• บทความกฎหมาย EP.41

    รัฐธรรมนูญไทย กฎหมายสูงสุดเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน

    รัฐธรรมนูญเปรียบเสมือนรากฐานอันแข็งแกร่งของประเทศ เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนการปกครองและวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดำเนินไปอย่างสงบสุขและเป็นระเบียบเรียบร้อย เหนือกว่ากฎหมายใดๆ ในแผ่นดิน รัฐธรรมนูญทำหน้าที่กำหนดทิศทาง โครงสร้างอำนาจ และขอบเขตการใช้อำนาจรัฐอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันมิให้เกิดการใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือในทางมิชอบ ซึ่งอาจนำมาซึ่งความไม่เป็นธรรมและความเดือดร้อนแก่ประชาชนได้ หัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญคือการธำรงไว้ซึ่งสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการแสดงออก สิทธิในการประกอบอาชีพ สิทธิในการได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย หรือสิทธิอื่นๆ ที่พึงมีพึงได้ในฐานะพลเมือง รัฐธรรมนูญยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดระเบียบองค์กรของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งมีหน้าที่ออกกฎหมาย ฝ่ายบริหาร ซึ่งมีหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน และฝ่ายตุลาการ ซึ่งมีหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย ทุกฝ่ายต้องทำงานภายใต้กรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลและตรวจสอบซึ่งกันและกัน อันจะนำมาซึ่งความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญยังสะท้อนถึงเจตนารมณ์และความปรารถนาร่วมกันของคนในชาติในการสร้างสรรค์สังคมที่สงบสุข ยุติธรรม และก้าวหน้า ทุกถ้อยคำในรัฐธรรมนูญจึงมิได้เป็นเพียงบทบัญญัติทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนสัญญาประชาคมที่ประชาชนได้ให้ไว้แก่กัน เพื่อที่จะเคารพและปฏิบัติตามร่วมกัน เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม

    ดังนั้น การทำความเข้าใจในสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนทุกคน เพราะเมื่อประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในสิทธิหน้าที่ของตนเอง และบทบาทของรัฐธรรมนูญในการคุ้มครองสิทธิเหล่านั้น ก็จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของรัฐ และปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและส่วนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การศึกษาและเรียนรู้รัฐธรรมนูญอย่างถ่องแท้ จะช่วยให้เราตระหนักถึงคุณค่าของการเป็นพลเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญเป็นหลักประกัน ประชาชนมีสิทธิที่จะรับรู้ข้อมูลข่าวสาร มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และมีสิทธิที่จะเลือกผู้แทนของตนเองเข้าไปทำหน้าที่ในสภา เพื่อสะท้อนปัญหาและความต้องการของประชาชน รัฐธรรมนูญจึงมิได้เป็นเพียงเอกสารทางกฎหมายที่แห้งแล้ง แต่เป็นเครื่องมือที่มีชีวิต ที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตามบริบททางสังคมและการเมือง เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของประชาชนในแต่ละยุคสมัย และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของประเทศ เพื่อให้กฎหมายสูงสุดนี้ยังคงเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งและเป็นธรรมสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง

    ท้ายที่สุดนี้ รัฐธรรมนูญไทยจึงเป็นมากกว่ากฎหมาย มันคือจิตวิญญาณแห่งความเป็นชาติ คือเครื่องมือในการสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเสมอภาค คือหลักประกันแห่งสิทธิเสรีภาพ และคือแผนที่นำทางสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนของประเทศไทย การเรียนรู้และปกป้องรัฐธรรมนูญจึงเป็นหน้าที่ของพลเมืองทุกคน เพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นดินแดนแห่งความหวังและโอกาสสำหรับคนรุ่นต่อไปตราบนานเท่านาน
    บทความกฎหมาย EP.41 รัฐธรรมนูญไทย กฎหมายสูงสุดเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน รัฐธรรมนูญเปรียบเสมือนรากฐานอันแข็งแกร่งของประเทศ เป็นเสาหลักที่ค้ำจุนการปกครองและวิถีชีวิตของผู้คนในสังคมให้ดำเนินไปอย่างสงบสุขและเป็นระเบียบเรียบร้อย เหนือกว่ากฎหมายใดๆ ในแผ่นดิน รัฐธรรมนูญทำหน้าที่กำหนดทิศทาง โครงสร้างอำนาจ และขอบเขตการใช้อำนาจรัฐอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันมิให้เกิดการใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือในทางมิชอบ ซึ่งอาจนำมาซึ่งความไม่เป็นธรรมและความเดือดร้อนแก่ประชาชนได้ หัวใจสำคัญของรัฐธรรมนูญคือการธำรงไว้ซึ่งสิทธิเสรีภาพของปวงชนชาวไทยทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในการแสดงออก สิทธิในการประกอบอาชีพ สิทธิในการได้รับความคุ้มครองตามกฎหมาย หรือสิทธิอื่นๆ ที่พึงมีพึงได้ในฐานะพลเมือง รัฐธรรมนูญยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดระเบียบองค์กรของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งมีหน้าที่ออกกฎหมาย ฝ่ายบริหาร ซึ่งมีหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดิน และฝ่ายตุลาการ ซึ่งมีหน้าที่ในการพิจารณาพิพากษาคดีให้เป็นไปตามกฎหมาย ทุกฝ่ายต้องทำงานภายใต้กรอบที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้เกิดการถ่วงดุลและตรวจสอบซึ่งกันและกัน อันจะนำมาซึ่งความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการบริหารประเทศ นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญยังสะท้อนถึงเจตนารมณ์และความปรารถนาร่วมกันของคนในชาติในการสร้างสรรค์สังคมที่สงบสุข ยุติธรรม และก้าวหน้า ทุกถ้อยคำในรัฐธรรมนูญจึงมิได้เป็นเพียงบทบัญญัติทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังเป็นเสมือนสัญญาประชาคมที่ประชาชนได้ให้ไว้แก่กัน เพื่อที่จะเคารพและปฏิบัติตามร่วมกัน เพื่อประโยชน์สุขของประเทศชาติและประชาชนโดยรวม ดังนั้น การทำความเข้าใจในสาระสำคัญของรัฐธรรมนูญจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับประชาชนทุกคน เพราะเมื่อประชาชนมีความรู้ความเข้าใจในสิทธิหน้าที่ของตนเอง และบทบาทของรัฐธรรมนูญในการคุ้มครองสิทธิเหล่านั้น ก็จะสามารถเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการทำงานของรัฐ และปกป้องผลประโยชน์ของตนเองและส่วนรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น การศึกษาและเรียนรู้รัฐธรรมนูญอย่างถ่องแท้ จะช่วยให้เราตระหนักถึงคุณค่าของการเป็นพลเมืองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่มีรัฐธรรมนูญเป็นหลักประกัน ประชาชนมีสิทธิที่จะรับรู้ข้อมูลข่าวสาร มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และมีสิทธิที่จะเลือกผู้แทนของตนเองเข้าไปทำหน้าที่ในสภา เพื่อสะท้อนปัญหาและความต้องการของประชาชน รัฐธรรมนูญจึงมิได้เป็นเพียงเอกสารทางกฎหมายที่แห้งแล้ง แต่เป็นเครื่องมือที่มีชีวิต ที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงไปตามบริบททางสังคมและการเมือง เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของประชาชนในแต่ละยุคสมัย และการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญก็เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญที่เปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางของประเทศ เพื่อให้กฎหมายสูงสุดนี้ยังคงเป็นเสาหลักที่แข็งแกร่งและเป็นธรรมสำหรับทุกคนอย่างแท้จริง ท้ายที่สุดนี้ รัฐธรรมนูญไทยจึงเป็นมากกว่ากฎหมาย มันคือจิตวิญญาณแห่งความเป็นชาติ คือเครื่องมือในการสร้างสังคมที่ยุติธรรมและเสมอภาค คือหลักประกันแห่งสิทธิเสรีภาพ และคือแผนที่นำทางสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างยั่งยืนของประเทศไทย การเรียนรู้และปกป้องรัฐธรรมนูญจึงเป็นหน้าที่ของพลเมืองทุกคน เพื่อให้ประเทศไทยยังคงเป็นดินแดนแห่งความหวังและโอกาสสำหรับคนรุ่นต่อไปตราบนานเท่านาน
    0 Comments 0 Shares 276 Views 0 Reviews
  • สุชาติ ย้ำ 4 เดือนคือ 4 เดือน ตามสัญญาประชาคม ใครพลิกไปพลิกมาประชาชนจะไม่เชื่อถือ ชี้ควรให้เวลารัฐบาลทำงาน
    https://www.thai-tai.tv/news/22258/
    .
    #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #ยุบสภา #สัญญาประชาคม #อนุทิน #ลูกผู้ชาย

    สุชาติ ย้ำ 4 เดือนคือ 4 เดือน ตามสัญญาประชาคม ใครพลิกไปพลิกมาประชาชนจะไม่เชื่อถือ ชี้ควรให้เวลารัฐบาลทำงาน https://www.thai-tai.tv/news/22258/ . #ไทยไท #สุชาติชมกลิ่น #ยุบสภา #สัญญาประชาคม #อนุทิน #ลูกผู้ชาย
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • นโยบายบ่อนกาสิโนไม่มีพรรคใดหาเสียง จึงไม่มีสิทธิโหวตรับในสภา !!สมัยเกิดทุจริตจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ งบประมาณ 1,400 ล้านบาท เมื่อปีพ.ศ.2542 รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขถูกเครือข่าย 30 องค์กรภาคประชาชนยื่นกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ รัฐมนตรีอ้างว่าเงินที่ไม่สามารถระบุที่มาของเงินนั้นได้มาจากการเล่นการพนันจากบ่อนกาสิโนในต่างประเทศ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ไม่รับฟังข้อต่อสู้ดังกล่าวจึงมีการไต่สวนจนพบว่ามีเงินที่รับสินบนด้วยการทำนิติกรรมอำพรางที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบนจากบริษัทยาเพื่อจัดซื้อยาราคาแพง และได้ส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรัฐมนตรีถูกพิพากษาว่าร่ำรวยผิดปกติ และถูกยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน 233.87 ล้านบาท และต่อมารัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุก15ปีจากการรับสินบนหากร่างพ.ร.บ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ …. ถูกรับรองผ่านเป็นกฎหมายโดยมีการสอดไส้บ่อนกาสิโนไว้ในพรบ.ฉบับนี้ตามที่รัฐบาลต้องการ ต่อจากนี้เป็นต้นไป การฟอกเงินจากสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหลาย ทั้งการรับสินบน การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด เงินจากการทำผิดกฎหมาย และการปล้นในรูปแบบต่างๆจะถูกอ้างว่าได้มาจากบ่อนกาสิโน เงินใต้ดินทั้งหลายจะถูกฟอกขาวโดยบ่อนกาสิโน สิ่งนี้คือสิ่งที่นักการเมืองต้องการ ใช่หรือไม่ ?! พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นผู้แทนในรัฐสภา ต้องรับผิดชอบต่อการหาเสียงซึ่งถือเป็นสัญญาประชาคม ว่าจะทำอะไรให้ประชาชนถ้าได้รับเลือกเป็นผู้แทนประชาชน หลักคำสอนทางการเมืองของจอห์น ล็อค ที่ให้แก่ผู้มีศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย มีอยู่สั้นๆ ว่า รัฐบาลที่ชอบธรรมทั้งปวงหรือ“รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”เป็น“รัฐบาลที่มีอำนาจที่จำกัด”(Limited Government)และดำรงอยู่ได้ด้วยความยินยอม (consent) ของประชาชนที่เลือกรัฐบาลขึ้นมา กล่าวคือ รัฐบาลมีอำนาจความเป็นผู้แทนจำกัดอยู่เฉพาะการดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงกับประชาชนไว้เท่านั้น ดังนั้นการคัดค้านบ่อนกาสิโนของประชาชน นักการเมืองต้องฟัง !!ในเมื่อพรรคการเมืองทั้งหลายที่อยู่ร่วมเป็นรัฐบาลผสม ไม่เคยหาเสียงเรื่องบ่อนกาสิโน จึงไม่มีสิทธิฮั้วกันโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนหากพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ตนไม่ได้หาเสียงไว้ ก็เท่ากับท่านใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ประชาชนมอบหมายให้ และเป็นการทำลายสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนอย่างร้ายแรง อันอาจถึงขั้นที่รัฐบาลกลายเป็นกบฎต่อความไว้วางใจ และต่อสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนเสียเอง และประชาชนสามารถใช้อำนาจประชาธิปไตยทางตรง(Direct Democrcy)ขับไล่รัฐบาลที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตนั้นได้การที่ประชาชนแม้ไม่เห็นด้วยกับการนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล แต่เพราะเป็นการหาเสียงของรัฐบาล ประชาชนจึงกล้ำกลืนความไม่พอใจ ความกังวลใจว่าประเทศจะเสียหายเพราะนโยบายแจกเงินเช่นนั้น แต่บ่อนกาสิโนไม่ใช่การหาเสียงของพรรคใด พวกท่านจึงไม่มีสิทธิลักไก่ผลักดันผ่านร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนดังกล่าว โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านต่อต้านที่ดังกึกก้องมาจากทุกภาคส่วนของสังคมไทยในขณะนี้จงอย่าคิดว่าเมื่อได้อำนาจที่ประชาชนมอบให้ผ่านการเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลก็จะทำอะไรก็ได้ ที่นอกเหนือจากการหาเสียง ประชาชนเลือกผู้แทน ไม่ใช่เลือกโจรมาปล้นบ้านตัวเอง ใช่หรือไม่?รัฐบาลและรัฐสภามีเครื่องมือในการทำประชามติ ถ้ารัฐบาลทนรอถึงการเลือกตั้งสมัยหน้าไม่ได้ ก็จงใช้เครื่องมือประชามติถามประชาชนทั้งประเทศเรื่องบ่อนกาสิโนว่าประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำหรือไม่ ?ประธานรัฐสภาเป็นเสาหลัก 1 ในอำนาจ 3 ที่ประชาชนมอบให้ และหวังให้เสาหลักเป็นหลักที่ปักมั่นไม่คลอนแคลน เป็นอิสระ และทำตามสัญญาประชาคมในการไม่เปิดประตูให้กับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ประชาชนคัดค้าน ถ้าท่านยอมให้ร่างกฎหมายเข้าสู่สายพานการออกกฎหมายของรัฐสภา ก็ไม่ต่างกับการออกกฎหมายให้การปล้นอนาคตประเทศ ปล้นอนาคตลูกหลานไทยเป็นการปล้นที่ถูกกฎหมาย ใช่หรือไม่?ขอให้จดจำร่างพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย ว่ามีการลักหลับผ่านกฎหมายช่วงตี3-ตี4 ตรงตามฤกษ์โจรปล้น ว่ามีผลเป็นอย่างไร บ่อนกาสิโนก็อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดความปั่นป่วนและอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นได้อีกจากการฉวยโอกาส ดังที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆจากการลุกขึ้นต่อต้านของประชาชน ใช่หรือไม่รสนา โตสิตระกูล3 เมษายน 2568#คัดค้านกาสิโน
    นโยบายบ่อนกาสิโนไม่มีพรรคใดหาเสียง จึงไม่มีสิทธิโหวตรับในสภา !!สมัยเกิดทุจริตจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ งบประมาณ 1,400 ล้านบาท เมื่อปีพ.ศ.2542 รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขถูกเครือข่าย 30 องค์กรภาคประชาชนยื่นกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ รัฐมนตรีอ้างว่าเงินที่ไม่สามารถระบุที่มาของเงินนั้นได้มาจากการเล่นการพนันจากบ่อนกาสิโนในต่างประเทศ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) ไม่รับฟังข้อต่อสู้ดังกล่าวจึงมีการไต่สวนจนพบว่ามีเงินที่รับสินบนด้วยการทำนิติกรรมอำพรางที่เกี่ยวข้องกับการรับสินบนจากบริษัทยาเพื่อจัดซื้อยาราคาแพง และได้ส่งฟ้องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และรัฐมนตรีถูกพิพากษาว่าร่ำรวยผิดปกติ และถูกยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน 233.87 ล้านบาท และต่อมารัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุก15ปีจากการรับสินบนหากร่างพ.ร.บ การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ …. ถูกรับรองผ่านเป็นกฎหมายโดยมีการสอดไส้บ่อนกาสิโนไว้ในพรบ.ฉบับนี้ตามที่รัฐบาลต้องการ ต่อจากนี้เป็นต้นไป การฟอกเงินจากสิ่งที่ผิดกฎหมายทั้งหลาย ทั้งการรับสินบน การค้ามนุษย์ การค้ายาเสพติด เงินจากการทำผิดกฎหมาย และการปล้นในรูปแบบต่างๆจะถูกอ้างว่าได้มาจากบ่อนกาสิโน เงินใต้ดินทั้งหลายจะถูกฟอกขาวโดยบ่อนกาสิโน สิ่งนี้คือสิ่งที่นักการเมืองต้องการ ใช่หรือไม่ ?! พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นผู้แทนในรัฐสภา ต้องรับผิดชอบต่อการหาเสียงซึ่งถือเป็นสัญญาประชาคม ว่าจะทำอะไรให้ประชาชนถ้าได้รับเลือกเป็นผู้แทนประชาชน หลักคำสอนทางการเมืองของจอห์น ล็อค ที่ให้แก่ผู้มีศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย มีอยู่สั้นๆ ว่า รัฐบาลที่ชอบธรรมทั้งปวงหรือ“รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง”เป็น“รัฐบาลที่มีอำนาจที่จำกัด”(Limited Government)และดำรงอยู่ได้ด้วยความยินยอม (consent) ของประชาชนที่เลือกรัฐบาลขึ้นมา กล่าวคือ รัฐบาลมีอำนาจความเป็นผู้แทนจำกัดอยู่เฉพาะการดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงกับประชาชนไว้เท่านั้น ดังนั้นการคัดค้านบ่อนกาสิโนของประชาชน นักการเมืองต้องฟัง !!ในเมื่อพรรคการเมืองทั้งหลายที่อยู่ร่วมเป็นรัฐบาลผสม ไม่เคยหาเสียงเรื่องบ่อนกาสิโน จึงไม่มีสิทธิฮั้วกันโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนหากพรรคแกนนำรัฐบาลและพรรคร่วมรัฐบาลโหวตรับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ตนไม่ได้หาเสียงไว้ ก็เท่ากับท่านใช้อำนาจเกินขอบเขตที่ประชาชนมอบหมายให้ และเป็นการทำลายสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนอย่างร้ายแรง อันอาจถึงขั้นที่รัฐบาลกลายเป็นกบฎต่อความไว้วางใจ และต่อสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับประชาชนเสียเอง และประชาชนสามารถใช้อำนาจประชาธิปไตยทางตรง(Direct Democrcy)ขับไล่รัฐบาลที่ใช้อำนาจเกินขอบเขตนั้นได้การที่ประชาชนแม้ไม่เห็นด้วยกับการนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทของรัฐบาล แต่เพราะเป็นการหาเสียงของรัฐบาล ประชาชนจึงกล้ำกลืนความไม่พอใจ ความกังวลใจว่าประเทศจะเสียหายเพราะนโยบายแจกเงินเช่นนั้น แต่บ่อนกาสิโนไม่ใช่การหาเสียงของพรรคใด พวกท่านจึงไม่มีสิทธิลักไก่ผลักดันผ่านร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนดังกล่าว โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านต่อต้านที่ดังกึกก้องมาจากทุกภาคส่วนของสังคมไทยในขณะนี้จงอย่าคิดว่าเมื่อได้อำนาจที่ประชาชนมอบให้ผ่านการเลือกตั้งแล้ว รัฐบาลก็จะทำอะไรก็ได้ ที่นอกเหนือจากการหาเสียง ประชาชนเลือกผู้แทน ไม่ใช่เลือกโจรมาปล้นบ้านตัวเอง ใช่หรือไม่?รัฐบาลและรัฐสภามีเครื่องมือในการทำประชามติ ถ้ารัฐบาลทนรอถึงการเลือกตั้งสมัยหน้าไม่ได้ ก็จงใช้เครื่องมือประชามติถามประชาชนทั้งประเทศเรื่องบ่อนกาสิโนว่าประชาชนต้องการให้รัฐบาลทำหรือไม่ ?ประธานรัฐสภาเป็นเสาหลัก 1 ในอำนาจ 3 ที่ประชาชนมอบให้ และหวังให้เสาหลักเป็นหลักที่ปักมั่นไม่คลอนแคลน เป็นอิสระ และทำตามสัญญาประชาคมในการไม่เปิดประตูให้กับร่างกฎหมายบ่อนกาสิโนที่ประชาชนคัดค้าน ถ้าท่านยอมให้ร่างกฎหมายเข้าสู่สายพานการออกกฎหมายของรัฐสภา ก็ไม่ต่างกับการออกกฎหมายให้การปล้นอนาคตประเทศ ปล้นอนาคตลูกหลานไทยเป็นการปล้นที่ถูกกฎหมาย ใช่หรือไม่?ขอให้จดจำร่างพรบ.นิรโทษกรรมสุดซอย ว่ามีการลักหลับผ่านกฎหมายช่วงตี3-ตี4 ตรงตามฤกษ์โจรปล้น ว่ามีผลเป็นอย่างไร บ่อนกาสิโนก็อาจกลายเป็นน้ำผึ้งหยดหนึ่งซึ่งก่อให้เกิดความปั่นป่วนและอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นได้อีกจากการฉวยโอกาส ดังที่เคยเกิดขึ้นซ้ำๆจากการลุกขึ้นต่อต้านของประชาชน ใช่หรือไม่รสนา โตสิตระกูล3 เมษายน 2568#คัดค้านกาสิโน
    Like
    1
    0 Comments 1 Shares 1336 Views 0 Reviews