• มติ ครม. เจ้าหน้าที่รัฐไว้ทุกข์ 1 ปี งดหรือลดกิจกรรมบันเทิง 30 วัน

    ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. มีมติเห็นชอบตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ดังนี้

    1. ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

    2. ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม

    ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสถานบันเทิงและสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรม เพื่อความบันเทิง ตามความเหมาะสม เป็นระยะเวลา 30 วัน

    เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการ ดังนี้

    (1) เปิดให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 08.00 น. ถึง เวลา 12.00 น. ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง

    (2) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีฯ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการและกราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นองค์ที่ปรึกษา และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการไปร่วมเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 100 วัน เป็นประจำทุกวัน

    (3) กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบ พิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามข้อ (2)

    (4) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จัดผลัดเวรเฝ้า ฯ ของคณะรัฐมนตรี ไปเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี

    (5) กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครจัดกิจกรรม ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อให้ประชาชนร่วมในการถวายสักการะแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง

    (6) กรมประชาสัมพันธ์รับไปดำเนินการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่อง และประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำคำแปลภาษาอังกฤษด้วย

    #Newskit
    มติ ครม. เจ้าหน้าที่รัฐไว้ทุกข์ 1 ปี งดหรือลดกิจกรรมบันเทิง 30 วัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. มีมติเห็นชอบตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ดังนี้ 1. ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป 2. ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสถานบันเทิงและสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรม เพื่อความบันเทิง ตามความเหมาะสม เป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการ ดังนี้ (1) เปิดให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 08.00 น. ถึง เวลา 12.00 น. ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง (2) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีฯ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการและกราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นองค์ที่ปรึกษา และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการไปร่วมเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 100 วัน เป็นประจำทุกวัน (3) กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบ พิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามข้อ (2) (4) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จัดผลัดเวรเฝ้า ฯ ของคณะรัฐมนตรี ไปเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี (5) กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครจัดกิจกรรม ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อให้ประชาชนร่วมในการถวายสักการะแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง (6) กรมประชาสัมพันธ์รับไปดำเนินการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่อง และประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำคำแปลภาษาอังกฤษด้วย #Newskit
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แฮกเกอร์แกล้งบอกคุณตายแล้ว: กลโกงใหม่หลอกผู้ใช้ LastPass ให้เปิดเผยรหัสผ่าน”

    ล่าสุดมีกลโกงแปลก ๆ ที่กำลังระบาดในหมู่ผู้ใช้ LastPass ซึ่งเป็นบริการจัดการรหัสผ่านยอดนิยม—แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมมาบอกว่า “คุณเสียชีวิตแล้ว” เพื่อหลอกให้เหยื่อคลิกลิงก์และกรอกรหัสผ่านหลัก!

    ฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่แยบยลมาก เพราะถ้าเราได้รับอีเมลที่บอกว่ามีคนส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชีของเรา เราก็อาจตกใจและรีบตอบกลับทันทีโดยไม่คิดให้รอบคอบ

    อีเมลปลอมพวกนี้มีหัวข้อว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)” และมีเนื้อหาที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนของ LastPass พร้อมลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเว็บไซต์ของแฮกเกอร์ที่ใช้ขโมยรหัสผ่านหลักของเรา

    บางกรณีแฮกเกอร์ยังโทรมาหาเหยื่อโดยตรงเพื่อเร่งให้เข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บปลอมอีกด้วย—เรียกว่าใช้ทั้ง phishing และ social engineering แบบเต็มรูปแบบ

    กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญนี้ชื่อว่า CryptoChameleon ซึ่งเคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตมาก่อน และตอนนี้หันมาเล่นงานผู้ใช้ LastPass โดยเฉพาะ

    กลโกงใหม่ที่ใช้ข้อความ “คุณเสียชีวิตแล้ว”
    อีเมลปลอมอ้างว่ามีการส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชี LastPass
    มีหัวข้ออีเมลว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)”
    มีลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยรหัสผ่านหลัก

    การใช้เทคนิค social engineering เพื่อหลอกเหยื่อ
    เนื้อหาอีเมลดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนจริง มีข้อมูลปลอมเช่นหมายเลขเคสและชื่อเจ้าหน้าที่
    บางกรณีมีการโทรศัพท์หาผู้ใช้เพื่อเร่งให้เข้าเว็บปลอม
    ใช้จิตวิทยาเพื่อให้เหยื่อตอบสนองทันทีโดยไม่ตรวจสอบ

    คำเตือนจาก LastPass และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย
    LastPass ยืนยันว่าไม่เคยขอรหัสผ่านหลักจากผู้ใช้
    เตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบอีเมลที่น่าสงสัยและไม่คลิกลิงก์โดยไม่แน่ใจ
    แนะนำให้ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) เพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชี

    กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง: CryptoChameleon
    เคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตและใช้ LastPass เป็นส่วนหนึ่งของ phishing kit
    ใช้โฮสต์ที่มีชื่อเสียงด้านการหลบเลี่ยงการตรวจสอบเพื่อสร้างเว็บปลอม
    มีพฤติกรรมซ้ำแบบเดิม เช่น การโทรหาเหยื่อและใช้ข้อมูลปลอม

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้ LastPass และบริการจัดการรหัสผ่านอื่น ๆ
    อย่ากรอกรหัสผ่านหลักในเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของ LastPass โดยตรง
    หากได้รับอีเมลที่ดูน่าสงสัย ให้ตรวจสอบ URL และอย่าคลิกลิงก์ทันที
    ควรเปิดใช้ MFA และตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติมในบัญชี
    หากสงสัยว่าโดน phishing ให้รายงานไปที่ abuse@lastpass.com พร้อมแนบอีเมลหรือภาพหน้าจอ

    https://www.csoonline.com/article/4079001/scammers-try-to-trick-lastpass-users-into-giving-up-credentials-by-telling-them-theyre-dead-2.html
    🪦 “แฮกเกอร์แกล้งบอกคุณตายแล้ว: กลโกงใหม่หลอกผู้ใช้ LastPass ให้เปิดเผยรหัสผ่าน” ล่าสุดมีกลโกงแปลก ๆ ที่กำลังระบาดในหมู่ผู้ใช้ LastPass ซึ่งเป็นบริการจัดการรหัสผ่านยอดนิยม—แฮกเกอร์ส่งอีเมลปลอมมาบอกว่า “คุณเสียชีวิตแล้ว” เพื่อหลอกให้เหยื่อคลิกลิงก์และกรอกรหัสผ่านหลัก! ฟังดูเหมือนเรื่องตลก แต่จริง ๆ แล้วมันเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาที่แยบยลมาก เพราะถ้าเราได้รับอีเมลที่บอกว่ามีคนส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชีของเรา เราก็อาจตกใจและรีบตอบกลับทันทีโดยไม่คิดให้รอบคอบ อีเมลปลอมพวกนี้มีหัวข้อว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)” และมีเนื้อหาที่ดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนของ LastPass พร้อมลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งจริง ๆ แล้วเป็นเว็บไซต์ของแฮกเกอร์ที่ใช้ขโมยรหัสผ่านหลักของเรา บางกรณีแฮกเกอร์ยังโทรมาหาเหยื่อโดยตรงเพื่อเร่งให้เข้าไปกรอกข้อมูลในเว็บปลอมอีกด้วย—เรียกว่าใช้ทั้ง phishing และ social engineering แบบเต็มรูปแบบ กลุ่มที่อยู่เบื้องหลังแคมเปญนี้ชื่อว่า CryptoChameleon ซึ่งเคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตมาก่อน และตอนนี้หันมาเล่นงานผู้ใช้ LastPass โดยเฉพาะ ✅ กลโกงใหม่ที่ใช้ข้อความ “คุณเสียชีวิตแล้ว” ➡️ อีเมลปลอมอ้างว่ามีการส่งใบมรณบัตรเพื่อขอเข้าถึงบัญชี LastPass ➡️ มีหัวข้ออีเมลว่า “Legacy Request Opened (URGENT IF YOU ARE NOT DECEASED)” ➡️ มีลิงก์ให้ “ยกเลิกคำขอ” ซึ่งนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมเพื่อขโมยรหัสผ่านหลัก ✅ การใช้เทคนิค social engineering เพื่อหลอกเหยื่อ ➡️ เนื้อหาอีเมลดูเหมือนมาจากฝ่ายสนับสนุนจริง มีข้อมูลปลอมเช่นหมายเลขเคสและชื่อเจ้าหน้าที่ ➡️ บางกรณีมีการโทรศัพท์หาผู้ใช้เพื่อเร่งให้เข้าเว็บปลอม ➡️ ใช้จิตวิทยาเพื่อให้เหยื่อตอบสนองทันทีโดยไม่ตรวจสอบ ✅ คำเตือนจาก LastPass และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย ➡️ LastPass ยืนยันว่าไม่เคยขอรหัสผ่านหลักจากผู้ใช้ ➡️ เตือนให้ผู้ใช้ตรวจสอบอีเมลที่น่าสงสัยและไม่คลิกลิงก์โดยไม่แน่ใจ ➡️ แนะนำให้ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) เพื่อป้องกันการเข้าถึงบัญชี ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง: CryptoChameleon ➡️ เคยโจมตีแพลตฟอร์มคริปโตและใช้ LastPass เป็นส่วนหนึ่งของ phishing kit ➡️ ใช้โฮสต์ที่มีชื่อเสียงด้านการหลบเลี่ยงการตรวจสอบเพื่อสร้างเว็บปลอม ➡️ มีพฤติกรรมซ้ำแบบเดิม เช่น การโทรหาเหยื่อและใช้ข้อมูลปลอม ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ LastPass และบริการจัดการรหัสผ่านอื่น ๆ ⛔ อย่ากรอกรหัสผ่านหลักในเว็บไซต์ที่ไม่ใช่ของ LastPass โดยตรง ⛔ หากได้รับอีเมลที่ดูน่าสงสัย ให้ตรวจสอบ URL และอย่าคลิกลิงก์ทันที ⛔ ควรเปิดใช้ MFA และตั้งค่าความปลอดภัยเพิ่มเติมในบัญชี ⛔ หากสงสัยว่าโดน phishing ให้รายงานไปที่ abuse@lastpass.com พร้อมแนบอีเมลหรือภาพหน้าจอ https://www.csoonline.com/article/4079001/scammers-try-to-trick-lastpass-users-into-giving-up-credentials-by-telling-them-theyre-dead-2.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Scammers try to trick LastPass users into giving up credentials by telling them they’re dead
    Oddly worded pitch aimed at the living aims to get victims to click on a malicious link if they think the message isn’t for them.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จ่ายค่าไถ่แล้วก็ไม่รอด: 40% ของเหยื่อแรนซัมแวร์ยังคงสูญเสียข้อมูล”

    รู้หรือเปล่าว่า แม้จะยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ข้อมูลคืนเสมอไปนะ! จากรายงานล่าสุดของ Hiscox พบว่า 2 ใน 5 บริษัทที่จ่ายค่าไถ่กลับไม่ได้ข้อมูลคืนเลย หรือได้คืนแค่บางส่วนเท่านั้น

    ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แฮกเกอร์บางกลุ่มถึงขั้นใช้เครื่องมือถอดรหัสที่มีบั๊ก หรือบางทีก็หายตัวไปดื้อ ๆ หลังได้เงินแล้ว แถมบางครั้งตัวถอดรหัสยังทำให้ไฟล์เสียหายยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก

    และที่สำคัญ—การจ่ายเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะแฮกเกอร์ยุคนี้ไม่ได้แค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่จะปล่อยข้อมูลหรือโจมตีซ้ำด้วย DDoS แม้จะได้เงินไปแล้วก็ตาม

    องค์กรที่เคยโดนโจมตีอย่างบริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ถึงกับต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อฟื้นฟูระบบ เพราะแม้จะมีประกันไซเบอร์ แต่ก็ต้องรอขั้นตอนการเคลมที่ใช้เวลานาน

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่ารอให้โดนก่อนค่อยหาทางแก้ ควรเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น มีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และที่สำคัญ—อย่าคิดว่าการจ่ายเงินคือทางออกที่ดีที่สุด

    สถิติจากรายงาน Hiscox Cyber Readiness Report
    40% ของเหยื่อที่จ่ายค่าไถ่ไม่ได้ข้อมูลคืนเลย
    27% ของธุรกิจถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมา
    80% ของเหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อพยายามกู้ข้อมูล

    ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะจ่ายค่าไถ่แล้ว
    เครื่องมือถอดรหัสที่ได้รับอาจมีบั๊กหรือทำให้ไฟล์เสียหาย
    แฮกเกอร์บางกลุ่มไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจไม่ส่งคีย์ถอดรหัส
    การถอดรหัสในระบบขนาดใหญ่ใช้เวลานานและอาจล้มเหลว

    ภัยคุกคามที่มากกว่าแค่การเข้ารหัสข้อมูล
    แฮกเกอร์ใช้วิธี “ขู่เปิดเผยข้อมูล” หรือ DDoS แม้จะได้เงินแล้ว
    การจ่ายเงินไม่ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล

    กรณีศึกษา: บริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น
    ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบ
    แม้มีประกันไซเบอร์ แต่ต้องรอขั้นตอนการเคลม

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ควรมีแผนรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย
    ควรมีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า
    การมีประกันไซเบอร์ช่วยลดผลกระทบและให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย

    คำเตือนเกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่
    ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ข้อมูลคืน
    อาจละเมิดกฎหมายหากจ่ายเงินให้กลุ่มที่ถูกคว่ำบาตร
    การจ่ายเงินอาจกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้น
    อาจทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นจากการถอดรหัสที่ผิดพลาด

    https://www.csoonline.com/article/4077484/ransomware-recovery-perils-40-of-paying-victims-still-lose-their-data.html
    💸 “จ่ายค่าไถ่แล้วก็ไม่รอด: 40% ของเหยื่อแรนซัมแวร์ยังคงสูญเสียข้อมูล” รู้หรือเปล่าว่า แม้จะยอมจ่ายค่าไถ่ให้แฮกเกอร์ไปแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ข้อมูลคืนเสมอไปนะ! จากรายงานล่าสุดของ Hiscox พบว่า 2 ใน 5 บริษัทที่จ่ายค่าไถ่กลับไม่ได้ข้อมูลคืนเลย หรือได้คืนแค่บางส่วนเท่านั้น ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ แฮกเกอร์บางกลุ่มถึงขั้นใช้เครื่องมือถอดรหัสที่มีบั๊ก หรือบางทีก็หายตัวไปดื้อ ๆ หลังได้เงินแล้ว แถมบางครั้งตัวถอดรหัสยังทำให้ไฟล์เสียหายยิ่งกว่าเดิมอีกต่างหาก และที่สำคัญ—การจ่ายเงินไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาทั้งหมด เพราะแฮกเกอร์ยุคนี้ไม่ได้แค่ล็อกไฟล์ แต่ยังขู่จะปล่อยข้อมูลหรือโจมตีซ้ำด้วย DDoS แม้จะได้เงินไปแล้วก็ตาม องค์กรที่เคยโดนโจมตีอย่างบริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ถึงกับต้องกู้เงินจากธนาคารเพื่อฟื้นฟูระบบ เพราะแม้จะมีประกันไซเบอร์ แต่ก็ต้องรอขั้นตอนการเคลมที่ใช้เวลานาน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า อย่ารอให้โดนก่อนค่อยหาทางแก้ ควรเตรียมแผนรับมือไว้ล่วงหน้า เช่น มีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉิน มีระบบสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย และที่สำคัญ—อย่าคิดว่าการจ่ายเงินคือทางออกที่ดีที่สุด ✅ สถิติจากรายงาน Hiscox Cyber Readiness Report ➡️ 40% ของเหยื่อที่จ่ายค่าไถ่ไม่ได้ข้อมูลคืนเลย ➡️ 27% ของธุรกิจถูกโจมตีด้วยแรนซัมแวร์ในปีที่ผ่านมา ➡️ 80% ของเหยื่อยอมจ่ายค่าไถ่เพื่อพยายามกู้ข้อมูล ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้นแม้จะจ่ายค่าไถ่แล้ว ➡️ เครื่องมือถอดรหัสที่ได้รับอาจมีบั๊กหรือทำให้ไฟล์เสียหาย ➡️ แฮกเกอร์บางกลุ่มไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจไม่ส่งคีย์ถอดรหัส ➡️ การถอดรหัสในระบบขนาดใหญ่ใช้เวลานานและอาจล้มเหลว ✅ ภัยคุกคามที่มากกว่าแค่การเข้ารหัสข้อมูล ➡️ แฮกเกอร์ใช้วิธี “ขู่เปิดเผยข้อมูล” หรือ DDoS แม้จะได้เงินแล้ว ➡️ การจ่ายเงินไม่ช่วยแก้ปัญหาการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล ✅ กรณีศึกษา: บริษัท Kantsu ในญี่ปุ่น ➡️ ไม่จ่ายค่าไถ่ แต่ต้องกู้เงินเพื่อฟื้นฟูระบบ ➡️ แม้มีประกันไซเบอร์ แต่ต้องรอขั้นตอนการเคลม ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ควรมีแผนรับมือเหตุการณ์ล่วงหน้า เช่น การสำรองข้อมูลที่ปลอดภัย ➡️ ควรมีทีมตอบสนองเหตุการณ์ฉุกเฉินไว้ล่วงหน้า ➡️ การมีประกันไซเบอร์ช่วยลดผลกระทบและให้การสนับสนุนด้านกฎหมาย ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการจ่ายค่าไถ่ ⛔ ไม่มีหลักประกันว่าจะได้ข้อมูลคืน ⛔ อาจละเมิดกฎหมายหากจ่ายเงินให้กลุ่มที่ถูกคว่ำบาตร ⛔ การจ่ายเงินอาจกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมไซเบอร์เพิ่มขึ้น ⛔ อาจทำให้ข้อมูลเสียหายมากขึ้นจากการถอดรหัสที่ผิดพลาด https://www.csoonline.com/article/4077484/ransomware-recovery-perils-40-of-paying-victims-still-lose-their-data.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Ransomware recovery perils: 40% of paying victims still lose their data
    Paying the ransom is no guarantee of a smooth or even successful recovery of data. But that isn’t even the only issue security leaders will face under fire. Preparation is key.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Typst 0.14 เปิดศักราชใหม่ของเอกสารดิจิทัล: เข้าถึงได้มากขึ้น ฉลาดขึ้น และสวยงามกว่าเดิม”

    รู้ไหมว่า Typst ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดหน้าเอกสารที่หลายคนใช้แทน LaTeX ตอนนี้ออกเวอร์ชันใหม่แล้ว—Typst 0.14! รอบนี้เขาไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะอัปเดตครั้งนี้เน้นเรื่อง “การเข้าถึง” หรือ accessibility เป็นหลักเลยล่ะ

    ลองนึกภาพว่าเราทำเอกสาร PDF แล้วคนที่ใช้ screen reader ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาได้เหมือนกับคนที่มองเห็นปกติ—Typst ทำให้สิ่งนี้เป็นจริง เพราะตอนนี้มันสามารถใส่ tag ที่ช่วยให้โปรแกรมช่วยอ่านเข้าใจโครงสร้างของเอกสารได้โดยอัตโนมัติ แถมยังมีตัวเลือกให้ตรวจสอบว่าเอกสารของเราผ่านมาตรฐานสากลอย่าง PDF/UA-1 หรือเปล่าด้วยนะ

    นอกจากนี้ยังมีของใหม่อีกเพียบ เช่น การรองรับ PDF เป็นภาพโดยตรง (เหมาะมากกับคนที่มีกราฟิกซับซ้อน), การจัดย่อหน้าแบบละเอียดถึงระดับตัวอักษร (character-level justification), และการส่งออก HTML ที่ฉลาดขึ้นเยอะ

    ที่น่าสนใจคือ Typst ยังใช้ไลบรารี PDF ใหม่ที่ชื่อว่า “hayro” ซึ่งเขียนด้วยภาษา Rust ทั้งหมด ทำให้การประมวลผล PDF เร็วและเสถียรมากขึ้นอีกด้วย

    การเข้าถึง (Accessibility) เป็นค่าเริ่มต้นใน Typst 0.14
    เอกสาร PDF ที่สร้างจาก Typst จะมี tag สำหรับ screen reader โดยอัตโนมัติ
    รองรับการใส่คำอธิบายภาพ (alt text) สำหรับรูปภาพและแผนภาพ
    มีโหมดตรวจสอบความเข้ากันได้กับมาตรฐาน PDF/UA-1 เพื่อให้เอกสารเข้าถึงได้จริง

    รองรับ PDF เป็นภาพ (PDFs as images)
    สามารถแทรกไฟล์ PDF เป็นภาพในเอกสารได้โดยตรง
    รองรับการแสดงผลในทุกฟอร์แมต เช่น PDF, HTML, SVG, PNG
    ใช้ไลบรารี “hayro” ที่เขียนด้วยภาษา Rust เพื่อประมวลผล PDF

    การจัดย่อหน้าแบบละเอียด (Character-level justification)
    ปรับระยะห่างระหว่างตัวอักษรเพื่อให้ย่อหน้าดูสมดุล
    เป็นฟีเจอร์ที่ LaTeX ยังไม่มีในตอนนี้
    ช่วยให้การจัดหน้าเอกสารดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น

    การส่งออก HTML ที่ฉลาดขึ้น (Richer HTML export)
    รองรับ element เพิ่มเติม เช่น footnotes, citations, outlines
    มีระบบ typed HTML interface สำหรับเขียน HTML ด้วย Typst ได้ง่ายขึ้น
    เตรียมเปิดให้ใช้งานในเว็บแอปเร็ว ๆ นี้

    การอัปเกรดที่ราบรื่น (Migration & Compatibility)
    มีระบบช่วยตรวจสอบความเข้ากันได้ของเอกสารเก่ากับเวอร์ชันใหม่
    แจ้งเตือนเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ และให้เลือกอัปเกรดได้ในเว็บแอป

    https://typst.app/blog/2025/typst-0.14/
    “Typst 0.14 เปิดศักราชใหม่ของเอกสารดิจิทัล: เข้าถึงได้มากขึ้น ฉลาดขึ้น และสวยงามกว่าเดิม” รู้ไหมว่า Typst ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดหน้าเอกสารที่หลายคนใช้แทน LaTeX ตอนนี้ออกเวอร์ชันใหม่แล้ว—Typst 0.14! รอบนี้เขาไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะอัปเดตครั้งนี้เน้นเรื่อง “การเข้าถึง” หรือ accessibility เป็นหลักเลยล่ะ ลองนึกภาพว่าเราทำเอกสาร PDF แล้วคนที่ใช้ screen reader ก็สามารถเข้าใจเนื้อหาได้เหมือนกับคนที่มองเห็นปกติ—Typst ทำให้สิ่งนี้เป็นจริง เพราะตอนนี้มันสามารถใส่ tag ที่ช่วยให้โปรแกรมช่วยอ่านเข้าใจโครงสร้างของเอกสารได้โดยอัตโนมัติ แถมยังมีตัวเลือกให้ตรวจสอบว่าเอกสารของเราผ่านมาตรฐานสากลอย่าง PDF/UA-1 หรือเปล่าด้วยนะ นอกจากนี้ยังมีของใหม่อีกเพียบ เช่น การรองรับ PDF เป็นภาพโดยตรง (เหมาะมากกับคนที่มีกราฟิกซับซ้อน), การจัดย่อหน้าแบบละเอียดถึงระดับตัวอักษร (character-level justification), และการส่งออก HTML ที่ฉลาดขึ้นเยอะ ที่น่าสนใจคือ Typst ยังใช้ไลบรารี PDF ใหม่ที่ชื่อว่า “hayro” ซึ่งเขียนด้วยภาษา Rust ทั้งหมด ทำให้การประมวลผล PDF เร็วและเสถียรมากขึ้นอีกด้วย ✅ การเข้าถึง (Accessibility) เป็นค่าเริ่มต้นใน Typst 0.14 ➡️ เอกสาร PDF ที่สร้างจาก Typst จะมี tag สำหรับ screen reader โดยอัตโนมัติ ➡️ รองรับการใส่คำอธิบายภาพ (alt text) สำหรับรูปภาพและแผนภาพ ➡️ มีโหมดตรวจสอบความเข้ากันได้กับมาตรฐาน PDF/UA-1 เพื่อให้เอกสารเข้าถึงได้จริง ✅ รองรับ PDF เป็นภาพ (PDFs as images) ➡️ สามารถแทรกไฟล์ PDF เป็นภาพในเอกสารได้โดยตรง ➡️ รองรับการแสดงผลในทุกฟอร์แมต เช่น PDF, HTML, SVG, PNG ➡️ ใช้ไลบรารี “hayro” ที่เขียนด้วยภาษา Rust เพื่อประมวลผล PDF ✅ การจัดย่อหน้าแบบละเอียด (Character-level justification) ➡️ ปรับระยะห่างระหว่างตัวอักษรเพื่อให้ย่อหน้าดูสมดุล ➡️ เป็นฟีเจอร์ที่ LaTeX ยังไม่มีในตอนนี้ ➡️ ช่วยให้การจัดหน้าเอกสารดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น ✅ การส่งออก HTML ที่ฉลาดขึ้น (Richer HTML export) ➡️ รองรับ element เพิ่มเติม เช่น footnotes, citations, outlines ➡️ มีระบบ typed HTML interface สำหรับเขียน HTML ด้วย Typst ได้ง่ายขึ้น ➡️ เตรียมเปิดให้ใช้งานในเว็บแอปเร็ว ๆ นี้ ✅ การอัปเกรดที่ราบรื่น (Migration & Compatibility) ➡️ มีระบบช่วยตรวจสอบความเข้ากันได้ของเอกสารเก่ากับเวอร์ชันใหม่ ➡️ แจ้งเตือนเมื่อมีเวอร์ชันใหม่ และให้เลือกอัปเกรดได้ในเว็บแอป https://typst.app/blog/2025/typst-0.14/
    TYPST.APP
    Typst: Typst 0.14: Now accessible – Typst Blog
    Typst 0.14 is out now. With accessibility by default, PDFs as images, character-level justification, and more, it has everything you need to move from draft to...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple กำลังเตรียมเปิดตัว iPhone 18 ในปี 2026 พร้อมชิปเซ็ตใหม่ล่าสุด A20 และ A20 Pro ซึ่งจะเป็นชิปขนาด 2nm รุ่นแรกของบริษัท โดยมีการเปิดเผยโค้ดเนมของแต่ละรุ่นดังนี้:

    รายละเอียดชิป A20 และ A20 Pro
    A20 (โค้ดเนม: Borneo): ใช้ใน iPhone 18 รุ่นพื้นฐาน
    A20 Pro (โค้ดเนม: Borneo Ultra): ใช้ใน iPhone 18 Pro, iPhone 18 Pro Max และ iPhone รุ่นพับได้

    แม้จะมีเพียงสองชื่อชิป แต่คาดว่าจะมี สามเวอร์ชัน เหมือนกับ A19 ที่มีรุ่น “Air” ซึ่งใช้ชิป A19 Pro แบบลดสเปก และรุ่น Pro/Pro Max ที่ใช้ชิปแบบเต็มประสิทธิภาพ

    สเปกที่คาดการณ์
    CPU แบบ 6-core: 2 คอร์ประสิทธิภาพ + 4 คอร์ประหยัดพลังงาน
    ผลิตด้วยเทคโนโลยี TSMC 2nm N2 process
    ชิป A20 และ A20 Pro จะถูกใช้ทั้งใน iPhone และ MacBook Pro รุ่นใหม่ที่มีหน้าจอ OLED แบบสัมผัส

    ความเคลื่อนไหวล่าสุด
    Apple ได้สั่งซื้อ DRAM ขนาด 10nm LPDDR5X จำนวน 13 ล้านชิ้นจาก Samsung เพื่อเตรียมการผลิต iPhone 18 ล่วงหน้า

    https://wccftech.com/apple-a20-pro-codenames-revealed-which-iphone-18-will-feature-which-soc/
    Apple กำลังเตรียมเปิดตัว iPhone 18 ในปี 2026 พร้อมชิปเซ็ตใหม่ล่าสุด A20 และ A20 Pro ซึ่งจะเป็นชิปขนาด 2nm รุ่นแรกของบริษัท โดยมีการเปิดเผยโค้ดเนมของแต่ละรุ่นดังนี้: 🔍 รายละเอียดชิป A20 และ A20 Pro 🔊 A20 (โค้ดเนม: Borneo): ใช้ใน iPhone 18 รุ่นพื้นฐาน 🔊 A20 Pro (โค้ดเนม: Borneo Ultra): ใช้ใน iPhone 18 Pro, iPhone 18 Pro Max และ iPhone รุ่นพับได้ แม้จะมีเพียงสองชื่อชิป แต่คาดว่าจะมี สามเวอร์ชัน เหมือนกับ A19 ที่มีรุ่น “Air” ซึ่งใช้ชิป A19 Pro แบบลดสเปก และรุ่น Pro/Pro Max ที่ใช้ชิปแบบเต็มประสิทธิภาพ ⚙️ สเปกที่คาดการณ์ 📐 CPU แบบ 6-core: 2 คอร์ประสิทธิภาพ + 4 คอร์ประหยัดพลังงาน 📐 ผลิตด้วยเทคโนโลยี TSMC 2nm N2 process 📐 ชิป A20 และ A20 Pro จะถูกใช้ทั้งใน iPhone และ MacBook Pro รุ่นใหม่ที่มีหน้าจอ OLED แบบสัมผัส 📦 ความเคลื่อนไหวล่าสุด ⚡ Apple ได้สั่งซื้อ DRAM ขนาด 10nm LPDDR5X จำนวน 13 ล้านชิ้นจาก Samsung เพื่อเตรียมการผลิต iPhone 18 ล่วงหน้า https://wccftech.com/apple-a20-pro-codenames-revealed-which-iphone-18-will-feature-which-soc/
    WCCFTECH.COM
    Apple’s A20, A20 Pro Chipset Codenames Revealed - Rumor Provides Details On Which SoC Will Power The iPhone 18 Next Year
    A rumor not only sheds light on the A20 and A20 Pro codenames, but also which iPhone 18 model will be treated to which silicon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nike เปิดตัวรองเท้า “Powered Footwear” รุ่นแรกของโลก – เดินหรือวิ่งได้ไกลขึ้นโดยไม่เหนื่อย

    Nike ร่วมมือกับบริษัทหุ่นยนต์ Dephy เปิดตัว Project Amplify ซึ่งเป็นระบบรองเท้าแบบใหม่ที่ผสานรองเท้าวิ่งระดับสูงเข้ากับ “ขาเหล็ก” แบบหุ่นยนต์ โดยมีมอเตอร์, สายพานขับเคลื่อน และแบตเตอรี่แบบสวมที่ข้อเท้า ช่วยให้ผู้ใช้เดินหรือวิ่งได้เร็วขึ้นและไกลขึ้นโดยใช้แรงน้อยลง

    แนวคิดนี้คล้ายกับ e-bike ที่ช่วยให้ปั่นจักรยานได้ง่ายขึ้น โดย Nike ตั้งเป้าให้รองเท้านี้ช่วยคนทั่วไปที่วิ่งช้า (เช่น pace 10–12 นาทีต่อไมล์) ไม่ใช่นักกีฬามืออาชีพ

    ระบบหุ่นยนต์สามารถถอดออกได้ ทำให้รองเท้ากลับมาเป็นรองเท้าวิ่งธรรมดาได้เช่นกัน

    จุดเด่นของ Project Amplify
    รองเท้าวิ่งผสานกับขาเหล็กหุ่นยนต์
    มีมอเตอร์, สายพาน, และแบตเตอรี่ข้อเท้า
    ช่วยลดแรงที่ใช้ในการเดินหรือวิ่ง
    ถอดระบบหุ่นยนต์ออกได้ ใช้เป็นรองเท้าธรรมดา

    เป้าหมายของ Nike
    ช่วยคนทั่วไปเดินหรือวิ่งได้ไกลขึ้น
    ลดความเหนื่อยจากการเดินทางหรือออกกำลังกาย
    เปรียบเทียบกับ e-bike ที่ช่วยให้ปั่นง่ายขึ้น

    ความเป็นไปได้ในอนาคต
    Nike ตั้งใจจะวางขายในวงกว้างในอีกไม่กี่ปี
    อาจกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของ wearable robotics
    คล้ายกับ exoskeleton ที่ใช้ในโรงงาน เช่น Hyundai

    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/fancy-an-e-bike-for-your-feet-these-radical-nike-robo-shoes-are-the-worlds-first-powered-footwear
    👟 Nike เปิดตัวรองเท้า “Powered Footwear” รุ่นแรกของโลก – เดินหรือวิ่งได้ไกลขึ้นโดยไม่เหนื่อย Nike ร่วมมือกับบริษัทหุ่นยนต์ Dephy เปิดตัว Project Amplify ซึ่งเป็นระบบรองเท้าแบบใหม่ที่ผสานรองเท้าวิ่งระดับสูงเข้ากับ “ขาเหล็ก” แบบหุ่นยนต์ โดยมีมอเตอร์, สายพานขับเคลื่อน และแบตเตอรี่แบบสวมที่ข้อเท้า ช่วยให้ผู้ใช้เดินหรือวิ่งได้เร็วขึ้นและไกลขึ้นโดยใช้แรงน้อยลง แนวคิดนี้คล้ายกับ e-bike ที่ช่วยให้ปั่นจักรยานได้ง่ายขึ้น โดย Nike ตั้งเป้าให้รองเท้านี้ช่วยคนทั่วไปที่วิ่งช้า (เช่น pace 10–12 นาทีต่อไมล์) ไม่ใช่นักกีฬามืออาชีพ ระบบหุ่นยนต์สามารถถอดออกได้ ทำให้รองเท้ากลับมาเป็นรองเท้าวิ่งธรรมดาได้เช่นกัน ✅ จุดเด่นของ Project Amplify ➡️ รองเท้าวิ่งผสานกับขาเหล็กหุ่นยนต์ ➡️ มีมอเตอร์, สายพาน, และแบตเตอรี่ข้อเท้า ➡️ ช่วยลดแรงที่ใช้ในการเดินหรือวิ่ง ➡️ ถอดระบบหุ่นยนต์ออกได้ ใช้เป็นรองเท้าธรรมดา ✅ เป้าหมายของ Nike ➡️ ช่วยคนทั่วไปเดินหรือวิ่งได้ไกลขึ้น ➡️ ลดความเหนื่อยจากการเดินทางหรือออกกำลังกาย ➡️ เปรียบเทียบกับ e-bike ที่ช่วยให้ปั่นง่ายขึ้น ✅ ความเป็นไปได้ในอนาคต ➡️ Nike ตั้งใจจะวางขายในวงกว้างในอีกไม่กี่ปี ➡️ อาจกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของ wearable robotics ➡️ คล้ายกับ exoskeleton ที่ใช้ในโรงงาน เช่น Hyundai https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/fancy-an-e-bike-for-your-feet-these-radical-nike-robo-shoes-are-the-worlds-first-powered-footwear
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ออกแพตช์ฉุกเฉินอุดช่องโหว่ร้ายแรงใน Windows Server – เสี่ยงโดนแฮกแบบไม่ต้องคลิก!

    Microsoft ได้ออกแพตช์ความปลอดภัยฉุกเฉินเพื่ออุดช่องโหว่ร้ายแรงใน Windows Server Update Services (WSUS) ซึ่งอาจเปิดทางให้แฮกเกอร์โจมตีแบบ remote code execution (RCE) โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนหรือการคลิกใด ๆ จากผู้ใช้

    ช่องโหว่นี้มีรหัส CVE-2025-59287 และได้คะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8/10 โดยเกิดจากการ “deserialization ของข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย” ซึ่งทำให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายด้วยสิทธิ์ SYSTEM ได้ทันที หาก WSUS เปิดใช้งานอยู่

    แม้ Microsoft จะรวมแพตช์ไว้ในอัปเดต Patch Tuesday ประจำเดือนตุลาคม 2025 แล้ว แต่เมื่อมีโค้ดโจมตี (PoC) เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ บริษัทจึงรีบออกอัปเดตแบบ out-of-band (OOB) เพื่อกระตุ้นให้ผู้ดูแลระบบติดตั้งแพตช์โดยด่วน

    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-59287
    ช่องโหว่ใน Windows Server Update Services (WSUS)
    ประเภท: deserialization ของข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย
    ความรุนแรง: 9.8/10 (Critical)
    เปิดทางให้แฮกเกอร์รันโค้ดด้วยสิทธิ์ SYSTEM โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    การตอบสนองของ Microsoft
    แพตช์รวมอยู่ใน Patch Tuesday ตุลาคม 2025
    ออกอัปเดตฉุกเฉินแบบ OOB หลังพบโค้ดโจมตีถูกเผยแพร่
    แนะนำให้ติดตั้งอัปเดตทันทีและรีบูตเครื่อง
    เซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่เปิดใช้ WSUS จะไม่เสี่ยง

    วิธีลดความเสี่ยง (หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ทันที)
    ปิดการใช้งาน WSUS Server Role
    หรือบล็อกพอร์ต 8530 และ 8531 บน firewall
    หมายเหตุ: การบล็อกพอร์ตจะทำให้เครื่องลูกข่ายไม่ได้รับอัปเดต

    https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-issues-emergency-windows-server-security-patch-update-now-or-risk-attack
    🚨 Microsoft ออกแพตช์ฉุกเฉินอุดช่องโหว่ร้ายแรงใน Windows Server – เสี่ยงโดนแฮกแบบไม่ต้องคลิก! Microsoft ได้ออกแพตช์ความปลอดภัยฉุกเฉินเพื่ออุดช่องโหว่ร้ายแรงใน Windows Server Update Services (WSUS) ซึ่งอาจเปิดทางให้แฮกเกอร์โจมตีแบบ remote code execution (RCE) โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนหรือการคลิกใด ๆ จากผู้ใช้ ช่องโหว่นี้มีรหัส CVE-2025-59287 และได้คะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.8/10 โดยเกิดจากการ “deserialization ของข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย” ซึ่งทำให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายด้วยสิทธิ์ SYSTEM ได้ทันที หาก WSUS เปิดใช้งานอยู่ แม้ Microsoft จะรวมแพตช์ไว้ในอัปเดต Patch Tuesday ประจำเดือนตุลาคม 2025 แล้ว แต่เมื่อมีโค้ดโจมตี (PoC) เผยแพร่ออกสู่สาธารณะ บริษัทจึงรีบออกอัปเดตแบบ out-of-band (OOB) เพื่อกระตุ้นให้ผู้ดูแลระบบติดตั้งแพตช์โดยด่วน ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-59287 ➡️ ช่องโหว่ใน Windows Server Update Services (WSUS) ➡️ ประเภท: deserialization ของข้อมูลที่ไม่ปลอดภัย ➡️ ความรุนแรง: 9.8/10 (Critical) ➡️ เปิดทางให้แฮกเกอร์รันโค้ดด้วยสิทธิ์ SYSTEM โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ✅ การตอบสนองของ Microsoft ➡️ แพตช์รวมอยู่ใน Patch Tuesday ตุลาคม 2025 ➡️ ออกอัปเดตฉุกเฉินแบบ OOB หลังพบโค้ดโจมตีถูกเผยแพร่ ➡️ แนะนำให้ติดตั้งอัปเดตทันทีและรีบูตเครื่อง ➡️ เซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่เปิดใช้ WSUS จะไม่เสี่ยง ✅ วิธีลดความเสี่ยง (หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ทันที) ➡️ ปิดการใช้งาน WSUS Server Role ➡️ หรือบล็อกพอร์ต 8530 และ 8531 บน firewall ➡️ หมายเหตุ: การบล็อกพอร์ตจะทำให้เครื่องลูกข่ายไม่ได้รับอัปเดต https://www.techradar.com/pro/security/microsoft-issues-emergency-windows-server-security-patch-update-now-or-risk-attack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 46 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้อมูลลูกค้า Toys "R" Us ถูกขโมยและเผยแพร่บนเว็บมืด – เสี่ยงโดนฟิชชิ่งและขโมยตัวตน.

    Toys "R" Us Canada เผชิญเหตุข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ หลังแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลลูกค้าและนำไปเผยแพร่บนเว็บมืด โดยข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วยชื่อ, ที่อยู่, อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าบางส่วน แม้จะไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิตหลุดออกไป แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตนได้

    บริษัทได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ และยืนยันว่าเป็นเพียง “บางส่วนของข้อมูลลูกค้า” ที่ถูกขโมย พร้อมทั้งเสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม และแจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบแล้ว

    Toys "R" Us ยังแจ้งเตือนให้ลูกค้าระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็นบริษัท และไม่ควรคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ

    ข้อมูลที่ถูกขโมย
    ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, เบอร์โทรศัพท์
    ไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิต
    เสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตน

    การตอบสนองของบริษัท
    ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์
    ยืนยันว่าเป็นข้อมูลลูกค้า “บางส่วน”
    แจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ
    เสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม

    คำแนะนำสำหรับลูกค้า
    ระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็น Toys "R" Us
    อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
    ตรวจสอบบัญชีและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว

    https://www.techradar.com/pro/security/toys-r-us-customer-data-swiped-and-leaked-online-heres-what-we-know
    🧸 ข้อมูลลูกค้า Toys "R" Us ถูกขโมยและเผยแพร่บนเว็บมืด – เสี่ยงโดนฟิชชิ่งและขโมยตัวตน. Toys "R" Us Canada เผชิญเหตุข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ หลังแฮกเกอร์ขโมยข้อมูลลูกค้าและนำไปเผยแพร่บนเว็บมืด โดยข้อมูลที่ถูกขโมยประกอบด้วยชื่อ, ที่อยู่, อีเมล และเบอร์โทรศัพท์ของลูกค้าบางส่วน แม้จะไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิตหลุดออกไป แต่ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตนได้ บริษัทได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ และยืนยันว่าเป็นเพียง “บางส่วนของข้อมูลลูกค้า” ที่ถูกขโมย พร้อมทั้งเสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม และแจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบแล้ว Toys "R" Us ยังแจ้งเตือนให้ลูกค้าระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็นบริษัท และไม่ควรคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ✅ ข้อมูลที่ถูกขโมย ➡️ ชื่อ, ที่อยู่, อีเมล, เบอร์โทรศัพท์ ➡️ ไม่มีรหัสผ่านหรือข้อมูลบัตรเครดิต ➡️ เสี่ยงต่อการถูกฟิชชิ่งและขโมยตัวตน ✅ การตอบสนองของบริษัท ➡️ ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์เพื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ ➡️ ยืนยันว่าเป็นข้อมูลลูกค้า “บางส่วน” ➡️ แจ้งเตือนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ➡️ เสริมระบบป้องกันเพิ่มเติม ✅ คำแนะนำสำหรับลูกค้า ➡️ ระวังอีเมลหลอกลวงที่อ้างว่าเป็น Toys "R" Us ➡️ อย่าคลิกลิงก์หรือเปิดไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ➡️ ตรวจสอบบัญชีและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนตัว https://www.techradar.com/pro/security/toys-r-us-customer-data-swiped-and-leaked-online-heres-what-we-know
    WWW.TECHRADAR.COM
    Toys "R" Us customer data swiped and leaked online - here's what we know
    Names, addresses, and more from Toys "R" Us customers stolen and leaked on the dark web
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • OCCT v15 เพิ่มฟีเจอร์ตรวจจับเสียง Coil Whine โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน – เปลี่ยนเสียงรบกวนให้กลายเป็นเครื่องมือวิเคราะห์

    OCCT โปรแกรม stress test ยอดนิยมสำหรับพีซี ได้เปิดตัวเวอร์ชัน 15 พร้อมฟีเจอร์ใหม่สุดอัจฉริยะที่ช่วยตรวจจับเสียง “coil whine” โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟนเลย ฟีเจอร์นี้ใช้เทคนิคการโหลดระบบด้วย “สามเสียงที่กำหนดไว้ล่วงหน้า” เพื่อเปลี่ยนเสียงรบกวนจากอุปกรณ์ให้กลายเป็นเสียงที่มีรูปแบบเฉพาะ ทำให้ผู้ใช้สามารถแยกแยะได้ง่ายว่าเสียงนั้นมาจากส่วนไหนของเครื่อง เช่น การ์ดจอ เมนบอร์ด หรือ PSU

    Coil whine (เสียงคอยล์หวีด) คือเสียงแหลมสูงหรือเสียงฮัมที่เกิดจากการสั่นของขดลวด (coil) หรือชิ้นส่วนตัวเหนี่ยวนำ (inductor) ภายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น การ์ดจอ เมนบอร์ด หรือแหล่งจ่ายไฟ (PSU) เมื่อมี กระแสไฟฟ้าความถี่สูง ไหลผ่าน

    ฟีเจอร์นี้เหมาะมากสำหรับผู้ที่ใช้งานในพื้นที่เสียงรบกวนสูง เช่น อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ หรือออฟฟิศที่มีหลายเครื่อง เพราะเสียง coil whine จะถูก “ดึงออกมา” ให้เด่นชัดขึ้นจากเสียงแวดล้อม

    ฟีเจอร์ใหม่ใน OCCT v15
    ตรวจจับเสียง coil whine โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน
    ใช้การโหลดระบบด้วยเสียงที่กำหนดไว้ล่วงหน้า
    เปลี่ยนเสียงรบกวนให้กลายเป็นเสียงที่มีรูปแบบเฉพาะ
    ช่วยให้แยกแยะแหล่งที่มาของเสียงได้ง่ายขึ้น

    เหมาะกับสถานการณ์แบบไหน
    พื้นที่เสียงรบกวนสูง เช่น อินเทอร์เน็ตคาเฟ่หรือออฟฟิศ
    ผู้ใช้ที่ไม่สามารถใช้ไมโครโฟนได้
    ช่วยตรวจสอบว่าเสียงที่ได้ยินเป็น coil whine หรือปัญหาอื่น

    ความรู้เกี่ยวกับ coil whine
    เกิดจากการสั่นของขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าเมื่อมีไฟฟ้าไหลผ่าน
    มักเกิดในอุปกรณ์ที่มีการโหลดไฟสูง เช่น GPU, PSU, เมนบอร์ด
    เสียงอาจเปลี่ยนไปตามระดับการโหลด เช่น เล่นเกมที่ FPS สูง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/occt-version-15-adds-coil-whine-detection-that-doesnt-require-a-microphone-popular-stress-tester-gets-genius-new-feature-to-silence-your-pc
    🔧 OCCT v15 เพิ่มฟีเจอร์ตรวจจับเสียง Coil Whine โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน – เปลี่ยนเสียงรบกวนให้กลายเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ OCCT โปรแกรม stress test ยอดนิยมสำหรับพีซี ได้เปิดตัวเวอร์ชัน 15 พร้อมฟีเจอร์ใหม่สุดอัจฉริยะที่ช่วยตรวจจับเสียง “coil whine” โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟนเลย ฟีเจอร์นี้ใช้เทคนิคการโหลดระบบด้วย “สามเสียงที่กำหนดไว้ล่วงหน้า” เพื่อเปลี่ยนเสียงรบกวนจากอุปกรณ์ให้กลายเป็นเสียงที่มีรูปแบบเฉพาะ ทำให้ผู้ใช้สามารถแยกแยะได้ง่ายว่าเสียงนั้นมาจากส่วนไหนของเครื่อง เช่น การ์ดจอ เมนบอร์ด หรือ PSU Coil whine (เสียงคอยล์หวีด) คือเสียงแหลมสูงหรือเสียงฮัมที่เกิดจากการสั่นของขดลวด (coil) หรือชิ้นส่วนตัวเหนี่ยวนำ (inductor) ภายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น การ์ดจอ เมนบอร์ด หรือแหล่งจ่ายไฟ (PSU) เมื่อมี กระแสไฟฟ้าความถี่สูง ไหลผ่าน ฟีเจอร์นี้เหมาะมากสำหรับผู้ที่ใช้งานในพื้นที่เสียงรบกวนสูง เช่น อินเทอร์เน็ตคาเฟ่ หรือออฟฟิศที่มีหลายเครื่อง เพราะเสียง coil whine จะถูก “ดึงออกมา” ให้เด่นชัดขึ้นจากเสียงแวดล้อม ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน OCCT v15 ➡️ ตรวจจับเสียง coil whine โดยไม่ต้องใช้ไมโครโฟน ➡️ ใช้การโหลดระบบด้วยเสียงที่กำหนดไว้ล่วงหน้า ➡️ เปลี่ยนเสียงรบกวนให้กลายเป็นเสียงที่มีรูปแบบเฉพาะ ➡️ ช่วยให้แยกแยะแหล่งที่มาของเสียงได้ง่ายขึ้น ✅ เหมาะกับสถานการณ์แบบไหน ➡️ พื้นที่เสียงรบกวนสูง เช่น อินเทอร์เน็ตคาเฟ่หรือออฟฟิศ ➡️ ผู้ใช้ที่ไม่สามารถใช้ไมโครโฟนได้ ➡️ ช่วยตรวจสอบว่าเสียงที่ได้ยินเป็น coil whine หรือปัญหาอื่น ✅ ความรู้เกี่ยวกับ coil whine ➡️ เกิดจากการสั่นของขดลวดแม่เหล็กไฟฟ้าเมื่อมีไฟฟ้าไหลผ่าน ➡️ มักเกิดในอุปกรณ์ที่มีการโหลดไฟสูง เช่น GPU, PSU, เมนบอร์ด ➡️ เสียงอาจเปลี่ยนไปตามระดับการโหลด เช่น เล่นเกมที่ FPS สูง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/occt-version-15-adds-coil-whine-detection-that-doesnt-require-a-microphone-popular-stress-tester-gets-genius-new-feature-to-silence-your-pc
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • เซิร์ฟเวอร์ AI ผลิตในฮิวสตันของ Apple เริ่มจัดส่งแล้ว – รองรับ Private Cloud Compute เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด

    Apple ประกาศเริ่มจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ผลิตในโรงงานใหม่ที่เมืองฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา โดยเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในระบบ Private Cloud Compute (PCC) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นหลัก

    PCC ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของผู้ใช้ เช่น iPhone หรือ Mac โดยเมื่ออุปกรณ์ต้องส่งคำขอไปยังคลาวด์ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังระบบปฏิบัติการแบบ clean-room ที่ไม่มีการเก็บข้อมูล ไม่มีการติดตาม และไม่มีหน่วยความจำถาวร หลังจากประมวลผลเสร็จ ข้อมูลจะถูกลบออกทันที

    Apple ยังเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยตรวจสอบระบบ PCC ได้ผ่าน Virtual Research Environment และจะเผยแพร่ภาพของระบบปฏิบัติการที่ใช้ในแต่ละเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้ตรวจสอบความปลอดภัยได้อย่างโปร่งใส

    แม้จะยังไม่เปิดเผยว่าเซิร์ฟเวอร์ใช้ชิปอะไร แต่คาดว่าเป็น Apple Silicon รุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อจากซีรีส์ M โดยเน้นการประมวลผล AI แบบไฮบริด คือทำงานบนอุปกรณ์ก่อน แล้วค่อยส่งต่อไปยัง PCC เมื่อจำเป็น

    การเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AI ของ Apple
    ผลิตในโรงงานใหม่ที่ฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา
    ใช้ในระบบ Private Cloud Compute (PCC)
    รองรับการประมวลผล AI แบบไฮบริด (on-device + cloud)
    เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    ความปลอดภัยของ PCC
    ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ clean-room ไม่มีการเก็บข้อมูล
    ไม่มีหน่วยความจำถาวร ไม่มี telemetry
    ลบข้อมูลทันทีหลังประมวลผล
    เปิดให้ตรวจสอบผ่าน Virtual Research Environment

    ความคาดหวังและผลกระทบ
    เป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุน $600 พันล้านในสหรัฐฯ
    ช่วยขยายขีดความสามารถของ Apple Intelligence
    ไม่พึ่งพาฮาร์ดแวร์จากผู้ผลิตรายอื่น
    ท้าทายแนวทางของ Microsoft และ Google ที่ใช้ GPU-heavy cloud

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/apples-houston-built-ai-servers-now-shipping
    🚚 เซิร์ฟเวอร์ AI ผลิตในฮิวสตันของ Apple เริ่มจัดส่งแล้ว – รองรับ Private Cloud Compute เพื่อความเป็นส่วนตัวสูงสุด Apple ประกาศเริ่มจัดส่งเซิร์ฟเวอร์ AI ที่ผลิตในโรงงานใหม่ที่เมืองฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา โดยเซิร์ฟเวอร์เหล่านี้จะถูกนำไปใช้ในระบบ Private Cloud Compute (PCC) ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ที่เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้เป็นหลัก PCC ถูกออกแบบมาให้ทำงานร่วมกับอุปกรณ์ของผู้ใช้ เช่น iPhone หรือ Mac โดยเมื่ออุปกรณ์ต้องส่งคำขอไปยังคลาวด์ ข้อมูลจะถูกส่งไปยังระบบปฏิบัติการแบบ clean-room ที่ไม่มีการเก็บข้อมูล ไม่มีการติดตาม และไม่มีหน่วยความจำถาวร หลังจากประมวลผลเสร็จ ข้อมูลจะถูกลบออกทันที Apple ยังเปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยตรวจสอบระบบ PCC ได้ผ่าน Virtual Research Environment และจะเผยแพร่ภาพของระบบปฏิบัติการที่ใช้ในแต่ละเซิร์ฟเวอร์ เพื่อให้ตรวจสอบความปลอดภัยได้อย่างโปร่งใส แม้จะยังไม่เปิดเผยว่าเซิร์ฟเวอร์ใช้ชิปอะไร แต่คาดว่าเป็น Apple Silicon รุ่นใหม่ที่พัฒนาต่อจากซีรีส์ M โดยเน้นการประมวลผล AI แบบไฮบริด คือทำงานบนอุปกรณ์ก่อน แล้วค่อยส่งต่อไปยัง PCC เมื่อจำเป็น ✅ การเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ AI ของ Apple ➡️ ผลิตในโรงงานใหม่ที่ฮิวสตัน สหรัฐอเมริกา ➡️ ใช้ในระบบ Private Cloud Compute (PCC) ➡️ รองรับการประมวลผล AI แบบไฮบริด (on-device + cloud) ➡️ เน้นความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ✅ ความปลอดภัยของ PCC ➡️ ใช้ระบบปฏิบัติการแบบ clean-room ไม่มีการเก็บข้อมูล ➡️ ไม่มีหน่วยความจำถาวร ไม่มี telemetry ➡️ ลบข้อมูลทันทีหลังประมวลผล ➡️ เปิดให้ตรวจสอบผ่าน Virtual Research Environment ✅ ความคาดหวังและผลกระทบ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของแผนลงทุน $600 พันล้านในสหรัฐฯ ➡️ ช่วยขยายขีดความสามารถของ Apple Intelligence ➡️ ไม่พึ่งพาฮาร์ดแวร์จากผู้ผลิตรายอื่น ➡️ ท้าทายแนวทางของ Microsoft และ Google ที่ใช้ GPU-heavy cloud https://www.tomshardware.com/desktops/servers/apples-houston-built-ai-servers-now-shipping
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Apple's Houston-built AI servers are now shipping, according to CEO Tim Cook — custom silicon to power Private Cloud Compute
    Apple has begun deploying custom silicon servers from a new US facility to power Private Cloud Compute, its privacy-first AI backend.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel Core Ultra 5 338H โผล่ใน Geekbench – ยืนยันใช้ iGPU Arc B370 Xe3 และไม่มี “X” ในชื่อรุ่น

    Intel Core Ultra 5 338H ได้รับการเปิดเผยผ่านผลการทดสอบ Geekbench ล่าสุด โดยชิปนี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Panther Lake ที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2025 จุดเด่นคือการใช้ iGPU รุ่นใหม่ Arc B370 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม Xe3 ที่พัฒนาจาก Battlemage IP และมีจำนวนคอร์กราฟิก 10 คอร์

    แม้จะอยู่ในกลุ่มชิปประสิทธิภาพสูง แต่ Core Ultra 5 338H ไม่มี “X” ในชื่อรุ่น ซึ่งแตกต่างจากรุ่น Core Ultra X7 และ X9 ที่มี 12 คอร์กราฟิกและได้รับการจัดอยู่ในกลุ่ม “X” สำหรับงานกราฟิกเต็มรูปแบบ

    ผลการทดสอบ Vulkan บน Geekbench แสดงคะแนน 39,406 ซึ่งสูงกว่า Arc A140T ของ Lunar Lake เล็กน้อย (~4%) และใกล้เคียงกับ Radeon 880M ของ AMD ที่ได้ประมาณ 39,917 คะแนน

    Intel Core Ultra 5 338H
    ใช้ iGPU Arc B370 Xe3 (10 คอร์กราฟิก)
    ไม่มี “X” ในชื่อรุ่น แม้ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับรุ่น X
    คะแนน Vulkan บน Geekbench: 39,406
    สูงกว่า Arc A140T (~4%) และใกล้เคียง Radeon 880M

    สถาปัตยกรรม Panther Lake
    ใช้ Xe3 GPU จาก Battlemage IP
    มีการเปลี่ยนแปลงระบบตั้งชื่อรุ่นใหม่
    รุ่นที่มี “X” จะมี 12 คอร์กราฟิก เช่น X7 358H, X9 388H
    Core Ultra 5 338H ใช้เวอร์ชันลดสเปกของ GPU เดียวกัน

    ความหมายของการไม่มี “X”
    ไม่ใช่รุ่นกราฟิกเต็มสเปก แต่ยังอยู่ในกลุ่มประสิทธิภาพสูง
    เหมาะกับงานทั่วไปและเกมระดับกลาง
    ช่วยลดต้นทุนและพลังงานโดยยังคงประสิทธิภาพที่ดี

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-5-338h-appears-in-geekbench-listing-confirming-new-arc-b370-xe3-igpu-no-x-branding-in-sight-as-panther-lakes-naming-scheme-becomes-clear
    🧠 Intel Core Ultra 5 338H โผล่ใน Geekbench – ยืนยันใช้ iGPU Arc B370 Xe3 และไม่มี “X” ในชื่อรุ่น Intel Core Ultra 5 338H ได้รับการเปิดเผยผ่านผลการทดสอบ Geekbench ล่าสุด โดยชิปนี้เป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Panther Lake ที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2025 จุดเด่นคือการใช้ iGPU รุ่นใหม่ Arc B370 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม Xe3 ที่พัฒนาจาก Battlemage IP และมีจำนวนคอร์กราฟิก 10 คอร์ แม้จะอยู่ในกลุ่มชิปประสิทธิภาพสูง แต่ Core Ultra 5 338H ไม่มี “X” ในชื่อรุ่น ซึ่งแตกต่างจากรุ่น Core Ultra X7 และ X9 ที่มี 12 คอร์กราฟิกและได้รับการจัดอยู่ในกลุ่ม “X” สำหรับงานกราฟิกเต็มรูปแบบ ผลการทดสอบ Vulkan บน Geekbench แสดงคะแนน 39,406 ซึ่งสูงกว่า Arc A140T ของ Lunar Lake เล็กน้อย (~4%) และใกล้เคียงกับ Radeon 880M ของ AMD ที่ได้ประมาณ 39,917 คะแนน ✅ Intel Core Ultra 5 338H ➡️ ใช้ iGPU Arc B370 Xe3 (10 คอร์กราฟิก) ➡️ ไม่มี “X” ในชื่อรุ่น แม้ใช้สถาปัตยกรรมเดียวกับรุ่น X ➡️ คะแนน Vulkan บน Geekbench: 39,406 ➡️ สูงกว่า Arc A140T (~4%) และใกล้เคียง Radeon 880M ✅ สถาปัตยกรรม Panther Lake ➡️ ใช้ Xe3 GPU จาก Battlemage IP ➡️ มีการเปลี่ยนแปลงระบบตั้งชื่อรุ่นใหม่ ➡️ รุ่นที่มี “X” จะมี 12 คอร์กราฟิก เช่น X7 358H, X9 388H ➡️ Core Ultra 5 338H ใช้เวอร์ชันลดสเปกของ GPU เดียวกัน ✅ ความหมายของการไม่มี “X” ➡️ ไม่ใช่รุ่นกราฟิกเต็มสเปก แต่ยังอยู่ในกลุ่มประสิทธิภาพสูง ➡️ เหมาะกับงานทั่วไปและเกมระดับกลาง ➡️ ช่วยลดต้นทุนและพลังงานโดยยังคงประสิทธิภาพที่ดี https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-core-ultra-5-338h-appears-in-geekbench-listing-confirming-new-arc-b370-xe3-igpu-no-x-branding-in-sight-as-panther-lakes-naming-scheme-becomes-clear
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 39 มุมมอง 0 รีวิว
  • ‘วรภัค ธันยาวงษ์’ อดีต รมช.คลัง เดินหน้าดำเนินคดีกับผู้บิดเบือนให้ข้อมูลเท็จ ย้ำ ไม่เคยเกี่ยวข้องเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ลั่นไม่เปิดช่องให้นำเรื่องส่วนตัวกระทบรัฐบาล
    ‘วรภัค ธันยาวงษ์’ อดีต รมช.คลัง เดินหน้าดำเนินคดีกับผู้บิดเบือนให้ข้อมูลเท็จ ย้ำ ไม่เคยเกี่ยวข้องเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมให้ทุกหน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ลั่นไม่เปิดช่องให้นำเรื่องส่วนตัวกระทบรัฐบาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่อง สันดาน
    “สันดาน”

    (1)

    ผมหายไปจากหน้าจอหลายวันมาก เพราะขี้เกียจดูข่าวและเขียนถึงไอ้นักล่าตอนนี้ บทมันซ้ำจนน่าเบื่อ แถมสะอิดสะเอียน เวลาดูมันพูด เล่นบทเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ จำเป็นต้องรักษาสันติสุขของมนุษยชาติ ฯลฯ ขืนดูต่อ ยาแก้คลื่นไส้ก็เอาไม่อยู่ ผมเลยไปค้นหาหนังสือเก่าๆมาอ่านประเทืองปัญญา ดีกว่าดูไอ้นักล่าตอแหล

    ปรากฏว่า อาการผมหนักกว่าคลื่นไส้!

    ผมไปเจอเอกสารเก่า เกือบ 100 ปี “The American and Russian Missions” ปี ค.ศ.1917 เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ อเมริกัน ที่เรียกว่า Foreign Relations of the United States (FRUS) ทนไม่ไหว ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง ถ้าไม่บอกว่า คนเขียนเอกสาร เขียนเมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านอาจนึกว่าเป็นเรื่องในสมัยปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 100 ปี มันก็ยังใช้วิธีเดิมๆ ตามสันดาน…

    ปี ค.ศ.1917 ตามวิชาประวัติศาสตร์สากล สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม เขาบอกว่า มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในรัสเซีย คือการปฏิวัติอันโด่งดังของพวกบอลเชวิก (Bolsheviks) ที่โค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 นั่นแหละ

    แต่ความจริง ในปี ค.ศ.1917 รัสเซีย มีการปฏิวัติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนมีนาคม ผู้นำการปฏิวัติ คือ นาย Aleksandr Kerensky ซึ่งยึดอำนาจจากพระเจ้าซาร์ ทำให้พระเจ้าซาร์ประกาศสละบัลลังก์ แต่ต่อมาพวกปฏิวัติก็จับท่านและราชวงค์ไปกักขัง ส่วนพวก Bolsheviks มาทำการปฏิวัติซ้ำในพฤศจิกายน ค.ศ.1917 ไล่คณะ นาย Kerensky ออกไป แล้วพวก Bolsheviks ก็ปกครองรัสเซียต่อ

    ในตอนที่ นาย Kerensky ทำการปฏิวัตินั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1914 กำลังโซ้ยกันอย่างดุเดือด สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ความจริงเริ่มมาจากชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นฝ่ายกระสัน อยากจะทำสงครามนะครับ เพราะอังกฤษหมั่นไส้ ปนปอดแหกว่า เยอรมันกำลังจะโตใหญ่เกินหน้า ส่วนเรื่องอาชดยุกค์เฟอร์ดินานด์ แห่งปรัสเซียถูกยิง นั่นมันสาเหตุของสงครามโลก ตามประวัติศาสตร์หลักสูตรกระทรวงศึกษาฯ ลองไปหาประวัติศาสตร์นอกหลักสูตรมาอ่านกันบ้าง จะได้เห็นโลกกว้าง และลึกขึ้น

    ประมาณปี คศ 1899 เยอรมันส้มหล่นใส่ ไปได้สัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 ไมล์ ภาพรางรถไฟวิ่งยาวจาก Berlin ผ่านไปกลางตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันไปจนถึง Bagdad เลยไปอีกหน่อย ก็ถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่อังกฤษตีตั๋วจองไว้ ภาพนี้มันทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯนอนฝันร้าย ที่นอนเปียกชุ่มทุกคืน ตั้งแต่รู้ข่าว ชาวเกาะฯทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาวางแผนเตะตัดขาเยอรมัน ด้วยการไปชวนพรรคพวกมาร่วมรายการถล่มนักสร้างราง แต่ถ้ามีแค่พวกขาประจำอย่างฝรั่งเศส อืตาลีร่วม ชาวเกาะไม่แน่ใจว่า จะถีบนักสร้างรางให้ตกรางได้ ชาวเกาะเลยไปหลอกรัสเซีย ถึงจะอยู่ใกลหน่อย แต่ข่าวว่ากองทัพอึด ให้มาร่วมรายการถล่มนักสร้างรางด้วยกัน (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือนก 2 หัว” และ นิทานชุด “เหยื่อ”)

    รัสเซีย จริงๆไม่มีเรื่องชังหน้ากับเยอรมันซักหน่อย แต่พออังกฤษเอาของขวัญมาล่อว่า ถ้าถีบมันตกรางได้ เอาไปเลย อาณาจักรออโตมาน เรายกให้ท่าน ไม่รู้รัสเซียกำลังมึนอะไร เดินหล่นพลั่กลงหลุม ที่ชาวเกาะขุดล่อ ออโตมานก็ไม่ใช่ของชาวเกาะใหญ่ฯ ซะหน่อย เขาเอาของคนอื่นมาล่อ ไปตกลงกับเขาได้ยังไง เนี่ย เหมือนเวลาคนดวงไม่ดี มีดาวประเภท เสาร์ ราหู ทับลัคน์อะไรทำนองนั้น เวลาดาวแรงอย่างนี้ทับลัคน์ อย่าไปเชื่ออะไรใครเขาง่ายๆนะครับ
    เมื่อ นาย Kerensky ทำปฏิวัติรัสเซีย สงครามเล่นไปแล้ว 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก คนจัดรายการ ออกตั๋วเสริมมาขายเพิ่มอยู่เรื่อย แม้บ้านช่องจะพังพินาศฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่ชาวเกาะก็บอกให้สู้ต่อ ก็บทมันเขียนไว้อย่างนั้น ทีนี้ รัสเซียแนวร่วม ดันมีปฏิวัติ รัฐบาลใหม่จะเล่นสงครามต่อหรือ เปล่า ชาวเกาะชักเหงื่อแตก อเมริกาเด็กเรา (ตอนนั้น ไอ้นักล่ายังเป็นเด็ก อยู่ในอาณัติของอังกฤษ เรื่องมัน 100 ปีมาแล้วนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ ถึงไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ก็อาจจะยังอยู่ ในอาณัติกันเหมือนเดิม) ก็ดันประกาศอยู่นั่นว่า เราเป็นกลาง (ยัง) ไม่เข้ามาช่วยรบ จำเราต้องใช้มันไปสืบความว่า รัสเซียหลังปฏิวัตินี่ จะสู้ต่อ หรือจะฝ่อหนี

    ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ไม้หลักปักเลน จึงจัดคณะละครเร่ ไปเจริญสัมพันธไมตรี ชื่อ The Roots Mission ให้ไปดูลาดเลารัสเซีย หลังปฏิวัติครั้งแรก ว่าหน้าตาเป็นยังไง หล่อเหลา หรือเหลาเหย่ คณะละครเร่เจริญสัมพันธไมตรีที่นำโดย นาย Elihu Roots ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอดีตทูต อดีตรัฐมนตรี อดีตอะไรเยอะแยะไปหมด ไปเปิดดูกูเกิลเอาแล้วกันนะครับ น่าเชื่อถือดี แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไปทำหน้าที่เล่นละคร และทำหน้าที่นักสืบมากกว่า

    คณะนาย Roots มีด้วยกันกว่าสิบคน มีทั้ง นักการทูต นักธุรกิจ วิศวกร นักหนังสือพิมพ์ นักกิจกรรมสังคม (YMCA) นายทหารบก นายทหารเรือ เบิ้มๆทั้งนั้น มันเป็นคณะที่ต้องไปแสดงละครจริงๆ พวกเขาไปถึง เมือง Petrograd ของรัสเซีย เดือนพฤษภาคม 1917 ใช้เวลาเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะปฏิวัติ Kerensky ประมาณ 4 เดือน ไปมันทั่วรัสเซียอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปจนถึงไซบีเรียโน่น ต้องยอมรับว่า คณะนี้เขาเล่นละครเก่ง

    คงสงสัยกัน พวก YMCA ( Young Men’s Christain Association) นี่คณะละคร เอาไปทำอะไร ในสมัยนั้น (และสมัยนี้ ?!) เขาใช้ YMCA ทำหน้าที่เหมือน CIA ในคราบทูตวัฒนธรรม ใช้ศาสนา การกีฬา การบรรเทิง บังหน้า เข้าไปคลุกคลี กับชาวบ้าน ชาวเมือง และนักเรียนนักศึกษา มีทั้ง YMCA และ YWCA ของฝ่ายหญิง การจะเอาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการทหาร ไปคลุกกับชาวบ้านนี่ บางทีไม่ได้ผล ชาวบ้านไม่เปิดใจ ก็ใช้กิจกรรมนำโดยกลุ่มแบบนี้ สมัยนี้ ก็คงไม่ใช้ YMCA แล้ว เขามาในรูปแบบของกลุ่มอะไร ลองเดาดู

    (2)

    เดือนสิงหาคม คณะละครเร่ แสดงเสร็จ ก็ทำรายงานยาวเหยียด ส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นาย Robert Lansing พิจารณา
    ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วน ที่น่าสนใจ แต่จะเอาฉบับเต็มลงให้อ่านกันด้วย เผื่อท่านใดอยากจะตั้งคณะละคร จะได้ใช้เป็นตัวอย่าง

    คณะละครได้ไปพบทั้งพวกทำปฏิวัติ ทหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่ ชาวบ้าน ชาววัด ครู นักเรียน พ่อค้า นักธุรกิจ สายลับ ฯลฯ พบมันหมด ไปคุย ไปถาม ไปเสือก ก็เหมือนที่ไอ้บ้าอะไรที่เพิ่ง มาเสือกที่บ้านเรา เมื่อต้นเดือนนี้ละครับ มันคงมาจากคณะละครเดียวกัน รูปแบบ การเจรจา ถึงได้ทำนองเดียวกัน เล่นกันแบบนี้มา 100 ปีแล้ว ยังไม่เลิก

    ข้อสรุปที่คณะละคร ได้จากการสำรวจ คือ ชาวรัสเซีย ถอดใจไม่อยากเล่นสงครามแล้ว ขนมปังก็จะไม่มีกิน บ้านก็พัง จนแทบไม่เหลือที่ให้ซุกหัว จะไปรบทำไมอีก คณะละครอ้างว่า เพราะฝ่ายเยอรมันขนสายลับเข้ามา เต็มเมืองรัสเซีย มากรอกหูชาวรัสเซีย และทหารรัสเซียว่า จะไปรบทำไม คนอยากรบน่ะ คือพระเจ้าซาร์ ตอนนี้ท่านก็ไปแล้ว พี่น้องก็ไม่ต้องไปรบแล้ว กลับบ้านไปทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน

    ฝ่ายคณะละครได้ยินเข้าก็ลมแทบใส่ นี่ใกล้จะถึงคิวเราเข้าฉากไปรบต่อ ถ้าไม่มีรัสเซียอยู่แถวหน้าตายก่อน พวกเราก็ ฉ. ห. ละซิ เพราะฉนั้น สิ่งที่ฝ่ายเราต้องทำด่วน (ที่เปิดเผยได้) มี 2 เรื่อง

    เรื่องที่ 1 เราต้องเอาทีมอเมริกัน เข้ามาดูแลเรื่องถนนหนทาง รางรถไฟ ในรัสเซีย เพราะขณะนี้ อาวุธยุทธภัณท์ ที่ฝ่ายเราขนมาให้ ยังกองค้างอยูที่เมืองท่า Vladivostok ประมาณ 700,000 ตัน จะขนผ่านข้ามไป Moscow ยังไม่ได้ เพราะทั้งถนน ทั้งทางรถไฟ รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเมื่อเราจะเข้าทำสงคราม ของมันจะต้องขนมาอีกมากมาย เราจะทำยังไง ต้องแก้ไขเรื่องนี้ด่วนจี๋

    อืม คณะละครนี่ ไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่มารำเฉิบๆ อย่างเดียว เขาไปสำรวจหมด ระยะทางรถไฟจาก Vladivostok ถึง Moscow น่ะ ประมาณ 5 ถึง 6,000 ไมล์ เชียวนะ รำไป สำรวจไปนี่ไม่ใช่งานเล็กๆ

    แล้วจำกันได้ไหมครับ เมื่อเขาจะรบกับเวียตนาม เขาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพ แต่ก่อนจะยกโขยงกองทัพกันเข้ามา เขาส่งคณะละครเร่แบบนี้ มาสำรวจบ้านเราไม่รู้กี่คณะ สำรวจอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วเขาก็สร้างถนน จากสระบุรี กว้างขวางยาวเรียบไปถึงโคราช ให้เราชาวบ้านดีใจ แหม อเมริกาใจดีจัง ถนนเลยมีชื่อว่า มิตรภาพ เปล่าหรอกครับ เขาเตรียมไว้ขนส่ง อาวุธ ยุทธภัณท์ ที่เขาจะขนมาทางเรือ แต่กลัวมากองเป็นภูเขา อยู่แถวท่าเรือคลองเตย แบบ Vladivostock! มันก็เลย ต้องสร้างถนน สร้างสนามบิน ให้ประเทศไทย ฯลฯ (รายละเอียดมีอยู่ในนิทานเรื่อง “จิกโก๋ปากซอย” ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์ นอกหลักสูตร กระทรวงศึกษาฯ)

    เรื่องที่ 2 ที่คณะละคร บอกสำคัญอย่างยิ่ง คือ เราต้องย้อมความคิค ย้อมสมองคนรัสเซียให้ “อยากทำสงคราม” ไม่ให้เชื่อฟังเยอรมัน อเมริกาจะทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ใช่สมันน้อยนะ คณะละครบอกไม่มีปัญหา คนรัสเซีย ก็เหมือนเด็ก ที่ตัวโตนั่นแหละ
    เอ้า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ตามอ่านนิทาน ช่วยขีดเส้นใต้ 2 เส้น แล้วรายงานส่งคุณพี่ปูตินของผมด้วยนะครับ ว่าอเมริกาพูดแบบนี้ แปลว่าเห็นคนรัสเซียเป็นยังไง (เสี้ยม ซะหน่อย)

    คณะละครเร่ เขียนแผนการฟอกย้อมให้เสร็จ เขาระบุว่า เป้าหมายของแผนคือ:

    “To influence the attitude of the people of Russia for the prosecution of war as the only way of perpetuating their democracy ”

    ใครแปลเก่งๆ ลองแปลดูครับ

    สำหรับผม ผมเข้าใจความว่า เพื่อเป็นการย้อมความคิดของคนรัสเซีย ให้เชื่อว่า การเข้าทำสงคราม เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเขาอยู่อย่างยั่งยืน

    ผมเขียนปูพื้น เล่ามาเสียยืดยาว เพื่อจะให้อ่านประโยคนี้กัน อ่านแล้วโปรดพิเคราะห์กันให้ดีๆ จะได้เห็น “สันดาน” อันอำมหิต ของอเมริกา (และของอังกฤษ) ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 100 ปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน และอีกกี่ร้อยปี ก็คงไม่มีวันเปลี่ยนความอำมหิต นี้ โดยใช้ความตอแหล แบบหน้าด้านๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตย แบบตะหวักตะบวย เพื่อประโยชน์ของมัน หรือพวกมันเท่านั้น ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครจะฉิบหาย ใครจะวิบัติ ขนาดไหน มันไม่สนใจ เลวถึงขนาดนี้ อำมหิต อย่างนี้ ยังมีคนอยากให้อเมริกา ครอบหัวสี่เหลี่ยมต่อไปอีกหรือครับ

    แผนการฟอกย้อม จะใช้วิธีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง

    1. จัดกระบวนการ “สร้าง และย้อมข่าว” แล้วกระจายข่าว ที่สร้างและย้อมแล้ว ไปทั่วรัสเซีย โดยจะเอาทีมงานมาจากอเมริกา ทั้งด้านการเขียน และการแปล

    คือเอาช่างชำนาญการย้อมของอเมริกา มาตั้งโรงงานที่รัสเซีย เหมือนที่มีอยู่เกลื่อนในบ้านสมันน้อย ซื้อมันทุกช่อง ครอบมันทุกฉบับ

    2. การใช้เอกสารประเภทแผ่นพับ และใบปลิว เพื่อง่ายแก่การเสพข่าว
    สมัยนี้ก็คงเปลี่ยนเป็น เครื่องมือ ไอ้ป๊อด ไอ้แป้ด ไอ้โฟน โดยเฉพาะ พวกเล่นไลน์นี่เหยื่อชั้นดี ส่งข่าวย้อมอะไรเข้าไปแพลบเดียว กระจายทั่ว เรื่องโกหกทั้งนั้น เสพกันได้แยะและเร็วกว่า

    3. สร้างหนังประเภทต่างๆ เพื่อให้ชาวรัสเซียเสพ เช่น หนังเกี่ยวกับสงคราม หนังชีวิตคนอเมริกันในชนบท ในเมือง หนังเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรม การค้า หนังตลก และที่สำคัญ หนังที่แสดงถึงความรักชาติและการแสวงหาประชาธิปไตย

    ฮอลลีวู้ดรับไป เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นโรงย้อมที่สำคัญหมายเลขหนึ่ง

    4. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นโปสเตอร์สีสวยสดุดตา สื่อหัวข้อที่เหมาะสมกับรัสเซีย โดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ ฝีมือเยี่ยมของอเมริกา

    รู้ไหมครับ พวกประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาย้อมโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาเอาอะไรมาใส่หัวสมันน้อยบ้าง

    5. วิธีการที่แนบเนียนและใช้แพร่หลาย คือการพูด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ นักพูด นักประชาสัมพันธ์ และครู เป็นจำนวนมาก โดยอเมริกาอาจจะเลือกอย่างเหมาะสม จากชาวรัสเซียก็ได้ นักพูดและครูนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือย้อมที่เยี่ยมที่สุด

    วิธีการนี้ บ้านสมันน้อยใช้แยะมาก ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของบ้านเมือง ช่างย้อมถูกจ้างมาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกมาก มาในสาระพัดคราบ หัดสังเกตกันบ้าง ใครของจริง ใครของปลอม ใครช่างย้อมฝีมือเนียน

    เป็นไงครับ 5 วิธีการหลัก ยังอยู่ครบในศตวรรษนี้ แค่เปลี่ยน เสื้อผ้า หน้าผม ถ้อยคำ ท่าทาง ให้เข้ากับสมัย ละครฉากเดิมๆก็ยังใช้ได้ เครื่องมือย้อมก็ยังใช้อยู่ แค่เปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น นี่ตกลงเราจะให้เขาเล่นแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีก 100 ปีหรือไงครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    26 กพ. 2558

    ####################
    เอกสารประกอบ
    FRUS
    https://www.dropbox.com/s/
    เรื่อง สันดาน “สันดาน” (1) ผมหายไปจากหน้าจอหลายวันมาก เพราะขี้เกียจดูข่าวและเขียนถึงไอ้นักล่าตอนนี้ บทมันซ้ำจนน่าเบื่อ แถมสะอิดสะเอียน เวลาดูมันพูด เล่นบทเป็นวีรบุรุษ ผู้เสียสละ จำเป็นต้องรักษาสันติสุขของมนุษยชาติ ฯลฯ ขืนดูต่อ ยาแก้คลื่นไส้ก็เอาไม่อยู่ ผมเลยไปค้นหาหนังสือเก่าๆมาอ่านประเทืองปัญญา ดีกว่าดูไอ้นักล่าตอแหล ปรากฏว่า อาการผมหนักกว่าคลื่นไส้! ผมไปเจอเอกสารเก่า เกือบ 100 ปี “The American and Russian Missions” ปี ค.ศ.1917 เป็นเอกสารของกระทรวงการต่างประเทศ อเมริกัน ที่เรียกว่า Foreign Relations of the United States (FRUS) ทนไม่ไหว ต้องเอามาเล่าสู่กันฟัง ถ้าไม่บอกว่า คนเขียนเอกสาร เขียนเมื่อไหร่ ท่านผู้อ่านอาจนึกว่าเป็นเรื่องในสมัยปัจจุบัน ผ่านมาเกือบ 100 ปี มันก็ยังใช้วิธีเดิมๆ ตามสันดาน… ปี ค.ศ.1917 ตามวิชาประวัติศาสตร์สากล สมัยที่ผมยังเรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยม เขาบอกว่า มีการปฏิวัติเกิดขึ้นในรัสเซีย คือการปฏิวัติอันโด่งดังของพวกบอลเชวิก (Bolsheviks) ที่โค่นพระเจ้าซาร์นิโคลัส ที่ 2 นั่นแหละ แต่ความจริง ในปี ค.ศ.1917 รัสเซีย มีการปฏิวัติ 2 ครั้ง ครั้งแรก ในเดือนมีนาคม ผู้นำการปฏิวัติ คือ นาย Aleksandr Kerensky ซึ่งยึดอำนาจจากพระเจ้าซาร์ ทำให้พระเจ้าซาร์ประกาศสละบัลลังก์ แต่ต่อมาพวกปฏิวัติก็จับท่านและราชวงค์ไปกักขัง ส่วนพวก Bolsheviks มาทำการปฏิวัติซ้ำในพฤศจิกายน ค.ศ.1917 ไล่คณะ นาย Kerensky ออกไป แล้วพวก Bolsheviks ก็ปกครองรัสเซียต่อ ในตอนที่ นาย Kerensky ทำการปฏิวัตินั้น สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เริ่มขึ้นตั้งแต่ ปี ค.ศ.1914 กำลังโซ้ยกันอย่างดุเดือด สงครามโลกครั้งที่ 1 นี้ ความจริงเริ่มมาจากชาวเกาะใหญ่ เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย เป็นฝ่ายกระสัน อยากจะทำสงครามนะครับ เพราะอังกฤษหมั่นไส้ ปนปอดแหกว่า เยอรมันกำลังจะโตใหญ่เกินหน้า ส่วนเรื่องอาชดยุกค์เฟอร์ดินานด์ แห่งปรัสเซียถูกยิง นั่นมันสาเหตุของสงครามโลก ตามประวัติศาสตร์หลักสูตรกระทรวงศึกษาฯ ลองไปหาประวัติศาสตร์นอกหลักสูตรมาอ่านกันบ้าง จะได้เห็นโลกกว้าง และลึกขึ้น ประมาณปี คศ 1899 เยอรมันส้มหล่นใส่ ไปได้สัมปทานจากออตโตมาน ให้สร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ยาวประมาณ 2,500 ไมล์ ภาพรางรถไฟวิ่งยาวจาก Berlin ผ่านไปกลางตะวันออกกลาง ที่เต็มไปด้วยแหล่งน้ำมันไปจนถึง Bagdad เลยไปอีกหน่อย ก็ถึงอ่าวเปอร์เซีย ที่อังกฤษตีตั๋วจองไว้ ภาพนี้มันทำให้ชาวเกาะใหญ่ฯนอนฝันร้าย ที่นอนเปียกชุ่มทุกคืน ตั้งแต่รู้ข่าว ชาวเกาะฯทนไม่ไหว ลุกขึ้นมาวางแผนเตะตัดขาเยอรมัน ด้วยการไปชวนพรรคพวกมาร่วมรายการถล่มนักสร้างราง แต่ถ้ามีแค่พวกขาประจำอย่างฝรั่งเศส อืตาลีร่วม ชาวเกาะไม่แน่ใจว่า จะถีบนักสร้างรางให้ตกรางได้ ชาวเกาะเลยไปหลอกรัสเซีย ถึงจะอยู่ใกลหน่อย แต่ข่าวว่ากองทัพอึด ให้มาร่วมรายการถล่มนักสร้างรางด้วยกัน (รายละเอียดอยู่ในนิทาน เรื่อง “ลูกครึ่ง หรือนก 2 หัว” และ นิทานชุด “เหยื่อ”) รัสเซีย จริงๆไม่มีเรื่องชังหน้ากับเยอรมันซักหน่อย แต่พออังกฤษเอาของขวัญมาล่อว่า ถ้าถีบมันตกรางได้ เอาไปเลย อาณาจักรออโตมาน เรายกให้ท่าน ไม่รู้รัสเซียกำลังมึนอะไร เดินหล่นพลั่กลงหลุม ที่ชาวเกาะขุดล่อ ออโตมานก็ไม่ใช่ของชาวเกาะใหญ่ฯ ซะหน่อย เขาเอาของคนอื่นมาล่อ ไปตกลงกับเขาได้ยังไง เนี่ย เหมือนเวลาคนดวงไม่ดี มีดาวประเภท เสาร์ ราหู ทับลัคน์อะไรทำนองนั้น เวลาดาวแรงอย่างนี้ทับลัคน์ อย่าไปเชื่ออะไรใครเขาง่ายๆนะครับ เมื่อ นาย Kerensky ทำปฏิวัติรัสเซีย สงครามเล่นไปแล้ว 3 ปี แต่ยังไม่มีทีท่าว่าจะเลิก คนจัดรายการ ออกตั๋วเสริมมาขายเพิ่มอยู่เรื่อย แม้บ้านช่องจะพังพินาศฉิบหายกันเป็นแถบๆ แต่ชาวเกาะก็บอกให้สู้ต่อ ก็บทมันเขียนไว้อย่างนั้น ทีนี้ รัสเซียแนวร่วม ดันมีปฏิวัติ รัฐบาลใหม่จะเล่นสงครามต่อหรือ เปล่า ชาวเกาะชักเหงื่อแตก อเมริกาเด็กเรา (ตอนนั้น ไอ้นักล่ายังเป็นเด็ก อยู่ในอาณัติของอังกฤษ เรื่องมัน 100 ปีมาแล้วนะครับ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ตอนนี้ ถึงไม่ใช่เด็กแล้ว แต่ก็อาจจะยังอยู่ ในอาณัติกันเหมือนเดิม) ก็ดันประกาศอยู่นั่นว่า เราเป็นกลาง (ยัง) ไม่เข้ามาช่วยรบ จำเราต้องใช้มันไปสืบความว่า รัสเซียหลังปฏิวัตินี่ จะสู้ต่อ หรือจะฝ่อหนี ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ไม้หลักปักเลน จึงจัดคณะละครเร่ ไปเจริญสัมพันธไมตรี ชื่อ The Roots Mission ให้ไปดูลาดเลารัสเซีย หลังปฏิวัติครั้งแรก ว่าหน้าตาเป็นยังไง หล่อเหลา หรือเหลาเหย่ คณะละครเร่เจริญสัมพันธไมตรีที่นำโดย นาย Elihu Roots ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอดีตทูต อดีตรัฐมนตรี อดีตอะไรเยอะแยะไปหมด ไปเปิดดูกูเกิลเอาแล้วกันนะครับ น่าเชื่อถือดี แต่คราวนี้ดูเหมือนจะไปทำหน้าที่เล่นละคร และทำหน้าที่นักสืบมากกว่า คณะนาย Roots มีด้วยกันกว่าสิบคน มีทั้ง นักการทูต นักธุรกิจ วิศวกร นักหนังสือพิมพ์ นักกิจกรรมสังคม (YMCA) นายทหารบก นายทหารเรือ เบิ้มๆทั้งนั้น มันเป็นคณะที่ต้องไปแสดงละครจริงๆ พวกเขาไปถึง เมือง Petrograd ของรัสเซีย เดือนพฤษภาคม 1917 ใช้เวลาเจริญสัมพันธไมตรีกับคณะปฏิวัติ Kerensky ประมาณ 4 เดือน ไปมันทั่วรัสเซียอันกว้างใหญ่ไพศาล ไปจนถึงไซบีเรียโน่น ต้องยอมรับว่า คณะนี้เขาเล่นละครเก่ง คงสงสัยกัน พวก YMCA ( Young Men’s Christain Association) นี่คณะละคร เอาไปทำอะไร ในสมัยนั้น (และสมัยนี้ ?!) เขาใช้ YMCA ทำหน้าที่เหมือน CIA ในคราบทูตวัฒนธรรม ใช้ศาสนา การกีฬา การบรรเทิง บังหน้า เข้าไปคลุกคลี กับชาวบ้าน ชาวเมือง และนักเรียนนักศึกษา มีทั้ง YMCA และ YWCA ของฝ่ายหญิง การจะเอาเจ้าหน้าที่ หน่วยงานราชการทหาร ไปคลุกกับชาวบ้านนี่ บางทีไม่ได้ผล ชาวบ้านไม่เปิดใจ ก็ใช้กิจกรรมนำโดยกลุ่มแบบนี้ สมัยนี้ ก็คงไม่ใช้ YMCA แล้ว เขามาในรูปแบบของกลุ่มอะไร ลองเดาดู (2) เดือนสิงหาคม คณะละครเร่ แสดงเสร็จ ก็ทำรายงานยาวเหยียด ส่งให้รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ นาย Robert Lansing พิจารณา ผมจะขอยกมาเฉพาะบางส่วน ที่น่าสนใจ แต่จะเอาฉบับเต็มลงให้อ่านกันด้วย เผื่อท่านใดอยากจะตั้งคณะละคร จะได้ใช้เป็นตัวอย่าง คณะละครได้ไปพบทั้งพวกทำปฏิวัติ ทหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่ ชาวบ้าน ชาววัด ครู นักเรียน พ่อค้า นักธุรกิจ สายลับ ฯลฯ พบมันหมด ไปคุย ไปถาม ไปเสือก ก็เหมือนที่ไอ้บ้าอะไรที่เพิ่ง มาเสือกที่บ้านเรา เมื่อต้นเดือนนี้ละครับ มันคงมาจากคณะละครเดียวกัน รูปแบบ การเจรจา ถึงได้ทำนองเดียวกัน เล่นกันแบบนี้มา 100 ปีแล้ว ยังไม่เลิก ข้อสรุปที่คณะละคร ได้จากการสำรวจ คือ ชาวรัสเซีย ถอดใจไม่อยากเล่นสงครามแล้ว ขนมปังก็จะไม่มีกิน บ้านก็พัง จนแทบไม่เหลือที่ให้ซุกหัว จะไปรบทำไมอีก คณะละครอ้างว่า เพราะฝ่ายเยอรมันขนสายลับเข้ามา เต็มเมืองรัสเซีย มากรอกหูชาวรัสเซีย และทหารรัสเซียว่า จะไปรบทำไม คนอยากรบน่ะ คือพระเจ้าซาร์ ตอนนี้ท่านก็ไปแล้ว พี่น้องก็ไม่ต้องไปรบแล้ว กลับบ้านไปทำไร่ทำนาต่อแล้วกัน ฝ่ายคณะละครได้ยินเข้าก็ลมแทบใส่ นี่ใกล้จะถึงคิวเราเข้าฉากไปรบต่อ ถ้าไม่มีรัสเซียอยู่แถวหน้าตายก่อน พวกเราก็ ฉ. ห. ละซิ เพราะฉนั้น สิ่งที่ฝ่ายเราต้องทำด่วน (ที่เปิดเผยได้) มี 2 เรื่อง เรื่องที่ 1 เราต้องเอาทีมอเมริกัน เข้ามาดูแลเรื่องถนนหนทาง รางรถไฟ ในรัสเซีย เพราะขณะนี้ อาวุธยุทธภัณท์ ที่ฝ่ายเราขนมาให้ ยังกองค้างอยูที่เมืองท่า Vladivostok ประมาณ 700,000 ตัน จะขนผ่านข้ามไป Moscow ยังไม่ได้ เพราะทั้งถนน ทั้งทางรถไฟ รับน้ำหนักไม่ไหว แล้วเมื่อเราจะเข้าทำสงคราม ของมันจะต้องขนมาอีกมากมาย เราจะทำยังไง ต้องแก้ไขเรื่องนี้ด่วนจี๋ อืม คณะละครนี่ ไม่ใช่ย่อย ไม่ใช่มารำเฉิบๆ อย่างเดียว เขาไปสำรวจหมด ระยะทางรถไฟจาก Vladivostok ถึง Moscow น่ะ ประมาณ 5 ถึง 6,000 ไมล์ เชียวนะ รำไป สำรวจไปนี่ไม่ใช่งานเล็กๆ แล้วจำกันได้ไหมครับ เมื่อเขาจะรบกับเวียตนาม เขาใช้บ้านเราเป็นฐานทัพ แต่ก่อนจะยกโขยงกองทัพกันเข้ามา เขาส่งคณะละครเร่แบบนี้ มาสำรวจบ้านเราไม่รู้กี่คณะ สำรวจอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ แล้วเขาก็สร้างถนน จากสระบุรี กว้างขวางยาวเรียบไปถึงโคราช ให้เราชาวบ้านดีใจ แหม อเมริกาใจดีจัง ถนนเลยมีชื่อว่า มิตรภาพ เปล่าหรอกครับ เขาเตรียมไว้ขนส่ง อาวุธ ยุทธภัณท์ ที่เขาจะขนมาทางเรือ แต่กลัวมากองเป็นภูเขา อยู่แถวท่าเรือคลองเตย แบบ Vladivostock! มันก็เลย ต้องสร้างถนน สร้างสนามบิน ให้ประเทศไทย ฯลฯ (รายละเอียดมีอยู่ในนิทานเรื่อง “จิกโก๋ปากซอย” ถ้าอยากอ่านประวัติศาสตร์ นอกหลักสูตร กระทรวงศึกษาฯ) เรื่องที่ 2 ที่คณะละคร บอกสำคัญอย่างยิ่ง คือ เราต้องย้อมความคิค ย้อมสมองคนรัสเซียให้ “อยากทำสงคราม” ไม่ให้เชื่อฟังเยอรมัน อเมริกาจะทำได้อย่างไร รัสเซียไม่ใช่สมันน้อยนะ คณะละครบอกไม่มีปัญหา คนรัสเซีย ก็เหมือนเด็ก ที่ตัวโตนั่นแหละ เอ้า เจ้าหน้าที่รัสเซียที่ตามอ่านนิทาน ช่วยขีดเส้นใต้ 2 เส้น แล้วรายงานส่งคุณพี่ปูตินของผมด้วยนะครับ ว่าอเมริกาพูดแบบนี้ แปลว่าเห็นคนรัสเซียเป็นยังไง (เสี้ยม ซะหน่อย) คณะละครเร่ เขียนแผนการฟอกย้อมให้เสร็จ เขาระบุว่า เป้าหมายของแผนคือ: “To influence the attitude of the people of Russia for the prosecution of war as the only way of perpetuating their democracy ” ใครแปลเก่งๆ ลองแปลดูครับ สำหรับผม ผมเข้าใจความว่า เพื่อเป็นการย้อมความคิดของคนรัสเซีย ให้เชื่อว่า การเข้าทำสงคราม เป็นทางเดียวที่จะทำให้ประชาธิปไตยของเขาอยู่อย่างยั่งยืน ผมเขียนปูพื้น เล่ามาเสียยืดยาว เพื่อจะให้อ่านประโยคนี้กัน อ่านแล้วโปรดพิเคราะห์กันให้ดีๆ จะได้เห็น “สันดาน” อันอำมหิต ของอเมริกา (และของอังกฤษ) ที่ผ่านมาแล้วเกือบ 100 ปี แล้วก็ยังไม่เปลี่ยน และอีกกี่ร้อยปี ก็คงไม่มีวันเปลี่ยนความอำมหิต นี้ โดยใช้ความตอแหล แบบหน้าด้านๆ อ้างเรื่องประชาธิปไตย แบบตะหวักตะบวย เพื่อประโยชน์ของมัน หรือพวกมันเท่านั้น ใครจะเจ็บ ใครจะตาย ใครจะฉิบหาย ใครจะวิบัติ ขนาดไหน มันไม่สนใจ เลวถึงขนาดนี้ อำมหิต อย่างนี้ ยังมีคนอยากให้อเมริกา ครอบหัวสี่เหลี่ยมต่อไปอีกหรือครับ แผนการฟอกย้อม จะใช้วิธีหลักๆ อยู่ 5 อย่าง 1. จัดกระบวนการ “สร้าง และย้อมข่าว” แล้วกระจายข่าว ที่สร้างและย้อมแล้ว ไปทั่วรัสเซีย โดยจะเอาทีมงานมาจากอเมริกา ทั้งด้านการเขียน และการแปล คือเอาช่างชำนาญการย้อมของอเมริกา มาตั้งโรงงานที่รัสเซีย เหมือนที่มีอยู่เกลื่อนในบ้านสมันน้อย ซื้อมันทุกช่อง ครอบมันทุกฉบับ 2. การใช้เอกสารประเภทแผ่นพับ และใบปลิว เพื่อง่ายแก่การเสพข่าว สมัยนี้ก็คงเปลี่ยนเป็น เครื่องมือ ไอ้ป๊อด ไอ้แป้ด ไอ้โฟน โดยเฉพาะ พวกเล่นไลน์นี่เหยื่อชั้นดี ส่งข่าวย้อมอะไรเข้าไปแพลบเดียว กระจายทั่ว เรื่องโกหกทั้งนั้น เสพกันได้แยะและเร็วกว่า 3. สร้างหนังประเภทต่างๆ เพื่อให้ชาวรัสเซียเสพ เช่น หนังเกี่ยวกับสงคราม หนังชีวิตคนอเมริกันในชนบท ในเมือง หนังเกี่ยวกับการทำอุตสาหกรรม การค้า หนังตลก และที่สำคัญ หนังที่แสดงถึงความรักชาติและการแสวงหาประชาธิปไตย ฮอลลีวู้ดรับไป เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นโรงย้อมที่สำคัญหมายเลขหนึ่ง 4. การโฆษณา ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะทำเป็นแผ่นโปสเตอร์สีสวยสดุดตา สื่อหัวข้อที่เหมาะสมกับรัสเซีย โดยให้สำนักงานประชาสัมพันธ์ ฝีมือเยี่ยมของอเมริกา รู้ไหมครับ พวกประชาสัมพันธ์เก่งๆ เขาย้อมโลกใบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เขาเอาอะไรมาใส่หัวสมันน้อยบ้าง 5. วิธีการที่แนบเนียนและใช้แพร่หลาย คือการพูด ซึ่งจำเป็นต้องใช้ นักพูด นักประชาสัมพันธ์ และครู เป็นจำนวนมาก โดยอเมริกาอาจจะเลือกอย่างเหมาะสม จากชาวรัสเซียก็ได้ นักพูดและครูนี้ ถือว่าเป็นเครื่องมือย้อมที่เยี่ยมที่สุด วิธีการนี้ บ้านสมันน้อยใช้แยะมาก ยิ่งตอนนี้ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของบ้านเมือง ช่างย้อมถูกจ้างมาทำหน้าที่เพิ่มขึ้นอีกมาก มาในสาระพัดคราบ หัดสังเกตกันบ้าง ใครของจริง ใครของปลอม ใครช่างย้อมฝีมือเนียน เป็นไงครับ 5 วิธีการหลัก ยังอยู่ครบในศตวรรษนี้ แค่เปลี่ยน เสื้อผ้า หน้าผม ถ้อยคำ ท่าทาง ให้เข้ากับสมัย ละครฉากเดิมๆก็ยังใช้ได้ เครื่องมือย้อมก็ยังใช้อยู่ แค่เปลี่ยนรุ่นใหม่ไปเรื่อยๆ เท่านั้น นี่ตกลงเราจะให้เขาเล่นแบบนี้ ไปเรื่อยๆ อีก 100 ปีหรือไงครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 26 กพ. 2558 #################### เอกสารประกอบ FRUS https://www.dropbox.com/s/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่เคยโอนเงินบริจาคให้ "มูลนิธิธรรมนัส" : [THE MESSAGE]

    นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ชี้แจง กรณีเงินบริจาค ยืนยันไม่มีเจตนาเอาเงินไปให้ใคร ไม่มีเงินไปถึงมูลนิธิธรรมนัสฯ ประสานมูลนิธิที่มีความมั่นคงแห่งหนึ่งจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อของเขา ตามข้อ 39 สาเหตุที่ไม่มีชื่อเป็นประธานฯ เพราะไม่รับตำแหน่งจะช่วยให้เกิดความโปร่งใส เป็นการคิดต่างกับหลายคน แต่เมื่ออยากให้รับก็จะนั่งประธานฯ เอง ส่วนกรณีผู้บริจาคเงินบางคนขอเงินคืน เงินบริจาคของนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล น่าจะไปทำถนนแล้ว แต่หากไม่สบายใจ จะนำเงินส่วนตัวคืนให้ ยืนยัน ตนเอง ประธาน และกรรมการทุกคน ไม่เคยได้เงินเดือน หรือรายได้ใดๆ จากมูลนิธิฯ ด้านน.ส.กาญจนา สถาวร ประธานมูลนิธิ เผย เงินตั้งมูลนิธิเริ่มต้น 500,000 บาท เป็นการลงขันจากเพื่อนๆ ของกัน มีเงินเข้าทั้งหมด 207 ล้านบาท ใช้ไปแล้ว 117 ล้านบาท มีเงินคงเหลือในบัญชี 90 ล้านบาทหน้างานยังมีภารกิจต่างๆ อยู่ ยืนยัน ไม่ได้เปิดรับเงินบริจาคก่อนมูลนิธิฯ จัดตั้งเสร็จ
    ไม่เคยโอนเงินบริจาคให้ "มูลนิธิธรรมนัส" : [THE MESSAGE] นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง ชี้แจง กรณีเงินบริจาค ยืนยันไม่มีเจตนาเอาเงินไปให้ใคร ไม่มีเงินไปถึงมูลนิธิธรรมนัสฯ ประสานมูลนิธิที่มีความมั่นคงแห่งหนึ่งจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อของเขา ตามข้อ 39 สาเหตุที่ไม่มีชื่อเป็นประธานฯ เพราะไม่รับตำแหน่งจะช่วยให้เกิดความโปร่งใส เป็นการคิดต่างกับหลายคน แต่เมื่ออยากให้รับก็จะนั่งประธานฯ เอง ส่วนกรณีผู้บริจาคเงินบางคนขอเงินคืน เงินบริจาคของนายณวัฒน์ อิสรไกรศีล น่าจะไปทำถนนแล้ว แต่หากไม่สบายใจ จะนำเงินส่วนตัวคืนให้ ยืนยัน ตนเอง ประธาน และกรรมการทุกคน ไม่เคยได้เงินเดือน หรือรายได้ใดๆ จากมูลนิธิฯ ด้านน.ส.กาญจนา สถาวร ประธานมูลนิธิ เผย เงินตั้งมูลนิธิเริ่มต้น 500,000 บาท เป็นการลงขันจากเพื่อนๆ ของกัน มีเงินเข้าทั้งหมด 207 ล้านบาท ใช้ไปแล้ว 117 ล้านบาท มีเงินคงเหลือในบัญชี 90 ล้านบาทหน้างานยังมีภารกิจต่างๆ อยู่ ยืนยัน ไม่ได้เปิดรับเงินบริจาคก่อนมูลนิธิฯ จัดตั้งเสร็จ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ก.ร.ตร. ชี้มูล “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” อดีต ผบ.ตร. พร้อมพวกกว่า 200 นาย มีมูลผิดวินัย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ หลัง “ทนายตั้ม” ยื่นร้อง ใช้เวลาสอบนานกว่า 7 เดือน เตรียมเปิดให้ชี้แจงก่อนพิจารณาโทษขั้นต่อไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000101507

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ก.ร.ตร. ชี้มูล “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” อดีต ผบ.ตร. พร้อมพวกกว่า 200 นาย มีมูลผิดวินัย ปมรับส่วยเว็บพนันออนไลน์ หลัง “ทนายตั้ม” ยื่นร้อง ใช้เวลาสอบนานกว่า 7 เดือน เตรียมเปิดให้ชี้แจงก่อนพิจารณาโทษขั้นต่อไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000101507 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel เตรียมเปิดตัว Nova Lake – สถาปัตยกรรมใหม่พร้อมซอฟต์แวร์อัปเกรดครั้งใหญ่ และชิป Panther Lake รุ่นแรกภายในปีนี้

    Intel กำลังเตรียมเปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ชื่อว่า “Nova Lake” ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในยุคหลัง Meteor Lake และ Lunar Lake โดย Nova Lake จะมาพร้อมการออกแบบใหม่หมดทั้งฝั่ง CPU และ GPU รวมถึงการอัปเกรดซอฟต์แวร์ครั้งใหญ่เพื่อรองรับการประมวลผลแบบ AI และการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น

    Nova Lake จะใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 18A ซึ่งเป็นกระบวนการระดับ 1.8 นาโนเมตร และจะเริ่มใช้ในผลิตภัณฑ์ฝั่ง Client และ Server ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป โดยจะมีการเปิดตัวชิป Panther Lake รุ่นแรกภายในปีนี้ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี 18A

    Intel ยังเน้นการพัฒนา “ซอฟต์แวร์ที่ปรับแต่งสำหรับสถาปัตยกรรมใหม่” เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ได้เต็มที่ โดยเฉพาะในด้าน AI, การประมวลผลแบบ edge และการใช้งานในระบบคลาวด์ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์ในยุค Nova Lake

    การเปิดตัวสถาปัตยกรรม Nova Lake
    เป็นสถาปัตยกรรมใหม่หลัง Meteor Lake และ Lunar Lake
    ออกแบบใหม่ทั้ง CPU และ GPU
    รองรับการประมวลผล AI และ edge computing
    ใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 18A (1.8nm)

    การเปิดตัวชิป Panther Lake
    เป็นชิปรุ่นแรกในไลน์ Nova Lake
    เตรียมเปิดตัวภายในปีนี้
    ใช้เทคโนโลยี 18A และรองรับซอฟต์แวร์ใหม่ของ Intel

    การอัปเกรดซอฟต์แวร์
    Intel พัฒนา software stack ใหม่เพื่อรองรับ Nova Lake
    เน้นการใช้งานด้าน AI, คลาวด์ และ edge computing
    ช่วยให้ฮาร์ดแวร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การเปลี่ยนสถาปัตยกรรมอาจต้องใช้เวลาในการปรับ ecosystem
    ซอฟต์แวร์เก่าอาจไม่รองรับฟีเจอร์ใหม่ของ Nova Lake
    การผลิตด้วยเทคโนโลยี 18A ต้องใช้ความแม่นยำสูงและต้นทุนมาก
    การแข่งขันกับ AMD และ ARM ยังคงเป็นแรงกดดันต่อ Intel

    https://wccftech.com/intel-nova-lake-cpus-new-architecture-software-upgrades-first-panther-lake-skus-this-year-18a-next-three-client-server-products/
    ⚙️ Intel เตรียมเปิดตัว Nova Lake – สถาปัตยกรรมใหม่พร้อมซอฟต์แวร์อัปเกรดครั้งใหญ่ และชิป Panther Lake รุ่นแรกภายในปีนี้ Intel กำลังเตรียมเปิดตัวสถาปัตยกรรมใหม่ชื่อว่า “Nova Lake” ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญในยุคหลัง Meteor Lake และ Lunar Lake โดย Nova Lake จะมาพร้อมการออกแบบใหม่หมดทั้งฝั่ง CPU และ GPU รวมถึงการอัปเกรดซอฟต์แวร์ครั้งใหญ่เพื่อรองรับการประมวลผลแบบ AI และการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น Nova Lake จะใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 18A ซึ่งเป็นกระบวนการระดับ 1.8 นาโนเมตร และจะเริ่มใช้ในผลิตภัณฑ์ฝั่ง Client และ Server ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป โดยจะมีการเปิดตัวชิป Panther Lake รุ่นแรกภายในปีนี้ ซึ่งเป็นการเริ่มต้นของไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี 18A Intel ยังเน้นการพัฒนา “ซอฟต์แวร์ที่ปรับแต่งสำหรับสถาปัตยกรรมใหม่” เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ได้เต็มที่ โดยเฉพาะในด้าน AI, การประมวลผลแบบ edge และการใช้งานในระบบคลาวด์ ซึ่งจะเป็นหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์ในยุค Nova Lake ✅ การเปิดตัวสถาปัตยกรรม Nova Lake ➡️ เป็นสถาปัตยกรรมใหม่หลัง Meteor Lake และ Lunar Lake ➡️ ออกแบบใหม่ทั้ง CPU และ GPU ➡️ รองรับการประมวลผล AI และ edge computing ➡️ ใช้เทคโนโลยีการผลิต Intel 18A (1.8nm) ✅ การเปิดตัวชิป Panther Lake ➡️ เป็นชิปรุ่นแรกในไลน์ Nova Lake ➡️ เตรียมเปิดตัวภายในปีนี้ ➡️ ใช้เทคโนโลยี 18A และรองรับซอฟต์แวร์ใหม่ของ Intel ✅ การอัปเกรดซอฟต์แวร์ ➡️ Intel พัฒนา software stack ใหม่เพื่อรองรับ Nova Lake ➡️ เน้นการใช้งานด้าน AI, คลาวด์ และ edge computing ➡️ ช่วยให้ฮาร์ดแวร์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การเปลี่ยนสถาปัตยกรรมอาจต้องใช้เวลาในการปรับ ecosystem ⛔ ซอฟต์แวร์เก่าอาจไม่รองรับฟีเจอร์ใหม่ของ Nova Lake ⛔ การผลิตด้วยเทคโนโลยี 18A ต้องใช้ความแม่นยำสูงและต้นทุนมาก ⛔ การแข่งขันกับ AMD และ ARM ยังคงเป็นแรงกดดันต่อ Intel https://wccftech.com/intel-nova-lake-cpus-new-architecture-software-upgrades-first-panther-lake-skus-this-year-18a-next-three-client-server-products/
    WCCFTECH.COM
    Intel Nova Lake CPUs Bring New Architecture & Software Upgrades, First Panther Lake SKUs This Year, 18A To Cover At least Next-Three Client & Server Products
    Intel talked about its upcoming Panther Lake, Nova Lake, Coral Rapids CPUs, and its Foundry plans involving 18A & 14A during its Q3 call.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้า iPhone Air ใช้แบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอน อาจไม่ล้มเหลว – เทคโนโลยีที่จีนใช้แล้ว แต่ Apple ยังลังเล

    Apple เปิดตัว iPhone Air ด้วยดีไซน์บางเฉียบเพียง 5.6 มม. แต่กลับมาพร้อมแบตเตอรี่ที่เล็กที่สุดในซีรีส์ iPhone 17 คือ 3,149mAh ซึ่งกลายเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้ยอดขายตกต่ำจนบริษัทต้องลดการผลิตลงถึง 80% ตามรายงานของ Ming-Chi Kuo แม้จะมีความบางที่โดดเด่น แต่ผู้ใช้กลับไม่พอใจเรื่องแบตเตอรี่ที่หมดเร็ว

    บทความชี้ว่า Apple สามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้ หากเลือกใช้แบตเตอรี่แบบซิลิคอน-คาร์บอน (Si-C) ซึ่งมีความจุสูงกว่าลิเธียมไอออนทั่วไปถึง 10 เท่า โดยใช้แอโนดที่ทำจากวัสดุผสมซิลิคอนและคาร์บอนแบบนาโน แม้จะมีข้อเสียเรื่องการขยายตัวเมื่อชาร์จเต็ม แต่เทคโนโลยีใหม่สามารถลดผลกระทบนี้ได้มาก

    หลายแบรนด์จีน เช่น HONOR, Xiaomi, Tecno ได้เริ่มใช้แบตเตอรี่ Si-C แล้วในสมาร์ทโฟนรุ่นบางเฉียบ เช่น HONOR Magic V5 ที่บางเพียง 4.1 มม. แต่ยังใส่แบตเตอรี่ขนาด 5,160mAh ได้ เทียบกับ iPhone Air ที่บางกว่า Tecno Pova Slim 5G เพียง 6% แต่แบตเตอรี่เล็กกว่าถึง 39%

    แม้ Apple จะกังวลเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ Si-C ที่อาจเสื่อมภายใน 2–3 ปี แต่การเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กเพื่อรักษาความบาง กลับทำให้ iPhone Air ถูกมองว่า “สวยแต่ไร้สาระ” และยอดขายที่ตกต่ำก็สะท้อนถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาด

    จุดอ่อนของ iPhone Air
    ดีไซน์บางเฉียบเพียง 5.6 มม.
    ใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กที่สุดในซีรีส์ iPhone 17 (3,149mAh)
    ยอดขายตกต่ำจน Apple ต้องลดการผลิตลง 80%

    ข้อเสนอทางเลือก: แบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอน (Si-C)
    มีความจุสูงกว่าลิเธียมไอออนถึง 10 เท่า
    ใช้แอโนดแบบนาโนซิลิคอน-คาร์บอน
    ลดปัญหาการขยายตัวด้วยโครงสร้างคาร์บอนที่ทนต่อการแตกร้าว
    แบรนด์จีนหลายรายเริ่มใช้แล้ว เช่น HONOR, Xiaomi, Tecno

    การเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนจีน
    HONOR Magic V5 บางเพียง 4.1 มม. แต่ใส่แบต 5,160mAh ได้
    Tecno Pova Slim 5G หนา 5.95 มม. ใส่แบต 5,160mAh
    iPhone Air บางกว่า Tecno 6% แต่แบตเล็กกว่าถึง 39%

    https://wccftech.com/a-silicon-carbon-battery-could-have-rescued-the-iphone-air/
    🔋 ถ้า iPhone Air ใช้แบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอน อาจไม่ล้มเหลว – เทคโนโลยีที่จีนใช้แล้ว แต่ Apple ยังลังเล Apple เปิดตัว iPhone Air ด้วยดีไซน์บางเฉียบเพียง 5.6 มม. แต่กลับมาพร้อมแบตเตอรี่ที่เล็กที่สุดในซีรีส์ iPhone 17 คือ 3,149mAh ซึ่งกลายเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้ยอดขายตกต่ำจนบริษัทต้องลดการผลิตลงถึง 80% ตามรายงานของ Ming-Chi Kuo แม้จะมีความบางที่โดดเด่น แต่ผู้ใช้กลับไม่พอใจเรื่องแบตเตอรี่ที่หมดเร็ว บทความชี้ว่า Apple สามารถหลีกเลี่ยงปัญหานี้ได้ หากเลือกใช้แบตเตอรี่แบบซิลิคอน-คาร์บอน (Si-C) ซึ่งมีความจุสูงกว่าลิเธียมไอออนทั่วไปถึง 10 เท่า โดยใช้แอโนดที่ทำจากวัสดุผสมซิลิคอนและคาร์บอนแบบนาโน แม้จะมีข้อเสียเรื่องการขยายตัวเมื่อชาร์จเต็ม แต่เทคโนโลยีใหม่สามารถลดผลกระทบนี้ได้มาก หลายแบรนด์จีน เช่น HONOR, Xiaomi, Tecno ได้เริ่มใช้แบตเตอรี่ Si-C แล้วในสมาร์ทโฟนรุ่นบางเฉียบ เช่น HONOR Magic V5 ที่บางเพียง 4.1 มม. แต่ยังใส่แบตเตอรี่ขนาด 5,160mAh ได้ เทียบกับ iPhone Air ที่บางกว่า Tecno Pova Slim 5G เพียง 6% แต่แบตเตอรี่เล็กกว่าถึง 39% แม้ Apple จะกังวลเรื่องอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ Si-C ที่อาจเสื่อมภายใน 2–3 ปี แต่การเลือกใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กเพื่อรักษาความบาง กลับทำให้ iPhone Air ถูกมองว่า “สวยแต่ไร้สาระ” และยอดขายที่ตกต่ำก็สะท้อนถึงการตัดสินใจที่ผิดพลาด ✅ จุดอ่อนของ iPhone Air ➡️ ดีไซน์บางเฉียบเพียง 5.6 มม. ➡️ ใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กที่สุดในซีรีส์ iPhone 17 (3,149mAh) ➡️ ยอดขายตกต่ำจน Apple ต้องลดการผลิตลง 80% ✅ ข้อเสนอทางเลือก: แบตเตอรี่ซิลิคอน-คาร์บอน (Si-C) ➡️ มีความจุสูงกว่าลิเธียมไอออนถึง 10 เท่า ➡️ ใช้แอโนดแบบนาโนซิลิคอน-คาร์บอน ➡️ ลดปัญหาการขยายตัวด้วยโครงสร้างคาร์บอนที่ทนต่อการแตกร้าว ➡️ แบรนด์จีนหลายรายเริ่มใช้แล้ว เช่น HONOR, Xiaomi, Tecno ✅ การเปรียบเทียบกับสมาร์ทโฟนจีน ➡️ HONOR Magic V5 บางเพียง 4.1 มม. แต่ใส่แบต 5,160mAh ได้ ➡️ Tecno Pova Slim 5G หนา 5.95 มม. ใส่แบต 5,160mAh ➡️ iPhone Air บางกว่า Tecno 6% แต่แบตเล็กกว่าถึง 39% https://wccftech.com/a-silicon-carbon-battery-could-have-rescued-the-iphone-air/
    WCCFTECH.COM
    A Silicon-Carbon Battery Could Have Rescued The iPhone Air
    No one ever said, "Geez, my iPhone is too fat; Apple better give me a razor-thin phone next time." Yes, I'm talking about the iPhone Air.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI เข้าซื้อบริษัทผู้สร้างแอป Sky บน macOS – เตรียมผสาน AI เข้ากับระบบของ Apple อย่างลึกซึ้ง

    OpenAI ประกาศเข้าซื้อ Software Applications Incorporated ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอป Sky บน macOS แอปนี้เป็นผู้ช่วย AI ที่สามารถเข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอของผู้ใช้ และดำเนินการตามคำสั่งได้โดยตรง เช่น สรุปเนื้อหาเว็บไซต์แล้วส่งให้เพื่อนผ่านแอป Messages หรือสร้างสคริปต์อัตโนมัติที่เชื่อมโยงหลายแอปเข้าด้วยกัน

    Sky ทำงานในหน้าต่างลอยขนาดเล็กที่อยู่เหนือแอปอื่น ๆ และมีจุดเด่นคือการผสานเข้ากับระบบ macOS อย่างลึกซึ้ง ซึ่ง OpenAI มองว่าเป็นโอกาสในการนำความสามารถนี้มาเสริมให้กับ ChatGPT โดยทีมงานทั้งหมดของ Sky จะเข้าร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน

    น่าสนใจว่า ทีมที่สร้าง Sky เคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแอป Workflow ซึ่ง Apple เคยซื้อไปในปี 2017 และเปลี่ยนชื่อเป็น Shortcuts ดังนั้น Sky จึงถือเป็นวิวัฒนาการต่อยอดที่ก้าวข้ามความสามารถของ Siri และ Apple Intelligence ในปัจจุบัน

    การเข้าซื้อครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเผชิญกับความท้าทายภายใน เช่น การลาออกของหัวหน้าทีม AKI (Answers, Knowledge and Information) ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งไม่นาน และความกังวลของวิศวกรบางส่วนต่อประสิทธิภาพของ Siri รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวใน iOS 26.4

    การเข้าซื้อบริษัท Software Applications Incorporated
    เป็นผู้พัฒนาแอป Sky บน macOS
    แอป Sky เป็นผู้ช่วย AI ที่เข้าใจหน้าจอและดำเนินการตามคำสั่ง
    ทีมงานทั้งหมดจะเข้าร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนา ChatGPT
    Sky ทำงานในหน้าต่างลอยและเชื่อมโยงหลายแอปได้

    ความสามารถของ Sky
    สรุปเนื้อหาเว็บไซต์แล้วส่งผ่าน Messages
    สร้างสคริปต์อัตโนมัติและคำสั่งเฉพาะสำหรับแต่ละแอป
    เข้าใจบริบทบนหน้าจอและดำเนินการแบบเรียลไทม์
    พัฒนาโดยทีมเดียวกับ Workflow ซึ่งกลายเป็น Shortcuts ของ Apple

    ความเคลื่อนไหวของ Apple
    Siri รุ่นใหม่จะเปิดตัวพร้อม iOS 26.4 ในปี 2026
    มีความกังวลเรื่องประสิทธิภาพของ Siri จากวิศวกรภายใน
    หัวหน้าทีม AKI ลาออกไปเข้าร่วมกับ Meta
    Apple Intelligence ยังตามหลังความสามารถของ Sky ในบางด้าน

    https://wccftech.com/openai-acquires-the-company-behind-the-new-apple-mac-app-sky/
    🧠 OpenAI เข้าซื้อบริษัทผู้สร้างแอป Sky บน macOS – เตรียมผสาน AI เข้ากับระบบของ Apple อย่างลึกซึ้ง OpenAI ประกาศเข้าซื้อ Software Applications Incorporated ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอป Sky บน macOS แอปนี้เป็นผู้ช่วย AI ที่สามารถเข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอของผู้ใช้ และดำเนินการตามคำสั่งได้โดยตรง เช่น สรุปเนื้อหาเว็บไซต์แล้วส่งให้เพื่อนผ่านแอป Messages หรือสร้างสคริปต์อัตโนมัติที่เชื่อมโยงหลายแอปเข้าด้วยกัน Sky ทำงานในหน้าต่างลอยขนาดเล็กที่อยู่เหนือแอปอื่น ๆ และมีจุดเด่นคือการผสานเข้ากับระบบ macOS อย่างลึกซึ้ง ซึ่ง OpenAI มองว่าเป็นโอกาสในการนำความสามารถนี้มาเสริมให้กับ ChatGPT โดยทีมงานทั้งหมดของ Sky จะเข้าร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน น่าสนใจว่า ทีมที่สร้าง Sky เคยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังแอป Workflow ซึ่ง Apple เคยซื้อไปในปี 2017 และเปลี่ยนชื่อเป็น Shortcuts ดังนั้น Sky จึงถือเป็นวิวัฒนาการต่อยอดที่ก้าวข้ามความสามารถของ Siri และ Apple Intelligence ในปัจจุบัน การเข้าซื้อครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Apple กำลังเผชิญกับความท้าทายภายใน เช่น การลาออกของหัวหน้าทีม AKI (Answers, Knowledge and Information) ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งไม่นาน และความกังวลของวิศวกรบางส่วนต่อประสิทธิภาพของ Siri รุ่นใหม่ที่จะเปิดตัวใน iOS 26.4 ✅ การเข้าซื้อบริษัท Software Applications Incorporated ➡️ เป็นผู้พัฒนาแอป Sky บน macOS ➡️ แอป Sky เป็นผู้ช่วย AI ที่เข้าใจหน้าจอและดำเนินการตามคำสั่ง ➡️ ทีมงานทั้งหมดจะเข้าร่วมกับ OpenAI เพื่อพัฒนา ChatGPT ➡️ Sky ทำงานในหน้าต่างลอยและเชื่อมโยงหลายแอปได้ ✅ ความสามารถของ Sky ➡️ สรุปเนื้อหาเว็บไซต์แล้วส่งผ่าน Messages ➡️ สร้างสคริปต์อัตโนมัติและคำสั่งเฉพาะสำหรับแต่ละแอป ➡️ เข้าใจบริบทบนหน้าจอและดำเนินการแบบเรียลไทม์ ➡️ พัฒนาโดยทีมเดียวกับ Workflow ซึ่งกลายเป็น Shortcuts ของ Apple ✅ ความเคลื่อนไหวของ Apple ➡️ Siri รุ่นใหม่จะเปิดตัวพร้อม iOS 26.4 ในปี 2026 ➡️ มีความกังวลเรื่องประสิทธิภาพของ Siri จากวิศวกรภายใน ➡️ หัวหน้าทีม AKI ลาออกไปเข้าร่วมกับ Meta ➡️ Apple Intelligence ยังตามหลังความสามารถของ Sky ในบางด้าน https://wccftech.com/openai-acquires-the-company-behind-the-new-apple-mac-app-sky/
    WCCFTECH.COM
    OpenAI Acquires The Company Behind The New Apple Mac App Sky
    OpenAI is trying to encroach into Apple's sprawling ecosystem by acquiring a company that is championing enhanced automation on the Mac.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 70 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ยอมรับกลาย ๆ ว่า GPU ของ Tensor G5 ยังต้องปรับจูน – เตรียมเพิ่มประสิทธิภาพก่อนเปิดตัว Pixel รุ่นใหม่

    Google กำลังพัฒนา Tensor G5 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่จะใช้ใน Pixel รุ่นถัดไป โดยมีรายงานว่า GPU ที่ใช้ใน Tensor G5 ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และต้องการการปรับแต่งเพิ่มเติมก่อนจะพร้อมใช้งานจริง

    แม้ Google จะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ข้อมูลจากเอกสารภายในและการเคลื่อนไหวของทีมพัฒนาเผยว่า GPU ที่ใช้ใน Tensor G5 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมจากบริษัท Imagination Technologies ยังต้องการการปรับจูนเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานบน Android และแอปต่าง ๆ ของ Google โดยเฉพาะด้านการประมวลผลกราฟิกและ AI

    Tensor G5 ถือเป็นชิปที่ Google พัฒนาขึ้นเองเต็มรูปแบบ โดยใช้โรงงาน TSMC ในการผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm ซึ่งต่างจาก Tensor รุ่นก่อนที่ร่วมพัฒนากับ Samsung การเปลี่ยนมาใช้ GPU จาก Imagination แทน ARM Mali ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในการปรับแต่งให้เข้ากับ ecosystem ของ Google

    การพัฒนา Tensor G5 โดย Google
    เป็นชิปที่ Google พัฒนาขึ้นเองเต็มรูปแบบ
    ผลิตโดย TSMC ด้วยเทคโนโลยี 3nm
    ใช้ GPU จาก Imagination Technologies แทน ARM Mali

    ความท้าทายด้าน GPU
    GPU ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
    ต้องการการปรับจูนเพื่อรองรับ Android และแอปของ Google
    ทีมพัฒนากำลังเร่งแก้ไขก่อนเปิดตัว Pixel รุ่นใหม่

    การเปลี่ยนแปลงจาก Tensor รุ่นก่อน
    Tensor G5 ไม่ร่วมพัฒนากับ Samsung เหมือนรุ่นก่อน
    เปลี่ยนสถาปัตยกรรม GPU เป็นครั้งแรก
    มุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพโดย Google เอง

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    การเปลี่ยน GPU อาจทำให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้กับแอปบางตัว
    หากปรับจูนไม่ทัน อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของ Pixel รุ่นใหม่
    การพัฒนา GPU ภายในต้องใช้ทรัพยากรและเวลามาก
    ความคาดหวังสูงจากผู้ใช้ Pixel อาจกดดันทีมพัฒนา

    https://wccftech.com/google-tacitly-admits-to-the-need-for-optimizing-the-tensor-g5s-gpu/
    📱 Google ยอมรับกลาย ๆ ว่า GPU ของ Tensor G5 ยังต้องปรับจูน – เตรียมเพิ่มประสิทธิภาพก่อนเปิดตัว Pixel รุ่นใหม่ Google กำลังพัฒนา Tensor G5 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตรุ่นใหม่ที่จะใช้ใน Pixel รุ่นถัดไป โดยมีรายงานว่า GPU ที่ใช้ใน Tensor G5 ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ และต้องการการปรับแต่งเพิ่มเติมก่อนจะพร้อมใช้งานจริง แม้ Google จะยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ข้อมูลจากเอกสารภายในและการเคลื่อนไหวของทีมพัฒนาเผยว่า GPU ที่ใช้ใน Tensor G5 ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมจากบริษัท Imagination Technologies ยังต้องการการปรับจูนเพื่อให้เหมาะกับการใช้งานบน Android และแอปต่าง ๆ ของ Google โดยเฉพาะด้านการประมวลผลกราฟิกและ AI Tensor G5 ถือเป็นชิปที่ Google พัฒนาขึ้นเองเต็มรูปแบบ โดยใช้โรงงาน TSMC ในการผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm ซึ่งต่างจาก Tensor รุ่นก่อนที่ร่วมพัฒนากับ Samsung การเปลี่ยนมาใช้ GPU จาก Imagination แทน ARM Mali ก็เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในการปรับแต่งให้เข้ากับ ecosystem ของ Google ✅ การพัฒนา Tensor G5 โดย Google ➡️ เป็นชิปที่ Google พัฒนาขึ้นเองเต็มรูปแบบ ➡️ ผลิตโดย TSMC ด้วยเทคโนโลยี 3nm ➡️ ใช้ GPU จาก Imagination Technologies แทน ARM Mali ✅ ความท้าทายด้าน GPU ➡️ GPU ยังไม่สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ➡️ ต้องการการปรับจูนเพื่อรองรับ Android และแอปของ Google ➡️ ทีมพัฒนากำลังเร่งแก้ไขก่อนเปิดตัว Pixel รุ่นใหม่ ✅ การเปลี่ยนแปลงจาก Tensor รุ่นก่อน ➡️ Tensor G5 ไม่ร่วมพัฒนากับ Samsung เหมือนรุ่นก่อน ➡️ เปลี่ยนสถาปัตยกรรม GPU เป็นครั้งแรก ➡️ มุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพโดย Google เอง ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ การเปลี่ยน GPU อาจทำให้เกิดปัญหาความเข้ากันได้กับแอปบางตัว ⛔ หากปรับจูนไม่ทัน อาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของ Pixel รุ่นใหม่ ⛔ การพัฒนา GPU ภายในต้องใช้ทรัพยากรและเวลามาก ⛔ ความคาดหวังสูงจากผู้ใช้ Pixel อาจกดดันทีมพัฒนา https://wccftech.com/google-tacitly-admits-to-the-need-for-optimizing-the-tensor-g5s-gpu/
    WCCFTECH.COM
    Google Tacitly Admits To The Need For Optimizing The Tensor G5's GPU
    While Google has worked with Imagination to develop the IMG DXT-48-1536 GPU for the Tensor G5, Imagination retains full proprietary control.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • TP-Link เจอช่องโหว่ร้ายแรง – โค้ดดีบั๊กเก่ากลับมาอีกครั้ง เปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึง root ได้

    TP-Link กำลังเผชิญกับปัญหาด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ เมื่อมีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ 2 รายการในเราเตอร์รุ่น Omada และ Festa ซึ่งเปิดช่องให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบในระดับ root ได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-7850 และ CVE-2025-7851 โดยทีมวิจัยจาก Forescout’s Vedere Labs

    CVE-2025-7851 เกิดจากโค้ดดีบั๊กเก่าที่เคยถูกใช้ในช่องโหว่ CVE-2024-21827 แม้ TP-Link จะเคยออกแพตช์แก้ไขไปแล้ว แต่กลับมีโค้ดบางส่วนหลงเหลืออยู่ และสามารถถูกเรียกใช้งานได้อีกครั้งหากมีไฟล์ชื่อ image_type_debug อยู่ในระบบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าสู่ระบบด้วยสิทธิ์ root ได้

    ช่องโหว่อีกตัวคือ CVE-2025-7850 เกิดจากการจัดการข้อมูลในฟิลด์ private key ของ WireGuard VPN ไม่ดีพอ ทำให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนสามารถ inject คำสั่งเข้าสู่ระบบได้ และเมื่อใช้ร่วมกับช่องโหว่แรก จะสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์

    การค้นพบนี้ยังนำไปสู่การตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งพบช่องโหว่อีก 15 รายการในอุปกรณ์ TP-Link รุ่นอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในกระบวนการเปิดเผยและแก้ไขภายในต้นปี 2026

    ช่องโหว่ใหม่ในเราเตอร์ TP-Link
    CVE-2025-7851: โค้ดดีบั๊กเก่ากลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
    CVE-2025-7850: ช่องโหว่ใน WireGuard VPN ที่เปิดให้ inject คำสั่ง
    ใช้ร่วมกันแล้วสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้แบบ root access
    พบในรุ่น Omada และ Festa

    การตรวจสอบเพิ่มเติม
    พบช่องโหว่อีก 15 รายการในอุปกรณ์ TP-Link รุ่นอื่น
    อยู่ในกระบวนการเปิดเผยและแก้ไขภายในต้นปี 2026
    แสดงถึงปัญหาการจัดการโค้ดและการแพตช์ที่ไม่สมบูรณ์

    คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
    ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันทีเมื่อมีแพตช์ออก
    ปิดการเข้าถึงจากระยะไกลหากไม่จำเป็น
    ตรวจสอบ log เครือข่ายเพื่อหาสัญญาณการโจมตี

    ข้อควรระวังและความเสี่ยง
    ช่องโหว่ CVE-2025-7850 อาจถูกโจมตีจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน
    การแพตช์ที่ไม่สมบูรณ์อาจเปิดช่องให้โค้ดเก่ากลับมาใช้งานได้อีก
    อุปกรณ์ที่ดูเหมือนปลอดภัยอาจยังมีช่องโหว่ซ่อนอยู่
    การใช้ VPN โดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัยอาจกลายเป็นช่องทางโจมตี

    https://www.techradar.com/pro/security/hidden-debug-code-returns-from-the-dead-as-tp-link-routers-face-a-wave-of-new-critical-root-access-flaws
    🛡️ TP-Link เจอช่องโหว่ร้ายแรง – โค้ดดีบั๊กเก่ากลับมาอีกครั้ง เปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึง root ได้ TP-Link กำลังเผชิญกับปัญหาด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ เมื่อมีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ 2 รายการในเราเตอร์รุ่น Omada และ Festa ซึ่งเปิดช่องให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงระบบในระดับ root ได้ ช่องโหว่เหล่านี้ถูกติดตามในชื่อ CVE-2025-7850 และ CVE-2025-7851 โดยทีมวิจัยจาก Forescout’s Vedere Labs CVE-2025-7851 เกิดจากโค้ดดีบั๊กเก่าที่เคยถูกใช้ในช่องโหว่ CVE-2024-21827 แม้ TP-Link จะเคยออกแพตช์แก้ไขไปแล้ว แต่กลับมีโค้ดบางส่วนหลงเหลืออยู่ และสามารถถูกเรียกใช้งานได้อีกครั้งหากมีไฟล์ชื่อ image_type_debug อยู่ในระบบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้าสู่ระบบด้วยสิทธิ์ root ได้ ช่องโหว่อีกตัวคือ CVE-2025-7850 เกิดจากการจัดการข้อมูลในฟิลด์ private key ของ WireGuard VPN ไม่ดีพอ ทำให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนสามารถ inject คำสั่งเข้าสู่ระบบได้ และเมื่อใช้ร่วมกับช่องโหว่แรก จะสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้อย่างสมบูรณ์ การค้นพบนี้ยังนำไปสู่การตรวจสอบเพิ่มเติม ซึ่งพบช่องโหว่อีก 15 รายการในอุปกรณ์ TP-Link รุ่นอื่นๆ ที่กำลังอยู่ในกระบวนการเปิดเผยและแก้ไขภายในต้นปี 2026 ✅ ช่องโหว่ใหม่ในเราเตอร์ TP-Link ➡️ CVE-2025-7851: โค้ดดีบั๊กเก่ากลับมาใช้งานได้อีกครั้ง ➡️ CVE-2025-7850: ช่องโหว่ใน WireGuard VPN ที่เปิดให้ inject คำสั่ง ➡️ ใช้ร่วมกันแล้วสามารถควบคุมอุปกรณ์ได้แบบ root access ➡️ พบในรุ่น Omada และ Festa ✅ การตรวจสอบเพิ่มเติม ➡️ พบช่องโหว่อีก 15 รายการในอุปกรณ์ TP-Link รุ่นอื่น ➡️ อยู่ในกระบวนการเปิดเผยและแก้ไขภายในต้นปี 2026 ➡️ แสดงถึงปัญหาการจัดการโค้ดและการแพตช์ที่ไม่สมบูรณ์ ✅ คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ควรอัปเดตเฟิร์มแวร์ทันทีเมื่อมีแพตช์ออก ➡️ ปิดการเข้าถึงจากระยะไกลหากไม่จำเป็น ➡️ ตรวจสอบ log เครือข่ายเพื่อหาสัญญาณการโจมตี ‼️ ข้อควรระวังและความเสี่ยง ⛔ ช่องโหว่ CVE-2025-7850 อาจถูกโจมตีจากระยะไกลโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ⛔ การแพตช์ที่ไม่สมบูรณ์อาจเปิดช่องให้โค้ดเก่ากลับมาใช้งานได้อีก ⛔ อุปกรณ์ที่ดูเหมือนปลอดภัยอาจยังมีช่องโหว่ซ่อนอยู่ ⛔ การใช้ VPN โดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัยอาจกลายเป็นช่องทางโจมตี https://www.techradar.com/pro/security/hidden-debug-code-returns-from-the-dead-as-tp-link-routers-face-a-wave-of-new-critical-root-access-flaws
    WWW.TECHRADAR.COM
    Routine fixes can sometimes introduce fresh attack paths
    Two new flaws expose weaknesses in TP-Link’s Omada and Festa routers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • Claude AI เปิดตัวฟีเจอร์ Memory สำหรับผู้ใช้ Pro – เชื่อมต่อกับ ChatGPT และ Gemini ได้อย่างลื่นไหล

    Anthropic ผู้พัฒนา Claude AI ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Memory” สำหรับผู้ใช้แบบ Pro และ Max โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ Claude ฉลาดขึ้นและเข้าใจผู้ใช้มากขึ้นในระยะยาว ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Claude สามารถจดจำบริบทจากการสนทนาเก่าๆ และปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ

    ผู้ใช้สามารถควบคุม Memory ได้อย่างละเอียด เช่น เปิด/ปิดการจดจำ ลบความจำเฉพาะจุด หรือใช้โหมด Incognito เพื่อเริ่มต้นใหม่แบบไม่มีบริบทเก่า นอกจากนี้ยังสามารถนำเข้าความจำจาก AI ตัวอื่น เช่น ChatGPT และ Gemini ได้ด้วย ทำให้การเปลี่ยนมาใช้ Claude เป็นไปอย่างราบรื่น

    Claude ยังสามารถสร้าง “พื้นที่ความจำเฉพาะ” สำหรับแต่ละโปรเจกต์ เช่น แยกงานเขียนออกจากงานวางแผนผลิตภัณฑ์ เพื่อให้การสนทนาไม่ปะปนกัน และมีความต่อเนื่องในแต่ละบริบท

    ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายใหญ่ของ Anthropic ที่ต้องการให้ Claude เป็น “คู่คิดระยะยาว” ที่สามารถเข้าใจบริบทการทำงานของผู้ใช้และปรับตัวได้อย่างต่อเนื่อง

    การเปิดตัวฟีเจอร์ Memory ใน Claude AI
    รองรับผู้ใช้แบบ Pro ($20/เดือน) และ Max ($100/เดือน)
    Claude สามารถจดจำบริบทจากการสนทนาเก่าๆ ได้
    ปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานของผู้ใช้
    ผู้ใช้สามารถควบคุมความจำได้อย่างละเอียด

    ความสามารถในการเชื่อมต่อกับ AI อื่น
    สามารถนำเข้าความจำจาก ChatGPT และ Gemini ได้
    ช่วยให้การเปลี่ยนมาใช้ Claude เป็นไปอย่างราบรื่น
    รองรับการส่งออกความจำไปยังแพลตฟอร์มอื่น

    การจัดการความจำแบบแยกโปรเจกต์
    Claude สามารถสร้างพื้นที่ความจำเฉพาะสำหรับแต่ละโปรเจกต์
    ช่วยให้การสนทนาไม่ปะปนกัน และมีความต่อเนื่อง
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ทำงานหลายด้าน เช่น เขียนบทความและวางแผนผลิตภัณฑ์

    เป้าหมายของ Anthropic
    ต้องการให้ Claude เป็นคู่คิดระยะยาวที่เข้าใจผู้ใช้
    สร้างระบบ AI ที่มีความต่อเนื่องและปรับตัวได้
    เพิ่มความโปร่งใสในการจัดการข้อมูลความจำ

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ฟีเจอร์ Memory ยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงิน
    การนำเข้าความจำจาก AI อื่นอาจมีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้
    ผู้ใช้ต้องเข้าใจวิธีจัดการความจำเพื่อใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ
    หากไม่จัดการพื้นที่ความจำอย่างเหมาะสม อาจเกิดความสับสนในบริบท

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude-ai-is-catching-up-fast-with-memory-for-pro-users-and-it-plays-nicely-with-chatgpt-and-gemini
    🧠 Claude AI เปิดตัวฟีเจอร์ Memory สำหรับผู้ใช้ Pro – เชื่อมต่อกับ ChatGPT และ Gemini ได้อย่างลื่นไหล Anthropic ผู้พัฒนา Claude AI ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ชื่อว่า “Memory” สำหรับผู้ใช้แบบ Pro และ Max โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ Claude ฉลาดขึ้นและเข้าใจผู้ใช้มากขึ้นในระยะยาว ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ Claude สามารถจดจำบริบทจากการสนทนาเก่าๆ และปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานของผู้ใช้ได้อย่างแม่นยำ ผู้ใช้สามารถควบคุม Memory ได้อย่างละเอียด เช่น เปิด/ปิดการจดจำ ลบความจำเฉพาะจุด หรือใช้โหมด Incognito เพื่อเริ่มต้นใหม่แบบไม่มีบริบทเก่า นอกจากนี้ยังสามารถนำเข้าความจำจาก AI ตัวอื่น เช่น ChatGPT และ Gemini ได้ด้วย ทำให้การเปลี่ยนมาใช้ Claude เป็นไปอย่างราบรื่น Claude ยังสามารถสร้าง “พื้นที่ความจำเฉพาะ” สำหรับแต่ละโปรเจกต์ เช่น แยกงานเขียนออกจากงานวางแผนผลิตภัณฑ์ เพื่อให้การสนทนาไม่ปะปนกัน และมีความต่อเนื่องในแต่ละบริบท ฟีเจอร์นี้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายใหญ่ของ Anthropic ที่ต้องการให้ Claude เป็น “คู่คิดระยะยาว” ที่สามารถเข้าใจบริบทการทำงานของผู้ใช้และปรับตัวได้อย่างต่อเนื่อง ✅ การเปิดตัวฟีเจอร์ Memory ใน Claude AI ➡️ รองรับผู้ใช้แบบ Pro ($20/เดือน) และ Max ($100/เดือน) ➡️ Claude สามารถจดจำบริบทจากการสนทนาเก่าๆ ได้ ➡️ ปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบการทำงานของผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้สามารถควบคุมความจำได้อย่างละเอียด ✅ ความสามารถในการเชื่อมต่อกับ AI อื่น ➡️ สามารถนำเข้าความจำจาก ChatGPT และ Gemini ได้ ➡️ ช่วยให้การเปลี่ยนมาใช้ Claude เป็นไปอย่างราบรื่น ➡️ รองรับการส่งออกความจำไปยังแพลตฟอร์มอื่น ✅ การจัดการความจำแบบแยกโปรเจกต์ ➡️ Claude สามารถสร้างพื้นที่ความจำเฉพาะสำหรับแต่ละโปรเจกต์ ➡️ ช่วยให้การสนทนาไม่ปะปนกัน และมีความต่อเนื่อง ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ที่ทำงานหลายด้าน เช่น เขียนบทความและวางแผนผลิตภัณฑ์ ✅ เป้าหมายของ Anthropic ➡️ ต้องการให้ Claude เป็นคู่คิดระยะยาวที่เข้าใจผู้ใช้ ➡️ สร้างระบบ AI ที่มีความต่อเนื่องและปรับตัวได้ ➡️ เพิ่มความโปร่งใสในการจัดการข้อมูลความจำ ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ฟีเจอร์ Memory ยังจำกัดเฉพาะผู้ใช้แบบเสียเงิน ⛔ การนำเข้าความจำจาก AI อื่นอาจมีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้ ⛔ ผู้ใช้ต้องเข้าใจวิธีจัดการความจำเพื่อใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ⛔ หากไม่จัดการพื้นที่ความจำอย่างเหมาะสม อาจเกิดความสับสนในบริบท https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude-ai-is-catching-up-fast-with-memory-for-pro-users-and-it-plays-nicely-with-chatgpt-and-gemini
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • Audio-Technica เปิดตัว ATH-ADX7000 – หูฟังระดับออดิโอไฟล์รุ่นใหม่ พร้อมไดรเวอร์ 58 มม. และดีไซน์แม่นยำขั้นสุด

    Audio-Technica แบรนด์เครื่องเสียงชื่อดังจากญี่ปุ่นเปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ ATH-ADX7000 ซึ่งเป็นหูฟังแบบ open-back ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ฟังระดับออดิโอไฟล์โดยเฉพาะ จุดเด่นของรุ่นนี้คือการใช้ไดรเวอร์ HXDT ขนาดใหญ่ถึง 58 มม. ที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เสียงมีความชัดเจน ละเอียด และเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่เคยมีมา

    ตัวไดรเวอร์ถูกติดตั้งด้วยเทคโนโลยี Core Mount ที่วาง voice coil ไว้ตรงกลางของ housing เพื่อให้ตำแหน่งเสียงแม่นยำสูงสุด โครงสร้างของหูฟังใช้วัสดุอลูมิเนียมแบบรังผึ้งและแมกนีเซียมอัลลอยด์ ทำให้มีน้ำหนักเบาเพียง 270 กรัม และช่วยลดการสั่นสะเทือนที่ไม่พึงประสงค์

    ATH-ADX7000 มาพร้อมสายถอดได้ 2 แบบ ได้แก่ สาย balanced แบบ 4-pin XLRM และสาย unbalanced แบบ 6.3 มม. พร้อมกล่องแข็งสำหรับพกพา โดยจะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม ในราคา $3,499 (ประมาณ 126,000 บาท)

    จุดเด่นของ ATH-ADX7000
    ใช้ไดรเวอร์ HXDT ขนาด 58 มม. ที่พัฒนาขึ้นใหม่
    ติดตั้งด้วยเทคโนโลยี Core Mount เพื่อความแม่นยำของเสียง
    โครงสร้างอลูมิเนียมรังผึ้งและแมกนีเซียมอัลลอยด์ น้ำหนักเบาเพียง 270 กรัม
    มาพร้อมสายถอดได้ 2 แบบ: balanced และ unbalanced
    รวมกล่องแข็งสำหรับพกพา และมีหมายเลขซีเรียลเฉพาะแต่ละตัว

    การออกแบบเพื่อคุณภาพเสียงสูงสุด
    ดีไซน์ open-back เพื่อความโปร่งของเสียง
    วัสดุช่วยลดการสั่นสะเทือนและเพิ่มความบริสุทธิ์ของเสียง
    รองรับการใช้งานกับแอมป์ระดับสูงสำหรับผู้ฟังออดิโอไฟล์

    การวางจำหน่าย
    เริ่มวางขายวันที่ 31 ตุลาคม
    ราคา $3,499 หรือประมาณ 126,000 บาท
    ถือเป็นหูฟังระดับไฮเอนด์ที่เหนือกว่าหูฟังทั่วไปในตลาด

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ราคาสูงมาก เหมาะเฉพาะผู้ใช้งานระดับออดิโอไฟล์จริงจัง
    ต้องใช้แอมป์คุณภาพสูงเพื่อดึงศักยภาพของหูฟังออกมาเต็มที่
    ดีไซน์ open-back ไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่สาธารณะหรือเสียงรบกวนเยอะ
    น้ำหนักเบาแต่ยังต้องพิจารณาความสบายในการใช้งานระยะยาว

    https://www.techradar.com/televisions/japanese-hi-fi-great-audio-technica-just-launched-a-pair-of-hardcore-audiophile-headphones-with-a-new-driver-and-ultra-precise-audio-design
    🎧 Audio-Technica เปิดตัว ATH-ADX7000 – หูฟังระดับออดิโอไฟล์รุ่นใหม่ พร้อมไดรเวอร์ 58 มม. และดีไซน์แม่นยำขั้นสุด Audio-Technica แบรนด์เครื่องเสียงชื่อดังจากญี่ปุ่นเปิดตัวหูฟังรุ่นใหม่ ATH-ADX7000 ซึ่งเป็นหูฟังแบบ open-back ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ฟังระดับออดิโอไฟล์โดยเฉพาะ จุดเด่นของรุ่นนี้คือการใช้ไดรเวอร์ HXDT ขนาดใหญ่ถึง 58 มม. ที่พัฒนาขึ้นใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เสียงมีความชัดเจน ละเอียด และเป็นธรรมชาติที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตัวไดรเวอร์ถูกติดตั้งด้วยเทคโนโลยี Core Mount ที่วาง voice coil ไว้ตรงกลางของ housing เพื่อให้ตำแหน่งเสียงแม่นยำสูงสุด โครงสร้างของหูฟังใช้วัสดุอลูมิเนียมแบบรังผึ้งและแมกนีเซียมอัลลอยด์ ทำให้มีน้ำหนักเบาเพียง 270 กรัม และช่วยลดการสั่นสะเทือนที่ไม่พึงประสงค์ ATH-ADX7000 มาพร้อมสายถอดได้ 2 แบบ ได้แก่ สาย balanced แบบ 4-pin XLRM และสาย unbalanced แบบ 6.3 มม. พร้อมกล่องแข็งสำหรับพกพา โดยจะวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม ในราคา $3,499 (ประมาณ 126,000 บาท) ✅ จุดเด่นของ ATH-ADX7000 ➡️ ใช้ไดรเวอร์ HXDT ขนาด 58 มม. ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ➡️ ติดตั้งด้วยเทคโนโลยี Core Mount เพื่อความแม่นยำของเสียง ➡️ โครงสร้างอลูมิเนียมรังผึ้งและแมกนีเซียมอัลลอยด์ น้ำหนักเบาเพียง 270 กรัม ➡️ มาพร้อมสายถอดได้ 2 แบบ: balanced และ unbalanced ➡️ รวมกล่องแข็งสำหรับพกพา และมีหมายเลขซีเรียลเฉพาะแต่ละตัว ✅ การออกแบบเพื่อคุณภาพเสียงสูงสุด ➡️ ดีไซน์ open-back เพื่อความโปร่งของเสียง ➡️ วัสดุช่วยลดการสั่นสะเทือนและเพิ่มความบริสุทธิ์ของเสียง ➡️ รองรับการใช้งานกับแอมป์ระดับสูงสำหรับผู้ฟังออดิโอไฟล์ ✅ การวางจำหน่าย ➡️ เริ่มวางขายวันที่ 31 ตุลาคม ➡️ ราคา $3,499 หรือประมาณ 126,000 บาท ➡️ ถือเป็นหูฟังระดับไฮเอนด์ที่เหนือกว่าหูฟังทั่วไปในตลาด ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ราคาสูงมาก เหมาะเฉพาะผู้ใช้งานระดับออดิโอไฟล์จริงจัง ⛔ ต้องใช้แอมป์คุณภาพสูงเพื่อดึงศักยภาพของหูฟังออกมาเต็มที่ ⛔ ดีไซน์ open-back ไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่สาธารณะหรือเสียงรบกวนเยอะ ⛔ น้ำหนักเบาแต่ยังต้องพิจารณาความสบายในการใช้งานระยะยาว https://www.techradar.com/televisions/japanese-hi-fi-great-audio-technica-just-launched-a-pair-of-hardcore-audiophile-headphones-with-a-new-driver-and-ultra-precise-audio-design
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Earth AI อัปเกรดใหม่ – ใช้พลัง Gemini วิเคราะห์ภัยพิบัติและปัญหาสภาพอากาศล่วงหน้า

    Google Earth AI ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยนำเทคโนโลยี Gemini AI เข้ามาเสริมความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลภูมิสารสนเทศ เพื่อช่วยให้องค์กร เมือง และหน่วยงานไม่แสวงหากำไรสามารถรับมือกับภัยพิบัติและปัญหาสภาพอากาศได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น

    ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งคำถามกับระบบ AI เพื่อดึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น พยากรณ์อากาศ แผนที่ประชากร และภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อคาดการณ์จุดเสี่ยง เช่น พื้นที่น้ำท่วมจากพายุ หรือจุดที่อาจเกิดฝุ่นพิษจากแม่น้ำที่แห้งเหือด นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับการเกิดสาหร่ายพิษในแหล่งน้ำเพื่อแจ้งเตือนล่วงหน้าได้

    Earth AI ยังรองรับการเชื่อมโยงโมเดลหลายตัวเข้าด้วยกันเพื่อวิเคราะห์คำถามที่ซับซ้อน และเปิดให้หน่วยงานที่สนใจสมัครเป็น “Trusted Testers” ผ่าน Google Cloud เพื่อเข้าถึงโมเดลภาพถ่าย ประชากร และสิ่งแวดล้อม พร้อมเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง

    การอัปเกรดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Earth AI เคยช่วยแจ้งเตือนประชาชนกว่า 15 ล้านคนในเหตุไฟป่าแคลิฟอร์เนียปี 2025 โดยใช้ข้อมูลจากหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อช่วยหาที่หลบภัย ถือเป็นตัวอย่างของการใช้ AI เพื่อช่วยชีวิตและเพิ่มความปลอดภัยในระดับมหภาค

    การอัปเกรด Google Earth AI
    ใช้ Gemini AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลภูมิสารสนเทศ
    รองรับการตั้งคำถามและเชื่อมโยงโมเดลหลายตัว
    วิเคราะห์ข้อมูลจากพยากรณ์อากาศ แผนที่ประชากร และภาพดาวเทียม
    คาดการณ์ภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม ฝุ่นพิษ สาหร่ายพิษ

    การใช้งานในภาคส่วนต่างๆ
    หน่วยงานสามารถสมัครเป็น Trusted Testers ผ่าน Google Cloud
    ใช้โมเดลภาพถ่าย ประชากร และสิ่งแวดล้อมร่วมกับข้อมูลของตนเอง
    เหมาะสำหรับองค์กรที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    Earth AI เคยแจ้งเตือนประชาชน 15 ล้านคนในเหตุไฟป่าแคลิฟอร์เนีย
    ใช้ข้อมูลจากหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อช่วยหาที่หลบภัย
    แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการช่วยชีวิต

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การวิเคราะห์ข้อมูลต้องอาศัยความแม่นยำของโมเดลและข้อมูลต้นทาง
    การใช้งานต้องมีความเข้าใจด้านภูมิสารสนเทศและการตั้งคำถามที่เหมาะสม
    หากข้อมูลไม่ครบถ้วน อาจเกิดการคาดการณ์ผิดพลาด
    การเข้าถึงฟีเจอร์บางอย่างอาจจำกัดเฉพาะผู้สมัคร Trusted Testers

    https://www.techradar.com/pro/google-earth-ai-wants-to-help-us-spot-weather-disasters-and-climate-issues-before-they-happen
    🌍 Google Earth AI อัปเกรดใหม่ – ใช้พลัง Gemini วิเคราะห์ภัยพิบัติและปัญหาสภาพอากาศล่วงหน้า Google Earth AI ได้รับการอัปเกรดครั้งใหญ่ โดยนำเทคโนโลยี Gemini AI เข้ามาเสริมความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลภูมิสารสนเทศ เพื่อช่วยให้องค์กร เมือง และหน่วยงานไม่แสวงหากำไรสามารถรับมือกับภัยพิบัติและปัญหาสภาพอากาศได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถตั้งคำถามกับระบบ AI เพื่อดึงข้อมูลจากแหล่งต่างๆ เช่น พยากรณ์อากาศ แผนที่ประชากร และภาพถ่ายดาวเทียม เพื่อคาดการณ์จุดเสี่ยง เช่น พื้นที่น้ำท่วมจากพายุ หรือจุดที่อาจเกิดฝุ่นพิษจากแม่น้ำที่แห้งเหือด นอกจากนี้ยังสามารถตรวจจับการเกิดสาหร่ายพิษในแหล่งน้ำเพื่อแจ้งเตือนล่วงหน้าได้ Earth AI ยังรองรับการเชื่อมโยงโมเดลหลายตัวเข้าด้วยกันเพื่อวิเคราะห์คำถามที่ซับซ้อน และเปิดให้หน่วยงานที่สนใจสมัครเป็น “Trusted Testers” ผ่าน Google Cloud เพื่อเข้าถึงโมเดลภาพถ่าย ประชากร และสิ่งแวดล้อม พร้อมเครื่องมือที่เกี่ยวข้อง การอัปเกรดนี้เกิดขึ้นหลังจาก Earth AI เคยช่วยแจ้งเตือนประชาชนกว่า 15 ล้านคนในเหตุไฟป่าแคลิฟอร์เนียปี 2025 โดยใช้ข้อมูลจากหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อช่วยหาที่หลบภัย ถือเป็นตัวอย่างของการใช้ AI เพื่อช่วยชีวิตและเพิ่มความปลอดภัยในระดับมหภาค ✅ การอัปเกรด Google Earth AI ➡️ ใช้ Gemini AI เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลภูมิสารสนเทศ ➡️ รองรับการตั้งคำถามและเชื่อมโยงโมเดลหลายตัว ➡️ วิเคราะห์ข้อมูลจากพยากรณ์อากาศ แผนที่ประชากร และภาพดาวเทียม ➡️ คาดการณ์ภัยพิบัติ เช่น น้ำท่วม ฝุ่นพิษ สาหร่ายพิษ ✅ การใช้งานในภาคส่วนต่างๆ ➡️ หน่วยงานสามารถสมัครเป็น Trusted Testers ผ่าน Google Cloud ➡️ ใช้โมเดลภาพถ่าย ประชากร และสิ่งแวดล้อมร่วมกับข้อมูลของตนเอง ➡️ เหมาะสำหรับองค์กรที่ทำงานด้านสิ่งแวดล้อมและภัยพิบัติ ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ Earth AI เคยแจ้งเตือนประชาชน 15 ล้านคนในเหตุไฟป่าแคลิฟอร์เนีย ➡️ ใช้ข้อมูลจากหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อช่วยหาที่หลบภัย ➡️ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการช่วยชีวิต ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การวิเคราะห์ข้อมูลต้องอาศัยความแม่นยำของโมเดลและข้อมูลต้นทาง ⛔ การใช้งานต้องมีความเข้าใจด้านภูมิสารสนเทศและการตั้งคำถามที่เหมาะสม ⛔ หากข้อมูลไม่ครบถ้วน อาจเกิดการคาดการณ์ผิดพลาด ⛔ การเข้าถึงฟีเจอร์บางอย่างอาจจำกัดเฉพาะผู้สมัคร Trusted Testers https://www.techradar.com/pro/google-earth-ai-wants-to-help-us-spot-weather-disasters-and-climate-issues-before-they-happen
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • Surfshark ขยายเครือข่าย VPN เป็น 4,500 เซิร์ฟเวอร์ – เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ

    Surfshark ประกาศขยายเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ VPN เพิ่มขึ้นถึง 40% รวมเป็น 4,500 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อได้หลากหลายขึ้น ลดความแออัดของเซิร์ฟเวอร์ และเพิ่มความเร็วในการใช้งาน อย่างไรก็ตาม บริษัทเน้นย้ำว่า “คุณภาพของเซิร์ฟเวอร์” สำคัญกว่าจำนวน โดยเน้นการดูแลรักษาเซิร์ฟเวอร์ให้มีประสิทธิภาพสูง สเถียร และปลอดภัย

    Surfshark ยังเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ภายใต้ระบบ Nexus SDN ได้แก่ Everlink และ FastTrack ซึ่งช่วยเพิ่มความเสถียรและความเร็วในการเชื่อมต่อ โดย Everlink จะรักษาการเชื่อมต่อแม้ในเครือข่ายที่ไม่เสถียร ส่วน FastTrack จะปรับเส้นทางการรับส่งข้อมูลให้เหมาะสมกับตำแหน่งและกิจกรรมของผู้ใช้

    การขยายเครือข่ายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวของ Surfshark ที่ต้องการสร้างระบบ VPN ที่เร็ว ปลอดภัย และรองรับการเติบโตของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยไม่เน้นแค่ตัวเลข แต่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุด

    การขยายเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ของ Surfshark
    เพิ่มขึ้น 40% รวมเป็น 4,500 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก
    ลดความแออัด เพิ่มความเร็ว และทางเลือกในการเชื่อมต่อ
    เน้นคุณภาพของเซิร์ฟเวอร์มากกว่าปริมาณ

    เทคโนโลยีใหม่ในระบบ Nexus SDN
    Everlink: รักษาการเชื่อมต่อแม้ในเครือข่ายที่ไม่เสถียร
    FastTrack: ปรับเส้นทางข้อมูลให้เหมาะกับตำแหน่งและกิจกรรม
    เพิ่มความเร็ว ความเสถียร และประสบการณ์ใช้งาน

    จุดยืนของ Surfshark
    ไม่เน้นแค่จำนวนเซิร์ฟเวอร์ แต่เน้นประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ
    มุ่งสร้างระบบ VPN ที่รองรับการเติบโตในอนาคต
    ส่งเสริมความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    จำนวนเซิร์ฟเวอร์มากไม่ได้หมายถึงคุณภาพที่ดีเสมอไป
    ผู้ใช้ควรเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะกับตำแหน่งและกิจกรรมของตน
    เทคโนโลยีใหม่อาจยังไม่รองรับในทุกอุปกรณ์หรือแพลตฟอร์ม
    ความเร็วและเสถียรภาพยังขึ้นอยู่กับเครือข่ายของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต

    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/surfshark-expands-network-to-4-500-servers-but-quality-is-more-important-than-quantity
    🌐 Surfshark ขยายเครือข่าย VPN เป็น 4,500 เซิร์ฟเวอร์ – เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ Surfshark ประกาศขยายเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ VPN เพิ่มขึ้นถึง 40% รวมเป็น 4,500 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ใช้งานเชื่อมต่อได้หลากหลายขึ้น ลดความแออัดของเซิร์ฟเวอร์ และเพิ่มความเร็วในการใช้งาน อย่างไรก็ตาม บริษัทเน้นย้ำว่า “คุณภาพของเซิร์ฟเวอร์” สำคัญกว่าจำนวน โดยเน้นการดูแลรักษาเซิร์ฟเวอร์ให้มีประสิทธิภาพสูง สเถียร และปลอดภัย Surfshark ยังเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ภายใต้ระบบ Nexus SDN ได้แก่ Everlink และ FastTrack ซึ่งช่วยเพิ่มความเสถียรและความเร็วในการเชื่อมต่อ โดย Everlink จะรักษาการเชื่อมต่อแม้ในเครือข่ายที่ไม่เสถียร ส่วน FastTrack จะปรับเส้นทางการรับส่งข้อมูลให้เหมาะสมกับตำแหน่งและกิจกรรมของผู้ใช้ การขยายเครือข่ายครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ระยะยาวของ Surfshark ที่ต้องการสร้างระบบ VPN ที่เร็ว ปลอดภัย และรองรับการเติบโตของผู้ใช้งานทั่วโลก โดยไม่เน้นแค่ตัวเลข แต่เน้นประสบการณ์ใช้งานที่ดีที่สุด ✅ การขยายเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ของ Surfshark ➡️ เพิ่มขึ้น 40% รวมเป็น 4,500 เซิร์ฟเวอร์ทั่วโลก ➡️ ลดความแออัด เพิ่มความเร็ว และทางเลือกในการเชื่อมต่อ ➡️ เน้นคุณภาพของเซิร์ฟเวอร์มากกว่าปริมาณ ✅ เทคโนโลยีใหม่ในระบบ Nexus SDN ➡️ Everlink: รักษาการเชื่อมต่อแม้ในเครือข่ายที่ไม่เสถียร ➡️ FastTrack: ปรับเส้นทางข้อมูลให้เหมาะกับตำแหน่งและกิจกรรม ➡️ เพิ่มความเร็ว ความเสถียร และประสบการณ์ใช้งาน ✅ จุดยืนของ Surfshark ➡️ ไม่เน้นแค่จำนวนเซิร์ฟเวอร์ แต่เน้นประสิทธิภาพและความน่าเชื่อถือ ➡️ มุ่งสร้างระบบ VPN ที่รองรับการเติบโตในอนาคต ➡️ ส่งเสริมความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ จำนวนเซิร์ฟเวอร์มากไม่ได้หมายถึงคุณภาพที่ดีเสมอไป ⛔ ผู้ใช้ควรเลือกเซิร์ฟเวอร์ที่เหมาะกับตำแหน่งและกิจกรรมของตน ⛔ เทคโนโลยีใหม่อาจยังไม่รองรับในทุกอุปกรณ์หรือแพลตฟอร์ม ⛔ ความเร็วและเสถียรภาพยังขึ้นอยู่กับเครือข่ายของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/surfshark-expands-network-to-4-500-servers-but-quality-is-more-important-than-quantity
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ผิดถูกว่าไปตามกฎหมาย แต่ต้องไม่สองมาตรฐาน ไล่บี้คนอื่นให้เปิดเผยชี้แจง พรรคประชาชนก็ต้องชี้แจงข้อสงสัยเรื่องเงินบริจาคของพรรคด้วย
    #7ดอกจิก
    ♣ ผิดถูกว่าไปตามกฎหมาย แต่ต้องไม่สองมาตรฐาน ไล่บี้คนอื่นให้เปิดเผยชี้แจง พรรคประชาชนก็ต้องชี้แจงข้อสงสัยเรื่องเงินบริจาคของพรรคด้วย #7ดอกจิก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 41 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts