• อุดรธานี-สสจ.อุดรฯเผยยังไม่มีการสั่งปิดร้านนวดร้านที่ “น้องผิง”นักร้องสาวรถแห่เข้านวดบิดคอจนนำไปสู่การเสีย ส่วนหมอนวดทั้ง7คน ผ่านการอบรมตามหลักสูตรและได้ใบรับรองทั้งหมด ย้ำการนวดบิดคอดัดกระดูกต้องเป็นหมอกระดูกทำได้เท่านั้นและญาติต้องเซ็นอนุญาตก่อนด้วย ส่วนร้านนวดจะเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตหรือไม่อย่างไรขึ้นอยู่กับการตรวจพิสูจน์ตามกระบวนการ ญาติน้องได้แจ้งความแล้ว

    จากกรณีเกิดเหตุสะเทือนขวัญ “น้องผิง” ชญาดา พร้าวหอม อายุ 20 ปี นักร้องสาวรถแห่ ชาวบ้านแดง ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากการไปนวดคลายเส้นกับหมอนวดที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ เขตเทศบาลนครอุดร คาดว่าจะถูกหมอนวดผิดในท่าบิดคอ จนทำให้กระดูกคอเคลื่อนไปทับเส้นประสาท สุดท้ายเป็นเจ้าหญิงนิทรากว่า 2 เดือน และเป็นเรื่องน่าเศร้าเมื่อน้องผิงเสียชีวิตเมื่อเช้าวันที่ 8 ธ.ค.67 โดยญาติๆ ได้นำร่างของน้องผิงกลับไปยังบ้านเลขที่ 201 หมู่ 1 บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี

    ล่าสุดสายวันนี้(9ธ.ค.) ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงเพิ่มเติมต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดยบอกว่าเรื่องของการรักษาหรือสาเหตุของการเสียชีวิตนั้นรอให้ทางโรงพยาบาลชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน อย่างไรก็ตาม กรณีการนวดไทย ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีการควบคุมโดยหน่วยงานภาครัฐ แต่ก็มีร้านนวดหรือคนนวดบางส่วนที่ไม่อยู่ในการควบคุม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000118228

    #MGROnline #อุดรธานี #ร้านนวด #น้องผิง
    อุดรธานี-สสจ.อุดรฯเผยยังไม่มีการสั่งปิดร้านนวดร้านที่ “น้องผิง”นักร้องสาวรถแห่เข้านวดบิดคอจนนำไปสู่การเสีย ส่วนหมอนวดทั้ง7คน ผ่านการอบรมตามหลักสูตรและได้ใบรับรองทั้งหมด ย้ำการนวดบิดคอดัดกระดูกต้องเป็นหมอกระดูกทำได้เท่านั้นและญาติต้องเซ็นอนุญาตก่อนด้วย ส่วนร้านนวดจะเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตหรือไม่อย่างไรขึ้นอยู่กับการตรวจพิสูจน์ตามกระบวนการ ญาติน้องได้แจ้งความแล้ว • จากกรณีเกิดเหตุสะเทือนขวัญ “น้องผิง” ชญาดา พร้าวหอม อายุ 20 ปี นักร้องสาวรถแห่ ชาวบ้านแดง ต.บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี เสียชีวิตจากการไปนวดคลายเส้นกับหมอนวดที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ เขตเทศบาลนครอุดร คาดว่าจะถูกหมอนวดผิดในท่าบิดคอ จนทำให้กระดูกคอเคลื่อนไปทับเส้นประสาท สุดท้ายเป็นเจ้าหญิงนิทรากว่า 2 เดือน และเป็นเรื่องน่าเศร้าเมื่อน้องผิงเสียชีวิตเมื่อเช้าวันที่ 8 ธ.ค.67 โดยญาติๆ ได้นำร่างของน้องผิงกลับไปยังบ้านเลขที่ 201 หมู่ 1 บ้านแดง อ.พิบูลย์รักษ์ จ.อุดรธานี • ล่าสุดสายวันนี้(9ธ.ค.) ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดอุดรธานี ได้เปิดแถลงข่าวชี้แจงเพิ่มเติมต่อกรณีที่เกิดขึ้น โดยบอกว่าเรื่องของการรักษาหรือสาเหตุของการเสียชีวิตนั้นรอให้ทางโรงพยาบาลชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างเป็นทางการอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกัน อย่างไรก็ตาม กรณีการนวดไทย ถือเป็นซอฟต์พาวเวอร์อย่างหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีการควบคุมโดยหน่วยงานภาครัฐ แต่ก็มีร้านนวดหรือคนนวดบางส่วนที่ไม่อยู่ในการควบคุม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000118228 • #MGROnline #อุดรธานี #ร้านนวด #น้องผิง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 243 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.สุรัตน์ ตันประเวช เปิดภาพเอกซเรย์ “น้องผิง” นักร้องสาวรถแห่ ไม่พบกระดูกกดทับสันหลัง หวั่นสาเหตุการเสียชีวิตอาจไม่ใช่การนวด

    จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่นักร้องสาว "ผิง ชญาดา กีตาร์เรคคอร์ด" เสียชีวิตเนื่องจากไปนวดแล้วหมอนวดบิดที่คอ ได้รับผลกระทบต่อร่างกายถึงขั้นขยับตัวไม่ได้ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

    ล่าสุด วันนี้ (9 ธ.ค.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.สุรัตน์ ตันประเวชโพสต์ข้อความผ่านเพจสาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์ โดยระบุว่า “มีข่าวแจ้งว่า คนไข้ ที่เสียชีวิต อาจไม่ใช่จากการนวดนะครับ เห็นว่า น่าจะมีอักเสบและติดเชื้อ

    x ray ไม่พบมีกระดูกกดสันหลัง* กรณีน้องไปนวดแล้วเสียชีวิต คนกลัวจัด ใจเย็น นะทุกคน ฟังจารย์ก่อน

    1. ปกติ คน train นวด อาชีพ เค้าไม่กดจนกระดูกหักแบบนั้นและไม่นวดคอที่มีเส้นเลือด

    2. จาก x ray กระดูกโดนกด ผิดรูปจริง แสดงว่า โดนกดหรือบิดแรงมากๆๆ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000118090

    #MGROnline #หมอนวด #บิดคอ #อักเสบ #ติดเชื้อ
    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.สุรัตน์ ตันประเวช เปิดภาพเอกซเรย์ “น้องผิง” นักร้องสาวรถแห่ ไม่พบกระดูกกดทับสันหลัง หวั่นสาเหตุการเสียชีวิตอาจไม่ใช่การนวด • จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญที่นักร้องสาว "ผิง ชญาดา กีตาร์เรคคอร์ด" เสียชีวิตเนื่องจากไปนวดแล้วหมอนวดบิดที่คอ ได้รับผลกระทบต่อร่างกายถึงขั้นขยับตัวไม่ได้ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น • ล่าสุด วันนี้ (9 ธ.ค.) ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นพ.สุรัตน์ ตันประเวชโพสต์ข้อความผ่านเพจสาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์ โดยระบุว่า “มีข่าวแจ้งว่า คนไข้ ที่เสียชีวิต อาจไม่ใช่จากการนวดนะครับ เห็นว่า น่าจะมีอักเสบและติดเชื้อ • x ray ไม่พบมีกระดูกกดสันหลัง* กรณีน้องไปนวดแล้วเสียชีวิต คนกลัวจัด ใจเย็น นะทุกคน ฟังจารย์ก่อน 1. ปกติ คน train นวด อาชีพ เค้าไม่กดจนกระดูกหักแบบนั้นและไม่นวดคอที่มีเส้นเลือด 2. จาก x ray กระดูกโดนกด ผิดรูปจริง แสดงว่า โดนกดหรือบิดแรงมากๆๆ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/onlinesection/detail/9670000118090 • #MGROnline #หมอนวด #บิดคอ #อักเสบ #ติดเชื้อ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 219 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอาหล่ะสิ...!!!
    .
    ชอบนวดนะ แต่นี่ไม่ยอมให้ หมอนวด นวดเหนือจาก คอบ่าไหล่ ขึ้นไปเลย
    .
    ทั้งหลัง ทั้งคอ นี่ ไม่เคยยอมให้หมอนวดบิดเลย
    .
    ยิ่ง หัว นี่ยิ่งห้ามเลย ขมับเขมิบอะไร ไม่ให้ยุ่งเลย เคยลอง 2-3 ครั้งปวดหัวมาก เข็ดเลย...
    .
    แต่ที่ ขาหนีบ นี่ดูอันตรายมากเลยนะเนี่ย หมอนวด ชอบมาเน้นตรงนี้ คราวหน้าต้องบอกให้เบาๆซะละ...
    .
    🥲🥲🥲🥲🥲🥲
    เอาหล่ะสิ...!!! . ชอบนวดนะ แต่นี่ไม่ยอมให้ หมอนวด นวดเหนือจาก คอบ่าไหล่ ขึ้นไปเลย . ทั้งหลัง ทั้งคอ นี่ ไม่เคยยอมให้หมอนวดบิดเลย . ยิ่ง หัว นี่ยิ่งห้ามเลย ขมับเขมิบอะไร ไม่ให้ยุ่งเลย เคยลอง 2-3 ครั้งปวดหัวมาก เข็ดเลย... . แต่ที่ ขาหนีบ นี่ดูอันตรายมากเลยนะเนี่ย หมอนวด ชอบมาเน้นตรงนี้ คราวหน้าต้องบอกให้เบาๆซะละ... . 🥲🥲🥲🥲🥲🥲
    หมอแอร์ นักไตรกีฬาและอายุรแพทย์โรคหัวใจ เตือน 5 ข้อ ที่ต้องระวังในการนวด ชี้บริเวณคอและขาหนีบมีความเสี่ยงสูง รวมทั้งคนที่ลิ่มเลือดอุดตันที่ขา โรคหัวใจ-ความดัน และบริเวณกล้ามเนื้ออักเสบเฉียบพลัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117944

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • 18/10/67


    บทควาทของ
    คุณวินทร์ เลียววาริณ
    เป็นอีกแง่คิดที่น่าสนใจครับ

    ผมเกิดในยุคจอมพล ป. โตในยุคจอมพลสฤษดิ์และจอมพลถนอม สโลแกนของรัฐบาลตอนนั้นคือ "งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข"

    ยุคนั้นยังไม่มีประชานิยมแบบสมัยนี้ ใครอยากมีเงินก็ต้องทำงาน

    มองซ้ายมองขวา ก็เห็นแต่คนทำงาน

    ปัจจุบันผมมองซ้ายมองขวา เห็นแต่แรงงานต่างชาติ พม่าบ้าง เขมรบ้าง

    ผมเคยถามเพื่อนว่า "คนไทยหายไปไหนหมด?" คำตอบคือ "ไปค้ายา เล่นหวย กับรอเงินแจก"

    เชื่อว่าเป็นคำตอบแบบกวนตีนเล่น คงไม่จริงหรอกน่า

    ครั้นมองซ้ายเห็นคนขับแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยคนไทย รับแต่คนต่างชาติ เพื่อที่จะโขกสับค่าโดยสาร มองขวาเห็นคนรอรับเงิน ดิจิตัล วอลเล็ต มองบนเห็นคนจะเฉือนป่ามาแบ่งกัน มองล่างเห็นคนสนับสนุนให้สร้างบ่อน ก็เริ่มเห็นว่าบางทีเพื่อนผมไม่ได้ตอบแบบกวนตีน

    เราก้าวจากสังคม "งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข" มาเป็น "ไม่ต้องทำงานก็บันดาลสุข" แล้วหรือนี่? จริงหรือนี่?

    เวลาผมเขียนต่อต้านการสร้างบ่อน มักจะมีคำแย้งหนึ่งเสมอว่า การพนันเป็นส่วนหนึ่งของคนไทย หนีไม่พ้นหรอก และในเมื่อหนีไม่พ้น ก็ควรหาเงินเข้ารัฐ

    นี่เป็นวิธีมองมุมหนึ่ง

    แต่ผมไม่ได้มองที่เงิน ผมมองที่สิ่งมีค่ากว่าเงินล้านเท่า ผมมองที่อนาคตของประเทศอีก 20 ปี 30 ปี 50 ปีข้างหน้า

    นี่ก็คือวิธีมองเดียวกับที่เมื่อผมชี้ว่า การท่องเที่ยวไม่ใช่คำตอบของประเทศ อย่าพึ่งแต่การท่องเที่ยว

    เมืองไทยในยุคจอมพล ป. จอมพลสฤษดิ์ และจอมพลถนอมยังเล็กอยู่ เราอยู่กันเองได้ แต่เมืองไทยตอนนี้ คิดอย่างนั้นไม่ได้แล้ว คู่แข่งของเราไม่ใช่ร้านเจ๊จูหน้าบ้าน ร้านเจ๊กก๊กหลังบ้าน แต่คือคนทั้งโลก

    ถ้าเราบริหารประเทศไม่เป็น ต่อให้มีทรัพยากรธรรมชาติล้นเหลือ ก็กลายเป็น failed state ได้ง่ายๆ

    และเครื่องมือเดียวของทุกชาติไม่ใช่ทรัพยากรธรรมชาติ แต่คือคน

    คนไม่มีคุณภาพ ชาติพังอย่างเดียว

    เมืองไทยเรามีทางหาเงินได้มากมาย เราแค่ขี้เกียจเท่านั้น อยากทำอะไรง่ายๆ ได้เงินเร็วๆ ได้เงินมากๆ

    เราจึงไปหมกตัวที่ตลาดหุ้น บ่อน คอร์รัปชั่นอยู่ในสายเลือดของเรา

    สิ่งเลวร้ายที่สุดของคนไทยคือความโลภ มันก่อให้เกิดคอร์รัปชั่น ทุจริตเชิงนโยบาย ฯลฯ

    มันทำลายทุกอย่าง เพราะเราปลูกฝังความโลภเข้าไปในกมลสันดาน ลอกออกยาก

    เงินเท่าไรก็ไม่มีวันพอ

    สิ่งที่ได้จากบ่อนคือเงิน แต่สิ่งที่เสียไปคือคน

    การสร้างบ่อนก็คือการใช้ทรัพยากรคนไปทำเรื่องไร้ประโยชน์ แค่เม็ดเงินนิดหน่อยที่เราหลอกตัวเองว่านำไปพัฒนาชาติ

    มันทำลายคุณภาพคนต่างหาก

    หากเราไม่เริ่มสร้างคนที่มีคุณภาพตั้งแต่วันนี้ สร้างคนที่มีความรู้ คิดเป็น วิเคราะห์เป็น มีความคิดสร้างสรรค์ เราตายแน่นอน

    มองดูระบบการศึกษา เราได้ยินแต่เสียงว่า "ข้อสอบยากไป" "เรียนไปทำไม" "ชั่วโมงยาวไป" ฯลฯ

    เมืองไทยจะหวังแต่สร้างหมอนวดเท้านักท่องเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องสร้างความหลากหลายของวิชาชีพ เราต้องคิดนำโลก ไม่ใช่ตามโลกอย่างเดียว

    ทำได้จริงหรือ?

    ดูไต้หวันเป็นตัวอย่าง ไต้หวันเป็นแหล่งผลิตชิพที่ใหญ่ที่สุดในโลก อุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงสร้างเงิน มันยังรับประกันเอกราชของชาติ หากมีการบุกจากจีน เพราะชาติใหญ่ๆ ต้องการชิพ

    ลองคิดดูว่าหากไต้หวันสร้างบ่อนทั่วประเทศแทนสร้างโรงงานผลิตชิพ ประเทศนั้นจะเป็นอย่างไร

    เราคิดแต่เรื่องเงิน เงิน เงิน แต่เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ คนต่างหากที่สำคัญที่สุด

    ขณะที่เราพยายามดูดนักท่องเที่ยวให้มากที่สุด หลายประเทศเริ่มหาทางลดนักท่องเที่ยวแล้ว เพราะ mass tourism ทำลายประเทศ

    ดังนั้นเวลาพูดถึงสร้างบ่อน มันจึงเป็นเรื่องกว้างกว่าบ่อนหลายปีแสง มันไม่ใช่เรื่องเงินอยู่ใต้ดินหรือบนดิน ถ้ามองตรงนี้ไม่ออก ก็จบข่าว

    เราไม่สามารถมองอะไรไกลเกินสี่ปีเลือกตั้ง ทั้งที่ในโลกทุกวันนี้ เราต้องมองไปสามสิบปีล่วงหน้าแล้ว

    ประเทศที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่ประเทศที่รวยที่สุด แต่เป็นประเทศที่คนมีปัญญาที่สุด และปัญญาทำให้มีความสุข

    ได้โปรดเถอะ หยุดคิดแต่เรื่องเงินสักครู่ได้ไหม

    คิดถึงอนาคตของลูกหลานบ้างเถอะ

    วินทร์ เลียววาริณ
    18 กันยายน 2567
    18/10/67 บทควาทของ คุณวินทร์ เลียววาริณ เป็นอีกแง่คิดที่น่าสนใจครับ ผมเกิดในยุคจอมพล ป. โตในยุคจอมพลสฤษดิ์และจอมพลถนอม สโลแกนของรัฐบาลตอนนั้นคือ "งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข" ยุคนั้นยังไม่มีประชานิยมแบบสมัยนี้ ใครอยากมีเงินก็ต้องทำงาน มองซ้ายมองขวา ก็เห็นแต่คนทำงาน ปัจจุบันผมมองซ้ายมองขวา เห็นแต่แรงงานต่างชาติ พม่าบ้าง เขมรบ้าง ผมเคยถามเพื่อนว่า "คนไทยหายไปไหนหมด?" คำตอบคือ "ไปค้ายา เล่นหวย กับรอเงินแจก" เชื่อว่าเป็นคำตอบแบบกวนตีนเล่น คงไม่จริงหรอกน่า ครั้นมองซ้ายเห็นคนขับแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยคนไทย รับแต่คนต่างชาติ เพื่อที่จะโขกสับค่าโดยสาร มองขวาเห็นคนรอรับเงิน ดิจิตัล วอลเล็ต มองบนเห็นคนจะเฉือนป่ามาแบ่งกัน มองล่างเห็นคนสนับสนุนให้สร้างบ่อน ก็เริ่มเห็นว่าบางทีเพื่อนผมไม่ได้ตอบแบบกวนตีน เราก้าวจากสังคม "งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข" มาเป็น "ไม่ต้องทำงานก็บันดาลสุข" แล้วหรือนี่? จริงหรือนี่? เวลาผมเขียนต่อต้านการสร้างบ่อน มักจะมีคำแย้งหนึ่งเสมอว่า การพนันเป็นส่วนหนึ่งของคนไทย หนีไม่พ้นหรอก และในเมื่อหนีไม่พ้น ก็ควรหาเงินเข้ารัฐ นี่เป็นวิธีมองมุมหนึ่ง แต่ผมไม่ได้มองที่เงิน ผมมองที่สิ่งมีค่ากว่าเงินล้านเท่า ผมมองที่อนาคตของประเทศอีก 20 ปี 30 ปี 50 ปีข้างหน้า นี่ก็คือวิธีมองเดียวกับที่เมื่อผมชี้ว่า การท่องเที่ยวไม่ใช่คำตอบของประเทศ อย่าพึ่งแต่การท่องเที่ยว เมืองไทยในยุคจอมพล ป. จอมพลสฤษดิ์ และจอมพลถนอมยังเล็กอยู่ เราอยู่กันเองได้ แต่เมืองไทยตอนนี้ คิดอย่างนั้นไม่ได้แล้ว คู่แข่งของเราไม่ใช่ร้านเจ๊จูหน้าบ้าน ร้านเจ๊กก๊กหลังบ้าน แต่คือคนทั้งโลก ถ้าเราบริหารประเทศไม่เป็น ต่อให้มีทรัพยากรธรรมชาติล้นเหลือ ก็กลายเป็น failed state ได้ง่ายๆ และเครื่องมือเดียวของทุกชาติไม่ใช่ทรัพยากรธรรมชาติ แต่คือคน คนไม่มีคุณภาพ ชาติพังอย่างเดียว เมืองไทยเรามีทางหาเงินได้มากมาย เราแค่ขี้เกียจเท่านั้น อยากทำอะไรง่ายๆ ได้เงินเร็วๆ ได้เงินมากๆ เราจึงไปหมกตัวที่ตลาดหุ้น บ่อน คอร์รัปชั่นอยู่ในสายเลือดของเรา สิ่งเลวร้ายที่สุดของคนไทยคือความโลภ มันก่อให้เกิดคอร์รัปชั่น ทุจริตเชิงนโยบาย ฯลฯ มันทำลายทุกอย่าง เพราะเราปลูกฝังความโลภเข้าไปในกมลสันดาน ลอกออกยาก เงินเท่าไรก็ไม่มีวันพอ สิ่งที่ได้จากบ่อนคือเงิน แต่สิ่งที่เสียไปคือคน การสร้างบ่อนก็คือการใช้ทรัพยากรคนไปทำเรื่องไร้ประโยชน์ แค่เม็ดเงินนิดหน่อยที่เราหลอกตัวเองว่านำไปพัฒนาชาติ มันทำลายคุณภาพคนต่างหาก หากเราไม่เริ่มสร้างคนที่มีคุณภาพตั้งแต่วันนี้ สร้างคนที่มีความรู้ คิดเป็น วิเคราะห์เป็น มีความคิดสร้างสรรค์ เราตายแน่นอน มองดูระบบการศึกษา เราได้ยินแต่เสียงว่า "ข้อสอบยากไป" "เรียนไปทำไม" "ชั่วโมงยาวไป" ฯลฯ เมืองไทยจะหวังแต่สร้างหมอนวดเท้านักท่องเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องสร้างความหลากหลายของวิชาชีพ เราต้องคิดนำโลก ไม่ใช่ตามโลกอย่างเดียว ทำได้จริงหรือ? ดูไต้หวันเป็นตัวอย่าง ไต้หวันเป็นแหล่งผลิตชิพที่ใหญ่ที่สุดในโลก อุตสาหกรรมนี้ไม่เพียงสร้างเงิน มันยังรับประกันเอกราชของชาติ หากมีการบุกจากจีน เพราะชาติใหญ่ๆ ต้องการชิพ ลองคิดดูว่าหากไต้หวันสร้างบ่อนทั่วประเทศแทนสร้างโรงงานผลิตชิพ ประเทศนั้นจะเป็นอย่างไร เราคิดแต่เรื่องเงิน เงิน เงิน แต่เงินไม่ใช่เรื่องสำคัญ คนต่างหากที่สำคัญที่สุด ขณะที่เราพยายามดูดนักท่องเที่ยวให้มากที่สุด หลายประเทศเริ่มหาทางลดนักท่องเที่ยวแล้ว เพราะ mass tourism ทำลายประเทศ ดังนั้นเวลาพูดถึงสร้างบ่อน มันจึงเป็นเรื่องกว้างกว่าบ่อนหลายปีแสง มันไม่ใช่เรื่องเงินอยู่ใต้ดินหรือบนดิน ถ้ามองตรงนี้ไม่ออก ก็จบข่าว เราไม่สามารถมองอะไรไกลเกินสี่ปีเลือกตั้ง ทั้งที่ในโลกทุกวันนี้ เราต้องมองไปสามสิบปีล่วงหน้าแล้ว ประเทศที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่ประเทศที่รวยที่สุด แต่เป็นประเทศที่คนมีปัญญาที่สุด และปัญญาทำให้มีความสุข ได้โปรดเถอะ หยุดคิดแต่เรื่องเงินสักครู่ได้ไหม คิดถึงอนาคตของลูกหลานบ้างเถอะ วินทร์ เลียววาริณ 18 กันยายน 2567
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นวดนอกสถานที่
    #นวดจันทบุรี
    #นวดตามใจหมอ
    #หมอนวดผู้ชาย
    #นวดเพื่อสุขภาพ
    #นวดน้ำมันว่าน
    #นวดนอกสถานที่ #นวดจันทบุรี #นวดตามใจหมอ #หมอนวดผู้ชาย #นวดเพื่อสุขภาพ #นวดน้ำมันว่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว