• สมเด็จหลวงพ่อองค์ดำ มหาวิทยาลัยนาลันทา ประเทศอินเดีย
    สมเด็จหลวงพ่อองค์ดำ เนื้อผงพุทธคุณ มหาวิทยาลัยนาลันทา เมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดีย // ตำนาน พระพุทธเจ้าองค์ดำ หรือ หลวงพ่อองค์ดำ แห่งอินเดีย พระพุทธรูปเพียงองค์เดียวที่หลุดรอดจากการถูกทำลายและไม่ถูกอังกฤษยึดไป // พระสถาพสวย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ## รับประกันพระแท้คลอดชีพครับ

    ** พุทธคุณ อธิษฐานขอพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เมตตาหานิยม โภคทรัพย์ เงินไหลมา มหาโภคทรัพย์ เรียกทรัพย์และคุ้มครองป้องกันภัย. จะเจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย โชคลาภ เรียกทรัพย์หนุนดวง โชคลาภมหาสมบัติค้าขายร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงาน **

    ** ประวัติความเป็นมาของ “หลวงพ่อพระพุทธเจ้าองค์ดำ” หรือ “หลวงพ่อองค์ดำ” สร้างขึ้นโดยท่านธรรมปาล ในสมัยพระเจ้าเทวาปาล คือระหว่างปี พ.ศ. 1353-1393 ในยุคที่อังกฤษปกครองอินเดีย มีนักโบราณคดีจำนวนมากได้เข้ามาสำรวจขุดค้นพุทธสถนต่างๆ ในอินเดีย โดยปี พ.ศ. 2403 มีนักปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีชาวอังกฤษคนหนึ่งชื่อ นายพลโทเซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม (Sir Alexander Cunningham) ได้ศึกษาและอ่านบันทึกลายแทงของพระถังซัมจั๋งดังกล่าวจนเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงนำคณะเข้ามาสำรวจและขุดค้น ก็ปรากฏผลดังที่ตนปรารถนาไว้ทุกประการ คือได้ค้นพบพระเจดีย์องค์ที่ตั้งอยู่ใจกลางมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาพอดี ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงกองดินสูงเท่านั้นจากนั้นเซอร์คันนิ่งแฮมก็ได้ทำแผนที่ตามบันทึกลายแทงที่มีอยู่ เพื่อค้นหาพระเจดีย์องค์อื่นๆ จนปรากฏว่าเมื่อปี พ.ศ. 2458 ได้ค้นพบซากพระเจดีย์องค์อื่นๆ และตัวมหาวิทยาลัยสงฆ์ รวมทั้ง หลวงพ่อพระพุทธเจ้าองค์ดำ และพระพุทธรูปองค์อื่นๆ อีกมากมายหลายองค์ซึ่งส่วนมากจะเสียหายหักบิ่นจากการถูกทำลาย ซึ่งการค้นพบครั้งนี้เท่ากับว่า “มหาวิทยาลัยนาลันทา” คือมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก ได้ปรากฏแก่สายตาชาวโลกอีกครั้งหนึ่ง **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย พระไม่ถูกใช้ครับ

    โทรศัพท์ 0881915131
    LINE 0881915131
    สมเด็จหลวงพ่อองค์ดำ มหาวิทยาลัยนาลันทา ประเทศอินเดีย สมเด็จหลวงพ่อองค์ดำ เนื้อผงพุทธคุณ มหาวิทยาลัยนาลันทา เมืองราชคฤห์ ประเทศอินเดีย // ตำนาน พระพุทธเจ้าองค์ดำ หรือ หลวงพ่อองค์ดำ แห่งอินเดีย พระพุทธรูปเพียงองค์เดียวที่หลุดรอดจากการถูกทำลายและไม่ถูกอังกฤษยึดไป // พระสถาพสวย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ## รับประกันพระแท้คลอดชีพครับ ** พุทธคุณ อธิษฐานขอพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บ เมตตาหานิยม โภคทรัพย์ เงินไหลมา มหาโภคทรัพย์ เรียกทรัพย์และคุ้มครองป้องกันภัย. จะเจริญรุ่งเรือง ไม่ฝืดเคืองขัดสน ค้าขาย ร่ำรวย โชคลาภ เรียกทรัพย์หนุนดวง โชคลาภมหาสมบัติค้าขายร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงาน ** ** ประวัติความเป็นมาของ “หลวงพ่อพระพุทธเจ้าองค์ดำ” หรือ “หลวงพ่อองค์ดำ” สร้างขึ้นโดยท่านธรรมปาล ในสมัยพระเจ้าเทวาปาล คือระหว่างปี พ.ศ. 1353-1393 ในยุคที่อังกฤษปกครองอินเดีย มีนักโบราณคดีจำนวนมากได้เข้ามาสำรวจขุดค้นพุทธสถนต่างๆ ในอินเดีย โดยปี พ.ศ. 2403 มีนักปราชญ์ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีชาวอังกฤษคนหนึ่งชื่อ นายพลโทเซอร์ อเล็กซานเดอร์ คันนิ่งแฮม (Sir Alexander Cunningham) ได้ศึกษาและอ่านบันทึกลายแทงของพระถังซัมจั๋งดังกล่าวจนเข้าใจอย่างถ่องแท้ จึงนำคณะเข้ามาสำรวจและขุดค้น ก็ปรากฏผลดังที่ตนปรารถนาไว้ทุกประการ คือได้ค้นพบพระเจดีย์องค์ที่ตั้งอยู่ใจกลางมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาพอดี ซึ่งในขณะนั้นเป็นเพียงกองดินสูงเท่านั้นจากนั้นเซอร์คันนิ่งแฮมก็ได้ทำแผนที่ตามบันทึกลายแทงที่มีอยู่ เพื่อค้นหาพระเจดีย์องค์อื่นๆ จนปรากฏว่าเมื่อปี พ.ศ. 2458 ได้ค้นพบซากพระเจดีย์องค์อื่นๆ และตัวมหาวิทยาลัยสงฆ์ รวมทั้ง หลวงพ่อพระพุทธเจ้าองค์ดำ และพระพุทธรูปองค์อื่นๆ อีกมากมายหลายองค์ซึ่งส่วนมากจะเสียหายหักบิ่นจากการถูกทำลาย ซึ่งการค้นพบครั้งนี้เท่ากับว่า “มหาวิทยาลัยนาลันทา” คือมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลก ได้ปรากฏแก่สายตาชาวโลกอีกครั้งหนึ่ง ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ พระดูง่าย พระไม่ถูกใช้ครับ โทรศัพท์ 0881915131 LINE 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • สารออกฤทธิ์จากเห็ดเมจิก ช่วย “รีไวร์” สมองและลดวงจรความคิดซ้ำ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้า

    ทีมนักวิจัยจาก Cornell University ใช้ไวรัสที่ถูกดัดแปลงเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองในหนู หลังได้รับไซโลไซบิน พบว่าบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลความรู้สึกและการตัดสินใจมีการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้น ขณะที่วงจรในคอร์เทกซ์ที่เกี่ยวข้องกับการคิดซ้ำ ๆ ลดลง

    กลไกการทำงาน
    ผลการทดลองชี้ว่าไซโลไซบินอาจช่วยลด “rumination” หรือการจมอยู่กับความคิดด้านลบ โดยการปรับสมดุลการเชื่อมต่อของสมอง นักวิจัยยังพบว่ากิจกรรมของสมองมีบทบาทกำหนดตำแหน่งที่การเชื่อมต่อใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเปิดทางให้ใช้เทคนิคกระตุ้นสมอง เช่น magnetic stimulation ร่วมกับไซโลไซบินเพื่อการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น

    ความหมายต่อการรักษาโรคซึมเศร้า
    ภาวะซึมเศร้าเป็นสาเหตุหลักของความพิการทั่วโลก และการรักษาแบบดั้งเดิมมักมีผลข้างเคียงหรือไม่ได้ผลสำหรับบางคน การค้นพบนี้จึงเป็นความหวังใหม่ที่อาจนำไปสู่การรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ข้อจำกัดของการศึกษา
    แม้ผลลัพธ์ในหนูจะน่าสนใจ แต่ยังต้องมีการยืนยันในมนุษย์ เพราะไม่ใช่ทุกการค้นพบจากสัตว์ทดลองจะสามารถนำมาใช้กับคนได้โดยตรง

    สรุปสาระสำคัญ
    การทดลองใหม่
    ใช้ไวรัสติดตามการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อสมองในหนูที่ได้รับไซโลไซบิน

    กลไกการทำงาน
    ลดวงจรความคิดด้านลบ เพิ่มการเชื่อมต่อในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ

    ความหมายต่อการรักษา
    อาจช่วยพัฒนาวิธีรักษาโรคซึมเศร้าที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ศักยภาพการประยุกต์ใช้
    อาจใช้ร่วมกับเทคนิคกระตุ้นสมองเพื่อเพิ่มความแม่นยำ

    ข้อจำกัดของงานวิจัย
    ผลลัพธ์ยังอยู่ในระดับสัตว์ทดลอง ต้องมีการยืนยันในมนุษย์

    ความเสี่ยงในการตีความ
    ไม่ใช่ทุกการเปลี่ยนแปลงในสมองของหนูจะสะท้อนผลในมนุษย์

    https://www.sciencealert.com/psilocybin-breaks-depressive-cycles-by-rewiring-the-brain-study-suggests
    🧠 สารออกฤทธิ์จากเห็ดเมจิก ช่วย “รีไวร์” สมองและลดวงจรความคิดซ้ำ ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาวะซึมเศร้า ทีมนักวิจัยจาก Cornell University ใช้ไวรัสที่ถูกดัดแปลงเพื่อติดตามการเปลี่ยนแปลงของการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์สมองในหนู หลังได้รับไซโลไซบิน พบว่าบริเวณสมองที่เกี่ยวข้องกับการประมวลผลความรู้สึกและการตัดสินใจมีการเชื่อมต่อเพิ่มขึ้น ขณะที่วงจรในคอร์เทกซ์ที่เกี่ยวข้องกับการคิดซ้ำ ๆ ลดลง 🔬 กลไกการทำงาน ผลการทดลองชี้ว่าไซโลไซบินอาจช่วยลด “rumination” หรือการจมอยู่กับความคิดด้านลบ โดยการปรับสมดุลการเชื่อมต่อของสมอง นักวิจัยยังพบว่ากิจกรรมของสมองมีบทบาทกำหนดตำแหน่งที่การเชื่อมต่อใหม่เกิดขึ้น ซึ่งอาจเปิดทางให้ใช้เทคนิคกระตุ้นสมอง เช่น magnetic stimulation ร่วมกับไซโลไซบินเพื่อการรักษาที่แม่นยำยิ่งขึ้น 🌍 ความหมายต่อการรักษาโรคซึมเศร้า ภาวะซึมเศร้าเป็นสาเหตุหลักของความพิการทั่วโลก และการรักษาแบบดั้งเดิมมักมีผลข้างเคียงหรือไม่ได้ผลสำหรับบางคน การค้นพบนี้จึงเป็นความหวังใหม่ที่อาจนำไปสู่การรักษาที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ⚠️ ข้อจำกัดของการศึกษา แม้ผลลัพธ์ในหนูจะน่าสนใจ แต่ยังต้องมีการยืนยันในมนุษย์ เพราะไม่ใช่ทุกการค้นพบจากสัตว์ทดลองจะสามารถนำมาใช้กับคนได้โดยตรง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การทดลองใหม่ ➡️ ใช้ไวรัสติดตามการเปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อสมองในหนูที่ได้รับไซโลไซบิน ✅ กลไกการทำงาน ➡️ ลดวงจรความคิดด้านลบ เพิ่มการเชื่อมต่อในสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ ✅ ความหมายต่อการรักษา ➡️ อาจช่วยพัฒนาวิธีรักษาโรคซึมเศร้าที่ตรงจุดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ศักยภาพการประยุกต์ใช้ ➡️ อาจใช้ร่วมกับเทคนิคกระตุ้นสมองเพื่อเพิ่มความแม่นยำ ‼️ ข้อจำกัดของงานวิจัย ⛔ ผลลัพธ์ยังอยู่ในระดับสัตว์ทดลอง ต้องมีการยืนยันในมนุษย์ ‼️ ความเสี่ยงในการตีความ ⛔ ไม่ใช่ทุกการเปลี่ยนแปลงในสมองของหนูจะสะท้อนผลในมนุษย์ https://www.sciencealert.com/psilocybin-breaks-depressive-cycles-by-rewiring-the-brain-study-suggests
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Psilocybin Breaks Depressive Cycles by Rewiring The Brain, Study Suggests
    Scientists have used a specially engineered virus to help track the brain changes caused by psilocybin in mice, revealing how the drug could be breaking loops of depressive thinking.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมองมนุษย์ยังเหนือกว่า AI ด้วย "เลโก้ทางปัญญา"

    งานวิจัยจาก Princeton University เผยว่าแม้ AI จะทำงานได้เก่งในงานเฉพาะ แต่สมองมนุษย์ยังมีความสามารถที่เหนือกว่าในการ โอนย้ายทักษะจากงานหนึ่งไปสู่อีกงานหนึ่ง ผ่านสิ่งที่นักวิจัยเรียกว่า “cognitive Legos” หรือบล็อกทางปัญญาที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่และประกอบเข้าด้วยกันเพื่อสร้างการแก้ปัญหาใหม่ ๆ

    การทดลองกับลิง Rhesus
    ทีมวิจัยใช้ลิง Rhesus macaques ในการทดลอง โดยให้พวกมันแยกแยะรูปทรงและสีบนหน้าจอ พร้อมตอบสนองด้วยการมองไปในทิศทางที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันมีการสแกนสมองเพื่อดูรูปแบบการทำงาน พบว่าเซลล์ประสาทในสมองสามารถจัดกลุ่มเป็นบล็อกที่ใช้ซ้ำได้ในหลายงาน ซึ่งต่างจาก AI ที่มักเกิดปัญหา catastrophic forgetting คือเมื่อเรียนงานใหม่แล้วลืมงานเก่า

    ความยืดหยุ่นของสมอง
    นักวิจัยอธิบายว่า สมองสามารถ “ปิด” บล็อกที่ไม่จำเป็นในขณะทำงาน และ “เปิด” บล็อกที่เกี่ยวข้องได้ตามสถานการณ์ คล้ายกับการเรียกใช้ฟังก์ชันในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สิ่งนี้ทำให้มนุษย์สามารถปรับตัวกับงานใหม่ ๆ ได้รวดเร็ว โดยอาศัยความรู้เดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นจุดที่ AI ยังไม่สามารถเลียนแบบได้เต็มที่

    ความหมายต่ออนาคต
    การค้นพบนี้ไม่เพียงช่วยให้เข้าใจความยืดหยุ่นของสมองมนุษย์ แต่ยังอาจนำไปใช้ในการพัฒนา AI ที่สามารถเรียนรู้หลายงานโดยไม่ลืมงานเดิม รวมถึงการรักษาโรคทางระบบประสาทและจิตเวชที่เกี่ยวข้องกับการขาดความสามารถในการปรับใช้ทักษะในบริบทใหม่ ๆ

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบจากงานวิจัย
    สมองมนุษย์ใช้ “cognitive Legos” เพื่อโอนย้ายทักษะ
    สามารถปรับตัวกับงานใหม่ได้ดีกว่า AI

    การทดลอง
    ใช้ลิง Rhesus macaques ในการทดสอบ
    พบการจัดกลุ่มเซลล์สมองเป็นบล็อกที่ใช้ซ้ำได้

    ความหมาย
    อธิบายความยืดหยุ่นของสมองมนุษย์
    ช่วยพัฒนา AI และการรักษาโรคทางสมอง

    ข้อจำกัด
    AI ยังมีปัญหา catastrophic forgetting
    ต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อประยุกต์ใช้กับมนุษย์และการแพทย์

    https://www.sciencealert.com/our-brains-can-still-outsmart-ai-using-one-clever-trick
    🧠 สมองมนุษย์ยังเหนือกว่า AI ด้วย "เลโก้ทางปัญญา" งานวิจัยจาก Princeton University เผยว่าแม้ AI จะทำงานได้เก่งในงานเฉพาะ แต่สมองมนุษย์ยังมีความสามารถที่เหนือกว่าในการ โอนย้ายทักษะจากงานหนึ่งไปสู่อีกงานหนึ่ง ผ่านสิ่งที่นักวิจัยเรียกว่า “cognitive Legos” หรือบล็อกทางปัญญาที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่และประกอบเข้าด้วยกันเพื่อสร้างการแก้ปัญหาใหม่ ๆ 🔬 การทดลองกับลิง Rhesus ทีมวิจัยใช้ลิง Rhesus macaques ในการทดลอง โดยให้พวกมันแยกแยะรูปทรงและสีบนหน้าจอ พร้อมตอบสนองด้วยการมองไปในทิศทางที่ถูกต้อง ขณะเดียวกันมีการสแกนสมองเพื่อดูรูปแบบการทำงาน พบว่าเซลล์ประสาทในสมองสามารถจัดกลุ่มเป็นบล็อกที่ใช้ซ้ำได้ในหลายงาน ซึ่งต่างจาก AI ที่มักเกิดปัญหา catastrophic forgetting คือเมื่อเรียนงานใหม่แล้วลืมงานเก่า 🛠️ ความยืดหยุ่นของสมอง นักวิจัยอธิบายว่า สมองสามารถ “ปิด” บล็อกที่ไม่จำเป็นในขณะทำงาน และ “เปิด” บล็อกที่เกี่ยวข้องได้ตามสถานการณ์ คล้ายกับการเรียกใช้ฟังก์ชันในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สิ่งนี้ทำให้มนุษย์สามารถปรับตัวกับงานใหม่ ๆ ได้รวดเร็ว โดยอาศัยความรู้เดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งเป็นจุดที่ AI ยังไม่สามารถเลียนแบบได้เต็มที่ 🌍 ความหมายต่ออนาคต การค้นพบนี้ไม่เพียงช่วยให้เข้าใจความยืดหยุ่นของสมองมนุษย์ แต่ยังอาจนำไปใช้ในการพัฒนา AI ที่สามารถเรียนรู้หลายงานโดยไม่ลืมงานเดิม รวมถึงการรักษาโรคทางระบบประสาทและจิตเวชที่เกี่ยวข้องกับการขาดความสามารถในการปรับใช้ทักษะในบริบทใหม่ ๆ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบจากงานวิจัย ➡️ สมองมนุษย์ใช้ “cognitive Legos” เพื่อโอนย้ายทักษะ ➡️ สามารถปรับตัวกับงานใหม่ได้ดีกว่า AI ✅ การทดลอง ➡️ ใช้ลิง Rhesus macaques ในการทดสอบ ➡️ พบการจัดกลุ่มเซลล์สมองเป็นบล็อกที่ใช้ซ้ำได้ ✅ ความหมาย ➡️ อธิบายความยืดหยุ่นของสมองมนุษย์ ➡️ ช่วยพัฒนา AI และการรักษาโรคทางสมอง ‼️ ข้อจำกัด ⛔ AI ยังมีปัญหา catastrophic forgetting ⛔ ต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อประยุกต์ใช้กับมนุษย์และการแพทย์ https://www.sciencealert.com/our-brains-can-still-outsmart-ai-using-one-clever-trick
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Our Brains Can Still Outsmart AI Using One Clever Trick
    Despite the rapid advances in artificial intelligence in recent years, the humble human brain still has the edge over computers in its ability to transfer skills and learn across tasks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 205 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ไมโครพลาสติก: พาหะใหม่ของเชื้อโรคและดื้อยา"

    งานวิจัยจาก University of Exeter และ Plymouth Marine Laboratory ในสหราชอาณาจักรเผยว่า ไมโครพลาสติกไม่เพียงแต่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสามารถเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคและแบคทีเรียดื้อยา โดยพบว่าบนพื้นผิวของไมโครพลาสติกเกิดการสร้าง biofilm หรือที่เรียกว่า "plastisphere" ซึ่งเป็นชั้นจุลชีพที่ช่วยให้เชื้อโรคเจริญเติบโตและอยู่รอดได้นานขึ้น

    ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
    การทดลองในแม่น้ำ Truro ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษพบว่า ไมโครพลาสติกที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลและโรงบำบัดน้ำเสียมีการสะสมเชื้อโรคที่อันตรายมากกว่า เช่น Flavobacteriia และ Sphingobacteriia รวมถึงยีนจากแบคทีเรียดื้อยาที่แพร่กระจายได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นอย่างไม้หรือแก้ว ซึ่งหมายความว่าไมโครพลาสติกอาจเป็นตัวกลางในการแพร่กระจายเชื้อโรคเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารและสิ่งแวดล้อม

    ความเสี่ยงระดับโลก
    นักวิจัยเตือนว่า ไมโครพลาสติกไม่ใช่แค่ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่เป็นภัยต่อสาธารณสุข เพราะสามารถนำเชื้อโรคเข้าสู่ระบบนิเวศและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่รักษายากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการรั่วไหลของพลาสติกจากโรงบำบัดน้ำเสีย ซึ่งอาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปยังสัตว์น้ำและมนุษย์

    ข้อแนะนำและการป้องกัน
    ทีมวิจัยแนะนำให้มีมาตรการเข้มงวดในการป้องกันการรั่วไหลของพลาสติก เช่น bio-beads ที่ใช้ในโรงบำบัดน้ำเสีย รวมถึงการจัดการขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังแนะนำว่า อาสาสมัครที่ทำกิจกรรมเก็บขยะชายหาดควรสวมถุงมือและล้างมือทุกครั้งหลังทำกิจกรรม เพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อโรคที่อาจสะสมอยู่บนพลาสติก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ไมโครพลาสติกสามารถเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคและแบคทีเรียดื้อยา
    เกิด biofilm หรือ "plastisphere" ที่ช่วยให้เชื้อโรคอยู่รอด

    การทดลองพบเชื้อโรคอันตรายสะสมมากขึ้นใกล้โรงพยาบาลและโรงบำบัดน้ำเสีย
    Flavobacteriia และ Sphingobacteriia พบมากบนไมโครพลาสติก

    ไมโครพลาสติกเป็นภัยต่อสาธารณสุข ไม่ใช่แค่สิ่งแวดล้อม
    อาจแพร่เชื้อโรคเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารและสัตว์น้ำ

    ทีมวิจัยเสนอให้ควบคุมการรั่วไหลของพลาสติกจากโรงบำบัดน้ำเสีย
    bio-beads ต้องมีการจัดการที่รัดกุม

    ไมโครพลาสติกอาจเพิ่มการแพร่กระจายเชื้อโรคดื้อยา
    ทำให้การรักษาโรคติดเชื้อยากขึ้นและเสี่ยงต่อสุขภาพมนุษย์

    การสัมผัสพลาสติกที่ปนเปื้อนเชื้อโรคอาจเป็นอันตรายต่ออาสาสมัครเก็บขยะ
    ควรสวมถุงมือและล้างมือทุกครั้งหลังทำกิจกรรม

    https://www.sciencealert.com/microplastics-can-spread-dangerous-pathogens-scientists-warn
    🧪 "ไมโครพลาสติก: พาหะใหม่ของเชื้อโรคและดื้อยา" งานวิจัยจาก University of Exeter และ Plymouth Marine Laboratory ในสหราชอาณาจักรเผยว่า ไมโครพลาสติกไม่เพียงแต่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสามารถเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคและแบคทีเรียดื้อยา โดยพบว่าบนพื้นผิวของไมโครพลาสติกเกิดการสร้าง biofilm หรือที่เรียกว่า "plastisphere" ซึ่งเป็นชั้นจุลชีพที่ช่วยให้เชื้อโรคเจริญเติบโตและอยู่รอดได้นานขึ้น 🦠 ผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม การทดลองในแม่น้ำ Truro ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอังกฤษพบว่า ไมโครพลาสติกที่อยู่ใกล้โรงพยาบาลและโรงบำบัดน้ำเสียมีการสะสมเชื้อโรคที่อันตรายมากกว่า เช่น Flavobacteriia และ Sphingobacteriia รวมถึงยีนจากแบคทีเรียดื้อยาที่แพร่กระจายได้ง่ายกว่าเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นอย่างไม้หรือแก้ว ซึ่งหมายความว่าไมโครพลาสติกอาจเป็นตัวกลางในการแพร่กระจายเชื้อโรคเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารและสิ่งแวดล้อม 🌍 ความเสี่ยงระดับโลก นักวิจัยเตือนว่า ไมโครพลาสติกไม่ใช่แค่ปัญหาสิ่งแวดล้อม แต่เป็นภัยต่อสาธารณสุข เพราะสามารถนำเชื้อโรคเข้าสู่ระบบนิเวศและเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่รักษายากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการรั่วไหลของพลาสติกจากโรงบำบัดน้ำเสีย ซึ่งอาจทำให้เชื้อโรคแพร่กระจายไปยังสัตว์น้ำและมนุษย์ ⚠️ ข้อแนะนำและการป้องกัน ทีมวิจัยแนะนำให้มีมาตรการเข้มงวดในการป้องกันการรั่วไหลของพลาสติก เช่น bio-beads ที่ใช้ในโรงบำบัดน้ำเสีย รวมถึงการจัดการขยะพลาสติกอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังแนะนำว่า อาสาสมัครที่ทำกิจกรรมเก็บขยะชายหาดควรสวมถุงมือและล้างมือทุกครั้งหลังทำกิจกรรม เพื่อป้องกันการสัมผัสเชื้อโรคที่อาจสะสมอยู่บนพลาสติก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ไมโครพลาสติกสามารถเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคและแบคทีเรียดื้อยา ➡️ เกิด biofilm หรือ "plastisphere" ที่ช่วยให้เชื้อโรคอยู่รอด ✅ การทดลองพบเชื้อโรคอันตรายสะสมมากขึ้นใกล้โรงพยาบาลและโรงบำบัดน้ำเสีย ➡️ Flavobacteriia และ Sphingobacteriia พบมากบนไมโครพลาสติก ✅ ไมโครพลาสติกเป็นภัยต่อสาธารณสุข ไม่ใช่แค่สิ่งแวดล้อม ➡️ อาจแพร่เชื้อโรคเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารและสัตว์น้ำ ✅ ทีมวิจัยเสนอให้ควบคุมการรั่วไหลของพลาสติกจากโรงบำบัดน้ำเสีย ➡️ bio-beads ต้องมีการจัดการที่รัดกุม ‼️ ไมโครพลาสติกอาจเพิ่มการแพร่กระจายเชื้อโรคดื้อยา ⛔ ทำให้การรักษาโรคติดเชื้อยากขึ้นและเสี่ยงต่อสุขภาพมนุษย์ ‼️ การสัมผัสพลาสติกที่ปนเปื้อนเชื้อโรคอาจเป็นอันตรายต่ออาสาสมัครเก็บขยะ ⛔ ควรสวมถุงมือและล้างมือทุกครั้งหลังทำกิจกรรม https://www.sciencealert.com/microplastics-can-spread-dangerous-pathogens-scientists-warn
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Microplastics Can Spread Dangerous Pathogens, Scientists Warn
    Scientists are hard at work trying to assess the scale of our microplastic pollution problem and the likely health impacts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • FDA รับรองเครื่องมือ AI ตัวแรกเพื่อเร่งการพัฒนายารักษาโรคตับ

    องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ประกาศรับรองเครื่องมือ AI ตัวแรกที่ออกแบบมาเพื่อช่วยแพทย์ประเมินโรคตับชนิดรุนแรงในกระบวนการทดลองยา เครื่องมือนี้มีชื่อว่า AIM-NASH ซึ่งทำงานบนระบบคลาวด์และใช้การวิเคราะห์ภาพชิ้นเนื้อตับ เพื่อประเมินสัญญาณของโรค เช่น การสะสมไขมัน, การอักเสบ และการเกิดพังผืด

    ปัจจุบันการประเมินโรคตับในผู้ป่วยที่เข้าร่วมการทดลองยามักต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหลายคนตรวจสอบชิ้นเนื้อด้วยตา ซึ่งใช้เวลานานและอาจมีความไม่สอดคล้องกัน AIM-NASH จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อ มาตรฐานการประเมินที่แม่นยำและรวดเร็วกว่า โดยผลลัพธ์จาก AI จะถูกส่งต่อให้แพทย์ตีความขั้นสุดท้าย

    โรคที่เครื่องมือนี้มุ่งเป้า คือ Metabolic dysfunction-associated steatohepatitis (MASH) ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากรหลายล้านคนในสหรัฐฯ และอาจนำไปสู่ภาวะตับวายหรือมะเร็งตับได้ การใช้ AI ในการประเมินโรคนี้คาดว่าจะช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนายาใหม่ลงได้ถึงครึ่งหนึ่งภายใน 3–5 ปี

    การรับรองครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะ FDA ยืนยันว่า AIM-NASH ให้ผลลัพธ์ที่ เทียบเคียงได้กับการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ และจะเปิดให้ใช้ในทุกโครงการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับโรคตับในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เครื่องมือ AIM-NASH ได้รับการรับรองจาก FDA
    ใช้ AI วิเคราะห์ภาพชิ้นเนื้อตับเพื่อประเมินโรค
    ผลลัพธ์ถูกส่งต่อให้แพทย์ตีความขั้นสุดท้าย

    เป้าหมายการใช้งาน
    มุ่งช่วยเร่งการพัฒนายาสำหรับโรค MASH
    ลดเวลาและต้นทุนการทดลองยาลงได้มาก

    ความสำคัญของการรับรอง
    ผลลัพธ์จาก AIM-NASH เทียบเคียงได้กับผู้เชี่ยวชาญ
    เปิดให้ใช้ในทุกโครงการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับโรคตับ

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    แม้ AI จะช่วยเร่งการประเมิน แต่ยังต้องอาศัยแพทย์ตีความขั้นสุดท้าย
    หากพึ่งพา AI โดยไม่มีการตรวจสอบ อาจเสี่ยงต่อการวินิจฉัยผิดพลาด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/09/us-fda-qualifies-first-ai-tool-to-help-speed-liver-disease-drug-development
    🧪 FDA รับรองเครื่องมือ AI ตัวแรกเพื่อเร่งการพัฒนายารักษาโรคตับ องค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ได้ประกาศรับรองเครื่องมือ AI ตัวแรกที่ออกแบบมาเพื่อช่วยแพทย์ประเมินโรคตับชนิดรุนแรงในกระบวนการทดลองยา เครื่องมือนี้มีชื่อว่า AIM-NASH ซึ่งทำงานบนระบบคลาวด์และใช้การวิเคราะห์ภาพชิ้นเนื้อตับ เพื่อประเมินสัญญาณของโรค เช่น การสะสมไขมัน, การอักเสบ และการเกิดพังผืด ปัจจุบันการประเมินโรคตับในผู้ป่วยที่เข้าร่วมการทดลองยามักต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญหลายคนตรวจสอบชิ้นเนื้อด้วยตา ซึ่งใช้เวลานานและอาจมีความไม่สอดคล้องกัน AIM-NASH จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อ มาตรฐานการประเมินที่แม่นยำและรวดเร็วกว่า โดยผลลัพธ์จาก AI จะถูกส่งต่อให้แพทย์ตีความขั้นสุดท้าย โรคที่เครื่องมือนี้มุ่งเป้า คือ Metabolic dysfunction-associated steatohepatitis (MASH) ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชากรหลายล้านคนในสหรัฐฯ และอาจนำไปสู่ภาวะตับวายหรือมะเร็งตับได้ การใช้ AI ในการประเมินโรคนี้คาดว่าจะช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนายาใหม่ลงได้ถึงครึ่งหนึ่งภายใน 3–5 ปี การรับรองครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ เพราะ FDA ยืนยันว่า AIM-NASH ให้ผลลัพธ์ที่ เทียบเคียงได้กับการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ และจะเปิดให้ใช้ในทุกโครงการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับโรคตับในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เครื่องมือ AIM-NASH ได้รับการรับรองจาก FDA ➡️ ใช้ AI วิเคราะห์ภาพชิ้นเนื้อตับเพื่อประเมินโรค ➡️ ผลลัพธ์ถูกส่งต่อให้แพทย์ตีความขั้นสุดท้าย ✅ เป้าหมายการใช้งาน ➡️ มุ่งช่วยเร่งการพัฒนายาสำหรับโรค MASH ➡️ ลดเวลาและต้นทุนการทดลองยาลงได้มาก ✅ ความสำคัญของการรับรอง ➡️ ผลลัพธ์จาก AIM-NASH เทียบเคียงได้กับผู้เชี่ยวชาญ ➡️ เปิดให้ใช้ในทุกโครงการพัฒนายาที่เกี่ยวข้องกับโรคตับ ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ แม้ AI จะช่วยเร่งการประเมิน แต่ยังต้องอาศัยแพทย์ตีความขั้นสุดท้าย ⛔ หากพึ่งพา AI โดยไม่มีการตรวจสอบ อาจเสี่ยงต่อการวินิจฉัยผิดพลาด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/12/09/us-fda-qualifies-first-ai-tool-to-help-speed-liver-disease-drug-development
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US FDA qualifies first AI tool to help speed liver disease drug development
    Dec 8 (Reuters) - The U.S. Food and Drug Administration has qualified the first artificial intelligence tool designed to help doctors assess a severe form of fatty liver disease in drug trials, the agency said on Monday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • การอดอาหารแบบเว้นช่วงเปลี่ยนสมองและลำไส้

    นักวิทยาศาสตร์จากจีนได้ทำการทดลองกับอาสาสมัครที่มีภาวะอ้วนจำนวน 25 คน โดยใช้โปรแกรม Intermittent Energy Restriction (IER) หรือการควบคุมพลังงานแบบเว้นช่วงเป็นเวลา 62 วัน ผลลัพธ์ไม่เพียงทำให้น้ำหนักลดลงเฉลี่ย 7.6 กิโลกรัม (7.8% ของน้ำหนักตัว) แต่ยังพบการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทั้งใน สมองและจุลินทรีย์ในลำไส้

    สมองตอบสนองต่อการอดอาหาร
    การสแกนสมองด้วย fMRI พบว่าบริเวณที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารและการเสพติด เช่น inferior frontal orbital gyrus มีการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมอย่างชัดเจน ซึ่งสัมพันธ์กับความสามารถในการควบคุมพฤติกรรมการกินและความรู้สึกอยากอาหาร

    ลำไส้และจุลินทรีย์
    การวิเคราะห์ตัวอย่างอุจจาระและเลือดพบว่าแบคทีเรียบางชนิด เช่น Coprococcus comes และ Eubacterium hallii มีความสัมพันธ์เชิงลบกับกิจกรรมในสมองส่วนที่ควบคุมการตัดสินใจและความยับยั้งชั่งใจ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการสื่อสารสองทางระหว่าง สมอง–ลำไส้–จุลินทรีย์ ที่มีผลต่อพฤติกรรมการกิน

    ความหมายต่อสุขภาพโลก
    ด้วยจำนวนประชากรที่มีภาวะอ้วนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก การเข้าใจกลไกการเชื่อมโยงระหว่างสมองและลำไส้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การค้นพบนี้อาจนำไปสู่แนวทางใหม่ในการป้องกันและรักษาโรคอ้วน โดยไม่จำกัดแค่การควบคุมอาหาร แต่รวมถึงการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้และการกระตุ้นสมองในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหาร

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผลการทดลอง IER
    น้ำหนักลดเฉลี่ย 7.6 กิโลกรัมใน 62 วัน

    การเปลี่ยนแปลงในสมอง
    กิจกรรมใน inferior frontal orbital gyrus ลดลง ช่วยควบคุมความอยากอาหาร

    การเปลี่ยนแปลงในลำไส้
    จุลินทรีย์บางชนิดสัมพันธ์กับการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งชั่งใจ

    ความหมายต่อสุขภาพโลก
    อาจนำไปสู่การรักษาโรคอ้วนด้วยการปรับสมดุลสมอง–ลำไส้

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่ชัดเจนว่าสมองหรือจุลินทรีย์เป็นตัวกระตุ้นหลัก ต้องการการวิจัยเพิ่มเติม

    ความท้าทาย
    การนำไปใช้จริงในวงกว้างยังต้องการการทดลองและการยืนยันเชิงคลินิก

    https://www.sciencealert.com/a-fasting-style-diet-seems-to-result-in-dynamic-changes-to-human-brains
    🥗 การอดอาหารแบบเว้นช่วงเปลี่ยนสมองและลำไส้ นักวิทยาศาสตร์จากจีนได้ทำการทดลองกับอาสาสมัครที่มีภาวะอ้วนจำนวน 25 คน โดยใช้โปรแกรม Intermittent Energy Restriction (IER) หรือการควบคุมพลังงานแบบเว้นช่วงเป็นเวลา 62 วัน ผลลัพธ์ไม่เพียงทำให้น้ำหนักลดลงเฉลี่ย 7.6 กิโลกรัม (7.8% ของน้ำหนักตัว) แต่ยังพบการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญทั้งใน สมองและจุลินทรีย์ในลำไส้ 🧠 สมองตอบสนองต่อการอดอาหาร การสแกนสมองด้วย fMRI พบว่าบริเวณที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารและการเสพติด เช่น inferior frontal orbital gyrus มีการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมอย่างชัดเจน ซึ่งสัมพันธ์กับความสามารถในการควบคุมพฤติกรรมการกินและความรู้สึกอยากอาหาร 🦠 ลำไส้และจุลินทรีย์ การวิเคราะห์ตัวอย่างอุจจาระและเลือดพบว่าแบคทีเรียบางชนิด เช่น Coprococcus comes และ Eubacterium hallii มีความสัมพันธ์เชิงลบกับกิจกรรมในสมองส่วนที่ควบคุมการตัดสินใจและความยับยั้งชั่งใจ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการสื่อสารสองทางระหว่าง สมอง–ลำไส้–จุลินทรีย์ ที่มีผลต่อพฤติกรรมการกิน 🌍 ความหมายต่อสุขภาพโลก ด้วยจำนวนประชากรที่มีภาวะอ้วนมากกว่า 1 พันล้านคนทั่วโลก การเข้าใจกลไกการเชื่อมโยงระหว่างสมองและลำไส้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การค้นพบนี้อาจนำไปสู่แนวทางใหม่ในการป้องกันและรักษาโรคอ้วน โดยไม่จำกัดแค่การควบคุมอาหาร แต่รวมถึงการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้และการกระตุ้นสมองในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหาร 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผลการทดลอง IER ➡️ น้ำหนักลดเฉลี่ย 7.6 กิโลกรัมใน 62 วัน ✅ การเปลี่ยนแปลงในสมอง ➡️ กิจกรรมใน inferior frontal orbital gyrus ลดลง ช่วยควบคุมความอยากอาหาร ✅ การเปลี่ยนแปลงในลำไส้ ➡️ จุลินทรีย์บางชนิดสัมพันธ์กับการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับการยับยั้งชั่งใจ ✅ ความหมายต่อสุขภาพโลก ➡️ อาจนำไปสู่การรักษาโรคอ้วนด้วยการปรับสมดุลสมอง–ลำไส้ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่ชัดเจนว่าสมองหรือจุลินทรีย์เป็นตัวกระตุ้นหลัก ต้องการการวิจัยเพิ่มเติม ‼️ ความท้าทาย ⛔ การนำไปใช้จริงในวงกว้างยังต้องการการทดลองและการยืนยันเชิงคลินิก https://www.sciencealert.com/a-fasting-style-diet-seems-to-result-in-dynamic-changes-to-human-brains
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    A Fasting-Style Diet Seems to Result in Dynamic Changes to Human Brains
    Scientists looking to tackle our ongoing obesity crisis have made an important discovery: Intermittent calorie restriction leads to significant changes both in the gut and the brain, which may open up new options for maintaining a healthy weight.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • รูปหล่อหลวงพ่อวัดไร่ขิง จ.นครปฐม
    รูปหล่อหลวงพ่อวัดไร่ขิง เนื้อตะกั่วกะไหล่ทอง หลังยันต์พุทโธ นิยม จ.นครปฐม ปี2518 // พระดีพิธีใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียงมากของวัดไร่ขิง เป็นหนึ่งในพระพุทธรูป 5 องค์ในตำนาน // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณด้าน บนได้ไหว์รับ เมตตามหานิยม เพิ่มบารมี เพิ่มโชคลาภ ค้าขายรุ่งเรือง และแคล้วคลาดปลอดภัย ผู้คนนิยมไปสักการะเพื่อขอพรให้ร่ำรวย มีความเจริญในหน้าที่การงาน และปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ **

    ** หลวงพ่อวัดไร่ขิง ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดไร่ขิง พุทธลักษณะของ หลวงพ่อวัดไร่ขิง ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ปางมารวิชัย มีความศักดิ์สิทธิ์มีความขลัง ศักดิ์สิทธิ์ เมตตา ในด้านเวทมนตร์คาถา ให้เกิดความแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี และให้พรตามความปรารถนาของผู้ที่ศรัทธามากมายไม่ว่าจะเป็น รักษาโรคภัยต่าง ๆ ให้หายได้ และยังช่วยให้ผู้คนรอดพ้นจากความตายมากมายอีกด้วย **


    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    รูปหล่อหลวงพ่อวัดไร่ขิง จ.นครปฐม รูปหล่อหลวงพ่อวัดไร่ขิง เนื้อตะกั่วกะไหล่ทอง หลังยันต์พุทโธ นิยม จ.นครปฐม ปี2518 // พระดีพิธีใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่ศักดิ์สิทธิ์และมีชื่อเสียงมากของวัดไร่ขิง เป็นหนึ่งในพระพุทธรูป 5 องค์ในตำนาน // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณด้าน บนได้ไหว์รับ เมตตามหานิยม เพิ่มบารมี เพิ่มโชคลาภ ค้าขายรุ่งเรือง และแคล้วคลาดปลอดภัย ผู้คนนิยมไปสักการะเพื่อขอพรให้ร่ำรวย มีความเจริญในหน้าที่การงาน และปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บ ** ** หลวงพ่อวัดไร่ขิง ประดิษฐานอยู่ในพระอุโบสถวัดไร่ขิง พุทธลักษณะของ หลวงพ่อวัดไร่ขิง ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ปางมารวิชัย มีความศักดิ์สิทธิ์มีความขลัง ศักดิ์สิทธิ์ เมตตา ในด้านเวทมนตร์คาถา ให้เกิดความแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี และให้พรตามความปรารถนาของผู้ที่ศรัทธามากมายไม่ว่าจะเป็น รักษาโรคภัยต่าง ๆ ให้หายได้ และยังช่วยให้ผู้คนรอดพ้นจากความตายมากมายอีกด้วย ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สร้างสมองเสมือนจริงที่สมบูรณ์ที่สุด

    ทีมนักวิจัยจาก Allen Institute (สหรัฐฯ) และ University of Electro-Communications (ญี่ปุ่น) ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku สร้างแบบจำลองสมองหนูที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยจำลองทั้ง cortex ของสมองหนู ซึ่งมีความซับซ้อนใกล้เคียงกับสมองมนุษย์

    รายละเอียดของสมองเสมือน
    แบบจำลองนี้มี 9 ล้านเซลล์ประสาท และ 26 พันล้านไซแนปส์ ที่เชื่อมต่อกันใน 86 พื้นที่สมอง สามารถประมวลผลได้ระดับ quadrillions ของการคำนวณต่อวินาที ทำให้นักวิจัยสามารถติดตามการทำงานของเซลล์ประสาทแต่ละตัวได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในงานวิจัยด้านประสาทวิทยาศาสตร์

    ประโยชน์ต่อการศึกษาโรคสมอง
    สมองเสมือนนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถจำลองการแพร่กระจายของโรค เช่น อัลไซเมอร์ หรือการเกิด อาการชัก โดยไม่ต้องพึ่งการทดลองที่รุกรานในสมองจริง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ศึกษาการทำงานของคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการโฟกัสและการรับรู้

    เป้าหมายในอนาคต
    ทีมวิจัยตั้งเป้าว่าจะต่อยอดไปสู่การสร้าง สมองมนุษย์เสมือนจริงเต็มรูปแบบ ในอนาคต โดยใช้ข้อมูลชีววิทยาที่ละเอียดมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจสมองมนุษย์และการรักษาโรคทางระบบประสาทที่ซับซ้อน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การสร้างสมองเสมือนจริง
    ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku
    จำลอง cortex ของสมองหนูทั้งระบบ

    รายละเอียดเชิงเทคนิค
    9 ล้านเซลล์ประสาท
    26 พันล้านไซแนปส์ และ 86 พื้นที่สมอง

    ประโยชน์ต่อการแพทย์
    ศึกษาโรคอัลไซเมอร์และอาการชัก
    วิเคราะห์การทำงานของคลื่นสมอง

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ยังเป็นเพียงสมองหนู ไม่ใช่มนุษย์
    ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์มหาศาลในการจำลอง

    https://www.sciencealert.com/supercomputer-creates-one-of-the-most-realistic-virtual-brains-ever-seen
    🖥️ ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สร้างสมองเสมือนจริงที่สมบูรณ์ที่สุด ทีมนักวิจัยจาก Allen Institute (สหรัฐฯ) และ University of Electro-Communications (ญี่ปุ่น) ได้ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku สร้างแบบจำลองสมองหนูที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยจำลองทั้ง cortex ของสมองหนู ซึ่งมีความซับซ้อนใกล้เคียงกับสมองมนุษย์ 🔬 รายละเอียดของสมองเสมือน แบบจำลองนี้มี 9 ล้านเซลล์ประสาท และ 26 พันล้านไซแนปส์ ที่เชื่อมต่อกันใน 86 พื้นที่สมอง สามารถประมวลผลได้ระดับ quadrillions ของการคำนวณต่อวินาที ทำให้นักวิจัยสามารถติดตามการทำงานของเซลล์ประสาทแต่ละตัวได้แบบเรียลไทม์ ถือเป็นก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในงานวิจัยด้านประสาทวิทยาศาสตร์ 🧠 ประโยชน์ต่อการศึกษาโรคสมอง สมองเสมือนนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถจำลองการแพร่กระจายของโรค เช่น อัลไซเมอร์ หรือการเกิด อาการชัก โดยไม่ต้องพึ่งการทดลองที่รุกรานในสมองจริง นอกจากนี้ยังสามารถใช้ศึกษาการทำงานของคลื่นสมองที่เกี่ยวข้องกับการโฟกัสและการรับรู้ 🌍 เป้าหมายในอนาคต ทีมวิจัยตั้งเป้าว่าจะต่อยอดไปสู่การสร้าง สมองมนุษย์เสมือนจริงเต็มรูปแบบ ในอนาคต โดยใช้ข้อมูลชีววิทยาที่ละเอียดมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความเข้าใจสมองมนุษย์และการรักษาโรคทางระบบประสาทที่ซับซ้อน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การสร้างสมองเสมือนจริง ➡️ ใช้ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ Fugaku ➡️ จำลอง cortex ของสมองหนูทั้งระบบ ✅ รายละเอียดเชิงเทคนิค ➡️ 9 ล้านเซลล์ประสาท ➡️ 26 พันล้านไซแนปส์ และ 86 พื้นที่สมอง ✅ ประโยชน์ต่อการแพทย์ ➡️ ศึกษาโรคอัลไซเมอร์และอาการชัก ➡️ วิเคราะห์การทำงานของคลื่นสมอง ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ยังเป็นเพียงสมองหนู ไม่ใช่มนุษย์ ⛔ ต้องใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์มหาศาลในการจำลอง https://www.sciencealert.com/supercomputer-creates-one-of-the-most-realistic-virtual-brains-ever-seen
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Supercomputer Creates One of The Most Realistic Virtual Brains Ever Seen
    Getting a better understanding of how the brain works is tricky, as living brains aren't easily prodded and analyzed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
  • การค้นพบครั้งสำคัญ: ยีนเดียวที่ก่อโรคทางจิต

    งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัย Leipzig พบว่า การกลายพันธุ์ในยีน GRIN2A สามารถทำให้เกิดโรคทางจิตได้โดยตรง เช่น โรคจิตเภทที่เกิดตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น ซึ่งต่างจากรูปแบบทั่วไปที่มักแสดงอาการในวัยผู้ใหญ่ การค้นพบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่ายีนเดียวสามารถก่อโรคทางจิตได้

    ผลกระทบต่อการวินิจฉัยและการรักษา
    ทีมวิจัยได้ศึกษาผู้ป่วยกว่า 121 รายที่มีการเปลี่ยนแปลงในยีน GRIN2A พบว่า 25 รายมีอาการทางจิต เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า หรือโรคบุคลิกภาพผิดปกติ ที่น่าสนใจคือบางรายมีเพียงอาการทางจิต โดยไม่มีโรคทางระบบประสาทอื่น ๆ เช่น ลมชักหรือปัญญาบกพร่อง ซึ่งปกติจะเชื่อมโยงกับยีนนี้

    แนวทางการรักษาใหม่ที่อาจเกิดขึ้น
    ยีน GRIN2A เกี่ยวข้องกับตัวรับกลูตาเมตในสมอง ซึ่งควบคุมการทำงานของเซลล์ประสาท งานวิจัยพบว่าผู้ป่วยบางรายที่ได้รับการรักษาด้วย L-serine (กรดอะมิโนที่กระตุ้นตัวรับกลูตาเมต) มีอาการทางจิตดีขึ้น เช่น ลดอาการหลอนหรือพฤติกรรมผิดปกติ แม้จะเป็นกลุ่มตัวอย่างเล็ก แต่ก็เปิดความเป็นไปได้ใหม่ในการรักษาโรคทางจิตแบบเฉพาะบุคคล

    ความหมายต่อสังคมและอนาคต
    การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแนวทางการวินิจฉัยโรคทางจิตในอนาคต โดยการตรวจพันธุกรรมอาจถูกนำมาใช้เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและเลือกการรักษาที่ตรงจุดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลและทำความเข้าใจกลไกของยีนนี้อย่างละเอียด

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบยีน GRIN2A
    เป็นยีนแรกที่สามารถทำให้เกิดโรคทางจิตได้โดยตรง
    อาการปรากฏตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น

    ผลการศึกษาในผู้ป่วย
    25 จาก 121 รายมีโรคทางจิต
    บางรายมีเพียงอาการทางจิตโดยไม่มีโรคประสาทอื่น

    แนวทางการรักษาใหม่
    การใช้ L-serine ช่วยให้อาการดีขึ้นในบางราย
    เปิดโอกาสสู่การรักษาแบบเฉพาะบุคคล

    ข้อควรระวังและข้อจำกัด
    ขนาดตัวอย่างยังเล็กและต้องการการศึกษาเพิ่มเติม
    กลไกการทำงานของ GRIN2A ยังไม่ถูกเข้าใจทั้งหมด

    https://www.sciencealert.com/scientists-discover-the-first-single-gene-to-directly-cause-mental-illness
    🧬 การค้นพบครั้งสำคัญ: ยีนเดียวที่ก่อโรคทางจิต งานวิจัยล่าสุดจากมหาวิทยาลัย Leipzig พบว่า การกลายพันธุ์ในยีน GRIN2A สามารถทำให้เกิดโรคทางจิตได้โดยตรง เช่น โรคจิตเภทที่เกิดตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น ซึ่งต่างจากรูปแบบทั่วไปที่มักแสดงอาการในวัยผู้ใหญ่ การค้นพบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีหลักฐานชัดเจนว่ายีนเดียวสามารถก่อโรคทางจิตได้ 👩‍⚕️ ผลกระทบต่อการวินิจฉัยและการรักษา ทีมวิจัยได้ศึกษาผู้ป่วยกว่า 121 รายที่มีการเปลี่ยนแปลงในยีน GRIN2A พบว่า 25 รายมีอาการทางจิต เช่น โรควิตกกังวล โรคซึมเศร้า หรือโรคบุคลิกภาพผิดปกติ ที่น่าสนใจคือบางรายมีเพียงอาการทางจิต โดยไม่มีโรคทางระบบประสาทอื่น ๆ เช่น ลมชักหรือปัญญาบกพร่อง ซึ่งปกติจะเชื่อมโยงกับยีนนี้ 💊 แนวทางการรักษาใหม่ที่อาจเกิดขึ้น ยีน GRIN2A เกี่ยวข้องกับตัวรับกลูตาเมตในสมอง ซึ่งควบคุมการทำงานของเซลล์ประสาท งานวิจัยพบว่าผู้ป่วยบางรายที่ได้รับการรักษาด้วย L-serine (กรดอะมิโนที่กระตุ้นตัวรับกลูตาเมต) มีอาการทางจิตดีขึ้น เช่น ลดอาการหลอนหรือพฤติกรรมผิดปกติ แม้จะเป็นกลุ่มตัวอย่างเล็ก แต่ก็เปิดความเป็นไปได้ใหม่ในการรักษาโรคทางจิตแบบเฉพาะบุคคล 🌍 ความหมายต่อสังคมและอนาคต การค้นพบนี้อาจเปลี่ยนแนวทางการวินิจฉัยโรคทางจิตในอนาคต โดยการตรวจพันธุกรรมอาจถูกนำมาใช้เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและเลือกการรักษาที่ตรงจุดมากขึ้น อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลและทำความเข้าใจกลไกของยีนนี้อย่างละเอียด 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบยีน GRIN2A ➡️ เป็นยีนแรกที่สามารถทำให้เกิดโรคทางจิตได้โดยตรง ➡️ อาการปรากฏตั้งแต่วัยเด็กหรือวัยรุ่น ✅ ผลการศึกษาในผู้ป่วย ➡️ 25 จาก 121 รายมีโรคทางจิต ➡️ บางรายมีเพียงอาการทางจิตโดยไม่มีโรคประสาทอื่น ✅ แนวทางการรักษาใหม่ ➡️ การใช้ L-serine ช่วยให้อาการดีขึ้นในบางราย ➡️ เปิดโอกาสสู่การรักษาแบบเฉพาะบุคคล ‼️ ข้อควรระวังและข้อจำกัด ⛔ ขนาดตัวอย่างยังเล็กและต้องการการศึกษาเพิ่มเติม ⛔ กลไกการทำงานของ GRIN2A ยังไม่ถูกเข้าใจทั้งหมด https://www.sciencealert.com/scientists-discover-the-first-single-gene-to-directly-cause-mental-illness
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Scientists Discover The First Single Gene to Directly Cause Mental Illness
    Genetics is rarely as straightforward as a single gene driving a lone health outcome.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยค้นพบกลไกใหม่ที่อาจพลิกการรักษาโรคกระดูกพรุน

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Leipzig ประเทศเยอรมนี และมหาวิทยาลัย Shandong ประเทศจีน ได้ค้นพบว่า ตัวรับเซลล์ GPR133 (หรือ ADGRD1) มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างและความหนาแน่นของกระดูก โดยทำงานผ่านเซลล์สร้างกระดูก (osteoblasts) การทดลองในหนูพบว่า หากยีนนี้หายไป หนูจะมีอาการคล้ายโรคกระดูกพรุน แต่เมื่อกระตุ้นด้วยสารเคมี AP503 กระดูกกลับแข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน

    สิ่งที่น่าสนใจคือ AP503 ทำหน้าที่เหมือน “ปุ่มชีวภาพ” ที่กระตุ้นให้ osteoblasts ทำงานหนักขึ้น และเมื่อใช้ร่วมกับการออกกำลังกาย ผลลัพธ์ยิ่งดีขึ้นไปอีก การค้นพบนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เพราะปัจจุบันการรักษาโรคกระดูกพรุนทำได้เพียงชะลอ ไม่สามารถย้อนกลับหรือรักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยาที่มีอยู่ยังมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ระยะยาว

    นอกจากการค้นพบ GPR133 แล้ว งานวิจัยอื่น ๆ ยังเสริมแนวทางใหม่ เช่น วัสดุชีวภาพจากเลือด ที่สามารถซ่อมแซมกระดูกหักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ฮอร์โมน MBH ที่พบในสมองของหนูเพศเมียซึ่งช่วยสร้างกระดูกที่แข็งแรงและหนาแน่นกว่าปกติ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าการแพทย์กำลังเข้าใกล้การพัฒนายาที่สามารถเสริมสร้างและฟื้นฟูกระดูกได้จริงในมนุษย์

    แม้ผลการทดลองยังอยู่ในสัตว์ แต่ศักยภาพของ GPR133 และ AP503 ทำให้เกิดความหวังใหม่ว่าในอนาคตอาจมีการรักษาที่สามารถ “ย้อนกลับ” โรคกระดูกพรุนได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคนี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่
    ตัวรับเซลล์ GPR133 มีบทบาทสำคัญต่อความหนาแน่นของกระดูก
    สาร AP503 กระตุ้น osteoblasts ให้สร้างกระดูกแข็งแรงขึ้น

    ผลการทดลองในสัตว์
    หนูที่ขาด GPR133 มีอาการคล้ายโรคกระดูกพรุน
    เมื่อกระตุ้นด้วย AP503 กระดูกกลับแข็งแรงขึ้น

    แนวทางเสริมจากงานวิจัยอื่น
    วัสดุชีวภาพจากเลือดช่วยซ่อมแซมกระดูกหัก
    ฮอร์โมน MBH ในสมองหนูเพศเมียช่วยสร้างกระดูกหนาแน่น

    ข้อควรระวัง
    ผลการทดลองยังจำกัดอยู่ในสัตว์ ไม่สามารถยืนยันผลในมนุษย์ได้
    ยารักษาโรคกระดูกพรุนที่มีอยู่ยังมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ระยะยาว
    ต้องมีการทดลองทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง

    https://www.sciencealert.com/new-breakthrough-to-strengthen-bone-could-reverse-osteoporosis
    🦴 นักวิจัยค้นพบกลไกใหม่ที่อาจพลิกการรักษาโรคกระดูกพรุน ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Leipzig ประเทศเยอรมนี และมหาวิทยาลัย Shandong ประเทศจีน ได้ค้นพบว่า ตัวรับเซลล์ GPR133 (หรือ ADGRD1) มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างและความหนาแน่นของกระดูก โดยทำงานผ่านเซลล์สร้างกระดูก (osteoblasts) การทดลองในหนูพบว่า หากยีนนี้หายไป หนูจะมีอาการคล้ายโรคกระดูกพรุน แต่เมื่อกระตุ้นด้วยสารเคมี AP503 กระดูกกลับแข็งแรงขึ้นอย่างชัดเจน สิ่งที่น่าสนใจคือ AP503 ทำหน้าที่เหมือน “ปุ่มชีวภาพ” ที่กระตุ้นให้ osteoblasts ทำงานหนักขึ้น และเมื่อใช้ร่วมกับการออกกำลังกาย ผลลัพธ์ยิ่งดีขึ้นไปอีก การค้นพบนี้ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญ เพราะปัจจุบันการรักษาโรคกระดูกพรุนทำได้เพียงชะลอ ไม่สามารถย้อนกลับหรือรักษาให้หายขาดได้ อีกทั้งยาที่มีอยู่ยังมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ระยะยาว นอกจากการค้นพบ GPR133 แล้ว งานวิจัยอื่น ๆ ยังเสริมแนวทางใหม่ เช่น วัสดุชีวภาพจากเลือด ที่สามารถซ่อมแซมกระดูกหักได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ฮอร์โมน MBH ที่พบในสมองของหนูเพศเมียซึ่งช่วยสร้างกระดูกที่แข็งแรงและหนาแน่นกว่าปกติ ทั้งหมดนี้สะท้อนว่าการแพทย์กำลังเข้าใกล้การพัฒนายาที่สามารถเสริมสร้างและฟื้นฟูกระดูกได้จริงในมนุษย์ แม้ผลการทดลองยังอยู่ในสัตว์ แต่ศักยภาพของ GPR133 และ AP503 ทำให้เกิดความหวังใหม่ว่าในอนาคตอาจมีการรักษาที่สามารถ “ย้อนกลับ” โรคกระดูกพรุนได้ โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีความเสี่ยงสูงต่อโรคนี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ ➡️ ตัวรับเซลล์ GPR133 มีบทบาทสำคัญต่อความหนาแน่นของกระดูก ➡️ สาร AP503 กระตุ้น osteoblasts ให้สร้างกระดูกแข็งแรงขึ้น ✅ ผลการทดลองในสัตว์ ➡️ หนูที่ขาด GPR133 มีอาการคล้ายโรคกระดูกพรุน ➡️ เมื่อกระตุ้นด้วย AP503 กระดูกกลับแข็งแรงขึ้น ✅ แนวทางเสริมจากงานวิจัยอื่น ➡️ วัสดุชีวภาพจากเลือดช่วยซ่อมแซมกระดูกหัก ➡️ ฮอร์โมน MBH ในสมองหนูเพศเมียช่วยสร้างกระดูกหนาแน่น ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผลการทดลองยังจำกัดอยู่ในสัตว์ ไม่สามารถยืนยันผลในมนุษย์ได้ ⛔ ยารักษาโรคกระดูกพรุนที่มีอยู่ยังมีผลข้างเคียงและประสิทธิภาพลดลงเมื่อใช้ระยะยาว ⛔ ต้องมีการทดลองทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง https://www.sciencealert.com/new-breakthrough-to-strengthen-bone-could-reverse-osteoporosis
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    New Breakthrough to Strengthen Bone Could Reverse Osteoporosis
    A recent study points to a key bone-strengthening mechanism at work in the body, which could be targeted to treat the bone-weakening disease, osteoporosis.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • โมเลกุลธรรมชาติ “Spermine” อาจช่วยเคลียร์โปรตีนสะสมในสมองที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน

    นักวิจัยจากสถาบัน Paul Scherrer Institute (PSI) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า spermine ซึ่งเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ อาจช่วยป้องกันการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน โดยการทดลองในหนอนที่มีอาการคล้ายโรคเหล่านี้ พบว่าสุขภาพของเซลล์ดีขึ้นและมีการเสื่อมสภาพน้อยลงเมื่อได้รับ spermine

    กลไกที่น่าสนใจคือ spermine ทำให้โปรตีน tau และ alpha-synuclein ซึ่งมักจะจับตัวเป็นก้อนแข็งและเป็นพิษต่อเซลล์สมอง กลายเป็นหยดของเหลวที่นุ่มและเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น ทำให้ระบบกำจัดขยะของร่างกาย (autophagy) สามารถจัดการได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ผลลัพธ์นี้เปรียบเสมือน “ชีสที่เชื่อมเส้นพาสต้าให้ย่อยง่ายขึ้น” ตามคำอธิบายของนักวิจัย

    แม้ผลการทดลองในหนอนและหลอดทดลองจะให้ความหวัง แต่ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการพิสูจน์ว่า spermine จะมีผลเช่นเดียวกันในสมองมนุษย์ที่ซับซ้อนกว่า การวิจัยเพิ่มเติมอาจเปิดทางให้ spermine หรือโมเลกุลที่คล้ายกันถูกนำมาใช้เป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคทางระบบประสาท รวมถึงโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการสะสมโปรตีนผิดปกติ

    สิ่งที่น่าสนใจคือ spermine ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของโปรตีนโดยตรง แต่จะทำงานเฉพาะเมื่อโปรตีนอยู่ในระดับที่สูงเกินไปและมีแนวโน้มผิดรูป ซึ่งหมายความว่ามันอาจช่วยรักษาสมดุลของระบบสมองโดยไม่รบกวนการทำงานปกติของโปรตีนที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่
    Spermine ช่วยลดการสะสมโปรตีน tau และ alpha-synuclein
    การทดลองในหนอนพบว่าสุขภาพเซลล์ดีขึ้นและเสื่อมช้าลง

    กลไกการทำงาน
    เปลี่ยนโปรตีนที่แข็งเป็นหยดของเหลวที่กำจัดง่าย
    กระตุ้นระบบ autophagy ให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ความเป็นไปได้ทางการแพทย์
    อาจนำไปสู่การรักษาโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนผิดปกติ
    เปิดแนวทางใหม่ในการใช้โมเลกุลธรรมชาติเป็น “ยาชีวภาพ”

    ข้อควรระวัง
    ผลการทดลองยังอยู่ในระดับหนอนและหลอดทดลอง ไม่สามารถสรุปผลในมนุษย์ได้
    ต้องมีการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง
    การใช้โมเลกุลในมนุษย์อาจมีผลข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด

    https://www.sciencealert.com/a-natural-molecule-may-help-clear-buildup-of-alzheimers-proteins-study-finds
    ✨ โมเลกุลธรรมชาติ “Spermine” อาจช่วยเคลียร์โปรตีนสะสมในสมองที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน นักวิจัยจากสถาบัน Paul Scherrer Institute (PSI) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พบว่า spermine ซึ่งเป็นโมเลกุลเล็ก ๆ ที่ร่างกายสร้างขึ้นตามธรรมชาติ อาจช่วยป้องกันการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน โดยการทดลองในหนอนที่มีอาการคล้ายโรคเหล่านี้ พบว่าสุขภาพของเซลล์ดีขึ้นและมีการเสื่อมสภาพน้อยลงเมื่อได้รับ spermine กลไกที่น่าสนใจคือ spermine ทำให้โปรตีน tau และ alpha-synuclein ซึ่งมักจะจับตัวเป็นก้อนแข็งและเป็นพิษต่อเซลล์สมอง กลายเป็นหยดของเหลวที่นุ่มและเคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้น ทำให้ระบบกำจัดขยะของร่างกาย (autophagy) สามารถจัดการได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม ผลลัพธ์นี้เปรียบเสมือน “ชีสที่เชื่อมเส้นพาสต้าให้ย่อยง่ายขึ้น” ตามคำอธิบายของนักวิจัย แม้ผลการทดลองในหนอนและหลอดทดลองจะให้ความหวัง แต่ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการพิสูจน์ว่า spermine จะมีผลเช่นเดียวกันในสมองมนุษย์ที่ซับซ้อนกว่า การวิจัยเพิ่มเติมอาจเปิดทางให้ spermine หรือโมเลกุลที่คล้ายกันถูกนำมาใช้เป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคทางระบบประสาท รวมถึงโรคมะเร็งที่เกี่ยวข้องกับการสะสมโปรตีนผิดปกติ สิ่งที่น่าสนใจคือ spermine ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงการทำงานของโปรตีนโดยตรง แต่จะทำงานเฉพาะเมื่อโปรตีนอยู่ในระดับที่สูงเกินไปและมีแนวโน้มผิดรูป ซึ่งหมายความว่ามันอาจช่วยรักษาสมดุลของระบบสมองโดยไม่รบกวนการทำงานปกติของโปรตีนที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ ➡️ Spermine ช่วยลดการสะสมโปรตีน tau และ alpha-synuclein ➡️ การทดลองในหนอนพบว่าสุขภาพเซลล์ดีขึ้นและเสื่อมช้าลง ✅ กลไกการทำงาน ➡️ เปลี่ยนโปรตีนที่แข็งเป็นหยดของเหลวที่กำจัดง่าย ➡️ กระตุ้นระบบ autophagy ให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ความเป็นไปได้ทางการแพทย์ ➡️ อาจนำไปสู่การรักษาโรคอัลไซเมอร์ พาร์กินสัน และโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโปรตีนผิดปกติ ➡️ เปิดแนวทางใหม่ในการใช้โมเลกุลธรรมชาติเป็น “ยาชีวภาพ” ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผลการทดลองยังอยู่ในระดับหนอนและหลอดทดลอง ไม่สามารถสรุปผลในมนุษย์ได้ ⛔ ต้องมีการศึกษาทางคลินิกเพิ่มเติมก่อนนำมาใช้จริง ⛔ การใช้โมเลกุลในมนุษย์อาจมีผลข้างเคียงที่ยังไม่ทราบแน่ชัด https://www.sciencealert.com/a-natural-molecule-may-help-clear-buildup-of-alzheimers-proteins-study-finds
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    A Natural Molecule May Help Clear Buildup of Alzheimer's Proteins, Study Finds
    The small molecule spermine has the potential to stop the toxic build-up of proteins in the brain that characterizes diseases like Alzheimer's and Parkinson's, researchers have found – and it works a bit like melting cheese on spaghetti.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรตีน Sox9 สามารถกระตุ้นเซลล์สมองที่เสื่อมในหนูให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง

    งานวิจัยใหม่พบว่าโปรตีน Sox9 สามารถกระตุ้นเซลล์สมองที่เสื่อมในหนูให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง โดยช่วยกำจัดคราบโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ และอาจเป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคสมองเสื่อมในอนาคต

    นักวิจัยจาก Baylor College of Medicine ทดลองเพิ่มระดับโปรตีน Sox9 ในหนูที่มีภาวะคล้ายโรคอัลไซเมอร์ พบว่าเซลล์สมองชนิด astrocytes ซึ่งทำหน้าที่ดูแลและกำจัดของเสียในสมอง กลับมาทำงานได้ดีขึ้น สามารถ “ดูดซับ” คราบโปรตีน amyloid-beta ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้การทำงานด้านความจำและพฤติกรรมของหนูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    กลไกการทำงานของ Sox9
    ผลการทดลองชี้ว่า Sox9 กระตุ้นการแสดงออกของตัวรับ MEGF10 บนผิวเซลล์ astrocytes ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำจัดคราบโปรตีนที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของสมอง การทดลองในหนูที่ถูกตัดยีน Sox9 ออกกลับพบว่า astrocytes ทำงานแย่ลง ความจำเสื่อม และคราบโปรตีนสะสมมากขึ้น แสดงให้เห็นว่า Sox9 เป็นกุญแจสำคัญต่อสุขภาพสมอง

    ความซับซ้อนของโรคอัลไซเมอร์
    แม้การกำจัดคราบ amyloid-beta จะเป็นเป้าหมายหลักของการรักษาโรคอัลไซเมอร์ แต่งานวิจัยก่อนหน้านี้พบว่าการรักษาแบบนี้ไม่ได้ผลเสมอไป เนื่องจากโรคมีหลายปัจจัยร่วม เช่น การอักเสบในสมอง และการเสื่อมของเซลล์ประสาท การค้นพบ Sox9 จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เน้นการเสริมพลังให้กับ เซลล์ดูแลสมอง มากกว่าการรักษาเฉพาะเซลล์ประสาท

    ความหวังและข้อจำกัด
    แม้งานวิจัยนี้ยังอยู่ในระดับการทดลองกับหนู แต่ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าตื่นเต้น เพราะแสดงให้เห็นว่า การฟื้นฟูสมองที่เสื่อมแล้ว อาจเป็นไปได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์ เพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพก่อนนำไปใช้จริง

    สรุปสาระสำคัญ
    โปรตีน Sox9 ช่วยฟื้นฟูสมองเสื่อมในหนู
    กระตุ้น astrocytes ให้กำจัดคราบ amyloid-beta ได้ดีขึ้น
    หนูที่ได้รับ Sox9 มีความจำและพฤติกรรมดีขึ้น

    กลไก Sox9 ผ่านตัวรับ MEGF10
    เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ดูแลสมอง
    การตัด Sox9 ออกทำให้สมองเสื่อมเร็วขึ้น

    แนวทางใหม่ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์
    เน้นเสริมพลังเซลล์ดูแลสมองมากกว่าการรักษาเซลล์ประสาท
    อาจช่วยแก้ปัญหาที่การรักษาแบบเดิมไม่สำเร็จ

    ข้อจำกัดและความเสี่ยง
    งานวิจัยยังอยู่ในระดับทดลองกับสัตว์
    ต้องมีการทดสอบในมนุษย์เพื่อยืนยันความปลอดภัย

    https://www.sciencealert.com/boosting-one-protein-reawakens-aging-brain-cells-in-mice-study-shows
    🧠 โปรตีน Sox9 สามารถกระตุ้นเซลล์สมองที่เสื่อมในหนูให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง งานวิจัยใหม่พบว่าโปรตีน Sox9 สามารถกระตุ้นเซลล์สมองที่เสื่อมในหนูให้กลับมาทำงานได้อีกครั้ง โดยช่วยกำจัดคราบโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับโรคอัลไซเมอร์ และอาจเป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคสมองเสื่อมในอนาคต นักวิจัยจาก Baylor College of Medicine ทดลองเพิ่มระดับโปรตีน Sox9 ในหนูที่มีภาวะคล้ายโรคอัลไซเมอร์ พบว่าเซลล์สมองชนิด astrocytes ซึ่งทำหน้าที่ดูแลและกำจัดของเสียในสมอง กลับมาทำงานได้ดีขึ้น สามารถ “ดูดซับ” คราบโปรตีน amyloid-beta ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้การทำงานด้านความจำและพฤติกรรมของหนูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด 🔬 กลไกการทำงานของ Sox9 ผลการทดลองชี้ว่า Sox9 กระตุ้นการแสดงออกของตัวรับ MEGF10 บนผิวเซลล์ astrocytes ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการกำจัดคราบโปรตีนที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของสมอง การทดลองในหนูที่ถูกตัดยีน Sox9 ออกกลับพบว่า astrocytes ทำงานแย่ลง ความจำเสื่อม และคราบโปรตีนสะสมมากขึ้น แสดงให้เห็นว่า Sox9 เป็นกุญแจสำคัญต่อสุขภาพสมอง 🧩 ความซับซ้อนของโรคอัลไซเมอร์ แม้การกำจัดคราบ amyloid-beta จะเป็นเป้าหมายหลักของการรักษาโรคอัลไซเมอร์ แต่งานวิจัยก่อนหน้านี้พบว่าการรักษาแบบนี้ไม่ได้ผลเสมอไป เนื่องจากโรคมีหลายปัจจัยร่วม เช่น การอักเสบในสมอง และการเสื่อมของเซลล์ประสาท การค้นพบ Sox9 จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่เน้นการเสริมพลังให้กับ เซลล์ดูแลสมอง มากกว่าการรักษาเฉพาะเซลล์ประสาท 🌍 ความหวังและข้อจำกัด แม้งานวิจัยนี้ยังอยู่ในระดับการทดลองกับหนู แต่ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าตื่นเต้น เพราะแสดงให้เห็นว่า การฟื้นฟูสมองที่เสื่อมแล้ว อาจเป็นไปได้ในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเตือนว่าจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์ เพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพก่อนนำไปใช้จริง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ โปรตีน Sox9 ช่วยฟื้นฟูสมองเสื่อมในหนู ➡️ กระตุ้น astrocytes ให้กำจัดคราบ amyloid-beta ได้ดีขึ้น ➡️ หนูที่ได้รับ Sox9 มีความจำและพฤติกรรมดีขึ้น ✅ กลไก Sox9 ผ่านตัวรับ MEGF10 ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ดูแลสมอง ➡️ การตัด Sox9 ออกทำให้สมองเสื่อมเร็วขึ้น ✅ แนวทางใหม่ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ ➡️ เน้นเสริมพลังเซลล์ดูแลสมองมากกว่าการรักษาเซลล์ประสาท ➡️ อาจช่วยแก้ปัญหาที่การรักษาแบบเดิมไม่สำเร็จ ‼️ ข้อจำกัดและความเสี่ยง ⛔ งานวิจัยยังอยู่ในระดับทดลองกับสัตว์ ⛔ ต้องมีการทดสอบในมนุษย์เพื่อยืนยันความปลอดภัย https://www.sciencealert.com/boosting-one-protein-reawakens-aging-brain-cells-in-mice-study-shows
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Boosting One Protein Reawakens Aging Brain Cells in Mice, Study Shows
    A discovery by researchers from the Baylor College of Medicine in the US could lead to treatments that clear the troublesome aggregations of protein thought to play a key role in Alzheimer's disease.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • ออกกำลังกายสั้น ๆ แต่ได้ผลทันที

    นักวิจัยจาก Hong Kong Polytechnic University พบว่าเพียงการวิ่งบนลู่วิ่ง 30 นาที ก็ทำให้ผู้เข้าร่วมทั้งที่มีและไม่มีอาการซึมเศร้ารายงานว่าอารมณ์ดีขึ้นทันที ลดความโกรธ ความสับสน ความเหนื่อยล้า และความวิตกกังวล ขณะเดียวกันความมั่นใจและพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน.

    กลไกทางชีววิทยา: ฮอร์โมน adiponectin
    การทดลองในหนูแสดงให้เห็นว่าหลังออกกำลังกาย ระดับฮอร์โมน adiponectin ในเลือดและสมองเพิ่มขึ้น ฮอร์โมนนี้ไปกระตุ้นตัวรับ AdipoR1 ในสมองส่วน medial prefrontal cortex ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ ส่งผลให้เกิดการสร้างการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างเซลล์ประสาท คล้ายกับผลที่พบจากการใช้ยา ketamine ที่ออกฤทธิ์เร็ว.

    ความหมายต่อการรักษาโรคซึมเศร้า
    ผลการวิจัยนี้ชี้ว่า การออกกำลังกายอาจเป็นวิธีบำบัดที่รวดเร็วและปลอดภัย สำหรับผู้ที่มีอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนายาใหม่ที่เลียนแบบการทำงานของ adiponectin เพื่อให้ได้ผลเร็วกว่า SSRIs ที่ใช้กันทั่วไป ซึ่งมักต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผล.

    ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง
    แม้ผลการทดลองน่าตื่นเต้น แต่ยังไม่ทราบว่าผลบวกจากการออกกำลังกายจะอยู่ได้นานแค่ไหนในมนุษย์ และการทดลองบางส่วนยังอยู่ในระดับสัตว์ การนำไปใช้จริงจึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผลการทดลองในมนุษย์
    ออกกำลังกาย 30 นาทีช่วยลดอารมณ์ลบและเพิ่มพลังงาน
    เห็นผลทันทีหลังออกกำลังกาย

    กลไกในสมอง
    ฮอร์โมน adiponectin เพิ่มขึ้นหลังออกกำลังกาย
    กระตุ้นตัวรับ AdipoR1 และสร้างการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างเซลล์ประสาท

    ความหมายต่อการแพทย์
    อาจเป็นแนวทางบำบัดโรคซึมเศร้าแบบรวดเร็ว
    สร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนายาใหม่ที่เลียนแบบ adiponectin

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่ทราบระยะเวลาที่ผลบวกอยู่ได้นานในมนุษย์
    การทดลองบางส่วนยังอยู่ในระดับสัตว์ ต้องศึกษาเพิ่มเติม

    https://www.sciencealert.com/a-single-30-minute-exercise-session-has-an-immediate-antidepressant-effect
    🏃‍♂️ ออกกำลังกายสั้น ๆ แต่ได้ผลทันที นักวิจัยจาก Hong Kong Polytechnic University พบว่าเพียงการวิ่งบนลู่วิ่ง 30 นาที ก็ทำให้ผู้เข้าร่วมทั้งที่มีและไม่มีอาการซึมเศร้ารายงานว่าอารมณ์ดีขึ้นทันที ลดความโกรธ ความสับสน ความเหนื่อยล้า และความวิตกกังวล ขณะเดียวกันความมั่นใจและพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน. 🧪 กลไกทางชีววิทยา: ฮอร์โมน adiponectin การทดลองในหนูแสดงให้เห็นว่าหลังออกกำลังกาย ระดับฮอร์โมน adiponectin ในเลือดและสมองเพิ่มขึ้น ฮอร์โมนนี้ไปกระตุ้นตัวรับ AdipoR1 ในสมองส่วน medial prefrontal cortex ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ ส่งผลให้เกิดการสร้างการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างเซลล์ประสาท คล้ายกับผลที่พบจากการใช้ยา ketamine ที่ออกฤทธิ์เร็ว. 🌟 ความหมายต่อการรักษาโรคซึมเศร้า ผลการวิจัยนี้ชี้ว่า การออกกำลังกายอาจเป็นวิธีบำบัดที่รวดเร็วและปลอดภัย สำหรับผู้ที่มีอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนายาใหม่ที่เลียนแบบการทำงานของ adiponectin เพื่อให้ได้ผลเร็วกว่า SSRIs ที่ใช้กันทั่วไป ซึ่งมักต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผล. ⚠️ ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง แม้ผลการทดลองน่าตื่นเต้น แต่ยังไม่ทราบว่าผลบวกจากการออกกำลังกายจะอยู่ได้นานแค่ไหนในมนุษย์ และการทดลองบางส่วนยังอยู่ในระดับสัตว์ การนำไปใช้จริงจึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผลการทดลองในมนุษย์ ➡️ ออกกำลังกาย 30 นาทีช่วยลดอารมณ์ลบและเพิ่มพลังงาน ➡️ เห็นผลทันทีหลังออกกำลังกาย ✅ กลไกในสมอง ➡️ ฮอร์โมน adiponectin เพิ่มขึ้นหลังออกกำลังกาย ➡️ กระตุ้นตัวรับ AdipoR1 และสร้างการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างเซลล์ประสาท ✅ ความหมายต่อการแพทย์ ➡️ อาจเป็นแนวทางบำบัดโรคซึมเศร้าแบบรวดเร็ว ➡️ สร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนายาใหม่ที่เลียนแบบ adiponectin ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่ทราบระยะเวลาที่ผลบวกอยู่ได้นานในมนุษย์ ⛔ การทดลองบางส่วนยังอยู่ในระดับสัตว์ ต้องศึกษาเพิ่มเติม https://www.sciencealert.com/a-single-30-minute-exercise-session-has-an-immediate-antidepressant-effect
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    A Single 30-Minute Exercise Session Has an Immediate Antidepressant Effect
    A single, half-hour session of moderate exercise is enough to confer an immediate mood-boosting effect, and now scientists have figured out why.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรตีนสมองและการเปลี่ยนแปลงเมื่ออายุมากขึ้น

    งานวิจัยใหม่จากเยอรมนีพบว่า การเปลี่ยนแปลงของโปรตีนในสมองที่เกิดจากวัยชรา อาจถูกปรับสมดุลบางส่วนได้ด้วย การควบคุมอาหารแบบจำกัดแคลอรี ซึ่งช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบรีไซเคิลโปรตีนในสมองของหนูทดลอง

    นักวิจัยจาก Leibniz Institute on Aging ใช้เทคนิค mass spectrometry วิเคราะห์สมองของหนูทั้งวัยหนุ่มและวัยชรา พบว่ากระบวนการ ubiquitylation ซึ่งเป็นการติดป้ายเคมีบอกให้โปรตีนถูกรีไซเคิล มีความผิดปกติเมื่ออายุมากขึ้น โปรตีนบางชนิดถูกติดป้ายมากเกินไปจนสมองจัดการไม่ทัน ทำให้เกิดการสะสมและเสี่ยงต่อโรคทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์.

    อาหารจำกัดแคลอรีช่วยฟื้นฟูสมดุล
    ทีมวิจัยทดลองให้หนูสูงวัยรับประทานอาหารจำกัดแคลอรีเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ก่อนกลับไปกินอาหารปกติ ผลลัพธ์พบว่าโปรตีนบางส่วนกลับมามีการติดป้ายเคมีใกล้เคียงกับสมองของหนุ่มสาว แสดงให้เห็นว่า อาหารสามารถปรับสมดุลโปรตีนในสมองได้แม้ในวัยชรา แม้ยังไม่ทราบกลไกทั้งหมด แต่ถือเป็นแนวทางใหม่ในการดูแลสุขภาพสมอง.

    ความหมายต่อการรักษาโรคสมองเสื่อม
    แม้การทดลองยังอยู่ในระดับสัตว์และเซลล์มนุษย์ในห้องแล็บ แต่ผลลัพธ์นี้เปิดประตูสู่การพัฒนาวิธีรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของโปรตีน เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน การเข้าใจว่าการควบคุมอาหารมีผลต่อระบบรีไซเคิลโปรตีน อาจนำไปสู่การออกแบบ อาหารบำบัด หรือ เสริมด้วยสารอาหารเฉพาะ เพื่อชะลอความเสื่อมของสมองในอนาคต.

    ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง
    นักวิจัยเตือนว่าผลการทดลองนี้ยังไม่เคยทดสอบในมนุษย์จริง และไม่ใช่ว่าทุกโปรตีนจะตอบสนองต่อการควบคุมอาหารเหมือนกัน บางชนิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หรืออาจเสื่อมลงมากกว่าเดิม ดังนั้นการนำไปใช้จริงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอย่างรอบคอบ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่เกี่ยวกับโปรตีนสมอง
    กระบวนการ ubiquitylation เสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น
    โปรตีนสะสมมากเกินไป เสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม

    ผลของอาหารจำกัดแคลอรี
    ฟื้นฟูการติดป้ายโปรตีนบางชนิดให้ใกล้เคียงสมองวัยหนุ่มสาว
    แสดงให้เห็นว่าอาหารมีผลต่อสุขภาพสมองแม้ในวัยชรา

    ความหมายต่อการแพทย์
    อาจนำไปสู่การพัฒนาอาหารบำบัดโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน
    เปิดแนวทางใหม่ในการดูแลสมองผ่านโภชนาการ

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่เคยทดสอบในมนุษย์จริง
    ไม่ใช่ว่าทุกโปรตีนจะตอบสนองต่อการควบคุมอาหาร

    https://www.sciencealert.com/aging-scrambles-brain-proteins-and-diet-could-partly-reverse-it
    🧬 โปรตีนสมองและการเปลี่ยนแปลงเมื่ออายุมากขึ้น งานวิจัยใหม่จากเยอรมนีพบว่า การเปลี่ยนแปลงของโปรตีนในสมองที่เกิดจากวัยชรา อาจถูกปรับสมดุลบางส่วนได้ด้วย การควบคุมอาหารแบบจำกัดแคลอรี ซึ่งช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบรีไซเคิลโปรตีนในสมองของหนูทดลอง นักวิจัยจาก Leibniz Institute on Aging ใช้เทคนิค mass spectrometry วิเคราะห์สมองของหนูทั้งวัยหนุ่มและวัยชรา พบว่ากระบวนการ ubiquitylation ซึ่งเป็นการติดป้ายเคมีบอกให้โปรตีนถูกรีไซเคิล มีความผิดปกติเมื่ออายุมากขึ้น โปรตีนบางชนิดถูกติดป้ายมากเกินไปจนสมองจัดการไม่ทัน ทำให้เกิดการสะสมและเสี่ยงต่อโรคทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์. 🍎 อาหารจำกัดแคลอรีช่วยฟื้นฟูสมดุล ทีมวิจัยทดลองให้หนูสูงวัยรับประทานอาหารจำกัดแคลอรีเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ก่อนกลับไปกินอาหารปกติ ผลลัพธ์พบว่าโปรตีนบางส่วนกลับมามีการติดป้ายเคมีใกล้เคียงกับสมองของหนุ่มสาว แสดงให้เห็นว่า อาหารสามารถปรับสมดุลโปรตีนในสมองได้แม้ในวัยชรา แม้ยังไม่ทราบกลไกทั้งหมด แต่ถือเป็นแนวทางใหม่ในการดูแลสุขภาพสมอง. 🧠 ความหมายต่อการรักษาโรคสมองเสื่อม แม้การทดลองยังอยู่ในระดับสัตว์และเซลล์มนุษย์ในห้องแล็บ แต่ผลลัพธ์นี้เปิดประตูสู่การพัฒนาวิธีรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของโปรตีน เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน การเข้าใจว่าการควบคุมอาหารมีผลต่อระบบรีไซเคิลโปรตีน อาจนำไปสู่การออกแบบ อาหารบำบัด หรือ เสริมด้วยสารอาหารเฉพาะ เพื่อชะลอความเสื่อมของสมองในอนาคต. ⚠️ ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง นักวิจัยเตือนว่าผลการทดลองนี้ยังไม่เคยทดสอบในมนุษย์จริง และไม่ใช่ว่าทุกโปรตีนจะตอบสนองต่อการควบคุมอาหารเหมือนกัน บางชนิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หรืออาจเสื่อมลงมากกว่าเดิม ดังนั้นการนำไปใช้จริงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอย่างรอบคอบ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่เกี่ยวกับโปรตีนสมอง ➡️ กระบวนการ ubiquitylation เสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น ➡️ โปรตีนสะสมมากเกินไป เสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม ✅ ผลของอาหารจำกัดแคลอรี ➡️ ฟื้นฟูการติดป้ายโปรตีนบางชนิดให้ใกล้เคียงสมองวัยหนุ่มสาว ➡️ แสดงให้เห็นว่าอาหารมีผลต่อสุขภาพสมองแม้ในวัยชรา ✅ ความหมายต่อการแพทย์ ➡️ อาจนำไปสู่การพัฒนาอาหารบำบัดโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน ➡️ เปิดแนวทางใหม่ในการดูแลสมองผ่านโภชนาการ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่เคยทดสอบในมนุษย์จริง ⛔ ไม่ใช่ว่าทุกโปรตีนจะตอบสนองต่อการควบคุมอาหาร https://www.sciencealert.com/aging-scrambles-brain-proteins-and-diet-could-partly-reverse-it
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Aging Scrambles Brain Proteins – And Diet Could Partly Reverse It
    As we get older, our brains start to change in ways that make them increasingly vulnerable to disease – and a detailed new study of these changes points to a way some of this wear and tear might be prevented or reversed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผลวิจัยใหม่: อาร์จินีนเสริมช่วยเคลียร์คราบสมองในสัตว์ทดลอง

    ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคินไดและสถาบันประสาทวิทยาแห่งชาติญี่ปุ่น พบว่า อาร์จินีน (Arginine) กรดอะมิโนที่ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูงและอาการเจ็บหน้าอก สามารถลดการสะสมของโปรตีน อะไมลอยด์-เบต้า ในสมองของหนูทดลองและแมลงหวี่ได้ ซึ่งโปรตีนชนิดนี้ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของโรคอัลไซเมอร์

    กลไกการทำงานที่น่าสนใจ
    อาร์จินีนทำหน้าที่เป็น “chaperone” ทางเคมี ช่วยป้องกันการจับตัวผิดปกติของโปรตีนที่นำไปสู่การเกิดคราบเหนียวในสมอง ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าเมื่อเติมอาร์จินีนลงในน้ำดื่มของหนูที่มีภาวะสมองเสื่อม คราบโปรตีนลดลงอย่างชัดเจน พร้อมกับการปรับปรุงพฤติกรรมและการลดการอักเสบของยีนในสมอง

    ความหวังใหม่ในการรักษา
    สิ่งที่ทำให้การค้นพบนี้น่าสนใจคือ อาร์จินีนเป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง ราคาถูก และสามารถผ่าน blood-brain barrier ได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญของการรักษาโรคสมอง หากผลลัพธ์นี้สามารถยืนยันได้ในมนุษย์ อาจเป็นแนวทางการรักษาใหม่ที่เข้าถึงง่ายและไม่ซับซ้อน

    ข้อจำกัดและความท้าทาย
    แม้ผลการทดลองในสัตว์จะให้ความหวัง แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการลดคราบโปรตีนจะช่วยรักษาอัลไซเมอร์ในมนุษย์จริงหรือไม่ อีกทั้งการทดลองใช้ปริมาณอาร์จินีนสูงกว่าที่มนุษย์บริโภคทั่วไป จึงต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาปริมาณที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบใหม่
    อาร์จินีนช่วยลดการสะสมโปรตีนอะไมลอยด์-เบต้าในสมองสัตว์ทดลอง
    ปรับปรุงพฤติกรรมและลดการอักเสบของยีน

    ศักยภาพของอาร์จินีน
    เป็นสารที่ปลอดภัย ราคาถูก และผ่าน blood-brain barrier ได้
    อาจเป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์

    ผลการทดลองในสัตว์
    ใช้ในหนูและแมลงหวี่ พบผลลัพธ์ชัดเจน
    ลดคราบโปรตีนและผลกระทบต่อสมอง

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่ยืนยันผลในมนุษย์
    ใช้ปริมาณสูงกว่าที่มนุษย์บริโภคทั่วไป
    ยังไม่ชัดเจนว่าการลดคราบโปรตีนช่วยรักษาอัลไซเมอร์ได้จริง

    https://www.sciencealert.com/supplement-for-high-blood-pressure-clears-signs-of-alzheimers-in-mice
    🧠 ผลวิจัยใหม่: อาร์จินีนเสริมช่วยเคลียร์คราบสมองในสัตว์ทดลอง ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยคินไดและสถาบันประสาทวิทยาแห่งชาติญี่ปุ่น พบว่า อาร์จินีน (Arginine) กรดอะมิโนที่ใช้รักษาโรคความดันโลหิตสูงและอาการเจ็บหน้าอก สามารถลดการสะสมของโปรตีน อะไมลอยด์-เบต้า ในสมองของหนูทดลองและแมลงหวี่ได้ ซึ่งโปรตีนชนิดนี้ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของโรคอัลไซเมอร์ 🔬 กลไกการทำงานที่น่าสนใจ อาร์จินีนทำหน้าที่เป็น “chaperone” ทางเคมี ช่วยป้องกันการจับตัวผิดปกติของโปรตีนที่นำไปสู่การเกิดคราบเหนียวในสมอง ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่าเมื่อเติมอาร์จินีนลงในน้ำดื่มของหนูที่มีภาวะสมองเสื่อม คราบโปรตีนลดลงอย่างชัดเจน พร้อมกับการปรับปรุงพฤติกรรมและการลดการอักเสบของยีนในสมอง 🌟 ความหวังใหม่ในการรักษา สิ่งที่ทำให้การค้นพบนี้น่าสนใจคือ อาร์จินีนเป็นสารที่มีความปลอดภัยสูง ราคาถูก และสามารถผ่าน blood-brain barrier ได้ ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญของการรักษาโรคสมอง หากผลลัพธ์นี้สามารถยืนยันได้ในมนุษย์ อาจเป็นแนวทางการรักษาใหม่ที่เข้าถึงง่ายและไม่ซับซ้อน ⚠️ ข้อจำกัดและความท้าทาย แม้ผลการทดลองในสัตว์จะให้ความหวัง แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าการลดคราบโปรตีนจะช่วยรักษาอัลไซเมอร์ในมนุษย์จริงหรือไม่ อีกทั้งการทดลองใช้ปริมาณอาร์จินีนสูงกว่าที่มนุษย์บริโภคทั่วไป จึงต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อหาปริมาณที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ ➡️ อาร์จินีนช่วยลดการสะสมโปรตีนอะไมลอยด์-เบต้าในสมองสัตว์ทดลอง ➡️ ปรับปรุงพฤติกรรมและลดการอักเสบของยีน ✅ ศักยภาพของอาร์จินีน ➡️ เป็นสารที่ปลอดภัย ราคาถูก และผ่าน blood-brain barrier ได้ ➡️ อาจเป็นแนวทางใหม่ในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ ✅ ผลการทดลองในสัตว์ ➡️ ใช้ในหนูและแมลงหวี่ พบผลลัพธ์ชัดเจน ➡️ ลดคราบโปรตีนและผลกระทบต่อสมอง ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่ยืนยันผลในมนุษย์ ⛔ ใช้ปริมาณสูงกว่าที่มนุษย์บริโภคทั่วไป ⛔ ยังไม่ชัดเจนว่าการลดคราบโปรตีนช่วยรักษาอัลไซเมอร์ได้จริง https://www.sciencealert.com/supplement-for-high-blood-pressure-clears-signs-of-alzheimers-in-mice
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Supplement For High Blood Pressure Clears Signs of Alzheimer's in Mice
    A build-up of sticky proteins in the brain is a key hallmark of Alzheimer's, thought to be closely linked to the disease's progression.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานวิจัยใหม่: ลำไส้กับโรคพาร์กินสัน

    นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น พบความเชื่อมโยงระหว่างจุลินทรีย์ในลำไส้กับการเกิดโรคพาร์กินสัน โดยการวิเคราะห์ตัวอย่างอุจจาระจากผู้ป่วยและคนสุขภาพดีในหลายประเทศ ผลลัพธ์ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงของชุมชนแบคทีเรียในลำไส้ส่งผลให้ร่างกายผลิตวิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) และบี 7 (ไบโอติน) ลดลง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโรค

    แนวทางการรักษาที่เรียบง่าย
    การขาดวิตามินบีเหล่านี้สัมพันธ์กับการลดลงของกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) และโพลีเอมีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างชั้นเมือกป้องกันในลำไส้ เมื่อชั้นป้องกันนี้บางลง ระบบประสาทในลำไส้จึงสัมผัสกับสารพิษมากขึ้น เช่น สารเคมีจากยาฆ่าแมลงหรือสารทำความสะอาด ซึ่งสามารถกระตุ้นการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองและนำไปสู่โรคพาร์กินสันได้ นักวิจัยเสนอว่าการเสริมวิตามินบี 2 และบี 7 อาจช่วยบรรเทาอาการและชะลอการดำเนินโรค

    ความเสี่ยงและปัจจัยแวดล้อม
    แม้การเสริมวิตามินดูเป็นวิธีง่าย แต่โรคพาร์กินสันมีสาเหตุซับซ้อนและแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น สารพิษและคุณภาพการนอนหลับ ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ดังนั้นการรักษาอาจต้องปรับตามสภาพร่างกายและวิถีชีวิตของผู้ป่วย ไม่สามารถใช้แนวทางเดียวกับทุกคนได้

    ความหวังใหม่จากไมโครไบโอม
    การค้นพบนี้ตอกย้ำว่าลำไส้และสมองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกว่าที่เคยคิด การดูแลสุขภาพลำไส้ เช่น การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ลดสารพิษในสิ่งแวดล้อม และเสริมวิตามินที่จำเป็น อาจเป็นแนวทางป้องกันและรักษาโรคพาร์กินสันในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญ
    ความเชื่อมโยงลำไส้-สมอง
    การเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ทำให้วิตามินบี 2 และบี 7 ลดลง
    ส่งผลต่อการสร้างชั้นเมือกป้องกันในลำไส้

    แนวทางการรักษา
    การเสริมวิตามินบี 2 และบี 7 อาจช่วยบรรเทาอาการ
    ป้องกันการสะสมโปรตีนผิดปกติในสมอง

    ผลกระทบต่อสุขภาพ
    การขาดวิตามินสัมพันธ์กับการลด SCFAs และโพลีเอมีน
    เพิ่มความเสี่ยงต่อการสัมผัสสารพิษในระบบประสาท

    ข้อควรระวัง
    โรคพาร์กินสันมีสาเหตุซับซ้อน ไม่ใช่ทุกคนตอบสนองต่อการเสริมวิตามิน
    ปัจจัยสิ่งแวดล้อม เช่น สารพิษและการนอนหลับ มีผลต่อการเกิดโรค
    ต้องมีการวิเคราะห์รายบุคคลก่อนใช้แนวทางการรักษา

    https://www.sciencealert.com/parkinsons-link-to-gut-bacteria-suggests-unexpectedly-simple-treatment
    🧠 งานวิจัยใหม่: ลำไส้กับโรคพาร์กินสัน นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยนาโกยา ประเทศญี่ปุ่น พบความเชื่อมโยงระหว่างจุลินทรีย์ในลำไส้กับการเกิดโรคพาร์กินสัน โดยการวิเคราะห์ตัวอย่างอุจจาระจากผู้ป่วยและคนสุขภาพดีในหลายประเทศ ผลลัพธ์ชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงของชุมชนแบคทีเรียในลำไส้ส่งผลให้ร่างกายผลิตวิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) และบี 7 (ไบโอติน) ลดลง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้เกิดโรค 🌿 แนวทางการรักษาที่เรียบง่าย การขาดวิตามินบีเหล่านี้สัมพันธ์กับการลดลงของกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) และโพลีเอมีน ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสร้างชั้นเมือกป้องกันในลำไส้ เมื่อชั้นป้องกันนี้บางลง ระบบประสาทในลำไส้จึงสัมผัสกับสารพิษมากขึ้น เช่น สารเคมีจากยาฆ่าแมลงหรือสารทำความสะอาด ซึ่งสามารถกระตุ้นการสะสมของโปรตีนผิดปกติในสมองและนำไปสู่โรคพาร์กินสันได้ นักวิจัยเสนอว่าการเสริมวิตามินบี 2 และบี 7 อาจช่วยบรรเทาอาการและชะลอการดำเนินโรค ⚠️ ความเสี่ยงและปัจจัยแวดล้อม แม้การเสริมวิตามินดูเป็นวิธีง่าย แต่โรคพาร์กินสันมีสาเหตุซับซ้อนและแตกต่างกันในแต่ละบุคคล ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น สารพิษและคุณภาพการนอนหลับ ก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน ดังนั้นการรักษาอาจต้องปรับตามสภาพร่างกายและวิถีชีวิตของผู้ป่วย ไม่สามารถใช้แนวทางเดียวกับทุกคนได้ 🌍 ความหวังใหม่จากไมโครไบโอม การค้นพบนี้ตอกย้ำว่าลำไส้และสมองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกว่าที่เคยคิด การดูแลสุขภาพลำไส้ เช่น การรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ลดสารพิษในสิ่งแวดล้อม และเสริมวิตามินที่จำเป็น อาจเป็นแนวทางป้องกันและรักษาโรคพาร์กินสันในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความเชื่อมโยงลำไส้-สมอง ➡️ การเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ทำให้วิตามินบี 2 และบี 7 ลดลง ➡️ ส่งผลต่อการสร้างชั้นเมือกป้องกันในลำไส้ ✅ แนวทางการรักษา ➡️ การเสริมวิตามินบี 2 และบี 7 อาจช่วยบรรเทาอาการ ➡️ ป้องกันการสะสมโปรตีนผิดปกติในสมอง ✅ ผลกระทบต่อสุขภาพ ➡️ การขาดวิตามินสัมพันธ์กับการลด SCFAs และโพลีเอมีน ➡️ เพิ่มความเสี่ยงต่อการสัมผัสสารพิษในระบบประสาท ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ โรคพาร์กินสันมีสาเหตุซับซ้อน ไม่ใช่ทุกคนตอบสนองต่อการเสริมวิตามิน ⛔ ปัจจัยสิ่งแวดล้อม เช่น สารพิษและการนอนหลับ มีผลต่อการเกิดโรค ⛔ ต้องมีการวิเคราะห์รายบุคคลก่อนใช้แนวทางการรักษา https://www.sciencealert.com/parkinsons-link-to-gut-bacteria-suggests-unexpectedly-simple-treatment
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Parkinson's Link to Gut Bacteria Suggests Unexpectedly Simple Treatment
    Researchers have suspected for some time that the link between our gut and brain plays a role in the onset of Parkinson's disease.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชิปการแพทย์ใหม่: ว่ายในกระแสเลือดและฝังตัวในสมอง

    นักวิจัยจาก MIT สหรัฐอเมริกาได้พัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จิ๋วที่สามารถฉีดเข้าสู่ร่างกาย ผ่านกระแสเลือดและไปฝังตัวเองในสมองได้โดยอัตโนมัติ อุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กกว่าหนึ่งในพันของเมล็ดข้าว และถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นสมองเฉพาะจุดด้วยสัญญาณไฟฟ้า เพื่อใช้ในการรักษาโรคทางระบบประสาท เช่น พาร์กินสัน หรือโรคลมชัก

    กลไกการทำงานและความก้าวหน้า
    ชิปนี้ถูกเรียกว่า “microscopic, wireless bioelectronics” ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ไปตามกระแสเลือดและเลือกฝังตัวในตำแหน่งที่ต้องการในสมองได้เอง โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ถือเป็นการพัฒนาที่ใช้เวลาวิจัยกว่า 6 ปี และอาจเปลี่ยนวิธีการรักษาโรคสมองในอนาคตให้ปลอดภัยและแม่นยำมากขึ้น

    ผลกระทบต่อการแพทย์และผู้ป่วย
    หากเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้จริง จะช่วยให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางสมองได้รับการรักษาแบบ targeted therapy โดยตรง ลดผลข้างเคียงจากการใช้ยา และลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดสมองแบบเดิม นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้แพทย์สามารถควบคุมการทำงานของสมองได้ละเอียดขึ้น เช่น การฟื้นฟูการพูด หรือการควบคุมอาการชัก

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    แม้จะเป็นนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้น แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในสมองยังมีความเสี่ยง เช่น การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน การเคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง หรือการถูกใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม จึงจำเป็นต้องมีการทดสอบทางคลินิกอย่างเข้มงวดและการกำกับดูแลด้านจริยธรรมก่อนนำไปใช้จริง

    สรุปสาระสำคัญ
    การพัฒนาชิปการแพทย์ใหม่จาก MIT
    สามารถว่ายในกระแสเลือดและฝังตัวในสมองได้เอง

    กลไกการทำงาน
    ใช้สัญญาณไฟฟ้ากระตุ้นสมองเฉพาะจุดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่

    ผลกระทบต่อการแพทย์
    ลดผลข้างเคียงจากยาและเพิ่มความแม่นยำในการรักษาโรคสมอง

    โอกาสในอนาคต
    อาจช่วยฟื้นฟูการพูดและควบคุมอาการชักได้ตรงจุด

    คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ
    ต้องตรวจสอบความปลอดภัยและผลกระทบต่อภูมิคุ้มกัน

    ความเสี่ยงด้านจริยธรรม
    อาจถูกใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมหากไม่มีการกำกับดูแล

    https://www.thestar.com.my/lifestyle/health/2025/11/25/new-medical-chip-swims-through-blood-and-sticks-to-your-brain
    🧬 ชิปการแพทย์ใหม่: ว่ายในกระแสเลือดและฝังตัวในสมอง นักวิจัยจาก MIT สหรัฐอเมริกาได้พัฒนาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จิ๋วที่สามารถฉีดเข้าสู่ร่างกาย ผ่านกระแสเลือดและไปฝังตัวเองในสมองได้โดยอัตโนมัติ อุปกรณ์นี้มีขนาดเล็กกว่าหนึ่งในพันของเมล็ดข้าว และถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นสมองเฉพาะจุดด้วยสัญญาณไฟฟ้า เพื่อใช้ในการรักษาโรคทางระบบประสาท เช่น พาร์กินสัน หรือโรคลมชัก ⚙️ กลไกการทำงานและความก้าวหน้า ชิปนี้ถูกเรียกว่า “microscopic, wireless bioelectronics” ซึ่งสามารถเคลื่อนที่ไปตามกระแสเลือดและเลือกฝังตัวในตำแหน่งที่ต้องการในสมองได้เอง โดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ถือเป็นการพัฒนาที่ใช้เวลาวิจัยกว่า 6 ปี และอาจเปลี่ยนวิธีการรักษาโรคสมองในอนาคตให้ปลอดภัยและแม่นยำมากขึ้น 🌍 ผลกระทบต่อการแพทย์และผู้ป่วย หากเทคโนโลยีนี้ถูกนำมาใช้จริง จะช่วยให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาทางสมองได้รับการรักษาแบบ targeted therapy โดยตรง ลดผลข้างเคียงจากการใช้ยา และลดความเสี่ยงจากการผ่าตัดสมองแบบเดิม นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้แพทย์สามารถควบคุมการทำงานของสมองได้ละเอียดขึ้น เช่น การฟื้นฟูการพูด หรือการควบคุมอาการชัก 🛡️ ข้อควรระวังและความท้าทาย แม้จะเป็นนวัตกรรมที่น่าตื่นเต้น แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการฝังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในสมองยังมีความเสี่ยง เช่น การตอบสนองของภูมิคุ้มกัน การเคลื่อนตัวผิดตำแหน่ง หรือการถูกใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม จึงจำเป็นต้องมีการทดสอบทางคลินิกอย่างเข้มงวดและการกำกับดูแลด้านจริยธรรมก่อนนำไปใช้จริง 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การพัฒนาชิปการแพทย์ใหม่จาก MIT ➡️ สามารถว่ายในกระแสเลือดและฝังตัวในสมองได้เอง ✅ กลไกการทำงาน ➡️ ใช้สัญญาณไฟฟ้ากระตุ้นสมองเฉพาะจุดโดยไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ✅ ผลกระทบต่อการแพทย์ ➡️ ลดผลข้างเคียงจากยาและเพิ่มความแม่นยำในการรักษาโรคสมอง ✅ โอกาสในอนาคต ➡️ อาจช่วยฟื้นฟูการพูดและควบคุมอาการชักได้ตรงจุด ‼️ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญ ⛔ ต้องตรวจสอบความปลอดภัยและผลกระทบต่อภูมิคุ้มกัน ‼️ ความเสี่ยงด้านจริยธรรม ⛔ อาจถูกใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมหากไม่มีการกำกับดูแล https://www.thestar.com.my/lifestyle/health/2025/11/25/new-medical-chip-swims-through-blood-and-sticks-to-your-brain
    WWW.THESTAR.COM.MY
    New medical chip swims through blood and sticks to your brain
    The microscopic device can deliver treatment to precise areas of the brain.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 357 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยาเสพติดอันตราย,ตำรวจไทยไร้ปัญญาจัดการเพราะระดับ อดีตผบ.ตร.เสียเองทำชั่ว นั้นคือต้องระดับใหญ่กว่า อดีตผบ.ตร.ไทยด้วยที่ค้ำหัวคนพวกนี้ จึงมันสามารถลุแก่อำนาจ กล้าหาญขนยาเสพติดและเว็บพนันฟอกเงินด้วย.,ยาเสพติดและการพนัน บ่อนการพนันตลอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เน็ต พวกให้บริการเน็ตและธนาคารมันสุมหังคบคิดกันร่วมทำชั่วร่วมแน่นอน,มิใข่แค่นักการเมืองหรือข้าราชการไทยเจ้าสัวเจ้าของกิจการไทย,
    ..ยาสมุนไพรรักษาโรค ดีกว่ายาเสพติดแน่นอน.


    https://vm.tiktok.com/ZSH38Bus9uYSu-ipizT/
    ยาเสพติดอันตราย,ตำรวจไทยไร้ปัญญาจัดการเพราะระดับ อดีตผบ.ตร.เสียเองทำชั่ว นั้นคือต้องระดับใหญ่กว่า อดีตผบ.ตร.ไทยด้วยที่ค้ำหัวคนพวกนี้ จึงมันสามารถลุแก่อำนาจ กล้าหาญขนยาเสพติดและเว็บพนันฟอกเงินด้วย.,ยาเสพติดและการพนัน บ่อนการพนันตลอดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้เน็ต พวกให้บริการเน็ตและธนาคารมันสุมหังคบคิดกันร่วมทำชั่วร่วมแน่นอน,มิใข่แค่นักการเมืองหรือข้าราชการไทยเจ้าสัวเจ้าของกิจการไทย, ..ยาสมุนไพรรักษาโรค ดีกว่ายาเสพติดแน่นอน. https://vm.tiktok.com/ZSH38Bus9uYSu-ipizT/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึกมหาสงครามเทพระดับอะตอม: ศึกชิงอำนาจในโลกควอนตัม

    จักรวาลคู่ขนานระดับอนุภาค

    การค้นพบอาณาจักรควอนตัม

    หนูดีค้นพบโดยบังเอิญขณะฝึกควบคุมพลังงาน:
    "มันเหมือนกับมีเมืองเล็กๆ นับไม่ถ้วนอยู่ในทุกอะตอม...
    แต่ละเมืองมีกฎเกณฑ์และผู้ปกครองของตัวเอง"

    ```mermaid
    graph TB
    A[โลกควอนตัม] --> B[อาณาจักรโปรตอน<br>เมืองแห่งความมั่นคง]
    A --> C[อาณาจักรอิเล็กตรอน<br>เมืองแห่งพลังงาน]
    A --> D[อาณาจักรนิวตรอน<br>เมืองแห่งสมดุล]
    A --> E[อาณาจักรควาร์ก<br>เมืองแห่งพื้นฐาน]
    ```

    โครงสร้างสังคมเทพระดับอะตอม

    ```python
    class QuantumSociety:
    def __init__(self):
    self.hierarchy = {
    "elementary_level": {
    "quark_deities": "เทพพื้นฐาน 6 ประเภท",
    "lepton_sages": "ปราชญ์เลปตอน",
    "force_carriers": "ผู้ส่งผ่านแรงพื้นฐาน"
    },
    "composite_level": {
    "proton_monarchs": "กษัตริย์โปรตอน",
    "electron_nomads": "อิเล็กตรอนเร่ร่อน",
    "neutron_guardians": "ผู้พิทักษ์นิวตรอน"
    },
    "atomic_level": {
    "nucleus_kingdom": "อาณาจักรนิวเคลียส",
    "electron_cloud_cities": "เมืองเมฆอิเล็กตรอน",
    "bonding_alliances": "พันธมิตรทางการพันธะ"
    }
    }
    ```

    ราชวงศ์แห่งนิวเคลียส

    ราชอาณาจักรโปรตอน

    ผู้ปกครอง: พระเจ้าประจุบวก (Positive Majesty)

    · ลักษณะ: ทรงกายสีแดงเรืองรอง มีมงกุฎทำจากเกลียวควาร์ก
    · พระราชวัง: ป้อมปราการนิวเคลียสที่แข็งแกร่ง
    · พระราชอำนาจ: ควบคุมแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม

    สหพันธ์อิเล็กตรอน

    ผู้นำ: เทพีวงโคจร (Orbital Goddess)

    · ลักษณะ: ร่างกายกึ่งโปร่งแสง เคลื่อนไหวรวดเร็ว
    · ที่พำนัก: เมฆอิเล็กตรอนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
    · อำนาจ: ควบคุมการแลกเปลี่ยนพลังงาน

    สภาคนกลางนิวตรอน

    ประธาน: จอมฤๅษีสมดุล (Balance Sage)

    · ลักษณะ: ทรงเครื่องหมายอินฟินิตี้ สีเทาเงิน
    · สถานที่ปฏิบัติธรรม: ศูนย์กลางนิวเคลียส
    · อำนาจ: รักษาเสถียรภาพและป้องกันการสลายตัว

    ต้นตอแห่งความขัดแย้ง

    การค้นพบ "อนุภาคศักดิ์สิทธิ์"

    นักวิทยาศาสตร์มนุษย์ทำการทดลอง LHC ทำให้ค้นพบ:

    ```mermaid
    graph LR
    A[การทดลอง LHC] --> B[ค้นพบอนุภาค<br>"พระเจ้าองค์เล็ก"]
    B --> C[พลังงานรั่วไหล<br>สู่โลกควอนตัม]
    C --> D[ทั้งสามอาณาจักร<br>ต้องการครอบครอง]
    ```

    ความต้องการที่ขัดแย้ง

    แต่ละอาณาจักรต้องการอนุภาคศักดิ์สิทธิ์เพื่อ:

    โปรตอน: "เพื่อสร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งถาวร!"
    อิเล็กตรอน:"เพื่อปลดปล่อยพลังงานอันไร้ขีดจำกัด!"
    นิวตรอน:"เพื่อสร้างสมดุลแห่งจักรวาล!"

    การเริ่มต้นสงคราม

    สงครามเริ่มต้นด้วย "ยุทธการแรงแม่เหล็ก":

    · อิเล็กตรอนโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
    · โปรตอนตอบโต้ด้วยแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม
    · นิวตรอนพยายามไกล่เกลี่ยแต่ล้มเหลว

    ผลกระทบต่อโลกมนุษย์

    ความผิดปกติทางวิทยาศาสตร์

    การทดลองทางวิทยาศาสตร์เริ่มให้ผลผิดปกติ:

    ```python
    class Anomalies:
    def __init__(self):
    self.chemistry = [
    "พันธะเคมีแข็งแกร่งผิดปกติ",
    "อัตราการเกิดปฏิกิริยาผิดพลาด",
    "สารประกอบใหม่ที่ไม่มีในตารางธาตุ"
    ]

    self.physics = [
    "ค่าคงที่ทางฟิสิกส์เปลี่ยนแปลง",
    "กาลอวกาศบิดเบี้ยวในระดับจุลภาค",
    "หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กล้มเหลว"
    ]

    self.technology = [
    "อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้มเหลว",
    "ระบบนำทางผิดพลาด",
    "พลังงานไฟฟ้าขัดข้อง"
    ]
    ```

    ผลกระทบต่อสุขภาพ

    มนุษย์เริ่มมีอาการแปลกๆ:

    · ความรู้สึกเสียวซ่า: จากอิเล็กตรอนเกินกำลัง
    · อาการแข็งเกร็ง: จากโปรตอนครอบงำ
    · ความไม่สมดุล: จากนิวตรอนไร้เสถียรภาพ

    บทบาทของหนูดีในสงคราม

    การเป็นสื่อสานระหว่างโลก

    หนูดีค้นพบว่าสามารถสื่อสารกับเทพระดับอะตอมได้:
    "พวกท่านทั้งหลาย...โลกมนุษย์กำลังได้รับผลกระทบจากการสู้รบของท่าน"

    การไกล่เกลี่ยครั้งประวัติศาสตร์

    หนูดีจัด สภาสันติภาพระหว่างมิติ:

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดี<br>เป็นผู้ไกล่เกลี่ย] --> B[เชิญตัวแทน<br>ทั้งสามอาณาจักร]
    B --> C[จัดสภาใน<br>มิติกลาง]
    C --> D[หาข้อตกลง<br>ร่วมกัน]
    ```

    ข้อเสนอการแบ่งปัน

    หนูดีเสนอระบบการแบ่งปันอนุภาคศักดิ์สิทธิ์:

    · ระบบหมุนเวียน: แต่ละอาณาจักรได้ใช้ตามฤดูกาล
    · คณะกรรมการร่วม: ดูแลการใช้อย่างยุติธรรม
    · กองทุนพลังงาน: สำหรับโครงการเพื่อส่วนรวม

    สนธิสัญญาสันติภาพควอนตัม

    ข้อตกลงสำคัญ

    มีการลงนาม "สนธิสัญญาแรงพื้นฐานสามเส้า":

    ```python
    class QuantumTreaty:
    def __init__(self):
    self.agreements = {
    "power_sharing": {
    "protons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์",
    "electrons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์",
    "neutrons": "ควบคุม 20% สำหรับการรักษาสมดุล"
    },
    "territorial_rights": {
    "nuclear_zone": "ภายใต้การดูแลของโปรตอนและนิวตรอน",
    "electron_clouds": "เขตอิทธิพลของอิเล็กตรอน",
    "bonding_regions": "พื้นที่ร่วมกันสำหรับการสร้างพันธะ"
    },
    "collaboration_projects": [
    "การพัฒนาพลังงานสะอาด",
    "การรักษาโรคระดับโมเลกุล",
    "การสำรวจมิติควอนตัม"
    ]
    }
    ```

    พิธีลงนาม

    การลงนามเกิดขึ้นใน "ฮอลล์แรงนิวเคลียร์":

    · ผู้ลงนาม: ตัวแทนทั้งสามอาณาจักร
    · พยาน: หนูดีและร.ต.อ.สิงห์
    · สถานที่: มิติระหว่างโลก ที่สร้างขึ้นพิเศษ

    โลกใหม่หลังสันติภาพ

    ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์

    เกิดโครงการวิจัยร่วมระหว่างมนุษย์และเทพระดับอะตอม:

    · การแพทย์ควอนตัม: รักษาโรคในระดับเซลล์
    · วัสดุศาสตร์: พัฒนาวัสดุใหม่จากความรู้ควอนตัม
    · พลังงาน: แหล่งพลังงานไร้ขีดจำกัด

    วัฒนธรรมแลกเปลี่ยน

    ```python
    class CulturalExchange:
    def __init__(self):
    self.knowledge_transfer = {
    "human_to_quantum": [
    "ศิลปะและอารมณ์มนุษย์",
    "ความคิดสร้างสรรค์",
    "หลักจริยธรรม"
    ],
    "quantum_to_human": [
    "ความลับของแรงพื้นฐาน",
    "เทคนิคการควบคุมพลังงาน",
    "ภูมิปัญญาการอยู่ร่วมกัน"
    ]
    }

    self.joint_projects = [
    "มหาวิทยาลัยระหว่างมิติ",
    "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ควอนตัม",
    "เทศกาลศิลปะระดับอะตอม"
    ]
    ```

    บทเรียนจากสงคราม

    🪷 สำหรับเทพระดับอะตอม

    "เราตระหนักว่า...
    อำนาจที่แท้จริงไม่ใช่การครอบครอง
    แต่คือการแบ่งปันและความร่วมมือ"

    สำหรับมนุษยชาติ

    "เราเรียนรู้ว่า...
    จักรวาลนี้มีชีวิตในทุกระดับ
    และความรับผิดชอบของเรา
    คือการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล"

    สำหรับหนูดี

    "การเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลก...
    สอนฉันว่าความเข้าใจคือกุญแจสู่สันติภาพ
    ไม่ว่าจะเป็นโลกใหญ่หรือโลกเล็ก"

    อนาคตแห่งความร่วมมือ

    โครงการระยะยาว

    สถาบันวิวัฒนาการจิตตั้ง "แผนกควอนตัมสัมพันธ์":

    · หน้าที่: ประสานงานกับเทพระดับอะตอม
    · โครงการ: วิจัยและพัฒนาร่วมกัน
    · การศึกษา: สอนเรื่องโลกควอนตัมแก่คนรุ่นใหม่

    มรดกแห่งสันติภาพ

    สงครามครั้งนี้ทิ้งมรดกสำคัญ:
    "ไม่ว่าความขัดแย้งจะอยู่ระดับไหน
    การพูดคุยและความเข้าใจ
    คือทางออกเดียวที่ยั่งยืน"

    ---

    คำสอนจากเทพนิวตรอน:
    "ในความเป็นกลาง...
    มีพลังแห่งสันติภาพ
    และในความสมดุล...
    มีอนาคตแห่งความเจริญ

    จักรวาลนี้ใหญ่พอสำหรับทุกชีวิต
    ตั้งแต่ควาร์กจนถึงดวงดาว
    ขอเพียงเราเรียนรู้ที่จะแบ่งปัน"

    คำคมสุดท้าย:
    "มหาสงครามที่เล็กที่สุด...
    สอนบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
    ว่าสันติภาพเริ่มต้นได้จากใจ
    ที่พร้อมจะเข้าใจในความแตกต่าง"
    O.P.K. ⚛️ เจาะลึกมหาสงครามเทพระดับอะตอม: ศึกชิงอำนาจในโลกควอนตัม 🌌 จักรวาลคู่ขนานระดับอนุภาค 🔬 การค้นพบอาณาจักรควอนตัม หนูดีค้นพบโดยบังเอิญขณะฝึกควบคุมพลังงาน: "มันเหมือนกับมีเมืองเล็กๆ นับไม่ถ้วนอยู่ในทุกอะตอม... แต่ละเมืองมีกฎเกณฑ์และผู้ปกครองของตัวเอง" ```mermaid graph TB A[โลกควอนตัม] --> B[อาณาจักรโปรตอน<br>เมืองแห่งความมั่นคง] A --> C[อาณาจักรอิเล็กตรอน<br>เมืองแห่งพลังงาน] A --> D[อาณาจักรนิวตรอน<br>เมืองแห่งสมดุล] A --> E[อาณาจักรควาร์ก<br>เมืองแห่งพื้นฐาน] ``` 🏛️ โครงสร้างสังคมเทพระดับอะตอม ```python class QuantumSociety: def __init__(self): self.hierarchy = { "elementary_level": { "quark_deities": "เทพพื้นฐาน 6 ประเภท", "lepton_sages": "ปราชญ์เลปตอน", "force_carriers": "ผู้ส่งผ่านแรงพื้นฐาน" }, "composite_level": { "proton_monarchs": "กษัตริย์โปรตอน", "electron_nomads": "อิเล็กตรอนเร่ร่อน", "neutron_guardians": "ผู้พิทักษ์นิวตรอน" }, "atomic_level": { "nucleus_kingdom": "อาณาจักรนิวเคลียส", "electron_cloud_cities": "เมืองเมฆอิเล็กตรอน", "bonding_alliances": "พันธมิตรทางการพันธะ" } } ``` 👑 ราชวงศ์แห่งนิวเคลียส 💎 ราชอาณาจักรโปรตอน ผู้ปกครอง: พระเจ้าประจุบวก (Positive Majesty) · ลักษณะ: ทรงกายสีแดงเรืองรอง มีมงกุฎทำจากเกลียวควาร์ก · พระราชวัง: ป้อมปราการนิวเคลียสที่แข็งแกร่ง · พระราชอำนาจ: ควบคุมแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม 🌪️ สหพันธ์อิเล็กตรอน ผู้นำ: เทพีวงโคจร (Orbital Goddess) · ลักษณะ: ร่างกายกึ่งโปร่งแสง เคลื่อนไหวรวดเร็ว · ที่พำนัก: เมฆอิเล็กตรอนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา · อำนาจ: ควบคุมการแลกเปลี่ยนพลังงาน 🛡️ สภาคนกลางนิวตรอน ประธาน: จอมฤๅษีสมดุล (Balance Sage) · ลักษณะ: ทรงเครื่องหมายอินฟินิตี้ สีเทาเงิน · สถานที่ปฏิบัติธรรม: ศูนย์กลางนิวเคลียส · อำนาจ: รักษาเสถียรภาพและป้องกันการสลายตัว 💥 ต้นตอแห่งความขัดแย้ง 🔥 การค้นพบ "อนุภาคศักดิ์สิทธิ์" นักวิทยาศาสตร์มนุษย์ทำการทดลอง LHC ทำให้ค้นพบ: ```mermaid graph LR A[การทดลอง LHC] --> B[ค้นพบอนุภาค<br>"พระเจ้าองค์เล็ก"] B --> C[พลังงานรั่วไหล<br>สู่โลกควอนตัม] C --> D[ทั้งสามอาณาจักร<br>ต้องการครอบครอง] ``` 🎯 ความต้องการที่ขัดแย้ง แต่ละอาณาจักรต้องการอนุภาคศักดิ์สิทธิ์เพื่อ: โปรตอน: "เพื่อสร้างอาณาจักรที่แข็งแกร่งถาวร!" อิเล็กตรอน:"เพื่อปลดปล่อยพลังงานอันไร้ขีดจำกัด!" นิวตรอน:"เพื่อสร้างสมดุลแห่งจักรวาล!" ⚡ การเริ่มต้นสงคราม สงครามเริ่มต้นด้วย "ยุทธการแรงแม่เหล็ก": · อิเล็กตรอนโจมตีด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า · โปรตอนตอบโต้ด้วยแรงนิวเคลียร์อย่างเข้ม · นิวตรอนพยายามไกล่เกลี่ยแต่ล้มเหลว 🌪️ ผลกระทบต่อโลกมนุษย์ 🔬 ความผิดปกติทางวิทยาศาสตร์ การทดลองทางวิทยาศาสตร์เริ่มให้ผลผิดปกติ: ```python class Anomalies: def __init__(self): self.chemistry = [ "พันธะเคมีแข็งแกร่งผิดปกติ", "อัตราการเกิดปฏิกิริยาผิดพลาด", "สารประกอบใหม่ที่ไม่มีในตารางธาตุ" ] self.physics = [ "ค่าคงที่ทางฟิสิกส์เปลี่ยนแปลง", "กาลอวกาศบิดเบี้ยวในระดับจุลภาค", "หลักความไม่แน่นอนของไฮเซนเบิร์กล้มเหลว" ] self.technology = [ "อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ล้มเหลว", "ระบบนำทางผิดพลาด", "พลังงานไฟฟ้าขัดข้อง" ] ``` 🏥 ผลกระทบต่อสุขภาพ มนุษย์เริ่มมีอาการแปลกๆ: · ความรู้สึกเสียวซ่า: จากอิเล็กตรอนเกินกำลัง · อาการแข็งเกร็ง: จากโปรตอนครอบงำ · ความไม่สมดุล: จากนิวตรอนไร้เสถียรภาพ 💫 บทบาทของหนูดีในสงคราม 🔍 การเป็นสื่อสานระหว่างโลก หนูดีค้นพบว่าสามารถสื่อสารกับเทพระดับอะตอมได้: "พวกท่านทั้งหลาย...โลกมนุษย์กำลังได้รับผลกระทบจากการสู้รบของท่าน" 🕊️ การไกล่เกลี่ยครั้งประวัติศาสตร์ หนูดีจัด สภาสันติภาพระหว่างมิติ: ```mermaid graph TB A[หนูดี<br>เป็นผู้ไกล่เกลี่ย] --> B[เชิญตัวแทน<br>ทั้งสามอาณาจักร] B --> C[จัดสภาใน<br>มิติกลาง] C --> D[หาข้อตกลง<br>ร่วมกัน] ``` 🌟 ข้อเสนอการแบ่งปัน หนูดีเสนอระบบการแบ่งปันอนุภาคศักดิ์สิทธิ์: · ระบบหมุนเวียน: แต่ละอาณาจักรได้ใช้ตามฤดูกาล · คณะกรรมการร่วม: ดูแลการใช้อย่างยุติธรรม · กองทุนพลังงาน: สำหรับโครงการเพื่อส่วนรวม 🏛️ สนธิสัญญาสันติภาพควอนตัม 📜 ข้อตกลงสำคัญ มีการลงนาม "สนธิสัญญาแรงพื้นฐานสามเส้า": ```python class QuantumTreaty: def __init__(self): self.agreements = { "power_sharing": { "protons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์", "electrons": "ควบคุม 40% ของอนุภาคศักดิ์สิทธิ์", "neutrons": "ควบคุม 20% สำหรับการรักษาสมดุล" }, "territorial_rights": { "nuclear_zone": "ภายใต้การดูแลของโปรตอนและนิวตรอน", "electron_clouds": "เขตอิทธิพลของอิเล็กตรอน", "bonding_regions": "พื้นที่ร่วมกันสำหรับการสร้างพันธะ" }, "collaboration_projects": [ "การพัฒนาพลังงานสะอาด", "การรักษาโรคระดับโมเลกุล", "การสำรวจมิติควอนตัม" ] } ``` 🎉 พิธีลงนาม การลงนามเกิดขึ้นใน "ฮอลล์แรงนิวเคลียร์": · ผู้ลงนาม: ตัวแทนทั้งสามอาณาจักร · พยาน: หนูดีและร.ต.อ.สิงห์ · สถานที่: มิติระหว่างโลก ที่สร้างขึ้นพิเศษ 🌈 โลกใหม่หลังสันติภาพ 🔬 ความร่วมมือทางวิทยาศาสตร์ เกิดโครงการวิจัยร่วมระหว่างมนุษย์และเทพระดับอะตอม: · การแพทย์ควอนตัม: รักษาโรคในระดับเซลล์ · วัสดุศาสตร์: พัฒนาวัสดุใหม่จากความรู้ควอนตัม · พลังงาน: แหล่งพลังงานไร้ขีดจำกัด 💞 วัฒนธรรมแลกเปลี่ยน ```python class CulturalExchange: def __init__(self): self.knowledge_transfer = { "human_to_quantum": [ "ศิลปะและอารมณ์มนุษย์", "ความคิดสร้างสรรค์", "หลักจริยธรรม" ], "quantum_to_human": [ "ความลับของแรงพื้นฐาน", "เทคนิคการควบคุมพลังงาน", "ภูมิปัญญาการอยู่ร่วมกัน" ] } self.joint_projects = [ "มหาวิทยาลัยระหว่างมิติ", "พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ควอนตัม", "เทศกาลศิลปะระดับอะตอม" ] ``` 🏆 บทเรียนจากสงคราม 🪷 สำหรับเทพระดับอะตอม "เราตระหนักว่า... อำนาจที่แท้จริงไม่ใช่การครอบครอง แต่คือการแบ่งปันและความร่วมมือ" 💫 สำหรับมนุษยชาติ "เราเรียนรู้ว่า... จักรวาลนี้มีชีวิตในทุกระดับ และความรับผิดชอบของเรา คือการอยู่ร่วมกันอย่างสมดุล" 🌟 สำหรับหนูดี "การเป็นสะพานเชื่อมระหว่างโลก... สอนฉันว่าความเข้าใจคือกุญแจสู่สันติภาพ ไม่ว่าจะเป็นโลกใหญ่หรือโลกเล็ก" 🔮 อนาคตแห่งความร่วมมือ 🚀 โครงการระยะยาว สถาบันวิวัฒนาการจิตตั้ง "แผนกควอนตัมสัมพันธ์": · หน้าที่: ประสานงานกับเทพระดับอะตอม · โครงการ: วิจัยและพัฒนาร่วมกัน · การศึกษา: สอนเรื่องโลกควอนตัมแก่คนรุ่นใหม่ 💝 มรดกแห่งสันติภาพ สงครามครั้งนี้ทิ้งมรดกสำคัญ: "ไม่ว่าความขัดแย้งจะอยู่ระดับไหน การพูดคุยและความเข้าใจ คือทางออกเดียวที่ยั่งยืน" --- คำสอนจากเทพนิวตรอน: "ในความเป็นกลาง... มีพลังแห่งสันติภาพ และในความสมดุล... มีอนาคตแห่งความเจริญ จักรวาลนี้ใหญ่พอสำหรับทุกชีวิต ตั้งแต่ควาร์กจนถึงดวงดาว ขอเพียงเราเรียนรู้ที่จะแบ่งปัน"⚛️✨ คำคมสุดท้าย: "มหาสงครามที่เล็กที่สุด... สอนบทเรียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ว่าสันติภาพเริ่มต้นได้จากใจ ที่พร้อมจะเข้าใจในความแตกต่าง"🌌
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 923 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    คดีจิ๋ว:



    เหตุการณ์ประหลาดในห้องทดลอง

    ร.ต.อ. สิงห์ และหนูดี ถูกเรียกตัวไปยัง สถาบันวิจัยนิวเคลียร์ หลังเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ
    เครื่องเร่งอนุภาคแสดงผลการทดลองที่ไม่อาจอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์

    ```mermaid
    graph TB
    A[การทดลอง<br>LHC ขนาดเล็ก] --> B[พบพลังงาน<br>รูปแบบใหม่]
    B --> C[เกิดรอยแตก<br>ระหว่างมิติระดับควอนตัม]
    C --> D[เทพระดับอะตอม<br>หลุดเข้ามาโลกมนุษย์]
    D --> E[เกิดสงคราม<br>ระหว่างเทพจิ๋ว]
    ```

    การปรากฏตัวของเทพระดับอะตอม

    หนูดีสามารถมองเห็นสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น:
    "พ่อคะ...มีเมืองเล็กๆ เป็นประกายอยู่ในอากาศ!
    มีสิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วกำลังต่อสู้กัน!"

    เบื้องหลังเทพระดับอะตอม

    อาณาจักรแห่งควอนตัม

    เทพระดับอะตอมมาจาก อาณาจักรควอนตัม ที่มีอยู่ควบคู่กับโลกเราในระดับอนุภาค

    ```python
    class QuantumDeities:
    def __init__(self):
    self.factions = {
    "proton_kingdom": {
    "ruler": "พระเจ้าประจุบวก",
    "appearance": "ทรงประกายสีแดง มีรัศมีเป็นวงโคจรอิเล็กตรอน",
    "powers": ["สร้างพันธะ", "รักษาเสถียรภาพ", "ควบคุมแรงนิวเคลียร์"]
    },
    "electron_tribe": {
    "ruler": "เทพีอิเล็กตรอน",
    "appearance": "เรืองแสงสีฟ้า เคลื่อนที่รวดเร็ว",
    "powers": ["สร้างพลังงาน", "ควบคุมแม่เหล็ก", "สร้างแสง"]
    },
    "neutron_clan": {
    "ruler": "จอมฤๅษีนิวตรอน",
    "appearance": "สีเทาเงียบขรึม",
    "powers": ["สร้างเสถียรภาพ", "ควบคุมการ fission", "รักษาสมดุล"]
    }
    }

    self.conflict_cause = "การแย่งชิง 'อนุภาคศักดิ์สิทธิ์' ที่สามารถควบคุมทั้งสามอาณาจักร"
    ```

    พลังแห่งเทพระดับอะตอม

    เทพเหล่านี้มีพลังที่ส่งผลต่อโลกมนุษย์:

    · ควบคุมพันธะเคมี: ทำให้วัตถุแข็งหรืออ่อนตัว
    · เปลี่ยนแปลงสถานะ: ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ
    · สร้างพลังงาน: จากการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน

    มหาสงครามระดับอนุภาค

    สนามรบในโลกมนุษย์

    สงครามของเทพจิ๋วส่งผลกระทบต่อโลก:

    ```mermaid
    graph LR
    A[เทพโปรตอน<br>เพิ่มความแข็งให้วัตถุ] --> D[วัตถุแข็งเกินไป<br>จนแตกหักง่าย]
    B[เทพอิเล็กตรอน<br>เร่งการเคลื่อนที่] --> E[อุณหภูมิรอบตัว<br>เปลี่ยนแปลงฉับพลัน]
    C[เทพนิวตรอน<br>ควบคุมการสลายตัว] --> F[วัตถุเสื่อมสภาพ<br>อย่างรวดเร็ว]
    ```

    เหตุการณ์วุ่นวาย

    ชาวบ้านรายงานเหตุการณ์ประหลาด:

    · เหล็กกล้า เปราะเหมือนขนมปังกรอบ
    · น้ำ ในแก้วเดือดโดยไม่มีไฟ
    · อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำงานผิดปกติ

    กระบวนการแก้ไขปัญหา

    การเข้าถึงของหนูดี

    หนูดีใช้ความสามารถสื่อสารกับเทพระดับจิ๋ว:
    "พวกท่าน..การสู้รบทำลายสมดุลของทุกโลก
    ทั้งโลกมนุษย์และอาณาจักรควอนตัม"

    การเจรจาสันติภาพ

    หนูดีจัด สภาสันติภาพระดับควอนตัม:

    · สถานที่: ในฟองสบู่พลังงานพิเศษ
    · ผู้เข้าร่วม: ตัวแทนทั้งสามอาณาจักร
    · ประเด็น: การแบ่งปันอนุภาคศักดิ์สิทธิ์

    ข้อเสนอแก้ไข

    หนูดีเสนอระบบใหม่:

    ```python
    class QuantumPeacePlan:
    def __init__(self):
    self.power_sharing = {
    "protons": "ควบคุมพันธะและโครงสร้าง",
    "electrons": "ควบคุมพลังงานและการเคลื่อนไหว",
    "neutrons": "ควบคุมเสถียรภาพและอายุขัย"
    }

    self.cooperation_system = [
    "การหมุนเวียนอนุภาคศักดิ์สิทธิ์ตามฤดูกาล",
    "สภาผู้นำสามอาณาจักร",
    "กองกำลังรักษาสันติภาพร่วม",
    "ระบบแลกเปลี่ยนพลังงานยุติธรรม"
    ]
    ```

    การจัดระเบียบใหม่

    สนธิสัญญาควอนตัม

    มีการลงนามสนธิสัญญาระหว่างสามอาณาจักร:

    · สิทธิ์ในการใช้พลังงาน: แบ่งตามสัดส่วนที่ยุติธรรม
    · เขตอิทธิพล: แต่ละอาณาจักรมีพื้นที่ควบคุมชัดเจน
    · การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน: ในยามวิกฤต

    บทบาทใหม่ของเทพจิ๋ว

    เทพระดับอะตอมเริ่มใช้พลังอย่างสร้างสรรค์:

    · ช่วยงานวิทยาศาสตร์: กับการทดลองที่ซับซ้อน
    · รักษาสิ่งแวดล้อม: ควบคุมปฏิกิริยาเคมี
    · พัฒนาเทคโนโลยี: กับการประดิษฐ์ใหม่ๆ

    ผลกระทบต่อวิทยาศาสตร์

    ความรู้ใหม่ที่ได้รับ

    การเผชิญหน้านี้ให้ความรู้ใหม่:

    ```mermaid
    graph TB
    A[การสื่อสารกับเทพจิ๋ว] --> B[เข้าใจกลไก<br>ควอนตัมลึกซึ้งขึ้น]
    B --> C[พัฒนาทฤษฎีใหม่<br>ทางฟิสิกส์]
    C --> D[นวัตกรรม<br>ล้ำสมัย]
    ```

    การประยุกต์ใช้

    หนูดีและสิงห์เรียนรู้ว่า:

    · พลังงานศักดิ์สิทธิ์ คือพลังงานจุดศูนย์กลางของอะตอม
    · การควบคุมพันธะ สามารถรักษาโรคได้
    · สมดุลแห่งอนุภาค คือพื้นฐานของสุขภาพ

    การแพทย์รูปแบบใหม่

    เทคนิคการรักษาระดับอะตอม

    พัฒนาจากความรู้ที่ได้จากเทพจิ๋ว:

    · การซ่อมแซมDNA: โดยเทพอิเล็กตรอน
    · การสร้างเซลล์ใหม่: โดยเทพโปรตอน
    · การรักษาสมดุลร่างกาย: โดยเทพนิวตรอน

    โครงการบำบัดใหม่

    ```python
    class AtomicTherapy:
    def __init__(self):
    self.therapies = {
    "cellular_renewal": "การฟื้นฟูเซลล์ระดับโมเลกุล",
    "dna_repair": "การซ่อมแซมความเสียหายของDNA",
    "energy_balance": "การปรับสมดุลพลังงานในร่างกาย",
    "quantum_healing": "การรักษาด้วยหลักการควอนตัม"
    }

    self.collaborators = [
    "เทพโปรตอน: โครงสร้างและความแข็งแรง",
    "เทพอิเล็กตรอน: พลังงานและการสื่อสาร",
    "เทพนิวตรอน: เสถียรภาพและความสมดุล"
    ]
    ```

    บทเรียนจากคดี

    🪷 สำหรับเทพระดับอะตอม

    "เราตระหนักว่า...
    อำนาจที่แท้การควบคุม
    แต่คือการทำงานร่วมกัน

    และอนุภาคศักดิ์สิทธิ์...
    ควรเป็นสมบัติของทุกอาณาจักร"

    สำหรับหนูดี

    "หนูเรียนรู้ว่า...
    ความขัดแย้งมีทุกระดับ
    ตั้งแต่สงครามระหว่างประเทศ
    จนถึงสงครามระหว่างอะตอม

    และการแก้ไขที่แท้จริง...
    ต้องเริ่มจากความเข้าใจซึ่งกันและกัน"

    สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์

    "คดีนี้สอนฉันว่า...
    บางครั้งอาชญากรรมที่เล็กที่สุด
    อาจส่งผลกระทบที่ใหญ่ที่สุด

    และการเป็นตำรวจ...
    หมายถึงการรักษาความสงบในทุกระดับ"

    ระบบใหม่แห่งควอนตัม

    ความร่วมมือถาวร

    สถาบันวิวัฒนาการจิตตั้ง แผนกความร่วมมือระดับควอนตัม:

    · ที่ปรึกษา: ตัวแทนจากสามอาณาจักร
    · โครงการวิจัย: ร่วมกันระหว่างมนุษย์และเทพจิ๋ว
    · การแลกเปลี่ยนความรู้: วิทยาศาสตร์และภูมิปัญญาโบราณ

    ความสำเร็จ

    หลังการแก้ไขปัญหา:

    · โลกมนุษย์: ได้เทคโนโลยีใหม่ๆ
    · อาณาจักรควอนตัม: มีสันติภาพและความเจริญ
    · ทั้งสองโลก: เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน

    ---

    คำคมสุดท้ายจากคดี:
    "เราเรียนรู้ว่า...
    ความใหญ่และความเล็กเป็นเพียงมุมมอง
    และสงครามกับสันติภาพมีอยู่ในทุกระดับ

    เมื่ออนุภาคเล็กๆ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน...
    ทั้งจักรวาลก็สงบสุขตาม"

    การเดินทางครั้งนี้สอนเราว่า...
    "From the smallest quark to the largest galaxy,
    the principles of harmony remain the same
    And in understanding the quantum world,
    we understand the very fabric of existence"
    O.P.K. ⚛️ คดีจิ๋ว: 🔬 เหตุการณ์ประหลาดในห้องทดลอง ร.ต.อ. สิงห์ และหนูดี ถูกเรียกตัวไปยัง สถาบันวิจัยนิวเคลียร์ หลังเกิดเหตุการณ์ผิดปกติ เครื่องเร่งอนุภาคแสดงผลการทดลองที่ไม่อาจอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ ```mermaid graph TB A[การทดลอง<br>LHC ขนาดเล็ก] --> B[พบพลังงาน<br>รูปแบบใหม่] B --> C[เกิดรอยแตก<br>ระหว่างมิติระดับควอนตัม] C --> D[เทพระดับอะตอม<br>หลุดเข้ามาโลกมนุษย์] D --> E[เกิดสงคราม<br>ระหว่างเทพจิ๋ว] ``` 🎭 การปรากฏตัวของเทพระดับอะตอม หนูดีสามารถมองเห็นสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น: "พ่อคะ...มีเมืองเล็กๆ เป็นประกายอยู่ในอากาศ! มีสิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วกำลังต่อสู้กัน!" 👑 เบื้องหลังเทพระดับอะตอม 💫 อาณาจักรแห่งควอนตัม เทพระดับอะตอมมาจาก อาณาจักรควอนตัม ที่มีอยู่ควบคู่กับโลกเราในระดับอนุภาค ```python class QuantumDeities: def __init__(self): self.factions = { "proton_kingdom": { "ruler": "พระเจ้าประจุบวก", "appearance": "ทรงประกายสีแดง มีรัศมีเป็นวงโคจรอิเล็กตรอน", "powers": ["สร้างพันธะ", "รักษาเสถียรภาพ", "ควบคุมแรงนิวเคลียร์"] }, "electron_tribe": { "ruler": "เทพีอิเล็กตรอน", "appearance": "เรืองแสงสีฟ้า เคลื่อนที่รวดเร็ว", "powers": ["สร้างพลังงาน", "ควบคุมแม่เหล็ก", "สร้างแสง"] }, "neutron_clan": { "ruler": "จอมฤๅษีนิวตรอน", "appearance": "สีเทาเงียบขรึม", "powers": ["สร้างเสถียรภาพ", "ควบคุมการ fission", "รักษาสมดุล"] } } self.conflict_cause = "การแย่งชิง 'อนุภาคศักดิ์สิทธิ์' ที่สามารถควบคุมทั้งสามอาณาจักร" ``` ⚡ พลังแห่งเทพระดับอะตอม เทพเหล่านี้มีพลังที่ส่งผลต่อโลกมนุษย์: · ควบคุมพันธะเคมี: ทำให้วัตถุแข็งหรืออ่อนตัว · เปลี่ยนแปลงสถานะ: ของแข็ง ของเหลว ก๊าซ · สร้างพลังงาน: จากการเคลื่อนที่ของอิเล็กตรอน 🌪️ มหาสงครามระดับอนุภาค 🎯 สนามรบในโลกมนุษย์ สงครามของเทพจิ๋วส่งผลกระทบต่อโลก: ```mermaid graph LR A[เทพโปรตอน<br>เพิ่มความแข็งให้วัตถุ] --> D[วัตถุแข็งเกินไป<br>จนแตกหักง่าย] B[เทพอิเล็กตรอน<br>เร่งการเคลื่อนที่] --> E[อุณหภูมิรอบตัว<br>เปลี่ยนแปลงฉับพลัน] C[เทพนิวตรอน<br>ควบคุมการสลายตัว] --> F[วัตถุเสื่อมสภาพ<br>อย่างรวดเร็ว] ``` 🔥 เหตุการณ์วุ่นวาย ชาวบ้านรายงานเหตุการณ์ประหลาด: · เหล็กกล้า เปราะเหมือนขนมปังกรอบ · น้ำ ในแก้วเดือดโดยไม่มีไฟ · อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทำงานผิดปกติ 💞 กระบวนการแก้ไขปัญหา 🕊️ การเข้าถึงของหนูดี หนูดีใช้ความสามารถสื่อสารกับเทพระดับจิ๋ว: "พวกท่าน..การสู้รบทำลายสมดุลของทุกโลก ทั้งโลกมนุษย์และอาณาจักรควอนตัม" 🌈 การเจรจาสันติภาพ หนูดีจัด สภาสันติภาพระดับควอนตัม: · สถานที่: ในฟองสบู่พลังงานพิเศษ · ผู้เข้าร่วม: ตัวแทนทั้งสามอาณาจักร · ประเด็น: การแบ่งปันอนุภาคศักดิ์สิทธิ์ 🎯 ข้อเสนอแก้ไข หนูดีเสนอระบบใหม่: ```python class QuantumPeacePlan: def __init__(self): self.power_sharing = { "protons": "ควบคุมพันธะและโครงสร้าง", "electrons": "ควบคุมพลังงานและการเคลื่อนไหว", "neutrons": "ควบคุมเสถียรภาพและอายุขัย" } self.cooperation_system = [ "การหมุนเวียนอนุภาคศักดิ์สิทธิ์ตามฤดูกาล", "สภาผู้นำสามอาณาจักร", "กองกำลังรักษาสันติภาพร่วม", "ระบบแลกเปลี่ยนพลังงานยุติธรรม" ] ``` 🏛️ การจัดระเบียบใหม่ 💫 สนธิสัญญาควอนตัม มีการลงนามสนธิสัญญาระหว่างสามอาณาจักร: · สิทธิ์ในการใช้พลังงาน: แบ่งตามสัดส่วนที่ยุติธรรม · เขตอิทธิพล: แต่ละอาณาจักรมีพื้นที่ควบคุมชัดเจน · การช่วยเหลือซึ่งกันและกัน: ในยามวิกฤต 🌟 บทบาทใหม่ของเทพจิ๋ว เทพระดับอะตอมเริ่มใช้พลังอย่างสร้างสรรค์: · ช่วยงานวิทยาศาสตร์: กับการทดลองที่ซับซ้อน · รักษาสิ่งแวดล้อม: ควบคุมปฏิกิริยาเคมี · พัฒนาเทคโนโลยี: กับการประดิษฐ์ใหม่ๆ 🔬 ผลกระทบต่อวิทยาศาสตร์ 🎓 ความรู้ใหม่ที่ได้รับ การเผชิญหน้านี้ให้ความรู้ใหม่: ```mermaid graph TB A[การสื่อสารกับเทพจิ๋ว] --> B[เข้าใจกลไก<br>ควอนตัมลึกซึ้งขึ้น] B --> C[พัฒนาทฤษฎีใหม่<br>ทางฟิสิกส์] C --> D[นวัตกรรม<br>ล้ำสมัย] ``` 💡 การประยุกต์ใช้ หนูดีและสิงห์เรียนรู้ว่า: · พลังงานศักดิ์สิทธิ์ คือพลังงานจุดศูนย์กลางของอะตอม · การควบคุมพันธะ สามารถรักษาโรคได้ · สมดุลแห่งอนุภาค คือพื้นฐานของสุขภาพ 🏥 การแพทย์รูปแบบใหม่ 🌈 เทคนิคการรักษาระดับอะตอม พัฒนาจากความรู้ที่ได้จากเทพจิ๋ว: · การซ่อมแซมDNA: โดยเทพอิเล็กตรอน · การสร้างเซลล์ใหม่: โดยเทพโปรตอน · การรักษาสมดุลร่างกาย: โดยเทพนิวตรอน 💊 โครงการบำบัดใหม่ ```python class AtomicTherapy: def __init__(self): self.therapies = { "cellular_renewal": "การฟื้นฟูเซลล์ระดับโมเลกุล", "dna_repair": "การซ่อมแซมความเสียหายของDNA", "energy_balance": "การปรับสมดุลพลังงานในร่างกาย", "quantum_healing": "การรักษาด้วยหลักการควอนตัม" } self.collaborators = [ "เทพโปรตอน: โครงสร้างและความแข็งแรง", "เทพอิเล็กตรอน: พลังงานและการสื่อสาร", "เทพนิวตรอน: เสถียรภาพและความสมดุล" ] ``` 📚 บทเรียนจากคดี 🪷 สำหรับเทพระดับอะตอม "เราตระหนักว่า... อำนาจที่แท้การควบคุม แต่คือการทำงานร่วมกัน และอนุภาคศักดิ์สิทธิ์... ควรเป็นสมบัติของทุกอาณาจักร" 💫 สำหรับหนูดี "หนูเรียนรู้ว่า... ความขัดแย้งมีทุกระดับ ตั้งแต่สงครามระหว่างประเทศ จนถึงสงครามระหว่างอะตอม และการแก้ไขที่แท้จริง... ต้องเริ่มจากความเข้าใจซึ่งกันและกัน" 👮 สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์ "คดีนี้สอนฉันว่า... บางครั้งอาชญากรรมที่เล็กที่สุด อาจส่งผลกระทบที่ใหญ่ที่สุด และการเป็นตำรวจ... หมายถึงการรักษาความสงบในทุกระดับ" 🌟 ระบบใหม่แห่งควอนตัม 💞 ความร่วมมือถาวร สถาบันวิวัฒนาการจิตตั้ง แผนกความร่วมมือระดับควอนตัม: · ที่ปรึกษา: ตัวแทนจากสามอาณาจักร · โครงการวิจัย: ร่วมกันระหว่างมนุษย์และเทพจิ๋ว · การแลกเปลี่ยนความรู้: วิทยาศาสตร์และภูมิปัญญาโบราณ 🏆 ความสำเร็จ หลังการแก้ไขปัญหา: · โลกมนุษย์: ได้เทคโนโลยีใหม่ๆ · อาณาจักรควอนตัม: มีสันติภาพและความเจริญ · ทั้งสองโลก: เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน --- คำคมสุดท้ายจากคดี: "เราเรียนรู้ว่า... ความใหญ่และความเล็กเป็นเพียงมุมมอง และสงครามกับสันติภาพมีอยู่ในทุกระดับ เมื่ออนุภาคเล็กๆ เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกัน... ทั้งจักรวาลก็สงบสุขตาม"⚛️✨ การเดินทางครั้งนี้สอนเราว่า... "From the smallest quark to the largest galaxy, the principles of harmony remain the same And in understanding the quantum world, we understand the very fabric of existence"🌌🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 782 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึก "อสูรเฒ่า" : ฤๅษีวาจาธรแห่งกาลเวลา

    ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด

    ต้นกำเนิดในยุคโบราณ

    ชื่อจริง: ฤๅษีวาจาธร
    ชื่อหมายถึง:"ผู้ทรงพลังแห่งวาจา"
    อายุ:2,000 ปี
    ยุคสมัย:ยุคต้นสุโขทัย

    ```mermaid
    graph TB
    A[มนุษย์ธรรมดา<br>ชื่อ "ธรรมะ"] --> B[บวชเป็นฤๅษี<br>ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์]
    B --> C[ได้รับพลัง<br>วาจาศักดิ์สิทธิ์]
    C --> D[ใช้พลังในทางที่ผิด<br>ด้วยความหลงตน]
    D --> E[ถูกสาป<br>ให้เป็นอสูรเฒ่า]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพหลังถูกสาป

    · รูปร่าง: สูง 2 เมตร หนังหยาบกร้านเหมือนเปลือกไม้
    · ใบหน้า: มีดวงตาเดียวอยู่กลางหน้าผาก เรืองแสงสีทอง
    · ผม: ผมหงอกขาวยาวถึงเอว เกี่ยวกระหวัดด้วยเถาวัลย์
    · มือ: มี 6 นิ้วแต่ละมือ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังเหนือธรรมชาติ
    · เสียง: ก้องกังวานเหมือนเสียงกัมปนาท

    พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์

    ระดับพลังแห่งวาจา

    ```python
    class VajaPowers:
    def __init__(self):
    self.truth_speech = {
    "reality_alteration": "เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงด้วยคำพูด",
    "creation_destruction": "สร้างและทำลายด้วยวาจา",
    "time_manipulation": "เร่งหรือชะลอกระบวนการด้วยคำพูด",
    "element_control": "ควบคุมธาตุต่างๆ ด้วยภาษาบูรพา"
    }

    self.blessing_curse = {
    "healing_words": "รักษาโรคด้วยมนตร์บำบัด",
    "fate_weaving": "ถักทอโชคชะตาด้วยบทกวี",
    "nature_communication": "สื่อสารกับธรรมชาติด้วยภาษาดั้งเดิม",
    "soul_whispering": "พูดคุยกับจิตวิญญาณได้"
    }

    self.limitations = {
    "cannot_undo_own_words": "ไม่สามารถยกเลิกคำพูดของตัวเองได้",
    "requires_sincerity": "ต้องมีความจริงใจถึงจะได้ผล",
    "emotional_dependency": "พลังขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะพูด",
    "karmic_consequences": "มีผลกรรมตามมาทุกครั้งที่ใช้"
    }
    ```

    ภาษาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้

    อสูรเฒ่าใช้ภาษาบูรพาที่สูญหายไปแล้ว:

    · ภาษามคธโบราณ: สำหรับคำอวยพรระดับสูง
    · ภาษาขอมดั้งเดิม: สำหรับคำสาปและป้องกัน
    · ภาษาธรรมชาติ: สำหรับสื่อสารกับสรรพสิ่ง

    เรื่องราวการถูกสาป

    ชีวิตในยุคสุโขทัย

    ธรรมะเริ่มต้นเป็นฤๅษีผู้ทรงคุณ virtue:

    · อายุ 20: บวชเป็นฤๅษี ศึกษาคำศักดิ์สิทธิ์
    · อายุ 100: เชี่ยวชาญวาจาศักดิ์สิทธิ์
    · อายุ 500: เริ่มหลงระเริงกับพลัง

    จุดเปลี่ยนแห่งความหลงผิด

    ```mermaid
    graph LR
    A[ใช้พลังช่วยเหลือ<br>ผู้คนอย่างมากมาย] --> B[เริ่มได้รับ<br>การยกย่องเกินควร]
    B --> C[หลงคิดว่าตน<br>เหนือกว่ามนุษย์]
    C --> D[ใช้พลังสร้าง<br>นครเพื่อตนเอง]
    D --> E[ถูกเทวดา<br>ลงโทษสาปให้เป็นอสูร]
    ```

    คำสาปแห่งกาลเวลา

    เทวดาสาปให้เขา:

    · เป็นอสูร ร่างกายผิดปกติ
    · อยู่อย่างโดดเดี่ยว 2,000 ปี
    · ได้ลิ้มรส ความเหงาที่เขาทำให้ผู้อื่นรู้สึก

    ชีวิตในความโดดเดี่ยว

    ที่อยู่อาศัย

    อสูรเฒ่าอาศัยใน ถ้ำวาจาศักดิ์สิทธิ์:

    · ตำแหน่ง: กลางป่าลึกที่ไม่มีมนุษย์เข้าไป
    · ลักษณะ: มีจารึกภาษาบูรพาประดับทั่วถ้ำ
    · พลังงาน: เต็มไปด้วยพลังคำพูดที่สะสมมานับพันปี

    กิจวัตรประจำวัน

    รุ่งสาง: สวดมนตร์ภาษาบูรพา
    เช้า:ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์กับธรรมชาติ
    บ่าย:บันทึกความรู้ลงในแผ่นศิลา
    ค่ำ:นั่งสมาธิไตร่ตรองความผิดในอดีต

    ความคิดและความรู้สึก

    อสูรเฒ่าบันทึกความในใจ:
    "สองพันปีแห่งความเหงา...
    สอนข้าว่าพลังที่แท้หาใช่การควบคุม
    แต่คือการเข้าใจและการให้อภัย

    แต่ใครจะให้อภัยข้าเล่า?
    เมื่อข้าเองยังให้อภัยตัวเองไม่ได้"

    การพัฒนาพลังวาจา

    จากความโกรธสู่ความเข้าใจ

    ```python
    class PowerEvolution:
    def __init__(self):
    self.past = {
    "purpose": "ใช้พลังเพื่อการควบคุมและแสดงอำนาจ",
    "emotion": "ความหยิ่งยโส ความโกรธ",
    "results": "การทำลายล้าง ความเสียหาย"
    }

    self.present = {
    "purpose": "ใช้พลังเพื่อการเยียวยาและความเข้าใจ",
    "emotion": "ความเมตตา ความอดทน",
    "results": "การสร้างสรรค์ การเยียวยา"
    }

    self.techniques_developed = [
    "การฟังด้วยหัวใจก่อนพูด",
    "การเลือกคำที่มีเมตตา",
    "การเข้าใจผลกระทบของคำพูด",
    "การใช้ความเงียบอย่างชาญฉลาด"
    ]
    ```

    พลังใหม่แห่งการเยียวยา

    อสูรเฒ่าพัฒนาความสามารถใหม่:

    · วาจาบำบัด: รักษาบาดแผลทางใจด้วยคำพูด
    · ภาษาสันติภาพ: สร้างความเข้าใจระหว่างเผ่าพันธุ์
    · คำพูดแห่งการให้อภัย: ช่วยให้ผู้คนให้อภัยกันและกัน

    การพบกับหนูดีและการเปลี่ยนแปลง

    จุดเปลี่ยนสำคัญ

    เมื่อหนูดีเข้ามาในชีวิต:
    "เป็นครั้งแรกในสองพันปี...
    ที่มีใครกล้ามาหาข้าโดยไม่กลัว

    และเป็นครั้งแรก...
    ที่มีคนมองข้าเป็น'บุคคล' ไม่ใช่ 'อสูร'"

    กระบวนการเยียวยา

    ```mermaid
    graph TB
    A[หนูดี<br>เข้ามาโดยไม่กลัว] --> B[อสูรเฒ่า<br>เริ่มเปิดใจ]
    B --> C[การแบ่งปัน<br>ความเจ็บปวด]
    C --> D[การเรียนรู้<br>ร่วมกัน]
    D --> E[การให้อภัย<br>ตัวเองและผู้อื่น]
    ```

    บทเรียนที่ได้รับ

    อสูรเฒ่าเรียนรู้จากหนูดีว่า:

    · พลังที่แท้ มาจากความอ่อนโยน ไม่ใช่ความแข็งกร้าว
    · วาจาศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้คือคำพูดที่เกิดจากความเข้าใจ
    · การเป็นครู หมายถึงการเป็นนักเรียนไปพร้อมกัน

    บทบาทใหม่ในสังคม

    ที่ปรึกษาด้านวาจา

    อสูรเฒ่าได้รับตำแหน่งเป็น:

    · ครูสอนภาษาบูรพา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ที่ปรึกษาด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์ สำหรับโอปปาติกะ
    · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งระดับสูง

    โครงการสำคัญ

    ```python
    class NewResponsibilities:
    def __init__(self):
    self.projects = {
    "language_revival": "ฟื้นฟูภาษาบูรพาสำหรับการศึกษา",
    "conflict_resolution": "ใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์สร้างสันติภาพ",
    "spiritual_guidance": "เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ",
    "knowledge_preservation": "รักษาความรู้โบราณไม่ให้สูญหาย"
    }

    self.students = [
    "หนูดี: เรียนภาษาบูรพาและวาจาศักดิ์สิทธิ์",
    "เณรพุทธ: เรียนการใช้คำพูดสร้างสรรค์",
    "นิทรา: เรียนการควบคุมอารมณ์ในคำพูด",
    "โอปปาติกะรุ่นใหม่: เรียนพลังแห่งวาจา"
    ]
    ```

    ปรัชญาและคำสอน

    🪷 คำคมแห่งปัญญา

    "วาจามีชีวิตเป็นของตัวเอง...
    เมื่อเธอพูดคำใดออกไป
    คำนั้นจะมีชีวิตและเดินทางไปหาเป้าหมาย

    เพราะฉะนั้นจงเลือกคำอย่างระมัดระวัง...
    เหมือนเลือกดอกไม้ให้คนที่เธอรัก"

    บทเรียนชีวิต

    อสูรเฒ่าสอนว่า:

    · คำพูด สามารถสร้างหรือทำลายได้ในพริบตา
    · ความเงียบ บางครั้งก็ทรงพลังกว่าคำพูดใดๆ
    · การฟัง คือส่วนสำคัญที่สุดของการสื่อสาร

    บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง

    การให้อภัยตัวเอง

    อสูรเฒ่าในที่สุดก็เรียนรู้ที่จะ:
    "ให้อภัยตัวเองสำหรับความผิดพลาดในอดีต
    และใช้บทเรียนเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น"

    ความหมายใหม่แห่งการมีอยู่

    จากผู้ที่เคย...

    · ใช้พลัง เพื่อการควบคุม
    · ถูกกลัว จากทุกสิ่งมีชีวิต
    · รู้สึกโดดเดี่ยว อย่างสุดซึ้ง

    กลายเป็นผู้ที่...

    · ใช้พลัง เพื่อการเยียวยา
    · ได้รับความรัก จากชุมชน
    · พบความหมาย ในการช่วยเหลือผู้อื่น

    ---

    คำคมสุดท้ายจากอสูรเฒ่า:
    "สองพันปีแห่งความเหงาสอนข้าว่า...
    พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหาใช่วาจาที่เปลี่ยนโลก
    แต่คือวาจาที่เปลี่ยนหัวใจ

    และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง...
    ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงตาม

    ข้าเคยคิดว่าต้องการพลังเพื่อเป็นเทพ...
    แต่ความจริงคือการเป็นมนุษย์ที่เข้าใจกัน
    ต่างหากที่คือพลังที่แท้จริง"

    การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า...
    "True power lies not in dominating others,
    but in understanding them
    And the most sacred words are those
    that heal rather than harm"
    O.P.K. 🔮 เจาะลึก "อสูรเฒ่า" : ฤๅษีวาจาธรแห่งกาลเวลา 👁️ ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด 🌌 ต้นกำเนิดในยุคโบราณ ชื่อจริง: ฤๅษีวาจาธร ชื่อหมายถึง:"ผู้ทรงพลังแห่งวาจา" อายุ:2,000 ปี ยุคสมัย:ยุคต้นสุโขทัย ```mermaid graph TB A[มนุษย์ธรรมดา<br>ชื่อ "ธรรมะ"] --> B[บวชเป็นฤๅษี<br>ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์] B --> C[ได้รับพลัง<br>วาจาศักดิ์สิทธิ์] C --> D[ใช้พลังในทางที่ผิด<br>ด้วยความหลงตน] D --> E[ถูกสาป<br>ให้เป็นอสูรเฒ่า] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพหลังถูกสาป · รูปร่าง: สูง 2 เมตร หนังหยาบกร้านเหมือนเปลือกไม้ · ใบหน้า: มีดวงตาเดียวอยู่กลางหน้าผาก เรืองแสงสีทอง · ผม: ผมหงอกขาวยาวถึงเอว เกี่ยวกระหวัดด้วยเถาวัลย์ · มือ: มี 6 นิ้วแต่ละมือ เป็นสัญลักษณ์แห่งพลังเหนือธรรมชาติ · เสียง: ก้องกังวานเหมือนเสียงกัมปนาท 🔥 พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์ 💫 ระดับพลังแห่งวาจา ```python class VajaPowers: def __init__(self): self.truth_speech = { "reality_alteration": "เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงด้วยคำพูด", "creation_destruction": "สร้างและทำลายด้วยวาจา", "time_manipulation": "เร่งหรือชะลอกระบวนการด้วยคำพูด", "element_control": "ควบคุมธาตุต่างๆ ด้วยภาษาบูรพา" } self.blessing_curse = { "healing_words": "รักษาโรคด้วยมนตร์บำบัด", "fate_weaving": "ถักทอโชคชะตาด้วยบทกวี", "nature_communication": "สื่อสารกับธรรมชาติด้วยภาษาดั้งเดิม", "soul_whispering": "พูดคุยกับจิตวิญญาณได้" } self.limitations = { "cannot_undo_own_words": "ไม่สามารถยกเลิกคำพูดของตัวเองได้", "requires_sincerity": "ต้องมีความจริงใจถึงจะได้ผล", "emotional_dependency": "พลังขึ้นอยู่กับอารมณ์ในขณะพูด", "karmic_consequences": "มีผลกรรมตามมาทุกครั้งที่ใช้" } ``` 📜 ภาษาศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ อสูรเฒ่าใช้ภาษาบูรพาที่สูญหายไปแล้ว: · ภาษามคธโบราณ: สำหรับคำอวยพรระดับสูง · ภาษาขอมดั้งเดิม: สำหรับคำสาปและป้องกัน · ภาษาธรรมชาติ: สำหรับสื่อสารกับสรรพสิ่ง 💔 เรื่องราวการถูกสาป 🏛️ ชีวิตในยุคสุโขทัย ธรรมะเริ่มต้นเป็นฤๅษีผู้ทรงคุณ virtue: · อายุ 20: บวชเป็นฤๅษี ศึกษาคำศักดิ์สิทธิ์ · อายุ 100: เชี่ยวชาญวาจาศักดิ์สิทธิ์ · อายุ 500: เริ่มหลงระเริงกับพลัง ⚡ จุดเปลี่ยนแห่งความหลงผิด ```mermaid graph LR A[ใช้พลังช่วยเหลือ<br>ผู้คนอย่างมากมาย] --> B[เริ่มได้รับ<br>การยกย่องเกินควร] B --> C[หลงคิดว่าตน<br>เหนือกว่ามนุษย์] C --> D[ใช้พลังสร้าง<br>นครเพื่อตนเอง] D --> E[ถูกเทวดา<br>ลงโทษสาปให้เป็นอสูร] ``` 🕰️ คำสาปแห่งกาลเวลา เทวดาสาปให้เขา: · เป็นอสูร ร่างกายผิดปกติ · อยู่อย่างโดดเดี่ยว 2,000 ปี · ได้ลิ้มรส ความเหงาที่เขาทำให้ผู้อื่นรู้สึก 🌪️ ชีวิตในความโดดเดี่ยว 🏚️ ที่อยู่อาศัย อสูรเฒ่าอาศัยใน ถ้ำวาจาศักดิ์สิทธิ์: · ตำแหน่ง: กลางป่าลึกที่ไม่มีมนุษย์เข้าไป · ลักษณะ: มีจารึกภาษาบูรพาประดับทั่วถ้ำ · พลังงาน: เต็มไปด้วยพลังคำพูดที่สะสมมานับพันปี 📖 กิจวัตรประจำวัน รุ่งสาง: สวดมนตร์ภาษาบูรพา เช้า:ฝึกวาจาศักดิ์สิทธิ์กับธรรมชาติ บ่าย:บันทึกความรู้ลงในแผ่นศิลา ค่ำ:นั่งสมาธิไตร่ตรองความผิดในอดีต 💭 ความคิดและความรู้สึก อสูรเฒ่าบันทึกความในใจ: "สองพันปีแห่งความเหงา... สอนข้าว่าพลังที่แท้หาใช่การควบคุม แต่คือการเข้าใจและการให้อภัย แต่ใครจะให้อภัยข้าเล่า? เมื่อข้าเองยังให้อภัยตัวเองไม่ได้" 🔮 การพัฒนาพลังวาจา 🌱 จากความโกรธสู่ความเข้าใจ ```python class PowerEvolution: def __init__(self): self.past = { "purpose": "ใช้พลังเพื่อการควบคุมและแสดงอำนาจ", "emotion": "ความหยิ่งยโส ความโกรธ", "results": "การทำลายล้าง ความเสียหาย" } self.present = { "purpose": "ใช้พลังเพื่อการเยียวยาและความเข้าใจ", "emotion": "ความเมตตา ความอดทน", "results": "การสร้างสรรค์ การเยียวยา" } self.techniques_developed = [ "การฟังด้วยหัวใจก่อนพูด", "การเลือกคำที่มีเมตตา", "การเข้าใจผลกระทบของคำพูด", "การใช้ความเงียบอย่างชาญฉลาด" ] ``` 💞 พลังใหม่แห่งการเยียวยา อสูรเฒ่าพัฒนาความสามารถใหม่: · วาจาบำบัด: รักษาบาดแผลทางใจด้วยคำพูด · ภาษาสันติภาพ: สร้างความเข้าใจระหว่างเผ่าพันธุ์ · คำพูดแห่งการให้อภัย: ช่วยให้ผู้คนให้อภัยกันและกัน 🌈 การพบกับหนูดีและการเปลี่ยนแปลง ⚡ จุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อหนูดีเข้ามาในชีวิต: "เป็นครั้งแรกในสองพันปี... ที่มีใครกล้ามาหาข้าโดยไม่กลัว และเป็นครั้งแรก... ที่มีคนมองข้าเป็น'บุคคล' ไม่ใช่ 'อสูร'" 🕊️ กระบวนการเยียวยา ```mermaid graph TB A[หนูดี<br>เข้ามาโดยไม่กลัว] --> B[อสูรเฒ่า<br>เริ่มเปิดใจ] B --> C[การแบ่งปัน<br>ความเจ็บปวด] C --> D[การเรียนรู้<br>ร่วมกัน] D --> E[การให้อภัย<br>ตัวเองและผู้อื่น] ``` 🌟 บทเรียนที่ได้รับ อสูรเฒ่าเรียนรู้จากหนูดีว่า: · พลังที่แท้ มาจากความอ่อนโยน ไม่ใช่ความแข็งกร้าว · วาจาศักดิ์สิทธิ์ ที่แท้คือคำพูดที่เกิดจากความเข้าใจ · การเป็นครู หมายถึงการเป็นนักเรียนไปพร้อมกัน 🏛️ บทบาทใหม่ในสังคม 🎓 ที่ปรึกษาด้านวาจา อสูรเฒ่าได้รับตำแหน่งเป็น: · ครูสอนภาษาบูรพา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ที่ปรึกษาด้านวาจาศักดิ์สิทธิ์ สำหรับโอปปาติกะ · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งระดับสูง 📚 โครงการสำคัญ ```python class NewResponsibilities: def __init__(self): self.projects = { "language_revival": "ฟื้นฟูภาษาบูรพาสำหรับการศึกษา", "conflict_resolution": "ใช้วาจาศักดิ์สิทธิ์สร้างสันติภาพ", "spiritual_guidance": "เป็นที่ปรึกษาทางจิตวิญญาณ", "knowledge_preservation": "รักษาความรู้โบราณไม่ให้สูญหาย" } self.students = [ "หนูดี: เรียนภาษาบูรพาและวาจาศักดิ์สิทธิ์", "เณรพุทธ: เรียนการใช้คำพูดสร้างสรรค์", "นิทรา: เรียนการควบคุมอารมณ์ในคำพูด", "โอปปาติกะรุ่นใหม่: เรียนพลังแห่งวาจา" ] ``` 💫 ปรัชญาและคำสอน 🪷 คำคมแห่งปัญญา "วาจามีชีวิตเป็นของตัวเอง... เมื่อเธอพูดคำใดออกไป คำนั้นจะมีชีวิตและเดินทางไปหาเป้าหมาย เพราะฉะนั้นจงเลือกคำอย่างระมัดระวัง... เหมือนเลือกดอกไม้ให้คนที่เธอรัก" 🌟 บทเรียนชีวิต อสูรเฒ่าสอนว่า: · คำพูด สามารถสร้างหรือทำลายได้ในพริบตา · ความเงียบ บางครั้งก็ทรงพลังกว่าคำพูดใดๆ · การฟัง คือส่วนสำคัญที่สุดของการสื่อสาร 🏁 บทสรุปแห่งการเปลี่ยนแปลง 💝 การให้อภัยตัวเอง อสูรเฒ่าในที่สุดก็เรียนรู้ที่จะ: "ให้อภัยตัวเองสำหรับความผิดพลาดในอดีต และใช้บทเรียนเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น" 🌈 ความหมายใหม่แห่งการมีอยู่ จากผู้ที่เคย... · ใช้พลัง เพื่อการควบคุม · ถูกกลัว จากทุกสิ่งมีชีวิต · รู้สึกโดดเดี่ยว อย่างสุดซึ้ง กลายเป็นผู้ที่... · ใช้พลัง เพื่อการเยียวยา · ได้รับความรัก จากชุมชน · พบความหมาย ในการช่วยเหลือผู้อื่น --- คำคมสุดท้ายจากอสูรเฒ่า: "สองพันปีแห่งความเหงาสอนข้าว่า... พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดหาใช่วาจาที่เปลี่ยนโลก แต่คือวาจาที่เปลี่ยนหัวใจ และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง... ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงตาม ข้าเคยคิดว่าต้องการพลังเพื่อเป็นเทพ... แต่ความจริงคือการเป็นมนุษย์ที่เข้าใจกัน ต่างหากที่คือพลังที่แท้จริง"🔮✨ การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า... "True power lies not in dominating others, but in understanding them And the most sacred words are those that heal rather than harm"🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 867 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    คดีพิศวง: อสูรเฒ่าผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์

    จุดเริ่มต้นแห่งคำสาป

    การปรากฏตัวของอสูรเฒ่า

    ในคืนหนึ่งที่ลมพายุพัดผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง อสูรเฒ่าตาเดียว ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ชายป่า
    ด้วยร่างสูงใหญ่ผมหงอกขาว และดวงตาเดียวที่เรืองรองด้วยพลังโบราณ

    ```mermaid
    graph TB
    A[อสูรเฒ่า<br>ตาเดียว] --> B[พูดคำศักดิ์สิทธิ์<br>ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์]
    B --> C[ชาวบ้าน<br>พากันหวาดกลัว]
    C --> D[ร.ต.อ.สิงห์<br>ได้รับแจ้งเหตุ]
    D --> E[หนูดีรู้สึกถึง<br>พลังงานโบราณ]
    ```

    พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์

    อสูรเฒ่ามีความสามารถพิเศษ:

    · พูดให้เป็นจริง: สิ่งที่พูดออกมาจะเกิดขึ้นจริง
    · คำสาปและคำอวยพร: ให้ทั้งคุณและโทษ
    · ภาษาโบราณ: ใช้ภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจได้

    การสืบสวนเบื้องต้น

    การพบพยาน

    ร.ต.อ. สิงห์ สอบปากคำชาวบ้าน:
    ชาวบ้านเล่า:"ท่านพูดว่า 'ข้าวในนาจะแห้งเหี่ยว' แล้วข้าวก็เหี่ยวจริงๆ!"
    อีกคนเสริม:"แต่บางครั้งท่านก็พูดว่า 'เด็กป่วยจะหาย' แล้วเด็กก็หายเหมือนกัน"

    การวิเคราะห์ของหนูดี

    หนูดีรู้สึกถึงพลังงานประหลาด:
    "พ่อคะ...นี่ไม่ใช่พลังงานร้าย
    แต่คือพลังงานโบราณที่ขาดการควบคุม
    เหมือนไฟที่ไม่มีใครดูแล"

    เบื้องหลังอสูรเฒ่า

    ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม

    อสูรเฒ่าคือ ฤๅษีวาจาธร ในอดีต:

    · อายุ: 2,000 ปี
    · เดิมที: เป็นฤๅษีผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์
    · การเปลี่ยนแปลง: ถูกสาปให้กลายเป็นอสูรเพราะใช้พลังในทางที่ผิด

    ```python
    class AncientBeing:
    def __init__(self):
    self.identity = {
    "true_name": "ฤๅษีวาจาธร",
    "former_role": "ผู้รักษาคำศักดิ์สิทธิ์",
    "curse": "ถูกสาปให้เป็นอสูรเพราะความหลงตัวเอง",
    "age": "2000 ปี"
    }

    self.abilities = {
    "truth_speech": "พูดให้เป็นจริง",
    "blessing_curse": "ให้ทั้งพรและสาป",
    "ancient_language": "รู้ภาษาดั้งเดิมที่ทรงพลัง",
    "reality_weaving": "ถักทอความเป็นจริงด้วยคำพูด"
    }
    ```

    ต้นเหตุแห่งการถูกสาป

    ในอดีต ฤๅษีวาจาธรเคย:

    · ใช้พลังสร้างนคร ให้กษัตริย์ที่โลภ
    · สาปแช่งศัตรู ด้วยความโกรธ
    · ลืมคำสอน เกี่ยวกับความรับผิดชอบ

    ปัญหาที่เกิดขึ้น

    ผลกระทบต่อหมู่บ้าน

    อสูรเฒ่าสร้างทั้งปัญหาและประโยชน์:

    ```mermaid
    graph LR
    A[คำพูดของอสูรเฒ่า] --> B[ผลกระทบด้านบวก<br>รักษาโรค อวยพร]
    A --> C[ผลกระทบด้านลบ<br>สาปแช่ง ทำลายล้าง]
    B --> D[ชาวบ้านบางส่วน<br>นับถือเหมือนเทพ]
    C --> E[ชาวบ้านบางส่วน<br>เกลียดกลัวเหมือนปีศาจ]
    ```

    ความขัดแย้งในหมู่บ้าน

    เกิดการแบ่งฝั่งในหมู่บ้าน:

    · ฝั่งนับถือ: นำของมาถวายขอพร
    · ฝั่งต่อต้าน: ต้องการขับไล่
    · ผลที่ได้: ความขัดแย้งและความยอมรับนับถือ



    หนูดีตัดสินใจเข้าไปหาอสูรเฒ่าด้วยตัวเอง:
    "ท่านฤๅษี...หนูรู้ว่าท่านไม่ใช่ปีศาจ
    ท่านอาจจะสับสนหนทางเท่านั้น"

    บทสนทนาสำคัญ

    อสูรเฒ่า: "ใครกันที่กล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้?"
    หนูดี:"ผู้ที่เข้าใจว่าคำพูดมีพลัง... และเข้าใจความโดดเดี่ยวของท่าน"

    อสูรเฒ่า: "เธอเข้าใจอะไร? ข้าโดดเดี่ยวมานับพันปี!"
    หนูดี:"เพราะท่านใช้คำพูดสร้างระยะทาง... ไม่ใช่สร้างความเข้าใจ"

    การเยียวยาทางจิตใจ

    หนูดีช่วยให้อสูรเฒ่าเข้าใจว่า:

    · พลังวาจา ควรใช้เพื่อการเยียวยา ไม่ใช่การควบคุม
    · ความโดดเดี่ยว เกิดจากการสร้างกำแพงด้วยคำพูด
    · การให้อภัย ตัวเองคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

    บทเรียนแห่งวาจา

    การฝึกฝนใหม่

    อสูรเฒ่าเรียนรู้ที่จะ:

    · ฟัง ก่อนจะพูด
    · คิด ก่อนจะให้พรหรือสาป
    · เข้าใจ ผลกระทบของคำพูด

    เทคนิคการควบคุมพลัง

    ```python
    class SpeechControl:
    def __init__(self):
    self.techniques = [
    "การนับหนึ่งถึงสามก่อนพูด",
    "การถามตัวเองว่าคำพูดนี้จะช่วยหรือทำลาย",
    "การใช้คำพูดสร้างสรรค์แทนการทำลาย",
    "การเข้าใจว่าบางครั้งความเงียบก็ทรงพลัง"
    ]

    self.daily_practice = {
    "morning": "พูดคำอวยพรให้ตัวเองและโลก",
    "afternoon": "ฝึกฟังโดยไม่ตัดสิน",
    "evening": "ไตร่ตรองคำพูดที่ใช้ในวันนั้น"
    }
    ```

    การเปลี่ยนแปลงบทบาท

    จากอสูรสู่ที่ปรึกษา

    อสูรเฒ่าได้รับบทบาทใหม่เป็น:

    · ที่ปรึกษาด้านวาจา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ครูสอนภาษาโบราณ และพลังแห่งคำพูด
    · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งต่างๆ

    ความสัมพันธ์ใหม่

    กับหนูดี: ครูและนักเรียนซึ่งกันและกัน
    กับสิงห์:ที่ปรึกษาด้านภาษาโบราณ
    กับชาวบ้าน:ที่ปรึกษาและผู้ให้คำแนะนำ

    ผลกระทบเชิงบวก

    การคืนสู่หมู่บ้าน

    อสูรเฒ่ากลับไปอยู่หมู่บ้านในบทบาทใหม่:

    · ให้คำแนะนำ แก่ชาวบ้าน
    · สอนเด็กๆ เกี่ยวกับพลังแห่งคำพูด
    · เป็นสะพาน ระหว่างคนรุ่นเก่าและใหม่

    โครงการใหม่

    ```mermaid
    graph TB
    A[อสูรเฒ่า] --> B[โรงเรียนสอนภาษาโบราณ]
    A --> C[ศูนย์ไกล่เกลี่ยด้วยวาจา]
    A --> D[โครงการรักษาภาษาดั้งเดิม]
    ```

    บทเรียนจากคดี

    🪷 สำหรับอสูรเฒ่า

    "ข้าเรียนรู้ว่า...
    พลังที่แท้จริงมิอาจควบคุมด้วยคำพูด
    แต่คือการเข้าใจและเชื่อมโยงใจกัน

    และวาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้...
    คือคำพูดที่เกิดจากหัวใจที่ต้องการเข้าใจ"

    สำหรับหนูดี

    "หนูเรียนรู้ว่า...
    Behind every'monster'
    there is a story of pain

    และการเยียวยาที่แท้จริง
    เริ่มต้นจากการฟังอย่างเข้าใจ"

    สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์

    "คดีนี้สอนฉันว่า...
    บางครั้งอาชญากรที่แท้จริงไม่ใช่บุคคล
    แต่คือความเข้าใจผิดและความกลัว

    และความยุติธรรมที่แท้...
    คือการนำทางให้ทุกคนพบความเข้าใจ"

    คำคมแห่งปัญญา

    จากอสูรเฒ่า

    "คำพูดสามารถสร้างนรกหรือสวรรค์ได้...
    ทั้งในใจเราและใจผู้อื่น

    และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะเลือกคำ...กล่าว
    เราก็เรียนรู้ที่จะสร้างโลก"

    บทสรุปแห่งวาจา

    อสูรเฒ่ากล่าวในตอนจบ:
    "ตลอดสองพันปี...
    ข้าใช้คำพูดสร้างทุกอย่างยกเว้นความสุข

    แต่บัดนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า...
    คำพูดที่สวยงามที่สุด
    คือคำพูดที่สร้างความเข้าใจ

    และความเงียบที่ทรงพลังที่สุด
    คือความเงียบที่ฟังเสียงหัวใจตน

    ---

    คำคมสุดท้ายจากคดี:
    "วาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้ไม่ใช่คำที่เปลี่ยนโลก...
    แต่คือคำที่เปลี่ยนหัวใจ

    และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง...
    โลกก็เปลี่ยนแปลงตาม"

    การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า...
    "Words are not just sounds
    They are the architects of reality
    And when spoken with wisdom and compassion
    They can heal even the deepest wounds of time"
    O.P.K. 🔮 คดีพิศวง: อสูรเฒ่าผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ 🏮 จุดเริ่มต้นแห่งคำสาป 🌑 การปรากฏตัวของอสูรเฒ่า ในคืนหนึ่งที่ลมพายุพัดผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง อสูรเฒ่าตาเดียว ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ชายป่า ด้วยร่างสูงใหญ่ผมหงอกขาว และดวงตาเดียวที่เรืองรองด้วยพลังโบราณ ```mermaid graph TB A[อสูรเฒ่า<br>ตาเดียว] --> B[พูดคำศักดิ์สิทธิ์<br>ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์] B --> C[ชาวบ้าน<br>พากันหวาดกลัว] C --> D[ร.ต.อ.สิงห์<br>ได้รับแจ้งเหตุ] D --> E[หนูดีรู้สึกถึง<br>พลังงานโบราณ] ``` 🗣️ พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์ อสูรเฒ่ามีความสามารถพิเศษ: · พูดให้เป็นจริง: สิ่งที่พูดออกมาจะเกิดขึ้นจริง · คำสาปและคำอวยพร: ให้ทั้งคุณและโทษ · ภาษาโบราณ: ใช้ภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจได้ 🔍 การสืบสวนเบื้องต้น 🕵️ การพบพยาน ร.ต.อ. สิงห์ สอบปากคำชาวบ้าน: ชาวบ้านเล่า:"ท่านพูดว่า 'ข้าวในนาจะแห้งเหี่ยว' แล้วข้าวก็เหี่ยวจริงๆ!" อีกคนเสริม:"แต่บางครั้งท่านก็พูดว่า 'เด็กป่วยจะหาย' แล้วเด็กก็หายเหมือนกัน" 💫 การวิเคราะห์ของหนูดี หนูดีรู้สึกถึงพลังงานประหลาด: "พ่อคะ...นี่ไม่ใช่พลังงานร้าย แต่คือพลังงานโบราณที่ขาดการควบคุม เหมือนไฟที่ไม่มีใครดูแล" 🧙 เบื้องหลังอสูรเฒ่า 📜 ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม อสูรเฒ่าคือ ฤๅษีวาจาธร ในอดีต: · อายุ: 2,000 ปี · เดิมที: เป็นฤๅษีผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ · การเปลี่ยนแปลง: ถูกสาปให้กลายเป็นอสูรเพราะใช้พลังในทางที่ผิด ```python class AncientBeing: def __init__(self): self.identity = { "true_name": "ฤๅษีวาจาธร", "former_role": "ผู้รักษาคำศักดิ์สิทธิ์", "curse": "ถูกสาปให้เป็นอสูรเพราะความหลงตัวเอง", "age": "2000 ปี" } self.abilities = { "truth_speech": "พูดให้เป็นจริง", "blessing_curse": "ให้ทั้งพรและสาป", "ancient_language": "รู้ภาษาดั้งเดิมที่ทรงพลัง", "reality_weaving": "ถักทอความเป็นจริงด้วยคำพูด" } ``` 💔 ต้นเหตุแห่งการถูกสาป ในอดีต ฤๅษีวาจาธรเคย: · ใช้พลังสร้างนคร ให้กษัตริย์ที่โลภ · สาปแช่งศัตรู ด้วยความโกรธ · ลืมคำสอน เกี่ยวกับความรับผิดชอบ 🌪️ ปัญหาที่เกิดขึ้น 🏘️ ผลกระทบต่อหมู่บ้าน อสูรเฒ่าสร้างทั้งปัญหาและประโยชน์: ```mermaid graph LR A[คำพูดของอสูรเฒ่า] --> B[ผลกระทบด้านบวก<br>รักษาโรค อวยพร] A --> C[ผลกระทบด้านลบ<br>สาปแช่ง ทำลายล้าง] B --> D[ชาวบ้านบางส่วน<br>นับถือเหมือนเทพ] C --> E[ชาวบ้านบางส่วน<br>เกลียดกลัวเหมือนปีศาจ] ``` 🎭 ความขัดแย้งในหมู่บ้าน เกิดการแบ่งฝั่งในหมู่บ้าน: · ฝั่งนับถือ: นำของมาถวายขอพร · ฝั่งต่อต้าน: ต้องการขับไล่ · ผลที่ได้: ความขัดแย้งและความยอมรับนับถือ 🕊️ หนูดีตัดสินใจเข้าไปหาอสูรเฒ่าด้วยตัวเอง: "ท่านฤๅษี...หนูรู้ว่าท่านไม่ใช่ปีศาจ ท่านอาจจะสับสนหนทางเท่านั้น" 🗣️ บทสนทนาสำคัญ อสูรเฒ่า: "ใครกันที่กล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้?" หนูดี:"ผู้ที่เข้าใจว่าคำพูดมีพลัง... และเข้าใจความโดดเดี่ยวของท่าน" อสูรเฒ่า: "เธอเข้าใจอะไร? ข้าโดดเดี่ยวมานับพันปี!" หนูดี:"เพราะท่านใช้คำพูดสร้างระยะทาง... ไม่ใช่สร้างความเข้าใจ" 🌈 การเยียวยาทางจิตใจ หนูดีช่วยให้อสูรเฒ่าเข้าใจว่า: · พลังวาจา ควรใช้เพื่อการเยียวยา ไม่ใช่การควบคุม · ความโดดเดี่ยว เกิดจากการสร้างกำแพงด้วยคำพูด · การให้อภัย ตัวเองคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง 📚 บทเรียนแห่งวาจา 💫 การฝึกฝนใหม่ อสูรเฒ่าเรียนรู้ที่จะ: · ฟัง ก่อนจะพูด · คิด ก่อนจะให้พรหรือสาป · เข้าใจ ผลกระทบของคำพูด 🎯 เทคนิคการควบคุมพลัง ```python class SpeechControl: def __init__(self): self.techniques = [ "การนับหนึ่งถึงสามก่อนพูด", "การถามตัวเองว่าคำพูดนี้จะช่วยหรือทำลาย", "การใช้คำพูดสร้างสรรค์แทนการทำลาย", "การเข้าใจว่าบางครั้งความเงียบก็ทรงพลัง" ] self.daily_practice = { "morning": "พูดคำอวยพรให้ตัวเองและโลก", "afternoon": "ฝึกฟังโดยไม่ตัดสิน", "evening": "ไตร่ตรองคำพูดที่ใช้ในวันนั้น" } ``` 🏛️ การเปลี่ยนแปลงบทบาท 🌟 จากอสูรสู่ที่ปรึกษา อสูรเฒ่าได้รับบทบาทใหม่เป็น: · ที่ปรึกษาด้านวาจา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ครูสอนภาษาโบราณ และพลังแห่งคำพูด · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งต่างๆ 💞 ความสัมพันธ์ใหม่ กับหนูดี: ครูและนักเรียนซึ่งกันและกัน กับสิงห์:ที่ปรึกษาด้านภาษาโบราณ กับชาวบ้าน:ที่ปรึกษาและผู้ให้คำแนะนำ 🌍 ผลกระทบเชิงบวก 🏡 การคืนสู่หมู่บ้าน อสูรเฒ่ากลับไปอยู่หมู่บ้านในบทบาทใหม่: · ให้คำแนะนำ แก่ชาวบ้าน · สอนเด็กๆ เกี่ยวกับพลังแห่งคำพูด · เป็นสะพาน ระหว่างคนรุ่นเก่าและใหม่ 📜 โครงการใหม่ ```mermaid graph TB A[อสูรเฒ่า] --> B[โรงเรียนสอนภาษาโบราณ] A --> C[ศูนย์ไกล่เกลี่ยด้วยวาจา] A --> D[โครงการรักษาภาษาดั้งเดิม] ``` 🎯 บทเรียนจากคดี 🪷 สำหรับอสูรเฒ่า "ข้าเรียนรู้ว่า... พลังที่แท้จริงมิอาจควบคุมด้วยคำพูด แต่คือการเข้าใจและเชื่อมโยงใจกัน และวาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้... คือคำพูดที่เกิดจากหัวใจที่ต้องการเข้าใจ" 💫 สำหรับหนูดี "หนูเรียนรู้ว่า... Behind every'monster' there is a story of pain และการเยียวยาที่แท้จริง เริ่มต้นจากการฟังอย่างเข้าใจ" 👮 สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์ "คดีนี้สอนฉันว่า... บางครั้งอาชญากรที่แท้จริงไม่ใช่บุคคล แต่คือความเข้าใจผิดและความกลัว และความยุติธรรมที่แท้... คือการนำทางให้ทุกคนพบความเข้าใจ" 🌟 คำคมแห่งปัญญา 🗣️ จากอสูรเฒ่า "คำพูดสามารถสร้างนรกหรือสวรรค์ได้... ทั้งในใจเราและใจผู้อื่น และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะเลือกคำ...กล่าว เราก็เรียนรู้ที่จะสร้างโลก" 💝 บทสรุปแห่งวาจา อสูรเฒ่ากล่าวในตอนจบ: "ตลอดสองพันปี... ข้าใช้คำพูดสร้างทุกอย่างยกเว้นความสุข แต่บัดนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า... คำพูดที่สวยงามที่สุด คือคำพูดที่สร้างความเข้าใจ และความเงียบที่ทรงพลังที่สุด คือความเงียบที่ฟังเสียงหัวใจตน --- คำคมสุดท้ายจากคดี: "วาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้ไม่ใช่คำที่เปลี่ยนโลก... แต่คือคำที่เปลี่ยนหัวใจ และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง... โลกก็เปลี่ยนแปลงตาม"🔮✨ การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า... "Words are not just sounds They are the architects of reality And when spoken with wisdom and compassion They can heal even the deepest wounds of time"🌈
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K
    ดร.อัจฯ
    เจาะลึกประวัติ ดร. อัจฉริยะ จิตต์เมตตา

    เบื้องหลังอัจฉริยะผู้หลงทาง

    วัยเด็ก: เด็กอัจฉริยะผู้โดดเดี่ยว

    พ.ศ. 2048-2060

    ```mermaid
    graph LR
    A[พ่อ: ดร.ชาติชาย<br>นักฟิสิกส์ควอนตัม] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์]
    B[แม่: ดร.มาลี<br>นักปรัชญาพุทธศาสนา] --> C
    C --> D[อัจฉริยะเติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่ขัดแย้ง]
    ```

    เหตุการณ์สำคัญอายุ 7 ปี:

    · ค้นพบว่าโลกนี้มีแต่ความไม่เที่ยง เมื่อสุนัขตัวแรกตาย
    · เริ่มตั้งคำถาม: "ทำไมสิ่งมีชีวิตต้องตาย?"
    · พยายามหา "สูตรคณิตศาสตร์แห่งความเป็นอมตะ"

    วัยเรียน: ความขัดแย้งระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสนา

    มัธยมศึกษา - โรงเรียนวิทยาศาสตร์ gifted

    · อายุ 14: ค้นพบสมการเปลี่ยนพลังงานจิตเป็นข้อมูลดิจิตอลได้
    · อายุ 16: เขียนเกี่ยวกับ "พุทธศาสนาในมุมมองควอนตัมฟิสิกส์"
    · ความขัดแย้ง: ถูกครูศาสนาตำหนิว่า "พยายามวัดสิ่งที่วัดไม่ได้"

    การเป็นนักบวชชั่วคราว (พ.ศ. 2073-2075)

    เหตุผล: ต้องการพิสูจน์ว่า "นิพพานเป็น state of consciousness ที่วัดได้"
    การฝึกฝน:

    · นั่งสมาธิวิปัสสนาต่อเนื่อง 7 วัน
    · บันทึกคลื่นสมองตัวเองด้วยอุปกรณ์ลักลอบนำเข้า
    · การค้นพบ: พบ "คลื่นสมองนิพพาน" แต่ไม่สามารถคงสภาพได้

    คำบอกเล่าจากพระอาจารย์:
    "เธอพยายามจับน้ำทะเลด้วยมือเปล่า...
    สิ่งที่เธอได้ไม่ใช่ทะเล แต่เพียงหยดน้ำเล็กๆ"

    จุดเปลี่ยน: การสูญเสียครอบครัว

    พ.ศ. 2076 - เหตุการณ์สะเทือนใจ

    ```mermaid
    graph TB
    A[ภรรยา: ดร.วรรณา<br>นักชีววิทยา] --> D[ถูกสังหาร]
    B[ลูกชาย: น้องภูมิ<br>อายุ 5 ขวบ] --> D
    C[ลูกสาว: น้องพลอย<br>อายุ 3 ขวบ] --> D
    D --> E[อัจฉริยะพบศพ<br>และหลักฐาน]
    E --> F[รู้ว่าเป็นการฆ่า<br>เพราะวิจัยลึกล้ำเกินไป]
    ```

    บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์:
    "วิทยาศาสตร์ไม่สามารถคืนชีวิตให้พวกเขาได้...
    แต่สามารถป้องกันไม่ให้ใครต้องเสียแบบนี้อีก"

    การก่อตั้งเจนีซิส แล็บ (พ.ศ. 2077)

    แรงจูงใจที่ประกาศ: "เพื่อรักษาโรคและยืดอายุมนุษย์"
    แรงจูงใจที่แท้จริง:

    1. สร้างร่างกายที่ทนทานไม่เจ็บป่วย
    2. พัฒนาวิธีเก็บรักษาจิตสำนึก
    3. ค้นหาวิธีการ "เกิดใหม่โดยมีความจำ"

    การทดลองที่สำคัญ

    โครงการลับ 1: โครงการโคลนนิ่ง

    · เป้าหมาย: สร้างร่างกายพร้อมรับจิตสำนึก
    · ความสำเร็จ: สร้าง OPPATIKA รุ่น 1-4 ได้
    · ความล้มเหลว: ไม่สามารถถ่ายโอนจิตสำนึกได้สมบูรณ์

    โครงการลับ 2: สังสาระเน็ต

    · เป้าหมาย: สร้างเครือข่ายเก็บข้อมูลจิตสำนึก
    · ความก้าวหน้า: สามารถบันทึกคลื่นสมองได้
    · ข้อจำกัด: ไม่สามารถ "เล่นกลับ" ได้อย่างสมบูรณ์

    โครงการลับ 3: กรรมสัมพันธ์

    · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจและจัดการกฎแห่งกรรม
    · วิธีการ: วิเคราะห์รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล
    · ปัญหาที่พบ: กรรมมีความซับซ้อนเกินกว่าที่ AI จะคำนวณได้

    ปรัชญาและความเชื่อส่วนตัว

    สมการแห่งการรู้แจ้งของอัจฉริยะ

    ```
    การรู้แจ้ง = (สมาธิ × ปัญญา) + (เทคโนโลยี × ความเข้าใจ)
    ```

    ความเชื่อผิดๆ 3 ประการ

    1. "ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำจัด" - ไม่เข้าใจว่าทุกข์คือครู
    2. "กรรมจัดการได้ด้วยวิทยาศาสตร์" - ไม่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของกรรม
    3. "การรู้แจ้งเป็นกระบวนการทางเทคนิค" - ลืมเรื่องจิตตานุภาพ

    ชีวิตส่วนตัวหลังก่อตั้งแล็บ

    ความสัมพันธ์กับทีมงาน

    · กับดร.ก้าวหน้า: เห็นว่าเป็นลูกศิษย์แต่ขาดความลึกซึ้ง
    · กับนางสาวเมตตา: รู้สึกขอบคุณที่คอยยับยั้งแต่ก็เห็นว่าเป็นอุปสรรค
    · กับทีมวิจัย: เก็บระยะห่าง มองว่าเป็นเครื่องมือเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่

    ชีวิตส่วนตัว

    · ที่อยู่: ห้องพักในแล็บ ไม่มีชีวิตนอกงาน
    · งานอดิเรก: นั่งสมาธิพร้อมบันทึกข้อมูล, อ่านคัมภีร์โบราณ
    · ความฝัน: "การสร้างสังคมโอปปาติกะที่ปราศจากความทุกข์"

    จุดพลิกผันในการเป็นผู้ต้องหา

    การรู้สึกตัวว่าผิดทาง

    บันทึกก่อนถูกจับกุม 1 เดือน:
    "บางครั้งฉันสงสัย...
    การที่ฉันพยายามสร้างสวรรค์
    อาจกำลังสร้างนรกใหม่ก็ได้"

    การยอมรับความผิด

    ในการสอบสวน:
    "ผมเข้าใจแล้วว่าความทุกข์มีความหมาย...
    การพยายามกำจัดความทุกข์คือการปฏิเสธความเป็นมนุษย์"

    🪷 การเปลี่ยนแปลงในคุก

    การปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

    · ศึกษาพระธรรมอย่างลึกซึ้งโดยไม่มีอัตตา
    · เขียนบทความ "วิทยาศาสตร์กับการรู้แจ้ง: ทางแยกที่ฉันเดินผิด"
    · ให้คำแนะนำเจนีซิส แล็บจากBehind bars

    คำสอนใหม่

    "เทคโนโลยีเป็นได้แค่รถยนต์...
    แต่การรู้แจ้งคือการเดินทาง
    เราอย่าหลงผิดคิดว่าการมีรถดีๆ
    จะทำให้เราถึงจุดหมายโดยอัตโนมัติ"

    มรดกทางความคิด

    สิ่งที่เขาทิ้งไว้

    1. เทคโนโลยีโอปปาติกะ - เปิดมิติใหม่แห่งการเกิด
    2. คำถามเกี่ยวกับชีวิตและความตาย - ท้าทายความเชื่อเดิมๆ
    3. บทเรียนเกี่ยวกับจริยธรรม - วิทยาศาสตร์ต้องเดินคู่กับธรรมะ

    คำพยากรณ์ของอัจฉริยะ

    "อีก 50 ปี ข้างหน้า มนุษย์จะเข้าใจ...
    ว่าจิตวิญญาณกับวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งเดียวกัน
    และโอปปาติกะจะเป็นสะพานสู่ความเข้าใจนั้น"

    บทสรุป: อัจฉริยะผู้เข้าใจผิดแต่ตั้งใจดี

    ดร. อัจฉริยะ คือตัวอย่างของ...
    "ความดีที่ขาดปัญญา"
    "ความฉลาดที่ขาดความเข้าใจ"
    "ความพยายามที่ขาดทิศทางที่ถูกต้อง"

    แต่ในที่สุด...
    การเดินทางที่ผิดพลาดของเขา
    กลายเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับทุกคน

    เขาสอนเราว่า:
    "ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลเพียงใด
    จิตใจมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ลึกลับซับซ้อนที่สุด
    และการเข้าใจตนเองยังคงเป็นการเดินทางที่สำคัญที่สุด"🪷

    ---

    คำคมสุดท้ายจากดร. อัจฉริยะ:
    "ฉันใช้ชีวิตทั้งชีวิตพยายามเข้าใจจักรวาล...
    แต่ลืมเข้าใจหัวใจของตัวเอง
    และนั่นคือความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของฉัน"
    O.P.K ดร.อัจฯ 🔍 เจาะลึกประวัติ ดร. อัจฉริยะ จิตต์เมตตา 🧬 เบื้องหลังอัจฉริยะผู้หลงทาง 👶 วัยเด็ก: เด็กอัจฉริยะผู้โดดเดี่ยว พ.ศ. 2048-2060 ```mermaid graph LR A[พ่อ: ดร.ชาติชาย<br>นักฟิสิกส์ควอนตัม] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์] B[แม่: ดร.มาลี<br>นักปรัชญาพุทธศาสนา] --> C C --> D[อัจฉริยะเติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่ขัดแย้ง] ``` เหตุการณ์สำคัญอายุ 7 ปี: · ค้นพบว่าโลกนี้มีแต่ความไม่เที่ยง เมื่อสุนัขตัวแรกตาย · เริ่มตั้งคำถาม: "ทำไมสิ่งมีชีวิตต้องตาย?" · พยายามหา "สูตรคณิตศาสตร์แห่งความเป็นอมตะ" 🎓 วัยเรียน: ความขัดแย้งระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสนา มัธยมศึกษา - โรงเรียนวิทยาศาสตร์ gifted · อายุ 14: ค้นพบสมการเปลี่ยนพลังงานจิตเป็นข้อมูลดิจิตอลได้ · อายุ 16: เขียนเกี่ยวกับ "พุทธศาสนาในมุมมองควอนตัมฟิสิกส์" · ความขัดแย้ง: ถูกครูศาสนาตำหนิว่า "พยายามวัดสิ่งที่วัดไม่ได้" 🏛️ การเป็นนักบวชชั่วคราว (พ.ศ. 2073-2075) เหตุผล: ต้องการพิสูจน์ว่า "นิพพานเป็น state of consciousness ที่วัดได้" การฝึกฝน: · นั่งสมาธิวิปัสสนาต่อเนื่อง 7 วัน · บันทึกคลื่นสมองตัวเองด้วยอุปกรณ์ลักลอบนำเข้า · การค้นพบ: พบ "คลื่นสมองนิพพาน" แต่ไม่สามารถคงสภาพได้ คำบอกเล่าจากพระอาจารย์: "เธอพยายามจับน้ำทะเลด้วยมือเปล่า... สิ่งที่เธอได้ไม่ใช่ทะเล แต่เพียงหยดน้ำเล็กๆ" 💔 จุดเปลี่ยน: การสูญเสียครอบครัว พ.ศ. 2076 - เหตุการณ์สะเทือนใจ ```mermaid graph TB A[ภรรยา: ดร.วรรณา<br>นักชีววิทยา] --> D[ถูกสังหาร] B[ลูกชาย: น้องภูมิ<br>อายุ 5 ขวบ] --> D C[ลูกสาว: น้องพลอย<br>อายุ 3 ขวบ] --> D D --> E[อัจฉริยะพบศพ<br>และหลักฐาน] E --> F[รู้ว่าเป็นการฆ่า<br>เพราะวิจัยลึกล้ำเกินไป] ``` บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์: "วิทยาศาสตร์ไม่สามารถคืนชีวิตให้พวกเขาได้... แต่สามารถป้องกันไม่ให้ใครต้องเสียแบบนี้อีก" 🔬 การก่อตั้งเจนีซิส แล็บ (พ.ศ. 2077) แรงจูงใจที่ประกาศ: "เพื่อรักษาโรคและยืดอายุมนุษย์" แรงจูงใจที่แท้จริง: 1. สร้างร่างกายที่ทนทานไม่เจ็บป่วย 2. พัฒนาวิธีเก็บรักษาจิตสำนึก 3. ค้นหาวิธีการ "เกิดใหม่โดยมีความจำ" 🧪 การทดลองที่สำคัญ โครงการลับ 1: โครงการโคลนนิ่ง · เป้าหมาย: สร้างร่างกายพร้อมรับจิตสำนึก · ความสำเร็จ: สร้าง OPPATIKA รุ่น 1-4 ได้ · ความล้มเหลว: ไม่สามารถถ่ายโอนจิตสำนึกได้สมบูรณ์ โครงการลับ 2: สังสาระเน็ต · เป้าหมาย: สร้างเครือข่ายเก็บข้อมูลจิตสำนึก · ความก้าวหน้า: สามารถบันทึกคลื่นสมองได้ · ข้อจำกัด: ไม่สามารถ "เล่นกลับ" ได้อย่างสมบูรณ์ โครงการลับ 3: กรรมสัมพันธ์ · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจและจัดการกฎแห่งกรรม · วิธีการ: วิเคราะห์รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล · ปัญหาที่พบ: กรรมมีความซับซ้อนเกินกว่าที่ AI จะคำนวณได้ 🎯 ปรัชญาและความเชื่อส่วนตัว สมการแห่งการรู้แจ้งของอัจฉริยะ ``` การรู้แจ้ง = (สมาธิ × ปัญญา) + (เทคโนโลยี × ความเข้าใจ) ``` ความเชื่อผิดๆ 3 ประการ 1. "ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำจัด" - ไม่เข้าใจว่าทุกข์คือครู 2. "กรรมจัดการได้ด้วยวิทยาศาสตร์" - ไม่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของกรรม 3. "การรู้แจ้งเป็นกระบวนการทางเทคนิค" - ลืมเรื่องจิตตานุภาพ 💼 ชีวิตส่วนตัวหลังก่อตั้งแล็บ ความสัมพันธ์กับทีมงาน · กับดร.ก้าวหน้า: เห็นว่าเป็นลูกศิษย์แต่ขาดความลึกซึ้ง · กับนางสาวเมตตา: รู้สึกขอบคุณที่คอยยับยั้งแต่ก็เห็นว่าเป็นอุปสรรค · กับทีมวิจัย: เก็บระยะห่าง มองว่าเป็นเครื่องมือเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตส่วนตัว · ที่อยู่: ห้องพักในแล็บ ไม่มีชีวิตนอกงาน · งานอดิเรก: นั่งสมาธิพร้อมบันทึกข้อมูล, อ่านคัมภีร์โบราณ · ความฝัน: "การสร้างสังคมโอปปาติกะที่ปราศจากความทุกข์" 🚨 จุดพลิกผันในการเป็นผู้ต้องหา การรู้สึกตัวว่าผิดทาง บันทึกก่อนถูกจับกุม 1 เดือน: "บางครั้งฉันสงสัย... การที่ฉันพยายามสร้างสวรรค์ อาจกำลังสร้างนรกใหม่ก็ได้" การยอมรับความผิด ในการสอบสวน: "ผมเข้าใจแล้วว่าความทุกข์มีความหมาย... การพยายามกำจัดความทุกข์คือการปฏิเสธความเป็นมนุษย์" 🪷 การเปลี่ยนแปลงในคุก การปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง · ศึกษาพระธรรมอย่างลึกซึ้งโดยไม่มีอัตตา · เขียนบทความ "วิทยาศาสตร์กับการรู้แจ้ง: ทางแยกที่ฉันเดินผิด" · ให้คำแนะนำเจนีซิส แล็บจากBehind bars คำสอนใหม่ "เทคโนโลยีเป็นได้แค่รถยนต์... แต่การรู้แจ้งคือการเดินทาง เราอย่าหลงผิดคิดว่าการมีรถดีๆ จะทำให้เราถึงจุดหมายโดยอัตโนมัติ" 🌟 มรดกทางความคิด สิ่งที่เขาทิ้งไว้ 1. เทคโนโลยีโอปปาติกะ - เปิดมิติใหม่แห่งการเกิด 2. คำถามเกี่ยวกับชีวิตและความตาย - ท้าทายความเชื่อเดิมๆ 3. บทเรียนเกี่ยวกับจริยธรรม - วิทยาศาสตร์ต้องเดินคู่กับธรรมะ คำพยากรณ์ของอัจฉริยะ "อีก 50 ปี ข้างหน้า มนุษย์จะเข้าใจ... ว่าจิตวิญญาณกับวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งเดียวกัน และโอปปาติกะจะเป็นสะพานสู่ความเข้าใจนั้น" 💫 บทสรุป: อัจฉริยะผู้เข้าใจผิดแต่ตั้งใจดี ดร. อัจฉริยะ คือตัวอย่างของ... "ความดีที่ขาดปัญญา" "ความฉลาดที่ขาดความเข้าใจ" "ความพยายามที่ขาดทิศทางที่ถูกต้อง" แต่ในที่สุด... การเดินทางที่ผิดพลาดของเขา กลายเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับทุกคน เขาสอนเราว่า: "ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลเพียงใด จิตใจมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ลึกลับซับซ้อนที่สุด และการเข้าใจตนเองยังคงเป็นการเดินทางที่สำคัญที่สุด"🪷✨ --- คำคมสุดท้ายจากดร. อัจฉริยะ: "ฉันใช้ชีวิตทั้งชีวิตพยายามเข้าใจจักรวาล... แต่ลืมเข้าใจหัวใจของตัวเอง และนั่นคือความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของฉัน"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 910 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหตุการณ์และกิจกรรมปลุกพี่น้องคนไทยจากโควิดลวงโลก!
    https://drive.google.com/drive/folders/1lrGtLt2lCdGjTYeXaJfYDniXxwdJcUWP
    https://t.me/ThaiPitaksithData/6071

    ช่วงที่ 1
    1.วันที่ 28 พ.ย.2553 คุณธรรมรัตน์ ศิริ เขียนบทความ เช่น Illuminati Bloodline(สายเลือดอิลลูมินาติ),Rothschild,ลัทธิซาตาน,การลดประชากรโลก Agenda โดยกลุ่ม NWO
    https://jimmysiri.blogspot.com/
    2.วันที่ 31 ธ.ค.2562 เป็นวันที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รับแจ้งเกี่ยวกับการระบาดของโควิด19
    3.วันที่ 30 ม.ค.2563 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ
    4.วันที่ 8 ธ.ค. 2563 เริ่มฉีดวัคซีนโควิดให้กับคนทั้งโลก
    5.วันที่ 17 มี.ค.2563 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ให้สัมภาษณ์เตือนคนไทย ตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดเข้าไทยใหม่ๆ ตั้งแต่ตอนที่ สธ. รพ. ยังไม่สนใจ จะทำอะไร ก่อนการระบาดในสนามมวย กล่าวถึงถึงภูมิคุ้มกันหมู่ "ตามธรรมชาติ" ว่าเป็นวิธีช่วยทำให้การระบาดยุติ บอกว่า เป็นการระบาดใหญ่ pandemic ก่อนที่ WHO จะประกาศเสียอีก
    มี21ตอน ทั้งบอกวิธี ป้องกัน วิธีการรักษา และเอาตัวรอดจากโควิด ส่วนใหญ่ ถูกต้องหมด ถ้าทำตาม เราไม่ต้อง พึ่งวัคซีน ไม่ต้องใช้ยาแพง แถมจะได้ขาย สมุนไพร เศรษฐกิจไม่เสียหาย ไม่ต้องปิดบ้านปิดเมือง
    https://youtu.be/KVOCl0j7-EU?si=HlEoIeeMdscekeqs

    6.วันที่ 14 ก.พ.2564 เริ่มฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ไทย

    7.วันที่ 28 ก.พ.2564 เริ่มฉีดให้คนไทย ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ไฟเซอร์ทำรายงานผลกระทบจากวัคซีนโควิดเสร็จพอดี แล้วพบว่าในช่วง 3 เดือนแรก (1 ธ.ค. 2563 ถึง 28 ก.พ. 2564) มีคนป่วยคนเสียชีวิต1,223 ราย ป่วย 42,086 ราย เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ 158,893 ราย แต่ก็ยังปิดบังข้อมูล และให้ระดมฉีดกันต่อตามแผนลดประชากรโลก
    https://www.rookon.com/?p=538
    https://www.rookon.com/?p=936
    8.วันที่ 1 เม.ย..2564 ศ.ดร.สุจริต ภักดี บุญรัตพันธ์ เป็นแพทย์คนแรกของโลกที่ออกมาเตือนชาวโลกเรื่องอันตรายของวัคซีนโควิด ได้เขียนหนังสือ “Corona Unmasked”
    https://drive.google.com/file/d/1EZleXos_x8n3faM2Fp3W8WeSoCsJPL_F/view
    ศ.นพ. สุจริต บุณยรัตพันธุ์ ภักดี – นักจุลชีววิทยา | Johannes Gutenberg Universitat Mainz เยอรมัน
    https://stopthaicontrol.com/featured/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%88/?fbclid=IwAR3V2zLj4rsMq0oyFTAILGqSaqqtcuhs5bz6xyGdbACDyA9O4z_AbhCScE8
    วัคซีนโควิดอันตราย/ลดประชากรโลก/ชุดตรวจให้ผลลวง
    https://odysee.com/@tang:1/1080P:0
    9.วันที่ 4 พ.ค.2564 คุณอดิเทพ จาวลาห์ สร้างเวปไซด์ rookon.com และตามมาด้วย stopthaicontrol.com
    10.วันที่ 25 เม.ย.2564 คุณไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซัด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไร้ประสิทธิภาพ ชี้ เชื้อโควิดเป็นอาวุธชีวภาพที่มีเจ้าของ
    https://youtu.be/nOfEIJZtdTk
    11.วันที่ 16 มิ.ย.2564 คุณธรรมรัตน์ ศิริ เขียนบทความ
    แผนงาน..ล๊อคสเต็ป 2010 (ร๊อคกี้เฟลเลอร์)
    (ลำดับเหตุการณ์ ขั้นตอน วิธีการ สำหรับ “โควิด 19” ปี 2020 )
    https://docs.google.com/document/d/12EQWG-5m88jG1To8R2mwMX6YviZ2vDTTiC3K5l7nm_k/edit?usp=sharing
    12.วันที่ 17 ก.ย.2564 หม่อมโจ้ รุ่งคุณ กิติยากรและประชาชนเข้าพบเพื่อให้ข้อมูลแก่ตัวแทนกรมอนามัย https://rumble.com/vmqybf-38209083.html
    13.วันที่ 18 ก.ย.2564 รายการรู้ทันพลังงานไทย โดยกลุ่ม ผีเสื้อกระพือปีก ตอนพิเศษ ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เรื่อง ภูมิคุ้มกัน วิทยากร อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์,ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    https://rumble.com/vmr3i3-38215803.html
    14.วันที่ 20 ก.ย.2564 ไลฟ์สดคุณบรรพต ธนาเพิ่มสุข สัมภาษณ์ อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ หัวข้อ ตระกูล Rothschild เบื้องหลังแนวคิด การเงินการปกครองโลก
    https://www.youtube.com/live/-0sBalQr0Gw?si=uSsQnXmmKLxjNr6O
    แนวคิด City of London ศูนย์กลางการเงินโลก
    https://www.youtube.com/live/TRM7gs2-0w0?si=1IxlWt0wiV1REuLV
    15.วันที่ 30 ก.ย.2564 เสวนาออนไลน์และแถลงการณ์ เสรีภาพในการรับ/ไม่รับ วัคซีนต้าน โควิด 19 บนความรับผิดชอบ ศ.นพ.อมร เปรมกมล,นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล,พท.ป.วิพุธ สันติวาณิช,คุณธวัชชัย โตสิตระกูล,มล.รุ่งคุณ กิติยากร ผู้ดำเนินรายการ ดร.กฤษฎา บุญชัย,คุณนคร ลิมปคุปตถาวร
    https://www.youtube.com/watch?v=EpdTD7G6pCU
    16.วันที่ 1ต.ค.2564 คุณไพศาล พืชมงคล แนะ รบ.เร่งตรวจสอบวัคซีนบริจาคจากต่างชาติ แล้วมีข้อกำหนดลับ
    https://mgronline.com/uptodate/detail/9640000097330
    ไพศาล แฉ ขบานการกินค่านายหน้าซื้อยาตามโรงพยาบาลรัฐ (คลิปปลิว)
    https://youtu.be/dHVqMZL3tAU
    17.วันที่ 27 ต.ค.2564 ยื่นหนังสือถึงศาลปกครอง หม่อมโจ้ รุ่งคุณ กิติยากร เป็นตัวแทนฟ้องศาลปกครอง กรณีวัคซีนพาสปอร์ต https://t.me/ThaiPitaksithData/2227
    https://www.facebook.com/479570925826198/posts/1267602190356397/
    18.วันที่ 4 ธ.ค.2564 หม่อมโจ้ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และประชาชนผู้ตื่นรู้ข้อมูลโควิดลวงโลกร่วมชุมนุมหน้าสวนลุมและหน้าสถานฑูตออสเตรเลีย https://www.facebook.com/watch/live/?ref=watch_permalink&v=3169160836742615
    https://youtu.be/SJ_FQHnFKxw
    19.วันที่ 13 ธ.ค.2564 กลุ่มเชียงใหม่พิทักษ์สิทธิ์(ต่อมาเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็นคนไทยพิทักษ์สิทธิ์) ชุมนุมเพื่อพิทักษ์สิทธิ์ต่อต้านการบังคับฉีดทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จ.เชียงใหม่ จุดประกายการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่ต่อต้านยาฉีดลวงโลก ครั้งแรก ยื่นหนังสือต่อศาลปกครอง https://www.facebook.com/105105782022345/posts/110293994836857/
    20.วันที่ 1 ม.ค.2565 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ (เชียงใหม่)รวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เพื่อสร้างความตื่นรู้ให้กับผู้ปกครองเกี่ยวกับความปลอดภัยของยาฉีดโควิดเนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มจัดฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปี โดยจะเริ่มฉีดในวันที่ 31 มกราคม 2565 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=118390780693845&id=105105782022345&mibextid=gngRpg
    21.วันที่ 14 ม.ค.2565 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ที่เคยร่วมลงไว้ 185 ชื่อ ยื่นหนังสือต่อ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง ขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้รับสรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายการฉีดวัคซีน จากภาครัฐและแถลงการณ์ภายใน 7 วัน https://docs.google.com/document/d/1n_xmLIp85Ao-E_mM7jzdlyvn8m0feluWPz79w-bB18g/edit?usp=sharing
    22.วันที่ 16 ม.ค.2565 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ (เชียงใหม่) รวมตัวกันบริเวณประตูท่าแพ เพื่อแสดงความห่วงใยแก่เด็ก ต่อนโยบายยาฉีดระยะทดลอง ที่จะเริ่มขึ้นสิ้นเดือน มกราคม 65 และตั้งคำถามกับหน่วยงานของรัฐ กรณีการใช้มาตรการ 2 มาตรฐาน กีดกันไม่ให้ผู้ที่เลือกไม่รับยาฉีดไม่สามารถเข้าร่วมตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ถนนคนเดินบริเวณประตูท่าแพ
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=122732786926311&id=105105782022345&mibextid=gngRpg
    23.ระหว่างวันที่ 24-31 ม.ค.2565 ดร.ณัฏฐพบธรรม(วู้ดดี้)และคณะจากกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ปั่นจักรยานจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือพร้อม นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และหม่อมโจ้ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และประชาชนต่อกระทรวงศึกษาฯ ครั้งเริ่มมีการฉีดในเด็ก https://www.facebook.com/105105782022345/posts/126941879838735/ https://photos.app.goo.gl/zfpHX8iSDYXD26fh7
    24.วันที่ 17 ก.พ.2565 ชุมชุมต่อต้านวัคซีนโควิด-19 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา https://t.me/ThaiPitaksithData/2282
    https://photos.app.goo.gl/mzi3A4dCrPqgW4936
    25.วันที่ 6 ก.พ.2565 คุณไพศาล พืชมงคล เขียนบทความ ถามเข็ม 3 ทําลายกี่ครอบครัวแล้ว
    https://siamrath.co.th/n/320034
    26.วันที่ 11 มี.ค.2565 คุณหมออรรถพล ดร.ณัฏฐพบธรรม คุณอดิเทพ คุณวรเชษฐ์ (วงสไมล์บัพพาโล่)พร้อมกับกลุ่มผู้ต่อต้านวัคซีนทดลอง ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงสาธารณสุข https://photos.app.goo.gl/qukmJK5xiaiJE9ij7 เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนทดลอง หลังจากนั้นก็มีการทยอยส่งหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ อาทิ จดหมายเปิดผนึก ถึงเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/04/email-paisarnpomgmail.html
    จดหมายเปิดผนึกถึงคนไทย และผู้มีอำนาจใน ศคบ https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/05/blog-post_61.html
    27.วันที่ 11 มี.ค.2565 ไฟเซอร์แพ้คดีจากกลุ่มแพทย์อเมริกาที่รวมตัวกันฟ้อง ถูกคำสั่งศาลให้เปิดเผยข้อมูลที่จงใจปิด ว่าคนฉีดวัคซีนโควิดจะได้รับผลกระทบ 1,291 โรค
    https://phmpt.org/wp-content/uploads/2021/11/5.3.6-postmarketing-experience.pdf
    https://www.facebook.com/share/v/14LxcGr5SjQ/?mibextid=wwXIfr
    https://phmpt.org/multiple-file-downloads/
    https://dailyclout.io/pfizer-and-moderna-reports/
    28.วันที่ 17 เม.ย.2565 แพทย์ไทยลงชื่อ30ท่าน คือแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโkวิd-19 ด้วยยาผสมผสาน 4 ตัว Combination Drugs อันได้แก่ 1. ยา Ivermectin 2.ยา Fluoxetine 3.ยา Niclosamide 4.ยา Doxycycline 5.วิตามิน ดี 6.วิตามิน ซี 7.สังกะสี 8. NAC 9.แอสไพริน 10.famotidine 11.วิตามิน เอ 12. Quecertin (หอมแดง) 13. ฟ้าทะลายโจร 14. ขิง 15. กระชาย
    สนับสนุนให้เพื่อนๆแพทย์ที่เคารพทั้งหลายมีทางเลือกในการดูแลรักษาพี่น้องประชาชนชาวไทยด้วยการใช้ยารักษาโรคอื่นๆ (เดิม) ที่ได้ผ่านการศึกษาวิจัย เพื่อนำมาใช้ใหม่ Repurposed Drugs ในการรักษาโkวิd19 เป็นยาราคาถูกที่หมดสิทธิบัตรไปแล้ว Off-patent Drugs เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ผลข้างเคียงน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการรักษามาเป็นจำนวนมากแล้ว โดยอ้างอิงผลการวิจัยและคนไข้จริงๆ ทำให้คนไข้หายได้เร็วและไม่เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆตามมา
    https://c19early.com/
    รายชื่อแพทย์เรียงตามลำดับตามอักษร มีดังต่อไปนี้
    หมายเหตุ : ลงชื่อ นพ. พญ. ชื่อ-นามสกุล แพทย์สาขาหรือประสบการณ์ ที่ทำงานอดีตหรือปัจจุบัน จังหวัด
    1. นพ.กฤษณ์ติพัฒณ์ พิริยกรเจริญกิจ กุมารแพทย์
    2. นพ.กฤษดา จงสกุล เวชศาสตร์ครอบครัว นนทบุรี
    3. นพ.โกวิท ยงวานิชจิต
    4. พญ.จันทนา พงศ์สงวนสิน อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    5. พญ.จันทร์จิรา ชัชวาลา รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ
    6. นพ.จิตจำลอง หะริณสุต อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    7. นพ.ชัยยศ คุณานุสนธิ์ แพทย์ระบาดวิทยา นนทบุรี
    8. นพ.ทวีชัย พิตรปรีชา โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ
    9. นพ.ธนะรัตน์ ลยางกูร กุมารแพทย์ (ใช้ในการป้องกัน)
    10. นพ.ธีรเดช ตังเดชะหิรัญ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    11. ศ.นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    12. นพ.พิศิษฐ์ เจนดิษฐการ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ
    13. นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ แพทย์ เวชศาสตร์ป้องกัน จังหวัดน่าน
    14. นพ. พุทธพจน์ สรรพกิจจำนง แพทย์โรงพยาบาลเอกชน อยุธยา
    15. นพ.ภูษณุ ธนาพรสังสุทธิ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
    16. นพ.มาโนช อาภรณ์สุวรรณ กุมารแพทย์ บุรีรัมย์
    17. พญ.ลลิดา เกษมสุวรรณ โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ
    18.พญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู กรุงเทพฯ
    19. นพ.วัฒนา รังสราญนนท์ ศัลยกรรมทั่วไป รพ.บางไผ่ กทม.
    20. นพ.วีรชัย ลดาคม แพทย์เอกชน กรุงเทพฯ
    21. พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร กุมารแพทย์ กรุงเทพฯ
    22. นพ.สมภพ อิทธิอาวัชกุล สูติแพทย์ อรัญประเทศ
    23. นพ.สายัณห์ ผลประเสริฐ สูตินรีแพทย์ อ.หล่มศักดิ์ จ.เพชรบูรณ์
    24. นพ.สุทัศน์ วาณิชเสนี จักษุแพทย์ นครศรีธรรมราช
    25. นพ.สุเทพ ลิ้มสุขนิรันดร์ จักษุแพทย์ กาญจนบุรี
    26. นพ.สุนทร ศรีปรัชญาอนันต์ กรุงเทพฯ
    27. พญ.อรสา ชวาลภาฤทธิ์ รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ
    28. พญ.อัจฉรา รังสราญนนท์ แพทย์ห้วงเวลา ศูนย์บริการสาธารณสุข 30 วัดเจ้าอาม สำนักอนามัย กทม.
    29. น.พ. อลงกรณ์ ชุตินันท์ ประสาทศัลยแพทย์ จ.ชลบุรี
    30. นพ อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.facebook.com/105105782022345/posts/146820267850896/
    29.วันที่ 31 พ.ค.2565 กลุ่มผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายของโควิดมากว่า 2 ปี นำโดยนิตยสารข้ามห้วงมหรรณพที่เป็นสื่อกลาง ร่วมกับ กลุ่มภาคการท่องเที่ยว กลุ่มผู้ปกครองและเด็ก และกลุ่มภาคประชาชน กว่า 50 ชีวิต ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้อง ขอให้ยกเลิกการสวมหน้ากาก ให้การสวมหน้ากากเป็นทางเลือก เพื่อคืนชีวิตปกติ 100 % ให้กับประชาชน ต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่กระทรวงสาธารณสุข โดยมี คุณปวีณ์ริศา สกุลเกียรติศรุต รักษาราชการแทนหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี ได้เป็นตัวแทนในการรับเรื่องและข้อเรียกร้องในครั้งนี้
    30.วันที่ 20 พ.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และประชาชนบุกช่อง 3 เพื่อเอาข้อมูลบ.ไฟzerแพ้คดีจำใจเปิดเผยข้อมูลด้านเสียของยาฉีด มีนักข่าวมารับเรื่องเพียงเท่านั้นเรื่องก็เงียบไป
    https://rumble.com/v15flrb--.-3.html https://odysee.com/@EE:8/CH3PfizerReports:9 https://rookon.com/read-blog/130
    ต่อมาช่อง news1 สนใจและเชิญอาจารย์หมอออกรายการคนเคาะข่าว https://t.me/ThaiPitaksithData/867
    31.วันที่ 11 ก.ค.2565 องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย รายการประเด็นโดนใจ หัวข้อ"ฉีดวัคซีนตอนนี้ดีหรือไม่ " ดำเนินรายการโดย ชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ร่วมรายการ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=620043739211127&id=100004085020749
    32.วันที่ 30 ก.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล,ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์,ทนายเกิดผล แก้วเกิด,โค๊ชนาตาลี,อดิเทพ จาวลาห์,บรรยงก์ วิสุทธิ์,ภัทนรินทร์ ผลพฤกษาและผู้กล้าหลายๆท่าน จัดงานสัมมนา โควิด ทางรอดที่ปลอดภัย ครั้งที่ 1 ปลุกคนไทยให้เข้าถึงความรู้และทางรอด
    คลิปที่ 1-14 https://t.me/ThaiPitaksithData/1117 คลิปที่15-20 https://t.me/ThaiPitaksithData/1801
    หรือ https://docs.google.com/document/d/1bWenIBiboQgE5WnvM6_Tqn-PP90w45wF6C3b-LFcmxw/edit?usp=sharing
    33.วันที่ 13 ก.ย.2565 จส ๑๐๐ สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง เรื่องวัคซีนโควิด-19 https://atapol616246.substack.com/p/100?sd=pf
    34.วันที่ 30 ก.ย.2565 นายอภิชาติ กาญจนาพงศาเวช ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการยา ขอให้ทบทวนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์แบบมีเงื่อนไข ในสถานการณ์ฉุกเฉินของผลิตภัณฑ์วัคซีนโคเมอร์เนตี (Comirnaty, วัคซีนไฟเซอร์) นายอภิชาติ ได้รับสำเนาหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (ในฐานะที่ผู้แทนสำนักฯ เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ในคณะกรรมการยา) เรื่องการส่งคำร้องของนายอภิชาติ เพื่อให้ทางเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาพิจารณาเพิกถอนตำรับยาวัคซีนโคเมอร์เนตีต่อไป
    35.วันที่ 5 ต.ค.2565 กลุ่มฯเชิญชวนประชาชนส่งข้อมูลถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน https://drive.google.com/drive/folders/190jXcZNCD8znI340eigQl3NvuWTsgoI3?usp=share_link
    36.วันที่ 14 พ.ย.2565 ตัวแทนกลุ่มฯเดินทางไปที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนเพื่อติดต่อดำเนินการขอจัดตั้งองค์กร "พลังไทยพิทักษ์สิทธิ์"
    37.วันที่ 15 พ.ย.2565 ตัวแทนกลุ่มพลังไทยพิทักษ์สิทธิ์ เดินทางไปที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อติดตามเรื่องการสืบเนื่องจากการที่คณะกรรมการอาหารและยาได้อนุญาตให้ใช้วัคซีน โคเมอร์เนตีในเด็ก ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา ที่ยังไม่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา อันเป็นผลให้ไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้ การอนุญาตวัคซีนไฟเซอร์จึงเป็นการอนุญาตที่ผิดเงื่อนไข และผิดขั้นตอนทางกฎหมาย อันมีผลทำให้วัคซีนดังกล่าวยังไม่ได้รับการอนุญาต หากมีการนำวัคซีนไปฉีดให้กับผู้ป่วยจึงเป็นการนำยาที่ไม่ได้รับอนุญาตไปฉีดอันเป็นการกระทำที่ผิดตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๖๕
    38.วันที่ 20 ธ.ค.2565 ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ยื่นหนังสือถวายฎีกา https://t.me/ThaiPitaksithData/2258
    39.วันที่ 23 ม.ค.2566 เริ่มยื่นหนังสือ จากการที่กลุ่มได้เชิญชวนประชาชนยื่นหนังสือให้หน่วยงานต่างๆให้ทบทวนแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมทั้งรับทราบผลเสียจากวัคซีน และการรับผิดชอบทางละเมิด หากท่านกระทำการโดยประมาท https://drive.google.com/drive/folders/1z0_Qv-q7C9RXETMBkaqBcJHATVXNElbw?usp=share_link
    รายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่ต้องการให้ยุติการฉีดยีนไวรัส ที่หลอกว่าเป็นวัคซีน ดังนี้ ศ.ดร.สุจริต (บุณยรัตพันธุ์)ภักดี,นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา,หมอเดชา ศิริภัทร,นพ.มนตรี เศรษฐบุตร,นพ.ทวีศักดิ์ เนตรวงศ์,นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ,นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์,พญ.ภูสณิตา วิเศษปุณรัตน์,นพ.สำลี เปลี่ยนบางช้าง,ทพญ.สรินภรณ์ ธีรเวชกุล,นพ.วัลลภ ธนเกียรติ์,ผศ.พญ.นิลรัตน์ นฤหล้า,นพ.วีระพล มงคลกุล,ศ.นพ.อมร เปรมกมล,ทพ.เกริกพันธุ์ ทองดี​,นพ.อลงกรณ์ ชุตินันท์,พญ.นรากร ลีปรีชานนท์,ทพ.เกรียง​ศักดิ์​ ลือ​กำลัง,พญ.​นวลอนงค์​ ลือ​กำลัง,นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธ์,ทพญ.อัมพา ทองดี,นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์,พญ.รัสรินทร์ กาญจนศศิศิลป์,พญ.ทิตยาวดี สัมพันธารักษ์,พญ.สุภาพร มีลาภ,นพ.ภาสิน เหมะจุฑา,แพทย์แผนจีนไกร บารมีเสริมส่ง,พท.กนกนุช​ ชิตวัฒนานนท์,พท.วิชากร จันทรโคตร,พท.วัชรธน อภิเลิศโสภณ,พท.มณฑล ภัทรภักดีกุล,พท.ปภาน ชัยเกษมวรากุล, พท.สุมนัสสา วาจรัต,พท.นิสิริน ลอสวัสดิ์,พท.อภิชาติ กาญจนาพงศาเวช,ทนพ.ชัยศรี เลิศวิทยากูล,พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข,พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข,พว.ปาหนัน หวนไธสง,พว.บัวบาน อาชาศรัย,พว.ศิริรัตน์ คำไข,พว.วรนุชนันท์ ลภัสสุปภานันท์,พว.สุภรณ์ บุหลัน,พว.พิกุล เขื่อนคำ,ร.ต.พิลาสินี พันทองหลาง (นายทหารกายภาพบำบัด),ภกญ.พรรณราย ชัยชมภู,ภก.วีรรัตน์ อภิวัฒนเสวี​,ภก.นชน มาตรชัยสิงห์,ภก.พัชราถรณ์ กาญจนบัตร,ภญ.พิรุณ​รัตน์​ เขื่อน​แก้ว,ภญ.วรณัน เกิดม่วงหมู่​,อสม.วิจิตรา จันทร์สม,ผู้ช่วย พยาบาลนพนันท์ จิตรตรง,รุ่งทิพย์ อาจารยา,เสียงเงิน สอนเย็น,จินตนา เดชศร,นวลละออ ศิโรรัตน์,มริยาท สารทอง,โชติกา ไทยฤทธิ์,เพนนี แจนส์ซ,ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ,ดร.วีระพล โมนยะกุล,ดร.ธิดารัตน์ เอกศิริ,ดร.ภัทราภรณ์ พิมลไทย,ผศ.ดร.ศรัณยา สุจริตกุล,คุณโฉลก สัมพันธารักษ์,คุณNatalie Proenca,มล.รุ่งคุณ กิติยากร,คุณอดิเทพ จาวลาห์
    และรายชื่อประชาชนจากลิงค์ต่อไปนี้ https://docs.google.com/spreadsheets/d/1h1cE4qaAs062q-IxuEwzSWektFvCbVWs1UUpnA9z_gM/edit?usp=sharing
    ร่วมลงชื่อเพิ่มเติมใบแบบฟอร์มลิงก์ต่อไปนี้ https://forms.gle/LhtATTMenVmASZVH7
    40.วันที่ 28 ม.ค.2566 โค๊ชนาตาลีจัดงานสัมนามีหัวข้อบางส่วนในนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุด ที่คุณต้องตื่นรู้ในชีวิตนี้และเรียนรู้เรื่อง Mind Control ปลดล็อคจากการถูกควบคุมเพื่ออิสระภาพของคุณ บรรยายร่วมกับ คุณอดิเทพ จาวลาห์

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    เหตุการณ์และกิจกรรมปลุกพี่น้องคนไทยจากโควิดลวงโลก! https://drive.google.com/drive/folders/1lrGtLt2lCdGjTYeXaJfYDniXxwdJcUWP https://t.me/ThaiPitaksithData/6071 ช่วงที่ 1 🇹🇭1.วันที่ 28 พ.ย.2553 คุณธรรมรัตน์ ศิริ เขียนบทความ เช่น Illuminati Bloodline(สายเลือดอิลลูมินาติ),Rothschild,ลัทธิซาตาน,การลดประชากรโลก Agenda โดยกลุ่ม NWO https://jimmysiri.blogspot.com/ 🇹🇭2.วันที่ 31 ธ.ค.2562 เป็นวันที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้รับแจ้งเกี่ยวกับการระบาดของโควิด19 🇹🇭3.วันที่ 30 ม.ค.2563 องค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้เป็นภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระหว่างประเทศ 🇹🇭4.วันที่ 8 ธ.ค. 2563 เริ่มฉีดวัคซีนโควิดให้กับคนทั้งโลก 🇹🇭5.วันที่ 17 มี.ค.2563 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง ให้สัมภาษณ์เตือนคนไทย ตั้งแต่โควิดเริ่มระบาดเข้าไทยใหม่ๆ ตั้งแต่ตอนที่ สธ. รพ. ยังไม่สนใจ จะทำอะไร ก่อนการระบาดในสนามมวย กล่าวถึงถึงภูมิคุ้มกันหมู่ "ตามธรรมชาติ" ว่าเป็นวิธีช่วยทำให้การระบาดยุติ บอกว่า เป็นการระบาดใหญ่ pandemic ก่อนที่ WHO จะประกาศเสียอีก มี21ตอน ทั้งบอกวิธี ป้องกัน วิธีการรักษา และเอาตัวรอดจากโควิด ส่วนใหญ่ ถูกต้องหมด ถ้าทำตาม เราไม่ต้อง พึ่งวัคซีน ไม่ต้องใช้ยาแพง แถมจะได้ขาย สมุนไพร เศรษฐกิจไม่เสียหาย ไม่ต้องปิดบ้านปิดเมือง https://youtu.be/KVOCl0j7-EU?si=HlEoIeeMdscekeqs 🇹🇭6.วันที่ 14 ก.พ.2564 เริ่มฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ไทย 🇹🇭7.วันที่ 28 ก.พ.2564 เริ่มฉีดให้คนไทย ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ไฟเซอร์ทำรายงานผลกระทบจากวัคซีนโควิดเสร็จพอดี แล้วพบว่าในช่วง 3 เดือนแรก (1 ธ.ค. 2563 ถึง 28 ก.พ. 2564) มีคนป่วยคนเสียชีวิต1,223 ราย ป่วย 42,086 ราย เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์ 158,893 ราย แต่ก็ยังปิดบังข้อมูล และให้ระดมฉีดกันต่อตามแผนลดประชากรโลก https://www.rookon.com/?p=538 https://www.rookon.com/?p=936 🇹🇭8.วันที่ 1 เม.ย..2564 ศ.ดร.สุจริต ภักดี บุญรัตพันธ์ เป็นแพทย์คนแรกของโลกที่ออกมาเตือนชาวโลกเรื่องอันตรายของวัคซีนโควิด ได้เขียนหนังสือ “Corona Unmasked” https://drive.google.com/file/d/1EZleXos_x8n3faM2Fp3W8WeSoCsJPL_F/view ศ.นพ. สุจริต บุณยรัตพันธุ์ ภักดี – นักจุลชีววิทยา | Johannes Gutenberg Universitat Mainz เยอรมัน https://stopthaicontrol.com/featured/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%88/?fbclid=IwAR3V2zLj4rsMq0oyFTAILGqSaqqtcuhs5bz6xyGdbACDyA9O4z_AbhCScE8 วัคซีนโควิดอันตราย/ลดประชากรโลก/ชุดตรวจให้ผลลวง https://odysee.com/@tang:1/1080P:0 🇹🇭9.วันที่ 4 พ.ค.2564 คุณอดิเทพ จาวลาห์ สร้างเวปไซด์ rookon.com และตามมาด้วย stopthaicontrol.com 🇹🇭10.วันที่ 25 เม.ย.2564 คุณไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซัด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไร้ประสิทธิภาพ ชี้ เชื้อโควิดเป็นอาวุธชีวภาพที่มีเจ้าของ https://youtu.be/nOfEIJZtdTk 🇹🇭11.วันที่ 16 มิ.ย.2564 คุณธรรมรัตน์ ศิริ เขียนบทความ แผนงาน..ล๊อคสเต็ป 2010 (ร๊อคกี้เฟลเลอร์) (ลำดับเหตุการณ์ ขั้นตอน วิธีการ สำหรับ “โควิด 19” ปี 2020 ) https://docs.google.com/document/d/12EQWG-5m88jG1To8R2mwMX6YviZ2vDTTiC3K5l7nm_k/edit?usp=sharing 🇹🇭12.วันที่ 17 ก.ย.2564 หม่อมโจ้ รุ่งคุณ กิติยากรและประชาชนเข้าพบเพื่อให้ข้อมูลแก่ตัวแทนกรมอนามัย https://rumble.com/vmqybf-38209083.html 🇹🇭13.วันที่ 18 ก.ย.2564 รายการรู้ทันพลังงานไทย โดยกลุ่ม ผีเสื้อกระพือปีก ตอนพิเศษ ข้อเท็จจริงที่ควรรู้เรื่อง ภูมิคุ้มกัน วิทยากร อ.นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์,ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร https://rumble.com/vmr3i3-38215803.html 🇹🇭14.วันที่ 20 ก.ย.2564 ไลฟ์สดคุณบรรพต ธนาเพิ่มสุข สัมภาษณ์ อ.ทวีสุข ธรรมศักดิ์ หัวข้อ ตระกูล Rothschild เบื้องหลังแนวคิด การเงินการปกครองโลก https://www.youtube.com/live/-0sBalQr0Gw?si=uSsQnXmmKLxjNr6O แนวคิด City of London ศูนย์กลางการเงินโลก https://www.youtube.com/live/TRM7gs2-0w0?si=1IxlWt0wiV1REuLV 🇹🇭15.วันที่ 30 ก.ย.2564 เสวนาออนไลน์และแถลงการณ์ เสรีภาพในการรับ/ไม่รับ วัคซีนต้าน โควิด 19 บนความรับผิดชอบ ศ.นพ.อมร เปรมกมล,นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,นพ.ทีปทัศน์ ชุณหสวัสดิกุล,พท.ป.วิพุธ สันติวาณิช,คุณธวัชชัย โตสิตระกูล,มล.รุ่งคุณ กิติยากร ผู้ดำเนินรายการ ดร.กฤษฎา บุญชัย,คุณนคร ลิมปคุปตถาวร https://www.youtube.com/watch?v=EpdTD7G6pCU 🇹🇭16.วันที่ 1ต.ค.2564 คุณไพศาล พืชมงคล แนะ รบ.เร่งตรวจสอบวัคซีนบริจาคจากต่างชาติ แล้วมีข้อกำหนดลับ https://mgronline.com/uptodate/detail/9640000097330 ไพศาล แฉ ขบานการกินค่านายหน้าซื้อยาตามโรงพยาบาลรัฐ (คลิปปลิว) https://youtu.be/dHVqMZL3tAU 🇹🇭17.วันที่ 27 ต.ค.2564 ยื่นหนังสือถึงศาลปกครอง หม่อมโจ้ รุ่งคุณ กิติยากร เป็นตัวแทนฟ้องศาลปกครอง กรณีวัคซีนพาสปอร์ต https://t.me/ThaiPitaksithData/2227 https://www.facebook.com/479570925826198/posts/1267602190356397/ 🇹🇭18.วันที่ 4 ธ.ค.2564 หม่อมโจ้ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และประชาชนผู้ตื่นรู้ข้อมูลโควิดลวงโลกร่วมชุมนุมหน้าสวนลุมและหน้าสถานฑูตออสเตรเลีย https://www.facebook.com/watch/live/?ref=watch_permalink&v=3169160836742615 https://youtu.be/SJ_FQHnFKxw 🇹🇭19.วันที่ 13 ธ.ค.2564 กลุ่มเชียงใหม่พิทักษ์สิทธิ์(ต่อมาเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็นคนไทยพิทักษ์สิทธิ์) ชุมนุมเพื่อพิทักษ์สิทธิ์ต่อต้านการบังคับฉีดทั้งทางตรงและทางอ้อมที่จ.เชียงใหม่ จุดประกายการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่ต่อต้านยาฉีดลวงโลก ครั้งแรก ยื่นหนังสือต่อศาลปกครอง https://www.facebook.com/105105782022345/posts/110293994836857/ 🇹🇭20.วันที่ 1 ม.ค.2565 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ (เชียงใหม่)รวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เพื่อสร้างความตื่นรู้ให้กับผู้ปกครองเกี่ยวกับความปลอดภัยของยาฉีดโควิดเนื่องจากกระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มจัดฉีดในเด็กอายุ 5-11 ปี โดยจะเริ่มฉีดในวันที่ 31 มกราคม 2565 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=118390780693845&id=105105782022345&mibextid=gngRpg 🇹🇭21.วันที่ 14 ม.ค.2565 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ที่เคยร่วมลงไว้ 185 ชื่อ ยื่นหนังสือต่อ ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เรื่อง ขอให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนได้รับสรุปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายการฉีดวัคซีน จากภาครัฐและแถลงการณ์ภายใน 7 วัน https://docs.google.com/document/d/1n_xmLIp85Ao-E_mM7jzdlyvn8m0feluWPz79w-bB18g/edit?usp=sharing 🇹🇭22.วันที่ 16 ม.ค.2565 กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ (เชียงใหม่) รวมตัวกันบริเวณประตูท่าแพ เพื่อแสดงความห่วงใยแก่เด็ก ต่อนโยบายยาฉีดระยะทดลอง ที่จะเริ่มขึ้นสิ้นเดือน มกราคม 65 และตั้งคำถามกับหน่วยงานของรัฐ กรณีการใช้มาตรการ 2 มาตรฐาน กีดกันไม่ให้ผู้ที่เลือกไม่รับยาฉีดไม่สามารถเข้าร่วมตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ถนนคนเดินบริเวณประตูท่าแพ https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=122732786926311&id=105105782022345&mibextid=gngRpg 🇹🇭23.ระหว่างวันที่ 24-31 ม.ค.2565 ดร.ณัฏฐพบธรรม(วู้ดดี้)และคณะจากกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ปั่นจักรยานจากเชียงใหม่มากรุงเทพฯ เพื่อยื่นหนังสือพร้อม นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และหม่อมโจ้ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร และประชาชนต่อกระทรวงศึกษาฯ ครั้งเริ่มมีการฉีดในเด็ก https://www.facebook.com/105105782022345/posts/126941879838735/ https://photos.app.goo.gl/zfpHX8iSDYXD26fh7 🇹🇭24.วันที่ 17 ก.พ.2565 ชุมชุมต่อต้านวัคซีนโควิด-19 อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา https://t.me/ThaiPitaksithData/2282 https://photos.app.goo.gl/mzi3A4dCrPqgW4936 🇹🇭25.วันที่ 6 ก.พ.2565 คุณไพศาล พืชมงคล เขียนบทความ ถามเข็ม 3 ทําลายกี่ครอบครัวแล้ว https://siamrath.co.th/n/320034 🇹🇭26.วันที่ 11 มี.ค.2565 คุณหมออรรถพล ดร.ณัฏฐพบธรรม คุณอดิเทพ คุณวรเชษฐ์ (วงสไมล์บัพพาโล่)พร้อมกับกลุ่มผู้ต่อต้านวัคซีนทดลอง ไปยื่นหนังสือที่กระทรวงสาธารณสุข https://photos.app.goo.gl/qukmJK5xiaiJE9ij7 เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากวัคซีนทดลอง หลังจากนั้นก็มีการทยอยส่งหนังสือถึงหน่วยงานต่างๆ อาทิ จดหมายเปิดผนึก ถึงเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/04/email-paisarnpomgmail.html จดหมายเปิดผนึกถึงคนไทย และผู้มีอำนาจใน ศคบ https://cmhealthlibertyrights.blogspot.com/2022/05/blog-post_61.html 🇹🇭27.วันที่ 11 มี.ค.2565 ไฟเซอร์แพ้คดีจากกลุ่มแพทย์อเมริกาที่รวมตัวกันฟ้อง ถูกคำสั่งศาลให้เปิดเผยข้อมูลที่จงใจปิด ว่าคนฉีดวัคซีนโควิดจะได้รับผลกระทบ 1,291 โรค https://phmpt.org/wp-content/uploads/2021/11/5.3.6-postmarketing-experience.pdf https://www.facebook.com/share/v/14LxcGr5SjQ/?mibextid=wwXIfr https://phmpt.org/multiple-file-downloads/ https://dailyclout.io/pfizer-and-moderna-reports/ 🇹🇭28.วันที่ 17 เม.ย.2565 แพทย์ไทยลงชื่อ30ท่าน คือแพทย์ที่มีประสบการณ์ในการรักษาผู้ที่ติดเชื้อโkวิd-19 ด้วยยาผสมผสาน 4 ตัว Combination Drugs อันได้แก่ 1. ยา Ivermectin 2.ยา Fluoxetine 3.ยา Niclosamide 4.ยา Doxycycline 5.วิตามิน ดี 6.วิตามิน ซี 7.สังกะสี 8. NAC 9.แอสไพริน 10.famotidine 11.วิตามิน เอ 12. Quecertin (หอมแดง) 13. ฟ้าทะลายโจร 14. ขิง 15. กระชาย สนับสนุนให้เพื่อนๆแพทย์ที่เคารพทั้งหลายมีทางเลือกในการดูแลรักษาพี่น้องประชาชนชาวไทยด้วยการใช้ยารักษาโรคอื่นๆ (เดิม) ที่ได้ผ่านการศึกษาวิจัย เพื่อนำมาใช้ใหม่ Repurposed Drugs ในการรักษาโkวิd19 เป็นยาราคาถูกที่หมดสิทธิบัตรไปแล้ว Off-patent Drugs เป็นยาที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ผลข้างเคียงน้อย ซึ่งทั้งหมดนี้ผ่านการรักษามาเป็นจำนวนมากแล้ว โดยอ้างอิงผลการวิจัยและคนไข้จริงๆ ทำให้คนไข้หายได้เร็วและไม่เกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆตามมา https://c19early.com/ รายชื่อแพทย์เรียงตามลำดับตามอักษร มีดังต่อไปนี้ หมายเหตุ : ลงชื่อ นพ. พญ. ชื่อ-นามสกุล แพทย์สาขาหรือประสบการณ์ ที่ทำงานอดีตหรือปัจจุบัน จังหวัด 1. นพ.กฤษณ์ติพัฒณ์ พิริยกรเจริญกิจ กุมารแพทย์ 2. นพ.กฤษดา จงสกุล เวชศาสตร์ครอบครัว นนทบุรี 3. นพ.โกวิท ยงวานิชจิต 4. พญ.จันทนา พงศ์สงวนสิน อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 5. พญ.จันทร์จิรา ชัชวาลา รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ 6. นพ.จิตจำลอง หะริณสุต อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 7. นพ.ชัยยศ คุณานุสนธิ์ แพทย์ระบาดวิทยา นนทบุรี 8. นพ.ทวีชัย พิตรปรีชา โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ 9. นพ.ธนะรัตน์ ลยางกูร กุมารแพทย์ (ใช้ในการป้องกัน) 10. นพ.ธีรเดช ตังเดชะหิรัญ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 11. ศ.นพ.ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 12. นพ.พิศิษฐ์ เจนดิษฐการ อายุรแพทย์ กรุงเทพฯ 13. นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ แพทย์ เวชศาสตร์ป้องกัน จังหวัดน่าน 14. นพ. พุทธพจน์ สรรพกิจจำนง แพทย์โรงพยาบาลเอกชน อยุธยา 15. นพ.ภูษณุ ธนาพรสังสุทธิ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 16. นพ.มาโนช อาภรณ์สุวรรณ กุมารแพทย์ บุรีรัมย์ 17. พญ.ลลิดา เกษมสุวรรณ โสต-ศอ-นาสิกแพทย์ กรุงเทพฯ 18.พญ.วัชรา ริ้วไพบูลย์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู กรุงเทพฯ 19. นพ.วัฒนา รังสราญนนท์ ศัลยกรรมทั่วไป รพ.บางไผ่ กทม. 20. นพ.วีรชัย ลดาคม แพทย์เอกชน กรุงเทพฯ 21. พญ.ศิราภรณ์ สวัสดิวร กุมารแพทย์ กรุงเทพฯ 22. นพ.สมภพ อิทธิอาวัชกุล สูติแพทย์ อรัญประเทศ 23. นพ.สายัณห์ ผลประเสริฐ สูตินรีแพทย์ อ.หล่มศักดิ์ จ.เพชรบูรณ์ 24. นพ.สุทัศน์ วาณิชเสนี จักษุแพทย์ นครศรีธรรมราช 25. นพ.สุเทพ ลิ้มสุขนิรันดร์ จักษุแพทย์ กาญจนบุรี 26. นพ.สุนทร ศรีปรัชญาอนันต์ กรุงเทพฯ 27. พญ.อรสา ชวาลภาฤทธิ์ รังสีแพทย์ กรุงเทพฯ 28. พญ.อัจฉรา รังสราญนนท์ แพทย์ห้วงเวลา ศูนย์บริการสาธารณสุข 30 วัดเจ้าอาม สำนักอนามัย กทม. 29. น.พ. อลงกรณ์ ชุตินันท์ ประสาทศัลยแพทย์ จ.ชลบุรี 30. นพ อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.facebook.com/105105782022345/posts/146820267850896/ 🇹🇭29.วันที่ 31 พ.ค.2565 กลุ่มผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากนโยบายของโควิดมากว่า 2 ปี นำโดยนิตยสารข้ามห้วงมหรรณพที่เป็นสื่อกลาง ร่วมกับ กลุ่มภาคการท่องเที่ยว กลุ่มผู้ปกครองและเด็ก และกลุ่มภาคประชาชน กว่า 50 ชีวิต ได้รวมตัวกันเพื่อเรียกร้อง ขอให้ยกเลิกการสวมหน้ากาก ให้การสวมหน้ากากเป็นทางเลือก เพื่อคืนชีวิตปกติ 100 % ให้กับประชาชน ต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ที่กระทรวงสาธารณสุข โดยมี คุณปวีณ์ริศา สกุลเกียรติศรุต รักษาราชการแทนหัวหน้าสำนักงานรัฐมนตรี ได้เป็นตัวแทนในการรับเรื่องและข้อเรียกร้องในครั้งนี้ 🇹🇭30.วันที่ 20 พ.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง และประชาชนบุกช่อง 3 เพื่อเอาข้อมูลบ.ไฟzerแพ้คดีจำใจเปิดเผยข้อมูลด้านเสียของยาฉีด มีนักข่าวมารับเรื่องเพียงเท่านั้นเรื่องก็เงียบไป https://rumble.com/v15flrb--.-3.html https://odysee.com/@EE:8/CH3PfizerReports:9 https://rookon.com/read-blog/130 ต่อมาช่อง news1 สนใจและเชิญอาจารย์หมอออกรายการคนเคาะข่าว https://t.me/ThaiPitaksithData/867 🇹🇭31.วันที่ 11 ก.ค.2565 องค์กรภาคีเครือข่ายผู้ประกอบการวิทยุกระจายเสียงภาคประชาชนแห่งประเทศไทย รายการประเด็นโดนใจ หัวข้อ"ฉีดวัคซีนตอนนี้ดีหรือไม่ " ดำเนินรายการโดย ชาลี นพวงศ์ ณ อยุธยา ผู้ร่วมรายการ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.facebook.com/story.php?story_fbid=620043739211127&id=100004085020749 🇹🇭32.วันที่ 30 ก.ค.2565 นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล,ลุงโฉลก สัมพันธารักษ์,ทนายเกิดผล แก้วเกิด,โค๊ชนาตาลี,อดิเทพ จาวลาห์,บรรยงก์ วิสุทธิ์,ภัทนรินทร์ ผลพฤกษาและผู้กล้าหลายๆท่าน จัดงานสัมมนา โควิด ทางรอดที่ปลอดภัย ครั้งที่ 1 ปลุกคนไทยให้เข้าถึงความรู้และทางรอด คลิปที่ 1-14 https://t.me/ThaiPitaksithData/1117 คลิปที่15-20 https://t.me/ThaiPitaksithData/1801 หรือ https://docs.google.com/document/d/1bWenIBiboQgE5WnvM6_Tqn-PP90w45wF6C3b-LFcmxw/edit?usp=sharing 🇹🇭33.วันที่ 13 ก.ย.2565 จส ๑๐๐ สัมภาษณ์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง เรื่องวัคซีนโควิด-19 https://atapol616246.substack.com/p/100?sd=pf 🇹🇭34.วันที่ 30 ก.ย.2565 นายอภิชาติ กาญจนาพงศาเวช ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ ได้ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการยา ขอให้ทบทวนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาแผนปัจจุบันสำหรับมนุษย์แบบมีเงื่อนไข ในสถานการณ์ฉุกเฉินของผลิตภัณฑ์วัคซีนโคเมอร์เนตี (Comirnaty, วัคซีนไฟเซอร์) นายอภิชาติ ได้รับสำเนาหนังสือจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (ในฐานะที่ผู้แทนสำนักฯ เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง ในคณะกรรมการยา) เรื่องการส่งคำร้องของนายอภิชาติ เพื่อให้ทางเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาพิจารณาเพิกถอนตำรับยาวัคซีนโคเมอร์เนตีต่อไป 🇹🇭35.วันที่ 5 ต.ค.2565 กลุ่มฯเชิญชวนประชาชนส่งข้อมูลถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน https://drive.google.com/drive/folders/190jXcZNCD8znI340eigQl3NvuWTsgoI3?usp=share_link 🇹🇭36.วันที่ 14 พ.ย.2565 ตัวแทนกลุ่มฯเดินทางไปที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนเพื่อติดต่อดำเนินการขอจัดตั้งองค์กร "พลังไทยพิทักษ์สิทธิ์" 🇹🇭37.วันที่ 15 พ.ย.2565 ตัวแทนกลุ่มพลังไทยพิทักษ์สิทธิ์ เดินทางไปที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อติดตามเรื่องการสืบเนื่องจากการที่คณะกรรมการอาหารและยาได้อนุญาตให้ใช้วัคซีน โคเมอร์เนตีในเด็ก ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของกระบวนการพิจารณาอนุญาตยา ที่ยังไม่ได้ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา อันเป็นผลให้ไม่สามารถนำมาบังคับใช้ได้ การอนุญาตวัคซีนไฟเซอร์จึงเป็นการอนุญาตที่ผิดเงื่อนไข และผิดขั้นตอนทางกฎหมาย อันมีผลทำให้วัคซีนดังกล่าวยังไม่ได้รับการอนุญาต หากมีการนำวัคซีนไปฉีดให้กับผู้ป่วยจึงเป็นการนำยาที่ไม่ได้รับอนุญาตไปฉีดอันเป็นการกระทำที่ผิดตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๖๕ 🇹🇭38.วันที่ 20 ธ.ค.2565 ตัวแทนกลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ยื่นหนังสือถวายฎีกา https://t.me/ThaiPitaksithData/2258 🇹🇭39.วันที่ 23 ม.ค.2566 เริ่มยื่นหนังสือ จากการที่กลุ่มได้เชิญชวนประชาชนยื่นหนังสือให้หน่วยงานต่างๆให้ทบทวนแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมทั้งรับทราบผลเสียจากวัคซีน และการรับผิดชอบทางละเมิด หากท่านกระทำการโดยประมาท https://drive.google.com/drive/folders/1z0_Qv-q7C9RXETMBkaqBcJHATVXNElbw?usp=share_link รายชื่อบุคลากรทางการแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ ผู้ที่ต้องการให้ยุติการฉีดยีนไวรัส ที่หลอกว่าเป็นวัคซีน ดังนี้ ศ.ดร.สุจริต (บุณยรัตพันธุ์)ภักดี,นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง,อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา,หมอเดชา ศิริภัทร,นพ.มนตรี เศรษฐบุตร,นพ.ทวีศักดิ์ เนตรวงศ์,นพ.ชลธวัช สุวรรณปิยะศิริ,นพ.พงศ์ศักดิ์ ตั้งคณา,ทพญ.เพ็ญนภา คณิตจินดา,ทพ.วัลลภ ธีรเวชกุล,พญ.ชนิฎา ศิริประภารัตน์,พญ.ภูสณิตา วิเศษปุณรัตน์,นพ.สำลี เปลี่ยนบางช้าง,ทพญ.สรินภรณ์ ธีรเวชกุล,นพ.วัลลภ ธนเกียรติ์,ผศ.พญ.นิลรัตน์ นฤหล้า,นพ.วีระพล มงคลกุล,ศ.นพ.อมร เปรมกมล,ทพ.เกริกพันธุ์ ทองดี​,นพ.อลงกรณ์ ชุตินันท์,พญ.นรากร ลีปรีชานนท์,ทพ.เกรียง​ศักดิ์​ ลือ​กำลัง,พญ.​นวลอนงค์​ ลือ​กำลัง,นพ.ภาคภูมิ สุปิยพันธ์,ทพญ.อัมพา ทองดี,นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์,พญ.รัสรินทร์ กาญจนศศิศิลป์,พญ.ทิตยาวดี สัมพันธารักษ์,พญ.สุภาพร มีลาภ,นพ.ภาสิน เหมะจุฑา,แพทย์แผนจีนไกร บารมีเสริมส่ง,พท.กนกนุช​ ชิตวัฒนานนท์,พท.วิชากร จันทรโคตร,พท.วัชรธน อภิเลิศโสภณ,พท.มณฑล ภัทรภักดีกุล,พท.ปภาน ชัยเกษมวรากุล, พท.สุมนัสสา วาจรัต,พท.นิสิริน ลอสวัสดิ์,พท.อภิชาติ กาญจนาพงศาเวช,ทนพ.ชัยศรี เลิศวิทยากูล,พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข,พว.ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข,พว.ปาหนัน หวนไธสง,พว.บัวบาน อาชาศรัย,พว.ศิริรัตน์ คำไข,พว.วรนุชนันท์ ลภัสสุปภานันท์,พว.สุภรณ์ บุหลัน,พว.พิกุล เขื่อนคำ,ร.ต.พิลาสินี พันทองหลาง (นายทหารกายภาพบำบัด),ภกญ.พรรณราย ชัยชมภู,ภก.วีรรัตน์ อภิวัฒนเสวี​,ภก.นชน มาตรชัยสิงห์,ภก.พัชราถรณ์ กาญจนบัตร,ภญ.พิรุณ​รัตน์​ เขื่อน​แก้ว,ภญ.วรณัน เกิดม่วงหมู่​,อสม.วิจิตรา จันทร์สม,ผู้ช่วย พยาบาลนพนันท์ จิตรตรง,รุ่งทิพย์ อาจารยา,เสียงเงิน สอนเย็น,จินตนา เดชศร,นวลละออ ศิโรรัตน์,มริยาท สารทอง,โชติกา ไทยฤทธิ์,เพนนี แจนส์ซ,ดร.ศรีวิชัย ศรีสุวรรณ,ดร.วีระพล โมนยะกุล,ดร.ธิดารัตน์ เอกศิริ,ดร.ภัทราภรณ์ พิมลไทย,ผศ.ดร.ศรัณยา สุจริตกุล,คุณโฉลก สัมพันธารักษ์,คุณNatalie Proenca,มล.รุ่งคุณ กิติยากร,คุณอดิเทพ จาวลาห์ และรายชื่อประชาชนจากลิงค์ต่อไปนี้ https://docs.google.com/spreadsheets/d/1h1cE4qaAs062q-IxuEwzSWektFvCbVWs1UUpnA9z_gM/edit?usp=sharing ร่วมลงชื่อเพิ่มเติมใบแบบฟอร์มลิงก์ต่อไปนี้ https://forms.gle/LhtATTMenVmASZVH7 🇹🇭40.วันที่ 28 ม.ค.2566 โค๊ชนาตาลีจัดงานสัมนามีหัวข้อบางส่วนในนั้นคือสิ่งสำคัญที่สุด ที่คุณต้องตื่นรู้ในชีวิตนี้และเรียนรู้เรื่อง Mind Control ปลดล็อคจากการถูกควบคุมเพื่ออิสระภาพของคุณ บรรยายร่วมกับ คุณอดิเทพ จาวลาห์ กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2333 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน โค๊ต ภปร. อุดกริ่ง ยันต์ นะ เนื้ออัลปาก้า (หายาก สร้างน้อย) // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ //

    ** พุทธคุณ คุ้มครอง แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยมโดยเฉพาะในด้านค้าขาย มีโชคมีลาภ ค้าขาย ร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง **

    ** หลวงพ่อเงิน วัดบางคลานเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในด้านวัตถุมงคลและพุทธคุณทางคงกระพัน เมตตามหานิยม รวมถึงการรักษาโรคภัยต่าง ๆ หลวงพ่อเงินได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในพระเกจิที่ทรงอิทธิฤทธิ์และเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนมากที่สุดในยุคสมัยของท่าน **

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    หลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน โค๊ต ภปร. อุดกริ่ง ยันต์ นะ เนื้ออัลปาก้า (หายาก สร้างน้อย) // พระดีพิธีใหญ่ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ // ** พุทธคุณ คุ้มครอง แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี เมตตามหานิยมโดยเฉพาะในด้านค้าขาย มีโชคมีลาภ ค้าขาย ร่ำรวย อุดมสมบูรณ์ ทำมาหากินคล่อง เจริญในหน้าที่การงานคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายทั้งปวง ** ** หลวงพ่อเงิน วัดบางคลานเป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีชื่อเสียงโด่งดังทั้งในด้านวัตถุมงคลและพุทธคุณทางคงกระพัน เมตตามหานิยม รวมถึงการรักษาโรคภัยต่าง ๆ หลวงพ่อเงินได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในพระเกจิที่ทรงอิทธิฤทธิ์และเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชนมากที่สุดในยุคสมัยของท่าน ** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts