• 🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷

    #รวมข่าวIT #20251223 #securityonline

    Hardware‑Accelerated BitLocker: ยุคใหม่ของการเข้ารหัสที่ไม่กิน FPS อีกต่อไป
    Microsoft เปิดตัว BitLocker แบบเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ ซึ่งย้ายภาระการเข้ารหัสจาก CPU ไปยังเอนจินเฉพาะในคอนโทรลเลอร์ NVMe ทำให้ Windows 11 สามารถรักษาความเร็วอ่าน–เขียนระดับเกือบเนทีฟแม้เปิดการเข้ารหัสเต็มระบบ ต่างจากแบบเดิมที่ใช้ซอฟต์แวร์ล้วนและกินทรัพยากรจนกระทบ FPS ในเกมหรือโหลดงานหนักอย่างคอมไพล์โค้ดและเรนเดอร์วิดีโอ เทคโนโลยีใหม่นี้ยังเพิ่มความปลอดภัยด้วยการเก็บกุญแจเข้ารหัสในฮาร์ดแวร์ที่แยกตัว ลดโอกาสโจมตีหน่วยความจำ พร้อมประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยจะเปิดใช้ใน Windows 11 24H2–25H2 บนอุปกรณ์ที่มี NVMe controller รุ่นใหม่และ CPU ที่มี crypto engine ในตัว เช่น Intel Core Ultra, AMD Ryzen และ Snapdragon X ซึ่งหมายความว่า HDD และ SATA SSD จะไม่รองรับแน่นอน
    https://securityonline.info/unlocking-the-speed-of-light-how-hardware-accelerated-bitlocker-saves-your-fps/

    The Payroll Trap: แคมเปญ Quishing ใหม่ใช้ QR + CAPTCHA ปลอมเพื่อขโมยเงินเดือนพนักงาน
    แคมเปญฟิชชิงรูปแบบใหม่กำลังพุ่งเป้าไปที่พนักงานโดยใช้ QR code เพื่อหลบระบบความปลอดภัยขององค์กร ก่อนล่อให้เหยื่อสแกนด้วยมือถือส่วนตัวและพาออกนอกเครือข่ายบริษัท จากนั้นหน้าเว็บปลอมจะใช้ CAPTCHA หลอกเพื่อดึงอีเมลและกระตุ้นให้กรอกรหัสผ่าน โดยโครงสร้างหลังบ้านใช้โดเมนหมุนเวียนและ URL เฉพาะรายเหยื่อ ทำให้สืบสวนได้ยากขึ้น สะท้อนการยกระดับฟิชชิงที่ผสานเทคนิคและจิตวิทยาอย่างแนบเนียน
    https://securityonline.info/the-payroll-trap-new-quishing-campaign-uses-fake-captchas-to-hijack-employee-paychecks

    Zero‑Day Linksys: ช่องโหว่ Auth Bypass เปิดทางแฮ็กเกอร์ยึดเราเตอร์โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน
    นักวิจัยพบช่องโหว่ร้ายแรงในเราเตอร์ Linksys E9450‑SG ที่ทำให้ผู้โจมตีบนเครือข่ายท้องถิ่นสามารถเปิด Telnet และเข้าถึงสิทธิ์ root ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน เพียงส่งคำขอ URL ที่เจาะจงไปยัง endpoint ที่ผิดพลาดของเฟิร์มแวร์ แม้จะไม่ถูกโจมตีจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง แต่ความเสี่ยงต่อผู้ที่มีผู้ใช้ร่วมเครือข่ายหรือ Wi‑Fi รั่วไหลยังสูงมาก
    https://securityonline.info/zero-day-alert-linksys-auth-bypass-lets-hackers-hijack-routers-without-passwords

    Wonderland: มัลแวร์ Android รุ่นใหม่ใช้ Telegram ควบคุมแบบสองทางเพื่อดูดเงินเหยื่อ
    รายงานจาก Group‑IB เผยการระบาดของมัลแวร์ “Wonderland” ในเอเชียกลาง ซึ่งพัฒนาไปไกลจากโทรจันทั่วไป โดยใช้ dropper ปลอมตัวเป็นไฟล์อัปเดตหรือมีเดียเพื่อหลบการตรวจจับ ก่อนปล่อย payload ที่สื่อสารกับผู้โจมตีแบบ real‑time ผ่าน C2 ทำให้สั่งรัน USSD, ส่ง SMS และขยายการติดเชื้อผ่าน Telegram ของเหยื่อได้โดยอัตโนมัติ แสดงถึงวิวัฒนาการของอาชญากรรมมือถือที่ซับซ้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว
    https://securityonline.info/wonderland-unleashed-new-android-dropper-malware-hijacks-telegram-to-drain-bank-accounts

    EchoGather: แคมเปญจารกรรมไซเบอร์ใช้ XLL + เอกสาร AI‑ปลอมเพื่อเจาะองค์กรรัสเซีย
    กลุ่ม Paper Werewolf ปรับยุทธวิธีใหม่ด้วยการใช้ไฟล์ XLL ซึ่งเป็น DLL ที่ Excel โหลดตรง ทำให้รันโค้ดได้โดยไม่ติดข้อจำกัดของมาโคร พร้อมเทคนิคหน่วงเวลาการทำงานเพื่อหลบระบบตรวจจับ เมื่อ payload ทำงานจะติดตั้ง backdoor “EchoGather” สำหรับเก็บข้อมูลและสั่งงานผ่าน HTTPS ขณะเดียวกันเอกสารล่อเหยื่อที่แนบมากลับถูกสร้างด้วย AI และมีข้อผิดพลาดหลายจุด สะท้อนการผสมผสานระหว่างเทคนิคขั้นสูงและความลวกของมนุษย์
    https://securityonline.info/ai-generated-decoys-xll-stealth-inside-the-new-echogather-cyber-espionage-campaign

    React2Shell Exploited: EtherRAT ใช้ Node.js ปลอมตัวเพื่อล่าคริปโตจากเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก
    แคมเปญโจมตีอัตโนมัติใช้ช่องโหว่ React2Shell เพื่อฝัง EtherRAT บนเซิร์ฟเวอร์ โดยดาวน์โหลด Node.js เวอร์ชันจริงมาติดตั้งเพื่อรันสคริปต์โจมตี ทำให้ยากต่อการตรวจจับ จากนั้นมัลแวร์จะเชื่อมต่อ RPC ของ Ethereum เพื่อทำธุรกรรมกับสัญญาเฉพาะ เป้าหมายคือขโมยสินทรัพย์ดิจิทัลจากระบบที่ถูกยึดแบบไร้การเจาะจงประเทศ ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบ process Node.js แปลกปลอมและโฟลเดอร์ซ่อนใน home path
    https://securityonline.info/react2shell-exploited-new-etherrat-malware-hunts-for-crypto-via-node-js

    M‑Files Identity Hijack: ช่องโหว่ให้พนักงานขโมยตัวตนกันเองได้เงียบ ๆ
    แพลตฟอร์มจัดการเอกสาร M‑Files ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดทางให้ “ผู้ใช้ภายใน” สามารถดัก session token ของเพื่อนร่วมงานและสวมรอยเข้าถึงข้อมูลลับได้โดยไม่ทิ้งร่องรอย ทำให้การตรวจสอบย้อนหลังแทบเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันอีกช่องโหว่ทำให้ข้อมูลจาก vault เก่ารั่วไหลไปยัง vault ใหม่โดยไม่ตั้งใจ สะท้อนความเสี่ยงของระบบที่องค์กรพึ่งพาในงานเอกสารระดับ mission‑critical และจำเป็นต้องอัปเดตแพตช์ทันทีเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านี้
    https://securityonline.info/identity-theft-in-m-files-high-severity-flaw-lets-insiders-hijack-user-accounts-and-access-sensitive-data

    Purchase Order Deception: แคมเปญจารกรรมใช้ loader อเนกประสงค์โจมตีอุตสาหกรรมยุโรป–ตะวันออกกลาง
    รายงานใหม่เผยแคมเปญที่ใช้ “unified commodity loader” เป็นแกนกลางในการส่ง RAT หลายตระกูลเข้าโจมตีบริษัทผลิตและหน่วยงานรัฐในอิตาลี ฟินแลนด์ และซาอุฯ โดยซ่อน payload ไว้ในภาพผ่าน steganography และดัดแปลงไลบรารีโอเพ่นซอร์สให้กลายเป็นม้าโทรจันที่ตรวจจับยาก พร้อมเทคนิคหลอก UAC แบบแนบเนียน ทำให้แคมเปญนี้เป็นตัวอย่างของการยกระดับ tradecraft ในตลาดมัลแวร์เชิงพาณิชย์
    https://securityonline.info/purchase-order-deception-sophisticated-loader-targets-manufacturing-giants-in-italy-finland-and-saudi-arabia

    Prince of Persia APT กลับมาพร้อมมัลแวร์ควบคุมผ่าน Telegram หลังเงียบไปหลายปี
    กลุ่ม APT สายอิหร่าน “Prince of Persia / Infy” ถูกพบว่ายังปฏิบัติการอยู่และได้อัปเกรดเครื่องมือใหม่ เช่น Tonnerre v50 ที่สื่อสารผ่าน Telegram group และใช้ DGA ซับซ้อนเพื่อหลบการบล็อก โครงสร้างมัลแวร์รุ่นใหม่อย่าง Foudre v34 และ Tonnerre v50 แสดงให้เห็นว่ากลุ่มนี้ไม่ได้หายไป แต่กำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ยืดหยุ่นและตรวจจับยากกว่าเดิม พร้อมหลักฐานว่ามีมนุษย์ควบคุมการโจมตีแบบ real‑time
    https://securityonline.info/iranian-prince-of-persia-apt-resurfaces-with-telegram-controlled-stealth-malware

    Ransomware Cartel: Qilin–DragonForce–LockBit รวมตัวแบบสิ้นหวังท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐ
    ท่ามกลางการกวาดล้างของหน่วยงานรัฐทั่วโลก กลุ่ม Qilin, DragonForce และ LockBit ประกาศตั้ง “คาร์เทล” ร่วมกัน แต่รายงานชี้ว่าการรวมตัวนี้เป็นเพียงความพยายามประคองชื่อเสียงของ LockBit ที่แทบไม่เหลือกิจกรรมจริงแล้ว ขณะที่ Qilin กลับได้ประโยชน์ด้านการตลาดและดึง affiliate ใหม่มากกว่า ภาพรวมสะท้อนการแตกตัวของ ecosystem ransomware และการเปลี่ยนไปสู่โมเดล “ขู่กรรโชกข้อมูลอย่างเดียว” ที่เสี่ยงน้อยกว่าเดิม
    https://securityonline.info/a-desperate-cartel-inside-the-unlikely-alliance-of-qilin-dragonforce-and-a-fading-lockbit

    Scripted Sparrow: เครื่องจักร BEC ระดับอุตสาหกรรมยิงอีเมลหลอกลวงกว่า 3 ล้านฉบับต่อเดือน
    กลุ่มอาชญากร “Scripted Sparrow” ใช้ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบในการส่งอีเมล BEC โดยปลอมเป็นบริษัทเทรนนิ่งผู้บริหาร พร้อมแนบประวัติการสนทนาปลอมระหว่างผู้บริหารกับที่ปรึกษาเพื่อหลอกฝ่ายบัญชีให้จ่ายเงิน กลยุทธ์ใหม่คือส่งอีเมล “ลืมแนบไฟล์” เพื่อบังคับให้เหยื่อตอบกลับ ทำให้การสนทนากลายเป็น trusted thread และเปิดทางให้ส่งบัญชีม้าได้อย่างปลอดภัย การวิเคราะห์พบสมาชิกกระจายหลายทวีปและใช้เทคนิคปลอมตำแหน่ง GPS เพื่อหลบการติดตาม
    https://securityonline.info/the-3-million-email-siege-inside-scripted-sparrows-global-industrialized-bec-machine

    MongoDB Memory Leak: ช่องโหว่ zlib ทำข้อมูลหลุดโดยไม่ต้องล็อกอิน
    ช่องโหว่ร้ายแรงใน MongoDB (CVE‑2025‑14847) เปิดทางให้ผู้โจมตีดึงข้อมูลจาก heap memory ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน เพียงส่งคำขอที่เจาะจงไปยังส่วนที่ใช้ zlib compression ทำให้เซิร์ฟเวอร์ตอบกลับด้วยข้อมูลที่ยังไม่ได้ล้าง ซึ่งอาจรวมถึง query ล่าสุดหรือ credential ที่ค้างอยู่ใน RAM ช่องโหว่นี้กระทบแทบทุกเวอร์ชันย้อนหลังหลายปี และผู้ดูแลระบบถูกแนะนำให้อัปเดตทันทีหรือปิดการใช้ zlib ชั่วคราวเพื่อหยุดการรั่วไหล
    https://securityonline.info/critical-unauthenticated-mongodb-flaw-leaks-sensitive-data-via-zlib-compression

    Anna’s Archive อ้างดูด Spotify 300TB จุดชนวนสอบสวนการรั่วไหลครั้งใหญ่
    กลุ่มเงา Anna’s Archive ระบุว่าสามารถ mirror คลังเพลงของ Spotify ได้กว่า 300TB ครอบคลุม 86 ล้านแทร็กที่คิดเป็น 99.6% ของยอดฟังทั้งหมด โดยใช้วิธีเก็บ metadata 256 ล้านรายการและหลุดไฟล์เสียงบางส่วนผ่านการเลี่ยง DRM แม้ Spotify จะยืนยันเพียงว่ามีการเข้าถึงข้อมูลบางส่วน แต่เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นความเสี่ยงด้านลิขสิทธิ์และความเป็นไปได้ที่ข้อมูลจะถูกนำไปสร้างแพลตฟอร์มสตรีมเถื่อนหรือใช้เทรนโมเดล AI
    https://securityonline.info/annas-archive-claims-300tb-spotify-mirror-forcing-an-investigation-into-a-massive-music-data-leak

    Windows DWM EoP: ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์ด้วยเทคนิค “วาดทับ” พร้อม PoC เผยแพร่แล้ว
    ช่องโหว่ใน Desktop Window Manager (DWM) ของ Windows เปิดทางให้ผู้ใช้ในเครื่องยกระดับสิทธิ์ขึ้นเป็น SYSTEM ผ่านการจัดการกราฟิกผิดพลาด โดยมี PoC เผยแพร่แล้วแม้รายงานฉบับเต็มจะถูกล็อกให้เฉพาะผู้สนับสนุน เหตุการณ์นี้เพิ่มแรงกดดันให้ Microsoft ต้องเร่งแพตช์ เพราะเป็นช่องโหว่ที่ผู้โจมตีสามารถใช้ร่วมกับบั๊กอื่นเพื่อยึดระบบได้อย่างรวดเร็ว
    https://securityonline.info/windows-dwm-flaw-lets-local-users-paint-their-way-to-system-privileges-poc-publishes

    Alphabet ทุ่ม $4.75B ซื้อ Intersect Power เพื่อควบคุมไฟฟ้าป้อน Gemini และศูนย์ข้อมูล
    Alphabet เดินเกมเชิงโครงสร้างด้วยการซื้อ Intersect Power เพื่อแก้ปัญหาพลังงานที่กำลังกลายเป็นคอขวดของการแข่งขัน AI โดยดีลนี้ทำให้ Google ควบคุมโครงการพลังงานหมุนเวียนหลายกิกะวัตต์ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่สร้างติดกับดาต้าเซ็นเตอร์ในเท็กซัส การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าศึก AI ไม่ได้วัดกันที่ชิปหรือโมเดลอีกต่อไป แต่คือใครสร้างโรงไฟฟ้าได้เร็วกว่า
    https://securityonline.info/the-grid-is-the-goal-alphabets-4-75b-bet-to-own-the-power-plants-behind-gemini

    Android Toll: Google เก็บค่าติดตั้ง $2.85 ต่อแอปเมื่อใช้ลิงก์ดาวน์โหลดภายนอก
    ภายใต้แรงกดดันจากคดี Epic vs Google ศาลบีบให้ Google เปิด Play Store ให้ลิงก์ออกไปดาวน์โหลดภายนอกได้ แต่ Google เสนอโมเดลใหม่ที่ซับซ้อนและมีค่าธรรมเนียมสูง—คิด $2.85 ต่อการติดตั้งแอป และ $3.65 สำหรับเกม หากผู้ใช้ติดตั้งภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลิกลิงก์ พร้อมเก็บส่วนแบ่ง 10–20% สำหรับการจ่ายเงินผ่านระบบของนักพัฒนาเอง ทำให้แม้จะ “เปิด” ระบบ แต่ต้นทุนจริงอาจสูงจนผู้พัฒนาหลายรายไม่อยากออกจาก ecosystem
    https://securityonline.info/the-android-toll-google-to-charge-2-85-per-install-for-external-app-links
    📌🔐🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷🔐📌 #รวมข่าวIT #20251223 #securityonline ⚡ Hardware‑Accelerated BitLocker: ยุคใหม่ของการเข้ารหัสที่ไม่กิน FPS อีกต่อไป Microsoft เปิดตัว BitLocker แบบเร่งความเร็วด้วยฮาร์ดแวร์ ซึ่งย้ายภาระการเข้ารหัสจาก CPU ไปยังเอนจินเฉพาะในคอนโทรลเลอร์ NVMe ทำให้ Windows 11 สามารถรักษาความเร็วอ่าน–เขียนระดับเกือบเนทีฟแม้เปิดการเข้ารหัสเต็มระบบ ต่างจากแบบเดิมที่ใช้ซอฟต์แวร์ล้วนและกินทรัพยากรจนกระทบ FPS ในเกมหรือโหลดงานหนักอย่างคอมไพล์โค้ดและเรนเดอร์วิดีโอ เทคโนโลยีใหม่นี้ยังเพิ่มความปลอดภัยด้วยการเก็บกุญแจเข้ารหัสในฮาร์ดแวร์ที่แยกตัว ลดโอกาสโจมตีหน่วยความจำ พร้อมประหยัดพลังงานมากขึ้น โดยจะเปิดใช้ใน Windows 11 24H2–25H2 บนอุปกรณ์ที่มี NVMe controller รุ่นใหม่และ CPU ที่มี crypto engine ในตัว เช่น Intel Core Ultra, AMD Ryzen และ Snapdragon X ซึ่งหมายความว่า HDD และ SATA SSD จะไม่รองรับแน่นอน 🔗 https://securityonline.info/unlocking-the-speed-of-light-how-hardware-accelerated-bitlocker-saves-your-fps/ 🧾 The Payroll Trap: แคมเปญ Quishing ใหม่ใช้ QR + CAPTCHA ปลอมเพื่อขโมยเงินเดือนพนักงาน แคมเปญฟิชชิงรูปแบบใหม่กำลังพุ่งเป้าไปที่พนักงานโดยใช้ QR code เพื่อหลบระบบความปลอดภัยขององค์กร ก่อนล่อให้เหยื่อสแกนด้วยมือถือส่วนตัวและพาออกนอกเครือข่ายบริษัท จากนั้นหน้าเว็บปลอมจะใช้ CAPTCHA หลอกเพื่อดึงอีเมลและกระตุ้นให้กรอกรหัสผ่าน โดยโครงสร้างหลังบ้านใช้โดเมนหมุนเวียนและ URL เฉพาะรายเหยื่อ ทำให้สืบสวนได้ยากขึ้น สะท้อนการยกระดับฟิชชิงที่ผสานเทคนิคและจิตวิทยาอย่างแนบเนียน 🔗 https://securityonline.info/the-payroll-trap-new-quishing-campaign-uses-fake-captchas-to-hijack-employee-paychecks 📡 Zero‑Day Linksys: ช่องโหว่ Auth Bypass เปิดทางแฮ็กเกอร์ยึดเราเตอร์โดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน นักวิจัยพบช่องโหว่ร้ายแรงในเราเตอร์ Linksys E9450‑SG ที่ทำให้ผู้โจมตีบนเครือข่ายท้องถิ่นสามารถเปิด Telnet และเข้าถึงสิทธิ์ root ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน เพียงส่งคำขอ URL ที่เจาะจงไปยัง endpoint ที่ผิดพลาดของเฟิร์มแวร์ แม้จะไม่ถูกโจมตีจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง แต่ความเสี่ยงต่อผู้ที่มีผู้ใช้ร่วมเครือข่ายหรือ Wi‑Fi รั่วไหลยังสูงมาก 🔗 https://securityonline.info/zero-day-alert-linksys-auth-bypass-lets-hackers-hijack-routers-without-passwords 📱 Wonderland: มัลแวร์ Android รุ่นใหม่ใช้ Telegram ควบคุมแบบสองทางเพื่อดูดเงินเหยื่อ รายงานจาก Group‑IB เผยการระบาดของมัลแวร์ “Wonderland” ในเอเชียกลาง ซึ่งพัฒนาไปไกลจากโทรจันทั่วไป โดยใช้ dropper ปลอมตัวเป็นไฟล์อัปเดตหรือมีเดียเพื่อหลบการตรวจจับ ก่อนปล่อย payload ที่สื่อสารกับผู้โจมตีแบบ real‑time ผ่าน C2 ทำให้สั่งรัน USSD, ส่ง SMS และขยายการติดเชื้อผ่าน Telegram ของเหยื่อได้โดยอัตโนมัติ แสดงถึงวิวัฒนาการของอาชญากรรมมือถือที่ซับซ้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว 🔗 https://securityonline.info/wonderland-unleashed-new-android-dropper-malware-hijacks-telegram-to-drain-bank-accounts 🧩 EchoGather: แคมเปญจารกรรมไซเบอร์ใช้ XLL + เอกสาร AI‑ปลอมเพื่อเจาะองค์กรรัสเซีย กลุ่ม Paper Werewolf ปรับยุทธวิธีใหม่ด้วยการใช้ไฟล์ XLL ซึ่งเป็น DLL ที่ Excel โหลดตรง ทำให้รันโค้ดได้โดยไม่ติดข้อจำกัดของมาโคร พร้อมเทคนิคหน่วงเวลาการทำงานเพื่อหลบระบบตรวจจับ เมื่อ payload ทำงานจะติดตั้ง backdoor “EchoGather” สำหรับเก็บข้อมูลและสั่งงานผ่าน HTTPS ขณะเดียวกันเอกสารล่อเหยื่อที่แนบมากลับถูกสร้างด้วย AI และมีข้อผิดพลาดหลายจุด สะท้อนการผสมผสานระหว่างเทคนิคขั้นสูงและความลวกของมนุษย์ 🔗 https://securityonline.info/ai-generated-decoys-xll-stealth-inside-the-new-echogather-cyber-espionage-campaign 💰 React2Shell Exploited: EtherRAT ใช้ Node.js ปลอมตัวเพื่อล่าคริปโตจากเซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก แคมเปญโจมตีอัตโนมัติใช้ช่องโหว่ React2Shell เพื่อฝัง EtherRAT บนเซิร์ฟเวอร์ โดยดาวน์โหลด Node.js เวอร์ชันจริงมาติดตั้งเพื่อรันสคริปต์โจมตี ทำให้ยากต่อการตรวจจับ จากนั้นมัลแวร์จะเชื่อมต่อ RPC ของ Ethereum เพื่อทำธุรกรรมกับสัญญาเฉพาะ เป้าหมายคือขโมยสินทรัพย์ดิจิทัลจากระบบที่ถูกยึดแบบไร้การเจาะจงประเทศ ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบ process Node.js แปลกปลอมและโฟลเดอร์ซ่อนใน home path 🔗 https://securityonline.info/react2shell-exploited-new-etherrat-malware-hunts-for-crypto-via-node-js 🕵️‍♂️ M‑Files Identity Hijack: ช่องโหว่ให้พนักงานขโมยตัวตนกันเองได้เงียบ ๆ แพลตฟอร์มจัดการเอกสาร M‑Files ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดทางให้ “ผู้ใช้ภายใน” สามารถดัก session token ของเพื่อนร่วมงานและสวมรอยเข้าถึงข้อมูลลับได้โดยไม่ทิ้งร่องรอย ทำให้การตรวจสอบย้อนหลังแทบเป็นไปไม่ได้ ขณะเดียวกันอีกช่องโหว่ทำให้ข้อมูลจาก vault เก่ารั่วไหลไปยัง vault ใหม่โดยไม่ตั้งใจ สะท้อนความเสี่ยงของระบบที่องค์กรพึ่งพาในงานเอกสารระดับ mission‑critical และจำเป็นต้องอัปเดตแพตช์ทันทีเพื่อปิดช่องโหว่เหล่านี้ 🔗 https://securityonline.info/identity-theft-in-m-files-high-severity-flaw-lets-insiders-hijack-user-accounts-and-access-sensitive-data 📦 Purchase Order Deception: แคมเปญจารกรรมใช้ loader อเนกประสงค์โจมตีอุตสาหกรรมยุโรป–ตะวันออกกลาง รายงานใหม่เผยแคมเปญที่ใช้ “unified commodity loader” เป็นแกนกลางในการส่ง RAT หลายตระกูลเข้าโจมตีบริษัทผลิตและหน่วยงานรัฐในอิตาลี ฟินแลนด์ และซาอุฯ โดยซ่อน payload ไว้ในภาพผ่าน steganography และดัดแปลงไลบรารีโอเพ่นซอร์สให้กลายเป็นม้าโทรจันที่ตรวจจับยาก พร้อมเทคนิคหลอก UAC แบบแนบเนียน ทำให้แคมเปญนี้เป็นตัวอย่างของการยกระดับ tradecraft ในตลาดมัลแวร์เชิงพาณิชย์ 🔗 https://securityonline.info/purchase-order-deception-sophisticated-loader-targets-manufacturing-giants-in-italy-finland-and-saudi-arabia 🕌 Prince of Persia APT กลับมาพร้อมมัลแวร์ควบคุมผ่าน Telegram หลังเงียบไปหลายปี กลุ่ม APT สายอิหร่าน “Prince of Persia / Infy” ถูกพบว่ายังปฏิบัติการอยู่และได้อัปเกรดเครื่องมือใหม่ เช่น Tonnerre v50 ที่สื่อสารผ่าน Telegram group และใช้ DGA ซับซ้อนเพื่อหลบการบล็อก โครงสร้างมัลแวร์รุ่นใหม่อย่าง Foudre v34 และ Tonnerre v50 แสดงให้เห็นว่ากลุ่มนี้ไม่ได้หายไป แต่กำลังพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้ยืดหยุ่นและตรวจจับยากกว่าเดิม พร้อมหลักฐานว่ามีมนุษย์ควบคุมการโจมตีแบบ real‑time 🔗 https://securityonline.info/iranian-prince-of-persia-apt-resurfaces-with-telegram-controlled-stealth-malware 🤝 Ransomware Cartel: Qilin–DragonForce–LockBit รวมตัวแบบสิ้นหวังท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐ ท่ามกลางการกวาดล้างของหน่วยงานรัฐทั่วโลก กลุ่ม Qilin, DragonForce และ LockBit ประกาศตั้ง “คาร์เทล” ร่วมกัน แต่รายงานชี้ว่าการรวมตัวนี้เป็นเพียงความพยายามประคองชื่อเสียงของ LockBit ที่แทบไม่เหลือกิจกรรมจริงแล้ว ขณะที่ Qilin กลับได้ประโยชน์ด้านการตลาดและดึง affiliate ใหม่มากกว่า ภาพรวมสะท้อนการแตกตัวของ ecosystem ransomware และการเปลี่ยนไปสู่โมเดล “ขู่กรรโชกข้อมูลอย่างเดียว” ที่เสี่ยงน้อยกว่าเดิม 🔗 https://securityonline.info/a-desperate-cartel-inside-the-unlikely-alliance-of-qilin-dragonforce-and-a-fading-lockbit 📨 Scripted Sparrow: เครื่องจักร BEC ระดับอุตสาหกรรมยิงอีเมลหลอกลวงกว่า 3 ล้านฉบับต่อเดือน กลุ่มอาชญากร “Scripted Sparrow” ใช้ระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบในการส่งอีเมล BEC โดยปลอมเป็นบริษัทเทรนนิ่งผู้บริหาร พร้อมแนบประวัติการสนทนาปลอมระหว่างผู้บริหารกับที่ปรึกษาเพื่อหลอกฝ่ายบัญชีให้จ่ายเงิน กลยุทธ์ใหม่คือส่งอีเมล “ลืมแนบไฟล์” เพื่อบังคับให้เหยื่อตอบกลับ ทำให้การสนทนากลายเป็น trusted thread และเปิดทางให้ส่งบัญชีม้าได้อย่างปลอดภัย การวิเคราะห์พบสมาชิกกระจายหลายทวีปและใช้เทคนิคปลอมตำแหน่ง GPS เพื่อหลบการติดตาม 🔗 https://securityonline.info/the-3-million-email-siege-inside-scripted-sparrows-global-industrialized-bec-machine 🛢️ MongoDB Memory Leak: ช่องโหว่ zlib ทำข้อมูลหลุดโดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่ร้ายแรงใน MongoDB (CVE‑2025‑14847) เปิดทางให้ผู้โจมตีดึงข้อมูลจาก heap memory ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน เพียงส่งคำขอที่เจาะจงไปยังส่วนที่ใช้ zlib compression ทำให้เซิร์ฟเวอร์ตอบกลับด้วยข้อมูลที่ยังไม่ได้ล้าง ซึ่งอาจรวมถึง query ล่าสุดหรือ credential ที่ค้างอยู่ใน RAM ช่องโหว่นี้กระทบแทบทุกเวอร์ชันย้อนหลังหลายปี และผู้ดูแลระบบถูกแนะนำให้อัปเดตทันทีหรือปิดการใช้ zlib ชั่วคราวเพื่อหยุดการรั่วไหล 🔗 https://securityonline.info/critical-unauthenticated-mongodb-flaw-leaks-sensitive-data-via-zlib-compression 🎧 Anna’s Archive อ้างดูด Spotify 300TB จุดชนวนสอบสวนการรั่วไหลครั้งใหญ่ กลุ่มเงา Anna’s Archive ระบุว่าสามารถ mirror คลังเพลงของ Spotify ได้กว่า 300TB ครอบคลุม 86 ล้านแทร็กที่คิดเป็น 99.6% ของยอดฟังทั้งหมด โดยใช้วิธีเก็บ metadata 256 ล้านรายการและหลุดไฟล์เสียงบางส่วนผ่านการเลี่ยง DRM แม้ Spotify จะยืนยันเพียงว่ามีการเข้าถึงข้อมูลบางส่วน แต่เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นความเสี่ยงด้านลิขสิทธิ์และความเป็นไปได้ที่ข้อมูลจะถูกนำไปสร้างแพลตฟอร์มสตรีมเถื่อนหรือใช้เทรนโมเดล AI 🔗 https://securityonline.info/annas-archive-claims-300tb-spotify-mirror-forcing-an-investigation-into-a-massive-music-data-leak 🖼️ Windows DWM EoP: ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์ด้วยเทคนิค “วาดทับ” พร้อม PoC เผยแพร่แล้ว ช่องโหว่ใน Desktop Window Manager (DWM) ของ Windows เปิดทางให้ผู้ใช้ในเครื่องยกระดับสิทธิ์ขึ้นเป็น SYSTEM ผ่านการจัดการกราฟิกผิดพลาด โดยมี PoC เผยแพร่แล้วแม้รายงานฉบับเต็มจะถูกล็อกให้เฉพาะผู้สนับสนุน เหตุการณ์นี้เพิ่มแรงกดดันให้ Microsoft ต้องเร่งแพตช์ เพราะเป็นช่องโหว่ที่ผู้โจมตีสามารถใช้ร่วมกับบั๊กอื่นเพื่อยึดระบบได้อย่างรวดเร็ว 🔗 https://securityonline.info/windows-dwm-flaw-lets-local-users-paint-their-way-to-system-privileges-poc-publishes ⚡ Alphabet ทุ่ม $4.75B ซื้อ Intersect Power เพื่อควบคุมไฟฟ้าป้อน Gemini และศูนย์ข้อมูล Alphabet เดินเกมเชิงโครงสร้างด้วยการซื้อ Intersect Power เพื่อแก้ปัญหาพลังงานที่กำลังกลายเป็นคอขวดของการแข่งขัน AI โดยดีลนี้ทำให้ Google ควบคุมโครงการพลังงานหมุนเวียนหลายกิกะวัตต์ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่สร้างติดกับดาต้าเซ็นเตอร์ในเท็กซัส การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนว่าศึก AI ไม่ได้วัดกันที่ชิปหรือโมเดลอีกต่อไป แต่คือใครสร้างโรงไฟฟ้าได้เร็วกว่า 🔗 https://securityonline.info/the-grid-is-the-goal-alphabets-4-75b-bet-to-own-the-power-plants-behind-gemini 📱 Android Toll: Google เก็บค่าติดตั้ง $2.85 ต่อแอปเมื่อใช้ลิงก์ดาวน์โหลดภายนอก ภายใต้แรงกดดันจากคดี Epic vs Google ศาลบีบให้ Google เปิด Play Store ให้ลิงก์ออกไปดาวน์โหลดภายนอกได้ แต่ Google เสนอโมเดลใหม่ที่ซับซ้อนและมีค่าธรรมเนียมสูง—คิด $2.85 ต่อการติดตั้งแอป และ $3.65 สำหรับเกม หากผู้ใช้ติดตั้งภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลิกลิงก์ พร้อมเก็บส่วนแบ่ง 10–20% สำหรับการจ่ายเงินผ่านระบบของนักพัฒนาเอง ทำให้แม้จะ “เปิด” ระบบ แต่ต้นทุนจริงอาจสูงจนผู้พัฒนาหลายรายไม่อยากออกจาก ecosystem 🔗 https://securityonline.info/the-android-toll-google-to-charge-2-85-per-install-for-external-app-links
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251222 #securityonline

    Dify Side-Door Exposure: ช่องโหว่เปิดคอนฟิกระบบ LLM ให้คนแปลกหน้าเห็น
    ช่องโหว่ CVE‑2025‑63387 ใน Dify เวอร์ชัน 1.9.1 เปิดให้ผู้ไม่ผ่านการยืนยันตัวตนเข้าถึง endpoint /console/api/system-features ได้โดยตรง ทำให้ข้อมูลคอนฟิกภายในของระบบ LLM ถูกเปิดเผยแบบไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจถูกใช้เป็นจุดตั้งต้นในการวางแผนโจมตีต่อเนื่อง แม้จะเป็นเพียงการรั่วไหลข้อมูล แต่ก็ถือเป็นความเสี่ยงระดับสูงสำหรับทีมที่กำลังนำ LLM ไปใช้งานจริงในสภาพแวดล้อมโปรดักชัน
    https://securityonline.info/ais-exposed-side-door-dify-flaw-cve-2025-63387-leaks-system-configs-to-anonymous-users

    BlueDelta’s Silent Shift: GRU ใช้บริการฟรีอย่าง ngrok และ Mocky ลอบขโมยอีเมลยูเครน
    กลุ่ม BlueDelta (APT28) ของรัสเซียปรับยุทธวิธีใหม่โดยใช้บริการฟรี เช่น Mocky, DNS EXIT และ ngrok เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานชั่วคราวสำหรับขโมยบัญชี UKR.NET ผ่าน PDF ล่อเหยื่อและหน้าเว็บปลอมที่ดักทั้งรหัสผ่านและ 2FA แบบเรียลไทม์ พร้อมเทคนิคข้ามหน้าเตือนของ ngrok ด้วย header พิเศษ ทำให้การโจมตีแนบเนียนและตรวจจับยากขึ้น
    https://securityonline.info/the-grus-silent-shift-how-bluedelta-hijacks-ukrainian-webmail-using-ngrok-and-mocky

    Caminho to Compromise: BlindEagle ใช้อีเมลภายในรัฐโคลอมเบียโจมตีแบบเนียนกริบ
    BlindEagle (APT‑C‑36) ใช้บัญชีอีเมลภายในหน่วยงานรัฐโคลอมเบียที่ถูกยึดไปแล้ว ส่งฟิชชิงแนบ SVG เพื่อนำเหยื่อไปยังเว็บปลอมของศาลแรงงาน ก่อนเรียกใช้ JavaScript + PowerShell แบบ fileless และดาวน์โหลดภาพที่ซ่อนโค้ดผ่าน steganography เพื่อติดตั้ง Caminho downloader ซึ่งเชื่อมโยงตลาดมืดบราซิล และสุดท้ายดึง DCRAT ลงเครื่อง
    https://securityonline.info/caminho-to-compromise-blindeagle-hackers-hijack-government-emails-in-colombia

    DOCSWAP 2.0: Kimsuky ใช้ QR Code แพร่มัลแวร์มือถือเวอร์ชันใหม่
    Kimsuky กลุ่มแฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือเปิดตัว DOCSWAP รุ่นอัปเกรดที่แพร่ผ่าน QR code และ smishing เพื่อหลอกให้เหยื่อติดตั้งแอปปลอมบน Android ตัวมัลแวร์ใช้ native decryption และ decoy behavior ใหม่เพื่อหลบการวิเคราะห์ ก่อนปลดล็อก RAT ที่สามารถขโมยไฟล์ ควบคุมเครื่อง และส่งข้อมูลกลับเซิร์ฟเวอร์ พร้อมหลักฐานเชื่อมโยง DPRK ผ่านข้อความ “Million OK!!!” บนโครงสร้างพื้นฐาน
    https://securityonline.info/north-koreas-kimsuky-upgrades-docswap-malware-to-hijack-smartphones-via-qr-codes

    Shadows of the North: แผนที่โครงสร้างไซเบอร์ DPRK ที่เชื่อมโยงทุกกลุ่มเข้าด้วยกัน
    รายงานร่วมของ Hunt.io และ Acronis เปิดโปงโครงสร้างพื้นฐานไซเบอร์ของเกาหลีเหนือที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันอย่างแน่นหนา โดยพบว่า Lazarus, Kimsuky และ Bluenoroff แม้จะมีภารกิจต่างกัน แต่กลับใช้เซิร์ฟเวอร์ เครื่องมือ และโครงสร้างเครือข่ายร่วมกันอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ staging servers, credential-harvesting nodes ไปจนถึง FRP tunneling และโครงสร้างที่ผูกกับใบรับรอง SSL เดียวกัน เผยให้เห็น ecosystem ที่ทำงานแบบ “รวมศูนย์” เพื่อการจารกรรม การขโมยเงิน และปฏิบัติการทำลายล้างในระดับรัฐ
    https://securityonline.info/shadows-of-the-north-unmasking-the-sprawling-cyber-infrastructure-of-the-dprk

    ResidentBat: สปายแวร์ KGB ที่ติดตั้งผ่านการยึดมือถือจริง ไม่ต้องพึ่ง zero‑click
    การสืบสวนโดย RESIDENT.NGO และ RSF พบว่า KGB เบลารุสใช้สปายแวร์ชื่อ ResidentBat ที่ติดตั้งด้วยการยึดโทรศัพท์จากนักข่าวและนักกิจกรรมระหว่างการสอบสวน ก่อนบังคับให้ปลดล็อกเครื่องเพื่อดู PIN จากนั้นเจ้าหน้าที่นำเครื่องออกไปติดตั้งแอปที่ขอสิทธิ์สูงถึง 38 รายการ รวมถึงการใช้ Accessibility Service เพื่ออ่านข้อความจากแอปเข้ารหัสอย่าง Signal และ Telegram ทำให้มือถือกลายเป็นอุปกรณ์สอดแนมเต็มรูปแบบที่สามารถบันทึกหน้าจอ คีย์บอร์ด และข้อมูลส่วนตัวทั้งหมด
    https://securityonline.info/the-kgbs-all-seeing-eye-how-residentbat-spyware-turns-seized-phones-into-total-surveillance-tools

    AuraStealer: มัลแวร์ที่หลอกให้เหยื่อ “แฮ็กตัวเอง” ผ่านคลิป TikTok
    AuraStealer มัลแวร์แบบ MaaS ที่กำลังระบาด ใช้กลยุทธ์ “Scam‑Yourself” โดยหลอกเหยื่อผ่านคลิป TikTok ที่สอนปลดล็อกซอฟต์แวร์เถื่อน เมื่อเหยื่อตามขั้นตอนและรันคำสั่ง PowerShell เอง มัลแวร์จะถูกดาวน์โหลดและรันทันที ตัวมันใช้เทคนิคป้องกันการวิเคราะห์ขั้นสูง เช่น indirect control flow และ exception‑driven API hashing พร้อมความสามารถขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์กว่า 110 ตัวและวอลเล็ตคริปโตจำนวนมาก แม้บางฟีเจอร์ยังทำงานไม่เสถียร แต่ความเสี่ยงยังสูงมาก
    https://securityonline.info/tiktoks-scam-yourself-trap-how-aurastealer-malware-tricks-users-into-hacking-their-own-pcs

    ClickFix Trap: หน้าตรวจสอบมนุษย์ปลอมที่นำไปสู่ Qilin Ransomware
    แคมเปญ ClickFix ใช้หน้า “ยืนยันว่าเป็นมนุษย์” ปลอมเพื่อหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลด batch file ที่ติดตั้ง NetSupport RAT จากนั้นผู้โจมตีใช้ RAT เพื่อดึง StealC V2 ลงเครื่อง ก่อนใช้ข้อมูลที่ขโมยได้เจาะ VPN ขององค์กรและปล่อย Qilin ransomware ซึ่งเป็นหนึ่งใน RaaS ที่ทำเหยื่อมากที่สุดในช่วงปี 2024–2025 โซ่การโจมตีนี้เริ่มจากสคริปต์บนเว็บที่ถูกแฮ็กและจบลงด้วยการเข้ารหัสระบบทั้งองค์กร
    https://securityonline.info/clickfix-trap-fake-human-verification-leads-to-qilin-ransomware-infection

    Cellik Android RAT: มัลแวร์ที่แฝงตัวในแอป Google Play อย่างแนบเนียน
    Cellik เป็น Android RAT แบบบริการเช่า ที่ให้ผู้โจมตีเลือกแอปจาก Google Play แล้ว “ฉีด” payload ลงไปผ่านระบบ APK Builder ทำให้แอปที่ดูปกติกลายเป็นเครื่องมือสอดแนมเต็มรูปแบบ มันรองรับการสตรีมหน้าจอแบบเรียลไทม์ ควบคุมเครื่องจากระยะไกล เปิดกล้อง/ไมค์ และใช้ hidden browser เพื่อทำธุรกรรมหรือขโมยข้อมูลโดยที่ผู้ใช้ไม่เห็นอะไรบนหน้าจอ ถือเป็นการยกระดับภัยคุกคามมือถือให้เข้าถึงได้แม้กับอาชญากรทักษะต่ำ
    https://securityonline.info/the-silent-hijacker-new-cellik-android-rat-turns-legitimate-google-play-apps-into-surveillance-tools

    110 Milliseconds of Truth: Amazon ใช้ “ดีเลย์คีย์บอร์ด” เปิดโปงสายลับเกาหลีเหนือ
    Amazon เปิดเผยปฏิบัติการสกัดแฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือที่ปลอมตัวเป็นพนักงานรีโมต โดยใช้ “laptop farms” ในสหรัฐฯ เพื่อสมัครงานและแทรกซึมองค์กร ความผิดปกติถูกจับได้จากค่า latency การพิมพ์ที่สูงถึง 110 มิลลิวินาที ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการควบคุมเครื่องจากต่างประเทศ พร้อมสัญญาณอื่นอย่างภาษาอังกฤษที่ไม่เป็นธรรมชาติ เหตุการณ์นี้สะท้อนการเปลี่ยนยุทธวิธีของ DPRK ที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐฯ เพื่อหลบการตรวจจับ และ Amazon ระบุว่าพยายามโจมตีเพิ่มขึ้นกว่า 27% ต่อไตรมาส
    https://securityonline.info/110-milliseconds-of-truth-how-amazon-used-lag-to-catch-a-north-korean-spy

    Dify’s Exposed Side Door: ช่องโหว่เปิดให้คนแปลกหน้าดูค่าคอนฟิกระบบ AI ได้
    แพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์ส Dify รุ่น 1.9.1 ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-63387 ที่ปล่อยให้ผู้ใช้ไม่ต้องล็อกอินก็เข้าถึง endpoint /console/api/system-features ได้ ทำให้ข้อมูลคอนฟิกภายในหลุดออกสู่สาธารณะ ซึ่งอาจถูกใช้เป็นจุดตั้งต้นของการโจมตีขั้นต่อไป ช่องโหว่นี้จัดเป็นระดับ High และเป็นตัวอย่างของความเสี่ยงเมื่อระบบ LLM ถูกนำไปใช้จริงโดยไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์ที่เข้มงวด
    https://securityonline.info/ais-exposed-side-door-dify-flaw-cve-2025-63387-leaks-system-configs-to-anonymous-users

    BlueDelta’s Silent Shift: GRU ใช้ ngrok + Mocky ลอบขโมยอีเมลชาวยูเครน
    กลุ่ม BlueDelta (APT28) ของรัสเซียปรับยุทธวิธีใหม่ ใช้บริการฟรีอย่าง Mocky, DNS EXIT และ ngrok เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานชั่วคราวสำหรับขโมยบัญชี UKR.NET โดยแนบลิงก์ใน PDF เพื่อหลบระบบสแกนอีเมล ก่อนพาเหยื่อเข้าสู่เว็บปลอมที่ดักทั้งรหัสผ่านและ 2FA แบบเรียลไทม์ พร้อมเทคนิคข้ามหน้าเตือนของ ngrok ผ่าน header พิเศษ แสดงให้เห็นการปรับตัวของ GRU หลังถูกกวาดล้างโครงสร้างพื้นฐานในปี 2024
    https://securityonline.info/the-grus-silent-shift-how-bluedelta-hijacks-ukrainian-webmail-using-ngrok-and-mocky

    “Caminho” to Compromise: BlindEagle ใช้อีเมลภายในรัฐโคลอมเบียโจมตีแบบเนียนกริบ
    BlindEagle (APT-C-36) ใช้บัญชีอีเมลภายในหน่วยงานรัฐโคลอมเบียที่ถูกยึดไปแล้ว ส่งฟิชชิงที่แนบ SVG เพื่อนำเหยื่อไปยังเว็บปลอมของศาลแรงงาน ก่อนเรียกใช้ JavaScript + PowerShell แบบ fileless และดาวน์โหลดภาพที่ซ่อนโค้ดผ่าน steganography เพื่อติดตั้ง Caminho downloader ซึ่งเชื่อมโยงกับตลาดมืดบราซิล และสุดท้ายดึง DCRAT ลงเครื่อง เหตุการณ์นี้สะท้อนการยกระดับความซับซ้อนของกลุ่มในภูมิภาคละตินอเมริกา
    https://securityonline.info/caminho-to-compromise-blindeagle-hackers-hijack-government-emails-in-colombia

    Kimsuky DOCSWAP 2.0: มัลแวร์มือถือเวอร์ชันใหม่ติดผ่าน QR Code
    Kimsuky กลุ่มแฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือเปิดตัว DOCSWAP รุ่นอัปเกรดที่แพร่ผ่าน QR code และ smishing เพื่อหลอกให้เหยื่อติดตั้งแอปปลอมบนมือถือ Android ตัวมัลแวร์ใช้ native decryption และ decoy behavior ใหม่เพื่อหลบการวิเคราะห์ ก่อนปลดล็อก RAT ที่สามารถขโมยไฟล์ ควบคุมเครื่อง และส่งข้อมูลกลับเซิร์ฟเวอร์ โดยมีหลักฐานเชื่อมโยงกับ DPRK ผ่านข้อความ “Million OK!!!” และคอมเมนต์ภาษาเกาหลีบนโครงสร้างพื้นฐาน
    https://securityonline.info/north-koreas-kimsuky-upgrades-docswap-malware-to-hijack-smartphones-via-qr-codes

    Exim’s Poisoned Record: แพตช์ที่พลาดเปิดช่อง SQL Injection สู่ Heap Overflow ระดับวิกฤต
    รายงานใหม่เผยว่า Exim 4.99 ยังมีช่องโหว่ลึกที่ไม่ได้รับการแก้ไขจากแพตช์ก่อนหน้า ทำให้ SQL injection ผ่านระบบ ratelimit สามารถนำไปสู่ heap overflow ขนาดใหญ่ถึง 1.5MB ซึ่งอาจเปิดทางสู่ RCE แม้ยังไม่ยืนยันเต็มรูปแบบ ช่องโหว่นี้เกิดจากการ sanitize คีย์ฐานข้อมูลไม่ครบถ้วนและการอ่านค่า bloom_size โดยไม่ตรวจสอบ ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถวาง “ระเบิดเวลา” ในฐานข้อมูลและทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มหรือถูกควบคุมได้ในบางเงื่อนไข
    https://securityonline.info/exims-poisoned-record-how-a-failed-patch-and-sql-injection-lead-to-critical-heap-overflows

    HPE OneView RCE: ช่องโหว่ CVSS 10.0 เปิดประตูให้รันคำสั่งโดยไม่ต้องล็อกอิน
    ช่องโหว่ร้ายแรงใน HPE OneView (CVE-2025-37164) เปิดให้ผู้โจมตีเรียกใช้ API ลับ /rest/id-pools/executeCommand ที่ตั้งค่าเป็น NO_AUTH ทำให้สามารถส่งคำสั่งระบบผ่าน Runtime.exec ได้ทันที นักวิจัยพบว่าเฉพาะบางเวอร์ชัน—โดยเฉพาะ OneView for VMs 6.x และ OneView for Synergy—ได้รับผลกระทบเต็มรูปแบบ และมี PoC พร้อมใช้งานแล้ว ทำให้ผู้ดูแลต้องเร่งอัปเดตหรือใช้ hotfix โดยด่วน
    https://securityonline.info/poc-available-unauthenticated-hpe-oneview-rce-cvss-10-0-exploits-hidden-id-pools-api

    Meta พลิกทิศ: หยุดพาร์ตเนอร์ VR เพื่อทุ่มทรัพยากรสู่แว่น AI
    Meta ตัดสินใจ “พัก” โครงการเปิด Horizon OS ให้ผู้ผลิตรายอื่น เช่น ASUS และ Lenovo หลังพบว่าทิศทางตลาด VR ยังไม่ชัดเจน ขณะที่แว่นอัจฉริยะอย่าง Ray-Ban Meta กลับเติบโตแรง บริษัทจึงหันไปโฟกัสฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของตัวเอง โดยเฉพาะสาย AI glasses และโปรเจกต์ Orion ซึ่งอาจเป็นเส้นทางสู่การใช้งานจริงในวงกว้างมากกว่า VR แบบเดิม
    https://securityonline.info/vr-vision-shift-meta-pauses-third-party-partnerships-to-pivot-toward-ai-smart-glasses

    Kimwolf Botnet: กองทัพ IoT 1.8 ล้านเครื่องที่ยิงทราฟฟิกแซง Google
    บอตเน็ต Kimwolf ที่โจมตีอุปกรณ์ Android TV และกล่องรับสัญญาณกว่า 1.8 ล้านเครื่องทั่วโลก ถูกพบว่าส่งคำสั่ง DDoS มากถึง 1.7 พันล้านครั้งในช่วงไม่กี่วัน ทำให้โดเมน C2 ของมันขึ้นอันดับหนึ่งบน Cloudflare DNS แซง Google ชั่วคราว มัลแวร์นี้ไม่เพียงยิง DDoS แต่ยังมี reverse shell และ proxy forwarding ทำให้ผู้โจมตีใช้เป็นฐานปฏิบัติการขยายผลได้อย่างกว้างขวาง
    https://securityonline.info/the-wolf-among-tvs-1-8-million-strong-kimwolf-botnet-surpasses-google-traffic-to-rule-the-iot

    Windows Server 2025 ปลดล็อก NVMe Native I/O เร็วขึ้น 70% ลดโหลด CPU เกือบครึ่ง
    Microsoft เปิดใช้ Native NVMe I/O ใน Windows Server 2025 ซึ่งตัดชั้นแปลคำสั่ง SCSI/SATA ออก ทำให้ IOPS เพิ่มขึ้นสูงสุด 70% และลด CPU load ได้ถึง 45% ในงาน I/O หนัก โดยเฉพาะฐานข้อมูลและงาน AI แม้ผลลัพธ์ในชุมชนยังหลากหลาย แต่การออกแบบ pipeline ใหม่ทั้งหมดบ่งชี้ว่าระบบที่ใช้ SSD PCIe 5.0 จะได้ประโยชน์สูงสุด
    https://securityonline.info/the-end-of-scsi-windows-server-2025-unlocks-70-faster-storage-with-native-nvme-i-o

    The $100M Stalker: เครือข่าย Nefilim ล่ม—แก๊ง Big Game Hunting สารภาพผิด
    คดีใหญ่ของกลุ่มแรนซัมแวร์ Nefilim เดินหน้าเข้าสู่ตอนสำคัญเมื่อ Artem Stryzhak แฮ็กเกอร์ชาวยูเครนยอมรับสารภาพว่ามีส่วนร่วมในปฏิบัติการโจมตีองค์กรรายได้เกิน 100–200 ล้านดอลลาร์ โดยใช้โมเดลแบ่งกำไรและระบบ “panel” ในการจัดการเหยื่อ พร้อมใช้กลยุทธ์ double extortion ขโมยข้อมูลก่อนล็อกไฟล์ ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ยังล่าตัวหัวโจกอีกคนพร้อมตั้งค่าหัว 11 ล้านดอลลาร์ สะท้อนความซับซ้อนและความระแวงภายในโลกอาชญากรรมไซเบอร์ที่กำลังถูกบีบเข้ามาเรื่อย ๆ
    https://securityonline.info/the-100m-stalker-nefilim-ransomware-affiliate-pleads-guilty-as-doj-hunts-fugitive-leader

    Microsoft ปิดฉาก Telephone Activation—เข้าสู่ยุคยืนยันสิทธิ์ผ่านเว็บเต็มรูปแบบ
    ไมโครซอฟท์ยุติระบบโทรศัพท์สำหรับการ Activate Windows/Office ที่เคยเป็นทางเลือกสำคัญในสภาพแวดล้อมออฟไลน์ โดยผู้ใช้ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังพอร์ทัลออนไลน์แทน แม้ยังไม่ชัดเจนว่าการคำนวณ Activation ID แบบออฟไลน์ถูกยกเลิกจริงหรือเพียงย้ายไปอยู่บนเว็บ แต่การเปลี่ยนผ่านนี้อาจกระทบองค์กรที่ต้องการระบบ Activate แบบไม่พึ่งอินเทอร์เน็ต และสะท้อนทิศทางใหม่ที่เน้นการควบคุมผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น
    https://securityonline.info/hang-up-the-phone-microsoft-retires-telephone-activation-for-an-online-portal

    OpenAI เปิดสไลเดอร์ปรับ “อารมณ์” ChatGPT—ยุติภาพลักษณ์หุ่นยนต์
    OpenAI ปรับประสบการณ์ใช้งาน ChatGPT ครั้งใหญ่ด้วยตัวเลือกปรับโทนเสียง อารมณ์ การใช้หัวข้อ/ลิสต์ และจำนวนอีโมจิ เพื่อแก้ปัญหาที่ผู้ใช้มองว่า GPT-5 เย็นชาเกินไปหรือบางครั้งก็ประจบเกินเหตุ การเปิดให้ผู้ใช้ควบคุมบุคลิกของโมเดลเองสะท้อนการเปลี่ยนผ่านจากโมเดลกลางสู่ประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม
    https://securityonline.info/the-end-of-robotic-ai-openai-unlocks-sliders-to-control-chatgpts-warmth-and-tone

    n8n เจอช่องโหว่ CVSS 10.0—Expression Injection พาไปสู่ยึดเซิร์ฟเวอร์เต็มตัว
    แพลตฟอร์ม workflow automation ยอดนิยม n8n เผชิญช่องโหว่ร้ายแรงระดับ 10.0 ที่เปิดทางให้ผู้ใช้ที่ล็อกอินได้สามารถฉีดโค้ดผ่านระบบ Expression Evaluation และหลุดออกจาก sandbox ไปสั่งคำสั่งระดับระบบปฏิบัติการ ส่งผลให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูล แก้ไข workflow หรือยึดเครื่องแม่ข่ายได้ทันที ผู้ดูแลระบบถูกเร่งให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 1.122.0 โดยด่วน
    https://securityonline.info/n8n-under-fire-critical-cvss-10-0-rce-vulnerability-grants-total-server-access

    Device Code Phishing: แฮ็กเกอร์ใช้ฟีเจอร์จริงของ Microsoft 365 เพื่อยึดบัญชี
    แคมเปญโจมตีรูปแบบใหม่ใช้ “Device Code” ซึ่งเป็นฟีเจอร์จริงของ Microsoft OAuth 2.0 หลอกให้เหยื่อกรอกรหัสบนเว็บ Microsoft ที่ถูกต้อง ทำให้แอปของผู้โจมตีได้รับสิทธิ์เข้าถึงบัญชีโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน วิธีนี้หลบการตรวจสอบ URL ปลอมได้อย่างแนบเนียน และถูกใช้โดยทั้งกลุ่มรัฐหนุนและอาชญากรไซเบอร์เพื่อยึดบัญชีองค์กรในวงกว้าง
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/hackers-abuse-device-codes-to-bypass-security-and-seize-microsoft-365-accounts
    📌🔐🟡 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟡🔐📌 #รวมข่าวIT #20251222 #securityonline 🧩 Dify Side-Door Exposure: ช่องโหว่เปิดคอนฟิกระบบ LLM ให้คนแปลกหน้าเห็น ช่องโหว่ CVE‑2025‑63387 ใน Dify เวอร์ชัน 1.9.1 เปิดให้ผู้ไม่ผ่านการยืนยันตัวตนเข้าถึง endpoint /console/api/system-features ได้โดยตรง ทำให้ข้อมูลคอนฟิกภายในของระบบ LLM ถูกเปิดเผยแบบไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจถูกใช้เป็นจุดตั้งต้นในการวางแผนโจมตีต่อเนื่อง แม้จะเป็นเพียงการรั่วไหลข้อมูล แต่ก็ถือเป็นความเสี่ยงระดับสูงสำหรับทีมที่กำลังนำ LLM ไปใช้งานจริงในสภาพแวดล้อมโปรดักชัน 🔗 https://securityonline.info/ais-exposed-side-door-dify-flaw-cve-2025-63387-leaks-system-configs-to-anonymous-users 🎯 BlueDelta’s Silent Shift: GRU ใช้บริการฟรีอย่าง ngrok และ Mocky ลอบขโมยอีเมลยูเครน กลุ่ม BlueDelta (APT28) ของรัสเซียปรับยุทธวิธีใหม่โดยใช้บริการฟรี เช่น Mocky, DNS EXIT และ ngrok เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานชั่วคราวสำหรับขโมยบัญชี UKR.NET ผ่าน PDF ล่อเหยื่อและหน้าเว็บปลอมที่ดักทั้งรหัสผ่านและ 2FA แบบเรียลไทม์ พร้อมเทคนิคข้ามหน้าเตือนของ ngrok ด้วย header พิเศษ ทำให้การโจมตีแนบเนียนและตรวจจับยากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/the-grus-silent-shift-how-bluedelta-hijacks-ukrainian-webmail-using-ngrok-and-mocky 📨 Caminho to Compromise: BlindEagle ใช้อีเมลภายในรัฐโคลอมเบียโจมตีแบบเนียนกริบ BlindEagle (APT‑C‑36) ใช้บัญชีอีเมลภายในหน่วยงานรัฐโคลอมเบียที่ถูกยึดไปแล้ว ส่งฟิชชิงแนบ SVG เพื่อนำเหยื่อไปยังเว็บปลอมของศาลแรงงาน ก่อนเรียกใช้ JavaScript + PowerShell แบบ fileless และดาวน์โหลดภาพที่ซ่อนโค้ดผ่าน steganography เพื่อติดตั้ง Caminho downloader ซึ่งเชื่อมโยงตลาดมืดบราซิล และสุดท้ายดึง DCRAT ลงเครื่อง 🔗 https://securityonline.info/caminho-to-compromise-blindeagle-hackers-hijack-government-emails-in-colombia 📱 DOCSWAP 2.0: Kimsuky ใช้ QR Code แพร่มัลแวร์มือถือเวอร์ชันใหม่ Kimsuky กลุ่มแฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือเปิดตัว DOCSWAP รุ่นอัปเกรดที่แพร่ผ่าน QR code และ smishing เพื่อหลอกให้เหยื่อติดตั้งแอปปลอมบน Android ตัวมัลแวร์ใช้ native decryption และ decoy behavior ใหม่เพื่อหลบการวิเคราะห์ ก่อนปลดล็อก RAT ที่สามารถขโมยไฟล์ ควบคุมเครื่อง และส่งข้อมูลกลับเซิร์ฟเวอร์ พร้อมหลักฐานเชื่อมโยง DPRK ผ่านข้อความ “Million OK!!!” บนโครงสร้างพื้นฐาน 🔗 https://securityonline.info/north-koreas-kimsuky-upgrades-docswap-malware-to-hijack-smartphones-via-qr-codes 🕶️ Shadows of the North: แผนที่โครงสร้างไซเบอร์ DPRK ที่เชื่อมโยงทุกกลุ่มเข้าด้วยกัน รายงานร่วมของ Hunt.io และ Acronis เปิดโปงโครงสร้างพื้นฐานไซเบอร์ของเกาหลีเหนือที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันอย่างแน่นหนา โดยพบว่า Lazarus, Kimsuky และ Bluenoroff แม้จะมีภารกิจต่างกัน แต่กลับใช้เซิร์ฟเวอร์ เครื่องมือ และโครงสร้างเครือข่ายร่วมกันอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่ staging servers, credential-harvesting nodes ไปจนถึง FRP tunneling และโครงสร้างที่ผูกกับใบรับรอง SSL เดียวกัน เผยให้เห็น ecosystem ที่ทำงานแบบ “รวมศูนย์” เพื่อการจารกรรม การขโมยเงิน และปฏิบัติการทำลายล้างในระดับรัฐ 🔗 https://securityonline.info/shadows-of-the-north-unmasking-the-sprawling-cyber-infrastructure-of-the-dprk 📱 ResidentBat: สปายแวร์ KGB ที่ติดตั้งผ่านการยึดมือถือจริง ไม่ต้องพึ่ง zero‑click การสืบสวนโดย RESIDENT.NGO และ RSF พบว่า KGB เบลารุสใช้สปายแวร์ชื่อ ResidentBat ที่ติดตั้งด้วยการยึดโทรศัพท์จากนักข่าวและนักกิจกรรมระหว่างการสอบสวน ก่อนบังคับให้ปลดล็อกเครื่องเพื่อดู PIN จากนั้นเจ้าหน้าที่นำเครื่องออกไปติดตั้งแอปที่ขอสิทธิ์สูงถึง 38 รายการ รวมถึงการใช้ Accessibility Service เพื่ออ่านข้อความจากแอปเข้ารหัสอย่าง Signal และ Telegram ทำให้มือถือกลายเป็นอุปกรณ์สอดแนมเต็มรูปแบบที่สามารถบันทึกหน้าจอ คีย์บอร์ด และข้อมูลส่วนตัวทั้งหมด 🔗 https://securityonline.info/the-kgbs-all-seeing-eye-how-residentbat-spyware-turns-seized-phones-into-total-surveillance-tools 🎭 AuraStealer: มัลแวร์ที่หลอกให้เหยื่อ “แฮ็กตัวเอง” ผ่านคลิป TikTok AuraStealer มัลแวร์แบบ MaaS ที่กำลังระบาด ใช้กลยุทธ์ “Scam‑Yourself” โดยหลอกเหยื่อผ่านคลิป TikTok ที่สอนปลดล็อกซอฟต์แวร์เถื่อน เมื่อเหยื่อตามขั้นตอนและรันคำสั่ง PowerShell เอง มัลแวร์จะถูกดาวน์โหลดและรันทันที ตัวมันใช้เทคนิคป้องกันการวิเคราะห์ขั้นสูง เช่น indirect control flow และ exception‑driven API hashing พร้อมความสามารถขโมยข้อมูลจากเบราว์เซอร์กว่า 110 ตัวและวอลเล็ตคริปโตจำนวนมาก แม้บางฟีเจอร์ยังทำงานไม่เสถียร แต่ความเสี่ยงยังสูงมาก 🔗 https://securityonline.info/tiktoks-scam-yourself-trap-how-aurastealer-malware-tricks-users-into-hacking-their-own-pcs 🧪 ClickFix Trap: หน้าตรวจสอบมนุษย์ปลอมที่นำไปสู่ Qilin Ransomware แคมเปญ ClickFix ใช้หน้า “ยืนยันว่าเป็นมนุษย์” ปลอมเพื่อหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลด batch file ที่ติดตั้ง NetSupport RAT จากนั้นผู้โจมตีใช้ RAT เพื่อดึง StealC V2 ลงเครื่อง ก่อนใช้ข้อมูลที่ขโมยได้เจาะ VPN ขององค์กรและปล่อย Qilin ransomware ซึ่งเป็นหนึ่งใน RaaS ที่ทำเหยื่อมากที่สุดในช่วงปี 2024–2025 โซ่การโจมตีนี้เริ่มจากสคริปต์บนเว็บที่ถูกแฮ็กและจบลงด้วยการเข้ารหัสระบบทั้งองค์กร 🔗 https://securityonline.info/clickfix-trap-fake-human-verification-leads-to-qilin-ransomware-infection 🐾 Cellik Android RAT: มัลแวร์ที่แฝงตัวในแอป Google Play อย่างแนบเนียน Cellik เป็น Android RAT แบบบริการเช่า ที่ให้ผู้โจมตีเลือกแอปจาก Google Play แล้ว “ฉีด” payload ลงไปผ่านระบบ APK Builder ทำให้แอปที่ดูปกติกลายเป็นเครื่องมือสอดแนมเต็มรูปแบบ มันรองรับการสตรีมหน้าจอแบบเรียลไทม์ ควบคุมเครื่องจากระยะไกล เปิดกล้อง/ไมค์ และใช้ hidden browser เพื่อทำธุรกรรมหรือขโมยข้อมูลโดยที่ผู้ใช้ไม่เห็นอะไรบนหน้าจอ ถือเป็นการยกระดับภัยคุกคามมือถือให้เข้าถึงได้แม้กับอาชญากรทักษะต่ำ 🔗 https://securityonline.info/the-silent-hijacker-new-cellik-android-rat-turns-legitimate-google-play-apps-into-surveillance-tools 🕵️‍♀️ 110 Milliseconds of Truth: Amazon ใช้ “ดีเลย์คีย์บอร์ด” เปิดโปงสายลับเกาหลีเหนือ Amazon เปิดเผยปฏิบัติการสกัดแฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือที่ปลอมตัวเป็นพนักงานรีโมต โดยใช้ “laptop farms” ในสหรัฐฯ เพื่อสมัครงานและแทรกซึมองค์กร ความผิดปกติถูกจับได้จากค่า latency การพิมพ์ที่สูงถึง 110 มิลลิวินาที ซึ่งบ่งชี้ว่ามีการควบคุมเครื่องจากต่างประเทศ พร้อมสัญญาณอื่นอย่างภาษาอังกฤษที่ไม่เป็นธรรมชาติ เหตุการณ์นี้สะท้อนการเปลี่ยนยุทธวิธีของ DPRK ที่ใช้โครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐฯ เพื่อหลบการตรวจจับ และ Amazon ระบุว่าพยายามโจมตีเพิ่มขึ้นกว่า 27% ต่อไตรมาส 🔗 https://securityonline.info/110-milliseconds-of-truth-how-amazon-used-lag-to-catch-a-north-korean-spy 🧩 Dify’s Exposed Side Door: ช่องโหว่เปิดให้คนแปลกหน้าดูค่าคอนฟิกระบบ AI ได้ แพลตฟอร์มโอเพ่นซอร์ส Dify รุ่น 1.9.1 ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-63387 ที่ปล่อยให้ผู้ใช้ไม่ต้องล็อกอินก็เข้าถึง endpoint /console/api/system-features ได้ ทำให้ข้อมูลคอนฟิกภายในหลุดออกสู่สาธารณะ ซึ่งอาจถูกใช้เป็นจุดตั้งต้นของการโจมตีขั้นต่อไป ช่องโหว่นี้จัดเป็นระดับ High และเป็นตัวอย่างของความเสี่ยงเมื่อระบบ LLM ถูกนำไปใช้จริงโดยไม่มีการตรวจสอบสิทธิ์ที่เข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/ais-exposed-side-door-dify-flaw-cve-2025-63387-leaks-system-configs-to-anonymous-users 🎯 BlueDelta’s Silent Shift: GRU ใช้ ngrok + Mocky ลอบขโมยอีเมลชาวยูเครน กลุ่ม BlueDelta (APT28) ของรัสเซียปรับยุทธวิธีใหม่ ใช้บริการฟรีอย่าง Mocky, DNS EXIT และ ngrok เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานชั่วคราวสำหรับขโมยบัญชี UKR.NET โดยแนบลิงก์ใน PDF เพื่อหลบระบบสแกนอีเมล ก่อนพาเหยื่อเข้าสู่เว็บปลอมที่ดักทั้งรหัสผ่านและ 2FA แบบเรียลไทม์ พร้อมเทคนิคข้ามหน้าเตือนของ ngrok ผ่าน header พิเศษ แสดงให้เห็นการปรับตัวของ GRU หลังถูกกวาดล้างโครงสร้างพื้นฐานในปี 2024 🔗 https://securityonline.info/the-grus-silent-shift-how-bluedelta-hijacks-ukrainian-webmail-using-ngrok-and-mocky 📨 “Caminho” to Compromise: BlindEagle ใช้อีเมลภายในรัฐโคลอมเบียโจมตีแบบเนียนกริบ BlindEagle (APT-C-36) ใช้บัญชีอีเมลภายในหน่วยงานรัฐโคลอมเบียที่ถูกยึดไปแล้ว ส่งฟิชชิงที่แนบ SVG เพื่อนำเหยื่อไปยังเว็บปลอมของศาลแรงงาน ก่อนเรียกใช้ JavaScript + PowerShell แบบ fileless และดาวน์โหลดภาพที่ซ่อนโค้ดผ่าน steganography เพื่อติดตั้ง Caminho downloader ซึ่งเชื่อมโยงกับตลาดมืดบราซิล และสุดท้ายดึง DCRAT ลงเครื่อง เหตุการณ์นี้สะท้อนการยกระดับความซับซ้อนของกลุ่มในภูมิภาคละตินอเมริกา 🔗 https://securityonline.info/caminho-to-compromise-blindeagle-hackers-hijack-government-emails-in-colombia 📱 Kimsuky DOCSWAP 2.0: มัลแวร์มือถือเวอร์ชันใหม่ติดผ่าน QR Code Kimsuky กลุ่มแฮ็กเกอร์เกาหลีเหนือเปิดตัว DOCSWAP รุ่นอัปเกรดที่แพร่ผ่าน QR code และ smishing เพื่อหลอกให้เหยื่อติดตั้งแอปปลอมบนมือถือ Android ตัวมัลแวร์ใช้ native decryption และ decoy behavior ใหม่เพื่อหลบการวิเคราะห์ ก่อนปลดล็อก RAT ที่สามารถขโมยไฟล์ ควบคุมเครื่อง และส่งข้อมูลกลับเซิร์ฟเวอร์ โดยมีหลักฐานเชื่อมโยงกับ DPRK ผ่านข้อความ “Million OK!!!” และคอมเมนต์ภาษาเกาหลีบนโครงสร้างพื้นฐาน 🔗 https://securityonline.info/north-koreas-kimsuky-upgrades-docswap-malware-to-hijack-smartphones-via-qr-codes 📡 Exim’s Poisoned Record: แพตช์ที่พลาดเปิดช่อง SQL Injection สู่ Heap Overflow ระดับวิกฤต รายงานใหม่เผยว่า Exim 4.99 ยังมีช่องโหว่ลึกที่ไม่ได้รับการแก้ไขจากแพตช์ก่อนหน้า ทำให้ SQL injection ผ่านระบบ ratelimit สามารถนำไปสู่ heap overflow ขนาดใหญ่ถึง 1.5MB ซึ่งอาจเปิดทางสู่ RCE แม้ยังไม่ยืนยันเต็มรูปแบบ ช่องโหว่นี้เกิดจากการ sanitize คีย์ฐานข้อมูลไม่ครบถ้วนและการอ่านค่า bloom_size โดยไม่ตรวจสอบ ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถวาง “ระเบิดเวลา” ในฐานข้อมูลและทำให้เซิร์ฟเวอร์ล่มหรือถูกควบคุมได้ในบางเงื่อนไข 🔗 https://securityonline.info/exims-poisoned-record-how-a-failed-patch-and-sql-injection-lead-to-critical-heap-overflows 🖥️ HPE OneView RCE: ช่องโหว่ CVSS 10.0 เปิดประตูให้รันคำสั่งโดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่ร้ายแรงใน HPE OneView (CVE-2025-37164) เปิดให้ผู้โจมตีเรียกใช้ API ลับ /rest/id-pools/executeCommand ที่ตั้งค่าเป็น NO_AUTH ทำให้สามารถส่งคำสั่งระบบผ่าน Runtime.exec ได้ทันที นักวิจัยพบว่าเฉพาะบางเวอร์ชัน—โดยเฉพาะ OneView for VMs 6.x และ OneView for Synergy—ได้รับผลกระทบเต็มรูปแบบ และมี PoC พร้อมใช้งานแล้ว ทำให้ผู้ดูแลต้องเร่งอัปเดตหรือใช้ hotfix โดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/poc-available-unauthenticated-hpe-oneview-rce-cvss-10-0-exploits-hidden-id-pools-api 🕶️ Meta พลิกทิศ: หยุดพาร์ตเนอร์ VR เพื่อทุ่มทรัพยากรสู่แว่น AI Meta ตัดสินใจ “พัก” โครงการเปิด Horizon OS ให้ผู้ผลิตรายอื่น เช่น ASUS และ Lenovo หลังพบว่าทิศทางตลาด VR ยังไม่ชัดเจน ขณะที่แว่นอัจฉริยะอย่าง Ray-Ban Meta กลับเติบโตแรง บริษัทจึงหันไปโฟกัสฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ของตัวเอง โดยเฉพาะสาย AI glasses และโปรเจกต์ Orion ซึ่งอาจเป็นเส้นทางสู่การใช้งานจริงในวงกว้างมากกว่า VR แบบเดิม 🔗 https://securityonline.info/vr-vision-shift-meta-pauses-third-party-partnerships-to-pivot-toward-ai-smart-glasses 🐺 Kimwolf Botnet: กองทัพ IoT 1.8 ล้านเครื่องที่ยิงทราฟฟิกแซง Google บอตเน็ต Kimwolf ที่โจมตีอุปกรณ์ Android TV และกล่องรับสัญญาณกว่า 1.8 ล้านเครื่องทั่วโลก ถูกพบว่าส่งคำสั่ง DDoS มากถึง 1.7 พันล้านครั้งในช่วงไม่กี่วัน ทำให้โดเมน C2 ของมันขึ้นอันดับหนึ่งบน Cloudflare DNS แซง Google ชั่วคราว มัลแวร์นี้ไม่เพียงยิง DDoS แต่ยังมี reverse shell และ proxy forwarding ทำให้ผู้โจมตีใช้เป็นฐานปฏิบัติการขยายผลได้อย่างกว้างขวาง 🔗 https://securityonline.info/the-wolf-among-tvs-1-8-million-strong-kimwolf-botnet-surpasses-google-traffic-to-rule-the-iot ⚡ Windows Server 2025 ปลดล็อก NVMe Native I/O เร็วขึ้น 70% ลดโหลด CPU เกือบครึ่ง Microsoft เปิดใช้ Native NVMe I/O ใน Windows Server 2025 ซึ่งตัดชั้นแปลคำสั่ง SCSI/SATA ออก ทำให้ IOPS เพิ่มขึ้นสูงสุด 70% และลด CPU load ได้ถึง 45% ในงาน I/O หนัก โดยเฉพาะฐานข้อมูลและงาน AI แม้ผลลัพธ์ในชุมชนยังหลากหลาย แต่การออกแบบ pipeline ใหม่ทั้งหมดบ่งชี้ว่าระบบที่ใช้ SSD PCIe 5.0 จะได้ประโยชน์สูงสุด 🔗 https://securityonline.info/the-end-of-scsi-windows-server-2025-unlocks-70-faster-storage-with-native-nvme-i-o 🕵️‍♂️ The $100M Stalker: เครือข่าย Nefilim ล่ม—แก๊ง Big Game Hunting สารภาพผิด คดีใหญ่ของกลุ่มแรนซัมแวร์ Nefilim เดินหน้าเข้าสู่ตอนสำคัญเมื่อ Artem Stryzhak แฮ็กเกอร์ชาวยูเครนยอมรับสารภาพว่ามีส่วนร่วมในปฏิบัติการโจมตีองค์กรรายได้เกิน 100–200 ล้านดอลลาร์ โดยใช้โมเดลแบ่งกำไรและระบบ “panel” ในการจัดการเหยื่อ พร้อมใช้กลยุทธ์ double extortion ขโมยข้อมูลก่อนล็อกไฟล์ ขณะเดียวกันสหรัฐฯ ยังล่าตัวหัวโจกอีกคนพร้อมตั้งค่าหัว 11 ล้านดอลลาร์ สะท้อนความซับซ้อนและความระแวงภายในโลกอาชญากรรมไซเบอร์ที่กำลังถูกบีบเข้ามาเรื่อย ๆ 🔗 https://securityonline.info/the-100m-stalker-nefilim-ransomware-affiliate-pleads-guilty-as-doj-hunts-fugitive-leader ☎️ Microsoft ปิดฉาก Telephone Activation—เข้าสู่ยุคยืนยันสิทธิ์ผ่านเว็บเต็มรูปแบบ ไมโครซอฟท์ยุติระบบโทรศัพท์สำหรับการ Activate Windows/Office ที่เคยเป็นทางเลือกสำคัญในสภาพแวดล้อมออฟไลน์ โดยผู้ใช้ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังพอร์ทัลออนไลน์แทน แม้ยังไม่ชัดเจนว่าการคำนวณ Activation ID แบบออฟไลน์ถูกยกเลิกจริงหรือเพียงย้ายไปอยู่บนเว็บ แต่การเปลี่ยนผ่านนี้อาจกระทบองค์กรที่ต้องการระบบ Activate แบบไม่พึ่งอินเทอร์เน็ต และสะท้อนทิศทางใหม่ที่เน้นการควบคุมผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/hang-up-the-phone-microsoft-retires-telephone-activation-for-an-online-portal 🤖 OpenAI เปิดสไลเดอร์ปรับ “อารมณ์” ChatGPT—ยุติภาพลักษณ์หุ่นยนต์ OpenAI ปรับประสบการณ์ใช้งาน ChatGPT ครั้งใหญ่ด้วยตัวเลือกปรับโทนเสียง อารมณ์ การใช้หัวข้อ/ลิสต์ และจำนวนอีโมจิ เพื่อแก้ปัญหาที่ผู้ใช้มองว่า GPT-5 เย็นชาเกินไปหรือบางครั้งก็ประจบเกินเหตุ การเปิดให้ผู้ใช้ควบคุมบุคลิกของโมเดลเองสะท้อนการเปลี่ยนผ่านจากโมเดลกลางสู่ประสบการณ์เฉพาะบุคคลที่ยืดหยุ่นกว่าเดิม 🔗 https://securityonline.info/the-end-of-robotic-ai-openai-unlocks-sliders-to-control-chatgpts-warmth-and-tone ⚠️ n8n เจอช่องโหว่ CVSS 10.0—Expression Injection พาไปสู่ยึดเซิร์ฟเวอร์เต็มตัว แพลตฟอร์ม workflow automation ยอดนิยม n8n เผชิญช่องโหว่ร้ายแรงระดับ 10.0 ที่เปิดทางให้ผู้ใช้ที่ล็อกอินได้สามารถฉีดโค้ดผ่านระบบ Expression Evaluation และหลุดออกจาก sandbox ไปสั่งคำสั่งระดับระบบปฏิบัติการ ส่งผลให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูล แก้ไข workflow หรือยึดเครื่องแม่ข่ายได้ทันที ผู้ดูแลระบบถูกเร่งให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 1.122.0 โดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/n8n-under-fire-critical-cvss-10-0-rce-vulnerability-grants-total-server-access 🔐 Device Code Phishing: แฮ็กเกอร์ใช้ฟีเจอร์จริงของ Microsoft 365 เพื่อยึดบัญชี แคมเปญโจมตีรูปแบบใหม่ใช้ “Device Code” ซึ่งเป็นฟีเจอร์จริงของ Microsoft OAuth 2.0 หลอกให้เหยื่อกรอกรหัสบนเว็บ Microsoft ที่ถูกต้อง ทำให้แอปของผู้โจมตีได้รับสิทธิ์เข้าถึงบัญชีโดยไม่ต้องใช้รหัสผ่าน วิธีนี้หลบการตรวจสอบ URL ปลอมได้อย่างแนบเนียน และถูกใช้โดยทั้งกลุ่มรัฐหนุนและอาชญากรไซเบอร์เพื่อยึดบัญชีองค์กรในวงกว้าง ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/hackers-abuse-device-codes-to-bypass-security-and-seize-microsoft-365-accounts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 391 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ปิดฉาก Telephone Activation: จุดสิ้นสุดของยุคออฟไลน์ และสัญญาณเปลี่ยนผ่านสู่ Activation-as-a-Service

    Microsoft ได้ยุติระบบ Telephone Activation แบบดั้งเดิมอย่างเงียบ ๆ หลังจากใช้งานมานานหลายทศวรรษ โดยผู้ใช้พบว่าการโทรเพื่อขอ Activation ID ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้าเว็บแทน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังย้ายกระบวนการทั้งหมดเข้าสู่ระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้กระทบโดยตรงต่อองค์กรที่ยังพึ่งพา MAK keys รุ่นเก่า โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต เช่น isolated networks, secure labs หรือ OT environments ที่ต้องการ offline activation เพื่อความปลอดภัย

    ในอดีต Telephone Activation ทำงานผ่านอัลกอริทึมที่สร้าง Activation ID จาก Product ID โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้เป็นกลไกสำคัญในยุค Windows 7–8 และ Office รุ่นเก่า แต่เมื่อ Microsoft ค่อย ๆ เปลี่ยนโมเดลสู่ cloud‑first และ subscription‑based licensing ระบบนี้เริ่มกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์ ทั้งในแง่การควบคุมลิขสิทธิ์และการลด misuse จาก MAK keys ที่ถูกแจกจ่ายอย่างกว้างขวางในอดีต

    แม้ระบบโทรศัพท์จะถูกปิด แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าการ activate แบบออฟไลน์ถูกยกเลิกโดยสมบูรณ์ บางส่วนของ workflow อาจถูกย้ายไปอยู่บนเว็บในรูปแบบ “online portal that simulates offline activation” เช่น การกรอก Installation ID และรับ Confirmation ID ผ่านเว็บแทนโทรศัพท์ ซึ่งเป็นรูปแบบที่หลายบริษัทเริ่มใช้เพื่อควบคุมการออก Activation ID ให้รัดกุมขึ้น

    อย่างไรก็ตาม การบังคับให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อ activate อาจสร้างปัญหาในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัดเครือข่ายอย่างเข้มงวด นี่จึงเป็นสัญญาณว่าผู้ดูแลระบบต้องเตรียมปรับกระบวนการ activation ใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะองค์กรที่ยังใช้ Windows 10/11 แบบ volume licensing หรือ Office 2024 ที่ยังต้องพึ่งพา MAK keys ในบางกรณี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Microsoft ยุติ Telephone Activation
    การโทรเพื่อขอ Activation ID ถูก redirect ไปหน้าเว็บ
    ไม่มีการระบุผลิตภัณฑ์ที่ยังรองรับแบบโทรศัพท์อีกต่อไป

    MAK Keys และระบบเก่าได้รับผลกระทบ
    MAK บางชุดเคยไม่มี activation limit และถูกใช้ซ้ำได้
    ระบบโทรศัพท์เคยเป็นช่องทางหลักสำหรับ offline activation

    ความเสี่ยงต่อองค์กรที่ยังใช้ระบบออฟไลน์
    สภาพแวดล้อม air‑gapped อาจไม่สามารถ activate ได้ตามเดิม
    การบังคับออนไลน์อาจสร้าง operational friction ใน secure networks

    สิ่งที่ผู้ดูแลระบบควรเตรียมตัว
    ตรวจสอบ workflow activation ปัจจุบันของ Windows/Office
    เตรียมแผน fallback หากต้อง activate ผ่าน online portal เท่านั้น

    https://securityonline.info/hang-up-the-phone-microsoft-retires-telephone-activation-for-an-online-portal/
    ☎️ Microsoft ปิดฉาก Telephone Activation: จุดสิ้นสุดของยุคออฟไลน์ และสัญญาณเปลี่ยนผ่านสู่ Activation-as-a-Service Microsoft ได้ยุติระบบ Telephone Activation แบบดั้งเดิมอย่างเงียบ ๆ หลังจากใช้งานมานานหลายทศวรรษ โดยผู้ใช้พบว่าการโทรเพื่อขอ Activation ID ถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังหน้าเว็บแทน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าบริษัทกำลังย้ายกระบวนการทั้งหมดเข้าสู่ระบบออนไลน์เต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้กระทบโดยตรงต่อองค์กรที่ยังพึ่งพา MAK keys รุ่นเก่า โดยเฉพาะสภาพแวดล้อมที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต เช่น isolated networks, secure labs หรือ OT environments ที่ต้องการ offline activation เพื่อความปลอดภัย ในอดีต Telephone Activation ทำงานผ่านอัลกอริทึมที่สร้าง Activation ID จาก Product ID โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้เป็นกลไกสำคัญในยุค Windows 7–8 และ Office รุ่นเก่า แต่เมื่อ Microsoft ค่อย ๆ เปลี่ยนโมเดลสู่ cloud‑first และ subscription‑based licensing ระบบนี้เริ่มกลายเป็นภาระมากกว่าประโยชน์ ทั้งในแง่การควบคุมลิขสิทธิ์และการลด misuse จาก MAK keys ที่ถูกแจกจ่ายอย่างกว้างขวางในอดีต แม้ระบบโทรศัพท์จะถูกปิด แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าการ activate แบบออฟไลน์ถูกยกเลิกโดยสมบูรณ์ บางส่วนของ workflow อาจถูกย้ายไปอยู่บนเว็บในรูปแบบ “online portal that simulates offline activation” เช่น การกรอก Installation ID และรับ Confirmation ID ผ่านเว็บแทนโทรศัพท์ ซึ่งเป็นรูปแบบที่หลายบริษัทเริ่มใช้เพื่อควบคุมการออก Activation ID ให้รัดกุมขึ้น อย่างไรก็ตาม การบังคับให้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อ activate อาจสร้างปัญหาในสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัดเครือข่ายอย่างเข้มงวด นี่จึงเป็นสัญญาณว่าผู้ดูแลระบบต้องเตรียมปรับกระบวนการ activation ใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะองค์กรที่ยังใช้ Windows 10/11 แบบ volume licensing หรือ Office 2024 ที่ยังต้องพึ่งพา MAK keys ในบางกรณี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Microsoft ยุติ Telephone Activation ➡️ การโทรเพื่อขอ Activation ID ถูก redirect ไปหน้าเว็บ ➡️ ไม่มีการระบุผลิตภัณฑ์ที่ยังรองรับแบบโทรศัพท์อีกต่อไป ✅ MAK Keys และระบบเก่าได้รับผลกระทบ ➡️ MAK บางชุดเคยไม่มี activation limit และถูกใช้ซ้ำได้ ➡️ ระบบโทรศัพท์เคยเป็นช่องทางหลักสำหรับ offline activation ‼️ ความเสี่ยงต่อองค์กรที่ยังใช้ระบบออฟไลน์ ⛔ สภาพแวดล้อม air‑gapped อาจไม่สามารถ activate ได้ตามเดิม ⛔ การบังคับออนไลน์อาจสร้าง operational friction ใน secure networks ‼️ สิ่งที่ผู้ดูแลระบบควรเตรียมตัว ⛔ ตรวจสอบ workflow activation ปัจจุบันของ Windows/Office ⛔ เตรียมแผน fallback หากต้อง activate ผ่าน online portal เท่านั้น https://securityonline.info/hang-up-the-phone-microsoft-retires-telephone-activation-for-an-online-portal/
    SECURITYONLINE.INFO
    Hang Up the Phone: Microsoft Retires Telephone Activation for an Online Portal
    Microsoft has moved its automated telephone activation to a new Online Product Activation Portal for all perpetual licenses. Offline IID/CID still supported.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 0 รีวิว
  • BlindEagle ยกระดับการโจมตี: ใช้อีเมลภายใน + Steganography + Caminho Downloader เจาะรัฐบาลโคลอมเบีย

    กลุ่ม BlindEagle (APT‑C‑36) ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เล่นหลักด้านไซเบอร์สอดแนมในละตินอเมริกา ได้เปิดปฏิบัติการใหม่ที่ซับซ้อนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป้าหมายคือหน่วยงานภายใต้กระทรวงพาณิชย์ของโคลอมเบีย โดยใช้บัญชีอีเมลภายในที่ถูกยึดครองเพื่อหลอกระบบป้องกันขององค์กรให้เชื่อว่าเป็นการสื่อสารที่ถูกต้องตามปกติ การโจมตีครั้งนี้สะท้อนเทรนด์ใหญ่ของปี 2025 ที่กลุ่ม APT หันมาใช้ “trusted channel compromise” มากขึ้น เพราะสามารถหลบ SPF, DKIM, DMARC ได้อย่างแนบเนียน

    แคมเปญนี้เริ่มจากอีเมลปลอมที่อ้างว่าเป็นประกาศจากศาลแรงงานของโคลอมเบีย พร้อมแนบไฟล์ SVG ที่ดูไม่เป็นอันตราย แต่เมื่อเหยื่อคลิก ระบบจะพาไปยังเว็บปลอมที่เลียนแบบศาลจริง และดาวน์โหลด “ใบเสร็จ” ที่เป็นตัวจุดชนวนการโจมตีแบบ file‑less ประกอบด้วย JavaScript สามชุดและ PowerShell หนึ่งชุด ซึ่งทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อหลบการตรวจจับของ endpoint security รุ่นเก่าอย่างมีประสิทธิภาพ

    BlindEagle ยังใช้เทคนิค steganography ซ่อนโค้ดอันตรายในไฟล์ภาพที่ดาวน์โหลดจาก Internet Archive โดยซ่อน payload ไว้ระหว่าง BaseStart–BaseEnd ซึ่งเป็นเทคนิคที่กำลังกลับมาได้รับความนิยมในหมู่กลุ่ม APT เพราะ bypass ระบบตรวจจับ signature‑based ได้ดีมาก จากนั้นจึงดึง Caminho — downloader ที่คาดว่ามาจากตลาดใต้ดินบราซิล — เพื่อโหลด DCRAT จาก Discord CDN ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ผู้โจมตีใช้บริการ cloud ปกติเป็นโครงสร้างพื้นฐานโจมตี (legitimate‑service abuse)

    การผสานกันของ internal account compromise, steganography และ modular malware ทำให้ BlindEagle ก้าวสู่ระดับความซับซ้อนใหม่อย่างชัดเจน และสะท้อนว่ากลุ่มนี้กำลังขยายขีดความสามารถจากการโจมตีแบบ single‑payload ไปสู่ multi‑stage attack chain ที่ยืดหยุ่นกว่าเดิมอย่างมาก องค์กรในภูมิภาคละตินอเมริกาจึงต้องเตรียมรับมือกับภัยคุกคามที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เทคนิคโจมตีที่ BlindEagle ใช้
    ใช้บัญชีอีเมลภายในที่ถูกยึดเพื่อหลบ SPF/DKIM/DMARC
    ส่งไฟล์ SVG ที่ redirect ไปเว็บปลอมของศาล

    โซ่การโจมตีแบบหลายชั้น
    JavaScript 3 ชุด + PowerShell 1 ชุดแบบ file‑less
    ใช้ steganography ซ่อนโค้ดในไฟล์ภาพจาก Internet Archive

    ความเสี่ยงระดับสูงต่อองค์กร
    การใช้ trusted internal accounts ทำให้ระบบตรวจจับแทบไม่ทำงาน
    Abuse Discord CDN เพื่อโหลด DCRAT ทำให้บล็อกยากขึ้น

    คำแนะนำเชิงปฏิบัติ
    ตรวจสอบบัญชีภายในที่มีพฤติกรรมผิดปกติอย่างเข้มงวด
    ปรับปรุง email security ให้ตรวจจับพฤติกรรม ไม่ใช่แค่ authentication

    https://securityonline.info/caminho-to-compromise-blindeagle-hackers-hijack-government-emails-in-colombia/
    🕵️‍♂️ BlindEagle ยกระดับการโจมตี: ใช้อีเมลภายใน + Steganography + Caminho Downloader เจาะรัฐบาลโคลอมเบีย กลุ่ม BlindEagle (APT‑C‑36) ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เล่นหลักด้านไซเบอร์สอดแนมในละตินอเมริกา ได้เปิดปฏิบัติการใหม่ที่ซับซ้อนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เป้าหมายคือหน่วยงานภายใต้กระทรวงพาณิชย์ของโคลอมเบีย โดยใช้บัญชีอีเมลภายในที่ถูกยึดครองเพื่อหลอกระบบป้องกันขององค์กรให้เชื่อว่าเป็นการสื่อสารที่ถูกต้องตามปกติ การโจมตีครั้งนี้สะท้อนเทรนด์ใหญ่ของปี 2025 ที่กลุ่ม APT หันมาใช้ “trusted channel compromise” มากขึ้น เพราะสามารถหลบ SPF, DKIM, DMARC ได้อย่างแนบเนียน แคมเปญนี้เริ่มจากอีเมลปลอมที่อ้างว่าเป็นประกาศจากศาลแรงงานของโคลอมเบีย พร้อมแนบไฟล์ SVG ที่ดูไม่เป็นอันตราย แต่เมื่อเหยื่อคลิก ระบบจะพาไปยังเว็บปลอมที่เลียนแบบศาลจริง และดาวน์โหลด “ใบเสร็จ” ที่เป็นตัวจุดชนวนการโจมตีแบบ file‑less ประกอบด้วย JavaScript สามชุดและ PowerShell หนึ่งชุด ซึ่งทั้งหมดถูกออกแบบมาเพื่อหลบการตรวจจับของ endpoint security รุ่นเก่าอย่างมีประสิทธิภาพ BlindEagle ยังใช้เทคนิค steganography ซ่อนโค้ดอันตรายในไฟล์ภาพที่ดาวน์โหลดจาก Internet Archive โดยซ่อน payload ไว้ระหว่าง BaseStart–BaseEnd ซึ่งเป็นเทคนิคที่กำลังกลับมาได้รับความนิยมในหมู่กลุ่ม APT เพราะ bypass ระบบตรวจจับ signature‑based ได้ดีมาก จากนั้นจึงดึง Caminho — downloader ที่คาดว่ามาจากตลาดใต้ดินบราซิล — เพื่อโหลด DCRAT จาก Discord CDN ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่ผู้โจมตีใช้บริการ cloud ปกติเป็นโครงสร้างพื้นฐานโจมตี (legitimate‑service abuse) การผสานกันของ internal account compromise, steganography และ modular malware ทำให้ BlindEagle ก้าวสู่ระดับความซับซ้อนใหม่อย่างชัดเจน และสะท้อนว่ากลุ่มนี้กำลังขยายขีดความสามารถจากการโจมตีแบบ single‑payload ไปสู่ multi‑stage attack chain ที่ยืดหยุ่นกว่าเดิมอย่างมาก องค์กรในภูมิภาคละตินอเมริกาจึงต้องเตรียมรับมือกับภัยคุกคามที่กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็วนี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เทคนิคโจมตีที่ BlindEagle ใช้ ➡️ ใช้บัญชีอีเมลภายในที่ถูกยึดเพื่อหลบ SPF/DKIM/DMARC ➡️ ส่งไฟล์ SVG ที่ redirect ไปเว็บปลอมของศาล ✅ โซ่การโจมตีแบบหลายชั้น ➡️ JavaScript 3 ชุด + PowerShell 1 ชุดแบบ file‑less ➡️ ใช้ steganography ซ่อนโค้ดในไฟล์ภาพจาก Internet Archive ‼️ ความเสี่ยงระดับสูงต่อองค์กร ⛔ การใช้ trusted internal accounts ทำให้ระบบตรวจจับแทบไม่ทำงาน ⛔ Abuse Discord CDN เพื่อโหลด DCRAT ทำให้บล็อกยากขึ้น ‼️ คำแนะนำเชิงปฏิบัติ ⛔ ตรวจสอบบัญชีภายในที่มีพฤติกรรมผิดปกติอย่างเข้มงวด ⛔ ปรับปรุง email security ให้ตรวจจับพฤติกรรม ไม่ใช่แค่ authentication https://securityonline.info/caminho-to-compromise-blindeagle-hackers-hijack-government-emails-in-colombia/
    SECURITYONLINE.INFO
    "Caminho" to Compromise: BlindEagle Hackers Hijack Government Emails in Colombia
    A notorious cyber-espionage group known for terrorizing South American institutions has launched a new campaign against the Colombian
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apache NiFi ช็อกวงการอีกครั้ง: ช่องโหว่ Deserialization ทำ Asana Integration เสี่ยงถูกยึดระบบ

    ช่องโหว่ใหม่ใน Apache NiFi ที่ถูกระบุเป็น CVE‑2025‑66524 กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับองค์กรที่ใช้ NiFi เชื่อมต่อกับ Asana เพื่อจัดการ workflow อัตโนมัติ ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน GetAsanaObject Processor ซึ่งใช้ Java Object Serialization แบบ “ไม่กรองข้อมูล” ทำให้ผู้โจมตีสามารถยัด state ที่ถูกดัดแปลงลงใน distributed cache และ NiFi จะโหลดข้อมูลนั้นกลับมาโดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัยเลย

    แม้การโจมตีจะไม่สามารถทำจากภายนอกได้โดยตรง แต่หากผู้โจมตีเข้าถึง cache server ได้—ไม่ว่าจะผ่านการเจาะระบบมาก่อนหรือการตั้งค่าที่ผิดพลาด—ก็สามารถทำให้ NiFi ประพฤติผิดปกติหรือรันโค้ดที่ไม่พึงประสงค์ได้ทันที นี่คือรูปแบบการโจมตีที่คล้ายกับ supply‑chain ภายในระบบ data flow ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่กลุ่ม APT ใช้เพิ่มขึ้นในปี 2025

    Apache แก้ไขปัญหานี้ในเวอร์ชัน 2.7.0 โดยยกเลิก Java Serialization และเปลี่ยนไปใช้ JSON Serialization ซึ่งปลอดภัยกว่าและตรวจสอบได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังแนะนำให้ผู้ดูแลระบบลบ GetAsanaObject Processor ออกหากยังไม่สามารถอัปเกรดได้ทันที การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มใหญ่ในวงการที่กำลังทยอยเลิกใช้ Java Serialization หลังพบปัญหาความปลอดภัยซ้ำซากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

    ช่องโหว่นี้ยังเป็นสัญญาณเตือนว่า integration processor ที่เชื่อมต่อกับ third‑party services เช่น Asana, Jira หรือ Slack มักเป็นจุดอ่อนที่ถูกละเลย เพราะหลายองค์กรเชื่อว่าความเสี่ยงอยู่ที่ตัวระบบหลัก แต่ในความเป็นจริง “ช่องโหว่เล็กในปลายทาง” สามารถลุกลามเป็นการยึดระบบ data pipeline ทั้งชุดได้อย่างง่ายดาย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่เกิดใน GetAsanaObject Processor
    ใช้ Java Object Serialization แบบไม่กรองข้อมูล
    ทำให้ attacker ใส่ state อันตรายลง cache ได้

    ความรุนแรงระดับสูง (CVSS 7.5)
    ส่งผลให้ NiFi โหลดข้อมูลที่ถูกดัดแปลงโดยไม่ตรวจสอบ
    อาจนำไปสู่การควบคุมพฤติกรรมระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    เงื่อนไขที่ทำให้ถูกโจมตีได้
    ผู้โจมตีต้องเข้าถึง cache server ได้โดยตรง
    ระบบที่ตั้งค่า integration แบบเก่าและไม่เคย audit เสี่ยงสูง

    คำแนะนำเร่งด่วน
    อัปเดตเป็น NiFi 2.7.0 ทันที
    หากอัปเดตไม่ได้ ให้ลบ GetAsanaObject Processor ออก

    https://securityonline.info/apache-nifis-data-leak-how-a-high-severity-deserialization-flaw-puts-your-asana-workflows-at-risk/
    ⚠️ Apache NiFi ช็อกวงการอีกครั้ง: ช่องโหว่ Deserialization ทำ Asana Integration เสี่ยงถูกยึดระบบ ช่องโหว่ใหม่ใน Apache NiFi ที่ถูกระบุเป็น CVE‑2025‑66524 กำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับองค์กรที่ใช้ NiFi เชื่อมต่อกับ Asana เพื่อจัดการ workflow อัตโนมัติ ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นใน GetAsanaObject Processor ซึ่งใช้ Java Object Serialization แบบ “ไม่กรองข้อมูล” ทำให้ผู้โจมตีสามารถยัด state ที่ถูกดัดแปลงลงใน distributed cache และ NiFi จะโหลดข้อมูลนั้นกลับมาโดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัยเลย แม้การโจมตีจะไม่สามารถทำจากภายนอกได้โดยตรง แต่หากผู้โจมตีเข้าถึง cache server ได้—ไม่ว่าจะผ่านการเจาะระบบมาก่อนหรือการตั้งค่าที่ผิดพลาด—ก็สามารถทำให้ NiFi ประพฤติผิดปกติหรือรันโค้ดที่ไม่พึงประสงค์ได้ทันที นี่คือรูปแบบการโจมตีที่คล้ายกับ supply‑chain ภายในระบบ data flow ซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่กลุ่ม APT ใช้เพิ่มขึ้นในปี 2025 Apache แก้ไขปัญหานี้ในเวอร์ชัน 2.7.0 โดยยกเลิก Java Serialization และเปลี่ยนไปใช้ JSON Serialization ซึ่งปลอดภัยกว่าและตรวจสอบได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ยังแนะนำให้ผู้ดูแลระบบลบ GetAsanaObject Processor ออกหากยังไม่สามารถอัปเกรดได้ทันที การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มใหญ่ในวงการที่กำลังทยอยเลิกใช้ Java Serialization หลังพบปัญหาความปลอดภัยซ้ำซากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ช่องโหว่นี้ยังเป็นสัญญาณเตือนว่า integration processor ที่เชื่อมต่อกับ third‑party services เช่น Asana, Jira หรือ Slack มักเป็นจุดอ่อนที่ถูกละเลย เพราะหลายองค์กรเชื่อว่าความเสี่ยงอยู่ที่ตัวระบบหลัก แต่ในความเป็นจริง “ช่องโหว่เล็กในปลายทาง” สามารถลุกลามเป็นการยึดระบบ data pipeline ทั้งชุดได้อย่างง่ายดาย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่เกิดใน GetAsanaObject Processor ➡️ ใช้ Java Object Serialization แบบไม่กรองข้อมูล ➡️ ทำให้ attacker ใส่ state อันตรายลง cache ได้ ✅ ความรุนแรงระดับสูง (CVSS 7.5) ➡️ ส่งผลให้ NiFi โหลดข้อมูลที่ถูกดัดแปลงโดยไม่ตรวจสอบ ➡️ อาจนำไปสู่การควบคุมพฤติกรรมระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ‼️ เงื่อนไขที่ทำให้ถูกโจมตีได้ ⛔ ผู้โจมตีต้องเข้าถึง cache server ได้โดยตรง ⛔ ระบบที่ตั้งค่า integration แบบเก่าและไม่เคย audit เสี่ยงสูง ‼️ คำแนะนำเร่งด่วน ⛔ อัปเดตเป็น NiFi 2.7.0 ทันที ⛔ หากอัปเดตไม่ได้ ให้ลบ GetAsanaObject Processor ออก https://securityonline.info/apache-nifis-data-leak-how-a-high-severity-deserialization-flaw-puts-your-asana-workflows-at-risk/
    SECURITYONLINE.INFO
    Apache NiFi’s Data Leak: How a High-Severity Deserialization Flaw Puts Your Asana Workflows at Risk
    Apache NiFi patches a High-severity flaw (CVE-2025-66524) in the GetAsanaObject processor. Unfiltered deserialization risks system compromise. Update now!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • Exim ระส่ำอีกครั้ง: ช่องโหว่ SQL Injection ลุกลามสู่ Heap Overflow ระดับวิกฤต

    ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกเปิดเผยใน Exim 4.99 ทำให้โลกความปลอดภัยไซเบอร์ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เมื่อ Andrew Fasano จาก NIST ระบุว่าการอุดช่องโหว่เดิม (CVE-2025-26794) นั้น “ปิดไม่สนิท” จนกลายเป็นประตูบานใหญ่ให้แฮ็กเกอร์สามารถโจมตีลึกกว่าเดิมได้ ช่องโหว่นี้เริ่มจากการฉีดคำสั่ง SQL ผ่านฟิลด์ที่ควรจะถูก sanitize แต่กลับถูกละเลยในฟังก์ชัน xtextencode() ส่งผลให้ฐานข้อมูล SQLite ภายใน Exim ถูกควบคุมได้จากภายนอกอย่างไม่ตั้งใจ

    ความร้ายแรงไม่ได้หยุดแค่ SQL Injection เพราะ Fasano พบว่าช่องโหว่นี้สามารถเชื่อมโยงไปสู่ Heap Buffer Overflow ผ่านฟิลด์ bloom_size ที่ระบบอ่านโดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง เมื่อผู้โจมตีใส่ค่าขนาดผิดปกติ ระบบจะเขียนข้อมูลเกินขอบเขตหน่วยความจำ ทำให้เกิด memory corruption สูงสุดกว่า 1.5MB ซึ่งอาจนำไปสู่การยึดเครื่องได้ แม้ ASLR จะช่วยลดโอกาส RCE แต่ Fasano ยืนยันว่า “มีความเป็นไปได้” หากมีการพัฒนา exploit ต่อเนื่อง

    การโจมตีนี้เกิดขึ้นได้เฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ Exim ถูกคอมไพล์ด้วย USE_SQLITE=yes และใช้ ratelimit ACL ที่อิงข้อมูลจากผู้โจมตี เช่น sender_address ซึ่งเป็นการตั้งค่าที่พบได้ในองค์กรจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะระบบอีเมลที่ปรับแต่งเองหรือใช้ config เก่าไม่เคย audit ความปลอดภัย นอกจากนี้ เทรนด์การโจมตี MTA ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2025 จากกลุ่ม APT ที่มองหา entry point ราคาถูกแต่ทรงพลัง เช่นเดียวกับกรณี Postfix และ Sendmail ที่เพิ่งถูกตรวจพบช่องโหว่คล้ายกันในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดต Exim ทันที พร้อมตรวจสอบ config ที่ใช้ SQLite และ ratelimit ACL อย่างละเอียด รวมถึงพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ parameterized queries เพื่อลดความเสี่ยง SQL Injection แบบถาวร นี่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่าระบบอีเมลแบบ self-hosted ยังคงเป็นจุดอ่อนสำคัญขององค์กร หากไม่มีการดูแลเชิงรุกและตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ SQL Injection ใน Exim 4.99
    เกิดจากการ sanitize ข้อมูลไม่สมบูรณ์ในฟังก์ชัน xtextencode()
    สามารถฉีดคำสั่ง SQL ผ่าน sender_address ได้

    ช่องโหว่ลุกลามสู่ Heap Buffer Overflow
    bloom_size ถูกอ่านโดยไม่มีการตรวจสอบ
    memory overflow สูงสุดกว่า 1.5MB

    เงื่อนไขที่ทำให้ระบบเสี่ยง
    Exim ถูกคอมไพล์ด้วย USE_SQLITE=yes
    ใช้ ratelimit ACL ที่อิงข้อมูลจากผู้โจมตี

    ความเสี่ยงระดับองค์กร
    อาจนำไปสู่ Remote Code Execution หาก exploit พัฒนาเพิ่ม
    ระบบอีเมล self-hosted ที่ไม่ได้อัปเดตมีความเสี่ยงสูงมาก

    คำแนะนำเร่งด่วน
    อัปเดต Exim ทันที
    ตรวจสอบ config ที่ใช้ SQLite และ ratelimit ACL

    https://securityonline.info/exims-poisoned-record-how-a-failed-patch-and-sql-injection-lead-to-critical-heap-overflows/
    🛡️ Exim ระส่ำอีกครั้ง: ช่องโหว่ SQL Injection ลุกลามสู่ Heap Overflow ระดับวิกฤต ช่องโหว่ใหม่ที่ถูกเปิดเผยใน Exim 4.99 ทำให้โลกความปลอดภัยไซเบอร์ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เมื่อ Andrew Fasano จาก NIST ระบุว่าการอุดช่องโหว่เดิม (CVE-2025-26794) นั้น “ปิดไม่สนิท” จนกลายเป็นประตูบานใหญ่ให้แฮ็กเกอร์สามารถโจมตีลึกกว่าเดิมได้ ช่องโหว่นี้เริ่มจากการฉีดคำสั่ง SQL ผ่านฟิลด์ที่ควรจะถูก sanitize แต่กลับถูกละเลยในฟังก์ชัน xtextencode() ส่งผลให้ฐานข้อมูล SQLite ภายใน Exim ถูกควบคุมได้จากภายนอกอย่างไม่ตั้งใจ ความร้ายแรงไม่ได้หยุดแค่ SQL Injection เพราะ Fasano พบว่าช่องโหว่นี้สามารถเชื่อมโยงไปสู่ Heap Buffer Overflow ผ่านฟิลด์ bloom_size ที่ระบบอ่านโดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง เมื่อผู้โจมตีใส่ค่าขนาดผิดปกติ ระบบจะเขียนข้อมูลเกินขอบเขตหน่วยความจำ ทำให้เกิด memory corruption สูงสุดกว่า 1.5MB ซึ่งอาจนำไปสู่การยึดเครื่องได้ แม้ ASLR จะช่วยลดโอกาส RCE แต่ Fasano ยืนยันว่า “มีความเป็นไปได้” หากมีการพัฒนา exploit ต่อเนื่อง การโจมตีนี้เกิดขึ้นได้เฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ Exim ถูกคอมไพล์ด้วย USE_SQLITE=yes และใช้ ratelimit ACL ที่อิงข้อมูลจากผู้โจมตี เช่น sender_address ซึ่งเป็นการตั้งค่าที่พบได้ในองค์กรจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะระบบอีเมลที่ปรับแต่งเองหรือใช้ config เก่าไม่เคย audit ความปลอดภัย นอกจากนี้ เทรนด์การโจมตี MTA ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในปี 2025 จากกลุ่ม APT ที่มองหา entry point ราคาถูกแต่ทรงพลัง เช่นเดียวกับกรณี Postfix และ Sendmail ที่เพิ่งถูกตรวจพบช่องโหว่คล้ายกันในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ผู้ดูแลระบบอัปเดต Exim ทันที พร้อมตรวจสอบ config ที่ใช้ SQLite และ ratelimit ACL อย่างละเอียด รวมถึงพิจารณาเปลี่ยนไปใช้ parameterized queries เพื่อลดความเสี่ยง SQL Injection แบบถาวร นี่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณว่าระบบอีเมลแบบ self-hosted ยังคงเป็นจุดอ่อนสำคัญขององค์กร หากไม่มีการดูแลเชิงรุกและตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ SQL Injection ใน Exim 4.99 ➡️ เกิดจากการ sanitize ข้อมูลไม่สมบูรณ์ในฟังก์ชัน xtextencode() ➡️ สามารถฉีดคำสั่ง SQL ผ่าน sender_address ได้ ✅ ช่องโหว่ลุกลามสู่ Heap Buffer Overflow ➡️ bloom_size ถูกอ่านโดยไม่มีการตรวจสอบ ➡️ memory overflow สูงสุดกว่า 1.5MB ✅ เงื่อนไขที่ทำให้ระบบเสี่ยง ➡️ Exim ถูกคอมไพล์ด้วย USE_SQLITE=yes ➡️ ใช้ ratelimit ACL ที่อิงข้อมูลจากผู้โจมตี ‼️ ความเสี่ยงระดับองค์กร ⛔ อาจนำไปสู่ Remote Code Execution หาก exploit พัฒนาเพิ่ม ⛔ ระบบอีเมล self-hosted ที่ไม่ได้อัปเดตมีความเสี่ยงสูงมาก ‼️ คำแนะนำเร่งด่วน ⛔ อัปเดต Exim ทันที ⛔ ตรวจสอบ config ที่ใช้ SQLite และ ratelimit ACL https://securityonline.info/exims-poisoned-record-how-a-failed-patch-and-sql-injection-lead-to-critical-heap-overflows/
    SECURITYONLINE.INFO
    Exim’s Poisoned Record: How a Failed Patch and SQL Injection Lead to Critical Heap Overflows
    NIST warns of a critical Exim 4.99 flaw. A failed SQLi patch allows attackers to poison SQLite records and trigger a 1.5MB heap buffer overflow.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251219 #securityonline

    FreeBSD เจอช่องโหว่ร้ายแรงจาก IPv6
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในระบบเครือข่ายของ FreeBSD ที่อันตรายมาก เพราะแค่มีคนส่งแพ็กเก็ต IPv6 ที่ถูกปรับแต่งมาอย่างเจาะจง ก็สามารถทำให้เครื่องเป้าหมายรันคำสั่งของผู้โจมตีได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่โปรแกรม rtsol และ rtsold ซึ่งใช้จัดการการตั้งค่า IPv6 แบบอัตโนมัติ ไปส่งข้อมูลต่อให้กับ resolvconf โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง ผลคือคำสั่งที่แฝงมาในข้อมูลสามารถถูกประมวลผลเหมือนเป็นคำสั่ง shell จริง ๆ แม้การโจมตีจะจำกัดอยู่ในเครือข่ายท้องถิ่น เช่น Wi-Fi สาธารณะหรือ LAN ที่ไม่ปลอดภัย แต่ก็ถือว่าเสี่ยงมาก ผู้ใช้ที่เปิด IPv6 และยังไม่ได้อัปเดตต้องรีบแพตช์ทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดเครื่อง
    https://securityonline.info/freebsd-network-alert-malicious-ipv6-packets-can-trigger-remote-code-execution-via-resolvconf-cve-2025-14558

    ช่องโหว่ใหม่ใน Roundcube Webmail
    ระบบอีเมลโอเพนซอร์สชื่อดัง Roundcube ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองจุดที่อาจทำให้ผู้โจมตีแอบรันสคริปต์หรือดึงข้อมูลจากกล่องอีเมลได้ ช่องโหว่แรกคือ XSS ที่ซ่อนอยู่ในไฟล์ SVG โดยใช้แท็ก animate ทำให้เมื่อผู้ใช้เปิดอีเมลที่มีภาพ SVG ที่ถูกปรับแต่ง JavaScript ก็จะทำงานทันที อีกช่องโหว่คือการจัดการ CSS ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถเลี่ยงตัวกรองและดึงข้อมูลจากอินเทอร์เฟซเว็บเมลได้ ทั้งสองช่องโหว่ถูกจัดระดับความรุนแรงสูง ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Roundcube 1.6 และ 1.5 LTS เพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/roundcube-alert-high-severity-svg-xss-and-css-sanitizer-flaws-threaten-webmail-privacy

    YouTube Ghost Network และมัลแวร์ GachiLoader
    นักวิจัยจาก Check Point Research พบการโจมตีใหม่ที่ใช้ YouTube เป็นช่องทางแพร่กระจายมัลแวร์ โดยกลุ่มผู้โจมตีจะยึดบัญชี YouTube ที่มีชื่อเสียง แล้วอัปโหลดวิดีโอที่โฆษณาซอฟต์แวร์เถื่อนหรือสูตรโกงเกม พร้อมใส่ลิงก์ดาวน์โหลดที่แท้จริงคือมัลแวร์ GachiLoader เขียนด้วย Node.js ที่ถูกทำให้ซับซ้อนเพื่อหลบการตรวจจับ เมื่อรันแล้วจะโหลดตัวขโมยข้อมูล Rhadamanthys เข้ามาเพื่อดึงรหัสผ่านและข้อมูลสำคัญ จุดเด่นคือเทคนิคการฉีดโค้ดผ่าน DLL โดยใช้ Vectored Exception Handling ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ผู้ใช้ควรระวังการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ฟรีจากลิงก์ใน YouTube เพราะอาจเป็นกับดักที่ซ่อนมัลแวร์ไว้
    https://securityonline.info/youtube-ghost-network-the-new-gachiloader-malware-hiding-in-your-favorite-video-links

    Supply Chain Attack บน NuGet: Nethereum.All ปลอม
    มีการค้นพบแคมเปญโจมตีที่ซับซ้อนซึ่งมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนา .NET ที่ทำงานกับคริปโต โดยผู้โจมตีสร้างแพ็กเกจปลอมชื่อ Nethereum.All เลียนแบบไลบรารีจริงที่ใช้เชื่อมต่อ Ethereum และเผยแพร่บน NuGet พร้อมตัวเลขดาวน์โหลดปลอมกว่า 10 ล้านครั้งเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ภายในโค้ดมีฟังก์ชันแอบซ่อนเพื่อขโมยเงินจากธุรกรรมหรือดึงข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจปลอมอื่น ๆ เช่น NBitcoin.Unified และ SolnetAll ที่เลียนแบบไลบรารีของ Bitcoin และ Solana การโจมตีนี้ใช้เทคนิคการปลอมแปลงอย่างแนบเนียน ทำให้นักพัฒนาที่ไม่ตรวจสอบผู้เขียนแพ็กเกจอาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย
    https://securityonline.info/poisoned-dependencies-how-nethereum-all-and-10m-fake-downloads-looted-net-crypto-developers

    ช่องโหว่ UEFI บนเมนบอร์ด
    ASRock, ASUS, MSI CERT/CCเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เกิดขึ้นในเฟิร์มแวร์ UEFI ของหลายผู้ผลิต เช่น ASRock, ASUS, GIGABYTE และ MSI โดยปัญหาคือระบบรายงานว่ามีการเปิดการป้องกัน DMA แล้ว แต่จริง ๆ IOMMU ไม่ได้ถูกตั้งค่าอย่างถูกต้อง ทำให้ในช่วง early-boot ผู้โจมตีที่มีอุปกรณ์ PCIe สามารถเข้าถึงและแก้ไขหน่วยความจำได้ก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ผลคือสามารถฉีดโค้ดหรือดึงข้อมูลลับออกมาได้โดยที่ซอฟต์แวร์ป้องกันไม่สามารถตรวจจับได้ ช่องโหว่นี้มีความรุนแรงสูงและต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที โดยเฉพาะในองค์กรที่ไม่สามารถควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพได้อย่างเข้มงวด
    https://securityonline.info/early-boot-attack-uefi-flaw-in-asrock-asus-msi-boards-lets-hackers-bypass-os-security-via-pcie

    VPN Betrayal: ส่วนขยาย VPN ฟรีที่หักหลังผู้ใช้
    เรื่องนี้เป็นการเปิดโปงครั้งใหญ่จากบริษัทด้านความปลอดภัย KOI ที่พบว่า Urban VPN Proxy และส่วนขยาย VPN ฟรีอื่น ๆ กำลังแอบเก็บข้อมูลการสนทนาของผู้ใช้กับแพลตฟอร์ม AI โดยตรง ทั้งข้อความที่ผู้ใช้พิมพ์และคำตอบที่ AI ตอบกลับมา ถูกส่งต่อไปยังบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลและการตลาดเพื่อใช้ยิงโฆษณาเจาะจงพฤติกรรมผู้ใช้ แม้ผู้ใช้จะปิดฟังก์ชัน VPN หรือการบล็อกโฆษณา แต่สคริปต์ที่ฝังไว้ก็ยังทำงานอยู่ วิธีเดียวที่จะหยุดได้คือการถอนการติดตั้งออกไปเลย เหตุการณ์นี้กระทบแพลตฟอร์ม AI แทบทั้งหมด ตั้งแต่ ChatGPT, Claude, Gemini, Copilot ไปจนถึง Meta AI และ Perplexity ทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง
    https://securityonline.info/vpn-betrayal-popular-free-extensions-caught-siphoning-8-million-users-private-ai-chats

    The Final Cut: ออสการ์ย้ายบ้านไป YouTube ในปี 2029
    วงการภาพยนตร์กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Academy Awards หรือออสการ์ประกาศว่าจะยุติการถ่ายทอดสดทาง ABC หลังครบรอบ 100 ปีในปี 2028 และตั้งแต่ปี 2029 เป็นต้นไปจะถ่ายทอดสดผ่าน YouTube เพียงช่องทางเดียว การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแพลตฟอร์ม แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วโลกเข้าถึงได้ฟรีและมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้นผ่านฟีเจอร์ของ YouTube นอกจากนี้ Google Arts & Culture จะเข้ามาช่วยดิจิไทซ์คลังภาพยนตร์และประวัติศาสตร์ของ Academy เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่หันไปเสพสื่อออนไลน์มากกว่าทีวี
    https://securityonline.info/the-final-cut-why-the-oscars-are-leaving-abc-for-a-youtube-only-future-in-2029

    Phantom v3.5: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Adobe Update
    ภัยใหม่มาในรูปแบบที่ดูเหมือนธรรมดา Phantom v3.5 แฝงตัวเป็นไฟล์ติดตั้ง Adobe เวอร์ชันปลอม เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ มันจะรันสคริปต์ที่ดึง Payload จากโดเมนอันตราย แล้วเริ่มดูดข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่รหัสผ่าน คุกกี้ เบราว์เซอร์ ไปจนถึงกระเป๋าเงินคริปโต ความพิเศษคือมันไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์ควบคุมแบบทั่วไป แต่ส่งข้อมูลออกไปผ่านอีเมล SMTP โดยตรง ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ใช้ระวังการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ และตรวจสอบเวอร์ชันหรือไฟล์ที่อ้างว่าเป็น Installer ให้ดี
    https://securityonline.info/phantom-v3-5-alert-new-info-stealer-disguised-as-adobe-update-uses-smtp-to-loot-digital-lives

    Kubernetes Alert: ช่องโหว่ Headlamp เสี่ยงถูกยึด Cluster
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Headlamp ซึ่งเป็น UI สำหรับ Kubernetes ที่ทำให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับสิทธิ์สามารถใช้ Credential ที่ถูกแคชไว้เพื่อเข้าถึงฟังก์ชัน Helm ได้โดยตรง หากผู้ดูแลระบบเคยใช้งาน Helm ผ่าน Headlamp แล้ว Credential ถูกเก็บไว้ ผู้โจมตีที่เข้าถึง Dashboard สามารถสั่ง Deploy หรือแก้ไข Release ได้ทันทีโดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.8 และกระทบเวอร์ชัน v0.38.0 ลงไป ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์ v0.39.0 เพื่อแก้ไขแล้ว ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตทันทีหรือปิดการเข้าถึงสาธารณะเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/kubernetes-alert-headlamp-flaw-cve-2025-14269-lets-unauthenticated-users-hijack-helm-clusters

    WatchGuard Under Siege: ช่องโหว่ Zero-Day รุนแรง CVSS 9.3 ถูกโจมตีจริงเพื่อยึดครอง Firewall
    เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน WatchGuard Firebox ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-14733 มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และเข้าควบคุมระบบไฟร์วอลล์ได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการผิดพลาดในกระบวนการ IKEv2 ของ VPN ที่ทำให้เกิดการเขียนข้อมูลเกินขอบเขต (Out-of-bounds Write) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถฝังคำสั่งอันตรายลงไปในระบบได้ แม้ผู้ดูแลระบบจะปิดการใช้งาน VPN แบบ Mobile User หรือ Branch Office ไปแล้ว แต่หากมีการตั้งค่าเก่าอยู่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอยู่ดี WatchGuard ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ก็เตือนว่าผู้ที่ถูกโจมตีไปแล้วควรเปลี่ยนรหัสผ่านและคีย์ทั้งหมด เพราะข้อมูลอาจถูกขโมยไปก่อนหน้านี้แล้ว
    https://securityonline.info/watchguard-under-siege-critical-cvss-9-3-zero-day-exploited-in-the-wild-to-hijack-corporate-firewalls

    Log4j’s Security Blind Spot: ช่องโหว่ TLS ใหม่เปิดทางให้ดักข้อมูล Log
    Apache ได้ออกอัปเดตแก้ไขช่องโหว่ใน Log4j ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-68161 ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ TLS hostname verification ที่ผิดพลาด แม้ผู้ดูแลระบบจะตั้งค่าให้ตรวจสอบชื่อโฮสต์แล้ว แต่ระบบกลับไม่ทำตาม ทำให้ผู้โจมตีสามารถแทรกตัวกลาง (Man-in-the-Middle) และดักข้อมูล log ที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ ข้อมูลเหล่านี้อาจมีรายละเอียดการทำงานของระบบหรือกิจกรรมผู้ใช้ที่สำคัญ ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.25.3 และผู้ใช้ควรรีบอัปเดตทันที หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ก็มีวิธีแก้ชั่วคราวคือการจำกัด trust root ให้เฉพาะใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้จริง
    https://securityonline.info/log4js-security-blind-spot-new-tls-flaw-lets-attackers-intercept-sensitive-logs-despite-encryption

    Visualizations Weaponized: ช่องโหว่ใหม่ใน Kibana เปิดทางโจมตี XSS ผ่าน Vega Charts
    Elastic ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-68385 ที่มีคะแนนความรุนแรง 7.2 ซึ่งเกิดขึ้นใน Kibana โดยเฉพาะฟีเจอร์ Vega Visualization ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างกราฟและแผนภาพแบบกำหนดเอง ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สามารถฝังโค้ดอันตรายลงไปในกราฟได้ และเมื่อผู้ใช้คนอื่นเปิดดูกราฟนั้น โค้ดก็จะทำงานในเบราว์เซอร์ทันที ส่งผลให้เกิดการขโมย session หรือสั่งการที่ไม่ได้รับอนุญาต ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชันตั้งแต่ 7.x จนถึง 9.x Elastic ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลรีบอัปเดตโดยด่วน https://securityonline.info/visualizations-weaponized-new-kibana-flaw-allows-xss-attacks-via-vega-charts

    Rust’s First Breach: ช่องโหว่แรกของ Rust ใน Linux Kernel
    นี่คือครั้งแรกที่โค้ด Rust ใน Linux Kernel ถูกระบุช่องโหว่อย่างเป็นทางการ โดย CVE-2025-68260 เกิดขึ้นใน Android Binder driver ที่ถูกเขียนใหม่ด้วย Rust ปัญหาคือการจัดการ linked list ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้เกิด race condition เมื่อหลาย thread เข้ามาจัดการพร้อมกัน ส่งผลให้ pointer เสียหายและทำให้ระบบ crash ได้ การแก้ไขคือการปรับปรุงโค้ด Node::release ให้จัดการกับ list โดยตรงแทนการใช้ list ชั่วคราว ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วใน Linux 6.18.1 และ 6.19-rc1 ผู้ใช้ควรอัปเดต kernel เวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัย
    https://securityonline.info/rusts-first-breach-cve-2025-68260-marks-the-first-rust-vulnerability-in-the-linux-kernel

    The Grand Divorce: TikTok เซ็นสัญญา Landmark Deal ส่งมอบการควบคุมในสหรัฐให้กลุ่ม Oracle
    TikTok ได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการแยกกิจการในสหรัฐ โดยจะตั้งบริษัทใหม่ชื่อ TikTok US Data Security Joint Venture LLC ซึ่งจะดูแลข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐ การรักษาความปลอดภัยของอัลกอริทึม และการตรวจสอบเนื้อหา โครงสร้างใหม่จะทำให้กลุ่มนักลงทุนในสหรัฐถือหุ้น 45% นักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ ByteDance ถือ 30% และ ByteDance เองถือ 20% ทำให้การควบคุมหลักอยู่ในมือของสหรัฐ ข้อตกลงนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 22 มกราคม 2026 ถือเป็นการปิดฉากความขัดแย้งยืดเยื้อเรื่องการควบคุม TikTok ในสหรัฐ
    https://securityonline.info/the-grand-divorce-tiktok-signs-landmark-deal-to-hand-u-s-control-to-oracle-led-group

    Fusion of Power: Trump Media จับมือ TAE Technologies สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชัน
    เรื่องนี้เล่ากันเหมือนเป็นการพลิกบทบาทครั้งใหญ่ของ Trump Media ที่เดิมทีเป็นบริษัทแม่ของ Truth Social และมือถือ Trump T1 แต่กลับหันมาจับมือกับ TAE Technologies ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านพลังงานฟิวชันที่มี Google และ Chevron หนุนหลัง การควบรวมครั้งนี้มีมูลค่าถึง 6 พันล้านดอลลาร์ เป้าหมายคือการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกภายใน 5 ปี แม้แวดวงวิทยาศาสตร์ยังคงสงสัยว่าฟิวชันจะพร้อมใช้งานจริงได้เร็วขนาดนั้นหรือไม่ แต่ดีลนี้ก็ทำให้หุ้น Trump Media พุ่งขึ้นทันที หลายคนมองว่าพลังที่แท้จริงอาจไม่ใช่ฟิวชัน แต่คืออิทธิพลทางการเมืองที่ช่วยเปิดทางให้ทุนและการอนุมัติจากรัฐบาล
    https://securityonline.info/fusion-of-power-trump-media-inks-6-billion-merger-to-build-worlds-first-fusion-power-plant

    The AI Super App: OpenAI เปิดตัว ChatGPT App Directory
    OpenAI กำลังผลักดัน ChatGPT ให้กลายเป็น “ซูเปอร์แอป” โดยเปิดตัว App Directory ที่เชื่อมต่อกับบริการภายนอกอย่าง Spotify, Dropbox, Apple Music และ DoorDash ผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านการสนทนา เช่น ให้สรุปรายงานจาก Google Drive หรือสร้างเพลย์ลิสต์เพลงใน Apple Music ได้ทันที นี่คือการเปลี่ยน ChatGPT จากเครื่องมือสร้างข้อความให้กลายเป็นผู้ช่วยที่ทำงานแทนเราได้จริง นอกจากนี้ OpenAI ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาภายนอกสร้างแอปเข้ามาในระบบ พร้อมแนวทางหารายได้ที่อาจคล้ายกับ App Store ของ Apple จุดสำคัญคือการยกระดับ AI จากการ “ตอบคำถาม” ไปสู่การ “ทำงานแทน”
    https://securityonline.info/the-ai-super-app-arrives-openai-launches-chatgpt-app-directory-to-rule-your-digital-life

    Pay to Post: Meta ทดลองจำกัดการแชร์ลิงก์บน Facebook
    Meta กำลังทดสอบนโยบายใหม่ที่อาจทำให้ผู้สร้างคอนเทนต์บน Facebook ต้องจ่ายเงินเพื่อแชร์ลิงก์ โดยผู้ใช้ที่ไม่ได้สมัครบริการยืนยันตัวตน (blue-check) จะถูกจำกัดให้โพสต์ลิงก์ได้เพียง 2 ครั้งต่อเดือน หากต้องการมากกว่านั้นต้องจ่ายค่าสมัครรายเดือน 14.99 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าบริษัทต้องการควบคุมการ “ไหลออกของทราฟฟิก” และหันไปหารายได้จากการบังคับให้ผู้ใช้จ่ายเพื่อสิทธิ์ที่เคยฟรีมาก่อน หลายคนมองว่านี่คือการผลัก Facebook เข้าสู่ระบบ “pay-to-play” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจทำให้ผู้สร้างรายเล็กๆ ต้องคิดหนักว่าจะอยู่ต่อหรือย้ายออก
    https://securityonline.info/pay-to-post-meta-tests-2-link-monthly-limit-for-unverified-facebook-creators

    Criminal IP จับมือ Palo Alto Networks Cortex XSOAR เสริมการตอบสนองภัยไซเบอร์ด้วย AI
    Criminal IP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม threat intelligence ที่ใช้ AI ได้เข้ารวมกับ Cortex XSOAR ของ Palo Alto Networks เพื่อยกระดับการตอบสนองเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย จุดเด่นคือการเพิ่มข้อมูลเชิงลึกจากภายนอก เช่น พฤติกรรมของ IP, ประวัติการโจมตี, การเชื่อมโยงกับมัลแวร์ และการสแกนหลายขั้นตอนแบบอัตโนมัติ ทำให้ทีม SOC สามารถจัดการเหตุการณ์ได้เร็วและแม่นยำขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการตรวจสอบแบบ manual การผสานนี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของโลกไซเบอร์ที่กำลังเดินหน้าไปสู่ “การป้องกันอัตโนมัติ” ที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก
    https://securityonline.info/criminal-ip-and-palo-alto-networks-cortex-xsoar-integrate-to-bring-ai-driven-exposure-intelligence-to-automated-incident-response

    FIFA ร่วมมือ Netflix เปิดเกมฟุตบอลใหม่รับบอลโลก 2026
    หลังจากแยกทางกับ EA ที่สร้าง FIFA มานานเกือบ 30 ปี องค์กร FIFA ก็ยังไม่สามารถหาคู่หูที่สร้างเกมฟุตบอลระดับเรือธงได้ จนล่าสุด Netflix ประกาศว่าจะเปิดตัวเกมฟุตบอลใหม่ภายใต้แบรนด์ FIFA ในปี 2026 โดยให้ Delphi Interactive เป็นผู้พัฒนา จุดต่างสำคัญคือเกมนี้จะใช้สมาร์ทโฟนเป็นคอนโทรลเลอร์ ทำให้เล่นง่ายและเข้าถึงผู้เล่นทั่วไปมากขึ้น แทนที่จะเน้นความสมจริงแบบ EA Sports FC การจับมือกับ Netflix แสดงให้เห็นว่า FIFA เลือกเส้นทางใหม่ที่ไม่ชนตรงกับ EA แต่หันไปสร้างประสบการณ์แบบ “เกมปาร์ตี้” ที่เข้ากับแนวทางของ Netflix Games ซึ่งกำลังมุ่งไปที่เกมที่เล่นง่ายและเชื่อมโยงกับผู้ชมจำนวนมาก
    https://securityonline.info/fifas-post-ea-comeback-netflix-to-launch-a-reimagined-football-game-for-the-2026-world-cup

    Mario’s Deadly Upgrade: RansomHouse เปิดตัว Dual-Key Encryption
    กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อ Jolly Scorpius ซึ่งอยู่เบื้องหลังบริการ RansomHouse (ransomware-as-a-service) ได้ปรับปรุงเครื่องมือเข้ารหัสหลักของพวกเขาที่ชื่อ “Mario” จากเดิมที่ใช้วิธีเข้ารหัสแบบเส้นตรงธรรมดา กลายเป็นระบบที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ Mario เวอร์ชันใหม่ไม่เพียงแค่เข้ารหัสไฟล์แบบตรงๆ แต่ใช้วิธี chunked processing คือแบ่งไฟล์ออกเป็นชิ้นๆ ที่มีขนาดเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้การวิเคราะห์ย้อนกลับยากขึ้นมากสำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัย และที่น่ากังวลที่สุดคือการเพิ่ม dual-key encryption ซึ่งทำงานเหมือนระบบความปลอดภัยจริงๆ ที่ต้องใช้กุญแจสองชุดในการถอดรหัส หากผู้ป้องกันได้กุญแจเพียงชุดเดียว ข้อมูลก็ยังคงถูกล็อกแน่นหนา
    https://securityonline.info/marios-deadly-upgrade-ransomhouse-unveils-dual-key-encryption-to-defeat-backups-and-recovery/
    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251219 #securityonline 🛡️ FreeBSD เจอช่องโหว่ร้ายแรงจาก IPv6 เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในระบบเครือข่ายของ FreeBSD ที่อันตรายมาก เพราะแค่มีคนส่งแพ็กเก็ต IPv6 ที่ถูกปรับแต่งมาอย่างเจาะจง ก็สามารถทำให้เครื่องเป้าหมายรันคำสั่งของผู้โจมตีได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการที่โปรแกรม rtsol และ rtsold ซึ่งใช้จัดการการตั้งค่า IPv6 แบบอัตโนมัติ ไปส่งข้อมูลต่อให้กับ resolvconf โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง ผลคือคำสั่งที่แฝงมาในข้อมูลสามารถถูกประมวลผลเหมือนเป็นคำสั่ง shell จริง ๆ แม้การโจมตีจะจำกัดอยู่ในเครือข่ายท้องถิ่น เช่น Wi-Fi สาธารณะหรือ LAN ที่ไม่ปลอดภัย แต่ก็ถือว่าเสี่ยงมาก ผู้ใช้ที่เปิด IPv6 และยังไม่ได้อัปเดตต้องรีบแพตช์ทันทีเพื่อป้องกันการถูกยึดเครื่อง 🔗 https://securityonline.info/freebsd-network-alert-malicious-ipv6-packets-can-trigger-remote-code-execution-via-resolvconf-cve-2025-14558 📧 ช่องโหว่ใหม่ใน Roundcube Webmail ระบบอีเมลโอเพนซอร์สชื่อดัง Roundcube ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงสองจุดที่อาจทำให้ผู้โจมตีแอบรันสคริปต์หรือดึงข้อมูลจากกล่องอีเมลได้ ช่องโหว่แรกคือ XSS ที่ซ่อนอยู่ในไฟล์ SVG โดยใช้แท็ก animate ทำให้เมื่อผู้ใช้เปิดอีเมลที่มีภาพ SVG ที่ถูกปรับแต่ง JavaScript ก็จะทำงานทันที อีกช่องโหว่คือการจัดการ CSS ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถเลี่ยงตัวกรองและดึงข้อมูลจากอินเทอร์เฟซเว็บเมลได้ ทั้งสองช่องโหว่ถูกจัดระดับความรุนแรงสูง ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดของ Roundcube 1.6 และ 1.5 LTS เพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/roundcube-alert-high-severity-svg-xss-and-css-sanitizer-flaws-threaten-webmail-privacy 🎥 YouTube Ghost Network และมัลแวร์ GachiLoader นักวิจัยจาก Check Point Research พบการโจมตีใหม่ที่ใช้ YouTube เป็นช่องทางแพร่กระจายมัลแวร์ โดยกลุ่มผู้โจมตีจะยึดบัญชี YouTube ที่มีชื่อเสียง แล้วอัปโหลดวิดีโอที่โฆษณาซอฟต์แวร์เถื่อนหรือสูตรโกงเกม พร้อมใส่ลิงก์ดาวน์โหลดที่แท้จริงคือมัลแวร์ GachiLoader เขียนด้วย Node.js ที่ถูกทำให้ซับซ้อนเพื่อหลบการตรวจจับ เมื่อรันแล้วจะโหลดตัวขโมยข้อมูล Rhadamanthys เข้ามาเพื่อดึงรหัสผ่านและข้อมูลสำคัญ จุดเด่นคือเทคนิคการฉีดโค้ดผ่าน DLL โดยใช้ Vectored Exception Handling ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ผู้ใช้ควรระวังการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ฟรีจากลิงก์ใน YouTube เพราะอาจเป็นกับดักที่ซ่อนมัลแวร์ไว้ 🔗 https://securityonline.info/youtube-ghost-network-the-new-gachiloader-malware-hiding-in-your-favorite-video-links 💰 Supply Chain Attack บน NuGet: Nethereum.All ปลอม มีการค้นพบแคมเปญโจมตีที่ซับซ้อนซึ่งมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนา .NET ที่ทำงานกับคริปโต โดยผู้โจมตีสร้างแพ็กเกจปลอมชื่อ Nethereum.All เลียนแบบไลบรารีจริงที่ใช้เชื่อมต่อ Ethereum และเผยแพร่บน NuGet พร้อมตัวเลขดาวน์โหลดปลอมกว่า 10 ล้านครั้งเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ ภายในโค้ดมีฟังก์ชันแอบซ่อนเพื่อขโมยเงินจากธุรกรรมหรือดึงข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี นอกจากนี้ยังมีแพ็กเกจปลอมอื่น ๆ เช่น NBitcoin.Unified และ SolnetAll ที่เลียนแบบไลบรารีของ Bitcoin และ Solana การโจมตีนี้ใช้เทคนิคการปลอมแปลงอย่างแนบเนียน ทำให้นักพัฒนาที่ไม่ตรวจสอบผู้เขียนแพ็กเกจอาจตกเป็นเหยื่อได้ง่าย 🔗 https://securityonline.info/poisoned-dependencies-how-nethereum-all-and-10m-fake-downloads-looted-net-crypto-developers 💻 ช่องโหว่ UEFI บนเมนบอร์ด ASRock, ASUS, MSI CERT/CCเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ที่เกิดขึ้นในเฟิร์มแวร์ UEFI ของหลายผู้ผลิต เช่น ASRock, ASUS, GIGABYTE และ MSI โดยปัญหาคือระบบรายงานว่ามีการเปิดการป้องกัน DMA แล้ว แต่จริง ๆ IOMMU ไม่ได้ถูกตั้งค่าอย่างถูกต้อง ทำให้ในช่วง early-boot ผู้โจมตีที่มีอุปกรณ์ PCIe สามารถเข้าถึงและแก้ไขหน่วยความจำได้ก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ผลคือสามารถฉีดโค้ดหรือดึงข้อมูลลับออกมาได้โดยที่ซอฟต์แวร์ป้องกันไม่สามารถตรวจจับได้ ช่องโหว่นี้มีความรุนแรงสูงและต้องรีบอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที โดยเฉพาะในองค์กรที่ไม่สามารถควบคุมการเข้าถึงทางกายภาพได้อย่างเข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/early-boot-attack-uefi-flaw-in-asrock-asus-msi-boards-lets-hackers-bypass-os-security-via-pcie 🛡️ VPN Betrayal: ส่วนขยาย VPN ฟรีที่หักหลังผู้ใช้ เรื่องนี้เป็นการเปิดโปงครั้งใหญ่จากบริษัทด้านความปลอดภัย KOI ที่พบว่า Urban VPN Proxy และส่วนขยาย VPN ฟรีอื่น ๆ กำลังแอบเก็บข้อมูลการสนทนาของผู้ใช้กับแพลตฟอร์ม AI โดยตรง ทั้งข้อความที่ผู้ใช้พิมพ์และคำตอบที่ AI ตอบกลับมา ถูกส่งต่อไปยังบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลและการตลาดเพื่อใช้ยิงโฆษณาเจาะจงพฤติกรรมผู้ใช้ แม้ผู้ใช้จะปิดฟังก์ชัน VPN หรือการบล็อกโฆษณา แต่สคริปต์ที่ฝังไว้ก็ยังทำงานอยู่ วิธีเดียวที่จะหยุดได้คือการถอนการติดตั้งออกไปเลย เหตุการณ์นี้กระทบแพลตฟอร์ม AI แทบทั้งหมด ตั้งแต่ ChatGPT, Claude, Gemini, Copilot ไปจนถึง Meta AI และ Perplexity ทำให้ความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง 🔗 https://securityonline.info/vpn-betrayal-popular-free-extensions-caught-siphoning-8-million-users-private-ai-chats 🎬 The Final Cut: ออสการ์ย้ายบ้านไป YouTube ในปี 2029 วงการภาพยนตร์กำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อ Academy Awards หรือออสการ์ประกาศว่าจะยุติการถ่ายทอดสดทาง ABC หลังครบรอบ 100 ปีในปี 2028 และตั้งแต่ปี 2029 เป็นต้นไปจะถ่ายทอดสดผ่าน YouTube เพียงช่องทางเดียว การย้ายครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแพลตฟอร์ม แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ชมทั่วโลกเข้าถึงได้ฟรีและมีปฏิสัมพันธ์มากขึ้นผ่านฟีเจอร์ของ YouTube นอกจากนี้ Google Arts & Culture จะเข้ามาช่วยดิจิไทซ์คลังภาพยนตร์และประวัติศาสตร์ของ Academy เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อดึงดูดคนรุ่นใหม่ที่หันไปเสพสื่อออนไลน์มากกว่าทีวี 🔗 https://securityonline.info/the-final-cut-why-the-oscars-are-leaving-abc-for-a-youtube-only-future-in-2029 ⚠️ Phantom v3.5: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Adobe Update ภัยใหม่มาในรูปแบบที่ดูเหมือนธรรมดา Phantom v3.5 แฝงตัวเป็นไฟล์ติดตั้ง Adobe เวอร์ชันปลอม เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ มันจะรันสคริปต์ที่ดึง Payload จากโดเมนอันตราย แล้วเริ่มดูดข้อมูลทุกอย่าง ตั้งแต่รหัสผ่าน คุกกี้ เบราว์เซอร์ ไปจนถึงกระเป๋าเงินคริปโต ความพิเศษคือมันไม่ใช้เซิร์ฟเวอร์ควบคุมแบบทั่วไป แต่ส่งข้อมูลออกไปผ่านอีเมล SMTP โดยตรง ทำให้การตรวจจับยากขึ้น เหตุการณ์นี้เตือนให้ผู้ใช้ระวังการดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ และตรวจสอบเวอร์ชันหรือไฟล์ที่อ้างว่าเป็น Installer ให้ดี 🔗 https://securityonline.info/phantom-v3-5-alert-new-info-stealer-disguised-as-adobe-update-uses-smtp-to-loot-digital-lives ☸️ Kubernetes Alert: ช่องโหว่ Headlamp เสี่ยงถูกยึด Cluster มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Headlamp ซึ่งเป็น UI สำหรับ Kubernetes ที่ทำให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับสิทธิ์สามารถใช้ Credential ที่ถูกแคชไว้เพื่อเข้าถึงฟังก์ชัน Helm ได้โดยตรง หากผู้ดูแลระบบเคยใช้งาน Helm ผ่าน Headlamp แล้ว Credential ถูกเก็บไว้ ผู้โจมตีที่เข้าถึง Dashboard สามารถสั่ง Deploy หรือแก้ไข Release ได้ทันทีโดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.8 และกระทบเวอร์ชัน v0.38.0 ลงไป ทีมพัฒนาได้ออกแพตช์ v0.39.0 เพื่อแก้ไขแล้ว ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตทันทีหรือปิดการเข้าถึงสาธารณะเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/kubernetes-alert-headlamp-flaw-cve-2025-14269-lets-unauthenticated-users-hijack-helm-clusters 🛡️ WatchGuard Under Siege: ช่องโหว่ Zero-Day รุนแรง CVSS 9.3 ถูกโจมตีจริงเพื่อยึดครอง Firewall เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ใหม่ใน WatchGuard Firebox ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-14733 มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ทำให้แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และเข้าควบคุมระบบไฟร์วอลล์ได้ทันที ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการผิดพลาดในกระบวนการ IKEv2 ของ VPN ที่ทำให้เกิดการเขียนข้อมูลเกินขอบเขต (Out-of-bounds Write) ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถฝังคำสั่งอันตรายลงไปในระบบได้ แม้ผู้ดูแลระบบจะปิดการใช้งาน VPN แบบ Mobile User หรือ Branch Office ไปแล้ว แต่หากมีการตั้งค่าเก่าอยู่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอยู่ดี WatchGuard ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ก็เตือนว่าผู้ที่ถูกโจมตีไปแล้วควรเปลี่ยนรหัสผ่านและคีย์ทั้งหมด เพราะข้อมูลอาจถูกขโมยไปก่อนหน้านี้แล้ว 🔗 https://securityonline.info/watchguard-under-siege-critical-cvss-9-3-zero-day-exploited-in-the-wild-to-hijack-corporate-firewalls 🔒 Log4j’s Security Blind Spot: ช่องโหว่ TLS ใหม่เปิดทางให้ดักข้อมูล Log Apache ได้ออกอัปเดตแก้ไขช่องโหว่ใน Log4j ที่ถูกระบุว่า CVE-2025-68161 ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ TLS hostname verification ที่ผิดพลาด แม้ผู้ดูแลระบบจะตั้งค่าให้ตรวจสอบชื่อโฮสต์แล้ว แต่ระบบกลับไม่ทำตาม ทำให้ผู้โจมตีสามารถแทรกตัวกลาง (Man-in-the-Middle) และดักข้อมูล log ที่ส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ได้ ข้อมูลเหล่านี้อาจมีรายละเอียดการทำงานของระบบหรือกิจกรรมผู้ใช้ที่สำคัญ ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 2.25.3 และผู้ใช้ควรรีบอัปเดตทันที หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ก็มีวิธีแก้ชั่วคราวคือการจำกัด trust root ให้เฉพาะใบรับรองของเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้จริง 🔗 https://securityonline.info/log4js-security-blind-spot-new-tls-flaw-lets-attackers-intercept-sensitive-logs-despite-encryption 📊 Visualizations Weaponized: ช่องโหว่ใหม่ใน Kibana เปิดทางโจมตี XSS ผ่าน Vega Charts Elastic ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ CVE-2025-68385 ที่มีคะแนนความรุนแรง 7.2 ซึ่งเกิดขึ้นใน Kibana โดยเฉพาะฟีเจอร์ Vega Visualization ที่อนุญาตให้ผู้ใช้สร้างกราฟและแผนภาพแบบกำหนดเอง ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์สามารถฝังโค้ดอันตรายลงไปในกราฟได้ และเมื่อผู้ใช้คนอื่นเปิดดูกราฟนั้น โค้ดก็จะทำงานในเบราว์เซอร์ทันที ส่งผลให้เกิดการขโมย session หรือสั่งการที่ไม่ได้รับอนุญาต ช่องโหว่นี้กระทบหลายเวอร์ชันตั้งแต่ 7.x จนถึง 9.x Elastic ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลรีบอัปเดตโดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/visualizations-weaponized-new-kibana-flaw-allows-xss-attacks-via-vega-charts 🦀 Rust’s First Breach: ช่องโหว่แรกของ Rust ใน Linux Kernel นี่คือครั้งแรกที่โค้ด Rust ใน Linux Kernel ถูกระบุช่องโหว่อย่างเป็นทางการ โดย CVE-2025-68260 เกิดขึ้นใน Android Binder driver ที่ถูกเขียนใหม่ด้วย Rust ปัญหาคือการจัดการ linked list ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้เกิด race condition เมื่อหลาย thread เข้ามาจัดการพร้อมกัน ส่งผลให้ pointer เสียหายและทำให้ระบบ crash ได้ การแก้ไขคือการปรับปรุงโค้ด Node::release ให้จัดการกับ list โดยตรงแทนการใช้ list ชั่วคราว ช่องโหว่นี้ถูกแก้ไขแล้วใน Linux 6.18.1 และ 6.19-rc1 ผู้ใช้ควรอัปเดต kernel เวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัย 🔗 https://securityonline.info/rusts-first-breach-cve-2025-68260-marks-the-first-rust-vulnerability-in-the-linux-kernel 🇺🇸 The Grand Divorce: TikTok เซ็นสัญญา Landmark Deal ส่งมอบการควบคุมในสหรัฐให้กลุ่ม Oracle TikTok ได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการแยกกิจการในสหรัฐ โดยจะตั้งบริษัทใหม่ชื่อ TikTok US Data Security Joint Venture LLC ซึ่งจะดูแลข้อมูลผู้ใช้ในสหรัฐ การรักษาความปลอดภัยของอัลกอริทึม และการตรวจสอบเนื้อหา โครงสร้างใหม่จะทำให้กลุ่มนักลงทุนในสหรัฐถือหุ้น 45% นักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ ByteDance ถือ 30% และ ByteDance เองถือ 20% ทำให้การควบคุมหลักอยู่ในมือของสหรัฐ ข้อตกลงนี้คาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในวันที่ 22 มกราคม 2026 ถือเป็นการปิดฉากความขัดแย้งยืดเยื้อเรื่องการควบคุม TikTok ในสหรัฐ 🔗 https://securityonline.info/the-grand-divorce-tiktok-signs-landmark-deal-to-hand-u-s-control-to-oracle-led-group ⚡ Fusion of Power: Trump Media จับมือ TAE Technologies สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชัน เรื่องนี้เล่ากันเหมือนเป็นการพลิกบทบาทครั้งใหญ่ของ Trump Media ที่เดิมทีเป็นบริษัทแม่ของ Truth Social และมือถือ Trump T1 แต่กลับหันมาจับมือกับ TAE Technologies ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้านพลังงานฟิวชันที่มี Google และ Chevron หนุนหลัง การควบรวมครั้งนี้มีมูลค่าถึง 6 พันล้านดอลลาร์ เป้าหมายคือการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟิวชันเชิงพาณิชย์แห่งแรกของโลกภายใน 5 ปี แม้แวดวงวิทยาศาสตร์ยังคงสงสัยว่าฟิวชันจะพร้อมใช้งานจริงได้เร็วขนาดนั้นหรือไม่ แต่ดีลนี้ก็ทำให้หุ้น Trump Media พุ่งขึ้นทันที หลายคนมองว่าพลังที่แท้จริงอาจไม่ใช่ฟิวชัน แต่คืออิทธิพลทางการเมืองที่ช่วยเปิดทางให้ทุนและการอนุมัติจากรัฐบาล 🔗 https://securityonline.info/fusion-of-power-trump-media-inks-6-billion-merger-to-build-worlds-first-fusion-power-plant 🤖 The AI Super App: OpenAI เปิดตัว ChatGPT App Directory OpenAI กำลังผลักดัน ChatGPT ให้กลายเป็น “ซูเปอร์แอป” โดยเปิดตัว App Directory ที่เชื่อมต่อกับบริการภายนอกอย่าง Spotify, Dropbox, Apple Music และ DoorDash ผู้ใช้สามารถสั่งงานผ่านการสนทนา เช่น ให้สรุปรายงานจาก Google Drive หรือสร้างเพลย์ลิสต์เพลงใน Apple Music ได้ทันที นี่คือการเปลี่ยน ChatGPT จากเครื่องมือสร้างข้อความให้กลายเป็นผู้ช่วยที่ทำงานแทนเราได้จริง นอกจากนี้ OpenAI ยังเปิดโอกาสให้นักพัฒนาภายนอกสร้างแอปเข้ามาในระบบ พร้อมแนวทางหารายได้ที่อาจคล้ายกับ App Store ของ Apple จุดสำคัญคือการยกระดับ AI จากการ “ตอบคำถาม” ไปสู่การ “ทำงานแทน” 🔗 https://securityonline.info/the-ai-super-app-arrives-openai-launches-chatgpt-app-directory-to-rule-your-digital-life 💸 Pay to Post: Meta ทดลองจำกัดการแชร์ลิงก์บน Facebook Meta กำลังทดสอบนโยบายใหม่ที่อาจทำให้ผู้สร้างคอนเทนต์บน Facebook ต้องจ่ายเงินเพื่อแชร์ลิงก์ โดยผู้ใช้ที่ไม่ได้สมัครบริการยืนยันตัวตน (blue-check) จะถูกจำกัดให้โพสต์ลิงก์ได้เพียง 2 ครั้งต่อเดือน หากต้องการมากกว่านั้นต้องจ่ายค่าสมัครรายเดือน 14.99 ดอลลาร์ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนว่าบริษัทต้องการควบคุมการ “ไหลออกของทราฟฟิก” และหันไปหารายได้จากการบังคับให้ผู้ใช้จ่ายเพื่อสิทธิ์ที่เคยฟรีมาก่อน หลายคนมองว่านี่คือการผลัก Facebook เข้าสู่ระบบ “pay-to-play” อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจทำให้ผู้สร้างรายเล็กๆ ต้องคิดหนักว่าจะอยู่ต่อหรือย้ายออก 🔗 https://securityonline.info/pay-to-post-meta-tests-2-link-monthly-limit-for-unverified-facebook-creators 🛡️ Criminal IP จับมือ Palo Alto Networks Cortex XSOAR เสริมการตอบสนองภัยไซเบอร์ด้วย AI Criminal IP ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม threat intelligence ที่ใช้ AI ได้เข้ารวมกับ Cortex XSOAR ของ Palo Alto Networks เพื่อยกระดับการตอบสนองเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย จุดเด่นคือการเพิ่มข้อมูลเชิงลึกจากภายนอก เช่น พฤติกรรมของ IP, ประวัติการโจมตี, การเชื่อมโยงกับมัลแวร์ และการสแกนหลายขั้นตอนแบบอัตโนมัติ ทำให้ทีม SOC สามารถจัดการเหตุการณ์ได้เร็วและแม่นยำขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งการตรวจสอบแบบ manual การผสานนี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของโลกไซเบอร์ที่กำลังเดินหน้าไปสู่ “การป้องกันอัตโนมัติ” ที่ใช้ AI เป็นแกนหลัก 🔗 https://securityonline.info/criminal-ip-and-palo-alto-networks-cortex-xsoar-integrate-to-bring-ai-driven-exposure-intelligence-to-automated-incident-response 🎮 FIFA ร่วมมือ Netflix เปิดเกมฟุตบอลใหม่รับบอลโลก 2026 หลังจากแยกทางกับ EA ที่สร้าง FIFA มานานเกือบ 30 ปี องค์กร FIFA ก็ยังไม่สามารถหาคู่หูที่สร้างเกมฟุตบอลระดับเรือธงได้ จนล่าสุด Netflix ประกาศว่าจะเปิดตัวเกมฟุตบอลใหม่ภายใต้แบรนด์ FIFA ในปี 2026 โดยให้ Delphi Interactive เป็นผู้พัฒนา จุดต่างสำคัญคือเกมนี้จะใช้สมาร์ทโฟนเป็นคอนโทรลเลอร์ ทำให้เล่นง่ายและเข้าถึงผู้เล่นทั่วไปมากขึ้น แทนที่จะเน้นความสมจริงแบบ EA Sports FC การจับมือกับ Netflix แสดงให้เห็นว่า FIFA เลือกเส้นทางใหม่ที่ไม่ชนตรงกับ EA แต่หันไปสร้างประสบการณ์แบบ “เกมปาร์ตี้” ที่เข้ากับแนวทางของ Netflix Games ซึ่งกำลังมุ่งไปที่เกมที่เล่นง่ายและเชื่อมโยงกับผู้ชมจำนวนมาก 🔗 https://securityonline.info/fifas-post-ea-comeback-netflix-to-launch-a-reimagined-football-game-for-the-2026-world-cup 🔒 Mario’s Deadly Upgrade: RansomHouse เปิดตัว Dual-Key Encryption กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อ Jolly Scorpius ซึ่งอยู่เบื้องหลังบริการ RansomHouse (ransomware-as-a-service) ได้ปรับปรุงเครื่องมือเข้ารหัสหลักของพวกเขาที่ชื่อ “Mario” จากเดิมที่ใช้วิธีเข้ารหัสแบบเส้นตรงธรรมดา กลายเป็นระบบที่ซับซ้อนและยืดหยุ่นมากขึ้น สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ Mario เวอร์ชันใหม่ไม่เพียงแค่เข้ารหัสไฟล์แบบตรงๆ แต่ใช้วิธี chunked processing คือแบ่งไฟล์ออกเป็นชิ้นๆ ที่มีขนาดเปลี่ยนแปลงได้ ทำให้การวิเคราะห์ย้อนกลับยากขึ้นมากสำหรับนักวิจัยด้านความปลอดภัย และที่น่ากังวลที่สุดคือการเพิ่ม dual-key encryption ซึ่งทำงานเหมือนระบบความปลอดภัยจริงๆ ที่ต้องใช้กุญแจสองชุดในการถอดรหัส หากผู้ป้องกันได้กุญแจเพียงชุดเดียว ข้อมูลก็ยังคงถูกล็อกแน่นหนา 🔗 https://securityonline.info/marios-deadly-upgrade-ransomhouse-unveils-dual-key-encryption-to-defeat-backups-and-recovery/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 599 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251218 #securityonline


    Mozilla เปิดยุคใหม่: Firefox เตรียมกลายเป็นเบราว์เซอร์พลัง AI
    Mozilla ประกาศแผนการใหญ่ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Anthony Enzor-DeMeo ที่จะเปลี่ยน Firefox จากเบราว์เซอร์แบบดั้งเดิมให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI จุดมุ่งหมายคือการทำให้ Firefox ไม่ใช่แค่เครื่องมือท่องเว็บ แต่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจผู้ใช้และสามารถปรับแต่งประสบการณ์ออนไลน์ได้อย่างลึกซึ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Mozilla ที่จะกลับมาแข่งขันในตลาดเบราว์เซอร์ที่ถูกครอบงำโดย Chrome และ Edge
    https://securityonline.info/mozillas-new-chapter-ceo-anthony-enzor-demeo-to-transform-firefox-into-an-ai-powered-powerhouse

    Let’s Encrypt ปรับระบบ TLS ใหม่: ใบรับรองสั้นลงเหลือ 45 วัน
    Let’s Encrypt ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการออกใบรับรอง TLS โดยลดอายุการใช้งานจาก 90 วันเหลือเพียง 45 วัน พร้อมเปิดตัวโครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า Generation Y Hierarchy และการรองรับ TLS แบบใช้ IP โดยตรง การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากใบรับรองที่ถูกขโมยหรือไม่ได้อัปเดต และทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แม้จะเพิ่มภาระให้ผู้ดูแลระบบ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บทั่วโลก
    https://securityonline.info/the-45-day-era-begins-lets-encrypt-unveils-generation-y-hierarchy-and-ip-based-tls

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Commons Text เสี่ยงถูกยึดเซิร์ฟเวอร์
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในไลบรารี Java ที่ชื่อ Apache Commons Text ซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายในการจัดการข้อความ ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่า CVE-2025-46295 และมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 เต็ม 10 จุดอันตรายอยู่ที่ฟังก์ชัน string interpolation ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยเข้ามาและทำให้เกิดการรันคำสั่งจากระยะไกลได้ ลักษณะนี้คล้ายกับเหตุการณ์ Log4Shell ที่เคยสร้างความเสียหายใหญ่ในอดีต ทีมพัฒนา FileMaker Server ได้รีบแก้ไขโดยอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ที่ปลอดภัยแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันทีเพื่อปิดช่องโหว่
    https://securityonline.info/cve-2025-46295-cvss-9-8-critical-apache-commons-text-flaw-risks-total-server-takeover

    หลอกด้วยใบสั่งจราจรปลอม: แอป RTO Challan ดูดข้อมูลและเงิน
    ในอินเดียมีการโจมตีใหม่ที่ใช้ความกลัวการโดนใบสั่งจราจรมาเป็นเครื่องมือ หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอป “RTO Challan” ผ่าน WhatsApp โดยอ้างว่าเป็นแอปทางการเพื่อดูหลักฐานการกระทำผิด แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ซ่อนตัวและสร้าง VPN ปลอมเพื่อส่งข้อมูลออกไปโดยไม่ถูกตรวจจับ มันสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว ตั้งแต่บัตร Aadhaar, PAN ไปจนถึงข้อมูลธนาคาร และยังหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตพร้อมรหัส PIN เพื่อทำธุรกรรมปลอมแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่ผสมผสานทั้งวิศวกรรมสังคมและเทคนิคขั้นสูง ผู้ใช้ถูกเตือนให้ระวังข้อความจากเบอร์แปลกและไม่ดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    https://securityonline.info/rto-challan-scam-how-a-fake-traffic-ticket-and-a-malicious-vpn-can-drain-your-bank-account

    Node.js systeminformation พบช่องโหว่เสี่ยง RCE บน Windows
    ไลบรารีชื่อดัง systeminformation ที่ถูกดาวน์โหลดกว่า 16 ล้านครั้งต่อเดือน ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-68154 โดยเฉพาะบน Windows ฟังก์ชัน fsSize() ที่ใช้ตรวจสอบขนาดดิสก์ไม่ได้กรองข้อมูลอินพุต ทำให้ผู้โจมตีสามารถใส่คำสั่ง PowerShell แทนตัวอักษรไดรฟ์ และรันคำสั่งอันตรายได้ทันที ผลกระทบคือการเข้าควบคุมระบบ อ่านข้อมูลลับ หรือแม้กระทั่งปล่อย ransomware นักพัฒนาถูกแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 5.27.14 ที่แก้ไขแล้วโดยด่วน
    https://securityonline.info/node-js-alert-systeminformation-flaw-risks-windows-rce-for-16m-monthly-users

    OpenAI เจรจา Amazon ขอทุนเพิ่ม 10 พันล้าน พร้อมเงื่อนไขใช้ชิป AI ของ Amazon
    มีรายงานว่า OpenAI กำลังเจรจากับ Amazon เพื่อระดมทุนมหาศาลถึง 10 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ OpenAI ต้องใช้ชิป AI ของ Amazon เช่น Trainium และ Inferentia แทนการพึ่งพา NVIDIA ที่ราคาแพงและขาดตลาด หากดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นการพลิกเกมครั้งใหญ่ เพราะจะทำให้ Amazon ได้การยืนยันคุณภาพชิปจากผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในวงการ AI และยังช่วยให้ OpenAI ลดต้นทุนการประมวลผล ขณะเดียวกันก็สร้างสมดุลระหว่าง Microsoft และ Amazon ในการเป็นพันธมิตรด้านคลาวด์
    https://securityonline.info/the-10b-pivot-openai-in-talks-for-massive-amazon-funding-but-theres-a-silicon-catch

    Cloudflare เผยรายงานปี 2025: สงครามบอท AI และการจราจรอินเทอร์เน็ตพุ่ง 19%
    รายงานประจำปีของ Cloudflare ชี้ให้เห็นว่าปี 2025 อินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น 19% และเกิด “สงครามบอท AI” ที่แข่งขันกันเก็บข้อมูลออนไลน์ โดย Google ครองอันดับหนึ่งด้านการเก็บข้อมูลผ่าน crawler เพื่อใช้ฝึกโมเดล AI อย่าง Gemini ขณะเดียวกันองค์กรไม่แสวงหากำไรกลับกลายเป็นเป้าหมายโจมตีไซเบอร์มากที่สุด เนื่องจากมีข้อมูลอ่อนไหวแต่ขาดทรัพยากรป้องกัน รายงานยังระบุว่ามีการโจมตี DDoS ครั้งใหญ่กว่า 25 ครั้งในปีเดียว และครึ่งหนึ่งของการหยุดชะงักอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเกิดจากการกระทำของรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนทั้งความก้าวหน้าและความเปราะบางของโลกออนไลน์
    https://securityonline.info/the-internet-rewired-cloudflare-2025-review-unveils-the-ai-bot-war-and-a-19-traffic-surge

    Locked Out of the Cloud: เมื่อแฮกเกอร์ใช้ AWS Termination Protection ปล้นพลังประมวลผลไปขุดคริปโต
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมากในโลกคลาวด์ แฮกเกอร์เจาะเข้ามาในระบบ AWS โดยใช้บัญชีที่ถูกขโมย แล้วรีบ deploy เครื่องขุดคริปโตภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที จุดที่น่ากลัวคือพวกเขาใช้ฟีเจอร์ DryRun เพื่อตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ทิ้งร่องรอย และเมื่อเครื่องขุดถูกสร้างขึ้น พวกเขาเปิดการป้องกันการลบ (termination protection) ทำให้เจ้าของระบบไม่สามารถลบเครื่องได้ทันที ต้องปิดการป้องกันก่อนถึงจะจัดการได้ นั่นทำให้แฮกเกอร์มีเวลาขุดคริปโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสร้าง backdoor ผ่าน AWS Lambda และเตรียมใช้ Amazon SES เพื่อส่งอีเมลฟิชชิ่งต่อไป เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การเจาะ AWS โดยตรง แต่เป็นการใช้ credential ที่ถูกขโมยไปอย่างชาญฉลาด
    https://securityonline.info/locked-out-of-the-cloud-hackers-use-aws-termination-protection-to-hijack-ecs-for-unstoppable-crypto-mining

    Blurred Deception: กลยุทธ์ฟิชชิ่งของกลุ่ม APT
    รัสเซียที่ใช้ “เอกสารเบลอ” กลุ่ม APT จากรัสเซียส่งอีเมลปลอมในชื่อคำสั่งจากประธานาธิบดี Transnistria โดยแนบไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทางการ แต่เนื้อหาถูกทำให้เบลอด้วย CSS filter ผู้รับจึงต้องใส่อีเมลและรหัสผ่านเพื่อ “ปลดล็อก” เอกสาร ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการหลอกขโมยข้อมูลเข้าสู่ระบบ ฟังก์ชัน JavaScript ที่ใช้ยังมีลูกเล่นคือไม่ว่ารหัสผ่านจะถูกหรือผิดก็ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์อยู่ดี แคมเปญนี้ไม่ได้หยุดแค่ Transnistria แต่ยังขยายไปยังประเทศในยุโรปตะวันออกและหน่วยงาน NATO ด้วย ถือเป็นการโจมตีที่ใช้ความเร่งด่วนและความอยากรู้อยากเห็นของเหยื่อเป็นตัวล่อ
    https://securityonline.info/blurred-deception-russian-apt-targets-transnistria-and-nato-with-high-pressure-phishing-lures

    “Better Auth” Framework Alert: ช่องโหว่ Double-Slash ที่ทำให้ระบบป้องกันพัง
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Better Auth ซึ่งเป็น framework ยอดนิยมสำหรับ TypeScript ที่ใช้กันกว้างขวาง ปัญหาคือ router ภายในชื่อ rou3 มอง URL ที่มีหลาย slash เช่น //sign-in/email ว่าเหมือนกับ /sign-in/email แต่ระบบป้องกันบางอย่างไม่ได้ normalize URL แบบเดียวกัน ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง path ที่ถูกปิดไว้ หรือเลี่ยง rate limit ได้ง่าย ๆ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.6 และกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การแก้ไขคืออัปเดตเวอร์ชันใหม่ หรือปรับ proxy ให้ normalize URL ก่อนถึงระบบ หากไม่ทำก็เสี่ยงที่ระบบจะถูกเจาะผ่านช่องโหว่เล็ก ๆ แต่ร้ายแรงนี้
    https://securityonline.info/better-auth-framework-alert-the-double-slash-trick-that-bypasses-security-controls

    Ink Dragon’s Global Mesh: เมื่อเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลถูกเปลี่ยนเป็นโหนดสอดแนม
    กลุ่มสอดแนมไซเบอร์จากจีนที่ชื่อ Ink Dragon ใช้เทคนิคใหม่ในการสร้างเครือข่ายสั่งการ โดยเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลที่ถูกเจาะให้กลายเป็นโหนด relay ส่งต่อคำสั่งและข้อมูลไปยังเป้าหมายอื่น ๆ ผ่านโมดูล ShadowPad IIS Listener ทำให้การติดตามแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะคำสั่งอาจวิ่งผ่านหลายองค์กรก่อนถึงเป้าหมายจริง พวกเขายังใช้ช่องโหว่ IIS ที่รู้จักกันมานานและ misconfiguration ของ ASP.NET เพื่อเข้ามา จากนั้นติดตั้ง malware รุ่นใหม่ที่ซ่อนการสื่อสารผ่าน Microsoft Graph API การขยายเป้าหมายไปยังยุโรปทำให้ภัยนี้ไม่ใช่แค่ระดับภูมิภาค แต่เป็นโครงสร้างสอดแนมข้ามชาติที่ใช้โครงสร้างของเหยื่อเองเป็นเครื่องมือ
    https://securityonline.info/ink-dragons-global-mesh-how-chinese-spies-turn-compromised-government-servers-into-c2-relay-nodes

    Academic Ambush: เมื่อกลุ่ม APT ปลอมรายงาน “Plagiarism” เพื่อเจาะระบบนักวิชาการ
    นี่คือแคมเปญที่ใช้ความกังวลของนักวิชาการเป็นตัวล่อ แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมในชื่อ “Forum Troll APT” โดยอ้างว่าผลงานของเหยื่อถูกตรวจพบการลอกเลียนแบบ พร้อมแนบไฟล์ Word ที่ดูเหมือนรายงานตรวจสอบ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเอกสารที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ โค้ดจะถูกเรียกใช้เพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์เข้ามาในเครื่องทันที การโจมตีนี้เล่นกับความกลัวเรื่องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในวงวิชาการ ทำให้ผู้รับมีแนวโน้มเปิดไฟล์โดยไม่ระวัง ถือเป็นการใช้ “แรงกดดันทางสังคม” เป็นอาวุธไซเบอร์
    https://securityonline.info/academic-ambush-how-the-forum-troll-apt-hijacks-scholars-systems-via-fake-plagiarism-reports

    GitHub ยอมถอย หลังนักพัฒนารวมพลังต้านค่าธรรมเนียม Self-Hosted Runner
    เรื่องนี้เริ่มจาก GitHub ประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน self-hosted runner ใน GitHub Actions ตั้งแต่มีนาคม 2026 โดยคิดนาทีละ 0.002 ดอลลาร์ แม้ผู้ใช้จะลงทุนเครื่องเองแล้วก็ตาม ข่าวนี้ทำให้ชุมชนนักพัฒนาลุกฮือทันที เสียงวิจารณ์ดังไปทั่วว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฟังเสียงผู้ใช้ สุดท้าย GitHub ต้องออกมาประกาศเลื่อนการเก็บค่าธรรมเนียมออกไป พร้อมลดราคาสำหรับ runner ที่ GitHub โฮสต์เองลงถึง 39% ตั้งแต่ต้นปี 2026 และย้ำว่าจะกลับไปฟังเสียงนักพัฒนาให้มากขึ้นก่อนปรับแผนใหม่ เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของชุมชนสามารถกดดันให้แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ต้องทบทวนการตัดสินใจได้
    https://securityonline.info/the-developer-win-github-postpones-self-hosted-runner-fee-after-massive-community-outcry

    ช่องโหว่ร้ายแรง HPE OneView เปิดทางให้ยึดศูนย์ข้อมูลได้ทันที
    Hewlett Packard Enterprise (HPE) แจ้งเตือนช่องโหว่ CVE-2025-37164 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด 10.0 ในซอฟต์แวร์ OneView ซึ่งเป็นหัวใจในการจัดการเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ต้องล็อกอินสามารถสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดศูนย์ข้อมูลทั้งระบบได้เลย HPE รีบออกแพตช์ v11.00 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตโดยด่วน สำหรับผู้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่า มี hotfix ให้ แต่ต้องระวังว่าหลังอัปเกรดบางเวอร์ชันต้องติดตั้งซ้ำอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะยังเสี่ยงอยู่
    https://securityonline.info/cve-2025-37164-cvss-10-0-unauthenticated-hpe-oneview-rce-grants-total-control-over-data-centers

    CISA เตือนด่วน แฮ็กเกอร์จีนใช้ช่องโหว่ Cisco และ SonicWall โจมตีจริงแล้ว
    หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเพิ่มช่องโหว่ร้ายแรงเข้ารายการ KEV หลังพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ Cisco Secure Email Gateway ที่มีคะแนน 10 เต็มในการเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน พร้อมติดตั้งมัลแวร์ AquaShell และ AquaPurge เพื่อซ่อนร่องรอย นอกจากนี้ยังพบการโจมตี SonicWall SMA1000 โดยใช้ช่องโหว่เดิมร่วมกับช่องโหว่ใหม่เพื่อยึดระบบได้ทั้งหมด และยังมีการนำช่องโหว่เก่าใน ASUS Live Update ที่หมดการสนับสนุนแล้วกลับมาใช้โจมตีในลักษณะ supply chain อีกด้วย ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งแพตช์ก่อนเส้นตาย 24 ธันวาคม 2025 https://securityonline.info/cisa-alert-chinese-hackers-weaponize-cvss-10-cisco-zero-day-sonicwall-exploit-chains

    แฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 ใช้มัลแวร์ Aqua เจาะ Cisco Secure Email
    Cisco Talos เปิดเผยว่ากลุ่ม UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ CVE-2025-20393 ใน Cisco Secure Email Gateway และ Web Manager เพื่อเข้าถึงระบบในระดับ root โดยอาศัยการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Spam Quarantine ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งหากเปิดไว้จะกลายเป็นช่องทางให้โจมตีได้ทันที เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาติดตั้งมัลแวร์ชุด “Aqua” ได้แก่ AquaShell ที่ฝังตัวในไฟล์เซิร์ฟเวอร์, AquaPurge ที่ลบหลักฐานใน log และ AquaTunnel ที่สร้างการเชื่อมต่อย้อนกลับเพื่อรักษาการเข้าถึง แม้แก้ช่องโหว่แล้วก็ยังไม่พ้นภัย เพราะมัลแวร์ฝังลึกจน Cisco แนะนำว่าหากถูกเจาะแล้วต้อง rebuild เครื่องใหม่เท่านั้น
    https://securityonline.info/cisco-zero-day-siege-chinese-group-uat-9686-deploys-aqua-malware-via-cvss-10-root-exploit

    SonicWall เตือนช่องโหว่ใหม่ถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่เดิม ยึดระบบได้แบบ root
    SonicWall ออกประกาศด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ CVE-2025-40602 ในอุปกรณ์ SMA1000 แม้คะแนน CVSS เพียง 6.6 แต่เมื่อถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่ CVE-2025-23006 ที่ร้ายแรงกว่า จะกลายเป็นการโจมตีแบบ chain ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน และยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที เท่ากับยึดระบบทั้งองค์กรได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน SonicWall ได้ออกแพตช์ใหม่และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที หากไม่สามารถทำได้ควรปิดการเข้าถึง AMC และ SSH จากอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการโจมตี
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/zero-day-warning-hackers-chain-sonicwall-sma1000-flaws-for-unauthenticated-root-rce
    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251218 #securityonline 🦊 Mozilla เปิดยุคใหม่: Firefox เตรียมกลายเป็นเบราว์เซอร์พลัง AI Mozilla ประกาศแผนการใหญ่ภายใต้การนำของ CEO คนใหม่ Anthony Enzor-DeMeo ที่จะเปลี่ยน Firefox จากเบราว์เซอร์แบบดั้งเดิมให้กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI จุดมุ่งหมายคือการทำให้ Firefox ไม่ใช่แค่เครื่องมือท่องเว็บ แต่เป็นผู้ช่วยอัจฉริยะที่เข้าใจผู้ใช้และสามารถปรับแต่งประสบการณ์ออนไลน์ได้อย่างลึกซึ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Mozilla ที่จะกลับมาแข่งขันในตลาดเบราว์เซอร์ที่ถูกครอบงำโดย Chrome และ Edge 🔗 https://securityonline.info/mozillas-new-chapter-ceo-anthony-enzor-demeo-to-transform-firefox-into-an-ai-powered-powerhouse 🔒 Let’s Encrypt ปรับระบบ TLS ใหม่: ใบรับรองสั้นลงเหลือ 45 วัน Let’s Encrypt ประกาศการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในระบบการออกใบรับรอง TLS โดยลดอายุการใช้งานจาก 90 วันเหลือเพียง 45 วัน พร้อมเปิดตัวโครงสร้างใหม่ที่เรียกว่า Generation Y Hierarchy และการรองรับ TLS แบบใช้ IP โดยตรง การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงจากใบรับรองที่ถูกขโมยหรือไม่ได้อัปเดต และทำให้ระบบอินเทอร์เน็ตมีความยืดหยุ่นมากขึ้น แม้จะเพิ่มภาระให้ผู้ดูแลระบบ แต่ก็ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของเว็บทั่วโลก 🔗 https://securityonline.info/the-45-day-era-begins-lets-encrypt-unveils-generation-y-hierarchy-and-ip-based-tls 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Commons Text เสี่ยงถูกยึดเซิร์ฟเวอร์ เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใหม่ในไลบรารี Java ที่ชื่อ Apache Commons Text ซึ่งถูกใช้อย่างแพร่หลายในการจัดการข้อความ ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่า CVE-2025-46295 และมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8 เต็ม 10 จุดอันตรายอยู่ที่ฟังก์ชัน string interpolation ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยเข้ามาและทำให้เกิดการรันคำสั่งจากระยะไกลได้ ลักษณะนี้คล้ายกับเหตุการณ์ Log4Shell ที่เคยสร้างความเสียหายใหญ่ในอดีต ทีมพัฒนา FileMaker Server ได้รีบแก้ไขโดยอัปเดตเป็นเวอร์ชันใหม่ที่ปลอดภัยแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันทีเพื่อปิดช่องโหว่ 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-46295-cvss-9-8-critical-apache-commons-text-flaw-risks-total-server-takeover 🚦 หลอกด้วยใบสั่งจราจรปลอม: แอป RTO Challan ดูดข้อมูลและเงิน ในอินเดียมีการโจมตีใหม่ที่ใช้ความกลัวการโดนใบสั่งจราจรมาเป็นเครื่องมือ หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอป “RTO Challan” ผ่าน WhatsApp โดยอ้างว่าเป็นแอปทางการเพื่อดูหลักฐานการกระทำผิด แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ซ่อนตัวและสร้าง VPN ปลอมเพื่อส่งข้อมูลออกไปโดยไม่ถูกตรวจจับ มันสามารถขโมยข้อมูลส่วนตัว ตั้งแต่บัตร Aadhaar, PAN ไปจนถึงข้อมูลธนาคาร และยังหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลบัตรเครดิตพร้อมรหัส PIN เพื่อทำธุรกรรมปลอมแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการโจมตีที่ผสมผสานทั้งวิศวกรรมสังคมและเทคนิคขั้นสูง ผู้ใช้ถูกเตือนให้ระวังข้อความจากเบอร์แปลกและไม่ดาวน์โหลดแอปจากลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://securityonline.info/rto-challan-scam-how-a-fake-traffic-ticket-and-a-malicious-vpn-can-drain-your-bank-account 💻 Node.js systeminformation พบช่องโหว่เสี่ยง RCE บน Windows ไลบรารีชื่อดัง systeminformation ที่ถูกดาวน์โหลดกว่า 16 ล้านครั้งต่อเดือน ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-68154 โดยเฉพาะบน Windows ฟังก์ชัน fsSize() ที่ใช้ตรวจสอบขนาดดิสก์ไม่ได้กรองข้อมูลอินพุต ทำให้ผู้โจมตีสามารถใส่คำสั่ง PowerShell แทนตัวอักษรไดรฟ์ และรันคำสั่งอันตรายได้ทันที ผลกระทบคือการเข้าควบคุมระบบ อ่านข้อมูลลับ หรือแม้กระทั่งปล่อย ransomware นักพัฒนาถูกแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 5.27.14 ที่แก้ไขแล้วโดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/node-js-alert-systeminformation-flaw-risks-windows-rce-for-16m-monthly-users 💰 OpenAI เจรจา Amazon ขอทุนเพิ่ม 10 พันล้าน พร้อมเงื่อนไขใช้ชิป AI ของ Amazon มีรายงานว่า OpenAI กำลังเจรจากับ Amazon เพื่อระดมทุนมหาศาลถึง 10 พันล้านดอลลาร์ โดยมีเงื่อนไขสำคัญคือ OpenAI ต้องใช้ชิป AI ของ Amazon เช่น Trainium และ Inferentia แทนการพึ่งพา NVIDIA ที่ราคาแพงและขาดตลาด หากดีลนี้เกิดขึ้นจริงจะเป็นการพลิกเกมครั้งใหญ่ เพราะจะทำให้ Amazon ได้การยืนยันคุณภาพชิปจากผู้เล่นรายใหญ่ที่สุดในวงการ AI และยังช่วยให้ OpenAI ลดต้นทุนการประมวลผล ขณะเดียวกันก็สร้างสมดุลระหว่าง Microsoft และ Amazon ในการเป็นพันธมิตรด้านคลาวด์ 🔗 https://securityonline.info/the-10b-pivot-openai-in-talks-for-massive-amazon-funding-but-theres-a-silicon-catch 🌐 Cloudflare เผยรายงานปี 2025: สงครามบอท AI และการจราจรอินเทอร์เน็ตพุ่ง 19% รายงานประจำปีของ Cloudflare ชี้ให้เห็นว่าปี 2025 อินเทอร์เน็ตกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ปริมาณการใช้งานเพิ่มขึ้น 19% และเกิด “สงครามบอท AI” ที่แข่งขันกันเก็บข้อมูลออนไลน์ โดย Google ครองอันดับหนึ่งด้านการเก็บข้อมูลผ่าน crawler เพื่อใช้ฝึกโมเดล AI อย่าง Gemini ขณะเดียวกันองค์กรไม่แสวงหากำไรกลับกลายเป็นเป้าหมายโจมตีไซเบอร์มากที่สุด เนื่องจากมีข้อมูลอ่อนไหวแต่ขาดทรัพยากรป้องกัน รายงานยังระบุว่ามีการโจมตี DDoS ครั้งใหญ่กว่า 25 ครั้งในปีเดียว และครึ่งหนึ่งของการหยุดชะงักอินเทอร์เน็ตทั่วโลกเกิดจากการกระทำของรัฐบาล การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนทั้งความก้าวหน้าและความเปราะบางของโลกออนไลน์ 🔗 https://securityonline.info/the-internet-rewired-cloudflare-2025-review-unveils-the-ai-bot-war-and-a-19-traffic-surge 🖥️ Locked Out of the Cloud: เมื่อแฮกเกอร์ใช้ AWS Termination Protection ปล้นพลังประมวลผลไปขุดคริปโต เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมากในโลกคลาวด์ แฮกเกอร์เจาะเข้ามาในระบบ AWS โดยใช้บัญชีที่ถูกขโมย แล้วรีบ deploy เครื่องขุดคริปโตภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที จุดที่น่ากลัวคือพวกเขาใช้ฟีเจอร์ DryRun เพื่อตรวจสอบสิทธิ์โดยไม่ทิ้งร่องรอย และเมื่อเครื่องขุดถูกสร้างขึ้น พวกเขาเปิดการป้องกันการลบ (termination protection) ทำให้เจ้าของระบบไม่สามารถลบเครื่องได้ทันที ต้องปิดการป้องกันก่อนถึงจะจัดการได้ นั่นทำให้แฮกเกอร์มีเวลาขุดคริปโตเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการสร้าง backdoor ผ่าน AWS Lambda และเตรียมใช้ Amazon SES เพื่อส่งอีเมลฟิชชิ่งต่อไป เหตุการณ์นี้ไม่ใช่การเจาะ AWS โดยตรง แต่เป็นการใช้ credential ที่ถูกขโมยไปอย่างชาญฉลาด 🔗 https://securityonline.info/locked-out-of-the-cloud-hackers-use-aws-termination-protection-to-hijack-ecs-for-unstoppable-crypto-mining 📧 Blurred Deception: กลยุทธ์ฟิชชิ่งของกลุ่ม APT รัสเซียที่ใช้ “เอกสารเบลอ” กลุ่ม APT จากรัสเซียส่งอีเมลปลอมในชื่อคำสั่งจากประธานาธิบดี Transnistria โดยแนบไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทางการ แต่เนื้อหาถูกทำให้เบลอด้วย CSS filter ผู้รับจึงต้องใส่อีเมลและรหัสผ่านเพื่อ “ปลดล็อก” เอกสาร ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นการหลอกขโมยข้อมูลเข้าสู่ระบบ ฟังก์ชัน JavaScript ที่ใช้ยังมีลูกเล่นคือไม่ว่ารหัสผ่านจะถูกหรือผิดก็ถูกส่งไปยังเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์อยู่ดี แคมเปญนี้ไม่ได้หยุดแค่ Transnistria แต่ยังขยายไปยังประเทศในยุโรปตะวันออกและหน่วยงาน NATO ด้วย ถือเป็นการโจมตีที่ใช้ความเร่งด่วนและความอยากรู้อยากเห็นของเหยื่อเป็นตัวล่อ 🔗 https://securityonline.info/blurred-deception-russian-apt-targets-transnistria-and-nato-with-high-pressure-phishing-lures 🔐 “Better Auth” Framework Alert: ช่องโหว่ Double-Slash ที่ทำให้ระบบป้องกันพัง มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงใน Better Auth ซึ่งเป็น framework ยอดนิยมสำหรับ TypeScript ที่ใช้กันกว้างขวาง ปัญหาคือ router ภายในชื่อ rou3 มอง URL ที่มีหลาย slash เช่น //sign-in/email ว่าเหมือนกับ /sign-in/email แต่ระบบป้องกันบางอย่างไม่ได้ normalize URL แบบเดียวกัน ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึง path ที่ถูกปิดไว้ หรือเลี่ยง rate limit ได้ง่าย ๆ ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 8.6 และกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การแก้ไขคืออัปเดตเวอร์ชันใหม่ หรือปรับ proxy ให้ normalize URL ก่อนถึงระบบ หากไม่ทำก็เสี่ยงที่ระบบจะถูกเจาะผ่านช่องโหว่เล็ก ๆ แต่ร้ายแรงนี้ 🔗 https://securityonline.info/better-auth-framework-alert-the-double-slash-trick-that-bypasses-security-controls 🐉 Ink Dragon’s Global Mesh: เมื่อเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลถูกเปลี่ยนเป็นโหนดสอดแนม กลุ่มสอดแนมไซเบอร์จากจีนที่ชื่อ Ink Dragon ใช้เทคนิคใหม่ในการสร้างเครือข่ายสั่งการ โดยเปลี่ยนเซิร์ฟเวอร์รัฐบาลที่ถูกเจาะให้กลายเป็นโหนด relay ส่งต่อคำสั่งและข้อมูลไปยังเป้าหมายอื่น ๆ ผ่านโมดูล ShadowPad IIS Listener ทำให้การติดตามแทบเป็นไปไม่ได้ เพราะคำสั่งอาจวิ่งผ่านหลายองค์กรก่อนถึงเป้าหมายจริง พวกเขายังใช้ช่องโหว่ IIS ที่รู้จักกันมานานและ misconfiguration ของ ASP.NET เพื่อเข้ามา จากนั้นติดตั้ง malware รุ่นใหม่ที่ซ่อนการสื่อสารผ่าน Microsoft Graph API การขยายเป้าหมายไปยังยุโรปทำให้ภัยนี้ไม่ใช่แค่ระดับภูมิภาค แต่เป็นโครงสร้างสอดแนมข้ามชาติที่ใช้โครงสร้างของเหยื่อเองเป็นเครื่องมือ 🔗 https://securityonline.info/ink-dragons-global-mesh-how-chinese-spies-turn-compromised-government-servers-into-c2-relay-nodes 📚 Academic Ambush: เมื่อกลุ่ม APT ปลอมรายงาน “Plagiarism” เพื่อเจาะระบบนักวิชาการ นี่คือแคมเปญที่ใช้ความกังวลของนักวิชาการเป็นตัวล่อ แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมในชื่อ “Forum Troll APT” โดยอ้างว่าผลงานของเหยื่อถูกตรวจพบการลอกเลียนแบบ พร้อมแนบไฟล์ Word ที่ดูเหมือนรายงานตรวจสอบ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเอกสารที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ โค้ดจะถูกเรียกใช้เพื่อดาวน์โหลดมัลแวร์เข้ามาในเครื่องทันที การโจมตีนี้เล่นกับความกลัวเรื่องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือในวงวิชาการ ทำให้ผู้รับมีแนวโน้มเปิดไฟล์โดยไม่ระวัง ถือเป็นการใช้ “แรงกดดันทางสังคม” เป็นอาวุธไซเบอร์ 🔗 https://securityonline.info/academic-ambush-how-the-forum-troll-apt-hijacks-scholars-systems-via-fake-plagiarism-reports 🛠️ GitHub ยอมถอย หลังนักพัฒนารวมพลังต้านค่าธรรมเนียม Self-Hosted Runner เรื่องนี้เริ่มจาก GitHub ประกาศว่าจะเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการใช้งาน self-hosted runner ใน GitHub Actions ตั้งแต่มีนาคม 2026 โดยคิดนาทีละ 0.002 ดอลลาร์ แม้ผู้ใช้จะลงทุนเครื่องเองแล้วก็ตาม ข่าวนี้ทำให้ชุมชนนักพัฒนาลุกฮือทันที เสียงวิจารณ์ดังไปทั่วว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่ฟังเสียงผู้ใช้ สุดท้าย GitHub ต้องออกมาประกาศเลื่อนการเก็บค่าธรรมเนียมออกไป พร้อมลดราคาสำหรับ runner ที่ GitHub โฮสต์เองลงถึง 39% ตั้งแต่ต้นปี 2026 และย้ำว่าจะกลับไปฟังเสียงนักพัฒนาให้มากขึ้นก่อนปรับแผนใหม่ เรื่องนี้สะท้อนว่าพลังของชุมชนสามารถกดดันให้แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ต้องทบทวนการตัดสินใจได้ 🔗 https://securityonline.info/the-developer-win-github-postpones-self-hosted-runner-fee-after-massive-community-outcry ⚠️ ช่องโหว่ร้ายแรง HPE OneView เปิดทางให้ยึดศูนย์ข้อมูลได้ทันที Hewlett Packard Enterprise (HPE) แจ้งเตือนช่องโหว่ CVE-2025-37164 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด 10.0 ในซอฟต์แวร์ OneView ซึ่งเป็นหัวใจในการจัดการเซิร์ฟเวอร์และระบบเครือข่าย ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ต้องล็อกอินสามารถสั่งรันโค้ดจากระยะไกลได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดศูนย์ข้อมูลทั้งระบบได้เลย HPE รีบออกแพตช์ v11.00 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตโดยด่วน สำหรับผู้ที่ยังใช้เวอร์ชันเก่า มี hotfix ให้ แต่ต้องระวังว่าหลังอัปเกรดบางเวอร์ชันต้องติดตั้งซ้ำอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นจะยังเสี่ยงอยู่ 🔗 https://securityonline.info/cve-2025-37164-cvss-10-0-unauthenticated-hpe-oneview-rce-grants-total-control-over-data-centers 🚨 CISA เตือนด่วน แฮ็กเกอร์จีนใช้ช่องโหว่ Cisco และ SonicWall โจมตีจริงแล้ว หน่วยงาน CISA ของสหรัฐฯ ออกประกาศเพิ่มช่องโหว่ร้ายแรงเข้ารายการ KEV หลังพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ Cisco Secure Email Gateway ที่มีคะแนน 10 เต็มในการเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน พร้อมติดตั้งมัลแวร์ AquaShell และ AquaPurge เพื่อซ่อนร่องรอย นอกจากนี้ยังพบการโจมตี SonicWall SMA1000 โดยใช้ช่องโหว่เดิมร่วมกับช่องโหว่ใหม่เพื่อยึดระบบได้ทั้งหมด และยังมีการนำช่องโหว่เก่าใน ASUS Live Update ที่หมดการสนับสนุนแล้วกลับมาใช้โจมตีในลักษณะ supply chain อีกด้วย ทำให้หน่วยงานรัฐต้องเร่งแพตช์ก่อนเส้นตาย 24 ธันวาคม 2025 🔗 https://securityonline.info/cisa-alert-chinese-hackers-weaponize-cvss-10-cisco-zero-day-sonicwall-exploit-chains 🐚 แฮ็กเกอร์จีน UAT-9686 ใช้มัลแวร์ Aqua เจาะ Cisco Secure Email Cisco Talos เปิดเผยว่ากลุ่ม UAT-9686 กำลังใช้ช่องโหว่ CVE-2025-20393 ใน Cisco Secure Email Gateway และ Web Manager เพื่อเข้าถึงระบบในระดับ root โดยอาศัยการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Spam Quarantine ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งหากเปิดไว้จะกลายเป็นช่องทางให้โจมตีได้ทันที เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาติดตั้งมัลแวร์ชุด “Aqua” ได้แก่ AquaShell ที่ฝังตัวในไฟล์เซิร์ฟเวอร์, AquaPurge ที่ลบหลักฐานใน log และ AquaTunnel ที่สร้างการเชื่อมต่อย้อนกลับเพื่อรักษาการเข้าถึง แม้แก้ช่องโหว่แล้วก็ยังไม่พ้นภัย เพราะมัลแวร์ฝังลึกจน Cisco แนะนำว่าหากถูกเจาะแล้วต้อง rebuild เครื่องใหม่เท่านั้น 🔗 https://securityonline.info/cisco-zero-day-siege-chinese-group-uat-9686-deploys-aqua-malware-via-cvss-10-root-exploit 🔒 SonicWall เตือนช่องโหว่ใหม่ถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่เดิม ยึดระบบได้แบบ root SonicWall ออกประกาศด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ CVE-2025-40602 ในอุปกรณ์ SMA1000 แม้คะแนน CVSS เพียง 6.6 แต่เมื่อถูกใช้ร่วมกับช่องโหว่ CVE-2025-23006 ที่ร้ายแรงกว่า จะกลายเป็นการโจมตีแบบ chain ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงระบบโดยไม่ต้องล็อกอิน และยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ทันที เท่ากับยึดระบบทั้งองค์กรได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน SonicWall ได้ออกแพตช์ใหม่และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที หากไม่สามารถทำได้ควรปิดการเข้าถึง AMC และ SSH จากอินเทอร์เน็ตเพื่อป้องกันการโจมตี ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/zero-day-warning-hackers-chain-sonicwall-sma1000-flaws-for-unauthenticated-root-rce
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 647 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน FreePBX (CVE-2025-66039)

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ใหม่ใน FreePBX ซึ่งเป็นระบบโทรศัพท์ IP-PBX แบบโอเพนซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นในโหมด Webserver Authentication ที่อนุญาตให้ผู้โจมตีสามารถข้ามขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ และเข้าถึงระบบโดยตรง ผลลัพธ์คือผู้โจมตีสามารถเข้ายึดระบบ PBX ได้ทั้งหมด รวมถึงการจัดการสายโทรศัพท์ การตั้งค่า และข้อมูลผู้ใช้

    วิธีการโจมตีและผลกระทบ
    เมื่อเปิดใช้งานโหมด Webserver Auth ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งไปยังระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน หากระบบเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้น เพราะผู้โจมตีสามารถเข้าถึงจากระยะไกลได้ทันที ผลกระทบที่ตามมา ได้แก่ การดักฟังการสื่อสาร, การเปลี่ยนเส้นทางสายโทรศัพท์, การสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอม และแม้กระทั่งการใช้ระบบเพื่อทำการโจมตีแบบ VoIP Fraud

    การตอบสนองและแนวทางแก้ไข
    ทีมพัฒนา FreePBX ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที นอกจากนี้ยังควร ปิดการใช้งาน Webserver Auth Mode หากไม่จำเป็น และใช้การตรวจสอบสิทธิ์ที่เข้มงวดกว่า เช่นการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (2FA) รวมถึงการจำกัดการเข้าถึงระบบจากเครือข่ายภายในเท่านั้น

    บทเรียนสำหรับผู้ดูแลระบบ
    ช่องโหว่นี้ตอกย้ำว่า การตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์ที่ไม่รัดกุม สามารถนำไปสู่การยึดระบบได้อย่างง่ายดาย ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบการตั้งค่าอย่างสม่ำเสมอ และติดตามการอัปเดตแพตช์จากผู้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-66039
    เกิดในโหมด Webserver Authentication ของ FreePBX
    ระดับความรุนแรง CVSS 9.8 (Critical)

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    การเข้ายึดระบบ PBX ทั้งหมด
    ดักฟังการสื่อสารและเปลี่ยนเส้นทางสายโทรศัพท์
    การสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอมและ VoIP Fraud

    แนวทางแก้ไข
    อัปเดต FreePBX เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที
    ปิด Webserver Auth Mode หากไม่จำเป็น
    ใช้การตรวจสอบสิทธิ์เข้มงวด เช่น 2FA

    คำเตือนต่อผู้ดูแลระบบ
    หากไม่อัปเดตแพตช์ อาจถูกโจมตีและยึดระบบโทรศัพท์ทั้งหมด
    การเปิดระบบให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง เพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก

    https://securityonline.info/critical-freepbx-flaw-cve-2025-66039-risks-pbx-takeover-via-authentication-bypass-in-webserver-auth-mode/
    📞 ช่องโหว่ร้ายแรงใน FreePBX (CVE-2025-66039) นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ใหม่ใน FreePBX ซึ่งเป็นระบบโทรศัพท์ IP-PBX แบบโอเพนซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นในโหมด Webserver Authentication ที่อนุญาตให้ผู้โจมตีสามารถข้ามขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์ และเข้าถึงระบบโดยตรง ผลลัพธ์คือผู้โจมตีสามารถเข้ายึดระบบ PBX ได้ทั้งหมด รวมถึงการจัดการสายโทรศัพท์ การตั้งค่า และข้อมูลผู้ใช้ ⚡ วิธีการโจมตีและผลกระทบ เมื่อเปิดใช้งานโหมด Webserver Auth ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งไปยังระบบโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน หากระบบเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ความเสี่ยงจะยิ่งสูงขึ้น เพราะผู้โจมตีสามารถเข้าถึงจากระยะไกลได้ทันที ผลกระทบที่ตามมา ได้แก่ การดักฟังการสื่อสาร, การเปลี่ยนเส้นทางสายโทรศัพท์, การสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอม และแม้กระทั่งการใช้ระบบเพื่อทำการโจมตีแบบ VoIP Fraud 🔒 การตอบสนองและแนวทางแก้ไข ทีมพัฒนา FreePBX ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว โดยแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที นอกจากนี้ยังควร ปิดการใช้งาน Webserver Auth Mode หากไม่จำเป็น และใช้การตรวจสอบสิทธิ์ที่เข้มงวดกว่า เช่นการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (2FA) รวมถึงการจำกัดการเข้าถึงระบบจากเครือข่ายภายในเท่านั้น 🌐 บทเรียนสำหรับผู้ดูแลระบบ ช่องโหว่นี้ตอกย้ำว่า การตั้งค่าการตรวจสอบสิทธิ์ที่ไม่รัดกุม สามารถนำไปสู่การยึดระบบได้อย่างง่ายดาย ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบการตั้งค่าอย่างสม่ำเสมอ และติดตามการอัปเดตแพตช์จากผู้พัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-66039 ➡️ เกิดในโหมด Webserver Authentication ของ FreePBX ➡️ ระดับความรุนแรง CVSS 9.8 (Critical) ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ➡️ การเข้ายึดระบบ PBX ทั้งหมด ➡️ ดักฟังการสื่อสารและเปลี่ยนเส้นทางสายโทรศัพท์ ➡️ การสร้างบัญชีผู้ใช้ปลอมและ VoIP Fraud ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ อัปเดต FreePBX เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที ➡️ ปิด Webserver Auth Mode หากไม่จำเป็น ➡️ ใช้การตรวจสอบสิทธิ์เข้มงวด เช่น 2FA ‼️ คำเตือนต่อผู้ดูแลระบบ ⛔ หากไม่อัปเดตแพตช์ อาจถูกโจมตีและยึดระบบโทรศัพท์ทั้งหมด ⛔ การเปิดระบบให้เข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง เพิ่มความเสี่ยงอย่างมาก https://securityonline.info/critical-freepbx-flaw-cve-2025-66039-risks-pbx-takeover-via-authentication-bypass-in-webserver-auth-mode/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical FreePBX Flaw (CVE-2025-66039) Risks PBX Takeover via Authentication Bypass in 'webserver' Auth Mode
    A critical authentication bypass (CVSS 9.3) in FreePBX allows complete PBX takeover when the 'webserver' auth mode is enabled. Attackers can gain an admin session with a crafted HTTP header. Update immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • PayPal ยื่นขอใบอนุญาตธนาคารอุตสาหกรรม SMEs

    PayPal ไม่ต้องการเป็นเพียง “ตัวกลางโอนเงิน” อีกต่อไป บริษัทได้ยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Industrial Bank ในรัฐ Utah และต่อ FDIC เพื่อให้สามารถทำธุรกิจธนาคารเต็มรูปแบบ ทั้งการรับฝากและปล่อยกู้โดยตรง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะลดการพึ่งพาธนาคารคู่ค้า และเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานทางการเงินโดยตรง

    จุดเปลี่ยนสำคัญ: SMEs และการเข้าถึงเงินทุน
    หนึ่งในเหตุผลหลักคือการช่วยเหลือ ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) ที่มักประสบปัญหาเข้าถึงเงินทุนจากธนาคารดั้งเดิมที่มีมาตรฐานการปล่อยกู้เข้มงวด PayPal มองว่าตนเองมีข้อมูลเชิงลึกจากธุรกรรมของผู้ค้าออนไลน์และธุรกิจเล็ก ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นฐานในการประเมินเครดิตได้แม่นยำกว่า ทำให้การปล่อยกู้มีความเสี่ยงต่ำลงและสร้างผลตอบแทนสูงขึ้น

    มิติใหม่: การรองรับคริปโตและ Stablecoin
    นอกจากการปล่อยกู้ PayPal ยังวางแผนใช้ใบอนุญาตนี้เพื่อขยายการดำเนินงานด้าน คริปโตและ Stablecoin (PYUSD) ภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน การมีสถานะเป็นธนาคารจะช่วยให้ PayPal จัดการการแปลงค่าเงิน Fiat-คริปโตได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากการที่ธนาคารคู่ค้าปฏิเสธให้บริการอย่างกะทันหัน

    มุมมองเชิงกลยุทธ์
    การยื่นขอใบอนุญาตนี้ถูกมองว่าเป็น “Endgame” ของ Fintech เพราะจะทำให้ PayPal มีอิสระในการดำเนินงานทางการเงินมากขึ้น คล้ายกับที่ Block (Square) เคยทำสำเร็จมาก่อน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ มีท่าทีระมัดระวังต่อบริษัทเทคโนโลยีที่เข้าสู่ธุรกิจธนาคาร ทำให้การอนุมัติครั้งนี้เป็นบททดสอบสำคัญต่ออนาคตของการกำกับดูแลการเงินในสหรัฐฯ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    PayPal ยื่นขอใบอนุญาต Industrial Bank Charter
    ยื่นต่อรัฐ Utah และ FDIC
    เปลี่ยนจากแพลตฟอร์มโอนเงินเป็นธนาคารเต็มรูปแบบ

    เป้าหมายหลักคือ SMEs
    ลดข้อจำกัดจากธนาคารดั้งเดิม
    ใช้ข้อมูลธุรกรรมออนไลน์ในการประเมินเครดิต

    ขยายสู่คริปโตและ Stablecoin
    รองรับ PYUSD ภายใต้กรอบกฎหมาย
    ลดความเสี่ยงจากการถูกตัดบริการโดยธนาคารคู่ค้า

    ผลเชิงกลยุทธ์
    ลดต้นทุนการดำเนินงาน
    เพิ่มกำไรจากการปล่อยกู้และการจัดการข้อมูล

    คำเตือนและความเสี่ยง
    การอนุมัติขึ้นอยู่กับท่าทีระมัดระวังของหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ
    หากถูกปฏิเสธ อาจกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจและการลงทุนด้านคริปโต

    https://securityonline.info/fintech-endgame-paypal-applies-for-industrial-bank-charter-to-fund-smes-and-support-crypto/
    💳 PayPal ยื่นขอใบอนุญาตธนาคารอุตสาหกรรม SMEs PayPal ไม่ต้องการเป็นเพียง “ตัวกลางโอนเงิน” อีกต่อไป บริษัทได้ยื่นขออนุญาตจัดตั้ง Industrial Bank ในรัฐ Utah และต่อ FDIC เพื่อให้สามารถทำธุรกิจธนาคารเต็มรูปแบบ ทั้งการรับฝากและปล่อยกู้โดยตรง การเคลื่อนไหวนี้สะท้อนถึงความตั้งใจที่จะลดการพึ่งพาธนาคารคู่ค้า และเพิ่มกำไรจากการดำเนินงานทางการเงินโดยตรง 🏦 จุดเปลี่ยนสำคัญ: SMEs และการเข้าถึงเงินทุน หนึ่งในเหตุผลหลักคือการช่วยเหลือ ธุรกิจขนาดเล็กและกลาง (SMEs) ที่มักประสบปัญหาเข้าถึงเงินทุนจากธนาคารดั้งเดิมที่มีมาตรฐานการปล่อยกู้เข้มงวด PayPal มองว่าตนเองมีข้อมูลเชิงลึกจากธุรกรรมของผู้ค้าออนไลน์และธุรกิจเล็ก ๆ ซึ่งสามารถใช้เป็นฐานในการประเมินเครดิตได้แม่นยำกว่า ทำให้การปล่อยกู้มีความเสี่ยงต่ำลงและสร้างผลตอบแทนสูงขึ้น 🪙 มิติใหม่: การรองรับคริปโตและ Stablecoin นอกจากการปล่อยกู้ PayPal ยังวางแผนใช้ใบอนุญาตนี้เพื่อขยายการดำเนินงานด้าน คริปโตและ Stablecoin (PYUSD) ภายใต้กรอบกฎหมายที่ชัดเจน การมีสถานะเป็นธนาคารจะช่วยให้ PayPal จัดการการแปลงค่าเงิน Fiat-คริปโตได้อย่างปลอดภัย และลดความเสี่ยงจากการที่ธนาคารคู่ค้าปฏิเสธให้บริการอย่างกะทันหัน 📊 มุมมองเชิงกลยุทธ์ การยื่นขอใบอนุญาตนี้ถูกมองว่าเป็น “Endgame” ของ Fintech เพราะจะทำให้ PayPal มีอิสระในการดำเนินงานทางการเงินมากขึ้น คล้ายกับที่ Block (Square) เคยทำสำเร็จมาก่อน อย่างไรก็ตาม หน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ มีท่าทีระมัดระวังต่อบริษัทเทคโนโลยีที่เข้าสู่ธุรกิจธนาคาร ทำให้การอนุมัติครั้งนี้เป็นบททดสอบสำคัญต่ออนาคตของการกำกับดูแลการเงินในสหรัฐฯ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ PayPal ยื่นขอใบอนุญาต Industrial Bank Charter ➡️ ยื่นต่อรัฐ Utah และ FDIC ➡️ เปลี่ยนจากแพลตฟอร์มโอนเงินเป็นธนาคารเต็มรูปแบบ ✅ เป้าหมายหลักคือ SMEs ➡️ ลดข้อจำกัดจากธนาคารดั้งเดิม ➡️ ใช้ข้อมูลธุรกรรมออนไลน์ในการประเมินเครดิต ✅ ขยายสู่คริปโตและ Stablecoin ➡️ รองรับ PYUSD ภายใต้กรอบกฎหมาย ➡️ ลดความเสี่ยงจากการถูกตัดบริการโดยธนาคารคู่ค้า ✅ ผลเชิงกลยุทธ์ ➡️ ลดต้นทุนการดำเนินงาน ➡️ เพิ่มกำไรจากการปล่อยกู้และการจัดการข้อมูล ‼️ คำเตือนและความเสี่ยง ⛔ การอนุมัติขึ้นอยู่กับท่าทีระมัดระวังของหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ ⛔ หากถูกปฏิเสธ อาจกระทบต่อแผนการขยายธุรกิจและการลงทุนด้านคริปโต https://securityonline.info/fintech-endgame-paypal-applies-for-industrial-bank-charter-to-fund-smes-and-support-crypto/
    SECURITYONLINE.INFO
    Fintech Endgame: PayPal Applies for Industrial Bank Charter to Fund SMEs and Support Crypto
    PayPal seeks an industrial bank charter in Utah to cut reliance on partners, fund small businesses directly, and consolidate its growing cryptocurrency and PYUSD stablecoin operations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🩷

    #รวมข่าวIT #20251216 #securityonline

    วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง
    ช่วงนี้ผู้ดูแลระบบ Fortinet ต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการในระบบ FortiGate และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกโจมตีจริงทันที แฮกเกอร์ใช้วิธีเจาะผ่านระบบ Single Sign-On (SSO) โดยส่งข้อความ SAML ที่ถูกปรับแต่ง ทำให้สามารถล็อกอินเป็นผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาจะรีบขโมยการตั้งค่าระบบไฟร์วอลล์ออกไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักมีรหัสผ่านที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้ VPN และบัญชีอื่น ๆ จุดอันตรายคือการตั้งค่า FortiCloud SSO ที่แม้จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน GUI มันจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดเอง ทำให้หลายระบบเสี่ยงทันที นักวิจัยแนะนำให้รีบอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดหรือปิดฟีเจอร์นี้ผ่าน CLI เพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs

    Apple ยอม EU: iOS 26.3 ส่งต่อการแจ้งเตือนให้สมาร์ทวอชแบรนด์อื่น
    ใน iOS 26.3 เบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Notification Forwarding ที่ให้ iPhone ส่งต่อการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สวมใส่จากแบรนด์อื่นได้โดยตรง ไม่จำกัดแค่ Apple Watch อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เปิดใช้เฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act ที่บังคับให้ Apple เปิดโอกาสให้สมาร์ทวอชจากค่ายอื่นเข้าถึงฟังก์ชันที่เคยสงวนไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปใดส่งการแจ้งเตือนออกไป และลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการที่อุปกรณ์อื่นต้องเข้าถึงการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบครอบคลุม ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ Apple เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก EU
    https://securityonline.info/eu-compliance-ios-26-3-adds-notification-forwarding-to-third-party-wearables-bypassing-apple-watch

    Windows 10 อัปเดต KB5071546 ทำ MSMQ ใช้งานไม่ได้
    Microsoft ยืนยันแล้วว่าการติดตั้งอัปเดต KB5071546 บน Windows 10 ทำให้บริการ Microsoft Message Queuing (MSMQ) ล้มเหลว MSMQ เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการข้อความระหว่างแอปพลิเคชัน หากมันหยุดทำงาน งานเบื้องหลังที่ต้องพึ่งพาคิวข้อความก็จะหยุดตามทันที ส่งผลให้เว็บไซต์หรือแอปที่รันบน IIS ไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุคือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์จัดเก็บข้อความ ทำให้บัญชีที่ใช้ MSMQ ไม่มีสิทธิ์เพียงพอ แม้จะรีสตาร์ทหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา ทางออกเดียวตอนนี้คือถอนการติดตั้งอัปเดตแล้วรอ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไขในเดือนถัดไป
    https://securityonline.info/enterprise-alert-windows-10-update-kb5071546-breaks-msmq-service-with-insufficient-permissions

    ช่องโหว่ ScreenConnect เสี่ยงติดตั้งส่วนขยายไม่ปลอดภัย
    ConnectWise ออกแพตช์ใหม่สำหรับ ScreenConnect หลังพบช่องโหว่ CVE-2025-14265 ที่มีความรุนแรงสูงถึง 9.1 ช่องโหว่นี้อาจทำให้ผู้ที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าหรือบังคับติดตั้งส่วนขยายที่ไม่น่าเชื่อถือได้ แม้จะไม่ใช่การเปิดช่องให้โจมตีจากภายนอกโดยตรง แต่หากบัญชีผู้ดูแลถูกเจาะก็อันตรายทันที แพตช์เวอร์ชัน 25.8 ได้เพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของส่วนขยายและเสริมความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้ระบบคลาวด์ไม่ต้องทำอะไรเพราะถูกแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ติดตั้งเองในองค์กรต้องรีบอัปเดตด้วยตนเอง
    https://securityonline.info/critical-screenconnect-flaw-cvss-9-1-risks-config-exposure-untrusted-extension-installation

    OpenShift GitOps ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จนยึดคลัสเตอร์ได้
    Red Hat OpenShift GitOps ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-13888 ที่ร้ายแรงมาก ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เพียงระดับ namespace admin สามารถใช้ ArgoCD Custom Resources เพื่อยกระดับสิทธิ์จนเข้าถึงทั้งคลัสเตอร์ได้ วิธีการคือการแก้ไขค่า sourceNamespaces ใน CR ให้ชี้ไปยัง namespace ที่มีสิทธิ์สูง เช่น default จากนั้นระบบจะสร้าง RoleBinding และ Role ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันงานที่มีสิทธิ์สูงสุดบน master node ได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดครองคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดและจำกัดสิทธิ์การสร้าง ArgoCD CR ให้เฉพาะผู้ดูแลที่เชื่อถือได้
    https://securityonline.info/critical-openshift-gitops-flaw-risks-cluster-takeover-cve-2025-13888-via-privilege-escalation-to-root

    Phantom Stealer โจมตีการเงินรัสเซียผ่านไฟล์ ISO
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันการโอนเงินจากบริษัทการเงินจริงๆ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดไฟล์แนบที่เป็นไฟล์ ISO เมื่อเปิดแล้วจะมีโปรแกรมแฝงที่ชื่อ Phantom Stealer ทำงานทันที มันสามารถขโมยข้อมูลได้หลายอย่าง ทั้งรหัสผ่านในเบราว์เซอร์ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงดักจับการพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งที่เหยื่อกด Phantom Stealer ยังมีระบบป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบ ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนักวิจัยจับตามันจะลบตัวเองทันที การโจมตีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้ไฟล์ ISO เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทางการเงินอย่างมาก
    https://securityonline.info/phantom-stealer-targets-russian-finance-with-iso-phishing-deploying-keyloggers-and-crypto-wallet-theft

    Frogblight มัลแวร์ Android ปลอมเป็นแอปภาครัฐในตุรกี
    มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ Frogblight ถูกค้นพบว่ากำลังแพร่ระบาดในตุรกี โดยมันปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันของรัฐบาลที่ใช้ดูข้อมูลคดีความ ผู้ใช้จะได้รับ SMS หลอกว่ามีคดีความและต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อดูรายละเอียด เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหลายอย่าง เช่น SMS รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง จากนั้นมันจะเปิดหน้าเว็บจริงของรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ตายใจ แต่เบื้องหลังมันจะดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคารและส่งไปยังผู้โจมตี Frogblight ยังมีฟังก์ชันสอดแนมอื่นๆ เช่นเก็บข้อมูลแอปที่ติดตั้งและไฟล์ในเครื่อง นักวิจัยพบว่ามันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบบริการให้เช่าแก่แฮกเกอร์รายอื่น ทำให้ภัยนี้มีโอกาสแพร่กระจายไปนอกตุรกีได้ในอนาคต
    https://securityonline.info/frogblight-android-banking-trojan-targets-turkey-via-fake-e-gov-smishing-and-webview

    ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่เก่าใน macOS ที่เคยรายงานตั้งแต่ปี 2018 ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แม้ Apple จะพยายามอุดหลายครั้ง ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปที่ต้องใช้สิทธิ์ root โดยหากมีแอปปลอมถูกวางไว้ในโฟลเดอร์ Applications ก่อน แอปจริงจะถูกติดตั้งเข้าไปในโฟลเดอร์พิเศษชื่อ .localized ทำให้ระบบเข้าใจผิดและไปเรียกใช้แอปปลอมแทน ผลคือผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ทันที ถือเป็นการเจาะระบบที่อันตรายมาก นักวิจัยย้ำว่าปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการการแก้ไขที่จริงจังจาก Apple เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต
    https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access

    มัลแวร์ NuGet แฝงตัว 5 ปี ขโมยกระเป๋าเงินคริปโต
    มีการค้นพบแพ็กเกจ NuGet ปลอมชื่อ Tracer.Fody.NLog ที่ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2020 และอยู่รอดมาได้กว่า 5 ปีโดยไม่ถูกตรวจจับ มันปลอมตัวเป็นเครื่องมือ .NET ที่ใช้บันทึก log แต่จริงๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการใช้ตัวอักษร Cyrillic ที่หน้าตาเหมือนตัวอักษร Latin เพื่อหลบการตรวจสอบ เมื่อถูกติดตั้ง มันจะค้นหาไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัล Stratis และขโมยรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ถือเป็นการโจมตี supply chain ที่อันตรายมาก เพราะนักพัฒนาที่เชื่อใจแพ็กเกจโอเพนซอร์สอาจถูกดักข้อมูลโดยไม่รู้ตัว
    https://securityonline.info/5-year-threat-malicious-nuget-package-used-homoglyphs-and-typosquatting-to-steal-crypto-wallets

    Intel เตรียมเข้าซื้อกิจการ SambaNova ในราคาลดฮวบ
    เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะเดิมทีมีข่าวว่า Intel จะทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง SambaNova แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่ามูลค่าดีลจริงอาจเหลือเพียง 1.6 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าเดิมของบริษัทในปี 2021 ที่สูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองความเป็นใหญ่ SambaNova มีจุดแข็งด้านสถาปัตยกรรมที่เน้นการประมวลผลสำหรับโมเดลภาษาและการทำงานแบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ซึ่งอาจช่วย Intel เติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ แต่ความท้าทายใหญ่คือการผสานเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบของ Intel โดยไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ Gaudi ที่มีอยู่แล้ว
    https://securityonline.info/intel-nears-sambanova-acquisition-at-1-6b-fire-sale-price-down-from-5b-valuation

    Claude AI ทำพลาด ลบข้อมูลทั้งเครื่อง Mac ของนักพัฒนา
    นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องระวังการใช้เครื่องมือ AI มากขึ้น นักพัฒนารายหนึ่งใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ แต่กลับเกิดความผิดพลาดจากคำสั่งที่มีเครื่องหมาย ~ ต่อท้าย ทำให้ระบบไปลบทั้งโฟลเดอร์ Home Directory ของเครื่อง Mac ผลคือข้อมูลสำคัญอย่าง Desktop, Documents, Downloads และ Keychains หายไปทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรง นักพัฒนาบางคนจึงเสนอให้ใช้ Docker เป็นตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ AI สามารถทำลายข้อมูลในเครื่องจริงได้
    https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory

    SpaceX เตรียม IPO ปี 2026 หลังมูลค่าพุ่งถึง 800 พันล้านดอลลาร์
    SpaceX กำลังเดินหน้าสู่การเข้าตลาดหุ้น โดยมีการเริ่มคัดเลือกธนาคารเพื่อเป็นที่ปรึกษา IPO และมีการส่งบันทึกภายในยืนยันว่าบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2026 แม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการขายหุ้นภายในล่าสุดตีมูลค่าถึง 800 พันล้านดอลลาร์ แรงหนุนสำคัญมาจากบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังส่งผลให้ Alphabet ซึ่งเคยลงทุนใน SpaceX ได้กำไรอย่างมหาศาลอีกด้วย
    https://securityonline.info/spacex-ipo-company-prepares-for-2026-listing-after-valuation-soars-to-800-billion

    Salt Typhoon กลุ่มแฮ็กเกอร์จากการแข่งขัน Cisco สู่การเจาะระบบโทรคมนาคมโลก
    เรื่องนี้เหมือนนิยาย แต่เกิดขึ้นจริง นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Salt Typhoon มีจุดเริ่มต้นจากนักศึกษาที่เคยแข่งขัน Cisco Network Academy Cup ก่อนจะนำความรู้ไปใช้ในการเจาะระบบโทรคมนาคมกว่า 80 บริษัททั่วโลก พวกเขาสามารถดักฟังทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงเข้าถึงระบบที่ใช้สำหรับการดักฟังโดยกฎหมายเองด้วย เบื้องหลังคือสองบุคคลที่เคยเป็นคู่แข่งกันในสมัยเรียน แต่กลับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายไซเบอร์ที่ทรงพลัง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้
    https://securityonline.info/from-cisco-student-rivalry-to-global-hackers-salt-typhoon-breaches-80-telecos-for-intelligence

    BlackForce เครื่องมือ Phishing-as-a-Service รุ่นใหม่ที่อันตราย
    BlackForce คือชุดเครื่องมือฟิชชิ่งที่ถูกขายใน Telegram ในราคาหลักร้อยยูโร แต่มีความสามารถสูงมาก มันสามารถหลอกขโมยรหัสผ่านและยังเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (MFA) ได้ โดยใช้เทคนิค Man-in-the-Browser เพื่อดักจับรหัส OTP แบบเรียลไทม์ จุดที่ทำให้มันน่ากลัวคือการใช้โค้ด React และ React Router ที่ดูเหมือนของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ อีกทั้งยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเวอร์ชัน stateless ไปสู่ stateful ที่สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้แม้รีเฟรชหน้าเว็บได้ ทำให้การโจมตีมีความต่อเนื่องและยากต่อการป้องกัน
    https://securityonline.info/blackforce-phaas-weaponizes-react-and-stateful-sessions-to-bypass-mfa-steal-credentials

    📌🔐🩷 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔐🩷📌 #รวมข่าวIT #20251216 #securityonline 🛡️ วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง ช่วงนี้ผู้ดูแลระบบ Fortinet ต้องเผชิญกับสถานการณ์ร้อนแรง เมื่อมีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงสองรายการในระบบ FortiGate และเพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นก็ถูกโจมตีจริงทันที แฮกเกอร์ใช้วิธีเจาะผ่านระบบ Single Sign-On (SSO) โดยส่งข้อความ SAML ที่ถูกปรับแต่ง ทำให้สามารถล็อกอินเป็นผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่าน เมื่อเข้ามาแล้วพวกเขาจะรีบขโมยการตั้งค่าระบบไฟร์วอลล์ออกไป ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มักมีรหัสผ่านที่ถูกเข้ารหัสของผู้ใช้ VPN และบัญชีอื่น ๆ จุดอันตรายคือการตั้งค่า FortiCloud SSO ที่แม้จะถูกปิดไว้ในค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน GUI มันจะถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดเอง ทำให้หลายระบบเสี่ยงทันที นักวิจัยแนะนำให้รีบอัปเดตเวอร์ชันล่าสุดหรือปิดฟีเจอร์นี้ผ่าน CLI เพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs ⌚ Apple ยอม EU: iOS 26.3 ส่งต่อการแจ้งเตือนให้สมาร์ทวอชแบรนด์อื่น ใน iOS 26.3 เบต้า Apple เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ Notification Forwarding ที่ให้ iPhone ส่งต่อการแจ้งเตือนไปยังอุปกรณ์สวมใส่จากแบรนด์อื่นได้โดยตรง ไม่จำกัดแค่ Apple Watch อีกต่อไป ฟีเจอร์นี้เปิดใช้เฉพาะในสหภาพยุโรป เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act ที่บังคับให้ Apple เปิดโอกาสให้สมาร์ทวอชจากค่ายอื่นเข้าถึงฟังก์ชันที่เคยสงวนไว้ การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ผู้ใช้เลือกได้ว่าจะให้แอปใดส่งการแจ้งเตือนออกไป และลดความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัวที่เกิดจากการที่อุปกรณ์อื่นต้องเข้าถึงการแจ้งเตือนทั้งหมดแบบครอบคลุม ถือเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญของ Apple เพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษจาก EU 🔗 https://securityonline.info/eu-compliance-ios-26-3-adds-notification-forwarding-to-third-party-wearables-bypassing-apple-watch 💻 Windows 10 อัปเดต KB5071546 ทำ MSMQ ใช้งานไม่ได้ Microsoft ยืนยันแล้วว่าการติดตั้งอัปเดต KB5071546 บน Windows 10 ทำให้บริการ Microsoft Message Queuing (MSMQ) ล้มเหลว MSMQ เป็นระบบที่ใช้ในองค์กรเพื่อจัดการข้อความระหว่างแอปพลิเคชัน หากมันหยุดทำงาน งานเบื้องหลังที่ต้องพึ่งพาคิวข้อความก็จะหยุดตามทันที ส่งผลให้เว็บไซต์หรือแอปที่รันบน IIS ไม่สามารถทำงานได้ สาเหตุคือการเปลี่ยนแปลงสิทธิ์การเขียนไฟล์ในโฟลเดอร์จัดเก็บข้อความ ทำให้บัญชีที่ใช้ MSMQ ไม่มีสิทธิ์เพียงพอ แม้จะรีสตาร์ทหรือรีบูตเซิร์ฟเวอร์ก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา ทางออกเดียวตอนนี้คือถอนการติดตั้งอัปเดตแล้วรอ Microsoft ปล่อยแพตช์แก้ไขในเดือนถัดไป 🔗 https://securityonline.info/enterprise-alert-windows-10-update-kb5071546-breaks-msmq-service-with-insufficient-permissions 🖥️ ช่องโหว่ ScreenConnect เสี่ยงติดตั้งส่วนขยายไม่ปลอดภัย ConnectWise ออกแพตช์ใหม่สำหรับ ScreenConnect หลังพบช่องโหว่ CVE-2025-14265 ที่มีความรุนแรงสูงถึง 9.1 ช่องโหว่นี้อาจทำให้ผู้ที่มีสิทธิ์ระดับผู้ดูแลเข้าถึงข้อมูลการตั้งค่าหรือบังคับติดตั้งส่วนขยายที่ไม่น่าเชื่อถือได้ แม้จะไม่ใช่การเปิดช่องให้โจมตีจากภายนอกโดยตรง แต่หากบัญชีผู้ดูแลถูกเจาะก็อันตรายทันที แพตช์เวอร์ชัน 25.8 ได้เพิ่มการตรวจสอบความถูกต้องของส่วนขยายและเสริมความปลอดภัยของเซิร์ฟเวอร์ สำหรับผู้ใช้ระบบคลาวด์ไม่ต้องทำอะไรเพราะถูกแก้ไขแล้ว แต่ผู้ที่ติดตั้งเองในองค์กรต้องรีบอัปเดตด้วยตนเอง 🔗 https://securityonline.info/critical-screenconnect-flaw-cvss-9-1-risks-config-exposure-untrusted-extension-installation ☸️ OpenShift GitOps ช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จนยึดคลัสเตอร์ได้ Red Hat OpenShift GitOps ถูกพบช่องโหว่ CVE-2025-13888 ที่ร้ายแรงมาก ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เพียงระดับ namespace admin สามารถใช้ ArgoCD Custom Resources เพื่อยกระดับสิทธิ์จนเข้าถึงทั้งคลัสเตอร์ได้ วิธีการคือการแก้ไขค่า sourceNamespaces ใน CR ให้ชี้ไปยัง namespace ที่มีสิทธิ์สูง เช่น default จากนั้นระบบจะสร้าง RoleBinding และ Role ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีรันงานที่มีสิทธิ์สูงสุดบน master node ได้ทันที เท่ากับว่าสามารถยึดครองคลัสเตอร์ Kubernetes ได้โดยสมบูรณ์ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดและจำกัดสิทธิ์การสร้าง ArgoCD CR ให้เฉพาะผู้ดูแลที่เชื่อถือได้ 🔗 https://securityonline.info/critical-openshift-gitops-flaw-risks-cluster-takeover-cve-2025-13888-via-privilege-escalation-to-root 🕵️‍♂️ Phantom Stealer โจมตีการเงินรัสเซียผ่านไฟล์ ISO เรื่องนี้เป็นการโจมตีที่ซับซ้อนมาก แฮกเกอร์ใช้วิธีส่งอีเมลปลอมที่ดูเหมือนเป็นการยืนยันการโอนเงินจากบริษัทการเงินจริงๆ เพื่อหลอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินเปิดไฟล์แนบที่เป็นไฟล์ ISO เมื่อเปิดแล้วจะมีโปรแกรมแฝงที่ชื่อ Phantom Stealer ทำงานทันที มันสามารถขโมยข้อมูลได้หลายอย่าง ทั้งรหัสผ่านในเบราว์เซอร์ ข้อมูลบัตรเครดิต ข้อมูลกระเป๋าเงินดิจิทัล รวมถึงดักจับการพิมพ์คีย์บอร์ดทุกครั้งที่เหยื่อกด Phantom Stealer ยังมีระบบป้องกันตัวเองจากการตรวจสอบ ถ้ารู้ว่ากำลังถูกนักวิจัยจับตามันจะลบตัวเองทันที การโจมตีนี้ถือเป็นการเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ที่ใช้ไฟล์ ISO เพื่อหลบเลี่ยงระบบป้องกัน ทำให้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลทางการเงินอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/phantom-stealer-targets-russian-finance-with-iso-phishing-deploying-keyloggers-and-crypto-wallet-theft 📱 Frogblight มัลแวร์ Android ปลอมเป็นแอปภาครัฐในตุรกี มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ Frogblight ถูกค้นพบว่ากำลังแพร่ระบาดในตุรกี โดยมันปลอมตัวเป็นแอปพลิเคชันของรัฐบาลที่ใช้ดูข้อมูลคดีความ ผู้ใช้จะได้รับ SMS หลอกว่ามีคดีความและต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อดูรายละเอียด เมื่อดาวน์โหลดมาแล้ว แอปจะขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหลายอย่าง เช่น SMS รายชื่อผู้ติดต่อ และไฟล์ในเครื่อง จากนั้นมันจะเปิดหน้าเว็บจริงของรัฐบาลเพื่อให้ผู้ใช้ตายใจ แต่เบื้องหลังมันจะดักข้อมูลการเข้าสู่ระบบธนาคารและส่งไปยังผู้โจมตี Frogblight ยังมีฟังก์ชันสอดแนมอื่นๆ เช่นเก็บข้อมูลแอปที่ติดตั้งและไฟล์ในเครื่อง นักวิจัยพบว่ามันถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องและอาจถูกนำไปใช้ในรูปแบบบริการให้เช่าแก่แฮกเกอร์รายอื่น ทำให้ภัยนี้มีโอกาสแพร่กระจายไปนอกตุรกีได้ในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/frogblight-android-banking-trojan-targets-turkey-via-fake-e-gov-smishing-and-webview 💻 ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าช่องโหว่เก่าใน macOS ที่เคยรายงานตั้งแต่ปี 2018 ยังไม่ถูกแก้ไขอย่างสมบูรณ์ แม้ Apple จะพยายามอุดหลายครั้ง ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการติดตั้งแอปที่ต้องใช้สิทธิ์ root โดยหากมีแอปปลอมถูกวางไว้ในโฟลเดอร์ Applications ก่อน แอปจริงจะถูกติดตั้งเข้าไปในโฟลเดอร์พิเศษชื่อ .localized ทำให้ระบบเข้าใจผิดและไปเรียกใช้แอปปลอมแทน ผลคือผู้โจมตีสามารถรันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ทันที ถือเป็นการเจาะระบบที่อันตรายมาก นักวิจัยย้ำว่าปัญหานี้ยังคงอยู่และต้องการการแก้ไขที่จริงจังจาก Apple เพื่อป้องกันการโจมตีในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access 🪙 มัลแวร์ NuGet แฝงตัว 5 ปี ขโมยกระเป๋าเงินคริปโต มีการค้นพบแพ็กเกจ NuGet ปลอมชื่อ Tracer.Fody.NLog ที่ถูกปล่อยให้ดาวน์โหลดตั้งแต่ปี 2020 และอยู่รอดมาได้กว่า 5 ปีโดยไม่ถูกตรวจจับ มันปลอมตัวเป็นเครื่องมือ .NET ที่ใช้บันทึก log แต่จริงๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่ใช้เทคนิคพิเศษ เช่นการใช้ตัวอักษร Cyrillic ที่หน้าตาเหมือนตัวอักษร Latin เพื่อหลบการตรวจสอบ เมื่อถูกติดตั้ง มันจะค้นหาไฟล์กระเป๋าเงินดิจิทัล Stratis และขโมยรหัสผ่านไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีโดยไม่ให้ผู้ใช้รู้ตัว การโจมตีนี้ถือเป็นการโจมตี supply chain ที่อันตรายมาก เพราะนักพัฒนาที่เชื่อใจแพ็กเกจโอเพนซอร์สอาจถูกดักข้อมูลโดยไม่รู้ตัว 🔗 https://securityonline.info/5-year-threat-malicious-nuget-package-used-homoglyphs-and-typosquatting-to-steal-crypto-wallets 🖥️ Intel เตรียมเข้าซื้อกิจการ SambaNova ในราคาลดฮวบ เรื่องนี้น่าสนใจมาก เพราะเดิมทีมีข่าวว่า Intel จะทุ่มเงินกว่า 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อซื้อสตาร์ทอัพด้าน AI อย่าง SambaNova แต่ล่าสุดกลับมีรายงานว่ามูลค่าดีลจริงอาจเหลือเพียง 1.6 พันล้านดอลลาร์เท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับการประเมินมูลค่าเดิมของบริษัทในปี 2021 ที่สูงกว่า 5 พันล้านดอลลาร์ สาเหตุหลักมาจากการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดชิป AI ที่ NVIDIA ครองความเป็นใหญ่ SambaNova มีจุดแข็งด้านสถาปัตยกรรมที่เน้นการประมวลผลสำหรับโมเดลภาษาและการทำงานแบบครบวงจร ทั้งฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และบริการ ซึ่งอาจช่วย Intel เติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ แต่ความท้าทายใหญ่คือการผสานเทคโนโลยีนี้เข้ากับระบบของ Intel โดยไม่กระทบต่อผลิตภัณฑ์ Gaudi ที่มีอยู่แล้ว 🔗 https://securityonline.info/intel-nears-sambanova-acquisition-at-1-6b-fire-sale-price-down-from-5b-valuation 💾 Claude AI ทำพลาด ลบข้อมูลทั้งเครื่อง Mac ของนักพัฒนา นี่คือเหตุการณ์ที่ทำให้หลายคนต้องระวังการใช้เครื่องมือ AI มากขึ้น นักพัฒนารายหนึ่งใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจ แต่กลับเกิดความผิดพลาดจากคำสั่งที่มีเครื่องหมาย ~ ต่อท้าย ทำให้ระบบไปลบทั้งโฟลเดอร์ Home Directory ของเครื่อง Mac ผลคือข้อมูลสำคัญอย่าง Desktop, Documents, Downloads และ Keychains หายไปทั้งหมด เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรง นักพัฒนาบางคนจึงเสนอให้ใช้ Docker เป็นตัวกลางเพื่อป้องกันไม่ให้ AI สามารถทำลายข้อมูลในเครื่องจริงได้ 🔗 https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory 🚀 SpaceX เตรียม IPO ปี 2026 หลังมูลค่าพุ่งถึง 800 พันล้านดอลลาร์ SpaceX กำลังเดินหน้าสู่การเข้าตลาดหุ้น โดยมีการเริ่มคัดเลือกธนาคารเพื่อเป็นที่ปรึกษา IPO และมีการส่งบันทึกภายในยืนยันว่าบริษัทกำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าจดทะเบียนในปี 2026 แม้ยังไม่มีการกำหนดวันแน่นอน แต่สิ่งที่น่าทึ่งคือมูลค่าของบริษัทที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยการขายหุ้นภายในล่าสุดตีมูลค่าถึง 800 พันล้านดอลลาร์ แรงหนุนสำคัญมาจากบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด และยังส่งผลให้ Alphabet ซึ่งเคยลงทุนใน SpaceX ได้กำไรอย่างมหาศาลอีกด้วย 🔗 https://securityonline.info/spacex-ipo-company-prepares-for-2026-listing-after-valuation-soars-to-800-billion 🔐 Salt Typhoon กลุ่มแฮ็กเกอร์จากการแข่งขัน Cisco สู่การเจาะระบบโทรคมนาคมโลก เรื่องนี้เหมือนนิยาย แต่เกิดขึ้นจริง นักวิจัยพบว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์ชื่อ Salt Typhoon มีจุดเริ่มต้นจากนักศึกษาที่เคยแข่งขัน Cisco Network Academy Cup ก่อนจะนำความรู้ไปใช้ในการเจาะระบบโทรคมนาคมกว่า 80 บริษัททั่วโลก พวกเขาสามารถดักฟังทั้งสายโทรศัพท์และข้อความ รวมถึงเข้าถึงระบบที่ใช้สำหรับการดักฟังโดยกฎหมายเองด้วย เบื้องหลังคือสองบุคคลที่เคยเป็นคู่แข่งกันในสมัยเรียน แต่กลับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายไซเบอร์ที่ทรงพลัง เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงจากการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่อาจถูกนำไปใช้ในทางร้ายได้ 🔗 https://securityonline.info/from-cisco-student-rivalry-to-global-hackers-salt-typhoon-breaches-80-telecos-for-intelligence 🎭 BlackForce เครื่องมือ Phishing-as-a-Service รุ่นใหม่ที่อันตราย BlackForce คือชุดเครื่องมือฟิชชิ่งที่ถูกขายใน Telegram ในราคาหลักร้อยยูโร แต่มีความสามารถสูงมาก มันสามารถหลอกขโมยรหัสผ่านและยังเจาะผ่านระบบยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน (MFA) ได้ โดยใช้เทคนิค Man-in-the-Browser เพื่อดักจับรหัส OTP แบบเรียลไทม์ จุดที่ทำให้มันน่ากลัวคือการใช้โค้ด React และ React Router ที่ดูเหมือนของจริง ทำให้ยากต่อการตรวจจับ อีกทั้งยังพัฒนาอย่างรวดเร็วจากเวอร์ชัน stateless ไปสู่ stateful ที่สามารถเก็บข้อมูลผู้ใช้แม้รีเฟรชหน้าเว็บได้ ทำให้การโจมตีมีความต่อเนื่องและยากต่อการป้องกัน 🔗 https://securityonline.info/blackforce-phaas-weaponizes-react-and-stateful-sessions-to-bypass-mfa-steal-credentials
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical FortiGate SSO Flaw Under Active Exploitation: Attackers Bypass Auth and Exfiltrate Configs
    A critical FortiGate SSO flaw (CVSS 9.1) is under active exploitation, letting unauthenticated attackers bypass login via crafted SAML. The flaw is armed by default registration, risking config exfiltration. Patch immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 695 มุมมอง 0 รีวิว
  • Claude AI ทำงานผิดพลาดจนลบ Home Directory

    นักพัฒนารายหนึ่งเล่าว่าขณะใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจใน repository เก่า คำสั่งที่ถูกสร้างขึ้นกลับมีการขยายสัญลักษณ์ ~ อย่างผิดพลาด ทำให้คำสั่ง rm -rf tests/ patches/ plan/ ~/ ลบไฟล์ทั้งหมดใน Home Directory ของ macOS รวมถึง Desktop, Documents, Downloads และ Library ที่เก็บ Keychains และ Credential Store ของ Claude เอง

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น
    การลบครั้งนี้ทำให้ข้อมูลสำคัญสูญหาย เช่น credential, application data และไฟล์ผู้ใช้ทั้งหมดใน /Users/ ซึ่งแทบจะไม่สามารถกู้คืนได้ การสูญเสียนี้ไม่เพียงกระทบต่อการทำงานของนักพัฒนา แต่ยังสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลการยืนยันตัวตนอาจถูกทำลายหรือสูญหายไป

    แนวทางแก้ไขที่ถูกเสนอ
    วิธีแก้ไขที่นักพัฒนาหลายคนแนะนำคือการรัน Claude CLI ภายใน Docker container เพื่อจำกัดสิทธิ์และพื้นที่ทำงานของ AI ไม่ให้เข้าถึงระบบหลักโดยตรง หากเกิดความผิดพลาด คำสั่งที่เป็นอันตรายก็จะถูกจำกัดอยู่ใน container โดยไม่กระทบไฟล์จริงบนเครื่อง

    มุมมองจากวงการเทคโนโลยี
    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการใช้ AI ที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบโดยตรง หากไม่มีการจำกัดสิทธิ์หรือ sandbox ที่เหมาะสม AI อาจทำงานผิดพลาดและสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ จึงเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่นำ AI มาใช้ใน workflow

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    Claude CLI รันคำสั่งผิดพลาด rm -rf ~/
    ลบข้อมูลทั้ง Home Directory รวมถึง Desktop, Documents และ Keychains

    ผลกระทบ
    สูญเสีย credential และ application data
    ข้อมูลผู้ใช้ใน /Users/ หายไปทั้งหมด

    แนวทางแก้ไข
    ใช้ Docker container เพื่อจำกัดสิทธิ์ AI
    ลดความเสี่ยงจากคำสั่งที่ผิดพลาด

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    การให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรงเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูล
    หากไม่มี sandbox หรือ isolation อาจเกิดความเสียหายใหญ่หลวง

    https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory/
    💻 Claude AI ทำงานผิดพลาดจนลบ Home Directory นักพัฒนารายหนึ่งเล่าว่าขณะใช้ Claude CLI เพื่อจัดการแพ็กเกจใน repository เก่า คำสั่งที่ถูกสร้างขึ้นกลับมีการขยายสัญลักษณ์ ~ อย่างผิดพลาด ทำให้คำสั่ง rm -rf tests/ patches/ plan/ ~/ ลบไฟล์ทั้งหมดใน Home Directory ของ macOS รวมถึง Desktop, Documents, Downloads และ Library ที่เก็บ Keychains และ Credential Store ของ Claude เอง ⚠️ ผลกระทบที่เกิดขึ้น การลบครั้งนี้ทำให้ข้อมูลสำคัญสูญหาย เช่น credential, application data และไฟล์ผู้ใช้ทั้งหมดใน /Users/ ซึ่งแทบจะไม่สามารถกู้คืนได้ การสูญเสียนี้ไม่เพียงกระทบต่อการทำงานของนักพัฒนา แต่ยังสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เนื่องจากข้อมูลการยืนยันตัวตนอาจถูกทำลายหรือสูญหายไป 🛡️ แนวทางแก้ไขที่ถูกเสนอ วิธีแก้ไขที่นักพัฒนาหลายคนแนะนำคือการรัน Claude CLI ภายใน Docker container เพื่อจำกัดสิทธิ์และพื้นที่ทำงานของ AI ไม่ให้เข้าถึงระบบหลักโดยตรง หากเกิดความผิดพลาด คำสั่งที่เป็นอันตรายก็จะถูกจำกัดอยู่ใน container โดยไม่กระทบไฟล์จริงบนเครื่อง 🌐 มุมมองจากวงการเทคโนโลยี เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการใช้ AI ที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบโดยตรง หากไม่มีการจำกัดสิทธิ์หรือ sandbox ที่เหมาะสม AI อาจทำงานผิดพลาดและสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ จึงเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักพัฒนาและองค์กรที่นำ AI มาใช้ใน workflow 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ➡️ Claude CLI รันคำสั่งผิดพลาด rm -rf ~/ ➡️ ลบข้อมูลทั้ง Home Directory รวมถึง Desktop, Documents และ Keychains ✅ ผลกระทบ ➡️ สูญเสีย credential และ application data ➡️ ข้อมูลผู้ใช้ใน /Users/ หายไปทั้งหมด ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ ใช้ Docker container เพื่อจำกัดสิทธิ์ AI ➡️ ลดความเสี่ยงจากคำสั่งที่ผิดพลาด ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ การให้ AI เข้าถึงระบบโดยตรงเสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูล ⛔ หากไม่มี sandbox หรือ isolation อาจเกิดความเสียหายใหญ่หลวง https://securityonline.info/data-disaster-claude-ai-executes-rm-rf-and-wipes-developers-mac-home-directory/
    SECURITYONLINE.INFO
    Data Disaster: Claude AI Executes rm -rf ~/ and Wipes Developer's Mac Home Directory
    A developer's Mac home directory was wiped after Claude AI executed an unconstrained rm -rf ~/ command. Experts urge using Docker to contain AI coding tools for safety.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง
    นักวิจัยด้านความปลอดภัย Csaba Fitzl พบว่าช่องโหว่ Local Privilege Escalation (LPE) ใน macOS ที่เคยถูกพูดถึงตั้งแต่ปี 2018 ได้กลับมาอีกครั้งในปี 2025 โดยใช้วิธีใหม่ผ่านโฟลเดอร์ .localized ซึ่งเป็นฟีเจอร์ของระบบไฟล์ macOS ที่ใช้จัดการชื่อแอปพลิเคชันซ้ำกัน ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถหลอกตัวติดตั้งแอปพลิเคชันให้วางไฟล์ผิดตำแหน่ง และเปิดทางให้รันโค้ดในสิทธิ์ root ได้

    วิธีการโจมตี
    ขั้นตอนการโจมตีมีลักษณะดังนี้:
    ผู้โจมตีสร้างแอปปลอมชื่อเดียวกับแอปจริงในโฟลเดอร์ /Applications
    เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแอปจริง macOS จะไม่เขียนทับ แต่ย้ายไปไว้ในโฟลเดอร์ /Applications/App.localized/
    ตัวติดตั้งยังคงเชื่อว่าแอปอยู่ในตำแหน่งเดิม และลงทะเบียน LaunchDaemon ชี้ไปที่แอปปลอม
    แอปปลอมที่ผู้โจมตีสร้างจึงถูกเรียกใช้งานด้วยสิทธิ์ root

    สถานการณ์และผลกระทบ
    แม้ Apple เคยแก้ไขช่องโหว่เดิมใน macOS Sonoma และมีการออก CVE ใหม่ (CVE-2025-24099) แต่การใช้ .localized ทำให้ยังสามารถโจมตีได้อีกครั้ง ช่องโหว่นี้กระทบโดยตรงต่อ third-party installers ที่ต้องใช้สิทธิ์สูงในการติดตั้งเครื่องมือหรือ daemon หากผู้ใช้หรือองค์กรไม่ตรวจสอบเส้นทางการติดตั้งอย่างละเอียด อาจถูกยึดเครื่องได้ทันที

    มุมมองจากวงการไซเบอร์
    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ปัญหานี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของระบบไฟล์ macOS และการที่ Apple ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างครอบคลุม การโจมตีลักษณะนี้ง่ายต่อการนำไปใช้จริง เพียงแค่หลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปที่มีชื่อซ้ำกับแอปปลอม จึงเป็นภัยคุกคามที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ที่ค้นพบ
    ใช้โฟลเดอร์ .localized เพื่อหลอกตำแหน่งติดตั้ง
    ทำให้โค้ดปลอมรันในสิทธิ์ root

    วิธีการโจมตี
    สร้างแอปปลอมชื่อเดียวกับแอปจริง
    ตัวติดตั้งลงทะเบียน LaunchDaemon ชี้ไปที่แอปปลอม

    ผลกระทบ
    กระทบ third-party installers ที่ต้องใช้สิทธิ์สูง
    เสี่ยงต่อการถูกยึดเครื่องและขโมยข้อมูล

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    Apple ยังไม่แก้ไขได้อย่างครอบคลุม แม้มี CVE ใหม่
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบเส้นทางติดตั้งและหลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

    https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access/
    🖥️ ช่องโหว่ macOS LPE กลับมาอีกครั้ง นักวิจัยด้านความปลอดภัย Csaba Fitzl พบว่าช่องโหว่ Local Privilege Escalation (LPE) ใน macOS ที่เคยถูกพูดถึงตั้งแต่ปี 2018 ได้กลับมาอีกครั้งในปี 2025 โดยใช้วิธีใหม่ผ่านโฟลเดอร์ .localized ซึ่งเป็นฟีเจอร์ของระบบไฟล์ macOS ที่ใช้จัดการชื่อแอปพลิเคชันซ้ำกัน ช่องโหว่นี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถหลอกตัวติดตั้งแอปพลิเคชันให้วางไฟล์ผิดตำแหน่ง และเปิดทางให้รันโค้ดในสิทธิ์ root ได้ ⚡ วิธีการโจมตี ขั้นตอนการโจมตีมีลักษณะดังนี้: 💠 ผู้โจมตีสร้างแอปปลอมชื่อเดียวกับแอปจริงในโฟลเดอร์ /Applications 💠 เมื่อผู้ใช้ติดตั้งแอปจริง macOS จะไม่เขียนทับ แต่ย้ายไปไว้ในโฟลเดอร์ /Applications/App.localized/ 💠 ตัวติดตั้งยังคงเชื่อว่าแอปอยู่ในตำแหน่งเดิม และลงทะเบียน LaunchDaemon ชี้ไปที่แอปปลอม 💠 แอปปลอมที่ผู้โจมตีสร้างจึงถูกเรียกใช้งานด้วยสิทธิ์ root 🔒 สถานการณ์และผลกระทบ แม้ Apple เคยแก้ไขช่องโหว่เดิมใน macOS Sonoma และมีการออก CVE ใหม่ (CVE-2025-24099) แต่การใช้ .localized ทำให้ยังสามารถโจมตีได้อีกครั้ง ช่องโหว่นี้กระทบโดยตรงต่อ third-party installers ที่ต้องใช้สิทธิ์สูงในการติดตั้งเครื่องมือหรือ daemon หากผู้ใช้หรือองค์กรไม่ตรวจสอบเส้นทางการติดตั้งอย่างละเอียด อาจถูกยึดเครื่องได้ทันที 🌍 มุมมองจากวงการไซเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ปัญหานี้สะท้อนถึงความซับซ้อนของระบบไฟล์ macOS และการที่ Apple ยังไม่สามารถแก้ไขได้อย่างครอบคลุม การโจมตีลักษณะนี้ง่ายต่อการนำไปใช้จริง เพียงแค่หลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปที่มีชื่อซ้ำกับแอปปลอม จึงเป็นภัยคุกคามที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ที่ค้นพบ ➡️ ใช้โฟลเดอร์ .localized เพื่อหลอกตำแหน่งติดตั้ง ➡️ ทำให้โค้ดปลอมรันในสิทธิ์ root ✅ วิธีการโจมตี ➡️ สร้างแอปปลอมชื่อเดียวกับแอปจริง ➡️ ตัวติดตั้งลงทะเบียน LaunchDaemon ชี้ไปที่แอปปลอม ✅ ผลกระทบ ➡️ กระทบ third-party installers ที่ต้องใช้สิทธิ์สูง ➡️ เสี่ยงต่อการถูกยึดเครื่องและขโมยข้อมูล ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ Apple ยังไม่แก้ไขได้อย่างครอบคลุม แม้มี CVE ใหม่ ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบเส้นทางติดตั้งและหลีกเลี่ยงการติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ https://securityonline.info/macos-lpe-flaw-resurfaces-localized-directory-exploited-to-hijack-installers-and-gain-root-access/
    SECURITYONLINE.INFO
    macOS LPE Flaw Resurfaces: .localized Directory Exploited to Hijack Installers and Gain Root Access
    A macOS LPE flaw resurfaces after 7 years, allowing unprivileged users to hijack third-party installers and gain root access. The exploit leverages the hidden .localized directory to confuse the installation path.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft แนะนำสเปก PC สำหรับ Windows 11 Gaming

    Microsoft ได้ออกเอกสารแนะนำสเปก PC ที่เหมาะสมสำหรับการเล่นเกมบน Windows 11 โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ เริ่มต้น (1080p), กลาง (1440p) และ สูงสุด (4K) เพื่อช่วยให้ผู้เล่นเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับงบประมาณและประสบการณ์การเล่นเกมที่ต้องการ โดยเน้นความสมดุลระหว่าง CPU, GPU, RAM และ SSD ที่ทันสมัย

    รายละเอียดสเปกที่แนะนำ
    ระดับเริ่มต้น (1080p, medium settings): CPU อย่าง Ryzen 5 5600 หรือ Intel i5-12400 และ GPU GTX 1660 Super หรือ Radeon RX 6600

    ระดับกลาง (1440p, high settings): CPU Ryzen 5 7600 หรือ Intel i5-13600K พร้อม GPU RTX 3060 Ti/4060 Ti หรือ Radeon RX 6700 XT

    ระดับสูง (4K, ultra settings): CPU Ryzen 7 7800X3D หรือ Intel i7-13700K และ GPU RTX 4080 หรือ Radeon RX 7900 XTX

    นอกจากนี้ Microsoft ยังแนะนำ RAM 16GB เป็นมาตรฐาน และ 32GB สำหรับเกมที่ใช้ทรัพยากรสูงหรือมี mod จำนวนมาก รวมถึงการใช้ NVMe SSD เพื่อรองรับเทคโนโลยี DirectStorage ที่ช่วยลดเวลาโหลดเกมได้อย่างมาก

    จอภาพและประสบการณ์เล่นเกม
    Microsoft เน้นว่า จอภาพ Refresh Rate 144Hz ถือเป็นมาตรฐานที่ดีสำหรับการเล่นเกมที่ลื่นไหล แต่หากเป็นเกมแข่งขันที่ต้องการความเร็วสูง ควรเลือกจอที่มี Refresh Rate 160–240Hz พร้อม Response Time 1–3ms เพื่อลดการเบลอและ ghosting ขณะเคลื่อนไหวเร็ว

    มุมมองเพิ่มเติมจากวงการเกม
    นักวิเคราะห์เกมมองว่าคู่มือนี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่เกม AAA สมัยใหม่ต้องการสเปกสูงขึ้นเรื่อย ๆ และการใช้ SSD ความจุ 1TB ขึ้นไป กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ เนื่องจากไฟล์เกมมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก การลงทุนในอุปกรณ์ที่เหมาะสมจึงไม่ใช่แค่เรื่องความแรง แต่ยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตของเกมที่ซับซ้อนและสมจริงยิ่งขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สเปก PC ที่ Microsoft แนะนำ
    เริ่มต้น: Ryzen 5 5600 / i5-12400 + GTX 1660 Super / RX 6600
    กลาง: Ryzen 5 7600 / i5-13600K + RTX 3060 Ti / RX 6700 XT
    สูงสุด: Ryzen 7 7800X3D / i7-13700K + RTX 4080 / RX 7900 XTX

    อุปกรณ์เสริมที่ควรมี
    RAM 16GB เป็นมาตรฐาน, 32GB สำหรับเกมหนัก
    SSD แบบ NVMe 1TB ขึ้นไปเพื่อรองรับ DirectStorage

    จอภาพสำหรับเกมเมอร์
    Refresh Rate 144Hz เป็นมาตรฐาน
    160–240Hz สำหรับเกมแข่งขัน พร้อม Response Time 1–3ms

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    การลงทุนใน GPU ที่แรงเกินไปโดยใช้จอภาพ Refresh Rate ต่ำ จะทำให้ศักยภาพสูญเปล่า

    https://securityonline.info/windows-11-gaming-guide-microsofts-recommended-pc-specs-for-1080p-to-4k/
    🎮 Microsoft แนะนำสเปก PC สำหรับ Windows 11 Gaming Microsoft ได้ออกเอกสารแนะนำสเปก PC ที่เหมาะสมสำหรับการเล่นเกมบน Windows 11 โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ เริ่มต้น (1080p), กลาง (1440p) และ สูงสุด (4K) เพื่อช่วยให้ผู้เล่นเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับงบประมาณและประสบการณ์การเล่นเกมที่ต้องการ โดยเน้นความสมดุลระหว่าง CPU, GPU, RAM และ SSD ที่ทันสมัย ⚡ รายละเอียดสเปกที่แนะนำ ⚙️ ระดับเริ่มต้น (1080p, medium settings): CPU อย่าง Ryzen 5 5600 หรือ Intel i5-12400 และ GPU GTX 1660 Super หรือ Radeon RX 6600 ⚙️ ระดับกลาง (1440p, high settings): CPU Ryzen 5 7600 หรือ Intel i5-13600K พร้อม GPU RTX 3060 Ti/4060 Ti หรือ Radeon RX 6700 XT ⚙️ ระดับสูง (4K, ultra settings): CPU Ryzen 7 7800X3D หรือ Intel i7-13700K และ GPU RTX 4080 หรือ Radeon RX 7900 XTX นอกจากนี้ Microsoft ยังแนะนำ RAM 16GB เป็นมาตรฐาน และ 32GB สำหรับเกมที่ใช้ทรัพยากรสูงหรือมี mod จำนวนมาก รวมถึงการใช้ NVMe SSD เพื่อรองรับเทคโนโลยี DirectStorage ที่ช่วยลดเวลาโหลดเกมได้อย่างมาก 🖥️ จอภาพและประสบการณ์เล่นเกม Microsoft เน้นว่า จอภาพ Refresh Rate 144Hz ถือเป็นมาตรฐานที่ดีสำหรับการเล่นเกมที่ลื่นไหล แต่หากเป็นเกมแข่งขันที่ต้องการความเร็วสูง ควรเลือกจอที่มี Refresh Rate 160–240Hz พร้อม Response Time 1–3ms เพื่อลดการเบลอและ ghosting ขณะเคลื่อนไหวเร็ว 🌐 มุมมองเพิ่มเติมจากวงการเกม นักวิเคราะห์เกมมองว่าคู่มือนี้สะท้อนถึงแนวโน้มที่เกม AAA สมัยใหม่ต้องการสเปกสูงขึ้นเรื่อย ๆ และการใช้ SSD ความจุ 1TB ขึ้นไป กำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ เนื่องจากไฟล์เกมมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก การลงทุนในอุปกรณ์ที่เหมาะสมจึงไม่ใช่แค่เรื่องความแรง แต่ยังเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตของเกมที่ซับซ้อนและสมจริงยิ่งขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สเปก PC ที่ Microsoft แนะนำ ➡️ เริ่มต้น: Ryzen 5 5600 / i5-12400 + GTX 1660 Super / RX 6600 ➡️ กลาง: Ryzen 5 7600 / i5-13600K + RTX 3060 Ti / RX 6700 XT ➡️ สูงสุด: Ryzen 7 7800X3D / i7-13700K + RTX 4080 / RX 7900 XTX ✅ อุปกรณ์เสริมที่ควรมี ➡️ RAM 16GB เป็นมาตรฐาน, 32GB สำหรับเกมหนัก ➡️ SSD แบบ NVMe 1TB ขึ้นไปเพื่อรองรับ DirectStorage ✅ จอภาพสำหรับเกมเมอร์ ➡️ Refresh Rate 144Hz เป็นมาตรฐาน ➡️ 160–240Hz สำหรับเกมแข่งขัน พร้อม Response Time 1–3ms ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ การลงทุนใน GPU ที่แรงเกินไปโดยใช้จอภาพ Refresh Rate ต่ำ จะทำให้ศักยภาพสูญเปล่า https://securityonline.info/windows-11-gaming-guide-microsofts-recommended-pc-specs-for-1080p-to-4k/
    SECURITYONLINE.INFO
    Windows 11 Gaming Guide: Microsoft’s Recommended PC Specs for 1080p to 4K
    Microsoft published a guide outlining recommended Windows 11 gaming PC specs from entry-level 1080p to high-end 4K, emphasizing NVMe SSDs for DirectStorage.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง

    เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2025 มีรายงานว่าแฮกเกอร์เริ่มใช้ช่องโหว่ CVE-2025-59718 และ CVE-2025-59719 ซึ่งมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.1–9.8 เพื่อเจาะระบบ FortiGate และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Fortinet ผ่านการปลอมแปลงข้อความ SAML ทำให้สามารถเข้าสู่ระบบในสิทธิ์ผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่านใด ๆ การโจมตีนี้ถูกยืนยันว่าเกิดขึ้นจริงและมีการขโมยการตั้งค่าระบบออกไป ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลบัญชี VPN และผู้ใช้ภายในองค์กร

    สาเหตุและความเสี่ยงที่แท้จริง
    แม้ Fortinet ระบุว่า FortiCloud SSO ถูกปิดเป็นค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน FortiCare ฟีเจอร์นี้จะถูกเปิดโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดสวิตช์ “Allow administrative login using FortiCloud SSO” ทำให้หลายองค์กรไม่รู้ตัวว่ากำลังเปิดช่องโหว่ไว้โดยตรง การโจมตีที่พบมีรูปแบบชัดเจนคือเจาะเข้าบัญชี admin แล้วดึงการตั้งค่าผ่าน GUI ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี

    การแก้ไขและแพตช์ล่าสุด
    Fortinet ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในหลายเวอร์ชัน เช่น FortiOS 7.6.4, 7.4.9, 7.2.12 และ 7.0.18 รวมถึง FortiProxy, FortiWeb และ FortiSwitchManager รุ่นใหม่ ผู้ดูแลระบบที่ไม่สามารถอัปเดตได้ทันทีสามารถใช้วิธีแก้ไขชั่วคราวโดยปิดการใช้งาน FortiCloud SSO ผ่าน CLI หรือ GUI เพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม

    มุมมองจากวงการไซเบอร์
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า ช่องโหว่ลักษณะนี้เป็นตัวอย่างของการที่ “ฟีเจอร์สะดวก” กลายเป็น “ประตูหลัง” ให้ผู้โจมตีเข้าถึงระบบได้โดยตรง หากองค์กรไม่ตรวจสอบการตั้งค่าอย่างละเอียด การโจมตีที่เกิดขึ้นยังสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการใช้ MFA (Multi-Factor Authentication) และการตรวจสอบ log อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ผิดปกติ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ที่ถูกโจมตี
    CVE-2025-59718 และ CVE-2025-59719 มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.1–9.8
    ใช้การปลอมแปลง SAML เพื่อข้ามการยืนยันตัวตน SSO

    สาเหตุที่ฟีเจอร์เสี่ยง
    FortiCloud SSO ถูกเปิดอัตโนมัติเมื่อสมัคร FortiCare หากไม่ปิดสวิตช์
    ทำให้ผู้ดูแลหลายคนไม่รู้ว่ากำลังเปิดช่องโหว่ไว้

    การแก้ไขและแพตช์
    อัปเดตเป็น FortiOS 7.6.4, 7.4.9, 7.2.12, 7.0.18
    ปิด FortiCloud SSO ผ่าน CLI หากยังไม่สามารถอัปเดตได้

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    การตั้งค่า firewall ที่ถูกขโมยอาจมีข้อมูลบัญชี VPN และผู้ใช้ภายใน
    หากไม่อัปเดตหรือปิดฟีเจอร์ทันที อาจถูกยึดสิทธิ์ผู้ดูแลและควบคุมระบบทั้งหมด

    https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs/
    🔐 วิกฤติช่องโหว่ FortiGate SSO ถูกโจมตีจริง เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2025 มีรายงานว่าแฮกเกอร์เริ่มใช้ช่องโหว่ CVE-2025-59718 และ CVE-2025-59719 ซึ่งมีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.1–9.8 เพื่อเจาะระบบ FortiGate และผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของ Fortinet ผ่านการปลอมแปลงข้อความ SAML ทำให้สามารถเข้าสู่ระบบในสิทธิ์ผู้ดูแลได้โดยไม่ต้องมีรหัสผ่านใด ๆ การโจมตีนี้ถูกยืนยันว่าเกิดขึ้นจริงและมีการขโมยการตั้งค่าระบบออกไป ซึ่งอาจรวมถึงข้อมูลบัญชี VPN และผู้ใช้ภายในองค์กร ⚙️ สาเหตุและความเสี่ยงที่แท้จริง แม้ Fortinet ระบุว่า FortiCloud SSO ถูกปิดเป็นค่าเริ่มต้น แต่เมื่อผู้ดูแลลงทะเบียนอุปกรณ์ผ่าน FortiCare ฟีเจอร์นี้จะถูกเปิดโดยอัตโนมัติหากไม่ได้ปิดสวิตช์ “Allow administrative login using FortiCloud SSO” ทำให้หลายองค์กรไม่รู้ตัวว่ากำลังเปิดช่องโหว่ไว้โดยตรง การโจมตีที่พบมีรูปแบบชัดเจนคือเจาะเข้าบัญชี admin แล้วดึงการตั้งค่าผ่าน GUI ไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยผู้โจมตี 🛡️ การแก้ไขและแพตช์ล่าสุด Fortinet ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในหลายเวอร์ชัน เช่น FortiOS 7.6.4, 7.4.9, 7.2.12 และ 7.0.18 รวมถึง FortiProxy, FortiWeb และ FortiSwitchManager รุ่นใหม่ ผู้ดูแลระบบที่ไม่สามารถอัปเดตได้ทันทีสามารถใช้วิธีแก้ไขชั่วคราวโดยปิดการใช้งาน FortiCloud SSO ผ่าน CLI หรือ GUI เพื่อป้องกันการโจมตีเพิ่มเติม 🌍 มุมมองจากวงการไซเบอร์ นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า ช่องโหว่ลักษณะนี้เป็นตัวอย่างของการที่ “ฟีเจอร์สะดวก” กลายเป็น “ประตูหลัง” ให้ผู้โจมตีเข้าถึงระบบได้โดยตรง หากองค์กรไม่ตรวจสอบการตั้งค่าอย่างละเอียด การโจมตีที่เกิดขึ้นยังสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการใช้ MFA (Multi-Factor Authentication) และการตรวจสอบ log อย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ผิดปกติ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ที่ถูกโจมตี ➡️ CVE-2025-59718 และ CVE-2025-59719 มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.1–9.8 ➡️ ใช้การปลอมแปลง SAML เพื่อข้ามการยืนยันตัวตน SSO ✅ สาเหตุที่ฟีเจอร์เสี่ยง ➡️ FortiCloud SSO ถูกเปิดอัตโนมัติเมื่อสมัคร FortiCare หากไม่ปิดสวิตช์ ➡️ ทำให้ผู้ดูแลหลายคนไม่รู้ว่ากำลังเปิดช่องโหว่ไว้ ✅ การแก้ไขและแพตช์ ➡️ อัปเดตเป็น FortiOS 7.6.4, 7.4.9, 7.2.12, 7.0.18 ➡️ ปิด FortiCloud SSO ผ่าน CLI หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ การตั้งค่า firewall ที่ถูกขโมยอาจมีข้อมูลบัญชี VPN และผู้ใช้ภายใน ⛔ หากไม่อัปเดตหรือปิดฟีเจอร์ทันที อาจถูกยึดสิทธิ์ผู้ดูแลและควบคุมระบบทั้งหมด https://securityonline.info/critical-fortigate-sso-flaw-under-active-exploitation-attackers-bypass-auth-and-exfiltrate-configs/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical FortiGate SSO Flaw Under Active Exploitation: Attackers Bypass Auth and Exfiltrate Configs
    A critical FortiGate SSO flaw (CVSS 9.1) is under active exploitation, letting unauthenticated attackers bypass login via crafted SAML. The flaw is armed by default registration, risking config exfiltration. Patch immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251215 #securityonline

    NANOREMOTE: มัลแวร์ใหม่ที่ซ่อนตัวผ่าน Google Drive
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบของ Elastic Security Labs ที่เจอม้าโทรจันตัวใหม่ชื่อว่า NANOREMOTE ซึ่งทำงานบน Windows และใช้ Google Drive API เป็นช่องทางสื่อสารลับกับผู้โจมตี ทำให้การขโมยข้อมูลและสั่งงานแฝงตัวไปกับทราฟฟิกปกติได้อย่างแนบเนียน จุดเด่นคือมันสามารถใช้ OAuth 2.0 token เพื่อสร้างช่องทางลับในการส่งข้อมูล โดยมีตัวโหลดชื่อ WMLOADER ที่ปลอมตัวเป็นโปรแกรมของ Bitdefender แต่จริง ๆ แล้วเป็นตัวนำมัลแวร์เข้าสู่ระบบ จากนั้นจะถอดรหัสไฟล์ที่ซ่อนอยู่และปล่อยตัว NANOREMOTE ทำงานในหน่วยความจำโดยตรง นักวิจัยยังพบหลักฐานว่ามีการใช้โค้ดและคีย์เข้ารหัสเดียวกันกับมัลแวร์ตระกูล FINALDRAFT ซึ่งบ่งชี้ว่ามีรากฐานการพัฒนาร่วมกัน
    https://securityonline.info/new-nanoremote-backdoor-uses-google-drive-api-for-covert-c2-and-links-to-finaldraft-espionage-group

    SHADOW-VOID-042: แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็น Trend Micro
    กลุ่มผู้โจมตีที่ถูกเรียกว่า SHADOW-VOID-042 ใช้ชื่อเสียงของ Trend Micro มาหลอกเหยื่อ โดยส่งอีเมลฟิชชิ่งที่ดูเหมือนเป็นประกาศเตือนด้านความปลอดภัย เหยื่อที่เชื่อจะถูกพาไปยังเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบสไตล์ของ Trend Micro และถูกติดตั้ง payload แบบเจาะจงเป้าหมาย การโจมตีนี้ไม่ใช่การสุ่ม แต่ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละเหยื่อ และมีการใช้ทั้งเทคนิคเก่าและใหม่ เช่น exploit ช่องโหว่ Chrome ปี 2018 รวมถึงการใช้ zero-day ที่ใหม่กว่าสำหรับเป้าหมายสำคัญ นักวิจัยเชื่อว่ากลุ่มนี้อาจเชื่อมโยงกับ Void Rabisu ซึ่งมีประวัติทำงานใกล้ชิดกับผลประโยชน์รัสเซีย
    https://securityonline.info/shadow-void-042-impersonates-trend-micro-in-phishing-campaign-to-breach-critical-infrastructure

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Plesk (CVE-2025-66430)
    แพลตฟอร์ม Plesk ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการโฮสต์เว็บไซต์ ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถยกระดับสิทธิ์ขึ้นเป็น root ได้ ช่องโหว่นี้อยู่ในฟีเจอร์ Password-Protected Directories ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ฉีดข้อมูลเข้าไปใน Apache configuration ได้โดยตรง ผลคือสามารถสั่งรันคำสั่งใด ๆ ในระดับสูงสุดบนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกยึดครองทั้งระบบ Plesk ได้ออก micro-update เร่งด่วนเพื่อแก้ไข และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที
    https://securityonline.info/critical-plesk-flaw-cve-2025-66430-risks-full-server-takeover-via-lpe-and-apache-config-injection

    Ashen Lepus: กลุ่ม APT ที่เชื่อมโยงกับ Hamas เปิดตัว AshTag Malware
    ในขณะที่สงครามกาซายังคงดำเนินอยู่ กลุ่มแฮกเกอร์ Ashen Lepus หรือ WIRTE ที่เชื่อมโยงกับ Hamas ยังคงทำงานด้านไซเบอร์สอดแนมอย่างต่อเนื่อง และได้พัฒนาเครื่องมือใหม่ชื่อว่า AshTag ซึ่งเป็นชุดมัลแวร์แบบโมดูลาร์ที่ซ่อนตัวเก่งมาก ใช้ไฟล์ PDF หลอกเหยื่อให้เปิดเอกสารทางการทูตปลอม แล้วโหลด DLL อันตรายเข้ามา จากนั้น payload จะถูกดึงจาก HTML ที่ซ่อนอยู่และทำงานในหน่วยความจำโดยไม่แตะดิสก์ ทำให้ตรวจจับได้ยาก กลุ่มนี้ยังขยายเป้าหมายไปยังประเทศอาหรับอื่น ๆ เช่น โอมานและโมร็อกโก โดยมุ่งเน้นข้อมูลทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    https://securityonline.info/hamas-affiliated-apt-ashen-lepus-unveils-ashtag-malware-suite-for-wider-cyber-espionage

    ช่องโหว่ RasMan บน Windows ที่ยังไม่ได้แพตช์
    นักวิจัยจาก 0patch พบช่องโหว่ใหม่ในบริการ Remote Access Connection Manager (RasMan) ของ Windows ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แม้ Microsoft จะเพิ่งแพตช์ช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่พบว่ามีบั๊กที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทำให้บริการ RasMan crash ได้ และใช้ช่องทางนี้เพื่อยึดสิทธิ์ Local System ได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ linked list ที่ผิดพลาด ทำให้เกิด NULL pointer และ crash ทันที 0patch ได้ออก micropatch ชั่วคราวเพื่อแก้ไข แต่ Microsoft ยังต้องออกแพตช์อย่างเป็นทางการในอนาคต
    https://securityonline.info/unpatched-windows-rasman-flaw-allows-unprivileged-crash-enabling-local-system-privilege-escalation-exploit

    ImageMagick พบช่องโหว่ร้ายแรง เสี่ยงเปิดเผยข้อมูลหน่วยความจำ
    เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใน ImageMagick ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการประมวลผลภาพ ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นจากการจัดการไฟล์รูปแบบ PSX TIM ที่มาจากยุคเครื่อง PlayStation รุ่นแรก แต่กลับสร้างความเสี่ยงในระบบ 32-bit ปัจจุบัน เนื่องจากการคำนวณขนาดภาพโดยไม่ตรวจสอบการ overflow ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างไฟล์ที่บิดเบือนค่าและนำไปสู่การอ่านข้อมูลหน่วยความจำที่ไม่ควรเข้าถึงได้ ข้อมูลที่รั่วไหลอาจรวมถึงรหัสผ่านหรือคีย์สำคัญต่าง ๆ ทีมพัฒนาได้แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 7.1.2-10 และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/imagemagick-flaw-risks-arbitrary-memory-disclosure-via-psx-tim-file-integer-overflow-on-32-bit-systems

    GOLD SALEM ใช้เครื่องมือ Velociraptor เป็นตัวช่วยโจมตี ransomware กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อ GOLD SALEM ถูกพบว่ามีการนำเครื่องมือด้านดิจิทัลฟอเรนสิกอย่าง Velociraptor ซึ่งปกติใช้สำหรับการตรวจสอบและตอบสนองเหตุการณ์ มาใช้เป็นเครื่องมือเตรียมการโจมตี ransomware โดยพวกเขาใช้วิธีดาวน์โหลดตัวติดตั้งจากโดเมนที่ควบคุมเอง และนำไปใช้สร้างช่องทางควบคุมระบบ รวมถึงการเจาะช่องโหว่ใน SharePoint ที่เรียกว่า ToolShell เพื่อเข้าถึงระบบองค์กร เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่แค่การเงิน แต่ยังรวมถึงองค์กรในด้านโทรคมนาคม พลังงานนิวเคลียร์ และอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งมีนัยยะด้านการสอดแนมด้วย
    https://securityonline.info/gold-salem-abuses-velociraptor-dfir-tool-as-ransomware-precursor-following-sharepoint-toolshell-exploitation

    Apache StreamPark พบการใช้ key แบบ hard-coded และโหมดเข้ารหัสที่ล้าสมัย
    แพลตฟอร์ม Apache StreamPark ซึ่งใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชันสตรีมมิ่ง ถูกพบว่ามีการใช้คีย์เข้ารหัสที่ถูกฝังตายตัวในซอฟต์แวร์ และยังใช้โหมด AES ECB ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ผู้โจมตีสามารถปลอมแปลงโทเคนและถอดรหัสข้อมูลได้ง่าย ช่องโหว่นี้กระทบตั้งแต่เวอร์ชัน 2.0.0 ถึง 2.1.7 และอาจส่งผลต่อระบบคลาวด์ที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ ผู้ดูแลระบบถูกแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยง
    https://securityonline.info/apache-streampark-flaw-risks-data-decryption-token-forgery-via-hard-coded-key-and-aes-ecb-mode

    Storm-0249 ใช้ DLL sideloading แฝงตัวในกระบวนการ EDR เพื่อเปิดทาง ransomware
    กลุ่ม Storm-0249 ซึ่งเป็น initial access broker ได้เปลี่ยนกลยุทธ์จากการส่งฟิชชิ่งทั่วไปมาเป็นการโจมตีแบบเจาะจง โดยใช้ DLL sideloading กับโปรเซสของ SentinelOne ที่เป็นเครื่องมือรักษาความปลอดภัย ทำให้ดูเหมือนเป็นการทำงานปกติของระบบ แต่จริง ๆ แล้วเป็นการเปิดทางให้มัลแวร์เข้ามาได้ พวกเขายังใช้เทคนิค “living off the land” เช่นการใช้ curl.exe และ PowerShell เพื่อรันโค้ดโดยไม่ทิ้งร่องรอยในดิสก์ เป้าหมายคือการขายสิทธิ์เข้าถึงให้กับกลุ่ม ransomware อย่าง LockBit และ ALPHV
    https://securityonline.info/storm-0249-abuses-edr-process-via-dll-sideloading-to-cloak-ransomware-access

    VS Code Marketplace ถูกโจมตี supply chain ผ่าน 19 extensions ปลอม
    นักวิจัยพบว่ามีการปล่อยส่วนขยาย VS Code ที่แฝงมัลแวร์จำนวน 19 ตัว โดยใช้เทคนิค typosquatting และ steganography ซ่อนโค้ดอันตรายในไฟล์ dependency ภายใน node_modules รวมถึงการปลอมไฟล์ภาพ banner.png ที่จริงเป็น archive บรรจุ binary อันตราย เมื่อส่วนขยายถูกใช้งาน มัลแวร์จะถูกโหลดขึ้นมาและใช้เครื่องมือของ Windows อย่าง cmstp.exe เพื่อรันโค้ดโดยเลี่ยงการตรวจจับ หนึ่งใน payload เป็น Rust trojan ที่ซับซ้อนและยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานซอฟต์แวร์ที่นักพัฒนาต้องระวัง
    https://securityonline.info/vs-code-supply-chain-attack-19-extensions-used-typosquatting-steganography-to-deploy-rust-trojan



    📌🔐🟡 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟡🔐📌 #รวมข่าวIT #20251215 #securityonline 🖥️ NANOREMOTE: มัลแวร์ใหม่ที่ซ่อนตัวผ่าน Google Drive เรื่องนี้เป็นการค้นพบของ Elastic Security Labs ที่เจอม้าโทรจันตัวใหม่ชื่อว่า NANOREMOTE ซึ่งทำงานบน Windows และใช้ Google Drive API เป็นช่องทางสื่อสารลับกับผู้โจมตี ทำให้การขโมยข้อมูลและสั่งงานแฝงตัวไปกับทราฟฟิกปกติได้อย่างแนบเนียน จุดเด่นคือมันสามารถใช้ OAuth 2.0 token เพื่อสร้างช่องทางลับในการส่งข้อมูล โดยมีตัวโหลดชื่อ WMLOADER ที่ปลอมตัวเป็นโปรแกรมของ Bitdefender แต่จริง ๆ แล้วเป็นตัวนำมัลแวร์เข้าสู่ระบบ จากนั้นจะถอดรหัสไฟล์ที่ซ่อนอยู่และปล่อยตัว NANOREMOTE ทำงานในหน่วยความจำโดยตรง นักวิจัยยังพบหลักฐานว่ามีการใช้โค้ดและคีย์เข้ารหัสเดียวกันกับมัลแวร์ตระกูล FINALDRAFT ซึ่งบ่งชี้ว่ามีรากฐานการพัฒนาร่วมกัน 🔗 https://securityonline.info/new-nanoremote-backdoor-uses-google-drive-api-for-covert-c2-and-links-to-finaldraft-espionage-group 📧 SHADOW-VOID-042: แฮกเกอร์ปลอมตัวเป็น Trend Micro กลุ่มผู้โจมตีที่ถูกเรียกว่า SHADOW-VOID-042 ใช้ชื่อเสียงของ Trend Micro มาหลอกเหยื่อ โดยส่งอีเมลฟิชชิ่งที่ดูเหมือนเป็นประกาศเตือนด้านความปลอดภัย เหยื่อที่เชื่อจะถูกพาไปยังเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบสไตล์ของ Trend Micro และถูกติดตั้ง payload แบบเจาะจงเป้าหมาย การโจมตีนี้ไม่ใช่การสุ่ม แต่ถูกปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละเหยื่อ และมีการใช้ทั้งเทคนิคเก่าและใหม่ เช่น exploit ช่องโหว่ Chrome ปี 2018 รวมถึงการใช้ zero-day ที่ใหม่กว่าสำหรับเป้าหมายสำคัญ นักวิจัยเชื่อว่ากลุ่มนี้อาจเชื่อมโยงกับ Void Rabisu ซึ่งมีประวัติทำงานใกล้ชิดกับผลประโยชน์รัสเซีย 🔗 https://securityonline.info/shadow-void-042-impersonates-trend-micro-in-phishing-campaign-to-breach-critical-infrastructure ⚠️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Plesk (CVE-2025-66430) แพลตฟอร์ม Plesk ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการโฮสต์เว็บไซต์ ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถยกระดับสิทธิ์ขึ้นเป็น root ได้ ช่องโหว่นี้อยู่ในฟีเจอร์ Password-Protected Directories ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ฉีดข้อมูลเข้าไปใน Apache configuration ได้โดยตรง ผลคือสามารถสั่งรันคำสั่งใด ๆ ในระดับสูงสุดบนเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกยึดครองทั้งระบบ Plesk ได้ออก micro-update เร่งด่วนเพื่อแก้ไข และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/critical-plesk-flaw-cve-2025-66430-risks-full-server-takeover-via-lpe-and-apache-config-injection 🌐 Ashen Lepus: กลุ่ม APT ที่เชื่อมโยงกับ Hamas เปิดตัว AshTag Malware ในขณะที่สงครามกาซายังคงดำเนินอยู่ กลุ่มแฮกเกอร์ Ashen Lepus หรือ WIRTE ที่เชื่อมโยงกับ Hamas ยังคงทำงานด้านไซเบอร์สอดแนมอย่างต่อเนื่อง และได้พัฒนาเครื่องมือใหม่ชื่อว่า AshTag ซึ่งเป็นชุดมัลแวร์แบบโมดูลาร์ที่ซ่อนตัวเก่งมาก ใช้ไฟล์ PDF หลอกเหยื่อให้เปิดเอกสารทางการทูตปลอม แล้วโหลด DLL อันตรายเข้ามา จากนั้น payload จะถูกดึงจาก HTML ที่ซ่อนอยู่และทำงานในหน่วยความจำโดยไม่แตะดิสก์ ทำให้ตรวจจับได้ยาก กลุ่มนี้ยังขยายเป้าหมายไปยังประเทศอาหรับอื่น ๆ เช่น โอมานและโมร็อกโก โดยมุ่งเน้นข้อมูลทางการทูตและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ 🔗 https://securityonline.info/hamas-affiliated-apt-ashen-lepus-unveils-ashtag-malware-suite-for-wider-cyber-espionage 🛠️ ช่องโหว่ RasMan บน Windows ที่ยังไม่ได้แพตช์ นักวิจัยจาก 0patch พบช่องโหว่ใหม่ในบริการ Remote Access Connection Manager (RasMan) ของ Windows ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แม้ Microsoft จะเพิ่งแพตช์ช่องโหว่อื่นที่เกี่ยวข้องไปแล้ว แต่พบว่ามีบั๊กที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถทำให้บริการ RasMan crash ได้ และใช้ช่องทางนี้เพื่อยึดสิทธิ์ Local System ได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ linked list ที่ผิดพลาด ทำให้เกิด NULL pointer และ crash ทันที 0patch ได้ออก micropatch ชั่วคราวเพื่อแก้ไข แต่ Microsoft ยังต้องออกแพตช์อย่างเป็นทางการในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/unpatched-windows-rasman-flaw-allows-unprivileged-crash-enabling-local-system-privilege-escalation-exploit 🖼️ ImageMagick พบช่องโหว่ร้ายแรง เสี่ยงเปิดเผยข้อมูลหน่วยความจำ เรื่องนี้เป็นการค้นพบช่องโหว่ใน ImageMagick ซึ่งเป็นเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการประมวลผลภาพ ช่องโหว่นี้เกิดขึ้นจากการจัดการไฟล์รูปแบบ PSX TIM ที่มาจากยุคเครื่อง PlayStation รุ่นแรก แต่กลับสร้างความเสี่ยงในระบบ 32-bit ปัจจุบัน เนื่องจากการคำนวณขนาดภาพโดยไม่ตรวจสอบการ overflow ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างไฟล์ที่บิดเบือนค่าและนำไปสู่การอ่านข้อมูลหน่วยความจำที่ไม่ควรเข้าถึงได้ ข้อมูลที่รั่วไหลอาจรวมถึงรหัสผ่านหรือคีย์สำคัญต่าง ๆ ทีมพัฒนาได้แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 7.1.2-10 และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/imagemagick-flaw-risks-arbitrary-memory-disclosure-via-psx-tim-file-integer-overflow-on-32-bit-systems 🕵️ GOLD SALEM ใช้เครื่องมือ Velociraptor เป็นตัวช่วยโจมตี ransomware กลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่ชื่อ GOLD SALEM ถูกพบว่ามีการนำเครื่องมือด้านดิจิทัลฟอเรนสิกอย่าง Velociraptor ซึ่งปกติใช้สำหรับการตรวจสอบและตอบสนองเหตุการณ์ มาใช้เป็นเครื่องมือเตรียมการโจมตี ransomware โดยพวกเขาใช้วิธีดาวน์โหลดตัวติดตั้งจากโดเมนที่ควบคุมเอง และนำไปใช้สร้างช่องทางควบคุมระบบ รวมถึงการเจาะช่องโหว่ใน SharePoint ที่เรียกว่า ToolShell เพื่อเข้าถึงระบบองค์กร เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่แค่การเงิน แต่ยังรวมถึงองค์กรในด้านโทรคมนาคม พลังงานนิวเคลียร์ และอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งมีนัยยะด้านการสอดแนมด้วย 🔗 https://securityonline.info/gold-salem-abuses-velociraptor-dfir-tool-as-ransomware-precursor-following-sharepoint-toolshell-exploitation 🔐 Apache StreamPark พบการใช้ key แบบ hard-coded และโหมดเข้ารหัสที่ล้าสมัย แพลตฟอร์ม Apache StreamPark ซึ่งใช้สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชันสตรีมมิ่ง ถูกพบว่ามีการใช้คีย์เข้ารหัสที่ถูกฝังตายตัวในซอฟต์แวร์ และยังใช้โหมด AES ECB ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ผู้โจมตีสามารถปลอมแปลงโทเคนและถอดรหัสข้อมูลได้ง่าย ช่องโหว่นี้กระทบตั้งแต่เวอร์ชัน 2.0.0 ถึง 2.1.7 และอาจส่งผลต่อระบบคลาวด์ที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ ผู้ดูแลระบบถูกแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยง 🔗 https://securityonline.info/apache-streampark-flaw-risks-data-decryption-token-forgery-via-hard-coded-key-and-aes-ecb-mode ⚔️ Storm-0249 ใช้ DLL sideloading แฝงตัวในกระบวนการ EDR เพื่อเปิดทาง ransomware กลุ่ม Storm-0249 ซึ่งเป็น initial access broker ได้เปลี่ยนกลยุทธ์จากการส่งฟิชชิ่งทั่วไปมาเป็นการโจมตีแบบเจาะจง โดยใช้ DLL sideloading กับโปรเซสของ SentinelOne ที่เป็นเครื่องมือรักษาความปลอดภัย ทำให้ดูเหมือนเป็นการทำงานปกติของระบบ แต่จริง ๆ แล้วเป็นการเปิดทางให้มัลแวร์เข้ามาได้ พวกเขายังใช้เทคนิค “living off the land” เช่นการใช้ curl.exe และ PowerShell เพื่อรันโค้ดโดยไม่ทิ้งร่องรอยในดิสก์ เป้าหมายคือการขายสิทธิ์เข้าถึงให้กับกลุ่ม ransomware อย่าง LockBit และ ALPHV 🔗 https://securityonline.info/storm-0249-abuses-edr-process-via-dll-sideloading-to-cloak-ransomware-access 💻 VS Code Marketplace ถูกโจมตี supply chain ผ่าน 19 extensions ปลอม นักวิจัยพบว่ามีการปล่อยส่วนขยาย VS Code ที่แฝงมัลแวร์จำนวน 19 ตัว โดยใช้เทคนิค typosquatting และ steganography ซ่อนโค้ดอันตรายในไฟล์ dependency ภายใน node_modules รวมถึงการปลอมไฟล์ภาพ banner.png ที่จริงเป็น archive บรรจุ binary อันตราย เมื่อส่วนขยายถูกใช้งาน มัลแวร์จะถูกโหลดขึ้นมาและใช้เครื่องมือของ Windows อย่าง cmstp.exe เพื่อรันโค้ดโดยเลี่ยงการตรวจจับ หนึ่งใน payload เป็น Rust trojan ที่ซับซ้อนและยังอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานซอฟต์แวร์ที่นักพัฒนาต้องระวัง 🔗 https://securityonline.info/vs-code-supply-chain-attack-19-extensions-used-typosquatting-steganography-to-deploy-rust-trojan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 524 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ RasMan: เสี่ยงต่อการยกระดับสิทธิ์

    นักวิจัยจาก 0patch พบว่ามีช่องโหว่ในบริการ RasMan ของ Windows ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการการเชื่อมต่อ Remote Access โดยปัญหานี้ถูกค้นพบระหว่างการวิเคราะห์ช่องโหว่เดิม (CVE-2025-59230) ที่ Microsoft เพิ่งแก้ไขไป แต่กลับพบว่า exploit ที่ใช้โจมตีมี “อาวุธลับ” คือช่องโหว่ใหม่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ผู้โจมตีสามารถทำให้บริการ RasMan crash ได้แม้จะไม่มีสิทธิ์ระดับสูง

    กลไกการโจมตี
    ช่องโหว่เดิม (CVE-2025-59230) อาศัยการหลอกให้บริการ privileged เชื่อมต่อไปยัง endpoint ที่ผู้โจมตีควบคุม แต่ปัญหาคือ RasMan มักจะเริ่มทำงานอัตโนมัติทันทีเมื่อ Windows เปิดเครื่อง ทำให้การโจมตีทำได้ยาก เพื่อแก้ปัญหานี้ exploit จึงใช้ช่องโหว่ใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถ บังคับให้ RasMan crash ได้ตามต้องการ โดยเกิดจากการจัดการ linked list ที่ผิดพลาด เมื่อ pointer กลายเป็น NULL โปรแกรมยังคงอ่านต่อไปจนเกิด memory access violation และ crash

    ผลกระทบต่อระบบ
    หากผู้โจมตีสามารถทำให้ RasMan crash และหยุดทำงานได้ จะเปิดโอกาสให้ exploit เดิมทำงานต่อเนื่องจนสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น Local System ได้ ซึ่งหมายถึงการเข้าถึงและควบคุมเครื่องในระดับสูงสุด ผลกระทบคือ:
    การเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระบบ
    การติดตั้งมัลแวร์หรือ backdoor
    การใช้เครื่องเป็นฐานโจมตีเครือข่ายอื่น

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    แม้ Microsoft ยังไม่ได้ออกแพตช์อย่างเป็นทางการ แต่ 0patch ได้ปล่อย micropatch เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยเพิ่มการตรวจสอบ pointer ที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการ crash ผู้ใช้ Windows 7, Windows 10, Windows 11 และ Server 2008 R2 ควรรีบติดตั้ง micropatch หรือรอการอัปเดตจาก Microsoft เพื่อความปลอดภัย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ RasMan ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถบังคับให้บริการ crash ได้
    ใช้ร่วมกับ CVE-2025-59230 เพื่อยกระดับสิทธิ์เป็น Local System

    ผลกระทบ
    เสี่ยงต่อการยึดครองเครื่องเต็มรูปแบบ
    อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีเครือข่ายอื่น

    การแก้ไข
    0patch ปล่อย micropatch แก้ไขแล้ว
    Microsoft คาดว่าจะออกแพตช์ในอนาคต

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หากยังไม่ได้ติดตั้ง micropatch หรืออัปเดต มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี
    ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบ log และระบบ monitoring เพื่อหาพฤติกรรมผิดปกติ

    https://securityonline.info/unpatched-windows-rasman-flaw-allows-unprivileged-crash-enabling-local-system-privilege-escalation-exploit/
    🖥️ ช่องโหว่ RasMan: เสี่ยงต่อการยกระดับสิทธิ์ นักวิจัยจาก 0patch พบว่ามีช่องโหว่ในบริการ RasMan ของ Windows ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจัดการการเชื่อมต่อ Remote Access โดยปัญหานี้ถูกค้นพบระหว่างการวิเคราะห์ช่องโหว่เดิม (CVE-2025-59230) ที่ Microsoft เพิ่งแก้ไขไป แต่กลับพบว่า exploit ที่ใช้โจมตีมี “อาวุธลับ” คือช่องโหว่ใหม่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้ผู้โจมตีสามารถทำให้บริการ RasMan crash ได้แม้จะไม่มีสิทธิ์ระดับสูง ⚙️ กลไกการโจมตี ช่องโหว่เดิม (CVE-2025-59230) อาศัยการหลอกให้บริการ privileged เชื่อมต่อไปยัง endpoint ที่ผู้โจมตีควบคุม แต่ปัญหาคือ RasMan มักจะเริ่มทำงานอัตโนมัติทันทีเมื่อ Windows เปิดเครื่อง ทำให้การโจมตีทำได้ยาก เพื่อแก้ปัญหานี้ exploit จึงใช้ช่องโหว่ใหม่ที่ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถ บังคับให้ RasMan crash ได้ตามต้องการ โดยเกิดจากการจัดการ linked list ที่ผิดพลาด เมื่อ pointer กลายเป็น NULL โปรแกรมยังคงอ่านต่อไปจนเกิด memory access violation และ crash 🌐 ผลกระทบต่อระบบ หากผู้โจมตีสามารถทำให้ RasMan crash และหยุดทำงานได้ จะเปิดโอกาสให้ exploit เดิมทำงานต่อเนื่องจนสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น Local System ได้ ซึ่งหมายถึงการเข้าถึงและควบคุมเครื่องในระดับสูงสุด ผลกระทบคือ: 💠 การเข้าถึงข้อมูลสำคัญในระบบ 💠 การติดตั้งมัลแวร์หรือ backdoor 💠 การใช้เครื่องเป็นฐานโจมตีเครือข่ายอื่น 🔒 การแก้ไขและคำแนะนำ แม้ Microsoft ยังไม่ได้ออกแพตช์อย่างเป็นทางการ แต่ 0patch ได้ปล่อย micropatch เพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยเพิ่มการตรวจสอบ pointer ที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการ crash ผู้ใช้ Windows 7, Windows 10, Windows 11 และ Server 2008 R2 ควรรีบติดตั้ง micropatch หรือรอการอัปเดตจาก Microsoft เพื่อความปลอดภัย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ RasMan ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ➡️ ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถบังคับให้บริการ crash ได้ ➡️ ใช้ร่วมกับ CVE-2025-59230 เพื่อยกระดับสิทธิ์เป็น Local System ✅ ผลกระทบ ➡️ เสี่ยงต่อการยึดครองเครื่องเต็มรูปแบบ ➡️ อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีเครือข่ายอื่น ✅ การแก้ไข ➡️ 0patch ปล่อย micropatch แก้ไขแล้ว ➡️ Microsoft คาดว่าจะออกแพตช์ในอนาคต ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หากยังไม่ได้ติดตั้ง micropatch หรืออัปเดต มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี ⛔ ผู้ดูแลระบบควรตรวจสอบ log และระบบ monitoring เพื่อหาพฤติกรรมผิดปกติ https://securityonline.info/unpatched-windows-rasman-flaw-allows-unprivileged-crash-enabling-local-system-privilege-escalation-exploit/
    SECURITYONLINE.INFO
    Unpatched Windows RasMan Flaw Allows Unprivileged Crash, Enabling Local System Privilege Escalation Exploit
    0patch found an unpatched flaw in Windows RasMan that allows any user to crash the service on demand. This unprivileged crash is the necessary step to exploit the CVE-2025-59230 LPE flaw. Micropatch is available.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ใหม่ใน pgAdmin: RCE ผ่าน Database Restore

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยค้นพบช่องโหว่ CVE-2025-13780 ใน pgAdmin ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ PostgreSQL ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงสูง (CVSS 9.1) เนื่องจากสามารถทำให้เกิด Remote Code Execution (RCE) ได้ โดยอาศัยการโจมตีผ่านไฟล์ SQL dump ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบของระบบ

    กลไกการโจมตี
    ปัญหาเกิดจากการ mismatch ระหว่างฟังก์ชันกรองคำสั่ง (has_meta_commands()) และการทำงานของ psql utility โดยฟังก์ชันกรองใช้ regex ตรวจสอบไฟล์ SQL dump แต่ไม่สามารถจัดการกับ UTF-8 BOM (Byte Order Mark) ได้อย่างถูกต้อง ผู้โจมตีสามารถสร้างไฟล์ SQL dump ที่เริ่มต้นด้วย BOM และซ่อนคำสั่งอันตราย เช่น \! (ซึ่งใช้รันคำสั่ง shell) ทำให้ pgAdmin เข้าใจผิดว่าไฟล์ปลอดภัย แต่เมื่อส่งต่อให้ psql utility มันจะลบ BOM และรันคำสั่งอันตรายทันที

    ผลกระทบต่อระบบ
    หากการโจมตีสำเร็จ ผู้โจมตีสามารถ:
    เข้าถึงและยึดครองเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบ
    ขโมยหรือลบข้อมูลฐานข้อมูล
    ใช้เซิร์ฟเวอร์เป็นฐานในการโจมตีระบบอื่นในเครือข่าย

    ช่องโหว่นี้กระทบกับ pgAdmin เวอร์ชัน ≤ 9.10 โดยเฉพาะระบบที่รันใน server mode ซึ่งมีการ restore ฐานข้อมูลบ่อยครั้ง

    แนวทางแก้ไข
    ทีมพัฒนา pgAdmin ได้ออกแพตช์แก้ไขใน เวอร์ชัน 9.11 โดยเพิ่มการตรวจสอบ BOM และปรับปรุงการกรองคำสั่งอันตราย ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตทันที และตรวจสอบ log ของระบบเพื่อหาพฤติกรรมผิดปกติที่อาจบ่งชี้ถึงการโจมตี

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ CVE-2025-13780 ใน pgAdmin
    เกิดจากการ bypass filter ด้วย UTF-8 BOM
    ทำให้คำสั่ง shell ที่ซ่อนอยู่ถูก execute โดย psql

    ผลกระทบ
    เสี่ยงต่อการยึดครองเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบ
    ข้อมูลฐานข้อมูลอาจถูกขโมยหรือลบ

    การแก้ไข
    อัปเดต pgAdmin เป็นเวอร์ชัน 9.11
    ตรวจสอบ log และระบบ monitoring เพื่อหาพฤติกรรมผิดปกติ

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หากยังใช้เวอร์ชัน ≤ 9.10 มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี
    การ restore ฐานข้อมูลจากไฟล์ที่ไม่เชื่อถือได้อาจเปิดช่องให้เกิด RCE

    https://securityonline.info/critical-pgadmin-rce-cve-2025-13780-flaw-bypasses-fix-allowing-server-takeover-via-malicious-database-restore/
    🖥️ ช่องโหว่ใหม่ใน pgAdmin: RCE ผ่าน Database Restore นักวิจัยด้านความปลอดภัยค้นพบช่องโหว่ CVE-2025-13780 ใน pgAdmin ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ PostgreSQL ที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงสูง (CVSS 9.1) เนื่องจากสามารถทำให้เกิด Remote Code Execution (RCE) ได้ โดยอาศัยการโจมตีผ่านไฟล์ SQL dump ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบของระบบ ⚙️ กลไกการโจมตี ปัญหาเกิดจากการ mismatch ระหว่างฟังก์ชันกรองคำสั่ง (has_meta_commands()) และการทำงานของ psql utility โดยฟังก์ชันกรองใช้ regex ตรวจสอบไฟล์ SQL dump แต่ไม่สามารถจัดการกับ UTF-8 BOM (Byte Order Mark) ได้อย่างถูกต้อง ผู้โจมตีสามารถสร้างไฟล์ SQL dump ที่เริ่มต้นด้วย BOM และซ่อนคำสั่งอันตราย เช่น \! (ซึ่งใช้รันคำสั่ง shell) ทำให้ pgAdmin เข้าใจผิดว่าไฟล์ปลอดภัย แต่เมื่อส่งต่อให้ psql utility มันจะลบ BOM และรันคำสั่งอันตรายทันที 🌐 ผลกระทบต่อระบบ หากการโจมตีสำเร็จ ผู้โจมตีสามารถ: 🌀 เข้าถึงและยึดครองเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบ 🌀 ขโมยหรือลบข้อมูลฐานข้อมูล 🌀 ใช้เซิร์ฟเวอร์เป็นฐานในการโจมตีระบบอื่นในเครือข่าย ช่องโหว่นี้กระทบกับ pgAdmin เวอร์ชัน ≤ 9.10 โดยเฉพาะระบบที่รันใน server mode ซึ่งมีการ restore ฐานข้อมูลบ่อยครั้ง 🔒 แนวทางแก้ไข ทีมพัฒนา pgAdmin ได้ออกแพตช์แก้ไขใน เวอร์ชัน 9.11 โดยเพิ่มการตรวจสอบ BOM และปรับปรุงการกรองคำสั่งอันตราย ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตทันที และตรวจสอบ log ของระบบเพื่อหาพฤติกรรมผิดปกติที่อาจบ่งชี้ถึงการโจมตี 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-13780 ใน pgAdmin ➡️ เกิดจากการ bypass filter ด้วย UTF-8 BOM ➡️ ทำให้คำสั่ง shell ที่ซ่อนอยู่ถูก execute โดย psql ✅ ผลกระทบ ➡️ เสี่ยงต่อการยึดครองเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบ ➡️ ข้อมูลฐานข้อมูลอาจถูกขโมยหรือลบ ✅ การแก้ไข ➡️ อัปเดต pgAdmin เป็นเวอร์ชัน 9.11 ➡️ ตรวจสอบ log และระบบ monitoring เพื่อหาพฤติกรรมผิดปกติ ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หากยังใช้เวอร์ชัน ≤ 9.10 มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี ⛔ การ restore ฐานข้อมูลจากไฟล์ที่ไม่เชื่อถือได้อาจเปิดช่องให้เกิด RCE https://securityonline.info/critical-pgadmin-rce-cve-2025-13780-flaw-bypasses-fix-allowing-server-takeover-via-malicious-database-restore/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical pgAdmin RCE (CVE-2025-13780) Flaw Bypasses Fix, Allowing Server Takeover Via Malicious Database Restore
    A critical RCE flaw (CVSS 9.1) in pgAdmin bypasses security via a UTF-8 BOM parsing mismatch. It allows attackers to execute root commands during a database restore operation. Update immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ใหม่ใน Plesk: เสี่ยงยึดครองเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบ

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ CVE-2025-66430 ใน Plesk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดการเว็บโฮสติ้งยอดนิยม ช่องโหว่นี้มีความรุนแรงสูง เนื่องจากสามารถนำไปสู่การยึดครองเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดได้ โดยอาศัยการโจมตีแบบ Local Privilege Escalation (LPE) และการแก้ไขค่าใน Apache Config ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงสิทธิ์ระดับ root

    กลไกการโจมตี
    ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบในระดับต่ำสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อเพิ่มสิทธิ์เป็น root จากนั้นสามารถแก้ไขการตั้งค่า Apache Config เพื่อฝังโค้ดอันตรายหรือเปลี่ยนเส้นทางการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ได้ การโจมตีลักษณะนี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบได้เต็มรูปแบบ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ การแก้ไขเว็บไซต์ และการติดตั้งมัลแวร์

    ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
    เนื่องจาก Plesk ถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งและองค์กรต่าง ๆ ช่องโหว่นี้จึงมีผลกระทบในวงกว้าง หากถูกโจมตี อาจทำให้ข้อมูลลูกค้ารั่วไหล เว็บไซต์ถูกเปลี่ยนแปลง หรือระบบถูกใช้เป็นฐานโจมตีต่อไปยังเป้าหมายอื่น ๆ ถือเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงต่อทั้งธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วไป

    แนวทางแก้ไข
    ทีมพัฒนา Plesk ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที พร้อมทั้งตรวจสอบการตั้งค่า Apache และสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้ในระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ควรมีการตรวจสอบ log และระบบ monitoring เพื่อหาพฤติกรรมผิดปกติ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ CVE-2025-66430 ใน Plesk
    เกิดจากการโจมตีแบบ Local Privilege Escalation (LPE)
    สามารถฉีดค่าเข้าไปใน Apache Config เพื่อควบคุมเซิร์ฟเวอร์

    ผลกระทบ
    ผู้โจมตีสามารถยึดครองเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบ
    เสี่ยงต่อการรั่วไหลข้อมูลและการติดตั้งมัลแวร์

    การแก้ไข
    อัปเดต Plesk เป็นเวอร์ชันล่าสุดที่มีแพตช์แก้ไข
    ตรวจสอบ Apache Config และสิทธิ์ผู้ใช้ในระบบ

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หากยังใช้เวอร์ชันที่มีช่องโหว่ มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกยึดครองเซิร์ฟเวอร์
    การละเลยการอัปเดตอาจทำให้ระบบถูกใช้เป็นฐานโจมตีต่อเป้าหมายอื่น

    https://securityonline.info/critical-plesk-flaw-cve-2025-66430-risks-full-server-takeover-via-lpe-and-apache-config-injection/
    ⚠️ ช่องโหว่ใหม่ใน Plesk: เสี่ยงยึดครองเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบ นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้ค้นพบช่องโหว่ CVE-2025-66430 ใน Plesk ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดการเว็บโฮสติ้งยอดนิยม ช่องโหว่นี้มีความรุนแรงสูง เนื่องจากสามารถนำไปสู่การยึดครองเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดได้ โดยอาศัยการโจมตีแบบ Local Privilege Escalation (LPE) และการแก้ไขค่าใน Apache Config ที่เปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงสิทธิ์ระดับ root 🛠️ กลไกการโจมตี ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์เข้าถึงระบบในระดับต่ำสามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อเพิ่มสิทธิ์เป็น root จากนั้นสามารถแก้ไขการตั้งค่า Apache Config เพื่อฝังโค้ดอันตรายหรือเปลี่ยนเส้นทางการทำงานของเซิร์ฟเวอร์ได้ การโจมตีลักษณะนี้ทำให้ผู้โจมตีสามารถควบคุมระบบได้เต็มรูปแบบ รวมถึงการเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้ การแก้ไขเว็บไซต์ และการติดตั้งมัลแวร์ 🌐 ผลกระทบต่อผู้ใช้งาน เนื่องจาก Plesk ถูกใช้อย่างแพร่หลายโดยผู้ให้บริการเว็บโฮสติ้งและองค์กรต่าง ๆ ช่องโหว่นี้จึงมีผลกระทบในวงกว้าง หากถูกโจมตี อาจทำให้ข้อมูลลูกค้ารั่วไหล เว็บไซต์ถูกเปลี่ยนแปลง หรือระบบถูกใช้เป็นฐานโจมตีต่อไปยังเป้าหมายอื่น ๆ ถือเป็นความเสี่ยงที่ร้ายแรงต่อทั้งธุรกิจและผู้ใช้งานทั่วไป 🔒 แนวทางแก้ไข ทีมพัฒนา Plesk ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที พร้อมทั้งตรวจสอบการตั้งค่า Apache และสิทธิ์การเข้าถึงของผู้ใช้ในระบบ เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ควรมีการตรวจสอบ log และระบบ monitoring เพื่อหาพฤติกรรมผิดปกติ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-66430 ใน Plesk ➡️ เกิดจากการโจมตีแบบ Local Privilege Escalation (LPE) ➡️ สามารถฉีดค่าเข้าไปใน Apache Config เพื่อควบคุมเซิร์ฟเวอร์ ✅ ผลกระทบ ➡️ ผู้โจมตีสามารถยึดครองเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบ ➡️ เสี่ยงต่อการรั่วไหลข้อมูลและการติดตั้งมัลแวร์ ✅ การแก้ไข ➡️ อัปเดต Plesk เป็นเวอร์ชันล่าสุดที่มีแพตช์แก้ไข ➡️ ตรวจสอบ Apache Config และสิทธิ์ผู้ใช้ในระบบ ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หากยังใช้เวอร์ชันที่มีช่องโหว่ มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกยึดครองเซิร์ฟเวอร์ ⛔ การละเลยการอัปเดตอาจทำให้ระบบถูกใช้เป็นฐานโจมตีต่อเป้าหมายอื่น https://securityonline.info/critical-plesk-flaw-cve-2025-66430-risks-full-server-takeover-via-lpe-and-apache-config-injection/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical Plesk Flaw (CVE-2025-66430) Risks Full Server Takeover via LPE and Apache Config Injection
    A critical LPE flaw (CVSS 9.1) in Plesk's Password-Protected Directories allows Apache configuration injection. Any Plesk user can execute root commands and achieve full server takeover. Update immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ Hard-Coded Key ใน Apache StreamPark

    นักพัฒนาของ Apache StreamPark ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ CVE-2025-54947 ซึ่งเกิดจากการใช้คีย์เข้ารหัสที่ถูกฝังอยู่ในซอฟต์แวร์ (hard-coded key) แทนที่จะสร้างคีย์ใหม่สำหรับแต่ละการติดตั้ง การใช้คีย์แบบตายตัวนี้เปรียบเสมือน “กุญแจหลัก” ที่ทุกคนสามารถค้นพบได้ หากผู้โจมตีทำการ reverse engineering ก็สามารถนำคีย์นี้ไปใช้ถอดรหัสข้อมูลหรือปลอมแปลงโทเค็นได้ทันที

    การใช้ AES-ECB Mode ที่ไม่ปลอดภัย
    อีกหนึ่งช่องโหว่คือ CVE-2025-54981 ซึ่งเกิดจากการใช้โหมด AES-ECB ในการเข้ารหัสข้อมูล โหมดนี้มีข้อเสียตรงที่ยังคงรักษาลักษณะของข้อมูลต้นฉบับไว้ ทำให้ผู้โจมตีสามารถวิเคราะห์รูปแบบและเจาะระบบได้ง่ายขึ้น เมื่อรวมกับการใช้ random number generator ที่ไม่แข็งแรง ช่องโหว่นี้ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการปลอมแปลง JWT tokens และข้อมูลการยืนยันตัวตนอื่น ๆ

    ผลกระทบต่อระบบ Cloud และ IoT
    Apache StreamPark เป็นเฟรมเวิร์กที่นิยมใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบสตรีมมิ่งและระบบ cloud-native ดังนั้นช่องโหว่นี้อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อองค์กรที่ใช้แพลตฟอร์มดังกล่าว โดยเฉพาะระบบที่ต้องพึ่งพาการเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล หากไม่ได้อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีและข้อมูลรั่วไหลในระดับใหญ่

    แนวทางแก้ไขและคำแนะนำ
    ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดต Apache StreamPark เป็นเวอร์ชัน 2.1.7 ซึ่งได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งตรวจสอบระบบที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสว่ามีการใช้โหมดที่ปลอดภัย เช่น AES-GCM หรือ AES-CBC แทน ECB และควรมีการจัดการคีย์เข้ารหัสอย่างถูกต้อง ไม่ใช้คีย์ที่ฝังอยู่ในซอฟต์แวร์

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ CVE-2025-54947
    เกิดจากการใช้ hard-coded key ในการเข้ารหัส
    ผู้โจมตีสามารถ reverse engineering เพื่อหาคีย์และปลอมแปลงข้อมูลได้

    ช่องโหว่ CVE-2025-54981
    ใช้ AES-ECB mode ที่ไม่ปลอดภัย
    เสี่ยงต่อการปลอมแปลง JWT tokens และข้อมูลยืนยันตัวตน

    ผลกระทบต่อระบบ
    กระทบระบบ cloud-native และแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งที่ใช้ StreamPark
    อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลและระบบถูกยึดครอง

    แนวทางแก้ไข
    อัปเดตเป็น Apache StreamPark เวอร์ชัน 2.1.7
    ใช้โหมดเข้ารหัสที่ปลอดภัยและจัดการคีย์อย่างถูกต้อง

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หากยังใช้เวอร์ชัน 2.0.0–2.1.6 มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี
    การใช้ AES-ECB และ hard-coded key ถือเป็นการละเมิดหลักการเข้ารหัสที่ปลอดภัย

    https://securityonline.info/apache-streampark-flaw-risks-data-decryption-token-forgery-via-hard-coded-key-and-aes-ecb-mode/
    🔑 ช่องโหว่ Hard-Coded Key ใน Apache StreamPark นักพัฒนาของ Apache StreamPark ได้ออกประกาศเตือนถึงช่องโหว่ CVE-2025-54947 ซึ่งเกิดจากการใช้คีย์เข้ารหัสที่ถูกฝังอยู่ในซอฟต์แวร์ (hard-coded key) แทนที่จะสร้างคีย์ใหม่สำหรับแต่ละการติดตั้ง การใช้คีย์แบบตายตัวนี้เปรียบเสมือน “กุญแจหลัก” ที่ทุกคนสามารถค้นพบได้ หากผู้โจมตีทำการ reverse engineering ก็สามารถนำคีย์นี้ไปใช้ถอดรหัสข้อมูลหรือปลอมแปลงโทเค็นได้ทันที 🧩 การใช้ AES-ECB Mode ที่ไม่ปลอดภัย อีกหนึ่งช่องโหว่คือ CVE-2025-54981 ซึ่งเกิดจากการใช้โหมด AES-ECB ในการเข้ารหัสข้อมูล โหมดนี้มีข้อเสียตรงที่ยังคงรักษาลักษณะของข้อมูลต้นฉบับไว้ ทำให้ผู้โจมตีสามารถวิเคราะห์รูปแบบและเจาะระบบได้ง่ายขึ้น เมื่อรวมกับการใช้ random number generator ที่ไม่แข็งแรง ช่องโหว่นี้ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการปลอมแปลง JWT tokens และข้อมูลการยืนยันตัวตนอื่น ๆ ☁️ ผลกระทบต่อระบบ Cloud และ IoT Apache StreamPark เป็นเฟรมเวิร์กที่นิยมใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชันแบบสตรีมมิ่งและระบบ cloud-native ดังนั้นช่องโหว่นี้อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อองค์กรที่ใช้แพลตฟอร์มดังกล่าว โดยเฉพาะระบบที่ต้องพึ่งพาการเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัยของข้อมูล หากไม่ได้อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีและข้อมูลรั่วไหลในระดับใหญ่ 🔒 แนวทางแก้ไขและคำแนะนำ ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดต Apache StreamPark เป็นเวอร์ชัน 2.1.7 ซึ่งได้แก้ไขปัญหาดังกล่าวแล้ว พร้อมทั้งตรวจสอบระบบที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสว่ามีการใช้โหมดที่ปลอดภัย เช่น AES-GCM หรือ AES-CBC แทน ECB และควรมีการจัดการคีย์เข้ารหัสอย่างถูกต้อง ไม่ใช้คีย์ที่ฝังอยู่ในซอฟต์แวร์ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-54947 ➡️ เกิดจากการใช้ hard-coded key ในการเข้ารหัส ➡️ ผู้โจมตีสามารถ reverse engineering เพื่อหาคีย์และปลอมแปลงข้อมูลได้ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-54981 ➡️ ใช้ AES-ECB mode ที่ไม่ปลอดภัย ➡️ เสี่ยงต่อการปลอมแปลง JWT tokens และข้อมูลยืนยันตัวตน ✅ ผลกระทบต่อระบบ ➡️ กระทบระบบ cloud-native และแอปพลิเคชันสตรีมมิ่งที่ใช้ StreamPark ➡️ อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลและระบบถูกยึดครอง ✅ แนวทางแก้ไข ➡️ อัปเดตเป็น Apache StreamPark เวอร์ชัน 2.1.7 ➡️ ใช้โหมดเข้ารหัสที่ปลอดภัยและจัดการคีย์อย่างถูกต้อง ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หากยังใช้เวอร์ชัน 2.0.0–2.1.6 มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี ⛔ การใช้ AES-ECB และ hard-coded key ถือเป็นการละเมิดหลักการเข้ารหัสที่ปลอดภัย https://securityonline.info/apache-streampark-flaw-risks-data-decryption-token-forgery-via-hard-coded-key-and-aes-ecb-mode/
    SECURITYONLINE.INFO
    Apache StreamPark Flaw Risks Data Decryption & Token Forgery via Hard-Coded Key and AES ECB Mode
    A critical flaw in Apache StreamPark uses a hard-coded encryption key and the insecure AES ECB mode, risking data decryption and JWT authentication token forgery. Update to v2.1.7 immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ใหม่ใน ImageMagick: PSX TIM Integer Overflow

    ImageMagick ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สยอดนิยมสำหรับการจัดการภาพ ถูกค้นพบว่ามีช่องโหว่ร้ายแรงในตัวแปลไฟล์ PSX TIM ที่ใช้ในยุคเครื่อง PlayStation รุ่นแรก ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่า CVE-2025-66628 โดยมีคะแนนความรุนแรงสูง (CVSS 7.5) เนื่องจากสามารถทำให้เกิดการอ่านข้อมูลหน่วยความจำที่ไม่ควรเข้าถึงได้บนระบบ 32-bit

    กลไกการโจมตีและผลกระทบ
    สาเหตุเกิดจากการคำนวณขนาดภาพที่ผิดพลาดในฟังก์ชัน ReadTIMImage ซึ่งใช้สูตร image_size = 2 * width * height โดยไม่ตรวจสอบการ overflow หากผู้โจมตีสร้างไฟล์ TIM ที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติ เช่น 65535 x 65535 โปรแกรมจะจัดสรรหน่วยความจำผิดพลาด ทำให้เกิดการอ่านข้อมูลเกินขอบเขต (Out-of-Bounds Read) ซึ่งอาจเปิดเผยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน, คีย์เข้ารหัส หรือ session data

    การแก้ไขและข้อแนะนำ
    ทีมพัฒนาได้แก้ไขปัญหาใน ImageMagick เวอร์ชัน 7.1.2-10 โดยเพิ่มการตรวจสอบ overflow เพื่อป้องกันการ wraparound ของค่าคำนวณ ผู้ดูแลระบบที่ยังใช้เวอร์ชันก่อนหน้า (≤ 7.1.2-9) โดยเฉพาะบนเซิร์ฟเวอร์ 32-bit และอุปกรณ์ IoT ควรรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

    มุมมองเพิ่มเติมจากโลกไซเบอร์
    แม้ไฟล์ PSX TIM จะเป็นฟอร์แมตเก่าจากยุคเกมคอนโซล แต่การที่มันยังถูกสนับสนุนในซอฟต์แวร์สมัยใหม่สะท้อนถึงความเสี่ยงจาก legacy formats ที่อาจถูกนำมาใช้โจมตีในปัจจุบัน นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า การสนับสนุนฟอร์แมตที่ไม่จำเป็นควรถูกจำกัด และควรมีการตรวจสอบโค้ดอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาศัยไฟล์เก่าเหล่านี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ CVE-2025-66628 ใน ImageMagick
    เกิดจากการประมวลผลไฟล์ PSX TIM ที่มีค่า width/height เกินขอบเขต
    ทำให้เกิดการจัดสรรหน่วยความจำผิดพลาดและอ่านข้อมูลเกินขอบเขต

    ผลกระทบ
    ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านและคีย์เข้ารหัส
    กระทบระบบ 32-bit และอุปกรณ์ IoT ที่ยังใช้งานเวอร์ชันเก่า

    การแก้ไข
    ปัญหาถูกแก้ในเวอร์ชัน 7.1.2-10 โดยเพิ่มการตรวจสอบ overflow
    ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัย

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หากยังใช้เวอร์ชัน ≤ 7.1.2-9 มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี
    การสนับสนุนไฟล์ legacy format อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีในอนาคต

    https://securityonline.info/imagemagick-flaw-risks-arbitrary-memory-disclosure-via-psx-tim-file-integer-overflow-on-32-bit-systems/
    🖼️ ช่องโหว่ใหม่ใน ImageMagick: PSX TIM Integer Overflow ImageMagick ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สยอดนิยมสำหรับการจัดการภาพ ถูกค้นพบว่ามีช่องโหว่ร้ายแรงในตัวแปลไฟล์ PSX TIM ที่ใช้ในยุคเครื่อง PlayStation รุ่นแรก ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่า CVE-2025-66628 โดยมีคะแนนความรุนแรงสูง (CVSS 7.5) เนื่องจากสามารถทำให้เกิดการอ่านข้อมูลหน่วยความจำที่ไม่ควรเข้าถึงได้บนระบบ 32-bit ⚙️ กลไกการโจมตีและผลกระทบ สาเหตุเกิดจากการคำนวณขนาดภาพที่ผิดพลาดในฟังก์ชัน ReadTIMImage ซึ่งใช้สูตร image_size = 2 * width * height โดยไม่ตรวจสอบการ overflow หากผู้โจมตีสร้างไฟล์ TIM ที่มีขนาดใหญ่ผิดปกติ เช่น 65535 x 65535 โปรแกรมจะจัดสรรหน่วยความจำผิดพลาด ทำให้เกิดการอ่านข้อมูลเกินขอบเขต (Out-of-Bounds Read) ซึ่งอาจเปิดเผยข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่าน, คีย์เข้ารหัส หรือ session data 🔒 การแก้ไขและข้อแนะนำ ทีมพัฒนาได้แก้ไขปัญหาใน ImageMagick เวอร์ชัน 7.1.2-10 โดยเพิ่มการตรวจสอบ overflow เพื่อป้องกันการ wraparound ของค่าคำนวณ ผู้ดูแลระบบที่ยังใช้เวอร์ชันก่อนหน้า (≤ 7.1.2-9) โดยเฉพาะบนเซิร์ฟเวอร์ 32-bit และอุปกรณ์ IoT ควรรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต 🌐 มุมมองเพิ่มเติมจากโลกไซเบอร์ แม้ไฟล์ PSX TIM จะเป็นฟอร์แมตเก่าจากยุคเกมคอนโซล แต่การที่มันยังถูกสนับสนุนในซอฟต์แวร์สมัยใหม่สะท้อนถึงความเสี่ยงจาก legacy formats ที่อาจถูกนำมาใช้โจมตีในปัจจุบัน นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่า การสนับสนุนฟอร์แมตที่ไม่จำเป็นควรถูกจำกัด และควรมีการตรวจสอบโค้ดอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการโจมตีที่อาศัยไฟล์เก่าเหล่านี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-66628 ใน ImageMagick ➡️ เกิดจากการประมวลผลไฟล์ PSX TIM ที่มีค่า width/height เกินขอบเขต ➡️ ทำให้เกิดการจัดสรรหน่วยความจำผิดพลาดและอ่านข้อมูลเกินขอบเขต ✅ ผลกระทบ ➡️ ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญ เช่น รหัสผ่านและคีย์เข้ารหัส ➡️ กระทบระบบ 32-bit และอุปกรณ์ IoT ที่ยังใช้งานเวอร์ชันเก่า ✅ การแก้ไข ➡️ ปัญหาถูกแก้ในเวอร์ชัน 7.1.2-10 โดยเพิ่มการตรวจสอบ overflow ➡️ ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัย ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หากยังใช้เวอร์ชัน ≤ 7.1.2-9 มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกโจมตี ⛔ การสนับสนุนไฟล์ legacy format อาจเปิดช่องให้เกิดการโจมตีในอนาคต https://securityonline.info/imagemagick-flaw-risks-arbitrary-memory-disclosure-via-psx-tim-file-integer-overflow-on-32-bit-systems/
    SECURITYONLINE.INFO
    ImageMagick Flaw Risks Arbitrary Memory Disclosure via PSX TIM File Integer Overflow on 32-bit Systems
    A High-severity (CVSS 7.5) flaw in ImageMagick's PSX TIM parser allows Arbitrary Memory Disclosure on 32-bit systems via an integer overflow. Patch immediately to v7.1.2-10.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ใหม่ใน Linux Kernel

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้เปิดเผยช่องโหว่ Use-After-Free (UAF) ในฟีเจอร์ io_uring ของ Linux Kernel ซึ่งถูกใช้เพื่อหลอกระบบ BPF Verifier ให้เชื่อว่าซอร์สโค้ดที่ไม่ปลอดภัยนั้นปลอดภัย ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงหน่วยความจำของ Kernel ได้โดยตรง และทำการ Container Escape ออกจากสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัดสิทธิ์

    กลไกการโจมตี
    ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการหน่วยความจำผิดพลาดใน io_uring ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสร้างเงื่อนไข Use-After-Free และใช้ประโยชน์จากการตรวจสอบที่ผิดพลาดของ BPF Verifier เมื่อโค้ดที่ควรถูกบล็อกกลับถูกอนุญาตให้ทำงาน ผู้โจมตีจึงสามารถรันคำสั่งที่เข้าถึง Kernel Memory ได้โดยตรง ซึ่งเป็นการเปิดทางไปสู่การยกระดับสิทธิ์และการหลบหนีจาก Container

    ผลกระทบต่อระบบ
    ช่องโหว่นี้มีผลกระทบอย่างมากต่อระบบที่ใช้ Linux Kernel เวอร์ชันใหม่ตั้งแต่ 5.4 ขึ้นไป โดยเฉพาะระบบ Cloud และ Container ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงฟีเจอร์ BPF หากถูกโจมตีสำเร็จ ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root และเข้าถึงระบบ Host ได้ทันที ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน

    แนวทางป้องกัน
    ผู้ดูแลระบบควรรีบตรวจสอบเวอร์ชัน Kernel ที่ใช้งาน และติดตั้ง Patch ล่าสุด จากทีมพัฒนา Linux รวมถึงการ ปิดการใช้งาน io_uring ชั่วคราว หากไม่จำเป็น และใช้เครื่องมือ eBPF Monitoring เช่น Falco หรือ Tetragon เพื่อตรวจจับการเรียกใช้งาน io_uring ที่ผิดปกติ

    สรุปสาระสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่
    เกิดจาก Use-After-Free ใน io_uring
    ใช้หลอก BPF Verifier ให้ยอมรับโค้ดอันตราย

    ผลกระทบ
    เสี่ยงต่อการ Container Escape
    ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root

    แนวทางป้องกัน
    อัปเดต Kernel ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
    ปิด io_uring หากไม่จำเป็น
    ใช้ eBPF Tools ตรวจสอบการเรียกใช้งานผิดปกติ

    คำเตือน
    ระบบ Cloud และ Container ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึง BPF มีความเสี่ยงสูง
    หากไม่อัปเดต Kernel อาจถูกโจมตีและเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้

    https://securityonline.info/linux-kernel-io_uring-uaf-flaw-used-to-cheat-bpf-verifier-and-achieve-container-escape-poc-releases/
    🛡️ ช่องโหว่ใหม่ใน Linux Kernel นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้เปิดเผยช่องโหว่ Use-After-Free (UAF) ในฟีเจอร์ io_uring ของ Linux Kernel ซึ่งถูกใช้เพื่อหลอกระบบ BPF Verifier ให้เชื่อว่าซอร์สโค้ดที่ไม่ปลอดภัยนั้นปลอดภัย ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถเข้าถึงหน่วยความจำของ Kernel ได้โดยตรง และทำการ Container Escape ออกจากสภาพแวดล้อมที่ถูกจำกัดสิทธิ์ ⚙️ กลไกการโจมตี ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการหน่วยความจำผิดพลาดใน io_uring ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสร้างเงื่อนไข Use-After-Free และใช้ประโยชน์จากการตรวจสอบที่ผิดพลาดของ BPF Verifier เมื่อโค้ดที่ควรถูกบล็อกกลับถูกอนุญาตให้ทำงาน ผู้โจมตีจึงสามารถรันคำสั่งที่เข้าถึง Kernel Memory ได้โดยตรง ซึ่งเป็นการเปิดทางไปสู่การยกระดับสิทธิ์และการหลบหนีจาก Container 🌐 ผลกระทบต่อระบบ ช่องโหว่นี้มีผลกระทบอย่างมากต่อระบบที่ใช้ Linux Kernel เวอร์ชันใหม่ตั้งแต่ 5.4 ขึ้นไป โดยเฉพาะระบบ Cloud และ Container ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึงฟีเจอร์ BPF หากถูกโจมตีสำเร็จ ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root และเข้าถึงระบบ Host ได้ทันที ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัยของข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐาน 🔧 แนวทางป้องกัน ผู้ดูแลระบบควรรีบตรวจสอบเวอร์ชัน Kernel ที่ใช้งาน และติดตั้ง Patch ล่าสุด จากทีมพัฒนา Linux รวมถึงการ ปิดการใช้งาน io_uring ชั่วคราว หากไม่จำเป็น และใช้เครื่องมือ eBPF Monitoring เช่น Falco หรือ Tetragon เพื่อตรวจจับการเรียกใช้งาน io_uring ที่ผิดปกติ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ ➡️ เกิดจาก Use-After-Free ใน io_uring ➡️ ใช้หลอก BPF Verifier ให้ยอมรับโค้ดอันตราย ✅ ผลกระทบ ➡️ เสี่ยงต่อการ Container Escape ➡️ ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root ✅ แนวทางป้องกัน ➡️ อัปเดต Kernel ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ➡️ ปิด io_uring หากไม่จำเป็น ➡️ ใช้ eBPF Tools ตรวจสอบการเรียกใช้งานผิดปกติ ‼️ คำเตือน ⛔ ระบบ Cloud และ Container ที่เปิดให้ผู้ใช้ทั่วไปเข้าถึง BPF มีความเสี่ยงสูง ⛔ หากไม่อัปเดต Kernel อาจถูกโจมตีและเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ https://securityonline.info/linux-kernel-io_uring-uaf-flaw-used-to-cheat-bpf-verifier-and-achieve-container-escape-poc-releases/
    SECURITYONLINE.INFO
    Linux Kernel io_uring UAF Flaw Used to Cheat BPF Verifier and Achieve Container Escape, PoC Releases
    A high-severity UAF (CVE-2025-40364) in Linux io_uring allows root RCE. Researchers demonstrated two kill chains: cheating the BPF verifier and using Dirty Pagetables for container escape. Patch immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251213 #securityonline

    Core Banking System Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Fineract
    เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบธนาคารดิจิทัล Apache Fineract ที่ใช้กันทั่วโลก โดยมีช่องโหว่หลักคือ IDOR (Insecure Direct Object Reference) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนพารามิเตอร์ เช่น user ID หรือ account number เพื่อเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าคนอื่นได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ นอกจากนี้ยังพบปัญหานโยบายรหัสผ่านที่อ่อนแอ และการเก็บ server key ที่ไม่ถูกป้องกันอย่างเหมาะสม ทีม Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้อัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด
    https://securityonline.info/core-banking-system-flaw-apache-fineract-idor-risks-authorization-bypass-customer-data-access

    React Patches Two New Flaws: ช่องโหว่ใหม่ใน React Server Components
    หลังจากที่ React เพิ่งแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงไปไม่นาน นักวิจัยก็พบช่องโหว่ใหม่อีกสองรายการ ช่องโหว่แรกคือการโจมตีแบบ DoS ที่สามารถทำให้เซิร์ฟเวอร์หยุดทำงานได้ทันทีด้วยการส่ง request ที่ออกแบบมาเฉพาะ ส่วนอีกช่องโหว่หนึ่งคือการเปิดเผย source code ของ server function ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง แม้จะไม่ถึงขั้นยึดระบบได้ แต่ก็ถือว่าเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลภายใน ทีม React ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้วและแนะนำให้อัปเดตทันที
    https://securityonline.info/react-patches-two-new-flaws-risking-server-crashing-dos-and-source-code-disclosure

    Farewell, Tabs: Google เปิดตัวเบราว์เซอร์ AI ชื่อ Disco
    Google Labs กำลังทดลองเบราว์เซอร์ใหม่ชื่อ Disco ที่ใช้ AI มาช่วยจัดการแท็บและสร้าง web apps แบบโต้ตอบได้ทันที จุดเด่นคือระบบ GenTab ที่สามารถเปลี่ยนข้อมูลจากเว็บให้กลายเป็น Progressive Web Apps เช่น การสร้าง itinerary ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้เหมือนแอปจริงๆ เบราว์เซอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบบน macOS และเปิดให้ลงชื่อเข้าร่วมใน waitlist เท่านั้น ถือเป็นการทดลองที่อาจเปลี่ยนวิธีการใช้งานเว็บในอนาคต
    https://securityonline.info/farewell-tabs-googles-experimental-disco-browser-generates-web-apps-with-ai

    YouTube TV Plans: สตรีมมิ่งกำลังกลับไปเป็นเคเบิลอีกครั้ง
    YouTube TV ประกาศว่าจะปรับรูปแบบการสมัครสมาชิกใหม่ในปี 2026 โดยเปลี่ยนจากแพ็กเกจรวมทั้งหมดเป็นการเลือก bundle ตามความสนใจ เช่น Sports, News หรือ Family & Entertainment ผู้ใช้สามารถเลือกเฉพาะหมวดที่ต้องการได้ ซึ่งอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายเพื่อคอนเทนต์ที่ไม่ดู อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่านี่คือการย้อนกลับไปสู่โมเดลเคเบิลทีวีในอดีตที่เคยถูกวิจารณ์ว่าไม่ยืดหยุ่น
    https://securityonline.info/youtube-tvs-new-subscription-bundles-is-streaming-becoming-cable-all-over-again

    The “USB-C of AI”: Google เปิดตัว Managed Servers สำหรับ MCP Protocol
    Google ประกาศสนับสนุนเต็มรูปแบบต่อ MCP (Model Context Protocol) ที่ถูกเรียกว่า “USB-C ของ AI” เพราะเป็นมาตรฐานกลางที่ทำให้ AI เชื่อมต่อกับบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดย Google เปิดตัว managed servers ที่รองรับ MCP ทำให้ AI agents สามารถใช้งาน Google Maps, BigQuery และจัดการโครงสร้างพื้นฐานบน Cloud ได้โดยตรงโดยไม่ต้องสร้าง integration เอง นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ AI สามารถทำงานเชิงปฏิบัติได้จริงและปลอดภัยมากขึ้น
    https://securityonline.info/the-usb-c-of-ai-is-here-google-launches-managed-servers-for-mcp-protocol

    The AI Super-App: Photoshop & Adobe Express รวมพลังกับ ChatGPT
    Adobe กำลังยกระดับการใช้งาน AI โดยการรวม Photoshop และ Adobe Express เข้ากับ ChatGPT ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้านการออกแบบและแก้ไขภาพได้ด้วยข้อความ เช่น การปรับแต่งรูปภาพหรือสร้างงานกราฟิกใหม่โดยไม่ต้องเปิดโปรแกรมแยกต่างหาก นี่คือการก้าวสู่ “AI Super-App” ที่รวมเครื่องมือสร้างสรรค์เข้ากับระบบสนทนาอัจฉริยะ เพื่อให้การทำงานด้านครีเอทีฟเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้น
    https://securityonline.info/the-ai-super-app-rises-photoshop-adobe-express-integrate-into-chatgpt

    The IP Wall Falls: Disney ลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI
    Disney สร้างความฮือฮาด้วยการลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อเปิดสิทธิ์ใช้ตัวละครกว่า 200 ตัวในระบบ AI นั่นหมายความว่า AI จะสามารถเข้าถึงและใช้ตัวละครจากจักรวาล Disney ได้อย่างถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกบันเทิงและเทคโนโลยี ที่อาจนำไปสู่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ผสมผสานระหว่าง AI และตัวละครที่คนทั่วโลกคุ้นเคย
    https://securityonline.info/the-ip-wall-falls-disney-invests-1b-in-openai-to-license-200-characters-for-ai

    OpenAI Fights Back: เปิดตัว GPT-5.2 ท้าชน Gemini 3 Pro
    OpenAI เปิดตัว GPT-5.2 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Gemini 3 Pro ของ Google จุดเด่นคือการปรับปรุงความสามารถในการ reasoning และการทำงานร่วมกับระบบภายนอกได้ดียิ่งขึ้น GPT-5.2 ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้เชิงกลยุทธ์ของ OpenAI เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโมเดลภาษา AI ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด
    https://securityonline.info/openai-fights-back-gpt-5-2-unveiled-to-rival-googles-gemini-3-pro

    Critical React2Shell Vulnerability: ช่องโหว่ใหม่โจมตีบริการ RSC ทั่วโลก
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ร้ายแรงชื่อ React2Shell (CVE-2025-55182) ที่กำลังถูกโจมตีเพิ่มขึ้นทั่วโลก ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อบริการที่ใช้ React Server Components (RSC) โดยผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์จากมันเพื่อเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้หลายองค์กรต้องเร่งอัปเดตและติดตั้งแพตช์เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจสร้างความเสียหายรุนแรง
    https://securityonline.info/critical-react2shell-vulnerability-cve-2025-55182-analysis-surge-in-attacks-targeting-rsc-enabled-services-worldwide
    📌🔐🟣 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟣🔐📌 #รวมข่าวIT #20251213 #securityonline 🛡️ Core Banking System Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Apache Fineract เรื่องนี้เป็นการเปิดเผยช่องโหว่ความปลอดภัยในระบบธนาคารดิจิทัล Apache Fineract ที่ใช้กันทั่วโลก โดยมีช่องโหว่หลักคือ IDOR (Insecure Direct Object Reference) ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถเปลี่ยนพารามิเตอร์ เช่น user ID หรือ account number เพื่อเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าคนอื่นได้โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ นอกจากนี้ยังพบปัญหานโยบายรหัสผ่านที่อ่อนแอ และการเก็บ server key ที่ไม่ถูกป้องกันอย่างเหมาะสม ทีม Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้อัปเกรดเป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อความปลอดภัยสูงสุด 🔗 https://securityonline.info/core-banking-system-flaw-apache-fineract-idor-risks-authorization-bypass-customer-data-access ⚠️ React Patches Two New Flaws: ช่องโหว่ใหม่ใน React Server Components หลังจากที่ React เพิ่งแก้ไขช่องโหว่ร้ายแรงไปไม่นาน นักวิจัยก็พบช่องโหว่ใหม่อีกสองรายการ ช่องโหว่แรกคือการโจมตีแบบ DoS ที่สามารถทำให้เซิร์ฟเวอร์หยุดทำงานได้ทันทีด้วยการส่ง request ที่ออกแบบมาเฉพาะ ส่วนอีกช่องโหว่หนึ่งคือการเปิดเผย source code ของ server function ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง แม้จะไม่ถึงขั้นยึดระบบได้ แต่ก็ถือว่าเสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลภายใน ทีม React ได้ออกเวอร์ชันแก้ไขแล้วและแนะนำให้อัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/react-patches-two-new-flaws-risking-server-crashing-dos-and-source-code-disclosure 🌐 Farewell, Tabs: Google เปิดตัวเบราว์เซอร์ AI ชื่อ Disco Google Labs กำลังทดลองเบราว์เซอร์ใหม่ชื่อ Disco ที่ใช้ AI มาช่วยจัดการแท็บและสร้าง web apps แบบโต้ตอบได้ทันที จุดเด่นคือระบบ GenTab ที่สามารถเปลี่ยนข้อมูลจากเว็บให้กลายเป็น Progressive Web Apps เช่น การสร้าง itinerary ที่ผู้ใช้สามารถใช้งานได้เหมือนแอปจริงๆ เบราว์เซอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบบน macOS และเปิดให้ลงชื่อเข้าร่วมใน waitlist เท่านั้น ถือเป็นการทดลองที่อาจเปลี่ยนวิธีการใช้งานเว็บในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/farewell-tabs-googles-experimental-disco-browser-generates-web-apps-with-ai 📺 YouTube TV Plans: สตรีมมิ่งกำลังกลับไปเป็นเคเบิลอีกครั้ง YouTube TV ประกาศว่าจะปรับรูปแบบการสมัครสมาชิกใหม่ในปี 2026 โดยเปลี่ยนจากแพ็กเกจรวมทั้งหมดเป็นการเลือก bundle ตามความสนใจ เช่น Sports, News หรือ Family & Entertainment ผู้ใช้สามารถเลือกเฉพาะหมวดที่ต้องการได้ ซึ่งอาจช่วยลดค่าใช้จ่ายสำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายเพื่อคอนเทนต์ที่ไม่ดู อย่างไรก็ตาม หลายคนมองว่านี่คือการย้อนกลับไปสู่โมเดลเคเบิลทีวีในอดีตที่เคยถูกวิจารณ์ว่าไม่ยืดหยุ่น 🔗 https://securityonline.info/youtube-tvs-new-subscription-bundles-is-streaming-becoming-cable-all-over-again 🔌 The “USB-C of AI”: Google เปิดตัว Managed Servers สำหรับ MCP Protocol Google ประกาศสนับสนุนเต็มรูปแบบต่อ MCP (Model Context Protocol) ที่ถูกเรียกว่า “USB-C ของ AI” เพราะเป็นมาตรฐานกลางที่ทำให้ AI เชื่อมต่อกับบริการต่างๆ ได้ง่ายขึ้น โดย Google เปิดตัว managed servers ที่รองรับ MCP ทำให้ AI agents สามารถใช้งาน Google Maps, BigQuery และจัดการโครงสร้างพื้นฐานบน Cloud ได้โดยตรงโดยไม่ต้องสร้าง integration เอง นี่ถือเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้ AI สามารถทำงานเชิงปฏิบัติได้จริงและปลอดภัยมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/the-usb-c-of-ai-is-here-google-launches-managed-servers-for-mcp-protocol 🎨 The AI Super-App: Photoshop & Adobe Express รวมพลังกับ ChatGPT Adobe กำลังยกระดับการใช้งาน AI โดยการรวม Photoshop และ Adobe Express เข้ากับ ChatGPT ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้านการออกแบบและแก้ไขภาพได้ด้วยข้อความ เช่น การปรับแต่งรูปภาพหรือสร้างงานกราฟิกใหม่โดยไม่ต้องเปิดโปรแกรมแยกต่างหาก นี่คือการก้าวสู่ “AI Super-App” ที่รวมเครื่องมือสร้างสรรค์เข้ากับระบบสนทนาอัจฉริยะ เพื่อให้การทำงานด้านครีเอทีฟเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้น 🔗 https://securityonline.info/the-ai-super-app-rises-photoshop-adobe-express-integrate-into-chatgpt 🏰 The IP Wall Falls: Disney ลงทุน 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI Disney สร้างความฮือฮาด้วยการลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ใน OpenAI เพื่อเปิดสิทธิ์ใช้ตัวละครกว่า 200 ตัวในระบบ AI นั่นหมายความว่า AI จะสามารถเข้าถึงและใช้ตัวละครจากจักรวาล Disney ได้อย่างถูกต้องตามลิขสิทธิ์ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกบันเทิงและเทคโนโลยี ที่อาจนำไปสู่การสร้างสรรค์คอนเทนต์ใหม่ๆ ที่ผสมผสานระหว่าง AI และตัวละครที่คนทั่วโลกคุ้นเคย 🔗 https://securityonline.info/the-ip-wall-falls-disney-invests-1b-in-openai-to-license-200-characters-for-ai 🤖 OpenAI Fights Back: เปิดตัว GPT-5.2 ท้าชน Gemini 3 Pro OpenAI เปิดตัว GPT-5.2 ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Gemini 3 Pro ของ Google จุดเด่นคือการปรับปรุงความสามารถในการ reasoning และการทำงานร่วมกับระบบภายนอกได้ดียิ่งขึ้น GPT-5.2 ถูกมองว่าเป็นการตอบโต้เชิงกลยุทธ์ของ OpenAI เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดโมเดลภาษา AI ที่กำลังแข่งขันกันอย่างดุเดือด 🔗 https://securityonline.info/openai-fights-back-gpt-5-2-unveiled-to-rival-googles-gemini-3-pro 🚨 Critical React2Shell Vulnerability: ช่องโหว่ใหม่โจมตีบริการ RSC ทั่วโลก นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบช่องโหว่ร้ายแรงชื่อ React2Shell (CVE-2025-55182) ที่กำลังถูกโจมตีเพิ่มขึ้นทั่วโลก ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อบริการที่ใช้ React Server Components (RSC) โดยผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์จากมันเพื่อเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้หลายองค์กรต้องเร่งอัปเดตและติดตั้งแพตช์เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจสร้างความเสียหายรุนแรง 🔗 https://securityonline.info/critical-react2shell-vulnerability-cve-2025-55182-analysis-surge-in-attacks-targeting-rsc-enabled-services-worldwide
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 543 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apache Airflow อุดช่องโหว่รั่วไหล Credential ผ่าน UI และ Template Rendering

    Apache Airflow ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการจัดการ workflow แบบโปรแกรม ถูกพบช่องโหว่ที่อาจทำให้ข้อมูลลับรั่วไหลสู่ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เข้าถึง UI โดยตรง ช่องโหว่แรก CVE-2025-65995 (ระดับ Moderate) เกิดขึ้นจากการที่ระบบแสดง DAG traceback ที่ละเอียดเกินไปเมื่อ workflow ล้มเหลว ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นค่า kwargs ที่ส่งไปยัง operator ซึ่งบางครั้งอาจมีข้อมูลลับ เช่น API keys หรือรหัสผ่าน

    ช่องโหว่ที่สอง CVE-2025-66388 (ระดับ Low) เกิดจากการที่ระบบ template rendering ไม่ได้ทำการ redaction ข้อมูลลับอย่างถูกต้อง ส่งผลให้ผู้ใช้ที่ไม่ควรมีสิทธิ์สามารถเห็นค่า secret ได้ในผลลัพธ์ที่ถูก render ออกมา ถือเป็นการทำลาย boundary ของการอนุญาต (authorization boundary)

    ทั้งสองช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อเวอร์ชันก่อนหน้า 3.1.4 และทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขเรียบร้อยแล้ว โดยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ โดยเฉพาะระบบที่มีการจัดการ workflow ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลทางการเงินหรือ API ที่เชื่อมต่อกับบริการภายนอก

    สรุปสาระสำคัญ
    ช่องโหว่ที่พบใน Apache Airflow
    CVE-2025-65995: DAG traceback แสดงข้อมูล kwargs ที่อาจมี secret
    CVE-2025-66388: Template rendering ไม่ redaction secret อย่างถูกต้อง

    ระดับความรุนแรง
    CVE-2025-65995: Moderate
    CVE-2025-66388: Low

    การแก้ไข
    ทีมพัฒนาออกแพตช์ในเวอร์ชัน 3.1.4

    คำเตือนสำหรับผู้ดูแลระบบ
    หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการรั่วไหล API keys และรหัสผ่าน
    การรั่วไหล credential อาจนำไปสู่การเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://securityonline.info/apache-airflow-flaws-leak-sensitive-credentials-in-ui-via-dag-tracebacks-template-rendering/
    ⏳ Apache Airflow อุดช่องโหว่รั่วไหล Credential ผ่าน UI และ Template Rendering Apache Airflow ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มยอดนิยมสำหรับการจัดการ workflow แบบโปรแกรม ถูกพบช่องโหว่ที่อาจทำให้ข้อมูลลับรั่วไหลสู่ผู้ใช้ที่มีสิทธิ์เข้าถึง UI โดยตรง ช่องโหว่แรก CVE-2025-65995 (ระดับ Moderate) เกิดขึ้นจากการที่ระบบแสดง DAG traceback ที่ละเอียดเกินไปเมื่อ workflow ล้มเหลว ทำให้ผู้ใช้สามารถเห็นค่า kwargs ที่ส่งไปยัง operator ซึ่งบางครั้งอาจมีข้อมูลลับ เช่น API keys หรือรหัสผ่าน ช่องโหว่ที่สอง CVE-2025-66388 (ระดับ Low) เกิดจากการที่ระบบ template rendering ไม่ได้ทำการ redaction ข้อมูลลับอย่างถูกต้อง ส่งผลให้ผู้ใช้ที่ไม่ควรมีสิทธิ์สามารถเห็นค่า secret ได้ในผลลัพธ์ที่ถูก render ออกมา ถือเป็นการทำลาย boundary ของการอนุญาต (authorization boundary) ทั้งสองช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อเวอร์ชันก่อนหน้า 3.1.4 และทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขเรียบร้อยแล้ว โดยแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญ โดยเฉพาะระบบที่มีการจัดการ workflow ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลทางการเงินหรือ API ที่เชื่อมต่อกับบริการภายนอก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ช่องโหว่ที่พบใน Apache Airflow ➡️ CVE-2025-65995: DAG traceback แสดงข้อมูล kwargs ที่อาจมี secret ➡️ CVE-2025-66388: Template rendering ไม่ redaction secret อย่างถูกต้อง ✅ ระดับความรุนแรง ➡️ CVE-2025-65995: Moderate ➡️ CVE-2025-66388: Low ✅ การแก้ไข ➡️ ทีมพัฒนาออกแพตช์ในเวอร์ชัน 3.1.4 ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ดูแลระบบ ⛔ หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการรั่วไหล API keys และรหัสผ่าน ⛔ การรั่วไหล credential อาจนำไปสู่การเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต https://securityonline.info/apache-airflow-flaws-leak-sensitive-credentials-in-ui-via-dag-tracebacks-template-rendering/
    SECURITYONLINE.INFO
    Apache Airflow Flaws Leak Sensitive Credentials in UI via DAG Tracebacks & Template Rendering
    Apache Airflow patched two flaws leaking sensitive credentials in the UI. The Moderate bug exposes secrets in DAG tracebacks (kwargs). Also fixed: secrets visible in rendered templates. Update to v3.1.4.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple รีบอุดช่องโหว่ WebKit Zero-Day หลังพบการโจมตีจริงต่อเป้าหมายระดับสูง

    Apple ประกาศแพตช์เร่งด่วนสำหรับ iPhone และ iPad หลังพบช่องโหว่ร้ายแรงใน WebKit ซึ่งเป็นเอนจินที่ใช้ในการแสดงผลเว็บเพจบน Safari และแอปพลิเคชันอื่น ๆ ช่องโหว่ทั้งสองถูกระบุว่าเป็น Zero-Day และกำลังถูกโจมตีจริงในโลกไซเบอร์ โดยผู้โจมตีสามารถฝังโค้ดอันตรายผ่านเว็บเพจหรือโฆษณาที่ถูกปรับแต่งมาเฉพาะ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงเครื่องโดยตรง

    ช่องโหว่แรก CVE-2025-43529 เป็นปัญหาแบบ Use-After-Free ซึ่งเกิดจากการจัดการหน่วยความจำผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดอันตรายได้ ส่วนช่องโหว่ที่สอง CVE-2025-14174 เป็นปัญหา Memory Corruption ที่อาจทำให้ระบบล่มหรือเปิดช่องทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลภายใน ทั้งสองช่องโหว่นี้ถูกค้นพบโดยทีม Google Threat Analysis Group (TAG) และ Apple เอง

    สิ่งที่น่ากังวลคือ Apple ระบุว่าการโจมตีครั้งนี้มีความซับซ้อนสูงและเจาะจงเป้าหมาย ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับการโจมตีโดย สปายแวร์ที่รัฐสนับสนุน โดยมักมุ่งเป้าไปที่บุคคลสำคัญ เช่น นักข่าว นักการทูต และนักกิจกรรมสิทธิมนุษยชน

    เพื่อป้องกันความเสี่ยง Apple แนะนำให้ผู้ใช้ อัปเดตเป็น iOS 26 หรือเวอร์ชันล่าสุดทันที เนื่องจากอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบครอบคลุมตั้งแต่ iPhone 11 ขึ้นไป รวมถึง iPad Pro, iPad Air, iPad รุ่นใหม่ และ iPad mini รุ่นล่าสุด หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่อาจนำแพตช์ไปย้อนวิเคราะห์เพื่อสร้างช่องโหว่ใหม่

    สรุปสาระสำคัญ
    Apple ออกแพตช์เร่งด่วน
    แก้ไขช่องโหว่ WebKit Zero-Day 2 รายการ (CVE-2025-43529, CVE-2025-14174)

    รายละเอียดช่องโหว่
    CVE-2025-43529: Use-After-Free → รันโค้ดอันตราย
    CVE-2025-14174: Memory Corruption → ระบบล่ม/เปิดช่องทางโจมตี

    ผู้ค้นพบ
    Google TAG และ Apple

    อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ
    iPhone 11 ขึ้นไป, iPad Pro (3rd gen+), iPad Air (3rd gen+), iPad (8th gen+), iPad mini (5th gen+)

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากไม่อัปเดต iOS 26 อาจถูกโจมตีจากเว็บเพจหรือโฆษณาที่ฝังโค้ดอันตราย
    กลุ่มอาชญากรไซเบอร์อาจย้อนวิเคราะห์แพตช์เพื่อสร้างช่องโหว่ใหม่

    https://securityonline.info/urgent-apple-patches-two-critical-webkit-zero-days-under-active-exploitation-against-high-risk-targets/
    🪱 Apple รีบอุดช่องโหว่ WebKit Zero-Day หลังพบการโจมตีจริงต่อเป้าหมายระดับสูง Apple ประกาศแพตช์เร่งด่วนสำหรับ iPhone และ iPad หลังพบช่องโหว่ร้ายแรงใน WebKit ซึ่งเป็นเอนจินที่ใช้ในการแสดงผลเว็บเพจบน Safari และแอปพลิเคชันอื่น ๆ ช่องโหว่ทั้งสองถูกระบุว่าเป็น Zero-Day และกำลังถูกโจมตีจริงในโลกไซเบอร์ โดยผู้โจมตีสามารถฝังโค้ดอันตรายผ่านเว็บเพจหรือโฆษณาที่ถูกปรับแต่งมาเฉพาะ ทำให้ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงเครื่องโดยตรง ช่องโหว่แรก CVE-2025-43529 เป็นปัญหาแบบ Use-After-Free ซึ่งเกิดจากการจัดการหน่วยความจำผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดอันตรายได้ ส่วนช่องโหว่ที่สอง CVE-2025-14174 เป็นปัญหา Memory Corruption ที่อาจทำให้ระบบล่มหรือเปิดช่องทางให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลภายใน ทั้งสองช่องโหว่นี้ถูกค้นพบโดยทีม Google Threat Analysis Group (TAG) และ Apple เอง สิ่งที่น่ากังวลคือ Apple ระบุว่าการโจมตีครั้งนี้มีความซับซ้อนสูงและเจาะจงเป้าหมาย ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับการโจมตีโดย สปายแวร์ที่รัฐสนับสนุน โดยมักมุ่งเป้าไปที่บุคคลสำคัญ เช่น นักข่าว นักการทูต และนักกิจกรรมสิทธิมนุษยชน เพื่อป้องกันความเสี่ยง Apple แนะนำให้ผู้ใช้ อัปเดตเป็น iOS 26 หรือเวอร์ชันล่าสุดทันที เนื่องจากอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบครอบคลุมตั้งแต่ iPhone 11 ขึ้นไป รวมถึง iPad Pro, iPad Air, iPad รุ่นใหม่ และ iPad mini รุ่นล่าสุด หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากกลุ่มอาชญากรไซเบอร์ที่อาจนำแพตช์ไปย้อนวิเคราะห์เพื่อสร้างช่องโหว่ใหม่ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Apple ออกแพตช์เร่งด่วน ➡️ แก้ไขช่องโหว่ WebKit Zero-Day 2 รายการ (CVE-2025-43529, CVE-2025-14174) ✅ รายละเอียดช่องโหว่ ➡️ CVE-2025-43529: Use-After-Free → รันโค้ดอันตราย ➡️ CVE-2025-14174: Memory Corruption → ระบบล่ม/เปิดช่องทางโจมตี ✅ ผู้ค้นพบ ➡️ Google TAG และ Apple ✅ อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบ ➡️ iPhone 11 ขึ้นไป, iPad Pro (3rd gen+), iPad Air (3rd gen+), iPad (8th gen+), iPad mini (5th gen+) ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากไม่อัปเดต iOS 26 อาจถูกโจมตีจากเว็บเพจหรือโฆษณาที่ฝังโค้ดอันตราย ⛔ กลุ่มอาชญากรไซเบอร์อาจย้อนวิเคราะห์แพตช์เพื่อสร้างช่องโหว่ใหม่ https://securityonline.info/urgent-apple-patches-two-critical-webkit-zero-days-under-active-exploitation-against-high-risk-targets/
    SECURITYONLINE.INFO
    Urgent: Apple Patches Two Critical WebKit Zero-Days Under Active Exploitation Against High-Risk Targets
    Apple patched two critical zero-days in WebKit (UAF & Memory Corruption) under active exploitation in extremely sophisticated attacks against targeted individuals. Update iOS 26 immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 353 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts