• อาทิตย์นี้มาโพสต์เร็วหน่อย เรามาคุยต่อกับ <ตำนานหมิงหลัน> เพราะละครเรื่องนี้มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางวัฒนธรรมให้เรียนรู้พอควร วันนี้ว่าด้วยฉากแต่งงานของพระนาง

    ความมีอยู่ว่า
    “ได้ยินมานานว่าผู้บังคับบัญชากู้เก่งด้านวรรณกรรม งั้นมาแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวกันหน่อยดีกว่า ทุกคนรู้สึกว่าดี ถึงจะอนุญาตให้เข้าประตูมารับเจ้าสาวได้” คุณชายเขยห้ากล่าว
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (ตามที่มีแปลซับไทยจ้า)

    เพื่อนเพจเชื้อสายจีนน่าจะคุ้นเคยดีกับธรรมเนียมที่ขบวนเจ้าบ่าวจะโดน ‘กั้นประตู’ ก่อนเข้าไปรับเจ้าสาวที่แต่งตัวเสร็จรออยู่แล้ว โดยปัจจุบันอาจต้องเล่นเกมต่างๆ เพื่อแลกกับการเปิดประตู และที่แน่ๆ ต้องมีแจกซองอั่งเปา

    ธรรมเนียมนี้ถูก ‘แปลงร่าง’ มาจากประเพณีเดิมตอนรับตัวเจ้าสาวในจีนโบราณ ในบันทึกประเพณีสมัยราชวงศ์เหนือใต้มีการระบุว่า หนึ่งในขั้นตอนการรับตัวเจ้าสาวคือมีการตะโกนเรียกเร่งให้นางแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จออกมาไวๆ ขั้นตอนนี้เรียกว่า ‘ชุยจวง’ (催装) เนื่องจากสมัยจีนโบราณจริงๆ แล้วมักจัดพิธีกราบไหว้ฟ้าดินในตอนเย็นก่อนมืด ซึ่งโดยปกติเจ้าสาวจะใช้เวลาแต่งตัวแต่งหน้านานมาก จึงมีการเร่งให้เจ้าสาวออกมาก่อนฟ้าจะมืด และเกิดการ ‘แกล้ง’ ขบวนเจ้าบ่าวก่อนจะเปิดประตูให้รับเจ้าสาวได้ ถึงขนาดใช้ไม้พลองหวดเจ้าบ่าวก็มี (!) ซึ่งการกลั่นแกล้งเหล่านี้เจ้าบ่าวต้องยอมรับแต่โดยดีและมีชื่อเรียกวิธีปฏิบัตินี้ว่า ‘เซี่ยซวี่’ (下婿 แปลตรงตัวได้ประมาณว่าเขยยอมเป็นเบี้ยล่าง)

    ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ถังที่การอักษรและโคลงกลอนรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จึงเกิดเป็นธรรมเนียมการแต่ง ‘กลอนเร่งเจ้าสาว’ หรือที่เรียกว่า ‘ชุยจวงซือ’ (催妆诗) สำหรับชนชั้นสูงที่มีการศึกษา โดยเจ้าบ่าวจะแต่งกลอนเองก็ได้หรือให้เพื่อนเจ้าบ่าวแต่งก็ได้ เมื่อแต่งกลอนเสร็จแล้วก็จะมีคนนำไปเล่าให้เจ้าสาวฟังถึงในห้องเพื่อว่านางจะได้รีบออกมา

    กลอนเร่งเจ้าสาวจะมีเนื้อหาแตกต่างจากบทกวีสมัยถังทั่วไป โดยเอกลักษณ์ของมันคือมีเนื้อหาออกแนวเกี้ยวพาราสีหรือชมความงามเจ้าสาว ได้อารมณ์ประมาณว่า เจ้าอย่าเอียงอายรีบออกมาเถิดเราจะได้รีบไปกัน! จะเห็นว่าบทกลอนเร่งเจ้าสาวในเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> ก็ได้อารมณ์นี้เช่นกัน

    และเนื่องจากในสมัยราชวงศ์ซ่งมีการนิยมบทกวีในลักษณะ ‘ฉือ’ (词) มากกว่า ‘ซือ’ (诗) (Storyฯ เคยเขียนถึงความแตกต่างของบทกวีสองประเภทนี้ไปแล้วในตอนชื่อนิยายหมิงหลัน) ดังนั้นในสมัยซ่งจึงมีการแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวในแบบสไตล์ ‘ฉือ’ ด้วย เรียกว่า ‘ชุยจวงฉือ’

    เมื่ออยู่ในห้องหอแล้วจะมีขั้นตอนการปลดพัดเจ้าสาวเรียกว่า ‘เชวี่ยซ่าน’ (却扇) แต่ในละครทำอย่างง่ายๆ หากทำแบบเต็มพิธีการจริงๆ ในสมัยถังเขาจะให้เจ้าบ่าวแต่งกลอนอีกรอบค่ะ เรียกว่า ‘เชวี่ยซ่านซือ’ หากเจ้าสาวพอใจจึงจะวางพัดลง แต่ Storyฯ หาข้อมูลไม่มีว่าเขาอนุญาตให้เพื่อนเจ้าบ่าวตามเข้ามาช่วยแต่งกลอนหรือไม่ (555) ดูไปแล้ว กว่าจะรับตัวเจ้าสาวได้นี่ไม่ง่ายเลย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/295145859_100301735
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://rijifang.com/index.php/post/9230.html
    https://www.52lishi.com/article/65423.html
    https://www.zhihu.com/question/446052944/answer/1747492245
    http://travel.china.com.cn/txt/2020-11/10/content_76894055.html

    #หมิงหลัน #กู้ถิงเยี่ย #งานแต่งงานจีนโบราณ #กวีจีน #ประเพณีจีนโบราณ #เซี่ยซวี่ #กลอนเร่งเจ้าสาว #ชุยจวง #ชุยจวงซือ #ชุยจวงฉือ #เชวี่ยซ่าน
    อาทิตย์นี้มาโพสต์เร็วหน่อย เรามาคุยต่อกับ <ตำนานหมิงหลัน> เพราะละครเรื่องนี้มีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางวัฒนธรรมให้เรียนรู้พอควร วันนี้ว่าด้วยฉากแต่งงานของพระนาง ความมีอยู่ว่า “ได้ยินมานานว่าผู้บังคับบัญชากู้เก่งด้านวรรณกรรม งั้นมาแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวกันหน่อยดีกว่า ทุกคนรู้สึกว่าดี ถึงจะอนุญาตให้เข้าประตูมารับเจ้าสาวได้” คุณชายเขยห้ากล่าว - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (ตามที่มีแปลซับไทยจ้า) เพื่อนเพจเชื้อสายจีนน่าจะคุ้นเคยดีกับธรรมเนียมที่ขบวนเจ้าบ่าวจะโดน ‘กั้นประตู’ ก่อนเข้าไปรับเจ้าสาวที่แต่งตัวเสร็จรออยู่แล้ว โดยปัจจุบันอาจต้องเล่นเกมต่างๆ เพื่อแลกกับการเปิดประตู และที่แน่ๆ ต้องมีแจกซองอั่งเปา ธรรมเนียมนี้ถูก ‘แปลงร่าง’ มาจากประเพณีเดิมตอนรับตัวเจ้าสาวในจีนโบราณ ในบันทึกประเพณีสมัยราชวงศ์เหนือใต้มีการระบุว่า หนึ่งในขั้นตอนการรับตัวเจ้าสาวคือมีการตะโกนเรียกเร่งให้นางแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จออกมาไวๆ ขั้นตอนนี้เรียกว่า ‘ชุยจวง’ (催装) เนื่องจากสมัยจีนโบราณจริงๆ แล้วมักจัดพิธีกราบไหว้ฟ้าดินในตอนเย็นก่อนมืด ซึ่งโดยปกติเจ้าสาวจะใช้เวลาแต่งตัวแต่งหน้านานมาก จึงมีการเร่งให้เจ้าสาวออกมาก่อนฟ้าจะมืด และเกิดการ ‘แกล้ง’ ขบวนเจ้าบ่าวก่อนจะเปิดประตูให้รับเจ้าสาวได้ ถึงขนาดใช้ไม้พลองหวดเจ้าบ่าวก็มี (!) ซึ่งการกลั่นแกล้งเหล่านี้เจ้าบ่าวต้องยอมรับแต่โดยดีและมีชื่อเรียกวิธีปฏิบัตินี้ว่า ‘เซี่ยซวี่’ (下婿 แปลตรงตัวได้ประมาณว่าเขยยอมเป็นเบี้ยล่าง) ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ถังที่การอักษรและโคลงกลอนรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก จึงเกิดเป็นธรรมเนียมการแต่ง ‘กลอนเร่งเจ้าสาว’ หรือที่เรียกว่า ‘ชุยจวงซือ’ (催妆诗) สำหรับชนชั้นสูงที่มีการศึกษา โดยเจ้าบ่าวจะแต่งกลอนเองก็ได้หรือให้เพื่อนเจ้าบ่าวแต่งก็ได้ เมื่อแต่งกลอนเสร็จแล้วก็จะมีคนนำไปเล่าให้เจ้าสาวฟังถึงในห้องเพื่อว่านางจะได้รีบออกมา กลอนเร่งเจ้าสาวจะมีเนื้อหาแตกต่างจากบทกวีสมัยถังทั่วไป โดยเอกลักษณ์ของมันคือมีเนื้อหาออกแนวเกี้ยวพาราสีหรือชมความงามเจ้าสาว ได้อารมณ์ประมาณว่า เจ้าอย่าเอียงอายรีบออกมาเถิดเราจะได้รีบไปกัน! จะเห็นว่าบทกลอนเร่งเจ้าสาวในเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> ก็ได้อารมณ์นี้เช่นกัน และเนื่องจากในสมัยราชวงศ์ซ่งมีการนิยมบทกวีในลักษณะ ‘ฉือ’ (词) มากกว่า ‘ซือ’ (诗) (Storyฯ เคยเขียนถึงความแตกต่างของบทกวีสองประเภทนี้ไปแล้วในตอนชื่อนิยายหมิงหลัน) ดังนั้นในสมัยซ่งจึงมีการแต่งกลอนเร่งเจ้าสาวในแบบสไตล์ ‘ฉือ’ ด้วย เรียกว่า ‘ชุยจวงฉือ’ เมื่ออยู่ในห้องหอแล้วจะมีขั้นตอนการปลดพัดเจ้าสาวเรียกว่า ‘เชวี่ยซ่าน’ (却扇) แต่ในละครทำอย่างง่ายๆ หากทำแบบเต็มพิธีการจริงๆ ในสมัยถังเขาจะให้เจ้าบ่าวแต่งกลอนอีกรอบค่ะ เรียกว่า ‘เชวี่ยซ่านซือ’ หากเจ้าสาวพอใจจึงจะวางพัดลง แต่ Storyฯ หาข้อมูลไม่มีว่าเขาอนุญาตให้เพื่อนเจ้าบ่าวตามเข้ามาช่วยแต่งกลอนหรือไม่ (555) ดูไปแล้ว กว่าจะรับตัวเจ้าสาวได้นี่ไม่ง่ายเลย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.sohu.com/a/295145859_100301735 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://rijifang.com/index.php/post/9230.html https://www.52lishi.com/article/65423.html https://www.zhihu.com/question/446052944/answer/1747492245 http://travel.china.com.cn/txt/2020-11/10/content_76894055.html #หมิงหลัน #กู้ถิงเยี่ย #งานแต่งงานจีนโบราณ #กวีจีน #ประเพณีจีนโบราณ #เซี่ยซวี่ #กลอนเร่งเจ้าสาว #ชุยจวง #ชุยจวงซือ #ชุยจวงฉือ #เชวี่ยซ่าน
    WWW.SOHU.COM
    《知否?知否?应是绿肥红瘦》过百亿的播放量能说明什么?_顾廷烨
    作为近150万字的长篇小说,实在是有些长,我并没有看完,也理解作者的不易,本身作为兼职作者,平时工作也比较繁忙,可能只有夜晚的四五个小时可以利用,也会有家里的各种繁杂琐事时不时骚扰,从写法来看,看得出…
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ควอนตัมคอมพิวติ้ง (Quantum Computing)** คือ สาขาหนึ่งของการคำนวณที่ใช้หลักการของ **กลศาสตร์ควอนตัม** เพื่อประมวลผลข้อมูล แทนที่การใช้บิตแบบคลาสสิก (0 หรือ 1) ในคอมพิวเตอร์ทั่วไป ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้ **คิวบิต (Qubit)** ซึ่งสามารถอยู่ในสถานะ **ซ้อนทับ (Superposition)** และ **纠缠 (Entanglement)** ได้ ทำให้มีความสามารถในการคำนวณที่เร็วกว่าในบางงานเฉพาะทาง

    ### **หลักการสำคัญของควอนตัมคอมพิวติ้ง**
    1. **Superposition (สถานะซ้อนทับ)**
    - คิวบิตสามารถเป็นได้ทั้ง 0 และ 1 ในเวลาเดียวกัน (ต่างจากบิตแบบคลาสสิกที่เป็นได้เพียง 0 หรือ 1)
    - ทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ประมวลผลข้อมูลหลายสถานะพร้อมกัน

    2. **Entanglement (การ纠缠)**
    - คิวบิตสามารถเชื่อมโยงกันแม้จะอยู่ห่างไกล การเปลี่ยนแปลงหนึ่งคิวบิตส่งผลต่อคิวบิตที่纠缠กันทันที
    - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคำนวณแบบขนาน

    3. **Quantum Interference (การแทรกสอดควอนตัม)**
    - ใช้เพื่อขยายความน่าจะเป็นของผลลัพธ์ที่ถูกต้องและลดผลลัพธ์ที่ผิด

    ### **ความได้เปรียบของควอนตัมคอมพิวติ้ง**
    - **แก้ปัญหาบางประเภทได้เร็วกว่า** เช่น:
    - **การแยกตัวประกอบจำนวนใหญ่** (สำคัญต่อการ破解การเข้ารหัส RSA) → อัลกอริทึม **Shor's Algorithm**
    - **การค้นหาข้อมูลในฐานข้อมูลขนาดใหญ่** → อัลกอริทึม **Grover's Algorithm**
    - **การจำลองระบบควอนตัม** (เช่น โมเลกุลสำหรับการพัฒนายา)
    - **ปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง (Quantum Machine Learning)**

    ### **ความท้าทาย**
    1. **สัญญาณรบกวนและความผิดพลาด (Noise and Decoherence)**
    - คิวบิตมีความเปราะบางต่อสิ่งรบกวนจากสิ่งแวดล้อม ทำให้สูญเสียสถานะควอนตัม (Quantum Decoherence)
    2. **การแก้ไขข้อผิดพลาด (Quantum Error Correction)**
    - ต้องใช้คิวบิตจำนวนมากเพื่อสร้าง "Logical Qubit" ที่เสถียร
    3. **อุณหภูมิต่ำมาก (Cryogenic Cooling)**
    - ควอนตัมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ต้องทำงานที่อุณหภูมิใกล้ **ศูนย์สัมบูรณ์ (−273°C)**

    ### **สถานะปัจจุบัน (2024)**
    - **บริษัทชั้นนำ** เช่น Google, IBM, Microsoft, และ startups เช่น Rigetti, IonQ กำลังพัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์
    - **IBM** มีระบบ **Quantum Processor** ขนาด **1,000+ คิวบิต** (แต่ยังไม่เสถียรเต็มที่)
    - **Google** อ้างว่าได้บรรลุ **Quantum Supremacy** (แก้ปัญหาที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทำไม่ได้ในเวลาที่สมเหตุสมผล)

    ### **การประยุกต์ใช้ในอนาคต**
    - **การเข้ารหัสและความปลอดภัย** (Post-Quantum Cryptography)
    - **การออกแบบวัสดุใหม่**
    - **การปรับปรุงระบบ logistics และ supply chain**
    - **การพัฒนายาและเคมีควอนตัม**

    ### **สรุป**
    ควอนตัมคอมพิวติ้งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่มีศักยภาพปฏิวัติหลายอุตสาหกรรมในอนาคต อย่างไรก็ตาม ยังต้องแก้ไขปัญหาทางเทคนิคอีกมากก่อนที่จะนำมาใช้อย่างแพร่หลาย

    **ควอนตัมคอมพิวติ้ง (Quantum Computing)** คือ สาขาหนึ่งของการคำนวณที่ใช้หลักการของ **กลศาสตร์ควอนตัม** เพื่อประมวลผลข้อมูล แทนที่การใช้บิตแบบคลาสสิก (0 หรือ 1) ในคอมพิวเตอร์ทั่วไป ควอนตัมคอมพิวเตอร์ใช้ **คิวบิต (Qubit)** ซึ่งสามารถอยู่ในสถานะ **ซ้อนทับ (Superposition)** และ **纠缠 (Entanglement)** ได้ ทำให้มีความสามารถในการคำนวณที่เร็วกว่าในบางงานเฉพาะทาง ### **หลักการสำคัญของควอนตัมคอมพิวติ้ง** 1. **Superposition (สถานะซ้อนทับ)** - คิวบิตสามารถเป็นได้ทั้ง 0 และ 1 ในเวลาเดียวกัน (ต่างจากบิตแบบคลาสสิกที่เป็นได้เพียง 0 หรือ 1) - ทำให้ควอนตัมคอมพิวเตอร์ประมวลผลข้อมูลหลายสถานะพร้อมกัน 2. **Entanglement (การ纠缠)** - คิวบิตสามารถเชื่อมโยงกันแม้จะอยู่ห่างไกล การเปลี่ยนแปลงหนึ่งคิวบิตส่งผลต่อคิวบิตที่纠缠กันทันที - ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคำนวณแบบขนาน 3. **Quantum Interference (การแทรกสอดควอนตัม)** - ใช้เพื่อขยายความน่าจะเป็นของผลลัพธ์ที่ถูกต้องและลดผลลัพธ์ที่ผิด ### **ความได้เปรียบของควอนตัมคอมพิวติ้ง** - **แก้ปัญหาบางประเภทได้เร็วกว่า** เช่น: - **การแยกตัวประกอบจำนวนใหญ่** (สำคัญต่อการ破解การเข้ารหัส RSA) → อัลกอริทึม **Shor's Algorithm** - **การค้นหาข้อมูลในฐานข้อมูลขนาดใหญ่** → อัลกอริทึม **Grover's Algorithm** - **การจำลองระบบควอนตัม** (เช่น โมเลกุลสำหรับการพัฒนายา) - **ปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง (Quantum Machine Learning)** ### **ความท้าทาย** 1. **สัญญาณรบกวนและความผิดพลาด (Noise and Decoherence)** - คิวบิตมีความเปราะบางต่อสิ่งรบกวนจากสิ่งแวดล้อม ทำให้สูญเสียสถานะควอนตัม (Quantum Decoherence) 2. **การแก้ไขข้อผิดพลาด (Quantum Error Correction)** - ต้องใช้คิวบิตจำนวนมากเพื่อสร้าง "Logical Qubit" ที่เสถียร 3. **อุณหภูมิต่ำมาก (Cryogenic Cooling)** - ควอนตัมคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ต้องทำงานที่อุณหภูมิใกล้ **ศูนย์สัมบูรณ์ (−273°C)** ### **สถานะปัจจุบัน (2024)** - **บริษัทชั้นนำ** เช่น Google, IBM, Microsoft, และ startups เช่น Rigetti, IonQ กำลังพัฒนาควอนตัมคอมพิวเตอร์ - **IBM** มีระบบ **Quantum Processor** ขนาด **1,000+ คิวบิต** (แต่ยังไม่เสถียรเต็มที่) - **Google** อ้างว่าได้บรรลุ **Quantum Supremacy** (แก้ปัญหาที่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทำไม่ได้ในเวลาที่สมเหตุสมผล) ### **การประยุกต์ใช้ในอนาคต** - **การเข้ารหัสและความปลอดภัย** (Post-Quantum Cryptography) - **การออกแบบวัสดุใหม่** - **การปรับปรุงระบบ logistics และ supply chain** - **การพัฒนายาและเคมีควอนตัม** ### **สรุป** ควอนตัมคอมพิวติ้งยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่มีศักยภาพปฏิวัติหลายอุตสาหกรรมในอนาคต อย่างไรก็ตาม ยังต้องแก้ไขปัญหาทางเทคนิคอีกมากก่อนที่จะนำมาใช้อย่างแพร่หลาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • Perplexity AI กำลังเปิดตัว Comet ซึ่งเป็น เว็บเบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ Google Chrome และช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    Comet จะสามารถ เข้าถึงประวัติการค้นหาและติดตามการเรียกดูของผู้ใช้ เพื่อให้สามารถตอบคำถามตามบริบทได้ เช่น หากผู้ใช้ถามว่า "ฉันดูข้อมูลเกี่ยวกับนากทะเลเมื่อวันอังคารที่แล้วใช่ไหม?" Comet จะสามารถค้นหาบทความที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่ต้องใช้คีย์เวิร์ดที่ซับซ้อน

    นอกจากนี้ Comet ยังมี การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว รวมถึง ระบบบล็อกโฆษณาในตัว และ ตัวเลือกในการปิดการแชร์ข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้

    ✅ Comet เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
    - ออกแบบมาเพื่อ ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น
    - สามารถ เข้าถึงประวัติการค้นหาและติดตามการเรียกดูของผู้ใช้

    ✅ สามารถค้นหาข้อมูลตามบริบทโดยไม่ต้องใช้คีย์เวิร์ดที่ซับซ้อน
    - ตัวอย่างเช่น ค้นหาบทความเกี่ยวกับนากทะเลที่ผู้ใช้ดูเมื่อวันอังคาร
    - ลดความยุ่งยากในการค้นหาข้อมูล

    ✅ มีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและระบบบล็อกโฆษณาในตัว
    - ผู้ใช้สามารถ ปิดการแชร์ข้อมูลได้
    - มี ระบบบล็อกโฆษณาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

    ✅ Perplexity CEO ระบุว่า Comet จะสามารถแข่งขันกับ Chrome ได้
    - กล่าวว่า "Chrome กำลังจะหมดความนิยม"
    - Comet จะช่วยให้ การเปิดแท็บเก่าทำได้ง่ายขึ้น

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/perplexity-ais-comet-browser-will-streak-across-the-web-this-month
    Perplexity AI กำลังเปิดตัว Comet ซึ่งเป็น เว็บเบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI โดยมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ Google Chrome และช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น Comet จะสามารถ เข้าถึงประวัติการค้นหาและติดตามการเรียกดูของผู้ใช้ เพื่อให้สามารถตอบคำถามตามบริบทได้ เช่น หากผู้ใช้ถามว่า "ฉันดูข้อมูลเกี่ยวกับนากทะเลเมื่อวันอังคารที่แล้วใช่ไหม?" Comet จะสามารถค้นหาบทความที่เกี่ยวข้องได้โดยไม่ต้องใช้คีย์เวิร์ดที่ซับซ้อน นอกจากนี้ Comet ยังมี การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว รวมถึง ระบบบล็อกโฆษณาในตัว และ ตัวเลือกในการปิดการแชร์ข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลของตนเองได้ ✅ Comet เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI - ออกแบบมาเพื่อ ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลได้ง่ายขึ้น - สามารถ เข้าถึงประวัติการค้นหาและติดตามการเรียกดูของผู้ใช้ ✅ สามารถค้นหาข้อมูลตามบริบทโดยไม่ต้องใช้คีย์เวิร์ดที่ซับซ้อน - ตัวอย่างเช่น ค้นหาบทความเกี่ยวกับนากทะเลที่ผู้ใช้ดูเมื่อวันอังคาร - ลดความยุ่งยากในการค้นหาข้อมูล ✅ มีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวและระบบบล็อกโฆษณาในตัว - ผู้ใช้สามารถ ปิดการแชร์ข้อมูลได้ - มี ระบบบล็อกโฆษณาเพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ✅ Perplexity CEO ระบุว่า Comet จะสามารถแข่งขันกับ Chrome ได้ - กล่าวว่า "Chrome กำลังจะหมดความนิยม" - Comet จะช่วยให้ การเปิดแท็บเก่าทำได้ง่ายขึ้น https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/perplexity-ais-comet-browser-will-streak-across-the-web-this-month
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • JPMorgan Chase ได้ใช้ AI เพื่อเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน โดย AI ช่วยให้ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถ ให้คำแนะนำด้านการลงทุนได้รวดเร็วขึ้น และ จัดการคำขอจากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ในช่วงเดือนเมษายน 2025 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความผันผวนสูงจาก ประกาศภาษีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดลดลงหลายล้านล้านดอลลาร์ นักลงทุนจำนวนมากต้องการคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงิน และ AI ของ JPMorgan สามารถ ดึงข้อมูลการซื้อขายของลูกค้าและคาดการณ์คำถามที่อาจเกิดขึ้น ได้อย่างรวดเร็ว

    นอกจากนี้ JPMorgan ยังมี Coach AI ซึ่งช่วยให้ที่ปรึกษาสามารถค้นหาข้อมูลและงานวิจัยได้เร็วขึ้นถึง 95% ทำให้สามารถใช้เวลาในการพูดคุยกับลูกค้าได้มากขึ้น

    ✅ AI ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า
    - ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถ ให้คำแนะนำด้านการลงทุนได้รวดเร็วขึ้น
    - AI ช่วย จัดการคำขอจากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ Coach AI ช่วยให้ที่ปรึกษาค้นหาข้อมูลได้เร็วขึ้น
    - ค้นหาข้อมูลและงานวิจัยได้เร็วขึ้นถึง 95%
    - ช่วยให้ที่ปรึกษา ใช้เวลาในการพูดคุยกับลูกค้าได้มากขึ้น

    ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจของ JPMorgan
    - ยอดขายเพิ่มขึ้น 20% ระหว่างปี 2023-2024
    - AI ช่วยให้ที่ปรึกษาสามารถ ขยายฐานลูกค้าได้ 50% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า

    ✅ งบประมาณด้านเทคโนโลยีของ JPMorgan
    - มีงบประมาณด้านเทคโนโลยี 17 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024
    - คาดว่าจะเพิ่มการใช้ AI จาก 450 กรณีเป็น 1,000 กรณีในปีหน้า

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/06/jpmorgan-says-ai-helped-boost-sales-add-clients-in-market-turmoil
    JPMorgan Chase ได้ใช้ AI เพื่อเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า แม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน โดย AI ช่วยให้ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถ ให้คำแนะนำด้านการลงทุนได้รวดเร็วขึ้น และ จัดการคำขอจากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในช่วงเดือนเมษายน 2025 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความผันผวนสูงจาก ประกาศภาษีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดลดลงหลายล้านล้านดอลลาร์ นักลงทุนจำนวนมากต้องการคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงิน และ AI ของ JPMorgan สามารถ ดึงข้อมูลการซื้อขายของลูกค้าและคาดการณ์คำถามที่อาจเกิดขึ้น ได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ JPMorgan ยังมี Coach AI ซึ่งช่วยให้ที่ปรึกษาสามารถค้นหาข้อมูลและงานวิจัยได้เร็วขึ้นถึง 95% ทำให้สามารถใช้เวลาในการพูดคุยกับลูกค้าได้มากขึ้น ✅ AI ช่วยเพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้า - ที่ปรึกษาทางการเงินสามารถ ให้คำแนะนำด้านการลงทุนได้รวดเร็วขึ้น - AI ช่วย จัดการคำขอจากลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ Coach AI ช่วยให้ที่ปรึกษาค้นหาข้อมูลได้เร็วขึ้น - ค้นหาข้อมูลและงานวิจัยได้เร็วขึ้นถึง 95% - ช่วยให้ที่ปรึกษา ใช้เวลาในการพูดคุยกับลูกค้าได้มากขึ้น ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจของ JPMorgan - ยอดขายเพิ่มขึ้น 20% ระหว่างปี 2023-2024 - AI ช่วยให้ที่ปรึกษาสามารถ ขยายฐานลูกค้าได้ 50% ในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ✅ งบประมาณด้านเทคโนโลยีของ JPMorgan - มีงบประมาณด้านเทคโนโลยี 17 พันล้านดอลลาร์ในปี 2024 - คาดว่าจะเพิ่มการใช้ AI จาก 450 กรณีเป็น 1,000 กรณีในปีหน้า https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/06/jpmorgan-says-ai-helped-boost-sales-add-clients-in-market-turmoil
    WWW.THESTAR.COM.MY
    JPMorgan says AI helped boost sales, add clients in market turmoil
    NEW YORK (Reuters) -JPMorgan Chase's artificial-intelligence tools enabled it to boost sales to wealthy clients and manage scores of requests from worried customers even during April's market rout, the bank's CEO of asset and wealth management said.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • การค้นหาข้อมูลทางการแพทย์บนอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเมื่อ AI มีบทบาทมากขึ้นในการให้คำตอบ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการค้นหาข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น และอาจนำไปสู่การวินิจฉัยที่ผิดพลาด

    แพทย์แนะนำให้ผู้ใช้เลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น Mayo Clinic หรือ Centers for Disease Control and Prevention (CDC) แทนที่จะคลิกที่ลิงก์แรกที่ปรากฏในผลการค้นหา เนื่องจากบางเว็บไซต์อาจได้รับการโปรโมตผ่านโฆษณาและไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง

    นอกจากนี้ การใช้ AI เพื่อค้นหาข้อมูลทางการแพทย์ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจาก AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิง หรือเกิด "hallucinations" ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้ AI สร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

    แพทย์ยังแนะนำให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลตามอาการแทนที่จะพยายามวินิจฉัยโรคด้วยตนเอง เช่น ควรถามว่า "อะไรเป็นสาเหตุของก้อนเนื้อใต้ผิวหนัง?" แทนที่จะถามว่า "ก้อนเนื้อใต้ผิวหนังเป็นมะเร็งหรือไม่?" เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้น

    ✅ เลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้
    - ใช้เว็บไซต์ของ Mayo Clinic หรือ CDC
    - หลีกเลี่ยงเว็บไซต์ที่ได้รับการโปรโมตผ่านโฆษณา

    ✅ ข้อควรระวังในการใช้ AI
    - AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิง
    - ระวัง hallucinations ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้ AI สร้างข้อมูลผิดพลาด

    ✅ วิธีการค้นหาข้อมูลที่ถูกต้อง
    - ค้นหาข้อมูลตามอาการแทนที่จะพยายามวินิจฉัยโรคเอง
    - ใช้คำถามที่เปิดกว้าง เช่น "อะไรเป็นสาเหตุของอาการนี้?"

    ✅ สถานการณ์ที่ควรไปพบแพทย์ทันที
    - อาการเจ็บหน้าอก
    - เวียนศีรษะรุนแรง
    - สัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/whats-that-rash-put-some-thought-into-asking-google-for-medical-help
    การค้นหาข้อมูลทางการแพทย์บนอินเทอร์เน็ตเป็นเรื่องที่ต้องทำอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะเมื่อ AI มีบทบาทมากขึ้นในการให้คำตอบ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการค้นหาข้อมูลที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น และอาจนำไปสู่การวินิจฉัยที่ผิดพลาด แพทย์แนะนำให้ผู้ใช้เลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ เช่น Mayo Clinic หรือ Centers for Disease Control and Prevention (CDC) แทนที่จะคลิกที่ลิงก์แรกที่ปรากฏในผลการค้นหา เนื่องจากบางเว็บไซต์อาจได้รับการโปรโมตผ่านโฆษณาและไม่ได้ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง นอกจากนี้ การใช้ AI เพื่อค้นหาข้อมูลทางการแพทย์ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เนื่องจาก AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิง หรือเกิด "hallucinations" ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้ AI สร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แพทย์ยังแนะนำให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลตามอาการแทนที่จะพยายามวินิจฉัยโรคด้วยตนเอง เช่น ควรถามว่า "อะไรเป็นสาเหตุของก้อนเนื้อใต้ผิวหนัง?" แทนที่จะถามว่า "ก้อนเนื้อใต้ผิวหนังเป็นมะเร็งหรือไม่?" เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมมากขึ้น ✅ เลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ - ใช้เว็บไซต์ของ Mayo Clinic หรือ CDC - หลีกเลี่ยงเว็บไซต์ที่ได้รับการโปรโมตผ่านโฆษณา ✅ ข้อควรระวังในการใช้ AI - AI อาจสร้างข้อมูลที่ไม่มีแหล่งอ้างอิง - ระวัง hallucinations ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่ทำให้ AI สร้างข้อมูลผิดพลาด ✅ วิธีการค้นหาข้อมูลที่ถูกต้อง - ค้นหาข้อมูลตามอาการแทนที่จะพยายามวินิจฉัยโรคเอง - ใช้คำถามที่เปิดกว้าง เช่น "อะไรเป็นสาเหตุของอาการนี้?" ✅ สถานการณ์ที่ควรไปพบแพทย์ทันที - อาการเจ็บหน้าอก - เวียนศีรษะรุนแรง - สัญญาณของโรคหลอดเลือดสมอง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/02/whats-that-rash-put-some-thought-into-asking-google-for-medical-help
    WWW.THESTAR.COM.MY
    What's that rash? Put some thought into asking Google for medical help
    Dr Google is often on call for worried patients, but it may not give the best advice.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัว AI Mode ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่บน Google Search ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ซับซ้อนและติดตามบทสนทนาได้อย่างต่อเนื่อง โดย AI Mode ใช้ Gemini 2.0 ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ปรับแต่งมาเพื่อช่วยให้การค้นหามีประสิทธิภาพมากขึ้น

    AI Mode แตกต่างจาก AI Overview ที่เคยมีมาก่อน เนื่องจากสามารถตอบคำถามที่ละเอียดขึ้น และให้ผู้ใช้ติดตามบทสนทนาได้ในพื้นที่เฉพาะ คล้ายกับ Perplexity และ ChatGPT ที่มีการรวมฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลจากเว็บ

    Google ยังมีแผนเพิ่ม Visual Places และ Product Cards ใน AI Mode ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลสินค้า เช่น ราคาสด, รีวิว, เวลาทำการของร้านค้า และรายละเอียดการจัดส่ง ได้โดยตรงจากผลการค้นหา

    นอกจากนี้ Google ได้เพิ่มฟีเจอร์ ประวัติการค้นหา ให้กับ AI Mode ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้อนกลับไปดูการค้นหาก่อนหน้าและติดตามบทสนทนาได้ง่ายขึ้น

    ✅ การเปิดตัว AI Mode
    - ใช้ Gemini 2.0 เพื่อช่วยให้การค้นหามีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - สามารถตอบคำถามที่ละเอียดขึ้นและติดตามบทสนทนาได้

    ✅ ความแตกต่างจาก AI Overview
    - AI Mode ให้ผู้ใช้ติดตามบทสนทนาได้ในพื้นที่เฉพาะ
    - คล้ายกับ Perplexity และ ChatGPT ที่มีฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลจากเว็บ

    ✅ การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่
    - Visual Places และ Product Cards ช่วยให้ดูข้อมูลสินค้าได้ง่ายขึ้น
    - สามารถดูราคาสด, รีวิว, เวลาทำการ และรายละเอียดการจัดส่ง

    ✅ ฟีเจอร์ประวัติการค้นหา
    - ผู้ใช้สามารถย้อนกลับไปดูการค้นหาก่อนหน้าและติดตามบทสนทนาได้

    https://www.neowin.net/news/googles-answer-to-chatgpt-search-is-finally-out-of-waitlist/
    Google ได้เปิดตัว AI Mode ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่บน Google Search ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ซับซ้อนและติดตามบทสนทนาได้อย่างต่อเนื่อง โดย AI Mode ใช้ Gemini 2.0 ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่ปรับแต่งมาเพื่อช่วยให้การค้นหามีประสิทธิภาพมากขึ้น AI Mode แตกต่างจาก AI Overview ที่เคยมีมาก่อน เนื่องจากสามารถตอบคำถามที่ละเอียดขึ้น และให้ผู้ใช้ติดตามบทสนทนาได้ในพื้นที่เฉพาะ คล้ายกับ Perplexity และ ChatGPT ที่มีการรวมฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลจากเว็บ Google ยังมีแผนเพิ่ม Visual Places และ Product Cards ใน AI Mode ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลสินค้า เช่น ราคาสด, รีวิว, เวลาทำการของร้านค้า และรายละเอียดการจัดส่ง ได้โดยตรงจากผลการค้นหา นอกจากนี้ Google ได้เพิ่มฟีเจอร์ ประวัติการค้นหา ให้กับ AI Mode ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถย้อนกลับไปดูการค้นหาก่อนหน้าและติดตามบทสนทนาได้ง่ายขึ้น ✅ การเปิดตัว AI Mode - ใช้ Gemini 2.0 เพื่อช่วยให้การค้นหามีประสิทธิภาพมากขึ้น - สามารถตอบคำถามที่ละเอียดขึ้นและติดตามบทสนทนาได้ ✅ ความแตกต่างจาก AI Overview - AI Mode ให้ผู้ใช้ติดตามบทสนทนาได้ในพื้นที่เฉพาะ - คล้ายกับ Perplexity และ ChatGPT ที่มีฟีเจอร์ค้นหาข้อมูลจากเว็บ ✅ การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ - Visual Places และ Product Cards ช่วยให้ดูข้อมูลสินค้าได้ง่ายขึ้น - สามารถดูราคาสด, รีวิว, เวลาทำการ และรายละเอียดการจัดส่ง ✅ ฟีเจอร์ประวัติการค้นหา - ผู้ใช้สามารถย้อนกลับไปดูการค้นหาก่อนหน้าและติดตามบทสนทนาได้ https://www.neowin.net/news/googles-answer-to-chatgpt-search-is-finally-out-of-waitlist/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google's answer to ChatGPT search is finally out of waitlist
    Google's AI Mode, a dedicated space to ask detailed and nuanced questions on the internet, is now out of waitlist and available to try.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wikipedia กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI โดย Wikimedia Foundation ได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ในการใช้ AI เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัครในการดูแลและปรับปรุงเนื้อหา แทนที่จะใช้ AI เพื่อแทนที่มนุษย์

    AI จะถูกนำมาใช้เพื่อ ลดภาระงานที่ซ้ำซาก เช่น การตรวจสอบบทความ การแปลภาษา และการช่วยให้ข้อมูลสามารถค้นหาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ AI ยังจะช่วยในการฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่ผ่านระบบ mentorship อัตโนมัติ

    อย่างไรก็ตาม Wikimedia Foundation ยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่มนุษย์ เนื่องจากชุมชนอาสาสมัครเป็นหัวใจสำคัญของ Wikipedia และการสร้างเนื้อหาต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจร่วมกัน

    ✅ การใช้ AI เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัคร
    - ลดภาระงานที่ซ้ำซาก เช่น การตรวจสอบบทความและการแปลภาษา
    - ปรับปรุงการค้นหาข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ การฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่
    - ใช้ AI เพื่อช่วยให้การ onboarding ของอาสาสมัครมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - ระบบ mentorship อัตโนมัติช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เข้าใจการทำงานของ Wikipedia

    ✅ การรักษาบทบาทของมนุษย์
    - Wikimedia Foundation ยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่มนุษย์
    - การสร้างเนื้อหาต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจร่วมกัน

    ✅ แผนการดำเนินงาน
    - กลยุทธ์ AI จะถูกนำมาใช้ในช่วงสามปีข้างหน้า
    - มีการทบทวนแผนงานเป็นรายปีเพื่อปรับปรุงให้เหมาะสม

    https://www.neowin.net/news/wikipedia-announces-new-ai-strategy-but-it-wont-sacrifice-human-editors/
    Wikipedia กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI โดย Wikimedia Foundation ได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ในการใช้ AI เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัครในการดูแลและปรับปรุงเนื้อหา แทนที่จะใช้ AI เพื่อแทนที่มนุษย์ AI จะถูกนำมาใช้เพื่อ ลดภาระงานที่ซ้ำซาก เช่น การตรวจสอบบทความ การแปลภาษา และการช่วยให้ข้อมูลสามารถค้นหาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ AI ยังจะช่วยในการฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่ผ่านระบบ mentorship อัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม Wikimedia Foundation ยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่มนุษย์ เนื่องจากชุมชนอาสาสมัครเป็นหัวใจสำคัญของ Wikipedia และการสร้างเนื้อหาต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจร่วมกัน ✅ การใช้ AI เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัคร - ลดภาระงานที่ซ้ำซาก เช่น การตรวจสอบบทความและการแปลภาษา - ปรับปรุงการค้นหาข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ การฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่ - ใช้ AI เพื่อช่วยให้การ onboarding ของอาสาสมัครมีประสิทธิภาพมากขึ้น - ระบบ mentorship อัตโนมัติช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เข้าใจการทำงานของ Wikipedia ✅ การรักษาบทบาทของมนุษย์ - Wikimedia Foundation ยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่มนุษย์ - การสร้างเนื้อหาต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจร่วมกัน ✅ แผนการดำเนินงาน - กลยุทธ์ AI จะถูกนำมาใช้ในช่วงสามปีข้างหน้า - มีการทบทวนแผนงานเป็นรายปีเพื่อปรับปรุงให้เหมาะสม https://www.neowin.net/news/wikipedia-announces-new-ai-strategy-but-it-wont-sacrifice-human-editors/
    WWW.NEOWIN.NET
    Wikipedia announces new AI strategy but it won't sacrifice human editors
    Wikipedia is working on a new AI strategy, but it won't replace the humans who built the platform for over 25 years.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการปรับปรุงฟีเจอร์ การค้นหาของ ChatGPT ซึ่ง OpenAI ได้เพิ่มความสามารถใหม่หลายอย่างเพื่อให้การค้นหาข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    หนึ่งในฟีเจอร์ที่สำคัญคือ การปรับปรุงระบบอ้างอิง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยตอนนี้ แต่ละย่อหน้าสามารถมีหลายแหล่งอ้างอิง และเมื่อผู้ใช้เลื่อนเมาส์ไปที่อ้างอิง ระบบจะแสดงส่วนของข้อความที่เกี่ยวข้อง

    นอกจากนี้ OpenAI ยังได้พัฒนา ระบบแนะนำคำค้นหาแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเห็นคำแนะนำที่เกี่ยวข้องขณะพิมพ์ข้อความค้นหา ฟีเจอร์นี้คล้ายกับระบบ autocomplete ของ Google แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดตัว

    อีกหนึ่งการปรับปรุงที่สำคัญคือ ระบบความจำที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยให้ ChatGPT สามารถจดจำข้อมูลที่ผู้ใช้เคยค้นหามาก่อน และนำมาใช้ในการค้นหาครั้งต่อไป ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องอธิบายข้อมูลเดิมซ้ำๆ เช่น หากผู้ใช้ไม่ต้องการเห็นผลลัพธ์จากแบรนด์ใด ChatGPT จะจดจำและกรองผลลัพธ์ให้

    ✅ ระบบอ้างอิงที่ดีขึ้น
    - แต่ละย่อหน้าสามารถมีหลายแหล่งอ้างอิง
    - ผู้ใช้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ง่ายขึ้น

    ✅ ระบบแนะนำคำค้นหาแบบเรียลไทม์
    - แสดงคำแนะนำที่เกี่ยวข้องขณะพิมพ์ข้อความค้นหา
    - คล้ายกับระบบ autocomplete ของ Google

    ✅ ระบบความจำที่ดีขึ้น
    - ChatGPT สามารถจดจำข้อมูลที่ผู้ใช้เคยค้นหามาก่อน
    - ช่วยให้การค้นหาครั้งต่อไปมีความแม่นยำมากขึ้น

    ✅ การรวมเข้ากับ WhatsApp
    - ผู้ใช้สามารถเพิ่ม ChatGPT เป็นรายชื่อใน WhatsApp และสนทนาได้โดยตรง

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-just-powered-up-search-for-everyone-here-are-all-the-new-features
    บทความนี้กล่าวถึงการปรับปรุงฟีเจอร์ การค้นหาของ ChatGPT ซึ่ง OpenAI ได้เพิ่มความสามารถใหม่หลายอย่างเพื่อให้การค้นหาข้อมูลมีประสิทธิภาพมากขึ้น หนึ่งในฟีเจอร์ที่สำคัญคือ การปรับปรุงระบบอ้างอิง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลได้ง่ายขึ้น โดยตอนนี้ แต่ละย่อหน้าสามารถมีหลายแหล่งอ้างอิง และเมื่อผู้ใช้เลื่อนเมาส์ไปที่อ้างอิง ระบบจะแสดงส่วนของข้อความที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ OpenAI ยังได้พัฒนา ระบบแนะนำคำค้นหาแบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเห็นคำแนะนำที่เกี่ยวข้องขณะพิมพ์ข้อความค้นหา ฟีเจอร์นี้คล้ายกับระบบ autocomplete ของ Google แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเปิดตัว อีกหนึ่งการปรับปรุงที่สำคัญคือ ระบบความจำที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยให้ ChatGPT สามารถจดจำข้อมูลที่ผู้ใช้เคยค้นหามาก่อน และนำมาใช้ในการค้นหาครั้งต่อไป ฟีเจอร์นี้จะช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องอธิบายข้อมูลเดิมซ้ำๆ เช่น หากผู้ใช้ไม่ต้องการเห็นผลลัพธ์จากแบรนด์ใด ChatGPT จะจดจำและกรองผลลัพธ์ให้ ✅ ระบบอ้างอิงที่ดีขึ้น - แต่ละย่อหน้าสามารถมีหลายแหล่งอ้างอิง - ผู้ใช้สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ง่ายขึ้น ✅ ระบบแนะนำคำค้นหาแบบเรียลไทม์ - แสดงคำแนะนำที่เกี่ยวข้องขณะพิมพ์ข้อความค้นหา - คล้ายกับระบบ autocomplete ของ Google ✅ ระบบความจำที่ดีขึ้น - ChatGPT สามารถจดจำข้อมูลที่ผู้ใช้เคยค้นหามาก่อน - ช่วยให้การค้นหาครั้งต่อไปมีความแม่นยำมากขึ้น ✅ การรวมเข้ากับ WhatsApp - ผู้ใช้สามารถเพิ่ม ChatGPT เป็นรายชื่อใน WhatsApp และสนทนาได้โดยตรง https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/chatgpt-just-powered-up-search-for-everyone-here-are-all-the-new-features
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงบทบาทของโซเชียลมีเดียที่กลายเป็นแหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิตสำหรับวัยรุ่นในสหรัฐฯ โดยผลการศึกษาจาก Pew Research Center พบว่า 34% ของวัยรุ่นอายุ 13-17 ปี ใช้โซเชียลมีเดีย เช่น Instagram, TikTok และ YouTube เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพจิต และ 9% ใช้บ่อยหรือค่อนข้างบ่อย

    โซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มสำหรับความบันเทิงอีกต่อไป แต่ยังกลายเป็นที่พึ่งทางจิตใจสำหรับวัยรุ่น อย่างไรก็ตาม การใช้งานโซเชียลมีเดียยังมีผลกระทบด้านลบ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่รายงานว่ามีประสบการณ์เชิงลบมากกว่าผู้ชาย

    ✅ การใช้งานเพื่อสุขภาพจิต
    - 34% ของวัยรุ่นใช้โซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาข้อมูลด้านสุขภาพจิต
    - 9% ใช้บ่อยหรือค่อนข้างบ่อย

    ✅ แพลตฟอร์มที่นิยม
    - Instagram, TikTok และ YouTube เป็นแพลตฟอร์มหลักที่วัยรุ่นใช้

    ✅ ผลกระทบต่อวัยรุ่น
    - โซเชียลมีเดียกลายเป็นที่พึ่งทางจิตใจสำหรับวัยรุ่น
    - ผู้หญิงรายงานว่ามีประสบการณ์เชิงลบมากกว่าผู้ชาย

    ✅ การเปลี่ยนแปลงบทบาทของโซเชียลมีเดีย
    - จากแพลตฟอร์มความบันเทิงสู่แหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/27/social-media-is-a-mental-heath-resource-for-one-in-three-us-teens
    บทความนี้กล่าวถึงบทบาทของโซเชียลมีเดียที่กลายเป็นแหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิตสำหรับวัยรุ่นในสหรัฐฯ โดยผลการศึกษาจาก Pew Research Center พบว่า 34% ของวัยรุ่นอายุ 13-17 ปี ใช้โซเชียลมีเดีย เช่น Instagram, TikTok และ YouTube เพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพจิต และ 9% ใช้บ่อยหรือค่อนข้างบ่อย โซเชียลมีเดียไม่ได้เป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มสำหรับความบันเทิงอีกต่อไป แต่ยังกลายเป็นที่พึ่งทางจิตใจสำหรับวัยรุ่น อย่างไรก็ตาม การใช้งานโซเชียลมีเดียยังมีผลกระทบด้านลบ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่รายงานว่ามีประสบการณ์เชิงลบมากกว่าผู้ชาย ✅ การใช้งานเพื่อสุขภาพจิต - 34% ของวัยรุ่นใช้โซเชียลมีเดียเพื่อค้นหาข้อมูลด้านสุขภาพจิต - 9% ใช้บ่อยหรือค่อนข้างบ่อย ✅ แพลตฟอร์มที่นิยม - Instagram, TikTok และ YouTube เป็นแพลตฟอร์มหลักที่วัยรุ่นใช้ ✅ ผลกระทบต่อวัยรุ่น - โซเชียลมีเดียกลายเป็นที่พึ่งทางจิตใจสำหรับวัยรุ่น - ผู้หญิงรายงานว่ามีประสบการณ์เชิงลบมากกว่าผู้ชาย ✅ การเปลี่ยนแปลงบทบาทของโซเชียลมีเดีย - จากแพลตฟอร์มความบันเทิงสู่แหล่งข้อมูลด้านสุขภาพจิต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/27/social-media-is-a-mental-heath-resource-for-one-in-three-us-teens
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Social media is a mental heath resource for one in three US teens
    From Instagram to TikTok to YouTube, social networks are no longer just for posting selfies or dance videos. For more than a third of American teenagers, they've also become the place to find information about mental health, according to a study by the Pew Research Center.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Cornell ได้พัฒนาเฟรมเวิร์ก AI ที่ชื่อว่า RHyME (Retrieval for Hybrid Imitation under Mismatched Execution) ซึ่งช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้โดยการดูวิดีโอเพียงครั้งเดียว โดยเฟรมเวิร์กนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการสอนหุ่นยนต์ที่เคยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการสาธิตทีละขั้นตอน

    RHyME ใช้หน่วยความจำที่เก็บข้อมูลการกระทำที่เคยเห็นมาก่อน เมื่อหุ่นยนต์ดูวิดีโอการสาธิตใหม่ เช่น การวางแก้วในอ่างล้างจาน หุ่นยนต์จะค้นหาข้อมูลที่คล้ายกันในหน่วยความจำ เช่น การหยิบแก้วหรือการวางวัตถุ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบกันเพื่อทำงานใหม่ได้สำเร็จ แม้จะไม่เคยเห็นสถานการณ์นั้นมาก่อน

    การทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่าหุ่นยนต์ที่ใช้ RHyME มีความสำเร็จในการทำงานสูงกว่าหุ่นยนต์ที่ใช้วิธีการเรียนรู้แบบเดิมถึง 50% และใช้ข้อมูลการฝึกเฉพาะหุ่นยนต์เพียง 30 นาที เทียบกับวิธีเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายพันชั่วโมง

    ✅ การเรียนรู้ทักษะใหม่
    - หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่โดยการดูวิดีโอเพียงครั้งเดียว
    - ใช้หน่วยความจำที่เก็บข้อมูลการกระทำที่เคยเห็นมาก่อน

    ✅ การทดสอบในห้องปฏิบัติการ
    - หุ่นยนต์ที่ใช้ RHyME มีความสำเร็จในการทำงานสูงกว่าวิธีเดิมถึง 50%
    - ใช้ข้อมูลการฝึกเฉพาะหุ่นยนต์เพียง 30 นาที

    ✅ การสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ
    - โครงการได้รับการสนับสนุนจาก Google, OpenAI, สำนักงานวิจัยกองทัพเรือสหรัฐฯ และมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ

    ✅ การนำเสนอผลงาน
    - ทีมวิจัยจะนำเสนอผลงานในงาน IEEE International Conference on Robotics and Automation

    https://www.techspot.com/news/107694-robots-use-cornell-rhyme-ai-learn-new-skills.html
    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Cornell ได้พัฒนาเฟรมเวิร์ก AI ที่ชื่อว่า RHyME (Retrieval for Hybrid Imitation under Mismatched Execution) ซึ่งช่วยให้หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ได้โดยการดูวิดีโอเพียงครั้งเดียว โดยเฟรมเวิร์กนี้ช่วยลดความยุ่งยากในการสอนหุ่นยนต์ที่เคยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการสาธิตทีละขั้นตอน RHyME ใช้หน่วยความจำที่เก็บข้อมูลการกระทำที่เคยเห็นมาก่อน เมื่อหุ่นยนต์ดูวิดีโอการสาธิตใหม่ เช่น การวางแก้วในอ่างล้างจาน หุ่นยนต์จะค้นหาข้อมูลที่คล้ายกันในหน่วยความจำ เช่น การหยิบแก้วหรือการวางวัตถุ และนำข้อมูลเหล่านั้นมาประกอบกันเพื่อทำงานใหม่ได้สำเร็จ แม้จะไม่เคยเห็นสถานการณ์นั้นมาก่อน การทดสอบในห้องปฏิบัติการพบว่าหุ่นยนต์ที่ใช้ RHyME มีความสำเร็จในการทำงานสูงกว่าหุ่นยนต์ที่ใช้วิธีการเรียนรู้แบบเดิมถึง 50% และใช้ข้อมูลการฝึกเฉพาะหุ่นยนต์เพียง 30 นาที เทียบกับวิธีเดิมที่ต้องใช้เวลาหลายพันชั่วโมง ✅ การเรียนรู้ทักษะใหม่ - หุ่นยนต์สามารถเรียนรู้ทักษะใหม่โดยการดูวิดีโอเพียงครั้งเดียว - ใช้หน่วยความจำที่เก็บข้อมูลการกระทำที่เคยเห็นมาก่อน ✅ การทดสอบในห้องปฏิบัติการ - หุ่นยนต์ที่ใช้ RHyME มีความสำเร็จในการทำงานสูงกว่าวิธีเดิมถึง 50% - ใช้ข้อมูลการฝึกเฉพาะหุ่นยนต์เพียง 30 นาที ✅ การสนับสนุนจากองค์กรต่างๆ - โครงการได้รับการสนับสนุนจาก Google, OpenAI, สำนักงานวิจัยกองทัพเรือสหรัฐฯ และมูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ✅ การนำเสนอผลงาน - ทีมวิจัยจะนำเสนอผลงานในงาน IEEE International Conference on Robotics and Automation https://www.techspot.com/news/107694-robots-use-cornell-rhyme-ai-learn-new-skills.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Robots use Cornell's RHyME AI to learn new skills by watching just one video
    Researchers at Cornell University are now charting a new course with RHyME, an artificial intelligence framework that dramatically streamlines robot learning. An acronym for Retrieval for Hybrid...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 สำหรับ Copilot+ PCs ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ Recall ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็วผ่านการใช้ภาพหน้าจอที่บันทึกไว้ และฟีเจอร์ Click to Do ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหาใน Windows 11 ที่ใช้ AI เพื่อเพิ่มความสะดวกในการค้นหาไฟล์และข้อมูล

    ✅ ฟีเจอร์ Recall ช่วยให้การค้นหาข้อมูลง่ายขึ้น
    - ใช้ภาพหน้าจอที่บันทึกไว้เพื่อค้นหาข้อมูลผ่านการค้นหาแบบภาษาธรรมชาติ
    - ฟีเจอร์นี้เป็นแบบ opt-in และมีการควบคุมความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวด

    ✅ ฟีเจอร์ Click to Do เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
    - ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับบริบทได้อย่างรวดเร็ว
    - มีการทดสอบการรวม Reading Coach เพื่อช่วยในการอ่าน

    ✅ การปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหาใน Windows 11
    - ใช้ AI เพื่อค้นหาไฟล์และข้อมูลได้เร็วขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับ Windows 10
    - รองรับการค้นหาภาพและข้อมูลทั้งในอุปกรณ์และบนคลาวด์

    ✅ การขยายฟีเจอร์ Live Captions
    - รองรับการแปลแบบเรียลไทม์ในภาษาจีน (Simplified) และอีก 27 ภาษา

    https://www.techradar.com/computing/windows/microsoft-finally-plays-its-trump-ai-card-recall-in-windows-11-but-for-me-its-completely-overshadowed-by-another-new-ability-for-copilot-pcs
    Microsoft ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน Windows 11 สำหรับ Copilot+ PCs ซึ่งรวมถึงฟีเจอร์ Recall ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างรวดเร็วผ่านการใช้ภาพหน้าจอที่บันทึกไว้ และฟีเจอร์ Click to Do ที่ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหาใน Windows 11 ที่ใช้ AI เพื่อเพิ่มความสะดวกในการค้นหาไฟล์และข้อมูล ✅ ฟีเจอร์ Recall ช่วยให้การค้นหาข้อมูลง่ายขึ้น - ใช้ภาพหน้าจอที่บันทึกไว้เพื่อค้นหาข้อมูลผ่านการค้นหาแบบภาษาธรรมชาติ - ฟีเจอร์นี้เป็นแบบ opt-in และมีการควบคุมความเป็นส่วนตัวที่เข้มงวด ✅ ฟีเจอร์ Click to Do เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน - ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับบริบทได้อย่างรวดเร็ว - มีการทดสอบการรวม Reading Coach เพื่อช่วยในการอ่าน ✅ การปรับปรุงฟังก์ชันการค้นหาใน Windows 11 - ใช้ AI เพื่อค้นหาไฟล์และข้อมูลได้เร็วขึ้นถึง 70% เมื่อเทียบกับ Windows 10 - รองรับการค้นหาภาพและข้อมูลทั้งในอุปกรณ์และบนคลาวด์ ✅ การขยายฟีเจอร์ Live Captions - รองรับการแปลแบบเรียลไทม์ในภาษาจีน (Simplified) และอีก 27 ภาษา https://www.techradar.com/computing/windows/microsoft-finally-plays-its-trump-ai-card-recall-in-windows-11-but-for-me-its-completely-overshadowed-by-another-new-ability-for-copilot-pcs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • เห็นเค้าทำ ก็เลยไปหาข้อมูล .. ช่วงหมกมุ่น เพื่อความบันทึกใจ

    แว๊ปแรก คนสวมหน้ากาก นึกถึงใครบ้างคนเลย สาราวัตร..

    #ไม่ว่างจริงทำไม่ได้ 😁😁
    เห็นเค้าทำ ก็เลยไปหาข้อมูล .. ช่วงหมกมุ่น เพื่อความบันทึกใจ แว๊ปแรก คนสวมหน้ากาก นึกถึงใครบ้างคนเลย สาราวัตร.. #ไม่ว่างจริงทำไม่ได้ 😁😁
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • **พิธีแต่งงาน กราบไหว้กระจก**

    สวัสดีค่ะ วันนี้คุยกันสั้นๆ ว่าด้วยเกร็ดเล็กๆ จากเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> เกี่ยวกับพิธีแต่งงาน
    เราเคยคุยกันเกี่ยวกับหลากหลายธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับพิธีแต่งงาน แต่มีขั้นตอนหนึ่งที่ปรากฏในเรื่องนี้เป็นที่สะดุดตา Storyฯ ไม่น้อย ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูถึงฉากแต่งงานของจ้าวซิวเหยวียนและหนิวอู่เหนียงจะรู้สึกสะดุดตากับการไหว้กระจกหรือไม่?

    การไหว้กระจกนี้เรียกว่า ‘ว่องจิ้งจ่านป้าย’ (望镜展拜) เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการกราบไหว้ตอนแต่งงาน โดยมีพื้นฐานมาจากความเชื่อว่ากระจกสามารถขับสิ่งอัปมงคลออกจากชีวิต อีกทั้งสื่อความหมายของความกระจ่างเปิดเผย สะท้อนให้เห็นว่างานมงคลครั้งนี้ทำอย่างถูกต้องตามพิธีการ เปิดเผยและสมเกียรติ

    แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนจะคุ้นหูคุ้นตามากกว่ากับการกราบไหว้สามครั้ง ประกอบด้วยการกราบไหว้ฟ้าดิน กราบไหว้บิดามารดาฝ่ายชาย และกราบไหว้คู่แต่งงาน จึงเป็นที่มาของความ ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วกราบไหว้กระจกตอนไหน Storyฯ จึงไปหาข้อมูลมาเพิ่ม และพบว่าจริงๆ แล้วพิธีแต่งงานแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและพื้นที่ ดังนั้นเราจึงพบเห็นความหลากหลายในซีรีส์ต่างๆ ที่พยายามเอาธรรมเนียมจีนมาถ่ายทอดให้ดู

    การไหว้กระจกเป็นธรรมเนียมที่มีมาแต่สมัยใดไม่ทราบชัด แต่มีปรากฏอยู่บนภาพวาดในถ้ำโบราณม่อเกาถ้ำที่สิบสองแห่งเมืองโบราณตุนหวง ซึ่งเป็นภาพวาดสมัยถังตอนปลาย (ดูรูปประกอบ) เราจะเห็นคู่บ่าวสาวอยู่หน้ากระจกที่ตั้งอยู่บนขาตั้งสามขา โดยฝ่ายชายคุกเข่ากราบไหว้ ฝ่ายหญิงยืนคารวะอยู่ข้างๆ ซึ่งการที่ฝ่ายชายคุกเข่าแต่ฝ่ายหญิงคุกเข่านั้น บางข้อมูลกล่าวว่าเป็นเพราะว่ามันเป็นพิธีของการที่ฝ่ายชายแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง แต่ก็มีบางบทความที่กล่าวว่านี่เป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปในช่วงเวลาหนึ่งในสมัยถัง

    ในสมัยถัง หนึ่งในรูปแบบพิธีแต่งงานคือมีการกราบไหว้บรรพบุรุษที่วัดของตระกูลต่างหาก และในส่วนพิธีในบ้านนั้นบอกแต่เพียงว่าเป็นการกราบไหว้ของคู่บ่าวสาว โดยไม่ได้กำหนดว่าให้ไหว้ฟ้าดินหรือบิดามารดาหรือใคร จึงกลายเป็นการกราบไหว้กระจกอย่างเดียวก็จบพิธีแล้วส่งตัวเข้าห้องหอเลย

    วิธีปฏิบัตินี้มีสืบทอดต่อไปจนถึงสมัยซ่งเหนือ ปรากฏในบันทึกตงจิงเมิ่งหัวลู่ว่า เมื่อถึงบ้านเจ้าบ่าว จะมีคนโปรยถั่วต่างๆ พร้อมเอ่ยคำอวยพร บ่าวสาวก้าวไปบนผ้าหรือพรมคนนำมาสลับวาง (เรียกว่า ‘จ่วนสี’ / 转席) เพื่อไม่ให้เท้าแตะพื้น มีคนถือกระจกกลับด้าน (คือให้สะท้อนไปที่คู่บ่าวสาว) นำทางบ่าวสาวเดินข้ามผ่านอานม้าไปยังหน้าแท่นพิธี กราบไหว้แล้วส่งตัวเข้าห้องหอ แล้วบ่าวสาวค่อยไปคำนับซึ่งกันและกันตอนดื่มสุรามงคลในห้องหอ

    จากคำบรรยายฟังดูใกล้เคียงมากกับฉากแต่งงานของจ้าวซิวเหยวียนและหนิวอู่เหนียงที่เราเห็นในเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> ที่มีสมัยถังเป็นฉากหลัง เพียงแต่ว่าเท่าที่ Storyฯ หาข้อมูลมาการก้าวข้ามอานม้าเพิ่งมีปฏิบัติในสมัยซ่ง แต่อย่างที่เราพอจะเห็นภาพว่าพิธีการเกี่ยวกับการแต่งงานมีรายละเอียดมากและแตกต่างกันไปตามพื้นที่และยุคสมัย และแน่นอนว่าเราจะเห็นอีกหลายหลายซีรีส์ทั้งในยุคถังและซ่งที่มีขั้นตอนการกราบไหว้ฟ้าดินที่แตกต่างกันในรายละเอียด

    ได้ยินว่าในเรื่อง <งามบุปผาสกุณา> ก็มีฉากกราบไหว้กระจกในพิธีแต่งงานเช่นกัน แต่ Storyฯ ยังไม่ได้ดู เพื่อนเพจเคยผ่านตาธรรมเนียมนี้ในเรื่องใด เม้นท์กันเข้ามาเล่าให้ฟังหน่อยนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.yicai.com/news/102418541.html
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_29901251
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_29901251
    https://baike.baidu.com/item/拜堂/63174
    https://yuedu.163.com/book_reader/eba5f99b2df44d1781d1e12e583d647c_4/95a26035c7624257a18cd5c3819a33bc_5
    https://chiculture.org.hk/sc/china-five-thousand-years/4488

    #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #พิธีแต่งงานจีน #กราบไหว้กระจก #ว่องจิ้งจ่านป้าย #สาระจีน
    **พิธีแต่งงาน กราบไหว้กระจก** สวัสดีค่ะ วันนี้คุยกันสั้นๆ ว่าด้วยเกร็ดเล็กๆ จากเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> เกี่ยวกับพิธีแต่งงาน เราเคยคุยกันเกี่ยวกับหลากหลายธรรมเนียมปฏิบัติเกี่ยวกับพิธีแต่งงาน แต่มีขั้นตอนหนึ่งที่ปรากฏในเรื่องนี้เป็นที่สะดุดตา Storyฯ ไม่น้อย ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูถึงฉากแต่งงานของจ้าวซิวเหยวียนและหนิวอู่เหนียงจะรู้สึกสะดุดตากับการไหว้กระจกหรือไม่? การไหว้กระจกนี้เรียกว่า ‘ว่องจิ้งจ่านป้าย’ (望镜展拜) เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการกราบไหว้ตอนแต่งงาน โดยมีพื้นฐานมาจากความเชื่อว่ากระจกสามารถขับสิ่งอัปมงคลออกจากชีวิต อีกทั้งสื่อความหมายของความกระจ่างเปิดเผย สะท้อนให้เห็นว่างานมงคลครั้งนี้ทำอย่างถูกต้องตามพิธีการ เปิดเผยและสมเกียรติ แต่เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายคนจะคุ้นหูคุ้นตามากกว่ากับการกราบไหว้สามครั้ง ประกอบด้วยการกราบไหว้ฟ้าดิน กราบไหว้บิดามารดาฝ่ายชาย และกราบไหว้คู่แต่งงาน จึงเป็นที่มาของความ ‘เอ๊ะ’ ว่าแล้วกราบไหว้กระจกตอนไหน Storyฯ จึงไปหาข้อมูลมาเพิ่ม และพบว่าจริงๆ แล้วพิธีแต่งงานแปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัยและพื้นที่ ดังนั้นเราจึงพบเห็นความหลากหลายในซีรีส์ต่างๆ ที่พยายามเอาธรรมเนียมจีนมาถ่ายทอดให้ดู การไหว้กระจกเป็นธรรมเนียมที่มีมาแต่สมัยใดไม่ทราบชัด แต่มีปรากฏอยู่บนภาพวาดในถ้ำโบราณม่อเกาถ้ำที่สิบสองแห่งเมืองโบราณตุนหวง ซึ่งเป็นภาพวาดสมัยถังตอนปลาย (ดูรูปประกอบ) เราจะเห็นคู่บ่าวสาวอยู่หน้ากระจกที่ตั้งอยู่บนขาตั้งสามขา โดยฝ่ายชายคุกเข่ากราบไหว้ ฝ่ายหญิงยืนคารวะอยู่ข้างๆ ซึ่งการที่ฝ่ายชายคุกเข่าแต่ฝ่ายหญิงคุกเข่านั้น บางข้อมูลกล่าวว่าเป็นเพราะว่ามันเป็นพิธีของการที่ฝ่ายชายแต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง แต่ก็มีบางบทความที่กล่าวว่านี่เป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปในช่วงเวลาหนึ่งในสมัยถัง ในสมัยถัง หนึ่งในรูปแบบพิธีแต่งงานคือมีการกราบไหว้บรรพบุรุษที่วัดของตระกูลต่างหาก และในส่วนพิธีในบ้านนั้นบอกแต่เพียงว่าเป็นการกราบไหว้ของคู่บ่าวสาว โดยไม่ได้กำหนดว่าให้ไหว้ฟ้าดินหรือบิดามารดาหรือใคร จึงกลายเป็นการกราบไหว้กระจกอย่างเดียวก็จบพิธีแล้วส่งตัวเข้าห้องหอเลย วิธีปฏิบัตินี้มีสืบทอดต่อไปจนถึงสมัยซ่งเหนือ ปรากฏในบันทึกตงจิงเมิ่งหัวลู่ว่า เมื่อถึงบ้านเจ้าบ่าว จะมีคนโปรยถั่วต่างๆ พร้อมเอ่ยคำอวยพร บ่าวสาวก้าวไปบนผ้าหรือพรมคนนำมาสลับวาง (เรียกว่า ‘จ่วนสี’ / 转席) เพื่อไม่ให้เท้าแตะพื้น มีคนถือกระจกกลับด้าน (คือให้สะท้อนไปที่คู่บ่าวสาว) นำทางบ่าวสาวเดินข้ามผ่านอานม้าไปยังหน้าแท่นพิธี กราบไหว้แล้วส่งตัวเข้าห้องหอ แล้วบ่าวสาวค่อยไปคำนับซึ่งกันและกันตอนดื่มสุรามงคลในห้องหอ จากคำบรรยายฟังดูใกล้เคียงมากกับฉากแต่งงานของจ้าวซิวเหยวียนและหนิวอู่เหนียงที่เราเห็นในเรื่อง <ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ> ที่มีสมัยถังเป็นฉากหลัง เพียงแต่ว่าเท่าที่ Storyฯ หาข้อมูลมาการก้าวข้ามอานม้าเพิ่งมีปฏิบัติในสมัยซ่ง แต่อย่างที่เราพอจะเห็นภาพว่าพิธีการเกี่ยวกับการแต่งงานมีรายละเอียดมากและแตกต่างกันไปตามพื้นที่และยุคสมัย และแน่นอนว่าเราจะเห็นอีกหลายหลายซีรีส์ทั้งในยุคถังและซ่งที่มีขั้นตอนการกราบไหว้ฟ้าดินที่แตกต่างกันในรายละเอียด ได้ยินว่าในเรื่อง <งามบุปผาสกุณา> ก็มีฉากกราบไหว้กระจกในพิธีแต่งงานเช่นกัน แต่ Storyฯ ยังไม่ได้ดู เพื่อนเพจเคยผ่านตาธรรมเนียมนี้ในเรื่องใด เม้นท์กันเข้ามาเล่าให้ฟังหน่อยนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.yicai.com/news/102418541.html https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_29901251 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_29901251 https://baike.baidu.com/item/拜堂/63174 https://yuedu.163.com/book_reader/eba5f99b2df44d1781d1e12e583d647c_4/95a26035c7624257a18cd5c3819a33bc_5 https://chiculture.org.hk/sc/china-five-thousand-years/4488 #ต้นตำนานอาภรณ์จักรพรรดิ #พิธีแต่งงานจีน #กราบไหว้กระจก #ว่องจิ้งจ่านป้าย #สาระจีน
    从《蜀锦人家》看非遗生意经,这些诀窍可借鉴|乐言商业
    《蜀锦人家》通过女主角季英英的故事,展示了核心技术、创新、产业链合作、资本运作和渠道拓展等商业策略,为现代消费企业提供了宝贵的启示。
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 502 มุมมอง 0 รีวิว
  • Opera ได้เปิดตัว Aria AI บน Opera Mini สำหรับ Android ซึ่งเป็นการขยายการใช้งาน AI ไปยังผู้ใช้มือถือ โดย Aria AI สามารถช่วยในการค้นหาข้อมูล, สรุปเนื้อหาออนไลน์, สร้างภาพ และอื่นๆ ได้โดยตรงภายในเบราว์เซอร์

    ✅ Opera นำ Aria AI มาสู่ Opera Mini เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน
    - Opera Mini เป็นเบราว์เซอร์ที่เน้น การประหยัดข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพ
    - Aria AI ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาข้อมูล, สรุปเนื้อหา และสร้างภาพ ได้โดยตรง

    ✅ การทำงานของ Aria AI ใน Opera Mini
    - ใช้ Composer AI engine ซึ่งพัฒนาโดย Opera
    - ใช้เทคโนโลยีจาก OpenAI และ Google AI เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างภาพ

    ✅ เป้าหมายของ Opera ในการนำ AI สู่ตลาดมือถือ
    - Opera ต้องการทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีราคาข้อมูลสูง
    - Opera Mini มีผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก

    ✅ การเปิดตัวและการใช้งาน
    - ผู้ใช้สามารถอัปเดต Opera Mini เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อใช้งาน Aria AI
    - สามารถเปิดใช้งานได้จาก หน้าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์

    https://www.neowin.net/news/aria-ai-is-now-available-in-opera-mini-on-android/
    Opera ได้เปิดตัว Aria AI บน Opera Mini สำหรับ Android ซึ่งเป็นการขยายการใช้งาน AI ไปยังผู้ใช้มือถือ โดย Aria AI สามารถช่วยในการค้นหาข้อมูล, สรุปเนื้อหาออนไลน์, สร้างภาพ และอื่นๆ ได้โดยตรงภายในเบราว์เซอร์ ✅ Opera นำ Aria AI มาสู่ Opera Mini เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน - Opera Mini เป็นเบราว์เซอร์ที่เน้น การประหยัดข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพ - Aria AI ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาข้อมูล, สรุปเนื้อหา และสร้างภาพ ได้โดยตรง ✅ การทำงานของ Aria AI ใน Opera Mini - ใช้ Composer AI engine ซึ่งพัฒนาโดย Opera - ใช้เทคโนโลยีจาก OpenAI และ Google AI เพื่อเพิ่มความสามารถในการสร้างภาพ ✅ เป้าหมายของ Opera ในการนำ AI สู่ตลาดมือถือ - Opera ต้องการทำให้ AI เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคที่มีราคาข้อมูลสูง - Opera Mini มีผู้ใช้มากกว่า 100 ล้านคนทั่วโลก ✅ การเปิดตัวและการใช้งาน - ผู้ใช้สามารถอัปเดต Opera Mini เป็นเวอร์ชันล่าสุดเพื่อใช้งาน Aria AI - สามารถเปิดใช้งานได้จาก หน้าเริ่มต้นของเบราว์เซอร์ https://www.neowin.net/news/aria-ai-is-now-available-in-opera-mini-on-android/
    WWW.NEOWIN.NET
    Aria AI is now available in Opera Mini on Android
    Opera is making its in-browser AI assistant Aria more accessible by bringing it to Opera Mini on Android.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • Grok ได้เปิดตัว Grok Studio ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สร้างและแก้ไขเอกสาร, โค้ด และเกมบนเบราว์เซอร์ ได้โดยตรง โดยฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานทั้งสำหรับ ผู้ใช้ฟรีและผู้ใช้แบบชำระเงิน

    ✅ Grok Studio ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเอกสาร, โค้ด และเกมบนเบราว์เซอร์
    - เมื่อผู้ใช้สร้างเอกสารหรือโค้ด Grok Studio จะเปิดหน้าต่างแยกเพื่อให้สามารถ แก้ไขและทำงานร่วมกับ AI ได้แบบเรียลไทม์
    - รองรับ HTML snippets, Python, C++, JavaScript, TypeScript และ Bash scripts ซึ่งสามารถรันได้ในแท็บพรีวิว

    ✅ การผสานรวมกับ Google Drive
    - ผู้ใช้สามารถ แนบไฟล์จาก Google Drive ไปยัง Grok Studio เพื่อให้ AI ช่วยประมวลผลข้อมูล เช่น รายงานหรือสเปรดชีต
    - Grok สามารถช่วยสรุปเอกสารทางการเงินหรือค้นหาข้อมูลเฉพาะภายในไฟล์ที่แนบมา

    ✅ เปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่นๆ
    - OpenAI เคยเปิดตัว Canvas สำหรับ ChatGPT ในปี 2024 ซึ่งมีฟีเจอร์คล้ายกับ Grok Studio
    - Anthropic เปิดตัว Artifacts สำหรับ Claude ซึ่งเป็นเครื่องมือแรกที่มีฟีเจอร์การแก้ไขโค้ดแบบเรียลไทม์

    https://www.neowin.net/news/grok-can-now-generate-documents-code-and-browser-games/
    Grok ได้เปิดตัว Grok Studio ซึ่งเป็นเครื่องมือใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สร้างและแก้ไขเอกสาร, โค้ด และเกมบนเบราว์เซอร์ ได้โดยตรง โดยฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานทั้งสำหรับ ผู้ใช้ฟรีและผู้ใช้แบบชำระเงิน ✅ Grok Studio ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเอกสาร, โค้ด และเกมบนเบราว์เซอร์ - เมื่อผู้ใช้สร้างเอกสารหรือโค้ด Grok Studio จะเปิดหน้าต่างแยกเพื่อให้สามารถ แก้ไขและทำงานร่วมกับ AI ได้แบบเรียลไทม์ - รองรับ HTML snippets, Python, C++, JavaScript, TypeScript และ Bash scripts ซึ่งสามารถรันได้ในแท็บพรีวิว ✅ การผสานรวมกับ Google Drive - ผู้ใช้สามารถ แนบไฟล์จาก Google Drive ไปยัง Grok Studio เพื่อให้ AI ช่วยประมวลผลข้อมูล เช่น รายงานหรือสเปรดชีต - Grok สามารถช่วยสรุปเอกสารทางการเงินหรือค้นหาข้อมูลเฉพาะภายในไฟล์ที่แนบมา ✅ เปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่นๆ - OpenAI เคยเปิดตัว Canvas สำหรับ ChatGPT ในปี 2024 ซึ่งมีฟีเจอร์คล้ายกับ Grok Studio - Anthropic เปิดตัว Artifacts สำหรับ Claude ซึ่งเป็นเครื่องมือแรกที่มีฟีเจอร์การแก้ไขโค้ดแบบเรียลไทม์ https://www.neowin.net/news/grok-can-now-generate-documents-code-and-browser-games/
    WWW.NEOWIN.NET
    Grok can now generate documents, code, and browser games
    Grok has officially announced a new tool called Grok Studio, allowing users to create documents and basic apps.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • Anthropic ได้เปิดตัว Claude Research และการผสานรวมกับ Google Workspace เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย Claude Research จะทำการค้นหาหลายครั้งเพื่อให้ได้คำตอบที่ครอบคลุมและมีการอ้างอิงแหล่งข้อมูล

    ✅ Claude Research: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการค้นหาข้อมูล
    - คล้ายกับ Deep Research ของ ChatGPT แต่เน้นให้คำตอบที่กระชับและมีคุณภาพสูง
    - ทำการค้นหาหลายครั้งเพื่อสำรวจมุมมองต่างๆ ของคำถาม
    - ให้คำตอบพร้อม การอ้างอิงแหล่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความถูกต้อง

    ✅ การผสานรวมกับ Google Workspace
    - Claude สามารถเข้าถึง Gmail และ Calendar เพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้ใช้
    - ผู้ใช้สามารถขอให้ Claude ตรวจสอบ บันทึกการประชุม และค้นหาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
    - Claude สามารถให้ การอ้างอิงเนื้อหาแบบอินไลน์ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบแหล่งข้อมูลได้ง่ายขึ้น

    ✅ การปรับปรุงการค้นหาสำหรับองค์กร
    - ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งาน cataloging เพื่อให้ Claude ค้นหาข้อมูลจากเอกสารภายในองค์กรได้ดีขึ้น
    - ใช้เทคนิค Retrieval-Augmented Generation (RAG) เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการค้นหา

    ✅ การเปิดใช้งานและการเข้าถึง
    - Claude Research เปิดให้ใช้งานใน Max, Team และ Enterprise plans ในสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และบราซิล
    - การผสานรวมกับ Google Workspace เปิดให้ใช้งานสำหรับ ผู้ใช้ที่สมัครแพ็กเกจแบบชำระเงิน
    - ผู้ดูแลระบบต้องเปิดใช้งาน Google Workspace integration ก่อนที่ผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อบัญชีได้

    https://www.neowin.net/news/anthropic-claude-announces-google-workspace-integration-and-new-research-tool/
    Anthropic ได้เปิดตัว Claude Research และการผสานรวมกับ Google Workspace เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย Claude Research จะทำการค้นหาหลายครั้งเพื่อให้ได้คำตอบที่ครอบคลุมและมีการอ้างอิงแหล่งข้อมูล ✅ Claude Research: ฟีเจอร์ใหม่สำหรับการค้นหาข้อมูล - คล้ายกับ Deep Research ของ ChatGPT แต่เน้นให้คำตอบที่กระชับและมีคุณภาพสูง - ทำการค้นหาหลายครั้งเพื่อสำรวจมุมมองต่างๆ ของคำถาม - ให้คำตอบพร้อม การอ้างอิงแหล่งข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความถูกต้อง ✅ การผสานรวมกับ Google Workspace - Claude สามารถเข้าถึง Gmail และ Calendar เพื่อให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานของผู้ใช้ - ผู้ใช้สามารถขอให้ Claude ตรวจสอบ บันทึกการประชุม และค้นหาเอกสารที่เกี่ยวข้อง - Claude สามารถให้ การอ้างอิงเนื้อหาแบบอินไลน์ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ตรวจสอบแหล่งข้อมูลได้ง่ายขึ้น ✅ การปรับปรุงการค้นหาสำหรับองค์กร - ผู้ดูแลระบบสามารถเปิดใช้งาน cataloging เพื่อให้ Claude ค้นหาข้อมูลจากเอกสารภายในองค์กรได้ดีขึ้น - ใช้เทคนิค Retrieval-Augmented Generation (RAG) เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการค้นหา ✅ การเปิดใช้งานและการเข้าถึง - Claude Research เปิดให้ใช้งานใน Max, Team และ Enterprise plans ในสหรัฐฯ, ญี่ปุ่น และบราซิล - การผสานรวมกับ Google Workspace เปิดให้ใช้งานสำหรับ ผู้ใช้ที่สมัครแพ็กเกจแบบชำระเงิน - ผู้ดูแลระบบต้องเปิดใช้งาน Google Workspace integration ก่อนที่ผู้ใช้จะสามารถเชื่อมต่อบัญชีได้ https://www.neowin.net/news/anthropic-claude-announces-google-workspace-integration-and-new-research-tool/
    WWW.NEOWIN.NET
    Anthropic Claude announces Google Workspace integration and new Research tool
    Anthropic has launched two new features for its AI assistant, Claude, aimed at enterprise users. The 'Research' feature performs multi-faceted searches for cited answers.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google เปิดตัว AI Mode ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลผ่านภาพและคำถามอย่างล้ำลึก เช่นการแนะนำหนังสือจากภาพถ่ายชั้นวางหนังสือ หรือการเปรียบเทียบข้อมูลที่ซับซ้อนด้วย Gemini 2.0 ฟีเจอร์นี้เปิดโอกาสใหม่ให้การค้นหาข้อมูลเป็นเรื่องง่าย และสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น

    ✅ การวิเคราะห์ภาพอย่างละเอียด:
    - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ AI สามารถเข้าใจ ทั้งฉากในภาพ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุต่าง ๆ วัสดุ สี รูปทรง และการจัดวาง

    ✅ รองรับการใช้งานกับคำถามหลายส่วน:
    - AI Mode ใช้ Gemini 2.0 ซึ่งเป็น AI เวอร์ชันปรับปรุงที่ตอบคำถามที่ต้องการการวิเคราะห์เปรียบเทียบได้ เช่น “ความแตกต่างระหว่างการติดตามการนอนหลับของสมาร์ทวอชกับแหวนอัจฉริยะคืออะไร?”

    ✅ การค้นหาแบบใหม่ที่ให้ข้อมูลเชิงลึก:
    - AI Mode ใช้เทคนิค Query Fan-Out เพื่อค้นหาคำตอบจากหลายหัวข้อพร้อมกัน โดยดึงข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มารวมเป็นคำตอบเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับการวางแผนทริป การเปรียบเทียบสินค้า และการศึกษา “How-tos”

    ✅ การแนะนำจากภาพถ่าย:
    - เช่น การถ่ายภาพชั้นวางหนังสือ แล้ว AI จะให้คำแนะนำหนังสือคล้าย ๆ กัน พร้อมลิงก์ไปยังข้อมูลเพิ่มเติม

    https://www.neowin.net/news/google-search-ai-mode-gets-multimodal-search-support/
    Google เปิดตัว AI Mode ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลผ่านภาพและคำถามอย่างล้ำลึก เช่นการแนะนำหนังสือจากภาพถ่ายชั้นวางหนังสือ หรือการเปรียบเทียบข้อมูลที่ซับซ้อนด้วย Gemini 2.0 ฟีเจอร์นี้เปิดโอกาสใหม่ให้การค้นหาข้อมูลเป็นเรื่องง่าย และสร้างความเข้าใจที่ลึกซึ้งขึ้น ✅ การวิเคราะห์ภาพอย่างละเอียด: - ฟีเจอร์ใหม่ช่วยให้ AI สามารถเข้าใจ ทั้งฉากในภาพ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุต่าง ๆ วัสดุ สี รูปทรง และการจัดวาง ✅ รองรับการใช้งานกับคำถามหลายส่วน: - AI Mode ใช้ Gemini 2.0 ซึ่งเป็น AI เวอร์ชันปรับปรุงที่ตอบคำถามที่ต้องการการวิเคราะห์เปรียบเทียบได้ เช่น “ความแตกต่างระหว่างการติดตามการนอนหลับของสมาร์ทวอชกับแหวนอัจฉริยะคืออะไร?” ✅ การค้นหาแบบใหม่ที่ให้ข้อมูลเชิงลึก: - AI Mode ใช้เทคนิค Query Fan-Out เพื่อค้นหาคำตอบจากหลายหัวข้อพร้อมกัน โดยดึงข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ มารวมเป็นคำตอบเดียว ซึ่งเหมาะสำหรับการวางแผนทริป การเปรียบเทียบสินค้า และการศึกษา “How-tos” ✅ การแนะนำจากภาพถ่าย: - เช่น การถ่ายภาพชั้นวางหนังสือ แล้ว AI จะให้คำแนะนำหนังสือคล้าย ๆ กัน พร้อมลิงก์ไปยังข้อมูลเพิ่มเติม https://www.neowin.net/news/google-search-ai-mode-gets-multimodal-search-support/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Search AI Mode gets multimodal search support
    Google announced that the AI Mode in Google Search has been updated with multimodal search capabilities.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apple Intelligence ได้ขยายตัวครั้งใหญ่ด้วยการเพิ่มการรองรับ 10 ภาษาหลัก ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี โปรตุเกส สเปน ญี่ปุ่น เกาหลี จีน รวมถึง ภาษาอังกฤษที่ปรับแต่งสำหรับสิงคโปร์และอินเดีย ฟีเจอร์เหล่านี้เริ่มใช้งานบน iOS 18.4 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานยังคงต้องรอการเปิดตัว Siri รุ่นใหม่ที่ใช้พลัง AI ซึ่งล่าช้าและคาดว่าจะพร้อมใช้งานภายในปีหน้า

    ✅ เพิ่มความสะดวกด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว
    - ฟีเจอร์ AI ที่ใช้งานได้ส่วนใหญ่ ทำงานบนอุปกรณ์โดยตรง เช่น iPhone และ iPad เพื่อลดความจำเป็นในการส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์
    - หากต้องการพลังการประมวลผลเพิ่มเติม ระบบสามารถเชื่อมต่อกับ Cloud ของ Apple ผ่านการเข้ารหัสที่ปลอดภัย

    ✅ ฟีเจอร์หลากหลาย—จากการสรุปข้อความถึงการสร้างอีโมจิแบบเฉพาะตัว
    - Apple Intelligence สามารถ สรุปอีเมลและข้อความ, สร้างอีโมจิแบบปรับแต่ง, รวมถึงค้นหาข้อมูลตามต้องการ
    - นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังมีตัวเลือกให้ OpenAI ChatGPT ตอบคำถามออนไลน์แทน

    ✅ การเริ่มต้นในยุโรปภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวด
    - Apple ได้ปรับ AI เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) และ General Data Protection Regulation (GDPR) ของสหภาพยุโรป
    - แม้การปรับตัวจะใช้เวลานาน แต่ Apple ยืนยันว่า ฟีเจอร์ใหม่ในยุโรปจะเน้นความปลอดภัยสูงสุด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/05/apple039s-ai-suite-expanded-to-new-languages-but-new-siri-still-missing
    Apple Intelligence ได้ขยายตัวครั้งใหญ่ด้วยการเพิ่มการรองรับ 10 ภาษาหลัก ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี โปรตุเกส สเปน ญี่ปุ่น เกาหลี จีน รวมถึง ภาษาอังกฤษที่ปรับแต่งสำหรับสิงคโปร์และอินเดีย ฟีเจอร์เหล่านี้เริ่มใช้งานบน iOS 18.4 อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้งานยังคงต้องรอการเปิดตัว Siri รุ่นใหม่ที่ใช้พลัง AI ซึ่งล่าช้าและคาดว่าจะพร้อมใช้งานภายในปีหน้า ✅ เพิ่มความสะดวกด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว - ฟีเจอร์ AI ที่ใช้งานได้ส่วนใหญ่ ทำงานบนอุปกรณ์โดยตรง เช่น iPhone และ iPad เพื่อลดความจำเป็นในการส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ - หากต้องการพลังการประมวลผลเพิ่มเติม ระบบสามารถเชื่อมต่อกับ Cloud ของ Apple ผ่านการเข้ารหัสที่ปลอดภัย ✅ ฟีเจอร์หลากหลาย—จากการสรุปข้อความถึงการสร้างอีโมจิแบบเฉพาะตัว - Apple Intelligence สามารถ สรุปอีเมลและข้อความ, สร้างอีโมจิแบบปรับแต่ง, รวมถึงค้นหาข้อมูลตามต้องการ - นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังมีตัวเลือกให้ OpenAI ChatGPT ตอบคำถามออนไลน์แทน ✅ การเริ่มต้นในยุโรปภายใต้กฎระเบียบที่เข้มงวด - Apple ได้ปรับ AI เพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมาย Digital Markets Act (DMA) และ General Data Protection Regulation (GDPR) ของสหภาพยุโรป - แม้การปรับตัวจะใช้เวลานาน แต่ Apple ยืนยันว่า ฟีเจอร์ใหม่ในยุโรปจะเน้นความปลอดภัยสูงสุด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/05/apple039s-ai-suite-expanded-to-new-languages-but-new-siri-still-missing
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Apple's AI suite expanded to new languages but new Siri still missing
    The iPhone manufacturer is taking longer than planned to roll out its improved Siri assistant software.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ Copilot Podcasts ที่ช่วยสร้างพอดแคสต์เฉพาะตัวและมีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก พร้อมด้วยฟีเจอร์ Deep Research ที่ช่วยค้นหาข้อมูลออนไลน์ในหลายขั้นตอน รวมถึง Actions ที่ให้ Copilot จองตั๋วและจัดแผนการเดินทางแทนผู้ใช้ นับว่าเป็นการพัฒนาที่น่าสนใจเพื่อแข่งขันกับ AI ของ Google เช่น NotebookLM และ Gemini

    ✅ พอดแคสต์ที่ปรับแต่งได้
    - Copilot Podcasts ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาพอดแคสต์แบบเฉพาะตัว เช่น การวางแผนวันหยุด การเปรียบเทียบตัวเลือกการซื้อสินค้า หรือแม้กระทั่งศึกษาเรื่องราวเชิงลึก
    - ผู้ใช้ยังสามารถโต้ตอบกับ Copilot เพื่อสอบถามเพิ่มเติมขณะฟังพอดแคสต์

    ✅ ฟีเจอร์ Deep Research ช่วยให้การค้นหาออนไลน์ลึกซึ้งมากขึ้น
    - Copilot มีฟีเจอร์ Deep Research ที่ช่วยทำงานวิจัยหลายขั้นตอน และสร้างรายงานที่เข้าใจง่าย
    - ฟีเจอร์นี้มีลักษณะการทำงานคล้ายกับของ OpenAI ChatGPT และ Google Gemini

    ✅ Actions—Copilot ทำงานแทนผู้ใช้ผ่านคำสั่งภาษา
    - Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ Actions ซึ่งช่วยให้ Copilot ทำงานแทนผู้ใช้ เช่น การจองตั๋ว, จองโต๊ะอาหาร และการจัดแผนการเดินทาง
    - Copilot Actions รองรับเว็บไซต์ยอดนิยม เช่น Booking.com, Expedia, Kayak, TripAdvisor และ OpenTable

    https://www.neowin.net/news/microsoft-takes-on-google-notebooklm-with-copilot-podcasts/
    Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ Copilot Podcasts ที่ช่วยสร้างพอดแคสต์เฉพาะตัวและมีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก พร้อมด้วยฟีเจอร์ Deep Research ที่ช่วยค้นหาข้อมูลออนไลน์ในหลายขั้นตอน รวมถึง Actions ที่ให้ Copilot จองตั๋วและจัดแผนการเดินทางแทนผู้ใช้ นับว่าเป็นการพัฒนาที่น่าสนใจเพื่อแข่งขันกับ AI ของ Google เช่น NotebookLM และ Gemini ✅ พอดแคสต์ที่ปรับแต่งได้ - Copilot Podcasts ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างเนื้อหาพอดแคสต์แบบเฉพาะตัว เช่น การวางแผนวันหยุด การเปรียบเทียบตัวเลือกการซื้อสินค้า หรือแม้กระทั่งศึกษาเรื่องราวเชิงลึก - ผู้ใช้ยังสามารถโต้ตอบกับ Copilot เพื่อสอบถามเพิ่มเติมขณะฟังพอดแคสต์ ✅ ฟีเจอร์ Deep Research ช่วยให้การค้นหาออนไลน์ลึกซึ้งมากขึ้น - Copilot มีฟีเจอร์ Deep Research ที่ช่วยทำงานวิจัยหลายขั้นตอน และสร้างรายงานที่เข้าใจง่าย - ฟีเจอร์นี้มีลักษณะการทำงานคล้ายกับของ OpenAI ChatGPT และ Google Gemini ✅ Actions—Copilot ทำงานแทนผู้ใช้ผ่านคำสั่งภาษา - Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ Actions ซึ่งช่วยให้ Copilot ทำงานแทนผู้ใช้ เช่น การจองตั๋ว, จองโต๊ะอาหาร และการจัดแผนการเดินทาง - Copilot Actions รองรับเว็บไซต์ยอดนิยม เช่น Booking.com, Expedia, Kayak, TripAdvisor และ OpenTable https://www.neowin.net/news/microsoft-takes-on-google-notebooklm-with-copilot-podcasts/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft takes on Google NotebookLM with Copilot Podcasts
    Microsoft launched several new Copilot features, including AI-powered podcasts, deep research, and agentic actions, to celebrate its 50th anniversary.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชื่อว่าเพื่อนเพจต้องเคยเห็นอุปกรณ์จุดไฟชนิดหนึ่งในละครจีนหลายเรื่อง หน้าตาเป็นกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ เปิดฝามาใช้มือโบกพัดหรือปากเป่าไม่กี่ทีก็มีไฟติด ใช้แทนเทียนได้ ซึ่ง Storyฯ คิดว่ามันน่าทึ่งมากเพราะไม่ต้องใช้หินเหล็กตีให้เกิดประกายไฟและไม่ต้องมีการชักสูบเหมือนตะบันไฟ Storyฯ ขอเรียกมันว่า ‘กระบอกจุดไฟ’ หรือที่ชาวจีนเรียกว่า ‘หั่วเจ๋อจื่อ’ (火折子)

    จากบันทึกโบราณ เทคโนโลยีนี้มีมาแต่สมัยราชวงศ์เหนือใต้ (ประมาณช่วงปีค.ศ. 577) เป็นวิธีการเก็บไฟไว้ใช้ของนางกำนัลในวังโดยใช้กระดาษเนื้อหยาบมาม้วนอัดลงไปในถังไม้แล้วจุดไฟ จากนั้นก็ดับไฟลงจนไม่เหลือเปลวไฟแต่ยังมีสะเก็ดไฟคุกรุ่นไว้แล้วก็ปิดฝาไว้ พอจะใช้ก็เปิดฝาออกมาเป่าจนไฟติด ต่อมาจึงพัฒนามาเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พกพาได้ แต่แรกเริ่มนั้น จุดติดได้เพียงครั้งเดียว

    กระบอกจุดไฟแบบนี้เป็นที่นิยมเพราะสะดวกต่อการพกพา และเมื่อเป็นที่นิยมมากขึ้นกรรมวิธีการทำก็ซับซ้อนขึ้น วิธีทำกระบอกไฟที่ดีคือใช้วัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงได้ (เช่น กระดาษเนื้อหยาบ หญ้าบางชนิด มูลสัตว์ หรืออย่างดีคือเถามันเทศและปุยนุ่น) มาหมักน้ำแล้วบีบทุบและเค้นจนเป็นใย ทำอย่างนี้หลายครั้งก่อนจะนำไปตากแห้ง จากนั้นก็นำไปผสมกับขี้ไต้ (ส่วนผสมเท่าที่หาข้อมูลได้ก็มี ดีเกลือ ผงกำมะถัน ยางสน และการบูร) แล้วอัดเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ ก่อนใช้ต้องจุดไฟจนติดแรง แล้วค่อยดับไฟลงจนเหลือเพียงสะเก็ดไฟคุกรุ่นอยู่ข้างในแต่ไม่เหลือเปลวไฟ แล้วจึงปิดกระบอกด้วยฝาที่มีรูเล็ก พอจะใช้ก็เปิดออกแล้วเป่าจนไฟติด สามารถใช้ได้หลายครั้งจนเชื้อเพลิงหมดกระบอก และสามารถเก็บไว้ใช้ได้นานหลายวัน

    ฟังดูเหมือนง่าย แต่ความยากของมันอยู่ที่ความพอดีของวัสดุเชื้อเพลิงและขี้ไต้ และความหนาแน่นที่พอดีในกระบอกที่ใส่ แน่นอนว่ากระบอกจุดไฟหั่วเจ๋อจื่อมีหลายเกรดแตกต่างกัน ในกลุ่มผู้มีอันจะกินจะใช้เชื้อเพลิงจากใยมันเทศและนุ่นผสมขี้ไต้ตามที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งกรรมวิธีทำจะซับซ้อน แต่จุดง่ายกว่า เพียงใช้มือโบกพัดไม่กี่ทีก็จุดติด

    ส่วนชาวบ้านธรรมดานิยมใช้เยื่อกระดาษหยาบ จะติดไฟยากกว่า เวลาเป่าให้ไฟติดจึงต้องมีเทคนิคมากหน่อย เพราะต้องเป็นลมที่เกิดอย่างกะทันหัน สั้นและแรง จึงจะก่อให้เกิดแรงกระตุ้นที่ดี เพราะฉะนั้นอย่างที่เราเห็นในละคร... ถ้าเราเป็นจอมยุทธ์ก็เพียงสะบัดมือวืดเดียวค่ะ แต่ถ้าไร้วรยุทธ์ก็ต้องใช้ปากเป่าค่ะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากละคร <ปริศนาลับราชวงศ์ถัง> และจาก:
    https://k.sina.cn/article_5100008885_12ffbf5b500100ysyy.html?from=ent&subch=film
    https://www.163.com/dy/article/FO6T9F2R05437E9K.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.163.com/dy/article/FO6T9F2R05437E9K.html
    https://kknews.cc/history/x4q6ojr.html
    http://m.qulishi.com/article/202009/438462.html

    #ปริศนาลับราชวงศ์ถัง #กระบอกไฟ #แท่งไฟโบราณ #แท่งจุดไฟ #หั่วเจ๋อจื่อ #กระบอกจุดไฟโบราณ
    เชื่อว่าเพื่อนเพจต้องเคยเห็นอุปกรณ์จุดไฟชนิดหนึ่งในละครจีนหลายเรื่อง หน้าตาเป็นกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ เปิดฝามาใช้มือโบกพัดหรือปากเป่าไม่กี่ทีก็มีไฟติด ใช้แทนเทียนได้ ซึ่ง Storyฯ คิดว่ามันน่าทึ่งมากเพราะไม่ต้องใช้หินเหล็กตีให้เกิดประกายไฟและไม่ต้องมีการชักสูบเหมือนตะบันไฟ Storyฯ ขอเรียกมันว่า ‘กระบอกจุดไฟ’ หรือที่ชาวจีนเรียกว่า ‘หั่วเจ๋อจื่อ’ (火折子) จากบันทึกโบราณ เทคโนโลยีนี้มีมาแต่สมัยราชวงศ์เหนือใต้ (ประมาณช่วงปีค.ศ. 577) เป็นวิธีการเก็บไฟไว้ใช้ของนางกำนัลในวังโดยใช้กระดาษเนื้อหยาบมาม้วนอัดลงไปในถังไม้แล้วจุดไฟ จากนั้นก็ดับไฟลงจนไม่เหลือเปลวไฟแต่ยังมีสะเก็ดไฟคุกรุ่นไว้แล้วก็ปิดฝาไว้ พอจะใช้ก็เปิดฝาออกมาเป่าจนไฟติด ต่อมาจึงพัฒนามาเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พกพาได้ แต่แรกเริ่มนั้น จุดติดได้เพียงครั้งเดียว กระบอกจุดไฟแบบนี้เป็นที่นิยมเพราะสะดวกต่อการพกพา และเมื่อเป็นที่นิยมมากขึ้นกรรมวิธีการทำก็ซับซ้อนขึ้น วิธีทำกระบอกไฟที่ดีคือใช้วัสดุที่เป็นเชื้อเพลิงได้ (เช่น กระดาษเนื้อหยาบ หญ้าบางชนิด มูลสัตว์ หรืออย่างดีคือเถามันเทศและปุยนุ่น) มาหมักน้ำแล้วบีบทุบและเค้นจนเป็นใย ทำอย่างนี้หลายครั้งก่อนจะนำไปตากแห้ง จากนั้นก็นำไปผสมกับขี้ไต้ (ส่วนผสมเท่าที่หาข้อมูลได้ก็มี ดีเกลือ ผงกำมะถัน ยางสน และการบูร) แล้วอัดเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ ก่อนใช้ต้องจุดไฟจนติดแรง แล้วค่อยดับไฟลงจนเหลือเพียงสะเก็ดไฟคุกรุ่นอยู่ข้างในแต่ไม่เหลือเปลวไฟ แล้วจึงปิดกระบอกด้วยฝาที่มีรูเล็ก พอจะใช้ก็เปิดออกแล้วเป่าจนไฟติด สามารถใช้ได้หลายครั้งจนเชื้อเพลิงหมดกระบอก และสามารถเก็บไว้ใช้ได้นานหลายวัน ฟังดูเหมือนง่าย แต่ความยากของมันอยู่ที่ความพอดีของวัสดุเชื้อเพลิงและขี้ไต้ และความหนาแน่นที่พอดีในกระบอกที่ใส่ แน่นอนว่ากระบอกจุดไฟหั่วเจ๋อจื่อมีหลายเกรดแตกต่างกัน ในกลุ่มผู้มีอันจะกินจะใช้เชื้อเพลิงจากใยมันเทศและนุ่นผสมขี้ไต้ตามที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งกรรมวิธีทำจะซับซ้อน แต่จุดง่ายกว่า เพียงใช้มือโบกพัดไม่กี่ทีก็จุดติด ส่วนชาวบ้านธรรมดานิยมใช้เยื่อกระดาษหยาบ จะติดไฟยากกว่า เวลาเป่าให้ไฟติดจึงต้องมีเทคนิคมากหน่อย เพราะต้องเป็นลมที่เกิดอย่างกะทันหัน สั้นและแรง จึงจะก่อให้เกิดแรงกระตุ้นที่ดี เพราะฉะนั้นอย่างที่เราเห็นในละคร... ถ้าเราเป็นจอมยุทธ์ก็เพียงสะบัดมือวืดเดียวค่ะ แต่ถ้าไร้วรยุทธ์ก็ต้องใช้ปากเป่าค่ะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากละคร <ปริศนาลับราชวงศ์ถัง> และจาก: https://k.sina.cn/article_5100008885_12ffbf5b500100ysyy.html?from=ent&subch=film https://www.163.com/dy/article/FO6T9F2R05437E9K.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.163.com/dy/article/FO6T9F2R05437E9K.html https://kknews.cc/history/x4q6ojr.html http://m.qulishi.com/article/202009/438462.html #ปริศนาลับราชวงศ์ถัง #กระบอกไฟ #แท่งไฟโบราณ #แท่งจุดไฟ #หั่วเจ๋อจื่อ #กระบอกจุดไฟโบราณ
    该文章已不存在_手机新浪网
    手机新浪网是新浪网的手机门户网站,为亿万用户打造一个手机联通世界的超级平台,提供24小时全面及时的中文资讯,内容覆盖国内外突发新闻事件、体坛赛事、娱乐时尚、产业资讯、实用信息等。手机新浪网触屏版 - sina.cn
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Cloud Platform (GCP) พบช่องโหว่ ImageRunner ซึ่งอาจช่วยให้แฮกเกอร์เข้าถึงภาพคอนเทนเนอร์ที่ควรเป็น ข้อมูลลับ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาต ส่งผลต่อความเสี่ยงด้าน Privilege Escalation, การโจรกรรมข้อมูล และการสอดแนมทางไซเบอร์ อย่างไรก็ตาม Google ได้แก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 ก่อนที่จะถูกนำไปใช้โจมตีจริง

    ✅ ช่องโหว่เกิดจากการทำงานของ Cloud Run
    - Cloud Run เป็นแพลตฟอร์ม Serverless ที่ใช้ในการรันแอปพลิเคชันแบบคอนเทนเนอร์
    - ช่องโหว่นี้เกิดจาก "Service Agent" ซึ่งเป็น บัญชีระบบที่ Google Cloud ใช้เพื่อดึงภาพคอนเทนเนอร์ขณะทำการอัปเดต (Revision Deployment)
    - แฮกเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่นี้ เพื่อดึงภาพคอนเทนเนอร์ส่วนตัวที่มีข้อมูลลับจาก Google Container Registry และ Google Artifact Registry

    ✅ ImageRunner สามารถใช้เพื่อโจรกรรมข้อมูลได้
    - หากแฮกเกอร์ ได้รับสิทธิ์ run.services.update และ iam.serviceAccounts.actAs พวกเขาสามารถ สร้าง Revision ใหม่ใน Cloud Run และดึงภาพคอนเทนเนอร์ที่เป็นความลับขององค์กรได้
    - สามารถ สแกนหาข้อมูลสำคัญ, ดึงข้อมูลรหัสผ่าน หรือส่งออกข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก

    ✅ Google ออกมาตรการแก้ไขอย่างเข้มงวด
    - ตอนนี้ ผู้ใช้ที่สร้างหรืออัปเดต Cloud Run จะต้องมีสิทธิ์เข้าถึงคอนเทนเนอร์ภาพโดยตรง
    - Google ออก "Breaking Change" ในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งทำให้ การตั้งค่า IAM ของ Cloud Run เข้มงวดขึ้น
    - Google แจ้งเตือนผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ ผ่าน Mandatory Service Announcement ตั้งแต่ปลายปี 2024

    ✅ ผลกระทบของช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    - ช่องโหว่คล้ายกันสามารถ ถูกนำไปใช้ในรูปแบบ Supply Chain Attack เพื่อเจาะระบบคลาวด์ขององค์กร
    - หากไม่มีมาตรการป้องกัน แฮกเกอร์อาจใช้เทคนิคเดียวกันนี้เพื่อเจาะระบบคลาวด์ของบริษัทอื่น ๆ


    https://www.csoonline.com/article/3952518/google-fixes-gcp-flaw-that-could-expose-sensitive-container-images.html
    Google Cloud Platform (GCP) พบช่องโหว่ ImageRunner ซึ่งอาจช่วยให้แฮกเกอร์เข้าถึงภาพคอนเทนเนอร์ที่ควรเป็น ข้อมูลลับ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาต ส่งผลต่อความเสี่ยงด้าน Privilege Escalation, การโจรกรรมข้อมูล และการสอดแนมทางไซเบอร์ อย่างไรก็ตาม Google ได้แก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 ก่อนที่จะถูกนำไปใช้โจมตีจริง ✅ ช่องโหว่เกิดจากการทำงานของ Cloud Run - Cloud Run เป็นแพลตฟอร์ม Serverless ที่ใช้ในการรันแอปพลิเคชันแบบคอนเทนเนอร์ - ช่องโหว่นี้เกิดจาก "Service Agent" ซึ่งเป็น บัญชีระบบที่ Google Cloud ใช้เพื่อดึงภาพคอนเทนเนอร์ขณะทำการอัปเดต (Revision Deployment) - แฮกเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่นี้ เพื่อดึงภาพคอนเทนเนอร์ส่วนตัวที่มีข้อมูลลับจาก Google Container Registry และ Google Artifact Registry ✅ ImageRunner สามารถใช้เพื่อโจรกรรมข้อมูลได้ - หากแฮกเกอร์ ได้รับสิทธิ์ run.services.update และ iam.serviceAccounts.actAs พวกเขาสามารถ สร้าง Revision ใหม่ใน Cloud Run และดึงภาพคอนเทนเนอร์ที่เป็นความลับขององค์กรได้ - สามารถ สแกนหาข้อมูลสำคัญ, ดึงข้อมูลรหัสผ่าน หรือส่งออกข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ✅ Google ออกมาตรการแก้ไขอย่างเข้มงวด - ตอนนี้ ผู้ใช้ที่สร้างหรืออัปเดต Cloud Run จะต้องมีสิทธิ์เข้าถึงคอนเทนเนอร์ภาพโดยตรง - Google ออก "Breaking Change" ในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งทำให้ การตั้งค่า IAM ของ Cloud Run เข้มงวดขึ้น - Google แจ้งเตือนผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ ผ่าน Mandatory Service Announcement ตั้งแต่ปลายปี 2024 ✅ ผลกระทบของช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข - ช่องโหว่คล้ายกันสามารถ ถูกนำไปใช้ในรูปแบบ Supply Chain Attack เพื่อเจาะระบบคลาวด์ขององค์กร - หากไม่มีมาตรการป้องกัน แฮกเกอร์อาจใช้เทคนิคเดียวกันนี้เพื่อเจาะระบบคลาวด์ของบริษัทอื่น ๆ https://www.csoonline.com/article/3952518/google-fixes-gcp-flaw-that-could-expose-sensitive-container-images.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Google fixes GCP flaw that could expose sensitive container images
    The flaw could allow attackers to access restricted container images, potentially leading to privilege escalation, data theft, and espionage attacks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • Large Language Models (LLMs) กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ขับเคลื่อน AI ในปัจจุบัน แต่เนื่องจากต้นทุนสูงและต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก จึงเกิดแนวทางใหม่ที่เรียกว่า Model Distillation ซึ่งช่วยให้สามารถย่อขนาดโมเดลให้เล็กลง ลดต้นทุน และเพิ่มความเร็วในการทำงาน

    อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโมเดลที่ถูก Distilled จะช่วยให้ LLMs ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่ก็มาพร้อมกับ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ถ่ายทอดมาจากโมเดลต้นแบบ รวมถึงข้อจำกัดที่อาจทำให้เกิดการสร้างข้อมูลผิดพลาด (Hallucination) มากขึ้น

    Model Distillation ทำงานอย่างไร?
    - นักวิจัย AI ใช้โมเดลที่มีพารามิเตอร์สูงเป็น Teacher Model เพื่อฝึกโมเดลขนาดเล็กที่เรียกว่า Student Model
    - Student Model ถูกออกแบบให้ เลียนแบบพฤติกรรมของ Teacher Model แต่ใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์น้อยลง

    ข้อดีของ Model Distillation
    - ลดต้นทุนการประมวลผล และเพิ่มความเร็วในการทำงาน
    - ทำให้ LLM สามารถทำงานบนอุปกรณ์ที่เล็กลง เช่น มือถือหรือระบบ IoT

    ความเสี่ยงที่ถ่ายทอดมาจาก Teacher Model
    - Model Distillation อาจทำให้ข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยจากโมเดลต้นแบบถูกนำมาใช้ซ้ำ
    - ตัวอย่างเช่น DistilGPT-2 ถูกพบว่า รั่วไหลข้อมูลส่วนบุคคล (PII) เช่นเดียวกับ GPT-2 ที่เคยถูกวิจารณ์เรื่องความปลอดภัย
    - นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจาก Model Inversion Attack ซึ่งแฮกเกอร์สามารถย้อนข้อมูลกลับไปหาข้อมูลต้นฉบับ

    ปัญหา Hallucination ในโมเดลที่ถูก Distilled
    - นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า Model Distillation อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดหรือการสร้างข้อมูลที่ไม่มีอยู่จริงมากขึ้น
    - ตัวอย่างหนึ่งคือ WormGPT ซึ่งถูกพัฒนาให้สร้างอีเมล Phishing ที่ดูสมจริง แต่เป็นข้อมูลปลอมทั้งหมด

    การโจมตี Model Extraction
    - แฮกเกอร์สามารถ ใช้ Model Distillation เพื่อลอกเลียนแบบโมเดลต้นฉบับ และปรับแต่งให้สามารถหลีกเลี่ยงมาตรการด้านความปลอดภัย
    - การโจมตีนี้อาจทำให้โมเดลที่ถูกลอกเลียนแบบถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การปลอมแปลงข้อมูลหรือการโจมตีทางไซเบอร์

    อนาคตของ Model Distillation และความปลอดภัย AI
    - นักวิจัยเชื่อว่าอุตสาหกรรม AI ต้องพัฒนา ระบบป้องกันที่เข้มแข็งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากโมเดลที่ถูก Distilled
    - การพึ่งพา AI Guardrails หรือมาตรการจำกัดการทำงานอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องออกแบบระบบที่มี การควบคุมความน่าเชื่อถือ โดยรวมตั้งแต่ต้น

    https://www.csoonline.com/article/3951626/llms-are-now-available-in-snack-size-but-digest-with-care.html
    Large Language Models (LLMs) กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ขับเคลื่อน AI ในปัจจุบัน แต่เนื่องจากต้นทุนสูงและต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก จึงเกิดแนวทางใหม่ที่เรียกว่า Model Distillation ซึ่งช่วยให้สามารถย่อขนาดโมเดลให้เล็กลง ลดต้นทุน และเพิ่มความเร็วในการทำงาน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโมเดลที่ถูก Distilled จะช่วยให้ LLMs ใช้งานได้ง่ายขึ้น แต่ก็มาพร้อมกับ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยที่ถ่ายทอดมาจากโมเดลต้นแบบ รวมถึงข้อจำกัดที่อาจทำให้เกิดการสร้างข้อมูลผิดพลาด (Hallucination) มากขึ้น Model Distillation ทำงานอย่างไร? - นักวิจัย AI ใช้โมเดลที่มีพารามิเตอร์สูงเป็น Teacher Model เพื่อฝึกโมเดลขนาดเล็กที่เรียกว่า Student Model - Student Model ถูกออกแบบให้ เลียนแบบพฤติกรรมของ Teacher Model แต่ใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์น้อยลง ข้อดีของ Model Distillation - ลดต้นทุนการประมวลผล และเพิ่มความเร็วในการทำงาน - ทำให้ LLM สามารถทำงานบนอุปกรณ์ที่เล็กลง เช่น มือถือหรือระบบ IoT ความเสี่ยงที่ถ่ายทอดมาจาก Teacher Model - Model Distillation อาจทำให้ข้อมูลที่ไม่ปลอดภัยจากโมเดลต้นแบบถูกนำมาใช้ซ้ำ - ตัวอย่างเช่น DistilGPT-2 ถูกพบว่า รั่วไหลข้อมูลส่วนบุคคล (PII) เช่นเดียวกับ GPT-2 ที่เคยถูกวิจารณ์เรื่องความปลอดภัย - นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจาก Model Inversion Attack ซึ่งแฮกเกอร์สามารถย้อนข้อมูลกลับไปหาข้อมูลต้นฉบับ ปัญหา Hallucination ในโมเดลที่ถูก Distilled - นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า Model Distillation อาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดหรือการสร้างข้อมูลที่ไม่มีอยู่จริงมากขึ้น - ตัวอย่างหนึ่งคือ WormGPT ซึ่งถูกพัฒนาให้สร้างอีเมล Phishing ที่ดูสมจริง แต่เป็นข้อมูลปลอมทั้งหมด การโจมตี Model Extraction - แฮกเกอร์สามารถ ใช้ Model Distillation เพื่อลอกเลียนแบบโมเดลต้นฉบับ และปรับแต่งให้สามารถหลีกเลี่ยงมาตรการด้านความปลอดภัย - การโจมตีนี้อาจทำให้โมเดลที่ถูกลอกเลียนแบบถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด เช่น การปลอมแปลงข้อมูลหรือการโจมตีทางไซเบอร์ อนาคตของ Model Distillation และความปลอดภัย AI - นักวิจัยเชื่อว่าอุตสาหกรรม AI ต้องพัฒนา ระบบป้องกันที่เข้มแข็งขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากโมเดลที่ถูก Distilled - การพึ่งพา AI Guardrails หรือมาตรการจำกัดการทำงานอาจไม่เพียงพอ จำเป็นต้องออกแบบระบบที่มี การควบคุมความน่าเชื่อถือ โดยรวมตั้งแต่ต้น https://www.csoonline.com/article/3951626/llms-are-now-available-in-snack-size-but-digest-with-care.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    LLMs are now available in snack size but digest with care
    Distilled models can improve the contextuality and accessibility of LLMs, but can also amplify existing AI risks, including threats to data privacy, integrity, and brand security.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • Firefox อัปเดตเวอร์ชัน 137.0 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่มากมาย เช่น Tab Groups ที่ช่วยจัดระเบียบแท็บ แถบที่อยู่แบบใหม่ ที่ค้นหาได้สะดวกขึ้น รวมถึงฟีเจอร์การเซ็นเอกสาร PDF และใช้แถบที่อยู่เป็นเครื่องคิดเลข ที่สำคัญคือ รองรับ HEVC บน Linux ทำให้การเล่นวิดีโอบนระบบนี้ดีขึ้นกว่าเดิม

    Tab Groups—การจัดระเบียบแท็บที่ง่ายขึ้น
    - ผู้ใช้สามารถสร้างกลุ่มแท็บได้ง่าย ๆ โดยลากแท็บหนึ่งไปวางบนอีกแท็บเพื่อสร้างกลุ่ม
    - กลุ่มแท็บสามารถตั้งชื่อและกำหนดสีได้ และจะถูกบันทึกไว้แม้ปิดเบราว์เซอร์

    Firefox Address Bar Refresh 2025
    - ปรับปรุงแถบที่อยู่ให้ค้นหาข้อมูลได้แม่นยำขึ้น เช่น ค้นหาข้อมูลเก่าที่เคยดู
    - เพิ่ม Unified Search Button เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกเครื่องมือค้นหาได้ง่ายขึ้น
    - รองรับ Contextual Search Mode ที่ช่วยค้นหาข้อมูลจากเว็บที่กำลังเปิดอยู่

    ฟีเจอร์ใหม่ในการใช้งานเอกสารและคำนวณ
    - Firefox สามารถ เซ็น PDF โดยตรง และบันทึกลายเซ็นเพื่อใช้ในอนาคต
    - เปลี่ยนลิงก์ใน PDF ให้เป็นไฮเปอร์ลิงก์โดยอัตโนมัติ
    - สามารถใช้แถบที่อยู่เป็น เครื่องคิดเลข ได้ เพียงพิมพ์สูตรคณิตศาสตร์ แล้ว Firefox จะคำนวณให้ทันที

    รองรับ HEVC บน Linux
    - ผู้ใช้ Linux สามารถเล่นวิดีโอ HEVC (H.265) บน Firefox ได้แล้ว ซึ่งช่วยให้วิดีโอมีคุณภาพสูงขึ้นและใช้แบนด์วิดท์น้อยลง

    https://www.neowin.net/news/firefox-gets-big-update-with-tab-groups-improved-address-bar-hevc-for-linux-and-more/
    Firefox อัปเดตเวอร์ชัน 137.0 เพิ่มฟีเจอร์ใหม่มากมาย เช่น Tab Groups ที่ช่วยจัดระเบียบแท็บ แถบที่อยู่แบบใหม่ ที่ค้นหาได้สะดวกขึ้น รวมถึงฟีเจอร์การเซ็นเอกสาร PDF และใช้แถบที่อยู่เป็นเครื่องคิดเลข ที่สำคัญคือ รองรับ HEVC บน Linux ทำให้การเล่นวิดีโอบนระบบนี้ดีขึ้นกว่าเดิม Tab Groups—การจัดระเบียบแท็บที่ง่ายขึ้น - ผู้ใช้สามารถสร้างกลุ่มแท็บได้ง่าย ๆ โดยลากแท็บหนึ่งไปวางบนอีกแท็บเพื่อสร้างกลุ่ม - กลุ่มแท็บสามารถตั้งชื่อและกำหนดสีได้ และจะถูกบันทึกไว้แม้ปิดเบราว์เซอร์ Firefox Address Bar Refresh 2025 - ปรับปรุงแถบที่อยู่ให้ค้นหาข้อมูลได้แม่นยำขึ้น เช่น ค้นหาข้อมูลเก่าที่เคยดู - เพิ่ม Unified Search Button เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเลือกเครื่องมือค้นหาได้ง่ายขึ้น - รองรับ Contextual Search Mode ที่ช่วยค้นหาข้อมูลจากเว็บที่กำลังเปิดอยู่ ฟีเจอร์ใหม่ในการใช้งานเอกสารและคำนวณ - Firefox สามารถ เซ็น PDF โดยตรง และบันทึกลายเซ็นเพื่อใช้ในอนาคต - เปลี่ยนลิงก์ใน PDF ให้เป็นไฮเปอร์ลิงก์โดยอัตโนมัติ - สามารถใช้แถบที่อยู่เป็น เครื่องคิดเลข ได้ เพียงพิมพ์สูตรคณิตศาสตร์ แล้ว Firefox จะคำนวณให้ทันที รองรับ HEVC บน Linux - ผู้ใช้ Linux สามารถเล่นวิดีโอ HEVC (H.265) บน Firefox ได้แล้ว ซึ่งช่วยให้วิดีโอมีคุณภาพสูงขึ้นและใช้แบนด์วิดท์น้อยลง https://www.neowin.net/news/firefox-gets-big-update-with-tab-groups-improved-address-bar-hevc-for-linux-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Firefox gets big update with tab groups, improved address bar, HEVC for Linux, and more
    Mozilla has released a big update for Firefox. Version 137 is here with tab groups, an updated address bar, some good news for Linux users, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า “กรณีนี้ลูกค้าหลายรายกลายเป็นผู้เสียหายไปแจ้งความ ปคบ. บริษัทดังกล่าวมีหน้าร้านจริง และเป็นสมาชิกขอสมาคมค้าทองคำด้วย ไม่ใช่ร้านค้าทองหน้าใหม่ เปิดค้าทองคำมานับสิบปีแล้ว เข้าใจว่าอาจจะบริหารงานผิดพลาด เนื่องจากราคาทองคำในช่วงนี้ปรับตัวสูงขึ้นมากและผันผวนโดยทางสมาคมฯ กำลังหาข้อมูลอยู่และจะติดต่อสอบถามรายละเอียดเขาดู คงจะบริหารงานผิดพลาด พวกออนไลน์ถ้าบริหารงานผิดพลาด แล้วไปจองไว้เยอะๆ มันก็อาจจะขาดทุนนะ ตั้งแต่ต้นปีมาถึงวันนี้ราคาทองขึ้นมาแล้วมากพอสมควร ยืนยันว่า บริษัทฯ เขาเป็นสมาชิกอยู่ในสมาคมค้าทอง เป็นสมาชิกมา 10 กว่าปีแล้ว สมัยก่อนยังไม่ค่อยเข้มงวด
    นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยทางโทรศัพท์ว่า “กรณีนี้ลูกค้าหลายรายกลายเป็นผู้เสียหายไปแจ้งความ ปคบ. บริษัทดังกล่าวมีหน้าร้านจริง และเป็นสมาชิกขอสมาคมค้าทองคำด้วย ไม่ใช่ร้านค้าทองหน้าใหม่ เปิดค้าทองคำมานับสิบปีแล้ว เข้าใจว่าอาจจะบริหารงานผิดพลาด เนื่องจากราคาทองคำในช่วงนี้ปรับตัวสูงขึ้นมากและผันผวนโดยทางสมาคมฯ กำลังหาข้อมูลอยู่และจะติดต่อสอบถามรายละเอียดเขาดู คงจะบริหารงานผิดพลาด พวกออนไลน์ถ้าบริหารงานผิดพลาด แล้วไปจองไว้เยอะๆ มันก็อาจจะขาดทุนนะ ตั้งแต่ต้นปีมาถึงวันนี้ราคาทองขึ้นมาแล้วมากพอสมควร ยืนยันว่า บริษัทฯ เขาเป็นสมาชิกอยู่ในสมาคมค้าทอง เป็นสมาชิกมา 10 กว่าปีแล้ว สมัยก่อนยังไม่ค่อยเข้มงวด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่เน้นการใช้ AI ในแอป Photos บน Windows ไม่ว่าจะเป็น Copilot ที่ช่วยแนะนำการแก้ไขภาพ หรือฟีเจอร์ OCR ที่สแกนข้อความจากภาพและค้นหาข้อมูลได้ทันที การรองรับ JPEG XL ก็ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยในการจัดการไฟล์ภาพที่มีคุณภาพสูงขึ้น พร้อมกับการปรับปรุงให้แอปใช้งานง่ายขึ้น

    ฟีเจอร์ Copilot:
    - Copilot ปรากฏเป็นปุ่มที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการแก้ไขภาพ เช่น Photography Editing Tips และ Image Insights ซึ่งช่วยให้คุณปรับปรุงภาพถ่ายและค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพนั้น อย่างไรก็ตาม Copilot ยังไม่ได้แก้ไขภาพโดยตรง แต่เป็นเครื่องมือช่วยในการแนะนำ.

    ฟีเจอร์ Optical Character Recognition (OCR):
    - เพิ่มความสามารถในการอ่านและดึงข้อความจากภาพ เช่น การถ่ายภาพหน้าร้านและค้นหาออนไลน์ หรือการสแกนเอกสารเพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องบนเว็บ.

    การแก้ไขภาพจาก File Explorer:
    - คุณสามารถคลิกขวาที่ภาพใน File Explorer เพื่อใช้คำสั่ง Create with Designer ซึ่งช่วยเพิ่มข้อความ ปรับเลย์เอาต์ ลบวัตถุ หรือปรับแต่งสีได้ง่าย.

    การจัดการรูปภาพที่ดีขึ้น:
    - Gallery View ช่วยให้เรียกดูโฟลเดอร์ย่อยได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนการนำทางมากนัก.

    การรองรับ JPEG XL:
    - เพิ่มการรองรับไฟล์ JPEG XL ซึ่งมีคุณภาพของภาพดีกว่าและบีบอัดได้มีประสิทธิภาพกว่ามาตรฐาน JPEG เดิม.

    https://www.techspot.com/news/107295-microsoft-revamps-windows-photos-powerful-ai-features-smarter.html
    Microsoft ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่เน้นการใช้ AI ในแอป Photos บน Windows ไม่ว่าจะเป็น Copilot ที่ช่วยแนะนำการแก้ไขภาพ หรือฟีเจอร์ OCR ที่สแกนข้อความจากภาพและค้นหาข้อมูลได้ทันที การรองรับ JPEG XL ก็ถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อช่วยในการจัดการไฟล์ภาพที่มีคุณภาพสูงขึ้น พร้อมกับการปรับปรุงให้แอปใช้งานง่ายขึ้น ฟีเจอร์ Copilot: - Copilot ปรากฏเป็นปุ่มที่ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการแก้ไขภาพ เช่น Photography Editing Tips และ Image Insights ซึ่งช่วยให้คุณปรับปรุงภาพถ่ายและค้นหารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาพนั้น อย่างไรก็ตาม Copilot ยังไม่ได้แก้ไขภาพโดยตรง แต่เป็นเครื่องมือช่วยในการแนะนำ. ฟีเจอร์ Optical Character Recognition (OCR): - เพิ่มความสามารถในการอ่านและดึงข้อความจากภาพ เช่น การถ่ายภาพหน้าร้านและค้นหาออนไลน์ หรือการสแกนเอกสารเพื่อค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องบนเว็บ. การแก้ไขภาพจาก File Explorer: - คุณสามารถคลิกขวาที่ภาพใน File Explorer เพื่อใช้คำสั่ง Create with Designer ซึ่งช่วยเพิ่มข้อความ ปรับเลย์เอาต์ ลบวัตถุ หรือปรับแต่งสีได้ง่าย. การจัดการรูปภาพที่ดีขึ้น: - Gallery View ช่วยให้เรียกดูโฟลเดอร์ย่อยได้สะดวกขึ้นโดยไม่ต้องเปลี่ยนการนำทางมากนัก. การรองรับ JPEG XL: - เพิ่มการรองรับไฟล์ JPEG XL ซึ่งมีคุณภาพของภาพดีกว่าและบีบอัดได้มีประสิทธิภาพกว่ามาตรฐาน JPEG เดิม. https://www.techspot.com/news/107295-microsoft-revamps-windows-photos-powerful-ai-features-smarter.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Windows Photos gets revamped with powerful AI features and smarter tools
    Let's start with Copilot integration. This new feature appears as a button that provides direct access to an AI assistant designed for working with images. One of...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts