• VR จำลองประสบการณ์ความตาย: เทคโนโลยีที่ช่วยให้เราเข้าใจช่วงสุดท้ายของชีวิต

    มหาวิทยาลัยมินนิโซตาได้พัฒนา ประสบการณ์ VR ที่จำลองช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต โดยให้ผู้ใช้สามารถ มองเห็นร่างกายของตนเองจากมุมมองบุคคลที่สาม และรับรู้ถึง ปฏิกิริยาของคนรอบข้างในช่วงเวลาสุดท้าย ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการช่วยให้ผู้คน เข้าใจและเตรียมตัวรับมือกับความตาย

    ✅ VR จำลองช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตจากมุมมองบุคคลที่สาม
    - ผู้ใช้สามารถ มองเห็นร่างกายของตนเองและรับรู้ถึงปฏิกิริยาของคนรอบข้าง

    ✅ พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยมินนิโซตาเพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าใจความตาย
    - เป็นแนวทางใหม่ในการ ช่วยให้ผู้คนเตรียมตัวรับมือกับช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต

    ✅ เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์เข้าใจความรู้สึกของผู้ป่วยระยะสุดท้าย
    - ช่วยให้ การดูแลผู้ป่วยมีความละเอียดอ่อนและมีมนุษยธรรมมากขึ้น

    ✅ VR จำลองความรู้สึกของการถูกล้อมรอบด้วยคนที่รักในช่วงเวลาสุดท้าย
    - ช่วยให้ผู้ใช้ เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของผู้ที่กำลังจะจากไป

    ✅ แนวคิดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากงานวิจัยด้านจิตวิทยาและการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย
    - มีการนำไปใช้ในการบำบัดผู้ที่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตาย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/13/what-is-it-like-to-die-this-vr-experience-offers-some-answers
    VR จำลองประสบการณ์ความตาย: เทคโนโลยีที่ช่วยให้เราเข้าใจช่วงสุดท้ายของชีวิต มหาวิทยาลัยมินนิโซตาได้พัฒนา ประสบการณ์ VR ที่จำลองช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต โดยให้ผู้ใช้สามารถ มองเห็นร่างกายของตนเองจากมุมมองบุคคลที่สาม และรับรู้ถึง ปฏิกิริยาของคนรอบข้างในช่วงเวลาสุดท้าย ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ในการช่วยให้ผู้คน เข้าใจและเตรียมตัวรับมือกับความตาย ✅ VR จำลองช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตจากมุมมองบุคคลที่สาม - ผู้ใช้สามารถ มองเห็นร่างกายของตนเองและรับรู้ถึงปฏิกิริยาของคนรอบข้าง ✅ พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยมินนิโซตาเพื่อช่วยให้ผู้คนเข้าใจความตาย - เป็นแนวทางใหม่ในการ ช่วยให้ผู้คนเตรียมตัวรับมือกับช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ✅ เทคโนโลยีนี้อาจช่วยให้บุคลากรทางการแพทย์เข้าใจความรู้สึกของผู้ป่วยระยะสุดท้าย - ช่วยให้ การดูแลผู้ป่วยมีความละเอียดอ่อนและมีมนุษยธรรมมากขึ้น ✅ VR จำลองความรู้สึกของการถูกล้อมรอบด้วยคนที่รักในช่วงเวลาสุดท้าย - ช่วยให้ผู้ใช้ เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของผู้ที่กำลังจะจากไป ✅ แนวคิดนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากงานวิจัยด้านจิตวิทยาและการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย - มีการนำไปใช้ในการบำบัดผู้ที่มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับความตาย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/13/what-is-it-like-to-die-this-vr-experience-offers-some-answers
    WWW.THESTAR.COM.MY
    What is it like to die? This VR experience offers some answers
    The dying experience is part of a series of VR simulations developed by a nine-year-old California-based company called Embodied Labs.
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • อุทาหรณ์ห้องเช่า สาวยูเครนวัยใสพังยับ

    กลายเป็นที่ฮือฮาบนโซเชียลฯ เมื่อเจ้าของห้องชุดให้เช่ารายหนึ่ง โพสต์ภาพอุทาหรณ์ห้องเช่า ระบุว่า ซื้อห้องมาฝากตัวแทน (เอเจนท์) ปล่อยเช่าได้ 1 ปี พบว่าลูกค้าชาวยูเครนทำลายห้องเสียหาย จากภาพจะเห็นว่าผู้เช่ารายดังกล่าว ใช้ปากกาเมจิกขีดเขียนผนัง เฟอร์นิเจอร์ พร้อมกับทำลายข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ ฝาผนังห้อง เพดานห้อง เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 350,000 บาท เหตุเกิดที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ชั้น 8 ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมืองภูเก็ต ต.วิชิต อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต โดยเอเจนท์ได้ลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวิชิต จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา

    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เช่ารายดังกล่าว เช่าห้องกับเอเจนท์มาตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 2567 เป็นเวลา 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกจากห้อง กลับอยู่ต่อ กระทั่งวันที่ 29 เม.ย. ได้นัดเอเจนท์ส่งมอบห้องดังกล่าวคืน เวลา 16.00 น. แต่เวลา 15.00 น. ได้ส่งข้อความแจ้งว่า ได้ออกจากห้องมาแล้ว นำกุญแจมาทิ้งไว้ที่ถังขยะ เอเจนท์จึงเข้าไปที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนียม ก่อนเรียกช่างกุญแจมาเปิดประตูห้อง พบว่าสภาพห้องได้รับความเสียหายดังกล่าว

    ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.วิชิต ร่วมกันสืบสวนและประสานด่าน ตม. ระงับการเดินทางเข้าออกผู้เช่ารายนี้ กระทั่งเช้าวันที่ 10 พ.ค. ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต ควบคุมตัวผู้เช่ารายดังกล่าว คือ น.ส.อนาสตาเซีย ฟีดาเนี่ยน (Mrs. Anastasiia Fidanian) อายุ 20 ปี สัญชาติยูเครน ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ ที่ ตม.ขาออก เจ้าตัวรับสารภาพว่าได้ทำลายทรัพย์สินภายในห้องจริง เนื่องจากไม่ได้รับเงินค่ามัดจำห้องคืน 32,000 บาท และกำลังตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะเครียดและได้กระทำการดังกล่าวไป

    ด้านการซ่อมแซมห้องที่ได้รับความเสียหาย พบว่าเจ้าของห้องได้ว่าจ้างทีมงาน World Clean Phuket ทำความสะอาดห้องที่เกิดเหตุให้สะอาดในระดับหนึ่งแล้ว แม้จะมีร่องรอยความเสียหายที่ทำความสะอาดไม่ออก หรือโซฟาที่ถูกทำลายเสียหายก็ตาม ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าไม่คืนค่ามัดจำห้องนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตามสัญญามีสิทธิที่จะไม่คืนด้วยซ้ำ เพราะผู้เช่าไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อนย้ายออก 1 เดือน อีกทั้งผิดนัดชำระค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟที่ค้างจ่าย และค่าใช้จ่ายตามสัญญา ซึ่งจะต้องหักออกก่อนที่จะคืน ไม่สามารถจ่ายคืนเต็มจำนวนได้

    #Newskit
    อุทาหรณ์ห้องเช่า สาวยูเครนวัยใสพังยับ กลายเป็นที่ฮือฮาบนโซเชียลฯ เมื่อเจ้าของห้องชุดให้เช่ารายหนึ่ง โพสต์ภาพอุทาหรณ์ห้องเช่า ระบุว่า ซื้อห้องมาฝากตัวแทน (เอเจนท์) ปล่อยเช่าได้ 1 ปี พบว่าลูกค้าชาวยูเครนทำลายห้องเสียหาย จากภาพจะเห็นว่าผู้เช่ารายดังกล่าว ใช้ปากกาเมจิกขีดเขียนผนัง เฟอร์นิเจอร์ พร้อมกับทำลายข้าวของ เฟอร์นิเจอร์ ฝาผนังห้อง เพดานห้อง เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมด มูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 350,000 บาท เหตุเกิดที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ชั้น 8 ถนนเจ้าฟ้าตะวันตก ใกล้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางเมืองภูเก็ต ต.วิชิต อ.เมืองฯ จ.ภูเก็ต โดยเอเจนท์ได้ลงบันทึกประจำวันไว้กับพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรวิชิต จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 29 เม.ย. ที่ผ่านมา รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เช่ารายดังกล่าว เช่าห้องกับเอเจนท์มาตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 2567 เป็นเวลา 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 15 เม.ย. ที่ผ่านมา แต่ผู้เช่าไม่ยอมย้ายออกจากห้อง กลับอยู่ต่อ กระทั่งวันที่ 29 เม.ย. ได้นัดเอเจนท์ส่งมอบห้องดังกล่าวคืน เวลา 16.00 น. แต่เวลา 15.00 น. ได้ส่งข้อความแจ้งว่า ได้ออกจากห้องมาแล้ว นำกุญแจมาทิ้งไว้ที่ถังขยะ เอเจนท์จึงเข้าไปที่คอนโดมิเนียมดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนียม ก่อนเรียกช่างกุญแจมาเปิดประตูห้อง พบว่าสภาพห้องได้รับความเสียหายดังกล่าว ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) จังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.วิชิต ร่วมกันสืบสวนและประสานด่าน ตม. ระงับการเดินทางเข้าออกผู้เช่ารายนี้ กระทั่งเช้าวันที่ 10 พ.ค. ตม.ท่าอากาศยานภูเก็ต ควบคุมตัวผู้เช่ารายดังกล่าว คือ น.ส.อนาสตาเซีย ฟีดาเนี่ยน (Mrs. Anastasiia Fidanian) อายุ 20 ปี สัญชาติยูเครน ขณะกำลังเดินทางออกนอกประเทศ ที่ ตม.ขาออก เจ้าตัวรับสารภาพว่าได้ทำลายทรัพย์สินภายในห้องจริง เนื่องจากไม่ได้รับเงินค่ามัดจำห้องคืน 32,000 บาท และกำลังตั้งครรภ์ ทำให้เกิดภาวะเครียดและได้กระทำการดังกล่าวไป ด้านการซ่อมแซมห้องที่ได้รับความเสียหาย พบว่าเจ้าของห้องได้ว่าจ้างทีมงาน World Clean Phuket ทำความสะอาดห้องที่เกิดเหตุให้สะอาดในระดับหนึ่งแล้ว แม้จะมีร่องรอยความเสียหายที่ทำความสะอาดไม่ออก หรือโซฟาที่ถูกทำลายเสียหายก็ตาม ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่าไม่คืนค่ามัดจำห้องนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตามสัญญามีสิทธิที่จะไม่คืนด้วยซ้ำ เพราะผู้เช่าไม่ได้แจ้งล่วงหน้าก่อนย้ายออก 1 เดือน อีกทั้งผิดนัดชำระค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟที่ค้างจ่าย และค่าใช้จ่ายตามสัญญา ซึ่งจะต้องหักออกก่อนที่จะคืน ไม่สามารถจ่ายคืนเต็มจำนวนได้ #Newskit
    0 Comments 0 Shares 181 Views 0 Reviews
  • 🙏#อธิษฐานละความผูกพันในการเกิด

    ✴️ #เหมือนคนเกิดมาชาตินึงมาเจอสถานที่ในพระศาสนาดูทรุดโทรม คิดว่าถ้ามีโอกาสจะมาบูรณะ แต่ตายไปซะก่อน พอเกิดมาอีกชาตินึงก็ต้องกลับไปบูรณะอีกจนได้ เพราะมันเป็นสัญญาของใจเรา เพราะเราเปล่งวาจาว่าเราจะมาบูรณะ บุญมันก็พาให้เราต้องมาเจอ แล้วก็ต้องมาบูรณะจนได้

    ✴️ #ถ้าทำสำเร็จก็จบไป ถ้าไม่ได้ทำก็รอชาติต่อไป
    ⚜️เอ้อ มันก็ต้องเกิดชาติต่อไปเห็นไหม

    ✴️ #งั้นตกลงกับใครไว้หยุดซะนะ สัญญาเกี่ยวก้อยไว้ชาติหน้าเกิดเราจะเป็นคู่ครองต่อไปเราไม่.. ทิ้งแล้ว ตัดนิ้วก้อยทิ้งแล้ว ไม่ผูกกับใครแล้วนะ เอ้อ..เราจะไปชาตินี้นะ เธอต้องโละทิ้งให้หมดนะ ไม่รู้เนี่ยมันอยู่ในใจเธอนะ ถึงเวลาตายขึ้นมาเป็นเทวดานางฟ้าไอ้เรื่องนี้ไม่ได้ทำมันจะคาใจเธอ

    ✴️ #อย่างพระนางวิสาขาเห็นไหมล่ะ มันเป็นความปรารถนาของท่านมันก็ยังคาใจท่านอยู่นะ ถึงเวลาท่านก็ยังต้องไปเกิดในยุคพระศรีอริยเมตไตรย ไปอุปฐากพระศาสนาของพระองค์ต่อไป นี่คือส่วนหนึ่งที่ว่าปฏิปทาของท่าน แต่ว่าไอ้ความตั้งจิตเจตนาอย่างนี้ถ้าเธอไม่มีซะเลยจะดีเสียกว่า

    ✴️ #เอาให้ตรงทางอย่างเดียวว่า ฉันจะไปนิพพานอย่างเดียว ไม่ไปไหน ไม่ว่าฉันจะเป็นเทวดา นางฟ้า อยู่สวรรค์ชั้นใดเราก็จะไม่ไปที่ไหนอีกต่อไปนอกจากจะไปนิพพานที่เดียว
    ✴️ #แล้วก็จะไม่ผูกพันกับใครในเรื่องใดๆ #เกี่ยวข้องมาในแต่อดีตชาติกาลก่อนว่าเคยสัญญากับใคร #เคยตั้งใจทำอะไรก็ขอกราบขอขมาพระรัตนตรัยเสียเลยนะ ทำเสีย

    ..............................................................

    ✴️ #หาดอกไม้ธูปเทียน มาตั้งไหว้พระในบ้านเราก็ได้ วันไหนก็ได้ ตั้งจิตอธิษฐานเสียให้ดีว่า บัดนี้เป็นต้นไป
    🙏#ถ้าหากว่าลูกเคยมีสัญญากับคนก็ดีกับพระก็ดี #กับในเขตพระศาสนาก็ดีในกาลก่อนที่เคยผูกมัดใจของลูกให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป
    🙏บัดนี้ลูกขอหยุดแล้ว หยุดความปรารถนาทั้งสิ้น ขอชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายไม่ต้องการกลับมาเกิดอีกต่อไป
    🙏#ไม่ผูกมัดใจกับคนกับสัตว์กับสิ่งของกับวัตถุธาตุทั้งหลายอีกต่อไปแล้วอย่างนี้เป็นต้น
    🙏 #แล้วก็กราบขอขมาพระรัตนตรัย #ขอขมาคนทั้งหลาย #ขอขมาทุกคนที่เคยผูกมัดสัญญากันไว้นะ ก็โละไปเสีย ทำไว้มันจะได้ไม่คาใจเรา
    🙏 แม้นคนในปัจจุบันว่าจะเกี่ยวข้องในฐานะเป็นพ่อเป็นแม่เป็นสามีเป็นภรรยาเป็นลูกเราก็ทำอย่างนั้นเหมือนกันว่าเธอกับฉันก็อยู่กันแค่อนุเคราะห์กันในชาตินี้นะ เราก็ช่วยกันเต็มที่เต็มหน่วยไม่ว่าจะเป็นใคร ดูแลกันสุดกำลังใจที่เราสามารถช่วยกันได้นะในฐานะที่เกิดมามีบุพกรรมร่วมกันมา ทั้งผู้เป็นพ่อก็ดีผู้เป็นแม่ก็ดีเป็นพี่เป็นน้องกันก็ดี เป็นสามีเป็นภรรยาเป็นลูกกัน เป็นญาติกันก็ตามทีนะ แม้จะเป็นเพื่อนที่รักกัน ช่วยเหลือกัน เกื้อกูลกันมา ....

    ✴️ #บุคคลผู้ใดก็ตามที่ปรากฏในโลกนี้ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายก็ตาม เราก็ขอหยุดแล้ว หยุดภาระความผูกพันใดๆทั้งสิ้น เพราะมันหาประโยชน์อะไรไม่ได้ ในความเกี่ยวเนื่องกันแบบนี้นะ ก็เท่ากับว่าผูกให้ใจเรามันทุกข์กันไปเรื่อยไป เพราะเราก็ช่วยเค้าไม่ได้ เค้าก็ช่วยเราไม่ได้ จริงมั้ย เอ้า ว่าไปตามความจริง ไม่มีใครช่วยเราได้ #นอกจากพระรัตนตรัยแล้วไม่เห็นมีสิ่งใดเสมอยิ่งกว่าพระองค์ #พระพุทธเจ้า #พระธรรม #พระอริยะเลย
    ...............................................................
    นอกนั้นก็ทุกคนก็เพียรพยายามที่จะหนีทุกข์ด้วยตัวเองทั้งสิ้น แล้วแต่ว่าใครจะมีวาสนาบารมีสะสมกันมานะ มากหรือน้อย เราจึงพึ่งพาอาศัยใครไม่ได้ ใครก็พึ่งพาเราไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเรารู้ได้อย่างนี้แล้วเค้าจะเพิ่งเราได้

    ✴️ #ความจริงมันก็ต่างคนต่างตายเราจะไปยั้งได้ยังไงล่ะ ใครตายก่อนตายหลังก็พยากรณ์กันไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ เธออาจจะตายก่อนชั้นก็ได้ ชั้นอาจจะตายก่อนเธอก็ได้ มันไม่มีใครรู้หรอกนะ เรื่องนี้ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย เราได้แต่สงเคราะห์เมื่อในยามที่มีชีวิตอยู่คือให้กันได้ อะไรที่ให้ได้ก็ให้ อะไรที่เป็นประโยชน์กับเธอจริงๆเราก็ให้ ก็ให้ทุกอย่าง เราไม่มีอะไรที่ไม่ให้เลย หมด

    📣เสียงธรรมท่านจิตโต
    ⚜️หลวงพ่อสมปอง สุธัมมสันตจิตโต(บ้านสบายใจ)⚜️
    วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑
    https://m.youtube.com/watch?si=fb4k7Sr-U7igZesx&fbclid=IwAR3w4dfIJwfSPT2aIgGF20RDi0ylkXUgLW_EN0hd4s-COZ4oyM7XFuSnB6Y&v=9tmWL3QEPPg&feature=youtu.be

    🖋️📚คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย⚜️
    🧘จิตหนึ่งประภัสสรสุดยอดคือพระนิพพาน
    🙏#อธิษฐานละความผูกพันในการเกิด ✴️ #เหมือนคนเกิดมาชาตินึงมาเจอสถานที่ในพระศาสนาดูทรุดโทรม คิดว่าถ้ามีโอกาสจะมาบูรณะ แต่ตายไปซะก่อน พอเกิดมาอีกชาตินึงก็ต้องกลับไปบูรณะอีกจนได้ เพราะมันเป็นสัญญาของใจเรา เพราะเราเปล่งวาจาว่าเราจะมาบูรณะ บุญมันก็พาให้เราต้องมาเจอ แล้วก็ต้องมาบูรณะจนได้ ✴️ #ถ้าทำสำเร็จก็จบไป ถ้าไม่ได้ทำก็รอชาติต่อไป ⚜️เอ้อ มันก็ต้องเกิดชาติต่อไปเห็นไหม ✴️ #งั้นตกลงกับใครไว้หยุดซะนะ สัญญาเกี่ยวก้อยไว้ชาติหน้าเกิดเราจะเป็นคู่ครองต่อไปเราไม่.. ทิ้งแล้ว ตัดนิ้วก้อยทิ้งแล้ว ไม่ผูกกับใครแล้วนะ เอ้อ..เราจะไปชาตินี้นะ เธอต้องโละทิ้งให้หมดนะ ไม่รู้เนี่ยมันอยู่ในใจเธอนะ ถึงเวลาตายขึ้นมาเป็นเทวดานางฟ้าไอ้เรื่องนี้ไม่ได้ทำมันจะคาใจเธอ ✴️ #อย่างพระนางวิสาขาเห็นไหมล่ะ มันเป็นความปรารถนาของท่านมันก็ยังคาใจท่านอยู่นะ ถึงเวลาท่านก็ยังต้องไปเกิดในยุคพระศรีอริยเมตไตรย ไปอุปฐากพระศาสนาของพระองค์ต่อไป นี่คือส่วนหนึ่งที่ว่าปฏิปทาของท่าน แต่ว่าไอ้ความตั้งจิตเจตนาอย่างนี้ถ้าเธอไม่มีซะเลยจะดีเสียกว่า ✴️ #เอาให้ตรงทางอย่างเดียวว่า ฉันจะไปนิพพานอย่างเดียว ไม่ไปไหน ไม่ว่าฉันจะเป็นเทวดา นางฟ้า อยู่สวรรค์ชั้นใดเราก็จะไม่ไปที่ไหนอีกต่อไปนอกจากจะไปนิพพานที่เดียว ✴️ #แล้วก็จะไม่ผูกพันกับใครในเรื่องใดๆ #เกี่ยวข้องมาในแต่อดีตชาติกาลก่อนว่าเคยสัญญากับใคร #เคยตั้งใจทำอะไรก็ขอกราบขอขมาพระรัตนตรัยเสียเลยนะ ทำเสีย .............................................................. ✴️ #หาดอกไม้ธูปเทียน มาตั้งไหว้พระในบ้านเราก็ได้ วันไหนก็ได้ ตั้งจิตอธิษฐานเสียให้ดีว่า บัดนี้เป็นต้นไป 🙏#ถ้าหากว่าลูกเคยมีสัญญากับคนก็ดีกับพระก็ดี #กับในเขตพระศาสนาก็ดีในกาลก่อนที่เคยผูกมัดใจของลูกให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไป 🙏บัดนี้ลูกขอหยุดแล้ว หยุดความปรารถนาทั้งสิ้น ขอชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายไม่ต้องการกลับมาเกิดอีกต่อไป 🙏#ไม่ผูกมัดใจกับคนกับสัตว์กับสิ่งของกับวัตถุธาตุทั้งหลายอีกต่อไปแล้วอย่างนี้เป็นต้น 🙏 #แล้วก็กราบขอขมาพระรัตนตรัย #ขอขมาคนทั้งหลาย #ขอขมาทุกคนที่เคยผูกมัดสัญญากันไว้นะ ก็โละไปเสีย ทำไว้มันจะได้ไม่คาใจเรา 🙏 แม้นคนในปัจจุบันว่าจะเกี่ยวข้องในฐานะเป็นพ่อเป็นแม่เป็นสามีเป็นภรรยาเป็นลูกเราก็ทำอย่างนั้นเหมือนกันว่าเธอกับฉันก็อยู่กันแค่อนุเคราะห์กันในชาตินี้นะ เราก็ช่วยกันเต็มที่เต็มหน่วยไม่ว่าจะเป็นใคร ดูแลกันสุดกำลังใจที่เราสามารถช่วยกันได้นะในฐานะที่เกิดมามีบุพกรรมร่วมกันมา ทั้งผู้เป็นพ่อก็ดีผู้เป็นแม่ก็ดีเป็นพี่เป็นน้องกันก็ดี เป็นสามีเป็นภรรยาเป็นลูกกัน เป็นญาติกันก็ตามทีนะ แม้จะเป็นเพื่อนที่รักกัน ช่วยเหลือกัน เกื้อกูลกันมา .... ✴️ #บุคคลผู้ใดก็ตามที่ปรากฏในโลกนี้ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานทั้งหลายก็ตาม เราก็ขอหยุดแล้ว หยุดภาระความผูกพันใดๆทั้งสิ้น เพราะมันหาประโยชน์อะไรไม่ได้ ในความเกี่ยวเนื่องกันแบบนี้นะ ก็เท่ากับว่าผูกให้ใจเรามันทุกข์กันไปเรื่อยไป เพราะเราก็ช่วยเค้าไม่ได้ เค้าก็ช่วยเราไม่ได้ จริงมั้ย เอ้า ว่าไปตามความจริง ไม่มีใครช่วยเราได้ #นอกจากพระรัตนตรัยแล้วไม่เห็นมีสิ่งใดเสมอยิ่งกว่าพระองค์ #พระพุทธเจ้า #พระธรรม #พระอริยะเลย ............................................................... นอกนั้นก็ทุกคนก็เพียรพยายามที่จะหนีทุกข์ด้วยตัวเองทั้งสิ้น แล้วแต่ว่าใครจะมีวาสนาบารมีสะสมกันมานะ มากหรือน้อย เราจึงพึ่งพาอาศัยใครไม่ได้ ใครก็พึ่งพาเราไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเรารู้ได้อย่างนี้แล้วเค้าจะเพิ่งเราได้ ✴️ #ความจริงมันก็ต่างคนต่างตายเราจะไปยั้งได้ยังไงล่ะ ใครตายก่อนตายหลังก็พยากรณ์กันไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ เธออาจจะตายก่อนชั้นก็ได้ ชั้นอาจจะตายก่อนเธอก็ได้ มันไม่มีใครรู้หรอกนะ เรื่องนี้ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย เราได้แต่สงเคราะห์เมื่อในยามที่มีชีวิตอยู่คือให้กันได้ อะไรที่ให้ได้ก็ให้ อะไรที่เป็นประโยชน์กับเธอจริงๆเราก็ให้ ก็ให้ทุกอย่าง เราไม่มีอะไรที่ไม่ให้เลย หมด 📣เสียงธรรมท่านจิตโต ⚜️หลวงพ่อสมปอง สุธัมมสันตจิตโต(บ้านสบายใจ)⚜️ วันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ https://m.youtube.com/watch?si=fb4k7Sr-U7igZesx&fbclid=IwAR3w4dfIJwfSPT2aIgGF20RDi0ylkXUgLW_EN0hd4s-COZ4oyM7XFuSnB6Y&v=9tmWL3QEPPg&feature=youtu.be 🖋️📚คัดลอกแบ่งปันเป็นธรรมทานโดย⚜️ 🧘จิตหนึ่งประภัสสรสุดยอดคือพระนิพพาน
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 272 Views 0 Reviews
  • “จะร้ายกลับ หรือจะเริ่มปลอดภัย?”

    โลกนี้เต็มไปด้วยคนครึ่งดีครึ่งร้าย
    แม้โจรโฉด ยังมีมุมนุ่มละมุนให้ลูกเมีย
    แม้ผู้ก่อการร้าย ยังอ่อนโยนกับเพื่อนพวกพ้อง

    หากคุณเห็นแต่ด้านร้ายของผู้คน
    ใจคุณจะค่อยๆ เปลี่ยนแนวคิดเป็นว่า

    > “ถ้าไม่เป็นเสือ ก็จะกลายเป็นเหยื่อ!”
    และเมื่อโดนใครขย้ำ ก็อยากขย้ำกลับ
    บางทียังเผลอขย้ำคนอื่นต่อด้วย

    ---

    ความดี…ไม่ใช่หลักประกันว่าจะไม่โดนร้าย

    แม้คุณดีเท่าพระพุทธเจ้า
    ก็ยังมีพระเทวทัตตามจองเวร
    แม้คุณมีเมตตาเต็มเปี่ยม
    ก็ยังเจอนางจิญจมาณวิกาปรักปรำให้แหลก

    เพราะแม้ท่านผู้ตื่นแล้ว
    ยังต้องใช้กรรมจากชาติปางก่อน
    ซึ่งในชาติที่หลงผิด…ท่านก็เคยฆ่า เคยแย่ง เคยลบหลู่ เช่นเดียวกับเราที่ย่อมเคยพลาดในภพเก่าไม่ต่างกัน

    ---

    **ชาติที่ดีที่สุด…ไม่ใช่ชาติที่ไม่มีคนเลว

    แต่คือชาติที่เราไม่เลวตาม**

    หากเข้าใจว่า

    > “ทุกการร้ายที่เจอ คือภาพสะท้อนของกรรมเก่า”
    ใจจะไม่สะดุ้งจนเกินไป
    ไม่โกรธจนเสียศักดิ์ศรีทางจิต

    แต่จะเปลี่ยนจาก “ผู้รับภัย”
    เป็น “ผู้สร้างเขตปลอดภัย” แห่งแรกของโลก
    เริ่มจาก...

    – การรักษาศีล เพื่อจำกัดอันตรายจากตัวเอง
    – การให้ทาน เพื่อบรรเทาทุกข์ และคลายแรงจูงใจที่ชักให้คนทำชั่ว

    ---

    **ใจที่รักษาศีลและให้ทานอยู่เป็นนิตย์

    จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยแห่งแรกให้โลกได้พัก**

    คุณจะรู้สึกว่าชีวิตตัวเองยังมีค่า
    เพราะเห็นชัดว่าความดีที่ทำ…ให้ผลได้จริง
    แม้โลกยังมีเรื่องร้ายรอบตัว
    แต่ใจจะไม่ระแวงจนกลายเป็นภัยเสียเอง

    ---

    > ถ้าคุณเจอความร้ายของใครบางคน
    จงเชื่อมั่นว่า คุณเลือกได้
    ว่าจะ “ร้ายกลับ” หรือ “เริ่มปลอดภัย”
    และทางที่ปลอดภัยที่สุดในโลก
    เริ่มจากใจที่ “ไม่เอาคืน” นั่นเอง
    “จะร้ายกลับ หรือจะเริ่มปลอดภัย?” โลกนี้เต็มไปด้วยคนครึ่งดีครึ่งร้าย แม้โจรโฉด ยังมีมุมนุ่มละมุนให้ลูกเมีย แม้ผู้ก่อการร้าย ยังอ่อนโยนกับเพื่อนพวกพ้อง หากคุณเห็นแต่ด้านร้ายของผู้คน ใจคุณจะค่อยๆ เปลี่ยนแนวคิดเป็นว่า > “ถ้าไม่เป็นเสือ ก็จะกลายเป็นเหยื่อ!” และเมื่อโดนใครขย้ำ ก็อยากขย้ำกลับ บางทียังเผลอขย้ำคนอื่นต่อด้วย --- ความดี…ไม่ใช่หลักประกันว่าจะไม่โดนร้าย แม้คุณดีเท่าพระพุทธเจ้า ก็ยังมีพระเทวทัตตามจองเวร แม้คุณมีเมตตาเต็มเปี่ยม ก็ยังเจอนางจิญจมาณวิกาปรักปรำให้แหลก เพราะแม้ท่านผู้ตื่นแล้ว ยังต้องใช้กรรมจากชาติปางก่อน ซึ่งในชาติที่หลงผิด…ท่านก็เคยฆ่า เคยแย่ง เคยลบหลู่ เช่นเดียวกับเราที่ย่อมเคยพลาดในภพเก่าไม่ต่างกัน --- **ชาติที่ดีที่สุด…ไม่ใช่ชาติที่ไม่มีคนเลว แต่คือชาติที่เราไม่เลวตาม** หากเข้าใจว่า > “ทุกการร้ายที่เจอ คือภาพสะท้อนของกรรมเก่า” ใจจะไม่สะดุ้งจนเกินไป ไม่โกรธจนเสียศักดิ์ศรีทางจิต แต่จะเปลี่ยนจาก “ผู้รับภัย” เป็น “ผู้สร้างเขตปลอดภัย” แห่งแรกของโลก เริ่มจาก... – การรักษาศีล เพื่อจำกัดอันตรายจากตัวเอง – การให้ทาน เพื่อบรรเทาทุกข์ และคลายแรงจูงใจที่ชักให้คนทำชั่ว --- **ใจที่รักษาศีลและให้ทานอยู่เป็นนิตย์ จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยแห่งแรกให้โลกได้พัก** คุณจะรู้สึกว่าชีวิตตัวเองยังมีค่า เพราะเห็นชัดว่าความดีที่ทำ…ให้ผลได้จริง แม้โลกยังมีเรื่องร้ายรอบตัว แต่ใจจะไม่ระแวงจนกลายเป็นภัยเสียเอง --- > ถ้าคุณเจอความร้ายของใครบางคน จงเชื่อมั่นว่า คุณเลือกได้ ว่าจะ “ร้ายกลับ” หรือ “เริ่มปลอดภัย” และทางที่ปลอดภัยที่สุดในโลก เริ่มจากใจที่ “ไม่เอาคืน” นั่นเอง
    0 Comments 0 Shares 140 Views 0 Reviews
  • กัปตันที่รัก พากษ์ไทย
    กัปตันที่รัก พากษ์ไทย
    0 Comments 1 Shares 81 Views 6 0 Reviews
  • นิทานตรง2535 วัน1เราฝันว่ามีงูมากัดก้นเรา เห็นรู2รูมีเลือดไหลซึมออกมาชัดครั้นรุ่งนำความฝันเล่าสู่ให้อาจารย์ทราบอาจารย์แนะให้ทำกิจบางอย่าง เราก้อทำตามคำแนะนั้น ขณะทำพบดวงจิต1ผมยาวแขวนคอตาย จึงนำเล่าให้อาจารย์ทราบ ถามต่อว่าใครครับ นั่นคือน้องสาวเราในอดีตที่รักเรามาก แต่ด้วยเสียใจมากเพราะดุว่ากล่าว น้องสาวจึงคิดสั้น หลังจากนั้นเราก้อปล่อยวางความคิดนั้นลง วัน1พบสาวท่าน1น่ารักมากฐานะดีเยี่ยมมีบทบาทกับงานที่เราทำอยู่ในขณะนั้นในคืนวัน1เราฝันมีสาวนาง1เข้ามาหาเราพูดว่ารักเราอีกคนได้มั้ย เราจำได้แม่นว่าสาวนั้นเป็นใครในภพชาตินี้ เราลุกขึ้นนั่งพูดกับสาวว่าไม่ได้ หากมาครั้งนี้มาทำบุญร่วมกันก้อมานะในคืนต่อมาสาวก้อมากับแม่ซึ่งจำได้ว่าเป็นแม่สาวนี้ในภพชาตินี้เราเคยพบก้อยังถามเช่นเดิม เราก้อตอบไปเช่นคืนก่อนหลังจากนั้นประมาณ5-6เดือนทราบข่าวว่าสาวเข้าพิธีแต่งงานมีครอบครัว....ยินดีนะ เราฝันเรื่องงูกัดหลายครั้งพบทุกครั้ง จนสุดท้ายฝันพบงูเราจักตีตายหมดภพชาติมีจริงสิ่งที่พบล้วนเขียนขีดไว้ด้วยกายวาจาใจตนมีผลเสมอดั่งเงาตนยามช่วงจังหวะกาลเวลานั้น
    นิทานตรง2535 วัน1เราฝันว่ามีงูมากัดก้นเรา เห็นรู2รูมีเลือดไหลซึมออกมาชัดครั้นรุ่งนำความฝันเล่าสู่ให้อาจารย์ทราบอาจารย์แนะให้ทำกิจบางอย่าง เราก้อทำตามคำแนะนั้น ขณะทำพบดวงจิต1ผมยาวแขวนคอตาย จึงนำเล่าให้อาจารย์ทราบ ถามต่อว่าใครครับ นั่นคือน้องสาวเราในอดีตที่รักเรามาก แต่ด้วยเสียใจมากเพราะดุว่ากล่าว น้องสาวจึงคิดสั้น หลังจากนั้นเราก้อปล่อยวางความคิดนั้นลง วัน1พบสาวท่าน1น่ารักมากฐานะดีเยี่ยมมีบทบาทกับงานที่เราทำอยู่ในขณะนั้นในคืนวัน1เราฝันมีสาวนาง1เข้ามาหาเราพูดว่ารักเราอีกคนได้มั้ย เราจำได้แม่นว่าสาวนั้นเป็นใครในภพชาตินี้ เราลุกขึ้นนั่งพูดกับสาวว่าไม่ได้ หากมาครั้งนี้มาทำบุญร่วมกันก้อมานะในคืนต่อมาสาวก้อมากับแม่ซึ่งจำได้ว่าเป็นแม่สาวนี้ในภพชาตินี้เราเคยพบก้อยังถามเช่นเดิม เราก้อตอบไปเช่นคืนก่อนหลังจากนั้นประมาณ5-6เดือนทราบข่าวว่าสาวเข้าพิธีแต่งงานมีครอบครัว....ยินดีนะ เราฝันเรื่องงูกัดหลายครั้งพบทุกครั้ง จนสุดท้ายฝันพบงูเราจักตีตายหมดภพชาติมีจริงสิ่งที่พบล้วนเขียนขีดไว้ด้วยกายวาจาใจตนมีผลเสมอดั่งเงาตนยามช่วงจังหวะกาลเวลานั้น
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • 10-05-68/01 : หมี CNN / "หมีงับ" EP.2(เวลา 18.45 น.) อียิวกรี๊ดสนั่น! ฮูตีฉลองวันแห่งชัยชนะ ถล่มยับฐานทัพ คลังแสง สนามบิน เละเป็นโจ๊ก ชุดใหญ่ไฟกระพริบไม่ปรึกษาใคร อียิวโวย..เล่นทีเผลอเหรอจ๊ะ? ทั้งขีปนาวุธร่อน โดรนพิฆาตที่รัก มาเยี่ยมเยรูซาเล็มถี่ยิบ ข่าวไม่ตี แต่ดาหน้าถล่ม 30 ครั้งใน 2 สัปดาห์แล้วมรึง อ่วมอรทัย สงครามปิดปาก เห่าไปก็เสียหมา ยาย่าตูเร่ เฮ๊ย..ขำกลิ้ง ออกสื่อคุยโว ของจริง โดนสอยตูด อีเนรคุณ เอาส้นตรีนก่ายหน้าแล้ว(ถึงเหรอ?) สรุป 9 พฤษภาคม วันแห่งชัยชนะของขั้วใหม่ โดยสัญลักษณ์ มันหมดยุค "WWII" ไปนานแล้ว วันนี้แหละ ที่กูบุกถล่มมรึง ไม่ทันตั้งตัว ใครบอกว่ากูจะตั้งรับ เหี้ย..งง เป็นไก่ตาแตก!

    หลังวันที่ 9 ทุกอย่างกลับตาลปัตร อีทรัมปป์หมอบแล้ว สั่งถอย อีแขกภาระตะเละเป็นโจ๊ก เจออาวุธจีน อิหร่าน สอยมะม่วง ร่วงระนาว อ้าว..มั่นในตะวันตกมิใช่เหรอ? ทำไม กระจอกจังฟ่ะเนี่ย? กองทัพปากี ไม่ได้กล่าว? ศึกยกแรก จีน-อิหร่าน ชนะใส อาวุธกระจอกยุโรป สหรัฐ ที่มาว่าทำไม อีแขกถึงได้งัด S-400 ของรัสเซียมาสกัดกั้น มันเร็วไปมั้ย? ไม่ทันไร จะใช้ของแข็งเลยเหรอ? บอกตรง ลุยกันมา 4 วันแล้ว ตายแค่ 50 มันใช่เหรอ? ไหนบอก "สงครามแคชเมียร์" กูว่าตอแหล แค่เรียกเรตติ้ง เพื่อเปิดโต๊ะเจรจา ทำเพื่อปั่นอะไรล่ะ? โปรดสังเกตุ อาเซียนเริ่มระอุ ตามด้วยมหาสมุทรอินเดีย ส่งสัญญานศึกแปซิฟิคต้องเริ่ม จีนอ่านขาด วางเกาะสแปรดลี่ย์ ไว้รอต้อนรับ ที่มาว่าทำไมยึดและตั้งหมู่เกาะสแปรดลี่ยขึ้นเมื่อ 2014 เพื่อการณ์นี้

    อีทรัมปป์หมาไปแล้ว ยอมแล้วจ๋า จาก 150% เหลือ 80% ก็ได้เอามั้ย? เจอจีนสวนกลับเงิบแดร๊ก 0% กูก็ไม่ส่ง มรึงจะเอาเหี้ยอะไรแดร๊กล่ะ? เกิดภาวะของขาดทั่วประเทศสหรัฐ มีเงินก็ไม่มีแดร๊ก ชั้นสินค้าว่างโบ๋วว ผู้คนเริ่มตุนอาหารกันหนัก เมื่อจีนไม่ส่ง หลายชาติที่หมั่นไส้อเมริกา ก็ไม่ส่งตาม จะไปบีบเค้า เจอเค้าบีบไข่กลับ จุกและอายมั้ยล่ะเพ่? CIVIL WAR แม้จะมา แต่ก็ไร้ประโยชน์ หากโลกไม่กระโดดเข้าร่วมสงครามล้างหนี้ ที่อียิวมันคิดเอาไว้ล่วงหน้า ทุกอย่างคือ "ฉิบหายหนัก" ขั้วใหม่ เค้าอ่านมรึงออกจนทะลุตับไตไส้พุงหมดแล้ว จีนถือไพ่เหนือกว่าเยอะ ผู้ผลิตจ๊ะ!

    FC ชั้น 14 เฮ! พยานลับ หมอ 3 ปาก ถูกกันตัวเป็นพยาน ชี้ไอ้ตัวคนสั่ง อีกรมคุก ดิ้น เตรียมโบ้ยให้หมอ ถูกสวนกลับ อำนาจโยกย้าย สั่งขัง อยู่ที่มรึง ไม่ใช่กู ดีออก? FC ผีอีโม เฮต่ออีกชั้น คายหมดเปลือก อีเสี่ยจนด้วยพยาน หลักฐานมัดจนแถไม่ออก สารภาพเกลี้ยง DSI ยังนิ่ง รอเหี้ยตัวสั่งการดิ้นก่อน แผลจะเปิดหมดเอง 5 ตัวบนเรือ โดนหมด แต่อีตุ๊ด กับอีร่านขายเพื่อน โดนหนักสุด พยานชี้เป้า แก้ไข ทำลายหลักฐาน 3 ข้อหาหนักสุด สมรู้ร่วมคิด สาวไส้ไปถึงกรมกากี อีปทุมวันดิ้น ตัวใครตัวมัน ทุกอย่างมันมีจุดจบ นอนคุกกันหมดทั้งกะปิ คายเมื่อไหร่ โทษเบา ไม่คาย ตายในคุก

    อียุ่นปี่สายยิวเหี้ยไซออนนิสต์ เตรียมเทดอลล่าร์ทิ้ง ส่งผลโดยตรง ดอลล่าร์ร่วงไร้เพดานต้าน แผนเด็ดหัวอีทรัมปป์ จากอียิว CITY OF LONDON ก็อาจจะกระทบไปด้วย เพราะปุกกับดอลล่าร์เช่นกัน ทั้ง 3 สกุลเงินหลักโลกยุคเก่า กำลังจะตายหมู่ ทั้งดอลล่าร์ ปอนด์ ยูโร ที่มาว่าทำไม ต้อง WWIII เท่านั้น ไม่ชนะ ก็ล่มสลาย อียุ่นปี่หวังเอาตัวรอด แต่จีนก็นิ่งเป็น รอกระทืบซ้ำ เยนตกต่ำมาหลายปี อาจจะพุ่งจนเงินเยนแข็งโป๊ก ส่งผลเสียต่อสินค้าส่งออก จีนไม่ปล่อยโอกาสทองดอก หยวนยิ่งอ่อนยิ่งดี กำลังซื้อยิ่งมาก ไม่กลัวค่าเงินตก แต่กลัวขายไม่ออกมากกว่า หยวนขึ้นมาเทียบกับดอลล่าร์แล้วนาทีนี้ ปล่อยไม่ทันก็ตาย ทั่วโลกถึงได้รีบเทหนัก จนกระแสเงินโลกเปลี่ยนมือ หยวน ไทยบาท รูเบิล กำลังจะกลายเป็นเงินสกุลหลักโลกในไม่ช้านี้

    ไอ้สัส! ทหารรับจ้างทั้งโลก แห่เข้าสมัครกองทัพรัสเซีย ผ่าน WAGNER เชเชน แล้วแต่สายไหน สายสลาฟ หรือสายมุสลิม หลังวันที่ 9 วันแห่งชัยชนะ ทั่วโลกช็อค! เห็นเป็นประจักษ์ แสนยานุภาพเบอร์ 1 โลกตัวจริง ปูตินทุ่มไม่อั้น จ่ายแหลก ครอบครัวทหารเสียชีวิตในยูเครน กำลังใจมาเต็มตรีน ทหารอียูเครนย้ายขั้วกันหมด ไม่รับนีโอนาซี แอบตีเนียนเข้ามา สอยเงียบสิจ๊ะ เตรียมประกาศรับรองรัฐใหม่อีกแล้ว ยึดเพลินไปหน่อย แทบจะเกลี้ยงแล้วมรึง?

    ข้ามวิกแป๊บ กูไมใช่ติ่งลุงตู่ กูติ่งราชวงศ์จักรีจ๊ะ ดังนั้น พูดตรงไม่ต้องเกรงใจใคร มองให้เป็นธรรม และมองเป็นกลางน่ะ ตอนแรก กูไม่เห็นด้วยดอกที่ 3 เพ่น้องวางแผนเอาอีเหลี่ยมกลับมา แต่พอมานั่งคิดทบทวน และไตร่ตรองด้วยสติปัญญาแล้ว เอากลับมา ถึงจะถูก 1.ดำรงกฎหมายไทย คงอำนาจบังลังก์ศาลไทย 2.อยู่ใต้กฎหมายไทย ควบคุมง่ายกว่า อยู่นอกอธิปไตย 3.จังหวะเวลาลงตัว 14 ล้านเสียงควายยกให้ ขึ้นมาดันลูกสาวร่านนั่งบังลังก์ นั่นคือกับดัก 4.ไม่มีโจทย์ ก็ไม่มีคดี ชั้น 14 แล้วจะล้างบางเหี้ยทั้งขบวนการอย่างไร? 5.รัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ โดยปริยาย จากคำสั่งศาล มันจะครบองค์ประชุมได้ จำเลยต้องปรากฎตัวเท่านั้น เมื่อมองดูย้อนกลับไป แลเห็นว่า แผ่นดินได้ประโยชน์มากกว่าอีเหลี่ยมไม่กลับมา ยิ่งตอนนี้ จะบีบก็ตาย จะคายก็รอด ยิ่งเข้าใจว่า ทหารเค้าเล่นเกมส์อะไรอยู่? ทุกอย่างคือภาพมายา

    ปล.55 สว. ถูกเรียกตัวฮั้วเลือก จัดตั้ง ทั้งหมด คือภาพสะท้อน การเมืองไทย ระบบมันเน่าใน ปูพื้นสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ กลับคืนสู่จิตวิญญานอโยธยาที่เคยเป็นมา ไม่มีนักการเมืองหน้าไหนไม่โกง ไม่กิน ไม่เหี้ย เพราะขึ้นขื่อว่าพรรค ต้องใช้เงิน ต้องมีนายทุน ต่างตอบแทน แล้วทำไมต้องจ่ายนายทุนล่ะ ในเมื่อเรามีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นผู้กำหนดชะตาแผ่นดินอยู่แล้ว ผู้รับใช้ ซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ ถึงได้ถูกเลือก เมื่อมาทำหน้าที่ ก็ไม่จำเป็นต้องโกง เพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร? แล้วมรึงยังจะเอาเสือหัวเข้ามาทำห่าอะไรอีกล่ะ? เมื่อไร้คอรัปชั่น เงินภาษีทุกบ้าน เข้ารัฐเต็มเม็ดเต็มหน่วย การบริหารจัดการ โปร่งใส ไม่ต้องยัดใต้โต๊ะเหมือนที่ผ่านมา ก็ยิ่งมีกิน มีใช้ เหลือเก็บมากยิ่งขึ้น จะสส. สว. หรือฝ่ายการเมืองใดก็ตาม มันไม่ทำหน้าที่เพื่อปากท้องชาวบ้าน แต่มันออกกฎหมายเพื่ออำนวยผู้จ้างต่างหากล่ะ มันผิดตั้งแต่เริ่ม แล้วมรึงยังจะหวังปชต.ตอแหลต่ออีกเหรอ? ดวงตาเห็นธรรม มรึงจะอยากได้แบบสภาดูม่า พรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่บริหาร กฎหมายแรง และเอาจริง ส่วนรวมมาก่อน ส่วนตัวมาทีหลัง แผ่นดินกำลังจะผลัดใบ ยังจะมีละครฉากใหญ่ให้ดูอีกเยอะ ไม่ต้องรีบด่า เพราะเสียงโหยหวนจากเปรต จะดังไปทั่วสภาเดรัจฉาน มรึงจะเห็นเอง

    (อัพเดท 1) การเจาะไข่แดงเยรูซาเล็ม ด้วยขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค ที่แม่แต่เยเมน โดยฮูตี ยังทะลุทะลวงไอรอน โดม ระบบป้องกันภัายที่ดีที่สุดของยิวได้ ทั้งๆ ที่มันมีระบบป้องกันถึง 5 ชั้น ผ่านฉลุย แปลว่าอะไร? ไม่ว่ามรึงจะยิงอะไร ขั้วใหม่สกัดได้หมด เพราะไวกว่ามรึง และไม่ว่าเค้าจะยิงอะไรใส่มรึง มรึงจะหนีไม่พ้น โดนหมดทุกดอก แม่นยำเกินเหตุ ดังนั้น สงครามนุ๊ก หากมา คือปิดเกมส์ทันที เพราะมรึงจะสูญเสียใหญ่แบบไม่คาดคิด ชนิดล่มสลาย สิ้นชาติชัวร์ มันถึงได้เกิดสูญญากาศตอนนี้ ขนาดไอ้อียุโรป ระบบป้องกัยภัยทางอากาศยังห่วยกว่านี้ แล้วมรึงยังจะไปท้าสู้หัวหมู่ทะลวงฟันอย่างเยเมน คือหมูวิ่งชนปังตอนั่นเอง

    ฉิบหายหนักกว่าเก่า เมื่อจีน-รัสเซีย ประกาศจับมือล่อการค้าเหี้ยกลับ กำแพงภาษีมรึงใช้กับกูไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรเลย ที่กูจำเป็นต้องพึ่งพามรึง กูหาเองได้หมด ผลิตเอง ส่งออกอีกต่างหาก แปลว่า ทั้งแร่หายาก ยูเรเนียม ทองคำ น้ำมัน แก็ส สินค้าจำเป็น แม้แต่ต้นทางผลิตชิป มรึงจะไปหาจากที่ไหน? ขั้วเก่ามันแพ้ตั้งแต่ต้นแล้ว ที่คิดจะใช้ยูเครนเปิดศึกล้มรัสเซีย หมากที่อ่อนหัด และไม่ได้มีแผนรองรับเลย ของจริง หนังคนละม้วน แถมพากันตายทั้ง NATO EU หมายกชุด อเมริกาตาย มันจะลากยุโรปตายห่าไปพร้อมกัน เพราะมันจ้องช้อนซื้อให้อียิวไงล่ะ สุดท้าย เหี้ยแดร๊กกันเอง กินกันเอง น่าสมเพช!

    อะไรน่ะ! ไอเดียชั้นหมา EU จะตั้งศาลเตี้ย ไล่ล่าปูตินมารับโทษ ถามคำเดียว ทุกวันนี้ ใครมีปัญญาล้มรัสเซียได้บ้าง ใครยังแบมือขอพลังงานอยู่ จัดฉากหลอกควายไม่เนียน มุกระดับการ์ตูนเล่มละบาท ปูตินบอก มรึงต่างหากล่ะ ที่กูจะไล่จับไอ้อีทีละตัวขึ้นศาลทหารมอสโคว์ นายพลพวกมรึงทั้งนั้น นับ 100 อยู่ในสวนสัตว์กูเนี่ย? ใครจะตัดสินใครกันแน่..ไอ้สัส? เมากาวเหรอจ๊ะ

    ปั่นอีกดิ? มุกเดิมๆ อะไรน่ะ "นุ๊กมา" อีแขก-ปากี จะซัดใส่กัน เอาเลย ทำเลย ทำตอนนี้่เลย กูท้า? หากมันจะใช้จริง มันใช้ไปนานแล้ว นุ๊กใครก็มี ผู้ชนะคือผู้ที่สกัดนุ๊กศัตรูได้ต่างหาก อีแขกมันมั่นใจ เพราะมี S-400 แต่คำถามคือ มันสกัดได้ไม่เกิน 10 เป้าหมาย หากยิงพร้อมกัน 1000 ลูก มรึงต้องมี S-400 ถึง 100 ตัว มีถึงมั้ยล่ะ? บอกตรง ละครปาหี่หลอกควาย ปั่นหุ้น ปั่นพลังงาน ปั่นทองคำ เพราะอีแขก มันมีหมดไงล่ะ ใครจะขายให้มรึง หากไม่ใช่กู? สิ่งเดียวที่อีแขก ได้เปรียบอีปากีคือ รวยกว่า เท่านั้นแหละ? อีปากี มันโง่ หากคบจีน รัสเซีย ป่านนี้ รวยเละเทะแล้ว ส่งออกพลังงานแดร๊กหัวคิว รวยรายวัน ควายเพราะกองทัพมันโง่ เห็นแก่เศษเงิน ไม่ได้มองว่าใครคือผู้ชนะตัวจริง?

    หมี CNN(อะไรน่ะ..มรึงยังจะเอาต่ออีกเหรอ? สั่งอีลูกร่านเผ่นก่อน ยุบสภา หวังจับมืออีส้มเน่ารอบหน้า รวบแดร๊กแผ่นดิน ดูง่ายไปมุย? ทหารเค้าไม่ปล่อยโอกาสทองหลุดมืออีกแล้ว มรึงจะเลือกเหี้ยอะไรได้อีก ยุบแม่งทุกพรรค ตัดสิทธิ์ยกโคตร นโยบายเป็นภัย แก้รมน.ใหม่ จี้ปมพรรคการเมือง นโยบายเป็นปฎิปักษ์สั่งยุบทันที ใครแตะสถาบันหัวขาด ใครแยกดินแดน หัวกระจุย ใครล่ะ ที่จะทำได้ "กองทัพไงล่ะ" ล้างแผ่นดิน จะเร่งรีบไม่ได้ ไม่ต้องมีใครตาย จะมีแค่คนเผ่นเท่านั้น คือจบ)
    10 พฤษภาคม 68(หลังวันแสดงแสนยานุภาพขั้วใหม่ โลกประจักษ์แล้ว)
    15.15 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    10-05-68/01 : หมี CNN / "หมีงับ" EP.2(เวลา 18.45 น.) อียิวกรี๊ดสนั่น! ฮูตีฉลองวันแห่งชัยชนะ ถล่มยับฐานทัพ คลังแสง สนามบิน เละเป็นโจ๊ก ชุดใหญ่ไฟกระพริบไม่ปรึกษาใคร อียิวโวย..เล่นทีเผลอเหรอจ๊ะ? ทั้งขีปนาวุธร่อน โดรนพิฆาตที่รัก มาเยี่ยมเยรูซาเล็มถี่ยิบ ข่าวไม่ตี แต่ดาหน้าถล่ม 30 ครั้งใน 2 สัปดาห์แล้วมรึง อ่วมอรทัย สงครามปิดปาก เห่าไปก็เสียหมา ยาย่าตูเร่ เฮ๊ย..ขำกลิ้ง ออกสื่อคุยโว ของจริง โดนสอยตูด อีเนรคุณ เอาส้นตรีนก่ายหน้าแล้ว(ถึงเหรอ?) สรุป 9 พฤษภาคม วันแห่งชัยชนะของขั้วใหม่ โดยสัญลักษณ์ มันหมดยุค "WWII" ไปนานแล้ว วันนี้แหละ ที่กูบุกถล่มมรึง ไม่ทันตั้งตัว ใครบอกว่ากูจะตั้งรับ เหี้ย..งง เป็นไก่ตาแตก! หลังวันที่ 9 ทุกอย่างกลับตาลปัตร อีทรัมปป์หมอบแล้ว สั่งถอย อีแขกภาระตะเละเป็นโจ๊ก เจออาวุธจีน อิหร่าน สอยมะม่วง ร่วงระนาว อ้าว..มั่นในตะวันตกมิใช่เหรอ? ทำไม กระจอกจังฟ่ะเนี่ย? กองทัพปากี ไม่ได้กล่าว? ศึกยกแรก จีน-อิหร่าน ชนะใส อาวุธกระจอกยุโรป สหรัฐ ที่มาว่าทำไม อีแขกถึงได้งัด S-400 ของรัสเซียมาสกัดกั้น มันเร็วไปมั้ย? ไม่ทันไร จะใช้ของแข็งเลยเหรอ? บอกตรง ลุยกันมา 4 วันแล้ว ตายแค่ 50 มันใช่เหรอ? ไหนบอก "สงครามแคชเมียร์" กูว่าตอแหล แค่เรียกเรตติ้ง เพื่อเปิดโต๊ะเจรจา ทำเพื่อปั่นอะไรล่ะ? โปรดสังเกตุ อาเซียนเริ่มระอุ ตามด้วยมหาสมุทรอินเดีย ส่งสัญญานศึกแปซิฟิคต้องเริ่ม จีนอ่านขาด วางเกาะสแปรดลี่ย์ ไว้รอต้อนรับ ที่มาว่าทำไมยึดและตั้งหมู่เกาะสแปรดลี่ยขึ้นเมื่อ 2014 เพื่อการณ์นี้ อีทรัมปป์หมาไปแล้ว ยอมแล้วจ๋า จาก 150% เหลือ 80% ก็ได้เอามั้ย? เจอจีนสวนกลับเงิบแดร๊ก 0% กูก็ไม่ส่ง มรึงจะเอาเหี้ยอะไรแดร๊กล่ะ? เกิดภาวะของขาดทั่วประเทศสหรัฐ มีเงินก็ไม่มีแดร๊ก ชั้นสินค้าว่างโบ๋วว ผู้คนเริ่มตุนอาหารกันหนัก เมื่อจีนไม่ส่ง หลายชาติที่หมั่นไส้อเมริกา ก็ไม่ส่งตาม จะไปบีบเค้า เจอเค้าบีบไข่กลับ จุกและอายมั้ยล่ะเพ่? CIVIL WAR แม้จะมา แต่ก็ไร้ประโยชน์ หากโลกไม่กระโดดเข้าร่วมสงครามล้างหนี้ ที่อียิวมันคิดเอาไว้ล่วงหน้า ทุกอย่างคือ "ฉิบหายหนัก" ขั้วใหม่ เค้าอ่านมรึงออกจนทะลุตับไตไส้พุงหมดแล้ว จีนถือไพ่เหนือกว่าเยอะ ผู้ผลิตจ๊ะ! FC ชั้น 14 เฮ! พยานลับ หมอ 3 ปาก ถูกกันตัวเป็นพยาน ชี้ไอ้ตัวคนสั่ง อีกรมคุก ดิ้น เตรียมโบ้ยให้หมอ ถูกสวนกลับ อำนาจโยกย้าย สั่งขัง อยู่ที่มรึง ไม่ใช่กู ดีออก? FC ผีอีโม เฮต่ออีกชั้น คายหมดเปลือก อีเสี่ยจนด้วยพยาน หลักฐานมัดจนแถไม่ออก สารภาพเกลี้ยง DSI ยังนิ่ง รอเหี้ยตัวสั่งการดิ้นก่อน แผลจะเปิดหมดเอง 5 ตัวบนเรือ โดนหมด แต่อีตุ๊ด กับอีร่านขายเพื่อน โดนหนักสุด พยานชี้เป้า แก้ไข ทำลายหลักฐาน 3 ข้อหาหนักสุด สมรู้ร่วมคิด สาวไส้ไปถึงกรมกากี อีปทุมวันดิ้น ตัวใครตัวมัน ทุกอย่างมันมีจุดจบ นอนคุกกันหมดทั้งกะปิ คายเมื่อไหร่ โทษเบา ไม่คาย ตายในคุก อียุ่นปี่สายยิวเหี้ยไซออนนิสต์ เตรียมเทดอลล่าร์ทิ้ง ส่งผลโดยตรง ดอลล่าร์ร่วงไร้เพดานต้าน แผนเด็ดหัวอีทรัมปป์ จากอียิว CITY OF LONDON ก็อาจจะกระทบไปด้วย เพราะปุกกับดอลล่าร์เช่นกัน ทั้ง 3 สกุลเงินหลักโลกยุคเก่า กำลังจะตายหมู่ ทั้งดอลล่าร์ ปอนด์ ยูโร ที่มาว่าทำไม ต้อง WWIII เท่านั้น ไม่ชนะ ก็ล่มสลาย อียุ่นปี่หวังเอาตัวรอด แต่จีนก็นิ่งเป็น รอกระทืบซ้ำ เยนตกต่ำมาหลายปี อาจจะพุ่งจนเงินเยนแข็งโป๊ก ส่งผลเสียต่อสินค้าส่งออก จีนไม่ปล่อยโอกาสทองดอก หยวนยิ่งอ่อนยิ่งดี กำลังซื้อยิ่งมาก ไม่กลัวค่าเงินตก แต่กลัวขายไม่ออกมากกว่า หยวนขึ้นมาเทียบกับดอลล่าร์แล้วนาทีนี้ ปล่อยไม่ทันก็ตาย ทั่วโลกถึงได้รีบเทหนัก จนกระแสเงินโลกเปลี่ยนมือ หยวน ไทยบาท รูเบิล กำลังจะกลายเป็นเงินสกุลหลักโลกในไม่ช้านี้ ไอ้สัส! ทหารรับจ้างทั้งโลก แห่เข้าสมัครกองทัพรัสเซีย ผ่าน WAGNER เชเชน แล้วแต่สายไหน สายสลาฟ หรือสายมุสลิม หลังวันที่ 9 วันแห่งชัยชนะ ทั่วโลกช็อค! เห็นเป็นประจักษ์ แสนยานุภาพเบอร์ 1 โลกตัวจริง ปูตินทุ่มไม่อั้น จ่ายแหลก ครอบครัวทหารเสียชีวิตในยูเครน กำลังใจมาเต็มตรีน ทหารอียูเครนย้ายขั้วกันหมด ไม่รับนีโอนาซี แอบตีเนียนเข้ามา สอยเงียบสิจ๊ะ เตรียมประกาศรับรองรัฐใหม่อีกแล้ว ยึดเพลินไปหน่อย แทบจะเกลี้ยงแล้วมรึง? ข้ามวิกแป๊บ กูไมใช่ติ่งลุงตู่ กูติ่งราชวงศ์จักรีจ๊ะ ดังนั้น พูดตรงไม่ต้องเกรงใจใคร มองให้เป็นธรรม และมองเป็นกลางน่ะ ตอนแรก กูไม่เห็นด้วยดอกที่ 3 เพ่น้องวางแผนเอาอีเหลี่ยมกลับมา แต่พอมานั่งคิดทบทวน และไตร่ตรองด้วยสติปัญญาแล้ว เอากลับมา ถึงจะถูก 1.ดำรงกฎหมายไทย คงอำนาจบังลังก์ศาลไทย 2.อยู่ใต้กฎหมายไทย ควบคุมง่ายกว่า อยู่นอกอธิปไตย 3.จังหวะเวลาลงตัว 14 ล้านเสียงควายยกให้ ขึ้นมาดันลูกสาวร่านนั่งบังลังก์ นั่นคือกับดัก 4.ไม่มีโจทย์ ก็ไม่มีคดี ชั้น 14 แล้วจะล้างบางเหี้ยทั้งขบวนการอย่างไร? 5.รัดทรัพย์ ยึดทรัพย์ โดยปริยาย จากคำสั่งศาล มันจะครบองค์ประชุมได้ จำเลยต้องปรากฎตัวเท่านั้น เมื่อมองดูย้อนกลับไป แลเห็นว่า แผ่นดินได้ประโยชน์มากกว่าอีเหลี่ยมไม่กลับมา ยิ่งตอนนี้ จะบีบก็ตาย จะคายก็รอด ยิ่งเข้าใจว่า ทหารเค้าเล่นเกมส์อะไรอยู่? ทุกอย่างคือภาพมายา ปล.55 สว. ถูกเรียกตัวฮั้วเลือก จัดตั้ง ทั้งหมด คือภาพสะท้อน การเมืองไทย ระบบมันเน่าใน ปูพื้นสู่การเปลี่ยนแปลงการปกครองใหม่ กลับคืนสู่จิตวิญญานอโยธยาที่เคยเป็นมา ไม่มีนักการเมืองหน้าไหนไม่โกง ไม่กิน ไม่เหี้ย เพราะขึ้นขื่อว่าพรรค ต้องใช้เงิน ต้องมีนายทุน ต่างตอบแทน แล้วทำไมต้องจ่ายนายทุนล่ะ ในเมื่อเรามีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นผู้กำหนดชะตาแผ่นดินอยู่แล้ว ผู้รับใช้ ซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ ถึงได้ถูกเลือก เมื่อมาทำหน้าที่ ก็ไม่จำเป็นต้องโกง เพราะไม่ได้เดือดร้อนอะไร? แล้วมรึงยังจะเอาเสือหัวเข้ามาทำห่าอะไรอีกล่ะ? เมื่อไร้คอรัปชั่น เงินภาษีทุกบ้าน เข้ารัฐเต็มเม็ดเต็มหน่วย การบริหารจัดการ โปร่งใส ไม่ต้องยัดใต้โต๊ะเหมือนที่ผ่านมา ก็ยิ่งมีกิน มีใช้ เหลือเก็บมากยิ่งขึ้น จะสส. สว. หรือฝ่ายการเมืองใดก็ตาม มันไม่ทำหน้าที่เพื่อปากท้องชาวบ้าน แต่มันออกกฎหมายเพื่ออำนวยผู้จ้างต่างหากล่ะ มันผิดตั้งแต่เริ่ม แล้วมรึงยังจะหวังปชต.ตอแหลต่ออีกเหรอ? ดวงตาเห็นธรรม มรึงจะอยากได้แบบสภาดูม่า พรรคคอมมิวนิสต์จีน ที่บริหาร กฎหมายแรง และเอาจริง ส่วนรวมมาก่อน ส่วนตัวมาทีหลัง แผ่นดินกำลังจะผลัดใบ ยังจะมีละครฉากใหญ่ให้ดูอีกเยอะ ไม่ต้องรีบด่า เพราะเสียงโหยหวนจากเปรต จะดังไปทั่วสภาเดรัจฉาน มรึงจะเห็นเอง (อัพเดท 1) การเจาะไข่แดงเยรูซาเล็ม ด้วยขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค ที่แม่แต่เยเมน โดยฮูตี ยังทะลุทะลวงไอรอน โดม ระบบป้องกันภัายที่ดีที่สุดของยิวได้ ทั้งๆ ที่มันมีระบบป้องกันถึง 5 ชั้น ผ่านฉลุย แปลว่าอะไร? ไม่ว่ามรึงจะยิงอะไร ขั้วใหม่สกัดได้หมด เพราะไวกว่ามรึง และไม่ว่าเค้าจะยิงอะไรใส่มรึง มรึงจะหนีไม่พ้น โดนหมดทุกดอก แม่นยำเกินเหตุ ดังนั้น สงครามนุ๊ก หากมา คือปิดเกมส์ทันที เพราะมรึงจะสูญเสียใหญ่แบบไม่คาดคิด ชนิดล่มสลาย สิ้นชาติชัวร์ มันถึงได้เกิดสูญญากาศตอนนี้ ขนาดไอ้อียุโรป ระบบป้องกัยภัยทางอากาศยังห่วยกว่านี้ แล้วมรึงยังจะไปท้าสู้หัวหมู่ทะลวงฟันอย่างเยเมน คือหมูวิ่งชนปังตอนั่นเอง ฉิบหายหนักกว่าเก่า เมื่อจีน-รัสเซีย ประกาศจับมือล่อการค้าเหี้ยกลับ กำแพงภาษีมรึงใช้กับกูไม่ได้ เพราะไม่มีอะไรเลย ที่กูจำเป็นต้องพึ่งพามรึง กูหาเองได้หมด ผลิตเอง ส่งออกอีกต่างหาก แปลว่า ทั้งแร่หายาก ยูเรเนียม ทองคำ น้ำมัน แก็ส สินค้าจำเป็น แม้แต่ต้นทางผลิตชิป มรึงจะไปหาจากที่ไหน? ขั้วเก่ามันแพ้ตั้งแต่ต้นแล้ว ที่คิดจะใช้ยูเครนเปิดศึกล้มรัสเซีย หมากที่อ่อนหัด และไม่ได้มีแผนรองรับเลย ของจริง หนังคนละม้วน แถมพากันตายทั้ง NATO EU หมายกชุด อเมริกาตาย มันจะลากยุโรปตายห่าไปพร้อมกัน เพราะมันจ้องช้อนซื้อให้อียิวไงล่ะ สุดท้าย เหี้ยแดร๊กกันเอง กินกันเอง น่าสมเพช! อะไรน่ะ! ไอเดียชั้นหมา EU จะตั้งศาลเตี้ย ไล่ล่าปูตินมารับโทษ ถามคำเดียว ทุกวันนี้ ใครมีปัญญาล้มรัสเซียได้บ้าง ใครยังแบมือขอพลังงานอยู่ จัดฉากหลอกควายไม่เนียน มุกระดับการ์ตูนเล่มละบาท ปูตินบอก มรึงต่างหากล่ะ ที่กูจะไล่จับไอ้อีทีละตัวขึ้นศาลทหารมอสโคว์ นายพลพวกมรึงทั้งนั้น นับ 100 อยู่ในสวนสัตว์กูเนี่ย? ใครจะตัดสินใครกันแน่..ไอ้สัส? เมากาวเหรอจ๊ะ ปั่นอีกดิ? มุกเดิมๆ อะไรน่ะ "นุ๊กมา" อีแขก-ปากี จะซัดใส่กัน เอาเลย ทำเลย ทำตอนนี้่เลย กูท้า? หากมันจะใช้จริง มันใช้ไปนานแล้ว นุ๊กใครก็มี ผู้ชนะคือผู้ที่สกัดนุ๊กศัตรูได้ต่างหาก อีแขกมันมั่นใจ เพราะมี S-400 แต่คำถามคือ มันสกัดได้ไม่เกิน 10 เป้าหมาย หากยิงพร้อมกัน 1000 ลูก มรึงต้องมี S-400 ถึง 100 ตัว มีถึงมั้ยล่ะ? บอกตรง ละครปาหี่หลอกควาย ปั่นหุ้น ปั่นพลังงาน ปั่นทองคำ เพราะอีแขก มันมีหมดไงล่ะ ใครจะขายให้มรึง หากไม่ใช่กู? สิ่งเดียวที่อีแขก ได้เปรียบอีปากีคือ รวยกว่า เท่านั้นแหละ? อีปากี มันโง่ หากคบจีน รัสเซีย ป่านนี้ รวยเละเทะแล้ว ส่งออกพลังงานแดร๊กหัวคิว รวยรายวัน ควายเพราะกองทัพมันโง่ เห็นแก่เศษเงิน ไม่ได้มองว่าใครคือผู้ชนะตัวจริง? หมี CNN(อะไรน่ะ..มรึงยังจะเอาต่ออีกเหรอ? สั่งอีลูกร่านเผ่นก่อน ยุบสภา หวังจับมืออีส้มเน่ารอบหน้า รวบแดร๊กแผ่นดิน ดูง่ายไปมุย? ทหารเค้าไม่ปล่อยโอกาสทองหลุดมืออีกแล้ว มรึงจะเลือกเหี้ยอะไรได้อีก ยุบแม่งทุกพรรค ตัดสิทธิ์ยกโคตร นโยบายเป็นภัย แก้รมน.ใหม่ จี้ปมพรรคการเมือง นโยบายเป็นปฎิปักษ์สั่งยุบทันที ใครแตะสถาบันหัวขาด ใครแยกดินแดน หัวกระจุย ใครล่ะ ที่จะทำได้ "กองทัพไงล่ะ" ล้างแผ่นดิน จะเร่งรีบไม่ได้ ไม่ต้องมีใครตาย จะมีแค่คนเผ่นเท่านั้น คือจบ) 10 พฤษภาคม 68(หลังวันแสดงแสนยานุภาพขั้วใหม่ โลกประจักษ์แล้ว) 15.15 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 Comments 0 Shares 375 Views 0 Reviews
  • “เมื่อคำพูดไม่มีประโยชน์…จงใช้ความเงียบที่มีเมตตา”

    แม้เราจะรักและผูกพันกันแค่ไหน
    แต่ถ้าใจอยู่คนละฝั่งจริงๆ
    แค่คุยกันก็เหนื่อยแล้ว
    เพราะคำพูดทั้งหมดจะกลายเป็นเสียงเบาๆ ที่ลอยผ่านไป
    ไม่มีวันแตะใจอีกฝ่ายได้เลย

    ---

    ญาติที่รัก แต่ “ไม่ฟัง” คือบททดสอบระดับสูง

    โดยเฉพาะเมื่อเป็นญาติผู้ใหญ่
    ที่พร้อมจะโกรธโดยไม่รอฟัง
    ที่หงุดหงิดง่าย ดุดันเร็ว
    คุณจะรู้สึกเหมือน “ถูกจับสอบกลางสนามไฟ”
    ไม่ว่าคุณจะอธิบายดีแค่ไหน…ก็เหมือนเทน้ำใส่หินร้อน

    แต่จงจำไว้ให้แม่น —
    “ไฟจะดับด้วยไฟไม่ได้ ต้องดับด้วยน้ำ”
    และน้ำในธรรมะก็คือ
    ความสงบ ความเงียบ และความเมตตา

    ---

    ถ้อยคำแห่งเหตุผล…อาจไร้ค่าทันทีเมื่อใจต่างกัน

    ใจที่ติดสี ติดข้าง ติดอัตตา
    จะไม่เปิดรับเหตุผลจากฝั่งตรงข้าม
    ต่อให้คุณพูดเพราะ ใช้หลักวิชาเป๊ะ
    ก็เหมือนยิงลูกธนูใส่กำแพง
    ไม่ได้ทะลุใจใครเลย

    ---

    ทางออกไม่ใช่การชนะด้วยคำพูด แต่เป็น “การหยุดด้วยจิตที่สว่าง”

    หากคุณสงบนิ่งได้
    วางใจไว้ในความเงียบ
    แต่เป็นความเงียบที่มีสติ มีเมตตา มีความเย็น
    จิตของคุณจะกลายเป็นแรงสะเทือนที่ดี
    สะกิดอีกฝ่ายโดยที่คุณไม่ต้องเอ่ยอะไรเลย

    นั่นแหละคือ บุญที่แผ่ออกเป็น “พลังงานทางใจ”
    ละลายมุมแข็งๆ
    ของคนที่คุณเคารพและรักได้อย่างนุ่มนวล

    ---

    ศิลปะแห่ง “การหยุด – ถอย – รุก” ด้วยเมตตา

    คนที่มีธรรมะในใจ
    จะรู้ว่าเมื่อใดควรเงียบ
    เมื่อใดควรถอย
    เมื่อใดควรรุกอย่างอ่อนโยน
    และที่สุดของปฏิภาณ ไม่ใช่การเอาชนะ
    แต่คือการ ทำให้ทุกคน “ชนะร่วมกัน” โดยไม่มีใครแพ้เลย

    ---

    บทสรุปธรรมะที่สำคัญที่สุดในสถานการณ์ยาก

    > ถ้าจิตของคุณมีเมตตา และไม่เจือโทสะแม้แต่นิดเดียว
    – เมื่อคิด จะเป็นบุญ
    – เมื่อพูด จะเป็นบุญ
    – เมื่อทำ จะเป็นบุญ

    และ บุญนั้นเองจะเปิดทางให้คุณอย่างเหลือเชื่อ
    ช่วยให้สถานการณ์ร้ายคลี่คลาย
    ด้วยความอ่อนโยน ที่แข็งแกร่งกว่าอารมณ์ใดในโลก
    “เมื่อคำพูดไม่มีประโยชน์…จงใช้ความเงียบที่มีเมตตา” แม้เราจะรักและผูกพันกันแค่ไหน แต่ถ้าใจอยู่คนละฝั่งจริงๆ แค่คุยกันก็เหนื่อยแล้ว เพราะคำพูดทั้งหมดจะกลายเป็นเสียงเบาๆ ที่ลอยผ่านไป ไม่มีวันแตะใจอีกฝ่ายได้เลย --- ญาติที่รัก แต่ “ไม่ฟัง” คือบททดสอบระดับสูง โดยเฉพาะเมื่อเป็นญาติผู้ใหญ่ ที่พร้อมจะโกรธโดยไม่รอฟัง ที่หงุดหงิดง่าย ดุดันเร็ว คุณจะรู้สึกเหมือน “ถูกจับสอบกลางสนามไฟ” ไม่ว่าคุณจะอธิบายดีแค่ไหน…ก็เหมือนเทน้ำใส่หินร้อน แต่จงจำไว้ให้แม่น — “ไฟจะดับด้วยไฟไม่ได้ ต้องดับด้วยน้ำ” และน้ำในธรรมะก็คือ ความสงบ ความเงียบ และความเมตตา --- ถ้อยคำแห่งเหตุผล…อาจไร้ค่าทันทีเมื่อใจต่างกัน ใจที่ติดสี ติดข้าง ติดอัตตา จะไม่เปิดรับเหตุผลจากฝั่งตรงข้าม ต่อให้คุณพูดเพราะ ใช้หลักวิชาเป๊ะ ก็เหมือนยิงลูกธนูใส่กำแพง ไม่ได้ทะลุใจใครเลย --- ทางออกไม่ใช่การชนะด้วยคำพูด แต่เป็น “การหยุดด้วยจิตที่สว่าง” หากคุณสงบนิ่งได้ วางใจไว้ในความเงียบ แต่เป็นความเงียบที่มีสติ มีเมตตา มีความเย็น จิตของคุณจะกลายเป็นแรงสะเทือนที่ดี สะกิดอีกฝ่ายโดยที่คุณไม่ต้องเอ่ยอะไรเลย นั่นแหละคือ บุญที่แผ่ออกเป็น “พลังงานทางใจ” ละลายมุมแข็งๆ ของคนที่คุณเคารพและรักได้อย่างนุ่มนวล --- ศิลปะแห่ง “การหยุด – ถอย – รุก” ด้วยเมตตา คนที่มีธรรมะในใจ จะรู้ว่าเมื่อใดควรเงียบ เมื่อใดควรถอย เมื่อใดควรรุกอย่างอ่อนโยน และที่สุดของปฏิภาณ ไม่ใช่การเอาชนะ แต่คือการ ทำให้ทุกคน “ชนะร่วมกัน” โดยไม่มีใครแพ้เลย --- บทสรุปธรรมะที่สำคัญที่สุดในสถานการณ์ยาก > ถ้าจิตของคุณมีเมตตา และไม่เจือโทสะแม้แต่นิดเดียว – เมื่อคิด จะเป็นบุญ – เมื่อพูด จะเป็นบุญ – เมื่อทำ จะเป็นบุญ และ บุญนั้นเองจะเปิดทางให้คุณอย่างเหลือเชื่อ ช่วยให้สถานการณ์ร้ายคลี่คลาย ด้วยความอ่อนโยน ที่แข็งแกร่งกว่าอารมณ์ใดในโลก
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • Storyฯ นึกถึงภาพยนตร์จีนโบราณที่เคยผ่านตาเมื่อนานมาแล้วเรื่องหนึ่งชื่อว่า <หลิ่วหรูซื่อ> (Threads of Time)

    เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวประวัติของนางคณิกานามว่า ‘หลิ่วหรูซื่อ’ นางถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นกวีหญิงที่โดดเด่นในสมัยปลายราชวงศ์หมิง และเป็นสตรีที่รักชาติและต่อต้านการรุกรานจากชาวแมนจูในช่วงผลัดแผ่นดิน ไม่แน่ใจว่าเพื่อนเพจคุ้นเคยกับเรื่องของนางกันบ้างหรือไม่? วันนี้เลยมาคุยให้ฟังอย่างย่อ

    หลิ่วหรูซื่อ (ค.ศ. 1618-1664) ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดแปดนางคณิกาจากแม่น้ำฉินหวย (ฉินหวยปาเยี่ยน / 秦淮八艳)

    อะไรคือ ‘ฉินหวยปาเยี่ยน’ ? ในสมัยปลายราชวงศ์หมิงนั้น สถานสอบราชบันฑิตที่ใหญ่ที่สุดคือเจียงหนานก้งเยวี่ยน (江南贡院) ตั้งอยู่ที่เมืองเจียงหนานริมฝั่งแม่น้ำฉินหวย ในแต่ละปีจะมีบัณฑิตและข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการสอบมาที่นี่ถึงสองสามหมื่นคน จากเมืองเจียงหนานข้ามแม่น้ำฉินหวยมาก็เป็นเมืองหนานจิง (นานกิง) ซึ่งนับว่าเป็นเมืองทางผ่านสำหรับเขาเหล่านี้ ที่นี่จึงกลายเป็นทำเลทองของกิจการหอนางโลม

    เพื่อนเพจอย่าได้คิดว่านางคณิกาเหล่านี้เน้นขายบริการทางเพศแต่อย่างเดียว ในยุคนั้นรายได้เป็นกอบเป็นกำมาจากการขายความบันเทิงทางศิลปะเคล้าสุรา เช่น เล่นดนตรี / เล่นหมากล้อม / โชว์เต้นรำ / แต่งกลอนวาดภาพ หรืออาจทำทั้งหมด มีนางคณิกาจำนวนไม่น้อยที่ขายศิลปะไม่ขายตัวและคนที่ชื่อดังจะต้องมีฝีมือดีเยี่ยม ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่มีการศึกษา ‘ฉินหวยปาเยี่ยน’ ทั้งแปดคนนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของนางคณิกาในย่านเมืองหนานจิงนี้นี่เอง

    หลิ่วหรูซื่อมีนามเดิมว่า ‘หยางอ้าย’ ต่อมาเปลี่ยนชื่อตนเองใหม่เป็น ‘อิ่ง’ และมีนามรองว่า ‘หรูซื่อ’ ตามบทกวีจากสมัยซ่ง บ่อยครั้งที่นางแต่งตัวเป็นชายออกไปโต้กลอนกับคนอื่นโดยใช้นามว่า ‘เหอตงจวิน’ นางโด่งดังที่สุดด้านงานอักษรและงานพู่กันจีน (บทกวี คัดพู่กัน และภาพวาด) ผลงานของนางมีมากมายทั้งในนาม ‘หลิ่วหรูซื่อ’ และ ‘เหอตงจวิน’ มีการรวมเล่มผลงานของนางออกจำหน่ายในหลายยุคสมัยจวบจนปัจจุบัน

    นางเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ถูกขายให้กับหอนางโลมเมื่ออายุแปดขวบ แต่แม่เล้ารับเป็นลูกบุญธรรมและได้ฝึกเรียนศิลปะแขนงต่างๆ ในชีวิตนางมีชายสามคนที่มีบทบาทมาก คนแรกคืออดีตเสนาบดีอดีตจอหงวน ที่รับนางเป็นอนุเมื่ออายุเพียง 14 ปี เขาโปรดปรานนางที่สุด ใช้เวลาทั้งวันกับการสอนศิลปะขั้นสูงเหล่านี้ให้กับนาง

    เมื่อเขาตายลงนางถูกขับออกจากเรือนจึงกลับไปอยู่หอนางโลมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีวิชาความรู้ติดตัวจนเป็นที่เลื่องลือ ทำให้นางใช้ชีวิตอยู่กับการคบหาสมาคมกับเหล่าบัณฑิตจนได้มาพบรักกับเฉินจื่อหลง เขาเป็นบัณฑิตที่ต่อมารับราชการไปได้ไกล ทั้งสองอยู่ด้วยกันนานหลายปี แต่สุดท้ายไปไม่รอดแยกย้ายกันไปและนางออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่นางมีผลงานด้านโคลงกลอนและภาพวาดมากมาย

    ต่อมาในวัย 23 ปี นางได้พบและแต่งงานกับอดีตขุนนางอายุกว่า 50 ปีนามว่าเฉียนเชียนอี้เป็นภรรยารอง (แต่ภรรยาคนแรกเสียไปแล้ว) และอยู่ด้วยกันนานกว่า 20 ปี มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ช่วงเวลาที่อยู่กับเฉียนเชียนอี้นี้ เป็นช่วงเวลาที่นางได้รับการยกย่องเรื่องรักชาติ และนางเป็นผู้ผลักดันให้เฉียนเชียนอี้ทำงานต่อต้านแมนจูอย่างลับๆ เพื่อกอบกู้ราชวงศ์หมิง แม้ว่าฉากหน้าจะสวามิภักดิ์รับราชการกับทางการแมนจูไปแล้ว (เรื่องราวของเฉียนเชียนอี้ที่กลับไปกลับมากับการสนับสนุนฝ่ายใดเป็นเรื่องที่ยาว Storyฯ ขอไม่ลงในรายละเอียด) ต่อมาเฉียนเชียนอี้ลาออกไปใช้ชีวิตบั้นปลายในชนบทโดยนางติดตามไปด้วย เมื่อเขาตายลงมีการแย่งทรัพย์สมบัติ นางจึงฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องให้ทางการเอาผิดคนโกงและคืนทรัพย์สินกลับมาให้ลูก

    หลิ่วหรูซื่อไม่เพียงฝากผลงานเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังมากมาย หากแต่ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและรักชาติของหลิ่วหรูซื่อถูกสะท้อนออกมาในบทประพันธ์ต่างๆ ของนางด้วยอารมณ์ประมาณว่า “ถ้าฉันเป็นชาย ฉันจะไปสู้เพื่อชาติ” แต่เมื่อเป็นหญิง นางจึงพยายามสนับสนุนกองกำลังกู้ชาติทางการเงินและผลักดันให้สามีของนางสนับสนุนด้วย และนี่คือสาเหตุว่าทำไมเรื่องราวของนางคณิกาธรรมดาคนนี้ยังไม่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก:
    https://kknews.cc/history/b2nbjyo.html
    https://www.chinanews.com.cn/cul/news/2008/03-10/1186637.shtml
    https://new.qq.com/omn/20191102/20191102A03LG800.html
    https://kknews.cc/history/b2nbjyo.html
    http://www.360doc.com/content/20/0325/10/60244337_901533310.shtml
    https://kknews.cc/history/ogan4p.html
    https://baike.baidu.com/item/%E7%A7%A6%E6%B7%AE%E5%85%AB%E8%89%B3/384726

    #หลิ่วหรูซือ #เหอตงจวิน #นางคณิกาจีนโบราณ #ฉินหวยปาเยี่ยน #เฉียนเชียนอี้ #เฉินจื่อหลง #กอบกู้หมิง
    Storyฯ นึกถึงภาพยนตร์จีนโบราณที่เคยผ่านตาเมื่อนานมาแล้วเรื่องหนึ่งชื่อว่า <หลิ่วหรูซื่อ> (Threads of Time) เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวประวัติของนางคณิกานามว่า ‘หลิ่วหรูซื่อ’ นางถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นกวีหญิงที่โดดเด่นในสมัยปลายราชวงศ์หมิง และเป็นสตรีที่รักชาติและต่อต้านการรุกรานจากชาวแมนจูในช่วงผลัดแผ่นดิน ไม่แน่ใจว่าเพื่อนเพจคุ้นเคยกับเรื่องของนางกันบ้างหรือไม่? วันนี้เลยมาคุยให้ฟังอย่างย่อ หลิ่วหรูซื่อ (ค.ศ. 1618-1664) ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดแปดนางคณิกาจากแม่น้ำฉินหวย (ฉินหวยปาเยี่ยน / 秦淮八艳) อะไรคือ ‘ฉินหวยปาเยี่ยน’ ? ในสมัยปลายราชวงศ์หมิงนั้น สถานสอบราชบันฑิตที่ใหญ่ที่สุดคือเจียงหนานก้งเยวี่ยน (江南贡院) ตั้งอยู่ที่เมืองเจียงหนานริมฝั่งแม่น้ำฉินหวย ในแต่ละปีจะมีบัณฑิตและข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการสอบมาที่นี่ถึงสองสามหมื่นคน จากเมืองเจียงหนานข้ามแม่น้ำฉินหวยมาก็เป็นเมืองหนานจิง (นานกิง) ซึ่งนับว่าเป็นเมืองทางผ่านสำหรับเขาเหล่านี้ ที่นี่จึงกลายเป็นทำเลทองของกิจการหอนางโลม เพื่อนเพจอย่าได้คิดว่านางคณิกาเหล่านี้เน้นขายบริการทางเพศแต่อย่างเดียว ในยุคนั้นรายได้เป็นกอบเป็นกำมาจากการขายความบันเทิงทางศิลปะเคล้าสุรา เช่น เล่นดนตรี / เล่นหมากล้อม / โชว์เต้นรำ / แต่งกลอนวาดภาพ หรืออาจทำทั้งหมด มีนางคณิกาจำนวนไม่น้อยที่ขายศิลปะไม่ขายตัวและคนที่ชื่อดังจะต้องมีฝีมือดีเยี่ยม ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าที่มีการศึกษา ‘ฉินหวยปาเยี่ยน’ ทั้งแปดคนนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็น ‘ที่สุด’ ของนางคณิกาในย่านเมืองหนานจิงนี้นี่เอง หลิ่วหรูซื่อมีนามเดิมว่า ‘หยางอ้าย’ ต่อมาเปลี่ยนชื่อตนเองใหม่เป็น ‘อิ่ง’ และมีนามรองว่า ‘หรูซื่อ’ ตามบทกวีจากสมัยซ่ง บ่อยครั้งที่นางแต่งตัวเป็นชายออกไปโต้กลอนกับคนอื่นโดยใช้นามว่า ‘เหอตงจวิน’ นางโด่งดังที่สุดด้านงานอักษรและงานพู่กันจีน (บทกวี คัดพู่กัน และภาพวาด) ผลงานของนางมีมากมายทั้งในนาม ‘หลิ่วหรูซื่อ’ และ ‘เหอตงจวิน’ มีการรวมเล่มผลงานของนางออกจำหน่ายในหลายยุคสมัยจวบจนปัจจุบัน นางเกิดมาในครอบครัวที่ยากจน ถูกขายให้กับหอนางโลมเมื่ออายุแปดขวบ แต่แม่เล้ารับเป็นลูกบุญธรรมและได้ฝึกเรียนศิลปะแขนงต่างๆ ในชีวิตนางมีชายสามคนที่มีบทบาทมาก คนแรกคืออดีตเสนาบดีอดีตจอหงวน ที่รับนางเป็นอนุเมื่ออายุเพียง 14 ปี เขาโปรดปรานนางที่สุด ใช้เวลาทั้งวันกับการสอนศิลปะขั้นสูงเหล่านี้ให้กับนาง เมื่อเขาตายลงนางถูกขับออกจากเรือนจึงกลับไปอยู่หอนางโลมอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีวิชาความรู้ติดตัวจนเป็นที่เลื่องลือ ทำให้นางใช้ชีวิตอยู่กับการคบหาสมาคมกับเหล่าบัณฑิตจนได้มาพบรักกับเฉินจื่อหลง เขาเป็นบัณฑิตที่ต่อมารับราชการไปได้ไกล ทั้งสองอยู่ด้วยกันนานหลายปี แต่สุดท้ายไปไม่รอดแยกย้ายกันไปและนางออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่นางมีผลงานด้านโคลงกลอนและภาพวาดมากมาย ต่อมาในวัย 23 ปี นางได้พบและแต่งงานกับอดีตขุนนางอายุกว่า 50 ปีนามว่าเฉียนเชียนอี้เป็นภรรยารอง (แต่ภรรยาคนแรกเสียไปแล้ว) และอยู่ด้วยกันนานกว่า 20 ปี มีลูกสาวด้วยกันหนึ่งคน ช่วงเวลาที่อยู่กับเฉียนเชียนอี้นี้ เป็นช่วงเวลาที่นางได้รับการยกย่องเรื่องรักชาติ และนางเป็นผู้ผลักดันให้เฉียนเชียนอี้ทำงานต่อต้านแมนจูอย่างลับๆ เพื่อกอบกู้ราชวงศ์หมิง แม้ว่าฉากหน้าจะสวามิภักดิ์รับราชการกับทางการแมนจูไปแล้ว (เรื่องราวของเฉียนเชียนอี้ที่กลับไปกลับมากับการสนับสนุนฝ่ายใดเป็นเรื่องที่ยาว Storyฯ ขอไม่ลงในรายละเอียด) ต่อมาเฉียนเชียนอี้ลาออกไปใช้ชีวิตบั้นปลายในชนบทโดยนางติดตามไปด้วย เมื่อเขาตายลงมีการแย่งทรัพย์สมบัติ นางจึงฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องให้ทางการเอาผิดคนโกงและคืนทรัพย์สินกลับมาให้ลูก หลิ่วหรูซื่อไม่เพียงฝากผลงานเอาไว้ให้ชนรุ่นหลังมากมาย หากแต่ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญและรักชาติของหลิ่วหรูซื่อถูกสะท้อนออกมาในบทประพันธ์ต่างๆ ของนางด้วยอารมณ์ประมาณว่า “ถ้าฉันเป็นชาย ฉันจะไปสู้เพื่อชาติ” แต่เมื่อเป็นหญิง นางจึงพยายามสนับสนุนกองกำลังกู้ชาติทางการเงินและผลักดันให้สามีของนางสนับสนุนด้วย และนี่คือสาเหตุว่าทำไมเรื่องราวของนางคณิกาธรรมดาคนนี้ยังไม่ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลเรียบเรียงจาก: https://kknews.cc/history/b2nbjyo.html https://www.chinanews.com.cn/cul/news/2008/03-10/1186637.shtml https://new.qq.com/omn/20191102/20191102A03LG800.html https://kknews.cc/history/b2nbjyo.html http://www.360doc.com/content/20/0325/10/60244337_901533310.shtml https://kknews.cc/history/ogan4p.html https://baike.baidu.com/item/%E7%A7%A6%E6%B7%AE%E5%85%AB%E8%89%B3/384726 #หลิ่วหรูซือ #เหอตงจวิน #นางคณิกาจีนโบราณ #ฉินหวยปาเยี่ยน #เฉียนเชียนอี้ #เฉินจื่อหลง #กอบกู้หมิง
    2 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • ตามล่าหา 'ดาวเหนือ'
    ด๋องรู้สึกเหมือนกำลังพายเรืออยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไร้จุดหมาย
    แต่ละวันเริ่มต้นขึ้นด้วยแรงเฉื่อย เขาลุกไปทำงานเพียงเพราะ "ต้องทำ" ไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน
    งานที่ทำก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหมายหรือความรักที่จะทำ มันเป็นแค่การทำตามคำสั่งไปวันๆ
    เหมือนเป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในเครื่องจักรขนาดใหญ่ หมุนไปตามแรงขับเคลื่อนของคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่าปลายทางคือที่ใด
    เขาเคยได้ยินคำว่า "ดาวเหนือ" มาบ้าง ในฐานะสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจและเข็มทิศชีวิต
    แต่สำหรับด๋อง คำนี้ดูห่างไกลเหลือเกิน มันเป็นเพียงถ้อยคำสวยหรูในโลกอุดมคติ ที่ไม่มีอยู่จริงในชีวิตการทำงานอันแสนธรรมดาของเขา
    .
    วันหนึ่ง จุดเปลี่ยนเล็กๆ ก็มาถึง เมื่อหัวหน้ามอบหมายโปรเจกต์หนึ่งให้
    มันเป็นงานที่หนัก ต้องใช้ความละเอียดสูง และดูเหมือนจะไม่มีใครอยากทำ เพราะมันทั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก
    เพื่อนร่วมงานหลายคนแสดงท่าทีเหนื่อยหน่าย แต่ด๋องเลือกที่จะรับมันไว้โดยไม่ปริปากบ่น
    ในหัวคิดเพียงแค่ว่า "ก็ต้องทำ" ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำให้เสร็จไป
    ด๋องทุ่มเทเวลาหลายสัปดาห์ให้กับโปรเจกต์นี้ อาศัยเพียง "เครื่องมือ" ที่มี ความรู้พื้นฐานที่ร่ำเรียนมา และความอึดเข้าแลก
    เขาจมดิ่งอยู่กับตัวเลขและเอกสาร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละจุด แม้จะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่างานนี้จะนำไปสู่สิ่งใด
    .
    วันนำเสนอผลงานมาถึง
    ด๋องยืนอยู่หน้าห้องประชุม นำเสนอสิ่งที่เขาได้ทำลงไปอย่างละเอียด ทั้งขั้นตอน ปัญหาที่พบ และวิธีแก้ไขแบบตามตำรา
    หัวหน้าและผู้ใหญ่ในห้องพยักหน้าพอใจในความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่มอบหมาย
    โปรเจกต์นี้ "สำเร็จ" ในสายตาของทุกคน และด๋องก็ได้รับคำชมตามระเบียบ
    แต่เมื่อเดินออกจากห้องประชุม แสงแดดยามบ่ายกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเลย
    ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่ใช่ความภาคภูมิใจ แต่เป็นความว่างเปล่าที่กัดกินข้างใน
    เหมือนเพิ่งปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้สำเร็จ แต่กลับพบว่าตัวเองมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่ได้แหงนมองวิวทิวทัศน์ระหว่างทางเลย
    "นี่คือทั้งหมดแล้วเหรอ?" คำถามนี้ดังก้องอยู่ในใจ "ชีวิตการทำงานมีแค่นี้เองเหรอ? แค่ทำสิ่งที่ 'ต้องทำ' ให้ดีที่สุด แล้วก็รู้สึกว่างเปล่าแบบนี้?"
    .
    ความว่างเปล่าครั้งนั้นกลายเป็นแรงผลักดันเงียบๆ ให้ด๋องเริ่มมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป
    เขาเริ่มหยิบหนังสือพัฒนาตนเองที่เคยเมินเฉยขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แต่คราวนี้อ่านด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป
    ไม่ได้อ่านเพื่อหาสูตรสำเร็จ แต่เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกสับสนภายในใจของตัวเอง
    เขาได้อ่านเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ดูเหมือนจะมี "ดาวเหนือ" เป็นของตัวเอง ส่องนำทางชีวิตและการทำงาน
    ด๋องเริ่ม "มองแบบอย่าง" จากคนเหล่านั้น ไม่ใช่การเลียนแบบภายนอก แต่พยายามทำความเข้าใจความคิด "เจตนา" และคุณค่าที่ขับเคลื่อนพวกเขา
    เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่า นอกจากการ "ต้องทำ" แล้ว มีอะไรที่เขา "อยากจะทำ" กันแน่? และต้อง "จำเป็นต้องทำ" อะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น?
    .
    ไม่นานหลังจากนั้น ด๋องได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปของบริษัทเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายองค์กร
    เขาได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ฟังความฝันของผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานจากแผนกต่างๆ
    เหมือนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายค่อยๆ ประกอบกันเป็นภาพใหญ่ที่เขาไม่เคยมองเห็นมาก่อน
    ด๋องเริ่มเข้าใจว่างานเล็กๆ ที่เขาทำ อาจมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และเขาก็พบว่ามีบางประเด็นใน "วิสัยทัศน์ร่วม" นั้นที่สอดคล้องกับสิ่งที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจว่าเขา "อยากจะทำ"
    เขาตัดสินใจเริ่มต้นโปรเจกต์เล็กๆ นอกเหนือจากงานประจำ เป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความสนใจส่วนตัวและความตั้งใจที่อยากเห็นบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
    ครั้งนี้ ด๋องมี "เจตนา" ที่ชัดเจนในการลงมือทำ เขาพยายาม "จัดแนว" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับ "ดาวเหนือ" ที่เริ่มส่องแสงประกายอ่อนๆ ให้เห็น
    .
    เส้นทางของโปรเจกต์ใหม่นี้ไม่ได้ราบรื่นเลย
    เขาต้องเผชิญกับความไม่รู้ ต้องกล้าก้าวออกจาก comfort zone ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยด้วย
    อุปสรรคถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งปัญหาที่ไม่คาดคิด ความผิดพลาดจากการลองผิดลองถูก
    แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ใจกลับเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น
    เขาล้มเหลวหลายครั้ง แต่ทุกครั้งคือการเรียนรู้ เขาไม่ได้ทำเพราะ "ต้องทำ" แต่ทำเพราะ "อยากทำ" และเริ่มรู้สึก "ชอบ" กระบวนการเรียนรู้และสร้างสรรค์นี้จริงๆ
    ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ทีมเล็กๆ ของเขา (ซึ่งรวมตัวกันด้วย "วิสัยทัศน์ร่วม") ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่มากจนเกือบต้องยอมแพ้
    .
    แทนที่จะท้อถอย ด๋องกลับรู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็น ที่ผลักดันให้สู้ต่อไป
    เขาไม่ได้สู้แค่คนเดียว แต่สู้ไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ด้วย "เจตนา" และ "วิสัยทัศน์ร่วม" ที่ชัดเจน
    พวกเขาช่วยกันระดมสมอง เรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ (Unconscious to Conscious Learning)
    ในที่สุด พวกเขาก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหญ่นั้นไปได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยเครื่องมือวิเศษ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้ร่วมกัน
    ความรู้สึกหลังจากการฝ่าฟันครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับเหว
    มันไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นความอิ่มเอมใจที่ได้ทำในสิ่งที่เชื่อ ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง และได้เติบโตผ่านความท้าทายร่วมกับทีม
    เมื่อมองย้อนกลับไปที่โปรเจกต์แรกที่เคยทำด้วยความรู้สึกว่างเปล่า
    .
    วันนี้เขาเพิ่งได้เรียนรู้ว่า งาน "น่าเบื่อ" และ "ซ้ำซาก" ที่เขาทำไปเพราะ "ต้องทำ" ในวันนั้น
    ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จไปวันๆ
    แต่มันคือบททดสอบและบทฝึกฝนที่สำคัญยิ่งยวด
    งานนั้นได้สร้างและลับคม "เครื่องมือ" ที่จำเป็นที่สุดให้เขา นั่นคือ ความอดทน ความละเอียดรอบคอบ และทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
    ทักษะพื้นฐานเหล่านี้เองที่กลายเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง
    ที่ทำให้เขามีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนกว่ามากในโปรเจกต์ที่สอง
    โปรเจกต์ที่เป็นสิ่งที่เขา "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง
    เรื่องราวของด๋องสอนเราว่า เส้นทางสู่การค้นพบสิ่งที่ "รักที่จะทำ" นั้น
    มักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
    บางครั้งเราต้องผ่านช่วงเวลาของการ "ต้องทำ" ในสิ่งที่เราอาจยังไม่เห็นคุณค่าหรือความหมายในทันที
    แต่งานเหล่านั้น หากเรามี "เจตนา" ที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
    จะช่วยสร้าง "เครื่องมือ" และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่ง
    ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นจะกลายเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้เราคว้าโอกาสและเอาชนะอุปสรรคได้
    .
    การออกตามหา "ดาวเหนือ" ไม่ใช่แค่การมองหาแรงบันดาลใจจากภายนอก
    แต่คือกระบวนการภายในของการทำความเข้าใจตัวเอง การมองหาแบบอย่างที่ดี การตั้ง "เจตนา" ที่ชัดเจน
    และการ "จัดแนว (Align)" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าที่เรายึดมั่น
    และที่สำคัญที่สุด คือการค่อยๆ เปลี่ยนจาก mindset ที่ทำเพราะ "ต้องทำ"
    ไปสู่การได้ทำในสิ่งที่ "อยากทำ", "จำเป็นต้องทำ", "ชอบที่จะทำ"
    และท้ายที่สุดคือการได้ทำในสิ่งที่ "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง
    เพราะเมื่อใดที่เราได้ทำในสิ่งที่รักและมีความหมาย
    แม้ต้องเผชิญความยากลำบากใดๆ เราก็จะพบกับความอิ่มเอมใจที่แท้จริง
    และความหมายที่ลึกซึ้งในงานที่เราทำ เช่นเดียวกับที่ด๋องได้ค้นพบในที่สุด

    www.10x-consulting.com
    ตามล่าหา 'ดาวเหนือ' ด๋องรู้สึกเหมือนกำลังพายเรืออยู่ในทะเลอันกว้างใหญ่ที่ไร้จุดหมาย แต่ละวันเริ่มต้นขึ้นด้วยแรงเฉื่อย เขาลุกไปทำงานเพียงเพราะ "ต้องทำ" ไม่ได้มีเป้าหมายที่ชัดเจน งานที่ทำก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกถึงความหมายหรือความรักที่จะทำ มันเป็นแค่การทำตามคำสั่งไปวันๆ เหมือนเป็นฟันเฟืองตัวเล็กๆ ในเครื่องจักรขนาดใหญ่ หมุนไปตามแรงขับเคลื่อนของคนอื่น โดยไม่รู้เลยว่าปลายทางคือที่ใด เขาเคยได้ยินคำว่า "ดาวเหนือ" มาบ้าง ในฐานะสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจและเข็มทิศชีวิต แต่สำหรับด๋อง คำนี้ดูห่างไกลเหลือเกิน มันเป็นเพียงถ้อยคำสวยหรูในโลกอุดมคติ ที่ไม่มีอยู่จริงในชีวิตการทำงานอันแสนธรรมดาของเขา . วันหนึ่ง จุดเปลี่ยนเล็กๆ ก็มาถึง เมื่อหัวหน้ามอบหมายโปรเจกต์หนึ่งให้ มันเป็นงานที่หนัก ต้องใช้ความละเอียดสูง และดูเหมือนจะไม่มีใครอยากทำ เพราะมันทั้งน่าเบื่อและซ้ำซาก เพื่อนร่วมงานหลายคนแสดงท่าทีเหนื่อยหน่าย แต่ด๋องเลือกที่จะรับมันไว้โดยไม่ปริปากบ่น ในหัวคิดเพียงแค่ว่า "ก็ต้องทำ" ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็แค่ก้มหน้าก้มตาทำให้เสร็จไป ด๋องทุ่มเทเวลาหลายสัปดาห์ให้กับโปรเจกต์นี้ อาศัยเพียง "เครื่องมือ" ที่มี ความรู้พื้นฐานที่ร่ำเรียนมา และความอึดเข้าแลก เขาจมดิ่งอยู่กับตัวเลขและเอกสาร แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปทีละจุด แม้จะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่างานนี้จะนำไปสู่สิ่งใด . วันนำเสนอผลงานมาถึง ด๋องยืนอยู่หน้าห้องประชุม นำเสนอสิ่งที่เขาได้ทำลงไปอย่างละเอียด ทั้งขั้นตอน ปัญหาที่พบ และวิธีแก้ไขแบบตามตำรา หัวหน้าและผู้ใหญ่ในห้องพยักหน้าพอใจในความเรียบร้อยและครบถ้วนตามที่มอบหมาย โปรเจกต์นี้ "สำเร็จ" ในสายตาของทุกคน และด๋องก็ได้รับคำชมตามระเบียบ แต่เมื่อเดินออกจากห้องประชุม แสงแดดยามบ่ายกลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจเลย ความรู้สึกที่ถาโถมเข้ามาไม่ใช่ความภาคภูมิใจ แต่เป็นความว่างเปล่าที่กัดกินข้างใน เหมือนเพิ่งปีนขึ้นไปบนยอดเขาได้สำเร็จ แต่กลับพบว่าตัวเองมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดิน ไม่ได้แหงนมองวิวทิวทัศน์ระหว่างทางเลย "นี่คือทั้งหมดแล้วเหรอ?" คำถามนี้ดังก้องอยู่ในใจ "ชีวิตการทำงานมีแค่นี้เองเหรอ? แค่ทำสิ่งที่ 'ต้องทำ' ให้ดีที่สุด แล้วก็รู้สึกว่างเปล่าแบบนี้?" . ความว่างเปล่าครั้งนั้นกลายเป็นแรงผลักดันเงียบๆ ให้ด๋องเริ่มมองหาบางสิ่งบางอย่างที่ขาดหายไป เขาเริ่มหยิบหนังสือพัฒนาตนเองที่เคยเมินเฉยขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แต่คราวนี้อ่านด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ไม่ได้อ่านเพื่อหาสูตรสำเร็จ แต่เพื่อทำความเข้าใจความรู้สึกสับสนภายในใจของตัวเอง เขาได้อ่านเรื่องราวของผู้คนมากมายที่ดูเหมือนจะมี "ดาวเหนือ" เป็นของตัวเอง ส่องนำทางชีวิตและการทำงาน ด๋องเริ่ม "มองแบบอย่าง" จากคนเหล่านั้น ไม่ใช่การเลียนแบบภายนอก แต่พยายามทำความเข้าใจความคิด "เจตนา" และคุณค่าที่ขับเคลื่อนพวกเขา เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังว่า นอกจากการ "ต้องทำ" แล้ว มีอะไรที่เขา "อยากจะทำ" กันแน่? และต้อง "จำเป็นต้องทำ" อะไรบ้างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้น? . ไม่นานหลังจากนั้น ด๋องได้เข้าร่วมเวิร์กช็อปของบริษัทเกี่ยวกับวิสัยทัศน์และเป้าหมายองค์กร เขาได้ฟังเรื่องราวเบื้องหลังความสำเร็จ ฟังความฝันของผู้บริหารและเพื่อนร่วมงานจากแผนกต่างๆ เหมือนจิ๊กซอว์ที่กระจัดกระจายค่อยๆ ประกอบกันเป็นภาพใหญ่ที่เขาไม่เคยมองเห็นมาก่อน ด๋องเริ่มเข้าใจว่างานเล็กๆ ที่เขาทำ อาจมีความเชื่อมโยงกับเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น และเขาก็พบว่ามีบางประเด็นใน "วิสัยทัศน์ร่วม" นั้นที่สอดคล้องกับสิ่งที่เริ่มก่อตัวขึ้นในใจว่าเขา "อยากจะทำ" เขาตัดสินใจเริ่มต้นโปรเจกต์เล็กๆ นอกเหนือจากงานประจำ เป็นโปรเจกต์ที่เกิดจากความสนใจส่วนตัวและความตั้งใจที่อยากเห็นบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ครั้งนี้ ด๋องมี "เจตนา" ที่ชัดเจนในการลงมือทำ เขาพยายาม "จัดแนว" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับ "ดาวเหนือ" ที่เริ่มส่องแสงประกายอ่อนๆ ให้เห็น . เส้นทางของโปรเจกต์ใหม่นี้ไม่ได้ราบรื่นเลย เขาต้องเผชิญกับความไม่รู้ ต้องกล้าก้าวออกจาก comfort zone ไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยด้วย อุปสรรคถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทั้งปัญหาที่ไม่คาดคิด ความผิดพลาดจากการลองผิดลองถูก แต่ครั้งนี้แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง แม้จะเหน็ดเหนื่อย แต่ใจกลับเต็มไปด้วยพลังและความตื่นเต้น เขาล้มเหลวหลายครั้ง แต่ทุกครั้งคือการเรียนรู้ เขาไม่ได้ทำเพราะ "ต้องทำ" แต่ทำเพราะ "อยากทำ" และเริ่มรู้สึก "ชอบ" กระบวนการเรียนรู้และสร้างสรรค์นี้จริงๆ ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคือตอนที่ทีมเล็กๆ ของเขา (ซึ่งรวมตัวกันด้วย "วิสัยทัศน์ร่วม") ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่ใหญ่มากจนเกือบต้องยอมแพ้ . แทนที่จะท้อถอย ด๋องกลับรู้สึกถึงพลังที่มองไม่เห็น ที่ผลักดันให้สู้ต่อไป เขาไม่ได้สู้แค่คนเดียว แต่สู้ไปพร้อมกับเพื่อนร่วมทีมที่เชื่อในสิ่งเดียวกัน ด้วย "เจตนา" และ "วิสัยทัศน์ร่วม" ที่ชัดเจน พวกเขาช่วยกันระดมสมอง เรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับตัวอย่างรวดเร็วในทุกสถานการณ์ (Unconscious to Conscious Learning) ในที่สุด พวกเขาก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคครั้งใหญ่นั้นไปได้สำเร็จ ไม่ใช่ด้วยเครื่องมือวิเศษ แต่ด้วยความมุ่งมั่นและการเรียนรู้ร่วมกัน ความรู้สึกหลังจากการฝ่าฟันครั้งนี้นั้นแตกต่างจากครั้งแรกราวฟ้ากับเหว มันไม่ใช่ความว่างเปล่า แต่เป็นความอิ่มเอมใจที่ได้ทำในสิ่งที่เชื่อ ได้ทุ่มเทอย่างสุดกำลัง และได้เติบโตผ่านความท้าทายร่วมกับทีม เมื่อมองย้อนกลับไปที่โปรเจกต์แรกที่เคยทำด้วยความรู้สึกว่างเปล่า . วันนี้เขาเพิ่งได้เรียนรู้ว่า งาน "น่าเบื่อ" และ "ซ้ำซาก" ที่เขาทำไปเพราะ "ต้องทำ" ในวันนั้น ที่จริงแล้ว มันไม่ใช่แค่การทำงานให้เสร็จไปวันๆ แต่มันคือบททดสอบและบทฝึกฝนที่สำคัญยิ่งยวด งานนั้นได้สร้างและลับคม "เครื่องมือ" ที่จำเป็นที่สุดให้เขา นั่นคือ ความอดทน ความละเอียดรอบคอบ และทักษะการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทักษะพื้นฐานเหล่านี้เองที่กลายเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง ที่ทำให้เขามีความพร้อมที่จะรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนกว่ามากในโปรเจกต์ที่สอง โปรเจกต์ที่เป็นสิ่งที่เขา "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง เรื่องราวของด๋องสอนเราว่า เส้นทางสู่การค้นพบสิ่งที่ "รักที่จะทำ" นั้น มักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป บางครั้งเราต้องผ่านช่วงเวลาของการ "ต้องทำ" ในสิ่งที่เราอาจยังไม่เห็นคุณค่าหรือความหมายในทันที แต่งานเหล่านั้น หากเรามี "เจตนา" ที่จะเรียนรู้และพัฒนาตนเอง จะช่วยสร้าง "เครื่องมือ" และทักษะพื้นฐานที่จำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเครื่องมือเหล่านั้นจะกลายเป็นพลังสำคัญที่ช่วยให้เราคว้าโอกาสและเอาชนะอุปสรรคได้ . การออกตามหา "ดาวเหนือ" ไม่ใช่แค่การมองหาแรงบันดาลใจจากภายนอก แต่คือกระบวนการภายในของการทำความเข้าใจตัวเอง การมองหาแบบอย่างที่ดี การตั้ง "เจตนา" ที่ชัดเจน และการ "จัดแนว (Align)" การกระทำทุกอย่างให้สอดคล้องกับเป้าหมายและคุณค่าที่เรายึดมั่น และที่สำคัญที่สุด คือการค่อยๆ เปลี่ยนจาก mindset ที่ทำเพราะ "ต้องทำ" ไปสู่การได้ทำในสิ่งที่ "อยากทำ", "จำเป็นต้องทำ", "ชอบที่จะทำ" และท้ายที่สุดคือการได้ทำในสิ่งที่ "รักที่จะทำ" อย่างแท้จริง เพราะเมื่อใดที่เราได้ทำในสิ่งที่รักและมีความหมาย แม้ต้องเผชิญความยากลำบากใดๆ เราก็จะพบกับความอิ่มเอมใจที่แท้จริง และความหมายที่ลึกซึ้งในงานที่เราทำ เช่นเดียวกับที่ด๋องได้ค้นพบในที่สุด www.10x-consulting.com
    0 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • ขอประณามโจรใต้ก่อการร้าย
    เสมือนพวกเขาคือ มนุษย์ต่ำสัตว์ที่ไร้ศาสนาใจบาปอำมหิต ทำร้ายชีวิตคนดีๆผู้บริสุทธิ์ได้แบบเลือดเย็น แบบนี้เขาไม่เรียกว่า เรียกร้องสันติสุขใดๆครับ มันคือกลุ่มโจรกบฎที่อยากได้อำนาจเป็นของพวกตนเองล้วนๆ กลุ่มคนหรือ นกม.ที่สนับสนุนวิธีการแอบๆกับโจรเหล่านี้หรือให้พูดคุยสันติกับโจรทมิฬ ก็เสมือนแนวร่วมพวกโจรก่อการร้ายกบฎบ่อนทำลายชาติแบ่งแยกดินแดนไม่ต่างกันครับ ใครอยากได้โจรก่อการร้ายมามีอำนาจปกครองพื้นที่บ้านเมืองก็บ้าแล้วครับ ความสงบสุขคงไม่เกิดดอกครับ ความโหดเหี้ยมไม่มีทางชนะใจคน คนชั่วใจอำมหิตมักปกครองคนด้วยการทำให้คนกลัวและโง่ขลาดเขลา คนดีๆที่รักสันติสุขเขาไม่ทำเช่นนี้กับบ้านเมืองตนและผู้คนในชาติได้ลงดอก นอกเสียจากเขาไม่คิดว่าที่นี่คือบ้านเมืองเขา จึงไม่มีความรักเมตตาในประชาชนพื้นที่ เสียวาลาใจดีกับโจรใจมารเช่นนี้มานานเกินพอละครับทั่นๆทั้งหลาย

    ขอแสดงความเสียใจกับ จนท. ประชาชน ที่บาดเจ็บสูญเสียครับ
    เป็นกำลังใจ จนท.และประชาชนผู้บริสุทธิ์
    ขอให้ความสงบสุขเกิดขึ้นโดยเร็วด้วยความเด็ดขาดครับ
    ขอประณามโจรใต้ก่อการร้าย เสมือนพวกเขาคือ มนุษย์ต่ำสัตว์ที่ไร้ศาสนาใจบาปอำมหิต ทำร้ายชีวิตคนดีๆผู้บริสุทธิ์ได้แบบเลือดเย็น แบบนี้เขาไม่เรียกว่า เรียกร้องสันติสุขใดๆครับ มันคือกลุ่มโจรกบฎที่อยากได้อำนาจเป็นของพวกตนเองล้วนๆ กลุ่มคนหรือ นกม.ที่สนับสนุนวิธีการแอบๆกับโจรเหล่านี้หรือให้พูดคุยสันติกับโจรทมิฬ ก็เสมือนแนวร่วมพวกโจรก่อการร้ายกบฎบ่อนทำลายชาติแบ่งแยกดินแดนไม่ต่างกันครับ ใครอยากได้โจรก่อการร้ายมามีอำนาจปกครองพื้นที่บ้านเมืองก็บ้าแล้วครับ ความสงบสุขคงไม่เกิดดอกครับ ความโหดเหี้ยมไม่มีทางชนะใจคน คนชั่วใจอำมหิตมักปกครองคนด้วยการทำให้คนกลัวและโง่ขลาดเขลา คนดีๆที่รักสันติสุขเขาไม่ทำเช่นนี้กับบ้านเมืองตนและผู้คนในชาติได้ลงดอก นอกเสียจากเขาไม่คิดว่าที่นี่คือบ้านเมืองเขา จึงไม่มีความรักเมตตาในประชาชนพื้นที่ เสียวาลาใจดีกับโจรใจมารเช่นนี้มานานเกินพอละครับทั่นๆทั้งหลาย ขอแสดงความเสียใจกับ จนท. ประชาชน ที่บาดเจ็บสูญเสียครับ เป็นกำลังใจ จนท.และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ขอให้ความสงบสุขเกิดขึ้นโดยเร็วด้วยความเด็ดขาดครับ
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 269 Views 0 Reviews
  • 30 เมษายน 2568-รายงานข่าวNBT News ระบุว่าทบ. แจงปมคลิปกลุ่มชายนับสิบแต่งชุดคล้ายสารวัตรทหารในงานอีเวนต์เอกชน ยังไม่ยืนยันเป็นกำลังพล อยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่หากพบผิดจริง เตรียมสอบสวนทางวินัย

    กองทัพบก ชี้แจง ตามที่มีการเผยแพร่ภาพกิจกรรมภายในงานแห่งหนึ่งบนสื่อสังคมออนไลน์และปรากฏภาพบุคคลแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารร่วมปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้น กองทัพบกได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นและขอชี้แจงดังนี้ จากผลการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท Quanhou ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ณ อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก

    ในขั้นต้น กองทัพบกได้ประสานกับกองพันทหารสารวัตรที่ 11 (พัน.สห.11) ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพบว่าไม่มีคำสั่งให้กำลังพลของหน่วยเข้าปฏิบัติภารกิจในงานดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลที่แต่งกายในลักษณะคล้ายสารวัตรทหารนั้นเป็นกำลังพลของกองทัพบกหรือไม่ หรือสังกัดหน่วยงานใด ซึ่งขณะนี้กองทัพบกอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด

    ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ามีความเกี่ยวข้องหรือเป็นกำลังพลของกองทัพบกจริง จะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัยเนื่องจากถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบวินัยของทางราชการอย่างชัดเจน

    ทั้งนี้ในคลิปแสดงพิธีเปิดงาน https://www.facebook.com/share/v/14bPiUYy6s/?mibextid=wwXIfr
    30 เมษายน 2568-รายงานข่าวNBT News ระบุว่าทบ. แจงปมคลิปกลุ่มชายนับสิบแต่งชุดคล้ายสารวัตรทหารในงานอีเวนต์เอกชน ยังไม่ยืนยันเป็นกำลังพล อยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่หากพบผิดจริง เตรียมสอบสวนทางวินัย กองทัพบก ชี้แจง ตามที่มีการเผยแพร่ภาพกิจกรรมภายในงานแห่งหนึ่งบนสื่อสังคมออนไลน์และปรากฏภาพบุคคลแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่สารวัตรทหารร่วมปฏิบัติหน้าที่รักษาความปลอดภัยนั้น กองทัพบกได้เร่งดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นและขอชี้แจงดังนี้ จากผลการตรวจสอบพบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท Quanhou ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 ณ อาคาร 6 ศูนย์แสดงสินค้าอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก ในขั้นต้น กองทัพบกได้ประสานกับกองพันทหารสารวัตรที่ 11 (พัน.สห.11) ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่ตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และพบว่าไม่มีคำสั่งให้กำลังพลของหน่วยเข้าปฏิบัติภารกิจในงานดังกล่าวแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าบุคคลที่แต่งกายในลักษณะคล้ายสารวัตรทหารนั้นเป็นกำลังพลของกองทัพบกหรือไม่ หรือสังกัดหน่วยงานใด ซึ่งขณะนี้กองทัพบกอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมอย่างละเอียด ทั้งนี้ หากตรวจสอบพบว่ามีความเกี่ยวข้องหรือเป็นกำลังพลของกองทัพบกจริง จะต้องเข้าสู่กระบวนการสอบสวนทางวินัยเนื่องจากถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่นอกเหนือคำสั่งของผู้บังคับบัญชาโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบวินัยของทางราชการอย่างชัดเจน ทั้งนี้ในคลิปแสดงพิธีเปิดงาน https://www.facebook.com/share/v/14bPiUYy6s/?mibextid=wwXIfr
    0 Comments 0 Shares 263 Views 0 Reviews
  • แม่เป๋อ อีเป๋อมหาเสน่ห์
    แม่เป๋อ หรือ อีเป๋อมหาเสน่ห์ ( ฝังตะกรุด ติดทองคำเปลว ) //เครื่องรางของขลังเสริมเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม เน้นเสี่ยงโชค เรียกเงิน เรียกทรัพย์ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณเน้นเสี่ยงโชค เรียกเงิน เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์อย่างสูงสุด ปกป้องคุ้มครอง แคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆ หากใครบูชาจะช่วยเสริมเสน่ห์ โชคลาภ เสริมดวง โดยเฉพาะเรื่องเสน่ห์กามารมณ์นิยมเมตตาถือว่าสุดยอด >>

    ** แม่เป๋อ มหาเสน่ห์ เครื่องรางมหาเสน่ห์ เครื่องรางความรัก โชคลาภ ค้าขายดี เรียกลูกค้า เรียกเงินทอง และคุ้มครองป้องกันภัย แม่เป๋อ มีมาตั้งแต่โบราณตั้งแต่สมัยปู่ ย่ามาจนถึงปัจจุบัน เป็นศาสตร์มหาเสน่ห์ ผู้คนทั้งชายและหญิงที่มีความเชื่อในเครื่องรางมหาเสน่ห์เขมร มักบูชาแม่เป๋อใช้ให้เป็นอิทธิคุณกับตนเองทางด้านเสน่ห์ เรื่องความรัก เรื่องแฟน ใช้ผูกดวงคู่รัก สะกดจิต สะกดใจ มัดใจคนรักให้อยู่ ให้รักให้หลง ทำให้คนรักอยู่ในการควบคุม รักเดียวใจเดียว บูชาพกพาติดตัวไปไหนมาไหนด้วยก็จะเป็นที่รักใคร่ เป็นมหาเสน่ห์รอบด้าน เป็นเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามให้มารักหลง มีคนเข้ามารักมาชอบ อยากใกล้ชิด เกิดอารมณ์รัก ปราถนาที่จะเสพสม เกิดความลุ่มหลง หรือจะใช้ด้านโชคลาภ เสี่ยงดวง เจรจา ค้าขาย เรียกลูกค้า เรียกเงินทอง ****

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    แม่เป๋อ อีเป๋อมหาเสน่ห์ แม่เป๋อ หรือ อีเป๋อมหาเสน่ห์ ( ฝังตะกรุด ติดทองคำเปลว ) //เครื่องรางของขลังเสริมเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้าม เน้นเสี่ยงโชค เรียกเงิน เรียกทรัพย์ // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณเน้นเสี่ยงโชค เรียกเงิน เรียกทรัพย์ เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์อย่างสูงสุด ปกป้องคุ้มครอง แคล้วคลาดจากภยันตรายต่างๆ หากใครบูชาจะช่วยเสริมเสน่ห์ โชคลาภ เสริมดวง โดยเฉพาะเรื่องเสน่ห์กามารมณ์นิยมเมตตาถือว่าสุดยอด >> ** แม่เป๋อ มหาเสน่ห์ เครื่องรางมหาเสน่ห์ เครื่องรางความรัก โชคลาภ ค้าขายดี เรียกลูกค้า เรียกเงินทอง และคุ้มครองป้องกันภัย แม่เป๋อ มีมาตั้งแต่โบราณตั้งแต่สมัยปู่ ย่ามาจนถึงปัจจุบัน เป็นศาสตร์มหาเสน่ห์ ผู้คนทั้งชายและหญิงที่มีความเชื่อในเครื่องรางมหาเสน่ห์เขมร มักบูชาแม่เป๋อใช้ให้เป็นอิทธิคุณกับตนเองทางด้านเสน่ห์ เรื่องความรัก เรื่องแฟน ใช้ผูกดวงคู่รัก สะกดจิต สะกดใจ มัดใจคนรักให้อยู่ ให้รักให้หลง ทำให้คนรักอยู่ในการควบคุม รักเดียวใจเดียว บูชาพกพาติดตัวไปไหนมาไหนด้วยก็จะเป็นที่รักใคร่ เป็นมหาเสน่ห์รอบด้าน เป็นเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามให้มารักหลง มีคนเข้ามารักมาชอบ อยากใกล้ชิด เกิดอารมณ์รัก ปราถนาที่จะเสพสม เกิดความลุ่มหลง หรือจะใช้ด้านโชคลาภ เสี่ยงดวง เจรจา ค้าขาย เรียกลูกค้า เรียกเงินทอง **** ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 Reviews
  • คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ควงบุตรสาวสุดที่รัก "คิม จูแอ" ร่วมพิธีเปิดตัวเรือพิฆาตอเนกประสงค์ลำใหม่ของกองทัพโสมแดงซึ่งมีขนาด 5,000 ตัน และติดตั้ง “ระบบอาวุธอันทรงพลังที่สุด” ตามรายงานของสื่อวันนี้ (26 เม.ย.)

    โจ ชุน-รยอง เลขาธิการคนหนึ่งของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ ระบุว่า เรือรบลำนี้ “สร้างเสร็จภายในเวลาแค่ 400 วันด้วยพลังและเทคโนโลยีของเราเอง”

    ด้านผู้นำ คิม ระบุในสุนทรพจน์ระหว่างพิธีเปิดตัวเรือว่า เรือพิฆาตลำนี้จะถูกส่งมอบให้กับกองทัพเรือเกาหลีเหนือ และเริ่มประจำการภายในต้นปีหน้า

    พิธีเปิดตัวเรือเกิดขึ้นวานนี้ (25) ที่อู่ต่อเรือนัมโป และถือเป็นสัญลักษณ์ของ “ยุคสมัยแห่งการสร้างกองเรือรบที่ยิ่งใหญ่ในสไตล์ คิม จองอึน” ตามรายงานของ KCNA ซึ่งอ้างคำพูดของ พล.ร.ท. พัค กวางซอป

    เรือลำนี้ถูกจัดให้เป็นเรือพิฆาตชั้น ‘โชฮยอน’ (Choe Hyon-class) ซึ่งเป็นการขนานนามตามชื่อของอดีตนักรบและนักปฏิวัติต่อต้านญี่ปุ่น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/around/detail/9680000039110

    #MGROnline #คิมจองอึน #ผู้นำเกาหลีเหนือ
    คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ควงบุตรสาวสุดที่รัก "คิม จูแอ" ร่วมพิธีเปิดตัวเรือพิฆาตอเนกประสงค์ลำใหม่ของกองทัพโสมแดงซึ่งมีขนาด 5,000 ตัน และติดตั้ง “ระบบอาวุธอันทรงพลังที่สุด” ตามรายงานของสื่อวันนี้ (26 เม.ย.) • โจ ชุน-รยอง เลขาธิการคนหนึ่งของพรรคแรงงานเกาหลีเหนือ ระบุว่า เรือรบลำนี้ “สร้างเสร็จภายในเวลาแค่ 400 วันด้วยพลังและเทคโนโลยีของเราเอง” • ด้านผู้นำ คิม ระบุในสุนทรพจน์ระหว่างพิธีเปิดตัวเรือว่า เรือพิฆาตลำนี้จะถูกส่งมอบให้กับกองทัพเรือเกาหลีเหนือ และเริ่มประจำการภายในต้นปีหน้า • พิธีเปิดตัวเรือเกิดขึ้นวานนี้ (25) ที่อู่ต่อเรือนัมโป และถือเป็นสัญลักษณ์ของ “ยุคสมัยแห่งการสร้างกองเรือรบที่ยิ่งใหญ่ในสไตล์ คิม จองอึน” ตามรายงานของ KCNA ซึ่งอ้างคำพูดของ พล.ร.ท. พัค กวางซอป • เรือลำนี้ถูกจัดให้เป็นเรือพิฆาตชั้น ‘โชฮยอน’ (Choe Hyon-class) ซึ่งเป็นการขนานนามตามชื่อของอดีตนักรบและนักปฏิวัติต่อต้านญี่ปุ่น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/around/detail/9680000039110 • #MGROnline #คิมจองอึน #ผู้นำเกาหลีเหนือ
    0 Comments 0 Shares 268 Views 0 Reviews
  • เหรียญพระพุทธสิหิงส์ตอก 3 โค๊ต หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี
    เหรียญพระพุทธสิหิงส์ *ตอก 3 โค๊ต (สร้างน้อย หายาก) หลังยันต์กำเนิดและยันต์พระเจ้า 16 พระองค์ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี // พระดีพิธีใหญ๋ ปลุกเสกโดยเกจิสายหลวงพ่อทวด และ เกจิสายเขาอ้ออีกหลายท่าน พระประสบการณ์สูง พบเห็นน้อย หายาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>
    //
    ** พุทธคุณโดดเด่นทางด้านเมตตามหานิยม เรียกทรัพย์ เรียกโชคลาภ ความเจริญ ทำมาหากินคล่องแคล่ว ธุรกิจก้าวหน้า ติดต่อการงานคล่อง ทำอะไรก็ดี แคล้วคลาด จากภัยอันตราย ผู้ที่ แขวนบูชา จะประสบโชคดีอยู่บ่อยๆ

    ** หลวงพ่อทอง ท่านปลุกเสกอธิษฐานจิตอย่างเข้มขลัง มีพุทธคุณเป็นที่ประจักษ์ ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในการปฏิบัติกรรมฐาน เป็นพระที่รักสันโดษ สมถะ พูดน้อย มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ทำให้สาธุชนเคารพศรัทธาท่านอย่างมาก วัตถุมงคล ของ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย นั้นมีอยู่หลายรุ่นซึ่งเป็นที่นิยม พุทธคุณ ดีเด่นด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ ค้าขาย รวมไปถึงแคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายก็โดดเด่นไม่แพ้กัน >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพระพุทธสิหิงส์ตอก 3 โค๊ต หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี เหรียญพระพุทธสิหิงส์ *ตอก 3 โค๊ต (สร้างน้อย หายาก) หลังยันต์กำเนิดและยันต์พระเจ้า 16 พระองค์ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย จ.ปัตตานี // พระดีพิธีใหญ๋ ปลุกเสกโดยเกจิสายหลวงพ่อทวด และ เกจิสายเขาอ้ออีกหลายท่าน พระประสบการณ์สูง พบเห็นน้อย หายาก // พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> // ** พุทธคุณโดดเด่นทางด้านเมตตามหานิยม เรียกทรัพย์ เรียกโชคลาภ ความเจริญ ทำมาหากินคล่องแคล่ว ธุรกิจก้าวหน้า ติดต่อการงานคล่อง ทำอะไรก็ดี แคล้วคลาด จากภัยอันตราย ผู้ที่ แขวนบูชา จะประสบโชคดีอยู่บ่อยๆ ** หลวงพ่อทอง ท่านปลุกเสกอธิษฐานจิตอย่างเข้มขลัง มีพุทธคุณเป็นที่ประจักษ์ ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในการปฏิบัติกรรมฐาน เป็นพระที่รักสันโดษ สมถะ พูดน้อย มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ทำให้สาธุชนเคารพศรัทธาท่านอย่างมาก วัตถุมงคล ของ หลวงพ่อทอง วัดสำเภาเชย นั้นมีอยู่หลายรุ่นซึ่งเป็นที่นิยม พุทธคุณ ดีเด่นด้านเมตตามหานิยม โชคลาภ ค้าขาย รวมไปถึงแคล้วคลาด ปลอดภัยจากอันตรายก็โดดเด่นไม่แพ้กัน >> ** พระสถาพสวยมาก พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • ริชชี่ลูก้าอิ่มแล้ว รักษาตัวเองนะ ขอบใจนะที่รักบ้าน
    ริชชี่ลูก้าอิ่มแล้ว รักษาตัวเองนะ ขอบใจนะที่รักบ้าน
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • มีหรือแค่...โอ้อวด? 🤔 สำรวจพฤติกรรม "อวดเก่ง อวดรวย อวดสุข" ที่อาจทำให้เสียโอกาส พลาดการเติบโต

    จิตวิทยาความอยากอวดในยุคโซเชียล ทั้งอวดเก่ง อวดรวย อวดสุข มันคือความภูมิใจ หรือแค่สร้างภาพ? แล้วจะเติบโตโดยไม่ต้องโชว์ยังไง?

    จะพาสำรวจพฤติกรรมการโอ้อวด ในสังคมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอวดเก่ง อวดรวย หรืออวดความสุข พร้อมแนะแนวทางการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องใช้การโชว์เป็นเครื่องมือ

    🌐 โลกยุคแชร์ได้ในพริบตา ในโลกที่โซเชียลมีเดีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างก็มี “เวที” เป็นของตัวเอง ✨ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok ใครๆ ก็สามารถโพสต์ แชร์ และบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ได้แบบเรียลไทม์

    แต่เคยสงสัยไหมว่า...
    ทำไมบางโพสต์ถึงรู้สึกเหมือนเป็น "การโชว์"?
    ทำไมบางคนดูเหมือนต้อง “ยืนยัน” ตัวเองตลอดเวลา?

    อวดว่าเก่ง
    อวดว่าได้เงิน
    อวดว่าแฮปปี้สุดๆ 🏆💰😊

    แล้วสิ่งเหล่านี้สะท้อน "ตัวตนจริง" หรือเป็นแค่ "ภาพที่สร้างขึ้น"? จะพาเจาะลึกเรื่องราวเหล่านี้ พร้อมเสนอแนวทางใหม่ ในการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องโชว์ให้ใครเห็น 💡

    🌱 ความแตกต่างระหว่าง "ความภูมิใจที่แท้จริง" กับ "การโอ้อวด" 🌟 ก่อนที่เราจะลงลึก สำคัญมากที่เราจะต้องแยกให้ออกก่อนว่า...

    ความภูมิใจที่แท้จริง = ความรู้สึกดีในสิ่งที่เราสร้างขึ้น ด้วยความพยายาม

    การโอ้อวด = การแสดงออกเพื่อให้คนอื่นเห็นและยอมรับ แม้บางครั้งจะไม่ได้มาจากความจริงภายใน

    ความภูมิใจคือ การ "รู้ว่าเราทำได้"

    การอวดคือ การ "อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราทำได้" 😌✨

    ลองถามตัวเอง...

    🔍 ฉันโพสต์สิ่งนี้ เพราะภูมิใจในตัวเอง หรือเพราะอยากให้คนอื่นชื่นชม? คำตอบนั้น จะบอกได้เลยว่า เรากำลัง “เติบโต” หรือแค่ “แสดงตัวตน”

    พฤติกรรม “อวดเก่ง” 😎 ที่ต้องบอกว่าเราเก่ง? เพราะ...

    ความต้องการการยอมรับ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการพื้นฐานคือ “การได้รับการยอมรับ” จากสังคม 🧠 ในยุคที่ใครๆ ก็แชร์ได้ การโพสต์ความสำเร็จ กลายเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจ ได้ง่ายที่สุด

    แต่คำถามคือ... ❓ ถ้าเราเก่งจริง เราต้องบอกทุกคนตลอดเวลาหรือเปล่า?

    อวดเก่ง = หยุดพัฒนา คนที่มัวแต่ “อวดว่าเก่ง” มักจะลืมไปว่า “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะพอได้รับคำชมแล้ว อาจทำให้รู้สึกว่า "เราดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาอีก" 😵‍💫

    สัญญาณที่ควรเช็กตัวเอง โพสต์ความสำเร็จ บ่อยกว่าความพยายามหรือเปล่า? เวลาคุยกับคนอื่น มักจะเน้นว่า “เราทำอะไรได้ดี” มากกว่าการ “เรียนรู้จากคนอื่น” หรือไม่?

    💬 หากคำตอบคือ "ใช่"... บางทีเรากำลังหลงอยู่กับภาพของตัวเอง

    พฤติกรรม “อวดรวย” 💸 ความมั่งคั่งที่แท้จริง ต้องโชว์หรือไม่?

    ความรวยที่แท้จริง "เงียบ" เสมอ จากงานวิจัยของ "มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด" พบว่า คนที่มีความมั่นคงทางการเงิน มักไม่รู้สึกต้องโชว์ เพราะพวกเขา “ไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น” 💼

    ✅ รวยจริง = มั่นใจ
    ❌ อวดรวย = แสวงหาการยอมรับ

    การอวดมักมาจาก “ความขาด” หลายครั้งที่การอวดเรื่องเงินทอง มาจาก "ความรู้สึกไม่เพียงพอ" ภายในใจ 🥺 คนที่เคยลำบาก อาจรู้สึกต้องโชว์ว่าตัวเอง "มีแล้ว" คนที่ยังกลัวความจน มักจะแสดงออกเพื่อปกปิดความกลัว

    พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ อวดของแบรนด์เนม แต่มีหนี้บัตรเครดิต 😬 โชว์ไลฟ์สไตล์หรู แต่ไม่มีการลงทุนในความรู้ หรือสุขภาพของตัวเอง

    พฤติกรรม “อวดสุข” 😊🌈 มีความสุขจริง หรือแค่ต้องการให้คนอื่นอิจฉา?

    ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องโชว์ คนที่มีความสุขจริง มักอยู่กับตัวเองหรือคนที่รัก ไม่รู้สึกจำเป็นต้องแชร์ทุกโมเมนต์ เพราะเขาไม่ต้องการการยืนยันจากคนอื่น 💖

    เมื่อ “อวดสุข” = “ฉันเหนือกว่า” โพสต์อาหารดี วิวสวย หรือชีวิตคู่สุดโรแมนติกตลอดเวลา... บางครั้งอาจกลายเป็นการแข่งขันทางอารมณ์ ที่หลอกตัวเองว่า “ฉันชนะแล้ว”

    🚨 นั่นคือกับดักของการเปรียบเทียบ!

    🚪 การ “อวด” ทำให้เสียโอกาส ❌ ไม่มีเวลาเรียนรู้ การมัวแต่สร้างภาพ ทำให้ไม่มีเวลา “เรียนรู้จริง” เพราะใช้พลังไปกับ การทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราเก่ง เรารวย เรามีความสุข 😓

    ติดกับดักคำชม เมื่อเราต้องการคำชมมากเกินไป เราจะเริ่ม “ทำทุกอย่างเพื่อให้คนชอบ” แทนที่จะ “ทำในสิ่งที่เรารัก”

    เครียดจากการเปรียบเทียบ เมื่อเราอยากชนะจากการเปรียบเทียบ มันสร้างความกดดันให้เราต้อง “ดูดีกว่า” อยู่เสมอ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอย่างมาก 😵‍💫

    จะเติบโตได้ยังไง โดยไม่ต้องโชว์? 🌿🚀

    ✅ ฟกัสที่ “การเติบโต” ไม่ใช่ “ภาพลักษณ์” ถามตัวเองบ่อยๆ ว่า... สิ่งที่ฉันทำวันนี้ มันช่วยให้ฉันดีขึ้นจริงไหม? หรือแค่ทำเพื่อให้คนอื่นเห็น?

    ✅ สื่อสารแบบ “ภูมิใจ” ไม่ใช่ “โอ้อวด” ความภูมิใจคือ การแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อ “สร้างแรงบันดาลใจ” ไม่ใช่เพื่อ “ข่มคนอื่น” 🗣️

    ✅ มีความสุขแบบไม่ต้องโชว์ ลองอยู่กับตัวเอง ใช้เวลากับสิ่งเล็กๆ เช่น อ่านหนังสือ ทำอาหาร หรือเดินเล่น โดยไม่ต้องถ่ายรูปแชร์ทุกครั้ง 🍃📚

    ✅ เปลี่ยนคำถามในใจ จาก “คนอื่นจะคิดยังไง?” 👉 เป็น “สิ่งนี้ทำให้ฉันเติบโตไหม?” หรือ “สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของฉันจริงหรือเปล่า?”

    🧘‍♂️ ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถสร้างภาพได้ คนที่ “เงียบแต่ลึก” กลับน่าสนใจกว่า

    จงเป็นคนที่ มี มากกว่าคนที่ต้อง โชว์ว่ามี เพราะสุดท้าย... ความสุขจริง ไม่ได้อยู่ที่สายตาคนอื่น แต่มันอยู่ที่ใจของเราเอง 💖

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231249 เม.ย. 2568

    📲 #อวดเก่ง #อวดรวย #อวดสุข #ภูมิใจไม่อวด #เติบโตจากภายใน #ไม่ต้องโชว์ก็สุขได้ #สุขแบบเงียบๆ #ชีวิตเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง #แค่มีไม่ต้องโชว์ #จิตวิทยาโซเชียล
    มีหรือแค่...โอ้อวด? 🤔 สำรวจพฤติกรรม "อวดเก่ง อวดรวย อวดสุข" ที่อาจทำให้เสียโอกาส พลาดการเติบโต จิตวิทยาความอยากอวดในยุคโซเชียล ทั้งอวดเก่ง อวดรวย อวดสุข มันคือความภูมิใจ หรือแค่สร้างภาพ? แล้วจะเติบโตโดยไม่ต้องโชว์ยังไง? จะพาสำรวจพฤติกรรมการโอ้อวด ในสังคมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอวดเก่ง อวดรวย หรืออวดความสุข พร้อมแนะแนวทางการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องใช้การโชว์เป็นเครื่องมือ 🌐 โลกยุคแชร์ได้ในพริบตา ในโลกที่โซเชียลมีเดีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างก็มี “เวที” เป็นของตัวเอง ✨ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok ใครๆ ก็สามารถโพสต์ แชร์ และบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ได้แบบเรียลไทม์ แต่เคยสงสัยไหมว่า... ทำไมบางโพสต์ถึงรู้สึกเหมือนเป็น "การโชว์"? ทำไมบางคนดูเหมือนต้อง “ยืนยัน” ตัวเองตลอดเวลา? อวดว่าเก่ง อวดว่าได้เงิน อวดว่าแฮปปี้สุดๆ 🏆💰😊 แล้วสิ่งเหล่านี้สะท้อน "ตัวตนจริง" หรือเป็นแค่ "ภาพที่สร้างขึ้น"? จะพาเจาะลึกเรื่องราวเหล่านี้ พร้อมเสนอแนวทางใหม่ ในการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องโชว์ให้ใครเห็น 💡 🌱 ความแตกต่างระหว่าง "ความภูมิใจที่แท้จริง" กับ "การโอ้อวด" 🌟 ก่อนที่เราจะลงลึก สำคัญมากที่เราจะต้องแยกให้ออกก่อนว่า... ความภูมิใจที่แท้จริง = ความรู้สึกดีในสิ่งที่เราสร้างขึ้น ด้วยความพยายาม การโอ้อวด = การแสดงออกเพื่อให้คนอื่นเห็นและยอมรับ แม้บางครั้งจะไม่ได้มาจากความจริงภายใน ความภูมิใจคือ การ "รู้ว่าเราทำได้" การอวดคือ การ "อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราทำได้" 😌✨ ลองถามตัวเอง... 🔍 ฉันโพสต์สิ่งนี้ เพราะภูมิใจในตัวเอง หรือเพราะอยากให้คนอื่นชื่นชม? คำตอบนั้น จะบอกได้เลยว่า เรากำลัง “เติบโต” หรือแค่ “แสดงตัวตน” พฤติกรรม “อวดเก่ง” 😎 ที่ต้องบอกว่าเราเก่ง? เพราะ... ความต้องการการยอมรับ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการพื้นฐานคือ “การได้รับการยอมรับ” จากสังคม 🧠 ในยุคที่ใครๆ ก็แชร์ได้ การโพสต์ความสำเร็จ กลายเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจ ได้ง่ายที่สุด แต่คำถามคือ... ❓ ถ้าเราเก่งจริง เราต้องบอกทุกคนตลอดเวลาหรือเปล่า? อวดเก่ง = หยุดพัฒนา คนที่มัวแต่ “อวดว่าเก่ง” มักจะลืมไปว่า “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะพอได้รับคำชมแล้ว อาจทำให้รู้สึกว่า "เราดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาอีก" 😵‍💫 สัญญาณที่ควรเช็กตัวเอง โพสต์ความสำเร็จ บ่อยกว่าความพยายามหรือเปล่า? เวลาคุยกับคนอื่น มักจะเน้นว่า “เราทำอะไรได้ดี” มากกว่าการ “เรียนรู้จากคนอื่น” หรือไม่? 💬 หากคำตอบคือ "ใช่"... บางทีเรากำลังหลงอยู่กับภาพของตัวเอง พฤติกรรม “อวดรวย” 💸 ความมั่งคั่งที่แท้จริง ต้องโชว์หรือไม่? ความรวยที่แท้จริง "เงียบ" เสมอ จากงานวิจัยของ "มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด" พบว่า คนที่มีความมั่นคงทางการเงิน มักไม่รู้สึกต้องโชว์ เพราะพวกเขา “ไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น” 💼 ✅ รวยจริง = มั่นใจ ❌ อวดรวย = แสวงหาการยอมรับ การอวดมักมาจาก “ความขาด” หลายครั้งที่การอวดเรื่องเงินทอง มาจาก "ความรู้สึกไม่เพียงพอ" ภายในใจ 🥺 คนที่เคยลำบาก อาจรู้สึกต้องโชว์ว่าตัวเอง "มีแล้ว" คนที่ยังกลัวความจน มักจะแสดงออกเพื่อปกปิดความกลัว พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ อวดของแบรนด์เนม แต่มีหนี้บัตรเครดิต 😬 โชว์ไลฟ์สไตล์หรู แต่ไม่มีการลงทุนในความรู้ หรือสุขภาพของตัวเอง พฤติกรรม “อวดสุข” 😊🌈 มีความสุขจริง หรือแค่ต้องการให้คนอื่นอิจฉา? ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องโชว์ คนที่มีความสุขจริง มักอยู่กับตัวเองหรือคนที่รัก ไม่รู้สึกจำเป็นต้องแชร์ทุกโมเมนต์ เพราะเขาไม่ต้องการการยืนยันจากคนอื่น 💖 เมื่อ “อวดสุข” = “ฉันเหนือกว่า” โพสต์อาหารดี วิวสวย หรือชีวิตคู่สุดโรแมนติกตลอดเวลา... บางครั้งอาจกลายเป็นการแข่งขันทางอารมณ์ ที่หลอกตัวเองว่า “ฉันชนะแล้ว” 🚨 นั่นคือกับดักของการเปรียบเทียบ! 🚪 การ “อวด” ทำให้เสียโอกาส ❌ ไม่มีเวลาเรียนรู้ การมัวแต่สร้างภาพ ทำให้ไม่มีเวลา “เรียนรู้จริง” เพราะใช้พลังไปกับ การทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราเก่ง เรารวย เรามีความสุข 😓 ติดกับดักคำชม เมื่อเราต้องการคำชมมากเกินไป เราจะเริ่ม “ทำทุกอย่างเพื่อให้คนชอบ” แทนที่จะ “ทำในสิ่งที่เรารัก” เครียดจากการเปรียบเทียบ เมื่อเราอยากชนะจากการเปรียบเทียบ มันสร้างความกดดันให้เราต้อง “ดูดีกว่า” อยู่เสมอ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอย่างมาก 😵‍💫 จะเติบโตได้ยังไง โดยไม่ต้องโชว์? 🌿🚀 ✅ ฟกัสที่ “การเติบโต” ไม่ใช่ “ภาพลักษณ์” ถามตัวเองบ่อยๆ ว่า... สิ่งที่ฉันทำวันนี้ มันช่วยให้ฉันดีขึ้นจริงไหม? หรือแค่ทำเพื่อให้คนอื่นเห็น? ✅ สื่อสารแบบ “ภูมิใจ” ไม่ใช่ “โอ้อวด” ความภูมิใจคือ การแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อ “สร้างแรงบันดาลใจ” ไม่ใช่เพื่อ “ข่มคนอื่น” 🗣️ ✅ มีความสุขแบบไม่ต้องโชว์ ลองอยู่กับตัวเอง ใช้เวลากับสิ่งเล็กๆ เช่น อ่านหนังสือ ทำอาหาร หรือเดินเล่น โดยไม่ต้องถ่ายรูปแชร์ทุกครั้ง 🍃📚 ✅ เปลี่ยนคำถามในใจ จาก “คนอื่นจะคิดยังไง?” 👉 เป็น “สิ่งนี้ทำให้ฉันเติบโตไหม?” หรือ “สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของฉันจริงหรือเปล่า?” 🧘‍♂️ ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถสร้างภาพได้ คนที่ “เงียบแต่ลึก” กลับน่าสนใจกว่า จงเป็นคนที่ มี มากกว่าคนที่ต้อง โชว์ว่ามี เพราะสุดท้าย... ความสุขจริง ไม่ได้อยู่ที่สายตาคนอื่น แต่มันอยู่ที่ใจของเราเอง 💖 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231249 เม.ย. 2568 📲 #อวดเก่ง #อวดรวย #อวดสุข #ภูมิใจไม่อวด #เติบโตจากภายใน #ไม่ต้องโชว์ก็สุขได้ #สุขแบบเงียบๆ #ชีวิตเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง #แค่มีไม่ต้องโชว์ #จิตวิทยาโซเชียล
    0 Comments 0 Shares 405 Views 0 Reviews
  • ทุกการพบคือ... การเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด! คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้ จนไม่ได้เจอกันอีกเลย

    เมื่อวันพรุ่งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว... รักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าปล่อยให้ความโกรธพรากคนที่คุณรัก ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกการพบคือการเตรียมจากลา

    จะพาทบทวนความสัมพันธ์ ความเปราะบางของชีวิต และเหตุผลที่เราควรใช้ช่วงเวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะมีให้กับทุกคนอีกหรือไม่

    🌿 ชีวิตคือ “ของขวัญชั่วคราว” ที่ไม่มีใครบอกได้ว่า วันหมดอายุคือเมื่อไหร่ เคยไหม... อยู่กับใครสักคนทุกวัน จนหลงลืมว่า เขาอาจไม่อยู่กับเราตลอดไป?

    เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” และ “การสูญเสีย” แม้จะรู้ดีว่าความตาย เป็นปลายทางของทุกชีวิต แต่หลายคนก็ยังใช้ชีวิตราวกับว่า มีเวลามากมายไม่รู้จบ ทั้งที่จริง... เราไม่มีใครรู้เลยว่า “วันนี้” อาจเป็น “วันสุดท้าย” ที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคน

    การเข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เรา “เห็นคุณค่า” ของแต่ละวินาทีที่ยังมีอยู่ ใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะ “สายเกินไป”

    ความหมายของคำว่า “ทุกการพบคือการเตรียมจากลา” คำพูดที่ดูเรียบง่ายนี้ กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ลึกซึ้ง

    เราเกิดมาเพื่อ “พบเจอ” และ “จากลา” เป็นวัฏจักรของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงมัน แต่ความตายก็ยังอยู่ตรงนั้น รอวันเวลาที่มาถึง

    📌 “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง”

    ประโยคนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจหาย แต่มันคือ “ความจริง” ที่ควรเตือนใจเราทุกวัน ว่า... อย่าประมาทกับเวลา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการรัก การให้อภัย หรือการดูแลกัน และอย่าปล่อยให้ความโกรธ กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้ให้กัน

    เพราะ “ความตาย” ไม่รอใคร... 🖤 บางคนเพิ่งกอดกันเมื่อวาน วันนี้อาจเหลือแค่ความว่างเปล่า...

    มนุษย์เรามีแนวโน้ม จะมองข้ามความเปราะบางของชีวิต เราใช้ชีวิตเหมือนมีพรุ่งนี้เสมอ ทั้งที่พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน

    ลองคิดดูสิ... ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย คุณจะยังโกรธใครอยู่ไหม? ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะจากไป คุณจะยังเลือกความเงียบมากกว่าการสื่อสารไหม? ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกรักเขาอีกสักครั้ง?

    💡 “การตาย” อาจเกิดขึ้นทันที โดยไม่ให้เวลาเตรียมใจแม้แต่นาทีเดียว

    คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้... จนไม่ได้เจอกันอีกเลย โกรธ... คืออารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมี แต่การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่หาทางปลดปล่อยมัน อาจกลายเป็นบาดแผลในความสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันรักษาได้

    🔥 คนเราทะเลาะกันได้ ผิดใจกันได้ แต่ควรรีบเคลียร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า “โอกาสหน้า” จะยังมีอยู่หรือเปล่า

    “ความโกรธไม่ใช่ปัญหา... แต่การไม่จัดการความโกรธต่างหาก ที่เป็นปัญหา” ทุกความโกรธ ทุกความเข้าใจผิด ควรถูกแก้ไขในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่ในวันงานศพ ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว

    ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด รักให้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะมีให้ ⏳ เวลาคือทรัพยากรที่ใช้แล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ แทนที่จะมัวเสียเวลาไปกับความคาดหวัง การเปรียบเทียบ หรือความขุ่นเคืองใจ ลองหันกลับมาใช้ “เวลาที่เหลืออยู่” เพื่อทำสิ่งเหล่านี้...

    บอกรักให้บ่อยขึ้น กอดกันให้แน่นขึ้น ให้อภัยเร็วขึ้น ฟังกันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว... ไม่มีใครเสียใจที่รักมากเกินไป แต่ทุกคนเสียใจที่ “ไม่ได้รักให้มากพอ”

    เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว... 🎗️ โลกนี้ไม่เคยเตรียมเราให้พร้อมกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทุกคนล้วนมีวันจากไป บางคนอาจจากกันด้วยเหตุผล บางคนจากกันด้วยความตาย และบางคนจากไป... โดยไม่มีแม้แต่คำลา

    และเมื่อวันนั้นมาถึง... ไม่มีเวลาแก้ตัว ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่มีเวลาขอโทษ ไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ จะดีกว่าไหม ถ้าทำทุกวันให้ดีที่สุด... เหมือนมันคือวันสุดท้าย

    อย่าทำร้ายกันด้วยความเงียบ 💬 การไม่พูด การไม่อธิบาย การไม่บอกความรู้สึก คือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ได้มากกว่าคำพูดรุนแรงเสียอีก

    ในช่วงเวลาที่มีจำกัด คำพูดง่าย ๆ อย่าง “ขอโทษ” “คิดถึง” หรือ “รักนะ” อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนใจใครบางคนได้ และอาจเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยินจากเรา

    ถ้าเป็นวันนี้... คุณยังอยากโกรธอยู่ไหม? ลองถามตัวเอง... ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา... เรายังอยากถือโทษใครอยู่ไหม? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” แปลว่า... ความโกรธนั้น ไม่สำคัญพอจะเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก

    ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ 🌼 ทุกการพบคือการเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลาที่มีให้คุ้มค่า ใช้ใจในการรัก ใช้เวลาในการฟัง ใช้โอกาสในการให้อภัย ใช้คำพูดในการสร้างความเข้าใจ

    โลกใบนี้ไม่แน่นอน แต่การกระทำของเราวันนี้สามารถ “เปลี่ยนแปลงความทรงจำของใครสักคนตลอดไป”

    ทุกลมหายใจ คือของขวัญ 🕊️ อย่ารอให้สายเกินไป ก่อนจะพูดว่า... "ฉันรักเธอ"

    เราควรให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา? เพราะการให้อภัย คือการปลดปล่อยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวเรา ที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างสงบ

    หากคุณยังรู้สึกผิด หรือยังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แปลว่า... ยังไม่สายเกินไปที่จะพูดคำขอโท

    คำว่า “ชั่วคราว” มีพลังมาก เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป

    เราจะหยุดโกรธคนที่เรารัก หากนึกถึงช่วงเวลาที่ดี นึกถึงวันหนึ่งที่เขาอาจไม่อยู่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโกรธไม่คุ้มค่า

    ความรักจะช่วยเยียวยาความเสียใจได้ เพราะความรักคือการเข้าใจ ให้อภัย และเป็นพลังงานที่อยู่เหนือความเศร้า

    เริ่มใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากวันนี้ ลองโทรหาคนที่คุณคิดถึง พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสอีก

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222155 เม.ย. 2568

    #ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด #อย่าปล่อยให้สายเกินไป #รักให้เต็มที่ #คำขอโทษสุดท้าย #ความตายคือปลายทาง #ความรักและการให้อภัย #ความทรงจำดีๆ #ชีวิตสั้นนัก #พบเพื่อจาก #เราต่างพบกันชั่วคราว
    ทุกการพบคือ... การเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลานี้ ให้ดีที่สุด! คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้ จนไม่ได้เจอกันอีกเลย เมื่อวันพรุ่งนี้อาจไม่มีอีกแล้ว... รักให้มากที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าปล่อยให้ความโกรธพรากคนที่คุณรัก ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด เพราะทุกการพบคือการเตรียมจากลา จะพาทบทวนความสัมพันธ์ ความเปราะบางของชีวิต และเหตุผลที่เราควรใช้ช่วงเวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่า เพราะเราไม่มีวันรู้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะมีให้กับทุกคนอีกหรือไม่ 🌿 ชีวิตคือ “ของขวัญชั่วคราว” ที่ไม่มีใครบอกได้ว่า วันหมดอายุคือเมื่อไหร่ เคยไหม... อยู่กับใครสักคนทุกวัน จนหลงลืมว่า เขาอาจไม่อยู่กับเราตลอดไป? เราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วย “ความไม่แน่นอน” และ “การสูญเสีย” แม้จะรู้ดีว่าความตาย เป็นปลายทางของทุกชีวิต แต่หลายคนก็ยังใช้ชีวิตราวกับว่า มีเวลามากมายไม่รู้จบ ทั้งที่จริง... เราไม่มีใครรู้เลยว่า “วันนี้” อาจเป็น “วันสุดท้าย” ที่เราจะได้เห็นรอยยิ้มของใครบางคน การเข้าใจความไม่แน่นอนของชีวิต ไม่ได้ทำให้เราต้องใช้ชีวิตอย่างเศร้าสร้อย แต่กลับเป็นแรงผลักดันให้เรา “เห็นคุณค่า” ของแต่ละวินาทีที่ยังมีอยู่ ใช้โอกาสนี้ให้ดีที่สุดก่อนที่จะ “สายเกินไป” ความหมายของคำว่า “ทุกการพบคือการเตรียมจากลา” คำพูดที่ดูเรียบง่ายนี้ กลับเต็มไปด้วยความจริงที่ลึกซึ้ง เราเกิดมาเพื่อ “พบเจอ” และ “จากลา” เป็นวัฏจักรของชีวิต ที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ แม้เราจะหลีกเลี่ยงการพูดถึงมัน แต่ความตายก็ยังอยู่ตรงนั้น รอวันเวลาที่มาถึง 📌 “เราต่างพบกันชั่วคราว เพื่อจากกันตลอดกาลเท่านั้นเอง” ประโยคนี้อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกใจหาย แต่มันคือ “ความจริง” ที่ควรเตือนใจเราทุกวัน ว่า... อย่าประมาทกับเวลา อย่าผัดวันประกันพรุ่งในการรัก การให้อภัย หรือการดูแลกัน และอย่าปล่อยให้ความโกรธ กลายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราทิ้งไว้ให้กัน เพราะ “ความตาย” ไม่รอใคร... 🖤 บางคนเพิ่งกอดกันเมื่อวาน วันนี้อาจเหลือแค่ความว่างเปล่า... มนุษย์เรามีแนวโน้ม จะมองข้ามความเปราะบางของชีวิต เราใช้ชีวิตเหมือนมีพรุ่งนี้เสมอ ทั้งที่พรุ่งนี้อาจไม่มีจริง สำหรับบางคน ลองคิดดูสิ... ถ้าคืนนี้เป็นคืนสุดท้าย คุณจะยังโกรธใครอยู่ไหม? ถ้าคนที่คุณรักกำลังจะจากไป คุณจะยังเลือกความเงียบมากกว่าการสื่อสารไหม? ถ้าพรุ่งนี้เขาไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว คุณจะเสียใจแค่ไหน ที่ไม่ได้บอกรักเขาอีกสักครั้ง? 💡 “การตาย” อาจเกิดขึ้นทันที โดยไม่ให้เวลาเตรียมใจแม้แต่นาทีเดียว คุ้มค่าจริงหรือ? ที่จะเก็บความโกรธไว้... จนไม่ได้เจอกันอีกเลย โกรธ... คืออารมณ์ที่มนุษย์ทุกคนมี แต่การเก็บความโกรธไว้นาน ๆ โดยไม่หาทางปลดปล่อยมัน อาจกลายเป็นบาดแผลในความสัมพันธ์ ที่ไม่มีวันรักษาได้ 🔥 คนเราทะเลาะกันได้ ผิดใจกันได้ แต่ควรรีบเคลียร์ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่า “โอกาสหน้า” จะยังมีอยู่หรือเปล่า “ความโกรธไม่ใช่ปัญหา... แต่การไม่จัดการความโกรธต่างหาก ที่เป็นปัญหา” ทุกความโกรธ ทุกความเข้าใจผิด ควรถูกแก้ไขในวันที่ยังมีโอกาส ไม่ใช่ในวันงานศพ ที่ไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด รักให้มากที่สุด เท่าที่เวลาจะมีให้ ⏳ เวลาคือทรัพยากรที่ใช้แล้ว ไม่สามารถเรียกคืนได้ แทนที่จะมัวเสียเวลาไปกับความคาดหวัง การเปรียบเทียบ หรือความขุ่นเคืองใจ ลองหันกลับมาใช้ “เวลาที่เหลืออยู่” เพื่อทำสิ่งเหล่านี้... บอกรักให้บ่อยขึ้น กอดกันให้แน่นขึ้น ให้อภัยเร็วขึ้น ฟังกันมากขึ้น ใส่ใจกันมากกว่าก่อน เพราะสุดท้ายแล้ว... ไม่มีใครเสียใจที่รักมากเกินไป แต่ทุกคนเสียใจที่ “ไม่ได้รักให้มากพอ” เมื่อวันพรุ่งนี้ไม่มีอีกแล้ว... 🎗️ โลกนี้ไม่เคยเตรียมเราให้พร้อมกับการจากลา ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ คนรัก เพื่อนสนิท หรือแม้กระทั่งสัตว์เลี้ยง ทุกคนล้วนมีวันจากไป บางคนอาจจากกันด้วยเหตุผล บางคนจากกันด้วยความตาย และบางคนจากไป... โดยไม่มีแม้แต่คำลา และเมื่อวันนั้นมาถึง... ไม่มีเวลาแก้ตัว ไม่มีเวลาอธิบาย ไม่มีเวลาขอโทษ ไม่มีเวลาเริ่มต้นใหม่ จะดีกว่าไหม ถ้าทำทุกวันให้ดีที่สุด... เหมือนมันคือวันสุดท้าย อย่าทำร้ายกันด้วยความเงียบ 💬 การไม่พูด การไม่อธิบาย การไม่บอกความรู้สึก คือสิ่งที่ทำร้ายจิตใจ ได้มากกว่าคำพูดรุนแรงเสียอีก ในช่วงเวลาที่มีจำกัด คำพูดง่าย ๆ อย่าง “ขอโทษ” “คิดถึง” หรือ “รักนะ” อาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนใจใครบางคนได้ และอาจเป็นคำสุดท้ายที่เขาได้ยินจากเรา ถ้าเป็นวันนี้... คุณยังอยากโกรธอยู่ไหม? ลองถามตัวเอง... ถ้าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของเรา... เรายังอยากถือโทษใครอยู่ไหม? ถ้าคำตอบคือ “ไม่” แปลว่า... ความโกรธนั้น ไม่สำคัญพอจะเก็บมันไว้ตั้งแต่แรก ชีวิตสั้นเกินกว่าจะเก็บความรู้สึกดี ๆ ไว้ 🌼 ทุกการพบคือการเตรียมจากลา ใช้ช่วงเวลาที่มีให้คุ้มค่า ใช้ใจในการรัก ใช้เวลาในการฟัง ใช้โอกาสในการให้อภัย ใช้คำพูดในการสร้างความเข้าใจ โลกใบนี้ไม่แน่นอน แต่การกระทำของเราวันนี้สามารถ “เปลี่ยนแปลงความทรงจำของใครสักคนตลอดไป” ทุกลมหายใจ คือของขวัญ 🕊️ อย่ารอให้สายเกินไป ก่อนจะพูดว่า... "ฉันรักเธอ" เราควรให้อภัยคนที่ทำร้ายเรา? เพราะการให้อภัย คือการปลดปล่อยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเขา แต่เพื่อตัวเรา ที่จะได้ก้าวต่อไปอย่างสงบ หากคุณยังรู้สึกผิด หรือยังคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น แปลว่า... ยังไม่สายเกินไปที่จะพูดคำขอโท คำว่า “ชั่วคราว” มีพลังมาก เพราะมันเตือนให้เรารู้ว่า ไม่มีสิ่งใดยั่งยืน ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วก็ผ่านไป เราจะหยุดโกรธคนที่เรารัก หากนึกถึงช่วงเวลาที่ดี นึกถึงวันหนึ่งที่เขาอาจไม่อยู่ แล้วคุณจะรู้ว่าความโกรธไม่คุ้มค่า ความรักจะช่วยเยียวยาความเสียใจได้ เพราะความรักคือการเข้าใจ ให้อภัย และเป็นพลังงานที่อยู่เหนือความเศร้า เริ่มใช้ชีวิตให้คุ้มค่าจากวันนี้ ลองโทรหาคนที่คุณคิดถึง พูดในสิ่งที่อยากพูด ทำในสิ่งที่อยากทำ ก่อนจะไม่มีโอกาสอีก ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 222155 เม.ย. 2568 #ใช้เวลานี้ให้ดีที่สุด #อย่าปล่อยให้สายเกินไป #รักให้เต็มที่ #คำขอโทษสุดท้าย #ความตายคือปลายทาง #ความรักและการให้อภัย #ความทรงจำดีๆ #ชีวิตสั้นนัก #พบเพื่อจาก #เราต่างพบกันชั่วคราว
    0 Comments 0 Shares 418 Views 0 Reviews
  • บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    บทวิเคราะห์ของ สมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีคลัง “นโยบายปรับภาษี (Tariff) ของ Trump จะทำให้โลกใบนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วพัฒนาการของการค้าโลกในช่วงประมาณ 50 ปีที่ผ่านมา มีการตั้งองค์การด้านการค้าโลกขึ้น เริ่มด้วยการตั้ง GATTS แล้วต่อมาปรับเป็น WTO (World Trade Organization) เพื่อสร้างกฎเกณฑ์การค้าขายระหว่างประเทศและกำกับให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามแนวทางการค้าเสรี ช่วงนี้จะมีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย ประเทศใหญ่ๆในยุโรป และประเทศญี่ปุ่นได้ปรับตัวให้ตนเองมั่งคั่งและสะสมความร่ำรวย เข้าไปควบคุมตลาดเงินและสกุลเงินตราสำคัญ รวมทั้งควบคุมตลาดการค้าหลักๆให้เป็นระเบียบและเอื้อต่อการขยายตัวของการค้าขายของแต่ละประเทศเพื่อประโยชน์ต่อตนเองมากขึ้นเรื่อยๆ .แต่แล้วในช่วงดังกล่าวนี้ประเทศจีนเสือหลับแห่งเอเชีย ที่ได้ผู้นำประเทศที่ขึ้นมาพลิกผันประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรมได้รวดเร็วและต่อเนื่อง ชื่อ เติ้ง เสี่ยวผิง เติ้งได้ทำการปฏิวัติและปฏิรูปประเทศในทุกด้านโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมตั้งแต่แบบเก่าจนแบบที่ต้องใช้เทคนิคล้ำหน้า จนขณะนี้จีนภายใต้ผู้นำชื่อ สี จิ้น ผิง ที่เข้มแข็ง มือสะอาด มีฝีมือ มีคุณธรรม มีความตั้งใจจริง เข้ามาบริหารประเทศที่มีพลเมืองมากที่สุดให้ใหญ่โตจนทัดเทียมกับประเทศสหรัฐอเมริกาในทุกด้าน จนผู้นำของสหรัฐอย่าง Trump รู้สึกเสียหน้ามาก. ที่มาของการใช้มาตรการทำสงครามการค้าของ Trump ความแข็งแกร่งของจีนในขณะนี้ Trump ได้เฝ้าดูแลมาร่วม 8 ปี เมื่อเขาสามารถเข้ามาเป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งก็ไม่รีรอที่จะลงมือนำนโยบายปรับภาษีสินค้านำเข้าและส่งออก (Tariff) ชนิดสุดโต่งและจำเพาะเจาะจงมาใช้กับประเทศจีนโดยทันที ขณะเดียวกันก็ได้ประกาศใช้กับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ทั่วโลกด้วย แต่มาตรการจะเบากว่าที่ใช้กับจีน. สิ่งที่เห็นตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้ก็คือ การเกิดแรงกระแทกอย่างมากต่อวิถีการค้าระหว่างประเทศที่เป็นอยู่ทั่วโลก ไม่ต้องถามว่าทำไม Trump ต้องทำแบบนี้ เพราะเขาเองเห็นชัดว่า ประเทศสหรัฐอเมริกาของเขากำลังตกต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดดุลการค้าอย่างมากที่เกิดต่อเนื่องมานานและมีหนี้สาธารณะสูงมาก .Trump ยังได้เห็นชัดว่า ฝ่ายของจีนมีพวกพ้องมากขึ้น โดยเฉพาะการจัดตั้งกลุ่ม BRICS ประกอบด้วย Brazil, Russia, India, China และ South Africa รวมหัวกันทำการค้าต่อกันอย่างใกล้ชิด คิดใช้สกุลเงินตราของตนเอง โดยหันหน้าหนีการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ.เท่านั้นยังไม่พอ กลุ่ม BRICS ยังค่อยๆลดการลงทุนในพันธบัตรของสหรัฐที่แต่ละประเทศถือไว้มากมายลงไปโดยการขายออก และหันไปซื้อทองคำหรือกระจายการลงทุนเป็นอย่างอื่น ขณะเดียวกันนักลงทุนรายใหญ่อื่นๆ ในตลาดเงินก็ทำการทิ้งพันธบัตรสหรัฐตามกันไปด้วย มีผลทำให้พันธบัตรซึ่งเป็นสินทรัพย์ในอนาคตจำนวนมากของสหรัฐด้อยค่าลงมากอย่างที่ไม่เคยเกิดมาก่อน.สรุปได้ว่า Trump ได้มองเห็นอย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาตอนนี้ได้ต่ำต้อยลงอย่างรวดเร็วมาก ตัวเองจึงจำเป็นต้องทำตัวเป็นอัศวินขี่ม้าขาวเข้ามากู้ประเทศให้พลิกผันให้สหรัฐอเมริกาเป็นหนึ่งอย่างเต็มตัวต่อไป ที่ Trump ตั้งใจจะทำก่อนและให้แรงมากคือเล่นงานด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าของสินค้าจีนอย่างบ้าระห่ำ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยมาตรการทำนองเดียวกัน แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน นี่เป็นแค่ยกแรกแค่นั้น.ประเทศน้อยใหญ่ และสถาบันการเงินระหว่างประเทศทั้งหลายต่างก็มองการกระทำของ Trump ในแง่ลบ แม้แต่ประธาน Federal Reserve ของสหรัฐเองอย่าง Jerome Powell เองก็มีอาการกึ่งช็อคกึ่งหัวหมุนกับนโยบายประเภทบ้าบิ่นที่ประธานาธิบดีของเขาจัดมาเป็นชุดๆ Powell ถึงกับกล่าวว่านโยบายของ Trump ที่นำออกมาใช้นี้จะเป็นสิ่งกระตุ้นให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ภาวะเศรษฐกิจจะตกต่ำและการว่างงานจะมีมากขึ้น ตลาดหลักทรัพย์หรือตลาดหุ้นก็จะปั่นป่วนมาก ความตั้งใจที่ Fed จะลดดอกเบี้ยลงจึงทำได้ยากขึ้นซึ่งความเห็นของประธาน Fed ดังกล่าว Trump ไม่พอใจมากเพราะเขาอยากให้มีการลดดอกเบี้ยถึงกับเอ่ยออกมาว่าคงต้องคิดเรื่องการเด้งประธาน Fed ซะแล้ว ฟังคล้ายกำลังจะเอาอย่างประเทศไทย.แนวทางของไทยที่จะรับมือเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อประเทศทุกประเทศที่โดนผลกระทบในเรื่องการขึ้น Tariff ของ Trump ต่างก็กำลังระดมความคิดและเตรียมตัวที่จะส่งผู้แทนไปเจรจา ยกเว้นจีนประเทศเดียวที่ขึ้นป้ายจะสู้กับสหรัฐอย่างแน่วแน่.สำหรับประเทศไทย ยังฟังไม่ได้ศัพท์จากฝ่ายรัฐบาลว่าจะมีกลยุทธ์ในการรับมือกับเรื่องนี้อย่างไร ชี้ให้เห็นชัดว่าศักยภาพของรัฐบาลไทยในการแก้ปัญหาใหญ่ต่ำมาก ฟังความได้อย่างเดียวจากท่านนายกรัฐมนตรีว่าจะใช้นโยบายและแนวทางเหมือนกับประเทศอาเซียนอื่นๆเท่านั้นตอนนี้ก็เห็นภาพชัดขึ้นอีกจากคณะผู้แทนที่เตรียมการจะไปเจรจา โดยจะไปบอกทางสหรัฐว่าไทยเราจะซื้อสินค้าจากเขามากขึ้น เช่น LNG ข้าวโพด ถั่วเหลือง เป็นต้น ถ้าจะเดาก็จะขอให้ทางสหรัฐบันยะบันยังกับการเพิ่มภาษีสินค้าที่นำเข้าจากไทยที่มีมูลค่าถึง 18 % ของมูลค่าการส่งออกของไทยทั้งหมด.ส่วนผลกระทบต่อไทย เท่าที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) พยายามจะบอกพอสังเขป สรุปได้ว่าการส่งออกของไทยจะโดนกระทบมากโดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า และอาหารแปรรูป และจะทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ลดต่ำกว่าเป้าเหลือโตไม่ถึง 2.5 % และอัตราเงินเฟ้อของไทยก็จะชะลอลงด้วย นี่ยังไม่พูดถึงผลกระทบในปีหน้าและต่อๆไป ว่าจะรุนแรงสักแค่ไหน เชื่อได้เถอะครับมันแรงเกินคาด.ความเห็นผมนั้น เห็นว่าไทยเราจะโดนหนักกว่าที่รัฐบาลและหน่วยราชการไทยประเมินไว้มาก เกินศักยภาพของรัฐบาลไทยชุดนี้จะรับมือได้ วิกฤตที่จะเกิดขึ้นจากเรื่อง Tariff หนนี้ ไม่ใช่ Covid 19 นะครับ มันเป็นเรื่องประเทศใครประเทศมัน ใครมีผู้นำเก่งก็ทำให้เบาได้ สามารถเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสได้.แนวทางในการคิดแก้วิกฤตของประเทศขนาดเล็กผมอยากนำท่านผู้อ่านไปดูว่าผู้นำของสิงคโปร์อย่างอดีตนายกลี เซียนลุง ได้พูดเมื่อไม่กี่วันมานี้ซึ่งดีมาก เขาเริ่มบอกประชาชนรวมทั้งคณะรัฐมนตรีที่บริหารประเทศและนักธุรกิจ นักลงทุนของเขาว่าแม้จะมีความไม่แน่นอนในช่วง 90 วันที่ Trump จะให้ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนไปคิดกันให้ดี แต่ก็ต้องมองให้ออกว่าทุกอย่างจะไม่กลับไปเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดังนั้น เราต้องกังวลและคิดให้ตกว่ามันจะส่งผลกับเรามากแค่ไหน ต้องตระหนักให้ได้ว่าวิกฤตที่จะเกิดทั่วโลกนี้ บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมันแตกต่างไปจากเดิมมาก .ลี เซียนลุง ชี้ให้เห็นชัดว่า การขึ้นภาษีหรือ Tariff ไปทั่วโลกครั้งนี้มันจะก่อกวนต่อการผลิตมากกว่าที่คิด เพราะ Supply Chain หรือ ห่วงโซ่การผลิตทุกอย่างจะหยุดชะงัก แผนการผลิตเดิมทุกอย่างจะหายไป และจะนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (Recession) อย่างรวดเร็ว และขอให้คาดหวังไว้ได้เลยว่า ปัญหานี้จะอยู่กับเราไปอีกนาน.หลังจากลี เซียนลุง พูดเรื่องนี้ได้ไม่กี่วัน นายกรัฐมนตรีของสิงคโปร์ที่มีเสียงสนับสนุนหนาแน่นอยู่ได้ประเทศยุบสภาไปเมื่อวันที่ 18 เมษายน นี้เอง เหตุผลเพื่อให้ประชาชนมีโอกาสเลือกผู้นำใหม่ขึ้นมา นี่คือสิงคโปร์ นี่คือสิ่งที่เขาเป็นชาติที่เจริญได้อย่างรวดเร็วและมั่นคงจนเราไม่สามารถแหงนหน้าขึ้นไปมองเขาได้แล้ว.ทางรอดของไทยจะเป็นอย่างไร ท้ายที่สุดนี้ เรามาดูว่าประเทศไทยเราจะมีทางรอดแค่ไหนก่อนเราต้องส่องกระจกดูตัวเอง และต้องฟังดูว่ามีใครมองเราอย่างไรบ้างให้ชัดก่อน เมื่อไม่กี่เดือนมานี้เองได้มีการชี้แนะจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศแห่งหนึ่งว่า “ประเทศไทยนั้นมีเรื่องคอร์รัปชั่นเป็นตัวหลักที่ทำให้การบริหารประเทศในทุกด้านเดินหน้าไม่ได้” และเมื่อมีนาคม 2568 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ชี้ว่าเศรษฐกิจไทยน่าห่วงเทียบได้เป็น “คนป่วยแห่งเอเชีย”เป็นคนป่วยยังไงหรือ ทางด้านเศรษฐกิจก็เห็นกันชัดอยู่แล้วว่าไทยเรา กำลังเผชิญกับหนี้สาธารณะสูงมาก ภาษีเก็บได้น้อย ช่องทางในการหาเงินมาบริหารประเทศยังชักหน้าไม่ถึงหลัง อนาคตด้านการคลังริบหรี่ ปัญหาพื้นฐานทางเศรษฐกิจเรื่องหนี้ครัวเรือนก็ไม่มีทางจะแก้ให้เบาบางลงได้ แม้ไม่มีเรื่องการปรับ Tariff ของ Trump ประเทศไทยเราก็มีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจมากเกินอยู่แล้ว นี่คืออาการของคนป่วยเรื้อรังแห่งเอเชีย.ไม่ต้องสาธยายกันมาก อีกเรื่องทุกคนก็รู้ดีอยู่ว่า การเมืองของไทยยักแย่ยักยันอยู่ในปลักโคลนตมเดิมจนโงหัวไม่ขึ้นมานานแล้ว การเล่นการเมืองของนักการเมืองไทยเด็กๆก็รู้ว่าเพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องเท่านั้น ใครจะเห็นต่างกี่คนก็บอกมา.เมื่อองคาพยพของการเมืองไทยซึ่งมีการแต่งตั้งคณะรัฐบาลมาบริหารประเทศจากรากเหง้าเก่าๆที่รู้กันอยู่ เมื่อเจอกับปัญหาใหญ่ระดับโลกชนิดที่ว่าหันไปทางไหนก็มากระทบเราทั้งนั้น ท่านผู้ที่ได้ใช้สิทธิใช้เสียงเลือกพวกเขาเข้ามาบริหารประเทศ เชื่อและมั่นใจหรือไม่ว่าเขาจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมากระทบประเทศเราได้ .หันไปดูนโยบายของพรรคการเมืองผู้กุมอำนาจบริหารประเทศอยู่ในขณะนี้ก็จะเห็นชัดเจนว่า ตอนนี้นโยบายของพวกเขาเหล่านั้น มันเน่าบูดกันแทบหมดแล้วครับ ถ้าจะแก้ปัญหาใหญ่ที่จะมีแรงกระแทกก่อให้เกิดวิกฤตที่ใหญ่เกินคาด ด้วยการปรับ ครม. แต่ยังดันทุรังคงสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ไว้ น่าจะไม่เป็นการกระทำของผู้นำที่รักชาติจริง”
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 681 Views 0 Reviews
  • พระสันตะปาปาฟรังซิส สิ้นพระชนม์ด้วยพระชันษา 88 ปี

    “พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าขอแจ้งข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรังซิส เมื่อเวลา 07.35 น. ของวันนี้ พระสังฆราชแห่งโรม ฟรังซิส เสด็จฯ กลับมายังบ้านของพระสันตะปาปา พระองค์ทรงอุทิศชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์ในการรับใช้พระเจ้าและคริสตจักรของพระองค์ พระองค์ทรงสอนเราให้ดำเนินชีวิตตามค่านิยมของพระกิตติคุณด้วยความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และความรักสากล (Universal Love) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ที่ถูกเลือกปฎิบัติมากที่สุด ด้วยความขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับแบบอย่างของพระองค์ ในฐานะสาวกที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ เราขอฝากวิญญาณของพระสันตะปาปาฟรังซิสไว้กับความรักอันเมตตาอันไร้ขอบเขตของพระเจ้าองค์เดียวและตรีเอกภาพ”

    คำกล่าวของพระคาร์ดินัล เควิน ฟาร์เรลล์ ประกาศข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ด้วยพระชันษา 88 ปี เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นับเป็นการสูญเสียพระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์และคนทั่วโลกเคารพนับถือ ด้วยพระกรณียกิจที่ทรงพระเมตตา โดยเฉพาะผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หนึ่งในนั้น ทรงประทานอนุญาตให้บาทหลวงสามารถทำพิธีให้พรแก่คู่รักเพศทางเลือก (LGBTQ+) ได้ เมื่อปี 2023 แม้คริตจักรยังคงห้ามการสมรสเพศทางเลือกต่อไป แต่ได้รับการยกย่องว่าเป็นก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะยุติการกีดกันภายในคริตจักรคาทอลิก

    สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระนามเดิมคือ พระคาร์ดินัลฮอร์เก มาริโอ แบร์โกลิโอ พระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 1936 (2479) ที่ประเทศอาร์เจนตินา ทรงมีพระอุปนิสัยเยือกเย็นสุขุม ใช้ชีวิตอย่างสมถะ เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระอัครสังฆราช ที่พํานักของพระองค์ในกรุงบัวโนสไอเรส เป็นเพียงแฟลตที่ตบแต่งอย่างเรียบง่าย ทําอาหารรับประทานเองทุกวัน โดยไม่ต้องการแม่ครัว หรือแม่บ้านมารับใช้ตนเองตลอดชีวิตสงฆ์ อีกทั้งโดยสารรถไฟใต้ดิน และรถประจําทางเหมือนคนทั่วไป เมื่อเสด็จไปกรุงโรม ประเทศอิตาลี ก็ยังทรงเลือกบินชั้นประหยัด และมักทรงเลือกสวมชุดบาทหลวงสีดําธรรมดา แทนที่จะเป็นชุดสีแดง ตามศักดิ์และสิทธิของพระคาร์ดินัล ชาวกรุงบัวโนสไอเรสโดยทั่วไปรู้จักพระองค์ในนาม คุณพ่อฮอร์เก ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2013 (2556)

    สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เคยเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ 20-23 พ.ย. 2019 (2562) ทรงหวังให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการเสวนาเพื่อศาสนสัมพันธ์ด้วยความเข้าใจ การร่วมมือทำงานกันฉันพี่น้อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนยากจน ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ และการทำงานเพื่อสันติภาพ

    #Newskit
    พระสันตะปาปาฟรังซิส สิ้นพระชนม์ด้วยพระชันษา 88 ปี “พี่น้องที่รัก ข้าพเจ้าขอแจ้งข่าวการสิ้นพระชนม์ของพระสันตะปาปาฟรังซิส เมื่อเวลา 07.35 น. ของวันนี้ พระสังฆราชแห่งโรม ฟรังซิส เสด็จฯ กลับมายังบ้านของพระสันตะปาปา พระองค์ทรงอุทิศชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์ในการรับใช้พระเจ้าและคริสตจักรของพระองค์ พระองค์ทรงสอนเราให้ดำเนินชีวิตตามค่านิยมของพระกิตติคุณด้วยความซื่อสัตย์ กล้าหาญ และความรักสากล (Universal Love) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการช่วยเหลือผู้ยากไร้และผู้ที่ถูกเลือกปฎิบัติมากที่สุด ด้วยความขอบคุณอย่างสุดซึ้งสำหรับแบบอย่างของพระองค์ ในฐานะสาวกที่แท้จริงของพระเยซูคริสต์ เราขอฝากวิญญาณของพระสันตะปาปาฟรังซิสไว้กับความรักอันเมตตาอันไร้ขอบเขตของพระเจ้าองค์เดียวและตรีเอกภาพ” คำกล่าวของพระคาร์ดินัล เควิน ฟาร์เรลล์ ประกาศข่าวการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ด้วยพระชันษา 88 ปี เมื่อวันที่ 21 เม.ย. นับเป็นการสูญเสียพระประมุขพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ที่ผู้นับถือศาสนาคริสต์และคนทั่วโลกเคารพนับถือ ด้วยพระกรณียกิจที่ทรงพระเมตตา โดยเฉพาะผู้ยากไร้และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม หนึ่งในนั้น ทรงประทานอนุญาตให้บาทหลวงสามารถทำพิธีให้พรแก่คู่รักเพศทางเลือก (LGBTQ+) ได้ เมื่อปี 2023 แม้คริตจักรยังคงห้ามการสมรสเพศทางเลือกต่อไป แต่ได้รับการยกย่องว่าเป็นก้าวแห่งการเปลี่ยนแปลงที่จะยุติการกีดกันภายในคริตจักรคาทอลิก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระนามเดิมคือ พระคาร์ดินัลฮอร์เก มาริโอ แบร์โกลิโอ พระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 1936 (2479) ที่ประเทศอาร์เจนตินา ทรงมีพระอุปนิสัยเยือกเย็นสุขุม ใช้ชีวิตอย่างสมถะ เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระอัครสังฆราช ที่พํานักของพระองค์ในกรุงบัวโนสไอเรส เป็นเพียงแฟลตที่ตบแต่งอย่างเรียบง่าย ทําอาหารรับประทานเองทุกวัน โดยไม่ต้องการแม่ครัว หรือแม่บ้านมารับใช้ตนเองตลอดชีวิตสงฆ์ อีกทั้งโดยสารรถไฟใต้ดิน และรถประจําทางเหมือนคนทั่วไป เมื่อเสด็จไปกรุงโรม ประเทศอิตาลี ก็ยังทรงเลือกบินชั้นประหยัด และมักทรงเลือกสวมชุดบาทหลวงสีดําธรรมดา แทนที่จะเป็นชุดสีแดง ตามศักดิ์และสิทธิของพระคาร์ดินัล ชาวกรุงบัวโนสไอเรสโดยทั่วไปรู้จักพระองค์ในนาม คุณพ่อฮอร์เก ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2013 (2556) สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส เคยเสด็จเยือนราชอาณาจักรไทยเมื่อวันที่ 20-23 พ.ย. 2019 (2562) ทรงหวังให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงความสำคัญของการเสวนาเพื่อศาสนสัมพันธ์ด้วยความเข้าใจ การร่วมมือทำงานกันฉันพี่น้อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือคนยากจน ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ และการทำงานเพื่อสันติภาพ #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 404 Views 0 Reviews
  • ..ต่างด้าวเต็มประเทศไทยมาจากฝ่ายเจ้าสัวนายทุนต่างๆสมคบคิดกันอ้างเงื่อนเพื่อจะนำเข้ามาเยอะๆมากๆกับฝ่ายสายนักการเมืองระดับชาติพวกคณะบริหารสั่งการ&amp;ฝ่ายข้าราชการเลวทรยศระบบด้วยที่มาทั้งจากเป็นของทั้งสองฝ่ายนั้น,และต่างชาติอื่นๆพร้อมแทรกแซงตลอดด้วย...ปัญหาทั้งหมดจะตัดตอนสิ้นสุดทันทีคือทหารพระราชายึดอำนาจแล้วพระราชทานนายกฯภาคประชาชนที่รักประเทศจริงพร้อมคณะทีมงานลงมาบริหารชาติ,พักงานภาคนักการเมืองจนกว่าจะกวาดล้างคนที่ไม่ใช่คนไทยสัญชาติไทยผลักดันออกจากประเทศทั้งหมดสิ้น,ง่ายๆบุตรต่างด้าวทั้งหมดที่เกิดบนแผ่นดินไทยหรือคนต่างชาติทั้งหมดไม่ว่ากรณีใดๆที่เกิดบนแผ่นดินไทยย้อนหลังถึงปี2559,หรือใครเกิดตั้งแต่ปี2560ที่เป็นบุตรต่างชาติต่าวด้าวเกิดบนแผ่นดินไทยเกิดในราชอาณาจักรไทยถือเป็นโมฆะทั้งหมด,และจะย้อนหลังตรวจสอบซ้ำต่างชาติต่างด้าวทุกๆคนเป็นรายบุคคลที่ได้สัญชาติไทยทั้งหมดระหว่างปี2540-2559ปี,นี้จะพอสามารถปกป้อง&amp;ป้องกันอธิปไตยความมั่นคงของชาติไทยได้ระดับหนึ่ง,และบัตรประชาชนทุกๆคนไทยและทะเบียนบ้านต้องระบุสัญชาติเดิมตนที่เกินถือบัตรด้วย,ตลอดบิดามารดาผู้ถือบัตรก็ด้วย,ว่ามารดาบิดาสัญชาติอะไร,ยุคนี้สำคัญมาก ไม่เหมือนยุคอดีตจริงๆ,เพราะเป็นการรุกรานผ่านสัญชาติที่ตนจะพร้อมเข้ากลืนกินแทนสถานะภาวะก่อสงครามแบบในอดีตแล้ว,#มันคือความมั่นคงมิใช่สิทธิมนุษยชนแล้ว.https://youtube.com/watch?v=bIMXfWuAh-E&amp;si=jRz0-tSvTcJEOxc5
    ..ต่างด้าวเต็มประเทศไทยมาจากฝ่ายเจ้าสัวนายทุนต่างๆสมคบคิดกันอ้างเงื่อนเพื่อจะนำเข้ามาเยอะๆมากๆกับฝ่ายสายนักการเมืองระดับชาติพวกคณะบริหารสั่งการ&amp;ฝ่ายข้าราชการเลวทรยศระบบด้วยที่มาทั้งจากเป็นของทั้งสองฝ่ายนั้น,และต่างชาติอื่นๆพร้อมแทรกแซงตลอดด้วย...ปัญหาทั้งหมดจะตัดตอนสิ้นสุดทันทีคือทหารพระราชายึดอำนาจแล้วพระราชทานนายกฯภาคประชาชนที่รักประเทศจริงพร้อมคณะทีมงานลงมาบริหารชาติ,พักงานภาคนักการเมืองจนกว่าจะกวาดล้างคนที่ไม่ใช่คนไทยสัญชาติไทยผลักดันออกจากประเทศทั้งหมดสิ้น,ง่ายๆบุตรต่างด้าวทั้งหมดที่เกิดบนแผ่นดินไทยหรือคนต่างชาติทั้งหมดไม่ว่ากรณีใดๆที่เกิดบนแผ่นดินไทยย้อนหลังถึงปี2559,หรือใครเกิดตั้งแต่ปี2560ที่เป็นบุตรต่างชาติต่าวด้าวเกิดบนแผ่นดินไทยเกิดในราชอาณาจักรไทยถือเป็นโมฆะทั้งหมด,และจะย้อนหลังตรวจสอบซ้ำต่างชาติต่างด้าวทุกๆคนเป็นรายบุคคลที่ได้สัญชาติไทยทั้งหมดระหว่างปี2540-2559ปี,นี้จะพอสามารถปกป้อง&amp;ป้องกันอธิปไตยความมั่นคงของชาติไทยได้ระดับหนึ่ง,และบัตรประชาชนทุกๆคนไทยและทะเบียนบ้านต้องระบุสัญชาติเดิมตนที่เกินถือบัตรด้วย,ตลอดบิดามารดาผู้ถือบัตรก็ด้วย,ว่ามารดาบิดาสัญชาติอะไร,ยุคนี้สำคัญมาก ไม่เหมือนยุคอดีตจริงๆ,เพราะเป็นการรุกรานผ่านสัญชาติที่ตนจะพร้อมเข้ากลืนกินแทนสถานะภาวะก่อสงครามแบบในอดีตแล้ว,#มันคือความมั่นคงมิใช่สิทธิมนุษยชนแล้ว.https://youtube.com/watch?v=bIMXfWuAh-E&amp;si=jRz0-tSvTcJEOxc5
    0 Comments 0 Shares 282 Views 0 Reviews
  • “ทราย สก๊อต” หนุ่มนักอนุรักษ์ อดีตที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ เผยถูกฟ้องหมิ่นประมาทจากกรณีลงคลิปให้อาหารเต่า แล้วถ่ายติดชื่อบริษัทเจ้าของเรือ ยันไม่ได้มีเจตนาให้ร้ายใคร แต่อยากให้โฟกัสเรื่องเต่า พร้อมบอกว่าตนทำทุกอย่างตามกฎที่มีไว้ ไม่เคยล้ำเส้นใครและไม่ได้เอาแต่ใจตัวเอง เป็นแค่คนที่รักทะเล และถ้าทุกคนรักทะเลจริงจะไม่ทำร้ายทะเลกันตั้งแต่แรก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/travel/detail/9680000037250

    #MGROnline #ทรายสก๊อต #ธรรมชาติ #รักทะเล
    “ทราย สก๊อต” หนุ่มนักอนุรักษ์ อดีตที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานฯ เผยถูกฟ้องหมิ่นประมาทจากกรณีลงคลิปให้อาหารเต่า แล้วถ่ายติดชื่อบริษัทเจ้าของเรือ ยันไม่ได้มีเจตนาให้ร้ายใคร แต่อยากให้โฟกัสเรื่องเต่า พร้อมบอกว่าตนทำทุกอย่างตามกฎที่มีไว้ ไม่เคยล้ำเส้นใครและไม่ได้เอาแต่ใจตัวเอง เป็นแค่คนที่รักทะเล และถ้าทุกคนรักทะเลจริงจะไม่ทำร้ายทะเลกันตั้งแต่แรก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/travel/detail/9680000037250 • #MGROnline #ทรายสก๊อต #ธรรมชาติ #รักทะเล
    0 Comments 0 Shares 290 Views 0 Reviews
  • ยินดีกับเขมรอันเป็นที่รักด้วย! 🙄🙄

    นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเกือบ 24 ล้านคน
    ยินดีกับเขมรอันเป็นที่รักด้วย! 🙄🙄 นักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศเกือบ 24 ล้านคน
    0 Comments 0 Shares 194 Views 0 Reviews
  • “กัปตันบอล” จักรพันธ์ พรใส และ “ประธานโตโน่” ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ถือเป็นคู่ซี้ในวงการฟุตบอล ทั้งคู่เคยอยู่ร่วมทีมเดียวกันตั้งแต่ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, อยุธยา ยูไนเต็ด และ เกษตรศาสตร์ เอฟซี

    ในช่วงที่เกษตรศาสตร์เจอปัญหาเรื่องการเงิน ทำให้นักเตะหลายคนย้ายออกไปหาทีมใหม่

    โตโน่ จึงอาสาทำหน้าที่รักษาการประธานสโมสรฯ เพื่อช่วยหารายได้ให้สโมสร ซึ่งจักรพันธ์คือนักเตะที่ตัดสินใจอยู่กับทีม เพื่อช่วยเป็นตัวกลางให้สโมสรและนักบอลที่เหลืออยู่

    ปัจจุบัน กัปตันบอล ลงเล่น 31 นัด ยิง 2 ประตู มีส่วนสำคัญในการพา “นาคามรกต” รั้งอันดับ 7 ของตารางไทยลีก 2 ลุ้นเลื่อนชั้นขึ้นไทยลีก 1

    สำหรับ จักรพันธ์ พรใส เคยมีชื่อติดทีมชาติไทยในยุคที่ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมนีคุมทีมเมื่อปี 2544 รวมทั้งยังเคยลงเล่นให้กับสโมสรใหญ่อย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด, บางกอกกล๊าส, แบงค็อก ยูไนเต็ด และ ราชบุรี มิตรผล

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/sport/detail/9680000036002

    #MGROnline #กัปตันบอล
    “กัปตันบอล” จักรพันธ์ พรใส และ “ประธานโตโน่” ภาคิน คำวิลัยศักดิ์ ถือเป็นคู่ซี้ในวงการฟุตบอล ทั้งคู่เคยอยู่ร่วมทีมเดียวกันตั้งแต่ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, อยุธยา ยูไนเต็ด และ เกษตรศาสตร์ เอฟซี • ในช่วงที่เกษตรศาสตร์เจอปัญหาเรื่องการเงิน ทำให้นักเตะหลายคนย้ายออกไปหาทีมใหม่ • โตโน่ จึงอาสาทำหน้าที่รักษาการประธานสโมสรฯ เพื่อช่วยหารายได้ให้สโมสร ซึ่งจักรพันธ์คือนักเตะที่ตัดสินใจอยู่กับทีม เพื่อช่วยเป็นตัวกลางให้สโมสรและนักบอลที่เหลืออยู่ • ปัจจุบัน กัปตันบอล ลงเล่น 31 นัด ยิง 2 ประตู มีส่วนสำคัญในการพา “นาคามรกต” รั้งอันดับ 7 ของตารางไทยลีก 2 ลุ้นเลื่อนชั้นขึ้นไทยลีก 1 • สำหรับ จักรพันธ์ พรใส เคยมีชื่อติดทีมชาติไทยในยุคที่ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมนีคุมทีมเมื่อปี 2544 รวมทั้งยังเคยลงเล่นให้กับสโมสรใหญ่อย่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด, บางกอกกล๊าส, แบงค็อก ยูไนเต็ด และ ราชบุรี มิตรผล • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/sport/detail/9680000036002 • #MGROnline #กัปตันบอล
    0 Comments 0 Shares 471 Views 0 Reviews
  • “จิลล์ จักรพงศ์” เตือนคนแช่ว่าน ข้อห้ามเยอะ ต้องรักษาศีลห้ามผิดลูกผิดเมีย ห้ามหญิงค่อม ห้ามเลียX ห้ามกินของดิบ จะนอนยังมีข้อห้าม ถ้าผิดครูจะเน่าใน วิชานี้สำหรับอาชีพที่ต้องการความหนังเหนียว เช่น ทหาร ตำรวจ ไม่ใช่ด้านเสน่ห์เมตตา หากผิดครูแล้วต้องล้างอาคม

    กำลังเป็นข่าวฮือฮากับเรื่องราวของ “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” เจอแฉแอบนอกใจแฟนสาว “ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์” โดยแฟนหนุ่มของผู้หญิงที่มีข่าวกับโตโน่จับได้ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทั้งยังมีคลิปเสียงในรถถูกปล่อยออกมา ซึ่งก็เริ่มมีการทยอยแฉถ้อยคำในคลิป อาทิ , ตอนนี้พี่กลายเป็นชู้รึเปล่า , ระหว่างพากันหนีออกจากคอนโด เรียกกัน ที่รัก….นี่มันขับตามมามั้ย“

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035190

    #MGROnline #จิลล์จักรพงศ์ #โตโน่ภาคิน
    “จิลล์ จักรพงศ์” เตือนคนแช่ว่าน ข้อห้ามเยอะ ต้องรักษาศีลห้ามผิดลูกผิดเมีย ห้ามหญิงค่อม ห้ามเลียX ห้ามกินของดิบ จะนอนยังมีข้อห้าม ถ้าผิดครูจะเน่าใน วิชานี้สำหรับอาชีพที่ต้องการความหนังเหนียว เช่น ทหาร ตำรวจ ไม่ใช่ด้านเสน่ห์เมตตา หากผิดครูแล้วต้องล้างอาคม • กำลังเป็นข่าวฮือฮากับเรื่องราวของ “โตโน่ ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” เจอแฉแอบนอกใจแฟนสาว “ณิชา ณัฏฐณิชา ดังวัธนาวณิชย์” โดยแฟนหนุ่มของผู้หญิงที่มีข่าวกับโตโน่จับได้ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ทั้งยังมีคลิปเสียงในรถถูกปล่อยออกมา ซึ่งก็เริ่มมีการทยอยแฉถ้อยคำในคลิป อาทิ , ตอนนี้พี่กลายเป็นชู้รึเปล่า , ระหว่างพากันหนีออกจากคอนโด เรียกกัน ที่รัก….นี่มันขับตามมามั้ย“ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000035190 • #MGROnline #จิลล์จักรพงศ์ #โตโน่ภาคิน
    0 Comments 0 Shares 341 Views 0 Reviews
More Results