• มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ได้ทำ google doc ออกเสียงความเห็น หวังว่าท่านจะร่วมต่อต้านการพนัน เพื่อนส่งลิ้งค์มา ผมหาข้อมูลมูลนิธิ และทำการร่วมลงชื่อค้าน ขอท่านช่วยกันแชร์ไปต่อๆ หรือจะ copy ไปทางไลน์ ทางเฟส ให้ช่วยๆ กัน แสดงพลังให้นักการเมืองเห็นด้วยครับ

    ร่วมเป็น 1 เสียง แสดงจุดยืนว่า "เราไม่เอากาสิโน"
    จากการที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าผลักดันพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) อันมีกาสิโนเป็นส่วนประกอบหลักเข้าสู่รัฐสภา กฎหมายนี้จะเปิดช่องให้เปิดกาสิโนได้อย่างเสรี และก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมทั้งปัญหาอาชญากรรม การฟอกเงิน การทุจริตคอรัปชั่น การประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ฯลฯ
    หากคุณคือคนไทยคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย กรุณาร่วมกันส่งเสียงต่อรัฐบาลผ่านการลงชื่อแสดงจุดยืนว่า "เราไม่เอากาสิโน"
    ได้ที่ https://forms.gle/PBBBYki6Lbcb4HZh9
    มูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน ได้ทำ google doc ออกเสียงความเห็น หวังว่าท่านจะร่วมต่อต้านการพนัน เพื่อนส่งลิ้งค์มา ผมหาข้อมูลมูลนิธิ และทำการร่วมลงชื่อค้าน ขอท่านช่วยกันแชร์ไปต่อๆ หรือจะ copy ไปทางไลน์ ทางเฟส ให้ช่วยๆ กัน แสดงพลังให้นักการเมืองเห็นด้วยครับ ร่วมเป็น 1 เสียง แสดงจุดยืนว่า "เราไม่เอากาสิโน" จากการที่รัฐบาลประกาศเดินหน้าผลักดันพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) อันมีกาสิโนเป็นส่วนประกอบหลักเข้าสู่รัฐสภา กฎหมายนี้จะเปิดช่องให้เปิดกาสิโนได้อย่างเสรี และก่อให้เกิดผลกระทบทางสังคมทั้งปัญหาอาชญากรรม การฟอกเงิน การทุจริตคอรัปชั่น การประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย ฯลฯ หากคุณคือคนไทยคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย กรุณาร่วมกันส่งเสียงต่อรัฐบาลผ่านการลงชื่อแสดงจุดยืนว่า "เราไม่เอากาสิโน" ได้ที่ https://forms.gle/PBBBYki6Lbcb4HZh9
    FORMS.GLE
    ร่วมเป็น 1 เสียง แสดงจุดยืนว่า "เราไม่เอากาสิโน"
    รัฐบาลประกาศเดินหน้าผลักดันพ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) อันมีกาสิโนเป็นส่วนประกอบหลักเข้าสู่รัฐสภา และมีความเป็นไปได้สูงที่จะไม่ถูกคัดค้านทั้งจากสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา ซึ่งจะส่งผลให้ประเทศไทยสามารถเปิดกาสิโนหรือแหล่งพนันอย่างเข้ม ที่เล่นพนันได้มาก หมกมุ่นเป็นเวลานาน และเสียทรัพย์จำนวนมาก กฎหมายนี้จะเปิดช่องให้เปิดกาสิโนได้หลายแห่ง หลายขนาด ในหลายพื้นที่ ไม่มีขีดจำกัด อนุมัติด้วยอำนาจของฝ่ายการเมือง โดยไม่ต้องฟังเสียงประชาชน ขณะที่การกำหนดมาตรการและกลไกในการกำกับดูแลผู้ประกอบการ โดยเฉพาะการป้องกันปัญหาและลดผลกระทบจากการพนัน ก็ดูเบาบาง ประสบการณ์ของทั่วโลกต่างพบแล้วว่า กาสิโนเป็นพื้นที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมหลากระดับ ทั้งการโจรกรรมข้ามชาติ อาชญากรรมระดับประเทศ และการกระทำผิดกฎหมายในท้องที่ท้องถิ่น ทั้งการฉ้อโกง การทุจริตคอรัปชั่น การรับสินบน และการประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย การเปิดให้มีกาสิโนถูกกฎหมายเท่ากับการอนุญาตให้เปิดโรงฟอกเงินแก่กลุ่มอาชญากรรมและผู้กระทำผิด ให้สามารถเปลี่ยนเงินสกปรกให้กลายเป็นเงินสะอาดได้ อันมีส่วนในการเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบบเศรษฐกิจการเงินการธนาคารของประเทศได้ หากคุณคือคนไทยคนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย กรุณาร่วมกันส่งเสียงต่อรัฐบาลและรัฐสภา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.blognone.com/node/

    ตามหาเจ้าของแอพ Fineasy แอพเงินกู้นอกระบบที่แถมมากับรอมของมือถือ Oppo และ Realme (ภาคสอง) ยืนยันได้แล้วว่าเจ้าของเป็นคนจีน

    หลังจากเมื่อวานนี้ Blognone ค้นหาข้อมูลว่าเจ้าของแอพ Fineasy เป็นบริษัทสิงคโปร์ชื่อ Wealth Hope Pte. วันนี้เราขุดเข้าไปดูในฐานข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (ARCA) ของสิงคโปร์ ได้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้

    - Wealth Hope Pte. มีผู้ถือหุ้นรายเดียว เป็นบริษัทจีนชื่อ Shenzhen Yufei Technology Corp จดทะเบียนในเซินเจิ้น ประเทศจีน
    - Wealth Hope Pte. มีกรรมการบริษัท 3 คน เป็นคนสิงคโปร์​ 1 ราย และคนจีนอีก 2 ราย

    ตัวบริษัท Shenzhen Yufei Technology Corp ไม่มีข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมากนัก ไม่มีเว็บไซต์ใดๆ ในฐานข้อมูลบริษัทจีน (https://www.qcc.com/firm/f8bcb57f26f98b5a8a8220cf34bde1c9.html) ระบุว่ามีทุนจดทะเบียน 1 ล้านหยวน และมีผู้ถือหุ้นรายเดียวชื่อ He Shanting (何山婷) ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาคือใครกันแน่

    https://www.facebook.com/share/p/18VRiWYQvT/?mibextid=wwXIfr

    144072?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0ixyVg1-0S09-XlC8CfU64iwQGIphhIjNPD__gFAQ4JJ1WDF5KxIbK9v0_aem_A_aSHWHa57qIpHvOAlA5pw
    https://www.blognone.com/node/ ตามหาเจ้าของแอพ Fineasy แอพเงินกู้นอกระบบที่แถมมากับรอมของมือถือ Oppo และ Realme (ภาคสอง) ยืนยันได้แล้วว่าเจ้าของเป็นคนจีน หลังจากเมื่อวานนี้ Blognone ค้นหาข้อมูลว่าเจ้าของแอพ Fineasy เป็นบริษัทสิงคโปร์ชื่อ Wealth Hope Pte. วันนี้เราขุดเข้าไปดูในฐานข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (ARCA) ของสิงคโปร์ ได้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ - Wealth Hope Pte. มีผู้ถือหุ้นรายเดียว เป็นบริษัทจีนชื่อ Shenzhen Yufei Technology Corp จดทะเบียนในเซินเจิ้น ประเทศจีน - Wealth Hope Pte. มีกรรมการบริษัท 3 คน เป็นคนสิงคโปร์​ 1 ราย และคนจีนอีก 2 ราย ตัวบริษัท Shenzhen Yufei Technology Corp ไม่มีข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมากนัก ไม่มีเว็บไซต์ใดๆ ในฐานข้อมูลบริษัทจีน (https://www.qcc.com/firm/f8bcb57f26f98b5a8a8220cf34bde1c9.html) ระบุว่ามีทุนจดทะเบียน 1 ล้านหยวน และมีผู้ถือหุ้นรายเดียวชื่อ He Shanting (何山婷) ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเขาคือใครกันแน่ https://www.facebook.com/share/p/18VRiWYQvT/?mibextid=wwXIfr 144072?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR0ixyVg1-0S09-XlC8CfU64iwQGIphhIjNPD__gFAQ4JJ1WDF5KxIbK9v0_aem_A_aSHWHa57qIpHvOAlA5pw
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google เตรียมอัปเกรด Google TV ครั้งใหญ่ในปี 2025 ด้วยฟีเจอร์ใหม่ 3 อย่างที่น่าตื่นเต้นครับ

    Google ได้ประกาศการอัปเกรดครั้งใหญ่สำหรับ Google TV ในปี 2025 โดยจะมีการนำ Gemini assistant เข้ามาใช้แทน Google Assistant เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองคำสั่งเสียงและการค้นหาข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้น

    ฟีเจอร์ใหม่มีดังนี้

    1) Gemini assistant จะเข้ามาแทนที่ Google Assistant บน Google TV ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยไม่ต้องพูดคำว่า "Hey Google" และสามารถใช้คำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้นได้
    2) ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น "บอกเกี่ยวกับระบบสุริยะสำหรับเด็กประถม" หรือ "ช่วยวางแผนสถานที่พักผ่อนที่มีชายหาดสวย" และ Gemini จะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและแสดงผลบนหน้าจอทีวี
    3) Google มีแผนที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่ออัปเกรดฮาร์ดแวร์ของ Google TV โดยจะมีการติดตั้งไมโครโฟนระยะไกลเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานทีวีได้โดยไม่ต้องใช้รีโมท และมีการพัฒนาประสบการณ์การใช้งานแบบ ambient ที่สามารถแสดงข้อมูลส่วนตัวและวิดเจ็ตที่น่าสนใจเมื่อผู้ใช้เข้าใกล้ทีวี

    การอัปเกรดครั้งนี้จะทำให้การใช้งาน Google TV เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการนำ Gemini assistant เข้ามาใช้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานทีวีได้อย่างเป็นธรรมชาติและสะดวกสบายมากขึ้น

    ลุงว่า การใส่ไมค์มาใน TV มันจะน่ากลัวว่าจะโดนเก็บข้อมูลตลอดเวลาหน่ะสิ

    https://www.zdnet.com/home-and-office/home-entertainment/google-tvs-are-getting-a-major-gemini-upgrade-in-2025-here-are-the-3-best-features/
    Google เตรียมอัปเกรด Google TV ครั้งใหญ่ในปี 2025 ด้วยฟีเจอร์ใหม่ 3 อย่างที่น่าตื่นเต้นครับ Google ได้ประกาศการอัปเกรดครั้งใหญ่สำหรับ Google TV ในปี 2025 โดยจะมีการนำ Gemini assistant เข้ามาใช้แทน Google Assistant เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองคำสั่งเสียงและการค้นหาข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้น ฟีเจอร์ใหม่มีดังนี้ 1) Gemini assistant จะเข้ามาแทนที่ Google Assistant บน Google TV ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยไม่ต้องพูดคำว่า "Hey Google" และสามารถใช้คำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ 2) ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น "บอกเกี่ยวกับระบบสุริยะสำหรับเด็กประถม" หรือ "ช่วยวางแผนสถานที่พักผ่อนที่มีชายหาดสวย" และ Gemini จะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและแสดงผลบนหน้าจอทีวี 3) Google มีแผนที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่ออัปเกรดฮาร์ดแวร์ของ Google TV โดยจะมีการติดตั้งไมโครโฟนระยะไกลเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานทีวีได้โดยไม่ต้องใช้รีโมท และมีการพัฒนาประสบการณ์การใช้งานแบบ ambient ที่สามารถแสดงข้อมูลส่วนตัวและวิดเจ็ตที่น่าสนใจเมื่อผู้ใช้เข้าใกล้ทีวี การอัปเกรดครั้งนี้จะทำให้การใช้งาน Google TV เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการนำ Gemini assistant เข้ามาใช้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานทีวีได้อย่างเป็นธรรมชาติและสะดวกสบายมากขึ้น ลุงว่า การใส่ไมค์มาใน TV มันจะน่ากลัวว่าจะโดนเก็บข้อมูลตลอดเวลาหน่ะสิ https://www.zdnet.com/home-and-office/home-entertainment/google-tvs-are-getting-a-major-gemini-upgrade-in-2025-here-are-the-3-best-features/
    WWW.ZDNET.COM
    Google TVs are getting a major Gemini upgrade in 2025 - here are the 3 best features
    You will finally be able to speak to your Google TV like you would speak to a person. And future models will support ambient sensors for a hands-free viewing experience.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่น 5 : ชินกันเซ็น

    วันก่อนผมมีโอกาสได้นั่งรถไฟชินกันเซ็นครับ

    ด้วยความที่ว่าห้องโดยสารของชินกันเซ็นนั้นสวยงาม สบาย และเงียบกริบราวกับว่าไม่ได้วิ่งอยู่ด้วยความเร็ว 300 กม./ชม.

    ผมนั่งหลับตาไปก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่า “วิศวกรญี่ปุ่นมีความสามารถสร้างรถไฟได้ดีเลิศขนาดนี้ ถ้าได้สร้างเครื่องบินโดยสารขึ้นมา ก็จะต้องดีกว่าพวกโบอิ้งหรือแอร์บัสแน่นอน แล้วทำไมญี่ปุ่นถึงไม่สร้างล่ะ?“

    ว่าแล้วผมก็ไปหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังดังนี้ครับ
    .
    .
    .
    หลังจากญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาพผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีค.ศ.1945นั้น ฝ่ายผู้ชนะที่นำโดยอเมริกานั้นได้บังคับให้ฝ่ายญี่ปุ่นลงชื่อในเอกสารยอมจำนน

    ซึ่งในเอกสารฉบับนี้มีรายละเอียดมากมาย และประเด็นที่สำคัญคือมาตรา 9 ที่ระบุว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถมีกองทัพได้อีกต่อไป รวมถึงให้ยุติการสร้างยานพาหนะที่เกี่ยวกับการสงคราม เช่น เรือ เครื่องบิน รถรบทุกชนิด

    โรงงานสร้างเครื่องบินรบทั้งหลาย เช่น มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสตรี้, นากาชิมาแอร์คราฟท์ และคาวาซากิแอร์คราฟท์ ต้องเลิกกิจการ

    ทั้งโรงงานและวิศวกรต้องเปลี่ยนมาผลิตรถยนต์แทน

    กิจการเกี่ยวกับเทคโนโลยีอากาศยานของญี่ปุ่นถูกแช่แข็งอยู่ราว 7 ปึ คือ 1945-1952 เพื่อกำราบไม่ให้จักรวรรดิญี่ปุ่นฟื้นขึ้นมาแผลงฤทธิ์ได้อีก

    อันนี้ก็ต้องบอกว่าเยอรมันก็โดนแบบเดียวกันกับญี่ปุ่นนี่ละครับ และเยอรมันนี่หนักกว่าด้วยซ้ำคือ ถูกแบ่งประเทศเป็นฝั่งตะวันตกกับตะวันออก

    ทีนี้ในปี 1952 ก็ได้เกิดสงครามเกาหลีขึ้น ฝ่ายอเมริกาและสหประชาชาติต้องการใช้ญี่ปุ่นเป็นฐานสำหรับส่งทหารไปรบเพื่อช่วยเกาหลีใต้

    เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปแบบนี้ ญี่ปุ่นจึงกลายเป็นพันธมิตรกับอเมริกา อเมริกาจึงไม่สามารถปล่อยให้ญี่ปุ่นอยู่ในสภาพ “ผู้ถูกปกครอง” อันจะเป็นภาระแก่ตัวอเมริกาเองด้วยซ้ำ

    อเมริกาจึงได้ปลดล็อคข้อห้ามทั้งหลาย ทำให้ญี่ปุ่นสามารถมีกำลังตำรวจ มีกองกำลังป้องกันตนเองได้ สามารถสร้างเรือ เครื่องบินได้

    แต่ก็ยังไม่สามารถสะสมอาวุธหรือมีกองทัพแบบฟูลออปชั่นได้

    อุตสาหกรรมสร้างอากาศยานจึงเริ่มฟื้นกลับมาอีกครั้ง แต่ก็ถือว่าเริ่มช้าแล้วเพราะโบอิ้งเขาพัฒนาไปไกลแล้ว
    .
    .
    .
    ในเวลานั้นญี่ปุ่นเลือกเส้นทางที่จะเอาดีทางสร้างรถยนต์และรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า

    ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องบินนั้น ถึงแม้ญี่ปุ่นจะมีความสามารถที่จะทำได้ดี แต่ญี่ปุ่นเลือกที่จะเล่นบทฝ่ายสนับสนุนอเมริกา

    คือ มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสตรี้ กลายมาเป็นผู้ผลิตอะไหล่และปีกเครื่องบินให้โบอิ้งมาตลอด

    และอเมริกายังเคยออกไลเซนส์ให้ญี่ปุ่นสร้างเครื่องบินบางรุ่นให้ด้วย เช่น F-86

    สำหรับเครื่องบินรบไฮเทค อย่าง 6th generation นั้น ปัจจุบันมิตซูบิชิก็ไปจับมือกับอังกฤษและชาติยุโรปช่วยกันพัฒนาอยู่
    .
    .
    .
    ทีนี้บางคนคงเคยได้ยินเครื่องบิน “ฮอนด้าเจ็ท” ใช่ไหมครับ

    ฮอนด้าเจ็ทนั้นเป็นเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก แม้จะแบรนด์ฮอนด้าแต่ก็ไม่ได้สร้างขึ้นบนแผ่นดินญี่ปุ่น

    เพราะฮอนด้าเลือกจะไปสร้างโรงงานอยู่ที่รัฐนอร์ธแคโรไลน่า สหรัฐอเมริกาโน่น

    เรื่องฮอนด้าเจ็ทนี้ก็เป็นประเด็นที่คนคลางแคลงใจว่า ผู้บริหารฮอนด้ากลัวอเมริกาจะจับตามองว่าเริ่มสร้างอากาศยานได้เองหรือเปล่า ก็จึงไปเปิดโรงงานที่อเมริกากันเสียเลย
    .
    .
    .
    ญี่ปุ่นมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งมันสมอง ความรู้ ความมุ่งมั่นและระบบซัพพลายเชนที่จะสร้างได้ทั้งเครื่องบินโดยสารและเครื่องบินรบครับ

    แต่ญี่ปุ่นเขาเลือกเส้นทางที่จะเป็นเด็กดีเป็นผู้ช่วยมือรองให้อเมริกา

    จะด้วยความกลัวระเบิดนิวเคลียร์ที่ฝังลึกในใจหรือเปล่าก็ไม่รู้

    แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล


    นัทแนะ
    ญี่ปุ่น 5 : ชินกันเซ็น วันก่อนผมมีโอกาสได้นั่งรถไฟชินกันเซ็นครับ ด้วยความที่ว่าห้องโดยสารของชินกันเซ็นนั้นสวยงาม สบาย และเงียบกริบราวกับว่าไม่ได้วิ่งอยู่ด้วยความเร็ว 300 กม./ชม. ผมนั่งหลับตาไปก็เกิดสงสัยขึ้นมาว่า “วิศวกรญี่ปุ่นมีความสามารถสร้างรถไฟได้ดีเลิศขนาดนี้ ถ้าได้สร้างเครื่องบินโดยสารขึ้นมา ก็จะต้องดีกว่าพวกโบอิ้งหรือแอร์บัสแน่นอน แล้วทำไมญี่ปุ่นถึงไม่สร้างล่ะ?“ ว่าแล้วผมก็ไปหาข้อมูลมาเล่าสู่กันฟังดังนี้ครับ . . . หลังจากญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาพผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 ในปีค.ศ.1945นั้น ฝ่ายผู้ชนะที่นำโดยอเมริกานั้นได้บังคับให้ฝ่ายญี่ปุ่นลงชื่อในเอกสารยอมจำนน ซึ่งในเอกสารฉบับนี้มีรายละเอียดมากมาย และประเด็นที่สำคัญคือมาตรา 9 ที่ระบุว่า ญี่ปุ่นไม่สามารถมีกองทัพได้อีกต่อไป รวมถึงให้ยุติการสร้างยานพาหนะที่เกี่ยวกับการสงคราม เช่น เรือ เครื่องบิน รถรบทุกชนิด โรงงานสร้างเครื่องบินรบทั้งหลาย เช่น มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสตรี้, นากาชิมาแอร์คราฟท์ และคาวาซากิแอร์คราฟท์ ต้องเลิกกิจการ ทั้งโรงงานและวิศวกรต้องเปลี่ยนมาผลิตรถยนต์แทน กิจการเกี่ยวกับเทคโนโลยีอากาศยานของญี่ปุ่นถูกแช่แข็งอยู่ราว 7 ปึ คือ 1945-1952 เพื่อกำราบไม่ให้จักรวรรดิญี่ปุ่นฟื้นขึ้นมาแผลงฤทธิ์ได้อีก อันนี้ก็ต้องบอกว่าเยอรมันก็โดนแบบเดียวกันกับญี่ปุ่นนี่ละครับ และเยอรมันนี่หนักกว่าด้วยซ้ำคือ ถูกแบ่งประเทศเป็นฝั่งตะวันตกกับตะวันออก ทีนี้ในปี 1952 ก็ได้เกิดสงครามเกาหลีขึ้น ฝ่ายอเมริกาและสหประชาชาติต้องการใช้ญี่ปุ่นเป็นฐานสำหรับส่งทหารไปรบเพื่อช่วยเกาหลีใต้ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปแบบนี้ ญี่ปุ่นจึงกลายเป็นพันธมิตรกับอเมริกา อเมริกาจึงไม่สามารถปล่อยให้ญี่ปุ่นอยู่ในสภาพ “ผู้ถูกปกครอง” อันจะเป็นภาระแก่ตัวอเมริกาเองด้วยซ้ำ อเมริกาจึงได้ปลดล็อคข้อห้ามทั้งหลาย ทำให้ญี่ปุ่นสามารถมีกำลังตำรวจ มีกองกำลังป้องกันตนเองได้ สามารถสร้างเรือ เครื่องบินได้ แต่ก็ยังไม่สามารถสะสมอาวุธหรือมีกองทัพแบบฟูลออปชั่นได้ อุตสาหกรรมสร้างอากาศยานจึงเริ่มฟื้นกลับมาอีกครั้ง แต่ก็ถือว่าเริ่มช้าแล้วเพราะโบอิ้งเขาพัฒนาไปไกลแล้ว . . . ในเวลานั้นญี่ปุ่นเลือกเส้นทางที่จะเอาดีทางสร้างรถยนต์และรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วนอุตสาหกรรมเครื่องบินนั้น ถึงแม้ญี่ปุ่นจะมีความสามารถที่จะทำได้ดี แต่ญี่ปุ่นเลือกที่จะเล่นบทฝ่ายสนับสนุนอเมริกา คือ มิตซูบิชิเฮฟวี่อินดัสตรี้ กลายมาเป็นผู้ผลิตอะไหล่และปีกเครื่องบินให้โบอิ้งมาตลอด และอเมริกายังเคยออกไลเซนส์ให้ญี่ปุ่นสร้างเครื่องบินบางรุ่นให้ด้วย เช่น F-86 สำหรับเครื่องบินรบไฮเทค อย่าง 6th generation นั้น ปัจจุบันมิตซูบิชิก็ไปจับมือกับอังกฤษและชาติยุโรปช่วยกันพัฒนาอยู่ . . . ทีนี้บางคนคงเคยได้ยินเครื่องบิน “ฮอนด้าเจ็ท” ใช่ไหมครับ ฮอนด้าเจ็ทนั้นเป็นเครื่องบินโดยสารขนาดเล็ก แม้จะแบรนด์ฮอนด้าแต่ก็ไม่ได้สร้างขึ้นบนแผ่นดินญี่ปุ่น เพราะฮอนด้าเลือกจะไปสร้างโรงงานอยู่ที่รัฐนอร์ธแคโรไลน่า สหรัฐอเมริกาโน่น เรื่องฮอนด้าเจ็ทนี้ก็เป็นประเด็นที่คนคลางแคลงใจว่า ผู้บริหารฮอนด้ากลัวอเมริกาจะจับตามองว่าเริ่มสร้างอากาศยานได้เองหรือเปล่า ก็จึงไปเปิดโรงงานที่อเมริกากันเสียเลย . . . ญี่ปุ่นมีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งมันสมอง ความรู้ ความมุ่งมั่นและระบบซัพพลายเชนที่จะสร้างได้ทั้งเครื่องบินโดยสารและเครื่องบินรบครับ แต่ญี่ปุ่นเขาเลือกเส้นทางที่จะเป็นเด็กดีเป็นผู้ช่วยมือรองให้อเมริกา จะด้วยความกลัวระเบิดนิวเคลียร์ที่ฝังลึกในใจหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เรื่องก็เป็นเช่นนี้แล นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • ญี่ปุ่น 2 : โตเกียวดิสนีย์แลนด์

    ความที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เกิดจากความรู้สึกเปรียบเทียบระหว่างดิสนีย์แลนด์ 2 แห่งคือ โตเกียวกับฮ่องกงครับ

    นั่นเพราะผมรู้สึกว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้นดีกว่า สวยงามกว่า น่าไปเที่ยวมากกว่าฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ผมจึงได้ไปหาข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาเปรียบเทียบแล้วมาเล่าสู่กันฟัง (เพื่อความยุติธรรมแก่ฝั่งฮ่องกง) ดังนี้

    ประการแรกเลยคือ โตเกียวดิสนีย์นั้นหลากหลายกว่าฮ่องกงดิสนีย์ครับ กล่าวคือ ของโตเกียวมี 2 พาร์ค ในขณะที่ฮ่องกงมีเพียงพาร์คเดียว

    ประการที่ 2 คือ วัฒนธรรมป๊อปของชาวญี่ปุ่นนั้นเข้ากันได้ดีกับดิสนีย์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเองนั่นแหละที่เป็นลูกค้าหลักของโตเกียวดิสนีย์ หาใช่ชาวต่างชาติไม่

    ประชากรญี่ปุ่นนั้นมีถึง 125 ล้านคน ขณะที่ฮ่องกงมีประชากรเพียง 7.5 ล้าน

    ในปี 2023 รายได้ของโตเกียวดิสนีย์นั้นสูงถึงเกือบ 4 พันล้านดอลล่าร์ ในขณะที่ฮ่องกงดิสนีย์มีรายได้เพียง 800 ล้านดอลล่าร์

    ผมเคยได้ยินว่า เวลาบริษัทวอลท์ดิสนีย์เขาเลือกที่ตั้งดิสนีย์แลนด์นั้น หนึ่งในข้อพิจารณาก็คือ “จำนวนลูกค้าในประเทศหรือ คนโลคอล” ครับ

    ส่วนลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก

    อย่างวอลท์ดิสนีย์เวิลด์ที่เมืองออลันโด รัฐฟลอริด้านั้น ลูกค้าหลักก็คือคนอเมริกันที่อยู่รอบๆรัฐฟลอริด้าทั้งสิ้น
    .
    .
    .
    ทีนี้บางท่านอาจจะสงสัยว่า “อ้าว ถ้าพิจารณาลูกค้าในประเทศ แล้วทำไมดิสนีย์เลือกมาสร้างที่ฮ่องกงล่ะ?”

    คำตอบก็คือ การสร้างฮ่องกงดิสนีย์นั้น รัฐบาลฮ่องกงเป็นต้นไอเดียครับ คือ ลงทุนเอง สร้างเอง เพื่อดึงดูดให้คนมาฮ่องกง

    โดยรัฐบาลฮ่องกงนั้นถือหุ้น 53% ส่วนบริษัทดิสนีย์ถือหุ้น 47% ได้สตางค์มาก็แบ่งกันไป

    แต่สำหรับโตเกียวดิสนีย์นั้นเป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ

    นั่นคือ โตเกียวดิสนีย์นั้น มีเจ้าของและบริหารงานโดยบริษัทเอกชนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ดิ โอเรียนทอลแลนด์ คัมปะนี” หรือ OLC ครับ

    ซึ่ง OLC ได้ทำสัญญาเช่าซื้อลิขสิทธิ์ระยะยาวในการบริหารดิสนีย์แลนด์ในโตเกียวมาจากบริษัทวอลท์ดิสนีย์อีกทีหนึ่ง

    ทีนี้เมื่อโตเกียวดิสนีย์บริหารงานโดยบริษัทเอกชน 100% ทำให้การอัพเกรดหรือขยายธีมพาร์คอะไรต่างๆก็ทำได้เร็วและง่าย เงินทุนไหลมาปุ๊บปั๊บเร็วปรู๊ดปร๊าด

    ซึ่งต่างจากฮ่องกงดิสนีย์ที่รัฐบาลฮ่องกงถือหุ้นใหญ่ จึงเกิดเหตุการณ์ถูกตัดหรือจำกัดงบประมาณอยู่บ้าง
    .
    .
    .
    ซึ่งก็ต้องบอกว่าโมเดลธุรกิจของโตเกียวดิสนีย์ที่บริษัทเอกชนญี่ปุ่นถือหุ้น 100% นั้นเป็นโมเดลหนึ่งเดียวบนโลกครับ

    เพราะดิสนีย์แลนด์ที่เหลือทุกแห่งบนโลก ทั้งที่ปารีส, ฮ่องกง หรือเซี่ยงไฮ้นั้น บริษัทวอลท์ดิสนีย์จะเข้าไปถือหุ้นและร่วมบริหารงานด้วยทั้งสิ้น

    และทีนี้เผื่อใครอยากจะรู้ว่าดิสนีย์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ไหน?

    คำตอบคือ “เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์“ ครับ คือ 900 กว่าเอเคอร์ นี่เอาเฉพาะฝั่งธีมพาร์คนะครับ ไม่รวมฝั่งรีสอร์ท

    ใหญ่กว่าของโตเกียว, แคลิฟอร์เนีย และฮ่องกงรวมกันเสียอีก

    …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ….


    นัทแนะ
    ญี่ปุ่น 2 : โตเกียวดิสนีย์แลนด์ ความที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ เกิดจากความรู้สึกเปรียบเทียบระหว่างดิสนีย์แลนด์ 2 แห่งคือ โตเกียวกับฮ่องกงครับ นั่นเพราะผมรู้สึกว่าโตเกียวดิสนีย์แลนด์นั้นดีกว่า สวยงามกว่า น่าไปเที่ยวมากกว่าฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ ผมจึงได้ไปหาข้อมูลเล็กๆน้อยๆมาเปรียบเทียบแล้วมาเล่าสู่กันฟัง (เพื่อความยุติธรรมแก่ฝั่งฮ่องกง) ดังนี้ ประการแรกเลยคือ โตเกียวดิสนีย์นั้นหลากหลายกว่าฮ่องกงดิสนีย์ครับ กล่าวคือ ของโตเกียวมี 2 พาร์ค ในขณะที่ฮ่องกงมีเพียงพาร์คเดียว ประการที่ 2 คือ วัฒนธรรมป๊อปของชาวญี่ปุ่นนั้นเข้ากันได้ดีกับดิสนีย์ ทำให้ชาวญี่ปุ่นเองนั่นแหละที่เป็นลูกค้าหลักของโตเกียวดิสนีย์ หาใช่ชาวต่างชาติไม่ ประชากรญี่ปุ่นนั้นมีถึง 125 ล้านคน ขณะที่ฮ่องกงมีประชากรเพียง 7.5 ล้าน ในปี 2023 รายได้ของโตเกียวดิสนีย์นั้นสูงถึงเกือบ 4 พันล้านดอลล่าร์ ในขณะที่ฮ่องกงดิสนีย์มีรายได้เพียง 800 ล้านดอลล่าร์ ผมเคยได้ยินว่า เวลาบริษัทวอลท์ดิสนีย์เขาเลือกที่ตั้งดิสนีย์แลนด์นั้น หนึ่งในข้อพิจารณาก็คือ “จำนวนลูกค้าในประเทศหรือ คนโลคอล” ครับ ส่วนลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ไม่ใช่เป้าหมายหลัก อย่างวอลท์ดิสนีย์เวิลด์ที่เมืองออลันโด รัฐฟลอริด้านั้น ลูกค้าหลักก็คือคนอเมริกันที่อยู่รอบๆรัฐฟลอริด้าทั้งสิ้น . . . ทีนี้บางท่านอาจจะสงสัยว่า “อ้าว ถ้าพิจารณาลูกค้าในประเทศ แล้วทำไมดิสนีย์เลือกมาสร้างที่ฮ่องกงล่ะ?” คำตอบก็คือ การสร้างฮ่องกงดิสนีย์นั้น รัฐบาลฮ่องกงเป็นต้นไอเดียครับ คือ ลงทุนเอง สร้างเอง เพื่อดึงดูดให้คนมาฮ่องกง โดยรัฐบาลฮ่องกงนั้นถือหุ้น 53% ส่วนบริษัทดิสนีย์ถือหุ้น 47% ได้สตางค์มาก็แบ่งกันไป แต่สำหรับโตเกียวดิสนีย์นั้นเป็นโมเดลธุรกิจที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ นั่นคือ โตเกียวดิสนีย์นั้น มีเจ้าของและบริหารงานโดยบริษัทเอกชนญี่ปุ่นที่ชื่อว่า “ดิ โอเรียนทอลแลนด์ คัมปะนี” หรือ OLC ครับ ซึ่ง OLC ได้ทำสัญญาเช่าซื้อลิขสิทธิ์ระยะยาวในการบริหารดิสนีย์แลนด์ในโตเกียวมาจากบริษัทวอลท์ดิสนีย์อีกทีหนึ่ง ทีนี้เมื่อโตเกียวดิสนีย์บริหารงานโดยบริษัทเอกชน 100% ทำให้การอัพเกรดหรือขยายธีมพาร์คอะไรต่างๆก็ทำได้เร็วและง่าย เงินทุนไหลมาปุ๊บปั๊บเร็วปรู๊ดปร๊าด ซึ่งต่างจากฮ่องกงดิสนีย์ที่รัฐบาลฮ่องกงถือหุ้นใหญ่ จึงเกิดเหตุการณ์ถูกตัดหรือจำกัดงบประมาณอยู่บ้าง . . . ซึ่งก็ต้องบอกว่าโมเดลธุรกิจของโตเกียวดิสนีย์ที่บริษัทเอกชนญี่ปุ่นถือหุ้น 100% นั้นเป็นโมเดลหนึ่งเดียวบนโลกครับ เพราะดิสนีย์แลนด์ที่เหลือทุกแห่งบนโลก ทั้งที่ปารีส, ฮ่องกง หรือเซี่ยงไฮ้นั้น บริษัทวอลท์ดิสนีย์จะเข้าไปถือหุ้นและร่วมบริหารงานด้วยทั้งสิ้น และทีนี้เผื่อใครอยากจะรู้ว่าดิสนีย์แลนด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนั้นอยู่ที่ไหน? คำตอบคือ “เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์“ ครับ คือ 900 กว่าเอเคอร์ นี่เอาเฉพาะฝั่งธีมพาร์คนะครับ ไม่รวมฝั่งรีสอร์ท ใหญ่กว่าของโตเกียว, แคลิฟอร์เนีย และฮ่องกงรวมกันเสียอีก …เอามาเล่าสู่กันฟังครับ…. นัทแนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบช.ภ.2 เผย รอง ผบ.ตร.กำชับ “บช.ภ.2 – นครบาล” ประสานล่า “จ่าเอ็ม” สืบภาค 2 เค้นพยาน หาข้อมูลหลบหนี ไล่กล้องพบภาพวงจรปิดจับได้นั่งกระบะจุดผ่านจุดผ่านแดนเขาดิน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000002262

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบช.ภ.2 เผย รอง ผบ.ตร.กำชับ “บช.ภ.2 – นครบาล” ประสานล่า “จ่าเอ็ม” สืบภาค 2 เค้นพยาน หาข้อมูลหลบหนี ไล่กล้องพบภาพวงจรปิดจับได้นั่งกระบะจุดผ่านจุดผ่านแดนเขาดิน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000002262 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1344 มุมมอง 0 รีวิว
  • 03-01-68/01 : หมี CNN / คอลัมน์ใหม่ "FRIDAY JASON" ศุกร์ สยิวกิ้ว! EP1 แนวเส้นคือ "โหด มันส์ ฮา" มาต่อยอด คอลัมน์ ROCK n ROLL ที่ใกล้จะครบ 100 ตอนแย้ว โดยจะโพสทุกวันศุกร์เป็นหลัก ขา HARDCORE ชอบ

    อย่าเสียเวลา.. ซัดกันไปเลยดีก่า?

    ดีออก! เอาแบบนี้กันไปเลยชิมิ? เหี้ยช็อค! ไอ้สัส ฮูตี มีไฮเปอร์โซนิค 12 มัค ที่แม้แต่ NASA ยังไม่มีปัญญาจะทำ ไอ้สัส..ชัดกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว อะไรน่ะ ทั่วตะวันออกกลาง พันธมิตรอิหร่าน มีหมด เหี้ยกรี๊ด! แล้วกูจะเหลือเหี้ยอะไรเนี่ย? กลับตาลปัตร กองทัพอันดับ 1 โลกที่หลอกควายมาเป็นศตวรรษ แพ้กระทั้ง กองโจรภูเขา กระจอกเรียกเพ่ แพ้ยับอย่างหมา เรือบรรทุกเครื่องบินทนไม่ไหว กูเผ่นแล้วน่ะ ตามฟอร์ม ฮูตีบอก ไอ้สัส ยังไม่ครบ 1 ชม. เลย กูยังไม่หนำใจ เสียหมาชั้นสูงสุด ยิงข้ามหัวกองเรือรบเหี้ยมะกัน ข้ามไปถล่มถึงเทลอาวีฟ โดยที่กองเรือเหี้ยสกัดเหี้ยอะไรไม่ได้เลย ยังจะโง่อีกนานมุย?

    ยุทธวิธีการรบเปลี่ยนไป อากาศยานรบจะเข้ามาแทนที่ บทเรียนจากสงครามนานกิง และการถูกเหี้ยตะวันตกล่าอาณานิคม อดีตกองเรือคือคีย์คำตอบของชัยชนะ แต่ต่อไป การรบจะพิชิตกันบนฟ้า กองฝูงโดรนนับ 1000000 ลำ ที่จีนสั่งเร่งผลิต จะสอดคล้องกับเรือบรรทุกอากาศยานลำใหม่ สะเทิ่นน้ำสะเทิ่นบก "เสฉวน 076" จะเอาอะไรมีหมด สะกดกองเรือเหี้ยอยู่หมัด ตายคาที่ เป้าหมายคืออะไร จีนกำลังขยายอำนาจ และอิทธิพล สร้างฐานทัพทั่วโลก เข้าแทนที่เหี้ยไงล่ะ "ย้อนเกล็ดเหี้ย" โลกล้อมมรึง! ด้วยดาวเทียมที่มากกว่า ด้วยจำนวนแสนยานุภาพรุ่นใหม่ ที่ทันสมัย และจำนวนมหาศาล รวมทั้งชาติพันธมิตรจีนอีก 100 ชาติ ต่างร่วมใช้โมเดลเดียวกันหมด BRICS ไม่ได้มามือเปล่า SCO คือกองทัพโลกยุคใหม่ และจีนกำลังจะทำให้มันปกป้องโลกจากเหี้ยได้จริง ทั้งกองกำลังทหาร และ AI ROBOT จีนมีมากกว่าเหี้ยหลายเท่า ไม่ว่าจะสู้กันยังไง จีนก็ขยี้เหี้ยไม่เหลือซาก เหี้ยแก้เกี๊ยว บอกจีนไร้ศึกสงครามมานาน ประสบการณ์ด้อยกว่า แต่มรึงหารู้ไม่ ยุคใหม่ ใช้เทคโนโลยีเข้าแทนที่ เพื่อความได้เปรียบ ไม่ว่ามรึงจะมีแผนดียังไง สุดท้ายวัดกันที่อาวุธ และด้วยสมองหมาปัญญาควายที่มรึงมี บอกตรง เทียบขี้ตรีนจีนไม่ได้เลย ยุทธพิชัยสงครามจีนมีมานานกว่า 5000 ปี มรึงจะเอาเหี้ยอะไรมาวัด เอาโรมันมาเทียบเหรอ? หรือจะเอาอียิปต์ดี อย่าลืมว่า รัสเซีย จีน ต่างพบเพื่อนต่างมิติเช่นกัน ไม่ได้มีแค่มรึงดอกน่ะ? เทคโนโลยี มาจากไหนกันล่ะ?

    ข้ามปีปุ๊บ! ละครปาหี่โอป้าอีโสมมาทันที ตำหนวดกิมจิเข้ารวบตัวอีปธน.หิวแสง ขี้ข้ายิว กลางบ้านพักในกรุงโซล แต่ทหารหน่วยพิเศษ ม็อบเติมเงินเข้าสกัดทันควัน นี่ไง ฤทธิ์ฝ่ายค้าน ฤทธิ์สภาโสมตังกุยจั๊บ จะเขี่ยอีผู้นำขี้ข้ายิวทิ้งเหรอ เบื้องหลัง ทำไม อีโสมขาวจะไม่รู้ แผ่นดินมรึงถูกวางเป็นแพะชนกับโสมแดง สู้กันเมื่อไหร่ ฉิบหายหนักแน่ แต่โสมแดงเคยวางหมากรอไว้แล้ว เบื้องหลังคุยกันจบไปนานแล้ว ไทยมีเสรีไทย อีโสมก็มีเสรีตังกุยจั๊บเช่นกัน โสมอยากรวมชาติ ญาติเพ่น้องอยากกลับบ้านแล้ว ศัตรูมรึงคืออียุ่นปี่ อเมริกา ไม่ใช่ชาวโสมด้วยกัน ทำไม มันถึงไม่อยากจะฆ่าและไล่กระทืบอียุ่นปี่ ที่เคยทำกับมันไว้อย่างเจ็บแสบล่ะ? อีโสมขาวยุคขี้ข้ายิวพศ.นี้ กำลังจะตาย เพราะถูกล้างสมอง EGO ควายเหมือนตะวันตก ไม่เสือกแหกตาดูรากเหง้าตัวเอง สภาแตกแน่ ไม่ยุบสภา ก็เปลี่ยนขั้วอำนาจชัวร์ เค้าไม่ปล่อยให้เหี้ยเอามาเป็นแพะดอกน่ะ ดอกนี้ ใครจี้จุดใจดำ ใครเปิดแผล ใครเปิดทางให้อีโสมรอดกันล่ะ คำตอบคือ "จีน" เพราะโสมแดงตามใจนายใหญ่เสมอ ว่าไง ว่าตามกัน

    ปั่นกระแสข้ามปีกันไปเลย ระเบิดมา กระสุนลง ลาสเวกัส แค่น้ำจิ้ม มรึงรอใกล้วันสาบานตนก่อนนะ กูเคยบอกแล้วไงล่ะว่า ธงมันคือ "CIVIL WAR" จะแตกแผ่นดินยังไง หากคนในชาติไม่เข่นฆ่ากันเองเสียก่อน? อีทรัมปป์เอาแน่ อีลาเอาชัวร์ ไม่มีใครยอมใครดอก? สภาเดือด งานนี้ มีขุดของเก่าแฉ ความจริงจะปรากฎทั้งโลก คดีความอีทรัมปป์กว่า 200 คดี โคตรพ่อง โคตรแม่ง เยอะยิ่งกว่าฆาตกรต่อเนื่องที่ว่าโหดที่สุดในโลกซะอีก อีทรัมปป์ไล่เช็คบิลศาลแน่ ใครผู้พิพากษาเล่นกู กูเอามรึงลงบังลังก์ชัวร์? ศาลไคฟงไม่มีอยู่จริงในดินแดนเหี้ย ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐที่ยืนข้างฝ่ายอีลา จะถูกเปลี่ยนใหม่หมดยกชุด บ้านเมืองก็จะ SHUT DOWN สรุปคือ มรึงจะรบกันเองก่อนชิมิ? ไม่หยุดเลือดไหลก่อน ต่อให้เสียงมาก หมามันแว้งกัดได้เสมอ? ล่าสุด อีทรัมปป์ หาเรื่องไปทั่ว ทั้งเรื่องดินแดน อาณัติใหม่ จะยกให้ยิว ทั้งเรื่องสงครามการค้า เหตุผลง่ายๆ ใครจะทิ้งดอลล่าร์ กูจะออกล่าให้หมด เหี้ยอูฐ ถอยเพื่อตั้งหลัก ไม่เร่งรีบเข้า BRICS รอจนกว่าทุกอย่างจะชัดเจน เลือกแล้ว ไปแน่ ใครจะอยู่กับเหี้ยยุคเก่ากันล่ะ? แต่มันต้องไม่หักทันที เดี๋ยวเจ็บหนัก กาตาร์ UAE คูเวต ก็เช่นกัน ยังดูทิศทางลมอยู่ รออีทรัมปป์แสดงจุดยืนชัดก่อน แต่ทางขั้วใหม่ ไม่รอมรึงดอก เดินหน้าเผาดอลล่าร์กันมันส์?

    ใครตายห่าก่อนล่ะ? ไอ้ควาย! อียูเครนหมาจนตรอก ปิดท่อแก็ส หวังไม่ให้รัสเซียส่งพลังงานเข้าไปยุโรป เรื่องแบบนี้ เค้าคิดกันมาเป็นชาติแล้ว ไอ้โง่? มรึงคิดว่ารัสเซียขายพลังงานถล่มทลายเป็นเทน้ำ เทท่า ให้ใครกันล่ะ? ยุโรปที่กำลังจะเจ๊งเนี่ยน่ะ? พวกมรึงตาย แต่รัสเซียยังรวยเละอยู่ ขาดแต่ชาติพันธมิตรรัสเซียในฝั่งยุโรปตะวันออก ไม่ต้องห่วง เค้าเตรียมทางหนี ทีไล่ไว้พร้อมแล้ว ดอกแรกตายก่อน คือพลังงานในประเทศมรึงเองขาดแคลนอย่างหนัก ยิ่งทำให้ชาวเมืองแห่ย้ายโอนสัญชาติรัสเซียใหม่เร็วยิ่งขึ้น เพราะไม่มีพลังงานจะใช้ รัสเซียไล่ยึดมรึงจนแทบจะหมดแผ่นดินแล้ว ไอ้เรื่อง "ท่อแก็สเนี่ย" บอกตรงขี้หมา! ทางออกสู่ทะล คือไคร์เมียร์ รัสเซียควบคุม จะส่งอะไรให้ใคร ไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลย ที่มาว่า ทำไมรัสเซีย ตุรกี ถึงต้องครองน่านน้ำทะเลดำเบ็ดเสร็จ ควบไปถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน

    เมื่อภาคประชาชนเริ่มเคลื่อนไหว ทั้งเรื่องผีอีโม MOU44 ชั้น 14 คุณสมบัตินายกฯ แม้แต่ภายในกองทัพ ก็ยังมีการชำระล้าง ใครสายใคร ใครขายชาติ ใครนกต่อ ทั้งหมดล้วนมีการเมืองสอดไส้คาราเมลทั้งสิ้น ฝ่ายวังนิ่งเป็น และจับตาดูอยู่ ว่ามีใครแตกเหล่า เชือดทันที! ส่วนศาลไคฟง ก็รู้งาน อะไรคือเหยื่อล่อ จะไม่รีบงับ เดินหน้าเป้าหมายเดียว "ทำบ้านเมืองให้สงบสุข ยุติธรรม และไม่เป็นเงื่อนไขซะเอง" วงในชี้เป้า เพราะสันดานเหี้ยอีเหลี่ยม มันขี้ระแวง ทรยศใครก็ได้ แต่ไม่ยอมให้ใครมาทรยศเด็ดขาด? วัวสันหลังหวะ จะเขี่ยพรรคร่วม ก็เท่ากับฆ่าตัวตาย อีส้มเน่าก็จ้องจะกินหัวคิว ไม่ได้ห่วงบ้านเมืองดอก แค่ผลัดกันเข้ามาแดร๊ก เรื่องมีแค่นี้? อีควายไทยบัดซบ ก็นั่งเฝ้ารอ เงิน 10000 จะหมุนมาอีกครั้ง ชีวิตมรึงมีแค่แดร๊ก กับเอา รึไง? เสียชาติเกิด ไปเกิดใหม่เป็นหมา แมว ยังมีประโยชน์กว่า ไอ้สัส! ควาย 24 ล้านตัว ที่ไม่ยอมกลายร่างเป็นคน จะถูกสวรรค์กำจัดทิ้งไปเสีย หนักแผ่นดินสวรรค์เค้า ปล่อยศรีธนญชัย เค้าเดินหมากต่อไป ไม่มีอะไรสวยหรู แต่เป้าหมายคือจบจริง! เลือกตั้ง ที่มองกันล่วงหน้า ถึงเวลาจริง อาจจะไม่มีเลือกก็ได้ ทุกอย่างมันมาตามสถานการณ์โลก โลกเอาเหี้ยอยู่หมัด ไทยก็สบาย เอเซียเกิดใหม่ทันที

    ปล.อะไรน่ะ? เอกสารลับรัสเซียรั่วเหรอ? จริงดิ? รั่วหรือตั้งใจปล่อย? อะไรอีกน่ะ? วางแผนเชือดอีโสมขาว อียุ่นปี่ ข้อหาจะติดตั้งขีปนาวุธพ่วงหัวนุ๊กกี้ เกาะคูริวก็อยู่ตรงนั้น แผ่นดินเป็นเกาะเท่าเหมี๊ยวดิ้นตาย ลูกเดียวก็หาย จมหายแล้ว ไม่ต้องถึงมือมหาเทพดอก โน้น..JOHN KIM เค้ายืนรอจนตะคริวกินแล้ว บอกเลย นั่นแค่ "ข่าวปล่อย" ส่งสัญญานมรึงพร้อมตายแล้วรึยัง? ล่าสุด อีทรูโด้ ขวัญใจแม่ยกยิว กำลังจะถูกเฉดหัวออก ฝ่ายค้านซัดนัว ฝ่ายการเมืองซัดไม่เลี้ยง ประชาชนเดือดร้อนไปทั่ว กระแสรวมชาติเหี้ยมาเต็ม ไม่ต้องบอก ใครจัดฉาก? อยู่ดีดี อเมริกา แคนาดา อังกฤษ จะรวมร่างเป็น เหี้ย MASTER เหรอจ๊ะ? เหตุผลเดียว หมดทรัพยากรไปเยอะ หากไม่รวมร่าง แยกกันอยู่ โอกาสตายห่ามีสูง เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นดอก รวมชาติแล้วจะใช้ชื่ออะไร? คนในชาตินับได้มุย? มรึงจะลดชั้นมาเป็นเมืองขึ้นแทนมั้ยล่ะ? มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งหมดเพื่ออียิวตัวเดียว ฆ่ามันซะ มรึงก็เป็นไทแล้ว เรื่องง่ายๆ ที่ควายคิดไม่เป็น? เพราะเป็นขี้ข้ากันหมดทั้งแผ่นดินสิน่ะ?

    ปล.2 ระวังให้ดีน่ะ? เวลาโลกผลัดใบเปลี่ยน เดี๋ยวมรึงจะตามไม่ทัน อะไรที่เคยใช้ ทั้ง อากู๋ หาข้อมูลไปทั่ว หรือแม้แต่ อีหูตูบ ที่เสพติดกันหนักทุกวัน อีกไม่นาน นวตกรรมใหม่ 6G จะเข้ามา ทลายกำแพงค่ายทั้งหมด แพลนฟอร์ม นับล้าน จะถูกย่อส่วนเล็กลง จีน รัสเซีย มาเต็ม ของแปลก ของใหม่ โลกจะช็อค! โลกอนาคตของจริงที่มรึงจะได้สัมผัส ชนิด แทบไม่ต้องกระดิกตรีนกันเลยทีเดียว ทุกอย่างสั่งด้วยคำพูด อีกหน่อย นาฬิกา โทรศัพท์ อาจจะกลายเป็นของตกยุค เมื่อทุกอย่างมันเชื่อมต่อกันหมดทั้งโลก ไม่มีแบ่งแยก มาแนวหนังไซไฟ AI ROBOT ปะทะ มนุษย์หลังเขาชัวร์! อะไรที่ MADE IN USA จะถูกเปลี่ยนเป็น CHINA หมดสิ้น นวตกรรมรุ่นใหม่ ที่ไม่มีข้อจำกัด ใครล่ะ สร้างกำแพงกั้นจีน แต่เมื่อจีนครองโลก ใครก็กั้นไม่อยู่ แม้แต่ศรีธนญชัย ต่อไปอาจไม่ต้องห่วงเรื่องโกงกินอีก เพราะทุกอย่างเข้าสู่ระบบสากลหมด ตรวจสอบได้ แต่คนมันจะแดร๊ก ยังไงก็ต้องหาช่องแดร๊ก คำถามมีเพียงว่า "ยังจะเหลือให้เหี้ยกี่ตัว?" เพราะทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมด ปัญหาทุกอย่างจะถูกเอามาแก้ไขจนหมดสิ้น ออกแบบ SOFTWARE เพื่อกันเหี้ยโกง จีนถึงได้เปลี่ยนรูปแบบแพลตฟอร์มใหม่ทั้งประเทศ ไม่แน่จริง อย่าใช้ของจริง เพราะมรึงโดนจับแน่!

    หมี CNN(ศุกร์เจอ เจสันขาโหด อาทิตย์เจอ แยกปากหมา เดี๋ยวไล่คอลัมน์แม่งทุกวันเลยดีมุย? นี่กูว่างจัดขนาดนั้นเชียะ? เหี้ยก็ขยันลบโพสกูทุกวัน อี FB หาย อี LINE@ หาย ไปตามกูที่ MIND กับ VK แทนน่ะ ที่นั่น เหี้ยเข้าไม่ได้ วันที่ที่กูหายไป อย่าร้อง ทุกโพสข่าวหมี มีแผงผังลงใต้ดินหมดทุกอัน มรึงไม่เห็น แล้วใครจะเห็น? อ่านโพสหมี ก็อ่านลิงค์เชื่อมลงใต้ดินด้วย)
    03 มกราคม 68
    13.08 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง"
    https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    03-01-68/01 : หมี CNN / คอลัมน์ใหม่ "FRIDAY JASON" ศุกร์ สยิวกิ้ว! EP1 แนวเส้นคือ "โหด มันส์ ฮา" มาต่อยอด คอลัมน์ ROCK n ROLL ที่ใกล้จะครบ 100 ตอนแย้ว โดยจะโพสทุกวันศุกร์เป็นหลัก ขา HARDCORE ชอบ อย่าเสียเวลา.. ซัดกันไปเลยดีก่า? ดีออก! เอาแบบนี้กันไปเลยชิมิ? เหี้ยช็อค! ไอ้สัส ฮูตี มีไฮเปอร์โซนิค 12 มัค ที่แม้แต่ NASA ยังไม่มีปัญญาจะทำ ไอ้สัส..ชัดกว่านี้ ไม่มีอีกแล้ว อะไรน่ะ ทั่วตะวันออกกลาง พันธมิตรอิหร่าน มีหมด เหี้ยกรี๊ด! แล้วกูจะเหลือเหี้ยอะไรเนี่ย? กลับตาลปัตร กองทัพอันดับ 1 โลกที่หลอกควายมาเป็นศตวรรษ แพ้กระทั้ง กองโจรภูเขา กระจอกเรียกเพ่ แพ้ยับอย่างหมา เรือบรรทุกเครื่องบินทนไม่ไหว กูเผ่นแล้วน่ะ ตามฟอร์ม ฮูตีบอก ไอ้สัส ยังไม่ครบ 1 ชม. เลย กูยังไม่หนำใจ เสียหมาชั้นสูงสุด ยิงข้ามหัวกองเรือรบเหี้ยมะกัน ข้ามไปถล่มถึงเทลอาวีฟ โดยที่กองเรือเหี้ยสกัดเหี้ยอะไรไม่ได้เลย ยังจะโง่อีกนานมุย? ยุทธวิธีการรบเปลี่ยนไป อากาศยานรบจะเข้ามาแทนที่ บทเรียนจากสงครามนานกิง และการถูกเหี้ยตะวันตกล่าอาณานิคม อดีตกองเรือคือคีย์คำตอบของชัยชนะ แต่ต่อไป การรบจะพิชิตกันบนฟ้า กองฝูงโดรนนับ 1000000 ลำ ที่จีนสั่งเร่งผลิต จะสอดคล้องกับเรือบรรทุกอากาศยานลำใหม่ สะเทิ่นน้ำสะเทิ่นบก "เสฉวน 076" จะเอาอะไรมีหมด สะกดกองเรือเหี้ยอยู่หมัด ตายคาที่ เป้าหมายคืออะไร จีนกำลังขยายอำนาจ และอิทธิพล สร้างฐานทัพทั่วโลก เข้าแทนที่เหี้ยไงล่ะ "ย้อนเกล็ดเหี้ย" โลกล้อมมรึง! ด้วยดาวเทียมที่มากกว่า ด้วยจำนวนแสนยานุภาพรุ่นใหม่ ที่ทันสมัย และจำนวนมหาศาล รวมทั้งชาติพันธมิตรจีนอีก 100 ชาติ ต่างร่วมใช้โมเดลเดียวกันหมด BRICS ไม่ได้มามือเปล่า SCO คือกองทัพโลกยุคใหม่ และจีนกำลังจะทำให้มันปกป้องโลกจากเหี้ยได้จริง ทั้งกองกำลังทหาร และ AI ROBOT จีนมีมากกว่าเหี้ยหลายเท่า ไม่ว่าจะสู้กันยังไง จีนก็ขยี้เหี้ยไม่เหลือซาก เหี้ยแก้เกี๊ยว บอกจีนไร้ศึกสงครามมานาน ประสบการณ์ด้อยกว่า แต่มรึงหารู้ไม่ ยุคใหม่ ใช้เทคโนโลยีเข้าแทนที่ เพื่อความได้เปรียบ ไม่ว่ามรึงจะมีแผนดียังไง สุดท้ายวัดกันที่อาวุธ และด้วยสมองหมาปัญญาควายที่มรึงมี บอกตรง เทียบขี้ตรีนจีนไม่ได้เลย ยุทธพิชัยสงครามจีนมีมานานกว่า 5000 ปี มรึงจะเอาเหี้ยอะไรมาวัด เอาโรมันมาเทียบเหรอ? หรือจะเอาอียิปต์ดี อย่าลืมว่า รัสเซีย จีน ต่างพบเพื่อนต่างมิติเช่นกัน ไม่ได้มีแค่มรึงดอกน่ะ? เทคโนโลยี มาจากไหนกันล่ะ? ข้ามปีปุ๊บ! ละครปาหี่โอป้าอีโสมมาทันที ตำหนวดกิมจิเข้ารวบตัวอีปธน.หิวแสง ขี้ข้ายิว กลางบ้านพักในกรุงโซล แต่ทหารหน่วยพิเศษ ม็อบเติมเงินเข้าสกัดทันควัน นี่ไง ฤทธิ์ฝ่ายค้าน ฤทธิ์สภาโสมตังกุยจั๊บ จะเขี่ยอีผู้นำขี้ข้ายิวทิ้งเหรอ เบื้องหลัง ทำไม อีโสมขาวจะไม่รู้ แผ่นดินมรึงถูกวางเป็นแพะชนกับโสมแดง สู้กันเมื่อไหร่ ฉิบหายหนักแน่ แต่โสมแดงเคยวางหมากรอไว้แล้ว เบื้องหลังคุยกันจบไปนานแล้ว ไทยมีเสรีไทย อีโสมก็มีเสรีตังกุยจั๊บเช่นกัน โสมอยากรวมชาติ ญาติเพ่น้องอยากกลับบ้านแล้ว ศัตรูมรึงคืออียุ่นปี่ อเมริกา ไม่ใช่ชาวโสมด้วยกัน ทำไม มันถึงไม่อยากจะฆ่าและไล่กระทืบอียุ่นปี่ ที่เคยทำกับมันไว้อย่างเจ็บแสบล่ะ? อีโสมขาวยุคขี้ข้ายิวพศ.นี้ กำลังจะตาย เพราะถูกล้างสมอง EGO ควายเหมือนตะวันตก ไม่เสือกแหกตาดูรากเหง้าตัวเอง สภาแตกแน่ ไม่ยุบสภา ก็เปลี่ยนขั้วอำนาจชัวร์ เค้าไม่ปล่อยให้เหี้ยเอามาเป็นแพะดอกน่ะ ดอกนี้ ใครจี้จุดใจดำ ใครเปิดแผล ใครเปิดทางให้อีโสมรอดกันล่ะ คำตอบคือ "จีน" เพราะโสมแดงตามใจนายใหญ่เสมอ ว่าไง ว่าตามกัน ปั่นกระแสข้ามปีกันไปเลย ระเบิดมา กระสุนลง ลาสเวกัส แค่น้ำจิ้ม มรึงรอใกล้วันสาบานตนก่อนนะ กูเคยบอกแล้วไงล่ะว่า ธงมันคือ "CIVIL WAR" จะแตกแผ่นดินยังไง หากคนในชาติไม่เข่นฆ่ากันเองเสียก่อน? อีทรัมปป์เอาแน่ อีลาเอาชัวร์ ไม่มีใครยอมใครดอก? สภาเดือด งานนี้ มีขุดของเก่าแฉ ความจริงจะปรากฎทั้งโลก คดีความอีทรัมปป์กว่า 200 คดี โคตรพ่อง โคตรแม่ง เยอะยิ่งกว่าฆาตกรต่อเนื่องที่ว่าโหดที่สุดในโลกซะอีก อีทรัมปป์ไล่เช็คบิลศาลแน่ ใครผู้พิพากษาเล่นกู กูเอามรึงลงบังลังก์ชัวร์? ศาลไคฟงไม่มีอยู่จริงในดินแดนเหี้ย ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐที่ยืนข้างฝ่ายอีลา จะถูกเปลี่ยนใหม่หมดยกชุด บ้านเมืองก็จะ SHUT DOWN สรุปคือ มรึงจะรบกันเองก่อนชิมิ? ไม่หยุดเลือดไหลก่อน ต่อให้เสียงมาก หมามันแว้งกัดได้เสมอ? ล่าสุด อีทรัมปป์ หาเรื่องไปทั่ว ทั้งเรื่องดินแดน อาณัติใหม่ จะยกให้ยิว ทั้งเรื่องสงครามการค้า เหตุผลง่ายๆ ใครจะทิ้งดอลล่าร์ กูจะออกล่าให้หมด เหี้ยอูฐ ถอยเพื่อตั้งหลัก ไม่เร่งรีบเข้า BRICS รอจนกว่าทุกอย่างจะชัดเจน เลือกแล้ว ไปแน่ ใครจะอยู่กับเหี้ยยุคเก่ากันล่ะ? แต่มันต้องไม่หักทันที เดี๋ยวเจ็บหนัก กาตาร์ UAE คูเวต ก็เช่นกัน ยังดูทิศทางลมอยู่ รออีทรัมปป์แสดงจุดยืนชัดก่อน แต่ทางขั้วใหม่ ไม่รอมรึงดอก เดินหน้าเผาดอลล่าร์กันมันส์? ใครตายห่าก่อนล่ะ? ไอ้ควาย! อียูเครนหมาจนตรอก ปิดท่อแก็ส หวังไม่ให้รัสเซียส่งพลังงานเข้าไปยุโรป เรื่องแบบนี้ เค้าคิดกันมาเป็นชาติแล้ว ไอ้โง่? มรึงคิดว่ารัสเซียขายพลังงานถล่มทลายเป็นเทน้ำ เทท่า ให้ใครกันล่ะ? ยุโรปที่กำลังจะเจ๊งเนี่ยน่ะ? พวกมรึงตาย แต่รัสเซียยังรวยเละอยู่ ขาดแต่ชาติพันธมิตรรัสเซียในฝั่งยุโรปตะวันออก ไม่ต้องห่วง เค้าเตรียมทางหนี ทีไล่ไว้พร้อมแล้ว ดอกแรกตายก่อน คือพลังงานในประเทศมรึงเองขาดแคลนอย่างหนัก ยิ่งทำให้ชาวเมืองแห่ย้ายโอนสัญชาติรัสเซียใหม่เร็วยิ่งขึ้น เพราะไม่มีพลังงานจะใช้ รัสเซียไล่ยึดมรึงจนแทบจะหมดแผ่นดินแล้ว ไอ้เรื่อง "ท่อแก็สเนี่ย" บอกตรงขี้หมา! ทางออกสู่ทะล คือไคร์เมียร์ รัสเซียควบคุม จะส่งอะไรให้ใคร ไม่ใช่เรื่องยากเย็นเลย ที่มาว่า ทำไมรัสเซีย ตุรกี ถึงต้องครองน่านน้ำทะเลดำเบ็ดเสร็จ ควบไปถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมื่อภาคประชาชนเริ่มเคลื่อนไหว ทั้งเรื่องผีอีโม MOU44 ชั้น 14 คุณสมบัตินายกฯ แม้แต่ภายในกองทัพ ก็ยังมีการชำระล้าง ใครสายใคร ใครขายชาติ ใครนกต่อ ทั้งหมดล้วนมีการเมืองสอดไส้คาราเมลทั้งสิ้น ฝ่ายวังนิ่งเป็น และจับตาดูอยู่ ว่ามีใครแตกเหล่า เชือดทันที! ส่วนศาลไคฟง ก็รู้งาน อะไรคือเหยื่อล่อ จะไม่รีบงับ เดินหน้าเป้าหมายเดียว "ทำบ้านเมืองให้สงบสุข ยุติธรรม และไม่เป็นเงื่อนไขซะเอง" วงในชี้เป้า เพราะสันดานเหี้ยอีเหลี่ยม มันขี้ระแวง ทรยศใครก็ได้ แต่ไม่ยอมให้ใครมาทรยศเด็ดขาด? วัวสันหลังหวะ จะเขี่ยพรรคร่วม ก็เท่ากับฆ่าตัวตาย อีส้มเน่าก็จ้องจะกินหัวคิว ไม่ได้ห่วงบ้านเมืองดอก แค่ผลัดกันเข้ามาแดร๊ก เรื่องมีแค่นี้? อีควายไทยบัดซบ ก็นั่งเฝ้ารอ เงิน 10000 จะหมุนมาอีกครั้ง ชีวิตมรึงมีแค่แดร๊ก กับเอา รึไง? เสียชาติเกิด ไปเกิดใหม่เป็นหมา แมว ยังมีประโยชน์กว่า ไอ้สัส! ควาย 24 ล้านตัว ที่ไม่ยอมกลายร่างเป็นคน จะถูกสวรรค์กำจัดทิ้งไปเสีย หนักแผ่นดินสวรรค์เค้า ปล่อยศรีธนญชัย เค้าเดินหมากต่อไป ไม่มีอะไรสวยหรู แต่เป้าหมายคือจบจริง! เลือกตั้ง ที่มองกันล่วงหน้า ถึงเวลาจริง อาจจะไม่มีเลือกก็ได้ ทุกอย่างมันมาตามสถานการณ์โลก โลกเอาเหี้ยอยู่หมัด ไทยก็สบาย เอเซียเกิดใหม่ทันที ปล.อะไรน่ะ? เอกสารลับรัสเซียรั่วเหรอ? จริงดิ? รั่วหรือตั้งใจปล่อย? อะไรอีกน่ะ? วางแผนเชือดอีโสมขาว อียุ่นปี่ ข้อหาจะติดตั้งขีปนาวุธพ่วงหัวนุ๊กกี้ เกาะคูริวก็อยู่ตรงนั้น แผ่นดินเป็นเกาะเท่าเหมี๊ยวดิ้นตาย ลูกเดียวก็หาย จมหายแล้ว ไม่ต้องถึงมือมหาเทพดอก โน้น..JOHN KIM เค้ายืนรอจนตะคริวกินแล้ว บอกเลย นั่นแค่ "ข่าวปล่อย" ส่งสัญญานมรึงพร้อมตายแล้วรึยัง? ล่าสุด อีทรูโด้ ขวัญใจแม่ยกยิว กำลังจะถูกเฉดหัวออก ฝ่ายค้านซัดนัว ฝ่ายการเมืองซัดไม่เลี้ยง ประชาชนเดือดร้อนไปทั่ว กระแสรวมชาติเหี้ยมาเต็ม ไม่ต้องบอก ใครจัดฉาก? อยู่ดีดี อเมริกา แคนาดา อังกฤษ จะรวมร่างเป็น เหี้ย MASTER เหรอจ๊ะ? เหตุผลเดียว หมดทรัพยากรไปเยอะ หากไม่รวมร่าง แยกกันอยู่ โอกาสตายห่ามีสูง เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นดอก รวมชาติแล้วจะใช้ชื่ออะไร? คนในชาตินับได้มุย? มรึงจะลดชั้นมาเป็นเมืองขึ้นแทนมั้ยล่ะ? มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ทั้งหมดเพื่ออียิวตัวเดียว ฆ่ามันซะ มรึงก็เป็นไทแล้ว เรื่องง่ายๆ ที่ควายคิดไม่เป็น? เพราะเป็นขี้ข้ากันหมดทั้งแผ่นดินสิน่ะ? ปล.2 ระวังให้ดีน่ะ? เวลาโลกผลัดใบเปลี่ยน เดี๋ยวมรึงจะตามไม่ทัน อะไรที่เคยใช้ ทั้ง อากู๋ หาข้อมูลไปทั่ว หรือแม้แต่ อีหูตูบ ที่เสพติดกันหนักทุกวัน อีกไม่นาน นวตกรรมใหม่ 6G จะเข้ามา ทลายกำแพงค่ายทั้งหมด แพลนฟอร์ม นับล้าน จะถูกย่อส่วนเล็กลง จีน รัสเซีย มาเต็ม ของแปลก ของใหม่ โลกจะช็อค! โลกอนาคตของจริงที่มรึงจะได้สัมผัส ชนิด แทบไม่ต้องกระดิกตรีนกันเลยทีเดียว ทุกอย่างสั่งด้วยคำพูด อีกหน่อย นาฬิกา โทรศัพท์ อาจจะกลายเป็นของตกยุค เมื่อทุกอย่างมันเชื่อมต่อกันหมดทั้งโลก ไม่มีแบ่งแยก มาแนวหนังไซไฟ AI ROBOT ปะทะ มนุษย์หลังเขาชัวร์! อะไรที่ MADE IN USA จะถูกเปลี่ยนเป็น CHINA หมดสิ้น นวตกรรมรุ่นใหม่ ที่ไม่มีข้อจำกัด ใครล่ะ สร้างกำแพงกั้นจีน แต่เมื่อจีนครองโลก ใครก็กั้นไม่อยู่ แม้แต่ศรีธนญชัย ต่อไปอาจไม่ต้องห่วงเรื่องโกงกินอีก เพราะทุกอย่างเข้าสู่ระบบสากลหมด ตรวจสอบได้ แต่คนมันจะแดร๊ก ยังไงก็ต้องหาช่องแดร๊ก คำถามมีเพียงว่า "ยังจะเหลือให้เหี้ยกี่ตัว?" เพราะทุกอย่างจะเปลี่ยนไปหมด ปัญหาทุกอย่างจะถูกเอามาแก้ไขจนหมดสิ้น ออกแบบ SOFTWARE เพื่อกันเหี้ยโกง จีนถึงได้เปลี่ยนรูปแบบแพลตฟอร์มใหม่ทั้งประเทศ ไม่แน่จริง อย่าใช้ของจริง เพราะมรึงโดนจับแน่! หมี CNN(ศุกร์เจอ เจสันขาโหด อาทิตย์เจอ แยกปากหมา เดี๋ยวไล่คอลัมน์แม่งทุกวันเลยดีมุย? นี่กูว่างจัดขนาดนั้นเชียะ? เหี้ยก็ขยันลบโพสกูทุกวัน อี FB หาย อี LINE@ หาย ไปตามกูที่ MIND กับ VK แทนน่ะ ที่นั่น เหี้ยเข้าไม่ได้ วันที่ที่กูหายไป อย่าร้อง ทุกโพสข่าวหมี มีแผงผังลงใต้ดินหมดทุกอัน มรึงไม่เห็น แล้วใครจะเห็น? อ่านโพสหมี ก็อ่านลิงค์เชื่อมลงใต้ดินด้วย) 03 มกราคม 68 13.08 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** ชื่อเพจ ยังไม่ได้เปลี่ยนชื่อ รออีก 60 วัน "แสงสว่าง สิริแสงสว่าง" https://www.facebook.com/profile.php?id=100015961291594
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 519 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกิงฟู คนบอกเวลา

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเกี่ยวกับนาฬิกาหยดน้ำโบราณ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกบ้านที่จะมีอุปกรณ์บอกเวลาเพราะนาฬิกาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาแดด นาฬิกาทรายหรือนาฬิกาหยดน้ำนั้น ล้วนเป็นอุปกรณ์ที่มีใช้เฉพาะในวังหรือกลุ่มคนมีอันจะกิน ส่วนชาวบ้านธรรมดานั้น กลางวันมักอาศัยการสังเกตตำแหน่งของดวงอาทิตย์ และกลางคืนสามารถจุดธูปเพื่อวัดเวลา ซึ่งธูปแต่ละชนิดออกแบบมาให้เผาไหม้หมดในเวลาที่กำหนด เช่น 30 นาทีหรือ 60 นาทีเป็นต้น แต่การจุดธูปนั้นสิ้นเปลืองและไม่สามารถทำได้ตลอดคืน ดังนั้น ชาวบ้านทั่วไปจึงต้องพึ่งพาคนบอกเวลา

    คนบอกเวลาหรือ ‘เกิงฟู’ (更夫) หรือ ‘ต่าเกิงเหริน’ (打更人) เป็นหนึ่งในตัวละครไร้นามที่เราเห็นบ่อยในซีรีส์ยามค่ำคืนที่เดินตีฆ้องหรือตีกระบอกไม้และตะโกน “ระวังฟืนระวังไฟ” วันนี้เรามาคุยเรื่องนี้กัน

    ก่อนอื่นคุยกันเล็กน้อยเกี่ยวกับการนับเวลาจีนโบราณ เพื่อนเพจหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าจีนโบราณแบ่งเวลาเป็นสิบสองชั่วยาม ชั่วยามหนึ่งเทียบเท่าสองชั่วโมง แต่เชื่อว่าหลายท่านคงงงกับคำว่า ‘เกิง’ ซึ่งเป็นคำที่ใช้สำหรับช่วงเวลากลางคืน

    จีนโบราณแบ่งช่วงเวลากลางคืนออกเป็นห้ายามหรือ ‘เกิง’ (更 ซึ่งในสมัยโบราณออกเสียงว่า ‘จิง’ ต่อมาปรับใช้เป็น ‘เกิง’ จวบจนปัจจุบัน) โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 1-3 ทุ่ม เรียกว่า ‘เกิงที่หนึ่ง’ หรือยามหนึ่ง ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่เตรียมตัวเข้านอนสำหรับคนทั่วไป และไปสิ้นสุดที่ตี 3-5 เรียกว่า ‘เกิงที่ห้า’ หรือยามห้า ซึ่งก็คือเวลาตื่นและเตรียมพร้อมไปทำงานนั่นเอง จึงเป็นที่มาของสำนวนที่ว่า ‘ยามสามกลางดึก’ (三更半夜 / ซันเกิงป้านเยี่ย) ซึ่งยามสามก็คือช่วงเวลากึ่งกลางของกลางคืนพอดี (คือระหว่าง 5 ทุ่ม - ตี 1)

    จริงๆ แล้วโดยปกติคนบอกยามหรือเกิงฟูมักออกเดินเป็นคู่ ไม่ค่อยฉายเดี่ยวเหมือนที่เห็นในซีรีส์ เพื่อว่าจะได้ช่วยเหลือกันได้หากเกิดเหตุอะไร พวกเขาไม่ใช่อาสาสมัคร ได้เงินค่าจ้างจากรัฐบาล แต่ไม่ใช่ข้าราชการและมีสถานะทางสังคมเหมือนพวกที่ใช้แรงงานหยาบทั่วไป

    เกิงฟูมีมาแต่ยุคสมัยใด Storyฯ ก็หาข้อมูลไม่ได้ชัดเจน บ้างว่ามีมาแต่สมัยราชวงศ์ฉิน แต่ไม่ว่ายุคสมัยใด เกิงฟูจริงๆ แล้วทำหลายหน้าที่มากกว่าการบอกเวลา หน้าที่สำคัญอีกหน้าที่หนึ่งคือการดูแลและเตือนภัยหรือก็คือหน้าที่ รปภ. นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการคอยสอดส่องหรือเตือนภัยเพลิงไหม้ สัตว์ป่าบุกรุก ขโมยขโจร หรือแม้แต่คนแปลกหน้าเพ่นพ่านยามวิกาล ดังนั้นในช่วงสงคราม เมืองสำคัญต่างๆ จะมีเกิงฟูมากกว่าปกติ นอกจากนี้ เกิงฟูยังเตือนเรื่องสภาพอากาศเช่น หนาวจัด จะมีฝน ลมแรง ฯลฯ ดังนั้นคำตะโกนของเกิงฟูจะผันแปรไปตามสภาพความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ “อากาศแห้ง ระวังฟืนระวังไฟ” แบบที่เรามักได้ยินในซีรีส์อย่างเดียว

    เกิงฟูบอกเวลาอย่างไร?

    เชื่อว่าเพื่อนเพจคงนึกเหมือน Storyฯ ว่าเขาก็คงตีฆ้องหรือกระบอกไม้เป็นจำนวนครั้งตามเวลา เช่น ยามที่หนึ่ง ตีหนึ่งครั้ง ฯลฯ แต่จริงๆ แล้วเขามีจังหวะยาวสั้นหรือใช้สลับฆ้องและกระบอกไม้ เพื่อว่าเวลาคนฟังจะได้ไม่หลงว่าได้ยินซ้ำของเก่าหรือไม่ Storyฯ ลองเปรียบเทียบข้อมูลดู พบว่ามีสองเวอร์ชั่นสรุปได้ดังนี้

    เวอร์ชั่นแรก ใช้จังหวะยาว(ช้า)และสั้น(เร็ว)สลับกัน คือ
    - เกิงที่หนึ่ง ตียาวหนึ่งครั้งสั้นหนึ่งครั้ง รวมสามชุด
    - เกิงที่สอง ตีสั้นติดกันสองครั้ง ตีได้ต่อเนื่องหลายๆ ชุด ประหนึ่งว่าไล่ให้ไปนอนได้แล้ว
    - เกิงที่สาม ตียาวหนึ่งครั้งสั้นสองครั้ง รวมสามชุด
    - เกิงที่สี่ ตียาวหนึ่งครั้งสั้นสามครั้ง รวมสามชุด
    - เกิงที่ห้า ตียาวหนึ่งครั้งสั้นสี่ครั้ง รวมสามชุด

    เวอร์ชั่นที่สอง ใช้สลับฆ้องและกระบอกไม้ ดังนี้
    - เกิงที่หนึ่ง ตีฆ้องหนึ่งครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง
    - เกิงที่สอง ตีฆ้องสองครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง
    - เกิงที่สาม ตีตีฆ้องสามครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง
    - เกิงที่สี่ ตีฆ้องสี่ครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง
    - เกิงที่ห้า ตีแต่กระบอกไม้เท่านั้น ตีได้เรื่อยๆ รัวๆ ประหนึ่งว่ากำลังปลุกให้ลุกขึ้นมาทำงานได้แล้ว

    Storyฯ ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของจังหวะการตีทั้งสองเวอร์ชั่นนี้ แต่ที่เล่ามาคือเพื่อให้เพื่อนเพจเห็นภาพว่า การตีบอกเวลาจะมีจังหวะของมันอยู่ คนที่ได้ยินก็จะรู้เวลาได้โดยง่าย

    ในเมืองใหญ่จะมีหอนาฬิกาและ/หรือหอสังเกตการณ์ ที่หอนี้มีทหารหรือเจ้าหน้าที่คอยสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมระวังภัยและจับตาดูนาฬิกาในหอแล้วส่งสัญญาณบอกเวลาเช่นเป่าแตรหรือตีกลอง โดยทำงานเป็นกะ เฝ้าตลอดทั้งวันทั้งคืน และด้วยการสื่อสารจากหอสังเกตการณ์เหล่านี้ บรรดาเกิงฟูก็จะออกเดินทางเพื่อบอกเวลาและรายงานสภาพแวดล้อมทันทีที่ถึงต้นโมงยาม ในเมืองเล็กก็จะมีจุดศูนย์กลางสักแห่งที่มีนาฬิกาหรือเครื่องบอกเวลาสักชนิดหนึ่ง (เช่น วัดที่มีการจุดธูปต่อเนื่อง) เพื่อให้เหล่าเกิงฟูเริ่มงานได้เช่นกัน

    ทีนี้คำถามต่อมาคือ เกิงฟูเดินไปเรื่อยๆ เส้นทางใกล้ไกลไม่เหมือนกัน แล้วพวกเขาจะรู้เวลาได้อย่างไรว่ากาลเวลาล่วงเข้าอีกยามหนึ่งแล้ว?

    สำหรับประชาชนทั่วไปนั้น การบอกเวลาเหล่านี้ไม่ต้องการความ ‘เป๊ะ’ เหมือนปัจจุบัน แต่เป็นการบอกโดยประมาณเพื่อให้กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันมีหลักเกณฑ์โดยคร่าว แต่อย่างไรก็ดี เกิงฟูมีตัวช่วยค่ะ บางคนพกธูปบอกเวลาซึ่งได้รับมาจากจุดเริ่มต้น บางคนพกป้ายที่เรียกว่า ‘เกิงผาย’ ซึ่งมีการกำหนดไว้เป็นจำนวนก้าวว่าเดินกี่ก้าวเปลี่ยนป้ายครั้งหนึ่ง เมื่อครบจำนวนครั้งก็ครบยาม

    การเล่าข้างต้นเป็นการเล่าโดยคร่าวเพื่อให้เห็นภาพนะคะ จริงๆ แล้วมันมีรายละเอียดกว่านี้ เช่นมีการปรับจำนวนก้าวในช่วงฤดูต่างๆ เพราะในสมัยโบราณมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การนับเวลา เช่นหนึ่งเค่ออาจหมายถึง 13 นาทีกว่า หรือ 15 นาทีแล้วแต่ยุคสมัย

    อาชีพเกิงฟูนี้นับได้ว่าสำคัญมากสำหรับสังคมจีนโบราณ แต่ชีวิตของเกิงฟูลำเค็ญไม่น้อยเพราะต้องฟันฝ่าอุปสรรคทางสภาพอากาศ เงินเดือนก็น้อยนิด และยังต้องมีสมาธิในการทำงานดีมากด้วย เพื่อนเพจว่าไหม?

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/602047304_120231588
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/打更/2113152
    https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_8909910
    https://k.sina.cn/article_7722512403_1cc4c3013001011q40.html?from=news
    https://www.163.com/dy/article/G08FUAJD05430TXY.html
    https://www.toutiao.com/article/6590549906669175300/?source=seo_tt_juhe
    https://www.toutiao.com/article/6590549906669175300/?source=seo_tt_juhe

    #เกิงฟู #ต่าเกิงเหริน #คนบอกเวลาจีนโบราณ #ตีฆ้องบอกเวลา
    เกิงฟู คนบอกเวลา สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วเราคุยกันเกี่ยวกับนาฬิกาหยดน้ำโบราณ แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกบ้านที่จะมีอุปกรณ์บอกเวลาเพราะนาฬิกาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาแดด นาฬิกาทรายหรือนาฬิกาหยดน้ำนั้น ล้วนเป็นอุปกรณ์ที่มีใช้เฉพาะในวังหรือกลุ่มคนมีอันจะกิน ส่วนชาวบ้านธรรมดานั้น กลางวันมักอาศัยการสังเกตตำแหน่งของดวงอาทิตย์ และกลางคืนสามารถจุดธูปเพื่อวัดเวลา ซึ่งธูปแต่ละชนิดออกแบบมาให้เผาไหม้หมดในเวลาที่กำหนด เช่น 30 นาทีหรือ 60 นาทีเป็นต้น แต่การจุดธูปนั้นสิ้นเปลืองและไม่สามารถทำได้ตลอดคืน ดังนั้น ชาวบ้านทั่วไปจึงต้องพึ่งพาคนบอกเวลา คนบอกเวลาหรือ ‘เกิงฟู’ (更夫) หรือ ‘ต่าเกิงเหริน’ (打更人) เป็นหนึ่งในตัวละครไร้นามที่เราเห็นบ่อยในซีรีส์ยามค่ำคืนที่เดินตีฆ้องหรือตีกระบอกไม้และตะโกน “ระวังฟืนระวังไฟ” วันนี้เรามาคุยเรื่องนี้กัน ก่อนอื่นคุยกันเล็กน้อยเกี่ยวกับการนับเวลาจีนโบราณ เพื่อนเพจหลายคนคงทราบดีอยู่แล้วว่าจีนโบราณแบ่งเวลาเป็นสิบสองชั่วยาม ชั่วยามหนึ่งเทียบเท่าสองชั่วโมง แต่เชื่อว่าหลายท่านคงงงกับคำว่า ‘เกิง’ ซึ่งเป็นคำที่ใช้สำหรับช่วงเวลากลางคืน จีนโบราณแบ่งช่วงเวลากลางคืนออกเป็นห้ายามหรือ ‘เกิง’ (更 ซึ่งในสมัยโบราณออกเสียงว่า ‘จิง’ ต่อมาปรับใช้เป็น ‘เกิง’ จวบจนปัจจุบัน) โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 1-3 ทุ่ม เรียกว่า ‘เกิงที่หนึ่ง’ หรือยามหนึ่ง ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่เตรียมตัวเข้านอนสำหรับคนทั่วไป และไปสิ้นสุดที่ตี 3-5 เรียกว่า ‘เกิงที่ห้า’ หรือยามห้า ซึ่งก็คือเวลาตื่นและเตรียมพร้อมไปทำงานนั่นเอง จึงเป็นที่มาของสำนวนที่ว่า ‘ยามสามกลางดึก’ (三更半夜 / ซันเกิงป้านเยี่ย) ซึ่งยามสามก็คือช่วงเวลากึ่งกลางของกลางคืนพอดี (คือระหว่าง 5 ทุ่ม - ตี 1) จริงๆ แล้วโดยปกติคนบอกยามหรือเกิงฟูมักออกเดินเป็นคู่ ไม่ค่อยฉายเดี่ยวเหมือนที่เห็นในซีรีส์ เพื่อว่าจะได้ช่วยเหลือกันได้หากเกิดเหตุอะไร พวกเขาไม่ใช่อาสาสมัคร ได้เงินค่าจ้างจากรัฐบาล แต่ไม่ใช่ข้าราชการและมีสถานะทางสังคมเหมือนพวกที่ใช้แรงงานหยาบทั่วไป เกิงฟูมีมาแต่ยุคสมัยใด Storyฯ ก็หาข้อมูลไม่ได้ชัดเจน บ้างว่ามีมาแต่สมัยราชวงศ์ฉิน แต่ไม่ว่ายุคสมัยใด เกิงฟูจริงๆ แล้วทำหลายหน้าที่มากกว่าการบอกเวลา หน้าที่สำคัญอีกหน้าที่หนึ่งคือการดูแลและเตือนภัยหรือก็คือหน้าที่ รปภ. นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นการคอยสอดส่องหรือเตือนภัยเพลิงไหม้ สัตว์ป่าบุกรุก ขโมยขโจร หรือแม้แต่คนแปลกหน้าเพ่นพ่านยามวิกาล ดังนั้นในช่วงสงคราม เมืองสำคัญต่างๆ จะมีเกิงฟูมากกว่าปกติ นอกจากนี้ เกิงฟูยังเตือนเรื่องสภาพอากาศเช่น หนาวจัด จะมีฝน ลมแรง ฯลฯ ดังนั้นคำตะโกนของเกิงฟูจะผันแปรไปตามสภาพความเป็นจริง ไม่ใช่แค่ “อากาศแห้ง ระวังฟืนระวังไฟ” แบบที่เรามักได้ยินในซีรีส์อย่างเดียว เกิงฟูบอกเวลาอย่างไร? เชื่อว่าเพื่อนเพจคงนึกเหมือน Storyฯ ว่าเขาก็คงตีฆ้องหรือกระบอกไม้เป็นจำนวนครั้งตามเวลา เช่น ยามที่หนึ่ง ตีหนึ่งครั้ง ฯลฯ แต่จริงๆ แล้วเขามีจังหวะยาวสั้นหรือใช้สลับฆ้องและกระบอกไม้ เพื่อว่าเวลาคนฟังจะได้ไม่หลงว่าได้ยินซ้ำของเก่าหรือไม่ Storyฯ ลองเปรียบเทียบข้อมูลดู พบว่ามีสองเวอร์ชั่นสรุปได้ดังนี้ เวอร์ชั่นแรก ใช้จังหวะยาว(ช้า)และสั้น(เร็ว)สลับกัน คือ - เกิงที่หนึ่ง ตียาวหนึ่งครั้งสั้นหนึ่งครั้ง รวมสามชุด - เกิงที่สอง ตีสั้นติดกันสองครั้ง ตีได้ต่อเนื่องหลายๆ ชุด ประหนึ่งว่าไล่ให้ไปนอนได้แล้ว - เกิงที่สาม ตียาวหนึ่งครั้งสั้นสองครั้ง รวมสามชุด - เกิงที่สี่ ตียาวหนึ่งครั้งสั้นสามครั้ง รวมสามชุด - เกิงที่ห้า ตียาวหนึ่งครั้งสั้นสี่ครั้ง รวมสามชุด เวอร์ชั่นที่สอง ใช้สลับฆ้องและกระบอกไม้ ดังนี้ - เกิงที่หนึ่ง ตีฆ้องหนึ่งครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง - เกิงที่สอง ตีฆ้องสองครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง - เกิงที่สาม ตีตีฆ้องสามครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง - เกิงที่สี่ ตีฆ้องสี่ครั้ง ตีกระบอกไม้สองครั้ง - เกิงที่ห้า ตีแต่กระบอกไม้เท่านั้น ตีได้เรื่อยๆ รัวๆ ประหนึ่งว่ากำลังปลุกให้ลุกขึ้นมาทำงานได้แล้ว Storyฯ ไม่สามารถยืนยันความถูกต้องของจังหวะการตีทั้งสองเวอร์ชั่นนี้ แต่ที่เล่ามาคือเพื่อให้เพื่อนเพจเห็นภาพว่า การตีบอกเวลาจะมีจังหวะของมันอยู่ คนที่ได้ยินก็จะรู้เวลาได้โดยง่าย ในเมืองใหญ่จะมีหอนาฬิกาและ/หรือหอสังเกตการณ์ ที่หอนี้มีทหารหรือเจ้าหน้าที่คอยสังเกตการณ์สภาพแวดล้อมระวังภัยและจับตาดูนาฬิกาในหอแล้วส่งสัญญาณบอกเวลาเช่นเป่าแตรหรือตีกลอง โดยทำงานเป็นกะ เฝ้าตลอดทั้งวันทั้งคืน และด้วยการสื่อสารจากหอสังเกตการณ์เหล่านี้ บรรดาเกิงฟูก็จะออกเดินทางเพื่อบอกเวลาและรายงานสภาพแวดล้อมทันทีที่ถึงต้นโมงยาม ในเมืองเล็กก็จะมีจุดศูนย์กลางสักแห่งที่มีนาฬิกาหรือเครื่องบอกเวลาสักชนิดหนึ่ง (เช่น วัดที่มีการจุดธูปต่อเนื่อง) เพื่อให้เหล่าเกิงฟูเริ่มงานได้เช่นกัน ทีนี้คำถามต่อมาคือ เกิงฟูเดินไปเรื่อยๆ เส้นทางใกล้ไกลไม่เหมือนกัน แล้วพวกเขาจะรู้เวลาได้อย่างไรว่ากาลเวลาล่วงเข้าอีกยามหนึ่งแล้ว? สำหรับประชาชนทั่วไปนั้น การบอกเวลาเหล่านี้ไม่ต้องการความ ‘เป๊ะ’ เหมือนปัจจุบัน แต่เป็นการบอกโดยประมาณเพื่อให้กิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันมีหลักเกณฑ์โดยคร่าว แต่อย่างไรก็ดี เกิงฟูมีตัวช่วยค่ะ บางคนพกธูปบอกเวลาซึ่งได้รับมาจากจุดเริ่มต้น บางคนพกป้ายที่เรียกว่า ‘เกิงผาย’ ซึ่งมีการกำหนดไว้เป็นจำนวนก้าวว่าเดินกี่ก้าวเปลี่ยนป้ายครั้งหนึ่ง เมื่อครบจำนวนครั้งก็ครบยาม การเล่าข้างต้นเป็นการเล่าโดยคร่าวเพื่อให้เห็นภาพนะคะ จริงๆ แล้วมันมีรายละเอียดกว่านี้ เช่นมีการปรับจำนวนก้าวในช่วงฤดูต่างๆ เพราะในสมัยโบราณมีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์การนับเวลา เช่นหนึ่งเค่ออาจหมายถึง 13 นาทีกว่า หรือ 15 นาทีแล้วแต่ยุคสมัย อาชีพเกิงฟูนี้นับได้ว่าสำคัญมากสำหรับสังคมจีนโบราณ แต่ชีวิตของเกิงฟูลำเค็ญไม่น้อยเพราะต้องฟันฝ่าอุปสรรคทางสภาพอากาศ เงินเดือนก็น้อยนิด และยังต้องมีสมาธิในการทำงานดีมากด้วย เพื่อนเพจว่าไหม? (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.sohu.com/a/602047304_120231588 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/打更/2113152 https://www.thepaper.cn/newsDetail_forward_8909910 https://k.sina.cn/article_7722512403_1cc4c3013001011q40.html?from=news https://www.163.com/dy/article/G08FUAJD05430TXY.html https://www.toutiao.com/article/6590549906669175300/?source=seo_tt_juhe https://www.toutiao.com/article/6590549906669175300/?source=seo_tt_juhe #เกิงฟู #ต่าเกิงเหริน #คนบอกเวลาจีนโบราณ #ตีฆ้องบอกเวลา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP5 นี้ขอนำเสนอข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนประเด็นด้านความปลอดภัยทางการบินที่ขอมุ่งเน้นไปทางด้านความปลอดภัยของเครื่องบินขณะทำการวิ่งขึ้นหรือกำลังวิ่งลงบนทางวิ่งที่สนามบินนะครับ

    จากข้อมูลรายงานด้านความปลอดภัย (Safety Report) ปี 2024 ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) ได้จำแนกเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่จำเป็นจะต้องจัดการอย่างเร่งด่วนอยู่ 5 เหตุการณ์ คือ 1 การควบคุมอากาศยานเข้าสู่สภาพภูมิประเทศ (Controlled Flight Into Terrain: CFIT) 2 การสูญเสียการควบคุมขณะทำการบิน (Loss Of Control In-Flight: LOC-I) 3 การชนกันกลางอากาศ (Mid-Air Collision: MAC) 4 การเกิดอากาศยานไถลออกนอกทางวิ่ง (Runway Excursion: RE) และ 5 การล่วงล้ำบนทางวิ่ง (Runway Incursion: RI)

    ที่จะขอพูดถึงในครั้งนี้ขอกล่าวถึงอากาศยานไถลออกนอกทางวิ่งเป็นหลักเพื่อที่จะนำเข้าสู่หัวข้อและเนื้อหาการประชุมของ ICAO ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ( ICAO APAC) เมื่อต้นป 67 ที่ผ่านมา

    การไถลออกนอกทางวิ่ง ICAO ได้ให้นิยามไว้คือการที่เครื่องบินเบี่ยงเบนออกจากทางวิ่งหรือการวิ่งเลยออกปลายทางวิ่งในขณะที่ทำการบินลงหรือวิ่งขึ้นซึ่งในปัจจุบันเรามักจะได้ยินข่าวจากต่างประเทศตามสื่อต่างๆเกี่ยวกับเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะในช่วงที่สนามบินมีสภาพอากาศแปรปรวนหรือมีฝนตกฟ้าคะนอง เมื่อไม่กี่ปีมานี้ประเทศไทยเราก็มีกรณีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งเช่นเดียวกันที่จังหวัดเชียงรายซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานผลการสอบสวนอากาศยานอุบัติการณ์รุนแรงฉบับสุดท้าย (Final Aircraft Serious Incident Investigation Report) ที่จะแจ้งให้ทราบถึงสาเหตุหรือปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์นั้นว่าคืออะไร (โดยตามมาตรฐาน ICAO นั้น รายงานฉบับสุดท้ายควรออกมาภายใน 12 เดือนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์)

    การไถลออกนอกทางวิ่งบนพื้นที่ของสนามบินที่ออกแบบและสร้างได้ตามมาตรฐานหรือสูงกว่ามาตรฐานจะลดโอกาสการเกิดความเสียหายต่อตัวอากาศยานและการบาดเจ็บของผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องได้อย่างมีนัยสำคัญ ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คล้ายๆกับการที่เราบังเอิญขับรถพุ่งออกจากถนนจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ แต่พอดีพื้นที่ด้านข้างหรือไหล่ถนนนั้นเป็นพื้นที่โล่งๆที่มีความยาวและความกว้างเพียงพอให้เราควบคุมรถยนต์ให้ค่อยๆหยุดลงได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ได้ปะทะหรือชนเข้ากับสิ่งใดเราก็ปลอดภัย แต่ถ้าหากพื้นที่ด้านข้างถนนแคบหรือมีน้อยแถมมีสิ่งกีดขวางต่าง ๆ เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า เกาะกลางถนนหรือเป็นคลองส่งน้ำชลประทานหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใด เราก็ยิ่งมีโอกาสได้รับอันตรายมากเท่านั้น แต่สำหรับสิ่งที่เราพูดถึงอยู่นี้เป็นอากาศยานหรือวัตถุที่มีขนาด มวล น้ำหนัก และความเร็วที่แตกต่างกันกับรถยนต์มาก ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจึงแตกต่างจากกรณีของรถยนต์อย่างสิ้นเชิง

    ในส่วนของพื้นที่ที่รองรับการออกนอกทางวิ่งของเครื่องบินเราเรียกว่าพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งหรือ Runway Strip ซึ่งจะมีขนาดที่แตกต่างกันตามประเภทของทางวิ่งที่รองรับอากาศยานรวมทั้งทางหยุด (Stop Way) (ถ้ามี) ทั้งนี้ยังรวมถึงอีกพื้นที่หนึ่งก็คือพื้นที่ปลอดภัยปลายทางวิ่ง (Runway End Safety Area: RESA) ที่เอาไว้สำหรับรองรับการวิ่งเลยปลายทางวิ่งออกไปและในกรณีที่เครื่องบินลงก่อนถึงจุดเริ่มต้นของหัวทางวิ่ง (Runway Threshold) ด้วยเช่นกัน (สามารถดาวน์โหลดข้อกำหนดสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) ฉบับที่ 37 ในเว็ปไซต์ กพท.หรือ ICAO Annex 14 Vol.1 ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อดูในรายละเอียดได้) พื้นที่เหล่านี้จะถูกออกแบบมาเพื่อให้เครื่องบินสามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยในกรณีเกิด Runway excursion ขึ้น

    เราลองมาดูนิยามและมาตรฐานในข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ก่อนดีกว่า ความหมายของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งตามข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 (อ้างอิงจากมาตรฐานของ ICAO Annex 14 Vol.1 - Aerodrome Design and Operations) กำหนดไว้ว่า “พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) หมายความว่า พื้นที่ที่กําหนดไว้ซึ่งรวมถึงทางวิ่งและทางหยุด (ถ้ามี) ที่กําหนดไว้เพื่อ (1) ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายแก่อากาศยานที่วิ่งออกนอกทางวิ่ง และ (2) ป้องกันอากาศยานที่บินอยู่เหนือพื้นที่ดังกล่าวระหว่างการปฏิบัติการวิ่งขึ้นหรือการบินลงของอากาศยาน
    2. ขนาดของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง
    ข้อ 145 พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งต้องขยายต่อออกไปจากหัวทางวิ่งและยาวเลยปลายทางวิ่งหรือทางหยุดไม่น้อยกว่าระยะทาง ดังต่อไปนี้
    (1) หกสิบ (60) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 2, 3 หรือ 4
    (2) หกสิบ (60) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 และเป็นทางวิ่งแบบบินลงด้วยเครื่องวัดประกอบการบิน
    (3) สามสิบ (30) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 และเป็นทางวิ่งแบบบินลงโดยไม่ใช้เครื่องวัดประกอบการบิน
    ข้อ 146 พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของทางวิ่งแบบพรีซิชั่น (Precision) และทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่น (Non-Precision) ต้องขยายไปทางด้านข้างแต่ละด้านของเส้นกึ่งกลางทางวิ่งและแนวเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ต่อขยายออกไปตลอดความยาวของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งนั้นเป็นระยะทางอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
    (1) หนึ่งร้อยสี่สิบ (140) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4
    (2) เจ็ดสิบ (70) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 หรือ 2
    4. การปรับระดับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง
    ข้อ 152 เพื่อประโยชน์ในการรองรับเครื่องบินที่จะใช้ทางวิ่ง ในกรณีที่เครื่องบินวิ่งออกนอกทางวิ่ง สนามบินต้องปรับระดับ (Graded portion) ส่วนของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของทางวิ่งแบบบินลงด้วยเครื่องวัด

    ประกอบการบิน อย่างน้อยภายในระยะจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งและแนวเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ขยายออกไปดังต่อไปนี้
    (1) หนึ่งร้อยห้า (105) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4 ตามรูปที่ 9
    (2) เจ็ดสิบห้า (75) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4
    (3) สี่สิบ (40) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบพรีซิชั่นและทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1หรือ 2
    ข้อ 161 หากมีความจำเป็นต้องมีการระบายน้ำที่เหมาะสม สนามบินอาจจัดให้มีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งบริเวณพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งได้ แต่ต้องวางตําแหน่งของรางระบายน้ำให้อยู่ห่างจากทางวิ่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้” อันนี้คือข้อมูลที่อยู่ในข้อกำหนด กพท.ฉบับ37

    สนามบินสุวรรณภูมิมีรหัสอ้างอิงของสนามบิน 4E (ตามข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 ส่วนที่ 4 รหัสอ้างอิงสนามบิน ข้อ 23, 24 และ25) คือมีความยาวของทางวิ่งเกิน 1800 เมตร และรองรับเครื่องบินที่มีระยะห่างระหว่างปลายปีก 65 เมตรขึ้นไปแต่ไม่ถึง 80 เมตร ดังนั้นพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งด้านข้างที่วัดออกจากจุดเส้นกึ่งกลางทางวิ่งจึงต้องมีขนาดอย่างน้อย 140 เมตรตลอดแนวความยาวของทางวิ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่ามีการใช้คำว่า “อย่างน้อย” นั้น ถ้ามากกว่าก็จะยิ่งดี

    สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นสนามบินหลักของบ้านเราที่มีภาพประกอบวาระการประชุมของ ICAO Asia and Pacific (ICAO APAC) ที่จะได้กล่าวต่อไป ได้มีการติดตั้งรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งตามความยาวของทางวิ่งฝั่งตะวันออกห่างจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ระยะ 120 เมตร (ข้อมูลจาก AIP Thailand) เพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยระบายน้ำสำหรับกรณีมีปริมาณน้ำฝนจำนวนมากอยู่บนทางวิ่งหรือพื้นที่โดยรอบ ตรงบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion of Runway Strip) หรือตั้งแต่ 105 เมตรจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งเป็นต้นไป (ตามข้อกำหนด กพท. 4. การปรับระดับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ข้อ 152 วงเล็บ 1)

    ขณะที่มาตรฐานของ ICAO Annex 14 Vol.1 - Aerodrome Design and Operations, 9 edition July 2022 หน้า 3-13 ข้อ 3.4.16 บันทึก (Note) 1 ได้ระบุว่า รางระบายน้ำแบบเปิดโล่งสามารถที่จะติดตั้งได้ในกรณีที่มีความจำเป็นต่อการระบายน้ำฝนจำนวนมากแต่จะต้องพิจารณาติดตั้งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะปฏิบัติได้บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับหรือพื้นที่ “Non-graded portion” ของทางวิ่ง (Note 1. - Where deemed necessary for proper drainage, an open-air storm water conveyance may be allowed in the non-graded portion of a runway strip and would be placed as far as practicable from the runway.) ดังนั้นการมีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งของสนามบินนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการติดตั้งที่ไม่สอดคล้องหรือผิดจากมาตรฐานการก่อสร้างแต่อย่างใด

    อย่างไรก็ตาม จากรายงานการประชุมครั้งที่ 5 ของ ICAO APAC ของคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force เมื่อวันที่ 30 ม.ค. – 2 ก.พ. 67 ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงรายโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศภาคีสมาชิก 14 ประเทศและองค์กรทางการบินระหว่างประเทศอีก 3 หน่วยงานรวม 62 คน ( The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force: AP-ADO/TF/5: Chiang Rai) ในหัวข้อวาระประชุมที่ 4 เรื่อง “การวางแผน การออกแบบ และการก่อสร้างสนามบิน” (Planning, Design and Construction of Aerodromes) นั้น มีการหยิบยกประเด็นของรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งที่อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (OPEN-AIR STORM WATER CONVEYANCE IN RUNWAY STRIP) ขึ้นมาใหม่ซึ่งนำเสนอโดย ICAO-The Cooperative Development of Operational Safety and Continuing Airworthiness Programme – South East Asia (COSCAP-SEA) โดยระบุว่าการมีอยู่ของรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) อาจนำมาซึ่งอันตรายต่างๆโดยเฉพาะกับเครื่องบินที่ไถลออกนอกทางวิ่ง ยิ่งในช่วงที่สนามบินมีสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกและทางวิ่งเปียกลื่น การมีอยู่ของรางระบายน้ำนั้นอาจจะทำให้เหตุการณ์ลื่นไถลออกนอกทางวิ่ง(ที่ไปถึงบริเวณที่ติดตั้งรางระบายน้ำฯ) รุนแรงยิ่งขึ้น อันนี้เองอาจจะถือได้ว่าเป็นการเริ่มทบทวนมาตรฐานด้านกายภาพสนามบินของ ICAO ก็เป็นได้ และจากการนำเสนอข้อมูลในวาระนี้ก่อนที่จะสรุปอยู่ในรายงานในภาพรวมนั้นได้มีการนำรูปภาพตัวอย่างของกรณีการไถลออกนอกทางวิ่งในประเทศต่างๆ รวมทั้งตัวอย่างภาพของสนามบินสุวรรณภูมิที่มีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งและหยุดอยู่ตรงหน้ารางระบายน้ำคอนกรีตเพียงไม่กี่เมตรมาแสดงด้วย

    มีข้อที่น่าสนใจและน่าสังเกตก็คือจากภาพที่มีการนำเสนอที่มีการไถลออกนอกทางวิ่งจากวาระการประชุมนี้รูปหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นที่สนามบินฮิโรชิมาประเทศญี่ปุ่นมีการไถลออกจากทางวิ่งไปจนเกือบถึงขอบของ Runway Strip ซึ่งไม่โครงสร้างหรือสิ่งปลูกสร้างใดหรือแม้แต่รางระบายน้ำคอนกรีตอยู่บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) นี้เลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีรางระบายน้ำอยู่บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับนี้ซึ่งตามมาตรฐานของ ICAO สามารถอยู่ได้เราคงพอจะนึกภาพออก และเมื่อไปดูข้อมูลด้านกายภาพของสนามบินฮิโรชิมานี้ใน AIP Japan (Aeronautical Information Publication, Japan) พบว่าพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งหรือ Runway Strip ของสนามบินนี้อยู่ที่ 150 เมตรจากกึ่งกลางทางวิ่งซึ่งสูงกว่ามาตรฐานปัจจุบันซึ่งมีการก่อสร้างมานานแล้วนั่นหมายความว่าถ้าหากมีรางระบายน้ำหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใดบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งนี้แม้มาตรฐานสากลจะยอมให้อยู่ได้ อากาศยานอุบัติการณ์รุนแรงก็สามารถจะคาดการณ์ว่าเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับสนามบินสมุยที่มีอาคาร Tower เก่าอยู่บน Runway Strip แล้วเครื่องไถลออกไปก็ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมาแล้วเมื่อ 4 สิงหาคม 2552 หรือกรณีของสายการบิน One to Go ที่สนามบินภูเก็ตที่ผ่านมาหลายปีมาแล้วเช่นกันที่พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการรองรับอากาศยาน

    ในที่ประชุมคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force - ICAO APAC ยังได้มีการกล่าวถึงข้อมูลสถิติการศึกษาการออกนอกทางวิ่งของอากาศยานในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ได้ทำไว้ โดยแสดงให้เห็นว่าในจำนวน 100 เปอร์เซ็นต์ของเหตุการณ์ออกนอกทางวิ่ง 90 เปอร์เซ็นต์เครื่องบินสามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) บนขอบเขตของพื้นที่ปรับระดับ (Graded portion) คืออยู่ในระยะ 105 เมตรจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่ง ส่วนที่เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์จะเลย 105 เมตรออกไปถึงพื้นที่ที่ไม่ปรับระดับ (Non-graded portion) คือตั้งแต่ 105 เมตรขึ้นไปจนถึงขอบของ Runway strip ซึ่งจากสถิติข้อมูลการศึกษาอันนี้ในจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์นี้ในบางครั้งมีการไถลออกไปไกลถึง 152 เมตร และบางครั้งถึง 210 เมตรเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามมีตัวอย่างหนึ่งที่เครื่องบินไถลออกไปจากทางวิ่งไปถึง 219 เมตรที่ประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2019 ก็มีมาแล้ว (มีภาพประกอบ)

    เนื้อหาข้อมูลใน Final Report ของที่ประชุมคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force นี้ (ในหน้า 4-5) นี้ มีการระบุให้ข้อมูลว่ามีตัวอย่างของเอกสารคำแนะนำ (Advisory circular) AC150/5300-13B ของหน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) ว่าตำแหน่งของร่องน้ำหรือรางระบายน้ำหรือกำแพงป้องกันนั้นขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่แต่ละพื้นที่บริเวณนั้นแต่ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตามจะไม่มีการตั้งอยู่บนขอบเขตของพื้นที่ปลอดภัยของทางวิ่งเลย โดยความกว้างของพื้นที่ปลอดภัยทางวิ่งของเขาจะอยู่ที่ 500 ฟุต หรือ152 เมตร
    “4.28 The WP/20 provided an example of the FAA advisory circular: AC150/5300-13B where it reads, “location of ditch, swale, or headwall depends on the site condition but in no case within the limits of runway safety area (RSA).” The width of the RSA, as specified in Appendix G of the AC is 500 feet (152m).”
    นอกจากนี้ผู้แทนของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสาธารณรัฐเกาหลีได้ออกมาให้การสนับสนุนประเด็นหัวข้อนี้และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ากฎระเบียบด้านการบินของเกาหลีใต้ในหัวข้อที่เกี่ยวกับมาตรฐานพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของสนามบินนั้นออกข้อกำหนดไว้ว่าการก่อสร้างรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งจะต้องก่อสร้างให้เลยจากพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-graded portion) ของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ออกไปเท่านั้นและยังเรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ พัฒนาคู่มือนโนบายและวิธีปฏิบัติในการที่จะยอมรับกายภาพที่ไม่สอดคล้องตามมาตรฐานของตนบนพื้นฐานจากการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    “4.31 The Republic of Korea supported the Working Paper and shared that their regulations required open air drains to be constructed beyond the non-graded portion of the runway strips and expressed the need for States to develop Policy and Procedures for accepting non-compliances based on safety risk assessment”.

    สำหรับสนามบินหลักของบ้านเราที่มีรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ในส่วนที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-graded portion) นี้นั้น ถ้าดูจากสถิติตามรายงานของที่ประชุมนี้แล้ว 90 เปอร์เซ็นของเครื่องบินที่ไถลออกนอกทางวิ่งจะออกไปไม่ถึงพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ หรือบริเวณที่มีรางระบายน้ำคอนกรีตฯนี้ ยกเว้นเพียง 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น อย่างไรก็ดีจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่รัฐหรือผู้ดำเนินการสนามบินจะนำเรื่องดังกล่าวมาทบทวนข้อมูลสถิติ จำนวนและชนิดของอากาศยานที่มาใช้บริการ โอกาสความเป็นไปได้ต่าง ๆ รวมทั้งทบทวนกฎระเบียบหรือทำการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอีกครั้งตามที่หน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) และหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสาธารณรัฐเกาหลีได้ได้นำเสนอมาในรายงาน เพื่อลดโอกาสความรุนแรงจากการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น ถ้าตัวเลขในปัจจุบันจำนวนเที่ยวบินของทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น จำนวนการไถลออกนอกทางวิ่งของทั้ง 90 เปอร์เซ็นและของ 10 เปอร์เซ็นก็น่าจะมากตาม คงไม่น่าจะมีใครอยากคิดว่าตนเองจะเป็นผู้ที่อยู่ใน 10 เปอร์เซ็นนั้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้หากดูข้อมูลเหตุการณ์ของสายการบิน Asiana airlines ที่ออกนอกทางวิ่งสนามบินฮิโรชิมาของญี่ปุ่นที่มี Runway strip ที่ 150 เมตรจากกึ่งกลางทางวิ่งโดยไถลไปไกลจนเกือบถึงขอบ Runway strip โดยไม่มีรางระบายน้ำฯหรือสิ่งปลูกสร้างใดบนพื้นที่บริเวณนี้แม้แต่น้อยตามที่กล่าวไว้ข้างต้นกับในขณะที่เหตุการณ์ของสุวรรณภูมิที่เครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งจนไปเกือบถึงรางระบายน้ำแบบเปิดโล่ง แต่โชคดีที่คานยึดของฐานล้อเครื่องบินมีการครูดเป็นร่องลึกและเป็นทางยาวไปกับทางวิ่งประมาณเกือบ 400 เมตร (อ้างอิงข้อมูลจากรายงานฉบับสุดท้ายของสำนักงานคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน) ก่อนหยุดลง จึงเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้ก่อให้เกิดอากาศยานอุบัติเหตุแต่อย่างใด แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้ทุกครั้ง หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาขึ้นเราต้องสูญเสียอะไรบ้างกับการไม่ได้ป้องกันกันแต่เนิ่น ๆ เป็นเรื่องที่ผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะนำไปพิจารณาทบทวนดูหรือไม่

    โดยรวมแล้วการที่สนามบินมีรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่ง (Open-Air Storm Water Conveyance) อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) ตรงบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ(Non-Graded Portion) สามารถทำได้หรือจัดให้มีอยู่ได้โดยไม่ได้ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ผิดจากมาตรฐานแต่อย่างใดเพราะ ICAO Annex 14 Vol. 1 เปิดไว้ให้ทำได้เพียงแต่ขอให้พิจารณาติดตั้งให้ไกลที่สุดจากทางวิ่งซึ่งไม่ได้กำหนดว่าระยะเท่าไร ดังนั้นจึงอยู่ในดุลยพินิจของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินหรือการดำเนินการของสนามบินในแต่ละประเทศที่จะพิจารณากันในมิติต่าง ๆ อย่างรอบคอบ
    จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ซึ่งรวมถึงเนื้อหาในรายงานการประชุมของ ICAO ในครั้งนี้จะเห็นได้ว่า
    1. ประเทศบางประเทศอย่างเช่นกรณีของสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐเกาหลีได้มีการพัฒนาให้มีกฎระเบียบหรือกฎหมายด้านความปลอดภัยทางการบินของตนเองที่สูงกว่ามาตรฐานของ ICAO โดยไม่ต้องมีข้อกำหนดด้านมาตรฐานที่ชัดเจนของ ICAO Annex ออกมาแต่อย่างใด
    2. มาตรฐานที่ ICAO ออกมาในรูปแบบ Annex ต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อให้แต่ละประเทศนำไปออกเป็นกฎหมายหรือกฎระเบียบข้อบังคับของตนเองนั้นยังมีช่องว่าง (Gap) ส่วนที่จะต้องมีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงให้ดียิ่งขึ้นหรือปลอดภัยมากขึ้นอยู่เสมอ
    3. กรณีที่มีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งอีก โอกาสของ 10 เปอร์เซ็นต์ที่เครื่องบินจะวิ่งเลยไปถึงพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ยังมีอยู่หากยังไม่ได้ทำการประเมินความเสี่ยงและมีการกำหนดมาตรการลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะสนามบินที่รองรับแบบอากาศยาน (Aircraft Code) ชนิดใหญ่ ๆ ได้
    4. รายงานฉบับสุดท้ายการสอบสวนอากาศยานแบบ Airbus A330-321ที่ไถลออกนอกทางวิ่งที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 8 กันยายน 2556 มีการระบุถึงการครูดของคานยึดฐานล้อหลักด้านขวาประมาณ 365 เมตร และวิ่งพ้นขอบทางวิ่งไปบนพื้นดินที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของทางวิ่งระยะทางประมาณ ๑๐๐ เมตรจึงหยุดนิ่ง กรณีเช่นนี้ถ้าหากไม่มีการครูดกับทางวิ่งด้วยระยะทางและความลึกตามรายงานดังกล่าว โอกาสที่อากาศยานอาจจะไปถึงรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งก็เป็นได้เมื่อลองเปรียบเทียบกับกรณีของสายการบิน Asiana Airlines ที่สนามบินฮิโรชิมา อย่างไรก็ตามรายงานผลการสอบสวนฯควรมีข้อแนะนำโดยตรงไปยัง ICAO (Safety recommendations to ICAO) ด้วยหรือไม่ถึงความเป็นไปได้ของสภาวะอันตรายนี้เพื่อให้ ICAO มีการพิจารณาหรืออาจจะทบทวนมาตรฐานกายภาพของทางวิ่งที่ยอมให้มีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับนี้

    ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่จะนำสรุปได้ว่าแต่ละประเทศที่มีลักษณะทางกายภาพทางวิ่งของสนามบินแบบนี้โดยเฉพาะประเทศเรานั้นจะดำเนินการไปในในทิศทางใด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะนำมาเสนออีกครั้งการจะทำให้สมดุลกันระหว่างการลงทุนรายจ่ายการป้องกันด้านความปลอดภัย (Protection) กับการสร้างรายได้การดำเนินงาน (Production) เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องจะเลือกวิธีแบบใด และแบบไหนจะยั่งยืนกว่ากัน ประชาชนผู้ใช้บริการสามารถมีส่วนร่วมได้หรือไม่

    ข้อมูลทั้งหมดเป็นทัศนคติส่วนบุคคลที่อ้างอิงจากเอกสารและรายงานที่เปิดเผยในเวปไซต์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ สามารถค้นหาและสืบค้นได้โดยทั่วไป อาจมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ได้กล่าวถึงและข้อมูลบางอย่างปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแล้วตามช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป ผู้อ่านโปรดใช้ดุลยพินิจและพิจารณาอีกครั้ง

    เอกสารอ้างอิง(สามารสืบค้นได้บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต):
    1. ICAO Safety Report 2024Edition
    2. ICAO Annex 14 - Aerodrome Design and Operations, 9 edition, July 2022
    3. ข้อกำหนดสำนักงานการบินพลเรือนฉบับที่ 37
    4. Aircraft Accident Investigation Report, Asiana Airlines INC. HL-7762, November 24,2016 - JTSB
    5. www.telegraph.co.uk/travel/news/asiana-plane-skids-off-runway-in-japan-leaving-20-injured/
    6. รายงานฉบับสุดท้ายการสอบสวนอากาศยานแบบ Airbus A330-321 เครื่องหมายสัญชาติและทะเบียน HS-TEFฯ โดยคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักรปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยานประเทศไทย
    7. Agenda Item 4: Planning, Design and Construction of Aerodromes/ “Open-Air Strom Water Conveyance in Runway Strip” - The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force (AP-ADO/TF/5) Chaing Rai, Thailand 30 January – 2 February 2024
    8. Final Report: The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force (AP-ADO/TF/5) Chaing Rai, Thailand 30 January – 2 February 2024
    9. AIP Japan HIROSHIMA, RJOA AD2-6 (13/9/18)
    10. AIP Thailand, AD 2-VTBS-1-16, 28 NOV 24, VTBS AD2.12 RUNWAY PHYSICAL CHARACTERISTICS
    11. https://en.wikipedia.org/wiki/Bangkok_Airways_Flight_266
    12. https://www.theguardian.com/world/2009/aug/04/thailand-plane-crash
    13. https://en.wikipedia.org/wiki/One-Two-Go_Airlines_Flight_269
    14. https://www.aviation-accidents.net/jet-airways-boeing-b737-800-vt-jbg-flight-9w2374/



    EP5 นี้ขอนำเสนอข้อมูลเพื่อแลกเปลี่ยนประเด็นด้านความปลอดภัยทางการบินที่ขอมุ่งเน้นไปทางด้านความปลอดภัยของเครื่องบินขณะทำการวิ่งขึ้นหรือกำลังวิ่งลงบนทางวิ่งที่สนามบินนะครับ จากข้อมูลรายงานด้านความปลอดภัย (Safety Report) ปี 2024 ขององค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Aviation Organization: ICAO) ได้จำแนกเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่มีโอกาสเกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากที่จำเป็นจะต้องจัดการอย่างเร่งด่วนอยู่ 5 เหตุการณ์ คือ 1 การควบคุมอากาศยานเข้าสู่สภาพภูมิประเทศ (Controlled Flight Into Terrain: CFIT) 2 การสูญเสียการควบคุมขณะทำการบิน (Loss Of Control In-Flight: LOC-I) 3 การชนกันกลางอากาศ (Mid-Air Collision: MAC) 4 การเกิดอากาศยานไถลออกนอกทางวิ่ง (Runway Excursion: RE) และ 5 การล่วงล้ำบนทางวิ่ง (Runway Incursion: RI) ที่จะขอพูดถึงในครั้งนี้ขอกล่าวถึงอากาศยานไถลออกนอกทางวิ่งเป็นหลักเพื่อที่จะนำเข้าสู่หัวข้อและเนื้อหาการประชุมของ ICAO ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ( ICAO APAC) เมื่อต้นป 67 ที่ผ่านมา การไถลออกนอกทางวิ่ง ICAO ได้ให้นิยามไว้คือการที่เครื่องบินเบี่ยงเบนออกจากทางวิ่งหรือการวิ่งเลยออกปลายทางวิ่งในขณะที่ทำการบินลงหรือวิ่งขึ้นซึ่งในปัจจุบันเรามักจะได้ยินข่าวจากต่างประเทศตามสื่อต่างๆเกี่ยวกับเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งอยู่บ่อยครั้งโดยเฉพาะในช่วงที่สนามบินมีสภาพอากาศแปรปรวนหรือมีฝนตกฟ้าคะนอง เมื่อไม่กี่ปีมานี้ประเทศไทยเราก็มีกรณีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งเช่นเดียวกันที่จังหวัดเชียงรายซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานผลการสอบสวนอากาศยานอุบัติการณ์รุนแรงฉบับสุดท้าย (Final Aircraft Serious Incident Investigation Report) ที่จะแจ้งให้ทราบถึงสาเหตุหรือปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุของเหตุการณ์นั้นว่าคืออะไร (โดยตามมาตรฐาน ICAO นั้น รายงานฉบับสุดท้ายควรออกมาภายใน 12 เดือนหลังจากที่เกิดเหตุการณ์) การไถลออกนอกทางวิ่งบนพื้นที่ของสนามบินที่ออกแบบและสร้างได้ตามมาตรฐานหรือสูงกว่ามาตรฐานจะลดโอกาสการเกิดความเสียหายต่อตัวอากาศยานและการบาดเจ็บของผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องได้อย่างมีนัยสำคัญ ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คล้ายๆกับการที่เราบังเอิญขับรถพุ่งออกจากถนนจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็แล้วแต่ แต่พอดีพื้นที่ด้านข้างหรือไหล่ถนนนั้นเป็นพื้นที่โล่งๆที่มีความยาวและความกว้างเพียงพอให้เราควบคุมรถยนต์ให้ค่อยๆหยุดลงได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ได้ปะทะหรือชนเข้ากับสิ่งใดเราก็ปลอดภัย แต่ถ้าหากพื้นที่ด้านข้างถนนแคบหรือมีน้อยแถมมีสิ่งกีดขวางต่าง ๆ เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า เกาะกลางถนนหรือเป็นคลองส่งน้ำชลประทานหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใด เราก็ยิ่งมีโอกาสได้รับอันตรายมากเท่านั้น แต่สำหรับสิ่งที่เราพูดถึงอยู่นี้เป็นอากาศยานหรือวัตถุที่มีขนาด มวล น้ำหนัก และความเร็วที่แตกต่างกันกับรถยนต์มาก ความรุนแรงที่เกิดขึ้นจึงแตกต่างจากกรณีของรถยนต์อย่างสิ้นเชิง ในส่วนของพื้นที่ที่รองรับการออกนอกทางวิ่งของเครื่องบินเราเรียกว่าพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งหรือ Runway Strip ซึ่งจะมีขนาดที่แตกต่างกันตามประเภทของทางวิ่งที่รองรับอากาศยานรวมทั้งทางหยุด (Stop Way) (ถ้ามี) ทั้งนี้ยังรวมถึงอีกพื้นที่หนึ่งก็คือพื้นที่ปลอดภัยปลายทางวิ่ง (Runway End Safety Area: RESA) ที่เอาไว้สำหรับรองรับการวิ่งเลยปลายทางวิ่งออกไปและในกรณีที่เครื่องบินลงก่อนถึงจุดเริ่มต้นของหัวทางวิ่ง (Runway Threshold) ด้วยเช่นกัน (สามารถดาวน์โหลดข้อกำหนดสำนักงานการบินพลเรือน (กพท.) ฉบับที่ 37 ในเว็ปไซต์ กพท.หรือ ICAO Annex 14 Vol.1 ในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพื่อดูในรายละเอียดได้) พื้นที่เหล่านี้จะถูกออกแบบมาเพื่อให้เครื่องบินสามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยในกรณีเกิด Runway excursion ขึ้น เราลองมาดูนิยามและมาตรฐานในข้อกำหนดของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ก่อนดีกว่า ความหมายของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งตามข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 (อ้างอิงจากมาตรฐานของ ICAO Annex 14 Vol.1 - Aerodrome Design and Operations) กำหนดไว้ว่า “พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) หมายความว่า พื้นที่ที่กําหนดไว้ซึ่งรวมถึงทางวิ่งและทางหยุด (ถ้ามี) ที่กําหนดไว้เพื่อ (1) ลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายแก่อากาศยานที่วิ่งออกนอกทางวิ่ง และ (2) ป้องกันอากาศยานที่บินอยู่เหนือพื้นที่ดังกล่าวระหว่างการปฏิบัติการวิ่งขึ้นหรือการบินลงของอากาศยาน 2. ขนาดของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ข้อ 145 พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งต้องขยายต่อออกไปจากหัวทางวิ่งและยาวเลยปลายทางวิ่งหรือทางหยุดไม่น้อยกว่าระยะทาง ดังต่อไปนี้ (1) หกสิบ (60) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 2, 3 หรือ 4 (2) หกสิบ (60) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 และเป็นทางวิ่งแบบบินลงด้วยเครื่องวัดประกอบการบิน (3) สามสิบ (30) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 และเป็นทางวิ่งแบบบินลงโดยไม่ใช้เครื่องวัดประกอบการบิน ข้อ 146 พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของทางวิ่งแบบพรีซิชั่น (Precision) และทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่น (Non-Precision) ต้องขยายไปทางด้านข้างแต่ละด้านของเส้นกึ่งกลางทางวิ่งและแนวเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ต่อขยายออกไปตลอดความยาวของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งนั้นเป็นระยะทางอย่างน้อย ดังต่อไปนี้ (1) หนึ่งร้อยสี่สิบ (140) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4 (2) เจ็ดสิบ (70) เมตร สําหรับทางวิ่งที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1 หรือ 2 4. การปรับระดับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ข้อ 152 เพื่อประโยชน์ในการรองรับเครื่องบินที่จะใช้ทางวิ่ง ในกรณีที่เครื่องบินวิ่งออกนอกทางวิ่ง สนามบินต้องปรับระดับ (Graded portion) ส่วนของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของทางวิ่งแบบบินลงด้วยเครื่องวัด ประกอบการบิน อย่างน้อยภายในระยะจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งและแนวเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ขยายออกไปดังต่อไปนี้ (1) หนึ่งร้อยห้า (105) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4 ตามรูปที่ 9 (2) เจ็ดสิบห้า (75) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 3 หรือ 4 (3) สี่สิบ (40) เมตร สําหรับทางวิ่งแบบพรีซิชั่นและทางวิ่งแบบนอนพรีซิชั่นที่มีรหัสตัวเลขเป็น 1หรือ 2 ข้อ 161 หากมีความจำเป็นต้องมีการระบายน้ำที่เหมาะสม สนามบินอาจจัดให้มีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งบริเวณพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ที่อยู่ในพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งได้ แต่ต้องวางตําแหน่งของรางระบายน้ำให้อยู่ห่างจากทางวิ่งให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้” อันนี้คือข้อมูลที่อยู่ในข้อกำหนด กพท.ฉบับ37 สนามบินสุวรรณภูมิมีรหัสอ้างอิงของสนามบิน 4E (ตามข้อกำหนด กพท. ฉบับที่ 37 ส่วนที่ 4 รหัสอ้างอิงสนามบิน ข้อ 23, 24 และ25) คือมีความยาวของทางวิ่งเกิน 1800 เมตร และรองรับเครื่องบินที่มีระยะห่างระหว่างปลายปีก 65 เมตรขึ้นไปแต่ไม่ถึง 80 เมตร ดังนั้นพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งด้านข้างที่วัดออกจากจุดเส้นกึ่งกลางทางวิ่งจึงต้องมีขนาดอย่างน้อย 140 เมตรตลอดแนวความยาวของทางวิ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่ามีการใช้คำว่า “อย่างน้อย” นั้น ถ้ามากกว่าก็จะยิ่งดี สำหรับสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งเป็นสนามบินหลักของบ้านเราที่มีภาพประกอบวาระการประชุมของ ICAO Asia and Pacific (ICAO APAC) ที่จะได้กล่าวต่อไป ได้มีการติดตั้งรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งตามความยาวของทางวิ่งฝั่งตะวันออกห่างจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งที่ระยะ 120 เมตร (ข้อมูลจาก AIP Thailand) เพื่อวัตถุประสงค์ในการช่วยระบายน้ำสำหรับกรณีมีปริมาณน้ำฝนจำนวนมากอยู่บนทางวิ่งหรือพื้นที่โดยรอบ ตรงบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion of Runway Strip) หรือตั้งแต่ 105 เมตรจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่งเป็นต้นไป (ตามข้อกำหนด กพท. 4. การปรับระดับพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง ข้อ 152 วงเล็บ 1) ขณะที่มาตรฐานของ ICAO Annex 14 Vol.1 - Aerodrome Design and Operations, 9 edition July 2022 หน้า 3-13 ข้อ 3.4.16 บันทึก (Note) 1 ได้ระบุว่า รางระบายน้ำแบบเปิดโล่งสามารถที่จะติดตั้งได้ในกรณีที่มีความจำเป็นต่อการระบายน้ำฝนจำนวนมากแต่จะต้องพิจารณาติดตั้งให้ไกลที่สุดเท่าที่จะปฏิบัติได้บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับหรือพื้นที่ “Non-graded portion” ของทางวิ่ง (Note 1. - Where deemed necessary for proper drainage, an open-air storm water conveyance may be allowed in the non-graded portion of a runway strip and would be placed as far as practicable from the runway.) ดังนั้นการมีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งของสนามบินนี้จึงไม่ถือว่าเป็นการติดตั้งที่ไม่สอดคล้องหรือผิดจากมาตรฐานการก่อสร้างแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม จากรายงานการประชุมครั้งที่ 5 ของ ICAO APAC ของคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force เมื่อวันที่ 30 ม.ค. – 2 ก.พ. 67 ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงรายโดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจากประเทศภาคีสมาชิก 14 ประเทศและองค์กรทางการบินระหว่างประเทศอีก 3 หน่วยงานรวม 62 คน ( The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force: AP-ADO/TF/5: Chiang Rai) ในหัวข้อวาระประชุมที่ 4 เรื่อง “การวางแผน การออกแบบ และการก่อสร้างสนามบิน” (Planning, Design and Construction of Aerodromes) นั้น มีการหยิบยกประเด็นของรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งที่อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (OPEN-AIR STORM WATER CONVEYANCE IN RUNWAY STRIP) ขึ้นมาใหม่ซึ่งนำเสนอโดย ICAO-The Cooperative Development of Operational Safety and Continuing Airworthiness Programme – South East Asia (COSCAP-SEA) โดยระบุว่าการมีอยู่ของรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) อาจนำมาซึ่งอันตรายต่างๆโดยเฉพาะกับเครื่องบินที่ไถลออกนอกทางวิ่ง ยิ่งในช่วงที่สนามบินมีสภาพอากาศแปรปรวน ฝนตกและทางวิ่งเปียกลื่น การมีอยู่ของรางระบายน้ำนั้นอาจจะทำให้เหตุการณ์ลื่นไถลออกนอกทางวิ่ง(ที่ไปถึงบริเวณที่ติดตั้งรางระบายน้ำฯ) รุนแรงยิ่งขึ้น อันนี้เองอาจจะถือได้ว่าเป็นการเริ่มทบทวนมาตรฐานด้านกายภาพสนามบินของ ICAO ก็เป็นได้ และจากการนำเสนอข้อมูลในวาระนี้ก่อนที่จะสรุปอยู่ในรายงานในภาพรวมนั้นได้มีการนำรูปภาพตัวอย่างของกรณีการไถลออกนอกทางวิ่งในประเทศต่างๆ รวมทั้งตัวอย่างภาพของสนามบินสุวรรณภูมิที่มีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งและหยุดอยู่ตรงหน้ารางระบายน้ำคอนกรีตเพียงไม่กี่เมตรมาแสดงด้วย มีข้อที่น่าสนใจและน่าสังเกตก็คือจากภาพที่มีการนำเสนอที่มีการไถลออกนอกทางวิ่งจากวาระการประชุมนี้รูปหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นที่สนามบินฮิโรชิมาประเทศญี่ปุ่นมีการไถลออกจากทางวิ่งไปจนเกือบถึงขอบของ Runway Strip ซึ่งไม่โครงสร้างหรือสิ่งปลูกสร้างใดหรือแม้แต่รางระบายน้ำคอนกรีตอยู่บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) นี้เลย จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีรางระบายน้ำอยู่บนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับนี้ซึ่งตามมาตรฐานของ ICAO สามารถอยู่ได้เราคงพอจะนึกภาพออก และเมื่อไปดูข้อมูลด้านกายภาพของสนามบินฮิโรชิมานี้ใน AIP Japan (Aeronautical Information Publication, Japan) พบว่าพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งหรือ Runway Strip ของสนามบินนี้อยู่ที่ 150 เมตรจากกึ่งกลางทางวิ่งซึ่งสูงกว่ามาตรฐานปัจจุบันซึ่งมีการก่อสร้างมานานแล้วนั่นหมายความว่าถ้าหากมีรางระบายน้ำหรือสิ่งปลูกสร้างอื่นใดบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งนี้แม้มาตรฐานสากลจะยอมให้อยู่ได้ อากาศยานอุบัติการณ์รุนแรงก็สามารถจะคาดการณ์ว่าเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่นกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับสนามบินสมุยที่มีอาคาร Tower เก่าอยู่บน Runway Strip แล้วเครื่องไถลออกไปก็ก่อให้เกิดอุบัติเหตุมาแล้วเมื่อ 4 สิงหาคม 2552 หรือกรณีของสายการบิน One to Go ที่สนามบินภูเก็ตที่ผ่านมาหลายปีมาแล้วเช่นกันที่พื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งไม่สอดคล้องกับมาตรฐานการรองรับอากาศยาน ในที่ประชุมคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force - ICAO APAC ยังได้มีการกล่าวถึงข้อมูลสถิติการศึกษาการออกนอกทางวิ่งของอากาศยานในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ได้ทำไว้ โดยแสดงให้เห็นว่าในจำนวน 100 เปอร์เซ็นต์ของเหตุการณ์ออกนอกทางวิ่ง 90 เปอร์เซ็นต์เครื่องบินสามารถหยุดได้อย่างปลอดภัยบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) บนขอบเขตของพื้นที่ปรับระดับ (Graded portion) คืออยู่ในระยะ 105 เมตรจากเส้นกึ่งกลางทางวิ่ง ส่วนที่เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์จะเลย 105 เมตรออกไปถึงพื้นที่ที่ไม่ปรับระดับ (Non-graded portion) คือตั้งแต่ 105 เมตรขึ้นไปจนถึงขอบของ Runway strip ซึ่งจากสถิติข้อมูลการศึกษาอันนี้ในจำนวน 10 เปอร์เซ็นต์นี้ในบางครั้งมีการไถลออกไปไกลถึง 152 เมตร และบางครั้งถึง 210 เมตรเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามมีตัวอย่างหนึ่งที่เครื่องบินไถลออกไปจากทางวิ่งไปถึง 219 เมตรที่ประเทศอินเดียเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2019 ก็มีมาแล้ว (มีภาพประกอบ) เนื้อหาข้อมูลใน Final Report ของที่ประชุมคณะทำงาน Aerodrome Design and Operations Task Force นี้ (ในหน้า 4-5) นี้ มีการระบุให้ข้อมูลว่ามีตัวอย่างของเอกสารคำแนะนำ (Advisory circular) AC150/5300-13B ของหน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) ว่าตำแหน่งของร่องน้ำหรือรางระบายน้ำหรือกำแพงป้องกันนั้นขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่แต่ละพื้นที่บริเวณนั้นแต่ไม่ว่ากรณีใดๆก็ตามจะไม่มีการตั้งอยู่บนขอบเขตของพื้นที่ปลอดภัยของทางวิ่งเลย โดยความกว้างของพื้นที่ปลอดภัยทางวิ่งของเขาจะอยู่ที่ 500 ฟุต หรือ152 เมตร “4.28 The WP/20 provided an example of the FAA advisory circular: AC150/5300-13B where it reads, “location of ditch, swale, or headwall depends on the site condition but in no case within the limits of runway safety area (RSA).” The width of the RSA, as specified in Appendix G of the AC is 500 feet (152m).” นอกจากนี้ผู้แทนของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสาธารณรัฐเกาหลีได้ออกมาให้การสนับสนุนประเด็นหัวข้อนี้และให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่ากฎระเบียบด้านการบินของเกาหลีใต้ในหัวข้อที่เกี่ยวกับมาตรฐานพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่งของสนามบินนั้นออกข้อกำหนดไว้ว่าการก่อสร้างรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งจะต้องก่อสร้างให้เลยจากพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-graded portion) ของพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ออกไปเท่านั้นและยังเรียกร้องให้รัฐต่าง ๆ พัฒนาคู่มือนโนบายและวิธีปฏิบัติในการที่จะยอมรับกายภาพที่ไม่สอดคล้องตามมาตรฐานของตนบนพื้นฐานจากการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัย “4.31 The Republic of Korea supported the Working Paper and shared that their regulations required open air drains to be constructed beyond the non-graded portion of the runway strips and expressed the need for States to develop Policy and Procedures for accepting non-compliances based on safety risk assessment”. สำหรับสนามบินหลักของบ้านเราที่มีรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway strip) ในส่วนที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-graded portion) นี้นั้น ถ้าดูจากสถิติตามรายงานของที่ประชุมนี้แล้ว 90 เปอร์เซ็นของเครื่องบินที่ไถลออกนอกทางวิ่งจะออกไปไม่ถึงพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ หรือบริเวณที่มีรางระบายน้ำคอนกรีตฯนี้ ยกเว้นเพียง 10 เปอร์เซ็นเท่านั้น อย่างไรก็ดีจะมีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนที่รัฐหรือผู้ดำเนินการสนามบินจะนำเรื่องดังกล่าวมาทบทวนข้อมูลสถิติ จำนวนและชนิดของอากาศยานที่มาใช้บริการ โอกาสความเป็นไปได้ต่าง ๆ รวมทั้งทบทวนกฎระเบียบหรือทำการประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอีกครั้งตามที่หน่วยงานการบินแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (FAA) และหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินพลเรือนของสาธารณรัฐเกาหลีได้ได้นำเสนอมาในรายงาน เพื่อลดโอกาสความรุนแรงจากการเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น ถ้าตัวเลขในปัจจุบันจำนวนเที่ยวบินของทั่วโลกเพิ่มมากขึ้น จำนวนการไถลออกนอกทางวิ่งของทั้ง 90 เปอร์เซ็นและของ 10 เปอร์เซ็นก็น่าจะมากตาม คงไม่น่าจะมีใครอยากคิดว่าตนเองจะเป็นผู้ที่อยู่ใน 10 เปอร์เซ็นนั้นอย่างแน่นอน ทั้งนี้หากดูข้อมูลเหตุการณ์ของสายการบิน Asiana airlines ที่ออกนอกทางวิ่งสนามบินฮิโรชิมาของญี่ปุ่นที่มี Runway strip ที่ 150 เมตรจากกึ่งกลางทางวิ่งโดยไถลไปไกลจนเกือบถึงขอบ Runway strip โดยไม่มีรางระบายน้ำฯหรือสิ่งปลูกสร้างใดบนพื้นที่บริเวณนี้แม้แต่น้อยตามที่กล่าวไว้ข้างต้นกับในขณะที่เหตุการณ์ของสุวรรณภูมิที่เครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งจนไปเกือบถึงรางระบายน้ำแบบเปิดโล่ง แต่โชคดีที่คานยึดของฐานล้อเครื่องบินมีการครูดเป็นร่องลึกและเป็นทางยาวไปกับทางวิ่งประมาณเกือบ 400 เมตร (อ้างอิงข้อมูลจากรายงานฉบับสุดท้ายของสำนักงานคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยาน) ก่อนหยุดลง จึงเป็นเหตุการณ์ที่ยังไม่ได้ก่อให้เกิดอากาศยานอุบัติเหตุแต่อย่างใด แต่เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้ทุกครั้ง หากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนาขึ้นเราต้องสูญเสียอะไรบ้างกับการไม่ได้ป้องกันกันแต่เนิ่น ๆ เป็นเรื่องที่ผู้ที่เกี่ยวข้องน่าจะนำไปพิจารณาทบทวนดูหรือไม่ โดยรวมแล้วการที่สนามบินมีรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่ง (Open-Air Storm Water Conveyance) อยู่บนพื้นที่ปลอดภัยรอบทางวิ่ง (Runway Strip) ตรงบริเวณที่เรียกว่าพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ(Non-Graded Portion) สามารถทำได้หรือจัดให้มีอยู่ได้โดยไม่ได้ถือว่าเป็นการดำเนินการที่ผิดจากมาตรฐานแต่อย่างใดเพราะ ICAO Annex 14 Vol. 1 เปิดไว้ให้ทำได้เพียงแต่ขอให้พิจารณาติดตั้งให้ไกลที่สุดจากทางวิ่งซึ่งไม่ได้กำหนดว่าระยะเท่าไร ดังนั้นจึงอยู่ในดุลยพินิจของหน่วยงานกำกับดูแลด้านการบินหรือการดำเนินการของสนามบินในแต่ละประเทศที่จะพิจารณากันในมิติต่าง ๆ อย่างรอบคอบ จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมานี้ซึ่งรวมถึงเนื้อหาในรายงานการประชุมของ ICAO ในครั้งนี้จะเห็นได้ว่า 1. ประเทศบางประเทศอย่างเช่นกรณีของสหรัฐอเมริกาและสาธารณรัฐเกาหลีได้มีการพัฒนาให้มีกฎระเบียบหรือกฎหมายด้านความปลอดภัยทางการบินของตนเองที่สูงกว่ามาตรฐานของ ICAO โดยไม่ต้องมีข้อกำหนดด้านมาตรฐานที่ชัดเจนของ ICAO Annex ออกมาแต่อย่างใด 2. มาตรฐานที่ ICAO ออกมาในรูปแบบ Annex ต่าง ๆ ที่ออกมาเพื่อให้แต่ละประเทศนำไปออกเป็นกฎหมายหรือกฎระเบียบข้อบังคับของตนเองนั้นยังมีช่องว่าง (Gap) ส่วนที่จะต้องมีการปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงให้ดียิ่งขึ้นหรือปลอดภัยมากขึ้นอยู่เสมอ 3. กรณีที่มีเครื่องบินไถลออกนอกทางวิ่งอีก โอกาสของ 10 เปอร์เซ็นต์ที่เครื่องบินจะวิ่งเลยไปถึงพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับ (Non-Graded Portion) ยังมีอยู่หากยังไม่ได้ทำการประเมินความเสี่ยงและมีการกำหนดมาตรการลดความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยเฉพาะสนามบินที่รองรับแบบอากาศยาน (Aircraft Code) ชนิดใหญ่ ๆ ได้ 4. รายงานฉบับสุดท้ายการสอบสวนอากาศยานแบบ Airbus A330-321ที่ไถลออกนอกทางวิ่งที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อ 8 กันยายน 2556 มีการระบุถึงการครูดของคานยึดฐานล้อหลักด้านขวาประมาณ 365 เมตร และวิ่งพ้นขอบทางวิ่งไปบนพื้นดินที่เป็นพื้นที่ปลอดภัยของทางวิ่งระยะทางประมาณ ๑๐๐ เมตรจึงหยุดนิ่ง กรณีเช่นนี้ถ้าหากไม่มีการครูดกับทางวิ่งด้วยระยะทางและความลึกตามรายงานดังกล่าว โอกาสที่อากาศยานอาจจะไปถึงรางระบายน้ำคอนกรีตแบบเปิดโล่งก็เป็นได้เมื่อลองเปรียบเทียบกับกรณีของสายการบิน Asiana Airlines ที่สนามบินฮิโรชิมา อย่างไรก็ตามรายงานผลการสอบสวนฯควรมีข้อแนะนำโดยตรงไปยัง ICAO (Safety recommendations to ICAO) ด้วยหรือไม่ถึงความเป็นไปได้ของสภาวะอันตรายนี้เพื่อให้ ICAO มีการพิจารณาหรืออาจจะทบทวนมาตรฐานกายภาพของทางวิ่งที่ยอมให้มีรางระบายน้ำแบบเปิดโล่งบนพื้นที่ที่ไม่ต้องปรับระดับนี้ ทั้งนี้ ยังไม่มีข้อมูลที่จะนำสรุปได้ว่าแต่ละประเทศที่มีลักษณะทางกายภาพทางวิ่งของสนามบินแบบนี้โดยเฉพาะประเทศเรานั้นจะดำเนินการไปในในทิศทางใด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะนำมาเสนออีกครั้งการจะทำให้สมดุลกันระหว่างการลงทุนรายจ่ายการป้องกันด้านความปลอดภัย (Protection) กับการสร้างรายได้การดำเนินงาน (Production) เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้วผู้ที่เกี่ยวข้องจะเลือกวิธีแบบใด และแบบไหนจะยั่งยืนกว่ากัน ประชาชนผู้ใช้บริการสามารถมีส่วนร่วมได้หรือไม่ ข้อมูลทั้งหมดเป็นทัศนคติส่วนบุคคลที่อ้างอิงจากเอกสารและรายงานที่เปิดเผยในเวปไซต์หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ สามารถค้นหาและสืบค้นได้โดยทั่วไป อาจมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ได้กล่าวถึงและข้อมูลบางอย่างปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปแล้วตามช่วงเวลาที่เปลี่ยนไป ผู้อ่านโปรดใช้ดุลยพินิจและพิจารณาอีกครั้ง เอกสารอ้างอิง(สามารสืบค้นได้บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต): 1. ICAO Safety Report 2024Edition 2. ICAO Annex 14 - Aerodrome Design and Operations, 9 edition, July 2022 3. ข้อกำหนดสำนักงานการบินพลเรือนฉบับที่ 37 4. Aircraft Accident Investigation Report, Asiana Airlines INC. HL-7762, November 24,2016 - JTSB 5. www.telegraph.co.uk/travel/news/asiana-plane-skids-off-runway-in-japan-leaving-20-injured/ 6. รายงานฉบับสุดท้ายการสอบสวนอากาศยานแบบ Airbus A330-321 เครื่องหมายสัญชาติและทะเบียน HS-TEFฯ โดยคณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุของอากาศยานในราชอาณาจักรปฏิบัติหน้าที่คณะกรรมการสอบสวนอุบัติเหตุและอุบัติการณ์ของอากาศยานประเทศไทย 7. Agenda Item 4: Planning, Design and Construction of Aerodromes/ “Open-Air Strom Water Conveyance in Runway Strip” - The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force (AP-ADO/TF/5) Chaing Rai, Thailand 30 January – 2 February 2024 8. Final Report: The Fifth Meeting of the Asia/Pacific Aerodrome Design and Operations Task Force (AP-ADO/TF/5) Chaing Rai, Thailand 30 January – 2 February 2024 9. AIP Japan HIROSHIMA, RJOA AD2-6 (13/9/18) 10. AIP Thailand, AD 2-VTBS-1-16, 28 NOV 24, VTBS AD2.12 RUNWAY PHYSICAL CHARACTERISTICS 11. https://en.wikipedia.org/wiki/Bangkok_Airways_Flight_266 12. https://www.theguardian.com/world/2009/aug/04/thailand-plane-crash 13. https://en.wikipedia.org/wiki/One-Two-Go_Airlines_Flight_269 14. https://www.aviation-accidents.net/jet-airways-boeing-b737-800-vt-jbg-flight-9w2374/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 476 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลายเป็นดรามาเดือดบนโลกออนไลน์ กรณีการเสียชีวิตของ “แบงค์ เลสเตอร์” หรือ “ธนาคาร คันธี” วัย 21 ปี อินฟลูเอนเซอร์ที่ดังจากการแรปขายพวงมาลัยเลี้ยงคุณยาย เสียชีวิตจากการช็อกดับ หลังถูกจ้างให้ดื่มเหล้าหมดแบน แลกเงิน 3 หมื่นบาท

    ด้านผกก.ชื่อดังอย่าง “พชร์ อานนท์” ที่เคยมีประเด็นกับแบงค์ เลสเตอร์ในปี 66 ได้โพสต์ข้อความอาลัย ยอมรับตกใจที่เห็นข่าวนี้ “RIP เห็นข่าวแล้วตกใจเหมือนกัน ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวอะไรกับน้องเลย แต่เห็นน้องใช้ชีวิตแล้วน่าเป็นห่วงมาก เห็นในตต(ติ๊กต๊อก) บ่อยๆ เสียใจกับการจากไป ขออโหสิกรรมน้องด้วยที่เคยเป็นข่าวตอนนั้น พี่ไม่ได้ว่าอะไรกับน้องเลยก็บอกไปตามตรงว่าไม่รู้ว่า ขึ้นสวรรค์เป็นเทวดาน้อยๆ นะน้องนะ น้องอยู่วัดไหนอยากส่งพวงหรีดไปให้ ใครรู้บอกหน่อยนะ!! อนิจจาชีวิตคนเราไม่แน่นอนจริงๆ”อย่างไรก็ตาม ในเดือนก.พ.ปี 66 พชร์ อานนท์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงรายการตีสิบ หลังได้เชิญ แบงค์ เลสเตอร์ ซึ่งอ้างว่าได้เสนอขายพวงมาลัยให้กับพชร์ อานนท์ และร้องแรปให้พชร์ฟัง จนพชร์สนใจ บอกให้มาร่วมแคสติ้งงานหนังด้วยกัน จนกระทั่งแคสงานผ่าน ได้เล่นหนังของพชร์ อานนท์ ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวยืนยันไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า แล้วจะชวนเข้าวงการได้อย่างไร พร้อมฉะตีสิบก่อนเสนอข่าวให้หาข้อมูลหน่อยได้ไหม และขอให้น้องหยุดเอาชื่อตนเองไปแอบอ้าง

    #MGROnline #แบงค์เลสเตอร์
    กลายเป็นดรามาเดือดบนโลกออนไลน์ กรณีการเสียชีวิตของ “แบงค์ เลสเตอร์” หรือ “ธนาคาร คันธี” วัย 21 ปี อินฟลูเอนเซอร์ที่ดังจากการแรปขายพวงมาลัยเลี้ยงคุณยาย เสียชีวิตจากการช็อกดับ หลังถูกจ้างให้ดื่มเหล้าหมดแบน แลกเงิน 3 หมื่นบาท • ด้านผกก.ชื่อดังอย่าง “พชร์ อานนท์” ที่เคยมีประเด็นกับแบงค์ เลสเตอร์ในปี 66 ได้โพสต์ข้อความอาลัย ยอมรับตกใจที่เห็นข่าวนี้ “RIP เห็นข่าวแล้วตกใจเหมือนกัน ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวอะไรกับน้องเลย แต่เห็นน้องใช้ชีวิตแล้วน่าเป็นห่วงมาก เห็นในตต(ติ๊กต๊อก) บ่อยๆ เสียใจกับการจากไป ขออโหสิกรรมน้องด้วยที่เคยเป็นข่าวตอนนั้น พี่ไม่ได้ว่าอะไรกับน้องเลยก็บอกไปตามตรงว่าไม่รู้ว่า ขึ้นสวรรค์เป็นเทวดาน้อยๆ นะน้องนะ น้องอยู่วัดไหนอยากส่งพวงหรีดไปให้ ใครรู้บอกหน่อยนะ!! อนิจจาชีวิตคนเราไม่แน่นอนจริงๆ”อย่างไรก็ตาม ในเดือนก.พ.ปี 66 พชร์ อานนท์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงรายการตีสิบ หลังได้เชิญ แบงค์ เลสเตอร์ ซึ่งอ้างว่าได้เสนอขายพวงมาลัยให้กับพชร์ อานนท์ และร้องแรปให้พชร์ฟัง จนพชร์สนใจ บอกให้มาร่วมแคสติ้งงานหนังด้วยกัน จนกระทั่งแคสงานผ่าน ได้เล่นหนังของพชร์ อานนท์ ซึ่งตอนนั้นเจ้าตัวยืนยันไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้า แล้วจะชวนเข้าวงการได้อย่างไร พร้อมฉะตีสิบก่อนเสนอข่าวให้หาข้อมูลหน่อยได้ไหม และขอให้น้องหยุดเอาชื่อตนเองไปแอบอ้าง • #MGROnline #แบงค์เลสเตอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องมนุษย์ต่างดาวมีตรัสไว้ในคัมภีร์พระไตรปิฎกใครอยากทราบก็ลองค้นค้วาหาข้อมูลกันเองหรือเข้าไปดูในช่องอากงเล่าเรื่อง(อากงเสียแล้วR.I.P.🖤)
    เรื่องมนุษย์ต่างดาวมีตรัสไว้ในคัมภีร์พระไตรปิฎกใครอยากทราบก็ลองค้นค้วาหาข้อมูลกันเองหรือเข้าไปดูในช่องอากงเล่าเรื่อง(อากงเสียแล้วR.I.P.🖤)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • Azser คือ เพจที่มีบริการในการ "จัดการข้อมูล" เก็บ รวมรวม วิเคราะห์ สรุป ประมวลผลข้อมูล เพื่อนำข้อมูลตรงนี้ไปใช้เพื่อการเคราะห์งานหรือธุรกิจของท่านต่อไป

    ขั้นตอนการหาข้อมูลนั้นจะเปรียบเสมือนการวิจัยเรื่องๆนึ่ง หากแต่บริการจาก Azser นี้ เป็นข้อมูลที่เป็นพื้นฐานและมีแหล่งข้อมูลที่มาที่ชัดเจน และอิงข้อมูลที่น่าเชื่อถือเป็นสำคัญ

    ยุคปัจจุบันมีการแสวงหาข้อมูลอย่างมากมายมหาศาล เพื่อตอบโจทย์หรือแก้ไขปัญหาชีวิตในแต่ละบุคคล ฉะนั้น Azser จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาให้ข้อมูลอยู่อย่างเป็นระบบและมีขั้นตอนการดูแลรักษา เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูล ซึ่งเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ

    ดังนั้น Azser จึงสามารถมานิยามตัวเองได้ว่าเราคือ "ผู้จัดการข้อมูล" ที่มีคุณภาพและมีความเป็นมืออาชีพ ท่านสามารถเข้าไปดูบริการของเราได้ที่ www.azser.net ได้

    ขอบพระคุณครับ
    - Azser

    #Azsernet
    Azser คือ เพจที่มีบริการในการ "จัดการข้อมูล" เก็บ รวมรวม วิเคราะห์ สรุป ประมวลผลข้อมูล เพื่อนำข้อมูลตรงนี้ไปใช้เพื่อการเคราะห์งานหรือธุรกิจของท่านต่อไป ขั้นตอนการหาข้อมูลนั้นจะเปรียบเสมือนการวิจัยเรื่องๆนึ่ง หากแต่บริการจาก Azser นี้ เป็นข้อมูลที่เป็นพื้นฐานและมีแหล่งข้อมูลที่มาที่ชัดเจน และอิงข้อมูลที่น่าเชื่อถือเป็นสำคัญ ยุคปัจจุบันมีการแสวงหาข้อมูลอย่างมากมายมหาศาล เพื่อตอบโจทย์หรือแก้ไขปัญหาชีวิตในแต่ละบุคคล ฉะนั้น Azser จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยแก้ไขปัญหาให้ข้อมูลอยู่อย่างเป็นระบบและมีขั้นตอนการดูแลรักษา เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูล ซึ่งเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ ดังนั้น Azser จึงสามารถมานิยามตัวเองได้ว่าเราคือ "ผู้จัดการข้อมูล" ที่มีคุณภาพและมีความเป็นมืออาชีพ ท่านสามารถเข้าไปดูบริการของเราได้ที่ www.azser.net ได้ ขอบพระคุณครับ - Azser #Azsernet
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟันธง “แตงโม" ถูกฆาตกรรม มีเงื่อนงำพิรุธ.ที่ผ่านมา ผมพูดถึงประเด็นไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทริดา ผมพูดเรื่องนี้มาเมื่อ 2 ปี 9 เดือนที่แล้ว ผมเป็นสื่อมวลชนเพียงคนเดียวในประเทศไทยที่ใช้สัญชาติญาณบวกกับลางสังหรณ์ของตัวเองฟันธงลงไปว่า "แตงโม" เสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรมอำพราง เธอไม่ได้ตายเพราะตกน้ำ โดนใบพัดปั่นที่ขา ระหว่างนั่งปัสสาวะที่ท้ายเรือแต่อย่างใด.ผมได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลคล้ายๆกันคดีบอส อยู่วิทยา คือ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ในเวลานั้น ออกแอกชันลงมาควบคุมการสอบสวนด้วยตัวเอง แม้แตงโมจะเป็นดาราดัง เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ แต่ผมได้กลิ่นตุๆ อย่างผิดวิสัย ว่าทำไมระดับ ผบ.ตร. ถึงลงมาทำคดีนี้ด้วยตัวเอง ตำรวจระดับล่างทำไม่ได้หรือ เพราะถ้าคุณมั่นใจว่าเป็นเรื่องคนตกน้ำตาย.วันนี้ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หอบเอกสารหลักฐานชิ้นใหญ่หลายอย่างที่ได้มาจากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ การหาข้อมูลเชิงเทคนิคตามหลักวิทยาศาสตร์ เอาเข้ามาให้กับอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กับทีมงาน "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ช่วยพิจารณา เพื่อยืนยันว่าลางสังหรณ์จากสัญชาติญาณของผมมันเป็นความจริง.แต่ที่ผมพูดวันนี้ ผมพูดจากคำพิพากษาของศาลยกฟ้องคดีหมิ่นประมาทที่ตำรวจ 21 นายฟ้องคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ว่า การสืบสวนสอบสวนของตำรวจนั้น พยานหลักฐานการตายล้วนมีเงื่อนงำและมีพิรุธมากมาย นี่ผมไม่ได้เขียนเองหรือพูดเองนะ เป็นข้อความที่ระบุในคำพิพากษาศาลจริงๆ.ทำไมศาลจึงให้เหตุผลในคำพิพากษายกฟ้องนายอัจฉริยะ กับพวก แบบนี้ ? หลายๆ คนคงอยากรู้แล้วใช่ไหม เอาเป็นว่าคดีแตงโมนั้นมีพิรุธ มีเงื่อนงำอยู่มากมาย อยากรู้ต้องไปติดตามอาจารย์ปานเทพ อาจารย์ยิปมันของผม แห่งบ้านพระอาทิตย์ สัปดาห์หน้าน่าจะมีคำพูดใหม่ๆ เพียบ ที่คุณไม่เคยรับรู้มาก่อน
    ฟันธง “แตงโม" ถูกฆาตกรรม มีเงื่อนงำพิรุธ.ที่ผ่านมา ผมพูดถึงประเด็นไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทริดา ผมพูดเรื่องนี้มาเมื่อ 2 ปี 9 เดือนที่แล้ว ผมเป็นสื่อมวลชนเพียงคนเดียวในประเทศไทยที่ใช้สัญชาติญาณบวกกับลางสังหรณ์ของตัวเองฟันธงลงไปว่า "แตงโม" เสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรมอำพราง เธอไม่ได้ตายเพราะตกน้ำ โดนใบพัดปั่นที่ขา ระหว่างนั่งปัสสาวะที่ท้ายเรือแต่อย่างใด.ผมได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลคล้ายๆกันคดีบอส อยู่วิทยา คือ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ในเวลานั้น ออกแอกชันลงมาควบคุมการสอบสวนด้วยตัวเอง แม้แตงโมจะเป็นดาราดัง เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ แต่ผมได้กลิ่นตุๆ อย่างผิดวิสัย ว่าทำไมระดับ ผบ.ตร. ถึงลงมาทำคดีนี้ด้วยตัวเอง ตำรวจระดับล่างทำไม่ได้หรือ เพราะถ้าคุณมั่นใจว่าเป็นเรื่องคนตกน้ำตาย.วันนี้ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หอบเอกสารหลักฐานชิ้นใหญ่หลายอย่างที่ได้มาจากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ การหาข้อมูลเชิงเทคนิคตามหลักวิทยาศาสตร์ เอาเข้ามาให้กับอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กับทีมงาน "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ช่วยพิจารณา เพื่อยืนยันว่าลางสังหรณ์จากสัญชาติญาณของผมมันเป็นความจริง.แต่ที่ผมพูดวันนี้ ผมพูดจากคำพิพากษาของศาลยกฟ้องคดีหมิ่นประมาทที่ตำรวจ 21 นายฟ้องคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ว่า การสืบสวนสอบสวนของตำรวจนั้น พยานหลักฐานการตายล้วนมีเงื่อนงำและมีพิรุธมากมาย นี่ผมไม่ได้เขียนเองหรือพูดเองนะ เป็นข้อความที่ระบุในคำพิพากษาศาลจริงๆ.ทำไมศาลจึงให้เหตุผลในคำพิพากษายกฟ้องนายอัจฉริยะ กับพวก แบบนี้ ? หลายๆ คนคงอยากรู้แล้วใช่ไหม เอาเป็นว่าคดีแตงโมนั้นมีพิรุธ มีเงื่อนงำอยู่มากมาย อยากรู้ต้องไปติดตามอาจารย์ปานเทพ อาจารย์ยิปมันของผม แห่งบ้านพระอาทิตย์ สัปดาห์หน้าน่าจะมีคำพูดใหม่ๆ เพียบ ที่คุณไม่เคยรับรู้มาก่อน
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟันธง“แตงโม"ถูกฆาตกรรม มีเงื่อนงำพิรุธ
    .
    ที่ผ่านมา ผมพูดถึงประเด็นไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทริดา ผมพูดเรื่องนี้มาเมื่อ 2 ปี 9 เดือนที่แล้ว ผมเป็นสื่อมวลชนเพียงคนเดียวในประเทศไทยที่ใช้สัญชาติญาณบวกกับลางสังหรณ์ของตัวเองฟันธงลงไปว่า "แตงโม" เสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรมอำพราง เธอไม่ได้ตายเพราะตกน้ำ โดนใบพัดปั่นที่ขา ระหว่างนั่งปัสสาวะที่ท้ายเรือแต่อย่างใด
    .
    ผมได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลคล้ายๆกันคดีบอส อยู่วิทยา คือ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ในเวลานั้น ออกแอกชันลงมาควบคุมการสอบสวนด้วยตัวเอง แม้แตงโมจะเป็นดาราดัง เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ แต่ผมได้กลิ่นตุๆ อย่างผิดวิสัย ว่าทำไมระดับ ผบ.ตร. ถึงลงมาทำคดีนี้ด้วยตัวเอง ตำรวจระดับล่างทำไม่ได้หรือ เพราะถ้าคุณมั่นใจว่าเป็นเรื่องคนตกน้ำตาย
    .
    วันนี้ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หอบเอกสารหลักฐานชิ้นใหญ่หลายอย่างที่ได้มาจากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ การหาข้อมูลเชิงเทคนิคตามหลักวิทยาศาสตร์ เอาเข้ามาให้กับอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กับทีมงาน "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ช่วยพิจารณา เพื่อยืนยันว่าลางสังหรณ์จากสัญชาติญาณของผมมันเป็นความจริง
    .
    แต่ที่ผมพูดวันนี้ ผมพูดจากคำพิพากษาของศาลยกฟ้องคดีหมิ่นประมาทที่ตำรวจ 21 นายฟ้องคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ว่า การสืบสวนสอบสวนของตำรวจนั้น พยานหลักฐานการตายล้วนมีเงื่อนงำและมีพิรุธมากมาย นี่ผมไม่ได้เขียนเองหรือพูดเองนะ เป็นข้อความที่ระบุในคำพิพากษาศาลจริงๆ
    .
    ทำไมศาลจึงให้เหตุผลในคำพิพากษายกฟ้องนายอัจฉริยะ กับพวก แบบนี้ ? หลายๆ คนคงอยากรู้แล้วใช่ไหม เอาเป็นว่าคดีแตงโมนั้นมีพิรุธ มีเงื่อนงำอยู่มากมาย อยากรู้ต้องไปติดตามอาจารย์ปานเทพ อาจารย์ยิปมันของผม แห่งบ้านพระอาทิตย์ สัปดาห์หน้าน่าจะมีคำพูดใหม่ๆ เพียบ ที่คุณไม่เคยรับรู้มาก่อน
    ฟันธง“แตงโม"ถูกฆาตกรรม มีเงื่อนงำพิรุธ . ที่ผ่านมา ผมพูดถึงประเด็นไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ภัทริดา ผมพูดเรื่องนี้มาเมื่อ 2 ปี 9 เดือนที่แล้ว ผมเป็นสื่อมวลชนเพียงคนเดียวในประเทศไทยที่ใช้สัญชาติญาณบวกกับลางสังหรณ์ของตัวเองฟันธงลงไปว่า "แตงโม" เสียชีวิตจากเหตุฆาตกรรมอำพราง เธอไม่ได้ตายเพราะตกน้ำ โดนใบพัดปั่นที่ขา ระหว่างนั่งปัสสาวะที่ท้ายเรือแต่อย่างใด . ผมได้กลิ่นความไม่ชอบมาพากลคล้ายๆกันคดีบอส อยู่วิทยา คือ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ในเวลานั้น ออกแอกชันลงมาควบคุมการสอบสวนด้วยตัวเอง แม้แตงโมจะเป็นดาราดัง เป็นคดีที่ประชาชนให้ความสนใจ แต่ผมได้กลิ่นตุๆ อย่างผิดวิสัย ว่าทำไมระดับ ผบ.ตร. ถึงลงมาทำคดีนี้ด้วยตัวเอง ตำรวจระดับล่างทำไม่ได้หรือ เพราะถ้าคุณมั่นใจว่าเป็นเรื่องคนตกน้ำตาย . วันนี้ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตศัลยแพทย์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หอบเอกสารหลักฐานชิ้นใหญ่หลายอย่างที่ได้มาจากการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ การหาข้อมูลเชิงเทคนิคตามหลักวิทยาศาสตร์ เอาเข้ามาให้กับอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ กับทีมงาน "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ช่วยพิจารณา เพื่อยืนยันว่าลางสังหรณ์จากสัญชาติญาณของผมมันเป็นความจริง . แต่ที่ผมพูดวันนี้ ผมพูดจากคำพิพากษาของศาลยกฟ้องคดีหมิ่นประมาทที่ตำรวจ 21 นายฟ้องคุณอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ว่า การสืบสวนสอบสวนของตำรวจนั้น พยานหลักฐานการตายล้วนมีเงื่อนงำและมีพิรุธมากมาย นี่ผมไม่ได้เขียนเองหรือพูดเองนะ เป็นข้อความที่ระบุในคำพิพากษาศาลจริงๆ . ทำไมศาลจึงให้เหตุผลในคำพิพากษายกฟ้องนายอัจฉริยะ กับพวก แบบนี้ ? หลายๆ คนคงอยากรู้แล้วใช่ไหม เอาเป็นว่าคดีแตงโมนั้นมีพิรุธ มีเงื่อนงำอยู่มากมาย อยากรู้ต้องไปติดตามอาจารย์ปานเทพ อาจารย์ยิปมันของผม แห่งบ้านพระอาทิตย์ สัปดาห์หน้าน่าจะมีคำพูดใหม่ๆ เพียบ ที่คุณไม่เคยรับรู้มาก่อน
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 741 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุนัขเห่ากรรโชก วลีจาก <หาญท้าชะตาฟ้าฯ ภาค2> สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์ <หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร ภาค 2> คงจำได้ว่าเหล่าขุนนางจากสำนักผู้ตรวจการได้ร้องเรียนฟ่านเสียนว่ารับเงินสินบน และฟ่านเสียนมีปฏิกิริยาตอบกลับคือ ส่งภาพอักษรสี่ตัวให้กับสำนักผู้ตรวจการ ทำให้พวกเขายิ่งโกรธแค้นกระเหี้ยนกระหือรือจะเอาผิดฟ่านเสียนให้ได้ อักษรสี่ตัวนี้คือ ‘อิ๋นอิ๋นขวางเฟ่ย’ (狺狺狂吠) ในซีรีส์พากย์ไทยแปลว่า ‘สุนัขเห่าโฮ่งๆ’ วลีนี้แปลว่าสุนัขเห่า แต่เพราะมีคำว่า ‘ขวาง’ ซึ่งแปลว่าบ้าคลั่ง มันจึงไม่ใช่สุนัขเห่าธรรมดา แต่เป็นการเห่าแบบกรรโชกแบบบ้าคลั่ง แต่ที่ดูแปลกตาสำหรับ Storyฯ คืออักษร ‘อิ๋น’ จึงลองไปหาข้อมูลดูพบว่ามันเป็นคำที่แทบไม่ค่อยเห็นในปัจจุบัน ‘อิ๋น’ มีที่มาจากบทกวีจีนโบราณที่มีชื่อว่า ‘จิ่วเปี้ยน’ (九辩 แปลได้ประมาณว่า คำถก 9 หัวข้อ) ซึ่งเป็นผลงานของซ่งอวี้ (宋玉) นักประพันธ์และขุนนางจากแคว้นฉู่ในสมัยจ้านกั๋วหรือยุครณรัฐ (มีชีวิตอยู่ช่วงปี 298-222 ก่อนคริสตกาล) เป็นบทร้อยกรองยาวกว่าสองร้อยห้าสิบวรรค เขียนขึ้นเมื่อปีที่เขาถูกปลดออกจากราชการตอนอายุห้าสิบปี เป็นวัยที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน บทกวีนี้จึงสะท้อนความรู้สึกหลากหลายโดยมีหัวข้อหลักคือความโศกเศร้าในสารทฤดู ถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบและเป็นหนึ่งในสุดยอดบทกวีภายใต้หัวข้อนี้เพราะสามารถชวนให้ผู้อ่านจินตนาการและมีอารมณ์ร่วมได้อย่างดีเลิศ(หมายเหตุ บทกวี ‘เติงเกา’ จากตู้ฝู่ซึ่งเป็นสุดยอดกลอนเจ็ดที่เอ่ยถึงในภาคแรกเป็นอีกหนึ่งในสุดยอดบทกวีภายใต้หัวข้อเดียวกันนี้ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/973244118137214)‘จิ่วเปี้ยน’ เปิดฉากมาด้วยการบรรยายความงามของฤดูใบไม้ร่วงที่ให้ความรู้สึกโศกเศร้า สะท้อนถึงความโดดเดี่ยวของคนที่ตกยากไร้ทรัพย์สินเงินทอง จากนั้นกล่าวถึงสตรีที่รักแล้วผิดหวังถูกทอดทิ้งสลับกับฉากเศร้าๆ ของสารทฤดูที่สะท้อนถึงอารมณ์ของนาง และวลีหมาเห่ากรรโชก ‘อิ๋นอิ๋นขวางเฟ่ย’ นี้มาจากฉากที่เล่าว่าสตรีผู้นี้พยายามจะเข้าไปหาคนรักแต่ถูกหมาเห่าขัดขวางไว้ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านประตูไปได้ แต่จริงๆ แล้วฉากข้างต้นเป็นการอุปมาอุปไมยถึงคนที่พยายามเข้าหาแต่ไม่เป็นที่ต้องการ เพราะฉากถัดมากล่าวถึงคนที่พยายามทำตัวเป็นประโยชน์ ดุจขุนนางที่ต้องการรับใช้งานราชสำนัก แต่กลับไร้ซึ่งโอกาส ถูกกีดกันจากรอบด้าน ในขณะที่อำนาจตกไปอยู่ในมือที่ไม่สะอาดจนสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเมือง เป็นความโศกเศร้าของคนที่รู้สึกว่าตัวตนหายไปพร้อมกับโอกาสในชีวิตที่หายไปแล้ว ดังนั้น บทร้อยกรองนี้จึงเป็นการพัฒนาเนื้อหาอย่างต่อเนื่องจากความสดใสของธรรมชาติที่สูญหาย (lost nature) ไปสู่รักที่สูญหาย (lost love) ไปสู่ความเป็นตัวตนที่สูญหาย (lost man)ผลงานของซ่งอวี้ได้รับอิทธิพลจากกวีรุ่นก่อนคือชวีหยวน (屈原) บ้างว่าเขาเป็นศิษย์ของชวีหยวน ผลงานของพวกเขาถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบของสไตล์ที่เรียกว่าจินตนิยมในวรรณกรรมจีนโบราณ กล่าวคือ ใช้การบรรยายธรรมชาติหรือวิถีชีวิตคนธรรมดาเร้าอารมณ์ และในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงหลักความคิดหรืออุดมคติบางอย่าง แต่ ‘อิ๋นอิ๋นขวางเฟ่ย’ เดิมเป็นเพียงการบรรยายถึงอาการเห่าอย่างบ้าคลั่งของสุนัข ไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝง มันถูกใช้เปรียบเปรยถึงคนในเชิงดูแคลนตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ปรากฏแน่ชัด แต่การใช้วลีนี้ในลักษณะด่าคนนี้มีตัวอย่างให้เห็นในซีรีส์ ‘สามก๊ก’ เวอร์ชั่นปี 1994 ในตอนที่ขงเบ้งด่าหวางหลาง (อองลอง) จนกระอักเลือดตาย โดยคำด่าเต็มๆ กล่าวไว้ประมาณว่า อองลองทำตัวเป็นบ่าวสองนายไม่มีผลงานใดๆ ในชีวิต ยังจะมีหน้ามาว่ากล่าวตักเตือนคน ช่างทำตัวเป็นเสมือนสุนัขขี้เรื้อนเห่ากรรโชกได้อย่างไร้ยางอายปัจจุบัน ‘อิ๋นอิ๋นขวางเฟ่ย’ ใช้เปรียบเปรยถึงคนที่โวยวายเสียงดังแต่ไร้สาระ ประหนึ่งสุนัขที่สักแต่จะเห่าไปอย่างนั้น ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด จึงไม่แปลกที่ในเรื่อง <หาญท้าชะตาฟ้าฯ ภาค2> นี้ คนจากสำนักผู้ตรวจการจึงโกรธฟ่านเสียนมากมาย(ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://weibo.com/6356014463/OhILTDU5d Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:https://baike.baidu.com/item/九辩/2482251 https://baike.baidu.com/item/宋玉/72945 https://www.ruanyifeng.com/blog/2006/02/post_174.html https://chuci.5000yan.com/jiubian/ #หาญท้าชะตาฟ้า #สุนัขเห่า #ซ่งอวี้ #จิ่วเปี้ยน #ฉู่ฉือ
    สุนัขเห่ากรรโชก วลีจาก <หาญท้าชะตาฟ้าฯ ภาค2> สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์ <หาญท้าชะตาฟ้า ปริศนายุทธจักร ภาค 2> คงจำได้ว่าเหล่าขุนนางจากสำนักผู้ตรวจการได้ร้องเรียนฟ่านเสียนว่ารับเงินสินบน และฟ่านเสียนมีปฏิกิริยาตอบกลับคือ ส่งภาพอักษรสี่ตัวให้กับสำนักผู้ตรวจการ ทำให้พวกเขายิ่งโกรธแค้นกระเหี้ยนกระหือรือจะเอาผิดฟ่านเสียนให้ได้ อักษรสี่ตัวนี้คือ ‘อิ๋นอิ๋นขวางเฟ่ย’ (狺狺狂吠) ในซีรีส์พากย์ไทยแปลว่า ‘สุนัขเห่าโฮ่งๆ’ วลีนี้แปลว่าสุนัขเห่า แต่เพราะมีคำว่า ‘ขวาง’ ซึ่งแปลว่าบ้าคลั่ง มันจึงไม่ใช่สุนัขเห่าธรรมดา แต่เป็นการเห่าแบบกรรโชกแบบบ้าคลั่ง แต่ที่ดูแปลกตาสำหรับ Storyฯ คืออักษร ‘อิ๋น’ จึงลองไปหาข้อมูลดูพบว่ามันเป็นคำที่แทบไม่ค่อยเห็นในปัจจุบัน ‘อิ๋น’ มีที่มาจากบทกวีจีนโบราณที่มีชื่อว่า ‘จิ่วเปี้ยน’ (九辩 แปลได้ประมาณว่า คำถก 9 หัวข้อ) ซึ่งเป็นผลงานของซ่งอวี้ (宋玉) นักประพันธ์และขุนนางจากแคว้นฉู่ในสมัยจ้านกั๋วหรือยุครณรัฐ (มีชีวิตอยู่ช่วงปี 298-222 ก่อนคริสตกาล) เป็นบทร้อยกรองยาวกว่าสองร้อยห้าสิบวรรค เขียนขึ้นเมื่อปีที่เขาถูกปลดออกจากราชการตอนอายุห้าสิบปี เป็นวัยที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน บทกวีนี้จึงสะท้อนความรู้สึกหลากหลายโดยมีหัวข้อหลักคือความโศกเศร้าในสารทฤดู ถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบและเป็นหนึ่งในสุดยอดบทกวีภายใต้หัวข้อนี้เพราะสามารถชวนให้ผู้อ่านจินตนาการและมีอารมณ์ร่วมได้อย่างดีเลิศ(หมายเหตุ บทกวี ‘เติงเกา’ จากตู้ฝู่ซึ่งเป็นสุดยอดกลอนเจ็ดที่เอ่ยถึงในภาคแรกเป็นอีกหนึ่งในสุดยอดบทกวีภายใต้หัวข้อเดียวกันนี้ https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/973244118137214)‘จิ่วเปี้ยน’ เปิดฉากมาด้วยการบรรยายความงามของฤดูใบไม้ร่วงที่ให้ความรู้สึกโศกเศร้า สะท้อนถึงความโดดเดี่ยวของคนที่ตกยากไร้ทรัพย์สินเงินทอง จากนั้นกล่าวถึงสตรีที่รักแล้วผิดหวังถูกทอดทิ้งสลับกับฉากเศร้าๆ ของสารทฤดูที่สะท้อนถึงอารมณ์ของนาง และวลีหมาเห่ากรรโชก ‘อิ๋นอิ๋นขวางเฟ่ย’ นี้มาจากฉากที่เล่าว่าสตรีผู้นี้พยายามจะเข้าไปหาคนรักแต่ถูกหมาเห่าขัดขวางไว้ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านประตูไปได้ แต่จริงๆ แล้วฉากข้างต้นเป็นการอุปมาอุปไมยถึงคนที่พยายามเข้าหาแต่ไม่เป็นที่ต้องการ เพราะฉากถัดมากล่าวถึงคนที่พยายามทำตัวเป็นประโยชน์ ดุจขุนนางที่ต้องการรับใช้งานราชสำนัก แต่กลับไร้ซึ่งโอกาส ถูกกีดกันจากรอบด้าน ในขณะที่อำนาจตกไปอยู่ในมือที่ไม่สะอาดจนสร้างความเสียหายให้แก่บ้านเมือง เป็นความโศกเศร้าของคนที่รู้สึกว่าตัวตนหายไปพร้อมกับโอกาสในชีวิตที่หายไปแล้ว ดังนั้น บทร้อยกรองนี้จึงเป็นการพัฒนาเนื้อหาอย่างต่อเนื่องจากความสดใสของธรรมชาติที่สูญหาย (lost nature) ไปสู่รักที่สูญหาย (lost love) ไปสู่ความเป็นตัวตนที่สูญหาย (lost man)ผลงานของซ่งอวี้ได้รับอิทธิพลจากกวีรุ่นก่อนคือชวีหยวน (屈原) บ้างว่าเขาเป็นศิษย์ของชวีหยวน ผลงานของพวกเขาถูกยกย่องให้เป็นต้นแบบของสไตล์ที่เรียกว่าจินตนิยมในวรรณกรรมจีนโบราณ กล่าวคือ ใช้การบรรยายธรรมชาติหรือวิถีชีวิตคนธรรมดาเร้าอารมณ์ และในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงหลักความคิดหรืออุดมคติบางอย่าง แต่ ‘อิ๋นอิ๋นขวางเฟ่ย’ เดิมเป็นเพียงการบรรยายถึงอาการเห่าอย่างบ้าคลั่งของสุนัข ไม่ได้มีความหมายอื่นแอบแฝง มันถูกใช้เปรียบเปรยถึงคนในเชิงดูแคลนตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ปรากฏแน่ชัด แต่การใช้วลีนี้ในลักษณะด่าคนนี้มีตัวอย่างให้เห็นในซีรีส์ ‘สามก๊ก’ เวอร์ชั่นปี 1994 ในตอนที่ขงเบ้งด่าหวางหลาง (อองลอง) จนกระอักเลือดตาย โดยคำด่าเต็มๆ กล่าวไว้ประมาณว่า อองลองทำตัวเป็นบ่าวสองนายไม่มีผลงานใดๆ ในชีวิต ยังจะมีหน้ามาว่ากล่าวตักเตือนคน ช่างทำตัวเป็นเสมือนสุนัขขี้เรื้อนเห่ากรรโชกได้อย่างไร้ยางอายปัจจุบัน ‘อิ๋นอิ๋นขวางเฟ่ย’ ใช้เปรียบเปรยถึงคนที่โวยวายเสียงดังแต่ไร้สาระ ประหนึ่งสุนัขที่สักแต่จะเห่าไปอย่างนั้น ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อันใด จึงไม่แปลกที่ในเรื่อง <หาญท้าชะตาฟ้าฯ ภาค2> นี้ คนจากสำนักผู้ตรวจการจึงโกรธฟ่านเสียนมากมาย(ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://weibo.com/6356014463/OhILTDU5d Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:https://baike.baidu.com/item/九辩/2482251 https://baike.baidu.com/item/宋玉/72945 https://www.ruanyifeng.com/blog/2006/02/post_174.html https://chuci.5000yan.com/jiubian/ #หาญท้าชะตาฟ้า #สุนัขเห่า #ซ่งอวี้ #จิ่วเปี้ยน #ฉู่ฉือ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 504 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นิทานคิงส์ยามเช้า
    อรุณสแวส เอ้ย อรุณสวัสยามเช้า มิตรรักแฟนเพจคิงส์
    วันนี้ พี่คิงส์มีนิทานสอนใจ ที่อยากมาเล่าให้คติ และสติสอนใจ
    เป็นเรื่องของคนผู้เป็นท็อกสิค ที่ปะปนและปกปิดอย่างแนบเนียน
    เป็นคนประเภทต้องห้ามที่ไม่ควรเอาไว้ใกล้ตัว
    มิเช่นนั้น ความบันเทิงจะเกิด
    - กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้
    มีแม่มดตนหนึ่ง หน้าเหมือนปู ซึ่งพี่คิงส์จิเรียกตัวละครนี้ว่า อิปู นะคับนะ
    ไม่มีความเกี่ยวข้องกับใครในโลกแห่งความจริง เป็นเพียงตัวละคนในนิทาน
    - อิปู เดิมทีก็กักเก็บความซั่วได้อย่างดี เรียกว่าตบตาคนได้ทั้งแคว้น เดิมทีปูเป็นคนโนเนม แต่เป็นคนที่ทะเยอทะยานสูง อยากเป็นคนดัง อยากเป็นคนมีชื่อเสียง จึงใช้วิธีในการรับเป็นผู้ดูแลจอมยุทธ และแม่นางทั่วยุทธภพ
    - เดิมที อาชีพดูแลจอมยุทธและแม่นาง ไม่ได้ผิด ผิดที่อิปู หรือแม่มดหน้าปู แอบซ่อนเร้นความอิจฉาไว้ในใจ จึงรอเพียงโอกาสที่จะได้เฉิดฉาย
    - และในที่สุด ก็ได้เข้ามาแทรกในครอบครัวจอมยุทธท่านหนึ่ง ชื่อชีลา ที่เป็นที่หมายปองของบรรดาแม่นางมากมายในแว่นแคว้นนี้ อิปู ก็ดูเหมือนทำหน้าที่ได้อย่างดีมาหลายปี ได้รับความรักความเมตตาจากทั้งมารดาจอมยุช ชีลา เป็นอย่างดี รวมถึงพี่ๆน้องจอมยุทธ์ทั้ง 4 ด้วยเช่นเดียวกัน
    - แต่ในขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร จอมยุทธชีลา ไปพบรักกับแม่นาง นางหนึ่ง ที่อยู่ต่างแคว้าน และแม่นางดังกล่าว ขอเรียกชื่อแทนว่า แม่นางเหม็น ซึ่งเราไม่อธิบายถึงรายละเอียดของที่มาของชื่อนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานักท่องนิทาน
    - อิปู ได้เห็นกิจกรรมหนึ่งที่จอมยุทธ์ชีลา และแม่นางเหม็น ทำด้วยกันนั่นคือ กิจกรรม เพคีย์ ซึ่งสามารถกวาดทรัพย์กวาดตำลึงทองจากชาวบ้านได้มากโข แต่ยอมยุทธ์ชีลา เล็งเห็นว่า การทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการใช้ความรักความไว้วางใจความนิยมของชาวแคว้น มาสร้างประโยชน์ให้ตนเองมากเกินไป จึงออกเตือนชาวแคว้นว่า อย่าเปย์ขนาดนั้น และเตือนแม่นางเหม็นว่า อย่าเยอะเกินไป สงสารชาวแคว้น ก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่แตกต่างกัน
    - และนี่แหละ คือปมที่แม่มดหน้าปู เล็งเห็นแล้วว่า ได้เวลาที่จะเริ่มแผนการ โดยการทำตัวเป็นสายให้กับป้านางหนึ่ง ที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นพี่สาวของแม่นางเหม็น การพบกันของแม่มดหน้าปูกับนังป้าถือเป็นนรกลิขิตให้มาเจอจริงๆ
    - ซึ่งแม่มดหน้าปู มักจะใช้วิชาด้านมารในการปล่อยของมูลที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ดีกับจอมยุทธิ์ชีลามาตลอดโดยที่จอมยุทธ์และครอบครัวเองก็ไม่รู้ตัว
    - ซึ่งขณะที่นังแม่มดดูแลจอมยุทธ์ ก็ยังรับดูแลแม่นางอีกหลายคน ซึ่งแม่นางเหล่านั้น ล้วนได้รับสารที่เป็นเชิงลบ ที่แต่งแต้มจากนังแม่มดหน้าปูทั้งสิ้น ชนิดที่ว่า แม้กระทั่งแม่นางที่เคยร่วมยุทธภพกันมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังรู้สึกตีตัวออกห่างจอมยุทธชีลา ซึ่งจอมยุทธ์เองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ว่ามีมารยาวิชาด้านมาร ได้กระทำการเหมือนกับเป็นปลวกที่กัดเซาะชื่อเสียงของตนอยู่ตลอดระยะเวลาหลายปี
    - และเมื่อถึงวันที่จอมยุทธิ์ กับแม่นางเหม็น ได้เลิกรากันไป นังแม่มดคือสารตั้งต้นชั้นดี ที่มีการสร้างข่าวไม่ดีเกี่ยวกับจอมยุทธิ์ขึ้นในแคว้น แต่นังแม่มดหน้าปู กลับไม่เคยออกตัวในการปกป้องชื่อเสียงตามหน้าที่ ทั้งๆที่ได้รับการดูแลจากจอมยุทธ์และครอบครัวมาอย่างดี ช่างเนรคุณ แต่เมื่อใดที่มีข่าวเชิงลบของแม่นางเหม็น นังแม่มดหน้าปูจะรีบออกตัวหาข้อมูลเหมือนสุนัขขี้ประจบนาย ออกมาแถลงทันที
    - ในช่วงเวลาชุลมุนนั้น สังเกตุได้ว่า มักจะมีข่าวหลุดแปลกๆในบ้านของจอมยุทธ ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งข่าวที่ออกมา คือการปั้นแต่งเรื่องราวให้เกิดความเสียหายที่มาจากนังแม่มดหน้าปูนี่แหละ เมื่อป้าจิตเปื่อยรับรู้ ด้วยความอคติจากที่ชีวิตตนเองถูกผัว ผัว เทมา ก็เหมือนจะชัง ผช ทั้งโลก และอยากให้แม่นางเหม็นที่ตนรักมีชีวิตรันทดเหมือนตน จึงนำข้อมูลที่เป็นกากจากแม่มดหน้าปู เอาไปปั่นให้คนเกิดความแตกแยกกันเป็นสองฝั่งทันที ทั้งๆที่ ต่างคน ต่างไป ไม่ควรมีปัญหาใดๆเลย
    - โดยในกลุ่มที่คอยเซาะกร่อนลดทอนชื่อเสียงของจอมยุทธ์ จะมีหลายตัว เริ่มสารตั้งต้นคือ แม่มดหน้าปู นังพึ่ง(ชื่อเต็มพึ่งพา) และนังไพ่ สองพี่น้องที่เป็นผู้ร้ายถ้าในปัจจุบันเราจะเรียกว่ามิจ และป้าเปื่อยจิต แต่จริงๆแล้ว แต่ละตัวก็แอบฟาดฟันกันไม่ได้มีความจริงใจต่อกันหรอก แสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ โดยแม้กระทั่้งแม่นางเหม็นเองก็ไม่รู้หรอกว่า ไม่ใช่แค่จอมยุทธชีลา ที่เป็นเหยี่อ ตัวนางเหม็นเองก็เช่นกัน
    - แต่ที่น่าเสียใจ แต่ห้ามอะไรไม่ได้ก็คือ พี่สาวทั้ง 4 ของจอมยุทธ์เอง ก็ใกล้ชิดกับนังแม่มดปูมากเกินไป จนเกิดความหลงเชื่อนังแม่มดโดยลืมไปว่าที่ผ่านมา น้องชายคือจอมยุทธชีลาต้องเจออะไรบ้างที่ผ่านมา และยังคงหลับตาไม่เชื่อว่า แม่มดปู คือตัวละครตัวร้ายตัวสำคัญ กลับไปร่วมงานร่วมกิจกรรมกันสนุกสนาน สร้างความงุนงงกับชาวเมืองชาวแคว้นอย่างมาก
    - ท่านที่ติดตามนิทานมาถึงตอนนี้ พี่คิงส์ก็อยากจะบอกคนในยุทธภพว่า อย่าไปต่อว่าพี่ๆของจอมยุทธ์เลย เพราะหลายๆคนในแคว้น ก็โดนต้มมาหลายปี เพิ่งจะรู้กันแล้วไฉน พี่ทั้งสี่ของจอมยุทธ์ จะหลงบ้างไม่ได้ ก็ต้องให้เวลาได้พิสูจน์ ว่าคนไหน คือตัวละครตัวร้ายที่ใกล้ตัวที่แท้จริง และแม่มดหน้าปู คือตัวกา ลา กี นี ของแทร่ ใกล้ใคร อิ๊บหายทุกตัว
    - ก็อย่างที่เล่าตั้งแต่ต้นว่า นังแม่มดหน้าปูนี้ ฝันอยากเด่นอยากดัง จริงๆแล้วนางอยากเป็นแม่นางที่ได้รับความนิยมเหมือนแม่นางเหม็นนี่แหละ และเคยไปขอเป็นผู้ดูแลแม่นางเหม็นตอนเลิกกับจอมยุทธิ์ชีลาใหม่ๆ แต่เค้าไม่เอา ตอนนี้ ด้วยความที่อยากมีแสงแต่ตัวเองเป็นแค่ดาวเคราะแคระ จึงต้องดึงพี่ทั้งสี่จอมยุทธ์มาเป็นเครื่องมือ หวังว่าสะสมคนนิยมได้เพียงพอ ค่อยถีบหัวส่งทีหลัง
    - และคนที่ยืนเคียงข้างจอมยุทธ์ชีลาเสมอ คือคุณแม่ของจอมยุทธ์นั่นเอง
    เป็นอย่างไรบ้าง นิทานพี่คิงส์เช้านี้สนุกมั๊ย
    ย้ำอีกทีว่าเป็นแค่นิทาน อย่านำไปโยง ตัวละครไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนจริงๆคนใด สร้างมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #นิทานคิงส์ยามเช้า อรุณสแวส เอ้ย อรุณสวัสยามเช้า มิตรรักแฟนเพจคิงส์ วันนี้ พี่คิงส์มีนิทานสอนใจ ที่อยากมาเล่าให้คติ และสติสอนใจ เป็นเรื่องของคนผู้เป็นท็อกสิค ที่ปะปนและปกปิดอย่างแนบเนียน เป็นคนประเภทต้องห้ามที่ไม่ควรเอาไว้ใกล้ตัว มิเช่นนั้น ความบันเทิงจะเกิด - กาลครั้งหนึ่งไม่นานมานี้ มีแม่มดตนหนึ่ง หน้าเหมือนปู ซึ่งพี่คิงส์จิเรียกตัวละครนี้ว่า อิปู นะคับนะ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับใครในโลกแห่งความจริง เป็นเพียงตัวละคนในนิทาน - อิปู เดิมทีก็กักเก็บความซั่วได้อย่างดี เรียกว่าตบตาคนได้ทั้งแคว้น เดิมทีปูเป็นคนโนเนม แต่เป็นคนที่ทะเยอทะยานสูง อยากเป็นคนดัง อยากเป็นคนมีชื่อเสียง จึงใช้วิธีในการรับเป็นผู้ดูแลจอมยุทธ และแม่นางทั่วยุทธภพ - เดิมที อาชีพดูแลจอมยุทธและแม่นาง ไม่ได้ผิด ผิดที่อิปู หรือแม่มดหน้าปู แอบซ่อนเร้นความอิจฉาไว้ในใจ จึงรอเพียงโอกาสที่จะได้เฉิดฉาย - และในที่สุด ก็ได้เข้ามาแทรกในครอบครัวจอมยุทธท่านหนึ่ง ชื่อชีลา ที่เป็นที่หมายปองของบรรดาแม่นางมากมายในแว่นแคว้นนี้ อิปู ก็ดูเหมือนทำหน้าที่ได้อย่างดีมาหลายปี ได้รับความรักความเมตตาจากทั้งมารดาจอมยุช ชีลา เป็นอย่างดี รวมถึงพี่ๆน้องจอมยุทธ์ทั้ง 4 ด้วยเช่นเดียวกัน - แต่ในขณะที่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร จอมยุทธชีลา ไปพบรักกับแม่นาง นางหนึ่ง ที่อยู่ต่างแคว้าน และแม่นางดังกล่าว ขอเรียกชื่อแทนว่า แม่นางเหม็น ซึ่งเราไม่อธิบายถึงรายละเอียดของที่มาของชื่อนี้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลานักท่องนิทาน - อิปู ได้เห็นกิจกรรมหนึ่งที่จอมยุทธ์ชีลา และแม่นางเหม็น ทำด้วยกันนั่นคือ กิจกรรม เพคีย์ ซึ่งสามารถกวาดทรัพย์กวาดตำลึงทองจากชาวบ้านได้มากโข แต่ยอมยุทธ์ชีลา เล็งเห็นว่า การทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการใช้ความรักความไว้วางใจความนิยมของชาวแคว้น มาสร้างประโยชน์ให้ตนเองมากเกินไป จึงออกเตือนชาวแคว้นว่า อย่าเปย์ขนาดนั้น และเตือนแม่นางเหม็นว่า อย่าเยอะเกินไป สงสารชาวแคว้น ก็ถือว่าเป็นแนวคิดที่แตกต่างกัน - และนี่แหละ คือปมที่แม่มดหน้าปู เล็งเห็นแล้วว่า ได้เวลาที่จะเริ่มแผนการ โดยการทำตัวเป็นสายให้กับป้านางหนึ่ง ที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นพี่สาวของแม่นางเหม็น การพบกันของแม่มดหน้าปูกับนังป้าถือเป็นนรกลิขิตให้มาเจอจริงๆ - ซึ่งแม่มดหน้าปู มักจะใช้วิชาด้านมารในการปล่อยของมูลที่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ดีกับจอมยุทธิ์ชีลามาตลอดโดยที่จอมยุทธ์และครอบครัวเองก็ไม่รู้ตัว - ซึ่งขณะที่นังแม่มดดูแลจอมยุทธ์ ก็ยังรับดูแลแม่นางอีกหลายคน ซึ่งแม่นางเหล่านั้น ล้วนได้รับสารที่เป็นเชิงลบ ที่แต่งแต้มจากนังแม่มดหน้าปูทั้งสิ้น ชนิดที่ว่า แม้กระทั่งแม่นางที่เคยร่วมยุทธภพกันมาตั้งแต่เด็ก ก็ยังรู้สึกตีตัวออกห่างจอมยุทธชีลา ซึ่งจอมยุทธ์เองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน ว่ามีมารยาวิชาด้านมาร ได้กระทำการเหมือนกับเป็นปลวกที่กัดเซาะชื่อเสียงของตนอยู่ตลอดระยะเวลาหลายปี - และเมื่อถึงวันที่จอมยุทธิ์ กับแม่นางเหม็น ได้เลิกรากันไป นังแม่มดคือสารตั้งต้นชั้นดี ที่มีการสร้างข่าวไม่ดีเกี่ยวกับจอมยุทธิ์ขึ้นในแคว้น แต่นังแม่มดหน้าปู กลับไม่เคยออกตัวในการปกป้องชื่อเสียงตามหน้าที่ ทั้งๆที่ได้รับการดูแลจากจอมยุทธ์และครอบครัวมาอย่างดี ช่างเนรคุณ แต่เมื่อใดที่มีข่าวเชิงลบของแม่นางเหม็น นังแม่มดหน้าปูจะรีบออกตัวหาข้อมูลเหมือนสุนัขขี้ประจบนาย ออกมาแถลงทันที - ในช่วงเวลาชุลมุนนั้น สังเกตุได้ว่า มักจะมีข่าวหลุดแปลกๆในบ้านของจอมยุทธ ออกมาเรื่อยๆ ซึ่งข่าวที่ออกมา คือการปั้นแต่งเรื่องราวให้เกิดความเสียหายที่มาจากนังแม่มดหน้าปูนี่แหละ เมื่อป้าจิตเปื่อยรับรู้ ด้วยความอคติจากที่ชีวิตตนเองถูกผัว ผัว เทมา ก็เหมือนจะชัง ผช ทั้งโลก และอยากให้แม่นางเหม็นที่ตนรักมีชีวิตรันทดเหมือนตน จึงนำข้อมูลที่เป็นกากจากแม่มดหน้าปู เอาไปปั่นให้คนเกิดความแตกแยกกันเป็นสองฝั่งทันที ทั้งๆที่ ต่างคน ต่างไป ไม่ควรมีปัญหาใดๆเลย - โดยในกลุ่มที่คอยเซาะกร่อนลดทอนชื่อเสียงของจอมยุทธ์ จะมีหลายตัว เริ่มสารตั้งต้นคือ แม่มดหน้าปู นังพึ่ง(ชื่อเต็มพึ่งพา) และนังไพ่ สองพี่น้องที่เป็นผู้ร้ายถ้าในปัจจุบันเราจะเรียกว่ามิจ และป้าเปื่อยจิต แต่จริงๆแล้ว แต่ละตัวก็แอบฟาดฟันกันไม่ได้มีความจริงใจต่อกันหรอก แสวงหาผลประโยชน์ในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ โดยแม้กระทั่้งแม่นางเหม็นเองก็ไม่รู้หรอกว่า ไม่ใช่แค่จอมยุทธชีลา ที่เป็นเหยี่อ ตัวนางเหม็นเองก็เช่นกัน - แต่ที่น่าเสียใจ แต่ห้ามอะไรไม่ได้ก็คือ พี่สาวทั้ง 4 ของจอมยุทธ์เอง ก็ใกล้ชิดกับนังแม่มดปูมากเกินไป จนเกิดความหลงเชื่อนังแม่มดโดยลืมไปว่าที่ผ่านมา น้องชายคือจอมยุทธชีลาต้องเจออะไรบ้างที่ผ่านมา และยังคงหลับตาไม่เชื่อว่า แม่มดปู คือตัวละครตัวร้ายตัวสำคัญ กลับไปร่วมงานร่วมกิจกรรมกันสนุกสนาน สร้างความงุนงงกับชาวเมืองชาวแคว้นอย่างมาก - ท่านที่ติดตามนิทานมาถึงตอนนี้ พี่คิงส์ก็อยากจะบอกคนในยุทธภพว่า อย่าไปต่อว่าพี่ๆของจอมยุทธ์เลย เพราะหลายๆคนในแคว้น ก็โดนต้มมาหลายปี เพิ่งจะรู้กันแล้วไฉน พี่ทั้งสี่ของจอมยุทธ์ จะหลงบ้างไม่ได้ ก็ต้องให้เวลาได้พิสูจน์ ว่าคนไหน คือตัวละครตัวร้ายที่ใกล้ตัวที่แท้จริง และแม่มดหน้าปู คือตัวกา ลา กี นี ของแทร่ ใกล้ใคร อิ๊บหายทุกตัว - ก็อย่างที่เล่าตั้งแต่ต้นว่า นังแม่มดหน้าปูนี้ ฝันอยากเด่นอยากดัง จริงๆแล้วนางอยากเป็นแม่นางที่ได้รับความนิยมเหมือนแม่นางเหม็นนี่แหละ และเคยไปขอเป็นผู้ดูแลแม่นางเหม็นตอนเลิกกับจอมยุทธิ์ชีลาใหม่ๆ แต่เค้าไม่เอา ตอนนี้ ด้วยความที่อยากมีแสงแต่ตัวเองเป็นแค่ดาวเคราะแคระ จึงต้องดึงพี่ทั้งสี่จอมยุทธ์มาเป็นเครื่องมือ หวังว่าสะสมคนนิยมได้เพียงพอ ค่อยถีบหัวส่งทีหลัง - และคนที่ยืนเคียงข้างจอมยุทธ์ชีลาเสมอ คือคุณแม่ของจอมยุทธ์นั่นเอง เป็นอย่างไรบ้าง นิทานพี่คิงส์เช้านี้สนุกมั๊ย ย้ำอีกทีว่าเป็นแค่นิทาน อย่านำไปโยง ตัวละครไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนจริงๆคนใด สร้างมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 712 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เรื่องนี้เพราะวิธีการทำงานชุ่ยจริง
    จากกรณีข่าวดัง เอกสายไหมต้องรอด โดนหมายJAB กรณีนำพยาน TeD
    โดยเรื่องนี้ เอกเองก็รู้ว่าพลาด KADEE ดิไอคอน
    ทั้งๆที่ในเรื่องนี้ ผตห ทุกคนที่เป็นตัวหลักๆ ก็เข้าไปรับกรรมกันประจำในแดนกันแล้ว แต่เหตุไฉน เอก จิตอาสาผู้มีภาพช่วยเหลือคน จึงพลาดได้
    พี่คิงส์ จะมาเฉลยให้อ่านกัน
    - ทั้งนี้ พี่คิงส์ไม่ได้จะตอกย้ำ หรือซ้ำเติมเอก หรือจะบอกว่าเอกเป็นคนไม่ดี แต่พี่คิงส์จะพูดถึงวิธีการทำงานของเอก ที่ชุ่ยมากๆมาตลอด จนมีคนเคยมาร้องเรียนที่เพจคิงส์ อยู่หลายครั้ง
    - วิธีการที่เอกใช้คือ เอกเปิดสำนักงาน โดยมีนักข่าวจากช่องต่างๆมาประจำอยู่ที่สนง. โดย เมื่อใครก็ตามที่มาทำการร้องทุกข์ เอก จะไม่เคยสอบถามคนที่ถูกกล่าวอ้างจากผู้ร้องเรียนเลย ว่าข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร
    - เอก ฟังข้อมูลจากทีมงานที่ซักถามคนร้องเรียนเพียงด้านเดียว และเอกก็จะจัดคิว แถลงข่าวทันที โดยวิธีการนี้ ข่าวดัง ข่าวไว เป็นที่สนใจของผู้คน แต่มันได้สร้างกรรม ให้กับอีกฝ่าย โดยที่ไม่มีโอกาสชี้แจง แต่ข่าวได้ทำให้เกิดความเสียหายไปแล้ว
    - และมีบางกรณี ที่เป็นเรื่องครอบครัวที่มีความละเอียดอ่อน โดยที่คนในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการแถลงที่แสนชุ่ยนั้น ติดต่อไปเพื่อให้เอกแก้ไขปัญหาที่กระจายแพร่ออกไป โดยพร้อมที่จะนำหลักฐานต่างๆมาชี้แจง แต่เอกมักทำตัวตัดสิน เป็นผู้พิพากษากับเคสต่างๆ โดยคิดว่าตัวเองนั้น รู้ดี รู้ลึก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ และเอกก็ไม่เคยคิดแก้ข่าวให้กับคนที่ได้รับผลประทบเลย
    - ดังนั้นเมื่อมีเคสนี้ พี่คิงส์จึงไม่รู้สึกแปลกใจว่ามันต้องเกิดขึ้นซักวัน และรอบนี้ เอกเชื่อผู้ที่มาร้อง โดยไม่เชื่อจากการหาข้อมูลที่แม่นยำ ต่างจากสนธิ ปานเทพ อัจฉริยะ หรือหนุ่มกรรชัย แต่ใช้ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง มั่นใจในตัวเอง ในเซ็นท์ของตัวเองมากกว่า โดยสุดท้าย เอก สายไหมต้องรอด กลับเป็นคนเดียว ที่พลาด ทั้งๆที่ตัวเองมีเจตนาช่วยเหลือ ผสห แต่ผสห ของเอก เป็นของไม่จริง
    - ที่ผ่านมา เอกอาจรอดจากการจัดการจากผู้ได้รับผลกระทบจากการทำงานที่ชุ่ย และคิดว่าคงไม่มีใครจะมาทำอะไร เนื่องจากสิ่งที่เอกทำ มันมีประโยชน์กับสังคม แต่ไม่ใช่กับเหล่าบอส ที่เป็นกลุ่มก้อนมิจ ที่มีความรู้มีความเชี่ยวชาญ ในการปกป้องตัวเองอย่างสูง มีท น า ย ที่พร้อมแกะทุกเม็ดที่ฝ่ายตรงข้ามจะพลาด แล้วเอกก็พลาดจริงๆ
    - เอกรู้ดีว่า รอบนี้ ปัญหาที่เกิด แก้ยาก ซึ่งก็คล้ายเป็นกรรมที่ตามกลับมาที่เอกจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ เสื่อมเสียชื่อเสียงจากความชุ่ยของเอก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ ได้ติดต่อให้เข้ามารับทราบข้อกล่าาาวหา แต่เอกก็ดึงเวลาอ้างไม่ว่า ซึ่งเข้าใจได้ว่า กำลังหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผลที่จะตามมา
    - จนในที่สุด จากหมาาเยเรียก เป็นหมาายจับ
    ถือเป็นบทเรียน ของเอกสายไหมต้องรอด และคนที่อยากจะช่วยเหลือผู้คน ว่าต้องมีความรอบคอบ มากกว่านี้ อย่านำวิธีการแบบเอกมาใช้ ช่วยคน ด้วยการทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย โดยการแถลงข่าวของผู้ร้องเรียนที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง มันดัง มันกลายเป็นข่าว และเป็นดิจิตอลฟรุ๊ตปริ๊น ที่ยังเป็นฝันร้ายของเค้าเหล่านั้นไปอีกนาน
    - ถึงอย่างไร ด้วยความดี ที่เอกทำมา ก็ขอให้รอด ปลอดภัยนะ ไม่เคยคิดซ้ำเติม แค่อยากให้สติ และกำลังใจ เลิกทำงานแบบชุ่ยๆ เสียที
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #เรื่องนี้เพราะวิธีการทำงานชุ่ยจริง จากกรณีข่าวดัง เอกสายไหมต้องรอด โดนหมายJAB กรณีนำพยาน TeD โดยเรื่องนี้ เอกเองก็รู้ว่าพลาด KADEE ดิไอคอน ทั้งๆที่ในเรื่องนี้ ผตห ทุกคนที่เป็นตัวหลักๆ ก็เข้าไปรับกรรมกันประจำในแดนกันแล้ว แต่เหตุไฉน เอก จิตอาสาผู้มีภาพช่วยเหลือคน จึงพลาดได้ พี่คิงส์ จะมาเฉลยให้อ่านกัน - ทั้งนี้ พี่คิงส์ไม่ได้จะตอกย้ำ หรือซ้ำเติมเอก หรือจะบอกว่าเอกเป็นคนไม่ดี แต่พี่คิงส์จะพูดถึงวิธีการทำงานของเอก ที่ชุ่ยมากๆมาตลอด จนมีคนเคยมาร้องเรียนที่เพจคิงส์ อยู่หลายครั้ง - วิธีการที่เอกใช้คือ เอกเปิดสำนักงาน โดยมีนักข่าวจากช่องต่างๆมาประจำอยู่ที่สนง. โดย เมื่อใครก็ตามที่มาทำการร้องทุกข์ เอก จะไม่เคยสอบถามคนที่ถูกกล่าวอ้างจากผู้ร้องเรียนเลย ว่าข้อเท็จจริง เป็นอย่างไร - เอก ฟังข้อมูลจากทีมงานที่ซักถามคนร้องเรียนเพียงด้านเดียว และเอกก็จะจัดคิว แถลงข่าวทันที โดยวิธีการนี้ ข่าวดัง ข่าวไว เป็นที่สนใจของผู้คน แต่มันได้สร้างกรรม ให้กับอีกฝ่าย โดยที่ไม่มีโอกาสชี้แจง แต่ข่าวได้ทำให้เกิดความเสียหายไปแล้ว - และมีบางกรณี ที่เป็นเรื่องครอบครัวที่มีความละเอียดอ่อน โดยที่คนในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากการแถลงที่แสนชุ่ยนั้น ติดต่อไปเพื่อให้เอกแก้ไขปัญหาที่กระจายแพร่ออกไป โดยพร้อมที่จะนำหลักฐานต่างๆมาชี้แจง แต่เอกมักทำตัวตัดสิน เป็นผู้พิพากษากับเคสต่างๆ โดยคิดว่าตัวเองนั้น รู้ดี รู้ลึก ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ และเอกก็ไม่เคยคิดแก้ข่าวให้กับคนที่ได้รับผลประทบเลย - ดังนั้นเมื่อมีเคสนี้ พี่คิงส์จึงไม่รู้สึกแปลกใจว่ามันต้องเกิดขึ้นซักวัน และรอบนี้ เอกเชื่อผู้ที่มาร้อง โดยไม่เชื่อจากการหาข้อมูลที่แม่นยำ ต่างจากสนธิ ปานเทพ อัจฉริยะ หรือหนุ่มกรรชัย แต่ใช้ตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง มั่นใจในตัวเอง ในเซ็นท์ของตัวเองมากกว่า โดยสุดท้าย เอก สายไหมต้องรอด กลับเป็นคนเดียว ที่พลาด ทั้งๆที่ตัวเองมีเจตนาช่วยเหลือ ผสห แต่ผสห ของเอก เป็นของไม่จริง - ที่ผ่านมา เอกอาจรอดจากการจัดการจากผู้ได้รับผลกระทบจากการทำงานที่ชุ่ย และคิดว่าคงไม่มีใครจะมาทำอะไร เนื่องจากสิ่งที่เอกทำ มันมีประโยชน์กับสังคม แต่ไม่ใช่กับเหล่าบอส ที่เป็นกลุ่มก้อนมิจ ที่มีความรู้มีความเชี่ยวชาญ ในการปกป้องตัวเองอย่างสูง มีท น า ย ที่พร้อมแกะทุกเม็ดที่ฝ่ายตรงข้ามจะพลาด แล้วเอกก็พลาดจริงๆ - เอกรู้ดีว่า รอบนี้ ปัญหาที่เกิด แก้ยาก ซึ่งก็คล้ายเป็นกรรมที่ตามกลับมาที่เอกจากผู้ที่ได้รับผลกระทบ เสื่อมเสียชื่อเสียงจากความชุ่ยของเอก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ ได้ติดต่อให้เข้ามารับทราบข้อกล่าาาวหา แต่เอกก็ดึงเวลาอ้างไม่ว่า ซึ่งเข้าใจได้ว่า กำลังหาทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผลที่จะตามมา - จนในที่สุด จากหมาาเยเรียก เป็นหมาายจับ ถือเป็นบทเรียน ของเอกสายไหมต้องรอด และคนที่อยากจะช่วยเหลือผู้คน ว่าต้องมีความรอบคอบ มากกว่านี้ อย่านำวิธีการแบบเอกมาใช้ ช่วยคน ด้วยการทำให้ผู้อื่นเสื่อมเสีย โดยการแถลงข่าวของผู้ร้องเรียนที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง มันดัง มันกลายเป็นข่าว และเป็นดิจิตอลฟรุ๊ตปริ๊น ที่ยังเป็นฝันร้ายของเค้าเหล่านั้นไปอีกนาน - ถึงอย่างไร ด้วยความดี ที่เอกทำมา ก็ขอให้รอด ปลอดภัยนะ ไม่เคยคิดซ้ำเติม แค่อยากให้สติ และกำลังใจ เลิกทำงานแบบชุ่ยๆ เสียที #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 606 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัคซีนโควิดปลอดภัยในสตรีตั้งครรภ์จริงหรือ ?   รวบรวมข้อมูลจาก CDC/FDA Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) ตั้งแต่ 1 มกราคม 1990 ถึง 26 เมษายน 2024 เพื่อดูผลข้างเคียง (adverse effect, AE) ของวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์เมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น รวมระยะเวลาทั้งหมด 412 เดือน ยกเว้นวัคซีนโควิดที่เก็บรวบรวมได้แค่ 40 เดือนจาก 412 เดือน (1 ธันวาคม 2020 ถึง 26 เมษายน April 2024) โดยดู proportional reporting ratios (PRR) ตามระยะเวลา เปรียบเทียบ AEs ระหว่างวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์กับวัคซีนชนิดอื่น ในกรณีที่หา PRR ไม่ได้ก็ใช้ Chi-square analysis และ Fisher’s exact tests แทน โดยยึดข้อกำหนดตาม CDC/FDA safety concern คือต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ถ้า PRR ≥ 2 หรือ Chi-square  ≥ 4พบ 37 AE จากการฉีดวัคซีนโควิดในผู้ตั้งครรภ์  ได้แก่ : miscarriage, fetal chromosomal abnormality, fetal malformation, cervical insufficiency, premature rupture of membranes, premature labor, premature delivery, placental calcification, placental infarction, placental thrombosis, placenta accreta, placental abruption, placental insufficiency, placental disorder, fetal maternal hemorrhage, fetal growth restriction, reduced amniotic fluid volume, preeclampsia, fetal heart rate abnormality, fetal cardiac disorder, fetal vascular mal-perfusion, fetal arrhythmia, fetal distress, fetal biophysical profile abnormal, hemorrhage in pregnancy, fetal cardiac arrest, fetal death (stillbirth), premature infant death, neonatal asphyxia, neonatal dyspnea, neonatal infection, neonatal hemorrhage, insufficient breast milk, neonatal pneumonia, neonatal respiratory distress, neonatal respiratory distress syndrome, neonatal seizure. ขออนุญาตไม่แปลเป็นภาษาไทยทั้งหมดเพราะอาจสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลก็สามารถหาคำแปลภาวะต่างๆด้านบนได้ไม่ยากSummary statistics for the deviation from the CDC/FDA safety signals mean (n, range) เป็นดังนี้: PRR 69.3 (46, 5.37 - 499); z statistic 9.64 (46, 3.29 - 27.0); และ Chi-square was 74.7 (26, 28.9 - 148)จะเห็นได้ว่าผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิดในสตรีตั้งครรภ์สูงกว่า safety concern ที่ CDC/FDA กำหนดไว้มากและมีอีก 1 รายงานผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีมีครรภ์จากการรวบรวมเคส 438 รายในประเทศซาอุดิอาระเบีย ช่วง มีค.-พค. 2022 โดยแบ่งกลุ่มศึกษาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม A คือสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว กลุ่ม B คือได้รับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม พบว่ากลุ่ม B มีอัตราการแท้ง น้ำคร่ำน้อย รกผิดปกติ การเจริญเติบโตของทารกผิดปกติ มีปัญหาเรื่องการให้นม ความดันโลหิตสูง อาการอื่นๆทางระบบ เช่น อ่อนเพลียปวดหัวเจ็บหน้าอก การหายใจมีปัญหา มีปัญหาการนอนหลับ มากกว่ากลุ่ม A อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เรียบเรียงโดย นพ.ดร. ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริhttps://www.preprints.org/manuscript/202406.2062/v1 https://journals.sagepub.com/doi/epdf/10.1177/25151355241285594?utm_source=substack&utm_medium=email
    วัคซีนโควิดปลอดภัยในสตรีตั้งครรภ์จริงหรือ ?   รวบรวมข้อมูลจาก CDC/FDA Vaccine Adverse Event Reporting System (VAERS) ตั้งแต่ 1 มกราคม 1990 ถึง 26 เมษายน 2024 เพื่อดูผลข้างเคียง (adverse effect, AE) ของวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์เมื่อเทียบกับวัคซีนชนิดอื่น รวมระยะเวลาทั้งหมด 412 เดือน ยกเว้นวัคซีนโควิดที่เก็บรวบรวมได้แค่ 40 เดือนจาก 412 เดือน (1 ธันวาคม 2020 ถึง 26 เมษายน April 2024) โดยดู proportional reporting ratios (PRR) ตามระยะเวลา เปรียบเทียบ AEs ระหว่างวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีตั้งครรภ์กับวัคซีนชนิดอื่น ในกรณีที่หา PRR ไม่ได้ก็ใช้ Chi-square analysis และ Fisher’s exact tests แทน โดยยึดข้อกำหนดตาม CDC/FDA safety concern คือต้องระวังเรื่องความปลอดภัย ถ้า PRR ≥ 2 หรือ Chi-square  ≥ 4พบ 37 AE จากการฉีดวัคซีนโควิดในผู้ตั้งครรภ์  ได้แก่ : miscarriage, fetal chromosomal abnormality, fetal malformation, cervical insufficiency, premature rupture of membranes, premature labor, premature delivery, placental calcification, placental infarction, placental thrombosis, placenta accreta, placental abruption, placental insufficiency, placental disorder, fetal maternal hemorrhage, fetal growth restriction, reduced amniotic fluid volume, preeclampsia, fetal heart rate abnormality, fetal cardiac disorder, fetal vascular mal-perfusion, fetal arrhythmia, fetal distress, fetal biophysical profile abnormal, hemorrhage in pregnancy, fetal cardiac arrest, fetal death (stillbirth), premature infant death, neonatal asphyxia, neonatal dyspnea, neonatal infection, neonatal hemorrhage, insufficient breast milk, neonatal pneumonia, neonatal respiratory distress, neonatal respiratory distress syndrome, neonatal seizure. ขออนุญาตไม่แปลเป็นภาษาไทยทั้งหมดเพราะอาจสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน แต่สำหรับผู้ที่สนใจหาข้อมูลก็สามารถหาคำแปลภาวะต่างๆด้านบนได้ไม่ยากSummary statistics for the deviation from the CDC/FDA safety signals mean (n, range) เป็นดังนี้: PRR 69.3 (46, 5.37 - 499); z statistic 9.64 (46, 3.29 - 27.0); และ Chi-square was 74.7 (26, 28.9 - 148)จะเห็นได้ว่าผลข้างเคียงจากวัคซีนโควิดในสตรีตั้งครรภ์สูงกว่า safety concern ที่ CDC/FDA กำหนดไว้มากและมีอีก 1 รายงานผลกระทบจากการฉีดวัคซีนโควิดที่มีต่อสตรีมีครรภ์จากการรวบรวมเคส 438 รายในประเทศซาอุดิอาระเบีย ช่วง มีค.-พค. 2022 โดยแบ่งกลุ่มศึกษาเป็น 2 กลุ่ม กลุ่ม A คือสตรีมีครรภ์ที่ไม่ได้รับวัคซีนเลยแม้แต่เข็มเดียว กลุ่ม B คือได้รับวัคซีนโควิดอย่างน้อย 1 เข็ม พบว่ากลุ่ม B มีอัตราการแท้ง น้ำคร่ำน้อย รกผิดปกติ การเจริญเติบโตของทารกผิดปกติ มีปัญหาเรื่องการให้นม ความดันโลหิตสูง อาการอื่นๆทางระบบ เช่น อ่อนเพลียปวดหัวเจ็บหน้าอก การหายใจมีปัญหา มีปัญหาการนอนหลับ มากกว่ากลุ่ม A อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เรียบเรียงโดย นพ.ดร. ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริhttps://www.preprints.org/manuscript/202406.2062/v1 https://journals.sagepub.com/doi/epdf/10.1177/25151355241285594?utm_source=substack&utm_medium=email
    Like
    Love
    21
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1246 มุมมอง 1 รีวิว
  • ❤️ #รีวิว เส้นทาง #คุนหมิง #ต้าหลี่ จากคุณวิชาญนะคะ❤️ เมื่อวันที่ 9-14 พ.ย. 67 ที่ผ่านมานะคะ📍
    ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com
    แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘

    "แนวคิดท่องเที่ยวแบบผมคือ ประเทศจีนไม่ใช่ปากซอย แล้วว่าถ้าตอนเช้าลืมตอนบ่ายก็เดินกลับใหม่ไปได้ ดังนั้นก่อนจะเลือกสถานที่ท่องเที่ยวหรือทัวร์ต่างๆผมจะหาข้อมูลอย่างค่อนข้างละเอียดรอบคอบเพราะถ้าไปผิดเวลาสถานที่หรือบุคคลอาจจะทำให้การท่องเที่ยวครั้งนั้นไม่เป็นที่น่าพอใจได้ เมื่อมาเที่ยวกับบริษัท #Etravelway ทำให้ผมรู้สึกว่าพาเที่ยวได้อย่างถูกทั้งบุคคล สถานที่ และเวลา นั่นหมายถึงบริษัทต้องมีหัวหน้าไกด์และไกด์ท้องถิ่นที่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการเวลาและทำให้การท่องเที่ยวไหลลื่นไปได้ถูกเวลาและสถานที่ ตัวอย่างของหัวหน้าไกด์และไกด์ท้องถิ่นที่ทำให้ประทับใจมีหลากหลายเรื่องมากๆครับ รวมถึงรายละเอียดต่างๆในการบริหารจัดการเวลาเช่น ภูเขาหิมะมังกรหยกเราต้องตื่นเช้านิดนึงแล้วอย่าเพิ่งเข้าห้องน้ำก่อนเพราะถ้าไปช้าแค่ 2-3 นาทีอาจจะต้องต่อคิวยาวมากอาจจะไม่ทันถ่ายรูปภูเขาที่ยอดเขาเป็นสีเหลืองทองของแสงอาทิตย์ตามรูปที่ส่งมาด้วยซึ่งก็มีหลายบริษัททัวร์ที่ถ่ายรูปไม่ทัน รวมถึงเกร็ดประวัติศาสตร์วัฒนธรรมการศึกษาเศรษฐกิจที่ไกด์ท้องถิ่นได้สอดแทรกความรู้และยังมีมุกตลกขำขันให้เราได้แก้ง่วงระหว่างนั่งรถด้วยอย่างเช่นเรื่องของก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพานเรื่องของการเรียกหญิงสาวในแต่ละเมืองที่จะเรียกต่างกันไปเป็นต้น บางเมืองห้ามรถมอเตอร์ไซค์เข้าวงแหวนชั้นในรวมถึงมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับ 1อย่างเช่นชิงหัว ซึ่งอันที่จริงแล้วสถานที่ท่องเที่ยวของทุกๆทัวร์ก็จะคล้ายๆกันแต่คุณภาพในช่วงเวลาที่เหมาะสม หัวหน้าไกด์เป็นช่างภาพที่รู้ตำแหน่ง มุมภาพและเวลาทำให้ทำให้ผมประทับใจมากครับ คราวหน้าก็คงเลือกทัวร์ของบริษัทอีก 
    จบแล้วครับ"

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ❤️ #รีวิว เส้นทาง #คุนหมิง #ต้าหลี่ จากคุณวิชาญนะคะ❤️ เมื่อวันที่ 9-14 พ.ย. 67 ที่ผ่านมานะคะ📍 ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘 "แนวคิดท่องเที่ยวแบบผมคือ ประเทศจีนไม่ใช่ปากซอย แล้วว่าถ้าตอนเช้าลืมตอนบ่ายก็เดินกลับใหม่ไปได้ ดังนั้นก่อนจะเลือกสถานที่ท่องเที่ยวหรือทัวร์ต่างๆผมจะหาข้อมูลอย่างค่อนข้างละเอียดรอบคอบเพราะถ้าไปผิดเวลาสถานที่หรือบุคคลอาจจะทำให้การท่องเที่ยวครั้งนั้นไม่เป็นที่น่าพอใจได้ เมื่อมาเที่ยวกับบริษัท #Etravelway ทำให้ผมรู้สึกว่าพาเที่ยวได้อย่างถูกทั้งบุคคล สถานที่ และเวลา นั่นหมายถึงบริษัทต้องมีหัวหน้าไกด์และไกด์ท้องถิ่นที่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการเวลาและทำให้การท่องเที่ยวไหลลื่นไปได้ถูกเวลาและสถานที่ ตัวอย่างของหัวหน้าไกด์และไกด์ท้องถิ่นที่ทำให้ประทับใจมีหลากหลายเรื่องมากๆครับ รวมถึงรายละเอียดต่างๆในการบริหารจัดการเวลาเช่น ภูเขาหิมะมังกรหยกเราต้องตื่นเช้านิดนึงแล้วอย่าเพิ่งเข้าห้องน้ำก่อนเพราะถ้าไปช้าแค่ 2-3 นาทีอาจจะต้องต่อคิวยาวมากอาจจะไม่ทันถ่ายรูปภูเขาที่ยอดเขาเป็นสีเหลืองทองของแสงอาทิตย์ตามรูปที่ส่งมาด้วยซึ่งก็มีหลายบริษัททัวร์ที่ถ่ายรูปไม่ทัน รวมถึงเกร็ดประวัติศาสตร์วัฒนธรรมการศึกษาเศรษฐกิจที่ไกด์ท้องถิ่นได้สอดแทรกความรู้และยังมีมุกตลกขำขันให้เราได้แก้ง่วงระหว่างนั่งรถด้วยอย่างเช่นเรื่องของก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพานเรื่องของการเรียกหญิงสาวในแต่ละเมืองที่จะเรียกต่างกันไปเป็นต้น บางเมืองห้ามรถมอเตอร์ไซค์เข้าวงแหวนชั้นในรวมถึงมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับ 1อย่างเช่นชิงหัว ซึ่งอันที่จริงแล้วสถานที่ท่องเที่ยวของทุกๆทัวร์ก็จะคล้ายๆกันแต่คุณภาพในช่วงเวลาที่เหมาะสม หัวหน้าไกด์เป็นช่างภาพที่รู้ตำแหน่ง มุมภาพและเวลาทำให้ทำให้ผมประทับใจมากครับ คราวหน้าก็คงเลือกทัวร์ของบริษัทอีก  จบแล้วครับ" ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1029 มุมมอง 0 รีวิว
  • ❤️ #รีวิว เส้นทาง #คุนหมิง #ต้าหลี่ จากคุณวิชาญนะคะ❤️ เมื่อวันที่ 9-14 พ.ย. 67 ที่ผ่านมานะคะ📍
    ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com
    แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘

    "แนวคิดท่องเที่ยวแบบผมคือ ประเทศจีนไม่ใช่ปากซอย แล้วว่าถ้าตอนเช้าลืมตอนบ่ายก็เดินกลับใหม่ไปได้ ดังนั้นก่อนจะเลือกสถานที่ท่องเที่ยวหรือทัวร์ต่างๆผมจะหาข้อมูลอย่างค่อนข้างละเอียดรอบคอบเพราะถ้าไปผิดเวลาสถานที่หรือบุคคลอาจจะทำให้การท่องเที่ยวครั้งนั้นไม่เป็นที่น่าพอใจได้ เมื่อมาเที่ยวกับบริษัท #Etravelway ทำให้ผมรู้สึกว่าพาเที่ยวได้อย่างถูกทั้งบุคคล สถานที่ และเวลา นั่นหมายถึงบริษัทต้องมีหัวหน้าไกด์และไกด์ท้องถิ่นที่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการเวลาและทำให้การท่องเที่ยวไหลลื่นไปได้ถูกเวลาและสถานที่ ตัวอย่างของหัวหน้าไกด์และไกด์ท้องถิ่นที่ทำให้ประทับใจมีหลากหลายเรื่องมากๆครับ รวมถึงรายละเอียดต่างๆในการบริหารจัดการเวลาเช่น ภูเขาหิมะมังกรหยกเราต้องตื่นเช้านิดนึงแล้วอย่าเพิ่งเข้าห้องน้ำก่อนเพราะถ้าไปช้าแค่ 2-3 นาทีอาจจะต้องต่อคิวยาวมากอาจจะไม่ทันถ่ายรูปภูเขาที่ยอดเขาเป็นสีเหลืองทองของแสงอาทิตย์ตามรูปที่ส่งมาด้วยซึ่งก็มีหลายบริษัททัวร์ที่ถ่ายรูปไม่ทัน รวมถึงเกร็ดประวัติศาสตร์วัฒนธรรมการศึกษาเศรษฐกิจที่ไกด์ท้องถิ่นได้สอดแทรกความรู้และยังมีมุกตลกขำขันให้เราได้แก้ง่วงระหว่างนั่งรถด้วยอย่างเช่นเรื่องของก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพานเรื่องของการเรียกหญิงสาวในแต่ละเมืองที่จะเรียกต่างกันไปเป็นต้น บางเมืองห้ามรถมอเตอร์ไซค์เข้าวงแหวนชั้นในรวมถึงมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับ 1อย่างเช่นชิงหัว ซึ่งอันที่จริงแล้วสถานที่ท่องเที่ยวของทุกๆทัวร์ก็จะคล้ายๆกันแต่คุณภาพในช่วงเวลาที่เหมาะสม หัวหน้าไกด์เป็นช่างภาพที่รู้ตำแหน่ง มุมภาพและเวลาทำให้ทำให้ผมประทับใจมากครับ คราวหน้าก็คงเลือกทัวร์ของบริษัทอีก 
    จบแล้วครับ"

    ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/30a85f

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ❤️ #รีวิว เส้นทาง #คุนหมิง #ต้าหลี่ จากคุณวิชาญนะคะ❤️ เมื่อวันที่ 9-14 พ.ย. 67 ที่ผ่านมานะคะ📍 ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘 "แนวคิดท่องเที่ยวแบบผมคือ ประเทศจีนไม่ใช่ปากซอย แล้วว่าถ้าตอนเช้าลืมตอนบ่ายก็เดินกลับใหม่ไปได้ ดังนั้นก่อนจะเลือกสถานที่ท่องเที่ยวหรือทัวร์ต่างๆผมจะหาข้อมูลอย่างค่อนข้างละเอียดรอบคอบเพราะถ้าไปผิดเวลาสถานที่หรือบุคคลอาจจะทำให้การท่องเที่ยวครั้งนั้นไม่เป็นที่น่าพอใจได้ เมื่อมาเที่ยวกับบริษัท #Etravelway ทำให้ผมรู้สึกว่าพาเที่ยวได้อย่างถูกทั้งบุคคล สถานที่ และเวลา นั่นหมายถึงบริษัทต้องมีหัวหน้าไกด์และไกด์ท้องถิ่นที่มีประสบการณ์ในการบริหารจัดการเวลาและทำให้การท่องเที่ยวไหลลื่นไปได้ถูกเวลาและสถานที่ ตัวอย่างของหัวหน้าไกด์และไกด์ท้องถิ่นที่ทำให้ประทับใจมีหลากหลายเรื่องมากๆครับ รวมถึงรายละเอียดต่างๆในการบริหารจัดการเวลาเช่น ภูเขาหิมะมังกรหยกเราต้องตื่นเช้านิดนึงแล้วอย่าเพิ่งเข้าห้องน้ำก่อนเพราะถ้าไปช้าแค่ 2-3 นาทีอาจจะต้องต่อคิวยาวมากอาจจะไม่ทันถ่ายรูปภูเขาที่ยอดเขาเป็นสีเหลืองทองของแสงอาทิตย์ตามรูปที่ส่งมาด้วยซึ่งก็มีหลายบริษัททัวร์ที่ถ่ายรูปไม่ทัน รวมถึงเกร็ดประวัติศาสตร์วัฒนธรรมการศึกษาเศรษฐกิจที่ไกด์ท้องถิ่นได้สอดแทรกความรู้และยังมีมุกตลกขำขันให้เราได้แก้ง่วงระหว่างนั่งรถด้วยอย่างเช่นเรื่องของก๋วยเตี๋ยวข้ามสะพานเรื่องของการเรียกหญิงสาวในแต่ละเมืองที่จะเรียกต่างกันไปเป็นต้น บางเมืองห้ามรถมอเตอร์ไซค์เข้าวงแหวนชั้นในรวมถึงมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงอันดับ 1อย่างเช่นชิงหัว ซึ่งอันที่จริงแล้วสถานที่ท่องเที่ยวของทุกๆทัวร์ก็จะคล้ายๆกันแต่คุณภาพในช่วงเวลาที่เหมาะสม หัวหน้าไกด์เป็นช่างภาพที่รู้ตำแหน่ง มุมภาพและเวลาทำให้ทำให้ผมประทับใจมากครับ คราวหน้าก็คงเลือกทัวร์ของบริษัทอีก  จบแล้วครับ" ดูทัวร์จีนทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/30a85f LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์จีน #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1008 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สุดยอดวีรกรรมที่ผสหต้องรู้
    #สองพี่น้องผู้ซัพพอตสาวแดนอุนจิ
    ใครปกป้องสองพี่น้องนี้ เมิงต้องรู้ข้อมูลนี้
    นอกเหนือจากกรณีช่อโกงง บุคคลที่มีจำนวนมหาศาล
    กับเพื่อน และคนใกล้ตัว มันสองตัวก็ไม่เคยละเว้น
    คาดีเป็นหางว่าว แม้กระทั่ง กับแน๊นมันก็เอา
    พี่คิงส์จะเล่าเรื่องโดยเรียก 2 ผ.นี้ว่า บี 1 เป็นพี่ บี 2 เป็นน้องละกัน
    เอาที่บี 2 ก่อน อีนี่เปย์ของขวัญให้สาวอุนจิหนักฉัดๆ แต่เบื้องหลังกรวง
    เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากที่ตุ๋นคนจนเค้ารู้กันทั่ว ยกเว้นทุยที่เชียร์อย่างไม่ลืมหูลืมตา ใครซัพพอตสาวอุนจิ คือพวกกรรรู ไอ่ฟาย
    พอ บี2 หมดปังญา ไม่รู้จะหาเงินมาจากไหนเพื่อวิ่งเต้น
    เกิดอาการหน้ามืด อาจจะได้รับคำแนะนำ จากอีป้าสายเทาเข้าวัด
    ชื่อ ยาย ม. หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะมันมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้
    บี 2 ณ เวลานั้นมีกระแสเงินจากการที่ผู้คนหลงเชื่อ โอนมาจองของ
    แต่ของน่ะ ไม่มีอยู่จริงหรอก ไอ่เงินที่ตุ๋น ลค ก็ไม่รู้เอาไปไหน หรือเพราะต้องปิดหนี้ให้ผัวเก่า ที่ติดเว็บออนไลน์ไม่รู้ จึงเกิดอุบายใหม่ขึ้น
    นั่นคือ ไปถอยเบนลี โดยไม่ต้องวางดาว ทำราคาเผื่อให้เหลือใช้
    ยังไม่พอ คนใกล้ชิดหรือเด็กในคาถาของ ยาย ม. คนวัยใกล้เลข 7 ก็รับจำนำเบนลี จาก บี 2 ต่อ โดยบี 2 บอกว่า ให้มา 1.5 ล เอารถไปเลย
    พูดง่ายๆ ซื้อรถแต่ไม่ได้อยากได้รถ แต่มีเจตนาเอาไปจำนำ สุดทรีีนมั๊ยอีนี่
    ดังนั้น บี 2 จึงไม่ได้ผ่อนแน้นเลย แม้แต่รอบเดียว เอาหละสิเกิดไรขึ้นต่อ
    สาวกคนสนิท ยาย ม. เอารถไปขึ้นเหนือ หวังว่าจะปล่อยข้ามแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน แต่ด้วยความที่รถราคามันแรงตามความหรู ตั้งไว้ 2 ล ก็ยังไม่มีคนเอา ช่างบังเอิญ แน้นตามไปเจอซะก่อน
    ส่วนบี 2 ก็เลยโดน KAdee Yadyog ซัพ โดยบี 2 ตีเช็คไว้ให้แน้น แต่แล้ว ก็เด้งแล้วเด้งอีก จึงเป็นที่มา ที่ต้นสัปดาห์ ก่อนนางบินไปแดนอุนจิเมื่อวาน ต้องไปขึ้น SAN
    ดังนั้น พี่คิงส์ถึงต้องบอก ผสห ทุกคนว่า ที่ยาย ม. มันป้ายยาหอมทุกวัน อ้างว่าจะรับผิดชอบต่างๆนานา ยาย ม. คนเทาชอบเข้าวัด มันพูดกับคนอื่นแบบนี้มานานแล้ว เพราะถ้าเกิน 3 ปี ผสห จะทำอะไรสองพี่น้องนี้ได้ หมดอายุความ
    เรื่องของยาย ม.ยังมีอีกเยอะ เอาไว้ในตอนต่อๆไปละกัน เพราะเรื่องสองพี่น้องนี้มันยาว แต่อย่างน้อย ผสห จะได้เห็นแล้วว่า การที่ยาย ม. และสองพี่น้องสร้างความหวังว่าจะคืนพวกเธอได้ ขอแค่ให้สองนางได้ปักตระกร้า มันคือเรื่องเพ้อฝัน ได้แค่น้ำลายจากยาย วัย จะ 70 และจากสอง ผ. เท่านั้นแหละ เพราะถ้ามันได้เงินมา กรรูถามว่า มันจะให้พวกเมิงก่อน หรือมันต้องให้กับแน้นที่ฟ้อง R-Ya มันก่อน มูลที่ต้องชดใช้หลักสิบล้าน
    ดังนั้น พวกเมิงตั้งสติ การจะได้เงินคืนน่ะมีทางเดียว คือเมิงต้อง ดำเนินKadee ใครที่ดำเนินการก่อน เมิงก็สำคัญก่อน เพราะบางคน อีสองพี่น้องต้องหอบเงินที่ซุกไว้มาคืนก่อนพวกเมิงนี่แหละ
    หูยยย เฉพาะบี 2 พี่อ่านเองก็ว่ายาวไปละ เอางี้ เดี๋ยวมาต่อกันในโพสถัดๆไปละกัน อีบี 1 ก็ไม่ธรรมดา แม็คลาเลนเลยพวกเมิง
    สิ่งที่กรรูเล่า พวกเมิงไม่ต้องเชื่อเลยก็ได้ เมิงแค่ไปหาข้อมูลที่ San ทั้งแพ่ง R-Ya ข้อมูล KADEE ที่เป็นชื่อพี่น้อง 2 ผ. นี้ ก็จะขึ้นให้เมิงเห็น
    หลักจากนั้นก็แค่ แหก ตา ดู
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #สุดยอดวีรกรรมที่ผสหต้องรู้ #สองพี่น้องผู้ซัพพอตสาวแดนอุนจิ ใครปกป้องสองพี่น้องนี้ เมิงต้องรู้ข้อมูลนี้ นอกเหนือจากกรณีช่อโกงง บุคคลที่มีจำนวนมหาศาล กับเพื่อน และคนใกล้ตัว มันสองตัวก็ไม่เคยละเว้น คาดีเป็นหางว่าว แม้กระทั่ง กับแน๊นมันก็เอา พี่คิงส์จะเล่าเรื่องโดยเรียก 2 ผ.นี้ว่า บี 1 เป็นพี่ บี 2 เป็นน้องละกัน เอาที่บี 2 ก่อน อีนี่เปย์ของขวัญให้สาวอุนจิหนักฉัดๆ แต่เบื้องหลังกรวง เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากที่ตุ๋นคนจนเค้ารู้กันทั่ว ยกเว้นทุยที่เชียร์อย่างไม่ลืมหูลืมตา ใครซัพพอตสาวอุนจิ คือพวกกรรรู ไอ่ฟาย พอ บี2 หมดปังญา ไม่รู้จะหาเงินมาจากไหนเพื่อวิ่งเต้น เกิดอาการหน้ามืด อาจจะได้รับคำแนะนำ จากอีป้าสายเทาเข้าวัด ชื่อ ยาย ม. หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ เพราะมันมีความเกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ บี 2 ณ เวลานั้นมีกระแสเงินจากการที่ผู้คนหลงเชื่อ โอนมาจองของ แต่ของน่ะ ไม่มีอยู่จริงหรอก ไอ่เงินที่ตุ๋น ลค ก็ไม่รู้เอาไปไหน หรือเพราะต้องปิดหนี้ให้ผัวเก่า ที่ติดเว็บออนไลน์ไม่รู้ จึงเกิดอุบายใหม่ขึ้น นั่นคือ ไปถอยเบนลี โดยไม่ต้องวางดาว ทำราคาเผื่อให้เหลือใช้ ยังไม่พอ คนใกล้ชิดหรือเด็กในคาถาของ ยาย ม. คนวัยใกล้เลข 7 ก็รับจำนำเบนลี จาก บี 2 ต่อ โดยบี 2 บอกว่า ให้มา 1.5 ล เอารถไปเลย พูดง่ายๆ ซื้อรถแต่ไม่ได้อยากได้รถ แต่มีเจตนาเอาไปจำนำ สุดทรีีนมั๊ยอีนี่ ดังนั้น บี 2 จึงไม่ได้ผ่อนแน้นเลย แม้แต่รอบเดียว เอาหละสิเกิดไรขึ้นต่อ สาวกคนสนิท ยาย ม. เอารถไปขึ้นเหนือ หวังว่าจะปล่อยข้ามแดนไปประเทศเพื่อนบ้าน แต่ด้วยความที่รถราคามันแรงตามความหรู ตั้งไว้ 2 ล ก็ยังไม่มีคนเอา ช่างบังเอิญ แน้นตามไปเจอซะก่อน ส่วนบี 2 ก็เลยโดน KAdee Yadyog ซัพ โดยบี 2 ตีเช็คไว้ให้แน้น แต่แล้ว ก็เด้งแล้วเด้งอีก จึงเป็นที่มา ที่ต้นสัปดาห์ ก่อนนางบินไปแดนอุนจิเมื่อวาน ต้องไปขึ้น SAN ดังนั้น พี่คิงส์ถึงต้องบอก ผสห ทุกคนว่า ที่ยาย ม. มันป้ายยาหอมทุกวัน อ้างว่าจะรับผิดชอบต่างๆนานา ยาย ม. คนเทาชอบเข้าวัด มันพูดกับคนอื่นแบบนี้มานานแล้ว เพราะถ้าเกิน 3 ปี ผสห จะทำอะไรสองพี่น้องนี้ได้ หมดอายุความ เรื่องของยาย ม.ยังมีอีกเยอะ เอาไว้ในตอนต่อๆไปละกัน เพราะเรื่องสองพี่น้องนี้มันยาว แต่อย่างน้อย ผสห จะได้เห็นแล้วว่า การที่ยาย ม. และสองพี่น้องสร้างความหวังว่าจะคืนพวกเธอได้ ขอแค่ให้สองนางได้ปักตระกร้า มันคือเรื่องเพ้อฝัน ได้แค่น้ำลายจากยาย วัย จะ 70 และจากสอง ผ. เท่านั้นแหละ เพราะถ้ามันได้เงินมา กรรูถามว่า มันจะให้พวกเมิงก่อน หรือมันต้องให้กับแน้นที่ฟ้อง R-Ya มันก่อน มูลที่ต้องชดใช้หลักสิบล้าน ดังนั้น พวกเมิงตั้งสติ การจะได้เงินคืนน่ะมีทางเดียว คือเมิงต้อง ดำเนินKadee ใครที่ดำเนินการก่อน เมิงก็สำคัญก่อน เพราะบางคน อีสองพี่น้องต้องหอบเงินที่ซุกไว้มาคืนก่อนพวกเมิงนี่แหละ หูยยย เฉพาะบี 2 พี่อ่านเองก็ว่ายาวไปละ เอางี้ เดี๋ยวมาต่อกันในโพสถัดๆไปละกัน อีบี 1 ก็ไม่ธรรมดา แม็คลาเลนเลยพวกเมิง สิ่งที่กรรูเล่า พวกเมิงไม่ต้องเชื่อเลยก็ได้ เมิงแค่ไปหาข้อมูลที่ San ทั้งแพ่ง R-Ya ข้อมูล KADEE ที่เป็นชื่อพี่น้อง 2 ผ. นี้ ก็จะขึ้นให้เมิงเห็น หลักจากนั้นก็แค่ แหก ตา ดู ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 965 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำว่า #สายตรง# ไม่อยากให้ท่านเชื่อทั้งหมด...ยกตัวอย่างในภาพ..ผู้เขียนซื้อคนแก่อายุ 80 กว่ามา เมื่อ 10 กว่าปีก่อน..รวมอยู่ในห่อกระดาษที่เขียนว่า หลวงปู่ดู่ ..ข้างในมีพระพุทธเหนือพรหม และรูปหบ่อลอยองค์หลวงปู่ดู่ และมีแบบนี้ 2 องค์ รวมเป็น 4 องค์...และได้พระลำพูนดำ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา เหรียญปี 248 กว่าอีก 2 เหรียญ ล้วนเป็นพระแท้ทั้งหมด...แต่...ผมเอาลงสอบถามในกลุ่มหลวงปู่ดู่...ได้คำตอบว่า ไม่มีแบบนี้...เป็นคนอื่นคง panic ไปแล้ว..แต่ผมเฉย..เพราะอยู่มานานจนรู้ว่า อะไรเป็นอะไร...ก็หาข้อมูลอยู่นาน..ก็พบว่า มี..แต่คนรู้น้อยมาก...เลยอยากบอกว่า เริ่มต้น เกิดทันยุคไหม..เกิดแล้วอายุเท่าไรตอนนั้น เล่นพระหรือยัง กรรมการวัด หรือมัคทายกวัด..สนใจใส่ใจในพระเครื่องจนรู้สารพัด เหมือนในปัจจุบันไหม...แล้วท่านจะได้คำตอบ..ด้วยตนเอง. ปล. ต้องไม่ใช่ได้มาด้วยนิทานขายพระเก๊นะ..มันต้องมีองค์ประกอบอื่นร่วมด้วย..เข่นเคสนี้ มีพระที่ยกตัวอย่างแท้ 2 องค์ และขายไปแล้ว ..อีกประการนึง คนขายอายุ 85 ตอนนี้ถ้าอยู่ก็เกิน 100 เป็นคนทำบุญมาจากวัด ไม่ใช่คนซื้อขายพระ...แยกออกจากเครื่องมูลค่าในการเล่นหานะครับ.
    คำว่า #สายตรง# ไม่อยากให้ท่านเชื่อทั้งหมด...ยกตัวอย่างในภาพ..ผู้เขียนซื้อคนแก่อายุ 80 กว่ามา เมื่อ 10 กว่าปีก่อน..รวมอยู่ในห่อกระดาษที่เขียนว่า หลวงปู่ดู่ ..ข้างในมีพระพุทธเหนือพรหม และรูปหบ่อลอยองค์หลวงปู่ดู่ และมีแบบนี้ 2 องค์ รวมเป็น 4 องค์...และได้พระลำพูนดำ หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา เหรียญปี 248 กว่าอีก 2 เหรียญ ล้วนเป็นพระแท้ทั้งหมด...แต่...ผมเอาลงสอบถามในกลุ่มหลวงปู่ดู่...ได้คำตอบว่า ไม่มีแบบนี้...เป็นคนอื่นคง panic ไปแล้ว..แต่ผมเฉย..เพราะอยู่มานานจนรู้ว่า อะไรเป็นอะไร...ก็หาข้อมูลอยู่นาน..ก็พบว่า มี..แต่คนรู้น้อยมาก...เลยอยากบอกว่า เริ่มต้น เกิดทันยุคไหม..เกิดแล้วอายุเท่าไรตอนนั้น เล่นพระหรือยัง กรรมการวัด หรือมัคทายกวัด..สนใจใส่ใจในพระเครื่องจนรู้สารพัด เหมือนในปัจจุบันไหม...แล้วท่านจะได้คำตอบ..ด้วยตนเอง. ปล. ต้องไม่ใช่ได้มาด้วยนิทานขายพระเก๊นะ..มันต้องมีองค์ประกอบอื่นร่วมด้วย..เข่นเคสนี้ มีพระที่ยกตัวอย่างแท้ 2 องค์ และขายไปแล้ว ..อีกประการนึง คนขายอายุ 85 ตอนนี้ถ้าอยู่ก็เกิน 100 เป็นคนทำบุญมาจากวัด ไม่ใช่คนซื้อขายพระ...แยกออกจากเครื่องมูลค่าในการเล่นหานะครับ.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขีดเส้น สคบ.30 วัน เร่งเพิกถอนใบอนุญาต ธุรกิจขายตรง 'ดิ ไอคอน'
    .
    ความคืบหน้าในการตรวจสอบการกระทำผิดของบริษัท ดิ ไอคอน มีความคืบหน้าเป็นระยะ โดยเวลานี้มีเสียงวิจารณ์ว่าเหตุใดหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงยังไม่ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าว ทำให้ในเรื่องนี้นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เวลานี้ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ (สคบ.) แสวงหาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าสมควรถอนใบอนุญาตหรือไม่ ซึ่ง บริษัทดิไอคอนจดทะเบียบแบบขายตรง การถอนใบอนุญาตต้องทำด้วยความรัดกุม และให้ความเป็นธรรม
    .
    "ที่ผ่านมาได้เข้าพิจารณาอนุฯกรรมการข้อกฎหมายของ สคบ. และมีมติเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ให้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งช่วงระหว่างนั้น สคบ. ทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังและพอมีการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่เพิ่มเติม สคบ.จึงนำข้อมูลไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะประชุมเรื่องดังกล่าวในวันที่ 20 พ.ย. ซึ่งเราจะรอฟังข้อสรุป รวมถึงนำมาประกอบการดำเนินคดีต่อไป ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทำงานครบกำหนด 30 วันแล้วแต่เเพื่อให้เกิดความรัดกุมมากที่่สุด จึงขยายเวลาเพิ่มเติม 30 วัน"
    .
    ขณะเดียวกัน ในส่วนของกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนาระหว่างชายหญิง ที่มีการอ้างว่าเคยจ่ายเงิน 10 ล้านบาท แก่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ผ่านทนายความคนกลาง เพื่อเป็นค่าดำเนินการทางคดีนั้น พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ผู้แทนดีเอสไอ รับมอบหลักฐานคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวแล้ว จากนั้นจะได้นำส่งคลิปเสียงเข้ากระบวนการตรวจพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และภายหลังจากได้ข้อมูลแล้วจะประสานทัณฑสถานหญิงกลาง เข้าไปสอบสวนปากคำผู้ต้องหา ทั้งนี้ต้องก่อนบอสพอล ก็เพราะว่าเจ้าตัวเป็นคนพูดประโยคดังกล่าว รวมทั้งพนักงานสอบสวนจะได้สอบประเด็นอื่น ๆ คู่ขนานไปด้วยให้เร็วที่สุด
    .
    พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนการเตรียมเข้าไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมแก่บรรดา 11 บอสชายภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 20-21 พ.ย. เนื่องมาจากครั้งที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำ แต่ทางผู้ต้องหาผู้ชายไม่ได้มีการให้การใด ๆ โดยประสงค์ขอยื่นเป็นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน และขอยื่นบัญชีรายชื่อพยานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองแทนเท่านั้น
    ..............
    Sondhi X
    ขีดเส้น สคบ.30 วัน เร่งเพิกถอนใบอนุญาต ธุรกิจขายตรง 'ดิ ไอคอน' . ความคืบหน้าในการตรวจสอบการกระทำผิดของบริษัท ดิ ไอคอน มีความคืบหน้าเป็นระยะ โดยเวลานี้มีเสียงวิจารณ์ว่าเหตุใดหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงยังไม่ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าว ทำให้ในเรื่องนี้นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เวลานี้ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ (สคบ.) แสวงหาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าสมควรถอนใบอนุญาตหรือไม่ ซึ่ง บริษัทดิไอคอนจดทะเบียบแบบขายตรง การถอนใบอนุญาตต้องทำด้วยความรัดกุม และให้ความเป็นธรรม . "ที่ผ่านมาได้เข้าพิจารณาอนุฯกรรมการข้อกฎหมายของ สคบ. และมีมติเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ให้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งช่วงระหว่างนั้น สคบ. ทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังและพอมีการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่เพิ่มเติม สคบ.จึงนำข้อมูลไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะประชุมเรื่องดังกล่าวในวันที่ 20 พ.ย. ซึ่งเราจะรอฟังข้อสรุป รวมถึงนำมาประกอบการดำเนินคดีต่อไป ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทำงานครบกำหนด 30 วันแล้วแต่เเพื่อให้เกิดความรัดกุมมากที่่สุด จึงขยายเวลาเพิ่มเติม 30 วัน" . ขณะเดียวกัน ในส่วนของกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนาระหว่างชายหญิง ที่มีการอ้างว่าเคยจ่ายเงิน 10 ล้านบาท แก่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ผ่านทนายความคนกลาง เพื่อเป็นค่าดำเนินการทางคดีนั้น พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ผู้แทนดีเอสไอ รับมอบหลักฐานคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวแล้ว จากนั้นจะได้นำส่งคลิปเสียงเข้ากระบวนการตรวจพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และภายหลังจากได้ข้อมูลแล้วจะประสานทัณฑสถานหญิงกลาง เข้าไปสอบสวนปากคำผู้ต้องหา ทั้งนี้ต้องก่อนบอสพอล ก็เพราะว่าเจ้าตัวเป็นคนพูดประโยคดังกล่าว รวมทั้งพนักงานสอบสวนจะได้สอบประเด็นอื่น ๆ คู่ขนานไปด้วยให้เร็วที่สุด . พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนการเตรียมเข้าไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมแก่บรรดา 11 บอสชายภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 20-21 พ.ย. เนื่องมาจากครั้งที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำ แต่ทางผู้ต้องหาผู้ชายไม่ได้มีการให้การใด ๆ โดยประสงค์ขอยื่นเป็นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน และขอยื่นบัญชีรายชื่อพยานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองแทนเท่านั้น .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1445 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสียความรู้สึก! สาวคาใจตำรวจพัทลุงไม่รับแจ้งความโจรบุกขโมยเงินถึงในร้านเสริมสวย

    พัทลุง - สาวเจ้าของร้านเสริมสวยคาใจตำรวจไม่จับโจร หลังคนร้ายเข้ามาขโมยเงินถึงในร้าน เที่ยวตามหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิด เอาไปแจ้งความ แต่ตำรวจทำแค่ลงบันทึกประจำวัน ไม่รับหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่หามาได้

    วานนี้ (17 พ.ย.) ที่ จ.พัทลุง น.ส.ภคพร นุ้ยเล็ก หรือ ปุ๋ม อายุ 42 ปี ชาว ต.วังอ่าง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ร้องผู้สื่อข่าวขอความช่วยเหลือ หลังคนร้ายเข้ามาขโมยเงินสด บัตรเครดิต บัตร ATM และใบเสร็จรับเงินล้าน ธกส. ในกระเป๋า ขณะเปิดร้านเสริมสวยอยู่ในตลาดป่าพะยอม เลขที่ 199 ม.1 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง เมื่อวันที 1 พ.ย. เวลา 13.30 น. ซึ่งหลังเกิดเหตุ น.ส.ภคพรได้พยายามหาหลักฐานกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้ๆ เพื่อนำไปแจ้งความดำเนินคดีเมื่อวันที่ 4 พ.ย.จากหลักฐานที่หามาได้จากกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายเป็นผู้หญิงขับรถมา 2 คน คนที่เดินเข้ามาในร้านกล้องวงจรปิดจับที่มุมขวาของกล้อง พบเป็นผู้หญิงสวมเสื้อทับสีดำ ใส่หน้ากากอนามัย สวมหมวกปิดบังใบหน้า สวมกางแกงสีขาวดำ ถือกระเป๋า เดินเข้ามาในร้านช่วงเวลา 13.51 น. วันที่ 1 พ.ย. ใช้เวลาประมาณ 1 นาทีแล้วก็ออกไป ก่อนเดินไปขึ้นรถจักยานยนต์ ที่เพื่อนจอดรออยู่ริมสะพานใกล้ร้านของตนเองน.ส.ภคพรได้นำหลักฐานแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง แต่พนักงานสอบสวนทำได้แค่ลงบันทึกประจำวัน ไม่สอบถามเธอเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่เอาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่เธอหามาได้ ทำให้ น.ส.ภคพรยิ่งไม่สบายใจ เนื่องจากหลังจากที่เธอไปหาหลักฐานในพื้นที่มาได้นั้น เพื่อนบ้านหลายคนบอกว่า ในวันเดียวกัน หญิงในลักษณะดังกล่าวต้องสงสัยขโมยของชาวบ้านอีก 2 จุด และก่อนหน้านี้ รวมระยะเวลาไม่กี่วัน หายไปกว่า 10 ครั้ง แต่ตำรวจไม่ดำเนินการอะไร ไม่จับกุมหรือสืบหาข้อมูล แม้ผู้เสียหายไปแจ้งความแล้ว 3 ราย รู้สึกท้อใจกับการทำงานแบบนี้ของตำรวจ น.ส.ภคพร เปิดเผยว่า หากเจ้าหน้าที่ทำงานจริงจังเชื่อว่าจะจับคนร้ายที่ขโมยเงินตนเอง มาดำเนินคดีได้ แต่จนถึงขณะนี้ ไม่กล้าคาดหวัง ตั้งแต่ไปแจ้งความ พนักงานสอบสวนก็ไม่ได้ติดต่อมาหรือขอภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตนหามาได้ก่อนหน้านี้แต่อย่างได เสียดายเงินที่เตรียมไปจ่ายค่าหอให้ลูกและค่าเช่าบ้านที่ถูกขโมยไป แล้วต้องมาเสียความรู้สึกซ้ำเมื่อตำรวจไม่ดำเนินการอะไร จึงมาร้องต่อผู้สื่อข่าวดังกล่าว
    เสียความรู้สึก! สาวคาใจตำรวจพัทลุงไม่รับแจ้งความโจรบุกขโมยเงินถึงในร้านเสริมสวย พัทลุง - สาวเจ้าของร้านเสริมสวยคาใจตำรวจไม่จับโจร หลังคนร้ายเข้ามาขโมยเงินถึงในร้าน เที่ยวตามหาหลักฐานจากกล้องวงจรปิด เอาไปแจ้งความ แต่ตำรวจทำแค่ลงบันทึกประจำวัน ไม่รับหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่หามาได้ วานนี้ (17 พ.ย.) ที่ จ.พัทลุง น.ส.ภคพร นุ้ยเล็ก หรือ ปุ๋ม อายุ 42 ปี ชาว ต.วังอ่าง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช ร้องผู้สื่อข่าวขอความช่วยเหลือ หลังคนร้ายเข้ามาขโมยเงินสด บัตรเครดิต บัตร ATM และใบเสร็จรับเงินล้าน ธกส. ในกระเป๋า ขณะเปิดร้านเสริมสวยอยู่ในตลาดป่าพะยอม เลขที่ 199 ม.1 ต.บ้านพร้าว อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง เมื่อวันที 1 พ.ย. เวลา 13.30 น. ซึ่งหลังเกิดเหตุ น.ส.ภคพรได้พยายามหาหลักฐานกล้องวงจรปิดในละแวกใกล้ๆ เพื่อนำไปแจ้งความดำเนินคดีเมื่อวันที่ 4 พ.ย.จากหลักฐานที่หามาได้จากกล้องวงจรปิดพบว่า คนร้ายเป็นผู้หญิงขับรถมา 2 คน คนที่เดินเข้ามาในร้านกล้องวงจรปิดจับที่มุมขวาของกล้อง พบเป็นผู้หญิงสวมเสื้อทับสีดำ ใส่หน้ากากอนามัย สวมหมวกปิดบังใบหน้า สวมกางแกงสีขาวดำ ถือกระเป๋า เดินเข้ามาในร้านช่วงเวลา 13.51 น. วันที่ 1 พ.ย. ใช้เวลาประมาณ 1 นาทีแล้วก็ออกไป ก่อนเดินไปขึ้นรถจักยานยนต์ ที่เพื่อนจอดรออยู่ริมสะพานใกล้ร้านของตนเองน.ส.ภคพรได้นำหลักฐานแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ป่าพะยอม จ.พัทลุง แต่พนักงานสอบสวนทำได้แค่ลงบันทึกประจำวัน ไม่สอบถามเธอเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่เอาหลักฐานจากกล้องวงจรปิดที่เธอหามาได้ ทำให้ น.ส.ภคพรยิ่งไม่สบายใจ เนื่องจากหลังจากที่เธอไปหาหลักฐานในพื้นที่มาได้นั้น เพื่อนบ้านหลายคนบอกว่า ในวันเดียวกัน หญิงในลักษณะดังกล่าวต้องสงสัยขโมยของชาวบ้านอีก 2 จุด และก่อนหน้านี้ รวมระยะเวลาไม่กี่วัน หายไปกว่า 10 ครั้ง แต่ตำรวจไม่ดำเนินการอะไร ไม่จับกุมหรือสืบหาข้อมูล แม้ผู้เสียหายไปแจ้งความแล้ว 3 ราย รู้สึกท้อใจกับการทำงานแบบนี้ของตำรวจ น.ส.ภคพร เปิดเผยว่า หากเจ้าหน้าที่ทำงานจริงจังเชื่อว่าจะจับคนร้ายที่ขโมยเงินตนเอง มาดำเนินคดีได้ แต่จนถึงขณะนี้ ไม่กล้าคาดหวัง ตั้งแต่ไปแจ้งความ พนักงานสอบสวนก็ไม่ได้ติดต่อมาหรือขอภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตนหามาได้ก่อนหน้านี้แต่อย่างได เสียดายเงินที่เตรียมไปจ่ายค่าหอให้ลูกและค่าเช่าบ้านที่ถูกขโมยไป แล้วต้องมาเสียความรู้สึกซ้ำเมื่อตำรวจไม่ดำเนินการอะไร จึงมาร้องต่อผู้สื่อข่าวดังกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 461 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ประชาชนเฝ้ารอวันดับ
    เดชา หรือทะนายจุ๊กกรู้ ที่มีลีลาซ้ำซาก
    ด้วยการทำตัวเหมือนเรือขวางคลอง
    ทุกครั้ง ที่มีผู้กระทำ กับผู้ถูกกระทำ
    เด จะไปอยู่กับฝ่ายคนผิดเสมอ จนเป็นที่ชินตาของผู้คน
    เมื่อได้แสงแบบไม่กลัวโดนทัวร์ สร้างชื่อเสียงโดยไม่สนใจว่า
    คนจะรู้จักตัวเอง ในสภาพไหน ได้อยู่ในสื่อนั่นคือความสำเร็จของเด
    แต่พอมีทีท่าว่า ผู้กระทำหรือจำเเลย น่าจะไปไม่รอด
    ก็จะสร้างสถานการณ์ว่าตัวเองขอถอนตัว
    และเชื่อว่า คนไทยขี้ลืม เดี๋ยวสร้างภาพชุบตัวใหม่
    คนก็ลืม เอาไว้ไปอยู่ฝั่งคนในประแสบ้าง เดี๋ยวคนก็ยกยอเหมือนเดิม
    พี่เด สุมาเต๊อะ "ไอ่ฉัด" เล่นกับความรู้สึกของประชาชนมาตลอด
    เรื่องสาวเกา โดนปั่นว่าจะได้เป็นทนายฝั่งเกา ก็พร่ามในคลิป
    ว่าด่าาเยอะๆ ทนายทั่วประเทศจะได้มีงานทำ
    อ้างทนายแปดหมื่นคนทั่วประเทศจะร่วมวงกับตัวเองเพื่อจัดการคนไทยด้วยกัน
    แต่กระแสตีกลับ เพราะทนายและสภาไม่เล่นด้วย พร้อมออกมาตำหนิการกระทำ จนนายเดชาต้องกลับลำ อ้างว่าไม่ได้พูด แต่ดิจิตอลฟรุ๊ตปริ๊น ก็หาได้ง่ายว่าเป็นคำพูดของเดชาล้วนๆ
    และล่าสุด ด้วยความสนิทกับว่าที่นช ตั้ม และมีความเป็นไปได้สูง
    ที่ต้องมีความรู้จักกับโจ๊ก สุรเชษฐ์ ไม่มากก็น้อย
    ส่วนจะได้ความสนิท เป็นใบเทาเป็นปึกๆด้วยรึเปล่านั้น
    เราไม่อาจระบุได้ แต่เดชา ก็ออกตัวเต็มที่ รับข้อมูลจากตั้ม
    ก็รีบมาพ่น และเชื่อว่าตั้มบริสุทธิ์ โดยไม่ได้หาข้อมูลจากผสห.เลย
    จึงถูกตำหนิ จากผู้สื่อข่าวระดับตำนาน สนธิ ลิ้มทองกุล
    ในเวอร์ชั่นแรก เดชายังดูอ่อนน้อม บอกว่าไม่มีปัญหากับสนธิ
    และจะได้แรงกดดัน หรือแรงอัดฉีดจากตั้มหรือโจ๊กหรือไม่อย่างไร
    ก็ไม่ทราบได้ มีการเปลี่ยนท่าที ที่แข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ
    ท้าทาย สนธิ อย่างน่าแปลกใจกับสายตาของประชาชน
    ซึ่งล่าสุด ออกมาโพส ว่าใครมีข้อมูลสนธิ (ลักษณะที่จะเอาความได้)
    ให้ส่งมาที่ตน นั่นคือากรชักธงรบบ อย่างเต็มรูปแบบ
    ทั้งๆที่ ทั้งพี่โจ๊ก และน้องรักอย่างตั้ม ต่างก็ผ่านการเปิดเผยความจริง
    ให้กับสังคม จนมีจุดจบอย่างทุกวันนี้ แต่เดชา กลับมีความฮึกเหิมจนเกินตัว
    ซึ่งยุคนี้ เป็นยุคล้างบางคนซั่ว บางที เดชา อาจมีปัญหาทางสายตา
    มองเสือเป็นแค่แมว อยู่ดีไม่ว่าดี แกว่งซ้งทรีน หาเสี้ยนได้ดีจริงๆ
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่ประชาชนเฝ้ารอวันดับ เดชา หรือทะนายจุ๊กกรู้ ที่มีลีลาซ้ำซาก ด้วยการทำตัวเหมือนเรือขวางคลอง ทุกครั้ง ที่มีผู้กระทำ กับผู้ถูกกระทำ เด จะไปอยู่กับฝ่ายคนผิดเสมอ จนเป็นที่ชินตาของผู้คน เมื่อได้แสงแบบไม่กลัวโดนทัวร์ สร้างชื่อเสียงโดยไม่สนใจว่า คนจะรู้จักตัวเอง ในสภาพไหน ได้อยู่ในสื่อนั่นคือความสำเร็จของเด แต่พอมีทีท่าว่า ผู้กระทำหรือจำเเลย น่าจะไปไม่รอด ก็จะสร้างสถานการณ์ว่าตัวเองขอถอนตัว และเชื่อว่า คนไทยขี้ลืม เดี๋ยวสร้างภาพชุบตัวใหม่ คนก็ลืม เอาไว้ไปอยู่ฝั่งคนในประแสบ้าง เดี๋ยวคนก็ยกยอเหมือนเดิม พี่เด สุมาเต๊อะ "ไอ่ฉัด" เล่นกับความรู้สึกของประชาชนมาตลอด เรื่องสาวเกา โดนปั่นว่าจะได้เป็นทนายฝั่งเกา ก็พร่ามในคลิป ว่าด่าาเยอะๆ ทนายทั่วประเทศจะได้มีงานทำ อ้างทนายแปดหมื่นคนทั่วประเทศจะร่วมวงกับตัวเองเพื่อจัดการคนไทยด้วยกัน แต่กระแสตีกลับ เพราะทนายและสภาไม่เล่นด้วย พร้อมออกมาตำหนิการกระทำ จนนายเดชาต้องกลับลำ อ้างว่าไม่ได้พูด แต่ดิจิตอลฟรุ๊ตปริ๊น ก็หาได้ง่ายว่าเป็นคำพูดของเดชาล้วนๆ และล่าสุด ด้วยความสนิทกับว่าที่นช ตั้ม และมีความเป็นไปได้สูง ที่ต้องมีความรู้จักกับโจ๊ก สุรเชษฐ์ ไม่มากก็น้อย ส่วนจะได้ความสนิท เป็นใบเทาเป็นปึกๆด้วยรึเปล่านั้น เราไม่อาจระบุได้ แต่เดชา ก็ออกตัวเต็มที่ รับข้อมูลจากตั้ม ก็รีบมาพ่น และเชื่อว่าตั้มบริสุทธิ์ โดยไม่ได้หาข้อมูลจากผสห.เลย จึงถูกตำหนิ จากผู้สื่อข่าวระดับตำนาน สนธิ ลิ้มทองกุล ในเวอร์ชั่นแรก เดชายังดูอ่อนน้อม บอกว่าไม่มีปัญหากับสนธิ และจะได้แรงกดดัน หรือแรงอัดฉีดจากตั้มหรือโจ๊กหรือไม่อย่างไร ก็ไม่ทราบได้ มีการเปลี่ยนท่าที ที่แข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆ ท้าทาย สนธิ อย่างน่าแปลกใจกับสายตาของประชาชน ซึ่งล่าสุด ออกมาโพส ว่าใครมีข้อมูลสนธิ (ลักษณะที่จะเอาความได้) ให้ส่งมาที่ตน นั่นคือากรชักธงรบบ อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งๆที่ ทั้งพี่โจ๊ก และน้องรักอย่างตั้ม ต่างก็ผ่านการเปิดเผยความจริง ให้กับสังคม จนมีจุดจบอย่างทุกวันนี้ แต่เดชา กลับมีความฮึกเหิมจนเกินตัว ซึ่งยุคนี้ เป็นยุคล้างบางคนซั่ว บางที เดชา อาจมีปัญหาทางสายตา มองเสือเป็นแค่แมว อยู่ดีไม่ว่าดี แกว่งซ้งทรีน หาเสี้ยนได้ดีจริงๆ ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 580 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts