• “Feiniu NAS รุ่นใหม่จุเกิน 180TB พร้อม UPS และช่อง SD — แต่ราคายังเป็นปริศนา”

    Feiniu ผู้ผลิต NAS จากจีนเปิดตัวรุ่นใหม่ที่สร้างความสนใจในวงการเก็บข้อมูล ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดา ทั้งความจุเกิน 180TB, ระบบสำรองไฟ (UPS) ในตัว และช่องเสียบ SD card สำหรับการเชื่อมต่อแบบพกพา โดยรุ่น 6-bay จะเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 และรุ่น 4-bay จะตามมาในช่วงปลายปีนี้

    จุดเด่นที่สุดคือการรวม UPS เข้ากับตัว NAS ซึ่งช่วยป้องกันข้อมูลเสียหายจากไฟดับแบบฉับพลัน โดยระบบจะยังคงทำงานช่วงสั้น ๆ หลังไฟตก เพื่อให้ฮาร์ดดิสก์สามารถปิดตัวอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ NAS ระดับ enterprise ยังไม่ค่อยมีให้เห็น

    ดีไซน์ของรุ่น 6-bay มาในรูปทรงแนวนอน สีเทาด้านข้าง ดำด้านหน้า พร้อมโลโก้ “fn” และปุ่มพลังงานสีแดง ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อมีทั้ง USB-C, USB-A และ SD card slot ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถโอนข้อมูลจากกล้องหรืออุปกรณ์พกพาได้สะดวกขึ้น

    Feiniu ยังระบุว่ารุ่นนี้จะมีทั้งเวอร์ชันมาตรฐานและ Pro โดยใช้คำว่า “highly playable” และ “มีเซอร์ไพรส์” แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับสเปกภายใน เช่น CPU, RAM, ระบบไฟล์ หรือประสิทธิภาพพลังงาน

    แม้จะมีฟีเจอร์น่าสนใจ แต่ราคายังไม่เปิดเผย ทำให้ผู้บริโภคยังไม่สามารถประเมินความคุ้มค่าได้ และต้องรอดูว่า Feiniu จะวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์นี้ในตลาดระดับไหน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Feiniu เปิดตัว NAS รุ่นใหม่ที่รองรับความจุเกิน 180TB
    มีระบบ UPS ในตัวเพื่อป้องกันข้อมูลเสียหายจากไฟดับ
    รุ่น 6-bay จะเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 และรุ่น 4-bay จะตามมาในปลายปี
    มีพอร์ต USB-C, USB-A และ SD card slot สำหรับการเชื่อมต่อภายนอก

    จุดเด่นด้านการออกแบบและการใช้งาน
    ดีไซน์แนวนอน สีเทา-ดำ พร้อมปุ่มพลังงานสีแดง
    UPS ช่วยให้ระบบยังทำงานช่วงสั้น ๆ หลังไฟดับ เพื่อปิดฮาร์ดดิสก์อย่างปลอดภัย
    SD card slot เพิ่มความสะดวกในการโอนข้อมูลจากอุปกรณ์พกพา
    มีเวอร์ชันมาตรฐานและ Pro พร้อมคำโปรยว่า “highly playable” และ “มีเซอร์ไพรส์”

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NAS ระดับ enterprise บางรุ่นมีความจุเกิน 1PB แต่ยังไม่มี UPS ในตัว
    ระบบ UPS ใน NAS ยังเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่แพร่หลาย
    fnOS ของ Feiniu เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมในกลุ่ม DIY NAS
    การรวม UPS กับ NAS อาจช่วยลดความจำเป็นในการใช้ UPS แยกต่างหาก

    https://www.techradar.com/pro/this-nas-has-an-integrated-ups-and-can-accommodate-more-than-180tb-of-storage-as-well-as-a-memory-card-but-i-wonder-how-much-it-will-cost
    🗄️ “Feiniu NAS รุ่นใหม่จุเกิน 180TB พร้อม UPS และช่อง SD — แต่ราคายังเป็นปริศนา” Feiniu ผู้ผลิต NAS จากจีนเปิดตัวรุ่นใหม่ที่สร้างความสนใจในวงการเก็บข้อมูล ด้วยคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดา ทั้งความจุเกิน 180TB, ระบบสำรองไฟ (UPS) ในตัว และช่องเสียบ SD card สำหรับการเชื่อมต่อแบบพกพา โดยรุ่น 6-bay จะเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 และรุ่น 4-bay จะตามมาในช่วงปลายปีนี้ จุดเด่นที่สุดคือการรวม UPS เข้ากับตัว NAS ซึ่งช่วยป้องกันข้อมูลเสียหายจากไฟดับแบบฉับพลัน โดยระบบจะยังคงทำงานช่วงสั้น ๆ หลังไฟตก เพื่อให้ฮาร์ดดิสก์สามารถปิดตัวอย่างปลอดภัย ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ NAS ระดับ enterprise ยังไม่ค่อยมีให้เห็น ดีไซน์ของรุ่น 6-bay มาในรูปทรงแนวนอน สีเทาด้านข้าง ดำด้านหน้า พร้อมโลโก้ “fn” และปุ่มพลังงานสีแดง ส่วนพอร์ตเชื่อมต่อมีทั้ง USB-C, USB-A และ SD card slot ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถโอนข้อมูลจากกล้องหรืออุปกรณ์พกพาได้สะดวกขึ้น Feiniu ยังระบุว่ารุ่นนี้จะมีทั้งเวอร์ชันมาตรฐานและ Pro โดยใช้คำว่า “highly playable” และ “มีเซอร์ไพรส์” แต่ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนเกี่ยวกับสเปกภายใน เช่น CPU, RAM, ระบบไฟล์ หรือประสิทธิภาพพลังงาน แม้จะมีฟีเจอร์น่าสนใจ แต่ราคายังไม่เปิดเผย ทำให้ผู้บริโภคยังไม่สามารถประเมินความคุ้มค่าได้ และต้องรอดูว่า Feiniu จะวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์นี้ในตลาดระดับไหน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Feiniu เปิดตัว NAS รุ่นใหม่ที่รองรับความจุเกิน 180TB ➡️ มีระบบ UPS ในตัวเพื่อป้องกันข้อมูลเสียหายจากไฟดับ ➡️ รุ่น 6-bay จะเปิดตัวในเดือนตุลาคม 2025 และรุ่น 4-bay จะตามมาในปลายปี ➡️ มีพอร์ต USB-C, USB-A และ SD card slot สำหรับการเชื่อมต่อภายนอก ✅ จุดเด่นด้านการออกแบบและการใช้งาน ➡️ ดีไซน์แนวนอน สีเทา-ดำ พร้อมปุ่มพลังงานสีแดง ➡️ UPS ช่วยให้ระบบยังทำงานช่วงสั้น ๆ หลังไฟดับ เพื่อปิดฮาร์ดดิสก์อย่างปลอดภัย ➡️ SD card slot เพิ่มความสะดวกในการโอนข้อมูลจากอุปกรณ์พกพา ➡️ มีเวอร์ชันมาตรฐานและ Pro พร้อมคำโปรยว่า “highly playable” และ “มีเซอร์ไพรส์” ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NAS ระดับ enterprise บางรุ่นมีความจุเกิน 1PB แต่ยังไม่มี UPS ในตัว ➡️ ระบบ UPS ใน NAS ยังเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ไม่แพร่หลาย ➡️ fnOS ของ Feiniu เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมในกลุ่ม DIY NAS ➡️ การรวม UPS กับ NAS อาจช่วยลดความจำเป็นในการใช้ UPS แยกต่างหาก https://www.techradar.com/pro/this-nas-has-an-integrated-ups-and-can-accommodate-more-than-180tb-of-storage-as-well-as-a-memory-card-but-i-wonder-how-much-it-will-cost
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • “Nvidia รีเซ็ต SOCAMM 1 เปิดทาง SOCAMM 2 — เมื่อหน่วยความจำ AI กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่เร็วกว่า เสถียรกว่า และเปิดกว้างกว่าเดิม”

    หลังจากพยายามผลักดัน SOCAMM 1 มานานแต่ไม่สำเร็จ Nvidia ตัดสินใจ “รีเซ็ตเกม” และหันไปโฟกัสกับ SOCAMM 2 อย่างเต็มตัว โดย SOCAMM (Small Outline Compression Attached Memory Module) เป็นมาตรฐานหน่วยความจำใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ ด้วยจุดเด่นเรื่องความเร็วสูง ขนาดกะทัดรัด และใช้พลังงานต่ำ

    SOCAMM 1 เคยถูกวางแผนให้เปิดตัวภายในปี 2025 แต่เกิดปัญหาทางเทคนิคหลายครั้ง ทำให้ไม่สามารถผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้จริง แม้ Micron จะผ่านการรับรองจาก Nvidia แล้ว แต่การพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียวก็สร้างความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน ทำให้ Nvidia ตัดสินใจยกเลิก SOCAMM 1 และเริ่มต้นใหม่กับ SOCAMM 2

    SOCAMM 2 ยังคงใช้ฟอร์มแฟกเตอร์แบบถอดเปลี่ยนได้ มี 694 I/O ports เท่าเดิม แต่เพิ่มความเร็วการส่งข้อมูลจาก 8,533 MT/s เป็น 9,600 MT/s ซึ่งช่วยเพิ่มแบนด์วิดท์ของระบบจาก 14.3TB/s เป็น 16TB/s บนแพลตฟอร์ม Blackwell Ultra GB300 NVL72 ที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ระดับสูง

    ที่สำคัญ SOCAMM 2 ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในระบบของ Nvidia อีกต่อไป เพราะมีแนวโน้มว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก JEDEC ซึ่งจะเปิดทางให้ผู้ผลิตรายอื่นนำไปใช้ในระบบของตัวเองได้ และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของหน่วยความจำสำหรับ AI ในอนาคต

    Samsung, SK Hynix และ Micron ต่างเริ่มเตรียมตัวผลิต SOCAMM 2 แล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตจำนวนมากได้ในต้นปี 2026 ซึ่งจะช่วยให้ราคาลดลงและซัพพลายมีเสถียรมากขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nvidia ยกเลิก SOCAMM 1 หลังเจอปัญหาทางเทคนิคหลายครั้ง
    SOCAMM 2 เพิ่มความเร็วเป็น 9,600 MT/s จากเดิม 8,533 MT/s
    แบนด์วิดท์ระบบเพิ่มจาก 14.3TB/s เป็น 16TB/s บนแพลตฟอร์ม Blackwell Ultra GB300
    SOCAMM 2 ยังใช้ฟอร์มแฟกเตอร์แบบถอดเปลี่ยนได้ และมี 694 I/O ports เท่าเดิม

    การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์
    SOCAMM 2 อาจได้รับการสนับสนุนจาก JEDEC ทำให้เปิดใช้งานในระบบอื่นได้
    Samsung, SK Hynix และ Micron เตรียมผลิต SOCAMM 2 ร่วมกัน
    การมีผู้ผลิตหลายรายช่วยลดความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน
    SOCAMM 2 ใช้พลังงานน้อยกว่า RDIMM แบบ DRAM ทั่วไป

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    LPDDR6 อยู่ระหว่างการพัฒนา และอาจเปิดตัวในปี 2026
    SOCAMM 2 อาจแข่งขันกับ LPDDR6 ในตลาด AI และอุปกรณ์พกพา
    SOCAMM ถูกพัฒนาโดย Nvidia นอกกรอบ JEDEC ในรุ่นแรก
    การออกแบบ SOCAMM ใช้เทคนิค 3D packaging และ TSV เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    https://www.techradar.com/pro/nvidias-revolutionary-memory-format-for-ai-gpu-could-come-to-other-platforms
    🧠 “Nvidia รีเซ็ต SOCAMM 1 เปิดทาง SOCAMM 2 — เมื่อหน่วยความจำ AI กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ที่เร็วกว่า เสถียรกว่า และเปิดกว้างกว่าเดิม” หลังจากพยายามผลักดัน SOCAMM 1 มานานแต่ไม่สำเร็จ Nvidia ตัดสินใจ “รีเซ็ตเกม” และหันไปโฟกัสกับ SOCAMM 2 อย่างเต็มตัว โดย SOCAMM (Small Outline Compression Attached Memory Module) เป็นมาตรฐานหน่วยความจำใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ ด้วยจุดเด่นเรื่องความเร็วสูง ขนาดกะทัดรัด และใช้พลังงานต่ำ SOCAMM 1 เคยถูกวางแผนให้เปิดตัวภายในปี 2025 แต่เกิดปัญหาทางเทคนิคหลายครั้ง ทำให้ไม่สามารถผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้จริง แม้ Micron จะผ่านการรับรองจาก Nvidia แล้ว แต่การพึ่งพาผู้ผลิตรายเดียวก็สร้างความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน ทำให้ Nvidia ตัดสินใจยกเลิก SOCAMM 1 และเริ่มต้นใหม่กับ SOCAMM 2 SOCAMM 2 ยังคงใช้ฟอร์มแฟกเตอร์แบบถอดเปลี่ยนได้ มี 694 I/O ports เท่าเดิม แต่เพิ่มความเร็วการส่งข้อมูลจาก 8,533 MT/s เป็น 9,600 MT/s ซึ่งช่วยเพิ่มแบนด์วิดท์ของระบบจาก 14.3TB/s เป็น 16TB/s บนแพลตฟอร์ม Blackwell Ultra GB300 NVL72 ที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ระดับสูง ที่สำคัญ SOCAMM 2 ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในระบบของ Nvidia อีกต่อไป เพราะมีแนวโน้มว่าจะได้รับการสนับสนุนจาก JEDEC ซึ่งจะเปิดทางให้ผู้ผลิตรายอื่นนำไปใช้ในระบบของตัวเองได้ และอาจกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของหน่วยความจำสำหรับ AI ในอนาคต Samsung, SK Hynix และ Micron ต่างเริ่มเตรียมตัวผลิต SOCAMM 2 แล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตจำนวนมากได้ในต้นปี 2026 ซึ่งจะช่วยให้ราคาลดลงและซัพพลายมีเสถียรมากขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nvidia ยกเลิก SOCAMM 1 หลังเจอปัญหาทางเทคนิคหลายครั้ง ➡️ SOCAMM 2 เพิ่มความเร็วเป็น 9,600 MT/s จากเดิม 8,533 MT/s ➡️ แบนด์วิดท์ระบบเพิ่มจาก 14.3TB/s เป็น 16TB/s บนแพลตฟอร์ม Blackwell Ultra GB300 ➡️ SOCAMM 2 ยังใช้ฟอร์มแฟกเตอร์แบบถอดเปลี่ยนได้ และมี 694 I/O ports เท่าเดิม ✅ การเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ ➡️ SOCAMM 2 อาจได้รับการสนับสนุนจาก JEDEC ทำให้เปิดใช้งานในระบบอื่นได้ ➡️ Samsung, SK Hynix และ Micron เตรียมผลิต SOCAMM 2 ร่วมกัน ➡️ การมีผู้ผลิตหลายรายช่วยลดความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน ➡️ SOCAMM 2 ใช้พลังงานน้อยกว่า RDIMM แบบ DRAM ทั่วไป ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ LPDDR6 อยู่ระหว่างการพัฒนา และอาจเปิดตัวในปี 2026 ➡️ SOCAMM 2 อาจแข่งขันกับ LPDDR6 ในตลาด AI และอุปกรณ์พกพา ➡️ SOCAMM ถูกพัฒนาโดย Nvidia นอกกรอบ JEDEC ในรุ่นแรก ➡️ การออกแบบ SOCAMM ใช้เทคนิค 3D packaging และ TSV เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ https://www.techradar.com/pro/nvidias-revolutionary-memory-format-for-ai-gpu-could-come-to-other-platforms
    WWW.TECHRADAR.COM
    Forget SOCAMM 1 delays because Nvidia’s radical SOCAMM 2 design could rewrite how AI servers handle speed and efficiency
    Complete Reset: Samsung and SK Hynix are preparing SOCAMM 2 sample production alongside Micron
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • “PCIe 8.0 มาแน่ปี 2028 — แบนด์วิดท์ทะลุ 1 TB/s พร้อมเปิดฉากยุคใหม่ของการเชื่อมต่ออุปกรณ์ความเร็วสูง”

    PCI-SIG ได้ประกาศความคืบหน้าครั้งสำคัญของมาตรฐาน PCI Express รุ่นถัดไป โดย PCIe 8.0 จะสามารถส่งข้อมูลได้ถึง 256 GT/s ต่อทิศทาง ซึ่งเทียบเท่ากับแบนด์วิดท์รวมแบบ bidirectional สูงสุดถึง 1 TB/s เมื่อใช้สล็อตแบบ x16 เต็มรูปแบบ

    ขณะนี้สเปกเวอร์ชัน 0.3 ได้ถูกปล่อยให้สมาชิกองค์กรตรวจสอบแล้ว ถือเป็นก้าวแรกของการพัฒนาที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2028 โดย PCIe 8.0 จะยังคงใช้เทคนิคการส่งสัญญาณแบบ PAM4 เช่นเดียวกับ PCIe 6.0 และ 7.0 แต่เพิ่มอัตราบิตขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับ PCIe 7.0 และมากกว่าสี่เท่าเมื่อเทียบกับ PCIe 6.0

    นอกจากความเร็วแล้ว ทีมวิศวกรยังเน้นเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงโปรโตคอล และการออกแบบหัวเชื่อมต่อใหม่เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต โดยเฉพาะการเชื่อมต่อแบบออปติกที่กำลังถูกพิจารณาอย่างจริงจัง เพราะสามารถลดการใช้พลังงานและขยายระยะการเชื่อมต่อได้ แต่ยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและความเข้ากันได้ที่ต้องแก้ไขก่อนนำมาใช้จริง

    PCIe 8.0 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการแบนด์วิดท์สูงมาก เช่น AI/ML, Quantum Computing, Edge และระบบเครือข่ายความเร็วสูง โดยผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เริ่มวางแผนการออกแบบชิป สวิตช์ และระบบที่จะใช้ประโยชน์จากมาตรฐานใหม่นี้แล้ว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    PCIe 8.0 จะมีความเร็วสูงสุด 256 GT/s ต่อทิศทาง
    แบนด์วิดท์รวมแบบ bidirectional สูงสุดถึง 1 TB/s เมื่อใช้สล็อต x16
    สเปกเวอร์ชัน 0.3 ถูกปล่อยให้สมาชิกตรวจสอบแล้ว
    คาดว่าจะเปิดตัวเวอร์ชันเต็มในปี 2028

    เทคโนโลยีและการออกแบบ
    ใช้ PAM4 signaling เหมือน PCIe 6.0 และ 7.0 แต่เพิ่มอัตราบิตขึ้น 2 เท่า
    มีการพิจารณาใช้การเชื่อมต่อแบบออปติกเพื่อลดพลังงานและเพิ่มระยะ
    เน้นการปรับปรุงโปรโตคอลและประสิทธิภาพพลังงาน
    ออกแบบให้รองรับงาน AI, HPC, Edge, Quantum และเครือข่ายความเร็วสูง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    PCIe 7.0 เปิดตัวในปี 2025 และ PCIe 6.0 ยังอยู่ในช่วงเริ่มใช้งาน
    การเชื่อมต่อแบบออปติกอาจใช้หัวเชื่อมแบบ MPO/MTP และเทคนิค WDM
    การพัฒนา PCIe 8.0 จะส่งผลต่อเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ก่อนเข้าสู่ตลาดผู้ใช้ทั่วไป
    PCIe 8.0 x1 จะมีความเร็วเทียบเท่ากับ PCIe 5.0 x8 ซึ่งเหมาะกับอุปกรณ์ขนาดเล็ก

    https://www.techpowerup.com/341169/pci-sig-confirms-pcie-8-0-will-deliver-1-tb-s-bidirectional-bandwidth-first-spec-draft-now-available
    🚀 “PCIe 8.0 มาแน่ปี 2028 — แบนด์วิดท์ทะลุ 1 TB/s พร้อมเปิดฉากยุคใหม่ของการเชื่อมต่ออุปกรณ์ความเร็วสูง” PCI-SIG ได้ประกาศความคืบหน้าครั้งสำคัญของมาตรฐาน PCI Express รุ่นถัดไป โดย PCIe 8.0 จะสามารถส่งข้อมูลได้ถึง 256 GT/s ต่อทิศทาง ซึ่งเทียบเท่ากับแบนด์วิดท์รวมแบบ bidirectional สูงสุดถึง 1 TB/s เมื่อใช้สล็อตแบบ x16 เต็มรูปแบบ ขณะนี้สเปกเวอร์ชัน 0.3 ได้ถูกปล่อยให้สมาชิกองค์กรตรวจสอบแล้ว ถือเป็นก้าวแรกของการพัฒนาที่คาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2028 โดย PCIe 8.0 จะยังคงใช้เทคนิคการส่งสัญญาณแบบ PAM4 เช่นเดียวกับ PCIe 6.0 และ 7.0 แต่เพิ่มอัตราบิตขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับ PCIe 7.0 และมากกว่าสี่เท่าเมื่อเทียบกับ PCIe 6.0 นอกจากความเร็วแล้ว ทีมวิศวกรยังเน้นเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงโปรโตคอล และการออกแบบหัวเชื่อมต่อใหม่เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต โดยเฉพาะการเชื่อมต่อแบบออปติกที่กำลังถูกพิจารณาอย่างจริงจัง เพราะสามารถลดการใช้พลังงานและขยายระยะการเชื่อมต่อได้ แต่ยังมีข้อจำกัดด้านต้นทุนและความเข้ากันได้ที่ต้องแก้ไขก่อนนำมาใช้จริง PCIe 8.0 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการแบนด์วิดท์สูงมาก เช่น AI/ML, Quantum Computing, Edge และระบบเครือข่ายความเร็วสูง โดยผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เริ่มวางแผนการออกแบบชิป สวิตช์ และระบบที่จะใช้ประโยชน์จากมาตรฐานใหม่นี้แล้ว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ PCIe 8.0 จะมีความเร็วสูงสุด 256 GT/s ต่อทิศทาง ➡️ แบนด์วิดท์รวมแบบ bidirectional สูงสุดถึง 1 TB/s เมื่อใช้สล็อต x16 ➡️ สเปกเวอร์ชัน 0.3 ถูกปล่อยให้สมาชิกตรวจสอบแล้ว ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวเวอร์ชันเต็มในปี 2028 ✅ เทคโนโลยีและการออกแบบ ➡️ ใช้ PAM4 signaling เหมือน PCIe 6.0 และ 7.0 แต่เพิ่มอัตราบิตขึ้น 2 เท่า ➡️ มีการพิจารณาใช้การเชื่อมต่อแบบออปติกเพื่อลดพลังงานและเพิ่มระยะ ➡️ เน้นการปรับปรุงโปรโตคอลและประสิทธิภาพพลังงาน ➡️ ออกแบบให้รองรับงาน AI, HPC, Edge, Quantum และเครือข่ายความเร็วสูง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ PCIe 7.0 เปิดตัวในปี 2025 และ PCIe 6.0 ยังอยู่ในช่วงเริ่มใช้งาน ➡️ การเชื่อมต่อแบบออปติกอาจใช้หัวเชื่อมแบบ MPO/MTP และเทคนิค WDM ➡️ การพัฒนา PCIe 8.0 จะส่งผลต่อเซิร์ฟเวอร์และดาต้าเซ็นเตอร์ก่อนเข้าสู่ตลาดผู้ใช้ทั่วไป ➡️ PCIe 8.0 x1 จะมีความเร็วเทียบเท่ากับ PCIe 5.0 x8 ซึ่งเหมาะกับอุปกรณ์ขนาดเล็ก https://www.techpowerup.com/341169/pci-sig-confirms-pcie-8-0-will-deliver-1-tb-s-bidirectional-bandwidth-first-spec-draft-now-available
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    PCI-SIG Confirms PCIe 8.0 Will Deliver 1 TB/s Bidirectional Bandwidth, First Spec Draft Now Available
    PCI-SIG has announced a clear step forward for peripheral connectivity: PCIe 8.0 is being developed to run at 256 GT/s, which translates to about 512 GB/s in each direction and roughly 1 TB/s of simultaneous bidirectional bandwidth in a full x16 slot. Version 0.3 of the PCIe 8.0 specification has be...
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • “ASUS ปฏิวัติสล็อต PCIe — ส่งพลังงานได้ถึง 250W โดยไม่ต้องใช้สายเสริม พร้อมเปิดทางสู่ยุค GPU ไร้สาย”

    ตั้งแต่ PCIe ถือกำเนิดในช่วงต้นยุค 2000 สล็อตกราฟิกบนเมนบอร์ดสามารถจ่ายไฟได้สูงสุดเพียง 75W ซึ่งเพียงพอสำหรับการ์ดจอระดับเริ่มต้นเท่านั้น ส่วนการ์ดจอระดับกลางและสูงต้องพึ่งพาสายไฟเสริมจาก PSU เสมอ แต่ล่าสุด ASUS ได้เปิดตัวแนวคิดใหม่ที่อาจเปลี่ยนแปลงวงการพีซีไปตลอดกาล — สล็อต PCIe ที่สามารถจ่ายไฟได้สูงถึง 250W โดยไม่ต้องใช้สายเสริมเลย

    แนวคิดนี้ใช้การปรับแต่ง “gold finger” ด้านหน้าของสล็อต PCIe โดยรวมสายไฟ 12V จำนวน 5 เส้นเข้าด้วยกัน พร้อมเพิ่มความหนาและใช้วัสดุที่นำไฟฟ้าได้ดีขึ้น ทำให้สามารถรับกระแสไฟได้มากขึ้นอย่างปลอดภัย โดยมีการเสริมพลังงานผ่านหัวต่อ 8-pin PCIe บนเมนบอร์ด ซึ่งช่วยป้อนพลังงานเพิ่มเติมให้กับสล็อตโดยตรง

    ASUS ตั้งเป้าให้แนวคิดนี้รองรับการ์ดจอระดับกลาง เช่น RTX 5060 Ti หรือ Radeon RX 9060 XT ที่มีการใช้พลังงานระหว่าง 150–220W ซึ่งอยู่ในขอบเขตที่สล็อตใหม่สามารถรองรับได้โดยไม่ต้องใช้สายเสริม การ์ดจอเหล่านี้จะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพผ่านสล็อต PCIe เพียงอย่างเดียว

    แม้ ASUS จะมีมาตรฐาน GC-HPWR สำหรับการ์ดจอไร้สายอยู่แล้ว แต่แนวคิดใหม่นี้ถือเป็นทางเลือกที่ “ถูกกว่า” และ “ง่ายกว่า” เพราะไม่ต้องเพิ่มช่องเชื่อมต่อพิเศษภายในตัวการ์ดหรือเมนบอร์ด ทำให้เหมาะกับตลาดระดับกลางที่ต้องการความสะอาดในการจัดสายและลดต้นทุนการผลิต

    ที่สำคัญคือ การออกแบบใหม่นี้ยังคงความเข้ากันได้กับสล็อต PCIe แบบเดิม หากใช้การ์ดจอที่รองรับในเมนบอร์ดทั่วไป ก็จะกลับไปใช้การจ่ายไฟแบบเดิมได้ทันที แต่หากใช้กับเมนบอร์ดที่รองรับการจ่ายไฟ 250W ก็จะสามารถใช้งานแบบไร้สายได้เต็มรูปแบบ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ASUS พัฒนาแนวคิดสล็อต PCIe ที่สามารถจ่ายไฟได้ถึง 250W โดยไม่ต้องใช้สายเสริม
    ใช้การรวมสาย 12V จำนวน 5 เส้น พร้อมเพิ่มความหนาและวัสดุนำไฟฟ้า
    เสริมพลังงานผ่านหัวต่อ 8-pin PCIe บนเมนบอร์ด
    รองรับการ์ดจอระดับกลาง เช่น RTX 5060 Ti และ RX 9060 XT

    จุดเด่นของแนวคิด
    ไม่ต้องใช้สายไฟเสริม ทำให้เคสสะอาดและจัดสายง่ายขึ้น
    เหมาะกับตลาด mainstream ที่ต้องการลดต้นทุนและความซับซ้อน
    ยังคงความเข้ากันได้กับสล็อต PCIe แบบเดิม
    เป็นทางเลือกที่ถูกกว่า GC-HPWR สำหรับการ์ดจอไร้สาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    PCIe มาตรฐานเดิมจ่ายไฟได้เพียง 75W ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการ์ดจอส่วนใหญ่
    GC-HPWR ของ ASUS เคยใช้ใน RTX 4070 และเมนบอร์ด Z790 TUF Gaming
    MSI เคยใช้หัวต่อ 8-pin บนเมนบอร์ดเพื่อเสริมพลังงานเช่นกัน
    การออกแบบแบบนี้อาจนำไปสู่มาตรฐานใหม่ของ GPU ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-gives-us-the-pcie-finger-teases-new-concept-that-boosts-motherboard-gpu-slot-power-to-250w
    🔌 “ASUS ปฏิวัติสล็อต PCIe — ส่งพลังงานได้ถึง 250W โดยไม่ต้องใช้สายเสริม พร้อมเปิดทางสู่ยุค GPU ไร้สาย” ตั้งแต่ PCIe ถือกำเนิดในช่วงต้นยุค 2000 สล็อตกราฟิกบนเมนบอร์ดสามารถจ่ายไฟได้สูงสุดเพียง 75W ซึ่งเพียงพอสำหรับการ์ดจอระดับเริ่มต้นเท่านั้น ส่วนการ์ดจอระดับกลางและสูงต้องพึ่งพาสายไฟเสริมจาก PSU เสมอ แต่ล่าสุด ASUS ได้เปิดตัวแนวคิดใหม่ที่อาจเปลี่ยนแปลงวงการพีซีไปตลอดกาล — สล็อต PCIe ที่สามารถจ่ายไฟได้สูงถึง 250W โดยไม่ต้องใช้สายเสริมเลย แนวคิดนี้ใช้การปรับแต่ง “gold finger” ด้านหน้าของสล็อต PCIe โดยรวมสายไฟ 12V จำนวน 5 เส้นเข้าด้วยกัน พร้อมเพิ่มความหนาและใช้วัสดุที่นำไฟฟ้าได้ดีขึ้น ทำให้สามารถรับกระแสไฟได้มากขึ้นอย่างปลอดภัย โดยมีการเสริมพลังงานผ่านหัวต่อ 8-pin PCIe บนเมนบอร์ด ซึ่งช่วยป้อนพลังงานเพิ่มเติมให้กับสล็อตโดยตรง ASUS ตั้งเป้าให้แนวคิดนี้รองรับการ์ดจอระดับกลาง เช่น RTX 5060 Ti หรือ Radeon RX 9060 XT ที่มีการใช้พลังงานระหว่าง 150–220W ซึ่งอยู่ในขอบเขตที่สล็อตใหม่สามารถรองรับได้โดยไม่ต้องใช้สายเสริม การ์ดจอเหล่านี้จะสามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพผ่านสล็อต PCIe เพียงอย่างเดียว แม้ ASUS จะมีมาตรฐาน GC-HPWR สำหรับการ์ดจอไร้สายอยู่แล้ว แต่แนวคิดใหม่นี้ถือเป็นทางเลือกที่ “ถูกกว่า” และ “ง่ายกว่า” เพราะไม่ต้องเพิ่มช่องเชื่อมต่อพิเศษภายในตัวการ์ดหรือเมนบอร์ด ทำให้เหมาะกับตลาดระดับกลางที่ต้องการความสะอาดในการจัดสายและลดต้นทุนการผลิต ที่สำคัญคือ การออกแบบใหม่นี้ยังคงความเข้ากันได้กับสล็อต PCIe แบบเดิม หากใช้การ์ดจอที่รองรับในเมนบอร์ดทั่วไป ก็จะกลับไปใช้การจ่ายไฟแบบเดิมได้ทันที แต่หากใช้กับเมนบอร์ดที่รองรับการจ่ายไฟ 250W ก็จะสามารถใช้งานแบบไร้สายได้เต็มรูปแบบ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ASUS พัฒนาแนวคิดสล็อต PCIe ที่สามารถจ่ายไฟได้ถึง 250W โดยไม่ต้องใช้สายเสริม ➡️ ใช้การรวมสาย 12V จำนวน 5 เส้น พร้อมเพิ่มความหนาและวัสดุนำไฟฟ้า ➡️ เสริมพลังงานผ่านหัวต่อ 8-pin PCIe บนเมนบอร์ด ➡️ รองรับการ์ดจอระดับกลาง เช่น RTX 5060 Ti และ RX 9060 XT ✅ จุดเด่นของแนวคิด ➡️ ไม่ต้องใช้สายไฟเสริม ทำให้เคสสะอาดและจัดสายง่ายขึ้น ➡️ เหมาะกับตลาด mainstream ที่ต้องการลดต้นทุนและความซับซ้อน ➡️ ยังคงความเข้ากันได้กับสล็อต PCIe แบบเดิม ➡️ เป็นทางเลือกที่ถูกกว่า GC-HPWR สำหรับการ์ดจอไร้สาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ PCIe มาตรฐานเดิมจ่ายไฟได้เพียง 75W ซึ่งไม่เพียงพอสำหรับการ์ดจอส่วนใหญ่ ➡️ GC-HPWR ของ ASUS เคยใช้ใน RTX 4070 และเมนบอร์ด Z790 TUF Gaming ➡️ MSI เคยใช้หัวต่อ 8-pin บนเมนบอร์ดเพื่อเสริมพลังงานเช่นกัน ➡️ การออกแบบแบบนี้อาจนำไปสู่มาตรฐานใหม่ของ GPU ในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/asus-gives-us-the-pcie-finger-teases-new-concept-that-boosts-motherboard-gpu-slot-power-to-250w
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Asus gives us the PCIe finger — teases new concept that boosts motherboard GPU slot power to 250W
    This could be a cheaper way for Asus to make cableless graphics cards in the future.
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • “เซลล์เชื้อเพลิงเซรามิกพิมพ์สามมิติจาก DTU — เบา ทน และผลิตพลังงานได้มากกว่าหนึ่งวัตต์ต่อกรัม พร้อมพลิกโฉมอุตสาหกรรมการบิน”

    ทีมนักวิจัยจาก Technical University of Denmark (DTU) ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่อาจเปลี่ยนอนาคตของเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับการบิน ด้วยการพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ที่เรียกว่า “Monolithic Gyroidal Solid Oxide Cell” หรือ “The Monolith” ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติจากวัสดุเซรามิกทั้งหมด

    จุดเด่นของเซลล์เชื้อเพลิงนี้คือโครงสร้างแบบ “gyroid” ซึ่งเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่เรียกว่า triply periodic minimal surface (TPMS) มีคุณสมบัติด้านการกระจายความร้อนดีเยี่ยม พื้นที่ผิวสูง และน้ำหนักเบา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากโครงสร้างธรรมชาติ เช่น ปะการังและปีกผีเสื้อ

    ต่างจากเซลล์เชื้อเพลิงทั่วไปที่ใช้โลหะเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งคิดเป็นกว่า 75% ของน้ำหนักทั้งหมด เซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ของ DTU ใช้เซรามิกล้วน ทำให้เบากว่า ทนต่อการกัดกร่อน และสามารถผลิตพลังงานได้มากกว่า 1 วัตต์ต่อกรัม ซึ่งเป็นอัตราส่วนพลังงานต่อน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมการบิน

    นอกจากนี้ “The Monolith” ยังสามารถสลับโหมดการทำงานระหว่างการผลิตพลังงานและการเก็บพลังงาน (electrolysis mode) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในโหมด electrolysis สามารถผลิตไฮโดรเจนได้มากกว่ามาตรฐานถึง 10 เท่า

    การผลิตด้วยการพิมพ์สามมิติยังช่วยลดขั้นตอนการประกอบ ลดจำนวนชิ้นส่วน และเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมโครงสร้างภายใน ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง และสามารถปรับแต่งการออกแบบได้ตามความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    DTU พัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ชื่อ “Monolithic Gyroidal Solid Oxide Cell” หรือ “The Monolith”
    ใช้โครงสร้าง gyroid ซึ่งเป็น TPMS เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวและลดน้ำหนัก
    ผลิตจากเซรามิกทั้งหมด ไม่มีส่วนประกอบโลหะ
    ให้พลังงานมากกว่า 1 วัตต์ต่อกรัม ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมการบิน

    คุณสมบัติเด่นของเซลล์เชื้อเพลิง
    ทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 100°C และสลับโหมดการทำงานได้ระหว่างผลิตและเก็บพลังงาน
    โหมด electrolysis เพิ่มอัตราการผลิตไฮโดรเจนได้ถึง 10 เท่า
    โครงสร้าง gyroid ช่วยกระจายความร้อนและไหลเวียนก๊าซได้ดี
    การพิมพ์สามมิติช่วยลดขั้นตอนการผลิตและต้นทุน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    TPMS ถูกใช้ในงานวิศวกรรม เช่น heat exchanger และวัสดุโครงสร้างเบา
    เซลล์เชื้อเพลิงแบบ solid oxide (SOC) ถูกใช้ในโรงพยาบาล เรือ และระบบพลังงานหมุนเวียน
    การใช้เซรามิกแทนโลหะช่วยลดปัญหาการกัดกร่อนและเพิ่มอายุการใช้งาน
    DTU เป็นหนึ่งในสถาบันที่มีผลงานวิจัยด้านพลังงานสะอาดระดับแนวหน้าในยุโรป

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/researchers-3d-print-lightweight-ceramic-fuel-cell-suggests-alternative-power-source-for-the-aerospace-industry
    🔬 “เซลล์เชื้อเพลิงเซรามิกพิมพ์สามมิติจาก DTU — เบา ทน และผลิตพลังงานได้มากกว่าหนึ่งวัตต์ต่อกรัม พร้อมพลิกโฉมอุตสาหกรรมการบิน” ทีมนักวิจัยจาก Technical University of Denmark (DTU) ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่อาจเปลี่ยนอนาคตของเซลล์เชื้อเพลิงสำหรับการบิน ด้วยการพัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ที่เรียกว่า “Monolithic Gyroidal Solid Oxide Cell” หรือ “The Monolith” ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติจากวัสดุเซรามิกทั้งหมด จุดเด่นของเซลล์เชื้อเพลิงนี้คือโครงสร้างแบบ “gyroid” ซึ่งเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่เรียกว่า triply periodic minimal surface (TPMS) มีคุณสมบัติด้านการกระจายความร้อนดีเยี่ยม พื้นที่ผิวสูง และน้ำหนักเบา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากโครงสร้างธรรมชาติ เช่น ปะการังและปีกผีเสื้อ ต่างจากเซลล์เชื้อเพลิงทั่วไปที่ใช้โลหะเป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งคิดเป็นกว่า 75% ของน้ำหนักทั้งหมด เซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ของ DTU ใช้เซรามิกล้วน ทำให้เบากว่า ทนต่อการกัดกร่อน และสามารถผลิตพลังงานได้มากกว่า 1 วัตต์ต่อกรัม ซึ่งเป็นอัตราส่วนพลังงานต่อน้ำหนักที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมการบิน นอกจากนี้ “The Monolith” ยังสามารถสลับโหมดการทำงานระหว่างการผลิตพลังงานและการเก็บพลังงาน (electrolysis mode) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยในโหมด electrolysis สามารถผลิตไฮโดรเจนได้มากกว่ามาตรฐานถึง 10 เท่า การผลิตด้วยการพิมพ์สามมิติยังช่วยลดขั้นตอนการประกอบ ลดจำนวนชิ้นส่วน และเพิ่มความแม่นยำในการควบคุมโครงสร้างภายใน ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลง และสามารถปรับแต่งการออกแบบได้ตามความต้องการเฉพาะของแต่ละอุตสาหกรรม ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ DTU พัฒนาเซลล์เชื้อเพลิงแบบใหม่ชื่อ “Monolithic Gyroidal Solid Oxide Cell” หรือ “The Monolith” ➡️ ใช้โครงสร้าง gyroid ซึ่งเป็น TPMS เพื่อเพิ่มพื้นที่ผิวและลดน้ำหนัก ➡️ ผลิตจากเซรามิกทั้งหมด ไม่มีส่วนประกอบโลหะ ➡️ ให้พลังงานมากกว่า 1 วัตต์ต่อกรัม ซึ่งเหมาะกับการใช้งานในอุตสาหกรรมการบิน ✅ คุณสมบัติเด่นของเซลล์เชื้อเพลิง ➡️ ทนต่ออุณหภูมิสูงถึง 100°C และสลับโหมดการทำงานได้ระหว่างผลิตและเก็บพลังงาน ➡️ โหมด electrolysis เพิ่มอัตราการผลิตไฮโดรเจนได้ถึง 10 เท่า ➡️ โครงสร้าง gyroid ช่วยกระจายความร้อนและไหลเวียนก๊าซได้ดี ➡️ การพิมพ์สามมิติช่วยลดขั้นตอนการผลิตและต้นทุน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ TPMS ถูกใช้ในงานวิศวกรรม เช่น heat exchanger และวัสดุโครงสร้างเบา ➡️ เซลล์เชื้อเพลิงแบบ solid oxide (SOC) ถูกใช้ในโรงพยาบาล เรือ และระบบพลังงานหมุนเวียน ➡️ การใช้เซรามิกแทนโลหะช่วยลดปัญหาการกัดกร่อนและเพิ่มอายุการใช้งาน ➡️ DTU เป็นหนึ่งในสถาบันที่มีผลงานวิจัยด้านพลังงานสะอาดระดับแนวหน้าในยุโรป https://www.tomshardware.com/3d-printing/researchers-3d-print-lightweight-ceramic-fuel-cell-suggests-alternative-power-source-for-the-aerospace-industry
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • “Nvidia เร่งดัน HBM4 ความเร็ว 10Gbps รับมือ AMD MI450 — เมื่อสงครามแบนด์วิดท์กลายเป็นเดิมพันของ AI ยุคใหม่”

    ในปี 2025 Nvidia กำลังเดินเกมรุกเพื่อเตรียมรับมือกับการเปิดตัวแพลตฟอร์ม MI450 Helios ของ AMD ที่จะมาถึงในปี 2026 โดยเน้นไปที่การเพิ่มความเร็วของหน่วยความจำ HBM4 ให้สูงถึง 10Gbps ต่อพิน ซึ่งมากกว่ามาตรฐานของ JEDEC ที่กำหนดไว้ที่ 8Gbps

    หากสำเร็จ ความเร็วนี้จะทำให้แบนด์วิดท์ต่อ stack เพิ่มจาก 2TB/s เป็น 2.56TB/s และเมื่อใช้ 6 stack ต่อ GPU จะได้แบนด์วิดท์รวมถึง 15TB/s ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งสำหรับงาน AI inference ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม Rubin CPX ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผลระดับ petabyte ต่อวินาที

    อย่างไรก็ตาม การผลักดันความเร็วนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยิ่งเร็วก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้น มีข้อจำกัดด้าน timing และความเสถียรของ base die ซึ่งทำให้ Nvidia อาจต้องแบ่งรุ่น Rubin ออกเป็นหลายระดับ โดยใช้ HBM4 ที่เร็วที่สุดเฉพาะในรุ่น CPX และใช้รุ่นมาตรฐานในรุ่นทั่วไป

    ในด้านซัพพลายเออร์ SK hynix ยังคงเป็นผู้ผลิตหลักของ HBM4 ให้ Nvidia แต่ Samsung กำลังเร่งพัฒนา base die ด้วยเทคโนโลยี 4nm FinFET ซึ่งอาจให้ความเร็วสูงกว่าและใช้พลังงานน้อยลง ส่วน Micron ก็เริ่มส่งตัวอย่าง HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์เกิน 2TB/s แต่ยังไม่ยืนยันว่าจะถึง 10Gbps หรือไม่

    ฝั่ง AMD ก็ไม่น้อยหน้า โดย MI450 จะใช้ HBM4 สูงสุดถึง 432GB ต่อ GPU ซึ่งเน้นความจุมากกว่าแบนด์วิดท์ และมาพร้อมสถาปัตยกรรม CDNA 4 ที่ออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Rubin โดยตรงในงาน inference

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nvidia กำลังผลักดัน HBM4 ให้เร็วถึง 10Gbps ต่อพิน เพื่อใช้ในแพลตฟอร์ม Rubin
    ความเร็วนี้จะให้แบนด์วิดท์สูงถึง 15TB/s ต่อ GPU เมื่อใช้ 6 stack
    Rubin CPX มีเป้าหมายแบนด์วิดท์รวม 1.7PB/s ต่อ rack
    SK hynix เป็นผู้ผลิตหลักของ HBM4 ให้ Nvidia ในช่วงแรกของการผลิต

    การแข่งขันและกลยุทธ์
    Samsung พัฒนา base die ด้วยเทคโนโลยี 4nm FinFET เพื่อเพิ่มความเร็วและลดพลังงาน
    Micron ส่งตัวอย่าง HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์เกิน 2TB/s แต่ยังไม่ยืนยันความเร็ว 10Gbps
    AMD MI450 ใช้ HBM4 สูงสุด 432GB ต่อ GPU เน้นความจุมากกว่าแบนด์วิดท์
    CDNA 4 ของ AMD ออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Rubin ในงาน inference โดยเฉพาะ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    JEDEC กำหนดมาตรฐาน HBM4 ที่ 8Gbps ต่อพิน
    การเพิ่มความเร็ว I/O ส่งผลต่อพลังงาน ความร้อน และ yield ของการผลิต
    Nvidia อาจแบ่งรุ่น Rubin ตามระดับความเร็วของ HBM4 เพื่อควบคุมต้นทุนและความเสถียร
    การรับรองซัพพลายเออร์แบบแบ่งเฟสช่วยให้ Nvidia ขยายการผลิตได้อย่างยืดหยุ่น

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-wants-10gbps-hbm4-to-rival-amd-mi450
    ⚡ “Nvidia เร่งดัน HBM4 ความเร็ว 10Gbps รับมือ AMD MI450 — เมื่อสงครามแบนด์วิดท์กลายเป็นเดิมพันของ AI ยุคใหม่” ในปี 2025 Nvidia กำลังเดินเกมรุกเพื่อเตรียมรับมือกับการเปิดตัวแพลตฟอร์ม MI450 Helios ของ AMD ที่จะมาถึงในปี 2026 โดยเน้นไปที่การเพิ่มความเร็วของหน่วยความจำ HBM4 ให้สูงถึง 10Gbps ต่อพิน ซึ่งมากกว่ามาตรฐานของ JEDEC ที่กำหนดไว้ที่ 8Gbps หากสำเร็จ ความเร็วนี้จะทำให้แบนด์วิดท์ต่อ stack เพิ่มจาก 2TB/s เป็น 2.56TB/s และเมื่อใช้ 6 stack ต่อ GPU จะได้แบนด์วิดท์รวมถึง 15TB/s ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งสำหรับงาน AI inference ขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในแพลตฟอร์ม Rubin CPX ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผลระดับ petabyte ต่อวินาที อย่างไรก็ตาม การผลักดันความเร็วนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะยิ่งเร็วก็ยิ่งต้องใช้พลังงานมากขึ้น มีข้อจำกัดด้าน timing และความเสถียรของ base die ซึ่งทำให้ Nvidia อาจต้องแบ่งรุ่น Rubin ออกเป็นหลายระดับ โดยใช้ HBM4 ที่เร็วที่สุดเฉพาะในรุ่น CPX และใช้รุ่นมาตรฐานในรุ่นทั่วไป ในด้านซัพพลายเออร์ SK hynix ยังคงเป็นผู้ผลิตหลักของ HBM4 ให้ Nvidia แต่ Samsung กำลังเร่งพัฒนา base die ด้วยเทคโนโลยี 4nm FinFET ซึ่งอาจให้ความเร็วสูงกว่าและใช้พลังงานน้อยลง ส่วน Micron ก็เริ่มส่งตัวอย่าง HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์เกิน 2TB/s แต่ยังไม่ยืนยันว่าจะถึง 10Gbps หรือไม่ ฝั่ง AMD ก็ไม่น้อยหน้า โดย MI450 จะใช้ HBM4 สูงสุดถึง 432GB ต่อ GPU ซึ่งเน้นความจุมากกว่าแบนด์วิดท์ และมาพร้อมสถาปัตยกรรม CDNA 4 ที่ออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Rubin โดยตรงในงาน inference ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nvidia กำลังผลักดัน HBM4 ให้เร็วถึง 10Gbps ต่อพิน เพื่อใช้ในแพลตฟอร์ม Rubin ➡️ ความเร็วนี้จะให้แบนด์วิดท์สูงถึง 15TB/s ต่อ GPU เมื่อใช้ 6 stack ➡️ Rubin CPX มีเป้าหมายแบนด์วิดท์รวม 1.7PB/s ต่อ rack ➡️ SK hynix เป็นผู้ผลิตหลักของ HBM4 ให้ Nvidia ในช่วงแรกของการผลิต ✅ การแข่งขันและกลยุทธ์ ➡️ Samsung พัฒนา base die ด้วยเทคโนโลยี 4nm FinFET เพื่อเพิ่มความเร็วและลดพลังงาน ➡️ Micron ส่งตัวอย่าง HBM4 ที่มีแบนด์วิดท์เกิน 2TB/s แต่ยังไม่ยืนยันความเร็ว 10Gbps ➡️ AMD MI450 ใช้ HBM4 สูงสุด 432GB ต่อ GPU เน้นความจุมากกว่าแบนด์วิดท์ ➡️ CDNA 4 ของ AMD ออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ Rubin ในงาน inference โดยเฉพาะ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ JEDEC กำหนดมาตรฐาน HBM4 ที่ 8Gbps ต่อพิน ➡️ การเพิ่มความเร็ว I/O ส่งผลต่อพลังงาน ความร้อน และ yield ของการผลิต ➡️ Nvidia อาจแบ่งรุ่น Rubin ตามระดับความเร็วของ HBM4 เพื่อควบคุมต้นทุนและความเสถียร ➡️ การรับรองซัพพลายเออร์แบบแบ่งเฟสช่วยให้ Nvidia ขยายการผลิตได้อย่างยืดหยุ่น https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-wants-10gbps-hbm4-to-rival-amd-mi450
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Nvidia wants 10Gbps HBM4 to blunt AMD’s MI450, report claims — company said to be pushing suppliers for more bandwidth
    Nvidia’s Rubin platform bets big on 10Gb/s HBM4, but speed brings supply risk, and AMD’s MI450 is around the corner.
    0 Comments 0 Shares 18 Views 0 Reviews
  • “ช่องโหว่ Firebox CVE-2025-9242 คะแนน 9.3 — เมื่อไฟร์วอลล์กลายเป็นประตูหลังให้แฮกเกอร์”

    WatchGuard ได้ออกประกาศแจ้งเตือนความปลอดภัยระดับวิกฤตเกี่ยวกับช่องโหว่ใหม่ในอุปกรณ์ไฟร์วอลล์รุ่น Firebox ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ Fireware OS โดยช่องโหว่นี้มีรหัส CVE-2025-9242 และได้รับคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 จาก 10 ตามมาตรฐาน CVSS

    ช่องโหว่นี้เป็นประเภท “out-of-bounds write” ซึ่งหมายถึงการเขียนข้อมูลลงในหน่วยความจำที่ไม่ควรเข้าถึง ส่งผลให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายบนอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้อยู่ในกระบวนการ iked ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ VPN แบบ IKEv2 ที่ใช้สร้างการเชื่อมต่อแบบปลอดภัยระหว่างเครือข่าย

    สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้ผู้ใช้จะลบการตั้งค่า VPN แบบ IKEv2 ไปแล้ว อุปกรณ์ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตี หากยังมีการตั้งค่า VPN แบบ branch office ที่ใช้ static gateway peer อยู่ โดยช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ Fireware OS เวอร์ชัน 11.10.2 ถึง 11.12.4_Update1, 12.0 ถึง 12.11.3 และ 2025.1 รวมถึงอุปกรณ์ในซีรีส์ T, M และ Firebox Cloud

    WatchGuard ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 12.3.1_Update3, 12.5.13, 12.11.4 และ 2025.1.1 พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบเวอร์ชันของอุปกรณ์และอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ในทันที ควรใช้วิธีชั่วคราว เช่น ปิดการใช้งาน dynamic peer VPN และตั้งนโยบายไฟร์วอลล์ใหม่เพื่อจำกัดการเข้าถึง

    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหลายคนออกมาเตือนว่า ช่องโหว่ในไฟร์วอลล์ถือเป็น “ชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์” ของแฮกเกอร์ เพราะมันคือจุดเข้าเครือข่ายที่สำคัญที่สุด และมักถูกโจมตีภายในไม่กี่วันหลังจากมีการเปิดเผยช่องโหว่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-9242 เป็นประเภท out-of-bounds write ในกระบวนการ iked ของ Fireware OS
    ได้รับคะแนนความรุนแรง 9.3 จาก 10 ตามมาตรฐาน CVSS
    ส่งผลกระทบต่อ Fireware OS เวอร์ชัน 11.10.2–11.12.4_Update1, 12.0–12.11.3 และ 2025.1
    อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบรวมถึง Firebox T15, T35 และรุ่นอื่น ๆ ในซีรีส์ T, M และ Cloud

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    WatchGuard ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 12.3.1_Update3, 12.5.13, 12.11.4 และ 2025.1.1
    แนะนำให้อัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีจากระยะไกล
    หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ให้ปิด dynamic peer VPN และตั้งนโยบายไฟร์วอลล์ใหม่
    WatchGuard ยกย่องนักวิจัย “btaol” ที่ค้นพบช่องโหว่นี้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ช่องโหว่ใน VPN gateway มักถูกโจมตีภายในไม่กี่วันหลังการเปิดเผย
    การโจมตีไฟร์วอลล์สามารถนำไปสู่การเคลื่อนย้ายภายในเครือข่ายและติดตั้ง ransomware
    การตั้งค่า VPN ที่ลบไปแล้วอาจยังทิ้งช่องโหว่ไว้ หากมีการตั้งค่าอื่นที่เกี่ยวข้อง
    การใช้แนวทาง Zero Trust และการแบ่งเครือข่ายช่วยลดความเสียหายหากถูกเจาะ

    https://hackread.com/watchguard-fix-for-firebox-firewall-vulnerability/
    🧱 “ช่องโหว่ Firebox CVE-2025-9242 คะแนน 9.3 — เมื่อไฟร์วอลล์กลายเป็นประตูหลังให้แฮกเกอร์” WatchGuard ได้ออกประกาศแจ้งเตือนความปลอดภัยระดับวิกฤตเกี่ยวกับช่องโหว่ใหม่ในอุปกรณ์ไฟร์วอลล์รุ่น Firebox ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการ Fireware OS โดยช่องโหว่นี้มีรหัส CVE-2025-9242 และได้รับคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 จาก 10 ตามมาตรฐาน CVSS ช่องโหว่นี้เป็นประเภท “out-of-bounds write” ซึ่งหมายถึงการเขียนข้อมูลลงในหน่วยความจำที่ไม่ควรเข้าถึง ส่งผลให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดอันตรายบนอุปกรณ์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้อยู่ในกระบวนการ iked ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ VPN แบบ IKEv2 ที่ใช้สร้างการเชื่อมต่อแบบปลอดภัยระหว่างเครือข่าย สิ่งที่น่ากังวลคือ แม้ผู้ใช้จะลบการตั้งค่า VPN แบบ IKEv2 ไปแล้ว อุปกรณ์ก็ยังเสี่ยงต่อการถูกโจมตี หากยังมีการตั้งค่า VPN แบบ branch office ที่ใช้ static gateway peer อยู่ โดยช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ Fireware OS เวอร์ชัน 11.10.2 ถึง 11.12.4_Update1, 12.0 ถึง 12.11.3 และ 2025.1 รวมถึงอุปกรณ์ในซีรีส์ T, M และ Firebox Cloud WatchGuard ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 12.3.1_Update3, 12.5.13, 12.11.4 และ 2025.1.1 พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบเวอร์ชันของอุปกรณ์และอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ในทันที ควรใช้วิธีชั่วคราว เช่น ปิดการใช้งาน dynamic peer VPN และตั้งนโยบายไฟร์วอลล์ใหม่เพื่อจำกัดการเข้าถึง ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยหลายคนออกมาเตือนว่า ช่องโหว่ในไฟร์วอลล์ถือเป็น “ชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์” ของแฮกเกอร์ เพราะมันคือจุดเข้าเครือข่ายที่สำคัญที่สุด และมักถูกโจมตีภายในไม่กี่วันหลังจากมีการเปิดเผยช่องโหว่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-9242 เป็นประเภท out-of-bounds write ในกระบวนการ iked ของ Fireware OS ➡️ ได้รับคะแนนความรุนแรง 9.3 จาก 10 ตามมาตรฐาน CVSS ➡️ ส่งผลกระทบต่อ Fireware OS เวอร์ชัน 11.10.2–11.12.4_Update1, 12.0–12.11.3 และ 2025.1 ➡️ อุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบรวมถึง Firebox T15, T35 และรุ่นอื่น ๆ ในซีรีส์ T, M และ Cloud ✅ การแก้ไขและคำแนะนำ ➡️ WatchGuard ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 12.3.1_Update3, 12.5.13, 12.11.4 และ 2025.1.1 ➡️ แนะนำให้อัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีจากระยะไกล ➡️ หากยังไม่สามารถอัปเดตได้ ให้ปิด dynamic peer VPN และตั้งนโยบายไฟร์วอลล์ใหม่ ➡️ WatchGuard ยกย่องนักวิจัย “btaol” ที่ค้นพบช่องโหว่นี้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ช่องโหว่ใน VPN gateway มักถูกโจมตีภายในไม่กี่วันหลังการเปิดเผย ➡️ การโจมตีไฟร์วอลล์สามารถนำไปสู่การเคลื่อนย้ายภายในเครือข่ายและติดตั้ง ransomware ➡️ การตั้งค่า VPN ที่ลบไปแล้วอาจยังทิ้งช่องโหว่ไว้ หากมีการตั้งค่าอื่นที่เกี่ยวข้อง ➡️ การใช้แนวทาง Zero Trust และการแบ่งเครือข่ายช่วยลดความเสียหายหากถูกเจาะ https://hackread.com/watchguard-fix-for-firebox-firewall-vulnerability/
    HACKREAD.COM
    WatchGuard Issues Fix for 9.3-Rated Firebox Firewall Vulnerability
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • “แผนที่โลกกลับหัว: Robert Simmon ท้าทายความเคยชิน — เมื่อ ‘ใต้’ ขึ้นมาอยู่บนสุด โลกก็เปลี่ยนไป”

    ถ้าคุณหลับตาแล้วนึกถึงแผนที่โลก ภาพที่ปรากฏในหัวน่าจะเป็นแบบที่เราคุ้นเคย: อเมริกาเหนือและยุโรปอยู่ด้านบน แอฟริกาอยู่ตรงกลาง และออสเตรเลียกับแอนตาร์กติกาอยู่ด้านล่าง แต่ Robert Simmon นักทำแผนที่ผู้เคยร่วมงานกับ NASA Earth Observatory และ Planet Labs ได้ตั้งคำถามว่า “ทำไมต้องเป็นแบบนั้น?” และเขาได้ตอบด้วยการสร้างแผนที่โลกแบบ “south-up” หรือ “ใต้ขึ้นบน” ที่พลิกทุกอย่างกลับหัว

    แผนที่ของ Simmon ยังคงถูกต้องทางภูมิศาสตร์ทุกประการ มีประเทศ ทะเลสาบ เมือง และถนนครบถ้วน พร้อมแผนที่ย่อยแสดงชีวนิเวศของโลก การใช้ที่ดิน และความลึกของมหาสมุทร แต่เมื่อมองด้วยทิศใต้เป็นด้านบน ทุกอย่างดูแปลกตาและชวนให้ตั้งคำถามว่า “ทำไมเราถึงยึดติดกับการวางทิศเหนือไว้ด้านบน?”

    ความจริงคือ แผนที่ในอดีตไม่ได้มีทิศเหนืออยู่ด้านบนเสมอไป ในยุคจีนโบราณ เช่น สมัยราชวงศ์ฮั่นและถัง นักเดินเรือใช้เข็มแม่เหล็กที่ชี้ไปทางใต้เป็นหลัก และแผนที่จำนวนมากในยุโรปยุคกลางก็มีทิศตะวันออกหรือใต้เป็นด้านบน การที่ทิศเหนือกลายเป็นมาตรฐานเกิดจากอิทธิพลของ Ptolemy ซึ่งเป็นผู้กำหนดเส้นละติจูดและลองจิจูด ทำให้แผนที่ที่ตามมารับเอาทิศเหนือไว้ด้านบนโดยอัตโนมัติ

    นอกจากนี้ยังมีมิติทางจิตวิทยา: เรามักมองว่าสิ่งที่อยู่ด้านบนคือ “ดี” และสิ่งที่อยู่ด้านล่างคือ “แย่” ซึ่งส่งผลต่อการรับรู้ทางภูมิศาสตร์ เช่น การมองว่าประเทศทางเหนือมีสถานะสูงกว่าโดยไม่รู้ตัว การเปลี่ยนแผนที่ให้ใต้ขึ้นบนจึงไม่ใช่แค่การกลับหัวภาพ — แต่เป็นการกลับหัวความคิด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Robert Simmon สร้างแผนที่โลกแบบ south-up เพื่อท้าทายความเคยชิน
    แผนที่มีข้อมูลครบถ้วน เช่น ประเทศ เมือง ถนน มหาสมุทร และแผนที่ย่อย
    การวางทิศใต้ไว้ด้านบนทำให้ผู้ดูรู้สึกแปลกตาและตั้งคำถามกับมาตรฐานเดิม
    แผนที่นี้ถูกส่งเข้าร่วมโครงการ Maps.com เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ

    ประวัติศาสตร์และหลักการ
    ในอดีตแผนที่มีทิศใต้หรือทิศตะวันออกเป็นด้านบน ไม่ใช่ทิศเหนือเสมอไป
    นักเดินเรือจีนโบราณใช้เข็มแม่เหล็กที่ชี้ไปทางใต้เป็นหลัก
    Ptolemy เป็นผู้กำหนดระบบละติจูด–ลองจิจูด ทำให้ทิศเหนือกลายเป็นมาตรฐาน
    การวางทิศบนแผนที่มีผลต่อการรับรู้ทางจิตวิทยาและสังคม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การใช้แผนที่ south-up ถูกนำไปใช้ในห้องเรียนเพื่อกระตุ้นการคิดเชิงวิพากษ์
    นักวิจัยพบว่าเมื่อใช้แผนที่แบบ south-up อคติทางภูมิศาสตร์ลดลง
    ภาษาอังกฤษมีคำพูดที่สะท้อนอคติ เช่น “up north” กับ “down south”
    แผนที่แบบกลับหัวเคยถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองในศตวรรษที่ 20

    https://www.maps.com/this-map-is-not-upside-down/
    🗺️ “แผนที่โลกกลับหัว: Robert Simmon ท้าทายความเคยชิน — เมื่อ ‘ใต้’ ขึ้นมาอยู่บนสุด โลกก็เปลี่ยนไป” ถ้าคุณหลับตาแล้วนึกถึงแผนที่โลก ภาพที่ปรากฏในหัวน่าจะเป็นแบบที่เราคุ้นเคย: อเมริกาเหนือและยุโรปอยู่ด้านบน แอฟริกาอยู่ตรงกลาง และออสเตรเลียกับแอนตาร์กติกาอยู่ด้านล่าง แต่ Robert Simmon นักทำแผนที่ผู้เคยร่วมงานกับ NASA Earth Observatory และ Planet Labs ได้ตั้งคำถามว่า “ทำไมต้องเป็นแบบนั้น?” และเขาได้ตอบด้วยการสร้างแผนที่โลกแบบ “south-up” หรือ “ใต้ขึ้นบน” ที่พลิกทุกอย่างกลับหัว แผนที่ของ Simmon ยังคงถูกต้องทางภูมิศาสตร์ทุกประการ มีประเทศ ทะเลสาบ เมือง และถนนครบถ้วน พร้อมแผนที่ย่อยแสดงชีวนิเวศของโลก การใช้ที่ดิน และความลึกของมหาสมุทร แต่เมื่อมองด้วยทิศใต้เป็นด้านบน ทุกอย่างดูแปลกตาและชวนให้ตั้งคำถามว่า “ทำไมเราถึงยึดติดกับการวางทิศเหนือไว้ด้านบน?” ความจริงคือ แผนที่ในอดีตไม่ได้มีทิศเหนืออยู่ด้านบนเสมอไป ในยุคจีนโบราณ เช่น สมัยราชวงศ์ฮั่นและถัง นักเดินเรือใช้เข็มแม่เหล็กที่ชี้ไปทางใต้เป็นหลัก และแผนที่จำนวนมากในยุโรปยุคกลางก็มีทิศตะวันออกหรือใต้เป็นด้านบน การที่ทิศเหนือกลายเป็นมาตรฐานเกิดจากอิทธิพลของ Ptolemy ซึ่งเป็นผู้กำหนดเส้นละติจูดและลองจิจูด ทำให้แผนที่ที่ตามมารับเอาทิศเหนือไว้ด้านบนโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมีมิติทางจิตวิทยา: เรามักมองว่าสิ่งที่อยู่ด้านบนคือ “ดี” และสิ่งที่อยู่ด้านล่างคือ “แย่” ซึ่งส่งผลต่อการรับรู้ทางภูมิศาสตร์ เช่น การมองว่าประเทศทางเหนือมีสถานะสูงกว่าโดยไม่รู้ตัว การเปลี่ยนแผนที่ให้ใต้ขึ้นบนจึงไม่ใช่แค่การกลับหัวภาพ — แต่เป็นการกลับหัวความคิด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Robert Simmon สร้างแผนที่โลกแบบ south-up เพื่อท้าทายความเคยชิน ➡️ แผนที่มีข้อมูลครบถ้วน เช่น ประเทศ เมือง ถนน มหาสมุทร และแผนที่ย่อย ➡️ การวางทิศใต้ไว้ด้านบนทำให้ผู้ดูรู้สึกแปลกตาและตั้งคำถามกับมาตรฐานเดิม ➡️ แผนที่นี้ถูกส่งเข้าร่วมโครงการ Maps.com เพื่อเผยแพร่สู่สาธารณะ ✅ ประวัติศาสตร์และหลักการ ➡️ ในอดีตแผนที่มีทิศใต้หรือทิศตะวันออกเป็นด้านบน ไม่ใช่ทิศเหนือเสมอไป ➡️ นักเดินเรือจีนโบราณใช้เข็มแม่เหล็กที่ชี้ไปทางใต้เป็นหลัก ➡️ Ptolemy เป็นผู้กำหนดระบบละติจูด–ลองจิจูด ทำให้ทิศเหนือกลายเป็นมาตรฐาน ➡️ การวางทิศบนแผนที่มีผลต่อการรับรู้ทางจิตวิทยาและสังคม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การใช้แผนที่ south-up ถูกนำไปใช้ในห้องเรียนเพื่อกระตุ้นการคิดเชิงวิพากษ์ ➡️ นักวิจัยพบว่าเมื่อใช้แผนที่แบบ south-up อคติทางภูมิศาสตร์ลดลง ➡️ ภาษาอังกฤษมีคำพูดที่สะท้อนอคติ เช่น “up north” กับ “down south” ➡️ แผนที่แบบกลับหัวเคยถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ทางการเมืองในศตวรรษที่ 20 https://www.maps.com/this-map-is-not-upside-down/
    WWW.MAPS.COM
    This Map Is Not Upside Down
    While conventional and commonplace today, maps have not always had north at the top. And they don't need to.
    0 Comments 0 Shares 10 Views 0 Reviews
  • “Learn Your Way: Google ปฏิวัติหนังสือเรียนด้วย AI — เปลี่ยนเนื้อหาคงที่ให้กลายเป็นประสบการณ์เรียนรู้เฉพาะตัว”

    Google Research เปิดตัวโครงการ “Learn Your Way” ซึ่งเป็นการทดลองใช้ Generative AI เพื่อเปลี่ยนหนังสือเรียนแบบเดิมให้กลายเป็นสื่อการเรียนรู้ที่ปรับแต่งได้ตามผู้เรียนแต่ละคน โดยใช้โมเดล LearnLM ที่ฝังหลักการด้านการเรียนรู้ไว้โดยตรง และผสานเข้ากับ Gemini 2.5 Pro เพื่อสร้างเนื้อหาหลากหลายรูปแบบจากต้นฉบับเดียวกัน เช่น แผนภาพความคิด, สไลด์พร้อมเสียงบรรยาย, บทเรียนเสียง, แบบทดสอบ และข้อความเชิงโต้ตอบ

    แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนหลักการ “dual coding theory” ที่ระบุว่าการเชื่อมโยงข้อมูลในหลายรูปแบบจะช่วยสร้างโครงสร้างความเข้าใจที่แข็งแรงขึ้นในสมอง โดย Learn Your Way ให้ผู้เรียนเลือกระดับชั้นและความสนใจ เช่น กีฬา ดนตรี หรืออาหาร จากนั้นระบบจะปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับระดับความเข้าใจ พร้อมแทนตัวอย่างทั่วไปด้วยสิ่งที่ผู้เรียนสนใจ

    ผลการทดลองกับนักเรียน 60 คนในชิคาโกพบว่า กลุ่มที่ใช้ Learn Your Way มีคะแนนการจดจำเนื้อหาในระยะยาวสูงกว่ากลุ่มที่ใช้ PDF ปกติถึง 11% และ 93% ของผู้เรียนกล่าวว่าต้องการใช้เครื่องมือนี้ในการเรียนครั้งต่อไป

    Google ยังพัฒนาโมเดลเฉพาะสำหรับสร้างภาพประกอบการเรียนรู้ เนื่องจากโมเดลภาพทั่วไปยังไม่สามารถสร้างภาพที่มีคุณภาพทางการศึกษาได้อย่างแม่นยำ โดยใช้กระบวนการหลายขั้นตอนร่วมกับ AI agent เฉพาะทาง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Learn Your Way เป็นโครงการทดลองจาก Google ที่ใช้ GenAI ปรับเนื้อหาหนังสือเรียนให้เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน
    ใช้โมเดล LearnLM ผสานกับ Gemini 2.5 Pro เพื่อสร้างเนื้อหาหลากหลายรูปแบบ
    ผู้เรียนสามารถเลือกระดับชั้นและความสนใจเพื่อให้ระบบปรับเนื้อหาให้ตรงกับตน
    ผลการทดลองพบว่าผู้ใช้ Learn Your Way มีคะแนนจดจำเนื้อหาสูงกว่ากลุ่มควบคุมถึง 11%

    รูปแบบเนื้อหาที่สร้างได้
    ข้อความเชิงโต้ตอบพร้อมภาพและคำถามฝังในเนื้อหา
    แบบทดสอบรายบทเพื่อประเมินความเข้าใจแบบเรียลไทม์
    สไลด์พร้อมเสียงบรรยายและกิจกรรมเติมคำ
    บทเรียนเสียงจำลองบทสนทนาระหว่างครูและนักเรียน
    แผนภาพความคิดที่สามารถขยายและย่อเพื่อดูภาพรวมและรายละเอียด

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    หลักการ dual coding theory ถูกใช้ในงานวิจัยด้านการเรียนรู้มานานกว่า 40 ปี
    OpenStax เป็นผู้ให้เนื้อหาต้นฉบับสำหรับการทดลอง Learn Your Way
    การปรับเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้
    การใช้ AI เพื่อสร้างเนื้อหาเฉพาะบุคคลเริ่มเป็นมาตรฐานใน K-12 ทั่วโลก

    https://research.google/blog/learn-your-way-reimagining-textbooks-with-generative-ai/
    📚 “Learn Your Way: Google ปฏิวัติหนังสือเรียนด้วย AI — เปลี่ยนเนื้อหาคงที่ให้กลายเป็นประสบการณ์เรียนรู้เฉพาะตัว” Google Research เปิดตัวโครงการ “Learn Your Way” ซึ่งเป็นการทดลองใช้ Generative AI เพื่อเปลี่ยนหนังสือเรียนแบบเดิมให้กลายเป็นสื่อการเรียนรู้ที่ปรับแต่งได้ตามผู้เรียนแต่ละคน โดยใช้โมเดล LearnLM ที่ฝังหลักการด้านการเรียนรู้ไว้โดยตรง และผสานเข้ากับ Gemini 2.5 Pro เพื่อสร้างเนื้อหาหลากหลายรูปแบบจากต้นฉบับเดียวกัน เช่น แผนภาพความคิด, สไลด์พร้อมเสียงบรรยาย, บทเรียนเสียง, แบบทดสอบ และข้อความเชิงโต้ตอบ แนวคิดนี้ตั้งอยู่บนหลักการ “dual coding theory” ที่ระบุว่าการเชื่อมโยงข้อมูลในหลายรูปแบบจะช่วยสร้างโครงสร้างความเข้าใจที่แข็งแรงขึ้นในสมอง โดย Learn Your Way ให้ผู้เรียนเลือกระดับชั้นและความสนใจ เช่น กีฬา ดนตรี หรืออาหาร จากนั้นระบบจะปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับระดับความเข้าใจ พร้อมแทนตัวอย่างทั่วไปด้วยสิ่งที่ผู้เรียนสนใจ ผลการทดลองกับนักเรียน 60 คนในชิคาโกพบว่า กลุ่มที่ใช้ Learn Your Way มีคะแนนการจดจำเนื้อหาในระยะยาวสูงกว่ากลุ่มที่ใช้ PDF ปกติถึง 11% และ 93% ของผู้เรียนกล่าวว่าต้องการใช้เครื่องมือนี้ในการเรียนครั้งต่อไป Google ยังพัฒนาโมเดลเฉพาะสำหรับสร้างภาพประกอบการเรียนรู้ เนื่องจากโมเดลภาพทั่วไปยังไม่สามารถสร้างภาพที่มีคุณภาพทางการศึกษาได้อย่างแม่นยำ โดยใช้กระบวนการหลายขั้นตอนร่วมกับ AI agent เฉพาะทาง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Learn Your Way เป็นโครงการทดลองจาก Google ที่ใช้ GenAI ปรับเนื้อหาหนังสือเรียนให้เหมาะกับผู้เรียนแต่ละคน ➡️ ใช้โมเดล LearnLM ผสานกับ Gemini 2.5 Pro เพื่อสร้างเนื้อหาหลากหลายรูปแบบ ➡️ ผู้เรียนสามารถเลือกระดับชั้นและความสนใจเพื่อให้ระบบปรับเนื้อหาให้ตรงกับตน ➡️ ผลการทดลองพบว่าผู้ใช้ Learn Your Way มีคะแนนจดจำเนื้อหาสูงกว่ากลุ่มควบคุมถึง 11% ✅ รูปแบบเนื้อหาที่สร้างได้ ➡️ ข้อความเชิงโต้ตอบพร้อมภาพและคำถามฝังในเนื้อหา ➡️ แบบทดสอบรายบทเพื่อประเมินความเข้าใจแบบเรียลไทม์ ➡️ สไลด์พร้อมเสียงบรรยายและกิจกรรมเติมคำ ➡️ บทเรียนเสียงจำลองบทสนทนาระหว่างครูและนักเรียน ➡️ แผนภาพความคิดที่สามารถขยายและย่อเพื่อดูภาพรวมและรายละเอียด ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ หลักการ dual coding theory ถูกใช้ในงานวิจัยด้านการเรียนรู้มานานกว่า 40 ปี ➡️ OpenStax เป็นผู้ให้เนื้อหาต้นฉบับสำหรับการทดลอง Learn Your Way ➡️ การปรับเนื้อหาให้ตรงกับความสนใจช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ ➡️ การใช้ AI เพื่อสร้างเนื้อหาเฉพาะบุคคลเริ่มเป็นมาตรฐานใน K-12 ทั่วโลก https://research.google/blog/learn-your-way-reimagining-textbooks-with-generative-ai/
    0 Comments 0 Shares 11 Views 0 Reviews
  • ตั้งทีมตรวจสอบ ครม.หนู 1 ชำแหละ 4 ประเด็น : [THE MESSAGE]
    นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน เผย พรรคประชาชนตั้งทีมตรวจสอบรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูลนายกรัฐมนตรี 4 ประเด็น 1.การรักษาสัญญาตาม MOA 2.ประเด็นที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย 3.นโยบายเฉพาะหน้า และ 4.ความเหมาะสมของรายชื่อ ครม. เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน ยืนยัน ไม่อุ้มใคร ไม่กังวลรัฐบาลแปลงร่างจาก ข้างน้อยเป็นเสียงข้างมาก ถ้าฝ่ายค้านรักษาเอกภาพ สส. เสียงแข็ง ไม่ยื่นตรวจสอบมาตรฐานจริยธรรม แต่ถ้ามีการทุจริตยื่นองค์กรอิสระแน่ มองการรัฐประหารทำประชาธิปไตยอ่อนแอ รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ปราบโกงล้มเหลว เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง ทำรัฐบาลไร้เสถียรภาพ ผลักดันนโยบายไม่ได้ ปลุกคนทั้งประเทศใช้เวลา 4 เดือน สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับใหม่
    ตั้งทีมตรวจสอบ ครม.หนู 1 ชำแหละ 4 ประเด็น : [THE MESSAGE] นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาชน เผย พรรคประชาชนตั้งทีมตรวจสอบรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูลนายกรัฐมนตรี 4 ประเด็น 1.การรักษาสัญญาตาม MOA 2.ประเด็นที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย 3.นโยบายเฉพาะหน้า และ 4.ความเหมาะสมของรายชื่อ ครม. เกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อน ยืนยัน ไม่อุ้มใคร ไม่กังวลรัฐบาลแปลงร่างจาก ข้างน้อยเป็นเสียงข้างมาก ถ้าฝ่ายค้านรักษาเอกภาพ สส. เสียงแข็ง ไม่ยื่นตรวจสอบมาตรฐานจริยธรรม แต่ถ้ามีการทุจริตยื่นองค์กรอิสระแน่ มองการรัฐประหารทำประชาธิปไตยอ่อนแอ รัฐธรรมนูญ ปี 2560 ปราบโกงล้มเหลว เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง ทำรัฐบาลไร้เสถียรภาพ ผลักดันนโยบายไม่ได้ ปลุกคนทั้งประเทศใช้เวลา 4 เดือน สถาปนารัฐธรรมนูญฉบับใหม่
    0 Comments 0 Shares 358 Views 0 0 Reviews
  • Splunk .Conf 2025: เมื่อ Machine Data กลายเป็นเชื้อเพลิงใหม่ของ AI และความมั่นคงปลอดภัยองค์กร

    งาน Splunk .Conf 2025 ที่จัดขึ้น ณ เมืองบอสตันในเดือนกันยายนนี้ ไม่ได้มีแค่โชว์จากวง Weezer หรือม้าแคระชื่อ Buttercup แต่เป็นเวทีที่ Cisco และ Splunk ร่วมกันเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ของโลกไซเบอร์ โดยเน้นการใช้ “Machine Data” เป็นหัวใจของการพัฒนา AI และระบบรักษาความปลอดภัยในองค์กรยุคใหม่

    Cisco ประกาศเปิดตัว “Cisco Data Fabric” สถาปัตยกรรมใหม่ที่ช่วยให้ข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ แอปพลิเคชัน อุปกรณ์เครือข่าย และระบบ edge ถูกนำมาใช้ฝึกโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องย้ายข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ศูนย์กลางแบบเดิม ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ

    Splunk ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในด้าน Security Operations เช่น Detection Studio และ Splunk Enterprise Security รุ่นพรีเมียม ที่รวม SIEM, SOAR, UEBA และ AI Assistant ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว พร้อมแนวคิด “Resilience” ที่เน้นการรวมระบบ Observability กับ Security เพื่อให้ระบบ IT ฟื้นตัวได้เร็วจากภัยคุกคามหรือความผิดพลาด

    นอกจากนี้ Splunk ยังผลักดันมาตรฐานเปิด เช่น Open Telemetry และ Open Cybersecurity Framework เพื่อให้เครื่องมือจากหลายค่ายสามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการพึ่งพาโซลูชันแบบปิด

    อย่างไรก็ตาม Splunk ยังเผชิญกับความท้าทายจากภาพลักษณ์ “Legacy Vendor” และเสียงวิจารณ์เรื่องราคาสูง การขายเชิงรุก และการสนับสนุนลูกค้าที่ไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาฐานลูกค้าและแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง CrowdStrike, Microsoft และ Palo Alto Networks

    งาน Splunk .Conf 2025 เปิดตัว Cisco Data Fabric
    ใช้ Machine Data เป็นเชื้อเพลิงใหม่สำหรับ AI
    ลดต้นทุนและความซับซ้อนในการจัดการข้อมูล

    Machine Data ถูกยกให้เป็น 55% ของการเติบโตข้อมูลทั่วโลก
    Cisco และ Splunk เชื่อว่า LLMs ที่ฝึกด้วย Machine Data จะตอบสนองได้แม่นยำกว่า
    ช่วยให้ระบบตอบสนองต่อภัยคุกคามได้แบบอัตโนมัติ

    Splunk เปิดตัว Detection Studio และ Enterprise Security รุ่นใหม่
    รวม SIEM, SOAR, UEBA, Threat Intelligence และ AI Assistant
    ช่วยลดภาระงานของทีม Security Operations

    แนวคิด Resilience ถูกเน้นในงาน
    รวม Observability กับ Security เพื่อฟื้นตัวจากเหตุการณ์ได้เร็ว
    ลดข้อจำกัดจากโครงสร้างองค์กรและงบประมาณ

    Splunk สนับสนุนมาตรฐานเปิด
    ใช้ Open Telemetry และ Open Cybersecurity Framework
    ช่วยให้เครื่องมือจากหลายค่ายทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น

    โมเดล Federated Search ถูกขยาย
    รองรับการค้นหาข้ามแหล่งข้อมูล เช่น S3, Snowflake, Iceberg
    ลดภาระการจัดเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์

    https://www.csoonline.com/article/4058991/where-cisos-need-to-see-splunk-go-next.html
    📰 Splunk .Conf 2025: เมื่อ Machine Data กลายเป็นเชื้อเพลิงใหม่ของ AI และความมั่นคงปลอดภัยองค์กร งาน Splunk .Conf 2025 ที่จัดขึ้น ณ เมืองบอสตันในเดือนกันยายนนี้ ไม่ได้มีแค่โชว์จากวง Weezer หรือม้าแคระชื่อ Buttercup แต่เป็นเวทีที่ Cisco และ Splunk ร่วมกันเปิดวิสัยทัศน์ใหม่ของโลกไซเบอร์ โดยเน้นการใช้ “Machine Data” เป็นหัวใจของการพัฒนา AI และระบบรักษาความปลอดภัยในองค์กรยุคใหม่ Cisco ประกาศเปิดตัว “Cisco Data Fabric” สถาปัตยกรรมใหม่ที่ช่วยให้ข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ แอปพลิเคชัน อุปกรณ์เครือข่าย และระบบ edge ถูกนำมาใช้ฝึกโมเดล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องย้ายข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ศูนย์กลางแบบเดิม ซึ่งช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความเร็วในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ Splunk ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในด้าน Security Operations เช่น Detection Studio และ Splunk Enterprise Security รุ่นพรีเมียม ที่รวม SIEM, SOAR, UEBA และ AI Assistant ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว พร้อมแนวคิด “Resilience” ที่เน้นการรวมระบบ Observability กับ Security เพื่อให้ระบบ IT ฟื้นตัวได้เร็วจากภัยคุกคามหรือความผิดพลาด นอกจากนี้ Splunk ยังผลักดันมาตรฐานเปิด เช่น Open Telemetry และ Open Cybersecurity Framework เพื่อให้เครื่องมือจากหลายค่ายสามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดการพึ่งพาโซลูชันแบบปิด อย่างไรก็ตาม Splunk ยังเผชิญกับความท้าทายจากภาพลักษณ์ “Legacy Vendor” และเสียงวิจารณ์เรื่องราคาสูง การขายเชิงรุก และการสนับสนุนลูกค้าที่ไม่ทั่วถึง ทำให้ต้องเร่งปรับตัวเพื่อรักษาฐานลูกค้าและแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง CrowdStrike, Microsoft และ Palo Alto Networks ✅ งาน Splunk .Conf 2025 เปิดตัว Cisco Data Fabric ➡️ ใช้ Machine Data เป็นเชื้อเพลิงใหม่สำหรับ AI ➡️ ลดต้นทุนและความซับซ้อนในการจัดการข้อมูล ✅ Machine Data ถูกยกให้เป็น 55% ของการเติบโตข้อมูลทั่วโลก ➡️ Cisco และ Splunk เชื่อว่า LLMs ที่ฝึกด้วย Machine Data จะตอบสนองได้แม่นยำกว่า ➡️ ช่วยให้ระบบตอบสนองต่อภัยคุกคามได้แบบอัตโนมัติ ✅ Splunk เปิดตัว Detection Studio และ Enterprise Security รุ่นใหม่ ➡️ รวม SIEM, SOAR, UEBA, Threat Intelligence และ AI Assistant ➡️ ช่วยลดภาระงานของทีม Security Operations ✅ แนวคิด Resilience ถูกเน้นในงาน ➡️ รวม Observability กับ Security เพื่อฟื้นตัวจากเหตุการณ์ได้เร็ว ➡️ ลดข้อจำกัดจากโครงสร้างองค์กรและงบประมาณ ✅ Splunk สนับสนุนมาตรฐานเปิด ➡️ ใช้ Open Telemetry และ Open Cybersecurity Framework ➡️ ช่วยให้เครื่องมือจากหลายค่ายทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น ✅ โมเดล Federated Search ถูกขยาย ➡️ รองรับการค้นหาข้ามแหล่งข้อมูล เช่น S3, Snowflake, Iceberg ➡️ ลดภาระการจัดเก็บข้อมูลแบบรวมศูนย์ https://www.csoonline.com/article/4058991/where-cisos-need-to-see-splunk-go-next.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Where CISOs need to see Splunk go next
    Splunk’s latest .Conf focused on machine data, federation, resiliency, and easing the cybersecurity burden. That’s a good start for the cyber giant, but from security leaders’ perspective, work remains.
    0 Comments 0 Shares 110 Views 0 Reviews
  • LaCie Rugged SSD4 — SSD พกพาสุดแกร่งจาก Seagate ที่เร็วระดับ 4,000MB/s และทนแรงกดได้ถึง 1 ตัน

    ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินสำคัญของมืออาชีพ Seagate ภายใต้แบรนด์ LaCie ได้เปิดตัว Rugged SSD4 ซึ่งเป็น SSD พกพารุ่นแรกที่ใช้มาตรฐาน USB4 โดยออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่โหดที่สุด ทั้งในด้านความเร็วและความทนทาน

    LaCie Rugged SSD4 รองรับแบนด์วิดธ์สูงถึง 40Gbps และสามารถอ่านข้อมูลได้เร็วถึง 4,000MB/s ซึ่งเร็วพอที่จะโอนหนัง 4K ขนาด 4GB ได้ภายในหนึ่งวินาที ตัวอุปกรณ์ยังผ่านมาตรฐาน IP54 กันน้ำกันฝุ่น ตกจากความสูง 3 เมตรได้โดยไม่เสียหาย และที่น่าทึ่งที่สุดคือสามารถทนแรงกดได้ถึง 1 ตันโดยไม่สูญเสียข้อมูล

    ดีไซน์ของ SSD4 ยังคงเอกลักษณ์ของ LaCie ด้วยยางกันกระแทกสีส้มรอบตัวเครื่อง และแผ่นโลหะตรงกลางที่เสริมความแข็งแรง พร้อมรองรับการใช้งานกับ macOS, Windows, iOS, Android และแม้แต่กล้องที่ใช้ USB-C เช่น iPhone รุ่นใหม่ที่ถ่ายวิดีโอ ProRes 4K 120fps ได้

    SSD นี้มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 1TB ($134.99), 2TB ($249.99) และ 4TB ($479.99) โดยยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ LaCie Toolkit สำหรับการสำรองข้อมูล และสิทธิ์ใช้งาน Adobe Creative Cloud Pro ฟรี 2 เดือน เหมาะสำหรับสายครีเอทีฟที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยในการทำงาน

    LaCie Rugged SSD4 เปิดตัวเป็น SSD พกพารุ่นแรกที่ใช้ USB4
    รองรับแบนด์วิดธ์ 40Gbps และอ่านข้อมูลได้เร็วถึง 4,000MB/s
    โอนหนัง 4K ขนาด 4GB ได้ภายในหนึ่งวินาที

    ทนทานต่อสภาพแวดล้อมสุดโหด
    กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP54 / ตกจากความสูง 3 เมตรได้
    ทนแรงกดได้ถึง 1 ตันโดยไม่เสียหาย

    ดีไซน์โดดเด่นและใช้งานได้หลากหลายระบบ
    ยางกันกระแทกสีส้ม + แผ่นโลหะตรงกลาง
    รองรับ macOS, Windows, iOS, Android และกล้อง USB-C

    มีให้เลือก 3 ขนาดความจุ
    1TB ราคา $134.99 / 2TB ราคา $249.99 / 4TB ราคา $479.99
    มาพร้อม LaCie Toolkit และสิทธิ์ Adobe Creative Cloud Pro ฟรี 2 เดือน

    เหมาะสำหรับสายครีเอทีฟและงานที่ต้องการความเร็วสูง
    รองรับการถ่ายวิดีโอ ProRes 4K 120fps บน iPhone
    ใช้งานกับไฟล์ RAW, วิดีโอ, และโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้อย่างลื่นไหล

    https://www.techradar.com/pro/forget-about-thunderbolt-5-seagate-finally-launches-its-first-usb-4-portable-ssd-under-its-legendary-storage-label
    📰 LaCie Rugged SSD4 — SSD พกพาสุดแกร่งจาก Seagate ที่เร็วระดับ 4,000MB/s และทนแรงกดได้ถึง 1 ตัน ในยุคที่ข้อมูลคือทรัพย์สินสำคัญของมืออาชีพ Seagate ภายใต้แบรนด์ LaCie ได้เปิดตัว Rugged SSD4 ซึ่งเป็น SSD พกพารุ่นแรกที่ใช้มาตรฐาน USB4 โดยออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่โหดที่สุด ทั้งในด้านความเร็วและความทนทาน LaCie Rugged SSD4 รองรับแบนด์วิดธ์สูงถึง 40Gbps และสามารถอ่านข้อมูลได้เร็วถึง 4,000MB/s ซึ่งเร็วพอที่จะโอนหนัง 4K ขนาด 4GB ได้ภายในหนึ่งวินาที ตัวอุปกรณ์ยังผ่านมาตรฐาน IP54 กันน้ำกันฝุ่น ตกจากความสูง 3 เมตรได้โดยไม่เสียหาย และที่น่าทึ่งที่สุดคือสามารถทนแรงกดได้ถึง 1 ตันโดยไม่สูญเสียข้อมูล ดีไซน์ของ SSD4 ยังคงเอกลักษณ์ของ LaCie ด้วยยางกันกระแทกสีส้มรอบตัวเครื่อง และแผ่นโลหะตรงกลางที่เสริมความแข็งแรง พร้อมรองรับการใช้งานกับ macOS, Windows, iOS, Android และแม้แต่กล้องที่ใช้ USB-C เช่น iPhone รุ่นใหม่ที่ถ่ายวิดีโอ ProRes 4K 120fps ได้ SSD นี้มีให้เลือก 3 ขนาด ได้แก่ 1TB ($134.99), 2TB ($249.99) และ 4TB ($479.99) โดยยังมาพร้อมซอฟต์แวร์ LaCie Toolkit สำหรับการสำรองข้อมูล และสิทธิ์ใช้งาน Adobe Creative Cloud Pro ฟรี 2 เดือน เหมาะสำหรับสายครีเอทีฟที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยในการทำงาน ✅ LaCie Rugged SSD4 เปิดตัวเป็น SSD พกพารุ่นแรกที่ใช้ USB4 ➡️ รองรับแบนด์วิดธ์ 40Gbps และอ่านข้อมูลได้เร็วถึง 4,000MB/s ➡️ โอนหนัง 4K ขนาด 4GB ได้ภายในหนึ่งวินาที ✅ ทนทานต่อสภาพแวดล้อมสุดโหด ➡️ กันน้ำกันฝุ่นระดับ IP54 / ตกจากความสูง 3 เมตรได้ ➡️ ทนแรงกดได้ถึง 1 ตันโดยไม่เสียหาย ✅ ดีไซน์โดดเด่นและใช้งานได้หลากหลายระบบ ➡️ ยางกันกระแทกสีส้ม + แผ่นโลหะตรงกลาง ➡️ รองรับ macOS, Windows, iOS, Android และกล้อง USB-C ✅ มีให้เลือก 3 ขนาดความจุ ➡️ 1TB ราคา $134.99 / 2TB ราคา $249.99 / 4TB ราคา $479.99 ➡️ มาพร้อม LaCie Toolkit และสิทธิ์ Adobe Creative Cloud Pro ฟรี 2 เดือน ✅ เหมาะสำหรับสายครีเอทีฟและงานที่ต้องการความเร็วสูง ➡️ รองรับการถ่ายวิดีโอ ProRes 4K 120fps บน iPhone ➡️ ใช้งานกับไฟล์ RAW, วิดีโอ, และโปรเจกต์ขนาดใหญ่ได้อย่างลื่นไหล https://www.techradar.com/pro/forget-about-thunderbolt-5-seagate-finally-launches-its-first-usb-4-portable-ssd-under-its-legendary-storage-label
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • จีนเร่งเครื่องสู่ยุค Brain-Computer Interface — ตั้งมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่ หวังสร้างผู้นำระดับโลกภายในปี 2030

    จีนกำลังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Brain-Computer Interface (BCI) ด้วยการประกาศมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่สำหรับอุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้ BCI โดยมาตรฐานนี้มีชื่อว่า “YY/T 1987–2025” และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2026 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานให้กับอุตสาหกรรม BCI ทั้งในด้านการวิจัย การผลิต และการใช้งานเชิงพาณิชย์

    BCI คือเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อสมองมนุษย์เข้ากับเครื่องจักรโดยตรง ซึ่งสามารถนำไปใช้ในหลายด้าน เช่น การฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพาต การควบคุมอุปกรณ์ด้วยความคิด หรือแม้แต่การเล่นเกมด้วยสมอง โดยจีนได้แสดงความก้าวหน้าในด้านนี้ผ่านการทดลองที่ผู้ป่วยอัมพาตสามารถเล่นเกมแข่งรถหรือเกมแนวแอ็กชันได้อย่างคล่องแคล่ว

    รัฐบาลจีนได้วางแผน 17 ขั้นตอนตั้งแต่การวิจัยไปจนถึงการพาณิชย์ และคาดว่าจะสามารถแก้ไขอุปสรรคทางเทคนิคส่วนใหญ่ได้ภายในปี 2027 พร้อมตั้งเป้าสร้างบริษัท BCI ระดับโลก 2–3 แห่งภายในปี 2030

    การตั้งมาตรฐานในระดับประเทศเช่นนี้ไม่เพียงช่วยให้จีนควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของอุปกรณ์ BCI แต่ยังเป็นการวางตำแหน่งให้จีนเป็นผู้กำหนดทิศทางของเทคโนโลยีนี้ในระดับโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อการแข่งขันกับบริษัทตะวันตก เช่น Neuralink ของ Elon Musk

    จีนประกาศมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับอุปกรณ์ BCI
    มาตรฐานชื่อ YY/T 1987–2025 มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 2026
    ครอบคลุมอุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีเชื่อมสมองกับเครื่องจักร

    เป้าหมายคือการเป็นผู้นำด้าน BCI ภายในปี 2030
    คาดว่าจะเคลียร์อุปสรรคทางเทคนิคภายในปี 2027
    ตั้งเป้าสร้างบริษัท BCI ระดับโลก 2–3 แห่ง

    รัฐบาลจีนวางแผน 17 ขั้นตอนจาก R&D สู่การพาณิชย์
    ประสานงานระหว่างกระทรวง หน่วยงานกำกับ และภาคเอกชน
    มุ่งเน้นการใช้งานในด้านสุขภาพ อุตสาหกรรม และการบริโภค

    ตัวอย่างความก้าวหน้าในจีน
    ผู้ป่วยอัมพาตสามารถเล่นเกมซับซ้อนได้ด้วย BCI
    มีการทดลองใช้ในเกม Black Myth: Wukong และ Honor of Kings

    การตั้งมาตรฐานช่วยสร้างความได้เปรียบในตลาดโลก
    ผู้กำหนดมาตรฐานสามารถควบคุมทิศทางเทคโนโลยี
    เพิ่มโอกาสในการยอมรับและใช้งานในระดับสากล

    https://www.tomshardware.com/peripherals/wearable-tech/china-targets-brain-computer-interface-race-with-new-standard-new-bci-standard-could-lead-to-breakthroughs-as-soon-as-2027
    📰 จีนเร่งเครื่องสู่ยุค Brain-Computer Interface — ตั้งมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่ หวังสร้างผู้นำระดับโลกภายในปี 2030 จีนกำลังเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Brain-Computer Interface (BCI) ด้วยการประกาศมาตรฐานอุตสาหกรรมใหม่สำหรับอุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้ BCI โดยมาตรฐานนี้มีชื่อว่า “YY/T 1987–2025” และจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2026 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการวางรากฐานให้กับอุตสาหกรรม BCI ทั้งในด้านการวิจัย การผลิต และการใช้งานเชิงพาณิชย์ BCI คือเทคโนโลยีที่เชื่อมต่อสมองมนุษย์เข้ากับเครื่องจักรโดยตรง ซึ่งสามารถนำไปใช้ในหลายด้าน เช่น การฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพาต การควบคุมอุปกรณ์ด้วยความคิด หรือแม้แต่การเล่นเกมด้วยสมอง โดยจีนได้แสดงความก้าวหน้าในด้านนี้ผ่านการทดลองที่ผู้ป่วยอัมพาตสามารถเล่นเกมแข่งรถหรือเกมแนวแอ็กชันได้อย่างคล่องแคล่ว รัฐบาลจีนได้วางแผน 17 ขั้นตอนตั้งแต่การวิจัยไปจนถึงการพาณิชย์ และคาดว่าจะสามารถแก้ไขอุปสรรคทางเทคนิคส่วนใหญ่ได้ภายในปี 2027 พร้อมตั้งเป้าสร้างบริษัท BCI ระดับโลก 2–3 แห่งภายในปี 2030 การตั้งมาตรฐานในระดับประเทศเช่นนี้ไม่เพียงช่วยให้จีนควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของอุปกรณ์ BCI แต่ยังเป็นการวางตำแหน่งให้จีนเป็นผู้กำหนดทิศทางของเทคโนโลยีนี้ในระดับโลก ซึ่งอาจส่งผลต่อการแข่งขันกับบริษัทตะวันตก เช่น Neuralink ของ Elon Musk ✅ จีนประกาศมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับอุปกรณ์ BCI ➡️ มาตรฐานชื่อ YY/T 1987–2025 มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค. 2026 ➡️ ครอบคลุมอุปกรณ์การแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีเชื่อมสมองกับเครื่องจักร ✅ เป้าหมายคือการเป็นผู้นำด้าน BCI ภายในปี 2030 ➡️ คาดว่าจะเคลียร์อุปสรรคทางเทคนิคภายในปี 2027 ➡️ ตั้งเป้าสร้างบริษัท BCI ระดับโลก 2–3 แห่ง ✅ รัฐบาลจีนวางแผน 17 ขั้นตอนจาก R&D สู่การพาณิชย์ ➡️ ประสานงานระหว่างกระทรวง หน่วยงานกำกับ และภาคเอกชน ➡️ มุ่งเน้นการใช้งานในด้านสุขภาพ อุตสาหกรรม และการบริโภค ✅ ตัวอย่างความก้าวหน้าในจีน ➡️ ผู้ป่วยอัมพาตสามารถเล่นเกมซับซ้อนได้ด้วย BCI ➡️ มีการทดลองใช้ในเกม Black Myth: Wukong และ Honor of Kings ✅ การตั้งมาตรฐานช่วยสร้างความได้เปรียบในตลาดโลก ➡️ ผู้กำหนดมาตรฐานสามารถควบคุมทิศทางเทคโนโลยี ➡️ เพิ่มโอกาสในการยอมรับและใช้งานในระดับสากล https://www.tomshardware.com/peripherals/wearable-tech/china-targets-brain-computer-interface-race-with-new-standard-new-bci-standard-could-lead-to-breakthroughs-as-soon-as-2027
    0 Comments 0 Shares 100 Views 0 Reviews
  • อิสราเอลเผย “ไอรอน บีม” (Iron beam) ระบบเลเซอร์ต่อต้านขีปนาวุธตัวใหม่ พร้อมใช้ปฏิบัติการปลายปีนี้
    .
    กระทรวงกลาโหมอิสราเอลประกาศว่า "Iron Beam 450" ซึ่งเป็นอาวุธระบบเลเซอร์เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดราคาประหยัดที่มีหน้าที่ในการมุ่งทำลายขีปนาวุธในช่วงสุดท้ายก่อนพุ่งตรงเข้าทำลายเป้าหมายของพวกมัน ได้เข้าสู่ขั้นตอนการพัฒนาขั้นสุดท้ายและพร้อมส่งมอบภายในปีนี้แล้ว
    .
    ส่งผลให้ Iron Beam 450 จะเป็นระบบป้องกันภัยด้วยเลเซอร์พลังงานสูงที่ใช้งานได้จริงที่เข้าประจำการในกองทัพอย่างเป็นทางการระบบแรกของโลกทันที
    .
    วิดีโอการทดสอบของ Iron Beam 450 แสดงให้เห็นการสกัดกั้นจรวด ลูกปืนครก และโดรนด้วยความเร็วและความแม่นยำ หนำซ้ำยังมีต้นทุนต่อการปล่อยพลังงานหนึ่งเกือบเป็นศูนย์ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่สร้างมาตรฐานใหม่ระดับโลกด้านการป้องกันภัยทางอากาศ
    .
    "Iron Beam 450" ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัท Elbit Systems และ Rafael Advance Defense Systems จะเข้ามาเป็นตัวเสริมระบบต่อต้านขีปนาวุธ Iron Dome, David's Sling และ Arrow ของอิสราเอล ซึ่งเคยถูกใช้สกัดกั้นจรวดหลายพันลูกที่ยิงมาจากอิหร่าน กลุ่มฮามาสในกาซา ฮิซบอลเลาะห์จากเลบานอน และกบฏฮูตีในเยเมน
    อิสราเอลเผย “ไอรอน บีม” (Iron beam) ระบบเลเซอร์ต่อต้านขีปนาวุธตัวใหม่ พร้อมใช้ปฏิบัติการปลายปีนี้ . กระทรวงกลาโหมอิสราเอลประกาศว่า "Iron Beam 450" ซึ่งเป็นอาวุธระบบเลเซอร์เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดราคาประหยัดที่มีหน้าที่ในการมุ่งทำลายขีปนาวุธในช่วงสุดท้ายก่อนพุ่งตรงเข้าทำลายเป้าหมายของพวกมัน ได้เข้าสู่ขั้นตอนการพัฒนาขั้นสุดท้ายและพร้อมส่งมอบภายในปีนี้แล้ว . ส่งผลให้ Iron Beam 450 จะเป็นระบบป้องกันภัยด้วยเลเซอร์พลังงานสูงที่ใช้งานได้จริงที่เข้าประจำการในกองทัพอย่างเป็นทางการระบบแรกของโลกทันที . วิดีโอการทดสอบของ Iron Beam 450 แสดงให้เห็นการสกัดกั้นจรวด ลูกปืนครก และโดรนด้วยความเร็วและความแม่นยำ หนำซ้ำยังมีต้นทุนต่อการปล่อยพลังงานหนึ่งเกือบเป็นศูนย์ ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่สร้างมาตรฐานใหม่ระดับโลกด้านการป้องกันภัยทางอากาศ . "Iron Beam 450" ซึ่งเป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างบริษัท Elbit Systems และ Rafael Advance Defense Systems จะเข้ามาเป็นตัวเสริมระบบต่อต้านขีปนาวุธ Iron Dome, David's Sling และ Arrow ของอิสราเอล ซึ่งเคยถูกใช้สกัดกั้นจรวดหลายพันลูกที่ยิงมาจากอิหร่าน กลุ่มฮามาสในกาซา ฮิซบอลเลาะห์จากเลบานอน และกบฏฮูตีในเยเมน
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 0 Reviews
  • Intel Gaudi 3 ฝ่าด่านตลาด AI ด้วยการจับมือ Dell — เปิดตัวในเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge XE7740 พร้อมความหวังใหม่ในยุคที่ NVIDIA ครองเกม

    หลังจากที่ Intel พยายามผลักดันไลน์ผลิตภัณฑ์ด้าน AI มาหลายปีโดยไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ล่าสุด Gaudi 3 ซึ่งเป็นชิปเร่งความเร็ว AI รุ่นใหม่ของ Intel ได้รับการบรรจุในเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge XE7740 อย่างเป็นทางการ ถือเป็นหนึ่งใน “ชัยชนะเล็ก ๆ” ที่อาจพลิกเกมให้ Intel กลับมาแข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ได้อีกครั้ง

    PowerEdge XE7740 เป็นเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กรที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ รองรับ Gaudi 3 ได้สูงสุด 8 ตัวในระบบเดียว พร้อมระบบเครือข่ายแบบ 1:1 ระหว่าง accelerator และ NIC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลและการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ยังรองรับโมเดล AI ยอดนิยม เช่น Llama4, Deepseek, Phi4 และ Falcon3

    Dell ชูจุดเด่นของ Gaudi 3 ว่า “คุ้มค่า” และ “ปรับขนาดได้ง่าย” โดยเฉพาะในองค์กรที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและระบบระบายความร้อน ซึ่ง Gaudi 3 ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ดีในแร็คขนาด ~10kW ที่พบได้ทั่วไปในดาต้าเซ็นเตอร์

    แม้ Dell ยังไม่เปิดเผยตัวเลขประสิทธิภาพอย่างเป็นทางการ แต่จากการทดสอบก่อนหน้านี้ Gaudi 3 เคยแสดงผลลัพธ์ที่เร็วกว่า NVIDIA H100 และ H200 ในบางงาน inferencing ซึ่งหากเป็นจริง ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Intel ในตลาด AI ที่เคยถูกมองว่า “ช้าเกินไป”

    Intel Gaudi 3 ได้รับการบรรจุในเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge XE7740
    ถือเป็นการบุกตลาดองค์กรครั้งสำคัญของ Intel
    Dell เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายแรกที่นำ Gaudi 3 มาใช้ในระบบจริง

    PowerEdge XE7740 รองรับงาน AI เต็มรูปแบบ
    รองรับ Gaudi 3 ได้สูงสุด 8 ตัวในระบบเดียว
    มีระบบเครือข่ายแบบ 1:1 ระหว่าง accelerator และ NIC
    รองรับโมเดล AI ยอดนิยม เช่น Llama4, Phi4, Falcon3

    จุดเด่นของ Gaudi 3 คือความคุ้มค่าและความยืดหยุ่น
    เหมาะกับองค์กรที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและระบบระบายความร้อน
    รองรับการเชื่อมต่อแบบ RoCE v2 สำหรับงานขนาดใหญ่

    Dell ชูจุดเด่นด้านการปรับขนาดและการติดตั้งง่าย
    ใช้แชสซีแบบ 4U ที่ระบายความร้อนได้ดี
    รองรับการติดตั้งในแร็คมาตรฐาน ~10kW โดยไม่ต้องปรับโครงสร้าง

    Gaudi 3 เคยแสดงผลลัพธ์ดีกว่า NVIDIA H100/H200 ในบางงาน
    โดยเฉพาะงาน inferencing ที่เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์
    ยังต้องรอผลการทดสอบจาก Dell เพื่อยืนยัน

    https://wccftech.com/intel-gaudi-3-ai-chips-secure-rare-integration-in-dell-poweredge-servers/
    📰 Intel Gaudi 3 ฝ่าด่านตลาด AI ด้วยการจับมือ Dell — เปิดตัวในเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge XE7740 พร้อมความหวังใหม่ในยุคที่ NVIDIA ครองเกม หลังจากที่ Intel พยายามผลักดันไลน์ผลิตภัณฑ์ด้าน AI มาหลายปีโดยไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ล่าสุด Gaudi 3 ซึ่งเป็นชิปเร่งความเร็ว AI รุ่นใหม่ของ Intel ได้รับการบรรจุในเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge XE7740 อย่างเป็นทางการ ถือเป็นหนึ่งใน “ชัยชนะเล็ก ๆ” ที่อาจพลิกเกมให้ Intel กลับมาแข่งขันกับ NVIDIA และ AMD ได้อีกครั้ง PowerEdge XE7740 เป็นเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กรที่ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI โดยเฉพาะ รองรับ Gaudi 3 ได้สูงสุด 8 ตัวในระบบเดียว พร้อมระบบเครือข่ายแบบ 1:1 ระหว่าง accelerator และ NIC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผลและการเชื่อมต่อ นอกจากนี้ยังรองรับโมเดล AI ยอดนิยม เช่น Llama4, Deepseek, Phi4 และ Falcon3 Dell ชูจุดเด่นของ Gaudi 3 ว่า “คุ้มค่า” และ “ปรับขนาดได้ง่าย” โดยเฉพาะในองค์กรที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและระบบระบายความร้อน ซึ่ง Gaudi 3 ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้ดีในแร็คขนาด ~10kW ที่พบได้ทั่วไปในดาต้าเซ็นเตอร์ แม้ Dell ยังไม่เปิดเผยตัวเลขประสิทธิภาพอย่างเป็นทางการ แต่จากการทดสอบก่อนหน้านี้ Gaudi 3 เคยแสดงผลลัพธ์ที่เร็วกว่า NVIDIA H100 และ H200 ในบางงาน inferencing ซึ่งหากเป็นจริง ก็อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ Intel ในตลาด AI ที่เคยถูกมองว่า “ช้าเกินไป” ✅ Intel Gaudi 3 ได้รับการบรรจุในเซิร์ฟเวอร์ Dell PowerEdge XE7740 ➡️ ถือเป็นการบุกตลาดองค์กรครั้งสำคัญของ Intel ➡️ Dell เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรายแรกที่นำ Gaudi 3 มาใช้ในระบบจริง ✅ PowerEdge XE7740 รองรับงาน AI เต็มรูปแบบ ➡️ รองรับ Gaudi 3 ได้สูงสุด 8 ตัวในระบบเดียว ➡️ มีระบบเครือข่ายแบบ 1:1 ระหว่าง accelerator และ NIC ➡️ รองรับโมเดล AI ยอดนิยม เช่น Llama4, Phi4, Falcon3 ✅ จุดเด่นของ Gaudi 3 คือความคุ้มค่าและความยืดหยุ่น ➡️ เหมาะกับองค์กรที่มีข้อจำกัดด้านพลังงานและระบบระบายความร้อน ➡️ รองรับการเชื่อมต่อแบบ RoCE v2 สำหรับงานขนาดใหญ่ ✅ Dell ชูจุดเด่นด้านการปรับขนาดและการติดตั้งง่าย ➡️ ใช้แชสซีแบบ 4U ที่ระบายความร้อนได้ดี ➡️ รองรับการติดตั้งในแร็คมาตรฐาน ~10kW โดยไม่ต้องปรับโครงสร้าง ✅ Gaudi 3 เคยแสดงผลลัพธ์ดีกว่า NVIDIA H100/H200 ในบางงาน ➡️ โดยเฉพาะงาน inferencing ที่เน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์ ➡️ ยังต้องรอผลการทดสอบจาก Dell เพื่อยืนยัน https://wccftech.com/intel-gaudi-3-ai-chips-secure-rare-integration-in-dell-poweredge-servers/
    WCCFTECH.COM
    Intel’s Gaudi 3 AI Chips Secure Integration in Dell’s PowerEdge Servers, Marking One of the Few Wins for the Struggling Lineup
    Intel's Gaudi 3 AI chips have seen a rather 'rare' feature from Dell's AI servers, which are claimed to be cost-efficient and scalable.
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • 18-09-68/02​ : หมี CNN / ฝันเปียกอีกแล้ว! มรึงน่ะเหรอ? ให้กูหยุดสั่งซื้อน้ำมันรัสเซีย? ถามจริง? ตัวมรึงเองยังแอบสั่งอยู่เลย ผ่านอีไก่งวง ฟาโรห์ ยังมีหน้ามาสั่งกูห้ามซื้อ กูไม่ใช่ ไอ้โง่ยุโรปน่ะเฟ้ย? อีแขกขรรมกลิ้ง จะคุยกับกูเพื่อ? กูส่งออกที่อื่นได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นมรึง สิ่งที่สำคัญกว่าเงินคือพลังงาน ประเทศกูจะพัฒนาต่อเนื่องได้อย่างไรหากขาดพลังงาน มรึงคิดว่าแค่การค้าประเทศเดียวกับมรึง กับพลังงาน กูยังต้องคิดเยอะอีกเหรอ? ทุกวันนี้ เหี้ยมะกันเตะหมูเข้าปากหมี และพญามังกร โดยที่ขั้วใหม่ ไม่ต้องทำเหี้ยอาไยเลย เห็นมาเยอะแล้ว ยืนเคียงข้างเหี้ย แล้วสุดท้ายย้ายขั้วออกหมด เพราะแม้แต่พวกเดียวกันมรึงยังจะแดร๊กกันเอง ใครจะคบล่ะจ๊ะ? ล่าสุด อีแขก จีน รัสเซีย จับมือกันแล้ว ไม่คิดถึงอดีตที่ผ่านมา ที่อีแขกมัวแต่ลีลาเป็นกระเบื้อง วันนี้ ไม่มีจีน ไม่มีรัสเซีย ไม่มี BRICS อีแขกจะอยู่ได้ยังไง? อิทธิพลก็ต้องแข่งขันกันไป อำนาจเป็นสิ่งที่ต้องแย่งชิง แต่ไม่โง่พอที่จะรีบชิงตายห่าก่อนเวลาอันควร มีถอยเพื่อรุก มีรุกเพื่อต้าน กฎเหล็กขาใหญ่ต่างรู้กันดี ประเด็นคือ ทำไม ทั้งโลกต่างต้องการพลังงานรัสเซีย เพราะว่ามันถูกและดีจริง มรึงจะไปหาพลังงานราคาถูกที่ไหนได้อีก แค่ที่มรึงมียังไม่พอใช้เลย ไอ้สัส! แม้แต่อเมริกาเอง พลังงานสำรองหมดไปเยอะ สุ่มเสี่ยงหนัก หากจะเปิดสงคราม ทำไม รัสเซีย จีน จะดูไม่ออก มรึงจะรบเนี่ย พลังงานสำรองมรึงมีใช้ได้กี่เดือน กูลากเป็นปี มรึงก็ฉิบหายแล้ว ไม่ต้องฆ่ามรึงดอก เดี๋ยวชาวบ้านลงถนนตามไปไล่ล่ามรึงถึงที่เอง เพราะไม่มีไฟฟ้าจะใช้ อีโง่ยุโรปแบกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกกว่า 20% เหตุเพราะดันไปซื้อพลังงานแพงจากเหี้ยด้วยกันไงล่ะ? มรึงถึงได้พากันตายห่ายกคอก ทั้งหมดคือเกมส์การเมือง สหรัฐแค่ต้องการทำให้โลกยังเห็นว่า "สั่งอีแขกได้อยู่" ส่วนอีแขก ก็เล่นบท "กูไม่ใช่ขี้ข้ามรึงอีกต่อไป" หลังเป็นทาสเหี้ยสิงโตมาช้านาน อดีตขี้ข้า วันนี้ก็ต้องเป็นขี้ข้ากูต่อ จะสลัดหลุดออกจกวังวนเหี้ย มรึงต้องยืนด้วยขาตัวเอง จีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ทำสำเร็จ แต่อีแขกยังไม่สะเด็ดน้ำ เพราะมรึงมันลังเล หลายใจ ลีลา เอาแต่ได้ ไม่ยอมเสีย ถึงไปไม่สุดซักกะเรื่อง ไม่แปลกที่ตามหลังจีนแบบไม่เห็นฝุ่น ไปแก้ที่ MIND SET มรึงก่อนดีกว่ามั้ย?

    US will ‘sort out’ trade deal with India after it stops buying Russian oil – commerce secretary รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า สหรัฐจะ “แก้ปัญหา” ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียหลังหยุดซื้อน้ำมันรัสเซีย

    ------------------------------------------------------------------------—
    RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า สหรัฐจะ “แก้ปัญหา” ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียหลังหยุดซื้อน้ำมันรัสเซีย

    รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ โฮวาร์ด ลุตนิคระบุว่า สหรัฐจะ “แก้ปัญหา” ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียหลังประเทศหยุดซื้อน้ำมันรัสเซียและเปิดตลาด

    ความเห็นของลุตนิคเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอินเดียนเรนทรา โมดียืนยันว่า สหรัฐและอินเดียยังคงเจรจาทางการค้าและแสดงความมั่นใจว่า การเจรจาจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้

    รัสเซียกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันหลักให้อินเดียตั้งแต่เกิดความรุนแรงจากความขัดแย้งยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ที่คิดเป็นเกือบ 40% ของการนำเข้าน้ำมันดิบอินเดีย ในขณะเดียวกัน อินเดียกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของน้ำมันกลั่นให้ยุโรปตั้งแต่ปี 2023

    เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐกำหนดอัตราภาษี 25% ของการนำเข้าสินค้าอินเดียทั้งหมดต่อการนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียของอินเดีย ถือเป็นส่วนที่เพิ่มจาก 25% หลังอินเดียและสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในช่วงต้นเดือนสิงหาคมได้

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในการพิจารณาคดีของวุฒิสมาชิก ตัวแทนของทรัมป์หรือทูตอินเดียเซอร์จิโอ กอร์แสดงความรู้สึกแบบเดียวกันในการค้าน้ำมันของอินเดียกับรัสเซีย

    เขากล่าวขณะที่กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นทางการค้าจะได้รับการแก้ปัญหาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์มีความชัดเจนในเรื่องนี้ ดังนั้นอินเดียต้องหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย”

    กอร์กล่าวว่า “เรามีมาตรฐานที่แตกต่างสำหรับอินเดีย เราจึงคาดหวังว่าจะได้มากกว่าประเทศอื่น”

    https://www.rt.com/india/624557-us-will-sort-out-trade/

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    18-09-68/02​ : หมี CNN / ฝันเปียกอีกแล้ว! มรึงน่ะเหรอ? ให้กูหยุดสั่งซื้อน้ำมันรัสเซีย? ถามจริง? ตัวมรึงเองยังแอบสั่งอยู่เลย ผ่านอีไก่งวง ฟาโรห์ ยังมีหน้ามาสั่งกูห้ามซื้อ กูไม่ใช่ ไอ้โง่ยุโรปน่ะเฟ้ย? อีแขกขรรมกลิ้ง จะคุยกับกูเพื่อ? กูส่งออกที่อื่นได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นมรึง สิ่งที่สำคัญกว่าเงินคือพลังงาน ประเทศกูจะพัฒนาต่อเนื่องได้อย่างไรหากขาดพลังงาน มรึงคิดว่าแค่การค้าประเทศเดียวกับมรึง กับพลังงาน กูยังต้องคิดเยอะอีกเหรอ? ทุกวันนี้ เหี้ยมะกันเตะหมูเข้าปากหมี และพญามังกร โดยที่ขั้วใหม่ ไม่ต้องทำเหี้ยอาไยเลย เห็นมาเยอะแล้ว ยืนเคียงข้างเหี้ย แล้วสุดท้ายย้ายขั้วออกหมด เพราะแม้แต่พวกเดียวกันมรึงยังจะแดร๊กกันเอง ใครจะคบล่ะจ๊ะ? ล่าสุด อีแขก จีน รัสเซีย จับมือกันแล้ว ไม่คิดถึงอดีตที่ผ่านมา ที่อีแขกมัวแต่ลีลาเป็นกระเบื้อง วันนี้ ไม่มีจีน ไม่มีรัสเซีย ไม่มี BRICS อีแขกจะอยู่ได้ยังไง? อิทธิพลก็ต้องแข่งขันกันไป อำนาจเป็นสิ่งที่ต้องแย่งชิง แต่ไม่โง่พอที่จะรีบชิงตายห่าก่อนเวลาอันควร มีถอยเพื่อรุก มีรุกเพื่อต้าน กฎเหล็กขาใหญ่ต่างรู้กันดี ประเด็นคือ ทำไม ทั้งโลกต่างต้องการพลังงานรัสเซีย เพราะว่ามันถูกและดีจริง มรึงจะไปหาพลังงานราคาถูกที่ไหนได้อีก แค่ที่มรึงมียังไม่พอใช้เลย ไอ้สัส! แม้แต่อเมริกาเอง พลังงานสำรองหมดไปเยอะ สุ่มเสี่ยงหนัก หากจะเปิดสงคราม ทำไม รัสเซีย จีน จะดูไม่ออก มรึงจะรบเนี่ย พลังงานสำรองมรึงมีใช้ได้กี่เดือน กูลากเป็นปี มรึงก็ฉิบหายแล้ว ไม่ต้องฆ่ามรึงดอก เดี๋ยวชาวบ้านลงถนนตามไปไล่ล่ามรึงถึงที่เอง เพราะไม่มีไฟฟ้าจะใช้ อีโง่ยุโรปแบกค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีกกว่า 20% เหตุเพราะดันไปซื้อพลังงานแพงจากเหี้ยด้วยกันไงล่ะ? มรึงถึงได้พากันตายห่ายกคอก ทั้งหมดคือเกมส์การเมือง สหรัฐแค่ต้องการทำให้โลกยังเห็นว่า "สั่งอีแขกได้อยู่" ส่วนอีแขก ก็เล่นบท "กูไม่ใช่ขี้ข้ามรึงอีกต่อไป" หลังเป็นทาสเหี้ยสิงโตมาช้านาน อดีตขี้ข้า วันนี้ก็ต้องเป็นขี้ข้ากูต่อ จะสลัดหลุดออกจกวังวนเหี้ย มรึงต้องยืนด้วยขาตัวเอง จีน รัสเซีย อิหร่าน โสมแดง ทำสำเร็จ แต่อีแขกยังไม่สะเด็ดน้ำ เพราะมรึงมันลังเล หลายใจ ลีลา เอาแต่ได้ ไม่ยอมเสีย ถึงไปไม่สุดซักกะเรื่อง ไม่แปลกที่ตามหลังจีนแบบไม่เห็นฝุ่น ไปแก้ที่ MIND SET มรึงก่อนดีกว่ามั้ย? US will ‘sort out’ trade deal with India after it stops buying Russian oil – commerce secretary รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า สหรัฐจะ “แก้ปัญหา” ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียหลังหยุดซื้อน้ำมันรัสเซีย ------------------------------------------------------------------------— RONIN500(Admin Nidnoi) แปลโดย นิดหน่อย : รัฐมนตรีพาณิชย์ระบุว่า สหรัฐจะ “แก้ปัญหา” ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียหลังหยุดซื้อน้ำมันรัสเซีย รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ โฮวาร์ด ลุตนิคระบุว่า สหรัฐจะ “แก้ปัญหา” ข้อตกลงทางการค้ากับอินเดียหลังประเทศหยุดซื้อน้ำมันรัสเซียและเปิดตลาด ความเห็นของลุตนิคเกิดขึ้นไม่กี่วันหลังจากประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์และนายกรัฐมนตรีอินเดียนเรนทรา โมดียืนยันว่า สหรัฐและอินเดียยังคงเจรจาทางการค้าและแสดงความมั่นใจว่า การเจรจาจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้ รัสเซียกลายเป็นผู้ผลิตน้ำมันหลักให้อินเดียตั้งแต่เกิดความรุนแรงจากความขัดแย้งยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2022 ที่คิดเป็นเกือบ 40% ของการนำเข้าน้ำมันดิบอินเดีย ในขณะเดียวกัน อินเดียกลายเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ของน้ำมันกลั่นให้ยุโรปตั้งแต่ปี 2023 เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐกำหนดอัตราภาษี 25% ของการนำเข้าสินค้าอินเดียทั้งหมดต่อการนำเข้าน้ำมันดิบรัสเซียของอินเดีย ถือเป็นส่วนที่เพิ่มจาก 25% หลังอินเดียและสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในช่วงต้นเดือนสิงหาคมได้ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในการพิจารณาคดีของวุฒิสมาชิก ตัวแทนของทรัมป์หรือทูตอินเดียเซอร์จิโอ กอร์แสดงความรู้สึกแบบเดียวกันในการค้าน้ำมันของอินเดียกับรัสเซีย เขากล่าวขณะที่กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเด็นทางการค้าจะได้รับการแก้ปัญหาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่จะถึงนี้ว่า “ประธานาธิบดีทรัมป์มีความชัดเจนในเรื่องนี้ ดังนั้นอินเดียต้องหยุดซื้อน้ำมันจากรัสเซีย” กอร์กล่าวว่า “เรามีมาตรฐานที่แตกต่างสำหรับอินเดีย เราจึงคาดหวังว่าจะได้มากกว่าประเทศอื่น” https://www.rt.com/india/624557-us-will-sort-out-trade/ ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    WWW.RT.COM
    US will ‘sort out’ trade deal with India after it stops buying Russian oil – commerce secretary
    Howard Lutnick has called on New Delhi to open its markets and refrain from importing crude from Russia
    0 Comments 0 Shares 136 Views 0 Reviews
  • 17-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.1

    ณ ร้านอาแปะ "แดร๊กด่วน" วงประชุม "สภาโกปี๊" ชุดเก่า เวลาเดิม เกิดเรื่องใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคการเมือง แห่กันเข้ามาในหมู่บ้านหมีดุ เหตุเพราะสถิติแรงเกิน หมู่บ้านเดียว ที่ตลอด 20 ปี ยอด NO VOTE สูงสุดอันดับ 1 ของประเทศ คือไม่เลือกใครเลย เป็นแรงดึงดูด ให้บรรดาเสือหิวทั้งหลาย อยากได้คะแนนจากที่นี่ให้ได้ เค้าเรียก "ด่านโหดหิน" ใครได้คะแนนจากที่นี่ได้ คือสุดยอดนักการเมืองเหี้ยที่ไร้พ่าย ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปี ก่อน จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มี 3500 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 3499 ขาด 1 เสียงเพราะนอนพะงาบที่รพ. ICU ใช้สิทธิ์โหวต NO ถึง 3499 เสียงครบตามจำนวนผู้มีสิทธิ์ หมู่บ้านหมีดุ ขึ้นชื่อเรื่อง "ไม่เอาเหี้ยไป จัญไรมา" เพราะไม่ว่าจะกาใคร แม่งก็เหี้ยเหมียงเดิม แล้วกูจะเอาเสียงบริสุทธิ์ในมือไปให้เหี้ยมันทำไมกันล่ะ นโยบายโคตรพ่อง ประชานิยมโคตรแม่ง ดีแต่เผาผลาญงบหาแดร๊ก

    อาแปะ : ไอ้สัส! วันนี้ "เหี้ยบุก" พวกเราเตรียมรับมือกันให้ดีดี งวดนี้ ได้ข่าว มันจัดเต็ม มากันยกแก๊งค์เหี้ย C ท่อน้ำเลี้ยงมันทั้งนั้น 3 พรรคหลอกแดร๊ก 1 พรรคตีเนียน มันเล่นยกสื่อเหี้ยยิวเข้ามา คงถาม หมู่บ้านเรา ไม่นิยมประชาธิปไตยโคตรพ่องยิวบ้างเหรอ?

    อาโก : พอจะมียุบสภาพกันอีก 4 เดือน เดินสายกันเชียวน่ะมรึง 4 ปี แลก 4 วิ หมายังอาย กาเสร็จ กวักมือเรียกให้ตาย แม่งก็ไม่โผล่ สันดาน ใครกันแน่ที่โง่ฟ่ะ?

    อาซิ่ม อินเตอร์ : อีหมู่บ้านชั้น มันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ตามสูตร หัวละ 2000 เริ่มต้น ยิ่งใกล้คืนหมาหอน เอาไปเลย 3500 พร้อมรองเท้าแตะ 1 ข้าง กาเสร็จ ค่อยไปรับอีกข้าง ดูมันทำ? คราวก่อน อีส้มดวย ชนะยกพรรค ทั้งบุคคล และพรรค เพิ่งเคยเห็น แจกบัตรคอนเสิร์ตไอดอลคลั่งฟรี หัวละ 2 ใบ วัยรุ่นแถวบ้านกรี๊ดกร๊าดกันหย่าย ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกเป๊ะเด๊ะ

    อาฉี : โน้น..ไม่ทันไร มันโผล่มาล่ะ เอาไงดี ใครจะเปิดก่อนดีล่ะ?

    อาคิม : ใจร่มๆ ตามสูตร มันต้องแกล้งเข้ามานั่งแดรีกโกปี๊ แล้วถามสารทุกข์ สุขดิบ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และไว้เนื้อเชื้อใจ วิธีการเดียวกับนักล่า จูบก่อนแล้วค่อยขย้ำ มาผิดที่แล้วไอ้นู๋ นี่มันดง "เพชรฆาตนักการเมืองหัวกล้วยนะมรึง" โดนแน่

    อาซิ่ม อินเตอร์ : ไม่รู้ มันจะจำชั้นได้มั้ย เพราะมันเพิ่งจะเข้าไปในหมู่บ้านชั้นเมื่ออาทิตย์ก่อน เงิน 2000 หมดเกลี้ยงแล้ว โดนหวยแดร๊กจ๊ะ แหม..เงินอัปมงคลเสียจริง เงินบาป แทงเหี้ยอะไรก็ไม่ถูก! ให้มากูรับ แต่จะเลือกจริงหรือไม่ เรื่องของกู

    อาแปะ : READY! มันมากันแล้ว สื่อตรึม จัดฉากกันใหญ่เชียวมรึง? เดี๋ยวรู้

    ทันทีที่กองทัพสื่อรับจ้างเหี้ย ดาหน้ากันเข้ามา วางกล้องพร้อม ตัวละครพร้อม ACTION นำหน้าด้วยหัวหน้าพรรคมันม่วง สโลแกน "อยู่ให้สบาย อิ่มหมีพีมันส์" กราบไหว้มาแต่ไกล "สวัสดีครับเพ่น้อง ผมชื่อ "สะเบอเร่อเฮ้ย" ครับเพ่น้อง วันนี้ ขอฝากเนื้อ ฝากตัวไว้ในอ้อมอก อ้อมใจ เพ่น้องชาวหมู่บ้านหมีดุ ด้วยน่ะคร๊าบบบ

    ไม่ทันไร! อาแปะ หน้านิ่ง หน้าตาย ก็นำร่องก่อนเพื่อน ชี้นิ้วไปที่ชื่อป้ายหน้าร้าน ตามสโลแกน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" มันเห็นแล้วสะอึก! กูเพิ่งมาถึง แม่งจะไล่กันแล้วรึเนี่ย? โหดจริง อะไรจริง นี่มันหมู่บ้าน หรือ กรงหมาพันธุ์ดุกันฟ่ะเนี่ย?

    แฮะ..แค่แวะมาทักทาย เพ่น้องทุกท่านคร๊าบ มีอะไรให้รับใช้ บอกมาได้เลย เดี๋ยวจัดการให้ น้ำ ไฟ ถนน สาธารณูปโภค เข้าถึง เข้าถึง อย่าได้ห่วง โปรดเลือก พรรคมันม่วง เบอร์ 88 รับรอง ชีวิตจะสบายไปตลอดกาลขอรับ เพราะเรารับใช้ประชาชนเต็มความสามารถอยู่แล้ว

    อาแปะ : ลื้อจะสั่งอะไร? หากไม่กิน ก็ไสหัวออกไป ที่นี่ เค้าสงบสุขดีอยู่แล้ว

    สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..สั่ง ครับสั่ง โกปี๊ 8 ปาท่องโก๋ 10 ไข่ลวก 10 นมเย็น 4 ขอรับ

    อาแปะ : แล้วบรรดานักข่าวที่ลื้อยกกันมาเป็นขบวนขันหมากเนี่ย ไม่ให้มันได้แดร๊กหน่อยเหรอ? ไหนว่าทำเพื่อประชาชนไง เห็นอยู่ก็ไม่น้อยน่ะ ประมาณ 40 คน จะเลี้ยงมั้ย? (ถามต่อหน้า "สะเบอเร่อเฮ้ย" ขณะ LIVE สดอยู่)

    สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..เลี้ยงสิคร๊าบ เท่าไหร่ ก็เลี้ยงขอรับ(ไอ้สัส..จัดหนักกูทันที)

    อาโก : อ้าว..เลี้ยงแต่นักข่าว ไม่เลี้ยงพวกเรา ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำรึจ๊ะ? คุณหัวหน้าพรรค ดูท่าทาง ไม่ใช่คนขี้เหนียวนิจ๊ะ มาทั้งที มันต้องสร้างความประทับใจหน่อยสิ อยากเห็นผู้แทนประชาชนตัวเป็นๆ ของจริง อ่ะน่ะ (คนในร้านเฮ ทันที)

    สะเบอเร่อเฮ้ย : จัดไปขอรับ เป็นเกียรติที่ได้ดูแลประชาชนครับ มันเป็นหน้าที่

    อาฉี : อ้าว..พวกเรา ไปป่าวประกาศเร็ว ท่านหัวหน้าพรรค จะเลี้ยงยกหมู่บ้าน ใครมีลูกเด็ก เล็กแดง ยกกันมากินฟรีเร็ว! ให้ว่อง ให้ไว ชาวบ้านเฮตามน้ำทันที (กล้องจับภาพบรรยากาศคึกคัก แต่หัวหน้าพรรคหน้าเจื่อน)

    หลังผ่านไป 2 ชั่วโมง หลังแดร๊กกันดุเด็ด เผ็ดมันส์ ร้านอาแปะ ทำยอดขายได้มากกว่าขายทั้งเดือนซะอีก ลาภปาก แดร๊กกันดีนัก กูขอเอาคืนมรึงบ้างเหอะ ก็ถึงเวลา "หาเสียง" ยังไงเสียแล้ว เมื่อชาวบ้านมารุมกินฟรีที่ร้านอาแปะ ก็เอาเป็นที่ถ่ายโลเกชั่นหมู่บ้านไปเลย นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน อีกำนัน ดาหน้ากันเสนอผลงานกันใหญ่ออกสื่อ ออกมาต้อนรับท่านหัวหน้าพรรคมันม่วง ชาวบ้านเห็นชัด ถึงอาการชะเลียส้นตรีนของข้าราชการ กับฝ่ายการเมือง ยิ่งทำให้แค้นจัด เดี๋ยวมีช็อตเด็ดแน่!

    LIVE สด ณ หมู่บ้านหมีดุ ตำบลหมีงาบ อำเภอหมีตะปบ ถ่ายทำที่ร้าน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" โดยมี อาแปะเป็นเจ้าของร้าน และเป็นศูนย์กลางชาวบ้าน ตั้งสภาโกปี๊มาหลายสิบปี เห็นการเมืองมาเยอะ ถูกเชิญไปให้สัมภาษณ์ โดยมีการจัดฉาก ยืนเรียงกันพร้อม ทั้งฝ่ายข้าราชการ และฝ่ายการเมือง

    สะเบอเร่อเฮ้ย : เรา..ในฐานะพรรคมันม่วง ที่ต้องการจะยกระดับความเจริญให้เพ่น้องประชาชน เราต้องการสิ่งที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า และเห็นทันตาเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น นโยบายหลักของเราคือ "กินอิ่ม หลับสบาย" ทุกครัวเรือน จะต้องปลอดภัย และมีกิน มีใช้ ไม่ศักดิ์ศรี ไม่ต้องขอใครกิน อีกต่อไป (ชาวบ้านนั่งฟัง..เงียบกริบ)

    อาแปะ : ลื้อมาเพื่อช่วยพวกเราชิมิ? งั้นลื้อพร้อมจะฟังปัญหา ปากท้องชาวบ้าน และสิ่งที่ชาวบ้านต้องการจริงๆ รึยัง? ที่ไม่ใช่จากปากคนอื่น อ่ะน่ะ กล้าฟังมั้ย?

    (อาแปะพูดคั่นกลาง LIVE สดเลย อี สะเบอเร่อเฮ้ย ถึงกับชงักไป 5 วิ แต่เห็นออกสื่ออยู่ จึงตามน้ำ ผิดแผน กูกะจะใส่นโยบายหลอกแดร๊ก ปั่นหัวควายซะหน่อย แต่เสือกถูกคั่นรายการ เอาเหอะ เดี๋ยวค่อยตบท้ายสวยๆ ปล่อยชาวบ้านได้ปลดปล่อยก่อน)

    อาแปะ : กวักมือเรียก "อาโก" ทันที ตาลื้อล่ะ อั๊วชงให้แล้ว ในหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ดีเท่าลื้อดอก ข้อมูลตรึม ปัญญาเป็นเริ่ด ช่วยบอกท่านหัวหน้าพรรคหน่อยว่า เราต้องการอะไร? จัดไป อย่าให้เสียของ

    อาโก : ก็ไม่มีอะไรมากดอกน่ะ เราอยากให้ท่านรับปากสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการในยามนี้ และในอนาคต หากทำได้ เราทั้งหมู่บ้านจะเลือกพรรคท่านแน่นอน เพราะคนลงมือทำจริง ย่อมดีกว่าเอาแต่พูด พวกเราชอบคนจริง และให้ใจเต็มที่

    สะเบอเร่อเฮ้ย : ยิงลี ก๊าบ..เฮ๊ย ยินดี ขอรับ ผมพร้อมรับฟังปัญหาชาวบ้านอยู่แล้ว ยากแค่ไหน ก็จะทำให้ได้ เพื่อให้ชีวิตที่ดีกลับคืนสู่ทุกหมู่บ้านอีกครั้ง

    อาโก : ใส่ทันที ขอเรียงเป็นข้อๆ ดังนี้

    1.ยกเลิก MOU43/44 ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข ปิดด่านให้หมด จนกว่าขะแมร์แพ้
    2.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ใครแตะต้องสถาบันสูงสุด ประหาร 9 ชั่วโคตร ไม่มียกเว้น
    3.โทษของการคอรัปชั่นคือประหารชีวิตเท่านั้น ไม่มีหมดอายุความ ทำทันที
    4.ตัดทุกอย่างเกี่ยวกับสิทธิพิเศษ และอภิสิทธิ์ของสส. สว. เปลืองงบใช่เหตุ
    5.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ไม่ใช่เลือกกันเอง ภาคประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่าง
    6.องค์กรอิสระ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองยุ่งเด็ดขาด ให้ประชาชนส่งตัวแทนเข้าไป
    7.ผลัดใบกรมปทุมวัน ผลัดใบอัยกวย ผลัดใบกรุมคุก ผลัดใบข้าราชการทั้งระบบ
    8.กฎหมายควบคุมพรรค ท่อน้ำเลี้ยงต่างชาติ ยุบทันที ถอนสิทธิ์ตลอดชีพ
    9.กระจายอำนาจ ไม่ให้ทุกอย่างเข้าสู่ศูนย์กลาง เพาะเชื้อชั่ว 77 จ. บริหารเอง
    10.ยกเลิกระบบนายทุนผูกขาด ใช้ระบบสวัสดิการรัฐนำ งบประมาณกระจายทั่ว
    11.รากฐานสำคัญ ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม บรรจุในระเบียบแห่งชาติต้องมี ทุกรร.
    12.คืนพระราชอำนาจ โปรดเกล้านายกฯ พระราชทาน ฝ่ายการเมือง 30 วัง 70
    13.เรียกคืนอธิปไตยไทย ดินแดนเดิมที่เคยมี และถูกแย่งชิงไปคืนมาให้หมด
    14.ทุนเรียนฟรีต้องมี คนไทยต้องได้รับการศึกษาฟรีไปจนถึงชั้นปริญญา วิชาชีพ
    15.จัดการทุนต่างชาติ ควบคุมผู้อพยพลี้ภัย คนต่างด้าว แรงงานเถื่อน กฎต้องแรง

    หายใจทันมั้ย? เอาแค่นี้ก่อนน่ะ ท่านผู้นำพรรค เดี๋ยวจะฉี่แตกซะก่อน

    สะเบอเร่อเฮ้ย : มึน..โดนหมัดรัว นี่มันเข้ากูทุกดอกนี่หว่า? ตั้งสติได้แป๊บ หันมาหากล้อง ยิ้มหวานๆ เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ทำได้ยากน่ะ เพราะหลายข่อมันขัดกับประชาธิปไตย ที่สากลยอมรับน่ะ

    อาโก : สวนกลับทันควัน.. เอาเหรอ? อั๊วคิดว่าที่นี่คือประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุก เป็นเอกราชมานับ 1000 ปี มีอะไรที่สากลไม่ยอมรับเราบ้างล่ะ อั๊วก็เห็น ทั่วโลกแห่กันเข้ามาเต็มบ้าน เต็มเมือง ไม่เห็นใครบอกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยซะหน่อย

    สะเบอเร่อเฮ้ย : (ของเริ่มขึ้น) ไม่คิดหน่อยรึว่า มันอาจจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์น่ะ หากเราไม่ยึดประชาธิปไตยอันทรงคุณค่าเอาไว้ ทั่วโลกเจริญก็เพราะประชาธิปไตยเนี่ยแหละ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เราจะเดินถอยหลังเอาน่ะ

    อาฉี : แล้วทำไม จีน รัสเซีย ถึงได้เจริญกันล่ะ เพราะมีผู้นำดี ทั้งปูติน สีจิ้นผิง แปลว่าอะไร ระบบอะไรก็ช่าง มันดีหมด หากได้ผู้นำที่ดี เก่ง และฉลาด ที่สำคัญคือ ทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงจัง ประชาธิปไตย 93 ปี ไม่ได้ช่วยให้เราอิ่มได้จริง เลือกตั้งกันมากี่ครั้งแล้วล่ะ แล้วจบยังไง?

    ชาวบ้านเริ่มเฮกันหย่าย สื่อได้ช็อต ปิงปอง เล่นข่าว จับตาดูท่านหัวหน้าพรรค จะเอาตัวรอดยังไงดี? ไม่ทันไร นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ดาหน้าเสนอ องครักษ์พิทักษ์นายทันที เสนอหน้าออกสื่อ "ชมผู้นำพรรคที่มีใจเป็นกลาง" และชื่นชมความเอาใจใส่ แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ยังอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียน บอกสื่อไปหน้าตาเฉยว่า ทุกวันนี้ หมู่บ้านนี้ ร่มเย็นเป็นสุขดี เพราะมีผู้ใหญี่หลายท่านให้ความสนใจ(ก็แหงสิ 10 กว่าปี ไม่ได้แดร๊กแม้เพียงเสียงเดียว คะแนนเดียว มรึงถึงอยากจะแย่งกันอย่างกะหมา เพื่อปลดล็อค สร้างวีรกรรมชนะใจคนในหมู่บ้านนี้ให้ได้ วงพนันขันต่อ วางไว้ 100:1 ใครที่ได้เสียงมา คือแชมป์จ๊ะ)

    ยังไม่ทัน ที่อี สะเบอเร่อเฮ้ย จะแถต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มา สาวน้อยคนนี้มีชื่อว่า "ปุกลุก" ท่านผู้นำขา นู๋มีเรื่องจะขอร้องคร๊า สื่อให้ความสำคัญทันที ด้วยความใสซื่อของเด็ก ก็พูดออกมาโพลงๆ เลยว่า "ทำไมต้องแย่งนมนู๋กินด้วยคร๊า ผู้ใหญ่น่าไม่อาย" เพราะแกเพิ่งจะไปล้างท้องมาหมาดๆ กับเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง ท้องเสียเพราะนมบูด งานเข้านายอำเภอทันที จะแถต่อยังไงดีเนี่ย?

    นายอำเภอหันหน้ามาบอกผู้นำพรรคว่า "เป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิค" การขนส่งล่าช้า และขบวนการขนส่งไม่ได้มาตรฐาน ท่านผู้นำพรรค ก็รีบออกสื่อแจ้งทันที ว่า จะแก้ไขโดยด่วน ต่อไปเด็กๆ จะต้องได้กินนมสดจากฟาร์มทุกวัน สดใหม่เสมอ ยังไม่ทันจะคุยต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มาอีก ถามว่า "อยากได้ ลุงกุ้ง เป็นนายกฯ อ่ะคร๊าบบ" ฮาแตก ทั้งร้าน เด็กมันยังรู้ ว่าใครคือ "วีรบุรุษชาติ"

    บรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ กระแสรักชาติดาษดื่น ดูท่า การหาเสียงครั้งนี้ มันจะไร้ผล ไม่เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ ผู้นำพรรค ถึงได้แถลงการณ์ต่อหน้าสื่อ เพื่อปิดท้ายทันที อ้างว่า "ที่เดินทางมาหมู่บ้านนี้ ก็เพื่อจะดำรงประชาธิปไตย" ให้ระบบแข็งแรง และสนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง รงณรงค์ให้ทุกครัวเรือน มีส่วนในการกำหนดชะตากรรมประเทศ เพราะแลเห็นว่า ผ่านมา 20 ปี หมู่บ้านหมีดุ แห่งนี้ ไม่มีคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดเลยที่เจาะได้ แปลว่า ยังไม่ถูกใจผู้แทนคนไหนเลย ถึงได้มาเพื่อแสดงตัวให้เป็นที่พิจารณา แล้วจึงชิ่งหนีกลับทันที

    ยังไม่ทันจะพ้นปากทางหมู่บ้าน คณะพรรคใหม่ก็โผล่มาทันที งวดนี้ จัดหนัก จัดเต็ม ขนอุปกรณ์เวที มาตั้ง กะให้บรรลือไปทั้งโลก พ่วงดารา ไอดอล มาเต็มตรีน อย่างกะขยวนขันหมาก ไอ้สัส! อี สะเบอเร่อเฮ้ย หน้าเหว่อทันที https://www.minds.com/newsfeed/1814952706748571648
    17-09-68/01 : หมี CNN / "สภาโกปี๊" หรรษาขาประจำ EP5.1 ณ ร้านอาแปะ "แดร๊กด่วน" วงประชุม "สภาโกปี๊" ชุดเก่า เวลาเดิม เกิดเรื่องใหญ่ เมื่อบรรดาพรรคการเมือง แห่กันเข้ามาในหมู่บ้านหมีดุ เหตุเพราะสถิติแรงเกิน หมู่บ้านเดียว ที่ตลอด 20 ปี ยอด NO VOTE สูงสุดอันดับ 1 ของประเทศ คือไม่เลือกใครเลย เป็นแรงดึงดูด ให้บรรดาเสือหิวทั้งหลาย อยากได้คะแนนจากที่นี่ให้ได้ เค้าเรียก "ด่านโหดหิน" ใครได้คะแนนจากที่นี่ได้ คือสุดยอดนักการเมืองเหี้ยที่ไร้พ่าย ครั้งล่าสุดเมื่อ 2 ปี ก่อน จำนวนผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง มี 3500 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 3499 ขาด 1 เสียงเพราะนอนพะงาบที่รพ. ICU ใช้สิทธิ์โหวต NO ถึง 3499 เสียงครบตามจำนวนผู้มีสิทธิ์ หมู่บ้านหมีดุ ขึ้นชื่อเรื่อง "ไม่เอาเหี้ยไป จัญไรมา" เพราะไม่ว่าจะกาใคร แม่งก็เหี้ยเหมียงเดิม แล้วกูจะเอาเสียงบริสุทธิ์ในมือไปให้เหี้ยมันทำไมกันล่ะ นโยบายโคตรพ่อง ประชานิยมโคตรแม่ง ดีแต่เผาผลาญงบหาแดร๊ก อาแปะ : ไอ้สัส! วันนี้ "เหี้ยบุก" พวกเราเตรียมรับมือกันให้ดีดี งวดนี้ ได้ข่าว มันจัดเต็ม มากันยกแก๊งค์เหี้ย C ท่อน้ำเลี้ยงมันทั้งนั้น 3 พรรคหลอกแดร๊ก 1 พรรคตีเนียน มันเล่นยกสื่อเหี้ยยิวเข้ามา คงถาม หมู่บ้านเรา ไม่นิยมประชาธิปไตยโคตรพ่องยิวบ้างเหรอ? อาโก : พอจะมียุบสภาพกันอีก 4 เดือน เดินสายกันเชียวน่ะมรึง 4 ปี แลก 4 วิ หมายังอาย กาเสร็จ กวักมือเรียกให้ตาย แม่งก็ไม่โผล่ สันดาน ใครกันแน่ที่โง่ฟ่ะ? อาซิ่ม อินเตอร์ : อีหมู่บ้านชั้น มันเข้าไปเรียบร้อยแล้ว ตามสูตร หัวละ 2000 เริ่มต้น ยิ่งใกล้คืนหมาหอน เอาไปเลย 3500 พร้อมรองเท้าแตะ 1 ข้าง กาเสร็จ ค่อยไปรับอีกข้าง ดูมันทำ? คราวก่อน อีส้มดวย ชนะยกพรรค ทั้งบุคคล และพรรค เพิ่งเคยเห็น แจกบัตรคอนเสิร์ตไอดอลคลั่งฟรี หัวละ 2 ใบ วัยรุ่นแถวบ้านกรี๊ดกร๊าดกันหย่าย ดิ้นเหมือนโดนน้ำร้อนลวกเป๊ะเด๊ะ อาฉี : โน้น..ไม่ทันไร มันโผล่มาล่ะ เอาไงดี ใครจะเปิดก่อนดีล่ะ? อาคิม : ใจร่มๆ ตามสูตร มันต้องแกล้งเข้ามานั่งแดรีกโกปี๊ แล้วถามสารทุกข์ สุขดิบ เพื่อสร้างความคุ้นเคย และไว้เนื้อเชื้อใจ วิธีการเดียวกับนักล่า จูบก่อนแล้วค่อยขย้ำ มาผิดที่แล้วไอ้นู๋ นี่มันดง "เพชรฆาตนักการเมืองหัวกล้วยนะมรึง" โดนแน่ อาซิ่ม อินเตอร์ : ไม่รู้ มันจะจำชั้นได้มั้ย เพราะมันเพิ่งจะเข้าไปในหมู่บ้านชั้นเมื่ออาทิตย์ก่อน เงิน 2000 หมดเกลี้ยงแล้ว โดนหวยแดร๊กจ๊ะ แหม..เงินอัปมงคลเสียจริง เงินบาป แทงเหี้ยอะไรก็ไม่ถูก! ให้มากูรับ แต่จะเลือกจริงหรือไม่ เรื่องของกู อาแปะ : READY! มันมากันแล้ว สื่อตรึม จัดฉากกันใหญ่เชียวมรึง? เดี๋ยวรู้ ทันทีที่กองทัพสื่อรับจ้างเหี้ย ดาหน้ากันเข้ามา วางกล้องพร้อม ตัวละครพร้อม ACTION นำหน้าด้วยหัวหน้าพรรคมันม่วง สโลแกน "อยู่ให้สบาย อิ่มหมีพีมันส์" กราบไหว้มาแต่ไกล "สวัสดีครับเพ่น้อง ผมชื่อ "สะเบอเร่อเฮ้ย" ครับเพ่น้อง วันนี้ ขอฝากเนื้อ ฝากตัวไว้ในอ้อมอก อ้อมใจ เพ่น้องชาวหมู่บ้านหมีดุ ด้วยน่ะคร๊าบบบ ไม่ทันไร! อาแปะ หน้านิ่ง หน้าตาย ก็นำร่องก่อนเพื่อน ชี้นิ้วไปที่ชื่อป้ายหน้าร้าน ตามสโลแกน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" มันเห็นแล้วสะอึก! กูเพิ่งมาถึง แม่งจะไล่กันแล้วรึเนี่ย? โหดจริง อะไรจริง นี่มันหมู่บ้าน หรือ กรงหมาพันธุ์ดุกันฟ่ะเนี่ย? แฮะ..แค่แวะมาทักทาย เพ่น้องทุกท่านคร๊าบ มีอะไรให้รับใช้ บอกมาได้เลย เดี๋ยวจัดการให้ น้ำ ไฟ ถนน สาธารณูปโภค เข้าถึง เข้าถึง อย่าได้ห่วง โปรดเลือก พรรคมันม่วง เบอร์ 88 รับรอง ชีวิตจะสบายไปตลอดกาลขอรับ เพราะเรารับใช้ประชาชนเต็มความสามารถอยู่แล้ว อาแปะ : ลื้อจะสั่งอะไร? หากไม่กิน ก็ไสหัวออกไป ที่นี่ เค้าสงบสุขดีอยู่แล้ว สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..สั่ง ครับสั่ง โกปี๊ 8 ปาท่องโก๋ 10 ไข่ลวก 10 นมเย็น 4 ขอรับ อาแปะ : แล้วบรรดานักข่าวที่ลื้อยกกันมาเป็นขบวนขันหมากเนี่ย ไม่ให้มันได้แดร๊กหน่อยเหรอ? ไหนว่าทำเพื่อประชาชนไง เห็นอยู่ก็ไม่น้อยน่ะ ประมาณ 40 คน จะเลี้ยงมั้ย? (ถามต่อหน้า "สะเบอเร่อเฮ้ย" ขณะ LIVE สดอยู่) สะเบอเร่อเฮ้ย : อ๋อ..เลี้ยงสิคร๊าบ เท่าไหร่ ก็เลี้ยงขอรับ(ไอ้สัส..จัดหนักกูทันที) อาโก : อ้าว..เลี้ยงแต่นักข่าว ไม่เลี้ยงพวกเรา ชาวบ้านหาเช้ากินค่ำรึจ๊ะ? คุณหัวหน้าพรรค ดูท่าทาง ไม่ใช่คนขี้เหนียวนิจ๊ะ มาทั้งที มันต้องสร้างความประทับใจหน่อยสิ อยากเห็นผู้แทนประชาชนตัวเป็นๆ ของจริง อ่ะน่ะ (คนในร้านเฮ ทันที) สะเบอเร่อเฮ้ย : จัดไปขอรับ เป็นเกียรติที่ได้ดูแลประชาชนครับ มันเป็นหน้าที่ อาฉี : อ้าว..พวกเรา ไปป่าวประกาศเร็ว ท่านหัวหน้าพรรค จะเลี้ยงยกหมู่บ้าน ใครมีลูกเด็ก เล็กแดง ยกกันมากินฟรีเร็ว! ให้ว่อง ให้ไว ชาวบ้านเฮตามน้ำทันที (กล้องจับภาพบรรยากาศคึกคัก แต่หัวหน้าพรรคหน้าเจื่อน) หลังผ่านไป 2 ชั่วโมง หลังแดร๊กกันดุเด็ด เผ็ดมันส์ ร้านอาแปะ ทำยอดขายได้มากกว่าขายทั้งเดือนซะอีก ลาภปาก แดร๊กกันดีนัก กูขอเอาคืนมรึงบ้างเหอะ ก็ถึงเวลา "หาเสียง" ยังไงเสียแล้ว เมื่อชาวบ้านมารุมกินฟรีที่ร้านอาแปะ ก็เอาเป็นที่ถ่ายโลเกชั่นหมู่บ้านไปเลย นายอำเภอ ผู้ใหญ่บ้าน อีกำนัน ดาหน้ากันเสนอผลงานกันใหญ่ออกสื่อ ออกมาต้อนรับท่านหัวหน้าพรรคมันม่วง ชาวบ้านเห็นชัด ถึงอาการชะเลียส้นตรีนของข้าราชการ กับฝ่ายการเมือง ยิ่งทำให้แค้นจัด เดี๋ยวมีช็อตเด็ดแน่! LIVE สด ณ หมู่บ้านหมีดุ ตำบลหมีงาบ อำเภอหมีตะปบ ถ่ายทำที่ร้าน "แดร๊กเสร็จก็ไสหัวไปซะ" โดยมี อาแปะเป็นเจ้าของร้าน และเป็นศูนย์กลางชาวบ้าน ตั้งสภาโกปี๊มาหลายสิบปี เห็นการเมืองมาเยอะ ถูกเชิญไปให้สัมภาษณ์ โดยมีการจัดฉาก ยืนเรียงกันพร้อม ทั้งฝ่ายข้าราชการ และฝ่ายการเมือง สะเบอเร่อเฮ้ย : เรา..ในฐานะพรรคมันม่วง ที่ต้องการจะยกระดับความเจริญให้เพ่น้องประชาชน เราต้องการสิ่งที่ดีกว่า ทันสมัยกว่า และเห็นทันตาเป็นที่ประจักษ์ ดังนั้น นโยบายหลักของเราคือ "กินอิ่ม หลับสบาย" ทุกครัวเรือน จะต้องปลอดภัย และมีกิน มีใช้ ไม่ศักดิ์ศรี ไม่ต้องขอใครกิน อีกต่อไป (ชาวบ้านนั่งฟัง..เงียบกริบ) อาแปะ : ลื้อมาเพื่อช่วยพวกเราชิมิ? งั้นลื้อพร้อมจะฟังปัญหา ปากท้องชาวบ้าน และสิ่งที่ชาวบ้านต้องการจริงๆ รึยัง? ที่ไม่ใช่จากปากคนอื่น อ่ะน่ะ กล้าฟังมั้ย? (อาแปะพูดคั่นกลาง LIVE สดเลย อี สะเบอเร่อเฮ้ย ถึงกับชงักไป 5 วิ แต่เห็นออกสื่ออยู่ จึงตามน้ำ ผิดแผน กูกะจะใส่นโยบายหลอกแดร๊ก ปั่นหัวควายซะหน่อย แต่เสือกถูกคั่นรายการ เอาเหอะ เดี๋ยวค่อยตบท้ายสวยๆ ปล่อยชาวบ้านได้ปลดปล่อยก่อน) อาแปะ : กวักมือเรียก "อาโก" ทันที ตาลื้อล่ะ อั๊วชงให้แล้ว ในหมู่บ้าน ไม่มีใครรู้ดีเท่าลื้อดอก ข้อมูลตรึม ปัญญาเป็นเริ่ด ช่วยบอกท่านหัวหน้าพรรคหน่อยว่า เราต้องการอะไร? จัดไป อย่าให้เสียของ อาโก : ก็ไม่มีอะไรมากดอกน่ะ เราอยากให้ท่านรับปากสิ่งที่พวกเราทุกคนต้องการในยามนี้ และในอนาคต หากทำได้ เราทั้งหมู่บ้านจะเลือกพรรคท่านแน่นอน เพราะคนลงมือทำจริง ย่อมดีกว่าเอาแต่พูด พวกเราชอบคนจริง และให้ใจเต็มที่ สะเบอเร่อเฮ้ย : ยิงลี ก๊าบ..เฮ๊ย ยินดี ขอรับ ผมพร้อมรับฟังปัญหาชาวบ้านอยู่แล้ว ยากแค่ไหน ก็จะทำให้ได้ เพื่อให้ชีวิตที่ดีกลับคืนสู่ทุกหมู่บ้านอีกครั้ง อาโก : ใส่ทันที ขอเรียงเป็นข้อๆ ดังนี้ 1.ยกเลิก MOU43/44 ทันที โดยไม่มีเงื่อนไข ปิดด่านให้หมด จนกว่าขะแมร์แพ้ 2.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ใครแตะต้องสถาบันสูงสุด ประหาร 9 ชั่วโคตร ไม่มียกเว้น 3.โทษของการคอรัปชั่นคือประหารชีวิตเท่านั้น ไม่มีหมดอายุความ ทำทันที 4.ตัดทุกอย่างเกี่ยวกับสิทธิพิเศษ และอภิสิทธิ์ของสส. สว. เปลืองงบใช่เหตุ 5.ร่างรมน.ใหม่เมื่อไหร่ ไม่ใช่เลือกกันเอง ภาคประชาชนต้องเข้าไปมีส่วนร่าง 6.องค์กรอิสระ ไม่ให้ฝ่ายการเมืองยุ่งเด็ดขาด ให้ประชาชนส่งตัวแทนเข้าไป 7.ผลัดใบกรมปทุมวัน ผลัดใบอัยกวย ผลัดใบกรุมคุก ผลัดใบข้าราชการทั้งระบบ 8.กฎหมายควบคุมพรรค ท่อน้ำเลี้ยงต่างชาติ ยุบทันที ถอนสิทธิ์ตลอดชีพ 9.กระจายอำนาจ ไม่ให้ทุกอย่างเข้าสู่ศูนย์กลาง เพาะเชื้อชั่ว 77 จ. บริหารเอง 10.ยกเลิกระบบนายทุนผูกขาด ใช้ระบบสวัสดิการรัฐนำ งบประมาณกระจายทั่ว 11.รากฐานสำคัญ ประวัติศาสตร์ ศีลธรรม บรรจุในระเบียบแห่งชาติต้องมี ทุกรร. 12.คืนพระราชอำนาจ โปรดเกล้านายกฯ พระราชทาน ฝ่ายการเมือง 30 วัง 70 13.เรียกคืนอธิปไตยไทย ดินแดนเดิมที่เคยมี และถูกแย่งชิงไปคืนมาให้หมด 14.ทุนเรียนฟรีต้องมี คนไทยต้องได้รับการศึกษาฟรีไปจนถึงชั้นปริญญา วิชาชีพ 15.จัดการทุนต่างชาติ ควบคุมผู้อพยพลี้ภัย คนต่างด้าว แรงงานเถื่อน กฎต้องแรง หายใจทันมั้ย? เอาแค่นี้ก่อนน่ะ ท่านผู้นำพรรค เดี๋ยวจะฉี่แตกซะก่อน สะเบอเร่อเฮ้ย : มึน..โดนหมัดรัว นี่มันเข้ากูทุกดอกนี่หว่า? ตั้งสติได้แป๊บ หันมาหากล้อง ยิ้มหวานๆ เป็นข้อเสนอที่ดี แต่ทำได้ยากน่ะ เพราะหลายข่อมันขัดกับประชาธิปไตย ที่สากลยอมรับน่ะ อาโก : สวนกลับทันควัน.. เอาเหรอ? อั๊วคิดว่าที่นี่คือประเทศไทย ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุก เป็นเอกราชมานับ 1000 ปี มีอะไรที่สากลไม่ยอมรับเราบ้างล่ะ อั๊วก็เห็น ทั่วโลกแห่กันเข้ามาเต็มบ้าน เต็มเมือง ไม่เห็นใครบอกเราไม่ใช่ประชาธิปไตยซะหน่อย สะเบอเร่อเฮ้ย : (ของเริ่มขึ้น) ไม่คิดหน่อยรึว่า มันอาจจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์น่ะ หากเราไม่ยึดประชาธิปไตยอันทรงคุณค่าเอาไว้ ทั่วโลกเจริญก็เพราะประชาธิปไตยเนี่ยแหละ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เราจะเดินถอยหลังเอาน่ะ อาฉี : แล้วทำไม จีน รัสเซีย ถึงได้เจริญกันล่ะ เพราะมีผู้นำดี ทั้งปูติน สีจิ้นผิง แปลว่าอะไร ระบบอะไรก็ช่าง มันดีหมด หากได้ผู้นำที่ดี เก่ง และฉลาด ที่สำคัญคือ ทำเพื่อส่วนรวมอย่างจริงจัง ประชาธิปไตย 93 ปี ไม่ได้ช่วยให้เราอิ่มได้จริง เลือกตั้งกันมากี่ครั้งแล้วล่ะ แล้วจบยังไง? ชาวบ้านเริ่มเฮกันหย่าย สื่อได้ช็อต ปิงปอง เล่นข่าว จับตาดูท่านหัวหน้าพรรค จะเอาตัวรอดยังไงดี? ไม่ทันไร นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ก็ดาหน้าเสนอ องครักษ์พิทักษ์นายทันที เสนอหน้าออกสื่อ "ชมผู้นำพรรคที่มีใจเป็นกลาง" และชื่นชมความเอาใจใส่ แม้แต่ในหมู่บ้านเล็กๆ ยังอุตส่าห์มาเยี่ยมเยียน บอกสื่อไปหน้าตาเฉยว่า ทุกวันนี้ หมู่บ้านนี้ ร่มเย็นเป็นสุขดี เพราะมีผู้ใหญี่หลายท่านให้ความสนใจ(ก็แหงสิ 10 กว่าปี ไม่ได้แดร๊กแม้เพียงเสียงเดียว คะแนนเดียว มรึงถึงอยากจะแย่งกันอย่างกะหมา เพื่อปลดล็อค สร้างวีรกรรมชนะใจคนในหมู่บ้านนี้ให้ได้ วงพนันขันต่อ วางไว้ 100:1 ใครที่ได้เสียงมา คือแชมป์จ๊ะ) ยังไม่ทัน ที่อี สะเบอเร่อเฮ้ย จะแถต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มา สาวน้อยคนนี้มีชื่อว่า "ปุกลุก" ท่านผู้นำขา นู๋มีเรื่องจะขอร้องคร๊า สื่อให้ความสำคัญทันที ด้วยความใสซื่อของเด็ก ก็พูดออกมาโพลงๆ เลยว่า "ทำไมต้องแย่งนมนู๋กินด้วยคร๊า ผู้ใหญ่น่าไม่อาย" เพราะแกเพิ่งจะไปล้างท้องมาหมาดๆ กับเพื่อนนักเรียนร่วมห้อง ท้องเสียเพราะนมบูด งานเข้านายอำเภอทันที จะแถต่อยังไงดีเนี่ย? นายอำเภอหันหน้ามาบอกผู้นำพรรคว่า "เป็นเรื่องผิดพลาดทางเทคนิค" การขนส่งล่าช้า และขบวนการขนส่งไม่ได้มาตรฐาน ท่านผู้นำพรรค ก็รีบออกสื่อแจ้งทันที ว่า จะแก้ไขโดยด่วน ต่อไปเด็กๆ จะต้องได้กินนมสดจากฟาร์มทุกวัน สดใหม่เสมอ ยังไม่ทันจะคุยต่อ ก็มีเด็กน้อยโผล่มาอีก ถามว่า "อยากได้ ลุงกุ้ง เป็นนายกฯ อ่ะคร๊าบบ" ฮาแตก ทั้งร้าน เด็กมันยังรู้ ว่าใครคือ "วีรบุรุษชาติ" บรรยากาศเริ่มไม่เป็นใจ กระแสรักชาติดาษดื่น ดูท่า การหาเสียงครั้งนี้ มันจะไร้ผล ไม่เป็นดั่งที่คาดคิดไว้ ผู้นำพรรค ถึงได้แถลงการณ์ต่อหน้าสื่อ เพื่อปิดท้ายทันที อ้างว่า "ที่เดินทางมาหมู่บ้านนี้ ก็เพื่อจะดำรงประชาธิปไตย" ให้ระบบแข็งแรง และสนับสนุนให้ทุกคนมีส่วนในการใช้สิทธิ์เลือกตั้ง รงณรงค์ให้ทุกครัวเรือน มีส่วนในการกำหนดชะตากรรมประเทศ เพราะแลเห็นว่า ผ่านมา 20 ปี หมู่บ้านหมีดุ แห่งนี้ ไม่มีคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใดเลยที่เจาะได้ แปลว่า ยังไม่ถูกใจผู้แทนคนไหนเลย ถึงได้มาเพื่อแสดงตัวให้เป็นที่พิจารณา แล้วจึงชิ่งหนีกลับทันที ยังไม่ทันจะพ้นปากทางหมู่บ้าน คณะพรรคใหม่ก็โผล่มาทันที งวดนี้ จัดหนัก จัดเต็ม ขนอุปกรณ์เวที มาตั้ง กะให้บรรลือไปทั้งโลก พ่วงดารา ไอดอล มาเต็มตรีน อย่างกะขยวนขันหมาก ไอ้สัส! อี สะเบอเร่อเฮ้ย หน้าเหว่อทันที https://www.minds.com/newsfeed/1814952706748571648
    0 Comments 0 Shares 196 Views 0 Reviews
  • Wasm 3.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ยกระดับ WebAssembly สู่ยุคใหม่ของการพัฒนาแอปพลิเคชันข้ามแพลตฟอร์ม

    หลังจากใช้เวลาพัฒนานานกว่า 6 ปี ในที่สุด WebAssembly หรือ Wasm ก็เปิดตัวเวอร์ชัน 3.0 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เริ่มมีมาตรฐานนี้ จุดเด่นของ Wasm 3.0 คือการเพิ่มฟีเจอร์ที่ทำให้สามารถรองรับแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น และสามารถเขียนโปรแกรมในระดับสูงได้ง่ายขึ้น โดยยังคงรักษาแนวคิด “low-level but portable” ไว้อย่างเหนียวแน่น

    หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือการรองรับหน่วยความจำแบบ 64 บิต ซึ่งขยายขีดจำกัดจากเดิม 4GB เป็นสูงสุด 16 exabytes (ในทางทฤษฎี) แม้ว่าเบราว์เซอร์จะยังจำกัดไว้ที่ 16GB แต่ในระบบนอกเว็บ เช่น edge computing หรือ serverless ก็สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ขนาดมหาศาลนี้ได้เต็มที่

    นอกจากนี้ Wasm 3.0 ยังเพิ่มการรองรับ garbage collection แบบ low-level, การจัดการ memory หลายชุดในโมดูลเดียว, การเรียกฟังก์ชันแบบ tail call, การจัดการ exception แบบ native, และการใช้ reference types ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการกำหนดพฤติกรรมแบบ deterministic เพื่อรองรับระบบที่ต้องการผลลัพธ์ซ้ำได้ เช่น blockchain

    จากการทดสอบประสิทธิภาพล่าสุด พบว่า Rust สามารถคอมไพล์เป็น Wasm 3.0 ได้เร็วกว่า C++ และให้ขนาดไฟล์เล็กกว่า โดย Rust ใช้เวลาเพียง 4.2 วินาทีและได้ไฟล์ขนาด 76KB ขณะที่ C++ ใช้เวลา 6.8 วินาทีและได้ไฟล์ขนาด 92KB

    Wasm 3.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025
    เป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ WebAssembly
    พัฒนาโดย W3C Community Group และ Working Group

    รองรับหน่วยความจำแบบ 64 บิต
    ขยายขีดจำกัดจาก 4GB เป็นสูงสุด 16 exabytes
    บนเว็บยังจำกัดไว้ที่ 16GB แต่ระบบนอกเว็บสามารถใช้ได้เต็มที่

    รองรับ multiple memories ในโมดูลเดียว
    สามารถประกาศและเข้าถึง memory หลายชุดได้โดยตรง
    รองรับการคัดลอกข้อมูลระหว่าง memory ได้ทันที

    เพิ่มระบบ garbage collection แบบ low-level
    ใช้ struct และ array types เพื่อจัดการหน่วยความจำ
    ไม่มี object system หรือ closure ฝังในตัว เพื่อไม่ให้เอนเอียงกับภาษาใด

    รองรับ typed references และ call_ref
    ป้องกันการเรียกฟังก์ชันผิดประเภท
    ลดการตรวจสอบ runtime และเพิ่มความปลอดภัย

    รองรับ tail calls และ exception handling แบบ native
    tail call ช่วยลดการใช้ stack
    exception สามารถ throw และ catch ได้ภายใน Wasm โดยไม่ต้องพึ่ง JavaScript

    เพิ่ม relaxed vector instructions และ deterministic profile
    relaxed SIMD ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ต่างกัน
    deterministic profile ทำให้ผลลัพธ์ซ้ำได้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำ

    รองรับ custom annotation syntax และ JS string builtins
    เพิ่มความสามารถในการสื่อสารระหว่าง Wasm กับ JavaScript
    รองรับการจัดการ string จาก JS โดยตรงใน Wasm

    ประสิทธิภาพของ Wasm 3.0 ดีขึ้นอย่างชัดเจน
    Rust คอมไพล์เร็วกว่า C++ และได้ไฟล์ขนาดเล็กกว่า
    รองรับการเข้าถึง DOM โดยตรงจาก Wasm โดยไม่ต้องผ่าน JS

    https://webassembly.org/news/2025-09-17-wasm-3.0/
    📰 Wasm 3.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ยกระดับ WebAssembly สู่ยุคใหม่ของการพัฒนาแอปพลิเคชันข้ามแพลตฟอร์ม หลังจากใช้เวลาพัฒนานานกว่า 6 ปี ในที่สุด WebAssembly หรือ Wasm ก็เปิดตัวเวอร์ชัน 3.0 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยถือเป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เริ่มมีมาตรฐานนี้ จุดเด่นของ Wasm 3.0 คือการเพิ่มฟีเจอร์ที่ทำให้สามารถรองรับแอปพลิเคชันขนาดใหญ่ขึ้น มีความปลอดภัยมากขึ้น และสามารถเขียนโปรแกรมในระดับสูงได้ง่ายขึ้น โดยยังคงรักษาแนวคิด “low-level but portable” ไว้อย่างเหนียวแน่น หนึ่งในฟีเจอร์ที่โดดเด่นคือการรองรับหน่วยความจำแบบ 64 บิต ซึ่งขยายขีดจำกัดจากเดิม 4GB เป็นสูงสุด 16 exabytes (ในทางทฤษฎี) แม้ว่าเบราว์เซอร์จะยังจำกัดไว้ที่ 16GB แต่ในระบบนอกเว็บ เช่น edge computing หรือ serverless ก็สามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ขนาดมหาศาลนี้ได้เต็มที่ นอกจากนี้ Wasm 3.0 ยังเพิ่มการรองรับ garbage collection แบบ low-level, การจัดการ memory หลายชุดในโมดูลเดียว, การเรียกฟังก์ชันแบบ tail call, การจัดการ exception แบบ native, และการใช้ reference types ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการกำหนดพฤติกรรมแบบ deterministic เพื่อรองรับระบบที่ต้องการผลลัพธ์ซ้ำได้ เช่น blockchain จากการทดสอบประสิทธิภาพล่าสุด พบว่า Rust สามารถคอมไพล์เป็น Wasm 3.0 ได้เร็วกว่า C++ และให้ขนาดไฟล์เล็กกว่า โดย Rust ใช้เวลาเพียง 4.2 วินาทีและได้ไฟล์ขนาด 76KB ขณะที่ C++ ใช้เวลา 6.8 วินาทีและได้ไฟล์ขนาด 92KB ✅ Wasm 3.0 เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 ➡️ เป็นการอัปเดตครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ WebAssembly ➡️ พัฒนาโดย W3C Community Group และ Working Group ✅ รองรับหน่วยความจำแบบ 64 บิต ➡️ ขยายขีดจำกัดจาก 4GB เป็นสูงสุด 16 exabytes ➡️ บนเว็บยังจำกัดไว้ที่ 16GB แต่ระบบนอกเว็บสามารถใช้ได้เต็มที่ ✅ รองรับ multiple memories ในโมดูลเดียว ➡️ สามารถประกาศและเข้าถึง memory หลายชุดได้โดยตรง ➡️ รองรับการคัดลอกข้อมูลระหว่าง memory ได้ทันที ✅ เพิ่มระบบ garbage collection แบบ low-level ➡️ ใช้ struct และ array types เพื่อจัดการหน่วยความจำ ➡️ ไม่มี object system หรือ closure ฝังในตัว เพื่อไม่ให้เอนเอียงกับภาษาใด ✅ รองรับ typed references และ call_ref ➡️ ป้องกันการเรียกฟังก์ชันผิดประเภท ➡️ ลดการตรวจสอบ runtime และเพิ่มความปลอดภัย ✅ รองรับ tail calls และ exception handling แบบ native ➡️ tail call ช่วยลดการใช้ stack ➡️ exception สามารถ throw และ catch ได้ภายใน Wasm โดยไม่ต้องพึ่ง JavaScript ✅ เพิ่ม relaxed vector instructions และ deterministic profile ➡️ relaxed SIMD ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ต่างกัน ➡️ deterministic profile ทำให้ผลลัพธ์ซ้ำได้ในระบบที่ต้องการความแม่นยำ ✅ รองรับ custom annotation syntax และ JS string builtins ➡️ เพิ่มความสามารถในการสื่อสารระหว่าง Wasm กับ JavaScript ➡️ รองรับการจัดการ string จาก JS โดยตรงใน Wasm ✅ ประสิทธิภาพของ Wasm 3.0 ดีขึ้นอย่างชัดเจน ➡️ Rust คอมไพล์เร็วกว่า C++ และได้ไฟล์ขนาดเล็กกว่า ➡️ รองรับการเข้าถึง DOM โดยตรงจาก Wasm โดยไม่ต้องผ่าน JS https://webassembly.org/news/2025-09-17-wasm-3.0/
    WEBASSEMBLY.ORG
    Wasm 3.0 Completed - WebAssembly
    WebAssembly (abbreviated Wasm) is a binary instruction format for a stack-based virtual machine. Wasm is designed as a portable compilation target for programming languages, enabling deployment on the web for client and server applications.
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • Aoostar เปิดตัว EG01 — Dock eGPU ที่รองรับ Thunderbolt 5 และ OCuLink พร้อมติดตั้ง Mini-PC บนตัวได้

    ในยุคที่การใช้งานกราฟิกระดับสูงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเครื่องเดสก์ท็อปขนาดใหญ่ Aoostar ได้เปิดตัว EG01 ซึ่งเป็น eGPU dock รุ่นใหม่ที่รองรับทั้ง Thunderbolt 5 และ OCuLink — สองมาตรฐานการเชื่อมต่อที่ให้แบนด์วิดธ์สูงสุดในตลาดตอนนี้2 โดย EG01 ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งกราฟิกการ์ดเดสก์ท็อปเต็มขนาด พร้อมรองรับการติดตั้ง Mini-PC ด้านบนตัว dock ได้โดยตรง

    จุดเด่นของ EG01 คือการเปิดให้ผู้ใช้เลือกติดตั้งพาวเวอร์ซัพพลายแบบ ATX หรือ SFX ได้เอง ซึ่งต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่มาพร้อม PSU ฝังในตัว โดยการออกแบบนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรด PSU ได้ในอนาคตตามความต้องการของกราฟิกการ์ดที่ใช้ เช่น หากต้องการใช้การ์ดระดับ RTX 4090 ก็สามารถเปลี่ยน PSU ให้รองรับกำลังไฟที่สูงขึ้นได้ทันที

    EG01 ยังรองรับการจ่ายไฟผ่าน USB Power Delivery สูงถึง 150W ซึ่งมากกว่ารุ่นคู่แข่งอย่าง Peladn Link S-3 ที่รองรับเพียง 140W และยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่มีพอร์ต Thunderbolt 4 ได้ด้วย แม้จะได้ความเร็วต่ำกว่า Thunderbolt 5 ก็ตาม

    แม้จะยังไม่มีการประกาศราคาและวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ Aoostar ยืนยันว่าจะเปิดตัวในระดับสากล และมีแผนรองรับการใช้งานกับทั้งแล็ปท็อป, Mini-PC, และเครื่องเกมพกพา

    Aoostar เปิดตัว EG01 eGPU dock รุ่นใหม่
    รองรับการเชื่อมต่อ Thunderbolt 5 และ OCuLink
    เป็น dock รุ่นแรกที่รวมทั้งสองมาตรฐานไว้ในตัวเดียว

    รองรับการติดตั้งกราฟิกการ์ดเดสก์ท็อปเต็มขนาด
    รองรับการ์ดแบบ single-slot และ dual-slot
    ไม่มี PSU ฝังในตัว แต่เปิดให้ติดตั้ง ATX/SFX PSU ได้เอง

    รองรับการติดตั้ง Mini-PC บนตัว dock
    มีฐานติดตั้ง Mini-PC ด้านบน PSU และ GPU
    เปลี่ยน dock ให้กลายเป็นระบบคล้าย mini-ITX

    รองรับ USB Power Delivery สูงถึง 150W
    เหนือกว่ารุ่นคู่แข่งที่รองรับเพียง 140W
    ช่วยจ่ายไฟให้กับ Mini-PC หรืออุปกรณ์อื่นได้โดยตรง

    รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์หลากหลาย
    ใช้ได้กับแล็ปท็อป, Mini-PC, และเครื่องเกมพกพา
    Thunderbolt 5 ย้อนกลับไปใช้งานกับ Thunderbolt 4 ได้

    คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ EG01
    ยังไม่มีการประกาศราคาและวันวางจำหน่าย
    Thunderbolt 5 ยังไม่แพร่หลายในอุปกรณ์ทั่วไป
    แม้ Thunderbolt 5 จะเร็วขึ้น แต่ยังรองรับ PCIe 4.0 x4 เท่าเดิม
    ประสิทธิภาพในการเล่นเกมอาจไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่คาดหวัง

    https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/this-upcoming-thunderbolt-5-egpu-dock-lets-you-mount-an-entire-mini-pc-on-the-side-also-features-aftermarket-atx-and-sfx-power-supply-support
    📰 Aoostar เปิดตัว EG01 — Dock eGPU ที่รองรับ Thunderbolt 5 และ OCuLink พร้อมติดตั้ง Mini-PC บนตัวได้ ในยุคที่การใช้งานกราฟิกระดับสูงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเครื่องเดสก์ท็อปขนาดใหญ่ Aoostar ได้เปิดตัว EG01 ซึ่งเป็น eGPU dock รุ่นใหม่ที่รองรับทั้ง Thunderbolt 5 และ OCuLink — สองมาตรฐานการเชื่อมต่อที่ให้แบนด์วิดธ์สูงสุดในตลาดตอนนี้2 โดย EG01 ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งกราฟิกการ์ดเดสก์ท็อปเต็มขนาด พร้อมรองรับการติดตั้ง Mini-PC ด้านบนตัว dock ได้โดยตรง จุดเด่นของ EG01 คือการเปิดให้ผู้ใช้เลือกติดตั้งพาวเวอร์ซัพพลายแบบ ATX หรือ SFX ได้เอง ซึ่งต่างจากรุ่นก่อนหน้าที่มาพร้อม PSU ฝังในตัว โดยการออกแบบนี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถอัปเกรด PSU ได้ในอนาคตตามความต้องการของกราฟิกการ์ดที่ใช้ เช่น หากต้องการใช้การ์ดระดับ RTX 4090 ก็สามารถเปลี่ยน PSU ให้รองรับกำลังไฟที่สูงขึ้นได้ทันที EG01 ยังรองรับการจ่ายไฟผ่าน USB Power Delivery สูงถึง 150W ซึ่งมากกว่ารุ่นคู่แข่งอย่าง Peladn Link S-3 ที่รองรับเพียง 140W และยังสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ที่มีพอร์ต Thunderbolt 4 ได้ด้วย แม้จะได้ความเร็วต่ำกว่า Thunderbolt 5 ก็ตาม แม้จะยังไม่มีการประกาศราคาและวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่ Aoostar ยืนยันว่าจะเปิดตัวในระดับสากล และมีแผนรองรับการใช้งานกับทั้งแล็ปท็อป, Mini-PC, และเครื่องเกมพกพา ✅ Aoostar เปิดตัว EG01 eGPU dock รุ่นใหม่ ➡️ รองรับการเชื่อมต่อ Thunderbolt 5 และ OCuLink ➡️ เป็น dock รุ่นแรกที่รวมทั้งสองมาตรฐานไว้ในตัวเดียว ✅ รองรับการติดตั้งกราฟิกการ์ดเดสก์ท็อปเต็มขนาด ➡️ รองรับการ์ดแบบ single-slot และ dual-slot ➡️ ไม่มี PSU ฝังในตัว แต่เปิดให้ติดตั้ง ATX/SFX PSU ได้เอง ✅ รองรับการติดตั้ง Mini-PC บนตัว dock ➡️ มีฐานติดตั้ง Mini-PC ด้านบน PSU และ GPU ➡️ เปลี่ยน dock ให้กลายเป็นระบบคล้าย mini-ITX ✅ รองรับ USB Power Delivery สูงถึง 150W ➡️ เหนือกว่ารุ่นคู่แข่งที่รองรับเพียง 140W ➡️ ช่วยจ่ายไฟให้กับ Mini-PC หรืออุปกรณ์อื่นได้โดยตรง ✅ รองรับการใช้งานกับอุปกรณ์หลากหลาย ➡️ ใช้ได้กับแล็ปท็อป, Mini-PC, และเครื่องเกมพกพา ➡️ Thunderbolt 5 ย้อนกลับไปใช้งานกับ Thunderbolt 4 ได้ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของ EG01 ⛔ ยังไม่มีการประกาศราคาและวันวางจำหน่าย ⛔ Thunderbolt 5 ยังไม่แพร่หลายในอุปกรณ์ทั่วไป ⛔ แม้ Thunderbolt 5 จะเร็วขึ้น แต่ยังรองรับ PCIe 4.0 x4 เท่าเดิม ⛔ ประสิทธิภาพในการเล่นเกมอาจไม่เพิ่มขึ้นเท่าที่คาดหวัง https://www.tomshardware.com/desktops/mini-pcs/this-upcoming-thunderbolt-5-egpu-dock-lets-you-mount-an-entire-mini-pc-on-the-side-also-features-aftermarket-atx-and-sfx-power-supply-support
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    This upcoming Thunderbolt 5 eGPU dock lets you mount an entire mini-PC on the side — also features aftermarket ATX and SFX power supply support
    Aoostar's latest eGPU dock allows you to upgrade the dock's power supply down the road for future GPU upgrades.
    0 Comments 0 Shares 92 Views 0 Reviews
  • กองทัพไทยนำ IOT ลงพื้นที่ชายแดน ดูแนวลวดหนามบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว พร้อมสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ หัวหน้าคณะชื่นชมกองทัพไทยปฏิบัติหน้าที่อย่างมีมาตรฐาน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089179

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    กองทัพไทยนำ IOT ลงพื้นที่ชายแดน ดูแนวลวดหนามบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว พร้อมสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศ หัวหน้าคณะชื่นชมกองทัพไทยปฏิบัติหน้าที่อย่างมีมาตรฐาน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000089179 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    Haha
    Sad
    3
    0 Comments 0 Shares 317 Views 0 Reviews
  • Soft X-Ray Lithography กับความหวังใหม่ของการผลิตชิประดับต่ำกว่า 5 นาโนเมตร — เทคโนโลยี B-EUV กำลังท้าทาย EUV รุ่น Hyper-NA

    ในโลกของการผลิตชิปที่เล็กลงเรื่อย ๆ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ นั่นคือ “Beyond EUV” หรือ B-EUV ซึ่งใช้แสงเลเซอร์ในช่วง Soft X-ray ที่มีความยาวคลื่นสั้นเพียง 6.5–6.7 นาโนเมตร เพื่อสร้างลวดลายบนแผ่นซิลิคอนที่ละเอียดระดับต่ำกว่า 5 นาโนเมตร

    เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการแทนที่ EUV แบบ Hyper-NA ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแม้จะสามารถผลิตชิปรุ่น 2 นาโนเมตรได้ แต่ก็ต้องใช้ระบบออปติกที่ซับซ้อนและมีราคาสูงถึงหลายร้อยล้านดอลลาร์

    ทีมวิจัยของศาสตราจารย์ Michael Tsapatsis ได้ค้นพบว่าโลหะอย่าง “สังกะสี” สามารถดูดซับแสง Soft X-ray และปล่อยอิเล็กตรอนออกมาเพื่อกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีในสารอินทรีย์ที่เรียกว่า “อิมิดาโซล” ซึ่งเป็นวัสดุเรซิสต์ชนิดใหม่ที่สามารถสร้างลวดลายบนแผ่นซิลิคอนได้อย่างแม่นยำ

    นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ชื่อว่า “Chemical Liquid Deposition” (CLD) ที่สามารถเคลือบฟิล์มบางระดับนาโนเมตรได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้สามารถทดสอบวัสดุเรซิสต์แบบใหม่ได้รวดเร็วขึ้น และอาจนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากเซมิคอนดักเตอร์

    แม้เทคโนโลยี B-EUV จะยังอยู่ในขั้นทดลอง และยังไม่มีเครื่องมือที่พร้อมใช้งานจริง แต่การค้นพบนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาวัสดุเรซิสต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคใหญ่ของการผลิตชิปขนาดเล็กในอนาคต

    นักวิจัยจาก Johns Hopkins พัฒนาเทคโนโลยี B-EUV
    ใช้แสง Soft X-ray ที่มีความยาวคลื่น 6.5–6.7 นาโนเมตร
    สามารถสร้างลวดลายบนชิปที่เล็กกว่า 5 นาโนเมตรได้ในทางทฤษฎี

    ค้นพบวัสดุเรซิสต์ใหม่ที่ตอบสนองต่อแสง Soft X-ray
    ใช้โลหะอย่างสังกะสีร่วมกับสารอินทรีย์อิมิดาโซล
    สังกะสีปล่อยอิเล็กตรอนเพื่อกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีที่จำเป็นในการสร้างลวดลาย

    พัฒนาเทคนิค Chemical Liquid Deposition (CLD)
    เคลือบฟิล์มบางระดับนาโนเมตรได้อย่างแม่นยำ
    ช่วยให้ทดสอบวัสดุเรซิสต์ใหม่ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

    B-EUV มีศักยภาพในการแทนที่ Hyper-NA EUV
    ลดความซับซ้อนของระบบออปติก
    อาจช่วยลดต้นทุนการผลิตในอนาคต

    คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของเทคโนโลยี B-EUV
    แหล่งกำเนิดแสง Soft X-ray ยังไม่มีมาตรฐานอุตสาหกรรม
    กระจกสะท้อนแสงสำหรับช่วงคลื่นนี้ยังไม่สามารถผลิตได้
    วัสดุเรซิสต์ทั่วไปไม่ตอบสนองต่อพลังงานโฟตอนสูงของ Soft X-ray
    ยังไม่มีระบบ ecosystem ที่รองรับการผลิตแบบ B-EUV อย่างเต็มรูปแบบ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/beyond-euv-chipmaking-tech-pushes-soft-x-ray-lithography-closer-to-challenging-hyper-na-euv-b-euv-uses-new-resist-chemistry-to-make-smaller-chips
    📰 Soft X-Ray Lithography กับความหวังใหม่ของการผลิตชิประดับต่ำกว่า 5 นาโนเมตร — เทคโนโลยี B-EUV กำลังท้าทาย EUV รุ่น Hyper-NA ในโลกของการผลิตชิปที่เล็กลงเรื่อย ๆ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ที่อาจเปลี่ยนเกมของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ นั่นคือ “Beyond EUV” หรือ B-EUV ซึ่งใช้แสงเลเซอร์ในช่วง Soft X-ray ที่มีความยาวคลื่นสั้นเพียง 6.5–6.7 นาโนเมตร เพื่อสร้างลวดลายบนแผ่นซิลิคอนที่ละเอียดระดับต่ำกว่า 5 นาโนเมตร เทคโนโลยีนี้มีศักยภาพในการแทนที่ EUV แบบ Hyper-NA ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแม้จะสามารถผลิตชิปรุ่น 2 นาโนเมตรได้ แต่ก็ต้องใช้ระบบออปติกที่ซับซ้อนและมีราคาสูงถึงหลายร้อยล้านดอลลาร์ ทีมวิจัยของศาสตราจารย์ Michael Tsapatsis ได้ค้นพบว่าโลหะอย่าง “สังกะสี” สามารถดูดซับแสง Soft X-ray และปล่อยอิเล็กตรอนออกมาเพื่อกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีในสารอินทรีย์ที่เรียกว่า “อิมิดาโซล” ซึ่งเป็นวัสดุเรซิสต์ชนิดใหม่ที่สามารถสร้างลวดลายบนแผ่นซิลิคอนได้อย่างแม่นยำ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคนิคใหม่ชื่อว่า “Chemical Liquid Deposition” (CLD) ที่สามารถเคลือบฟิล์มบางระดับนาโนเมตรได้อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยให้สามารถทดสอบวัสดุเรซิสต์แบบใหม่ได้รวดเร็วขึ้น และอาจนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอื่นนอกเหนือจากเซมิคอนดักเตอร์ แม้เทคโนโลยี B-EUV จะยังอยู่ในขั้นทดลอง และยังไม่มีเครื่องมือที่พร้อมใช้งานจริง แต่การค้นพบนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการแก้ปัญหาวัสดุเรซิสต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุปสรรคใหญ่ของการผลิตชิปขนาดเล็กในอนาคต ✅ นักวิจัยจาก Johns Hopkins พัฒนาเทคโนโลยี B-EUV ➡️ ใช้แสง Soft X-ray ที่มีความยาวคลื่น 6.5–6.7 นาโนเมตร ➡️ สามารถสร้างลวดลายบนชิปที่เล็กกว่า 5 นาโนเมตรได้ในทางทฤษฎี ✅ ค้นพบวัสดุเรซิสต์ใหม่ที่ตอบสนองต่อแสง Soft X-ray ➡️ ใช้โลหะอย่างสังกะสีร่วมกับสารอินทรีย์อิมิดาโซล ➡️ สังกะสีปล่อยอิเล็กตรอนเพื่อกระตุ้นปฏิกิริยาเคมีที่จำเป็นในการสร้างลวดลาย ✅ พัฒนาเทคนิค Chemical Liquid Deposition (CLD) ➡️ เคลือบฟิล์มบางระดับนาโนเมตรได้อย่างแม่นยำ ➡️ ช่วยให้ทดสอบวัสดุเรซิสต์ใหม่ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ✅ B-EUV มีศักยภาพในการแทนที่ Hyper-NA EUV ➡️ ลดความซับซ้อนของระบบออปติก ➡️ อาจช่วยลดต้นทุนการผลิตในอนาคต ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับข้อจำกัดของเทคโนโลยี B-EUV ⛔ แหล่งกำเนิดแสง Soft X-ray ยังไม่มีมาตรฐานอุตสาหกรรม ⛔ กระจกสะท้อนแสงสำหรับช่วงคลื่นนี้ยังไม่สามารถผลิตได้ ⛔ วัสดุเรซิสต์ทั่วไปไม่ตอบสนองต่อพลังงานโฟตอนสูงของ Soft X-ray ⛔ ยังไม่มีระบบ ecosystem ที่รองรับการผลิตแบบ B-EUV อย่างเต็มรูปแบบ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/beyond-euv-chipmaking-tech-pushes-soft-x-ray-lithography-closer-to-challenging-hyper-na-euv-b-euv-uses-new-resist-chemistry-to-make-smaller-chips
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • “Phoenix RowHammer โจมตีทะลุ DDR5 ภายใน 109 วินาที — ECC ก็เอาไม่อยู่ นักวิจัยเตือน DRAM ทั่วโลกยังเสี่ยง”

    ช่องโหว่ RowHammer กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ชื่อว่า “Phoenix” (CVE-2025-6202) ซึ่งถูกค้นพบโดยทีมนักวิจัยจาก ETH Zürich และ Google โดยสามารถโจมตีหน่วยความจำ DDR5 ของ SK Hynix ได้สำเร็จภายในเวลาเพียง 109 วินาที บนเครื่องเดสก์ท็อปทั่วไปที่ใช้การตั้งค่ามาตรฐาน

    RowHammer คือเทคนิคที่ใช้การ “เคาะ” แถวหน่วยความจำซ้ำ ๆ เพื่อสร้างการรบกวนทางไฟฟ้าในแถวข้างเคียง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบิตโดยไม่ได้เข้าถึงโดยตรง ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์, ขโมยข้อมูล, หรือแม้แต่การเจาะระบบ VM ที่อยู่ใกล้กัน

    Phoenix ใช้การ reverse engineering เพื่อเจาะระบบป้องกัน TRR (Target Row Refresh) ที่มีอยู่ใน DRAM โดยพบว่าการรีเฟรชมีช่วง sampling ที่ซ้ำทุก 128 tREFI และมีจุดอ่อนในช่วงต้นของแต่ละรอบ นักวิจัยจึงออกแบบ pattern ใหม่ที่เรียกว่า 128-tREFI และ 2608-tREFI พร้อมระบบ “self-correcting refresh synchronization” ที่ช่วยให้การโจมตีแม่นยำแม้เกิดการรีเฟรชผิดพลาด

    จากการทดสอบบนโมดูล DDR5 ของ SK Hynix จำนวน 15 รุ่น พบว่าทุกตัวสามารถถูกโจมตีได้ และสามารถใช้เพื่อขโมยคีย์ RSA-2048 จาก VM ที่อยู่ใกล้กัน หรือยกระดับสิทธิ์ผ่านไฟล์ sudo ได้จริง

    นักวิจัยแนะนำให้เพิ่มอัตราการรีเฟรช DRAM เป็น 3 เท่า ซึ่งช่วยลดการโจมตีได้ แต่แลกกับประสิทธิภาพที่ลดลงถึง 8.4% บน SPEC CPU2017 และเตือนว่า DRAM ที่ใช้งานอยู่ไม่สามารถอัปเดตได้ ทำให้ช่องโหว่นี้จะยังคงอยู่ไปอีกหลายปี

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ “Phoenix” (CVE-2025-6202) เป็น RowHammer รุ่นใหม่ที่โจมตี DDR5 ได้
    ใช้เวลาโจมตีเพียง 109 วินาทีบนเครื่องเดสก์ท็อปทั่วไป
    ใช้ pattern 128-tREFI และ 2608-tREFI พร้อมระบบ sync อัตโนมัติ
    ทดสอบบน DDR5 ของ SK Hynix 15 รุ่น พบว่าทุกตัวมี bit flip

    ผลกระทบและการโจมตี
    สามารถขโมยคีย์ RSA-2048 จาก VM ที่อยู่ใกล้กัน
    ใช้ไฟล์ sudo เพื่อยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้
    ECC แบบฝังในชิปไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้
    TRR ที่ใช้ใน DRAM มีช่องโหว่ด้าน sampling ที่ถูกเจาะ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RowHammer ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2014 และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
    ช่องโหว่คล้ายกันในอดีต ได้แก่ TRRespass, SMASH, Half-Double และ Blacksmith
    การเพิ่ม refresh rate เป็นวิธีแก้ชั่วคราวที่มีต้นทุนด้านประสิทธิภาพ
    โค้ดทดสอบ Phoenix ถูกเผยแพร่บน GitHub เพื่อใช้ตรวจสอบ DIMM

    https://www.techradar.com/pro/security/new-phoenix-rowhammer-attack-cracks-open-ddr5-memory-defenses-in-minutes
    ⚠️ “Phoenix RowHammer โจมตีทะลุ DDR5 ภายใน 109 วินาที — ECC ก็เอาไม่อยู่ นักวิจัยเตือน DRAM ทั่วโลกยังเสี่ยง” ช่องโหว่ RowHammer กลับมาอีกครั้งในรูปแบบใหม่ชื่อว่า “Phoenix” (CVE-2025-6202) ซึ่งถูกค้นพบโดยทีมนักวิจัยจาก ETH Zürich และ Google โดยสามารถโจมตีหน่วยความจำ DDR5 ของ SK Hynix ได้สำเร็จภายในเวลาเพียง 109 วินาที บนเครื่องเดสก์ท็อปทั่วไปที่ใช้การตั้งค่ามาตรฐาน RowHammer คือเทคนิคที่ใช้การ “เคาะ” แถวหน่วยความจำซ้ำ ๆ เพื่อสร้างการรบกวนทางไฟฟ้าในแถวข้างเคียง ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบิตโดยไม่ได้เข้าถึงโดยตรง ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์, ขโมยข้อมูล, หรือแม้แต่การเจาะระบบ VM ที่อยู่ใกล้กัน Phoenix ใช้การ reverse engineering เพื่อเจาะระบบป้องกัน TRR (Target Row Refresh) ที่มีอยู่ใน DRAM โดยพบว่าการรีเฟรชมีช่วง sampling ที่ซ้ำทุก 128 tREFI และมีจุดอ่อนในช่วงต้นของแต่ละรอบ นักวิจัยจึงออกแบบ pattern ใหม่ที่เรียกว่า 128-tREFI และ 2608-tREFI พร้อมระบบ “self-correcting refresh synchronization” ที่ช่วยให้การโจมตีแม่นยำแม้เกิดการรีเฟรชผิดพลาด จากการทดสอบบนโมดูล DDR5 ของ SK Hynix จำนวน 15 รุ่น พบว่าทุกตัวสามารถถูกโจมตีได้ และสามารถใช้เพื่อขโมยคีย์ RSA-2048 จาก VM ที่อยู่ใกล้กัน หรือยกระดับสิทธิ์ผ่านไฟล์ sudo ได้จริง นักวิจัยแนะนำให้เพิ่มอัตราการรีเฟรช DRAM เป็น 3 เท่า ซึ่งช่วยลดการโจมตีได้ แต่แลกกับประสิทธิภาพที่ลดลงถึง 8.4% บน SPEC CPU2017 และเตือนว่า DRAM ที่ใช้งานอยู่ไม่สามารถอัปเดตได้ ทำให้ช่องโหว่นี้จะยังคงอยู่ไปอีกหลายปี ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ “Phoenix” (CVE-2025-6202) เป็น RowHammer รุ่นใหม่ที่โจมตี DDR5 ได้ ➡️ ใช้เวลาโจมตีเพียง 109 วินาทีบนเครื่องเดสก์ท็อปทั่วไป ➡️ ใช้ pattern 128-tREFI และ 2608-tREFI พร้อมระบบ sync อัตโนมัติ ➡️ ทดสอบบน DDR5 ของ SK Hynix 15 รุ่น พบว่าทุกตัวมี bit flip ✅ ผลกระทบและการโจมตี ➡️ สามารถขโมยคีย์ RSA-2048 จาก VM ที่อยู่ใกล้กัน ➡️ ใช้ไฟล์ sudo เพื่อยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ ➡️ ECC แบบฝังในชิปไม่สามารถป้องกันการโจมตีได้ ➡️ TRR ที่ใช้ใน DRAM มีช่องโหว่ด้าน sampling ที่ถูกเจาะ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RowHammer ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2014 และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ➡️ ช่องโหว่คล้ายกันในอดีต ได้แก่ TRRespass, SMASH, Half-Double และ Blacksmith ➡️ การเพิ่ม refresh rate เป็นวิธีแก้ชั่วคราวที่มีต้นทุนด้านประสิทธิภาพ ➡️ โค้ดทดสอบ Phoenix ถูกเผยแพร่บน GitHub เพื่อใช้ตรวจสอบ DIMM https://www.techradar.com/pro/security/new-phoenix-rowhammer-attack-cracks-open-ddr5-memory-defenses-in-minutes
    WWW.TECHRADAR.COM
    New Phoenix RowHammer Threat Exposes DDR5 Memory to Rapid Attacks
    It took researchers less than two minutes to crack open a computer
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • “Looking Glass เปิดตัวจอ Hololuminescent Display — เปลี่ยนวิดีโอธรรมดาให้กลายเป็นภาพโฮโลแกรม 3D แบบไร้แว่น”

    หลังจากคร่ำหวอดในวงการจอภาพโฮโลกราฟิกมานานกว่า 10 ปี บริษัท Looking Glass ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในชื่อ “Hololuminescent Display” หรือ HLD ซึ่งเป็นจอภาพที่สามารถแสดงผลวิดีโอธรรมดาให้กลายเป็นภาพสามมิติแบบโฮโลแกรม โดยไม่ต้องใช้แว่นตา, eye tracking หรือซอฟต์แวร์ 3D เฉพาะทางใด ๆ

    HLD ถูกออกแบบมาให้บางเพียง 1 นิ้ว รองรับความละเอียดสูงสุดถึง 4K และสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่ทั่วไป เช่น ร้านค้า, เวทีแสดงสินค้า, หรือป้ายดิจิทัล โดยไม่ต้องปรับโครงสร้างระบบเดิม จุดเด่นคือสามารถใช้งานร่วมกับ workflow มาตรฐาน เช่น Adobe Premiere, After Effects, Unity และ Unreal ได้ทันที

    เทคโนโลยีนี้ใช้การผสาน “holographic volume” เข้าไปใน optical stack ของจอ LCD หรือ OLED ทำให้ภาพที่แสดงออกมามีมิติและความลึกแบบโฮโลแกรมจริง ๆ โดยไม่ต้องสร้างโมเดล 3D ล่วงหน้า เหมาะสำหรับการนำเสนอสินค้า, ตัวละคร, หรือประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟในพื้นที่สาธารณะ

    Looking Glass วางแผนเปิดตัวจอ HLD ขนาด 16 นิ้ว (FHD) ในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยเริ่มต้นที่ราคา $1,500 ส่วนรุ่น 27 นิ้วแบบ 4K จะวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน–ธันวาคม และรุ่นใหญ่ 86 นิ้วจะตามมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2026

    แม้จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ แต่ HLD ไม่ได้มาแทนที่จอ Light Field Display (LFD) เดิมของบริษัท ซึ่งยังคงมีจำหน่ายสำหรับงานวิจัย, การแพทย์, และการออกแบบ 3D ที่ต้องการความแม่นยำสูง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Looking Glass เปิดตัวจอ Hololuminescent Display (HLD) ที่แสดงภาพโฮโลแกรม 3D โดยไม่ต้องใช้แว่น
    จอบางเพียง 1 นิ้ว รองรับความละเอียดสูงสุด 4K และติดตั้งได้ในพื้นที่ทั่วไป
    ใช้ workflow มาตรฐาน เช่น Adobe Premiere, After Effects, Unity และ Unreal
    ใช้เทคโนโลยี hybrid ที่ผสาน holographic volume เข้ากับ optical stack ของจอ LCD/OLED

    รุ่นและกำหนดการวางจำหน่าย
    รุ่น 16 นิ้ว (FHD) เริ่มต้นที่ $1,500 วางจำหน่ายใน Q4 ปี 2025
    รุ่น 27 นิ้ว (4K) วางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน–ธันวาคม 2025
    รุ่น 86 นิ้ว (4K) วางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 2026
    จอ LFD เดิมยังคงมีจำหน่ายสำหรับงานวิจัยและอุตสาหกรรมเฉพาะทาง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    HLD เหมาะสำหรับการตลาด, ป้ายดิจิทัล, และการแสดงสินค้าในพื้นที่สาธารณะ
    ไม่ต้องใช้ eye tracking หรือซอฟต์แวร์ 3D เฉพาะทาง ทำให้ใช้งานได้ง่าย
    สามารถแสดงผลกับผู้ชมหลายคนพร้อมกัน โดยไม่จำกัดมุมมอง
    เทคโนโลยีนี้ช่วยลดต้นทุนการพัฒนาเนื้อหา 3D และเพิ่มความสามารถในการขยายระบบ

    https://www.tomshardware.com/monitors/looking-glass-demos-hololuminescent-display-monitors-sizes-range-from-16-to-85-inches-starting-at-usd1-500
    🌟 “Looking Glass เปิดตัวจอ Hololuminescent Display — เปลี่ยนวิดีโอธรรมดาให้กลายเป็นภาพโฮโลแกรม 3D แบบไร้แว่น” หลังจากคร่ำหวอดในวงการจอภาพโฮโลกราฟิกมานานกว่า 10 ปี บริษัท Looking Glass ได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในชื่อ “Hololuminescent Display” หรือ HLD ซึ่งเป็นจอภาพที่สามารถแสดงผลวิดีโอธรรมดาให้กลายเป็นภาพสามมิติแบบโฮโลแกรม โดยไม่ต้องใช้แว่นตา, eye tracking หรือซอฟต์แวร์ 3D เฉพาะทางใด ๆ HLD ถูกออกแบบมาให้บางเพียง 1 นิ้ว รองรับความละเอียดสูงสุดถึง 4K และสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่ทั่วไป เช่น ร้านค้า, เวทีแสดงสินค้า, หรือป้ายดิจิทัล โดยไม่ต้องปรับโครงสร้างระบบเดิม จุดเด่นคือสามารถใช้งานร่วมกับ workflow มาตรฐาน เช่น Adobe Premiere, After Effects, Unity และ Unreal ได้ทันที เทคโนโลยีนี้ใช้การผสาน “holographic volume” เข้าไปใน optical stack ของจอ LCD หรือ OLED ทำให้ภาพที่แสดงออกมามีมิติและความลึกแบบโฮโลแกรมจริง ๆ โดยไม่ต้องสร้างโมเดล 3D ล่วงหน้า เหมาะสำหรับการนำเสนอสินค้า, ตัวละคร, หรือประสบการณ์แบบอินเทอร์แอคทีฟในพื้นที่สาธารณะ Looking Glass วางแผนเปิดตัวจอ HLD ขนาด 16 นิ้ว (FHD) ในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยเริ่มต้นที่ราคา $1,500 ส่วนรุ่น 27 นิ้วแบบ 4K จะวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน–ธันวาคม และรุ่นใหญ่ 86 นิ้วจะตามมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 แม้จะเป็นเทคโนโลยีใหม่ แต่ HLD ไม่ได้มาแทนที่จอ Light Field Display (LFD) เดิมของบริษัท ซึ่งยังคงมีจำหน่ายสำหรับงานวิจัย, การแพทย์, และการออกแบบ 3D ที่ต้องการความแม่นยำสูง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Looking Glass เปิดตัวจอ Hololuminescent Display (HLD) ที่แสดงภาพโฮโลแกรม 3D โดยไม่ต้องใช้แว่น ➡️ จอบางเพียง 1 นิ้ว รองรับความละเอียดสูงสุด 4K และติดตั้งได้ในพื้นที่ทั่วไป ➡️ ใช้ workflow มาตรฐาน เช่น Adobe Premiere, After Effects, Unity และ Unreal ➡️ ใช้เทคโนโลยี hybrid ที่ผสาน holographic volume เข้ากับ optical stack ของจอ LCD/OLED ✅ รุ่นและกำหนดการวางจำหน่าย ➡️ รุ่น 16 นิ้ว (FHD) เริ่มต้นที่ $1,500 วางจำหน่ายใน Q4 ปี 2025 ➡️ รุ่น 27 นิ้ว (4K) วางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน–ธันวาคม 2025 ➡️ รุ่น 86 นิ้ว (4K) วางจำหน่ายในเดือนกุมภาพันธ์ 2026 ➡️ จอ LFD เดิมยังคงมีจำหน่ายสำหรับงานวิจัยและอุตสาหกรรมเฉพาะทาง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ HLD เหมาะสำหรับการตลาด, ป้ายดิจิทัล, และการแสดงสินค้าในพื้นที่สาธารณะ ➡️ ไม่ต้องใช้ eye tracking หรือซอฟต์แวร์ 3D เฉพาะทาง ทำให้ใช้งานได้ง่าย ➡️ สามารถแสดงผลกับผู้ชมหลายคนพร้อมกัน โดยไม่จำกัดมุมมอง ➡️ เทคโนโลยีนี้ช่วยลดต้นทุนการพัฒนาเนื้อหา 3D และเพิ่มความสามารถในการขยายระบบ https://www.tomshardware.com/monitors/looking-glass-demos-hololuminescent-display-monitors-sizes-range-from-16-to-85-inches-starting-at-usd1-500
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Looking Glass demos Hololuminescent Display monitors — sizes range from 16 to 85 inches, starting at $1,500
    These displays don't need eye tracking, special glasses, and are good for group viewing.
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • “Quantum Motion เปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมจากชิปซิลิคอน — จุดเปลี่ยนที่อาจทำให้ควอนตัมกลายเป็นเรื่อง ‘ธรรมดา’”

    Quantum Motion สตาร์ทอัพจากสหราชอาณาจักรที่แยกตัวจากมหาวิทยาลัย Oxford และ UCL ได้ประกาศเปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบ full-stack เครื่องแรกของโลกที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีชิปซิลิคอนมาตรฐานแบบเดียวกับที่ใช้ในโน้ตบุ๊กและสมาร์ตโฟน โดยระบบนี้ถูกติดตั้งแล้วที่ศูนย์ National Quantum Computing Centre (NQCC) ของสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2025

    สิ่งที่ทำให้ระบบนี้โดดเด่นคือการใช้กระบวนการผลิต CMOS ขนาด 300 มม. ซึ่งสามารถผลิตได้ในโรงงานชิปทั่วไป และติดตั้งในตู้เซิร์ฟเวอร์ขนาดมาตรฐาน 19 นิ้วเพียง 3 ตู้เท่านั้น — รวมถึงระบบ cryogenics และอุปกรณ์ควบคุมทั้งหมด ถือเป็น “quantum computing’s silicon moment” ที่อาจเปลี่ยนเกมการผลิตฮาร์ดแวร์ควอนตัมให้สามารถขยายได้ในระดับอุตสาหกรรม

    ระบบนี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบ tileable ที่สามารถขยายจำนวน qubit ได้ในอนาคต และรองรับเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Qiskit และ Cirq ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปควอนตัมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องมือใหม่ทั้งหมด

    แม้จะเป็นก้าวใหญ่ด้านวิศวกรรม แต่ Quantum Motion ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญ เช่น จำนวน qubit, ความแม่นยำของ gate, เวลาคงอยู่ของ qubit หรือ benchmark ใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้ยังไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพจริงได้ในตอนนี้ และต้องรอการทดสอบจาก NQCC ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Quantum Motion เปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบ full-stack จากชิปซิลิคอนมาตรฐาน
    ใช้กระบวนการผลิต CMOS ขนาด 300 มม. ที่สามารถผลิตในโรงงานทั่วไป
    ติดตั้งในศูนย์ NQCC ของสหราชอาณาจักรเมื่อ 15 กันยายน 2025
    ระบบทั้งหมดอยู่ในตู้เซิร์ฟเวอร์ขนาด 19 นิ้วเพียง 3 ตู้ รวมถึงตู้เย็นควอนตัมและอุปกรณ์ควบคุม

    จุดเด่นด้านเทคโนโลยี
    ใช้สถาปัตยกรรม tileable ที่สามารถขยายจำนวน qubit ได้ในอนาคต
    รองรับเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น Qiskit และ Cirq
    ออกแบบให้สามารถติดตั้งในศูนย์ข้อมูลทั่วไปโดยไม่ต้องปรับโครงสร้าง
    เป็นระบบแรกที่ใช้ชิปซิลิคอนแบบ mass manufacturable สำหรับควอนตัม

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Quantum Motion ก่อตั้งในปี 2017 โดยนักวิจัยจาก Oxford และ UCL
    ได้รับเงินทุนกว่า $50.8 ล้านในปี 2023 และเข้าร่วมโครงการ DARPA QBI ในปี 2025
    การใช้ชิปซิลิคอนช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการผลิตจำนวนมาก
    หากสำเร็จ อาจนำไปสู่การใช้งานควอนตัมในด้านพลังงาน ยา และการเงินอย่างแพร่หลาย

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/uk-start-up-quantum-computer-runs-on-standard-chips
    🧊 “Quantum Motion เปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมจากชิปซิลิคอน — จุดเปลี่ยนที่อาจทำให้ควอนตัมกลายเป็นเรื่อง ‘ธรรมดา’” Quantum Motion สตาร์ทอัพจากสหราชอาณาจักรที่แยกตัวจากมหาวิทยาลัย Oxford และ UCL ได้ประกาศเปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบ full-stack เครื่องแรกของโลกที่สร้างขึ้นจากเทคโนโลยีชิปซิลิคอนมาตรฐานแบบเดียวกับที่ใช้ในโน้ตบุ๊กและสมาร์ตโฟน โดยระบบนี้ถูกติดตั้งแล้วที่ศูนย์ National Quantum Computing Centre (NQCC) ของสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2025 สิ่งที่ทำให้ระบบนี้โดดเด่นคือการใช้กระบวนการผลิต CMOS ขนาด 300 มม. ซึ่งสามารถผลิตได้ในโรงงานชิปทั่วไป และติดตั้งในตู้เซิร์ฟเวอร์ขนาดมาตรฐาน 19 นิ้วเพียง 3 ตู้เท่านั้น — รวมถึงระบบ cryogenics และอุปกรณ์ควบคุมทั้งหมด ถือเป็น “quantum computing’s silicon moment” ที่อาจเปลี่ยนเกมการผลิตฮาร์ดแวร์ควอนตัมให้สามารถขยายได้ในระดับอุตสาหกรรม ระบบนี้ใช้สถาปัตยกรรมแบบ tileable ที่สามารถขยายจำนวน qubit ได้ในอนาคต และรองรับเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Qiskit และ Cirq ทำให้นักพัฒนาสามารถสร้างแอปควอนตัมได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องมือใหม่ทั้งหมด แม้จะเป็นก้าวใหญ่ด้านวิศวกรรม แต่ Quantum Motion ยังไม่ได้เปิดเผยข้อมูลสำคัญ เช่น จำนวน qubit, ความแม่นยำของ gate, เวลาคงอยู่ของ qubit หรือ benchmark ใด ๆ ทั้งสิ้น ทำให้ยังไม่สามารถประเมินประสิทธิภาพจริงได้ในตอนนี้ และต้องรอการทดสอบจาก NQCC ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Quantum Motion เปิดตัวคอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบ full-stack จากชิปซิลิคอนมาตรฐาน ➡️ ใช้กระบวนการผลิต CMOS ขนาด 300 มม. ที่สามารถผลิตในโรงงานทั่วไป ➡️ ติดตั้งในศูนย์ NQCC ของสหราชอาณาจักรเมื่อ 15 กันยายน 2025 ➡️ ระบบทั้งหมดอยู่ในตู้เซิร์ฟเวอร์ขนาด 19 นิ้วเพียง 3 ตู้ รวมถึงตู้เย็นควอนตัมและอุปกรณ์ควบคุม ✅ จุดเด่นด้านเทคโนโลยี ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม tileable ที่สามารถขยายจำนวน qubit ได้ในอนาคต ➡️ รองรับเฟรมเวิร์กยอดนิยม เช่น Qiskit และ Cirq ➡️ ออกแบบให้สามารถติดตั้งในศูนย์ข้อมูลทั่วไปโดยไม่ต้องปรับโครงสร้าง ➡️ เป็นระบบแรกที่ใช้ชิปซิลิคอนแบบ mass manufacturable สำหรับควอนตัม ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Quantum Motion ก่อตั้งในปี 2017 โดยนักวิจัยจาก Oxford และ UCL ➡️ ได้รับเงินทุนกว่า $50.8 ล้านในปี 2023 และเข้าร่วมโครงการ DARPA QBI ในปี 2025 ➡️ การใช้ชิปซิลิคอนช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการผลิตจำนวนมาก ➡️ หากสำเร็จ อาจนำไปสู่การใช้งานควอนตัมในด้านพลังงาน ยา และการเงินอย่างแพร่หลาย https://www.tomshardware.com/tech-industry/supercomputers/uk-start-up-quantum-computer-runs-on-standard-chips
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Start-up hails world's first quantum computer made from everyday silicon — fits in three 19-inch server racks and is touted as 'quantum computing's silicon moment'
    Built on a standard CMOS process and packed into three racks, Quantum Motion’s silicon spin-qubit machine is ready to be tested.
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • “เอกสารดิจิทัลไม่ใช่แค่ไฟล์ — เมื่อการแก้ไขอย่างปลอดภัยกลายเป็นเกราะป้องกันธุรกิจยุคใหม่”

    ในยุคที่ข้อมูลสำคัญขององค์กรถูกเก็บไว้ในรูปแบบเอกสารดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นสัญญา บันทึกทางการแพทย์ หรือแผนการเงิน การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัย (Secure Document Editing) จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นความรับผิดชอบระดับองค์กรที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการปฏิบัติตามกฎหมายโดยตรง

    บทความจาก HackRead ได้ยกตัวอย่างกรณีที่ผู้บริหารคนหนึ่งแชร์ประสบการณ์ในเวิร์กช็อปว่า เอกสารนโยบายภายในองค์กรถูกดักฟังระหว่างการแก้ไข ส่งผลให้ข้อมูลรั่วไหลและเกิดความเสียหายถาวร เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการใช้เครื่องมือแก้ไขเอกสารที่มีการเข้ารหัสและระบบควบคุมสิทธิ์อย่างรัดกุม

    ภัยคุกคามไม่ได้มาจากภายนอกเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการจัดการสิทธิ์ภายในที่ไม่เหมาะสม เช่น การแชร์ไฟล์ผ่านอีเมลหรือคลาวด์โดยไม่มีการควบคุม ทำให้ข้อมูลสำคัญ เช่น ผลตรวจสุขภาพหรือข้อมูลลูกค้า ตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์

    การเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนจึงเป็นหัวใจของการแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะในยุคที่ค่าเสียหายจากการรั่วไหลข้อมูลพุ่งสูงถึง 4.45 ล้านดอลลาร์ต่อกรณีในปี 2023 และกฎหมายใหม่ในปี 2025 เช่น HIPAA, GDPR, SOX ต่างกำหนดให้การเข้ารหัสไม่ใช่แค่ “แนะนำ” แต่เป็น “ข้อบังคับ”

    นอกจากเรื่องกฎหมาย การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัยยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เช่น บริษัทกฎหมายแห่งหนึ่งที่ใช้ระบบแก้ไขเอกสารแบบเข้ารหัสและมีระบบติดตามการเปลี่ยนแปลง ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจและแนะนำบริการต่อ

    สุดท้าย การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัยควรถูกฝังอยู่ใน workflow ขององค์กร ไม่ใช่เป็นแค่เครื่องมือเสริม โดยควรมีระบบเซ็นชื่อดิจิทัล การควบคุมสิทธิ์ตามบทบาท และการเก็บเวอร์ชันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทีมงานทำงานได้อย่างราบรื่นโดยไม่ลดระดับความปลอดภัย

    ข้อมูลสำคัญจากบทความ
    เอกสารดิจิทัล เช่น สัญญาและข้อมูลสุขภาพ ต้องได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวด
    การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัยต้องมีการเข้ารหัสและควบคุมสิทธิ์
    ค่าเสียหายจากการรั่วไหลข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 4.45 ล้านดอลลาร์ต่อกรณีในปี 2023
    กฎหมายใหม่ในปี 2025 เช่น HIPAA และ GDPR กำหนดให้การเข้ารหัสเป็นข้อบังคับ

    แนวทางการแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัย
    ใช้ระบบที่รองรับการเซ็นชื่อดิจิทัลและการควบคุมสิทธิ์ตามบทบาท
    มีระบบติดตามเวอร์ชันและประวัติการแก้ไข (audit trail)
    ควรฝังระบบความปลอดภัยไว้ใน workflow ไม่ใช่เป็นแค่เครื่องมือเสริม
    การใช้ระบบที่ใช้งานง่ายช่วยลดการหลีกเลี่ยงจากผู้ใช้

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    มาตรฐานการเข้ารหัสที่แนะนำในปี 2025 ได้แก่ AES-256 และ RSA-4096
    การเข้ารหัสแบบ zero-knowledge ช่วยป้องกันแม้แต่ผู้ดูแลระบบไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้
    การปฏิบัติตาม GDPR ต้องแจ้งเหตุรั่วไหลภายใน 72 ชั่วโมง และมีสิทธิ์ลบข้อมูลตามคำขอผู้ใช้
    การไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงสุดถึง 4% ของรายได้ทั่วโลก

    https://hackread.com/why-secure-document-editing-important-than-ever/
    📄 “เอกสารดิจิทัลไม่ใช่แค่ไฟล์ — เมื่อการแก้ไขอย่างปลอดภัยกลายเป็นเกราะป้องกันธุรกิจยุคใหม่” ในยุคที่ข้อมูลสำคัญขององค์กรถูกเก็บไว้ในรูปแบบเอกสารดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นสัญญา บันทึกทางการแพทย์ หรือแผนการเงิน การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัย (Secure Document Editing) จึงไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นความรับผิดชอบระดับองค์กรที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการปฏิบัติตามกฎหมายโดยตรง บทความจาก HackRead ได้ยกตัวอย่างกรณีที่ผู้บริหารคนหนึ่งแชร์ประสบการณ์ในเวิร์กช็อปว่า เอกสารนโยบายภายในองค์กรถูกดักฟังระหว่างการแก้ไข ส่งผลให้ข้อมูลรั่วไหลและเกิดความเสียหายถาวร เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความจำเป็นในการใช้เครื่องมือแก้ไขเอกสารที่มีการเข้ารหัสและระบบควบคุมสิทธิ์อย่างรัดกุม ภัยคุกคามไม่ได้มาจากภายนอกเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการจัดการสิทธิ์ภายในที่ไม่เหมาะสม เช่น การแชร์ไฟล์ผ่านอีเมลหรือคลาวด์โดยไม่มีการควบคุม ทำให้ข้อมูลสำคัญ เช่น ผลตรวจสุขภาพหรือข้อมูลลูกค้า ตกเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ การเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนจึงเป็นหัวใจของการแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัย โดยเฉพาะในยุคที่ค่าเสียหายจากการรั่วไหลข้อมูลพุ่งสูงถึง 4.45 ล้านดอลลาร์ต่อกรณีในปี 2023 และกฎหมายใหม่ในปี 2025 เช่น HIPAA, GDPR, SOX ต่างกำหนดให้การเข้ารหัสไม่ใช่แค่ “แนะนำ” แต่เป็น “ข้อบังคับ” นอกจากเรื่องกฎหมาย การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัยยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า เช่น บริษัทกฎหมายแห่งหนึ่งที่ใช้ระบบแก้ไขเอกสารแบบเข้ารหัสและมีระบบติดตามการเปลี่ยนแปลง ทำให้ลูกค้ารู้สึกมั่นใจและแนะนำบริการต่อ สุดท้าย การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัยควรถูกฝังอยู่ใน workflow ขององค์กร ไม่ใช่เป็นแค่เครื่องมือเสริม โดยควรมีระบบเซ็นชื่อดิจิทัล การควบคุมสิทธิ์ตามบทบาท และการเก็บเวอร์ชันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ทีมงานทำงานได้อย่างราบรื่นโดยไม่ลดระดับความปลอดภัย ✅ ข้อมูลสำคัญจากบทความ ➡️ เอกสารดิจิทัล เช่น สัญญาและข้อมูลสุขภาพ ต้องได้รับการปกป้องอย่างเข้มงวด ➡️ การแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัยต้องมีการเข้ารหัสและควบคุมสิทธิ์ ➡️ ค่าเสียหายจากการรั่วไหลข้อมูลเฉลี่ยอยู่ที่ 4.45 ล้านดอลลาร์ต่อกรณีในปี 2023 ➡️ กฎหมายใหม่ในปี 2025 เช่น HIPAA และ GDPR กำหนดให้การเข้ารหัสเป็นข้อบังคับ ✅ แนวทางการแก้ไขเอกสารอย่างปลอดภัย ➡️ ใช้ระบบที่รองรับการเซ็นชื่อดิจิทัลและการควบคุมสิทธิ์ตามบทบาท ➡️ มีระบบติดตามเวอร์ชันและประวัติการแก้ไข (audit trail) ➡️ ควรฝังระบบความปลอดภัยไว้ใน workflow ไม่ใช่เป็นแค่เครื่องมือเสริม ➡️ การใช้ระบบที่ใช้งานง่ายช่วยลดการหลีกเลี่ยงจากผู้ใช้ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ มาตรฐานการเข้ารหัสที่แนะนำในปี 2025 ได้แก่ AES-256 และ RSA-4096 ➡️ การเข้ารหัสแบบ zero-knowledge ช่วยป้องกันแม้แต่ผู้ดูแลระบบไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ➡️ การปฏิบัติตาม GDPR ต้องแจ้งเหตุรั่วไหลภายใน 72 ชั่วโมง และมีสิทธิ์ลบข้อมูลตามคำขอผู้ใช้ ➡️ การไม่ปฏิบัติตามอาจถูกปรับสูงสุดถึง 4% ของรายได้ทั่วโลก https://hackread.com/why-secure-document-editing-important-than-ever/
    HACKREAD.COM
    Why Secure Document Editing is More Important than Ever
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
More Results