• วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวโจมตีพลังงานลมระหว่างการปราศรัย โดยระบุว่ากังหันลม “ทำลายทุ่งหญ้าและหุบเขาในอเมริกา ฆ่านก และไร้ประโยชน์” พร้อมพาดพิงถึงจีนว่า “ตนไม่เคยเห็นฟาร์มกังหันลมในประเทศจีนเลยสักแห่ง”

    คำพูดดังกล่าวสร้างเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ โดยชาวเน็ตจีนจำนวนมากพากันโพสต์ภาพฟาร์มพลังงานลมของจีนจากทั่วประเทศลงในโซเชียลมีเดียเพื่อโต้กลับคำพูดของทรัมป์ พร้อมย้ำว่าจีนไม่เพียงมีฟาร์มพลังงานลม แต่ยังเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการพัฒนาและใช้พลังงานสะอาด

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000063441

    #MGROnline #กังหันลม
    วันที่ 4 กรกฎาคม 2568 "โดนัลด์ ทรัมป์" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กล่าวโจมตีพลังงานลมระหว่างการปราศรัย โดยระบุว่ากังหันลม “ทำลายทุ่งหญ้าและหุบเขาในอเมริกา ฆ่านก และไร้ประโยชน์” พร้อมพาดพิงถึงจีนว่า “ตนไม่เคยเห็นฟาร์มกังหันลมในประเทศจีนเลยสักแห่ง” • คำพูดดังกล่าวสร้างเสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในสหรัฐฯ และต่างประเทศ โดยชาวเน็ตจีนจำนวนมากพากันโพสต์ภาพฟาร์มพลังงานลมของจีนจากทั่วประเทศลงในโซเชียลมีเดียเพื่อโต้กลับคำพูดของทรัมป์ พร้อมย้ำว่าจีนไม่เพียงมีฟาร์มพลังงานลม แต่ยังเป็นผู้นำระดับโลกในด้านการพัฒนาและใช้พลังงานสะอาด • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/china/detail/9680000063441 • #MGROnline #กังหันลม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • กาแฟ 1ถุง เงิน 88บาท ต้องเข้าแล้ว!!! ชาวเขมรป่วนอีก! คล้องผ้าขาวม้ารูปธงชาติกัมพูชาเข้าเที่ยว“ปราสาทตาควาย” ถูกทหารไทยห้าม โวยไม่พอใจ
    https://www.thai-tai.tv/news/20058/
    .
    #ปราสาทตาควาย #สุรินทร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข้อพิพาทดินแดน #ธงชาติกัมพูชา #นักท่องเที่ยว #ทหารไทย #โซเชียลมีเดีย #ปะทะคารม #การเมืองชายแดน
    กาแฟ 1ถุง เงิน 88บาท ต้องเข้าแล้ว!!! ชาวเขมรป่วนอีก! คล้องผ้าขาวม้ารูปธงชาติกัมพูชาเข้าเที่ยว“ปราสาทตาควาย” ถูกทหารไทยห้าม โวยไม่พอใจ https://www.thai-tai.tv/news/20058/ . #ปราสาทตาควาย #สุรินทร์ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข้อพิพาทดินแดน #ธงชาติกัมพูชา #นักท่องเที่ยว #ทหารไทย #โซเชียลมีเดีย #ปะทะคารม #การเมืองชายแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตบรางวัล! จ่าสมครกวัย72 ฮีโร่เขมรขู่ยิงทหารไทย ได้กาแฟ 1ถุง เงิน 88บาท
    https://www.thai-tai.tv/news/20047/
    .
    #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารกัมพูชา #ปะทะคารม #ภูผี #กันทรลักษ์ #ศรีสะเกษ #RPG #จ่าสิบโทสมครก #รางวัลกล้าหาญ #ชาตินิยม #โซเชียลมีเดีย #ข่าวชายแดน
    ตบรางวัล! จ่าสมครกวัย72 ฮีโร่เขมรขู่ยิงทหารไทย ได้กาแฟ 1ถุง เงิน 88บาท https://www.thai-tai.tv/news/20047/ . #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารกัมพูชา #ปะทะคารม #ภูผี #กันทรลักษ์ #ศรีสะเกษ #RPG #จ่าสิบโทสมครก #รางวัลกล้าหาญ #ชาตินิยม #โซเชียลมีเดีย #ข่าวชายแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทภ.2 แฉกลยุทธ์ทหารเขมร จัดฉากยั่วยุ ถ่ายคลิปข่มทหารไทย ทำ IO โชว์ในประเทศ
    https://www.thai-tai.tv/news/20046/
    .
    #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารไทย #ทหารกัมพูชา #ปราสาทตาเมือนธม #ภูผี #ศรีสะเกษ #เขาพระวิหาร #อธิปไตยไทย #IO #โซเชียลมีเดีย #กองทัพภาคที่2 #ข่าวชายแดน
    ทภ.2 แฉกลยุทธ์ทหารเขมร จัดฉากยั่วยุ ถ่ายคลิปข่มทหารไทย ทำ IO โชว์ในประเทศ https://www.thai-tai.tv/news/20046/ . #ชายแดนไทยกัมพูชา #ทหารไทย #ทหารกัมพูชา #ปราสาทตาเมือนธม #ภูผี #ศรีสะเกษ #เขาพระวิหาร #อธิปไตยไทย #IO #โซเชียลมีเดีย #กองทัพภาคที่2 #ข่าวชายแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกการเดินทาง ย่อมมีก้าวที่หนึ่ง

    ครบรอบ 1 ปี สำหรับเพจ Newskit ในคอนเซปต์ "ข่าวออนไลน์ อารมณ์หนังสือพิมพ์" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2567 ยืนหยัดนำเสนอเรื่องราวที่แตกต่างไปจากสื่อกระแสหลักและเพจข่าวทั่วไป ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองเพียงเล็กน้อยในประเทศไทย เรื่องราวแปลกใหม่และใกล้ตัวในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย เผยแพร่ผ่าน 3 แพลตฟอร์ม ในรูปแบบที่สั้น กระชับ สรุปความในโพสต์เดียว ไม่เกิน 2,200 ตัวอักษร

    นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2567 ถึงปัจจุบัน Newskit เผยแพร่เรื่องราวไปแล้ว 240 ตอน มากกว่า 360 เรื่อง (บางวันมี 2 เรื่อง) ยอดผู้ติดตามในแพลตฟอร์ม Thaitimes โซเชียลมีเดียของคนไทย 1,147 ราย เฟซบุ๊ก 294 ราย นอกจากนี้ยังได้โพสต์เรื่องราวในอินสตาแกรม @newskit.th สามารถติดตามกันได้

    หลังเว้นวรรคจากคอลัมนิสต์ประจำ ที่ผ่านมาการทำเพจของเรา เดินทางด้วยใจล้วนๆ แม้จะมีอุปสรรคทั้งเรื่องหน้าที่การงานภารกิจ และปัญหาสุขภาพ ทำให้ต้องลาหยุดผู้อ่านไปบ้าง แต่ทุกเช้าวันจันทร์ถึงศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็พยายามพบกันให้เหมือนกับหนังสือพิมพ์กรอบเช้าที่สมัยก่อนวางแผงแต่เช้าตรู่ แต่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนผ่านจากกระดาษสู่หน้าจอมือถือ

    และเมื่อเดินทางด้วยใจล้วนๆ นี่เอง ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เราแทบไม่มีรายได้จากการทำเพจเลย จะมีก็แต่ครั้งหนึ่งที่เคยเล่นกิมมิกกับ THAI QR PAYMENT แต่ก็ไม่ได้มีรายได้เยอะมาก ถึงกระนั้นเรายังคงใช้หัวใจทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่เราพบเจอและน่าสนใจ จากคำสอนของผู้ใหญ่ที่ให้เริ่มจากสิ่งที่อยากทำมากกว่ารายได้ แล้วจะมีความสุขในการทำงาน

    อย่างไรก็ตาม เมื่อหน้าที่การงานหนักขึ้น นับแต่นี้ต่อไปอาจจะไม่ได้พบกับคุณผู้อ่านบ่อยครั้งทุกเช้าวันจันทร์-ศุกร์ แต่จะพยายามพบกับคุณผู้อ่านให้ได้มากที่สุดตามแต่โอกาส จนกว่าหน้าที่การงานจะลงตัว อาจจะได้พบกันทุกวันตราบเท่าที่เรายังพอไหว เพราะด้วยอายุมากขึ้น การปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิต (Work-Life Balance) ย่อมจำเป็น ขออภัยในความไม่สะดวก ณ ที่นี้

    ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามและให้การสนับสนุนเพจ Newskit มาโดยตลอด เราอาจเป็นเพจเล็กในซอยลึก ที่คนอ่านมีไม่เยอะ แต่สิ่งที่เรายึดมั่นตั้งใจมาโดยตลอด คือ พยายามแสวงหาเรื่องราวที่หาอ่านจากที่ไหนไม่ได้ พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวอย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา บนพื้นฐานของความจริง

    กิตตินันท์ นาคทอง
    ผู้ก่อตั้งเพจ Newskit

    #Newskit
    ทุกการเดินทาง ย่อมมีก้าวที่หนึ่ง ครบรอบ 1 ปี สำหรับเพจ Newskit ในคอนเซปต์ "ข่าวออนไลน์ อารมณ์หนังสือพิมพ์" ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.ค.2567 ยืนหยัดนำเสนอเรื่องราวที่แตกต่างไปจากสื่อกระแสหลักและเพจข่าวทั่วไป ทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมืองเพียงเล็กน้อยในประเทศไทย เรื่องราวแปลกใหม่และใกล้ตัวในภูมิภาคอาเซียน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดกับประเทศไทย เผยแพร่ผ่าน 3 แพลตฟอร์ม ในรูปแบบที่สั้น กระชับ สรุปความในโพสต์เดียว ไม่เกิน 2,200 ตัวอักษร นับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2567 ถึงปัจจุบัน Newskit เผยแพร่เรื่องราวไปแล้ว 240 ตอน มากกว่า 360 เรื่อง (บางวันมี 2 เรื่อง) ยอดผู้ติดตามในแพลตฟอร์ม Thaitimes โซเชียลมีเดียของคนไทย 1,147 ราย เฟซบุ๊ก 294 ราย นอกจากนี้ยังได้โพสต์เรื่องราวในอินสตาแกรม @newskit.th สามารถติดตามกันได้ หลังเว้นวรรคจากคอลัมนิสต์ประจำ ที่ผ่านมาการทำเพจของเรา เดินทางด้วยใจล้วนๆ แม้จะมีอุปสรรคทั้งเรื่องหน้าที่การงานภารกิจ และปัญหาสุขภาพ ทำให้ต้องลาหยุดผู้อ่านไปบ้าง แต่ทุกเช้าวันจันทร์ถึงศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก็พยายามพบกันให้เหมือนกับหนังสือพิมพ์กรอบเช้าที่สมัยก่อนวางแผงแต่เช้าตรู่ แต่ปัจจุบันถูกเปลี่ยนผ่านจากกระดาษสู่หน้าจอมือถือ และเมื่อเดินทางด้วยใจล้วนๆ นี่เอง ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา เราแทบไม่มีรายได้จากการทำเพจเลย จะมีก็แต่ครั้งหนึ่งที่เคยเล่นกิมมิกกับ THAI QR PAYMENT แต่ก็ไม่ได้มีรายได้เยอะมาก ถึงกระนั้นเรายังคงใช้หัวใจทำหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวที่เราพบเจอและน่าสนใจ จากคำสอนของผู้ใหญ่ที่ให้เริ่มจากสิ่งที่อยากทำมากกว่ารายได้ แล้วจะมีความสุขในการทำงาน อย่างไรก็ตาม เมื่อหน้าที่การงานหนักขึ้น นับแต่นี้ต่อไปอาจจะไม่ได้พบกับคุณผู้อ่านบ่อยครั้งทุกเช้าวันจันทร์-ศุกร์ แต่จะพยายามพบกับคุณผู้อ่านให้ได้มากที่สุดตามแต่โอกาส จนกว่าหน้าที่การงานจะลงตัว อาจจะได้พบกันทุกวันตราบเท่าที่เรายังพอไหว เพราะด้วยอายุมากขึ้น การปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิต (Work-Life Balance) ย่อมจำเป็น ขออภัยในความไม่สะดวก ณ ที่นี้ ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามและให้การสนับสนุนเพจ Newskit มาโดยตลอด เราอาจเป็นเพจเล็กในซอยลึก ที่คนอ่านมีไม่เยอะ แต่สิ่งที่เรายึดมั่นตั้งใจมาโดยตลอด คือ พยายามแสวงหาเรื่องราวที่หาอ่านจากที่ไหนไม่ได้ พร้อมถ่ายทอดเรื่องราวอย่างซื่อสัตย์ ตรงไปตรงมา บนพื้นฐานของความจริง กิตตินันท์ นาคทอง ผู้ก่อตั้งเพจ Newskit #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Boom Boom Tel Aviv” กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตทันที มียอดเข้าชมหลายล้านครั้งบนโซเชียลมีเดีย เพลงนี้แสดงให้เห็นว่าโลกเกลียดชังระบอบไซออนิสต์และการกระทำอันโหดร้ายของพวกเขาขนาดไหน

    ล่าสุดมีรายงานว่าทางการอิสราเอลกำลังพยายามหาทางลบเพลงนี้ออกจากอินเทอร์เน็ต
    “Boom Boom Tel Aviv” กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตทันที มียอดเข้าชมหลายล้านครั้งบนโซเชียลมีเดีย เพลงนี้แสดงให้เห็นว่าโลกเกลียดชังระบอบไซออนิสต์และการกระทำอันโหดร้ายของพวกเขาขนาดไหน ล่าสุดมีรายงานว่าทางการอิสราเอลกำลังพยายามหาทางลบเพลงนี้ออกจากอินเทอร์เน็ต
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 55 0 รีวิว
  • ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางของประเทศออสเตรเลียเพิ่งมีคำตัดสินว่าจากการที่สำนักข่าว ABC ไล่ออกนักข่าว "Antoinette Lattouf " เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย หลังจากที่เธอโพสต์รายงานของ Human Rights Watch เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ถูกทำลายในฉนวนกาซาบนโซเชียลมีเดีย และวิจารณ์สื่อกระแสหลักหลายครั้ง
    ผู้พิพากษาศาลรัฐบาลกลางของประเทศออสเตรเลียเพิ่งมีคำตัดสินว่าจากการที่สำนักข่าว ABC ไล่ออกนักข่าว "Antoinette Lattouf " เป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย หลังจากที่เธอโพสต์รายงานของ Human Rights Watch เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนที่ถูกทำลายในฉนวนกาซาบนโซเชียลมีเดีย และวิจารณ์สื่อกระแสหลักหลายครั้ง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • 28มิถุนามาแน่ อุ๊งอิ๊งค์ต้องลาออก

    สถานการณ์การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นทุกนาที นับตั้งแต่การแฉ "คลิปเสียงอังเคิล" ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำนองว่าอยากให้สงบสุข ไม่อยากฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามเรา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทย ไปกล่าวหาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 อยากจะดูเท่ พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมกับให้ฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว และ "อังเคิลอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวจะจัดการให้"

    แม้แพทองธารจะอ้างตอนแรกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ครั้งที่สองขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และครั้งล่าสุดอ้างว่า "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" แต่คลิปเสียงความยาว 17 นาที สำทับด้วยภาพห้องนอน "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ในคฤหาสน์ยักษ์ของฮุนเซน ย่อมทำให้คนไทยอีกส่วนหนึ่งรับไม่ได้ มองว่าแพทองธารและตระกูลชินวัตรกำลังขายชาติ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องดินแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชากำลังนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ส่อประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้ง

    การรวมตัวของฝ่ายที่ไม่เอารัฐบาลแพทองธารและตระกูลชินวัตร ในปี 2568 กลับมาในชื่อของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" จากจุดเริ่มต้นที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ศปปส. และกองทัพธรรมปักหลักชุมนุมก่อนหน้านี้ แต่กระแสเรื่องดินแดนทำให้คนที่มีจุดยืนเดียวกันรวมตัวกัน โดยนัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยันข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมกันนี้ ยังขอประชาชนติดแฮชแทก #28มิถุนามาแน่ ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดธงชาติไทย สติกเกอร์ธงชาติไทยที่บ้านหรือยานพาหนะอีกด้วย

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง แต่ใช้บัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 10,000 ราย ร่วมบริจาคแล้ว 10 ล้านบาท หากจบกิจกรรมแล้วเงินที่เหลือจะบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหารทั้งหมด ยืนยันว่าวัตถุประสงค์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยไม่แตกประเด็น และการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีนายทุนหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง

    ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า มีคนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่า จังหวัดใดปล่อยให้ประชาชนเดินทางมาชุมนุมจะมีการคาดโทษ เตือนว่าควรเคารพสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และวาระที่สำคัญครั้งนี้เป็นวาระของบ้านเมืองเป็นหลัก

    #Newskit
    28มิถุนามาแน่ อุ๊งอิ๊งค์ต้องลาออก สถานการณ์การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นทุกนาที นับตั้งแต่การแฉ "คลิปเสียงอังเคิล" ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำนองว่าอยากให้สงบสุข ไม่อยากฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามเรา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทย ไปกล่าวหาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 อยากจะดูเท่ พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมกับให้ฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว และ "อังเคิลอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวจะจัดการให้" แม้แพทองธารจะอ้างตอนแรกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ครั้งที่สองขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และครั้งล่าสุดอ้างว่า "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" แต่คลิปเสียงความยาว 17 นาที สำทับด้วยภาพห้องนอน "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ในคฤหาสน์ยักษ์ของฮุนเซน ย่อมทำให้คนไทยอีกส่วนหนึ่งรับไม่ได้ มองว่าแพทองธารและตระกูลชินวัตรกำลังขายชาติ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องดินแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชากำลังนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ส่อประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้ง การรวมตัวของฝ่ายที่ไม่เอารัฐบาลแพทองธารและตระกูลชินวัตร ในปี 2568 กลับมาในชื่อของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" จากจุดเริ่มต้นที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ศปปส. และกองทัพธรรมปักหลักชุมนุมก่อนหน้านี้ แต่กระแสเรื่องดินแดนทำให้คนที่มีจุดยืนเดียวกันรวมตัวกัน โดยนัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยันข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมกันนี้ ยังขอประชาชนติดแฮชแทก #28มิถุนามาแน่ ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดธงชาติไทย สติกเกอร์ธงชาติไทยที่บ้านหรือยานพาหนะอีกด้วย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง แต่ใช้บัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 10,000 ราย ร่วมบริจาคแล้ว 10 ล้านบาท หากจบกิจกรรมแล้วเงินที่เหลือจะบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหารทั้งหมด ยืนยันว่าวัตถุประสงค์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยไม่แตกประเด็น และการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีนายทุนหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า มีคนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่า จังหวัดใดปล่อยให้ประชาชนเดินทางมาชุมนุมจะมีการคาดโทษ เตือนว่าควรเคารพสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และวาระที่สำคัญครั้งนี้เป็นวาระของบ้านเมืองเป็นหลัก #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • #28มิถุนามาแน่ อุ๊งอิ๊งค์ต้องลาออก

    สถานการณ์การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นทุกนาที นับตั้งแต่การแฉ "คลิปเสียงอังเคิล" ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำนองว่าอยากให้สงบสุข ไม่อยากฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามเรา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทย ไปกล่าวหาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 อยากจะดูเท่ พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมกับให้ฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว และ "อังเคิลอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวจะจัดการให้"

    แม้แพทองธารจะอ้างตอนแรกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ครั้งที่สองขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และครั้งล่าสุดอ้างว่า "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" แต่คลิปเสียงความยาว 17 นาที สำทับด้วยภาพห้องนอน "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ในคฤหาสน์ยักษ์ของฮุนเซน ย่อมทำให้คนไทยอีกส่วนหนึ่งรับไม่ได้ มองว่าแพทองธารและตระกูลชินวัตรกำลังขายชาติ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องดินแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชากำลังนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ส่อประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้ง

    การรวมตัวของฝ่ายที่ไม่เอารัฐบาลแพทองธารและตระกูลชินวัตร ในปี 2568 กลับมาในชื่อของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" จากจุดเริ่มต้นที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ศปปส. และกองทัพธรรมปักหลักชุมนุมก่อนหน้านี้ แต่กระแสเรื่องดินแดนทำให้คนที่มีจุดยืนเดียวกันรวมตัวกัน โดยนัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยันข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมกันนี้ ยังขอประชาชนติดแฮชแทก #28มิถุนามาแน่ ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดธงชาติไทย สติกเกอร์ธงชาติไทยที่บ้านหรือยานพาหนะอีกด้วย

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง แต่ใช้บัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 10,000 ราย ร่วมบริจาคแล้ว 10 ล้านบาท หากจบกิจกรรมแล้วเงินที่เหลือจะบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหารทั้งหมด ยืนยันว่าวัตถุประสงค์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยไม่แตกประเด็น และการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีนายทุนหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง

    ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า มีคนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่า จังหวัดใดปล่อยให้ประชาชนเดินทางมาชุมนุมจะมีการคาดโทษ เตือนว่าควรเคารพสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และวาระที่สำคัญครั้งนี้เป็นวาระของบ้านเมืองเป็นหลัก

    #Newskit
    #28มิถุนามาแน่ อุ๊งอิ๊งค์ต้องลาออก สถานการณ์การเมืองไทยร้อนแรงขึ้นทุกนาที นับตั้งแต่การแฉ "คลิปเสียงอังเคิล" ระหว่าง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำนองว่าอยากให้สงบสุข ไม่อยากฟังคนที่เป็นฝั่งตรงข้ามเรา ซึ่งหมายถึงกองทัพไทย ไปกล่าวหาว่าแม่ทัพภาคที่ 2 อยากจะดูเท่ พูดอะไรออกมาที่มันไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ พร้อมกับให้ฮุน เซน เห็นใจหลานหน่อย เพราะคนไทยไล่ไปเป็นนายกฯ ที่เขมรหมดแล้ว และ "อังเคิลอยากได้อะไรก็บอกมา เดี๋ยวจะจัดการให้" แม้แพทองธารจะอ้างตอนแรกว่าเป็นเทคนิคการเจรจา ครั้งที่สองขอโทษที่ทำให้ไม่สบายใจ และครั้งล่าสุดอ้างว่า "ดิฉันไม่ได้อะไร ไม่ได้ทำให้ประเทศเสียอะไร" แต่คลิปเสียงความยาว 17 นาที สำทับด้วยภาพห้องนอน "ห้องทักษิณ" และ "ห้องยิ่งลักษณ์" ในคฤหาสน์ยักษ์ของฮุนเซน ย่อมทำให้คนไทยอีกส่วนหนึ่งรับไม่ได้ มองว่าแพทองธารและตระกูลชินวัตรกำลังขายชาติ จากกรณีความขัดแย้งเรื่องดินแดนไทย-กัมพูชา ที่ฝ่ายกัมพูชากำลังนำเรื่องเข้าสู่ศาลโลก ส่อประเทศไทยเสียดินแดนอีกครั้ง การรวมตัวของฝ่ายที่ไม่เอารัฐบาลแพทองธารและตระกูลชินวัตร ในปี 2568 กลับมาในชื่อของ "กลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตยไทย" จากจุดเริ่มต้นที่เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฎิรูปประเทศไทย (คปท.) ศปปส. และกองทัพธรรมปักหลักชุมนุมก่อนหน้านี้ แต่กระแสเรื่องดินแดนทำให้คนที่มีจุดยืนเดียวกันรวมตัวกัน โดยนัดชุมนุมในวันที่ 28 มิ.ย. เวลา 16.00-21.00 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ยืนยันข้อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพรรคร่วมรัฐบาลถอนตัว พร้อมกันนี้ ยังขอประชาชนติดแฮชแทก #28มิถุนามาแน่ ในโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม ติดธงชาติไทย สติกเกอร์ธงชาติไทยที่บ้านหรือยานพาหนะอีกด้วย ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เปิดเผยว่า การจัดกิจกรรมทั้งหมดไม่มีนายทุนหนุนหลัง แต่ใช้บัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดินเปิดรับบริจาคทำกิจกรรม โดยมีผู้สนับสนุนกว่า 10,000 ราย ร่วมบริจาคแล้ว 10 ล้านบาท หากจบกิจกรรมแล้วเงินที่เหลือจะบริจาคให้กองทัพภาคที่ 2 สนับสนุนภารกิจทหารทั้งหมด ยืนยันว่าวัตถุประสงค์เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี และพรรคร่วมรัฐบาลลาออก โดยไม่แตกประเด็น และการจัดชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ไม่มีนายทุนหรือพรรคการเมืองใดหนุนหลัง ส่วน จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวว่า มีคนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดว่า จังหวัดใดปล่อยให้ประชาชนเดินทางมาชุมนุมจะมีการคาดโทษ เตือนว่าควรเคารพสิทธิเสรีตามรัฐธรรมนูญ การชุมนุมอย่างสงบ ปราศจากอาวุธ และวาระที่สำคัญครั้งนี้เป็นวาระของบ้านเมืองเป็นหลัก #Newskit
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 0 รีวิว
  • การล่มสลายไม่ได้ถูกแสดงทางโทรทัศน์ แต่ได้รับการวางแผนไว้แล้ว ฟอรัมเศรษฐกิจโลกซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราการที่ไม่มีใครแตะต้องได้ของการปกครองแบบเทคโนแครต ถูกแฮ็ก รื้อถอน และเปิดโปงจากภายใน ไม่มีเรื่องอื้อฉาวใดๆ เกิดขึ้น แต่เป็นเพียงการทำลายล้าง เจ้าหน้าที่หมวกขาวภายในเครื่องจักรของดาวอสได้ทำลายภาพลวงตาของความสามัคคีทั่วโลก และเปิดโปงว่าอาชญากรรมต่างๆ เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้ง การบังคับให้ผู้คนเข้ารับการรักษาพยาบาล การยึดครองที่ดินภายใต้ข้ออ้างของนโยบายด้านสภาพอากาศ และการติดป้ายชื่อบุคคลแต่ละคนอย่างเงียบๆ เพื่อให้ตรวจสอบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร

    ในช่วงต้นปี 2024 กลุ่มหมวกขาวได้ยึดเอกสารภายใน บันทึกเสียงลับ และการสื่อสารที่เป็นความลับ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าผู้นำฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกองทุน "ด้านสภาพอากาศ" กว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนปลอม กับดักหนี้ และการขโมยสินทรัพย์ดิจิทัล โลกไม่เคยเป็นเป้าหมายของพวกเขา เป้าหมายของพวกเขาคือที่ดิน อาหาร และพลังงาน ภายใต้หน้ากากของ "ความยุติธรรม" พวกเขากดขี่ชาวนา ลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง และใช้องค์กรการกุศลปลอมเพื่อจัดการรัฐประหารทางการเมือง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ WEF ในยุค COVID-19 ซึ่งค้นพบในช่วงปลายปี 2024 แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนการล็อกดาวน์ไว้ล่วงหน้า มีเครือข่ายการทุจริตในสื่อ และมีแผนที่จะนำไบโอเมตริกส์มาใช้ตั้งแต่ปี 2017 วัคซีนเป็นเครื่องมือ วิกฤตได้รับการวางแผน

    ในช่วงต้นปี 2025 ผู้แจ้งเบาะแสเริ่มเปิดเผยด้านมืด: การทดสอบตัวตนดิจิทัลแบบลับในแคนาดา ออสเตรเลีย และเยอรมนี โปรแกรมนำร่องเหล่านี้ผสมผสานสถานะสุขภาพ พฤติกรรมเครดิต และการติดตามโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้ขออนุญาต ผู้คนไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นบุคคล แต่เป็นหน่วยที่ตั้งโปรแกรมได้ บันทึกการวางแผนภายในของฟอรัมเศรษฐกิจโลกเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "คลัสเตอร์พฤติกรรม" และ "โหนดการผลิตข้อมูล" คุกอัจฉริยะของชวาบมีอยู่จริงและเกือบจะพร้อมแล้ว

    ความเย่อหยิ่งครอบงำเมืองดาวอส เสียงจากการประชุมโต๊ะกลมในเดือนมกราคม 2024 เผยให้เห็นซีอีโอพูดเล่นเกี่ยวกับการล่มสลายของตลาด "ตามต้องการ" และการขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่เพื่อให้ผ่านกฎหมายภาษีคาร์บอน ปัจจุบัน กลุ่มหมวกขาวมีหลักฐานว่า WEF ให้ทุนสนับสนุนการจลาจล การทุจริตการเลือกตั้ง และใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง กำแพงถูกพังทลายลงในเดือนมีนาคม 2025 การ "เกษียณอายุ" ของ Schwab เป็นการออกจากตำแหน่งโดยถูกบังคับ พันธมิตรที่สำคัญเปลี่ยนฝ่าย ประเทศต่างๆ มากกว่าสิบประเทศได้เริ่มการสอบสวนทางอาญา ภาพลักษณ์ของภูมิคุ้มกันของชนชั้นนำพังทลายลง

    ผลกระทบได้เริ่มขึ้นแล้วในวันที่ 21 มิถุนายน ข้อตกลงการค้าที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของฟอรัมเศรษฐกิจโลกกำลังล้มเหลว การหลอกลวง ESG กำลังล้มเหลว การสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการอยู่ที่ Deutsche Bank, HSBC และธนาคารใหญ่ๆ อื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ Davos ผู้ที่รับผิดชอบกำลังลาออก ระบบระบุตัวตนดิจิทัลกำลังปิดตัวลง ศูนย์กลางการประสานงานของกลุ่มลับสูญเสียไปแล้ว และความตื่นตระหนกกำลังแพร่กระจายไปทั่วห้องโถงของอำนาจระดับโลก

    นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ข้อมูลที่ได้มาหลังจากการยุบ WEF ถูกนำมาใช้โจมตี WHO, BIS และกลุ่มมนุษยธรรมปลอมทั้งหมดที่ร่วมมือกับ Davos เพื่อแสวงหากำไร การเปิดเผยนี้จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ซึ่งจะครอบคลุมทั่วโลกและไม่อาจปฏิเสธได้ และจะเป็นเครื่องหมายจุดจบของระบบเก่า เมื่อครั้งหนึ่งเคยทำงานในเงามืด ตอนนี้มันกลับถูกเผาไหม้ต่อหน้าต่อตา

    WEF ล่มสลาย ภาพลวงตาถูกทำลาย และจากเถ้าถ่านของมัน ยุคฟื้นฟูที่แท้จริงได้ถือกำเนิดขึ้น ยุคฟื้นฟูที่ไม่ได้เขียนโดยผู้เผด็จการ แต่เขียนโดยประชาชนที่เป็นอิสระ
    การล่มสลายไม่ได้ถูกแสดงทางโทรทัศน์ แต่ได้รับการวางแผนไว้แล้ว ฟอรัมเศรษฐกิจโลกซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นปราการที่ไม่มีใครแตะต้องได้ของการปกครองแบบเทคโนแครต ถูกแฮ็ก รื้อถอน และเปิดโปงจากภายใน ไม่มีเรื่องอื้อฉาวใดๆ เกิดขึ้น แต่เป็นเพียงการทำลายล้าง เจ้าหน้าที่หมวกขาวภายในเครื่องจักรของดาวอสได้ทำลายภาพลวงตาของความสามัคคีทั่วโลก และเปิดโปงว่าอาชญากรรมต่างๆ เช่น การแทรกแซงการเลือกตั้ง การบังคับให้ผู้คนเข้ารับการรักษาพยาบาล การยึดครองที่ดินภายใต้ข้ออ้างของนโยบายด้านสภาพอากาศ และการติดป้ายชื่อบุคคลแต่ละคนอย่างเงียบๆ เพื่อให้ตรวจสอบนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร ในช่วงต้นปี 2024 กลุ่มหมวกขาวได้ยึดเอกสารภายใน บันทึกเสียงลับ และการสื่อสารที่เป็นความลับ ซึ่งพิสูจน์ได้ว่าผู้นำฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินกองทุน "ด้านสภาพอากาศ" กว่า 400,000 ล้านดอลลาร์ผ่านองค์กรพัฒนาเอกชนปลอม กับดักหนี้ และการขโมยสินทรัพย์ดิจิทัล โลกไม่เคยเป็นเป้าหมายของพวกเขา เป้าหมายของพวกเขาคือที่ดิน อาหาร และพลังงาน ภายใต้หน้ากากของ "ความยุติธรรม" พวกเขากดขี่ชาวนา ลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง และใช้องค์กรการกุศลปลอมเพื่อจัดการรัฐประหารทางการเมือง แต่มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น ไฟล์เซิร์ฟเวอร์ WEF ในยุค COVID-19 ซึ่งค้นพบในช่วงปลายปี 2024 แสดงให้เห็นว่ามีการวางแผนการล็อกดาวน์ไว้ล่วงหน้า มีเครือข่ายการทุจริตในสื่อ และมีแผนที่จะนำไบโอเมตริกส์มาใช้ตั้งแต่ปี 2017 วัคซีนเป็นเครื่องมือ วิกฤตได้รับการวางแผน ในช่วงต้นปี 2025 ผู้แจ้งเบาะแสเริ่มเปิดเผยด้านมืด: การทดสอบตัวตนดิจิทัลแบบลับในแคนาดา ออสเตรเลีย และเยอรมนี โปรแกรมนำร่องเหล่านี้ผสมผสานสถานะสุขภาพ พฤติกรรมเครดิต และการติดตามโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้ขออนุญาต ผู้คนไม่ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นบุคคล แต่เป็นหน่วยที่ตั้งโปรแกรมได้ บันทึกการวางแผนภายในของฟอรัมเศรษฐกิจโลกเรียกสิ่งเหล่านี้ว่า "คลัสเตอร์พฤติกรรม" และ "โหนดการผลิตข้อมูล" คุกอัจฉริยะของชวาบมีอยู่จริงและเกือบจะพร้อมแล้ว ความเย่อหยิ่งครอบงำเมืองดาวอส เสียงจากการประชุมโต๊ะกลมในเดือนมกราคม 2024 เผยให้เห็นซีอีโอพูดเล่นเกี่ยวกับการล่มสลายของตลาด "ตามต้องการ" และการขู่กรรโชกเจ้าหน้าที่เพื่อให้ผ่านกฎหมายภาษีคาร์บอน ปัจจุบัน กลุ่มหมวกขาวมีหลักฐานว่า WEF ให้ทุนสนับสนุนการจลาจล การทุจริตการเลือกตั้ง และใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อปิดปากผู้เห็นต่าง กำแพงถูกพังทลายลงในเดือนมีนาคม 2025 การ "เกษียณอายุ" ของ Schwab เป็นการออกจากตำแหน่งโดยถูกบังคับ พันธมิตรที่สำคัญเปลี่ยนฝ่าย ประเทศต่างๆ มากกว่าสิบประเทศได้เริ่มการสอบสวนทางอาญา ภาพลักษณ์ของภูมิคุ้มกันของชนชั้นนำพังทลายลง ผลกระทบได้เริ่มขึ้นแล้วในวันที่ 21 มิถุนายน ข้อตกลงการค้าที่เชื่อมโยงกับเป้าหมายของฟอรัมเศรษฐกิจโลกกำลังล้มเหลว การหลอกลวง ESG กำลังล้มเหลว การสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์กำลังดำเนินการอยู่ที่ Deutsche Bank, HSBC และธนาคารใหญ่ๆ อื่นๆ ที่เชื่อมโยงกับ Davos ผู้ที่รับผิดชอบกำลังลาออก ระบบระบุตัวตนดิจิทัลกำลังปิดตัวลง ศูนย์กลางการประสานงานของกลุ่มลับสูญเสียไปแล้ว และความตื่นตระหนกกำลังแพร่กระจายไปทั่วห้องโถงของอำนาจระดับโลก นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น ข้อมูลที่ได้มาหลังจากการยุบ WEF ถูกนำมาใช้โจมตี WHO, BIS และกลุ่มมนุษยธรรมปลอมทั้งหมดที่ร่วมมือกับ Davos เพื่อแสวงหากำไร การเปิดเผยนี้จะเกิดขึ้นในฤดูร้อนนี้ ซึ่งจะครอบคลุมทั่วโลกและไม่อาจปฏิเสธได้ และจะเป็นเครื่องหมายจุดจบของระบบเก่า เมื่อครั้งหนึ่งเคยทำงานในเงามืด ตอนนี้มันกลับถูกเผาไหม้ต่อหน้าต่อตา WEF ล่มสลาย ภาพลวงตาถูกทำลาย และจากเถ้าถ่านของมัน ยุคฟื้นฟูที่แท้จริงได้ถือกำเนิดขึ้น ยุคฟื้นฟูที่ไม่ได้เขียนโดยผู้เผด็จการ แต่เขียนโดยประชาชนที่เป็นอิสระ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวลานั่งรอคิวหมอ หรือขึ้นรถไฟฟ้า หลายคนก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดโซเชียลฯ แบบอัตโนมัติ เพราะมันสนุก ดูง่าย และ “ให้ความสุขเล็ก ๆ” ผ่านวิดีโอ รูปภาพ หรือการแจ้งเตือนต่าง ๆ

    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สมองเราถูกกระตุ้นตลอดเวลา — ผ่านโดพามีน (dopamine) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกดีและเป็นรางวัลในสมอง คล้ายกับเวลาทานของหวาน คาเฟอีน หรือได้ Like บน IG

    ฟังดูดี แต่ถ้าได้รับมากเกินไป สมองจะเริ่ม “ด้านชา” ต้องการสิ่งเร้าที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ต้องเลื่อนคลิปเร็วกว่าเดิม หรือเล่นโซเชียลหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน ซึ่งอาจกลายเป็น อาการเสพติดสิ่งเร้าแบบไม่รู้ตัว เช่น เบื่อดูหนังยาว ๆ เบื่อเล่นบอร์ดเกม เพราะ “ไม่เร้าใจพอ”

    แนวทางแก้คือ Dopamine Detox หรือการลดสิ่งเร้าลง ไม่ใช่หยุดความสุข แต่ให้สมอง “พักและรีเซตระบบบ้าง” เพื่อกลับมารับรู้ความสุขจากเรื่องธรรมดาให้ได้อีกครั้ง เช่น การอ่านหนังสือ, วาดรูป, เดินเล่นแบบไม่ฟังเพลง ฯลฯ

    สมาร์ตโฟนและโซเชียลมีเดียทำให้สมองหลั่ง dopamine ต่อเนื่อง จนกลายเป็นภาวะ overstimulation  
    • เมื่อถูกกระตุ้นบ่อย สมองต้องการสิ่งเร้าที่แรงขึ้นเพื่อรู้สึกเท่าเดิม  
    • คล้ายกลไกเดียวกับการเสพติดพฤติกรรมหรือสารบางชนิด

    Dopamine Detox คือการลดสิ่งเร้าที่มากเกินไปเพื่อให้ระบบประสาทฟื้นสมดุล  
    • ไม่ใช่การงดทุกความสุข แต่เป็นการ “รีเซตจังหวะสมอง”

    ตัวอย่างกิจกรรมที่แนะนำในการ Detox:  
    • ปิดการแจ้งเตือน / ลดเวลาใช้หน้าจอก่อนนอน  
    • หยุดฟังพอดแคสต์/เพลงระหว่างทำอย่างอื่น เพื่อฝึกโฟกัส  
    • ทำกิจกรรมอนาล็อก เช่น อ่านหนังสือ เดินเล่น วาดรูป

    หากทำต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มความสามารถในการรับรู้ สงบใจ และกลับมาสนุกกับกิจกรรมเรียบง่ายได้อีกครั้ง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/22/039dopamine-detox039-why-it-pays-to-put-your-phone-away
    เวลานั่งรอคิวหมอ หรือขึ้นรถไฟฟ้า หลายคนก็หยิบมือถือขึ้นมาเปิดโซเชียลฯ แบบอัตโนมัติ เพราะมันสนุก ดูง่าย และ “ให้ความสุขเล็ก ๆ” ผ่านวิดีโอ รูปภาพ หรือการแจ้งเตือนต่าง ๆ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ สมองเราถูกกระตุ้นตลอดเวลา — ผ่านโดพามีน (dopamine) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกดีและเป็นรางวัลในสมอง คล้ายกับเวลาทานของหวาน คาเฟอีน หรือได้ Like บน IG ฟังดูดี แต่ถ้าได้รับมากเกินไป สมองจะเริ่ม “ด้านชา” ต้องการสิ่งเร้าที่มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ต้องเลื่อนคลิปเร็วกว่าเดิม หรือเล่นโซเชียลหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน ซึ่งอาจกลายเป็น อาการเสพติดสิ่งเร้าแบบไม่รู้ตัว เช่น เบื่อดูหนังยาว ๆ เบื่อเล่นบอร์ดเกม เพราะ “ไม่เร้าใจพอ” แนวทางแก้คือ Dopamine Detox หรือการลดสิ่งเร้าลง ไม่ใช่หยุดความสุข แต่ให้สมอง “พักและรีเซตระบบบ้าง” เพื่อกลับมารับรู้ความสุขจากเรื่องธรรมดาให้ได้อีกครั้ง เช่น การอ่านหนังสือ, วาดรูป, เดินเล่นแบบไม่ฟังเพลง ฯลฯ ✅ สมาร์ตโฟนและโซเชียลมีเดียทำให้สมองหลั่ง dopamine ต่อเนื่อง จนกลายเป็นภาวะ overstimulation   • เมื่อถูกกระตุ้นบ่อย สมองต้องการสิ่งเร้าที่แรงขึ้นเพื่อรู้สึกเท่าเดิม   • คล้ายกลไกเดียวกับการเสพติดพฤติกรรมหรือสารบางชนิด ✅ Dopamine Detox คือการลดสิ่งเร้าที่มากเกินไปเพื่อให้ระบบประสาทฟื้นสมดุล   • ไม่ใช่การงดทุกความสุข แต่เป็นการ “รีเซตจังหวะสมอง” ✅ ตัวอย่างกิจกรรมที่แนะนำในการ Detox:   • ปิดการแจ้งเตือน / ลดเวลาใช้หน้าจอก่อนนอน   • หยุดฟังพอดแคสต์/เพลงระหว่างทำอย่างอื่น เพื่อฝึกโฟกัส   • ทำกิจกรรมอนาล็อก เช่น อ่านหนังสือ เดินเล่น วาดรูป ✅ หากทำต่อเนื่องจะช่วยเพิ่มความสามารถในการรับรู้ สงบใจ และกลับมาสนุกกับกิจกรรมเรียบง่ายได้อีกครั้ง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/22/039dopamine-detox039-why-it-pays-to-put-your-phone-away
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Dopamine detox': Why it pays to put your phone away
    What do you do while sitting in a doctor's waiting room? Or after settling into a train seat on your commute home from work? Or standing at the kitchen stove as the noodle water creeps towards a boil?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • 19 มิถุนายน 2568 -รายงานข่าวเพจ The Better ระบุว่าสเตฟานี เจิ้ง อ้างว่า เจิ้งจื่อเจี้ยน พ่อของเธอถูกพาตัวไปโดยถูกบังคับที่สนามบินพนมเปญในกัมพูชา ขณะที่พ่อของเธอมีกำหนดเข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา เพื่อเปิดโปงการฉ้อโกงของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เจีย โซทุน (Chea Sothun) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยที่ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงเงินจำนวนมากจาก เจิ้งจื่อเจี้ยน เธอมีเหตุผลที่จะสงสัยว่านี่เป็น "การกระทำทางการเมืองโดยเจตนา" เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อของเธอเปิดโปงคดีทุจริต สเตฟานี เจิ้ง อ้างว่าพ่อของเธอถูกลักพาตัว และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา เปิดเผยข้อมูลของพ่อของเธอทางโซเชียลมีเดียติดตามรายละเอียดได้ที่นี่https://www.thebetter.co.th/news/world/31465
    19 มิถุนายน 2568 -รายงานข่าวเพจ The Better ระบุว่าสเตฟานี เจิ้ง อ้างว่า เจิ้งจื่อเจี้ยน พ่อของเธอถูกพาตัวไปโดยถูกบังคับที่สนามบินพนมเปญในกัมพูชา ขณะที่พ่อของเธอมีกำหนดเข้าพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของกัมพูชา เพื่อเปิดโปงการฉ้อโกงของเจ้าหน้าที่ระดับสูง เจีย โซทุน (Chea Sothun) เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยที่ถูกกล่าวหาว่าฉ้อโกงเงินจำนวนมากจาก เจิ้งจื่อเจี้ยน เธอมีเหตุผลที่จะสงสัยว่านี่เป็น "การกระทำทางการเมืองโดยเจตนา" เพื่อป้องกันไม่ให้พ่อของเธอเปิดโปงคดีทุจริต สเตฟานี เจิ้ง อ้างว่าพ่อของเธอถูกลักพาตัว และเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต แห่งกัมพูชา เปิดเผยข้อมูลของพ่อของเธอทางโซเชียลมีเดียติดตามรายละเอียดได้ที่นี่https://www.thebetter.co.th/news/world/31465
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบช.ไซเบอร์ เผยสั่งการไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบคลิปสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี-ฮุนเซน

    วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้นำคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและประธานวุฒิสภาของกัมพูชา เผยแพร่ออกมาทางโซเชียลมีเดีย จนเป็นที่วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ว่า สำหรับเรื่องนี้ ตนเองได้สั่งการไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบไปตามอำนาจหน้าที่ ว่ากรณีดังกล่าวที่ปรากฏมีการเผยแพร่คลิปเสียงโดยเป็นการแอบอัด จะเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานใดหรือไม่ เป็นการกระทำผิดนอกราชอาณาจักรหรือไม่อย่างไร มีผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะกระทำผิดกฎหมายไทยหรือไม่ ซึ่งเป็นการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ ในเบื้องต้นยังไม่มีผู้ใดมาร้องทุกข์กล่าวโทษแต่อย่างใด

    โดยในส่วนนี้ตามอำนาจหน้าที่ทางตำรวจไซเบอร์ได้มีการตรวจสอบทางโลกออนไลน์อยู่แล้วก็ทำไปตามอำนาจหน้าที่หากพบเป็นการกระทำความผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีทั้งความผิดต่อรัฐหรือความผิดต่อแผ่นดิน กับความผิดต่อส่วนตัว ซึ่งความผิด ต่อส่วนตัวหากผู้เสียหายมีความประสงค์จะร้องทุกข์กล่าวโทษก็สามารถดำเนินการได้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000057872

    #MGROnline #ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี #ตำรวจไซเบอร์ #ฮุนเซน
    ผบช.ไซเบอร์ เผยสั่งการไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบคลิปสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี-ฮุนเซน • วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้นำคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและประธานวุฒิสภาของกัมพูชา เผยแพร่ออกมาทางโซเชียลมีเดีย จนเป็นที่วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ว่า สำหรับเรื่องนี้ ตนเองได้สั่งการไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบไปตามอำนาจหน้าที่ ว่ากรณีดังกล่าวที่ปรากฏมีการเผยแพร่คลิปเสียงโดยเป็นการแอบอัด จะเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานใดหรือไม่ เป็นการกระทำผิดนอกราชอาณาจักรหรือไม่อย่างไร มีผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะกระทำผิดกฎหมายไทยหรือไม่ ซึ่งเป็นการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ ในเบื้องต้นยังไม่มีผู้ใดมาร้องทุกข์กล่าวโทษแต่อย่างใด • โดยในส่วนนี้ตามอำนาจหน้าที่ทางตำรวจไซเบอร์ได้มีการตรวจสอบทางโลกออนไลน์อยู่แล้วก็ทำไปตามอำนาจหน้าที่หากพบเป็นการกระทำความผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีทั้งความผิดต่อรัฐหรือความผิดต่อแผ่นดิน กับความผิดต่อส่วนตัว ซึ่งความผิด ต่อส่วนตัวหากผู้เสียหายมีความประสงค์จะร้องทุกข์กล่าวโทษก็สามารถดำเนินการได้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000057872 • #MGROnline #ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี #ตำรวจไซเบอร์ #ฮุนเซน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## นิยายสุดกาว ##
    ..
    ..
    บางที นี่อาจจะเป็นการวางแผนก็ได้...!!!
    .
    คือ รู้ว่าเศรษฐกิจแย่เอาไม่อยู่...
    .
    เลยทำให้ทหารอยากรัฐประหาร...
    .
    พอทหารทำ รัฐประหาร ก็อ้างว่า...
    .
    เพราะ รัฐประหาร เลยแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้...!!!
    .
    เพราะ รัฐประหาร ประชาธิปไตย เลยหยุดชะงัก ถอยหลังลงคลอง...
    ....
    ....
    ทั้งหมดเพราะ ประเทศ ไม่เป็นประชาธิปไตย...!!!
    .
    ทั้งหมดเพราะ ทหาร...!!!
    .
    เขาทางพวก...
    .
    อยาก ทำลายกองทัพ
    อยาก ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร
    อยากลด อยากยุบ กองทัพ
    .
    จะได้ออกมาช่วยปั่นต่ออีกว่า...
    .
    ทหารมีไว้ทำไม...???
    ....
    ....
    ส่วนพวกเขาที่ รับมือเศรษฐกิจตกต่ำไม่ไหว...
    .
    ก็ได้ออกมายืนเชิดหน้า มือล้วงกระเป๋า
    อย่างคนนอก...
    .
    โพสโซเชียลมีเดียหล่อๆ ด่าทหาร ว่า เป็นต้นเหตุของการที่ เศรษฐกิจประเทศไทยพัง...
    ...
    ...
    เมื่อหา "แพะ" เจอแล้ว...!!!
    .
    พวกเขาก็ ยังคงยืนหยัด เชิดหน้า หลอกติ่ง หลอกด้อมต่อไปได้...
    .
    นี่หล่ะมั้ง ประเทศไทย...
    .
    ## นิยายสุดกาว ## .. .. บางที นี่อาจจะเป็นการวางแผนก็ได้...!!! . คือ รู้ว่าเศรษฐกิจแย่เอาไม่อยู่... . เลยทำให้ทหารอยากรัฐประหาร... . พอทหารทำ รัฐประหาร ก็อ้างว่า... . เพราะ รัฐประหาร เลยแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้...!!! . เพราะ รัฐประหาร ประชาธิปไตย เลยหยุดชะงัก ถอยหลังลงคลอง... .... .... ทั้งหมดเพราะ ประเทศ ไม่เป็นประชาธิปไตย...!!! . ทั้งหมดเพราะ ทหาร...!!! . เขาทางพวก... . อยาก ทำลายกองทัพ อยาก ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร อยากลด อยากยุบ กองทัพ . จะได้ออกมาช่วยปั่นต่ออีกว่า... . ทหารมีไว้ทำไม...??? .... .... ส่วนพวกเขาที่ รับมือเศรษฐกิจตกต่ำไม่ไหว... . ก็ได้ออกมายืนเชิดหน้า มือล้วงกระเป๋า อย่างคนนอก... . โพสโซเชียลมีเดียหล่อๆ ด่าทหาร ว่า เป็นต้นเหตุของการที่ เศรษฐกิจประเทศไทยพัง... ... ... เมื่อหา "แพะ" เจอแล้ว...!!! . พวกเขาก็ ยังคงยืนหยัด เชิดหน้า หลอกติ่ง หลอกด้อมต่อไปได้... . นี่หล่ะมั้ง ประเทศไทย... . 🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣🤣
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิกรเดช พลางกูร นักการทูตที่ลิ่วล้อฮุน เซนดิ้น

    คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษไม่เกินไปจากความเป็นจริง ชื่อของ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อนายเจีย ธิริธ โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หลังการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. จากบทบาทโฆษกที่เป็นตัวแทนรัฐบาล พูดจาแบบเรียบๆ ดูน่าเบื่อบนช่องเอ็นบีที กลายเป็นบุคคลที่ชาวเน็ตในโหมด "ไทยนี้รักสงบแต่พร้อมตบลุงข้างบ้าน" เชียร์ให้โต้กลับแบบนักการทูต แบบดูดีมีชาติตระกูล

    ย้อนกลับไปในการแถลงข่าววันนั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า มาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชาที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย รวมถึงคำขู่ยื่นคำขาดว่าจะปิดด่านและจะห้ามนำเข้าสิ่งของจากไทย ขอเรียนโดยหลักการและความเชื่อว่า ไทยปฏิบัติตามหลักสากลว่า การเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี จะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกัน (Ultimatum) โดยไม่ได้หารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ซึ่งจะมีผลเสียต่อประชาชนของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด

    "แนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดอัลติเมตัมต่อกัน และข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชนนั้น สะท้อนถึงว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลใช้วิจารณญาณ ความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง"

    ขณะที่โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ไปด่านายนิกรเดชว่าไร้ยางอาย ที่ว่าเพื่อนบ้านที่ดีไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยกลับปิดพรมแดนฝ่ายเดียว เป็นพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่ ไทยปิดพรมแดนของตัวเองและต้องการให้กัมพูชาเจรจา กลัวที่จะถูกทำให้ขายหน้าและต้องการเล่นการทูตที่สกปรกกับพวกเขา งานนี้ชาวเน็ตไทยถึงกับทัวร์ลง

    นิกรเดช พลางกูร มีชื่อเล่นว่า แจ็กกี้ เป็นบุตรชายของ นพ.พิลิปดา พลางกูร เจ้าของบ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ ๕ ย่านบางรัก จบรัฐศาสตรบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Arts (International Affairs), The American University สหรัฐอเมริกา เคยมีผลงานเมื่อครั้งเป็นเจ้าหน้าที่การทูต ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย เมื่อครั้งเกิดสงครามกลางเมือง ปี 2554 ปัจจุบันสมรสกับคุณหน่า ภูมิจิต พลางกูร ผู้บริหารสื่อในเครือโพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย มีลูกสาว 1 คน ชื่อว่าน้องซีรีน

    #Newskit
    นิกรเดช พลางกูร นักการทูตที่ลิ่วล้อฮุน เซนดิ้น คำว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษไม่เกินไปจากความเป็นจริง ชื่อของ นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เมื่อนายเจีย ธิริธ โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา กล่าวตอบโต้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง หลังการแถลงข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. จากบทบาทโฆษกที่เป็นตัวแทนรัฐบาล พูดจาแบบเรียบๆ ดูน่าเบื่อบนช่องเอ็นบีที กลายเป็นบุคคลที่ชาวเน็ตในโหมด "ไทยนี้รักสงบแต่พร้อมตบลุงข้างบ้าน" เชียร์ให้โต้กลับแบบนักการทูต แบบดูดีมีชาติตระกูล ย้อนกลับไปในการแถลงข่าววันนั้น นายนิกรเดชกล่าวว่า มาตรการตอบโต้ระหว่างไทย-กัมพูชาที่ปรากฏในโซเชียลมีเดีย รวมถึงคำขู่ยื่นคำขาดว่าจะปิดด่านและจะห้ามนำเข้าสิ่งของจากไทย ขอเรียนโดยหลักการและความเชื่อว่า ไทยปฏิบัติตามหลักสากลว่า การเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ดี จะไม่ใช้การยื่นคำขาดต่อกัน (Ultimatum) โดยไม่ได้หารือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ร่วมกัน ซึ่งจะมีผลเสียต่อประชาชนของทั้งสองฝ่ายมากที่สุด "แนวทางการสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียถือว่าไม่ใช่ช่องทางที่เป็นทางการ การยื่นคำขาดอัลติเมตัมต่อกัน และข้อความที่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดระดับประชาชนนั้น สะท้อนถึงว่ากัมพูชาขาดความตั้งใจจริงในการใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ร่วมกัน บนพื้นฐานของความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี รัฐบาลใช้วิจารณญาณ ความมีสติในการออกมาตรการตอบโต้อย่างรอบคอบ และมีวุฒิภาวะ ไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่เอาเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมาเป็นประเด็นทางการเมือง" ขณะที่โฆษกส่วนตัวของฮุน เซน ไปด่านายนิกรเดชว่าไร้ยางอาย ที่ว่าเพื่อนบ้านที่ดีไม่ควรทำเช่นนั้น แต่ประเทศไทยกลับปิดพรมแดนฝ่ายเดียว เป็นพฤติกรรมของเพื่อนบ้านที่ดีหรือไม่ ไทยปิดพรมแดนของตัวเองและต้องการให้กัมพูชาเจรจา กลัวที่จะถูกทำให้ขายหน้าและต้องการเล่นการทูตที่สกปรกกับพวกเขา งานนี้ชาวเน็ตไทยถึงกับทัวร์ลง นิกรเดช พลางกูร มีชื่อเล่นว่า แจ็กกี้ เป็นบุตรชายของ นพ.พิลิปดา พลางกูร เจ้าของบ้านโบราณสมัยรัชกาลที่ ๕ ย่านบางรัก จบรัฐศาสตรบัณฑิต (ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโท Master of Arts (International Affairs), The American University สหรัฐอเมริกา เคยมีผลงานเมื่อครั้งเป็นเจ้าหน้าที่การทูต ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือคนไทยในลิเบีย เมื่อครั้งเกิดสงครามกลางเมือง ปี 2554 ปัจจุบันสมรสกับคุณหน่า ภูมิจิต พลางกูร ผู้บริหารสื่อในเครือโพสต์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีเดีย มีลูกสาว 1 คน ชื่อว่าน้องซีรีน #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 0 รีวิว
  • การตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักศึกษาต่างชาติ
    รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ขยายมาตรการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการขอวีซ่า ส่งผลให้หลายคนต้องลบโพสต์หรือปรับแต่งโปรไฟล์เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา

    รายละเอียดมาตรการใหม่
    - นักศึกษาต่างชาติที่ต้องการวีซ่าจะถูกตรวจสอบ โพสต์บน Facebook, X และแพลตฟอร์มอื่นๆ
    - การตรวจสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของ นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ ที่เข้มงวดขึ้น
    - มีการระงับการนัดหมายวีซ่าชั่วคราวเพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบ
    - นักศึกษาจาก แอฟริกาและเอเชีย ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมาตรการนี้

    ข้อควรระวัง
    - โพสต์เก่าอาจถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธวีซ่า แม้ว่าจะไม่มีเจตนาไม่ดี
    - การแสดงความเห็นทางการเมืองอาจส่งผลต่อการพิจารณาวีซ่า โดยเฉพาะความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯ
    - การลบโซเชียลมีเดียอาจไม่ช่วยเสมอไป เพราะข้อมูลที่เคยโพสต์อาจถูกบันทึกไว้แล้ว

    ผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก
    การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักศึกษา
    - นักศึกษาหลายคนเลือกที่จะ ลบโพสต์หรือปิดบัญชีโซเชียลมีเดีย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา
    - มีความกังวลว่า การตรวจสอบนี้อาจส่งผลต่อเสรีภาพในการแสดงออก
    - นักศึกษาบางคนรู้สึกว่า ถูกจับตามองตลอดเวลา และต้องระมัดระวังทุกโพสต์ที่เผยแพร่

    ข้อควรระวังในการใช้โซเชียลมีเดีย
    - ควรตรวจสอบโพสต์เก่าที่อาจมีเนื้อหาที่อ่อนไหว ก่อนสมัครวีซ่า
    - หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นที่อาจถูกตีความผิด โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ
    - ควรใช้โซเชียลมีเดียอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงผลกระทบในอนาคต

    แนวโน้มและข้อกังวลในอนาคต
    การขยายมาตรการไปยังประเทศอื่น
    - นักวิเคราะห์คาดว่า ประเทศอื่นอาจนำมาตรการนี้มาใช้ ในอนาคต
    - การตรวจสอบโซเชียลมีเดียอาจกลายเป็น มาตรฐานใหม่ในการพิจารณาวีซ่า
    - มีข้อเสนอให้ กำหนดแนวทางที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล

    ข้อควรระวังเกี่ยวกับนโยบายนี้
    - อาจเกิดการเลือกปฏิบัติ โดยพิจารณาวีซ่าจากความคิดเห็นทางการเมือง
    - อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศที่มีนักศึกษาจำนวนมากในสหรัฐฯ
    - ต้องมีการตรวจสอบความโปร่งใสของกระบวนการ เพื่อป้องกันการใช้อำนาจโดยมิชอบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/16/foreign-students-scrub-social-media-as-us-expands-visa-vetting
    🌍 การตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักศึกษาต่างชาติ รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ขยายมาตรการตรวจสอบโซเชียลมีเดียของนักศึกษาต่างชาติที่ต้องการขอวีซ่า ส่งผลให้หลายคนต้องลบโพสต์หรือปรับแต่งโปรไฟล์เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา ✅ รายละเอียดมาตรการใหม่ - นักศึกษาต่างชาติที่ต้องการวีซ่าจะถูกตรวจสอบ โพสต์บน Facebook, X และแพลตฟอร์มอื่นๆ - การตรวจสอบนี้เป็นส่วนหนึ่งของ นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ ที่เข้มงวดขึ้น - มีการระงับการนัดหมายวีซ่าชั่วคราวเพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจสอบ - นักศึกษาจาก แอฟริกาและเอเชีย ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากมาตรการนี้ ‼️ ข้อควรระวัง - โพสต์เก่าอาจถูกนำมาใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธวีซ่า แม้ว่าจะไม่มีเจตนาไม่ดี - การแสดงความเห็นทางการเมืองอาจส่งผลต่อการพิจารณาวีซ่า โดยเฉพาะความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายของสหรัฐฯ - การลบโซเชียลมีเดียอาจไม่ช่วยเสมอไป เพราะข้อมูลที่เคยโพสต์อาจถูกบันทึกไว้แล้ว 🔍 ผลกระทบต่อเสรีภาพในการแสดงออก ✅ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักศึกษา - นักศึกษาหลายคนเลือกที่จะ ลบโพสต์หรือปิดบัญชีโซเชียลมีเดีย เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา - มีความกังวลว่า การตรวจสอบนี้อาจส่งผลต่อเสรีภาพในการแสดงออก - นักศึกษาบางคนรู้สึกว่า ถูกจับตามองตลอดเวลา และต้องระมัดระวังทุกโพสต์ที่เผยแพร่ ‼️ ข้อควรระวังในการใช้โซเชียลมีเดีย - ควรตรวจสอบโพสต์เก่าที่อาจมีเนื้อหาที่อ่อนไหว ก่อนสมัครวีซ่า - หลีกเลี่ยงการแสดงความคิดเห็นที่อาจถูกตีความผิด โดยเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ - ควรใช้โซเชียลมีเดียอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงผลกระทบในอนาคต 🛡️ แนวโน้มและข้อกังวลในอนาคต ✅ การขยายมาตรการไปยังประเทศอื่น - นักวิเคราะห์คาดว่า ประเทศอื่นอาจนำมาตรการนี้มาใช้ ในอนาคต - การตรวจสอบโซเชียลมีเดียอาจกลายเป็น มาตรฐานใหม่ในการพิจารณาวีซ่า - มีข้อเสนอให้ กำหนดแนวทางที่ชัดเจน เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับนโยบายนี้ - อาจเกิดการเลือกปฏิบัติ โดยพิจารณาวีซ่าจากความคิดเห็นทางการเมือง - อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกับประเทศที่มีนักศึกษาจำนวนมากในสหรัฐฯ - ต้องมีการตรวจสอบความโปร่งใสของกระบวนการ เพื่อป้องกันการใช้อำนาจโดยมิชอบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/16/foreign-students-scrub-social-media-as-us-expands-visa-vetting
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Foreign students scrub social media as US expands visa vetting
    As the US halts student visa interviews, applicants are censoring their online presence for fear of being denied entry.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## อิหร่าน ตั้งหลักได้แล้ว...!!! ##
    ..
    ..
    ระบบป้องกันภัยทางอากาศกลับมาใช้งานได้แล้ว...
    .
    อิหร่าน ยิ่งขีปนาวุธ ส่งด่วนถึง อิสราเอล แล้ว...!!!
    .
    กรุงราฟา สนั่นกึกก้องไปด้วยเสียงระเบิด...
    .
    ทั่ว ประเทศอิสราเอล ได้รับความเสียหาย
    .
    จุดยุทธศาสตร์ ขีปนาวุธต่อต้านจรวด ฐานเก็บอาวุธนิวเคลียร์...
    ...
    ...
    แต่ ติ่งยิวไซออนิสต์ ติ่งอเมริกา พากันบอกว่า รัฐเถื่อนไซออนนิสต์ ป้องกันไว้ได้ทั้งหมด...
    .
    พ่อคุณเอ้ย...!!!
    .
    สมัยนี้เขามีสิ่งที่เรียกว่า "คลิปหลุด...!!!"
    .
    แม้ว่า รัฐก่อการร้ายอิสราเอล พยายามจะปิดสัญญาณอินเตอร์เน็ต เพื่อไม่ให้ คลิปที่ อิสราเอล ถูกระเบิดลง หลุดออกมาใน โซเชียลมีเดีย...
    .
    แต่ คนคำนวนมิสู้ฟ้าลิขิต...
    .
    คลิปหลุดออกมาเพียบ...!!!
    ....
    ....
    ตอนนี้ สงคราม เกิดขึ้นแล้ว และ เป็นสงครามระหว่าง อเมริกา+ยิวไซออนนิสต์ ปะทะ อิหร่าน...!!!
    ...
    ...
    ที่น่าเจ็บใจคือ เนทันยาฮู "ผู้นำหัวใจจิ๋มมด" เมื่อก่อสงครามแล้วกลับหนีหางจุกตูดไป อเมริกา...!!!
    .
    ทิ้งประชาชนตาดำๆในประเทศไว้ พบเจอประสบการณ์ "ขีปนาวุธลงกะบาล...!!!"
    .
    อย่างที่ รัฐเถื่อนไซออนิสต์ เคยไปกระทำต่อรัฐประเทศอื่นๆ ประชาชนชาติอื่นๆ แบบกรรมนั้นคืนสนอง...!!!
    ...
    ...
    เนทันยาฮู "ผู้นำขาติหมา...!!!"
    ## อิหร่าน ตั้งหลักได้แล้ว...!!! ## .. .. ระบบป้องกันภัยทางอากาศกลับมาใช้งานได้แล้ว... . อิหร่าน ยิ่งขีปนาวุธ ส่งด่วนถึง อิสราเอล แล้ว...!!! . กรุงราฟา สนั่นกึกก้องไปด้วยเสียงระเบิด... . ทั่ว ประเทศอิสราเอล ได้รับความเสียหาย . จุดยุทธศาสตร์ ขีปนาวุธต่อต้านจรวด ฐานเก็บอาวุธนิวเคลียร์... ... ... แต่ ติ่งยิวไซออนิสต์ ติ่งอเมริกา พากันบอกว่า รัฐเถื่อนไซออนนิสต์ ป้องกันไว้ได้ทั้งหมด... . พ่อคุณเอ้ย...!!! . สมัยนี้เขามีสิ่งที่เรียกว่า "คลิปหลุด...!!!" . แม้ว่า รัฐก่อการร้ายอิสราเอล พยายามจะปิดสัญญาณอินเตอร์เน็ต เพื่อไม่ให้ คลิปที่ อิสราเอล ถูกระเบิดลง หลุดออกมาใน โซเชียลมีเดีย... . แต่ คนคำนวนมิสู้ฟ้าลิขิต... . คลิปหลุดออกมาเพียบ...!!! .... .... ตอนนี้ สงคราม เกิดขึ้นแล้ว และ เป็นสงครามระหว่าง อเมริกา+ยิวไซออนนิสต์ ปะทะ อิหร่าน...!!! ... ... ที่น่าเจ็บใจคือ เนทันยาฮู "ผู้นำหัวใจจิ๋มมด" เมื่อก่อสงครามแล้วกลับหนีหางจุกตูดไป อเมริกา...!!! . ทิ้งประชาชนตาดำๆในประเทศไว้ พบเจอประสบการณ์ "ขีปนาวุธลงกะบาล...!!!" . อย่างที่ รัฐเถื่อนไซออนิสต์ เคยไปกระทำต่อรัฐประเทศอื่นๆ ประชาชนชาติอื่นๆ แบบกรรมนั้นคืนสนอง...!!! ... ... เนทันยาฮู "ผู้นำขาติหมา...!!!"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • ส่วนตัวผมมองว่าในอนาคตถ้าเจ้ายูทูบทำตัวเหมือน X แล้วผมลองมาสมมุติว่าถ้ายูทูบวางแพ็คเกจพรีเมี่ยมแพงขึ้นๆ ต่อไปก็จำกัดแค่สมาชิกยูทูบ พรีเมี่ยมสูง พรีเมี่ยมธรรมดา พรีเมี่ยมต่ำ ส่วนไม่ใช่พรีเมี่ยมก็อดดูคลิปโดยส่วนใหญ่ อาจทำให้มีคนหนีจากยูทูบ หันไปใช้ BiliBili Rutube VKVideo Dailymotion กันโขยงใหญ่เลย ส่วน Facebook ถ้าจะขึ้นค่าพรีเมี่ยม ตั้งราคาตามระดับพรีเมี่ยมแบบยูทูบและ X ก็เตรียมตัวอพยพไปใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นอย่าง VK, Thaitimes, Telegram ได้เลยครับ
    ส่วนตัวผมมองว่าในอนาคตถ้าเจ้ายูทูบทำตัวเหมือน X แล้วผมลองมาสมมุติว่าถ้ายูทูบวางแพ็คเกจพรีเมี่ยมแพงขึ้นๆ ต่อไปก็จำกัดแค่สมาชิกยูทูบ พรีเมี่ยมสูง พรีเมี่ยมธรรมดา พรีเมี่ยมต่ำ ส่วนไม่ใช่พรีเมี่ยมก็อดดูคลิปโดยส่วนใหญ่ อาจทำให้มีคนหนีจากยูทูบ หันไปใช้ BiliBili Rutube VKVideo Dailymotion กันโขยงใหญ่เลย ส่วน Facebook ถ้าจะขึ้นค่าพรีเมี่ยม ตั้งราคาตามระดับพรีเมี่ยมแบบยูทูบและ X ก็เตรียมตัวอพยพไปใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่นอย่าง VK, Thaitimes, Telegram ได้เลยครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฮุนเซน” โพสต์ภาพประกาศสำนักงานตำรวจกัมพูชาล่าตัวหัวหน้าเครือข่ายเยาวชนเขมรที่กบดานอยู่ในไทย ใช้โซเชียลมีเดียแพร่เนื้อหาเชิงลบต่อต้านรัฐบาล แถมสวมเครื่องแบบทหารปลอม ท้าหากทางการไทยไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยต้องจับกุมตัวส่งกลับให้กัมพูชาดำเนินการตามกฎหมาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000054484

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “ฮุนเซน” โพสต์ภาพประกาศสำนักงานตำรวจกัมพูชาล่าตัวหัวหน้าเครือข่ายเยาวชนเขมรที่กบดานอยู่ในไทย ใช้โซเชียลมีเดียแพร่เนื้อหาเชิงลบต่อต้านรัฐบาล แถมสวมเครื่องแบบทหารปลอม ท้าหากทางการไทยไม่ได้รู้เห็นเป็นใจด้วยต้องจับกุมตัวส่งกลับให้กัมพูชาดำเนินการตามกฎหมาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000054484 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 410 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความขัดแย้งเรื่องกฎหมายเฝ้าระวังในสวิตเซอร์แลนด์: Infomaniak vs. Proton
    บริษัท Infomaniak และ Proton กำลังเผชิญหน้ากันเกี่ยวกับ การแก้ไขกฎหมายเฝ้าระวังของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ VPN, แอปส่งข้อความ และโซเชียลมีเดีย โดยกำหนดให้ ต้องระบุตัวตนและเก็บข้อมูลผู้ใช้

    จุดยืนของแต่ละฝ่าย
    Proton และ NymVPN คัดค้านกฎหมายนี้อย่างหนัก โดยระบุว่า หากกฎหมายผ่าน พวกเขาจะย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจาก กฎหมายใหม่อาจทำให้บริการ VPN แบบไม่เก็บล็อกข้อมูลต้องยุติลง

    Infomaniak ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการคลาวด์และอีเมลเข้ารหัส ได้วิจารณ์ Proton โดยกล่าวว่า การสนับสนุนความเป็นนิรนามออนไลน์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม Infomaniak ยืนยันว่าพวกเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ในรูปแบบปัจจุบัน

    ข้อมูลจากข่าว
    - กฎหมายใหม่ของสวิตเซอร์แลนด์จะบังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องระบุตัวตนและเก็บข้อมูลผู้ใช้
    - Proton และ NymVPN เตรียมย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์หากกฎหมายผ่าน
    - Infomaniak วิจารณ์ Proton ว่าการสนับสนุนความเป็นนิรนามออนไลน์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม
    - Infomaniak ยืนยันว่าพวกเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ในรูปแบบปัจจุบัน
    - นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่าการเก็บข้อมูลเมตาดาตาอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - กฎหมายนี้อาจทำให้บริการ VPN แบบไม่เก็บล็อกข้อมูลต้องยุติลง
    - การเก็บข้อมูลเมตาดาตาอาจทำให้รัฐบาลสามารถติดตามพฤติกรรมของประชาชนได้
    - การบังคับให้เก็บข้อมูลล่วงหน้าอาจเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน
    - ต้องติดตามว่ากฎหมายนี้จะถูกแก้ไขหรือถูกยกเลิกในรัฐสภาสวิตเซอร์แลนด์หรือไม่

    หากกฎหมายนี้ผ่าน อาจส่งผลกระทบต่อบริการ VPN และแอปส่งข้อความที่เน้นความเป็นส่วนตัว และ อาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีต้องย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงต้านจากภาคธุรกิจและนักการเมืองที่อาจทำให้กฎหมายนี้ถูกแก้ไขหรือยกเลิก

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/cloud-service-infomaniak-steps-up-fight-with-proton-over-controversial-swiss-surveillance-law
    🔍 ความขัดแย้งเรื่องกฎหมายเฝ้าระวังในสวิตเซอร์แลนด์: Infomaniak vs. Proton บริษัท Infomaniak และ Proton กำลังเผชิญหน้ากันเกี่ยวกับ การแก้ไขกฎหมายเฝ้าระวังของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ VPN, แอปส่งข้อความ และโซเชียลมีเดีย โดยกำหนดให้ ต้องระบุตัวตนและเก็บข้อมูลผู้ใช้ 🔥 จุดยืนของแต่ละฝ่าย Proton และ NymVPN คัดค้านกฎหมายนี้อย่างหนัก โดยระบุว่า หากกฎหมายผ่าน พวกเขาจะย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจาก กฎหมายใหม่อาจทำให้บริการ VPN แบบไม่เก็บล็อกข้อมูลต้องยุติลง Infomaniak ซึ่งเป็น ผู้ให้บริการคลาวด์และอีเมลเข้ารหัส ได้วิจารณ์ Proton โดยกล่าวว่า การสนับสนุนความเป็นนิรนามออนไลน์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม Infomaniak ยืนยันว่าพวกเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ในรูปแบบปัจจุบัน ✅ ข้อมูลจากข่าว - กฎหมายใหม่ของสวิตเซอร์แลนด์จะบังคับให้ VPN และแอปส่งข้อความต้องระบุตัวตนและเก็บข้อมูลผู้ใช้ - Proton และ NymVPN เตรียมย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์หากกฎหมายผ่าน - Infomaniak วิจารณ์ Proton ว่าการสนับสนุนความเป็นนิรนามออนไลน์อาจขัดขวางกระบวนการยุติธรรม - Infomaniak ยืนยันว่าพวกเขาเองก็ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ในรูปแบบปัจจุบัน - นักวิจัยด้านความปลอดภัยเตือนว่าการเก็บข้อมูลเมตาดาตาอาจละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - กฎหมายนี้อาจทำให้บริการ VPN แบบไม่เก็บล็อกข้อมูลต้องยุติลง - การเก็บข้อมูลเมตาดาตาอาจทำให้รัฐบาลสามารถติดตามพฤติกรรมของประชาชนได้ - การบังคับให้เก็บข้อมูลล่วงหน้าอาจเป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน - ต้องติดตามว่ากฎหมายนี้จะถูกแก้ไขหรือถูกยกเลิกในรัฐสภาสวิตเซอร์แลนด์หรือไม่ หากกฎหมายนี้ผ่าน อาจส่งผลกระทบต่อบริการ VPN และแอปส่งข้อความที่เน้นความเป็นส่วนตัว และ อาจทำให้บริษัทเทคโนโลยีต้องย้ายออกจากสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงต้านจากภาคธุรกิจและนักการเมืองที่อาจทำให้กฎหมายนี้ถูกแก้ไขหรือยกเลิก https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/cloud-service-infomaniak-steps-up-fight-with-proton-over-controversial-swiss-surveillance-law
    WWW.TECHRADAR.COM
    Cloud service Infomaniak steps up fight with Proton over controversial Swiss surveillance law
    Infomaniak's comments have caused a stir across the Swiss privacy tech sector
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • โต้ข่าวเท็จกัมพูชา ไทยไม่ส่งโดรนสอดแนม : [NEWS UPDATE]
    พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีสำนักข่าวกัมพูชา อ้างรายงานจากชายแดนไทย - กัมพูชาว่าทหารกัมพูชาที่ประจำแนวหน้าใน จ.พระวิหาร สกัดโดรนที่บินรุกล้ำน่านฟ้า เพื่อลาดตระเวน และชี้ว่าทหารไทยส่งโดรนสอดแนมการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธของกองทัพกัมพูชา ยืนยันว่า เป็นข่าวเท็จ การใช้โดรนทั้งไทยและกัมพูชาก็ใช้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ยังไม่มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน การใช้โดรนจึงไม่สามารถรู้ได้ว่ารุกล้ำเขตแดนใครหรือไม่ โดรนดังกล่าวไม่ใช่ของไทย การเคลื่อนกำลังพลหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ ของกองทัพกัมพูชา มีให้เห็นผ่านโซเชียลมีเดียเต็มไปหมด ไม่จำเป็นต้องใช้โดรน การดูข่าวสารจากฝั่งกัมพูชาช่วงนี้ ขอให้ตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ส่วนใหญ่เป็นข่าวไม่จริง


    ทำหนังสือประท้วงกัมพูชา

    ปลุกใจทหารรักษาอธิปไตย

    น้ำมันปาล์มต่ำ 50 บาทแน่

    สารอันตรายดินแม่น้ำกก
    โต้ข่าวเท็จกัมพูชา ไทยไม่ส่งโดรนสอดแนม : [NEWS UPDATE] พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ชี้แจงกรณีสำนักข่าวกัมพูชา อ้างรายงานจากชายแดนไทย - กัมพูชาว่าทหารกัมพูชาที่ประจำแนวหน้าใน จ.พระวิหาร สกัดโดรนที่บินรุกล้ำน่านฟ้า เพื่อลาดตระเวน และชี้ว่าทหารไทยส่งโดรนสอดแนมการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธของกองทัพกัมพูชา ยืนยันว่า เป็นข่าวเท็จ การใช้โดรนทั้งไทยและกัมพูชาก็ใช้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ยังไม่มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน การใช้โดรนจึงไม่สามารถรู้ได้ว่ารุกล้ำเขตแดนใครหรือไม่ โดรนดังกล่าวไม่ใช่ของไทย การเคลื่อนกำลังพลหรืออาวุธยุทโธปกรณ์ ของกองทัพกัมพูชา มีให้เห็นผ่านโซเชียลมีเดียเต็มไปหมด ไม่จำเป็นต้องใช้โดรน การดูข่าวสารจากฝั่งกัมพูชาช่วงนี้ ขอให้ตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ส่วนใหญ่เป็นข่าวไม่จริง ทำหนังสือประท้วงกัมพูชา ปลุกใจทหารรักษาอธิปไตย น้ำมันปาล์มต่ำ 50 บาทแน่ สารอันตรายดินแม่น้ำกก
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 451 มุมมอง 33 0 รีวิว
  • #โฆษกกองทัพบก ยันไม่จำเป็นต้องส่งโดรนหาข่าว เพราะการเคลื่อนกำลัง-อาวุธของกัมพูชา มีให้เห็นเต็มสื่อโซเชียล เผย ตามปกติใช้โดรนทั้งสองฝ่ายบริเวณพื้นที่ทับซ้อน ไม่มีเขตแดนชัดเจน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าล้ำแดน แต่ยืนยันว่าครั้งนี้ไทยไม่ได้ส่งเข้าไป และโดรนลำที่เป็นข่าวไม่ใช่ของไทย

    จากกรณีสื่อมวลชนของกัมพูชา รายงานว่า ช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 2 มิ.ย.ทหารกัมพูชาที่ประจำอยู่แนวหน้าใน จ.พระวิหาร ได้สกัดโดรนที่บินรุกล้ำน่านฟ้าของกัมพูช จากการประเมินเบื้องต้น คาดว่า ทหารไทยได้ส่งโดรนเข้าไปรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธของกองทัพกัมพูชานั้น วันนี้ (3 มิ.ย.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และการใช้โดรนปัจจุบันถือเป็นเรื่องปกติ การใช้โดรนในพื้นที่ดังกล่าวทั้งไทยและกัมพูชาต่างก็ใช้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ยังไม่มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน การใช้โดรนจึงไม่สามารถรู้ได้ว่ารุกล้ำเขตแดนของใครหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไทยเราไม่มีการส่งโดรนเข้าไป และโดรนดังกล่าวก็ไม่ใช่ของไทย

    พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า ในการเคลื่อนกำลังพล หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพกัมพูชา มีให้เห็นผ่านทางโซเชียลมีเดียเต็มว่อนไปหมด จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โดรน

    “การดูข่าวสารจากฝั่งกัมพูชาช่วงนี้ ขอให้ตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ส่วนใหญ่เป็นข่าวไม่จริง” พล.ต.วินธัย กล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000052004

    #MGROnline #โดรน #กัมพูชา
    #โฆษกกองทัพบก ยันไม่จำเป็นต้องส่งโดรนหาข่าว เพราะการเคลื่อนกำลัง-อาวุธของกัมพูชา มีให้เห็นเต็มสื่อโซเชียล เผย ตามปกติใช้โดรนทั้งสองฝ่ายบริเวณพื้นที่ทับซ้อน ไม่มีเขตแดนชัดเจน แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าล้ำแดน แต่ยืนยันว่าครั้งนี้ไทยไม่ได้ส่งเข้าไป และโดรนลำที่เป็นข่าวไม่ใช่ของไทย • จากกรณีสื่อมวลชนของกัมพูชา รายงานว่า ช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ 2 มิ.ย.ทหารกัมพูชาที่ประจำอยู่แนวหน้าใน จ.พระวิหาร ได้สกัดโดรนที่บินรุกล้ำน่านฟ้าของกัมพูช จากการประเมินเบื้องต้น คาดว่า ทหารไทยได้ส่งโดรนเข้าไปรวบรวมข่าวกรองเกี่ยวกับการเคลื่อนกำลังพลและอาวุธของกองทัพกัมพูชานั้น วันนี้ (3 มิ.ย.) พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง และการใช้โดรนปัจจุบันถือเป็นเรื่องปกติ การใช้โดรนในพื้นที่ดังกล่าวทั้งไทยและกัมพูชาต่างก็ใช้ ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อน ยังไม่มีการแบ่งเขตแดนที่ชัดเจน การใช้โดรนจึงไม่สามารถรู้ได้ว่ารุกล้ำเขตแดนของใครหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไทยเราไม่มีการส่งโดรนเข้าไป และโดรนดังกล่าวก็ไม่ใช่ของไทย • พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า ในการเคลื่อนกำลังพล หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพกัมพูชา มีให้เห็นผ่านทางโซเชียลมีเดียเต็มว่อนไปหมด จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้โดรน • “การดูข่าวสารจากฝั่งกัมพูชาช่วงนี้ ขอให้ตรวจสอบจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ส่วนใหญ่เป็นข่าวไม่จริง” พล.ต.วินธัย กล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000052004 • #MGROnline #โดรน #กัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 284 มุมมอง 0 รีวิว
  • โพสต์ "ฮุนเซ็น" ไม่มีผล ไทยต้องให้ข้อมูลจริง : [NEWS UPDATE]
    นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ เผยถึงการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม(JBC) ฝ่ายไทย ครั้งที่ 1 เพื่อเตรียมความพร้อมพูดคุยกับกัมพูชาในกรอบ JBC ซึ่งจะประชุมกันเร็วที่สุด คาดไม่เกินกลางเดือน มิ.ย. นี้ ย้ำ ทหารไม่ประสงค์ให้มีความรุนแรง ทีมไทยแลนด์ทั้งทีม ฝ่ายทหาร พลเรือน ข้าราชการ มุ่งหาข้อยุติอย่างสันติวิธี ส่วนโพสต์บนโซเชียลมีเดียของสมเด็จฮุนเซ็น ไม่มีผลตามกฎหมาย สามารถโพสต์ได้ แต่ไทยต้องดูในฝั่งของไทยให้ข้อมูลที่ออกมาสะท้อนความจริงมากที่สุด



    ตรวจกองกำลังบูรพา

    ห่วงกระทบการค้า 3 หมื่นล้าน

    ขบวนการฝุ่นแดงไม่สำนึก

    เจ้าท่าหนุนเยาวชนรักษ์น้ำ
    โพสต์ "ฮุนเซ็น" ไม่มีผล ไทยต้องให้ข้อมูลจริง : [NEWS UPDATE] นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ เผยถึงการประชุมคณะกรรมการเขตแดนร่วม(JBC) ฝ่ายไทย ครั้งที่ 1 เพื่อเตรียมความพร้อมพูดคุยกับกัมพูชาในกรอบ JBC ซึ่งจะประชุมกันเร็วที่สุด คาดไม่เกินกลางเดือน มิ.ย. นี้ ย้ำ ทหารไม่ประสงค์ให้มีความรุนแรง ทีมไทยแลนด์ทั้งทีม ฝ่ายทหาร พลเรือน ข้าราชการ มุ่งหาข้อยุติอย่างสันติวิธี ส่วนโพสต์บนโซเชียลมีเดียของสมเด็จฮุนเซ็น ไม่มีผลตามกฎหมาย สามารถโพสต์ได้ แต่ไทยต้องดูในฝั่งของไทยให้ข้อมูลที่ออกมาสะท้อนความจริงมากที่สุด ตรวจกองกำลังบูรพา ห่วงกระทบการค้า 3 หมื่นล้าน ขบวนการฝุ่นแดงไม่สำนึก เจ้าท่าหนุนเยาวชนรักษ์น้ำ
    Like
    Angry
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 506 มุมมอง 33 0 รีวิว
  • เหยื่อนักแสดง จากรักแรกพบสู่ตราบาป

    ในวันที่ 16 มิ.ย. เอียน ฟาง เหวยจี้ (Ian Fang Weijie) อดีตนักแสดงค่ายมีเดียคอร์ป (Mediacorp) สิงคโปร์ สัญชาติจีนวัย 35 ปี จะต้องเข้าไปรับโทษจำคุก 40 เดือน ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน หลังแม่ของเหยื่อ ซึ่งเป็นเยาวชนหญิงวัย 15 ปี แจ้งความว่าลูกสาวถูกอดีตนักแสดงหนุ่มล่วงละเมิดทางเพศมาแล้ว 5 ครั้ง ส่วนใหญ่ไม่ป้องกัน ก่อนที่ลูกสาวจะมีอาการเจ็บที่อวัยวะเพศ และตรวจพบว่าติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    แม่ของเหยื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น 8Days ของสิงคโปร์ ว่า ลูกสาวรู้จักกับเอียน ฟาง เมื่อปี 2567 จากงานบันเทิงงานหนึ่ง ขณะเป็นครูสอนการแสดง เมื่อถามลูกสาวถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ก็เปิดเผยว่า เอียน ฟาง ยอมวิ่งไปสองถนนเพื่อซื้อชาไข่มุกให้ และยอมเดินไปส่งกลับบ้านหลังเลิกเรียน แม้จะต้องเดินเท้านานแค่ไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกสาวรู้สึกว่าเป็น "รักครั้งแรก" ที่เริ่มสั่นไหว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกลอุบายที่ทำให้ลูกสาวมีความสุข ด้วยการให้ลูกสาวสักรอยจูบสีแดงไว้บนไหล่ของเขา

    ก่อนที่รูปรอยสักดังกล่าวจะปรากฎในโซเชียลมีเดียของเขา พร้อมคำบรรยาย "น้ำตาจะไหลก่อนที่จะพูดออกมาได้" หลังถูกจับกุมและได้ประกันตัว แม่ของเหยื่อเชื่อว่าแสร้งทำเป็นสงสารและเสียใจเพื่อให้คนอื่นเห็นใจ และเรียกร้องความสนใจไปยังลูกสาว

    เมื่อเอียน ฟาง พาลูกสาวออกไปข้างนอก เขาไม่เคยปรากฎตัวในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยอีกเลย แต่ทำตัวเป็นคนเรียบง่ายเหมือนคนดังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครจำหน้าได้ พร้อมบังคับให้ลูกสาวใส่หน้ากากและแว่นกันแดด ทำให้ลูกสาวคิดว่าดูมีเสน่ห์ เหมือนดาราที่ถูกปาปารัสซี่ติดตาม แถมยังพาลูกสาวไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่เอียน ฟาง จะได้รับสิทธิ์ทานฟรีในฐานะนักแสดง ทำให้ลูกสาวคิดว่าเขาเป็นคนดังจริงๆ เพราะเขาไม่เคยต้องจ่ายเงินค่าอาหารมื้อนั้นแม้แต่เหรียญเดียว

    นอกจากนี้ เอียน ฟาง มักจะคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับชื่อเสียงของเขา บอกว่าแฟนคลับชื่นชอบเขา และมักจะมอบของขวัญให้เขาอยู่เสมอ อ้างว่าของใช้ในบ้านและเสื้อผ้าหลายชิ้นเป็นของขวัญที่แฟนคลับมอบให้ รวมทั้งยังมีวิธีเกี้ยวพาราสีอื่นๆ เช่น พยายามค้นหาว่าผู้หญิงคนนี้ชอบอาหารอะไร แล้วไปซื้ออาหารแช่แข็งจากซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นก็ลงมือทำอาหารเอง แล้วบอกผู้หญิงว่า อาหารนั้นทำขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับเธอ

    ตามรายงานข่าวระบุว่า หลังเอียน ฟาง ถูกจับกุม พยายามติดต่อเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง โน้มน้าวให้แม่ถอนแจ้งความ บอกว่าถ้าติดคุกจะฆ่าตัวตาย ขณะที่เหยื่อต้องรักษาอาการทางจิต เพราะสูญเสียความมั่นใจและไม่มีความสุขอีกต่อไป

    #Newskit

    หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 4 มิ.ย. 2568
    เหยื่อนักแสดง จากรักแรกพบสู่ตราบาป ในวันที่ 16 มิ.ย. เอียน ฟาง เหวยจี้ (Ian Fang Weijie) อดีตนักแสดงค่ายมีเดียคอร์ป (Mediacorp) สิงคโปร์ สัญชาติจีนวัย 35 ปี จะต้องเข้าไปรับโทษจำคุก 40 เดือน ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเยาวชน หลังแม่ของเหยื่อ ซึ่งเป็นเยาวชนหญิงวัย 15 ปี แจ้งความว่าลูกสาวถูกอดีตนักแสดงหนุ่มล่วงละเมิดทางเพศมาแล้ว 5 ครั้ง ส่วนใหญ่ไม่ป้องกัน ก่อนที่ลูกสาวจะมีอาการเจ็บที่อวัยวะเพศ และตรวจพบว่าติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แม่ของเหยื่อให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น 8Days ของสิงคโปร์ ว่า ลูกสาวรู้จักกับเอียน ฟาง เมื่อปี 2567 จากงานบันเทิงงานหนึ่ง ขณะเป็นครูสอนการแสดง เมื่อถามลูกสาวถึงจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ก็เปิดเผยว่า เอียน ฟาง ยอมวิ่งไปสองถนนเพื่อซื้อชาไข่มุกให้ และยอมเดินไปส่งกลับบ้านหลังเลิกเรียน แม้จะต้องเดินเท้านานแค่ไหนก็ตาม สิ่งเหล่านี้ทำให้ลูกสาวรู้สึกว่าเป็น "รักครั้งแรก" ที่เริ่มสั่นไหว ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกลอุบายที่ทำให้ลูกสาวมีความสุข ด้วยการให้ลูกสาวสักรอยจูบสีแดงไว้บนไหล่ของเขา ก่อนที่รูปรอยสักดังกล่าวจะปรากฎในโซเชียลมีเดียของเขา พร้อมคำบรรยาย "น้ำตาจะไหลก่อนที่จะพูดออกมาได้" หลังถูกจับกุมและได้ประกันตัว แม่ของเหยื่อเชื่อว่าแสร้งทำเป็นสงสารและเสียใจเพื่อให้คนอื่นเห็นใจ และเรียกร้องความสนใจไปยังลูกสาว เมื่อเอียน ฟาง พาลูกสาวออกไปข้างนอก เขาไม่เคยปรากฎตัวในที่สาธารณะอย่างเปิดเผยอีกเลย แต่ทำตัวเป็นคนเรียบง่ายเหมือนคนดังเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ใครจำหน้าได้ พร้อมบังคับให้ลูกสาวใส่หน้ากากและแว่นกันแดด ทำให้ลูกสาวคิดว่าดูมีเสน่ห์ เหมือนดาราที่ถูกปาปารัสซี่ติดตาม แถมยังพาลูกสาวไปทานข้าวที่ร้านอาหารที่เอียน ฟาง จะได้รับสิทธิ์ทานฟรีในฐานะนักแสดง ทำให้ลูกสาวคิดว่าเขาเป็นคนดังจริงๆ เพราะเขาไม่เคยต้องจ่ายเงินค่าอาหารมื้อนั้นแม้แต่เหรียญเดียว นอกจากนี้ เอียน ฟาง มักจะคุยโวโอ้อวดเกี่ยวกับชื่อเสียงของเขา บอกว่าแฟนคลับชื่นชอบเขา และมักจะมอบของขวัญให้เขาอยู่เสมอ อ้างว่าของใช้ในบ้านและเสื้อผ้าหลายชิ้นเป็นของขวัญที่แฟนคลับมอบให้ รวมทั้งยังมีวิธีเกี้ยวพาราสีอื่นๆ เช่น พยายามค้นหาว่าผู้หญิงคนนี้ชอบอาหารอะไร แล้วไปซื้ออาหารแช่แข็งจากซูเปอร์มาร์เก็ต จากนั้นก็ลงมือทำอาหารเอง แล้วบอกผู้หญิงว่า อาหารนั้นทำขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับเธอ ตามรายงานข่าวระบุว่า หลังเอียน ฟาง ถูกจับกุม พยายามติดต่อเหยื่อผ่านโซเชียลมีเดียหลายครั้ง โน้มน้าวให้แม่ถอนแจ้งความ บอกว่าถ้าติดคุกจะฆ่าตัวตาย ขณะที่เหยื่อต้องรักษาอาการทางจิต เพราะสูญเสียความมั่นใจและไม่มีความสุขอีกต่อไป #Newskit หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 4 มิ.ย. 2568
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 499 มุมมอง 0 รีวิว
  • US ระงับออกวีซ่า นศ.ต่างชาติ
    สะเทือนสถานะมหาอำนาจระดับโลก
    .
    จากกรณีเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้สถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯ ทั่วโลกระงับออกวีซ่านักเรียน-นักศึกษา ที่ประสงค์จะมาเรียนต่อในสหรัฐฯ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เตรียมที่จะขยายการตรวจสอบประวัติของผู้ขอวีซ่า โดยล้วงลึกไปถึงเนื้อหาที่บรรดานักเรียนต่างชาติโพสต์ลงโซเชียลมีเดียด้วยนั้น
    .
    ส่งผลให้ นายกาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ออกมาเตือนว่า นโยบายดังกล่าวกำลังทำให้เกิดสภาวะ "สมองไหล" ของบุคลากรออกจากซิลิคอนวัลเลย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคไอที ขณะที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียอย่างเช่น มหาวิทยาลัยโตเกียวของญี่ปุ่น และ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของฮ่องกง ก็๋ถือโอกาสนี้ในการอ้าแขนรับนักศึกษาต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แบบไม่มีเงื่อนไขทันที ...
    .
    คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSke63cpE/
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #สหรัฐระงับออกวีซ่านักศึกษาต่างชาติ #วีซ่านักเรียนสหรัฐ #ทรัมป์ #โดนัลด์ทรัมป์ #สหรัฐสมองไหล
    US ระงับออกวีซ่า นศ.ต่างชาติ สะเทือนสถานะมหาอำนาจระดับโลก . จากกรณีเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้สถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯ ทั่วโลกระงับออกวีซ่านักเรียน-นักศึกษา ที่ประสงค์จะมาเรียนต่อในสหรัฐฯ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เตรียมที่จะขยายการตรวจสอบประวัติของผู้ขอวีซ่า โดยล้วงลึกไปถึงเนื้อหาที่บรรดานักเรียนต่างชาติโพสต์ลงโซเชียลมีเดียด้วยนั้น . ส่งผลให้ นายกาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ออกมาเตือนว่า นโยบายดังกล่าวกำลังทำให้เกิดสภาวะ "สมองไหล" ของบุคลากรออกจากซิลิคอนวัลเลย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคไอที ขณะที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียอย่างเช่น มหาวิทยาลัยโตเกียวของญี่ปุ่น และ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของฮ่องกง ก็๋ถือโอกาสนี้ในการอ้าแขนรับนักศึกษาต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แบบไม่มีเงื่อนไขทันที ... . คลิกชม >> https://vt.tiktok.com/ZSke63cpE/ . #บูรพาไม่แพ้ #สหรัฐระงับออกวีซ่านักศึกษาต่างชาติ #วีซ่านักเรียนสหรัฐ #ทรัมป์ #โดนัลด์ทรัมป์ #สหรัฐสมองไหล
    @thedongfangbubai

    US ระงับออกวีซ่า นศ.ต่างชาติ สะเทือนสถานะมหาอำนาจระดับโลก . จากกรณีเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้สถานทูตและสถานกงสุลของสหรัฐฯ ทั่วโลกระงับออกวีซ่านักเรียน-นักศึกษา ที่ประสงค์จะมาเรียนต่อในสหรัฐฯ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ก็เตรียมที่จะขยายการตรวจสอบประวัติของผู้ขอวีซ่า โดยล้วงลึกไปถึงเนื้อหาที่บรรดานักเรียนต่างชาติโพสต์ลงโซเชียลมีเดียด้วยนั้น . ส่งผลให้ นายกาวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ออกมาเตือนว่า นโยบายดังกล่าวกำลังทำให้เกิดสภาวะ "สมองไหล" ของบุคลากรออกจากซิลิคอนวัลเลย์ และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับภาคไอที ขณะที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียอย่างเช่น มหาวิทยาลัยโตเกียวของญี่ปุ่น และ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของฮ่องกง ก็๋ถือโอกาสนี้ในการอ้าแขนรับนักศึกษาต่างชาติที่ได้รับผลกระทบจากการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด แบบไม่มีเงื่อนไขทันที ... . . #บูรพาไม่แพ้ #สหรัฐระงับออกวีซ่านักศึกษาต่างชาติ #วีซ่านักเรียนสหรัฐ #ทรัมป์ #โดนัลด์ทรัมป์ #สหรัฐสมองไหล

    ♬ original sound - บูรพาไม่แพ้ - บูรพาไม่แพ้
    Haha
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 464 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts