• ทานกับอะไรก็อร่อยยยยย ปลาเกล็ดขาวสามรส …เพลินมากกก…รสชาติจะมี 3 รส เผ็ดนิดๆ หวานเบาๆ เค็มนัวหน่อยๆ… ไม่ได้จัดจ้านเกินไป…แต่กลมกล่อมพอดีเลิศ มองหาของทานเล่น ที่ทานแล้วมีประโยชน์คูณสองอยู่ใช่ไหมคะ… ดีต่อใจ แถมได้แคลเซียมจากปลาทั้งตัว … แนะนำจานนี้เลยค่าาา ปลาเกล็ดขาวสามรส … 🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาปลาเกล็ดขาวสามรส 🙂 ใน TikTok (มีราคา Flash Sale !!!!! ⭕️⭕️⭕️✅✅✅): https://vt.tiktok.com/ZSMvrQaKM/ปลาเกล็ดขาวสามรส 🙂 ใน Shopee: https://th.shp.ee/FRA2CR2เมีลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #หมึกกระตอย #หอยลายอบกรอบ #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยกี่โมง #kinjubjibshop #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลากระพงทุบ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #หมึกกระตอย
    ทานกับอะไรก็อร่อยยยยย ปลาเกล็ดขาวสามรส …เพลินมากกก…รสชาติจะมี 3 รส เผ็ดนิดๆ หวานเบาๆ เค็มนัวหน่อยๆ… ไม่ได้จัดจ้านเกินไป…แต่กลมกล่อมพอดีเลิศ มองหาของทานเล่น ที่ทานแล้วมีประโยชน์คูณสองอยู่ใช่ไหมคะ… ดีต่อใจ แถมได้แคลเซียมจากปลาทั้งตัว … แนะนำจานนี้เลยค่าาา ปลาเกล็ดขาวสามรส … 🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาปลาเกล็ดขาวสามรส 🙂 ใน TikTok (มีราคา Flash Sale !!!!! ⭕️⭕️⭕️✅✅✅): https://vt.tiktok.com/ZSMvrQaKM/ปลาเกล็ดขาวสามรส 🙂 ใน Shopee: https://th.shp.ee/FRA2CR2เมีลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาเกล็ดขาว #หมึกกระตอย #หอยลายอบกรอบ #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยกี่โมง #kinjubjibshop #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #ปลากระพงทุบ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #หมึกกระตอย
    0 Comments 0 Shares 79 Views 1 0 Reviews
  • หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาาาาา … ขึ้นเป็นรายการสินค้าขายดีอันดับ 1 ของร้าน…แซงปลาซิวทอดกรอบไปแล้วววววว 🎉🎉🎉🎉🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟นี่นะ..นึกอะไรไม่ออก หิวก็กิน🤤 ง่วงก็นอน 🛏️🥱…ปลาจิ้งจั้งไม่งา…อาหารทานเล่นที่มีประโยชน์ ได้แคลเซียมทั้งตัว รสชาติดี ทานง่ายๆ เหมาะกับทุกคนในครอบครัวเด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี ของทานเล่น ที่ทานแล้วมีประโยชน์คูณสอง… ต้องจานนี้เลยค่าาาา …ดีต่อใจ แถมได้แคลเซียมจากปลาทั้งตัว … แนะนำจานนี้เลยค่าาา ปลาจิ้งจ้างไม่งา … 🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน TikTok (มีราคา Flash Sale !!!!! ⭕️⭕️⭕️✅✅✅): https://vt.tiktok.com/ZSMvkycFt/ปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน Shopee: https://th.shp.ee/AdvUJrZเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#คือจึ้งมาก #คือเจ๋งมาก #คืออร่อย #คือดีย์#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลากระพงทุบ #ปลากระพงทุบ #อร่อยกี่โมง #กะปิเคย #หมึกกะตอย #ปลาทูมัน #ปลาทูหอม #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาจิ้งจั้งทอด #หมึกกะตอยแห้ง #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา
    หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาาาาา … ขึ้นเป็นรายการสินค้าขายดีอันดับ 1 ของร้าน…แซงปลาซิวทอดกรอบไปแล้วววววว 🎉🎉🎉🎉🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟🐟นี่นะ..นึกอะไรไม่ออก หิวก็กิน🤤 ง่วงก็นอน 🛏️🥱…ปลาจิ้งจั้งไม่งา…อาหารทานเล่นที่มีประโยชน์ ได้แคลเซียมทั้งตัว รสชาติดี ทานง่ายๆ เหมาะกับทุกคนในครอบครัวเด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี ของทานเล่น ที่ทานแล้วมีประโยชน์คูณสอง… ต้องจานนี้เลยค่าาาา …ดีต่อใจ แถมได้แคลเซียมจากปลาทั้งตัว … แนะนำจานนี้เลยค่าาา ปลาจิ้งจ้างไม่งา … 🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน TikTok (มีราคา Flash Sale !!!!! ⭕️⭕️⭕️✅✅✅): https://vt.tiktok.com/ZSMvkycFt/ปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน Shopee: https://th.shp.ee/AdvUJrZเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#คือจึ้งมาก #คือเจ๋งมาก #คืออร่อย #คือดีย์#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลากระพงทุบ #ปลากระพงทุบ #อร่อยกี่โมง #กะปิเคย #หมึกกะตอย #ปลาทูมัน #ปลาทูหอม #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาจิ้งจั้งทอด #หมึกกะตอยแห้ง #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา
    0 Comments 0 Shares 264 Views 0 0 Reviews
  • Windows 11 เพิ่มเครื่องมือใหม่สำหรับนักพัฒนา พร้อมฟีเจอร์ปรับแต่งขั้นสูง

    Microsoft ประกาศการปรับปรุงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาใน Windows 11 ที่งาน Build 2025 โดยเน้นไปที่ WinGet, PowerToys และ Terminal เพื่อช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัว Advanced Windows Settings และเครื่องมือแก้ไขข้อความแบบ command-line ใหม่ชื่อ "Edit"

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเครื่องมือใหม่ใน Windows 11
    ✅ WinGet Configuration ช่วยให้สามารถตั้งค่าและจำลองสภาพแวดล้อมนักพัฒนาได้ง่ายขึ้น
    - สามารถ บันทึกสถานะปัจจุบันของระบบ รวมถึงแอปและแพ็กเกจทั้งหมด

    ✅ Advanced Windows Settings แทนที่หน้า "For Developers" และ Dev Home ที่ถูกยกเลิก
    - ช่วยให้ นักพัฒนาสามารถเข้าถึงการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาได้เร็วขึ้น

    ✅ Command Palette จาก PowerToys ช่วยให้เข้าถึงคำสั่งและแอปได้ง่ายขึ้น
    - เป็น เครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับทั้งนักพัฒนาและผู้ใช้ทั่วไป

    ✅ Microsoft เปิดตัว "Edit" ซึ่งเป็นเครื่องมือแก้ไขข้อความแบบ command-line ใหม่
    - ช่วยให้ นักพัฒนาสามารถแก้ไขไฟล์โดยตรงใน command-line ได้

    ✅ Microsoft Store ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ติดตามสุขภาพของแอปและโปรโมตแอปได้ง่ายขึ้น
    - นักพัฒนา สามารถสร้างบัญชีและจัดการแอปได้สะดวกกว่าเดิม

    https://www.neowin.net/news/windows-11-is-getting-a-new-command-line-text-editor-advanced-settings-and-more/
    Windows 11 เพิ่มเครื่องมือใหม่สำหรับนักพัฒนา พร้อมฟีเจอร์ปรับแต่งขั้นสูง Microsoft ประกาศการปรับปรุงเครื่องมือสำหรับนักพัฒนาใน Windows 11 ที่งาน Build 2025 โดยเน้นไปที่ WinGet, PowerToys และ Terminal เพื่อช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการเปิดตัว Advanced Windows Settings และเครื่องมือแก้ไขข้อความแบบ command-line ใหม่ชื่อ "Edit" 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับเครื่องมือใหม่ใน Windows 11 ✅ WinGet Configuration ช่วยให้สามารถตั้งค่าและจำลองสภาพแวดล้อมนักพัฒนาได้ง่ายขึ้น - สามารถ บันทึกสถานะปัจจุบันของระบบ รวมถึงแอปและแพ็กเกจทั้งหมด ✅ Advanced Windows Settings แทนที่หน้า "For Developers" และ Dev Home ที่ถูกยกเลิก - ช่วยให้ นักพัฒนาสามารถเข้าถึงการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาได้เร็วขึ้น ✅ Command Palette จาก PowerToys ช่วยให้เข้าถึงคำสั่งและแอปได้ง่ายขึ้น - เป็น เครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับทั้งนักพัฒนาและผู้ใช้ทั่วไป ✅ Microsoft เปิดตัว "Edit" ซึ่งเป็นเครื่องมือแก้ไขข้อความแบบ command-line ใหม่ - ช่วยให้ นักพัฒนาสามารถแก้ไขไฟล์โดยตรงใน command-line ได้ ✅ Microsoft Store ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้ติดตามสุขภาพของแอปและโปรโมตแอปได้ง่ายขึ้น - นักพัฒนา สามารถสร้างบัญชีและจัดการแอปได้สะดวกกว่าเดิม https://www.neowin.net/news/windows-11-is-getting-a-new-command-line-text-editor-advanced-settings-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Windows 11 is getting a new command-line text editor, advanced settings, and more
    Microsoft announced a set of new Windows 11 features for developers and enthusiasts, including a new command-line text editor, a reworked "Advanced Settings" section, and more.
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • Medaily Pro Fiber จากแบรนด์ Medese เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบผงชงดื่มที่ออกแบบโดย พญ.สุรีนันต์ ฤทธิ์เทวา (หมอใบเตย) เพื่อช่วยในการปรับสมดุลลำไส้และส่งเสริมสุขภาพโดยรวม ผลิตภัณฑ์นี้มีจุดเด่นที่การรวมสารสกัดจากธรรมชาติ 19 ชนิด และโพรไบโอติกส์ 15,000 ล้านตัวในแต่ละซอง

    ---

    🌿 ส่วนผสมสำคัญ

    Cactinea™ (2,000 มก.): สารสกัดจากกระบองเพชรฝรั่งเศสที่ช่วยลดการบวมน้ำและขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย

    Fibersol-2: เส้นใยอาหารที่ช่วยเพิ่มกากใยในลำไส้และส่งเสริมการขับถ่าย

    โพรไบโอติกส์ (15,000 ล้านตัว): จุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

    สารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆ: รวมถึงสารสกัดจากผลไม้และพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

    ---

    💪 ประโยชน์ต่อร่างกาย

    ปรับสมดุลลำไส้: ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูกและท้องอืด

    ลดการบวมน้ำ: ช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย ลดอาการบวมน้ำจากการบริโภคอาหารรสจัดหรือเค็ม

    ดีท็อกซ์ลำไส้และตับ: ช่วยล้างสารพิษที่สะสมในลำไส้และตับ ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและมีพลังงานมากขึ้น

    เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: โพรไบโอติกส์ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงและต้านทานโรคได้ดีขึ้น

    ---

    📦 รายละเอียดผลิตภัณฑ์

    รูปแบบ: ผงชงดื่ม บรรจุในซอง

    ปริมาณ: 1 กล่องมี 5 ซอง

    ราคา​กล่อง​ละ​ : 299 บาท

    วิธีรับประทาน: ชงดื่มวันละ 1 ซอง ก่อนนอน

    รสชาติ: รสชาติอร่อยเหมือนน้ำผลไม้ ไม่จับตัวเป็นวุ้น และไม่ทำให้ปวดบิด

    ---

    Medaily Pro Fiber เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย ท้องผูก หรือผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพลำไส้และลดการบวมน้ำจากการบริโภคอาหารรสจัด ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติและการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นี้

    ---
    Medaily Pro Fiber จากแบรนด์ Medese เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบผงชงดื่มที่ออกแบบโดย พญ.สุรีนันต์ ฤทธิ์เทวา (หมอใบเตย) เพื่อช่วยในการปรับสมดุลลำไส้และส่งเสริมสุขภาพโดยรวม ผลิตภัณฑ์นี้มีจุดเด่นที่การรวมสารสกัดจากธรรมชาติ 19 ชนิด และโพรไบโอติกส์ 15,000 ล้านตัวในแต่ละซอง --- 🌿 ส่วนผสมสำคัญ Cactinea™ (2,000 มก.): สารสกัดจากกระบองเพชรฝรั่งเศสที่ช่วยลดการบวมน้ำและขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย Fibersol-2: เส้นใยอาหารที่ช่วยเพิ่มกากใยในลำไส้และส่งเสริมการขับถ่าย โพรไบโอติกส์ (15,000 ล้านตัว): จุลินทรีย์ชนิดดีที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สารสกัดจากธรรมชาติอื่นๆ: รวมถึงสารสกัดจากผลไม้และพืชที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ --- 💪 ประโยชน์ต่อร่างกาย ปรับสมดุลลำไส้: ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูกและท้องอืด ลดการบวมน้ำ: ช่วยขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย ลดอาการบวมน้ำจากการบริโภคอาหารรสจัดหรือเค็ม ดีท็อกซ์ลำไส้และตับ: ช่วยล้างสารพิษที่สะสมในลำไส้และตับ ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นและมีพลังงานมากขึ้น เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน: โพรไบโอติกส์ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายแข็งแรงและต้านทานโรคได้ดีขึ้น --- 📦 รายละเอียดผลิตภัณฑ์ รูปแบบ: ผงชงดื่ม บรรจุในซอง ปริมาณ: 1 กล่องมี 5 ซอง ราคา​กล่อง​ละ​ : 299 บาท วิธีรับประทาน: ชงดื่มวันละ 1 ซอง ก่อนนอน รสชาติ: รสชาติอร่อยเหมือนน้ำผลไม้ ไม่จับตัวเป็นวุ้น และไม่ทำให้ปวดบิด --- Medaily Pro Fiber เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย ท้องผูก หรือผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพลำไส้และลดการบวมน้ำจากการบริโภคอาหารรสจัด ด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติและการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นี้ ---
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • เมื่อเดือนที่แล้วผมเขียนเรื่อง "'ฮวงจุ้ย'ไม่ได้ทำให้ตึก สตง. พัง เพราะการมี'คุณธรรม'ต่างหากที่เหนือกว่าพลังใดๆ" แก่นสารของบทความนั้นก็คือ ฮวงจุ้ยไม่ใช่ที่สุดแห่งอำนาจ แต่พลังคุณธรรมต่างหากที่เหนือกว่า ดังคำกล่าวว่า "หนึ่งคือคุณธรรม สองคือชะตา สามคือฮวงจุ้ย" (一德,二命,三风水)" นั่นคือ ถ้าคนมีคุณธรรมก็ไม่ต้องกลัวฟ้ากลัวดิน เพราะคุณธรรมสามารถเปลี่ยน "สถานที่ร้าย" หรือ ชะตาร้าย" ให้กลายเป็น "สิ่งดีในชีวิต" หรือ "ชีวิตที่ดี" ได้

    มีตัวอย่างหนึ่งที่ผมไม่ได้เขียนถึงแต่สะท้อนหลักการนี้ได้ดี คือ ชีวิตของ ฟ่านจ้งเยียน (范仲淹) ขุนนางผู้ลือนามในสมัยราชวงศ์ซ่ง

    ฟ่านจ้งเยียน กำพร้าพ่อแต่เด็ก อยู่อย่างยากจน ต้องอาศัยวัดเป็นที่อ่านหนังสือ ในเวลานั้น เขาไม่มีอะไรกินเลยตอนที่เรียนหนังสือได้แต่ต้มโจ๊กกินทุกวัน แถมยังแบ่งโจ๊กในชามออกเป็น 4 ช่องและกินทีละช่องในแต่ละวัน

    แม้จะยากไร้ขนาดนี้ แต่ก็อดทนฟันฝ่าจนสอบได้เป็นข้าราชการ ได้รับการอบรมสั่งสอนจากมารดาให้คำนึงถึงประชาชนเป็นอันดับแรก และเขาก็ทำเช่นนั้นจริงๆ เมื่อได้เป็นอัครมหาเสนาบดีก็ใช้เงินเดือนของตนเลี้ยงดูครอบครัวมากกว่า 300 ครอบครัวตลอดชีวิตของเขา แม้เงินเดือนอัครมหาเสนาบดีจะมากโข แม้นเมื่อนำไปเลี้ยงคนอื่นเป็นร้อยครอบครัว จนตระกูลฟ่านไม่พอกิน แต่คนในครอบครัวก็ยินดีทำตามปณิธานของเขา

    ทั้งหมดนี้เพราะคำสั่งสอนของมารดาฟ่านจ้งเยียน และฟ่านจ้งเยียนสั่งสอนบุตรของตน

    เมื่อแม่ของเขาจากโลกนี้ไป ก็ต้องเลือก "ฮวงจุ้ย" เพื่อทำ "ฮวงซุ้ย" แต่ที่ที่เขามีนั้นไม่ดีเอาเลย อาจารย์ฮวงจุ้ยบอกกับฟ่านจ้งเยียนว่า “ที่ดินนี้หากทำสุสานจะทำให้สิ้นวงศ์ตระกูล หากฝังแม่ของท่านไว้ที่นี่จะส่งผลเสียต่อท่าน ท่านจะไม่มีลูกหลานไว้สืบสกุล จึงควรย้ายไปอยู่ที่อื่นเถอะ”

    ถ้าเป็นคนอื่นคงจะรีบย้ายสุสานแทบไม่ทัน แต่ฟ่านจ้งเยียนกลับยืนยันว่า “เราจะยึดผืนดินนี้ไว้ แล้วฝังแม่ข้าที่นี่เลย เพราะหากเป็นผืนดินที่จะทำให้สูญสิ้นวงศ์สกุล ข้าไม่ควรปล่อยให้คนอื่นต้องประสบกับโชคร้ายเช่นนี้ ข้าอยากแบกรับมันเองมากกว่า ถ้าชะตาของข้าถูกกำหนดไม่ให้มีลูกหลาน การย้ายหลุมศพจะมีประโยชน์อะไร”

    แต่ปรากฎว่าผลของมันตรงกันข้าม

    ฟ่านจ้งเยียนกลับได้ลูกชายถึง 4 คน ทั้งหมดมีปัญญาเฉลียวฉลาดและมีความสามารถมาก สามารถสอบเป็นขุนนาง ไต่เต้าเป็นอัครมหาเสนาบดี มหาเสนาบดี และเสนาบดี เหลนของตระกูลฟ่านล้วนเป็นปราชญ์และขุนนาง

    รวมแล้วตระกูลฟ่านมีลูกหลานสืบสกุลไม่ขาดสายยาวนานถึง 800 ปี ไม่ขาดตอนจนถึงทุกวันนี้ แถมยังมีอนุชนที่เป็นขุนนาง นักปราชญ์ ราชบัณฑิตอีกมากมาย

    นี่เป็นเพราะคุณธรรมของ ฟ่านจิ้งเยียน ที่ทำให้ "เรื่องร้าย" กลายเป็น "เรื่องดีหลายเท่าทวีคูณ"

    ต่อมา ฟ่านจ้งเยียนเป็นเจ้าเมืองซูโจวแล้วได้ที่ดินผืนหนึ่งในหนานหยวน ปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ยแนะนำให้เขาสร้างบ้านที่นี่ โดยพยากรณ์ว่าลูกหลานของฟ่านจ้งเยียนจะสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงและเป็นข้าราชการได้หลายชั่วอายุคน

    ฟ่านจ้งเยียนได้ยินเช่นนี้เขาก็รู้สึกยินดี แทนที่จะสั่งให้สร้างบ้านตรงนั้นเขากลับกล่าวว่า "จะให้ครอบครัวของเราเท่านั้นที่จะร่ำรวยและมีเกียรติยศอยู่ครอบครัวเดียวได้อย่างไร ทำไมไม่สร้างโรงเรียนที่นี่และให้เด็กๆ ในบริเวณใกล้เคียงมาเรียนหนังสือ คนอื่นๆ จะได้ร่ำรวยและมีเกียรติกันเยอะๆ ไม่ดีกว่าหรือ?"

    ฟ่านจ้งเยียนจึงสละฮวงจุ้ยอันประเสริฐแล้วสร้างโรงเรียนขึ้นทันที หลังจากนั้นที่นี่ก็กลายเป็นสถานศึกษาชั้นนำของประเทศ ในช่วงเกือบพันปีที่ผ่านมา มีบัณฑิตระดับจิ้นซื่อ (ผู้ผ่านการเข้าสอบในสนามสอบระดับพระนคร) เกือบ 400 คนและจอหงวน (ผู้สอบได้อันดับ 1 ในสนามสอบระดับพระนคร) มากกว่า 80 คน

    เราไม่รู้ว่าเพราะฮวงจุ้ยประเสริฐหรือไม่ โรงเรียนแห่งนี้จึงผลิตยอดคนออกมามากมาย หรือไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะพลังคุณธรรมและความฝันอันยิ่งใหญ่ของฟ่านจ้งเยียนมากกว่า

    เมื่อฟ่านจ้งเยียนเสียชีวิตครอบครัวของเขาไม่มีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายในงานศพด้วยซ้ำ เนื่องจากฟ่านจ้งเยียนบริจาคเงินทั้งหมดของตนให้กับผู้อื่นไม่หยุดหย่อน

    แต่ปรากฏว่าความยากกลายเป็นสิ่งชั่วคราวหากมีผู้มีคุณธรรมคอยค้ำชูดวงชะตาของตระกูลอยู่ คงเพราะบารมีของฟ่านจ้งเยียนคนในตระกูลฟ่านกลายเป็นขุนนางเรื่อยมา หรือไม่ก็เป็นบัณฑิตผู้มีชื่อเสียง กล่าวกันว่ารับราชการมารุ่นต่อรุ่นจนกระทั่งถึงยุคสาธารณรัฐจีนด้วยซ้ำ

    ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าการที่เขาเลือกฮวงจุ้ยอัปมงคลเพื่อรับผลร้ายแทนประชาชน ไม่เพียงฮวงจุ้ยจะทำอะไรไม่ได้ แต่พลังคุณธรรมของเขายังเปลี่ยนสถานที่อันเลวร้ายกลายเป็นสถานที่เป็นมงคล ทำให้ตระกูลฟ่านรุ่งเรืองไม่ขาดสาย

    ในขณะที่ความใจกว้างของเขาที่อุทิศฮวงจุ้ยอันประเสริฐให้เป็นโรงเรียนสาธารณะ ก็ทำให้ซูโจวผลิตบัณฑิตได้มากมาย แถมโรงเรียนแห่งนั้นก็ยังเจริญรุ่งเรืองไม่ขาดสายด้วย เพราะเปิดดำเนินการสอนลูกหลานชาวซูโจวมาจนถึงทุกวันนี้!

    Kornkit Disthan
    เมื่อเดือนที่แล้วผมเขียนเรื่อง "'ฮวงจุ้ย'ไม่ได้ทำให้ตึก สตง. พัง เพราะการมี'คุณธรรม'ต่างหากที่เหนือกว่าพลังใดๆ" แก่นสารของบทความนั้นก็คือ ฮวงจุ้ยไม่ใช่ที่สุดแห่งอำนาจ แต่พลังคุณธรรมต่างหากที่เหนือกว่า ดังคำกล่าวว่า "หนึ่งคือคุณธรรม สองคือชะตา สามคือฮวงจุ้ย" (一德,二命,三风水)" นั่นคือ ถ้าคนมีคุณธรรมก็ไม่ต้องกลัวฟ้ากลัวดิน เพราะคุณธรรมสามารถเปลี่ยน "สถานที่ร้าย" หรือ ชะตาร้าย" ให้กลายเป็น "สิ่งดีในชีวิต" หรือ "ชีวิตที่ดี" ได้ มีตัวอย่างหนึ่งที่ผมไม่ได้เขียนถึงแต่สะท้อนหลักการนี้ได้ดี คือ ชีวิตของ ฟ่านจ้งเยียน (范仲淹) ขุนนางผู้ลือนามในสมัยราชวงศ์ซ่ง ฟ่านจ้งเยียน กำพร้าพ่อแต่เด็ก อยู่อย่างยากจน ต้องอาศัยวัดเป็นที่อ่านหนังสือ ในเวลานั้น เขาไม่มีอะไรกินเลยตอนที่เรียนหนังสือได้แต่ต้มโจ๊กกินทุกวัน แถมยังแบ่งโจ๊กในชามออกเป็น 4 ช่องและกินทีละช่องในแต่ละวัน แม้จะยากไร้ขนาดนี้ แต่ก็อดทนฟันฝ่าจนสอบได้เป็นข้าราชการ ได้รับการอบรมสั่งสอนจากมารดาให้คำนึงถึงประชาชนเป็นอันดับแรก และเขาก็ทำเช่นนั้นจริงๆ เมื่อได้เป็นอัครมหาเสนาบดีก็ใช้เงินเดือนของตนเลี้ยงดูครอบครัวมากกว่า 300 ครอบครัวตลอดชีวิตของเขา แม้เงินเดือนอัครมหาเสนาบดีจะมากโข แม้นเมื่อนำไปเลี้ยงคนอื่นเป็นร้อยครอบครัว จนตระกูลฟ่านไม่พอกิน แต่คนในครอบครัวก็ยินดีทำตามปณิธานของเขา ทั้งหมดนี้เพราะคำสั่งสอนของมารดาฟ่านจ้งเยียน และฟ่านจ้งเยียนสั่งสอนบุตรของตน เมื่อแม่ของเขาจากโลกนี้ไป ก็ต้องเลือก "ฮวงจุ้ย" เพื่อทำ "ฮวงซุ้ย" แต่ที่ที่เขามีนั้นไม่ดีเอาเลย อาจารย์ฮวงจุ้ยบอกกับฟ่านจ้งเยียนว่า “ที่ดินนี้หากทำสุสานจะทำให้สิ้นวงศ์ตระกูล หากฝังแม่ของท่านไว้ที่นี่จะส่งผลเสียต่อท่าน ท่านจะไม่มีลูกหลานไว้สืบสกุล จึงควรย้ายไปอยู่ที่อื่นเถอะ” ถ้าเป็นคนอื่นคงจะรีบย้ายสุสานแทบไม่ทัน แต่ฟ่านจ้งเยียนกลับยืนยันว่า “เราจะยึดผืนดินนี้ไว้ แล้วฝังแม่ข้าที่นี่เลย เพราะหากเป็นผืนดินที่จะทำให้สูญสิ้นวงศ์สกุล ข้าไม่ควรปล่อยให้คนอื่นต้องประสบกับโชคร้ายเช่นนี้ ข้าอยากแบกรับมันเองมากกว่า ถ้าชะตาของข้าถูกกำหนดไม่ให้มีลูกหลาน การย้ายหลุมศพจะมีประโยชน์อะไร” แต่ปรากฎว่าผลของมันตรงกันข้าม ฟ่านจ้งเยียนกลับได้ลูกชายถึง 4 คน ทั้งหมดมีปัญญาเฉลียวฉลาดและมีความสามารถมาก สามารถสอบเป็นขุนนาง ไต่เต้าเป็นอัครมหาเสนาบดี มหาเสนาบดี และเสนาบดี เหลนของตระกูลฟ่านล้วนเป็นปราชญ์และขุนนาง รวมแล้วตระกูลฟ่านมีลูกหลานสืบสกุลไม่ขาดสายยาวนานถึง 800 ปี ไม่ขาดตอนจนถึงทุกวันนี้ แถมยังมีอนุชนที่เป็นขุนนาง นักปราชญ์ ราชบัณฑิตอีกมากมาย นี่เป็นเพราะคุณธรรมของ ฟ่านจิ้งเยียน ที่ทำให้ "เรื่องร้าย" กลายเป็น "เรื่องดีหลายเท่าทวีคูณ" ต่อมา ฟ่านจ้งเยียนเป็นเจ้าเมืองซูโจวแล้วได้ที่ดินผืนหนึ่งในหนานหยวน ปรมาจารย์ด้านฮวงจุ้ยแนะนำให้เขาสร้างบ้านที่นี่ โดยพยากรณ์ว่าลูกหลานของฟ่านจ้งเยียนจะสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงและเป็นข้าราชการได้หลายชั่วอายุคน ฟ่านจ้งเยียนได้ยินเช่นนี้เขาก็รู้สึกยินดี แทนที่จะสั่งให้สร้างบ้านตรงนั้นเขากลับกล่าวว่า "จะให้ครอบครัวของเราเท่านั้นที่จะร่ำรวยและมีเกียรติยศอยู่ครอบครัวเดียวได้อย่างไร ทำไมไม่สร้างโรงเรียนที่นี่และให้เด็กๆ ในบริเวณใกล้เคียงมาเรียนหนังสือ คนอื่นๆ จะได้ร่ำรวยและมีเกียรติกันเยอะๆ ไม่ดีกว่าหรือ?" ฟ่านจ้งเยียนจึงสละฮวงจุ้ยอันประเสริฐแล้วสร้างโรงเรียนขึ้นทันที หลังจากนั้นที่นี่ก็กลายเป็นสถานศึกษาชั้นนำของประเทศ ในช่วงเกือบพันปีที่ผ่านมา มีบัณฑิตระดับจิ้นซื่อ (ผู้ผ่านการเข้าสอบในสนามสอบระดับพระนคร) เกือบ 400 คนและจอหงวน (ผู้สอบได้อันดับ 1 ในสนามสอบระดับพระนคร) มากกว่า 80 คน เราไม่รู้ว่าเพราะฮวงจุ้ยประเสริฐหรือไม่ โรงเรียนแห่งนี้จึงผลิตยอดคนออกมามากมาย หรือไม่แน่ว่าอาจเป็นเพราะพลังคุณธรรมและความฝันอันยิ่งใหญ่ของฟ่านจ้งเยียนมากกว่า เมื่อฟ่านจ้งเยียนเสียชีวิตครอบครัวของเขาไม่มีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่ายในงานศพด้วยซ้ำ เนื่องจากฟ่านจ้งเยียนบริจาคเงินทั้งหมดของตนให้กับผู้อื่นไม่หยุดหย่อน แต่ปรากฏว่าความยากกลายเป็นสิ่งชั่วคราวหากมีผู้มีคุณธรรมคอยค้ำชูดวงชะตาของตระกูลอยู่ คงเพราะบารมีของฟ่านจ้งเยียนคนในตระกูลฟ่านกลายเป็นขุนนางเรื่อยมา หรือไม่ก็เป็นบัณฑิตผู้มีชื่อเสียง กล่าวกันว่ารับราชการมารุ่นต่อรุ่นจนกระทั่งถึงยุคสาธารณรัฐจีนด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงว่าการที่เขาเลือกฮวงจุ้ยอัปมงคลเพื่อรับผลร้ายแทนประชาชน ไม่เพียงฮวงจุ้ยจะทำอะไรไม่ได้ แต่พลังคุณธรรมของเขายังเปลี่ยนสถานที่อันเลวร้ายกลายเป็นสถานที่เป็นมงคล ทำให้ตระกูลฟ่านรุ่งเรืองไม่ขาดสาย ในขณะที่ความใจกว้างของเขาที่อุทิศฮวงจุ้ยอันประเสริฐให้เป็นโรงเรียนสาธารณะ ก็ทำให้ซูโจวผลิตบัณฑิตได้มากมาย แถมโรงเรียนแห่งนั้นก็ยังเจริญรุ่งเรืองไม่ขาดสายด้วย เพราะเปิดดำเนินการสอนลูกหลานชาวซูโจวมาจนถึงทุกวันนี้! Kornkit Disthan
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 Reviews
  • อาจารย์มหาวิทยาลัยใช้ ChatGPT ในการสอน นักศึกษาบางส่วนไม่พอใจ

    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ChatGPT และ AI อื่น ๆ ถูกนำมาใช้ในวงการการศึกษา โดยอาจารย์มหาวิทยาลัยหลายแห่งเริ่มใช้ AI เพื่อช่วยในการสอนและสร้างเนื้อหาการเรียน อย่างไรก็ตาม นักศึกษาบางส่วนแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ AI ในการสอน โดยเฉพาะเมื่อพบว่าเนื้อหาที่ได้รับมาจาก ChatGPT

    ✅ อาจารย์บางคนใช้ ChatGPT เพื่อช่วยสร้างเนื้อหาการเรียน
    - เช่น การสรุปบทเรียนและการสร้างตัวอย่างข้อสอบ

    ✅ นักศึกษาบางส่วนพบว่าเนื้อหาที่ได้รับมาจาก AI มีข้อผิดพลาดหรือขาดความลึกซึ้ง
    - ทำให้ เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของการเรียนการสอน

    ✅ การสำรวจนักศึกษาที่ Harvard พบว่า 500 คนส่วนใหญ่เห็นว่า AI มีประโยชน์ในการเรียน
    - แต่บางคน ยังคงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการคิดวิเคราะห์

    ✅ AI ถูกใช้ในการช่วยตรวจสอบงานวิจัยและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนบทความ
    - ทำให้ กระบวนการเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ มีการศึกษาพบว่า AI สามารถสร้างคำตอบสำหรับข้อสอบระดับปริญญาตรีได้โดยไม่ถูกตรวจจับถึง 94%
    - แสดงให้เห็นว่า AI มีศักยภาพสูงในการช่วยเหลือด้านการศึกษา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/16/the-professors-are-using-chatgpt-and-some-students-arent-happy-about-it
    อาจารย์มหาวิทยาลัยใช้ ChatGPT ในการสอน นักศึกษาบางส่วนไม่พอใจ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ChatGPT และ AI อื่น ๆ ถูกนำมาใช้ในวงการการศึกษา โดยอาจารย์มหาวิทยาลัยหลายแห่งเริ่มใช้ AI เพื่อช่วยในการสอนและสร้างเนื้อหาการเรียน อย่างไรก็ตาม นักศึกษาบางส่วนแสดงความกังวลเกี่ยวกับการใช้ AI ในการสอน โดยเฉพาะเมื่อพบว่าเนื้อหาที่ได้รับมาจาก ChatGPT ✅ อาจารย์บางคนใช้ ChatGPT เพื่อช่วยสร้างเนื้อหาการเรียน - เช่น การสรุปบทเรียนและการสร้างตัวอย่างข้อสอบ ✅ นักศึกษาบางส่วนพบว่าเนื้อหาที่ได้รับมาจาก AI มีข้อผิดพลาดหรือขาดความลึกซึ้ง - ทำให้ เกิดข้อกังวลเกี่ยวกับคุณภาพของการเรียนการสอน ✅ การสำรวจนักศึกษาที่ Harvard พบว่า 500 คนส่วนใหญ่เห็นว่า AI มีประโยชน์ในการเรียน - แต่บางคน ยังคงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการคิดวิเคราะห์ ✅ AI ถูกใช้ในการช่วยตรวจสอบงานวิจัยและให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเขียนบทความ - ทำให้ กระบวนการเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ มีการศึกษาพบว่า AI สามารถสร้างคำตอบสำหรับข้อสอบระดับปริญญาตรีได้โดยไม่ถูกตรวจจับถึง 94% - แสดงให้เห็นว่า AI มีศักยภาพสูงในการช่วยเหลือด้านการศึกษา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/16/the-professors-are-using-chatgpt-and-some-students-arent-happy-about-it
    WWW.THESTAR.COM.MY
    The professors are using ChatGPT, and some students aren't happy about it
    Students call it hypocritical. A senior at Northeastern University demanded her tuition back. But instructors say generative A.I. tools make them better at their jobs.
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • สัปดาห์นี้มาโพสต์เร็วกว่าปกติ วันนี้เราคุยกันเบาๆ ว่าด้วยวลีจีนคลาสสิกอีกประโยคหนึ่ง

    ความมีอยู่ว่า
    ... ตี้จวิน: “แต่ข้าต้องออกไปนานนัก”
    เฟิ่งจิ่ว: “นานนัก คือนานเท่าใด? สองสามเดือน?”
    ตี้จวินส่ายศีรษะ
    เฟิ่งจิ่ว: “สองสามปี?”
    ตี้จวินส่ายศีรษะอีกแล้วเอ่ย: “อย่างไรก็ต้องมีหลายวัน”
    เฟิ่งจิ่ว: “ไม่กี่วัน? ท่านพูดราวกับว่านานนัก”
    ตี้จวิน: “หนึ่งวันมิเห็นหน้า ดุจห่างกันสามสารทฤดู”...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)

    ‘หนึ่งวันมิเห็นหน้า ดุจห่างกันสามสารทฤดู’ (一日不见,如隔三秋) นี้เป็นหนึ่งวลีคลาสสิกที่ใช้กันบ่อยในละครหรือนิยายจีนเวลาที่พระนางเขาต้องห่างกันไป ความหมายคือคิดถึงนัก แม้จากกันประเดี๋ยวเดียวก็เหมือนนานมาก

    เชื่อว่าเพื่อนเพจไม่น้อย (รวมถึงนักแปลมืออาชีพหลายคน) คงเข้าใจว่า ‘สามสารทฤดู’ นี้แปลว่าสามปี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ

    วลีนี้ยกมาจากบทกวีที่ชื่อว่า ‘หวางเฟิง-ฉ่ายเก๋อ’ (王风·采葛) เป็นหนึ่งในบทกวีที่ปรากฏอยู่ในบันทึกบทกวีจีนโบราณ ‘ซือจิง’ (诗经) เป็นบทกวีจากยุคสมัยราชวงศ์โจว (1046-256 ปีก่อนคริสตกาล) ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง แต่เป็นคำบรรยายถึงความโหยหาคิดถึง โดยมีฉากหลังเป็นฤดูเก็บเกี่ยวซึ่งโดยปกติคือ ‘ชิว’ หรือสารทฤดู มีทั้งหมดสามวรรคแปลใจความได้ดังนี้
    นางผู้เก็บต้นเก๋อนั้น ไม่เห็นหนึ่งวัน ดุจสามเดือน
    นางผู้เก็บต้นเซียวนั้น ไม่เห็นหนึ่งวัน ดุจสามสารทฤดู
    นางผู้เก็บต้นอ๋ายนั้น ไม่เห็นหนึ่งวัน ดุจสามปี

    ในบริบทของบทกวี ‘หวางเฟิง-ฉ่ายเก๋อ’ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ จะเห็นว่ามี ‘เดือน’ ‘สารทฤดู’ และ ‘ปี’ ดังนั้น เมื่อเรียงประโยคตามนี้ผู้อ่านคงตีความได้ไม่ยากแล้วว่า ‘สามสารทฤดู’ นี้จริงๆ แล้วหมายถึงช่วงเวลาสามฤดูกาล หรือประมาณ 9 เดือนนั่นเอง

    หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนเพจที่แต่งนิยายหรือแปลนิยายจีนนะคะ

    (หมายเหตุ ‘ต้นเก๋อ’ คือต้นมันชนิดหนึ่ง เรียกว่ามันเท้ายายม่อม ใช้ประโยชน์ได้หลายส่วนของต้น; ‘ต้นเซียว’ เป็นไม้พุ่มเตี้ยชนิดหนึ่ง ใบมีสรรพคุณเป็นยา ภาษาอังกฤษเรียกว่า Wormwood; ‘ต้นอ๋าย’ หรืออ๋ายเถียวเป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งนิยมนำมาใช้เป็นโกฐรมยา)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://mydramalist.com/photos/eVR3n
    https://www.sohu.com/a/474755225_419393
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.gushiji.cc/gushi/170.html
    https://baike.baidu.com/item/王风·采葛
    https://www.sohu.com/a/462824147_120340030
    https://kknews.cc/zh-hk/culture/yjyjpxk.html

    #สารทฤดู #วลีจีน #ลิขิตเหนือเขนย #บทกวีจีนโบราณ
    สัปดาห์นี้มาโพสต์เร็วกว่าปกติ วันนี้เราคุยกันเบาๆ ว่าด้วยวลีจีนคลาสสิกอีกประโยคหนึ่ง ความมีอยู่ว่า ... ตี้จวิน: “แต่ข้าต้องออกไปนานนัก” เฟิ่งจิ่ว: “นานนัก คือนานเท่าใด? สองสามเดือน?” ตี้จวินส่ายศีรษะ เฟิ่งจิ่ว: “สองสามปี?” ตี้จวินส่ายศีรษะอีกแล้วเอ่ย: “อย่างไรก็ต้องมีหลายวัน” เฟิ่งจิ่ว: “ไม่กี่วัน? ท่านพูดราวกับว่านานนัก” ตี้จวิน: “หนึ่งวันมิเห็นหน้า ดุจห่างกันสามสารทฤดู”... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <สามชาติสามภพ ลิขิตเหนือเขนย> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) ‘หนึ่งวันมิเห็นหน้า ดุจห่างกันสามสารทฤดู’ (一日不见,如隔三秋) นี้เป็นหนึ่งวลีคลาสสิกที่ใช้กันบ่อยในละครหรือนิยายจีนเวลาที่พระนางเขาต้องห่างกันไป ความหมายคือคิดถึงนัก แม้จากกันประเดี๋ยวเดียวก็เหมือนนานมาก เชื่อว่าเพื่อนเพจไม่น้อย (รวมถึงนักแปลมืออาชีพหลายคน) คงเข้าใจว่า ‘สามสารทฤดู’ นี้แปลว่าสามปี แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ วลีนี้ยกมาจากบทกวีที่ชื่อว่า ‘หวางเฟิง-ฉ่ายเก๋อ’ (王风·采葛) เป็นหนึ่งในบทกวีที่ปรากฏอยู่ในบันทึกบทกวีจีนโบราณ ‘ซือจิง’ (诗经) เป็นบทกวีจากยุคสมัยราชวงศ์โจว (1046-256 ปีก่อนคริสตกาล) ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง แต่เป็นคำบรรยายถึงความโหยหาคิดถึง โดยมีฉากหลังเป็นฤดูเก็บเกี่ยวซึ่งโดยปกติคือ ‘ชิว’ หรือสารทฤดู มีทั้งหมดสามวรรคแปลใจความได้ดังนี้ นางผู้เก็บต้นเก๋อนั้น ไม่เห็นหนึ่งวัน ดุจสามเดือน นางผู้เก็บต้นเซียวนั้น ไม่เห็นหนึ่งวัน ดุจสามสารทฤดู นางผู้เก็บต้นอ๋ายนั้น ไม่เห็นหนึ่งวัน ดุจสามปี ในบริบทของบทกวี ‘หวางเฟิง-ฉ่ายเก๋อ’ ที่กล่าวมาข้างต้นนี้ จะเห็นว่ามี ‘เดือน’ ‘สารทฤดู’ และ ‘ปี’ ดังนั้น เมื่อเรียงประโยคตามนี้ผู้อ่านคงตีความได้ไม่ยากแล้วว่า ‘สามสารทฤดู’ นี้จริงๆ แล้วหมายถึงช่วงเวลาสามฤดูกาล หรือประมาณ 9 เดือนนั่นเอง หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อเพื่อนเพจที่แต่งนิยายหรือแปลนิยายจีนนะคะ (หมายเหตุ ‘ต้นเก๋อ’ คือต้นมันชนิดหนึ่ง เรียกว่ามันเท้ายายม่อม ใช้ประโยชน์ได้หลายส่วนของต้น; ‘ต้นเซียว’ เป็นไม้พุ่มเตี้ยชนิดหนึ่ง ใบมีสรรพคุณเป็นยา ภาษาอังกฤษเรียกว่า Wormwood; ‘ต้นอ๋าย’ หรืออ๋ายเถียวเป็นสมุนไพรจีนชนิดหนึ่งนิยมนำมาใช้เป็นโกฐรมยา) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://mydramalist.com/photos/eVR3n https://www.sohu.com/a/474755225_419393 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.gushiji.cc/gushi/170.html https://baike.baidu.com/item/王风·采葛 https://www.sohu.com/a/462824147_120340030 https://kknews.cc/zh-hk/culture/yjyjpxk.html #สารทฤดู #วลีจีน #ลิขิตเหนือเขนย #บทกวีจีนโบราณ
    1 Comments 0 Shares 364 Views 0 Reviews
  • Evolution
    พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
    9 พ.ค. 2567
    =====================
    .
    ประเด็นหนึ่งที่ผมมักพูดให้นักเรียนผมฟัง หลายชั้นเรียน หลายคาบวิชา หลายกิจกรรม ต่างกรรมต่างวาระ ในห้วงเวลากว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา คือประเด็นที่ว่าด้วยกระบวนการส่งผ่านความรู้
    .
    โลกที่เจริญก้าวหน้ามาได้ทุกวันนี้ เป็นเพราะกระบวนการส่งต่อความรู้นี่แหละ ผ่านรุ่นต่อรุ่นมาหลายพันปี ตั้งแต่ยังไม่มีตัวหนังสือให้ใช้ขีดเขียนบันทึก
    .
    บรรพบุรุษของมนุษย์เซเปี้ยนส์รุ่นแรกๆ ที่อพยพจากแอฟริกาเมื่อราวแสนกว่าปีก่อน นักวิชาการเชื่อกันว่าพวกเขามีภาษาพูดของตนเองแล้ว ก่อนจะอพยพไปยังดินแดนส่วนอื่นๆ ในโลก ที่จุดนั้น กระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบก็เริ่มต้นขึ้น ลองถอยไปคิดถึงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญก่อนหน้านั้นที่ทำให้มนุษย์โบราณรอดจากการสูญพันธุ์มาได้ นั่นคือเมื่อพวกเขาค้นพบการจุดไฟเป็นครั้งแรก จะด้วยวิธีการปั่นให้เสียดสีกันของไม้ หรือการใช้หินกระเทาะกันก็ตาม สิ่งเหล่านี้ต้องสอนกันเพื่อให้ทำได้ถูกต้อง ปฐมบทของเทคโนโลยีได้บังเกิดขึ้น เพื่อให้อยู่รอด ลูกหลานพวกเขาจะต้องเรียนรู้วิธีการพวกนี้
    .
    เครื่องมือมากมายเริ่มถูกคิดค้นเรื่อยมา นับแต่ขวานหิน หลาวไม้ ฯลฯ เมื่อถึงยุคที่เซเปี้ยนส์พ่อคนฉลาดปรากฏขึ้นบนโลก พวกเขามีเครื่องนุ่งห่มป้องกันความหนาว รู้จักว่าอะไรเป็นยา อะไรเป็นพิษ สังเกตุธรรมชาติและฤดูกาล สังเกตุพฤติกรรมสัตว์และวงจรของมัน จนแม้กระทั่งก้าวหน้าจนสามารถหลอมโลหะ..
    .
    แน่นอนว่าในบรรดาความรู้ทั้งหลายที่ค้นพบ ภาษาคือสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด มันคือเครื่องมือสื่อสารที่ทำให้มนุษย์ทำงานเป็นทีมได้ หากไม่มีภาษามนุษย์จะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าสัตว์ใหญ่ขนาดนี้ต้องมีการประสานงานสั่งการในการเข้าโจมตีเป็นทีม ผลพวงก็อย่างที่เราได้รู้ พวกมันถูกล่าจนสูญพันธ์ไปหมด เห็นได้ว่าการทำงานเป็นทีมของมนุษย์โบราณพวกนี้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง เมื่อมีภาษา การเรียนการสอนในโลกครั้งแรกก็เริ่มขึ้น เมื่อมีความรู้ จากนี้พวกเขาจะพร้อมไปพิชิตโลก
    .
    ทั้งสิ้นทั้งปวง นับแต่เทคโนโลยีแรกเกิดขึ้น การจุดไฟ การทำเครื่องมือ แทกติคในการล่า ข้อมูลเกี่ยวกับพืช สัตว์ อาหาร ฤดูกาล อันตรายต่างๆ ฯลฯ จะถูกถ่ายทอดจากคนรุ่นก่อนไปสู่คนรุ่นใหม่ ทักษะต่างๆ ในชีวิต การแก้ปัญหาและการเอาตัวรอดในสถานะการณ์ต่างๆ จะถูกถ่ายทอดอย่างใกล้ชิดจากคนรุ่นก่อนที่มีประสบการณ์โชกโชนมาแล้ว เช่น จากพ่อ จากปู่ ไปสู่ลูก สู่หลาน ไม่ใช่แค่การบอกเล่าสั่งสอน พวกเขาจะคอยเฝ้าดูให้คนหนุ่มสาวเหล่านั้นได้ฝึกฝนปฏิบัติสิ่งต่างๆ ตามคำแนะนำ เฝ้าประกบตั้งแต่การล่าสัตว์ตัวแรก ไปถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือพิธีกรรมต่างๆ จนกระทั่งมีความพร้อมที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้โดยลำพังและสอนต่อแก่ผู้อื่น พัฒนาจนมีทักษะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการล่า หรือความเข้าใจในเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญ อันจะนำพาให้ชีวิตรอดและเติบโตก้าวหน้าต่อไป จากปฐมบทนี้ มนุษย์สั่งสมความรู้แล้วส่งต่อมาเรื่อย แตกแขนงเป็นสรรพวิชาความรู้ต่างๆ มากมายเหลือคณานับ
    .
    ถ้าเราลองมาพิจารณาดูสักมุมมองหนึ่ง เช่นด้านศิลปะ ที่จุดแรกของการสร้างสรรค์ นึกภาพว่าเมื่อครูคนแรกได้ค้นพบว่า ดินบางชนิดมีคุณสมบัติที่จะนำมาใช้เป็นสีในการวาดภาพได้ ครูคนหนึ่งค้นพบเทคนิคแรกของ stencil ด้วยการเอาดินพวกนั้นผสมน้ำอมเข้าไว้ในปากแล้วพ่นใส่ผ่านมือทำให้เกิดเป็นภาพรอยมือปรากฏบนผนังถ้ำ บางคนใช้นิ้วมือจิ้มดินสีเขียนเป็นภาพคนและสัตว์ แน่นอนว่ามีการสอนต่อกัน เราได้เห็นภาพเขียนโบราณที่ใช้เทคนิคเดียวกันนี้ในหลายแห่งทั่วโลก จุดเริ่มต้นนี้ หากไม่เกิดขึ้น จะไม่มีการประดิษฐ์พู่กัน หมึก และสีมากมายหลายชนิดขึ้นในโลก ซึ่งในที่สุดนำไปสู่การสร้างสรรค์เครื่องมือ วิธีการอันน่าทึ่งต่างๆ และแนวคิดในการสร้างสรรค์อันน่าอัศจรรย์ของศิลปะในโลก
    .
    กระบวนการเรียนรู้และส่งต่อนั้น มันมีลำดับขั้นที่เป็นผลต่อเนื่อง เราไม่อาจปฏิเสธข้อเท็จจริงของปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดการพัฒนาเหล่านั้นได้ เมื่อครูศิลปะคนแรกของโลกเรียนรู้ สมมุติเล่นๆ ให้เห็นภาพ ลองยกตัวอย่างการค้นพบดินสอว่าเป็นเครื่องมือศิลปะอันแรกอย่างหนึ่ง ครูคนแรกผู้นี้อาจใช้เวลาทั้งชีวิตของเขาในการค้นหาวัสดุหลายอย่างที่จะนำมาขีดเขียนให้เป็นเส้นสายสีดำเช่นนั้นได้ เขาจะต้องทดลองถ่านหลายชนิด รวมทั้งจะต้องแก้ปัญหาว่าถ่านชนิดที่เอามาใช้ จะทำอย่างไรไม่ให้เลอะมือ ไม่เปราะและหักง่ายเกินไป ลองคิดจินตนาการว่า เมื่อแรกเริ่มมีดินสอนั้น ผู้ที่คิดค้นมันขึ้นมาน่าจะต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะได้ดินสอหนึ่งแท่ง คนยุคหลังที่เกิดขึ้นมาก็มีดินสอรออยู่ในมือแล้ว ย่อมไม่รู้ว่าคนที่คิดค้นมันต้องผ่านอุปสรรคอะไรมา
    .
    นี่แค่พูดถึงเครื่องมือ แต่เมื่อพูดถึงว่าครูศิลปะคนแรกที่นำดินสอมาเขียนรูป เขายังจะต้องฝึกฝนทักษะในการที่จะควบคุมดินสอนั้นให้เกิดเส้นสายลวดลายต่างๆ ต้องเข้าใจผลที่เกิดจากดินสอที่ถูกเหลาจนคม ผลจากการที่ดินสอทู่ลง ผลจากการตะแคงดินสอใช้ด้านข้างถูให้เกิดแถบที่อ่อนนุ่มกว่า.. กระบวนการทั้งหลายในการพัฒนาทักษะของการใช้ดินสอเช่นนี้ เมื่อผ่านห้วงเวลาทั้งชีวิตของครูศิลปะผู้นี้ อาจหลอมรวมเวลาหลายปี เมื่อครูผู้นี้เริ่มสอน เขาอาจใช้ชีวิตในการวาดรูปด้วยดินสอมาเป็นเวลายี่สิบปี เนื่องจากเขาคือครูคนแรกอย่างที่เราสมมุติ ทั้งโลกและตัวเขาไม่มีต้นทุนมาก่อน ยี่สิบปีของเขาคือเวลาที่เริ่มต้นสั่งสมของมนุษยชาติ แต่เมื่อเขาเริ่มสอนให้แก่ศิษย์คนแรก ประสบการณ์ ความรู้ และทักษะที่สั่งสมมาของเขาตลอดยี่สิบปี สามารถถ่ายทอดให้แก่ศิษย์ในเวลาไม่กี่ปี ถ้าเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยทุกวันนี้ ก็จะเห็นว่าอาจารย์ไม่ว่าจะมีวัยวุฒิคุณวุฒิเท่าใด มีหน้าที่ที่จะถ่ายทอดสิ่งที่เขารู้ให้แก่ศิษย์ภายในเวลาสั้นๆ เพียงแค่สี่ห้าปี
    .
    กระบวนการส่งต่อจึงสำคัญเช่นนี้ อย่างที่สมมุติตัวอย่าง ศิษย์ใช้เวลาสี่ปีในการเรียนรู้ทักษะความรู้ยี่สิบปีของครูคนก่อน เขาไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก ครูคั้นเอาแก่นที่บ่มเพาะมาแล้วมาสอนให้ จากนั้น.. ถ้าไม่ใช่ศิษย์ที่ล้มเหลว เขาก็คงจะใช้ช่วงเวลาในชีวิตของเขาต่อไปในการหาความรู้เพิ่มเติมต่อยอดจากความรู้ยี่สิบปีของครูคนก่อนที่ส่งผ่านมาให้เขา เมื่อถึงจุดที่เขาเริ่มเป็นครูให้กับคนรุ่นต่อจากเขาบ้าง เขาอาจมีประสบการณ์ความรู้และทักษะของเขาเพิ่มเติมมาอีกยี่สิบปี รวมกับความรู้ที่รับมาจากครูคนแรกยี่สิบปี เท่ากับสี่สิบปี ดังนั้นศิษย์ที่มาเรียนกับเขา จะใช้เวลาแค่สี่ปีในการเรียนความรู้ที่สั่งสมมาสี่สิบปี เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในแต่ละรุ่นก็จะทบทวีเช่นนี้เป็นอัตราทวีคูณ เร็วขึ้นจนแต่ละครั้งเป็นก้าวกระโดด จนกระทั่งมนุษย์ไปอวกาศ..
    .
    ลองคิดดูว่า หากปราศจากการส่งต่อความรู้เช่นนี้ ถ้าคนรุ่นใหม่แต่ละรุ่น ต้องไปค้นหาเรียนรู้นับจากศูนย์ด้วยตัวเอง มนุษย์คงไม่พัฒนามาจนถึงจุดที่ยืนอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่บนฐานความรู้ที่สั่งสมและส่งผ่านมานับพันปี ไม่ใช่ว่าแต่ละคนจะเกิดขึ้นมาแล้วรู้ทุกอย่างได้เองโดยไม่ต้องเรียน หรือความรู้จะผุดโผล่ออกมาเองได้จากอากาศธาตุ
    .
    ด้วยกระบวนการส่งต่อความรู้เช่นนี้นี่เอง จากวันที่มนุษย์มีภาษาและประสานงานกันล่าแมมมอธ มาถึงวันนี้มนุษย์สามารถประดิษฐ์ควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้ ด้วยสรรพความรู้ที่สั่งสมสั่งสอนกันมาเรื่อยๆ นับพันปี โลกจึงก่อเกิดเป็นศาสตร์วิทยาการมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นผมจึงพูดบ่อยๆ กับนักเรียนของผมว่า การสอน การถ่ายทอดความรู้ ที่จริงไม่ใช่คุณธรรมอันยิ่งใหญ่อันใด แต่เป็นหน้าที่ของมนุษย์อย่างหนึ่งที่จะต้องกระทำด้วยความใส่ใจยิ่ง แม้ท่านมิได้มีอาชีพเป็นครูโดยตรง ท่านก็ควรจะมีคุณสมบัติอันมีประโยชน์บางอย่างที่สั่งสมมาพอจะสอนได้ อย่างน้อยก็คือการอบรมบุตรหลานให้เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพแก่โลก ภาระนี้จะทำให้มนุษย์ยังคงก้าวหน้าพัฒนาต่อไป ทั้งด้านความรู้ สติปัญญา และระดับของจิตใจ
    .
    จริงอยู่ที่ความแก่ ความเก่า เป็นสภาวะทางสังขารอันไม่เที่ยงแท้
    แต่คนฉลาดอย่างเช่นไอน์สไตน์ แม้เมื่อชราลงจนอาจไม่มีแรงก้าวเดิน
    เขาก็จะเสียชีวิตลงในขณะที่ความเฉลียวฉลาดของเขายังคงอยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้าย
    คนแก่ ไม่ได้แปลว่า คนโง่ เช่นเดียวกับ คนหนุ่ม ไม่ได้แปลว่า ฉลาด
    โบราณว่า ขิงแก่ย่อมเผ็ดร้อน ฉันใดฉันนั้น
    .
    บรรดาวิทยาการสมัยใหม่ที่พวกท่านได้เสพได้ใช้ได้ปรนเปรอในวันนี้
    ปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้างมาจากการถากถางค้นพบของคนรุ่นก่อนท่านทั้งนั้น
    ลองนึกดูว่า หากท่านไปเกิดอยู่บนเกาะร้างสักแห่งที่ไม่มีใครให้ความรู้
    ท่านจะเติบโตพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นศิลปินหรือผู้มีชื่อเสียงได้หรือไม่
    ตัวท่านเองนอกจากต้องสำนึกแล้ว ก็จะต้องถามตัวเองด้วยว่า
    ท่านจะพึงกระทำหน้าที่ของมนุษย์ในการจะส่งความรู้ให้รุ่นต่อไปหรือไม่
    และได้ทำคุณประโยชน์ใดให้แก่มนุษย์รุ่นต่อจากท่านบ้าง
    ท่านได้ต่อยอดความรู้นับพันปีที่ได้งอกเงยอยู่ในตัวท่านอย่างไร
    เพื่อที่ว่าวันนึงเมื่อท่านกลายเป็น คนแก่อีกคนหนึ่ง
    คนรุ่นใหม่จะได้รำลึกถึงท่านในคุณูปการที่ท่านได้ฝากไว้แก่โลกนี้
    .
    .
    Evolution พงศ์พรหม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา 9 พ.ค. 2567 ===================== . ประเด็นหนึ่งที่ผมมักพูดให้นักเรียนผมฟัง หลายชั้นเรียน หลายคาบวิชา หลายกิจกรรม ต่างกรรมต่างวาระ ในห้วงเวลากว่ายี่สิบปีที่ผ่านมา คือประเด็นที่ว่าด้วยกระบวนการส่งผ่านความรู้ . โลกที่เจริญก้าวหน้ามาได้ทุกวันนี้ เป็นเพราะกระบวนการส่งต่อความรู้นี่แหละ ผ่านรุ่นต่อรุ่นมาหลายพันปี ตั้งแต่ยังไม่มีตัวหนังสือให้ใช้ขีดเขียนบันทึก . บรรพบุรุษของมนุษย์เซเปี้ยนส์รุ่นแรกๆ ที่อพยพจากแอฟริกาเมื่อราวแสนกว่าปีก่อน นักวิชาการเชื่อกันว่าพวกเขามีภาษาพูดของตนเองแล้ว ก่อนจะอพยพไปยังดินแดนส่วนอื่นๆ ในโลก ที่จุดนั้น กระบวนการเรียนรู้อย่างเป็นระบบก็เริ่มต้นขึ้น ลองถอยไปคิดถึงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญก่อนหน้านั้นที่ทำให้มนุษย์โบราณรอดจากการสูญพันธุ์มาได้ นั่นคือเมื่อพวกเขาค้นพบการจุดไฟเป็นครั้งแรก จะด้วยวิธีการปั่นให้เสียดสีกันของไม้ หรือการใช้หินกระเทาะกันก็ตาม สิ่งเหล่านี้ต้องสอนกันเพื่อให้ทำได้ถูกต้อง ปฐมบทของเทคโนโลยีได้บังเกิดขึ้น เพื่อให้อยู่รอด ลูกหลานพวกเขาจะต้องเรียนรู้วิธีการพวกนี้ . เครื่องมือมากมายเริ่มถูกคิดค้นเรื่อยมา นับแต่ขวานหิน หลาวไม้ ฯลฯ เมื่อถึงยุคที่เซเปี้ยนส์พ่อคนฉลาดปรากฏขึ้นบนโลก พวกเขามีเครื่องนุ่งห่มป้องกันความหนาว รู้จักว่าอะไรเป็นยา อะไรเป็นพิษ สังเกตุธรรมชาติและฤดูกาล สังเกตุพฤติกรรมสัตว์และวงจรของมัน จนแม้กระทั่งก้าวหน้าจนสามารถหลอมโลหะ.. . แน่นอนว่าในบรรดาความรู้ทั้งหลายที่ค้นพบ ภาษาคือสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุด มันคือเครื่องมือสื่อสารที่ทำให้มนุษย์ทำงานเป็นทีมได้ หากไม่มีภาษามนุษย์จะไม่สามารถล่าสัตว์ใหญ่อย่างแมมมอธได้ เพราะการล่าสัตว์ใหญ่ขนาดนี้ต้องมีการประสานงานสั่งการในการเข้าโจมตีเป็นทีม ผลพวงก็อย่างที่เราได้รู้ พวกมันถูกล่าจนสูญพันธ์ไปหมด เห็นได้ว่าการทำงานเป็นทีมของมนุษย์โบราณพวกนี้มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง เมื่อมีภาษา การเรียนการสอนในโลกครั้งแรกก็เริ่มขึ้น เมื่อมีความรู้ จากนี้พวกเขาจะพร้อมไปพิชิตโลก . ทั้งสิ้นทั้งปวง นับแต่เทคโนโลยีแรกเกิดขึ้น การจุดไฟ การทำเครื่องมือ แทกติคในการล่า ข้อมูลเกี่ยวกับพืช สัตว์ อาหาร ฤดูกาล อันตรายต่างๆ ฯลฯ จะถูกถ่ายทอดจากคนรุ่นก่อนไปสู่คนรุ่นใหม่ ทักษะต่างๆ ในชีวิต การแก้ปัญหาและการเอาตัวรอดในสถานะการณ์ต่างๆ จะถูกถ่ายทอดอย่างใกล้ชิดจากคนรุ่นก่อนที่มีประสบการณ์โชกโชนมาแล้ว เช่น จากพ่อ จากปู่ ไปสู่ลูก สู่หลาน ไม่ใช่แค่การบอกเล่าสั่งสอน พวกเขาจะคอยเฝ้าดูให้คนหนุ่มสาวเหล่านั้นได้ฝึกฝนปฏิบัติสิ่งต่างๆ ตามคำแนะนำ เฝ้าประกบตั้งแต่การล่าสัตว์ตัวแรก ไปถึงการมีส่วนร่วมในกิจกรรมหรือพิธีกรรมต่างๆ จนกระทั่งมีความพร้อมที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้โดยลำพังและสอนต่อแก่ผู้อื่น พัฒนาจนมีทักษะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการล่า หรือความเข้าใจในเรื่องอื่นๆ ที่สำคัญ อันจะนำพาให้ชีวิตรอดและเติบโตก้าวหน้าต่อไป จากปฐมบทนี้ มนุษย์สั่งสมความรู้แล้วส่งต่อมาเรื่อย แตกแขนงเป็นสรรพวิชาความรู้ต่างๆ มากมายเหลือคณานับ . ถ้าเราลองมาพิจารณาดูสักมุมมองหนึ่ง เช่นด้านศิลปะ ที่จุดแรกของการสร้างสรรค์ นึกภาพว่าเมื่อครูคนแรกได้ค้นพบว่า ดินบางชนิดมีคุณสมบัติที่จะนำมาใช้เป็นสีในการวาดภาพได้ ครูคนหนึ่งค้นพบเทคนิคแรกของ stencil ด้วยการเอาดินพวกนั้นผสมน้ำอมเข้าไว้ในปากแล้วพ่นใส่ผ่านมือทำให้เกิดเป็นภาพรอยมือปรากฏบนผนังถ้ำ บางคนใช้นิ้วมือจิ้มดินสีเขียนเป็นภาพคนและสัตว์ แน่นอนว่ามีการสอนต่อกัน เราได้เห็นภาพเขียนโบราณที่ใช้เทคนิคเดียวกันนี้ในหลายแห่งทั่วโลก จุดเริ่มต้นนี้ หากไม่เกิดขึ้น จะไม่มีการประดิษฐ์พู่กัน หมึก และสีมากมายหลายชนิดขึ้นในโลก ซึ่งในที่สุดนำไปสู่การสร้างสรรค์เครื่องมือ วิธีการอันน่าทึ่งต่างๆ และแนวคิดในการสร้างสรรค์อันน่าอัศจรรย์ของศิลปะในโลก . กระบวนการเรียนรู้และส่งต่อนั้น มันมีลำดับขั้นที่เป็นผลต่อเนื่อง เราไม่อาจปฏิเสธข้อเท็จจริงของปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดการพัฒนาเหล่านั้นได้ เมื่อครูศิลปะคนแรกของโลกเรียนรู้ สมมุติเล่นๆ ให้เห็นภาพ ลองยกตัวอย่างการค้นพบดินสอว่าเป็นเครื่องมือศิลปะอันแรกอย่างหนึ่ง ครูคนแรกผู้นี้อาจใช้เวลาทั้งชีวิตของเขาในการค้นหาวัสดุหลายอย่างที่จะนำมาขีดเขียนให้เป็นเส้นสายสีดำเช่นนั้นได้ เขาจะต้องทดลองถ่านหลายชนิด รวมทั้งจะต้องแก้ปัญหาว่าถ่านชนิดที่เอามาใช้ จะทำอย่างไรไม่ให้เลอะมือ ไม่เปราะและหักง่ายเกินไป ลองคิดจินตนาการว่า เมื่อแรกเริ่มมีดินสอนั้น ผู้ที่คิดค้นมันขึ้นมาน่าจะต้องผ่านอะไรมาบ้างกว่าจะได้ดินสอหนึ่งแท่ง คนยุคหลังที่เกิดขึ้นมาก็มีดินสอรออยู่ในมือแล้ว ย่อมไม่รู้ว่าคนที่คิดค้นมันต้องผ่านอุปสรรคอะไรมา . นี่แค่พูดถึงเครื่องมือ แต่เมื่อพูดถึงว่าครูศิลปะคนแรกที่นำดินสอมาเขียนรูป เขายังจะต้องฝึกฝนทักษะในการที่จะควบคุมดินสอนั้นให้เกิดเส้นสายลวดลายต่างๆ ต้องเข้าใจผลที่เกิดจากดินสอที่ถูกเหลาจนคม ผลจากการที่ดินสอทู่ลง ผลจากการตะแคงดินสอใช้ด้านข้างถูให้เกิดแถบที่อ่อนนุ่มกว่า.. กระบวนการทั้งหลายในการพัฒนาทักษะของการใช้ดินสอเช่นนี้ เมื่อผ่านห้วงเวลาทั้งชีวิตของครูศิลปะผู้นี้ อาจหลอมรวมเวลาหลายปี เมื่อครูผู้นี้เริ่มสอน เขาอาจใช้ชีวิตในการวาดรูปด้วยดินสอมาเป็นเวลายี่สิบปี เนื่องจากเขาคือครูคนแรกอย่างที่เราสมมุติ ทั้งโลกและตัวเขาไม่มีต้นทุนมาก่อน ยี่สิบปีของเขาคือเวลาที่เริ่มต้นสั่งสมของมนุษยชาติ แต่เมื่อเขาเริ่มสอนให้แก่ศิษย์คนแรก ประสบการณ์ ความรู้ และทักษะที่สั่งสมมาของเขาตลอดยี่สิบปี สามารถถ่ายทอดให้แก่ศิษย์ในเวลาไม่กี่ปี ถ้าเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยทุกวันนี้ ก็จะเห็นว่าอาจารย์ไม่ว่าจะมีวัยวุฒิคุณวุฒิเท่าใด มีหน้าที่ที่จะถ่ายทอดสิ่งที่เขารู้ให้แก่ศิษย์ภายในเวลาสั้นๆ เพียงแค่สี่ห้าปี . กระบวนการส่งต่อจึงสำคัญเช่นนี้ อย่างที่สมมุติตัวอย่าง ศิษย์ใช้เวลาสี่ปีในการเรียนรู้ทักษะความรู้ยี่สิบปีของครูคนก่อน เขาไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูก ครูคั้นเอาแก่นที่บ่มเพาะมาแล้วมาสอนให้ จากนั้น.. ถ้าไม่ใช่ศิษย์ที่ล้มเหลว เขาก็คงจะใช้ช่วงเวลาในชีวิตของเขาต่อไปในการหาความรู้เพิ่มเติมต่อยอดจากความรู้ยี่สิบปีของครูคนก่อนที่ส่งผ่านมาให้เขา เมื่อถึงจุดที่เขาเริ่มเป็นครูให้กับคนรุ่นต่อจากเขาบ้าง เขาอาจมีประสบการณ์ความรู้และทักษะของเขาเพิ่มเติมมาอีกยี่สิบปี รวมกับความรู้ที่รับมาจากครูคนแรกยี่สิบปี เท่ากับสี่สิบปี ดังนั้นศิษย์ที่มาเรียนกับเขา จะใช้เวลาแค่สี่ปีในการเรียนความรู้ที่สั่งสมมาสี่สิบปี เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในแต่ละรุ่นก็จะทบทวีเช่นนี้เป็นอัตราทวีคูณ เร็วขึ้นจนแต่ละครั้งเป็นก้าวกระโดด จนกระทั่งมนุษย์ไปอวกาศ.. . ลองคิดดูว่า หากปราศจากการส่งต่อความรู้เช่นนี้ ถ้าคนรุ่นใหม่แต่ละรุ่น ต้องไปค้นหาเรียนรู้นับจากศูนย์ด้วยตัวเอง มนุษย์คงไม่พัฒนามาจนถึงจุดที่ยืนอยู่ในทุกวันนี้ ซึ่งยืนหยัดอย่างมั่นคงอยู่บนฐานความรู้ที่สั่งสมและส่งผ่านมานับพันปี ไม่ใช่ว่าแต่ละคนจะเกิดขึ้นมาแล้วรู้ทุกอย่างได้เองโดยไม่ต้องเรียน หรือความรู้จะผุดโผล่ออกมาเองได้จากอากาศธาตุ . ด้วยกระบวนการส่งต่อความรู้เช่นนี้นี่เอง จากวันที่มนุษย์มีภาษาและประสานงานกันล่าแมมมอธ มาถึงวันนี้มนุษย์สามารถประดิษฐ์ควอนตัมคอมพิวเตอร์ได้ ด้วยสรรพความรู้ที่สั่งสมสั่งสอนกันมาเรื่อยๆ นับพันปี โลกจึงก่อเกิดเป็นศาสตร์วิทยาการมากมายนับไม่ถ้วน ดังนั้นผมจึงพูดบ่อยๆ กับนักเรียนของผมว่า การสอน การถ่ายทอดความรู้ ที่จริงไม่ใช่คุณธรรมอันยิ่งใหญ่อันใด แต่เป็นหน้าที่ของมนุษย์อย่างหนึ่งที่จะต้องกระทำด้วยความใส่ใจยิ่ง แม้ท่านมิได้มีอาชีพเป็นครูโดยตรง ท่านก็ควรจะมีคุณสมบัติอันมีประโยชน์บางอย่างที่สั่งสมมาพอจะสอนได้ อย่างน้อยก็คือการอบรมบุตรหลานให้เป็นมนุษย์ที่มีคุณภาพแก่โลก ภาระนี้จะทำให้มนุษย์ยังคงก้าวหน้าพัฒนาต่อไป ทั้งด้านความรู้ สติปัญญา และระดับของจิตใจ . จริงอยู่ที่ความแก่ ความเก่า เป็นสภาวะทางสังขารอันไม่เที่ยงแท้ แต่คนฉลาดอย่างเช่นไอน์สไตน์ แม้เมื่อชราลงจนอาจไม่มีแรงก้าวเดิน เขาก็จะเสียชีวิตลงในขณะที่ความเฉลียวฉลาดของเขายังคงอยู่กับเขาจนวินาทีสุดท้าย คนแก่ ไม่ได้แปลว่า คนโง่ เช่นเดียวกับ คนหนุ่ม ไม่ได้แปลว่า ฉลาด โบราณว่า ขิงแก่ย่อมเผ็ดร้อน ฉันใดฉันนั้น . บรรดาวิทยาการสมัยใหม่ที่พวกท่านได้เสพได้ใช้ได้ปรนเปรอในวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้างมาจากการถากถางค้นพบของคนรุ่นก่อนท่านทั้งนั้น ลองนึกดูว่า หากท่านไปเกิดอยู่บนเกาะร้างสักแห่งที่ไม่มีใครให้ความรู้ ท่านจะเติบโตพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นศิลปินหรือผู้มีชื่อเสียงได้หรือไม่ ตัวท่านเองนอกจากต้องสำนึกแล้ว ก็จะต้องถามตัวเองด้วยว่า ท่านจะพึงกระทำหน้าที่ของมนุษย์ในการจะส่งความรู้ให้รุ่นต่อไปหรือไม่ และได้ทำคุณประโยชน์ใดให้แก่มนุษย์รุ่นต่อจากท่านบ้าง ท่านได้ต่อยอดความรู้นับพันปีที่ได้งอกเงยอยู่ในตัวท่านอย่างไร เพื่อที่ว่าวันนึงเมื่อท่านกลายเป็น คนแก่อีกคนหนึ่ง คนรุ่นใหม่จะได้รำลึกถึงท่านในคุณูปการที่ท่านได้ฝากไว้แก่โลกนี้ . .
    0 Comments 0 Shares 451 Views 0 Reviews
  • "สมศักดิ์" ชี้จุดอันตรายห้ามนวด หลังพบกรณีศึกษาหลอดเลือดเลี้ยงสมองอุดตัน ด้านอธิบดีกรมแพทย์แผนไทยฯ แนะผู้มีโรคประจำตัว ควรได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์แผนไทยที่เชี่ยวชาญ

    วันที่ 10 พ.ค. 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีข่าวการนวดคอจนทำให้สมองตายว่า ความจริงแล้วการนวดนั้น มีประโยชน์หลายอย่างทั้งช่วยผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องทำอย่างถูกวิธี จากข่าวที่เกิดขึ้นในกรณีล่าสุด ที่ภรรยานวดให้กับสามีเพื่อคลายความปวดเมื่อย แต่ว่ากลับกลายเป็นว่าทำให้สมองตาย ส่งผลร้ายแรงต่อชีวิต ที่ผ่านมาอาจจะเคยนวดเล็กๆ น้อย ๆ แล้วไม่มีอันตรายเกิดขึ้น ก็คิดว่าสามารถทำได้ตามปกติ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความรุนแรง แม้การนวดพื้นฐานที่บ้านสามารถทำได้ แต่ควรมีความรู้ประกอบด้วย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000043776

    #MGROnline #หลอดเลือดเลี้ยงสมองอุดตัน
    "สมศักดิ์" ชี้จุดอันตรายห้ามนวด หลังพบกรณีศึกษาหลอดเลือดเลี้ยงสมองอุดตัน ด้านอธิบดีกรมแพทย์แผนไทยฯ แนะผู้มีโรคประจำตัว ควรได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์แผนไทยที่เชี่ยวชาญ • วันที่ 10 พ.ค. 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีมีข่าวการนวดคอจนทำให้สมองตายว่า ความจริงแล้วการนวดนั้น มีประโยชน์หลายอย่างทั้งช่วยผ่อนคลาย บรรเทาอาการปวด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องทำอย่างถูกวิธี จากข่าวที่เกิดขึ้นในกรณีล่าสุด ที่ภรรยานวดให้กับสามีเพื่อคลายความปวดเมื่อย แต่ว่ากลับกลายเป็นว่าทำให้สมองตาย ส่งผลร้ายแรงต่อชีวิต ที่ผ่านมาอาจจะเคยนวดเล็กๆ น้อย ๆ แล้วไม่มีอันตรายเกิดขึ้น ก็คิดว่าสามารถทำได้ตามปกติ ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความรุนแรง แม้การนวดพื้นฐานที่บ้านสามารถทำได้ แต่ควรมีความรู้ประกอบด้วย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/politics/detail/9680000043776 • #MGROnline #หลอดเลือดเลี้ยงสมองอุดตัน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • “เมื่อคำพูดไม่มีประโยชน์…จงใช้ความเงียบที่มีเมตตา”

    แม้เราจะรักและผูกพันกันแค่ไหน
    แต่ถ้าใจอยู่คนละฝั่งจริงๆ
    แค่คุยกันก็เหนื่อยแล้ว
    เพราะคำพูดทั้งหมดจะกลายเป็นเสียงเบาๆ ที่ลอยผ่านไป
    ไม่มีวันแตะใจอีกฝ่ายได้เลย

    ---

    ญาติที่รัก แต่ “ไม่ฟัง” คือบททดสอบระดับสูง

    โดยเฉพาะเมื่อเป็นญาติผู้ใหญ่
    ที่พร้อมจะโกรธโดยไม่รอฟัง
    ที่หงุดหงิดง่าย ดุดันเร็ว
    คุณจะรู้สึกเหมือน “ถูกจับสอบกลางสนามไฟ”
    ไม่ว่าคุณจะอธิบายดีแค่ไหน…ก็เหมือนเทน้ำใส่หินร้อน

    แต่จงจำไว้ให้แม่น —
    “ไฟจะดับด้วยไฟไม่ได้ ต้องดับด้วยน้ำ”
    และน้ำในธรรมะก็คือ
    ความสงบ ความเงียบ และความเมตตา

    ---

    ถ้อยคำแห่งเหตุผล…อาจไร้ค่าทันทีเมื่อใจต่างกัน

    ใจที่ติดสี ติดข้าง ติดอัตตา
    จะไม่เปิดรับเหตุผลจากฝั่งตรงข้าม
    ต่อให้คุณพูดเพราะ ใช้หลักวิชาเป๊ะ
    ก็เหมือนยิงลูกธนูใส่กำแพง
    ไม่ได้ทะลุใจใครเลย

    ---

    ทางออกไม่ใช่การชนะด้วยคำพูด แต่เป็น “การหยุดด้วยจิตที่สว่าง”

    หากคุณสงบนิ่งได้
    วางใจไว้ในความเงียบ
    แต่เป็นความเงียบที่มีสติ มีเมตตา มีความเย็น
    จิตของคุณจะกลายเป็นแรงสะเทือนที่ดี
    สะกิดอีกฝ่ายโดยที่คุณไม่ต้องเอ่ยอะไรเลย

    นั่นแหละคือ บุญที่แผ่ออกเป็น “พลังงานทางใจ”
    ละลายมุมแข็งๆ
    ของคนที่คุณเคารพและรักได้อย่างนุ่มนวล

    ---

    ศิลปะแห่ง “การหยุด – ถอย – รุก” ด้วยเมตตา

    คนที่มีธรรมะในใจ
    จะรู้ว่าเมื่อใดควรเงียบ
    เมื่อใดควรถอย
    เมื่อใดควรรุกอย่างอ่อนโยน
    และที่สุดของปฏิภาณ ไม่ใช่การเอาชนะ
    แต่คือการ ทำให้ทุกคน “ชนะร่วมกัน” โดยไม่มีใครแพ้เลย

    ---

    บทสรุปธรรมะที่สำคัญที่สุดในสถานการณ์ยาก

    > ถ้าจิตของคุณมีเมตตา และไม่เจือโทสะแม้แต่นิดเดียว
    – เมื่อคิด จะเป็นบุญ
    – เมื่อพูด จะเป็นบุญ
    – เมื่อทำ จะเป็นบุญ

    และ บุญนั้นเองจะเปิดทางให้คุณอย่างเหลือเชื่อ
    ช่วยให้สถานการณ์ร้ายคลี่คลาย
    ด้วยความอ่อนโยน ที่แข็งแกร่งกว่าอารมณ์ใดในโลก
    “เมื่อคำพูดไม่มีประโยชน์…จงใช้ความเงียบที่มีเมตตา” แม้เราจะรักและผูกพันกันแค่ไหน แต่ถ้าใจอยู่คนละฝั่งจริงๆ แค่คุยกันก็เหนื่อยแล้ว เพราะคำพูดทั้งหมดจะกลายเป็นเสียงเบาๆ ที่ลอยผ่านไป ไม่มีวันแตะใจอีกฝ่ายได้เลย --- ญาติที่รัก แต่ “ไม่ฟัง” คือบททดสอบระดับสูง โดยเฉพาะเมื่อเป็นญาติผู้ใหญ่ ที่พร้อมจะโกรธโดยไม่รอฟัง ที่หงุดหงิดง่าย ดุดันเร็ว คุณจะรู้สึกเหมือน “ถูกจับสอบกลางสนามไฟ” ไม่ว่าคุณจะอธิบายดีแค่ไหน…ก็เหมือนเทน้ำใส่หินร้อน แต่จงจำไว้ให้แม่น — “ไฟจะดับด้วยไฟไม่ได้ ต้องดับด้วยน้ำ” และน้ำในธรรมะก็คือ ความสงบ ความเงียบ และความเมตตา --- ถ้อยคำแห่งเหตุผล…อาจไร้ค่าทันทีเมื่อใจต่างกัน ใจที่ติดสี ติดข้าง ติดอัตตา จะไม่เปิดรับเหตุผลจากฝั่งตรงข้าม ต่อให้คุณพูดเพราะ ใช้หลักวิชาเป๊ะ ก็เหมือนยิงลูกธนูใส่กำแพง ไม่ได้ทะลุใจใครเลย --- ทางออกไม่ใช่การชนะด้วยคำพูด แต่เป็น “การหยุดด้วยจิตที่สว่าง” หากคุณสงบนิ่งได้ วางใจไว้ในความเงียบ แต่เป็นความเงียบที่มีสติ มีเมตตา มีความเย็น จิตของคุณจะกลายเป็นแรงสะเทือนที่ดี สะกิดอีกฝ่ายโดยที่คุณไม่ต้องเอ่ยอะไรเลย นั่นแหละคือ บุญที่แผ่ออกเป็น “พลังงานทางใจ” ละลายมุมแข็งๆ ของคนที่คุณเคารพและรักได้อย่างนุ่มนวล --- ศิลปะแห่ง “การหยุด – ถอย – รุก” ด้วยเมตตา คนที่มีธรรมะในใจ จะรู้ว่าเมื่อใดควรเงียบ เมื่อใดควรถอย เมื่อใดควรรุกอย่างอ่อนโยน และที่สุดของปฏิภาณ ไม่ใช่การเอาชนะ แต่คือการ ทำให้ทุกคน “ชนะร่วมกัน” โดยไม่มีใครแพ้เลย --- บทสรุปธรรมะที่สำคัญที่สุดในสถานการณ์ยาก > ถ้าจิตของคุณมีเมตตา และไม่เจือโทสะแม้แต่นิดเดียว – เมื่อคิด จะเป็นบุญ – เมื่อพูด จะเป็นบุญ – เมื่อทำ จะเป็นบุญ และ บุญนั้นเองจะเปิดทางให้คุณอย่างเหลือเชื่อ ช่วยให้สถานการณ์ร้ายคลี่คลาย ด้วยความอ่อนโยน ที่แข็งแกร่งกว่าอารมณ์ใดในโลก
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • 🤗 เมื่อมี #ถั่วลิสง #น้ำมันมะพร้าว #Mannature และ #น้ําผึ้งแท้ ก็ทำ #เนยถั่วลิสง สิค่ะ ✌️ #หอม #มัน #ไม่หวาน #มีประโยชน์ 👍🏼
    #พอเพียง #พอกินพออยู่ #ทำตามพ่อสอน #ในหลวง #รัชกาลที่๙ #รัชกาลที่๑๐ #บันได๙ขั้น #เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ
    🤗 เมื่อมี #ถั่วลิสง #น้ำมันมะพร้าว #Mannature และ #น้ําผึ้งแท้ ก็ทำ #เนยถั่วลิสง สิค่ะ ✌️ #หอม #มัน #ไม่หวาน #มีประโยชน์ 👍🏼 #พอเพียง #พอกินพออยู่ #ทำตามพ่อสอน #ในหลวง #รัชกาลที่๙ #รัชกาลที่๑๐ #บันได๙ขั้น #เครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติ
    0 Comments 0 Shares 327 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึง 8 ตัวชี้วัดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สำคัญที่สุด ซึ่งช่วยให้ องค์กรสามารถประเมินประสิทธิภาพของระบบรักษาความปลอดภัย และ ปรับปรุงมาตรการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์

    ตัวชี้วัดเหล่านี้ครอบคลุม การตรวจจับภัยคุกคาม, ความสามารถในการฟื้นตัวจากการโจมตี, การมองเห็นเครือข่ายและระบบ, และการลดความเสี่ยงจากฟิชชิ่ง ซึ่งเป็น ปัจจัยสำคัญในการรักษาความปลอดภัยขององค์กรในยุคดิจิทัล

    ✅ Mean Time to Detect (MTD) – ระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจจับภัยคุกคาม
    - ยิ่งตรวจจับได้เร็ว โอกาสที่ผู้โจมตีจะสร้างความเสียหายก็ลดลง

    ✅ Cyber Resilience – ความสามารถในการฟื้นตัวจากการโจมตี
    - ไม่ใช่แค่การป้องกัน แต่ต้องสามารถกู้คืนระบบได้อย่างรวดเร็ว

    ✅ Network, System, and Endpoint Visibility – การมองเห็นเครือข่ายและระบบ
    - หากไม่มีการมองเห็นที่ดี องค์กรอาจไม่สามารถตรวจจับภัยคุกคามได้ทันเวลา

    ✅ Goal Question Metric (GQM) – วิธีการวัดผลที่ช่วยให้ผู้บริหารเข้าใจประสิทธิภาพของระบบ
    - ใช้ในการ ปรับปรุงกระบวนการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์

    ✅ Cost Avoidance Ratio (CAR) – อัตราการหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายจากภัยคุกคาม
    - เปรียบเทียบ ค่าใช้จ่ายในการป้องกันกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

    ✅ Mean Time Between Failures (MTBF) – ระยะเวลาระหว่างความล้มเหลวของระบบ
    - ระบบที่มี MTBF สูง มีความเสถียรและเชื่อถือได้มากกว่า

    ✅ Time to Contain (TTC) – ระยะเวลาที่ใช้ในการควบคุมภัยคุกคาม
    - ยิ่งควบคุมได้เร็ว ความเสียหายก็ลดลง

    ✅ Reduction in Successful Phishing Attempts (RISPA) – การลดจำนวนการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่สำเร็จ
    - แสดงให้เห็นว่า การฝึกอบรมและมาตรการป้องกันมีประสิทธิภาพ

    ‼️ องค์กรต้องใช้ตัวชี้วัดเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่เก็บข้อมูลแต่ต้องนำไปใช้จริง
    - หากไม่มีการนำไปใช้ ตัวชี้วัดจะไม่มีประโยชน์ในการป้องกันภัยคุกคาม

    ‼️ การพึ่งพาตัวชี้วัดเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยขององค์กร
    - ควรตรวจสอบว่า ตัวชี้วัดเหล่านี้สะท้อนความเป็นจริงของระบบรักษาความปลอดภัย

    https://www.csoonline.com/article/3979024/the-8-security-metrics-that-matter-most.html
    บทความนี้กล่าวถึง 8 ตัวชี้วัดด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่สำคัญที่สุด ซึ่งช่วยให้ องค์กรสามารถประเมินประสิทธิภาพของระบบรักษาความปลอดภัย และ ปรับปรุงมาตรการป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ตัวชี้วัดเหล่านี้ครอบคลุม การตรวจจับภัยคุกคาม, ความสามารถในการฟื้นตัวจากการโจมตี, การมองเห็นเครือข่ายและระบบ, และการลดความเสี่ยงจากฟิชชิ่ง ซึ่งเป็น ปัจจัยสำคัญในการรักษาความปลอดภัยขององค์กรในยุคดิจิทัล ✅ Mean Time to Detect (MTD) – ระยะเวลาที่ใช้ในการตรวจจับภัยคุกคาม - ยิ่งตรวจจับได้เร็ว โอกาสที่ผู้โจมตีจะสร้างความเสียหายก็ลดลง ✅ Cyber Resilience – ความสามารถในการฟื้นตัวจากการโจมตี - ไม่ใช่แค่การป้องกัน แต่ต้องสามารถกู้คืนระบบได้อย่างรวดเร็ว ✅ Network, System, and Endpoint Visibility – การมองเห็นเครือข่ายและระบบ - หากไม่มีการมองเห็นที่ดี องค์กรอาจไม่สามารถตรวจจับภัยคุกคามได้ทันเวลา ✅ Goal Question Metric (GQM) – วิธีการวัดผลที่ช่วยให้ผู้บริหารเข้าใจประสิทธิภาพของระบบ - ใช้ในการ ปรับปรุงกระบวนการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ✅ Cost Avoidance Ratio (CAR) – อัตราการหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายจากภัยคุกคาม - เปรียบเทียบ ค่าใช้จ่ายในการป้องกันกับความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ✅ Mean Time Between Failures (MTBF) – ระยะเวลาระหว่างความล้มเหลวของระบบ - ระบบที่มี MTBF สูง มีความเสถียรและเชื่อถือได้มากกว่า ✅ Time to Contain (TTC) – ระยะเวลาที่ใช้ในการควบคุมภัยคุกคาม - ยิ่งควบคุมได้เร็ว ความเสียหายก็ลดลง ✅ Reduction in Successful Phishing Attempts (RISPA) – การลดจำนวนการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่สำเร็จ - แสดงให้เห็นว่า การฝึกอบรมและมาตรการป้องกันมีประสิทธิภาพ ‼️ องค์กรต้องใช้ตัวชี้วัดเหล่านี้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่แค่เก็บข้อมูลแต่ต้องนำไปใช้จริง - หากไม่มีการนำไปใช้ ตัวชี้วัดจะไม่มีประโยชน์ในการป้องกันภัยคุกคาม ‼️ การพึ่งพาตัวชี้วัดเพียงอย่างเดียวอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความปลอดภัยขององค์กร - ควรตรวจสอบว่า ตัวชี้วัดเหล่านี้สะท้อนความเป็นจริงของระบบรักษาความปลอดภัย https://www.csoonline.com/article/3979024/the-8-security-metrics-that-matter-most.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The 8 security metrics that matter most
    When it comes to assessing cybersecurity performance, the truth can be found in the numbers. Here are the essential KPIs to measure, monitor, and improve to ensure highly effective cyber operations.
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ระบบพรหมจรรย์ทรงแบ่งไว้เป็น ๒ แผนก
    สัทธรรมลำดับที่ : 981
    ชื่อบทธรรม : -ระบบพรหมจรรย์ทรงแบ่งไว้เป็น ๒ แผนก
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=981
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ระบบพรหมจรรย์ทรงแบ่งไว้เป็น ๒ แผนก
    --ภิกษุ ท. ! เรา ไม่กล่าว สำหรับภิกษุทั้งปวง ว่า ยังมีกิจอะไรๆ (เหลืออยู่)
    ที่จะต้องทำด้วยความไม่ประมาท และเราก็ ไม่กล่าว
    สำหรับภิกษุทั้งปวงว่า มีกิจอะไร ๆ ที่ไม่ต้องทำด้วยความไม่ประมาท.

    ก. สำหรับผู้ถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเหล่าใด เป็น อรหันต์ขีณาสพ
    http://etipitaka.com/read/pali/13/228/?keywords=อรหนฺโต+ขีณาสวา
    อยู่จบพรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำอันกระทำแล้ว
    มีภาระอันปลงลงแล้ว มีประโยชน์ตนอันตามถึงแล้ว
    มีสัญโญชน์ในภพสิ้นไปรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ;
    +--ภิกษุ ท. ! สำหรับภิาษุเหล่านั้น
    เราไม่กล่าวว่า ยังมีกิจอะไรๆ (เหลืออยู่)
    ที่เธอต้องทำด้วยความไม่ประมาท.
    ข้อนี้เพราะเหตุไร ?
    เพราะเหตุว่า #กิจที่ต้องทำด้วยความไม่ประมาทเธอทำเสร็จแล้ว และ
    เธอเป็นผู้ไม่อาจที่จะเป็นผู้ประมาทได้อีกต่อไป.

    ข. สำหรับผู้ยังไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์
    --ภิกษุ ท. ! ส่วนภิกษุเหล่าใด เป็น เสขะ
    มีความประสงค์แห่งใจอันยังไม่บรรลุแล้ว ปรารถนาอยู่ซึ่งธรรมอันเกษมจากโยคะ
    ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าอยู่;
    +--ภิกษุ ท. ! สำหรับภิกษุเหล่านั้น เรากล่าวว่ายังมีกิจอะไรๆ (เหลืออยู่)
    ที่เธอต้องทำด้วยความไม่ประมาท. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
    เพราะเหตุว่า ถ้าไฉนท่านผู้มีอายุนี้
    จะเสพอยู่ซึ่งเสนาสนะอันสมควร
    จะคบอยู่ซึ่งกัลยาณมิตร
    จะบ่มอยู่ซึ่งอินทรีย์ทั้งหลาย
    ก็จะทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์ อันไม่มีอะไรยิ่งกว่า
    ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ต้องการของกุลบุตรผู้ออกบวชจากเรือน
    ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนโดยชอบ
    ได้ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่.
    +--ภิกษุ ท. ! เรามองเห็นผลแห่งความไม่ประมาท
    ข้อนี้สำหรับภิกษุนี้อยู่ #จึงกล่าวว่ายังมีกิจอะไรๆ (เหลืออยู่)
    ที่เธอนั้นต้องทำด้วยความไม่ประมาท ดังนี้.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ม. ม. 13/178/229.
    http://etipitaka.com/read/thai/13/178/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%92%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม. ม. ๑๓/๒๒๘/๒๒๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/13/228/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%92%E0%B9%99
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=981
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=84&id=981
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=84
    ลำดับสาธยายธรรม : 84 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_84.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ระบบพรหมจรรย์ทรงแบ่งไว้เป็น ๒ แผนก สัทธรรมลำดับที่ : 981 ชื่อบทธรรม : -ระบบพรหมจรรย์ทรงแบ่งไว้เป็น ๒ แผนก https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=981 เนื้อความทั้งหมด :- --ระบบพรหมจรรย์ทรงแบ่งไว้เป็น ๒ แผนก --ภิกษุ ท. ! เรา ไม่กล่าว สำหรับภิกษุทั้งปวง ว่า ยังมีกิจอะไรๆ (เหลืออยู่) ที่จะต้องทำด้วยความไม่ประมาท และเราก็ ไม่กล่าว สำหรับภิกษุทั้งปวงว่า มีกิจอะไร ๆ ที่ไม่ต้องทำด้วยความไม่ประมาท. ก. สำหรับผู้ถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว --ภิกษุ ท. ! ภิกษุเหล่าใด เป็น อรหันต์ขีณาสพ http://etipitaka.com/read/pali/13/228/?keywords=อรหนฺโต+ขีณาสวา อยู่จบพรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำอันกระทำแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีประโยชน์ตนอันตามถึงแล้ว มีสัญโญชน์ในภพสิ้นไปรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ; +--ภิกษุ ท. ! สำหรับภิาษุเหล่านั้น เราไม่กล่าวว่า ยังมีกิจอะไรๆ (เหลืออยู่) ที่เธอต้องทำด้วยความไม่ประมาท. ข้อนี้เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่า #กิจที่ต้องทำด้วยความไม่ประมาทเธอทำเสร็จแล้ว และ เธอเป็นผู้ไม่อาจที่จะเป็นผู้ประมาทได้อีกต่อไป. ข. สำหรับผู้ยังไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ --ภิกษุ ท. ! ส่วนภิกษุเหล่าใด เป็น เสขะ มีความประสงค์แห่งใจอันยังไม่บรรลุแล้ว ปรารถนาอยู่ซึ่งธรรมอันเกษมจากโยคะ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าอยู่; +--ภิกษุ ท. ! สำหรับภิกษุเหล่านั้น เรากล่าวว่ายังมีกิจอะไรๆ (เหลืออยู่) ที่เธอต้องทำด้วยความไม่ประมาท. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่า ถ้าไฉนท่านผู้มีอายุนี้ จะเสพอยู่ซึ่งเสนาสนะอันสมควร จะคบอยู่ซึ่งกัลยาณมิตร จะบ่มอยู่ซึ่งอินทรีย์ทั้งหลาย ก็จะทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์ อันไม่มีอะไรยิ่งกว่า ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ต้องการของกุลบุตรผู้ออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือนโดยชอบ ได้ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่. +--ภิกษุ ท. ! เรามองเห็นผลแห่งความไม่ประมาท ข้อนี้สำหรับภิกษุนี้อยู่ #จึงกล่าวว่ายังมีกิจอะไรๆ (เหลืออยู่) ที่เธอนั้นต้องทำด้วยความไม่ประมาท ดังนี้.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ม. ม. 13/178/229. http://etipitaka.com/read/thai/13/178/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%92%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม. ม. ๑๓/๒๒๘/๒๒๙. http://etipitaka.com/read/pali/13/228/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%92%E0%B9%99 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=981 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=84&id=981 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=84 ลำดับสาธยายธรรม : 84 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_84.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ระบบพรหมจรรย์ทรงแบ่งไว้เป็น ๒ แผนก
    -ระบบพรหมจรรย์ทรงแบ่งไว้เป็น ๒ แผนก ภิกษุ ท. ! เรา ไม่กล่าว สำหรับภิกษุทั้งปวง ว่า ยังมีกิจอะไรๆ (เหลืออยู่) ที่จะต้องทำด้วยความไม่ประมาท และเราก็ ไม่กล่าว สำหรับภิกษุทั้งปวงว่า มีกิจอะไร ๆ ที่ไม่ต้องทำด้วยความไม่ประมาท. ก. สำหรับผู้ถึงที่สุดแห่งทุกข์แล้ว ภิกษุ ท. ! ภิกษุเหล่าใด เป็น อรหันต์ขีณาสพ อยู่จบพรหมจรรย์ มีกิจที่ควรทำอันกระทำแล้ว มีภาระอันปลงลงแล้ว มีประโยชน์ตนอันตามถึงแล้ว มีสัญโญชน์ในภพสิ้นไปรอบแล้ว หลุดพ้นแล้วเพราะรู้โดยชอบ ; ภิกษุ ท. ! สำหรับภิาษุเหล่านั้น เราไม่กล่าวว่า ยังมีกิจอะไรๆ (เหลืออยู่) ที่เธอต้องทำด้วยความไม่ประมาท. ข้อนี้เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่า กิจที่ต้องทำด้วยความไม่ประมาท เธอทำเสร็จแล้ว และเธอเป็นผู้ไม่อาจที่จะเป็นผู้ประมาทได้อีกต่อไป. ข. สำหรับผู้ยังไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ภิกษุ ท. ! ส่วนภิกษุเหล่าใด เป็น เสขะ มีความประสงค์แห่งใจอันยังไม่บรรลุแล้ว ปรารถนาอยู่ซึ่งธรรมอันเกษมจากโยคะ ไม่มีธรรมอื่นยิ่งกว่าอยู่; ภิกษุ ท. ! สำหรับภิกษุเหล่านั้น เรากล่าวว่ายังมีกิจอะไรๆ (เหลืออยู่) ที่เธอต้องทำด้วยความไม่ประมาท. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่า ถ้าไฉนท่านผู้มีอายุนี้ จะเสพอยู่ซึ่งเสนาสนะอันสมควร จะคบอยู่ซึ่งกัลยาณมิตร จะบ่มอยู่ซึ่งอินทรีย์ทั้งหลาย ก็จะทำให้แจ้งซึ่งที่สุดแห่งพรหมจรรย์ อันไม่มีอะไรยิ่งกว่า ซึ่งเป็นประโยชน์ที่ต้องการของกุลบุตรผู้ออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือน โดยชอบ ได้ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในทิฏฐธรรมนี้ เข้าถึงแล้วแลอยู่. ภิกษุ ท. ! เรามองเห็นผลแห่งความไม่ประมาทข้อนี้ สำหรับภิกษุนี้อยู่ จึงกล่าวว่ายังมีกิจอะไรๆ (เหลืออยู่) ที่เธอนั้นต้องทำด้วยความไม่ประมาท ดังนี้.
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 Reviews
  • น้องเจนนี่ชวนทาน…ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา…จะทานเล่น หรือทานเป็นกับข้าวก็ได้ ….🐠🐟🐠 อร่อย สะอาด ถูกหบักอนามัย…ช่วงนี้ขายดี ขายปังมากค้าาาา หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาาาาา … นี่นะ..นึกอะไรไม่ออก หิวก็กิน🤤 ง่วงก็นอน 🛏️🥱…ปลาจิ้งจั้งไม่งา…อาหารทานเล่นที่มีประโยชน์ ได้แคลเซียมทั้งตัว รสชาติดี ทานง่ายๆ เหมาะกับทุกคนในครอบครัวเด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี ของทานเล่น ที่ทานแล้วมีประโยชน์คูณสอง… ต้องจานนี้เลยค่าาาา …ดีต่อใจ แถมได้แคลเซียมจากปลาทั้งตัว … แนะนำจานนี้เลยค่าาา ปลาจิ้งจ้างไม่งา … 🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน TikTok (มีราคา Flash Sale !!!!! ⭕️⭕️⭕️✅✅✅): https://vt.tiktok.com/ZSMvkycFt/ปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน Shopee: https://th.shp.ee/AdvUJrZเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#คือจึ้งมาก #คือเจ๋งมาก #คืออร่อย #คือดีย์#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลากระพงทุบ #ปลากระพงทุบ #อร่อยกี่โมง #กะปิเคย #หมึกกะตอย #ปลาทูมัน #ปลาทูหอม #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาจิ้งจั้งทอด #หมึกกะตอยแห้ง#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิวทอด #คือจึ้งมาก #ปลาจิ้งจั้ง #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #LiveOutlandish
    น้องเจนนี่ชวนทาน…ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา…จะทานเล่น หรือทานเป็นกับข้าวก็ได้ ….🐠🐟🐠 อร่อย สะอาด ถูกหบักอนามัย…ช่วงนี้ขายดี ขายปังมากค้าาาา หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาาาาา … นี่นะ..นึกอะไรไม่ออก หิวก็กิน🤤 ง่วงก็นอน 🛏️🥱…ปลาจิ้งจั้งไม่งา…อาหารทานเล่นที่มีประโยชน์ ได้แคลเซียมทั้งตัว รสชาติดี ทานง่ายๆ เหมาะกับทุกคนในครอบครัวเด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี ของทานเล่น ที่ทานแล้วมีประโยชน์คูณสอง… ต้องจานนี้เลยค่าาาา …ดีต่อใจ แถมได้แคลเซียมจากปลาทั้งตัว … แนะนำจานนี้เลยค่าาา ปลาจิ้งจ้างไม่งา … 🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน TikTok (มีราคา Flash Sale !!!!! ⭕️⭕️⭕️✅✅✅): https://vt.tiktok.com/ZSMvkycFt/ปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน Shopee: https://th.shp.ee/AdvUJrZเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#คือจึ้งมาก #คือเจ๋งมาก #คืออร่อย #คือดีย์#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลากระพงทุบ #ปลากระพงทุบ #อร่อยกี่โมง #กะปิเคย #หมึกกะตอย #ปลาทูมัน #ปลาทูหอม #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาจิ้งจั้งทอด #หมึกกะตอยแห้ง#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาซิวทอด #คือจึ้งมาก #ปลาจิ้งจั้ง #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #LiveOutlandish
    0 Comments 0 Shares 654 Views 0 0 Reviews
  • ตอนเรียน มธ.หลงเชื่อข้อมูลผิดๆ ไม่ชอบ ร.๑๐ จนไม่เข้ารับปริญญา ทั้งๆที่ได้ #เกียรตินิยม รู้สึกเสียใจและเสียดายจนถึงทุกวันนี้...
    และ เพราะอะไรถึงกลับมารัก ร.๑๐ อย่างสุดหัวใจ 🙏💛
    ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา

    ได้โพสเฟซบุ๊ค ดังนี้
    .
    ผมเป็นคนหนึ่งที่เรียน มธ. รหัส 53 และเคยได้รับข้อมูลผิด ๆ จนไม่ชอบในหลวง ร.10 มาก ๆ ถึงขั้นไม่เข้ารับพระราชทานปริญญาทั้ง ๆ ที่ผมจบเกียรตินิยม ผมไม่ได้เข้ารับของจริง ถ้าไม่เชื่อก็ไปเช็กได้เลยครับ ผมจึงยังคงเสียใจและเสียดายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่พอได้ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องด้วยตนเองในช่วงเรียนปริญญาเอกที่สิงคโปร์ จากที่ไม่ชอบก็กลายเป็นรักและเห็นใจพระองค์ท่านมาก ๆ
    .
    พบว่าสิ่งที่เคยได้ยินจากสามนิ้วล้มเจ้าในยุคนั้นล้วนเป็นความเท็จและไม่มีประโยชน์ เห็นได้ชัดเจนมาก ๆ ว่าการบิดเบือนให้ร้ายในหลวง ร.10 เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน เพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจ โดยมักบิดเบือนให้ร้ายสร้างมโนภาพต่าง ๆ ให้ในหลวง ร.10 กลายเป็นคนไม่ดี เป็นยักษ์ เป็นมาร เป็นจอมวายร้าย
    .
    แต่ทว่าในความเป็นจริง แม้ในหลวง ร.10 จะเป็นคนเคร่งครัดมากในระเบียบวินัยแบบทหาร แต่พระองค์ท่านก็เป็นคนที่มีเมตตาสูงมาก ขนาดชีวิตสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ท่านยังให้ความเมตตาแบบสุด ๆ ผมเคยได้ยินเรื่องหนึ่งที่เชื่อถือได้อย่างแน่ชัด เวลามีสัตว์หลงเข้ามาในลานฝึก ทหารที่ฝึกกับพระองค์ท่านจะต้องหยิบมันไปปล่อยอย่างเหมาะสม ใครจะไปนึกว่าในหลวง ร.10 จะทรงน่ารักขนาดนี้
    .
    ผมยังจำได้ดี ตอนผมจบปริญญาเอกปี 2561 ในวัย 26 ปี ในปีนั้นเพื่อนชาวสิงคโปร์ของผมชื่อ ‘ยองเจีย’ วัย 25 ปี เคยแสดงความคิดเห็นให้ผมฟังว่า "สถาบันพระมหากษัตริย์คือจุดแข็งที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษอันหาได้ยากยิ่ง ลองคิดดูนะ กว่าประเทศอื่นจะรวมผู้คนให้สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ประเทศไทยสามารถทำได้แค่ในชั่วพริบตา เพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน ดังนั้นถ้าหากมีใครต้องการทำลายประเทศไทย หรือแทรกแซงประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงไม่แปลกที่เขาต้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์"
    .
    ผมโชคดีที่ตาสว่างกว่า ไม่เช่นนั้นตอนนี้ผมอาจติดคุกหรือไม่ก็ได้ดิบได้ดีในพรรคการเมืองหนึ่ง พรรคที่มีรากเหง้ามาจากสามนิ้วล้มเจ้าใน มธ. ชอบอ้างอย่างปลอมเปลือกว่าอยากให้สถาบันพระมหากษัตริย์มั่นคงสถาพร แต่ในความเป็นจริงแม้แต่ถวายพระพรก็ยังไม่มีเลย สุดท้ายเมื่อผมออกจาก Echo Chamber ของการลือตาม ๆ กันอย่างเสียสติ ไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทอง ไม่หลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อบิดเบือนให้ร้ายพระองค์ท่านอีกต่อไป ผมจึงตาสว่างยิ่งกว่าตาสว่างและรักพระองค์ท่านสุดหัวใจ

    ดร.นิว ศุภณัฐ

    การที่บุคคล เห็นโทษ โดยความเป็นโทษ แล้วทำ คืนตามธรรม ถึงความสำรวมระวังต่อไป นี้เป็นความเจริญในอริยวินัย ของผู้นั้น
    #ตถาคตภาษิต
    ตอนเรียน มธ.หลงเชื่อข้อมูลผิดๆ ไม่ชอบ ร.๑๐ จนไม่เข้ารับปริญญา ทั้งๆที่ได้ #เกียรตินิยม รู้สึกเสียใจและเสียดายจนถึงทุกวันนี้... และ เพราะอะไรถึงกลับมารัก ร.๑๐ อย่างสุดหัวใจ 🙏💛 ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ 'ดร.นิว' นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โพสเฟซบุ๊ค ดังนี้ . ผมเป็นคนหนึ่งที่เรียน มธ. รหัส 53 และเคยได้รับข้อมูลผิด ๆ จนไม่ชอบในหลวง ร.10 มาก ๆ ถึงขั้นไม่เข้ารับพระราชทานปริญญาทั้ง ๆ ที่ผมจบเกียรตินิยม ผมไม่ได้เข้ารับของจริง ถ้าไม่เชื่อก็ไปเช็กได้เลยครับ ผมจึงยังคงเสียใจและเสียดายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่พอได้ศึกษาข้อมูลที่ถูกต้องด้วยตนเองในช่วงเรียนปริญญาเอกที่สิงคโปร์ จากที่ไม่ชอบก็กลายเป็นรักและเห็นใจพระองค์ท่านมาก ๆ . พบว่าสิ่งที่เคยได้ยินจากสามนิ้วล้มเจ้าในยุคนั้นล้วนเป็นความเท็จและไม่มีประโยชน์ เห็นได้ชัดเจนมาก ๆ ว่าการบิดเบือนให้ร้ายในหลวง ร.10 เป็นส่วนหนึ่งของขบวนการสร้างความแตกแยกในหมู่ประชาชน เพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจ โดยมักบิดเบือนให้ร้ายสร้างมโนภาพต่าง ๆ ให้ในหลวง ร.10 กลายเป็นคนไม่ดี เป็นยักษ์ เป็นมาร เป็นจอมวายร้าย . แต่ทว่าในความเป็นจริง แม้ในหลวง ร.10 จะเป็นคนเคร่งครัดมากในระเบียบวินัยแบบทหาร แต่พระองค์ท่านก็เป็นคนที่มีเมตตาสูงมาก ขนาดชีวิตสัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ท่านยังให้ความเมตตาแบบสุด ๆ ผมเคยได้ยินเรื่องหนึ่งที่เชื่อถือได้อย่างแน่ชัด เวลามีสัตว์หลงเข้ามาในลานฝึก ทหารที่ฝึกกับพระองค์ท่านจะต้องหยิบมันไปปล่อยอย่างเหมาะสม ใครจะไปนึกว่าในหลวง ร.10 จะทรงน่ารักขนาดนี้ . ผมยังจำได้ดี ตอนผมจบปริญญาเอกปี 2561 ในวัย 26 ปี ในปีนั้นเพื่อนชาวสิงคโปร์ของผมชื่อ ‘ยองเจีย’ วัย 25 ปี เคยแสดงความคิดเห็นให้ผมฟังว่า "สถาบันพระมหากษัตริย์คือจุดแข็งที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษอันหาได้ยากยิ่ง ลองคิดดูนะ กว่าประเทศอื่นจะรวมผู้คนให้สามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ประเทศไทยสามารถทำได้แค่ในชั่วพริบตา เพราะมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของผู้คน ดังนั้นถ้าหากมีใครต้องการทำลายประเทศไทย หรือแทรกแซงประเทศไทยเพื่อผลประโยชน์อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงไม่แปลกที่เขาต้องทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์" . ผมโชคดีที่ตาสว่างกว่า ไม่เช่นนั้นตอนนี้ผมอาจติดคุกหรือไม่ก็ได้ดิบได้ดีในพรรคการเมืองหนึ่ง พรรคที่มีรากเหง้ามาจากสามนิ้วล้มเจ้าใน มธ. ชอบอ้างอย่างปลอมเปลือกว่าอยากให้สถาบันพระมหากษัตริย์มั่นคงสถาพร แต่ในความเป็นจริงแม้แต่ถวายพระพรก็ยังไม่มีเลย สุดท้ายเมื่อผมออกจาก Echo Chamber ของการลือตาม ๆ กันอย่างเสียสติ ไม่ต่างจากนกแก้วนกขุนทอง ไม่หลงเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อบิดเบือนให้ร้ายพระองค์ท่านอีกต่อไป ผมจึงตาสว่างยิ่งกว่าตาสว่างและรักพระองค์ท่านสุดหัวใจ ดร.นิว ศุภณัฐ การที่บุคคล เห็นโทษ โดยความเป็นโทษ แล้วทำ คืนตามธรรม ถึงความสำรวมระวังต่อไป นี้เป็นความเจริญในอริยวินัย ของผู้นั้น #ตถาคตภาษิต
    0 Comments 0 Shares 517 Views 0 Reviews
  • Google ได้ปรับปรุง Google Voice ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การโทรสะดวกขึ้น โดยเพิ่ม การโทรแบบสามสาย (Three-way calling) และ ปรับปรุงอินเทอร์เฟซการโทร ให้ใช้งานง่ายขึ้น

    ฟีเจอร์ Three-way calling ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวมสายสองสายเข้าด้วยกันเพื่อสนทนาแบบกลุ่ม ซึ่งมีประโยชน์ในหลายสถานการณ์ เช่น การสนทนาแบบหลายภาษา, การประชุมทางกฎหมาย, หรือ การโอนสายที่ราบรื่นขึ้น ผู้ใช้สามารถเพิ่มบุคคลที่สามได้โดยกดปุ่ม "Add" แล้วเลือก "Merge" เพื่อรวมสาย

    นอกจากนี้ Google Voice ยังได้รับ การออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ ให้มีความสอดคล้องกับ Google Meet โดยวางปุ่มควบคุมสายโทรในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายขึ้น เช่น ปุ่มกดหมายเลข, ปุ่มปิดเสียง, และ ปุ่มโอนสาย

    อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Three-way calling จะเปิดให้ใช้งานเฉพาะ ลูกค้า Google Workspace ที่มีแพ็กเกจ Voice Starter, Voice Standard หรือ Voice Premier รวมถึงผู้ใช้ที่มี SIP Link Standard และ SIP Link Premier ส่วนอินเทอร์เฟซใหม่จะเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ Google Voice ทุกคน

    ✅ การโทรแบบสามสาย (Three-way calling)
    - สามารถรวมสายสองสายเข้าด้วยกันเพื่อสนทนาแบบกลุ่ม
    - มีประโยชน์สำหรับการสนทนาแบบหลายภาษา, การประชุมทางกฎหมาย และการโอนสาย

    ✅ การออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่
    - ปรับปรุงให้มีความสอดคล้องกับ Google Meet
    - วางปุ่มควบคุมสายโทรในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายขึ้น

    ✅ การเปิดใช้งานฟีเจอร์ใหม่
    - Three-way calling เปิดให้ใช้งานเฉพาะลูกค้า Google Workspace ที่มีแพ็กเกจ Voice Starter, Voice Standard หรือ Voice Premier
    - อินเทอร์เฟซใหม่เปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ Google Voice ทุกคน

    ✅ กำหนดการเปิดตัว
    - เริ่มเปิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2025
    - อาจใช้เวลามากกว่า 15 วัน กว่าที่ผู้ใช้ทุกคนจะได้รับการอัปเดต

    https://www.neowin.net/news/google-voice-gets-a-call-interface-makeover-and-three-way-support/
    Google ได้ปรับปรุง Google Voice ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้การโทรสะดวกขึ้น โดยเพิ่ม การโทรแบบสามสาย (Three-way calling) และ ปรับปรุงอินเทอร์เฟซการโทร ให้ใช้งานง่ายขึ้น ฟีเจอร์ Three-way calling ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวมสายสองสายเข้าด้วยกันเพื่อสนทนาแบบกลุ่ม ซึ่งมีประโยชน์ในหลายสถานการณ์ เช่น การสนทนาแบบหลายภาษา, การประชุมทางกฎหมาย, หรือ การโอนสายที่ราบรื่นขึ้น ผู้ใช้สามารถเพิ่มบุคคลที่สามได้โดยกดปุ่ม "Add" แล้วเลือก "Merge" เพื่อรวมสาย นอกจากนี้ Google Voice ยังได้รับ การออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ ให้มีความสอดคล้องกับ Google Meet โดยวางปุ่มควบคุมสายโทรในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายขึ้น เช่น ปุ่มกดหมายเลข, ปุ่มปิดเสียง, และ ปุ่มโอนสาย อย่างไรก็ตาม ฟีเจอร์ Three-way calling จะเปิดให้ใช้งานเฉพาะ ลูกค้า Google Workspace ที่มีแพ็กเกจ Voice Starter, Voice Standard หรือ Voice Premier รวมถึงผู้ใช้ที่มี SIP Link Standard และ SIP Link Premier ส่วนอินเทอร์เฟซใหม่จะเปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ Google Voice ทุกคน ✅ การโทรแบบสามสาย (Three-way calling) - สามารถรวมสายสองสายเข้าด้วยกันเพื่อสนทนาแบบกลุ่ม - มีประโยชน์สำหรับการสนทนาแบบหลายภาษา, การประชุมทางกฎหมาย และการโอนสาย ✅ การออกแบบอินเทอร์เฟซใหม่ - ปรับปรุงให้มีความสอดคล้องกับ Google Meet - วางปุ่มควบคุมสายโทรในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายขึ้น ✅ การเปิดใช้งานฟีเจอร์ใหม่ - Three-way calling เปิดให้ใช้งานเฉพาะลูกค้า Google Workspace ที่มีแพ็กเกจ Voice Starter, Voice Standard หรือ Voice Premier - อินเทอร์เฟซใหม่เปิดให้ใช้งานสำหรับผู้ใช้ Google Voice ทุกคน ✅ กำหนดการเปิดตัว - เริ่มเปิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2025 - อาจใช้เวลามากกว่า 15 วัน กว่าที่ผู้ใช้ทุกคนจะได้รับการอัปเดต https://www.neowin.net/news/google-voice-gets-a-call-interface-makeover-and-three-way-support/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Voice gets a call interface makeover and three-way support
    Google has shipped an update for its Voice service that brings three-way merging of calls and an updated appearance for the call screen.
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • ชี้เป้าเส้นทางเงิน รู้แน่ใครนอมินี-ฮั้ว : [NEWS UPDATE]

    นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เผยถึงการชี้แจงโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ในฐานะอดีตผู้ว่า สตง. ปี 2557-2560 มีส่วนเลือกและกำหนดให้ใช้ที่ดินแปลงนี้ ตั้งใจหนีปัญหาน้ำท่วม การเดินทางไกลส่วนที่ปรากฏภาพถ่ายกับ นายบิงลิน วู และนายหลง เฉวียนวู นักธุรกิจชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างตึก เป็นขั้นตอนหลังมีผู้รับจ้างแล้ว ซึ่งผู้รับจ้างหลักคือ อิตาเลียนไทย ส่วนไชน่า เรลเวย์ เป็นผู้ร่วมค้า ดูไม่ออกเป็นใครมาในฐานะอะไร หรือสมอ้างมาถ่ายรูป ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง หากไม่มีเหตุอันควรสงสัย อาจไม่เอะใจว่าคนพวกนี้มายืนข้างๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ส่วนการตรวจสอบเรื่องนอมินี ขณะนั้นยังไม่มีระเบียบกำหนดว่าต้องตรวจสอบลึกถึงกิจการของนอมินี ซึ่งต้องพิสูจน์เส้นทางการเงิน เพราะตามระเบียบกำหนดว่า ผู้แข่งขันประมูลโครงการ มีการฮั้วงานในลักษณะสมยอม เอื้อกัน ถือหุ้นไขว้ไปมา เป็นบริษัทในเครือเดียวกันแล้วมาแข่ง ขณะที่เรื่องออกแบบยืนยันไม่เกี่ยวข้อง การออกแบบเกิดขึ้นปี 2561-2562 ทำสัญญาปี 2563-2564 ซึ่งพ้นจากตำแหน่ง 3-4 ปีแล้ว

    -ผู้ว่า สตง. ต้องพูดความจริง

    -วิศวกรทยอยให้ปากคำ

    -จ่ายเยียวยาไม่มีผลทางคดี

    -นัด"ทักษิณ"ไต่สวนติดคุกจริง?
    ชี้เป้าเส้นทางเงิน รู้แน่ใครนอมินี-ฮั้ว : [NEWS UPDATE] นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เผยถึงการชี้แจงโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ในฐานะอดีตผู้ว่า สตง. ปี 2557-2560 มีส่วนเลือกและกำหนดให้ใช้ที่ดินแปลงนี้ ตั้งใจหนีปัญหาน้ำท่วม การเดินทางไกลส่วนที่ปรากฏภาพถ่ายกับ นายบิงลิน วู และนายหลง เฉวียนวู นักธุรกิจชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างตึก เป็นขั้นตอนหลังมีผู้รับจ้างแล้ว ซึ่งผู้รับจ้างหลักคือ อิตาเลียนไทย ส่วนไชน่า เรลเวย์ เป็นผู้ร่วมค้า ดูไม่ออกเป็นใครมาในฐานะอะไร หรือสมอ้างมาถ่ายรูป ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง หากไม่มีเหตุอันควรสงสัย อาจไม่เอะใจว่าคนพวกนี้มายืนข้างๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ส่วนการตรวจสอบเรื่องนอมินี ขณะนั้นยังไม่มีระเบียบกำหนดว่าต้องตรวจสอบลึกถึงกิจการของนอมินี ซึ่งต้องพิสูจน์เส้นทางการเงิน เพราะตามระเบียบกำหนดว่า ผู้แข่งขันประมูลโครงการ มีการฮั้วงานในลักษณะสมยอม เอื้อกัน ถือหุ้นไขว้ไปมา เป็นบริษัทในเครือเดียวกันแล้วมาแข่ง ขณะที่เรื่องออกแบบยืนยันไม่เกี่ยวข้อง การออกแบบเกิดขึ้นปี 2561-2562 ทำสัญญาปี 2563-2564 ซึ่งพ้นจากตำแหน่ง 3-4 ปีแล้ว -ผู้ว่า สตง. ต้องพูดความจริง -วิศวกรทยอยให้ปากคำ -จ่ายเยียวยาไม่มีผลทางคดี -นัด"ทักษิณ"ไต่สวนติดคุกจริง?
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 841 Views 18 0 Reviews
  • ยอมรับหาที่ดินสร้างตึก สตง.ไม่เกี่ยวข้องการก่อสร้าง : [THE MESSAGE]

    นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เผยถึงการชี้แจงโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ ถล่ม ในฐานะอดีตผู้ว่า สตง. ปี 2557-2560 มีส่วนเลือกและกำหนดให้ใช้ที่ดินแปลงนี้ ตั้งใจหนีปัญหาน้ำท่วม การเดินทางไกลส่วนที่ปรากฏภาพถ่ายร่วมกับ นายบิงลิน วู และนายหลง เฉวียนวู นักธุรกิจชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างตึก เป็นขั้นตอนหลังจากมีผู้รับจ้างแล้ว ซึ่งผู้รับจ้างหลักคือ อิตาเลียนไทย ส่วนไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เท็น เป็นผู้ร่วมค้า ดูไม่ออกเป็นใคร มาในฐานะอะไร หรือสมอ้างเข้ามาถ่ายรูป ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง หากไม่มีเหตุอันควรสงสัย อาจไม่ได้เอะใจว่าคนพวกนี้จะมายืนข้างๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ส่วนการตรวจสอบเรื่องนอมินี ขณะนั้นยังไม่มีระเบียบกำหนดว่าต้องตรวจสอบลึกถึงกิจการของนอมินี ซึ่งต้องพิสูจน์เส้นทางการเงิน เพราะตามระเบียบกำหนดว่า ผู้แข่งขันประมูลโครงการ มีการฮั้วงานในลักษณะสมยอม เอื้อกัน ถือหุ้นไขว้ไปมา เป็นบริษัทในเครือเดียวกันแล้วมาแข่ง ขณะที่เรื่องออกแบบยืนยันไม่เกี่ยวข้อง
    ยอมรับหาที่ดินสร้างตึก สตง.ไม่เกี่ยวข้องการก่อสร้าง : [THE MESSAGE] นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เผยถึงการชี้แจงโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) แห่งใหม่ ถล่ม ในฐานะอดีตผู้ว่า สตง. ปี 2557-2560 มีส่วนเลือกและกำหนดให้ใช้ที่ดินแปลงนี้ ตั้งใจหนีปัญหาน้ำท่วม การเดินทางไกลส่วนที่ปรากฏภาพถ่ายร่วมกับ นายบิงลิน วู และนายหลง เฉวียนวู นักธุรกิจชาวจีนที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างตึก เป็นขั้นตอนหลังจากมีผู้รับจ้างแล้ว ซึ่งผู้รับจ้างหลักคือ อิตาเลียนไทย ส่วนไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์เท็น เป็นผู้ร่วมค้า ดูไม่ออกเป็นใคร มาในฐานะอะไร หรือสมอ้างเข้ามาถ่ายรูป ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง หากไม่มีเหตุอันควรสงสัย อาจไม่ได้เอะใจว่าคนพวกนี้จะมายืนข้างๆ ล้อมหน้าล้อมหลัง มีประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ ส่วนการตรวจสอบเรื่องนอมินี ขณะนั้นยังไม่มีระเบียบกำหนดว่าต้องตรวจสอบลึกถึงกิจการของนอมินี ซึ่งต้องพิสูจน์เส้นทางการเงิน เพราะตามระเบียบกำหนดว่า ผู้แข่งขันประมูลโครงการ มีการฮั้วงานในลักษณะสมยอม เอื้อกัน ถือหุ้นไขว้ไปมา เป็นบริษัทในเครือเดียวกันแล้วมาแข่ง ขณะที่เรื่องออกแบบยืนยันไม่เกี่ยวข้อง
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 816 Views 24 0 Reviews
  • “ท่านปู่ชีวกโกมารภัจจ์”
    • ความจริงเรื่องของท่านไม่หาย แต่ไม่มีใครเขียนต่อ เมื่อเขาเผาศพพระพุทธเจ้าเสร็จ ท่านโกมารภัจจ์ท่านก็เสียใจ ความจริงท่านโกมารภัจจ์ท่านเป็นพระโสดาบันนะ ใช่ไหม เกิดทันใช่ไหม เกิดพร้อมกัน (หัวเราะ) ต่อนะ ท่านโกมารภัจจ์ในเมื่อเขาเผาพระพุทธเจ้าเสร็จ ท่านก็ไม่เข้าบ้าน บอกเราคิดว่าเราจะตายก่อนพระพุทธเจ้า ทีนี้พระพุทธเจ้ามานิพพานก่อนเราเราก็หมดที่พึ่งไม่มีใครสอน ทุกสิ่งทุกอย่างในเมื่อพระพุทธเจ้านิพพานเสียก่อนแล้ว ก็เหมือนกับเราคนไม่มีอะไรเลย ท่านคิดว่าอย่างนั้นนะ ก็เลยไม่คิดถึงบ้าน ไม่คิดถึงลูก ไม่คิดถึงเมีย ไม่คิดถึงทรัพย์สิน ไม่คิดถึงชีวิต เข้าไปนอนในถ้ำเข้าป่าไปเลย เข้าป่าไปท่านบอกว่าเข้าป่าหวังจะให้มันตายไปเลย ยังมีคนตามไปขอยาอีก ใช่ไหม หมอซะอย่าง ในเมื่อมีคนตามมาขอยา ท่านก็รำคาญ เราเป็นคนไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องการทำอะไรทั้งหมด เข้าป่าลึก
    • พอเข้าป่าลึกไปนอนในถ้ำ นอนอย่างเดียวเราจะไม่ลุกจากที่นี้ จะเป็นไงก็ช่างมัน หมายความว่าจะตายก็ตายไปเสียนะ พอตัดสินใจว่ามันจะตายก็ตายตรงนี้ เราจะไม่ลุกไปอีกแล้ว ก็มีเสียงเหมือนแสงฟ้าแลบ แลบแป๊บเดียวก็มีเสียงเหมือนคล้ายฟ้าผ่าเปรี้ยง แล้วก็มีเสียงบอก โกมารภัจจ์ เธอเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม ท่านก็บอกว่าใช่แล้วก็นอน เดี๋ยวมาเป็นแบบนั้นอยู่สามครั้ง พอครั้งที่สามท่านหลับ ท่านบอกก็เลยหลับสนิทไปเลย ไม่ตื่นต่อไปอีก
    • “อาการตัดสินใจแบบนั้นไม่อาลัยในชีวิตนะ เป็นอารมณ์อรหันต์ นั่นท่านเป็นพระโสดาบันอยู่แล้วนะ ก็เลยเป็นพระอรหันต์นิพพานทันที” แต่ว่าหนังสือแบบเรียนเราไม่มีนะ ต้องหาที่อื่น นี่พูดเรื่องท่านโกมารภัจจ์ให้ฟัง ว่าเรื่องมันหายไปนะ ความจริงท่านไม่หาย ท่านโกมารภัจจ์ทำให้เรามีประโยชน์มากให้รู้ว่าพระพุทธเจ้าเป็นใคร และตระกูลพระพุทธเจ้าเราจะสังเกตได้ว่าชาวกรุงกบิลพัสดุ์นี่รังเกียจคนเผ่าอื่น คือไม่ยอมแต่งงานกับคนเมืองอื่นเลย จะต้องแต่งงานเฉพาะชาวกรุงกบิลพัสดุ์เท่านั้นนะ เราก็อ่านหนังสือแล้วเราคิดว่าคนพวกนี้มีมานะถือตัวมาก แต่ความจริงไม่ใช่หรอก นั่นแขกด้วยกัน แต่ความจริงพระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่แขก ท่านเป็นคนไทย เป็นลูกชาวไทยอาหม ไทยในแขกมีอยู่สองไทย คือ หนึ่ง ไทยอาหม สอง ไทยมะลิวัลย์
    • ไทยอาหมนั่นเขามาถึงอินเดียก่อนไทยมะลิวัลย์ ๑๐๐ ปี ในเมื่อไทยกับแขกมันกินข้าวด้วยกันไม่ไหวแล้ว ไหวไหม ไม่ไหวนะ ทีนี้มาตอนหนึ่งท่านโกมารภัจจ์ท่านลาพระพุทธเจ้ามาที่ทวาราวดี ลามาเที่ยว ๒ ปี แต่ว่าฎีกาจารย์ล่อสิบสองปี นี่มันจะมากไปหน่อย ตอนนั้นก็มาทางเรือนะ อินเดียมาประเทศไทยก็ไม่ไกลนักใช่ไหม เวลากลับไปก็ไปกราบเรียนพระพุทธเจ้าให้ทราบว่าชาวทวาราวดีใช้ภาษาโดด และพูดเพราะมาก คำว่าโดดหมายถึงเดี่ยว
    • อย่างเรากิน เราเรียกว่า ‘กิน’ นะ ของเขา ‘ภุญชะติ’ เรา ‘ไป’ เขา ‘คันตะวา’ นะ ของเราโดดกว่านะ นี่เทียบให้ฟังนะ พระพุทธเจ้าเลยถามว่าชาวทวาราวดีเขาพูดยังไง ลองพูดให้ฟังสักคำสิ พอท่านโกมารกัจจ์พูดให้ฟัง พระพุทธเจ้าก็พูดภาษาทวาราวดี คุยกันสนุกสนาน ก็คุยไปคุยมาคุยสนุกสนาน ต่อมาระหว่างที่คุยท่านโกมารภัจจ์ท่านนึกขึ้นมาว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าย่อมรู้ภาษาทุกภาษา หรือว่าท่านรู้มาจากไหน เลยถามพระพุทธเจ้าว่าการที่พระองค์รู้ภาษาทวาราวดี อาศัยปฏิสัมภิทาญาณหรือรู้มาจากไหน พระพุทธเจ้าบอกว่า ชาวกรุงกบิลพัสดุ์ทั้งหมดใช้ภาษานี้เป็นภาษาพื้นเมือง ใช่ไหม ก็แสดงว่าพระพุทธเจ้าเป็นลูกคนไทย ไทยอาหม

    ================

    จากหนังสือ : ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๕๕ หน้า ๖๐-๖๒
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร)
    ภาพถ่ายสถานที่ : วัดจันทาราม (ท่าซุง)
    “ท่านปู่ชีวกโกมารภัจจ์” • ความจริงเรื่องของท่านไม่หาย แต่ไม่มีใครเขียนต่อ เมื่อเขาเผาศพพระพุทธเจ้าเสร็จ ท่านโกมารภัจจ์ท่านก็เสียใจ ความจริงท่านโกมารภัจจ์ท่านเป็นพระโสดาบันนะ ใช่ไหม เกิดทันใช่ไหม เกิดพร้อมกัน (หัวเราะ) ต่อนะ ท่านโกมารภัจจ์ในเมื่อเขาเผาพระพุทธเจ้าเสร็จ ท่านก็ไม่เข้าบ้าน บอกเราคิดว่าเราจะตายก่อนพระพุทธเจ้า ทีนี้พระพุทธเจ้ามานิพพานก่อนเราเราก็หมดที่พึ่งไม่มีใครสอน ทุกสิ่งทุกอย่างในเมื่อพระพุทธเจ้านิพพานเสียก่อนแล้ว ก็เหมือนกับเราคนไม่มีอะไรเลย ท่านคิดว่าอย่างนั้นนะ ก็เลยไม่คิดถึงบ้าน ไม่คิดถึงลูก ไม่คิดถึงเมีย ไม่คิดถึงทรัพย์สิน ไม่คิดถึงชีวิต เข้าไปนอนในถ้ำเข้าป่าไปเลย เข้าป่าไปท่านบอกว่าเข้าป่าหวังจะให้มันตายไปเลย ยังมีคนตามไปขอยาอีก ใช่ไหม หมอซะอย่าง ในเมื่อมีคนตามมาขอยา ท่านก็รำคาญ เราเป็นคนไม่มีอะไรแล้วไม่ต้องการทำอะไรทั้งหมด เข้าป่าลึก • พอเข้าป่าลึกไปนอนในถ้ำ นอนอย่างเดียวเราจะไม่ลุกจากที่นี้ จะเป็นไงก็ช่างมัน หมายความว่าจะตายก็ตายไปเสียนะ พอตัดสินใจว่ามันจะตายก็ตายตรงนี้ เราจะไม่ลุกไปอีกแล้ว ก็มีเสียงเหมือนแสงฟ้าแลบ แลบแป๊บเดียวก็มีเสียงเหมือนคล้ายฟ้าผ่าเปรี้ยง แล้วก็มีเสียงบอก โกมารภัจจ์ เธอเป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช่ไหม ท่านก็บอกว่าใช่แล้วก็นอน เดี๋ยวมาเป็นแบบนั้นอยู่สามครั้ง พอครั้งที่สามท่านหลับ ท่านบอกก็เลยหลับสนิทไปเลย ไม่ตื่นต่อไปอีก • “อาการตัดสินใจแบบนั้นไม่อาลัยในชีวิตนะ เป็นอารมณ์อรหันต์ นั่นท่านเป็นพระโสดาบันอยู่แล้วนะ ก็เลยเป็นพระอรหันต์นิพพานทันที” แต่ว่าหนังสือแบบเรียนเราไม่มีนะ ต้องหาที่อื่น นี่พูดเรื่องท่านโกมารภัจจ์ให้ฟัง ว่าเรื่องมันหายไปนะ ความจริงท่านไม่หาย ท่านโกมารภัจจ์ทำให้เรามีประโยชน์มากให้รู้ว่าพระพุทธเจ้าเป็นใคร และตระกูลพระพุทธเจ้าเราจะสังเกตได้ว่าชาวกรุงกบิลพัสดุ์นี่รังเกียจคนเผ่าอื่น คือไม่ยอมแต่งงานกับคนเมืองอื่นเลย จะต้องแต่งงานเฉพาะชาวกรุงกบิลพัสดุ์เท่านั้นนะ เราก็อ่านหนังสือแล้วเราคิดว่าคนพวกนี้มีมานะถือตัวมาก แต่ความจริงไม่ใช่หรอก นั่นแขกด้วยกัน แต่ความจริงพระพุทธเจ้าท่านไม่ใช่แขก ท่านเป็นคนไทย เป็นลูกชาวไทยอาหม ไทยในแขกมีอยู่สองไทย คือ หนึ่ง ไทยอาหม สอง ไทยมะลิวัลย์ • ไทยอาหมนั่นเขามาถึงอินเดียก่อนไทยมะลิวัลย์ ๑๐๐ ปี ในเมื่อไทยกับแขกมันกินข้าวด้วยกันไม่ไหวแล้ว ไหวไหม ไม่ไหวนะ ทีนี้มาตอนหนึ่งท่านโกมารภัจจ์ท่านลาพระพุทธเจ้ามาที่ทวาราวดี ลามาเที่ยว ๒ ปี แต่ว่าฎีกาจารย์ล่อสิบสองปี นี่มันจะมากไปหน่อย ตอนนั้นก็มาทางเรือนะ อินเดียมาประเทศไทยก็ไม่ไกลนักใช่ไหม เวลากลับไปก็ไปกราบเรียนพระพุทธเจ้าให้ทราบว่าชาวทวาราวดีใช้ภาษาโดด และพูดเพราะมาก คำว่าโดดหมายถึงเดี่ยว • อย่างเรากิน เราเรียกว่า ‘กิน’ นะ ของเขา ‘ภุญชะติ’ เรา ‘ไป’ เขา ‘คันตะวา’ นะ ของเราโดดกว่านะ นี่เทียบให้ฟังนะ พระพุทธเจ้าเลยถามว่าชาวทวาราวดีเขาพูดยังไง ลองพูดให้ฟังสักคำสิ พอท่านโกมารกัจจ์พูดให้ฟัง พระพุทธเจ้าก็พูดภาษาทวาราวดี คุยกันสนุกสนาน ก็คุยไปคุยมาคุยสนุกสนาน ต่อมาระหว่างที่คุยท่านโกมารภัจจ์ท่านนึกขึ้นมาว่าพระพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าย่อมรู้ภาษาทุกภาษา หรือว่าท่านรู้มาจากไหน เลยถามพระพุทธเจ้าว่าการที่พระองค์รู้ภาษาทวาราวดี อาศัยปฏิสัมภิทาญาณหรือรู้มาจากไหน พระพุทธเจ้าบอกว่า ชาวกรุงกบิลพัสดุ์ทั้งหมดใช้ภาษานี้เป็นภาษาพื้นเมือง ใช่ไหม ก็แสดงว่าพระพุทธเจ้าเป็นลูกคนไทย ไทยอาหม ================ จากหนังสือ : ธรรมปฏิบัติ เล่ม ๕๕ หน้า ๖๐-๖๒ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) ภาพถ่ายสถานที่ : วัดจันทาราม (ท่าซุง)
    0 Comments 0 Shares 331 Views 0 Reviews
  • 💥BQQQQQQM💥 กราไฟต์แม่เหล็กที่พบในวัคซีน - หลักฐาน

    กราไฟต์ (/ˈɡræfˌaɪt/) ซึ่งเรียกกันในสมัยโบราณว่าพลัมเบโก เป็นธาตุคาร์บอนที่มีรูปแบบผลึก โดยอะตอมของมันจะเรียงตัวกันเป็นโครงสร้างหกเหลี่ยม กราไฟต์พบได้ตามธรรมชาติในรูปแบบนี้ และเป็นคาร์บอนที่มีความเสถียรที่สุดภายใต้สภาวะมาตรฐาน เมื่ออยู่ภายใต้ความกดดันและอุณหภูมิสูง กราไฟต์จะเปลี่ยนเป็นเพชร กราไฟต์ใช้ในดินสอและน้ำมันหล่อลื่น กราไฟต์เป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้าได้ดี การนำไฟฟ้าได้ดีทำให้กราไฟต์มีประโยชน์ในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น อิเล็กโทรด แบตเตอรี่ และแผงโซลาร์เซลล์

    ..กราฟีน สังหารคนฉีดมันเข้าไปได้หลายลักษณะ,พื้นๆวูบตายก็มันนี้ล่ะ.
    ..ปัจจุบัน อย.ไทยเราทำหน้าที่สมฐานะจริงแค่ไหน ปะปนกับทุกๆวัคซีนแล้วหรือไม่โดยเฉพาะรุ่นmRNAทั้งหมดหรือรุ่นธรรมดาพื้นๆแบบยาชาพวกถอนฟันล่ะตัวดี.
    💥BQQQQQQM💥 กราไฟต์แม่เหล็กที่พบในวัคซีน - หลักฐาน กราไฟต์ (/ˈɡræfˌaɪt/) ซึ่งเรียกกันในสมัยโบราณว่าพลัมเบโก เป็นธาตุคาร์บอนที่มีรูปแบบผลึก โดยอะตอมของมันจะเรียงตัวกันเป็นโครงสร้างหกเหลี่ยม กราไฟต์พบได้ตามธรรมชาติในรูปแบบนี้ และเป็นคาร์บอนที่มีความเสถียรที่สุดภายใต้สภาวะมาตรฐาน เมื่ออยู่ภายใต้ความกดดันและอุณหภูมิสูง กราไฟต์จะเปลี่ยนเป็นเพชร กราไฟต์ใช้ในดินสอและน้ำมันหล่อลื่น กราไฟต์เป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้าได้ดี การนำไฟฟ้าได้ดีทำให้กราไฟต์มีประโยชน์ในผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น อิเล็กโทรด แบตเตอรี่ และแผงโซลาร์เซลล์ ..กราฟีน สังหารคนฉีดมันเข้าไปได้หลายลักษณะ,พื้นๆวูบตายก็มันนี้ล่ะ. ..ปัจจุบัน อย.ไทยเราทำหน้าที่สมฐานะจริงแค่ไหน ปะปนกับทุกๆวัคซีนแล้วหรือไม่โดยเฉพาะรุ่นmRNAทั้งหมดหรือรุ่นธรรมดาพื้นๆแบบยาชาพวกถอนฟันล่ะตัวดี.
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึงการติดตั้ง Tiny11 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ลดขนาดของ Windows 11 บน iPad Air M2 โดยใช้การจำลองระบบผ่าน UTM (Universal Turing Machine) แม้ว่าการติดตั้งนี้จะเป็นไปได้ แต่ประสิทธิภาพที่ได้ยังคงต่ำมาก เช่น การรอให้เดสก์ท็อปปรากฏใช้เวลามากกว่าหนึ่งนาทีครึ่ง การทดลองนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Tiny11 ในการทำงานบนอุปกรณ์ที่ไม่คาดคิด แต่ยังไม่มีประโยชน์ในเชิงปฏิบัติ

    ✅ การติดตั้ง Tiny11 บน iPad Air M2
    - ใช้เวอร์ชัน Arm64 ของ Tiny11 ซึ่งเป็น Windows 11 ที่ลดขนาด
    - การติดตั้งผ่าน UTM ซึ่งเป็นโปรแกรมจำลองระบบ

    ✅ ประสิทธิภาพของ Tiny11 บน iPad Air M2
    - การทำงานของระบบยังคงช้า เช่น การเปิด Task Manager และ Settings
    - การทำงานดีกว่าการติดตั้งบน iPhone 15 Pro ที่เคยใช้เวลาบูตถึง 20 นาที

    ✅ ความน่าสนใจของ Tiny11
    - Tiny11 เป็น Windows 11 ที่ลดขนาดและเหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่มีทรัพยากรจำกัด
    - มีเวอร์ชันที่ลดขนาดถึง 100MB และสามารถติดตั้งบน Raspberry Pi

    ✅ การทดลองที่แสดงถึงความเป็นไปได้
    - การติดตั้งนี้เป็นการทดลองเพื่อแสดงความสามารถของ Tiny11
    - ไม่มีประโยชน์ในเชิงปฏิบัติ เช่นเดียวกับการเล่น Doom บนแปรงสีฟัน

    https://www.techradar.com/computing/windows/tiny11-strikes-again-as-bloat-free-version-of-windows-11-is-demonstrated-running-on-apples-ipad-air-but-dont-try-this-at-home
    บทความนี้กล่าวถึงการติดตั้ง Tiny11 ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่ลดขนาดของ Windows 11 บน iPad Air M2 โดยใช้การจำลองระบบผ่าน UTM (Universal Turing Machine) แม้ว่าการติดตั้งนี้จะเป็นไปได้ แต่ประสิทธิภาพที่ได้ยังคงต่ำมาก เช่น การรอให้เดสก์ท็อปปรากฏใช้เวลามากกว่าหนึ่งนาทีครึ่ง การทดลองนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ Tiny11 ในการทำงานบนอุปกรณ์ที่ไม่คาดคิด แต่ยังไม่มีประโยชน์ในเชิงปฏิบัติ ✅ การติดตั้ง Tiny11 บน iPad Air M2 - ใช้เวอร์ชัน Arm64 ของ Tiny11 ซึ่งเป็น Windows 11 ที่ลดขนาด - การติดตั้งผ่าน UTM ซึ่งเป็นโปรแกรมจำลองระบบ ✅ ประสิทธิภาพของ Tiny11 บน iPad Air M2 - การทำงานของระบบยังคงช้า เช่น การเปิด Task Manager และ Settings - การทำงานดีกว่าการติดตั้งบน iPhone 15 Pro ที่เคยใช้เวลาบูตถึง 20 นาที ✅ ความน่าสนใจของ Tiny11 - Tiny11 เป็น Windows 11 ที่ลดขนาดและเหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่มีทรัพยากรจำกัด - มีเวอร์ชันที่ลดขนาดถึง 100MB และสามารถติดตั้งบน Raspberry Pi ✅ การทดลองที่แสดงถึงความเป็นไปได้ - การติดตั้งนี้เป็นการทดลองเพื่อแสดงความสามารถของ Tiny11 - ไม่มีประโยชน์ในเชิงปฏิบัติ เช่นเดียวกับการเล่น Doom บนแปรงสีฟัน https://www.techradar.com/computing/windows/tiny11-strikes-again-as-bloat-free-version-of-windows-11-is-demonstrated-running-on-apples-ipad-air-but-dont-try-this-at-home
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • “ส่วนเกินของความเครียด” ซึ่งเป็นตัวถ่วงสำคัญที่ทำให้ปัญหาเล็กกลายเป็นภูเขา และทำให้ชีวิตหมุนวนในทุกข์โดยไม่จำเป็น

    ---

    1. จุดเริ่มของทุกข์คือ “เครียดก่อนคิด”

    > “ยังไม่ทันแก้ปัญหา แต่ใจด่วนตกอยู่ในความเครียด นี่คือทุกข์ส่วนเกินที่ไม่มีประโยชน์”

    ธรรมะประโยคนี้พาเรารู้ว่า

    เครียดไม่ใช่สิ่งผิดเสมอไป

    แต่ เครียดก่อนคิด = เครียดฟรี และสร้าง “ภาพหลอน” ให้ปัญหาดูหนักกว่าความเป็นจริง

    > ธรรมะสำคัญ:
    “คิดหนึ่ง แต่เครียดเก้า” = ใช้พลังงานจิตไปกับความฟุ้งซ่านแทนการแก้ไข

    ---

    2. ส่วนเกินอยู่ที่ไหน? เริ่มหาจากกายก่อนใจ

    > “ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หัวคิ้ว คือจุดสังเกต ‘กายสะท้อนใจ’ อย่างชัดเจน”

    หลักเจริญสติ:

    สังเกตอาการทางกาย เช่น ขมวดคิ้ว กำมือ เกร็งเท้า

    คือร่องรอยของ อารมณ์ที่ยังไม่รู้ตัว

    > การ “รู้” แล้ว “คลาย” คือการ ตัดตอนพลังลบทางกายและใจ
    เหมือนปลดเบรกมือออกก่อนจะออกรถ

    ---

    3. ฝึกเฝ้าสังเกต = ฝึกใจให้กลับสู่ความสงบ

    วิธีปฏิบัติที่แนะนำ:

    1. สังเกตจุดเครียดประจำกาย เช่น หัวคิ้ว – ฝ่ามือ – ไหล่

    2. รู้ทันและคลายทันที – ไม่ดึงยาว

    3. ดูผลกระทบ ว่าเมื่อคลายกาย ใจเบาขึ้นไหม

    4. ดูต่อว่าใจเบาเพราะหนีปัญหา หรือพร้อมเผชิญด้วยสติ

    > นี่คือสติที่ “ละเอียด” และ “ใช้งานจริง” ได้ในทุกวัน

    ---

    4. ผลลัพธ์: เย็นก่อน จึงเห็นก่อน และจึงแก้ได้จริง

    เมื่อเย็น → จิตไม่ถูกผลักด้วยโทสะ

    เมื่อไม่รีบโกรธ → ใจยังกล้าเผชิญโดยไม่สั่นไหว

    เมื่อใจยังสงบแม้อยู่ในความวุ่นวาย → ชีวิตจะค่อยๆ เป็นระเบียบจากภายใน

    > ธรรมะสั้น:
    “จิตที่สงบในปัญหา = จิตที่ปลอดภัยจากการหลงทาง”

    ---

    5. สรุปใจกลางธรรมะในบทความนี้

    ทุกข์ส่วนเกินมาจาก “ความคิดปนเครียดก่อนมีสติ”

    “กาย” คือกระจกสะท้อนความฟุ้งซ่านที่ไวที่สุด

    การฝึกคลายกาย คือจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูใจ

    ความสงบไม่ใช่สิ่งไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่ “ลืมใช้มานาน”

    ความเย็นคือภาวะพื้นฐานเดิมแท้ของจิตที่ยังไม่ถูกครอบด้วยกิเลส

    ---

    คำคมธรรมะจากบทความ (พร้อมใช้ในโพสต์หรือหนังสือ)

    “เครียดก่อนคิด คือทุกข์ที่เกิดโดยไม่จำเป็น”

    “ขมวดคิ้วแน่นเท่าไร ใจก็มัวเท่านั้น”

    “ปล่อยส่วนเกิน คือคืนพื้นที่ใจให้ปัญญาได้ทำงาน”

    “เมื่อคลายกาย ใจจึงพร้อมจะกล้าเผชิญ”

    “ความเย็นเคยอยู่ในใจคุณ เพียงแต่ไม่ได้ใช้มานาน”
    “ส่วนเกินของความเครียด” ซึ่งเป็นตัวถ่วงสำคัญที่ทำให้ปัญหาเล็กกลายเป็นภูเขา และทำให้ชีวิตหมุนวนในทุกข์โดยไม่จำเป็น --- 1. จุดเริ่มของทุกข์คือ “เครียดก่อนคิด” > “ยังไม่ทันแก้ปัญหา แต่ใจด่วนตกอยู่ในความเครียด นี่คือทุกข์ส่วนเกินที่ไม่มีประโยชน์” ธรรมะประโยคนี้พาเรารู้ว่า เครียดไม่ใช่สิ่งผิดเสมอไป แต่ เครียดก่อนคิด = เครียดฟรี และสร้าง “ภาพหลอน” ให้ปัญหาดูหนักกว่าความเป็นจริง > ธรรมะสำคัญ: “คิดหนึ่ง แต่เครียดเก้า” = ใช้พลังงานจิตไปกับความฟุ้งซ่านแทนการแก้ไข --- 2. ส่วนเกินอยู่ที่ไหน? เริ่มหาจากกายก่อนใจ > “ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หัวคิ้ว คือจุดสังเกต ‘กายสะท้อนใจ’ อย่างชัดเจน” หลักเจริญสติ: สังเกตอาการทางกาย เช่น ขมวดคิ้ว กำมือ เกร็งเท้า คือร่องรอยของ อารมณ์ที่ยังไม่รู้ตัว > การ “รู้” แล้ว “คลาย” คือการ ตัดตอนพลังลบทางกายและใจ เหมือนปลดเบรกมือออกก่อนจะออกรถ --- 3. ฝึกเฝ้าสังเกต = ฝึกใจให้กลับสู่ความสงบ วิธีปฏิบัติที่แนะนำ: 1. สังเกตจุดเครียดประจำกาย เช่น หัวคิ้ว – ฝ่ามือ – ไหล่ 2. รู้ทันและคลายทันที – ไม่ดึงยาว 3. ดูผลกระทบ ว่าเมื่อคลายกาย ใจเบาขึ้นไหม 4. ดูต่อว่าใจเบาเพราะหนีปัญหา หรือพร้อมเผชิญด้วยสติ > นี่คือสติที่ “ละเอียด” และ “ใช้งานจริง” ได้ในทุกวัน --- 4. ผลลัพธ์: เย็นก่อน จึงเห็นก่อน และจึงแก้ได้จริง เมื่อเย็น → จิตไม่ถูกผลักด้วยโทสะ เมื่อไม่รีบโกรธ → ใจยังกล้าเผชิญโดยไม่สั่นไหว เมื่อใจยังสงบแม้อยู่ในความวุ่นวาย → ชีวิตจะค่อยๆ เป็นระเบียบจากภายใน > ธรรมะสั้น: “จิตที่สงบในปัญหา = จิตที่ปลอดภัยจากการหลงทาง” --- 5. สรุปใจกลางธรรมะในบทความนี้ ทุกข์ส่วนเกินมาจาก “ความคิดปนเครียดก่อนมีสติ” “กาย” คือกระจกสะท้อนความฟุ้งซ่านที่ไวที่สุด การฝึกคลายกาย คือจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูใจ ความสงบไม่ใช่สิ่งไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่ “ลืมใช้มานาน” ความเย็นคือภาวะพื้นฐานเดิมแท้ของจิตที่ยังไม่ถูกครอบด้วยกิเลส --- คำคมธรรมะจากบทความ (พร้อมใช้ในโพสต์หรือหนังสือ) “เครียดก่อนคิด คือทุกข์ที่เกิดโดยไม่จำเป็น” “ขมวดคิ้วแน่นเท่าไร ใจก็มัวเท่านั้น” “ปล่อยส่วนเกิน คือคืนพื้นที่ใจให้ปัญญาได้ทำงาน” “เมื่อคลายกาย ใจจึงพร้อมจะกล้าเผชิญ” “ความเย็นเคยอยู่ในใจคุณ เพียงแต่ไม่ได้ใช้มานาน”
    0 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สัมมัตตะในนามว่าอริยมรรค
    สัทธรรมลำดับที่ : 969
    ชื่อบทธรรม :- สัมมัตตะในนามว่า อริยมรรค
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=969
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สัมมัตตะในนามว่า อริยมรรค
    --ภิกษุ ท. ! เราจักแสดงซึ่งธรรมอันป็นอริยมรรค และ
    ธรรมอันเป็น อนริยมรรค แก่พวกเธอ. เธอทั้งหลายจงฟัง.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/262/?keywords=อริย+อนริโย
    --ภิกษุ ท. ! อนริยมรรค เป็นอย่างไรเล่า ? คือ
    (มิจฉาปัญญา)​มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังกัปปะ
    (มิจฉาสีลา)​มิจฉาวาจา มิจฉากัมมันตะ มิจฉาอาชีวะ
    (มิจฉาสมาธิ)​มิจฉาวายามะ มิจฉาสติ มิจฉาสมาธิ
    มิจฉาญาณะ
    มิจฉาวิมุตติ.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #อนริยมรรค.
    --ภิกษุ ท. ! อริยมรรค เป็นอย่างไรเล่า ? คือ
    (สัมมาปัญญา)​สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    (สัมมาสีลา)​สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    (สัมมาสมาธิ)​สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
    สัมมาญาณะ
    สัมมาวิมุตติ.
    +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #อริยมรรค.-

    (ในพระบาลีข้างบนนี้ ทรงแสดง
    สัมมัตตะสิบและมิจฉัตตะสิบ ว่าเป็นอริยมรรคและ อนริยมรรค.
    ในบาลีแห่งอื่นๆ แสดงเป็นคู่ ๆ แปลกออกไปอีก
    คือในสูตรอื่น ๆ ทรงเรียกชื่อของธรรมหมวดนี้ว่า
    สุกกมรรค - กัณหมรรค ก็มี,
    เป็นสาธุธรรม - อสาธุธรรม,
    อริยมรรค - อนริยมรรค,
    กุศลธรรม - อกุศลธรรม,
    ธรรมมีประโยชน์ - ธรรมไม่มีประโยชน์,
    เป็นธรรม - เป็นอธรรม,
    ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะ - เป็นไปเพื่ออาสวะ,
    เป็นธรรมไม่มีโทษ - เป็นธรรมมีโทษ,
    เป็นธรรมไม่แผดเผา - เป็นธรรมแผดเผา,
    ไม่เป็นเครื่องสั่งสมกิเลส - เป็นเครื่องสั่งสมกิเลส,
    มีสุขเป็นกำไร - มีทุกข์เป็นกำไร,
    มีสุขเป็นผลตอบแทน - มีทุกข์เป็นผลตอบแทน,
    เป็นธรรมทำความสงบ - ไม่เป็นธรรมทำความสงบ,
    เป็นธรรมของสัตบุรุษ -ไม่เป็นธรรมของสัตบุรุษ,
    ธรรมที่ควรทำให้เกิดขึ้น - ธรรมที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น,
    ธรรมที่ควรเสพ - ธรรมที่ไม่ควรเสพ,
    ธรรมที่ควรเจริญ - ธรรมที่ไม่ควรเจริญ,
    ธรรมที่ควรทำให้มาก - ธรรมที่ไม่ควรทำให้มาก,
    ธรรมที่ควรระลึกถึง - ธรรมที่ไม่ควรระลึกถึง,
    ธรรมที่ควรทำให้แจ้ง - ธรรมที่ไม่ควรทำให้แจ้ง,
    ดังนี้ก็มี.
    --- ๒๔/๒๕๘ - ๒๖๕/๑๓๔ - ๑๕๔
    http://etipitaka.com/read/pali/24/258/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%94 -​ http://etipitaka.com/read/pali/24/265/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%94
    ).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/218/145 - 146.
    http://etipitaka.com/read/thai/24/218/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%95
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๒๖๒/๑๔๕ - ๑๔๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/24/262/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%95
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=969
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=83&id=969
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=83
    ลำดับสาธยายธรรม : 83 ฟังเสียงอ่าน..
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_83.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สัมมัตตะในนามว่าอริยมรรค สัทธรรมลำดับที่ : 969 ชื่อบทธรรม :- สัมมัตตะในนามว่า อริยมรรค https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=969 เนื้อความทั้งหมด :- --สัมมัตตะในนามว่า อริยมรรค --ภิกษุ ท. ! เราจักแสดงซึ่งธรรมอันป็นอริยมรรค และ ธรรมอันเป็น อนริยมรรค แก่พวกเธอ. เธอทั้งหลายจงฟัง. http://etipitaka.com/read/pali/24/262/?keywords=อริย+อนริโย --ภิกษุ ท. ! อนริยมรรค เป็นอย่างไรเล่า ? คือ (มิจฉาปัญญา)​มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังกัปปะ (มิจฉาสีลา)​มิจฉาวาจา มิจฉากัมมันตะ มิจฉาอาชีวะ (มิจฉาสมาธิ)​มิจฉาวายามะ มิจฉาสติ มิจฉาสมาธิ มิจฉาญาณะ มิจฉาวิมุตติ. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #อนริยมรรค. --ภิกษุ ท. ! อริยมรรค เป็นอย่างไรเล่า ? คือ (สัมมาปัญญา)​สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ (สัมมาสีลา)​สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ (สัมมาสมาธิ)​สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาญาณะ สัมมาวิมุตติ. +--ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า #อริยมรรค.- (ในพระบาลีข้างบนนี้ ทรงแสดง สัมมัตตะสิบและมิจฉัตตะสิบ ว่าเป็นอริยมรรคและ อนริยมรรค. ในบาลีแห่งอื่นๆ แสดงเป็นคู่ ๆ แปลกออกไปอีก คือในสูตรอื่น ๆ ทรงเรียกชื่อของธรรมหมวดนี้ว่า สุกกมรรค - กัณหมรรค ก็มี, เป็นสาธุธรรม - อสาธุธรรม, อริยมรรค - อนริยมรรค, กุศลธรรม - อกุศลธรรม, ธรรมมีประโยชน์ - ธรรมไม่มีประโยชน์, เป็นธรรม - เป็นอธรรม, ไม่เป็นไปเพื่ออาสวะ - เป็นไปเพื่ออาสวะ, เป็นธรรมไม่มีโทษ - เป็นธรรมมีโทษ, เป็นธรรมไม่แผดเผา - เป็นธรรมแผดเผา, ไม่เป็นเครื่องสั่งสมกิเลส - เป็นเครื่องสั่งสมกิเลส, มีสุขเป็นกำไร - มีทุกข์เป็นกำไร, มีสุขเป็นผลตอบแทน - มีทุกข์เป็นผลตอบแทน, เป็นธรรมทำความสงบ - ไม่เป็นธรรมทำความสงบ, เป็นธรรมของสัตบุรุษ -ไม่เป็นธรรมของสัตบุรุษ, ธรรมที่ควรทำให้เกิดขึ้น - ธรรมที่ไม่ควรให้เกิดขึ้น, ธรรมที่ควรเสพ - ธรรมที่ไม่ควรเสพ, ธรรมที่ควรเจริญ - ธรรมที่ไม่ควรเจริญ, ธรรมที่ควรทำให้มาก - ธรรมที่ไม่ควรทำให้มาก, ธรรมที่ควรระลึกถึง - ธรรมที่ไม่ควรระลึกถึง, ธรรมที่ควรทำให้แจ้ง - ธรรมที่ไม่ควรทำให้แจ้ง, ดังนี้ก็มี. --- ๒๔/๒๕๘ - ๒๖๕/๑๓๔ - ๑๕๔ http://etipitaka.com/read/pali/24/258/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%93%E0%B9%94 -​ http://etipitaka.com/read/pali/24/265/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%94 ). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. 24/218/145 - 146. http://etipitaka.com/read/thai/24/218/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ทสก. อํ. ๒๔/๒๖๒/๑๔๕ - ๑๔๖. http://etipitaka.com/read/pali/24/262/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%94%E0%B9%95 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=969 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=83&id=969 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=83 ลำดับสาธยายธรรม : 83 ฟังเสียงอ่าน.. http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_83.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สัมมัตตะในนามว่า อริยมรรค
    -[สูตรข้างบนนี้ ตรัสเรียกอัฏฐังคิกมรรค ว่าสัมมาปฏิปทา ; ในสูตรอื่น (๑๙/๒๘/๘๙ - ๙๑) ตรัสเรียกว่า สัมมาปฏิบัติ ก็มี. อนึ่ง สูตรข้างบนนั้นตรัสเรียกอัฏฐังคิกมรรค ว่า สัมมาปฏิทา ในสูตรบางแห่ง (นิทาน.สํ. ๑๖/๕/๑๙ - ๒๑) ตรัสเรียก ปฏิจจสมุปบาทฝ่ายนิโรธวาร ว่าเป็นสัมมาปฏิปทา ก็มี. (ตรัสเรียกปฏิจจสมุปบาทนิโรธวาร ว่า ทุกขนิโรธอริยสัจ ก็มี - ติก. อํ. ๒๐/๒๒๗/๔๐๑).เป็นอันว่า ทั้งอริยอัฏฐังคิกมรรค และปฏิจจสมุปบาทนิโรธวาร ต่างก็เป็นสัมมาปฏิปทาด้วยกัน ; ควรที่นักศึกษาจะสนใจอย่างยิ่ง]. สัมมัตตะในนามว่า อริยมรรค ภิกษุ ท. ! เราจักแสดงซึ่งธรรมอันป็นอริยมรรค และธรรมอันเป็น อนริยมรรค แก่พวกเธอ. เธอทั้งหลายจงฟัง. ภิกษุ ท. ! อนริยมรรค เป็นอย่างไรเล่า ? คือ มิจฉาทิฏฐิ มิจฉาสังกัปปะ มิจฉาวาจา มิจฉากัมมันตะ มิจฉาอาชีวะ มิจฉาวายามะ มิจฉาสติ มิจฉาสมาธิ มิจฉาญาณะ มิจฉาวิมุตติ. ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า อนริยมรรค. ภิกษุ ท. ! อริยมรรค เป็นอย่างไรเล่า ? คือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาญาณะ สัมมาวิมุตติ. ภิกษุ ท. ! นี้เรียกว่า อริยมรรค.
    0 Comments 0 Shares 287 Views 0 Reviews
  • ✴️ความเชื่อที่ผิดในสังคมไทย
    1. ทุกคนเมื่อยามแก่ จะต้องทรุดโทรม ต้องป่วยเหมือนๆกัน
    2. สุขภาพจะดีได้ ต้องอาศัยการทาน “ยาวิเศษ” ตั้งแต่สมุนไพร “overclaimed” ไปจนสารอ่อนไวที่ไปประโคมฉีดเข้าเส้น โดยไม่ศึกษากันก่อน

    ข้อแรกผิดยังไง?
    ผมอายุ 52 ปี แต่มี Biological ageing ต่ำกว่าคนอายุ 30 ปลายๆ ที่ไม่ออกกำลังกาย ทาน fast food เยอะ ทานเหล้าเบียร์สม่ำเสมอ รวมถึงนอน ตี 1 ตี 3 ประจำ

    ความเสื่อมถอยของสุขภาพนั้น
    1. อายุเป็นเพียงปัจจัย 1 ปัจจัย
    2. อีก 4 ปัจจัยสำคัญคือ
    การออกกำลังกาย (cardio และ weight training), การทาน (และไม่ทาน) อะไร, การจัดการความเครียด และการนอน
    เราจึงเริ่มเห็นคนอายุ 55 ปี ที่แข็งแรงกว่าคนอายุ 35 ปีที่ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย นอนดึกเสมอ
    และคนอายุ 55 ปีนี้ตอนอายุ 70 จะยังวิ่งออกกำลังกายได้ แต่คนอายุ 35 คนนี้ตอนอายุเพียง 50 อาจเป็นเบาหวาน ความดัน เหนื่อยง่าย ป่วยเก่ง

    ข้อสองผิดยังไง?
    ของวิเศษในโลกใบนี้ จะอาหารเสริมให้ปึ๋งปั๋ง อาหารเสริมลดความดัน รวมถึงวิตามินเทพ พิสูจน์แล้วว่าให้ผลได้เพียงสั้นๆ เพราะไปลดปัญหาที่ปลายเหตุ
    แต่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยหลักๆของเราอยู่ที่เพียง 4 ข้อ
    1. การ degrade ตามอายุ และสิ่งแวดล้อม (เช่น PM2.5, ควันดำดีเซล, เครื่องสำอางค์)
    2. Mitochondria เสื่อมตามอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นสูบบุหรี่ กินเหล้า ทานหวานจัด นอนดึกหลังเที่ยงคืนซ้ำๆ
    3. ภาวะการพร่องจุลินทรีย์ดีหลายสายพันธุ์ในร่างกาย
    4. และการอักเสบ
    ดังนั้น “ยาวิเศษ” เป็นได้แค่ “ของเสริม” ให้กับ ”ของหลัก“ ที่ได้แก่
    การออกกำลังกายทั้ง cardio & weight training
    อาหารดี มีประโยชน์ จากธรรมชาติ ไร้ fast food/ultra processed food
    การจัดการความเครียด
    และการนอนให้มีคุณภาพดี

    ดังนั้น
    ความเร็วของการแก่ ป่วย เสื่อม ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน
    และ
    Supplement คือ Supplement ให้ทานเมื่อขาด แต่ไม่ใช่ใช้เป็น “หลัก” ในการการดูแลสุขภาพ
    คนอเมริกันเป็น 1 ในชาติที่ทาน supplement สูงที่สุดในโลก แต่อายุเฉลี่ยนอกจากไม่เพิ่ม กลับมีสั้นลงด้วย
    ✴️ความเชื่อที่ผิดในสังคมไทย 1. ทุกคนเมื่อยามแก่ จะต้องทรุดโทรม ต้องป่วยเหมือนๆกัน 2. สุขภาพจะดีได้ ต้องอาศัยการทาน “ยาวิเศษ” ตั้งแต่สมุนไพร “overclaimed” ไปจนสารอ่อนไวที่ไปประโคมฉีดเข้าเส้น โดยไม่ศึกษากันก่อน ข้อแรกผิดยังไง? ผมอายุ 52 ปี แต่มี Biological ageing ต่ำกว่าคนอายุ 30 ปลายๆ ที่ไม่ออกกำลังกาย ทาน fast food เยอะ ทานเหล้าเบียร์สม่ำเสมอ รวมถึงนอน ตี 1 ตี 3 ประจำ ความเสื่อมถอยของสุขภาพนั้น 1. อายุเป็นเพียงปัจจัย 1 ปัจจัย 2. อีก 4 ปัจจัยสำคัญคือ การออกกำลังกาย (cardio และ weight training), การทาน (และไม่ทาน) อะไร, การจัดการความเครียด และการนอน เราจึงเริ่มเห็นคนอายุ 55 ปี ที่แข็งแรงกว่าคนอายุ 35 ปีที่ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย นอนดึกเสมอ และคนอายุ 55 ปีนี้ตอนอายุ 70 จะยังวิ่งออกกำลังกายได้ แต่คนอายุ 35 คนนี้ตอนอายุเพียง 50 อาจเป็นเบาหวาน ความดัน เหนื่อยง่าย ป่วยเก่ง ข้อสองผิดยังไง? ของวิเศษในโลกใบนี้ จะอาหารเสริมให้ปึ๋งปั๋ง อาหารเสริมลดความดัน รวมถึงวิตามินเทพ พิสูจน์แล้วว่าให้ผลได้เพียงสั้นๆ เพราะไปลดปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยหลักๆของเราอยู่ที่เพียง 4 ข้อ 1. การ degrade ตามอายุ และสิ่งแวดล้อม (เช่น PM2.5, ควันดำดีเซล, เครื่องสำอางค์) 2. Mitochondria เสื่อมตามอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นสูบบุหรี่ กินเหล้า ทานหวานจัด นอนดึกหลังเที่ยงคืนซ้ำๆ 3. ภาวะการพร่องจุลินทรีย์ดีหลายสายพันธุ์ในร่างกาย 4. และการอักเสบ ดังนั้น “ยาวิเศษ” เป็นได้แค่ “ของเสริม” ให้กับ ”ของหลัก“ ที่ได้แก่ การออกกำลังกายทั้ง cardio & weight training อาหารดี มีประโยชน์ จากธรรมชาติ ไร้ fast food/ultra processed food การจัดการความเครียด และการนอนให้มีคุณภาพดี ดังนั้น ความเร็วของการแก่ ป่วย เสื่อม ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน และ Supplement คือ Supplement ให้ทานเมื่อขาด แต่ไม่ใช่ใช้เป็น “หลัก” ในการการดูแลสุขภาพ คนอเมริกันเป็น 1 ในชาติที่ทาน supplement สูงที่สุดในโลก แต่อายุเฉลี่ยนอกจากไม่เพิ่ม กลับมีสั้นลงด้วย
    0 Comments 0 Shares 572 Views 0 Reviews
  • ✴️ความเชื่อที่ผิดในสังคมไทย
    1. ทุกคนเมื่อยามแก่ จะต้องทรุดโทรม ต้องป่วยเหมือนๆกัน
    2. สุขภาพจะดีได้ ต้องอาศัยการทาน “ยาวิเศษ” ตั้งแต่สมุนไพร “overclaimed” ไปจนสารอ่อนไวที่ไปประโคมฉีดเข้าเส้น โดยไม่ศึกษากันก่อน

    ข้อแรกผิดยังไง?
    ผมอายุ 52 ปี แต่มี Biological ageing ต่ำกว่าคนอายุ 30 ปลายๆ ที่ไม่ออกกำลังกาย ทาน fast food เยอะ ทานเหล้าเบียร์สม่ำเสมอ รวมถึงนอน ตี 1 ตี 3 ประจำ

    ความเสื่อมถอยของสุขภาพนั้น
    1. อายุเป็นเพียงปัจจัย 1 ปัจจัย
    2. อีก 4 ปัจจัยสำคัญคือ
    การออกกำลังกาย (cardio และ weight training), การทาน (และไม่ทาน) อะไร, การจัดการความเครียด และการนอน
    เราจึงเริ่มเห็นคนอายุ 55 ปี ที่แข็งแรงกว่าคนอายุ 35 ปีที่ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย นอนดึกเสมอ
    และคนอายุ 55 ปีนี้ตอนอายุ 70 จะยังวิ่งออกกำลังกายได้ แต่คนอายุ 35 คนนี้ตอนอายุเพียง 50 อาจเป็นเบาหวาน ความดัน เหนื่อยง่าย ป่วยเก่ง

    ข้อสองผิดยังไง?
    ของวิเศษในโลกใบนี้ จะอาหารเสริมให้ปึ๋งปั๋ง อาหารเสริมลดความดัน รวมถึงวิตามินเทพ พิสูจน์แล้วว่าให้ผลได้เพียงสั้นๆ เพราะไปลดปัญหาที่ปลายเหตุ
    แต่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยหลักๆของเราอยู่ที่เพียง 4 ข้อ
    1. การ degrade ตามอายุ และสิ่งแวดล้อม (เช่น PM2.5, ควันดำดีเซล, เครื่องสำอางค์)
    2. Mitochondria เสื่อมตามอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นสูบบุหรี่ กินเหล้า ทานหวานจัด นอนดึกหลังเที่ยงคืนซ้ำๆ
    3. ภาวะการพร่องจุลินทรีย์ดีหลายสายพันธุ์ในร่างกาย
    4. และการอักเสบ
    ดังนั้น “ยาวิเศษ” เป็นได้แค่ “ของเสริม” ให้กับ ”ของหลัก“ ที่ได้แก่
    การออกกำลังกายทั้ง cardio & weight training
    อาหารดี มีประโยชน์ จากธรรมชาติ ไร้ fast food/ultra processed food
    การจัดการความเครียด
    และการนอนให้มีคุณภาพดี

    ดังนั้น
    ความเร็วของการแก่ ป่วย เสื่อม ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน
    และ
    Supplement คือ Supplement ให้ทานเมื่อขาด แต่ไม่ใช่ใช้เป็น “หลัก” ในการการดูแลสุขภาพ
    คนอเมริกันเป็น 1 ในชาติที่ทาน supplement สูงที่สุดในโลก แต่อายุเฉลี่ยนอกจากไม่เพิ่ม กลับมีสั้นลงด้วย
    ✴️ความเชื่อที่ผิดในสังคมไทย 1. ทุกคนเมื่อยามแก่ จะต้องทรุดโทรม ต้องป่วยเหมือนๆกัน 2. สุขภาพจะดีได้ ต้องอาศัยการทาน “ยาวิเศษ” ตั้งแต่สมุนไพร “overclaimed” ไปจนสารอ่อนไวที่ไปประโคมฉีดเข้าเส้น โดยไม่ศึกษากันก่อน ข้อแรกผิดยังไง? ผมอายุ 52 ปี แต่มี Biological ageing ต่ำกว่าคนอายุ 30 ปลายๆ ที่ไม่ออกกำลังกาย ทาน fast food เยอะ ทานเหล้าเบียร์สม่ำเสมอ รวมถึงนอน ตี 1 ตี 3 ประจำ ความเสื่อมถอยของสุขภาพนั้น 1. อายุเป็นเพียงปัจจัย 1 ปัจจัย 2. อีก 4 ปัจจัยสำคัญคือ การออกกำลังกาย (cardio และ weight training), การทาน (และไม่ทาน) อะไร, การจัดการความเครียด และการนอน เราจึงเริ่มเห็นคนอายุ 55 ปี ที่แข็งแรงกว่าคนอายุ 35 ปีที่ตามใจปาก ไม่ออกกำลังกาย นอนดึกเสมอ และคนอายุ 55 ปีนี้ตอนอายุ 70 จะยังวิ่งออกกำลังกายได้ แต่คนอายุ 35 คนนี้ตอนอายุเพียง 50 อาจเป็นเบาหวาน ความดัน เหนื่อยง่าย ป่วยเก่ง ข้อสองผิดยังไง? ของวิเศษในโลกใบนี้ จะอาหารเสริมให้ปึ๋งปั๋ง อาหารเสริมลดความดัน รวมถึงวิตามินเทพ พิสูจน์แล้วว่าให้ผลได้เพียงสั้นๆ เพราะไปลดปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ต้นเหตุของการเจ็บป่วยหลักๆของเราอยู่ที่เพียง 4 ข้อ 1. การ degrade ตามอายุ และสิ่งแวดล้อม (เช่น PM2.5, ควันดำดีเซล, เครื่องสำอางค์) 2. Mitochondria เสื่อมตามอายุ และพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่นสูบบุหรี่ กินเหล้า ทานหวานจัด นอนดึกหลังเที่ยงคืนซ้ำๆ 3. ภาวะการพร่องจุลินทรีย์ดีหลายสายพันธุ์ในร่างกาย 4. และการอักเสบ ดังนั้น “ยาวิเศษ” เป็นได้แค่ “ของเสริม” ให้กับ ”ของหลัก“ ที่ได้แก่ การออกกำลังกายทั้ง cardio & weight training อาหารดี มีประโยชน์ จากธรรมชาติ ไร้ fast food/ultra processed food การจัดการความเครียด และการนอนให้มีคุณภาพดี ดังนั้น ความเร็วของการแก่ ป่วย เสื่อม ของแต่ละคนจึงไม่เท่ากัน และ Supplement คือ Supplement ให้ทานเมื่อขาด แต่ไม่ใช่ใช้เป็น “หลัก” ในการการดูแลสุขภาพ คนอเมริกันเป็น 1 ในชาติที่ทาน supplement สูงที่สุดในโลก แต่อายุเฉลี่ยนอกจากไม่เพิ่ม กลับมีสั้นลงด้วย
    0 Comments 0 Shares 572 Views 0 Reviews
More Results