• ศาลอาญาไม่ให้ประกัน "บอสวิน" จำเลยที่ 10 คดี "ดิไอคอน" อ้างป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ชี้สามารถรักษา รพ.เรือนจำได้ หากอาการหนักเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะส่งตัวไปรักษาข้างนอก

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004525

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอาญาไม่ให้ประกัน "บอสวิน" จำเลยที่ 10 คดี "ดิไอคอน" อ้างป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว ชี้สามารถรักษา รพ.เรือนจำได้ หากอาการหนักเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะส่งตัวไปรักษาข้างนอก อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000004525 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 948 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เสียหายคดี "18 บอส" -บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวยื่นคัดค้านไม่ให้ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว สยบข่าวลือ"ทนาย"โพสต์ให้ประกัน 5 แสนบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000665

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผู้เสียหายคดี "18 บอส" -บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวยื่นคัดค้านไม่ให้ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว สยบข่าวลือ"ทนาย"โพสต์ให้ประกัน 5 แสนบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000000665 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1429 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้เสียหายคดี "18 บอส" -บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวยื่นคัดค้านไม่ให้ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว สยบข่าวลือ"ทนาย"โพสต์ให้ประกัน 5 แสนบาท

    ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (3 ม.ค.) นายสุรเดช จะระนะธัมโม อายุ 65 ปี และ น.ส.พัชริศา เพียรพนัสสัก อายุ 54 ปี เป็นผู้เสียหายในคดีถูก "บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กับพวก 18 คน ร่วมกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯฉ้อโกงประชาชน พร้อมกลุ่มผู้เสียหายจำนวน 10 คน นำเอกสารคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว นายวรภัทรกับพวกผู้ต้องหาทั้งหมด

    น.ส.พัชริศา กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายจากทุก ๆ กลุ่มที่ส่งรายชื่อเข้ามา 355 คน ร่วมกันยื่นคัดค้านการปล่อยชั่วคราวกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ขณะนี้เหมือนสงครามจิตวิทยา เพราะทั้งฝ่ายทางบริษัท ดิ ไอคอนได้มีการปลุกระดมให้มีการถอนแจ้งความ ด้วยเงื่อนไขใดตนไม่ทราบ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ การมายื่นคำร้องขอคัดค้าน พวกเราบางคนหมดเนื้อหมดตัวลำบากพอแล้ว ไม่มีเงินที่จะไปจ้างทนายความแต่อย่างใด ขอใช้ช่องทางตามกฎหมายในขอคัดค้านการประกันตัวจนกว่าจะคดีถึงสิ้นสุด ตนเห็นว่า มีการปลุกระดมปลุกปั่นไม่เคยเจอมาก่อนที่จะมีการยุ่งเหยิง วุ่นวาย มีการแจ้งความแล้วก็ไปขอถอนแจ้งความ ทั้งที่ไม่สามารถทำได้เป็นการไปให้บันทึกปากคำใหม่ แน่นอนว่าจะต้องมี 1 ครั้งที่เป็นเท็จ แต่ตนไม่ขอก้าวล่วงเนื่องจากเป็นเรื่องของตัวบทกฎหมายว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะพิจารณาอย่างไร ตนเชื่อว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แค่ทนายความไปรับคำสั่งจากผู้ต้องหาในห้องขังในเรือนจำออกมาก็ปั่นป่วนผู้เสียหายมากมายแล้ว ขนาดยังไม่ออกมายังบอกว่า จะฟ้องผู้เสียหายทุกคน ถ้าได้ประกันออกมาไม่รู้จะวุ่นวายมากกว่านี้ขนาดไหน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000665

    #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล #บอสหมอเอก #กันต์กันตถาวร #มินพีชญา #แซมยุรนันท์
    ผู้เสียหายคดี "18 บอส" -บริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป ฉ้อโกงประชาชน รวมตัวยื่นคัดค้านไม่ให้ศาลอาญาปล่อยชั่วคราว สยบข่าวลือ"ทนาย"โพสต์ให้ประกัน 5 แสนบาท • ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อเวลา 12.30 น. วันนี้ (3 ม.ค.) นายสุรเดช จะระนะธัมโม อายุ 65 ปี และ น.ส.พัชริศา เพียรพนัสสัก อายุ 54 ปี เป็นผู้เสียหายในคดีถูก "บอสพอล" นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล กับพวก 18 คน ร่วมกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป จำกัด รวมเป็น 19 ราย กระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯฉ้อโกงประชาชน พร้อมกลุ่มผู้เสียหายจำนวน 10 คน นำเอกสารคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว นายวรภัทรกับพวกผู้ต้องหาทั้งหมด • น.ส.พัชริศา กล่าวว่า กลุ่มผู้เสียหายจากทุก ๆ กลุ่มที่ส่งรายชื่อเข้ามา 355 คน ร่วมกันยื่นคัดค้านการปล่อยชั่วคราวกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมด ขณะนี้เหมือนสงครามจิตวิทยา เพราะทั้งฝ่ายทางบริษัท ดิ ไอคอนได้มีการปลุกระดมให้มีการถอนแจ้งความ ด้วยเงื่อนไขใดตนไม่ทราบ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ การมายื่นคำร้องขอคัดค้าน พวกเราบางคนหมดเนื้อหมดตัวลำบากพอแล้ว ไม่มีเงินที่จะไปจ้างทนายความแต่อย่างใด ขอใช้ช่องทางตามกฎหมายในขอคัดค้านการประกันตัวจนกว่าจะคดีถึงสิ้นสุด ตนเห็นว่า มีการปลุกระดมปลุกปั่นไม่เคยเจอมาก่อนที่จะมีการยุ่งเหยิง วุ่นวาย มีการแจ้งความแล้วก็ไปขอถอนแจ้งความ ทั้งที่ไม่สามารถทำได้เป็นการไปให้บันทึกปากคำใหม่ แน่นอนว่าจะต้องมี 1 ครั้งที่เป็นเท็จ แต่ตนไม่ขอก้าวล่วงเนื่องจากเป็นเรื่องของตัวบทกฎหมายว่า เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะพิจารณาอย่างไร ตนเชื่อว่าความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว แค่ทนายความไปรับคำสั่งจากผู้ต้องหาในห้องขังในเรือนจำออกมาก็ปั่นป่วนผู้เสียหายมากมายแล้ว ขนาดยังไม่ออกมายังบอกว่า จะฟ้องผู้เสียหายทุกคน ถ้าได้ประกันออกมาไม่รู้จะวุ่นวายมากกว่านี้ขนาดไหน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000000665 • #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล #บอสหมอเอก #กันต์กันตถาวร #มินพีชญา #แซมยุรนันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 370 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เบิร์ด วันว่าง ๆ" นอนคุกยาวๆ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้น ไม่ให้ประกันหลังตำรวจไซเบอร์ฝากขังคดี นำเข้าคลิปลามก ’เเบงค์ เลสเตอร์‘

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000125344

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "เบิร์ด วันว่าง ๆ" นอนคุกยาวๆ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งยืนตามศาลชั้นต้น ไม่ให้ประกันหลังตำรวจไซเบอร์ฝากขังคดี นำเข้าคลิปลามก ’เเบงค์ เลสเตอร์‘ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000125344 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1458 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ว่างแล้ว!ศาลไม่ให้ประกันตัว "เบิร์ด วันว่างๆ "ส่งตัวเข้าเรือนจำ (30/12/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #แกล้งคนจนเสียชีวิต #คอนเทนต์ต่ำ
    ไม่ว่างแล้ว!ศาลไม่ให้ประกันตัว "เบิร์ด วันว่างๆ "ส่งตัวเข้าเรือนจำ (30/12/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #แกล้งคนจนเสียชีวิต #คอนเทนต์ต่ำ
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1348 มุมมอง 62 0 รีวิว
  • ศาลอาญาสั่งไม่ให้ประกัน ‘เบิร์ดวันว่างๆ’ หลังตำรวจไซเบอร์ฝากขังศาลอาญา นำเข้าคลิปลามก ’เเบงค์ เลสเตอร์‘ชี้ เห็นควรรอสอบสวนให้เสร็จสิ้น ค่อยพิจารณาตามพฤติการณ์แห่งคดี

    วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (สอท.1) นำตัว นายธีระวัฒน์ ศรีรอด หรือเบิร์ดวันว่างๆ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน

    คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก ทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. นำโดย พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผู้กำกับการกลุ่มงานต่อต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจจากกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ตได้ร่วมกันสืบสวนกรณีดังกล่าวปรากฎข้อเท็จจริง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000125086

    #MGROnline #เบิร์ดวันว่างๆ #ศาลอาญา #ไม่ให้ประกัน
    ศาลอาญาสั่งไม่ให้ประกัน ‘เบิร์ดวันว่างๆ’ หลังตำรวจไซเบอร์ฝากขังศาลอาญา นำเข้าคลิปลามก ’เเบงค์ เลสเตอร์‘ชี้ เห็นควรรอสอบสวนให้เสร็จสิ้น ค่อยพิจารณาตามพฤติการณ์แห่งคดี • วันนี้ (30 ธ.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 1 (สอท.1) นำตัว นายธีระวัฒน์ ศรีรอด หรือเบิร์ดวันว่างๆ อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาความผิดฐาน นำเข้าสู่ระบบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน • คำร้องระบุพฤติการณ์สรุปว่าเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. 2567 กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก ทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. นำโดย พ.ต.อ.รุ่งเลิศ คันธจันทร์ ผู้กำกับการกลุ่มงานต่อต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. พร้อมด้วยข้าราชการตำรวจจากกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ตได้ร่วมกันสืบสวนกรณีดังกล่าวปรากฎข้อเท็จจริง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000125086 • #MGROnline #เบิร์ดวันว่างๆ #ศาลอาญา #ไม่ให้ประกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • พบ "เอ็ม เอกชาติ" อินฟลูฯ สายแข่งรถเคยถูกทาง ปปง. ยึดทรัพย์ทั้งรถยนต์ แบรนด์เนม รวมกว่า 45 ล้านบาท หลังพบว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันของ "อั้ม ภูมิพัฒน์" สามีนักแสดง แยม ธมลพรรณ์ พบเคยอยู่บ้านหลังเดียวกับอั้ม แต่ตรวจสอบเส้นเงินไปไม่ถึง

    วันนี้ (29 ธ.ค.) จากกรณีที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ สนธิกำลัง กก.สส.ภ.จว.จันทบุรี ตรวจค้นและจับกุม นายเอกชาติ มีพร้อม หรือเอ็ม เอกชาติ อายุ 32 ปี อินฟลูเอนเซอร์สายแข่งรถ ที่คฤหาสน์หรูเลขที่ 112/12 หมู่ 3 ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เมื่อเช้าวันที่ 28 ธ.ค. พร้อมของกลางอาวุธปืน สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม โทรศัพท์มือถือ ซิมโทรศัพท์มือถือ พร้อมกันนี้ยังแสดงหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี จับกุมนายเอกชาติ ในความผิดฐานกระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต กรณีเป็นเจ้าภาพงานปาร์ตี้เปิดร้านออมสินการเกษตร เลขที่ 74/1 ต.ทุ่งเบญจา ที่นายธนาคาร คันธี หรือแบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์วัย 27 ปี ถูกนายเอกชาติท้าให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายขนาน เพื่อแลกกับเงินหลักหมื่นบาท แล้วปรากฎว่าเกิดอาการแอลกอฮอล์เป็นพิษ เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 03.40 น. วันที่ 26 ธ.ค. โดยได้นำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดจันทบุรี และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากคดีอัตราโทษสูง และมีพฤติการณ์ร้ายแรง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000124904

    #MGROnline #เอ็มเอกชาติ #อั้มภูมิพัฒน์
    พบ "เอ็ม เอกชาติ" อินฟลูฯ สายแข่งรถเคยถูกทาง ปปง. ยึดทรัพย์ทั้งรถยนต์ แบรนด์เนม รวมกว่า 45 ล้านบาท หลังพบว่าเกี่ยวข้องกับเครือข่ายเว็บพนันของ "อั้ม ภูมิพัฒน์" สามีนักแสดง แยม ธมลพรรณ์ พบเคยอยู่บ้านหลังเดียวกับอั้ม แต่ตรวจสอบเส้นเงินไปไม่ถึง • วันนี้ (29 ธ.ค.) จากกรณีที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ สนธิกำลัง กก.สส.ภ.จว.จันทบุรี ตรวจค้นและจับกุม นายเอกชาติ มีพร้อม หรือเอ็ม เอกชาติ อายุ 32 ปี อินฟลูเอนเซอร์สายแข่งรถ ที่คฤหาสน์หรูเลขที่ 112/12 หมู่ 3 ต.ทุ่งเบญจา อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เมื่อเช้าวันที่ 28 ธ.ค. พร้อมของกลางอาวุธปืน สมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม โทรศัพท์มือถือ ซิมโทรศัพท์มือถือ พร้อมกันนี้ยังแสดงหมายจับศาลจังหวัดจันทบุรี จับกุมนายเอกชาติ ในความผิดฐานกระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นเสียชีวิต กรณีเป็นเจ้าภาพงานปาร์ตี้เปิดร้านออมสินการเกษตร เลขที่ 74/1 ต.ทุ่งเบญจา ที่นายธนาคาร คันธี หรือแบงค์ เลสเตอร์ อินฟลูเอนเซอร์วัย 27 ปี ถูกนายเอกชาติท้าให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หลายขนาน เพื่อแลกกับเงินหลักหมื่นบาท แล้วปรากฎว่าเกิดอาการแอลกอฮอล์เป็นพิษ เสียชีวิตลงเมื่อเวลา 03.40 น. วันที่ 26 ธ.ค. โดยได้นำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดจันทบุรี และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว เนื่องจากคดีอัตราโทษสูง และมีพฤติการณ์ร้ายแรง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000124904 • #MGROnline #เอ็มเอกชาติ #อั้มภูมิพัฒน์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งให้ประกัน ‘เอ็ม เอกชาติ’ วงเงิน 2 เเสนบาท แต่ให้ติดกำไลอีเอ็ม ตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทาง ชี้ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ช่วยบรรเทาความเสียหายปิดหนี้ให้ยายผู้ตาย เกือบ 3 แสนบาท และกำลังเจรจาค่าเสียหาย

    วันนี้ ( 29 ธ.ค.) ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งในคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ในคดีที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรทุ่งเบญจา ยื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกนายเอกชาติ หรือเอ็ม มีพร้อม อายุ 32 ปี ผู้ต้องหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" กรณีกาีเสียชีวิตของนาย ธนาคาร คันธี หรือ แบงค์ เลสเตอร์ ไปยื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกต่อศาลจังหวัดจันทบุรีเป็นเวลา 12 วัน เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา

    ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาลจังหวัดจันทบุรี

    ศาลจังหวัดจันทบุรีพิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เเล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์ร้ายเเรง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวยกคำร้อง

    ฝ่ายผู้ต้องหายื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวในระหว่างสอบสวน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000124910

    #MGROnline #แบงค์เลสเตอร์ #เอ็มเอกชาติ
    ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งให้ประกัน ‘เอ็ม เอกชาติ’ วงเงิน 2 เเสนบาท แต่ให้ติดกำไลอีเอ็ม ตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทาง ชี้ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ช่วยบรรเทาความเสียหายปิดหนี้ให้ยายผู้ตาย เกือบ 3 แสนบาท และกำลังเจรจาค่าเสียหาย • วันนี้ ( 29 ธ.ค.) ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำสั่งในคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ในคดีที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรทุ่งเบญจา ยื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกนายเอกชาติ หรือเอ็ม มีพร้อม อายุ 32 ปี ผู้ต้องหากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" กรณีกาีเสียชีวิตของนาย ธนาคาร คันธี หรือ แบงค์ เลสเตอร์ ไปยื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกต่อศาลจังหวัดจันทบุรีเป็นเวลา 12 วัน เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา • ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวต่อศาลจังหวัดจันทบุรี • ศาลจังหวัดจันทบุรีพิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เเล้วเห็นว่าคดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์ร้ายเเรง ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการปล่อยชั่วคราวไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวยกคำร้อง • ฝ่ายผู้ต้องหายื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยผู้ต้องหาชั่วคราวในระหว่างสอบสวน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000124910 • #MGROnline #แบงค์เลสเตอร์ #เอ็มเอกชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งให้ประกัน ‘เอ็ม เอกชาติ’ วงเงิน 2 เเสนบาท แต่ให้ติดกำไลอีเอ็ม ตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทาง ชี้ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ช่วยบรรเทาความเสียหายปิดหนี้ให้ยายผู้ตาย เกือบ 3 แสนบาท และกำลังเจรจาค่าเสียหาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000124910

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอุทธรณ์ภาค 2 สั่งให้ประกัน ‘เอ็ม เอกชาติ’ วงเงิน 2 เเสนบาท แต่ให้ติดกำไลอีเอ็ม ตรวจสอบหรือจำกัดการเดินทาง ชี้ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ช่วยบรรเทาความเสียหายปิดหนี้ให้ยายผู้ตาย เกือบ 3 แสนบาท และกำลังเจรจาค่าเสียหาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000124910 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1196 มุมมอง 0 รีวิว
  • MGR Online - รมว.ยธ. เผย การประตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาทำได้ช่วยลดแออัดในเรือนจำ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาล ส่วนกรณี "ดีเจแมน" ศาลยกฟ้อง พร้อมเยียวยา หากคดีถึงที่สุด

    วันนี้ (27 ธ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีสิทธิประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดี หลัง นายพัฒนพล กุญชร หรือ "ดีเจแมน" ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ส่งผลกระทบต่อประวัติ ชื่อเสียงและหน้าที่การงาน ว่า กระทรวงยุติธรรมมีการส่งเสริมให้ได้รับการประกันตัวอยู่แล้วเพราะผู้ต้องขังในเรือนจำ มึมากกว่า 3 แสนราย และคดีระหว่างพิจารณามีประมาณ 6 หมื่นคดี ซึ่งสิทธิการได้รับการประกันตัวเป็นตามสิทธิรัฐธรรมนูญ แต่ทางศาลอาจมีดุลยพินิจในการให้ประกันตัว ทราบว่าขณะนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องและอยู่ระหว่างพิจารณาอุทธรณ์คดีของพนักงานอัยการ ทั้งนี้ หากอัยการไม่อุทธรณ์จะส่งหนังสือมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หากเห็นด้วยก็จบ แต่มีความเห็นแย้งต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด

    เมื่อถามกรณี "ดีเจแมน" ศาลชั้นต้นยกฟ้องอาจจะกระทบถึงคดี "ดิไอคอน" หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี เผยว่า กระทรวงยุติธรรม มีกฎหมาย พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559) กรณีศาลยกฟ้องเพื่อเยียวยาผู้เสียหาย ติดคุกฟรี แม้เงินอาจไม่มากนักแต่ก็แสดงว่าหน่วยงานรัฐต้องการขอโทษหากคดีเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในคดีอื่นๆ หลังจากนี้จะมีการพิจารณาให้ประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดีเพื่อเป็นบรรทัดฐานนำคนเข้าคุกแล้วศาลมีการยกฟ้อง ต้องชี้แจงว่าในส่วนของพนักงานสอบสวนเรื่องการประกันตัวอยู่ในดุลยพินิจของศาล ส่วนศาลไม่ให้ประกันน่าจะมีเหตุผล

    #MGROnline #ดีเจแมน
    MGR Online - รมว.ยธ. เผย การประตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาทำได้ช่วยลดแออัดในเรือนจำ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาล ส่วนกรณี "ดีเจแมน" ศาลยกฟ้อง พร้อมเยียวยา หากคดีถึงที่สุด • วันนี้ (27 ธ.ค.) ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีสิทธิประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดี หลัง นายพัฒนพล กุญชร หรือ "ดีเจแมน" ที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง ส่งผลกระทบต่อประวัติ ชื่อเสียงและหน้าที่การงาน ว่า กระทรวงยุติธรรมมีการส่งเสริมให้ได้รับการประกันตัวอยู่แล้วเพราะผู้ต้องขังในเรือนจำ มึมากกว่า 3 แสนราย และคดีระหว่างพิจารณามีประมาณ 6 หมื่นคดี ซึ่งสิทธิการได้รับการประกันตัวเป็นตามสิทธิรัฐธรรมนูญ แต่ทางศาลอาจมีดุลยพินิจในการให้ประกันตัว ทราบว่าขณะนี้ศาลชั้นต้นยกฟ้องและอยู่ระหว่างพิจารณาอุทธรณ์คดีของพนักงานอัยการ ทั้งนี้ หากอัยการไม่อุทธรณ์จะส่งหนังสือมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หากเห็นด้วยก็จบ แต่มีความเห็นแย้งต้องให้อัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาด • เมื่อถามกรณี "ดีเจแมน" ศาลชั้นต้นยกฟ้องอาจจะกระทบถึงคดี "ดิไอคอน" หรือไม่ พ.ต.อ.ทวี เผยว่า กระทรวงยุติธรรม มีกฎหมาย พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย และค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญา พ.ศ. 2544 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559) กรณีศาลยกฟ้องเพื่อเยียวยาผู้เสียหาย ติดคุกฟรี แม้เงินอาจไม่มากนักแต่ก็แสดงว่าหน่วยงานรัฐต้องการขอโทษหากคดีเด็ดขาดถึงที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในคดีอื่นๆ หลังจากนี้จะมีการพิจารณาให้ประกันตัวผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดีเพื่อเป็นบรรทัดฐานนำคนเข้าคุกแล้วศาลมีการยกฟ้อง ต้องชี้แจงว่าในส่วนของพนักงานสอบสวนเรื่องการประกันตัวอยู่ในดุลยพินิจของศาล ส่วนศาลไม่ให้ประกันน่าจะมีเหตุผล • #MGROnline #ดีเจแมน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก.ต.ตั้งสอบวินัยร้ายเเรง 3 อดีตรองอธิบดีศาลอาญาให้ประกันคดียาเสพติด หลังก่อนหน้านี้ได้ให้สอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อปี 2566

    วันนี้ (17 ธ.ค.) นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกานั่งเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต. )ครั้งที่ 32/2567 เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา

    โดยที่ประชุม ก.ต.มีวาระที่น่าสนใจ เช่น ที่ประชุมมีการพิจารณากรณีพักราชการของข้าราชการตุลาการ จำนวน 1 ราย โดยที่ประชุม ก.ต.มีมติไม่พักราชการผู้พิพากษาอาวุโสกรณีขาดราชการเกิน 15 วัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนวินัยร้ายเเรงอยู่

    นอกจากนี้ที่ประชุมยังพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการ จำนวน 3 ราย ที่เป็นอดีตรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาที่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่มีการส่งเฮโรอีนไปไต้หวันน้ำหนัก 400 กิโลกรัม โดยที่ประชุม ก.ต.พิจารณาแล้วเห็นว่ามีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายเเรง ภายหลังจากที่มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตั้งเเต่ 4 ก.ย.2566 ที่ผ่านมา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000121014

    #MGROnline #ศาลอาญา #ให้ประกัน #คดียาเสพติด
    ก.ต.ตั้งสอบวินัยร้ายเเรง 3 อดีตรองอธิบดีศาลอาญาให้ประกันคดียาเสพติด หลังก่อนหน้านี้ได้ให้สอบสวนข้อเท็จจริง เมื่อปี 2566 • วันนี้ (17 ธ.ค.) นางชนากานต์ ธีรเวชพลกุล ประธานศาลฎีกานั่งเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการตุลาการ (ก.ต. )ครั้งที่ 32/2567 เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา • โดยที่ประชุม ก.ต.มีวาระที่น่าสนใจ เช่น ที่ประชุมมีการพิจารณากรณีพักราชการของข้าราชการตุลาการ จำนวน 1 ราย โดยที่ประชุม ก.ต.มีมติไม่พักราชการผู้พิพากษาอาวุโสกรณีขาดราชการเกิน 15 วัน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างสอบสวนวินัยร้ายเเรงอยู่ • นอกจากนี้ที่ประชุมยังพิจารณารายงานผลการสอบสวนข้อเท็จจริงข้าราชการตุลาการ จำนวน 3 ราย ที่เป็นอดีตรองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาที่อนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติดที่มีการส่งเฮโรอีนไปไต้หวันน้ำหนัก 400 กิโลกรัม โดยที่ประชุม ก.ต.พิจารณาแล้วเห็นว่ามีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายเเรง ภายหลังจากที่มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตั้งเเต่ 4 ก.ย.2566 ที่ผ่านมา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000121014 • #MGROnline #ศาลอาญา #ให้ประกัน #คดียาเสพติด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • "โกทร" กับลูกน้อง นอนคุก! หลังศาลจังหวัดปราจีนไม่ให้ประกันคดี ร่วมสังหารโหด "สจ.โต้ง" คนดัง ปมวางเเผน จัดเตรียมคน-อาวุธถล่ม ชนวนเหตุการเมืองท้องถิ่น ลงสมัครชิงนายก อบจ.ปราจีน ชี้พฤติการณ์อุกอาจร้ายแรง คดีสะเทือนขวัญ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000119905

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "โกทร" กับลูกน้อง นอนคุก! หลังศาลจังหวัดปราจีนไม่ให้ประกันคดี ร่วมสังหารโหด "สจ.โต้ง" คนดัง ปมวางเเผน จัดเตรียมคน-อาวุธถล่ม ชนวนเหตุการเมืองท้องถิ่น ลงสมัครชิงนายก อบจ.ปราจีน ชี้พฤติการณ์อุกอาจร้ายแรง คดีสะเทือนขวัญ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000119905 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1190 มุมมอง 1 รีวิว
  • ผู้บริหารคลินิกเสริมความงามชื่อดังขับเบนซ์ชนสาวขี่ จยย.ตกสะพาน ย่านพระรามสี่ เสียชีวิต ยอมรับเมาแล้วขับ หลังไปกินดื่มสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน ยินดีช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของผู้ตาย

    จากกรณีนายปุณณมี อายุ 44 ปี ผู้บริหารคลินิกเสริมความงามชื่อดัง เมาแล้วขับรถหรู ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น E220d ชนนางสาวฉวี อายุ 44 ปี ตกสะพานต่างระดับย่านพระรามสี่ เสียชีวิตขณะเดินทางมาจากชลบุรีเพื่อซื้อของกิ็ปช็อป ย่านสำเพ็งไปขาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 03.00 น. ตามที่เสนอข่าวนั้น

    ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (5 ธ.ค.) ที่ สน.ปทุมวัน นายปุณณมี เปิดเผยยอมรับว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตนไปกินดื่มสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนและดื่มสุรามาพอประมาณ ซึ่งสถานที่ดื่มเป็นร้านอยู่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก ซึ่งปกติแล้วพอดื่มเสร็จก็ขับรถกลับบ้านใช้เส้นทางนี้ตามปกติอยู่แล้ว แต่หลังดื่มเสร็จตนขับรถมาข้ามสะพานข้ามแยก แต่จำความเร็วที่ขับมาไม่ได้ แต่ไม่ได้ขับเร็วมาก ยอมรับว่าบนสะพานค่อนข้างมืดมากทำให้ตนมองไม่เห็นผู้ตายที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์อยู่กลางสะพานพอดี ทำให้พุ่งชนผู้ตายจนกระเด็นตกสะพานดังกล่าว

    ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตนยังพอมีสติโทรเรียกประกันมาที่เกิดเหตุอยู่เลย แล้วก็วานให้ประกันช่วยพาตนไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน เพื่อให้การกับพนักงานสอบสวนอีกด้วย ยอมรับว่า ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้คิดหนีไปไหน ยอมรับผิดทุกประการเพราะมันเป็นความผิดของตนจริงๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000117182

    #MGROnline #ผู้บริหารคลินิกเสริมความงามชื่อดัง #เมาแล้วขับ
    ผู้บริหารคลินิกเสริมความงามชื่อดังขับเบนซ์ชนสาวขี่ จยย.ตกสะพาน ย่านพระรามสี่ เสียชีวิต ยอมรับเมาแล้วขับ หลังไปกินดื่มสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อน ยินดีช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวของผู้ตาย • จากกรณีนายปุณณมี อายุ 44 ปี ผู้บริหารคลินิกเสริมความงามชื่อดัง เมาแล้วขับรถหรู ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น E220d ชนนางสาวฉวี อายุ 44 ปี ตกสะพานต่างระดับย่านพระรามสี่ เสียชีวิตขณะเดินทางมาจากชลบุรีเพื่อซื้อของกิ็ปช็อป ย่านสำเพ็งไปขาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 03.00 น. ตามที่เสนอข่าวนั้น • ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ (5 ธ.ค.) ที่ สน.ปทุมวัน นายปุณณมี เปิดเผยยอมรับว่า เมื่อคืนที่ผ่านมาตนไปกินดื่มสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนและดื่มสุรามาพอประมาณ ซึ่งสถานที่ดื่มเป็นร้านอยู่ไม่ห่างจากบ้านมากนัก ซึ่งปกติแล้วพอดื่มเสร็จก็ขับรถกลับบ้านใช้เส้นทางนี้ตามปกติอยู่แล้ว แต่หลังดื่มเสร็จตนขับรถมาข้ามสะพานข้ามแยก แต่จำความเร็วที่ขับมาไม่ได้ แต่ไม่ได้ขับเร็วมาก ยอมรับว่าบนสะพานค่อนข้างมืดมากทำให้ตนมองไม่เห็นผู้ตายที่กำลังขับขี่รถจักรยานยนต์อยู่กลางสะพานพอดี ทำให้พุ่งชนผู้ตายจนกระเด็นตกสะพานดังกล่าว • ซึ่งหลังเกิดเหตุ ตนยังพอมีสติโทรเรียกประกันมาที่เกิดเหตุอยู่เลย แล้วก็วานให้ประกันช่วยพาตนไปหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน เพื่อให้การกับพนักงานสอบสวนอีกด้วย ยอมรับว่า ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้คิดหนีไปไหน ยอมรับผิดทุกประการเพราะมันเป็นความผิดของตนจริงๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000117182 • #MGROnline #ผู้บริหารคลินิกเสริมความงามชื่อดัง #เมาแล้วขับ
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 319 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภรรยา-ลูกสาว "หมอบุญ"นอนคุกยาว! ศาลอาญาสั่งไม่ให้ประกัน ชี้แม้ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ได้หลอกลวงผู้เสียหาย ยันโดนปลอมลายเซ็นค้ำประกัน แต่อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ ประกอบกับความเสียหายมูลค่าสูง หากปล่อยชั่วคราว เกรงจะหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ให้ยกคำร้อง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000114597

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ภรรยา-ลูกสาว "หมอบุญ"นอนคุกยาว! ศาลอาญาสั่งไม่ให้ประกัน ชี้แม้ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ได้หลอกลวงผู้เสียหาย ยันโดนปลอมลายเซ็นค้ำประกัน แต่อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ ประกอบกับความเสียหายมูลค่าสูง หากปล่อยชั่วคราว เกรงจะหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ให้ยกคำร้อง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000114597 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1272 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภรรยา-ลูกสาว "หมอบุญ"นอนคุกยาว! ศาลอาญาสั่งไม่ให้ประกัน ชี้แม้ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ได้หลอกลวงผู้เสียหาย ยันโดนปลอมลายเซ็นค้ำประกัน แต่อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ ประกอบกับความเสียหายมูลค่าสูง หากปล่อยชั่วคราว เกรงจะหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ให้ยกคำร้อง

    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (28 พ.ย.) ความคืบหน้ากรณี ศาลนัดไต่สวนขอปล่อยชั่วคราว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 16 โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยวางหลักทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท

    วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัว น.ส.จารุวรรณ และ น.ส.นลิน ผู้ต้องหาทั้งสอง มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเบิกความไต่สวน ขณะที่ทนายความจำเลยและพนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวางเดินทางมาร่วมไต่สวน

    ภายหลังไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว บุตรสาว และภรรยาหมอบุญ ผู้ต้องหาทั้งสอง และพนักงานสอบสวนรวม 3 ปากเสร็จแล้ว

    ต่อมาเวลาประมาณ 16.30 น.ศาลอาญาจึงพิเคราะห์คำร้องแล้ว จึงมีคำสั่งว่าในทางไต่สวนแม้ปรากฎว่าผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ได้หลอกลวงกลุ่มผู้เสียหาย และยืนยืนว่าลายมือชื่อในเอกสารหลายฉบับตามที่ปรากฏในคดีนี้เป็นลายมือชื่อปลอมก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้ต้องหาทั้งสองว่าปลอมหรือไม่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000114597

    #MGROnline #หมอบุญ #ภรรยา #ลูกสาว
    ภรรยา-ลูกสาว "หมอบุญ"นอนคุกยาว! ศาลอาญาสั่งไม่ให้ประกัน ชี้แม้ผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ได้หลอกลวงผู้เสียหาย ยันโดนปลอมลายเซ็นค้ำประกัน แต่อยู่ระหว่างตรวจพิสูจน์ ประกอบกับความเสียหายมูลค่าสูง หากปล่อยชั่วคราว เกรงจะหลบหนี ยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ให้ยกคำร้อง • ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (28 พ.ย.) ความคืบหน้ากรณี ศาลนัดไต่สวนขอปล่อยชั่วคราว น.ส.จารุวรรณ วนาสิน อายุ 79 ปี และ น.ส.นลิน วนาสิน อายุ 51 ปี ภรรยาและลูกสาวของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหา ในคดีร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการหลอกลวงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 43 วรรคแรก พ.ร.ก.การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 มาตรา 4, 5, 16 โดยผู้ต้องหาทั้งสองได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวโดยวางหลักทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท • วันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัว น.ส.จารุวรรณ และ น.ส.นลิน ผู้ต้องหาทั้งสอง มาจากทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อเบิกความไต่สวน ขณะที่ทนายความจำเลยและพนักงานสอบสวนสน.ห้วยขวางเดินทางมาร่วมไต่สวน • ภายหลังไต่สวนคำร้องขอปล่อยชั่วคราว บุตรสาว และภรรยาหมอบุญ ผู้ต้องหาทั้งสอง และพนักงานสอบสวนรวม 3 ปากเสร็จแล้ว • ต่อมาเวลาประมาณ 16.30 น.ศาลอาญาจึงพิเคราะห์คำร้องแล้ว จึงมีคำสั่งว่าในทางไต่สวนแม้ปรากฎว่าผู้ต้องหาทั้งสองยังไม่ได้หลอกลวงกลุ่มผู้เสียหาย และยืนยืนว่าลายมือชื่อในเอกสารหลายฉบับตามที่ปรากฏในคดีนี้เป็นลายมือชื่อปลอมก็ตาม แต่ก็ยังอยู่ระหว่างรอผลการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของผู้ต้องหาทั้งสองว่าปลอมหรือไม่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000114597 • #MGROnline #หมอบุญ #ภรรยา #ลูกสาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • บล.คิงส์ฟอร์ดถูกหวย "หมอบุญ" บทความโดยสุนันท์ ศรีจันทราคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เปิดโปงขบวนการหลอกลวงของ "นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี" ระบุชัดเจนว่า พวกโบรกเกอร์ที่อยู่ตามบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องการเปอร์เซ็นต์จากค่านายหน้า โดยนำโครงการเลื่อนลอยฝันเฟื่องของหมอบุญไปขายประชาชน สมควรโดนหนักเพราะโบรกเกอร์พวกนี้ เปรียบเสมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่ชักชวนคนมาลงทุนแม้คุณสนธิจะไม่ได้พูดถึงชื่อโบรกเกอร์ใด แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงในทันทีว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินและโครงการลงทุนทางการแพทย์ของหมอบุญรวมถึงไม่เคยทำสัญญาใด ๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการ โดย บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งให้พนักงานของบริษัทยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฎเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายแพทย์บุญพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นรวมทั้งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินในวันเดียวกัน ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาได้ 6คน ซึ่งนอกจากมีภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญแล้ว ยังมีนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟๆอร์ดติดร่างแหไปด้วย และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามข้อมูลคณะผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 มีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เป็นกรรมการแบะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวุฒิพงษ์ วงศ์ภัทรกุล เป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นางสาวชญานี โปขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสขณะที่นางสาวอัจจิมา เป็นกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจบริหารความมั่นคง และนายภาคย์ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ถูกขบวนการสร้างราคาหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 25650 ซึ่ง บล.คิงส์ฟอร์ดได้รับคำสั่งซื้อหุ้น MORE จากแก๊งปั่นหุ้น จนถูกจับตาผลกระทบด้านฐานะการเงินในช่วงนั้นและบล.คิงส์ฟอร์ด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการ UPTICK RULE รวมทั้งมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADING ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้น บล.คิงส์ฟอร์ดลดฮวบลงจากโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติด 5 อันดับแรก ร่วงลงไปเป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงประมาณอันดับ 10มีสื่อหุ้นบางสำนัก ทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ บล.คิงส์ฟอร์ด ในรูปแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยทำตัวเป็นกระบอกเสียง แก้ต่างแทนบล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีที่เรียกใช้บริการเช่นเดียวกับกรณีที่มีชื่อ บล.คิงส์ฟอร์ด ไปเกี่ยวพันกับหมอบุญ และพนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุมคดีฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญ ซึ่งสื่อหุ้นบางสำนักทำหน้าที่กระบอกเสียงของ บล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ก่อนที่คุณสนธิจะนำหลักฐานออกมาเปิดโปง ทนายตั้มปฏิเสธเหยง ๆ มาตลอดว่า ไม่ได้ฉ้อโกงเงิน แต่สุดท้ายถูกหลักฐานมัดตัว จนทนายประชาชนถูกกระชากหน้ากาก และนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องร่วมฉ้อโกงอีกหลายคนคดี 2 พนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุม แม้บริษัท ฯ จะปฏิเสธความเกี่ยวพันใด ๆ ในพฤติกรรมของพนักงาน และธุรกรรมหรือโครงการลงทุนของหมอบุญ แต่ข้อเท็จจริงยังต้องรอการพิสูจน์การสอบสวนขยายผลจาก 2 พนักงาน บล.คิงส์ฟอร์ด ที่ถูกจับกุม จะเป็นบทพิสูจน์ว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่รู้ไม่เห็นกับการกู้ยืมเงินหรือหลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุนในโครงการของหมอบุญจริงหรือไม่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์ จะต้องทำหน้าที่ควบคู่กับตำรวจต้องตรวจสอบและสอบสวนว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับคดีหมอบุญที่หลอกลวงประชาชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจริงหรือไม่วันนี้ ยังไม่อาจปฏิเสธหรือยืนยันได้ว่า บล.คิงส์ฟอร์ดเกี่ยวพันกับ 2 พนักงานระดับบริหารที่ถูกจับกุมฐานร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญหรือไม่จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฏว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับโครงการหลอกลวงของหมอบุญจริง
    บล.คิงส์ฟอร์ดถูกหวย "หมอบุญ" บทความโดยสุนันท์ ศรีจันทราคุณสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้เปิดโปงขบวนการหลอกลวงของ "นายแพทย์บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี" ระบุชัดเจนว่า พวกโบรกเกอร์ที่อยู่ตามบริษัทหลักทรัพย์ ซึ่งต้องการเปอร์เซ็นต์จากค่านายหน้า โดยนำโครงการเลื่อนลอยฝันเฟื่องของหมอบุญไปขายประชาชน สมควรโดนหนักเพราะโบรกเกอร์พวกนี้ เปรียบเสมือนแม่ข่ายแชร์ลูกโซ่ ที่ชักชวนคนมาลงทุนแม้คุณสนธิจะไม่ได้พูดถึงชื่อโบรกเกอร์ใด แต่บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด ได้ออกแถลงการณ์ด่วน ชี้แจงในทันทีว่า ไม่เคยเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินและโครงการลงทุนทางการแพทย์ของหมอบุญรวมถึงไม่เคยทำสัญญาใด ๆ หรือการเป็นที่ปรึกษาโครงการ และไม่เคยให้พนักงานของบริษัทแนะนำหรือชักชวนนักลงทุนมาร่วมลงทุนในโครงการ โดย บริษัทได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งให้พนักงานของบริษัทยุติปฏิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฎเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ศาลได้อนุมัติออกหมายจับนายแพทย์บุญพร้อมพวกรวม 9 คน ในความผิดร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และความผิดอื่นรวมทั้งความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินในวันเดียวกัน ตำรวจได้ควบคุมผู้ต้องหาได้ 6คน ซึ่งนอกจากมีภรรยาและบุตรสาวของนายแพทย์บุญแล้ว ยังมีนางอัจจิมา พาณิชย์เกรียงไกร และนายภาคย์ วัฒนาพร พนักงานบริษัท หลักทรัพย์ คิงส์ฟๆอร์ดติดร่างแหไปด้วย และศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวตามข้อมูลคณะผู้บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 มีนายประจวบ ศิริรัตน์บุญขจร เป็นกรรมการแบะประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายวุฒิพงษ์ วงศ์ภัทรกุล เป็นกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม นางสาวชญานี โปขันเงิน เป็นกรรมการผู้จัดการอาวุโสขณะที่นางสาวอัจจิมา เป็นกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจบริหารความมั่นคง และนายภาคย์ เป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจพัฒนาผลิตภัณฑ์บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด เป็นหนึ่งในโบรกเกอร์ที่ถูกขบวนการสร้างราคาหุ้นบริษัท มอร์รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) หรือ MORE โดยการโยนคำสั่งซื้อขายหุ้นผ่านโบรกเกอร์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 25650 ซึ่ง บล.คิงส์ฟอร์ดได้รับคำสั่งซื้อหุ้น MORE จากแก๊งปั่นหุ้น จนถูกจับตาผลกระทบด้านฐานะการเงินในช่วงนั้นและบล.คิงส์ฟอร์ด ยังได้รับผลกระทบจากมาตรการ UPTICK RULE รวมทั้งมาตรการคุมเข้มโปรแกรมการซื้อขาย หรือ ROBOT TRADING ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ประกาศใช้เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 ทำให้มูลค่าซื้อขายหุ้น บล.คิงส์ฟอร์ดลดฮวบลงจากโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุดติด 5 อันดับแรก ร่วงลงไปเป็นโบรกเกอร์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงประมาณอันดับ 10มีสื่อหุ้นบางสำนัก ทำหน้าที่เป็นองค์รักษ์ บล.คิงส์ฟอร์ด ในรูปแบบผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากค่าโฆษณา โดยทำตัวเป็นกระบอกเสียง แก้ต่างแทนบล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีที่เรียกใช้บริการเช่นเดียวกับกรณีที่มีชื่อ บล.คิงส์ฟอร์ด ไปเกี่ยวพันกับหมอบุญ และพนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุมคดีฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญ ซึ่งสื่อหุ้นบางสำนักทำหน้าที่กระบอกเสียงของ บล.คิงส์ฟอร์ด ทันทีคดีนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม กรณีฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ก่อนที่คุณสนธิจะนำหลักฐานออกมาเปิดโปง ทนายตั้มปฏิเสธเหยง ๆ มาตลอดว่า ไม่ได้ฉ้อโกงเงิน แต่สุดท้ายถูกหลักฐานมัดตัว จนทนายประชาชนถูกกระชากหน้ากาก และนำไปสู่ผู้เกี่ยวข้องร่วมฉ้อโกงอีกหลายคนคดี 2 พนักงานระดับบริหารของ บล.คิงส์ฟอร์ด ถูกจับกุม แม้บริษัท ฯ จะปฏิเสธความเกี่ยวพันใด ๆ ในพฤติกรรมของพนักงาน และธุรกรรมหรือโครงการลงทุนของหมอบุญ แต่ข้อเท็จจริงยังต้องรอการพิสูจน์การสอบสวนขยายผลจาก 2 พนักงาน บล.คิงส์ฟอร์ด ที่ถูกจับกุม จะเป็นบทพิสูจน์ว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่รู้ไม่เห็นกับการกู้ยืมเงินหรือหลอกลวงให้คนมาร่วมลงทุนในโครงการของหมอบุญจริงหรือไม่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานที่กำกับดูแลบริษัทหลักทรัพย์หรือบริษัทโบรกเกอร์ จะต้องทำหน้าที่ควบคู่กับตำรวจต้องตรวจสอบและสอบสวนว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับคดีหมอบุญที่หลอกลวงประชาชนประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจริงหรือไม่วันนี้ ยังไม่อาจปฏิเสธหรือยืนยันได้ว่า บล.คิงส์ฟอร์ดเกี่ยวพันกับ 2 พนักงานระดับบริหารที่ถูกจับกุมฐานร่วมขบวนการฉ้อโกงประชาชนร่วมกับหมอบุญหรือไม่จนกว่าข้อเท็จจริงต่าง ๆ จะปรากฏว่า บล.คิงส์ฟอร์ด ไม่มีเอี่ยวกับโครงการหลอกลวงของหมอบุญจริง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 749 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขบวนการ"ตั้ม นรกแตก"ปมสอดไส้พินัยกรรม.เมื่อวันจันทร์ที่18พ.ย.นี้ พี่อ้อยมาเพื่อมาขอบคุณพวกผม ทีมงาน สื่อในเครือ ก่อนจะเดินทางกลับต่างประเทศครั้งนี้ นอกจากนี้แล้ว พี่อ้อยฝากขอบคุณสื่อมวลชนทั้งหลายทุกคนที่เกาะติด ช่วยกันขุดค้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่กระทำการฉ้อโกงพี่อ้อย จตุพร จนตำรวจตั้งข้อหาเป็นภาษาชาวบ้านว่า "ฉ้อโกงจนเป็นสันดาน" ถ้าภาษากฎหมายก็เรียกว่า "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ".ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ฉ้อโกง เป็นการเข้าสู่ พ.ร.บ.ฟอกเงิน จนในที่สุดตอนนี้ ทั้งตั้มและภรรยา ตลอดจนนายนุวัฒน์ และภรรยาที่ชื่อ "แซน" สารินี นุชนารถ ก็ถูกจำคุกไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ให้ประกัน เพราะคุณอ้อยตัดสินใจแจ้งความเรื่อง 39 ล้าน จากจุด 39 ล้าน โยงไปโยงมา โอ้โห ตัวละครเยอะมาก โยงไปจนถึงคุณดาว ซึ่งเป็นพี่สาวภรรยา โยงไปถึงนุวัฒน์ โยงไปถึงแซน นุชนารถ ไปหมดทุกคน และเกี่ยวข้องกับคนขับรถ แล้วก็จับเส้นทางการเงิน จนในที่สุดแล้ว พี่สาวของภรรยาษิทรา เบี้ยบังเกิด ยอมสารภาพ พาไปชี้ที่เกิดเหตุถุงที่ใส่เงินมา .ผมต้องขอชื่นชมและยกย่องเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตำรวจเขาใช้คนประมาณเท่าไร ? ร้อยกว่าคนที่ทำคดีนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนนี้แตกย่อยออกเป็น 4 คดีแล้ว จาก 71 ล้าน มูลค่าการฉ้อโกง 120 กว่าล้านบาท .มันก็เลยกลายเป็นเรื่องขบวนการที่เตรียมการฉ้อโกง มีคลิปที่พี่อ้อยพูดเองกับอาจารย์ปานเทพว่า ตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกพี่อ้อยในการเขียนพินัยกรรม พอได้เป็นเสร็จเรียบร้อย ก็พยายามชวนพี่อ้อยไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ๆ มันไกลปืนเที่ยง ที่อะไรก็ตามมันสามารถจะเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ท่านผู้ชมใช้วิจารณญาณอนุมานดูว่า คนถ้ามันไม่ซื่อสัตย์อย่างนี้ ทำไมทะลึ่งอยากจะมาเป็นผู้จัดการมรดก แต่ว่าโชคดีที่มีการไหวตัวทัน.ด้วยเหตุนี้ ต้นปี 2567 พี่อ้อยเมื่อได้รับทราบไม่ชอบมาพากลทั้งหมด ที่ทนายตั้ม ษิทรา ดำเนินการ เขาก็เลยยกเลิกพินัยกรรมกรรมที่ทนายตั้ม บริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ทุกฉบับ แล้วเขาก็ไปทำพินัยกรรมใหม่ฉบับที่ 3 ภาษากฎหมายเขาเรียกว่า พินัยกรรมทำเป็นเอกสารฝ่ายเมืองที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องรับรอง เพื่อไม่ให้พินัยกรรมฉบับเก่าไม่สามารถมีผลผูกพันได้อีกต่อไป.ท่านผู้ชมเห็นหรือเปล่า ความเจ้าเล่ห์แสนกลของคนที่เป็นทนายความ คุณสายหยุด คุณฟังให้มันดีๆนะ คุณเดชาฟังให้ดึๆนะ ปั่นเสร็จแล้วจงใจหลอกลวงลูกความที่ไม่ค่อยรู้เรื่องทางกฎหมาย ผมไม่รู้ว่าคุณสองคนเคยหลอกลวงใครหรือเปล่า แต่ผมเพียงแต่อยากจะเตือนให้คุณฟังให้ดีๆ เพราะว่าคุณยืนข้างษิทรา เบี้ยบังเกิด.บทสรุปของเรื่องนี้ก็คือว่า ระหว่างทนายตั้มที่ทำความเลวให้กับคุณอ้อย กับนักการเมืองที่ทำความชั่วให้กับแผ่นดินไทย ฮุบพื้นที่ดินของแผ่นดินไทยเป็นของตัวเองนั้น เปรียบเทียบกันแล้ว ใครเลวกว่าใคร
    ขบวนการ"ตั้ม นรกแตก"ปมสอดไส้พินัยกรรม.เมื่อวันจันทร์ที่18พ.ย.นี้ พี่อ้อยมาเพื่อมาขอบคุณพวกผม ทีมงาน สื่อในเครือ ก่อนจะเดินทางกลับต่างประเทศครั้งนี้ นอกจากนี้แล้ว พี่อ้อยฝากขอบคุณสื่อมวลชนทั้งหลายทุกคนที่เกาะติด ช่วยกันขุดค้นข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีฉ้อโกงของทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ที่กระทำการฉ้อโกงพี่อ้อย จตุพร จนตำรวจตั้งข้อหาเป็นภาษาชาวบ้านว่า "ฉ้อโกงจนเป็นสันดาน" ถ้าภาษากฎหมายก็เรียกว่า "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ".ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ฉ้อโกง เป็นการเข้าสู่ พ.ร.บ.ฟอกเงิน จนในที่สุดตอนนี้ ทั้งตั้มและภรรยา ตลอดจนนายนุวัฒน์ และภรรยาที่ชื่อ "แซน" สารินี นุชนารถ ก็ถูกจำคุกไปเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ให้ประกัน เพราะคุณอ้อยตัดสินใจแจ้งความเรื่อง 39 ล้าน จากจุด 39 ล้าน โยงไปโยงมา โอ้โห ตัวละครเยอะมาก โยงไปจนถึงคุณดาว ซึ่งเป็นพี่สาวภรรยา โยงไปถึงนุวัฒน์ โยงไปถึงแซน นุชนารถ ไปหมดทุกคน และเกี่ยวข้องกับคนขับรถ แล้วก็จับเส้นทางการเงิน จนในที่สุดแล้ว พี่สาวของภรรยาษิทรา เบี้ยบังเกิด ยอมสารภาพ พาไปชี้ที่เกิดเหตุถุงที่ใส่เงินมา .ผมต้องขอชื่นชมและยกย่องเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าตำรวจเขาใช้คนประมาณเท่าไร ? ร้อยกว่าคนที่ทำคดีนี้ เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนนี้แตกย่อยออกเป็น 4 คดีแล้ว จาก 71 ล้าน มูลค่าการฉ้อโกง 120 กว่าล้านบาท .มันก็เลยกลายเป็นเรื่องขบวนการที่เตรียมการฉ้อโกง มีคลิปที่พี่อ้อยพูดเองกับอาจารย์ปานเทพว่า ตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกพี่อ้อยในการเขียนพินัยกรรม พอได้เป็นเสร็จเรียบร้อย ก็พยายามชวนพี่อ้อยไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ๆ มันไกลปืนเที่ยง ที่อะไรก็ตามมันสามารถจะเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่มีใครคาดคิด ท่านผู้ชมใช้วิจารณญาณอนุมานดูว่า คนถ้ามันไม่ซื่อสัตย์อย่างนี้ ทำไมทะลึ่งอยากจะมาเป็นผู้จัดการมรดก แต่ว่าโชคดีที่มีการไหวตัวทัน.ด้วยเหตุนี้ ต้นปี 2567 พี่อ้อยเมื่อได้รับทราบไม่ชอบมาพากลทั้งหมด ที่ทนายตั้ม ษิทรา ดำเนินการ เขาก็เลยยกเลิกพินัยกรรมกรรมที่ทนายตั้ม บริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ทุกฉบับ แล้วเขาก็ไปทำพินัยกรรมใหม่ฉบับที่ 3 ภาษากฎหมายเขาเรียกว่า พินัยกรรมทำเป็นเอกสารฝ่ายเมืองที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องรับรอง เพื่อไม่ให้พินัยกรรมฉบับเก่าไม่สามารถมีผลผูกพันได้อีกต่อไป.ท่านผู้ชมเห็นหรือเปล่า ความเจ้าเล่ห์แสนกลของคนที่เป็นทนายความ คุณสายหยุด คุณฟังให้มันดีๆนะ คุณเดชาฟังให้ดึๆนะ ปั่นเสร็จแล้วจงใจหลอกลวงลูกความที่ไม่ค่อยรู้เรื่องทางกฎหมาย ผมไม่รู้ว่าคุณสองคนเคยหลอกลวงใครหรือเปล่า แต่ผมเพียงแต่อยากจะเตือนให้คุณฟังให้ดีๆ เพราะว่าคุณยืนข้างษิทรา เบี้ยบังเกิด.บทสรุปของเรื่องนี้ก็คือว่า ระหว่างทนายตั้มที่ทำความเลวให้กับคุณอ้อย กับนักการเมืองที่ทำความชั่วให้กับแผ่นดินไทย ฮุบพื้นที่ดินของแผ่นดินไทยเป็นของตัวเองนั้น เปรียบเทียบกันแล้ว ใครเลวกว่าใคร
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 746 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดจบ “ทนายษิทรา”? ฉ้อโกงโยงแก๊งฟอกเงิน
    .
    ผมเคยพูดมาตลอดว่าเวรกรรมมันมีจริง และปล่อยให้กรรมทำงานของมันไปดีกว่า ผมถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด กล่าวหาว่าผมอยู่เบื้องหลัง เป็นผู้วางแผนการ ทั้งๆที่ผมไม่ได้เกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิดเดียวซึ่งผมอธิบายให้ท่านผู้ชมฟังไปแล้ว
    .
    นายษิทรา เบี้ยบังเกิด โดนหมายจับครั้งนี้เนื่องจากคณะกรรมการสอบสวนเขาได้ระบุชัดเจนเลยว่า "จากหลักฐานที่มีอยู่" เขาอนุมานและประเมินเรื่องราวต่างๆ ได้ว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด และภรรยา มีส่วนร่วมกันฉ้อโกง
    .
    นั่นคือตำรวจทำคดีนี้ ไม่ได้มองว่างานนี้นายษิทราคนเดียวที่ทำ แต่ทำเป็นขบวนการ ตรงนี้ที่นายษิทราแพ้ แล้วยังมีทีเด็ดอีก ซึ่งผมไม่สามารถพูดได้ เอาเป็นว่ามันมีหลักฐานพิสูจน์ว่านายษิทรา เบี้ยบังเกิดนั้นรับรู้ในเรื่องเงิน 39 ล้านและก็ได้ส่วนแบ่งไปด้วย
    .
    เพราะฉะนั้นแล้ว จากการฉ้อโกงส่วนบุคคล กลายเป็นฉ้อโกงเป็นขบวนการ เมื่อฉ้อโกงเป็นขบวนการแล้ว ข้อหาฉ้อโกงธรรมดาก็ไม่ได้ใช้แล้ว ก็เพิ่มข้อหาเป็น "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ" ก็คือฉ้อโกงอย่างเป็นสันดานนั่นเอง เจอเรื่องอะไรก็ฉ้อโกงมันหมดทุกเรื่อง
    .
    ผมอ่านตามหน้าไพ่ว่า ข้อแรก ข้อหาที่ตำรวจตั้งนั้นเป็นข้อหาที่รุนแรงหนัก ไม่ใช่ข้อหาธรรมดา "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ" ก็คือฉ้อโกงจนเป็นสันดาน เมื่อบวกการฟอกเงินเป็นข้อหาที่หนักมาก
    .
    ข้อที่สอง การที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิดปากเสีย ไปที่หน้ากองปราบ ไปโชว์ตัวและออกมาพูดถึงเนื้อหาในคดี ซึ่งข้างในอาคารเขากำลังสอบสวนอยู่ แล้วอ้างว่าตัวเองไม่ผิด อย่างโน้นอย่างนี้ นี่คือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เหมือนกับข่มขู่คนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ หรือข่มขู่พยานที่กำลังให้ปากคำอยู่
    .
    ข้อที่สามก็คือ แทนที่จะอยู่เพื่อให้จับ กลับขับรถหนีอ้างว่าไปไหว้หลวงพ่อโสธร
    .
    เพราะฉะนั้น ด้วยเหตุสามข้อนี้ ตามที่ผมอ่านตามหน้าไพ่ ตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว และถ้าศาลไม่ให้ประกันตัวตามมูลเหตุดังที่ผมพูดมานี้ ก็ค่อนข้างจะแน่นอนว่า ยื่นประกันตัวต่อไปในอนาคตก็ไม่ได้
    .
    มิหนำซ้ำ ระหว่างที่ฝากขังและสอบสวนษิทราอยู่ ตำรวจก็หาข้อมูล ก็อาจจะมีหมายจับออกมาเรื่อยๆ เพราะมันมีไม่ใช่เฉพาะ ษิทราและภรรยาเท่านั้น มีพี่ภรรยาอีก ซึ่งจะโดนหรือเปล่า ผมไม่ทราบ แต่ถ้าโดนผมก็ไม่ประหลาดใจ มีนายณุ และภรรยาชื่อ สา ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงิน 39 ล้าน ก็อาจจะโดนหมายจับเช่นกัน แล้วผมยังมั่นใจว่าหมายจับยังจะต้องมีเพิ่มอีก
    .
    เชื่อหรือยังว่าเวรกรรมนั้นมันมีจริง ทำความชั่ว ทำร้ายผู้คนจำนวนมากจากการหลอกลวง ฉ้อโกงเขา ตั้งแต่หนุ่มตั้งแต่แน่นแล้ว เคยมีคดีลวนลามผู้หญิง หรือว่าพรากผู้เยาว์ ผมมีประวัติเขาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่ม เอาไว้วันหลังผมจะเรียบเรียงให้ฟัง
    จุดจบ “ทนายษิทรา”? ฉ้อโกงโยงแก๊งฟอกเงิน . ผมเคยพูดมาตลอดว่าเวรกรรมมันมีจริง และปล่อยให้กรรมทำงานของมันไปดีกว่า ผมถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด กล่าวหาว่าผมอยู่เบื้องหลัง เป็นผู้วางแผนการ ทั้งๆที่ผมไม่ได้เกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิดเดียวซึ่งผมอธิบายให้ท่านผู้ชมฟังไปแล้ว . นายษิทรา เบี้ยบังเกิด โดนหมายจับครั้งนี้เนื่องจากคณะกรรมการสอบสวนเขาได้ระบุชัดเจนเลยว่า "จากหลักฐานที่มีอยู่" เขาอนุมานและประเมินเรื่องราวต่างๆ ได้ว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด และภรรยา มีส่วนร่วมกันฉ้อโกง . นั่นคือตำรวจทำคดีนี้ ไม่ได้มองว่างานนี้นายษิทราคนเดียวที่ทำ แต่ทำเป็นขบวนการ ตรงนี้ที่นายษิทราแพ้ แล้วยังมีทีเด็ดอีก ซึ่งผมไม่สามารถพูดได้ เอาเป็นว่ามันมีหลักฐานพิสูจน์ว่านายษิทรา เบี้ยบังเกิดนั้นรับรู้ในเรื่องเงิน 39 ล้านและก็ได้ส่วนแบ่งไปด้วย . เพราะฉะนั้นแล้ว จากการฉ้อโกงส่วนบุคคล กลายเป็นฉ้อโกงเป็นขบวนการ เมื่อฉ้อโกงเป็นขบวนการแล้ว ข้อหาฉ้อโกงธรรมดาก็ไม่ได้ใช้แล้ว ก็เพิ่มข้อหาเป็น "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ" ก็คือฉ้อโกงอย่างเป็นสันดานนั่นเอง เจอเรื่องอะไรก็ฉ้อโกงมันหมดทุกเรื่อง . ผมอ่านตามหน้าไพ่ว่า ข้อแรก ข้อหาที่ตำรวจตั้งนั้นเป็นข้อหาที่รุนแรงหนัก ไม่ใช่ข้อหาธรรมดา "ฉ้อโกงเป็นปกติธุระ" ก็คือฉ้อโกงจนเป็นสันดาน เมื่อบวกการฟอกเงินเป็นข้อหาที่หนักมาก . ข้อที่สอง การที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิดปากเสีย ไปที่หน้ากองปราบ ไปโชว์ตัวและออกมาพูดถึงเนื้อหาในคดี ซึ่งข้างในอาคารเขากำลังสอบสวนอยู่ แล้วอ้างว่าตัวเองไม่ผิด อย่างโน้นอย่างนี้ นี่คือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เหมือนกับข่มขู่คนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ หรือข่มขู่พยานที่กำลังให้ปากคำอยู่ . ข้อที่สามก็คือ แทนที่จะอยู่เพื่อให้จับ กลับขับรถหนีอ้างว่าไปไหว้หลวงพ่อโสธร . เพราะฉะนั้น ด้วยเหตุสามข้อนี้ ตามที่ผมอ่านตามหน้าไพ่ ตำรวจจะคัดค้านการประกันตัว และถ้าศาลไม่ให้ประกันตัวตามมูลเหตุดังที่ผมพูดมานี้ ก็ค่อนข้างจะแน่นอนว่า ยื่นประกันตัวต่อไปในอนาคตก็ไม่ได้ . มิหนำซ้ำ ระหว่างที่ฝากขังและสอบสวนษิทราอยู่ ตำรวจก็หาข้อมูล ก็อาจจะมีหมายจับออกมาเรื่อยๆ เพราะมันมีไม่ใช่เฉพาะ ษิทราและภรรยาเท่านั้น มีพี่ภรรยาอีก ซึ่งจะโดนหรือเปล่า ผมไม่ทราบ แต่ถ้าโดนผมก็ไม่ประหลาดใจ มีนายณุ และภรรยาชื่อ สา ซึ่งเกี่ยวข้องกับเงิน 39 ล้าน ก็อาจจะโดนหมายจับเช่นกัน แล้วผมยังมั่นใจว่าหมายจับยังจะต้องมีเพิ่มอีก . เชื่อหรือยังว่าเวรกรรมนั้นมันมีจริง ทำความชั่ว ทำร้ายผู้คนจำนวนมากจากการหลอกลวง ฉ้อโกงเขา ตั้งแต่หนุ่มตั้งแต่แน่นแล้ว เคยมีคดีลวนลามผู้หญิง หรือว่าพรากผู้เยาว์ ผมมีประวัติเขาตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหนุ่ม เอาไว้วันหลังผมจะเรียบเรียงให้ฟัง
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 924 มุมมอง 1 รีวิว
  • ศาลอาญายกคำร้อง ไม่ให้ประกัน "ภรรยาทนายษิทธา" หลังยื่นเงินสด 5 แสนขอประกัน ชี้คดีมีอัตราโทษสูงจำคุกถึง 10 ปี ผู้ต้องหาน่าจะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ส่วนทนายษิทธาไม่ยื่นประกัน ล่าสุดเจ้าหน้าราชทัณฑ์คุมตัวทนายษิทธาไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000107734

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอาญายกคำร้อง ไม่ให้ประกัน "ภรรยาทนายษิทธา" หลังยื่นเงินสด 5 แสนขอประกัน ชี้คดีมีอัตราโทษสูงจำคุกถึง 10 ปี ผู้ต้องหาน่าจะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ส่วนทนายษิทธาไม่ยื่นประกัน ล่าสุดเจ้าหน้าราชทัณฑ์คุมตัวทนายษิทธาไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000107734 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    28
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2252 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลไม่ให้ประกันภรรยาทนายตั้ม พบย้ายทรัพย์ออกจากตู้เซฟ เปลี่ยนมือถือก่อนหนีไปเขมร
    .
    เปิดพฤติการณ์ทนายตั้มหลอกคุณอ้อยลงทุนหวยออนไลน์ ฟันส่วนต่างรถเบนซ์-เขียนแบบบ้าน ส่วนภรรยาใกล้ชิดย่อมรู้ทุกการกระทำ เผยก่อนถูกจับมีข่มขู่พยาน ด้อยค่าตำรวจ เปลี่ยนมือถือ ย้ายทรัพย์ออกจากเซฟ ก่อนขับรถไปชายแดน หวั่นหากปล่อยตัวเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน ด้านศาลไม่อนุญาตให้ประกันภรรยา แม้ทนายความยื่นประกัน 5 แสน ขอติดกำไลอีเอ็ม
    .
    วันนี้ (8 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองปราบปรามนำตัวนายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ในข้อหาฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยาทนายตั้ม เป็นผู้ต้องหาที่ 2 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิด ฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1
    .
    คำร้องระบุว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ ผู้เสียหาย ได้ว่าจ้างผู้ต้องหาที่ 1 ให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายต่อมาผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดข้อความจริง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ส่งมอบเงินให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1 หลายเรื่องหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระ ได้แก่
    .
    1.ผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทางออนไลน์ อ้างว่าจะต้องจ่ายเงินเป็นค่าจ้างเขียนโปรแกรมเป็นเงินจำนวน 2,000,000 ยูโร พร้อมกับนำสัญญาว่าจ้างมาให้ผู้เสียหายลงลายมือชื่อ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินค่าจ้างดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาที่ 1 คิดเป็นเงินไทย จำนวน 71,067,764.70 บาท
    .
    2. ผู้เสียหายได้มอบหมายให้ผู้ต้องหาที่ 1 หาซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าสามารถหาซื้อรถยนต์ดังกล่าวได้ในราคา 12,900,000 บาท และมีค่าติดฟิล์มรถยนต์จำนวน 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,930,000 บาท ทั้งที่ความจริงแล้วรถยนต์คันดังกล่าวมีราคาเพียง 11,400,000 บาท โดยไม่มีราคาติดฟิล์ม ทำให้ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เงินค่าส่วนต่างจากราคารถยนต์และค่าฟิล์มรถ รวมเป็นเงินจำนวน 1,530,000 บาท
    .
    3. ผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าผู้ต้องหาที่ 1 ได้ติดต่อว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งเป็นผู้เขียนแบบก่อสร้างโรงแรม ที่ผู้เสียหายจะก่อสร้าง โดยอ้างว่ามีค่าเขียนแบบโรงแรมเป็นจำนวนเงิน 9,000,000 บาท ทั้งที่ความจริงแล้วผู้ต้องหาที่ 1 ได้ไปว่าจ้างบริษัทอื่นให้เขียนแบบโรงแรมดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายในราคา 3,500,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินชำระค่าเขียนแบบดังกล่าวจำนวน 9,000,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารให้แก่บริษัทแห่งหนึ่งจากนั้นได้มีการถอนเงินไปมอบให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1 ทำให้ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เงินส่วนต่างค่าเขียนแบบโรงแรมเป็นเงินจำนวน 5,500,000 บาท
    .
    การกระทำดังกล่าวของผู้ต้องหาที่ 1 เป็นความผิดฐานฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และจากการสืบสวนสอบสวนพบผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 มีการกระทำต่อทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการฟอกเงิน ดังนี้
    .
    1. หลังจากผู้ต้องหาที่ 1 ได้รับโอนเงินจากผู้เสียหายจำนวน 71 ล้านบาทเศษ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้โอนเงินจำนวน 71 ล้านบาท ออกจากบัญชีธนาคารของตนเองไปยังบัญชีอื่นของตนเองอีก 2 ทอด เพื่อชำระหนี้ค่าบ้านและที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ต้องหาที่ 2
    .
    2. ผู้ต้องหาที่ 1 ได้รับมอบเงินสดของผู้เสียหายที่หลอกลวงเป็นค่าเขียนแบบโรงแรมจำนวน 9,000,000 บาทได้แบ่งเงินสดจำนวน 1,000,000 บาท ไปมอบให้แก่พี่สาวของผู้ต้องหาที่ 2 ก่อนพี่สาวของผู้ต้องหาที่ 2 นำไปเข้าบัญชีธนาคารของตัวเอง
    .
    ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
    .
    ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจาก ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นทนายความมีความรู้ทางกฎหมายเป็นอย่างดีและเป็นผู้ที่สังคมให้ความเชื่อถือ แต่กลับมีการกระทำผิดหลายครั้งหลายหนต่อเนื่องกัน ในลักษณะฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 เป็นภรรยาของผู้ต้องหาที่ 1 เป็นบุคคลใกล้ชิดและพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ย่อมรู้เห็นการกระทำผิดและร่วมกระทำความผิดฟอกเงินกับผู้ต้องหาที่ 1 โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนมีพฤติการณ์ที่จะหลบหนียุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ดังนี้
    .
    ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ให้พยานบุคคลที่สำคัญในคดีให้การต่อพนักงานสอบสวนในลักษณะปกปิดข้อเท็จจริงการกระทำความผิดของตนผู้ต้องหาที่ 1 มีพฤติการณ์สำคัญบางประการ ทำให้พยานเกิดความเกรงกลัวภายในอันตรายที่จะเกิดกับพยานหรือตัวครอบครัวเพื่อไม่ให้พยานมาให้การหรือไม่ให้การข้อเท็จจริงที่สำคัญต่อคดี ผู้ต้องหาที่ 1 มีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในลักษณะลดทอนความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ทำให้ผู้เสียหายและพยานบุคคลที่มาให้การต่อพนักงานสอบสวนเกิดความไม่มั่นใจและไม่ไว้วางใจการทำงานของพนักงานสอบสวน
    .
    จากการสืบสวนพบว่าก่อนที่จะมาจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และบุคคลใกล้ชิดมีการเปลี่ยนโทรศัพท์และหมายเลขโทรศัพท์มือถือ และพบว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่ผู้ต้องหาที่ 1 ใช้อยู่ประจำได้ปิดสัญญาณไป และขณะจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาที่ 1 - 2 ตรวจสอบพบว่าโทรศัพท์มือถือผู้ต้องหาที่ 1 ใช้ซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ต้องหาที่ 2 ส่วนโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาที่ 2 ใช้ซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ของพี่สาวผู้ต้องหาที่ 2 การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 - 2 ทำให้ยากแก่การติดต่อหรือติดตามตัวและค้นหาพยานหลักฐานในโทรศัพท์ ทั้งนี้ จากการตรวจค้นหาพยานหลักฐานที่บ้านพักผู้ต้องหาที่ 1- 2 พบว่าภายในบ้านมีตู้นิรภัยขนาดใหญ่สูง 2 เมตร ติดตั้งหลบซ่อน ทำให้ยากต่อการมองเห็นจากบุคคลภายนอก เมื่อเจ้าหน้าที่ค้นเปิดตู้นิรภัยดังกล่าว พบว่ามีร่องรอยผ่านการเก็บทรัพย์สินแล้ว จึงไม่พบทรัพย์สินมีค่าใดๆ อยู่ภายในตู้ดังกล่าว น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 1 -2 ได้ร่วมกันยักย้ายทรัพย์สินออกไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจค้น
    .
    และขณะเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมขณะผู้ต้องหาที่ 1 -2 ขับรถยนต์อยู่บริเวณถนนสายกบินทร์บุรี-ฉะเชิงเทรา มุ่งหน้าไปทางชายแดนประเทศกัมพูชาและพบกระเป๋าเดินทางภายในมีเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ต้องหาที่ 1- 2 มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศ
    .
    ประกอบกับคดีที่ผู้ต้องหาที่ 1 -2 ถูกตั้งข้อหาจับกุมมีอัตราโทษสูงถึง 10 ปีในคดีนี้ผู้ต้องหาที่ 1 ได้กระทำความผิดฉ้อโกงและได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายจำนวนทั้งสิ้น 78,097,764.70 บาท ซึ่งเป็นความเสียหายมูลค่าสูง จากเหตุผลดังกล่าว หากผู้ต้องหาที่ 1-2 ได้รับการปล่อยชั่วคราวไป เชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 1-2 น่าจะหลบหนีเข้าไปยุ่งหรือพยานหลักฐาน และจะเป็นอุปสรรคก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม มีผู้เสียหายยื่นคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว โดยระบุว่าคดีมีอัตราโทษสูงและมูลค่าความเสียหายสูง หากผู้ต้องการผู้ต้องหาที่ 1-2 ได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าจะหลบหนี ซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับชดใช้ค่าเสียหาย
    .
    ศาลอาญาพิจารณาแล้วอนุญาตฝากขังตามคำร้อง
    .
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทนายของผู้ต้องหาที่ 2 ได้ยื่นคำร้องขอประกัน พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท รวมทั้งยื่นเงื่อนไขให้ศาล ติดกำไลอีเอ็ม รวมทั้งห้ามออกนอกประเทศ และมารายงานตัวตามนัดทุกครั้ง ล่าสุด ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว
    ..............
    Sondhi X
    ศาลไม่ให้ประกันภรรยาทนายตั้ม พบย้ายทรัพย์ออกจากตู้เซฟ เปลี่ยนมือถือก่อนหนีไปเขมร . เปิดพฤติการณ์ทนายตั้มหลอกคุณอ้อยลงทุนหวยออนไลน์ ฟันส่วนต่างรถเบนซ์-เขียนแบบบ้าน ส่วนภรรยาใกล้ชิดย่อมรู้ทุกการกระทำ เผยก่อนถูกจับมีข่มขู่พยาน ด้อยค่าตำรวจ เปลี่ยนมือถือ ย้ายทรัพย์ออกจากเซฟ ก่อนขับรถไปชายแดน หวั่นหากปล่อยตัวเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวน ด้านศาลไม่อนุญาตให้ประกันภรรยา แม้ทนายความยื่นประกัน 5 แสน ขอติดกำไลอีเอ็ม . วันนี้ (8 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.40 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พนักงานสอบสวนกองปราบปรามนำตัวนายษิทธา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ในข้อหาฉ้อโกง, ร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด อายุ 41 ปี ภรรยาทนายตั้ม เป็นผู้ต้องหาที่ 2 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงินและสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิด ฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งที่ 1 . คำร้องระบุว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ ผู้เสียหาย ได้ว่าจ้างผู้ต้องหาที่ 1 ให้เป็นที่ปรึกษากฎหมายต่อมาผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จปกปิดข้อความจริง เป็นเหตุให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ ส่งมอบเงินให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1 หลายเรื่องหลายครั้งต่างกรรมต่างวาระ ได้แก่ . 1.ผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายให้ลงทุนขายสลากกินแบ่งรัฐบาลทางออนไลน์ อ้างว่าจะต้องจ่ายเงินเป็นค่าจ้างเขียนโปรแกรมเป็นเงินจำนวน 2,000,000 ยูโร พร้อมกับนำสัญญาว่าจ้างมาให้ผู้เสียหายลงลายมือชื่อ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินค่าจ้างดังกล่าวไปยังบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาที่ 1 คิดเป็นเงินไทย จำนวน 71,067,764.70 บาท . 2. ผู้เสียหายได้มอบหมายให้ผู้ต้องหาที่ 1 หาซื้อรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น จี 400 จากนั้นผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าสามารถหาซื้อรถยนต์ดังกล่าวได้ในราคา 12,900,000 บาท และมีค่าติดฟิล์มรถยนต์จำนวน 30,000 บาท รวมเป็นเงิน 12,930,000 บาท ทั้งที่ความจริงแล้วรถยนต์คันดังกล่าวมีราคาเพียง 11,400,000 บาท โดยไม่มีราคาติดฟิล์ม ทำให้ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เงินค่าส่วนต่างจากราคารถยนต์และค่าฟิล์มรถ รวมเป็นเงินจำนวน 1,530,000 บาท . 3. ผู้ต้องหาที่ 1 ได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าผู้ต้องหาที่ 1 ได้ติดต่อว่าจ้างบริษัทแห่งหนึ่งเป็นผู้เขียนแบบก่อสร้างโรงแรม ที่ผู้เสียหายจะก่อสร้าง โดยอ้างว่ามีค่าเขียนแบบโรงแรมเป็นจำนวนเงิน 9,000,000 บาท ทั้งที่ความจริงแล้วผู้ต้องหาที่ 1 ได้ไปว่าจ้างบริษัทอื่นให้เขียนแบบโรงแรมดังกล่าวให้แก่ผู้เสียหายในราคา 3,500,000 บาท ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินชำระค่าเขียนแบบดังกล่าวจำนวน 9,000,000 บาท เข้าบัญชีธนาคารให้แก่บริษัทแห่งหนึ่งจากนั้นได้มีการถอนเงินไปมอบให้แก่ผู้ต้องหาที่ 1 ทำให้ผู้ต้องหาที่ 1 ได้เงินส่วนต่างค่าเขียนแบบโรงแรมเป็นเงินจำนวน 5,500,000 บาท . การกระทำดังกล่าวของผู้ต้องหาที่ 1 เป็นความผิดฐานฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และจากการสืบสวนสอบสวนพบผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 มีการกระทำต่อทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการฟอกเงิน ดังนี้ . 1. หลังจากผู้ต้องหาที่ 1 ได้รับโอนเงินจากผู้เสียหายจำนวน 71 ล้านบาทเศษ ผู้ต้องหาที่ 1 ได้โอนเงินจำนวน 71 ล้านบาท ออกจากบัญชีธนาคารของตนเองไปยังบัญชีอื่นของตนเองอีก 2 ทอด เพื่อชำระหนี้ค่าบ้านและที่ดินดังกล่าวให้แก่ผู้ต้องหาที่ 2 . 2. ผู้ต้องหาที่ 1 ได้รับมอบเงินสดของผู้เสียหายที่หลอกลวงเป็นค่าเขียนแบบโรงแรมจำนวน 9,000,000 บาทได้แบ่งเงินสดจำนวน 1,000,000 บาท ไปมอบให้แก่พี่สาวของผู้ต้องหาที่ 2 ก่อนพี่สาวของผู้ต้องหาที่ 2 นำไปเข้าบัญชีธนาคารของตัวเอง . ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1-2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา . ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เนื่องจาก ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นทนายความมีความรู้ทางกฎหมายเป็นอย่างดีและเป็นผู้ที่สังคมให้ความเชื่อถือ แต่กลับมีการกระทำผิดหลายครั้งหลายหนต่อเนื่องกัน ในลักษณะฉ้อโกงอันเป็นปกติธุระ ส่วนผู้ต้องหาที่ 2 เป็นภรรยาของผู้ต้องหาที่ 1 เป็นบุคคลใกล้ชิดและพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ย่อมรู้เห็นการกระทำผิดและร่วมกระทำความผิดฟอกเงินกับผู้ต้องหาที่ 1 โดยผู้ต้องหาทั้งสองคนมีพฤติการณ์ที่จะหลบหนียุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานและเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของพนักงานสอบสวน ดังนี้ . ผู้ต้องหาที่ 1 ได้ให้พยานบุคคลที่สำคัญในคดีให้การต่อพนักงานสอบสวนในลักษณะปกปิดข้อเท็จจริงการกระทำความผิดของตนผู้ต้องหาที่ 1 มีพฤติการณ์สำคัญบางประการ ทำให้พยานเกิดความเกรงกลัวภายในอันตรายที่จะเกิดกับพยานหรือตัวครอบครัวเพื่อไม่ให้พยานมาให้การหรือไม่ให้การข้อเท็จจริงที่สำคัญต่อคดี ผู้ต้องหาที่ 1 มีการให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในลักษณะลดทอนความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ทำให้ผู้เสียหายและพยานบุคคลที่มาให้การต่อพนักงานสอบสวนเกิดความไม่มั่นใจและไม่ไว้วางใจการทำงานของพนักงานสอบสวน . จากการสืบสวนพบว่าก่อนที่จะมาจับกุมผู้ต้องหาที่ 1 และบุคคลใกล้ชิดมีการเปลี่ยนโทรศัพท์และหมายเลขโทรศัพท์มือถือ และพบว่าหมายเลขโทรศัพท์ที่ผู้ต้องหาที่ 1 ใช้อยู่ประจำได้ปิดสัญญาณไป และขณะจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาที่ 1 - 2 ตรวจสอบพบว่าโทรศัพท์มือถือผู้ต้องหาที่ 1 ใช้ซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ต้องหาที่ 2 ส่วนโทรศัพท์มือถือของผู้ต้องหาที่ 2 ใช้ซิมการ์ดหมายเลขโทรศัพท์ของพี่สาวผู้ต้องหาที่ 2 การกระทำของผู้ต้องหาที่ 1 - 2 ทำให้ยากแก่การติดต่อหรือติดตามตัวและค้นหาพยานหลักฐานในโทรศัพท์ ทั้งนี้ จากการตรวจค้นหาพยานหลักฐานที่บ้านพักผู้ต้องหาที่ 1- 2 พบว่าภายในบ้านมีตู้นิรภัยขนาดใหญ่สูง 2 เมตร ติดตั้งหลบซ่อน ทำให้ยากต่อการมองเห็นจากบุคคลภายนอก เมื่อเจ้าหน้าที่ค้นเปิดตู้นิรภัยดังกล่าว พบว่ามีร่องรอยผ่านการเก็บทรัพย์สินแล้ว จึงไม่พบทรัพย์สินมีค่าใดๆ อยู่ภายในตู้ดังกล่าว น่าเชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 1 -2 ได้ร่วมกันยักย้ายทรัพย์สินออกไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการตรวจค้น . และขณะเจ้าหน้าที่ทำการจับกุมขณะผู้ต้องหาที่ 1 -2 ขับรถยนต์อยู่บริเวณถนนสายกบินทร์บุรี-ฉะเชิงเทรา มุ่งหน้าไปทางชายแดนประเทศกัมพูชาและพบกระเป๋าเดินทางภายในมีเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัวของผู้ต้องหาที่ 1- 2 มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนีออกนอกประเทศ . ประกอบกับคดีที่ผู้ต้องหาที่ 1 -2 ถูกตั้งข้อหาจับกุมมีอัตราโทษสูงถึง 10 ปีในคดีนี้ผู้ต้องหาที่ 1 ได้กระทำความผิดฉ้อโกงและได้ทรัพย์สินของผู้เสียหายจำนวนทั้งสิ้น 78,097,764.70 บาท ซึ่งเป็นความเสียหายมูลค่าสูง จากเหตุผลดังกล่าว หากผู้ต้องหาที่ 1-2 ได้รับการปล่อยชั่วคราวไป เชื่อว่าผู้ต้องหาที่ 1-2 น่าจะหลบหนีเข้าไปยุ่งหรือพยานหลักฐาน และจะเป็นอุปสรรคก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวน อย่างไรก็ตาม มีผู้เสียหายยื่นคำร้องขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว โดยระบุว่าคดีมีอัตราโทษสูงและมูลค่าความเสียหายสูง หากผู้ต้องการผู้ต้องหาที่ 1-2 ได้รับการปล่อยชั่วคราว เกรงว่าจะหลบหนี ซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายไม่ได้รับชดใช้ค่าเสียหาย . ศาลอาญาพิจารณาแล้วอนุญาตฝากขังตามคำร้อง . ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทนายของผู้ต้องหาที่ 2 ได้ยื่นคำร้องขอประกัน พร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด 5 แสนบาท รวมทั้งยื่นเงื่อนไขให้ศาล ติดกำไลอีเอ็ม รวมทั้งห้ามออกนอกประเทศ และมารายงานตัวตามนัดทุกครั้ง ล่าสุด ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1163 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายความเผยยังไม่ยื่นประกัน “ษิทรา" แต่เตรียมหลักทรัพย์ไว้ยื่นประกันภรรยา โวยตำรวจเล่นใหญ่จับกลางถนน ยันลูกความเตรียมไปปฏิบัติธรรมที่ฉะเชิงเทรา หลังใส่สูทรอตำรวจมาหลายวัน ส่วนทนาย "เจ๊อ้อย" ค้านประกัน อ้างพฤติกรรมหลบหนี ยุ่งเหยิงพยาน ขณะตำรวจนำตัวฝากขังบ่ายนี้

    วันนี้ (8 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มและ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด (ภรรยา) เดินทางยังมาศาลอาญา พร้อมเปิดเผยว่า ตนจะไม่ยื่นคําร้องขอประกันตัวทนายตั้ม โดยให้เหตุผลว่าที่ศาลอาญา หากเป็นคดีใหญ่ความเสียหายค่อนข้างสูงแบบนี้และมีการระบุพฤติกรรมในหมายจับว่ายุ่งเหยินกับพยานหลักหลักฐานและพยายามหลบหนีรวมถึงปล่อยข่าวว่าหนี ซึ่ง 3 องค์ประกอบดังกล่าว หากไม่มีพยานหลักฐานที่มากพอสมควรหากยื่นคําร้องไปโอกาสก็แทบจะเป็นศูนย์ ดังนั้นทนายตั้ม จึงยืนยันว่าจะไม่ขอยื่นประกันตัวในชั้นศาลวันนี้ แตาทางทีมทนายจะยื่นคําร้องขอประกันตัวนางปทิตตา ภรรยาของทนายตั้ม ส่วนจะใช้หลักทร้พย์เท่าไหร่นั้นอยู่ระหว่างสอบถามกับทางศาล ส่วนศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล

    นายสายหยุด กล่าวว่า ทนายตั้ม ไม่มีพฤติกรรมหลบหนีแต่อย่างใด ซึ่งวันที่ถูกจับกุมทนายตั้มและภรรยาเตรียมเดินทางไปทําบุญที่วัด ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพราะที่ผ่านมาจากการพูดคุยทราบว่า ทนายตั้ม มีการสวมชุดสูทนอนอยู่บ้านหลายวัน เพราะไม่อยากถูกตํารวจจับกุมขณะสวมใส่ชุดนอนเหมือนใครบางคน ส่วนการที่ตํารวจไปจับกุมกลางถนน เหมือนเป็นการตบหน้ากลางสี่แยกหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าการปฏิบัติการของตํารวจกองปราบมักจะเล่นใหญ่แบบนี้ทุกครั้ง

    ส่วนที่จะบอกว่าทนายตั้มไม่ผิดนั้น นายสายหยุด กล่าวว่า จากการพูดคุยทราบว่าอาจเป็นการยืมเงินและเป็นความผิดแพ่งหรือไม่ เพราะคดีฉ้อโกงกับแพ่ง เป็นเพียงเส้นบางๆ ของข้อกฎหมาย ดังนั้นรายละเอียดต่างๆ ตนไม่ขอเปิดเผย พร้อมระบุว่า “การสู้คดีผมตัดสินในชั้นศาล ไม่ได้ตัดสินทางทีวี” ทั้งนี้ทนายตั้มไม่มีความกังวลใดๆ ส่วนภรรยากังวลเป็นปกติของผู้หญิง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000107606

    #MGROnline #ทนายตั้ม
    ทนายความเผยยังไม่ยื่นประกัน “ษิทรา" แต่เตรียมหลักทรัพย์ไว้ยื่นประกันภรรยา โวยตำรวจเล่นใหญ่จับกลางถนน ยันลูกความเตรียมไปปฏิบัติธรรมที่ฉะเชิงเทรา หลังใส่สูทรอตำรวจมาหลายวัน ส่วนทนาย "เจ๊อ้อย" ค้านประกัน อ้างพฤติกรรมหลบหนี ยุ่งเหยิงพยาน ขณะตำรวจนำตัวฝากขังบ่ายนี้ • วันนี้ (8 พ.ย.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มและ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด (ภรรยา) เดินทางยังมาศาลอาญา พร้อมเปิดเผยว่า ตนจะไม่ยื่นคําร้องขอประกันตัวทนายตั้ม โดยให้เหตุผลว่าที่ศาลอาญา หากเป็นคดีใหญ่ความเสียหายค่อนข้างสูงแบบนี้และมีการระบุพฤติกรรมในหมายจับว่ายุ่งเหยินกับพยานหลักหลักฐานและพยายามหลบหนีรวมถึงปล่อยข่าวว่าหนี ซึ่ง 3 องค์ประกอบดังกล่าว หากไม่มีพยานหลักฐานที่มากพอสมควรหากยื่นคําร้องไปโอกาสก็แทบจะเป็นศูนย์ ดังนั้นทนายตั้ม จึงยืนยันว่าจะไม่ขอยื่นประกันตัวในชั้นศาลวันนี้ แตาทางทีมทนายจะยื่นคําร้องขอประกันตัวนางปทิตตา ภรรยาของทนายตั้ม ส่วนจะใช้หลักทร้พย์เท่าไหร่นั้นอยู่ระหว่างสอบถามกับทางศาล ส่วนศาลจะให้ประกันตัวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล • นายสายหยุด กล่าวว่า ทนายตั้ม ไม่มีพฤติกรรมหลบหนีแต่อย่างใด ซึ่งวันที่ถูกจับกุมทนายตั้มและภรรยาเตรียมเดินทางไปทําบุญที่วัด ในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพราะที่ผ่านมาจากการพูดคุยทราบว่า ทนายตั้ม มีการสวมชุดสูทนอนอยู่บ้านหลายวัน เพราะไม่อยากถูกตํารวจจับกุมขณะสวมใส่ชุดนอนเหมือนใครบางคน ส่วนการที่ตํารวจไปจับกุมกลางถนน เหมือนเป็นการตบหน้ากลางสี่แยกหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าการปฏิบัติการของตํารวจกองปราบมักจะเล่นใหญ่แบบนี้ทุกครั้ง • ส่วนที่จะบอกว่าทนายตั้มไม่ผิดนั้น นายสายหยุด กล่าวว่า จากการพูดคุยทราบว่าอาจเป็นการยืมเงินและเป็นความผิดแพ่งหรือไม่ เพราะคดีฉ้อโกงกับแพ่ง เป็นเพียงเส้นบางๆ ของข้อกฎหมาย ดังนั้นรายละเอียดต่างๆ ตนไม่ขอเปิดเผย พร้อมระบุว่า “การสู้คดีผมตัดสินในชั้นศาล ไม่ได้ตัดสินทางทีวี” ทั้งนี้ทนายตั้มไม่มีความกังวลใดๆ ส่วนภรรยากังวลเป็นปกติของผู้หญิง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000107606 • #MGROnline #ทนายตั้ม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 346 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทนายตั้ม-เมีย" ให้การปฎิเสธทุกข้อหา ตำรวจไม่อนุญาตให้ประกัน คืนนี้นอนห้องขังกองปราบ รอฝากขังศาลอาญาพรุ่งนี้ ยึดกระเป๋าแบรนด์เนม-เครื่องประดับหรูหลายสิบรายการ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000107380

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "ทนายตั้ม-เมีย" ให้การปฎิเสธทุกข้อหา ตำรวจไม่อนุญาตให้ประกัน คืนนี้นอนห้องขังกองปราบ รอฝากขังศาลอาญาพรุ่งนี้ ยึดกระเป๋าแบรนด์เนม-เครื่องประดับหรูหลายสิบรายการ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000107380 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    23
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2361 มุมมอง 1 รีวิว
  • อัยการฟ้องแล้ว "เต้ย" มือตบ "ทนายธรรมราช" จำเลยรับสารภาพข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่สู้คดีเรื่องค่าเสียหาย ศาลให้ประกันตัวและนัดฟังคำพิพากษา 25 พ.ย.นี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105628

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อัยการฟ้องแล้ว "เต้ย" มือตบ "ทนายธรรมราช" จำเลยรับสารภาพข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่สู้คดีเรื่องค่าเสียหาย ศาลให้ประกันตัวและนัดฟังคำพิพากษา 25 พ.ย.นี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105628 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2221 มุมมอง 0 รีวิว
  • เจ้าหน้าที่คุมตัว “17 บอส ดิไอคอนกรุ๊ป” นอนคุก หลังศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว "มิน-แซม-กันต์" 3 ดารานักแสดง ชี้พฤติการณ์ร้ายแรง ทำเป็นขบวนการ เกิดความเสียหายมาก ส่วนอีก 14 คนไม่ยื่นประกัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000100379

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เจ้าหน้าที่คุมตัว “17 บอส ดิไอคอนกรุ๊ป” นอนคุก หลังศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว "มิน-แซม-กันต์" 3 ดารานักแสดง ชี้พฤติการณ์ร้ายแรง ทำเป็นขบวนการ เกิดความเสียหายมาก ส่วนอีก 14 คนไม่ยื่นประกัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000100379 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    28
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2825 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลจังหวัดธัญบุรีไม่ให้ประกัน ”สมาน“ โชเฟอร์รถบัสมรณะ ระบุไม่อยู่ที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยเหลือคนเจ็บ-เสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก ซึ่งช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นเรื่องร้ายแรง
    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000093241

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลจังหวัดธัญบุรีไม่ให้ประกัน ”สมาน“ โชเฟอร์รถบัสมรณะ ระบุไม่อยู่ที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยเหลือคนเจ็บ-เสียชีวิต ส่วนใหญ่เป็นเด็กเล็ก ซึ่งช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เป็นเรื่องร้ายแรง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000093241 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Sad
    Angry
    Love
    34
    1 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 3413 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts