• ‘สุชาติ’ เผย รัฐบาลจับมือยักษ์ใหญ่ธุรกิจ ช่วยชาวสวนมังคุดใต้พ้นวิกฤตราคาตกต่ำ
    https://www.thai-tai.tv/news/20221/
    .
    #ThaiAgriculture #Mangosteen #มังคุด #กระทรวงพาณิชย์ #สุชาติชมกลิ่น #ช่วยเหลือเกษตรกร #PriceStabilization #PublicPrivatePartnership #ไทยช่วยไทย
    ‘สุชาติ’ เผย รัฐบาลจับมือยักษ์ใหญ่ธุรกิจ ช่วยชาวสวนมังคุดใต้พ้นวิกฤตราคาตกต่ำ https://www.thai-tai.tv/news/20221/ . #ThaiAgriculture #Mangosteen #มังคุด #กระทรวงพาณิชย์ #สุชาติชมกลิ่น #ช่วยเหลือเกษตรกร #PriceStabilization #PublicPrivatePartnership #ไทยช่วยไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • รู้ไหมครับว่า DDR4 ที่เคยเป็นหน่วยความจำยอดนิยมของทั้งโลก กำลัง “ตายแต่ไม่เงียบ”
    → เพราะเมื่อผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น Micron, Samsung และ SK hynix ประกาศ “หยุดผลิต DDR4 ภายในปี 2025” เพื่อหันไปเน้น DDR5 และ HBM สำหรับตลาด AI
    → ราคา DDR4 พุ่งกระฉูดขึ้น “เกิน 3 เท่า” ภายใน 2 เดือน เช่น  
    • ชิป 8GB DDR4-3200 เคยอยู่ที่ $1.75 → กลายเป็น $5.00  
    • แบบคู่ (double pack) ขยับจาก $3.57 → พุ่งไป $8.80

    และที่น่าสนใจคือ บางรุ่นของ DDR4 “แพงกว่า DDR5” ไปเรียบร้อย
    → ทำให้ผู้ผลิตรายเล็กอย่าง Nanya จากไต้หวัน กลับมาขยายการผลิต DDR4 เพื่อคว้าโอกาสนี้
    → เพราะบริษัทนี้ไม่มี LPDDR5 และสายการผลิต DDR5 ก็ยังมีจำกัด จึงรีบตักตวงตลาด DDR4 ที่ร้อนแรงในตอนนี้

    ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตใหญ่อย่าง Micron ไม่ได้หันกลับมาแล้ว เพราะพวกเขาใช้สายการผลิตเดิมไปผลิตของที่ “กำไรสูงกว่า” อย่าง DDR5 และ HBM สำหรับตลาด AI
    → โดยเฉพาะ HBM ที่เป็น “ทองคำแห่งยุค” สำหรับงานฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ระดับใหญ่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/ddr4-prices-are-now-so-high-that-vendors-have-decided-to-start-making-it-again-manufacturers-want-a-slice-now-that-its-more-expensive-than-ddr5
    รู้ไหมครับว่า DDR4 ที่เคยเป็นหน่วยความจำยอดนิยมของทั้งโลก กำลัง “ตายแต่ไม่เงียบ” → เพราะเมื่อผู้ผลิตรายใหญ่ เช่น Micron, Samsung และ SK hynix ประกาศ “หยุดผลิต DDR4 ภายในปี 2025” เพื่อหันไปเน้น DDR5 และ HBM สำหรับตลาด AI → ราคา DDR4 พุ่งกระฉูดขึ้น “เกิน 3 เท่า” ภายใน 2 เดือน เช่น   • ชิป 8GB DDR4-3200 เคยอยู่ที่ $1.75 → กลายเป็น $5.00   • แบบคู่ (double pack) ขยับจาก $3.57 → พุ่งไป $8.80 และที่น่าสนใจคือ บางรุ่นของ DDR4 “แพงกว่า DDR5” ไปเรียบร้อย → ทำให้ผู้ผลิตรายเล็กอย่าง Nanya จากไต้หวัน กลับมาขยายการผลิต DDR4 เพื่อคว้าโอกาสนี้ → เพราะบริษัทนี้ไม่มี LPDDR5 และสายการผลิต DDR5 ก็ยังมีจำกัด จึงรีบตักตวงตลาด DDR4 ที่ร้อนแรงในตอนนี้ ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตใหญ่อย่าง Micron ไม่ได้หันกลับมาแล้ว เพราะพวกเขาใช้สายการผลิตเดิมไปผลิตของที่ “กำไรสูงกว่า” อย่าง DDR5 และ HBM สำหรับตลาด AI → โดยเฉพาะ HBM ที่เป็น “ทองคำแห่งยุค” สำหรับงานฝึกโมเดลปัญญาประดิษฐ์ระดับใหญ่ https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/ddr4-prices-are-now-so-high-that-vendors-have-decided-to-start-making-it-again-manufacturers-want-a-slice-now-that-its-more-expensive-than-ddr5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ASML คือบริษัทผลิต เครื่อง EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) ที่เป็นหัวใจของการผลิตชิปสมัยใหม่ทุกวันนี้ ยิ่งเทคโนโลยีเล็กลง (เช่น 5nm, 3nm), ความละเอียดของเครื่องก็ยิ่งสำคัญ

    แต่ช่วงหลัง Intel กลับออกมาบอกว่า “เครื่อง High NA EUV รุ่นล่าสุดของ ASML อาจไม่จำเป็นเท่าที่คิดในเทคโนโลยีชิปยุคใหม่” เพราะแนวโน้มตอนนี้คือ “เปลี่ยนจากการลดขนาดทรานซิสเตอร์แนวนอน → ไปเพิ่มชั้นแนวตั้ง (3D stacking)” แทน → ทำให้ความคมชัดของเลนส์ไม่ใช่พระเอกอีกต่อไป

    BofA จึงลดความคาดหวังต่ออุปสงค์ของเครื่อง High NA EUV แม้จะยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ASML อยู่ (เพราะยังเชื่อในกระแส AI) แต่ก็มองว่า:
    - ตลาด High NA ยังไม่เติบโตเท่าที่หวัง
    - Intel ยังมีปัญหาผลิต 18A
    - Samsung เองยังไม่สามารถส่งชิปหน่วยความจำให้ NVIDIA ผ่านได้
    - และยังมีความเสี่ยงการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ต่ออุปกรณ์ที่ส่งไปจีน

    BofA ลดเป้าราคาหุ้น ASML จาก €795 → €759  
    • ลดคาดการณ์ EPS ปี 2026–2027 ลง ~5%  
    • แต่ยังคงคำแนะนำ “Buy” อยู่

    เหตุผลที่ลดประมาณการคือการชะลอความต้องการเครื่อง High NA EUV ของ ASML  
    • โดยเฉพาะจาก Intel, Samsung  
    • และการปรับทิศทางดีไซน์ชิปไปสู่แนวตั้งแบบ 3D มากขึ้น

    BofA คาดว่า ASML จะขายเครื่อง High NA ได้แค่ 4 เครื่องในปี 2026  
    • ลดลง ~50% จากที่เคยคาดไว้

    แม้จะเผชิญแรงกดดัน แต่ BofA ยังเชื่อในการเติบโตระยะยาวจากกระแส AI  
    • คาดว่าตลาด AI chip จะโตแตะ $795B ภายในปี 2030  
    • ซึ่งยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีลิทโธกราฟีรุ่นล่าสุดอยู่

    อัตราส่วน EV/Operating Income ของ ASML ยังอยู่ที่ 19.6x  
    • ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 22x แต่ถือว่า “ยังน่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว”

    https://wccftech.com/asmls-price-target-cut-by-bofa-due-to-lower-high-na-machine-demand/
    ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ASML คือบริษัทผลิต เครื่อง EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) ที่เป็นหัวใจของการผลิตชิปสมัยใหม่ทุกวันนี้ ยิ่งเทคโนโลยีเล็กลง (เช่น 5nm, 3nm), ความละเอียดของเครื่องก็ยิ่งสำคัญ แต่ช่วงหลัง Intel กลับออกมาบอกว่า “เครื่อง High NA EUV รุ่นล่าสุดของ ASML อาจไม่จำเป็นเท่าที่คิดในเทคโนโลยีชิปยุคใหม่” เพราะแนวโน้มตอนนี้คือ “เปลี่ยนจากการลดขนาดทรานซิสเตอร์แนวนอน → ไปเพิ่มชั้นแนวตั้ง (3D stacking)” แทน → ทำให้ความคมชัดของเลนส์ไม่ใช่พระเอกอีกต่อไป BofA จึงลดความคาดหวังต่ออุปสงค์ของเครื่อง High NA EUV แม้จะยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ASML อยู่ (เพราะยังเชื่อในกระแส AI) แต่ก็มองว่า: - ตลาด High NA ยังไม่เติบโตเท่าที่หวัง - Intel ยังมีปัญหาผลิต 18A - Samsung เองยังไม่สามารถส่งชิปหน่วยความจำให้ NVIDIA ผ่านได้ - และยังมีความเสี่ยงการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ต่ออุปกรณ์ที่ส่งไปจีน ✅ BofA ลดเป้าราคาหุ้น ASML จาก €795 → €759   • ลดคาดการณ์ EPS ปี 2026–2027 ลง ~5%   • แต่ยังคงคำแนะนำ “Buy” อยู่ ✅ เหตุผลที่ลดประมาณการคือการชะลอความต้องการเครื่อง High NA EUV ของ ASML   • โดยเฉพาะจาก Intel, Samsung   • และการปรับทิศทางดีไซน์ชิปไปสู่แนวตั้งแบบ 3D มากขึ้น ✅ BofA คาดว่า ASML จะขายเครื่อง High NA ได้แค่ 4 เครื่องในปี 2026   • ลดลง ~50% จากที่เคยคาดไว้ ✅ แม้จะเผชิญแรงกดดัน แต่ BofA ยังเชื่อในการเติบโตระยะยาวจากกระแส AI   • คาดว่าตลาด AI chip จะโตแตะ $795B ภายในปี 2030   • ซึ่งยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีลิทโธกราฟีรุ่นล่าสุดอยู่ ✅ อัตราส่วน EV/Operating Income ของ ASML ยังอยู่ที่ 19.6x   • ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 22x แต่ถือว่า “ยังน่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว” https://wccftech.com/asmls-price-target-cut-by-bofa-due-to-lower-high-na-machine-demand/
    WCCFTECH.COM
    ASML's Price Target Cut By BofA Due To Lower High NA Machine Demand
    Bank of America cuts ASML share price target on back of lower demand for high NA EUV scanners and Intel's production woes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เคยประกาศไว้ล่วงหน้าว่าจะขึ้นราคาผลิตภัณฑ์กลุ่ม server ที่ติดตั้งใช้งานในองค์กร (ไม่ใช่ระบบ cloud อย่าง Microsoft 365 หรือ Azure) แต่ตอนนี้มาแน่นอนแล้ว และเริ่มตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม 2025 เป็นต้นไป

    สินค้าเป้าหมายในการขึ้นราคาได้แก่:
    - SharePoint Server
    - Exchange Server
    - Skype for Business Server  → ขึ้นราคา 10%

    ส่วนที่ขึ้นหนักกว่านั้นคือพวก CAL (สิทธิ์ที่ให้ผู้ใช้หรืออุปกรณ์เชื่อมเข้าระบบเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft ได้):
    - Core CAL Suite → ขึ้น 15%
    - Enterprise CAL Suite → ขึ้นถึง 20%

    Microsoft อ้างว่าสาเหตุหลักคือ “ต้นทุนการดูแลรักษาและอัปเดตผลิตภัณฑ์ฝั่ง on-premises” รวมถึงยอดรายได้จากส่วนนี้ที่ “ลดลง” ในช่วงปีหลัง ๆ — จึงต้องขึ้นราคาเพื่อชดเชย พร้อมกันนั้น Microsoft ก็ไม่ลืมกระตุ้นให้คน “ย้ายไปใช้บริการแบบคลาวด์แทน”

    อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft เริ่มออก “Subscription Edition” สำหรับ Exchange Server และ Skype for Business Server → ย้ายการซัพพอร์ตไปใช้โมเดลแบบ Modern Lifecycle (อัปเดตต่อเนื่อง แทนที่จะมีเวอร์ชันใหญ่ใหม่ทุก 3 ปี)

    https://www.neowin.net/news/microsoft-jacks-up-prices-for-on-premises-server-products-and-cals/
    Microsoft เคยประกาศไว้ล่วงหน้าว่าจะขึ้นราคาผลิตภัณฑ์กลุ่ม server ที่ติดตั้งใช้งานในองค์กร (ไม่ใช่ระบบ cloud อย่าง Microsoft 365 หรือ Azure) แต่ตอนนี้มาแน่นอนแล้ว และเริ่มตั้งแต่ เดือนกรกฎาคม 2025 เป็นต้นไป สินค้าเป้าหมายในการขึ้นราคาได้แก่: - SharePoint Server - Exchange Server - Skype for Business Server  → ขึ้นราคา 10% ส่วนที่ขึ้นหนักกว่านั้นคือพวก CAL (สิทธิ์ที่ให้ผู้ใช้หรืออุปกรณ์เชื่อมเข้าระบบเซิร์ฟเวอร์ของ Microsoft ได้): - Core CAL Suite → ขึ้น 15% - Enterprise CAL Suite → ขึ้นถึง 20% Microsoft อ้างว่าสาเหตุหลักคือ “ต้นทุนการดูแลรักษาและอัปเดตผลิตภัณฑ์ฝั่ง on-premises” รวมถึงยอดรายได้จากส่วนนี้ที่ “ลดลง” ในช่วงปีหลัง ๆ — จึงต้องขึ้นราคาเพื่อชดเชย พร้อมกันนั้น Microsoft ก็ไม่ลืมกระตุ้นให้คน “ย้ายไปใช้บริการแบบคลาวด์แทน” อีกสิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft เริ่มออก “Subscription Edition” สำหรับ Exchange Server และ Skype for Business Server → ย้ายการซัพพอร์ตไปใช้โมเดลแบบ Modern Lifecycle (อัปเดตต่อเนื่อง แทนที่จะมีเวอร์ชันใหญ่ใหม่ทุก 3 ปี) https://www.neowin.net/news/microsoft-jacks-up-prices-for-on-premises-server-products-and-cals/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft jacks up prices for on-premises server products and CALs
    Microsoft has increased the prices of its on-premises server products and Client Access License (CAL) Suites by up to 20%. Organizations will have to decide whether to stay or go to Cloud products.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ งัดมาตรการชั่วคราว ปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band มีผล 23-27 มิ.ย.68 ลดความผันผวนการซื้อขาย จากสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลาง หากตลาดผันผวนน้อยลง มีโอกาสจะปลดมาตรการก่อนครบกำหนด 27 มิ.ย.68 แนะนักลงทุน ท่ามกลางโลกป่วน ต้องกลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร ก่อนตัดสินใจลงทุน
    ตลาดหลักทรัพย์ฯ งัดมาตรการชั่วคราว ปรับเกณฑ์ Ceiling & Floor และ Dynamic Price Band มีผล 23-27 มิ.ย.68 ลดความผันผวนการซื้อขาย จากสถานการณ์สู้รบในตะวันออกกลาง หากตลาดผันผวนน้อยลง มีโอกาสจะปลดมาตรการก่อนครบกำหนด 27 มิ.ย.68 แนะนักลงทุน ท่ามกลางโลกป่วน ต้องกลั่นกรองข้อมูลข่าวสาร ก่อนตัดสินใจลงทุน
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • Salesforce เจ้าของ Slack ประกาศปรับราคาชุดใหญ่ โดยเฉพาะแผน Business+ และ Enterprise+ โดยเพิ่มราคาต่อผู้ใช้รายเดือนขึ้นหลายดอลลาร์ — ยกตัวอย่างแผน Business+ ที่จ่ายรายปีจะขึ้นจาก $12.50 → $15 ต่อผู้ใช้/เดือน และถ้าจ่ายรายเดือนจะโดดเป็น $18 เลยทีเดียว!

    แต่ Salesforce ก็ไม่ได้ขึ้นราคาเฉย ๆ เค้าให้เหตุผลว่า “เพราะเพิ่มฟีเจอร์ AI มาให้” เช่น สรุปบทสนทนาแบบอัตโนมัติ (conversation recap), โน้ตจาก huddle, สรุปไฟล์, AI search, แปลข้อความ และอื่น ๆ

    และถ้ายังไม่พอ Salesforce ยังเปิดตัว Agentforce — แพลตฟอร์มที่ให้องค์กรสร้าง AI agent ใช้เอง เช่น ผู้ช่วยจัดประชุม ผู้ช่วยตอบคำถาม เริ่มต้นที่ $125 จนถึง $550 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน (เฉพาะฟีเจอร์เสริมนี้เท่านั้นนะครับ ยังไม่รวม Slack)

    เบื้องหลังข่าวนี้คือยุคใหม่ของ SaaS ที่ไม่ใช่แค่ “ขึ้นราคา” แต่คือการ “ผูก AI มาพร้อมกันเลย” เพราะบริษัท tech ต่าง ๆ ต้องการให้ AI สร้างรายได้ ไม่ใช่แค่เป็นต้นทุน GPU แพง ๆ โดยไม่ได้กำไรกลับมา

    Salesforce ปรับราคาค่าบริการ Slack Plan แบบจ่ายเงิน (บางแผน)  
    • Business+ จาก $12.50 → $15 ต่อ user/เดือน (จ่ายรายปี)  
    • จ่ายรายเดือน: จาก $15 → $18  • แผน Foundations, Starter, Pro ไม่ขึ้นราคา

    เพิ่มฟีเจอร์ AI มาในทุกแผนแบบจ่ายเงิน  
    • Pro: สรุปบทสนทนา (recaps), สรุป huddle  
    • Business+/Enterprise+: เพิ่ม AI search, สรุปไฟล์, แปลภาษา และอื่น ๆ

    เปิดแผนใหม่ “Enterprise+”  
    • มีฟีเจอร์ด้าน admin, ค้นหาขั้นสูง และระบบควบคุมระดับองค์กร

    เปิดตัว Agentforce: แพลตฟอร์มสร้าง AI agent ขององค์กรเอง  
    • Agentforce 1 Editions เริ่มที่ $125 ถึง $550 ต่อ user/เดือน  
    • สร้าง digital labor (แรงงาน AI) ประจำทีม

    Salesforce ระบุว่าการให้ทุกคนมี AI ใช้งาน “คือยุทธศาสตร์ระดับองค์กร”  
    • เน้นว่าองค์กรที่ไม่เอา AI มาใช้เลย อาจตกขบวน  
    • แต่ก็ยอมรับว่า “หลายองค์กรยังแปลง AI ให้เป็นมูลค่าทางธุรกิจไม่สำเร็จ”

    ไม่สามารถปฏิเสธ AI ได้ แม้จะไม่ได้ใช้ก็ตาม  
    • ทุกแผนแบบจ่ายเงินจะได้ฟีเจอร์ AI โดยอัตโนมัติ  
    • องค์กรที่ใช้เฉพาะ Slack chat/chatbot อาจต้องจ่ายมากขึ้นโดยไม่คุ้ม

    Agentforce ราคาเริ่มต้นสูงมากสำหรับตลาดทั่วไป  
    • ระดับ $550/user/month ถือว่าสูงเกินการเข้าถึงของ SME หรือ startup  
    • ยิ่งรวมกับราคาของ Slack, ค่าใช้จ่ายต่อ user จะพุ่งขึ้นเร็วมาก

    มีกรณีที่ผ่านมา Salesforce เคยฝึกโมเดล AI โดยใช้ข้อมูลลูกค้า โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า  
    • ทำให้เกิดความกังวลด้าน privacy และการควบคุมข้อมูลขององค์กร

    หลายองค์กรยังไม่แน่ใจว่า AI ใน Slack “ช่วยงานจริง” หรือเป็นแค่ gimmick  
    • มีรายงานว่าองค์กรขนาดใหญ่บางแห่ง เริ่มถอยจากการใช้ AI แบบเต็มรูปแบบ

    https://www.techspot.com/news/108366-salesforce-latest-price-increase-comes-promise-more-ai.html
    Salesforce เจ้าของ Slack ประกาศปรับราคาชุดใหญ่ โดยเฉพาะแผน Business+ และ Enterprise+ โดยเพิ่มราคาต่อผู้ใช้รายเดือนขึ้นหลายดอลลาร์ — ยกตัวอย่างแผน Business+ ที่จ่ายรายปีจะขึ้นจาก $12.50 → $15 ต่อผู้ใช้/เดือน และถ้าจ่ายรายเดือนจะโดดเป็น $18 เลยทีเดียว! แต่ Salesforce ก็ไม่ได้ขึ้นราคาเฉย ๆ เค้าให้เหตุผลว่า “เพราะเพิ่มฟีเจอร์ AI มาให้” เช่น สรุปบทสนทนาแบบอัตโนมัติ (conversation recap), โน้ตจาก huddle, สรุปไฟล์, AI search, แปลข้อความ และอื่น ๆ และถ้ายังไม่พอ Salesforce ยังเปิดตัว Agentforce — แพลตฟอร์มที่ให้องค์กรสร้าง AI agent ใช้เอง เช่น ผู้ช่วยจัดประชุม ผู้ช่วยตอบคำถาม เริ่มต้นที่ $125 จนถึง $550 ต่อผู้ใช้ต่อเดือน (เฉพาะฟีเจอร์เสริมนี้เท่านั้นนะครับ ยังไม่รวม Slack) เบื้องหลังข่าวนี้คือยุคใหม่ของ SaaS ที่ไม่ใช่แค่ “ขึ้นราคา” แต่คือการ “ผูก AI มาพร้อมกันเลย” เพราะบริษัท tech ต่าง ๆ ต้องการให้ AI สร้างรายได้ ไม่ใช่แค่เป็นต้นทุน GPU แพง ๆ โดยไม่ได้กำไรกลับมา ✅ Salesforce ปรับราคาค่าบริการ Slack Plan แบบจ่ายเงิน (บางแผน)   • Business+ จาก $12.50 → $15 ต่อ user/เดือน (จ่ายรายปี)   • จ่ายรายเดือน: จาก $15 → $18  • แผน Foundations, Starter, Pro ไม่ขึ้นราคา ✅ เพิ่มฟีเจอร์ AI มาในทุกแผนแบบจ่ายเงิน   • Pro: สรุปบทสนทนา (recaps), สรุป huddle   • Business+/Enterprise+: เพิ่ม AI search, สรุปไฟล์, แปลภาษา และอื่น ๆ ✅ เปิดแผนใหม่ “Enterprise+”   • มีฟีเจอร์ด้าน admin, ค้นหาขั้นสูง และระบบควบคุมระดับองค์กร ✅ เปิดตัว Agentforce: แพลตฟอร์มสร้าง AI agent ขององค์กรเอง   • Agentforce 1 Editions เริ่มที่ $125 ถึง $550 ต่อ user/เดือน   • สร้าง digital labor (แรงงาน AI) ประจำทีม ✅ Salesforce ระบุว่าการให้ทุกคนมี AI ใช้งาน “คือยุทธศาสตร์ระดับองค์กร”   • เน้นว่าองค์กรที่ไม่เอา AI มาใช้เลย อาจตกขบวน   • แต่ก็ยอมรับว่า “หลายองค์กรยังแปลง AI ให้เป็นมูลค่าทางธุรกิจไม่สำเร็จ” ‼️ ไม่สามารถปฏิเสธ AI ได้ แม้จะไม่ได้ใช้ก็ตาม   • ทุกแผนแบบจ่ายเงินจะได้ฟีเจอร์ AI โดยอัตโนมัติ   • องค์กรที่ใช้เฉพาะ Slack chat/chatbot อาจต้องจ่ายมากขึ้นโดยไม่คุ้ม ‼️ Agentforce ราคาเริ่มต้นสูงมากสำหรับตลาดทั่วไป   • ระดับ $550/user/month ถือว่าสูงเกินการเข้าถึงของ SME หรือ startup   • ยิ่งรวมกับราคาของ Slack, ค่าใช้จ่ายต่อ user จะพุ่งขึ้นเร็วมาก ‼️ มีกรณีที่ผ่านมา Salesforce เคยฝึกโมเดล AI โดยใช้ข้อมูลลูกค้า โดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า   • ทำให้เกิดความกังวลด้าน privacy และการควบคุมข้อมูลขององค์กร ‼️ หลายองค์กรยังไม่แน่ใจว่า AI ใน Slack “ช่วยงานจริง” หรือเป็นแค่ gimmick   • มีรายงานว่าองค์กรขนาดใหญ่บางแห่ง เริ่มถอยจากการใช้ AI แบบเต็มรูปแบบ https://www.techspot.com/news/108366-salesforce-latest-price-increase-comes-promise-more-ai.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Salesforce hikes Slack prices, adds AI tools for all paid users
    According to a recent announcement from Salesforce, Slack customers will now have to pay more but will receive new AI-based features in return. Paid plans for the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาหน่วยความจำ DDR4 พุ่งขึ้น 50% ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ DDR5
    แม้ว่าตลาดหน่วยความจำควรจะมีราคาลดลงตามกลไกตลาด แต่ DDR4 กลับมีราคาสูงขึ้นถึง 50% ในเดือนพฤษภาคม 2025 เนื่องจาก ผู้ผลิตกำลังลดการผลิต DDR4 และมุ่งเน้นไปที่ DDR5 และหน่วยความจำประสิทธิภาพสูง

    DDR4 เปิดตัวในปี 2014 และครองตลาด SDRAM มาหลายปี จนกระทั่ง DDR5 เปิดตัวในปี 2020 ซึ่งให้ ความเร็วสูงขึ้นและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม DDR4 ยังคงมีความต้องการสูงในบางอุตสาหกรรม เช่น ระบบฝังตัวและแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม

    ข้อมูลจากข่าว
    - DDR4 มีราคาสูงขึ้น 50% ในเดือนพฤษภาคม 2025
    - 8GB DDR4 modules มีราคาพุ่งขึ้น 56% ส่วน 16GB modules เพิ่มขึ้น 45%
    - ผู้ผลิต DRAM รายใหญ่กำลังลดการผลิต DDR4 และมุ่งเน้นไปที่ DDR5 และ HBM
    - จีนเคยผลิต DDR4 จำนวนมาก แต่รัฐบาลจีนสั่งให้ผู้ผลิต เช่น CXMT หยุดผลิต DDR4
    - นักวิเคราะห์คาดว่าราคา DDR4 จะเพิ่มขึ้นอีก 10-20% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2025

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - การลดการผลิต DDR4 อาจทำให้ราคาสูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2026
    - ธุรกิจที่ยังใช้ DDR4 อาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น
    - แม้ว่าราคา DDR5 และ DDR4 จะใกล้เคียงกันมากขึ้น (ต่างกันเพียง 7%) แต่ DDR4 กำลังจะกลายเป็นธุรกิจที่ไม่คุ้มค่า
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ DDR5 เร็วแค่ไหน

    การเปลี่ยนผ่านจาก DDR4 ไปสู่ DDR5 อาจทำให้ธุรกิจที่ยังใช้ DDR4 ต้องเร่งอัปเกรดระบบ และ อาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะสามารถรักษาสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานได้หรือไม่

    https://www.techspot.com/news/108224-ddr4-prices-rise-sharply-manufacturers-pivot-ddr5-beyond.html
    🔄 ราคาหน่วยความจำ DDR4 พุ่งขึ้น 50% ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านสู่ DDR5 แม้ว่าตลาดหน่วยความจำควรจะมีราคาลดลงตามกลไกตลาด แต่ DDR4 กลับมีราคาสูงขึ้นถึง 50% ในเดือนพฤษภาคม 2025 เนื่องจาก ผู้ผลิตกำลังลดการผลิต DDR4 และมุ่งเน้นไปที่ DDR5 และหน่วยความจำประสิทธิภาพสูง DDR4 เปิดตัวในปี 2014 และครองตลาด SDRAM มาหลายปี จนกระทั่ง DDR5 เปิดตัวในปี 2020 ซึ่งให้ ความเร็วสูงขึ้นและประสิทธิภาพที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม DDR4 ยังคงมีความต้องการสูงในบางอุตสาหกรรม เช่น ระบบฝังตัวและแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม ✅ ข้อมูลจากข่าว - DDR4 มีราคาสูงขึ้น 50% ในเดือนพฤษภาคม 2025 - 8GB DDR4 modules มีราคาพุ่งขึ้น 56% ส่วน 16GB modules เพิ่มขึ้น 45% - ผู้ผลิต DRAM รายใหญ่กำลังลดการผลิต DDR4 และมุ่งเน้นไปที่ DDR5 และ HBM - จีนเคยผลิต DDR4 จำนวนมาก แต่รัฐบาลจีนสั่งให้ผู้ผลิต เช่น CXMT หยุดผลิต DDR4 - นักวิเคราะห์คาดว่าราคา DDR4 จะเพิ่มขึ้นอีก 10-20% ในไตรมาสที่ 3 ปี 2025 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - การลดการผลิต DDR4 อาจทำให้ราคาสูงขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2026 - ธุรกิจที่ยังใช้ DDR4 อาจต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้น - แม้ว่าราคา DDR5 และ DDR4 จะใกล้เคียงกันมากขึ้น (ต่างกันเพียง 7%) แต่ DDR4 กำลังจะกลายเป็นธุรกิจที่ไม่คุ้มค่า - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่ DDR5 เร็วแค่ไหน การเปลี่ยนผ่านจาก DDR4 ไปสู่ DDR5 อาจทำให้ธุรกิจที่ยังใช้ DDR4 ต้องเร่งอัปเกรดระบบ และ อาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจะสามารถรักษาสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานได้หรือไม่ https://www.techspot.com/news/108224-ddr4-prices-rise-sharply-manufacturers-pivot-ddr5-beyond.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    DDR4 prices surge 50 percent as manufacturers pivot to DDR5 and beyond
    A new report from DigiTimes highlights a surge in DDR4 prices. The Taiwanese publication describes a memory market in flux, with manufacturers phasing out production and multiple...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC กับยุคใหม่ของเซมิคอนดักเตอร์: ราคาชิป 2nm พุ่งสูงถึง $30,000
    TSMC กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ โดย ชิป 2nm รุ่นล่าสุดมีราคาสูงถึง $30,000 ต่อเวเฟอร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากชิป 3nm และอาจเป็นสัญญาณว่า Moore's Law กำลังถึงจุดสิ้นสุด

    TSMC ได้พัฒนา กระบวนการผลิต N2 ซึ่งใช้ Gate-All-Around (GAA) transistor architectures เพื่อช่วยลด การรั่วไหลของพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพของชิป

    แม้ว่า ต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้น แต่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Apple, Intel, Nvidia, AMD และ Qualcomm ยังคงวางแผนสั่งซื้อชิป 2nm ก่อนสิ้นปีนี้

    นอกจากนี้ TSMC กำลังพัฒนา N2P และ N2X ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2026 และ 2027 ตามลำดับ โดย N2P จะเพิ่มประสิทธิภาพ 18% และลดการใช้พลังงานลง 36% ส่วน N2X จะเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาอีก 10%

    ข้อมูลจากข่าว
    - TSMC ตั้งราคาชิป 2nm ที่ $30,000 ต่อเวเฟอร์ เพิ่มขึ้น 66% จากชิป 3nm
    - กระบวนการผลิต N2 ใช้ Gate-All-Around (GAA) transistor architectures เพื่อลดการรั่วไหลของพลังงาน
    - Apple, Intel, Nvidia, AMD และ Qualcomm เตรียมสั่งซื้อชิป 2nm ก่อนสิ้นปีนี้
    - TSMC กำลังพัฒนา N2P และ N2X ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2026 และ 2027
    - N2P จะเพิ่มประสิทธิภาพ 18% และลดการใช้พลังงานลง 36% ส่วน N2X จะเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาอีก 10%

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ราคาชิปที่สูงขึ้นอาจทำให้เฉพาะบริษัทใหญ่เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้
    - Moore's Law อาจถึงจุดสิ้นสุด เนื่องจากต้นทุนการผลิตต่อทรานซิสเตอร์ไม่ได้ลดลงอีกต่อไป
    - TSMC ต้องลงทุนมหาศาลในการสร้างโรงงาน 2nm ซึ่งมีต้นทุนสูงถึง $725 ล้าน
    - Intel กำลังพัฒนา A18 node ซึ่งอาจแข่งขันกับ TSMC ในอนาคต

    การพัฒนาเทคโนโลยี 2nm อาจช่วยให้ ชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้ เฉพาะบริษัทใหญ่เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่า Intel และผู้ผลิตรายอื่นจะสามารถแข่งขันกับ TSMC ได้หรือไม่

    https://www.techspot.com/news/108158-tsmc-2nm-wafer-prices-hit-30000-sram-yields.html
    🏭 TSMC กับยุคใหม่ของเซมิคอนดักเตอร์: ราคาชิป 2nm พุ่งสูงถึง $30,000 TSMC กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ โดย ชิป 2nm รุ่นล่าสุดมีราคาสูงถึง $30,000 ต่อเวเฟอร์ ซึ่งเพิ่มขึ้น 66% จากชิป 3nm และอาจเป็นสัญญาณว่า Moore's Law กำลังถึงจุดสิ้นสุด TSMC ได้พัฒนา กระบวนการผลิต N2 ซึ่งใช้ Gate-All-Around (GAA) transistor architectures เพื่อช่วยลด การรั่วไหลของพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพของชิป แม้ว่า ต้นทุนการผลิตจะสูงขึ้น แต่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Apple, Intel, Nvidia, AMD และ Qualcomm ยังคงวางแผนสั่งซื้อชิป 2nm ก่อนสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ TSMC กำลังพัฒนา N2P และ N2X ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2026 และ 2027 ตามลำดับ โดย N2P จะเพิ่มประสิทธิภาพ 18% และลดการใช้พลังงานลง 36% ส่วน N2X จะเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาอีก 10% ✅ ข้อมูลจากข่าว - TSMC ตั้งราคาชิป 2nm ที่ $30,000 ต่อเวเฟอร์ เพิ่มขึ้น 66% จากชิป 3nm - กระบวนการผลิต N2 ใช้ Gate-All-Around (GAA) transistor architectures เพื่อลดการรั่วไหลของพลังงาน - Apple, Intel, Nvidia, AMD และ Qualcomm เตรียมสั่งซื้อชิป 2nm ก่อนสิ้นปีนี้ - TSMC กำลังพัฒนา N2P และ N2X ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2026 และ 2027 - N2P จะเพิ่มประสิทธิภาพ 18% และลดการใช้พลังงานลง 36% ส่วน N2X จะเพิ่มความเร็วสัญญาณนาฬิกาอีก 10% ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ราคาชิปที่สูงขึ้นอาจทำให้เฉพาะบริษัทใหญ่เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ - Moore's Law อาจถึงจุดสิ้นสุด เนื่องจากต้นทุนการผลิตต่อทรานซิสเตอร์ไม่ได้ลดลงอีกต่อไป - TSMC ต้องลงทุนมหาศาลในการสร้างโรงงาน 2nm ซึ่งมีต้นทุนสูงถึง $725 ล้าน - Intel กำลังพัฒนา A18 node ซึ่งอาจแข่งขันกับ TSMC ในอนาคต การพัฒนาเทคโนโลยี 2nm อาจช่วยให้ ชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้ เฉพาะบริษัทใหญ่เท่านั้นที่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่า Intel และผู้ผลิตรายอื่นจะสามารถแข่งขันกับ TSMC ได้หรือไม่ https://www.techspot.com/news/108158-tsmc-2nm-wafer-prices-hit-30000-sram-yields.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    TSMC's 2nm wafer prices hit $30,000 as SRAM yields reportedly hit 90%
    The Commercial Times reports that TSMC's upcoming N2 2nm semiconductors will cost $30,000 per wafer, a roughly 66% increase over the company's 3nm chips. Future nodes are...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ราคาชิป DRAM พุ่งขึ้น 20% ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง

    ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่ราคาขยับจาก $1.65 ในเดือนเมษายน เป็น $2.10 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27%

    การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM ส่วนหนึ่งเกิดจาก การกักตุนสินค้าของบริษัทต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจาก ภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้ ระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้

    นอกจากนี้ Samsung, Micron และ SK hynix ได้ประกาศ ยุติการผลิต DDR4 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจาก ผู้ผลิตจีน เช่น CXMT และ Fujian Jinhua ที่สามารถขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าหน่วยความจำที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากผู้ผลิตรายใหญ่

    ข้อมูลจากข่าว
    - ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่เพิ่มขึ้น 27% ในเดือนพฤษภาคม
    - บริษัทต่าง ๆ กักตุนสินค้าก่อนที่ภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้
    - Samsung, Micron และ SK hynix ประกาศยุติการผลิต DDR4
    - CXMT และ Fujian Jinhua ขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าผู้ผลิตรายใหญ่
    - การลดลงของอุปทาน DDR4 อาจทำให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นต่อไป

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หากภาษีนำเข้ามีผลบังคับใช้ ราคาชิปอาจเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป
    - การยุติการผลิต DDR4 อาจทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนไปใช้ DDR5 ซึ่งมีราคาสูงกว่า
    - ตลาดหน่วยความจำยังคงมีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจีนจะสามารถรักษาราคาที่ต่ำได้หรือไม่ในระยะยาว

    การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM อาจส่งผลต่อ ราคาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายใหญ่จะปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากจีน

    ลุงแนะนำว่าใครอยาก Upgrade RAM DDR4 ให้รีบทำในช่วงนี้เลยครับ เพราะข่าวนี้ และยังมีข่าว บ.จีน จะเลิกผลิต DDR4 ในกลางปีหน้าอีกด้วย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-have-jumped-by-20-percent-for-the-second-month-in-a-row-surging-demand-is-likely-due-to-stockpiling
    💾 ราคาชิป DRAM พุ่งขึ้น 20% ติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่ราคาขยับจาก $1.65 ในเดือนเมษายน เป็น $2.10 ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 27% การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM ส่วนหนึ่งเกิดจาก การกักตุนสินค้าของบริษัทต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจาก ภาษีนำเข้าที่กำหนดโดยอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งให้ ระยะเวลาผ่อนผัน 90 วัน ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ นอกจากนี้ Samsung, Micron และ SK hynix ได้ประกาศ ยุติการผลิต DDR4 เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงจาก ผู้ผลิตจีน เช่น CXMT และ Fujian Jinhua ที่สามารถขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าหน่วยความจำที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จากผู้ผลิตรายใหญ่ ✅ ข้อมูลจากข่าว - ราคาชิป DRAM และ NAND เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 8GB DDR4 ที่เพิ่มขึ้น 27% ในเดือนพฤษภาคม - บริษัทต่าง ๆ กักตุนสินค้าก่อนที่ภาษีนำเข้าจะมีผลบังคับใช้ - Samsung, Micron และ SK hynix ประกาศยุติการผลิต DDR4 - CXMT และ Fujian Jinhua ขาย DDR4 ในราคาถูกกว่าผู้ผลิตรายใหญ่ - การลดลงของอุปทาน DDR4 อาจทำให้ราคาชิปเพิ่มขึ้นต่อไป ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หากภาษีนำเข้ามีผลบังคับใช้ ราคาชิปอาจเพิ่มขึ้นอีกในไตรมาสถัดไป - การยุติการผลิต DDR4 อาจทำให้ผู้ใช้ต้องเปลี่ยนไปใช้ DDR5 ซึ่งมีราคาสูงกว่า - ตลาดหน่วยความจำยังคงมีความไม่แน่นอน และอาจส่งผลต่อราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตจีนจะสามารถรักษาราคาที่ต่ำได้หรือไม่ในระยะยาว การเพิ่มขึ้นของราคาชิป DRAM อาจส่งผลต่อ ราคาคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่ยังใช้ DDR4 อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ผลิตรายใหญ่จะปรับกลยุทธ์อย่างไร เพื่อรับมือกับการแข่งขันจากจีน ℹ️ℹ️ ลุงแนะนำว่าใครอยาก Upgrade RAM DDR4 ให้รีบทำในช่วงนี้เลยครับ เพราะข่าวนี้ และยังมีข่าว บ.จีน จะเลิกผลิต DDR4 ในกลางปีหน้าอีกด้วย https://www.tomshardware.com/pc-components/dram/dram-prices-have-jumped-by-20-percent-for-the-second-month-in-a-row-surging-demand-is-likely-due-to-stockpiling
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีการสร้าง Mac ที่เล็กที่สุดในโลก โดยบริษัท 1-bit Rainbow ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่มีหน้าจอเพียง 2 นิ้ว และใช้ Pico Zero Raspberry Pi เป็นหน่วยประมวลผล

    Pico-Mac-Nano ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์คล้ายกับ Macintosh รุ่นคลาสสิก จากยุค 1980s โดยใช้ 3D printed chassis และรันระบบ MicroMac 128K emulator ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการแบบวินเทจได้

    นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเครื่องที่ประกอบเสร็จแล้วในราคา $59 หรือดาวน์โหลดไฟล์ 3D printing เพื่อพิมพ์ตัวเครื่องเองและติดตั้ง Raspberry Pi ด้วยตนเอง

    ข้อมูลจากข่าว
    - Pico-Mac-Nano เป็น Mac ที่เล็กที่สุดในโลก
    - ใช้ Pico Zero Raspberry Pi เป็นหน่วยประมวลผล
    - มี หน้าจอ 2 นิ้ว ความละเอียด 480p
    - ใช้ MicroMac 128K emulator เพื่อรันระบบปฏิบัติการแบบวินเทจ
    - มี 512MB RAM, microSD card slot และแบตเตอรี่ CR2
    - ราคาเริ่มต้นที่ $59 และมีรุ่น Collectors Edition ที่มาพร้อมกล่องจำลองของ Macintosh รุ่นแรก

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - หน้าจอขนาดเล็กมาก อาจทำให้การใช้งานไม่สะดวก
    - ประสิทธิภาพของ Raspberry Pi Zero อาจไม่รองรับการใช้งานที่ซับซ้อน
    - ไม่สามารถรันแอปพลิเคชันสมัยใหม่ เช่น เกมหรือโปรแกรมที่ต้องใช้ทรัพยากรสูง
    - เป็นสินค้าสำหรับนักสะสม มากกว่าการใช้งานจริง

    Pico-Mac-Nano เป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบคอมพิวเตอร์คลาสสิกและต้องการสะสมอุปกรณ์ที่มีเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม การใช้งานจริงอาจมีข้อจำกัดเนื่องจากขนาดและประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์

    https://www.techradar.com/computing/someone-just-built-the-worlds-smallest-working-mac-and-at-this-price-i-desperately-want-one
    มีการสร้าง Mac ที่เล็กที่สุดในโลก โดยบริษัท 1-bit Rainbow ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่มีหน้าจอเพียง 2 นิ้ว และใช้ Pico Zero Raspberry Pi เป็นหน่วยประมวลผล Pico-Mac-Nano ได้รับการออกแบบให้มีรูปลักษณ์คล้ายกับ Macintosh รุ่นคลาสสิก จากยุค 1980s โดยใช้ 3D printed chassis และรันระบบ MicroMac 128K emulator ซึ่งช่วยให้สามารถใช้งานระบบปฏิบัติการแบบวินเทจได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกซื้อเครื่องที่ประกอบเสร็จแล้วในราคา $59 หรือดาวน์โหลดไฟล์ 3D printing เพื่อพิมพ์ตัวเครื่องเองและติดตั้ง Raspberry Pi ด้วยตนเอง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Pico-Mac-Nano เป็น Mac ที่เล็กที่สุดในโลก - ใช้ Pico Zero Raspberry Pi เป็นหน่วยประมวลผล - มี หน้าจอ 2 นิ้ว ความละเอียด 480p - ใช้ MicroMac 128K emulator เพื่อรันระบบปฏิบัติการแบบวินเทจ - มี 512MB RAM, microSD card slot และแบตเตอรี่ CR2 - ราคาเริ่มต้นที่ $59 และมีรุ่น Collectors Edition ที่มาพร้อมกล่องจำลองของ Macintosh รุ่นแรก ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - หน้าจอขนาดเล็กมาก อาจทำให้การใช้งานไม่สะดวก - ประสิทธิภาพของ Raspberry Pi Zero อาจไม่รองรับการใช้งานที่ซับซ้อน - ไม่สามารถรันแอปพลิเคชันสมัยใหม่ เช่น เกมหรือโปรแกรมที่ต้องใช้ทรัพยากรสูง - เป็นสินค้าสำหรับนักสะสม มากกว่าการใช้งานจริง Pico-Mac-Nano เป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ชื่นชอบคอมพิวเตอร์คลาสสิกและต้องการสะสมอุปกรณ์ที่มีเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม การใช้งานจริงอาจมีข้อจำกัดเนื่องจากขนาดและประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ https://www.techradar.com/computing/someone-just-built-the-worlds-smallest-working-mac-and-at-this-price-i-desperately-want-one
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • Adobe ปรับขึ้นราคาสมาชิก Creative Cloud พร้อมเปิดตัวแผนใหม่ "Pro"

    Adobe ประกาศปรับขึ้นราคาสมาชิก Creative Cloud All Apps โดยเปลี่ยนชื่อเป็น Creative Cloud Pro และเพิ่มฟีเจอร์ AI ขั้นสูง เช่น Generative Fill ใน Photoshop และ Generative Remove ใน Lightroom

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Adobe Creative Cloud
    Creative Cloud All Apps เปลี่ยนชื่อเป็น Creative Cloud Pro
    - มาพร้อม ฟีเจอร์ AI และเครดิตสำหรับการสร้างเนื้อหาด้วย AI

    ราคาสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่าเดิม
    - รายปี จาก $659.88 เป็น $770
    - รายเดือน จาก $89.99 เป็น $104.99
    - องค์กร จาก $89.99 เป็น $99.99 ต่อที่นั่ง
    - นักเรียนและครู จาก $34.99 เป็น $39.99

    สมาชิกจะได้รับเครดิต AI 4,000 ต่อเดือนสำหรับการสร้างวิดีโอ เสียง และภาพระดับพรีเมียม
    - รวมถึง การเข้าถึงเครื่องมือ AI เช่น Firefly Boards สำหรับการวางแผนและระดมความคิด

    สามารถใช้ Adobe Firefly และรวมโมเดล AI ของตนเองเข้ากับแพลตฟอร์ม
    - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการสร้างเนื้อหาด้วย AI ได้มากขึ้น

    การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับการต่ออายุครั้งแรกหลังวันที่ 17 มิถุนายน 2025
    - ผู้ใช้ ต้องพิจารณาว่าฟีเจอร์ใหม่คุ้มค่ากับราคาที่เพิ่มขึ้นหรือไม่

    ราคาที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ผู้ใช้บางกลุ่มต้องมองหาทางเลือกอื่น
    - มี แอปทางเลือกสำหรับ Photoshop และ InDesign ที่อาจคุ้มค่ากว่า

    การใช้ AI อาจมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์และความถูกต้องของเนื้อหาที่สร้างขึ้น
    - ผู้ใช้ ต้องตรวจสอบข้อกำหนดการใช้งานของ Adobe Firefly

    https://www.techradar.com/computing/creative-software/the-price-of-ai-adobe-hikes-creative-cloud-subscriptions-for-some-with-new-pro-plan-heres-what-you-need-to-know
    Adobe ปรับขึ้นราคาสมาชิก Creative Cloud พร้อมเปิดตัวแผนใหม่ "Pro" Adobe ประกาศปรับขึ้นราคาสมาชิก Creative Cloud All Apps โดยเปลี่ยนชื่อเป็น Creative Cloud Pro และเพิ่มฟีเจอร์ AI ขั้นสูง เช่น Generative Fill ใน Photoshop และ Generative Remove ใน Lightroom 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของ Adobe Creative Cloud ✅ Creative Cloud All Apps เปลี่ยนชื่อเป็น Creative Cloud Pro - มาพร้อม ฟีเจอร์ AI และเครดิตสำหรับการสร้างเนื้อหาด้วย AI ✅ ราคาสมาชิกเพิ่มขึ้นกว่าเดิม - รายปี จาก $659.88 เป็น $770 - รายเดือน จาก $89.99 เป็น $104.99 - องค์กร จาก $89.99 เป็น $99.99 ต่อที่นั่ง - นักเรียนและครู จาก $34.99 เป็น $39.99 ✅ สมาชิกจะได้รับเครดิต AI 4,000 ต่อเดือนสำหรับการสร้างวิดีโอ เสียง และภาพระดับพรีเมียม - รวมถึง การเข้าถึงเครื่องมือ AI เช่น Firefly Boards สำหรับการวางแผนและระดมความคิด ✅ สามารถใช้ Adobe Firefly และรวมโมเดล AI ของตนเองเข้ากับแพลตฟอร์ม - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งการสร้างเนื้อหาด้วย AI ได้มากขึ้น ✅ การเปลี่ยนแปลงนี้มีผลกับการต่ออายุครั้งแรกหลังวันที่ 17 มิถุนายน 2025 - ผู้ใช้ ต้องพิจารณาว่าฟีเจอร์ใหม่คุ้มค่ากับราคาที่เพิ่มขึ้นหรือไม่ ‼️ ราคาที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ผู้ใช้บางกลุ่มต้องมองหาทางเลือกอื่น - มี แอปทางเลือกสำหรับ Photoshop และ InDesign ที่อาจคุ้มค่ากว่า ‼️ การใช้ AI อาจมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์และความถูกต้องของเนื้อหาที่สร้างขึ้น - ผู้ใช้ ต้องตรวจสอบข้อกำหนดการใช้งานของ Adobe Firefly https://www.techradar.com/computing/creative-software/the-price-of-ai-adobe-hikes-creative-cloud-subscriptions-for-some-with-new-pro-plan-heres-what-you-need-to-know
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ อาจแบน TP-Link หลังข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์

    TP-Link ซึ่งเป็นแบรนด์เราเตอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความเป็นไปได้ที่จะถูกแบน หลังจากที่สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐฯ เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์สั่งห้ามการขายผลิตภัณฑ์ของ TP-Link เนื่องจากข้อกังวลเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ของบริษัทกับรัฐบาลจีนและพฤติกรรมทางการตลาดที่ไม่เป็นธรรม

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับข้อกล่าวหาต่อ TP-Link
    สมาชิกสภาคองเกรส 17 คนเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์สั่งห้ามการขายผลิตภัณฑ์ของ TP-Link
    - อ้างว่า TP-Link มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลจีน และอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ

    TP-Link ถูกกล่าวหาว่าใช้กลยุทธ์ "predatory pricing" เพื่อลดราคาสินค้าให้ต่ำกว่าคู่แข่ง
    - ทำให้ แบรนด์สหรัฐฯ เสียเปรียบและสูญเสียส่วนแบ่งตลาด

    มีรายงานว่า TP-Link ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีไซเบอร์โดยกลุ่มแฮกเกอร์จีน
    - เช่น กรณีของ "CovertNetwork-1658" ซึ่งใช้เราเตอร์ TP-Link ในการขโมยข้อมูลจาก Azure

    TP-Link ปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน
    - บริษัทระบุว่า เป็นองค์กรอิสระและไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ

    TP-Link USA ได้ปรับโครงสร้างองค์กรในปี 2024 เพื่อแยกการดำเนินงานออกจากบริษัทแม่ในจีน
    - โดยตั้งสำนักงานใหญ่ใน Irvine, California

    https://www.techspot.com/news/107944-lawmakers-tp-link-rock-bottom-prices-fuel-chinese.html
    สหรัฐฯ อาจแบน TP-Link หลังข้อกล่าวหาเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์ TP-Link ซึ่งเป็นแบรนด์เราเตอร์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับความเป็นไปได้ที่จะถูกแบน หลังจากที่สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐฯ เรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์สั่งห้ามการขายผลิตภัณฑ์ของ TP-Link เนื่องจากข้อกังวลเกี่ยวกับ ความสัมพันธ์ของบริษัทกับรัฐบาลจีนและพฤติกรรมทางการตลาดที่ไม่เป็นธรรม 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับข้อกล่าวหาต่อ TP-Link ✅ สมาชิกสภาคองเกรส 17 คนเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์สั่งห้ามการขายผลิตภัณฑ์ของ TP-Link - อ้างว่า TP-Link มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลจีน และอาจเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐฯ ✅ TP-Link ถูกกล่าวหาว่าใช้กลยุทธ์ "predatory pricing" เพื่อลดราคาสินค้าให้ต่ำกว่าคู่แข่ง - ทำให้ แบรนด์สหรัฐฯ เสียเปรียบและสูญเสียส่วนแบ่งตลาด ✅ มีรายงานว่า TP-Link ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีไซเบอร์โดยกลุ่มแฮกเกอร์จีน - เช่น กรณีของ "CovertNetwork-1658" ซึ่งใช้เราเตอร์ TP-Link ในการขโมยข้อมูลจาก Azure ✅ TP-Link ปฏิเสธข้อกล่าวหาและยืนยันว่าไม่มีความเกี่ยวข้องกับรัฐบาลจีน - บริษัทระบุว่า เป็นองค์กรอิสระและไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ ✅ TP-Link USA ได้ปรับโครงสร้างองค์กรในปี 2024 เพื่อแยกการดำเนินงานออกจากบริษัทแม่ในจีน - โดยตั้งสำนักงานใหญ่ใน Irvine, California https://www.techspot.com/news/107944-lawmakers-tp-link-rock-bottom-prices-fuel-chinese.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Lawmakers say TP-Link's rock-bottom prices fuel Chinese cyberattacks, back US sales ban
    The seventeen senators and representatives wrote a letter to Commerce Secretary Howard Lutnick this week to support the ongoing investigations into TP-Link. The company is being investigated...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • Citrix เสนอ VDI เป็นทางเลือกแทนการซื้อ PC ใหม่ แต่มีข้อควรระวัง

    Citrix กำลังโปรโมต Virtual Desktop Infrastructure (VDI) เป็นทางเลือกสำหรับองค์กรที่ต้องการหลีกเลี่ยง ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้าคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ และการอัปเกรดจาก Windows 10 ไปเป็น Windows 11 อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังหลายประการที่ Citrix ไม่ได้กล่าวถึง

    Citrix แนะนำให้ใช้ eLux ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ Linux แทน Windows บน PC รุ่นเก่า
    - eLux เป็นระบบที่ Citrix ได้มาจากการเข้าซื้อ Unicon ในเดือนมกราคม 2025

    VDI ช่วยให้สามารถใช้ PC รุ่นเก่าได้โดยไม่ต้องซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่
    - ลดต้นทุน โดยใช้เซิร์ฟเวอร์กลางในการรัน Windows แทนการติดตั้งบนเครื่องแต่ละเครื่อง

    Citrix ใช้ NetScaler เพื่อช่วยลดปัญหาด้านประสิทธิภาพของ VDI
    - เช่น boot storms ที่ทำให้ระบบช้าลงเมื่อมีผู้ใช้จำนวนมากล็อกอินพร้อมกัน

    Citrix อ้างว่า VDI เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าการซื้อ PC ใหม่
    - โดยเฉพาะในช่วงที่ ราคาฮาร์ดแวร์เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้าในสหรัฐฯ

    Windows 10 จะหมดอายุในเดือนตุลาคม 2025 ทำให้บริษัทต้องตัดสินใจว่าจะอัปเกรดหรือเปลี่ยนไปใช้ VDI
    - Citrix มองว่า VDI เป็นทางเลือกที่ช่วยลดต้นทุนและความยุ่งยากในการอัปเกรด

    https://www.techradar.com/pro/businesses-do-you-want-to-avoid-rising-pc-prices-and-windows-10-eol-upgrade-headaches-citrix-wants-you-to-try-vdi
    Citrix เสนอ VDI เป็นทางเลือกแทนการซื้อ PC ใหม่ แต่มีข้อควรระวัง Citrix กำลังโปรโมต Virtual Desktop Infrastructure (VDI) เป็นทางเลือกสำหรับองค์กรที่ต้องการหลีกเลี่ยง ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้าคอมพิวเตอร์ในสหรัฐฯ และการอัปเกรดจาก Windows 10 ไปเป็น Windows 11 อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังหลายประการที่ Citrix ไม่ได้กล่าวถึง ✅ Citrix แนะนำให้ใช้ eLux ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการ Linux แทน Windows บน PC รุ่นเก่า - eLux เป็นระบบที่ Citrix ได้มาจากการเข้าซื้อ Unicon ในเดือนมกราคม 2025 ✅ VDI ช่วยให้สามารถใช้ PC รุ่นเก่าได้โดยไม่ต้องซื้อฮาร์ดแวร์ใหม่ - ลดต้นทุน โดยใช้เซิร์ฟเวอร์กลางในการรัน Windows แทนการติดตั้งบนเครื่องแต่ละเครื่อง ✅ Citrix ใช้ NetScaler เพื่อช่วยลดปัญหาด้านประสิทธิภาพของ VDI - เช่น boot storms ที่ทำให้ระบบช้าลงเมื่อมีผู้ใช้จำนวนมากล็อกอินพร้อมกัน ✅ Citrix อ้างว่า VDI เป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าการซื้อ PC ใหม่ - โดยเฉพาะในช่วงที่ ราคาฮาร์ดแวร์เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้าในสหรัฐฯ ✅ Windows 10 จะหมดอายุในเดือนตุลาคม 2025 ทำให้บริษัทต้องตัดสินใจว่าจะอัปเกรดหรือเปลี่ยนไปใช้ VDI - Citrix มองว่า VDI เป็นทางเลือกที่ช่วยลดต้นทุนและความยุ่งยากในการอัปเกรด https://www.techradar.com/pro/businesses-do-you-want-to-avoid-rising-pc-prices-and-windows-10-eol-upgrade-headaches-citrix-wants-you-to-try-vdi
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SM2504XT สำหรับ SSD PCIe 5.0 ในราคาที่เข้าถึงได้

    Silicon Motion กำลังนำเทคโนโลยี PCIe 5.0 SSD มาสู่ตลาดระดับกลาง ด้วยคอนโทรลเลอร์ SM2504XT ซึ่งจะถูกนำเสนอในงาน Computex 2025 ที่ไทเป โดยคอนโทรลเลอร์นี้ให้ประสิทธิภาพสูงในราคาที่จับต้องได้

    SM2504XT เป็นคอนโทรลเลอร์ PCIe 5.0 x4 ที่รองรับ NVM 2.0
    - ใช้ Arm Cortex-R8 triple-core และมี 4 ช่องสัญญาณ NAND รองรับอัตราการส่งข้อมูลสูงสุด 3600 MT/s

    ความเร็วในการอ่านและเขียนสูงสุดอยู่ที่ 11.5 GB/s และ 11.0 GB/s ตามลำดับ
    - ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ SSD PCIe 5.0 รุ่นไฮเอนด์ในยุคแรก

    ใช้เทคโนโลยี NANDXtend ECC เพื่อเพิ่มความเสถียรของข้อมูล
    - ใช้ LDPC error correction ที่รองรับ 3D TLC และ 3D QLC NAND

    รองรับ Host Memory Buffer (HMB) สำหรับ SSD ที่ไม่มี DRAM
    - ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับ SSD ระดับกลาง

    ใช้พลังงานต่ำ โดยมีการใช้พลังงานขณะทำงานเพียง 4.7W และขณะพักเพียง 1.2mW
    - ประหยัดพลังงานมากกว่า คู่แข่งถึง 24%

    SSD ที่ใช้ SM2504XT อาจไม่สามารถแข่งขันกับรุ่นไฮเอนด์ที่ใช้ Phison E28 ได้
    - ต้องติดตามว่า ประสิทธิภาพจริงจะเป็นอย่างไรเมื่อวางจำหน่าย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/silicon-motion-enables-pcie-5-0-ssds-at-mainstream-prices-with-sm2504xt-controller
    Silicon Motion เปิดตัวคอนโทรลเลอร์ SM2504XT สำหรับ SSD PCIe 5.0 ในราคาที่เข้าถึงได้ Silicon Motion กำลังนำเทคโนโลยี PCIe 5.0 SSD มาสู่ตลาดระดับกลาง ด้วยคอนโทรลเลอร์ SM2504XT ซึ่งจะถูกนำเสนอในงาน Computex 2025 ที่ไทเป โดยคอนโทรลเลอร์นี้ให้ประสิทธิภาพสูงในราคาที่จับต้องได้ ✅ SM2504XT เป็นคอนโทรลเลอร์ PCIe 5.0 x4 ที่รองรับ NVM 2.0 - ใช้ Arm Cortex-R8 triple-core และมี 4 ช่องสัญญาณ NAND รองรับอัตราการส่งข้อมูลสูงสุด 3600 MT/s ✅ ความเร็วในการอ่านและเขียนสูงสุดอยู่ที่ 11.5 GB/s และ 11.0 GB/s ตามลำดับ - ประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ SSD PCIe 5.0 รุ่นไฮเอนด์ในยุคแรก ✅ ใช้เทคโนโลยี NANDXtend ECC เพื่อเพิ่มความเสถียรของข้อมูล - ใช้ LDPC error correction ที่รองรับ 3D TLC และ 3D QLC NAND ✅ รองรับ Host Memory Buffer (HMB) สำหรับ SSD ที่ไม่มี DRAM - ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับ SSD ระดับกลาง ✅ ใช้พลังงานต่ำ โดยมีการใช้พลังงานขณะทำงานเพียง 4.7W และขณะพักเพียง 1.2mW - ประหยัดพลังงานมากกว่า คู่แข่งถึง 24% ‼️ SSD ที่ใช้ SM2504XT อาจไม่สามารถแข่งขันกับรุ่นไฮเอนด์ที่ใช้ Phison E28 ได้ - ต้องติดตามว่า ประสิทธิภาพจริงจะเป็นอย่างไรเมื่อวางจำหน่าย https://www.tomshardware.com/pc-components/ssds/silicon-motion-enables-pcie-5-0-ssds-at-mainstream-prices-with-sm2504xt-controller
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาจทำให้ราคาคอนโซลเกมพุ่งสูงขึ้น

    การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ Sony และ Microsoft ประกาศปรับราคาคอนโซลเกม เช่น PlayStation 5 และ Xbox Series X โดยนักวิเคราะห์คาดว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในระยะยาว แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว ราคาสินค้าเทคโนโลยีมักลดลงเมื่อเวลาผ่านไป

    PlayStation 5 และ Xbox Series X มีการปรับราคาขึ้นหลายสิบดอลลาร์ทั่วโลก
    - เป็นผลจาก ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่กระทบต่อสินค้าจากจีน

    75% ของคอนโซลที่ส่งไปยังสหรัฐฯ ในปีที่แล้วผลิตในจีน
    - ทำให้ บริษัทต้องปรับราคาขึ้นเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

    Nintendo Switch 2 อาจรอดพ้นจากการขึ้นราคาในช่วงแรก
    - เนื่องจาก Nintendo ได้ย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปเวียดนามตั้งแต่ปี 2019

    เกมใหม่จาก Nintendo และ Microsoft มีแนวโน้มปรับราคาขึ้นเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม
    - เช่น Mario Kart World และเกมจาก Microsoft Studios อาจมีราคาเริ่มต้นที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ

    นักวิเคราะห์คาดว่าแนวโน้มราคานี้จะดำเนินต่อไปในอีกสองปีข้างหน้า
    - เนื่องจาก ต้นทุนการพัฒนาเกมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/13/tariffs-set-to-level-up-game-console-prices
    ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อาจทำให้ราคาคอนโซลเกมพุ่งสูงขึ้น การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ส่งผลให้ Sony และ Microsoft ประกาศปรับราคาคอนโซลเกม เช่น PlayStation 5 และ Xbox Series X โดยนักวิเคราะห์คาดว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในระยะยาว แม้ว่าโดยทั่วไปแล้ว ราคาสินค้าเทคโนโลยีมักลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ✅ PlayStation 5 และ Xbox Series X มีการปรับราคาขึ้นหลายสิบดอลลาร์ทั่วโลก - เป็นผลจาก ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่กระทบต่อสินค้าจากจีน ✅ 75% ของคอนโซลที่ส่งไปยังสหรัฐฯ ในปีที่แล้วผลิตในจีน - ทำให้ บริษัทต้องปรับราคาขึ้นเพื่อชดเชยต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ✅ Nintendo Switch 2 อาจรอดพ้นจากการขึ้นราคาในช่วงแรก - เนื่องจาก Nintendo ได้ย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปเวียดนามตั้งแต่ปี 2019 ✅ เกมใหม่จาก Nintendo และ Microsoft มีแนวโน้มปรับราคาขึ้นเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม - เช่น Mario Kart World และเกมจาก Microsoft Studios อาจมีราคาเริ่มต้นที่ 80 ดอลลาร์สหรัฐฯ ✅ นักวิเคราะห์คาดว่าแนวโน้มราคานี้จะดำเนินต่อไปในอีกสองปีข้างหน้า - เนื่องจาก ต้นทุนการพัฒนาเกมเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงห้าปีที่ผ่านมา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/13/tariffs-set-to-level-up-game-console-prices
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Tariffs set to level up game console prices
    The US tariffs barrage and the bounding cost of producing games have prompted manufacturers like Sony and Microsoft to announce price hikes on consoles, in an industry shift experts say is set to last.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขออนุญาตแอดมินครับ - ขออนุญาตนำเสนองานออกแบบ สำหรับเพื่อนๆท่านใดที่กำลังจะสร้างบ้านครับ

    TROPICAL POOL VILLA BALI STYLE
    2 BEDROOM 2 BATHROOM AND SWIMMIG POOL
    บ้านพักอาศัยชั้นเดียว 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ สระว่ายน้ำ สไตล์บ้านเขตร้อนแนวบาหลี
    พื้นที่ขนาดเล็กสุด กว้าง 16.50 เมตร ยาว 38.00 เมตร
    ราคาบ้าน 4.25 - 5.50 ล้าน
    พื้นที่เกาะ อยู่ระหว่าง 6.25 - 7.50 ล้าน ขึ้นอยู่กับวัสดุและฝีมือช่าง

    ติดต่อสอบถามงานออกแบบ - รับออกแบบอาคารทุกประเภท
    inbox หรือ ไลน์ไอดี KSMRGS ครับ

    Admin permission

    TROPICAL POOL VILLA BALI STYLE
    2 BEDROOM 2 BATHROOM AND SWIMMIG POOL

    Single-storey house, 2 bedrooms, 2 bathrooms, swimming pool, tropical Balinese style house
    The smallest area is 16.50 meters wide and 38.00 meters long
    House price 4.25 - 5.50 million
    Island area is between 6.25 - 7.50 million,
    depending on materials and craftsmanship.

    Contact for design inquiries
    Inbox or Line ID KSMRGS
    ขออนุญาตแอดมินครับ - ขออนุญาตนำเสนองานออกแบบ สำหรับเพื่อนๆท่านใดที่กำลังจะสร้างบ้านครับ TROPICAL POOL VILLA BALI STYLE 2 BEDROOM 2 BATHROOM AND SWIMMIG POOL บ้านพักอาศัยชั้นเดียว 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ สระว่ายน้ำ สไตล์บ้านเขตร้อนแนวบาหลี พื้นที่ขนาดเล็กสุด กว้าง 16.50 เมตร ยาว 38.00 เมตร ราคาบ้าน 4.25 - 5.50 ล้าน พื้นที่เกาะ อยู่ระหว่าง 6.25 - 7.50 ล้าน ขึ้นอยู่กับวัสดุและฝีมือช่าง ติดต่อสอบถามงานออกแบบ - รับออกแบบอาคารทุกประเภท inbox หรือ ไลน์ไอดี KSMRGS ครับ Admin permission TROPICAL POOL VILLA BALI STYLE 2 BEDROOM 2 BATHROOM AND SWIMMIG POOL Single-storey house, 2 bedrooms, 2 bathrooms, swimming pool, tropical Balinese style house The smallest area is 16.50 meters wide and 38.00 meters long House price 4.25 - 5.50 million Island area is between 6.25 - 7.50 million, depending on materials and craftsmanship. Contact for design inquiries Inbox or Line ID KSMRGS
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • Proton เตรียมลดราคาหลังศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ผูกขาดการชำระเงินใน App Store Proton ผู้ให้บริการ VPN และอีเมลที่เน้นความปลอดภัย ประกาศว่าจะ ลดราคาสำหรับผู้ใช้ iOS ลงสูงสุด 30% หลังจากที่ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเกี่ยวกับการผูกขาดการชำระเงินใน App Store

    ศาลพบว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลที่ออกในปี 2021 โดยยังคง เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากนักพัฒนา ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ซื้อสินค้าผ่านช่องทางอื่นนอกเหนือจาก App Store

    ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเกี่ยวกับการผูกขาดการชำระเงินใน App Store
    - Apple ยังคง เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากนักพัฒนา ที่ใช้ช่องทางชำระเงินอื่น

    Proton ประกาศลดราคาสำหรับผู้ใช้ iOS ลงสูงสุด 30%
    - Proton VPN Plus ในสหรัฐฯ จะลดราคาลง 34% สำหรับการสมัครสมาชิกแบบรายปี

    Spotify ได้รับอนุมัติให้แสดงราคาชัดเจนและลิงก์ไปยังช่องทางชำระเงินอื่น
    - ช่วยให้ ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้นในการซื้อบริการ

    Proton เรียกร้องให้สหภาพยุโรปบังคับใช้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) กับ Apple
    - ระบุว่า EU ยังไม่ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่

    Apple ยืนยันว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งศาล แต่จะยื่นอุทธรณ์
    - Apple ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/no-apple-tax-means-we-will-lower-prices-proton-promises-price-drop-after-us-ruling-against-apple
    Proton เตรียมลดราคาหลังศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ผูกขาดการชำระเงินใน App Store Proton ผู้ให้บริการ VPN และอีเมลที่เน้นความปลอดภัย ประกาศว่าจะ ลดราคาสำหรับผู้ใช้ iOS ลงสูงสุด 30% หลังจากที่ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเกี่ยวกับการผูกขาดการชำระเงินใน App Store ศาลพบว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลที่ออกในปี 2021 โดยยังคง เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากนักพัฒนา ที่อนุญาตให้ผู้ใช้ซื้อสินค้าผ่านช่องทางอื่นนอกเหนือจาก App Store ✅ ศาลสหรัฐฯ ตัดสินว่า Apple ละเมิดคำสั่งศาลเกี่ยวกับการผูกขาดการชำระเงินใน App Store - Apple ยังคง เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากนักพัฒนา ที่ใช้ช่องทางชำระเงินอื่น ✅ Proton ประกาศลดราคาสำหรับผู้ใช้ iOS ลงสูงสุด 30% - Proton VPN Plus ในสหรัฐฯ จะลดราคาลง 34% สำหรับการสมัครสมาชิกแบบรายปี ✅ Spotify ได้รับอนุมัติให้แสดงราคาชัดเจนและลิงก์ไปยังช่องทางชำระเงินอื่น - ช่วยให้ ผู้ใช้มีทางเลือกมากขึ้นในการซื้อบริการ ✅ Proton เรียกร้องให้สหภาพยุโรปบังคับใช้กฎหมาย Digital Markets Act (DMA) กับ Apple - ระบุว่า EU ยังไม่ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ✅ Apple ยืนยันว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งศาล แต่จะยื่นอุทธรณ์ - Apple ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาล https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/no-apple-tax-means-we-will-lower-prices-proton-promises-price-drop-after-us-ruling-against-apple
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตผู้บริหาร PlayStation Shuhei Yoshida ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ การขึ้นราคาวิดีโอเกม โดยระบุว่า เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ คุณค่าของเกมที่ไม่สอดคล้องกับราคาที่เพิ่มขึ้น

    ปัจจุบัน เกม AAA หลายเกมมีราคาสูงถึง $70 หรือมากกว่า โดยผู้พัฒนาให้เหตุผลว่า ต้นทุนการพัฒนาเพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นจำนวนมาก เริ่มหลีกเลี่ยงการซื้อเกมวันแรก เนื่องจาก เกมใหม่หลายเกมไม่สามารถให้คุณค่าเทียบเท่ากับราคาที่ต้องจ่าย

    เกม AAA หลายเกมมีราคาสูงถึง $70 หรือมากกว่า
    - ผู้พัฒนาให้เหตุผลว่า ต้นทุนการพัฒนาเพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญ
    - ผู้เล่นจำนวนมาก เริ่มหลีกเลี่ยงการซื้อเกมวันแรก

    Nintendo และ Microsoft กำลังปรับราคาขึ้น
    - เกมสำหรับ Nintendo Switch 2 อาจมีราคาสูงถึง $80
    - มีรายงานว่า GTA 6 อาจมีราคาสูงกว่า $100

    Shuhei Yoshida ระบุว่าผู้เล่นต้องการเกมที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้น แต่ไม่ต้องการให้ราคาสูงขึ้น
    - เขาเรียกสถานการณ์นี้ว่า "สมการที่เป็นไปไม่ได้"
    - ผู้เล่นต้องการ เกมที่มีคุณภาพสูงขึ้นโดยไม่ต้องจ่ายแพงขึ้น

    เกมจากทีมพัฒนาเล็ก ๆ เช่น Clair Obscur: Expedition 33 แสดงให้เห็นว่าเกมคุณภาพสูงสามารถสร้างได้โดยไม่ต้องใช้ต้นทุนมหาศาล
    - เกมนี้ถูกพัฒนาโดยทีม 30 คน และขายได้ 1 ล้านชุดภายใน 3 วัน
    - ต้นทุนต่ำกว่าการพัฒนาเกม AAA แต่ยังคงให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม

    Yoshida เชื่อว่า AI อาจช่วยลดต้นทุนการพัฒนาเกมในอนาคต
    - เขากล่าวว่า เครื่องมือ AI เช่น Microsoft's Muse อาจช่วยให้ทีมพัฒนาเกมขนาดเล็กสามารถสร้างเกมได้ง่ายขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107821-former-playstation-boss-gaming-price-hikes-inevitable-but.html
    อดีตผู้บริหาร PlayStation Shuhei Yoshida ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ การขึ้นราคาวิดีโอเกม โดยระบุว่า เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ปัญหาที่แท้จริงคือ คุณค่าของเกมที่ไม่สอดคล้องกับราคาที่เพิ่มขึ้น ปัจจุบัน เกม AAA หลายเกมมีราคาสูงถึง $70 หรือมากกว่า โดยผู้พัฒนาให้เหตุผลว่า ต้นทุนการพัฒนาเพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นจำนวนมาก เริ่มหลีกเลี่ยงการซื้อเกมวันแรก เนื่องจาก เกมใหม่หลายเกมไม่สามารถให้คุณค่าเทียบเท่ากับราคาที่ต้องจ่าย ✅ เกม AAA หลายเกมมีราคาสูงถึง $70 หรือมากกว่า - ผู้พัฒนาให้เหตุผลว่า ต้นทุนการพัฒนาเพิ่มขึ้นและเงินเฟ้อเป็นปัจจัยสำคัญ - ผู้เล่นจำนวนมาก เริ่มหลีกเลี่ยงการซื้อเกมวันแรก ✅ Nintendo และ Microsoft กำลังปรับราคาขึ้น - เกมสำหรับ Nintendo Switch 2 อาจมีราคาสูงถึง $80 - มีรายงานว่า GTA 6 อาจมีราคาสูงกว่า $100 ✅ Shuhei Yoshida ระบุว่าผู้เล่นต้องการเกมที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้น แต่ไม่ต้องการให้ราคาสูงขึ้น - เขาเรียกสถานการณ์นี้ว่า "สมการที่เป็นไปไม่ได้" - ผู้เล่นต้องการ เกมที่มีคุณภาพสูงขึ้นโดยไม่ต้องจ่ายแพงขึ้น ✅ เกมจากทีมพัฒนาเล็ก ๆ เช่น Clair Obscur: Expedition 33 แสดงให้เห็นว่าเกมคุณภาพสูงสามารถสร้างได้โดยไม่ต้องใช้ต้นทุนมหาศาล - เกมนี้ถูกพัฒนาโดยทีม 30 คน และขายได้ 1 ล้านชุดภายใน 3 วัน - ต้นทุนต่ำกว่าการพัฒนาเกม AAA แต่ยังคงให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ✅ Yoshida เชื่อว่า AI อาจช่วยลดต้นทุนการพัฒนาเกมในอนาคต - เขากล่าวว่า เครื่องมือ AI เช่น Microsoft's Muse อาจช่วยให้ทีมพัฒนาเกมขนาดเล็กสามารถสร้างเกมได้ง่ายขึ้น https://www.techspot.com/news/107821-former-playstation-boss-gaming-price-hikes-inevitable-but.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Former PlayStation boss says gaming price hikes are inevitable, but lack of value is the real issue
    Many players have opted out of day-one releases as big-name publishers rapidly raise game prices. Nintendo's upcoming Switch 2 titles will cost as much as $80, Microsoft...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ได้เปิดตัว RTX Pro 6000 Blackwell ซึ่งเป็น GPU ระดับเวิร์กสเตชัน ที่มาพร้อมกับ 24,064 CUDA Cores และ GDDR7 96GB โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ AI, การเรนเดอร์ 3D และงานคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง

    RTX Pro 6000 Blackwell มีราคาสูงถึง $11,000 ซึ่งมากกว่ารุ่น RTX 5090 ถึงสามเท่า แม้ว่าจะมี CUDA Cores มากกว่าและหน่วยความจำที่ใหญ่กว่า แต่ผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่า ประสิทธิภาพยังไม่เหนือกว่า RTX 5090 อย่างชัดเจน เนื่องจากข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์และการเข้าถึงหน่วยความจำ

    RTX Pro 6000 Blackwell เป็น GPU ระดับเวิร์กสเตชัน
    - ใช้ GB202 Chip พร้อม 24,064 CUDA Cores
    - มี GDDR7 96GB และ Boost Clock 2,617MHz

    เปรียบเทียบกับ RTX 5090
    - RTX 5090 มี 21,760 CUDA Cores และ GDDR7 32GB
    - RTX Pro 6000 มี CUDA Cores มากกว่า แต่ผลการทดสอบยังไม่เหนือกว่าอย่างชัดเจน

    ผลการทดสอบเบื้องต้น
    - RTX Pro 6000 ทำคะแนน 368,219 ใน Geekbench OpenCL Benchmark
    - RTX 5090 ทำคะแนน 376,858 ซึ่งสูงกว่าเล็กน้อย

    ราคาและการวางจำหน่าย
    - ราคาสูงถึง $11,000 ในญี่ปุ่นและยุโรป
    - มีจำหน่ายผ่าน PNY และผู้ค้าปลีกระดับองค์กร

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-rtx-pro-6000-blackwell-appears-online-with-an-eye-watering-price-tag-of-over-usd11-000
    Nvidia ได้เปิดตัว RTX Pro 6000 Blackwell ซึ่งเป็น GPU ระดับเวิร์กสเตชัน ที่มาพร้อมกับ 24,064 CUDA Cores และ GDDR7 96GB โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ AI, การเรนเดอร์ 3D และงานคอมพิวเตอร์ประสิทธิภาพสูง RTX Pro 6000 Blackwell มีราคาสูงถึง $11,000 ซึ่งมากกว่ารุ่น RTX 5090 ถึงสามเท่า แม้ว่าจะมี CUDA Cores มากกว่าและหน่วยความจำที่ใหญ่กว่า แต่ผลการทดสอบเบื้องต้นพบว่า ประสิทธิภาพยังไม่เหนือกว่า RTX 5090 อย่างชัดเจน เนื่องจากข้อจำกัดด้านซอฟต์แวร์และการเข้าถึงหน่วยความจำ ✅ RTX Pro 6000 Blackwell เป็น GPU ระดับเวิร์กสเตชัน - ใช้ GB202 Chip พร้อม 24,064 CUDA Cores - มี GDDR7 96GB และ Boost Clock 2,617MHz ✅ เปรียบเทียบกับ RTX 5090 - RTX 5090 มี 21,760 CUDA Cores และ GDDR7 32GB - RTX Pro 6000 มี CUDA Cores มากกว่า แต่ผลการทดสอบยังไม่เหนือกว่าอย่างชัดเจน ✅ ผลการทดสอบเบื้องต้น - RTX Pro 6000 ทำคะแนน 368,219 ใน Geekbench OpenCL Benchmark - RTX 5090 ทำคะแนน 376,858 ซึ่งสูงกว่าเล็กน้อย ✅ ราคาและการวางจำหน่าย - ราคาสูงถึง $11,000 ในญี่ปุ่นและยุโรป - มีจำหน่ายผ่าน PNY และผู้ค้าปลีกระดับองค์กร https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-rtx-pro-6000-blackwell-appears-online-with-an-eye-watering-price-tag-of-over-usd11-000
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia RTX Pro 6000 Blackwell appears online with an eye-watering price tag of over $11,000
    Over three-times the cost of a price-inflated RTX 5090, but it has more CUDA cores and a massive 96GB of GDDR7 memory.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • Boox ได้เปิดตัว Mira Pro (Color) ซึ่งเป็น จอ E Ink สีขนาด 23.5 นิ้ว ที่ใช้เทคโนโลยี Kaleido 3 สามารถแสดง 16 ระดับสีเทา และ 4,096 สี แม้ว่าจะยังห่างไกลจากจอ OLED 10-bit ที่สามารถแสดงสีได้มากกว่าพันล้านสี แต่ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานสำหรับจอ E Ink สี

    จอ E Ink ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้มีสีสันสดใสหรืออัตรารีเฟรชสูง แต่เน้นไปที่ การลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา จากการใช้งานระยะยาว โดยให้ความรู้สึกคล้ายกับการอ่านกระดาษมากกว่าการมองจอที่มีแสงสว่าง

    Mira Pro มี ความละเอียด 3,200 x 1,800 พิกเซล และรองรับ โหมดการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น Speed Mode สำหรับวิดีโอ, Reading Mode สำหรับการอ่านเว็บไซต์, Normal Mode สำหรับแอปทั่วไป และ Text Mode สำหรับเอกสาร นอกจากนี้ยังมี ไฟหน้าสองโทน ที่สามารถปรับเป็นแสงเย็นหรือแสงอุ่นได้

    จอนี้มี พอร์ตเชื่อมต่อหลากหลาย ได้แก่ HDMI, Mini HDMI, DisplayPort และ USB-C พร้อมสายเชื่อมต่อที่ให้มาในกล่อง และขาตั้งอะลูมิเนียมที่สามารถปรับระดับความสูง, เอียง และหมุนได้

    Mira Pro (Color) วางจำหน่ายในราคา $1,899.99 และจัดส่งจากคลังสินค้าของ Boox ในจีน โดยยังไม่มีการจัดส่งจากคลังสินค้าในสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร หรือสหภาพยุโรป

    เทคโนโลยีจอ E Ink สี
    - ใช้ Kaleido 3 แสดง 16 ระดับสีเทา และ 4,096 สี
    - ลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านกระดาษ

    ความละเอียดและโหมดการใช้งาน
    - ความละเอียด 3,200 x 1,800 พิกเซล
    - รองรับ Speed Mode, Reading Mode, Normal Mode และ Text Mode

    พอร์ตเชื่อมต่อและอุปกรณ์เสริม
    - มี HDMI, Mini HDMI, DisplayPort และ USB-C
    - มาพร้อมสายเชื่อมต่อและขาตั้งอะลูมิเนียมที่ปรับระดับได้

    การวางจำหน่ายและการจัดส่ง
    - ราคา $1,899.99
    - จัดส่งจากคลังสินค้าในจีน ยังไม่มีการจัดส่งจากสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร หรือสหภาพยุโรป

    https://www.tomshardware.com/monitors/boox-debuts-23-5-inch-color-e-ink-monitor-with-1800p-resolution-and-usd1-900-price-tag
    Boox ได้เปิดตัว Mira Pro (Color) ซึ่งเป็น จอ E Ink สีขนาด 23.5 นิ้ว ที่ใช้เทคโนโลยี Kaleido 3 สามารถแสดง 16 ระดับสีเทา และ 4,096 สี แม้ว่าจะยังห่างไกลจากจอ OLED 10-bit ที่สามารถแสดงสีได้มากกว่าพันล้านสี แต่ก็ถือว่าเป็นมาตรฐานสำหรับจอ E Ink สี จอ E Ink ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้มีสีสันสดใสหรืออัตรารีเฟรชสูง แต่เน้นไปที่ การลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา จากการใช้งานระยะยาว โดยให้ความรู้สึกคล้ายกับการอ่านกระดาษมากกว่าการมองจอที่มีแสงสว่าง Mira Pro มี ความละเอียด 3,200 x 1,800 พิกเซล และรองรับ โหมดการใช้งานที่แตกต่างกัน เช่น Speed Mode สำหรับวิดีโอ, Reading Mode สำหรับการอ่านเว็บไซต์, Normal Mode สำหรับแอปทั่วไป และ Text Mode สำหรับเอกสาร นอกจากนี้ยังมี ไฟหน้าสองโทน ที่สามารถปรับเป็นแสงเย็นหรือแสงอุ่นได้ จอนี้มี พอร์ตเชื่อมต่อหลากหลาย ได้แก่ HDMI, Mini HDMI, DisplayPort และ USB-C พร้อมสายเชื่อมต่อที่ให้มาในกล่อง และขาตั้งอะลูมิเนียมที่สามารถปรับระดับความสูง, เอียง และหมุนได้ Mira Pro (Color) วางจำหน่ายในราคา $1,899.99 และจัดส่งจากคลังสินค้าของ Boox ในจีน โดยยังไม่มีการจัดส่งจากคลังสินค้าในสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร หรือสหภาพยุโรป ✅ เทคโนโลยีจอ E Ink สี - ใช้ Kaleido 3 แสดง 16 ระดับสีเทา และ 4,096 สี - ลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา ให้ความรู้สึกเหมือนอ่านกระดาษ ✅ ความละเอียดและโหมดการใช้งาน - ความละเอียด 3,200 x 1,800 พิกเซล - รองรับ Speed Mode, Reading Mode, Normal Mode และ Text Mode ✅ พอร์ตเชื่อมต่อและอุปกรณ์เสริม - มี HDMI, Mini HDMI, DisplayPort และ USB-C - มาพร้อมสายเชื่อมต่อและขาตั้งอะลูมิเนียมที่ปรับระดับได้ ✅ การวางจำหน่ายและการจัดส่ง - ราคา $1,899.99 - จัดส่งจากคลังสินค้าในจีน ยังไม่มีการจัดส่งจากสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร หรือสหภาพยุโรป https://www.tomshardware.com/monitors/boox-debuts-23-5-inch-color-e-ink-monitor-with-1800p-resolution-and-usd1-900-price-tag
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Boox debuts 23.5-inch color E ink monitor with 1800p resolution and $1,900 price tag
    The latest color E ink display from Boox costs as much as a high-end IPS panel from Apple or Dell
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • Shokz ได้เปิดตัว OpenDots ONE ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายแบบเปิดที่มีขนาดเล็กที่สุดของบริษัท โดยมีน้ำหนักเพียง 0.23 ออนซ์ (ประมาณ 6 กรัม) ต่อข้าง และใช้ดีไซน์แบบ clip-on ที่ช่วยให้หูฟังติดแน่นกับหูของผู้ใช้ แม้ไม่มีดีไซน์แบบ wraparound เหมือนรุ่นก่อน

    OpenDots ONE ใช้ ไดรเวอร์ขนาด 11.8 มม. พร้อมเทคโนโลยี Bassphere ที่ช่วยเพิ่มเสียงเบส และมี DirectPitch Audio ที่ช่วยลดการรั่วไหลของเสียง แม้ว่าหูฟังจะไม่ได้อยู่ในช่องหูโดยตรง

    นอกจากนี้ หูฟังยังมี แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสามารถใช้งานรวมกับเคสชาร์จได้ถึง 40 ชั่วโมง รองรับ IP54 กันน้ำและเหงื่อ และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกันผ่าน multipoint connectivity

    ดีไซน์และน้ำหนักเบา
    - น้ำหนักเพียง 0.23 ออนซ์ (ประมาณ 6 กรัม) ต่อข้าง
    - ดีไซน์แบบ clip-on ที่ช่วยให้หูฟังติดแน่นกับหู

    คุณภาพเสียงและเทคโนโลยี
    - ไดรเวอร์ขนาด 11.8 มม. พร้อมเทคโนโลยี Bassphere
    - DirectPitch Audio ช่วยลดการรั่วไหลของเสียง

    แบตเตอรี่และการใช้งาน
    - ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
    - ใช้งานรวมกับเคสชาร์จได้ถึง 40 ชั่วโมง

    คุณสมบัติพิเศษ
    - IP54 กันน้ำและเหงื่อ
    - Multipoint connectivity เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกัน

    https://www.techradar.com/audio/earbuds-airpods/shokz-launches-its-smallest-open-earbuds-yet-and-im-ready-to-hear-this-one-out-despite-the-high-price
    Shokz ได้เปิดตัว OpenDots ONE ซึ่งเป็นหูฟังไร้สายแบบเปิดที่มีขนาดเล็กที่สุดของบริษัท โดยมีน้ำหนักเพียง 0.23 ออนซ์ (ประมาณ 6 กรัม) ต่อข้าง และใช้ดีไซน์แบบ clip-on ที่ช่วยให้หูฟังติดแน่นกับหูของผู้ใช้ แม้ไม่มีดีไซน์แบบ wraparound เหมือนรุ่นก่อน OpenDots ONE ใช้ ไดรเวอร์ขนาด 11.8 มม. พร้อมเทคโนโลยี Bassphere ที่ช่วยเพิ่มเสียงเบส และมี DirectPitch Audio ที่ช่วยลดการรั่วไหลของเสียง แม้ว่าหูฟังจะไม่ได้อยู่ในช่องหูโดยตรง นอกจากนี้ หูฟังยังมี แบตเตอรี่ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมง ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และสามารถใช้งานรวมกับเคสชาร์จได้ถึง 40 ชั่วโมง รองรับ IP54 กันน้ำและเหงื่อ และสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกันผ่าน multipoint connectivity ✅ ดีไซน์และน้ำหนักเบา - น้ำหนักเพียง 0.23 ออนซ์ (ประมาณ 6 กรัม) ต่อข้าง - ดีไซน์แบบ clip-on ที่ช่วยให้หูฟังติดแน่นกับหู ✅ คุณภาพเสียงและเทคโนโลยี - ไดรเวอร์ขนาด 11.8 มม. พร้อมเทคโนโลยี Bassphere - DirectPitch Audio ช่วยลดการรั่วไหลของเสียง ✅ แบตเตอรี่และการใช้งาน - ใช้งานได้นานถึง 10 ชั่วโมงต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง - ใช้งานรวมกับเคสชาร์จได้ถึง 40 ชั่วโมง ✅ คุณสมบัติพิเศษ - IP54 กันน้ำและเหงื่อ - Multipoint connectivity เชื่อมต่อกับอุปกรณ์สองเครื่องพร้อมกัน https://www.techradar.com/audio/earbuds-airpods/shokz-launches-its-smallest-open-earbuds-yet-and-im-ready-to-hear-this-one-out-despite-the-high-price
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • Baidu ได้เปิดตัวโมเดล AI รุ่นใหม่ ERNIE X1 Turbo และ ERNIE 4.5 Turbo ในงาน Baidu Create 2025 ที่เมืองอู่ฮั่น โดยโมเดลเหล่านี้เป็นการอัปเกรดจาก ERNIE X1 และ ERNIE 4.5 ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความเร็วในการประมวลผลและลดต้นทุนการใช้งาน

    ERNIE X1 Turbo เป็นโมเดลที่เน้นการคิดเชิงลึกและการให้เหตุผล โดยสามารถสร้างข้อความที่ซับซ้อน แก้ปัญหาเชิงตรรกะ และเข้าใจภาพได้ดีขึ้น ในขณะที่ ERNIE 4.5 Turbo มีความเร็วในการประมวลผลที่สูงขึ้นและลดราคาลงถึง 80% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    CEO ของ Baidu, Robin Li ระบุว่า การลดราคาของโมเดล AI เป็นการช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชัน AI ได้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการสร้างมนุษย์ดิจิทัลที่มีความสมจริงสูง ซึ่งสามารถนำไปใช้ในงานถ่ายทอดสด เกม และอีคอมเมิร์ซ

    การเปิดตัวโมเดลใหม่
    - ERNIE X1 Turbo เน้นการคิดเชิงลึกและการให้เหตุผล
    - ERNIE 4.5 Turbo มีความเร็วในการประมวลผลสูงขึ้นและลดราคาลงถึง 80%

    ความสามารถของโมเดล
    - ERNIE X1 Turbo สามารถแก้ปัญหาเชิงตรรกะและเข้าใจภาพได้ดีขึ้น
    - ERNIE 4.5 Turbo มีความสามารถในการสร้างข้อความและลดการเกิดข้อมูลที่ผิดพลาด

    เป้าหมายของการลดราคา
    - ช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชัน AI ได้มากขึ้น
    - ส่งเสริมการพัฒนามนุษย์ดิจิทัลที่มีความสมจริงสูง

    การพัฒนาในอนาคต
    - Baidu กำลังพัฒนา ERNIE 5.0 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

    https://www.neowin.net/news/baidu-launches-ernie-x1-turbo-and-ernie-45-turbo-models-with-slashed-prices/
    Baidu ได้เปิดตัวโมเดล AI รุ่นใหม่ ERNIE X1 Turbo และ ERNIE 4.5 Turbo ในงาน Baidu Create 2025 ที่เมืองอู่ฮั่น โดยโมเดลเหล่านี้เป็นการอัปเกรดจาก ERNIE X1 และ ERNIE 4.5 ที่เปิดตัวเมื่อต้นปี โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มความเร็วในการประมวลผลและลดต้นทุนการใช้งาน ERNIE X1 Turbo เป็นโมเดลที่เน้นการคิดเชิงลึกและการให้เหตุผล โดยสามารถสร้างข้อความที่ซับซ้อน แก้ปัญหาเชิงตรรกะ และเข้าใจภาพได้ดีขึ้น ในขณะที่ ERNIE 4.5 Turbo มีความเร็วในการประมวลผลที่สูงขึ้นและลดราคาลงถึง 80% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า CEO ของ Baidu, Robin Li ระบุว่า การลดราคาของโมเดล AI เป็นการช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปพลิเคชัน AI ได้มากขึ้น โดยเฉพาะในด้านการสร้างมนุษย์ดิจิทัลที่มีความสมจริงสูง ซึ่งสามารถนำไปใช้ในงานถ่ายทอดสด เกม และอีคอมเมิร์ซ ✅ การเปิดตัวโมเดลใหม่ - ERNIE X1 Turbo เน้นการคิดเชิงลึกและการให้เหตุผล - ERNIE 4.5 Turbo มีความเร็วในการประมวลผลสูงขึ้นและลดราคาลงถึง 80% ✅ ความสามารถของโมเดล - ERNIE X1 Turbo สามารถแก้ปัญหาเชิงตรรกะและเข้าใจภาพได้ดีขึ้น - ERNIE 4.5 Turbo มีความสามารถในการสร้างข้อความและลดการเกิดข้อมูลที่ผิดพลาด ✅ เป้าหมายของการลดราคา - ช่วยให้นักพัฒนาสร้างแอปพลิเคชัน AI ได้มากขึ้น - ส่งเสริมการพัฒนามนุษย์ดิจิทัลที่มีความสมจริงสูง ✅ การพัฒนาในอนาคต - Baidu กำลังพัฒนา ERNIE 5.0 ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ https://www.neowin.net/news/baidu-launches-ernie-x1-turbo-and-ernie-45-turbo-models-with-slashed-prices/
    WWW.NEOWIN.NET
    Baidu launches ERNIE X1 Turbo and ERNIE 4.5 Turbo models with slashed prices
    Baidu has dropped the upgraded versions of its ERNIE X1 and ERNIE 4.5 large language models with improved multimodal capabilities.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • Toshiba ได้เปิดตัวฮาร์ดไดรฟ์รุ่นใหม่ N300 และ N300 Pro ที่มีความจุสูงถึง 24TB ซึ่งออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระบบ NAS (Network-Attached Storage) และ Private Cloud Storage โดยฮาร์ดไดรฟ์นี้มีการออกแบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลและลดการใช้พลังงานผ่านเทคโนโลยี Helium-Sealed Design

    ฮาร์ดไดรฟ์ N300 และ N300 Pro มีความจุสูงถึง 24TB
    - เพิ่มความจุขึ้น 2TB จากรุ่นก่อนหน้า
    - รองรับการใช้งานในระบบ NAS ที่มีจำนวนไดรฟ์สูงสุดถึง 12 และ 24 ไดรฟ์ตามลำดับ

    รองรับการทำงานที่มี Workload สูง
    - N300 รองรับ Workload สูงถึง 180TB/ปี
    - N300 Pro รองรับ Workload สูงถึง 550TB/ปี

    การออกแบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
    - ใช้เทคโนโลยี Helium-Sealed Design เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของข้อมูลและลดการใช้พลังงาน
    - มีเซ็นเซอร์ที่ช่วยลดการสั่นสะเทือนเพื่อเพิ่มความเสถียร

    เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่
    - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/toshiba-launches-24tb-hard-drives-priced-up-to-usd649-for-nas-systems
    Toshiba ได้เปิดตัวฮาร์ดไดรฟ์รุ่นใหม่ N300 และ N300 Pro ที่มีความจุสูงถึง 24TB ซึ่งออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระบบ NAS (Network-Attached Storage) และ Private Cloud Storage โดยฮาร์ดไดรฟ์นี้มีการออกแบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลและลดการใช้พลังงานผ่านเทคโนโลยี Helium-Sealed Design ✅ ฮาร์ดไดรฟ์ N300 และ N300 Pro มีความจุสูงถึง 24TB - เพิ่มความจุขึ้น 2TB จากรุ่นก่อนหน้า - รองรับการใช้งานในระบบ NAS ที่มีจำนวนไดรฟ์สูงสุดถึง 12 และ 24 ไดรฟ์ตามลำดับ ✅ รองรับการทำงานที่มี Workload สูง - N300 รองรับ Workload สูงถึง 180TB/ปี - N300 Pro รองรับ Workload สูงถึง 550TB/ปี ✅ การออกแบบที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน - ใช้เทคโนโลยี Helium-Sealed Design เพื่อเพิ่มความหนาแน่นของข้อมูลและลดการใช้พลังงาน - มีเซ็นเซอร์ที่ช่วยลดการสั่นสะเทือนเพื่อเพิ่มความเสถียร ✅ เหมาะสำหรับการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่ - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/toshiba-launches-24tb-hard-drives-priced-up-to-usd649-for-nas-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • Logitech ได้ปรับราคาสินค้าหลายรายการขึ้นสูงสุดถึง 25% โดยไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ การปรับราคานี้เกิดจากผลกระทบของ ภาษีศุลกากร และ ต้นทุนในห่วงโซ่อุปทาน ที่เพิ่มขึ้น โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบรวมถึง MX Master 3S mouse และ K400 Plus Wireless Touch Keyboard ซึ่งราคาของสินค้าบางรายการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

    Logitech ปรับราคาสินค้าขึ้นสูงสุดถึง 25%
    - MX Master 3S mouse เพิ่มขึ้นจาก $100 เป็น $120 (20%)
    - K400 Plus Wireless Touch Keyboard เพิ่มขึ้นจาก $27.99 เป็น $34.99 (25%)

    สินค้าบางรายการมีราคาลดลง
    - เช่น G Pro X Superlight mouse ลดลงจาก $159.99 เป็น $149.99

    การปรับราคาสินค้าเกิดจากผลกระทบของภาษีศุลกากร
    - ภาษีศุลกากรที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อสินค้าที่ผลิตในจีน

    Logitech ถอนการคาดการณ์ทางการเงินสำหรับปีงบประมาณหน้า
    - บริษัทระบุว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรเป็นปัจจัยสำคัญ

    https://www.techspot.com/news/107631-logitech-quietly-raises-prices-popular-pc-accessories-up.html
    Logitech ได้ปรับราคาสินค้าหลายรายการขึ้นสูงสุดถึง 25% โดยไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ การปรับราคานี้เกิดจากผลกระทบของ ภาษีศุลกากร และ ต้นทุนในห่วงโซ่อุปทาน ที่เพิ่มขึ้น โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบรวมถึง MX Master 3S mouse และ K400 Plus Wireless Touch Keyboard ซึ่งราคาของสินค้าบางรายการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ✅ Logitech ปรับราคาสินค้าขึ้นสูงสุดถึง 25% - MX Master 3S mouse เพิ่มขึ้นจาก $100 เป็น $120 (20%) - K400 Plus Wireless Touch Keyboard เพิ่มขึ้นจาก $27.99 เป็น $34.99 (25%) ✅ สินค้าบางรายการมีราคาลดลง - เช่น G Pro X Superlight mouse ลดลงจาก $159.99 เป็น $149.99 ✅ การปรับราคาสินค้าเกิดจากผลกระทบของภาษีศุลกากร - ภาษีศุลกากรที่กำหนดโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อสินค้าที่ผลิตในจีน ✅ Logitech ถอนการคาดการณ์ทางการเงินสำหรับปีงบประมาณหน้า - บริษัทระบุว่าความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีศุลกากรเป็นปัจจัยสำคัญ https://www.techspot.com/news/107631-logitech-quietly-raises-prices-popular-pc-accessories-up.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Logitech quietly raises prices on popular PC accessories by up to 25% after tariffs
    In his video, Dougherty raises questions about the impact of ongoing tariffs and the future affordability of tech gear in the United States. Flagship products such as...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่มีต่อห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยี โดยการเปลี่ยนแปลงภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี Donald Trump ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและอาจต้องปรับราคาสินค้า เช่น Sony ที่ประกาศขึ้นราคาคอนโซล PlayStation 5 ในยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

    Sony ประกาศขึ้นราคาคอนโซล PlayStation 5
    - การขึ้นราคามีผลในยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์
    - สาเหตุหลักมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้า

    สหรัฐฯ ประกาศยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชั่วคราว
    - การยกเว้นนี้ช่วยลดผลกระทบต่อบริษัท เช่น Apple, Google และ Dell
    - อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว

    บริษัทเทคโนโลยีต้องเผชิญกับต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น
    - การเปลี่ยนแปลงภาษีทำให้บริษัทต้องใช้การขนส่งทางอากาศมากขึ้น
    - ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นและอาจกระทบต่อราคาสินค้า

    นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อาจได้รับการยกเว้นภาษีบางส่วน
    - บริษัทในกลุ่ม "Magnificent Seven" เช่น Apple และ Nvidia อาจได้รับการยกเว้นบางส่วน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/20/severe-strain-on-tech-supply-chains-will-cause-more-price-rises
    บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่มีต่อห่วงโซ่อุปทานด้านเทคโนโลยี โดยการเปลี่ยนแปลงภาษีนำเข้าของประธานาธิบดี Donald Trump ทำให้เกิดความไม่แน่นอนในอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทเทคโนโลยีต้องเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นและอาจต้องปรับราคาสินค้า เช่น Sony ที่ประกาศขึ้นราคาคอนโซล PlayStation 5 ในยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ✅ Sony ประกาศขึ้นราคาคอนโซล PlayStation 5 - การขึ้นราคามีผลในยุโรป ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ - สาเหตุหลักมาจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีนำเข้า ✅ สหรัฐฯ ประกาศยกเว้นภาษีสำหรับสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชั่วคราว - การยกเว้นนี้ช่วยลดผลกระทบต่อบริษัท เช่น Apple, Google และ Dell - อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเพียงมาตรการชั่วคราว ✅ บริษัทเทคโนโลยีต้องเผชิญกับต้นทุนการขนส่งที่สูงขึ้น - การเปลี่ยนแปลงภาษีทำให้บริษัทต้องใช้การขนส่งทางอากาศมากขึ้น - ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นและอาจกระทบต่อราคาสินค้า ✅ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อาจได้รับการยกเว้นภาษีบางส่วน - บริษัทในกลุ่ม "Magnificent Seven" เช่น Apple และ Nvidia อาจได้รับการยกเว้นบางส่วน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/20/severe-strain-on-tech-supply-chains-will-cause-more-price-rises
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Severe strain' on tech supply chains will cause more price rises
    The "uncertainty" created by US President Donald Trump's changing tariffs policy is putting tech manufacturing supply chains under "severe strain", and sparking price rises, experts have said.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 457 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts