• ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และ ประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐ ตอบรับคำเชิญของประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซีย เข้าร่วมงาน "วันแห่งชัยชนะ" (Victory day) ในวันที่ 9 พฤษภาคมปีนี้ ที่กรุงมอสโก ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองชัยชนะของรัสเซียเหนือนาซีเยอรมัน

    หากทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด จะเป็นการพบของ 3 ผู้นำของโลกในขณะนี้ และอาจทำให้ผู้นำสหภาพยุโรปเกิดอาการคลุ้มคลั่งได้!

    นอกจากนี้ วูซิช(เซอร์เบีย) ฟิโก(สโลวาเกีย) และลูลา(บราซิล) ก็แสดงความต้องการจะเข้าร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน
    ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน และ ประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐ ตอบรับคำเชิญของประธานาธิบดีปูติน แห่งรัสเซีย เข้าร่วมงาน "วันแห่งชัยชนะ" (Victory day) ในวันที่ 9 พฤษภาคมปีนี้ ที่กรุงมอสโก ซึ่งเป็นวันเฉลิมฉลองชัยชนะของรัสเซียเหนือนาซีเยอรมัน หากทุกอย่างเป็นไปตามกำหนด จะเป็นการพบของ 3 ผู้นำของโลกในขณะนี้ และอาจทำให้ผู้นำสหภาพยุโรปเกิดอาการคลุ้มคลั่งได้! นอกจากนี้ วูซิช(เซอร์เบีย) ฟิโก(สโลวาเกีย) และลูลา(บราซิล) ก็แสดงความต้องการจะเข้าร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • บ่อยครั้งที่เห็นเพื่อนสมาชิกโพสต์ตามหาหนังสือ ที่ช่วยบรรเทาความรู้สึกหลังสูญเสียสัตว์เลี้ยงที่รักมาใหม่ ๆ ให้ไม่เศร้าจนเกินไป ผมคิดว่าพบเล่มที่ทุกคนหาแล้วล่ะ

    ปกติไม่ค่อยอ่านแนวนี้ แต่พอดีระหว่างรอคิวอ่านเล่มที่สนใจ เห็นปกเล่มนี้เข้าซึ่งภาพวาดน่ารักดี สีพาสเทลที่สบายตา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย เลยอยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในจะเป็นอย่างไร อีกทั้งไม่มีคนยืมด้วยก็เลยกดยืมและเข้าไปอ่านแบบอีบุ๊กดูครับ

    🐈‍⬛🐕🐈🐠

    #โอบกอดหัวใจในวันที่น้องกลับดาว
    สนพ. บลูม พับลิชชิ่ง เครือนานมีบุ๊กส์ พิมพ์ครั้งแรก มี.ค2567 (ต้นฉบับพิมพ์ปี 2565)
    สัตวแพทย์ ชิมยงฮี เขียน
    กนกพร เรืองสา แปล
    ออกแบบปกและภาพประกอบ little night
    295 บาท 217 หน้า

    ......

    เป็นหนังสืออ่านง่าย เนื้อหาในแต่ละหน้ามีการจัดวางที่ทำให้รู้สึกสบายตา ไม่หนาแน่นจนเกินไป สีพื้นหลังสวย ๆ ที่มาโทนอ่อนไม่เข้มบาดตา บวกกับภาพประกอบน่ารักสดใส เชื่อว่าจะช่วยเยียวยาจิตใจใครที่กำลังเกิดอาการเหงา เศร้า หดหู่ อันเนื่องมาจากการเพิ่งสูญเสียและจากลาสัตว์ที่ตนรักไปได้พอสมควรครับ

    🐕

    ถึงแม้จะไม่ใช่การรักษาที่ต้นตอของปัญหา ซึ่งนั่นต้องอาศัยการเรียนรู้ความจริงกับหลักธรรมในศาสนาพุทธ มาปรับใช้กับตนเอง แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่อยากจะสนใจธรรมะในตอนนี้ และเลือกจะหาวิธีในรูปแบบอื่นก่อน ดังนั้นจากที่ได้อ่านจบแล้ว จึงขอแนะนำว่าเล่มนี้น่าจะช่วยได้

    🐈

    ผู้เขียนเป็นสัตวแพทย์ ที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างหมาตัวหนึ่ง ซึ่งเขารักมากและได้ตายจากไปเช่นกัน จึงมีประสบการณ์ความรู้สึกผูกพันและเจ็บปวด นอกจากนี้ในฐานะที่ทำงานในรพ.สัตว์อยู่นานถึง 11 ปี จึงมีเคสมากมายที่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องรักษาสัตว์ป่วยและบาดเจ็บ พบเห็นความสูญเสียและการพลัดพรากอันน่าเศร้า ระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงจำนวนนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่คือหมาและแมว เขาจบปริญญาโทมาทางให้คำปรึกษาด้านการมรณะโดยเฉพาะด้วย จึงสนทนากับเหล่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย บันทึกข้อมูล แล้วนำมาเขียนเป็นหนังสือเล่มนี้ โดยสอดแทรกแนวความรู้ที่ตนมีอยู่ในการช่วยปรับสภาพจิตใจให้กับเจ้าของสัตว์ที่กำลังป่วยทางใจได้อย่างดี ด้วยสำนวนภาษาที่ทำให้คนอ่านรู้สึกเป็นกันเอง ผ่อนคลาย เหมือนได้เพื่อนคุยที่เข้าใจหัวอกคนกลุ่มเดียวกัน

    🐕

    เนื้อหามีทั้งส่วนที่เป็นแบบทดสอบเพื่อวัดระดับ ประเมินความเศร้า แบบทดสอบอื่น ๆ ภาควิเคราะห์ และภาคที่เยียวยาในเชิงให้คำปรึกษาแนะนำ ฟื้นฟูและโอบอุ้มด้วยคำพูดที่เลือกมาแล้วอย่างคนเข้าใจปัญหา ไม่ต่อว่าไม่กดดันให้รู้สึกผิด แต่ให้กำลังใจ ให้ความหวัง ให้วิตามินเสริมเพื่อเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าให้กลับคืนมาสู่เจ้าของสัตว์ทั้งหลาย ให้สามารถกลับมาเป็นคนสดใสดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างปกติสุข

    🐈

    ช่วงหลังจะเป็นเคสตัวอย่างของผู้ที่เคยสูญเสียหลายกรณี มีทั้งหมา แมวคละกัน บอกเล่าเรื่องราวของแต่ละครอบครัวในวันที่ได้พบกันครั้งแรกจนวันที่ต้องจากลา ด้วยวิธีเล่าแบบเขียนในมุมมองของสัตว์ ที่เผยความในใจที่มีต่อเจ้าของ ขอให้นึกถึงแนวอย่างนวนิยายเรื่อง นิกกับพิม นั่นแหละคล้ายกัน

    🐕

    ระหว่างทางของการรักษาเยียวยาใจให้ผู้ที่กำลังอ่านนั้น ก็มีคั่นด้วยความในใจของเหล่าสัตว์ ที่เป็นกรอบเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ปรากฏเป็นช่วง ๆ เพื่อปลอบประโลมดวงใจของมนุษย์ที่ยังอยู่ และต้องแบกรับกับความเจ็บปวดและรู้สึกผิด ความในใจเหล่านั้นคงจะอ่อนโยนราวกับผ้าเช็ดหน้าจากผ้าชั้นดีผืนบาง ที่ช่วยซึมซับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่รู้จักหยุดของเจ้าของ ให้เหือดแห้งลงได้ในอนาคตอันใกล้

    🐈

    และถ้าเป็นไปได้ ที่ผมอยากเสนอความเห็นเป็นทางเลือกไว้ให้ลองพิจารณา หลังจากคุณเข้มแข็งขึ้นแล้วคือ การไม่เลี้ยงสัตว์ตัวใหม่เพิ่มอีก น่าจะดีที่สุดที่จะหยุดปัญหาที่จะตามมาในอนาคตครับ

    #รีวิวหนังสือ
    #หนังสือน่าอ่าน
    #เรื่องแปล
    #จิตวิทยา
    #การสูญเสีย
    #สัตว์เลี้ยง
    #thaitimes
    #สัตวแพทย์
    #รพ.สัตว์
    #นานมีบุ๊กส์
    บ่อยครั้งที่เห็นเพื่อนสมาชิกโพสต์ตามหาหนังสือ ที่ช่วยบรรเทาความรู้สึกหลังสูญเสียสัตว์เลี้ยงที่รักมาใหม่ ๆ ให้ไม่เศร้าจนเกินไป ผมคิดว่าพบเล่มที่ทุกคนหาแล้วล่ะ ปกติไม่ค่อยอ่านแนวนี้ แต่พอดีระหว่างรอคิวอ่านเล่มที่สนใจ เห็นปกเล่มนี้เข้าซึ่งภาพวาดน่ารักดี สีพาสเทลที่สบายตา ให้ความรู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย เลยอยากรู้ว่าเนื้อหาข้างในจะเป็นอย่างไร อีกทั้งไม่มีคนยืมด้วยก็เลยกดยืมและเข้าไปอ่านแบบอีบุ๊กดูครับ 🐈‍⬛🐕🐈🐠 #โอบกอดหัวใจในวันที่น้องกลับดาว สนพ. บลูม พับลิชชิ่ง เครือนานมีบุ๊กส์ พิมพ์ครั้งแรก มี.ค2567 (ต้นฉบับพิมพ์ปี 2565) สัตวแพทย์ ชิมยงฮี เขียน กนกพร เรืองสา แปล ออกแบบปกและภาพประกอบ little night 295 บาท 217 หน้า ...... เป็นหนังสืออ่านง่าย เนื้อหาในแต่ละหน้ามีการจัดวางที่ทำให้รู้สึกสบายตา ไม่หนาแน่นจนเกินไป สีพื้นหลังสวย ๆ ที่มาโทนอ่อนไม่เข้มบาดตา บวกกับภาพประกอบน่ารักสดใส เชื่อว่าจะช่วยเยียวยาจิตใจใครที่กำลังเกิดอาการเหงา เศร้า หดหู่ อันเนื่องมาจากการเพิ่งสูญเสียและจากลาสัตว์ที่ตนรักไปได้พอสมควรครับ 🐕 ถึงแม้จะไม่ใช่การรักษาที่ต้นตอของปัญหา ซึ่งนั่นต้องอาศัยการเรียนรู้ความจริงกับหลักธรรมในศาสนาพุทธ มาปรับใช้กับตนเอง แต่หลายคนก็อาจจะยังไม่อยากจะสนใจธรรมะในตอนนี้ และเลือกจะหาวิธีในรูปแบบอื่นก่อน ดังนั้นจากที่ได้อ่านจบแล้ว จึงขอแนะนำว่าเล่มนี้น่าจะช่วยได้ 🐈 ผู้เขียนเป็นสัตวแพทย์ ที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างหมาตัวหนึ่ง ซึ่งเขารักมากและได้ตายจากไปเช่นกัน จึงมีประสบการณ์ความรู้สึกผูกพันและเจ็บปวด นอกจากนี้ในฐานะที่ทำงานในรพ.สัตว์อยู่นานถึง 11 ปี จึงมีเคสมากมายที่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องรักษาสัตว์ป่วยและบาดเจ็บ พบเห็นความสูญเสียและการพลัดพรากอันน่าเศร้า ระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยงจำนวนนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่คือหมาและแมว เขาจบปริญญาโทมาทางให้คำปรึกษาด้านการมรณะโดยเฉพาะด้วย จึงสนทนากับเหล่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงทั้งหลาย บันทึกข้อมูล แล้วนำมาเขียนเป็นหนังสือเล่มนี้ โดยสอดแทรกแนวความรู้ที่ตนมีอยู่ในการช่วยปรับสภาพจิตใจให้กับเจ้าของสัตว์ที่กำลังป่วยทางใจได้อย่างดี ด้วยสำนวนภาษาที่ทำให้คนอ่านรู้สึกเป็นกันเอง ผ่อนคลาย เหมือนได้เพื่อนคุยที่เข้าใจหัวอกคนกลุ่มเดียวกัน 🐕 เนื้อหามีทั้งส่วนที่เป็นแบบทดสอบเพื่อวัดระดับ ประเมินความเศร้า แบบทดสอบอื่น ๆ ภาควิเคราะห์ และภาคที่เยียวยาในเชิงให้คำปรึกษาแนะนำ ฟื้นฟูและโอบอุ้มด้วยคำพูดที่เลือกมาแล้วอย่างคนเข้าใจปัญหา ไม่ต่อว่าไม่กดดันให้รู้สึกผิด แต่ให้กำลังใจ ให้ความหวัง ให้วิตามินเสริมเพื่อเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าให้กลับคืนมาสู่เจ้าของสัตว์ทั้งหลาย ให้สามารถกลับมาเป็นคนสดใสดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างปกติสุข 🐈 ช่วงหลังจะเป็นเคสตัวอย่างของผู้ที่เคยสูญเสียหลายกรณี มีทั้งหมา แมวคละกัน บอกเล่าเรื่องราวของแต่ละครอบครัวในวันที่ได้พบกันครั้งแรกจนวันที่ต้องจากลา ด้วยวิธีเล่าแบบเขียนในมุมมองของสัตว์ ที่เผยความในใจที่มีต่อเจ้าของ ขอให้นึกถึงแนวอย่างนวนิยายเรื่อง นิกกับพิม นั่นแหละคล้ายกัน 🐕 ระหว่างทางของการรักษาเยียวยาใจให้ผู้ที่กำลังอ่านนั้น ก็มีคั่นด้วยความในใจของเหล่าสัตว์ ที่เป็นกรอบเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ปรากฏเป็นช่วง ๆ เพื่อปลอบประโลมดวงใจของมนุษย์ที่ยังอยู่ และต้องแบกรับกับความเจ็บปวดและรู้สึกผิด ความในใจเหล่านั้นคงจะอ่อนโยนราวกับผ้าเช็ดหน้าจากผ้าชั้นดีผืนบาง ที่ช่วยซึมซับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่รู้จักหยุดของเจ้าของ ให้เหือดแห้งลงได้ในอนาคตอันใกล้ 🐈 และถ้าเป็นไปได้ ที่ผมอยากเสนอความเห็นเป็นทางเลือกไว้ให้ลองพิจารณา หลังจากคุณเข้มแข็งขึ้นแล้วคือ การไม่เลี้ยงสัตว์ตัวใหม่เพิ่มอีก น่าจะดีที่สุดที่จะหยุดปัญหาที่จะตามมาในอนาคตครับ #รีวิวหนังสือ #หนังสือน่าอ่าน #เรื่องแปล #จิตวิทยา #การสูญเสีย #สัตว์เลี้ยง #thaitimes #สัตวแพทย์ #รพ.สัตว์ #นานมีบุ๊กส์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ แม้พรรคร่วมกำลังซัดกันเรื่องสนามกอล์ฟเขาใหญ่ แต่เสี่ยหนูก็ออกอาการขอมีเอี่ยวในการดูแลกาสิโนทั่วประเทศด้วย ก่อนหน้าก็ค้านเป็นพิธี ตอนเปิดตัวมีกาสิโนที่บรร.แน่ๆ
    #7ดอกจิก
    ♣ แม้พรรคร่วมกำลังซัดกันเรื่องสนามกอล์ฟเขาใหญ่ แต่เสี่ยหนูก็ออกอาการขอมีเอี่ยวในการดูแลกาสิโนทั่วประเทศด้วย ก่อนหน้าก็ค้านเป็นพิธี ตอนเปิดตัวมีกาสิโนที่บรร.แน่ๆ #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว

  • #วัดหนองป่าพง
    #อุบลราชธานี

    วัดหนองป่าพง – ย้อนรำลึกความหลัง เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ผมได้มีโอกาสสัมผัส วัดหนองป่าพง ด้วยความไม่รู้ และไม่ลึกซึ้งถึงแวดวงพระพุทธศาสนา เลยทำให้การไปวัดหนองป่าพง ครั้งแรก ผมไม่ได้อะไรติดมือติดใจกลับมาเป็นวิทยาทานเลย จนเมื่อครั้งล่าสุดที่ไป ชีวิตมีประสบการณ์ และพอมีพื้นฐานพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นบ้าง ครั้งนี้ เป็นการใช้เวลาอยู่ที่วัดนานขึ้น พร้อมพกพาความรู้สึก ความประทับใจที่ต่างออกไป กลับออกมาด้วยอย่างปลื้มอกปลื้มใจ ล้อมวงมาฟังกันครับ วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี (ยาวสักหน่อยนะครับ)

    คงจะไม่ถูกต้อง ถ้าจะกล่าวถึงวัดหนองป่าพง โดยไม่กล่าวถึง หลวงปู่ชา

    หลวงปู่ชา พระสำคัญผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้ ให้สามารถไปเผยแพร่พุทธศาสนาได้กว้างไกล ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย หากแต่ไปไกลถึงสิบกว่าประเทศทั่วโลก หลวงปู่ชา พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) แห่งวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ต้นแบบของพระป่าทั่วโลก ด้วยวัตรปฎิบัติที่เคร่งครัดสายวิปัสสนากรรมฐานที่มีต้นแบบจาก"พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต"

    หลวงปู่ชา หรือ พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) เกิดเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับ วันศุกร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ณ บ้านจิกก่อ หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายมา ช่วงโชติ มารดาชื่อ นางพิมพ์ ช่วงโชติ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันจำนวน 10 คน ในวัยเด็ก หลวงปู่ชาเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนบ้านก่อ ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จนจบชั้นประถม 1 จึงขอลาออกเพื่อมาบวชเรียนตามความสนใจของตนเอง โดยช่วงอายุ 13 ปี หลังจากลาออกจากโรงเรียนประถมศึกษา โยมบิดาได้นำไปฝากกับเจ้าอาวาสเพื่อเรียนรู้บุพกิจเบื้องต้นเกี่ยวกับบรรพชาวิธี จึงได้รับอนุญาตให้บรรพชาเป็น “สามเณรชา โชติช่วง” จนอยู่ปฏิบัติครูอาจารย์ เป็นเวลา 3 ปี ได้แล้วจึงได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในทางธรรม เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงลาพ่อแม่มาบวชเป็นพระ โดยอุปสมบทเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482 เวลา 13.55 น. ณ พัทธสีมา วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี พระชา สุภทฺโท ได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดก่อนอก 2 พรรษา ตั้งใจศึกษาปริยัติธรรม ทั้งจากตำรับตำราและจากครูอาจารย์ จนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในสำนักวัดแห่งนี้ แต่โชคร้าย ช่วงนั้น หลวงพ่อชา ได้ว่างเว้นจากการศึกษา เพื่อไปดูแลโยมบิดาที่ป่วย แม้หลวงพ่อชา ก็เกิดความลังเลใจ พะว้าพะวง ห่วงการศึกษาก็ห่วง ห่วงโยมบิดาก็ห่วง แต่ความห่วงผู้บังเกิดเกล้ามีน้ำหนักมากกว่า เพราะโยมบิดาเป็นผู้มีพระคุณอย่างเหลือล้น หลวงปู่จึงตัดสินใจกลับไปดูแลโยมพ่อทั้งที่วันสอบนักธรรมก็ใกล้เข้ามาทุกที แต่ก็เลือกที่จะเดินในเส้นทางสายกตัญญุตา โดยที่สุด มาอยู่เฝ้าดูแลอาการป่วยของโยมพ่อนับเป็นเวลา 13 วัน โยมพ่อจึงได้ถึงแก่กรรม (ปี 2483)

    หลังจากนั้น หลวงปู่ชา ก็ได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนยังที่ต่างๆ เช่น ที่สำนักของหลวงพ่อเภา วัดเขาวงกฏ จ.ลพบุรี และพระอาจารย์ชาวกัมพูชาที่เป็นพระธุดงค์ซึ่งได้พบกันที่วัดเขาวงกฏ หลวงปู่กินรี อาจารย์คำดี หลวงปู่ทองรัตน์ พระอาจารย์มั่น เป็นต้น พออินทรีย์แก่กล้าแล้วก็ออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อยๆ โดยยังดำรงสมณเพศเป็นพระมหานิกายอยู่ตลอดเวลา

    กิจที่หลวงปู่ฯ โปรดปราน คือการได้ธุดงค์ไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อโปรดสานุศิษย์และเผยแพร่พุทธศาสนา จนที่สุดเมื่อคณะศิษย์ และหลวงพ่อได้เดินทางมาถึงชายดงป่าพง ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2497 พอเช้าวันที่ 9 มีนาคม 2497 จึงได้พากันเข้าสำรวจ สถานที่พักในดงป่านี้ และได้ช่วยกันดำเนินการสร้างวัดป่าขึ้น ซึ่งเรารู้จักในปัจจุบัน คือ “วัดหนองป่าพง”

    จนภายหลังมีสานุศิษย์มากมายทั้งไทยและเทศ ขยายไปหลายสาขา ดังที่กล่าวไปข้างต้น และท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้มาโดยตลอด และถึงแก่มรณภาพเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น. ที่ วัดหนองป่าพง อย่างสงบท่ามกลางธรรมสังเวชของศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศทั่วโลก ด้วยความที่วัดหนองป่าพง มีพระสงฆ์ต่างชาติ เป็นจำนวนมาก เคยมีคนไปถามหลวงปู่ว่า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วจะสอนชาวต่างชาติได้อย่างไร หลวงปู่ท่านเมตตาตอบว่า น้ำร้อน ที่ฝรั่งว่ากันว่า ฮ๊อตวอเตอร์ เอามือลงไปสัมผัส ทุกชาติก็รู้ว่าร้อน ไม่เห็นต้องรู้ภาษาก่อนเลย นัยว่า ธรรมะ เรียนรู้ได้จากการสัมผัส การปฏิบัติ มิใช่การอ่านเขียนเท่านั้น

    ปัจจุบัน แม้หลวงปู่ชาฯ จะละสังขารไปแล้วกว่าสามสิบปีกว่าปี คำสอนและวัตรปฏิบัติอันดีงาม ก็ยังอยู่ในความทรงจำสานุศิษย์ทั้งหลาย เห็นได้จากการที่กลับไปสัมผัส วัดหนองป่าพง อีกครั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความสงบ และ ความเคร่งครัด แบบพระป่า ยังคงมีให้เห็นและสัมผัสได้ มีโอกาสได้แวะเข้าไปชม พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) โดยจะจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ชา สุภัทโท มีเครื่องทองเหลือง พระพุทธรูป และ เจดีย์ศรีโพธิญาณ เป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ชาอีกด้วย จุดเด่นที่ประทับใจ คือ ป้าย คำสอนต่าง ๆ ที่ติดไว้ตามต้นไม้ อ่านแล้วทำให้เราได้นึกทบทวนชีวิตเราไปด้วยขณะเดินชมไปเงียบ ๆ นอกจากนี้ ได้มีโอกาสเข้าไปที่ อุโบสถด้านใน ทางเข้าเขตสังฆาวาส ที่พระสงฆ์ใช้ทำวัด ทำให้พอนึกเห็นภาพบรรยากาศเมื่อสมัยก่อน ที่หลวงปู่ ลงมาเทศนาธรรม

    รวม ๆ แล้วประทับใจมาก ครับ ผมกราบเรียนเชิญ ท่านที่มีโอกาสไป อุบลราชธานี อยากให้ไปสัมผัส วัดหนองป่าพง สักครั้งครับ

    #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    #วัดหนองป่าพง #อุบลราชธานี วัดหนองป่าพง – ย้อนรำลึกความหลัง เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อน ผมได้มีโอกาสสัมผัส วัดหนองป่าพง ด้วยความไม่รู้ และไม่ลึกซึ้งถึงแวดวงพระพุทธศาสนา เลยทำให้การไปวัดหนองป่าพง ครั้งแรก ผมไม่ได้อะไรติดมือติดใจกลับมาเป็นวิทยาทานเลย จนเมื่อครั้งล่าสุดที่ไป ชีวิตมีประสบการณ์ และพอมีพื้นฐานพุทธศาสนาเพิ่มขึ้นบ้าง ครั้งนี้ เป็นการใช้เวลาอยู่ที่วัดนานขึ้น พร้อมพกพาความรู้สึก ความประทับใจที่ต่างออกไป กลับออกมาด้วยอย่างปลื้มอกปลื้มใจ ล้อมวงมาฟังกันครับ วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี (ยาวสักหน่อยนะครับ) คงจะไม่ถูกต้อง ถ้าจะกล่าวถึงวัดหนองป่าพง โดยไม่กล่าวถึง หลวงปู่ชา หลวงปู่ชา พระสำคัญผู้ก่อตั้งวัดแห่งนี้ ให้สามารถไปเผยแพร่พุทธศาสนาได้กว้างไกล ไม่เพียงแค่ในประเทศไทย หากแต่ไปไกลถึงสิบกว่าประเทศทั่วโลก หลวงปู่ชา พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) แห่งวัดหนองป่าพง จ.อุบลราชธานี ต้นแบบของพระป่าทั่วโลก ด้วยวัตรปฎิบัติที่เคร่งครัดสายวิปัสสนากรรมฐานที่มีต้นแบบจาก"พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต" หลวงปู่ชา หรือ พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) เกิดเมื่อ วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2461 ตรงกับ วันศุกร์ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 7 ปีมะเมีย ณ บ้านจิกก่อ หมู่ที่ 9 ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บิดาชื่อนายมา ช่วงโชติ มารดาชื่อ นางพิมพ์ ช่วงโชติ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันจำนวน 10 คน ในวัยเด็ก หลวงปู่ชาเรียนชั้นประถมศึกษา ที่โรงเรียนบ้านก่อ ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี จนจบชั้นประถม 1 จึงขอลาออกเพื่อมาบวชเรียนตามความสนใจของตนเอง โดยช่วงอายุ 13 ปี หลังจากลาออกจากโรงเรียนประถมศึกษา โยมบิดาได้นำไปฝากกับเจ้าอาวาสเพื่อเรียนรู้บุพกิจเบื้องต้นเกี่ยวกับบรรพชาวิธี จึงได้รับอนุญาตให้บรรพชาเป็น “สามเณรชา โชติช่วง” จนอยู่ปฏิบัติครูอาจารย์ เป็นเวลา 3 ปี ได้แล้วจึงได้ลาสิกขาบทมาช่วยบิดามารดาทำไร่ทำนา แต่ด้วยจิตใจที่ใฝ่ในทางธรรม เมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ จึงลาพ่อแม่มาบวชเป็นพระ โดยอุปสมบทเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2482 เวลา 13.55 น. ณ พัทธสีมา วัดก่อใน ตำบลธาตุ อำเภอวารินชำราบ อุบลราชธานี พระชา สุภทฺโท ได้จำพรรษาอยู่ ณ วัดก่อนอก 2 พรรษา ตั้งใจศึกษาปริยัติธรรม ทั้งจากตำรับตำราและจากครูอาจารย์ จนสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในสำนักวัดแห่งนี้ แต่โชคร้าย ช่วงนั้น หลวงพ่อชา ได้ว่างเว้นจากการศึกษา เพื่อไปดูแลโยมบิดาที่ป่วย แม้หลวงพ่อชา ก็เกิดความลังเลใจ พะว้าพะวง ห่วงการศึกษาก็ห่วง ห่วงโยมบิดาก็ห่วง แต่ความห่วงผู้บังเกิดเกล้ามีน้ำหนักมากกว่า เพราะโยมบิดาเป็นผู้มีพระคุณอย่างเหลือล้น หลวงปู่จึงตัดสินใจกลับไปดูแลโยมพ่อทั้งที่วันสอบนักธรรมก็ใกล้เข้ามาทุกที แต่ก็เลือกที่จะเดินในเส้นทางสายกตัญญุตา โดยที่สุด มาอยู่เฝ้าดูแลอาการป่วยของโยมพ่อนับเป็นเวลา 13 วัน โยมพ่อจึงได้ถึงแก่กรรม (ปี 2483) หลังจากนั้น หลวงปู่ชา ก็ได้เดินทางไปศึกษาเล่าเรียนยังที่ต่างๆ เช่น ที่สำนักของหลวงพ่อเภา วัดเขาวงกฏ จ.ลพบุรี และพระอาจารย์ชาวกัมพูชาที่เป็นพระธุดงค์ซึ่งได้พบกันที่วัดเขาวงกฏ หลวงปู่กินรี อาจารย์คำดี หลวงปู่ทองรัตน์ พระอาจารย์มั่น เป็นต้น พออินทรีย์แก่กล้าแล้วก็ออกธุดงค์ปฏิบัติธรรมต่อไปเรื่อยๆ โดยยังดำรงสมณเพศเป็นพระมหานิกายอยู่ตลอดเวลา กิจที่หลวงปู่ฯ โปรดปราน คือการได้ธุดงค์ไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อโปรดสานุศิษย์และเผยแพร่พุทธศาสนา จนที่สุดเมื่อคณะศิษย์ และหลวงพ่อได้เดินทางมาถึงชายดงป่าพง ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2497 พอเช้าวันที่ 9 มีนาคม 2497 จึงได้พากันเข้าสำรวจ สถานที่พักในดงป่านี้ และได้ช่วยกันดำเนินการสร้างวัดป่าขึ้น ซึ่งเรารู้จักในปัจจุบัน คือ “วัดหนองป่าพง” จนภายหลังมีสานุศิษย์มากมายทั้งไทยและเทศ ขยายไปหลายสาขา ดังที่กล่าวไปข้างต้น และท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดนี้มาโดยตลอด และถึงแก่มรณภาพเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น. ที่ วัดหนองป่าพง อย่างสงบท่ามกลางธรรมสังเวชของศิษยานุศิษย์จากทุกสารทิศทั่วโลก ด้วยความที่วัดหนองป่าพง มีพระสงฆ์ต่างชาติ เป็นจำนวนมาก เคยมีคนไปถามหลวงปู่ว่า พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แล้วจะสอนชาวต่างชาติได้อย่างไร หลวงปู่ท่านเมตตาตอบว่า น้ำร้อน ที่ฝรั่งว่ากันว่า ฮ๊อตวอเตอร์ เอามือลงไปสัมผัส ทุกชาติก็รู้ว่าร้อน ไม่เห็นต้องรู้ภาษาก่อนเลย นัยว่า ธรรมะ เรียนรู้ได้จากการสัมผัส การปฏิบัติ มิใช่การอ่านเขียนเท่านั้น ปัจจุบัน แม้หลวงปู่ชาฯ จะละสังขารไปแล้วกว่าสามสิบปีกว่าปี คำสอนและวัตรปฏิบัติอันดีงาม ก็ยังอยู่ในความทรงจำสานุศิษย์ทั้งหลาย เห็นได้จากการที่กลับไปสัมผัส วัดหนองป่าพง อีกครั้ง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความสงบ และ ความเคร่งครัด แบบพระป่า ยังคงมีให้เห็นและสัมผัสได้ มีโอกาสได้แวะเข้าไปชม พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท) โดยจะจัดแสดงเครื่องอัฐบริขารและหุ่นขี้ผึ้งของหลวงปู่ชา สุภัทโท มีเครื่องทองเหลือง พระพุทธรูป และ เจดีย์ศรีโพธิญาณ เป็นสถานที่พระราชทานเพลิงศพของหลวงปู่ชาอีกด้วย จุดเด่นที่ประทับใจ คือ ป้าย คำสอนต่าง ๆ ที่ติดไว้ตามต้นไม้ อ่านแล้วทำให้เราได้นึกทบทวนชีวิตเราไปด้วยขณะเดินชมไปเงียบ ๆ นอกจากนี้ ได้มีโอกาสเข้าไปที่ อุโบสถด้านใน ทางเข้าเขตสังฆาวาส ที่พระสงฆ์ใช้ทำวัด ทำให้พอนึกเห็นภาพบรรยากาศเมื่อสมัยก่อน ที่หลวงปู่ ลงมาเทศนาธรรม รวม ๆ แล้วประทับใจมาก ครับ ผมกราบเรียนเชิญ ท่านที่มีโอกาสไป อุบลราชธานี อยากให้ไปสัมผัส วัดหนองป่าพง สักครั้งครับ #ชีวิตนี้ต้องมี1000วัด #เที่ยวไทยไปกับส้มโจ #เที่ยววัด #วัด #ไหว้พระ #ทำบุญ #travel #thailand #amazingthailand #thaitour #temple #history #architecture #culture #thaitemple #ท่องเที่ยว #CultureTrip
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 280 มุมมอง 0 รีวิว
  • งามไส้! ทองคำไทยที่ฝากไว้ในสหรัฐ อาการน่าเป็นห่วง 20/02/68 #ทองคำไทย #ลอนดอน #นิวยอร์ก
    งามไส้! ทองคำไทยที่ฝากไว้ในสหรัฐ อาการน่าเป็นห่วง 20/02/68 #ทองคำไทย #ลอนดอน #นิวยอร์ก
    Like
    Angry
    Sad
    10
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1079 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • จีดีพีปี 2568 ที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 3.5% แต่สภาพัฒน์คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.8% เท่านั้น จากตัวเลขที่ออกมา ทำให้นายกรัฐมนตรี ออกอาการหัวเสีย

    #คุณหนูออกอาการจีดีพีไม่ถึงเป้า #จีดีพีปี2568 #คุณหนูเหวี่ยงใส่แบงก์ชาติ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    จีดีพีปี 2568 ที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 3.5% แต่สภาพัฒน์คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.8% เท่านั้น จากตัวเลขที่ออกมา ทำให้นายกรัฐมนตรี ออกอาการหัวเสีย #คุณหนูออกอาการจีดีพีไม่ถึงเป้า #จีดีพีปี2568 #คุณหนูเหวี่ยงใส่แบงก์ชาติ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Angry
    Sad
    17
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1593 มุมมอง 33 0 รีวิว
  • พยาบาลรพ.สต. เผยเคสเด็กนักเรียนชั้นประถม-มัธยมต้น ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า - ดื่มน้ำกระท่อม และทุกเคสมีอาการ หัวใจเต้นแรง และออกซิเจนต่ำ พบอายุน้อยสุดเป็นเด็ก ป.4 วอนผู้นำทุกภาคส่วนช่วยดูแลปัญหาดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000016835

    #MGROnline #สูบบุหรี่ไฟฟ้า #ดื่มน้ำกระท่อม
    พยาบาลรพ.สต. เผยเคสเด็กนักเรียนชั้นประถม-มัธยมต้น ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า - ดื่มน้ำกระท่อม และทุกเคสมีอาการ หัวใจเต้นแรง และออกซิเจนต่ำ พบอายุน้อยสุดเป็นเด็ก ป.4 วอนผู้นำทุกภาคส่วนช่วยดูแลปัญหาดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000016835 • #MGROnline #สูบบุหรี่ไฟฟ้า #ดื่มน้ำกระท่อม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## รู้จัก NCDs โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง...ก่อนสายเกินไป!

    รู้หรือไม่? โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) กำลังเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของคนไทยและทั่วโลก! อย่ามองข้าม เพราะมันอาจใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คิด

    **NCDs คืออะไร?** รวมโรคเรื้อรังที่เกิดจากหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดี ได้แก่

    * **โรคหัวใจและหลอดเลือด:** อันตรายถึงชีวิต! อาการเริ่มต้นอาจไม่ชัดเจน ต้องหมั่นตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำ
    * **โรคมะเร็ง:** ตัวร้ายที่คร่าชีวิตคนเป็นอันดับต้นๆ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจสุขภาพและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี
    * **โรคเบาหวาน:** ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ควบคุมได้ด้วยการรับประทานอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม
    * **โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD):** หายใจลำบาก มักเกิดจากการสูบบุหรี่ เลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า

    **ป้องกันได้นะ! ด้วยวิธีง่ายๆเหล่านี้**

    * **กินดีอยู่ดี:** เน้นผักผลไม้ ลดอาหารมัน เค็ม หวาน
    * **ออกกำลังกายสม่ำเสมอ:** อย่างน้อย 30 นาที ต่อวัน
    * **หลีกเลี่ยงอบายมุข:** เลิกบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
    * **ตรวจสุขภาพประจำปี:** รู้เท่าทันสุขภาพตัวเอง

    **อย่าปล่อยให้ NCDs มาทำลายสุขภาพของคุณ!** เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่มีสุขภาพดีและยืนยาว

    #NCDs #โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง #สุขภาพดี #สุขภาพ #ดูแลตัวเอง

    #พลังZeeds
    ## รู้จัก NCDs โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง...ก่อนสายเกินไป! รู้หรือไม่? โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) กำลังเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของคนไทยและทั่วโลก! อย่ามองข้าม เพราะมันอาจใกล้ตัวคุณมากกว่าที่คิด **NCDs คืออะไร?** รวมโรคเรื้อรังที่เกิดจากหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดี ได้แก่ * **โรคหัวใจและหลอดเลือด:** อันตรายถึงชีวิต! อาการเริ่มต้นอาจไม่ชัดเจน ต้องหมั่นตรวจเช็กสุขภาพเป็นประจำ * **โรคมะเร็ง:** ตัวร้ายที่คร่าชีวิตคนเป็นอันดับต้นๆ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการตรวจสุขภาพและดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี * **โรคเบาหวาน:** ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ควบคุมได้ด้วยการรับประทานอาหารและออกกำลังกายอย่างเหมาะสม * **โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD):** หายใจลำบาก มักเกิดจากการสูบบุหรี่ เลิกบุหรี่เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า **ป้องกันได้นะ! ด้วยวิธีง่ายๆเหล่านี้** * **กินดีอยู่ดี:** เน้นผักผลไม้ ลดอาหารมัน เค็ม หวาน * **ออกกำลังกายสม่ำเสมอ:** อย่างน้อย 30 นาที ต่อวัน * **หลีกเลี่ยงอบายมุข:** เลิกบุหรี่ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ * **ตรวจสุขภาพประจำปี:** รู้เท่าทันสุขภาพตัวเอง **อย่าปล่อยให้ NCDs มาทำลายสุขภาพของคุณ!** เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่มีสุขภาพดีและยืนยาว #NCDs #โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง #สุขภาพดี #สุขภาพ #ดูแลตัวเอง #พลังZeeds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18 ปี คณะแพทย์ศิริราช 61 คน ผ่าแยกร่าง “วัน-วาด” แฝดสยาม หัวใจ-ตับ ติดกันสำเร็จ รอดทั้งคู่ ครั้งแรกของโลก

    🔬 การแพทย์ไทยสร้างประวัติศาสตร์ ผ่าแยกแฝดสยามสำเร็จ เป็นครั้งแรกของโลก

    ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 คณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช จำนวน 61 คน ได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญ ในวงการแพทย์ระดับโลก ด้วยการผ่าตัดแยกร่างฝาแฝดสยาม ที่มีหัวใจและตับติดกัน ซึ่งเป็นเคสที่ยาก และมีความเสี่ยงสูงสุด ทารกทั้งสองคนคือ

    👶 ด.ญ.ปานตะวัน ธิเย็นใจ หรือน้องวัน แฝดผู้พี่
    👶 ด.ญ.ปานวาด ธิเย็นใจ หรือน้องวาด แฝดผู้น้อง

    ทั้งคู่เป็นบุตรสาวของ น.ส.อุษา ธิเย็นใจ และนายถาวร วิบุลกุล เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2549 ด้วยวิธีผ่าคลอด ขณะอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ โดยมีน้ำหนักแรกคลอดรวมกัน 3,570 กรัม หลังคลอดพบว่า ทั้งคู่ มีร่างกายติดกัน บริเวณช่วงหน้าท้อง ซึ่งเมื่อตรวจอย่างละเอียดพบว่า มีตับติดกันเป็นบริเวณกว้าง และที่สำคัญที่สุดคือ หัวใจของทั้งสองดวงเชื่อมต่อกัน ทำให้มีความเสี่ยงสูงมาก ในการผ่าตัด

    นี่คือเรื่องราวของ "วัน-วาด" และปาฏิหาริย์ของวงการแพทย์ไทย ที่ได้รับการบันทึกว่า เป็นเคสแรกของโลก ที่ผ่าแยกฝาแฝด ที่มีหัวใจติดกัน และรอดชีวิตทั้งคู่ ✨

    👩‍⚕️ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการตัดสินใจครั้งสำคัญ
    การผ่าตัดในครั้งนี้ ต้องอาศัยทีมแพทย์จากหลากหลายสาขา โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน อาทิ

    ✅ ศ.พญ.อังกาบ ปราการรัตน์ หัวหน้าภาควิชาวิสัญญีวิทยา
    ✅ รศ.นพ.สมชาย ศรียศชาติ ศัลยแพทย์หัวใจ
    ✅ ผศ.นพ.มนตรี กิจมณี ศัลยแพทย์ตกแต่ง
    ✅ ผศ.นพ.มงคล เลาหเพ็ญแสง กุมารศัลยแพทย์

    💡 ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่
    👉 ทารกมีหัวใจเชื่อมต่อกัน ทำให้ต้องตรวจสอบว่า หัวใจของทั้งคู่ สามารถทำงานแยกจากกัน ได้หรือไม่
    👉 ต้องปิดรอยเชื่อมต่อ ของหัวใจชั่วคราว เพื่อดูผลกระทบก่อนการผ่าตัด
    👉 ต้องแยกตับ ที่ติดกันเป็นบริเวณกว้าง และหลีกเลี่ยงการเสียเลือด ให้มากที่สุด

    📅 หลังจากวางแผนกันอย่างละเอียด การผ่าตัดถูกกำหนดขึ้น ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 ขณะที่ทารกมีอายุ 8 เดือน และมีน้ำหนักรวมกัน 10.9 กิโลกรัม

    🔪 ขั้นตอนการผ่าตัด 12 ชั่วโมง ที่ต้องแข่งกับเวลา
    💉 เริ่มต้นด้วยการวางยาสลบ
    ทีมวิสัญญีแพทย์แบ่งเป็น 2 ทีม เพื่อดูแลเด็กแต่ละคนอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความผิดพลาด ที่อาจเกิดขึ้น

    ❤️ ขั้นตอนที่ 1 แยกหัวใจ
    👉 ใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง เพราะต้องค่อยๆ ตัดแยกหัวใจออกจากกัน โดยไม่ให้เกิดอันตราย ต่อการไหลเวียนโลหิต

    🩺 ขั้นตอนที่ 2 แยกตับ
    👉 ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง ทีมแพทย์ต้องใช้เทคนิคพิเศษ ในการผ่าตัด เพื่อให้เลือดออกน้อยที่สุด

    🛏 ขั้นตอนที่ 3 เย็บซ่อมแซมอวัยวะ และผนังหน้าท้อง
    👉 แฝดพี่ "ปานตะวัน" มีโอกาสรอดสูงกว่า แต่แฝดน้อง "ปานวาด" ต้องได้รับการดูแลเรื่องหัวใจ เป็นพิเศษ

    ⚠️ ความเสี่ยงที่สูงที่สุด
    การผ่าตัดครั้งนี้ มีความเสี่ยงว่า อาจมีเด็กเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต แต่ทีมแพทย์สามารถทำได้สำเร็จ และน้องวัน-วาด มีชีวิตรอดทั้งคู่ 🎉

    👶 ปัจจุบัน "วัน-วาด" ใช้ชีวิตอย่างไร?
    หลังจากผ่านไป 18 ปี นับจากการผ่าตัดแยกร่าง ปัจจุบันทั้งคู่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง 💖 แม้ว่าต้องมีการติดตามอาการของน้องวาด เนื่องจากมีปัญหาหัวใจอยู่บ้าง แต่ทั้งคู่สามารถใช้ชีวิต ได้ใกล้เคียงกับเด็กปกติ

    คุณแม่ น.ส.อุษา กล่าวว่า
    🗣 "ตอนแรกเสียใจ ที่ลูกเกิดมาไม่ปกติ แต่ตอนนี้รู้สึกดีใจที่สุด ที่ทั้งคู่มีชีวิตรอด อยากขอบคุณทีมแพทย์ทุกท่าน ที่ช่วยชีวิตลูกของฉันไว้"

    🔍 แฝดสยาม คืออะไร?
    🔸 แฝดสยาม หรือ Siamese Twins คือแฝดที่เกิดจาก ไข่ใบเดียวกัน แต่มีความผิดปกติ ในการแบ่งตัวของเอ็มบริโอ ทำให้ร่างกายของทั้งคู่ ติดกันในระดับต่างๆ

    🔹 ประเภทของแฝดสยาม
    ✅ แฝดที่มีอวัยวะภายในติดกัน เช่น หัวใจ ตับ ลำไส้
    ✅ แฝดที่มีอวัยวะภายนอกติดกัน เช่น แขน ขา หรือส่วนอื่นของร่างกาย

    แฝดสยามที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกก็คือ อิน-จัน ฝาแฝดชาวไทย ที่เป็นต้นกำเนิดของคำว่า "Siamese Twins" 👥

    🏥 "ศิริราช" ศูนย์กลางความก้าวหน้า ทางการแพทย์ของไทย
    โรงพยาบาลศิริราช เป็นสถานที่ ที่ให้กำเนิดนวัตกรรม ทางการแพทย์ระดับโลก โดยเฉพาะในเรื่องของ
    การผ่าตัดฝาแฝดสยาม ทีมแพทย์ของศิริราช ไม่เพียงแค่ช่วยเหลือเด็กไทย แต่ยังสามารถนำความรู้นี้ไปช่วยเหลือผู้ป่วยทั่วโลก 🌏

    ✅ เป็นเคสแรกของโลก ที่สามารถแยกแฝดหัวใจติดกัน และรอดชีวิตทั้งคู่
    ✅ เป็นก้าวสำคัญของการแพทย์ไทย ที่ได้รับการยอมรับ ในระดับนานาชาติ

    💬 ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ของไทย
    🎯 คณะแพทย์ศิริราช สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการผ่าตัดแยกแฝดสยาม ที่หัวใจและตับติดกัน ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก
    🎯 "วัน-วาด" มีชีวิตรอดทั้งคู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก
    🎯 เป็นหลักฐานว่าแพทย์ไทย มีความสามารถเทียบเท่าระดับโลก

    👩‍⚕️✨ นี่คือความภาคภูมิใจ ของวงการแพทย์ไทย และเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับแพทย์รุ่นใหม่ทั่วโลก 💖

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 2009271 ก.พ. 2568

    📌 #แฝดสยาม #ผ่าตัดแฝด #ศิริราช #วันวาด #ข่าวดังในอดีต #การแพทย์ไทย #นวัตกรรมการแพทย์ #SiameseTwins #แพทย์ไทย #ประวัติศาสตร์การแพทย์
    18 ปี คณะแพทย์ศิริราช 61 คน ผ่าแยกร่าง “วัน-วาด” แฝดสยาม หัวใจ-ตับ ติดกันสำเร็จ รอดทั้งคู่ ครั้งแรกของโลก 🔬 การแพทย์ไทยสร้างประวัติศาสตร์ ผ่าแยกแฝดสยามสำเร็จ เป็นครั้งแรกของโลก ย้อนกลับไปเมื่อ 18 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 คณะแพทย์จากโรงพยาบาลศิริราช จำนวน 61 คน ได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญ ในวงการแพทย์ระดับโลก ด้วยการผ่าตัดแยกร่างฝาแฝดสยาม ที่มีหัวใจและตับติดกัน ซึ่งเป็นเคสที่ยาก และมีความเสี่ยงสูงสุด ทารกทั้งสองคนคือ 👶 ด.ญ.ปานตะวัน ธิเย็นใจ หรือน้องวัน แฝดผู้พี่ 👶 ด.ญ.ปานวาด ธิเย็นใจ หรือน้องวาด แฝดผู้น้อง ทั้งคู่เป็นบุตรสาวของ น.ส.อุษา ธิเย็นใจ และนายถาวร วิบุลกุล เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2549 ด้วยวิธีผ่าคลอด ขณะอายุครรภ์ 36 สัปดาห์ โดยมีน้ำหนักแรกคลอดรวมกัน 3,570 กรัม หลังคลอดพบว่า ทั้งคู่ มีร่างกายติดกัน บริเวณช่วงหน้าท้อง ซึ่งเมื่อตรวจอย่างละเอียดพบว่า มีตับติดกันเป็นบริเวณกว้าง และที่สำคัญที่สุดคือ หัวใจของทั้งสองดวงเชื่อมต่อกัน ทำให้มีความเสี่ยงสูงมาก ในการผ่าตัด นี่คือเรื่องราวของ "วัน-วาด" และปาฏิหาริย์ของวงการแพทย์ไทย ที่ได้รับการบันทึกว่า เป็นเคสแรกของโลก ที่ผ่าแยกฝาแฝด ที่มีหัวใจติดกัน และรอดชีวิตทั้งคู่ ✨ 👩‍⚕️ ทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และการตัดสินใจครั้งสำคัญ การผ่าตัดในครั้งนี้ ต้องอาศัยทีมแพทย์จากหลากหลายสาขา โดยมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน อาทิ ✅ ศ.พญ.อังกาบ ปราการรัตน์ หัวหน้าภาควิชาวิสัญญีวิทยา ✅ รศ.นพ.สมชาย ศรียศชาติ ศัลยแพทย์หัวใจ ✅ ผศ.นพ.มนตรี กิจมณี ศัลยแพทย์ตกแต่ง ✅ ผศ.นพ.มงคล เลาหเพ็ญแสง กุมารศัลยแพทย์ 💡 ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ 👉 ทารกมีหัวใจเชื่อมต่อกัน ทำให้ต้องตรวจสอบว่า หัวใจของทั้งคู่ สามารถทำงานแยกจากกัน ได้หรือไม่ 👉 ต้องปิดรอยเชื่อมต่อ ของหัวใจชั่วคราว เพื่อดูผลกระทบก่อนการผ่าตัด 👉 ต้องแยกตับ ที่ติดกันเป็นบริเวณกว้าง และหลีกเลี่ยงการเสียเลือด ให้มากที่สุด 📅 หลังจากวางแผนกันอย่างละเอียด การผ่าตัดถูกกำหนดขึ้น ในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2550 ขณะที่ทารกมีอายุ 8 เดือน และมีน้ำหนักรวมกัน 10.9 กิโลกรัม 🔪 ขั้นตอนการผ่าตัด 12 ชั่วโมง ที่ต้องแข่งกับเวลา 💉 เริ่มต้นด้วยการวางยาสลบ ทีมวิสัญญีแพทย์แบ่งเป็น 2 ทีม เพื่อดูแลเด็กแต่ละคนอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันความผิดพลาด ที่อาจเกิดขึ้น ❤️ ขั้นตอนที่ 1 แยกหัวใจ 👉 ใช้เวลาถึง 3 ชั่วโมง เพราะต้องค่อยๆ ตัดแยกหัวใจออกจากกัน โดยไม่ให้เกิดอันตราย ต่อการไหลเวียนโลหิต 🩺 ขั้นตอนที่ 2 แยกตับ 👉 ใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง ทีมแพทย์ต้องใช้เทคนิคพิเศษ ในการผ่าตัด เพื่อให้เลือดออกน้อยที่สุด 🛏 ขั้นตอนที่ 3 เย็บซ่อมแซมอวัยวะ และผนังหน้าท้อง 👉 แฝดพี่ "ปานตะวัน" มีโอกาสรอดสูงกว่า แต่แฝดน้อง "ปานวาด" ต้องได้รับการดูแลเรื่องหัวใจ เป็นพิเศษ ⚠️ ความเสี่ยงที่สูงที่สุด การผ่าตัดครั้งนี้ มีความเสี่ยงว่า อาจมีเด็กเพียงคนเดียวที่รอดชีวิต แต่ทีมแพทย์สามารถทำได้สำเร็จ และน้องวัน-วาด มีชีวิตรอดทั้งคู่ 🎉 👶 ปัจจุบัน "วัน-วาด" ใช้ชีวิตอย่างไร? หลังจากผ่านไป 18 ปี นับจากการผ่าตัดแยกร่าง ปัจจุบันทั้งคู่เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง 💖 แม้ว่าต้องมีการติดตามอาการของน้องวาด เนื่องจากมีปัญหาหัวใจอยู่บ้าง แต่ทั้งคู่สามารถใช้ชีวิต ได้ใกล้เคียงกับเด็กปกติ คุณแม่ น.ส.อุษา กล่าวว่า 🗣 "ตอนแรกเสียใจ ที่ลูกเกิดมาไม่ปกติ แต่ตอนนี้รู้สึกดีใจที่สุด ที่ทั้งคู่มีชีวิตรอด อยากขอบคุณทีมแพทย์ทุกท่าน ที่ช่วยชีวิตลูกของฉันไว้" 🔍 แฝดสยาม คืออะไร? 🔸 แฝดสยาม หรือ Siamese Twins คือแฝดที่เกิดจาก ไข่ใบเดียวกัน แต่มีความผิดปกติ ในการแบ่งตัวของเอ็มบริโอ ทำให้ร่างกายของทั้งคู่ ติดกันในระดับต่างๆ 🔹 ประเภทของแฝดสยาม ✅ แฝดที่มีอวัยวะภายในติดกัน เช่น หัวใจ ตับ ลำไส้ ✅ แฝดที่มีอวัยวะภายนอกติดกัน เช่น แขน ขา หรือส่วนอื่นของร่างกาย แฝดสยามที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกก็คือ อิน-จัน ฝาแฝดชาวไทย ที่เป็นต้นกำเนิดของคำว่า "Siamese Twins" 👥 🏥 "ศิริราช" ศูนย์กลางความก้าวหน้า ทางการแพทย์ของไทย โรงพยาบาลศิริราช เป็นสถานที่ ที่ให้กำเนิดนวัตกรรม ทางการแพทย์ระดับโลก โดยเฉพาะในเรื่องของ การผ่าตัดฝาแฝดสยาม ทีมแพทย์ของศิริราช ไม่เพียงแค่ช่วยเหลือเด็กไทย แต่ยังสามารถนำความรู้นี้ไปช่วยเหลือผู้ป่วยทั่วโลก 🌏 ✅ เป็นเคสแรกของโลก ที่สามารถแยกแฝดหัวใจติดกัน และรอดชีวิตทั้งคู่ ✅ เป็นก้าวสำคัญของการแพทย์ไทย ที่ได้รับการยอมรับ ในระดับนานาชาติ 💬 ปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ของไทย 🎯 คณะแพทย์ศิริราช สร้างประวัติศาสตร์ ด้วยการผ่าตัดแยกแฝดสยาม ที่หัวใจและตับติดกัน ได้สำเร็จเป็นครั้งแรกของโลก 🎯 "วัน-วาด" มีชีวิตรอดทั้งคู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมาก 🎯 เป็นหลักฐานว่าแพทย์ไทย มีความสามารถเทียบเท่าระดับโลก 👩‍⚕️✨ นี่คือความภาคภูมิใจ ของวงการแพทย์ไทย และเป็นแรงบันดาลใจ ให้กับแพทย์รุ่นใหม่ทั่วโลก 💖 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 2009271 ก.พ. 2568 📌 #แฝดสยาม #ผ่าตัดแฝด #ศิริราช #วันวาด #ข่าวดังในอดีต #การแพทย์ไทย #นวัตกรรมการแพทย์ #SiameseTwins #แพทย์ไทย #ประวัติศาสตร์การแพทย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์โพสต์ถึงเซเลนสกีแรงมาก!!!

    ▪️ ทรัมป์เรียกเซเลนสกีว่า “ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในฐานะนักแสดงตลก” ไม่มีความสามารถแก้ไขความขัดแย้งในยูเครนได้ แต่สหรัฐก็ยังให้เงินเขา

    ▪️ ทรัมป์ยังเรียกเซเลนสกีว่า “เผด็จการที่ไม่เอาการเลือกตั้ง” และกล่าวหาว่าเซเลนสกีปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้ง

    ▪️ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่าหากไม่มีสหรัฐเข้าช่วย เซเลนสกี “จะไม่มีวัน” ได้เจรจาสันติภาพกับรัสเซียอย่างแน่นอน

    ▪️ ทรัมป์กล่าวหาเซเลนสกีว่า เป็นฝ่ายลากสหรัฐเข้าสู่สงครามที่ “ไม่มีทางชนะได้”

    ▪️ เซเลนสกีทำตามที่ไบเดนมอบบทบาทให้ทุกอย่าง และปัจจุบันปฏิเสธที่จะลงแข่งขันการเลือกตั้งเนื่องจากคะแนนนิยมต่ำ

    ▪️ และยังโจมตีเซเลนสกีว่าต้องการดำเนินความขัดแย้งกับรัสเซียต่อไปเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทนด้านการเงิน

    ทรัมป์เน้นย้ำว่า ไม่สนใจว่าเซเลนสกีจะตัดสินใจเรื่องเจรจาอย่างไร แต่รัฐบาลของเขาจะดำเนินการต่อไปจนกว่าการ “เจรจาจะประสบความสำเร็จ” กับรัสเซียในการยุติความขัดแย้งในยูเครน

    ทรัมป์โพสต์ถึงเซเลนสกีแรงมาก!!! ▪️ ทรัมป์เรียกเซเลนสกีว่า “ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยในฐานะนักแสดงตลก” ไม่มีความสามารถแก้ไขความขัดแย้งในยูเครนได้ แต่สหรัฐก็ยังให้เงินเขา ▪️ ทรัมป์ยังเรียกเซเลนสกีว่า “เผด็จการที่ไม่เอาการเลือกตั้ง” และกล่าวหาว่าเซเลนสกีปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้ง ▪️ ทรัมป์ยังกล่าวอีกว่าหากไม่มีสหรัฐเข้าช่วย เซเลนสกี “จะไม่มีวัน” ได้เจรจาสันติภาพกับรัสเซียอย่างแน่นอน ▪️ ทรัมป์กล่าวหาเซเลนสกีว่า เป็นฝ่ายลากสหรัฐเข้าสู่สงครามที่ “ไม่มีทางชนะได้” ▪️ เซเลนสกีทำตามที่ไบเดนมอบบทบาทให้ทุกอย่าง และปัจจุบันปฏิเสธที่จะลงแข่งขันการเลือกตั้งเนื่องจากคะแนนนิยมต่ำ ▪️ และยังโจมตีเซเลนสกีว่าต้องการดำเนินความขัดแย้งกับรัสเซียต่อไปเพื่อหวังผลประโยชน์ตอบแทนด้านการเงิน ทรัมป์เน้นย้ำว่า ไม่สนใจว่าเซเลนสกีจะตัดสินใจเรื่องเจรจาอย่างไร แต่รัฐบาลของเขาจะดำเนินการต่อไปจนกว่าการ “เจรจาจะประสบความสำเร็จ” กับรัสเซียในการยุติความขัดแย้งในยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรตีนจากนมพืชดีอย่างไร ?

    โปรตีนจากนมพืช (Plant-based milk protein) เป็นโปรตีนที่ได้จากพืช เช่น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ ข้าวโอ๊ต และเมล็ดเจีย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่บริโภคนมสัตว์หรือแพ้นมวัว นี่คือประโยชน์หลักๆ ของโปรตีนจากนมพืช:

    ### 1. **เหมาะสำหรับผู้แพ้นมวัว**
    - ผู้ที่แพ้แลคโตสหรือโปรตีนจากนมวัวสามารถบริโภคโปรตีนจากนมพืชได้โดยไม่มีปัญหา เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบของนมสัตว์

    ### 2. **ดีต่อสุขภาพหัวใจ**
    - นมพืชส่วนใหญ่มีไขมันอิ่มตัวต่ำ และไม่มีคอเลสเตอรอล ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด
    - นมถั่วเหลืองมีไขมันดี (HDL) และกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยบำรุงหัวใจ

    ### 3. **อุดมด้วยสารอาหาร**
    - นมถั่วเหลืองมีโปรตีนสูงใกล้เคียงกับนมวัว และมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน
    - นมพืชบางชนิดเสริมแคลเซียม วิตามินดี และวิตามินบี 12 เพื่อให้ได้สารอาหารใกล้เคียงนมวัว

    ### 4. **ช่วยควบคุมน้ำหนัก**
    - นมพืชมักมีแคลอรีต่ำกว่านมวัว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
    - มีไฟเบอร์สูง โดยเฉพาะนมข้าวโอ๊ตและนมอัลมอนด์ ช่วยให้อิ่มนานขึ้น

    ### 5. **ดีต่อระบบย่อยอาหาร**
    - นมพืชย่อยง่ายกว่านมวัว และไม่มีแลคโตสที่อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องเสียในบางคน

    ### 6. **เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม**
    - การผลิตนมพืชใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยกว่า และปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าการผลิตนมวัว

    ### 7. **เหมาะกับผู้ทานมังสวิรัติ**
    - โปรตีนจากนมพืชเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือวีแกน

    ### ข้อควรระวัง
    - ควรเลือกนมพืชที่ไม่เติมน้ำตาลหรือสารปรุงแต่งมากเกินไป
    - ตรวจสอบให้แน่ใจว่านมพืชที่เลือกมีโปรตีนเพียงพอ โดยเฉพาะนมถั่วเหลืองที่มีโปรตีนสูงสุด

    สรุปว่าโปรตีนจากนมพืชเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงนมสัตว์หรือมีข้อจำกัดด้านอาหาร
    โปรตีนจากนมพืชดีอย่างไร ? โปรตีนจากนมพืช (Plant-based milk protein) เป็นโปรตีนที่ได้จากพืช เช่น ถั่วเหลือง อัลมอนด์ ข้าวโอ๊ต และเมล็ดเจีย ซึ่งกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเนื่องจากมีประโยชน์ต่อสุขภาพและเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ไม่บริโภคนมสัตว์หรือแพ้นมวัว นี่คือประโยชน์หลักๆ ของโปรตีนจากนมพืช: ### 1. **เหมาะสำหรับผู้แพ้นมวัว** - ผู้ที่แพ้แลคโตสหรือโปรตีนจากนมวัวสามารถบริโภคโปรตีนจากนมพืชได้โดยไม่มีปัญหา เนื่องจากไม่มีส่วนประกอบของนมสัตว์ ### 2. **ดีต่อสุขภาพหัวใจ** - นมพืชส่วนใหญ่มีไขมันอิ่มตัวต่ำ และไม่มีคอเลสเตอรอล ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด - นมถั่วเหลืองมีไขมันดี (HDL) และกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยบำรุงหัวใจ ### 3. **อุดมด้วยสารอาหาร** - นมถั่วเหลืองมีโปรตีนสูงใกล้เคียงกับนมวัว และมีกรดอะมิโนจำเป็นครบถ้วน - นมพืชบางชนิดเสริมแคลเซียม วิตามินดี และวิตามินบี 12 เพื่อให้ได้สารอาหารใกล้เคียงนมวัว ### 4. **ช่วยควบคุมน้ำหนัก** - นมพืชมักมีแคลอรีต่ำกว่านมวัว จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก - มีไฟเบอร์สูง โดยเฉพาะนมข้าวโอ๊ตและนมอัลมอนด์ ช่วยให้อิ่มนานขึ้น ### 5. **ดีต่อระบบย่อยอาหาร** - นมพืชย่อยง่ายกว่านมวัว และไม่มีแลคโตสที่อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดหรือท้องเสียในบางคน ### 6. **เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม** - การผลิตนมพืชใช้ทรัพยากรธรรมชาติน้อยกว่า และปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าการผลิตนมวัว ### 7. **เหมาะกับผู้ทานมังสวิรัติ** - โปรตีนจากนมพืชเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ทานมังสวิรัติหรือวีแกน ### ข้อควรระวัง - ควรเลือกนมพืชที่ไม่เติมน้ำตาลหรือสารปรุงแต่งมากเกินไป - ตรวจสอบให้แน่ใจว่านมพืชที่เลือกมีโปรตีนเพียงพอ โดยเฉพาะนมถั่วเหลืองที่มีโปรตีนสูงสุด สรุปว่าโปรตีนจากนมพืชเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงนมสัตว์หรือมีข้อจำกัดด้านอาหาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำหรับผู้มีปัญหาอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ลำไส้แปรปรวน
    คำแนะนำในการเลือกกินอาหารจาก รพ.ราชวิถี เป็นแนวทางในการดูแลรักษาโรคได้นะคะ FODMAPs คือกลุ่มอาหารที่มีองค์ประกอบเป็นคาร์โบไฮเดรต ทั้งน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว/คู่ การเลือกกินกลุ่มอาหารตาม FODMAP ต่ำ จะช่วยบรรเทาและควบคุมอาการได้ค่ะ ...
    สำหรับผู้มีปัญหาอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ลำไส้แปรปรวน คำแนะนำในการเลือกกินอาหารจาก รพ.ราชวิถี เป็นแนวทางในการดูแลรักษาโรคได้นะคะ FODMAPs คือกลุ่มอาหารที่มีองค์ประกอบเป็นคาร์โบไฮเดรต ทั้งน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว/คู่ การเลือกกินกลุ่มอาหารตาม FODMAP ต่ำ จะช่วยบรรเทาและควบคุมอาการได้ค่ะ ...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ภาพวิดีโอใหม่**

    จากเหตุครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย
    **ภาพวิดีโอใหม่** จากเหตุครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • 25 ปี "โคบอลต์-60" รั่วไหล สมุทรปราการผวา รังสีที่คร่าชีวิต 3 ศพ เจ็บ 7 ราย หายนะร้านรับซื้อของเก่า

    📅 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 เป็นวันที่สร้างความตื่นตระหนก ให้กับประเทศไทย เมื่อเกิดอุบัติเหตุรังสีรั่วไหล จากสารโคบอลต์-60 ที่สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 7 ราย หลายคนได้รับผลกระทบ จากรังสีแกมมาที่ร้ายแรงที่สุด ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศ

    แม้เหตุการณ์นี้จะผ่านมา 25 ปี แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญ เกี่ยวกับความปลอดภัยในการจัดเก็บ และกำจัดสารกัมมันตรังสี 🛑

    🔥 จุดเริ่มต้นของหายนะ สารรังสีหลุดจากการควบคุม
    เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่ บริษัทกมลสุโกศล อิเล็คทริค จำกัด ได้รับซื้อเครื่องฉายรังสี "โคบอลต์-60" ที่หมดอายุ จากโรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อปี 2537 โดยเก็บไว้ที่โกดังของบริษัท

    ต่อมาในปี 2542 บริษัทได้เคลื่อนย้ายเครื่องฉายรังสี ไปยังลานจอดรถร้าง ย่านซอยอ่อนนุช กรุงเทพฯ โดยไม่มีมาตรการ รักษาความปลอดภัยอย่างเพียงพอ 😱

    นี่กลายเป็นช่องโหว่สำคัญ ที่ทำให้มีคนลักลอบ นำเครื่องฉายรังสีไปขายเป็นเศษเหล็ก โดยไม่รู้ว่าภายในนั้นมี "โคบอลต์-60" ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสี ที่สามารถปล่อยรังสีแกมมา ในระดับอันตราย 🚨

    🚨 เส้นทางของสารกัมมันตรังสี จากซาเล้งสู่ร้านรับซื้อของเก่า
    🛒 24 มกราคม 2543 นายจิตรเสน จันทร์สาขา ซึ่งมีอาชีพเก็บของเก่า ได้รับซื้อเศษเหล็กปริศนา มาจากกลุ่มที่ลักลอบนำไปขาย

    📍 1 กุมภาพันธ์ 2543 นายจิตรเสนนำชิ้นส่วนโลหะ ไปขายให้ ร้านรับซื้อของเก่า "สมจิตร" ในซอยวัดมหาวงษ์ ตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง สมุทรปราการ

    🔧 ขณะที่พยายามตัดแยกชิ้นส่วน ลูกจ้าง 2 คนของร้านรับซื้อของเก่า ใช้เครื่องตัดเหล็กแบบแก๊ส ผ่าออก พบแท่งโลหะ 2 ชิ้น และมีควันสีเหลือง ที่มีกลิ่นเหม็นออกมา โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือ สารกัมมันตรังสี ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต! ☢️

    ☢️ ผลกระทบจากรังสี โรครังสีเฉียบพลัน
    🔬 15-17 กุมภาพันธ์ 2543 ผู้ที่สัมผัสรังสีเริ่มมีอาการรุนแรง เช่น
    ✅ อ่อนเพลีย
    ✅ มือบวมพอง
    ✅ แผลไหม้พุพอง
    ✅ เม็ดเลือดขาวต่ำ
    ✅ ผมร่วง

    18 กุมภาพันธ์ 2543 เมื่อแพทย์พบว่า ผู้ป่วยทั้งหมดมีอาการคล้ายกัน จึงสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากการได้รับรังสีรุนแรง และแจ้งไปยัง สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส.)

    🏥 การเสียชีวิตจากรังสีแกมมา
    📅 9 มีนาคม 2543 นายนิพนธ์ พันธุ์ขันธ์ ลูกจ้างร้านรับซื้อของเก่า เสียชีวิตเป็นรายแรก จากการติดเชื้อในกระแสเลือด เนื่องจากเม็ดเลือดขาว ถูกทำลายจากรังสี

    📅 18 มีนาคม 2543 นายสุดใจ ใจเร็ว ลูกจ้างอีกคน เสียชีวิตจากภาวะเดียวกัน

    📅 24 มีนาคม 2543 สามีของนางสมจิตร เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า เสียชีวิตเป็นรายที่ 3

    📌 แม้นายจิตรเสน จะรอดชีวิตมาได้ แต่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในไอซียู และถูกตัดนิ้วมือ ที่ได้รับรังสีสูง

    นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์รายหนึ่งที่ได้รับรังสี ต้องทำแท้ง เนื่องจากความเสี่ยงที่รังสี จะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์

    ⚖️ คดีความ
    ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ได้รวมตัวกันฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จากรัฐและเอกชน

    📌 คดีศาลปกครอง ศาลสูงสุดพิพากษา ให้สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส.) จ่ายค่าสินไหมทดแทน 5.2 ล้านบาท

    📌 คดีศาลแพ่ง ศาลฎีกาพิพากษาให้ บริษัทกมลสุโกศล อิเล็คทริค จำกัด จ่ายค่าเสียหาย 529,276 บาท

    แต่ท้ายที่สุด บริษัทไม่ได้รับผิดชอบต่อประชาชน ตามที่กล่าวอ้าง

    ❗ บทเรียนจากโศกนาฏกรรม
    🔹 การขาดมาตรการจัดเก็บที่ปลอดภัย ทำให้สารกัมมันตรังสี รั่วไหลออกจากการควบคุม

    🔹 การขาดความรู้ของประชาชน ทำให้มีคนสัมผัสสารรังสีโดยไม่รู้ตัว

    🔹 ความล่าช้าในการจัดการของรัฐ ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรง

    แม้ว่าประเทศไทยจะมี สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ เป็นหน่วยงานกำกับดูแล แต่การขาดการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเคร่งครัด ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

    📌 เหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก
    25 ปีผ่านไป เหตุการณ์ โคบอลต์-60 รั่วไหล ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ที่แสดงให้เห็นว่า ความประมาท และการละเลยมาตรฐานความปลอดภัย ด้านกัมมันตรังสี อาจนำไปสู่หายนะร้ายแรง

    📢 มาตรการป้องกันที่ควรมี
    ✅ การจัดเก็บสารกัมมันตรังสี ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล
    ✅ การตรวจสอบของหน่วยงานรัฐ ที่เคร่งครัด
    ✅ การให้ความรู้เกี่ยวกับ อันตรายของสารรังสีแก่ประชาชน
    ✅ การจัดการกากกัมมันตรังสีที่ถูกต้อง

    หากไม่มีการปฏิบัติตามมาตรการเหล่านี้ อุบัติเหตุจากรังสี อาจเกิดขึ้นซ้ำได้ทุกเมื่อ ☢️

    📢 คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
    1. โคบอลต์-60 คืออะไร?
    โคบอลต์-60 เป็นสารกัมมันตรังสี ที่ใช้ในทางการแพทย์ และอุตสาหกรรม แต่สามารถปล่อยรังสีแกมมา ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

    2. รังสีแกมมา ทำอันตรายต่อร่างกายอย่างไร?
    รังสีแกมมา สามารถทำลายเซลล์ในร่างกาย ส่งผลให้เกิดมะเร็ง ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ผิวหนังไหม้ และอวัยวะล้มเหลว

    3. เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบ ต่อกฎหมายไทยอย่างไร?
    เหตุการณ์นี้ นำไปสู่การปรับปรุง มาตรการควบคุมสารกัมมันตรังสี ให้เข้มงวดมากขึ้น แต่ยังมีข้อบกพร่อง ในการบังคับใช้

    4. ประเทศไทยมีมาตรการป้องกัน อุบัติเหตุรังสีหรือไม่?
    มีสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส.) กำกับดูแล แต่การบังคับใช้กฎหมาย ยังขาดความเข้มงวด

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181220 ก.พ. 2568

    #️⃣ #โคบอลต์60 #สมุทรปราการ #รังสีรั่วไหล #ภัยรังสี #ความปลอดภัย #พลังงานปรมาณู #อันตรายจากรังสี #รังสีแกมมา #ข่าวดัง #บทเรียนจากอดีต 🚨
    25 ปี "โคบอลต์-60" รั่วไหล สมุทรปราการผวา รังสีที่คร่าชีวิต 3 ศพ เจ็บ 7 ราย หายนะร้านรับซื้อของเก่า 📅 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2543 เป็นวันที่สร้างความตื่นตระหนก ให้กับประเทศไทย เมื่อเกิดอุบัติเหตุรังสีรั่วไหล จากสารโคบอลต์-60 ที่สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีก 7 ราย หลายคนได้รับผลกระทบ จากรังสีแกมมาที่ร้ายแรงที่สุด ครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศ แม้เหตุการณ์นี้จะผ่านมา 25 ปี แต่ยังเป็นบทเรียนสำคัญ เกี่ยวกับความปลอดภัยในการจัดเก็บ และกำจัดสารกัมมันตรังสี 🛑 🔥 จุดเริ่มต้นของหายนะ สารรังสีหลุดจากการควบคุม เหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่ บริษัทกมลสุโกศล อิเล็คทริค จำกัด ได้รับซื้อเครื่องฉายรังสี "โคบอลต์-60" ที่หมดอายุ จากโรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อปี 2537 โดยเก็บไว้ที่โกดังของบริษัท ต่อมาในปี 2542 บริษัทได้เคลื่อนย้ายเครื่องฉายรังสี ไปยังลานจอดรถร้าง ย่านซอยอ่อนนุช กรุงเทพฯ โดยไม่มีมาตรการ รักษาความปลอดภัยอย่างเพียงพอ 😱 นี่กลายเป็นช่องโหว่สำคัญ ที่ทำให้มีคนลักลอบ นำเครื่องฉายรังสีไปขายเป็นเศษเหล็ก โดยไม่รู้ว่าภายในนั้นมี "โคบอลต์-60" ซึ่งเป็นสารกัมมันตรังสี ที่สามารถปล่อยรังสีแกมมา ในระดับอันตราย 🚨 🚨 เส้นทางของสารกัมมันตรังสี จากซาเล้งสู่ร้านรับซื้อของเก่า 🛒 24 มกราคม 2543 นายจิตรเสน จันทร์สาขา ซึ่งมีอาชีพเก็บของเก่า ได้รับซื้อเศษเหล็กปริศนา มาจากกลุ่มที่ลักลอบนำไปขาย 📍 1 กุมภาพันธ์ 2543 นายจิตรเสนนำชิ้นส่วนโลหะ ไปขายให้ ร้านรับซื้อของเก่า "สมจิตร" ในซอยวัดมหาวงษ์ ตำบลสำโรง อำเภอพระประแดง สมุทรปราการ 🔧 ขณะที่พยายามตัดแยกชิ้นส่วน ลูกจ้าง 2 คนของร้านรับซื้อของเก่า ใช้เครื่องตัดเหล็กแบบแก๊ส ผ่าออก พบแท่งโลหะ 2 ชิ้น และมีควันสีเหลือง ที่มีกลิ่นเหม็นออกมา โดยไม่รู้เลยว่านั่นคือ สารกัมมันตรังสี ที่เป็นอันตรายถึงชีวิต! ☢️ ☢️ ผลกระทบจากรังสี โรครังสีเฉียบพลัน 🔬 15-17 กุมภาพันธ์ 2543 ผู้ที่สัมผัสรังสีเริ่มมีอาการรุนแรง เช่น ✅ อ่อนเพลีย ✅ มือบวมพอง ✅ แผลไหม้พุพอง ✅ เม็ดเลือดขาวต่ำ ✅ ผมร่วง 18 กุมภาพันธ์ 2543 เมื่อแพทย์พบว่า ผู้ป่วยทั้งหมดมีอาการคล้ายกัน จึงสันนิษฐานว่า น่าจะเกิดจากการได้รับรังสีรุนแรง และแจ้งไปยัง สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส.) 🏥 การเสียชีวิตจากรังสีแกมมา 📅 9 มีนาคม 2543 นายนิพนธ์ พันธุ์ขันธ์ ลูกจ้างร้านรับซื้อของเก่า เสียชีวิตเป็นรายแรก จากการติดเชื้อในกระแสเลือด เนื่องจากเม็ดเลือดขาว ถูกทำลายจากรังสี 📅 18 มีนาคม 2543 นายสุดใจ ใจเร็ว ลูกจ้างอีกคน เสียชีวิตจากภาวะเดียวกัน 📅 24 มีนาคม 2543 สามีของนางสมจิตร เจ้าของร้านรับซื้อของเก่า เสียชีวิตเป็นรายที่ 3 📌 แม้นายจิตรเสน จะรอดชีวิตมาได้ แต่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในไอซียู และถูกตัดนิ้วมือ ที่ได้รับรังสีสูง นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์รายหนึ่งที่ได้รับรังสี ต้องทำแท้ง เนื่องจากความเสี่ยงที่รังสี จะส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์ ⚖️ คดีความ ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ ได้รวมตัวกันฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย จากรัฐและเอกชน 📌 คดีศาลปกครอง ศาลสูงสุดพิพากษา ให้สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส.) จ่ายค่าสินไหมทดแทน 5.2 ล้านบาท 📌 คดีศาลแพ่ง ศาลฎีกาพิพากษาให้ บริษัทกมลสุโกศล อิเล็คทริค จำกัด จ่ายค่าเสียหาย 529,276 บาท แต่ท้ายที่สุด บริษัทไม่ได้รับผิดชอบต่อประชาชน ตามที่กล่าวอ้าง ❗ บทเรียนจากโศกนาฏกรรม 🔹 การขาดมาตรการจัดเก็บที่ปลอดภัย ทำให้สารกัมมันตรังสี รั่วไหลออกจากการควบคุม 🔹 การขาดความรู้ของประชาชน ทำให้มีคนสัมผัสสารรังสีโดยไม่รู้ตัว 🔹 ความล่าช้าในการจัดการของรัฐ ทำให้เกิดผลกระทบรุนแรง แม้ว่าประเทศไทยจะมี สำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ เป็นหน่วยงานกำกับดูแล แต่การขาดการบังคับใช้กฎหมาย อย่างเคร่งครัด ทำให้เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น 📌 เหตุการณ์ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีก 25 ปีผ่านไป เหตุการณ์ โคบอลต์-60 รั่วไหล ยังคงเป็นบทเรียนสำคัญ ที่แสดงให้เห็นว่า ความประมาท และการละเลยมาตรฐานความปลอดภัย ด้านกัมมันตรังสี อาจนำไปสู่หายนะร้ายแรง 📢 มาตรการป้องกันที่ควรมี ✅ การจัดเก็บสารกัมมันตรังสี ให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ✅ การตรวจสอบของหน่วยงานรัฐ ที่เคร่งครัด ✅ การให้ความรู้เกี่ยวกับ อันตรายของสารรังสีแก่ประชาชน ✅ การจัดการกากกัมมันตรังสีที่ถูกต้อง หากไม่มีการปฏิบัติตามมาตรการเหล่านี้ อุบัติเหตุจากรังสี อาจเกิดขึ้นซ้ำได้ทุกเมื่อ ☢️ 📢 คำถามที่พบบ่อย (FAQs) 1. โคบอลต์-60 คืออะไร? โคบอลต์-60 เป็นสารกัมมันตรังสี ที่ใช้ในทางการแพทย์ และอุตสาหกรรม แต่สามารถปล่อยรังสีแกมมา ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ 2. รังสีแกมมา ทำอันตรายต่อร่างกายอย่างไร? รังสีแกมมา สามารถทำลายเซลล์ในร่างกาย ส่งผลให้เกิดมะเร็ง ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ผิวหนังไหม้ และอวัยวะล้มเหลว 3. เหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบ ต่อกฎหมายไทยอย่างไร? เหตุการณ์นี้ นำไปสู่การปรับปรุง มาตรการควบคุมสารกัมมันตรังสี ให้เข้มงวดมากขึ้น แต่ยังมีข้อบกพร่อง ในการบังคับใช้ 4. ประเทศไทยมีมาตรการป้องกัน อุบัติเหตุรังสีหรือไม่? มีสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ (พปส.) กำกับดูแล แต่การบังคับใช้กฎหมาย ยังขาดความเข้มงวด ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 181220 ก.พ. 2568 #️⃣ #โคบอลต์60 #สมุทรปราการ #รังสีรั่วไหล #ภัยรังสี #ความปลอดภัย #พลังงานปรมาณู #อันตรายจากรังสี #รังสีแกมมา #ข่าวดัง #บทเรียนจากอดีต 🚨
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • 6/
    ภาพเครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย

    บนเครื่องมีผู้โดยสาร 76 คน และลูกเรืออีก 4 คน ทั้งหมดได้ถูกอพยพลงจากเครื่องแล้ว
    6/ ภาพเครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย บนเครื่องมีผู้โดยสาร 76 คน และลูกเรืออีก 4 คน ทั้งหมดได้ถูกอพยพลงจากเครื่องแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • 5/
    ภาพเครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย

    บนเครื่องมีผู้โดยสาร 76 คน และลูกเรืออีก 4 คน ทั้งหมดได้ถูกอพยพลงจากเครื่องแล้ว
    5/ ภาพเครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย บนเครื่องมีผู้โดยสาร 76 คน และลูกเรืออีก 4 คน ทั้งหมดได้ถูกอพยพลงจากเครื่องแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • 4/
    ภาพเครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย

    บนเครื่องมีผู้โดยสาร 76 คน และลูกเรืออีก 4 คน ทั้งหมดได้ถูกอพยพลงจากเครื่องแล้ว
    4/ ภาพเครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย บนเครื่องมีผู้โดยสาร 76 คน และลูกเรืออีก 4 คน ทั้งหมดได้ถูกอพยพลงจากเครื่องแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • 3/
    ภาพเครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย

    บนเครื่องมีผู้โดยสาร 76 คน และลูกเรืออีก 4 คน ทั้งหมดได้ถูกอพยพลงจากเครื่องแล้ว
    3/ ภาพเครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย บนเครื่องมีผู้โดยสาร 76 คน และลูกเรืออีก 4 คน ทั้งหมดได้ถูกอพยพลงจากเครื่องแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • 2/
    ภาพเครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย

    บนเครื่องมีผู้โดยสาร 76 คน และลูกเรืออีก 4 คน ทั้งหมดได้ถูกอพยพลงจากเครื่องแล้ว
    2/ ภาพเครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย บนเครื่องมีผู้โดยสาร 76 คน และลูกเรืออีก 4 คน ทั้งหมดได้ถูกอพยพลงจากเครื่องแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • 1/
    ภาพเครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย

    บนเครื่องมีผู้โดยสาร 76 คน และลูกเรืออีก 4 คน ทั้งหมดได้ถูกอพยพลงจากเครื่องแล้ว
    1/ ภาพเครื่องบิน CRJ 900 เที่ยวบิน DL4819 ของสายการบินเดลต้าแอร์ไลน์ (Delta Air Lines) ประสบอุบัติเหตุไถลบนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมด้วยหิมะหนาทึบ ก่อนที่เครื่องจะพลิกหงายท้องขณะลงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติโตรอนโต เพียร์ชัน (Toronto Pearson International Airport) ประเทศแคนาดา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 18 ราย ในจำนวนนี้อาการสาหัส 3 ราย บนเครื่องมีผู้โดยสาร 76 คน และลูกเรืออีก 4 คน ทั้งหมดได้ถูกอพยพลงจากเครื่องแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งของสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ส พลิกหงายท้องหลังลงจอดกระแทกที่สนามบินโทรอนโต เพียร์สัน ในแคนาดา ท่ามกลางลมแรง สืบเนื่องจากพายุหิมะ ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย จากทั้งหมด 80 คนบนเครื่องบิน ตามการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่
    .
    ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น มีอยู่ 3 รายที่อาการสาหัส ในนั้นมีเด็กรวมอยู่ด้วย 1 คน
    .
    สายการบินเดลตา เปิดเผยว่าเครื่องบิน CRJ900 ที่ปฏิบัติการโดยสายการบินลูก "เอ็นเดเวอร์แอร์" เป็นเครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุ โดยมันบรรทุกผู้โดยสาร 76 คนและลูกเรือ 4 คน ทั้งนี้ CRJ900 ผลิตโดยบริษัทบอมบาร์เดียร์ของแคนาดา บรรทุกได้สูงสุด 90 คน
    .
    สาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ผู้ใช้บนสื่อสังคมออนไลน์รายหนึ่งโพสต์วิดีโอหลังเกิดเหตุ เป็นภาพรถดับเพลิงกำลังฉีดน้ำเข้าใส่เครื่องบิน ที่พลิกหงายท้องอยู่บนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ
    .
    "เราอยู่ในโทรอนโต เราเพิ่งลงจอด เครื่องบินของเรากระแทกและมันพลิกหงายท้อง หน่วยดับเพลิงอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว แม้พลิกหงายท้อง แต่ทุกๆ คน ผู้คนเกือบทั้งหมดปลอดภัยดี เรากำลังออกไป มีควันคลุ้งออกมาบ้าง" จอห์น เบลสัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งบรรยายภาพในวิดีโอ
    .
    ท่าอากาศยานเพียร์สัน บอกก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่ากำลังรับมือกับลมแรงและอุณหภูมิเย็นยะเยือก ส่วนสายการบินต่างๆ ก็พยายามบริหารจัดการกับเที่ยวบินต่างๆ ที่ต้องยกเลิก หลังจากพายุหิมะในช่วงสุดสัปดาห์ ที่เทหิมะลงมาหนาถึง 22 เซนติเมตร บริเวณสนามบิน
    .
    ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย มีอยู่ 2 คนที่ถูกลำเลียงทางอากาศไปยังศูนย์อุบัติเหตุ ส่วนเด็กถูกพาไปยังโรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่ง ขณะที่อีก 12 ที่เหลือ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล "เราไม่มีผู้เสียชีวิต และเราพบตัวลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมดแล้ว" หัวหน้าหน่วยการแพทย์ฉุกเฉินระบุ
    .
    สนามบินโทรอนโต ต้องปิดทำการเป็นเวลา 90 นาที ก่อนกลับมาเปิดปฏิบัติการทั้งเที่ยวบินขาเข้าและขาออกหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม มันทำให้หลายเที่ยวบินต้องเบี่ยงไปลงจอดที่ท่าอากาศยานอื่นๆ และก่อปัญหาดีเลย์ตามสนามบินนั้นๆ ในนั้นรวมถึงสนามบินทรูโด ในมอนทรีออล ที่เผยว่ากำลังเตรียมพร้อมรองรับอีกหลายเที่ยวบินที่ต้องเบี่ยงมาลงจอด ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจก่อปัญหาล่าช้าเพิ่มเติม
    .
    คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งของแคนาดา (TSB) เผยว่ากำลังส่งคณะทำงานลงพื้นที่เพื่อทำการสืบสวน ส่วนคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่าทีมสืบสวนของพวกเขาจะเข้าข่วยเหลือทีมงานของ TSB ด้วยเช่นกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015977
    ..............
    Sondhi X
    เครื่องบินโดยสารลำหนึ่งของสายการบินเดลตา แอร์ไลน์ส พลิกหงายท้องหลังลงจอดกระแทกที่สนามบินโทรอนโต เพียร์สัน ในแคนาดา ท่ามกลางลมแรง สืบเนื่องจากพายุหิมะ ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย จากทั้งหมด 80 คนบนเครื่องบิน ตามการเปิดเผยของพวกเจ้าหน้าที่ . ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น มีอยู่ 3 รายที่อาการสาหัส ในนั้นมีเด็กรวมอยู่ด้วย 1 คน . สายการบินเดลตา เปิดเผยว่าเครื่องบิน CRJ900 ที่ปฏิบัติการโดยสายการบินลูก "เอ็นเดเวอร์แอร์" เป็นเครื่องบินลำที่ประสบอุบัติเหตุ โดยมันบรรทุกผู้โดยสาร 76 คนและลูกเรือ 4 คน ทั้งนี้ CRJ900 ผลิตโดยบริษัทบอมบาร์เดียร์ของแคนาดา บรรทุกได้สูงสุด 90 คน . สาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่ผู้ใช้บนสื่อสังคมออนไลน์รายหนึ่งโพสต์วิดีโอหลังเกิดเหตุ เป็นภาพรถดับเพลิงกำลังฉีดน้ำเข้าใส่เครื่องบิน ที่พลิกหงายท้องอยู่บนรันเวย์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ . "เราอยู่ในโทรอนโต เราเพิ่งลงจอด เครื่องบินของเรากระแทกและมันพลิกหงายท้อง หน่วยดับเพลิงอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว แม้พลิกหงายท้อง แต่ทุกๆ คน ผู้คนเกือบทั้งหมดปลอดภัยดี เรากำลังออกไป มีควันคลุ้งออกมาบ้าง" จอห์น เบลสัน ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งบรรยายภาพในวิดีโอ . ท่าอากาศยานเพียร์สัน บอกก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (17 ก.พ.) ว่ากำลังรับมือกับลมแรงและอุณหภูมิเย็นยะเยือก ส่วนสายการบินต่างๆ ก็พยายามบริหารจัดการกับเที่ยวบินต่างๆ ที่ต้องยกเลิก หลังจากพายุหิมะในช่วงสุดสัปดาห์ ที่เทหิมะลงมาหนาถึง 22 เซนติเมตร บริเวณสนามบิน . ในบรรดาผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 ราย มีอยู่ 2 คนที่ถูกลำเลียงทางอากาศไปยังศูนย์อุบัติเหตุ ส่วนเด็กถูกพาไปยังโรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่ง ขณะที่อีก 12 ที่เหลือ ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาล "เราไม่มีผู้เสียชีวิต และเราพบตัวลูกเรือและผู้โดยสารทั้งหมดแล้ว" หัวหน้าหน่วยการแพทย์ฉุกเฉินระบุ . สนามบินโทรอนโต ต้องปิดทำการเป็นเวลา 90 นาที ก่อนกลับมาเปิดปฏิบัติการทั้งเที่ยวบินขาเข้าและขาออกหลังจากนั้น อย่างไรก็ตาม มันทำให้หลายเที่ยวบินต้องเบี่ยงไปลงจอดที่ท่าอากาศยานอื่นๆ และก่อปัญหาดีเลย์ตามสนามบินนั้นๆ ในนั้นรวมถึงสนามบินทรูโด ในมอนทรีออล ที่เผยว่ากำลังเตรียมพร้อมรองรับอีกหลายเที่ยวบินที่ต้องเบี่ยงมาลงจอด ซึ่งแน่นอนว่ามันอาจก่อปัญหาล่าช้าเพิ่มเติม . คณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งของแคนาดา (TSB) เผยว่ากำลังส่งคณะทำงานลงพื้นที่เพื่อทำการสืบสวน ส่วนคณะกรรมการความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งชาติสหรัฐฯ เผยว่าทีมสืบสวนของพวกเขาจะเข้าข่วยเหลือทีมงานของ TSB ด้วยเช่นกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000015977 .............. Sondhi X
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1686 มุมมอง 1 รีวิว
  • #อาการ #โรคสะสมของ
    https://youtu.be/uy39WAz8D9Q
    #อาการ #โรคสะสมของ https://youtu.be/uy39WAz8D9Q
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก้าวไกลไม่สำนึก ออกอาการ หลังโดนข้อหาหนัก จากการยื่นแก้ไขมาตรา 112
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    ก้าวไกลไม่สำนึก ออกอาการ หลังโดนข้อหาหนัก จากการยื่นแก้ไขมาตรา 112 #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Love
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • กรณี ป.ป.ช.ส่งหนังสือลับเรียก 44 ส.ส.พรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหา ปม มาตรา112 ทำเอาบรรดาขุนพลเสื้อส้ม หลายคนเก็บอาการไม่อยู่ ออกมาใช้สื่อออนไลน์วิจารณ์การทำงานของ ป.ป.ช.อย่างดุเดือด

    #112เขย่าขวัญพรรคส้ม #พรรคส้มวิกฤต #25สสเสี่ยงหลุดเก้าอี้ #มาตรา112 #พรรคประชาชน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    กรณี ป.ป.ช.ส่งหนังสือลับเรียก 44 ส.ส.พรรคก้าวไกล รับทราบข้อกล่าวหา ปม มาตรา112 ทำเอาบรรดาขุนพลเสื้อส้ม หลายคนเก็บอาการไม่อยู่ ออกมาใช้สื่อออนไลน์วิจารณ์การทำงานของ ป.ป.ช.อย่างดุเดือด #112เขย่าขวัญพรรคส้ม #พรรคส้มวิกฤต #25สสเสี่ยงหลุดเก้าอี้ #มาตรา112 #พรรคประชาชน #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Love
    Haha
    19
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1380 มุมมอง 47 0 รีวิว
  • พระกัจจายนะ พระแอด รุ่นสมโภชพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ปี2539
    พระกัจจายนะ พระแอด รุ่นสมโภชพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ปี2539 //พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง นามว่า “พระกัจจายนะ” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “พระแอด” ซึ่งประดิษฐานอยู่ใน “วิหารพระมหากัจจายนะ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ ขอลูกได้ หายเจ็บป่วย โชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยโภคทรัพย์ ขอพรในเรื่องของสุขภาพและความเจ็บป่วย ช่วยดลบันดาลให้หายจากความเจ็บไข้ โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อย ปวดเอว ปวดหลัง >>

    ** “พระกัจจายนะ” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “พระแอด” ซึ่งประดิษฐานอยู่ใน “วิหารพระมหากัจจายนะ (พระแอด)” เป็นพระพุทธรูปสีทองอร่าม ลักษณะรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ใบหน้ายิ้มแย้มมีเมตตา เป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คนในแถบนั้น ซึ่งนิยมมากราบไหว้เพื่อขอพรในเรื่องของสุขภาพและความเจ็บป่วย เพราะเชื่อกันว่าพระแอดจะช่วยดลบันดาลให้หายจากความเจ็บไข้ โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อย ปวดเอว ปวดหลัง นอกจากความเจ็บป่วยแล้ว อีกหนึ่งอภินิหารของพระแอดที่เป็นประจักษ์ก็คือการ “ขอลูก” ซึ่งเชื่อกันว่าท่านมีเมตตาบันดาลลูกให้แก่ผู้ที่มีลูกยาก ความสำเร็จตามคำขอ >>


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131

    พระกัจจายนะ พระแอด รุ่นสมโภชพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ปี2539 พระกัจจายนะ พระแอด รุ่นสมโภชพระบรมธาตุ จ.นครศรีธรรมราช ปี2539 //พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์หนึ่ง นามว่า “พระกัจจายนะ” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “พระแอด” ซึ่งประดิษฐานอยู่ใน “วิหารพระมหากัจจายนะ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ ขอลูกได้ หายเจ็บป่วย โชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ อุดมด้วยโภคทรัพย์ ขอพรในเรื่องของสุขภาพและความเจ็บป่วย ช่วยดลบันดาลให้หายจากความเจ็บไข้ โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อย ปวดเอว ปวดหลัง >> ** “พระกัจจายนะ” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “พระแอด” ซึ่งประดิษฐานอยู่ใน “วิหารพระมหากัจจายนะ (พระแอด)” เป็นพระพุทธรูปสีทองอร่าม ลักษณะรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ ใบหน้ายิ้มแย้มมีเมตตา เป็นที่เคารพศรัทธาของผู้คนในแถบนั้น ซึ่งนิยมมากราบไหว้เพื่อขอพรในเรื่องของสุขภาพและความเจ็บป่วย เพราะเชื่อกันว่าพระแอดจะช่วยดลบันดาลให้หายจากความเจ็บไข้ โดยเฉพาะอาการปวดเมื่อย ปวดเอว ปวดหลัง นอกจากความเจ็บป่วยแล้ว อีกหนึ่งอภินิหารของพระแอดที่เป็นประจักษ์ก็คือการ “ขอลูก” ซึ่งเชื่อกันว่าท่านมีเมตตาบันดาลลูกให้แก่ผู้ที่มีลูกยาก ความสำเร็จตามคำขอ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts