• “เมื่อความพยายามกลายเป็นเรื่องง่าย — เราจะยังรู้สึกมีคุณค่าอยู่ไหม?”

    บทความ “Our efforts, in part, define us” จากเว็บไซต์ Weakty ได้ตั้งคำถามที่สะเทือนใจคนทำงานยุค AI อย่างลึกซึ้ง: เมื่อสิ่งที่เคยต้องใช้ความพยายามกลายเป็นเรื่องง่าย เราจะยังรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าอยู่หรือไม่?

    ผู้เขียนเล่าถึงความรู้สึกส่วนตัวที่เกิดขึ้นเมื่อการเขียนโค้ด ซึ่งเคยเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ กลับถูกแทนที่ด้วย AI ที่สามารถสร้างโค้ดได้ในพริบตา แม้จะมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ก็ทำให้เขารู้สึกว่า “ความพยายาม” ที่เคยเป็นแก่นของงาน กลับถูกลดทอนลงอย่างน่าหดหู่

    เขายกตัวอย่างเพื่อนคนหนึ่งที่เคยถ่ายภาพฟิล์มด้วยความรักและพิถีพิถัน แต่เมื่อสมาร์ตโฟนทำให้การถ่ายภาพกลายเป็นเรื่องง่าย ความหมายของงานนั้นก็เริ่มจางหายไป ความพยายามที่เคยเป็นรากฐานของตัวตน กลับถูกแทนที่ด้วยความสะดวก และนั่นทำให้เกิดคำถามว่า “เรายังเป็นใครอยู่” เมื่อสิ่งที่เคยนิยามเรากลายเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำได้

    บทความยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในองค์กร ที่เริ่มผลักดันให้พนักงานใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของคนที่เคยใช้ทักษะและประสบการณ์เป็นเครื่องมือหลักในการทำงาน การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้คนรู้สึกสูญเสียคุณค่าในสิ่งที่เคยเป็น “งานของตน”

    แม้ผู้เขียนจะยอมรับว่า AI เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ และไม่ต้องการให้คนถูกกีดกันจากความสะดวก แต่เขาก็ยังรู้สึกถึง “ความเศร้าแปลก ๆ” ที่เกิดจากการที่ความพยายามกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    ผู้เขียนตั้งคำถามว่า เมื่อสิ่งที่เคยใช้ความพยายามกลายเป็นเรื่องง่าย เราจะยังรู้สึกมีคุณค่าอยู่ไหม
    ยกตัวอย่างการถ่ายภาพฟิล์มที่เคยเป็นงานศิลป์ แต่ถูกแทนที่ด้วยสมาร์ตโฟน
    การเขียนโค้ดที่เคยเป็นงานหลักของผู้เขียน ถูกแทนที่ด้วย AI ที่สร้างโค้ดได้อย่างรวดเร็ว
    ความพยายามเคยเป็นสิ่งที่นิยามตัวตน แต่เมื่อมันหายไป ความหมายของงานก็เปลี่ยนไป
    องค์กรเริ่มผลักดันให้พนักงานใช้ AI โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบทางจิตใจ
    ผู้เขียนรู้สึกว่าการใช้ความสามารถเพื่อแลกเงินเคยมีคุณค่า เพราะมันต้องใช้ความพยายาม
    การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดคำถามว่า “เรายังเป็นใครอยู่” ในโลกที่ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    งานวิจัยจาก Wharton และ McKinsey ระบุว่า AI ไม่ได้แทนที่งาน แต่เปลี่ยนรูปแบบของงานและคุณค่าที่คนได้รับจากงานนั้น
    คนมักยอมรับการใช้ AI ในงานที่น่าเบื่อ แต่ต่อต้านเมื่อ AI เข้ามาแทนที่ทักษะที่นิยามตัวตนของพวกเขา
    การใช้ AI อย่างมีสติควรเน้นการเสริมทักษะ ไม่ใช่แทนที่ความสามารถของมนุษย์
    องค์กรที่ใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพมักลงทุนในการฝึกอบรมและปรับโครงสร้างงานใหม่เพื่อรักษาคุณค่าของพนักงาน
    ความพยายามยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้ในการสร้างความหมาย ไม่ว่าจะในงานหรือชีวิตส่วนตัว



    https://weakty.com/posts/efforts/
    🧠 “เมื่อความพยายามกลายเป็นเรื่องง่าย — เราจะยังรู้สึกมีคุณค่าอยู่ไหม?” บทความ “Our efforts, in part, define us” จากเว็บไซต์ Weakty ได้ตั้งคำถามที่สะเทือนใจคนทำงานยุค AI อย่างลึกซึ้ง: เมื่อสิ่งที่เคยต้องใช้ความพยายามกลายเป็นเรื่องง่าย เราจะยังรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าอยู่หรือไม่? ผู้เขียนเล่าถึงความรู้สึกส่วนตัวที่เกิดขึ้นเมื่อการเขียนโค้ด ซึ่งเคยเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะและประสบการณ์ กลับถูกแทนที่ด้วย AI ที่สามารถสร้างโค้ดได้ในพริบตา แม้จะมีข้อผิดพลาดบ้าง แต่ก็ทำให้เขารู้สึกว่า “ความพยายาม” ที่เคยเป็นแก่นของงาน กลับถูกลดทอนลงอย่างน่าหดหู่ เขายกตัวอย่างเพื่อนคนหนึ่งที่เคยถ่ายภาพฟิล์มด้วยความรักและพิถีพิถัน แต่เมื่อสมาร์ตโฟนทำให้การถ่ายภาพกลายเป็นเรื่องง่าย ความหมายของงานนั้นก็เริ่มจางหายไป ความพยายามที่เคยเป็นรากฐานของตัวตน กลับถูกแทนที่ด้วยความสะดวก และนั่นทำให้เกิดคำถามว่า “เรายังเป็นใครอยู่” เมื่อสิ่งที่เคยนิยามเรากลายเป็นเรื่องที่ใคร ๆ ก็ทำได้ บทความยังสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงในองค์กร ที่เริ่มผลักดันให้พนักงานใช้ AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ โดยไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของคนที่เคยใช้ทักษะและประสบการณ์เป็นเครื่องมือหลักในการทำงาน การเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้คนรู้สึกสูญเสียคุณค่าในสิ่งที่เคยเป็น “งานของตน” แม้ผู้เขียนจะยอมรับว่า AI เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ และไม่ต้องการให้คนถูกกีดกันจากความสะดวก แต่เขาก็ยังรู้สึกถึง “ความเศร้าแปลก ๆ” ที่เกิดจากการที่ความพยายามกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ ผู้เขียนตั้งคำถามว่า เมื่อสิ่งที่เคยใช้ความพยายามกลายเป็นเรื่องง่าย เราจะยังรู้สึกมีคุณค่าอยู่ไหม ➡️ ยกตัวอย่างการถ่ายภาพฟิล์มที่เคยเป็นงานศิลป์ แต่ถูกแทนที่ด้วยสมาร์ตโฟน ➡️ การเขียนโค้ดที่เคยเป็นงานหลักของผู้เขียน ถูกแทนที่ด้วย AI ที่สร้างโค้ดได้อย่างรวดเร็ว ➡️ ความพยายามเคยเป็นสิ่งที่นิยามตัวตน แต่เมื่อมันหายไป ความหมายของงานก็เปลี่ยนไป ➡️ องค์กรเริ่มผลักดันให้พนักงานใช้ AI โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบทางจิตใจ ➡️ ผู้เขียนรู้สึกว่าการใช้ความสามารถเพื่อแลกเงินเคยมีคุณค่า เพราะมันต้องใช้ความพยายาม ➡️ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดคำถามว่า “เรายังเป็นใครอยู่” ในโลกที่ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ งานวิจัยจาก Wharton และ McKinsey ระบุว่า AI ไม่ได้แทนที่งาน แต่เปลี่ยนรูปแบบของงานและคุณค่าที่คนได้รับจากงานนั้น ➡️ คนมักยอมรับการใช้ AI ในงานที่น่าเบื่อ แต่ต่อต้านเมื่อ AI เข้ามาแทนที่ทักษะที่นิยามตัวตนของพวกเขา ➡️ การใช้ AI อย่างมีสติควรเน้นการเสริมทักษะ ไม่ใช่แทนที่ความสามารถของมนุษย์ ➡️ องค์กรที่ใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพมักลงทุนในการฝึกอบรมและปรับโครงสร้างงานใหม่เพื่อรักษาคุณค่าของพนักงาน ➡️ ความพยายามยังคงเป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้ในการสร้างความหมาย ไม่ว่าจะในงานหรือชีวิตส่วนตัว https://weakty.com/posts/efforts/
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • “ChatGPT Pulse: ผู้ช่วย AI ที่ตื่นก่อนคุณ — เปลี่ยนทุกเช้าให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของวันอัจฉริยะ”

    OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า “ChatGPT Pulse” ซึ่งเปลี่ยนบทบาทของ AI จากผู้ตอบคำถาม มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ “คิดล่วงหน้า” และส่งข้อมูลที่คุณต้องการก่อนที่คุณจะถามเสียอีก

    Pulse ทำงานเบื้องหลังขณะคุณหลับ โดยวิเคราะห์ประวัติการสนทนา ความสนใจ และข้อมูลจากแอปที่คุณเชื่อมต่อ เช่น Gmail และ Google Calendar เพื่อสร้างสรุปประจำวันในรูปแบบ “การ์ดภาพ” ที่อ่านง่ายและเน้นการลงมือทำ เช่น แจ้งเตือนงานที่ใกล้ถึง เสนอสูตรอาหารเย็น หรือเตือนให้คุณออกกำลังกายตามแผนที่เคยตั้งไว้

    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ผ่านแอปมือถือ โดย Pulse จะปรากฏเป็นแท็บใหม่ในแอป และอัปเดตทุกเช้า การ์ดจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่คุณจะบันทึกไว้หรือขอข้อมูลเพิ่มเติม

    ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Pulse ได้ด้วยปุ่ม “curate” เพื่อระบุหัวข้อที่ต้องการ เช่น “อัปเดตข่าวเทคโนโลยีใน Bay Area” หรือ “เตือนเรื่องสุขภาพวันศุกร์” และสามารถให้คะแนนแต่ละการ์ดเพื่อปรับปรุงการแนะนำในอนาคต

    Pulse ไม่ได้มาแทนแหล่งข้อมูลเดิม แต่ทำหน้าที่เป็น “ผู้จัดการข้อมูล” ที่ช่วยกรองและเน้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน โดยมีระบบตรวจสอบความปลอดภัยในเนื้อหา และการเชื่อมต่อแอปทั้งหมดเป็นแบบ opt-in ผู้ใช้สามารถปิด Pulse ได้ทุกเมื่อใน Settings

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ChatGPT Pulse เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เปลี่ยน ChatGPT จากผู้ตอบคำถามเป็นผู้ช่วยเชิงรุก
    ทำงานเบื้องหลังขณะผู้ใช้หลับ เพื่อสร้างสรุปประจำวันแบบการ์ดภาพ 5–10 ใบ
    ใช้ข้อมูลจากการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อ เช่น Gmail และ Google Calendar
    การ์ดจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่ผู้ใช้จะบันทึกหรือขอข้อมูลเพิ่มเติม
    ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหัวข้อที่ต้องการผ่านปุ่ม “curate” และให้คะแนนการ์ดแต่ละใบ
    Pulse ใช้ระบบ Memory และ Feedback เพื่อปรับปรุงการแนะนำในอนาคต
    ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ผ่านแอปมือถือ
    มีแผนขยายไปยังผู้ใช้ Plus ($20/เดือน) และผู้ใช้ฟรีในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Pulse เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “Agentic AI” ที่ AI ทำงานเชิงรุกแทนการรอคำสั่ง
    การ์ดภาพช่วยลดการ scroll แบบไร้จุดหมาย และเน้นข้อมูลที่ actionable
    การเชื่อมต่อกับ Gmail และ Calendar ช่วยให้ Pulse เสนอแนะที่ตรงกับบริบทชีวิตจริง
    ผู้ใช้สามารถขอรายงานอัตโนมัติ เช่น “สรุปข่าวทีมฟุตบอลโปรด” หรือ “แผนเดินทางสำหรับครอบครัว”
    การทดสอบกับนักศึกษาพบว่า Pulse มีประโยชน์มากขึ้นเมื่อผู้ใช้กำหนดทิศทางการใช้งาน

    https://securityonline.info/chatgpt-pulse-arrives-the-proactive-ai-assistant-that-reshapes-your-morning-routine/
    🌅 “ChatGPT Pulse: ผู้ช่วย AI ที่ตื่นก่อนคุณ — เปลี่ยนทุกเช้าให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของวันอัจฉริยะ” OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน ChatGPT ชื่อว่า “ChatGPT Pulse” ซึ่งเปลี่ยนบทบาทของ AI จากผู้ตอบคำถาม มาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวที่ “คิดล่วงหน้า” และส่งข้อมูลที่คุณต้องการก่อนที่คุณจะถามเสียอีก Pulse ทำงานเบื้องหลังขณะคุณหลับ โดยวิเคราะห์ประวัติการสนทนา ความสนใจ และข้อมูลจากแอปที่คุณเชื่อมต่อ เช่น Gmail และ Google Calendar เพื่อสร้างสรุปประจำวันในรูปแบบ “การ์ดภาพ” ที่อ่านง่ายและเน้นการลงมือทำ เช่น แจ้งเตือนงานที่ใกล้ถึง เสนอสูตรอาหารเย็น หรือเตือนให้คุณออกกำลังกายตามแผนที่เคยตั้งไว้ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานเฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ผ่านแอปมือถือ โดย Pulse จะปรากฏเป็นแท็บใหม่ในแอป และอัปเดตทุกเช้า การ์ดจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่คุณจะบันทึกไว้หรือขอข้อมูลเพิ่มเติม ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Pulse ได้ด้วยปุ่ม “curate” เพื่อระบุหัวข้อที่ต้องการ เช่น “อัปเดตข่าวเทคโนโลยีใน Bay Area” หรือ “เตือนเรื่องสุขภาพวันศุกร์” และสามารถให้คะแนนแต่ละการ์ดเพื่อปรับปรุงการแนะนำในอนาคต Pulse ไม่ได้มาแทนแหล่งข้อมูลเดิม แต่ทำหน้าที่เป็น “ผู้จัดการข้อมูล” ที่ช่วยกรองและเน้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในแต่ละวัน โดยมีระบบตรวจสอบความปลอดภัยในเนื้อหา และการเชื่อมต่อแอปทั้งหมดเป็นแบบ opt-in ผู้ใช้สามารถปิด Pulse ได้ทุกเมื่อใน Settings ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ChatGPT Pulse เป็นฟีเจอร์ใหม่ที่เปลี่ยน ChatGPT จากผู้ตอบคำถามเป็นผู้ช่วยเชิงรุก ➡️ ทำงานเบื้องหลังขณะผู้ใช้หลับ เพื่อสร้างสรุปประจำวันแบบการ์ดภาพ 5–10 ใบ ➡️ ใช้ข้อมูลจากการสนทนา ความสนใจ และแอปที่เชื่อมต่อ เช่น Gmail และ Google Calendar ➡️ การ์ดจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง เว้นแต่ผู้ใช้จะบันทึกหรือขอข้อมูลเพิ่มเติม ➡️ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งหัวข้อที่ต้องการผ่านปุ่ม “curate” และให้คะแนนการ์ดแต่ละใบ ➡️ Pulse ใช้ระบบ Memory และ Feedback เพื่อปรับปรุงการแนะนำในอนาคต ➡️ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้เฉพาะผู้สมัครสมาชิก Pro ($200/เดือน) ผ่านแอปมือถือ ➡️ มีแผนขยายไปยังผู้ใช้ Plus ($20/เดือน) และผู้ใช้ฟรีในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Pulse เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “Agentic AI” ที่ AI ทำงานเชิงรุกแทนการรอคำสั่ง ➡️ การ์ดภาพช่วยลดการ scroll แบบไร้จุดหมาย และเน้นข้อมูลที่ actionable ➡️ การเชื่อมต่อกับ Gmail และ Calendar ช่วยให้ Pulse เสนอแนะที่ตรงกับบริบทชีวิตจริง ➡️ ผู้ใช้สามารถขอรายงานอัตโนมัติ เช่น “สรุปข่าวทีมฟุตบอลโปรด” หรือ “แผนเดินทางสำหรับครอบครัว” ➡️ การทดสอบกับนักศึกษาพบว่า Pulse มีประโยชน์มากขึ้นเมื่อผู้ใช้กำหนดทิศทางการใช้งาน https://securityonline.info/chatgpt-pulse-arrives-the-proactive-ai-assistant-that-reshapes-your-morning-routine/
    SECURITYONLINE.INFO
    ChatGPT Pulse Arrives: The Proactive AI Assistant That Reshapes Your Morning Routine
    OpenAI's new ChatGPT Pulse feature delivers daily, personalized updates based on your interests, chats, and calendar. The proactive AI assistant is now available for Pro users.
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • มีคนบอกว่า วัคซีน "มีประโยชน์" นี่ คือ *ผล*ประโยชน์ ที่เขาได้รับ!!
    รัฐบาลสหรัฐถือสิทธิบัตรวัคซีนและได้รับค่าลิขสิทธิ์เป็นเปอร์เซนต์ตามยอดขาย
    แพทย์ได้รับคะแนนจาก HEDIS ซึ่งเป็นระบบที่ติดตามการสั่งฉีดวัคซีน และพวกเขาได้รับโบนัสเป็นเงินสใจถ้าทำยอดได้ตามเป้า(สูงสุด 400 ดอลลาร์ต่อเด็ก 1 คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามกำหนดทุกตัว)
    กระทรวงสาธารณสุขได้รับเงินทุนสนับสนุนมากขึ้นเมื่ออัตราการฉีดวัคซีนสูงขึ้น
    โรงพยาบาลได้รับเงินชดเชยสูงขึ้น· บริษัทประกันเอกชนให้รางวัลการปฏิบัติตามข้อกำหนด
    บริษัทยา จ่ายค่าวิทยากร ให้แพทย์ที่ บรรยายโน้มน้าวให้คนฉีดวัคซีน
    https://www.facebook.com/share/p/192UbWDRdz/
    ✍️มีคนบอกว่า วัคซีน "มีประโยชน์" นี่ คือ *ผล*ประโยชน์ ที่เขาได้รับ!! 💥รัฐบาลสหรัฐถือสิทธิบัตรวัคซีนและได้รับค่าลิขสิทธิ์เป็นเปอร์เซนต์ตามยอดขาย 💥แพทย์ได้รับคะแนนจาก HEDIS ซึ่งเป็นระบบที่ติดตามการสั่งฉีดวัคซีน และพวกเขาได้รับโบนัสเป็นเงินสใจถ้าทำยอดได้ตามเป้า(สูงสุด 400 ดอลลาร์ต่อเด็ก 1 คนที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบตามกำหนดทุกตัว) 💥กระทรวงสาธารณสุขได้รับเงินทุนสนับสนุนมากขึ้นเมื่ออัตราการฉีดวัคซีนสูงขึ้น 💥 โรงพยาบาลได้รับเงินชดเชยสูงขึ้น· บริษัทประกันเอกชนให้รางวัลการปฏิบัติตามข้อกำหนด 💥บริษัทยา จ่ายค่าวิทยากร ให้แพทย์ที่ บรรยายโน้มน้าวให้คนฉีดวัคซีน https://www.facebook.com/share/p/192UbWDRdz/
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • AI ไม่ได้ช่วยให้เด็กใหม่เปล่งประกาย — กลับกลายเป็นเครื่องมือเสริมพลังให้รุ่นใหญ่

    ในช่วงแรกของกระแส AI หลายคนเชื่อว่าเครื่องมืออย่าง Copilot, Claude หรือ Gemini จะช่วยให้ “นักพัฒนาใหม่” หรือ junior developer สามารถสร้างงานคุณภาพได้โดยไม่ต้องพึ่งพารุ่นพี่มากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงกลับสวนทาง — AI กลายเป็นเครื่องมือที่เสริมพลังให้ senior developer ทำงานได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และควบคุมคุณภาพได้ดีกว่าเดิม

    AI ทำงานได้ดีในด้านการสร้างโค้ดซ้ำ ๆ, สร้างโครงสร้างพื้นฐาน, ทดลองแนวทางใหม่ ๆ และตรวจสอบเบื้องต้น แต่สิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์สูงสุดเมื่อผู้ใช้ “รู้ว่าต้องการอะไร” และ “รู้ว่าผลลัพธ์ควรเป็นแบบไหน” ซึ่งเป็นทักษะที่มักอยู่ในมือของนักพัฒนารุ่นใหญ่

    ในทางกลับกัน junior developer ที่ยังไม่เข้าใจบริบทของระบบหรือหลักการออกแบบ อาจใช้ AI ได้เพียงระดับพื้นฐาน และเสี่ยงต่อการสร้างโค้ดที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ เช่น สถาปัตยกรรมที่อ่อนแอ, abstraction ที่ผิด, หรือแม้แต่บั๊กด้านความปลอดภัยที่มองไม่เห็น

    การเขียน prompt ที่ดี, การตรวจสอบโค้ดที่ AI สร้าง, และการวางโครงสร้างระบบ — ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยประสบการณ์และวิจารณญาณ ซึ่ง AI ยังไม่สามารถแทนที่ได้ และหากไม่มี senior คอยดูแล การใช้ AI อาจกลายเป็นการสร้าง “หนี้เทคนิค” มากกว่าการเพิ่มประสิทธิภาพ

    แม้จะมีข้อดี เช่น การช่วยให้ junior ทดลองไอเดียเร็วขึ้น หรือเติมช่องว่างความรู้ในงานข้ามสาย แต่ในภาพรวม AI กลับทำให้ “อำนาจการผลิตซอฟต์แวร์” กระจุกตัวอยู่ในมือของผู้มีประสบการณ์มากขึ้น และอาจทำให้โอกาสของนักพัฒนาใหม่หดตัวลง หากองค์กรไม่ปรับวิธีการฝึกและดูแล

    AI ช่วยงานด้านโค้ดที่ซ้ำซ้อนและโครงสร้างพื้นฐานได้ดี
    เช่น สร้าง boilerplate, ลอง implementation ใหม่, ตรวจสอบเบื้องต้น
    ทำให้การส่งฟีเจอร์เร็วขึ้น หากรู้ว่าต้องการอะไร

    Senior developer ได้ประโยชน์สูงสุดจาก AI
    มีความเข้าใจระบบและสามารถใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ
    สามารถตรวจสอบและแก้ไขโค้ดที่ AI สร้างได้อย่างแม่นยำ

    Junior developer ยังใช้ AI ได้ แต่มีข้อจำกัด
    ขาดทักษะในการเขียน prompt และตรวจสอบผลลัพธ์
    เสี่ยงต่อการสร้างโค้ดที่มีบั๊กหรือโครงสร้างไม่ดี

    AI ยังไม่สามารถออกแบบสถาปัตยกรรมหรือ abstraction ที่ดี
    ต้องอาศัยมนุษย์ในการวางโครงสร้างระบบ
    หากเริ่มต้นผิด อาจเกิดหนี้เทคนิคที่แก้ยากในระยะยาว

    การใช้ AI ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้มีประสบการณ์
    เพื่อป้องกันการเรียนรู้ผิด ๆ และการสร้างความเสียหาย
    ควรใช้ในงานที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น test, prototype, routine

    https://elma.dev/notes/ai-makes-seniors-stronger/
    📰 AI ไม่ได้ช่วยให้เด็กใหม่เปล่งประกาย — กลับกลายเป็นเครื่องมือเสริมพลังให้รุ่นใหญ่ ในช่วงแรกของกระแส AI หลายคนเชื่อว่าเครื่องมืออย่าง Copilot, Claude หรือ Gemini จะช่วยให้ “นักพัฒนาใหม่” หรือ junior developer สามารถสร้างงานคุณภาพได้โดยไม่ต้องพึ่งพารุ่นพี่มากนัก แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความจริงกลับสวนทาง — AI กลายเป็นเครื่องมือที่เสริมพลังให้ senior developer ทำงานได้เร็วขึ้น มีประสิทธิภาพมากขึ้น และควบคุมคุณภาพได้ดีกว่าเดิม AI ทำงานได้ดีในด้านการสร้างโค้ดซ้ำ ๆ, สร้างโครงสร้างพื้นฐาน, ทดลองแนวทางใหม่ ๆ และตรวจสอบเบื้องต้น แต่สิ่งเหล่านี้จะมีประโยชน์สูงสุดเมื่อผู้ใช้ “รู้ว่าต้องการอะไร” และ “รู้ว่าผลลัพธ์ควรเป็นแบบไหน” ซึ่งเป็นทักษะที่มักอยู่ในมือของนักพัฒนารุ่นใหญ่ ในทางกลับกัน junior developer ที่ยังไม่เข้าใจบริบทของระบบหรือหลักการออกแบบ อาจใช้ AI ได้เพียงระดับพื้นฐาน และเสี่ยงต่อการสร้างโค้ดที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ เช่น สถาปัตยกรรมที่อ่อนแอ, abstraction ที่ผิด, หรือแม้แต่บั๊กด้านความปลอดภัยที่มองไม่เห็น การเขียน prompt ที่ดี, การตรวจสอบโค้ดที่ AI สร้าง, และการวางโครงสร้างระบบ — ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยประสบการณ์และวิจารณญาณ ซึ่ง AI ยังไม่สามารถแทนที่ได้ และหากไม่มี senior คอยดูแล การใช้ AI อาจกลายเป็นการสร้าง “หนี้เทคนิค” มากกว่าการเพิ่มประสิทธิภาพ แม้จะมีข้อดี เช่น การช่วยให้ junior ทดลองไอเดียเร็วขึ้น หรือเติมช่องว่างความรู้ในงานข้ามสาย แต่ในภาพรวม AI กลับทำให้ “อำนาจการผลิตซอฟต์แวร์” กระจุกตัวอยู่ในมือของผู้มีประสบการณ์มากขึ้น และอาจทำให้โอกาสของนักพัฒนาใหม่หดตัวลง หากองค์กรไม่ปรับวิธีการฝึกและดูแล ✅ AI ช่วยงานด้านโค้ดที่ซ้ำซ้อนและโครงสร้างพื้นฐานได้ดี ➡️ เช่น สร้าง boilerplate, ลอง implementation ใหม่, ตรวจสอบเบื้องต้น ➡️ ทำให้การส่งฟีเจอร์เร็วขึ้น หากรู้ว่าต้องการอะไร ✅ Senior developer ได้ประโยชน์สูงสุดจาก AI ➡️ มีความเข้าใจระบบและสามารถใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ สามารถตรวจสอบและแก้ไขโค้ดที่ AI สร้างได้อย่างแม่นยำ ✅ Junior developer ยังใช้ AI ได้ แต่มีข้อจำกัด ➡️ ขาดทักษะในการเขียน prompt และตรวจสอบผลลัพธ์ ➡️ เสี่ยงต่อการสร้างโค้ดที่มีบั๊กหรือโครงสร้างไม่ดี ✅ AI ยังไม่สามารถออกแบบสถาปัตยกรรมหรือ abstraction ที่ดี ➡️ ต้องอาศัยมนุษย์ในการวางโครงสร้างระบบ ➡️ หากเริ่มต้นผิด อาจเกิดหนี้เทคนิคที่แก้ยากในระยะยาว ✅ การใช้ AI ควรอยู่ภายใต้การดูแลของผู้มีประสบการณ์ ➡️ เพื่อป้องกันการเรียนรู้ผิด ๆ และการสร้างความเสียหาย ➡️ ควรใช้ในงานที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่น test, prototype, routine https://elma.dev/notes/ai-makes-seniors-stronger/
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • “อินเทอร์เน็ตใหญ่แค่ไหน? — เมื่อข้อมูลทะลุ 181 Zettabytes และโลกต้องจ่ายด้วยพลังงานและน้ำมหาศาล”

    ลองจินตนาการว่าในเวลาเพียงหนึ่งนาทีของอินเทอร์เน็ต มีการสตรีม Netflix กว่าล้านชั่วโมง อัปโหลดวิดีโอ YouTube หลายพันชั่วโมง และโพสต์ภาพบน Instagram นับไม่ถ้วน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2025 และตัวเลขนี้ยังคงเพิ่มขึ้นทุกวินาที

    ข้อมูลทั่วโลกในปี 2024 มีปริมาณถึง 149 Zettabytes และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 181 Zettabytesภายในสิ้นปี 20252 โดยบางการคาดการณ์อาจอยู่ที่ 175 ZB แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงกันมาก ซึ่ง Zettabyte หนึ่งเท่ากับหนึ่งล้านล้าน Gigabytes — ขนาดที่สมองมนุษย์แทบจินตนาการไม่ออก

    แต่การวัด “ขนาดของอินเทอร์เน็ต” ไม่ใช่แค่เรื่องของปริมาณข้อมูล เพราะยังมีข้อมูลที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Google หรือ search engine เช่น ฐานข้อมูลส่วนตัว แอปพลิเคชัน และเครือข่ายปิด ซึ่งเรียกรวมกันว่า “Deep Web” และยังมี “Dark Web” ที่ซ่อนตัวอยู่ลึกกว่านั้นอีก

    ข้อมูลใหม่เกิดขึ้นทุกวันกว่า 402 ล้าน Terabytes จากโพสต์โซเชียลมีเดีย วิดีโอ อุปกรณ์ IoT รถยนต์อัจฉริยะ และระบบคลาวด์ แม้แต่ CERN ก็ผลิตข้อมูลระดับ Petabyte ต่อวันจากการทดลองฟิสิกส์อนุภาค ซึ่งเทียบได้กับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่

    แต่เบื้องหลังโลกดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วคือผลกระทบทางกายภาพที่ไม่อาจมองข้าม — ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกใช้ไฟฟ้าราว 2% ของทั้งโลก และบางแห่งใช้น้ำมากถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวันเพื่อระบายความร้อน แม้บางบริษัทจะเริ่มใช้ “น้ำรีไซเคิล” แต่ก็ยังไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับการขยายตัวของข้อมูลที่ไม่มีวันหยุด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ปริมาณข้อมูลทั่วโลกในปี 2025 คาดว่าจะอยู่ที่ 181 Zettabytes
    หนึ่ง Zettabyte เท่ากับหนึ่งล้านล้าน Gigabytes
    ข้อมูลใหม่เกิดขึ้นกว่า 402 ล้าน Terabytes ต่อวัน
    CERN ผลิตข้อมูลระดับ Petabyte ต่อวันจากการทดลองฟิสิกส์

    ข้อมูลที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรง
    Deep Web และ Dark Web ไม่สามารถเข้าถึงผ่าน search engine
    แอปพลิเคชันและเครือข่ายปิดมีข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ไม่ถูกนับรวม
    ขนาดของอินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่สามารถวัดได้แน่นอน

    ผลกระทบทางกายภาพจากข้อมูล
    ศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าราว 2% ของโลก
    บางศูนย์ข้อมูลใช้น้ำมากถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวันเพื่อระบายความร้อน
    Amazon เริ่มใช้ “น้ำรีไซเคิล” เพื่อช่วยลดผลกระทบ
    Cloud storage ช่วยแบ่งเบาภาระจากศูนย์ข้อมูล แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    IDC คาดว่าปริมาณข้อมูลจะเพิ่มเป็น 394 Zettabytes ภายในปี 2028
    การเติบโตของ AI และ IoT เป็นตัวเร่งให้ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    การวัดขนาดอินเทอร์เน็ตต้องพิจารณา 5V: Volume, Variety, Velocity, Value, Veracity
    การใช้ข้อมูลเพื่อการวิจัย การตลาด และ AI มีประโยชน์มหาศาล แต่ต้องแลกด้วยทรัพยากร

    https://www.slashgear.com/1970107/how-big-is-the-internet-data-size/
    🌐 “อินเทอร์เน็ตใหญ่แค่ไหน? — เมื่อข้อมูลทะลุ 181 Zettabytes และโลกต้องจ่ายด้วยพลังงานและน้ำมหาศาล” ลองจินตนาการว่าในเวลาเพียงหนึ่งนาทีของอินเทอร์เน็ต มีการสตรีม Netflix กว่าล้านชั่วโมง อัปโหลดวิดีโอ YouTube หลายพันชั่วโมง และโพสต์ภาพบน Instagram นับไม่ถ้วน นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2025 และตัวเลขนี้ยังคงเพิ่มขึ้นทุกวินาที ข้อมูลทั่วโลกในปี 2024 มีปริมาณถึง 149 Zettabytes และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 181 Zettabytesภายในสิ้นปี 20252 โดยบางการคาดการณ์อาจอยู่ที่ 175 ZB แต่ก็ถือว่าใกล้เคียงกันมาก ซึ่ง Zettabyte หนึ่งเท่ากับหนึ่งล้านล้าน Gigabytes — ขนาดที่สมองมนุษย์แทบจินตนาการไม่ออก แต่การวัด “ขนาดของอินเทอร์เน็ต” ไม่ใช่แค่เรื่องของปริมาณข้อมูล เพราะยังมีข้อมูลที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน Google หรือ search engine เช่น ฐานข้อมูลส่วนตัว แอปพลิเคชัน และเครือข่ายปิด ซึ่งเรียกรวมกันว่า “Deep Web” และยังมี “Dark Web” ที่ซ่อนตัวอยู่ลึกกว่านั้นอีก ข้อมูลใหม่เกิดขึ้นทุกวันกว่า 402 ล้าน Terabytes จากโพสต์โซเชียลมีเดีย วิดีโอ อุปกรณ์ IoT รถยนต์อัจฉริยะ และระบบคลาวด์ แม้แต่ CERN ก็ผลิตข้อมูลระดับ Petabyte ต่อวันจากการทดลองฟิสิกส์อนุภาค ซึ่งเทียบได้กับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ แต่เบื้องหลังโลกดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วคือผลกระทบทางกายภาพที่ไม่อาจมองข้าม — ศูนย์ข้อมูลทั่วโลกใช้ไฟฟ้าราว 2% ของทั้งโลก และบางแห่งใช้น้ำมากถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวันเพื่อระบายความร้อน แม้บางบริษัทจะเริ่มใช้ “น้ำรีไซเคิล” แต่ก็ยังไม่เพียงพอเมื่อเทียบกับการขยายตัวของข้อมูลที่ไม่มีวันหยุด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ปริมาณข้อมูลทั่วโลกในปี 2025 คาดว่าจะอยู่ที่ 181 Zettabytes ➡️ หนึ่ง Zettabyte เท่ากับหนึ่งล้านล้าน Gigabytes ➡️ ข้อมูลใหม่เกิดขึ้นกว่า 402 ล้าน Terabytes ต่อวัน ➡️ CERN ผลิตข้อมูลระดับ Petabyte ต่อวันจากการทดลองฟิสิกส์ ✅ ข้อมูลที่ไม่สามารถวัดได้โดยตรง ➡️ Deep Web และ Dark Web ไม่สามารถเข้าถึงผ่าน search engine ➡️ แอปพลิเคชันและเครือข่ายปิดมีข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ไม่ถูกนับรวม ➡️ ขนาดของอินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ไม่สามารถวัดได้แน่นอน ✅ ผลกระทบทางกายภาพจากข้อมูล ➡️ ศูนย์ข้อมูลใช้ไฟฟ้าราว 2% ของโลก ➡️ บางศูนย์ข้อมูลใช้น้ำมากถึง 5 ล้านแกลลอนต่อวันเพื่อระบายความร้อน ➡️ Amazon เริ่มใช้ “น้ำรีไซเคิล” เพื่อช่วยลดผลกระทบ ➡️ Cloud storage ช่วยแบ่งเบาภาระจากศูนย์ข้อมูล แต่ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ IDC คาดว่าปริมาณข้อมูลจะเพิ่มเป็น 394 Zettabytes ภายในปี 2028 ➡️ การเติบโตของ AI และ IoT เป็นตัวเร่งให้ข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ➡️ การวัดขนาดอินเทอร์เน็ตต้องพิจารณา 5V: Volume, Variety, Velocity, Value, Veracity ➡️ การใช้ข้อมูลเพื่อการวิจัย การตลาด และ AI มีประโยชน์มหาศาล แต่ต้องแลกด้วยทรัพยากร https://www.slashgear.com/1970107/how-big-is-the-internet-data-size/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How Big Is The Internet? Here's How Much Data Is On It - SlashGear
    We may use the internet every day, but we take the massive resource for granted. How much data is actually on the internet and how is it quantified?
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • 5 ไอเดียสุดสร้างสรรค์สำหรับ Raspberry Pi เครื่องเก่าของคุณ — เปลี่ยนบอร์ดเล็กให้กลายเป็นอุปกรณ์ทรงพลัง

    แม้ Raspberry Pi รุ่นเก่าจะดูธรรมดาเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่อย่าง Pi 5 ที่มีพัดลมในตัว แต่ความสามารถของมันยังคงน่าทึ่ง หากคุณมีบอร์ดที่นอนนิ่งอยู่ในลิ้นชัก ลองนำมันกลับมาใช้ใหม่ด้วยโปรเจกต์ที่ทั้งสนุกและมีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเราเตอร์พกพา สถานีตรวจอากาศ หรือแม้แต่เซิร์ฟเวอร์เกมส่วนตัว

    บทความนี้แนะนำ 5 โปรเจกต์ที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถทำได้แม้ใช้ Raspberry Pi รุ่นเก่า โดยแต่ละโปรเจกต์มีแนวทางการใช้งานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การใช้ OpenWrt เพื่อสร้างเราเตอร์ ไปจนถึงการติดตั้ง Pi-hole เพื่อบล็อกโฆษณาทั้งเครือข่าย

    สร้างเราเตอร์พกพาด้วย Raspberry Pi
    ใช้ Raspberry Pi CM4 ร่วมกับโมเด็ม 4G และ OpenWrt
    สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับเราเตอร์ Verizon Hotspot
    เหมาะสำหรับการเดินทางหรือใช้แทนเราเตอร์บ้านที่ล้าสมัย

    สร้างสถานีตรวจอากาศส่วนตัว
    ใช้ Raspberry Pi Zero W ร่วมกับ Weather HAT หรือเซ็นเซอร์แยก
    แสดงข้อมูลบนหน้าจอและสร้างแดชบอร์ดออนไลน์ได้
    ช่วยให้เข้าใจสภาพอากาศในพื้นที่ของตนเองมากขึ้น

    เปลี่ยน Pi ให้เป็นเซิร์ฟเวอร์เกม Minecraft
    ใช้ Raspberry Pi 3 หรือ 4 ติดตั้ง Nukkit server
    รองรับผู้เล่นสูงสุด 10 คนในเครือข่ายเดียวกัน
    เหมาะสำหรับเกมที่ใช้ทรัพยากรต่ำ เช่น Minecraft หรือเกมอินดี้

    ใช้ Pi เป็นอุปกรณ์สตรีมเกมผ่านคลาวด์
    ติดตั้ง Chromium เพื่อเข้าถึง Xbox Cloud Gaming หรือ Steam Link
    เชื่อมต่อกับทีวีผ่าน HDMI เพื่อเล่นเกมแบบสตรีม
    แนะนำให้ใช้สาย LAN และจอยแบบมีสายเพื่อลด latency

    ติดตั้ง Pi-hole เพื่อบล็อกโฆษณาทั้งเครือข่าย
    กรองโดเมนโฆษณาและมัลแวร์ก่อนถึงอุปกรณ์
    ใช้งานง่ายและสามารถตั้งค่าได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง
    เหมาะสำหรับบ้านที่มีหลายอุปกรณ์และต้องการความปลอดภัย

    https://www.slashgear.com/1967517/creative-uses-for-old-raspberry-pi/
    📰 5 ไอเดียสุดสร้างสรรค์สำหรับ Raspberry Pi เครื่องเก่าของคุณ — เปลี่ยนบอร์ดเล็กให้กลายเป็นอุปกรณ์ทรงพลัง แม้ Raspberry Pi รุ่นเก่าจะดูธรรมดาเมื่อเทียบกับรุ่นใหม่อย่าง Pi 5 ที่มีพัดลมในตัว แต่ความสามารถของมันยังคงน่าทึ่ง หากคุณมีบอร์ดที่นอนนิ่งอยู่ในลิ้นชัก ลองนำมันกลับมาใช้ใหม่ด้วยโปรเจกต์ที่ทั้งสนุกและมีประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเราเตอร์พกพา สถานีตรวจอากาศ หรือแม้แต่เซิร์ฟเวอร์เกมส่วนตัว บทความนี้แนะนำ 5 โปรเจกต์ที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถทำได้แม้ใช้ Raspberry Pi รุ่นเก่า โดยแต่ละโปรเจกต์มีแนวทางการใช้งานที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การใช้ OpenWrt เพื่อสร้างเราเตอร์ ไปจนถึงการติดตั้ง Pi-hole เพื่อบล็อกโฆษณาทั้งเครือข่าย ✅ สร้างเราเตอร์พกพาด้วย Raspberry Pi ➡️ ใช้ Raspberry Pi CM4 ร่วมกับโมเด็ม 4G และ OpenWrt ➡️ สามารถทำงานได้ใกล้เคียงกับเราเตอร์ Verizon Hotspot ➡️ เหมาะสำหรับการเดินทางหรือใช้แทนเราเตอร์บ้านที่ล้าสมัย ✅ สร้างสถานีตรวจอากาศส่วนตัว ➡️ ใช้ Raspberry Pi Zero W ร่วมกับ Weather HAT หรือเซ็นเซอร์แยก ➡️ แสดงข้อมูลบนหน้าจอและสร้างแดชบอร์ดออนไลน์ได้ ➡️ ช่วยให้เข้าใจสภาพอากาศในพื้นที่ของตนเองมากขึ้น ✅ เปลี่ยน Pi ให้เป็นเซิร์ฟเวอร์เกม Minecraft ➡️ ใช้ Raspberry Pi 3 หรือ 4 ติดตั้ง Nukkit server ➡️ รองรับผู้เล่นสูงสุด 10 คนในเครือข่ายเดียวกัน ➡️ เหมาะสำหรับเกมที่ใช้ทรัพยากรต่ำ เช่น Minecraft หรือเกมอินดี้ ✅ ใช้ Pi เป็นอุปกรณ์สตรีมเกมผ่านคลาวด์ ➡️ ติดตั้ง Chromium เพื่อเข้าถึง Xbox Cloud Gaming หรือ Steam Link ➡️ เชื่อมต่อกับทีวีผ่าน HDMI เพื่อเล่นเกมแบบสตรีม ➡️ แนะนำให้ใช้สาย LAN และจอยแบบมีสายเพื่อลด latency ✅ ติดตั้ง Pi-hole เพื่อบล็อกโฆษณาทั้งเครือข่าย ➡️ กรองโดเมนโฆษณาและมัลแวร์ก่อนถึงอุปกรณ์ ➡️ ใช้งานง่ายและสามารถตั้งค่าได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง ➡️ เหมาะสำหรับบ้านที่มีหลายอุปกรณ์และต้องการความปลอดภัย https://www.slashgear.com/1967517/creative-uses-for-old-raspberry-pi/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Creative Uses For Your Old Raspberry Pi - SlashGear
    Turn an unused Raspberry Pi into something useful with projects like a travel router, weather station, game server, streaming hub, or ad blocker.
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • “Firefox 143 มาแล้ว! เพิ่มฟีเจอร์ปกป้องความเป็นส่วนตัว พร้อมลูกเล่นใหม่ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ”

    Mozilla ปล่อย Firefox 143 เวอร์ชันล่าสุดอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 กันยายน 2025 โดยแม้จะเป็นอัปเดตขนาดเล็ก แต่ก็มีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านความเป็นส่วนตัวและการใช้งานที่สะดวกขึ้น ทั้งบนเดสก์ท็อปและ Android

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการขยายระบบ Fingerprinting Protection ด้วยฟังก์ชันใหม่ชื่อ “Suspected Fingerprinters” ซึ่งช่วยป้องกันการติดตามผู้ใช้ผ่านข้อมูลฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ไม่สามารถบล็อกได้โดยตรง โดย Firefox จะรายงานค่าคงที่ของหลายแอตทริบิวต์เพื่อหลอกระบบติดตามให้เข้าใจผิด

    อีกฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคือการแสดงตัวอย่างกล้องเมื่อเว็บไซต์ร้องขอสิทธิ์ใช้งานกล้อง — มีประโยชน์มากเมื่อผู้ใช้มีหลายกล้องเชื่อมต่อ และต้องการเลือกกล้องที่ถูกต้องก่อนอนุญาต

    สำหรับผู้ใช้โหมด Private Browsing ตอนนี้ Firefox จะถามว่าต้องการเก็บหรือจะลบไฟล์ที่ดาวน์โหลดหลังจากออกจากโหมดหรือไม่ ซึ่งเป็นการเพิ่มการควบคุมข้อมูลส่วนตัวให้ผู้ใช้มากขึ้น

    ฝั่ง Android ก็มีการปรับปรุงหลายจุด เช่น รองรับการเล่นเสียงแบบ xHE-AAC, แสดงความคืบหน้าการดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ พร้อมปุ่ม pause/resume/retry/cancel และสามารถตั้งค่า DNS over HTTPS ได้จากหน้าตั้งค่าโดยตรง

    สำหรับนักพัฒนา Firefox 143 เพิ่มความสามารถในการแสดงข้อความ debug แบบไม่รวมกลุ่ม เพื่อให้เห็นข้อความทั้งหมดอย่างชัดเจน และรองรับ CSS ใหม่ เช่น <color> ใน <input type=color>, การจัดการ grid ที่แม่นยำขึ้น และ pseudo-element ใหม่ ::details-content สำหรับจัดสไตล์เนื้อหาที่ขยาย/ยุบได้

    ฟีเจอร์ใหม่ใน Firefox 143
    เพิ่ม “Suspected Fingerprinters” เพื่อขยายการป้องกันการติดตามแบบ fingerprinting
    แสดงตัวอย่างกล้องในหน้าขอสิทธิ์ใช้งาน — เลือกกล้องได้ก่อนอนุญาต
    ถามผู้ใช้ว่าจะเก็บหรือลบไฟล์ที่ดาวน์โหลดในโหมด Private Browsing
    ลบฟีเจอร์ “Website Advertising Preferences” ออกจากหน้าความเป็นส่วนตัว

    การปรับปรุงบน Android
    รองรับการเล่นเสียงแบบ xHE-AAC
    แสดงความคืบหน้าการดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ พร้อมควบคุมการทำงาน
    ตั้งค่า DNS over HTTPS ได้จากหน้าตั้งค่า
    เปิดเว็บที่เกี่ยวข้องเมื่อแตะ notification หลังปิดหรือรีสตาร์ทแอป

    ฟีเจอร์สำหรับนักพัฒนา
    ปิดการรวมข้อความ debug ที่คล้ายกัน — แสดงข้อความทั้งหมด
    รองรับ CSS <color> ใน <input type=color>
    ปรับปรุงการจัดขนาด grid ให้ตรงกับสเปก CSS Grid
    เพิ่ม ::details-content สำหรับจัดสไตล์เนื้อหาที่ขยาย/ยุบได้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Fingerprinting คือเทคนิคติดตามผู้ใช้ผ่านค่าฮาร์ดแวร์/ซอฟต์แวร์ เช่น GPU, font, screen size
    xHE-AAC เป็น codec เสียงคุณภาพสูงที่ใช้ในสตรีมมิ่งยุคใหม่ เช่น Netflix และ YouTube
    DNS over HTTPS ช่วยป้องกันการดักฟัง DNS โดย ISP หรือบุคคลที่สาม
    CSS ::details-content ช่วยให้นักพัฒนาออกแบบ UI แบบ accordion ได้ง่ายขึ้น

    https://9to5linux.com/firefox-143-is-now-available-for-download-this-is-whats-new
    🦊 “Firefox 143 มาแล้ว! เพิ่มฟีเจอร์ปกป้องความเป็นส่วนตัว พร้อมลูกเล่นใหม่ทั้งบนเดสก์ท็อปและมือถือ” Mozilla ปล่อย Firefox 143 เวอร์ชันล่าสุดอย่างเป็นทางการในวันที่ 16 กันยายน 2025 โดยแม้จะเป็นอัปเดตขนาดเล็ก แต่ก็มีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจหลายอย่าง โดยเฉพาะด้านความเป็นส่วนตัวและการใช้งานที่สะดวกขึ้น ทั้งบนเดสก์ท็อปและ Android หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือการขยายระบบ Fingerprinting Protection ด้วยฟังก์ชันใหม่ชื่อ “Suspected Fingerprinters” ซึ่งช่วยป้องกันการติดตามผู้ใช้ผ่านข้อมูลฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ไม่สามารถบล็อกได้โดยตรง โดย Firefox จะรายงานค่าคงที่ของหลายแอตทริบิวต์เพื่อหลอกระบบติดตามให้เข้าใจผิด อีกฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาคือการแสดงตัวอย่างกล้องเมื่อเว็บไซต์ร้องขอสิทธิ์ใช้งานกล้อง — มีประโยชน์มากเมื่อผู้ใช้มีหลายกล้องเชื่อมต่อ และต้องการเลือกกล้องที่ถูกต้องก่อนอนุญาต สำหรับผู้ใช้โหมด Private Browsing ตอนนี้ Firefox จะถามว่าต้องการเก็บหรือจะลบไฟล์ที่ดาวน์โหลดหลังจากออกจากโหมดหรือไม่ ซึ่งเป็นการเพิ่มการควบคุมข้อมูลส่วนตัวให้ผู้ใช้มากขึ้น ฝั่ง Android ก็มีการปรับปรุงหลายจุด เช่น รองรับการเล่นเสียงแบบ xHE-AAC, แสดงความคืบหน้าการดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ พร้อมปุ่ม pause/resume/retry/cancel และสามารถตั้งค่า DNS over HTTPS ได้จากหน้าตั้งค่าโดยตรง สำหรับนักพัฒนา Firefox 143 เพิ่มความสามารถในการแสดงข้อความ debug แบบไม่รวมกลุ่ม เพื่อให้เห็นข้อความทั้งหมดอย่างชัดเจน และรองรับ CSS ใหม่ เช่น <color> ใน <input type=color>, การจัดการ grid ที่แม่นยำขึ้น และ pseudo-element ใหม่ ::details-content สำหรับจัดสไตล์เนื้อหาที่ขยาย/ยุบได้ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Firefox 143 ➡️ เพิ่ม “Suspected Fingerprinters” เพื่อขยายการป้องกันการติดตามแบบ fingerprinting ➡️ แสดงตัวอย่างกล้องในหน้าขอสิทธิ์ใช้งาน — เลือกกล้องได้ก่อนอนุญาต ➡️ ถามผู้ใช้ว่าจะเก็บหรือลบไฟล์ที่ดาวน์โหลดในโหมด Private Browsing ➡️ ลบฟีเจอร์ “Website Advertising Preferences” ออกจากหน้าความเป็นส่วนตัว ✅ การปรับปรุงบน Android ➡️ รองรับการเล่นเสียงแบบ xHE-AAC ➡️ แสดงความคืบหน้าการดาวน์โหลดแบบเรียลไทม์ พร้อมควบคุมการทำงาน ➡️ ตั้งค่า DNS over HTTPS ได้จากหน้าตั้งค่า ➡️ เปิดเว็บที่เกี่ยวข้องเมื่อแตะ notification หลังปิดหรือรีสตาร์ทแอป ✅ ฟีเจอร์สำหรับนักพัฒนา ➡️ ปิดการรวมข้อความ debug ที่คล้ายกัน — แสดงข้อความทั้งหมด ➡️ รองรับ CSS <color> ใน <input type=color> ➡️ ปรับปรุงการจัดขนาด grid ให้ตรงกับสเปก CSS Grid ➡️ เพิ่ม ::details-content สำหรับจัดสไตล์เนื้อหาที่ขยาย/ยุบได้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Fingerprinting คือเทคนิคติดตามผู้ใช้ผ่านค่าฮาร์ดแวร์/ซอฟต์แวร์ เช่น GPU, font, screen size ➡️ xHE-AAC เป็น codec เสียงคุณภาพสูงที่ใช้ในสตรีมมิ่งยุคใหม่ เช่น Netflix และ YouTube ➡️ DNS over HTTPS ช่วยป้องกันการดักฟัง DNS โดย ISP หรือบุคคลที่สาม ➡️ CSS ::details-content ช่วยให้นักพัฒนาออกแบบ UI แบบ accordion ได้ง่ายขึ้น https://9to5linux.com/firefox-143-is-now-available-for-download-this-is-whats-new
    9TO5LINUX.COM
    Firefox 143 Is Now Available for Download, This Is What's New - 9to5Linux
    Firefox 143 open-source web browser is now available for download with various new features and improvements.
    0 Comments 0 Shares 226 Views 0 Reviews
  • หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาาาาา … นี่นะ..นึกอะไรไม่ออก หิวก็กิน ง่วงก็นอน …ปลาจิ้งจั้ง…อาหารทานเล่นที่มีประโยชน์ ได้แคลเซียมทั้งตัว รสชาติดี ทานง่ายๆ เหมาะกับทุกคนในครอบครัวเด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี ของทานเล่น ที่ทานแล้วมีประโยชน์คูณสอง… ต้องจานนี้เลยค่าาาา …ดีต่อใจ แถมได้แคลเซียมจากปลาทั้งตัว … แนะนำจานนี้เลยค่าาา เรามี 3 รสชาติ คือ ปลาจิ้งจั๊งงา ปลาจิ๊งจิ๊งสมุนไพร ปลาจิ๊งจ๊ังไม่งา …อร่อยเหมือนเดิม เพิ่มเติมความหลากหลาย… สั่งเลย สะอาด อร่อย ถูกใจทั้งครอบครัวววว ปลาจิ๊งจ๊างงา ใน Tiktok https://vt.tiktok.com/ZSABUhWne/ปลาจิ๊งจ๊างงา ใน Shopee https://s.shopee.co.th/3VaIRVrOorปลาจิ๊งจ๊างสมุนไพร ใน Tiktok https://vt.tiktok.com/ZSABUHDcE/ปลาจิ๊งจ๊างสมุนไพร ใน Shopee https://s.shopee.co.th/4VSpdKImmRปลาจิ้งจ้างไม่งา ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMvkycFt/ปลาจิ้งจ้างไม่งา ใน Shopee https://th.shp.ee/AdvUJrZถามว่าอร่อยกี่โมงก่อนนน…ความอร่อยลงตัวที่ห้ามไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ส่งตรงถึงหน้าบ้าน ต้องร้านเราเลยครับ… กดสั่งซื้อในตะกร้าได้เลยยยยยร้านกินจุ๊บจิ๊บ อร่อย สดใหม่ ส่งไว ได้คุณภาพ⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าและเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8yDIw0654gK&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ปลาข้าวสารแห้ง #อาหารทะเลแห้ง #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา
    หิวเมื่อไหร่ก็แวะมาาาาา … นี่นะ..นึกอะไรไม่ออก หิวก็กิน🤤 ง่วงก็นอน 🛏️🥱…ปลาจิ้งจั้ง…อาหารทานเล่นที่มีประโยชน์ ได้แคลเซียมทั้งตัว รสชาติดี ทานง่ายๆ เหมาะกับทุกคนในครอบครัวเด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี ของทานเล่น ที่ทานแล้วมีประโยชน์คูณสอง… ต้องจานนี้เลยค่าาาา …ดีต่อใจ แถมได้แคลเซียมจากปลาทั้งตัว … แนะนำจานนี้เลยค่าาา เรามี 3 รสชาติ คือ ปลาจิ้งจั๊งงา ปลาจิ๊งจิ๊งสมุนไพร ปลาจิ๊งจ๊ังไม่งา …อร่อยเหมือนเดิม เพิ่มเติมความหลากหลาย… สั่งเลย สะอาด อร่อย ถูกใจทั้งครอบครัวววว ปลาจิ๊งจ๊างงา ใน Tiktok https://vt.tiktok.com/ZSABUhWne/ปลาจิ๊งจ๊างงา ใน Shopee https://s.shopee.co.th/3VaIRVrOorปลาจิ๊งจ๊างสมุนไพร ใน Tiktok https://vt.tiktok.com/ZSABUHDcE/ปลาจิ๊งจ๊างสมุนไพร ใน Shopee https://s.shopee.co.th/4VSpdKImmRปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน TikTok https://vt.tiktok.com/ZSMvkycFt/ปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน Shopee https://th.shp.ee/AdvUJrZถามว่าอร่อยกี่โมงก่อนนน…ความอร่อยลงตัวที่ห้ามไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ส่งตรงถึงหน้าบ้าน ต้องร้านเราเลยครับ… กดสั่งซื้อในตะกร้าได้เลยยยยย😍ร้านกินจุ๊บจิ๊บ อร่อย สดใหม่ ส่งไว ได้คุณภาพ😍🌶️♨️⭕️ กดดูรายละเอียดสินค้าและเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8yDIw0654gK&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ปลาข้าวสารแห้ง #อาหารทะเลแห้ง #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา
    0 Comments 0 Shares 343 Views 0 0 Reviews
  • “USB ด้านหลังทีวีไม่ใช่ปลั๊กไฟ! 5 อุปกรณ์ที่ไม่ควรเสียบเด็ดขาด — ป้องกันพอร์ตพัง เครื่องแฮงก์ และไฟล์หาย”

    หลายคนอาจเคยสงสัยว่า USB ด้านหลังทีวีมีไว้ทำอะไร เพราะดูเหมือนจะว่างเปล่าและไม่ได้ใช้งาน แต่จริง ๆ แล้วมันมีประโยชน์มาก เช่น อ่านไฟล์จากแฟลชไดรฟ์ หรือจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เสริมเล็ก ๆ อย่าง dongle สตรีมมิ่ง แต่สิ่งที่ควรระวังคือ “มันไม่ใช่ปลั๊กไฟ” และการเสียบอุปกรณ์ผิดประเภทอาจทำให้ทีวีเสียหายได้

    บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 5 อุปกรณ์ที่ไม่ควรเสียบเข้ากับพอร์ต USB ของทีวี โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่กินไฟสูงหรือสร้างความร้อน เช่น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต พัดลม USB ฮีตเตอร์ หรือฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้พอร์ต USB พัง หรือแม้แต่ทำให้ทีวีแฮงก์และไฟล์เสียหาย

    แม้บางอุปกรณ์จะดูเหมือนทำงานได้ เช่น ไฟแสดงการชาร์จขึ้น แต่จริง ๆ แล้วเป็นการดึงไฟแบบ “หยด” ที่ไม่เพียงพอ และอาจทำให้ทีวีตัดการเชื่อมต่อเองเมื่อโหลดไฟเกินขีดจำกัด

    นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากอุปกรณ์ราคาถูกหรือไม่มีแบรนด์ เช่น dongle แปลงสัญญาณ HDMI หรือฮับ USB ที่ไม่มีระบบควบคุมไฟ อาจทำให้สัญญาณภาพกระตุก เสียงขาด และพอร์ตเสียหายได้ในระยะยาว

    อุปกรณ์ที่ไม่ควรเสียบเข้ากับ USB ของทีวี
    สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ก — ต้องการไฟมากกว่า 18–100 วัตต์ แต่ทีวีจ่ายได้แค่ 2.5–4.5 วัตต์
    อุปกรณ์สร้างความร้อน เช่น ฮีตเตอร์ USB, แผ่นอุ่นแก้ว, พัดลม — ทำให้เกิดความร้อนสะสมหลังทีวี
    ฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ — ต้องการไฟมากกว่าที่ทีวีจ่ายได้ อาจทำให้ไฟล์เสียหายหรือเชื่อมต่อหลุด
    dongle หรืออะแดปเตอร์ราคาถูก — ไม่มีระบบควบคุมไฟ อาจทำให้พอร์ตเสียหาย
    แฟลชไดรฟ์หรือฮับที่ไม่รู้แหล่งที่มา — อาจมีมัลแวร์หรือไฟล์เสียหายที่ทำให้ทีวีแฮงก์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    พอร์ต USB ของทีวีออกแบบมาเพื่ออ่านไฟล์หรือจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เบา ๆ เท่านั้น
    อุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น แฟลชไดรฟ์ขนาดไม่เกิน 32GB หรือฮาร์ดดิสก์ที่มีแหล่งจ่ายไฟแยก
    การใช้ฮับแบบมีไฟเลี้ยง (powered hub) ช่วยลดภาระจากทีวี
    ทีวีบางรุ่นมีระบบตัดการเชื่อมต่ออัตโนมัติเมื่อโหลดไฟเกิน

    https://www.slashgear.com/1965755/gadgets-to-never-plug-into-tv-usb-ports/
    📺 “USB ด้านหลังทีวีไม่ใช่ปลั๊กไฟ! 5 อุปกรณ์ที่ไม่ควรเสียบเด็ดขาด — ป้องกันพอร์ตพัง เครื่องแฮงก์ และไฟล์หาย” หลายคนอาจเคยสงสัยว่า USB ด้านหลังทีวีมีไว้ทำอะไร เพราะดูเหมือนจะว่างเปล่าและไม่ได้ใช้งาน แต่จริง ๆ แล้วมันมีประโยชน์มาก เช่น อ่านไฟล์จากแฟลชไดรฟ์ หรือจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เสริมเล็ก ๆ อย่าง dongle สตรีมมิ่ง แต่สิ่งที่ควรระวังคือ “มันไม่ใช่ปลั๊กไฟ” และการเสียบอุปกรณ์ผิดประเภทอาจทำให้ทีวีเสียหายได้ บทความจาก SlashGear ได้รวบรวม 5 อุปกรณ์ที่ไม่ควรเสียบเข้ากับพอร์ต USB ของทีวี โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่กินไฟสูงหรือสร้างความร้อน เช่น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต พัดลม USB ฮีตเตอร์ หรือฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ ซึ่งอาจทำให้พอร์ต USB พัง หรือแม้แต่ทำให้ทีวีแฮงก์และไฟล์เสียหาย แม้บางอุปกรณ์จะดูเหมือนทำงานได้ เช่น ไฟแสดงการชาร์จขึ้น แต่จริง ๆ แล้วเป็นการดึงไฟแบบ “หยด” ที่ไม่เพียงพอ และอาจทำให้ทีวีตัดการเชื่อมต่อเองเมื่อโหลดไฟเกินขีดจำกัด นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากอุปกรณ์ราคาถูกหรือไม่มีแบรนด์ เช่น dongle แปลงสัญญาณ HDMI หรือฮับ USB ที่ไม่มีระบบควบคุมไฟ อาจทำให้สัญญาณภาพกระตุก เสียงขาด และพอร์ตเสียหายได้ในระยะยาว ✅ อุปกรณ์ที่ไม่ควรเสียบเข้ากับ USB ของทีวี ➡️ สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต และโน้ตบุ๊ก — ต้องการไฟมากกว่า 18–100 วัตต์ แต่ทีวีจ่ายได้แค่ 2.5–4.5 วัตต์ ➡️ อุปกรณ์สร้างความร้อน เช่น ฮีตเตอร์ USB, แผ่นอุ่นแก้ว, พัดลม — ทำให้เกิดความร้อนสะสมหลังทีวี ➡️ ฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่ — ต้องการไฟมากกว่าที่ทีวีจ่ายได้ อาจทำให้ไฟล์เสียหายหรือเชื่อมต่อหลุด ➡️ dongle หรืออะแดปเตอร์ราคาถูก — ไม่มีระบบควบคุมไฟ อาจทำให้พอร์ตเสียหาย ➡️ แฟลชไดรฟ์หรือฮับที่ไม่รู้แหล่งที่มา — อาจมีมัลแวร์หรือไฟล์เสียหายที่ทำให้ทีวีแฮงก์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ พอร์ต USB ของทีวีออกแบบมาเพื่ออ่านไฟล์หรือจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์เบา ๆ เท่านั้น ➡️ อุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น แฟลชไดรฟ์ขนาดไม่เกิน 32GB หรือฮาร์ดดิสก์ที่มีแหล่งจ่ายไฟแยก ➡️ การใช้ฮับแบบมีไฟเลี้ยง (powered hub) ช่วยลดภาระจากทีวี ➡️ ทีวีบางรุ่นมีระบบตัดการเชื่อมต่ออัตโนมัติเมื่อโหลดไฟเกิน https://www.slashgear.com/1965755/gadgets-to-never-plug-into-tv-usb-ports/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Things You Should Never Plug Into Your TV's USB Ports (And Why) - SlashGear
    Your new flat screen TV probably has one or more USB ports for convenience sake, but trying to plug the wrong device into it can be bad for your TV.
    0 Comments 0 Shares 179 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากปลอกเท้าเด็กถึงหม้ออบอัจฉริยะ: เมื่อแกดเจ็ตเล็ก ๆ กลายเป็นฮีโร่ของชีวิตประจำวัน

    ในยุคที่เทคโนโลยีถูกพูดถึงแต่เรื่อง AI, สมาร์ตโฟนเรือธง หรือหุ่นยนต์สุดล้ำ มีอุปกรณ์อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ขึ้นพาดหัวข่าว แต่กลับได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ใช้จริงอย่างต่อเนื่อง เพราะมันช่วยแก้ปัญหาเล็ก ๆ ที่เราพบทุกวัน

    อุปกรณ์อัจฉริยะที่ถูกมองข้ามแต่มีประโยชน์จริง
    Rabbit Air A3: ฟอกอากาศพร้อมรายงานคุณภาพแบบเรียลไทม์
    Petcube GPS Tracker: ติดตามสัตว์เลี้ยงแบบเรียลไทม์ พร้อมโหมด Lost Dog
    KeySmart SmartCard: ขนาดเท่าบัตรเครดิต ใช้ Find My และชาร์จไร้สาย
    Tovala Smart Oven: สแกน QR code ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ
    Petkit Eversweet: น้ำพุสัตว์เลี้ยงพร้อม motion sensor และแจ้งเตือน
    Yoto Player: เครื่องเล่นหนังสือเสียงสำหรับเด็ก ไม่มีหน้าจอ
    Skylight Frame: กรอบรูปดิจิทัลที่รับภาพจากแอป
    Owlet Dream Sock: วัดชีพจรและออกซิเจนของทารก
    Oral B iO: แปรงสีฟันอัจฉริยะพร้อมเซนเซอร์แรงกด
    Smart Nora: อุปกรณ์ลดการกรนแบบไม่รบกวนการนอน
    X-Sense Smoke Detector: แจ้งเตือนผ่านมือถือ แยกแยะควันจากอาหาร
    Dyson Co-anda2x: เครื่องจัดแต่งผมอัจฉริยะพร้อม RFID และโปรไฟล์ผู้ใช้
    Itigoitie Smart Pot: กระถางต้นไม้ที่แจ้งเตือนความต้องการของพืช

    https://www.slashgear.com/1959415/overlooked-smart-gadgets-users-say-worth-trying/
    🎙️ เรื่องเล่าจากปลอกเท้าเด็กถึงหม้ออบอัจฉริยะ: เมื่อแกดเจ็ตเล็ก ๆ กลายเป็นฮีโร่ของชีวิตประจำวัน ในยุคที่เทคโนโลยีถูกพูดถึงแต่เรื่อง AI, สมาร์ตโฟนเรือธง หรือหุ่นยนต์สุดล้ำ มีอุปกรณ์อีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ค่อยได้ขึ้นพาดหัวข่าว แต่กลับได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ใช้จริงอย่างต่อเนื่อง เพราะมันช่วยแก้ปัญหาเล็ก ๆ ที่เราพบทุกวัน ✅ อุปกรณ์อัจฉริยะที่ถูกมองข้ามแต่มีประโยชน์จริง ➡️ Rabbit Air A3: ฟอกอากาศพร้อมรายงานคุณภาพแบบเรียลไทม์ ➡️ Petcube GPS Tracker: ติดตามสัตว์เลี้ยงแบบเรียลไทม์ พร้อมโหมด Lost Dog ➡️ KeySmart SmartCard: ขนาดเท่าบัตรเครดิต ใช้ Find My และชาร์จไร้สาย ➡️ Tovala Smart Oven: สแกน QR code ปรับอุณหภูมิอัตโนมัติ ➡️ Petkit Eversweet: น้ำพุสัตว์เลี้ยงพร้อม motion sensor และแจ้งเตือน ➡️ Yoto Player: เครื่องเล่นหนังสือเสียงสำหรับเด็ก ไม่มีหน้าจอ ➡️ Skylight Frame: กรอบรูปดิจิทัลที่รับภาพจากแอป ➡️ Owlet Dream Sock: วัดชีพจรและออกซิเจนของทารก ➡️ Oral B iO: แปรงสีฟันอัจฉริยะพร้อมเซนเซอร์แรงกด ➡️ Smart Nora: อุปกรณ์ลดการกรนแบบไม่รบกวนการนอน ➡️ X-Sense Smoke Detector: แจ้งเตือนผ่านมือถือ แยกแยะควันจากอาหาร ➡️ Dyson Co-anda2x: เครื่องจัดแต่งผมอัจฉริยะพร้อม RFID และโปรไฟล์ผู้ใช้ ➡️ Itigoitie Smart Pot: กระถางต้นไม้ที่แจ้งเตือนความต้องการของพืช https://www.slashgear.com/1959415/overlooked-smart-gadgets-users-say-worth-trying/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    13 Overlooked Smart Gadgets Users Say Are Worth Trying For Yourself - SlashGear
    These underrated smart gadgets may seem quirky, but users say they quietly solve daily hassles and prove more useful than their flashy tech counterparts.
    0 Comments 0 Shares 242 Views 0 Reviews
  • พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหารกองบัญชาการกองทัพไทย ตอกหน้าใครบางคน! **"ถ้ากัมพูชาไม่ถอนกำลังกลับ ก็ไม่ควรพูดเรื่องเปิดด่าน ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่แสดงความจริงใจต่อกัน"**

    คลิปนี้ถูกโพสต์เมื่อวานนี้ (10 กันยายน) ขณะที่พลเอก มนัส จันดี เสนาธิการทหาร พร้อมคณะ ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ในเขตพื้นที่กองกำลังสุรนารี เพื่อตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตย
    พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหารกองบัญชาการกองทัพไทย ตอกหน้าใครบางคน! **"ถ้ากัมพูชาไม่ถอนกำลังกลับ ก็ไม่ควรพูดเรื่องเปิดด่าน ไม่มีประโยชน์ เพราะไม่แสดงความจริงใจต่อกัน"** คลิปนี้ถูกโพสต์เมื่อวานนี้ (10 กันยายน) ขณะที่พลเอก มนัส จันดี เสนาธิการทหาร พร้อมคณะ ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ในเขตพื้นที่กองกำลังสุรนารี เพื่อตรวจเยี่ยม และให้กำลังใจกำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตย
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 248 Views 0 0 Reviews
  • “ดาวเทียมล้นวงโคจร! สหรัฐฯ ครองแชมป์ด้วย 9,203 ดวง ขณะที่โลกเพิ่มขึ้นวันละ 7 ตัน — จาก Sputnik สู่ยุค Starlink และสงครามอวกาศ”

    ย้อนกลับไปปี 1957 เมื่อ Sputnik 1 กลายเป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกที่โคจรรอบโลกอย่างโดดเดี่ยว — วันนี้มันคงรู้สึกเหงาไม่ออก เพราะมีวัตถุมนุษย์สร้างกว่า 45,000 ชิ้นลอยอยู่ในอวกาศ และในจำนวนนี้มีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ถึง 13,727 ดวงจาก 82 ประเทศทั่วโลก

    สหรัฐอเมริกาครองตำแหน่งผู้นำแบบทิ้งห่าง ด้วยจำนวนดาวเทียมถึง 9,203 ดวง มากกว่ารัสเซียที่ตามมาเป็นอันดับสองถึง 6 เท่า ส่วนจีนมี 1,121 ดวง และสหราชอาณาจักรมี 722 ดวง โดยในปี 2024 เพียงปีเดียว มีดาวเทียมใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 2,695 ดวง — เทียบกับปี 2020 ที่มีเพียง 3,371 ดวงเท่านั้น1

    ดาวเทียมเหล่านี้ไม่ได้มีไว้แค่ส่งสัญญาณทีวีหรือพยากรณ์อากาศ แต่ยังใช้ในงานที่หลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน, การติดตามกระแสน้ำในมหาสมุทร, การควบคุมโครงข่ายพลังงาน, การสื่อสารทางทหาร, และแม้แต่การพาเถ้ากระดูกมนุษย์ไปโคจรรอบโลก

    ในด้านการทหาร สหรัฐฯ ก็ยังนำโด่งด้วยดาวเทียมทางทหารถึง 247 ดวง ตามด้วยจีน 157 ดวง และรัสเซีย 110 ดวง3 ดาวเทียมเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสอดแนม, แจ้งเตือนการยิงขีปนาวุธ, สื่อสารภาคสนาม, และแม้แต่การป้องกันไซเบอร์

    แม้จะมีประโยชน์มหาศาล แต่การเพิ่มขึ้นของดาวเทียมก็ทำให้เกิดปัญหา “ขยะอวกาศ” ที่กำลังทวีความรุนแรง โดยมีวัตถุที่ถูกติดตามแล้วกว่า 32,750 ชิ้น และมีฮาร์ดแวร์ใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 7 ตันต่อวัน — ทำให้วงโคจรของโลกกลายเป็นพื้นที่แออัดที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ

    สถานการณ์ดาวเทียมในปัจจุบัน
    มีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ 13,727 ดวง จาก 82 ประเทศและองค์กร
    สหรัฐฯ มีมากที่สุดที่ 9,203 ดวง ตามด้วยรัสเซีย 1,471 ดวง และจีน 1,121 ดวง1
    ปี 2024 มีดาวเทียมใหม่เพิ่มขึ้น 2,695 ดวง เทียบกับ 3,371 ดวงในปี 2020

    การใช้งานดาวเทียม
    ใช้ในระบบนำทาง, อินเทอร์เน็ต, การพยากรณ์อากาศ, การสื่อสาร
    ใช้ในธุรกรรมการเงิน เช่น การส่งข้อมูลบัตรเครดิตผ่านดาวเทียม
    ใช้ในงานวิจัย เช่น กล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble และการติดตามมหาสมุทร
    ใช้ในพิธีกรรม เช่น การนำเถ้ากระดูกมนุษย์ไปโคจรรอบโลก

    ดาวเทียมทางทหาร
    สหรัฐฯ มีดาวเทียมทางทหาร 247 ดวง มากที่สุดในโลก3
    จีนมี 157 ดวง, รัสเซีย 110 ดวง, ฝรั่งเศส 17 ดวง, อิสราเอล 12 ดวง
    ใช้ในการสอดแนม, แจ้งเตือนภัย, GPS, และการสื่อสารภาคสนาม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ดาวเทียมของสหรัฐฯ มีทั้งเชิงพาณิชย์, วิจัย, และทหาร รวมกว่า 11,655 ดวง
    ระบบดาวเทียมเช่น Starlink ของ Elon Musk มีบทบาทสำคัญในการให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก
    ระบบ SATCOM ถูกใช้ในสงคราม เช่น Operation Desert Storm ปี 19912
    ประเทศอื่นที่มีดาวเทียมจำนวนมาก ได้แก่ รัสเซีย (7,187 ดวง), จีน (5,330 ดวง), สหราชอาณาจักร (735 ดวง), ฝรั่งเศส (604 ดวง)

    คำเตือนจากการเพิ่มขึ้นของดาวเทียม
    ขยะอวกาศมีมากกว่า 32,750 ชิ้นที่ถูกติดตามแล้ว — เสี่ยงต่อการชนกันในวงโคจร
    มีฮาร์ดแวร์ใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 7 ตันต่อวัน — เพิ่มความแออัดในอวกาศ
    การควบคุมการปล่อยดาวเทียมยังไม่มีมาตรฐานสากลที่ชัดเจน
    ดาวเทียมทางทหารอาจถูกใช้ในสงครามไซเบอร์หรือการสอดแนมประชาชน
    หากไม่มีการจัดการขยะอวกาศอย่างจริงจัง อาจเกิด “Kessler Syndrome” ที่ทำให้วงโคจรใช้งานไม่ได้

    https://www.slashgear.com/1961880/how-many-satellites-are-in-space-which-country-has-the-most/
    🛰️ “ดาวเทียมล้นวงโคจร! สหรัฐฯ ครองแชมป์ด้วย 9,203 ดวง ขณะที่โลกเพิ่มขึ้นวันละ 7 ตัน — จาก Sputnik สู่ยุค Starlink และสงครามอวกาศ” ย้อนกลับไปปี 1957 เมื่อ Sputnik 1 กลายเป็นดาวเทียมดวงแรกของโลกที่โคจรรอบโลกอย่างโดดเดี่ยว — วันนี้มันคงรู้สึกเหงาไม่ออก เพราะมีวัตถุมนุษย์สร้างกว่า 45,000 ชิ้นลอยอยู่ในอวกาศ และในจำนวนนี้มีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ถึง 13,727 ดวงจาก 82 ประเทศทั่วโลก สหรัฐอเมริกาครองตำแหน่งผู้นำแบบทิ้งห่าง ด้วยจำนวนดาวเทียมถึง 9,203 ดวง มากกว่ารัสเซียที่ตามมาเป็นอันดับสองถึง 6 เท่า ส่วนจีนมี 1,121 ดวง และสหราชอาณาจักรมี 722 ดวง โดยในปี 2024 เพียงปีเดียว มีดาวเทียมใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 2,695 ดวง — เทียบกับปี 2020 ที่มีเพียง 3,371 ดวงเท่านั้น1 ดาวเทียมเหล่านี้ไม่ได้มีไว้แค่ส่งสัญญาณทีวีหรือพยากรณ์อากาศ แต่ยังใช้ในงานที่หลากหลายอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น การทำธุรกรรมทางการเงิน, การติดตามกระแสน้ำในมหาสมุทร, การควบคุมโครงข่ายพลังงาน, การสื่อสารทางทหาร, และแม้แต่การพาเถ้ากระดูกมนุษย์ไปโคจรรอบโลก ในด้านการทหาร สหรัฐฯ ก็ยังนำโด่งด้วยดาวเทียมทางทหารถึง 247 ดวง ตามด้วยจีน 157 ดวง และรัสเซีย 110 ดวง3 ดาวเทียมเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการสอดแนม, แจ้งเตือนการยิงขีปนาวุธ, สื่อสารภาคสนาม, และแม้แต่การป้องกันไซเบอร์ แม้จะมีประโยชน์มหาศาล แต่การเพิ่มขึ้นของดาวเทียมก็ทำให้เกิดปัญหา “ขยะอวกาศ” ที่กำลังทวีความรุนแรง โดยมีวัตถุที่ถูกติดตามแล้วกว่า 32,750 ชิ้น และมีฮาร์ดแวร์ใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 7 ตันต่อวัน — ทำให้วงโคจรของโลกกลายเป็นพื้นที่แออัดที่อาจเกิดอุบัติเหตุได้ทุกเมื่อ ✅ สถานการณ์ดาวเทียมในปัจจุบัน ➡️ มีดาวเทียมที่ยังทำงานอยู่ 13,727 ดวง จาก 82 ประเทศและองค์กร ➡️ สหรัฐฯ มีมากที่สุดที่ 9,203 ดวง ตามด้วยรัสเซีย 1,471 ดวง และจีน 1,121 ดวง1 ➡️ ปี 2024 มีดาวเทียมใหม่เพิ่มขึ้น 2,695 ดวง เทียบกับ 3,371 ดวงในปี 2020 ✅ การใช้งานดาวเทียม ➡️ ใช้ในระบบนำทาง, อินเทอร์เน็ต, การพยากรณ์อากาศ, การสื่อสาร ➡️ ใช้ในธุรกรรมการเงิน เช่น การส่งข้อมูลบัตรเครดิตผ่านดาวเทียม ➡️ ใช้ในงานวิจัย เช่น กล้องโทรทรรศน์อวกาศ Hubble และการติดตามมหาสมุทร ➡️ ใช้ในพิธีกรรม เช่น การนำเถ้ากระดูกมนุษย์ไปโคจรรอบโลก ✅ ดาวเทียมทางทหาร ➡️ สหรัฐฯ มีดาวเทียมทางทหาร 247 ดวง มากที่สุดในโลก3 ➡️ จีนมี 157 ดวง, รัสเซีย 110 ดวง, ฝรั่งเศส 17 ดวง, อิสราเอล 12 ดวง ➡️ ใช้ในการสอดแนม, แจ้งเตือนภัย, GPS, และการสื่อสารภาคสนาม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ดาวเทียมของสหรัฐฯ มีทั้งเชิงพาณิชย์, วิจัย, และทหาร รวมกว่า 11,655 ดวง ➡️ ระบบดาวเทียมเช่น Starlink ของ Elon Musk มีบทบาทสำคัญในการให้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก ➡️ ระบบ SATCOM ถูกใช้ในสงคราม เช่น Operation Desert Storm ปี 19912 ➡️ ประเทศอื่นที่มีดาวเทียมจำนวนมาก ได้แก่ รัสเซีย (7,187 ดวง), จีน (5,330 ดวง), สหราชอาณาจักร (735 ดวง), ฝรั่งเศส (604 ดวง) ‼️ คำเตือนจากการเพิ่มขึ้นของดาวเทียม ⛔ ขยะอวกาศมีมากกว่า 32,750 ชิ้นที่ถูกติดตามแล้ว — เสี่ยงต่อการชนกันในวงโคจร ⛔ มีฮาร์ดแวร์ใหม่ถูกส่งขึ้นไปถึง 7 ตันต่อวัน — เพิ่มความแออัดในอวกาศ ⛔ การควบคุมการปล่อยดาวเทียมยังไม่มีมาตรฐานสากลที่ชัดเจน ⛔ ดาวเทียมทางทหารอาจถูกใช้ในสงครามไซเบอร์หรือการสอดแนมประชาชน ⛔ หากไม่มีการจัดการขยะอวกาศอย่างจริงจัง อาจเกิด “Kessler Syndrome” ที่ทำให้วงโคจรใช้งานไม่ได้ https://www.slashgear.com/1961880/how-many-satellites-are-in-space-which-country-has-the-most/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How Many Satellites Are In Space And Which Country Has The Most? - SlashGear
    Around 13,700 satellites orbit Earth, and with over 9,000, the U.S. owns the most. It's way ahead of any other nation, including Russia, China, and the U.K.
    0 Comments 0 Shares 281 Views 0 Reviews
  • ..จริงๆนายกฯหนู ยกเลิกผ่านมติ ครม.ของตนเองก็จบแล้ว,ทำได้ทันทีด้วย,หรือตัดสินใจด้วยตนเองคนเดียวก็ได้เพราะMOUนี้ผิดขั้นตอนไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายประชาธิปไตยไทยแต่ต้นแล้ว ไม่นำเข้าสภาฯใดๆเลยด้วยแต่แรก จึงด้วยสถานะนายกฯอำนาจเต็มสามารถโมฆะMOU43,44นี้ได้อย่างชอบธรรม.
    ..นายกฯไม่จำเป็นต้องนำเข้าคณะครม.ตนก็ได้,คนไทยจะเห็นความเด็ดขาดนายกฯหนูโน้น,เพราะกล้าเหยียบเขมรและฮุนเซนจริงแท้คนไทย,ก่อนมาเป็นนายกฯพรรคภูมิใจไทย พรรคภูมิใจไทยก็เป็นตัวตั้งตัวตีเสนอยกเลิกMOU43,44นะ,
    ..นายกฯรัฐบาลนี้ทำได้จะรอดพ้น(ประวัติศาสตร์จะมีข้อยกเว้นว่ารัฐบาลยุคนายกฯหนูไม่มีข้อหานี้ด้วย)จากข้อหากบฎ ม.119เจตนาทำให้เสียหาย สูญเสียดินแดนอธิปไตยชาติโดยกอดmou43,44tor46นี้ไว้โทษประหารชีวิตอย่างเดียวและ ม.157 ทันที ,ก้มหน้าไม่อายครอบครัวคนอีสานที่ตายเกือบยกครัว คนไทยชาวบ้านที่บริสุทธิ์มากมายต้องตายไป มันยิงโรงพยาบาลไทย มันระบุพิกัดชัดเจนกะระยะยิงตกชัดมีหลักฐานจากกูรูสายข่าวว่ามันล็อกเป้ายิง7/11ปั้มน้ำมันจริง,และอื่นๆด้วย,เงยหน้าไม่ละอายต่อทหารหาญที่สูญเสียชีวิตทั้งพิการและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก,อย่าทรยศหักหลังประชาชนนะ,
    ..นายกฯหนูและรัฐบาลชุดนี้4เดือนจะแตกต่างทันทีกับจุดยืนสมัยยุคอภิสิทธิ์ยุคลุงตู่ยึดอำนาจแท้ๆแต่ไม่ยอมยกเลิกMOU43,44กอดคาจนหมดอำนาจจากการยึดอำนาจและจนหมดอำนาจจากนั่งตำแหน่งนายกฯสมัยลุง,ละเว้นปฏิบัติหน้าที่จน อ.วีระ จะฟ้องแน่นอนแล้วที่ประกาศออกสื่อชัดเจนบวกหลักฐานบ้านหนองจานที่ยืนบนแผ่นดินไทยชัดเจนนั้นด้วยแต่สุมหัวเจตนาทำให้สูญเสียดินแดนไทยบอกว่าตรงจุด อ.วีระถูกจับเป็นดินแดนแผ่นดินเขมรนะ จนอยู่คุกเขมรสมบูรณ์เป็นความผิดในเจตนา ม.119แล้วด้วย ม.157ก็ด้วย,ไม่รวมตรึมทั้ง11จุดได้คืนจากเขมรด้วยที่บิ๊กกุ้งถีบ้ขมรออกจากพื้นที่ประเทศไทยจริง
    ..อย่าทรยศหักหลังเหมือนพรรคการเมืองในอดีตนะ กัญชาเสรีคือบทเรียน.
    ..ทำกัญชาเสรีจริงๆจะมีประโยชน์มากแต่หักหลังประชาชนปลูกผีบ้าอะไรคนละ6ต้น ต้องปลูกสกัดทำยาส่ง รพ.จริงเสรีด้วย.
    ..คนชาวบ้านไทบ้านจะมีตังใช้จ่ายจริง มุกกีดกันประชาชนตรึม วิจัยเอย โรงเรือนต้องมาตราฐานลงทุนเป็นหมื่นเป็นแสน แดกค่าใบอนุญาตอีก สาระพัดมุกเหี้ยๆต่อชาวบ้านมิให้มีโอกาสจริง เงื่อนไขกติกามากมายจนเป็นภาระ ต้องสไตล์ปลูกพืชผักสวนครัวโน้น อยากกินอยากปลูกตอนไหนก็ปลูก,ชุมชนควบคุมดูแลรักษาความสงบร่วมกัน บริหารจัดการผลิตผลการตลาดช่วยเหลือคนไทยจริงจังด้วย,มิใช่สร้างต้นทุนแพงๆสูงๆต้นทุนแก่ชาวบ้านคนปลูกจึงสร้างความลำบากและสร้างให้ยากชัดเจนไม่มีเจตนาดีจริงต่อการช่วยสร้างรายรับแก่ประชาชน สร้างฐานต้นทุนยารักษาโรคที่ราคาถูกบนแผ่นดินไทยด้วย,ต่างชาติล็อบบี้โคตรๆเพื่อทำลายนโยบายนี้เพราะกระทบบริษัทยาทั่วโลกจริง,กำจัดแมลงพืชผลทางการเกษตรก็ได้ด้วย ภัยร้ายแรงต่อบริษัทยารักษาคนและบริษัทยาฆ่าแมลงกำจัดแมลงโรคพืชและสัตว์เลี้ยง,หว่านตามป่าตามเขาปลายนาก็เกิดเติบโตใหญ่แล้ว สามารถผสมสินค้าอุปโภคบริโภคได้จริงกว่า50,000รายการสินค้า ใยกัญชากัญชงสร้างชุดเกราะได้ สร้างโครงโครงรถยนต์น้ำหนักเบาประหยัดพลังงานและแข็งแรงได้,พื้นที่ปลูกกัญชาต้องให้คนละ1ถึง2ไร่เลยไม่เกินนั้น,1ไร่กัญชา ,อีก1ไร่กัญชง,เพื่อสกัดยาฯสุขภาพรักษาโรคครอบจักรวาลต้นทุนต่ำได้จริง,ใยกัญชาใยกัญชงก็จะเพียงพอด้วย,ต่างชาติอิจฉาสุดๆในความเสรีเรา,คนไม่ดีโจมตีแค่โทษนิดเดียวก็เป็นธรรมดา,จากผิดพลาดกัญชาเสรี ยุคตนเป็นนายกฯ4เดือนสามารถปัดฝุ่นได้เลย,ตนเป็นนายกฯจริงแล้วด้วย,ทำสิ่งที่ถูกต้องค่าจริงก็จบดีแน่นอน,MOU43,44ตนเป็นนายกฯแล้วถือโอกาสทำคุณไถ่โทษต่อแผ่นดินไทยที่กระทำไปเสียจะคดีฮั่วสว.หรือเขากระโดง ก็ตาม ทำปัจจุบันนี้จริงจังมิใช่ผีบ้าปั่นคนละครึ่งหักเหความสนใจประชาชนไป,ตนต้องยกเลิกMOU43,44ทำจริงทำชัดเจนและรวดเร็วซึ่งสามารถจบเรื่องนี้ได้ไม่เกินวันศุกร์นี้มอบความสุขแก่คนไทยเลยคือยกเลิกMOU43,44พร้อมประกาศโดยเป็นทางการว่ารัฐบาลไทยรับรอง1:50,000เท่านั้นและเสาหมุดเขตแดนสยาม74เสาแค่นั้นที่เกิดก่อนMOUนี้อีกจะดำเนินการสร้างรั้วลวดหนามทันทีด้วยตลอดแนวพรมแดน74เสาเขตแดนแม้พื้นที่สันปันน้ำก็จะสร้างรั้วลวดหนามด้วย,พรรคภูมิใจไทยต้องทำสิ่งนี้ให้ชัดเจนก่อนภายในอาทิตย์คือ9,10,11,และวันศุกร์มอบความสุขแก่คนไทยทั้งประเทศขึ้นแถลงอย่างเป็นทางการทั่วประเทศว่า "ในนานนายฯคนที่32ปัจจุบันของประกาศยกเลิกMOU43และ44อย่างเป็นทางการฝ่ายเดียวที่สามารถกระทำได้ชอบธรรมต่อประเทศเขมรที่รุกรานหมายยึดดินแดนอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา ทั้งยกเลิกข้อตกลงหยุดยิงทั้ง13ข้อโดยทันทีด้วยซึ่งประเทศเขมรละเมิดมาโดยตลอด.,จึงให้เป็นทางการไว้และมีผลทันทีนับจากเวลานี้" นี้ต้องสร้างฟอร์มตนเองแบบนี้ ตนเป็นนายกฯจริงแล้ว แม้มีเวลาไม่กี่เดือนก็สามารถทำเรื่องนี้ทันทีได้,ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ คนไทยเลือกแน่นอน,แต่ถ้าแสวงหาทางชั่ว คนไทยดูออกทันทีนะ,ดับอนาถแน่นอน นายกฯคนที่33รออยู่ ยุบพรรคภูมิใจไทยมาเร็วกว่ากำหนดแน่นอนบวกพลังงานสาปแซงของคนไทยทั่วประเทศร่วมด้วยคนดับอนาถยิ่งกว่าเดิมอีก,ทางมี2ทงให้เลือกจะอยู่อย่างหมาขี้เรื้อนหรือสิงโตราชสีห์.นายกฯคนที่32เลือกได้ ราชัญกัญชาต่อยอดเพื่อปากท้องจริงแก่ประชาชนเลย ลุยเลยมาถูกทางแล้ว เป็นใหญ่แล้ว,บอกค่าจริง ใช้ให้ถูกก็จบ เหมือนรถยนต์ขับตำกำแพงก็สมควรตายนั้นล่ะ,เขาให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการไปมันก็เกิดประโยชน์ นี้คือทองคำเขียวชัดเจน กว่าบ่อน้ำมันอีก บีบสกัดทำน้ำมันไบโอดีเซลก็ได้,บริษัทยาบิ๊กฟาร์มม่าอเมริกาฝรั่งต่างชาติหรือโรงงานใยกระดาษกลัวจะตายหรือโรงงานผลิตอะไรๆต่างๆก็ด้วย เพราะมันประยุกต์ใช้ทำโครงสร้างวัสดุใดๆผสมมวลมันใดๆให้โลหะวัสดุนั้นๆแข็งแกร่งขึ้นไปอีกลดวัตถุดิบหลักต้นทุนทำก็ได้ด้วย,แหล่งทำเงินภายใน4เดือนกันเลยต่อเกษตรกรไทย ,ธรรมนัสคุมเกษตรฯเหมาะอีก,ปลูกฝิ่นเสรีด้วยเลย555,สกัดทำยาพาราฯสมุนไพรไทยได้ ยาแก้ปวดอย่างดีควบคุมให้ดีหรือเสรีให้เหมาะสม ลดการนำเข้ายารักษาโรคภายในโรงพยาบาลไทยหลายล้านล้านบาทเลยนะ,ส่งออกประเทศทำสงครามโลกที่3ในอนาคตก็ได้ตลาดเม็ดเงินยาแก้ปวดข้มเข้นอย่างดีมหาศาลเม็ดเงินช่วยเกษตรกรไทยกว่า2-3ล้านล้านบาทหรือกว่า10ล้านล้านบาทสบาย ใช้ในทางที่ถูก ควบคุมให้โปร่งใสมิใช่เหี้ยแบบอดีตไปปลูกข้างๆบ้านเป็นหมื่นเป็นแสนหรือล้านไร่หวังเอาเข้ามาขายแดกในไทยแบบที่แฉๆในสภาก็เหี้ยเกินไป,แมร่งอเมริกายึดบ่อน้ำมันไทยทั่วประเทศก็ทำบ่อเงินบ่อทองนี้ให้เต็มที่แทนก็ได้แต่ต้องโปร่งใสจริงอย่าให้ต่างชาติมาแทรกแซงได้อีก,ฮับโรงพยาบาลโลกด้านสมุนไพรคู่AIการแพทย์ชีวภาพยุคใหม่กึ่งจักรกลก็ได้,ใครพิการจักรกลก็ช่วยได้,หรืออนาคตเทคโนโลยีสร้างมวลเนื้อใหม่ของต่างดาวถ่ายทอดมาคู่สมุนไพรดำเนินชีวิตรักษาสุขภาพก็โอเคได้หมด,บ่อน้ำมันอาจดับอนาคตแล้วเพราะใช้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานสนามแม่เหล็กโลกหรือพลังงานฟรีเทสล่ากันแล้ว.

    .."พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยกับการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชา"

    ภูมิใจไทยจี้ สภาถกญัตติยกเลิก MOU 43-44 ตั้ง กมธ. ก่อนเสนอรัฐบาลทำประชามติ
    โดย THE STANDARD TEAM
    05.08.2025

    วันนี้ (5 สิงหาคม) ที่พรรคภูมิใจไทย แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงกรณี สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส. กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และคณะ ยื่นญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วย และอยากให้สภานำญัตตินี้มาพิจารณา เพื่อให้เห็นถึงข้อดี-ข้อด้อย และข้อที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในเอ็มโอยูดังกล่าว เพื่อที่ขั้นต่อไปเราอยากให้มีการทำประชามติรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ว่าการเซ็นเอ็มโอยูดังกล่าวมีประโยชน์หรือโทษอะไรบ้าง

    “แน่นอนว่าเราเห็นโทษของ MOU ดังกล่าวแน่นอน เพราะตลอด 10 กว่าวันที่ผ่านมา เราเห็นชัดว่าข้อผิดพลาดเป็นอย่างไร ส่งผลกระทบถึงประชาชนแค่ไหน จึงเสนอญัตตินี้เพื่ออยากให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) โดยใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด เพื่อที่จะได้นำเสนอต่อรัฐบาลให้ทำประชามติโดยเร็ว” โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าว


    https://thestandard.co/thai-cambodia-mou-termination/




    ..จริงๆนายกฯหนู ยกเลิกผ่านมติ ครม.ของตนเองก็จบแล้ว,ทำได้ทันทีด้วย,หรือตัดสินใจด้วยตนเองคนเดียวก็ได้เพราะMOUนี้ผิดขั้นตอนไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายประชาธิปไตยไทยแต่ต้นแล้ว ไม่นำเข้าสภาฯใดๆเลยด้วยแต่แรก จึงด้วยสถานะนายกฯอำนาจเต็มสามารถโมฆะMOU43,44นี้ได้อย่างชอบธรรม. ..นายกฯไม่จำเป็นต้องนำเข้าคณะครม.ตนก็ได้,คนไทยจะเห็นความเด็ดขาดนายกฯหนูโน้น,เพราะกล้าเหยียบเขมรและฮุนเซนจริงแท้คนไทย,ก่อนมาเป็นนายกฯพรรคภูมิใจไทย พรรคภูมิใจไทยก็เป็นตัวตั้งตัวตีเสนอยกเลิกMOU43,44นะ, ..นายกฯรัฐบาลนี้ทำได้จะรอดพ้น(ประวัติศาสตร์จะมีข้อยกเว้นว่ารัฐบาลยุคนายกฯหนูไม่มีข้อหานี้ด้วย)จากข้อหากบฎ ม.119เจตนาทำให้เสียหาย สูญเสียดินแดนอธิปไตยชาติโดยกอดmou43,44tor46นี้ไว้โทษประหารชีวิตอย่างเดียวและ ม.157 ทันที ,ก้มหน้าไม่อายครอบครัวคนอีสานที่ตายเกือบยกครัว คนไทยชาวบ้านที่บริสุทธิ์มากมายต้องตายไป มันยิงโรงพยาบาลไทย มันระบุพิกัดชัดเจนกะระยะยิงตกชัดมีหลักฐานจากกูรูสายข่าวว่ามันล็อกเป้ายิง7/11ปั้มน้ำมันจริง,และอื่นๆด้วย,เงยหน้าไม่ละอายต่อทหารหาญที่สูญเสียชีวิตทั้งพิการและบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก,อย่าทรยศหักหลังประชาชนนะ, ..นายกฯหนูและรัฐบาลชุดนี้4เดือนจะแตกต่างทันทีกับจุดยืนสมัยยุคอภิสิทธิ์ยุคลุงตู่ยึดอำนาจแท้ๆแต่ไม่ยอมยกเลิกMOU43,44กอดคาจนหมดอำนาจจากการยึดอำนาจและจนหมดอำนาจจากนั่งตำแหน่งนายกฯสมัยลุง,ละเว้นปฏิบัติหน้าที่จน อ.วีระ จะฟ้องแน่นอนแล้วที่ประกาศออกสื่อชัดเจนบวกหลักฐานบ้านหนองจานที่ยืนบนแผ่นดินไทยชัดเจนนั้นด้วยแต่สุมหัวเจตนาทำให้สูญเสียดินแดนไทยบอกว่าตรงจุด อ.วีระถูกจับเป็นดินแดนแผ่นดินเขมรนะ จนอยู่คุกเขมรสมบูรณ์เป็นความผิดในเจตนา ม.119แล้วด้วย ม.157ก็ด้วย,ไม่รวมตรึมทั้ง11จุดได้คืนจากเขมรด้วยที่บิ๊กกุ้งถีบ้ขมรออกจากพื้นที่ประเทศไทยจริง ..อย่าทรยศหักหลังเหมือนพรรคการเมืองในอดีตนะ กัญชาเสรีคือบทเรียน. ..ทำกัญชาเสรีจริงๆจะมีประโยชน์มากแต่หักหลังประชาชนปลูกผีบ้าอะไรคนละ6ต้น ต้องปลูกสกัดทำยาส่ง รพ.จริงเสรีด้วย. ..คนชาวบ้านไทบ้านจะมีตังใช้จ่ายจริง มุกกีดกันประชาชนตรึม วิจัยเอย โรงเรือนต้องมาตราฐานลงทุนเป็นหมื่นเป็นแสน แดกค่าใบอนุญาตอีก สาระพัดมุกเหี้ยๆต่อชาวบ้านมิให้มีโอกาสจริง เงื่อนไขกติกามากมายจนเป็นภาระ ต้องสไตล์ปลูกพืชผักสวนครัวโน้น อยากกินอยากปลูกตอนไหนก็ปลูก,ชุมชนควบคุมดูแลรักษาความสงบร่วมกัน บริหารจัดการผลิตผลการตลาดช่วยเหลือคนไทยจริงจังด้วย,มิใช่สร้างต้นทุนแพงๆสูงๆต้นทุนแก่ชาวบ้านคนปลูกจึงสร้างความลำบากและสร้างให้ยากชัดเจนไม่มีเจตนาดีจริงต่อการช่วยสร้างรายรับแก่ประชาชน สร้างฐานต้นทุนยารักษาโรคที่ราคาถูกบนแผ่นดินไทยด้วย,ต่างชาติล็อบบี้โคตรๆเพื่อทำลายนโยบายนี้เพราะกระทบบริษัทยาทั่วโลกจริง,กำจัดแมลงพืชผลทางการเกษตรก็ได้ด้วย ภัยร้ายแรงต่อบริษัทยารักษาคนและบริษัทยาฆ่าแมลงกำจัดแมลงโรคพืชและสัตว์เลี้ยง,หว่านตามป่าตามเขาปลายนาก็เกิดเติบโตใหญ่แล้ว สามารถผสมสินค้าอุปโภคบริโภคได้จริงกว่า50,000รายการสินค้า ใยกัญชากัญชงสร้างชุดเกราะได้ สร้างโครงโครงรถยนต์น้ำหนักเบาประหยัดพลังงานและแข็งแรงได้,พื้นที่ปลูกกัญชาต้องให้คนละ1ถึง2ไร่เลยไม่เกินนั้น,1ไร่กัญชา ,อีก1ไร่กัญชง,เพื่อสกัดยาฯสุขภาพรักษาโรคครอบจักรวาลต้นทุนต่ำได้จริง,ใยกัญชาใยกัญชงก็จะเพียงพอด้วย,ต่างชาติอิจฉาสุดๆในความเสรีเรา,คนไม่ดีโจมตีแค่โทษนิดเดียวก็เป็นธรรมดา,จากผิดพลาดกัญชาเสรี ยุคตนเป็นนายกฯ4เดือนสามารถปัดฝุ่นได้เลย,ตนเป็นนายกฯจริงแล้วด้วย,ทำสิ่งที่ถูกต้องค่าจริงก็จบดีแน่นอน,MOU43,44ตนเป็นนายกฯแล้วถือโอกาสทำคุณไถ่โทษต่อแผ่นดินไทยที่กระทำไปเสียจะคดีฮั่วสว.หรือเขากระโดง ก็ตาม ทำปัจจุบันนี้จริงจังมิใช่ผีบ้าปั่นคนละครึ่งหักเหความสนใจประชาชนไป,ตนต้องยกเลิกMOU43,44ทำจริงทำชัดเจนและรวดเร็วซึ่งสามารถจบเรื่องนี้ได้ไม่เกินวันศุกร์นี้มอบความสุขแก่คนไทยเลยคือยกเลิกMOU43,44พร้อมประกาศโดยเป็นทางการว่ารัฐบาลไทยรับรอง1:50,000เท่านั้นและเสาหมุดเขตแดนสยาม74เสาแค่นั้นที่เกิดก่อนMOUนี้อีกจะดำเนินการสร้างรั้วลวดหนามทันทีด้วยตลอดแนวพรมแดน74เสาเขตแดนแม้พื้นที่สันปันน้ำก็จะสร้างรั้วลวดหนามด้วย,พรรคภูมิใจไทยต้องทำสิ่งนี้ให้ชัดเจนก่อนภายในอาทิตย์คือ9,10,11,และวันศุกร์มอบความสุขแก่คนไทยทั้งประเทศขึ้นแถลงอย่างเป็นทางการทั่วประเทศว่า "ในนานนายฯคนที่32ปัจจุบันของประกาศยกเลิกMOU43และ44อย่างเป็นทางการฝ่ายเดียวที่สามารถกระทำได้ชอบธรรมต่อประเทศเขมรที่รุกรานหมายยึดดินแดนอธิปไตยของไทยอย่างชัดเจนในช่วงที่ผ่านมา ทั้งยกเลิกข้อตกลงหยุดยิงทั้ง13ข้อโดยทันทีด้วยซึ่งประเทศเขมรละเมิดมาโดยตลอด.,จึงให้เป็นทางการไว้และมีผลทันทีนับจากเวลานี้" นี้ต้องสร้างฟอร์มตนเองแบบนี้ ตนเป็นนายกฯจริงแล้ว แม้มีเวลาไม่กี่เดือนก็สามารถทำเรื่องนี้ทันทีได้,ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ คนไทยเลือกแน่นอน,แต่ถ้าแสวงหาทางชั่ว คนไทยดูออกทันทีนะ,ดับอนาถแน่นอน นายกฯคนที่33รออยู่ ยุบพรรคภูมิใจไทยมาเร็วกว่ากำหนดแน่นอนบวกพลังงานสาปแซงของคนไทยทั่วประเทศร่วมด้วยคนดับอนาถยิ่งกว่าเดิมอีก,ทางมี2ทงให้เลือกจะอยู่อย่างหมาขี้เรื้อนหรือสิงโตราชสีห์.นายกฯคนที่32เลือกได้ ราชัญกัญชาต่อยอดเพื่อปากท้องจริงแก่ประชาชนเลย ลุยเลยมาถูกทางแล้ว เป็นใหญ่แล้ว,บอกค่าจริง ใช้ให้ถูกก็จบ เหมือนรถยนต์ขับตำกำแพงก็สมควรตายนั้นล่ะ,เขาให้ถึงเป้าหมายที่ต้องการไปมันก็เกิดประโยชน์ นี้คือทองคำเขียวชัดเจน กว่าบ่อน้ำมันอีก บีบสกัดทำน้ำมันไบโอดีเซลก็ได้,บริษัทยาบิ๊กฟาร์มม่าอเมริกาฝรั่งต่างชาติหรือโรงงานใยกระดาษกลัวจะตายหรือโรงงานผลิตอะไรๆต่างๆก็ด้วย เพราะมันประยุกต์ใช้ทำโครงสร้างวัสดุใดๆผสมมวลมันใดๆให้โลหะวัสดุนั้นๆแข็งแกร่งขึ้นไปอีกลดวัตถุดิบหลักต้นทุนทำก็ได้ด้วย,แหล่งทำเงินภายใน4เดือนกันเลยต่อเกษตรกรไทย ,ธรรมนัสคุมเกษตรฯเหมาะอีก,ปลูกฝิ่นเสรีด้วยเลย555,สกัดทำยาพาราฯสมุนไพรไทยได้ ยาแก้ปวดอย่างดีควบคุมให้ดีหรือเสรีให้เหมาะสม ลดการนำเข้ายารักษาโรคภายในโรงพยาบาลไทยหลายล้านล้านบาทเลยนะ,ส่งออกประเทศทำสงครามโลกที่3ในอนาคตก็ได้ตลาดเม็ดเงินยาแก้ปวดข้มเข้นอย่างดีมหาศาลเม็ดเงินช่วยเกษตรกรไทยกว่า2-3ล้านล้านบาทหรือกว่า10ล้านล้านบาทสบาย ใช้ในทางที่ถูก ควบคุมให้โปร่งใสมิใช่เหี้ยแบบอดีตไปปลูกข้างๆบ้านเป็นหมื่นเป็นแสนหรือล้านไร่หวังเอาเข้ามาขายแดกในไทยแบบที่แฉๆในสภาก็เหี้ยเกินไป,แมร่งอเมริกายึดบ่อน้ำมันไทยทั่วประเทศก็ทำบ่อเงินบ่อทองนี้ให้เต็มที่แทนก็ได้แต่ต้องโปร่งใสจริงอย่าให้ต่างชาติมาแทรกแซงได้อีก,ฮับโรงพยาบาลโลกด้านสมุนไพรคู่AIการแพทย์ชีวภาพยุคใหม่กึ่งจักรกลก็ได้,ใครพิการจักรกลก็ช่วยได้,หรืออนาคตเทคโนโลยีสร้างมวลเนื้อใหม่ของต่างดาวถ่ายทอดมาคู่สมุนไพรดำเนินชีวิตรักษาสุขภาพก็โอเคได้หมด,บ่อน้ำมันอาจดับอนาคตแล้วเพราะใช้การขับเคลื่อนด้วยพลังงานสนามแม่เหล็กโลกหรือพลังงานฟรีเทสล่ากันแล้ว. .."พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยกับการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชา" ภูมิใจไทยจี้ สภาถกญัตติยกเลิก MOU 43-44 ตั้ง กมธ. ก่อนเสนอรัฐบาลทำประชามติ โดย THE STANDARD TEAM 05.08.2025 วันนี้ (5 สิงหาคม) ที่พรรคภูมิใจไทย แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงกรณี สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส. กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และคณะ ยื่นญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาดำเนินการยกเลิกบันทึกความเข้าใจ (MOU) 2543 และ 2544 ระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า พรรคภูมิใจไทยเห็นด้วย และอยากให้สภานำญัตตินี้มาพิจารณา เพื่อให้เห็นถึงข้อดี-ข้อด้อย และข้อที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศในเอ็มโอยูดังกล่าว เพื่อที่ขั้นต่อไปเราอยากให้มีการทำประชามติรับฟังความคิดเห็นของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ ว่าการเซ็นเอ็มโอยูดังกล่าวมีประโยชน์หรือโทษอะไรบ้าง “แน่นอนว่าเราเห็นโทษของ MOU ดังกล่าวแน่นอน เพราะตลอด 10 กว่าวันที่ผ่านมา เราเห็นชัดว่าข้อผิดพลาดเป็นอย่างไร ส่งผลกระทบถึงประชาชนแค่ไหน จึงเสนอญัตตินี้เพื่ออยากให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) โดยใช้ระยะเวลาสั้นที่สุด เพื่อที่จะได้นำเสนอต่อรัฐบาลให้ทำประชามติโดยเร็ว” โฆษกพรรคภูมิใจไทยกล่าว https://thestandard.co/thai-cambodia-mou-termination/
    THESTANDARD.CO
    ภูมิใจไทยจี้ สภาถกญัตติยกเลิก MOU 43-44 ตั้ง กมธ. ก่อนเสนอรัฐบาลทำประชามติ
    ที่ พรรคภูมิใจไทย แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส. อุบลราชธานี และโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงกรณี สฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส. กระบี่ พรรคภูมิใจไทย และ...
    0 Comments 0 Shares 506 Views 0 Reviews
  • ..บางช่วงบางตอนที่อาสนธิแฉ,แต่ก็ไม่สามารถเอาผิดกับทหารนายพลพวกนี้ได้เลย,อนาถกฎศาลทหารสิ้นดี,ศาลทหารมีไว้ทำไมนะ,ไม่สามารถจำกัดกำจัดนายพลในกองทัพตนได้ที่นอกแถวขนาดนี้,ยุบศาลทหารไปดีกว่ามั้ย ยุบฝ่ายข่าวกรองสืบพยานหลักฐานสายทหารด้วย,ไม่มีประโยชน์เลย,เอาไปเอามาเรา..ประชาชนด้วยซ้ำขุดข่าวออกมาแฉกันๆเอง,ยิ่งไม่มีสื่อ ผู้นำสื่อแบบอาสนธิที่กล้าท้าชนพวกเหี้ยนี้และกูรูดีๆมากมายบวกคนไทยดีๆเรามากมายไม่รวมกันต่อสู้พวกเหี้ยนี้จะดำรงความบัดสบนี้อย่างต่อเนื่องยาวนานสู่อนาคตขนาดไหน,ศาลทหารละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ชัดเจน,ผีบ้าจะให้คนร้องเรียนห่าอะไรก่อนจึงจะเริ่มกระบวนการกำจัดคนชั่วเลวภายในกองทัพคนเองเหรอ,คนธรรมดาเหรอต้องไปร้องเรียนก่อนหรือพลทหาร สิบโทสิบตรีเหรอ มาร้องเรียนก่อนจึงจะดำเนินการ,หน้าที่ศาลทหารหากมีอะไรผิดปกติ คนของศาลทหารต้องลงสืบสวนสอบสวนเก็บหลักฐานภายในครอบครัวตนเองสิ,ทำให้ครอบครัวตนเองถูกต้องถูกทางสมควรแก่สถานะตน,นี้เหี้ยจริงๆ.
    ..รวมถึงข้าราชการประจำทั้งหมดในกระทรวงกลาโหมด้วย อันตรายจริงๆตามที่อาสนธิแฉ มันสามารถวางอิทธิพลคนของตนเต็มกระทรวงได้สบาย,จากนั้นสิ่งค่าเท็จจะเต็มแทนที่ค่าจริงทันที บิดเบี้ยวไปหมดนั้นเอง,แค่ระดับอธิบดี ปลัด เลขาธิการ กระทรวงกลาโหมเป็นคนของใครมันก็ดับอนาถแล้ว,เหมือนกระทรวงการศึกษาไทยเรานั้นล่ะ อิทธิพลลงรากลึก ถึงสพฐ.เขตพื้นที่ติดหมู่บ้านชุมชนเลย,
    ..นี้เรื่องดินแดนแผ่นดินไทยที่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดในพื้นที่แบบจังหวัดวระแก้วนี้ที่เกี่ยวข้องอาจโดน ม.157 หมดเลย รวมถึงปลัดกระทรวงกลาโหมและมหาดไทยด้วย,มันเกี่ยวเชื่อมโยงกันหมดจริงๆนะ,จึงเกิดปัญหาอนาถชัดเจนโคตรๆที่บ้านหนองจานนี้,เอาแค่เคสบ้านหนองจานต้องมีการลงดาบจริงจังให้ประชาชนดูกันแล้วสักหน่อย,นายกฯคนที่32ออกโรงเองลงโทษนะ,คือให้พักงานข้าราชการในพื้นที่นี้ทั้งหมดก่อน,ย้ายจากส่วนอื่นมารักษาการทำงานแทนเพื่อสอบสวนสืบสวนความจริงความไม่จริงทัังหมดที่เกิดขึ้นในบ้านหนองจาน สาวถึงใครคนนั้นต้องโดนหมด,นายกฯจะได้ใจคนไทยทันที,ส่วนใครจะจัดการตนเรื่องเขากระโดงก็ปล่อยเขาไป,ทั้งอนุมัตยกเลิกmou43,44,tor46ในที่ประชุมครม.ตนด้วย,อนุมัติสร้างรั้วลวดหนามถาวรด้วยแบบเร่งด่วนตลอดพรมแดนเขตจ.สระแก้วทั้งหมดเป็นช่วงแรกก่อนจะได้ใจคนไทยเลย,4เดือนจะมีค่ากว่าพวกเหี้ยๆที่อยู่ผ่านมาอีก,อนุมัติให้ประชาชนร่วมบริจาคสร้างรั้วลวดหนามอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ สามารถนำเงินบริจาคนี้หักลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนในปี68นี้ได้เลย,จะคนธรรมดาหรือเอกชน นายกฯเป็นเจ้าภาพรับบริจาคเอง,ตั้งศูนย์รับบริจาคอย่างเปิดเผยเรียลไทม์ออนไลน์ให้คนไทยทั่วประเทศรับรู้ไปด้วยกัน คะแนนนิยมอาจดีขึ้น,

    https://youtube.com/watch?v=Wi6I0punDj4&si=SfpR6twYObWzFlAZ
    ..บางช่วงบางตอนที่อาสนธิแฉ,แต่ก็ไม่สามารถเอาผิดกับทหารนายพลพวกนี้ได้เลย,อนาถกฎศาลทหารสิ้นดี,ศาลทหารมีไว้ทำไมนะ,ไม่สามารถจำกัดกำจัดนายพลในกองทัพตนได้ที่นอกแถวขนาดนี้,ยุบศาลทหารไปดีกว่ามั้ย ยุบฝ่ายข่าวกรองสืบพยานหลักฐานสายทหารด้วย,ไม่มีประโยชน์เลย,เอาไปเอามาเรา..ประชาชนด้วยซ้ำขุดข่าวออกมาแฉกันๆเอง,ยิ่งไม่มีสื่อ ผู้นำสื่อแบบอาสนธิที่กล้าท้าชนพวกเหี้ยนี้และกูรูดีๆมากมายบวกคนไทยดีๆเรามากมายไม่รวมกันต่อสู้พวกเหี้ยนี้จะดำรงความบัดสบนี้อย่างต่อเนื่องยาวนานสู่อนาคตขนาดไหน,ศาลทหารละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ชัดเจน,ผีบ้าจะให้คนร้องเรียนห่าอะไรก่อนจึงจะเริ่มกระบวนการกำจัดคนชั่วเลวภายในกองทัพคนเองเหรอ,คนธรรมดาเหรอต้องไปร้องเรียนก่อนหรือพลทหาร สิบโทสิบตรีเหรอ มาร้องเรียนก่อนจึงจะดำเนินการ,หน้าที่ศาลทหารหากมีอะไรผิดปกติ คนของศาลทหารต้องลงสืบสวนสอบสวนเก็บหลักฐานภายในครอบครัวตนเองสิ,ทำให้ครอบครัวตนเองถูกต้องถูกทางสมควรแก่สถานะตน,นี้เหี้ยจริงๆ. ..รวมถึงข้าราชการประจำทั้งหมดในกระทรวงกลาโหมด้วย อันตรายจริงๆตามที่อาสนธิแฉ มันสามารถวางอิทธิพลคนของตนเต็มกระทรวงได้สบาย,จากนั้นสิ่งค่าเท็จจะเต็มแทนที่ค่าจริงทันที บิดเบี้ยวไปหมดนั้นเอง,แค่ระดับอธิบดี ปลัด เลขาธิการ กระทรวงกลาโหมเป็นคนของใครมันก็ดับอนาถแล้ว,เหมือนกระทรวงการศึกษาไทยเรานั้นล่ะ อิทธิพลลงรากลึก ถึงสพฐ.เขตพื้นที่ติดหมู่บ้านชุมชนเลย, ..นี้เรื่องดินแดนแผ่นดินไทยที่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดในพื้นที่แบบจังหวัดวระแก้วนี้ที่เกี่ยวข้องอาจโดน ม.157 หมดเลย รวมถึงปลัดกระทรวงกลาโหมและมหาดไทยด้วย,มันเกี่ยวเชื่อมโยงกันหมดจริงๆนะ,จึงเกิดปัญหาอนาถชัดเจนโคตรๆที่บ้านหนองจานนี้,เอาแค่เคสบ้านหนองจานต้องมีการลงดาบจริงจังให้ประชาชนดูกันแล้วสักหน่อย,นายกฯคนที่32ออกโรงเองลงโทษนะ,คือให้พักงานข้าราชการในพื้นที่นี้ทั้งหมดก่อน,ย้ายจากส่วนอื่นมารักษาการทำงานแทนเพื่อสอบสวนสืบสวนความจริงความไม่จริงทัังหมดที่เกิดขึ้นในบ้านหนองจาน สาวถึงใครคนนั้นต้องโดนหมด,นายกฯจะได้ใจคนไทยทันที,ส่วนใครจะจัดการตนเรื่องเขากระโดงก็ปล่อยเขาไป,ทั้งอนุมัตยกเลิกmou43,44,tor46ในที่ประชุมครม.ตนด้วย,อนุมัติสร้างรั้วลวดหนามถาวรด้วยแบบเร่งด่วนตลอดพรมแดนเขตจ.สระแก้วทั้งหมดเป็นช่วงแรกก่อนจะได้ใจคนไทยเลย,4เดือนจะมีค่ากว่าพวกเหี้ยๆที่อยู่ผ่านมาอีก,อนุมัติให้ประชาชนร่วมบริจาคสร้างรั้วลวดหนามอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ สามารถนำเงินบริจาคนี้หักลดหย่อนภาษีได้เต็มจำนวนในปี68นี้ได้เลย,จะคนธรรมดาหรือเอกชน นายกฯเป็นเจ้าภาพรับบริจาคเอง,ตั้งศูนย์รับบริจาคอย่างเปิดเผยเรียลไทม์ออนไลน์ให้คนไทยทั่วประเทศรับรู้ไปด้วยกัน คะแนนนิยมอาจดีขึ้น, https://youtube.com/watch?v=Wi6I0punDj4&si=SfpR6twYObWzFlAZ
    0 Comments 0 Shares 375 Views 0 Reviews
  • ‘สรวงศ์’ ลั่นถ้าใครไม่ได้มีใจอยู่กับพรรคแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะรั้งไว้
    https://www.thai-tai.tv/news/21372/
    .
    #ไทยไท #สรวงศ์เทียนทอง #พรรคเพื่อไทย #วันอยู่บำรุง #เฉลิมอยู่บำรุง #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ‘สรวงศ์’ ลั่นถ้าใครไม่ได้มีใจอยู่กับพรรคแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะรั้งไว้ https://www.thai-tai.tv/news/21372/ . #ไทยไท #สรวงศ์เทียนทอง #พรรคเพื่อไทย #วันอยู่บำรุง #เฉลิมอยู่บำรุง #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Scaling Laws: เมื่อ compute ไม่ใช่พระเจ้าองค์เดียว และ data คือสิ่งที่เรากำลังขาดแคลน

    Kushal Chakrabarti เขียนบทความที่พลิกความเข้าใจเดิมเกี่ยวกับ The Bitter Lesson โดยชี้ว่า เราอ่านบทเรียนนี้ “กลับด้าน” มานานหลายปี เพราะจริง ๆ แล้ว Scaling Laws บอกเราว่า compute (C) ไม่ได้ทำงานลอย ๆ—มันต้องจับคู่กับ data (D) อย่างถูกสัดส่วน และความสัมพันธ์นั้นคือ C ∼ D²

    แปลว่า ถ้าเราจะเพิ่ม GPU เป็นสองเท่า เราต้องเพิ่มข้อมูลอีก 40% ไม่งั้นก็เหมือนจุดไฟเผาเงินเล่น เพราะ compute ที่มากขึ้นจะไม่มีประโยชน์ถ้าไม่มีข้อมูลที่มากพอให้มันเรียนรู้

    ปัญหาคือ เรากินข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตไปหมดแล้ว และไม่มี “อินเทอร์เน็ตที่สอง” ให้เทรน GPT-6 ได้อีกต่อไป ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงจริง ๆ เหลืออยู่แค่ประมาณ 10 ล้านล้าน token เท่านั้น ซึ่งไม่พอสำหรับโมเดลระดับ 100B+ parameters ที่ต้องใช้ข้อมูลมหาศาลต่อ parameter

    ดังนั้น ทีม AI ต้องเลือกทางเดินใหม่: จะเป็น “Architect” ที่ออกแบบโมเดลให้ฉลาดขึ้นโดยใช้ข้อมูลเท่าเดิม หรือเป็น “Alchemist” ที่สร้างข้อมูลใหม่จากการเรียนรู้ของโมเดลเอง เช่น self-play, RLHF, หรือ agentic feedback loop

    Scaling Laws และความเข้าใจใหม่
    ความสัมพันธ์ระหว่าง compute กับ data คือ C ∼ D²
    เพิ่ม GPU โดยไม่เพิ่มข้อมูล = ประสิทธิภาพลดลง
    Chinchilla model ของ DeepMind ยืนยันว่า model size ควรสอดคล้องกับ data size

    ปัญหาคอขวดด้านข้อมูล
    อินเทอร์เน็ตถูกใช้หมดแล้ว ไม่มีแหล่งข้อมูลใหม่ขนาดใหญ่
    ข้อมูลคุณภาพสูงเหลือเพียง ~10T token หลังกรองซ้ำและคุณภาพ
    GPT-6 ต้องการข้อมูลระดับ ~20 token ต่อ parameter ซึ่งไม่พอในปัจจุบัน

    ทางเลือกของทีมวิจัย AI
    Architect: พัฒนาโมเดลให้ฉลาดขึ้นโดยใช้ข้อมูลเท่าเดิม เช่น Mamba, HRM, ParScale
    Alchemist: สร้างข้อมูลใหม่จาก self-play, RLHF, agentic feedback loop
    ทั้งสองแนวทางต้องทำงานร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

    กลยุทธ์สำหรับผู้นำองค์กร
    Incumbent’s Gambit: ลงทุน 70% กับ Architect เพื่อความมั่นคง และ 30% กับ Alchemist เพื่อ hedge
    Challenger’s Gambit: ลงทุน 70% กับ Alchemist เพื่อ leapfrog และ 30% กับ Architect เพื่อความต่อเนื่อง
    การจัดพอร์ตวิจัยต้องสะท้อนความเสี่ยงและเป้าหมายขององค์กร

    https://obviouslywrong.substack.com/p/the-bitter-lesson-is-misunderstood
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Scaling Laws: เมื่อ compute ไม่ใช่พระเจ้าองค์เดียว และ data คือสิ่งที่เรากำลังขาดแคลน Kushal Chakrabarti เขียนบทความที่พลิกความเข้าใจเดิมเกี่ยวกับ The Bitter Lesson โดยชี้ว่า เราอ่านบทเรียนนี้ “กลับด้าน” มานานหลายปี เพราะจริง ๆ แล้ว Scaling Laws บอกเราว่า compute (C) ไม่ได้ทำงานลอย ๆ—มันต้องจับคู่กับ data (D) อย่างถูกสัดส่วน และความสัมพันธ์นั้นคือ C ∼ D² แปลว่า ถ้าเราจะเพิ่ม GPU เป็นสองเท่า เราต้องเพิ่มข้อมูลอีก 40% ไม่งั้นก็เหมือนจุดไฟเผาเงินเล่น เพราะ compute ที่มากขึ้นจะไม่มีประโยชน์ถ้าไม่มีข้อมูลที่มากพอให้มันเรียนรู้ ปัญหาคือ เรากินข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตไปหมดแล้ว และไม่มี “อินเทอร์เน็ตที่สอง” ให้เทรน GPT-6 ได้อีกต่อไป ข้อมูลที่มีคุณภาพสูงจริง ๆ เหลืออยู่แค่ประมาณ 10 ล้านล้าน token เท่านั้น ซึ่งไม่พอสำหรับโมเดลระดับ 100B+ parameters ที่ต้องใช้ข้อมูลมหาศาลต่อ parameter ดังนั้น ทีม AI ต้องเลือกทางเดินใหม่: จะเป็น “Architect” ที่ออกแบบโมเดลให้ฉลาดขึ้นโดยใช้ข้อมูลเท่าเดิม หรือเป็น “Alchemist” ที่สร้างข้อมูลใหม่จากการเรียนรู้ของโมเดลเอง เช่น self-play, RLHF, หรือ agentic feedback loop ✅ Scaling Laws และความเข้าใจใหม่ ➡️ ความสัมพันธ์ระหว่าง compute กับ data คือ C ∼ D² ➡️ เพิ่ม GPU โดยไม่เพิ่มข้อมูล = ประสิทธิภาพลดลง ➡️ Chinchilla model ของ DeepMind ยืนยันว่า model size ควรสอดคล้องกับ data size ✅ ปัญหาคอขวดด้านข้อมูล ➡️ อินเทอร์เน็ตถูกใช้หมดแล้ว ไม่มีแหล่งข้อมูลใหม่ขนาดใหญ่ ➡️ ข้อมูลคุณภาพสูงเหลือเพียง ~10T token หลังกรองซ้ำและคุณภาพ ➡️ GPT-6 ต้องการข้อมูลระดับ ~20 token ต่อ parameter ซึ่งไม่พอในปัจจุบัน ✅ ทางเลือกของทีมวิจัย AI ➡️ Architect: พัฒนาโมเดลให้ฉลาดขึ้นโดยใช้ข้อมูลเท่าเดิม เช่น Mamba, HRM, ParScale ➡️ Alchemist: สร้างข้อมูลใหม่จาก self-play, RLHF, agentic feedback loop ➡️ ทั้งสองแนวทางต้องทำงานร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ✅ กลยุทธ์สำหรับผู้นำองค์กร ➡️ Incumbent’s Gambit: ลงทุน 70% กับ Architect เพื่อความมั่นคง และ 30% กับ Alchemist เพื่อ hedge ➡️ Challenger’s Gambit: ลงทุน 70% กับ Alchemist เพื่อ leapfrog และ 30% กับ Architect เพื่อความต่อเนื่อง ➡️ การจัดพอร์ตวิจัยต้องสะท้อนความเสี่ยงและเป้าหมายขององค์กร https://obviouslywrong.substack.com/p/the-bitter-lesson-is-misunderstood
    OBVIOUSLYWRONG.SUBSTACK.COM
    The Bitter Lesson is Misunderstood
    Together, the Bitter Lesson and Scaling Laws reveal that the god of Compute we worship is yoked to an even greater one — the god of Data.
    0 Comments 0 Shares 214 Views 0 Reviews
  • ทานเล่นก็ดี ทานกับข้าวก็เลิศ อร่อยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ววววปลาเกล็ดขาวสามรส กรอบ อร่อยเลิศ ทานได้ทั้งตัว ทานได้ทั้งครอบครัว ทานดี ทานเพลินนนนนน หมดถุงไม่รู้ตัวค่าาาาอดใจไหวเหรอ… ปลาเกล็ดขาวสามรส …กรอบ สะอาด อร่อยเกินไป …แกะปุ๊ป หมดปั๊บมองหาของทานเล่น ที่ทานแล้วมีประโยชน์คูณสองอยู่ใช่ไหมคะ… ดีต่อใจ แถมได้แคลเซียมจากปลาทั้งตัว … แนะนำจานนี้เลยค่าาา ปลาเกล็ดขาวสามรส … ⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาปลาเกล็ดขาวสามรส ใน TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSMvrQaKM/ปลาเกล็ดขาวสามรส ใน Shopee: https://th.shp.ee/FRA2CR2เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ปลาข้าวสารแห้ง #อาหารทะเลแห้ง #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ถุงเย็น #ถุงหูหิ้ว #ถุงร้อน #ถุงพีพีใบใหญ่ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาจิ้งจั้งทอดกรอบ #กุนเชียง #ปลาเกล็ดขาว
    ทานเล่นก็ดี ทานกับข้าวก็เลิศ อร่อยกว่านี้ไม่มีอีกแล้ววววปลาเกล็ดขาวสามรส กรอบ อร่อยเลิศ ทานได้ทั้งตัว ทานได้ทั้งครอบครัว ทานดี ทานเพลินนนนนน หมดถุงไม่รู้ตัวค่าาาาอดใจไหวเหรอ… ปลาเกล็ดขาวสามรส …กรอบ สะอาด อร่อยเกินไป …แกะปุ๊ป หมดปั๊บมองหาของทานเล่น ที่ทานแล้วมีประโยชน์คูณสองอยู่ใช่ไหมคะ… ดีต่อใจ แถมได้แคลเซียมจากปลาทั้งตัว … แนะนำจานนี้เลยค่าาา ปลาเกล็ดขาวสามรส … 🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาปลาเกล็ดขาวสามรส 🙂 ใน TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSMvrQaKM/ปลาเกล็ดขาวสามรส 🙂 ใน Shopee: https://th.shp.ee/FRA2CR2เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ปลาข้าวสารแห้ง #อาหารทะเลแห้ง #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ถุงเย็น #ถุงหูหิ้ว #ถุงร้อน #ถุงพีพีใบใหญ่ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาจิ้งจั้งทอดกรอบ #กุนเชียง #ปลาเกล็ดขาว
    0 Comments 0 Shares 462 Views 0 0 Reviews
  • เมื่อบั๊กกลายเป็นพระเอกที่ช่วยชีวิตบริษัท Rogue Amoeba

    ในโลกของซอฟต์แวร์ “บั๊ก” มักถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ต้องกำจัด แต่สำหรับ Rogue Amoeba ผู้พัฒนาแอป Audio Hijack บั๊กตัวหนึ่งในปี 2002 กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้บริษัทอยู่รอดและเติบโต

    ตอนนั้น Rogue Amoeba เพิ่งเปิดตัว Audio Hijack รุ่นแรก ซึ่งเป็นแอปสำหรับบันทึกเสียงจากแอปใดก็ได้บน Mac โดยให้ผู้ใช้ทดลองใช้งานฟรี 15 วันแบบไม่จำกัดฟีเจอร์ หลังจากนั้นจะมีการจำกัดการใช้งาน เช่น บันทึกเสียงได้แค่ 15 นาทีและมีการแจ้งเตือนให้ซื้อ

    แต่ยอดขายกลับไม่ดีอย่างที่หวัง แม้ตัวแอปจะมีประโยชน์มาก ผู้ใช้จำนวนมากก็ใช้ช่วงทดลองฟรีเต็มที่แล้วไม่ซื้อ

    จนกระทั่งมีการอัปเดตเป็น Audio Hijack 1.6 ซึ่งไม่มีฟีเจอร์ใหม่อะไรโดดเด่น แต่ยอดขายกลับพุ่งขึ้นอย่างผิดปกติ ทีมงานจึงตรวจสอบและพบว่าเกิด “บั๊ก” ที่ทำให้ช่วงทดลองใช้งานถูกจำกัดเหลือแค่ 15 นาทีตั้งแต่วันแรก แทนที่จะให้ใช้ฟรี 15 วันเต็ม

    ผลลัพธ์คือ ผู้ใช้ที่สนใจจริง ๆ ต้องรีบตัดสินใจซื้อเพื่อใช้งานเต็มรูปแบบ ซึ่งทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นโมเดลการทดลองใช้งานที่บริษัทใช้มาจนถึงปัจจุบัน

    ภายในหนึ่งปี Rogue Amoeba เติบโตจากโปรเจกต์เสริมของผู้ก่อตั้ง 3 คน กลายเป็นบริษัทเต็มตัวที่มีพนักงานกว่า 12 คน และ Audio Hijack ก็กลายเป็นหนึ่งในแอปบันทึกเสียงที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน Mac

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Rogue Amoeba เปิดตัว Audio Hijack รุ่นแรกในปี 2002 พร้อมช่วงทดลองใช้งานฟรี 15 วัน
    หลังหมดช่วงทดลอง แอปจะจำกัดการใช้งาน เช่น บันทึกเสียงได้แค่ 15 นาทีและมีการแจ้งเตือน
    ยอดขายช่วงแรกไม่ดี แม้แอปจะมีประโยชน์สูง
    การอัปเดตเป็น Audio Hijack 1.6 ทำให้เกิดบั๊กที่จำกัดการใช้งานเหลือ 15 นาทีตั้งแต่วันแรก
    บั๊กนี้ทำให้ผู้ใช้ต้องซื้อแอปเพื่อใช้งานเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น
    Rogue Amoeba ตัดสินใจใช้โมเดลทดลองแบบจำกัดตั้งแต่วันแรกเป็นมาตรฐาน
    ภายในหนึ่งปี บริษัทเติบโตจากโปรเจกต์เสริมเป็นธุรกิจเต็มตัว
    ปัจจุบัน Rogue Amoeba มีพนักงานกว่า 12 คน และยังคงพัฒนาแอปด้านเสียงบน Mac อย่างต่อเนื่อง
    Audio Hijack ยังเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ร่วมกับแอปอื่นเช่น Airfoil, Loopback และ SoundSource

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Rogue Amoeba ก่อตั้งโดยทีมงานจาก Subband Software ซึ่งเคยพัฒนา MacAMP
    Audio Hijack เป็นแอปแรกที่สามารถบันทึกเสียงจากแอปอื่นบน Mac OS X ได้
    การออกแบบ trial software ที่จำกัดฟีเจอร์ตั้งแต่ต้นเป็นแนวทางที่หลายบริษัทนำไปใช้
    แอปของ Rogue Amoeba ได้รับรางวัลจาก Macworld และ O’Reilly ในช่วงปี 2003–2004
    ปัจจุบัน Audio Hijack รองรับการใช้งานร่วมกับ plugin เช่น VST และ Audio Unit

    https://weblog.rogueamoeba.com/2025/08/21/when-a-bug-saved-the-company/
    🧪 เมื่อบั๊กกลายเป็นพระเอกที่ช่วยชีวิตบริษัท Rogue Amoeba ในโลกของซอฟต์แวร์ “บั๊ก” มักถูกมองว่าเป็นสิ่งที่ต้องกำจัด แต่สำหรับ Rogue Amoeba ผู้พัฒนาแอป Audio Hijack บั๊กตัวหนึ่งในปี 2002 กลับกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้บริษัทอยู่รอดและเติบโต ตอนนั้น Rogue Amoeba เพิ่งเปิดตัว Audio Hijack รุ่นแรก ซึ่งเป็นแอปสำหรับบันทึกเสียงจากแอปใดก็ได้บน Mac โดยให้ผู้ใช้ทดลองใช้งานฟรี 15 วันแบบไม่จำกัดฟีเจอร์ หลังจากนั้นจะมีการจำกัดการใช้งาน เช่น บันทึกเสียงได้แค่ 15 นาทีและมีการแจ้งเตือนให้ซื้อ แต่ยอดขายกลับไม่ดีอย่างที่หวัง แม้ตัวแอปจะมีประโยชน์มาก ผู้ใช้จำนวนมากก็ใช้ช่วงทดลองฟรีเต็มที่แล้วไม่ซื้อ จนกระทั่งมีการอัปเดตเป็น Audio Hijack 1.6 ซึ่งไม่มีฟีเจอร์ใหม่อะไรโดดเด่น แต่ยอดขายกลับพุ่งขึ้นอย่างผิดปกติ ทีมงานจึงตรวจสอบและพบว่าเกิด “บั๊ก” ที่ทำให้ช่วงทดลองใช้งานถูกจำกัดเหลือแค่ 15 นาทีตั้งแต่วันแรก แทนที่จะให้ใช้ฟรี 15 วันเต็ม ผลลัพธ์คือ ผู้ใช้ที่สนใจจริง ๆ ต้องรีบตัดสินใจซื้อเพื่อใช้งานเต็มรูปแบบ ซึ่งทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกลายเป็นโมเดลการทดลองใช้งานที่บริษัทใช้มาจนถึงปัจจุบัน ภายในหนึ่งปี Rogue Amoeba เติบโตจากโปรเจกต์เสริมของผู้ก่อตั้ง 3 คน กลายเป็นบริษัทเต็มตัวที่มีพนักงานกว่า 12 คน และ Audio Hijack ก็กลายเป็นหนึ่งในแอปบันทึกเสียงที่ได้รับความนิยมสูงสุดบน Mac 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Rogue Amoeba เปิดตัว Audio Hijack รุ่นแรกในปี 2002 พร้อมช่วงทดลองใช้งานฟรี 15 วัน ➡️ หลังหมดช่วงทดลอง แอปจะจำกัดการใช้งาน เช่น บันทึกเสียงได้แค่ 15 นาทีและมีการแจ้งเตือน ➡️ ยอดขายช่วงแรกไม่ดี แม้แอปจะมีประโยชน์สูง ➡️ การอัปเดตเป็น Audio Hijack 1.6 ทำให้เกิดบั๊กที่จำกัดการใช้งานเหลือ 15 นาทีตั้งแต่วันแรก ➡️ บั๊กนี้ทำให้ผู้ใช้ต้องซื้อแอปเพื่อใช้งานเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ยอดขายเพิ่มขึ้น ➡️ Rogue Amoeba ตัดสินใจใช้โมเดลทดลองแบบจำกัดตั้งแต่วันแรกเป็นมาตรฐาน ➡️ ภายในหนึ่งปี บริษัทเติบโตจากโปรเจกต์เสริมเป็นธุรกิจเต็มตัว ➡️ ปัจจุบัน Rogue Amoeba มีพนักงานกว่า 12 คน และยังคงพัฒนาแอปด้านเสียงบน Mac อย่างต่อเนื่อง ➡️ Audio Hijack ยังเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท ร่วมกับแอปอื่นเช่น Airfoil, Loopback และ SoundSource ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Rogue Amoeba ก่อตั้งโดยทีมงานจาก Subband Software ซึ่งเคยพัฒนา MacAMP ➡️ Audio Hijack เป็นแอปแรกที่สามารถบันทึกเสียงจากแอปอื่นบน Mac OS X ได้ ➡️ การออกแบบ trial software ที่จำกัดฟีเจอร์ตั้งแต่ต้นเป็นแนวทางที่หลายบริษัทนำไปใช้ ➡️ แอปของ Rogue Amoeba ได้รับรางวัลจาก Macworld และ O’Reilly ในช่วงปี 2003–2004 ➡️ ปัจจุบัน Audio Hijack รองรับการใช้งานร่วมกับ plugin เช่น VST และ Audio Unit https://weblog.rogueamoeba.com/2025/08/21/when-a-bug-saved-the-company/
    0 Comments 0 Shares 214 Views 0 Reviews
  • อดใจไหวเหรอ… ปลาเกล็ดขาวสามรส …กรอบ สะอาด อร่อยเกินไป …แกะปุ๊ป หมดปั๊บมองหาของทานเล่น ที่ทานแล้วมีประโยชน์คูณสองอยู่ใช่ไหมคะ… ดีต่อใจ แถมได้แคลเซียมจากปลาทั้งตัว … แนะนำจานนี้เลยค่าาา ปลาเกล็ดขาวสามรส … ⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาปลาเกล็ดขาวสามรส ใน TikTok (มีราคา Flash Sale !!!!! ⭕️⭕️⭕️): https://vt.tiktok.com/ZSMvrQaKM/ปลาเกล็ดขาวสามรส ใน Shopee: https://th.shp.ee/FRA2CR2เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ปลาข้าวสารแห้ง #อาหารทะเลแห้ง #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ถุงเย็น #ถุงหูหิ้ว #ถุงร้อน #ถุงพีพีใบใหญ่ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาจิ้งจั้งทอดกรอบ #กุนเชียง #ปลาเกล็ดขาว
    อดใจไหวเหรอ… ปลาเกล็ดขาวสามรส …กรอบ สะอาด อร่อยเกินไป …แกะปุ๊ป หมดปั๊บมองหาของทานเล่น ที่ทานแล้วมีประโยชน์คูณสองอยู่ใช่ไหมคะ… ดีต่อใจ แถมได้แคลเซียมจากปลาทั้งตัว … แนะนำจานนี้เลยค่าาา ปลาเกล็ดขาวสามรส … 🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาปลาเกล็ดขาวสามรส 🙂 ใน TikTok (มีราคา Flash Sale !!!!! ⭕️⭕️⭕️✅✅✅): https://vt.tiktok.com/ZSMvrQaKM/ปลาเกล็ดขาวสามรส 🙂 ใน Shopee: https://th.shp.ee/FRA2CR2เลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก #ปลาซิวกรอบ #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาข้างเหลือง #กิมสั่วงา #ถุงใส่กับข้าว #ถุงppหนา #ถุงพลาสติก #ถุงร้อน#ถุงเย็น #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #คือจึ้งมาก#นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา #ปลาเกล็ดขาวอบกรอบ #กุนเชียงปลา #กุนเชียงหมู #ของอร่อยต้องลอง #อร่อยดีบอกต่อ #อร่อยกี่โมง #ปลาซิวกรอบ #ปลากระพงทุบ #ปลาข้างเหลือง #หอยลายอบกรอบ #ปลาข้างเหลือง #ปลาซิวทอดกรอบ #หมึกกระตอย #หมึกกะตอยตากแห้ง #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ปลาข้าวสารแห้ง #อาหารทะเลแห้ง #kinjubjibshop #ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ถุงเย็น #ถุงหูหิ้ว #ถุงร้อน #ถุงพีพีใบใหญ่ #ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #ปลาเกล็ดขาวสามรส #ปลาจิ้งจั้งทอดกรอบ #กุนเชียง #ปลาเกล็ดขาว
    0 Comments 0 Shares 487 Views 0 0 Reviews
  • “เทพมนตรี” ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ชี้ข้ออ้าง MOU43 มีประโยชน์ สวนทางความเป็นจริงที่ใช้ไม่ได้ผล เขมรละเมิดมาตลอด ไทยต้องประท้วง 600 กว่าครั้ง สุดท้ายก็ต้องรบกัน ย้ำแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นแผนที่เก๊ ไทยไม่ยอมรับตั้งแต่คดีประสาทพระวิหาร ถ้ายกเลิกก็ยังมีรายงานการประชุม บันทึกวาจา แผนที่กํากับหลักเขตแต่ละหลักเขต มาตราส่วน 1/1,000-10,000 ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1907 ใช้แทนได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000081179

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire

    “เทพมนตรี” ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงอธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ ชี้ข้ออ้าง MOU43 มีประโยชน์ สวนทางความเป็นจริงที่ใช้ไม่ได้ผล เขมรละเมิดมาตลอด ไทยต้องประท้วง 600 กว่าครั้ง สุดท้ายก็ต้องรบกัน ย้ำแผนที่ 1 ต่อ 200,000 เป็นแผนที่เก๊ ไทยไม่ยอมรับตั้งแต่คดีประสาทพระวิหาร ถ้ายกเลิกก็ยังมีรายงานการประชุม บันทึกวาจา แผนที่กํากับหลักเขตแต่ละหลักเขต มาตราส่วน 1/1,000-10,000 ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศสปี 1907 ใช้แทนได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000081179 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    3
    0 Comments 0 Shares 435 Views 0 Reviews
  • Burner Phone 101 – เมื่อการปกป้องตัวตนเริ่มต้นจากการตั้งคำถาม

    ในโลกที่ทุกการเคลื่อนไหวของเราถูกติดตามผ่านโทรศัพท์มือถือ Rebecca Williams จัดเวิร์กช็อป “Burner Phone 101” เพื่อให้ผู้คนเข้าใจว่า “การไม่ใช้โทรศัพท์” หรือ “ใช้โทรศัพท์แบบไม่ผูกตัวตน” อาจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าในบางสถานการณ์

    เธอเริ่มต้นด้วยการตั้ง “เป้าหมายลับ” ของเวิร์กช็อป เช่น การเข้าใจขีดจำกัดของ burner phone และการเชื่อมโยงกับแนวทางปกป้องความเป็นส่วนตัวในชีวิตประจำวัน โดยเน้นว่า “การไม่แชร์ข้อมูลส่วนตัว” และ “ไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อทำร้ายผู้อื่น” คือหลักสำคัญ

    จากนั้นผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้การวิเคราะห์ความเสี่ยงผ่านคำถาม 3 ข้อ: คุณกำลังปกป้องอะไร? จากใคร? และถ้าล้มเหลวจะเกิดอะไรขึ้น? ซึ่งช่วยให้การเลือกใช้ burner phone หรือเทคนิคอื่น ๆ มีเป้าหมายชัดเจน

    ในส่วนของสมาร์ตโฟน Rebecca อธิบายว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีตัวระบุหลายชั้น เช่น IMSI และ IMEI ที่ทำให้การไม่เปิดเผยตัวตนแทบเป็นไปไม่ได้ และยังเก็บข้อมูล 4 หมวดหลัก ได้แก่ ตัวตน, ตำแหน่ง, การสื่อสาร, และเนื้อหา ซึ่งสามารถถูกเข้าถึงได้ผ่าน spyware, forensic tools หรือแม้แต่คำสั่งศาล

    เธอแนะนำเทคนิคป้องกัน เช่น ใช้ PIN แทน biometrics, ปิด cloud backup, ใช้ Signal, ปิดวิทยุ (GPS/Wi-Fi/Bluetooth), และใช้ระบบปฏิบัติการที่เน้นความปลอดภัย เช่น GrapheneOS หรือ Lockdown Mode บน iOS

    เมื่อพูดถึง burner phone เธอแบ่งออกเป็น 4 ประเภท: โทรศัพท์เติมเงิน, การหมุน SIM, dumb phones, และการใช้ VoIP/VPN เพื่อหลอก metadata โดยเน้นว่า “ไม่มีวิธีใดที่นิรนาม 100%” แต่ทุกวิธีมีประโยชน์หากใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    เวิร์กช็อป Burner Phone 101 จัดขึ้นที่ Brooklyn Public Library โดย Rebecca Williams
    เป้าหมายคือเรียนรู้การใช้ burner phone และแนวทางปกป้องความเป็นส่วนตัว
    ใช้การวิเคราะห์ความเสี่ยงผ่านคำถาม 3 ข้อ เพื่อเลือกวิธีป้องกันที่เหมาะสม
    สมาร์ตโฟนมีตัวระบุ IMSI และ IMEI ที่ทำให้การไม่เปิดเผยตัวตนเป็นเรื่องยาก
    ข้อมูลที่เก็บในโทรศัพท์แบ่งเป็น 4 หมวด: ตัวตน, ตำแหน่ง, การสื่อสาร, และเนื้อหา
    แนะนำเทคนิคป้องกัน เช่น ใช้ PIN, ปิด cloud backup, ใช้ Signal, ปิดวิทยุ
    สำหรับ Android: ใช้ GrapheneOS, F-Droid, ปิด Google Location History
    สำหรับ iPhone: ใช้ Lockdown Mode, ปิด Siri, ล้างข้อมูลหลังใส่รหัสผิด 10 ครั้ง
    Burner phone แบ่งเป็น 4 ประเภท: เติมเงิน, หมุน SIM, dumb phone, VoIP/VPN
    การตั้งค่า burner phone ควรซื้อด้วยเงินสด, ไม่ใช้บัญชีส่วนตัว, และหมุน SIM
    “ไม่มีโทรศัพท์เลย” อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในบางสถานการณ์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    IMSI คือรหัสผู้ใช้ที่ผูกกับ SIM ส่วน IMEI คือรหัสเครื่องที่ติดตัวอุปกรณ์
    forensic tools เช่น Cellebrite และ GrayKey สามารถดึงข้อมูลจากโทรศัพท์ได้แม้ถูกล็อก
    Faraday bag สามารถบล็อกสัญญาณชั่วคราว แต่ไม่ป้องกันเมื่อเปิดใช้งาน
    การใช้ VoIP เช่น Google Voice หรือ MySudo ช่วยลดการเปิดเผยเบอร์จริง
    GrapheneOS เป็นระบบปฏิบัติการที่เน้นความปลอดภัยและไม่ผูกกับ Google
    Lockdown Mode บน iOS 16+ ปิดฟีเจอร์ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีจาก spyware

    https://rebeccawilliams.info/burner-phone-101/
    🎙️ Burner Phone 101 – เมื่อการปกป้องตัวตนเริ่มต้นจากการตั้งคำถาม ในโลกที่ทุกการเคลื่อนไหวของเราถูกติดตามผ่านโทรศัพท์มือถือ Rebecca Williams จัดเวิร์กช็อป “Burner Phone 101” เพื่อให้ผู้คนเข้าใจว่า “การไม่ใช้โทรศัพท์” หรือ “ใช้โทรศัพท์แบบไม่ผูกตัวตน” อาจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าในบางสถานการณ์ เธอเริ่มต้นด้วยการตั้ง “เป้าหมายลับ” ของเวิร์กช็อป เช่น การเข้าใจขีดจำกัดของ burner phone และการเชื่อมโยงกับแนวทางปกป้องความเป็นส่วนตัวในชีวิตประจำวัน โดยเน้นว่า “การไม่แชร์ข้อมูลส่วนตัว” และ “ไม่ใช้เทคโนโลยีเพื่อทำร้ายผู้อื่น” คือหลักสำคัญ จากนั้นผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้การวิเคราะห์ความเสี่ยงผ่านคำถาม 3 ข้อ: คุณกำลังปกป้องอะไร? จากใคร? และถ้าล้มเหลวจะเกิดอะไรขึ้น? ซึ่งช่วยให้การเลือกใช้ burner phone หรือเทคนิคอื่น ๆ มีเป้าหมายชัดเจน ในส่วนของสมาร์ตโฟน Rebecca อธิบายว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีตัวระบุหลายชั้น เช่น IMSI และ IMEI ที่ทำให้การไม่เปิดเผยตัวตนแทบเป็นไปไม่ได้ และยังเก็บข้อมูล 4 หมวดหลัก ได้แก่ ตัวตน, ตำแหน่ง, การสื่อสาร, และเนื้อหา ซึ่งสามารถถูกเข้าถึงได้ผ่าน spyware, forensic tools หรือแม้แต่คำสั่งศาล เธอแนะนำเทคนิคป้องกัน เช่น ใช้ PIN แทน biometrics, ปิด cloud backup, ใช้ Signal, ปิดวิทยุ (GPS/Wi-Fi/Bluetooth), และใช้ระบบปฏิบัติการที่เน้นความปลอดภัย เช่น GrapheneOS หรือ Lockdown Mode บน iOS เมื่อพูดถึง burner phone เธอแบ่งออกเป็น 4 ประเภท: โทรศัพท์เติมเงิน, การหมุน SIM, dumb phones, และการใช้ VoIP/VPN เพื่อหลอก metadata โดยเน้นว่า “ไม่มีวิธีใดที่นิรนาม 100%” แต่ทุกวิธีมีประโยชน์หากใช้ให้เหมาะกับสถานการณ์ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ เวิร์กช็อป Burner Phone 101 จัดขึ้นที่ Brooklyn Public Library โดย Rebecca Williams ➡️ เป้าหมายคือเรียนรู้การใช้ burner phone และแนวทางปกป้องความเป็นส่วนตัว ➡️ ใช้การวิเคราะห์ความเสี่ยงผ่านคำถาม 3 ข้อ เพื่อเลือกวิธีป้องกันที่เหมาะสม ➡️ สมาร์ตโฟนมีตัวระบุ IMSI และ IMEI ที่ทำให้การไม่เปิดเผยตัวตนเป็นเรื่องยาก ➡️ ข้อมูลที่เก็บในโทรศัพท์แบ่งเป็น 4 หมวด: ตัวตน, ตำแหน่ง, การสื่อสาร, และเนื้อหา ➡️ แนะนำเทคนิคป้องกัน เช่น ใช้ PIN, ปิด cloud backup, ใช้ Signal, ปิดวิทยุ ➡️ สำหรับ Android: ใช้ GrapheneOS, F-Droid, ปิด Google Location History ➡️ สำหรับ iPhone: ใช้ Lockdown Mode, ปิด Siri, ล้างข้อมูลหลังใส่รหัสผิด 10 ครั้ง ➡️ Burner phone แบ่งเป็น 4 ประเภท: เติมเงิน, หมุน SIM, dumb phone, VoIP/VPN ➡️ การตั้งค่า burner phone ควรซื้อด้วยเงินสด, ไม่ใช้บัญชีส่วนตัว, และหมุน SIM ➡️ “ไม่มีโทรศัพท์เลย” อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในบางสถานการณ์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ IMSI คือรหัสผู้ใช้ที่ผูกกับ SIM ส่วน IMEI คือรหัสเครื่องที่ติดตัวอุปกรณ์ ➡️ forensic tools เช่น Cellebrite และ GrayKey สามารถดึงข้อมูลจากโทรศัพท์ได้แม้ถูกล็อก ➡️ Faraday bag สามารถบล็อกสัญญาณชั่วคราว แต่ไม่ป้องกันเมื่อเปิดใช้งาน ➡️ การใช้ VoIP เช่น Google Voice หรือ MySudo ช่วยลดการเปิดเผยเบอร์จริง ➡️ GrapheneOS เป็นระบบปฏิบัติการที่เน้นความปลอดภัยและไม่ผูกกับ Google ➡️ Lockdown Mode บน iOS 16+ ปิดฟีเจอร์ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีจาก spyware https://rebeccawilliams.info/burner-phone-101/
    REBECCAWILLIAMS.INFO
    Burner Phone 101
    Hosted by the Brooklyn Public Library, this Burner Phone 101 workshop introduced participants to phone-related risk modeling, privacy-protective smartphone practices, the full spectrum of burner phone options, and when to leave phones behind entirely.
    0 Comments 0 Shares 255 Views 0 Reviews
  • เมื่อเมืองหนึ่งในญี่ปุ่นลุกขึ้นมาบอกว่า “พอแล้วกับจอ!”

    ลองจินตนาการว่าเมืองที่คุณอยู่ประกาศแนะนำให้ทุกคนใช้สมาร์ตโฟนไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง (นอกเวลางานหรือเรียน) ไม่ใช่เพราะต้องการควบคุมชีวิตคุณ แต่เพราะห่วงสุขภาพจิตและการนอนหลับของประชาชน

    นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองโทโยอาเกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกำลังพิจารณาร่างข้อเสนอที่ไม่บังคับใช้ตามกฎหมาย ไม่มีบทลงโทษ แต่มีเป้าหมายชัดเจน: ลดผลกระทบจากการใช้หน้าจอมากเกินไป โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน

    ข้อเสนอแนะนำให้เด็กประถมเลิกใช้สมาร์ตโฟนหลัง 21.00 น. และเด็กมัธยมต้นขึ้นไปหลัง 22.00 น. โดยอ้างอิงจากผลสำรวจที่พบว่าเยาวชนญี่ปุ่นใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ยมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันในวันธรรมดา

    แม้ข้อเสนอจะได้รับเสียงชื่นชมจากบางฝ่าย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ไม่น้อย โดยเฉพาะจากผู้ใช้โซเชียลที่มองว่า “สองชั่วโมงมันน้อยเกินไป” และ “ควรปล่อยให้ครอบครัวตัดสินใจเอง”

    นายกเทศมนตรีออกมาชี้แจงว่า ข้อเสนอไม่ได้บังคับ และยังยอมรับว่าสมาร์ตโฟนเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ก็หวังว่าคำแนะนำนี้จะช่วยให้คนตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้มากเกินไป

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    เมืองโทโยอาเกะเสนอให้จำกัดเวลาใช้สมาร์ตโฟนไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน (นอกงาน/เรียน)
    ข้อเสนอเป็นแนวทาง ไม่ใช่กฎหมาย ไม่มีบทลงโทษ
    เด็กประถมควรเลิกใช้สมาร์ตโฟนหลัง 21.00 น. และมัธยมต้นขึ้นไปหลัง 22.00 น.
    เป้าหมายคือป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและการนอนหลับจากการใช้หน้าจอมากเกินไป
    นายกเทศมนตรียืนยันว่าแนวทางนี้ไม่บังคับ และยอมรับว่าสมาร์ตโฟนมีประโยชน์
    ข้อเสนอจะเข้าสู่การพิจารณาในสัปดาห์หน้า และอาจมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม
    เคยมีกรณีคล้ายกันในจังหวัดคางาวะ ปี 2020 ที่จำกัดเวลาเล่นเกมของเด็ก
    ผลสำรวจจาก Children and Families Agency พบว่าเยาวชนญี่ปุ่นใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ย 5 ชั่วโมงต่อวัน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การใช้หน้าจอมากเกินไปเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และปัญหาการนอนในวัยรุ่น
    สมาร์ตโฟนมีผลต่อการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้ร่างกายเข้าใจผิดว่า “ยังไม่ถึงเวลานอน”
    การจำกัดเวลาใช้หน้าจอช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนและสมาธิในการเรียน
    หลายประเทศเริ่มรณรงค์ “Digital Detox” เพื่อให้ประชาชนพักจากหน้าจอ
    การใช้สมาร์ตโฟนมากเกินไปในเด็กเล็กอาจส่งผลต่อพัฒนาการทางภาษาและสังคม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/japan-city-proposes-two-hour-daily-smartphone-limit
    🎙️ เมื่อเมืองหนึ่งในญี่ปุ่นลุกขึ้นมาบอกว่า “พอแล้วกับจอ!” ลองจินตนาการว่าเมืองที่คุณอยู่ประกาศแนะนำให้ทุกคนใช้สมาร์ตโฟนไม่เกินวันละ 2 ชั่วโมง (นอกเวลางานหรือเรียน) ไม่ใช่เพราะต้องการควบคุมชีวิตคุณ แต่เพราะห่วงสุขภาพจิตและการนอนหลับของประชาชน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองโทโยอาเกะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกำลังพิจารณาร่างข้อเสนอที่ไม่บังคับใช้ตามกฎหมาย ไม่มีบทลงโทษ แต่มีเป้าหมายชัดเจน: ลดผลกระทบจากการใช้หน้าจอมากเกินไป โดยเฉพาะในเด็กและเยาวชน ข้อเสนอแนะนำให้เด็กประถมเลิกใช้สมาร์ตโฟนหลัง 21.00 น. และเด็กมัธยมต้นขึ้นไปหลัง 22.00 น. โดยอ้างอิงจากผลสำรวจที่พบว่าเยาวชนญี่ปุ่นใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ยมากกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันในวันธรรมดา แม้ข้อเสนอจะได้รับเสียงชื่นชมจากบางฝ่าย แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ไม่น้อย โดยเฉพาะจากผู้ใช้โซเชียลที่มองว่า “สองชั่วโมงมันน้อยเกินไป” และ “ควรปล่อยให้ครอบครัวตัดสินใจเอง” นายกเทศมนตรีออกมาชี้แจงว่า ข้อเสนอไม่ได้บังคับ และยังยอมรับว่าสมาร์ตโฟนเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน แต่ก็หวังว่าคำแนะนำนี้จะช่วยให้คนตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้มากเกินไป 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ เมืองโทโยอาเกะเสนอให้จำกัดเวลาใช้สมาร์ตโฟนไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน (นอกงาน/เรียน) ➡️ ข้อเสนอเป็นแนวทาง ไม่ใช่กฎหมาย ไม่มีบทลงโทษ ➡️ เด็กประถมควรเลิกใช้สมาร์ตโฟนหลัง 21.00 น. และมัธยมต้นขึ้นไปหลัง 22.00 น. ➡️ เป้าหมายคือป้องกันปัญหาสุขภาพจิตและการนอนหลับจากการใช้หน้าจอมากเกินไป ➡️ นายกเทศมนตรียืนยันว่าแนวทางนี้ไม่บังคับ และยอมรับว่าสมาร์ตโฟนมีประโยชน์ ➡️ ข้อเสนอจะเข้าสู่การพิจารณาในสัปดาห์หน้า และอาจมีผลบังคับใช้ในเดือนตุลาคม ➡️ เคยมีกรณีคล้ายกันในจังหวัดคางาวะ ปี 2020 ที่จำกัดเวลาเล่นเกมของเด็ก ➡️ ผลสำรวจจาก Children and Families Agency พบว่าเยาวชนญี่ปุ่นใช้เวลาออนไลน์เฉลี่ย 5 ชั่วโมงต่อวัน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การใช้หน้าจอมากเกินไปเชื่อมโยงกับภาวะซึมเศร้า วิตกกังวล และปัญหาการนอนในวัยรุ่น ➡️ สมาร์ตโฟนมีผลต่อการหลั่งเมลาโทนิน ทำให้ร่างกายเข้าใจผิดว่า “ยังไม่ถึงเวลานอน” ➡️ การจำกัดเวลาใช้หน้าจอช่วยเพิ่มคุณภาพการนอนและสมาธิในการเรียน ➡️ หลายประเทศเริ่มรณรงค์ “Digital Detox” เพื่อให้ประชาชนพักจากหน้าจอ ➡️ การใช้สมาร์ตโฟนมากเกินไปในเด็กเล็กอาจส่งผลต่อพัฒนาการทางภาษาและสังคม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/japan-city-proposes-two-hour-daily-smartphone-limit
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Japan city proposes two-hour daily smartphone limit
    A Japanese city will urge all smartphone users to limit screen time to two hours a day outside work or school under a proposed ordinance that includes no penalties.
    0 Comments 0 Shares 310 Views 0 Reviews
  • เมื่อ AI ไม่ได้คืนทุน – 95% ขององค์กรลงทุนไปเปล่า ๆ กับ Generative AI

    ในช่วงสามปีที่ผ่านมา องค์กรทั่วโลกลงทุนไปกว่า $30–40 พันล้านดอลลาร์ในโครงการ Generative AI โดยหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่รายงานล่าสุดจาก MIT กลับพบว่า 95% ของโครงการเหล่านี้ “ไม่มีผลตอบแทนที่วัดได้” เลย

    แม้จะมีการนำเครื่องมืออย่าง ChatGPT, Copilot และโมเดลภาษาอื่น ๆ มาใช้ในองค์กรกว่า 80% และมีถึง 40% ที่นำไปใช้งานจริง แต่ส่วนใหญ่กลับใช้แค่ในระดับ “เพิ่มประสิทธิภาพรายบุคคล” เช่น เขียนอีเมลหรือช่วยตอบแชต ไม่ได้ส่งผลต่อรายได้หรือกำไรของบริษัท

    สาเหตุหลักคือ AI เหล่านี้ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานจริงขององค์กรได้ เช่น ไม่สามารถเรียนรู้จากบริบท, ไม่เก็บ feedback, และไม่พัฒนาเหตุผลข้ามงานได้เหมือนมนุษย์ ทำให้การใช้งานระยะยาวมีต้นทุนสูงแต่ไม่คุ้มค่า

    ในทางกลับกัน โครงการที่ประสบความสำเร็จ (เพียง 5%) มักจะเลือกปัญหาเฉพาะจุด เช่น การจัดการเอกสารหรือการลดค่าใช้จ่ายภายนอก แล้วใช้ AI แบบเฉพาะทางร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ

    MIT ยังพบว่า AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การลดการจ้างงานภายนอกหรือการจัดการข้อมูลซ้ำ ๆ แต่กว่า 50% ของงบประมาณกลับถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งยังต้องพึ่งพามนุษย์เป็นหลัก

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    MIT พบว่า 95% ของโครงการ Generative AI ไม่มีผลตอบแทนที่วัดได้
    องค์กรลงทุนรวมกว่า $30–40 พันล้านในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
    80% ขององค์กรทดลองใช้ AI และ 40% นำไปใช้งานจริง
    ส่วนใหญ่ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพรายบุคคล ไม่ใช่ระดับองค์กร
    AI ไม่สามารถปรับตัวกับ workflow จริงขององค์กรได้
    โครงการที่ประสบความสำเร็จมักเลือกปัญหาเฉพาะและใช้เครื่องมือเฉพาะทาง
    AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น ลดการจ้างงานภายนอก
    กว่า 50% ของงบประมาณ AI ถูกใช้ในงานขายและการตลาด
    2 ใน 3 ของโครงการที่ใช้ผู้ให้บริการ AI เฉพาะทางประสบความสำเร็จ
    องค์กรในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลสูงมักพัฒนา AI เองเพื่อลดความเสี่ยง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NANDA ของ MIT ชื่อว่า “The GenAI Divide”
    Startups ที่เลือกปัญหาเฉพาะ เช่น การจัดการเอกสาร สามารถสร้างรายได้ $20M ภายในปีเดียว
    AI ยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์ในด้านการตัดสินใจหรือการเรียนรู้ข้ามบริบท
    การใช้ AI ในงานขายอาจไม่เหมาะ เพราะผู้ซื้อยังต้องการปฏิสัมพันธ์แบบมนุษย์
    ผลกระทบต่อแรงงานคือการไม่แทนที่ตำแหน่งว่าง มากกว่าการปลดพนักงาน

    https://thedailyadda.com/95-of-companies-see-zero-return-on-30-billion-generative-ai-spend-mit-report-finds/
    🎙️ เมื่อ AI ไม่ได้คืนทุน – 95% ขององค์กรลงทุนไปเปล่า ๆ กับ Generative AI ในช่วงสามปีที่ผ่านมา องค์กรทั่วโลกลงทุนไปกว่า $30–40 พันล้านดอลลาร์ในโครงการ Generative AI โดยหวังว่าจะเปลี่ยนแปลงธุรกิจให้ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่รายงานล่าสุดจาก MIT กลับพบว่า 95% ของโครงการเหล่านี้ “ไม่มีผลตอบแทนที่วัดได้” เลย แม้จะมีการนำเครื่องมืออย่าง ChatGPT, Copilot และโมเดลภาษาอื่น ๆ มาใช้ในองค์กรกว่า 80% และมีถึง 40% ที่นำไปใช้งานจริง แต่ส่วนใหญ่กลับใช้แค่ในระดับ “เพิ่มประสิทธิภาพรายบุคคล” เช่น เขียนอีเมลหรือช่วยตอบแชต ไม่ได้ส่งผลต่อรายได้หรือกำไรของบริษัท สาเหตุหลักคือ AI เหล่านี้ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานจริงขององค์กรได้ เช่น ไม่สามารถเรียนรู้จากบริบท, ไม่เก็บ feedback, และไม่พัฒนาเหตุผลข้ามงานได้เหมือนมนุษย์ ทำให้การใช้งานระยะยาวมีต้นทุนสูงแต่ไม่คุ้มค่า ในทางกลับกัน โครงการที่ประสบความสำเร็จ (เพียง 5%) มักจะเลือกปัญหาเฉพาะจุด เช่น การจัดการเอกสารหรือการลดค่าใช้จ่ายภายนอก แล้วใช้ AI แบบเฉพาะทางร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ MIT ยังพบว่า AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การลดการจ้างงานภายนอกหรือการจัดการข้อมูลซ้ำ ๆ แต่กว่า 50% ของงบประมาณกลับถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งยังต้องพึ่งพามนุษย์เป็นหลัก 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ MIT พบว่า 95% ของโครงการ Generative AI ไม่มีผลตอบแทนที่วัดได้ ➡️ องค์กรลงทุนรวมกว่า $30–40 พันล้านในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ➡️ 80% ขององค์กรทดลองใช้ AI และ 40% นำไปใช้งานจริง ➡️ ส่วนใหญ่ใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพรายบุคคล ไม่ใช่ระดับองค์กร ➡️ AI ไม่สามารถปรับตัวกับ workflow จริงขององค์กรได้ ➡️ โครงการที่ประสบความสำเร็จมักเลือกปัญหาเฉพาะและใช้เครื่องมือเฉพาะทาง ➡️ AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น ลดการจ้างงานภายนอก ➡️ กว่า 50% ของงบประมาณ AI ถูกใช้ในงานขายและการตลาด ➡️ 2 ใน 3 ของโครงการที่ใช้ผู้ให้บริการ AI เฉพาะทางประสบความสำเร็จ ➡️ องค์กรในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลสูงมักพัฒนา AI เองเพื่อลดความเสี่ยง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NANDA ของ MIT ชื่อว่า “The GenAI Divide” ➡️ Startups ที่เลือกปัญหาเฉพาะ เช่น การจัดการเอกสาร สามารถสร้างรายได้ $20M ภายในปีเดียว ➡️ AI ยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์ในด้านการตัดสินใจหรือการเรียนรู้ข้ามบริบท ➡️ การใช้ AI ในงานขายอาจไม่เหมาะ เพราะผู้ซื้อยังต้องการปฏิสัมพันธ์แบบมนุษย์ ➡️ ผลกระทบต่อแรงงานคือการไม่แทนที่ตำแหน่งว่าง มากกว่าการปลดพนักงาน https://thedailyadda.com/95-of-companies-see-zero-return-on-30-billion-generative-ai-spend-mit-report-finds/
    THEDAILYADDA.COM
    95% of Companies See ‘Zero Return’ on $30 Billion Generative AI Spend, MIT Report Finds
    Over the last three years, companies worldwide have invested between 30 and 40 billion dollars into generative artificial intelligence projects. Yet most of these efforts have brought no real business…
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 Reviews
  • AI ไม่ได้ช่วยทุกคน – เมื่อองค์กรลงทุนใน Generative AI แล้วไม่เห็นผล

    แม้ว่า Generative AI จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจ แต่รายงานล่าสุดจาก MIT พบว่า 95% ของโครงการนำ AI ไปใช้ในองค์กรไม่สามารถสร้างผลกระทบที่วัดได้ต่อกำไรหรือรายได้เลย

    รายงานนี้อ้างอิงจากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร 150 คน, สำรวจพนักงาน 350 คน และวิเคราะห์การใช้งาน AI จริงกว่า 300 กรณี พบว่าโครงการส่วนใหญ่ “ล้มเหลว” ไม่ใช่เพราะโมเดล AI ทำงานผิดพลาด แต่เพราะ AI ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานที่มีอยู่แล้วในองค์กรได้

    องค์กรส่วนใหญ่ใช้ AI แบบทั่วไป เช่น ChatGPT โดยไม่ปรับให้เข้ากับบริบทเฉพาะของตน ทำให้เกิดช่องว่างการเรียนรู้ระหว่างเครื่องมือกับผู้ใช้ และโครงการก็หยุดชะงักในที่สุด

    ในทางกลับกัน โครงการที่ประสบความสำเร็จ (เพียง 5%) มักจะเลือก “ปัญหาเดียว” ที่ชัดเจน เช่น การจัดการเอกสาร หรือการตอบอีเมล แล้วใช้ AI แบบเฉพาะทางร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ

    MIT ยังพบว่า AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การจัดการข้อมูล, การลดการจ้างงานภายนอก และการทำงานซ้ำ ๆ แต่กว่า 50% ของงบประมาณ AI กลับถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งยังต้องพึ่งพามนุษย์เป็นหลัก

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    MIT พบว่า 95% ของโครงการนำ Generative AI ไปใช้ในองค์กรไม่มีผลต่อกำไรหรือรายได้
    รายงานอ้างอิงจากการสัมภาษณ์ 150 คน, สำรวจ 350 คน และวิเคราะห์ 300 กรณี
    สาเหตุหลักคือ AI ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานขององค์กร
    โครงการที่ประสบความสำเร็จมักเลือกปัญหาเดียวและใช้เครื่องมือเฉพาะทาง
    AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การจัดการข้อมูลและงานซ้ำ ๆ
    กว่า 50% ของงบประมาณ AI ถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งไม่เหมาะกับ AI
    โครงการที่ใช้ผู้ให้บริการ AI เฉพาะทางมีอัตราความสำเร็จ 2 ใน 3
    โครงการที่พัฒนา AI ภายในองค์กรมีอัตราความสำเร็จเพียง 1 ใน 3
    องค์กรในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลสูง เช่น การเงินและสุขภาพ มักเลือกพัฒนา AI เอง
    AI ส่งผลต่อแรงงานโดยทำให้ตำแหน่งงานที่ว่างไม่ถูกแทนที่ โดยเฉพาะงานระดับต้น

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NANDA ของ MIT ชื่อว่า “The GenAI Divide”
    บริษัทที่ประสบความสำเร็จมักเป็นสตาร์ตอัปที่มีทีมเล็กและเป้าหมายชัดเจน
    การใช้ AI ในงานขายอาจไม่เหมาะ เพราะผู้ซื้อยังเป็นมนุษย์ที่ต้องการปฏิสัมพันธ์
    การใช้ AI ในงานหลังบ้านช่วยลดต้นทุนจากการจ้างงานภายนอกและเอเจนซี่
    การไม่แทนที่ตำแหน่งงานที่ว่างอาจเป็นสัญญาณของการลดแรงงานในระยะยาว
    CEO หลายคนเตือนว่า AI อาจแทนที่งานระดับต้นถึง 50% ภายใน 5 ปี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/95-percent-of-generative-ai-implementations-in-enterprise-have-no-measurable-impact-on-p-and-l-says-mit-flawed-integration-key-reason-why-ai-projects-underperform
    🧠 AI ไม่ได้ช่วยทุกคน – เมื่อองค์กรลงทุนใน Generative AI แล้วไม่เห็นผล แม้ว่า Generative AI จะถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในวงการธุรกิจ แต่รายงานล่าสุดจาก MIT พบว่า 95% ของโครงการนำ AI ไปใช้ในองค์กรไม่สามารถสร้างผลกระทบที่วัดได้ต่อกำไรหรือรายได้เลย รายงานนี้อ้างอิงจากการสัมภาษณ์ผู้บริหาร 150 คน, สำรวจพนักงาน 350 คน และวิเคราะห์การใช้งาน AI จริงกว่า 300 กรณี พบว่าโครงการส่วนใหญ่ “ล้มเหลว” ไม่ใช่เพราะโมเดล AI ทำงานผิดพลาด แต่เพราะ AI ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานที่มีอยู่แล้วในองค์กรได้ องค์กรส่วนใหญ่ใช้ AI แบบทั่วไป เช่น ChatGPT โดยไม่ปรับให้เข้ากับบริบทเฉพาะของตน ทำให้เกิดช่องว่างการเรียนรู้ระหว่างเครื่องมือกับผู้ใช้ และโครงการก็หยุดชะงักในที่สุด ในทางกลับกัน โครงการที่ประสบความสำเร็จ (เพียง 5%) มักจะเลือก “ปัญหาเดียว” ที่ชัดเจน เช่น การจัดการเอกสาร หรือการตอบอีเมล แล้วใช้ AI แบบเฉพาะทางร่วมกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญ MIT ยังพบว่า AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การจัดการข้อมูล, การลดการจ้างงานภายนอก และการทำงานซ้ำ ๆ แต่กว่า 50% ของงบประมาณ AI กลับถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งยังต้องพึ่งพามนุษย์เป็นหลัก 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ MIT พบว่า 95% ของโครงการนำ Generative AI ไปใช้ในองค์กรไม่มีผลต่อกำไรหรือรายได้ ➡️ รายงานอ้างอิงจากการสัมภาษณ์ 150 คน, สำรวจ 350 คน และวิเคราะห์ 300 กรณี ➡️ สาเหตุหลักคือ AI ไม่สามารถปรับตัวเข้ากับกระบวนการทำงานขององค์กร ➡️ โครงการที่ประสบความสำเร็จมักเลือกปัญหาเดียวและใช้เครื่องมือเฉพาะทาง ➡️ AI มีประโยชน์สูงสุดในงานหลังบ้าน เช่น การจัดการข้อมูลและงานซ้ำ ๆ ➡️ กว่า 50% ของงบประมาณ AI ถูกใช้ในงานขายและการตลาด ซึ่งไม่เหมาะกับ AI ➡️ โครงการที่ใช้ผู้ให้บริการ AI เฉพาะทางมีอัตราความสำเร็จ 2 ใน 3 ➡️ โครงการที่พัฒนา AI ภายในองค์กรมีอัตราความสำเร็จเพียง 1 ใน 3 ➡️ องค์กรในอุตสาหกรรมที่มีการกำกับดูแลสูง เช่น การเงินและสุขภาพ มักเลือกพัฒนา AI เอง ➡️ AI ส่งผลต่อแรงงานโดยทำให้ตำแหน่งงานที่ว่างไม่ถูกแทนที่ โดยเฉพาะงานระดับต้น ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รายงานนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ NANDA ของ MIT ชื่อว่า “The GenAI Divide” ➡️ บริษัทที่ประสบความสำเร็จมักเป็นสตาร์ตอัปที่มีทีมเล็กและเป้าหมายชัดเจน ➡️ การใช้ AI ในงานขายอาจไม่เหมาะ เพราะผู้ซื้อยังเป็นมนุษย์ที่ต้องการปฏิสัมพันธ์ ➡️ การใช้ AI ในงานหลังบ้านช่วยลดต้นทุนจากการจ้างงานภายนอกและเอเจนซี่ ➡️ การไม่แทนที่ตำแหน่งงานที่ว่างอาจเป็นสัญญาณของการลดแรงงานในระยะยาว ➡️ CEO หลายคนเตือนว่า AI อาจแทนที่งานระดับต้นถึง 50% ภายใน 5 ปี https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/95-percent-of-generative-ai-implementations-in-enterprise-have-no-measurable-impact-on-p-and-l-says-mit-flawed-integration-key-reason-why-ai-projects-underperform
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    95% of generative AI implementations in enterprise 'have no measurable impact on P&L', says MIT — flawed integration cited as why AI projects underperform
    AI is a powerful tool, but only if used correctly. | The study shows that AI tools must adjust to the organization’s processes for it to work effectively.
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 Reviews
  • NVMe 2.3: ยกระดับ SSD ให้ฉลาดขึ้น ปลอดภัยขึ้น และทนทานต่อความล้มเหลวมากขึ้น

    กลุ่ม NVM Express ได้เปิดตัวมาตรฐาน NVMe 2.3 ซึ่งเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งชุดคำสั่งการจัดเก็บข้อมูลและโปรโตคอลการส่งข้อมูล เช่น PCIe, RDMA และ TCP โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ SSD มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ประหยัดพลังงาน และสามารถฟื้นตัวจากความล้มเหลวได้ดีขึ้น

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือ Rapid Path Failure Recovery (RPFR) ซึ่งช่วยให้ระบบสามารถเปลี่ยนเส้นทางการสื่อสารไปยังช่องทางสำรองได้ทันทีเมื่อเกิดปัญหาระหว่าง host กับ storage subsystem ลดโอกาสข้อมูลเสียหายและ downtime

    ด้านการจัดการพลังงาน NVMe 2.3 เพิ่มฟีเจอร์ Power Limit Config ที่ให้ผู้ดูแลระบบกำหนดขีดจำกัดการใช้พลังงานของ SSD ได้ และ Self-Reported Drive Power ที่ช่วยให้ SSD รายงานการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ ซึ่งเหมาะกับการวางแผนพลังงานและตรวจจับปัญหาแต่เนิ่นๆ

    ในด้านความปลอดภัย มีฟีเจอร์ Sanitize Per Namespace ที่ช่วยลบข้อมูลเฉพาะบางส่วนของ SSD โดยไม่กระทบข้อมูลอื่น และ Configurable Device Personality ที่ให้ SSD ปรับโหมดการทำงานได้ตามความต้องการ เช่น โหมดประหยัดพลังงานหรือโหมดประสิทธิภาพสูง

    แม้ฟีเจอร์เหล่านี้จะมีประโยชน์มากในระดับองค์กร แต่การนำไปใช้ใน SSD สำหรับผู้บริโภคทั่วไปยังขึ้นอยู่กับผู้ผลิตว่าจะนำไปใช้อย่างจริงจังหรือไม่

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    NVMe 2.3 เปิดตัวพร้อมอัปเดต 11 รายการในชุดคำสั่งและโปรโตคอลการส่งข้อมูล
    Rapid Path Failure Recovery ช่วยให้ระบบเปลี่ยนเส้นทางการสื่อสารเมื่อเกิดปัญหา
    Power Limit Config ให้ผู้ดูแลระบบกำหนดขีดจำกัดการใช้พลังงานของ SSD
    Self-Reported Drive Power ช่วยให้ SSD รายงานการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์
    Sanitize Per Namespace ลบข้อมูลเฉพาะบางส่วนของ SSD ได้อย่างปลอดภัย
    Configurable Device Personality ให้ SSD ปรับโหมดการทำงานตามความต้องการ
    NVMe Management Interface อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 2.1 และ NVMe Boot เป็นเวอร์ชัน 1.3
    ฟีเจอร์ใหม่เน้นความยืดหยุ่น ความปลอดภัย และการจัดการพลังงานในระดับองค์กร

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NVMe 2.3 รองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูล, ระบบ AI, และแอปพลิเคชันที่ใช้ข้อมูลหนัก
    RPFR ลดโอกาสข้อมูลเสียหายจากการสื่อสารล้มเหลวในระบบขนาดใหญ่
    Power Limit Config เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์รุ่นเก่าที่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน
    Self-Reported Drive Power ช่วยวางแผนพลังงานและตรวจจับปัญหาได้แต่เนิ่นๆ
    Sanitize Per Namespace เหมาะกับการรีไทร์หรือรีไซเคิล SSD โดยไม่ลบข้อมูลทั้งหมด
    Configurable Device Personality ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการ SSD หลายรุ่น

    https://www.techradar.com/pro/finally-future-ssds-are-set-to-be-more-energy-efficient-and-more-secure-thanks-to-a-new-set-of-guidelines
    🚀 NVMe 2.3: ยกระดับ SSD ให้ฉลาดขึ้น ปลอดภัยขึ้น และทนทานต่อความล้มเหลวมากขึ้น กลุ่ม NVM Express ได้เปิดตัวมาตรฐาน NVMe 2.3 ซึ่งเป็นการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งชุดคำสั่งการจัดเก็บข้อมูลและโปรโตคอลการส่งข้อมูล เช่น PCIe, RDMA และ TCP โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้ SSD มีความยืดหยุ่นมากขึ้น ประหยัดพลังงาน และสามารถฟื้นตัวจากความล้มเหลวได้ดีขึ้น หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือ Rapid Path Failure Recovery (RPFR) ซึ่งช่วยให้ระบบสามารถเปลี่ยนเส้นทางการสื่อสารไปยังช่องทางสำรองได้ทันทีเมื่อเกิดปัญหาระหว่าง host กับ storage subsystem ลดโอกาสข้อมูลเสียหายและ downtime ด้านการจัดการพลังงาน NVMe 2.3 เพิ่มฟีเจอร์ Power Limit Config ที่ให้ผู้ดูแลระบบกำหนดขีดจำกัดการใช้พลังงานของ SSD ได้ และ Self-Reported Drive Power ที่ช่วยให้ SSD รายงานการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ ซึ่งเหมาะกับการวางแผนพลังงานและตรวจจับปัญหาแต่เนิ่นๆ ในด้านความปลอดภัย มีฟีเจอร์ Sanitize Per Namespace ที่ช่วยลบข้อมูลเฉพาะบางส่วนของ SSD โดยไม่กระทบข้อมูลอื่น และ Configurable Device Personality ที่ให้ SSD ปรับโหมดการทำงานได้ตามความต้องการ เช่น โหมดประหยัดพลังงานหรือโหมดประสิทธิภาพสูง แม้ฟีเจอร์เหล่านี้จะมีประโยชน์มากในระดับองค์กร แต่การนำไปใช้ใน SSD สำหรับผู้บริโภคทั่วไปยังขึ้นอยู่กับผู้ผลิตว่าจะนำไปใช้อย่างจริงจังหรือไม่ ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ NVMe 2.3 เปิดตัวพร้อมอัปเดต 11 รายการในชุดคำสั่งและโปรโตคอลการส่งข้อมูล ➡️ Rapid Path Failure Recovery ช่วยให้ระบบเปลี่ยนเส้นทางการสื่อสารเมื่อเกิดปัญหา ➡️ Power Limit Config ให้ผู้ดูแลระบบกำหนดขีดจำกัดการใช้พลังงานของ SSD ➡️ Self-Reported Drive Power ช่วยให้ SSD รายงานการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ ➡️ Sanitize Per Namespace ลบข้อมูลเฉพาะบางส่วนของ SSD ได้อย่างปลอดภัย ➡️ Configurable Device Personality ให้ SSD ปรับโหมดการทำงานตามความต้องการ ➡️ NVMe Management Interface อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 2.1 และ NVMe Boot เป็นเวอร์ชัน 1.3 ➡️ ฟีเจอร์ใหม่เน้นความยืดหยุ่น ความปลอดภัย และการจัดการพลังงานในระดับองค์กร ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NVMe 2.3 รองรับการใช้งานในศูนย์ข้อมูล, ระบบ AI, และแอปพลิเคชันที่ใช้ข้อมูลหนัก ➡️ RPFR ลดโอกาสข้อมูลเสียหายจากการสื่อสารล้มเหลวในระบบขนาดใหญ่ ➡️ Power Limit Config เหมาะกับเซิร์ฟเวอร์รุ่นเก่าที่มีข้อจำกัดด้านพลังงาน ➡️ Self-Reported Drive Power ช่วยวางแผนพลังงานและตรวจจับปัญหาได้แต่เนิ่นๆ ➡️ Sanitize Per Namespace เหมาะกับการรีไทร์หรือรีไซเคิล SSD โดยไม่ลบข้อมูลทั้งหมด ➡️ Configurable Device Personality ช่วยลดความซับซ้อนในการจัดการ SSD หลายรุ่น https://www.techradar.com/pro/finally-future-ssds-are-set-to-be-more-energy-efficient-and-more-secure-thanks-to-a-new-set-of-guidelines
    0 Comments 0 Shares 252 Views 0 Reviews
More Results