• ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว Majorana 1 ซึ่งเป็น Quantum Processor ตัวแรกของโลกที่ใช้สถาปัตยกรรม Topological Core ที่เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา Fault-Tolerant Quantum Computing โดยโปรเซสเซอร์นี้ใช้ Tetron Qubits ที่สร้างขึ้นจาก Majorana Zero Modes (MZMs) เพื่อให้มีความเสถียรและสามารถขยายขนาดได้ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาให้ถึง Million Qubits เพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาทางอุตสาหกรรม เช่น การย่อยสลายไมโครพลาสติกและวัสดุที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้

    ใจกลางของ Majorana 1 คือโครงสร้างเฮเทอโรภาคของซุปเปอร์คอนดักเตอร์-เซมิคอนดักเตอร์ที่รวม Indium Arsenide และ Aluminium ซึ่งทำให้สามารถควบคุม MZMs ได้อย่างแม่นยำ MZMs เป็นอนุภาคควอนตัมที่เข้ารหัสข้อมูลในลักษณะที่ต้านทานเสียงและข้อผิดพลาด โดยการจัดเรียง MZMs ในสายยาวรูปตัว H จะสร้าง Tetron ที่สามารถลดข้อผิดพลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สิ่งที่น่าสนใจคือการออกแบบนี้ใช้ Digital Voltage Pulses แทนการปรับแต่งแบบแอนะล็อก ทำให้สามารถขยายขนาดได้ง่าย ชิปนี้มี Tetron ทั้งหมดแปดหน่วยและรองรับโปรโตคอลการตรวจจับข้อผิดพลาดเชิงควอนตัม เช่น Hastings-Haah Floquet Codes และ Ladder Codes ซึ่งใช้การวัด Pauli แบบหนึ่งและสองคิวบิตในการตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาด

    โครงการ US2QC ของ DARPA ได้ยืนยันว่า กลยุทธ์การใช้เทคโนโลยีทอพอโลยีของไมโครซอฟท์นั้นช่วยลดภาระงาน ทำให้ระบบควอนตัมในอนาคตที่มีล้านคิวบิตสามารถใส่ในศูนย์ข้อมูล Azure ได้

    ในด้านการใช้งาน ชิปนี้สามารถนำไปใช้ในการออกแบบ Catalyst เพื่อลดมลพิษ ปรับปรุง Enzymes สำหรับการเกษตร และจำลองวัสดุใหม่ ๆ ไมโครซอฟท์มีเป้าหมายที่จะรวมควอนตัม AI และการประมวลผลประสิทธิภาพสูงเข้าไว้ใน Azure เพื่อเร่งการค้นพบที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ในอีกหลายทศวรรษ

    เห็นได้ชัดว่า Majorana 1 เป็นการพิสูจน์ว่าคิวบิตทอพอโลยี ซึ่งเคยเป็นการวางเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูง ตอนนี้กลายเป็นรากฐานของระบบควอนตัมที่สามารถขยายขนาดได้อย่างแท้จริง

    https://www.techpowerup.com/332790/microsoft-presents-majorana-1-first-quantum-processor-to-pave-the-way-to-million-qubit-systems
    ไมโครซอฟท์ได้เปิดตัว Majorana 1 ซึ่งเป็น Quantum Processor ตัวแรกของโลกที่ใช้สถาปัตยกรรม Topological Core ที่เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา Fault-Tolerant Quantum Computing โดยโปรเซสเซอร์นี้ใช้ Tetron Qubits ที่สร้างขึ้นจาก Majorana Zero Modes (MZMs) เพื่อให้มีความเสถียรและสามารถขยายขนาดได้ โดยมีเป้าหมายในการพัฒนาให้ถึง Million Qubits เพื่อนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหาทางอุตสาหกรรม เช่น การย่อยสลายไมโครพลาสติกและวัสดุที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ใจกลางของ Majorana 1 คือโครงสร้างเฮเทอโรภาคของซุปเปอร์คอนดักเตอร์-เซมิคอนดักเตอร์ที่รวม Indium Arsenide และ Aluminium ซึ่งทำให้สามารถควบคุม MZMs ได้อย่างแม่นยำ MZMs เป็นอนุภาคควอนตัมที่เข้ารหัสข้อมูลในลักษณะที่ต้านทานเสียงและข้อผิดพลาด โดยการจัดเรียง MZMs ในสายยาวรูปตัว H จะสร้าง Tetron ที่สามารถลดข้อผิดพลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่น่าสนใจคือการออกแบบนี้ใช้ Digital Voltage Pulses แทนการปรับแต่งแบบแอนะล็อก ทำให้สามารถขยายขนาดได้ง่าย ชิปนี้มี Tetron ทั้งหมดแปดหน่วยและรองรับโปรโตคอลการตรวจจับข้อผิดพลาดเชิงควอนตัม เช่น Hastings-Haah Floquet Codes และ Ladder Codes ซึ่งใช้การวัด Pauli แบบหนึ่งและสองคิวบิตในการตรวจจับและแก้ไขข้อผิดพลาด โครงการ US2QC ของ DARPA ได้ยืนยันว่า กลยุทธ์การใช้เทคโนโลยีทอพอโลยีของไมโครซอฟท์นั้นช่วยลดภาระงาน ทำให้ระบบควอนตัมในอนาคตที่มีล้านคิวบิตสามารถใส่ในศูนย์ข้อมูล Azure ได้ ในด้านการใช้งาน ชิปนี้สามารถนำไปใช้ในการออกแบบ Catalyst เพื่อลดมลพิษ ปรับปรุง Enzymes สำหรับการเกษตร และจำลองวัสดุใหม่ ๆ ไมโครซอฟท์มีเป้าหมายที่จะรวมควอนตัม AI และการประมวลผลประสิทธิภาพสูงเข้าไว้ใน Azure เพื่อเร่งการค้นพบที่เคยคิดว่าเป็นไปไม่ได้ในอีกหลายทศวรรษ เห็นได้ชัดว่า Majorana 1 เป็นการพิสูจน์ว่าคิวบิตทอพอโลยี ซึ่งเคยเป็นการวางเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูง ตอนนี้กลายเป็นรากฐานของระบบควอนตัมที่สามารถขยายขนาดได้อย่างแท้จริง https://www.techpowerup.com/332790/microsoft-presents-majorana-1-first-quantum-processor-to-pave-the-way-to-million-qubit-systems
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Microsoft Presents Majorana 1: First Quantum Processor to Pave the Way to Million-Qubit Systems
    Microsoft has launched Majorana 1, the world's first quantum processor powered by a Topological Core architecture, marking a significant step toward fault-tolerant, utility-scale quantum computing. The chip leverages tetron qubits—topological qubits built on Majorana zero modes (MZMs)—to achieve sta...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุดยอดความทันสมัยของสถาปัตยกรรมจีนในการออกแบบอาคารให้เป็น STEP คล้ายปิรามิด ที่มีการกระจายอากาศที่ดี และ แสงธรรมชาติส่องเข้าถึงในทุกที่ของอาคาร
    สุดยอดความทันสมัยของสถาปัตยกรรมจีนในการออกแบบอาคารให้เป็น STEP คล้ายปิรามิด ที่มีการกระจายอากาศที่ดี และ แสงธรรมชาติส่องเข้าถึงในทุกที่ของอาคาร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 345 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • มีการเปิดเผยรายละเอียดของหน่วยประมวลผลใหม่ของ AMD ที่ชื่อว่า Ryzen AI Max+ “Strix Halo” APU ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดตัวและมีความสามารถในการประมวลผลที่หลากหลาย รวมถึง CPU, GPU และ AI ในแพ็กเกจเดียวกัน

    หน่วยประมวลผลนี้ประกอบด้วยสถาปัตยกรรมที่มีขนาดใหญ่ถึง 441.72 ตร.มม. โดยมีสองส่วนคือ CPU CCD ขนาด 67.07 ตร.มม. ที่มี 8 คอร์ Zen 5 พร้อมกับหน่วยความจำแคช L2 ขนาด 8MB และ GPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 3.5 มี 40 CUs รวมถึง NPU ที่ใช้เทคโนโลยี XDNA 2 สำหรับการเร่งการประมวลผล AI

    นอกจากนี้ หน่วยประมวลผลนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบ PCIe 4.0 และ USB4 รวมถึงมีการรองรับหน่วยความจำ LPDDR5X ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 256GB/s และหน่วยความจำแคชระดับสุดท้าย (LLC) ขนาด 32MB ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลข้อมูล

    การออกแบบของ Strix Halo นั้นเน้นการใช้งานในอุปกรณ์พกพา โดยมีการลดระยะทางการเชื่อมต่อระหว่างดาย (die-to-die interface) เพื่อลดความล่าช้าและการใช้พลังงาน นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยี Through-Silicon Via (TSV) เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อและประสิทธิภาพ

    การเปิดตัว Strix Halo APU นี้จะเริ่มต้นใน ASUS ROG Flow Z13 ที่มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ และคาดว่าจะได้รับความนิยมในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาระดับพรีเมียมอย่างกว้างขวาง

    https://www.techpowerup.com/332745/amd-ryzen-ai-max-strix-halo-die-exposed-and-annotated
    มีการเปิดเผยรายละเอียดของหน่วยประมวลผลใหม่ของ AMD ที่ชื่อว่า Ryzen AI Max+ “Strix Halo” APU ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งเปิดตัวและมีความสามารถในการประมวลผลที่หลากหลาย รวมถึง CPU, GPU และ AI ในแพ็กเกจเดียวกัน หน่วยประมวลผลนี้ประกอบด้วยสถาปัตยกรรมที่มีขนาดใหญ่ถึง 441.72 ตร.มม. โดยมีสองส่วนคือ CPU CCD ขนาด 67.07 ตร.มม. ที่มี 8 คอร์ Zen 5 พร้อมกับหน่วยความจำแคช L2 ขนาด 8MB และ GPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 3.5 มี 40 CUs รวมถึง NPU ที่ใช้เทคโนโลยี XDNA 2 สำหรับการเร่งการประมวลผล AI นอกจากนี้ หน่วยประมวลผลนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อแบบ PCIe 4.0 และ USB4 รวมถึงมีการรองรับหน่วยความจำ LPDDR5X ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 256GB/s และหน่วยความจำแคชระดับสุดท้าย (LLC) ขนาด 32MB ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลข้อมูล การออกแบบของ Strix Halo นั้นเน้นการใช้งานในอุปกรณ์พกพา โดยมีการลดระยะทางการเชื่อมต่อระหว่างดาย (die-to-die interface) เพื่อลดความล่าช้าและการใช้พลังงาน นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยี Through-Silicon Via (TSV) เพื่อเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อและประสิทธิภาพ การเปิดตัว Strix Halo APU นี้จะเริ่มต้นใน ASUS ROG Flow Z13 ที่มีกำหนดวางจำหน่ายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ และคาดว่าจะได้รับความนิยมในอุปกรณ์คอมพิวเตอร์พกพาระดับพรีเมียมอย่างกว้างขวาง https://www.techpowerup.com/332745/amd-ryzen-ai-max-strix-halo-die-exposed-and-annotated
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Ryzen AI Max+ "Strix Halo" Die Exposed and Annotated
    AMD's "Strix Halo" APU, marketed as Ryzen AI Max+, has just been exposed in die-shot analysis. Confirming the processor's triple-die architecture, the package showcases a total silicon footprint of 441.72 mm² that integrates advanced CPU, GPU, and AI acceleration capabilities within a single package...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 130 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Arm ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสร้างชิปประมวลผลของตัวเอง ซึ่งเป็นข่าวที่น่าสนใจและสำคัญในวงการเทคโนโลยี Arm เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในการออกแบบสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ เช่น ARMv9 และได้รับการอนุญาตให้ใช้ IP จากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Apple, Qualcomm, Samsung, Nvidia, AMD, และ AWS แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ผลิตและขายชิปของตัวเอง

    ล่าสุดมีรายงานว่า Arm กำลังวางแผนที่จะเข้าสู่การผลิตชิปประมวลผลเองโดยอาจมีการซื้อ Ampere Computing ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเซิร์ฟเวอร์เดียวที่ยังคงมีอิสระอยู่ การซื้อกิจการนี้มีมูลค่าสูงถึง 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยขยายส่วนแบ่งตลาดของ Arm ในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์และ AI

    อย่างไรก็ตาม การก้าวเข้าสู่การผลิตชิปนี้อาจทำให้ Arm กลายเป็นคู่แข่งของลูกค้าบางรายที่ใช้งาน IP ของ Arm อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับ Arm ต่อไป นอกจากนี้ Arm ยังมีแผนที่จะดึงตัวพนักงานจากบริษัทลูกค้าของตัวเองเพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาชิปใหม่นี้ด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ Arm จะทำชิปที่เน้นไปที่การใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ซึ่งจะเพิ่มการแข่งขันในวงการนี้ให้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Arm ได้สร้างความสำเร็จจากการที่ลูกค้ามองว่าบริษัทเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางในอุตสาหกรรม แต่การก้าวสู่การผลิตชิปเองอาจทำให้ภาพลักษณ์นี้เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/the-only-way-is-stack-arm-wants-to-build-its-own-cpu-server-for-hyperscalers-reports-say-and-amd-wont-be-happy
    บริษัท Arm ที่กำลังเตรียมตัวเพื่อสร้างชิปประมวลผลของตัวเอง ซึ่งเป็นข่าวที่น่าสนใจและสำคัญในวงการเทคโนโลยี Arm เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงในการออกแบบสถาปัตยกรรมไมโครโปรเซสเซอร์ เช่น ARMv9 และได้รับการอนุญาตให้ใช้ IP จากบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Apple, Qualcomm, Samsung, Nvidia, AMD, และ AWS แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้ผลิตและขายชิปของตัวเอง ล่าสุดมีรายงานว่า Arm กำลังวางแผนที่จะเข้าสู่การผลิตชิปประมวลผลเองโดยอาจมีการซื้อ Ampere Computing ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิปเซิร์ฟเวอร์เดียวที่ยังคงมีอิสระอยู่ การซื้อกิจการนี้มีมูลค่าสูงถึง 6.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะช่วยขยายส่วนแบ่งตลาดของ Arm ในอุตสาหกรรมดาต้าเซ็นเตอร์และ AI อย่างไรก็ตาม การก้าวเข้าสู่การผลิตชิปนี้อาจทำให้ Arm กลายเป็นคู่แข่งของลูกค้าบางรายที่ใช้งาน IP ของ Arm อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลให้ลูกค้าตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับ Arm ต่อไป นอกจากนี้ Arm ยังมีแผนที่จะดึงตัวพนักงานจากบริษัทลูกค้าของตัวเองเพื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาชิปใหม่นี้ด้วย สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การที่ Arm จะทำชิปที่เน้นไปที่การใช้งานในดาต้าเซ็นเตอร์และ AI ซึ่งจะเพิ่มการแข่งขันในวงการนี้ให้รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะกับบริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Nvidia ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Arm ได้สร้างความสำเร็จจากการที่ลูกค้ามองว่าบริษัทเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางในอุตสาหกรรม แต่การก้าวสู่การผลิตชิปเองอาจทำให้ภาพลักษณ์นี้เปลี่ยนไป ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดในอนาคต https://www.techradar.com/pro/the-only-way-is-stack-arm-wants-to-build-its-own-cpu-server-for-hyperscalers-reports-say-and-amd-wont-be-happy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel กำลังพัฒนา GPU แบบ discrete รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า "Celestial" ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้สถาปัตยกรรม Xe3P และอาจจะผลิตโดย Intel Foundry Services (IFS) แทนที่จะเป็น TSMC นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทิศทางการพัฒนา GPU ของ Intel

    การเปิดตัว GPU Celestial นี้คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPU รุ่นก่อนหน้าที่ชื่อว่า Battlemage โดยมีการปรับปรุงในด้านความสามารถในการประมวลผลและประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงว่า Celestial จะใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาโดย Intel เอง ซึ่งหมายความว่า Intel ได้เปลี่ยนใจจากการใช้บริการของ TSMC มาผลิต GPU ของตนเอง

    นอกจากนั้น มีรายงานว่า Intel มีความตั้งใจที่จะยังคงแข่งขันในตลาด GPU แบบ discrete และจะมีการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ GPU Celestial ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่า Celestial จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 หรือช่วงต้นปี 2026

    เทคโนโลยี Xe3P ที่จะถูกใช้ใน GPU Celestial นี้มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น และทำให้ GPU ของ Intel สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเปลี่ยนมาใช้ Intel Foundry Services ในการผลิตชิปยังเป็นการบ่งบอกถึงความพยายามของ Intel ในการลดการพึ่งพาบริษัทภายนอกและเพิ่มการควบคุมการผลิตได้ดีขึ้น

    การพัฒนา GPU รุ่น Celestial นี้อาจจะช่วยให้ Intel มีโอกาสกลับมามีส่วนแบ่งตลาดในตลาด GPU ที่เดิมเคยสูญเสียไปให้กับคู่แข่งอย่าง NVIDIA และ AMD

    https://wccftech.com/intel-celestial-dgpus-are-expected-to-feature-the-xe3p-architecture/
    Intel กำลังพัฒนา GPU แบบ discrete รุ่นใหม่ที่มีชื่อว่า "Celestial" ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้สถาปัตยกรรม Xe3P และอาจจะผลิตโดย Intel Foundry Services (IFS) แทนที่จะเป็น TSMC นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในทิศทางการพัฒนา GPU ของ Intel การเปิดตัว GPU Celestial นี้คาดว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า GPU รุ่นก่อนหน้าที่ชื่อว่า Battlemage โดยมีการปรับปรุงในด้านความสามารถในการประมวลผลและประสิทธิภาพสูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีการกล่าวถึงว่า Celestial จะใช้เซมิคอนดักเตอร์ที่พัฒนาโดย Intel เอง ซึ่งหมายความว่า Intel ได้เปลี่ยนใจจากการใช้บริการของ TSMC มาผลิต GPU ของตนเอง นอกจากนั้น มีรายงานว่า Intel มีความตั้งใจที่จะยังคงแข่งขันในตลาด GPU แบบ discrete และจะมีการอัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับ GPU Celestial ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า คาดว่า Celestial จะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 หรือช่วงต้นปี 2026 เทคโนโลยี Xe3P ที่จะถูกใช้ใน GPU Celestial นี้มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลที่สูงขึ้น และทำให้ GPU ของ Intel สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การเปลี่ยนมาใช้ Intel Foundry Services ในการผลิตชิปยังเป็นการบ่งบอกถึงความพยายามของ Intel ในการลดการพึ่งพาบริษัทภายนอกและเพิ่มการควบคุมการผลิตได้ดีขึ้น การพัฒนา GPU รุ่น Celestial นี้อาจจะช่วยให้ Intel มีโอกาสกลับมามีส่วนแบ่งตลาดในตลาด GPU ที่เดิมเคยสูญเสียไปให้กับคู่แข่งอย่าง NVIDIA และ AMD https://wccftech.com/intel-celestial-dgpus-are-expected-to-feature-the-xe3p-architecture/
    WCCFTECH.COM
    Intel's Celestial dGPUs Are Expected To Feature The Xe3P Architecture, Will Likely Use Intel Foundry Instead of TSMC
    Intel's next-gen Celestial discrete GPUs are expected to feature the Xe3P architecture and could potentially be developed by the IFS.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD ได้ประกาศข่าวน่าสนใจเกี่ยวกับการเปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โปรเซสเซอร์นี้มีสองรุ่นคือ "Medusa Point" สำหรับอุปกรณ์พกพา และ "Olympic Ridge" สำหรับเดสก์ท็อป โดย Zen 6 ใช้กระบวนการผลิตระดับ 3 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วของการประมวลผล

    หนึ่งในจุดเด่นของ Zen 6 คือการเพิ่มจำนวนคอร์ประสิทธิภาพจากรุ่นก่อน โดยมีคอร์ทั้งหมด 12 คอร์ในซีซีดีเดียว Medusa Point ใช้การออกแบบแบบชิปเล็ทและมีไอโอดีที่ใช้กระบวนการผลิตที่เก่ากว่า พร้อมกับไอจีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลกราฟิก

    ส่วน Olympic Ridge สำหรับเดสก์ท็อปนั้นจะมีคอร์สูงสุดถึง 24 คอร์ และมีการเชื่อมต่อระหว่างซีซีดีที่มีความหน่วงต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างคอร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน่วยควบคุมหน่วยความจำเพื่อรองรับความเร็วของหน่วยความจำ DDR5 ที่สูงขึ้น

    https://www.techpowerup.com/332583/amd-zen-6-powers-medusa-point-mobile-and-olympic-ridge-desktop-processors
    AMD ได้ประกาศข่าวน่าสนใจเกี่ยวกับการเปิดตัวโปรเซสเซอร์รุ่นใหม่ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 โปรเซสเซอร์นี้มีสองรุ่นคือ "Medusa Point" สำหรับอุปกรณ์พกพา และ "Olympic Ridge" สำหรับเดสก์ท็อป โดย Zen 6 ใช้กระบวนการผลิตระดับ 3 นาโนเมตรจาก TSMC ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความเร็วของการประมวลผล หนึ่งในจุดเด่นของ Zen 6 คือการเพิ่มจำนวนคอร์ประสิทธิภาพจากรุ่นก่อน โดยมีคอร์ทั้งหมด 12 คอร์ในซีซีดีเดียว Medusa Point ใช้การออกแบบแบบชิปเล็ทและมีไอโอดีที่ใช้กระบวนการผลิตที่เก่ากว่า พร้อมกับไอจีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลกราฟิก ส่วน Olympic Ridge สำหรับเดสก์ท็อปนั้นจะมีคอร์สูงสุดถึง 24 คอร์ และมีการเชื่อมต่อระหว่างซีซีดีที่มีความหน่วงต่ำเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างคอร์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงหน่วยควบคุมหน่วยความจำเพื่อรองรับความเร็วของหน่วยความจำ DDR5 ที่สูงขึ้น https://www.techpowerup.com/332583/amd-zen-6-powers-medusa-point-mobile-and-olympic-ridge-desktop-processors
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    AMD Zen 6 Powers "Medusa Point" Mobile and "Olympic Ridge" Desktop Processors
    AMD is readying two important client segment processors powered by the next-generation "Zen 6" microarchitecture, according to a sensational new report by Moore's Law is Dead. These are the "Medusa Point" mobile processor, and the "Olympic Ridge" desktop. The former is a BGA roughly the size and Z-H...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ได้เปิดตัวซีพียูประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ชื่อว่า Core Ultra 5 230F ที่มีคอร์ประสิทธิภาพ 6 คอร์และคอร์ประหยัดพลังงาน 4 คอร์ ซีพียูรุ่นนี้ใช้สถาปัตยกรรม Arrow Lake ซึ่งมีคอร์ประสิทธิภาพ Lion Cove และคอร์ประหยัดพลังงาน Skymont โดยหน่วยความจำแคชรวมทั้งหมด 46MB ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล

    เมื่อทดสอบซีพียู Core Ultra 5 230F ในขีดจำกัดพลังงาน 65W ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าซีพียูรุ่นนี้สามารถแข่งขันได้กับรุ่น Core i5-14600K ในการประมวลผลทั่วไป และในการเล่นเกมก็สามารถเทียบเท่ากับรุ่น Core Ultra 5 245K ที่ไม่ได้ถูกล็อกพลังงาน แม้ว่าประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อปลดล็อกพลังงาน การเพิ่มประสิทธิภาพเพียง 3.2% แสดงให้เห็นว่าซีพียูรุ่นนี้มีการออกแบบที่ประหยัดพลังงานแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง

    นอกจากนี้ ซีพียูรุ่นนี้ยังมีการปรับปรุงระบบจัดการพลังงานที่ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประหยัดพลังงานและยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งาน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/65w-core-ultra-5-230f-matches-125w-core-ultra-5-245k-in-gaming
    Intel ได้เปิดตัวซีพียูประหยัดพลังงานรุ่นใหม่ชื่อว่า Core Ultra 5 230F ที่มีคอร์ประสิทธิภาพ 6 คอร์และคอร์ประหยัดพลังงาน 4 คอร์ ซีพียูรุ่นนี้ใช้สถาปัตยกรรม Arrow Lake ซึ่งมีคอร์ประสิทธิภาพ Lion Cove และคอร์ประหยัดพลังงาน Skymont โดยหน่วยความจำแคชรวมทั้งหมด 46MB ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผล เมื่อทดสอบซีพียู Core Ultra 5 230F ในขีดจำกัดพลังงาน 65W ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าซีพียูรุ่นนี้สามารถแข่งขันได้กับรุ่น Core i5-14600K ในการประมวลผลทั่วไป และในการเล่นเกมก็สามารถเทียบเท่ากับรุ่น Core Ultra 5 245K ที่ไม่ได้ถูกล็อกพลังงาน แม้ว่าประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อปลดล็อกพลังงาน การเพิ่มประสิทธิภาพเพียง 3.2% แสดงให้เห็นว่าซีพียูรุ่นนี้มีการออกแบบที่ประหยัดพลังงานแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง นอกจากนี้ ซีพียูรุ่นนี้ยังมีการปรับปรุงระบบจัดการพลังงานที่ช่วยให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในขณะที่ใช้พลังงานน้อยลง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประหยัดพลังงานและยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการใช้งาน https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/65w-core-ultra-5-230f-matches-125w-core-ultra-5-245k-in-gaming
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    65W Core Ultra 5 230F matches 125W Core Ultra 5 245K in gaming
    Sees a small 3.2% increase in performance with unlocked power limits.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 105 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในข่าวนี้มีการรายงานว่า Arm กำลังดึงตัวผู้บริหารและพนักงานจากลูกค้าของตน เพื่อช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตชิป Arm ซึ่งเคยขายคอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรเซสเซอร์ RISC ภายใต้แบรนด์ Acorn Computers มีรายได้จากการให้สิทธิ์ใช้งานสถาปัตยกรรมกับนักออกแบบชิปทั่วโลก

    แหล่งข่าวจาก Reuters เปิดเผยว่า Arm ได้ส่งข้อความถึงผู้บริหารของลูกค้าบางรายเพื่อชักชวนให้มาร่วมงาน โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนธุรกิจจากการให้สิทธิ์ใช้งานสถาปัตยกรรมมาเป็นการผลิตและจำหน่ายชิปของตนเอง ซึ่งเน้นการประมวลผล AI ในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่น ๆ

    หนึ่งในความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงนี้คือการคาดการณ์ว่าธุรกิจการผลิตชิปของ Arm อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมชิปทั้งหมด เนื่องจาก Arm เคยเป็นผู้เล่นที่มีสถานะกลางในตลาด ดังนั้นการตัดสินใจผลิตชิปของตนเองอาจทำให้ตลาดชิปมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ

    นอกจากนี้ ในปี 2022 Arm ได้มีการยื่นฟ้อง Qualcomm เพื่อยกเลิกข้อตกลงการให้สิทธิ์ใช้งาน แต่ภายหลังถูกบังคับให้ยกเลิกคดีความนี้ การฟ้องร้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Arm กำลังพยายามดึงผู้บริหารจากลูกค้าของตนเข้ามาร่วมงาน

    การตัดสินใจเปลี่ยนธุรกิจของ Arm อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมชิปทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดและผลกระทบต่อผู้ผลิตชิปรายอื่น ๆ เช่น Broadcom และ Qualcomm

    https://www.techspot.com/news/106778-arm-poaching-executives-clients-build-own-chips.html
    ในข่าวนี้มีการรายงานว่า Arm กำลังดึงตัวผู้บริหารและพนักงานจากลูกค้าของตน เพื่อช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตชิป Arm ซึ่งเคยขายคอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรเซสเซอร์ RISC ภายใต้แบรนด์ Acorn Computers มีรายได้จากการให้สิทธิ์ใช้งานสถาปัตยกรรมกับนักออกแบบชิปทั่วโลก แหล่งข่าวจาก Reuters เปิดเผยว่า Arm ได้ส่งข้อความถึงผู้บริหารของลูกค้าบางรายเพื่อชักชวนให้มาร่วมงาน โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนธุรกิจจากการให้สิทธิ์ใช้งานสถาปัตยกรรมมาเป็นการผลิตและจำหน่ายชิปของตนเอง ซึ่งเน้นการประมวลผล AI ในศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อื่น ๆ หนึ่งในความท้าทายของการเปลี่ยนแปลงนี้คือการคาดการณ์ว่าธุรกิจการผลิตชิปของ Arm อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมชิปทั้งหมด เนื่องจาก Arm เคยเป็นผู้เล่นที่มีสถานะกลางในตลาด ดังนั้นการตัดสินใจผลิตชิปของตนเองอาจทำให้ตลาดชิปมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ในปี 2022 Arm ได้มีการยื่นฟ้อง Qualcomm เพื่อยกเลิกข้อตกลงการให้สิทธิ์ใช้งาน แต่ภายหลังถูกบังคับให้ยกเลิกคดีความนี้ การฟ้องร้องเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ Arm กำลังพยายามดึงผู้บริหารจากลูกค้าของตนเข้ามาร่วมงาน การตัดสินใจเปลี่ยนธุรกิจของ Arm อาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมชิปทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้เกิดความผันผวนในตลาดและผลกระทบต่อผู้ผลิตชิปรายอื่น ๆ เช่น Broadcom และ Qualcomm https://www.techspot.com/news/106778-arm-poaching-executives-clients-build-own-chips.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Arm said to be poaching executives from clients to build its own chips
    Arm Holdings is currently on a recruiting spree, with the ultimate goal of entering the chip production industry independently. Reuters has quoted several sources familiar with the...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • DARPA (Defense Advanced Research Projects Agency) เป็นหน่วยงานวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา โดยมีหน้าที่ในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาใช้ในการป้องกันประเทศ กำลังเริ่มขั้นตอนสุดท้ายของโครงการ NOM4D (Novel Orbital and Moon Manufacturing, Materials, and Mass Efficient Design) โดยเปลี่ยนจากการทดสอบในห้องทดลองมาเป็นการสาธิตในวงโคจรขนาดเล็ก วัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือการพัฒนาวัสดุและเทคนิคการประกอบใหม่ ๆ ในอวกาศ เพื่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคยทำได้

    หนึ่งในความท้าทายหลักในการก่อสร้างในอวกาศคือข้อจำกัดด้านขนาดและน้ำหนักของโครงสร้างที่สามารถนำขึ้นไปในจรวด โครงการ NOM4D มีแนวทางใหม่โดยการใช้วัสดุน้ำหนักเบาที่จะถูกนำขึ้นไปในจรวดเพื่อประกอบในอวกาศ ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างโครงสร้างที่ใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้

    ในโครงการนี้ Caltech ได้ร่วมมือกับ Momentus เพื่อแสดงเทคโนโลยีการประกอบหุ่นยนต์อัตโนมัติบนยาน Momentus Vigoride Orbital Services Vehicle ซึ่งจะถูกส่งขึ้นไปในอวกาศโดยจรวด SpaceX Falcon 9 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 โครงสร้างที่จะสร้างขึ้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ทำจากวัสดุคอมโพสิตไฟเบอร์น้ำหนักเบา ซึ่งจะจำลองสถาปัตยกรรมของช่องเปิดเสาอากาศ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ในอวกาศ

    ในขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์บานา-แชมเปญ ได้พัฒนากระบวนการขึ้นรูปคอมโพสิตที่มีความแม่นยำสูงในอวกาศ ร่วมกับ Voyager Space และจะสาธิตเทคโนโลยีนี้บนสถานีอวกาศนานาชาติในเดือนเมษายน 2026 กระบวนการนี้ใช้วิธี "frontal polymerization" ที่ทำให้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์แข็งโดยไม่ต้องใช้เตาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการบุกเบิกที่สามารถทำให้การก่อสร้างโครงสร้างในอวกาศเป็นไปได้

    นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยฟลอริด้ายังมีการวิจัยเกี่ยวกับเทคนิคการดัดแผ่นโลหะด้วยเลเซอร์ร่วมกับ NASA's Marshall Space Flight Center ซึ่งงานนี้สามารถให้ความสามารถในการผลิตที่สำคัญสำหรับการก่อสร้างในอวกาศในอนาคต

    ความสำเร็จของการสาธิตเหล่านี้อาจมีผลกระทบที่กว้างขวางทั้งในด้านการพาณิชย์และความมั่นคงของชาติ โดยเทคโนโลยีที่พัฒนาเหล่านี้สามารถเพิ่มศักยภาพในการสร้างเสาอากาศขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 เมตร ที่จะช่วยเสริมสร้างความตระหนักรู้ในพื้นที่ใกล้ดวงจันทร์ (cislunar space) นอกจากนี้ โครงการ NOM4D ยังสามารถช่วยในการสร้างระบบนิเวศการผลิตในอวกาศ เช่น สถานีเติมเชื้อเพลิงในอวกาศ ฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศ และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่สำคัญทั้งสำหรับการพาณิชย์และความมั่นคงของชาติ

    https://www.techspot.com/news/106775-darpa-begins-testing-phase-orbit-space-construction.html
    DARPA (Defense Advanced Research Projects Agency) เป็นหน่วยงานวิจัยของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา โดยมีหน้าที่ในการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่สามารถนำมาใช้ในการป้องกันประเทศ กำลังเริ่มขั้นตอนสุดท้ายของโครงการ NOM4D (Novel Orbital and Moon Manufacturing, Materials, and Mass Efficient Design) โดยเปลี่ยนจากการทดสอบในห้องทดลองมาเป็นการสาธิตในวงโคจรขนาดเล็ก วัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือการพัฒนาวัสดุและเทคนิคการประกอบใหม่ ๆ ในอวกาศ เพื่อสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่และมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคยทำได้ หนึ่งในความท้าทายหลักในการก่อสร้างในอวกาศคือข้อจำกัดด้านขนาดและน้ำหนักของโครงสร้างที่สามารถนำขึ้นไปในจรวด โครงการ NOM4D มีแนวทางใหม่โดยการใช้วัสดุน้ำหนักเบาที่จะถูกนำขึ้นไปในจรวดเพื่อประกอบในอวกาศ ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างโครงสร้างที่ใหญ่ขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ในโครงการนี้ Caltech ได้ร่วมมือกับ Momentus เพื่อแสดงเทคโนโลยีการประกอบหุ่นยนต์อัตโนมัติบนยาน Momentus Vigoride Orbital Services Vehicle ซึ่งจะถูกส่งขึ้นไปในอวกาศโดยจรวด SpaceX Falcon 9 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 โครงสร้างที่จะสร้างขึ้นมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.4 เมตร ทำจากวัสดุคอมโพสิตไฟเบอร์น้ำหนักเบา ซึ่งจะจำลองสถาปัตยกรรมของช่องเปิดเสาอากาศ ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างโครงสร้างขนาดใหญ่ในอวกาศ ในขณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ เออร์บานา-แชมเปญ ได้พัฒนากระบวนการขึ้นรูปคอมโพสิตที่มีความแม่นยำสูงในอวกาศ ร่วมกับ Voyager Space และจะสาธิตเทคโนโลยีนี้บนสถานีอวกาศนานาชาติในเดือนเมษายน 2026 กระบวนการนี้ใช้วิธี "frontal polymerization" ที่ทำให้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์แข็งโดยไม่ต้องใช้เตาอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการบุกเบิกที่สามารถทำให้การก่อสร้างโครงสร้างในอวกาศเป็นไปได้ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยฟลอริด้ายังมีการวิจัยเกี่ยวกับเทคนิคการดัดแผ่นโลหะด้วยเลเซอร์ร่วมกับ NASA's Marshall Space Flight Center ซึ่งงานนี้สามารถให้ความสามารถในการผลิตที่สำคัญสำหรับการก่อสร้างในอวกาศในอนาคต ความสำเร็จของการสาธิตเหล่านี้อาจมีผลกระทบที่กว้างขวางทั้งในด้านการพาณิชย์และความมั่นคงของชาติ โดยเทคโนโลยีที่พัฒนาเหล่านี้สามารถเพิ่มศักยภาพในการสร้างเสาอากาศขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 100 เมตร ที่จะช่วยเสริมสร้างความตระหนักรู้ในพื้นที่ใกล้ดวงจันทร์ (cislunar space) นอกจากนี้ โครงการ NOM4D ยังสามารถช่วยในการสร้างระบบนิเวศการผลิตในอวกาศ เช่น สถานีเติมเชื้อเพลิงในอวกาศ ฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศ และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ ที่สำคัญทั้งสำหรับการพาณิชย์และความมั่นคงของชาติ https://www.techspot.com/news/106775-darpa-begins-testing-phase-orbit-space-construction.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    DARPA begins testing phase for in-orbit space construction
    DARPA has announced a major shift in the final phase of its NOM4D program, transitioning from laboratory testing to small-scale orbital demonstrations. This move aims to evaluate...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • SoftBank กำลังจะเข้าซื้อกิจการ Ampere Computing ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาเซิร์ฟเวอร์ชิปที่ใช้สถาปัตยกรรม Arm ในมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ การเคลื่อนไหวนี้อาจเปลี่ยนแปลงตลาดชิปเซิร์ฟเวอร์และ AI อย่างมาก

    Ampere Computing เป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจาก Oracle และกลุ่มบริษัทการลงทุน Carlyle Group ซึ่งพัฒนาชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับศูนย์ข้อมูล เช่น AmpereOne และ Magnetrix ที่ใช้สถาปัตยกรรมของ Arm การเข้าซื้อครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนของ SoftBank ที่จะท้าทายความเป็นเจ้าใหญ่ของ AMD และ Intel ในตลาดชิป AI และศูนย์ข้อมูล

    อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อครั้งนี้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเป็นกลางของ Arm ในฐานะผู้จัดหาเทคโนโลยีและอาจส่งผลต่อความสมดุลในการแข่งขันในอุตสาหกรรม

    SoftBank ได้เคยลงทุนใน Graphcore ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนา AI ชิปจากสหราชอาณาจักร และ Ampere Computing จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขยายขอบเขตการพัฒนาเทคโนโลยีของ SoftBank ในตลาดชิปเซิร์ฟเวอร์และ AI

    หากการเข้าซื้อเสร็จสมบูรณ์ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอุตสาหกรรมและอาจทำให้ SoftBank กลายเป็นผู้เล่นหลักในการพัฒนาเทคโนโลยีชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลและ AI ในอนาคต

    https://www.techradar.com/pro/arms-japanese-owner-is-rumored-to-be-buying-arms-only-independent-server-chip-vendor-but-i-dont-understand-the-rationale-behind-it
    SoftBank กำลังจะเข้าซื้อกิจการ Ampere Computing ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาเซิร์ฟเวอร์ชิปที่ใช้สถาปัตยกรรม Arm ในมูลค่า 6.5 พันล้านดอลลาร์ การเคลื่อนไหวนี้อาจเปลี่ยนแปลงตลาดชิปเซิร์ฟเวอร์และ AI อย่างมาก Ampere Computing เป็นบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจาก Oracle และกลุ่มบริษัทการลงทุน Carlyle Group ซึ่งพัฒนาชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับศูนย์ข้อมูล เช่น AmpereOne และ Magnetrix ที่ใช้สถาปัตยกรรมของ Arm การเข้าซื้อครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนของ SoftBank ที่จะท้าทายความเป็นเจ้าใหญ่ของ AMD และ Intel ในตลาดชิป AI และศูนย์ข้อมูล อย่างไรก็ตาม การเข้าซื้อครั้งนี้เกิดคำถามเกี่ยวกับความเป็นกลางของ Arm ในฐานะผู้จัดหาเทคโนโลยีและอาจส่งผลต่อความสมดุลในการแข่งขันในอุตสาหกรรม SoftBank ได้เคยลงทุนใน Graphcore ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนา AI ชิปจากสหราชอาณาจักร และ Ampere Computing จะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการขยายขอบเขตการพัฒนาเทคโนโลยีของ SoftBank ในตลาดชิปเซิร์ฟเวอร์และ AI หากการเข้าซื้อเสร็จสมบูรณ์ จะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในอุตสาหกรรมและอาจทำให้ SoftBank กลายเป็นผู้เล่นหลักในการพัฒนาเทคโนโลยีชิปสำหรับศูนย์ข้อมูลและ AI ในอนาคต https://www.techradar.com/pro/arms-japanese-owner-is-rumored-to-be-buying-arms-only-independent-server-chip-vendor-but-i-dont-understand-the-rationale-behind-it
    WWW.TECHRADAR.COM
    After Graphcore, Softbank sets its sights on an even bigger CPU firm to complement its Arm-ada
    SoftBank is reportedly close to snapping up Ampere Computing for $6.5 billion
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI ที่กำลังอยู่ในกระบวนการสรุปการออกแบบชิป AI แบบเฉพาะของตนเอง โดยคาดว่าการออกแบบจะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทาง TSMC อาจเริ่มกระบวนการ "tape-out" ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025

    OpenAI ตั้งใจที่จะลดการพึ่งพา GPU ของ NVIDIA โดยมีการพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะซึ่งจะมีบทบาทจำกัดในระยะแรก โดยหลักๆ จะใช้ในการรันโมเดล AI อย่างไรก็ตาม กระบวนการ tape-out นั้นจะใช้เวลา 6 เดือนและต้องใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ และหากกระบวนการนี้ล้มเหลว จะต้องทำการ tape-out อีกครั้งเพื่อตรวจสอบปัญหา

    OpenAI คาดว่าจะเริ่มการผลิตชิป AI ในปี 2026 โดยใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตรของ TSMC รวมถึงสถาปัตยกรรม systolic array และหน่วยความจำ High Bandwidth Memory (HBM) ที่ NVIDIA ใช้ใน GPU ของตนเอง

    การพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ เพราะทำให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการรันโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การลดการพึ่งพา GPU ของบริษัทอื่นยังช่วยให้ OpenAI มีความยืดหยุ่นและความสามารถในการควบคุมกระบวนการพัฒนาของตนเองมากขึ้น

    โดยสรุป OpenAI กำลังอยู่ในกระบวนการสรุปการออกแบบชิป AI แบบเฉพาะของตนเอง โดยคาดว่าจะเริ่มกระบวนการผลิตในปี 2026 ซึ่งจะช่วยให้การรันโมเดล AI มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการพึ่งพา GPU ของบริษัทอื่น

    https://wccftech.com/openai-finalizing-custom-ai-chip-design-tape-out-at-tsmc-may-happen-in-h1-2025/
    OpenAI ที่กำลังอยู่ในกระบวนการสรุปการออกแบบชิป AI แบบเฉพาะของตนเอง โดยคาดว่าการออกแบบจะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และหากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ทาง TSMC อาจเริ่มกระบวนการ "tape-out" ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 OpenAI ตั้งใจที่จะลดการพึ่งพา GPU ของ NVIDIA โดยมีการพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะซึ่งจะมีบทบาทจำกัดในระยะแรก โดยหลักๆ จะใช้ในการรันโมเดล AI อย่างไรก็ตาม กระบวนการ tape-out นั้นจะใช้เวลา 6 เดือนและต้องใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ และหากกระบวนการนี้ล้มเหลว จะต้องทำการ tape-out อีกครั้งเพื่อตรวจสอบปัญหา OpenAI คาดว่าจะเริ่มการผลิตชิป AI ในปี 2026 โดยใช้เทคโนโลยี 3 นาโนเมตรของ TSMC รวมถึงสถาปัตยกรรม systolic array และหน่วยความจำ High Bandwidth Memory (HBM) ที่ NVIDIA ใช้ใน GPU ของตนเอง การพัฒนาชิป AI แบบเฉพาะเป็นการพัฒนาเทคโนโลยีที่สำคัญ เพราะทำให้สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพในการรันโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การลดการพึ่งพา GPU ของบริษัทอื่นยังช่วยให้ OpenAI มีความยืดหยุ่นและความสามารถในการควบคุมกระบวนการพัฒนาของตนเองมากขึ้น โดยสรุป OpenAI กำลังอยู่ในกระบวนการสรุปการออกแบบชิป AI แบบเฉพาะของตนเอง โดยคาดว่าจะเริ่มกระบวนการผลิตในปี 2026 ซึ่งจะช่วยให้การรันโมเดล AI มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลดการพึ่งพา GPU ของบริษัทอื่น https://wccftech.com/openai-finalizing-custom-ai-chip-design-tape-out-at-tsmc-may-happen-in-h1-2025/
    WCCFTECH.COM
    OpenAI Is In The Process Of Finalizing The Design Of Its Custom AI Chip In The Next Few Months, Tape-Out Process At TSMC Could Commence From H1 2025
    The first custom AI chip from OpenAI could materialize, with the company reportedly finalizing the design in the next few months
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • 87 ปี “สนามศุภชลาศัย” ตำนานสนามกีฬาแห่งชาติไทย อนาคตที่ไม่แน่นอน ควรพัฒนา หรือว่า… อนุรักษ์?

    "สนามศุภชลาศัย" หรือที่เรียกกันว่า "สนามกีฬาแห่งชาติ" เป็นสนามกีฬา ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 87 ปี นับตั้งแต่เปิดใช้งานครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2481 สนามแห่งนี้ เคยเป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติ และนานาชาติมากมาย ตั้งแต่ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ ฟุตบอลทีมชาติ ไปจนถึงคอนเสิร์ตระดับโลก อย่างเช่นการแสดงของไมเคิล แจ็กสัน ในปี พ.ศ. 2536

    แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อนาคตของสนามศุภชลาศัย ตกอยู่ในความไม่แน่นอน เนื่องจากข้อพิพาทเรื่องสัญญาเช่าที่ดิ นระหว่างกรมพลศึกษา หรือสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า…

    เราควรพัฒนาสนามศุภฯ ให้ทันสมัย เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ในปัจจุบันหรือไม่?
    หรือควรอนุรักษ์ให้เป็นสนามกีฬาแห่งชาติ ในรูปแบบดั้งเดิม เพื่อคงคุณค่าทางประวัติศาสตร์? 🏟️

    🔹 จุดกำเนิดสนามกีฬาแห่งชาติ
    ก่อนหน้าที่จะมีสนามศุภชลาศัย การแข่งขันกีฬาของไทย มักจัดขึ้นที่สนามของ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และต่อมา ได้ย้ายไปที่ท้องสนามหลวง

    จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2477 นาวาโทหลวงศุภชลาศัย ร.น. อธิบดีกรมพลศึกษาคนแรก ได้ผลักดันให้มีสนามกีฬากลางประจำชาติ และได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริเวณที่เคยเป็นวังวินด์เซอร์ เพื่อสร้างสนามกรีฑาสถานแห่งชาติ

    🔹 เปลี่ยนชื่อเป็น “สนามศุภชลาศัย”
    - พ.ศ. 2481 สนามกรีฑาสถานแห่งชาติ เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ
    - พ.ศ. 2484 กรมพลศึกษาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ" เพื่อเป็นเกียรติแก่ หลวงศุภชลาศัย

    สนามศุภชลาศัยกลายเป็น ศูนย์กลางของวงการกีฬาประเทศไทย และเป็นสนามกีฬามาตรฐาน แห่งแรกในเอเชีย

    สนามศุภฯ กับการแข่งขันระดับชาติ และนานาชาติ
    สนามศุภชลาศัย ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาสำคัญ หลายรายการ ได้แก่

    🏆 กีฬาระดับอาเซียน และเอเชีย
    - พ.ศ. 2502 กีฬาแหลมทอง (เซียพเกมส์) ครั้งที่ 1
    - พ.ศ. 2509 เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 5
    - พ.ศ. 2513 เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 6
    - พ.ศ. 2518 กีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 8

    ⚽ การแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ
    ฟุตบอลทีมชาติไทย ใช้สนามศุภฯ เป็นรังเหย้ามานานหลายสิบปี
    พ.ศ. 2536 ใช้จัดการแข่งขัน ฟุตบอลเยาวชนโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี

    🎤 งานบันเทิงระดับโลก
    สนามศุภชลาศัย ไม่เพียงแต่ใช้แข่งขันกีฬา แต่ยังถูกใช้เป็นสถานที่ จัดคอนเสิร์ตระดับโลก
    - พ.ศ. 2536 คอนเสิร์ตของ ไมเคิล แจ็กสัน
    - พ.ศ. 2555 คอนเสิร์ตของ บิ๊กแบง (BIGBANG)

    ปัญหาสัญญาเช่าที่ดิน และอนาคตที่คลอนแคลน
    💰 ค่าเช่าที่พุ่งสูงขึ้น
    หลังจากสัญญาเช่ายาว หมดลงในปี พ.ศ. 2555 ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ขอปรับค่าเช่าที่จาก 3 ล้านบาทต่อปี เป็น 153 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นภาระหนัก สำหรับกรมพลศึกษา

    📉 ผลกระทบต่อการพัฒนา
    เนื่องจากการเช่าแบบปีต่อปี กรมพลศึกษาไม่สามารถลงทุนปรับปรุงสนามได้ เพราะต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน และหากคืนพื้นที่ในอนาคต การลงทุนอาจสูญเปล่า

    ปัจจุบันสนามศุภฯ เก่าและทรุดโทรม พื้นสนามหญ้า ห้องน้ำ ห้องพักนักกีฬา อัฒจันทร์ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร

    สนามศุภฯ ควรพัฒนา หรือควรอนุรักษ์?
    🔹 ฝ่ายที่ต้องการพัฒนา
    - ต้องการปรับปรุงสนาม ให้ทันสมัยเทียบเท่า สนามกีฬาในต่างประเทศ
    - เพิ่มขีดความสามารถ ในการจัดการแข่งขันระดับโลก
    - ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    🔹 ฝ่ายที่ต้องการอนุรักษ์
    - สนามศุภฯ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ควรคงไว้ในรูปแบบดั้งเดิม
    - มีศิลปะสถาปัตยกรรม ที่ออกแบบโดย อาจารย์ศิลป์ พีระศรี เช่น ตราสัญลักษณ์องค์พระพลบดี
    - การขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน จะทำให้การรื้อสร้างใหม่ เป็นไปได้ยาก

    สนามศุภชลาศัยควรไปทางไหนต่อ?
    ✅ ข้อสรุปสำคัญ
    - หากพัฒนา สนามจะสามารถรองรับการแข่งขันระดับโลก แต่ต้องใช้งบประมาณมหาศาล
    - หากอนุรักษ์ จะรักษาประวัติศาสตร์ไว้ได้ แต่สนามอาจไม่ได้มาตรฐานสำหรับการแข่งขันในอนาคต
    - ทางออกที่เป็นไปได้ คือ การบูรณะให้สนามมีมาตรฐานสากล ในขณะที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 100958 ก.พ. 2568

    🏷️ #สนามศุภชลาศัย #สนามกีฬาแห่งชาติ #ThailandStadium #กีฬาประเทศไทย #อนาคตสนามศุภ #สนามศุภต้องรอด #ฟุตบอลไทย #ศิลปะไทย #อนุรักษ์หรือพัฒนา #SEOGuide
    87 ปี “สนามศุภชลาศัย” ตำนานสนามกีฬาแห่งชาติไทย อนาคตที่ไม่แน่นอน ควรพัฒนา หรือว่า… อนุรักษ์? "สนามศุภชลาศัย" หรือที่เรียกกันว่า "สนามกีฬาแห่งชาติ" เป็นสนามกีฬา ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 87 ปี นับตั้งแต่เปิดใช้งานครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2481 สนามแห่งนี้ เคยเป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติ และนานาชาติมากมาย ตั้งแต่ซีเกมส์ เอเชียนเกมส์ ฟุตบอลทีมชาติ ไปจนถึงคอนเสิร์ตระดับโลก อย่างเช่นการแสดงของไมเคิล แจ็กสัน ในปี พ.ศ. 2536 แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อนาคตของสนามศุภชลาศัย ตกอยู่ในความไม่แน่นอน เนื่องจากข้อพิพาทเรื่องสัญญาเช่าที่ดิ นระหว่างกรมพลศึกษา หรือสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำให้เกิดคำถามสำคัญว่า… เราควรพัฒนาสนามศุภฯ ให้ทันสมัย เพื่อตอบโจทย์การใช้งาน ในปัจจุบันหรือไม่? หรือควรอนุรักษ์ให้เป็นสนามกีฬาแห่งชาติ ในรูปแบบดั้งเดิม เพื่อคงคุณค่าทางประวัติศาสตร์? 🏟️ 🔹 จุดกำเนิดสนามกีฬาแห่งชาติ ก่อนหน้าที่จะมีสนามศุภชลาศัย การแข่งขันกีฬาของไทย มักจัดขึ้นที่สนามของ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย และต่อมา ได้ย้ายไปที่ท้องสนามหลวง จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2477 นาวาโทหลวงศุภชลาศัย ร.น. อธิบดีกรมพลศึกษาคนแรก ได้ผลักดันให้มีสนามกีฬากลางประจำชาติ และได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริเวณที่เคยเป็นวังวินด์เซอร์ เพื่อสร้างสนามกรีฑาสถานแห่งชาติ 🔹 เปลี่ยนชื่อเป็น “สนามศุภชลาศัย” - พ.ศ. 2481 สนามกรีฑาสถานแห่งชาติ เปิดใช้งานอย่างเป็นทางการ - พ.ศ. 2484 กรมพลศึกษาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "สนามศุภชลาศัยกรีฑาสถานแห่งชาติ" เพื่อเป็นเกียรติแก่ หลวงศุภชลาศัย สนามศุภชลาศัยกลายเป็น ศูนย์กลางของวงการกีฬาประเทศไทย และเป็นสนามกีฬามาตรฐาน แห่งแรกในเอเชีย สนามศุภฯ กับการแข่งขันระดับชาติ และนานาชาติ สนามศุภชลาศัย ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาสำคัญ หลายรายการ ได้แก่ 🏆 กีฬาระดับอาเซียน และเอเชีย - พ.ศ. 2502 กีฬาแหลมทอง (เซียพเกมส์) ครั้งที่ 1 - พ.ศ. 2509 เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 5 - พ.ศ. 2513 เอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 6 - พ.ศ. 2518 กีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 8 ⚽ การแข่งขันฟุตบอลระดับนานาชาติ ฟุตบอลทีมชาติไทย ใช้สนามศุภฯ เป็นรังเหย้ามานานหลายสิบปี พ.ศ. 2536 ใช้จัดการแข่งขัน ฟุตบอลเยาวชนโลก รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี 🎤 งานบันเทิงระดับโลก สนามศุภชลาศัย ไม่เพียงแต่ใช้แข่งขันกีฬา แต่ยังถูกใช้เป็นสถานที่ จัดคอนเสิร์ตระดับโลก - พ.ศ. 2536 คอนเสิร์ตของ ไมเคิล แจ็กสัน - พ.ศ. 2555 คอนเสิร์ตของ บิ๊กแบง (BIGBANG) ปัญหาสัญญาเช่าที่ดิน และอนาคตที่คลอนแคลน 💰 ค่าเช่าที่พุ่งสูงขึ้น หลังจากสัญญาเช่ายาว หมดลงในปี พ.ศ. 2555 ทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ขอปรับค่าเช่าที่จาก 3 ล้านบาทต่อปี เป็น 153 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นภาระหนัก สำหรับกรมพลศึกษา 📉 ผลกระทบต่อการพัฒนา เนื่องจากการเช่าแบบปีต่อปี กรมพลศึกษาไม่สามารถลงทุนปรับปรุงสนามได้ เพราะต้องใช้งบประมาณแผ่นดิน และหากคืนพื้นที่ในอนาคต การลงทุนอาจสูญเปล่า ปัจจุบันสนามศุภฯ เก่าและทรุดโทรม พื้นสนามหญ้า ห้องน้ำ ห้องพักนักกีฬา อัฒจันทร์ และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ไม่ได้รับการพัฒนาเท่าที่ควร สนามศุภฯ ควรพัฒนา หรือควรอนุรักษ์? 🔹 ฝ่ายที่ต้องการพัฒนา - ต้องการปรับปรุงสนาม ให้ทันสมัยเทียบเท่า สนามกีฬาในต่างประเทศ - เพิ่มขีดความสามารถ ในการจัดการแข่งขันระดับโลก - ใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด 🔹 ฝ่ายที่ต้องการอนุรักษ์ - สนามศุภฯ มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ควรคงไว้ในรูปแบบดั้งเดิม - มีศิลปะสถาปัตยกรรม ที่ออกแบบโดย อาจารย์ศิลป์ พีระศรี เช่น ตราสัญลักษณ์องค์พระพลบดี - การขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน จะทำให้การรื้อสร้างใหม่ เป็นไปได้ยาก สนามศุภชลาศัยควรไปทางไหนต่อ? ✅ ข้อสรุปสำคัญ - หากพัฒนา สนามจะสามารถรองรับการแข่งขันระดับโลก แต่ต้องใช้งบประมาณมหาศาล - หากอนุรักษ์ จะรักษาประวัติศาสตร์ไว้ได้ แต่สนามอาจไม่ได้มาตรฐานสำหรับการแข่งขันในอนาคต - ทางออกที่เป็นไปได้ คือ การบูรณะให้สนามมีมาตรฐานสากล ในขณะที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 100958 ก.พ. 2568 🏷️ #สนามศุภชลาศัย #สนามกีฬาแห่งชาติ #ThailandStadium #กีฬาประเทศไทย #อนาคตสนามศุภ #สนามศุภต้องรอด #ฟุตบอลไทย #ศิลปะไทย #อนุรักษ์หรือพัฒนา #SEOGuide
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 404 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 5090 และ RTX 5090D ซึ่งมีผู้ใช้งานหลายคนรายงานว่าการ์ดจอของพวกเขาเกิดอาการ "brick" หรือไม่สามารถใช้งานได้หลังจากทำการอัปเดตไดรเวอร์ NVIDIA ได้รับรายงานเหล่านี้และกำลังดำเนินการสอบสวนปัญหาดังกล่าว

    เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อมีรายงานจากผู้ใช้งานที่พบว่าการ์ดจอ RTX 5090 และ RTX 5090D ของพวกเขาไม่สามารถเปิดหน้าจอได้ และแสดงเพียงหน้าจอดำหลังจากทำการอัปเดตไดรเวอร์ แม้จะพยายามแก้ไขด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ปัญหายังคงอยู่ บางคนพบว่าการ์ดจอไม่ถูกตรวจพบใน Device Manager หรือ BIOS แม้แต่หลังจากทำการรีเซ็ต BIOS แล้ว

    สาเหตุของปัญหานี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจน แต่มีการสันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาด้านสถาปัตยกรรมหรือความเข้ากันได้ของไดรเวอร์มากกว่าปัญหาด้านฮาร์ดแวร์เอง NVIDIA ได้ตอบกลับว่าพวกเขากำลังสอบสวนเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมหรือวิธีการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนในขณะนี้

    นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ASUS ได้เปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า ROG Astral GeForce RTX 5090 'Dhahab' OC Edition ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษสำหรับตลาดในตะวันออกกลาง ด้วยราคาที่สูงถึง $3409 ซึ่งเป็นราคาที่สูงขึ้นอย่างมากจากการ์ดจอ RTX 5090 รุ่นอื่น ๆ

    ในส่วนของการตอบรับตลาด ผู้ใช้งานหลายคนยังคงรอคอยการแก้ไขปัญหาจาก NVIDIA และคาดหวังว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมหรือการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนออกมาในเร็ว ๆ นี้

    https://wccftech.com/nvidia-responds-to-bricked-rtx-5090-5090d-gpus-says-it-is-investigating-issues/
    ข่าวนี้เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับการ์ดจอ NVIDIA GeForce RTX 5090 และ RTX 5090D ซึ่งมีผู้ใช้งานหลายคนรายงานว่าการ์ดจอของพวกเขาเกิดอาการ "brick" หรือไม่สามารถใช้งานได้หลังจากทำการอัปเดตไดรเวอร์ NVIDIA ได้รับรายงานเหล่านี้และกำลังดำเนินการสอบสวนปัญหาดังกล่าว เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อมีรายงานจากผู้ใช้งานที่พบว่าการ์ดจอ RTX 5090 และ RTX 5090D ของพวกเขาไม่สามารถเปิดหน้าจอได้ และแสดงเพียงหน้าจอดำหลังจากทำการอัปเดตไดรเวอร์ แม้จะพยายามแก้ไขด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ปัญหายังคงอยู่ บางคนพบว่าการ์ดจอไม่ถูกตรวจพบใน Device Manager หรือ BIOS แม้แต่หลังจากทำการรีเซ็ต BIOS แล้ว สาเหตุของปัญหานี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจน แต่มีการสันนิษฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับปัญหาด้านสถาปัตยกรรมหรือความเข้ากันได้ของไดรเวอร์มากกว่าปัญหาด้านฮาร์ดแวร์เอง NVIDIA ได้ตอบกลับว่าพวกเขากำลังสอบสวนเรื่องนี้ แต่ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมหรือวิธีการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนในขณะนี้ นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า ASUS ได้เปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ที่ชื่อว่า ROG Astral GeForce RTX 5090 'Dhahab' OC Edition ซึ่งเป็นรุ่นพิเศษสำหรับตลาดในตะวันออกกลาง ด้วยราคาที่สูงถึง $3409 ซึ่งเป็นราคาที่สูงขึ้นอย่างมากจากการ์ดจอ RTX 5090 รุ่นอื่น ๆ ในส่วนของการตอบรับตลาด ผู้ใช้งานหลายคนยังคงรอคอยการแก้ไขปัญหาจาก NVIDIA และคาดหวังว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมหรือการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนออกมาในเร็ว ๆ นี้ https://wccftech.com/nvidia-responds-to-bricked-rtx-5090-5090d-gpus-says-it-is-investigating-issues/
    WCCFTECH.COM
    NVIDIA Responds To Bricked RTX 5090/5090D GPUs, Says It Is "Investigating" The Reported Issues
    After several reports of supposedly bricked GeForce RTX 5090 GPUs emerged, NVIDIA started investigating the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวกับการสร้างระบบปฏิบัติการ Linux ที่สามารถรันภายในเอกสาร PDF ขนาด 6MB ที่เปิดด้วยเบราว์เซอร์ Chromium นวัตกรรมนี้ถูกพัฒนาโดยนักเรียนมัธยมปลายชื่อ Ading2210 ซึ่งเคยพัฒนา DoomPDF มาก่อนหน้าแล้ว ความคิดสร้างสรรค์นี้ใช้ TinyEMU RISC-V emulator ที่ถูกปรับแต่งให้ทำงานภายใน PDF และสามารถเรียกใช้เคอร์เนล Linux ที่เหมาะสมกับสถาปัตยกรรมนี้

    เมื่อเปิด PDF จะมีการแสดง UI ของ LinuxPDF และข้อความต้อนรับในมุมมองของ Linux ขณะที่คุณรอระบบปฏิบัติการบูตขึ้นมา ท่านที่เคยเล่นกับ DoomPDF มาก่อนน่าจะคุ้นเคยกับหน้าจอสีเทาความเข้มต่ำ และผลลัพธ์ที่ออกมาทีละบรรทัดใน ASCII

    แม้จะมีความช้าเนื่องจากเคอร์เนล Linux ใช้เวลาบูตประมาณ 30-60 วินาที ซึ่งถือว่าช้ากว่าปกติถึง 100 เท่า แต่ก็ยังถือว่าเป็นการทดลองที่น่าสนใจ Google PDF engine ใน Chrome ปัจจุบันปิดใช้งาน Just-in-Time (JIT) compiler ทำให้การปรับปรุงประสิทธิภาพทำได้ยาก

    การทำงานนี้ต้องใช้เบราว์เซอร์ที่ใช้ Chromium ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นการนำไปใช้ที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจการทดลองและทดสอบระบบปฏิบัติการในเอกสาร PDF เพื่อดูวิดีโอแสดงการทำงานของ LinuxPDF และดูรหัสโครงการที่เปิดเผยใน GitHub

    เราควรกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยเมื่อนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ในระบบที่ใช้งานทั่วไป การที่ระบบปฏิบัติการ Linux ถูกฝังในเอกสาร PDF แม้ว่าจะดูเป็นนวัตกรรมที่น่าทึ่งและน่าสนใจ แต่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้อาชญากรไซเบอร์สามารถใช้ช่องโหว่ในเอกสาร PDF เพื่อโจมตีระบบได้

    การนำเสนอระบบปฏิบัติการในเอกสาร PDF อาจถูกใช้เป็นช่องทางสำหรับการฝังมัลแวร์หรือโค้ดอันตรายอื่นๆ นอกจากนี้ การทำงานของ emulator ที่อยู่ใน PDF อาจเป็นการใช้ทรัพยากรของเครื่องโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของเครื่องหรือสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม

    เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ผู้ใช้งานควรหลีกเลี่ยงการเปิดเอกสาร PDF จากแหล่งที่ไม่เชื่อถือได้ และควรติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ที่ทันสมัยไว้ในเครื่อง นอกจากนี้ การรักษาความปลอดภัยของเบราว์เซอร์และการติดตั้งปลั๊กอินที่เชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญ

    https://www.tomshardware.com/software/linux/minimal-linux-os-runs-in-a-6mb-pdf-document-in-chrome-linuxpdf-leverages-risc-v-emulator
    ข่าวนี้เกี่ยวกับการสร้างระบบปฏิบัติการ Linux ที่สามารถรันภายในเอกสาร PDF ขนาด 6MB ที่เปิดด้วยเบราว์เซอร์ Chromium นวัตกรรมนี้ถูกพัฒนาโดยนักเรียนมัธยมปลายชื่อ Ading2210 ซึ่งเคยพัฒนา DoomPDF มาก่อนหน้าแล้ว ความคิดสร้างสรรค์นี้ใช้ TinyEMU RISC-V emulator ที่ถูกปรับแต่งให้ทำงานภายใน PDF และสามารถเรียกใช้เคอร์เนล Linux ที่เหมาะสมกับสถาปัตยกรรมนี้ เมื่อเปิด PDF จะมีการแสดง UI ของ LinuxPDF และข้อความต้อนรับในมุมมองของ Linux ขณะที่คุณรอระบบปฏิบัติการบูตขึ้นมา ท่านที่เคยเล่นกับ DoomPDF มาก่อนน่าจะคุ้นเคยกับหน้าจอสีเทาความเข้มต่ำ และผลลัพธ์ที่ออกมาทีละบรรทัดใน ASCII แม้จะมีความช้าเนื่องจากเคอร์เนล Linux ใช้เวลาบูตประมาณ 30-60 วินาที ซึ่งถือว่าช้ากว่าปกติถึง 100 เท่า แต่ก็ยังถือว่าเป็นการทดลองที่น่าสนใจ Google PDF engine ใน Chrome ปัจจุบันปิดใช้งาน Just-in-Time (JIT) compiler ทำให้การปรับปรุงประสิทธิภาพทำได้ยาก การทำงานนี้ต้องใช้เบราว์เซอร์ที่ใช้ Chromium ถึงจะสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นการนำไปใช้ที่ดีสำหรับผู้ที่สนใจการทดลองและทดสอบระบบปฏิบัติการในเอกสาร PDF เพื่อดูวิดีโอแสดงการทำงานของ LinuxPDF และดูรหัสโครงการที่เปิดเผยใน GitHub เราควรกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยเมื่อนำเทคโนโลยีเหล่านี้ไปใช้ในระบบที่ใช้งานทั่วไป การที่ระบบปฏิบัติการ Linux ถูกฝังในเอกสาร PDF แม้ว่าจะดูเป็นนวัตกรรมที่น่าทึ่งและน่าสนใจ แต่ก็เป็นการเปิดโอกาสให้อาชญากรไซเบอร์สามารถใช้ช่องโหว่ในเอกสาร PDF เพื่อโจมตีระบบได้ การนำเสนอระบบปฏิบัติการในเอกสาร PDF อาจถูกใช้เป็นช่องทางสำหรับการฝังมัลแวร์หรือโค้ดอันตรายอื่นๆ นอกจากนี้ การทำงานของ emulator ที่อยู่ใน PDF อาจเป็นการใช้ทรัพยากรของเครื่องโดยที่ผู้ใช้ไม่รู้ตัว ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของเครื่องหรือสร้างความเสี่ยงด้านความปลอดภัยเพิ่มเติม เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ผู้ใช้งานควรหลีกเลี่ยงการเปิดเอกสาร PDF จากแหล่งที่ไม่เชื่อถือได้ และควรติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ที่ทันสมัยไว้ในเครื่อง นอกจากนี้ การรักษาความปลอดภัยของเบราว์เซอร์และการติดตั้งปลั๊กอินที่เชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญ https://www.tomshardware.com/software/linux/minimal-linux-os-runs-in-a-6mb-pdf-document-in-chrome-linuxpdf-leverages-risc-v-emulator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚢 เทียบท่าที่ Valletta Cruise Port สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งมอลตา! 🇲🇹

    🌟 Valletta Cruise Port จุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือน! เมืองหลวงแห่งมอลตา เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม และประวัติศาสตร์อันเก่าแก่

    ✅ มหาวิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Co-Cathedral) :
    โบสถ์ที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมในมอลตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ออกแบบในสไตล์บาโรก และภายในตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของศิลปะบาโรกในยุโรป

    ✅ สวนอัปเปอร์ บาร์รัคคา (Upper Barrakka Gardens) :
    สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในเมืองวัลเลตตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อนของอัศวินแห่งเซนต์จอห์น

    ✅ พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grandmaster’s Palace) :
    พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์สร้างขึ้นในปี 1571 เพื่อเป็นที่พำนักของ Grand Master แห่งอัศวินเซนต์จอห์น ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานประธานาธิบดีและรัฐสภามอลตา

    ✅ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (National Museum of Archaeology) :
    พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงโบราณวัตถุที่สำคัญจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ของมอลตา รวมถึงเครื่องมือหิน รูปปั้นขนาดเล็ก และแท่นบูชาจากวัดโบราณ ซึ่งสะท้อนถึงอดีตและวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะนี้

    📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที!
    https://cruisedomain.com/
    LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029
    Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121
    Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620
    ☎️: 0 2116 9696

    #VallettaCruisePort #Malta #StJohnCoCathedral #UpperBarrakkaGardens #GrandmastersPalace #NationalMuseumofArchaeology #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    🚢 เทียบท่าที่ Valletta Cruise Port สัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งมอลตา! 🇲🇹 🌟 Valletta Cruise Port จุดหมายปลายทางที่ต้องมาเยือน! เมืองหลวงแห่งมอลตา เมืองมรดกโลกที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงาม และประวัติศาสตร์อันเก่าแก่ ✅ มหาวิหารเซนต์จอห์น (St. John’s Co-Cathedral) : โบสถ์ที่มีความสำคัญทางศาสนาและวัฒนธรรมในมอลตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 โดยอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ออกแบบในสไตล์บาโรก และภายในตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดของศิลปะบาโรกในยุโรป ✅ สวนอัปเปอร์ บาร์รัคคา (Upper Barrakka Gardens) : สวนสาธารณะที่ตั้งอยู่บนจุดที่สูงที่สุดในเมืองวัลเลตตา สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นพื้นที่พักผ่อนของอัศวินแห่งเซนต์จอห์น ✅ พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์ (Grandmaster’s Palace) : พระราชวังแกรนด์มาสเตอร์สร้างขึ้นในปี 1571 เพื่อเป็นที่พำนักของ Grand Master แห่งอัศวินเซนต์จอห์น ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของสำนักงานประธานาธิบดีและรัฐสภามอลตา ✅ พิพิธภัณฑ์โบราณคดีแห่งชาติ (National Museum of Archaeology) : พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงโบราณวัตถุที่สำคัญจากยุคก่อนประวัติศาสตร์ของมอลตา รวมถึงเครื่องมือหิน รูปปั้นขนาดเล็ก และแท่นบูชาจากวัดโบราณ ซึ่งสะท้อนถึงอดีตและวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยโบราณที่เคยอาศัยอยู่บนเกาะนี้ 📩 สอบถามเพิ่มเติมหรือจองแพ็คเกจได้ทันที! https://cruisedomain.com/ LINE ID: @CruiseDomain 78s.me/c54029 Facebook: CruiseDomain 78s.me/b8a121 Youtube : CruiseDomain 78s.me/8af620 ☎️: 0 2116 9696 #VallettaCruisePort #Malta #StJohnCoCathedral #UpperBarrakkaGardens #GrandmastersPalace #NationalMuseumofArchaeology #port #cruisedomain #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 386 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในงานแถลงข่าวประจำไตรมาสที่สี่ของบริษัท AMD ซีอีโอ Lisa Su ได้ประกาศว่า Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะวางจำหน่ายในต้นเดือนมีนาคม การ์ดกราฟิกทั้งสองตัวนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถเล่นเกม 4K คุณภาพสูงได้ในราคาที่เอื้อมถึงสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ การ์ดเหล่านี้จะใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการเรนเดอร์ภาพแบบ ray tracing และมีการเร่งการประมวลผลด้วย AI ผ่าน FSR 4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพ

    จากการสาธิตที่งาน CES เทคโนโลยี FSR 4 ของ AMD แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของภาพที่ได้ดีกว่า FSR 3.1 และมีความคล้ายคลึงกับเทคโนโลยี DLSS ของ Nvidia การตั้งชื่อการ์ดกราฟิก RX 9070 และ 9070 XT จึงเป็นการท้าทายการ์ดกลางตลาดของ Nvidia อย่าง RTX 5070 Ti, 5070, และ 5060

    จากข้อมูลของ AMD การ์ดรุ่น 9070 XT ใช้ GPU Navi 48 ซึ่งมี 4,096 คอร์, ความเร็วบูสท์ที่ 2.97GHz, และหน่วยความจำ GDDR6 16 GB ด้วยบัส 256 บิต และแบนด์วิดธ์ 640 GB/s สำหรับรุ่น 9070 จะมีหน่วยความจำ 16 GB ซึ่งอาจเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่า RTX 5070 ที่มีหน่วยความจำ GDDR7 เพียง 12 GB

    การ์ดกราฟิก Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะมีราคาที่แข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5070 ($549) และ RTX 5070 Ti ($749) โดยคาดว่า RTX 5070 Ti จะเปิดตัวในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และ RTX 5070, 5060 Ti, และ 5060 จะตามมาในเดือนมีนาคม เช่นเดียวกับการ์ด RDNA 4 ของ AMD

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การ์ดกราฟิกรุ่น RX 9060 และ 9050 จะถูกเปิดตัวในปลายปีนี้เช่นกัน AMD เลือกที่จะเน้นตลาดกราฟิกการ์ดระดับกลางเนื่องจากมีปริมาณการขายสูงสุดในตลาด โดยผลสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam ชี้ให้เห็นว่า GPU ของ Nvidia xx60 เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด

    https://www.techspot.com/news/106661-amd-promises-mainstream-4k-gaming-radeon-rx-9070.html
    ในงานแถลงข่าวประจำไตรมาสที่สี่ของบริษัท AMD ซีอีโอ Lisa Su ได้ประกาศว่า Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะวางจำหน่ายในต้นเดือนมีนาคม การ์ดกราฟิกทั้งสองตัวนี้ถูกออกแบบมาให้สามารถเล่นเกม 4K คุณภาพสูงได้ในราคาที่เอื้อมถึงสำหรับผู้ใช้งานทั่วไป นอกจากนี้ การ์ดเหล่านี้จะใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 ที่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการเรนเดอร์ภาพแบบ ray tracing และมีการเร่งการประมวลผลด้วย AI ผ่าน FSR 4 ซึ่งเป็นเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพ จากการสาธิตที่งาน CES เทคโนโลยี FSR 4 ของ AMD แสดงให้เห็นว่าคุณภาพของภาพที่ได้ดีกว่า FSR 3.1 และมีความคล้ายคลึงกับเทคโนโลยี DLSS ของ Nvidia การตั้งชื่อการ์ดกราฟิก RX 9070 และ 9070 XT จึงเป็นการท้าทายการ์ดกลางตลาดของ Nvidia อย่าง RTX 5070 Ti, 5070, และ 5060 จากข้อมูลของ AMD การ์ดรุ่น 9070 XT ใช้ GPU Navi 48 ซึ่งมี 4,096 คอร์, ความเร็วบูสท์ที่ 2.97GHz, และหน่วยความจำ GDDR6 16 GB ด้วยบัส 256 บิต และแบนด์วิดธ์ 640 GB/s สำหรับรุ่น 9070 จะมีหน่วยความจำ 16 GB ซึ่งอาจเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่า RTX 5070 ที่มีหน่วยความจำ GDDR7 เพียง 12 GB การ์ดกราฟิก Radeon RX 9070 และ 9070 XT จะมีราคาที่แข่งขันได้เมื่อเปรียบเทียบกับ RTX 5070 ($549) และ RTX 5070 Ti ($749) โดยคาดว่า RTX 5070 Ti จะเปิดตัวในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ และ RTX 5070, 5060 Ti, และ 5060 จะตามมาในเดือนมีนาคม เช่นเดียวกับการ์ด RDNA 4 ของ AMD สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ การ์ดกราฟิกรุ่น RX 9060 และ 9050 จะถูกเปิดตัวในปลายปีนี้เช่นกัน AMD เลือกที่จะเน้นตลาดกราฟิกการ์ดระดับกลางเนื่องจากมีปริมาณการขายสูงสุดในตลาด โดยผลสำรวจฮาร์ดแวร์ของ Steam ชี้ให้เห็นว่า GPU ของ Nvidia xx60 เป็นที่นิยมใช้มากที่สุด https://www.techspot.com/news/106661-amd-promises-mainstream-4k-gaming-radeon-rx-9070.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD promises mainstream 4K gaming on Radeon RX 9070 series in early March
    AMD CEO Lisa Su has confirmed that the company's new Radeon RX 9070 and 9070 XT GPUs will launch in early March. She indicated that the two...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • DeepComputing เปิดตัว Mainboard RISC-V ใหม่สำหรับ Framework Laptop 13 ซึ่งมาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ StarFive JH7110 ที่ใช้ ISA แบบเปิด RISC-V โดยบอร์ดนี้ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งง่ายในแชสซี Framework Laptop 13 หรือ Cooler Master Mainboard Case

    เหตุผลหลักในการเปิดตัว Mainboard นี้คือการช่วยเร่งการพัฒนาซอฟต์แวร์รอบ ๆ RISC-V ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม CPU แบบเปิดและกำลังได้รับความนิยมในวงการเทคโนโลยี การเปิดตัวนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ RISC-V และคาดว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมในอนาคต

    สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ Framework เปิดตัวแชสซีสำหรับ Framework Laptop 13 ที่มีทุกอย่างยกเว้น Mainboard, memory, storage และ Wi-Fi ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งและอัปเกรดได้ง่ายขึ้น

    นอกจากนี้ Framework ยังมีการอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขาย WD_BLACK SN850X ขนาด 8 TB ที่สามารถใส่ใน Framework Laptop 16 ได้ถึง 26 TB และยังเปิดตัวโมดูลการ์ดกราฟิกแบบ open source ซึ่งช่วยกระตุ้นการพัฒนาโมดูลใหม่ ๆ จากชุมชน

    https://www.techpowerup.com/332110/framework-releases-risc-v-mainboard-for-framework-laptop-13
    DeepComputing เปิดตัว Mainboard RISC-V ใหม่สำหรับ Framework Laptop 13 ซึ่งมาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ StarFive JH7110 ที่ใช้ ISA แบบเปิด RISC-V โดยบอร์ดนี้ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งง่ายในแชสซี Framework Laptop 13 หรือ Cooler Master Mainboard Case เหตุผลหลักในการเปิดตัว Mainboard นี้คือการช่วยเร่งการพัฒนาซอฟต์แวร์รอบ ๆ RISC-V ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรม CPU แบบเปิดและกำลังได้รับความนิยมในวงการเทคโนโลยี การเปิดตัวนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ใช้ RISC-V และคาดว่าจะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมในอนาคต สิ่งที่น่าสนใจคือการที่ Framework เปิดตัวแชสซีสำหรับ Framework Laptop 13 ที่มีทุกอย่างยกเว้น Mainboard, memory, storage และ Wi-Fi ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งและอัปเกรดได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ Framework ยังมีการอัปเดตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขาย WD_BLACK SN850X ขนาด 8 TB ที่สามารถใส่ใน Framework Laptop 16 ได้ถึง 26 TB และยังเปิดตัวโมดูลการ์ดกราฟิกแบบ open source ซึ่งช่วยกระตุ้นการพัฒนาโมดูลใหม่ ๆ จากชุมชน https://www.techpowerup.com/332110/framework-releases-risc-v-mainboard-for-framework-laptop-13
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Framework Releases RISC-V Mainboard for Framework Laptop 13
    We're happy to share that DeepComputing's DC-ROMA RISC-V Mainboard for Framework Laptop 13 is now in stock and shipping in the Framework Marketplace. This is very much a developer-focused board to help accelerate maturing the software ecosystem around RISC-V, so we recommend waiting for future RISC-...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดอรุณฯ ศาสนสถานงานศิลป์ชั้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์

    หากเอ่ยถึง วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (Wat Arun Ratchawararam Ratchawaramahawihan) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดอรุณฯ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน แถมยังตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ความสวยงามที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามประเมินค่าไม่ได้ โดยมีคติความเชื่อที่ว่า หากได้ไปไหว้พระวัดอรุณฯ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน วันนี้เราเลยถือโอกาสพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวพร้อมทำความรู้จักกับวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ให้มากขึ้นกัน

    และด้วยวัดอรุณฯเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นด้วยพระปรางค์สีทองที่สูงตระหง่าน เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย จึงมีมักมีผู้ศรัทธามาวัดอรุณเพื่อสักการะพระปรางค์ ไหว้พระ และขอพร พิธีการขอพรที่พบเห็นโดยทั่วไปคือจะจุดธูป เทียน และดอกไม้ ไหว้พระประธานในพระอุโบสถ แล้วเดินรอบพระปรางค์ บ้างก็สวดเทวะมันตรา และตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพศรัทธา เชื่อกันว่าการขอพรที่วัดอรุณฯจะทำให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา

    ประวัติวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร

    วัดอรุณฯ เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แรกเรียกว่า วัดมะกอก มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระเจ้าตาก (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ทรงนำกองทัพมาเพื่อเลือกชัยภูมิในการสร้างราชธานีใหม่ พระองค์เสด็จฯ ถึงวัดมะกอกในเวลารุ่งแจ้ง เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี จึงทรงปฏิสังขรณ์พระอารามแห่งนี้ และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดแจ้ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ซึ่งอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์

    ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่ พร้อมทั้งอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชวราราม

    วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 และประกาศระวางแนวเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 72 ตอนที่ 14 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498

    วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ไหน?

    วัดอรุณฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร หมายถึงพระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ ตั้งอยู่ที่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ทั้งยังอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังเดิม
    ที่ตั้ง : เลขที่ 34 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
    วัดอรุณฯ ศาสนสถานงานศิลป์ชั้นเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หากเอ่ยถึง วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร (Wat Arun Ratchawararam Ratchawaramahawihan) หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า วัดอรุณฯ เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะรู้จักเป็นอย่างดี เพราะเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาช้านาน แถมยังตั้งเด่นเป็นสง่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายเป็นสัญลักษณ์ความสวยงามที่ประจักษ์ต่อสายตาชาวโลก อีกทั้งยังเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามประเมินค่าไม่ได้ โดยมีคติความเชื่อที่ว่า หากได้ไปไหว้พระวัดอรุณฯ ชีวิตจะรุ่งโรจน์ทุกคืนวัน วันนี้เราเลยถือโอกาสพาเพื่อน ๆ ไปท่องเที่ยวพร้อมทำความรู้จักกับวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ให้มากขึ้นกัน และด้วยวัดอรุณฯเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม โดดเด่นด้วยพระปรางค์สีทองที่สูงตระหง่าน เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวไทยและชาวต่างชาติมากมาย จึงมีมักมีผู้ศรัทธามาวัดอรุณเพื่อสักการะพระปรางค์ ไหว้พระ และขอพร พิธีการขอพรที่พบเห็นโดยทั่วไปคือจะจุดธูป เทียน และดอกไม้ ไหว้พระประธานในพระอุโบสถ แล้วเดินรอบพระปรางค์ บ้างก็สวดเทวะมันตรา และตั้งจิตอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเคารพศรัทธา เชื่อกันว่าการขอพรที่วัดอรุณฯจะทำให้สมหวังในสิ่งที่ปรารถนา ประวัติวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร วัดอรุณฯ เป็นวัดโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา แรกเรียกว่า วัดมะกอก มีเรื่องเล่าว่า เมื่อพระเจ้าตาก (สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช) ทรงนำกองทัพมาเพื่อเลือกชัยภูมิในการสร้างราชธานีใหม่ พระองค์เสด็จฯ ถึงวัดมะกอกในเวลารุ่งแจ้ง เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี จึงทรงปฏิสังขรณ์พระอารามแห่งนี้ และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า วัดแจ้ง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ซึ่งอัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ทรงสถาปนาพระอุโบสถและพระวิหารหลังใหม่ พร้อมทั้งอัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรมาประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จพระองค์ก็เสด็จสวรรคต หลังจากนั้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) จึงทรงดำเนินการปฏิสังขรณ์ต่อ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชธาราม ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่า วัดอรุณราชวราราม วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 66 ตอนที่ 64 วันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2492 และประกาศระวางแนวเขตโบราณสถานในราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 72 ตอนที่ 14 วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2498 วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ไหน? วัดอรุณฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร หมายถึงพระอารามที่พระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี สมเด็จพระยุพราช ทรงสร้างหรือปฏิสังขรณ์เป็นการส่วนพระองค์ ตั้งอยู่ที่แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี ทั้งยังอยู่ในเขตพระบรมมหาราชวังเดิม ที่ตั้ง : เลขที่ 34 ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • การ์ดจอรุ่นใหม่ของ AMD ที่มีชื่อว่า Instinct MI400 ซึ่งมีการออกแบบใหม่ที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การ์ดจอนี้จะมีการใช้สถาปัตยกรรม CDNA Next หรือ UDNA และจะมีหน่วยประมวลผล XCDs (Accelerated Compute Dies) จำนวน 8 หน่วย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มไทล์สำหรับการสื่อสารระหว่างหน่วยประมวลผลและอินเตอร์เฟส I/O

    การ์ดจอ Instinct MI400 นี้คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 และจะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการฝึกและการประมวลผล AI ขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกัน AMD ยังมีแผนที่จะเปิดตัวการ์ดจอรุ่น MI350 ในปีนี้ ซึ่งจะใช้สถาปัตยกรรม CDNA 4 และมีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 35 เท่าในการประมวลผล AI เมื่อเทียบกับรุ่น MI300

    https://wccftech.com/amd-instinct-mi400-spotted-feature-up-to-8-chiplets-on-dual-interposer-dies/
    การ์ดจอรุ่นใหม่ของ AMD ที่มีชื่อว่า Instinct MI400 ซึ่งมีการออกแบบใหม่ที่น่าสนใจและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การ์ดจอนี้จะมีการใช้สถาปัตยกรรม CDNA Next หรือ UDNA และจะมีหน่วยประมวลผล XCDs (Accelerated Compute Dies) จำนวน 8 หน่วย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มไทล์สำหรับการสื่อสารระหว่างหน่วยประมวลผลและอินเตอร์เฟส I/O การ์ดจอ Instinct MI400 นี้คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 และจะมีการปรับปรุงประสิทธิภาพในการฝึกและการประมวลผล AI ขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกัน AMD ยังมีแผนที่จะเปิดตัวการ์ดจอรุ่น MI350 ในปีนี้ ซึ่งจะใช้สถาปัตยกรรม CDNA 4 และมีประสิทธิภาพสูงขึ้นถึง 35 เท่าในการประมวลผล AI เมื่อเทียบกับรุ่น MI300 https://wccftech.com/amd-instinct-mi400-spotted-feature-up-to-8-chiplets-on-dual-interposer-dies/
    WCCFTECH.COM
    AMD Instinct MI400 Spotted In Latest Patches, Will Feature Up To 8 Chiplets On Dual Interposer Dies
    The next-gen AMD Instinct MI400 accelerators will reportedly feature separate multimedia I/O dies as spotted in the patches.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel ประกาศว่าเทคโนโลยี XeSS (Xe Super Sampling) ของตนได้รับการสนับสนุนในเกมมากกว่า 150 เกมแล้ว ซึ่งเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจจาก 105 เกมในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา XeSS เป็นเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพที่ช่วยให้เกมสามารถแสดงผลที่ความละเอียดและเฟรมเรตสูงขึ้น โดยเฉพาะในระบบที่มีสเปกต่ำถึงกลาง

    เกมที่เพิ่มการสนับสนุน XeSS ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ได้แก่ Final Fantasy XVI, Black Myth: Wukong, Spider-Man 2 และ God of War: Ragnarok นอกจากนี้ยังมีเกมเก่าๆ ที่ได้รับการอัปเดตให้รองรับ XeSS เช่น Fortnite, Call of Duty Modern Warfare II และ III, Tekken 8 และ The Finals

    อย่างไรก็ตาม การสนับสนุน XeSS 2.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่มีการสร้างเฟรมด้วย AI ยังมีน้อยมาก โดยมีเพียงเกม Marvel Rivals และ F1 2024 ที่รองรับ XeSS 2.0 แต่เกมใหม่ๆ เช่น Assassin's Creed Shadows และ Civilization VII จะเปิดตัวพร้อมกับฟีเจอร์นี้

    สำหรับผู้ใช้ Intel ที่ต้องการการอัปสเกลภาพในเกมที่ไม่รองรับ XeSS, AMD ได้ทำให้ FSR (FidelityFX Super Resolution) ของตนสามารถใช้งานร่วมกับสถาปัตยกรรม GPU ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ Intel สามารถใช้ FSR เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลได้

    โดยรวมแล้ว การที่ Intel ยังคงพัฒนาและขยายการสนับสนุน XeSS เป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีขึ้น และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Intel ในการแข่งขันกับเทคโนโลยีของ AMD และ Nvidia

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/intel-heralds-xess-passing-the-150-games-milestone-but-only-two-titles-support-xess-2-0
    Intel ประกาศว่าเทคโนโลยี XeSS (Xe Super Sampling) ของตนได้รับการสนับสนุนในเกมมากกว่า 150 เกมแล้ว ซึ่งเป็นการเติบโตที่น่าประทับใจจาก 105 เกมในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา XeSS เป็นเทคโนโลยีการอัปสเกลภาพที่ช่วยให้เกมสามารถแสดงผลที่ความละเอียดและเฟรมเรตสูงขึ้น โดยเฉพาะในระบบที่มีสเปกต่ำถึงกลาง เกมที่เพิ่มการสนับสนุน XeSS ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ได้แก่ Final Fantasy XVI, Black Myth: Wukong, Spider-Man 2 และ God of War: Ragnarok นอกจากนี้ยังมีเกมเก่าๆ ที่ได้รับการอัปเดตให้รองรับ XeSS เช่น Fortnite, Call of Duty Modern Warfare II และ III, Tekken 8 และ The Finals อย่างไรก็ตาม การสนับสนุน XeSS 2.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่มีการสร้างเฟรมด้วย AI ยังมีน้อยมาก โดยมีเพียงเกม Marvel Rivals และ F1 2024 ที่รองรับ XeSS 2.0 แต่เกมใหม่ๆ เช่น Assassin's Creed Shadows และ Civilization VII จะเปิดตัวพร้อมกับฟีเจอร์นี้ สำหรับผู้ใช้ Intel ที่ต้องการการอัปสเกลภาพในเกมที่ไม่รองรับ XeSS, AMD ได้ทำให้ FSR (FidelityFX Super Resolution) ของตนสามารถใช้งานร่วมกับสถาปัตยกรรม GPU ต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ Intel สามารถใช้ FSR เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแสดงผลได้ โดยรวมแล้ว การที่ Intel ยังคงพัฒนาและขยายการสนับสนุน XeSS เป็นข่าวดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการประสบการณ์การเล่นเกมที่ดีขึ้น และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Intel ในการแข่งขันกับเทคโนโลยีของ AMD และ Nvidia https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/intel-heralds-xess-passing-the-150-games-milestone-but-only-two-titles-support-xess-2-0
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท Hydra Host ได้เปิดตัว Exacluster ซึ่งเป็นคลัสเตอร์ที่ประกอบด้วย 18 เครื่องที่ใช้ GPU Nvidia H200 จำนวน 144 หน่วย คลัสเตอร์นี้เป็นหนึ่งในคลัสเตอร์แรกที่ใช้ GPU รุ่นนี้ และมีการปรับแต่งหลายอย่างจาก Hydra Host เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

    คลัสเตอร์นี้ใช้ระบบของ Lenovo ที่มีการปรับแต่งจาก Hydra Host และสามารถเช่าใช้งานได้ผ่านแพลตฟอร์ม Brokkr ของ Hydra Host คลัสเตอร์นี้มีพลังการประมวลผลสูงถึง 570 FP8 PetaTOPS สำหรับงาน AI และมีหน่วยความจำ HBM3E ขนาด 20TB

    Hydra Host ได้ร่วมมือกับ Computacenter ในการออกแบบสถาปัตยกรรมเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้ InfiniBand ความเร็ว 3.2Tbps สำหรับการสื่อสารภายในคลัสเตอร์ และ Ethernet ความเร็ว 400Gbps สำหรับการสื่อสารภายนอก

    คลัสเตอร์นี้มีราคา 5 ล้านดอลลาร์ หรือเฉลี่ย 277,777 ดอลลาร์ต่อเครื่อง ซึ่งเป็นราคาที่คุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้รับ Hydra Host ยังมีแพลตฟอร์ม Brokkr ที่ช่วยในการจัดการและให้เช่า GPU เมื่อไม่ได้ใช้งาน ทำให้สามารถเพิ่มรายได้จากการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/exacluster-with-144-nvidia-h200-ai-gpus-detailed-by-its-designer-hydra-host-enters-the-scene
    บริษัท Hydra Host ได้เปิดตัว Exacluster ซึ่งเป็นคลัสเตอร์ที่ประกอบด้วย 18 เครื่องที่ใช้ GPU Nvidia H200 จำนวน 144 หน่วย คลัสเตอร์นี้เป็นหนึ่งในคลัสเตอร์แรกที่ใช้ GPU รุ่นนี้ และมีการปรับแต่งหลายอย่างจาก Hydra Host เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงสุด คลัสเตอร์นี้ใช้ระบบของ Lenovo ที่มีการปรับแต่งจาก Hydra Host และสามารถเช่าใช้งานได้ผ่านแพลตฟอร์ม Brokkr ของ Hydra Host คลัสเตอร์นี้มีพลังการประมวลผลสูงถึง 570 FP8 PetaTOPS สำหรับงาน AI และมีหน่วยความจำ HBM3E ขนาด 20TB Hydra Host ได้ร่วมมือกับ Computacenter ในการออกแบบสถาปัตยกรรมเครือข่ายที่มีประสิทธิภาพสูง โดยใช้ InfiniBand ความเร็ว 3.2Tbps สำหรับการสื่อสารภายในคลัสเตอร์ และ Ethernet ความเร็ว 400Gbps สำหรับการสื่อสารภายนอก คลัสเตอร์นี้มีราคา 5 ล้านดอลลาร์ หรือเฉลี่ย 277,777 ดอลลาร์ต่อเครื่อง ซึ่งเป็นราคาที่คุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่ได้รับ Hydra Host ยังมีแพลตฟอร์ม Brokkr ที่ช่วยในการจัดการและให้เช่า GPU เมื่อไม่ได้ใช้งาน ทำให้สามารถเพิ่มรายได้จากการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/exacluster-with-144-nvidia-h200-ai-gpus-detailed-by-its-designer-hydra-host-enters-the-scene
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Aurora ของ Argonne National Laboratory ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้ถูกประกาศครั้งแรกในปี 2015 และเผชิญกับความล่าช้ามากมาย แต่ตอนนี้สามารถให้บริการได้มากกว่า 1 ExaFLOPS สำหรับการจำลองและ 11.6 ExaFLOPS สำหรับการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง

    Michael Papka ผู้อำนวยการ Argonne Leadership Computing Facility (ALCF) กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เปิดตัว Aurora สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์" และเสริมว่า "ผู้ใช้เริ่มแรกได้แสดงให้เราเห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของ Aurora เรารอคอยที่จะเห็นว่าชุมชนวิทยาศาสตร์จะใช้ระบบนี้ในการเปลี่ยนแปลงการวิจัยของพวกเขาอย่างไร"

    การเปิดตัว Aurora สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นการยอมรับระบบอย่างเป็นทางการโดย ARNL ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสำหรับเครื่องที่มีปัญหานี้ Aurora ถูกวางแผนไว้สำหรับปี 2018 แต่พลาดเป้าหมายเนื่องจากการตัดสินใจของ Intel ที่จะยกเลิกโปรเซสเซอร์ Xeon Phi หลังจากที่เครื่องถูกออกแบบใหม่ โครงการก็เผชิญกับความล่าช้าเพิ่มเติมเนื่องจากการล่าช้าของเทคโนโลยีการผลิต 7nm ของ Intel ทำให้วันที่เสร็จสมบูรณ์ถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2021 และอีกครั้งในปี 2023

    แม้ว่าอุปกรณ์จะถูกติดตั้งในเดือนมิถุนายน 2023 แต่ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าระบบจะสามารถทำงานได้เต็มที่และบรรลุประสิทธิภาพระดับ exascale ซึ่งในที่สุดก็สำเร็จในเดือนพฤษภาคม 2024 แต่ระบบนี้ยังคงเปิดให้บริการเฉพาะนักวิจัยบางกลุ่มเท่านั้นเป็นเวลานานกว่าครึ่งปี

    Aurora ไม่ใช่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการจำลอง เนื่องจากประสิทธิภาพ FP64 ของมันเพียงแค่เกิน 1 ExaFLOPS แต่เป็นระบบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับ AI เนื่องจากสามารถบรรลุ 11.6 ExaFLOPS ตามการทดสอบ HPL-MxP

    Rick Stevens ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการ Argonne กล่าวว่า "เป้าหมายใหญ่ของ Aurora คือการฝึกอบรมโมเดลภาษาขนาดใหญ่สำหรับวิทยาศาสตร์" และเสริมว่า "ด้วยโครงการ AuroraGPT เรากำลังสร้างโมเดลพื้นฐานที่เน้นวิทยาศาสตร์ที่สามารถสกัดความรู้จากหลายโดเมน ตั้งแต่ชีววิทยาถึงเคมี หนึ่งในเป้าหมายของ Aurora คือการช่วยให้นักวิจัยสร้างเครื่องมือ AI ใหม่ที่ช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าได้เร็วเท่าที่พวกเขาคิด ไม่ใช่แค่เร็วเท่าที่การคำนวณของพวกเขา"

    โครงการวิจัยแรกๆ ที่ใช้ Aurora รวมถึงการจำลองระบบที่ซับซ้อน เช่น ระบบหมุนเวียนเลือดของมนุษย์ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และการระเบิดของซูเปอร์โนวา ประสิทธิภาพที่ล้นหลามของเครื่องนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการประมวลผลข้อมูลจากศูนย์วิจัยใหญ่ๆ เช่น Argonne's Advanced Photon Source (APS) และ CERN's Large Hadron Collider

    Aurora ประกอบด้วย 166 แร็ค แต่ละแร็คมี 64 เบลด รวมทั้งหมด 10,624 เบลด แต่ละเบลดมีโปรเซสเซอร์ Xeon Max สองตัวพร้อมหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 64 GB และ GPU Intel Data Center Max 'Ponte Vecchio' หกตัว ทั้งหมดนี้ถูกทำความเย็นด้วยระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวเฉพาะ

    Aurora มี CPU 21,248 ตัวพร้อมคอร์ x86 ประสิทธิภาพสูงกว่า 1.1 ล้านคอร์ หน่วยความจำ DDR5 ขนาด 19.9 PB และหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 1.36 PB ที่เชื่อมต่อกับ CPU นอกจากนี้ยังมี GPU 63,744 ตัวที่ปรับแต่งสำหรับ AI และ HPC พร้อมหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 8.16 PB Aurora ใช้โหนด 1,024 โหนดที่มีไดรฟ์โซลิดสเตตสำหรับการจัดเก็บข้อมูล รวมความจุทั้งหมด 220 PB และแบนด์วิดท์ 31 TB/s ระบบนี้ใช้สถาปัตยกรรมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Shasta ของ HPE พร้อมการเชื่อมต่อ Slingshot

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/aurora-supercomputer-is-now-fully-operational-available-to-researchers
    ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Aurora ของ Argonne National Laboratory ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ซูเปอร์คอมพิวเตอร์นี้ถูกประกาศครั้งแรกในปี 2015 และเผชิญกับความล่าช้ามากมาย แต่ตอนนี้สามารถให้บริการได้มากกว่า 1 ExaFLOPS สำหรับการจำลองและ 11.6 ExaFLOPS สำหรับการประมวลผลปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง Michael Papka ผู้อำนวยการ Argonne Leadership Computing Facility (ALCF) กล่าวว่า "เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เปิดตัว Aurora สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์" และเสริมว่า "ผู้ใช้เริ่มแรกได้แสดงให้เราเห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของ Aurora เรารอคอยที่จะเห็นว่าชุมชนวิทยาศาสตร์จะใช้ระบบนี้ในการเปลี่ยนแปลงการวิจัยของพวกเขาอย่างไร" การเปิดตัว Aurora สำหรับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ถือเป็นการยอมรับระบบอย่างเป็นทางการโดย ARNL ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสำหรับเครื่องที่มีปัญหานี้ Aurora ถูกวางแผนไว้สำหรับปี 2018 แต่พลาดเป้าหมายเนื่องจากการตัดสินใจของ Intel ที่จะยกเลิกโปรเซสเซอร์ Xeon Phi หลังจากที่เครื่องถูกออกแบบใหม่ โครงการก็เผชิญกับความล่าช้าเพิ่มเติมเนื่องจากการล่าช้าของเทคโนโลยีการผลิต 7nm ของ Intel ทำให้วันที่เสร็จสมบูรณ์ถูกเลื่อนออกไปเป็นปี 2021 และอีกครั้งในปี 2023 แม้ว่าอุปกรณ์จะถูกติดตั้งในเดือนมิถุนายน 2023 แต่ต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าระบบจะสามารถทำงานได้เต็มที่และบรรลุประสิทธิภาพระดับ exascale ซึ่งในที่สุดก็สำเร็จในเดือนพฤษภาคม 2024 แต่ระบบนี้ยังคงเปิดให้บริการเฉพาะนักวิจัยบางกลุ่มเท่านั้นเป็นเวลานานกว่าครึ่งปี Aurora ไม่ใช่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุดสำหรับการจำลอง เนื่องจากประสิทธิภาพ FP64 ของมันเพียงแค่เกิน 1 ExaFLOPS แต่เป็นระบบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับ AI เนื่องจากสามารถบรรลุ 11.6 ExaFLOPS ตามการทดสอบ HPL-MxP Rick Stevens ผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการ Argonne กล่าวว่า "เป้าหมายใหญ่ของ Aurora คือการฝึกอบรมโมเดลภาษาขนาดใหญ่สำหรับวิทยาศาสตร์" และเสริมว่า "ด้วยโครงการ AuroraGPT เรากำลังสร้างโมเดลพื้นฐานที่เน้นวิทยาศาสตร์ที่สามารถสกัดความรู้จากหลายโดเมน ตั้งแต่ชีววิทยาถึงเคมี หนึ่งในเป้าหมายของ Aurora คือการช่วยให้นักวิจัยสร้างเครื่องมือ AI ใหม่ที่ช่วยให้พวกเขาก้าวหน้าได้เร็วเท่าที่พวกเขาคิด ไม่ใช่แค่เร็วเท่าที่การคำนวณของพวกเขา" โครงการวิจัยแรกๆ ที่ใช้ Aurora รวมถึงการจำลองระบบที่ซับซ้อน เช่น ระบบหมุนเวียนเลือดของมนุษย์ เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และการระเบิดของซูเปอร์โนวา ประสิทธิภาพที่ล้นหลามของเครื่องนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการประมวลผลข้อมูลจากศูนย์วิจัยใหญ่ๆ เช่น Argonne's Advanced Photon Source (APS) และ CERN's Large Hadron Collider Aurora ประกอบด้วย 166 แร็ค แต่ละแร็คมี 64 เบลด รวมทั้งหมด 10,624 เบลด แต่ละเบลดมีโปรเซสเซอร์ Xeon Max สองตัวพร้อมหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 64 GB และ GPU Intel Data Center Max 'Ponte Vecchio' หกตัว ทั้งหมดนี้ถูกทำความเย็นด้วยระบบระบายความร้อนด้วยของเหลวเฉพาะ Aurora มี CPU 21,248 ตัวพร้อมคอร์ x86 ประสิทธิภาพสูงกว่า 1.1 ล้านคอร์ หน่วยความจำ DDR5 ขนาด 19.9 PB และหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 1.36 PB ที่เชื่อมต่อกับ CPU นอกจากนี้ยังมี GPU 63,744 ตัวที่ปรับแต่งสำหรับ AI และ HPC พร้อมหน่วยความจำ HBM2E ขนาด 8.16 PB Aurora ใช้โหนด 1,024 โหนดที่มีไดรฟ์โซลิดสเตตสำหรับการจัดเก็บข้อมูล รวมความจุทั้งหมด 220 PB และแบนด์วิดท์ 31 TB/s ระบบนี้ใช้สถาปัตยกรรมซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Shasta ของ HPE พร้อมการเชื่อมต่อ Slingshot https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/aurora-supercomputer-is-now-fully-operational-available-to-researchers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 381 มุมมอง 0 รีวิว
  • AMD อ้างว่า GPU รุ่น RX 7900 XTX ของพวกเขามีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 4090 ของ Nvidia ในการทดสอบด้วยโมเดล AI ของ DeepSeek โดย AMD ได้ทำการทดสอบ GPU ทั้งสามรุ่น ได้แก่ RX 7900 XTX, RTX 4090 และ RTX 4080 Super ด้วยโมเดล AI DeepSeek R1 และพบว่า RX 7900 XTX มีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 4090 ถึง 13% และดีกว่า RTX 4080 Super ถึง 34%

    การทดสอบนี้ใช้โมเดล AI หลายแบบและพารามิเตอร์ต่างๆ โดย RX 7900 XTX มีชัยชนะห่างที่สุดเมื่อใช้ DeepSeek R1 Distill Qwen 7B ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 4090 ถึง 13% นอกจากนี้ RX 7900 XTX ยังมีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 4090 ในการทดสอบอีกสองแบบ โดยมีความเร็วมากกว่า 11% เมื่อใช้ Distill Llama 8B และมากกว่า 2% เมื่อใช้ Distill Qwen 14B1. อย่างไรก็ตาม RTX 4090 มีความเร็วมากกว่า RX 7900 XTX ถึง 4% เมื่อใช้ Distill Qwen 32B

    การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่า RX 7900 XTX ของ AMD มีความสามารถในการประมวลผลงาน AI ได้ดี แม้ว่าจะไม่ใช่การใช้งานหลักของ GPU รุ่นนี้ก็ตาม. สถาปัตยกรรม RDNA 3 ที่ RX 7900 XTX ใช้สามารถรองรับการทำงานของ AI ได้ดี โดยมี AI accelerators ถึง 192 ตัว

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-claims-rx-7900-xtx-outperforms-rtx-4090-in-deepseek-benchmarks
    AMD อ้างว่า GPU รุ่น RX 7900 XTX ของพวกเขามีประสิทธิภาพเหนือกว่า RTX 4090 ของ Nvidia ในการทดสอบด้วยโมเดล AI ของ DeepSeek โดย AMD ได้ทำการทดสอบ GPU ทั้งสามรุ่น ได้แก่ RX 7900 XTX, RTX 4090 และ RTX 4080 Super ด้วยโมเดล AI DeepSeek R1 และพบว่า RX 7900 XTX มีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 4090 ถึง 13% และดีกว่า RTX 4080 Super ถึง 34% การทดสอบนี้ใช้โมเดล AI หลายแบบและพารามิเตอร์ต่างๆ โดย RX 7900 XTX มีชัยชนะห่างที่สุดเมื่อใช้ DeepSeek R1 Distill Qwen 7B ซึ่งมีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 4090 ถึง 13% นอกจากนี้ RX 7900 XTX ยังมีประสิทธิภาพดีกว่า RTX 4090 ในการทดสอบอีกสองแบบ โดยมีความเร็วมากกว่า 11% เมื่อใช้ Distill Llama 8B และมากกว่า 2% เมื่อใช้ Distill Qwen 14B1. อย่างไรก็ตาม RTX 4090 มีความเร็วมากกว่า RX 7900 XTX ถึง 4% เมื่อใช้ Distill Qwen 32B การทดสอบนี้แสดงให้เห็นว่า RX 7900 XTX ของ AMD มีความสามารถในการประมวลผลงาน AI ได้ดี แม้ว่าจะไม่ใช่การใช้งานหลักของ GPU รุ่นนี้ก็ตาม. สถาปัตยกรรม RDNA 3 ที่ RX 7900 XTX ใช้สามารถรองรับการทำงานของ AI ได้ดี โดยมี AI accelerators ถึง 192 ตัว https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/amd-claims-rx-7900-xtx-outperforms-rtx-4090-in-deepseek-benchmarks
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD claims RX 7900 XTX outperforms RTX 4090 in DeepSeek benchmarks
    Nvidia usually has better AI performance, but with DeepSeek AI, the tables have turned (according to AMD)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 275 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดสะพานทศมราชัน สร้างมา 5 ปีกว่าจะมีวันนี้

    เวลา 09.09 น. วันที่ 29 ม.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดสะพานทศมราชัน ที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุขสวัสดิ์ ระหว่างรอโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยก่อสร้างแล้วเสร็จ คิดค่าผ่านทางตามปกติของทางพิเศษเฉลิมมหานคร คาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบนสะพานพระราม 9 จาก 100,470 คันต่อวัน ลดเหลือ 75,325 คันต่อวัน

    สำหรับความคืบหน้าโครงการฯ ตลอดสายทาง 18.7 กิโลเมตร ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2567 ภาพรวม 86.28% เร็วกว่าแผน 1.03% คาดว่าเปิดให้บริการประมาณปลายปี 2568 โดยขาออกกรุงเทพฯ จากทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ก่อนขึ้นสะพานทศมราชันต้องรับบัตรผ่านทางพิเศษที่ด่านบางโคล่ และจ่ายเงินที่ด่านปลายทาง โดยคิดค่าผ่านทางแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงดาวคะนอง-พระราม 3 และช่วงดาวคะนอง-วงแหวนฯ ตะวันตก ได้แก่ รถ 4 ล้อ ช่วงละ 30 บาท รถ 6-10 ล้อช่วงละ 60 บาท รถมากกว่า 10 ล้อช่วงละ 90 บาท

    สะพานทศมราชัน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ สัญญา 4 ลักษณะเป็นสะพานคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำ ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาว 781.2 เมตร รับแรงลมได้สูงถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มูลค่าโครงการ 6,636.19 ล้านบาท ก่อสร้างโดย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นสัญญา 16 ม.ค. 2563 แล้วเสร็จตามสัญญาวันที่ 30 มี.ค. 2566 รวม 1,170 วัน ก่อนส่งมอบให้การทางพิเศษฯ

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ โดยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสะพานทศมราชัน

    องค์ประกอบสถาปัตยกรรมของสะพาน ได้แก่ 1.ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก ความห่วงใย พสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า 2.สายเคเบิลเป็นสีเหลือง สื่อถึงวันพระบรมราชสมภพคือวันจันทร์ 3.รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทองอยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพ เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์ 4.รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำพระองค์

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    เปิดสะพานทศมราชัน สร้างมา 5 ปีกว่าจะมีวันนี้ เวลา 09.09 น. วันที่ 29 ม.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดสะพานทศมราชัน ที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุขสวัสดิ์ ระหว่างรอโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยก่อสร้างแล้วเสร็จ คิดค่าผ่านทางตามปกติของทางพิเศษเฉลิมมหานคร คาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบนสะพานพระราม 9 จาก 100,470 คันต่อวัน ลดเหลือ 75,325 คันต่อวัน สำหรับความคืบหน้าโครงการฯ ตลอดสายทาง 18.7 กิโลเมตร ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2567 ภาพรวม 86.28% เร็วกว่าแผน 1.03% คาดว่าเปิดให้บริการประมาณปลายปี 2568 โดยขาออกกรุงเทพฯ จากทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ก่อนขึ้นสะพานทศมราชันต้องรับบัตรผ่านทางพิเศษที่ด่านบางโคล่ และจ่ายเงินที่ด่านปลายทาง โดยคิดค่าผ่านทางแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงดาวคะนอง-พระราม 3 และช่วงดาวคะนอง-วงแหวนฯ ตะวันตก ได้แก่ รถ 4 ล้อ ช่วงละ 30 บาท รถ 6-10 ล้อช่วงละ 60 บาท รถมากกว่า 10 ล้อช่วงละ 90 บาท สะพานทศมราชัน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ สัญญา 4 ลักษณะเป็นสะพานคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำ ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาว 781.2 เมตร รับแรงลมได้สูงถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มูลค่าโครงการ 6,636.19 ล้านบาท ก่อสร้างโดย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นสัญญา 16 ม.ค. 2563 แล้วเสร็จตามสัญญาวันที่ 30 มี.ค. 2566 รวม 1,170 วัน ก่อนส่งมอบให้การทางพิเศษฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ โดยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสะพานทศมราชัน องค์ประกอบสถาปัตยกรรมของสะพาน ได้แก่ 1.ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก ความห่วงใย พสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า 2.สายเคเบิลเป็นสีเหลือง สื่อถึงวันพระบรมราชสมภพคือวันจันทร์ 3.รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทองอยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพ เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์ 4.รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำพระองค์ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 619 มุมมอง 0 รีวิว
  • "DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จีนท้าชน OpenAI คว้าอันดับ 1 แอปสหรัฐฯ ด้วยโมเดล R1 โอเพนซอร์ส ต้นทุนพัฒนาเพียง 1 ใน 20 ของคู่แข่ง!"

    ที่มาและความเป็นมาของ DeepSeek

    DeepSeek คือสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ก่อตั้งใน พฤษภาคม 2023 โดย เหลียง เวินเฟิง (Liang Wenfeng) นักลงทุนชื่อดังและผู้เชี่ยวชาญ AI อดีตผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ทีมวิจัยหลักประกอบด้วยบัณฑิตจบใหม่และนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมหาวิทยาลัยชิงหวา

    จุดพลิกเกม
    DeepSeek เปิดตัว โมเดล R1 อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 หลังมีข่าวลือตั้งแต่พฤศจิกายน 2024 โดยโมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ OpenAI o1 โดยตรง ด้วยจุดเด่น 3 ด้าน:
    1. ความสามารถเชิงวิเคราะห์: ให้ผลลัพธ์เหนือกว่าในงานคำนวณคณิตศาสตร์-เขียนโปรแกรม และการให้เหตุผลขั้นสูง
    2. ต้นทุนพัฒนาต่ำสุดวงการ: ใช้เงินเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์ เทียบกับคู่แข่งที่ใช้งบหลายร้อยล้าน (ต่ำกว่า 18-20 เท่า)
    3. ระบบโอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ: เปิดเผยโค้ดและโครงสร้างโมเดลทั้งหมด ต่างจาก OpenAI ที่ยังปิดบางส่วน

    แม้มีสำนักงานใหญ่ในจีน แต่โมเดล R1 กลับโด่งดังในตลาดสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นเป็น แอปฯ อันดับ 1 บน App Store และ Google Play แซงหน้า ChatGPT ภายใน 2 สัปดาห์หลังเปิดตัว

    เบื้องหลังความสำเร็จ
    • เทคโนโลยี MLA + DeepSeekMoESparse: สถาปัตยกรรม AI ที่ลดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ได้ถึง 40%
    • กลยุทธ์ "วิจัยก่อนค้า": เปิด API ฟรีให้ชุมชนนักพัฒนาและวิจัย ทุ่มงบ 80% ของบริษัทเพื่อการวิจัยพื้นฐาน
    • แรงกดดันต่อตลาด: ก่อให้เกิด "สงครามราคา AI" ในจีน บีบให้ Alibaba, Tencent และ Baidu ต้องลดราคาโมเดลตัวเอง 30-50%

    สัญญาณเปลี่ยนสนาม AI โลก
    ความสำเร็จของ DeepSeek ถูกมองว่าเป็นหลักฐานว่า จีนสามารถท้าทายการผูกขาด AI ของสหรัฐฯ ได้ แม้ถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ดังที่ The Wall Street Journal วิเคราะห์ว่า
    "R1 คือตัวอย่างชัดเจนที่แสดงว่า มาตรการควบคุมชิปของสหรัฐฯ อาจส่งผลตรงข้าม – กระตุ้นให้จีนสร้างนวัตกรรมแบบ 'คิดนอกกรอบ'"
    ขณะที่ เหลียง เวินเฟิง ให้สัมภาษณ์ว่า
    "เราเชื่อว่า AGI (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป) ต้องเกิดจากความร่วมมือของมวลมนุษยชาติ ไม่ใช่แค่บริษัทยักษ์ใหญ่ 2-3 แห่ง"

    อนาคตที่จับตาของ DeepSeek
    บริษัทประกาศแผนระยะยาว 3 ด้าน:
    1. พัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ (Large Language Model) รุ่นถัดไปภายในปี 2026
    2. ขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก
    3. ท้าทายเป้าหมายสูงสุด: สร้าง AGI ที่เข้าถึงได้ทุกคน
    ข้อเท็จจริงน่าสนใจ: หลังเปิดตัว R1 มีนักพัฒนาเกือบ 50,000 คน จาก 120 ประเทศ เข้ามาปรับใช้โมเดลนี้ในโครงการของตัวเองภายในเดือนแรก!

    ล่าสุด
    จีน: ประกาศแผนสนับสนุน AI ด้วยเงิน 1 ล้านล้านหยวน (137 พันล้านดอลลาร์)
    เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2025 ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) ประกาศแผน "支持人工智能产业链发展行动方案" (แผนปฏิบัติการสนับสนุนห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI) โดยจะจัดสรรเงินทุน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 137 พันล้านดอลลาร์) ในระยะเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI ทั้งในด้านการวิจัยพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ และการสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง

    ติดตามผู้ก่อตั้งได้ที่
    https://x.com/zizhpan
    https://x.com/deepseek_ai

    ใช้งานฟรีไม่จำกัดได้ที่ (สมัครสมาชิกฟรี):
    https://chat.deepseek.com/

    อ้างอิง: Spring News, Mekha News, https://x.com/kimmonismus
    "DeepSeek สตาร์ทอัพ AI จีนท้าชน OpenAI คว้าอันดับ 1 แอปสหรัฐฯ ด้วยโมเดล R1 โอเพนซอร์ส ต้นทุนพัฒนาเพียง 1 ใน 20 ของคู่แข่ง!" ที่มาและความเป็นมาของ DeepSeek DeepSeek คือสตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) จากเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ก่อตั้งใน พฤษภาคม 2023 โดย เหลียง เวินเฟิง (Liang Wenfeng) นักลงทุนชื่อดังและผู้เชี่ยวชาญ AI อดีตผู้บริหารกองทุนเฮดจ์ฟันด์ ทีมวิจัยหลักประกอบด้วยบัณฑิตจบใหม่และนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และมหาวิทยาลัยชิงหวา จุดพลิกเกม DeepSeek เปิดตัว โมเดล R1 อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม 2025 หลังมีข่าวลือตั้งแต่พฤศจิกายน 2024 โดยโมเดลนี้ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ OpenAI o1 โดยตรง ด้วยจุดเด่น 3 ด้าน: 1. ความสามารถเชิงวิเคราะห์: ให้ผลลัพธ์เหนือกว่าในงานคำนวณคณิตศาสตร์-เขียนโปรแกรม และการให้เหตุผลขั้นสูง 2. ต้นทุนพัฒนาต่ำสุดวงการ: ใช้เงินเพียง 5.6 ล้านดอลลาร์ เทียบกับคู่แข่งที่ใช้งบหลายร้อยล้าน (ต่ำกว่า 18-20 เท่า) 3. ระบบโอเพนซอร์สเต็มรูปแบบ: เปิดเผยโค้ดและโครงสร้างโมเดลทั้งหมด ต่างจาก OpenAI ที่ยังปิดบางส่วน แม้มีสำนักงานใหญ่ในจีน แต่โมเดล R1 กลับโด่งดังในตลาดสหรัฐฯ ด้วยการขึ้นเป็น แอปฯ อันดับ 1 บน App Store และ Google Play แซงหน้า ChatGPT ภายใน 2 สัปดาห์หลังเปิดตัว เบื้องหลังความสำเร็จ • เทคโนโลยี MLA + DeepSeekMoESparse: สถาปัตยกรรม AI ที่ลดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์ได้ถึง 40% • กลยุทธ์ "วิจัยก่อนค้า": เปิด API ฟรีให้ชุมชนนักพัฒนาและวิจัย ทุ่มงบ 80% ของบริษัทเพื่อการวิจัยพื้นฐาน • แรงกดดันต่อตลาด: ก่อให้เกิด "สงครามราคา AI" ในจีน บีบให้ Alibaba, Tencent และ Baidu ต้องลดราคาโมเดลตัวเอง 30-50% สัญญาณเปลี่ยนสนาม AI โลก ความสำเร็จของ DeepSeek ถูกมองว่าเป็นหลักฐานว่า จีนสามารถท้าทายการผูกขาด AI ของสหรัฐฯ ได้ แม้ถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง ดังที่ The Wall Street Journal วิเคราะห์ว่า "R1 คือตัวอย่างชัดเจนที่แสดงว่า มาตรการควบคุมชิปของสหรัฐฯ อาจส่งผลตรงข้าม – กระตุ้นให้จีนสร้างนวัตกรรมแบบ 'คิดนอกกรอบ'" ขณะที่ เหลียง เวินเฟิง ให้สัมภาษณ์ว่า "เราเชื่อว่า AGI (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป) ต้องเกิดจากความร่วมมือของมวลมนุษยชาติ ไม่ใช่แค่บริษัทยักษ์ใหญ่ 2-3 แห่ง" อนาคตที่จับตาของ DeepSeek บริษัทประกาศแผนระยะยาว 3 ด้าน: 1. พัฒนาโมเดลขนาดใหญ่ (Large Language Model) รุ่นถัดไปภายในปี 2026 2. ขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก 3. ท้าทายเป้าหมายสูงสุด: สร้าง AGI ที่เข้าถึงได้ทุกคน ข้อเท็จจริงน่าสนใจ: หลังเปิดตัว R1 มีนักพัฒนาเกือบ 50,000 คน จาก 120 ประเทศ เข้ามาปรับใช้โมเดลนี้ในโครงการของตัวเองภายในเดือนแรก! ล่าสุด จีน: ประกาศแผนสนับสนุน AI ด้วยเงิน 1 ล้านล้านหยวน (137 พันล้านดอลลาร์) เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2025 ธนาคารแห่งประเทศจีน (Bank of China) ประกาศแผน "支持人工智能产业链发展行动方案" (แผนปฏิบัติการสนับสนุนห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI) โดยจะจัดสรรเงินทุน 1 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 137 พันล้านดอลลาร์) ในระยะเวลา 5 ปี เพื่อสนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่อุตสาหกรรม AI ทั้งในด้านการวิจัยพื้นฐาน การประยุกต์ใช้ในภาคธุรกิจ และการสร้างระบบนิเวศ AI ที่แข็งแกร่ง ติดตามผู้ก่อตั้งได้ที่ https://x.com/zizhpan https://x.com/deepseek_ai ใช้งานฟรีไม่จำกัดได้ที่ (สมัครสมาชิกฟรี): https://chat.deepseek.com/ อ้างอิง: Spring News, Mekha News, https://x.com/kimmonismus
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 569 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts