• ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 5 – 6

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 5
    ไม่รู้ยังจำกันได้ไหม หลังจากสหภาพโซเวียตถูกทุบจนแหลกละเอียด ตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 อเมริกาและพวก ตีปีกกันใหญ่ ว่ากำจัดขู่แข่งตัวสำคัญไปเรี ยบร้อยแล้ว เวลาผ่านไปเพียง 15 ปี ส่วนหัวและหัวใจ ของสหภาพโซเวียตคือ รัสเซีย ดันไม่ตายตามต้องการ แถมฟื้นขึ้นมาแบบมาดใหม่ ด้วยการสู้ด้วยท่อส่งแก๊ส ที่รัสเซียวางไปตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นเรื่องที่อเมริกาและพวก คิดไม่ถึง ยิ่งท่อส่งแก๊สของรัสเซียวิ่งตรงมายุโรป และยุโรปกลายเป็นฝ่ายพึ่งแก๊สของรัสเซียถึง 60% อเมริกายิ่งหายใจแรง ด้วยความขัดใจ กระบวนการขัดขารัสเซีย ไปจนถึงแซงช้่นจึงค่อยๆทยอยปล่อยออกมาใส่รัสเซีย
    เดือนธันวาคม ค.ศ.2014 รัสเซีย ประกาศยกเลิกเส้นทางท่อส่งแก๊ส South Sream ของ Gazprom บริษัทผลิตและส่งแก๊สของรัฐบาลรัสเซีย เพราะถูกอียูกั้ก ตามคำสั่งของอเมริกา รัสเซียหวังจะส่งแก๊สให้ชาวยุโรปด้วยเส้นทางใหม่ ที่ไม่ต้องผ่านยูเครน ที่กำลังมีปัญหากันอยู่ แต่ให้ไปโผล่ที่บุลกาเรีย เพิ่มอีกจุด เป็นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างยุโรป และรัสเซีย แต่อเมริกา บีบให้อียูบอกว่า แบบนี้เป็นการรังแกยูเครน แล้วอียู ก็ไปบีบบุลกาเรียอีกต่อ ไม่ให้ตกลงกับรัสเซีย แล้วอียู รัสเซีย ก็เดือดร้อน แต่อเมริกาสบาย ฉลาดฉิบหายเลย
    คุณพี่ปูตินบอก ตามใจ ถ้าคนยุโรปไม่ต้องการ เราก็ช่วยอะไรไม่ได้ งั้นรัสเซียส่งมาทางตุรกีแทนก็ได้ แทบไม่มีใครเชื่อ เพราะคิดว่าตุรกีไม่กล้าแหกคอกจากอเมริกา มาต่อท่อกับรัสเซีย ก็อเมริกาเพิ่งสั่งให้ลูกกระเป๋งแซงชั่นรัสเซียอยู่หยกๆ เวลาผ่านไปไม่ถึง 6 เดือน เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2015 นี้เอง ตุรกีกับ Gasprom ก็ยืนประกาศคู่กัน ว่า เส้นท่อส่งแก๊ส Turkish Stream เดินหน้าไปอย่างดียิ่ง และพร้อมจะส่งแก๊สจากรัสเซีย เข้ามาที่สถานีในตุรกีและไปโผล่ตรงเขตแดนตุรกี ที่ติดกับ”กรีซ “ได้ ในเดือนธันวาคม ค.ศ.2016 เพื่อส่งต่อให้กับลูกค้าในยุโรป….. มาแล้ว ฝีมือเดินหมากรุกระดับแชมป์
    ในวันที่รัสเซียตัดสินใจ ไม่เดินหน้าไปทางบุลกาเรีย แต่เปลี่ยนมาเป็นตุรกีนั้น ทันทีที่ตกลงกับตุรกีได้ในต้นเดือนเมษายน ค.ศ.2015 คุณพี่ปูตินยกโทรศัพท์คุยกับคุณน้องอเล็กซิสด้วยตัวเอง หลังจากนั้น สำนักงานท่านประธานาธิบดีของรัสเซียก็ออกข่าวเงียบๆ ว่า รัสเซียพร้อมให้เงินกู้กับกรีซ เพื่อเป็นการตอบแทนที่กรีซเข้าร่วมโครงการ Turkish Stream เข้าไปในอียู …
    แต่เมื่อสื่อเยอรมัน Der Spiegel รายงานข่าวว่า มอสโคว์พร้อมให้เงินกู้กับรัฐบาลกรีซทันที จำนวน 5 พันล้านยูโร ที่ประมาณว่า จะเท่ากับส่วนแบ่งกำไร ที่จะได้จากเชื่อมท่อส่งแก๊ส Turkish Stream แต่เครมลินออกมาปฏิเสธข่าวนี้ ….มันก็ควรปฏิเสธ เรื่องแบบนี้มันต้อง เปิดๆ ปิดๆ ถึงจะน่าตื่นเต้น
    ในขณะที่กรีซและเจ้าหนี้ กำลังเจรจาเครียด เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง ถึงเรื่องหนี้ ที่ต้องจ่ายให้แก่ IMF จำนวน 1.6 พันล้านยูโรในวันสิ้นเดือนมิถุนายน นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ยังไม่มีคำตอบให้กับเจ้าหนี้ ว่าเขาจะเอาเงินมาจากไหนมาใช้หนี้ แต่วันรุ่งขึ้น เขาบินไปร่วมงาน St. Petersburg Economic Forum ที่รัสเซีย อย่างไม่มีอาการเครียด…
    ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัสเซียพยายามไม่ยุ่งกับเรื่องวิกฤติทางการเงินของยุโรป แต่ปัญหาของกรีซ มันอาจจะทำให้รัสเซียเห็นทาง… ที่อาจจะคุ้ม กับค่ายุ่งก็เป็นได้
    และถ้ารัสเซียเห็นว่าคุ้ม แล้วโดดมาเล่นด้วย หนี้กรีซคงไม่ได้เป็นเรื่องวิกฤติทางการเงินเรื้อรัง แต่เปลี่ยนเป็นวิกฤติ ทางด้านภูมิศาสตร์การเมืองทันที นี่อาจจะเป็น ซึนามิ ที่จะมาหลังแผ่นดินไหวระดับ 8 ริกเตอร์
    CFR (Council on Foreign Relations ) หน่วยงานที่เป็นผู้กำกับบทบาทของ รัฐบาลอเมริกัน เริ่มใช้ไมค์ตัวเล็ก นาย Sebastian Mallaby นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส นำร่อง ออกมาให้ความเห็นว่า คุณคงไม่อยากเห็นยุโรปต้องเจรจากับกรีซ ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต้ แต่ปุบปับก็ดันจะไปซบกับรัสเซีย ” You don’t want Europe to have to deal with Greece, who is a member of NATO, all of a sudden cozying up to Russia”
    แม้เป็นแค่ไมค์ตัวเล็ก แต่ป้าเข็มขัดเหล็ก ได้ยินเสียงแบบนี้ ก็ลนลานแล้ว เดิมรัฐบาลเยอรมัน คนเยอรมัน แบงค์เยอรมัน เห็นพ้องกันว่า เยอรมันจะยุติการให้เงินกู้กับกรีซเพิ่มเติม ถ้ากรีซ ยังเป็นลูกหนี้ที่ไม่มีวินัย มันต้องให้ใส่ทั้งโซ่เหล็ก และเข้มขัดเหล็ก เข้าใจไหม
    เหมือนจะรู้ว่า ป้าเข็มขัดเหล็กกำลังคิดอะไร ไมค์ตัวเล็กจาก CFR เลยแถมท้าย…ป้าก็คงไม่ชอบใช่มั้ย ที่จะให้ปูติน ให้ของขวัญกับกรีซ ถ้ากรีซจะแหกคอก ออกไปจากพวกตะวันตกน่ะ …
    แล้วก็เหมือนกลัว ป้าจะตัดสินใจยาก นายอเล็กซิส ก็เขียนตอบโต้ คำกล่าวของคนเยอรมันที่บอกว่า คนเยอรมันต้องทำงานหนัก เพื่อเอาเงินไปเลี้ยงคนกรีซที่เลิกทำงาน อเล็กซิส เขียนส่งไปลงในหนังสือพิมพ์เยอรมันว่า… ใครที่อ้างว่า คนเยอรมันต้องเสียภาษีเพื่อเอาจ่ายเป็นค่าจ้าง และเงินบำนาญ เป็นคนโกหก…อันนี้ ฮอร์โมนคนหนุ่มพุ่งแรงจริงๆ
    กรีซและเจ้าหนี้ กำลังขยับการเผชิญหน้าใกล้เข้ามา จนแทบจะหายใจใส่หน้ากันอยู่แล้ว แต่ป้าเข็มขัดเหล็ก ทำปากแข็งบอก ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ ฉันยังรอรับฟังข้อเสนอของกรีซอยู่ ว่าแล้วก็หัวร่อร่ากับหนุ่มกรีก ทำเหมือนไม่มีรอยร้าวระหว่างป้า กับหลาน CFR คงไม่แน่ใจว่า ป้าหัวร่อกับหนุ่มกรีก เพราะเครียด หรือ ขากรรไกรค้าง รีบสำทับ อียูต้องจัดการให้ดีนะ ไม่งั้นเรื่องนี้คงจบยาก หรือจบไม่สวย และจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ให้สเปนและปอร์ตุเกส เอาอย่าง
    ไมค์ตัวเล็ก ยี่ห้อ CFR สำทับแบบนี้ อียูคงต้องคิดหนัก
    ###############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 6 (จบ)
    ดูเหมือนกรีซจะมีทางเลือก ขึ้นอยู่กับว่า กรีซคิดอะไร
    ทางเลือกที่หนึ่ง : ถ้าเจ้าหนี้ยินยอมปรับปรุงโครง สร้างหนี้ ในเงื่อนไขตามที่ทั้ง 2 ฝ่ายรับได้ และกรีซ ไม่คิดออกจากอียู เรื่องก็คงจบด้วยดี จบแบบ ยังพอรักษาหน้า รักษาไมตรี ต่อกัน
    กรีซก็ได้อย่างที่ต้องการ ได้เอาโซ่ออกจากคอ ส่วนเจ้าหนี้ก็คงขาดโอกาส ที่จะใช้โซ่รัดคอกรีซต่อไป แต่ไม่เป็นไร เชื่อสายอัศวินนักล่าใบตองแห้ง ปลิ้นปล้อนต่อไปได้ว่า เห็นแก่มนุษยธรรม พูดเอาบุญเอาคุณไปได้อีกนาน คนที่จะช้ำหน่อย น่าจะเป็นป้าเข็มขัดเหล็ก เพราะลั่นปากออกสื่อไปแล้ว ว่าจะไม่ให้กู้เพิ่มแล้วถ้าไม่รัดโซ่ให้แน่นกว่านี้ นี่โซ่ก็ถูกตัดแต่ยังต้องอุ้มเขาต่อ ป้าก็คงต้องหุบปากบ้าง ไม่งั้นเรื่องเงินกู้กรีซ รอบแรก ที่แบงค์เยอรมันได้ไปก่อน คราวนี้ รับรองมีคนเอามาแฉใหม่แน่
    แต่มันแสนจะคุ้ม ที่สะกัดทางคุณพี่ปูติน ที่คิดจะเข้าอียูผ่านกรีก
    แล้วคุณพี่ปูติน ที่คิดจะเข้ามาเดินเล่นแถวกรีซล่ะ คุณพี่เขาก็เปลี่ยนวิธีเดินหมากได้ไหม่แน่นอน แชมป์หมากรุก ยอมมองทางออกทั้งกระดาน จะเดินตาไหนต่อ ก็คอยดูกันไป แต่คิดให้ดี ถ้าไม่มีข่าวคุณพี่ปูตินโทรหาคุณน้องอเล็กซิส รับรอง ทางเลือกที่หนึ่งนี่ ไม่มีทางเกิดขึ้น
    ทางเลือกที่สอง : กรีซเหม็นเบื่ออียูเต็มที ถึงเจ้าหนี้จะตกลง ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แต่กรีซบอกไม่เอาแล้ว เดี๋ยวให้ เดี๋ยวไม่ให้ เราจบกันแค่นี้ดีกว่า เอะ แล้วกรีซจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ IMF สิ้นเดือนนี้ 1.6 พันล้าน ยูโร อย่านึกว่าคุณพี่ปูตินจะตกลงด้วยง่ายๆ นะครับ ให้ยืมน่ะเรื่องนึง ถ้าคุณพี่ตกปาก แล้วคงไม่เบี้ยว แต่ยืมเอาไปใช้หนี้เต็มราคา ไม่มีลดค่าหน้าตั๋ว ไม่มี ตัดผม haircut ผมเป็นคุณพี่ปูติน ผมไม่ให้ยืมหรอก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าลูกหนี้ล้มละลาย ก็พวกไอ้หมาไนของมันบอกเอง เจ้าหนี้หวังให้ใช้หนี้เต็มร้อย ก็ฝันไปหน่อย
    ตอน ปี ค.ศ.2012 เมื่อเห็นกันชัดๆ เต็มลูกตา ว่าวิธีเอาเงินกู้มาจ่ายเจ้าหนี้ทั้งก้อน วนไปวนมา หนี้กรีซก็ไม่มีวันลด คุณป้าเข็มขัดเหล็ก เลยเสียงเขียวให้เจ้าหนี้เอกชน ลดหนี้ ตัดผม haircut กันบ้าง มีต้ังแต่ ลด 50% ไปถึงลด 80 % เหลือ 20 ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย แล้วก็ให้ไปแลกกับตั๋วใหม่ เขาว่า มีกองทุนแร้งลง ซื้อตั๋วใหม่พวกนี้อีกต่อ ราคาถูกลงไปอีก ไปเก็งกำไรอีกต่อ แล้วคิดว่าแบบนี้คุณพี่ปูติน จะจ่ายให้ IMF เต็มร้อยไหม เผลอๆ เรื่อง รัสเซีย จะให้เงินกู้กรีซ เป็นเรื่องสมต้มกัน
    ตกลงวิธีนี้จะไปได้ ก็ต่อเมื่อ IMF ลดหนี้ให้ แล้วถ้า IMF ก็เดาอยู่แล้ว ว่าเงินอาจจะมาจากไหน คิดว่า IMF จะลดหนี้ให้ไหม คุณนายหน้าเค็มไม่ยอมหน้าจืดหรอกครับ ลืมไปได้เลย
    ทางเลือกที่สาม : เหมือนทางเลือกที่สอง แต่ยังไม่ใช้หนี้ IMF เรียกว่า ตัดโซ่คล้องคอของเจ้าหนี้ ตัดเชือกผูกกับ อียู ยอมให้เขาว่าเป็นประเทศล้มละลาย ต้ังหน้าต้ังตา สร้างบ้านเมืองใหม่ แบบนี้ อาจจะมีเจ้าหนี้จูงกันมาให้กู้แบบดอกต่ำ เงื่อนไขไม่โหด แต่กรีซใจถึงไหม ที่จะเล่นบทนี้ บทนี้มันต้องใจถึงกันทั้งประเทศ
    ทางเลือกของกรีซ ก็คงมีเท่านี้
    ส่วนทางเลือกของเจ้าหนี้ มีแค่ 2 ทาง
    ทางเลือกที่หนึ่ง : ก็เหมือนทางเลือกที่หนึ่งของกรีซนั่นแหละ แค่เสียหน้า แต่ระบบแบงค์ยังปลอดภัย ที่สำคัญ ทางภูมิศาสตร์การเมือง ปิดทางเข้าอียูของรัสเซียผ่านกรีซ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แผ่นดินไหวไม่มี ซึนามิการเมืองไม่เกิดขึ้น แต่รายการนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ข้างเดียว ต้องถามใจกรีซด้วย
    ทางเลือกที่สอง : เจ้าหนี้ไม่ขยับ ไม่ปล่อยเงินกู้ก้อนใหม่ให้ ไม่ผ่อนเวลาให้ ยึดแน่นกับเงื่อนไขโหด แถมจะเพิ่ม ให้โซ่คล้องคอกรีซรัดแน่นกว่าเดิม ทำไมหรือ ก็ยังกินไม่อิ่ม ไม่มีอะไรมาก ยิ่งท่อแก๊สรัสเซียจะมา ยิ่งอร่อย ยึดมาใช้หนี้เสียเลยดีไหม และเชื่อว่ารัสเซียไม่มีปัญญา ที่จะเข้ามาชำระหนี้ก้อนใหญ่ให้กรีซ
    ถ้าเจ้าหนี้เลือกทางนี้ ไม่ต้องวิเคราะห์มากครับ รับรอง มีทั้งแผ่นดินไหว อาฟเตอร์ช็อก ซึนามิทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองครบถ้วน อาจจะเลยเป็นชนวนสงครามโลกแทนยูเครน ที่นางเหยี่ยวรับหน้าที่มาจุดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งด้วยก็ได้
    ใครมันจะยอมให้หยามหน้า รังแกกันมากขนาดนั้น แล้วกลับบ้านนอนสบาย
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิ.ย. 2558
    หมายเหตุ: เขียนนิทานจบไปแล้ว ต้ังเวลาโพสต์ล่วงหน้า เตรียมเข้านอน เช็คข่าวล่าสุด ทำเอานอนไม่ได้ ต้องกลับมานั่งเขียนต่อ
    ล่าสุด วันที่ 27 มิถุนายน มีข่าวออกมาตอนค่ำบ้านเรา บอกว่า นายกรัฐมนตรีกรีซ พูดว่า เราคงเดินหน้าโดยมีโซ่คล้องคอแบบนี้ไม่ไหว เขาจึงออกทีวี ประกาศว่า เขาจะจัดให้มีการทำประชามติ ในวันที่ 5 กรกฏาคม นี้ ว่า ประะชาชนจะเอายังไง yes หรือ no กับ การกู้เงินต่อไป คำพูดของนายกรัฐมนตรีกรีซ อาจเป็นประโยคประวัติศาสตร์ ที่ต้องจดจำ หรือมีการอ้างถึงต่อไป
    ” กระผมขอให้ท่านตัดสินใจ ด้วยสำนึกในประวัติศาสตร์ แห่งความเป็นประเทศเอกราชและมีศักดิ์ศรีของกรีซ ว่าเราจำเป็นหรือไม่ ที่ต้องรับการยื่นคำขาด ที่เสมือนเป็นการเหยียดหยามเรา ที่บีบคั้นเราอย่างรุนแรงและไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีแนวทางให้เราเห็นแม้แต่น้อย ว่าเรา จะมีโอกาสยืนด้วยสองเท้าของเราเองได้อีกหรือไม่ ทั้งในด้านสังคมและทางด้านการเงิน
    ประชาชนจะต้องตัดสินใจ โดยปราศจากความกดดัน จากการยื่นคำขาดดังกล่าว”
    “I call uopn you to decide – with sovereignty and dignity as Greek history demands-
    whether we should accept the extortionate ultimatum that calls for strict and humiliating austerity without end, and without the prospect of ever standing on our own two feet, socially and financially.
    The people must decide free of any blackmail..”
    เป็นคำประกาศของคนหนุ่ม ที่ “แรง” เกือบจะเป็นการประกาศสงครามเชียวนะ
    ขณะเดียวกัน ฝ่ายเจ้าหนี้ โดยนายเจริญ Jeroen Dijsselbloem รัฐมนตรีคลังของดัชท์ ที่เป็นประธานที่ประชุมเจ้าหนี้ เมื่อได้รับถุงมือขาวของหนุ่มกรีก ก็รีบออกข่าวว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีกรีซประกาศเช่นนี้ ก็ น่าจะแปลว่ากรีซ ไม่รับข้อเสนอของฝ่ายเจ้าหนี้ และการเจรจาก็น่าจะสดุดหยุดลง เมื่อไม่มีข้อตกลง กรีก ก็ต้องหาเงินมาชำระหนี้ จำนวน 1.6 พันล้านยูโร ให้กับ IMF ทีจะถึงชำระในวันที่ 30 มิถุนายนนี้
    ก่อนหน้านั้น เล็กน้อย คุณน้องยานิสของผม ก็แจ้งในที่ประชุมรัฐมนตรีคลังของอียู ว่า กรีซ ขอ เลื่อนกำหนด วันตัดสินประหารขีวิตออกไปสัก 2 สัปดาห์ได้ไหม เพราะ เขาจะทำประชามติ กัน มันเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตพวกเขา ให้พวกเขามีสิทธิมีเสียงตามประชาธิปไตยบ้าง ที่ประชุมอียู ตอบสั้นๆ ว่าไม่ได้ คุณน้องยานิส ก็เก็บของ เดินออกจากห้องประชุม
    ฝ่ายเจ้าหนี้ โดยรัฐมนตรีคลังของฟินแลนด์ ออกมาบอกว่า ตอนนี้ แปลว่า ต้องเปลี่ยนเอา แผนสำรอง มาเป็นแผนจริงแล้ว
    แปลว่าอะไรครับ ช่วยกลับไปอ่านนิทานข้างต้นอีกที แปลว่า แผ่นดินเริ่มไหว จะขนาดไหน วันจันทร์ก็คงรู้ ที่กุมๆกันไว้ในกระเป๋า ก็คงเริ่มทยอยเอาออกมาใช้กัน แต่เกมนี้ยังไม่จบง่ายๆ ดูกันต่อครับ จะกินบ้าน กู้เมืองกัน มันไม่ใช่เล่นเกมกด เกมชิงเมืองนี้ อาจลามไปไกล…จะกลายเป็นเกทับบลั้ฟแหลกกันขนาดไหน หรือ ของจริงแอบแจม ได้ทั้งสิ้น
    แต่อย่างน้อย วันนี้ ผมขอคารวะหนุ่มกรีก สำหรับประโยคเดินนำออกจากคอก ที่ คนรักบ้านรักเมือง รักศักดิ์ศรี ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน ก็ต้องซึ้งใจ
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    28 มิ.ย 58
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 5 ไม่รู้ยังจำกันได้ไหม หลังจากสหภาพโซเวียตถูกทุบจนแหลกละเอียด ตั้งแต่ปี ค.ศ.1991 อเมริกาและพวก ตีปีกกันใหญ่ ว่ากำจัดขู่แข่งตัวสำคัญไปเรี ยบร้อยแล้ว เวลาผ่านไปเพียง 15 ปี ส่วนหัวและหัวใจ ของสหภาพโซเวียตคือ รัสเซีย ดันไม่ตายตามต้องการ แถมฟื้นขึ้นมาแบบมาดใหม่ ด้วยการสู้ด้วยท่อส่งแก๊ส ที่รัสเซียวางไปตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เป็นเรื่องที่อเมริกาและพวก คิดไม่ถึง ยิ่งท่อส่งแก๊สของรัสเซียวิ่งตรงมายุโรป และยุโรปกลายเป็นฝ่ายพึ่งแก๊สของรัสเซียถึง 60% อเมริกายิ่งหายใจแรง ด้วยความขัดใจ กระบวนการขัดขารัสเซีย ไปจนถึงแซงช้่นจึงค่อยๆทยอยปล่อยออกมาใส่รัสเซีย เดือนธันวาคม ค.ศ.2014 รัสเซีย ประกาศยกเลิกเส้นทางท่อส่งแก๊ส South Sream ของ Gazprom บริษัทผลิตและส่งแก๊สของรัฐบาลรัสเซีย เพราะถูกอียูกั้ก ตามคำสั่งของอเมริกา รัสเซียหวังจะส่งแก๊สให้ชาวยุโรปด้วยเส้นทางใหม่ ที่ไม่ต้องผ่านยูเครน ที่กำลังมีปัญหากันอยู่ แต่ให้ไปโผล่ที่บุลกาเรีย เพิ่มอีกจุด เป็นผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างยุโรป และรัสเซีย แต่อเมริกา บีบให้อียูบอกว่า แบบนี้เป็นการรังแกยูเครน แล้วอียู ก็ไปบีบบุลกาเรียอีกต่อ ไม่ให้ตกลงกับรัสเซีย แล้วอียู รัสเซีย ก็เดือดร้อน แต่อเมริกาสบาย ฉลาดฉิบหายเลย คุณพี่ปูตินบอก ตามใจ ถ้าคนยุโรปไม่ต้องการ เราก็ช่วยอะไรไม่ได้ งั้นรัสเซียส่งมาทางตุรกีแทนก็ได้ แทบไม่มีใครเชื่อ เพราะคิดว่าตุรกีไม่กล้าแหกคอกจากอเมริกา มาต่อท่อกับรัสเซีย ก็อเมริกาเพิ่งสั่งให้ลูกกระเป๋งแซงชั่นรัสเซียอยู่หยกๆ เวลาผ่านไปไม่ถึง 6 เดือน เมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ค.ศ.2015 นี้เอง ตุรกีกับ Gasprom ก็ยืนประกาศคู่กัน ว่า เส้นท่อส่งแก๊ส Turkish Stream เดินหน้าไปอย่างดียิ่ง และพร้อมจะส่งแก๊สจากรัสเซีย เข้ามาที่สถานีในตุรกีและไปโผล่ตรงเขตแดนตุรกี ที่ติดกับ”กรีซ “ได้ ในเดือนธันวาคม ค.ศ.2016 เพื่อส่งต่อให้กับลูกค้าในยุโรป….. มาแล้ว ฝีมือเดินหมากรุกระดับแชมป์ ในวันที่รัสเซียตัดสินใจ ไม่เดินหน้าไปทางบุลกาเรีย แต่เปลี่ยนมาเป็นตุรกีนั้น ทันทีที่ตกลงกับตุรกีได้ในต้นเดือนเมษายน ค.ศ.2015 คุณพี่ปูตินยกโทรศัพท์คุยกับคุณน้องอเล็กซิสด้วยตัวเอง หลังจากนั้น สำนักงานท่านประธานาธิบดีของรัสเซียก็ออกข่าวเงียบๆ ว่า รัสเซียพร้อมให้เงินกู้กับกรีซ เพื่อเป็นการตอบแทนที่กรีซเข้าร่วมโครงการ Turkish Stream เข้าไปในอียู … แต่เมื่อสื่อเยอรมัน Der Spiegel รายงานข่าวว่า มอสโคว์พร้อมให้เงินกู้กับรัฐบาลกรีซทันที จำนวน 5 พันล้านยูโร ที่ประมาณว่า จะเท่ากับส่วนแบ่งกำไร ที่จะได้จากเชื่อมท่อส่งแก๊ส Turkish Stream แต่เครมลินออกมาปฏิเสธข่าวนี้ ….มันก็ควรปฏิเสธ เรื่องแบบนี้มันต้อง เปิดๆ ปิดๆ ถึงจะน่าตื่นเต้น ในขณะที่กรีซและเจ้าหนี้ กำลังเจรจาเครียด เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง ถึงเรื่องหนี้ ที่ต้องจ่ายให้แก่ IMF จำนวน 1.6 พันล้านยูโรในวันสิ้นเดือนมิถุนายน นายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ยังไม่มีคำตอบให้กับเจ้าหนี้ ว่าเขาจะเอาเงินมาจากไหนมาใช้หนี้ แต่วันรุ่งขึ้น เขาบินไปร่วมงาน St. Petersburg Economic Forum ที่รัสเซีย อย่างไม่มีอาการเครียด… ตลอดเวลาที่ผ่านมา รัสเซียพยายามไม่ยุ่งกับเรื่องวิกฤติทางการเงินของยุโรป แต่ปัญหาของกรีซ มันอาจจะทำให้รัสเซียเห็นทาง… ที่อาจจะคุ้ม กับค่ายุ่งก็เป็นได้ และถ้ารัสเซียเห็นว่าคุ้ม แล้วโดดมาเล่นด้วย หนี้กรีซคงไม่ได้เป็นเรื่องวิกฤติทางการเงินเรื้อรัง แต่เปลี่ยนเป็นวิกฤติ ทางด้านภูมิศาสตร์การเมืองทันที นี่อาจจะเป็น ซึนามิ ที่จะมาหลังแผ่นดินไหวระดับ 8 ริกเตอร์ CFR (Council on Foreign Relations ) หน่วยงานที่เป็นผู้กำกับบทบาทของ รัฐบาลอเมริกัน เริ่มใช้ไมค์ตัวเล็ก นาย Sebastian Mallaby นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส นำร่อง ออกมาให้ความเห็นว่า คุณคงไม่อยากเห็นยุโรปต้องเจรจากับกรีซ ซึ่งเป็นสมาชิกของนาโต้ แต่ปุบปับก็ดันจะไปซบกับรัสเซีย ” You don’t want Europe to have to deal with Greece, who is a member of NATO, all of a sudden cozying up to Russia” แม้เป็นแค่ไมค์ตัวเล็ก แต่ป้าเข็มขัดเหล็ก ได้ยินเสียงแบบนี้ ก็ลนลานแล้ว เดิมรัฐบาลเยอรมัน คนเยอรมัน แบงค์เยอรมัน เห็นพ้องกันว่า เยอรมันจะยุติการให้เงินกู้กับกรีซเพิ่มเติม ถ้ากรีซ ยังเป็นลูกหนี้ที่ไม่มีวินัย มันต้องให้ใส่ทั้งโซ่เหล็ก และเข้มขัดเหล็ก เข้าใจไหม เหมือนจะรู้ว่า ป้าเข็มขัดเหล็กกำลังคิดอะไร ไมค์ตัวเล็กจาก CFR เลยแถมท้าย…ป้าก็คงไม่ชอบใช่มั้ย ที่จะให้ปูติน ให้ของขวัญกับกรีซ ถ้ากรีซจะแหกคอก ออกไปจากพวกตะวันตกน่ะ … แล้วก็เหมือนกลัว ป้าจะตัดสินใจยาก นายอเล็กซิส ก็เขียนตอบโต้ คำกล่าวของคนเยอรมันที่บอกว่า คนเยอรมันต้องทำงานหนัก เพื่อเอาเงินไปเลี้ยงคนกรีซที่เลิกทำงาน อเล็กซิส เขียนส่งไปลงในหนังสือพิมพ์เยอรมันว่า… ใครที่อ้างว่า คนเยอรมันต้องเสียภาษีเพื่อเอาจ่ายเป็นค่าจ้าง และเงินบำนาญ เป็นคนโกหก…อันนี้ ฮอร์โมนคนหนุ่มพุ่งแรงจริงๆ กรีซและเจ้าหนี้ กำลังขยับการเผชิญหน้าใกล้เข้ามา จนแทบจะหายใจใส่หน้ากันอยู่แล้ว แต่ป้าเข็มขัดเหล็ก ทำปากแข็งบอก ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ ฉันยังรอรับฟังข้อเสนอของกรีซอยู่ ว่าแล้วก็หัวร่อร่ากับหนุ่มกรีก ทำเหมือนไม่มีรอยร้าวระหว่างป้า กับหลาน CFR คงไม่แน่ใจว่า ป้าหัวร่อกับหนุ่มกรีก เพราะเครียด หรือ ขากรรไกรค้าง รีบสำทับ อียูต้องจัดการให้ดีนะ ไม่งั้นเรื่องนี้คงจบยาก หรือจบไม่สวย และจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี ให้สเปนและปอร์ตุเกส เอาอย่าง ไมค์ตัวเล็ก ยี่ห้อ CFR สำทับแบบนี้ อียูคงต้องคิดหนัก ############### “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 6 (จบ) ดูเหมือนกรีซจะมีทางเลือก ขึ้นอยู่กับว่า กรีซคิดอะไร ทางเลือกที่หนึ่ง : ถ้าเจ้าหนี้ยินยอมปรับปรุงโครง สร้างหนี้ ในเงื่อนไขตามที่ทั้ง 2 ฝ่ายรับได้ และกรีซ ไม่คิดออกจากอียู เรื่องก็คงจบด้วยดี จบแบบ ยังพอรักษาหน้า รักษาไมตรี ต่อกัน กรีซก็ได้อย่างที่ต้องการ ได้เอาโซ่ออกจากคอ ส่วนเจ้าหนี้ก็คงขาดโอกาส ที่จะใช้โซ่รัดคอกรีซต่อไป แต่ไม่เป็นไร เชื่อสายอัศวินนักล่าใบตองแห้ง ปลิ้นปล้อนต่อไปได้ว่า เห็นแก่มนุษยธรรม พูดเอาบุญเอาคุณไปได้อีกนาน คนที่จะช้ำหน่อย น่าจะเป็นป้าเข็มขัดเหล็ก เพราะลั่นปากออกสื่อไปแล้ว ว่าจะไม่ให้กู้เพิ่มแล้วถ้าไม่รัดโซ่ให้แน่นกว่านี้ นี่โซ่ก็ถูกตัดแต่ยังต้องอุ้มเขาต่อ ป้าก็คงต้องหุบปากบ้าง ไม่งั้นเรื่องเงินกู้กรีซ รอบแรก ที่แบงค์เยอรมันได้ไปก่อน คราวนี้ รับรองมีคนเอามาแฉใหม่แน่ แต่มันแสนจะคุ้ม ที่สะกัดทางคุณพี่ปูติน ที่คิดจะเข้าอียูผ่านกรีก แล้วคุณพี่ปูติน ที่คิดจะเข้ามาเดินเล่นแถวกรีซล่ะ คุณพี่เขาก็เปลี่ยนวิธีเดินหมากได้ไหม่แน่นอน แชมป์หมากรุก ยอมมองทางออกทั้งกระดาน จะเดินตาไหนต่อ ก็คอยดูกันไป แต่คิดให้ดี ถ้าไม่มีข่าวคุณพี่ปูตินโทรหาคุณน้องอเล็กซิส รับรอง ทางเลือกที่หนึ่งนี่ ไม่มีทางเกิดขึ้น ทางเลือกที่สอง : กรีซเหม็นเบื่ออียูเต็มที ถึงเจ้าหนี้จะตกลง ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ แต่กรีซบอกไม่เอาแล้ว เดี๋ยวให้ เดี๋ยวไม่ให้ เราจบกันแค่นี้ดีกว่า เอะ แล้วกรีซจะเอาเงินที่ไหนมาใช้ IMF สิ้นเดือนนี้ 1.6 พันล้าน ยูโร อย่านึกว่าคุณพี่ปูตินจะตกลงด้วยง่ายๆ นะครับ ให้ยืมน่ะเรื่องนึง ถ้าคุณพี่ตกปาก แล้วคงไม่เบี้ยว แต่ยืมเอาไปใช้หนี้เต็มราคา ไม่มีลดค่าหน้าตั๋ว ไม่มี ตัดผม haircut ผมเป็นคุณพี่ปูติน ผมไม่ให้ยืมหรอก เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าลูกหนี้ล้มละลาย ก็พวกไอ้หมาไนของมันบอกเอง เจ้าหนี้หวังให้ใช้หนี้เต็มร้อย ก็ฝันไปหน่อย ตอน ปี ค.ศ.2012 เมื่อเห็นกันชัดๆ เต็มลูกตา ว่าวิธีเอาเงินกู้มาจ่ายเจ้าหนี้ทั้งก้อน วนไปวนมา หนี้กรีซก็ไม่มีวันลด คุณป้าเข็มขัดเหล็ก เลยเสียงเขียวให้เจ้าหนี้เอกชน ลดหนี้ ตัดผม haircut กันบ้าง มีต้ังแต่ ลด 50% ไปถึงลด 80 % เหลือ 20 ยังดีกว่าไม่ได้อะไรเลย แล้วก็ให้ไปแลกกับตั๋วใหม่ เขาว่า มีกองทุนแร้งลง ซื้อตั๋วใหม่พวกนี้อีกต่อ ราคาถูกลงไปอีก ไปเก็งกำไรอีกต่อ แล้วคิดว่าแบบนี้คุณพี่ปูติน จะจ่ายให้ IMF เต็มร้อยไหม เผลอๆ เรื่อง รัสเซีย จะให้เงินกู้กรีซ เป็นเรื่องสมต้มกัน ตกลงวิธีนี้จะไปได้ ก็ต่อเมื่อ IMF ลดหนี้ให้ แล้วถ้า IMF ก็เดาอยู่แล้ว ว่าเงินอาจจะมาจากไหน คิดว่า IMF จะลดหนี้ให้ไหม คุณนายหน้าเค็มไม่ยอมหน้าจืดหรอกครับ ลืมไปได้เลย ทางเลือกที่สาม : เหมือนทางเลือกที่สอง แต่ยังไม่ใช้หนี้ IMF เรียกว่า ตัดโซ่คล้องคอของเจ้าหนี้ ตัดเชือกผูกกับ อียู ยอมให้เขาว่าเป็นประเทศล้มละลาย ต้ังหน้าต้ังตา สร้างบ้านเมืองใหม่ แบบนี้ อาจจะมีเจ้าหนี้จูงกันมาให้กู้แบบดอกต่ำ เงื่อนไขไม่โหด แต่กรีซใจถึงไหม ที่จะเล่นบทนี้ บทนี้มันต้องใจถึงกันทั้งประเทศ ทางเลือกของกรีซ ก็คงมีเท่านี้ ส่วนทางเลือกของเจ้าหนี้ มีแค่ 2 ทาง ทางเลือกที่หนึ่ง : ก็เหมือนทางเลือกที่หนึ่งของกรีซนั่นแหละ แค่เสียหน้า แต่ระบบแบงค์ยังปลอดภัย ที่สำคัญ ทางภูมิศาสตร์การเมือง ปิดทางเข้าอียูของรัสเซียผ่านกรีซ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม แผ่นดินไหวไม่มี ซึนามิการเมืองไม่เกิดขึ้น แต่รายการนี้ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ข้างเดียว ต้องถามใจกรีซด้วย ทางเลือกที่สอง : เจ้าหนี้ไม่ขยับ ไม่ปล่อยเงินกู้ก้อนใหม่ให้ ไม่ผ่อนเวลาให้ ยึดแน่นกับเงื่อนไขโหด แถมจะเพิ่ม ให้โซ่คล้องคอกรีซรัดแน่นกว่าเดิม ทำไมหรือ ก็ยังกินไม่อิ่ม ไม่มีอะไรมาก ยิ่งท่อแก๊สรัสเซียจะมา ยิ่งอร่อย ยึดมาใช้หนี้เสียเลยดีไหม และเชื่อว่ารัสเซียไม่มีปัญญา ที่จะเข้ามาชำระหนี้ก้อนใหญ่ให้กรีซ ถ้าเจ้าหนี้เลือกทางนี้ ไม่ต้องวิเคราะห์มากครับ รับรอง มีทั้งแผ่นดินไหว อาฟเตอร์ช็อก ซึนามิทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองครบถ้วน อาจจะเลยเป็นชนวนสงครามโลกแทนยูเครน ที่นางเหยี่ยวรับหน้าที่มาจุดให้ไอ้นักล่าใบตองแห้งด้วยก็ได้ ใครมันจะยอมให้หยามหน้า รังแกกันมากขนาดนั้น แล้วกลับบ้านนอนสบาย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิ.ย. 2558 หมายเหตุ: เขียนนิทานจบไปแล้ว ต้ังเวลาโพสต์ล่วงหน้า เตรียมเข้านอน เช็คข่าวล่าสุด ทำเอานอนไม่ได้ ต้องกลับมานั่งเขียนต่อ ล่าสุด วันที่ 27 มิถุนายน มีข่าวออกมาตอนค่ำบ้านเรา บอกว่า นายกรัฐมนตรีกรีซ พูดว่า เราคงเดินหน้าโดยมีโซ่คล้องคอแบบนี้ไม่ไหว เขาจึงออกทีวี ประกาศว่า เขาจะจัดให้มีการทำประชามติ ในวันที่ 5 กรกฏาคม นี้ ว่า ประะชาชนจะเอายังไง yes หรือ no กับ การกู้เงินต่อไป คำพูดของนายกรัฐมนตรีกรีซ อาจเป็นประโยคประวัติศาสตร์ ที่ต้องจดจำ หรือมีการอ้างถึงต่อไป ” กระผมขอให้ท่านตัดสินใจ ด้วยสำนึกในประวัติศาสตร์ แห่งความเป็นประเทศเอกราชและมีศักดิ์ศรีของกรีซ ว่าเราจำเป็นหรือไม่ ที่ต้องรับการยื่นคำขาด ที่เสมือนเป็นการเหยียดหยามเรา ที่บีบคั้นเราอย่างรุนแรงและไม่มีที่สิ้นสุด และไม่มีแนวทางให้เราเห็นแม้แต่น้อย ว่าเรา จะมีโอกาสยืนด้วยสองเท้าของเราเองได้อีกหรือไม่ ทั้งในด้านสังคมและทางด้านการเงิน ประชาชนจะต้องตัดสินใจ โดยปราศจากความกดดัน จากการยื่นคำขาดดังกล่าว” “I call uopn you to decide – with sovereignty and dignity as Greek history demands- whether we should accept the extortionate ultimatum that calls for strict and humiliating austerity without end, and without the prospect of ever standing on our own two feet, socially and financially. The people must decide free of any blackmail..” เป็นคำประกาศของคนหนุ่ม ที่ “แรง” เกือบจะเป็นการประกาศสงครามเชียวนะ ขณะเดียวกัน ฝ่ายเจ้าหนี้ โดยนายเจริญ Jeroen Dijsselbloem รัฐมนตรีคลังของดัชท์ ที่เป็นประธานที่ประชุมเจ้าหนี้ เมื่อได้รับถุงมือขาวของหนุ่มกรีก ก็รีบออกข่าวว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีกรีซประกาศเช่นนี้ ก็ น่าจะแปลว่ากรีซ ไม่รับข้อเสนอของฝ่ายเจ้าหนี้ และการเจรจาก็น่าจะสดุดหยุดลง เมื่อไม่มีข้อตกลง กรีก ก็ต้องหาเงินมาชำระหนี้ จำนวน 1.6 พันล้านยูโร ให้กับ IMF ทีจะถึงชำระในวันที่ 30 มิถุนายนนี้ ก่อนหน้านั้น เล็กน้อย คุณน้องยานิสของผม ก็แจ้งในที่ประชุมรัฐมนตรีคลังของอียู ว่า กรีซ ขอ เลื่อนกำหนด วันตัดสินประหารขีวิตออกไปสัก 2 สัปดาห์ได้ไหม เพราะ เขาจะทำประชามติ กัน มันเป็นเรื่องเกี่ยวพันกับชีวิตพวกเขา ให้พวกเขามีสิทธิมีเสียงตามประชาธิปไตยบ้าง ที่ประชุมอียู ตอบสั้นๆ ว่าไม่ได้ คุณน้องยานิส ก็เก็บของ เดินออกจากห้องประชุม ฝ่ายเจ้าหนี้ โดยรัฐมนตรีคลังของฟินแลนด์ ออกมาบอกว่า ตอนนี้ แปลว่า ต้องเปลี่ยนเอา แผนสำรอง มาเป็นแผนจริงแล้ว แปลว่าอะไรครับ ช่วยกลับไปอ่านนิทานข้างต้นอีกที แปลว่า แผ่นดินเริ่มไหว จะขนาดไหน วันจันทร์ก็คงรู้ ที่กุมๆกันไว้ในกระเป๋า ก็คงเริ่มทยอยเอาออกมาใช้กัน แต่เกมนี้ยังไม่จบง่ายๆ ดูกันต่อครับ จะกินบ้าน กู้เมืองกัน มันไม่ใช่เล่นเกมกด เกมชิงเมืองนี้ อาจลามไปไกล…จะกลายเป็นเกทับบลั้ฟแหลกกันขนาดไหน หรือ ของจริงแอบแจม ได้ทั้งสิ้น แต่อย่างน้อย วันนี้ ผมขอคารวะหนุ่มกรีก สำหรับประโยคเดินนำออกจากคอก ที่ คนรักบ้านรักเมือง รักศักดิ์ศรี ไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน ก็ต้องซึ้งใจ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 28 มิ.ย 58
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 842 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”
    ตอน 1
    เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา
    พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ
    ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้
    นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่
    เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า
    เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ
    ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี
    เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม
    งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ
    ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส
    ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2
    สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ
    ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า
    เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน
    เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย …
    เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ
    นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม…
    เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ
    ###############
    “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก”

    ตอน 2
    ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย
    บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น....
    ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม
    นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ
    ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว
    แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา
    ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์
    กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร
    เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ
    เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้
    เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ
    แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน
    ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก
    ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่
    นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น
    และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง
    ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ
    จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที
    ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด
    OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย
    กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 มิ.ย. 2558
    ตัดโซ่หรือตายซาก ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 1 เรื่องหนี้ของกรีซยก 2 นี่ ถ้าเป็นหนังก็ออกรสตื่นเต้น ประเภท เกทับบลั้ฟแหลก คมเฉือนคม อะไรทำนองนั้น เพราะมันจะมีการพลิกเกมกันอยู่ตลอดเวลา ต่างฝ่ายก็เอามือล้วงกระเป๋า เหมือนมีของดีแอบอยู่ จะงัดเอาออกมาใช้เมื่อไหร่เท่า นั้น แต่จริงๆแล้ว ของดีมีจริง หรือมีปลอม ยังไม่มีใครรู้แน่ ระหว่างนั้น ก็ทำหน้าขรึม หน้าเครียดเจรจากัน สื่อก็รายงานของจริงแถมใบสั่ง เป็นโอกาสล่อให้แมงเม่าเข้าไปเล่นกองไฟ มีคนฉิบหายตายเพราะหนี้ท่วมประเทศยังไม่พอ ต้องหาแมงเม่าเข้ามาสังเวยด้วย มันถึงจะได้อารมณ์ สร้างกำไร จากความหายนะ ความคิดแบบนี้ มีทุกสัญชาติแหละครับ มากน้อย ตามสันดาน และตัณหา พระเอกที่จะเล่นเกมเกทับ ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นรัฐบาลชุดปัจจุบันนี้ของกรีซ ที่มาจากพรรค Syriza ซึ่งเป็นพวกที่เอนไปทางสังคมนิยม ก่อต้ังเมื่อปี ค.ศ. 2004 จากการรวมตัวของกลุ่มฝ่ายซ้ายต่างๆ ประมาณ 10 กว่ากลุ่ม Syriza เคยมีชื่อเสียงว่า เป็นพวก anti establishment เป็นพวกไม่เอาทุนนิยมว่างั้นเถอะ แม้ตอนหลังพวกเขาจะไม่เน้นเรื่อ งนี้ แต่เมื่อ Syriza ชนะเลือกตั้ง เมื่อต้นปี 2015 แน่นอน ทำให้อียูเริ่มขมวดคิ้ว เพราะดูเหมือน Syriza จะมาทำให้ชาวกรีซร้องคนเพลงกับอียู ยิ่งหัวหน้าพรรคที่ชื่อ Alexis Tsipras ประกาศชัดเจนว่า “euro is not my fetish” เงินยูโรมันก็ไม่ได้วิเศษอะไรนักหนา คำประกาศเขาให้รสชาดแบบนั้นนะครับ ในการเลือกต้ังดังกล่าว Syriza ขาดไปแค่ 2 คะแนน ที่จะเป็นเสียงข้างมาก พวกเขาเลยต้องผสมกับพรรคอื่นตั้ง รัฐบาล แต่ยังไงก็ได้นาย Alexis Tsipras เป็นนายกรัฐมนตรีหนุ่มแน่น อายุแค่ 40 และมีนาย Yanis Varoufakis เป็นรัฐมนตรีคลัง ที่จะมาช่วยหาวิธีถอดโซ่ ที่พวกเจ้าหนี้กรีซ เอามาคล้องคอชาวกรีซออกไป หรือทำให้โซ่คล้องคอมันหลวมหน่อย ไม่ใช่รัดติ้ว ท้องกิ่ว หายใจจะไม่ออก ไม่มีจะกินกันทั้งประเทศอย่างนี้ นาย Alexis Tsipras เป็นลูกชาวกรีซ ที่อพยพมาจากตุรกี ตามโครงการแลกเปลี่ยนประชาชน ระหว่าง 2 ประเทศ เขาเป็นคนชอบเล่นกีฬา และทำกิจกรรมมาต้ังแต่เป็นเด็กนักเรียน หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนักเคลื่อนไหวไฟแรง แหม เหมือนกับจะเขียนเรื่องเจ้ายะใส หนุ่มหน้ามนของสาวๆแดนสยามเลยนะ แต่ยะใส คงต้องติวใหม่อีกแยะนะ เอาเรื่องนายอเล็กซิส ต่อแล้วกัน เขาเรียนจบด้านวิศวกรรมจากวิทยาลัยเทคนิคของกรีซ ระหว่างเรียน ก็เริ่มเข้ากลุ่มการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ และได้เป็นหัวหน้านักศึกษาทางกิจกรรมการเมือง ก็คงเหมือน สนนท. ของบ้านเรานะครับ หลังจากนั้น ก็เข้าการเมืองท้องถิ่นเต็มตัว ก่อนลงสนามใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคฝ่ายซ้าย จับมือรวมกันเป็นพรรค Syriza นายอเล็กซิส ก็ไปเข้าร่วม แล้วในที่สุด ในปี คศ 2009 หนุ่มอเล็กซิส อายุ 30 กว่า ก็ได้เป็นหัวหน้าพรรค Syriza เป็นดาวรุ่งพุ่งแรง จะมีใครอุ้ม ใครดันหรือเปล่า ข่าวไม่บอก แล้วเขาก็พา Syriza เข้าลงเลือกต้ังในสนามใหญ่ ต้ังแต่ปี 2012 แม้ไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่ก็ได้เข้าอยู่ในสภา ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายค้าน ไม่เบาเหมือนกันสำหรับ หนุ่มวัย 30 กว่า เมื่อ สภากรีซล่มในปี ค.ศ. 2014 และประกาศจะมีการเลือกต้ังใหม่ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ.2015 อเล็กซิส ระดมพลพรรค ประกาศลงเลือกต้ัง และประกาศ Thessaloniki Programme ในเดือนสิงหาคม ปี 2014 ซึ่งเป็นนโยบายที่เสนอให้มีการปรับปรุงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ และการเมืองของกรีซเสียใหม่ นอกจากนี้ ยังประกาศใช้นโยบายการหาเสียงว่า พรรค Syriza ต้ังใจจะเข้าไปแก้ไขเงื่อนไขมหาโหด ในสัญญาเงินกู้ ที่บรรดาเจ้าหนี้ต่างประเทศกำหนดไว้ เหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีซและทำให้ชีวิตชาวกรีซสุดแสนจะลำเค็ญ ในส่วนนโยบายต่างประเทศ ระหว่างการหาเสียง อเล็กซิส แสดงความไม่พอใจอย่างเผ็ดร้อน กับการตัดสินใจหลายเรื่องของยุโรป ที่คัดท้ายโดยรัฐบาลเยอรมัน ภายใต้การนำของป้าเข็มขัดเหล็ก แน่นอน มันเป็นการฝาก “รอย” ให้ไว้กับป้าเข็มขัดเหล็ก ที่ทำให้การเจรจาต่อมาระหว่างอเล็กซิส ในฐานะนายกรัฐมนตรีกรีซ กับป้าเข็มขัดเหล็ก เกี่ยวกับเรื่องหนี้ของกรีซ ฝืดสิ้นดี เหมือนจะให้ผู้คนแน่ใจว่าเขาคิดอย่างไร เมื่อได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี งานแรกที่ Alexis Tsipras ทำ คือ เขานำดอกกุหลาบแดงช่อใหญ่ ไปวางแสดงความเคารพที่อนุสรณ์สถานของชาวกรีซ 200 คน ที่เสียชีวิตจากการฆ่าของเยอรมัน เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ.1944 ….ช่างเล่นนะไอ้หนุ่ม งานเดินสายต่างประเทศ รายการแรกของนายกรัฐมนตรีหนุ่ม คือ ไปพบนายกรัฐมนตรี Matteo Renzi ที่โรม เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ.2015 จับเข่าคุยในฐานะ คนเป็นลูกหนี้ ที่มีโซ่คล้องคอเหมือนกัน คุยกันเสร็จ นาย Renzi ก็มอบเนคไทไหมอิตาเลียน ให้เป็นที่ระลึกแก่ นายอเล็กซิส ซึ่งมีชื่อเสียงว่า ไม่นิยมการผูกเนคไท เขารับไว้ แล้วบอกว่า เขาจะผูกเนคไทนี้ ในวันที่ชาวกรีซ ตัดโซ่คล้องคอสำเร็จ… อยากได้ยินคำพูดแบบนี้ ในแดนสยามบ้างครับ ส่วน นาย Yanis Varoufakis มาคนละทางกับอเล็กซิส ยานิส ไม่ได้เป็นนักการเมือง เขาออกไปทางนักวิชาการ เป็นนักเศรษฐศาสตร์ และเป็นอาจารย์สอนเศรษฐศาสตร์มีชื่อเสียง แต่ใช่ว่าเขาไม่สนใจการเมือง พ่อเขาร่วมรบในสงครามกลางเมืองกรีซ โดยอยู่ฝั่งคอมมิวนิสต์ แพ้สงครามก็ถูกจับไปนอนคุกอยู่หลายปี ออกจากคุกมาทำธุรกิจ กลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของกรีซ ส่วนแม่ก็เป็นพวกคอการเมือง ครอบครัวนี้ สนับสนุนกลุ่มไอร์แลนด์เหนือให้สู้กับอังกฤษ พวกเขานับ Belfast เมืองหลวงของไอร์แลนด์เหนือเป็นบ้านที่ 2 สำหรับคนรุ่นหลังๆ คงไม่ค่อยรู้จักวีรกรรมของชาวไอริช ที่ต้องการแยกตัวจากอังกฤษ นอกจากรู้จากดูหนัง จริงๆ คนไอริช หรือขบวนการ IRA เป็นขบวนการ ที่ถูกอังกฤษและพวก รวมทั้งสื่อ เรียกว่า เป็นผู้ก่อการร้าย ทั้งๆ ที่พวกเขาคิดการดี ในช่วงประมาณปี ค.ศ.1970 เป็นต้นมา ขบวนการ IRA จะเป็นข่าวเกือบรายวัน ในการวางระเบิดใส่อังกฤษ ผู้คนบาดเจ็บล้มตายมาก ตึกรามบ้านช่องพังวินาศ ไม่มีการต่อสู้เพื่อเอกราชใด หรือปลดพันธนาการใดจะได้มาง่ายๆ มันต้องลงแรงลงใจลงชีวิตทั้งนั้น ชาวแดนสยาม สบายจนเคยตัว บางพวกทำตัว ยิ่งกว่าตามสบาย เห็นแต่ประโยชน์ส่วนตัว หาความสุข สนุกไปวันๆ ไม่สนใจประเทศ และเพื่อนร่วมชาติ จนน่ารังเกียจ น่าเสียดายครับ มีของดี ไม่รู้จักคุณค่า ไม่รู้จักรักษา ชอบอยู่แต่ใน “ครอบ” ไม่อยากใช้คำว่า “คอก” ปล่อยให้มัน ฟอกย้อม ต้มตุ๋นเอาจนชิน วันไหนไม่ถูกย้อม ไม่ถูกต้ม คงกินไม่ได้นอนไม่หลับ เฮ้อ! คุยเรื่อง นายยานิสต่อดีกว่า เมื่อพ่อรวย ก็ส่งลูกไปเรียนที่อังกฤษ ยานิส จึงเรียน พูด และด่าเป็นภาษาอังกฤษ ได้ชัด และคมคายเอาเรื่อง สรุปว่า เขาเรียนต้ังแต่ ปริญญาตรี จนจบปริญญาเอกจากอังกฤษแล้วกัน เรียนจบแล้ว ก็ไปสอนหนังสือ ที่หลายมหาวิทยาลัย หลายประเทศ แล้วยังเดินทางไปดูโลกกว้างในแง่มุมของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากสร้างให้เกิด ที่ต้องมองกันอย่างลึกซึ้ง กลับมาก็เปิดบล๊อกของตัวเอง ให้ความรู้ ความเห็น สอนคนนอกมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆ ที่สำคัญ เขาบอกว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการที่กรีซ ไปกู้เงินพวกเจ้าหนี้หน้าเลือดเหล่านั้น ไม่เห็นด้วยกับเงื่อนไขที่เจ้า หนี้ต้ัง ไม่เห็นด้วยๆๆๆ สาระพัด ไม่เห็นด้วย และบอกว่า ถ้ากรีซ ปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไป ชาวกรีก ก็คงแห้งตายซาก และเกาะกรีซอันสวยงาม ก็คงล่มจมหายไปในเมดิเตอร์เรเนียน อย่างน่าเสียดาย … เพราะเขียนในบล๊อกแบบนี้ จนดังระเบิด เมื่อ พรรค Syriza ได้เป็นรัฐบาล จึงส่งเทียบมาเชิญ ท่านพี่ยานิส ท่านอย่ามัวแต่นั่งเขียนให้คนอ่านเลย แบบนั้นมันง่าย ( เหมือนที่ลุงนิทานทำ แค่นั่งเขียนอยู่ในบ้าน) ท่านจงออกมาใช้ภูมิปัญญา ลงมือแก้ไขปัญหาบ้านเมืองอย่าง จริงจังกับเราเถิด นายยานิส ก็ไม่เล่นตัว ไม่เรื่องมาก แค่บอกว่า พูดกันให้รู้เรื่องก่อนนะ ถ้าเอาผมไปนั่งคลัง ผมจะใช้นโยบาย อย่างที่ผมเขียน คือ เราต้องตัดโซ่ของเจ้าหนี้ ที่เอามาคล้องคอชาวกรีซ ออกเสียนะ นายกรัฐมนตรีหนุ่มบอก นั่นแหล่ะพี่ เราพูดเรื่องเดียวกัน พี่เอาคีมเบอร์ใหญ่สุดมาเลยนะ มาช่วยพวกผมตัดโซ่ด่วนเลย แล้วยานิสก็ไปนั่งเป็นรัฐมนตรีคลังในรัฐบาล แต่ไม่สังกัดพรรค อืม… เป็นต้ัง พณฯ ท่านรัฐมนตรี เขาก็ส่งทั้งรถยนต์ คนขับ ผู้ติดตาม เครื่องยศ มาให้พร้อม ยานิส ก็ส่งคืนกลับไปหมด รถยนต์ ผมมีแล้วครับ เก่าหน่อย แต่ยังวิ่งได้ดีอยู่ วันไหนอากาศดี ผมก็ไม่ใช้รถ ขี่มอร์ไซด์ไปเร็ว และประหยัดกว่า มิน่า เลยติดใส่เสื้อหนัง ส่วนผู้ติดตาม ก็ไม่จำเป็นครับ ไม่รู้จะเอามาทำอะไร ถ้าประชาชนเขาไม่พอใจผม เอาไข่ปาผมไม่กี่ที ผมก็รู้หน้าที่ว่า ควรลาออกแล้วครับ ประเทศเราจนมากนะครับ ยังมีหนี้อีกแยะ จะใช้อะไร จะทำอะไร ก็ต้องเอาแต่จำเป็น รู้จักประหยัดบ้าง รับรอง ลุงนิทานไม่ได้เขียนเอง แดกใคร คุณน้องยานิส ให้สัมภาษณ์อย่างนี้จริงๆ ############### “ตัดโซ่ หรือ ตายซาก” ตอน 2 ก่อนจะเดินหน้าไปตัดโซ่ มาทบทวนกันหน่อยว่า หนี้กรีซ นี่มันอะไรนักหนา แล้วเงื่อนไขเจ้าหนี้มันทารุณเหมือนเอาโซ่มาคล้องคอชาวกรีกจริงหรือเปล่า หรือพวกหนุ่มๆ เขาเลือดร้อน ฮอร์โมนพุ่งตามวัย เห็นอะไรขัดใจนิด ขัดใจหน่อย ก็คิดชนมันซะเลย บรรดาขาใหญ่นักวิเคราะห์การเมือง ไม่ใช่ พวกนักวิเคราะห์การเงิน ที่เอาไว้หลอกพวกแมงเม่า บอกว่า มันไม่ใช่เป็นเรื่องว่า กรีซ ประเทศเล็กๆ ที่อยู่ในสหภาพยุโรป จะผิดนัดชำระหนี้ไหม และจะพากันจูงมือ เดินออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป หรืออียู หรือเปล่า แต่เรื่องหนี้กรีซ อาจกลายเป็นซึนามิ ทางการเงิน เศรษฐกิจ และการเมืองของยุโรปได้อย่างนึกไม่ถึง และถ้าเข้าทาง …มันอาจจะไปไกลกว่านั้น.... ปัญหาหนี้ของกรีซ เริ่มมาต้ังแต่ปี ค.ศ.2001 ก็ต้ังแต่ กรีซ เริ่มเปลี่ยนมาใช้เงินสกุลยูโร แทนเงินสกุลดรักมาร์ของตัวเองนั่นแหละ กรีซเป็นสมาชิกอียูโซนมาต้ังแต่ปี ค.ศ.1981 แต่กรีซมีงบประมาณขาดดุลยสูงเกินเกณท์ของอียู ที่เรียกว่า Maastricht Criteria อยู่ตลอดมา ถึงจะเกินเกณท์ แต่ ปีแรกๆ ก็ไม่มีปัญหา เพราะดูเหมือนหลายประเทศในอียู ก็เกินกันทั้งนั้น และกรีซ ก็ได้ประโยชน์จากการกู้ดอกถูก ในฐานะเป็นสมาชิกอียู และมีเงินลงทุนเข้ามาเพิ่ม นี่คือ ความผิดพลาดของกรีซ รายการแรก ที่มองการเข้าไปอยู่ในคอกอียู แต่ด้านบวก ด้านได้ โดยไม่มองด้านลบ หรือไม่คิดว่ามีด้านลบ ถึง ปี ค.ศ.2004 กรีซ หลุดปากบอกว่า ตัวเองแต่งตัวเลข เพื่อไม่ให้ผิดหลักเกณฑ์อียู แต่น่าประหลาด อียูทำเหมือนไม่ได้ยิน เกิดหูบอดกระทันหันเสียอย่างนั้น ไม่เตือน ไม่ด่า ไม่ทำโทษกรีซ เพราะอะไรหรือ เพราะ ใครๆก็ทำกัน โดยเฉพาะ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ลูกพี่ใหญ่ของอียู ด่ากรีซ ก็เหมือนด่าตัวเองด้วย แล้วถ้าจะทำโทษ จะทำอะไรล่ะ ยังไม่มีกฏกติกา เรื่องนี้เลย ไล่กรีซออกจากอียูเลยดีไหม อียูน่าจะทำได้ แต่มันจะทำให้ภาพพจน์อียู หมดท่า เหมือนแก้ผ้าประจานตัวเอง แถมตอนนั้น สมาชิกอียูยังน้อยอยู่ อยากได้ไอ้พวกพี่เบิ้ม อย่างอังกฤษ ก็ยังยักท่า หรือ รวยๆ อย่างสวีเดน เดนมาร์ก ตอนนั้น ก็ยังทำหยิ่งไม่เข้ามา นี่ถ้ารู้ว่า กรีซ แต่งตัวเลข ใครจะมา มีแต่จะไป แล้วทุกฝ่ายก็ปิดปากเงียบ หลอกตัวเอง หลอกกันเอง และหลอกคนอื่นต่อไป นี่คือความผิดส่วนของอียู ที่ไม่ได้มีเพียงครั้งเดียว แต่พอถึงปี ค.ศ.2009 ฝีแตก กรีซปิดต่อไปอีกไม่ไหว เพราะเงินทำท่าจะหมดประเทศ จริงๆ ก็หมดแล้ว มีแต่เงินกู้เขามา อ้อมแอ้ม ออกมาว่า มีตัวเลขงบประมาณขาดดุลย ประมาณ 12.9 % ของ จีดีพี ( ผลิตภัณท์มวลรวมภายใน ) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เกินกว่าเกณท์ที่ อียู กำหนดไว้ ที่ 3% พูดภาษาเข้าใจง่ายๆ แปลว่า มีจ่ายจ่ายมากกว่ารายรับอยู่แยะมาก จะทำไงดีครับลูกพี่ เป็นคนธรรมดา ก็ต้องบอกว่าอยู่ในสภาพ เป็นหนี้หัวโต นอนเอามือก่ายหน้าผากจนบุบ ก็ยังไม่เห็นทางแก้ปัญหา ลูกพี่ยังคิดไม่ออกว่าจะใช้แผน พิฆาตชุดไหน แต่ สามหมาไน บริษัท จัดอันดับ ratings agency Standard & Poor , Fitch และ Moody’s ได้กลิ่น รีบประกาศลดอันดับความน่าเชื่อ ถือของ กรีซลงอย่างรวดเร็ว เหลือเป็นระดับ junk bond หรือระดับขยะ คือ อยู่ในสภาพล้มละลาย พันธบัตรกรีซ มีค่าไม่ต่างกับกระดาษชำระ การประกาศของ 3 หมาไน ได้ผลอย่างดียิ่ง กลางปี 2010 กรีซก็ถูกตัดขาดจากเส้นทางกู้เงินในตลาดทุนของโลก เหลือแต่เส้นทางไปสู่การเป็นประเทศล้มละลายอย่างสมบูรณ์ กรีซแทบไม่เหลือทางเลือก จะตายช้า หรือตายเร็วเท่านั้น แล้วอัศวิน ชื่อ Troika ก็โผล่มา Troika เป็นชื่อเรียก ของสามเสือหิว IMF, ECB (European Central Bank) และ European Commission เล่นบทลูกพี่ใจดี จับมือกันจัดการให้เงินกู้ ที่อ้างว่า เป็นการช่วยฉุดกรีซขึ้นมาจากเหว รอบแรก จำนวน 340 พันล้านยูโร เงินจำนวนนี้ ถือว่ามากมาย และน่าจะผิดหลักเกณท์ของ IMF เสียด้วยซ้ำ แต่ทำไมอัศวิน หรือ Trioka รีบจัดการให้ สงสารกรีซมากหรือไง อ้อ ไม่ใช่ มันเป็นพวกไอ้เสือหิว มองหาเหยื่อแบบนี้ มานานแล้วต่างหาก พอเข้าใจนะครับ เงินกู้ ฉุดจากเหว มาพร้อมกับโซ่เหล็กคล้องคอกรีซ เป็นเงื่อนไขที่อ้างว่า เพื่อสร้างวินัยในการใช้จ่ายของกรีซ ที่กรีซ ไม่มีโอกาสต่อรอง ต้องก้มหน้ารับอย่างเดียว แต่ที่น่าสนใจ เงินกู้แลกโซ่ ควรจะมาช่วยให้สถานะของกรีซในสายตาของตลาดทุนดีขึ้น ตรงกันข้าม เงินกู้ลอยผ่านหน้ารัฐบาลกรีซ ไปเข้ากระเป๋าธนาคารต่างประเทศ ที่ให้กรีซกู้ไปก่อนหน้านี้ เงินกู้ฉุดจากเหว กลายเป็นการใช้หนี้ ฉุดธนาคารต่างประเทศ ขึ้นมาจากเหวก่อน ชาวกรีซยังคงอยู่ในเหวต่อไป แต่มีโซ่มาคล้องคอหนักรัดติ้ว นั่งท้องกิ่วอยู่ก้นเหว ตกลงอัศวิน Troika มาช่วยใคร นี่คือ การเสียค่าโง่ครั้งที่เท่าไหร่ของกรีซ แล้วธนาคารต่างประเทศไหนล่ะ ที่ได้รับการชำระหนี้ไปก่อน เปิดดูอากู ก็รู้ว่า ธนาคารในอียูเองเป็นเจ้าหนี้กรี ซ ทั้งนั้น และเจ้าหนี้รายใหญ่สุด คือ เยอรมัน รองมา คือ ฝรั่งเศส พอเข้าใจแล้วนะครับว่า ทำไมนายกรัฐมนตรี อเล็กซิส ถึงเอาดอกกุหลาบแดงไปวางที่อนุสรณ์สถาน ก่อนการให้เงินกู้ จำนวนมโหฬาร IMF หัวหน้าใหญ่ของกลุ่มเสือหิว ที่เป็นผู้นำการกำหนดเงื่อนไข ลายโซ่คล้องคอชาวกรีซ บอกว่าการใช้จ่ายของกรีซ หนักไปที่ค่าจ้าง เป็นจำนวน ถึง 75% ของงบประมาณรายจ่าย แยกเป็นค่าจ้าง พนักงานของรัฐ ทั้งประจำ และชั่วคราว ค่าจ้างแรงงานคนทำงาน ค่าสวัสดิการ ค่าเบี้ยบำนาญ ของคนที่ทำงานมาจนแก่เหลือแต่เหงือก ถ้ายังจำกันได้ กรีซจัดงานแข่งกีฬาโอลิมปิค ในปี ค.ศ. 2004 ยิ่งใหญ่ และสวยงาม แน่นอนก่อนจัดงาน ต้องมีการปรับปรุงสาธารณูปโภค ถนนหนทาง ไฟฟ้า น้ำประปา ทั้งประเทศรวมทั้ง การก่อสร้าง สนามกีฬา บ้านพักนักกีฬา และอีกหลายๆอย่าง เพื่อรองรับการแข่งขัน และผู้มาชม ล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 ปี รายจ่ายของกรีซทั้งด้านแรงงาน และด้านก่อสร้าง ไม่บานทะโล่ ก็คงแปลกอยู่ นอกจากนี้ยังมีหนี้ส่วนบุคคลของ ชาวกรีก ที่เห็นเป็นโอกาสที่ทำเงิน ด้วยการสร้างที่พัก สำหรับนักท่องเที่ยว ร้านอาหาร บริการรถเช่า ฯลฯ ซึ่งสร้างขึ้นมาจากเงินกู้เกือบทั้งสิ้น และ นี่ ก็เป็นอีกความผิดพลาด อีกรายการของกรีซ กีฬาโอลิมปิคสวยงาม สร้างชื่อเสียงให้กับกรีซ และก็สร้างหนี้ให้กับกรีซด้วย กรีซขาดทุนย่อยยับ ขายของ ไม่ได้ราคาคุ้มทุนที่ลง แถมมีหนี้ติดค้างทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน เลยเป็นโอกาสให้ IMF ผู้ชำนาญการ สั่งให้กรีซ ตัดรายการจ้างงาน และสวัสดิการ ขณะที่กรีซ พยายามขายการท่องเที่ยวประเทศของตัวเองต่อ เพื่อเอาทุนคืนจากการขาดทุนโอลิมปิค IMF ปิดประตูการจ้างงาน เปิดให้ครึ่งบานและครึ่งวัน ที่พัก ร้านอาหารเริ่มโทรม เมื่อมีลูกจ้างมาทำงานไม่พอให้บริการ นักท่องเที่ยวที่ไหน อยากจะไปเที่ยว แล้วยกกระเป๋า และ ล้างจานเอง ถ้าไม่แน่ใจว่า การจัดงานกีฬาโอลิมปิค ไม่ได้สร้างกำไรเสมอไป ก็ลองไปถามคุณปากจีบ นายกรัฐมนตรี ของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ได้ว่า หลังจาก กระเสือกกระสน จัดการแข่งกีฬาโอลิมปิค เมื่อปี 2012 แล้วเป็นไง ตอนนี้ เลยต้องตัดงบสาระพัด รวมทั้งงบด้านกองทัพ เล่นเอาคุณพีปูตินของผม หัวร่อ ฮิ ฮิ จึงไม่เป็นเรื่องน่าแปลกใจ ที่ ในปี 2010 อัตราว่างงานของกรีซ เพิ่มขึ้นเป็น 15% ทุก 7 คนกรีก จะมีคนว่างงาน 1 คน ! เริ่มมีการประท้วงรัฐบาล การเมืองง่อนแง่น และกรีซ ก็ต้อง กู้เงินจาก อัศวิน Troika เพิ่มขึ้นอีก และโซ่คล้องคอชาวกรีซ ก็หนักขึ้นทุกที ชาวกรีซ ก็จมลงในเหวลึกลงไปทุกที ปี ค.ศ.2011 สถานการณ์ของกรีซ แย่ลงกว่าเดิม รัฐบาลไหนมาก็แก้ปัญหาไม่ได้ ได้แต่กู้เพิ่มเพื่อเอามาใช้หนี้เก่า หมุนไปเรื่อยๆ รัฐบาลกรีซคิดหาทางทางออกไม่เจอ เขิญผู้เชี่ยวชาญมาช่วยคิด OECD ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่อ้างว่ามีหน้าที่คอยแนะนำประ เทศ ที่มีปัญหาด้านเศรษฐกิจ ภายใต้เสื้อคลุม ที่ไอ้นักล่าใบตองแห้ง คิดขึ้นมาหลังจากคิดสร้าง World Bank, IMF บอกกรีซต้องหารายได้เพิ่มด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม ใช้มาตรการเด็ดขาดกับผู้หนีภาษี และขายรัฐวิสาหกิจที่สร้างกำไรอ อกไปให้กับนักธุรกิจ และขายทรัพย์สินของประเทศ เพื่อเอามาใช้หนี้ ชาวกรีก เริ่มรู้ตัวว่า กำลังถูกแร้งลง ออกมาประท้วง ไม่ยอมให้รัฐบาลขายรัฐวิสาหกิจ กับทรัพย์สินของประเทศ บอกไปเก็บภาษีจากพวกคนรวยๆ และพวกหนี้ภาษีด่วนเลย กรีซ น่าจะเห็นแล้วว่า ตัวเองถูกต้ม และเป็นเหยื่อ ของเหล่านักล่า หมาไน และก่อนสิ้นเดือนมิถุนายนนี้ ถ้าตัดสินใจผิดอีก คราวนี้ คงถึงแร้งลง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 976 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องของนายสาก ตอนที่ 1 – 2

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เรื่องของนายสาก”
    ตอน 1
    อยู่ดีๆ ไม่มีเป่าปี่ ตีกลอง เงียบๆอย่างไม่มีใครนึกถึง เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง คุณช็อกโกแลต Petro Porochenko ประธานาธิบดีของยูเครน ก็แต่งตั้งนายสาก Mikheil Saakashvili อดีตประธานาธิบดีของจอร์เจีย ให้มาเป็นผู้ว่าการแคว้นโอเดสสาของยูเครน แค้วนที่มีคนยูเครน รักคุณพี่ปูตินไม่น้อย หรืออาจจะมาก คุณช๊อกโกแลต
    ขึ้นต้นเหมือนเขียนเรื่องซ้ำ แต่รับรอง ผมเลี้ยวออกไปไม่ซ้ำทางเดิมแน่นอน เลี้ยวไปเล่าเรื่องของนายสาก เรื่องของเขา ตามบทความที่ผมเพิ่งอ่านเจอ น่าสนใจอย่างที่สุด อ่านแล้ว ไม่อยากเก็บไว้คนเดียว เรื่องแบบนี้ ต้องเล่าสู่กันฟัง
    เมื่อไม่นานนี้เอง นายสาก ผู้นำการปฏิวัติดอกกุหลาบในจอร์เจีย และอดีตประธานาธิบดีของประเทศจอร์เจียที่สวยงามแต่ประชาชนค่อนข้างขัดสน กำลังหัวกระเซิง ลนลานหาที่ลี้ภัยให้กับตัวเอง
    ครั้งท้ายสุด ที่เขาเห็นท้องฟ้าสวยงามของจอร์เจียก็คือ เมื่อปี ค.ศ.2013 ก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้ต้องหา ในคดีทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และคดีอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ที่อาจทำให้เขาต้องรับโทษทั้งหมดไม่น้อยกว่า 11 ปี ในรายการกระทำความผิดของเขา มีแม้กระทั่ง ใช้เงินของแผ่นดินไปจ่ายค่าฉีด โบท๊อกซ์ ค่าถอนขน (?) ค่าที่พักโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน ของนักออกแบบประจำตัว (personal stylist) นายแบบอีก 2 คน ค่าโรงแรม สำหรับหมอนวดเพื่อบำบัดชาวอเมริกัน ฯลฯ
    เป็นไงครับ นึกว่าผมเขียนถึงใครหรือ พฤติกรรมมันคล้ายๆ กัน คนมันพันธ์ุเดียวกันแม้จะคนละสัญชาติ…
    นายสาก ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของรัฐบาลคาวบอยบุช จึงหลบหนีคดีที่ประเทศของตัว ไปซุกหัวอยู่ที่อเมริกา ด้วยวีซ่าของนักท่องเที่ยว เพราะไม่มีขี้ข้าราคาถูกคอยออกพาสปอร์ตทางการให้ …แต่ไม่ต้องห่วง นายสาก มีลุงเป็นเศรษฐีอยู่แถวบรุคลิน ในมหานครนิวยอร์คอันหรูหรา และลูกชายของเขาก็เรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย แถวรัฐเพนซิลเวเนีย นายสากจึงอบอุ่นไม่น้อย แม้จะอยู่ระหว่างมุดหัวหนีคดี มีลูกอยู่ใกล้ๆให้ชื่นใจ ไม่ใช่พ่ออยู่ทาง ลูกอยู่ทาง และดูเหมือนเมียชาวดัชท์ก็หนีตามไปอยู่ด้วย ไม่ได้หย่ากัน
    นายสาก อยากหนีคดี แล้วอยู่อเมริกาอย่างถาวร แหม ในฐานะผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ ให้ทำปฏิวัติก็ทำ ให้บุกป่าไปยึดเมือง ไปลุยไฟ จุดไฟ ที่ไหนก็ทำหมด ไม่มีเกี่ยง (อาจมีเพิ่มราคาบ้าง คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ ใครๆก็ทำกัน) เขาจึงหวังว่า ขณะกำลังหัวซุนหัวซุก อยู่นี้ อย่างน้อยก็น่าจะมีรางวัลปลอบใจ ให้เขามีตำแหน่งในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่เขาได้ปริญญาทางกฏหมายมา หรือมหาวิทยาลัยมีอันดับที่ไหนก็ได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า นายท่าน นึกถึงความจงรักภักดีของเขา และการอุทิศตัวของเขาเพื่อสร้างประชาธิปไตยให้แก่ประเทศเขา ตามคำสั่งของนายท่าน
    มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัตินะครับ ของอดีตขี้ข้าทั้งหลาย เมื่อพ้นจากตำแหน่งทางการ นายท่าน ก็มักจะให้ไปเป็นที่ปรึกษาตามมหาวิทยาลัยดังๆ หรือเดินสายไปพูดตามมหาวิทยาลัย หรือที่ประชุมใหญ่ ได้ทั้งโชว์หน้า กันคนลืม ได้ทั้งค่าพูดเสียน้ำลาย ฟูมปากมากน้อย แล้วแต่ความสามารถส่วนตัว เสร็จแล้วก็เดินยืดกันเป็นแถว ดีใจว่านายท่านไม่ลืม …เรียกใช้ …หารู้ไม่ว่าคนในบ้านในเมืองตัว เขาสมเพชและรังเกียจขนาดไหน ไอ้พวกเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถุด..
    นายสาก มีเพื่อนซี้ ที่มีอิทธิพลสูงอยู่ในอเมริกา เช่น วุฒิสมาชิก จอห์น แมคเคน คนดังระเบิด ที่เป็นประธานกรรมาธิการด้านอาวุธ นางเหยี่ยว วิกตอเรีย (ฟัก อียู) นูแลนด์ นี่ก็ ซี้ แบบแนบแน่นเลย นอกจากนี้ยังมี อดีตหัวหน้าซีไอเอ นายเดวิด เปตรุส รายนี้ เป็นแขกประจำ มานั่งดวดเหล้าปลอบใจที่บ้านเขาในนิวยอร์คเกือบทุกวัน เขาไม่ต้องไปเรียกนักร้องมาแก้เหงา ไม่ต้องไปง้อพวกเสี่ยปั้มน้ำมัน ซื้อบ้านใหญ่จ้าง รปภ แบบติดอาวุธเพียบ มาเฝ้า
    แต่ถ้าวันหนึ่ง นายสาก เกิดต้องคำพิพากษาของศาลระหว่างประเทศ เรื่องมันคงทำให้นายท่านอึกอัก ขี้เกียจตอบคำถามสื่อ เกี่ยวกับเรื่องวีซ่าเขาในอเมริกา
    ##############
    ตอน 2
    นายสากเชื่อว่า ตนเองเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของนายปูติน ประธานาธิบดี ที่มีอำนาจและเหลี่ยมพราวรอบตัว และในฐานะเป็นอดีตหัวหน้าสายลับเคจีบีของรัสเซีย ที่มีหน่วยงานเครือข่ายทั่งโลก และนายปูตินจะรวบคอหอยเขาเสียเมื่อไหร่ก็ได้ นี่ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างยิ่งทีเดียว นายปูตินไม่ได้คิดจะรวบคอหอยนายสากแม้แต่น้อย
    สื่อฝรั่งเศส Le Nouvel Obsevateur อ้างว่า ในการสนทนาอย่างเป็นส่วนตัว ระหว่างประธานาธิบดีฝรั่งเศส Nicolas Sarkozy กับนายปูติน เมื่อปี ค.ศ.2008 หลังจากนายสาก ทำซ่าบุกเข้าไปใน South Ossetia นายปูตินยัวะจัด ขู่ว่า เขาจะจับตัวนายสากให้ได้ และจะเอาตัวมาแขวนห้อยไว้...โดยการผูกกระปู๋ของนายสาก.… threatening to hang him by his presidential private parts …ไม่ใช่ การรวบคอหอย เข้าใจแล้วนะครับ ว่า นายสากเข้าใจผิดขนาดไหน
    นาย Sarkozy ถึงกับช๊อก แล้วถามนายปูตินว่า คุณจะทำอย่างนั้นทำไม นายปูติน ตอบว่า ทำไมผมถึงจะไม่ทำ ….พวกอเมริกันก็ทำอย่างนั้นกับซัดดัมไม่ใช่หรือ นี่… มันต้องเจอคำตอบแบบนี้ ไม่เสียที มีตำแหน่งเป็นลูกพี่ผม เล่นเอานายซาโกซี หน้าหงายไปเลย
    เมื่อมีข่าวออกมา เครมลินปฏิเสธว่า ไม่มีการข่มขู่เช่นนั้น จากท่านประธานาธิบดีปูติน แต่เมื่อมีการสัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ โดยโทรทัศน์รายการหนึ่ง ผู้จัดรายการถามท่านประธานาธิบดีว่า …จริงไหมครับ ที่เขาพูดกันว่า ท่านหมายมาดว่าจะแขวนนายสาก โดยการผูกส่วนหนึ่งของเขา คุณพี่ปูตินของผม ตอบว่า “… จะทำ ทำไม…แค่ส่วนเดียว…”
    ฮู้ย… ผมยิ่งเสียวแทนหนักขึ้นไปอีก
    เขาว่า ระหว่างที่นายสากกำลังทำหน้าหล่อ (จากการฉีดโบทอกซ์ ด้วยเงินภาษีของประชาชนชาวจอร์เจีย) เพลิดเพลินกับการให้สัมภาษณ์ข่าวโทรทัศน์ Gori ใน South Ossetia เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ.2008 เครื่องบินรบของกองทัพฝ่ายรัสเซียก็บินโฉบเข้ามาพอดี กล้องก็เลยจับได้ภาพนายสากที่กำลังมุดหลบเข้าไปอยู่ใต้หว่างขาของผู้คุ้มกันอย่างรวดเร็ว หน้าของนายสาก บิดเบี้ยว สีออกเขียวอมเทา ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ไม่เหลือราคาโบทอกซ์ ที่ใช้เงินภาษีประชาชนจ่ายค่าฉีด
    นี่แค่เห็นแวบเดียว ของปีกเครื่องบินรัสเซียนะ ถ้าเห็นคุณพี่ปูตินของผม กล้ามแน่น ตัวเป็นๆเดินมา นายสากจะมีสภาพเป็นยังไง ผมไม่กล้านึกภาพ
    หลังจากสงครามจบลง ระหว่างการนั่งเจรจาเพื่อสันติ ภาพ ซึ่งฝ่ายตะวันตก ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครอง เจรจาแทนนายสาก พิลึกดีนะครับ นักข่าวจากบีบีซี รายงานว่า ….นายสาก ออกอาการเหมือนคนใกล้จะเสียสติ ประสาทเสื่อม เขาคว้าปลายเนคไทสีแดง ที่เขาผูกอยู่ เอาเข้าปากแล้วเคี้ยว… มันคงอาการหนักจริงๆ ผมนึกไม่ออก ว่านายท่าน ที่ชาญฉลาด เลือกใช้คนนั้นคนนี้ ต้อนเข้าคอกไปทั่ว ทำไมถึงถั่วจัด เลือกใช้นายสาก หรือโบทอกซ์มันคุณภาพดี จนบดบังอย่างอื่น อันนี้ไปสอบถามคุณนายนูแลนด์กันเองนะ ผมไม่อยากละลาบละล้วงมากกว่านี้
    นายสาก ให้คำเฉลยการเคี้ยวเนคไทของเขาภายหลังว่า ความกลัดกลุ้มเกี่ยวกับประเทศของตนเองมาก ก็สามารถทำให้คนเราเคี้ยวเนคไทได้นะ ผมก็นึกไปว่า ถ้าทฤษฏีนายสากมันเป็นไปได้ ลุงตู่ของผม ใส่เครื่องแบบทหาร หรือเครื่องแบบข้าราชการ ตอนชี้แจงหน้าจอ ก็ปลอดภัยเข้าทีดีนะครับ
    ผลของการเจรจา กองทัพรัสเซียหยุด 20 ไมล์ห่างจาก Tbilisi เมืองหลวงของจอร์เจีย และ อีก 2 เมือง Abkhazia และ South Ossetia ก็ประกาศตัวเป็นเอกราชจากจอร์เจีย
    แต่ ท่านประธานาธิบดีปูติน ไม่ลืมเรื่องเนคไท
    ” เก็บเนคไทไปให้พ้นหูพ้นตานะ ถ้าพวกคุณจะเชิญนายสากมากินข้าวเย็นด้วย” นายปูตินพูด เมื่อ ปี 2009 กับฝ่ายตรงข้ามกับเขาเกี่ยวกับยูเครน ในตอนนั้น คือ ประธานาธิบดี Victor Yushchenko และนายกรัฐมนตรี Yulia Timoshenko
    “เดี๋ยวนี้มันราคาแพงนะ และเขาอาจจะกินหมด” ตลกร้ายจริงคุณพี่ปูติน
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    18 มิ.ย. 2558
    เรื่องของนายสาก ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เรื่องของนายสาก” ตอน 1 อยู่ดีๆ ไม่มีเป่าปี่ ตีกลอง เงียบๆอย่างไม่มีใครนึกถึง เมื่อต้นเดือนมิถุนายนนี้เอง คุณช็อกโกแลต Petro Porochenko ประธานาธิบดีของยูเครน ก็แต่งตั้งนายสาก Mikheil Saakashvili อดีตประธานาธิบดีของจอร์เจีย ให้มาเป็นผู้ว่าการแคว้นโอเดสสาของยูเครน แค้วนที่มีคนยูเครน รักคุณพี่ปูตินไม่น้อย หรืออาจจะมาก คุณช๊อกโกแลต ขึ้นต้นเหมือนเขียนเรื่องซ้ำ แต่รับรอง ผมเลี้ยวออกไปไม่ซ้ำทางเดิมแน่นอน เลี้ยวไปเล่าเรื่องของนายสาก เรื่องของเขา ตามบทความที่ผมเพิ่งอ่านเจอ น่าสนใจอย่างที่สุด อ่านแล้ว ไม่อยากเก็บไว้คนเดียว เรื่องแบบนี้ ต้องเล่าสู่กันฟัง เมื่อไม่นานนี้เอง นายสาก ผู้นำการปฏิวัติดอกกุหลาบในจอร์เจีย และอดีตประธานาธิบดีของประเทศจอร์เจียที่สวยงามแต่ประชาชนค่อนข้างขัดสน กำลังหัวกระเซิง ลนลานหาที่ลี้ภัยให้กับตัวเอง ครั้งท้ายสุด ที่เขาเห็นท้องฟ้าสวยงามของจอร์เจียก็คือ เมื่อปี ค.ศ.2013 ก่อนที่เขาจะกลายเป็นผู้ต้องหา ในคดีทุจริตต่อหน้าที่ ใช้อำนาจโดยมิชอบ ใช้ความรุนแรงในการปราบปรามฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง และคดีอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ที่อาจทำให้เขาต้องรับโทษทั้งหมดไม่น้อยกว่า 11 ปี ในรายการกระทำความผิดของเขา มีแม้กระทั่ง ใช้เงินของแผ่นดินไปจ่ายค่าฉีด โบท๊อกซ์ ค่าถอนขน (?) ค่าที่พักโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน ของนักออกแบบประจำตัว (personal stylist) นายแบบอีก 2 คน ค่าโรงแรม สำหรับหมอนวดเพื่อบำบัดชาวอเมริกัน ฯลฯ เป็นไงครับ นึกว่าผมเขียนถึงใครหรือ พฤติกรรมมันคล้ายๆ กัน คนมันพันธ์ุเดียวกันแม้จะคนละสัญชาติ… นายสาก ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของรัฐบาลคาวบอยบุช จึงหลบหนีคดีที่ประเทศของตัว ไปซุกหัวอยู่ที่อเมริกา ด้วยวีซ่าของนักท่องเที่ยว เพราะไม่มีขี้ข้าราคาถูกคอยออกพาสปอร์ตทางการให้ …แต่ไม่ต้องห่วง นายสาก มีลุงเป็นเศรษฐีอยู่แถวบรุคลิน ในมหานครนิวยอร์คอันหรูหรา และลูกชายของเขาก็เรียนหนังสืออยู่ที่มหาวิทยาลัย แถวรัฐเพนซิลเวเนีย นายสากจึงอบอุ่นไม่น้อย แม้จะอยู่ระหว่างมุดหัวหนีคดี มีลูกอยู่ใกล้ๆให้ชื่นใจ ไม่ใช่พ่ออยู่ทาง ลูกอยู่ทาง และดูเหมือนเมียชาวดัชท์ก็หนีตามไปอยู่ด้วย ไม่ได้หย่ากัน นายสาก อยากหนีคดี แล้วอยู่อเมริกาอย่างถาวร แหม ในฐานะผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ ให้ทำปฏิวัติก็ทำ ให้บุกป่าไปยึดเมือง ไปลุยไฟ จุดไฟ ที่ไหนก็ทำหมด ไม่มีเกี่ยง (อาจมีเพิ่มราคาบ้าง คงไม่น่าเกลียดเท่าไหร่ ใครๆก็ทำกัน) เขาจึงหวังว่า ขณะกำลังหัวซุนหัวซุก อยู่นี้ อย่างน้อยก็น่าจะมีรางวัลปลอบใจ ให้เขามีตำแหน่งในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ที่เขาได้ปริญญาทางกฏหมายมา หรือมหาวิทยาลัยมีอันดับที่ไหนก็ได้ เพื่อแสดงให้เห็นว่า นายท่าน นึกถึงความจงรักภักดีของเขา และการอุทิศตัวของเขาเพื่อสร้างประชาธิปไตยให้แก่ประเทศเขา ตามคำสั่งของนายท่าน มันเป็นธรรมเนียมปฏิบัตินะครับ ของอดีตขี้ข้าทั้งหลาย เมื่อพ้นจากตำแหน่งทางการ นายท่าน ก็มักจะให้ไปเป็นที่ปรึกษาตามมหาวิทยาลัยดังๆ หรือเดินสายไปพูดตามมหาวิทยาลัย หรือที่ประชุมใหญ่ ได้ทั้งโชว์หน้า กันคนลืม ได้ทั้งค่าพูดเสียน้ำลาย ฟูมปากมากน้อย แล้วแต่ความสามารถส่วนตัว เสร็จแล้วก็เดินยืดกันเป็นแถว ดีใจว่านายท่านไม่ลืม …เรียกใช้ …หารู้ไม่ว่าคนในบ้านในเมืองตัว เขาสมเพชและรังเกียจขนาดไหน ไอ้พวกเห็นกงจักรเป็นดอกบัว ถุด.. นายสาก มีเพื่อนซี้ ที่มีอิทธิพลสูงอยู่ในอเมริกา เช่น วุฒิสมาชิก จอห์น แมคเคน คนดังระเบิด ที่เป็นประธานกรรมาธิการด้านอาวุธ นางเหยี่ยว วิกตอเรีย (ฟัก อียู) นูแลนด์ นี่ก็ ซี้ แบบแนบแน่นเลย นอกจากนี้ยังมี อดีตหัวหน้าซีไอเอ นายเดวิด เปตรุส รายนี้ เป็นแขกประจำ มานั่งดวดเหล้าปลอบใจที่บ้านเขาในนิวยอร์คเกือบทุกวัน เขาไม่ต้องไปเรียกนักร้องมาแก้เหงา ไม่ต้องไปง้อพวกเสี่ยปั้มน้ำมัน ซื้อบ้านใหญ่จ้าง รปภ แบบติดอาวุธเพียบ มาเฝ้า แต่ถ้าวันหนึ่ง นายสาก เกิดต้องคำพิพากษาของศาลระหว่างประเทศ เรื่องมันคงทำให้นายท่านอึกอัก ขี้เกียจตอบคำถามสื่อ เกี่ยวกับเรื่องวีซ่าเขาในอเมริกา ############## ตอน 2 นายสากเชื่อว่า ตนเองเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของนายปูติน ประธานาธิบดี ที่มีอำนาจและเหลี่ยมพราวรอบตัว และในฐานะเป็นอดีตหัวหน้าสายลับเคจีบีของรัสเซีย ที่มีหน่วยงานเครือข่ายทั่งโลก และนายปูตินจะรวบคอหอยเขาเสียเมื่อไหร่ก็ได้ นี่ มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างยิ่งทีเดียว นายปูตินไม่ได้คิดจะรวบคอหอยนายสากแม้แต่น้อย สื่อฝรั่งเศส Le Nouvel Obsevateur อ้างว่า ในการสนทนาอย่างเป็นส่วนตัว ระหว่างประธานาธิบดีฝรั่งเศส Nicolas Sarkozy กับนายปูติน เมื่อปี ค.ศ.2008 หลังจากนายสาก ทำซ่าบุกเข้าไปใน South Ossetia นายปูตินยัวะจัด ขู่ว่า เขาจะจับตัวนายสากให้ได้ และจะเอาตัวมาแขวนห้อยไว้...โดยการผูกกระปู๋ของนายสาก.… threatening to hang him by his presidential private parts …ไม่ใช่ การรวบคอหอย เข้าใจแล้วนะครับ ว่า นายสากเข้าใจผิดขนาดไหน นาย Sarkozy ถึงกับช๊อก แล้วถามนายปูตินว่า คุณจะทำอย่างนั้นทำไม นายปูติน ตอบว่า ทำไมผมถึงจะไม่ทำ ….พวกอเมริกันก็ทำอย่างนั้นกับซัดดัมไม่ใช่หรือ นี่… มันต้องเจอคำตอบแบบนี้ ไม่เสียที มีตำแหน่งเป็นลูกพี่ผม เล่นเอานายซาโกซี หน้าหงายไปเลย เมื่อมีข่าวออกมา เครมลินปฏิเสธว่า ไม่มีการข่มขู่เช่นนั้น จากท่านประธานาธิบดีปูติน แต่เมื่อมีการสัมภาษณ์สดทางโทรศัพท์ โดยโทรทัศน์รายการหนึ่ง ผู้จัดรายการถามท่านประธานาธิบดีว่า …จริงไหมครับ ที่เขาพูดกันว่า ท่านหมายมาดว่าจะแขวนนายสาก โดยการผูกส่วนหนึ่งของเขา คุณพี่ปูตินของผม ตอบว่า “… จะทำ ทำไม…แค่ส่วนเดียว…” ฮู้ย… ผมยิ่งเสียวแทนหนักขึ้นไปอีก เขาว่า ระหว่างที่นายสากกำลังทำหน้าหล่อ (จากการฉีดโบทอกซ์ ด้วยเงินภาษีของประชาชนชาวจอร์เจีย) เพลิดเพลินกับการให้สัมภาษณ์ข่าวโทรทัศน์ Gori ใน South Ossetia เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ.2008 เครื่องบินรบของกองทัพฝ่ายรัสเซียก็บินโฉบเข้ามาพอดี กล้องก็เลยจับได้ภาพนายสากที่กำลังมุดหลบเข้าไปอยู่ใต้หว่างขาของผู้คุ้มกันอย่างรวดเร็ว หน้าของนายสาก บิดเบี้ยว สีออกเขียวอมเทา ด้วยความตื่นตระหนกสุดขีด ไม่เหลือราคาโบทอกซ์ ที่ใช้เงินภาษีประชาชนจ่ายค่าฉีด นี่แค่เห็นแวบเดียว ของปีกเครื่องบินรัสเซียนะ ถ้าเห็นคุณพี่ปูตินของผม กล้ามแน่น ตัวเป็นๆเดินมา นายสากจะมีสภาพเป็นยังไง ผมไม่กล้านึกภาพ หลังจากสงครามจบลง ระหว่างการนั่งเจรจาเพื่อสันติ ภาพ ซึ่งฝ่ายตะวันตก ทำหน้าที่เป็นผู้ปกครอง เจรจาแทนนายสาก พิลึกดีนะครับ นักข่าวจากบีบีซี รายงานว่า ….นายสาก ออกอาการเหมือนคนใกล้จะเสียสติ ประสาทเสื่อม เขาคว้าปลายเนคไทสีแดง ที่เขาผูกอยู่ เอาเข้าปากแล้วเคี้ยว… มันคงอาการหนักจริงๆ ผมนึกไม่ออก ว่านายท่าน ที่ชาญฉลาด เลือกใช้คนนั้นคนนี้ ต้อนเข้าคอกไปทั่ว ทำไมถึงถั่วจัด เลือกใช้นายสาก หรือโบทอกซ์มันคุณภาพดี จนบดบังอย่างอื่น อันนี้ไปสอบถามคุณนายนูแลนด์กันเองนะ ผมไม่อยากละลาบละล้วงมากกว่านี้ นายสาก ให้คำเฉลยการเคี้ยวเนคไทของเขาภายหลังว่า ความกลัดกลุ้มเกี่ยวกับประเทศของตนเองมาก ก็สามารถทำให้คนเราเคี้ยวเนคไทได้นะ ผมก็นึกไปว่า ถ้าทฤษฏีนายสากมันเป็นไปได้ ลุงตู่ของผม ใส่เครื่องแบบทหาร หรือเครื่องแบบข้าราชการ ตอนชี้แจงหน้าจอ ก็ปลอดภัยเข้าทีดีนะครับ ผลของการเจรจา กองทัพรัสเซียหยุด 20 ไมล์ห่างจาก Tbilisi เมืองหลวงของจอร์เจีย และ อีก 2 เมือง Abkhazia และ South Ossetia ก็ประกาศตัวเป็นเอกราชจากจอร์เจีย แต่ ท่านประธานาธิบดีปูติน ไม่ลืมเรื่องเนคไท ” เก็บเนคไทไปให้พ้นหูพ้นตานะ ถ้าพวกคุณจะเชิญนายสากมากินข้าวเย็นด้วย” นายปูตินพูด เมื่อ ปี 2009 กับฝ่ายตรงข้ามกับเขาเกี่ยวกับยูเครน ในตอนนั้น คือ ประธานาธิบดี Victor Yushchenko และนายกรัฐมนตรี Yulia Timoshenko “เดี๋ยวนี้มันราคาแพงนะ และเขาอาจจะกินหมด” ตลกร้ายจริงคุณพี่ปูติน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 18 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 795 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลุม ตอนที่ 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หลุม”

    ตอน 1

    เมื่อราวช่วงต้นสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์ที่ติดตามการเมืองระดับโลก เริ่มมีอาการตื่นเต้นกับชื่อ ทรานนิสเตรีย (Transnistria) ชาวบ้านอย่างเราๆ ก็ตื่นเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่ามันเป็นชื่อของอะไร ที่แน่ๆ ยังงงว่าทำไมเขาตื่นเต้นกัน

    ทรานนิสเตรีย หรือชื่อเต็มว่า Transnistria Moldov Republic (TMR) เป็นรัฐเล็กๆน่าเอ็นดู รูปร่างยาวบาง อยู่ระหว่างกลาง มอนโดวา ( Moldova) ด้านหนึ่ง กับยูเครน (Ukraine) อีกด้านหนึ่ง เหมือนเป็นแผ่นแฮม ถูกขนมปัง 2 แผ่นประกบไว้ มันก็น่าเสียวว่าจะถูกงับ ทั้งยูเครน มอนโดวา และทรานนิสเตรีย ต่างเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตทั้งสิ้น ก่อนฝ่ายตะวันตก ที่นำโดยอเมริกาและอังกฤษ วางแผนทุบเสียจนสหภาพโซเวียตแตกกระจายในปีช่วง ค.ศ.1989-1991 เพื่อตัดตอนสหภาพโซเวียต ให้เหลือเป็นเพียงประเทศรัสเซีย โดยหวังว่า วันหนึ่ง ประเทศรัสเซียก็จะต้องไม่มีเหลือด้วย

    แม้จะแทบไม่มีใครรู้จัก หรือเคยได้ยินชื่อ แต่อย่าหมิ่นเขาเชียว ทรานนิสเตรีย เขาหาญกล้านัก ปี ค.ศ.1990 มอนโดวาซึ่งตอนนั้นยังมีทรานนิสเตรียรวมอยู่ด้วย เกิดเคลิ้ม คิดอยากจะไปรวมกับรูมาเนีย ซึ่งฝั่งทรานนิสเตรียรังเกียจ เนื่องจาก รูมาเนียคิดจะเปลี่ยนรากภาษา และวัฒนธรรมของมอนโดวาและทรานนิสเตรีย ให้เป็นแบบของตัว ทรานนิสเตรียหวงแหนรากเหง้าของตัวเอง ไม่เอาด้วย จึงประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับใคร แถมแสดงท่าทีว่า ที่แท้ใจยังผูกพันธ์กับพี่ใหญ่รัสเซียมากกว่า

    ทรานนิสเตรีย มีพลเมืองแค่ประมาณไม่เกิน 6 แสนคน แบ่งเป็น 3 เชื้อสาย ในอัตราใกล้เคียงกัน คือ เป็นชาวมอนโดเวียน ชาวยูเครน และเป็นรัสเซียแท้ ที่เหลือเป็นชาวยิว และอื่นๆ
    ในปี ค.ศ.1992 คงจะเป็นจากส่วนผสมของพลเมืองที่ มีเชื้อสาย และความผูกพันต่างกัน ชาวทรานนิสเตรีย เจอลูกยุจากภายนอก ก็เกิดรบกันเอง รัสเซียในฐานะพี่ใหญ่ ก็ส่งกำลังทหารประมาณพันห้าร้อยคนเข้ามาเป็นกรรมการห้ามมวย หรือ peace keeper แล้วทรานนิสเตรียก็สงบเรียบร้อย ไม่มีการขว้างขวดปาอิฐใส่กันอีก ส่วนกรรมการห้ามมวยที่เข้ามาตั้ง แต่ตอนนั้น ก็ยังอยู่มาถึงตอนนี้ ไม่ได้กลับออกไป น่าจะมีตัวเล็กตัวน้อย งอกขึ้นมาเดินตามเป็นพรวน ยิ่งทำให้ทิ้งไปยาก และก็ทำให้รัสเซียกลายเป็นผู้เลี้ยงดู ส่งเสีย สาวร่างบางทรานนิสเตรียจนทุกวันนี้ สาวร่างบางก็ไม่ได้รังเกียจบ่นว่าอะไร พวกเขาก็ดูจะอยู่กันอย่างอบอุ่นดี

    คงเพราะดูอบอุ่นดีนี่แหละ เพื่อนบ้านที่เคยเป็นบ้านเดียวกันมาก่อน ก็ชักหมั่นไส้ มอนโดวา ซึ่งแม้จะเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต แต่ตอนหลังคิดว่าหญ้าฝั่งอียูเขียวกว่า เพราะถูกอเมริกาหลอกไว้แยะ แถมมีโรมาเนีย ลูกหาบชั้นปลายแถวของอเมริกาในแถบยุโรปตะวันออกกลาง คอยหนุน เลยประกาศเสียงดัง ให้รัสเซียได้ยินว่า ฉันจะไปอยู่กับทางนู้นแล้วนะ รัสเซียฟังแล้วก็แสดงอาการทองไม่รู้ร้อน อาการอย่างนี้ สร้างความเสียหน้าให้มอนโดวาเอาเรื่องอยู่ และมอนโดวาก็รอโอกาสที่จะเอาหน้าคืน

    มอนโดวา เปลี่ยนบทใหม่ หันไปชวนเพื่อนสาวร่างบาง ทรานนิสเตรีย ซึ่งก็ฉีกสัมพันธ์สะบั้นกันไปแล้ว กลับมาทำปากหวาน นี่เธอ เรากลับมารวมประเทศกันใหม่ดีมั้ย เธอไม่ควรไว้ใจรัสเซียมากกว่าฉันนะ ไม่งั้น เธอก็ควรไล่รัสเซียออกไปจากบ้านเธอ เพราะฉันไม่พอใจให้เขามาอยู่ใกล้บ้านฉันแบบนี้ เดียวมาจะผนวก บวกเอาฉันเข้าไปด้วย บทนี้เข้าใจว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งกับนาโต้ ไอ้เสือฟันหลอ คงเป็นคนเขียนโพยให้

    ทรานนิสเตรียถึงจะจิ๋วแต่เจ๋ง ไม่เชื่อขี้หน้ามอนโดวา ตั้งแต่บัดนั้นถึงบัดนี้ พลเมืองทรานนิสเตรีย แม้จะต่างสายต่างเชื้อ แต่มาบัดนี้เข้าใจเล่ห์ลูกยุดี จึงยังเชื่อใจรัสเซียมากกว่า ทรานสนิสเตรีย ตอกกลับมอนโดวา นี่เธอมาจุ้นอะไร รัสเซียเขามาอยู่ในบ้านฉันนะ ไม่ใช่บ้านเธอ ฉันจะไปไล่เขาทำไม ก็ฉันชอบของฉัน ว่าแล้วก็ด่าไปอีก 2 คำ ข่าวที่ผมอ่าน เขาบอกว่า ทรานนิสเตรีย ถึงกับให้นิ้วกลางกับจอมจุ้นมอนโดวา พริกขี้หนูเม็ดจิ๋ว แต่เผ็ดถึงใจ
    อเมริกาและนาโต้ ที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของรัสเซียในแถบนั้นอย่างใกล้ชิด ชนิดกันชนกระแทกกันหลายที ตั้งแต่อเมริกาเข้าไปอุ้มยูเครน ในปี ค.ศ.2004 มาถึงตอนนี้ คงแอบคิดอะไรอยู่ จึงเริ่มขยับ เดินหมากรอบใหม่ เหมือนอยากจะรุกรัสเซีย โดยใช้หมากตัวเดิม ชื่อ ยูเครน ที่มีข่าวว่า อาจจะกลายเป็นแดนสวรรค์ของบางกลุ่มชน พอจะเดาออกไหมครับ

    ###############
    ตอน 2

    หมากยูเครน ซี่งเงื้อเก้อมานานจนเมื่อย เพราะคิดว่ารัสเซียจะมาออกกำลังใกล้ๆ แต่รัสเซียเพียงแค่ขยับขาแก้เหน็บกิน หลอกให้คุณช๊อกโกแลต วิ่งพล่านพุงกระเพื่อมเหงื่อแตกเล่นเท่านั้นเอง ยังไม่ได้ขยับจริงสักหน่อย แค่นั้น ก็เล่นเอาคุณช๊อกโกแลต ประธานาธิบดี Poroshenko ที่รวยมาจากการผลิตช๊อกโกแลต ชวดโอกาสแสดงผลงานเอาใจนายใหญ่ไปหลายที แต่คราวนี้ สงสัยนายใหญ่สั่งลุย

    ยูเครนมีการประชุมสภา เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สภายูเครน มีมติไม่ให้ความร่วมมือกับรัสเซีย ทางการทหารและอื่นๆทั้งหมด เรื่องไม่ร่วมมือการทหารนี่ ไม่เกินความคาดหมายของรัสเซีย ทะเลาะกันมาขนาดนี้จะไปร่วมมือ กันลงยังไง แต่ไอ้ที่นายใหญ่เน้นมาคือ ให้หยุดความร่วมมือ ตามสัญญาที่ยูเครน ทำกับรัสเซีย เมื่อปี ค.ศ.1995 ที่ตกลงให้กองทัพรัสเซีย สามารถเคลื่อนพลผ่านยูเครน ทางด้านแคว้นโอเดสสา (Odessa) ไปยังทรานนิสตรียด้วย นี่เรียกว่าเป็นการลงมติ แบบเฉพาะเจาะจง จนออกนอกหน้า

    คุณช๊อกโกแลต คราวนี้มามาดใหม่ เหมือนอยากจะรบกับรัสเซียเต็มแก่ ถ้าการห้ามไม่ให้กองกำลังรักษาความสงบของรัสเซีย ผ่านยูเครน เข้าไปถึงทรานนิสเตรีย ยังไม่ทำให้คุณพี่ปูตินเลือดฝาดขึ้นจนหน้าเข้ม คุณช๊อกโกแลตก็มีอีกแผน เตรียมคนขุดหลุม ล่อฝาดรัสเซียแถมให้อีก

    เมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายนนี้ คุณช็อกโกแลต เพิ่งลงชื่อแต่งตั้ง นาย Mikheil Saakashvili อดีตประธานาธิบดีจอร์เจีย (Georgia) คู้แค้นของคุณพี่ปูติน ให้มาเป็นผู้ว่าการแคว้นโอเดสสา นี่เป็นการเจาะจง ทั้งเลือกคน และ เลือกสถานที่เลยนะ คุณ Saak นี่แกเคยจัดการงานนอกสั่ง เอาใจเจ้านาย ลงทุนยกทัพมายึดเมือง South Ossetia ในปี ค.ศ.2008 ยึดถูกที่ แต่ผิดเวลา คุณพี่ปูตินจึงซัดกลับ เล่นเอาคุณ Saak วิ่งกลับบ้านกางเกงเปียก แถมถูกคุณพี่ปูตินขู่เอาไว้ คราวนี้ จึงพร้อมที่จะมารับบทคนขุดหลุม ล่อฝาดรัสเซีย แม้จะอยู่กันคนประเทศ นับเป็นเรื่องที่แสดงความเห่ยที่สุด ของผู้จัดรายการ
    ส่วนรัสเซีย ในการดูแลทรานนิสเตรีย จำเป็นต้องขนกองกำลัง และอาวุธ เข้าไปสับเปลี่ยนหน่วยที่ประจำการ ที่ทรานนิสเตรียเป็นครั้งคราว ถ้าไม่ได้ผ่านเข้าทางเขตพื้นดินของยูเครนทางแคว้นโอเดสสา รัสเซียก็ต้องไปใช้ผ่านเข้าทางอากาศ โดยต้องผ่านเข้าไปที่ Chisinau เมืองหลวงของมอนโดวาแทน เมื่อข่าวเรื่องใบสั่งห้ามผ่าน ยูเครนลือกันทั่ว รัสเซียทดสอบสถานการณ์ ด้วยการไปเจรจากับมอนโดวา แหม ลูกบอลวิ่งเข้าตีน มอนโดวาบอก มาได้เลย แต่แล้วกลับกักตัวทหารรัสเซียไว้ บ้าง ส่งกลับออกไปบ้าง แต่ไม่กล้าเก็บไว้หมด กลัวได้ไม่คุ้มเสีย… แต่สำหรับรัสเซีย ถ้าใช้เส้นทางมอนโดวา ทหารรัสเซียคงไปไม่ถึงทรานนิสเตรีย หรือไปถึงช้าหน่อย ลูกเมียรอกันขี้มูกโป่ง

    คราวนี้ ถึงคิวที่ชาวทรานนิสเตรีย ขยับบ้าง พวกเขาออกมาเรียกร้องต่อคุณพี่ปูตินเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอ ย่างไม่ต้องรอใบสั่งว่า อย่าทิ้งเรายามยากนะ อื้อฮือ แบบนี้ใครจะทิ้งน้องลง คุณพี่ปูตินเลยให้ นาย Dmitry Rogozin รองนายกรัฐมนตรีมาดนุ่ม ออกมายืนยัน ปลอบใจกับชาวทรานนิสเตรียว่า รัสเซียจะอยู่ที่นั่นตลอดเวลา เพื่อรักษาความมั่นคงของภูมิภาค บทนี้สมเป็นพระเอกจริงๆ

    เออ.. มันก็น่าสงสัย ยูเครน กับรัสเซีย เล่นเอากันชน กระแทกใส่กันมาตั้งแต่ ปี ค.ศ.2013 ให้ชาวบ้านตกใจ นึกว่าเขาจะปะทะกันจริงๆ เสร็จแล้ว ก็เหมือนมวยล้ม เลิกชกกันง่ายๆ แล้วนี่อยู่ๆ คุณช๊อกโกแลตก็ลุกขึ้นเต้นก๋า ท้าทายเขา เหมือนไปได้ยาโด๊ปช้ันดีมา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    13 มิ.ย. 2558
    หลุม ตอนที่ 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หลุม” ตอน 1 เมื่อราวช่วงต้นสัปดาห์นี้ นักวิเคราะห์ที่ติดตามการเมืองระดับโลก เริ่มมีอาการตื่นเต้นกับชื่อ ทรานนิสเตรีย (Transnistria) ชาวบ้านอย่างเราๆ ก็ตื่นเหมือนกัน เพราะไม่รู้ว่ามันเป็นชื่อของอะไร ที่แน่ๆ ยังงงว่าทำไมเขาตื่นเต้นกัน ทรานนิสเตรีย หรือชื่อเต็มว่า Transnistria Moldov Republic (TMR) เป็นรัฐเล็กๆน่าเอ็นดู รูปร่างยาวบาง อยู่ระหว่างกลาง มอนโดวา ( Moldova) ด้านหนึ่ง กับยูเครน (Ukraine) อีกด้านหนึ่ง เหมือนเป็นแผ่นแฮม ถูกขนมปัง 2 แผ่นประกบไว้ มันก็น่าเสียวว่าจะถูกงับ ทั้งยูเครน มอนโดวา และทรานนิสเตรีย ต่างเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตทั้งสิ้น ก่อนฝ่ายตะวันตก ที่นำโดยอเมริกาและอังกฤษ วางแผนทุบเสียจนสหภาพโซเวียตแตกกระจายในปีช่วง ค.ศ.1989-1991 เพื่อตัดตอนสหภาพโซเวียต ให้เหลือเป็นเพียงประเทศรัสเซีย โดยหวังว่า วันหนึ่ง ประเทศรัสเซียก็จะต้องไม่มีเหลือด้วย แม้จะแทบไม่มีใครรู้จัก หรือเคยได้ยินชื่อ แต่อย่าหมิ่นเขาเชียว ทรานนิสเตรีย เขาหาญกล้านัก ปี ค.ศ.1990 มอนโดวาซึ่งตอนนั้นยังมีทรานนิสเตรียรวมอยู่ด้วย เกิดเคลิ้ม คิดอยากจะไปรวมกับรูมาเนีย ซึ่งฝั่งทรานนิสเตรียรังเกียจ เนื่องจาก รูมาเนียคิดจะเปลี่ยนรากภาษา และวัฒนธรรมของมอนโดวาและทรานนิสเตรีย ให้เป็นแบบของตัว ทรานนิสเตรียหวงแหนรากเหง้าของตัวเอง ไม่เอาด้วย จึงประกาศตัวเป็นเอกราชไม่ขึ้นกับใคร แถมแสดงท่าทีว่า ที่แท้ใจยังผูกพันธ์กับพี่ใหญ่รัสเซียมากกว่า ทรานนิสเตรีย มีพลเมืองแค่ประมาณไม่เกิน 6 แสนคน แบ่งเป็น 3 เชื้อสาย ในอัตราใกล้เคียงกัน คือ เป็นชาวมอนโดเวียน ชาวยูเครน และเป็นรัสเซียแท้ ที่เหลือเป็นชาวยิว และอื่นๆ ในปี ค.ศ.1992 คงจะเป็นจากส่วนผสมของพลเมืองที่ มีเชื้อสาย และความผูกพันต่างกัน ชาวทรานนิสเตรีย เจอลูกยุจากภายนอก ก็เกิดรบกันเอง รัสเซียในฐานะพี่ใหญ่ ก็ส่งกำลังทหารประมาณพันห้าร้อยคนเข้ามาเป็นกรรมการห้ามมวย หรือ peace keeper แล้วทรานนิสเตรียก็สงบเรียบร้อย ไม่มีการขว้างขวดปาอิฐใส่กันอีก ส่วนกรรมการห้ามมวยที่เข้ามาตั้ง แต่ตอนนั้น ก็ยังอยู่มาถึงตอนนี้ ไม่ได้กลับออกไป น่าจะมีตัวเล็กตัวน้อย งอกขึ้นมาเดินตามเป็นพรวน ยิ่งทำให้ทิ้งไปยาก และก็ทำให้รัสเซียกลายเป็นผู้เลี้ยงดู ส่งเสีย สาวร่างบางทรานนิสเตรียจนทุกวันนี้ สาวร่างบางก็ไม่ได้รังเกียจบ่นว่าอะไร พวกเขาก็ดูจะอยู่กันอย่างอบอุ่นดี คงเพราะดูอบอุ่นดีนี่แหละ เพื่อนบ้านที่เคยเป็นบ้านเดียวกันมาก่อน ก็ชักหมั่นไส้ มอนโดวา ซึ่งแม้จะเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต แต่ตอนหลังคิดว่าหญ้าฝั่งอียูเขียวกว่า เพราะถูกอเมริกาหลอกไว้แยะ แถมมีโรมาเนีย ลูกหาบชั้นปลายแถวของอเมริกาในแถบยุโรปตะวันออกกลาง คอยหนุน เลยประกาศเสียงดัง ให้รัสเซียได้ยินว่า ฉันจะไปอยู่กับทางนู้นแล้วนะ รัสเซียฟังแล้วก็แสดงอาการทองไม่รู้ร้อน อาการอย่างนี้ สร้างความเสียหน้าให้มอนโดวาเอาเรื่องอยู่ และมอนโดวาก็รอโอกาสที่จะเอาหน้าคืน มอนโดวา เปลี่ยนบทใหม่ หันไปชวนเพื่อนสาวร่างบาง ทรานนิสเตรีย ซึ่งก็ฉีกสัมพันธ์สะบั้นกันไปแล้ว กลับมาทำปากหวาน นี่เธอ เรากลับมารวมประเทศกันใหม่ดีมั้ย เธอไม่ควรไว้ใจรัสเซียมากกว่าฉันนะ ไม่งั้น เธอก็ควรไล่รัสเซียออกไปจากบ้านเธอ เพราะฉันไม่พอใจให้เขามาอยู่ใกล้บ้านฉันแบบนี้ เดียวมาจะผนวก บวกเอาฉันเข้าไปด้วย บทนี้เข้าใจว่า ไอ้นักล่าใบตองแห้งกับนาโต้ ไอ้เสือฟันหลอ คงเป็นคนเขียนโพยให้ ทรานนิสเตรียถึงจะจิ๋วแต่เจ๋ง ไม่เชื่อขี้หน้ามอนโดวา ตั้งแต่บัดนั้นถึงบัดนี้ พลเมืองทรานนิสเตรีย แม้จะต่างสายต่างเชื้อ แต่มาบัดนี้เข้าใจเล่ห์ลูกยุดี จึงยังเชื่อใจรัสเซียมากกว่า ทรานสนิสเตรีย ตอกกลับมอนโดวา นี่เธอมาจุ้นอะไร รัสเซียเขามาอยู่ในบ้านฉันนะ ไม่ใช่บ้านเธอ ฉันจะไปไล่เขาทำไม ก็ฉันชอบของฉัน ว่าแล้วก็ด่าไปอีก 2 คำ ข่าวที่ผมอ่าน เขาบอกว่า ทรานนิสเตรีย ถึงกับให้นิ้วกลางกับจอมจุ้นมอนโดวา พริกขี้หนูเม็ดจิ๋ว แต่เผ็ดถึงใจ อเมริกาและนาโต้ ที่เฝ้าดูการเคลื่อนไหวของรัสเซียในแถบนั้นอย่างใกล้ชิด ชนิดกันชนกระแทกกันหลายที ตั้งแต่อเมริกาเข้าไปอุ้มยูเครน ในปี ค.ศ.2004 มาถึงตอนนี้ คงแอบคิดอะไรอยู่ จึงเริ่มขยับ เดินหมากรอบใหม่ เหมือนอยากจะรุกรัสเซีย โดยใช้หมากตัวเดิม ชื่อ ยูเครน ที่มีข่าวว่า อาจจะกลายเป็นแดนสวรรค์ของบางกลุ่มชน พอจะเดาออกไหมครับ ############### ตอน 2 หมากยูเครน ซี่งเงื้อเก้อมานานจนเมื่อย เพราะคิดว่ารัสเซียจะมาออกกำลังใกล้ๆ แต่รัสเซียเพียงแค่ขยับขาแก้เหน็บกิน หลอกให้คุณช๊อกโกแลต วิ่งพล่านพุงกระเพื่อมเหงื่อแตกเล่นเท่านั้นเอง ยังไม่ได้ขยับจริงสักหน่อย แค่นั้น ก็เล่นเอาคุณช๊อกโกแลต ประธานาธิบดี Poroshenko ที่รวยมาจากการผลิตช๊อกโกแลต ชวดโอกาสแสดงผลงานเอาใจนายใหญ่ไปหลายที แต่คราวนี้ สงสัยนายใหญ่สั่งลุย ยูเครนมีการประชุมสภา เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม ที่ผ่านมา สภายูเครน มีมติไม่ให้ความร่วมมือกับรัสเซีย ทางการทหารและอื่นๆทั้งหมด เรื่องไม่ร่วมมือการทหารนี่ ไม่เกินความคาดหมายของรัสเซีย ทะเลาะกันมาขนาดนี้จะไปร่วมมือ กันลงยังไง แต่ไอ้ที่นายใหญ่เน้นมาคือ ให้หยุดความร่วมมือ ตามสัญญาที่ยูเครน ทำกับรัสเซีย เมื่อปี ค.ศ.1995 ที่ตกลงให้กองทัพรัสเซีย สามารถเคลื่อนพลผ่านยูเครน ทางด้านแคว้นโอเดสสา (Odessa) ไปยังทรานนิสตรียด้วย นี่เรียกว่าเป็นการลงมติ แบบเฉพาะเจาะจง จนออกนอกหน้า คุณช๊อกโกแลต คราวนี้มามาดใหม่ เหมือนอยากจะรบกับรัสเซียเต็มแก่ ถ้าการห้ามไม่ให้กองกำลังรักษาความสงบของรัสเซีย ผ่านยูเครน เข้าไปถึงทรานนิสเตรีย ยังไม่ทำให้คุณพี่ปูตินเลือดฝาดขึ้นจนหน้าเข้ม คุณช๊อกโกแลตก็มีอีกแผน เตรียมคนขุดหลุม ล่อฝาดรัสเซียแถมให้อีก เมื่อประมาณต้นเดือนมิถุนายนนี้ คุณช็อกโกแลต เพิ่งลงชื่อแต่งตั้ง นาย Mikheil Saakashvili อดีตประธานาธิบดีจอร์เจีย (Georgia) คู้แค้นของคุณพี่ปูติน ให้มาเป็นผู้ว่าการแคว้นโอเดสสา นี่เป็นการเจาะจง ทั้งเลือกคน และ เลือกสถานที่เลยนะ คุณ Saak นี่แกเคยจัดการงานนอกสั่ง เอาใจเจ้านาย ลงทุนยกทัพมายึดเมือง South Ossetia ในปี ค.ศ.2008 ยึดถูกที่ แต่ผิดเวลา คุณพี่ปูตินจึงซัดกลับ เล่นเอาคุณ Saak วิ่งกลับบ้านกางเกงเปียก แถมถูกคุณพี่ปูตินขู่เอาไว้ คราวนี้ จึงพร้อมที่จะมารับบทคนขุดหลุม ล่อฝาดรัสเซีย แม้จะอยู่กันคนประเทศ นับเป็นเรื่องที่แสดงความเห่ยที่สุด ของผู้จัดรายการ ส่วนรัสเซีย ในการดูแลทรานนิสเตรีย จำเป็นต้องขนกองกำลัง และอาวุธ เข้าไปสับเปลี่ยนหน่วยที่ประจำการ ที่ทรานนิสเตรียเป็นครั้งคราว ถ้าไม่ได้ผ่านเข้าทางเขตพื้นดินของยูเครนทางแคว้นโอเดสสา รัสเซียก็ต้องไปใช้ผ่านเข้าทางอากาศ โดยต้องผ่านเข้าไปที่ Chisinau เมืองหลวงของมอนโดวาแทน เมื่อข่าวเรื่องใบสั่งห้ามผ่าน ยูเครนลือกันทั่ว รัสเซียทดสอบสถานการณ์ ด้วยการไปเจรจากับมอนโดวา แหม ลูกบอลวิ่งเข้าตีน มอนโดวาบอก มาได้เลย แต่แล้วกลับกักตัวทหารรัสเซียไว้ บ้าง ส่งกลับออกไปบ้าง แต่ไม่กล้าเก็บไว้หมด กลัวได้ไม่คุ้มเสีย… แต่สำหรับรัสเซีย ถ้าใช้เส้นทางมอนโดวา ทหารรัสเซียคงไปไม่ถึงทรานนิสเตรีย หรือไปถึงช้าหน่อย ลูกเมียรอกันขี้มูกโป่ง คราวนี้ ถึงคิวที่ชาวทรานนิสเตรีย ขยับบ้าง พวกเขาออกมาเรียกร้องต่อคุณพี่ปูตินเมื่อสัปดาห์ที่แล้วอ ย่างไม่ต้องรอใบสั่งว่า อย่าทิ้งเรายามยากนะ อื้อฮือ แบบนี้ใครจะทิ้งน้องลง คุณพี่ปูตินเลยให้ นาย Dmitry Rogozin รองนายกรัฐมนตรีมาดนุ่ม ออกมายืนยัน ปลอบใจกับชาวทรานนิสเตรียว่า รัสเซียจะอยู่ที่นั่นตลอดเวลา เพื่อรักษาความมั่นคงของภูมิภาค บทนี้สมเป็นพระเอกจริงๆ เออ.. มันก็น่าสงสัย ยูเครน กับรัสเซีย เล่นเอากันชน กระแทกใส่กันมาตั้งแต่ ปี ค.ศ.2013 ให้ชาวบ้านตกใจ นึกว่าเขาจะปะทะกันจริงๆ เสร็จแล้ว ก็เหมือนมวยล้ม เลิกชกกันง่ายๆ แล้วนี่อยู่ๆ คุณช๊อกโกแลตก็ลุกขึ้นเต้นก๋า ท้าทายเขา เหมือนไปได้ยาโด๊ปช้ันดีมา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 13 มิ.ย. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 696 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพน้องโม มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าปลอม!!! (11/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ภาพแตงโม #แตงโมนิดา #เอกราช #เอกราชนามโภคิน #จับพิรุธคดีแตงโม #ทวงคืนความยุติธรรมให้แตงโม #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    ภาพน้องโม มองจากดาวอังคารก็รู้ว่าปลอม!!! (11/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #ภาพแตงโม #แตงโมนิดา #เอกราช #เอกราชนามโภคิน #จับพิรุธคดีแตงโม #ทวงคืนความยุติธรรมให้แตงโม #ข่าววันนี้ #ข่าวร้อน #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่อง ฉากใหม่
    “ฉากใหม่”

    (1)

    เมื่อต้นอาทิตย์ (7,8 เม.ย) เราได้เห็นรูปถ่าย และข่าว ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงฉากการเมืองระหว่างประเทศของไทยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

    เป็นรูปของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังยิ้ม อย่างที่เขาเรียกว่า ไม่ใช่ยิ้มแค่ปาก กับ นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนหน้าเฉย ตานิ่ง แต่คราวนี้ คุณหน้าเฉย ยิ้มออก คงเป็นยิ้ม ที่นานๆ จะหลุดมาให้เห็น จึงเป็นรูปที่น่าจะสร้างอารมณ์หลากหลายแก่ผู้ที่เห็น

    ผู้นำของรัสเซีย มาเป็นแขกของรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก หลังจากทิ้งช่วงห่างนานถึง 25 ปี หลังสงครามเย็น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ ก็เย็นตามอุณหภูมิ ที่กลุ่มผู้นำโลกฝั่งตะวันตกต้ังไว้ให้ สมันน้อยว่าง่าย เชื่อฟังลูกพี่ใหญ่เสมอ ไม่เคยคัดค้าน ขัดขืน หรือเปลี่ยนแปลง ปรอทแสดงอุณหภูมิความสัมพันธ์กับรัสเซีย ที่อเมริกาเป็นผู้มาติดต้ังและกำกับไว้ จึงเย็นยะเยือกค้างเป็นทางการ อยู่อย่างนั้น

    มาถึงเดือนเมษายน ปีนี้ ขณะที่บ้านเรากำลังอยู่กลางฤดูร้อน อุณหภูมิความร้อนของเดือนเมษายน ในไทย ร้อนแรงจนแสบตัว และอาจจะแสบไปทั้งหลัง และหัวใจของใครหลายคน แต่ระหว่างไทยรัสเซีย อุณหภูมิความสัมพันธ์ กลับเริ่มอุ่นกำลังดี ความเย็นชาค่อยๆจางออกไป การเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิระดับนี้ น่าจะเป็นข่าวใหญ่ไม่น้อย เพราะมันเกิดขึ้นนอกเหนือคำสั่งของลูกพี่ใหญ่ ปรอทจำกัดอุณภูมิ ที่ตั้งไว้ ใช้การไม่ได้เสียแล้ว แต่จะถาวร หรือชั่วคราว คงต้องติดตามดูกันต่อไป

    น่าสนใจ ที่สำนักข่าวใหญ่ๆ เกือบทั้งหมด หลีกเลี่ยงที่จะให้ความสนใจ ให้ราคากับข่าวปรอทเสียนี้ แม้ว่ามันอาจมีผลกระทบไม่น้อย กับการเมืองในภูมิภาคนี้ และอาจจะกระทบไปถึงการเมืองระดับโลกด้วย

    นายกรัฐมนตรีรัสเซีย บอกว่า ประเทศไทย เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่สุดของรัส เซียในเอเซียแปซิฟิก อีก 2 ปี เราจะได้ฉลองครบ 120 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแล้วนะ เราทั้ง 2 ประเทศ มาถึงตรงนี้ เพราะเรามีความเข้าใจในวัฒนธรรม ความเป็นเพื่อน และมีความเคารพให้แก่กัน คุณนายกหน้าเฉยเข้าใจพูด

    นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนคำสนทนาฉันท์มิตร ที่มีมารยาทแล้ว ไทยกับรัสเซีย ยังลงนามในบันทึกความเข้าใจ เกี่ยวกับการร่วมมือ ด้านการค้า การพลังงาน การลงทุน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และกฏหมาย อีกด้วย

    จากการสัมภาษณ์ คุณหน้าเฉย นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีรัสเซีย โดยนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อใหญ่ ซึ่งบอกว่า ไทยนับว่ารัสเซียเป็นเพื่อนแท้ เมื่อเทียบกับสัมพันธ์ระหว่างไทย กับเพื่อนตะวันตก ที่ตอนนี้กำลังออกรสเปรี้ยว หลังจากที่มีการปฏิวัติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร คุณหน้าเฉยตอบว่า เราให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในไทยนะ แต่เราให้ความสนใจอย่างเคารพ we do it with respect … เราแสดงออกอย่างผู้ที่เจริญแล้ว ….ประเทศที่เป็นเอกราช ก็ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศของตน ด้วยตนเอง

    อืม คุณหน้าเฉย นี่แกแสนสุภาพ แต่ คำที่พูดลอยฝากไปถึงใครนี่ เจ็บไม่เบา
    ส่วนนาย ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อ ยู เอส เอ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการมาของนายกรัฐมนตรีรัสเซียว่า เป็นการมาช่วยรักษาหน้าให้กับ พลเอก ประยุทธ ได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากไทยกำลังปกครองโดยรัฐบาลทหาร ที่มาจากการปฏิวัติ และรัสเซียก็เป็นตัวแทนของขั้วอำนาจคนละฝั่ง กับพวกตะวันตก ที่กำลังไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ นายฐิตินันท์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ (การเข้าไปซบจีน กับรัสเซีย) ได้ผลแค่ระยะสั้น ในการคานการแสดงออกของฝั่งตะวันตก แต่มันอาจจะมีผลกระทบในระยะใกลได้ ในฐานะเป็นมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เครื่องถ่ายเอกสาร ยังทำงานได้ดี สมยี่ห้อ

    สำหรับคนทั่วไปบ้านเรา อาจมีบางคน มองด้วยความหงุดหงิดว่า ลุงตู่กำลังทำอะไร เราจะเปลี่ยนไปคบกับรัสเซีย ไม่เอาอเมริกาเพื่อนเก่าแก่แล้วหรือ ลุงตู่ทำได้ไง ไว้ใจได้ที่ไหน รัสเซียน่ะมาเฟียโหดทั้งนั้นนะ ไปดูแถวพัทยา ภูเก็ต สิ เห็นแล้วสยอง จนขนลุกไปหมด

    แต่บางคนก็อาจถูกใจ บอก เออ หัดคบเพื่อนใหม่เสียบ้าง มัวแต่เชื่อไอ้ก๊วนปีกเหี่ยวใบตองแห้งอยู่ได้ ถูกมันต้มเปื่อยมา 60 กว่าปีแล้ว น่าจะเปลี่ยนนโยบายมานานแล้ว เผื่อเพื่อนเก่าจะได้รู้จักปรับปรุงตัว

    และก็อาจมีพวกที่ยังหลงยุค ตกข่าว มองด้วยความไม่สบอารมณ์ นี่เราไปคบกับรัสเซียได้ไง เขาเป็นคอมมูนิสต์นะ เดี๋ยวพวกอยากเปลี่ยนการปกครองไม่เอาสถาบัน ก็ตีปีกดีใจ นึกว่ามีพวกมาสนับสนุน แถมรัฐบาลยังไปต้อนรับยิ้มหวานกับเขาเสียอีก

    แต่ก็ยังคงมีอีกหลายคน ที่ไม่สนใจ ไม่รับรู้ว่า ลุงตู่กับคุณหน้าเฉย เขากำลังทำอะไรกัน ดี หรือไม่ดี กับประเทศของตัวอย่างไร เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องส่วนตัว หรือมัวแต่สนใจว่านางเอกสาวคนนั้น ตกลงเธอมีกิ๊กอยู่เมืองนอก หรือเมืองไทยกันแน่… เหล่านี้ เป็นเรื่องธรรมดาของ ผู้คนในแดนสมันน้อย

    และที่เราน่าจะสนใจกันบ้าง เพราะมันย่อมมีผลกระทบถึงบ้านเรา แน่นอน คือปฏิกิริยา ของเพื่อนเก่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ที่น่าจะกำลังเครียดจัด เพราะว่า เหยื่อ ที่อยู่ในกำมือมานาน และมีเค้าว่าจะต้องรับใช้งานสำคัญ อาจกำลังจะหลุดมือไป ข่าวลือว่า นักล่า ถึงกับส่งทีมมาหาข่าวหลายทีม หลายวงการ ยิ่งแถวโรงแรมใหญ่กลางเมือง ที่อยู่ใกล้ๆกัน 2 โรง ทีมหาข่าวแทบจะเดินชนกันตาย เดินแถวนั้น มันจะได้ข่าวอะไร แถวนั้นมันมีแต่ก๊อสสิบโฮโส ข่าวที่ได้มันถึงได้หยำเฟอะ เลอะเทอะ พาเอานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ได้ข่าวไขว้เขวไปหมด

    (2)

    มีอีกาคาบข่าว ไปบอกนักล่าใบตองแห้งมาพักใหญ่แล้วว่า สมันน้อยอาจไม่คิดอยู่ใต้ปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้ง แบบเป็นสมาชิกตลอดชีพอีกแล้ว สมันน้อยกำลังมองหาเพื่อนคนอื่นในป่าอันกว้างใหญ่นี้เหมือนกัน

    มันเป็นไปได้ยังไง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่เชื่อข่าวอีกา ก็เราครอบสมันน้อยจนอยู่หมัด ประกบทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกระทรวง ทุกกองทัพ ไม่มีหลุด แล้วมันจะหลุดมือ ไปได้ยังไง (โว้ย) นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้งปลอบใจตัวเอง ว่ามันคงเป็นแค่ข่าวลือ

    แต่พอรูปยิ้มหวาน ระหว่างคุณแก้มยุ้ย กับคุณหน้าเฉย ออกกระจายเต็มหน้าสื่อ เขาว่าวันนั้น อุณหภูมิแถวถนนวิทยุ ขึ้นสูงกว่าเขตอื่น ขนาดเอาน้ำใส่แก้ววางหน้าสถานทูต ไม่ต้องเสียเวลาต้ม แล้วนี่เราจะรายงานไปทางวอชิงตันว่าไง เราไปหาใคร ทุกคนก็บอกว่า เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรารักกัน เราไม่ทิ้งกัน แล้วรูปแบบนี้มันออกมาได้ไง

    มันเป็นการบังเอิญหรือไร เราเพิ่งบีบสมันน้อยจนเกือบจะ เละคามือ ให้เลิกกฏอัยการศึก สมันน้อยทำหน้าใสซื่อ บอกจะพิจารณาด่วน แล้วก็ยกเลิกจริง แต่ดันออก ม 44 ซึ่งร้อน และแรงกว่า กฏอัยการศึกอีก สมันน้อยไม่รู้เรื่อง หรือสมันน้อยย้อนเกล็ดเรา แล้วยังเอาไอ้หน้าเฉย มาบอกว่า เราเคารพการแก้ปัญหาภายในบ้านของผู้อื่น นี่มันเลิกกฏไม่ถึง 10 วัน มันเชิญคนมาแดกเราได้ มันเตี้ยมกันใช่ไหม
    ประมาณ 15 ปี ที่ผ่านมา นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง แม้จะซื้อไพ่ไว้ทุกใบตามสันดาน แต่เพราะเลือกใช้นโยบาย ยุให้แยก แยงจนแตก แล้วเข้าครอง นักล่าจึงให้ราคาไพ่บางใบ เกินราคาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดันไปประเมินว่า เป็นไพ่ที่จะทำให้ แดนสมันน้อยแตก และนักล่า จะได้เข้าครอบครองแดนสมันน้อยอ ย่างเบ็ดเสร็จ (เสียที) แต่ นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง คำนวณพลาด นอกจากให้ราคาเกิน จนขาดทุนย่อยยับแล้ว การพยายามเอาทุนคืนของนักล่าใบตองแห้ง ด้วยการเข้ามาเสือก มาวุ่นวายในบ้านเมืองของสมันน้อย อย่างไม่เห็นแก่หน้า และศักดิ์ศรีของเจ้าของบ้าน ยิ่งทำให้แผนเขมือบเมืองของนักล่า ทำท่าว่า จะไปไม่รอด

    ผ่านไปหลายวัน จนถึงวันนี้ ยังไม่มีข่าวว่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะแก้เกม ที่เสียแต้มอย่างหมดรูปคราวนี้อย่างไร รัสเซียมาเร็ว ด่า(ฝาก)เร็ว กลับเร็ว สมันน้อยซึ่งเคยอ้อยสร้อย คราวนี้กลับยกฉาก มาเปลี่ยนอย่างฉับไวเช่นเดียวกัน นานๆ จะทำให้นักล่า มึนรับประทานถึงกับยังไปไม่เป็น ยืนเซ่อ อยู่กลางสี่แยก

    แม้นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะยังยืนคาสี่แยก ยังไม่รู้จะหยิบบทไหนมาเล่นต่อ แต่ไม่ต้องห่วง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง มีเครื่องถ่ายเอกสารให้ใช้แยะ ให้มันออกมาเสี้ยมขัดตาทัพไปก่อน

    ลองอ่านการสัมภาษณ์ของ Deutsche Welle (DW) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ออกมาเร็วทันใจ โดยผู้ตอบคือ นาย Zachary Abuza นักค้นคว้าอิสระ และเป็นนักเขียน เรื่องการก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทย “The Insurgency in Southern Thailand” ซึ่งจัดพิมพ์โดย United States Institute of Peace

    นาย Abuza บอกว่า ขณะที่ หลายประเทศทางตะวันตก กระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง ที่จะทำธุรกิจกับรัฐบาลทหารของไทย รัฐบาลไทย ก็เลยต้องเบนเข็มไปทางรัสเซียและจีน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ฉวยโอกาสนี้ หาประโยชน์ให้ตัวเสียด้วย

    เขาว่า การมาของรัสเซีย ไม่มีอะไรทางเนื้อหาสาระหรอก มันเป็นเชิงสัญลักษญ์เสียมากกว่า กรุงเทพฯ กำลังส่งสัญญานไปทางวอชิงตัน ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญา
    ( treaty ally) ว่าตนเองก็มีทางเลือกนะ เท่านั้นเอง นอกจากนี้ สัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทหารของไทยกับจีนที่กำลังงอกงาม เพราะไทยกำลังจะซื้ออาวุธจากจีน และจีน ก็กำลังจีบไทยเพื่อจะเข้ามาใช้ฐานทัพที่สัตตหีบ (อู่ตะเภา) ของไทย โดยจีนจะเป็นผู้ออกเงินปรับปรุงฐานทัพให้

    นาย Abuza สาธยายต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยก็กำลังแย่ เพราะนักลงทุนจากตะวันตก และญี่ปุ่น ต่างเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้า ไปเวียตนาม ฟิลิปปีนส์ และอินโดนีเซียแทน
    ส่วนเป้าหมายของรัสเซีย ก็คือต้องการส่งสัญญานไปถึงวอชิงตันว่า อำนาจของรัสเซีย ก็มีไปทั่วโลก แม้แต่ในภูมิภาค ที่อเมริกาคิดว่ามีแต่เพื่อนของตน และขณะที่สัมพันธ์ของอเมริกา/เวียตนาม กำลังดีวันดีคืน รัสเซียก็จะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่รัสเซียให้กับเวียตนาม มันก็เช่นเดียวกัน เหมือนกับที่รัสเซียกำลังสนุกสนาน กับการอ้าแขนรับของไทย ซึ่งเป็นมิตรกับอเมริกามายาวนาน ด้วยค่าใช้จ่ายของอเมริกา

    เป็นไงครับ บททวงบุญุคุญรายการนี้ไม่เบาเลย พูดซะผมเกือบเคลิ้ม ถ้าไม่พล่ามจนมั่วเรื่องนักลงทุนหนีไทย ไปใช้ฟิลิปปินส์ ผมคงเชื่อหมดจนตกเก้าอี้ สร้างโรงงานสู้ใต้ฝุ่น สนุก ฉ.ห. เลย อย่าลืมเอาอุปกรณ์ช่วยชีวิตแจกคนงานไว้ล่วงหน้าด้วยแล้วกัน

    (3)

    น่าสนใจ การเดินหมากของฝ่ายอเมริกา กับ จีน/รัส เซีย ในภูมิภาคแปซิฟิก อเมริกาประกาศว่า เราเป็นเจ้าแห่ง แปซิฟิก และจะเป็นอยู่ตลอดไป เราไม่เคยหายไปไหน ขนาดไม่หายไปไหน แต่เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ผ่านมา เจ้าแห่งแปซิฟิก ดูเหมือนจะถูกอีกฝ่ายเดินเกม ลูบคมเสียหน้าม้าน เสียไปหลายหมาก ยังแก้ไม่ได้ จากนี้ไป ไม่รู้ว่าแปซิฟิกจะร้อนตามตะวันออกกลางหรือไม่

    ก่อนมาเมืองไทย คุณหน้าเฉยแวะไปเยี่ยมเวียตนามก่อน ไปจับมือเวียตนาม ที่เขาลือว่าเลือกซบปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้งเรียบร้อย แล้ว ข่าวว่าคุณหน้าเฉย ทำหน้าเฉยถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ตกลงฐานทัพที่ Cam Rahn Bay น่ะ จะให้อเมริกามาใช้ หรือ จะให้รัสเซียใช้ เวียตนามบอกว่า ไม่น่าต้องถาม ใครถล่มเราจนราบไปทั้งเมือง และใครช่วยเรา เราแยกแยะได้ยามจำเป็น และยามจำเป็นน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ประโยคหลังนี่ ผมเดาเอาจากสีหน้า ของพณะนายกรัฐมนตรีเวียตนาม ที่ยากจะบรรยาย

    และวันเดียวกันกับที่ คุณหน้าเฉยเดินทางออกจากเวียตนาม มาเมืองไทย คุณหน้าเซียว นายAsh Carter รัฐมนตรีกลาโหม คนใหม่ของอเมริกา เพิ่งแกะออกจากกล่องหมาดๆ ก็มีรายการเดินสายเข้ามาเยี่ยมแปซิฟิก คร้ังแรกในฐานะพณะท่านเหมือนกัน พณะหน้าเซียว แวะเยี่ยมลูกเลี้ยงทั้ง 2 แห่ง วันอังคารที่ 7 เมษา เยี่ยมญี่ปุ่น วันพฤหัสที่ 9 เมษา เยี่ยมเกาหลีใต้

    ก่อนมาถึงเกาหลีใต้ พณะหน้าเซียว ได้รับการต้อนรับอย่างน่าประทับใจ น้องคิมของผมส่งของขวัญไปให้ จากเกาหลีเหนือ เป็นการทดลองยิงจรวดระยะใกล้ ข้ามมาลงกลางทะเลใกล้เกาหลีใต้ วันอังคาร น้องคิมส่งให้ 2 ลูก น้องคิมไม่แน่ใจ เกรงว่าของขวัญจะน้อยไป วันศุกร์เลยเพิ่มจำนวน ส่งไป 4 ลูก เล่นเอา พณะรัฐมนตรีเพิ่งออกจากกล่อง ถึงกับรำพึงว่า ถ้าไอ้ที่เขายิงทดลองมานี่ เป็นการต้อนรับผม ผมก็เป็นปลื้มนะ ปลื้มจนหน้าเซียวเพิ่มระดับ
    เรื่อง ฉากใหม่ “ฉากใหม่” (1) เมื่อต้นอาทิตย์ (7,8 เม.ย) เราได้เห็นรูปถ่าย และข่าว ที่แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงฉากการเมืองระหว่างประเทศของไทยที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เป็นรูปของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย กำลังยิ้ม อย่างที่เขาเรียกว่า ไม่ใช่ยิ้มแค่ปาก กับ นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนหน้าเฉย ตานิ่ง แต่คราวนี้ คุณหน้าเฉย ยิ้มออก คงเป็นยิ้ม ที่นานๆ จะหลุดมาให้เห็น จึงเป็นรูปที่น่าจะสร้างอารมณ์หลากหลายแก่ผู้ที่เห็น ผู้นำของรัสเซีย มาเป็นแขกของรัฐบาลไทยอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรก หลังจากทิ้งช่วงห่างนานถึง 25 ปี หลังสงครามเย็น ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ ก็เย็นตามอุณหภูมิ ที่กลุ่มผู้นำโลกฝั่งตะวันตกต้ังไว้ให้ สมันน้อยว่าง่าย เชื่อฟังลูกพี่ใหญ่เสมอ ไม่เคยคัดค้าน ขัดขืน หรือเปลี่ยนแปลง ปรอทแสดงอุณหภูมิความสัมพันธ์กับรัสเซีย ที่อเมริกาเป็นผู้มาติดต้ังและกำกับไว้ จึงเย็นยะเยือกค้างเป็นทางการ อยู่อย่างนั้น มาถึงเดือนเมษายน ปีนี้ ขณะที่บ้านเรากำลังอยู่กลางฤดูร้อน อุณหภูมิความร้อนของเดือนเมษายน ในไทย ร้อนแรงจนแสบตัว และอาจจะแสบไปทั้งหลัง และหัวใจของใครหลายคน แต่ระหว่างไทยรัสเซีย อุณหภูมิความสัมพันธ์ กลับเริ่มอุ่นกำลังดี ความเย็นชาค่อยๆจางออกไป การเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิระดับนี้ น่าจะเป็นข่าวใหญ่ไม่น้อย เพราะมันเกิดขึ้นนอกเหนือคำสั่งของลูกพี่ใหญ่ ปรอทจำกัดอุณภูมิ ที่ตั้งไว้ ใช้การไม่ได้เสียแล้ว แต่จะถาวร หรือชั่วคราว คงต้องติดตามดูกันต่อไป น่าสนใจ ที่สำนักข่าวใหญ่ๆ เกือบทั้งหมด หลีกเลี่ยงที่จะให้ความสนใจ ให้ราคากับข่าวปรอทเสียนี้ แม้ว่ามันอาจมีผลกระทบไม่น้อย กับการเมืองในภูมิภาคนี้ และอาจจะกระทบไปถึงการเมืองระดับโลกด้วย นายกรัฐมนตรีรัสเซีย บอกว่า ประเทศไทย เป็นเพื่อนเก่าแก่ที่สุดของรัส เซียในเอเซียแปซิฟิก อีก 2 ปี เราจะได้ฉลองครบ 120 ปี ของความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศแล้วนะ เราทั้ง 2 ประเทศ มาถึงตรงนี้ เพราะเรามีความเข้าใจในวัฒนธรรม ความเป็นเพื่อน และมีความเคารพให้แก่กัน คุณนายกหน้าเฉยเข้าใจพูด นอกเหนือจากการแลกเปลี่ยนคำสนทนาฉันท์มิตร ที่มีมารยาทแล้ว ไทยกับรัสเซีย ยังลงนามในบันทึกความเข้าใจ เกี่ยวกับการร่วมมือ ด้านการค้า การพลังงาน การลงทุน การท่องเที่ยว วัฒนธรรม และกฏหมาย อีกด้วย จากการสัมภาษณ์ คุณหน้าเฉย นาย Dmitry Medvedev นายกรัฐมนตรีรัสเซีย โดยนายสุทธิชัย หยุ่น สื่อใหญ่ ซึ่งบอกว่า ไทยนับว่ารัสเซียเป็นเพื่อนแท้ เมื่อเทียบกับสัมพันธ์ระหว่างไทย กับเพื่อนตะวันตก ที่ตอนนี้กำลังออกรสเปรี้ยว หลังจากที่มีการปฏิวัติ เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านมีความเห็นว่าอย่างไร คุณหน้าเฉยตอบว่า เราให้ความสนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นในไทยนะ แต่เราให้ความสนใจอย่างเคารพ we do it with respect … เราแสดงออกอย่างผู้ที่เจริญแล้ว ….ประเทศที่เป็นเอกราช ก็ต้องแก้ปัญหาภายในประเทศของตน ด้วยตนเอง อืม คุณหน้าเฉย นี่แกแสนสุภาพ แต่ คำที่พูดลอยฝากไปถึงใครนี่ เจ็บไม่เบา ส่วนนาย ฐิตินันท์ พงศ์สุทธิรักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันศึกษาความมั่นคงและนานาชาติ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เครื่องถ่ายเอกสารยี่ห้อ ยู เอส เอ ให้ความเห็นเกี่ยวกับการมาของนายกรัฐมนตรีรัสเซียว่า เป็นการมาช่วยรักษาหน้าให้กับ พลเอก ประยุทธ ได้ไม่น้อย แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้น เนื่องจากไทยกำลังปกครองโดยรัฐบาลทหาร ที่มาจากการปฏิวัติ และรัสเซียก็เป็นตัวแทนของขั้วอำนาจคนละฝั่ง กับพวกตะวันตก ที่กำลังไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลของ พลเอก ประยุทธ์ นายฐิตินันท์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า สิ่งที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ (การเข้าไปซบจีน กับรัสเซีย) ได้ผลแค่ระยะสั้น ในการคานการแสดงออกของฝั่งตะวันตก แต่มันอาจจะมีผลกระทบในระยะใกลได้ ในฐานะเป็นมิตรเก่าแก่ที่สุดของอเมริกาในภูมิภาคนี้ เครื่องถ่ายเอกสาร ยังทำงานได้ดี สมยี่ห้อ สำหรับคนทั่วไปบ้านเรา อาจมีบางคน มองด้วยความหงุดหงิดว่า ลุงตู่กำลังทำอะไร เราจะเปลี่ยนไปคบกับรัสเซีย ไม่เอาอเมริกาเพื่อนเก่าแก่แล้วหรือ ลุงตู่ทำได้ไง ไว้ใจได้ที่ไหน รัสเซียน่ะมาเฟียโหดทั้งนั้นนะ ไปดูแถวพัทยา ภูเก็ต สิ เห็นแล้วสยอง จนขนลุกไปหมด แต่บางคนก็อาจถูกใจ บอก เออ หัดคบเพื่อนใหม่เสียบ้าง มัวแต่เชื่อไอ้ก๊วนปีกเหี่ยวใบตองแห้งอยู่ได้ ถูกมันต้มเปื่อยมา 60 กว่าปีแล้ว น่าจะเปลี่ยนนโยบายมานานแล้ว เผื่อเพื่อนเก่าจะได้รู้จักปรับปรุงตัว และก็อาจมีพวกที่ยังหลงยุค ตกข่าว มองด้วยความไม่สบอารมณ์ นี่เราไปคบกับรัสเซียได้ไง เขาเป็นคอมมูนิสต์นะ เดี๋ยวพวกอยากเปลี่ยนการปกครองไม่เอาสถาบัน ก็ตีปีกดีใจ นึกว่ามีพวกมาสนับสนุน แถมรัฐบาลยังไปต้อนรับยิ้มหวานกับเขาเสียอีก แต่ก็ยังคงมีอีกหลายคน ที่ไม่สนใจ ไม่รับรู้ว่า ลุงตู่กับคุณหน้าเฉย เขากำลังทำอะไรกัน ดี หรือไม่ดี กับประเทศของตัวอย่างไร เพราะมัวแต่ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องส่วนตัว หรือมัวแต่สนใจว่านางเอกสาวคนนั้น ตกลงเธอมีกิ๊กอยู่เมืองนอก หรือเมืองไทยกันแน่… เหล่านี้ เป็นเรื่องธรรมดาของ ผู้คนในแดนสมันน้อย และที่เราน่าจะสนใจกันบ้าง เพราะมันย่อมมีผลกระทบถึงบ้านเรา แน่นอน คือปฏิกิริยา ของเพื่อนเก่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ที่น่าจะกำลังเครียดจัด เพราะว่า เหยื่อ ที่อยู่ในกำมือมานาน และมีเค้าว่าจะต้องรับใช้งานสำคัญ อาจกำลังจะหลุดมือไป ข่าวลือว่า นักล่า ถึงกับส่งทีมมาหาข่าวหลายทีม หลายวงการ ยิ่งแถวโรงแรมใหญ่กลางเมือง ที่อยู่ใกล้ๆกัน 2 โรง ทีมหาข่าวแทบจะเดินชนกันตาย เดินแถวนั้น มันจะได้ข่าวอะไร แถวนั้นมันมีแต่ก๊อสสิบโฮโส ข่าวที่ได้มันถึงได้หยำเฟอะ เลอะเทอะ พาเอานักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ได้ข่าวไขว้เขวไปหมด (2) มีอีกาคาบข่าว ไปบอกนักล่าใบตองแห้งมาพักใหญ่แล้วว่า สมันน้อยอาจไม่คิดอยู่ใต้ปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้ง แบบเป็นสมาชิกตลอดชีพอีกแล้ว สมันน้อยกำลังมองหาเพื่อนคนอื่นในป่าอันกว้างใหญ่นี้เหมือนกัน มันเป็นไปได้ยังไง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง ไม่เชื่อข่าวอีกา ก็เราครอบสมันน้อยจนอยู่หมัด ประกบทุกพรรค ทุกพวก ทุกกลุ่ม ทุกกระทรวง ทุกกองทัพ ไม่มีหลุด แล้วมันจะหลุดมือ ไปได้ยังไง (โว้ย) นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้งปลอบใจตัวเอง ว่ามันคงเป็นแค่ข่าวลือ แต่พอรูปยิ้มหวาน ระหว่างคุณแก้มยุ้ย กับคุณหน้าเฉย ออกกระจายเต็มหน้าสื่อ เขาว่าวันนั้น อุณหภูมิแถวถนนวิทยุ ขึ้นสูงกว่าเขตอื่น ขนาดเอาน้ำใส่แก้ววางหน้าสถานทูต ไม่ต้องเสียเวลาต้ม แล้วนี่เราจะรายงานไปทางวอชิงตันว่าไง เราไปหาใคร ทุกคนก็บอกว่า เรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เรารักกัน เราไม่ทิ้งกัน แล้วรูปแบบนี้มันออกมาได้ไง มันเป็นการบังเอิญหรือไร เราเพิ่งบีบสมันน้อยจนเกือบจะ เละคามือ ให้เลิกกฏอัยการศึก สมันน้อยทำหน้าใสซื่อ บอกจะพิจารณาด่วน แล้วก็ยกเลิกจริง แต่ดันออก ม 44 ซึ่งร้อน และแรงกว่า กฏอัยการศึกอีก สมันน้อยไม่รู้เรื่อง หรือสมันน้อยย้อนเกล็ดเรา แล้วยังเอาไอ้หน้าเฉย มาบอกว่า เราเคารพการแก้ปัญหาภายในบ้านของผู้อื่น นี่มันเลิกกฏไม่ถึง 10 วัน มันเชิญคนมาแดกเราได้ มันเตี้ยมกันใช่ไหม ประมาณ 15 ปี ที่ผ่านมา นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง แม้จะซื้อไพ่ไว้ทุกใบตามสันดาน แต่เพราะเลือกใช้นโยบาย ยุให้แยก แยงจนแตก แล้วเข้าครอง นักล่าจึงให้ราคาไพ่บางใบ เกินราคาอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะดันไปประเมินว่า เป็นไพ่ที่จะทำให้ แดนสมันน้อยแตก และนักล่า จะได้เข้าครอบครองแดนสมันน้อยอ ย่างเบ็ดเสร็จ (เสียที) แต่ นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง คำนวณพลาด นอกจากให้ราคาเกิน จนขาดทุนย่อยยับแล้ว การพยายามเอาทุนคืนของนักล่าใบตองแห้ง ด้วยการเข้ามาเสือก มาวุ่นวายในบ้านเมืองของสมันน้อย อย่างไม่เห็นแก่หน้า และศักดิ์ศรีของเจ้าของบ้าน ยิ่งทำให้แผนเขมือบเมืองของนักล่า ทำท่าว่า จะไปไม่รอด ผ่านไปหลายวัน จนถึงวันนี้ ยังไม่มีข่าวว่า นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะแก้เกม ที่เสียแต้มอย่างหมดรูปคราวนี้อย่างไร รัสเซียมาเร็ว ด่า(ฝาก)เร็ว กลับเร็ว สมันน้อยซึ่งเคยอ้อยสร้อย คราวนี้กลับยกฉาก มาเปลี่ยนอย่างฉับไวเช่นเดียวกัน นานๆ จะทำให้นักล่า มึนรับประทานถึงกับยังไปไม่เป็น ยืนเซ่อ อยู่กลางสี่แยก แม้นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง จะยังยืนคาสี่แยก ยังไม่รู้จะหยิบบทไหนมาเล่นต่อ แต่ไม่ต้องห่วง นักล่าปีกเหี่ยวใบตองแห้ง มีเครื่องถ่ายเอกสารให้ใช้แยะ ให้มันออกมาเสี้ยมขัดตาทัพไปก่อน ลองอ่านการสัมภาษณ์ของ Deutsche Welle (DW) เมื่อวันที่ 8 เมษายน ออกมาเร็วทันใจ โดยผู้ตอบคือ นาย Zachary Abuza นักค้นคว้าอิสระ และเป็นนักเขียน เรื่องการก่อความไม่สงบทางภาคใต้ของไทย “The Insurgency in Southern Thailand” ซึ่งจัดพิมพ์โดย United States Institute of Peace นาย Abuza บอกว่า ขณะที่ หลายประเทศทางตะวันตก กระอักกระอ่วนใจอย่างยิ่ง ที่จะทำธุรกิจกับรัฐบาลทหารของไทย รัฐบาลไทย ก็เลยต้องเบนเข็มไปทางรัสเซียและจีน ซึ่งทั้ง 2 ประเทศก็ฉวยโอกาสนี้ หาประโยชน์ให้ตัวเสียด้วย เขาว่า การมาของรัสเซีย ไม่มีอะไรทางเนื้อหาสาระหรอก มันเป็นเชิงสัญลักษญ์เสียมากกว่า กรุงเทพฯ กำลังส่งสัญญานไปทางวอชิงตัน ซึ่งเป็นพันธมิตรตามสนธิสัญญา ( treaty ally) ว่าตนเองก็มีทางเลือกนะ เท่านั้นเอง นอกจากนี้ สัมพันธ์ระหว่างฝ่ายทหารของไทยกับจีนที่กำลังงอกงาม เพราะไทยกำลังจะซื้ออาวุธจากจีน และจีน ก็กำลังจีบไทยเพื่อจะเข้ามาใช้ฐานทัพที่สัตตหีบ (อู่ตะเภา) ของไทย โดยจีนจะเป็นผู้ออกเงินปรับปรุงฐานทัพให้ นาย Abuza สาธยายต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยก็กำลังแย่ เพราะนักลงทุนจากตะวันตก และญี่ปุ่น ต่างเปลี่ยนทิศ มุ่งหน้า ไปเวียตนาม ฟิลิปปีนส์ และอินโดนีเซียแทน ส่วนเป้าหมายของรัสเซีย ก็คือต้องการส่งสัญญานไปถึงวอชิงตันว่า อำนาจของรัสเซีย ก็มีไปทั่วโลก แม้แต่ในภูมิภาค ที่อเมริกาคิดว่ามีแต่เพื่อนของตน และขณะที่สัมพันธ์ของอเมริกา/เวียตนาม กำลังดีวันดีคืน รัสเซียก็จะไม่ยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่รัสเซียให้กับเวียตนาม มันก็เช่นเดียวกัน เหมือนกับที่รัสเซียกำลังสนุกสนาน กับการอ้าแขนรับของไทย ซึ่งเป็นมิตรกับอเมริกามายาวนาน ด้วยค่าใช้จ่ายของอเมริกา เป็นไงครับ บททวงบุญุคุญรายการนี้ไม่เบาเลย พูดซะผมเกือบเคลิ้ม ถ้าไม่พล่ามจนมั่วเรื่องนักลงทุนหนีไทย ไปใช้ฟิลิปปินส์ ผมคงเชื่อหมดจนตกเก้าอี้ สร้างโรงงานสู้ใต้ฝุ่น สนุก ฉ.ห. เลย อย่าลืมเอาอุปกรณ์ช่วยชีวิตแจกคนงานไว้ล่วงหน้าด้วยแล้วกัน (3) น่าสนใจ การเดินหมากของฝ่ายอเมริกา กับ จีน/รัส เซีย ในภูมิภาคแปซิฟิก อเมริกาประกาศว่า เราเป็นเจ้าแห่ง แปซิฟิก และจะเป็นอยู่ตลอดไป เราไม่เคยหายไปไหน ขนาดไม่หายไปไหน แต่เพียงแค่อาทิตย์เดียวที่ผ่านมา เจ้าแห่งแปซิฟิก ดูเหมือนจะถูกอีกฝ่ายเดินเกม ลูบคมเสียหน้าม้าน เสียไปหลายหมาก ยังแก้ไม่ได้ จากนี้ไป ไม่รู้ว่าแปซิฟิกจะร้อนตามตะวันออกกลางหรือไม่ ก่อนมาเมืองไทย คุณหน้าเฉยแวะไปเยี่ยมเวียตนามก่อน ไปจับมือเวียตนาม ที่เขาลือว่าเลือกซบปีกเหี่ยวๆของนักล่าใบตองแห้งเรียบร้อย แล้ว ข่าวว่าคุณหน้าเฉย ทำหน้าเฉยถามตรงๆ ไม่อ้อมค้อม ตกลงฐานทัพที่ Cam Rahn Bay น่ะ จะให้อเมริกามาใช้ หรือ จะให้รัสเซียใช้ เวียตนามบอกว่า ไม่น่าต้องถาม ใครถล่มเราจนราบไปทั้งเมือง และใครช่วยเรา เราแยกแยะได้ยามจำเป็น และยามจำเป็นน่าจะใกล้มาถึงแล้ว ประโยคหลังนี่ ผมเดาเอาจากสีหน้า ของพณะนายกรัฐมนตรีเวียตนาม ที่ยากจะบรรยาย และวันเดียวกันกับที่ คุณหน้าเฉยเดินทางออกจากเวียตนาม มาเมืองไทย คุณหน้าเซียว นายAsh Carter รัฐมนตรีกลาโหม คนใหม่ของอเมริกา เพิ่งแกะออกจากกล่องหมาดๆ ก็มีรายการเดินสายเข้ามาเยี่ยมแปซิฟิก คร้ังแรกในฐานะพณะท่านเหมือนกัน พณะหน้าเซียว แวะเยี่ยมลูกเลี้ยงทั้ง 2 แห่ง วันอังคารที่ 7 เมษา เยี่ยมญี่ปุ่น วันพฤหัสที่ 9 เมษา เยี่ยมเกาหลีใต้ ก่อนมาถึงเกาหลีใต้ พณะหน้าเซียว ได้รับการต้อนรับอย่างน่าประทับใจ น้องคิมของผมส่งของขวัญไปให้ จากเกาหลีเหนือ เป็นการทดลองยิงจรวดระยะใกล้ ข้ามมาลงกลางทะเลใกล้เกาหลีใต้ วันอังคาร น้องคิมส่งให้ 2 ลูก น้องคิมไม่แน่ใจ เกรงว่าของขวัญจะน้อยไป วันศุกร์เลยเพิ่มจำนวน ส่งไป 4 ลูก เล่นเอา พณะรัฐมนตรีเพิ่งออกจากกล่อง ถึงกับรำพึงว่า ถ้าไอ้ที่เขายิงทดลองมานี่ เป็นการต้อนรับผม ผมก็เป็นปลื้มนะ ปลื้มจนหน้าเซียวเพิ่มระดับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 949 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สม รังสี” ประกาศตั้ง “รัฐบาลกัมพูชาอิสระ 23 ตุลาคม” เคลื่อนไหวทั้งใต้ดินบนดิน นำหลักการข้อตกลงสันติภาพปารีสปี 2534 มาปกครองกัมพูชา ขับไล่ “ระบอบฮุนเซน” ที่ทำลายประชาธิปไตย สมคบกับโจรเปลี่ยนกัมพูชาเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมระดับโลก ย้ำกัมพูชาต้องได้เอกราชโดยสมบูรณ์ เป็นกลาง ปิดฐานทัพเรือเรียมของจีนและฐานทัพต่างประเทศอื่นๆ ทั้งหมด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000101325

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    “สม รังสี” ประกาศตั้ง “รัฐบาลกัมพูชาอิสระ 23 ตุลาคม” เคลื่อนไหวทั้งใต้ดินบนดิน นำหลักการข้อตกลงสันติภาพปารีสปี 2534 มาปกครองกัมพูชา ขับไล่ “ระบอบฮุนเซน” ที่ทำลายประชาธิปไตย สมคบกับโจรเปลี่ยนกัมพูชาเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมระดับโลก ย้ำกัมพูชาต้องได้เอกราชโดยสมบูรณ์ เป็นกลาง ปิดฐานทัพเรือเรียมของจีนและฐานทัพต่างประเทศอื่นๆ ทั้งหมด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000101325 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 568 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6”
    ซาอุดิ 2
ชาวเกาะใหญ่ฯ ใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company (APOC) และ Turkish Petroleum Company (TPC) เป็นตัวแทนในการควบคุมแหล่งน้ำมันที่ตัวเองฮุบมาในอิหร่านและอิรัก
    ใน ส่วนของ Turkish Petroleum เอง อังกฤษใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company ถือหุ้น 47.5% ที่เหลือเป็นของพวกดัชท์ 22.5% ฝรั่งเศส 25% และอาร์มาเนียน 5% เมื่อแบ่งให้อเมริกาไป 23.75% ส่วนของอังกฤษอย่างเป็นทางการจึงเหลือ 23.75% เท่ากับอเมริกา เหมือนนักล่าชาวเกาะใหญ่ฯจะใจดีกับอเมริกานักล่ารุ่นใหม่ เกินสันดาน
    อังกฤษ ไม่ได้แบ่งหุ้นให้อเมริกาด้วยความเสน่หา แต่เป็นการล่อให้อเมริกาเดินเข้า ไปติดกับดัก ที่วางเอาล่อไว้ ผู้ถือหุ้นใน Turkish Petroleum Company (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company) ต้องเซ็นสัญญาเรียกว่า Red Line Agreement ห้ามผู้ถือหุ้นแข่งขันกันขุดน้ำมัน ในบริเวณต้องห้าม คือ ตุรกี อิรัก เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ และซาอุดิอารเบีย รายหลังนี่สำคัญ แหม! คุณพี่ชาวเกาะฯ แบบนี้มันก็เกือบหมดตะวันออกกลางไปแล้ว ถึงว่า เหมือนจะใจดีกับน้องใหม่ ที่ไหนได้ เขารักกันแบบนี้เอง !
    บังเอิญ Gulf Oil บริษัทน้ำมัน ไม่ใหญ่ไม่เล็กของอเมริกา เกิดไปได้สัมปทานจากบาห์เรน และคูเวต อังกฤษชาวเกาะใหญ่ฯ ก็คัดค้านอีก อ้าว ! ก็ไม่อยู่ในเขตเส้นแดงต้องห้ามนี่หว่า จะมาโวยวายได้ไง Gulf Oil ขอให้กระทรวงต่างประเทศของอเมริกา เข้ามาช่วยจัดการ
    ในที่สุด Gulf Oil ก็โอนสิทธิสัมปทานที่ได้มาจากบาห์เรน ให้แก่ Standard Oil of California (SOCAL) ที่ไม่อยู่ในสัญญา Red Line อังกฤษถึงกับอ้าปากค้าง พูดไม่ออก นี่ถ้ารู้ว่า Gulf Oil ก็คือหน้าม้าของ Standard Oil ที่ตั้งขึ้น เพื่อแอบยื่นเท้าเข้าไปในบาห์เรน ไม่ให้อังกฤษรู้ตัว อังกฤษคงถึงกับช้ำใน SOCAL ใส่เสื้อเกราะหลายชั้น ทั้งปลอมตัว ทั้งเลี่ยงกฏหมาย ตั้งบริษัท ใหม่ ชื่อ Bahrain Petroleum Company ตามกฏหมายของแคนาดา มารับสัมปทานจากบาห์เรนแทน ค.ศ.1932 Bahrain Petroleum Company ก็เริ่มขุดน้ำมันได้
    อเมริกาเร่งเครื่อง รุกต่อที่คูเวต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นรัฐที่อยู่ในอาณัติปกครองของอังกฤษ อังกฤษเองกำลังปวดหัว กับการเริ่มลุกขึ้นมาแข็งข้อของ พวกอาหรับ คิดยี่ต๋อกแล้ว มีอเมริกามาเป็นพวก แถมมีโอกาสได้น้ำมันเพิ่ม น่าจะแสดงเดี่ยว ในที่สุด ค.ศ.1934 อเมริกา อังกฤษ ก็จับมือกันตั้ง Kuwait Oil Company ถือหุ้นฝ่ายละ 50 เท่ากัน
    น้ำมันในบาห์เรน ทำให้อเมริกานักล่าหน้าใหม่ถึงกับซูดปาก ฉวยโอกาสขณะที่อังกฤษกำลังโดนศอกจากเหยื่อ เอะ ! หรืออเมริกาช่วยสอนวิธีศอกกลับ ให้พวกเหยื่อของชาวเกาะใหญ่ด้วย Standard Oil of California (SOCAL) ไม่ได้ถูกล็อคคอทำสัญญาเขตเส้นแดง แอบไปคอยดักคำนับ สวัสดีกับ King Ibn Saud ของซาอุดิอารเบีย
    แม้ซาอุดิอารเบียจะตั้งเป็นรัฐเอกราชตั้งแต่ ค.ศ.1931 แต่อเมริกาก็ยังไม่เคยมีสัมพันธ์อย่างเป็นทางการด้วย อเมริกาถือว่าเป็นนักล่าหน้าใหม่ กำลังเรียนงาน เรียนวิธีล่าเหยื่อจากลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ การเรียนวิธีการล่าเหยื่อของอเมริกาน่าสนใจ
    ขณะนั้นอเมริกาส่งนาย Bert Fish เข้าเป็นกงสุลอยู่ในอิยิปต์ มีหน้าที่สอดส่องกิจกรรมแถบตะวันออกกลาง คุณ Fish คงเคยอยู่แต่ในน้ำ มาว่ายแถวทะเลทรายเลยไม่คล่องตัว เขาเคยไปเยี่ยมเมือง Jidda ของซาอุดิอารเบีย 1 ครั้ง ได้มีโอกาสพบผู้ก่อตั้งและผู้นำรัฐ คือ กษัตริย์ Alb al-Aziz bin al-Rahman al-Saud หรือเรียกย่อๆว่า Ibn Saud แต่คุณปลามองผ่าน โดยไม่รู้ตัวว่าเดินไปสะดุดเอาเจ้าของแหล่งใหญ่ ของสิ่งมหัศจรรย์มีค่าของโลก คงนั่งรอให้น้ำขึ้นกลางทะเลทรายไปเรื่อยๆ
    แต่กลับกลายเป็น กษัตริย์ Ibn Saud เองที่เล็งเห็นอาวุธที่มองหามานาน
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6” ซาอุดิ 2
ชาวเกาะใหญ่ฯ ใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company (APOC) และ Turkish Petroleum Company (TPC) เป็นตัวแทนในการควบคุมแหล่งน้ำมันที่ตัวเองฮุบมาในอิหร่านและอิรัก ใน ส่วนของ Turkish Petroleum เอง อังกฤษใช้ชื่อ Anglo – Persian Oil Company ถือหุ้น 47.5% ที่เหลือเป็นของพวกดัชท์ 22.5% ฝรั่งเศส 25% และอาร์มาเนียน 5% เมื่อแบ่งให้อเมริกาไป 23.75% ส่วนของอังกฤษอย่างเป็นทางการจึงเหลือ 23.75% เท่ากับอเมริกา เหมือนนักล่าชาวเกาะใหญ่ฯจะใจดีกับอเมริกานักล่ารุ่นใหม่ เกินสันดาน อังกฤษ ไม่ได้แบ่งหุ้นให้อเมริกาด้วยความเสน่หา แต่เป็นการล่อให้อเมริกาเดินเข้า ไปติดกับดัก ที่วางเอาล่อไว้ ผู้ถือหุ้นใน Turkish Petroleum Company (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company) ต้องเซ็นสัญญาเรียกว่า Red Line Agreement ห้ามผู้ถือหุ้นแข่งขันกันขุดน้ำมัน ในบริเวณต้องห้าม คือ ตุรกี อิรัก เลบานอน ซีเรีย จอร์แดน ปาเลสไตน์ และซาอุดิอารเบีย รายหลังนี่สำคัญ แหม! คุณพี่ชาวเกาะฯ แบบนี้มันก็เกือบหมดตะวันออกกลางไปแล้ว ถึงว่า เหมือนจะใจดีกับน้องใหม่ ที่ไหนได้ เขารักกันแบบนี้เอง ! บังเอิญ Gulf Oil บริษัทน้ำมัน ไม่ใหญ่ไม่เล็กของอเมริกา เกิดไปได้สัมปทานจากบาห์เรน และคูเวต อังกฤษชาวเกาะใหญ่ฯ ก็คัดค้านอีก อ้าว ! ก็ไม่อยู่ในเขตเส้นแดงต้องห้ามนี่หว่า จะมาโวยวายได้ไง Gulf Oil ขอให้กระทรวงต่างประเทศของอเมริกา เข้ามาช่วยจัดการ ในที่สุด Gulf Oil ก็โอนสิทธิสัมปทานที่ได้มาจากบาห์เรน ให้แก่ Standard Oil of California (SOCAL) ที่ไม่อยู่ในสัญญา Red Line อังกฤษถึงกับอ้าปากค้าง พูดไม่ออก นี่ถ้ารู้ว่า Gulf Oil ก็คือหน้าม้าของ Standard Oil ที่ตั้งขึ้น เพื่อแอบยื่นเท้าเข้าไปในบาห์เรน ไม่ให้อังกฤษรู้ตัว อังกฤษคงถึงกับช้ำใน SOCAL ใส่เสื้อเกราะหลายชั้น ทั้งปลอมตัว ทั้งเลี่ยงกฏหมาย ตั้งบริษัท ใหม่ ชื่อ Bahrain Petroleum Company ตามกฏหมายของแคนาดา มารับสัมปทานจากบาห์เรนแทน ค.ศ.1932 Bahrain Petroleum Company ก็เริ่มขุดน้ำมันได้ อเมริกาเร่งเครื่อง รุกต่อที่คูเวต ซึ่งขณะนั้นยังเป็นรัฐที่อยู่ในอาณัติปกครองของอังกฤษ อังกฤษเองกำลังปวดหัว กับการเริ่มลุกขึ้นมาแข็งข้อของ พวกอาหรับ คิดยี่ต๋อกแล้ว มีอเมริกามาเป็นพวก แถมมีโอกาสได้น้ำมันเพิ่ม น่าจะแสดงเดี่ยว ในที่สุด ค.ศ.1934 อเมริกา อังกฤษ ก็จับมือกันตั้ง Kuwait Oil Company ถือหุ้นฝ่ายละ 50 เท่ากัน น้ำมันในบาห์เรน ทำให้อเมริกานักล่าหน้าใหม่ถึงกับซูดปาก ฉวยโอกาสขณะที่อังกฤษกำลังโดนศอกจากเหยื่อ เอะ ! หรืออเมริกาช่วยสอนวิธีศอกกลับ ให้พวกเหยื่อของชาวเกาะใหญ่ด้วย Standard Oil of California (SOCAL) ไม่ได้ถูกล็อคคอทำสัญญาเขตเส้นแดง แอบไปคอยดักคำนับ สวัสดีกับ King Ibn Saud ของซาอุดิอารเบีย แม้ซาอุดิอารเบียจะตั้งเป็นรัฐเอกราชตั้งแต่ ค.ศ.1931 แต่อเมริกาก็ยังไม่เคยมีสัมพันธ์อย่างเป็นทางการด้วย อเมริกาถือว่าเป็นนักล่าหน้าใหม่ กำลังเรียนงาน เรียนวิธีล่าเหยื่อจากลูกพี่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ การเรียนวิธีการล่าเหยื่อของอเมริกาน่าสนใจ ขณะนั้นอเมริกาส่งนาย Bert Fish เข้าเป็นกงสุลอยู่ในอิยิปต์ มีหน้าที่สอดส่องกิจกรรมแถบตะวันออกกลาง คุณ Fish คงเคยอยู่แต่ในน้ำ มาว่ายแถวทะเลทรายเลยไม่คล่องตัว เขาเคยไปเยี่ยมเมือง Jidda ของซาอุดิอารเบีย 1 ครั้ง ได้มีโอกาสพบผู้ก่อตั้งและผู้นำรัฐ คือ กษัตริย์ Alb al-Aziz bin al-Rahman al-Saud หรือเรียกย่อๆว่า Ibn Saud แต่คุณปลามองผ่าน โดยไม่รู้ตัวว่าเดินไปสะดุดเอาเจ้าของแหล่งใหญ่ ของสิ่งมหัศจรรย์มีค่าของโลก คงนั่งรอให้น้ำขึ้นกลางทะเลทรายไปเรื่อยๆ แต่กลับกลายเป็น กษัตริย์ Ibn Saud เองที่เล็งเห็นอาวุธที่มองหามานาน สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 443 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 3 – จอร์แดน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว3”
    จอร์แดน
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 Transjordan หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า Jordan ยังไม่เป็นรัฐ เป็นเพียงกลุ่มหมู่บ้าน เรียงรายอยู่บริเวณใกล้เคียง ขึ้นกับอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษเริ่มสนใจจอร์แดนด้านการเมืองเมื่อ ค.ศ.1930 เพราะฝรั่งเศสให้ความสนใจ ! มันเป็นสันดานของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะต้องคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฝรั่งเศส แล้วหยิบไม้เตรียมใช้เสี้ยม หรือขวาง ฯลฯ อะไรทำนองนั้น
    ฝรั่งเศสอ้างว่าเป็นหน้าที่ของฝรั่งเศส ที่จะต้องเข้าไปดูแลพวกชาวคริสต์ที่อยู่ในออตโตมาน บริเวณที่เป็นจอร์แดนปัจจุบัน โดยมีผู้ปกครองอิยิปต์ขณะนั้นคือ Mohammed Ali รู้เห็นเป็นใจด้วย ทำให้อังกฤษและรัสเซียไม่พอใจ มันกำลังตบตาหลอกลวงอะไรเราหรือเปล่า แล้วอังกฤษกับรัสเซียก็จับมือกันมาออกโรงไล่ Mohammed Ali กลับอิยิปต์ไป อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ 3 คนก็ตกลงกันเอง
    ฝรั่งเศสตกลงดูแลแคทอลิก และรัสเซียตกลงดูแลพวกออโทดอกซ์ (Orthodox) ส่วนอังกฤษบอกเราไม่ยุ่งเรื่องศาสนา ขอเรามีสิทธิภาพนอกอาณาเขต เหนือกฏหมายในแถบนั้นก็แล้วกัน (Extraterritotrial Status) แน่จริงๆลูกพี่ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว อังกฤษบอก เราไม่สนใจอะไรในจอร์แดน
    เมื่อเริ่มต้นศตวรรษที่ 19 และออตโตมานคนป่วยของยุโรป เกิดเนื้อหอม มีคนอยากมาดูแลหลายราย แต่คนดูแลชื่อเยอรมันนี ทำให้อังกฤษต้องเตรียมการหาเหยื่อ และออกโรงแสดงความชำนาญในวิทยา ยุทธแม่ไม้ จัดเต็มชุด เริ่มแรกก็หลอกเหยื่อ Sharif Hussein ให้ไปช่วยยึดเมืองดามัสกัส เพื่อแยกออกมาจากออตโตมาน ส่วนอังกฤษมุ่งหน้าไปยึดปาเลสไตน์และเยรูซาเร็มใน ค.ศ.1917
    ในวันที่ฝ่ายตะวันตก ผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังตัดแบ่งอาณาจักรออตโตมานกันอยู่ที่ปารีส Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ลงทุนไม่ขี่อูฐ แต่ขึ้นรถไฟมาประชุมด้วย เขาตั้งใจจะมาบอกว่าพวกอาหรับไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแบ่งดินแดนตะวันออกกลาง ให้ยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ แต่มารถไฟช้ากว่าขี่อูฐ เมื่อมาถึง อังกฤษตัดสินใจเดินหน้าประกาศเรื่องให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ตามข้อตกลง Balfour Declaration ไปเรียบร้อยแล้ว
    ขณะเดียวกันนั้น พวกอาหรับเองก็จัดชุมนุมกันที่ ดามัสกัส ประกาศให้ซีเรียเป็นเอกราช และแต่งตั้ง Faisal ขึ้นเป็นกษัตริย์ ส่วน Abdullah น้องชายของ Faisal ประกาศตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ของอิรัก
    สันนิบาตชาติ (Leagul of Nation) รู้เรื่องเข้าก็โวย บอกเฮ้ย พวกเจ้าประกาศแต่งตั้งกันเองไม่ได้ ต้องให้พวกเราเป็นคนเห็นชอบ ถึงจะเป็นเรื่องของตะวันออกกลาง แต่พวกเราชาวตะวันตกต่างหาก เป็นผู้ตัดสินเกี่ยวกับเขตแดน และชะตาชีวิตของพวกเจ้า และในการประชุมที่ San Remo ก็ยืนยันความเห็นของสันนิบาตชาติ หลังจากนั้นฝรั่งเศสก็อัญเชิญท่านกษัตริย์ Faisal ให้ขึ้นอูฐขนย้ายครอบครัวออกจากซีเรียเป็นการด่วน
    Faisal อาจจะว่าง่าย แต่ Abdullah บอกว่าอย่าไปยอมมันพี่เรา ว่าแล้วเขาก็อพยพชาวเผ่าร่อนเร่หลายพันคนมายังดามัสกัสประกาศบุกซีเรีย ท้าทายฝรั่งเศส ทวงถามสิทธิในบัลลังก์ของพี่ชาย คราวนี้อังกฤษนั่งไม่ติด ออกมาห้ามทัพ อังกฤษบอกกันเอง แต่ไม่ได้บอกพวกอาหรับว่า ถึงสัมพันธ์อังกฤษฝรั่งเศสจะลุ่มๆดอนๆ ก็ยังมีค่ากว่าพวกเร่ร่อนเป็นร้อยเท่า
    ก่อนตัดสินใจดำเนินการต่อ อังกฤษจัดประชุมหัวหน้าเผ่าอาหรับระดับพี่ใหญ่ทั้งหลาย ถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องยิวมาอยู่ในตะวันออกกลาง พวกอาหรับบอก ตะวันตกอยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่พวกเรากำลังจะตั้งกลุ่มศาสนานิกายวาฮาบี ภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่าใหญ่ Ibn Saud ซึ่งเริ่มมีอำนาจและอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ อังกฤษคงยังแปลคำตอบแบบตะวันออกกลางไม่ออก หรือแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจดีอย่างชัดเจน
    อังกฤษเดินหน้าจับเข่า หักมือ Abdullah บอกว่าใจเย็นๆ เราจะปล่อยให้ท่านทะเลาะกับฝรั่งเศสไม่ได้ แต่เราก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอก เราจะจัดการให้ท่านไปเป็นหัวหน้ารัฐ Transjordan ส่วนพี่ชายของท่าน Faisal เราจะจัดการให้เขาได้เป็นกษัตริย์ที่อิรักก็แล้วกันนะ เจอทองเรียกว่าพี่เข้า Abdullah ก็ใจอ่อน ถอยทัพออกไปจากซีเรีย เพียงแต่ต้องเพิ่มอูฐอีกหลายตัวหน่อย เพื่อขนทองของกำนัลปิดปากจากนักล่าชาวเกาะฯ
    ในการประชุม Cairo Conference เกี่ยวกับกิจการตะวันออกกลางของอังกฤษเมื่อ ค.ศ.1921 ซึ่งอำนวยการโดยท่านหลอด Winston Churchill อังกฤษจัดการตัดแบ่งปาเลสไตน์ยาวตามเส้นทางของแม่น้ำจอร์ แดนไปถึงอ่าวอกาบา (Gulf of Aqaba) โดยเรียกด้านตะวันตกว่า Transjordan ให้พวกอาหรับของ Abdullah ไปอยู่ ภายใต้การดูแลของกงสุลอังกฤษที่ประจำอยู่ปาเลสไตน์ สันนิบาตชาติประทับตราเห็นชอบ (ตามเคย!) แล้วอังกฤษก็มีอิทธิพลใน Transjordan เต็มที่ตั้งแต่นั้นมา
    ชาวจอร์แดนส่วนใหญ่ทำกสิกรรม จอร์แดนเป็นบริเวณเดียวในตะวันออกกลางที่ไม่มีแหล่งน้ำมัน แต่อังกฤษก็ยังสนใจ อุ้มชู ดูแล เหมือนจะตอบแทนบุญคุณของ Sharif Hussein !
    ตลอดเวลานับตั้งแต่อังกฤษตั้ง Transjordan พวกฮาวาบี ซึ่งก่อตั้งใหม่เอี่ยม ก็บุกเข้ามาตีรวนในจอร์แดนตลอดเวลาเหมือนกัน อย่างน้อยปีละครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา ไม่ให้พวก Abdullah นั่งหงอยเหงา อังกฤษก็ทำหน้าที่เป็นผู้ขับไล่ออกไปทุกครั้ง อังกฤษดูแลด้านความมั่นคง การเงิน และการต่างประเทศของจอร์แดนรวมทั้งจ่ายค่าเลี้ยงดูชาวจอร์แดนอีกด้วย นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯใจดีผิดสันดาน
    จอร์แดนเป็นบริเวณกันชนระหว่างปาเลสไตน์กับอิรัก และเป็นเส้นทางบินระหว่างอังกฤษกับอินเดียสมัยนั้น แต่นั่นคงไม่น่ามีค่าพอทำให้อังกฤษลงทุนควักกระเป๋าเลี้ยงดูจอร์แดน
    ด้วยเขตแดนของจอร์แดนที่ติดกับซาอุดิอารเบีย ทำให้พวกวาฮาบีข้ามเขตมารุกรานจอร์แดนเหมือนเป็นกิจกรรมหลัก ในที่สุดอังกฤษก็ขอเจรจากับซา อุดิอารเบีย อังกฤษยึดเมืองอกาบาไป และยอมยก Wadi Sirhan ให้ซาอุดิอารเบียและ ค.ศ.1925 Hadda Agreement ก็ลงนาม Wadi Sirhan ตกลงเป็นส่วนหนึ่งของ Nejd ของซาอุดิและอกาบาเป็นส่วนหนึ่งของTransjordan
    ซาอุดิอารเบียกลืนเบ็ดโดยไม่รู้ตัว Aqaba Gulf เป็นจุดสำคัญในการคุมทางเข้าปาเลสไตน์และอิยิปต์จากพวกวาฮาบี
    Abdullah ยังมีความฝันตามพ่อ ที่จะเห็นรัฐอาหรับ สำหรับ Abdullah เขาอยากจะครองอาณาจักรที่ประกอบไปด้วย Transjordan ซีเรีย เลบานอน รวมไปถึงปาเลสไตน์ เพราะฝันแบบนี้ Abdullah ซึ่งเป็นหัวหน้าอาหรับคนเดียวที่เห็นด้วยกับมติของสหประชาชาติ ที่ยอมรับการจัดสรรดินแดนปาเลสไตน์ในปี ค.ศ.1947
    เกือบทุกรัฐอาหรับไม่ไว้ใจ Abdullah และเห็นว่าเขาหักหลังพรรคพวก และเชื่อว่าเขาสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐให้ยิวเสียด้วยซ้ำ
    เมื่อถูกกล่าวหาเช่นนั้น Abdullah ก็มีพวกน้อยลง และไว้ใจพวกน้อยลง การตัดแบ่ง Transjordan และการให้ Abdullah มาครอง จึงน่าจะเป็นยุทธศาสตร์แม่ไม้ของขาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่เหี้ยมโหดสิ้นดี อังกฤษรู้ดีว่าชาวอาหรับส่วนใหญ่คิดอย่างไรเรื่องการให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ ตั้งแต่เมื่อเรียกประชุมพวกอาหรับ แต่เขาเดินหน้าหลอกเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นพวกครอบครัวของ Sharif Hussein !
    วันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ.1951 Abdullah ก็ถูกยิงตายอยู่บนบันไดทางขึ้นของ Al-Aqsa Mosque ในนครเยรูซาเร็ม คนยิงเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ ซึ่งต่อต้านจอร์แดนที่ทำตัวเป็นมิตรกับอิสราเอล
    ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน Raid Bay al-Solh อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนถูกฆาตกรรมที่อัมมาน (Amman) หลังจากมีข่าวลือออกไปทั่วว่า เลบานอนและจอร์แดนกำลังเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล
    Abdullah ไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมพิธีสวดให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน และก็ถูกยิงตรงทางขึ้นโบสถ์ที่ กำลังมีพิธีสวด เขาถูกยิง 3 นัด ที่หัวและหน้าอก หลานชายของเขา Hussien bin Talal (กษัตริย์จอร์แดนตั้งแต่ ค.ศ.1953-1999) ยืนอยู่ข้างปู่ของเขาขณะที่ปู่ของเขาถูกยิง
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 3 – จอร์แดน นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว3” จอร์แดน
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 Transjordan หรือที่ปัจจุบันเรียกกันว่า Jordan ยังไม่เป็นรัฐ เป็นเพียงกลุ่มหมู่บ้าน เรียงรายอยู่บริเวณใกล้เคียง ขึ้นกับอาณาจักรออตโตมาน อังกฤษเริ่มสนใจจอร์แดนด้านการเมืองเมื่อ ค.ศ.1930 เพราะฝรั่งเศสให้ความสนใจ ! มันเป็นสันดานของชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ จะต้องคอยเฝ้าดูการเคลื่อนไหวของฝรั่งเศส แล้วหยิบไม้เตรียมใช้เสี้ยม หรือขวาง ฯลฯ อะไรทำนองนั้น ฝรั่งเศสอ้างว่าเป็นหน้าที่ของฝรั่งเศส ที่จะต้องเข้าไปดูแลพวกชาวคริสต์ที่อยู่ในออตโตมาน บริเวณที่เป็นจอร์แดนปัจจุบัน โดยมีผู้ปกครองอิยิปต์ขณะนั้นคือ Mohammed Ali รู้เห็นเป็นใจด้วย ทำให้อังกฤษและรัสเซียไม่พอใจ มันกำลังตบตาหลอกลวงอะไรเราหรือเปล่า แล้วอังกฤษกับรัสเซียก็จับมือกันมาออกโรงไล่ Mohammed Ali กลับอิยิปต์ไป อย่ายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่ 3 คนก็ตกลงกันเอง ฝรั่งเศสตกลงดูแลแคทอลิก และรัสเซียตกลงดูแลพวกออโทดอกซ์ (Orthodox) ส่วนอังกฤษบอกเราไม่ยุ่งเรื่องศาสนา ขอเรามีสิทธิภาพนอกอาณาเขต เหนือกฏหมายในแถบนั้นก็แล้วกัน (Extraterritotrial Status) แน่จริงๆลูกพี่ นอกเหนือจากเรื่องนี้แล้ว อังกฤษบอก เราไม่สนใจอะไรในจอร์แดน เมื่อเริ่มต้นศตวรรษที่ 19 และออตโตมานคนป่วยของยุโรป เกิดเนื้อหอม มีคนอยากมาดูแลหลายราย แต่คนดูแลชื่อเยอรมันนี ทำให้อังกฤษต้องเตรียมการหาเหยื่อ และออกโรงแสดงความชำนาญในวิทยา ยุทธแม่ไม้ จัดเต็มชุด เริ่มแรกก็หลอกเหยื่อ Sharif Hussein ให้ไปช่วยยึดเมืองดามัสกัส เพื่อแยกออกมาจากออตโตมาน ส่วนอังกฤษมุ่งหน้าไปยึดปาเลสไตน์และเยรูซาเร็มใน ค.ศ.1917 ในวันที่ฝ่ายตะวันตก ผู้ชนะในสงครามโลกครั้งที่ 1 กำลังตัดแบ่งอาณาจักรออตโตมานกันอยู่ที่ปารีส Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ลงทุนไม่ขี่อูฐ แต่ขึ้นรถไฟมาประชุมด้วย เขาตั้งใจจะมาบอกว่าพวกอาหรับไม่เห็นด้วยกับเรื่องการแบ่งดินแดนตะวันออกกลาง ให้ยิวมาอยู่ที่ปาเลสไตน์ แต่มารถไฟช้ากว่าขี่อูฐ เมื่อมาถึง อังกฤษตัดสินใจเดินหน้าประกาศเรื่องให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ตามข้อตกลง Balfour Declaration ไปเรียบร้อยแล้ว ขณะเดียวกันนั้น พวกอาหรับเองก็จัดชุมนุมกันที่ ดามัสกัส ประกาศให้ซีเรียเป็นเอกราช และแต่งตั้ง Faisal ขึ้นเป็นกษัตริย์ ส่วน Abdullah น้องชายของ Faisal ประกาศตั้งตัวเองเป็นกษัตริย์ของอิรัก สันนิบาตชาติ (Leagul of Nation) รู้เรื่องเข้าก็โวย บอกเฮ้ย พวกเจ้าประกาศแต่งตั้งกันเองไม่ได้ ต้องให้พวกเราเป็นคนเห็นชอบ ถึงจะเป็นเรื่องของตะวันออกกลาง แต่พวกเราชาวตะวันตกต่างหาก เป็นผู้ตัดสินเกี่ยวกับเขตแดน และชะตาชีวิตของพวกเจ้า และในการประชุมที่ San Remo ก็ยืนยันความเห็นของสันนิบาตชาติ หลังจากนั้นฝรั่งเศสก็อัญเชิญท่านกษัตริย์ Faisal ให้ขึ้นอูฐขนย้ายครอบครัวออกจากซีเรียเป็นการด่วน Faisal อาจจะว่าง่าย แต่ Abdullah บอกว่าอย่าไปยอมมันพี่เรา ว่าแล้วเขาก็อพยพชาวเผ่าร่อนเร่หลายพันคนมายังดามัสกัสประกาศบุกซีเรีย ท้าทายฝรั่งเศส ทวงถามสิทธิในบัลลังก์ของพี่ชาย คราวนี้อังกฤษนั่งไม่ติด ออกมาห้ามทัพ อังกฤษบอกกันเอง แต่ไม่ได้บอกพวกอาหรับว่า ถึงสัมพันธ์อังกฤษฝรั่งเศสจะลุ่มๆดอนๆ ก็ยังมีค่ากว่าพวกเร่ร่อนเป็นร้อยเท่า ก่อนตัดสินใจดำเนินการต่อ อังกฤษจัดประชุมหัวหน้าเผ่าอาหรับระดับพี่ใหญ่ทั้งหลาย ถามความเห็นเกี่ยวกับเรื่องยิวมาอยู่ในตะวันออกกลาง พวกอาหรับบอก ตะวันตกอยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่พวกเรากำลังจะตั้งกลุ่มศาสนานิกายวาฮาบี ภายใต้การนำของหัวหน้าเผ่าใหญ่ Ibn Saud ซึ่งเริ่มมีอำนาจและอิทธิพลขึ้นเรื่อยๆ อังกฤษคงยังแปลคำตอบแบบตะวันออกกลางไม่ออก หรือแกล้งไม่เข้าใจ หรือเข้าใจดีอย่างชัดเจน อังกฤษเดินหน้าจับเข่า หักมือ Abdullah บอกว่าใจเย็นๆ เราจะปล่อยให้ท่านทะเลาะกับฝรั่งเศสไม่ได้ แต่เราก็ไม่ทำให้ท่านผิดหวังหรอก เราจะจัดการให้ท่านไปเป็นหัวหน้ารัฐ Transjordan ส่วนพี่ชายของท่าน Faisal เราจะจัดการให้เขาได้เป็นกษัตริย์ที่อิรักก็แล้วกันนะ เจอทองเรียกว่าพี่เข้า Abdullah ก็ใจอ่อน ถอยทัพออกไปจากซีเรีย เพียงแต่ต้องเพิ่มอูฐอีกหลายตัวหน่อย เพื่อขนทองของกำนัลปิดปากจากนักล่าชาวเกาะฯ ในการประชุม Cairo Conference เกี่ยวกับกิจการตะวันออกกลางของอังกฤษเมื่อ ค.ศ.1921 ซึ่งอำนวยการโดยท่านหลอด Winston Churchill อังกฤษจัดการตัดแบ่งปาเลสไตน์ยาวตามเส้นทางของแม่น้ำจอร์ แดนไปถึงอ่าวอกาบา (Gulf of Aqaba) โดยเรียกด้านตะวันตกว่า Transjordan ให้พวกอาหรับของ Abdullah ไปอยู่ ภายใต้การดูแลของกงสุลอังกฤษที่ประจำอยู่ปาเลสไตน์ สันนิบาตชาติประทับตราเห็นชอบ (ตามเคย!) แล้วอังกฤษก็มีอิทธิพลใน Transjordan เต็มที่ตั้งแต่นั้นมา ชาวจอร์แดนส่วนใหญ่ทำกสิกรรม จอร์แดนเป็นบริเวณเดียวในตะวันออกกลางที่ไม่มีแหล่งน้ำมัน แต่อังกฤษก็ยังสนใจ อุ้มชู ดูแล เหมือนจะตอบแทนบุญคุณของ Sharif Hussein ! ตลอดเวลานับตั้งแต่อังกฤษตั้ง Transjordan พวกฮาวาบี ซึ่งก่อตั้งใหม่เอี่ยม ก็บุกเข้ามาตีรวนในจอร์แดนตลอดเวลาเหมือนกัน อย่างน้อยปีละครั้ง ตั้งแต่ ค.ศ.1921 เป็นต้นมา ไม่ให้พวก Abdullah นั่งหงอยเหงา อังกฤษก็ทำหน้าที่เป็นผู้ขับไล่ออกไปทุกครั้ง อังกฤษดูแลด้านความมั่นคง การเงิน และการต่างประเทศของจอร์แดนรวมทั้งจ่ายค่าเลี้ยงดูชาวจอร์แดนอีกด้วย นักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯใจดีผิดสันดาน จอร์แดนเป็นบริเวณกันชนระหว่างปาเลสไตน์กับอิรัก และเป็นเส้นทางบินระหว่างอังกฤษกับอินเดียสมัยนั้น แต่นั่นคงไม่น่ามีค่าพอทำให้อังกฤษลงทุนควักกระเป๋าเลี้ยงดูจอร์แดน ด้วยเขตแดนของจอร์แดนที่ติดกับซาอุดิอารเบีย ทำให้พวกวาฮาบีข้ามเขตมารุกรานจอร์แดนเหมือนเป็นกิจกรรมหลัก ในที่สุดอังกฤษก็ขอเจรจากับซา อุดิอารเบีย อังกฤษยึดเมืองอกาบาไป และยอมยก Wadi Sirhan ให้ซาอุดิอารเบียและ ค.ศ.1925 Hadda Agreement ก็ลงนาม Wadi Sirhan ตกลงเป็นส่วนหนึ่งของ Nejd ของซาอุดิและอกาบาเป็นส่วนหนึ่งของTransjordan ซาอุดิอารเบียกลืนเบ็ดโดยไม่รู้ตัว Aqaba Gulf เป็นจุดสำคัญในการคุมทางเข้าปาเลสไตน์และอิยิปต์จากพวกวาฮาบี Abdullah ยังมีความฝันตามพ่อ ที่จะเห็นรัฐอาหรับ สำหรับ Abdullah เขาอยากจะครองอาณาจักรที่ประกอบไปด้วย Transjordan ซีเรีย เลบานอน รวมไปถึงปาเลสไตน์ เพราะฝันแบบนี้ Abdullah ซึ่งเป็นหัวหน้าอาหรับคนเดียวที่เห็นด้วยกับมติของสหประชาชาติ ที่ยอมรับการจัดสรรดินแดนปาเลสไตน์ในปี ค.ศ.1947 เกือบทุกรัฐอาหรับไม่ไว้ใจ Abdullah และเห็นว่าเขาหักหลังพรรคพวก และเชื่อว่าเขาสนับสนุนให้มีการตั้งรัฐให้ยิวเสียด้วยซ้ำ เมื่อถูกกล่าวหาเช่นนั้น Abdullah ก็มีพวกน้อยลง และไว้ใจพวกน้อยลง การตัดแบ่ง Transjordan และการให้ Abdullah มาครอง จึงน่าจะเป็นยุทธศาสตร์แม่ไม้ของขาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ที่เหี้ยมโหดสิ้นดี อังกฤษรู้ดีว่าชาวอาหรับส่วนใหญ่คิดอย่างไรเรื่องการให้ยิวมาอยู่ปาเลสไตน์ ตั้งแต่เมื่อเรียกประชุมพวกอาหรับ แต่เขาเดินหน้าหลอกเหยื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก โดยเฉพาะเหยื่อที่เป็นพวกครอบครัวของ Sharif Hussein ! วันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ.1951 Abdullah ก็ถูกยิงตายอยู่บนบันไดทางขึ้นของ Al-Aqsa Mosque ในนครเยรูซาเร็ม คนยิงเขาเป็นชาวปาเลสไตน์ ซึ่งต่อต้านจอร์แดนที่ทำตัวเป็นมิตรกับอิสราเอล ก่อนหน้านั้นไม่กี่วัน Raid Bay al-Solh อดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอนถูกฆาตกรรมที่อัมมาน (Amman) หลังจากมีข่าวลือออกไปทั่วว่า เลบานอนและจอร์แดนกำลังเจรจาสันติภาพกับอิสราเอล Abdullah ไปกรุงเยรูซาเล็มเพื่อร่วมพิธีสวดให้กับอดีตนายกรัฐมนตรีเลบานอน และก็ถูกยิงตรงทางขึ้นโบสถ์ที่ กำลังมีพิธีสวด เขาถูกยิง 3 นัด ที่หัวและหน้าอก หลานชายของเขา Hussien bin Talal (กษัตริย์จอร์แดนตั้งแต่ ค.ศ.1953-1999) ยืนอยู่ข้างปู่ของเขาขณะที่ปู่ของเขาถูกยิง สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 684 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2”
    อิรัก 2
ในที่สุดชาวอิรัก ก็ทนเห็นประเทศตัวเอง เป็นหุ่นเชิดของอังกฤษต่อไปอีกไม่ไหว จึงเริ่มบีบกษัตริย์ Faisal ให้เจรจากับอังกฤษ ลดอำนาจการปกครองอังกฤษในอิรักลงบ้าง อย่าให้มันออกหน้าออกตาขนาดนี้เลย การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายปี ในที่สุด Anglo – Iraqi Treaty ก็คลอดในปี ค.ศ. 1930 Faisal ไม่ได้เป็นคนมาลงนามในสัญญานี้ ส่งใบลาป่วย อ้างว่าไส้ติ่งอักเสบกระทันหัน
    Treaty นี้ ก็ยังให้สิทธิพิเศษแก่คนอังกฤษ ที่เป็นตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ และลูกจ้างรัฐบาลอังกฤษ ที่อังกฤษส่งมาทำงานในอิรักเหมือนเดิม ที่ดูเหมือนเปลี่ยนไป คือ ข้อตกลงนี้ระบุว่างานบริหารภายในประเทศ ให้เป็นความรับผิดชอบของกษัตริย์ Faisal ส่วนอังกฤษจะรับผิดชอบ ดูแลปกป้องอิรัก จากการจู่โจมภายนอก (แหม ! มันคลับคล้ายเหมือนสัญญาอะไรหนอ ที่สมันน้อยไปทำไว้กับใครเขาทำนองนี้ เมื่อ 60 กว่าปีก่อน)
    และเพื่อให้อังกฤษสามารถปกป้องอิรักได้เต็มที่ อิรักก็จะต้องให้อังกฤษเช่าสนามบิน โดยไม่คิดค่าเช่า สัญญานี้มีอายุ 25 ปี และจะมีผลต่อเมื่ออิรัก ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ League of Nations ในฐานะประเทศเอกราช
    อิรักขมักเขม้นทำการบ้าน โดยความหวังที่จะเป็นเอกราช ปลดแอกอังกฤษออกจากบ่า ค.ศ. 1932 สันนิบาตชาติ ซึ่งคุมโดยขาใหญ่ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 (ก็อังกฤษกับฝรั่งเศสนั่นแหละ !) ก็รับอิรักเข้าเป็นสมาชิก คงใช้เวลานานหน่อยกว่าอิรักจะรู้ตัวว่า เขาแค่เปลี่ยนยี่ห้อหม้อต้มเหยื่อเท่านั้นเอง จะหม้อต้มยี่ห้อไหน ก็ผลิตมาจากโรงงานเดียวกัน
    แต่อิรักไม่ใช่ชาติที่จะยอม งอมืออยู่อย่างนั้น พวกเขาเดินหน้า หาทางหักกับอังกฤษต่อไป รัฐบาลอิรักพยายามแข็งข้อกับอังกฤษอยู่หลายรอบ ครั้งสำคัญคือ ค.ศ. 1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมาใกล้ตัว สภาอิรักลงมติไม่สนับสนุนอังกฤษ ในการประกาศสงครามกับเยอรมัน !
    อังกฤษเหมือนโดนตีแซกหน้า! ยกทัพเต็มอัตรามาเต็มเมืองอิรัก แล้วปลดรัฐบาลอิรักที่มาจากการ เลือกตั้ง เอานักการเมืองที่ฝักฝ่าย อังกฤษเข้ามาเป็นรัฐบาลแทน กษัตริย์ Faisal ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนอีก ตอนที่เซ็นสัญญา Anglo-Iraq : Treaty ก็ส่งใบลาป่วยว่าใส้ติ่งอักเสบส่งตัวแทนมา คราวนี้ไม่รู้อะไรอักเสบ
    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ความสงบในอิรักยิ่งหายาก ชาวอิรักต้องการเป็นอิสระจากแอกของอังกฤษ พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันต่อต้านและต่อสู้ แต่กำลังอาวุธมันต่างกัน และที่สำคัญหนอนบ่อนไส้ ที่เป็นชาวอิรัก ที่อังกฤษชุบเลี้ยงไว้ให้ทำงาน ยังมีอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญๆ
    แต่ในที่สุดราชวงศ์ Hashemite ที่น่าสงสาร ถูกหลอก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ถูกโค่นในปี ค.ศ. 1958 อังกฤษปล่อยมือจากการชักหุ่น หุ่นไม่มีเชือกชัก ตกพลั่กลงพื้น กษัตริย์ และราชวงศ์ Hashemite ถูกจับติดคุก และถูกตัดสินประหารชีวิตในที่สุด โดยอังกฤษไม่ยื่นมือ ไม่เหลียวมามอง ได้แต่เก็บของ รีบกลับเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ของตนอย่างรีบด่วน อย่างเดียว
    แต่ฉากสุดท้ายนี้ มันน่าคิด อยู่ดี ๆ กษัตริย์ Hussein แห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นญาติสนิทของ Faisal และเป็นหุ่นเชิดของอังกฤษเช่นเดียวกัน เกิดประสาทว่าพวกที่ลุกฮือ ไล่ฝรั่งตะวันตกที่เลบานอน จะเลยเถิดเข้ามาถึงจอร์แดนด้วย ขอแรงอิรักส่งกองทัพมาช่วยไล่หน่อยเถิด บรรดาทหารหาญของอิรัก จึงจัดแจงแต่งเครื่องแบบติดอาวุธกองทัพ มุ่งหน้าจะไปจอร์แดน
    แต่แล้วท่านนายพลคนหนึ่ง Colonel Abd as Salaam Arif ก็สั่งให้กองทัพเลี้ยวกลับมาสู่แบกแดด ส่องปืนใหญ่มาที่วังของ Hashemite เป็นการปฏิวัติของทหารอิรักชนิดไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่มีผู้ต่อต้าน และไม่มีผู้รู้ตัว ขุนนางอิรัก Nuri as Said ที่เป็นขุนคอยพยักให้อังกฤษถูกจับก่อนเพื่อน ระหว่างที่พยายามจะหนี โดยปลอมตัวเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นพวกกษัตริย์และราชวงศ์ก็โดนรวบตัว ชาวอิรักต่างไปชุมนุมอยู่หน้าสถานทูตอังกฤษ ด่าทอ ขว้างปา พวกเขามองว่า อังกฤษกับ Hashemite เป็นตัวแทนของกันและกัน
    เป็นการจบฉากของชาวเกาะผู้ยิ่งใหญ่ในอิรัก ที่ไม่สวยงามตั้งแต่เริ่มต้นวันแรก จนถึงวันสุดท้าย
    ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเหตุการณ์รุนแรง ที่กำลังดำเนินอยู่ในอิรักขณะนี้ โดยเฉพาะที่ Mosul ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มายืนแถลงเมื่อไม่นานมานี้ เลื่อนอันดับภัยจากผู้ก่อการร้าย ในอังกฤษขึ้นสูงถึงระดับรุนแรง (Severe) เนื่องจากเหตุการณ์ในอิรักและซีเรีย มันจะมีรากยาวฝั่งลึก ย้อนไปได้ถึง 100 ปี
    แม้อังกฤษจะเก็บของกลับเกาะไปแล้ว แต่อังกฤษได้ทิ้งพิษร้ายค้างอยู่ในอิรัก มันมาจากแผนการต้ม การเคี้ยวเหยื่อ ตั้งแต่ต้น มันเป็นแผนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง เผ่าพันธ์และธรรมเนียมประเพณีทางศาสนา อย่างน่าสงสารของเหยื่อ
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2” อิรัก 2
ในที่สุดชาวอิรัก ก็ทนเห็นประเทศตัวเอง เป็นหุ่นเชิดของอังกฤษต่อไปอีกไม่ไหว จึงเริ่มบีบกษัตริย์ Faisal ให้เจรจากับอังกฤษ ลดอำนาจการปกครองอังกฤษในอิรักลงบ้าง อย่าให้มันออกหน้าออกตาขนาดนี้เลย การเจรจาใช้เวลาอยู่หลายปี ในที่สุด Anglo – Iraqi Treaty ก็คลอดในปี ค.ศ. 1930 Faisal ไม่ได้เป็นคนมาลงนามในสัญญานี้ ส่งใบลาป่วย อ้างว่าไส้ติ่งอักเสบกระทันหัน Treaty นี้ ก็ยังให้สิทธิพิเศษแก่คนอังกฤษ ที่เป็นตัวแทนรัฐบาลอังกฤษ และลูกจ้างรัฐบาลอังกฤษ ที่อังกฤษส่งมาทำงานในอิรักเหมือนเดิม ที่ดูเหมือนเปลี่ยนไป คือ ข้อตกลงนี้ระบุว่างานบริหารภายในประเทศ ให้เป็นความรับผิดชอบของกษัตริย์ Faisal ส่วนอังกฤษจะรับผิดชอบ ดูแลปกป้องอิรัก จากการจู่โจมภายนอก (แหม ! มันคลับคล้ายเหมือนสัญญาอะไรหนอ ที่สมันน้อยไปทำไว้กับใครเขาทำนองนี้ เมื่อ 60 กว่าปีก่อน) และเพื่อให้อังกฤษสามารถปกป้องอิรักได้เต็มที่ อิรักก็จะต้องให้อังกฤษเช่าสนามบิน โดยไม่คิดค่าเช่า สัญญานี้มีอายุ 25 ปี และจะมีผลต่อเมื่ออิรัก ได้เข้าไปเป็นสมาชิกของสันนิบาตชาติ League of Nations ในฐานะประเทศเอกราช อิรักขมักเขม้นทำการบ้าน โดยความหวังที่จะเป็นเอกราช ปลดแอกอังกฤษออกจากบ่า ค.ศ. 1932 สันนิบาตชาติ ซึ่งคุมโดยขาใหญ่ที่ชนะสงครามโลกครั้งที่ 1 (ก็อังกฤษกับฝรั่งเศสนั่นแหละ !) ก็รับอิรักเข้าเป็นสมาชิก คงใช้เวลานานหน่อยกว่าอิรักจะรู้ตัวว่า เขาแค่เปลี่ยนยี่ห้อหม้อต้มเหยื่อเท่านั้นเอง จะหม้อต้มยี่ห้อไหน ก็ผลิตมาจากโรงงานเดียวกัน แต่อิรักไม่ใช่ชาติที่จะยอม งอมืออยู่อย่างนั้น พวกเขาเดินหน้า หาทางหักกับอังกฤษต่อไป รัฐบาลอิรักพยายามแข็งข้อกับอังกฤษอยู่หลายรอบ ครั้งสำคัญคือ ค.ศ. 1941 สงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มมาใกล้ตัว สภาอิรักลงมติไม่สนับสนุนอังกฤษ ในการประกาศสงครามกับเยอรมัน ! อังกฤษเหมือนโดนตีแซกหน้า! ยกทัพเต็มอัตรามาเต็มเมืองอิรัก แล้วปลดรัฐบาลอิรักที่มาจากการ เลือกตั้ง เอานักการเมืองที่ฝักฝ่าย อังกฤษเข้ามาเป็นรัฐบาลแทน กษัตริย์ Faisal ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนอีก ตอนที่เซ็นสัญญา Anglo-Iraq : Treaty ก็ส่งใบลาป่วยว่าใส้ติ่งอักเสบส่งตัวแทนมา คราวนี้ไม่รู้อะไรอักเสบ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบ ความสงบในอิรักยิ่งหายาก ชาวอิรักต้องการเป็นอิสระจากแอกของอังกฤษ พวกเขาผลัดเปลี่ยนกันต่อต้านและต่อสู้ แต่กำลังอาวุธมันต่างกัน และที่สำคัญหนอนบ่อนไส้ ที่เป็นชาวอิรัก ที่อังกฤษชุบเลี้ยงไว้ให้ทำงาน ยังมีอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญๆ แต่ในที่สุดราชวงศ์ Hashemite ที่น่าสงสาร ถูกหลอก ซ้ำแล้วซ้ำอีก ก็ถูกโค่นในปี ค.ศ. 1958 อังกฤษปล่อยมือจากการชักหุ่น หุ่นไม่มีเชือกชัก ตกพลั่กลงพื้น กษัตริย์ และราชวงศ์ Hashemite ถูกจับติดคุก และถูกตัดสินประหารชีวิตในที่สุด โดยอังกฤษไม่ยื่นมือ ไม่เหลียวมามอง ได้แต่เก็บของ รีบกลับเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ของตนอย่างรีบด่วน อย่างเดียว แต่ฉากสุดท้ายนี้ มันน่าคิด อยู่ดี ๆ กษัตริย์ Hussein แห่งจอร์แดน ซึ่งเป็นญาติสนิทของ Faisal และเป็นหุ่นเชิดของอังกฤษเช่นเดียวกัน เกิดประสาทว่าพวกที่ลุกฮือ ไล่ฝรั่งตะวันตกที่เลบานอน จะเลยเถิดเข้ามาถึงจอร์แดนด้วย ขอแรงอิรักส่งกองทัพมาช่วยไล่หน่อยเถิด บรรดาทหารหาญของอิรัก จึงจัดแจงแต่งเครื่องแบบติดอาวุธกองทัพ มุ่งหน้าจะไปจอร์แดน แต่แล้วท่านนายพลคนหนึ่ง Colonel Abd as Salaam Arif ก็สั่งให้กองทัพเลี้ยวกลับมาสู่แบกแดด ส่องปืนใหญ่มาที่วังของ Hashemite เป็นการปฏิวัติของทหารอิรักชนิดไม่เสียเลือดเนื้อ ไม่มีผู้ต่อต้าน และไม่มีผู้รู้ตัว ขุนนางอิรัก Nuri as Said ที่เป็นขุนคอยพยักให้อังกฤษถูกจับก่อนเพื่อน ระหว่างที่พยายามจะหนี โดยปลอมตัวเป็นผู้หญิง หลังจากนั้นพวกกษัตริย์และราชวงศ์ก็โดนรวบตัว ชาวอิรักต่างไปชุมนุมอยู่หน้าสถานทูตอังกฤษ ด่าทอ ขว้างปา พวกเขามองว่า อังกฤษกับ Hashemite เป็นตัวแทนของกันและกัน เป็นการจบฉากของชาวเกาะผู้ยิ่งใหญ่ในอิรัก ที่ไม่สวยงามตั้งแต่เริ่มต้นวันแรก จนถึงวันสุดท้าย ผมจะไม่แปลกใจเลย ถ้าเหตุการณ์รุนแรง ที่กำลังดำเนินอยู่ในอิรักขณะนี้ โดยเฉพาะที่ Mosul ถึงขนาดที่นายกรัฐมนตรีอังกฤษ มายืนแถลงเมื่อไม่นานมานี้ เลื่อนอันดับภัยจากผู้ก่อการร้าย ในอังกฤษขึ้นสูงถึงระดับรุนแรง (Severe) เนื่องจากเหตุการณ์ในอิรักและซีเรีย มันจะมีรากยาวฝั่งลึก ย้อนไปได้ถึง 100 ปี แม้อังกฤษจะเก็บของกลับเกาะไปแล้ว แต่อังกฤษได้ทิ้งพิษร้ายค้างอยู่ในอิรัก มันมาจากแผนการต้ม การเคี้ยวเหยื่อ ตั้งแต่ต้น มันเป็นแผนที่ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง เผ่าพันธ์และธรรมเนียมประเพณีทางศาสนา อย่างน่าสงสารของเหยื่อ สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 646 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2”
    อิรัก 1
ระหว่างที่ฝรั่งตะวันตกผู้ชนะสงคราม กำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งสมบัติที่ไปได้ มาจากการหลอกต้มเหยื่อ เหยื่อก็นั่งเหม่อ มึนงง สับสน ตกลงพวกเราจะได้เป็นเจ้าของดินแดนไหมหนอ อย่าว่าจะเป็นเจ้าของเลย จะมีที่ให้หย่อนก้น ปักหลักตั้งกระโจม ตรงไหนก็ยังไม่รู้เล้ย
    ข้อตกลงที่ปารีส Paris Conference และโดยสันนิบาตชาติ ที่ตกลงจะแบ่งดินแดนของเหยื่อ ระหว่างผู้ล่า ทำท่าจะล่ม
    ข้อตกลงที่ตุรกี จะยอมตัดทิ้งดินแดนหลายส่วน ซึ่งลงนามโดยซากของรัฐบาลออตโตมาน ในที่สุด ก็ไม่ได้รับการยินยอมจากพวกยังเตอร์ก ที่เริ่มก่อการและปฏิวัติแยกตุรกีออกมาเป็นรัฐอิสระหลังจากสงครามโลกจบลง
    แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังเดินหน้าแบ่งสมบัติกันต่อ อย่างไม่ลงตัว ฝรั่งเศสบอก อังกฤษตกลงอะไรแล้วเบี้ยวตลอด ก็คงจะจริง นาน ๆ ผมจะเห็นด้วยกับฝรั่งเศสเสียที เห็นด้วย แต่ไม่ได้เห็นใจนะครับ
    ในที่สุดอังกฤษก็ตัดใจ บอกให้ฝรั่งเศสเอาซีเรียกับเลบานอนไปก็แล้วกัน
    แต่ขณะนั้น Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ยังปักหลักผู้ที่เมืองดามัสกัส หลังจากอุตส่าห์ไปยึดเมืองมาให้เขาเบี้ยว อังกฤษบอกอยู่ไปเถอะ พวกท่านออกแรงนี่หนา เป็นรางวัลปลอบใจอย่างจอมปลอม หลังจากโกหกตอแหล ไม่หาอาณาจักรอาหรับให้ Sharif Hussein
    อังกฤษปล่อยให้ Faisal ตั้งกระโจม อยู่กลางเมืองดามัสกัส เหมือนอังกฤษจะรู้ว่า ต่อไปดามัสกัสจะเป็นของใคร ยืมมือคนอื่นฆ่ามิตร เป็นอีกสันดานที่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ถนัดทำ !
    แล้วมันก็เป็นไปตามแผนของชาวเกาะ เมื่อฝรั่งเศสเข้าไปในดามัสกัส สิ่งแรกที่ฝรั่งเศสทำคือ บอกไม่รับรู้ เรื่องการตั้งกระโจมอยู่กลางดามัสกัสของ Faisal นั่นมันเป็นเรื่องของอังกฤษ เราไม่เคยไปตกลงอะไรกับท่านฝรั่งเศสไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจงรีบขนของขึ้นอูฐย้ายออกไป ด่วน !
    Faisal หน้าตก อพยพหอบลูกจูงหลาน บริวารอีกหลายร้อย แถวยาวไปตามเนินทราย มุ่งหน้าไปปาเลสไตน์ที่อังกฤษดูแลอยู่ หวังจะให้อังกฤษช่วย
    อึ่ม ! เข้าทาง ! อิรัก กำลังวุ่นวาย อังกฤษจะออกหน้าก็กระไรอยู่ เดี๋ยวจะหาว่ามาล่าอาณานิคมอีก แค่เอาบ่อน้ำมันเขาไป ชาวบ้านก็นินทาจมหูแล้ว อังกฤษบอก Faisal เอางี้ เดี๋ยวเราจะจัดการให้ท่านเป็นกษัตริย์ ปกครองอิรักแล้วกัน โอ้ ! ในที่สุดเพื่อนก็ไม่ทิ้งเรา Faisal รำพึงเสียงเครือ
    อิรักต้องมีคนปกครอง แต่ถ้าเป็นชาวอิรัก อำนาจอังกฤษในอิรักอาจจะน้อยล ง จะไว้ใจได้แค่ไหน สู้เอาคนต่างถิ่น ต่างเผ่ามาปกครองดีกว่า Faisal น่าจะเหมาะสม แม้จะเป็นอาหรับด้วยกัน แต่ต่างเผ่าพันธ์กัน ชาวอิรักก็มอง Faisal เหมือนคนต่างชาติ ที่แย่กว่านั้น ชาวอิรักมอง Faisal ว่าเป็นหุ่น เป็นขี้ข้าฝรั่ง ยิ่งรังเกียจ Faisal หนักขึ้น และนั่นแหละ Faisal จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาของอังกฤษ เพราะ Faisal จะปกครองอิรักโดยลำพังไม่ได้ ต้องพึ่งอังกฤษตลอดไป คนอิรักก็ไม่รับ Faisal และ Faisal ก็ใช้คนอิรักไม่ได้เต็มที่ ที่ปรึกษาชาวอังกฤษจึงเต็มอิรักไปหมด
    เมื่อทุกอย่างเข้าทางตามแผน อังกฤษก็อพยพเหมือนกัน แต่เป็นการอพยพ เอากลุ่มที่ปรึกษาชาวอังกฤษ เข้าไปเต็มเมืองอิรัก จริง ๆ ก็คือการเข้าไปปกครองอิรัก เหมือนอิรักเป็นอาณานิคม รูปแบบใหม่นั่นแหละ แต่คราวนี้ แม้อิรักจะไม่ได้เป็นกล่องดวง ใจ แบบอินเดีย แต่ก็มีของมีค่ามหาศาล ยังไม่รู้ว่า มหาศาลขนาดไหน ฝั่งตัวอยู่ใต้ดิน เผลอๆ อาจจะมีค่ามากกว่า อินเดีย กล่องดวงใจเสียอีก อังกฤษจำเป็นต้องอยู่ในอิรักให้นานที่สุด และมั่นคงที่สุด กว่ายักษ์ใต้ดินจะเติบโตใช้สอยดังใจหวัง
    ราชวงศ์ Hashemite ของ Faisal จึงเป็นเหมือนหุ่นเชิดของอังกฤษ แม้จะบอกว่าเป็นประเทศเอกราช แต่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษ ที่ปรึกษาอังกฤษ เป็นผู้ปกครองอิรักโดยพฤตินัย คนอังกฤษไปอยู่อิรัก ขนทั้งคนและระบบอังกฤษติดตัวตามไปหมด ตั้งแต่ตั้งโรงเรียนแบบอังกฤษ บ้านช่องการเป็นอยู่อย่างอังกฤษ เด็ก ๆ ลูกที่ปรึกษา ก็ต้องมีพี่เลี้ยง (nanny) แบบลูกผู้ดีที่เกาะอังกฤษเขาทำกัน nanny ชาวพื้นเมืองหน้าดำ ใส่เอี้ยม คลุมหัว คอยเดินตามเช็ดมือเช็ดเท้าให้คุณหนูผมทอง ฯลฯ
    นอกเหนือจากการบริหารประเทศแล้ว อังกฤษยังตั้งฐานทัพ และสนามบินไว้ที่อิรัก ทั้งหมดเป็นการอำนวยความสดวก และการป้องกัน ให้การขุดเจาะน้ำมันของ The Turkish Petroleum Company ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company ซึ่งถือหุ้นโดย Anglo – Persian Oil Company ที่อังกฤษมอบหมายให้หน้าที่เสมือนเป็นข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำอิรักอีกด้วย เดินไปอย่างราบรื่นไม่มีสดุด ไม่มีติดขัด
    Turkish Petroleum ทำเงินให้อังกฤษมากมาย รวมทั้งรัฐบาลอิรักด้วย แต่แทนที่รัฐบาลอิรัก จะนำไปปรับปรุงประเทศ กลับนำไปใช้ในการซื้ออาวุธให้กองทัพของอิรัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทหารอังกฤษ ประชาชนชาวอิรักก็หน้าแห้ง ท้องกิ่ว เหมือนเดิม
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 2 – อิรัก 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 2” อิรัก 1
ระหว่างที่ฝรั่งตะวันตกผู้ชนะสงคราม กำลังวุ่นอยู่กับการแบ่งสมบัติที่ไปได้ มาจากการหลอกต้มเหยื่อ เหยื่อก็นั่งเหม่อ มึนงง สับสน ตกลงพวกเราจะได้เป็นเจ้าของดินแดนไหมหนอ อย่าว่าจะเป็นเจ้าของเลย จะมีที่ให้หย่อนก้น ปักหลักตั้งกระโจม ตรงไหนก็ยังไม่รู้เล้ย ข้อตกลงที่ปารีส Paris Conference และโดยสันนิบาตชาติ ที่ตกลงจะแบ่งดินแดนของเหยื่อ ระหว่างผู้ล่า ทำท่าจะล่ม ข้อตกลงที่ตุรกี จะยอมตัดทิ้งดินแดนหลายส่วน ซึ่งลงนามโดยซากของรัฐบาลออตโตมาน ในที่สุด ก็ไม่ได้รับการยินยอมจากพวกยังเตอร์ก ที่เริ่มก่อการและปฏิวัติแยกตุรกีออกมาเป็นรัฐอิสระหลังจากสงครามโลกจบลง แต่อังกฤษกับฝรั่งเศสก็ยังเดินหน้าแบ่งสมบัติกันต่อ อย่างไม่ลงตัว ฝรั่งเศสบอก อังกฤษตกลงอะไรแล้วเบี้ยวตลอด ก็คงจะจริง นาน ๆ ผมจะเห็นด้วยกับฝรั่งเศสเสียที เห็นด้วย แต่ไม่ได้เห็นใจนะครับ ในที่สุดอังกฤษก็ตัดใจ บอกให้ฝรั่งเศสเอาซีเรียกับเลบานอนไปก็แล้วกัน แต่ขณะนั้น Faisal ลูกชายของ Sharif Hussein ยังปักหลักผู้ที่เมืองดามัสกัส หลังจากอุตส่าห์ไปยึดเมืองมาให้เขาเบี้ยว อังกฤษบอกอยู่ไปเถอะ พวกท่านออกแรงนี่หนา เป็นรางวัลปลอบใจอย่างจอมปลอม หลังจากโกหกตอแหล ไม่หาอาณาจักรอาหรับให้ Sharif Hussein อังกฤษปล่อยให้ Faisal ตั้งกระโจม อยู่กลางเมืองดามัสกัส เหมือนอังกฤษจะรู้ว่า ต่อไปดามัสกัสจะเป็นของใคร ยืมมือคนอื่นฆ่ามิตร เป็นอีกสันดานที่ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ถนัดทำ ! แล้วมันก็เป็นไปตามแผนของชาวเกาะ เมื่อฝรั่งเศสเข้าไปในดามัสกัส สิ่งแรกที่ฝรั่งเศสทำคือ บอกไม่รับรู้ เรื่องการตั้งกระโจมอยู่กลางดามัสกัสของ Faisal นั่นมันเป็นเรื่องของอังกฤษ เราไม่เคยไปตกลงอะไรกับท่านฝรั่งเศสไม่เคยเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นจงรีบขนของขึ้นอูฐย้ายออกไป ด่วน ! Faisal หน้าตก อพยพหอบลูกจูงหลาน บริวารอีกหลายร้อย แถวยาวไปตามเนินทราย มุ่งหน้าไปปาเลสไตน์ที่อังกฤษดูแลอยู่ หวังจะให้อังกฤษช่วย อึ่ม ! เข้าทาง ! อิรัก กำลังวุ่นวาย อังกฤษจะออกหน้าก็กระไรอยู่ เดี๋ยวจะหาว่ามาล่าอาณานิคมอีก แค่เอาบ่อน้ำมันเขาไป ชาวบ้านก็นินทาจมหูแล้ว อังกฤษบอก Faisal เอางี้ เดี๋ยวเราจะจัดการให้ท่านเป็นกษัตริย์ ปกครองอิรักแล้วกัน โอ้ ! ในที่สุดเพื่อนก็ไม่ทิ้งเรา Faisal รำพึงเสียงเครือ อิรักต้องมีคนปกครอง แต่ถ้าเป็นชาวอิรัก อำนาจอังกฤษในอิรักอาจจะน้อยล ง จะไว้ใจได้แค่ไหน สู้เอาคนต่างถิ่น ต่างเผ่ามาปกครองดีกว่า Faisal น่าจะเหมาะสม แม้จะเป็นอาหรับด้วยกัน แต่ต่างเผ่าพันธ์กัน ชาวอิรักก็มอง Faisal เหมือนคนต่างชาติ ที่แย่กว่านั้น ชาวอิรักมอง Faisal ว่าเป็นหุ่น เป็นขี้ข้าฝรั่ง ยิ่งรังเกียจ Faisal หนักขึ้น และนั่นแหละ Faisal จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมในสายตาของอังกฤษ เพราะ Faisal จะปกครองอิรักโดยลำพังไม่ได้ ต้องพึ่งอังกฤษตลอดไป คนอิรักก็ไม่รับ Faisal และ Faisal ก็ใช้คนอิรักไม่ได้เต็มที่ ที่ปรึกษาชาวอังกฤษจึงเต็มอิรักไปหมด เมื่อทุกอย่างเข้าทางตามแผน อังกฤษก็อพยพเหมือนกัน แต่เป็นการอพยพ เอากลุ่มที่ปรึกษาชาวอังกฤษ เข้าไปเต็มเมืองอิรัก จริง ๆ ก็คือการเข้าไปปกครองอิรัก เหมือนอิรักเป็นอาณานิคม รูปแบบใหม่นั่นแหละ แต่คราวนี้ แม้อิรักจะไม่ได้เป็นกล่องดวง ใจ แบบอินเดีย แต่ก็มีของมีค่ามหาศาล ยังไม่รู้ว่า มหาศาลขนาดไหน ฝั่งตัวอยู่ใต้ดิน เผลอๆ อาจจะมีค่ามากกว่า อินเดีย กล่องดวงใจเสียอีก อังกฤษจำเป็นต้องอยู่ในอิรักให้นานที่สุด และมั่นคงที่สุด กว่ายักษ์ใต้ดินจะเติบโตใช้สอยดังใจหวัง ราชวงศ์ Hashemite ของ Faisal จึงเป็นเหมือนหุ่นเชิดของอังกฤษ แม้จะบอกว่าเป็นประเทศเอกราช แต่ผู้เชี่ยวชาญอังกฤษ ที่ปรึกษาอังกฤษ เป็นผู้ปกครองอิรักโดยพฤตินัย คนอังกฤษไปอยู่อิรัก ขนทั้งคนและระบบอังกฤษติดตัวตามไปหมด ตั้งแต่ตั้งโรงเรียนแบบอังกฤษ บ้านช่องการเป็นอยู่อย่างอังกฤษ เด็ก ๆ ลูกที่ปรึกษา ก็ต้องมีพี่เลี้ยง (nanny) แบบลูกผู้ดีที่เกาะอังกฤษเขาทำกัน nanny ชาวพื้นเมืองหน้าดำ ใส่เอี้ยม คลุมหัว คอยเดินตามเช็ดมือเช็ดเท้าให้คุณหนูผมทอง ฯลฯ นอกเหนือจากการบริหารประเทศแล้ว อังกฤษยังตั้งฐานทัพ และสนามบินไว้ที่อิรัก ทั้งหมดเป็นการอำนวยความสดวก และการป้องกัน ให้การขุดเจาะน้ำมันของ The Turkish Petroleum Company ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น Iraqi Petroleum Company ซึ่งถือหุ้นโดย Anglo – Persian Oil Company ที่อังกฤษมอบหมายให้หน้าที่เสมือนเป็นข้าหลวงใหญ่ของอังกฤษประจำอิรักอีกด้วย เดินไปอย่างราบรื่นไม่มีสดุด ไม่มีติดขัด Turkish Petroleum ทำเงินให้อังกฤษมากมาย รวมทั้งรัฐบาลอิรักด้วย แต่แทนที่รัฐบาลอิรัก จะนำไปปรับปรุงประเทศ กลับนำไปใช้ในการซื้ออาวุธให้กองทัพของอิรัก ซึ่งอยู่ในความดูแลของกองทหารอังกฤษ ประชาชนชาวอิรักก็หน้าแห้ง ท้องกิ่ว เหมือนเดิม สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
12 ก.ย. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 556 มุมมอง 0 รีวิว

  • บทบาทของ UN ในการปลดปล่อยอาณานิคม
    การสนับสนุนการตัดสินใจด้วยตนเอง: UN ยึดมั่นในหลักการของการตัดสินใจด้วยตนเองของประชาชน (self-determination) และสนับสนุนการให้เอกราชแก่ดินแดนอาณานิคม.
    การส่งเสริมการเจรจา: UN ทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับการเจรจาและการเจรจาต่อรองระหว่างรัฐบาลอาณานิคมและขบวนการชาตินิยมเพื่อนำไปสู่การปลดปล่อยอาณานิคม.
    การประณามการปกครองของต่างชาติ: UN และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประณามการใช้กำลังและการกดขี่ที่เกิดขึ้นในดินแดนอาณานิคม และเรียกร้องให้ยุติการปกครองของต่างชาติ.
    การช่วยเหลือทางการเมือง: UN ให้การสนับสนุนทางการเมืองแก่ประเทศที่ได้รับเอกราช และช่วยในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคหลังการปลดปล่อยอาณานิคม.


    กระทรวงการต่างประเทศไทยเราต้องเดินเรื่องหรือเรียกร้องหรือฟ้องดำเนินคดีกับประเทศฝรั่งเศสกับUNgaนี้ทันที,ด้วยที่ฝรั่งเศสมาปล้นอธิปไตยไทยแล้ว ปลดปล่อยอาณานิคมคืนผิดประเทศซึ่งจริงๆต้องปลดปล่อยอาณานิคมคืนแก่ประเทศไทยจึงจะถูกต้อง,ไทยมิได้ทำสนธิสัญญากับพวกไม่มีตัวตนใดๆในสมัยนั้นคือเขมรแต่เราทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสต้องจบเรื่องนี้กับไทยโดยตรง,คืนดินแดนเราผ่านUNgaทันทีตามเงื่อนไขที่ชาติล่าอาญานิคมต้องคืนหลังสิ้นสุดยุคล่าอาญานิคมตามเงื่อนไขUNการปลดปล่อยอาณานิคมต้องคืนดินแดนให้ชาติเจ้าของเดิมนั้น,ทั้งฝรั่งเศสปล้นดินแดนไทยชัดเจนด้วย, รับเงินของไทยไปแล้ว หรือค่าการซื้อแผ่นดินคืนไปแล้ว,มีพยานหลักฐานชัดเจน.
    ..ด้วยความสามรถทางการฑูตเราในปัจจุบันสามารถเชิญฑูตฝรั่งเศสมาเจรจาก่อน,ถ้าฝรั่งเศสปฏิเสธก็เชิญฑูตฝรั่งเศสและกิจการฝรั่งเศสทั้งหมดในไทย รวมไม่ว่าจะเป็นกิจการใดๆของฝรั่งเศส ทุนฝรั่งเศสทั้งหมดรวมถึงนอนินีฝรั่งเศสตลอดบริษัทแม่ลูกในเครือฝรั่งเศสทั้งหมดเชิญออกจากราชอาณาจักรไทยก่อนทันที,บวกรณรงค์คนไทยเราร่วมแบนฝรั่งเศสด้วย,จนกว่าเรื่องดินแดนไทยกับเขมรที่ได้ดินแดนผิดไปคือพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และมลฑลบูรพาเราทั้งหมดที่ฝรั่งปล้นไปด้วยปืนที่ว่าเหนือกว่าไทยในสมัยนั้นคืนมาทั้งหมดก่อนหรือเบื้องต้นคือสันปันน้ำเขตแดนทั้ง73เสาหลักปักเขตแดนที่ไทยกับฝรั่งเศสทำไว้1:1นี้ยุติลงโดยสมบูรณ์หรือเขมรคืนดินแดนไทยที่ว่ามาทั้งหมดให้แก่ฝรั่งเศสชาติปกครองเขมรในสมัยนั้นแล้วฝรั่งเศสต้องนำมาคืนไทยบนเวทีUNสากลโลกอย่างเป็นทางการทันทีด้วย เรื่องทั้งหมดจึงจะจบลงอย่างสมบูรณ์ที่ฝรั่งเศสเองนี้ก่อเรื่องเองไว้แต่ต้นเรื่อง เป็นต้นเหตุของเรื่องของทุกๆปัญหาทั้งหมดที่ไทยมีกับเขมรในปัจจุบัน,ปัญหาไทยกับเขมรจะยุติลงที่ต้นเหตุทันที.
    ..รัฐบาลอนุทิน4เดือนแต่ทำงานเหมือน4ปีจะได้ใจคนไทยทันที นายกฯสมัยต่อไปหรือสมัยหน้าได้เป็นอีกแน่นอน.

    ..รัฐบาลอนุทินต้องสั่งการคนของตนคือ กต.ไปฟ้องดำเนินคดีกับประเทศฝรั่งเศสทันทีที่UNผ่านช่องทางUNเพราะเมื่อฝรั่งเศสผิดหลักการ กระทำการผิดเงื่อนไขการปฏิบัติที่ถูกต้องของUN,ไม่ทำตามกฎหมายกฎระเบียบสากลโลกที่UNกำหนดแต่มีนัยยะบ่อนทำลายความสงบสุขในภูมิภาคอาเชียน ส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกเรื่องดินแดนระหว่างไทยกับเขมร,สนับสนุนเขมรให้เป็นแหล่งก่ออาชญากรรมสงครามบนภูมิภาคอาเชียนและส่วนหนึ่งของเอเชียด้วย,จีน รัสเชีย อินเดีย ชาติเอเชียนและอาเชียนทั้งหมดสามารถกดดันฝรั่งเศสและUNให้ทำสิ่งที่ถูกต้องได้จาก ทำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตไปแล้ว,ให้ไทยคือเคสกรณีศึกษาแรกของโลกด้วยเพื่อให้ชาติล่าอาณานิคมในอดีตมีจิตสำนึกทำสิ่งที่ต้องทำ ทำให้ถูกต้อง.

    https://youtube.com/shorts/08SI9Mj299c?si=VWXR9Ec619rbBOl2
    บทบาทของ UN ในการปลดปล่อยอาณานิคม การสนับสนุนการตัดสินใจด้วยตนเอง: UN ยึดมั่นในหลักการของการตัดสินใจด้วยตนเองของประชาชน (self-determination) และสนับสนุนการให้เอกราชแก่ดินแดนอาณานิคม. การส่งเสริมการเจรจา: UN ทำหน้าที่เป็นเวทีสำหรับการเจรจาและการเจรจาต่อรองระหว่างรัฐบาลอาณานิคมและขบวนการชาตินิยมเพื่อนำไปสู่การปลดปล่อยอาณานิคม. การประณามการปกครองของต่างชาติ: UN และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประณามการใช้กำลังและการกดขี่ที่เกิดขึ้นในดินแดนอาณานิคม และเรียกร้องให้ยุติการปกครองของต่างชาติ. การช่วยเหลือทางการเมือง: UN ให้การสนับสนุนทางการเมืองแก่ประเทศที่ได้รับเอกราช และช่วยในการสร้างเสถียรภาพและความมั่นคงในภูมิภาคหลังการปลดปล่อยอาณานิคม. กระทรวงการต่างประเทศไทยเราต้องเดินเรื่องหรือเรียกร้องหรือฟ้องดำเนินคดีกับประเทศฝรั่งเศสกับUNgaนี้ทันที,ด้วยที่ฝรั่งเศสมาปล้นอธิปไตยไทยแล้ว ปลดปล่อยอาณานิคมคืนผิดประเทศซึ่งจริงๆต้องปลดปล่อยอาณานิคมคืนแก่ประเทศไทยจึงจะถูกต้อง,ไทยมิได้ทำสนธิสัญญากับพวกไม่มีตัวตนใดๆในสมัยนั้นคือเขมรแต่เราทำสนธิสัญญากับฝรั่งเศส ฝรั่งเศสต้องจบเรื่องนี้กับไทยโดยตรง,คืนดินแดนเราผ่านUNgaทันทีตามเงื่อนไขที่ชาติล่าอาญานิคมต้องคืนหลังสิ้นสุดยุคล่าอาญานิคมตามเงื่อนไขUNการปลดปล่อยอาณานิคมต้องคืนดินแดนให้ชาติเจ้าของเดิมนั้น,ทั้งฝรั่งเศสปล้นดินแดนไทยชัดเจนด้วย, รับเงินของไทยไปแล้ว หรือค่าการซื้อแผ่นดินคืนไปแล้ว,มีพยานหลักฐานชัดเจน. ..ด้วยความสามรถทางการฑูตเราในปัจจุบันสามารถเชิญฑูตฝรั่งเศสมาเจรจาก่อน,ถ้าฝรั่งเศสปฏิเสธก็เชิญฑูตฝรั่งเศสและกิจการฝรั่งเศสทั้งหมดในไทย รวมไม่ว่าจะเป็นกิจการใดๆของฝรั่งเศส ทุนฝรั่งเศสทั้งหมดรวมถึงนอนินีฝรั่งเศสตลอดบริษัทแม่ลูกในเครือฝรั่งเศสทั้งหมดเชิญออกจากราชอาณาจักรไทยก่อนทันที,บวกรณรงค์คนไทยเราร่วมแบนฝรั่งเศสด้วย,จนกว่าเรื่องดินแดนไทยกับเขมรที่ได้ดินแดนผิดไปคือพระตะบอง เสียมราฐ ศรีโสภณ และมลฑลบูรพาเราทั้งหมดที่ฝรั่งปล้นไปด้วยปืนที่ว่าเหนือกว่าไทยในสมัยนั้นคืนมาทั้งหมดก่อนหรือเบื้องต้นคือสันปันน้ำเขตแดนทั้ง73เสาหลักปักเขตแดนที่ไทยกับฝรั่งเศสทำไว้1:1นี้ยุติลงโดยสมบูรณ์หรือเขมรคืนดินแดนไทยที่ว่ามาทั้งหมดให้แก่ฝรั่งเศสชาติปกครองเขมรในสมัยนั้นแล้วฝรั่งเศสต้องนำมาคืนไทยบนเวทีUNสากลโลกอย่างเป็นทางการทันทีด้วย เรื่องทั้งหมดจึงจะจบลงอย่างสมบูรณ์ที่ฝรั่งเศสเองนี้ก่อเรื่องเองไว้แต่ต้นเรื่อง เป็นต้นเหตุของเรื่องของทุกๆปัญหาทั้งหมดที่ไทยมีกับเขมรในปัจจุบัน,ปัญหาไทยกับเขมรจะยุติลงที่ต้นเหตุทันที. ..รัฐบาลอนุทิน4เดือนแต่ทำงานเหมือน4ปีจะได้ใจคนไทยทันที นายกฯสมัยต่อไปหรือสมัยหน้าได้เป็นอีกแน่นอน. ..รัฐบาลอนุทินต้องสั่งการคนของตนคือ กต.ไปฟ้องดำเนินคดีกับประเทศฝรั่งเศสทันทีที่UNผ่านช่องทางUNเพราะเมื่อฝรั่งเศสผิดหลักการ กระทำการผิดเงื่อนไขการปฏิบัติที่ถูกต้องของUN,ไม่ทำตามกฎหมายกฎระเบียบสากลโลกที่UNกำหนดแต่มีนัยยะบ่อนทำลายความสงบสุขในภูมิภาคอาเชียน ส่งเสริมให้เกิดความแตกแยกเรื่องดินแดนระหว่างไทยกับเขมร,สนับสนุนเขมรให้เป็นแหล่งก่ออาชญากรรมสงครามบนภูมิภาคอาเชียนและส่วนหนึ่งของเอเชียด้วย,จีน รัสเชีย อินเดีย ชาติเอเชียนและอาเชียนทั้งหมดสามารถกดดันฝรั่งเศสและUNให้ทำสิ่งที่ถูกต้องได้จาก ทำสิ่งที่ผิดพลาดในอดีตไปแล้ว,ให้ไทยคือเคสกรณีศึกษาแรกของโลกด้วยเพื่อให้ชาติล่าอาณานิคมในอดีตมีจิตสำนึกทำสิ่งที่ต้องทำ ทำให้ถูกต้อง. https://youtube.com/shorts/08SI9Mj299c?si=VWXR9Ec619rbBOl2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 612 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..รัฐบาลอนุทินยอมรับจริงๆว่า ไม่ทำตนเองให้ชัดเจน,ต้องทำตนเองเหมือนอยู่4เดือนเป็น4-5ปีครบวาระสมัยรัฐบาล,เพราะเวลา4เดือนนี้ทำอะไรได้หมด,แถลงนโยบายก็ทำงานได้เลยกรณีทำเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อประชาชน,แต่คดีอั้วสว. ม.144 คดีเขากระโดง คดีธนาธรและครอบครัวเอาที่ดินป่าไป,หลายๆเรื่องข้าราชการไทยเราดอง ขัดขวางในการจัดการคนผิด เตะถ่วงเวลากันจริงๆ ถูกหรือผิด ข้าราชการไทยเราเองละเว้นการดำเนินการที่ถูกต้องดีงามกำจัดภัยภายในชาติ บ้านเมืองวุ่นวายทุกๆวันนี้ได้มิใช่แค่อำนาจจากนักการเมืองแต่เป็นอำนาจจากข้าราชการเองที่มีในมือด้วย.
    ..ระบบปกครองเราต่างชาติก็แทรกแซงง่าย,มันอ้างว่าระบบประชาธิปไตยต้องแบบนั้นแบบนี้ ตามฝรั่งส่งออกมันบอกมันสร้างทำ,มันกำกับต้องแบบนั้นแบบนี้นะ ไม่เช่นนั้นกูพวกฝรั่งจะจัดการประเทศไทยยึดประเทศนะ เป็นต้น นี้จึงสมควรฉีกระบบปกครองของฝรั่งทิ้งจากคณะกบฎ2475ก่อการสร้างขึ้นจนแม้แต่บ่อน้ำมันเต็มประเทศไทยฝรั่งเสียส่วนใหญ่มันยึดผ่านกฎหมายระบบระบอบปกครองที่ไทยเอามาปกครองของมัน มันหามันชิงมันปล้นแย่งชิงทรัพยากรมีค่าเร่อย่างหน้าด้านๆที่มันอ้างประชาธิปไตยนี้ล่ะ,จึงเขียนว่าระบบปกครองนี้ใครจะฉีกทำลายไม่ได้แม้แต่พระมหากษัตริย์ไทยเราเองก็ทำลายไม่ได้เพราะบ่อน้ำมันบ่อทองคำของพวกฝรั่งแบบกูจะอ้างประชาธิปไตยกดดันไทยไม่ได้อีก,จึงสมควรยกเลิกระบบปกครองนี้ โดยสถาบันกษัตริย์ไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงระบบปกครองฝรั่งทันที ปลดปล่อยประเทศไทยเราเพื่อสร้างชาติไทยเราใหม่ด้วยระบบปกครองวิถีใหม่สไตล์ไทยเรา,ประเทศภายนอกจึงจะกดดันสั่งการแทรกแซงการปกครองแบบออกหน้าออกตาแบบปัจจุบันไม่ได้อีก,คือระบบธรรมาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข.เหมาะสมกับเราที่สุด.ยึดคืนทรัพยากรชาติไทยทั้งหมดกลับมาจากเอกชนผูกขาดไปจากแผ่นดินไทยจะเอกชนไทยและต่างชาติต้องคืนมาก่อนทั้งหมดทันที,เพื่อเปลี่ยนแปลงใหม่หมด.
    ..นี้คือทางแก้ไขทางรอดที่แท้จริงของประเทศในวิกฤติโลกในปัจจุบันนี้,เราสามารถพึงพาตนเองได้ทันที,มีน้ำมันใช้เอง มีบ่อทองคำขุดตุนสำรองเข้าคลังตนเอง,มีอาหารอุดมสมบูรณ์ดูแลคนไทยเราเอง,เศรษฐกิจภายในประเทศเราออกแบบกำกับดูแลได้,มิร่ำรวยกระจุกยากจนกระจายเต็มประเทศแบบปัจจุบัน ต่างชาติมาแทรกแซงปล้นชิงแย่งชิงความร่ำรวยของคนไทยเราไปด้วยซึ่งผิดวิสัยปกติพึงทำพึงเป็น,เราดำเนอนนโยบายการปกครองที่ผิดทั้งระบบแต่ต้น,จึงต้องเปลี่ยนแปลงทันทีในยุคปัจจุบัน.
    ..สามารถลดการคตโกงทุจริตได้ด้วยเงินดิจิดัลภายในประเทศไทยเราก่อน,ใช้มือถือควอนตัมชำระเงินใช้จ่ายใครมันและรับรายได้ด้วย,เราสามารถติดตามที่มาที่ไปของเงินได้หมด เช่น นายบี ซื้อเสียงนายสี1,000บาทคอยน์กาเบอร์พรรคขายชาติ นายสีจะถูกตรวจพบธุรกรรมเงินเข้าผิดปกติทันทีที่1,000บาทคอยน์ที่เรากำลังมีมาตราการตรวจจับช่วงเลือกตััง และธุรกรรมนั้นเสือกมาจากกระเป๋าตังนายบีคนเดียวที่โอนจ่ายให้คนชาวบ้านทั้งตำบลอำเภอถึง10,000ล้านบาทโอนให้ชาวบ้าน บวกติดตามได้ว่าเงิน10,000ล้านบาทนี้โอนมาจากบัญชีกระเป๋าตังควอนตัมใครๆได้อีก,ต้นทางถึงปลายทางเรา ดัยอนาถแน่นอน,ตลอดตังข้าราชการคนนี้เหตุใดร่ำรวยผิดปกติ เงินเดือนรวมสวัสดิการต่างๆไม่ควรเกิน3-5หมื่นบาทรายได้,แต่รายรับเข้่บัญชีกระเป๋าตังตกเดือนละ1ล้านบาทถึง10ล้านบาทต่อเดือน โยธา งานพัสดุก่อสร้างแบบไหน เจ้าหน้าที่ประมูลอนุมัติงานแบบใดได้ตังมากมายผิดปกติแบบนี้ นี้ตังดิจิดัลสามารถจัดการได้หมด,ฟอกตังแบบใดตามสายกระแสเงินได้หมด,เป็นต้น,แต่ตังกระดาษทำไม่ได้และสันดานชาวบ้านคนไทยไม่รับตังขายเสียงย่อมไม่มี,ใครเอาตังมาแจกมันรับหมด,นี้คือความบัดสบจริงของประชาชนคนไทบ้านด้วย บ้านเมืองมีปัญหาถึงปัจจุบันก็มาจากสิ่งนี้ด้วยแต่มาจากอำนาจข้าราชการไทยคือตัวยืนหนึ่ง,นักการเมืองคือตัวประกอบ,ข้าราชการไม่ทำตามแม้มันเล่นงานถ้ามีระบบปกป้องข้าราชการไทยที่ดีก็สามารถจัดการนักการเมืองเลวชั่วเข้ามาได้เช่นกัน,
    ..เรา..ประเทศไทยต้องจัดการตนเองภายในก่อนทันที,ปัญหาภัยต่างชาติทั้งหมดจะจบทันที,อเมริกาเราไล่ออกจากประเทศก็สามารถทำได้,จีนมิตรดีก็มาร่วมพัฒนาประเทศไทยค้าขายปกติได้,เชิญจีนมาจับจีนเทาไปประหารให้หมดจากแผ่นดินไทยเราก็สามารถทำได้,เอเชียเราอาเชียนเราต้องยืนหนึ่งก่อน สร้างสันติสุขในเอเชียเราก่อน,ฝรั่งมายุ่งวุ่นวายในทวีปเอเชียอาเชียนเรามากเกินไป ปล้นทรัพยากรในเอเชียอาเชียนเรานั้นเอง.,ส่งเสริมสงคราม ก่ออาชญากรรมสนันสนุนสงครามก็ฝรั่งตะวันตกนี้,
    ..งานแรกเราต้องผลักดันต่างชาติแบบชาติฝรั่งออกจากเอเชียอาเชียนให้หมดก่อน.
    ..นโยบายเอเชียอาเชียนเราต้องชัดเจนก่อน,bricsต้องนำทัพ ยืนหนึ่งอ้างอิงเอเชียก่อนว่าเอเชียจะตัดการค้าขายกับชาติฝรั่งทั้งหมดและที่ไม่ใช่สมาชิกbricsซึ่งไทยเป็นสมาชิกbricsแน่นอนถ้าไม่เป็นก็จะเป็นในอนาคตแน่นอน,ถีบกิจการฝรั่งตะวันตกออกจากเอเชียให้หมด,ถีบออกจากไทยด้วย,ต่างชาติที่เป็นคนฝรั่งเชิญออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมด,เราจะทดลองวิจัยดูว่า ถ้าไม่มีฝรั่งต่างชาติบนเอเชียเรา เอเชียเราจะสร้างความสงบสุขสันติจริงไม่ได้.ความวุ่นวายโกลาหลใดๆเราจะระงับเหตุไม่ได้,กิจการใด โหยหาเสียผลประโยชน์มหาศาลอ้างหากค้าขายตัดฝรั่งไปก็ให้ย้ายฐานผลิตไปผลิตเองที่บ้านเมืองฝรั่งนั้นเลย ขายเองเลยไม่ต้องขนส่งให้ลำบากอีก,ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการในไทยทั้งหมดทุกๆชนิดประเภทให้ด้วย,ถอนสัญชาติไทยให้อีกต่างหากจะได้สบายใจว่าไปเป็นคนรักสัญชาติฝรั่งเต็มที่.
    ..วิถีปกครองไทย ทหารพระราชาต้องยึดอำนาจปฏิวัติการปกครองทันที,อเมริกาล้มเหลวในระบบปกครองประชาธิปไตยชัดเจน,จีนก็เผด็จการชัดเจนด้วยแม้ภาพที่โชว์ว่าสำเร็จล้ำต่างๆแต่ไส้ในจริงๆจีนล้มเหลวในการปกครองเช่นกัน ประชาชนจีนไม่ต้องการถูกกดขี่เผด็จการแบบนั้นแน่นอนแต่ไร้ทางเลือก,จีนอาจเกิดประชาชนลุกเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ เหมือนอเมริกอาจสิ้นชาติล้มเหลวเร็วๆนี้ อาจเกิดการแยกเป็นประเทศเอกราชตนเองจากรัฐต่างๆไม่น้อย ปกครองตนเองนั้นเอง,เพราะอเมริกามันชั่วเลวมีบาปมีกรรมมหาศาลทำมากมายต่อชาติทั่วโลก.
    ..ทางเดียวที่จะตัดตอนต่างชาติใช้นักการเมืองไทย ใช้ข้าราชการไทยแทรกแซงการปกครองประเทศไทยเราบนโปรแกรมที่มีไวรัสเต็มไปหมดที่มันยื่นมาให้เราเอาไปใช้ตามมันระบบปกครองประชาธิปไตยแบบๆมัน,ทหารพระราชาเราต้องถอดระบบปฏิบัติการโปรแกรมมันทิ้งและเผาทำลายทิ้งเลย สร้างระบบปฏิบัติการโปรแกรมเราเองขึ้นมาใหม่,ไร้ไวรัสสร้างโกลาหลวุ่นวายในประเทศเราแทรกแซงการทำงานเราด้วยให้สงบสุขสำเร็จไปได้ด้วยดีอีก,ทหารพระราชาเราต้องตัดสินใจยึดอำนาจปฏิวัติตัดตอนมันจริงๆ.,คือหนทางเดียว.วิถีทหารพระราชาคือทางออก.

    https://youtube.com/watch?v=IPU7bLdKYV4&si=WkQGItnCUS7iranj
    ..รัฐบาลอนุทินยอมรับจริงๆว่า ไม่ทำตนเองให้ชัดเจน,ต้องทำตนเองเหมือนอยู่4เดือนเป็น4-5ปีครบวาระสมัยรัฐบาล,เพราะเวลา4เดือนนี้ทำอะไรได้หมด,แถลงนโยบายก็ทำงานได้เลยกรณีทำเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อประชาชน,แต่คดีอั้วสว. ม.144 คดีเขากระโดง คดีธนาธรและครอบครัวเอาที่ดินป่าไป,หลายๆเรื่องข้าราชการไทยเราดอง ขัดขวางในการจัดการคนผิด เตะถ่วงเวลากันจริงๆ ถูกหรือผิด ข้าราชการไทยเราเองละเว้นการดำเนินการที่ถูกต้องดีงามกำจัดภัยภายในชาติ บ้านเมืองวุ่นวายทุกๆวันนี้ได้มิใช่แค่อำนาจจากนักการเมืองแต่เป็นอำนาจจากข้าราชการเองที่มีในมือด้วย. ..ระบบปกครองเราต่างชาติก็แทรกแซงง่าย,มันอ้างว่าระบบประชาธิปไตยต้องแบบนั้นแบบนี้ ตามฝรั่งส่งออกมันบอกมันสร้างทำ,มันกำกับต้องแบบนั้นแบบนี้นะ ไม่เช่นนั้นกูพวกฝรั่งจะจัดการประเทศไทยยึดประเทศนะ เป็นต้น นี้จึงสมควรฉีกระบบปกครองของฝรั่งทิ้งจากคณะกบฎ2475ก่อการสร้างขึ้นจนแม้แต่บ่อน้ำมันเต็มประเทศไทยฝรั่งเสียส่วนใหญ่มันยึดผ่านกฎหมายระบบระบอบปกครองที่ไทยเอามาปกครองของมัน มันหามันชิงมันปล้นแย่งชิงทรัพยากรมีค่าเร่อย่างหน้าด้านๆที่มันอ้างประชาธิปไตยนี้ล่ะ,จึงเขียนว่าระบบปกครองนี้ใครจะฉีกทำลายไม่ได้แม้แต่พระมหากษัตริย์ไทยเราเองก็ทำลายไม่ได้เพราะบ่อน้ำมันบ่อทองคำของพวกฝรั่งแบบกูจะอ้างประชาธิปไตยกดดันไทยไม่ได้อีก,จึงสมควรยกเลิกระบบปกครองนี้ โดยสถาบันกษัตริย์ไทยเราต้องเปลี่ยนแปลงระบบปกครองฝรั่งทันที ปลดปล่อยประเทศไทยเราเพื่อสร้างชาติไทยเราใหม่ด้วยระบบปกครองวิถีใหม่สไตล์ไทยเรา,ประเทศภายนอกจึงจะกดดันสั่งการแทรกแซงการปกครองแบบออกหน้าออกตาแบบปัจจุบันไม่ได้อีก,คือระบบธรรมาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข.เหมาะสมกับเราที่สุด.ยึดคืนทรัพยากรชาติไทยทั้งหมดกลับมาจากเอกชนผูกขาดไปจากแผ่นดินไทยจะเอกชนไทยและต่างชาติต้องคืนมาก่อนทั้งหมดทันที,เพื่อเปลี่ยนแปลงใหม่หมด. ..นี้คือทางแก้ไขทางรอดที่แท้จริงของประเทศในวิกฤติโลกในปัจจุบันนี้,เราสามารถพึงพาตนเองได้ทันที,มีน้ำมันใช้เอง มีบ่อทองคำขุดตุนสำรองเข้าคลังตนเอง,มีอาหารอุดมสมบูรณ์ดูแลคนไทยเราเอง,เศรษฐกิจภายในประเทศเราออกแบบกำกับดูแลได้,มิร่ำรวยกระจุกยากจนกระจายเต็มประเทศแบบปัจจุบัน ต่างชาติมาแทรกแซงปล้นชิงแย่งชิงความร่ำรวยของคนไทยเราไปด้วยซึ่งผิดวิสัยปกติพึงทำพึงเป็น,เราดำเนอนนโยบายการปกครองที่ผิดทั้งระบบแต่ต้น,จึงต้องเปลี่ยนแปลงทันทีในยุคปัจจุบัน. ..สามารถลดการคตโกงทุจริตได้ด้วยเงินดิจิดัลภายในประเทศไทยเราก่อน,ใช้มือถือควอนตัมชำระเงินใช้จ่ายใครมันและรับรายได้ด้วย,เราสามารถติดตามที่มาที่ไปของเงินได้หมด เช่น นายบี ซื้อเสียงนายสี1,000บาทคอยน์กาเบอร์พรรคขายชาติ นายสีจะถูกตรวจพบธุรกรรมเงินเข้าผิดปกติทันทีที่1,000บาทคอยน์ที่เรากำลังมีมาตราการตรวจจับช่วงเลือกตััง และธุรกรรมนั้นเสือกมาจากกระเป๋าตังนายบีคนเดียวที่โอนจ่ายให้คนชาวบ้านทั้งตำบลอำเภอถึง10,000ล้านบาทโอนให้ชาวบ้าน บวกติดตามได้ว่าเงิน10,000ล้านบาทนี้โอนมาจากบัญชีกระเป๋าตังควอนตัมใครๆได้อีก,ต้นทางถึงปลายทางเรา ดัยอนาถแน่นอน,ตลอดตังข้าราชการคนนี้เหตุใดร่ำรวยผิดปกติ เงินเดือนรวมสวัสดิการต่างๆไม่ควรเกิน3-5หมื่นบาทรายได้,แต่รายรับเข้่บัญชีกระเป๋าตังตกเดือนละ1ล้านบาทถึง10ล้านบาทต่อเดือน โยธา งานพัสดุก่อสร้างแบบไหน เจ้าหน้าที่ประมูลอนุมัติงานแบบใดได้ตังมากมายผิดปกติแบบนี้ นี้ตังดิจิดัลสามารถจัดการได้หมด,ฟอกตังแบบใดตามสายกระแสเงินได้หมด,เป็นต้น,แต่ตังกระดาษทำไม่ได้และสันดานชาวบ้านคนไทยไม่รับตังขายเสียงย่อมไม่มี,ใครเอาตังมาแจกมันรับหมด,นี้คือความบัดสบจริงของประชาชนคนไทบ้านด้วย บ้านเมืองมีปัญหาถึงปัจจุบันก็มาจากสิ่งนี้ด้วยแต่มาจากอำนาจข้าราชการไทยคือตัวยืนหนึ่ง,นักการเมืองคือตัวประกอบ,ข้าราชการไม่ทำตามแม้มันเล่นงานถ้ามีระบบปกป้องข้าราชการไทยที่ดีก็สามารถจัดการนักการเมืองเลวชั่วเข้ามาได้เช่นกัน, ..เรา..ประเทศไทยต้องจัดการตนเองภายในก่อนทันที,ปัญหาภัยต่างชาติทั้งหมดจะจบทันที,อเมริกาเราไล่ออกจากประเทศก็สามารถทำได้,จีนมิตรดีก็มาร่วมพัฒนาประเทศไทยค้าขายปกติได้,เชิญจีนมาจับจีนเทาไปประหารให้หมดจากแผ่นดินไทยเราก็สามารถทำได้,เอเชียเราอาเชียนเราต้องยืนหนึ่งก่อน สร้างสันติสุขในเอเชียเราก่อน,ฝรั่งมายุ่งวุ่นวายในทวีปเอเชียอาเชียนเรามากเกินไป ปล้นทรัพยากรในเอเชียอาเชียนเรานั้นเอง.,ส่งเสริมสงคราม ก่ออาชญากรรมสนันสนุนสงครามก็ฝรั่งตะวันตกนี้, ..งานแรกเราต้องผลักดันต่างชาติแบบชาติฝรั่งออกจากเอเชียอาเชียนให้หมดก่อน. ..นโยบายเอเชียอาเชียนเราต้องชัดเจนก่อน,bricsต้องนำทัพ ยืนหนึ่งอ้างอิงเอเชียก่อนว่าเอเชียจะตัดการค้าขายกับชาติฝรั่งทั้งหมดและที่ไม่ใช่สมาชิกbricsซึ่งไทยเป็นสมาชิกbricsแน่นอนถ้าไม่เป็นก็จะเป็นในอนาคตแน่นอน,ถีบกิจการฝรั่งตะวันตกออกจากเอเชียให้หมด,ถีบออกจากไทยด้วย,ต่างชาติที่เป็นคนฝรั่งเชิญออกจากแผ่นดินไทยทั้งหมด,เราจะทดลองวิจัยดูว่า ถ้าไม่มีฝรั่งต่างชาติบนเอเชียเรา เอเชียเราจะสร้างความสงบสุขสันติจริงไม่ได้.ความวุ่นวายโกลาหลใดๆเราจะระงับเหตุไม่ได้,กิจการใด โหยหาเสียผลประโยชน์มหาศาลอ้างหากค้าขายตัดฝรั่งไปก็ให้ย้ายฐานผลิตไปผลิตเองที่บ้านเมืองฝรั่งนั้นเลย ขายเองเลยไม่ต้องขนส่งให้ลำบากอีก,ยกเลิกใบอนุญาตประกอบการในไทยทั้งหมดทุกๆชนิดประเภทให้ด้วย,ถอนสัญชาติไทยให้อีกต่างหากจะได้สบายใจว่าไปเป็นคนรักสัญชาติฝรั่งเต็มที่. ..วิถีปกครองไทย ทหารพระราชาต้องยึดอำนาจปฏิวัติการปกครองทันที,อเมริกาล้มเหลวในระบบปกครองประชาธิปไตยชัดเจน,จีนก็เผด็จการชัดเจนด้วยแม้ภาพที่โชว์ว่าสำเร็จล้ำต่างๆแต่ไส้ในจริงๆจีนล้มเหลวในการปกครองเช่นกัน ประชาชนจีนไม่ต้องการถูกกดขี่เผด็จการแบบนั้นแน่นอนแต่ไร้ทางเลือก,จีนอาจเกิดประชาชนลุกเปลี่ยนแปลงการปกครองได้ เหมือนอเมริกอาจสิ้นชาติล้มเหลวเร็วๆนี้ อาจเกิดการแยกเป็นประเทศเอกราชตนเองจากรัฐต่างๆไม่น้อย ปกครองตนเองนั้นเอง,เพราะอเมริกามันชั่วเลวมีบาปมีกรรมมหาศาลทำมากมายต่อชาติทั่วโลก. ..ทางเดียวที่จะตัดตอนต่างชาติใช้นักการเมืองไทย ใช้ข้าราชการไทยแทรกแซงการปกครองประเทศไทยเราบนโปรแกรมที่มีไวรัสเต็มไปหมดที่มันยื่นมาให้เราเอาไปใช้ตามมันระบบปกครองประชาธิปไตยแบบๆมัน,ทหารพระราชาเราต้องถอดระบบปฏิบัติการโปรแกรมมันทิ้งและเผาทำลายทิ้งเลย สร้างระบบปฏิบัติการโปรแกรมเราเองขึ้นมาใหม่,ไร้ไวรัสสร้างโกลาหลวุ่นวายในประเทศเราแทรกแซงการทำงานเราด้วยให้สงบสุขสำเร็จไปได้ด้วยดีอีก,ทหารพระราชาเราต้องตัดสินใจยึดอำนาจปฏิวัติตัดตอนมันจริงๆ.,คือหนทางเดียว.วิถีทหารพระราชาคือทางออก. https://youtube.com/watch?v=IPU7bLdKYV4&si=WkQGItnCUS7iranj
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 886 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนจัดการเขมร กองทัพไทยต้องยึดอำนาจภายในไทยเราก่อน,ปิดช่องและตัดตอนตัวก่อเหตุวุ่นวายนอกประสงค์ได้,นักการเมืองและพวกอาศัยอำนาจรัฐบาลจากนักการเมืองต้องถูกควบคุมตัวทั้งหมด,ตัวเงินทุนก่อโกลาหลวุ่นวายตัวจริง ตัดวงจรเงินทุนปลุกระดมได้ทั้งภายในและมาจากภายนอกด้วย,เมื่อฝ่ายไส้ศึกขยับเคลื่อนไหวจะจัดการด้วยกฎหมายพิเศษได้ โดยกฎหมายปกติทำห่าอะไรหลายขั้นตอนเกินไป,โจรรอดตัวและหนีได้,
    ..เศร้าใจมาก กองทัพไทยเรายังรังเรไว้หน้าพวกนักการเมืองทำไม,ต่างชาติชั่วเลวต่างๆด้วย,รัฐบาลที่เลือกตั้งมาจากลุงตู่ปลดปล่อยให้เกิดขึ้นมาถึงปัจจุบันหมดความชอบธรรมแล้ว,ชาติมิอาจรักษาอธิปไตยไทยจริงๆได้เลยในหลายสิบๆปีที่ผ่านๆมาหรือนับจากเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งแรก,เราสูญเสียอธิปไตยจริงตั้งแต่นั้นมาแล้ว,เราหลอกลวงตนเองมาตลอด หลอกคนไทยภายในชาติตนเองมาตลอดจากวิถีปกครองของระบบฝรั่งส่งออกมานี้,
    ..เรา..ประชาชนคนไทยและกองทัพไทยต้องทวงคืนเอกราชอธิปไตยแผ่นดินไทยทั้งหมดกลับมาจริงจังได้แล้วโดยเฉพาะปิโตรเลียมเรา และวัตถุดิบพัฒนาชาติอันมีค่าอื่นๆมากมายทั้งหมดกลับมาด้วย,มิใช่เป็นแบบปัจจุบันนี้,ไม่มีรัฐบาลใดกล้าหาญด้วยเรื่องนี้เลย,และปัญหาเขมรกับไทยเราปัจจุบันก็มาจากบ่อปิโตรเลียมไทยเราในอ่าวไทยเรากว่า20ล้านล้านบาท 10ล้านล้านบาทมันไม่ใช่หรอก,รวมบนบกด้วยและตัวเลขที่แท้จริงอาจกว่า100ล้านล้านบาทโน้น ในมิติต่างๆที่ยังปิดบังกำความลับอยู่,
    ..กองทัพไทยเราต้องจัดการปัญหาภายในบ้านเมืองเราเอง,ท่านเห็นหมดแล้วว่านักการเมืองอุบาทก์แค่ไหน,ท่านสามารถร่วมกับเรา..ประชาชนคนไทยสร้างระบบแบบวิถีสังคมไทยๆเราขึ้นมาปกครองได้ จำเป็นอะไรต้องไปเอาตนผูกขาดกับระบบปกครองฝรั่งส่งออกผีบ้านี้,ด้วยรากฐานการสร้างสรรค์ประยุกต์คิดค้นระบบบนเจตจำนงเสรี,สัปปุริสธรรม7,และปราศจากความกลัวใดๆด้วย เรา..ประเทศไทยเราสร้างวิถีปกครองฉบับเราเองขึ้นมาได้ ทั่วจักรวาลทุกๆอารยะธรรมกว่าล้านล้านปีแสงอาจลงใจเห็นด้วยกับเราด้วยพร้อมอวยพรสรรเสริญเราด้วยต่างหากมีแต่เจริญๆโน้น.
    [..( ปล.สัปปุริสธรรม 7 ซึ่งเป็นธรรมะของคนดี คนเก่ง มีศีลธรรมหรือพลเมืองที่ดี หรือเป็นตัวอย่างทั้งผู้นำที่ดีและหรือผู้ตามที่ดีก็ได้หมดก่อนจะขึ้นไปนำใคร หรือคุณสมบัติของสัตบุรุษ 7 ประการ ประกอบด้วย: ธัมมัญญุตา (รู้หลัก/เหตุ), อัตถัญญุตา (รู้ผล/ความมุ่งหมาย), อัตตัญญุตา (รู้จักตน), มัตตัญญุตา (รู้จักประมาณ), กาลัญญุตา (รู้จักกาล/เวลา), ปริสัญญุตา (รู้จักชุมชน/บริษัท), และปุคคลัญญุตา (รู้จักบุคคล). การปฏิบัติตามหลักสัปปุริสธรรม 7 นี้จะนำมาซึ่งความเจริญทั้งแก่ตนเองคือประเทศไทยเราเองนี้และสังคมก็คือสังคมไทยเราเองนี้อีกล่ะ เราคือคนๆหนึ่งบนโลกใบนี้ในนามประเทศไทยจากหลายๆประเทศทั่วโลกที่เราต้องสัมพันธ์กับเขา. )..บ้านนี้ต้องทุบทำลาย เก็บและกวาด ทำความสะอาดครัังใหญ่.,กำจัดอุปสรรคเพื่อเกิดใหม่หรือก้าวต่อไปได้.,พวกสาระเลวนี้ทำชาติไทยเสื่อมทรามมาอย่างยาวนานพอแล้ว.,ไล่ล่าและเด็ดหัวเลย.]

    https://youtube.com/shorts/Z9w1NqFC8Cs?si=fXYooJic78K7zCZw
    ก่อนจัดการเขมร กองทัพไทยต้องยึดอำนาจภายในไทยเราก่อน,ปิดช่องและตัดตอนตัวก่อเหตุวุ่นวายนอกประสงค์ได้,นักการเมืองและพวกอาศัยอำนาจรัฐบาลจากนักการเมืองต้องถูกควบคุมตัวทั้งหมด,ตัวเงินทุนก่อโกลาหลวุ่นวายตัวจริง ตัดวงจรเงินทุนปลุกระดมได้ทั้งภายในและมาจากภายนอกด้วย,เมื่อฝ่ายไส้ศึกขยับเคลื่อนไหวจะจัดการด้วยกฎหมายพิเศษได้ โดยกฎหมายปกติทำห่าอะไรหลายขั้นตอนเกินไป,โจรรอดตัวและหนีได้, ..เศร้าใจมาก กองทัพไทยเรายังรังเรไว้หน้าพวกนักการเมืองทำไม,ต่างชาติชั่วเลวต่างๆด้วย,รัฐบาลที่เลือกตั้งมาจากลุงตู่ปลดปล่อยให้เกิดขึ้นมาถึงปัจจุบันหมดความชอบธรรมแล้ว,ชาติมิอาจรักษาอธิปไตยไทยจริงๆได้เลยในหลายสิบๆปีที่ผ่านๆมาหรือนับจากเปิดสัมปทานปิโตรเลียมครั้งแรก,เราสูญเสียอธิปไตยจริงตั้งแต่นั้นมาแล้ว,เราหลอกลวงตนเองมาตลอด หลอกคนไทยภายในชาติตนเองมาตลอดจากวิถีปกครองของระบบฝรั่งส่งออกมานี้, ..เรา..ประชาชนคนไทยและกองทัพไทยต้องทวงคืนเอกราชอธิปไตยแผ่นดินไทยทั้งหมดกลับมาจริงจังได้แล้วโดยเฉพาะปิโตรเลียมเรา และวัตถุดิบพัฒนาชาติอันมีค่าอื่นๆมากมายทั้งหมดกลับมาด้วย,มิใช่เป็นแบบปัจจุบันนี้,ไม่มีรัฐบาลใดกล้าหาญด้วยเรื่องนี้เลย,และปัญหาเขมรกับไทยเราปัจจุบันก็มาจากบ่อปิโตรเลียมไทยเราในอ่าวไทยเรากว่า20ล้านล้านบาท 10ล้านล้านบาทมันไม่ใช่หรอก,รวมบนบกด้วยและตัวเลขที่แท้จริงอาจกว่า100ล้านล้านบาทโน้น ในมิติต่างๆที่ยังปิดบังกำความลับอยู่, ..กองทัพไทยเราต้องจัดการปัญหาภายในบ้านเมืองเราเอง,ท่านเห็นหมดแล้วว่านักการเมืองอุบาทก์แค่ไหน,ท่านสามารถร่วมกับเรา..ประชาชนคนไทยสร้างระบบแบบวิถีสังคมไทยๆเราขึ้นมาปกครองได้ จำเป็นอะไรต้องไปเอาตนผูกขาดกับระบบปกครองฝรั่งส่งออกผีบ้านี้,ด้วยรากฐานการสร้างสรรค์ประยุกต์คิดค้นระบบบนเจตจำนงเสรี,สัปปุริสธรรม7,และปราศจากความกลัวใดๆด้วย เรา..ประเทศไทยเราสร้างวิถีปกครองฉบับเราเองขึ้นมาได้ ทั่วจักรวาลทุกๆอารยะธรรมกว่าล้านล้านปีแสงอาจลงใจเห็นด้วยกับเราด้วยพร้อมอวยพรสรรเสริญเราด้วยต่างหากมีแต่เจริญๆโน้น. [..( ปล.สัปปุริสธรรม 7 ซึ่งเป็นธรรมะของคนดี คนเก่ง มีศีลธรรมหรือพลเมืองที่ดี หรือเป็นตัวอย่างทั้งผู้นำที่ดีและหรือผู้ตามที่ดีก็ได้หมดก่อนจะขึ้นไปนำใคร หรือคุณสมบัติของสัตบุรุษ 7 ประการ ประกอบด้วย: ธัมมัญญุตา (รู้หลัก/เหตุ), อัตถัญญุตา (รู้ผล/ความมุ่งหมาย), อัตตัญญุตา (รู้จักตน), มัตตัญญุตา (รู้จักประมาณ), กาลัญญุตา (รู้จักกาล/เวลา), ปริสัญญุตา (รู้จักชุมชน/บริษัท), และปุคคลัญญุตา (รู้จักบุคคล). การปฏิบัติตามหลักสัปปุริสธรรม 7 นี้จะนำมาซึ่งความเจริญทั้งแก่ตนเองคือประเทศไทยเราเองนี้และสังคมก็คือสังคมไทยเราเองนี้อีกล่ะ เราคือคนๆหนึ่งบนโลกใบนี้ในนามประเทศไทยจากหลายๆประเทศทั่วโลกที่เราต้องสัมพันธ์กับเขา. )..บ้านนี้ต้องทุบทำลาย เก็บและกวาด ทำความสะอาดครัังใหญ่.,กำจัดอุปสรรคเพื่อเกิดใหม่หรือก้าวต่อไปได้.,พวกสาระเลวนี้ทำชาติไทยเสื่อมทรามมาอย่างยาวนานพอแล้ว.,ไล่ล่าและเด็ดหัวเลย.] https://youtube.com/shorts/Z9w1NqFC8Cs?si=fXYooJic78K7zCZw
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่อแววเผชิญหน้า! แผนการยึดฐานทัพอากาศบาแกรม (Bagram Air Base) ในอัฟกานิสถาน โดยสหรัฐอเมริการอบนี้ไม่ง่าย! เมื่อมีจีนเข้ามาขวางอย่างชัดเจน

    จีนวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อแผนการของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะยึดฐานทัพอากาศบาแกรมของอัฟกานิสถานคืน โดยกล่าวว่า “การสร้างความตึงเครียดและก่อให้เกิดการเผชิญหน้า” ขัดต่อผลประโยชน์ของประชาชนชาวอัฟกานิสถาน

    หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาตอบโต้ทรัมป์อย่างรุนแรงต่อแผนการที่ต้องการกลับมายึดครองฐานทัพอากาศบาแกรมบนดินแดนของอัฟกานิสถาน โดยที่นายหลิน เจี้ยน กล่าวว่า “สหรัฐกำลังสร้างความตึงเครียดและก่อให้เกิดการเผชิญหน้า” และกำลังทำในสิ่งที่ขัดต่อผลประโยชน์ของประชาชนชาวอัฟกานิสถาน ซึ่งอนาคตของอัฟกานิสถานควรถูกกำหนดโดยประชาชนชาวอัฟกานิสถานเอง

    นอกจากนี้นายหลิน เจี้ยน ยังย้ำว่า จีนให้ความเคารพต่อเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของอัฟกานิสถาน
    ส่อแววเผชิญหน้า! แผนการยึดฐานทัพอากาศบาแกรม (Bagram Air Base) ในอัฟกานิสถาน โดยสหรัฐอเมริการอบนี้ไม่ง่าย! เมื่อมีจีนเข้ามาขวางอย่างชัดเจน จีนวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อแผนการของประธานาธิบดีทรัมป์ที่จะยึดฐานทัพอากาศบาแกรมของอัฟกานิสถานคืน โดยกล่าวว่า “การสร้างความตึงเครียดและก่อให้เกิดการเผชิญหน้า” ขัดต่อผลประโยชน์ของประชาชนชาวอัฟกานิสถาน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนออกมาตอบโต้ทรัมป์อย่างรุนแรงต่อแผนการที่ต้องการกลับมายึดครองฐานทัพอากาศบาแกรมบนดินแดนของอัฟกานิสถาน โดยที่นายหลิน เจี้ยน กล่าวว่า “สหรัฐกำลังสร้างความตึงเครียดและก่อให้เกิดการเผชิญหน้า” และกำลังทำในสิ่งที่ขัดต่อผลประโยชน์ของประชาชนชาวอัฟกานิสถาน ซึ่งอนาคตของอัฟกานิสถานควรถูกกำหนดโดยประชาชนชาวอัฟกานิสถานเอง นอกจากนี้นายหลิน เจี้ยน ยังย้ำว่า จีนให้ความเคารพต่อเอกราช อธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของอัฟกานิสถาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 17-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.1

    ณ ร้านอาแปะ "แดร๊กด่วน" วงประชุม "สภาโกปี๊" ชุดเก่า เวลาเดิม เกิดเรื่องใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคการเมือง แห่กันเข้ามาในหมู่บ้านหมีดุ เหตุเพราะสถิติแรงเกิน หมู่บ้านเดียว ที่ตลอด 20 ปี ยอด NO VOTE สูงสุดอันดับ 1 ของประเทศ คือไม่เลือกใครเลย เป็นแรงดึงดูด ให้บรรดาเสือหิวทั้งหลาย อยากได้คะแนนจากที่นี่ให้ได้ เค้าเรียก "ด่านโหดหิน" ใครได้คะแนนจากที่นี่ได้ คือสุดยอดนักการเมืองเหี้ยที่ไร้พ่าย ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปี ก่อน จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มี 3500 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 3499 ขาด 1 เสียงเพราะนอนพะงาบที่รพ. ICU ใช้สิทธิ์โหวต NO ถึง 3499 เสียงครบตามจำนวนผู้มีสิทธิ์ หมู่บ้านหมีดุ ขึ้นชื่อเรื่อง "ไม่เอาเหี้ยไป จัญไรมา" เพราะไม่ว่าจะกาใคร แม่งก็เหี้ยเหมียงเดิม แล้วกูจะเอาเสียงบริสุทธิ์ในมือไปให้เหี้ยมันทำไมกันล่ะ นโยบายโคตรพ่อง ประชานิยมโคตรแม่ง ดีแต่เผาผลาญงบหาแดร๊ก

    อาแปะ : ไอ้สัส! วันนี้ "เหี้ยบุก" พวกเราเตรียมรับมือกันให้ดีดี งวดนี้ ได้ข่าว มันจัดเต็ม มากันยกแก๊งค์เหี้ย C ท่อน้ำเลี้ยงมันทั้งนั้น 3 พรรคหลอกแดร๊ก 1 พรรคตีเนียน มันเล่นยกสื่อเหี้ยยิวเข้ามา คงถาม หมู่บ้านเรา ไม่นิยมประชาธิปไตยโคตรพ่องยิวบ้างเหรอ?

    อาโก : พอจะมียุบสภาพกันอีก 4 เดือน เดินสายกันเชียวน่ะมรึง 4 ปี แลก 4 วิ หมายังอาย กาเสร็จ กวักมือเรียกให้ตาย แม่งก็ไม่โผล่ สันดาน ใครกันแน่ที่โง่ฟ่ะ?

    อาซิ่ม อินเตอร์ : อีหมู่บ้านชั้น มันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ตามสูตร หัวละ 2000 เริ่มต้น ยิ่งใกล้คืนหมาหอน เอาไปเลย 3500 พร้อมรองเท้าแตะ 1 ข้าง กาเสร็จ ค่อยไปรับอีกข้าง ดูมันทำ? คราวก่อน อีส้มดวย ชนะยกพรรค ทั้งบุคคล และพรรค เพิ่งเคยเห็น แจกบัตรคอนเสิร์ตไอดอลคลั่งฟรี หัวละ 2 ใบ วัยรุ่นแถวบ้านกรี๊ดกร๊าดกันหย่าย ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกเป๊ะเด๊ะ

    อาฉี : โน้น..ไม่ทันไร มันโผล่มาล่ะ เอาไงดี ใครจะเปิดก่อนดีล่ะ?

    อาคิม : ใจร่มๆ ตามสูตร มันต้องแกล้งเข้ามานั่งแดรีกโกปี๊ แล้วถามสารทุกข์ สุขดิบ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และไว้เนื้อเชื้อใจ วิธีการเดียวกับนักล่า จูบก่อนแล้วค่อยขย้ำ มาผิดที่แล้วไอ้นู๋ นี่มันดง "เพชรฆาตนักการเมืองหัวกล้วยนะมรึง" โดนแน่

    อาซิ่ม อินเตอร์ : ไม่รู้ มันจะจำชั้นได้มั้ย เพราะมันเพิ่งจะเข้าไปในหมู่บ้านชั้นเมื่ออาทิตย์ก่อน เงิน 2000 หมดเกลี้ยงแล้ว โดนหวยแดร๊กจ๊ะ แหม..เงินอัปมงคลเสียจริง เงินบาป แทงเหี้ยอะไรก็ไม่ถูก! ให้มากูรับ แต่จะเลือกจริงหรือไม่ เรื่องของกู

    อาแปะ : READY! มันมากันแล้ว สื่อตรึม จัดฉากกันใหญ่เชียวมรึง? เดี๋ยวรู้

    ทันทีที่กองทัพสื่อรับจ้างเหี้ย ดาหน้ากันเข้ามา วางกล้องพร้อม ตัวละครพร้อม ACTION นำหน้าด้วยหัวหน้าพรรคมันม่วง สโลแกน "อยู่ให้สบาย อิ่มหมีพีมันส์" กราบไหว้มาแต่ไกล "สวัสดีครับเพ่น้อง ผมชื่อ "สะเบอเร่อเฮ้ย" ครับเพ่น้อง วันนี้ ขอฝากเนื้อ ฝากตัวไว้ในอ้อมอก อ้อมใจ เพ่น้องชาวหมู่บ้านหมีดุ ด้วยน่ะคร๊าบบบ

    ไม่ทันไร! อาแปะ หน้านิ่ง หน้าตาย ก็นำร่องก่อนเพื่อน ชี้นิ้วไปที่ชื่อป้ายหน้าร้าน ตามสโลแกน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" มันเห็นแล้วสะอึก! กูเพิ่งมาถึง แม่งจะไล่กันแล้วรึเนี่ย? โหดจริง อะไรจริง นี่มันหมู่บ้าน หรือ กรงหมาพันธุ์ดุกันฟ่ะเนี่ย?

    แฮะ..แค่แวะมาทักทาย เพ่น้องทุกท่านคร๊าบ มีอะไรให้รับใช้ บอกมาได้เลย เดี๋ยวจัดการให้ น้ำ ไฟ ถนน สาธารณูปโภค เข้าถึง เข้าถึง อย่าได้ห่วง โปรดเลือก พรรคมันม่วง เบอร์ 88 รับรอง ชีวิตจะสบายไปตลอดกาลขอรับ เพราะเรารับใช้ประชาชนเต็มความสามารถอยู่แล้ว

    อาแปะ : ลื้อจะสั่งอะไร? หากไม่กิน ก็ไสหัวออกไป ที่นี่ เค้าสงบสุขดีอยู่แล้ว

    สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..สั่ง ครับสั่ง โกปี๊ 8 ปาท่องโก๋ 10 ไข่ลวก 10 นมเย็น 4 ขอรับ

    อาแปะ : แล้วบรรดานักข่าวที่ลื้อยกกันมาเป็นขบวนขันหมากเนี่ย ไม่ให้มันได้แดร๊กหน่อยเหรอ? ไหนว่าทำเพื่อประชาชนไง เห็นอยู่ก็ไม่น้อยน่ะ ประมาณ 40 คน จะเลี้ยงมั้ย? (ถามต่อหน้า "สะเบอเร่อเฮ้ย" ขณะ LIVE สดอยู่)

    สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..เลี้ยงสิคร๊าบ เท่าไหร่ ก็เลี้ยงขอรับ(ไอ้สัส..จัดหนักกูทันที)

    อาโก : อ้าว..เลี้ยงแต่นักข่าว ไม่เลี้ยงพวกเรา ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำรึจ๊ะ? คุณหัวหน้าพรรค ดูท่าทาง ไม่ใช่คนขี้เหนียวนิจ๊ะ มาทั้งที มันต้องสร้างความประทับใจหน่อยสิ อยากเห็นผู้แทนประชาชนตัวเป็นๆ ของจริง อ่ะน่ะ (คนในร้านเฮ ทันที)

    สะเบอเร่อเฮ้ย : จัดไปขอรับ เป็นเกียรติที่ได้ดูแลประชาชนครับ มันเป็นหน้าที่

    อาฉี : อ้าว..พวกเรา ไปป่าวประกาศเร็ว ท่านหัวหน้าพรรค จะเลี้ยงยกหมู่บ้าน ใครมีลูกเด็ก เล็กแดง ยกกันมากินฟรีเร็ว! ให้ว่อง ให้ไว ชาวบ้านเฮตามน้ำทันที (กล้องจับภาพบรรยากาศคึกคัก แต่หัวหน้าพรรคหน้าเจื่อน)

    หลังผ่านไป 2 ชั่วโมง หลังแดร๊กกันดุเด็ด เผ็ดมันส์ ร้านอาแปะ ทำยอดขายได้มากกว่าขายทั้งเดือนซะอีก ลาภปาก แดร๊กกันดีนัก กูขอเอาคืนมรึงบ้างเหอะ ก็ถึงเวลา "หาเสียง" ยังไงเสียแล้ว เมื่อชาวบ้านมารุมกินฟรีที่ร้านอาแปะ ก็เอาเป็นที่ถ่ายโลเกชั่นหมู่บ้านไปเลย นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน อีกำนัน ดาหน้ากันเสนอผลงานกันใหญ่ออกสื่อ ออกมาต้อนรับท่านหัวหน้าพรรคมันม่วง ชาวบ้านเห็นชัด ถึงอาการชะเลียส้นตรีนของข้าราชการ กับฝ่ายการเมือง ยิ่งทำให้แค้นจัด เดี๋ยวมีช็อตเด็ดแน่!

    LIVE สด ณ หมู่บ้านหมีดุ ตำบลหมีงาบ อำเภอหมีตะปบ ถ่ายทำที่ร้าน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" โดยมี อาแปะเป็นเจ้าของร้าน และเป็นศูนย์กลางชาวบ้าน ตั้งสภาโกปี๊มาหลายสิบปี เห็นการเมืองมาเยอะ ถูกเชิญไปให้สัมภาษณ์ โดยมีการจัดฉาก ยืนเรียงกันพร้อม ทั้งฝ่ายข้าราชการ และฝ่ายการเมือง

    สะเบอเร่อเฮ้ย : เรา..ในฐานะพรรคมันม่วง ที่ต้องการจะยกระดับความเจริญให้เพ่น้องประชาชน เราต้องการสิ่งที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า และเห็นทันตาเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น นโยบายหลักของเราคือ "กินอิ่ม หลับสบาย" ทุกครัวเรือน จะต้องปลอดภัย และมีกิน มีใช้ ไม่ศักดิ์ศรี ไม่ต้องขอใครกิน อีกต่อไป (ชาวบ้านนั่งฟัง..เงียบกริบ)

    อาแปะ : ลื้อมาเพื่อช่วยพวกเราชิมิ? งั้นลื้อพร้อมจะฟังปัญหา ปากท้องชาวบ้าน และสิ่งที่ชาวบ้านต้องการจริงๆ รึยัง? ที่ไม่ใช่จากปากคนอื่น อ่ะน่ะ กล้าฟังมั้ย?

    (อาแปะพูดคั่นกลาง LIVE สดเลย อี สะเบอเร่อเฮ้ย ถึงกับชงักไป 5 วิ แต่เห็นออกสื่ออยู่ จึงตามน้ำ ผิดแผน กูกะจะใส่นโยบายหลอกแดร๊ก ปั่นหัวควายซะหน่อย แต่เสือกถูกคั่นรายการ เอาเหอะ เดี๋ยวค่อยตบท้ายสวยๆ ปล่อยชาวบ้านได้ปลดปล่อยก่อน)

    อาแปะ : กวักมือเรียก "อาโก" ทันที ตาลื้อล่ะ อั๊วชงให้แล้ว ในหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ดีเท่าลื้อดอก ข้อมูลตรึม ปัญญาเป็นเริ่ด ช่วยบอกท่านหัวหน้าพรรคหน่อยว่า เราต้องการอะไร? จัดไป อย่าให้เสียของ

    อาโก : ก็ไม่มีอะไรมากดอกน่ะ เราอยากให้ท่านรับปากสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการในยามนี้ และในอนาคต หากทำได้ เราทั้งหมู่บ้านจะเลือกพรรคท่านแน่นอน เพราะคนลงมือทำจริง ย่อมดีกว่าเอาแต่พูด พวกเราชอบคนจริง และให้ใจเต็มที่

    สะเบอเร่อเฮ้ย : ยิงลี ก๊าบ..เฮ๊ย ยินดี ขอรับ ผมพร้อมรับฟังปัญหาชาวบ้านอยู่แล้ว ยากแค่ไหน ก็จะทำให้ได้ เพื่อให้ชีวิตที่ดีกลับคืนสู่ทุกหมู่บ้านอีกครั้ง

    อาโก : ใส่ทันที ขอเรียงเป็นข้อๆ ดังนี้

    1.ยกเลิก MOU43/44 ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข ปิดด่านให้หมด จนกว่าขะแมร์แพ้
    2.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ใครแตะต้องสถาบันสูงสุด ประหาร 9 ชั่วโคตร ไม่มียกเว้น
    3.โทษของการคอรัปชั่นคือประหารชีวิตเท่านั้น ไม่มีหมดอายุความ ทำทันที
    4.ตัดทุกอย่างเกี่ยวกับสิทธิพิเศษ และอภิสิทธิ์ของสส. สว. เปลืองงบใช่เหตุ
    5.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ไม่ใช่เลือกกันเอง ภาคประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่าง
    6.องค์กรอิสระ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองยุ่งเด็ดขาด ให้ประชาชนส่งตัวแทนเข้าไป
    7.ผลัดใบกรมปทุมวัน ผลัดใบอัยกวย ผลัดใบกรุมคุก ผลัดใบข้าราชการทั้งระบบ
    8.กฎหมายควบคุมพรรค ท่อน้ำเลี้ยงต่างชาติ ยุบทันที ถอนสิทธิ์ตลอดชีพ
    9.กระจายอำนาจ ไม่ให้ทุกอย่างเข้าสู่ศูนย์กลาง เพาะเชื้อชั่ว 77 จ. บริหารเอง
    10.ยกเลิกระบบนายทุนผูกขาด ใช้ระบบสวัสดิการรัฐนำ งบประมาณกระจายทั่ว
    11.รากฐานสำคัญ ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม บรรจุในระเบียบแห่งชาติต้องมี ทุกรร.
    12.คืนพระราชอำนาจ โปรดเกล้านายกฯ พระราชทาน ฝ่ายการเมือง 30 วัง 70
    13.เรียกคืนอธิปไตยไทย ดินแดนเดิมที่เคยมี และถูกแย่งชิงไปคืนมาให้หมด
    14.ทุนเรียนฟรีต้องมี คนไทยต้องได้รับการศึกษาฟรีไปจนถึงชั้นปริญญา วิชาชีพ
    15.จัดการทุนต่างชาติ ควบคุมผู้อพยพลี้ภัย คนต่างด้าว แรงงานเถื่อน กฎต้องแรง

    หายใจทันมั้ย? เอาแค่นี้ก่อนน่ะ ท่านผู้นำพรรค เดี๋ยวจะฉี่แตกซะก่อน

    สะเบอเร่อเฮ้ย : มึน..โดนหมัดรัว นี่มันเข้ากูทุกดอกนี่หว่า? ตั้งสติได้แป๊บ หันมาหากล้อง ยิ้มหวานๆ เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ทำได้ยากน่ะ เพราะหลายข่อมันขัดกับประชาธิปไตย ที่สากลยอมรับน่ะ

    อาโก : สวนกลับทันควัน.. เอาเหรอ? อั๊วคิดว่าที่นี่คือประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุก เป็นเอกราชมานับ 1000 ปี มีอะไรที่สากลไม่ยอมรับเราบ้างล่ะ อั๊วก็เห็น ทั่วโลกแห่กันเข้ามาเต็มบ้าน เต็มเมือง ไม่เห็นใครบอกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยซะหน่อย

    สะเบอเร่อเฮ้ย : (ของเริ่มขึ้น) ไม่คิดหน่อยรึว่า มันอาจจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์น่ะ หากเราไม่ยึดประชาธิปไตยอันทรงคุณค่าเอาไว้ ทั่วโลกเจริญก็เพราะประชาธิปไตยเนี่ยแหละ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เราจะเดินถอยหลังเอาน่ะ

    อาฉี : แล้วทำไม จีน รัสเซีย ถึงได้เจริญกันล่ะ เพราะมีผู้นำดี ทั้งปูติน สีจิ้นผิง แปลว่าอะไร ระบบอะไรก็ช่าง มันดีหมด หากได้ผู้นำที่ดี เก่ง และฉลาด ที่สำคัญคือ ทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงจัง ประชาธิปไตย 93 ปี ไม่ได้ช่วยให้เราอิ่มได้จริง เลือกตั้งกันมากี่ครั้งแล้วล่ะ แล้วจบยังไง?

    ชาวบ้านเริ่มเฮกันหย่าย สื่อได้ช็อต ปิงปอง เล่นข่าว จับตาดูท่านหัวหน้าพรรค จะเอาตัวรอดยังไงดี? ไม่ทันไร นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ดาหน้าเสนอ องครักษ์พิทักษ์นายทันที เสนอหน้าออกสื่อ "ชมผู้นำพรรคที่มีใจเป็นกลาง" และชื่นชมความเอาใจใส่ แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ยังอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียน บอกสื่อไปหน้าตาเฉยว่า ทุกวันนี้ หมู่บ้านนี้ ร่มเย็นเป็นสุขดี เพราะมีผู้ใหญี่หลายท่านให้ความสนใจ(ก็แหงสิ 10 กว่าปี ไม่ได้แดร๊กแม้เพียงเสียงเดียว คะแนนเดียว มรึงถึงอยากจะแย่งกันอย่างกะหมา เพื่อปลดล็อค สร้างวีรกรรมชนะใจคนในหมู่บ้านนี้ให้ได้ วงพนันขันต่อ วางไว้ 100:1 ใครที่ได้เสียงมา คือแชมป์จ๊ะ)

    ยังไม่ทัน ที่อี สะเบอเร่อเฮ้ย จะแถต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มา สาวน้อยคนนี้มีชื่อว่า "ปุกลุก" ท่านผู้นำขา นู๋มีเรื่องจะขอร้องคร๊า สื่อให้ความสำคัญทันที ด้วยความใสซื่อของเด็ก ก็พูดออกมาโพลงๆ เลยว่า "ทำไมต้องแย่งนมนู๋กินด้วยคร๊า ผู้ใหญ่น่าไม่อาย" เพราะแกเพิ่งจะไปล้างท้องมาหมาดๆ กับเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง ท้องเสียเพราะนมบูด งานเข้านายอำเภอทันที จะแถต่อยังไงดีเนี่ย?

    นายอำเภอหันหน้ามาบอกผู้นำพรรคว่า "เป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิค" การขนส่งล่าช้า และขบวนการขนส่งไม่ได้มาตรฐาน ท่านผู้นำพรรค ก็รีบออกสื่อแจ้งทันที ว่า จะแก้ไขโดยด่วน ต่อไปเด็กๆ จะต้องได้กินนมสดจากฟาร์มทุกวัน สดใหม่เสมอ ยังไม่ทันจะคุยต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มาอีก ถามว่า "อยากได้ ลุงกุ้ง เป็นนายกฯ อ่ะคร๊าบบ" ฮาแตก ทั้งร้าน เด็กมันยังรู้ ว่าใครคือ "วีรบุรุษชาติ"

    บรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ กระแสรักชาติดาษดื่น ดูท่า การหาเสียงครั้งนี้ มันจะไร้ผล ไม่เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ ผู้นำพรรค ถึงได้แถลงการณ์ต่อหน้าสื่อ เพื่อปิดท้ายทันที อ้างว่า "ที่เดินทางมาหมู่บ้านนี้ ก็เพื่อจะดำรงประชาธิปไตย" ให้ระบบแข็งแรง และสนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง รงณรงค์ให้ทุกครัวเรือน มีส่วนในการกำหนดชะตากรรมประเทศ เพราะแลเห็นว่า ผ่านมา 20 ปี หมู่บ้านหมีดุ แห่งนี้ ไม่มีคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดเลยที่เจาะได้ แปลว่า ยังไม่ถูกใจผู้แทนคนไหนเลย ถึงได้มาเพื่อแสดงตัวให้เป็นที่พิจารณา แล้วจึงชิ่งหนีกลับทันที

    ยังไม่ทันจะพ้นปากทางหมู่บ้าน คณะพรรคใหม่ก็โผล่มาทันที งวดนี้ จัดหนัก จัดเต็ม ขนอุปกรณ์เวที มาตั้ง กะให้บรรลือไปทั้งโลก พ่วงดารา ไอดอล มาเต็มตรีน อย่างกะขยวนขันหมาก ไอ้สัส! อี สะเบอเร่อเฮ้ย หน้าเหว่อทันที https://www.minds.com/newsfeed/1814952706748571648
    17-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.1 ณ ร้านอาแปะ "แดร๊กด่วน" วงประชุม "สภาโกปี๊" ชุดเก่า เวลาเดิม เกิดเรื่องใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคการเมือง แห่กันเข้ามาในหมู่บ้านหมีดุ เหตุเพราะสถิติแรงเกิน หมู่บ้านเดียว ที่ตลอด 20 ปี ยอด NO VOTE สูงสุดอันดับ 1 ของประเทศ คือไม่เลือกใครเลย เป็นแรงดึงดูด ให้บรรดาเสือหิวทั้งหลาย อยากได้คะแนนจากที่นี่ให้ได้ เค้าเรียก "ด่านโหดหิน" ใครได้คะแนนจากที่นี่ได้ คือสุดยอดนักการเมืองเหี้ยที่ไร้พ่าย ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปี ก่อน จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มี 3500 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 3499 ขาด 1 เสียงเพราะนอนพะงาบที่รพ. ICU ใช้สิทธิ์โหวต NO ถึง 3499 เสียงครบตามจำนวนผู้มีสิทธิ์ หมู่บ้านหมีดุ ขึ้นชื่อเรื่อง "ไม่เอาเหี้ยไป จัญไรมา" เพราะไม่ว่าจะกาใคร แม่งก็เหี้ยเหมียงเดิม แล้วกูจะเอาเสียงบริสุทธิ์ในมือไปให้เหี้ยมันทำไมกันล่ะ นโยบายโคตรพ่อง ประชานิยมโคตรแม่ง ดีแต่เผาผลาญงบหาแดร๊ก อาแปะ : ไอ้สัส! วันนี้ "เหี้ยบุก" พวกเราเตรียมรับมือกันให้ดีดี งวดนี้ ได้ข่าว มันจัดเต็ม มากันยกแก๊งค์เหี้ย C ท่อน้ำเลี้ยงมันทั้งนั้น 3 พรรคหลอกแดร๊ก 1 พรรคตีเนียน มันเล่นยกสื่อเหี้ยยิวเข้ามา คงถาม หมู่บ้านเรา ไม่นิยมประชาธิปไตยโคตรพ่องยิวบ้างเหรอ? อาโก : พอจะมียุบสภาพกันอีก 4 เดือน เดินสายกันเชียวน่ะมรึง 4 ปี แลก 4 วิ หมายังอาย กาเสร็จ กวักมือเรียกให้ตาย แม่งก็ไม่โผล่ สันดาน ใครกันแน่ที่โง่ฟ่ะ? อาซิ่ม อินเตอร์ : อีหมู่บ้านชั้น มันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ตามสูตร หัวละ 2000 เริ่มต้น ยิ่งใกล้คืนหมาหอน เอาไปเลย 3500 พร้อมรองเท้าแตะ 1 ข้าง กาเสร็จ ค่อยไปรับอีกข้าง ดูมันทำ? คราวก่อน อีส้มดวย ชนะยกพรรค ทั้งบุคคล และพรรค เพิ่งเคยเห็น แจกบัตรคอนเสิร์ตไอดอลคลั่งฟรี หัวละ 2 ใบ วัยรุ่นแถวบ้านกรี๊ดกร๊าดกันหย่าย ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกเป๊ะเด๊ะ อาฉี : โน้น..ไม่ทันไร มันโผล่มาล่ะ เอาไงดี ใครจะเปิดก่อนดีล่ะ? อาคิม : ใจร่มๆ ตามสูตร มันต้องแกล้งเข้ามานั่งแดรีกโกปี๊ แล้วถามสารทุกข์ สุขดิบ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และไว้เนื้อเชื้อใจ วิธีการเดียวกับนักล่า จูบก่อนแล้วค่อยขย้ำ มาผิดที่แล้วไอ้นู๋ นี่มันดง "เพชรฆาตนักการเมืองหัวกล้วยนะมรึง" โดนแน่ อาซิ่ม อินเตอร์ : ไม่รู้ มันจะจำชั้นได้มั้ย เพราะมันเพิ่งจะเข้าไปในหมู่บ้านชั้นเมื่ออาทิตย์ก่อน เงิน 2000 หมดเกลี้ยงแล้ว โดนหวยแดร๊กจ๊ะ แหม..เงินอัปมงคลเสียจริง เงินบาป แทงเหี้ยอะไรก็ไม่ถูก! ให้มากูรับ แต่จะเลือกจริงหรือไม่ เรื่องของกู อาแปะ : READY! มันมากันแล้ว สื่อตรึม จัดฉากกันใหญ่เชียวมรึง? เดี๋ยวรู้ ทันทีที่กองทัพสื่อรับจ้างเหี้ย ดาหน้ากันเข้ามา วางกล้องพร้อม ตัวละครพร้อม ACTION นำหน้าด้วยหัวหน้าพรรคมันม่วง สโลแกน "อยู่ให้สบาย อิ่มหมีพีมันส์" กราบไหว้มาแต่ไกล "สวัสดีครับเพ่น้อง ผมชื่อ "สะเบอเร่อเฮ้ย" ครับเพ่น้อง วันนี้ ขอฝากเนื้อ ฝากตัวไว้ในอ้อมอก อ้อมใจ เพ่น้องชาวหมู่บ้านหมีดุ ด้วยน่ะคร๊าบบบ ไม่ทันไร! อาแปะ หน้านิ่ง หน้าตาย ก็นำร่องก่อนเพื่อน ชี้นิ้วไปที่ชื่อป้ายหน้าร้าน ตามสโลแกน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" มันเห็นแล้วสะอึก! กูเพิ่งมาถึง แม่งจะไล่กันแล้วรึเนี่ย? โหดจริง อะไรจริง นี่มันหมู่บ้าน หรือ กรงหมาพันธุ์ดุกันฟ่ะเนี่ย? แฮะ..แค่แวะมาทักทาย เพ่น้องทุกท่านคร๊าบ มีอะไรให้รับใช้ บอกมาได้เลย เดี๋ยวจัดการให้ น้ำ ไฟ ถนน สาธารณูปโภค เข้าถึง เข้าถึง อย่าได้ห่วง โปรดเลือก พรรคมันม่วง เบอร์ 88 รับรอง ชีวิตจะสบายไปตลอดกาลขอรับ เพราะเรารับใช้ประชาชนเต็มความสามารถอยู่แล้ว อาแปะ : ลื้อจะสั่งอะไร? หากไม่กิน ก็ไสหัวออกไป ที่นี่ เค้าสงบสุขดีอยู่แล้ว สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..สั่ง ครับสั่ง โกปี๊ 8 ปาท่องโก๋ 10 ไข่ลวก 10 นมเย็น 4 ขอรับ อาแปะ : แล้วบรรดานักข่าวที่ลื้อยกกันมาเป็นขบวนขันหมากเนี่ย ไม่ให้มันได้แดร๊กหน่อยเหรอ? ไหนว่าทำเพื่อประชาชนไง เห็นอยู่ก็ไม่น้อยน่ะ ประมาณ 40 คน จะเลี้ยงมั้ย? (ถามต่อหน้า "สะเบอเร่อเฮ้ย" ขณะ LIVE สดอยู่) สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..เลี้ยงสิคร๊าบ เท่าไหร่ ก็เลี้ยงขอรับ(ไอ้สัส..จัดหนักกูทันที) อาโก : อ้าว..เลี้ยงแต่นักข่าว ไม่เลี้ยงพวกเรา ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำรึจ๊ะ? คุณหัวหน้าพรรค ดูท่าทาง ไม่ใช่คนขี้เหนียวนิจ๊ะ มาทั้งที มันต้องสร้างความประทับใจหน่อยสิ อยากเห็นผู้แทนประชาชนตัวเป็นๆ ของจริง อ่ะน่ะ (คนในร้านเฮ ทันที) สะเบอเร่อเฮ้ย : จัดไปขอรับ เป็นเกียรติที่ได้ดูแลประชาชนครับ มันเป็นหน้าที่ อาฉี : อ้าว..พวกเรา ไปป่าวประกาศเร็ว ท่านหัวหน้าพรรค จะเลี้ยงยกหมู่บ้าน ใครมีลูกเด็ก เล็กแดง ยกกันมากินฟรีเร็ว! ให้ว่อง ให้ไว ชาวบ้านเฮตามน้ำทันที (กล้องจับภาพบรรยากาศคึกคัก แต่หัวหน้าพรรคหน้าเจื่อน) หลังผ่านไป 2 ชั่วโมง หลังแดร๊กกันดุเด็ด เผ็ดมันส์ ร้านอาแปะ ทำยอดขายได้มากกว่าขายทั้งเดือนซะอีก ลาภปาก แดร๊กกันดีนัก กูขอเอาคืนมรึงบ้างเหอะ ก็ถึงเวลา "หาเสียง" ยังไงเสียแล้ว เมื่อชาวบ้านมารุมกินฟรีที่ร้านอาแปะ ก็เอาเป็นที่ถ่ายโลเกชั่นหมู่บ้านไปเลย นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน อีกำนัน ดาหน้ากันเสนอผลงานกันใหญ่ออกสื่อ ออกมาต้อนรับท่านหัวหน้าพรรคมันม่วง ชาวบ้านเห็นชัด ถึงอาการชะเลียส้นตรีนของข้าราชการ กับฝ่ายการเมือง ยิ่งทำให้แค้นจัด เดี๋ยวมีช็อตเด็ดแน่! LIVE สด ณ หมู่บ้านหมีดุ ตำบลหมีงาบ อำเภอหมีตะปบ ถ่ายทำที่ร้าน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" โดยมี อาแปะเป็นเจ้าของร้าน และเป็นศูนย์กลางชาวบ้าน ตั้งสภาโกปี๊มาหลายสิบปี เห็นการเมืองมาเยอะ ถูกเชิญไปให้สัมภาษณ์ โดยมีการจัดฉาก ยืนเรียงกันพร้อม ทั้งฝ่ายข้าราชการ และฝ่ายการเมือง สะเบอเร่อเฮ้ย : เรา..ในฐานะพรรคมันม่วง ที่ต้องการจะยกระดับความเจริญให้เพ่น้องประชาชน เราต้องการสิ่งที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า และเห็นทันตาเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น นโยบายหลักของเราคือ "กินอิ่ม หลับสบาย" ทุกครัวเรือน จะต้องปลอดภัย และมีกิน มีใช้ ไม่ศักดิ์ศรี ไม่ต้องขอใครกิน อีกต่อไป (ชาวบ้านนั่งฟัง..เงียบกริบ) อาแปะ : ลื้อมาเพื่อช่วยพวกเราชิมิ? งั้นลื้อพร้อมจะฟังปัญหา ปากท้องชาวบ้าน และสิ่งที่ชาวบ้านต้องการจริงๆ รึยัง? ที่ไม่ใช่จากปากคนอื่น อ่ะน่ะ กล้าฟังมั้ย? (อาแปะพูดคั่นกลาง LIVE สดเลย อี สะเบอเร่อเฮ้ย ถึงกับชงักไป 5 วิ แต่เห็นออกสื่ออยู่ จึงตามน้ำ ผิดแผน กูกะจะใส่นโยบายหลอกแดร๊ก ปั่นหัวควายซะหน่อย แต่เสือกถูกคั่นรายการ เอาเหอะ เดี๋ยวค่อยตบท้ายสวยๆ ปล่อยชาวบ้านได้ปลดปล่อยก่อน) อาแปะ : กวักมือเรียก "อาโก" ทันที ตาลื้อล่ะ อั๊วชงให้แล้ว ในหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ดีเท่าลื้อดอก ข้อมูลตรึม ปัญญาเป็นเริ่ด ช่วยบอกท่านหัวหน้าพรรคหน่อยว่า เราต้องการอะไร? จัดไป อย่าให้เสียของ อาโก : ก็ไม่มีอะไรมากดอกน่ะ เราอยากให้ท่านรับปากสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการในยามนี้ และในอนาคต หากทำได้ เราทั้งหมู่บ้านจะเลือกพรรคท่านแน่นอน เพราะคนลงมือทำจริง ย่อมดีกว่าเอาแต่พูด พวกเราชอบคนจริง และให้ใจเต็มที่ สะเบอเร่อเฮ้ย : ยิงลี ก๊าบ..เฮ๊ย ยินดี ขอรับ ผมพร้อมรับฟังปัญหาชาวบ้านอยู่แล้ว ยากแค่ไหน ก็จะทำให้ได้ เพื่อให้ชีวิตที่ดีกลับคืนสู่ทุกหมู่บ้านอีกครั้ง อาโก : ใส่ทันที ขอเรียงเป็นข้อๆ ดังนี้ 1.ยกเลิก MOU43/44 ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข ปิดด่านให้หมด จนกว่าขะแมร์แพ้ 2.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ใครแตะต้องสถาบันสูงสุด ประหาร 9 ชั่วโคตร ไม่มียกเว้น 3.โทษของการคอรัปชั่นคือประหารชีวิตเท่านั้น ไม่มีหมดอายุความ ทำทันที 4.ตัดทุกอย่างเกี่ยวกับสิทธิพิเศษ และอภิสิทธิ์ของสส. สว. เปลืองงบใช่เหตุ 5.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ไม่ใช่เลือกกันเอง ภาคประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่าง 6.องค์กรอิสระ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองยุ่งเด็ดขาด ให้ประชาชนส่งตัวแทนเข้าไป 7.ผลัดใบกรมปทุมวัน ผลัดใบอัยกวย ผลัดใบกรุมคุก ผลัดใบข้าราชการทั้งระบบ 8.กฎหมายควบคุมพรรค ท่อน้ำเลี้ยงต่างชาติ ยุบทันที ถอนสิทธิ์ตลอดชีพ 9.กระจายอำนาจ ไม่ให้ทุกอย่างเข้าสู่ศูนย์กลาง เพาะเชื้อชั่ว 77 จ. บริหารเอง 10.ยกเลิกระบบนายทุนผูกขาด ใช้ระบบสวัสดิการรัฐนำ งบประมาณกระจายทั่ว 11.รากฐานสำคัญ ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม บรรจุในระเบียบแห่งชาติต้องมี ทุกรร. 12.คืนพระราชอำนาจ โปรดเกล้านายกฯ พระราชทาน ฝ่ายการเมือง 30 วัง 70 13.เรียกคืนอธิปไตยไทย ดินแดนเดิมที่เคยมี และถูกแย่งชิงไปคืนมาให้หมด 14.ทุนเรียนฟรีต้องมี คนไทยต้องได้รับการศึกษาฟรีไปจนถึงชั้นปริญญา วิชาชีพ 15.จัดการทุนต่างชาติ ควบคุมผู้อพยพลี้ภัย คนต่างด้าว แรงงานเถื่อน กฎต้องแรง หายใจทันมั้ย? เอาแค่นี้ก่อนน่ะ ท่านผู้นำพรรค เดี๋ยวจะฉี่แตกซะก่อน สะเบอเร่อเฮ้ย : มึน..โดนหมัดรัว นี่มันเข้ากูทุกดอกนี่หว่า? ตั้งสติได้แป๊บ หันมาหากล้อง ยิ้มหวานๆ เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ทำได้ยากน่ะ เพราะหลายข่อมันขัดกับประชาธิปไตย ที่สากลยอมรับน่ะ อาโก : สวนกลับทันควัน.. เอาเหรอ? อั๊วคิดว่าที่นี่คือประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุก เป็นเอกราชมานับ 1000 ปี มีอะไรที่สากลไม่ยอมรับเราบ้างล่ะ อั๊วก็เห็น ทั่วโลกแห่กันเข้ามาเต็มบ้าน เต็มเมือง ไม่เห็นใครบอกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยซะหน่อย สะเบอเร่อเฮ้ย : (ของเริ่มขึ้น) ไม่คิดหน่อยรึว่า มันอาจจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์น่ะ หากเราไม่ยึดประชาธิปไตยอันทรงคุณค่าเอาไว้ ทั่วโลกเจริญก็เพราะประชาธิปไตยเนี่ยแหละ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เราจะเดินถอยหลังเอาน่ะ อาฉี : แล้วทำไม จีน รัสเซีย ถึงได้เจริญกันล่ะ เพราะมีผู้นำดี ทั้งปูติน สีจิ้นผิง แปลว่าอะไร ระบบอะไรก็ช่าง มันดีหมด หากได้ผู้นำที่ดี เก่ง และฉลาด ที่สำคัญคือ ทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงจัง ประชาธิปไตย 93 ปี ไม่ได้ช่วยให้เราอิ่มได้จริง เลือกตั้งกันมากี่ครั้งแล้วล่ะ แล้วจบยังไง? ชาวบ้านเริ่มเฮกันหย่าย สื่อได้ช็อต ปิงปอง เล่นข่าว จับตาดูท่านหัวหน้าพรรค จะเอาตัวรอดยังไงดี? ไม่ทันไร นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ดาหน้าเสนอ องครักษ์พิทักษ์นายทันที เสนอหน้าออกสื่อ "ชมผู้นำพรรคที่มีใจเป็นกลาง" และชื่นชมความเอาใจใส่ แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ยังอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียน บอกสื่อไปหน้าตาเฉยว่า ทุกวันนี้ หมู่บ้านนี้ ร่มเย็นเป็นสุขดี เพราะมีผู้ใหญี่หลายท่านให้ความสนใจ(ก็แหงสิ 10 กว่าปี ไม่ได้แดร๊กแม้เพียงเสียงเดียว คะแนนเดียว มรึงถึงอยากจะแย่งกันอย่างกะหมา เพื่อปลดล็อค สร้างวีรกรรมชนะใจคนในหมู่บ้านนี้ให้ได้ วงพนันขันต่อ วางไว้ 100:1 ใครที่ได้เสียงมา คือแชมป์จ๊ะ) ยังไม่ทัน ที่อี สะเบอเร่อเฮ้ย จะแถต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มา สาวน้อยคนนี้มีชื่อว่า "ปุกลุก" ท่านผู้นำขา นู๋มีเรื่องจะขอร้องคร๊า สื่อให้ความสำคัญทันที ด้วยความใสซื่อของเด็ก ก็พูดออกมาโพลงๆ เลยว่า "ทำไมต้องแย่งนมนู๋กินด้วยคร๊า ผู้ใหญ่น่าไม่อาย" เพราะแกเพิ่งจะไปล้างท้องมาหมาดๆ กับเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง ท้องเสียเพราะนมบูด งานเข้านายอำเภอทันที จะแถต่อยังไงดีเนี่ย? นายอำเภอหันหน้ามาบอกผู้นำพรรคว่า "เป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิค" การขนส่งล่าช้า และขบวนการขนส่งไม่ได้มาตรฐาน ท่านผู้นำพรรค ก็รีบออกสื่อแจ้งทันที ว่า จะแก้ไขโดยด่วน ต่อไปเด็กๆ จะต้องได้กินนมสดจากฟาร์มทุกวัน สดใหม่เสมอ ยังไม่ทันจะคุยต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มาอีก ถามว่า "อยากได้ ลุงกุ้ง เป็นนายกฯ อ่ะคร๊าบบ" ฮาแตก ทั้งร้าน เด็กมันยังรู้ ว่าใครคือ "วีรบุรุษชาติ" บรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ กระแสรักชาติดาษดื่น ดูท่า การหาเสียงครั้งนี้ มันจะไร้ผล ไม่เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ ผู้นำพรรค ถึงได้แถลงการณ์ต่อหน้าสื่อ เพื่อปิดท้ายทันที อ้างว่า "ที่เดินทางมาหมู่บ้านนี้ ก็เพื่อจะดำรงประชาธิปไตย" ให้ระบบแข็งแรง และสนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง รงณรงค์ให้ทุกครัวเรือน มีส่วนในการกำหนดชะตากรรมประเทศ เพราะแลเห็นว่า ผ่านมา 20 ปี หมู่บ้านหมีดุ แห่งนี้ ไม่มีคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดเลยที่เจาะได้ แปลว่า ยังไม่ถูกใจผู้แทนคนไหนเลย ถึงได้มาเพื่อแสดงตัวให้เป็นที่พิจารณา แล้วจึงชิ่งหนีกลับทันที ยังไม่ทันจะพ้นปากทางหมู่บ้าน คณะพรรคใหม่ก็โผล่มาทันที งวดนี้ จัดหนัก จัดเต็ม ขนอุปกรณ์เวที มาตั้ง กะให้บรรลือไปทั้งโลก พ่วงดารา ไอดอล มาเต็มตรีน อย่างกะขยวนขันหมาก ไอ้สัส! อี สะเบอเร่อเฮ้ย หน้าเหว่อทันที https://www.minds.com/newsfeed/1814952706748571648
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1069 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปแลนด์ประกาศใช้มาตรา 4 ของนาโต้!!

    สาระสำคัญแห่งมาตรา 4 ของนาโต้ระบุว่า: "ประเทศสมาชิกต่างๆ จะหารือร่วมกันเมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเห็นว่าบูรณภาพแห่งดินแดน เอกราชทางการเมือง หรือความมั่นคงของสมาชิกถูกคุกคาม"

    เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากโดรนของรัสเซียจำนวนหนึ่งได้บินเข้าสู่น่านฟ้าของโปแลนด์เมื่อคืนที่ผ่านมา ระหว่างเส้นทางการโจมตีทางตะวันตกของยูเครน และนับเป็นครั้งแรกที่โดรนของรัสเซียถูกยิงตกเหนือน่านฟ้าของโปแลนด์

    อย่างไรก็ตาม โปแลนด์ไม่ได้ประกาศใช้มาตรา 4 เป็นครั้งแรก โดยเมื่อปี 2022 หลังจากรัสเซียบุกยูเครน โปแลนด์ได้ประกาศใช้มาตรา 4 เพื่อประชุมหารือถึงสถานการณ์ในครั้งนั้น เพื่อยืนยันความพร้อมของนาโต้ในการปกป้องสมาชิกในกรณีที่รัสเซียอาจขยายการโจมตีออกนอกยูเครน

    โดยสรุปแล้ว มาตรา 4 เป็นกลไกในการปรึกษาหารือเพื่อประเมินสถานการณ์และหาทางออกร่วมกันของประเทศสมาชิกนาโต้ ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายจนต้องเรียกใช้มาตรา 5
    โปแลนด์ประกาศใช้มาตรา 4 ของนาโต้!! สาระสำคัญแห่งมาตรา 4 ของนาโต้ระบุว่า: "ประเทศสมาชิกต่างๆ จะหารือร่วมกันเมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเห็นว่าบูรณภาพแห่งดินแดน เอกราชทางการเมือง หรือความมั่นคงของสมาชิกถูกคุกคาม" เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากโดรนของรัสเซียจำนวนหนึ่งได้บินเข้าสู่น่านฟ้าของโปแลนด์เมื่อคืนที่ผ่านมา ระหว่างเส้นทางการโจมตีทางตะวันตกของยูเครน และนับเป็นครั้งแรกที่โดรนของรัสเซียถูกยิงตกเหนือน่านฟ้าของโปแลนด์ อย่างไรก็ตาม โปแลนด์ไม่ได้ประกาศใช้มาตรา 4 เป็นครั้งแรก โดยเมื่อปี 2022 หลังจากรัสเซียบุกยูเครน โปแลนด์ได้ประกาศใช้มาตรา 4 เพื่อประชุมหารือถึงสถานการณ์ในครั้งนั้น เพื่อยืนยันความพร้อมของนาโต้ในการปกป้องสมาชิกในกรณีที่รัสเซียอาจขยายการโจมตีออกนอกยูเครน โดยสรุปแล้ว มาตรา 4 เป็นกลไกในการปรึกษาหารือเพื่อประเมินสถานการณ์และหาทางออกร่วมกันของประเทศสมาชิกนาโต้ ก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายจนต้องเรียกใช้มาตรา 5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 304 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยเก่า ตอนที่ 9
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 9
    นาย Kenneth ถูกกระทรวงต่างประเทศ ส่งกลับมาทำการสำรวจเมืองไทยรอบใหญ่อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1950 นาย Kenneth เล่าว่าเป็นปีที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงทำพิธีอภิเศกสมรสกับสมเด็จพระราชินี และทำพิธีขึ้นครองราชย์ ทางอเมริกาเตรียมของขวัญที่จะถวายสำหรับพระราชพิธีอภิเศก เป็นแก้วเป่าของ Steuben ซึ่งมีชื่อมาก แต่นาย Kenneth ในฐานะเคยอยู่เมืองไทยมานาน และอ้างว่าเคยรู้จักและเคยพบพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิง ก็รีบเสนอหน้าแนะนำไปยังประธานาธิบดี ให้รัฐบาลอเมริกันจัดการเปลี่ยนของขวัญ เขาบอกว่าในหลวงทรงเป็นนักดนตรีแจ๊ส และโปรดฟังเพลง ความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์ก็เริ่มมาจากดนตรี ดังนั้นน่าจะถวายของขวัญเป็นอะไรที่เกี่ยวกับดนตรี
    ในที่สุดนาย Kenneth ก็จัดการให้รัฐบาลอเมริกันถวายเครื่องเล่นแผ่นเสียง รวมทั้งแผ่นเสียงของ Gershwin ครบชุด เขาอ้างว่าทรงโปรดมาก และเป็นของขวัญชิ้นเดียวที่ทรงนำไปยังวังไกลกังวล หลังจากทรงทำพิธีอภิเศกสมรสแล้ว (ไม่รู้นาย Kenneth รู้ได้อย่างไร!? แต่อย่างน้อย การแนะนำเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า การอยู่ใกล้ เข้ามาคลุกคลีในประเทศ ทำให้นักล่ารู้จักหลายอย่างเกี่ยวสมันน้อย ดีกว่ามองจากทางไกลหรืออ่านแต่รายงาน)
    ในการเดินทางมาเมืองไทยครั้งนี้ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสจัดการตัวเองให้ได้พบกับจอมพลสฤษดิ์ เขาบอกว่าถ้าอยากรู้เรื่องเมืองไทยต้องอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทย และต้องรู้จักอ่าน “ระหว่างบันทัด” ให้เป็น จึงจะรู้ว่าคนไทยพูดเรื่องอะไรกันบ้าง อะไรเป็นข่าวในตอนนั้น ด้วยวิธีนี้ ทำให้เขารู้เรื่องเกี่ยวกับจอมพลสฤษดิ์ในหลายมุม ตอนนั้นจอมพลสฤษดิ์ยังเป็นเพียงนายทหารระดับนายพล คุมกองทัพภาค 1 ในกรุงเทพฯ แต่เขาเห็นว่าแล้วว่าจะมีอนาคตไกล เขาจึงขอให้ฑูต Stanton ช่วยนัดให้เขาพบกับจอมพลสฤษดิ์ ฑูตบอกว่าไม่ได้หรอก ต้องผ่านฑูตทหารอีกที แล้วฑูตทหารก็จะถามว่าไปพบทำไม นาย Kenneth จึงบอกว่าไม่เป็นไร เขานัดเองก็ได้ แล้วเขาก็ให้เพื่อนคนไทยนัดให้
    เพื่อนไปแจ้งสฤษดิ์ สฤษดิ์ถามกลับว่าจะมาพบทำไม เขาไม่พูดภาษาอังกฤษ (I don’t speak English) นาย Kenneth ให้เพื่อนตอบกลับไปว่า เขาก็ไม่พูดภาษาอังกฤษเหมือนกัน (I don’t speak English either !) คำตอบนี้ทำให้สฤษดิ์ขำ และสนใจนาย Kenneth ขึ้นมา จึงยอมรับนัด ปรากฎว่าเมื่อทั้ง 2 พบกันก็ถูกชะตากัน และคุยกันเป็นภาษาไทย สฤษดิ์ถามว่านาย Kenneth สนใจอะไรเขา นาย Kenneth บอกว่า เขาเชื่อว่าวันหนึ่งสฤษดิ์จะเป็นบุคคลสำคัญมากในวงการเมืองของประเทศไทย สฤษดิ์ถามว่า ฉันจะต้องไปรบกับใครหรือ นาย Kenneth บอกไม่ใช่รบแบบทหาร แต่รบในทางการเมืองละก้อใช่ สฤษดิ์ถามว่าคุณรู้ได้ยังไงนาย Kenneth บอกเขาอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทย ซึ่งมีบทความมากมายและถ้ารู้จักวิธีอ่าน ก็จะได้ข้อมูลอย่างนึกไม่ถึง สฤษดิ์ตอบว่าใช่ ใช่แล้ว ! หลังจากนั้นทั้ง 2 คน ก็กลายเป็นเพื่อนกัน และเป็นเพื่อนชนิดที่ไว้ใจกัน
    หลังจากพบกับสฤษดิ์ นาย Kenneth เดินทางไปพบกับอดีตจักรพรรดิ์เบาได๋ (Baodai) ของเวียตนาม ซึ่งหนีลุงโฮมาอยู่ทางใต้ของเวียตนาม เบาได๋เชื่อว่าวันหนึ่งฝรั่งเศสจะคืนเอกราชให้เวียตนาม เบาได๋ขอให้อเมริกาช่วยจัดการให้ฝรั่งเศสออกไปจากเวียตนาม และช่วยให้เขากลับมามีอำนาจในเวียตนามต่อไป แล้วเขาจะให้ความร่วมมืออย่างดีกับอเมริกา นาย Kenneth เห็นว่า เบาได๋เป็นคนอ่อนแอ และไม่น่าที่จะรักษาเวียตนามไว้ได้
    จากเวียตนามเขาเดินทางต่อไปพบเจ้านโรดมสีหนุที่เขมร ซึ่งขณะนั้นก็ยังไม่ได้อิสรภาพจากฝรั่งเศส ฝรั่งเศสตั้งให้เจ้านโรดมเป็นกษัตริย์ ตั้งแต่ยังเด็กโดยหวังจะให้เป็น หุ่นชักของฝรั่งเศส นาย Kenneth บอก เจ้าสีหนุเป็นคนฉลาด เจ้าเล่ห์ ลื่นไหล ลดเลี้ยวเก่งมาก เขาคิดว่าฝรั่งเศส (รวมทั้งอเมริกาด้วย) คงจะชักหุ่นชื่อสีหนุนี้ยาก
    ต่อจากเขมร นาย Kenneth ก็ไปลาว เขาไปพบรัฐบาลลาวที่เวียงจันทร์ หลังจากนั้นก็ไปพบกษัตริย์ลาวที่หลวงพระบาง ตอนแรกเจ้าลาวก็ทำตัวเกร็งกับนาย Kenneth ฝ่ายหนึ่งพูดฝรั่งเศษ อีกฝ่ายพูดอังกฤษกันจนเมื่อยมือ จนนาย Kenneth พูดภาษาไทยด้วย เจ้าลาวก็ดีใจ ได้พูดลาวโดยนาย Kenneth ก็อ้างว่าเข้าใจ หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายก็สื่อสารกันได้ (หมายเหตุ คนเล่านิทาน : กษัตริย์ลาวที่นาย Kenneth ไปพบน่าจะเป็นเจ้าสุวรรณภูมา เพราะนาย Kenneth บอกว่าภายหลัง กษัตริย์ลาวองค์นี้ถูกพวกคอมมิวนิสต์จับได้และปฏิบัติต่อพระองค์แย่มาก ในที่สุดก็สวรรคตในค่ายกักกันของคอมมิวนิสต์)
    จากลาว นาย Kenneth กลับมาเมืองไทยและเดินทางลงใต้ไปสิงค์โปร์และกัวลาลัมเปอร์ เสร็จแล้วก็ข้ามไปยังจาร์กาต้า เพื่อพบนายพลซูการ์โน เขาเจอลูกเล่นสาระพัดจากนักการเมือง และทหารที่จาร์กาต้า รวมทั้งถูกลองดี เช่น เครื่องบินที่เขาจะต้องใช้บินกลับมาสิงค์โปร์ ถูกดูดเอาน้ำมันออกจนเกลี้ยงถัง นาย Kenneth “รู้จัก” คนอินโดนีเซียจากประสบการณ์ของจริง !

    คนเล่านิทาน
    แกะรอยเก่า ตอนที่ 9 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยเก่า”
ตอนที่ 9 นาย Kenneth ถูกกระทรวงต่างประเทศ ส่งกลับมาทำการสำรวจเมืองไทยรอบใหญ่อีกครั้ง ในปี ค.ศ. 1950 นาย Kenneth เล่าว่าเป็นปีที่พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงทำพิธีอภิเศกสมรสกับสมเด็จพระราชินี และทำพิธีขึ้นครองราชย์ ทางอเมริกาเตรียมของขวัญที่จะถวายสำหรับพระราชพิธีอภิเศก เป็นแก้วเป่าของ Steuben ซึ่งมีชื่อมาก แต่นาย Kenneth ในฐานะเคยอยู่เมืองไทยมานาน และอ้างว่าเคยรู้จักและเคยพบพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระราชินีตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิง ก็รีบเสนอหน้าแนะนำไปยังประธานาธิบดี ให้รัฐบาลอเมริกันจัดการเปลี่ยนของขวัญ เขาบอกว่าในหลวงทรงเป็นนักดนตรีแจ๊ส และโปรดฟังเพลง ความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์ก็เริ่มมาจากดนตรี ดังนั้นน่าจะถวายของขวัญเป็นอะไรที่เกี่ยวกับดนตรี ในที่สุดนาย Kenneth ก็จัดการให้รัฐบาลอเมริกันถวายเครื่องเล่นแผ่นเสียง รวมทั้งแผ่นเสียงของ Gershwin ครบชุด เขาอ้างว่าทรงโปรดมาก และเป็นของขวัญชิ้นเดียวที่ทรงนำไปยังวังไกลกังวล หลังจากทรงทำพิธีอภิเศกสมรสแล้ว (ไม่รู้นาย Kenneth รู้ได้อย่างไร!? แต่อย่างน้อย การแนะนำเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่า การอยู่ใกล้ เข้ามาคลุกคลีในประเทศ ทำให้นักล่ารู้จักหลายอย่างเกี่ยวสมันน้อย ดีกว่ามองจากทางไกลหรืออ่านแต่รายงาน) ในการเดินทางมาเมืองไทยครั้งนี้ นาย Kenneth ได้ถือโอกาสจัดการตัวเองให้ได้พบกับจอมพลสฤษดิ์ เขาบอกว่าถ้าอยากรู้เรื่องเมืองไทยต้องอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทย และต้องรู้จักอ่าน “ระหว่างบันทัด” ให้เป็น จึงจะรู้ว่าคนไทยพูดเรื่องอะไรกันบ้าง อะไรเป็นข่าวในตอนนั้น ด้วยวิธีนี้ ทำให้เขารู้เรื่องเกี่ยวกับจอมพลสฤษดิ์ในหลายมุม ตอนนั้นจอมพลสฤษดิ์ยังเป็นเพียงนายทหารระดับนายพล คุมกองทัพภาค 1 ในกรุงเทพฯ แต่เขาเห็นว่าแล้วว่าจะมีอนาคตไกล เขาจึงขอให้ฑูต Stanton ช่วยนัดให้เขาพบกับจอมพลสฤษดิ์ ฑูตบอกว่าไม่ได้หรอก ต้องผ่านฑูตทหารอีกที แล้วฑูตทหารก็จะถามว่าไปพบทำไม นาย Kenneth จึงบอกว่าไม่เป็นไร เขานัดเองก็ได้ แล้วเขาก็ให้เพื่อนคนไทยนัดให้ เพื่อนไปแจ้งสฤษดิ์ สฤษดิ์ถามกลับว่าจะมาพบทำไม เขาไม่พูดภาษาอังกฤษ (I don’t speak English) นาย Kenneth ให้เพื่อนตอบกลับไปว่า เขาก็ไม่พูดภาษาอังกฤษเหมือนกัน (I don’t speak English either !) คำตอบนี้ทำให้สฤษดิ์ขำ และสนใจนาย Kenneth ขึ้นมา จึงยอมรับนัด ปรากฎว่าเมื่อทั้ง 2 พบกันก็ถูกชะตากัน และคุยกันเป็นภาษาไทย สฤษดิ์ถามว่านาย Kenneth สนใจอะไรเขา นาย Kenneth บอกว่า เขาเชื่อว่าวันหนึ่งสฤษดิ์จะเป็นบุคคลสำคัญมากในวงการเมืองของประเทศไทย สฤษดิ์ถามว่า ฉันจะต้องไปรบกับใครหรือ นาย Kenneth บอกไม่ใช่รบแบบทหาร แต่รบในทางการเมืองละก้อใช่ สฤษดิ์ถามว่าคุณรู้ได้ยังไงนาย Kenneth บอกเขาอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทย ซึ่งมีบทความมากมายและถ้ารู้จักวิธีอ่าน ก็จะได้ข้อมูลอย่างนึกไม่ถึง สฤษดิ์ตอบว่าใช่ ใช่แล้ว ! หลังจากนั้นทั้ง 2 คน ก็กลายเป็นเพื่อนกัน และเป็นเพื่อนชนิดที่ไว้ใจกัน หลังจากพบกับสฤษดิ์ นาย Kenneth เดินทางไปพบกับอดีตจักรพรรดิ์เบาได๋ (Baodai) ของเวียตนาม ซึ่งหนีลุงโฮมาอยู่ทางใต้ของเวียตนาม เบาได๋เชื่อว่าวันหนึ่งฝรั่งเศสจะคืนเอกราชให้เวียตนาม เบาได๋ขอให้อเมริกาช่วยจัดการให้ฝรั่งเศสออกไปจากเวียตนาม และช่วยให้เขากลับมามีอำนาจในเวียตนามต่อไป แล้วเขาจะให้ความร่วมมืออย่างดีกับอเมริกา นาย Kenneth เห็นว่า เบาได๋เป็นคนอ่อนแอ และไม่น่าที่จะรักษาเวียตนามไว้ได้ จากเวียตนามเขาเดินทางต่อไปพบเจ้านโรดมสีหนุที่เขมร ซึ่งขณะนั้นก็ยังไม่ได้อิสรภาพจากฝรั่งเศส ฝรั่งเศสตั้งให้เจ้านโรดมเป็นกษัตริย์ ตั้งแต่ยังเด็กโดยหวังจะให้เป็น หุ่นชักของฝรั่งเศส นาย Kenneth บอก เจ้าสีหนุเป็นคนฉลาด เจ้าเล่ห์ ลื่นไหล ลดเลี้ยวเก่งมาก เขาคิดว่าฝรั่งเศส (รวมทั้งอเมริกาด้วย) คงจะชักหุ่นชื่อสีหนุนี้ยาก ต่อจากเขมร นาย Kenneth ก็ไปลาว เขาไปพบรัฐบาลลาวที่เวียงจันทร์ หลังจากนั้นก็ไปพบกษัตริย์ลาวที่หลวงพระบาง ตอนแรกเจ้าลาวก็ทำตัวเกร็งกับนาย Kenneth ฝ่ายหนึ่งพูดฝรั่งเศษ อีกฝ่ายพูดอังกฤษกันจนเมื่อยมือ จนนาย Kenneth พูดภาษาไทยด้วย เจ้าลาวก็ดีใจ ได้พูดลาวโดยนาย Kenneth ก็อ้างว่าเข้าใจ หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายก็สื่อสารกันได้ (หมายเหตุ คนเล่านิทาน : กษัตริย์ลาวที่นาย Kenneth ไปพบน่าจะเป็นเจ้าสุวรรณภูมา เพราะนาย Kenneth บอกว่าภายหลัง กษัตริย์ลาวองค์นี้ถูกพวกคอมมิวนิสต์จับได้และปฏิบัติต่อพระองค์แย่มาก ในที่สุดก็สวรรคตในค่ายกักกันของคอมมิวนิสต์) จากลาว นาย Kenneth กลับมาเมืองไทยและเดินทางลงใต้ไปสิงค์โปร์และกัวลาลัมเปอร์ เสร็จแล้วก็ข้ามไปยังจาร์กาต้า เพื่อพบนายพลซูการ์โน เขาเจอลูกเล่นสาระพัดจากนักการเมือง และทหารที่จาร์กาต้า รวมทั้งถูกลองดี เช่น เครื่องบินที่เขาจะต้องใช้บินกลับมาสิงค์โปร์ ถูกดูดเอาน้ำมันออกจนเกลี้ยงถัง นาย Kenneth “รู้จัก” คนอินโดนีเซียจากประสบการณ์ของจริง ! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 643 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพบก เปิดโทษกฎตามกฎอัยการศึก คุมเข้มเขมรห้ามป่วนบ้านหนองจาน รื้อลวดหนามไทยเจอคุก 5 ปี ปรับ 1 แสน ทำกระทบเอกราชไทยระวางโทษประหารชีวิต

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000082571

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กองทัพบก เปิดโทษกฎตามกฎอัยการศึก คุมเข้มเขมรห้ามป่วนบ้านหนองจาน รื้อลวดหนามไทยเจอคุก 5 ปี ปรับ 1 แสน ทำกระทบเอกราชไทยระวางโทษประหารชีวิต อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000082571 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 516 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ”
    ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 24 : สร้างกับดัก
    จากเหตุการณ์ไล่ Shah ออกไป การประท้วงรุนแรงลุกลาม ราคาน้ำมันโลกก็พุ่งกระฉูดอีกรอบ เหมือนปี ค.ศ. 1973 แต่อเมริกาแก้ภาวะวิกฤติในรูปแบบใหม่ โดยคำกระซิบของนายเหนือ David Rockefeller และเหล่าสถาบันการเงินผู้ทรงอิทธิพลและ Wall Street บอกให้นาย Paul Volcker ซึ่งเป็นประธาน Fed ขณะนั้น “จัดการ” ขึ้นดอกเบี้ย เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ แน่นอนโลกการเงินย่อมมึนเหมือนโดนตีหัว มันไปเอาวิธีแก้เงินเฟ้อ แบบนี้มาจากตำราไหนวะ ทำไมนาย Volcker ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ โปรดอย่าลืมว่านาย Volcker เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Trillateral Commission ของพวกโคตรรวย (ถ้าลืมช่วยกลับไปอ่าน ตอน 4 นะครับ)
    มารู้ประวัติเขาสักนิด นาย Volcker เริ่มต้นเป็นเศรษฐกร ตัวเล็ก ๆ ที่ New York Federal Reserve Bank ช่วงปี ค.ศ. 1950 ต้น ๆ หลังทำงานอยู่ประมาณ 5 ปี นาย David Rockefeller ก็บังเอิญเดินเลี้ยวไปเจอ เลยชวนให้มาทำงานที่ Chase Bank ของพรรคโคตรรวย หลังจากนั้นก็หนุนให้นาย Volcker เป็นผู้ช่วยกรรมาธิการด้านการเงิน และเป็นที่ปรึกษาอยู่ที่กระทรวงการคลังของอเมริกา (เขาสั่งได้จริง ๆ !) ปี ค.ศ. 1965 ก็กลับมาอยู่ที่ Chase กับนาย David ในฐานะผู้ช่วย คราวนี้มาดูแลด้านธุรกิจ ตปท. ให้ เมื่อ Nixon เป็นประธานาธิบดี ฟ้าก็ส่งให้นาย Volcker ขึ้นเป็นใหญ่ ลำดับ 3 ของกระทรวงการคลัง และทำให้เขามีส่วนที่ช่วย “ดำเนินการ” ให้มีการยกเลิกข้อตกลง Bretton Woods ที่ตัดเชือกผูกระหว่างเงินดอลล่าร์กับทองคำ ปี ค.ศ. 1973 เขาได้รับการชวนให้เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Trillateral Commission และปี ค.ศ. 1975 เขาก็ได้เป็นประธานของ New York Federal Reserve Bank สาขาที่ทรงอำนาจที่สุดใน 12 สาขา ของ Fed
    ในปี ค.ศ. 1979 ประธานาธิบดี Carter ถูกกระซิบ (อีกแล้ว) ให้ตั้งนาย Arthur Miller ซึ่งเป็นประธานของ Fed ขณะนั้น ให้ไปดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง ตำแหน่งประธาน Fed ก็เลยว่าง แน่นอน ราชรถมาเกยที่นาย Volcker การชักใยจึงทำได้สะดวกโยธิน ตามแผนของนักเล่นกล
    ปรกติอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างประเทศ จะอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี แต่จากเหตุวิกฤติเรื่องราคาน้ำมันพุ่ง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ขึ้นจาก 2% ในช่วงปี ค.ศ. 1970 เป็น 18% ในช่วงปี ค.ศ. 1980 ผู้ที่รับผลกระทบดอกเบี้ยขึ้นสูงนี้ คือ ประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศในโลกที่ 3
    ประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น Mexico, Brazil, Venezuela, Argentina และหลายประเทศใน อาฟริกา ซึ่งเพิ่งได้รับเอกราชมาจากอังกฤษ ช่วงปี ค.ศ. 1950 และหลายประเทศในแถบเอเซีย ประเทศเหล่านี้มีน้ำมัน แต่ยังต้องพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ เพราะกำลังตั้งตัว เพื่อมาพัฒนาประเทศ เพื่อจะให้มีเศรษฐกิจใกล้เคียงหรือตามทันประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่เมื่อเกิดภาวะวิกฤติน้ำมันบวกกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยที่ประเทศพวกนี้ ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ถึงกับท่วมเงินต้น แล้วมันจะไปอยู่รอดได้อย่างไร
    แล้วก็มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยประเทศลูกหนี้เหล่านี้ คงเดากันออก พระเอกใส่เสื้อคลุมยี่ห้อ IMF, World Bank ซึ่งรีบออกโปรแกรมใหม่ เรียกว่า “SAP” (ไปถามอ้ายน้อยดูแล้วกัน ตอนวิกฤติ ต้มยำกุ้งบ้านเรา เราได้ SAP ไปแค่ไหน) คือ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้นั่นแหละ (Structural Adjustment Programs) SAPs มาพร้อมกับเงื่อนไข 508ประการ (ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอย ตอน 14/2 นะครับ ขี้เกียจเขียนซ้ำ เขียนซ้ำก็ช้ำใจซ้ำ !) หลาย ๆ เงื่อนไขที่ SAPs วางแทบจะไม่เป็น เงื่อนไขเกี่ยวกับเงินกู้เลย บางครั้งเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า และที่แย่บางครั้ง เป็นเรื่องกระทบอธิปไตยของประเทศผู้กู้เสียด้วย ผลจากการปฏิบัติการของคุณ SAPs ทำให้ประเทศของโลกที่สาม หรือที่กำลังพัฒนา หยุดการพัฒนาไปโดยปริยาย
    ตั้งแต่ ค.ศ. 1980 ถึงหลัง ค.ศ. 1990 แต่ก็ยังมีหนี้ท่วมอยู่ ประเทศเหล่านี้ไม่มีทางเลือก เพื่อความอยู่รอดของประเทศ ต้องยอมเปิดประตูให้ผู้ให้กู้ตปท. นักธุรกิจตปท.เข้ามาทึ้งสมบัติในประเทศ
    นี่คือรูปแบบของการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่ไม่ต้องใช้อาวุธยิงถล่มบ้านเมืองให้พังพินาศ แต่ใช้อาวุธทางการเงินที่เราขวนขวาย แสวงหา และตะกายทำตามเพราะนึกว่าจะทำให้เรากลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเขา หารู้ไม่ว่าเครื่องมือและกลไกทางการเงินต่าง ๆ นั้น คือ “กับดัก” สมันน้อยชาติต่าง ๆ ก็พากันเดินเข้าไปสู่กับดักอย่างไม่รู้ตัว ถ้าไม่รู้จักเดินเลี่ยงจากกับดัก หรือหาทางแกะกับดักนี้ให้ออก มันจะกลายเป็นสิ่งที่นำพาให้สมันน้อย ไม่มีอะไรเหลือในประเทศ หรือถึงขั้น อาจไม่เหลือประเทศอยู่ และทั้งหมดที่นักมายากลเขาสร้าง เครื่องมือต่าง ๆ มาดักสมันน้อย ก็เพื่อช่วงชิงน้ำมันและแสดงให้โลกเห็นว่า ใครคือผู้มีอำนาจครองโลกที่แท้จริง นี่คือการแสดงมายากลระดับตั๋วราคาโคตรแพง ! ! !


    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “มายากลยุทธ” ภาคสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 24 : สร้างกับดัก จากเหตุการณ์ไล่ Shah ออกไป การประท้วงรุนแรงลุกลาม ราคาน้ำมันโลกก็พุ่งกระฉูดอีกรอบ เหมือนปี ค.ศ. 1973 แต่อเมริกาแก้ภาวะวิกฤติในรูปแบบใหม่ โดยคำกระซิบของนายเหนือ David Rockefeller และเหล่าสถาบันการเงินผู้ทรงอิทธิพลและ Wall Street บอกให้นาย Paul Volcker ซึ่งเป็นประธาน Fed ขณะนั้น “จัดการ” ขึ้นดอกเบี้ย เพื่อรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ แน่นอนโลกการเงินย่อมมึนเหมือนโดนตีหัว มันไปเอาวิธีแก้เงินเฟ้อ แบบนี้มาจากตำราไหนวะ ทำไมนาย Volcker ถึงได้ตัดสินใจแบบนี้ โปรดอย่าลืมว่านาย Volcker เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Trillateral Commission ของพวกโคตรรวย (ถ้าลืมช่วยกลับไปอ่าน ตอน 4 นะครับ) มารู้ประวัติเขาสักนิด นาย Volcker เริ่มต้นเป็นเศรษฐกร ตัวเล็ก ๆ ที่ New York Federal Reserve Bank ช่วงปี ค.ศ. 1950 ต้น ๆ หลังทำงานอยู่ประมาณ 5 ปี นาย David Rockefeller ก็บังเอิญเดินเลี้ยวไปเจอ เลยชวนให้มาทำงานที่ Chase Bank ของพรรคโคตรรวย หลังจากนั้นก็หนุนให้นาย Volcker เป็นผู้ช่วยกรรมาธิการด้านการเงิน และเป็นที่ปรึกษาอยู่ที่กระทรวงการคลังของอเมริกา (เขาสั่งได้จริง ๆ !) ปี ค.ศ. 1965 ก็กลับมาอยู่ที่ Chase กับนาย David ในฐานะผู้ช่วย คราวนี้มาดูแลด้านธุรกิจ ตปท. ให้ เมื่อ Nixon เป็นประธานาธิบดี ฟ้าก็ส่งให้นาย Volcker ขึ้นเป็นใหญ่ ลำดับ 3 ของกระทรวงการคลัง และทำให้เขามีส่วนที่ช่วย “ดำเนินการ” ให้มีการยกเลิกข้อตกลง Bretton Woods ที่ตัดเชือกผูกระหว่างเงินดอลล่าร์กับทองคำ ปี ค.ศ. 1973 เขาได้รับการชวนให้เป็นสมาชิกรุ่นก่อตั้งของ Trillateral Commission และปี ค.ศ. 1975 เขาก็ได้เป็นประธานของ New York Federal Reserve Bank สาขาที่ทรงอำนาจที่สุดใน 12 สาขา ของ Fed ในปี ค.ศ. 1979 ประธานาธิบดี Carter ถูกกระซิบ (อีกแล้ว) ให้ตั้งนาย Arthur Miller ซึ่งเป็นประธานของ Fed ขณะนั้น ให้ไปดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง ตำแหน่งประธาน Fed ก็เลยว่าง แน่นอน ราชรถมาเกยที่นาย Volcker การชักใยจึงทำได้สะดวกโยธิน ตามแผนของนักเล่นกล ปรกติอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืมระหว่างประเทศ จะอยู่ที่ประมาณ 2% ต่อปี แต่จากเหตุวิกฤติเรื่องราคาน้ำมันพุ่ง อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ขึ้นจาก 2% ในช่วงปี ค.ศ. 1970 เป็น 18% ในช่วงปี ค.ศ. 1980 ผู้ที่รับผลกระทบดอกเบี้ยขึ้นสูงนี้ คือ ประเทศที่กำลังพัฒนา หรือประเทศในโลกที่ 3 ประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น Mexico, Brazil, Venezuela, Argentina และหลายประเทศใน อาฟริกา ซึ่งเพิ่งได้รับเอกราชมาจากอังกฤษ ช่วงปี ค.ศ. 1950 และหลายประเทศในแถบเอเซีย ประเทศเหล่านี้มีน้ำมัน แต่ยังต้องพึ่งพาเงินกู้จากต่างประเทศ เพราะกำลังตั้งตัว เพื่อมาพัฒนาประเทศ เพื่อจะให้มีเศรษฐกิจใกล้เคียงหรือตามทันประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่เมื่อเกิดภาวะวิกฤติน้ำมันบวกกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ดอกเบี้ยที่ประเทศพวกนี้ ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ถึงกับท่วมเงินต้น แล้วมันจะไปอยู่รอดได้อย่างไร แล้วก็มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยประเทศลูกหนี้เหล่านี้ คงเดากันออก พระเอกใส่เสื้อคลุมยี่ห้อ IMF, World Bank ซึ่งรีบออกโปรแกรมใหม่ เรียกว่า “SAP” (ไปถามอ้ายน้อยดูแล้วกัน ตอนวิกฤติ ต้มยำกุ้งบ้านเรา เราได้ SAP ไปแค่ไหน) คือ การปรับปรุงโครงสร้างหนี้นั่นแหละ (Structural Adjustment Programs) SAPs มาพร้อมกับเงื่อนไข 508ประการ (ช่วยกลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอย ตอน 14/2 นะครับ ขี้เกียจเขียนซ้ำ เขียนซ้ำก็ช้ำใจซ้ำ !) หลาย ๆ เงื่อนไขที่ SAPs วางแทบจะไม่เป็น เงื่อนไขเกี่ยวกับเงินกู้เลย บางครั้งเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า และที่แย่บางครั้ง เป็นเรื่องกระทบอธิปไตยของประเทศผู้กู้เสียด้วย ผลจากการปฏิบัติการของคุณ SAPs ทำให้ประเทศของโลกที่สาม หรือที่กำลังพัฒนา หยุดการพัฒนาไปโดยปริยาย ตั้งแต่ ค.ศ. 1980 ถึงหลัง ค.ศ. 1990 แต่ก็ยังมีหนี้ท่วมอยู่ ประเทศเหล่านี้ไม่มีทางเลือก เพื่อความอยู่รอดของประเทศ ต้องยอมเปิดประตูให้ผู้ให้กู้ตปท. นักธุรกิจตปท.เข้ามาทึ้งสมบัติในประเทศ นี่คือรูปแบบของการล่าอาณานิคมยุคใหม่ ที่ไม่ต้องใช้อาวุธยิงถล่มบ้านเมืองให้พังพินาศ แต่ใช้อาวุธทางการเงินที่เราขวนขวาย แสวงหา และตะกายทำตามเพราะนึกว่าจะทำให้เรากลายเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างเขา หารู้ไม่ว่าเครื่องมือและกลไกทางการเงินต่าง ๆ นั้น คือ “กับดัก” สมันน้อยชาติต่าง ๆ ก็พากันเดินเข้าไปสู่กับดักอย่างไม่รู้ตัว ถ้าไม่รู้จักเดินเลี่ยงจากกับดัก หรือหาทางแกะกับดักนี้ให้ออก มันจะกลายเป็นสิ่งที่นำพาให้สมันน้อย ไม่มีอะไรเหลือในประเทศ หรือถึงขั้น อาจไม่เหลือประเทศอยู่ และทั้งหมดที่นักมายากลเขาสร้าง เครื่องมือต่าง ๆ มาดักสมันน้อย ก็เพื่อช่วงชิงน้ำมันและแสดงให้โลกเห็นว่า ใครคือผู้มีอำนาจครองโลกที่แท้จริง นี่คือการแสดงมายากลระดับตั๋วราคาโคตรแพง ! ! ! คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 652 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอาอันนี้ก่อนดีมั้ย,เรื่องพวกร่วมกระทำการเป็นเดอะแก๊งขนาดใหญ่ทำให้ดินแดนไทยเราถูกเขมรยึดครองกันเสียนานนี้ หลักฐานประจักษ์ชัดเจนแล้ว 11จุด,บ้านหนองจานก็ไม่ผลักดันออกจริง,สร้างบ้านแน่นหนามั่นคงชัดเจน ชาวไทยถือปล้นชิงที่ทำกินโดยเขมรชัดเจนก็ด้วย ผู้ว่ารับรองอีกว่าไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ทางราชการออกให้ เป็นพื้นที่ไร้คนไทยจับจ้องจริงประมาณนั้นเพราะราชการไทยไม่รับรอง ไม่เคยมีการออกเอกสารใดๆด้วย,นีัจัดการเดอะแก๊งทั้งหมดตอนนี้ก่อน,ถ้าศาลเป็นเดอะแก๊งมันอีก ก็จัดการศาลด้วยต้องดีแน่ กวาดล้างจริงในคราวเดียวเลย.

    มาตรา 119 ” หรือ “มาตรา 119 อาญา” คือหนึ่งในมาตราของประมวลกฎหมายอาญา
    ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต”


    https://youtube.com/shorts/4UkW18k3uN0?si=cEhCEOc5wffEJHs_



    เอาอันนี้ก่อนดีมั้ย,เรื่องพวกร่วมกระทำการเป็นเดอะแก๊งขนาดใหญ่ทำให้ดินแดนไทยเราถูกเขมรยึดครองกันเสียนานนี้ หลักฐานประจักษ์ชัดเจนแล้ว 11จุด,บ้านหนองจานก็ไม่ผลักดันออกจริง,สร้างบ้านแน่นหนามั่นคงชัดเจน ชาวไทยถือปล้นชิงที่ทำกินโดยเขมรชัดเจนก็ด้วย ผู้ว่ารับรองอีกว่าไม่มีเอกสารสิทธิ์ที่ทางราชการออกให้ เป็นพื้นที่ไร้คนไทยจับจ้องจริงประมาณนั้นเพราะราชการไทยไม่รับรอง ไม่เคยมีการออกเอกสารใดๆด้วย,นีัจัดการเดอะแก๊งทั้งหมดตอนนี้ก่อน,ถ้าศาลเป็นเดอะแก๊งมันอีก ก็จัดการศาลด้วยต้องดีแน่ กวาดล้างจริงในคราวเดียวเลย. มาตรา 119 ” หรือ “มาตรา 119 อาญา” คือหนึ่งในมาตราของประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งบัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดกระทำการใด ๆ เพื่อให้ราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต” https://youtube.com/shorts/4UkW18k3uN0?si=cEhCEOc5wffEJHs_
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 298 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารที่ไปรบกับศัตรู/หรือผู้รุกราน การสู้รบยอมมีการสูญเสียกันแต่เป็นหน้าที่ของทำทหารๆ เมื่อชนะศัตรูชนะศึกกลับมาจึงได้วีรบุรุษในสงคราม (วีรบุรุษที่โลกลืมบ่อย) แต่หากแพ้ศึกนั้นคือการเสียบ้านเมือง เสียเอกราช ที่ทหารทุกเหล่ายอมไม่ได้
    ทหารที่ไปรบกับศัตรู/หรือผู้รุกราน การสู้รบยอมมีการสูญเสียกันแต่เป็นหน้าที่ของทำทหารๆ เมื่อชนะศัตรูชนะศึกกลับมาจึงได้วีรบุรุษในสงคราม (วีรบุรุษที่โลกลืมบ่อย) แต่หากแพ้ศึกนั้นคือการเสียบ้านเมือง เสียเอกราช ที่ทหารทุกเหล่ายอมไม่ได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ ๒ หรือ "แม่ทัพกุ้ง"

    ท่านเกิดที่หนองคาย แล้วมาเติบโตที่จังหวัดอุดรธานี

    บิดาของท่านเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยยศสิบตำรวจเอก (ส.ต.อ.)มีลูก ๕ คน ค่าใช้จ่ายภายในบ้านไม่เคยพอใช้

    แม่ของท่านจึงหารายได้จุนเจือครอบครัวด้วยการเป็นแม่ค้าขายผักในตลาด

    พี่ชายของท่าน ๓ คนเป็นตำรวจตระเวนชายแดน

    ตอนแรกเด็กชายบุญสินไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยไปอยู่ร้านซ่อมรถ

    แต่ดันไปใส่โซ่ผิดด้าน ทำให้โซ่ขาด ก็เลยตัดสินใจไปเรียนวิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี แผนกเครื่องยนต์

    ต่อมาเด็กชายบุญสินคิดอยากจะไปสอบเตรียมทหารด้วยวุฒิการศึกษาป.ว.ช. (ไม่ใช่สายสามัญเหมือนนักเรียนเตรียมทหารส่วนใหญ่ทั่วไปที่มักมาจากเด็กเรียน)

    เด็กชายบุญสินเรียนจบสายอาชีพ แต่ไปสอบแข่งกับนักเรียนหัวกะทิจากทั่วประเทศในปีแรกนั้น

    สอบผ่านข้อเขียน แต่สอบตกรอบสอบสัมภาษณ์และการทดสอบความสามารถทางร่างกาย

    จึงต้องกลับมาเตรียมตัวใหม่ ด้วยความพากเพียรอันไม่ลดละ

    ในปีต่อมาท่านแม่ทัพกุ้งได้กลับไปสมัครสอบเตรียมทหารอีกครั้ง

    ตอนนั้นฐานะทางบ้านลำบากมาก แม่ของท่านไม่มีเงินซื้อกระเป๋าให้

    ท่านจึงเอาของใส่ลงใน "ย่ามพระ" แทนกระเป๋า!

    และก็มีแต่ท่านคนเดียวที่มีย่ามพระสีเหลืองแทนกระเป๋าตอนไปสอบเตรียมทหารในปีนั้น

    ปรากฏว่าคราวนี้สอบติด!

    ด้วยเหตุที่ท่านมีอายุมากกว่านักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกันนี้เอง

    แม่ทัพกุ้งจึงเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ในขณะที่พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.จะยังอยู่ต่อไปได้อีก ๒ ปี

    ตอนเป็นนักเรียนเตรียมทหาร (น.ต.ท.) จำต้องมีการเลือกเหล่าว่าจะเป็นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศหรือตำรวจ

    ท่านเองตอนนั้นก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเป็นทหารหรือเป็นตำรวจ

    วันหนึ่งมีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาพักปักกลดใกล้ๆบ้าน

    แม่ของท่านซึ่งแม้จะเป็นภรรยาตำรวจชั้นผู้น้อยและยากจน แต่ก็มีความศรัทธาในพระรัตนตรัยที่มั่นคง

    แม่ของท่านได้พาลูกชายไปถวายภัตตาหารพระธุดงค์รูปนั้นกับตนด้วย โดยที่ไม่รู้ว่าท่านเป็นใครมาจากไหน ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อจนบัดนี้

    แม่ของท่านได้กราบเรียนถามพระธุดงค์รูปนั้นว่าลูกชายของตนจะเป็นทหารหรือตำรวจดี

    พระธุดงค์ลึกลับได้เพ่งไปในขันน้ำมนต์แล้วก็พูดออกมาว่า

    "ไอ้หนูคนนี้ต้องเป็นทหารเท่านั้น และต้องเป็นทหารบก เขาใส่ชุดทหารมาตั้งแต่เกิด"

    คำพูดของพระธุดงค์รูปนั้น เสมือนชะตาชีวิตจะถูกลิขิตว่าเขาจะต้องได้มีภารกิจสำคัญบางอย่างในวันข้างหน้า

    เขาเองไม่รู้ว่าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานนั้นไปทางไหน แต่โรงเรียนนายร้อยจ.ป.ร.ที่ถนนราชดำเนินนอกนั้นยังพอจะหาทางไปถูก

    ชีวิตของนนร.บุญสิน พาดกลาง จึงเหมือนมีอะไรกำหนดไว้แล้วบนเส้นทาง

    ที่น่าแปลกก็คือพระธุดงค์รูปนั้นไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร มาจากไหน..จนทุกวันนี้

    แต่จากการที่ได้ค้นคว้าอย่างสุดความสามารถแล้ว พอจะสรุปได้ว่า

    พระธุดงค์ลึกลับรูปนั้นน่าจะเป็น "หลวงปู่เทพโลกอุดร!"

    แม่ทัพกุ้งท่านเคยเป็นผู้การกรมทหารพรานที่ภาคใต้

    ก่อนจะค่อยๆไต่เต้ามาเป็นแม่ทัพภาค ๒ ที่ประชาชนคนไทยต่างยกย่องและนับถือในความเป็นชายเชื้อชาติทหารอย่างแท้จริง

    ท่านได้สร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติให้กับกองทัพไทยอย่างงดงาม

    จากชีวิตเด็กบ้านนอก พ่อเป็นตำรวจเงินเดือนน้อยนิด แม่ต้องหาบผักไปนั่งขายในตลาด

    ไม่ได้เรียนสายสามัญโก้ๆเหมือนใครเขา เรียนจบเทคนิคช่างยนต์ แต่หาญกล้าไปสอบเตรียมทหาร

    วันไปสอบก็มีแต่ค่ารถ เดินทางเข้ากรุงเทพฯคนเดียว

    กระเป๋าใส่เสื้อผ้าก็ไม่มีเหมือนคนอื่น

    แม่ของท่านต้องเอาย่ามพระสีเหลืองแทนกระเป๋าและมีแต่ฝ้ายผูกแขนอวยพรให้ลูกชาย

    สุดท้ายลูกชายก็สอบเตรียมทหารได้ เป็นนักเรียนนายร้อย และกลายเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกร

    นับว่าท่านเกิดมาเพื่อมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่

    ดุจดวงดาวที่ส่องแสงในคืนเดือนมืด

    เกิดมาเพื่อกู้ศักดิ์ศรีและอธิปไตยของไทยโดยแท้

    ขอบคุณในความเสียสละ อดทน มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว ในหน้าที่อย่างไม่มีความลังเล

    เป็นหลักให้กับพวกเราทุกคนในยามที่ดวงชะตาของประเทศชาติกำลังอ่อนแอ

    ดุจขุนพลแม่ทัพทหารเอกของสมเด็จพระนเรศวรที่ช่วยพระองค์ท่านกอบกู้เอกราชชาติไทยเมื่อครั้งอดีตกาล...

    เครดิต:พระโลกธาตุหยกขาว
    พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ ๒ หรือ "แม่ทัพกุ้ง" ท่านเกิดที่หนองคาย แล้วมาเติบโตที่จังหวัดอุดรธานี บิดาของท่านเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยยศสิบตำรวจเอก (ส.ต.อ.)มีลูก ๕ คน ค่าใช้จ่ายภายในบ้านไม่เคยพอใช้ แม่ของท่านจึงหารายได้จุนเจือครอบครัวด้วยการเป็นแม่ค้าขายผักในตลาด พี่ชายของท่าน ๓ คนเป็นตำรวจตระเวนชายแดน ตอนแรกเด็กชายบุญสินไม่รู้จะทำอะไร ก็เลยไปอยู่ร้านซ่อมรถ แต่ดันไปใส่โซ่ผิดด้าน ทำให้โซ่ขาด ก็เลยตัดสินใจไปเรียนวิทยาลัยเทคนิคอุดรธานี แผนกเครื่องยนต์ ต่อมาเด็กชายบุญสินคิดอยากจะไปสอบเตรียมทหารด้วยวุฒิการศึกษาป.ว.ช. (ไม่ใช่สายสามัญเหมือนนักเรียนเตรียมทหารส่วนใหญ่ทั่วไปที่มักมาจากเด็กเรียน) เด็กชายบุญสินเรียนจบสายอาชีพ แต่ไปสอบแข่งกับนักเรียนหัวกะทิจากทั่วประเทศในปีแรกนั้น สอบผ่านข้อเขียน แต่สอบตกรอบสอบสัมภาษณ์และการทดสอบความสามารถทางร่างกาย จึงต้องกลับมาเตรียมตัวใหม่ ด้วยความพากเพียรอันไม่ลดละ ในปีต่อมาท่านแม่ทัพกุ้งได้กลับไปสมัครสอบเตรียมทหารอีกครั้ง ตอนนั้นฐานะทางบ้านลำบากมาก แม่ของท่านไม่มีเงินซื้อกระเป๋าให้ ท่านจึงเอาของใส่ลงใน "ย่ามพระ" แทนกระเป๋า! และก็มีแต่ท่านคนเดียวที่มีย่ามพระสีเหลืองแทนกระเป๋าตอนไปสอบเตรียมทหารในปีนั้น ปรากฏว่าคราวนี้สอบติด! ด้วยเหตุที่ท่านมีอายุมากกว่านักเรียนเตรียมทหารรุ่นเดียวกันนี้เอง แม่ทัพกุ้งจึงเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนนี้ ในขณะที่พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ.จะยังอยู่ต่อไปได้อีก ๒ ปี ตอนเป็นนักเรียนเตรียมทหาร (น.ต.ท.) จำต้องมีการเลือกเหล่าว่าจะเป็นทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศหรือตำรวจ ท่านเองตอนนั้นก็ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเป็นทหารหรือเป็นตำรวจ วันหนึ่งมีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาพักปักกลดใกล้ๆบ้าน แม่ของท่านซึ่งแม้จะเป็นภรรยาตำรวจชั้นผู้น้อยและยากจน แต่ก็มีความศรัทธาในพระรัตนตรัยที่มั่นคง แม่ของท่านได้พาลูกชายไปถวายภัตตาหารพระธุดงค์รูปนั้นกับตนด้วย โดยที่ไม่รู้ว่าท่านเป็นใครมาจากไหน ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อจนบัดนี้ แม่ของท่านได้กราบเรียนถามพระธุดงค์รูปนั้นว่าลูกชายของตนจะเป็นทหารหรือตำรวจดี พระธุดงค์ลึกลับได้เพ่งไปในขันน้ำมนต์แล้วก็พูดออกมาว่า "ไอ้หนูคนนี้ต้องเป็นทหารเท่านั้น และต้องเป็นทหารบก เขาใส่ชุดทหารมาตั้งแต่เกิด" คำพูดของพระธุดงค์รูปนั้น เสมือนชะตาชีวิตจะถูกลิขิตว่าเขาจะต้องได้มีภารกิจสำคัญบางอย่างในวันข้างหน้า เขาเองไม่รู้ว่าโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพรานนั้นไปทางไหน แต่โรงเรียนนายร้อยจ.ป.ร.ที่ถนนราชดำเนินนอกนั้นยังพอจะหาทางไปถูก ชีวิตของนนร.บุญสิน พาดกลาง จึงเหมือนมีอะไรกำหนดไว้แล้วบนเส้นทาง ที่น่าแปลกก็คือพระธุดงค์รูปนั้นไม่รู้ว่าท่านเป็นใคร มาจากไหน..จนทุกวันนี้ แต่จากการที่ได้ค้นคว้าอย่างสุดความสามารถแล้ว พอจะสรุปได้ว่า พระธุดงค์ลึกลับรูปนั้นน่าจะเป็น "หลวงปู่เทพโลกอุดร!" แม่ทัพกุ้งท่านเคยเป็นผู้การกรมทหารพรานที่ภาคใต้ ก่อนจะค่อยๆไต่เต้ามาเป็นแม่ทัพภาค ๒ ที่ประชาชนคนไทยต่างยกย่องและนับถือในความเป็นชายเชื้อชาติทหารอย่างแท้จริง ท่านได้สร้างชื่อเสียงและเกียรติประวัติให้กับกองทัพไทยอย่างงดงาม จากชีวิตเด็กบ้านนอก พ่อเป็นตำรวจเงินเดือนน้อยนิด แม่ต้องหาบผักไปนั่งขายในตลาด ไม่ได้เรียนสายสามัญโก้ๆเหมือนใครเขา เรียนจบเทคนิคช่างยนต์ แต่หาญกล้าไปสอบเตรียมทหาร วันไปสอบก็มีแต่ค่ารถ เดินทางเข้ากรุงเทพฯคนเดียว กระเป๋าใส่เสื้อผ้าก็ไม่มีเหมือนคนอื่น แม่ของท่านต้องเอาย่ามพระสีเหลืองแทนกระเป๋าและมีแต่ฝ้ายผูกแขนอวยพรให้ลูกชาย สุดท้ายลูกชายก็สอบเตรียมทหารได้ เป็นนักเรียนนายร้อย และกลายเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกร นับว่าท่านเกิดมาเพื่อมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่ ดุจดวงดาวที่ส่องแสงในคืนเดือนมืด เกิดมาเพื่อกู้ศักดิ์ศรีและอธิปไตยของไทยโดยแท้ ขอบคุณในความเสียสละ อดทน มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยว ในหน้าที่อย่างไม่มีความลังเล เป็นหลักให้กับพวกเราทุกคนในยามที่ดวงชะตาของประเทศชาติกำลังอ่อนแอ ดุจขุนพลแม่ทัพทหารเอกของสมเด็จพระนเรศวรที่ช่วยพระองค์ท่านกอบกู้เอกราชชาติไทยเมื่อครั้งอดีตกาล... เครดิต:พระโลกธาตุหยกขาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 796 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตอน 16
    จิ๊กโก๋๋ประกบติดไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงสงครามเวียตนามเลิก (ค.ศ.1950 – 1976) เพราะแผนของจิ๊กโก๋๋ ฉากหน้า กูเป็นจิ๊กโก๋๋ใหญ่ ปกป้องชาวซอย ที่ถูกจิ๊กโก๋๋ตาตี่หน้าเหลือง คือ ระบอบคอมมิวนิสต์ แผ่ขยายมากลืนกินประชาชาติแถบนี้
    แต่ฉากของจริง คือ ไอ้จิ๊กโก๋๋ผมทอง มันกลัวว่า ไอ้ตาตี่มันจะมาชิงลูกค้าเราไป เราจะยอมมันได้ไง หมดสงครามเวียตนาม ความต้องการใช้ไทยแลนด์ แดนสยามก็หยุดลงชั่วคราว
    จิ๊กโก๋๋จำเป็นต้องไปหากินซอยอื่น เพราะว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกกำลังพุ่งแรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือพูดให้ชัดจากทุนนิยมที่เร่งขยายตัว
    จิ๊กโก๋๋ก็ต้องหาทางเอาน้ำมัน มาเป็นของตนเองให้มากที่สุด ก็เลยไปขุดเผือกขุดน้ำมันแถวบ้านคุณอาที่มีน้ำมัน จำได้ไหม แล้วก็เผ่นไปยุ่งถึงอเมริกาใต้ เกิดเรื่องอิหร่าน คอนทร้า (Iran Contra) จนวุ่นไปหมด
    มันไปหมดทุกแห่งที่จะล้วงกระเป๋าเขาได้ มาจนถึงปี ค.ศ.1997 จิ๊กโก๋๋เองขนาดล้วงกระเป๋าเขามา 50 ปี ก็จนเป็นเหมือนกัน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด การเพ่นพ่านของจิ๊กโก๋๋ ก็สงบลงเล็กน้อย เพราะมัวแต่จัดระเบียบบ้านตัวเอง
    ขณะเดียวกันประเทศที่ได้เอกราชใหม่ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อินเดีย หรือประเทศที่เปลี่ยน แปลงวิธีบริหารประเทศของตัวเอง เช่น ประเทศจีน ก็ก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศตัวเอง อย่างเร่งรีบ แต่เงียบเชียบ
    อเมริกาไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จับมืออยู่กันแต่ในกลุ่มหัว 3 เกลอหัวแข็งเท่านั้น บวกเอาญาติโยม และพวกฝ่ายผมทองเข้าไปด้วยเฉพาะที่ เห็นว่าพอจะคุยกันรู้เรื่อง ถึงได้เกิด EU สหภาพยุโรป G7, G8 อะไรนู่น เอาญี่ปุ่นตาตี่ไปรวมด้วย (เพราะเป็นภาระของสหรัฐโดยตรง ก็ทะลึ่งไปบอมบ์เขานี่นะ ก็เลยต้องพ่วงเป็นลูก บุญธรรมไปด้วยตลอดเวลา) ที่เหลือมันเหยื่อนักล่านักล้วงทั้งนั้นแหละ
    อเมริกาเมินภูมิภาคแถบนี้ไปนาน เพราะคิดว่าเหลือแต่ซากหลังสงครามเวียตนาม เหมือนแถบยุโรปตะวันออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
    หันมาอีกที ต๊กกะใจ ว้าย ตาเถร ไอ้ตาตี่ทำไมมันโตเร็วกลายเป็น อาเฮียพุงพลุ้ยเดินโปรยเงินไปทั่ว จีนโตเร็วและทำท่าจะโตไปเรื่อยๆ บวกกับอินเดียและที่รวมตัวกันเรียกว่า กลุ่มประเทศที่เกิดใหม่ทางเศรษฐกิจ คือ กลุ่ม BRICS บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อาฟริกาใต้
    คิดง่ายๆ แค่จีนกับอินเดียรวมกันมีประชากร 3 พันกว่าล้านคน ทั้งโลกนี้มีประชากร 7 พันกว่าล้านคน แค่ 2 ประเทศ ก็เกือบครึ่งโลกแล้ว กำลังซื้อมันจะขนาดไหน แค่นัดกระทืบเท้าพร้อมกัน โลกก็เอียงแล้ว (น่าลองดูนะ ซ่ามากๆ ก็ถล่มมันชะเลย)
    จิ๊กโก๋๋คิดแล้วก็หัวหมุนกลับ หันมาไทยแลนด์แดนสยามอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2542 /ค.ศ.1999 ตรงกับปีที่เศรษฐกิจจีนเริ่มโตอย่างชัดเจน
    แล้วทำไงดีล่ะ ตัวทิ้งเค้าไปตั้งนาน อยู่ๆ จะกลับมา จ้ะๆ จ๋าๆ เหมือนเดิมกันง่ายๆ แบบนั้น เค้าไม่ใช่ หญิงคนชั่วเร่ขายชาตินะยะ แล้วตัวจำได้มั้ย ตอนเค้าตูดขาดเหลือแต่คลัง เงินไม่มีให้คงไว้น่ะ เพราะรัฐบาลน้าจิ๋ว กะรัฐบาลปี๋ชวนทำซะบักโกรกน่ะ เขาส่งอ้ายน้อยไปหาตัว ตัวทำอะไรกับเขา เขาจำได้นะ ให้ไอ้ IMF มันโหดกะเค้ายังไง ไปถามพวกเจ้าของธนาคาร หวั่งหลี ล่ำซำ หรือคุณป๋าประชัยแห่ง TPI หรือเฮียหวัดเจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ดูก็แล้วกันว่าหายช้ำหรือยัง
    อเมริกาจะกลับมาภูมิภาคนี้ใหม่ ก็ต้องกลับมาแบบไม่ให้เสียเชิง ไม่เสียฟอร์มนักทฤษฎี นักสร้างฉาก ลองทายดูซิ จิ๊กโก๋๋จะกลับมาแบบไหน กลับมาแบบเท่ห์ๆ น่ะ ฮา
    ช่วงสงครามเวียตนาม อเมริกาคบกับทหารไทย นักวิ่งผลัดจนรู้เช่นเห็นชาติ ว่าชอบกินอาหารจานด่วนแบบไหน หลอกล่อ ต่อรอง เห่กล่อม อย่างไร ถึงจะไม่งอแง พอเลิกใช้บริการนักวิ่งผลัด พี่เบิ้มก็ไปใช้พวกเด็กในคาถา good boy technocrat
    ดังนั้นเวลาหวนกลับ มันก็ไม่พ้นประตู 2 ช่องนี่แหละ จะพูดกับใครรู้เรื่องไปกว่าพวกที่เคยมือ รู้ใจกัน
    ว่าแล้วจิ๊กโก๋๋ก็เรียก good boy มาสัมภาษณ์ทีละคน โดยทำเป็นเชิญมาทานข้าวบ้าง ดื่มน้ำชาบ้าง ไล่ไปตั้งกะใหญ่โต ระดับองคมนตรี ข้าราชการ นักวิชาการ นักการเมืองทุกค่าย นักธุรกิจ จนถึงสื่อ
    ถามทุกเรื่องลับแบบเจาะลึก ท่านต่างๆ ก็ช่างตอบกันดีนัก อย่างกะขึ้นสังกัดกับเขา บางเรื่องเป็นเรื่องในบ้านเราแท้ๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับคนนอกเลย ก็ตอบเขาเอา ตอบเอา (ขอขอบคุณ อภินันทนาการ เอกสารรั่ววิกิลีกส์ ทำให้รู้ว่า ใครช่างจ้อ ขนาดไหน)
    นอกจากนี้ก็ให้พวกซี ในคราบเจ้าหน้าที่สถานทูต เดินไปตามงานเลี้ยงไฮโซต่างๆ เก็บข่าวทุกวัน ใครกำลังขึ้น ใครกำลังลง พระราชวงศ์จะเป็นอย่างไร ใบไม้ใบไหนกำลังออกใหม่ ใบไหนกำลังจะร่วง ถามมันไปหมดทุกเรื่องนะแหละ
    เขาเล่ากันว่าสถานทูตสหรัฐในไทยนะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 อยู่ที่อียิปต์ ที่ประเทศไทยนี้มีพนักงานประจำการอยู่กว่า 2 พันคน และที่ไม่ประจำอีกกว่า 2 พันคน โว้ย! มันเอามาทำไรแยะขนาดนี้ กะจะนับใบไม้ทุกใบหรือไงวะ ก็คงตกค้างตั้งกะสมัยรบสงครามเวียตนามน่ะนะ ตอนนั้นใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์ กลางบัญชาการรบ ก็จะให้พวกพี่เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ แถบนี้ ใครมันจะเจริญ แถมแสงสีเสียงครบแบบไทยแลนด์ล่ะ
    หลังจากทั้งซัก ทั้งฟอก เด็กในคาถา เดินสำรวจตามงานหรู ไม่ว่าของราชการ ไฮโซ สปอร์ตคลับฯลฯ หลายรอบ พี่เบิ้มก็ถอนใจ
    อู้ย จากไปไม่เท่าไหร่ ไม่คุมเอง ทำไม ไทยแลนด์ มันไม่ใช่แดนสยามเมืองยิ้ม อย่างเมื่อก่อนนะ นี่มันดันกลายเป็นสนามประลองกีฬาสีนี่นา แต่กีฬาสีนี้มันหนักน่ะ ใครจะอยู่ใครจะไป ไอยังไม่แน่ใจ
    อย่ากระนั้นเลย เอาที่แน่ๆ กลับไปที่นักกีฬาวิ่งผลัดดีกว่า เออ! เพิ่งนึกออก บ้านเรานี่มันนักกีฬาแยะนะ ไม่วิ่งผลัด ก็กีฬาสี 5 5 5
    อเมริกาส่งแม่ทัพเรือภาคที่ 7 ที่ประจำอยู่ที่โอกินาวาของลูกกะเป๋ง มาเยี่ยมไทยแลนด์ ทบทวนความ สัมพันธ์ที่มีมานานกว่า 50 ปี เรียกว่าเป็นมิตรรักระดับเดียวกับ พวกนาโต (NATO) ร่วมซ้อมรบด้วยกัน ทุกปีในนามของคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) ขึ้นบกทีไร น้องหนูแถวพัทยา ภูเก็ตก็แฮ้ปปี้กระดี้กระด้า นอกจากนั้นในช่วงเกิดเหตุการณ์ ซึนามิ ไทยแลนด์ก็ใจดีให้ใช้อู่ตะเภาเป็นสนามบินที่ใช้ในการช่วยบรรเทาทุก แต่ข่าวที่ไม่เปิดเผยคือ ช่วงรัฐบาลทักษิณ ไทยเราอนุญาตให้เครื่องบินอเมริกัน บินขึ้นลงจากอู่ตะเภาเพื่อไปปฏิบัติการรบในอิรักและอาฟกานิสถานด้วยนะ (สมันน้อยไม่เข็ด!)
    แล้วอเมริกาทำไมถึงอยากกลับมายุ่งในภูมิภาคนี้ใหม่ โดยเฉพาะเข้ามาเดินกร่างในไทยแลนด์เหมือน เดิม แค่เรื่องอาเฮีย จากนั่งแทะเม็ดกวยจี๋ กลายเป็นเจ้าสัวกระเป๋าหนัก มันเกี่ยวอะไรกะสมันน้อยด้วยล่ะ

    คนเล่านิทาน
    ตอน 16 จิ๊กโก๋๋ประกบติดไทยแลนด์สยามเมืองยิ้ม ตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงสงครามเวียตนามเลิก (ค.ศ.1950 – 1976) เพราะแผนของจิ๊กโก๋๋ ฉากหน้า กูเป็นจิ๊กโก๋๋ใหญ่ ปกป้องชาวซอย ที่ถูกจิ๊กโก๋๋ตาตี่หน้าเหลือง คือ ระบอบคอมมิวนิสต์ แผ่ขยายมากลืนกินประชาชาติแถบนี้ แต่ฉากของจริง คือ ไอ้จิ๊กโก๋๋ผมทอง มันกลัวว่า ไอ้ตาตี่มันจะมาชิงลูกค้าเราไป เราจะยอมมันได้ไง หมดสงครามเวียตนาม ความต้องการใช้ไทยแลนด์ แดนสยามก็หยุดลงชั่วคราว จิ๊กโก๋๋จำเป็นต้องไปหากินซอยอื่น เพราะว่า การใช้น้ำมันทั่วโลกกำลังพุ่งแรงจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม หรือพูดให้ชัดจากทุนนิยมที่เร่งขยายตัว จิ๊กโก๋๋ก็ต้องหาทางเอาน้ำมัน มาเป็นของตนเองให้มากที่สุด ก็เลยไปขุดเผือกขุดน้ำมันแถวบ้านคุณอาที่มีน้ำมัน จำได้ไหม แล้วก็เผ่นไปยุ่งถึงอเมริกาใต้ เกิดเรื่องอิหร่าน คอนทร้า (Iran Contra) จนวุ่นไปหมด มันไปหมดทุกแห่งที่จะล้วงกระเป๋าเขาได้ มาจนถึงปี ค.ศ.1997 จิ๊กโก๋๋เองขนาดล้วงกระเป๋าเขามา 50 ปี ก็จนเป็นเหมือนกัน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ด การเพ่นพ่านของจิ๊กโก๋๋ ก็สงบลงเล็กน้อย เพราะมัวแต่จัดระเบียบบ้านตัวเอง ขณะเดียวกันประเทศที่ได้เอกราชใหม่ๆ หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เช่น อินเดีย หรือประเทศที่เปลี่ยน แปลงวิธีบริหารประเทศของตัวเอง เช่น ประเทศจีน ก็ก้มหน้าก้มตาพัฒนาประเทศตัวเอง อย่างเร่งรีบ แต่เงียบเชียบ อเมริกาไม่เคยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตา จับมืออยู่กันแต่ในกลุ่มหัว 3 เกลอหัวแข็งเท่านั้น บวกเอาญาติโยม และพวกฝ่ายผมทองเข้าไปด้วยเฉพาะที่ เห็นว่าพอจะคุยกันรู้เรื่อง ถึงได้เกิด EU สหภาพยุโรป G7, G8 อะไรนู่น เอาญี่ปุ่นตาตี่ไปรวมด้วย (เพราะเป็นภาระของสหรัฐโดยตรง ก็ทะลึ่งไปบอมบ์เขานี่นะ ก็เลยต้องพ่วงเป็นลูก บุญธรรมไปด้วยตลอดเวลา) ที่เหลือมันเหยื่อนักล่านักล้วงทั้งนั้นแหละ อเมริกาเมินภูมิภาคแถบนี้ไปนาน เพราะคิดว่าเหลือแต่ซากหลังสงครามเวียตนาม เหมือนแถบยุโรปตะวันออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หันมาอีกที ต๊กกะใจ ว้าย ตาเถร ไอ้ตาตี่ทำไมมันโตเร็วกลายเป็น อาเฮียพุงพลุ้ยเดินโปรยเงินไปทั่ว จีนโตเร็วและทำท่าจะโตไปเรื่อยๆ บวกกับอินเดียและที่รวมตัวกันเรียกว่า กลุ่มประเทศที่เกิดใหม่ทางเศรษฐกิจ คือ กลุ่ม BRICS บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน อาฟริกาใต้ คิดง่ายๆ แค่จีนกับอินเดียรวมกันมีประชากร 3 พันกว่าล้านคน ทั้งโลกนี้มีประชากร 7 พันกว่าล้านคน แค่ 2 ประเทศ ก็เกือบครึ่งโลกแล้ว กำลังซื้อมันจะขนาดไหน แค่นัดกระทืบเท้าพร้อมกัน โลกก็เอียงแล้ว (น่าลองดูนะ ซ่ามากๆ ก็ถล่มมันชะเลย) จิ๊กโก๋๋คิดแล้วก็หัวหมุนกลับ หันมาไทยแลนด์แดนสยามอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2542 /ค.ศ.1999 ตรงกับปีที่เศรษฐกิจจีนเริ่มโตอย่างชัดเจน แล้วทำไงดีล่ะ ตัวทิ้งเค้าไปตั้งนาน อยู่ๆ จะกลับมา จ้ะๆ จ๋าๆ เหมือนเดิมกันง่ายๆ แบบนั้น เค้าไม่ใช่ หญิงคนชั่วเร่ขายชาตินะยะ แล้วตัวจำได้มั้ย ตอนเค้าตูดขาดเหลือแต่คลัง เงินไม่มีให้คงไว้น่ะ เพราะรัฐบาลน้าจิ๋ว กะรัฐบาลปี๋ชวนทำซะบักโกรกน่ะ เขาส่งอ้ายน้อยไปหาตัว ตัวทำอะไรกับเขา เขาจำได้นะ ให้ไอ้ IMF มันโหดกะเค้ายังไง ไปถามพวกเจ้าของธนาคาร หวั่งหลี ล่ำซำ หรือคุณป๋าประชัยแห่ง TPI หรือเฮียหวัดเจ้าของวลี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ดูก็แล้วกันว่าหายช้ำหรือยัง อเมริกาจะกลับมาภูมิภาคนี้ใหม่ ก็ต้องกลับมาแบบไม่ให้เสียเชิง ไม่เสียฟอร์มนักทฤษฎี นักสร้างฉาก ลองทายดูซิ จิ๊กโก๋๋จะกลับมาแบบไหน กลับมาแบบเท่ห์ๆ น่ะ ฮา ช่วงสงครามเวียตนาม อเมริกาคบกับทหารไทย นักวิ่งผลัดจนรู้เช่นเห็นชาติ ว่าชอบกินอาหารจานด่วนแบบไหน หลอกล่อ ต่อรอง เห่กล่อม อย่างไร ถึงจะไม่งอแง พอเลิกใช้บริการนักวิ่งผลัด พี่เบิ้มก็ไปใช้พวกเด็กในคาถา good boy technocrat ดังนั้นเวลาหวนกลับ มันก็ไม่พ้นประตู 2 ช่องนี่แหละ จะพูดกับใครรู้เรื่องไปกว่าพวกที่เคยมือ รู้ใจกัน ว่าแล้วจิ๊กโก๋๋ก็เรียก good boy มาสัมภาษณ์ทีละคน โดยทำเป็นเชิญมาทานข้าวบ้าง ดื่มน้ำชาบ้าง ไล่ไปตั้งกะใหญ่โต ระดับองคมนตรี ข้าราชการ นักวิชาการ นักการเมืองทุกค่าย นักธุรกิจ จนถึงสื่อ ถามทุกเรื่องลับแบบเจาะลึก ท่านต่างๆ ก็ช่างตอบกันดีนัก อย่างกะขึ้นสังกัดกับเขา บางเรื่องเป็นเรื่องในบ้านเราแท้ๆ ไม่เห็นเกี่ยวกับคนนอกเลย ก็ตอบเขาเอา ตอบเอา (ขอขอบคุณ อภินันทนาการ เอกสารรั่ววิกิลีกส์ ทำให้รู้ว่า ใครช่างจ้อ ขนาดไหน) นอกจากนี้ก็ให้พวกซี ในคราบเจ้าหน้าที่สถานทูต เดินไปตามงานเลี้ยงไฮโซต่างๆ เก็บข่าวทุกวัน ใครกำลังขึ้น ใครกำลังลง พระราชวงศ์จะเป็นอย่างไร ใบไม้ใบไหนกำลังออกใหม่ ใบไหนกำลังจะร่วง ถามมันไปหมดทุกเรื่องนะแหละ เขาเล่ากันว่าสถานทูตสหรัฐในไทยนะใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก อันดับ 1 อยู่ที่อียิปต์ ที่ประเทศไทยนี้มีพนักงานประจำการอยู่กว่า 2 พันคน และที่ไม่ประจำอีกกว่า 2 พันคน โว้ย! มันเอามาทำไรแยะขนาดนี้ กะจะนับใบไม้ทุกใบหรือไงวะ ก็คงตกค้างตั้งกะสมัยรบสงครามเวียตนามน่ะนะ ตอนนั้นใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์ กลางบัญชาการรบ ก็จะให้พวกพี่เขาไปอยู่ที่ไหนล่ะ แถบนี้ ใครมันจะเจริญ แถมแสงสีเสียงครบแบบไทยแลนด์ล่ะ หลังจากทั้งซัก ทั้งฟอก เด็กในคาถา เดินสำรวจตามงานหรู ไม่ว่าของราชการ ไฮโซ สปอร์ตคลับฯลฯ หลายรอบ พี่เบิ้มก็ถอนใจ อู้ย จากไปไม่เท่าไหร่ ไม่คุมเอง ทำไม ไทยแลนด์ มันไม่ใช่แดนสยามเมืองยิ้ม อย่างเมื่อก่อนนะ นี่มันดันกลายเป็นสนามประลองกีฬาสีนี่นา แต่กีฬาสีนี้มันหนักน่ะ ใครจะอยู่ใครจะไป ไอยังไม่แน่ใจ อย่ากระนั้นเลย เอาที่แน่ๆ กลับไปที่นักกีฬาวิ่งผลัดดีกว่า เออ! เพิ่งนึกออก บ้านเรานี่มันนักกีฬาแยะนะ ไม่วิ่งผลัด ก็กีฬาสี 5 5 5 อเมริกาส่งแม่ทัพเรือภาคที่ 7 ที่ประจำอยู่ที่โอกินาวาของลูกกะเป๋ง มาเยี่ยมไทยแลนด์ ทบทวนความ สัมพันธ์ที่มีมานานกว่า 50 ปี เรียกว่าเป็นมิตรรักระดับเดียวกับ พวกนาโต (NATO) ร่วมซ้อมรบด้วยกัน ทุกปีในนามของคอบบร้า โกลด์ (Cobra Gold) ขึ้นบกทีไร น้องหนูแถวพัทยา ภูเก็ตก็แฮ้ปปี้กระดี้กระด้า นอกจากนั้นในช่วงเกิดเหตุการณ์ ซึนามิ ไทยแลนด์ก็ใจดีให้ใช้อู่ตะเภาเป็นสนามบินที่ใช้ในการช่วยบรรเทาทุก แต่ข่าวที่ไม่เปิดเผยคือ ช่วงรัฐบาลทักษิณ ไทยเราอนุญาตให้เครื่องบินอเมริกัน บินขึ้นลงจากอู่ตะเภาเพื่อไปปฏิบัติการรบในอิรักและอาฟกานิสถานด้วยนะ (สมันน้อยไม่เข็ด!) แล้วอเมริกาทำไมถึงอยากกลับมายุ่งในภูมิภาคนี้ใหม่ โดยเฉพาะเข้ามาเดินกร่างในไทยแลนด์เหมือน เดิม แค่เรื่องอาเฮีย จากนั่งแทะเม็ดกวยจี๋ กลายเป็นเจ้าสัวกระเป๋าหนัก มันเกี่ยวอะไรกะสมันน้อยด้วยล่ะ คนเล่านิทาน
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 862 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2 พระสังฆราชกัมพูชา ทั้งมหานิกายและธรรมยุติกนิกาย นำพระสงฆ์ 2,569 รูป เดินธรรมยาตรา เรียกร้องกองทัพไทยปล่อยเชลยศึก 18 นาย และให้เคารพข้อตกลงหยุดยิง พร้อมแสดงความขอบคุณ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศพระเขมร 7 หมื่นรูปสนับสนุนให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ

    สื่อมวลชนกัมพูชา รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา พระสงฆ์กัมพูชาจำนวน 2,569 รูป จาก 18 วัด พร้อมด้วยฆราวาสหลายร้อยคน เดินขบวนธรรมยาตรา จากวัดพนม กลางกรุงพนมเปญ ไปยังอนุสาวรีย์วิมานเอกราช เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดยิงอย่างถาวรระหว่างกัมพูชาและไทย

    ภายใต้การนำของ สมเด็จพระอภิสิริสุกันธะ มหาสังฆราชธิบดี บูรกรี สมเด็จพระสังฆราชแห่งธรรมยุติกนิกายแห่งกัมพูชา สมเด็จพระมหาสุเมธาธิราช โอม ลิมเฮง สมเด็จพระสังฆราชแห่งมหานิกาย และสมเด็จพระมหาอริยวงษาบันดิต ยอน เส็ง เยียธ ร่วมเดินขบวนเรียกร้องให้ยุติการสู้รบ และปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นายที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศไทยโดยทันที

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000076241

    #MGROnline #TruthFromThailand #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    2 พระสังฆราชกัมพูชา ทั้งมหานิกายและธรรมยุติกนิกาย นำพระสงฆ์ 2,569 รูป เดินธรรมยาตรา เรียกร้องกองทัพไทยปล่อยเชลยศึก 18 นาย และให้เคารพข้อตกลงหยุดยิง พร้อมแสดงความขอบคุณ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศพระเขมร 7 หมื่นรูปสนับสนุนให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ • สื่อมวลชนกัมพูชา รายงานว่า เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา พระสงฆ์กัมพูชาจำนวน 2,569 รูป จาก 18 วัด พร้อมด้วยฆราวาสหลายร้อยคน เดินขบวนธรรมยาตรา จากวัดพนม กลางกรุงพนมเปญ ไปยังอนุสาวรีย์วิมานเอกราช เพื่อเรียกร้องให้มีการหยุดยิงอย่างถาวรระหว่างกัมพูชาและไทย • ภายใต้การนำของ สมเด็จพระอภิสิริสุกันธะ มหาสังฆราชธิบดี บูรกรี สมเด็จพระสังฆราชแห่งธรรมยุติกนิกายแห่งกัมพูชา สมเด็จพระมหาสุเมธาธิราช โอม ลิมเฮง สมเด็จพระสังฆราชแห่งมหานิกาย และสมเด็จพระมหาอริยวงษาบันดิต ยอน เส็ง เยียธ ร่วมเดินขบวนเรียกร้องให้ยุติการสู้รบ และปล่อยตัวทหารกัมพูชา 18 นายที่ถูกควบคุมตัวอยู่ในประเทศไทยโดยทันที • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000076241 • #MGROnline #TruthFromThailand #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 766 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts