lake มาพร้อม bLLC
    มีรุ่น 52, 42, 28 และ 24 คอร์ พร้อมแคช 288MB และ 144MB

    การปรับปรุงเชิงสถาปัตยกรรม
    ลดการเข้าถึงหน่วยความจำหลัก เพิ่มประสิทธิภาพงาน AI และเกม

    เป้าหมายของ Intel
    เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น

    การแข่งขันกับ AMD
    ต้องเผชิญกับ Zen 6 และ Zen 7 ที่ใช้กระบวนการผลิตเล็กกว่า 3nm

    คำเตือนด้านการแข่งขันและการผลิต
    หาก Intel ไม่สามารถจัดการต้นทุนและการผลิตได้ อาจเสียเปรียบ AMD
    การพึ่งพา bLLC และจำนวนคอร์สูงอาจไม่เพียงพอ หากซอฟต์แวร์ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์เต็มที่

    https://wccftech.com/intel-nova-lake-desktop-cpus-big-cache-bllc-52-42-28-24-core-288-mb-144-mb/
    ⚙️ Intel Nova Lake: CPU รุ่นใหม่พร้อมแคชขนาดใหญ่ bLLC รายงานจาก Wccftech เผยข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ Intel Nova Lake Desktop CPUs ที่จะเปิดตัวในอนาคต โดยมีการยืนยันว่าชิปจะมาพร้อมกับ Big Last Level Cache (bLLC) ซึ่งเป็นการออกแบบใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล โดยจะมีหลายรุ่นให้เลือกตั้งแต่ 52, 42, 28 และ 24 คอร์ พร้อมแคชขนาดใหญ่ถึง 288MB สำหรับ Core Ultra 9 และ 144MB สำหรับ Core Ultra 7 การเพิ่มแคชในระดับนี้ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมที่สำคัญ เพราะช่วยลดการเข้าถึงหน่วยความจำหลักที่ช้ากว่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของแอปพลิเคชันที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก เช่น เกม, งาน AI, และการประมวลผลข้อมูลเชิงวิทยาศาสตร์ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมความสามารถในการทำงานแบบมัลติทาสก์และเวิร์กโหลดที่ซับซ้อน Intel ตั้งเป้าว่า Nova Lake จะเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่หลังจากสถาปัตยกรรม Meteor Lake และ Arrow Lake โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพต่อวัตต์ และการจัดการพลังงานที่ดีกว่าเดิม ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มของตลาดที่ต้องการ CPU ที่ทรงพลังแต่ยังคงประหยัดพลังงานสำหรับเดสก์ท็อปและเวิร์กสเตชัน อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดยังคงดุเดือด เนื่องจาก AMD กำลังพัฒนา Zen 6 และ Zen 7 ที่จะมาพร้อมกับเทคโนโลยีแคชและการผลิตที่เล็กกว่า 3nm ซึ่งอาจทำให้ Intel ต้องเร่งสร้างความแตกต่างด้วยการใช้ bLLC และจำนวนคอร์ที่สูงขึ้นเพื่อดึงดูดผู้ใช้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุด 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ Nova Lake มาพร้อม bLLC ➡️ มีรุ่น 52, 42, 28 และ 24 คอร์ พร้อมแคช 288MB และ 144MB ✅ การปรับปรุงเชิงสถาปัตยกรรม ➡️ ลดการเข้าถึงหน่วยความจำหลัก เพิ่มประสิทธิภาพงาน AI และเกม ✅ เป้าหมายของ Intel ➡️ เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และการจัดการพลังงานที่ดีขึ้น ✅ การแข่งขันกับ AMD ➡️ ต้องเผชิญกับ Zen 6 และ Zen 7 ที่ใช้กระบวนการผลิตเล็กกว่า 3nm ‼️ คำเตือนด้านการแข่งขันและการผลิต ⛔ หาก Intel ไม่สามารถจัดการต้นทุนและการผลิตได้ อาจเสียเปรียบ AMD ⛔ การพึ่งพา bLLC และจำนวนคอร์สูงอาจไม่เพียงพอ หากซอฟต์แวร์ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์เต็มที่ https://wccftech.com/intel-nova-lake-desktop-cpus-big-cache-bllc-52-42-28-24-core-288-mb-144-mb/
    WCCFTECH.COM
    Intel Nova Lake Desktop CPUs With Big Cache 'bLLC" To Feature Four Flavors In 52, 42, 28, 24 Cores, 288 MB "Core Ultra 9" & 144 MB "Core Ultra 7"
    Intel's next-gen Nova Lake Desktop CPUs will include four SKU flavors with the highly anticipated "bLLC" big cache, and up to 52 cores.
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • Intel จับมือ Samsung ผลิตชิปเซ็ต 8nm สำหรับ Nova Lake

    รายงานจากสื่อเกาหลีเผยว่า Samsung Foundry ได้รับคำสั่งผลิตชิปเซ็ตจาก Intel โดยใช้กระบวนการ 8nm สำหรับแพลตฟอร์มใหม่ Nova Lake ที่จะเปิดตัวในปี 2026–2027 โดยชิปเซ็ต Z990 จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ถือเป็นการกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งหลังจากที่ Samsung เคยผลิตชิปให้ Intel ในอดีต

    การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Intel ที่ต้องการ ลดการพึ่งพา TSMC ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาความต้องการล้นเกินและการขาดแคลนกำลังผลิต การเลือก Samsung จึงเป็นกลยุทธ์เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทาน โดย Samsung เองก็มีประสบการณ์ผลิตชิปให้ Nvidia และ Nintendo มาก่อน ทำให้มีความน่าเชื่อถือในตลาด

    แม้ว่า 8nm จะไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุด แต่ก็เพียงพอสำหรับการผลิตชิปเซ็ตที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดเหมือน CPU หรือ GPU การย้ายจาก 14nm ไปสู่ 8nm ยังช่วยให้ Intel สามารถแข่งขันกับ AMD ได้ในเชิงการตลาด เนื่องจาก AMD ยังคงใช้กระบวนการ 14nm สำหรับชิปเซ็ตในปัจจุบัน

    การผลิตจะเกิดขึ้นที่โรงงานของ Samsung ในเกาหลีใต้ โดยคาดว่าจะเริ่มเต็มกำลังในปี 2026 ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Nova Lake ที่มาพร้อมกับ CPU Core Ultra 400S การร่วมมือครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการเสริมกำลังผลิต แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ Intel ในการกลับมาท้าทายคู่แข่งในตลาด

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    Intel เลือก Samsung ผลิตชิปเซ็ต Z990
    ใช้กระบวนการ 8nm สำหรับแพลตฟอร์ม Nova Lake

    กลยุทธ์ลดการพึ่งพา TSMC
    กระจายความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน และเสริมความมั่นคง

    การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
    จาก 14nm ไปสู่ 8nm แม้ไม่ใช่ล่าสุด แต่เพียงพอสำหรับชิปเซ็ต

    การผลิตในเกาหลีใต้
    โรงงาน Samsung จะเริ่มผลิตเต็มกำลังในปี 2026

    คำเตือนด้านการแข่งขัน
    แม้จะใช้ 8nm แต่ยังตามหลังเทคโนโลยีขั้นสูงของ TSMC และ AMD ในบางส่วน
    หากการผลิตไม่เป็นไปตามแผน อาจกระทบต่อการเปิดตัว Nova Lake และภาพลักษณ์ของ Intel

    https://www.tomshardware.com/pc-components/chipsets/samsung-eyed-up-for-huge-8nm-chip-order-from-intel-the-z990-chipset-for-nova-lake-cpus-could-be-intels-8nm-debut
    🤝 Intel จับมือ Samsung ผลิตชิปเซ็ต 8nm สำหรับ Nova Lake รายงานจากสื่อเกาหลีเผยว่า Samsung Foundry ได้รับคำสั่งผลิตชิปเซ็ตจาก Intel โดยใช้กระบวนการ 8nm สำหรับแพลตฟอร์มใหม่ Nova Lake ที่จะเปิดตัวในปี 2026–2027 โดยชิปเซ็ต Z990 จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ถือเป็นการกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งหลังจากที่ Samsung เคยผลิตชิปให้ Intel ในอดีต การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Intel ที่ต้องการ ลดการพึ่งพา TSMC ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาความต้องการล้นเกินและการขาดแคลนกำลังผลิต การเลือก Samsung จึงเป็นกลยุทธ์เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทาน โดย Samsung เองก็มีประสบการณ์ผลิตชิปให้ Nvidia และ Nintendo มาก่อน ทำให้มีความน่าเชื่อถือในตลาด แม้ว่า 8nm จะไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุด แต่ก็เพียงพอสำหรับการผลิตชิปเซ็ตที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดเหมือน CPU หรือ GPU การย้ายจาก 14nm ไปสู่ 8nm ยังช่วยให้ Intel สามารถแข่งขันกับ AMD ได้ในเชิงการตลาด เนื่องจาก AMD ยังคงใช้กระบวนการ 14nm สำหรับชิปเซ็ตในปัจจุบัน การผลิตจะเกิดขึ้นที่โรงงานของ Samsung ในเกาหลีใต้ โดยคาดว่าจะเริ่มเต็มกำลังในปี 2026 ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Nova Lake ที่มาพร้อมกับ CPU Core Ultra 400S การร่วมมือครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการเสริมกำลังผลิต แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ Intel ในการกลับมาท้าทายคู่แข่งในตลาด 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ Intel เลือก Samsung ผลิตชิปเซ็ต Z990 ➡️ ใช้กระบวนการ 8nm สำหรับแพลตฟอร์ม Nova Lake ✅ กลยุทธ์ลดการพึ่งพา TSMC ➡️ กระจายความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน และเสริมความมั่นคง ✅ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ➡️ จาก 14nm ไปสู่ 8nm แม้ไม่ใช่ล่าสุด แต่เพียงพอสำหรับชิปเซ็ต ✅ การผลิตในเกาหลีใต้ ➡️ โรงงาน Samsung จะเริ่มผลิตเต็มกำลังในปี 2026 ‼️ คำเตือนด้านการแข่งขัน ⛔ แม้จะใช้ 8nm แต่ยังตามหลังเทคโนโลยีขั้นสูงของ TSMC และ AMD ในบางส่วน ⛔ หากการผลิตไม่เป็นไปตามแผน อาจกระทบต่อการเปิดตัว Nova Lake และภาพลักษณ์ของ Intel https://www.tomshardware.com/pc-components/chipsets/samsung-eyed-up-for-huge-8nm-chip-order-from-intel-the-z990-chipset-for-nova-lake-cpus-could-be-intels-8nm-debut
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • Texas Instruments เปิดโรงงานใหม่ ผลิตชิปวันละหลายสิบล้าน

    Texas Instruments (TI) ประกาศเปิดโรงงานผลิตเวเฟอร์ 300 มิลลิเมตร แห่งใหม่ที่เมือง Sherman รัฐเท็กซัส หลังจากลงทุนกว่า 60 พันล้านดอลลาร์ โดยโรงงานนี้ถือเป็นหนึ่งในสี่แห่งที่ TI วางแผนสร้างเพื่อเสริมกำลังการผลิตในสหรัฐฯ โรงงานแรก (SM1) เริ่มเดินเครื่องแล้ว และพร้อมส่งมอบชิปให้ลูกค้าในตลาดทันที

    โรงงาน SM1 จะเน้นผลิตชิปสำหรับระบบพลังงาน เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบไฟส่องสว่างในรถยนต์ และระบบพลังงานในศูนย์ข้อมูล ไม่ได้มุ่งผลิตชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับคอมพิวเตอร์ขั้นสูงเหมือน Intel หรือ TSMC แต่จะเน้นตลาดที่ต้องการความเสถียรและการผลิตในปริมาณมหาศาล ซึ่ง TI มองว่าเป็นจุดแข็งของบริษัท

    การลงทุนครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Made in USA” เพื่อเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ TI คาดว่าโรงงานทั้งสี่แห่งใน Sherman จะสร้างงานโดยตรงกว่า 3,000 ตำแหน่ง และช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ขณะเดียวกัน TI ก็ทยอยปิดโรงงานเก่าที่ผลิตเวเฟอร์ 150 มิลลิเมตร เพื่อปรับสมดุลกำลังการผลิตไปสู่มาตรฐานใหม่

    นอกจากการเพิ่มกำลังผลิตแล้ว TI ยังเน้นพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน เช่น การลดการใช้พลังงานขณะสแตนด์บาย การเพิ่มความหนาแน่นของพลังงาน และการลดสัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) เพื่อให้ชิปที่ผลิตออกมามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และศูนย์ข้อมูลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การลงทุนครั้งใหญ่ของ TI
    มูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์ สร้างโรงงาน 4 แห่งที่ Sherman, Texas

    โรงงาน SM1 เริ่มผลิตแล้ว
    เน้นชิปสำหรับระบบพลังงาน เช่น รถยนต์และศูนย์ข้อมูล

    ผลกระทบต่อการจ้างงาน
    คาดว่าจะสร้างงานกว่า 3,000 ตำแหน่งในพื้นที่

    การปรับสมดุลกำลังการผลิต
    ปิดโรงงานเก่าที่ผลิตเวเฟอร์ 150 มม. เพื่อย้ายไปสู่มาตรฐาน 300 มม.

    การพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน
    ลดการใช้พลังงานสแตนด์บาย เพิ่มความหนาแน่น และลด EMI

    คำเตือนด้านการแข่งขันและห่วงโซ่อุปทาน
    TI ไม่ได้ผลิตชิปขั้นสูงสำหรับ AI หรือ HPC อาจเสียเปรียบในตลาดประสิทธิภาพสูง
    แม้จะช่วยเสริมความมั่นคง แต่การลงทุนมหาศาลยังเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดเซมิคอนดักเตอร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/new-texas-instruments-fab-will-pump-out-tens-of-millions-of-chips-per-day-first-300mm-fab-starts-production-after-usd60-billion-investment
    🏭 Texas Instruments เปิดโรงงานใหม่ ผลิตชิปวันละหลายสิบล้าน Texas Instruments (TI) ประกาศเปิดโรงงานผลิตเวเฟอร์ 300 มิลลิเมตร แห่งใหม่ที่เมือง Sherman รัฐเท็กซัส หลังจากลงทุนกว่า 60 พันล้านดอลลาร์ โดยโรงงานนี้ถือเป็นหนึ่งในสี่แห่งที่ TI วางแผนสร้างเพื่อเสริมกำลังการผลิตในสหรัฐฯ โรงงานแรก (SM1) เริ่มเดินเครื่องแล้ว และพร้อมส่งมอบชิปให้ลูกค้าในตลาดทันที โรงงาน SM1 จะเน้นผลิตชิปสำหรับระบบพลังงาน เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบไฟส่องสว่างในรถยนต์ และระบบพลังงานในศูนย์ข้อมูล ไม่ได้มุ่งผลิตชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับคอมพิวเตอร์ขั้นสูงเหมือน Intel หรือ TSMC แต่จะเน้นตลาดที่ต้องการความเสถียรและการผลิตในปริมาณมหาศาล ซึ่ง TI มองว่าเป็นจุดแข็งของบริษัท การลงทุนครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Made in USA” เพื่อเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ TI คาดว่าโรงงานทั้งสี่แห่งใน Sherman จะสร้างงานโดยตรงกว่า 3,000 ตำแหน่ง และช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ขณะเดียวกัน TI ก็ทยอยปิดโรงงานเก่าที่ผลิตเวเฟอร์ 150 มิลลิเมตร เพื่อปรับสมดุลกำลังการผลิตไปสู่มาตรฐานใหม่ นอกจากการเพิ่มกำลังผลิตแล้ว TI ยังเน้นพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน เช่น การลดการใช้พลังงานขณะสแตนด์บาย การเพิ่มความหนาแน่นของพลังงาน และการลดสัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) เพื่อให้ชิปที่ผลิตออกมามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และศูนย์ข้อมูลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การลงทุนครั้งใหญ่ของ TI ➡️ มูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์ สร้างโรงงาน 4 แห่งที่ Sherman, Texas ✅ โรงงาน SM1 เริ่มผลิตแล้ว ➡️ เน้นชิปสำหรับระบบพลังงาน เช่น รถยนต์และศูนย์ข้อมูล ✅ ผลกระทบต่อการจ้างงาน ➡️ คาดว่าจะสร้างงานกว่า 3,000 ตำแหน่งในพื้นที่ ✅ การปรับสมดุลกำลังการผลิต ➡️ ปิดโรงงานเก่าที่ผลิตเวเฟอร์ 150 มม. เพื่อย้ายไปสู่มาตรฐาน 300 มม. ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน ➡️ ลดการใช้พลังงานสแตนด์บาย เพิ่มความหนาแน่น และลด EMI ‼️ คำเตือนด้านการแข่งขันและห่วงโซ่อุปทาน ⛔ TI ไม่ได้ผลิตชิปขั้นสูงสำหรับ AI หรือ HPC อาจเสียเปรียบในตลาดประสิทธิภาพสูง ⛔ แม้จะช่วยเสริมความมั่นคง แต่การลงทุนมหาศาลยังเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/new-texas-instruments-fab-will-pump-out-tens-of-millions-of-chips-per-day-first-300mm-fab-starts-production-after-usd60-billion-investment
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • วิกฤติหน่วยความจำ: Micron เตือน DRAM ขาดตลาดยาวถึงปี 2026

    Micron รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 พร้อมยืนยันว่าแม้จะปิดแบรนด์ Crucial ไปแล้ว แต่ความต้องการ DRAM และ NAND ยังคงสูงมาก โดยเฉพาะจากศูนย์ข้อมูล AI ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว บริษัททำรายได้สูงถึง 13.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 57% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็ยอมรับว่าจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้เต็มที่ และคาดว่าการขาดแคลนจะยืดเยื้อต่อไปหลังปี 2026

    หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการเติบโตของ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DDR5 ถึงสามเท่า ทำให้ทรัพยากรการผลิตตึงตัวมากขึ้น Micron คาดว่าตลาด HBM จะมีมูลค่าถึง 100 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 ซึ่งจะกลายเป็นตลาดใหญ่กว่าทั้ง DRAM ในปี 2024 การแข่งขันด้านการผลิตจึงเข้มข้นขึ้น และผู้ผลิตหลายรายเริ่มทำสัญญาระยะยาวเพื่อรักษาซัพพลาย

    Micron กำลังลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในไอดาโฮและนิวยอร์ก โดยโรงงานแรกจะเริ่มผลิตกลางปี 2027 ส่วนอีกแห่งจะเริ่มก่อสร้างในปี 2026 และคาดว่าจะผลิตจริงราวปี 2030 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการขยายกำลังผลิต บริษัทก็ยังคาดว่าจะสามารถตอบสนองได้เพียงครึ่งถึงสองในสามของความต้องการลูกค้าหลักเท่านั้น

    ผลกระทบต่อผู้บริโภคเริ่มเห็นชัดเจนแล้ว ราคาของ DDR5 พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตบางรายเช่น Kingston เตือนว่าราคาจะยังคงปรับขึ้น ส่วน Sapphire คาดว่าราคาจะเริ่มทรงตัวในอีก 6–8 เดือน แต่ก็อาจไม่ใช่ระดับราคาที่ผู้ใช้ต้องการ นอกจากนี้ยังมีปัญหาสินค้าปลอมและการฉ้อโกงในตลาดออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นตามแรงกดดันของราคา

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    ผลประกอบการ Micron
    รายได้ไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 สูงถึง 13.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 57%

    การขาดแคลน DRAM ต่อเนื่อง
    Micron คาดว่าปัญหาจะยืดเยื้อไปหลังปี 2026 และตอบสนองได้เพียง 50–66% ของความต้องการ

    การเติบโตของตลาด HBM
    ใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DDR5 ถึง 3 เท่า และคาดว่ามูลค่าตลาดจะถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2028

    การลงทุนโรงงานใหม่
    โรงงานในไอดาโฮจะเริ่มผลิตปี 2027 และโรงงานนิวยอร์กคาดว่าจะผลิตจริงราวปี 2030

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาของ DDR5 พุ่งสูงขึ้น และผู้ผลิตบางรายเตือนว่าราคาจะยังคงเพิ่มต่อไป

    คำเตือนด้านราคาและตลาด
    ราคาหน่วยความจำอาจไม่กลับไปสู่ระดับที่ผู้ใช้คาดหวัง แม้จะเริ่มทรงตัว
    ความเสี่ยงจากสินค้าปลอมและการฉ้อโกงออนไลน์เพิ่มขึ้นตามแรงกดดันของราคา

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/micron-outlines-grim-outlook-for-dram-supply-in-first-earnings-call-since-killing-crucial-memory-and-ssd-brand-ceo-says-it-can-only-meet-half-to-two-thirds-of-demand
    🖥️ วิกฤติหน่วยความจำ: Micron เตือน DRAM ขาดตลาดยาวถึงปี 2026 Micron รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 พร้อมยืนยันว่าแม้จะปิดแบรนด์ Crucial ไปแล้ว แต่ความต้องการ DRAM และ NAND ยังคงสูงมาก โดยเฉพาะจากศูนย์ข้อมูล AI ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว บริษัททำรายได้สูงถึง 13.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 57% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ก็ยอมรับว่าจะไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้เต็มที่ และคาดว่าการขาดแคลนจะยืดเยื้อต่อไปหลังปี 2026 หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการเติบโตของ HBM (High Bandwidth Memory) ซึ่งใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DDR5 ถึงสามเท่า ทำให้ทรัพยากรการผลิตตึงตัวมากขึ้น Micron คาดว่าตลาด HBM จะมีมูลค่าถึง 100 พันล้านดอลลาร์ภายในปี 2028 ซึ่งจะกลายเป็นตลาดใหญ่กว่าทั้ง DRAM ในปี 2024 การแข่งขันด้านการผลิตจึงเข้มข้นขึ้น และผู้ผลิตหลายรายเริ่มทำสัญญาระยะยาวเพื่อรักษาซัพพลาย Micron กำลังลงทุนสร้างโรงงานใหม่ในไอดาโฮและนิวยอร์ก โดยโรงงานแรกจะเริ่มผลิตกลางปี 2027 ส่วนอีกแห่งจะเริ่มก่อสร้างในปี 2026 และคาดว่าจะผลิตจริงราวปี 2030 อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการขยายกำลังผลิต บริษัทก็ยังคาดว่าจะสามารถตอบสนองได้เพียงครึ่งถึงสองในสามของความต้องการลูกค้าหลักเท่านั้น ผลกระทบต่อผู้บริโภคเริ่มเห็นชัดเจนแล้ว ราคาของ DDR5 พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตบางรายเช่น Kingston เตือนว่าราคาจะยังคงปรับขึ้น ส่วน Sapphire คาดว่าราคาจะเริ่มทรงตัวในอีก 6–8 เดือน แต่ก็อาจไม่ใช่ระดับราคาที่ผู้ใช้ต้องการ นอกจากนี้ยังมีปัญหาสินค้าปลอมและการฉ้อโกงในตลาดออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นตามแรงกดดันของราคา 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ ผลประกอบการ Micron ➡️ รายได้ไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2026 สูงถึง 13.64 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 57% ✅ การขาดแคลน DRAM ต่อเนื่อง ➡️ Micron คาดว่าปัญหาจะยืดเยื้อไปหลังปี 2026 และตอบสนองได้เพียง 50–66% ของความต้องการ ✅ การเติบโตของตลาด HBM ➡️ ใช้พื้นที่เวเฟอร์มากกว่า DDR5 ถึง 3 เท่า และคาดว่ามูลค่าตลาดจะถึง 100 พันล้านดอลลาร์ในปี 2028 ✅ การลงทุนโรงงานใหม่ ➡️ โรงงานในไอดาโฮจะเริ่มผลิตปี 2027 และโรงงานนิวยอร์กคาดว่าจะผลิตจริงราวปี 2030 ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาของ DDR5 พุ่งสูงขึ้น และผู้ผลิตบางรายเตือนว่าราคาจะยังคงเพิ่มต่อไป ‼️ คำเตือนด้านราคาและตลาด ⛔ ราคาหน่วยความจำอาจไม่กลับไปสู่ระดับที่ผู้ใช้คาดหวัง แม้จะเริ่มทรงตัว ⛔ ความเสี่ยงจากสินค้าปลอมและการฉ้อโกงออนไลน์เพิ่มขึ้นตามแรงกดดันของราคา https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/micron-outlines-grim-outlook-for-dram-supply-in-first-earnings-call-since-killing-crucial-memory-and-ssd-brand-ceo-says-it-can-only-meet-half-to-two-thirds-of-demand
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • ก้าวใหม่ เศรษฐกิจไทย? : [Biz Talk]

    ‘ไทยก้าวใหม่’ พรรคการเมืองน้องใหม่ หารือสภาอุตสาหกรรมฯ ยกเป็นเสาหลักของประเทศ รับโจทย์จากเอกชน ไปขับเคลื่อนทางการเมือง สร้างเศรษฐกิจใหม่ ปลดล็อกกฎหมายที่กดทับการแข่งขันของภาคเอกชน เสริมแกร่งเศรษฐกิจไทย
    ก้าวใหม่ เศรษฐกิจไทย? : [Biz Talk] ‘ไทยก้าวใหม่’ พรรคการเมืองน้องใหม่ หารือสภาอุตสาหกรรมฯ ยกเป็นเสาหลักของประเทศ รับโจทย์จากเอกชน ไปขับเคลื่อนทางการเมือง สร้างเศรษฐกิจใหม่ ปลดล็อกกฎหมายที่กดทับการแข่งขันของภาคเอกชน เสริมแกร่งเศรษฐกิจไทย
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 0 Reviews
  • พสกนิกรชาวไทยปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้ หลัง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงแสดงพระปรีชาสามารถในฐานะนักกีฬาเรือใบ ทรงนำทีมเรือใบทีมชาติไทย SSL47 หมายเลข 6 ผงาดคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเรือใบ มหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33
    .
    การแข่งขันเรือใบซีเกมส์ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคม 2568 ถูกจารึกเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์กีฬาไทย เมื่อทีมเรือใบไทยที่มีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นหนึ่งในสมาชิกทีม ทำผลงานยอดเยี่ยมในเรซที่ 6 และ 7 ส่งผลให้ทีมไทยมีคะแนนรวมนำเป็นอันดับ 1 การันตีเหรียญทองซีเกมส์ได้สำเร็จ แม้ยังเหลือการแข่งขันอีก 1 เรซ
    .
    สิ่งที่สร้างความประทับใจอย่างยิ่ง ไม่ได้มีเพียงผลการแข่งขัน หากแต่เป็นบทบาทในสนามแข่งของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงมีส่วนสำคัญในการวางกลยุทธ์ อ่านทิศทางลม ประเมินสถานการณ์ และตัดสินใจในจังหวะสำคัญอย่างแม่นยำ จนได้รับการยอมรับจากแวดวงเรือใบว่าเป็นปัจจัยหลักของชัยชนะครั้งนี้
    .
    ชัยชนะของทีมเรือใบไทย SSL47 จึงไม่ใช่เพียงเหรียญทองซีเกมส์ หากแต่เป็นภาพสะท้อนพระปรีชาสามารถ ความมุ่งมั่น และภาวะผู้นำ ที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่คนไทยทั้งประเทศ
    .
    อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121678
    .
    #News1live #News1 #ซีเกมส์2025 #เรือใบทีมชาติไทย #พสกนิกรปลื้มปีติ #พระราชินี #ความภาคภูมิใจของคนไทย
    พสกนิกรชาวไทยปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้ หลัง สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงแสดงพระปรีชาสามารถในฐานะนักกีฬาเรือใบ ทรงนำทีมเรือใบทีมชาติไทย SSL47 หมายเลข 6 ผงาดคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเรือใบ มหกรรมซีเกมส์ ครั้งที่ 33 . การแข่งขันเรือใบซีเกมส์ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9–20 ธันวาคม 2568 ถูกจารึกเป็นอีกหน้าประวัติศาสตร์กีฬาไทย เมื่อทีมเรือใบไทยที่มีสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงเป็นหนึ่งในสมาชิกทีม ทำผลงานยอดเยี่ยมในเรซที่ 6 และ 7 ส่งผลให้ทีมไทยมีคะแนนรวมนำเป็นอันดับ 1 การันตีเหรียญทองซีเกมส์ได้สำเร็จ แม้ยังเหลือการแข่งขันอีก 1 เรซ . สิ่งที่สร้างความประทับใจอย่างยิ่ง ไม่ได้มีเพียงผลการแข่งขัน หากแต่เป็นบทบาทในสนามแข่งของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ที่ทรงมีส่วนสำคัญในการวางกลยุทธ์ อ่านทิศทางลม ประเมินสถานการณ์ และตัดสินใจในจังหวะสำคัญอย่างแม่นยำ จนได้รับการยอมรับจากแวดวงเรือใบว่าเป็นปัจจัยหลักของชัยชนะครั้งนี้ . ชัยชนะของทีมเรือใบไทย SSL47 จึงไม่ใช่เพียงเหรียญทองซีเกมส์ หากแต่เป็นภาพสะท้อนพระปรีชาสามารถ ความมุ่งมั่น และภาวะผู้นำ ที่นำมาซึ่งความภาคภูมิใจแก่คนไทยทั้งประเทศ . อ่านต่อ >>> https://news1live.com/detail/9680000121678 . #News1live #News1 #ซีเกมส์2025 #เรือใบทีมชาติไทย #พสกนิกรปลื้มปีติ #พระราชินี #ความภาคภูมิใจของคนไทย
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews
  • สมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทยเดินหน้าดำเนินการทางกฎหมาย กรณีนักกีฬาทีมชาติถูกกล่าวหาว่าใช้โปรแกรมโกงการแข่งขัน RoV ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ โดยเลขาธิการสมาคมได้เข้าแจ้งบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ลุมพินีแล้ว
    .
    สมาคมเตรียมส่งหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการไปยัง 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรายงานข้อเท็จจริงและแนวทางดำเนินการ หลังเกิดกระแสดราม่าสะเทือนวงการอีสปอร์ต และทีมชาติไทยตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขัน
    .
    รายงานระบุว่า ขณะนี้ทราบตัวบุคคลที่ถูกสงสัยว่าสวมรอยแข่งขันจากนอกสนามแล้ว ซึ่งเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตเช่นกัน โดยสมาคมย้ำต้องการให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย
    .
    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121654
    .
    #News1live #News1 #อีสปอร์ต #RoV #ซีเกมส์ #โกงการแข่งขัน #สมาคมอีสปอร์ต #วงการกีฬา
    สมาคมกีฬาอีสปอร์ตแห่งประเทศไทยเดินหน้าดำเนินการทางกฎหมาย กรณีนักกีฬาทีมชาติถูกกล่าวหาว่าใช้โปรแกรมโกงการแข่งขัน RoV ในมหกรรมกีฬาซีเกมส์ โดยเลขาธิการสมาคมได้เข้าแจ้งบันทึกประจำวันไว้ที่ สน.ลุมพินีแล้ว . สมาคมเตรียมส่งหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการไปยัง 5 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรายงานข้อเท็จจริงและแนวทางดำเนินการ หลังเกิดกระแสดราม่าสะเทือนวงการอีสปอร์ต และทีมชาติไทยตัดสินใจถอนตัวจากการแข่งขัน . รายงานระบุว่า ขณะนี้ทราบตัวบุคคลที่ถูกสงสัยว่าสวมรอยแข่งขันจากนอกสนามแล้ว ซึ่งเป็นนักกีฬาอีสปอร์ตเช่นกัน โดยสมาคมย้ำต้องการให้กระบวนการตรวจสอบเป็นไปตามข้อเท็จจริงและกฎหมาย . อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000121654 . #News1live #News1 #อีสปอร์ต #RoV #ซีเกมส์ #โกงการแข่งขัน #สมาคมอีสปอร์ต #วงการกีฬา
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • ตรวจนโยบายพรรค ทำเกินกฎหมายเพื่อชาติ : [THE MESSAGE]

    นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เผยถึงการทำงานของคณะรัฐมนตรีรักษาการ มี 3 เรื่อง ที่ต้องส่งมาให้ กกต.ให้ความเห็นชอบ คือ 1.เรื่องงานหรือโครงการต่างๆ 2.เรื่องคนการแต่งตั้งโยกย้าย และ 3.การใช้ทรัพยากรของรัฐ หรืองบกลาง ส่วนโครงการใดที่รัฐบาลส่งมาจะทำได้หรือไม่ได้นั้น ไม่ได้บอกว่าทำถูกต้องแล้วจะได้ บางทีอาจเข้าเงื่อนไขว่ามาขอ กกต. แต่ กกต. ต้องพิจารณา เพราะอยู่ระหว่างแข่งขันกัน ต้องให้การแข่งขันเกิดความเป็นธรรม ส่วนประกาศของ กกต. เกี่ยวกับการตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมือง เราทำเกินกฎหมาย แต่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ สังคมอยากให้ตรวจสอบมากขึ้น เชิญหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบ ช่วยดูผลประโยชน์ของประเทศชาติ
    ตรวจนโยบายพรรค ทำเกินกฎหมายเพื่อชาติ : [THE MESSAGE] นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เผยถึงการทำงานของคณะรัฐมนตรีรักษาการ มี 3 เรื่อง ที่ต้องส่งมาให้ กกต.ให้ความเห็นชอบ คือ 1.เรื่องงานหรือโครงการต่างๆ 2.เรื่องคนการแต่งตั้งโยกย้าย และ 3.การใช้ทรัพยากรของรัฐ หรืองบกลาง ส่วนโครงการใดที่รัฐบาลส่งมาจะทำได้หรือไม่ได้นั้น ไม่ได้บอกว่าทำถูกต้องแล้วจะได้ บางทีอาจเข้าเงื่อนไขว่ามาขอ กกต. แต่ กกต. ต้องพิจารณา เพราะอยู่ระหว่างแข่งขันกัน ต้องให้การแข่งขันเกิดความเป็นธรรม ส่วนประกาศของ กกต. เกี่ยวกับการตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมือง เราทำเกินกฎหมาย แต่เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ สังคมอยากให้ตรวจสอบมากขึ้น เชิญหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบ ช่วยดูผลประโยชน์ของประเทศชาติ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 0 Reviews
  • “วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จี้ Big Tech – AI Data Center ดันค่าไฟประชาชนพุ่ง”

    สามวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ได้แก่ Elizabeth Warren, Chris Van Hollen และ Richard Blumenthal ได้ส่งจดหมายถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Amazon, Google, Meta, Microsoft และผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลรายอื่น ๆ เพื่อสอบถามถึงผลกระทบของการสร้าง AI Data Center ต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน โดยระบุว่าการใช้พลังงานมหาศาลทำให้บริษัทไฟฟ้าต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการอัปเกรดระบบ และผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค

    รายงานระบุว่า ค่าไฟฟ้าครัวเรือนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ภายในปีเดียว โดยบางพื้นที่ที่มีการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า การเติบโตของ AI ไม่ได้มีแต่ผลดีด้านนวัตกรรม แต่ยังสร้างแรงกดดันต่อโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน

    แม้บางการศึกษาชี้ว่า AI Data Center อาจช่วยแบกรับต้นทุนการอัปเกรดระบบไฟฟ้าแทนประชาชน แต่แนวโน้มค่าไฟที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดข้อสงสัยว่าใครคือผู้ได้ประโยชน์ที่แท้จริง และใครคือผู้แบกรับภาระในระยะยาว

    นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบกับจีนที่ลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับการเติบโตของ AI อย่างจริงจัง จนบางนักวิเคราะห์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเสียเปรียบใน “การแข่งขัน AI ระดับโลก” หากไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่เพียงพอของพลังงานได้ทันเวลา

    สรุปประเด็นสำคัญ
    วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น
    ส่งจดหมายถึง Amazon, Google, Meta และบริษัทอื่น ๆ เพื่อขอคำชี้แจง

    AI Data Center ใช้พลังงานมหาศาล
    บริษัทไฟฟ้าต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการอัปเกรดระบบ

    ค่าไฟฟ้าครัวเรือนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7%
    บางพื้นที่ที่มีศูนย์ข้อมูลใหม่ ค่าไฟเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น

    จีนลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับ AI
    นักวิเคราะห์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเสียเปรียบในระยะยาว

    คำเตือนต่อประชาชน
    ค่าไฟอาจยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง หากไม่มีมาตรการควบคุมหรือการลงทุนด้านพลังงานใหม่

    ความเสี่ยงต่อการแข่งขัน AI
    สหรัฐฯ อาจถูกจีนแซงหน้าในด้าน AI หากปัญหาพลังงานไม่ถูกแก้ไขทันเวลา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elizabeth-warren-other-u-s-senators-concerned-about-big-tech-pushing-up-electricity-costs-demands-explanation-from-amazon-google-meta-as-ai-data-centers-drive-up-residential-energy-bills
    📰 “วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ จี้ Big Tech – AI Data Center ดันค่าไฟประชาชนพุ่ง” สามวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ ได้แก่ Elizabeth Warren, Chris Van Hollen และ Richard Blumenthal ได้ส่งจดหมายถึงบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Amazon, Google, Meta, Microsoft และผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูลรายอื่น ๆ เพื่อสอบถามถึงผลกระทบของการสร้าง AI Data Center ต่อค่าไฟฟ้าของประชาชน โดยระบุว่าการใช้พลังงานมหาศาลทำให้บริษัทไฟฟ้าต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการอัปเกรดระบบ และผลักภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภค รายงานระบุว่า ค่าไฟฟ้าครัวเรือนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ภายในปีเดียว โดยบางพื้นที่ที่มีการสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ ค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น สะท้อนให้เห็นว่า การเติบโตของ AI ไม่ได้มีแต่ผลดีด้านนวัตกรรม แต่ยังสร้างแรงกดดันต่อโครงสร้างพื้นฐานพลังงาน แม้บางการศึกษาชี้ว่า AI Data Center อาจช่วยแบกรับต้นทุนการอัปเกรดระบบไฟฟ้าแทนประชาชน แต่แนวโน้มค่าไฟที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เกิดข้อสงสัยว่าใครคือผู้ได้ประโยชน์ที่แท้จริง และใครคือผู้แบกรับภาระในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบกับจีนที่ลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับการเติบโตของ AI อย่างจริงจัง จนบางนักวิเคราะห์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเสียเปรียบใน “การแข่งขัน AI ระดับโลก” หากไม่สามารถแก้ปัญหาความไม่เพียงพอของพลังงานได้ทันเวลา 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ แสดงความกังวลต่อค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ➡️ ส่งจดหมายถึง Amazon, Google, Meta และบริษัทอื่น ๆ เพื่อขอคำชี้แจง ✅ AI Data Center ใช้พลังงานมหาศาล ➡️ บริษัทไฟฟ้าต้องลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในการอัปเกรดระบบ ✅ ค่าไฟฟ้าครัวเรือนเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 7% ➡️ บางพื้นที่ที่มีศูนย์ข้อมูลใหม่ ค่าไฟเพิ่มขึ้นมากกว่านั้น ✅ จีนลงทุนด้านพลังงานเพื่อรองรับ AI ➡️ นักวิเคราะห์เตือนว่าสหรัฐฯ อาจเสียเปรียบในระยะยาว ‼️ คำเตือนต่อประชาชน ⛔ ค่าไฟอาจยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง หากไม่มีมาตรการควบคุมหรือการลงทุนด้านพลังงานใหม่ ‼️ ความเสี่ยงต่อการแข่งขัน AI ⛔ สหรัฐฯ อาจถูกจีนแซงหน้าในด้าน AI หากปัญหาพลังงานไม่ถูกแก้ไขทันเวลา https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elizabeth-warren-other-u-s-senators-concerned-about-big-tech-pushing-up-electricity-costs-demands-explanation-from-amazon-google-meta-as-ai-data-centers-drive-up-residential-energy-bills
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • “Intel ปรับทัพครั้งใหญ่ – ดึงอดีตที่ปรึกษา Trump นั่งหัวหน้าฝ่ายการเมือง พร้อมตั้ง CTO ใหม่”

    Intel กำลังสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยแต่งตั้ง Robin Colwell อดีตที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Trump และรองผู้อำนวยการ National Economic Council เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย Government Affairs เพื่อดูแลการประสานงานกับภาครัฐ การแต่งตั้งครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Intel ที่จะรักษาความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์กับรัฐบาล หลังจากที่สหรัฐฯ เข้ามาถือหุ้น 10% ในบริษัท

    นอกจากนี้ Intel ยังสร้างตำแหน่งใหม่ชื่อ Intel Government Technologies โดยแต่งตั้ง James Chew ซึ่งเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานของ CEO Lip-Bu Tan เข้ามาดูแล แม้ Chew จะไม่มีประสบการณ์ตรงกับรัฐบาล แต่เขามีพื้นฐานจาก Cadence Design Systems บริษัทที่เคยถูกปรับจากการทำธุรกิจกับจีนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการจำลองระเบิดนิวเคลียร์ ทำให้การแต่งตั้งครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด

    ในด้านเทคโนโลยี Intel ได้แต่งตั้ง Pushkar Ranade เป็น CTO ชั่วคราว หลังจากที่ CTO คนก่อนหน้า Sanchin Katti ลาออกไปทำงานกับ OpenAI การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Intel กำลังพยายามเร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อแข่งขันกับ Nvidia และ TSMC โดย Ranade จะทำงานใกล้ชิดกับ CEO Lip-Bu Tan ในการกำหนดกลยุทธ์ด้าน Foundry และ AI

    การปรับโครงสร้างครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความพยายามของ Intel ในการเสริมความแข็งแกร่งด้านการเมืองและเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณว่าบริษัทกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Robin Colwell เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย Government Affairs
    มีประสบการณ์ตรงจากการทำงานกับประธานาธิบดี Trump และ National Economic Council

    Intel สร้างตำแหน่งใหม่ “Intel Government Technologies”
    แต่งตั้ง James Chew แม้ไม่มีประสบการณ์ตรงกับรัฐบาล แต่มีสายสัมพันธ์กับ CEO

    Pushkar Ranade เป็น CTO ชั่วคราว
    รับหน้าที่ต่อจาก Sanchin Katti ที่ลาออกไปทำงานกับ OpenAI

    การปรับโครงสร้างสะท้อนกลยุทธ์ใหม่ของ Intel
    เน้นการเชื่อมโยงกับรัฐบาลและเร่งพัฒนาเทคโนโลยีแข่งขันกับ Nvidia และ TSMC

    ความเสี่ยงจากการแต่งตั้ง James Chew
    เคยมีประวัติจาก Cadence Design Systems ที่ถูกปรับเรื่องการทำธุรกิจกับจีน

    ความท้าทายด้านเทคโนโลยี
    Intel ต้องเร่งพัฒนา Foundry และ AI เพื่อไม่ให้เสียเปรียบคู่แข่งรายใหญ่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-appoints-trump-economic-advisor-as-head-of-government-affairs-announces-broader-leadership-shakeup-new-interim-cto
    📰 “Intel ปรับทัพครั้งใหญ่ – ดึงอดีตที่ปรึกษา Trump นั่งหัวหน้าฝ่ายการเมือง พร้อมตั้ง CTO ใหม่” Intel กำลังสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับรัฐบาลสหรัฐฯ โดยแต่งตั้ง Robin Colwell อดีตที่ปรึกษาเศรษฐกิจของประธานาธิบดี Trump และรองผู้อำนวยการ National Economic Council เข้ามารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย Government Affairs เพื่อดูแลการประสานงานกับภาครัฐ การแต่งตั้งครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Intel ที่จะรักษาความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์กับรัฐบาล หลังจากที่สหรัฐฯ เข้ามาถือหุ้น 10% ในบริษัท นอกจากนี้ Intel ยังสร้างตำแหน่งใหม่ชื่อ Intel Government Technologies โดยแต่งตั้ง James Chew ซึ่งเป็นอดีตเพื่อนร่วมงานของ CEO Lip-Bu Tan เข้ามาดูแล แม้ Chew จะไม่มีประสบการณ์ตรงกับรัฐบาล แต่เขามีพื้นฐานจาก Cadence Design Systems บริษัทที่เคยถูกปรับจากการทำธุรกิจกับจีนในโครงการที่เกี่ยวข้องกับการจำลองระเบิดนิวเคลียร์ ทำให้การแต่งตั้งครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด ในด้านเทคโนโลยี Intel ได้แต่งตั้ง Pushkar Ranade เป็น CTO ชั่วคราว หลังจากที่ CTO คนก่อนหน้า Sanchin Katti ลาออกไปทำงานกับ OpenAI การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Intel กำลังพยายามเร่งพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อแข่งขันกับ Nvidia และ TSMC โดย Ranade จะทำงานใกล้ชิดกับ CEO Lip-Bu Tan ในการกำหนดกลยุทธ์ด้าน Foundry และ AI การปรับโครงสร้างครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความพยายามของ Intel ในการเสริมความแข็งแกร่งด้านการเมืองและเทคโนโลยี แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณว่าบริษัทกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดเซมิคอนดักเตอร์โลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Robin Colwell เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าฝ่าย Government Affairs ➡️ มีประสบการณ์ตรงจากการทำงานกับประธานาธิบดี Trump และ National Economic Council ✅ Intel สร้างตำแหน่งใหม่ “Intel Government Technologies” ➡️ แต่งตั้ง James Chew แม้ไม่มีประสบการณ์ตรงกับรัฐบาล แต่มีสายสัมพันธ์กับ CEO ✅ Pushkar Ranade เป็น CTO ชั่วคราว ➡️ รับหน้าที่ต่อจาก Sanchin Katti ที่ลาออกไปทำงานกับ OpenAI ✅ การปรับโครงสร้างสะท้อนกลยุทธ์ใหม่ของ Intel ➡️ เน้นการเชื่อมโยงกับรัฐบาลและเร่งพัฒนาเทคโนโลยีแข่งขันกับ Nvidia และ TSMC ‼️ ความเสี่ยงจากการแต่งตั้ง James Chew ⛔ เคยมีประวัติจาก Cadence Design Systems ที่ถูกปรับเรื่องการทำธุรกิจกับจีน ‼️ ความท้าทายด้านเทคโนโลยี ⛔ Intel ต้องเร่งพัฒนา Foundry และ AI เพื่อไม่ให้เสียเปรียบคู่แข่งรายใหญ่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/intel-appoints-trump-economic-advisor-as-head-of-government-affairs-announces-broader-leadership-shakeup-new-interim-cto
    0 Comments 0 Shares 155 Views 0 Reviews
  • “Roomba สะดุดล้ม – iRobot ล้มละลาย แต่ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังโตต่อเนื่อง”

    การล้มละลายของ iRobot ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของบริษัทที่เคยครองตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในสหรัฐฯ และยุโรป ด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80–90% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่การขาดนวัตกรรมและการพึ่งพารายได้เดิมทำให้สูญเสียความได้เปรียบอย่างรวดเร็ว เมื่อคู่แข่งจากจีน เช่น Roborock, Ecovacs และ Dreame เข้ามาแย่งส่วนแบ่งด้วยราคาที่ถูกกว่าและฟีเจอร์ที่ทันสมัยกว่า

    การพยายามขายกิจการให้ Amazon ในปี 2024 ถูกสหภาพยุโรปบล็อกด้วยเหตุผลด้านการผูกขาด ทำให้ iRobotต้องแบกรับหนี้กว่า 190 ล้านดอลลาร์ และเผชิญกับการลดรายได้ลงกว่า 44% พร้อมปลดพนักงานกว่า 30% ก่อนจะเข้าสู่การล้มละลายและถูกซื้อกิจการโดย Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Roomba อยู่แล้ว

    แม้จะเข้าสู่กระบวนการ Chapter 11 แต่ iRobot ยืนยันว่า Roomba และผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่จะยังคงใช้งานได้ตามปกติ ไม่กระทบต่อแอปพลิเคชันหรือบริการหลังการขายในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจเกิด “การเลิกสนับสนุนโดยไม่คาดคิด” หาก Picea ปรับทิศทางธุรกิจใหม่ในอนาคต

    ในภาพรวมตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 11.14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 และพุ่งถึง 35.56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2035 การพัฒนา AI, ระบบ LiDAR, และการเชื่อมต่อกับบ้านอัจฉริยะทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่สินค้าฟุ่มเฟือยอีกต่อไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    iRobot ประกาศล้มละลายและเข้าสู่ Chapter 11
    ถูกซื้อกิจการโดย Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Roomba

    Roomba ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ
    ไม่มีผลกระทบต่อแอปพลิเคชันและบริการหลังการขายในระยะสั้น

    สาเหตุหลักของการล้มละลาย
    การแข่งขันจากคู่แข่งจีน, หนี้สินสูง, และดีลกับ Amazon ที่ล้มเหลว

    ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังเติบโตต่อเนื่อง
    คาดว่าจะโตจาก 11.14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เป็น 35.56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2035

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Roomba
    อาจเกิดการหยุดสนับสนุนหรือเลิกผลิตรุ่นใหม่ หาก Picea ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ

    ความเสี่ยงต่อผู้ถือหุ้น iRobot
    หุ้นสูญเสียมูลค่าไปกว่า 85% ในปี 2025 และผู้ถือหุ้นอาจไม่ได้รับการชดเชย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/roomba-maker-irobot-announces-bankruptcy-brand-will-live-on-under-ownership-of-former-supplier
    📰 “Roomba สะดุดล้ม – iRobot ล้มละลาย แต่ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังโตต่อเนื่อง” การล้มละลายของ iRobot ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของบริษัทที่เคยครองตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นในสหรัฐฯ และยุโรป ด้วยส่วนแบ่งตลาดสูงถึง 80–90% ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่การขาดนวัตกรรมและการพึ่งพารายได้เดิมทำให้สูญเสียความได้เปรียบอย่างรวดเร็ว เมื่อคู่แข่งจากจีน เช่น Roborock, Ecovacs และ Dreame เข้ามาแย่งส่วนแบ่งด้วยราคาที่ถูกกว่าและฟีเจอร์ที่ทันสมัยกว่า การพยายามขายกิจการให้ Amazon ในปี 2024 ถูกสหภาพยุโรปบล็อกด้วยเหตุผลด้านการผูกขาด ทำให้ iRobotต้องแบกรับหนี้กว่า 190 ล้านดอลลาร์ และเผชิญกับการลดรายได้ลงกว่า 44% พร้อมปลดพนักงานกว่า 30% ก่อนจะเข้าสู่การล้มละลายและถูกซื้อกิจการโดย Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Roomba อยู่แล้ว แม้จะเข้าสู่กระบวนการ Chapter 11 แต่ iRobot ยืนยันว่า Roomba และผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่จะยังคงใช้งานได้ตามปกติ ไม่กระทบต่อแอปพลิเคชันหรือบริการหลังการขายในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจเกิด “การเลิกสนับสนุนโดยไม่คาดคิด” หาก Picea ปรับทิศทางธุรกิจใหม่ในอนาคต ในภาพรวมตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าจะมีมูลค่ากว่า 11.14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 และพุ่งถึง 35.56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2035 การพัฒนา AI, ระบบ LiDAR, และการเชื่อมต่อกับบ้านอัจฉริยะทำให้หุ่นยนต์ดูดฝุ่นกลายเป็นอุปกรณ์จำเป็นในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่แค่สินค้าฟุ่มเฟือยอีกต่อไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ iRobot ประกาศล้มละลายและเข้าสู่ Chapter 11 ➡️ ถูกซื้อกิจการโดย Picea Robotics ซึ่งเป็นผู้ผลิตหลักของ Roomba ✅ Roomba ยังสามารถใช้งานได้ตามปกติ ➡️ ไม่มีผลกระทบต่อแอปพลิเคชันและบริการหลังการขายในระยะสั้น ✅ สาเหตุหลักของการล้มละลาย ➡️ การแข่งขันจากคู่แข่งจีน, หนี้สินสูง, และดีลกับ Amazon ที่ล้มเหลว ✅ ตลาดหุ่นยนต์ดูดฝุ่นยังเติบโตต่อเนื่อง ➡️ คาดว่าจะโตจาก 11.14 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 เป็น 35.56 พันล้านดอลลาร์ในปี 2035 ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ Roomba ⛔ อาจเกิดการหยุดสนับสนุนหรือเลิกผลิตรุ่นใหม่ หาก Picea ปรับกลยุทธ์ธุรกิจ ‼️ ความเสี่ยงต่อผู้ถือหุ้น iRobot ⛔ หุ้นสูญเสียมูลค่าไปกว่า 85% ในปี 2025 และผู้ถือหุ้นอาจไม่ได้รับการชดเชย https://www.tomshardware.com/tech-industry/roomba-maker-irobot-announces-bankruptcy-brand-will-live-on-under-ownership-of-former-supplier
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • Bank of Canada กำหนดกฎใหม่ Stablecoins – ต้องหนุนด้วยสินทรัพย์คุณภาพสูง

    เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา Tiff Macklem กล่าวว่ากฎเกณฑ์ใหม่สำหรับ Stablecoins จะบังคับให้เหรียญดิจิทัลเหล่านี้ต้องมีการหนุนหลังด้วย High-Quality Liquid Assets (HQLA) เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือบัตรเงินคลัง และต้องผูกค่าแบบ 1:1 กับสกุลเงินของธนาคารกลาง เพื่อให้สามารถแลกคืนเป็นเงินสดได้ตลอดเวลา

    รัฐบาลแคนาดาได้ประกาศตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนว่าจะออกกฎหมายควบคุม Stablecoins ในปี 2026 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ระบบการเงินทันสมัยและสอดคล้องกับประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ซึ่งกำลังออกกฎควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน

    Macklem ย้ำว่า “Stablecoins ต้องเป็นเงินที่ดีเหมือนกับธนบัตรหรือเงินฝากธนาคาร” และการกำหนดกฎเกณฑ์นี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและธุรกิจในการใช้ Stablecoins ในการชำระเงิน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยมีการวางแผนเชื่อมโยงกับระบบ Real-Time Rail ที่จะเปิดตัวในปี 2026 เพื่อรองรับการชำระเงินแบบทันที

    นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังเตรียมผลักดันระบบ Open Banking เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและเปลี่ยนธนาคารได้ง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของแคนาดาในยุคดิจิทัล

    สรุปประเด็นสำคัญ
    กฎใหม่สำหรับ Stablecoins
    ต้องหนุนหลังด้วยสินทรัพย์สภาพคล่องคุณภาพสูง (HQLA)
    ต้องผูกค่า 1:1 กับสกุลเงินของธนาคารกลาง

    เป้าหมายของรัฐบาลแคนาดา
    ออกกฎหมายควบคุม Stablecoins ในปี 2026
    ทำให้ระบบการเงินทันสมัยและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล

    การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน
    เปิดตัวระบบ Real-Time Rail สำหรับการชำระเงินทันทีในปี 2026
    ผลักดันระบบ Open Banking เพื่อเพิ่มการแข่งขันและความโปร่งใส

    คำเตือนสำหรับผู้ลงทุน Stablecoins
    ต้องตรวจสอบว่าเหรียญที่ถือมีการหนุนหลังด้วยสินทรัพย์คุณภาพจริง
    หากไม่เป็นไปตามกฎใหม่ อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียมูลค่าและการแลกคืน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/bank-of-canada-wants-stablecoins-to-be-backed-by-high-quality-liquid-assets
    💵 Bank of Canada กำหนดกฎใหม่ Stablecoins – ต้องหนุนด้วยสินทรัพย์คุณภาพสูง เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา Tiff Macklem กล่าวว่ากฎเกณฑ์ใหม่สำหรับ Stablecoins จะบังคับให้เหรียญดิจิทัลเหล่านี้ต้องมีการหนุนหลังด้วย High-Quality Liquid Assets (HQLA) เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือบัตรเงินคลัง และต้องผูกค่าแบบ 1:1 กับสกุลเงินของธนาคารกลาง เพื่อให้สามารถแลกคืนเป็นเงินสดได้ตลอดเวลา รัฐบาลแคนาดาได้ประกาศตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนว่าจะออกกฎหมายควบคุม Stablecoins ในปี 2026 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ระบบการเงินทันสมัยและสอดคล้องกับประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ เช่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ซึ่งกำลังออกกฎควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน Macklem ย้ำว่า “Stablecoins ต้องเป็นเงินที่ดีเหมือนกับธนบัตรหรือเงินฝากธนาคาร” และการกำหนดกฎเกณฑ์นี้จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและธุรกิจในการใช้ Stablecoins ในการชำระเงิน ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ โดยมีการวางแผนเชื่อมโยงกับระบบ Real-Time Rail ที่จะเปิดตัวในปี 2026 เพื่อรองรับการชำระเงินแบบทันที นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังเตรียมผลักดันระบบ Open Banking เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและเปลี่ยนธนาคารได้ง่ายขึ้น ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของแคนาดาในยุคดิจิทัล 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ กฎใหม่สำหรับ Stablecoins ➡️ ต้องหนุนหลังด้วยสินทรัพย์สภาพคล่องคุณภาพสูง (HQLA) ➡️ ต้องผูกค่า 1:1 กับสกุลเงินของธนาคารกลาง ✅ เป้าหมายของรัฐบาลแคนาดา ➡️ ออกกฎหมายควบคุม Stablecoins ในปี 2026 ➡️ ทำให้ระบบการเงินทันสมัยและสอดคล้องกับมาตรฐานสากล ✅ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงิน ➡️ เปิดตัวระบบ Real-Time Rail สำหรับการชำระเงินทันทีในปี 2026 ➡️ ผลักดันระบบ Open Banking เพื่อเพิ่มการแข่งขันและความโปร่งใส ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ลงทุน Stablecoins ⛔ ต้องตรวจสอบว่าเหรียญที่ถือมีการหนุนหลังด้วยสินทรัพย์คุณภาพจริง ⛔ หากไม่เป็นไปตามกฎใหม่ อาจเสี่ยงต่อการสูญเสียมูลค่าและการแลกคืน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/17/bank-of-canada-wants-stablecoins-to-be-backed-by-high-quality-liquid-assets
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Bank of Canada wants stablecoins to be backed by high-quality liquid assets
    OTTAWA, Dec 16 (Reuters) - The Bank of Canada says regulations on future Canadian stablecoins must ensure they are backed by high-quality liquid assets and be pegged one-to-one to a central bank currency, Governor Tiff Macklem said on Tuesday.
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • OpenAI จะเป็นยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี หรือ Netscape แห่งยุค AI?

    สามปีหลังจากการเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 ที่สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกและทำลายสถิติการเติบโตของผลิตภัณฑ์ผู้บริโภค OpenAI กลายเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จัก ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ ทั้งแบบเสียเงินและฟรี แต่ในขณะเดียวกันบริษัทก็ยัง ขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี และไม่คาดว่าจะทำกำไรก่อนปี 2029

    นักลงทุนชื่อดัง Michael Burry เปรียบเทียบ OpenAI ว่าอาจเป็น “Netscape รุ่นใหม่” ที่แม้เคยครองตลาดเว็บเบราว์เซอร์ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับ Microsoft ในยุค 90 ขณะที่นักวิจัยอย่าง Gary Marcus ก็วิจารณ์ว่า OpenAI กำลัง “เผาเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อเดือน” และสูญเสียความได้เปรียบที่เคยมีเมื่อเปิดตัว ChatGPT

    แม้จะมีข้อกังวล แต่ OpenAI ก็ยังได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ เช่น Microsoft และล่าสุดยังมีการร่วมมือกับ Disney เพื่อนำตัวละครมาใช้ใน ChatGPT และเครื่องมือสร้างวิดีโอ Sora นอกจากนี้บริษัทได้ทำสัญญามูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ กับผู้ผลิตชิปและผู้สร้างดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโตของ AI

    นักวิเคราะห์บางรายมองว่าแม้ OpenAI จะเผชิญแรงกดดันจากคู่แข่งอย่าง Google, Amazon และ Meta แต่ตลาด AI ไม่ใช่ “ผู้ชนะกินรวบ” และยังมีพื้นที่ให้หลายบริษัทเติบโตไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่คือการพิสูจน์ว่าเงินลงทุนมหาศาลจะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเติบโตของ ChatGPT
    เปิดตัวปี 2022 และสร้างปรากฏการณ์ระดับโลก
    มีผู้ใช้งานกว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์

    สถานะทางการเงินของ OpenAI
    ขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี
    ไม่คาดว่าจะทำกำไรก่อนปี 2029

    การลงทุนและพันธมิตร
    สัญญามูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์กับผู้ผลิตชิปและดาต้าเซ็นเตอร์
    ร่วมมือกับ Disney ในการใช้ตัวละครและเทคโนโลยี Sora

    มุมมองนักวิเคราะห์
    Michael Burry เปรียบ OpenAI กับ Netscape
    Gary Marcus วิจารณ์ว่าเผาเงินมหาศาลและสูญเสียความได้เปรียบ

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    การแข่งขันรุนแรงจาก Google, Amazon, Meta และ Microsoft
    ต้องพิสูจน์ว่าเงินลงทุนมหาศาลจะสร้างผลตอบแทนจริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/will-openai-be-the-next-tech-giant-or-next-netscape
    🤖 OpenAI จะเป็นยักษ์ใหญ่เทคโนโลยี หรือ Netscape แห่งยุค AI? สามปีหลังจากการเปิดตัว ChatGPT ในปี 2022 ที่สร้างปรากฏการณ์ระดับโลกและทำลายสถิติการเติบโตของผลิตภัณฑ์ผู้บริโภค OpenAI กลายเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จัก ปัจจุบันมีผู้ใช้งานกว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ ทั้งแบบเสียเงินและฟรี แต่ในขณะเดียวกันบริษัทก็ยัง ขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี และไม่คาดว่าจะทำกำไรก่อนปี 2029 นักลงทุนชื่อดัง Michael Burry เปรียบเทียบ OpenAI ว่าอาจเป็น “Netscape รุ่นใหม่” ที่แม้เคยครองตลาดเว็บเบราว์เซอร์ แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับ Microsoft ในยุค 90 ขณะที่นักวิจัยอย่าง Gary Marcus ก็วิจารณ์ว่า OpenAI กำลัง “เผาเงินหลายพันล้านดอลลาร์ต่อเดือน” และสูญเสียความได้เปรียบที่เคยมีเมื่อเปิดตัว ChatGPT แม้จะมีข้อกังวล แต่ OpenAI ก็ยังได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนรายใหญ่ เช่น Microsoft และล่าสุดยังมีการร่วมมือกับ Disney เพื่อนำตัวละครมาใช้ใน ChatGPT และเครื่องมือสร้างวิดีโอ Sora นอกจากนี้บริษัทได้ทำสัญญามูลค่ากว่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ กับผู้ผลิตชิปและผู้สร้างดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานรองรับการเติบโตของ AI นักวิเคราะห์บางรายมองว่าแม้ OpenAI จะเผชิญแรงกดดันจากคู่แข่งอย่าง Google, Amazon และ Meta แต่ตลาด AI ไม่ใช่ “ผู้ชนะกินรวบ” และยังมีพื้นที่ให้หลายบริษัทเติบโตไปพร้อมกัน อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหญ่คือการพิสูจน์ว่าเงินลงทุนมหาศาลจะสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเติบโตของ ChatGPT ➡️ เปิดตัวปี 2022 และสร้างปรากฏการณ์ระดับโลก ➡️ มีผู้ใช้งานกว่า 800 ล้านคนต่อสัปดาห์ ✅ สถานะทางการเงินของ OpenAI ➡️ ขาดทุนหลายพันล้านดอลลาร์ต่อปี ➡️ ไม่คาดว่าจะทำกำไรก่อนปี 2029 ✅ การลงทุนและพันธมิตร ➡️ สัญญามูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์กับผู้ผลิตชิปและดาต้าเซ็นเตอร์ ➡️ ร่วมมือกับ Disney ในการใช้ตัวละครและเทคโนโลยี Sora ✅ มุมมองนักวิเคราะห์ ➡️ Michael Burry เปรียบ OpenAI กับ Netscape ➡️ Gary Marcus วิจารณ์ว่าเผาเงินมหาศาลและสูญเสียความได้เปรียบ ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ การแข่งขันรุนแรงจาก Google, Amazon, Meta และ Microsoft ⛔ ต้องพิสูจน์ว่าเงินลงทุนมหาศาลจะสร้างผลตอบแทนจริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/will-openai-be-the-next-tech-giant-or-next-netscape
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Will OpenAI be the next tech giant or next Netscape?
    Three years after ChatGPT made OpenAI the leader in artificial intelligence and a household name, rivals have closed the gap and some investors are wondering if the sensation has the wherewithal to stay dominant.
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • เอกสารลับเผย Pepsi และ Walmart ร่วมมือปรับขึ้นราคาอาหาร

    การสืบสวนจาก The Big Newsletter พบเอกสารภายในที่แสดงให้เห็นว่า Pepsi และ Walmart ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีการวางกลยุทธ์ร่วมกันเพื่อให้การขึ้นราคาดำเนินไปอย่างราบรื่นและไม่กระทบต่อยอดขายมากนัก

    ในเอกสารมีการระบุถึงการประชุมที่ทั้งสองบริษัทหารือเรื่องการจัดการต้นทุนและการผลักภาระไปยังผู้บริโภค โดย Walmart ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองสูงในการกำหนดราคาสินค้า ขณะที่ Pepsi ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ก็ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด การร่วมมือกันเช่นนี้จึงสร้างผลกระทบต่อราคาสินค้าในวงกว้าง

    สิ่งที่น่ากังวลคือการปรับขึ้นราคานี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยตลาดตามธรรมชาติ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบหรือค่าขนส่ง แต่เป็นผลจากการตกลงร่วมกันของบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งอาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือการบิดเบือนตลาด ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือกมากนัก

    นักเศรษฐศาสตร์และนักเคลื่อนไหวด้านผู้บริโภคเตือนว่าการร่วมมือเช่นนี้อาจทำให้เกิด “shadow cartel” หรือการสมคบกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ ที่ควบคุมตลาด ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล ก็อาจทำให้ราคาสินค้าในชีวิตประจำวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดเผยเอกสารลับ
    แสดงให้เห็นการหารือระหว่าง Pepsi และ Walmart
    มีการวางกลยุทธ์ร่วมกันในการปรับขึ้นราคา

    ผลกระทบต่อผู้บริโภค
    ราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น
    ผู้บริโภคมีทางเลือกจำกัดในการซื้อสินค้า

    อำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่
    Walmart มีอำนาจต่อรองสูงในฐานะผู้ค้าปลีก
    Pepsi ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด

    ความเสี่ยงต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม
    การร่วมมืออาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือบิดเบือนตลาด
    หากไม่มีการตรวจสอบ อาจเกิด “shadow cartel” ที่ควบคุมราคาสินค้าในวงกว้าง

    https://www.thebignewsletter.com/p/secret-documents-show-pepsi-and-walmart
    🏪 เอกสารลับเผย Pepsi และ Walmart ร่วมมือปรับขึ้นราคาอาหาร การสืบสวนจาก The Big Newsletter พบเอกสารภายในที่แสดงให้เห็นว่า Pepsi และ Walmart ได้หารือกันเกี่ยวกับการปรับขึ้นราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม โดยมีการวางกลยุทธ์ร่วมกันเพื่อให้การขึ้นราคาดำเนินไปอย่างราบรื่นและไม่กระทบต่อยอดขายมากนัก ในเอกสารมีการระบุถึงการประชุมที่ทั้งสองบริษัทหารือเรื่องการจัดการต้นทุนและการผลักภาระไปยังผู้บริโภค โดย Walmart ซึ่งเป็นผู้ค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองสูงในการกำหนดราคาสินค้า ขณะที่ Pepsi ในฐานะผู้ผลิตรายใหญ่ก็ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด การร่วมมือกันเช่นนี้จึงสร้างผลกระทบต่อราคาสินค้าในวงกว้าง สิ่งที่น่ากังวลคือการปรับขึ้นราคานี้ไม่ได้เกิดจากปัจจัยตลาดตามธรรมชาติ เช่น ต้นทุนวัตถุดิบหรือค่าขนส่ง แต่เป็นผลจากการตกลงร่วมกันของบริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งอาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือการบิดเบือนตลาด ทำให้ผู้บริโภคต้องจ่ายแพงขึ้นโดยไม่มีทางเลือกมากนัก นักเศรษฐศาสตร์และนักเคลื่อนไหวด้านผู้บริโภคเตือนว่าการร่วมมือเช่นนี้อาจทำให้เกิด “shadow cartel” หรือการสมคบกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างบริษัทใหญ่ ๆ ที่ควบคุมตลาด ซึ่งหากไม่มีการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแล ก็อาจทำให้ราคาสินค้าในชีวิตประจำวันสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดเผยเอกสารลับ ➡️ แสดงให้เห็นการหารือระหว่าง Pepsi และ Walmart ➡️ มีการวางกลยุทธ์ร่วมกันในการปรับขึ้นราคา ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภค ➡️ ราคาสินค้าอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น ➡️ ผู้บริโภคมีทางเลือกจำกัดในการซื้อสินค้า ✅ อำนาจของบริษัทยักษ์ใหญ่ ➡️ Walmart มีอำนาจต่อรองสูงในฐานะผู้ค้าปลีก ➡️ Pepsi ต้องการรักษากำไรและส่วนแบ่งตลาด ‼️ ความเสี่ยงต่อการแข่งขันที่เป็นธรรม ⛔ การร่วมมืออาจเข้าข่ายการผูกขาดหรือบิดเบือนตลาด ⛔ หากไม่มีการตรวจสอบ อาจเกิด “shadow cartel” ที่ควบคุมราคาสินค้าในวงกว้าง https://www.thebignewsletter.com/p/secret-documents-show-pepsi-and-walmart
    WWW.THEBIGNEWSLETTER.COM
    Secret Documents Show Pepsi and Walmart Colluded to Raise Food Prices Across the Economy
    The Trump FTC tried to hide a complaint showing Pepsi forced shoppers to pay higher prices everywhere but Walmart. But now it's unsealed. And the politics of affordability are explosive.
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • ดาวเทียมยุคใหม่ทำได้มากกว่าที่คิด

    จำนวนดาวเทียมในวงโคจรโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 11,000 ดวง ณ พฤษภาคม 2025 และไม่ได้มีแค่จำนวนที่มากขึ้น แต่ยังมีความสามารถที่หลากหลายและซับซ้อนกว่าเดิม ดาวเทียมไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสารหรือ GPS อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถผลิตสินค้า, ตรวจสอบภัยพิบัติ และแม้แต่ตัดสินใจเองได้โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์

    การผลิตในอวกาศและการมองทะลุเมฆ
    บริษัทเอกชนเริ่มส่งดาวเทียมขึ้นไปเพื่อทดลอง การผลิตในสภาวะไร้น้ำหนัก เช่น การสร้างผลึกโมเลกุลสำหรับอุตสาหกรรมยา และการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ยากต่อการทำบนโลก นอกจากนี้ เทคโนโลยี Synthetic Aperture Radar (SAR) ทำให้ดาวเทียมสามารถมองทะลุเมฆและกลางคืนได้ ซึ่งถูกใช้จริงในการตรวจสอบการเคลื่อนทัพของรัสเซียในสงครามยูเครน และช่วยประเมินผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็ว

    ดาวเทียมฝูงและระบบหลบหลีกอัตโนมัติ
    จากเดิมที่ดาวเทียมถูกส่งขึ้นไปแบบเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มเรียงแถว ปัจจุบัน NASA กำลังทดสอบการเคลื่อนที่แบบ swarm ที่ดาวเทียมสามารถสื่อสารและประสานงานกันเองเพื่อหลบหลีกเศษซากอวกาศและดาวเทียมอื่น ๆ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากโลก ระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงการชนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการวงโคจร

    ดาวเทียมกับ “X-ray vision”
    นอกจากการสังเกตจักรวาลด้วยกล้อง X-ray แล้ว ปัจจุบันมีการพัฒนาดาวเทียมที่สามารถใช้ X-ray ตรวจสอบภายในดาวเทียมอื่น เพื่อดูว่ามีการเสียหายหรือถูกเศษซากอวกาศชนหรือไม่ ความสามารถนี้ยังถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในยุคการแข่งขันด้านอวกาศที่มีความตึงเครียดทางการเมืองเพิ่มขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    จำนวนดาวเทียมเพิ่มขึ้นกว่า 11,000 ดวงในปี 2025
    สะท้อนการเติบโตของอุตสาหกรรมอวกาศ

    การผลิตในอวกาศ
    ผลึกโมเลกุลสำหรับยา
    เซมิคอนดักเตอร์ในสภาวะไร้น้ำหนัก

    เทคโนโลยี SAR
    มองทะลุเมฆและกลางคืน
    ใช้ตรวจสอบสงครามและภัยพิบัติ

    ดาวเทียมฝูงและระบบหลบหลีกอัตโนมัติ
    ประสานงานกันเองโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากโลก

    X-ray vision ของดาวเทียม
    ตรวจสอบภายในดาวเทียมอื่น
    ใช้ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และความมั่นคง

    คำเตือน
    การเพิ่มจำนวนดาวเทียมทำให้ความเสี่ยงการชนสูงขึ้น
    ความสามารถ X-ray อาจถูกใช้ในเชิงการทหารและการสอดแนม

    https://www.slashgear.com/2049270/satellite-facts-didnt-teach-in-school/
    🛰️ ดาวเทียมยุคใหม่ทำได้มากกว่าที่คิด จำนวนดาวเทียมในวงโคจรโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 11,000 ดวง ณ พฤษภาคม 2025 และไม่ได้มีแค่จำนวนที่มากขึ้น แต่ยังมีความสามารถที่หลากหลายและซับซ้อนกว่าเดิม ดาวเทียมไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสารหรือ GPS อีกต่อไป แต่กำลังกลายเป็นแพลตฟอร์มที่สามารถผลิตสินค้า, ตรวจสอบภัยพิบัติ และแม้แต่ตัดสินใจเองได้โดยไม่ต้องพึ่งมนุษย์ ⚡ การผลิตในอวกาศและการมองทะลุเมฆ บริษัทเอกชนเริ่มส่งดาวเทียมขึ้นไปเพื่อทดลอง การผลิตในสภาวะไร้น้ำหนัก เช่น การสร้างผลึกโมเลกุลสำหรับอุตสาหกรรมยา และการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ยากต่อการทำบนโลก นอกจากนี้ เทคโนโลยี Synthetic Aperture Radar (SAR) ทำให้ดาวเทียมสามารถมองทะลุเมฆและกลางคืนได้ ซึ่งถูกใช้จริงในการตรวจสอบการเคลื่อนทัพของรัสเซียในสงครามยูเครน และช่วยประเมินผลกระทบจากภัยพิบัติได้อย่างรวดเร็ว 🌐 ดาวเทียมฝูงและระบบหลบหลีกอัตโนมัติ จากเดิมที่ดาวเทียมถูกส่งขึ้นไปแบบเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มเรียงแถว ปัจจุบัน NASA กำลังทดสอบการเคลื่อนที่แบบ swarm ที่ดาวเทียมสามารถสื่อสารและประสานงานกันเองเพื่อหลบหลีกเศษซากอวกาศและดาวเทียมอื่น ๆ โดยไม่ต้องรอคำสั่งจากโลก ระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงการชนและเพิ่มความยืดหยุ่นในการจัดการวงโคจร 🔎 ดาวเทียมกับ “X-ray vision” นอกจากการสังเกตจักรวาลด้วยกล้อง X-ray แล้ว ปัจจุบันมีการพัฒนาดาวเทียมที่สามารถใช้ X-ray ตรวจสอบภายในดาวเทียมอื่น เพื่อดูว่ามีการเสียหายหรือถูกเศษซากอวกาศชนหรือไม่ ความสามารถนี้ยังถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในยุคการแข่งขันด้านอวกาศที่มีความตึงเครียดทางการเมืองเพิ่มขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ จำนวนดาวเทียมเพิ่มขึ้นกว่า 11,000 ดวงในปี 2025 ➡️ สะท้อนการเติบโตของอุตสาหกรรมอวกาศ ✅ การผลิตในอวกาศ ➡️ ผลึกโมเลกุลสำหรับยา ➡️ เซมิคอนดักเตอร์ในสภาวะไร้น้ำหนัก ✅ เทคโนโลยี SAR ➡️ มองทะลุเมฆและกลางคืน ➡️ ใช้ตรวจสอบสงครามและภัยพิบัติ ✅ ดาวเทียมฝูงและระบบหลบหลีกอัตโนมัติ ➡️ ประสานงานกันเองโดยไม่ต้องรอคำสั่งจากโลก ✅ X-ray vision ของดาวเทียม ➡️ ตรวจสอบภายในดาวเทียมอื่น ➡️ ใช้ทั้งด้านวิทยาศาสตร์และความมั่นคง ‼️ คำเตือน ⛔ การเพิ่มจำนวนดาวเทียมทำให้ความเสี่ยงการชนสูงขึ้น ⛔ ความสามารถ X-ray อาจถูกใช้ในเชิงการทหารและการสอดแนม https://www.slashgear.com/2049270/satellite-facts-didnt-teach-in-school/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Things About Satellites They Didn't Teach You In School - SlashGear
    Satellites have come a long way in the last couple years, and what you learned about them in school is likely far different from their current uses.
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • พืชโบราณกับการสื่อสารผ่านความร้อน

    งานวิจัยใหม่เผยว่า พืชโบราณอย่างไซแคด (Cycads) ใช้ความร้อนจากโคนเพื่อดึงดูดแมลงผสมเกสร ซึ่งเป็นกลไกการสื่อสารที่เก่าแก่ที่สุดรูปแบบหนึ่งในโลกพืช และยังเชื่อมโยงกับการอยู่รอดของสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ในปัจจุบัน

    นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าไซแคด (เช่น Zamia furfuracea) สามารถสร้างความร้อนสูงกว่าสภาพแวดล้อมได้ถึง 25–35°C เพื่อดึงดูดแมลง โดยเฉพาะด้วง Rhopalotria furfuracea ที่เป็นผู้ช่วยผสมเกสรหลัก กลไกนี้เกิดขึ้นตามจังหวะเวลาในแต่ละวัน: โคนเพศผู้จะร้อนขึ้นก่อนเพื่อเรียกแมลง จากนั้นโคนเพศเมียจะร้อนตามเพื่อรับละอองเกสร ถือเป็นการสื่อสารที่ไม่ใช่สีหรือกลิ่น แต่เป็น “สัญญาณอินฟราเรด” ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกพืช

    กลไกชีววิทยาที่ซับซ้อน
    การสร้างความร้อนเกิดจากยีน AOX1 ที่ทำงานเกินปกติในไซแคด ทำให้เซลล์เปลี่ยนพลังงานเป็นความร้อนแทนการสร้าง ATP ขณะเดียวกัน แมลงมีเซ็นเซอร์พิเศษที่หนวด เรียกว่า coeloconic sensilla ซึ่งเชื่อมกับช่องไอออน TRPA1 ที่ตอบสนองต่อรังสีอินฟราเรด ทำให้แมลงสามารถตรวจจับความร้อนและเคลื่อนย้ายละอองเกสรได้อย่างแม่นยำ

    ความเชื่อมโยงกับวิวัฒนาการ
    ไซแคดถูกเรียกว่า “ฟอสซิลมีชีวิต” เพราะแทบไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยุคจูราสสิกกว่า 200 ล้านปีที่ผ่านมา กลไกการใช้ความร้อนอาจเป็นวิธีดึงดูดแมลงที่มีสายตาไม่ดีในยุคดึกดำบรรพ์ ก่อนที่พืชดอกจะวิวัฒนาการสีสันสดใสเพื่อดึงดูดผึ้งและผีเสื้อในภายหลัง การค้นพบนี้จึงช่วยเปิดมิติใหม่ในการเข้าใจการร่วมวิวัฒนาการระหว่างพืชและแมลง

    สถานะใกล้สูญพันธุ์
    ปัจจุบันไซแคดเหลือเพียงราว 300 สายพันธุ์ทั่วโลก และส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์ตามบัญชี IUCN เนื่องจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่และการแข่งขันกับพืชดอกที่มีสัญญาณหลากหลายกว่า นักอนุรักษ์จึงเร่งสร้างโครงการเพาะเลี้ยงและฟื้นฟูเพื่อรักษาสายพันธุ์โบราณนี้ไว้

    สรุปสาระสำคัญ

    การสื่อสารผ่านความร้อนของไซแคด
    โคนเพศผู้และเพศเมียร้อนขึ้นตามจังหวะเวลาเพื่อดึงดูดแมลง

    กลไกชีววิทยา
    ยีน AOX1 สร้างความร้อน, แมลงใช้ TRPA1 ตรวจจับอินฟราเรด

    ความสำคัญทางวิวัฒนาการ
    เป็นหนึ่งในวิธีดึงดูดแมลงที่เก่าแก่ที่สุด ก่อนพืชดอกจะใช้สีและกลิ่น

    สถานะใกล้สูญพันธุ์
    เหลือเพียง ~300 สายพันธุ์ และต้องการการอนุรักษ์เร่งด่วน

    ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
    การสูญเสียถิ่นที่อยู่และการแข่งขันกับพืชดอกทำให้ไซแคดอ่อนแอ

    ความเปราะบางของระบบนิเวศ
    หากแมลงผสมเกสรเฉพาะสูญหาย อาจทำให้ไซแคดไม่สามารถสืบพันธุ์ได้

    https://www.sciencealert.com/an-ancient-form-of-plant-communication-still-lures-pollinators-using-heat
    🌱 พืชโบราณกับการสื่อสารผ่านความร้อน งานวิจัยใหม่เผยว่า พืชโบราณอย่างไซแคด (Cycads) ใช้ความร้อนจากโคนเพื่อดึงดูดแมลงผสมเกสร ซึ่งเป็นกลไกการสื่อสารที่เก่าแก่ที่สุดรูปแบบหนึ่งในโลกพืช และยังเชื่อมโยงกับการอยู่รอดของสายพันธุ์ที่ใกล้สูญพันธุ์ในปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าไซแคด (เช่น Zamia furfuracea) สามารถสร้างความร้อนสูงกว่าสภาพแวดล้อมได้ถึง 25–35°C เพื่อดึงดูดแมลง โดยเฉพาะด้วง Rhopalotria furfuracea ที่เป็นผู้ช่วยผสมเกสรหลัก กลไกนี้เกิดขึ้นตามจังหวะเวลาในแต่ละวัน: โคนเพศผู้จะร้อนขึ้นก่อนเพื่อเรียกแมลง จากนั้นโคนเพศเมียจะร้อนตามเพื่อรับละอองเกสร ถือเป็นการสื่อสารที่ไม่ใช่สีหรือกลิ่น แต่เป็น “สัญญาณอินฟราเรด” ที่เก่าแก่ที่สุดในโลกพืช 🔬 กลไกชีววิทยาที่ซับซ้อน การสร้างความร้อนเกิดจากยีน AOX1 ที่ทำงานเกินปกติในไซแคด ทำให้เซลล์เปลี่ยนพลังงานเป็นความร้อนแทนการสร้าง ATP ขณะเดียวกัน แมลงมีเซ็นเซอร์พิเศษที่หนวด เรียกว่า coeloconic sensilla ซึ่งเชื่อมกับช่องไอออน TRPA1 ที่ตอบสนองต่อรังสีอินฟราเรด ทำให้แมลงสามารถตรวจจับความร้อนและเคลื่อนย้ายละอองเกสรได้อย่างแม่นยำ 🦖 ความเชื่อมโยงกับวิวัฒนาการ ไซแคดถูกเรียกว่า “ฟอสซิลมีชีวิต” เพราะแทบไม่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ยุคจูราสสิกกว่า 200 ล้านปีที่ผ่านมา กลไกการใช้ความร้อนอาจเป็นวิธีดึงดูดแมลงที่มีสายตาไม่ดีในยุคดึกดำบรรพ์ ก่อนที่พืชดอกจะวิวัฒนาการสีสันสดใสเพื่อดึงดูดผึ้งและผีเสื้อในภายหลัง การค้นพบนี้จึงช่วยเปิดมิติใหม่ในการเข้าใจการร่วมวิวัฒนาการระหว่างพืชและแมลง ⚠️ สถานะใกล้สูญพันธุ์ ปัจจุบันไซแคดเหลือเพียงราว 300 สายพันธุ์ทั่วโลก และส่วนใหญ่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์ตามบัญชี IUCN เนื่องจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่และการแข่งขันกับพืชดอกที่มีสัญญาณหลากหลายกว่า นักอนุรักษ์จึงเร่งสร้างโครงการเพาะเลี้ยงและฟื้นฟูเพื่อรักษาสายพันธุ์โบราณนี้ไว้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การสื่อสารผ่านความร้อนของไซแคด ➡️ โคนเพศผู้และเพศเมียร้อนขึ้นตามจังหวะเวลาเพื่อดึงดูดแมลง ✅ กลไกชีววิทยา ➡️ ยีน AOX1 สร้างความร้อน, แมลงใช้ TRPA1 ตรวจจับอินฟราเรด ✅ ความสำคัญทางวิวัฒนาการ ➡️ เป็นหนึ่งในวิธีดึงดูดแมลงที่เก่าแก่ที่สุด ก่อนพืชดอกจะใช้สีและกลิ่น ✅ สถานะใกล้สูญพันธุ์ ➡️ เหลือเพียง ~300 สายพันธุ์ และต้องการการอนุรักษ์เร่งด่วน ‼️ ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ⛔ การสูญเสียถิ่นที่อยู่และการแข่งขันกับพืชดอกทำให้ไซแคดอ่อนแอ ‼️ ความเปราะบางของระบบนิเวศ ⛔ หากแมลงผสมเกสรเฉพาะสูญหาย อาจทำให้ไซแคดไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ https://www.sciencealert.com/an-ancient-form-of-plant-communication-still-lures-pollinators-using-heat
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    An Ancient Form of Plant Communication Still Lures Pollinators Using Heat
    Blazing colors and enticing scents may be showy, but they're just one part of the toolkit plants use to lure in pollinators.
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷

    #รวมข่าวIT #20251216 #securityonline

    วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง
    ช่วงนี้ผู้ดูแลระบบ Fortinet ต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการในระบบ FortiGate และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกโจมตีจริงทันที แฮกเกอร์ใช้วิธีเจาะผ่านระบบ Single Sign-On (SSO) โดยส่งข้อความ SAML ที่ถูกปรับแต่ง ทำให้สามารถล็อกอินเป็นผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาจะรีบขโมยการตั้งค่าระบบไฟร์วอลล์ออกไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักมีรหัสผ่านที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้ VPN และบัญชีอื่น ๆ จุดอันตรายคือการตั้งค่า FortiCloud SSO ที่แม้จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน GUI มันจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดเอง ทำให้หลายระบบเสี่ยงทันที นักวิจัยแนะนำให้รีบอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดหรือปิดฟีเจอร์นี้ผ่าน CLI เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs

    Apple ยอม EU: iOS 26.3 ส่งต่อการแจ้งเตือนให้สมาร์ทวอชแบรนด์อื่น
    ใน iOS 26.3 เบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Notification Forwarding ที่ให้ iPhone ส่งต่อการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สวมใส่จากแบรนด์อื่นได้โดยตรง ไม่จำกัดแค่ Apple Watch อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เปิดใช้เฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act ที่บังคับให้ Apple เปิดโอกาสให้สมาร์ทวอชจากค่ายอื่นเข้าถึงฟังก์ชันที่เคยสงวนไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปใดส่งการแจ้งเตือนออกไป และลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการที่อุปกรณ์อื่นต้องเข้าถึงการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบครอบคลุม ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ Apple เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก EU
    https://securityonline.info/eu-compliance-ios-26-3-adds-notification-forwarding-to-third-party-wearables-bypassing-apple-watch

    Windows 10 อัปเดต KB5071546 ทำ MSMQ ใช้งานไม่ได้
    Microsoft ยืนยันแล้วว่าการติดตั้งอัปเดต KB5071546 บน Windows 10 ทำให้บริการ Microsoft Message Queuing (MSMQ) ล้มเหลว MSMQ เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการข้อความระหว่างแอปพลิเคชัน หากมันหยุดทำงาน งานเบื้องหลังที่ต้องพึ่งพาคิวข้อความก็จะหยุดตามทันที ส่งผลให้เว็บไซต์หรือแอปที่รันบน IIS ไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุคือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์จัดเก็บข้อความ ทำให้บัญชีที่ใช้ MSMQ ไม่มีสิทธิ์เพียงพอ แม้จะรีสตาร์ทหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา ทางออกเดียวตอนนี้คือถอนการติดตั้งอัปเดตแล้วรอ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไขในเดือนถัดไป
    https://securityonline.info/enterprise-alert-windows-10-update-kb5071546-breaks-msmq-service-with-insufficient-permissions

    ช่องโหว่ ScreenConnect เสี่ยงติดตั้งส่วนขยายไม่ปลอดภัย
    ConnectWise ออกแพตช์ใหม่สำหรับ ScreenConnect หลังพบช่องโหว่ CVE-2025-14265 ที่มีความรุนแรงสูงถึง 9.1 ช่องโหว่นี้อาจทำให้ผู้ที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าหรือบังคับติดตั้งส่วนขยายที่ไม่น่าเชื่อถือได้ แม้จะไม่ใช่การเปิดช่องให้โจมตีจากภายนอกโดยตรง แต่หากบัญชีผู้ดูแลถูกเจาะก็อันตรายทันที แพตช์เวอร์ชัน 25.8 ได้เพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของส่วนขยายและเสริมความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้ระบบคลาวด์ไม่ต้องทำอะไรเพราะถูกแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ติดตั้งเองในองค์กรต้องรีบอัปเดตด้วยตนเอง
    https://securityonline.info/critical-screenconnect-flaw-cvss-9-1-risks-config-exposure-untrusted-extension-installation

    OpenShift GitOps ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จนยึดคลัสเตอร์ได้
    Red Hat OpenShift GitOps ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-13888 ที่ร้ายแรงมาก ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เพียงระดับ namespace admin สามารถใช้ ArgoCD Custom Resources เพื่อยกระดับสิทธิ์จนเข้าถึงทั้งคลัสเตอร์ได้ วิธีการคือการแก้ไขค่า sourceNamespaces ใน CR ให้ชี้ไปยัง namespace ที่มีสิทธิ์สูง เช่น default จากนั้นระบบจะสร้าง RoleBinding และ Role ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันงานที่มีสิทธิ์สูงสุดบน master node ได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดครองคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดและจำกัดสิทธิ์การสร้าง ArgoCD CR ให้เฉพาะผู้ดูแลที่เชื่อถือได้
    https://securityonline.info/critical-openshift-gitops-flaw-risks-cluster-takeover-cve-2025-13888-via-privilege-escalation-to-root

    Phantom Stealer โจมตีการเงินรัสเซียผ่านไฟล์ ISO
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันการโอนเงินจากบริษัทการเงินจริงๆ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดไฟล์แนบที่เป็นไฟล์ ISO เมื่อเปิดแล้วจะมีโปรแกรมแฝงที่ชื่อ Phantom Stealer ทำงานทันที มันสามารถขโมยข้อมูลได้หลายอย่าง ทั้งรหัสผ่านในเบราว์เซอร์ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงดักจับการพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งที่เหยื่อกด Phantom Stealer ยังมีระบบป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบ ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนักวิจัยจับตามันจะลบตัวเองทันที การโจมตีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้ไฟล์ ISO เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทางการเงินอย่างมาก
    https://securityonline.info/phantom-stealer-targets-russian-finance-with-iso-phishing-deploying-keyloggers-and-crypto-wallet-theft

    Frogblight มัลแวร์ Android ปลอมเป็นแอปภาครัฐในตุรกี
    มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ Frogblight ถูกค้นพบว่ากำลังแพร่ระบาดในตุรกี โดยมันปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันของรัฐบาลที่ใช้ดูข้อมูลคดีความ ผู้ใช้จะได้รับ SMS หลอกว่ามีคดีความและต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อดูรายละเอียด เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหลายอย่าง เช่น SMS รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง จากนั้นมันจะเปิดหน้าเว็บจริงของรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ตายใจ แต่เบื้องหลังมันจะดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคารและส่งไปยังผู้โจมตี Frogblight ยังมีฟังก์ชันสอดแนมอื่นๆ เช่นเก็บข้อมูลแอปที่ติดตั้งและไฟล์ในเครื่อง นักวิจัยพบว่ามันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบบริการให้เช่าแก่แฮกเกอร์รายอื่น ทำให้ภัยนี้มีโอกาสแพร่กระจายไปนอกตุรกีได้ในอนาคต
    https://securityonline.info/frogblight-android-banking-trojan-targets-turkey-via-fake-e-gov-smishing-and-webview

    ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่เก่าใน macOS ที่เคยรายงานตั้งแต่ปี 2018 ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แม้ Apple จะพยายามอุดหลายครั้ง ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปที่ต้องใช้สิทธิ์ root โดยหากมีแอปปลอมถูกวางไว้ในโฟลเดอร์ Applications ก่อน แอปจริงจะถูกติดตั้งเข้าไปในโฟลเดอร์พิเศษชื่อ .localized ทำให้ระบบเข้าใจผิดและไปเรียกใช้แอปปลอมแทน ผลคือผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ทันที ถือเป็นการเจาะระบบที่อันตรายมาก นักวิจัยย้ำว่าปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการการแก้ไขที่จริงจังจาก Apple เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต
    https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access

    มัลแวร์ NuGet แฝงตัว 5 ปี ขโมยกระเป๋าเงินคริปโต
    มีการค้นพบแพ็กเกจ NuGet ปลอมชื่อ Tracer.Fody.NLog ที่ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2020 และอยู่รอดมาได้กว่า 5 ปีโดยไม่ถูกตรวจจับ มันปลอมตัวเป็นเครื่องมือ .NET ที่ใช้บันทึก log แต่จริงๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการใช้ตัวอักษร Cyrillic ที่หน้าตาเหมือนตัวอักษร Latin เพื่อหลบการตรวจสอบ เมื่อถูกติดตั้ง มันจะค้นหาไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัล Stratis และขโมยรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ถือเป็นการโจมตี supply chain ที่อันตรายมาก เพราะนักพัฒนาที่เชื่อใจแพ็กเกจโอเพนซอร์สอาจถูกดักข้อมูลโดยไม่รู้ตัว
    https://securityonline.info/5-year-threat-malicious-nuget-package-used-homoglyphs-and-typosquatting-to-steal-crypto-wallets

    Intel เตรียมเข้าซื้อกิจการ SambaNova ในราคาลดฮวบ
    เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะเดิมทีมีข่าวว่า Intel จะทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง SambaNova แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่ามูลค่าดีลจริงอาจเหลือเพียง 1.6 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าเดิมของบริษัทในปี 2021 ที่สูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองความเป็นใหญ่ SambaNova มีจุดแข็งด้านสถาปัตยกรรมที่เน้นการประมวลผลสำหรับโมเดลภาษาและการทำงานแบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ซึ่งอาจช่วย Intel เติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ แต่ความท้าทายใหญ่คือการผสานเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบของ Intel โดยไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ Gaudi ที่มีอยู่แล้ว
    https://securityonline.info/intel-nears-sambanova-acquisition-at-1-6b-fire-sale-price-down-from-5b-valuation

    Claude AI ทำพลาด ลบข้อมูลทั้งเครื่อง Mac ของนักพัฒนา
    นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องระวังการใช้เครื่องมือ AI มากขึ้น นักพัฒนารายหนึ่งใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ แต่กลับเกิดความผิดพลาดจากคำสั่งที่มีเครื่องหมาย ~ ต่อท้าย ทำให้ระบบไปลบทั้งโฟลเดอร์ Home Directory ของเครื่อง Mac ผลคือข้อมูลสำคัญอย่าง Desktop, Documents, Downloads และ Keychains หายไปทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรง นักพัฒนาบางคนจึงเสนอให้ใช้ Docker เป็นตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ AI สามารถทำลายข้อมูลในเครื่องจริงได้
    https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory

    SpaceX เตรียม IPO ปี 2026 หลังมูลค่าพุ่งถึง 800 พันล้านดอลลาร์
    SpaceX กำลังเดินหน้าสู่การเข้าตลาดหุ้น โดยมีการเริ่มคัดเลือกธนาคารเพื่อเป็นที่ปรึกษา IPO และมีการส่งบันทึกภายในยืนยันว่าบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2026 แม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการขายหุ้นภายในล่าสุดตีมูลค่าถึง 800 พันล้านดอลลาร์ แรงหนุนสำคัญมาจากบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังส่งผลให้ Alphabet ซึ่งเคยลงทุนใน SpaceX ได้กำไรอย่างมหาศาลอีกด้วย
    https://securityonline.info/spacex-ipo-company-prepares-for-2026-listing-after-valuation-soars-to-800-billion

    Salt Typhoon กลุ่มแฮ็กเกอร์จากการแข่งขัน Cisco สู่การเจาะระบบโทรคมนาคมโลก
    เรื่องนี้เหมือนนิยาย แต่เกิดขึ้นจริง นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Salt Typhoon มีจุดเริ่มต้นจากนักศึกษาที่เคยแข่งขัน Cisco Network Academy Cup ก่อนจะนำความรู้ไปใช้ในการเจาะระบบโทรคมนาคมกว่า 80 บริษัททั่วโลก พวกเขาสามารถดักฟังทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงเข้าถึงระบบที่ใช้สำหรับการดักฟังโดยกฎหมายเองด้วย เบื้องหลังคือสองบุคคลที่เคยเป็นคู่แข่งกันในสมัยเรียน แต่กลับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายไซเบอร์ที่ทรงพลัง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้
    https://securityonline.info/from-cisco-student-rivalry-to-global-hackers-salt-typhoon-breaches-80-telecos-for-intelligence

    BlackForce เครื่องมือ Phishing-as-a-Service รุ่นใหม่ที่อันตราย
    BlackForce คือชุดเครื่องมือฟิชชิ่งที่ถูกขายใน Telegram ในราคาหลักร้อยยูโร แต่มีความสามารถสูงมาก มันสามารถหลอกขโมยรหัสผ่านและยังเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (MFA) ได้ โดยใช้เทคนิค Man-in-the-Browser เพื่อดักจับรหัส OTP แบบเรียลไทม์ จุดที่ทำให้มันน่ากลัวคือการใช้โค้ด React และ React Router ที่ดูเหมือนของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ อีกทั้งยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเวอร์ชัน stateless ไปสู่ stateful ที่สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้แม้รีเฟรชหน้าเว็บได้ ทำให้การโจมตีมีความต่อเนื่องและยากต่อการป้องกัน
    https://securityonline.info/blackforce-phaas-weaponizes-react-and-stateful-sessions-to-bypass-mfa-steal-credentials

    📌🔐🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔐🩷📌 #รวมข่าวIT #20251216 #securityonline 🛡️ วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง ช่วงนี้ผู้ดูแลระบบ Fortinet ต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการในระบบ FortiGate และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกโจมตีจริงทันที แฮกเกอร์ใช้วิธีเจาะผ่านระบบ Single Sign-On (SSO) โดยส่งข้อความ SAML ที่ถูกปรับแต่ง ทำให้สามารถล็อกอินเป็นผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาจะรีบขโมยการตั้งค่าระบบไฟร์วอลล์ออกไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักมีรหัสผ่านที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้ VPN และบัญชีอื่น ๆ จุดอันตรายคือการตั้งค่า FortiCloud SSO ที่แม้จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน GUI มันจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดเอง ทำให้หลายระบบเสี่ยงทันที นักวิจัยแนะนำให้รีบอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดหรือปิดฟีเจอร์นี้ผ่าน CLI เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs ⌚ Apple ยอม EU: iOS 26.3 ส่งต่อการแจ้งเตือนให้สมาร์ทวอชแบรนด์อื่น ใน iOS 26.3 เบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Notification Forwarding ที่ให้ iPhone ส่งต่อการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สวมใส่จากแบรนด์อื่นได้โดยตรง ไม่จำกัดแค่ Apple Watch อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เปิดใช้เฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act ที่บังคับให้ Apple เปิดโอกาสให้สมาร์ทวอชจากค่ายอื่นเข้าถึงฟังก์ชันที่เคยสงวนไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปใดส่งการแจ้งเตือนออกไป และลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการที่อุปกรณ์อื่นต้องเข้าถึงการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบครอบคลุม ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ Apple เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก EU 🔗 https://securityonline.info/eu-compliance-ios-26-3-adds-notification-forwarding-to-third-party-wearables-bypassing-apple-watch 💻 Windows 10 อัปเดต KB5071546 ทำ MSMQ ใช้งานไม่ได้ Microsoft ยืนยันแล้วว่าการติดตั้งอัปเดต KB5071546 บน Windows 10 ทำให้บริการ Microsoft Message Queuing (MSMQ) ล้มเหลว MSMQ เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการข้อความระหว่างแอปพลิเคชัน หากมันหยุดทำงาน งานเบื้องหลังที่ต้องพึ่งพาคิวข้อความก็จะหยุดตามทันที ส่งผลให้เว็บไซต์หรือแอปที่รันบน IIS ไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุคือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์จัดเก็บข้อความ ทำให้บัญชีที่ใช้ MSMQ ไม่มีสิทธิ์เพียงพอ แม้จะรีสตาร์ทหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา ทางออกเดียวตอนนี้คือถอนการติดตั้งอัปเดตแล้วรอ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไขในเดือนถัดไป 🔗 https://securityonline.info/enterprise-alert-windows-10-update-kb5071546-breaks-msmq-service-with-insufficient-permissions 🖥️ ช่องโหว่ ScreenConnect เสี่ยงติดตั้งส่วนขยายไม่ปลอดภัย ConnectWise ออกแพตช์ใหม่สำหรับ ScreenConnect หลังพบช่องโหว่ CVE-2025-14265 ที่มีความรุนแรงสูงถึง 9.1 ช่องโหว่นี้อาจทำให้ผู้ที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าหรือบังคับติดตั้งส่วนขยายที่ไม่น่าเชื่อถือได้ แม้จะไม่ใช่การเปิดช่องให้โจมตีจากภายนอกโดยตรง แต่หากบัญชีผู้ดูแลถูกเจาะก็อันตรายทันที แพตช์เวอร์ชัน 25.8 ได้เพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของส่วนขยายและเสริมความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้ระบบคลาวด์ไม่ต้องทำอะไรเพราะถูกแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ติดตั้งเองในองค์กรต้องรีบอัปเดตด้วยตนเอง 🔗 https://securityonline.info/critical-screenconnect-flaw-cvss-9-1-risks-config-exposure-untrusted-extension-installation ☸️ OpenShift GitOps ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จนยึดคลัสเตอร์ได้ Red Hat OpenShift GitOps ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-13888 ที่ร้ายแรงมาก ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เพียงระดับ namespace admin สามารถใช้ ArgoCD Custom Resources เพื่อยกระดับสิทธิ์จนเข้าถึงทั้งคลัสเตอร์ได้ วิธีการคือการแก้ไขค่า sourceNamespaces ใน CR ให้ชี้ไปยัง namespace ที่มีสิทธิ์สูง เช่น default จากนั้นระบบจะสร้าง RoleBinding และ Role ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันงานที่มีสิทธิ์สูงสุดบน master node ได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดครองคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดและจำกัดสิทธิ์การสร้าง ArgoCD CR ให้เฉพาะผู้ดูแลที่เชื่อถือได้ 🔗 https://securityonline.info/critical-openshift-gitops-flaw-risks-cluster-takeover-cve-2025-13888-via-privilege-escalation-to-root 🕵️‍♂️ Phantom Stealer โจมตีการเงินรัสเซียผ่านไฟล์ ISO เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันการโอนเงินจากบริษัทการเงินจริงๆ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดไฟล์แนบที่เป็นไฟล์ ISO เมื่อเปิดแล้วจะมีโปรแกรมแฝงที่ชื่อ Phantom Stealer ทำงานทันที มันสามารถขโมยข้อมูลได้หลายอย่าง ทั้งรหัสผ่านในเบราว์เซอร์ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงดักจับการพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งที่เหยื่อกด Phantom Stealer ยังมีระบบป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบ ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนักวิจัยจับตามันจะลบตัวเองทันที การโจมตีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้ไฟล์ ISO เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทางการเงินอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/phantom-stealer-targets-russian-finance-with-iso-phishing-deploying-keyloggers-and-crypto-wallet-theft 📱 Frogblight มัลแวร์ Android ปลอมเป็นแอปภาครัฐในตุรกี มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ Frogblight ถูกค้นพบว่ากำลังแพร่ระบาดในตุรกี โดยมันปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันของรัฐบาลที่ใช้ดูข้อมูลคดีความ ผู้ใช้จะได้รับ SMS หลอกว่ามีคดีความและต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อดูรายละเอียด เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหลายอย่าง เช่น SMS รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง จากนั้นมันจะเปิดหน้าเว็บจริงของรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ตายใจ แต่เบื้องหลังมันจะดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคารและส่งไปยังผู้โจมตี Frogblight ยังมีฟังก์ชันสอดแนมอื่นๆ เช่นเก็บข้อมูลแอปที่ติดตั้งและไฟล์ในเครื่อง นักวิจัยพบว่ามันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบบริการให้เช่าแก่แฮกเกอร์รายอื่น ทำให้ภัยนี้มีโอกาสแพร่กระจายไปนอกตุรกีได้ในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/frogblight-android-banking-trojan-targets-turkey-via-fake-e-gov-smishing-and-webview 💻 ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่เก่าใน macOS ที่เคยรายงานตั้งแต่ปี 2018 ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แม้ Apple จะพยายามอุดหลายครั้ง ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปที่ต้องใช้สิทธิ์ root โดยหากมีแอปปลอมถูกวางไว้ในโฟลเดอร์ Applications ก่อน แอปจริงจะถูกติดตั้งเข้าไปในโฟลเดอร์พิเศษชื่อ .localized ทำให้ระบบเข้าใจผิดและไปเรียกใช้แอปปลอมแทน ผลคือผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ทันที ถือเป็นการเจาะระบบที่อันตรายมาก นักวิจัยย้ำว่าปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการการแก้ไขที่จริงจังจาก Apple เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access 🪙 มัลแวร์ NuGet แฝงตัว 5 ปี ขโมยกระเป๋าเงินคริปโต มีการค้นพบแพ็กเกจ NuGet ปลอมชื่อ Tracer.Fody.NLog ที่ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2020 และอยู่รอดมาได้กว่า 5 ปีโดยไม่ถูกตรวจจับ มันปลอมตัวเป็นเครื่องมือ .NET ที่ใช้บันทึก log แต่จริงๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการใช้ตัวอักษร Cyrillic ที่หน้าตาเหมือนตัวอักษร Latin เพื่อหลบการตรวจสอบ เมื่อถูกติดตั้ง มันจะค้นหาไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัล Stratis และขโมยรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ถือเป็นการโจมตี supply chain ที่อันตรายมาก เพราะนักพัฒนาที่เชื่อใจแพ็กเกจโอเพนซอร์สอาจถูกดักข้อมูลโดยไม่รู้ตัว 🔗 https://securityonline.info/5-year-threat-malicious-nuget-package-used-homoglyphs-and-typosquatting-to-steal-crypto-wallets 🖥️ Intel เตรียมเข้าซื้อกิจการ SambaNova ในราคาลดฮวบ เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะเดิมทีมีข่าวว่า Intel จะทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง SambaNova แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่ามูลค่าดีลจริงอาจเหลือเพียง 1.6 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าเดิมของบริษัทในปี 2021 ที่สูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองความเป็นใหญ่ SambaNova มีจุดแข็งด้านสถาปัตยกรรมที่เน้นการประมวลผลสำหรับโมเดลภาษาและการทำงานแบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ซึ่งอาจช่วย Intel เติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ แต่ความท้าทายใหญ่คือการผสานเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบของ Intel โดยไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ Gaudi ที่มีอยู่แล้ว 🔗 https://securityonline.info/intel-nears-sambanova-acquisition-at-1-6b-fire-sale-price-down-from-5b-valuation 💾 Claude AI ทำพลาด ลบข้อมูลทั้งเครื่อง Mac ของนักพัฒนา นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องระวังการใช้เครื่องมือ AI มากขึ้น นักพัฒนารายหนึ่งใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ แต่กลับเกิดความผิดพลาดจากคำสั่งที่มีเครื่องหมาย ~ ต่อท้าย ทำให้ระบบไปลบทั้งโฟลเดอร์ Home Directory ของเครื่อง Mac ผลคือข้อมูลสำคัญอย่าง Desktop, Documents, Downloads และ Keychains หายไปทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรง นักพัฒนาบางคนจึงเสนอให้ใช้ Docker เป็นตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ AI สามารถทำลายข้อมูลในเครื่องจริงได้ 🔗 https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory 🚀 SpaceX เตรียม IPO ปี 2026 หลังมูลค่าพุ่งถึง 800 พันล้านดอลลาร์ SpaceX กำลังเดินหน้าสู่การเข้าตลาดหุ้น โดยมีการเริ่มคัดเลือกธนาคารเพื่อเป็นที่ปรึกษา IPO และมีการส่งบันทึกภายในยืนยันว่าบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2026 แม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการขายหุ้นภายในล่าสุดตีมูลค่าถึง 800 พันล้านดอลลาร์ แรงหนุนสำคัญมาจากบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังส่งผลให้ Alphabet ซึ่งเคยลงทุนใน SpaceX ได้กำไรอย่างมหาศาลอีกด้วย 🔗 https://securityonline.info/spacex-ipo-company-prepares-for-2026-listing-after-valuation-soars-to-800-billion 🔐 Salt Typhoon กลุ่มแฮ็กเกอร์จากการแข่งขัน Cisco สู่การเจาะระบบโทรคมนาคมโลก เรื่องนี้เหมือนนิยาย แต่เกิดขึ้นจริง นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Salt Typhoon มีจุดเริ่มต้นจากนักศึกษาที่เคยแข่งขัน Cisco Network Academy Cup ก่อนจะนำความรู้ไปใช้ในการเจาะระบบโทรคมนาคมกว่า 80 บริษัททั่วโลก พวกเขาสามารถดักฟังทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงเข้าถึงระบบที่ใช้สำหรับการดักฟังโดยกฎหมายเองด้วย เบื้องหลังคือสองบุคคลที่เคยเป็นคู่แข่งกันในสมัยเรียน แต่กลับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายไซเบอร์ที่ทรงพลัง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้ 🔗 https://securityonline.info/from-cisco-student-rivalry-to-global-hackers-salt-typhoon-breaches-80-telecos-for-intelligence 🎭 BlackForce เครื่องมือ Phishing-as-a-Service รุ่นใหม่ที่อันตราย BlackForce คือชุดเครื่องมือฟิชชิ่งที่ถูกขายใน Telegram ในราคาหลักร้อยยูโร แต่มีความสามารถสูงมาก มันสามารถหลอกขโมยรหัสผ่านและยังเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (MFA) ได้ โดยใช้เทคนิค Man-in-the-Browser เพื่อดักจับรหัส OTP แบบเรียลไทม์ จุดที่ทำให้มันน่ากลัวคือการใช้โค้ด React และ React Router ที่ดูเหมือนของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ อีกทั้งยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเวอร์ชัน stateless ไปสู่ stateful ที่สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้แม้รีเฟรชหน้าเว็บได้ ทำให้การโจมตีมีความต่อเนื่องและยากต่อการป้องกัน 🔗 https://securityonline.info/blackforce-phaas-weaponizes-react-and-stateful-sessions-to-bypass-mfa-steal-credentials
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical FortiGate SSO Flaw Under Active Exploitation: Attackers Bypass Auth and Exfiltrate Configs
    A critical FortiGate SSO flaw (CVSS 9.1) is under active exploitation, letting unauthenticated attackers bypass login via crafted SAML. The flaw is armed by default registration, risking config exfiltration. Patch immediately.
    0 Comments 0 Shares 368 Views 0 Reviews
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷
    #รวมข่าวIT #20251216 #TechRadar

    LG เปิดตัวทีวี Micro RGB evo ที่ CES 2026
    LG กำลังสร้างความฮือฮาในงาน CES 2026 ด้วยการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Micro RGB evo ซึ่งเปลี่ยนหลอดไฟ LED แบบเดิมไปเป็นหลอดไฟสีแดง เขียว และน้ำเงินขนาดจิ๋ว เพื่อควบคุมแสงและสีได้ละเอียดขึ้น ผลลัพธ์คือภาพที่สว่างสดใสและสีสันจัดเต็มใกล้เคียง OLED แต่ยังคงความสว่างสูงของ LCD จุดเด่นคือการครอบคลุมสีครบทั้ง BT.2020, DCI-P3 และ Adobe RGB พร้อมระบบประมวลผล α11 AI Gen 3 ที่ช่วยอัปสเกลภาพให้คมชัดขึ้น ถือเป็นการพยายามปิดช่องว่างระหว่าง LCD และ OLED ที่น่าสนใจมากสำหรับคนรักภาพคมชัดและสีสดใส
    https://www.techradar.com/televisions/lg-reveals-micro-rgb-evo-tv-with-bold-claims-of-perfect-color

    Netflix เลิกใช้ Google Cast แต่ Apple TV บน Android นำกลับมาอีกครั้ง
    Netflix เคยยกเลิกฟีเจอร์ Google Cast ที่ให้ผู้ใช้ส่งภาพจากมือถือขึ้นจอทีวี แต่ล่าสุด Apple TV บน Android กลับนำฟีเจอร์นี้กลับมา ทำให้ผู้ใช้สามารถสตรีมคอนเทนต์จากมือถือไปยังทีวีได้อีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งที่ยังคงดุเดือด และการที่ Apple พยายามทำให้บริการของตนเข้าถึงผู้ใช้ Android ได้สะดวกขึ้น
    https://www.techradar.com/streaming/apple-tv-plus/netflix-dropped-google-cast-now-apple-tv-for-android-just-brought-it-back

    NAS พกพาใส่ SSD 4 ตัว พร้อมพลัง Intel N150
    มีการเปิดตัวอุปกรณ์ NAS ขนาดเล็กที่ดูเหมือนวิทยุทรานซิสเตอร์เก่า แต่ภายในบรรจุ SSD ได้ถึง 4 ตัว ใช้พลังจาก Intel N150 และมีพอร์ต LAN 2.5Gb สองช่อง รวมถึง RAM 12GB จุดขายคือความสามารถในการพกพาและเก็บข้อมูลได้มาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจเกินความคาดหมาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่คล่องตัวและมีสไตล์ไม่เหมือนใคร
    https://www.techradar.com/pro/is-that-your-grandads-transistor-radio-no-its-a-4-ssd-nas-with-two-2-5gb-lan-ports-12gb-ram-and-a-cracking-name-the-orange-colored-youyeetoo-nestdisk

    นักพัฒนาสร้างกล่องสำรองข้อมูล iPhone แบบออฟไลน์
    นักพัฒนารายหนึ่งได้สร้างอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ที่ไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ แต่ใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB และเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเก็บไว้ในเครื่องโดยตรง ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายค่าบริการ iCloud หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ แม้จะยังไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความต้องการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/want-to-back-up-your-iphone-securely-without-paying-the-apple-tax-theres-a-hack-for-that-but-it-isnt-for-everyone-yet

    วิกฤติ RAM อาจกระทบหนักต่อโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง
    ตลาดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติ RAM ที่อาจทำให้เครื่องเล่นเกมประสิทธิภาพสูงมีราคาสูงขึ้นและหายากขึ้น เหตุผลมาจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งจาก AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเกมมิ่งต้องปรับตัวและอาจทำให้ผู้เล่นเกมต้องจ่ายแพงกว่าเดิมเพื่อได้เครื่องที่แรงพอ
    https://www.techradar.com/computing/memory/the-ram-crisis-will-be-a-disaster-for-gaming-laptops-heres-why

    Slop: คำแห่งปีที่สะท้อนอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยขยะดิจิทัล
    ปีนี้ Merriam-Webster เลือกคำว่า “Slop” เป็น Word of the Year 2025 เพื่ออธิบายเนื้อหาดิจิทัลคุณภาพต่ำที่ถูกผลิตขึ้นอย่างมหาศาลด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นบทความ ภาพ วิดีโอ หรือพอดแคสต์ หลายอย่างดูเหมือนจะสร้างได้ง่ายแต่กลับทำให้โลกออนไลน์เต็มไปด้วยสิ่งที่คนเรียกว่า “AI slop” จนยากจะแยกออกว่าอะไรคือผลงานมนุษย์จริงๆ และอะไรคือสิ่งที่เครื่องจักรสร้างขึ้นมา เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของเครื่องมือ AI ถูกส่งถึงมือผู้ใช้เร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ทันคิดถึงผลกระทบ ทำให้เราต้องเผชิญกับทะเลข้อมูลที่ปะปนทั้งคุณภาพและขยะไปพร้อมกัน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/we-filled-the-internet-with-garbage-and-now-slop-is-the-word-of-the-year-nice-going-ai

    Super X: แท็บเล็ตลูกผสมที่แรงระดับเดสก์ท็อป
    OneXPlayer เปิดตัว Super X อุปกรณ์ลูกผสมที่รวมแท็บเล็ตกับพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อป หน้าจอใหญ่ถึง 14 นิ้ว มาพร้อมซีพียู 16 คอร์ GPU ระดับ 5060-class และ RAM สูงสุด 128GB จุดเด่นคือการออกแบบระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้เครื่องเล็กแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง เหมาะกับคนที่อยากได้ความแรงแบบ PC แต่ยังพกพาได้สะดวก แม้ราคาคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2000 ดอลลาร์ แต่ถือเป็นการยกระดับแท็บเล็ตให้ก้าวไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/pro/a-water-cooled-amd-ai-14-inch-tablet-with-16-cpu-cores-a-5060-class-gpu-and-128gb-ram-is-exactly-what-i-need-for-christmas-i-dont-think-it-will-cost-less-than-usd2000-though

    SSD จิ๋วแต่แรง: Samsung เปิดตัว PCIe Gen5 รุ่นใหม่
    Samsung เผยโฉม SSD รุ่น PM9E1 ที่มาในขนาดเล็กเพียง 22 x 42 มม. แต่รองรับมาตรฐาน PCIe Gen5 ทำให้ได้ความเร็วสูงและความจุที่จริงจัง แม้จะมาแบบเงียบๆ แต่ถือเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กแต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพ เหมาะกับโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องการความเร็วระดับสูงสุดในพื้นที่จำกัด
    https://www.techradar.com/pro/samsungs-surprising-stealth-superfast-ssd-surfaces-silently-pm9e1-turns-out-to-be-a-mini-9100-pro-measuring-just-22-x-42mm-with-pcie-gen5-capabilities

    DoomScroll: เว็บไซต์ใหม่รวมแผนที่ Doom แบบไม่รู้จบ
    แฟนเกม Doom ได้เฮ เมื่อมีเว็บไซต์ใหม่ชื่อ DoomScroll ที่รวบรวมแผนที่เกม Doom ไว้ให้เลือกเล่นได้ไม่รู้จบผ่านเบราว์เซอร์ ผู้เล่นสามารถเข้าไปเลือกแผนที่ที่ชอบแล้วเล่นได้ทันที ถือเป็นการเปิดคลังเกมคลาสสิกให้เข้าถึงง่ายขึ้น และยังทำให้ชุมชนผู้เล่นสามารถแชร์ผลงานกันได้สะดวกขึ้นด้วย
    https://www.techradar.com/gaming/pc-gaming/new-doomscroll-website-is-an-endless-library-of-doom-maps-you-can-pick-from-and-play-in-your-browser

    หน่วยความจำแห่งอนาคต: Kioxia พัฒนา 3D DRAM
    Kioxia ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี 3D DRAM โดยใช้ stacked oxide-semiconductors ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความหนาแน่นของหน่วยความจำ แม้จะยังไม่พร้อมสู่ตลาดผู้บริโภคในทันที แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมหน่วยความจำในทศวรรษหน้า ทำให้คาดหวังได้ว่าอนาคตเราจะได้เห็น RAM ที่เร็วขึ้นและราคาถูกลง
    https://www.techradar.com/pro/crying-over-expensive-ram-kioxia-may-have-cracked-the-3d-ram-puzzle-paving-the-way-for-cheaper-faster-memory-but-it-probably-wont-reach-the-market-till-the-next-decade

    Apple อุดช่องโหว่ Zero-Day สุดอันตราย
    Apple ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงใน WebKit ที่ถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงบุคคลระดับสูง โดยช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ ทีม Google TAG และ Apple ร่วมกันค้นพบและแก้ไข ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก การอัปเดตครอบคลุมทั้ง iOS, iPadOS, macOS, watchOS, tvOS, visionOS และ Safari ผู้ใช้ทั่วไปแม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตเพื่อความปลอดภัยทันที
    https://www.techradar.com/pro/security/apple-says-it-fixed-zero-day-flaws-used-for-sophisticated-attacks

    CEO Windscribe วิจารณ์การแบน VPN สำหรับเด็ก
    Windscribe ผู้ให้บริการ VPN ออกมาแสดงความเห็นว่าการห้ามเด็กใช้ VPN เป็น “วิธีแก้ที่แย่ที่สุด” เพราะ VPN ไม่ใช่เครื่องมืออันตราย แต่กลับเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การแบนอาจทำให้เด็กขาดโอกาสในการเรียนรู้การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และยังไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงของการใช้งานออนไลน์
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/banning-vpns-for-kids-is-the-dumbest-possible-fix-windscribe-ceo

    กล้องวงจรปิดแบตเตอรี่ไร้ขีดจำกัด
    มีการเปิดตัวกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่ที่ชูจุดขายเรื่อง “แบตเตอรี่ไม่จำกัด” สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อย ๆ ราคาก็ไม่สูงอย่างที่คิด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น กล้องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยต่อเนื่องโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการบำรุงรักษาแบตเตอรี่
    https://www.techradar.com/home/smart-home/this-home-security-cam-monitors-your-property-24-7-with-unlimited-battery-life-and-it-costs-less-than-you-might-expect

    Garmin เผลอหลุดข้อมูล Vivosmart 6
    Garmin มีข่าวหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทแทร็กเกอร์รุ่นใหม่ Vivosmart 6 ที่คาดว่าจะมาพร้อมการอัปเกรดสำคัญเหนือรุ่นก่อน แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม แต่คาดว่าจะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการติดตามการออกกำลังกายที่แม่นยำขึ้น การหลุดครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ติดตามอุปกรณ์สวมใส่ของ Garmin อยู่แล้ว
    https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-trackers/garmin-just-leaked-its-vivosmart-6-tracker-and-it-might-come-with-one-major-upgrade-over-its-predecessor

    แอป Freedom Chat ทำข้อมูลผู้ใช้หลุด
    มีรายงานว่าแอปแชทชื่อ Freedom Chat เผยข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และรายละเอียดอื่น ๆ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แอปนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าขาดมาตรการป้องกันที่รัดกุม และอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือการละเมิดข้อมูล
    https://www.techradar.com/pro/security/messaging-app-freedom-chat-exposes-user-phone-numbers-and-more-heres-what-we-know

    Google เปิดฟีเจอร์แปลสดผ่านหูฟัง
    Google กำลังยกระดับการสื่อสารข้ามภาษาให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ “Live Translation” ที่สามารถใช้งานได้กับหูฟังทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดเฉพาะ Pixel Buds อีกต่อไป โดยเริ่มทดสอบในสหรัฐฯ เม็กซิโก และอินเดีย ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงแค่แปลคำต่อคำ แต่ยังรักษาน้ำเสียง จังหวะ และอารมณ์ของผู้พูด ทำให้การสนทนาเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Google ยังปรับปรุงระบบ Gemini ให้เข้าใจสำนวนและภาษาพูด เช่น “stealing my thunder” ที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องมือช่วยเรียนภาษา เช่น การให้คำแนะนำด้านการออกเสียง และระบบติดตามความก้าวหน้า ฟีเจอร์นี้รองรับกว่า 70 ภาษา และมีแผนจะขยายไปยัง iOS ในปี 2026
    https://www.techradar.com/computing/software/google-smashes-language-barriers-with-live-translation-for-any-earbuds-on-android-heres-how-it-works

    อีเมลไม่ใช่จุดอ่อน แต่การตั้งค่าคลาวด์ต่างหาก
    หลายครั้งที่เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล อีเมลมักถูกมองว่าเป็นตัวการ แต่จริง ๆ แล้วปัญหามาจากการตั้งค่าคลาวด์ที่ผิดพลาดมากกว่า กว่า 99% ของความล้มเหลวด้านความปลอดภัยเกิดจากผู้ใช้เอง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง ใช้รหัสผ่านซ้ำ หรือจัดการข้อมูลผิดพลาด การโทษอีเมลจึงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากต้นเหตุที่แท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการป้องกันควรเริ่มจากการเข้ารหัสข้อมูล การเสริมความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ และการฝึกอบรมผู้ใช้ให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ เมื่อผู้ใช้มีความรู้และระบบถูกเข้ารหัสอย่างดี อีเมลก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/your-email-app-isnt-the-weak-link-but-your-cloud-configuration-probably-is

    Microsoft ขยายโครงการ Bug Bounty
    Microsoft ประกาศปรับโครงการ Bug Bounty ครั้งใหญ่ เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถส่งรายงานช่องโหว่ได้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์และบริการ แม้บางโปรแกรมจะไม่มีการตั้งค่ารางวัลอย่างเป็นทางการก็ตาม แนวทางใหม่นี้เรียกว่า “In Scope by Default” ซึ่งหมายความว่าหากช่องโหว่มีผลกระทบต่อบริการออนไลน์ของ Microsoft ก็จะได้รับเงินรางวัลตามระดับความรุนแรง โดยปีที่ผ่านมา Microsoft จ่ายเงินรางวัลไปกว่า 17 ล้านดอลลาร์ มากกว่า Google ที่จ่ายราว 11.8 ล้านดอลลาร์ การขยายนี้ครอบคลุมทั้งโค้ดของ Microsoft โค้ดจากบุคคลที่สาม และโอเพ่นซอร์ส ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบความปลอดภัยในวงกว้างยิ่งขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-will-expand-bug-bounties-even-on-programs-without-official-payouts

    Oracle ทุ่มมหาศาลกับดีลศูนย์ข้อมูล
    Oracle กำลังเดินเกมครั้งใหญ่ในโลกคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าได้ทำสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลและคลาวด์รวมมูลค่าถึง 248 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทยอยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2026 ไปจนถึง 2028 และกินเวลายาวนานถึง 15–19 ปี การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Nvidia และ OpenAI ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 300 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ Oracle ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าและลงทุนเพิ่มหนี้อีกหลายหมื่นล้าน แม้จะเป็นภาระ แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทกำลังเดิมพันอนาคตไว้กับการเติบโตของตลาด AI และคลาวด์อย่างเต็มที่
    https://www.techradar.com/pro/oracle-reportedly-signs-major-huge-cloud-data-center-deals-in-the-last-quarter-nearly-usd250-billion-in-new-commitments-revealed

    ChatGPT 5.2 vs Gemini 3
    มีการทดสอบเปรียบเทียบสองแชตบอทที่โด่งดังที่สุดในโลกตอนนี้ คือ ChatGPT 5.2 และ Gemini 3 ผู้เขียนลองใช้งานจริงเพื่อดูว่าใครตอบโจทย์ได้ดีกว่า ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจเพราะแต่ละตัวมีจุดแข็งต่างกัน ChatGPT 5.2 โดดเด่นเรื่องการให้คำตอบที่ละเอียดและมีความคิดเชิงลึก ส่วน Gemini 3 เน้นความเร็วและความกระชับในการสื่อสาร การแข่งขันนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังร้อนแรง และผู้ใช้ก็มีทางเลือกมากขึ้นตามสไตล์ที่ต้องการ
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-5-2-vs-gemini-3-i-tried-the-worlds-most-popular-chatbots-to-see-which-is-best-and-the-result-might-surprise-you

    โลกเสมือนที่มีหัวใจมนุษย์
    เรื่องราวของ Victoria Fard ศิลปินที่ใช้พลังของคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon สร้างโลกเสมือนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความเป็นมนุษย์ เธอไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่ใช้มันเพื่อถ่ายทอดความทรงจำ ความรู้สึก และเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ผลงานของเธอจึงไม่ใช่แค่ภาพสวย ๆ แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสัมผัสความเป็นมนุษย์ผ่านโลกดิจิทัลได้อย่างลึกซึ้ง
    https://www.techradar.com/tech/memories-in-pixel-how-victoria-fard-uses-a-pc-powered-by-snapdragon-to-build-worlds-that-are-deeply-human

    ซีอีโอยังเดินหน้าลงทุน AI แม้ผลลัพธ์ไม่ชัด
    แม้หลายบริษัทจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการลงทุนใน AI แต่ซีอีโอจำนวนมากก็ยังคงเดินหน้าทุ่มงบต่อไป เหตุผลคือพวกเขามองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และหากหยุดลงทุนอาจเสียโอกาสในอนาคต ถึงแม้จะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน แต่การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าการลงทุนใน AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันระยะยาว
    https://www.techradar.com/pro/ceos-seem-determined-to-keep-spending-on-ai-despite-mixed-success

    ศาลรัสเซียสั่งอายัดทรัพย์ Google ในฝรั่งเศส
    มีข่าวใหญ่จากยุโรป เมื่อศาลรัสเซียมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของ Google ในฝรั่งเศสมูลค่ากว่า 129 ล้านดอลลาร์ สาเหตุเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางกฎหมายและการดำเนินธุรกิจที่ซับซ้อนในหลายประเทศ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องเผชิญในระดับโลก ทั้งจากกฎระเบียบและความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลต่อการดำเนินงาน
    https://www.techradar.com/pro/security/russian-court-ruling-could-see-usd129-million-freeze-on-some-of-googles-french-assets

    Microsoft เจอศึกใหญ่เรื่อง Cloud Licensing ในสหราชอาณาจักร
    เรื่องนี้เริ่มจากการที่ Microsoft ถูกกล่าวหาว่ากำหนดเงื่อนไขการใช้งาน Windows Server บน Cloud ของคู่แข่งอย่าง AWS และ Google Cloud ให้ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง จนทำให้หลายองค์กรในสหราชอาณาจักรเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก คดีนี้ถูกยื่นต่อศาล Competition Appeal Tribunal โดยมีองค์กรกว่า 59,000 แห่งเข้าร่วมเป็นกลุ่มฟ้องร้อง หาก Microsoft ถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจต้องจ่ายค่าชดเชยสูงถึง 2 พันล้านปอนด์ ขณะที่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นเพียงการกล่าวหาเกินจริงจากกลุ่มทนายและผู้สนับสนุน แต่แรงกดดันก็ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะ Google เองก็เคยร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ EU มาก่อนแล้ว
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-back-in-court-in-the-uk-over-unfair-cloud-licensing-claims

    UGreen เปิดตัว eGPU Dock ท้าชน Razer ในตลาด eGPU ที่กำลังร้อนแรง
    UGreen ได้เปิดตัว Linkstation eGPU Dock ที่มาพร้อมพลังงานในตัวถึง 850W และพอร์ตเชื่อมต่อใหม่อย่าง Oculink และ USB4 จุดเด่นคือราคาประมาณ 325 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับ Razer Core X V2 แต่เหนือกว่าตรงที่มี PSU ในตัวและรองรับการ์ดจอขนาดใหญ่ถึง 370 มม. อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ของ UGreen ยังเปิดโล่งมากกว่า Razer ที่มีโครงสร้างปิด ทำให้บางคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของการ์ดจอ ถึงอย่างนั้น นี่ก็ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ที่น่าจับตามองของ UGreen ที่เดิมทำอุปกรณ์เสริมอย่าง Dock และ Charger
    https://www.techradar.com/computing/gpu/its-a-great-time-to-buy-an-egpu-and-ugreens-new-razer-rival-has-two-major-tricks-up-its-sleeve

    วิกฤติ RAM อาจทำให้สมาร์ทโฟนถอยหลังในปี 2026
    นักวิเคราะห์เตือนว่าความต้องการ RAM ที่สูงขึ้นจากศูนย์ข้อมูล AI กำลังทำให้ราคาพุ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอาจต้องลดสเปกลง แทนที่จะเพิ่ม RAM เป็น 16GB ในรุ่นเรือธงใหม่ อาจยังคงอยู่ที่ 12GB หรือบางรุ่นอาจลดลงเหลือ 8GB สำหรับรุ่นกลาง และ 4GB สำหรับรุ่นล่าง ทั้งนี้แม้จะเป็นการคาดการณ์ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะตลาด AI กำลังดูดซับทรัพยากรไปอย่างมหาศาล ซึ่งอาจย้อนแย้งกับการพัฒนา AI บนมือถือที่ต้องใช้ RAM มากเช่นกัน
    https://www.techradar.com/phones/the-ram-crisis-will-see-smartphone-specs-go-backwards-in-2026-experts-warn-heres-why

    Apple ควรทำ Smart Ring เพื่อแก้ปัญหาความยุ่งยากของ Smartwatch
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าแม้ Apple Watch จะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม แต่ก็สร้างความลำบากใจเพราะเขาเป็นคนรักนาฬิกากลไกและไม่อยากละทิ้งการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม จนต้องใส่นาฬิกาสองเรือนบนข้อมือเดียวกัน ซึ่งทั้งไม่สะดวกและน่าขัน เขาจึงเสนอว่า Apple ควรทำ Smart Ring ที่สามารถติดตามสุขภาพได้เหมือน Apple Watch แต่เล็กกะทัดรัดและไม่รบกวนการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม หาก Apple ทำจริงก็อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พลิกเกมในปี 2026
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/apple-needs-to-make-a-smart-ring-to-save-me-from-this-ridiculous-situation

    รีวิวซอฟต์แวร์ Idea Spectrum Realtime Landscaping Pro 2025
    นี่คือโปรแกรมออกแบบภูมิทัศน์ที่ให้คุณสร้างสวนเสมือนจริงได้จากคอมพิวเตอร์ Windows จุดเด่นคืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย มีคลังพืชกว่า 6,000 ชนิด และวัตถุสามมิติหลากหลาย ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงรถยนต์ พร้อมระบบแอนิเมชันที่ทำให้งานออกแบบดูมีชีวิตชีวา โปรแกรมยังมี Wizard ที่ช่วยให้การสร้างบ้าน สระน้ำ หรือสวนทำได้รวดเร็ว แม้จะมีข้อจำกัดว่าใช้ได้เฉพาะ Windows และอาจหน่วงเมื่อโปรเจ็กต์ซับซ้อน แต่ก็ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ
    https://www.techradar.com/pro/software-services/idea-spectrum-realtime-landscaping-pro-review

    📌📡🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷📡📌 #รวมข่าวIT #20251216 #TechRadar 🖥️ LG เปิดตัวทีวี Micro RGB evo ที่ CES 2026 LG กำลังสร้างความฮือฮาในงาน CES 2026 ด้วยการเปิดตัวทีวีรุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี Micro RGB evo ซึ่งเปลี่ยนหลอดไฟ LED แบบเดิมไปเป็นหลอดไฟสีแดง เขียว และน้ำเงินขนาดจิ๋ว เพื่อควบคุมแสงและสีได้ละเอียดขึ้น ผลลัพธ์คือภาพที่สว่างสดใสและสีสันจัดเต็มใกล้เคียง OLED แต่ยังคงความสว่างสูงของ LCD จุดเด่นคือการครอบคลุมสีครบทั้ง BT.2020, DCI-P3 และ Adobe RGB พร้อมระบบประมวลผล α11 AI Gen 3 ที่ช่วยอัปสเกลภาพให้คมชัดขึ้น ถือเป็นการพยายามปิดช่องว่างระหว่าง LCD และ OLED ที่น่าสนใจมากสำหรับคนรักภาพคมชัดและสีสดใส 🔗 https://www.techradar.com/televisions/lg-reveals-micro-rgb-evo-tv-with-bold-claims-of-perfect-color 📺 Netflix เลิกใช้ Google Cast แต่ Apple TV บน Android นำกลับมาอีกครั้ง Netflix เคยยกเลิกฟีเจอร์ Google Cast ที่ให้ผู้ใช้ส่งภาพจากมือถือขึ้นจอทีวี แต่ล่าสุด Apple TV บน Android กลับนำฟีเจอร์นี้กลับมา ทำให้ผู้ใช้สามารถสตรีมคอนเทนต์จากมือถือไปยังทีวีได้อีกครั้ง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งที่ยังคงดุเดือด และการที่ Apple พยายามทำให้บริการของตนเข้าถึงผู้ใช้ Android ได้สะดวกขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/streaming/apple-tv-plus/netflix-dropped-google-cast-now-apple-tv-for-android-just-brought-it-back 💾 NAS พกพาใส่ SSD 4 ตัว พร้อมพลัง Intel N150 มีการเปิดตัวอุปกรณ์ NAS ขนาดเล็กที่ดูเหมือนวิทยุทรานซิสเตอร์เก่า แต่ภายในบรรจุ SSD ได้ถึง 4 ตัว ใช้พลังจาก Intel N150 และมีพอร์ต LAN 2.5Gb สองช่อง รวมถึง RAM 12GB จุดขายคือความสามารถในการพกพาและเก็บข้อมูลได้มาก แต่ก็มีค่าใช้จ่ายแฝงที่อาจเกินความคาดหมาย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการระบบจัดเก็บข้อมูลที่คล่องตัวและมีสไตล์ไม่เหมือนใคร 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-that-your-grandads-transistor-radio-no-its-a-4-ssd-nas-with-two-2-5gb-lan-ports-12gb-ram-and-a-cracking-name-the-orange-colored-youyeetoo-nestdisk 🔐 นักพัฒนาสร้างกล่องสำรองข้อมูล iPhone แบบออฟไลน์ นักพัฒนารายหนึ่งได้สร้างอุปกรณ์สำรองข้อมูล iPhone ที่ไม่ต้องพึ่งพาคลาวด์ แต่ใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB และเข้ารหัสข้อมูลเพื่อเก็บไว้ในเครื่องโดยตรง ถือเป็นทางเลือกใหม่สำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายค่าบริการ iCloud หรือกังวลเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลบนคลาวด์ แม้จะยังไม่เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไป แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงความต้องการควบคุมข้อมูลส่วนตัวมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/want-to-back-up-your-iphone-securely-without-paying-the-apple-tax-theres-a-hack-for-that-but-it-isnt-for-everyone-yet 🎮 วิกฤติ RAM อาจกระทบหนักต่อโน้ตบุ๊กเกมมิ่ง ตลาดโน้ตบุ๊กเกมมิ่งกำลังเผชิญปัญหาวิกฤติ RAM ที่อาจทำให้เครื่องเล่นเกมประสิทธิภาพสูงมีราคาสูงขึ้นและหายากขึ้น เหตุผลมาจากความต้องการหน่วยความจำที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ทั้งจาก AI และการประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ ส่งผลให้ผู้ผลิตโน้ตบุ๊กเกมมิ่งต้องปรับตัวและอาจทำให้ผู้เล่นเกมต้องจ่ายแพงกว่าเดิมเพื่อได้เครื่องที่แรงพอ 🔗 https://www.techradar.com/computing/memory/the-ram-crisis-will-be-a-disaster-for-gaming-laptops-heres-why 🗑️ Slop: คำแห่งปีที่สะท้อนอินเทอร์เน็ตเต็มไปด้วยขยะดิจิทัล ปีนี้ Merriam-Webster เลือกคำว่า “Slop” เป็น Word of the Year 2025 เพื่ออธิบายเนื้อหาดิจิทัลคุณภาพต่ำที่ถูกผลิตขึ้นอย่างมหาศาลด้วย AI ไม่ว่าจะเป็นบทความ ภาพ วิดีโอ หรือพอดแคสต์ หลายอย่างดูเหมือนจะสร้างได้ง่ายแต่กลับทำให้โลกออนไลน์เต็มไปด้วยสิ่งที่คนเรียกว่า “AI slop” จนยากจะแยกออกว่าอะไรคือผลงานมนุษย์จริงๆ และอะไรคือสิ่งที่เครื่องจักรสร้างขึ้นมา เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของเครื่องมือ AI ถูกส่งถึงมือผู้ใช้เร็วเกินไปโดยที่ยังไม่ทันคิดถึงผลกระทบ ทำให้เราต้องเผชิญกับทะเลข้อมูลที่ปะปนทั้งคุณภาพและขยะไปพร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/we-filled-the-internet-with-garbage-and-now-slop-is-the-word-of-the-year-nice-going-ai 💻 Super X: แท็บเล็ตลูกผสมที่แรงระดับเดสก์ท็อป OneXPlayer เปิดตัว Super X อุปกรณ์ลูกผสมที่รวมแท็บเล็ตกับพลังการประมวลผลระดับเดสก์ท็อป หน้าจอใหญ่ถึง 14 นิ้ว มาพร้อมซีพียู 16 คอร์ GPU ระดับ 5060-class และ RAM สูงสุด 128GB จุดเด่นคือการออกแบบระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ ทำให้เครื่องเล็กแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง เหมาะกับคนที่อยากได้ความแรงแบบ PC แต่ยังพกพาได้สะดวก แม้ราคาคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 2000 ดอลลาร์ แต่ถือเป็นการยกระดับแท็บเล็ตให้ก้าวไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/a-water-cooled-amd-ai-14-inch-tablet-with-16-cpu-cores-a-5060-class-gpu-and-128gb-ram-is-exactly-what-i-need-for-christmas-i-dont-think-it-will-cost-less-than-usd2000-though 💾 SSD จิ๋วแต่แรง: Samsung เปิดตัว PCIe Gen5 รุ่นใหม่ Samsung เผยโฉม SSD รุ่น PM9E1 ที่มาในขนาดเล็กเพียง 22 x 42 มม. แต่รองรับมาตรฐาน PCIe Gen5 ทำให้ได้ความเร็วสูงและความจุที่จริงจัง แม้จะมาแบบเงียบๆ แต่ถือเป็นการขยายตลาดสู่กลุ่มผู้ใช้ที่ต้องการอุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดเล็กแต่ไม่ลดทอนประสิทธิภาพ เหมาะกับโน้ตบุ๊กหรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องการความเร็วระดับสูงสุดในพื้นที่จำกัด 🔗 https://www.techradar.com/pro/samsungs-surprising-stealth-superfast-ssd-surfaces-silently-pm9e1-turns-out-to-be-a-mini-9100-pro-measuring-just-22-x-42mm-with-pcie-gen5-capabilities 🎮 DoomScroll: เว็บไซต์ใหม่รวมแผนที่ Doom แบบไม่รู้จบ แฟนเกม Doom ได้เฮ เมื่อมีเว็บไซต์ใหม่ชื่อ DoomScroll ที่รวบรวมแผนที่เกม Doom ไว้ให้เลือกเล่นได้ไม่รู้จบผ่านเบราว์เซอร์ ผู้เล่นสามารถเข้าไปเลือกแผนที่ที่ชอบแล้วเล่นได้ทันที ถือเป็นการเปิดคลังเกมคลาสสิกให้เข้าถึงง่ายขึ้น และยังทำให้ชุมชนผู้เล่นสามารถแชร์ผลงานกันได้สะดวกขึ้นด้วย 🔗 https://www.techradar.com/gaming/pc-gaming/new-doomscroll-website-is-an-endless-library-of-doom-maps-you-can-pick-from-and-play-in-your-browser 🧠 หน่วยความจำแห่งอนาคต: Kioxia พัฒนา 3D DRAM Kioxia ประกาศความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยี 3D DRAM โดยใช้ stacked oxide-semiconductors ซึ่งช่วยลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มความหนาแน่นของหน่วยความจำ แม้จะยังไม่พร้อมสู่ตลาดผู้บริโภคในทันที แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมหน่วยความจำในทศวรรษหน้า ทำให้คาดหวังได้ว่าอนาคตเราจะได้เห็น RAM ที่เร็วขึ้นและราคาถูกลง 🔗 https://www.techradar.com/pro/crying-over-expensive-ram-kioxia-may-have-cracked-the-3d-ram-puzzle-paving-the-way-for-cheaper-faster-memory-but-it-probably-wont-reach-the-market-till-the-next-decade 🛡️ Apple อุดช่องโหว่ Zero-Day สุดอันตราย Apple ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงใน WebKit ที่ถูกใช้โจมตีแบบเจาะจงบุคคลระดับสูง โดยช่องโหว่นี้อาจเปิดทางให้แฮกเกอร์เข้าควบคุมเครื่องจากระยะไกลได้ ทีม Google TAG และ Apple ร่วมกันค้นพบและแก้ไข ซึ่งถือเป็นการทำงานร่วมกันที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก การอัปเดตครอบคลุมทั้ง iOS, iPadOS, macOS, watchOS, tvOS, visionOS และ Safari ผู้ใช้ทั่วไปแม้จะไม่ใช่เป้าหมายหลัก แต่ก็ถูกแนะนำให้รีบอัปเดตเพื่อความปลอดภัยทันที 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/apple-says-it-fixed-zero-day-flaws-used-for-sophisticated-attacks 🌐 CEO Windscribe วิจารณ์การแบน VPN สำหรับเด็ก Windscribe ผู้ให้บริการ VPN ออกมาแสดงความเห็นว่าการห้ามเด็กใช้ VPN เป็น “วิธีแก้ที่แย่ที่สุด” เพราะ VPN ไม่ใช่เครื่องมืออันตราย แต่กลับเป็นสิ่งที่ช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย การแบนอาจทำให้เด็กขาดโอกาสในการเรียนรู้การใช้งานอินเทอร์เน็ตอย่างปลอดภัย และยังไม่แก้ปัญหาที่แท้จริงของการใช้งานออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/banning-vpns-for-kids-is-the-dumbest-possible-fix-windscribe-ceo 📷 กล้องวงจรปิดแบตเตอรี่ไร้ขีดจำกัด มีการเปิดตัวกล้องวงจรปิดรุ่นใหม่ที่ชูจุดขายเรื่อง “แบตเตอรี่ไม่จำกัด” สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จบ่อย ๆ ราคาก็ไม่สูงอย่างที่คิด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น กล้องนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยต่อเนื่องโดยไม่ต้องยุ่งยากกับการบำรุงรักษาแบตเตอรี่ 🔗 https://www.techradar.com/home/smart-home/this-home-security-cam-monitors-your-property-24-7-with-unlimited-battery-life-and-it-costs-less-than-you-might-expect ⌚ Garmin เผลอหลุดข้อมูล Vivosmart 6 Garmin มีข่าวหลุดเกี่ยวกับสมาร์ทแทร็กเกอร์รุ่นใหม่ Vivosmart 6 ที่คาดว่าจะมาพร้อมการอัปเกรดสำคัญเหนือรุ่นก่อน แม้ยังไม่มีรายละเอียดเต็ม แต่คาดว่าจะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการติดตามการออกกำลังกายที่แม่นยำขึ้น การหลุดครั้งนี้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ที่ติดตามอุปกรณ์สวมใส่ของ Garmin อยู่แล้ว 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/fitness-trackers/garmin-just-leaked-its-vivosmart-6-tracker-and-it-might-come-with-one-major-upgrade-over-its-predecessor 🔒 แอป Freedom Chat ทำข้อมูลผู้ใช้หลุด มีรายงานว่าแอปแชทชื่อ Freedom Chat เผยข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทั้งหมายเลขโทรศัพท์และรายละเอียดอื่น ๆ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แอปนี้ถูกวิจารณ์อย่างหนักว่าขาดมาตรการป้องกันที่รัดกุม และอาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกโจมตีหรือการละเมิดข้อมูล 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/messaging-app-freedom-chat-exposes-user-phone-numbers-and-more-heres-what-we-know 🎧 Google เปิดฟีเจอร์แปลสดผ่านหูฟัง Google กำลังยกระดับการสื่อสารข้ามภาษาให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ “Live Translation” ที่สามารถใช้งานได้กับหูฟังทุกยี่ห้อ ไม่จำกัดเฉพาะ Pixel Buds อีกต่อไป โดยเริ่มทดสอบในสหรัฐฯ เม็กซิโก และอินเดีย ฟีเจอร์นี้ไม่เพียงแค่แปลคำต่อคำ แต่ยังรักษาน้ำเสียง จังหวะ และอารมณ์ของผู้พูด ทำให้การสนทนาเป็นธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ Google ยังปรับปรุงระบบ Gemini ให้เข้าใจสำนวนและภาษาพูด เช่น “stealing my thunder” ที่ไม่สามารถแปลตรงตัวได้ พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องมือช่วยเรียนภาษา เช่น การให้คำแนะนำด้านการออกเสียง และระบบติดตามความก้าวหน้า ฟีเจอร์นี้รองรับกว่า 70 ภาษา และมีแผนจะขยายไปยัง iOS ในปี 2026 🔗 https://www.techradar.com/computing/software/google-smashes-language-barriers-with-live-translation-for-any-earbuds-on-android-heres-how-it-works 📧 อีเมลไม่ใช่จุดอ่อน แต่การตั้งค่าคลาวด์ต่างหาก หลายครั้งที่เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหล อีเมลมักถูกมองว่าเป็นตัวการ แต่จริง ๆ แล้วปัญหามาจากการตั้งค่าคลาวด์ที่ผิดพลาดมากกว่า กว่า 99% ของความล้มเหลวด้านความปลอดภัยเกิดจากผู้ใช้เอง เช่น คลิกลิงก์ฟิชชิ่ง ใช้รหัสผ่านซ้ำ หรือจัดการข้อมูลผิดพลาด การโทษอีเมลจึงเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจไปจากต้นเหตุที่แท้จริง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการป้องกันควรเริ่มจากการเข้ารหัสข้อมูล การเสริมความปลอดภัยของระบบปฏิบัติการ และการฝึกอบรมผู้ใช้ให้รู้เท่าทันภัยไซเบอร์ เมื่อผู้ใช้มีความรู้และระบบถูกเข้ารหัสอย่างดี อีเมลก็จะกลายเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/your-email-app-isnt-the-weak-link-but-your-cloud-configuration-probably-is 🛡️ Microsoft ขยายโครงการ Bug Bounty Microsoft ประกาศปรับโครงการ Bug Bounty ครั้งใหญ่ เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถส่งรายงานช่องโหว่ได้ครอบคลุมทุกผลิตภัณฑ์และบริการ แม้บางโปรแกรมจะไม่มีการตั้งค่ารางวัลอย่างเป็นทางการก็ตาม แนวทางใหม่นี้เรียกว่า “In Scope by Default” ซึ่งหมายความว่าหากช่องโหว่มีผลกระทบต่อบริการออนไลน์ของ Microsoft ก็จะได้รับเงินรางวัลตามระดับความรุนแรง โดยปีที่ผ่านมา Microsoft จ่ายเงินรางวัลไปกว่า 17 ล้านดอลลาร์ มากกว่า Google ที่จ่ายราว 11.8 ล้านดอลลาร์ การขยายนี้ครอบคลุมทั้งโค้ดของ Microsoft โค้ดจากบุคคลที่สาม และโอเพ่นซอร์ส ถือเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยตรวจสอบความปลอดภัยในวงกว้างยิ่งขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-will-expand-bug-bounties-even-on-programs-without-official-payouts 🏢 Oracle ทุ่มมหาศาลกับดีลศูนย์ข้อมูล Oracle กำลังเดินเกมครั้งใหญ่ในโลกคลาวด์และศูนย์ข้อมูล ล่าสุดมีการเปิดเผยว่าได้ทำสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลและคลาวด์รวมมูลค่าถึง 248 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทยอยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2026 ไปจนถึง 2028 และกินเวลายาวนานถึง 15–19 ปี การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากลูกค้าใหญ่ ๆ อย่าง Meta, Nvidia และ OpenAI ที่เพิ่งเซ็นสัญญาเพิ่มอีก 300 พันล้านดอลลาร์ ทำให้ Oracle ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าและลงทุนเพิ่มหนี้อีกหลายหมื่นล้าน แม้จะเป็นภาระ แต่ก็สะท้อนว่าบริษัทกำลังเดิมพันอนาคตไว้กับการเติบโตของตลาด AI และคลาวด์อย่างเต็มที่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/oracle-reportedly-signs-major-huge-cloud-data-center-deals-in-the-last-quarter-nearly-usd250-billion-in-new-commitments-revealed 🤖 ChatGPT 5.2 vs Gemini 3 มีการทดสอบเปรียบเทียบสองแชตบอทที่โด่งดังที่สุดในโลกตอนนี้ คือ ChatGPT 5.2 และ Gemini 3 ผู้เขียนลองใช้งานจริงเพื่อดูว่าใครตอบโจทย์ได้ดีกว่า ผลลัพธ์ออกมาน่าสนใจเพราะแต่ละตัวมีจุดแข็งต่างกัน ChatGPT 5.2 โดดเด่นเรื่องการให้คำตอบที่ละเอียดและมีความคิดเชิงลึก ส่วน Gemini 3 เน้นความเร็วและความกระชับในการสื่อสาร การแข่งขันนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังร้อนแรง และผู้ใช้ก็มีทางเลือกมากขึ้นตามสไตล์ที่ต้องการ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpt-5-2-vs-gemini-3-i-tried-the-worlds-most-popular-chatbots-to-see-which-is-best-and-the-result-might-surprise-you 🎨 โลกเสมือนที่มีหัวใจมนุษย์ เรื่องราวของ Victoria Fard ศิลปินที่ใช้พลังของคอมพิวเตอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon สร้างโลกเสมือนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกและความเป็นมนุษย์ เธอไม่ได้มองเทคโนโลยีเป็นเพียงเครื่องมือ แต่ใช้มันเพื่อถ่ายทอดความทรงจำ ความรู้สึก และเรื่องราวที่เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ผลงานของเธอจึงไม่ใช่แค่ภาพสวย ๆ แต่เป็นการสร้างพื้นที่ที่ผู้คนสามารถสัมผัสความเป็นมนุษย์ผ่านโลกดิจิทัลได้อย่างลึกซึ้ง 🔗 https://www.techradar.com/tech/memories-in-pixel-how-victoria-fard-uses-a-pc-powered-by-snapdragon-to-build-worlds-that-are-deeply-human 💼 ซีอีโอยังเดินหน้าลงทุน AI แม้ผลลัพธ์ไม่ชัด แม้หลายบริษัทจะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนจากการลงทุนใน AI แต่ซีอีโอจำนวนมากก็ยังคงเดินหน้าทุ่มงบต่อไป เหตุผลคือพวกเขามองว่า AI เป็นเทคโนโลยีที่ไม่สามารถมองข้ามได้ และหากหยุดลงทุนอาจเสียโอกาสในอนาคต ถึงแม้จะมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอน แต่การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่าการลงทุนใน AI จะเป็นกุญแจสำคัญในการแข่งขันระยะยาว 🔗 https://www.techradar.com/pro/ceos-seem-determined-to-keep-spending-on-ai-despite-mixed-success ⚖️ ศาลรัสเซียสั่งอายัดทรัพย์ Google ในฝรั่งเศส มีข่าวใหญ่จากยุโรป เมื่อศาลรัสเซียมีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินของ Google ในฝรั่งเศสมูลค่ากว่า 129 ล้านดอลลาร์ สาเหตุเกี่ยวข้องกับข้อพิพาททางกฎหมายและการดำเนินธุรกิจที่ซับซ้อนในหลายประเทศ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแรงกดดันที่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีต้องเผชิญในระดับโลก ทั้งจากกฎระเบียบและความขัดแย้งทางการเมืองที่ส่งผลต่อการดำเนินงาน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/russian-court-ruling-could-see-usd129-million-freeze-on-some-of-googles-french-assets 📰 Microsoft เจอศึกใหญ่เรื่อง Cloud Licensing ในสหราชอาณาจักร เรื่องนี้เริ่มจากการที่ Microsoft ถูกกล่าวหาว่ากำหนดเงื่อนไขการใช้งาน Windows Server บน Cloud ของคู่แข่งอย่าง AWS และ Google Cloud ให้ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูง จนทำให้หลายองค์กรในสหราชอาณาจักรเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก คดีนี้ถูกยื่นต่อศาล Competition Appeal Tribunal โดยมีองค์กรกว่า 59,000 แห่งเข้าร่วมเป็นกลุ่มฟ้องร้อง หาก Microsoft ถูกตัดสินว่าผิดจริง อาจต้องจ่ายค่าชดเชยสูงถึง 2 พันล้านปอนด์ ขณะที่ Microsoft ยืนยันว่าเป็นเพียงการกล่าวหาเกินจริงจากกลุ่มทนายและผู้สนับสนุน แต่แรงกดดันก็ยังคงมีต่อเนื่อง เพราะ Google เองก็เคยร้องเรียนเรื่องนี้ต่อ EU มาก่อนแล้ว 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-is-back-in-court-in-the-uk-over-unfair-cloud-licensing-claims 🎮 UGreen เปิดตัว eGPU Dock ท้าชน Razer ในตลาด eGPU ที่กำลังร้อนแรง UGreen ได้เปิดตัว Linkstation eGPU Dock ที่มาพร้อมพลังงานในตัวถึง 850W และพอร์ตเชื่อมต่อใหม่อย่าง Oculink และ USB4 จุดเด่นคือราคาประมาณ 325 ดอลลาร์ ซึ่งใกล้เคียงกับ Razer Core X V2 แต่เหนือกว่าตรงที่มี PSU ในตัวและรองรับการ์ดจอขนาดใหญ่ถึง 370 มม. อย่างไรก็ตาม ดีไซน์ของ UGreen ยังเปิดโล่งมากกว่า Razer ที่มีโครงสร้างปิด ทำให้บางคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของการ์ดจอ ถึงอย่างนั้น นี่ก็ถือเป็นการก้าวเข้าสู่ตลาดใหม่ที่น่าจับตามองของ UGreen ที่เดิมทำอุปกรณ์เสริมอย่าง Dock และ Charger 🔗 https://www.techradar.com/computing/gpu/its-a-great-time-to-buy-an-egpu-and-ugreens-new-razer-rival-has-two-major-tricks-up-its-sleeve 📱 วิกฤติ RAM อาจทำให้สมาร์ทโฟนถอยหลังในปี 2026 นักวิเคราะห์เตือนว่าความต้องการ RAM ที่สูงขึ้นจากศูนย์ข้อมูล AI กำลังทำให้ราคาพุ่งขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนอาจต้องลดสเปกลง แทนที่จะเพิ่ม RAM เป็น 16GB ในรุ่นเรือธงใหม่ อาจยังคงอยู่ที่ 12GB หรือบางรุ่นอาจลดลงเหลือ 8GB สำหรับรุ่นกลาง และ 4GB สำหรับรุ่นล่าง ทั้งนี้แม้จะเป็นการคาดการณ์ แต่ก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะตลาด AI กำลังดูดซับทรัพยากรไปอย่างมหาศาล ซึ่งอาจย้อนแย้งกับการพัฒนา AI บนมือถือที่ต้องใช้ RAM มากเช่นกัน 🔗 https://www.techradar.com/phones/the-ram-crisis-will-see-smartphone-specs-go-backwards-in-2026-experts-warn-heres-why 💍 Apple ควรทำ Smart Ring เพื่อแก้ปัญหาความยุ่งยากของ Smartwatch ผู้เขียนเล่าประสบการณ์ตรงว่าแม้ Apple Watch จะมีฟีเจอร์ด้านสุขภาพและการออกกำลังกายที่ยอดเยี่ยม แต่ก็สร้างความลำบากใจเพราะเขาเป็นคนรักนาฬิกากลไกและไม่อยากละทิ้งการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม จนต้องใส่นาฬิกาสองเรือนบนข้อมือเดียวกัน ซึ่งทั้งไม่สะดวกและน่าขัน เขาจึงเสนอว่า Apple ควรทำ Smart Ring ที่สามารถติดตามสุขภาพได้เหมือน Apple Watch แต่เล็กกะทัดรัดและไม่รบกวนการใส่นาฬิกาแบบดั้งเดิม หาก Apple ทำจริงก็อาจกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พลิกเกมในปี 2026 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/apple-needs-to-make-a-smart-ring-to-save-me-from-this-ridiculous-situation 🌳 รีวิวซอฟต์แวร์ Idea Spectrum Realtime Landscaping Pro 2025 นี่คือโปรแกรมออกแบบภูมิทัศน์ที่ให้คุณสร้างสวนเสมือนจริงได้จากคอมพิวเตอร์ Windows จุดเด่นคืออินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย มีคลังพืชกว่า 6,000 ชนิด และวัตถุสามมิติหลากหลาย ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงรถยนต์ พร้อมระบบแอนิเมชันที่ทำให้งานออกแบบดูมีชีวิตชีวา โปรแกรมยังมี Wizard ที่ช่วยให้การสร้างบ้าน สระน้ำ หรือสวนทำได้รวดเร็ว แม้จะมีข้อจำกัดว่าใช้ได้เฉพาะ Windows และอาจหน่วงเมื่อโปรเจ็กต์ซับซ้อน แต่ก็ถือเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับทั้งมือสมัครเล่นและมืออาชีพ 🔗 https://www.techradar.com/pro/software-services/idea-spectrum-realtime-landscaping-pro-review
    0 Comments 0 Shares 463 Views 0 Reviews
  • Apple เปิดตัวชิป AI Server “Baltra”

    Apple กำลังพัฒนาชิปเซิร์ฟเวอร์ AI รุ่นแรกของตนเองในชื่อรหัส Baltra โดยร่วมมือกับ Broadcom เพื่อสร้างระบบเครือข่ายที่ไม่ต้องพึ่งพา Nvidia การออกแบบนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2026 และเริ่มใช้งานจริงในปี 2027 โดยใช้กระบวนการผลิต TSMC 3nm N3E จุดประสงค์หลักคือรองรับงาน AI inference ขนาดใหญ่ที่ Apple ต้องการสำหรับบริการ Apple Intelligence.

    จุดเด่นของ Baltra
    Baltra ถูกออกแบบมาเพื่อ AI inference ไม่ใช่การเทรนโมเดลใหม่ เนื่องจาก Apple ได้ทำสัญญาใช้โมเดล Gemini ขนาด 3 ล้านล้านพารามิเตอร์จาก Google แล้ว การออกแบบชิปจึงเน้นไปที่ latency และ throughput โดยใช้สถาปัตยกรรมที่รองรับ low-precision math เช่น INT8 เพื่อให้เหมาะกับงาน inference ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพสูง.

    กลยุทธ์และความร่วมมือ
    Apple เลือกทำงานกับ Broadcom เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายสำหรับ Baltra และหลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia ซึ่งครองตลาด GPU สำหรับ AI อยู่ในปัจจุบัน การสร้างชิปเองยังช่วยให้ Apple ควบคุมต้นทุนและการออกแบบ ได้ดีกว่า รวมถึงเสริมแนวทาง vertical integration ที่บริษัทใช้กับ A-series และ M-series chips.

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การมาของ Baltra แสดงให้เห็นว่า Apple กำลังเข้าสู่การแข่งขันในตลาด AI server chips ที่มีผู้เล่นหลักอย่าง Nvidia, AMD และ Intel การพัฒนาในครั้งนี้อาจทำให้ Apple สามารถสร้างระบบคลาวด์ที่ปรับแต่งเองได้เต็มรูปแบบ และลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นในงาน AI ขนาดใหญ่.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คุณสมบัติ Baltra
    ผลิตด้วย TSMC 3nm N3E
    เน้นงาน AI inference ไม่ใช่การเทรนโมเดล
    รองรับ low-precision math เช่น INT8

    กลยุทธ์ของ Apple
    ร่วมมือกับ Broadcom พัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย
    หลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia
    เสริมแนวทาง vertical integration

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    Apple เข้าสู่ตลาด AI server chips
    แข่งขันกับ Nvidia, AMD และ Intel
    ลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นในงาน AI

    ข้อควรระวัง
    Baltra ยังไม่พร้อมใช้งานจริงจนถึงปี 2027
    ไม่เหมาะสำหรับการเทรนโมเดลใหม่
    ความสำเร็จขึ้นอยู่กับ yield และการผลิตของ TSMC

    https://wccftech.com/apples-ai-server-chip-baltra-likely-to-be-used-primarily-for-ai-inference/
    🍏 Apple เปิดตัวชิป AI Server “Baltra” Apple กำลังพัฒนาชิปเซิร์ฟเวอร์ AI รุ่นแรกของตนเองในชื่อรหัส Baltra โดยร่วมมือกับ Broadcom เพื่อสร้างระบบเครือข่ายที่ไม่ต้องพึ่งพา Nvidia การออกแบบนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2026 และเริ่มใช้งานจริงในปี 2027 โดยใช้กระบวนการผลิต TSMC 3nm N3E จุดประสงค์หลักคือรองรับงาน AI inference ขนาดใหญ่ที่ Apple ต้องการสำหรับบริการ Apple Intelligence. ⚡ จุดเด่นของ Baltra Baltra ถูกออกแบบมาเพื่อ AI inference ไม่ใช่การเทรนโมเดลใหม่ เนื่องจาก Apple ได้ทำสัญญาใช้โมเดล Gemini ขนาด 3 ล้านล้านพารามิเตอร์จาก Google แล้ว การออกแบบชิปจึงเน้นไปที่ latency และ throughput โดยใช้สถาปัตยกรรมที่รองรับ low-precision math เช่น INT8 เพื่อให้เหมาะกับงาน inference ที่ต้องการความเร็วและประสิทธิภาพสูง. 🔒 กลยุทธ์และความร่วมมือ Apple เลือกทำงานกับ Broadcom เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีเครือข่ายสำหรับ Baltra และหลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia ซึ่งครองตลาด GPU สำหรับ AI อยู่ในปัจจุบัน การสร้างชิปเองยังช่วยให้ Apple ควบคุมต้นทุนและการออกแบบ ได้ดีกว่า รวมถึงเสริมแนวทาง vertical integration ที่บริษัทใช้กับ A-series และ M-series chips. 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การมาของ Baltra แสดงให้เห็นว่า Apple กำลังเข้าสู่การแข่งขันในตลาด AI server chips ที่มีผู้เล่นหลักอย่าง Nvidia, AMD และ Intel การพัฒนาในครั้งนี้อาจทำให้ Apple สามารถสร้างระบบคลาวด์ที่ปรับแต่งเองได้เต็มรูปแบบ และลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นในงาน AI ขนาดใหญ่. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คุณสมบัติ Baltra ➡️ ผลิตด้วย TSMC 3nm N3E ➡️ เน้นงาน AI inference ไม่ใช่การเทรนโมเดล ➡️ รองรับ low-precision math เช่น INT8 ✅ กลยุทธ์ของ Apple ➡️ ร่วมมือกับ Broadcom พัฒนาเทคโนโลยีเครือข่าย ➡️ หลีกเลี่ยงการพึ่งพา Nvidia ➡️ เสริมแนวทาง vertical integration ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ Apple เข้าสู่ตลาด AI server chips ➡️ แข่งขันกับ Nvidia, AMD และ Intel ➡️ ลดการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่นในงาน AI ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ Baltra ยังไม่พร้อมใช้งานจริงจนถึงปี 2027 ⛔ ไม่เหมาะสำหรับการเทรนโมเดลใหม่ ⛔ ความสำเร็จขึ้นอยู่กับ yield และการผลิตของ TSMC https://wccftech.com/apples-ai-server-chip-baltra-likely-to-be-used-primarily-for-ai-inference/
    WCCFTECH.COM
    Apple's AI Chip Baltra To Power Your iPhone's Next-Gen Features
    Apple is a vertical integration afficionado, with its custom silicon design efforts offering an apt illustration of this paradigm.
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • Asus ลดสเปกเพื่อความกะทัดรัด

    Asus เปิดตัว Dual GeForce RTX 5060 Ti Evo 16GB GDDR7 ที่เปลี่ยนจาก PCIe x16 มาเป็น PCIe x8 จุดประสงค์หลักคือการลดต้นทุนและทำให้การ์ดมีขนาดเล็กลง เหมาะกับ Small Form Factor (SFF) โดยการ์ดถูกย่อจาก 2.5 slot เหลือ 2.1 slot และสั้นลงประมาณ 2% อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์บางอย่างถูกตัดออก เช่น dual-BIOS switch และ GPU Guard ที่ช่วยป้องกันการแตกร้าวของชิป.

    Gigabyte เพิ่มสเปกเพื่อความแตกต่าง
    ในทางตรงกันข้าม Gigabyte เปิดตัว GeForce RTX 5060 Ti WindForce Max 16G ที่เปลี่ยนจาก PCIe x8 มาเป็น PCIe x16 แม้การทำงานจริงยังคงอยู่ที่ x8 แต่การเปลี่ยนนี้ทำให้การ์ดดู “เต็มสเปก” มากขึ้น การออกแบบโดยรวมแทบไม่ต่างจากรุ่นก่อน ยกเว้นตำแหน่งของ 8-pin power connector ที่ถูกย้ายไปด้านขวา.

    ประสิทธิภาพไม่เปลี่ยน
    แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงคอนเน็กเตอร์ แต่ RTX 5060 Ti ทั้งสองรุ่นยังคงทำงานที่ระดับ x8 ตามการออกแบบของ Nvidia ดังนั้นประสิทธิภาพจริงไม่ต่างกัน การเปลี่ยนแปลงนี้จึงเป็นเรื่องของ ต้นทุนและการตลาด มากกว่าการเพิ่มพลังการประมวลผล.

    ผลกระทบต่อตลาด
    การเคลื่อนไหวของ Asus และ Gigabyte สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดการ์ดจอระดับกลาง ที่เน้นการปรับแต่งเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ต่างกัน Asus มุ่งไปที่ตลาด SFF PC ที่ต้องการการ์ดเล็กและราคาถูก ขณะที่ Gigabyte เลือกทำให้การ์ดดู “เต็มสเปก” เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดทางเทคนิค.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Asus Dual RTX 5060 Ti Evo
    เปลี่ยนจาก PCIe x16 → x8
    การ์ดเล็กลง เหมาะกับ SFF
    ตัดฟีเจอร์ dual-BIOS และ GPU Guard

    Gigabyte WindForce Max 16G
    เปลี่ยนจาก PCIe x8 → x16
    ดีไซน์แทบไม่ต่างจากรุ่นก่อน
    ย้ายตำแหน่ง 8-pin power connector

    ประสิทธิภาพจริง
    ทั้งสองรุ่นยังคงทำงานที่ x8
    ไม่มีผลต่อเฟรมเรตหรือการประมวลผล

    ผลต่อผู้ใช้
    Asus เน้นตลาด SFF และต้นทุนต่ำ
    Gigabyte เน้นภาพลักษณ์ “เต็มสเปก”

    ข้อควรระวัง
    ผู้ใช้บางคนอาจเข้าใจผิดว่าการเปลี่ยนเป็น x16 ของ Gigabyte เพิ่มประสิทธิภาพ
    Asus ตัดฟีเจอร์บางอย่างออก ทำให้การ์ดเสียความสามารถบางส่วน
    ทั้งสองรุ่นยังไม่เปิดเผยราคาและวันวางจำหน่ายแน่ชัด

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-swaps-out-the-pcie-x16-connector-for-x8-on-new-rtx-5060-ti-gpus-gigabyte-does-the-opposite-with-x16-upgrade-to-its-windforce-max-card
    🖥️ Asus ลดสเปกเพื่อความกะทัดรัด Asus เปิดตัว Dual GeForce RTX 5060 Ti Evo 16GB GDDR7 ที่เปลี่ยนจาก PCIe x16 มาเป็น PCIe x8 จุดประสงค์หลักคือการลดต้นทุนและทำให้การ์ดมีขนาดเล็กลง เหมาะกับ Small Form Factor (SFF) โดยการ์ดถูกย่อจาก 2.5 slot เหลือ 2.1 slot และสั้นลงประมาณ 2% อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์บางอย่างถูกตัดออก เช่น dual-BIOS switch และ GPU Guard ที่ช่วยป้องกันการแตกร้าวของชิป. ⚡ Gigabyte เพิ่มสเปกเพื่อความแตกต่าง ในทางตรงกันข้าม Gigabyte เปิดตัว GeForce RTX 5060 Ti WindForce Max 16G ที่เปลี่ยนจาก PCIe x8 มาเป็น PCIe x16 แม้การทำงานจริงยังคงอยู่ที่ x8 แต่การเปลี่ยนนี้ทำให้การ์ดดู “เต็มสเปก” มากขึ้น การออกแบบโดยรวมแทบไม่ต่างจากรุ่นก่อน ยกเว้นตำแหน่งของ 8-pin power connector ที่ถูกย้ายไปด้านขวา. 🔧 ประสิทธิภาพไม่เปลี่ยน แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงคอนเน็กเตอร์ แต่ RTX 5060 Ti ทั้งสองรุ่นยังคงทำงานที่ระดับ x8 ตามการออกแบบของ Nvidia ดังนั้นประสิทธิภาพจริงไม่ต่างกัน การเปลี่ยนแปลงนี้จึงเป็นเรื่องของ ต้นทุนและการตลาด มากกว่าการเพิ่มพลังการประมวลผล. 🌐 ผลกระทบต่อตลาด การเคลื่อนไหวของ Asus และ Gigabyte สะท้อนถึงการแข่งขันในตลาดการ์ดจอระดับกลาง ที่เน้นการปรับแต่งเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้ต่างกัน Asus มุ่งไปที่ตลาด SFF PC ที่ต้องการการ์ดเล็กและราคาถูก ขณะที่ Gigabyte เลือกทำให้การ์ดดู “เต็มสเปก” เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้ใช้ที่ให้ความสำคัญกับรายละเอียดทางเทคนิค. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Asus Dual RTX 5060 Ti Evo ➡️ เปลี่ยนจาก PCIe x16 → x8 ➡️ การ์ดเล็กลง เหมาะกับ SFF ➡️ ตัดฟีเจอร์ dual-BIOS และ GPU Guard ✅ Gigabyte WindForce Max 16G ➡️ เปลี่ยนจาก PCIe x8 → x16 ➡️ ดีไซน์แทบไม่ต่างจากรุ่นก่อน ➡️ ย้ายตำแหน่ง 8-pin power connector ✅ ประสิทธิภาพจริง ➡️ ทั้งสองรุ่นยังคงทำงานที่ x8 ➡️ ไม่มีผลต่อเฟรมเรตหรือการประมวลผล ✅ ผลต่อผู้ใช้ ➡️ Asus เน้นตลาด SFF และต้นทุนต่ำ ➡️ Gigabyte เน้นภาพลักษณ์ “เต็มสเปก” ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผู้ใช้บางคนอาจเข้าใจผิดว่าการเปลี่ยนเป็น x16 ของ Gigabyte เพิ่มประสิทธิภาพ ⛔ Asus ตัดฟีเจอร์บางอย่างออก ทำให้การ์ดเสียความสามารถบางส่วน ⛔ ทั้งสองรุ่นยังไม่เปิดเผยราคาและวันวางจำหน่ายแน่ชัด https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-swaps-out-the-pcie-x16-connector-for-x8-on-new-rtx-5060-ti-gpus-gigabyte-does-the-opposite-with-x16-upgrade-to-its-windforce-max-card
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • Tetris บนท้องฟ้า: การแข่งขันครั้งแรกของโลก

    Red Bull Gaming จัดงาน Tetris World Final ที่เมืองดูไบ โดยใช้ Dubai Frame ซึ่งสูงกว่า 150 เมตรเป็นฉากหลัง พร้อมโดรน RGB 2,800 ลำสร้างบล็อก Tetrimino แบบเรียลไทม์ นี่คือครั้งแรกที่เกม Tetris ถูกเล่นจริงบนท้องฟ้า ผู้เข้าร่วมกว่า 60 ประเทศผ่านรอบคัดเลือกกว่า 7 ล้านเกม ก่อนจะเหลือผู้เล่นเพียงสองคนในรอบชิงชนะเลิศ.

    ผู้ชนะจากตุรกี
    ในรอบชิงชนะเลิศ Fehmi Atalar จากตุรกี เผชิญหน้ากับ Leo Solórzano จากเปรู โดย Solórzano ทำคะแนนได้ 57,164 แต่ Atalar ทำลายสถิติด้วยคะแนน 168,566 ภายในเวลา 5 นาที เขากล่าวว่านี่คือ “ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตการเล่น Tetris” และเป็นความสำเร็จที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้.

    งานระดับโลกที่รวมตำนานเกม
    งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขัน แต่ยังเป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมเกม โดยมีการแสดงดนตรีสด, แขกรับเชิญพิเศษ และการปรากฏตัวของ Alexey Pajitnov ผู้สร้าง Tetris และ Henk Rogers ผู้เผยแพร่เกมสู่โลก ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความทรงจำและความยิ่งใหญ่.

    ความหมายต่อวงการเกม
    การใช้โดรนสร้างเกม Tetris บนท้องฟ้าเป็นการผสมผสานระหว่าง เทคโนโลยี, ศิลปะ และเกม ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือเป็นการยกระดับ eSports และการแสดงสดให้กลายเป็นประสบการณ์ที่ทั้งผู้เล่นและผู้ชมจะไม่มีวันลืม.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การแข่งขัน Tetris World Final
    จัดขึ้นที่ Dubai Frame สูง 150 เมตร
    ใช้โดรน RGB 2,800 ลำสร้างเกมแบบเรียลไทม์

    ผู้ชนะและผลคะแนน
    Fehmi Atalar จากตุรกีคว้าแชมป์
    ทำคะแนน 168,566 เทียบกับคู่แข่ง 57,164

    บรรยากาศงาน
    มีผู้เข้าร่วมจาก 60 ประเทศ
    การแสดงดนตรีสดและแขกรับเชิญพิเศษ
    ผู้สร้าง Tetris Alexey Pajitnov และ Henk Rogers เข้าร่วม

    ความหมายต่อวงการเกม
    เป็นครั้งแรกที่ Tetris ถูกเล่นบนท้องฟ้า
    ผสมผสานเทคโนโลยีและศิลปะเข้ากับ eSports
    สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดงานเกมระดับโลก

    ข้อควรระวัง
    การใช้โดรนจำนวนมากอาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางอากาศ
    การจัดงานขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องใช้พลังงานและทรัพยากรสูง
    อาจไม่สามารถทำซ้ำได้ง่ายในสถานที่อื่น ๆ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคนิคและกฎหมาย

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/2-800-rgb-drones-turned-into-the-worlds-largest-ever-game-of-tetris-red-bull-tetris-world-final-lights-up-dubai-night-sky
    🎮 Tetris บนท้องฟ้า: การแข่งขันครั้งแรกของโลก Red Bull Gaming จัดงาน Tetris World Final ที่เมืองดูไบ โดยใช้ Dubai Frame ซึ่งสูงกว่า 150 เมตรเป็นฉากหลัง พร้อมโดรน RGB 2,800 ลำสร้างบล็อก Tetrimino แบบเรียลไทม์ นี่คือครั้งแรกที่เกม Tetris ถูกเล่นจริงบนท้องฟ้า ผู้เข้าร่วมกว่า 60 ประเทศผ่านรอบคัดเลือกกว่า 7 ล้านเกม ก่อนจะเหลือผู้เล่นเพียงสองคนในรอบชิงชนะเลิศ. 🏆 ผู้ชนะจากตุรกี ในรอบชิงชนะเลิศ Fehmi Atalar จากตุรกี เผชิญหน้ากับ Leo Solórzano จากเปรู โดย Solórzano ทำคะแนนได้ 57,164 แต่ Atalar ทำลายสถิติด้วยคะแนน 168,566 ภายในเวลา 5 นาที เขากล่าวว่านี่คือ “ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตการเล่น Tetris” และเป็นความสำเร็จที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้. 🌐 งานระดับโลกที่รวมตำนานเกม งานนี้ไม่เพียงแต่เป็นการแข่งขัน แต่ยังเป็นการเฉลิมฉลองวัฒนธรรมเกม โดยมีการแสดงดนตรีสด, แขกรับเชิญพิเศษ และการปรากฏตัวของ Alexey Pajitnov ผู้สร้าง Tetris และ Henk Rogers ผู้เผยแพร่เกมสู่โลก ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความทรงจำและความยิ่งใหญ่. ✨ ความหมายต่อวงการเกม การใช้โดรนสร้างเกม Tetris บนท้องฟ้าเป็นการผสมผสานระหว่าง เทคโนโลยี, ศิลปะ และเกม ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ถือเป็นการยกระดับ eSports และการแสดงสดให้กลายเป็นประสบการณ์ที่ทั้งผู้เล่นและผู้ชมจะไม่มีวันลืม. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การแข่งขัน Tetris World Final ➡️ จัดขึ้นที่ Dubai Frame สูง 150 เมตร ➡️ ใช้โดรน RGB 2,800 ลำสร้างเกมแบบเรียลไทม์ ✅ ผู้ชนะและผลคะแนน ➡️ Fehmi Atalar จากตุรกีคว้าแชมป์ ➡️ ทำคะแนน 168,566 เทียบกับคู่แข่ง 57,164 ✅ บรรยากาศงาน ➡️ มีผู้เข้าร่วมจาก 60 ประเทศ ➡️ การแสดงดนตรีสดและแขกรับเชิญพิเศษ ➡️ ผู้สร้าง Tetris Alexey Pajitnov และ Henk Rogers เข้าร่วม ✅ ความหมายต่อวงการเกม ➡️ เป็นครั้งแรกที่ Tetris ถูกเล่นบนท้องฟ้า ➡️ ผสมผสานเทคโนโลยีและศิลปะเข้ากับ eSports ➡️ สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการจัดงานเกมระดับโลก ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การใช้โดรนจำนวนมากอาจมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางอากาศ ⛔ การจัดงานขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องใช้พลังงานและทรัพยากรสูง ⛔ อาจไม่สามารถทำซ้ำได้ง่ายในสถานที่อื่น ๆ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเทคนิคและกฎหมาย https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/2-800-rgb-drones-turned-into-the-worlds-largest-ever-game-of-tetris-red-bull-tetris-world-final-lights-up-dubai-night-sky
    0 Comments 0 Shares 129 Views 0 Reviews
  • Amazon เปิดตัว Graviton5: CPU 192-Core ที่ท้าชนยักษ์ใหญ่

    Amazon Web Services (AWS) ได้เปิดตัว Graviton5 ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ที่ทรงพลังที่สุดของบริษัท โดยมาพร้อมกับ 192 Neoverse V3 cores และ 180 MB L3 cache ผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับ 3nm-class ที่คาดว่าใช้โรงงานของ TSMC จุดเด่นคือการออกแบบเพื่อแข่งขันกับ CPU ระดับสูงของ AMD EPYC และ Intel Xeon ที่ครองตลาดศูนย์ข้อมูลมายาวนาน การเพิ่มจำนวนคอร์เป็นสองเท่าจากรุ่นก่อนหน้า ทำให้ AWS คาดการณ์ประสิทธิภาพสูงขึ้นราว 25% แม้ตัวเลขนี้จะถือว่าค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมที่ใหญ่

    สถาปัตยกรรมใหม่และการจัดการ Cache
    Graviton5 เปลี่ยนจากการใช้ System-Level Cache (SLC) ในรุ่น Graviton4 มาเป็น L3 cache ขนาดใหญ่แบบกระจายตัว ซึ่งช่วยลดความหน่วงในการสื่อสารระหว่างคอร์ลงถึง 33% การออกแบบนี้ตอบโจทย์การขยายตัวของจำนวนคอร์ที่มหาศาล และยังช่วยให้การทำงานแบบ multi-tenant มีความเสถียรมากขึ้นในสภาพแวดล้อมคลาวด์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการพัฒนาเชิงสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นความสามารถในการรองรับงานขนาดใหญ่และซับซ้อน

    ความปลอดภัยและระบบ Nitro Isolation Engine
    AWS ยังได้เพิ่มระบบ Nitro Isolation Engine ซึ่งใช้การพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์เพื่อยืนยันการแยกการทำงานของ workload อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่มีการเข้าถึงจากผู้ปฏิบัติการของ AWS เอง นี่เป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในคลาวด์ที่อาจดึงดูดลูกค้าองค์กรที่ต้องการความมั่นใจสูงสุด โดยเฉพาะผู้ที่เคยใช้เซิร์ฟเวอร์แบบ on-premises

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและการแข่งขัน
    การเปิดตัว Graviton5 ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับศักยภาพของ AWS เท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาด CPU สำหรับศูนย์ข้อมูล ซึ่งกำลังถูกขับเคลื่อนโดยความต้องการด้าน AI, Machine Learning และ Big Data การที่ AWS ลงทุนใน CPU ของตนเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทสามารถควบคุมทั้งด้านต้นทุนและประสิทธิภาพได้ดีกว่าการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คุณสมบัติของ Graviton5
    192 Neoverse V3 cores ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm-class
    L3 cache ขนาด 180 MB เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากรุ่นก่อน
    ประสิทธิภาพสูงขึ้นราว 25% เมื่อเทียบกับ Graviton4

    การออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่
    เปลี่ยนจาก SLC มาใช้ L3 cache แบบกระจายตัว
    ลด inter-core latency ลงถึง 33%
    รองรับงาน multi-tenant ได้เสถียรมากขึ้น

    ระบบความปลอดภัย
    ใช้ AWS Nitro System รุ่นใหม่
    เพิ่ม Nitro Isolation Engine เพื่อแยก workload อย่างปลอดภัย
    เน้น zero-operator-access model

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    แข่งขันโดยตรงกับ AMD EPYC และ Intel Xeon
    รองรับงาน AI, ML และ Big Data ได้ดียิ่งขึ้น
    เปิดตัวใน EC2 M9g instances และจะมีรุ่น C9g, R9g ในปี 2026

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    AWS ไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรมภายในทั้งหมด
    Memory bandwidth ต่อคอร์อาจต่ำกว่ารุ่นก่อน แม้มี cache ขนาดใหญ่
    การประเมินประสิทธิภาพ 25% อาจต่ำกว่าศักยภาพจริง แต่ยังไม่ชัดเจนในงานเฉพาะทาง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amazon-unveils-192-core-graviton5-cpu-with-massive-180-mb-l3-cache-in-tow-ambitious-server-silicon-challenges-high-end-amd-epyc-and-intel-xeon-in-the-cloud
    🖥️ Amazon เปิดตัว Graviton5: CPU 192-Core ที่ท้าชนยักษ์ใหญ่ Amazon Web Services (AWS) ได้เปิดตัว Graviton5 ซึ่งเป็นหน่วยประมวลผลรุ่นใหม่ที่ทรงพลังที่สุดของบริษัท โดยมาพร้อมกับ 192 Neoverse V3 cores และ 180 MB L3 cache ผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับ 3nm-class ที่คาดว่าใช้โรงงานของ TSMC จุดเด่นคือการออกแบบเพื่อแข่งขันกับ CPU ระดับสูงของ AMD EPYC และ Intel Xeon ที่ครองตลาดศูนย์ข้อมูลมายาวนาน การเพิ่มจำนวนคอร์เป็นสองเท่าจากรุ่นก่อนหน้า ทำให้ AWS คาดการณ์ประสิทธิภาพสูงขึ้นราว 25% แม้ตัวเลขนี้จะถือว่าค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเมื่อเทียบกับการเปลี่ยนแปลงเชิงสถาปัตยกรรมที่ใหญ่ ⚡ สถาปัตยกรรมใหม่และการจัดการ Cache Graviton5 เปลี่ยนจากการใช้ System-Level Cache (SLC) ในรุ่น Graviton4 มาเป็น L3 cache ขนาดใหญ่แบบกระจายตัว ซึ่งช่วยลดความหน่วงในการสื่อสารระหว่างคอร์ลงถึง 33% การออกแบบนี้ตอบโจทย์การขยายตัวของจำนวนคอร์ที่มหาศาล และยังช่วยให้การทำงานแบบ multi-tenant มีความเสถียรมากขึ้นในสภาพแวดล้อมคลาวด์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการพัฒนาเชิงสถาปัตยกรรมที่มุ่งเน้นความสามารถในการรองรับงานขนาดใหญ่และซับซ้อน 🔒 ความปลอดภัยและระบบ Nitro Isolation Engine AWS ยังได้เพิ่มระบบ Nitro Isolation Engine ซึ่งใช้การพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์เพื่อยืนยันการแยกการทำงานของ workload อย่างสมบูรณ์แบบ โดยไม่มีการเข้าถึงจากผู้ปฏิบัติการของ AWS เอง นี่เป็นการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในคลาวด์ที่อาจดึงดูดลูกค้าองค์กรที่ต้องการความมั่นใจสูงสุด โดยเฉพาะผู้ที่เคยใช้เซิร์ฟเวอร์แบบ on-premises 🌐 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมและการแข่งขัน การเปิดตัว Graviton5 ไม่เพียงแต่เป็นการยกระดับศักยภาพของ AWS เท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาด CPU สำหรับศูนย์ข้อมูล ซึ่งกำลังถูกขับเคลื่อนโดยความต้องการด้าน AI, Machine Learning และ Big Data การที่ AWS ลงทุนใน CPU ของตนเองอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทสามารถควบคุมทั้งด้านต้นทุนและประสิทธิภาพได้ดีกว่าการพึ่งพาผู้ผลิตรายอื่น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คุณสมบัติของ Graviton5 ➡️ 192 Neoverse V3 cores ผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm-class ➡️ L3 cache ขนาด 180 MB เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากรุ่นก่อน ➡️ ประสิทธิภาพสูงขึ้นราว 25% เมื่อเทียบกับ Graviton4 ✅ การออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่ ➡️ เปลี่ยนจาก SLC มาใช้ L3 cache แบบกระจายตัว ➡️ ลด inter-core latency ลงถึง 33% ➡️ รองรับงาน multi-tenant ได้เสถียรมากขึ้น ✅ ระบบความปลอดภัย ➡️ ใช้ AWS Nitro System รุ่นใหม่ ➡️ เพิ่ม Nitro Isolation Engine เพื่อแยก workload อย่างปลอดภัย ➡️ เน้น zero-operator-access model ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ➡️ แข่งขันโดยตรงกับ AMD EPYC และ Intel Xeon ➡️ รองรับงาน AI, ML และ Big Data ได้ดียิ่งขึ้น ➡️ เปิดตัวใน EC2 M9g instances และจะมีรุ่น C9g, R9g ในปี 2026 ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ AWS ไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรมภายในทั้งหมด ⛔ Memory bandwidth ต่อคอร์อาจต่ำกว่ารุ่นก่อน แม้มี cache ขนาดใหญ่ ⛔ การประเมินประสิทธิภาพ 25% อาจต่ำกว่าศักยภาพจริง แต่ยังไม่ชัดเจนในงานเฉพาะทาง https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amazon-unveils-192-core-graviton5-cpu-with-massive-180-mb-l3-cache-in-tow-ambitious-server-silicon-challenges-high-end-amd-epyc-and-intel-xeon-in-the-cloud
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • Nvidia ขยายอาณาจักรโอเพ่นซอร์ส

    เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2025 Nvidia ประกาศเข้าซื้อบริษัท SchedMD ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Slurm ระบบจัดการงาน (job scheduler) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในซูเปอร์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูลทั่วโลก การเข้าซื้อครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Nvidia ต้องการเสริมความแข็งแกร่งด้าน โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันกับบริษัทจีนและผู้เล่นรายใหม่ทวีความรุนแรงขึ้น

    บทบาทของ Slurm ในโลก AI
    Slurm เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ช่วยจัดการการทำงานของเซิร์ฟเวอร์จำนวนมหาศาลในศูนย์ข้อมูล เช่น การแบ่งทรัพยากร การจัดลำดับงาน และการตรวจสอบสถานะ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ Nvidia ระบุว่า Slurm จะยังคงเปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สต่อไป แต่บริษัทจะเพิ่มการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและการบำรุงรักษา เพื่อให้ผู้พัฒนาและองค์กรสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    กลยุทธ์การแข่งขันของ Nvidia
    นอกจากการซื้อ SchedMD แล้ว Nvidia ยังเปิดตัว ชุดโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สใหม่ ที่เร็วและถูกกว่ารุ่นก่อนหน้า เพื่อรับมือกับการไหลบ่าเข้ามาของโมเดลโอเพ่นซอร์สจากจีน การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Nvidia ที่จะไม่เพียงขายฮาร์ดแวร์ GPU แต่ยังสร้างระบบนิเวศซอฟต์แวร์ที่ครบวงจร ตั้งแต่ CUDA ไปจนถึงเครื่องมือจัดการงานและโมเดล AI

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    การเข้าซื้อ SchedMD อาจทำให้ Nvidia กลายเป็นผู้เล่นที่มีอำนาจมากขึ้นในตลาด AI เพราะสามารถควบคุมทั้ง ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่จำเป็นต่อการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบางส่วนกังวลว่าการรวมศูนย์เช่นนี้อาจทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สต้องพึ่งพา Nvidia มากเกินไป แม้บริษัทจะยืนยันว่าจะยังคงรักษาความเปิดกว้างของ Slurm ก็ตาม

    สรุปสาระสำคัญ
    Nvidia เข้าซื้อ SchedMD
    เสริมกลยุทธ์โอเพ่นซอร์ส AI และโครงสร้างพื้นฐานการฝึกโมเดล

    Slurm ยังคงเป็นโอเพ่นซอร์ส
    ใช้จัดการงานในซูเปอร์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูลทั่วโลก
    Nvidia จะเพิ่มการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและบำรุงรักษา

    กลยุทธ์ใหม่ของ Nvidia
    เปิดตัวโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สรุ่นใหม่ที่เร็วและถูกกว่า
    แข่งขันกับโมเดลโอเพ่นซอร์สจากจีน

    ข้อกังวลจากชุมชน
    การรวมศูนย์อาจทำให้ผู้ใช้พึ่งพา Nvidia มากเกินไป
    เสี่ยงต่อการลดความหลากหลายของระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/nvidia-buys-ai-software-provider-schedmd-to-expand-open-source-ai-push
    💻 Nvidia ขยายอาณาจักรโอเพ่นซอร์ส เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2025 Nvidia ประกาศเข้าซื้อบริษัท SchedMD ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Slurm ระบบจัดการงาน (job scheduler) ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในซูเปอร์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูลทั่วโลก การเข้าซื้อครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า Nvidia ต้องการเสริมความแข็งแกร่งด้าน โครงสร้างพื้นฐานสำหรับการฝึกและใช้งานโมเดล AI โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันกับบริษัทจีนและผู้เล่นรายใหม่ทวีความรุนแรงขึ้น ⚙️ บทบาทของ Slurm ในโลก AI Slurm เป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สที่ช่วยจัดการการทำงานของเซิร์ฟเวอร์จำนวนมหาศาลในศูนย์ข้อมูล เช่น การแบ่งทรัพยากร การจัดลำดับงาน และการตรวจสอบสถานะ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการฝึกโมเดล AI ขนาดใหญ่ Nvidia ระบุว่า Slurm จะยังคงเปิดให้ใช้งานแบบโอเพ่นซอร์สต่อไป แต่บริษัทจะเพิ่มการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและการบำรุงรักษา เพื่อให้ผู้พัฒนาและองค์กรสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น 📈 กลยุทธ์การแข่งขันของ Nvidia นอกจากการซื้อ SchedMD แล้ว Nvidia ยังเปิดตัว ชุดโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สใหม่ ที่เร็วและถูกกว่ารุ่นก่อนหน้า เพื่อรับมือกับการไหลบ่าเข้ามาของโมเดลโอเพ่นซอร์สจากจีน การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Nvidia ที่จะไม่เพียงขายฮาร์ดแวร์ GPU แต่ยังสร้างระบบนิเวศซอฟต์แวร์ที่ครบวงจร ตั้งแต่ CUDA ไปจนถึงเครื่องมือจัดการงานและโมเดล AI 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม การเข้าซื้อ SchedMD อาจทำให้ Nvidia กลายเป็นผู้เล่นที่มีอำนาจมากขึ้นในตลาด AI เพราะสามารถควบคุมทั้ง ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่จำเป็นต่อการพัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยบางส่วนกังวลว่าการรวมศูนย์เช่นนี้อาจทำให้ชุมชนโอเพ่นซอร์สต้องพึ่งพา Nvidia มากเกินไป แม้บริษัทจะยืนยันว่าจะยังคงรักษาความเปิดกว้างของ Slurm ก็ตาม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Nvidia เข้าซื้อ SchedMD ➡️ เสริมกลยุทธ์โอเพ่นซอร์ส AI และโครงสร้างพื้นฐานการฝึกโมเดล ✅ Slurm ยังคงเป็นโอเพ่นซอร์ส ➡️ ใช้จัดการงานในซูเปอร์คอมพิวเตอร์และศูนย์ข้อมูลทั่วโลก ➡️ Nvidia จะเพิ่มการสนับสนุนด้านวิศวกรรมและบำรุงรักษา ✅ กลยุทธ์ใหม่ของ Nvidia ➡️ เปิดตัวโมเดล AI แบบโอเพ่นซอร์สรุ่นใหม่ที่เร็วและถูกกว่า ➡️ แข่งขันกับโมเดลโอเพ่นซอร์สจากจีน ‼️ ข้อกังวลจากชุมชน ⛔ การรวมศูนย์อาจทำให้ผู้ใช้พึ่งพา Nvidia มากเกินไป ⛔ เสี่ยงต่อการลดความหลากหลายของระบบนิเวศโอเพ่นซอร์ส https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/16/nvidia-buys-ai-software-provider-schedmd-to-expand-open-source-ai-push
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nvidia buys AI software provider SchedMD to expand open-source AI push
    Dec 15 (Reuters) - Nvidia said on Monday it acquired AI software firm SchedMD, as the chip designer doubles down on open-source technology and steps up investments in the artificial intelligence ecosystem to fend off rising competition.
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • เครื่องมือใหม่ SnapScope ตรวจสอบ Snap Packages

    Snap packages เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันในชุมชน Linux มานาน ทั้งเรื่องการเปิดโปรแกรมช้า การพึ่งพา Snap Store ที่เป็น proprietary และการที่ dependency ไม่ได้รับการอัปเดตทันเวลา ล่าสุด Alan Pope นักพัฒนาในชุมชน Ubuntu ได้สร้างเครื่องมือชื่อ SnapScope เพื่อแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย โดยสามารถสแกนแพ็กเกจ Snap เพื่อหาช่องโหว่ที่มีการบันทึกไว้ในฐานข้อมูล CVE

    วิธีการทำงานของ SnapScope
    ผู้ใช้เพียงแค่ใส่ชื่อแพ็กเกจหรือ publisher ลงในช่องค้นหา SnapScope จะสแกนและแสดงผลช่องโหว่ที่พบ พร้อมแบ่งระดับความรุนแรงเป็น KEV, CRITICAL, HIGH, MEDIUM และ LOW ข้อมูลเหล่านี้ดึงมาจาก Grype ซึ่งเป็น open-source scanner สำหรับ container และ filesystem โดยปัจจุบันรองรับเฉพาะแพ็กเกจ x86_64 แต่มีแผนจะขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่นในอนาคต

    ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ
    หน้าแรกของ SnapScope ยังมีกราฟแสดงแพ็กเกจที่ถูกสแกนล่าสุด และแพ็กเกจที่มีจำนวนช่องโหว่มากที่สุด ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถติดตามแนวโน้มความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น เครื่องมือนี้ถูกสร้างขึ้นในงาน Chainguard’s Vibelympics ซึ่งเป็นการแข่งขันที่นักพัฒนาสร้างโปรเจกต์สร้างสรรค์เพื่อการกุศล

    ใครควรใช้ SnapScope
    ผู้ดูแลระบบ (Sys Admins): ใช้ตรวจสอบ Snap ที่ติดตั้งในองค์กร
    นักพัฒนา: ตรวจสอบแพ็กเกจที่ดูแลว่ามี CVE ใดต้องแก้ไข
    ผู้ใช้ทั่วไปที่ใส่ใจความปลอดภัย: ตรวจสอบก่อนติดตั้ง Snap ใหม่ ๆ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    SnapScope คือเครื่องมือสแกน Snap
    ตรวจสอบช่องโหว่จากฐานข้อมูล CVE
    แสดงผลตามระดับความรุนแรง

    ฟีเจอร์หลัก
    รองรับ x86_64 packages
    ใช้ข้อมูลจาก Grype scanner
    มีกราฟแสดงแพ็กเกจที่เสี่ยงสูงสุด

    กลุ่มผู้ใช้เป้าหมาย
    Sys Admins ที่ต้อง audit ระบบ
    นักพัฒนาที่ดูแล Snap packages
    ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความมั่นใจ

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    Snap ที่มี dependency ไม่อัปเดตอาจเสี่ยงต่อการโจมตี
    หากไม่ตรวจสอบก่อนติดตั้ง อาจนำช่องโหว่เข้าสู่ระบบโดยไม่รู้ตัว

    https://itsfoss.com/news/check-snap-packages-vulnerabilities/
    🔍 เครื่องมือใหม่ SnapScope ตรวจสอบ Snap Packages Snap packages เป็นหัวข้อที่ถกเถียงกันในชุมชน Linux มานาน ทั้งเรื่องการเปิดโปรแกรมช้า การพึ่งพา Snap Store ที่เป็น proprietary และการที่ dependency ไม่ได้รับการอัปเดตทันเวลา ล่าสุด Alan Pope นักพัฒนาในชุมชน Ubuntu ได้สร้างเครื่องมือชื่อ SnapScope เพื่อแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย โดยสามารถสแกนแพ็กเกจ Snap เพื่อหาช่องโหว่ที่มีการบันทึกไว้ในฐานข้อมูล CVE ⚙️ วิธีการทำงานของ SnapScope ผู้ใช้เพียงแค่ใส่ชื่อแพ็กเกจหรือ publisher ลงในช่องค้นหา SnapScope จะสแกนและแสดงผลช่องโหว่ที่พบ พร้อมแบ่งระดับความรุนแรงเป็น KEV, CRITICAL, HIGH, MEDIUM และ LOW ข้อมูลเหล่านี้ดึงมาจาก Grype ซึ่งเป็น open-source scanner สำหรับ container และ filesystem โดยปัจจุบันรองรับเฉพาะแพ็กเกจ x86_64 แต่มีแผนจะขยายไปยังแพลตฟอร์มอื่นในอนาคต 📊 ฟีเจอร์ที่น่าสนใจ หน้าแรกของ SnapScope ยังมีกราฟแสดงแพ็กเกจที่ถูกสแกนล่าสุด และแพ็กเกจที่มีจำนวนช่องโหว่มากที่สุด ทำให้ผู้ดูแลระบบสามารถติดตามแนวโน้มความเสี่ยงได้ง่ายขึ้น เครื่องมือนี้ถูกสร้างขึ้นในงาน Chainguard’s Vibelympics ซึ่งเป็นการแข่งขันที่นักพัฒนาสร้างโปรเจกต์สร้างสรรค์เพื่อการกุศล 🌐 ใครควรใช้ SnapScope ผู้ดูแลระบบ (Sys Admins): ใช้ตรวจสอบ Snap ที่ติดตั้งในองค์กร นักพัฒนา: ตรวจสอบแพ็กเกจที่ดูแลว่ามี CVE ใดต้องแก้ไข ผู้ใช้ทั่วไปที่ใส่ใจความปลอดภัย: ตรวจสอบก่อนติดตั้ง Snap ใหม่ ๆ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ SnapScope คือเครื่องมือสแกน Snap ➡️ ตรวจสอบช่องโหว่จากฐานข้อมูล CVE ➡️ แสดงผลตามระดับความรุนแรง ✅ ฟีเจอร์หลัก ➡️ รองรับ x86_64 packages ➡️ ใช้ข้อมูลจาก Grype scanner ➡️ มีกราฟแสดงแพ็กเกจที่เสี่ยงสูงสุด ✅ กลุ่มผู้ใช้เป้าหมาย ➡️ Sys Admins ที่ต้อง audit ระบบ ➡️ นักพัฒนาที่ดูแล Snap packages ➡️ ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความมั่นใจ ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ Snap ที่มี dependency ไม่อัปเดตอาจเสี่ยงต่อการโจมตี ⛔ หากไม่ตรวจสอบก่อนติดตั้ง อาจนำช่องโหว่เข้าสู่ระบบโดยไม่รู้ตัว https://itsfoss.com/news/check-snap-packages-vulnerabilities/
    ITSFOSS.COM
    Check Your Snap Packages for Vulnerabilities With This Vibe-Coded Tool
    Snapscope makes it easy to scan any Snap package for security issues.
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
More Results