• .......📌#ว่าด้วยเรื่องหัวไชเท้า.........
    .........................................
    ใครที่ชอบ ทาน หัวไชเท้า เป็นชีวิตจิตใจ ได้โปรดอ่านให้ละเอียดเลย

    เมื่อทานผักผลไม้และสมุนไพรได้ อาหารเสริมจึงไม่ได้มีความจำเป็นอีกต่อไป เพราะอาหารเสริมก็สกัดมาจากพืชผัก ผลไม้และสมุนไพรเช่นเดียวกัน ตามคำนิยามที่ว่า ทานอาหารเป็นยานั่นเอง

    สำหรับหัวไชเท้านี้เป็นอาหารทางการแพทย์ที่มีมากเป็นอันดับสองของโลก เป็นผักตระกูลกระหล่ำ ความพิเศษและแตกต่างจากไม้ตระกูลกะหล่ำที่เหลือคือ หัวไชเท้ามีองค์ประกอบสองส่วน คือมีรากและหัวไชเท้าช่วยเติมเต็มระบบภูมิคุ้มกัน

    เมื่อเราทานเข้าไป กำมะถันที่มีอยู่ในหัวไชเท้าจะขับไล่เชื้อโรคทุกชนิดและทำหน้าที่เป็นมูลไส้เดือน มันจะช่วยฆ่าหนอนพยาธิในลำไส้และปรสิตอื่น ๆ ทั้งหมดได้อีกด้วย

    หัวไชเท้ามีส่วนประกอบของ ออร์กาโนซัลเฟอร์ช่วยให้หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำสะอาดและสร้างเกราะป้องกันในตัวเพื่อป้องกันไม่ให้คราบจุลินทรีย์เกาะติดกับเยื่อบุ

    หัวไชเท้าช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยป้องกันโรคหัวใจและปัญหาหลอดเลือดหัวใจอื่น ๆ ได้ดี เพราะหัวไชเท้าช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล ชนิดที่ดี และลดคอเลสเตอรอล ชนิดที่ไม่ดี

    หัวไชเท้าช่วยขับไล่มะเร็งได้เกือบทุกชนิด เพราะสามารถฟื้นฟูไต ตับ ตับอ่อน และม้ามได้เป็นอย่างดี

    ใบของหัวไชเท้าไม่ต้องทิ้งเพราะเป็นหนึ่งในอาหารรักษาร่างกาย ที่ดีมาก เช่นกัน เพราะใบไม้หัวไชเท้าเป็นพรีไบโอติกที่มีประสิทธิภาพมากเป็นอันดับสองรองจาก บลูเบอร์รี่ป่า เลยทีเดียว

    ทั้งหัวไชเท้าและใบและมีสารอาหารจำนวนมาก เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ ไฟโตเคมิคอล และอัลคาลอยด์ ต้านมะเร็ง และมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส

    ช่วยซ่อมแซมลำไส้ใหญ่ และส่วนอื่น ๆ ของลำไส้ที่สูญเสียความสามารถในการดูดซึมสารอาหาร สารอาหารของมันนั้นถูกดูดซึมโดยระบบย่อยอาหารที่ทำงานผิดปกติมากที่สุด และดูดซึมได้ดีกว่าอาหารอื่น ๆ เนื่องจากมีเอนไซม์สูง

    จริง ๆ แล้ว ใบหัวไชเท้าเป็นอาหารป่า แม้ว่าจะปลูกในสวนหรือในฟาร์มก็ตาม ใบไม้เหล่านี้ช่วยกำจัดสารพิษทั้ง 4 อย่างออกจากร่างกาย คือ กำจัดดีดีที รังสี โลหะหนัก ไวรัส ทานได้ทั้งสดและต้มใส่ซุบน้ำก๋วยเตี๋ยวต้มจืดหรือแกงส้ม ส่วนทานสดโดยจิ้มน้ำพริกหรือทานกับชูชิ ปั่นดื่มจะดีมาก

    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำความสะอาดโลหะหนักในระดับที่รุนแรง และกำจัดสารปรอท ตะกั่ว สารหนู และอะลูมิเนียมออกจากร่างกาย มีพลังเกือบเท่าผักชี

    ใบและหัวไชเท้าช่วยป้องกันโรคทางระบบประสาทรวมถึงโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง เอแอลเอส ( ALS ) และโรคไลม์ ( Lyme ) ทางระบบประสาท หัวไชเท้าจึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผักใบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับสุขภาพของผู้คนนั่นเอง

    Cr: Boos Day ❤️
    ด้วยความรักและปรารถนาดีจากแพทย์และทีมงานสถาบันสุขภาพครอบครัวองค์รวมดร.อรวรรณ
    .......📌#ว่าด้วยเรื่องหัวไชเท้า......... ......................................... ใครที่ชอบ ทาน หัวไชเท้า เป็นชีวิตจิตใจ ได้โปรดอ่านให้ละเอียดเลย เมื่อทานผักผลไม้และสมุนไพรได้ อาหารเสริมจึงไม่ได้มีความจำเป็นอีกต่อไป เพราะอาหารเสริมก็สกัดมาจากพืชผัก ผลไม้และสมุนไพรเช่นเดียวกัน ตามคำนิยามที่ว่า ทานอาหารเป็นยานั่นเอง สำหรับหัวไชเท้านี้เป็นอาหารทางการแพทย์ที่มีมากเป็นอันดับสองของโลก เป็นผักตระกูลกระหล่ำ ความพิเศษและแตกต่างจากไม้ตระกูลกะหล่ำที่เหลือคือ หัวไชเท้ามีองค์ประกอบสองส่วน คือมีรากและหัวไชเท้าช่วยเติมเต็มระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อเราทานเข้าไป กำมะถันที่มีอยู่ในหัวไชเท้าจะขับไล่เชื้อโรคทุกชนิดและทำหน้าที่เป็นมูลไส้เดือน มันจะช่วยฆ่าหนอนพยาธิในลำไส้และปรสิตอื่น ๆ ทั้งหมดได้อีกด้วย หัวไชเท้ามีส่วนประกอบของ ออร์กาโนซัลเฟอร์ช่วยให้หลอดเลือดแดงและหลอดเลือดดำสะอาดและสร้างเกราะป้องกันในตัวเพื่อป้องกันไม่ให้คราบจุลินทรีย์เกาะติดกับเยื่อบุ หัวไชเท้าช่วยบำรุงหัวใจ ช่วยป้องกันโรคหัวใจและปัญหาหลอดเลือดหัวใจอื่น ๆ ได้ดี เพราะหัวไชเท้าช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอล ชนิดที่ดี และลดคอเลสเตอรอล ชนิดที่ไม่ดี หัวไชเท้าช่วยขับไล่มะเร็งได้เกือบทุกชนิด เพราะสามารถฟื้นฟูไต ตับ ตับอ่อน และม้ามได้เป็นอย่างดี ใบของหัวไชเท้าไม่ต้องทิ้งเพราะเป็นหนึ่งในอาหารรักษาร่างกาย ที่ดีมาก เช่นกัน เพราะใบไม้หัวไชเท้าเป็นพรีไบโอติกที่มีประสิทธิภาพมากเป็นอันดับสองรองจาก บลูเบอร์รี่ป่า เลยทีเดียว ทั้งหัวไชเท้าและใบและมีสารอาหารจำนวนมาก เช่น วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ ไฟโตเคมิคอล และอัลคาลอยด์ ต้านมะเร็ง และมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ช่วยซ่อมแซมลำไส้ใหญ่ และส่วนอื่น ๆ ของลำไส้ที่สูญเสียความสามารถในการดูดซึมสารอาหาร สารอาหารของมันนั้นถูกดูดซึมโดยระบบย่อยอาหารที่ทำงานผิดปกติมากที่สุด และดูดซึมได้ดีกว่าอาหารอื่น ๆ เนื่องจากมีเอนไซม์สูง จริง ๆ แล้ว ใบหัวไชเท้าเป็นอาหารป่า แม้ว่าจะปลูกในสวนหรือในฟาร์มก็ตาม ใบไม้เหล่านี้ช่วยกำจัดสารพิษทั้ง 4 อย่างออกจากร่างกาย คือ กำจัดดีดีที รังสี โลหะหนัก ไวรัส ทานได้ทั้งสดและต้มใส่ซุบน้ำก๋วยเตี๋ยวต้มจืดหรือแกงส้ม ส่วนทานสดโดยจิ้มน้ำพริกหรือทานกับชูชิ ปั่นดื่มจะดีมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำความสะอาดโลหะหนักในระดับที่รุนแรง และกำจัดสารปรอท ตะกั่ว สารหนู และอะลูมิเนียมออกจากร่างกาย มีพลังเกือบเท่าผักชี ใบและหัวไชเท้าช่วยป้องกันโรคทางระบบประสาทรวมถึงโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง เอแอลเอส ( ALS ) และโรคไลม์ ( Lyme ) ทางระบบประสาท หัวไชเท้าจึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผักใบที่ทรงพลังที่สุดสำหรับสุขภาพของผู้คนนั่นเอง Cr: Boos Day ❤️ ด้วยความรักและปรารถนาดีจากแพทย์และทีมงานสถาบันสุขภาพครอบครัวองค์รวมดร.อรวรรณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง หลังคาคลุมทางเท้า 20 ล้าน

    ยังคงมีเรื่องดรามาไม่หยุด สำหรับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยุคผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อมีโครงการปรับรูปแบบโครงการทางเดินเท้าแบบมีหลังคาคลุม (Covered walkway) บริเวณถนนสาทรใต้ โดยสำนักการโยธา ได้ร่วมกับศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC) ศึกษาและออกแบบ ก่อสร้างนำร่องบริเวณถนนสาทรใต้ ช่วงสถานีรถไฟฟ้าลุมพินี ถึงสกายวอล์กช่องนนทรี ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร งบประมาณ 20,523,000 บาท ระยะเวลาการก่อสร้าง 180 วัน

    แต่เนื่องจากการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการท่อร้อยสายไฟ และมีแผนจะหักเสาไฟประมาณเดือน พ.ค. 2569 จึงต้องปรับรูปแบบการก่อสร้าง โดยทำการเว้าเพื่อหลบเสาไฟฟ้า เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนงาน เมื่อการไฟฟ้านครหลวงหักเสาเสร็จแล้ว ถึงจะปรับปรุงบริเวณที่มีการเว้าให้สมบูรณ์ตามแบบต่อไป

    วัตถุประสงค์หลักเพื่อให้สามารถใช้สัญจรในทุกสภาพอากาศ ท่ามกลางอากาศร้อนจัดและฝนตกชุกหลายเดือน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเลือกสัญจรโดยขนส่งมวลขนและการเดินเท้า สามารถเดินเท้าเชื่อมต่อไปยังระบบขนส่งสาธารณะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการจราจรของเมือง และอ้างว่าประเทศสิงคโปร์ หรือเมืองต่างๆ ของไต้หวันได้ทำ

    โครงการหลังคาคลุมทางเท้า เรียกเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ตอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเด็นการใช้งบประมาณตกเมตรละ 13,000 บาท คุ้มค่าหรือไม่ สารพัดข้อสงสัยมีตั้งแต่ สภาพทางเท้าที่แท้จริงเหมาะกับการเดินเท้าหรือไม่ กันแดดกันฝนได้จริงหรือไม่ คนพิการใช้งานสะดวกหรือไม่ มีแสงสว่างเพียงพอในยามค่ำคืนหรือไม่ การที่ยังไม่หักเสาไฟจะกลายเป็นมุมอับสำหรับมิจฉาชีพหรือไม่ ภูมิทัศน์ไม่รกสายตาหรือไม่ เมื่อหลังคาหรือเสาสกปรกเพราะสัตว์พาหะ เช่น สุนัข แมว หนู นก ฯลฯ เศษขยะ หรือมีคนมือบอนขีดเขียน จะสามารถทำความสะอาดได้หรือไม่

    และจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทางเท้ายังเป็นทางเท้า ไม่ถูกทำให้กลายเป็นทางสัญจรของรถจักรยานยนต์ กลายเป็นแหล่งขายของบรรดาหาบเร่แผงลอย หรือเป็นที่อยู่อาศัยหลับนอนของคนไร้บ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กเพจ Bangkok Sightseeing ยังเผยแพร่ภาพรถจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้าถนนสาทรใต้ ที่กำลังก่อสร้างหลังคาคลุมทางเท้า และเริ่มมีวินรถจักรยานยนต์จอดรถกันเป็นกลุ่มเพื่อจับจองพื้นที่แล้ว

    หลังคาคลุมทางเท้าอาจกลายเป็นโครงการที่มีข้อครหา ไม่ต่างจากกรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ที่พบว่าลู่วิ่งราคา 7.5 แสนบาท หรือการก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทางรูปแบบใหม่ ที่มีราคาสูงถึงหลังละ 280,000-320,000 บาท หรือการจัดซื้อจัดจ้างอีกมากที่ยังเคลือบแคลงสงสัย

    #Newskit
    กรุงเทพฯ ดุจเทพสร้าง หลังคาคลุมทางเท้า 20 ล้าน ยังคงมีเรื่องดรามาไม่หยุด สำหรับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ยุคผู้ว่าฯ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เมื่อมีโครงการปรับรูปแบบโครงการทางเดินเท้าแบบมีหลังคาคลุม (Covered walkway) บริเวณถนนสาทรใต้ โดยสำนักการโยธา ได้ร่วมกับศูนย์ออกแบบและพัฒนาเมือง (UDDC) ศึกษาและออกแบบ ก่อสร้างนำร่องบริเวณถนนสาทรใต้ ช่วงสถานีรถไฟฟ้าลุมพินี ถึงสกายวอล์กช่องนนทรี ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร งบประมาณ 20,523,000 บาท ระยะเวลาการก่อสร้าง 180 วัน แต่เนื่องจากการไฟฟ้านครหลวง ได้ดำเนินการท่อร้อยสายไฟ และมีแผนจะหักเสาไฟประมาณเดือน พ.ค. 2569 จึงต้องปรับรูปแบบการก่อสร้าง โดยทำการเว้าเพื่อหลบเสาไฟฟ้า เพื่อให้การก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนงาน เมื่อการไฟฟ้านครหลวงหักเสาเสร็จแล้ว ถึงจะปรับปรุงบริเวณที่มีการเว้าให้สมบูรณ์ตามแบบต่อไป วัตถุประสงค์หลักเพื่อให้สามารถใช้สัญจรในทุกสภาพอากาศ ท่ามกลางอากาศร้อนจัดและฝนตกชุกหลายเดือน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนเลือกสัญจรโดยขนส่งมวลขนและการเดินเท้า สามารถเดินเท้าเชื่อมต่อไปยังระบบขนส่งสาธารณะได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการจราจรของเมือง และอ้างว่าประเทศสิงคโปร์ หรือเมืองต่างๆ ของไต้หวันได้ทำ โครงการหลังคาคลุมทางเท้า เรียกเสียงวิจารณ์จากชาวเน็ตอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเด็นการใช้งบประมาณตกเมตรละ 13,000 บาท คุ้มค่าหรือไม่ สารพัดข้อสงสัยมีตั้งแต่ สภาพทางเท้าที่แท้จริงเหมาะกับการเดินเท้าหรือไม่ กันแดดกันฝนได้จริงหรือไม่ คนพิการใช้งานสะดวกหรือไม่ มีแสงสว่างเพียงพอในยามค่ำคืนหรือไม่ การที่ยังไม่หักเสาไฟจะกลายเป็นมุมอับสำหรับมิจฉาชีพหรือไม่ ภูมิทัศน์ไม่รกสายตาหรือไม่ เมื่อหลังคาหรือเสาสกปรกเพราะสัตว์พาหะ เช่น สุนัข แมว หนู นก ฯลฯ เศษขยะ หรือมีคนมือบอนขีดเขียน จะสามารถทำความสะอาดได้หรือไม่ และจะแน่ใจได้อย่างไรว่าทางเท้ายังเป็นทางเท้า ไม่ถูกทำให้กลายเป็นทางสัญจรของรถจักรยานยนต์ กลายเป็นแหล่งขายของบรรดาหาบเร่แผงลอย หรือเป็นที่อยู่อาศัยหลับนอนของคนไร้บ้าน ซึ่งก่อนหน้านี้เฟซบุ๊กเพจ Bangkok Sightseeing ยังเผยแพร่ภาพรถจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้าถนนสาทรใต้ ที่กำลังก่อสร้างหลังคาคลุมทางเท้า และเริ่มมีวินรถจักรยานยนต์จอดรถกันเป็นกลุ่มเพื่อจับจองพื้นที่แล้ว หลังคาคลุมทางเท้าอาจกลายเป็นโครงการที่มีข้อครหา ไม่ต่างจากกรณีการจัดซื้อเครื่องออกกำลังกาย ที่พบว่าลู่วิ่งราคา 7.5 แสนบาท หรือการก่อสร้างศาลาที่พักผู้โดยสารรถประจำทางรูปแบบใหม่ ที่มีราคาสูงถึงหลังละ 280,000-320,000 บาท หรือการจัดซื้อจัดจ้างอีกมากที่ยังเคลือบแคลงสงสัย #Newskit
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 245 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบดแห้ง (PULVERIZER) บดพริกแห้งเม็ดใหญ่ ความละเอียด 2 มม.
    #พริกป่น #บดพริกแห้ง
    เครื่องบดผง สแตนเลส "BONNY" บดหยาบ บดละเอียดได้ตามต้องการ
    โดยปรับเปลี่ยนแผ่นตะแกรงภายในตัวเครื่อง
    ใช้งานง่าย ทำความสะอาดง่าย👍 บดได้หลาก เช่น ข้าวสาร ถั่ว เม็ดข้าวโพด ธัญพืชต่างๆ ใบชา พริกไทย สมุนไพร นิยมใช้ในอุตสาหกรรมยา สมุนไพร เคมี เครื่องสำอาง ยิปซั่ม ปูนซีเมนต์ เครื่องเทศ ถ่านหิน แร่ เป็นต้o

    ลักษณะพิเศษ เปลี่ยนฟันตี เฉพาะฟันได้ แตกต่างจากเครื่องบดแห้งทั่วไป เมื่อเกิดความเสียหาย เช่นฟันตีหักจะต้องเปลี่ยนจานฟันตีใหม่ทั้งหมด แต่เครื่องBONNY สามารถเปลี่ยนเฉพาะฟันตีที่หัก
    จึงช่วยท่านประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ได้มากกว่า
    เครื่องได้มาตรฐานยุโรปCE รองรับมาตรฐาน GMP, HACCP
    เหมาะใช้ในงานวิจัย โรงงาน หรือในครัวเรือน

    Model : YWF-10B-6P-JCXT-S
    Capacity : 5-30 KG./H.
    Power : 3 HP , 380V
    Speed : 4,500 RPM
    Dimensions : 64x45x142 cm.
    Weight : 100 KG

    สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com

    #สไลด์ชาบู #สไลซ์เนื้อแช่แข็ง #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #ย่อยกาก #ย่อยกากอาหาร #บดพริกคั่ว #บีดอัดกระป๋องสี #บีดอัดกระดาษ #บีบอัดลัง #เครื่องทำซอส #oilscrewpress #สกัดน้ำมัน #เครื่องปอก #ปอกเปลือกกระเทียม #ปอกเปลือกหอมแดง #บดพริกป่น #บดพริกผง
    เครื่องบดแห้ง (PULVERIZER) บดพริกแห้งเม็ดใหญ่ ความละเอียด 2 มม. #พริกป่น #บดพริกแห้ง เครื่องบดผง สแตนเลส "BONNY" บดหยาบ บดละเอียดได้ตามต้องการ โดยปรับเปลี่ยนแผ่นตะแกรงภายในตัวเครื่อง ใช้งานง่าย ทำความสะอาดง่าย👍 บดได้หลาก เช่น ข้าวสาร ถั่ว เม็ดข้าวโพด ธัญพืชต่างๆ ใบชา พริกไทย สมุนไพร นิยมใช้ในอุตสาหกรรมยา สมุนไพร เคมี เครื่องสำอาง ยิปซั่ม ปูนซีเมนต์ เครื่องเทศ ถ่านหิน แร่ เป็นต้o ลักษณะพิเศษ เปลี่ยนฟันตี เฉพาะฟันได้ แตกต่างจากเครื่องบดแห้งทั่วไป เมื่อเกิดความเสียหาย เช่นฟันตีหักจะต้องเปลี่ยนจานฟันตีใหม่ทั้งหมด แต่เครื่องBONNY สามารถเปลี่ยนเฉพาะฟันตีที่หัก จึงช่วยท่านประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนอะไหล่ได้มากกว่า เครื่องได้มาตรฐานยุโรปCE รองรับมาตรฐาน GMP, HACCP เหมาะใช้ในงานวิจัย โรงงาน หรือในครัวเรือน Model : YWF-10B-6P-JCXT-S Capacity : 5-30 KG./H. Power : 3 HP , 380V Speed : 4,500 RPM Dimensions : 64x45x142 cm. Weight : 100 KG สามารถเข้ามาดูสินค้าจริงที่หน้าร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #สไลด์ชาบู #สไลซ์เนื้อแช่แข็ง #สไลซ์พูทุเรียนดิบ #ขอดเกล็ดปลา #ลอกหนังปลา #ผ่าซีกปลา #เครื่องทำน้ำจิ้ม #ทำเครื่องปรุงรส #ทำเครื่องสำอาง #เครื่องแกะเม็ดข้าวโพด #แกะเมล็ดข้าวโพด #เครื่องย่อย #ย่อยกาก #ย่อยกากอาหาร #บดพริกคั่ว #บีดอัดกระป๋องสี #บีดอัดกระดาษ #บีบอัดลัง #เครื่องทำซอส #oilscrewpress #สกัดน้ำมัน #เครื่องปอก #ปอกเปลือกกระเทียม #ปอกเปลือกหอมแดง #บดพริกป่น #บดพริกผง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 455 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • 3 ปี สิ้นดาราสาว “แตงโม-ภัทรธิดา” คดีปริศนาแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ยังไร้ข้อสรุป

    📅 ครบ 3 ปี การจากไปของ "แตงโม นิดา" วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นวันที่แฟนคลับ และประชาชนทั่วประเทศไทย ต้องตกใจและตกตะลึง กับข่าวการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์" นักแสดงสาวชื่อดัง ที่พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ท่ามกลางปริศนา และข้อกังขามากมาย คดีนี้กลายเป็นหนึ่งในคดี ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย

    ⏳ ย้อนรอยคืนเกิดเหตุ 24 กุมภาพันธ์ 2565
    🔹 ช่วงเย็น แตงโมพร้อมกลุ่มเพื่อน 5 คน ได้แก่ ปอ ตนุภัทร, กระติก อิจศรินทร์, แซน วิศาพัช, จ๊อบ นิทัศน์ และโรเบิร์ต ไพบูลย์ นัดกันไปทานอาหาร ก่อนทั้งหมดลงเรือสปีดโบ๊ต ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา

    🔹 เวลา 22.32 น. แตงโมตกน้ำบริเวณสะพานพระราม 7 โดยอ้างว่าไปปัสสาวะท้ายเรือ

    🔹 หลังจากนั้น 30 นาที กลุ่มเพื่อนที่อยู่บนเรือ อ้างว่าวนเรือกลับมาหา แต่ไม่พบ

    🔹 00.20 น. 25 ก.พ. 2565 ทีมกู้ภัยและนักประดาน้ำ เริ่มปฏิบัติการค้นหา

    🔹 13.10 น. 26 ก.พ. 2565 พบศพแตงโม ลอยขึ้นใกล้ท่าเรือพิบูลสงคราม 1

    🚨 แม้จะพบร่างแล้ว แต่ปริศนาเกี่ยวกับการเสียชีวิต กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ!

    🕵️‍♂️ คำถามที่ยังไม่มีคำตอบในคดีแตงโม
    แม้ว่าตำรวจจะสรุปว่า "แตงโมเสียชีวิต จากอุบัติเหตุพลัดตกน้ำ" แต่สังคมยังคงมีข้อสงสัยมากมาย อาทิ

    ❓ บาดแผลที่ต้นขาเกิดจากอะไร?
    ➡️ แพทย์นิติเวช พบแผลฉกรรจ์ที่ขาซ้าย คาดว่าเกิดจากใบพัดเรือ ทำให้ขาขยับไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การที่อ้างว่า "เธอตกน้ำ และพยายามว่ายน้ำกลับ"

    ❓ ทำไมกลุ่มเพื่อน จึงมีคำให้การไม่ตรงกัน?
    ➡️ แต่ละคนให้ปากคำแตกต่างกัน บางช่วงเวลา ไม่มีหลักฐานแน่ชัด ว่าทำอะไร

    ❓ หลักฐานที่สำคัญหายไปไหน?
    ➡️ เรือลำเกิดเหตุ ถูกทำความสะอาดก่อนตรวจสอบ ส่วนโทรศัพท์มือถือของแตงโม ถูกส่งไปต่างประเทศ แต่ภายหลังมีการกู้ข้อมูลกลับมา

    ❓ คลิปและรูปที่ถูกเผยแพร่ เป็นของจริงหรือไม่?
    ➡️ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ภาพที่แตงโมถ่ายก่อนตกน้ำ อาจถูกตัดต่อ

    🏛️ การดำเนินคดี และคำตัดสิน
    📌 ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา มีการดำเนินคดี กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย แต่กระบวนการยุติธรรม ยังเต็มไปด้วยข้อกังขา

    🔴 ศาลจังหวัดนนทบุรี อนุมัติหมายจับ
    - ปอ ตนุภัทร และโรเบิร์ต ไพบูลย์ ข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต
    - กระติก อิจศรินทร์ ให้การเท็จ และละเว้นการแจ้งเหตุ
    - แซน วิศาพัช ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เป็นพยานปากสำคัญ ที่ให้ข้อมูลขัดแย้ง

    🔴 นางภนิดา แม่ของแตงโม รับเงินชดเชย 2 ล้านบาท
    ➡️ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า "แลกเงินกับคดีลูก"

    🔴 ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ในปี 2567
    ➡️ มีการพบหลักฐานใหม่ ที่อาจทำให้คดีพลิก

    💔 ดราม่าภายในครอบครัว และคนใกล้ชิด
    😢 คดีนี้ไม่เพียงแต่ สร้างความสะเทือนใจต่อสังคม แต่ยังนำไปสู่ความขัดแย้งในครอบครัว
    🔹 แม่ของแตงโมถูกวิจารณ์หนัก เพราะยอมรับเงินเยียวยา และดูเหมือนไม่มุ่งหาความจริง
    🔹 เพื่อนสนิทแฉกันเอง หลายคนที่เคยสนิทกับแตงโม กลับกลายเป็นคู่กรณีกันในศาล
    🔹 ผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์โต้แย้งกันเอง ทำให้คดีดูซับซ้อนยิ่งขึ้น

    📌 คดีแตงโม ความยุติธรรมจะมาถึงเมื่อไหร่?
    ⏳ แม้จะผ่านมา 3 ปี แต่คดีแตงโมยังเป็นปริศนา มีหลายฝ่ายเรียกร้อง ให้มีการรื้อฟื้นคดี และนำตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริง มาลงโทษ

    🔎 ล่าสุดมีหลักฐานใหม่ ที่ถูกนำมาเปิดเผย เช่น
    ✅ คลิปจากมือถือแตงโม ที่อาจระบุได้ว่า เธอไม่ได้อยู่บนเรือ ในช่วงเวลาที่ตกน้ำ
    ✅ ข้อมูลจากกลุ่มอิสระ ที่พบข้อผิดพลาด ในการสืบสวนของตำรวจ

    🔥 “เวรกรรมกำลังทำงาน” เป็นคำพูดที่หลายคนในโซเชียล ใช้กันมากขึ้น เมื่อเห็นว่า หลายคนที่เคยปกป้องกันในคดีนี้ เริ่มมีปัญหากับกฎหมาย และสังคม

    📢 แตงโมยังคงรอความเป็นธรรม การเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" ไม่ใช่แค่เรื่องของดาราสาวคนหนึ่ง แต่เป็นตัวอย่าง ของปัญหาความยุติธรรมในสังคมไทย ที่ยังต้องการคำตอบ

    📍 สุดท้ายแล้ว "คดีนี้จะถูกปิดไปพร้อมกับความลับ หรือความจริงจะถูกเปิดเผยในที่สุด?" 📢

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241015 ก.พ. 2568

    🔥 #แตงโมนิดา #คดีแตงโม #3ปีที่จากไป #ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน #DSI #เปิดโปงความจริง #ลับลวงพราง #แตงโมต้องได้รับความเป็นธรรม
    3 ปี สิ้นดาราสาว “แตงโม-ภัทรธิดา” คดีปริศนาแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ยังไร้ข้อสรุป 📅 ครบ 3 ปี การจากไปของ "แตงโม นิดา" วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นวันที่แฟนคลับ และประชาชนทั่วประเทศไทย ต้องตกใจและตกตะลึง กับข่าวการเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์" นักแสดงสาวชื่อดัง ที่พลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ต กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ท่ามกลางปริศนา และข้อกังขามากมาย คดีนี้กลายเป็นหนึ่งในคดี ที่ถูกจับตามองมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ไทย ⏳ ย้อนรอยคืนเกิดเหตุ 24 กุมภาพันธ์ 2565 🔹 ช่วงเย็น แตงโมพร้อมกลุ่มเพื่อน 5 คน ได้แก่ ปอ ตนุภัทร, กระติก อิจศรินทร์, แซน วิศาพัช, จ๊อบ นิทัศน์ และโรเบิร์ต ไพบูลย์ นัดกันไปทานอาหาร ก่อนทั้งหมดลงเรือสปีดโบ๊ต ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา 🔹 เวลา 22.32 น. แตงโมตกน้ำบริเวณสะพานพระราม 7 โดยอ้างว่าไปปัสสาวะท้ายเรือ 🔹 หลังจากนั้น 30 นาที กลุ่มเพื่อนที่อยู่บนเรือ อ้างว่าวนเรือกลับมาหา แต่ไม่พบ 🔹 00.20 น. 25 ก.พ. 2565 ทีมกู้ภัยและนักประดาน้ำ เริ่มปฏิบัติการค้นหา 🔹 13.10 น. 26 ก.พ. 2565 พบศพแตงโม ลอยขึ้นใกล้ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 🚨 แม้จะพบร่างแล้ว แต่ปริศนาเกี่ยวกับการเสียชีวิต กลับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ! 🕵️‍♂️ คำถามที่ยังไม่มีคำตอบในคดีแตงโม แม้ว่าตำรวจจะสรุปว่า "แตงโมเสียชีวิต จากอุบัติเหตุพลัดตกน้ำ" แต่สังคมยังคงมีข้อสงสัยมากมาย อาทิ ❓ บาดแผลที่ต้นขาเกิดจากอะไร? ➡️ แพทย์นิติเวช พบแผลฉกรรจ์ที่ขาซ้าย คาดว่าเกิดจากใบพัดเรือ ทำให้ขาขยับไม่ได้ ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การที่อ้างว่า "เธอตกน้ำ และพยายามว่ายน้ำกลับ" ❓ ทำไมกลุ่มเพื่อน จึงมีคำให้การไม่ตรงกัน? ➡️ แต่ละคนให้ปากคำแตกต่างกัน บางช่วงเวลา ไม่มีหลักฐานแน่ชัด ว่าทำอะไร ❓ หลักฐานที่สำคัญหายไปไหน? ➡️ เรือลำเกิดเหตุ ถูกทำความสะอาดก่อนตรวจสอบ ส่วนโทรศัพท์มือถือของแตงโม ถูกส่งไปต่างประเทศ แต่ภายหลังมีการกู้ข้อมูลกลับมา ❓ คลิปและรูปที่ถูกเผยแพร่ เป็นของจริงหรือไม่? ➡️ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ภาพที่แตงโมถ่ายก่อนตกน้ำ อาจถูกตัดต่อ 🏛️ การดำเนินคดี และคำตัดสิน 📌 ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา มีการดำเนินคดี กับบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายราย แต่กระบวนการยุติธรรม ยังเต็มไปด้วยข้อกังขา 🔴 ศาลจังหวัดนนทบุรี อนุมัติหมายจับ - ปอ ตนุภัทร และโรเบิร์ต ไพบูลย์ ข้อหากระทำโดยประมาท เป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียชีวิต - กระติก อิจศรินทร์ ให้การเท็จ และละเว้นการแจ้งเหตุ - แซน วิศาพัช ถูกตั้งข้อสงสัยว่า เป็นพยานปากสำคัญ ที่ให้ข้อมูลขัดแย้ง 🔴 นางภนิดา แม่ของแตงโม รับเงินชดเชย 2 ล้านบาท ➡️ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่า "แลกเงินกับคดีลูก" 🔴 ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ ในปี 2567 ➡️ มีการพบหลักฐานใหม่ ที่อาจทำให้คดีพลิก 💔 ดราม่าภายในครอบครัว และคนใกล้ชิด 😢 คดีนี้ไม่เพียงแต่ สร้างความสะเทือนใจต่อสังคม แต่ยังนำไปสู่ความขัดแย้งในครอบครัว 🔹 แม่ของแตงโมถูกวิจารณ์หนัก เพราะยอมรับเงินเยียวยา และดูเหมือนไม่มุ่งหาความจริง 🔹 เพื่อนสนิทแฉกันเอง หลายคนที่เคยสนิทกับแตงโม กลับกลายเป็นคู่กรณีกันในศาล 🔹 ผู้ต้องหาให้สัมภาษณ์โต้แย้งกันเอง ทำให้คดีดูซับซ้อนยิ่งขึ้น 📌 คดีแตงโม ความยุติธรรมจะมาถึงเมื่อไหร่? ⏳ แม้จะผ่านมา 3 ปี แต่คดีแตงโมยังเป็นปริศนา มีหลายฝ่ายเรียกร้อง ให้มีการรื้อฟื้นคดี และนำตัวผู้กระทำผิดที่แท้จริง มาลงโทษ 🔎 ล่าสุดมีหลักฐานใหม่ ที่ถูกนำมาเปิดเผย เช่น ✅ คลิปจากมือถือแตงโม ที่อาจระบุได้ว่า เธอไม่ได้อยู่บนเรือ ในช่วงเวลาที่ตกน้ำ ✅ ข้อมูลจากกลุ่มอิสระ ที่พบข้อผิดพลาด ในการสืบสวนของตำรวจ 🔥 “เวรกรรมกำลังทำงาน” เป็นคำพูดที่หลายคนในโซเชียล ใช้กันมากขึ้น เมื่อเห็นว่า หลายคนที่เคยปกป้องกันในคดีนี้ เริ่มมีปัญหากับกฎหมาย และสังคม 📢 แตงโมยังคงรอความเป็นธรรม การเสียชีวิตของ "แตงโม นิดา" ไม่ใช่แค่เรื่องของดาราสาวคนหนึ่ง แต่เป็นตัวอย่าง ของปัญหาความยุติธรรมในสังคมไทย ที่ยังต้องการคำตอบ 📍 สุดท้ายแล้ว "คดีนี้จะถูกปิดไปพร้อมกับความลับ หรือความจริงจะถูกเปิดเผยในที่สุด?" 📢 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 241015 ก.พ. 2568 🔥 #แตงโมนิดา #คดีแตงโม #3ปีที่จากไป #ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน #DSI #เปิดโปงความจริง #ลับลวงพราง #แตงโมต้องได้รับความเป็นธรรม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 337 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมอนามัย ลงพื้นที่เชียงใหม่มอบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย และมุ้งสู้ฝุ่น

    วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2568) แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วย
    แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการ
    ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ และทีมงานกรมอนามัย ได้ลงพื้นที่มอบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย
    และมุ้งสู้ฝุ่นให้แก่กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และพี่น้องประชาชน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกื้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่
    แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ ที่พบว่ามีค่าสูงเกินมาตรฐานในระดับสีแดง คือ มากกว่า 75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องติดกันหลายวัน และคาดว่าจะยาวนานจนถึงวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในเขตสุขภาพที่ 1 ทั้ง 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ ในปี 2567 พบว่า มีผู้ป่วยเข้ารับบริการแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 ด้วยโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคอัมพาตฉับพลัน (Stroke) และโรคหืด (Asthma) ที่เกิดจากการได้รับฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้น

    ด้าน แพทย์หญิงนงนุช รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อสั่งการในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม รองรับภาวะฉุกเฉินกรมอนามัย (HPEHOC) ให้เตรียมรับมือในการดูแลสุขภาพประชาชน กรมอนามัยจึงได้จัดให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพ โดยส่งเสริมให้เกิดห้องปลอดฝุ่น และมุ้งสู้ฝุ่น ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ตลอดจนส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันอันตรายจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ได้แก่การให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม อาทิ 1) การปิดประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าสู่บ้านเรือน
    2) กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการสูดฝุ่นละอองขนาดเล็ก และหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็นในช่วงวิกฤตฝุ่นควัน 3) หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ให้สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกัน PM 2.5 ได้ คือ หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 4) งดออกกำลังกาย หรือทำงานหนักกลางแจ้ง ในช่วงที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กมีผลกระทบต่อสุขภาพ 5) ลดแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยลดการเผาทุกชนิด 6) การทำความสะอาดบ้านเพื่อลดความเข้มข้นของฝุ่น โดยการใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ แทนการใช้ไม้กวาดที่จะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย กรมอนามัยมีความห่วงใยประชาชน จึงลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มอบ หน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย ให้กับกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ และ มอบมุ้งสู้ฝุ่นให้กับกลุ่มเปราะบางเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5
    @Say_May
    กรมอนามัย / 21 กุมภาพันธ์ 2568
    กรมอนามัย ลงพื้นที่เชียงใหม่มอบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย และมุ้งสู้ฝุ่น วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2568) แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย พร้อมด้วย แพทย์หญิงนงนุช ภัทรอนันตนพ รองอธิบดีกรมอนามัย นายแพทย์นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการ ศูนย์อนามัยที่ 1 เชียงใหม่ และทีมงานกรมอนามัย ได้ลงพื้นที่มอบหน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย และมุ้งสู้ฝุ่นให้แก่กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และพี่น้องประชาชน ณ องค์การบริหารส่วนตำบลกื้ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า จากสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในภาคเหนือ ที่พบว่ามีค่าสูงเกินมาตรฐานในระดับสีแดง คือ มากกว่า 75.1 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องติดกันหลายวัน และคาดว่าจะยาวนานจนถึงวันที่ 27กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในเขตสุขภาพที่ 1 ทั้ง 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา และแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ ในปี 2567 พบว่า มีผู้ป่วยเข้ารับบริการแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลในพื้นที่เขตสุขภาพที่ 1 ด้วยโรคทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคอัมพาตฉับพลัน (Stroke) และโรคหืด (Asthma) ที่เกิดจากการได้รับฝุ่น PM 2.5 เพิ่มสูงขึ้น ด้าน แพทย์หญิงนงนุช รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อสั่งการในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการส่งเสริมสุขภาพและอนามัยสิ่งแวดล้อม รองรับภาวะฉุกเฉินกรมอนามัย (HPEHOC) ให้เตรียมรับมือในการดูแลสุขภาพประชาชน กรมอนามัยจึงได้จัดให้มีมาตรการเพื่อความปลอดภัยด้านสุขภาพ โดยส่งเสริมให้เกิดห้องปลอดฝุ่น และมุ้งสู้ฝุ่น ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ตลอดจนส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาพสำหรับประชาชนเพื่อป้องกันอันตรายจากฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ได้แก่การให้คำแนะนำการปฏิบัติตัวที่เหมาะสม อาทิ 1) การปิดประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กเข้าสู่บ้านเรือน 2) กลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงการสูดฝุ่นละอองขนาดเล็ก และหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านโดยไม่จำเป็นในช่วงวิกฤตฝุ่นควัน 3) หากจำเป็นต้องออกนอกบ้าน ให้สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกัน PM 2.5 ได้ คือ หน้ากากอนามัย หน้ากาก N95 4) งดออกกำลังกาย หรือทำงานหนักกลางแจ้ง ในช่วงที่ฝุ่นละอองขนาดเล็กมีผลกระทบต่อสุขภาพ 5) ลดแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองขนาดเล็ก โดยลดการเผาทุกชนิด 6) การทำความสะอาดบ้านเพื่อลดความเข้มข้นของฝุ่น โดยการใช้ผ้าชุบน้ำหมาดๆ แทนการใช้ไม้กวาดที่จะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย กรมอนามัยมีความห่วงใยประชาชน จึงลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่มอบ หน้ากาก N95 หน้ากากอนามัย ให้กับกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไปในพื้นที่ และ มอบมุ้งสู้ฝุ่นให้กับกลุ่มเปราะบางเพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัยจากฝุ่น PM 2.5 @Say_May กรมอนามัย / 21 กุมภาพันธ์ 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 403 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเขาสั่งการให้กระทรวงยุติธรรม เลิกจ้างบรรดาอัยการอเมริกาในยุคของไบเดน ที่ยังเหลือยู่ทั้งหมด อ้างว่ากระทรวงแห่งนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
    .
    "เราต้องทำความสะอาดบ้านในทันที และฟื้นฟูความชื่อมั่น ยุคทองของอเมริกาจำเป็นต้องมีระบบยุติธรรมที่ยุติธรรม และมันเริ่มขึ้นแล้วในวันนี้" ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรัสต์โซเชียล
    .
    สำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อสอบถามไปยังกระทรวงยุติธรรม แต่กระทรวงยุติธรรมยังไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว
    .
    เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำเนียบขาวส่งหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาไปยังอัยการสหรัฐฯ หลายคนทั่วประเทศ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต และล่าสุดในวันจันทร์ (17 ก.พ.) อัยการสหรัฐฯ หลายคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากไบเดน แถลงว่ากำลังลาออก ส่วนคนอื่นๆ ได้ออกจากรัฐบาลตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว
    .
    แม้ตามธรรรมเนียมแล้ว บรรดาอัยการหรัฐฯ จะลาออกหลังมีการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานประธานาธิบดี แต่โดยปกติแล้วรัฐบาลที่กำลังเข้ารับตำแหน่งจะร้องขอให้พวกเขาลาออกจากตำแหน่งอย่างละมุนละม่อมและไม่ออกหนังสือเลิกจ้างที่ใช้ถ้อยคำกะทัดรัดเช่นนี้ จากความเห็นของอดีตทนายความทั้งในอดีตและปัจจุบันของกระทรวงยุติธรรม
    .
    การเลิกจ้างบรรดาอัยการสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายรัฐบาลกลางระดับสูงสุด ตามเขตต่างๆ ของอัยการรายนั้นๆ ถือเป็นการยกเครื่องล่าสุดภายในกระทรวงยุติธรรม นับตั้งแต่ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนที่แล้ว
    .
    แม้กระทั่งพวกเจ้าหน้าที่ที่มีอาชีพการเงินในกระทรวงยุติธรรม ที่ปกติแล้วจะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลก็ตาม แต่คราวนี้มีพวกเขาหลายสิบคนในเมืองต่างๆ อย่างเช่นวอชิงตันและนิวยอร์ก ที่ถูกไล่ออกหรือลาออกไป นับตั้งแต่ ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่อำนาจ
    .
    ระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ประกาศกร้าวว่าจะยุติการใช้กระทรวงยุติธรรมเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในสิ่งที่เขากล่าวอ้างว่าถูกใช้เล่นงานเขา ในช่วงหลายขวบปีที่พ้นจากอำนาจไป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016385
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยว่าเขาสั่งการให้กระทรวงยุติธรรม เลิกจ้างบรรดาอัยการอเมริกาในยุคของไบเดน ที่ยังเหลือยู่ทั้งหมด อ้างว่ากระทรวงแห่งนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน . "เราต้องทำความสะอาดบ้านในทันที และฟื้นฟูความชื่อมั่น ยุคทองของอเมริกาจำเป็นต้องมีระบบยุติธรรมที่ยุติธรรม และมันเริ่มขึ้นแล้วในวันนี้" ทรัมป์โพสต์ข้อความบนทรัสต์โซเชียล . สำนักข่าวรอยเตอร์ติดต่อสอบถามไปยังกระทรวงยุติธรรม แต่กระทรวงยุติธรรมยังไม่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรายงานข่าวดังกล่าว . เมื่อสัปดาห์ก่อน ทำเนียบขาวส่งหนังสือแจ้งยกเลิกสัญญาไปยังอัยการสหรัฐฯ หลายคนทั่วประเทศ ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต และล่าสุดในวันจันทร์ (17 ก.พ.) อัยการสหรัฐฯ หลายคนที่ได้รับการแต่งตั้งจากไบเดน แถลงว่ากำลังลาออก ส่วนคนอื่นๆ ได้ออกจากรัฐบาลตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว . แม้ตามธรรรมเนียมแล้ว บรรดาอัยการหรัฐฯ จะลาออกหลังมีการเปลี่ยนแปลงในการบริหารงานประธานาธิบดี แต่โดยปกติแล้วรัฐบาลที่กำลังเข้ารับตำแหน่งจะร้องขอให้พวกเขาลาออกจากตำแหน่งอย่างละมุนละม่อมและไม่ออกหนังสือเลิกจ้างที่ใช้ถ้อยคำกะทัดรัดเช่นนี้ จากความเห็นของอดีตทนายความทั้งในอดีตและปัจจุบันของกระทรวงยุติธรรม . การเลิกจ้างบรรดาอัยการสหรัฐฯ ซึ่งทำหน้าที่ในฐานะเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายรัฐบาลกลางระดับสูงสุด ตามเขตต่างๆ ของอัยการรายนั้นๆ ถือเป็นการยกเครื่องล่าสุดภายในกระทรวงยุติธรรม นับตั้งแต่ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในเดือนที่แล้ว . แม้กระทั่งพวกเจ้าหน้าที่ที่มีอาชีพการเงินในกระทรวงยุติธรรม ที่ปกติแล้วจะยังคงอยู่ในตำแหน่งต่อไปแม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาลก็ตาม แต่คราวนี้มีพวกเขาหลายสิบคนในเมืองต่างๆ อย่างเช่นวอชิงตันและนิวยอร์ก ที่ถูกไล่ออกหรือลาออกไป นับตั้งแต่ ทรัมป์ ก้าวเข้าสู่อำนาจ . ระหว่างรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ทรัมป์ประกาศกร้าวว่าจะยุติการใช้กระทรวงยุติธรรมเป็นเครื่องมือทางการเมือง ในสิ่งที่เขากล่าวอ้างว่าถูกใช้เล่นงานเขา ในช่วงหลายขวบปีที่พ้นจากอำนาจไป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016385 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2201 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใหม่ !!!

    น้ำส้มสายชูหมักธรรมชาติ จากมะขามป้อม
    Indian Gooseberry Cider Vinegar

    ORGANIC & WITH THE MOTHER
    ไม่กรอง ไม่พาสเจอร์ไรส์ อุดมไปด้วย Probiotics
    และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ต่อร่างกาย

    สรรพคุณ :
    - ต้านการอักเสบ ยังยั้งการสร้างเมลานินได้
    - มีสารต้านอนุมูลอิสระ และ วิตามินซี
    - แก้ไอ ละลายเสมหะ -แก้กระหายน้ำ
    - ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาระบายอ่อนๆ
    - ช่วยลด และรักษาเลือดออกตามไรฟัน
    - แก้คลื่นไส้ อาเจียน
    - ช่วยชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณ


    วิธีการใช้ Indian Gooseberry Cider Vinegar: GBCV Keto Friendly
    ==============================
    1 🥤 ผสมกับเครื่องดื่มเย็นๆ อาจจะเป็นน้ำเย็นธรรมดา หรือ น้ำผลไม้ , น้ำสมุนไพร หรือ น้ำโซดา โดยผสมวีนีก้าร์เพียง 2-3 ช้อนชา เท่านั้น
    2 🥘 ใช้เป็นส่วนผสมในปรุง หรือการหมักอาหาร
    3 🥗 ใช้เป็นส่วนผสมในการปรุง น้ำสลัด , น้ำซอส หรือ น้ำจิ้ม
    4 🥨 ใช้เป็นส่วนผสมในการอบขนม เช่น คุกกี้ หรือ เบเกอรี่ต่างๆ
    5 👧 ใช้เป็นโทนเนอร์ทำความสะอาดผิวหน้า โดยมีอัตราส่วน 1:1 น้ำวีนีก้าร์ กับ น้ำสะอาด


    สั่งซื้อได้แล้วตอนนี้ ที่ Shopee : https://s.shopee.co.th/6V8qkraHos
    ใหม่ !!! น้ำส้มสายชูหมักธรรมชาติ จากมะขามป้อม Indian Gooseberry Cider Vinegar ORGANIC & WITH THE MOTHER ไม่กรอง ไม่พาสเจอร์ไรส์ อุดมไปด้วย Probiotics และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ต่อร่างกาย สรรพคุณ : - ต้านการอักเสบ ยังยั้งการสร้างเมลานินได้ - มีสารต้านอนุมูลอิสระ และ วิตามินซี - แก้ไอ ละลายเสมหะ -แก้กระหายน้ำ - ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาระบายอ่อนๆ - ช่วยลด และรักษาเลือดออกตามไรฟัน - แก้คลื่นไส้ อาเจียน - ช่วยชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณ วิธีการใช้ Indian Gooseberry Cider Vinegar: GBCV Keto Friendly ============================== 1 🥤 ผสมกับเครื่องดื่มเย็นๆ อาจจะเป็นน้ำเย็นธรรมดา หรือ น้ำผลไม้ , น้ำสมุนไพร หรือ น้ำโซดา โดยผสมวีนีก้าร์เพียง 2-3 ช้อนชา เท่านั้น 2 🥘 ใช้เป็นส่วนผสมในปรุง หรือการหมักอาหาร 3 🥗 ใช้เป็นส่วนผสมในการปรุง น้ำสลัด , น้ำซอส หรือ น้ำจิ้ม 4 🥨 ใช้เป็นส่วนผสมในการอบขนม เช่น คุกกี้ หรือ เบเกอรี่ต่างๆ 5 👧 ใช้เป็นโทนเนอร์ทำความสะอาดผิวหน้า โดยมีอัตราส่วน 1:1 น้ำวีนีก้าร์ กับ น้ำสะอาด สั่งซื้อได้แล้วตอนนี้ ที่ Shopee : https://s.shopee.co.th/6V8qkraHos
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • หุ่นยนต์ต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูงเป็นสิ่งที่หลายคนสนใจ โดยเฉพาะในวงการอุตสาหกรรม การศึกษา และการใช้งานทั่วไป ต่อไปนี้เป็นแนวทางในการออกแบบหรือเลือกหุ่นยนต์ต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูง:

    ### 1. **เลือกใช้ชิ้นส่วนราคาประหยัด**
    - **ไมโครคอนโทรลเลอร์ราคาถูก**: เช่น Arduino, ESP32, หรือ Raspberry Pi Pico ซึ่งมีราคาไม่สูงแต่มีความสามารถเพียงพอสำหรับงานพื้นฐานหลายประเภท
    - **มอเตอร์และเซ็นเซอร์ราคาประหยัด**: เลือกมอเตอร์ DC หรือเซอร์โวมอเตอร์ที่ราคาไม่สูง แต่ยังทำงานได้ดีในงานทั่วไป เช่น MG90S สำหรับแขนกลเล็กๆ

    ### 2. **ออกแบบอย่างง่าย**
    - **ลดความซับซ้อน**: ออกแบบโครงสร้างและระบบควบคุมให้ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเวลาในการพัฒนา
    - **ใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูป**: เลือกชิ้นส่วนที่หาซื้อได้ง่ายและมีราคาถูก เช่น โครงสร้างพลาสติกหรืออลูมิเนียม

    ### 3. **ใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส**
    - **ระบบปฏิบัติการและไลบรารีฟรี**: ใช้ระบบปฏิบัติการเช่น ROS (Robot Operating System) หรือไลบรารีโอเพนซอร์สสำหรับการเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์
    - **ชุมชนสนับสนุน**: ชุมชนโอเพนซอร์สมีทรัพยากรและความรู้มากมายที่ช่วยลดต้นทุนในการพัฒนา

    ### 4. **ประยุกต์ใช้ในงานเฉพาะทาง**
    - **หุ่นยนต์สำหรับงานเฉพาะ**: ออกแบบหุ่นยนต์ให้เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น หุ่นยนต์ทำความสะอาด หุ่นยนต์ขนส่งเล็กๆ หรือหุ่นยนต์สำรวจ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีฟังก์ชันที่ซับซ้อน
    - **ลดฟังก์ชันที่ไม่จำเป็น**: หลีกเลี่ยงการเพิ่มฟังก์ชันที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น

    ### 5. **ผลิตจำนวนมาก**
    - **ประหยัดจากขนาด**: หากผลิตหุ่นยนต์ในจำนวนมาก ต้นทุนต่อหน่วยจะลดลงอย่างมาก
    - **การผลิตแบบโมดูลาร์**: ออกแบบให้ชิ้นส่วนสามารถใช้ร่วมกันได้ในหลายรุ่น เพื่อลดต้นทุนการผลิตและสต็อกชิ้นส่วน

    ### 6. **ตัวอย่างหุ่นยนต์ต้นทุนต่ำ**
    - **หุ่นยนต์เส้นทาง (Line Following Robot)**: ใช้เซ็นเซอร์อินฟราเรดและมอเตอร์ DC ง่ายๆ
    - **หุ่นยนต์แขนกลขนาดเล็ก**: ใช้เซอร์โวมอเตอร์ราคาประหยัดและควบคุมด้วย Arduino
    - **หุ่นยนต์สำรวจ**: ใช้เซ็นเซอร์ Ultrasonic และมอเตอร์เกียร์บ็อกซ์ราคาถูก

    ### 7. **การประหยัดพลังงาน**
    - **ใช้แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง**: เลือกแบตเตอรี่ที่ให้พลังงานนานแต่ราคาไม่สูง เช่น Li-ion หรือ LiPo
    - **ออกแบบระบบประหยัดพลังงาน**: ลดการสิ้นเปลืองพลังงานโดยการออกแบบวงจรและซอฟต์แวร์ที่ประหยัดพลังงาน

    ### 8. **ทดสอบและปรับปรุง**
    - **ทดสอบบ่อยๆ**: เพื่อหาจุดบกพร่องและปรับปรุงประสิทธิภาพก่อนผลิตจำนวนมาก
    - **รับฟีดแบ็กจากผู้ใช้**: เพื่อปรับปรุงการออกแบบให้ดีขึ้นโดยไม่เพิ่มต้นทุน

    ### 9. **แหล่งข้อมูลและชุมชน**
    - **เว็บไซต์และฟอรัม**: เช่น GitHub, Hackster.io, หรือ Reddit ที่มีโครงการหุ่นยนต์ต้นทุนต่ำมากมาย
    - **หนังสือและคู่มือ**: หาหนังสือหรือคู่มือเกี่ยวกับการสร้างหุ่นยนต์ต้นทุนต่ำ

    ด้วยแนวทางเหล่านี้ คุณสามารถสร้างหรือเลือกหุ่นยนต์ที่ต้นทุนต่ำแต่ยังมีประสิทธิภาพสูงได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของคุณ
    หุ่นยนต์ต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูงเป็นสิ่งที่หลายคนสนใจ โดยเฉพาะในวงการอุตสาหกรรม การศึกษา และการใช้งานทั่วไป ต่อไปนี้เป็นแนวทางในการออกแบบหรือเลือกหุ่นยนต์ต้นทุนต่ำแต่มีประสิทธิภาพสูง: ### 1. **เลือกใช้ชิ้นส่วนราคาประหยัด** - **ไมโครคอนโทรลเลอร์ราคาถูก**: เช่น Arduino, ESP32, หรือ Raspberry Pi Pico ซึ่งมีราคาไม่สูงแต่มีความสามารถเพียงพอสำหรับงานพื้นฐานหลายประเภท - **มอเตอร์และเซ็นเซอร์ราคาประหยัด**: เลือกมอเตอร์ DC หรือเซอร์โวมอเตอร์ที่ราคาไม่สูง แต่ยังทำงานได้ดีในงานทั่วไป เช่น MG90S สำหรับแขนกลเล็กๆ ### 2. **ออกแบบอย่างง่าย** - **ลดความซับซ้อน**: ออกแบบโครงสร้างและระบบควบคุมให้ง่ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อลดต้นทุนการผลิตและเวลาในการพัฒนา - **ใช้ชิ้นส่วนสำเร็จรูป**: เลือกชิ้นส่วนที่หาซื้อได้ง่ายและมีราคาถูก เช่น โครงสร้างพลาสติกหรืออลูมิเนียม ### 3. **ใช้ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส** - **ระบบปฏิบัติการและไลบรารีฟรี**: ใช้ระบบปฏิบัติการเช่น ROS (Robot Operating System) หรือไลบรารีโอเพนซอร์สสำหรับการเขียนโปรแกรมควบคุมหุ่นยนต์ - **ชุมชนสนับสนุน**: ชุมชนโอเพนซอร์สมีทรัพยากรและความรู้มากมายที่ช่วยลดต้นทุนในการพัฒนา ### 4. **ประยุกต์ใช้ในงานเฉพาะทาง** - **หุ่นยนต์สำหรับงานเฉพาะ**: ออกแบบหุ่นยนต์ให้เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น หุ่นยนต์ทำความสะอาด หุ่นยนต์ขนส่งเล็กๆ หรือหุ่นยนต์สำรวจ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีฟังก์ชันที่ซับซ้อน - **ลดฟังก์ชันที่ไม่จำเป็น**: หลีกเลี่ยงการเพิ่มฟังก์ชันที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นโดยไม่จำเป็น ### 5. **ผลิตจำนวนมาก** - **ประหยัดจากขนาด**: หากผลิตหุ่นยนต์ในจำนวนมาก ต้นทุนต่อหน่วยจะลดลงอย่างมาก - **การผลิตแบบโมดูลาร์**: ออกแบบให้ชิ้นส่วนสามารถใช้ร่วมกันได้ในหลายรุ่น เพื่อลดต้นทุนการผลิตและสต็อกชิ้นส่วน ### 6. **ตัวอย่างหุ่นยนต์ต้นทุนต่ำ** - **หุ่นยนต์เส้นทาง (Line Following Robot)**: ใช้เซ็นเซอร์อินฟราเรดและมอเตอร์ DC ง่ายๆ - **หุ่นยนต์แขนกลขนาดเล็ก**: ใช้เซอร์โวมอเตอร์ราคาประหยัดและควบคุมด้วย Arduino - **หุ่นยนต์สำรวจ**: ใช้เซ็นเซอร์ Ultrasonic และมอเตอร์เกียร์บ็อกซ์ราคาถูก ### 7. **การประหยัดพลังงาน** - **ใช้แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง**: เลือกแบตเตอรี่ที่ให้พลังงานนานแต่ราคาไม่สูง เช่น Li-ion หรือ LiPo - **ออกแบบระบบประหยัดพลังงาน**: ลดการสิ้นเปลืองพลังงานโดยการออกแบบวงจรและซอฟต์แวร์ที่ประหยัดพลังงาน ### 8. **ทดสอบและปรับปรุง** - **ทดสอบบ่อยๆ**: เพื่อหาจุดบกพร่องและปรับปรุงประสิทธิภาพก่อนผลิตจำนวนมาก - **รับฟีดแบ็กจากผู้ใช้**: เพื่อปรับปรุงการออกแบบให้ดีขึ้นโดยไม่เพิ่มต้นทุน ### 9. **แหล่งข้อมูลและชุมชน** - **เว็บไซต์และฟอรัม**: เช่น GitHub, Hackster.io, หรือ Reddit ที่มีโครงการหุ่นยนต์ต้นทุนต่ำมากมาย - **หนังสือและคู่มือ**: หาหนังสือหรือคู่มือเกี่ยวกับการสร้างหุ่นยนต์ต้นทุนต่ำ ด้วยแนวทางเหล่านี้ คุณสามารถสร้างหรือเลือกหุ่นยนต์ที่ต้นทุนต่ำแต่ยังมีประสิทธิภาพสูงได้อย่างเหมาะสมกับความต้องการของคุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • การพัฒนา AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำหน้าที่ที่ต้องการความฉลาดของมนุษย์ เช่น การเรียนรู้ การตัดสินใจ การแก้ปัญหา และการเข้าใจภาษา โดยการพัฒนา AI มีขั้นตอนและแนวทางหลักดังนี้:

    ### 1. **การกำหนดปัญหา**
    - **การระบุปัญหา**: กำหนดปัญหาที่ต้องการให้ AI แก้ไข เช่น การจดจำภาพ การแปลภาษา หรือการแนะนำสินค้า
    - **การรวบรวมข้อมูล**: ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนา AI ต้องมีการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาและมีคุณภาพ

    ### 2. **การเลือกเทคนิคและอัลกอริทึม**
    - **การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning)**: ใช้เทคนิคเช่น การเรียนรู้ภายใต้การดูแล (Supervised Learning), การเรียนรู้แบบไม่มีผู้ดูแล (Unsupervised Learning), และการเรียนรู้แบบเสริมกำลัง (Reinforcement Learning)
    - **การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning)**: ใช้โครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) เพื่อจัดการกับข้อมูลที่ซับซ้อน เช่น ภาพและเสียง
    - **การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing - NLP)**: ใช้สำหรับการเข้าใจและสร้างภาษา

    ### 3. **การฝึกโมเดล**
    - **การเตรียมข้อมูล**: ทำความสะอาดข้อมูลและแบ่งข้อมูลเป็นชุดฝึกและชุดทดสอบ
    - **การฝึกโมเดล**: ใช้ข้อมูลชุดฝึกเพื่อสอนโมเดลให้เรียนรู้รูปแบบและทำนายผลลัพธ์
    - **การปรับแต่งโมเดล**: ปรับพารามิเตอร์และโครงสร้างโมเดลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    ### 4. **การประเมินผล**
    - **การทดสอบโมเดล**: ใช้ข้อมูลชุดทดสอบเพื่อประเมินประสิทธิภาพของโมเดล
    - **การวัดประสิทธิภาพ**: ใช้เมตริกเช่น ความแม่นยำ (Accuracy), ความจำเพาะ (Precision), ความไว (Recall), และ F1 Score

    ### 5. **การปรับปรุงและพัฒนา**
    - **การปรับปรุงโมเดล**: ปรับปรุงโมเดลโดยการเพิ่มข้อมูลหรือปรับอัลกอริทึม
    - **การทดสอบในสภาพจริง**: นำโมเดลไปทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงเพื่อดูประสิทธิภาพ

    ### 6. **การนำไปใช้**
    - **การปรับใช้โมเดล**: นำโมเดลไปใช้ในระบบจริง เช่น แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์
    - **การติดตามและบำรุงรักษา**: ติดตามประสิทธิภาพของโมเดลและทำการบำรุงรักษาเป็นระยะ

    ### 7. **การพัฒนาต่อยอด**
    - **การวิจัยและพัฒนา**: ทำการวิจัยเพื่อพัฒนาอัลกอริทึมและเทคนิคใหม่ๆ
    - **การประยุกต์ใช้ในด้านอื่นๆ**: นำ AI ไปใช้ในด้านต่างๆ เช่น การแพทย์ การเงิน การขนส่ง

    ### 8. **การพิจารณาด้านจริยธรรมและกฎหมาย**
    - **จริยธรรมของ AI**: พิจารณาผลกระทบทางสังคมและจริยธรรมของการใช้ AI
    - **กฎหมายและข้อบังคับ**: ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI

    การพัฒนา AI เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความรู้และทักษะในหลายด้าน รวมถึงการทำงานร่วมกันของทีมที่มีความเชี่ยวชาญต่างกัน เพื่อให้ได้ระบบ AI ที่มีประสิทธิภาพและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
    การพัฒนา AI (Artificial Intelligence) หรือปัญญาประดิษฐ์ เป็นกระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำหน้าที่ที่ต้องการความฉลาดของมนุษย์ เช่น การเรียนรู้ การตัดสินใจ การแก้ปัญหา และการเข้าใจภาษา โดยการพัฒนา AI มีขั้นตอนและแนวทางหลักดังนี้: ### 1. **การกำหนดปัญหา** - **การระบุปัญหา**: กำหนดปัญหาที่ต้องการให้ AI แก้ไข เช่น การจดจำภาพ การแปลภาษา หรือการแนะนำสินค้า - **การรวบรวมข้อมูล**: ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนา AI ต้องมีการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาและมีคุณภาพ ### 2. **การเลือกเทคนิคและอัลกอริทึม** - **การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning)**: ใช้เทคนิคเช่น การเรียนรู้ภายใต้การดูแล (Supervised Learning), การเรียนรู้แบบไม่มีผู้ดูแล (Unsupervised Learning), และการเรียนรู้แบบเสริมกำลัง (Reinforcement Learning) - **การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning)**: ใช้โครงข่ายประสาทเทียม (Neural Networks) เพื่อจัดการกับข้อมูลที่ซับซ้อน เช่น ภาพและเสียง - **การประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing - NLP)**: ใช้สำหรับการเข้าใจและสร้างภาษา ### 3. **การฝึกโมเดล** - **การเตรียมข้อมูล**: ทำความสะอาดข้อมูลและแบ่งข้อมูลเป็นชุดฝึกและชุดทดสอบ - **การฝึกโมเดล**: ใช้ข้อมูลชุดฝึกเพื่อสอนโมเดลให้เรียนรู้รูปแบบและทำนายผลลัพธ์ - **การปรับแต่งโมเดล**: ปรับพารามิเตอร์และโครงสร้างโมเดลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ### 4. **การประเมินผล** - **การทดสอบโมเดล**: ใช้ข้อมูลชุดทดสอบเพื่อประเมินประสิทธิภาพของโมเดล - **การวัดประสิทธิภาพ**: ใช้เมตริกเช่น ความแม่นยำ (Accuracy), ความจำเพาะ (Precision), ความไว (Recall), และ F1 Score ### 5. **การปรับปรุงและพัฒนา** - **การปรับปรุงโมเดล**: ปรับปรุงโมเดลโดยการเพิ่มข้อมูลหรือปรับอัลกอริทึม - **การทดสอบในสภาพจริง**: นำโมเดลไปทดสอบในสภาพแวดล้อมจริงเพื่อดูประสิทธิภาพ ### 6. **การนำไปใช้** - **การปรับใช้โมเดล**: นำโมเดลไปใช้ในระบบจริง เช่น แอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ - **การติดตามและบำรุงรักษา**: ติดตามประสิทธิภาพของโมเดลและทำการบำรุงรักษาเป็นระยะ ### 7. **การพัฒนาต่อยอด** - **การวิจัยและพัฒนา**: ทำการวิจัยเพื่อพัฒนาอัลกอริทึมและเทคนิคใหม่ๆ - **การประยุกต์ใช้ในด้านอื่นๆ**: นำ AI ไปใช้ในด้านต่างๆ เช่น การแพทย์ การเงิน การขนส่ง ### 8. **การพิจารณาด้านจริยธรรมและกฎหมาย** - **จริยธรรมของ AI**: พิจารณาผลกระทบทางสังคมและจริยธรรมของการใช้ AI - **กฎหมายและข้อบังคับ**: ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการใช้ AI การพัฒนา AI เป็นกระบวนการที่ต้องอาศัยความรู้และทักษะในหลายด้าน รวมถึงการทำงานร่วมกันของทีมที่มีความเชี่ยวชาญต่างกัน เพื่อให้ได้ระบบ AI ที่มีประสิทธิภาพและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • พบช่องโหว่ร้ายแรงในระบบป้องกันไฟร์วอลล์ KerioControl ของ GFI ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 12,000 รายทั่วโลก ช่องโหว่นี้ทำให้สามารถทำการโจมตีทางรหัสจากระยะไกล (Remote Code Execution - RCE) ได้

    KerioControl เป็นชุดความปลอดภัยเครือข่ายที่ใช้ในการจัดการ VPN การควบคุมแบนด์วิดท์ การรายงานและการตรวจสอบ การกรองทราฟิก การป้องกันไวรัส และการป้องกันการบุกรุก

    ช่องโหว่นี้ถูกค้นพบโดยนักวิจัยด้านความปลอดภัยชื่อ Egidio Romano (EgiX) ในกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และเขาได้แสดงให้เห็นว่าช่องโหว่นี้สามารถใช้โจมตีได้โดยการคลิกเพียงครั้งเดียว GFI Software ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยเวอร์ชัน 9.4.5 Patch 1 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2024 แต่มากกว่า 23,800 ระบบยังคงมีช่องโหว่นี้อยู่

    เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Greynoise รายงานว่ามีการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่นี้เพื่อขโมยโทเค็น CSRF ของแอดมินและมีการโจมตีจริงตามมาจากบริการตรวจสอบภัยคุกคาม The Shadowserver Foundation ที่พบว่ามีระบบ KerioControl ที่ยังคงมีช่องโหว่จำนวน 12,229 ระบบ ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้งานโดยแฮกเกอร์ที่ไม่มีทักษะเฉพาะเพราะมี PoC (Proof-of-Concept) ที่เป็นสาธารณะ

    ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการพารามิเตอร์ GET ของหน้าเว็บที่ไม่ถูกทำความสะอาดอย่างเหมาะสมก่อนที่จะถูกใช้ในการสร้าง HTTP header ทำให้สามารถทำการโจมตีแบบ HTTP Response Splitting และ Reflected XSS ได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตี RCE ได้ในที่สุด

    หากคุณยังไม่ได้อัปเดตความปลอดภัย ควรติดตั้ง KerioControl เวอร์ชัน 9.4.5 Patch 2 ที่ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2025 ซึ่งมีการปรับปรุงความปลอดภัยเพิ่มเติม

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/over-12-000-keriocontrol-firewalls-exposed-to-exploited-rce-flaw/
    พบช่องโหว่ร้ายแรงในระบบป้องกันไฟร์วอลล์ KerioControl ของ GFI ที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 12,000 รายทั่วโลก ช่องโหว่นี้ทำให้สามารถทำการโจมตีทางรหัสจากระยะไกล (Remote Code Execution - RCE) ได้ KerioControl เป็นชุดความปลอดภัยเครือข่ายที่ใช้ในการจัดการ VPN การควบคุมแบนด์วิดท์ การรายงานและการตรวจสอบ การกรองทราฟิก การป้องกันไวรัส และการป้องกันการบุกรุก ช่องโหว่นี้ถูกค้นพบโดยนักวิจัยด้านความปลอดภัยชื่อ Egidio Romano (EgiX) ในกลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และเขาได้แสดงให้เห็นว่าช่องโหว่นี้สามารถใช้โจมตีได้โดยการคลิกเพียงครั้งเดียว GFI Software ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยเวอร์ชัน 9.4.5 Patch 1 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2024 แต่มากกว่า 23,800 ระบบยังคงมีช่องโหว่นี้อยู่ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา Greynoise รายงานว่ามีการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่นี้เพื่อขโมยโทเค็น CSRF ของแอดมินและมีการโจมตีจริงตามมาจากบริการตรวจสอบภัยคุกคาม The Shadowserver Foundation ที่พบว่ามีระบบ KerioControl ที่ยังคงมีช่องโหว่จำนวน 12,229 ระบบ ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้งานโดยแฮกเกอร์ที่ไม่มีทักษะเฉพาะเพราะมี PoC (Proof-of-Concept) ที่เป็นสาธารณะ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการพารามิเตอร์ GET ของหน้าเว็บที่ไม่ถูกทำความสะอาดอย่างเหมาะสมก่อนที่จะถูกใช้ในการสร้าง HTTP header ทำให้สามารถทำการโจมตีแบบ HTTP Response Splitting และ Reflected XSS ได้ ซึ่งอาจนำไปสู่การโจมตี RCE ได้ในที่สุด หากคุณยังไม่ได้อัปเดตความปลอดภัย ควรติดตั้ง KerioControl เวอร์ชัน 9.4.5 Patch 2 ที่ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2025 ซึ่งมีการปรับปรุงความปลอดภัยเพิ่มเติม https://www.bleepingcomputer.com/news/security/over-12-000-keriocontrol-firewalls-exposed-to-exploited-rce-flaw/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Over 12,000 KerioControl firewalls exposed to exploited RCE flaw
    Over twelve thousand GFI KerioControl firewall instances are exposed to a critical remote code execution vulnerability tracked as CVE-2024-52875.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • #น้ำ

    ร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบกว่าร้อยละ 70 และยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ทุก ๆ เซลล์ในร่างกาย ช่วยในการนำของเสียออกจากร่างกาย ช่วยลำเลียงอาหารที่ย่อยแล้วไปยังส่วนต่าง ๆ และช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำเป็นวิธีการสำคัญที่จำเป็นต้องทำ

    หน้าที่ของน้ำในร่างกาย

    • เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของเซลล์

    • เป็นส่วนประกอบของเลือด น้ำเหลือง น้ำดี น้ำย่อยอาหาร เหงื่อ ปัสสาวะ และน้ำต่าง ๆ ทั่วร่างกาย

    • ทำหน้าที่ละลายอาหารที่ย่อยแล้วและแพร่ผ่านผนังหลอดเลือดที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด

    • ทำหน้าที่เป็นตัวกลางนำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ นำของเสียออกจากร่างกายผ่านทางอวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด ผิวหนัง ไต

    • ช่วยหล่อลื่นอวัยวะต่าง ๆ ให้มีการเคลื่อนไหวได้ดีและทำงานได้ตามปกติ เช่น น้ำในข้อต่อ ช่องท้อง ช่องปอด

    • ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ตลอดเวลา รวมทั้งทำให้ร่างกายสดชื่น

    ในแต่ละวันร่างกายต้องสูญเสียน้ำประมาณวันละ 2 ลิตร ซึ่งขับออกมาทางปัสสาวะ เหงื่อและลมหายใจ ซึ่งขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ ช่วงอายุ และน้ำหนักของแต่ละบุคคล ดังนั้นเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ร่างกายอาจมีการสูญเสียน้ำมากกว่าปกติได้หากมีการสูญเสียน้ำทางอื่น เช่น ท้องเสีย อากาศร้อนจัดจนมีการระเหยของน้ำทางลมหายใจและเสียเหงื่อมากขึ้น สำหรับผู้มีโรคประจำตัวบางชนิดอาจต้องมีการจำกัดน้ำ เนื่องจากร่างกายขับน้ำส่วนเกินได้น้อย เช่น กลุ่มผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ ผู้มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปริมาณการบริโภคน้ำที่เหมาะสมกับตนเอง หากดื่มมากหรือน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อร่างกายได้

    เมื่อร่างกายขาดน้ำ การทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ จะติดขัด ในทางกลับกันถ้าร่างกายได้รับน้ำมากเกินไปจนเกิดภาวะน้ำเป็นพิษ จะเกิดการเสียสมดุลระหว่างน้ำในเซลล์และนอกเซลล์ ทำให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง ร่างกายต้องขับแร่ธาตุบางชนิดออกจากเซลล์เพื่อปรับสมดุลของน้ำและทำให้ขาดความสมดุลของแร่ธาตุชนิดนั้นแทน ส่งผลให้เกิดความผิดปกติขึ้นในกระบวนการทำงานของเซลล์ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้

    ควรดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป โดยมาตรฐานการดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ก็เพียงพอต่อการทำงานของร่างกายของบุคคลทั่วไป แต่ความจริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น กิจกรรมที่เราทำในแต่ละวัน เพศ อายุ โรคประจำตัว ความร้อนในสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีส่วนกำหนดความเหมาะสมต่อการดื่มน้ำในแต่ละวันด้วยเช่นกัน

    นิ่วและน้ำ

    น้ำดื่มที่สะอาดจะช่วยลดการเกิดนิ่วชนิดออกซาเลตในไต บรรเทาการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ ลดอาการท้องผูก น้ำสะอาดจะเร่งการขับสารพิษและของเสียออกไป เมื่อดื่มน้ำที่เพียงพอต่อร่างกายน้ำจะไปช่วยหล่อลื่นข้อกระดูกต่าง ๆ ลดอาการปวดข้อ ปวดหลัง และปวดเอว

    ดื่มน้ำมากๆ เพื่อรักษาความสะอาดช่องปาก ป้องกัน “นิ่วต่อมน้ำลาย”

    ของเหลวกับน้ำ

    เครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ เหล้า เบียร์ จะทำให้เกิดการขับน้ำออกจากร่างกายมากยิ่งขึ้น เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้นการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น น้ำตาลที่เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นสาเหตุของระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง อาจนำไปสู่โรคเบาหวานได้ และในผู้ป่วยเบาหวานที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากจะมีปัญหาการขับปัสสาวะมากกว่าปกติได้

    ผู้ป่วยด้วยภาวะต่างๆ เช่น ข้อเข่าเสื่อม กลั้นปัสสาวะไม่ได้ สมองเสื่อม มีความลำบากในการลุกเข้าห้องน้ำทำให้ไม่อยากดื่มน้ำ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรดื่มน้ำตามปกติ โดยอาจจัดเวลาดื่มน้ำเน้นในช่วงเวลากลางวัน และจัดสถานที่ปัสสาวะให้สะดวกมากขึ้น

    ความรู้เรื่องน้ำดื่ม

    น้ำ RO

    น้ำ RO เป็นน้ำที่มีการกรองเอาเกลือแร่ส่วนเกินและแบคทีเรียออกไป ดังนั้นจึงนับว่าเป็นน้ำที่สะอาด

    น้ำด่าง

    น้ำด่างนอกจากไม่ช่วยในการป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องจากเป็นน้ำที่เติมเกลือแร่บางอย่างเข้าไปทำให้ค่าความเป็นด่างสูงขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นน้ำที่ไปทำให้กระเพาะอาหารมีค่าความเป็นกรดด่างเปลี่ยนไป จนนำไปสู่ปัญหาในระบบทางเดินอาหารและการย่อย

    น้ำมนต์

    น้ำมนต์บางที่อาจจะเป็นน้ำที่ทำความสะอาดและกรองมาแบบปกติ หรือน้ำดื่มบรรจุขวดมาตรฐานที่มีขายทั่วไป เพียงแค่นำมาตั้งและสวดมนต์ตามความเชื่อ สามารถดื่มได้ตามปกติ

    แต่ถ้าเป็นน้ำมนต์จากน้ำที่ผุดขึ้นมาจากบ่อดิน หรือมีการหยดสารอื่น ๆ ลงไป เช่น เทียน ธูป ทำให้น้ำมีสารปนเปื้อนสารเคมี ฝุ่นผง และเชื้อโรค เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรนำไปดื่ม

    • เหล็ก หากได้รับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลายทาง เช่น ระคายเคืองทางเดินอาหาร ในรายที่รุนแรงมีภาวะเลือดเป็นกรด หลอดเลือดขยายตัวทำให้ความดันเลือดลดลง การสะสมธาตุเหล็กเกินในระยะยาวส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของตับได้

    • ปรอท เมื่อร่างกายมีปรอทสะสมอยู่ในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือส่งผลร้ายแรงต่อระบบประสาท เช่น ทำให้ตาพร่ามัว มองไม่ชัด ส่งผลต่อระบบประสาทด้านอารมณ์และความจำ มีภาวะสมองเสื่อมได้

    • แมงกานีส อาจปนเปื้อนมากับน้ำดื่มที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้มีอาการปวดศีรษะ ระคายเคืองทางเดินอาหารในระยะยาว ส่งผลต่อการบาดเจ็บของเซลล์สมองได้

    • ทองแดง หากร่างกายมีทองแดงสะสมเกินกว่า 100 มิลลิกรัม จะส่งผลให้ระคายเคืองทางเดินอาหาร อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ในรายที่รุนแรงอาจมีเม็ดเลือดแดงแตกและส่งผลถึงการทำงานของตับ

    • เชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับน้ำไม่สะอาดโดยเฉพาะเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรีย เช่น เชื้ออีโคไล ซิโตรแบคเตอร์ เคลบเซลล่า หากมีเชื้อโรคเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้มีไข้ ปวดท้อง ท้องเสีย

    • การฆ่าเชื้อโรคกลุ่มนี้สามารถทำได้โดยกระบวนการฆ่าเชื้อต่าง ๆ เช่น การต้มน้ำ กระบวนการพาสเจอไรซ์ หรือผ่านระบบกรองน้ำที่มีระบบฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ

    น้ำแร่

    ในธรรมชาติแล้วน้ำแร่มักได้มาจากภูเขาสูงซึ่งมีค้างคาวอาศัยอยู่ ของเสียจากสัตว์เหล่านี้อาจจะมีสิ่งปนเปื้อนชนิดที่เรียกว่า สารหนู ซึ่งไม่มีสี ไม่มีรสและไม่มีกลิ่น แต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก

    ถ้าคิดจะดื่ม ต้องมั่นใจว่าผู้ผลิตได้ยืนยันการตรวจสอบปริมาณสารหนูเรียบร้อยแล้ว

    TIPS

    ในช่วง 5:00 น ถึง 7:00 น ลำไส้จะไม่มีการดูดซึมน้ำ แต่ร่างกายจะปล่อยน้ำส่วนใหญ่มาที่ลำไส้ใหญ่เพื่อการขับถ่าย ดังนั้นการดื่มน้ำในช่วงเวลานี้ในปริมาณมากจึงส่งผลดีต่อร่างกาย

    ก่อนรับประทานอาหาร ให้จิบน้ำแค่พอลื่นคอ
    ในขณะรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจะไปรบกวนความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร และพึงระลึกไว้ว่าอาหารที่เรารับประทานส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำในตัวของพวกเขาอยู่แล้ว

    หลังรับประทานอาหารจิบน้ำเพียงเล็กน้อยแล้วให้รีบไปแปรงฟัน จากนั้นรอจนอาหารย่อยและสารอาหารถูกดูดซึมเข้าหลอดเลือด ในช่วงเวลานี้เลือดคุณจะข้นขึ้น เมื่อเลือดที่ข้นผ่านไปยังไต ไตก็จะสั่ง สัญญาณให้คุณรู้สึกคอแห้งเพื่อเติมน้ำเข้าระบบ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 40 นาที

    งดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำในปริมาณมากๆ ในคราวเดียว เนื่องจากจะทำให้กระเพาะอาหารขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนไปทับเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของม้ามและไต ซึ่งนำไปสู่อาการปวดส้นเท้าหรือที่เรียกกันว่ารองช้ำได้

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #น้ำ ร่างกายมีน้ำเป็นส่วนประกอบกว่าร้อยละ 70 และยังเป็นส่วนประกอบสำคัญของเซลล์ทุก ๆ เซลล์ในร่างกาย ช่วยในการนำของเสียออกจากร่างกาย ช่วยลำเลียงอาหารที่ย่อยแล้วไปยังส่วนต่าง ๆ และช่วยในการควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เพราะฉะนั้นการดื่มน้ำเป็นวิธีการสำคัญที่จำเป็นต้องทำ หน้าที่ของน้ำในร่างกาย • เป็นองค์ประกอบส่วนใหญ่ของเซลล์ • เป็นส่วนประกอบของเลือด น้ำเหลือง น้ำดี น้ำย่อยอาหาร เหงื่อ ปัสสาวะ และน้ำต่าง ๆ ทั่วร่างกาย • ทำหน้าที่ละลายอาหารที่ย่อยแล้วและแพร่ผ่านผนังหลอดเลือดที่ลำไส้เล็กเข้าสู่กระแสเลือด • ทำหน้าที่เป็นตัวกลางนำอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ นำของเสียออกจากร่างกายผ่านทางอวัยวะต่าง ๆ เช่น ปอด ผิวหนัง ไต • ช่วยหล่อลื่นอวัยวะต่าง ๆ ให้มีการเคลื่อนไหวได้ดีและทำงานได้ตามปกติ เช่น น้ำในข้อต่อ ช่องท้อง ช่องปอด • ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ตลอดเวลา รวมทั้งทำให้ร่างกายสดชื่น ในแต่ละวันร่างกายต้องสูญเสียน้ำประมาณวันละ 2 ลิตร ซึ่งขับออกมาทางปัสสาวะ เหงื่อและลมหายใจ ซึ่งขึ้นอยู่กับกิจกรรมที่ทำ ช่วงอายุ และน้ำหนักของแต่ละบุคคล ดังนั้นเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไปทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร ร่างกายอาจมีการสูญเสียน้ำมากกว่าปกติได้หากมีการสูญเสียน้ำทางอื่น เช่น ท้องเสีย อากาศร้อนจัดจนมีการระเหยของน้ำทางลมหายใจและเสียเหงื่อมากขึ้น สำหรับผู้มีโรคประจำตัวบางชนิดอาจต้องมีการจำกัดน้ำ เนื่องจากร่างกายขับน้ำส่วนเกินได้น้อย เช่น กลุ่มผู้ป่วยโรคไต โรคหัวใจ ผู้มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับปริมาณการบริโภคน้ำที่เหมาะสมกับตนเอง หากดื่มมากหรือน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อร่างกายได้ เมื่อร่างกายขาดน้ำ การทำงานของระบบอวัยวะต่าง ๆ จะติดขัด ในทางกลับกันถ้าร่างกายได้รับน้ำมากเกินไปจนเกิดภาวะน้ำเป็นพิษ จะเกิดการเสียสมดุลระหว่างน้ำในเซลล์และนอกเซลล์ ทำให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง ร่างกายต้องขับแร่ธาตุบางชนิดออกจากเซลล์เพื่อปรับสมดุลของน้ำและทำให้ขาดความสมดุลของแร่ธาตุชนิดนั้นแทน ส่งผลให้เกิดความผิดปกติขึ้นในกระบวนการทำงานของเซลล์ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้ ควรดื่มน้ำเปล่าในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป โดยมาตรฐานการดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว ก็เพียงพอต่อการทำงานของร่างกายของบุคคลทั่วไป แต่ความจริงแล้วยังมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย เช่น กิจกรรมที่เราทำในแต่ละวัน เพศ อายุ โรคประจำตัว ความร้อนในสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีส่วนกำหนดความเหมาะสมต่อการดื่มน้ำในแต่ละวันด้วยเช่นกัน นิ่วและน้ำ น้ำดื่มที่สะอาดจะช่วยลดการเกิดนิ่วชนิดออกซาเลตในไต บรรเทาการอักเสบของทางเดินปัสสาวะ ลดอาการท้องผูก น้ำสะอาดจะเร่งการขับสารพิษและของเสียออกไป เมื่อดื่มน้ำที่เพียงพอต่อร่างกายน้ำจะไปช่วยหล่อลื่นข้อกระดูกต่าง ๆ ลดอาการปวดข้อ ปวดหลัง และปวดเอว ดื่มน้ำมากๆ เพื่อรักษาความสะอาดช่องปาก ป้องกัน “นิ่วต่อมน้ำลาย” ของเหลวกับน้ำ เครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เช่น น้ำอัดลม ชา กาแฟ เหล้า เบียร์ จะทำให้เกิดการขับน้ำออกจากร่างกายมากยิ่งขึ้น เพราะคาเฟอีนจะกระตุ้นการขับปัสสาวะ ทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากขึ้น น้ำตาลที่เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มเหล่านี้เป็นสาเหตุของระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง อาจนำไปสู่โรคเบาหวานได้ และในผู้ป่วยเบาหวานที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงมากจะมีปัญหาการขับปัสสาวะมากกว่าปกติได้ ผู้ป่วยด้วยภาวะต่างๆ เช่น ข้อเข่าเสื่อม กลั้นปัสสาวะไม่ได้ สมองเสื่อม มีความลำบากในการลุกเข้าห้องน้ำทำให้ไม่อยากดื่มน้ำ ผู้ป่วยกลุ่มนี้ควรดื่มน้ำตามปกติ โดยอาจจัดเวลาดื่มน้ำเน้นในช่วงเวลากลางวัน และจัดสถานที่ปัสสาวะให้สะดวกมากขึ้น ความรู้เรื่องน้ำดื่ม น้ำ RO น้ำ RO เป็นน้ำที่มีการกรองเอาเกลือแร่ส่วนเกินและแบคทีเรียออกไป ดังนั้นจึงนับว่าเป็นน้ำที่สะอาด น้ำด่าง น้ำด่างนอกจากไม่ช่วยในการป้องกันโรคมะเร็ง เนื่องจากเป็นน้ำที่เติมเกลือแร่บางอย่างเข้าไปทำให้ค่าความเป็นด่างสูงขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นน้ำที่ไปทำให้กระเพาะอาหารมีค่าความเป็นกรดด่างเปลี่ยนไป จนนำไปสู่ปัญหาในระบบทางเดินอาหารและการย่อย น้ำมนต์ น้ำมนต์บางที่อาจจะเป็นน้ำที่ทำความสะอาดและกรองมาแบบปกติ หรือน้ำดื่มบรรจุขวดมาตรฐานที่มีขายทั่วไป เพียงแค่นำมาตั้งและสวดมนต์ตามความเชื่อ สามารถดื่มได้ตามปกติ แต่ถ้าเป็นน้ำมนต์จากน้ำที่ผุดขึ้นมาจากบ่อดิน หรือมีการหยดสารอื่น ๆ ลงไป เช่น เทียน ธูป ทำให้น้ำมีสารปนเปื้อนสารเคมี ฝุ่นผง และเชื้อโรค เพราะฉะนั้นจึงไม่ควรนำไปดื่ม • เหล็ก หากได้รับเข้าสู่ร่างกายในปริมาณมาก จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพหลายทาง เช่น ระคายเคืองทางเดินอาหาร ในรายที่รุนแรงมีภาวะเลือดเป็นกรด หลอดเลือดขยายตัวทำให้ความดันเลือดลดลง การสะสมธาตุเหล็กเกินในระยะยาวส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของตับได้ • ปรอท เมื่อร่างกายมีปรอทสะสมอยู่ในปริมาณมากจะทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรือส่งผลร้ายแรงต่อระบบประสาท เช่น ทำให้ตาพร่ามัว มองไม่ชัด ส่งผลต่อระบบประสาทด้านอารมณ์และความจำ มีภาวะสมองเสื่อมได้ • แมงกานีส อาจปนเปื้อนมากับน้ำดื่มที่ไม่ได้มาตรฐาน ส่งผลให้มีอาการปวดศีรษะ ระคายเคืองทางเดินอาหารในระยะยาว ส่งผลต่อการบาดเจ็บของเซลล์สมองได้ • ทองแดง หากร่างกายมีทองแดงสะสมเกินกว่า 100 มิลลิกรัม จะส่งผลให้ระคายเคืองทางเดินอาหาร อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร อาเจียน ในรายที่รุนแรงอาจมีเม็ดเลือดแดงแตกและส่งผลถึงการทำงานของตับ • เชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับน้ำไม่สะอาดโดยเฉพาะเชื้อโคลิฟอร์มแบคทีเรีย เช่น เชื้ออีโคไล ซิโตรแบคเตอร์ เคลบเซลล่า หากมีเชื้อโรคเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้มีไข้ ปวดท้อง ท้องเสีย • การฆ่าเชื้อโรคกลุ่มนี้สามารถทำได้โดยกระบวนการฆ่าเชื้อต่าง ๆ เช่น การต้มน้ำ กระบวนการพาสเจอไรซ์ หรือผ่านระบบกรองน้ำที่มีระบบฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพ น้ำแร่ ในธรรมชาติแล้วน้ำแร่มักได้มาจากภูเขาสูงซึ่งมีค้างคาวอาศัยอยู่ ของเสียจากสัตว์เหล่านี้อาจจะมีสิ่งปนเปื้อนชนิดที่เรียกว่า สารหนู ซึ่งไม่มีสี ไม่มีรสและไม่มีกลิ่น แต่เป็นอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ถ้าคิดจะดื่ม ต้องมั่นใจว่าผู้ผลิตได้ยืนยันการตรวจสอบปริมาณสารหนูเรียบร้อยแล้ว TIPS ในช่วง 5:00 น ถึง 7:00 น ลำไส้จะไม่มีการดูดซึมน้ำ แต่ร่างกายจะปล่อยน้ำส่วนใหญ่มาที่ลำไส้ใหญ่เพื่อการขับถ่าย ดังนั้นการดื่มน้ำในช่วงเวลานี้ในปริมาณมากจึงส่งผลดีต่อร่างกาย ก่อนรับประทานอาหาร ให้จิบน้ำแค่พอลื่นคอ ในขณะรับประทานอาหารไม่ควรดื่มน้ำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากจะไปรบกวนความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร และพึงระลึกไว้ว่าอาหารที่เรารับประทานส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำในตัวของพวกเขาอยู่แล้ว หลังรับประทานอาหารจิบน้ำเพียงเล็กน้อยแล้วให้รีบไปแปรงฟัน จากนั้นรอจนอาหารย่อยและสารอาหารถูกดูดซึมเข้าหลอดเลือด ในช่วงเวลานี้เลือดคุณจะข้นขึ้น เมื่อเลือดที่ข้นผ่านไปยังไต ไตก็จะสั่ง สัญญาณให้คุณรู้สึกคอแห้งเพื่อเติมน้ำเข้าระบบ ส่วนใหญ่จะใช้เวลาประมาณ 40 นาที งดหรือหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำในปริมาณมากๆ ในคราวเดียว เนื่องจากจะทำให้กระเพาะอาหารขยายตัวอย่างรวดเร็ว จนไปทับเส้นประสาทที่ควบคุมการทำงานของม้ามและไต ซึ่งนำไปสู่อาการปวดส้นเท้าหรือที่เรียกกันว่ารองช้ำได้ ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 552 มุมมอง 0 รีวิว
  • กุ้งกระเทียมพริกไทย เป็นเมนูอาหารที่ทำง่ายและอร่อย ใช้วัตถุดิบไม่มากแต่รสชาติเข้มข้นด้วยกลิ่นหอมของกระเทียมและพริกไทย เหมาะสำหรับทำทานเองที่บ้าน มาดูสูตรการทำกัน
    ส่วนผสม
    กุ้งสดขนาดกลาง - 300-400 กรัม (ล้างทำความสะอาด ปอกเปลือกไว้)
    กระเทียม - 5-6 กลีบ (สับละเอียด)
    พริกไทยเม็ด - 1 ช้อนชา (ตำหยาบๆ) หรือพริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
    ซอสปรุงรส - 1-2 ช้อนโต๊ะ
    ซีอิ๊วขาว - 1 ช้อนโต๊ะ
    น้ำตาลทราย - 1/2 ช้อนชา (เพื่อตัดความเค็ม)
    น้ำมันพืช - 2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำมันหอย - 1 ช้อนโต๊ะ (ใส่เพิ่มตามชอบ)
    ใบ parsley หรือใบผักชี (สำหรับตกแต่ง)
    วิธีทำ
    เตรียมกุ้ง :
    ล้างกุ้งให้สะอาด ปอกเปลือกและดึงเส้นดำออก หากต้องการให้เนื้อกุ้งกรอบ สามารถหมักกุ้งกับเกลือเล็กน้อยและแป้งมันประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกอีกครั้ง
    เตรียมเครื่องปรุง :
    สับกระเทียมให้ละเอียด และตำพริกไทยเม็ดพอหยาบ
    ผัดกระเทียม :
    ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปพอร้อน
    ใส่กระเทียมลงผัดจนเหลืองหอม (ระวังอย่าให้กระเทียมไหม้ เพราะจะขม)
    ผัดกุ้ง :
    ใส่กุ้งลงในกระทะ ผัดเร็วๆ จนกุ้งเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู
    จากนั้นปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และน้ำตาลทราย
    ใส่พริกไทย :
    ใส่พริกไทยที่ตำไว้ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ผัดต่ออีกประมาณ 1-2 นาทีจนกุ้งสุกเต็มที่
    จัดจาน :
    ตักกุ้งกระเทียมพริกไทยใส่จาน โรยพริกไทยเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม และตกแต่งด้วยใบ parsley หรือผักชี
    กุ้งกระเทียมพริกไทย เป็นเมนูอาหารที่ทำง่ายและอร่อย ใช้วัตถุดิบไม่มากแต่รสชาติเข้มข้นด้วยกลิ่นหอมของกระเทียมและพริกไทย เหมาะสำหรับทำทานเองที่บ้าน มาดูสูตรการทำกัน ส่วนผสม กุ้งสดขนาดกลาง - 300-400 กรัม (ล้างทำความสะอาด ปอกเปลือกไว้) กระเทียม - 5-6 กลีบ (สับละเอียด) พริกไทยเม็ด - 1 ช้อนชา (ตำหยาบๆ) หรือพริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา ซอสปรุงรส - 1-2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว - 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย - 1/2 ช้อนชา (เพื่อตัดความเค็ม) น้ำมันพืช - 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันหอย - 1 ช้อนโต๊ะ (ใส่เพิ่มตามชอบ) ใบ parsley หรือใบผักชี (สำหรับตกแต่ง) วิธีทำ เตรียมกุ้ง : ล้างกุ้งให้สะอาด ปอกเปลือกและดึงเส้นดำออก หากต้องการให้เนื้อกุ้งกรอบ สามารถหมักกุ้งกับเกลือเล็กน้อยและแป้งมันประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกอีกครั้ง เตรียมเครื่องปรุง : สับกระเทียมให้ละเอียด และตำพริกไทยเม็ดพอหยาบ ผัดกระเทียม : ตั้งกระทะบนไฟกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปพอร้อน ใส่กระเทียมลงผัดจนเหลืองหอม (ระวังอย่าให้กระเทียมไหม้ เพราะจะขม) ผัดกุ้ง : ใส่กุ้งลงในกระทะ ผัดเร็วๆ จนกุ้งเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีชมพู จากนั้นปรุงรสด้วยซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และน้ำตาลทราย ใส่พริกไทย : ใส่พริกไทยที่ตำไว้ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน ผัดต่ออีกประมาณ 1-2 นาทีจนกุ้งสุกเต็มที่ จัดจาน : ตักกุ้งกระเทียมพริกไทยใส่จาน โรยพริกไทยเพิ่มอีกเล็กน้อยเพื่อเพิ่มกลิ่นหอม และตกแต่งด้วยใบ parsley หรือผักชี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ท้องผูก

    บางครั้งอาการท้องผูกอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวหรือเจ็บปวดได้ หากกลายเป็นอาการเรื้อรัง อาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เพิ่มเติมได้ เช่น ริดสีดวงทวาร

    ในหลายๆ กรณี คุณสามารถรักษาอาการท้องผูกได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหรือยาที่ซื้อเองได้ บางคนยังแนะนำให้ใช้วิธีรักษาที่บ้าน เช่น การใช้เบกกิ้งโซดาหรือการล้างลำไส้ด้วยเกลือ

    อาการท้องผูกมีอะไรบ้าง

    หากคุณถ่ายอุจจาระได้ยากหรือถ่ายน้อยกว่าสามครั้งต่อสัปดาห์ คุณอาจมีอาการท้องผูก

    อาการอื่นๆ ของอาการท้องผูก ได้แก่:

    • ถ่ายอุจจาระเป็นก้อนหรือแข็ง

    • รู้สึกปวดบริเวณท้องน้อย

    • รู้สึกเหมือนทวารหนักอุดตัน

    • รู้สึกเหมือนถ่ายอุจจาระไม่หมด

    • ต้องใช้มือกดที่หน้าท้องเพื่อให้ถ่ายอุจจาระ

    • ต้องใช้มือดึงอุจจาระออกจากทวารหนัก

    อาการท้องผูกมีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง

    อาการท้องผูกเรื้อรังอาจทำให้เกิดปัญหาได้หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษา ตัวอย่างเช่น หากคุณมีอาการท้องผูกเรื้อรัง คุณมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการดังต่อไปนี้:

    • ริดสีดวงทวาร

    • รอยแยกที่ทวารหนัก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังรอบทวารหนักฉีกขาด

    • อุจจาระอุดตัน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่ออุจจาระอัดแน่นและติดอยู่ในทวารหนัก

    สาเหตุของอาการท้องผูก

    อาการท้องผูกมักเกิดขึ้นเมื่อของเสียในลำไส้เคลื่อนตัวช้าเกินไป ซึ่งทำให้มีช่วงเวลาในการแข็งตัวและแห้ง ทำให้ขับถ่ายได้ยากขึ้น
    มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก ได้แก่:

    • รับประทานอาหารที่มีกากใยต่ำ

    • ดื่มน้ำไม่เพียงพอ

    • ไม่ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ

    • ไม่ใช้ห้องน้ำเมื่อรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ

    • การรับประทานน้ำตาลและผลไม้ที่มากจนเกินไป

    การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันอาจขัดขวางนิสัยการขับถ่ายของคุณได้ ตัวอย่างเช่น การเดินทางหรือความเครียดที่เพิ่มมากขึ้นอาจส่งผลต่อความสามารถในการขับถ่ายเป็นประจำ

    สาเหตุอื่นๆ ที่พบได้น้อยกว่าของอาการท้องผูก ได้แก่:

    • กลุ่มอาการลำไส้แปรปรวนและโรคลำไส้อื่นๆ

    • รอยแยกที่ทวารหนัก

    • มะเร็งลำไส้ใหญ่

    • ลำไส้ใหญ่ตีบแคบ

    • กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง

    • การตั้งครรภ์

    • ปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์

    • โรคเบาหวาน

    • ความผิดปกติทางสุขภาพจิต

    • ความผิดปกติทางระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสันหรือโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง

    • ยาบางชนิด

    อาการท้องผูกรักษาอย่างไร

    ในหลายๆ กรณี คุณสามารถรักษาอาการท้องผูกได้โดยการเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิต ตัวอย่างเช่น การรับประทานอาหารที่มีกากใยมากขึ้น ดื่มน้ำมากขึ้น และออกกำลังกาย อาจช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น

    หลีกเลี่ยงยาระบายและไฟเบอร์เร่งการขับถ่าย มะขามแขกที่ซื้อเองได้ เพราะยาเหล่านี้อาจทำให้ท้องผูกแย่ลงได้ในระยะยาว

    วิธีการรักษาตามธรรมชาติบางอย่างอาจช่วยบรรเทาอาการได้

    เบกกิ้งโซดา

    เบกกิ้งโซดาถูกใช้เป็นยาลดกรดมานานหลายทศวรรษ การบริโภคเบกกิ้งโซดาสามารถช่วยทำให้กรดในกระเพาะเป็นกลางได้ นั่นเป็นเหตุผลที่บางคนใช้เบกกิ้งโซดาเป็นยารักษาอาการเสียดท้องและอาหารไม่ย่อยตามธรรมชาติ

    ลองผสมเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชากับน้ำเย็น 1 แก้ว ดื่มหลังจากคุณลุกจากเตียง

    การแช่ตัวในเบคกิ้งโซดา

    ตามรายงานของโรงพยาบาล El Camino การแช่ตัวในอ่างที่มีเบคกิ้งโซดาอาจช่วยบรรเทาอาการปวดทวารหนักที่เกี่ยวข้องกับอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ยังอาจช่วยผ่อนคลายหูรูดทวารหนัก ซึ่งอาจช่วยให้คุณขับถ่ายได้

    ในการเตรียมอ่างด้วยเบคกิ้งโซดา ให้เติมน้ำอุ่นในอ่างแล้วเติมเบคกิ้งโซดา 60 มิลลิลิตร แช่ตัวในอ่างเป็นเวลา 20 นาที

    ผลข้างเคียงของการบริโภคเบคกิ้งโซดา

    มีรายงานผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้น้อยมากจากการบริโภคเบคกิ้งโซดา

    แต่การบริโภคเบคกิ้งโซดามากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้:

    • อาเจียน

    • ท้องเสีย

    • ปัสสาวะบ่อย

    • กล้ามเนื้ออ่อนแรง

    • กล้ามเนื้อกระตุก

    • ชัก

    • หงุดหงิดง่าย

    การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือ

    การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือใช้เพื่อทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ รักษาอาการท้องผูกเรื้อรัง และช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย วิธีนี้กลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมในฐานะส่วนหนึ่งของโปรแกรมดีท็อกซ์และการอดอาหาร Master Cleanse

    โดยเกี่ยวข้องกับการดื่มน้ำอุ่นผสมเกลือที่ไม่เสริมไอโอดีนหรือเกลือหิมาลัย การดื่มเกลือและน้ำอุ่นมีฤทธิ์เป็นยาระบาย โดยปกติแล้วจะทำให้ขับถ่ายภายใน 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงหรืออาจใช้เวลานานกว่านั้นก็ตาม

    การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือมีประโยชน์อย่างไร

    จากหลักฐานเชิงประจักษ์ การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ในระยะสั้นโดยทำให้เกิดการขับถ่าย

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าการล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายหรือขจัดสิ่งที่เรียกว่าของเสียและปรสิตออกจากระบบย่อยอาหารของคุณได้

    แม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะเต็มไปด้วยคำยืนยันเรื่องการล้างพิษด้วยเกลือ แต่ยากที่จะระบุอัตราความสำเร็จที่แน่นอนได้

    วิธีล้างพิษด้วยน้ำเกลือ

    ขั้นตอนมาตรฐานที่ไม่เป็นทางการสำหรับการล้างพิษด้วยน้ำเกลือคือ:

    • ละลายเกลือทะเลที่ไม่ได้เสริมไอโอดีนหรือเกลือสีชมพูจากเทือกเขาหิมาลัย 2 ช้อนชาในน้ำอุ่น4 ถ้วย

    • ดื่มส่วนผสมนี้ให้เร็วที่สุดในขณะท้องว่างหรือตื่นนอน

    คุณควรจะรู้สึกอยากขับถ่ายไม่นานหลังจากดื่มส่วนผสมของน้ำเกลือ

    ทำไมต้องล้างพิษด้วยน้ำเกลือในตอนเช้า

    การล้างด้วยน้ำเกลือมักจะทำทันทีที่ตื่นนอนในตอนเช้า หรืออาจทำตอนเย็นหลังอาหารมื้อสุดท้ายไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ ไม่สำคัญว่าคุณจะล้างในเวลาใดของวัน ตราบใดที่ล้างในขณะท้องว่าง

    อย่าคิดไปทำธุระหรือออกกำลังกายเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากดื่มน้ำเกลือ คุณอาจขับถ่ายบ่อยมาก ดังนั้นคุณไม่ควรออกห่างจากห้องน้ำมากเกินไป

    ความเสี่ยงและคำเตือน

    โปรดทราบว่าเกลือ 2 ช้อนชาเป็นสองเท่าของโซเดียมต่อวันตามคำแนะนำด้านโภชนาการ (2,300 มิลลิกรัม)

    แม้ว่าการดื่มน้ำเกลือในปริมาณนี้เป็นครั้งคราวจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่การดื่มน้ำเกลือในขณะท้องว่างอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้

    การบริโภคเกลือในปริมาณสูง เช่น ในระหว่างการล้างลำไส้ใหญ่เพื่อเตรียมการส่องกล้อง อาจทำให้เกิดตะคริว ท้องอืด และขาดน้ำได้ การล้างลำไส้ใหญ่โดยทั่วไปอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์เนื่องจากการสูญเสียโซเดียมและของเหลวอย่างรวดเร็ว

    ซึ่งอาจนำไปสู่:

    • กล้ามเนื้อกระตุก

    • อ่อนแรง

    • สับสน

    • หัวใจเต้นผิดจังหวะ

    • ชัก

    • ปัญหาความดันโลหิต

    แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีอาการขับถ่ายหลังจากล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำเกลือ แต่บางคนก็ไม่เป็นเช่นนั้น การล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำเกลืออาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการได้รับโซเดียมมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความดันโลหิตสูง

    อย่าล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำเกลือหากคุณมี:

    • ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ

    • โรคเบาหวาน

    • อาการบวมน้ำ

    • ปัญหาไต

    • ความดันโลหิตสูง

    • ปัญหาทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะหรือโรคลำไส้อักเสบ

    ผลิตภัณฑ์แนะนำเมื่อมีปัญหาท้องผูก

    Paa vill เพื่อเพิ่มปริมาณเส้นใยอาหารในลำไส้
    K cal เพื่อเพิ่มการบีบและคลายตัวของลำไส้ใหญ่
    Synbc เพื่อเพิ่มจุลชีพฝั่งดีในลำไส้

    ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง

    Cr. Santi Manadee
    #ท้องผูก บางครั้งอาการท้องผูกอาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวหรือเจ็บปวดได้ หากกลายเป็นอาการเรื้อรัง อาจนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ เพิ่มเติมได้ เช่น ริดสีดวงทวาร ในหลายๆ กรณี คุณสามารถรักษาอาการท้องผูกได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตหรือยาที่ซื้อเองได้ บางคนยังแนะนำให้ใช้วิธีรักษาที่บ้าน เช่น การใช้เบกกิ้งโซดาหรือการล้างลำไส้ด้วยเกลือ อาการท้องผูกมีอะไรบ้าง หากคุณถ่ายอุจจาระได้ยากหรือถ่ายน้อยกว่าสามครั้งต่อสัปดาห์ คุณอาจมีอาการท้องผูก อาการอื่นๆ ของอาการท้องผูก ได้แก่: • ถ่ายอุจจาระเป็นก้อนหรือแข็ง • รู้สึกปวดบริเวณท้องน้อย • รู้สึกเหมือนทวารหนักอุดตัน • รู้สึกเหมือนถ่ายอุจจาระไม่หมด • ต้องใช้มือกดที่หน้าท้องเพื่อให้ถ่ายอุจจาระ • ต้องใช้มือดึงอุจจาระออกจากทวารหนัก อาการท้องผูกมีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง อาการท้องผูกเรื้อรังอาจทำให้เกิดปัญหาได้หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษา ตัวอย่างเช่น หากคุณมีอาการท้องผูกเรื้อรัง คุณมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการดังต่อไปนี้: • ริดสีดวงทวาร • รอยแยกที่ทวารหนัก ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อผิวหนังรอบทวารหนักฉีกขาด • อุจจาระอุดตัน ซึ่งเกิดขึ้นเมื่ออุจจาระอัดแน่นและติดอยู่ในทวารหนัก สาเหตุของอาการท้องผูก อาการท้องผูกมักเกิดขึ้นเมื่อของเสียในลำไส้เคลื่อนตัวช้าเกินไป ซึ่งทำให้มีช่วงเวลาในการแข็งตัวและแห้ง ทำให้ขับถ่ายได้ยากขึ้น มีหลายสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการท้องผูก ได้แก่: • รับประทานอาหารที่มีกากใยต่ำ • ดื่มน้ำไม่เพียงพอ • ไม่ออกกำลังกายอย่างเพียงพอ • ไม่ใช้ห้องน้ำเมื่อรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ • การรับประทานน้ำตาลและผลไม้ที่มากจนเกินไป การเปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวันอาจขัดขวางนิสัยการขับถ่ายของคุณได้ ตัวอย่างเช่น การเดินทางหรือความเครียดที่เพิ่มมากขึ้นอาจส่งผลต่อความสามารถในการขับถ่ายเป็นประจำ สาเหตุอื่นๆ ที่พบได้น้อยกว่าของอาการท้องผูก ได้แก่: • กลุ่มอาการลำไส้แปรปรวนและโรคลำไส้อื่นๆ • รอยแยกที่ทวารหนัก • มะเร็งลำไส้ใหญ่ • ลำไส้ใหญ่ตีบแคบ • กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานอ่อนแรง • การตั้งครรภ์ • ปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ • โรคเบาหวาน • ความผิดปกติทางสุขภาพจิต • ความผิดปกติทางระบบประสาท เช่น โรคพาร์กินสันหรือโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง • ยาบางชนิด อาการท้องผูกรักษาอย่างไร ในหลายๆ กรณี คุณสามารถรักษาอาการท้องผูกได้โดยการเปลี่ยนแปลงวิถีการใช้ชีวิต ตัวอย่างเช่น การรับประทานอาหารที่มีกากใยมากขึ้น ดื่มน้ำมากขึ้น และออกกำลังกาย อาจช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น หลีกเลี่ยงยาระบายและไฟเบอร์เร่งการขับถ่าย มะขามแขกที่ซื้อเองได้ เพราะยาเหล่านี้อาจทำให้ท้องผูกแย่ลงได้ในระยะยาว วิธีการรักษาตามธรรมชาติบางอย่างอาจช่วยบรรเทาอาการได้ เบกกิ้งโซดา เบกกิ้งโซดาถูกใช้เป็นยาลดกรดมานานหลายทศวรรษ การบริโภคเบกกิ้งโซดาสามารถช่วยทำให้กรดในกระเพาะเป็นกลางได้ นั่นเป็นเหตุผลที่บางคนใช้เบกกิ้งโซดาเป็นยารักษาอาการเสียดท้องและอาหารไม่ย่อยตามธรรมชาติ ลองผสมเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชากับน้ำเย็น 1 แก้ว ดื่มหลังจากคุณลุกจากเตียง การแช่ตัวในเบคกิ้งโซดา ตามรายงานของโรงพยาบาล El Camino การแช่ตัวในอ่างที่มีเบคกิ้งโซดาอาจช่วยบรรเทาอาการปวดทวารหนักที่เกี่ยวข้องกับอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ยังอาจช่วยผ่อนคลายหูรูดทวารหนัก ซึ่งอาจช่วยให้คุณขับถ่ายได้ ในการเตรียมอ่างด้วยเบคกิ้งโซดา ให้เติมน้ำอุ่นในอ่างแล้วเติมเบคกิ้งโซดา 60 มิลลิลิตร แช่ตัวในอ่างเป็นเวลา 20 นาที ผลข้างเคียงของการบริโภคเบคกิ้งโซดา มีรายงานผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้น้อยมากจากการบริโภคเบคกิ้งโซดา แต่การบริโภคเบคกิ้งโซดามากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องผูกได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดอาการดังต่อไปนี้: • อาเจียน • ท้องเสีย • ปัสสาวะบ่อย • กล้ามเนื้ออ่อนแรง • กล้ามเนื้อกระตุก • ชัก • หงุดหงิดง่าย การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือ การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือใช้เพื่อทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ รักษาอาการท้องผูกเรื้อรัง และช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย วิธีนี้กลายเป็นกระแสที่ได้รับความนิยมในฐานะส่วนหนึ่งของโปรแกรมดีท็อกซ์และการอดอาหาร Master Cleanse โดยเกี่ยวข้องกับการดื่มน้ำอุ่นผสมเกลือที่ไม่เสริมไอโอดีนหรือเกลือหิมาลัย การดื่มเกลือและน้ำอุ่นมีฤทธิ์เป็นยาระบาย โดยปกติแล้วจะทำให้ขับถ่ายภายใน 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงหรืออาจใช้เวลานานกว่านั้นก็ตาม การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือมีประโยชน์อย่างไร จากหลักฐานเชิงประจักษ์ การล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดลำไส้ใหญ่ในระยะสั้นโดยทำให้เกิดการขับถ่าย อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่บ่งชี้ว่าการล้างลำไส้ด้วยน้ำเกลือสามารถขับสารพิษออกจากร่างกายหรือขจัดสิ่งที่เรียกว่าของเสียและปรสิตออกจากระบบย่อยอาหารของคุณได้ แม้ว่าอินเทอร์เน็ตจะเต็มไปด้วยคำยืนยันเรื่องการล้างพิษด้วยเกลือ แต่ยากที่จะระบุอัตราความสำเร็จที่แน่นอนได้ วิธีล้างพิษด้วยน้ำเกลือ ขั้นตอนมาตรฐานที่ไม่เป็นทางการสำหรับการล้างพิษด้วยน้ำเกลือคือ: • ละลายเกลือทะเลที่ไม่ได้เสริมไอโอดีนหรือเกลือสีชมพูจากเทือกเขาหิมาลัย 2 ช้อนชาในน้ำอุ่น4 ถ้วย • ดื่มส่วนผสมนี้ให้เร็วที่สุดในขณะท้องว่างหรือตื่นนอน คุณควรจะรู้สึกอยากขับถ่ายไม่นานหลังจากดื่มส่วนผสมของน้ำเกลือ ทำไมต้องล้างพิษด้วยน้ำเกลือในตอนเช้า การล้างด้วยน้ำเกลือมักจะทำทันทีที่ตื่นนอนในตอนเช้า หรืออาจทำตอนเย็นหลังอาหารมื้อสุดท้ายไม่กี่ชั่วโมงก็ได้ ไม่สำคัญว่าคุณจะล้างในเวลาใดของวัน ตราบใดที่ล้างในขณะท้องว่าง อย่าคิดไปทำธุระหรือออกกำลังกายเป็นเวลาไม่กี่ชั่วโมงหลังจากดื่มน้ำเกลือ คุณอาจขับถ่ายบ่อยมาก ดังนั้นคุณไม่ควรออกห่างจากห้องน้ำมากเกินไป ความเสี่ยงและคำเตือน โปรดทราบว่าเกลือ 2 ช้อนชาเป็นสองเท่าของโซเดียมต่อวันตามคำแนะนำด้านโภชนาการ (2,300 มิลลิกรัม) แม้ว่าการดื่มน้ำเกลือในปริมาณนี้เป็นครั้งคราวจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่การดื่มน้ำเกลือในขณะท้องว่างอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียนได้ การบริโภคเกลือในปริมาณสูง เช่น ในระหว่างการล้างลำไส้ใหญ่เพื่อเตรียมการส่องกล้อง อาจทำให้เกิดตะคริว ท้องอืด และขาดน้ำได้ การล้างลำไส้ใหญ่โดยทั่วไปอาจทำให้เกิดความไม่สมดุลของอิเล็กโทรไลต์เนื่องจากการสูญเสียโซเดียมและของเหลวอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจนำไปสู่: • กล้ามเนื้อกระตุก • อ่อนแรง • สับสน • หัวใจเต้นผิดจังหวะ • ชัก • ปัญหาความดันโลหิต แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะมีอาการขับถ่ายหลังจากล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำเกลือ แต่บางคนก็ไม่เป็นเช่นนั้น การล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำเกลืออาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการได้รับโซเดียมมากเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่ความดันโลหิตสูง อย่าล้างลำไส้ใหญ่ด้วยน้ำเกลือหากคุณมี: • ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ • โรคเบาหวาน • อาการบวมน้ำ • ปัญหาไต • ความดันโลหิตสูง • ปัญหาทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะหรือโรคลำไส้อักเสบ ผลิตภัณฑ์แนะนำเมื่อมีปัญหาท้องผูก Paa vill เพื่อเพิ่มปริมาณเส้นใยอาหารในลำไส้ K cal เพื่อเพิ่มการบีบและคลายตัวของลำไส้ใหญ่ Synbc เพื่อเพิ่มจุลชีพฝั่งดีในลำไส้ ด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 428 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥เตาอบไฟฟ้า Tefal รุ่น OF4951 มีความจุ 60 ลิตร เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่หรือจัดปาร์ตี้ ใช้งานง่าย มีปุ่มควบคุมและหน้าจอชัดเจน ฟังก์ชันปรับอุณหภูมิและเวลาอบหลากหลาย พร้อมระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลา!
    🥐คุณใช้เตาอบรุ่นไหนที่บ้าน แชร์กันหน่อย!
    .
    พิกัด เตาอบไฟฟ้า Tefal ลด 65% 📌 https://s.shopee.co.th/8fDEtUX8am
    .
    ______________________
    #เตาอบไฟฟ้า
    #เตาอบไฟฟ้า60ลิตร70ลิตร100ลิตร
    #เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี
    #เตาอบไฟฟ้า20ลิตร
    #เตาอบไฟฟ้า60ลิตร
    #เตาอบไฟฟ้า100ลิตร
    #เตาอบไฟฟ้า70ลิตร
    #เตาอบไฟฟ้าขนาดใหญ่
    #เตาอบไฟฟ้าelectrolux
    #เตาอบไฟฟ้าpantip
    #เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี2564pantip
    #เตาอบไฟฟ้า60ลิตรยี่ห้อไหนดี
    #เตาอบไฟฟ้าotto
    #เตาอบไฟฟ้าsharp
    #เตาอบไฟฟ้าแม็คโคร
    #เตาอบไฟฟ้า70ลิตรยี่ห้อไหนดี
    #เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี2564
    #เตาอบไฟฟ้า
    🔥เตาอบไฟฟ้า Tefal รุ่น OF4951 มีความจุ 60 ลิตร เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่หรือจัดปาร์ตี้ ใช้งานง่าย มีปุ่มควบคุมและหน้าจอชัดเจน ฟังก์ชันปรับอุณหภูมิและเวลาอบหลากหลาย พร้อมระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ ช่วยประหยัดเวลา! 🥐คุณใช้เตาอบรุ่นไหนที่บ้าน แชร์กันหน่อย! . พิกัด เตาอบไฟฟ้า Tefal ลด 65% 📌 https://s.shopee.co.th/8fDEtUX8am . ______________________ #เตาอบไฟฟ้า #เตาอบไฟฟ้า60ลิตร70ลิตร100ลิตร #เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี #เตาอบไฟฟ้า20ลิตร #เตาอบไฟฟ้า60ลิตร #เตาอบไฟฟ้า100ลิตร #เตาอบไฟฟ้า70ลิตร #เตาอบไฟฟ้าขนาดใหญ่ #เตาอบไฟฟ้าelectrolux #เตาอบไฟฟ้าpantip #เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี2564pantip #เตาอบไฟฟ้า60ลิตรยี่ห้อไหนดี #เตาอบไฟฟ้าotto #เตาอบไฟฟ้าsharp #เตาอบไฟฟ้าแม็คโคร #เตาอบไฟฟ้า70ลิตรยี่ห้อไหนดี #เตาอบไฟฟ้ายี่ห้อไหนดี2564 #เตาอบไฟฟ้า
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 514 มุมมอง 12 0 รีวิว
  • 🔴sold🔴
    🥛Kaya – ขวดน้ำทองแดงบริสุทธ์ - ใหม่
    • ทำจากทองแดงบริสุทธิ์คุณภาพดีที่สุดในโลก
    • ไม่มีรอยต่อ / ฝาเกรียว+ซิลิโคนกันซึม
    • ประโยชย์ต่อสุขภาพของภาชนะทองแดงบริสุทธ์
    o ช่วยคุมน้ำหนัก
    o กระตุ้นการทำงานของสมอง
    o ฆ่าแบคทีเรียในน้ำ
    o กระตุ้นระบบย่อยอาหาร
    o ป้องกันโรคเบาหวาน
    • วิธีทำความสะอาด- ล้างด้วยน้ำอุ่น+มะนาว+เกลือทั้งในและนอกก่อนจะล้างน้ำสะอาด
    • ขนาด 1 ล.
    🔴sold🔴

    🍶 พท.ห่างไกล+50บาท
    🗄 ไม่มีปลายทาง
    📦 โอนก่อนบ่าย 2 ส่งของภายในวันเดียวกัน/ร้านส่งปิดวันอาทิตย์
    🗒 บช.พ่อค้า 005-xxx - xx37
    * ถ่ายคลิปการแกะกล่องสค.ทุกครั้ง/ไม่มีคลิป พ่อค้าไม่สามารถรับเคลมได้
    FB: Lek's Kitchenware / IG : Lek's Choices
    🔴sold🔴 🥛Kaya – ขวดน้ำทองแดงบริสุทธ์ - ใหม่ • ทำจากทองแดงบริสุทธิ์คุณภาพดีที่สุดในโลก • ไม่มีรอยต่อ / ฝาเกรียว+ซิลิโคนกันซึม • ประโยชย์ต่อสุขภาพของภาชนะทองแดงบริสุทธ์ o ช่วยคุมน้ำหนัก o กระตุ้นการทำงานของสมอง o ฆ่าแบคทีเรียในน้ำ o กระตุ้นระบบย่อยอาหาร o ป้องกันโรคเบาหวาน • วิธีทำความสะอาด- ล้างด้วยน้ำอุ่น+มะนาว+เกลือทั้งในและนอกก่อนจะล้างน้ำสะอาด • ขนาด 1 ล. 🔴sold🔴 🍶 พท.ห่างไกล+50บาท 🗄 ไม่มีปลายทาง 📦 โอนก่อนบ่าย 2 ส่งของภายในวันเดียวกัน/ร้านส่งปิดวันอาทิตย์ 🗒 บช.พ่อค้า 005-xxx - xx37 * ถ่ายคลิปการแกะกล่องสค.ทุกครั้ง/ไม่มีคลิป พ่อค้าไม่สามารถรับเคลมได้ FB: Lek's Kitchenware / IG : Lek's Choices
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทช.ติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำดักจับฝุ่น PM2.5 บริเวณถนนและสะพานทั่วกทม.สะพานพระราม 5 สะพานพระราม 7 สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า สะพานซังฮี้ และสะพานภูมิพล 1, 2 พร้อมคุมเข้มพื้นที่ก่อสร้าง ฉีดพรมน้ำ ทำความสะอาด ขอประชาชน หยุดเผาหญ้า เผาขยะ

    นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญหามลภาวะทางอากาศที่รุนแรงมากขึ้นจากฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวมีผลต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการตามมาตรการลดมลพิษทางอากาศ และรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่กระจายอยู่ปริมาณมาก เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000009767

    #MGROnline #เครื่องพ่นละอองน้ำ #ดักจับฝุ่น
    ทช.ติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำดักจับฝุ่น PM2.5 บริเวณถนนและสะพานทั่วกทม.สะพานพระราม 5 สะพานพระราม 7 สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า สะพานซังฮี้ และสะพานภูมิพล 1, 2 พร้อมคุมเข้มพื้นที่ก่อสร้าง ฉีดพรมน้ำ ทำความสะอาด ขอประชาชน หยุดเผาหญ้า เผาขยะ • นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันปัญหามลภาวะทางอากาศที่รุนแรงมากขึ้นจากฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM2.5 ซึ่งส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวมีผลต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดดำเนินการตามมาตรการลดมลพิษทางอากาศ และรับมือฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ที่กระจายอยู่ปริมาณมาก เพื่อลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ภายใต้แผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/business/detail/9680000009767 • #MGROnline #เครื่องพ่นละอองน้ำ #ดักจับฝุ่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 584 มุมมอง 0 รีวิว
  • แผนไทยกับการดูแลร่างกายจากฝุ่น
    บทความโดย อาจารย์แพทย์แผนไทยคมสัน ทินกร ณ อยุธยา
    คราวนี้หนักหน่วง ฝุ่นมันเข้าทางหู ตา คอ จมูก กาย ทำให้เกิดอาการมากมาย แสบตา ตาแดง แสบคอ แสบอก ผื่นขึ้น ไอเป็นเลือด ท้ายเป็นมะเร็งปอด
    การดูแลป้องกัน
    เมื่อเราเอาของเสียเข้าผ่านทางลมหายใจเข้า(อัสสาสะ)เราก็ต้องเอาออกผ่านทางลมหายใจออก(ปัสสาสะ)
    สำหรับการแพทย์แผนไทยใช้การเวชปฎิบัติสุมยา การรับทานน้ำกระสายยา รวมถึงยาทาใช้ภายนอก และอาหารเป็นยา ดังจะแจงไว้ต่อไปนี้
    การสุมยาล้างฝุ่น:
    สุมยาหรือโปงยาก็เรียก เป็นเวชวิธีข้างเปียก การสุมยานั้นใช้ไอความร้อนชื้นในการนำยา กลไกนั้นใช้ไอร้อนนำยาเข้าในผ่านระบบทางเดินหายใจ เพื่อผลักเสลดเสียที่มึฝุ่นสกปรกเกาะอยู่ให้ออกจากระบบทางเดินหายใจทั้งหมด
    ทำให้หายใจคล่องขึ้นสะดวกขึ้น เวชวิธีสุมจะใช้เครื่องยาที่มีน้ำมันหอมระเหยซึ่งจะออกมาได้ ต้องอาศัยความร้อนเข้าช่วย
    เครื่องยา:
    - เหง้าขิง/เหง้าข่า/เหง้าตะไคร้
    - ใบมะกรูดฉีกขยำ/หอมหัวแดงมากๆ/มะนาวบีบน้ำพร้อมเปลือก
    - พิมเสน หรือVICKS VAPORUB OINTMENT และ เกลือแกง
    เวชวิธี:
    - นำเครื่องยาสดทั้งหมดมาตำหยาบๆ
    - จากนั้นนำลงกะละมังสแตนเลสขยำทั้งหมดอีกครั้งจนนัวส่งกลิ่นหอม
    - เดาะพิมเสนและเกลือลงไปคลุกให้ดีอีกครั้ง
    - เติมน้ำเดือดจัดพอท่วมตัวยา
    - ก้มลงสูดดมไอระเหยของตัวยาเข้าทางโพรงจมูก
    - ใช้ผ้าผืนใหญ่โปงให้ทั่วตัวและกะละมังเพื่อให้ไอยาอวลอยู่ภายใน
    - ในระหว่างเวชจะเปิดหรือปิดเปลือกตาก็ได้
    - ให้หายใจเข้าหนักๆติดกัน หากเหนื่อยให้พักด้วยการหายใจเบาๆ
    - สักพักน้ำหู น้ำตา น้ำมูก น้ำคอจะไหลออกมา นำเสลดเสียออกมาด้วย
    - ให้ทำเช้าและเย็นจักดี ในแต่ละครั้งให้ทำจนรู้สึกร้อนไปหรือรู้สึกเหนื่อยไปจึ่งหยุดทำเสีย
    สรรพคุณเวชวิธี:
    - ลดอาการภูมิแพ้
    - ทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น
    - ช่วยลดอาการคัดจมูก น้ำมูกมาก
    - ลดอาการแสบตา ตาแดง
    - ทำให้โล่งในช่องคอจากเสลดเหนียว
    - นำเสลดเสียออกจากระบบทางเดินหายใจ
    ตำรับยา
    นอกจากนั้นในการแพทย์แผนไทยยังมีตำรับยาช่วยผ่อนของเสียออกจากระบบทางเดินหายใจ ตัวอย่างเช่นตำรับยาอุระตะกรัน เพื่อทำความสะอาดระบบทางเดินหายใจ ตำรับยานภากาศ เพื่อให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น ตำรับยาศอเสาวรส นำเสลดออกจากระบบช่องคอเป็นต้น
    น้ำกระสายยาต้านภัยฝุ่น:
    เครื่องยา
    - ว่านหอมแดง/พิกัดตรีผลา/หญ้าดอกขาว/รางจืดทั้งต้น
    วิธีปรุง
    - ต้มน้ำเดือดไฟอ่อนราวยี่สิบนาทีทิ้งให้เย็นแล้วกรอง
    - แต่งกลิ่นสี เจือด้วยน้ำคั้นใบเตยหอม
    - แต่งรส เปรี้ยวนำด้วยน้ำมะนาว หวานตามด้วยน้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้ง
    วิธีทาน
    - ดื่มครั้งละแก้วเช้าและเย็นก่อนอาหาร
    อาหารต้านPM2.5:
    ผักใบเขียว/แครอท/ฟักทอง/มันเทศ/บรอคโคลี่/กระหล่ำปลี/กระหล่ำดอก/มะเขือเทศ
    รายการอาหารต้านภัยฝุ่น เสริมภูมิต้านทาน
    - ต้มจับฉ่ายสารพัดผักต้านฝุ่น
    - ผัดผักใบเขียว
    - ผัดบรอคโคลี่ใส่กระหล่ำดอก
    - แกงจืดกระหล่ำปลียัดไส้หมูกุ้ง
    - น้ำพริกตะไคร้แนมผักต้านฝุ่นลวกกะทิ
    - แกงมัสมั่นไก่ใส่ฟักทอง
    - แกงกะหรี่ไก่มันเทศ/แครอท
    - มะเขือเทศยัดไส้นึ่งราดซอสเปรี้ยวหวาน
    - ฟักทอง/มันเทศ บวดสด
    - ฟักทอง/มันเทศ เชื่อมราดหัวกะทิ
    ที่สำคัญจะพึ่งแต่ยาหรือการเวชปฎิบัติแต่เพียงเท่านั้นมิได้ ต้องพึ่งตนเป็นสำคัญพยายามหลีกเลี่ยงการรับฝุ่นเมื่ออยู่ภายนอกอาคารบ้านเรือน เอาป่ากลับมาไว้ในบ้านของเราเอง และเมื่อเกิดอาการป่วยรีบไปพบแพทย์จักแพทย์แผนใดสุดแล้วแต่จักเลือก
    ทำสิ่งที่รัฐแนะนำให้มากที่สุดเท่าที่วิถีชีวิตปกติจักอำนวยได้ ภาครัฐแลภาคเอกชนต้องเร่งช่วยกันสางปัญหาอันเกิดจากการพัฒนานั้นอย่างเร่งด่วน ปัญหามลภาวะคือปัญหาของเราทุกคนไม่ว่าจะจนจะรวยจะเด็กแรกเกิดจะผู้ใหญ่เป็น "ปัญหาติดดินของคนติดดินทุกคน"
    แผนไทยกับการดูแลร่างกายจากฝุ่น บทความโดย อาจารย์แพทย์แผนไทยคมสัน ทินกร ณ อยุธยา คราวนี้หนักหน่วง ฝุ่นมันเข้าทางหู ตา คอ จมูก กาย ทำให้เกิดอาการมากมาย แสบตา ตาแดง แสบคอ แสบอก ผื่นขึ้น ไอเป็นเลือด ท้ายเป็นมะเร็งปอด การดูแลป้องกัน เมื่อเราเอาของเสียเข้าผ่านทางลมหายใจเข้า(อัสสาสะ)เราก็ต้องเอาออกผ่านทางลมหายใจออก(ปัสสาสะ) สำหรับการแพทย์แผนไทยใช้การเวชปฎิบัติสุมยา การรับทานน้ำกระสายยา รวมถึงยาทาใช้ภายนอก และอาหารเป็นยา ดังจะแจงไว้ต่อไปนี้ การสุมยาล้างฝุ่น: สุมยาหรือโปงยาก็เรียก เป็นเวชวิธีข้างเปียก การสุมยานั้นใช้ไอความร้อนชื้นในการนำยา กลไกนั้นใช้ไอร้อนนำยาเข้าในผ่านระบบทางเดินหายใจ เพื่อผลักเสลดเสียที่มึฝุ่นสกปรกเกาะอยู่ให้ออกจากระบบทางเดินหายใจทั้งหมด ทำให้หายใจคล่องขึ้นสะดวกขึ้น เวชวิธีสุมจะใช้เครื่องยาที่มีน้ำมันหอมระเหยซึ่งจะออกมาได้ ต้องอาศัยความร้อนเข้าช่วย เครื่องยา: - เหง้าขิง/เหง้าข่า/เหง้าตะไคร้ - ใบมะกรูดฉีกขยำ/หอมหัวแดงมากๆ/มะนาวบีบน้ำพร้อมเปลือก - พิมเสน หรือVICKS VAPORUB OINTMENT และ เกลือแกง เวชวิธี: - นำเครื่องยาสดทั้งหมดมาตำหยาบๆ - จากนั้นนำลงกะละมังสแตนเลสขยำทั้งหมดอีกครั้งจนนัวส่งกลิ่นหอม - เดาะพิมเสนและเกลือลงไปคลุกให้ดีอีกครั้ง - เติมน้ำเดือดจัดพอท่วมตัวยา - ก้มลงสูดดมไอระเหยของตัวยาเข้าทางโพรงจมูก - ใช้ผ้าผืนใหญ่โปงให้ทั่วตัวและกะละมังเพื่อให้ไอยาอวลอยู่ภายใน - ในระหว่างเวชจะเปิดหรือปิดเปลือกตาก็ได้ - ให้หายใจเข้าหนักๆติดกัน หากเหนื่อยให้พักด้วยการหายใจเบาๆ - สักพักน้ำหู น้ำตา น้ำมูก น้ำคอจะไหลออกมา นำเสลดเสียออกมาด้วย - ให้ทำเช้าและเย็นจักดี ในแต่ละครั้งให้ทำจนรู้สึกร้อนไปหรือรู้สึกเหนื่อยไปจึ่งหยุดทำเสีย สรรพคุณเวชวิธี: - ลดอาการภูมิแพ้ - ทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น - ช่วยลดอาการคัดจมูก น้ำมูกมาก - ลดอาการแสบตา ตาแดง - ทำให้โล่งในช่องคอจากเสลดเหนียว - นำเสลดเสียออกจากระบบทางเดินหายใจ ตำรับยา นอกจากนั้นในการแพทย์แผนไทยยังมีตำรับยาช่วยผ่อนของเสียออกจากระบบทางเดินหายใจ ตัวอย่างเช่นตำรับยาอุระตะกรัน เพื่อทำความสะอาดระบบทางเดินหายใจ ตำรับยานภากาศ เพื่อให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น ตำรับยาศอเสาวรส นำเสลดออกจากระบบช่องคอเป็นต้น น้ำกระสายยาต้านภัยฝุ่น: เครื่องยา - ว่านหอมแดง/พิกัดตรีผลา/หญ้าดอกขาว/รางจืดทั้งต้น วิธีปรุง - ต้มน้ำเดือดไฟอ่อนราวยี่สิบนาทีทิ้งให้เย็นแล้วกรอง - แต่งกลิ่นสี เจือด้วยน้ำคั้นใบเตยหอม - แต่งรส เปรี้ยวนำด้วยน้ำมะนาว หวานตามด้วยน้ำเชื่อมหรือน้ำผึ้ง วิธีทาน - ดื่มครั้งละแก้วเช้าและเย็นก่อนอาหาร อาหารต้านPM2.5: ผักใบเขียว/แครอท/ฟักทอง/มันเทศ/บรอคโคลี่/กระหล่ำปลี/กระหล่ำดอก/มะเขือเทศ รายการอาหารต้านภัยฝุ่น เสริมภูมิต้านทาน - ต้มจับฉ่ายสารพัดผักต้านฝุ่น - ผัดผักใบเขียว - ผัดบรอคโคลี่ใส่กระหล่ำดอก - แกงจืดกระหล่ำปลียัดไส้หมูกุ้ง - น้ำพริกตะไคร้แนมผักต้านฝุ่นลวกกะทิ - แกงมัสมั่นไก่ใส่ฟักทอง - แกงกะหรี่ไก่มันเทศ/แครอท - มะเขือเทศยัดไส้นึ่งราดซอสเปรี้ยวหวาน - ฟักทอง/มันเทศ บวดสด - ฟักทอง/มันเทศ เชื่อมราดหัวกะทิ ที่สำคัญจะพึ่งแต่ยาหรือการเวชปฎิบัติแต่เพียงเท่านั้นมิได้ ต้องพึ่งตนเป็นสำคัญพยายามหลีกเลี่ยงการรับฝุ่นเมื่ออยู่ภายนอกอาคารบ้านเรือน เอาป่ากลับมาไว้ในบ้านของเราเอง และเมื่อเกิดอาการป่วยรีบไปพบแพทย์จักแพทย์แผนใดสุดแล้วแต่จักเลือก ทำสิ่งที่รัฐแนะนำให้มากที่สุดเท่าที่วิถีชีวิตปกติจักอำนวยได้ ภาครัฐแลภาคเอกชนต้องเร่งช่วยกันสางปัญหาอันเกิดจากการพัฒนานั้นอย่างเร่งด่วน ปัญหามลภาวะคือปัญหาของเราทุกคนไม่ว่าจะจนจะรวยจะเด็กแรกเกิดจะผู้ใหญ่เป็น "ปัญหาติดดินของคนติดดินทุกคน"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 560 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบด โม่หิน แนวนอน สแตนเลส ขนาดหน้าหิน 12 นิ้ว
    เป็นอุปกรณ์บดเปียกสเตนเลสแบบใหม่ที่ใช้สำหรับบดเมล็ดพืช ถั่วเหลือง ข้าวโพด และวัสดุอาหารอื่นๆ แบบเปียก นอกจากนี้ยังใช้สำหรับการบดเปียกของวัสดุบางชนิดในยา น้ำตาล อาหาร และอุตสาหกรรมอื่นๆ เมื่อวัสดุถูกใส่ลงในถังหลังจากทำความสะอาดและแช่แล้ว จะเข้าสู่การบดที่สัมผัสกันระหว่างหินบดด้านบนและด้านล่าง
    ด้วยการทำงานแบบแรงเหวี่ยง กระทบซึ่งกันและกันของวัตถุดิบ
    และการบดของหิน จึงสามารถบดวัสดุจากด้านในไปด้านนอกได้ ตั้งแต่หยาบไปจนถึงละเอียด
    - หินโม่ ขนาด 12 นิ้ว
    - มอเตอร์ 15 แรงม้า ไฟ 380V.
    - ความเร็วรอบมอเตอร์ 1,440 รอบ/นาที
    - กำลังผลิต 200-300 กก./ชม.
    - ขนาดเครื่อง 52x54x135 cm
    - น้ำหนักเครื่อง 210 Kg.
    - ตัวเครื่องทำ0kdสแตนเลส
    - มีตู้ควบคุมการทำงาน เปิด-ปิด
    ย.ย่งฮะเฮง จำหน่ายเครื่องจักรแปรรูปอาหาร หลากหลายชนิด
    สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼
    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/HV4lSKp
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com
    #เครื่องบด #เครื่องโม่ #เครื่องโม่หิน #เครื่องโม่พริกแกง #เครื่องทำน้ำเต้าหู้ #เครื่องหินบด #เครื่องบดซอส #เครื่องบดแยม #บดพริกแกง #เครื่องบดพริกแกงแบบหิน #เครื่องบดแบบหิน
    เครื่องบด โม่หิน แนวนอน สแตนเลส ขนาดหน้าหิน 12 นิ้ว เป็นอุปกรณ์บดเปียกสเตนเลสแบบใหม่ที่ใช้สำหรับบดเมล็ดพืช ถั่วเหลือง ข้าวโพด และวัสดุอาหารอื่นๆ แบบเปียก นอกจากนี้ยังใช้สำหรับการบดเปียกของวัสดุบางชนิดในยา น้ำตาล อาหาร และอุตสาหกรรมอื่นๆ เมื่อวัสดุถูกใส่ลงในถังหลังจากทำความสะอาดและแช่แล้ว จะเข้าสู่การบดที่สัมผัสกันระหว่างหินบดด้านบนและด้านล่าง ด้วยการทำงานแบบแรงเหวี่ยง กระทบซึ่งกันและกันของวัตถุดิบ และการบดของหิน จึงสามารถบดวัสดุจากด้านในไปด้านนอกได้ ตั้งแต่หยาบไปจนถึงละเอียด - หินโม่ ขนาด 12 นิ้ว - มอเตอร์ 15 แรงม้า ไฟ 380V. - ความเร็วรอบมอเตอร์ 1,440 รอบ/นาที - กำลังผลิต 200-300 กก./ชม. - ขนาดเครื่อง 52x54x135 cm - น้ำหนักเครื่อง 210 Kg. - ตัวเครื่องทำ0kdสแตนเลส - มีตู้ควบคุมการทำงาน เปิด-ปิด ย.ย่งฮะเฮง จำหน่ายเครื่องจักรแปรรูปอาหาร หลากหลายชนิด สนใจสินค้าเครื่องไหน สามารถเข้ามาดูที่ร้านได้เลยนะคะ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY ‼‼ ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng 👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/HV4lSKp 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #เครื่องบด #เครื่องโม่ #เครื่องโม่หิน #เครื่องโม่พริกแกง #เครื่องทำน้ำเต้าหู้ #เครื่องหินบด #เครื่องบดซอส #เครื่องบดแยม #บดพริกแกง #เครื่องบดพริกแกงแบบหิน #เครื่องบดแบบหิน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 693 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • 27-29 มกราคม 2568 เทศกาลตรุษจีน 新正如意 新年發財 新正如意 新年发财

    "ตรุษจีน" หรือ “เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ” เป็นวันสำคัญที่ชาวจีนทั่วโลก ต่างเฝ้ารอด้วยความตื่นเต้น และเปี่ยมไปด้วยความสุข ในปีนี้ ตรุษจีนตรงกับวันที่ 29 มกราคม 2568 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ความเป็นสิริมงคล และการรวมตัวของครอบครัว 🌟

    ตรุษจีน (Chinese New Year) เป็นเทศกาลที่มีความสำคัญที่สุด ในปฏิทินจีน ซึ่งตรงกับวันขึ้นปีใหม่ ตามปฏิทินจันทรคติ โดยเริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 และสิ้นสุดในวันที่ 15 ซึ่งเป็นเทศกาลโคมไฟ ทั้งนี้ ตรุษจีนไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง การเปลี่ยนปีใหม่ แต่ยังเป็นโอกาส ในการแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ในครอบครัว และการเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ในชีวิต

    เทศกาลตรุษจีน มีประวัติยาวนานนับพันปี โดยเริ่มต้นจาก ตำนานสัตว์ร้าย “เหนียน” (年) ที่จะออกมาสร้างความหวาดกลัว ให้กับผู้คนทุกปี ชาวบ้านจึงใช้วิธีจุดประทัด และตกแต่งบ้านด้วยสีแดง เพื่อขับไล่ปีศาจร้าย จนกลายมาเป็นประเพณี ที่นิยมปฏิบัติในปัจจุบัน 🎆

    ตรุษจีนไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลองปีใหม่ แต่ยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง เช่น
    - การเริ่มต้นใหม่ที่ดี การทำความสะอาดบ้าน และตกแต่งด้วยสีแดง เพื่อขจัดโชคร้าย
    - ความรักและความสัมพันธ์ในครอบครัว การรับประทานอาหารร่วมกัน เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี
    - ความมั่งคั่งและโชคลาภ ซองอั่งเปาและการไหว้เจ้า เพื่อความเป็นสิริมงคล

    ประเพณีตรุษจีนในไทย
    วันจ่าย
    28 มกราคม 2568 คือวันก่อนวันตรุษจีน ชาวไทยเชื้อสายจีน จะออกไปซื้อของจำเป็น เช่น เนื้อสัตว์ ผลไม้ ขนมมงคล และเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ เพื่อเตรียมตัวสำหรับวันไหว้

    วันไหว้
    29 มกราคม 2568 เป็นวันสำคัญ ที่มีพิธีไหว้ใน 3 ช่วง ได้แก่
    - ช่วงเช้ามืด ไหว้เทพเจ้า เช่น เทพเจ้าผู้คุ้มครอง
    - ช่วงสาย ไหว้บรรพบุรุษ โดยมีอาหารที่ผู้ล่วงลับเคยชอบ เช่น หมู เป็ด ไก่ และขนมเข่ง
    - ช่วงบ่าย ไหว้ “ฮ่อเฮียตี๋” (วิญญาณพี่น้องที่ล่วงลับ) พร้อมจุดประทัดเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย

    วันเที่ยว
    30 มกราคม 2568 หรือ “วันถือ” เป็นวันที่ชาวจีนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ ออกเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ และมอบส้มสีทอง เป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภ และความเจริญรุ่งเรือง 🍊

    คำอวยพรตรุษจีนยอดนิยม
    ในช่วงเทศกาลตรุษจีน การส่งคำอวยพรเป็นสิ่งสำคัญ ที่สื่อถึงความปรารถนาดี ตัวอย่างคำอวยพร ที่ใช้กันบ่อย ได้แก่

    “新正如意 新年發財” (ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาฉาย) ขอให้ปีใหม่สมปรารถนาและร่ำรวยมั่งคั่ง
    “恭喜發財” (กงสี่ฟาไฉ) ขอให้ร่ำรวยเงินทอง
    “萬事如意” (ว่านซื่อหรูอี้) ขอให้สมปรารถนาในทุกสิ่ง

    ✨ การใช้ซองอั่งเปา (ซองสีแดง) เพื่อมอบเงินให้กับเด็ก หรือผู้ที่อายุน้อยกว่า ก็เป็นอีกหนึ่งการแสดงความปรารถนาดี

    อาหารมงคลในวันตรุษจีน
    อาหารถือเป็นส่วนสำคัญของตรุษจีน โดยมีเมนูที่มีความหมายมงคล เช่น
    - ปลา (鱼) ความอุดมสมบูรณ์
    - ขนมเข่งและขนมเทียน ความเจริญรุ่งเรือง
    - เกี๊ยว (饺子) ความมั่งคั่ง
    - เส้นหมี่ (长寿面) อายุยืนยาว

    การเลือกรับประทานอาหารเหล่านี้ ไม่ได้เพียงแค่ตามธรรมเนียม แต่ยังเป็นการเสริมสร้างกำลังใจ ในปีใหม่อีกด้วย

    เคล็ดลับเสริมโชคลาภช่วงตรุษจีน
    - ทำความสะอาดบ้านก่อนตรุษจีน เพื่อขจัดโชคร้าย แต่หลีกเลี่ยงการกวาดบ้าน ในวันปีใหม่
    - สวมใส่เสื้อผ้าสีแดง สีแดงถือเป็นสีแห่งความโชคดี
    - งดการพูดคำไม่ดี เพื่อเริ่มต้นปีใหม่อย่างเป็นมงคล
    - มอบส้มสีทอง เป็นการส่งมอบความมั่งคั่งให้แก่กัน

    ตรุษจีนปี 2568 ไม่ได้เป็นเพียงเทศกาล สำหรับชาวจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่ทุกคน สามารถมีส่วนร่วมในประเพณี ที่เต็มไปด้วยสีสัน และความหมายดี ๆ ลองร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ ด้วยการเรียนรู้ และเข้าใจวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ เพื่อเสริมสร้างความสุข และความมั่งคั่งให้กับตนเอง และครอบครัว

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 281035 ม.ค. 2568

    #ตรุษจีน2568 #新正如意新年發財 #ChineseNewYear2025 #เทศกาลตรุษจีน #ประเพณีจีน #ตรุษจีนไทย #คำอวยพรตรุษจีน #อั่งเปา #อาหารมงคลตรุษจีน #โชคลาภตรุษจีน
    27-29 มกราคม 2568 เทศกาลตรุษจีน 新正如意 新年發財 新正如意 新年发财 "ตรุษจีน" หรือ “เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ” เป็นวันสำคัญที่ชาวจีนทั่วโลก ต่างเฝ้ารอด้วยความตื่นเต้น และเปี่ยมไปด้วยความสุข ในปีนี้ ตรุษจีนตรงกับวันที่ 29 มกราคม 2568 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ความเป็นสิริมงคล และการรวมตัวของครอบครัว 🌟 ตรุษจีน (Chinese New Year) เป็นเทศกาลที่มีความสำคัญที่สุด ในปฏิทินจีน ซึ่งตรงกับวันขึ้นปีใหม่ ตามปฏิทินจันทรคติ โดยเริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 และสิ้นสุดในวันที่ 15 ซึ่งเป็นเทศกาลโคมไฟ ทั้งนี้ ตรุษจีนไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง การเปลี่ยนปีใหม่ แต่ยังเป็นโอกาส ในการแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ในครอบครัว และการเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ในชีวิต เทศกาลตรุษจีน มีประวัติยาวนานนับพันปี โดยเริ่มต้นจาก ตำนานสัตว์ร้าย “เหนียน” (年) ที่จะออกมาสร้างความหวาดกลัว ให้กับผู้คนทุกปี ชาวบ้านจึงใช้วิธีจุดประทัด และตกแต่งบ้านด้วยสีแดง เพื่อขับไล่ปีศาจร้าย จนกลายมาเป็นประเพณี ที่นิยมปฏิบัติในปัจจุบัน 🎆 ตรุษจีนไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลองปีใหม่ แต่ยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง เช่น - การเริ่มต้นใหม่ที่ดี การทำความสะอาดบ้าน และตกแต่งด้วยสีแดง เพื่อขจัดโชคร้าย - ความรักและความสัมพันธ์ในครอบครัว การรับประทานอาหารร่วมกัน เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี - ความมั่งคั่งและโชคลาภ ซองอั่งเปาและการไหว้เจ้า เพื่อความเป็นสิริมงคล ประเพณีตรุษจีนในไทย วันจ่าย 28 มกราคม 2568 คือวันก่อนวันตรุษจีน ชาวไทยเชื้อสายจีน จะออกไปซื้อของจำเป็น เช่น เนื้อสัตว์ ผลไม้ ขนมมงคล และเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ เพื่อเตรียมตัวสำหรับวันไหว้ วันไหว้ 29 มกราคม 2568 เป็นวันสำคัญ ที่มีพิธีไหว้ใน 3 ช่วง ได้แก่ - ช่วงเช้ามืด ไหว้เทพเจ้า เช่น เทพเจ้าผู้คุ้มครอง - ช่วงสาย ไหว้บรรพบุรุษ โดยมีอาหารที่ผู้ล่วงลับเคยชอบ เช่น หมู เป็ด ไก่ และขนมเข่ง - ช่วงบ่าย ไหว้ “ฮ่อเฮียตี๋” (วิญญาณพี่น้องที่ล่วงลับ) พร้อมจุดประทัดเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย วันเที่ยว 30 มกราคม 2568 หรือ “วันถือ” เป็นวันที่ชาวจีนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ ออกเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ และมอบส้มสีทอง เป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภ และความเจริญรุ่งเรือง 🍊 คำอวยพรตรุษจีนยอดนิยม ในช่วงเทศกาลตรุษจีน การส่งคำอวยพรเป็นสิ่งสำคัญ ที่สื่อถึงความปรารถนาดี ตัวอย่างคำอวยพร ที่ใช้กันบ่อย ได้แก่ “新正如意 新年發財” (ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาฉาย) ขอให้ปีใหม่สมปรารถนาและร่ำรวยมั่งคั่ง “恭喜發財” (กงสี่ฟาไฉ) ขอให้ร่ำรวยเงินทอง “萬事如意” (ว่านซื่อหรูอี้) ขอให้สมปรารถนาในทุกสิ่ง ✨ การใช้ซองอั่งเปา (ซองสีแดง) เพื่อมอบเงินให้กับเด็ก หรือผู้ที่อายุน้อยกว่า ก็เป็นอีกหนึ่งการแสดงความปรารถนาดี อาหารมงคลในวันตรุษจีน อาหารถือเป็นส่วนสำคัญของตรุษจีน โดยมีเมนูที่มีความหมายมงคล เช่น - ปลา (鱼) ความอุดมสมบูรณ์ - ขนมเข่งและขนมเทียน ความเจริญรุ่งเรือง - เกี๊ยว (饺子) ความมั่งคั่ง - เส้นหมี่ (长寿面) อายุยืนยาว การเลือกรับประทานอาหารเหล่านี้ ไม่ได้เพียงแค่ตามธรรมเนียม แต่ยังเป็นการเสริมสร้างกำลังใจ ในปีใหม่อีกด้วย เคล็ดลับเสริมโชคลาภช่วงตรุษจีน - ทำความสะอาดบ้านก่อนตรุษจีน เพื่อขจัดโชคร้าย แต่หลีกเลี่ยงการกวาดบ้าน ในวันปีใหม่ - สวมใส่เสื้อผ้าสีแดง สีแดงถือเป็นสีแห่งความโชคดี - งดการพูดคำไม่ดี เพื่อเริ่มต้นปีใหม่อย่างเป็นมงคล - มอบส้มสีทอง เป็นการส่งมอบความมั่งคั่งให้แก่กัน ตรุษจีนปี 2568 ไม่ได้เป็นเพียงเทศกาล สำหรับชาวจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่ทุกคน สามารถมีส่วนร่วมในประเพณี ที่เต็มไปด้วยสีสัน และความหมายดี ๆ ลองร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ ด้วยการเรียนรู้ และเข้าใจวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ เพื่อเสริมสร้างความสุข และความมั่งคั่งให้กับตนเอง และครอบครัว ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 281035 ม.ค. 2568 #ตรุษจีน2568 #新正如意新年發財 #ChineseNewYear2025 #เทศกาลตรุษจีน #ประเพณีจีน #ตรุษจีนไทย #คำอวยพรตรุษจีน #อั่งเปา #อาหารมงคลตรุษจีน #โชคลาภตรุษจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 857 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี

    Advertisement

    Play Video
    ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้



    สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568
    ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
    วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้

    นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
    รวมญาติกินเกี๊ยว
    สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ

    ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง
    กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี
    ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี
    ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ"
    "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ
    ห้ามกวาดบ้าน
    ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป

    ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้
    ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่
    เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง

    ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก

    แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน
    ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส
    ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง
    ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่
    ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล
    รับอั่งเปา
    วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ
    ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต



    นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต

    เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง

    สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568
    ห้ามสระผมหรือตัดผม
    เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป
    ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ
    คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี
    ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์
    ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ
    ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน
    คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน
    ห้ามใส่ชุดขาวดำ
    เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี
    ห้ามให้ยืมเงิน
    คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี
    ห้ามทำของแตก
    เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น
    ห้ามซื้อรองเท้าใหม่
    คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี"
    ห้ามร้องไห้
    คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี
    ห้ามใช้ของมีคม
    ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย
    ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น
    คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย
    อ่านเพิ่มเติม

    วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน
    คำอวยพรวันตรุษจีน
    ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี Advertisement Play Video ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้ สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568 ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้ นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป รวมญาติกินเกี๊ยว สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ ห้ามกวาดบ้าน ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้ ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่ เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่ ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล รับอั่งเปา วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568 ห้ามสระผมหรือตัดผม เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์ ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน ห้ามใส่ชุดขาวดำ เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี ห้ามให้ยืมเงิน คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี ห้ามทำของแตก เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี" ห้ามร้องไห้ คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี ห้ามใช้ของมีคม ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย อ่านเพิ่มเติม วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน คำอวยพรวันตรุษจีน ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 717 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี

    Advertisement

    Play Video
    ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้



    สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568
    ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
    วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้

    นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
    รวมญาติกินเกี๊ยว
    สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ

    ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง
    กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี
    ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี
    ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ"
    "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ
    ห้ามกวาดบ้าน
    ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป

    ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้
    ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่
    เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง

    ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก

    แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน
    ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส
    ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง
    ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่
    ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล
    รับอั่งเปา
    วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ
    ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต



    นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต

    เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง

    สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568
    ห้ามสระผมหรือตัดผม
    เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป
    ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ
    คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี
    ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์
    ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ
    ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน
    คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน
    ห้ามใส่ชุดขาวดำ
    เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี
    ห้ามให้ยืมเงิน
    คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี
    ห้ามทำของแตก
    เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น
    ห้ามซื้อรองเท้าใหม่
    คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี"
    ห้ามร้องไห้
    คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี
    ห้ามใช้ของมีคม
    ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย
    ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น
    คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย
    อ่านเพิ่มเติม

    วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน
    คำอวยพรวันตรุษจีน
    ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี Advertisement Play Video ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้ สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568 ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้ นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป รวมญาติกินเกี๊ยว สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ ห้ามกวาดบ้าน ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้ ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่ เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่ ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล รับอั่งเปา วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568 ห้ามสระผมหรือตัดผม เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์ ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน ห้ามใส่ชุดขาวดำ เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี ห้ามให้ยืมเงิน คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี ห้ามทำของแตก เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี" ห้ามร้องไห้ คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี ห้ามใช้ของมีคม ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย อ่านเพิ่มเติม วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน คำอวยพรวันตรุษจีน ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 711 มุมมอง 0 รีวิว
  • #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี

    Advertisement

    Play Video
    ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้



    สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568
    ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ
    วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้

    นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป
    รวมญาติกินเกี๊ยว
    สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ

    ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง
    กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี
    ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี
    ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ"
    "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ
    ห้ามกวาดบ้าน
    ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป

    ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้
    ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่
    เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง

    ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก

    แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน
    ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส
    ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง
    ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่
    ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล
    รับอั่งเปา
    วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ
    ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต



    นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต

    เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง

    สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568
    ห้ามสระผมหรือตัดผม
    เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป
    ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ
    คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี
    ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์
    ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ
    ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน
    คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน
    ห้ามใส่ชุดขาวดำ
    เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี
    ห้ามให้ยืมเงิน
    คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี
    ห้ามทำของแตก
    เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น
    ห้ามซื้อรองเท้าใหม่
    คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี"
    ห้ามร้องไห้
    คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี
    ห้ามใช้ของมีคม
    ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย
    ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น
    คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย
    อ่านเพิ่มเติม

    วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน
    คำอวยพรวันตรุษจีน
    ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    #วันตรุษจีน เป็นการเริ่มต้นปีใหม่ตามความเชื่อของชาวจีน เป็นการก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและโชคลาภ ชาวจีนจะทำการไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีและขอพรให้ได้รับความคุ้มครอง เป็นโอกาสดีที่สมาชิกในครอบครัวจะได้มารวมตัวกัน ฉลองเทศกาล และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดี Advertisement Play Video ชาวจีนมีความเชื่อมากมายเกี่ยวกับสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำในช่วงเทศกาลตรุษจีน มีดังนี้ สิ่งที่ควรทำในวันตรุษจีน 2568 ไหว้เจ้า ไหว้บรรพบุรุษ และไหว้ผีไม่มีญาติ วันที่ชาวจีนต้องไว้เจ้านั้นเราเรียกว่า "วันซาจั๊บ" โดยมักจะทำในช่วงเช้าหลังจากที่ไหว้เจ้าในบ้าน คือ ตีจูเอี๊ยะและไหว้บรรพบุรุษ แล้วในตอนเที่ยงจึงไหว้ผีไม่มีญาติ โดยของไหว้จะมีทั้งอาหารคาว เช่น เป็ด ไก่ รวมถึงอาหารหวานด้วย จะมากหรือจะน้อย ก็ขึ้นอยู่กับฐานะของผู้ไหว้ นอกจากนี้ก็ยังต้องมีเครื่องกระป๋อง ข้าวสาร และเกลือ เพื่อให้ผีไม่มีญาติได้นำออกไปและเมื่อไหว้เสร็จก็ต้องจุดประทัด จากนั้นจึงเอาข้าวสารมาผสมกับเกลือแล้วนำมาโปรยเพื่อขับไล่สิ่งที่ไม่ดีให้หมดไป รวมญาติกินเกี๊ยว สิ่งที่สำคัญมากอีกหนึ่งประการของวันตรุษจีน คือ เป็นวันนัดรวมญาติ เพราะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องเดินทางมาร่วมโต๊ะกินเกี๊ยวด้วยกันในวันซาจั๊บ ซึ่งถือเป็นมื้อสุดท้ายก่อนจะถึงวันปีใหม่หรือ "วันชิวอิก" (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน คือ วันชิวอิก) และเหตุที่ต้องเป็น "เกี๊ยว" ก็เพราะรูปร่างของเกี๊ยวมีลักษณะเหมือนกับ "เงิน" ของจีน จึงแฝงความหมายเป็นนัยว่าให้มั่งมีเงินทองนั่นเอง กินเจมื้อเช้า คือ มื้อแรกของปี ในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่ของชาวจีน) คนจีนจะกินเจเป็นอาหารมื้อแรก ซึ่งถือว่าเป็นมื้ออาหารแรกของปี โดยมีเชื่อว่าจะได้บุญเหมือนกับกินเจตลอดทั้งปี ทำพิธีรับ "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" "ไฉ่ สิ่ง เอี้ยะ" เป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและเป็นเทพพิทักษ์ทรัพย์ จึงมักจะมีการทำพิธีรับเทพซึ่งเปรียบได้กับการทำพิธีรับโชคลาภ โดยทั่วไปมักจะทำพิธีในช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนไปจนถึงตีหนึ่งของวันซาจั๊บ ห้ามกวาดบ้าน ในวันขึ้นปีใหม่ของจีนจะไม่มีการกวาดบ้านจนกว่าจะถึง "วันชิวสี่" (วันชิวสี่ คือ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน โดยปกติ จะแบ่งเป็น วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว และวันชิวสี่) เพราะถ้ากวาดบ้านในวันปีใหม่จะถือว่าเป็นการกวาดเอาสิ่งที่เป็นมงคลทิ้งไป ดังนั้น ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีการทำความสะอาดบ้าน ปัดกวาดหยากไย่ครั้งใหญ่ก่อนจะเข้าสู่วันขึ้นปีใหม่ เพื่อที่ว่าพอวันปีใหม่มาถึงก็จะงดทำความสะอาดบ้านนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดีหากบ้านใครสกปรกมากจนทนไม่ไหวก็สามารถแก้เคล็ดได้ด้วยการกวาดจากหน้าบ้านเข้าไปในบ้านแทนได้ ติดตุ๊ยเลี้ยง หรือ คำอวยพรปีใหม่ เมื่อก่อนคนจีนที่พอมีความรู้จะเขียน "ตุ๊ยเลี้ยง" เอง โดยใช้หมึกดำหรือสีทองเขียนคำอวยพรลงบนกระดาษสีแดง ท่านใดไม่มีความรู้ด้านภาษาจีน ก็สามารถไปจ้างมืออาชีพเขียนให้ได้ โดยแหล่งใหญ่ก็อยู่ในย่านไชน่าทาวน์ หรือ เยาวราชนั่นเอง ส่วนคำอวยพรที่นิยมเขียน ประกอบด้วยตัวอักษร 7 ตัว เขียนเป็นคำกลอน โดยมากจะอวยพรให้ "ทำมาค้าขึ้น หรือ ให้มั่งมีเงินทอง" จากนั้นจะนำมาติดตามสองข้างประตูบ้าน และต้องมีอีก 1 แผ่นสำหรับติดทางขวางตรงกลางทางเข้า-ออก แผ่นนี้จะต้องเขียนคำว่า "ชุก ยิบ เผ่ง อัง" ซึ่งมีความหมายว่า เข้า-ออกโดยปลอดภัย นอกจากนี้ ชาวจีนยังนิยมติดภาพเด็กผู้หญิง-เด็กผู้ชาย ที่เรียกว่า "หนี่อ่วย" ซึ่งถือเป็นภาพมงคลของจีนที่มักติดบริเวณประตูหน้าบ้าน ใส่เสื้อผ้าใหม่สีสันสดใส ในวันมงคลเช่นนี้ชาวจีนนิยมใส่เสื้อผ้าใหม่ สีสันสดใส เพราะเชื่อว่าจะทำให้มีแต่สิ่งดีๆ สิ่งใหม่ๆ เข้ามาในปีใหม่นี้ด้วย โดยการเลือกเสื้อสีสดก็เปรียบได้กับความสว่างสดใสและความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ซึ่งสีที่เป็นที่นิยมที่สุด ก็คือ "สีแดง" หมายถึง ความมงคล มั่งคั่ง ส้ม 4 ผล อวยพรผู้ใหญ่ ธรรมเนียมที่ต้องปฏิบัติในวันชิวอิก (วันแรกของปีใหม่จีน) คือ ทุกคนจะต้องนำส้ม 4 ผล ไปกราบขอพรผู้ใหญ่ โดยผู้ใหญ่ซึ่งเป็นเจ้าบ้านเองก็จะเตรียมเมล็ดแตงโมย้อมสีแดงไว้รวมถึงลูกสมอจีนเอารอรับแขกอยู่แล้ว และเมื่อมีผู้มาอวยพรพร้อมกับส้ม 4 ผล เจ้าบ้านก็จะรับส้มมา 2 ผล พร้อมกับนำส้มในบ้านตนเองไปวางคืนให้กับแขก 2 ผล รับอั่งเปา วันตรุษจีนถือเป็นอีกวันสำหรับเด็กๆ ที่ต่างตั้งตารอคอยวันนี้มาตลอด เพราะเป็นวันที่จะได้รับซองแดงใส่เงินขวัญถุง จากผู้ใหญ่เพื่อให้โชคดีตลอดทั้งปี โดยมารยาทก่อนจะรับซองแดงต้องอย่าลืมกล่าวคำว่า "ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้" เพื่ออวยพรผู้ใหญ่ก่อนเสมอ ไหว้เจ้าเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต นอกจากในวันซาจั๊บแล้ว ในวันชิวอิกนี้ก็ยังต้องมีการไหว้ไหว้บรรพบุรุษ เพื่อแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้ที่ล่วงลับไปแล้วด้วย และที่สำคัญก็ยังต้องไหว้เจ้าเพื่อขอให้เทพเจ้าช่วยดลบันดาลให้ชีวิตของคุณและครอบครัวประสบแต่ความสุข ความเจริญในชีวิต เมื่อรู้ถึงสิ่งที่ควรปฏิบัติกันไปแล้ว มาดูข้อห้าม! ที่ห้ามทำในวันมงคลอย่างวันตรุษจีนกันบ้าง สิ่งที่ไม่ควรทําในวันตรุษจีน 2568 ห้ามสระผมหรือตัดผม เนื่องจากคำว่า "ผม" พ้องเสียงและพ้องรูปกับคำว่า "มั่งคั่ง" ดังนั้น การสระหรือตัดผมในวันตรุษจีน มีความหมายว่า การนำความมั่งคั่งออกไป ห้ามพูดคำหยาบและทะเลาะ คนจีนจะงดพูดคำหยาบและสิ่งที่ไม่ดี รวมถึงพูดเรื่องความตายหรือผี เพราะเชื่อว่า และจะนำความโชคร้ายมาให้ทั้งปี ห้ามกินโจ๊กและเนื้อสัตว์ ในสมัยก่อนคนจนมักจะกินโจ๊กในตอนเช้า ดังนั้น การกินโจ๊กในตอนเช้าของวันตรุษจีน เหมือนกับการขัดขวางความร่ำรวย ขัดลาภ ขัดโชคจึงไม่ควรกินโจ๊กในเช้าของวันตรุษจีน ตลอดจนรวมถึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยเนื่องจากเชื่อว่า เทพเจ้าที่ลงมาในตอนเช้าของวันตรุษจีนนั้นจะกินแต่มังสวิรัติ ห้ามซักผ้าในวันตรุษจีน คนจีนเชื่อว่า เทพเจ้าแห่งน้ำ เกิดในวันตรุษจีน ดังนั้น การซักผ้าในวันตรุษจีนเปรียบเสมือนการลบหลู่ท่าน ห้ามใส่ชุดขาวดำ เสื้อผ้าที่เป็นสีขาวดำ เป็นสัญลักษณ์ของความตาย ดังนั้นการใส่เสื้อผ้าสีขาวดำ หมายถึง ลางร้าย โดยคนจีนจะนิยมใส่เสื้อผ้าสีแดง เพราะเชื่อว่า สีแดง คือ สีแห่งความโชคดี ห้ามให้ยืมเงิน คนจีนเชื่อว่า การยืมเงินในวันนี้ จะทำให้ทั้งปีมีคนเข้ามาขอยืมเงินตลอด และถ้าใครที่ติดเงินใคร ควรที่จะคืนเงินก่อนวันตรุษจีน เพราะเชื่อว่า จะมีหนี้สินตลอดปี ห้ามทำของแตก เพราะเชื่อว่า เป็นลางร้ายถึงครอบครัวจะแตกแยก หรือมีคนเสียชีวิตในครอบครัว หากทำของแตกโดยไม่ได้ตั้งใจ มีวิธีการแก้เคล็ดโดยการพูดว่า "luo di ka hua" ที่แปลว่า ดอกไม้จะเบ่งบานเมื่อตกลงสู่พื้น ห้ามซื้อรองเท้าใหม่ คนจีนจะไม่ซื้อรองเท้าใหม่ในเดือนแรกของวันตรุษจีน เพราะคำว่า รองเท้า ในภาษาจีนออกเสียงว่า Hai มีเสียงคล้ายกับการถอนหายใจ จึงเชื่อว่า เป็น "สัญญาณของการเริ่มต้นปีที่ไม่ดี" ห้ามร้องไห้ คนจีนเชื่อว่า จะทำให้พบกับเรื่องไม่ดี และเสียใจทั้งปี ห้ามใช้ของมีคม ชาวจีนเชื่อว่า การใช้ของมีคมตัดสิ่งของ คือ การตัดโชคดีไปด้วย ห้ามเข้าไปในห้องนอนคนอื่น คนจีนเชื่อการเข้าห้องนอนผู้อื่นในวันตรุษจีน ถือเป็นโชคร้าย อ่านเพิ่มเติม วันตรุษจีน ประวัติ และความเชื่อโชคลางในวันตรุษจีน คำอวยพรวันตรุษจีน ตรุษจีน 2568 วันไหว้ วันจ่าย วันเที่ยว วันที่เท่าไร ห้ามทำอะไรบ้าง?
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 706 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่เห็นเมื่อเช้า หมอกหรือควัน? เกือบ 100% บอกว่าฝุ่น แอดภาวนาขอให้เป็นหมอกธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่ดูคล้ายหมอกเช่นที่เกิดในอังกฤษและอเมริกาหลายวันก่อน (แน่นอนว่าโดรนไม่มาไกล แต่ถ้าเครื่องบินอาจจะขึ้นแถวๆประเทศเพื่อนบ้านหรือบ้านเราเอง ซึ่งเป็นสมาชิก WEF หรือ สมาชิก UN)

    บรรยากาศไม่ต่างจากเริ่มระบอบโควิด ทรัมป์ก้าวขึ้นฯ ช่วงปีใหม่จีน แล้วเครื่องบินก็บรรทุกผู้โดยสาร 232 (เลขฟรีเมสัน) คนไปอเมริกา #ระบอบโควิด เริ่มต้น พร้อมกันนั้น ทรัมป์ สั่ง #ล๊อคและโหลด #ล๊อคแล้วโหลด (คำพูดทรัมป์) และเริ่มต้นโปรเจค วาปสปีด!! ซึ่งตอนนี้ เป็นวาปสปีด 2.0 หรือโปรแกรม AI ฉีดวัคซีนให้มนุษย์โดยแบ่งแยกเป็นรายบุคคล ทั่วโลก โดยมีศูนย์ปฏิบัติงานใน อเมริกา https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/pfbid02FfUvQFLYrYtC1jSAHMBbhr9gvGjVk3N1xUMwBQ6k8R8Sr8Loj2yMnFpQp8JxexBEl
    ตอนนี้ไข้หวัดนกกำลังระบาดเพิ่มมากขึ้นใน อังกฤษและสกอตแลนด์ ต่อจากสหรัฐฯ https://www.gbnews.com/health/bird-flu-outbreak-england-scotland-biosecurity-zone

    *มีข่าวว่าทรัมป์จะกลับเข้าอ้อมกอด WEF เหมือนเดิม? (ตดยังไม่หายเหม็น แอดเขียนโพสเมื่อวานยังไม่จบเลย)

    หมอก ควัน ฝุ่น แยกด้วยตาเนื้อยาก แต่ถ้าใจคิดว่าฝุ่น ก็จะเชื่อว่าเป็นฝุ่นตามที่สื่อทีวี หมอย ย..ง เคยบอกเล่า ..
    เช่นเดียวกับ อะไรไวรัส อะไรคือทดสอบเท็จ อะไรอยู่ในกระบอกวัคซีน ประชาชนทั่วไปใครจะรู้ ถ้าไม่พิจารณา ไม่ติดตามข่าวหลังฉาก ถ้ามัวแต่ตามสื่อหลัก ฟังความผู้นำ คงต้องเดินเข้าคอกให้เขาเชือด แล้วฉีดวัคซวย ฉนั้นแล้ว การพิจารณาเพื่อให้ได้ความจริง เพื่อรอด มันค่อนข้างยาก แอดเองก็แยกยาก พวกเขาสับหลอกจนตาลาย!

    จากที่แอดเคยเดาว่ากมาลาจะขึ้นนำชั่วครู่แล้วทรัมป์จะกลับมาทวงบัลลังคืนในช่วงสงครามกลางเมือง
    เคยเดาว่าหลังจากประชาชนรู้ความจริงเกี่ยวกับโควิด พวกเขาจะโกรธ และลงถนนร่วมกันทำลายกันและกัน ซึ่งเรารู้จักใน แผน #แบ่งแยกและพิชิต ของฟรีเมสัน https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/pfbid02xXLmG95xUX6NS4DVUXgnVW24MH2hgC9swPYo7yiNfAmDaX99FTHCsfuYbgJkxe3el
    แต่เห็นแล้วว่าทรัม์ขึ้นนำและยังไม่มีสงครามกลางเมือง แต่การเปิดเผยของทรัมป์เรื่องโลกาภิวัตน์ WEF ถูกต้องแล้วส่วนหนึ่ง แต่คน ประชาชนยังไม่โกรธ ไม่ตื่น - ในบ้านเรา หมอ อรรถพล บอกว่า องค์กรส่งเสริมวัคซีน ทำได้แค่ ไบ้กิน!? https://www.facebook.com/groups/374786411903689/posts/616390454409949/ หมายถึงจนมุมด้วยหลักฐาน เพราะทรัมป์ เล่นทุบหม้อข้าวตนเอง ลูกหาบหรือจะรับไม้ทัน อึ้่งกิมกี่สิพี่น้อง

    ทรัมป์จะออกจาก WEF ออกจาก WHO จริงหรือในสายตาสื่อหลักสำหรับหลอกแกะ ต้องตามข่าว แต่สำหรับแอดมิน พวกเขาแค่สร้างฉากให้หลง พวกเขายังจูบปากกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ทรัมป์กำลังเร่งทำงานสนองตอบยิวไซออนิสต์ สนองตอบนายธนาคารโลก ร่วมวงชาวโลกาภิวัตน์ พวกเขาคือรัฐบาลโลก และ ทรัมป์กำลังจะกลับไปตะวันออกกลาง เพื่อสร้าง #มหานครอิสราเอล

    ข่าวล่าสุด: ทรัมป์กล่าวว่าเขากำลังกดดันจอร์แดนและอียิปต์ให้รับชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซา ซึ่งเป็นแผน "เพื่อทำความสะอาด" ดินแดนดังกล่าว AP รายงาน
    ทรัม์กล่าวว่า "ฉันได้พูดคุยกับกษัตริย์แห่งจอร์แดนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการย้ายชาวกาซาไปยังประเทศเพื่อนบ้าน" "ผมบอกเขาให้รับคนเพิ่มเพราะฉนวนกาซากำลังมีปัญหาหนักมาก ผมอยากให้อียิปต์รับคนเพิ่มด้วย และผมจะคุยกับอัลซิซีพรุ่งนี้" ... 5555 แอดขอหัวเราะก่อน นี่ทรัม์แกล้งพูดใช่ไหม เพราะแผนการไล่ต้อนชาวปาเลสไตน์ไบยังซีนาย หรือ ไซนาย พวกเขาร่วมกันดำเนินการตั้งแต่สมัยแรกของเขา (เช่นเดียวกับการผนวกเกาะไอสแลนด์ เอ๊ย กรีนแลนด์ แคนาดา แมกซิโก)

    ชวาป และ รัฐปีกย่อย (ปีก ปีกซาตาน รัฐปีกย่อย หมายถึง สาขาของรัฐบาลโลก) พวกเขากำลังประชุมอย่างซิ้ดซ้าด!!! : ซิ้ดดดด จะไม่ซิ้ดได้ยังไง แต่ละคนสั่งสาวบริการเน้นประตูหลัง ลองค้นหาข่าวด้วยภาพด้านล่างดูสิ สั่นเลยล่ะ .. แล้วจะรู้ว่าชวาป เล่นละครกับทรัมป์กันถึงพริกถึงขิงแค่ไหน

    รู้หรือไม่ การฉีดวัคซวย หมายถึงการฉีด งู เข้าไในร่างกายในสายตาชาวโลกาภิวัตน์ (ง่าย ๆ ดูโลโก้องค์กรคะยั้นคะยอให้รับวัคซีน)

    *เอาไว้เราค่อยติดตามโปรเจค วาปสปีด 2.0 ซึ่งมีเค้าลางเกี่ยวกับการคอลโทรลมนุษย์ผ่านดีเอ็นเอ ที่เก็บไว้แล้วของทนุษย์ทั่วโลก
    "#สตาร์เกต" #Stargate

    แอดเกือบลมพูดถึงสัญลักษณ์ข้างหลังทรัมป์ สัญลักษณ์ที่ ชัดเจนสำหรับสงคราม สุนทรพจน์ของทรัมป์ต่อฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF)
    ตราประทับของสหรัฐอเมริกาจะมี 2 แบบ คือ
    1. แบบที่ใช้ในยามสงบ และ
    2. แบบที่ใช้ในยามสงคราม
    ในช่วงสงบ หัวของนกอินทรีจะหันไปทางซ้ายของพวกเรา ไปทางกิ่งมะกอก ตรงที่เราเห็นเป็นกรงเล็บด้านซ้าย
    ในช่วงสงคราม หัวของอินทรีจะหันไปทางขวาของพวกเรา ไปทางลูกศรแห่งสงคราม ซึ่งพวกเราเห็นว่าเป็น Talon ทางขวา

    บนโพเดียมที่ทรัมป์พูด หัวของอินทรีหันไปทางซ้ายของเรา: สันติภาพ
    แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ภาพอินทรีบนจอภาพขนาดยักษ์ด้านหลังเขา แสดงให้เห็นหัวอินทรีหันไปทางสิ่งที่เราเห็น คงไม่ใช่อะไรอื่น ทรัมป์และอเมริกากำลังจะมีสงคราม (สงครามกับใครคือคำถาม)

    "ชนชั้นยอด" มักจะใช้สัญลักษณ์เพื่อสื่อสารข้อความถึงกัน พวกเขายังกล่าวอีกว่า "ชนชั้นสูง" ใช้สัญลักษณ์เหล่านี้เพื่อล้อเลียนคนอเมริกันซึ่งพวกเขามองว่าโง่เขลา

    ซีรีส์ทางโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง “West Wing” ยังได้พูดถึงประเด็นนี้ในตอนหนึ่งด้วย นี่คือคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้อง: https://youtu.be/1qkLXiuEUdE

    ทรัมป์และอเมริกาจะทำสงครามกับใคร อิหร่าน หรือรัสเซีย หรือ สงครามกับระชาชน
    ที่เห็นเมื่อเช้า หมอกหรือควัน? เกือบ 100% บอกว่าฝุ่น แอดภาวนาขอให้เป็นหมอกธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่ดูคล้ายหมอกเช่นที่เกิดในอังกฤษและอเมริกาหลายวันก่อน (แน่นอนว่าโดรนไม่มาไกล แต่ถ้าเครื่องบินอาจจะขึ้นแถวๆประเทศเพื่อนบ้านหรือบ้านเราเอง ซึ่งเป็นสมาชิก WEF หรือ สมาชิก UN) บรรยากาศไม่ต่างจากเริ่มระบอบโควิด ทรัมป์ก้าวขึ้นฯ ช่วงปีใหม่จีน แล้วเครื่องบินก็บรรทุกผู้โดยสาร 232 (เลขฟรีเมสัน) คนไปอเมริกา #ระบอบโควิด เริ่มต้น พร้อมกันนั้น ทรัมป์ สั่ง #ล๊อคและโหลด #ล๊อคแล้วโหลด (คำพูดทรัมป์) และเริ่มต้นโปรเจค วาปสปีด!! ซึ่งตอนนี้ เป็นวาปสปีด 2.0 หรือโปรแกรม AI ฉีดวัคซีนให้มนุษย์โดยแบ่งแยกเป็นรายบุคคล ทั่วโลก โดยมีศูนย์ปฏิบัติงานใน อเมริกา https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/pfbid02FfUvQFLYrYtC1jSAHMBbhr9gvGjVk3N1xUMwBQ6k8R8Sr8Loj2yMnFpQp8JxexBEl ตอนนี้ไข้หวัดนกกำลังระบาดเพิ่มมากขึ้นใน อังกฤษและสกอตแลนด์ ต่อจากสหรัฐฯ https://www.gbnews.com/health/bird-flu-outbreak-england-scotland-biosecurity-zone *มีข่าวว่าทรัมป์จะกลับเข้าอ้อมกอด WEF เหมือนเดิม? (ตดยังไม่หายเหม็น แอดเขียนโพสเมื่อวานยังไม่จบเลย) หมอก ควัน ฝุ่น แยกด้วยตาเนื้อยาก แต่ถ้าใจคิดว่าฝุ่น ก็จะเชื่อว่าเป็นฝุ่นตามที่สื่อทีวี หมอย ย..ง เคยบอกเล่า .. เช่นเดียวกับ อะไรไวรัส อะไรคือทดสอบเท็จ อะไรอยู่ในกระบอกวัคซีน ประชาชนทั่วไปใครจะรู้ ถ้าไม่พิจารณา ไม่ติดตามข่าวหลังฉาก ถ้ามัวแต่ตามสื่อหลัก ฟังความผู้นำ คงต้องเดินเข้าคอกให้เขาเชือด แล้วฉีดวัคซวย ฉนั้นแล้ว การพิจารณาเพื่อให้ได้ความจริง เพื่อรอด มันค่อนข้างยาก แอดเองก็แยกยาก พวกเขาสับหลอกจนตาลาย! จากที่แอดเคยเดาว่ากมาลาจะขึ้นนำชั่วครู่แล้วทรัมป์จะกลับมาทวงบัลลังคืนในช่วงสงครามกลางเมือง เคยเดาว่าหลังจากประชาชนรู้ความจริงเกี่ยวกับโควิด พวกเขาจะโกรธ และลงถนนร่วมกันทำลายกันและกัน ซึ่งเรารู้จักใน แผน #แบ่งแยกและพิชิต ของฟรีเมสัน https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/pfbid02xXLmG95xUX6NS4DVUXgnVW24MH2hgC9swPYo7yiNfAmDaX99FTHCsfuYbgJkxe3el แต่เห็นแล้วว่าทรัม์ขึ้นนำและยังไม่มีสงครามกลางเมือง แต่การเปิดเผยของทรัมป์เรื่องโลกาภิวัตน์ WEF ถูกต้องแล้วส่วนหนึ่ง แต่คน ประชาชนยังไม่โกรธ ไม่ตื่น - ในบ้านเรา หมอ อรรถพล บอกว่า องค์กรส่งเสริมวัคซีน ทำได้แค่ ไบ้กิน!? https://www.facebook.com/groups/374786411903689/posts/616390454409949/ หมายถึงจนมุมด้วยหลักฐาน เพราะทรัมป์ เล่นทุบหม้อข้าวตนเอง ลูกหาบหรือจะรับไม้ทัน อึ้่งกิมกี่สิพี่น้อง ทรัมป์จะออกจาก WEF ออกจาก WHO จริงหรือในสายตาสื่อหลักสำหรับหลอกแกะ ต้องตามข่าว แต่สำหรับแอดมิน พวกเขาแค่สร้างฉากให้หลง พวกเขายังจูบปากกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ทรัมป์กำลังเร่งทำงานสนองตอบยิวไซออนิสต์ สนองตอบนายธนาคารโลก ร่วมวงชาวโลกาภิวัตน์ พวกเขาคือรัฐบาลโลก และ ทรัมป์กำลังจะกลับไปตะวันออกกลาง เพื่อสร้าง #มหานครอิสราเอล ข่าวล่าสุด: ทรัมป์กล่าวว่าเขากำลังกดดันจอร์แดนและอียิปต์ให้รับชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซา ซึ่งเป็นแผน "เพื่อทำความสะอาด" ดินแดนดังกล่าว AP รายงาน ทรัม์กล่าวว่า "ฉันได้พูดคุยกับกษัตริย์แห่งจอร์แดนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการย้ายชาวกาซาไปยังประเทศเพื่อนบ้าน" "ผมบอกเขาให้รับคนเพิ่มเพราะฉนวนกาซากำลังมีปัญหาหนักมาก ผมอยากให้อียิปต์รับคนเพิ่มด้วย และผมจะคุยกับอัลซิซีพรุ่งนี้" ... 5555 แอดขอหัวเราะก่อน นี่ทรัม์แกล้งพูดใช่ไหม เพราะแผนการไล่ต้อนชาวปาเลสไตน์ไบยังซีนาย หรือ ไซนาย พวกเขาร่วมกันดำเนินการตั้งแต่สมัยแรกของเขา (เช่นเดียวกับการผนวกเกาะไอสแลนด์ เอ๊ย กรีนแลนด์ แคนาดา แมกซิโก) ชวาป และ รัฐปีกย่อย (ปีก ปีกซาตาน รัฐปีกย่อย หมายถึง สาขาของรัฐบาลโลก) พวกเขากำลังประชุมอย่างซิ้ดซ้าด!!! : ซิ้ดดดด จะไม่ซิ้ดได้ยังไง แต่ละคนสั่งสาวบริการเน้นประตูหลัง ลองค้นหาข่าวด้วยภาพด้านล่างดูสิ สั่นเลยล่ะ .. แล้วจะรู้ว่าชวาป เล่นละครกับทรัมป์กันถึงพริกถึงขิงแค่ไหน รู้หรือไม่ การฉีดวัคซวย หมายถึงการฉีด งู เข้าไในร่างกายในสายตาชาวโลกาภิวัตน์ (ง่าย ๆ ดูโลโก้องค์กรคะยั้นคะยอให้รับวัคซีน) *เอาไว้เราค่อยติดตามโปรเจค วาปสปีด 2.0 ซึ่งมีเค้าลางเกี่ยวกับการคอลโทรลมนุษย์ผ่านดีเอ็นเอ ที่เก็บไว้แล้วของทนุษย์ทั่วโลก "#สตาร์เกต" #Stargate แอดเกือบลมพูดถึงสัญลักษณ์ข้างหลังทรัมป์ สัญลักษณ์ที่ ชัดเจนสำหรับสงคราม สุนทรพจน์ของทรัมป์ต่อฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) ตราประทับของสหรัฐอเมริกาจะมี 2 แบบ คือ 1. แบบที่ใช้ในยามสงบ และ 2. แบบที่ใช้ในยามสงคราม ในช่วงสงบ หัวของนกอินทรีจะหันไปทางซ้ายของพวกเรา ไปทางกิ่งมะกอก ตรงที่เราเห็นเป็นกรงเล็บด้านซ้าย ในช่วงสงคราม หัวของอินทรีจะหันไปทางขวาของพวกเรา ไปทางลูกศรแห่งสงคราม ซึ่งพวกเราเห็นว่าเป็น Talon ทางขวา บนโพเดียมที่ทรัมป์พูด หัวของอินทรีหันไปทางซ้ายของเรา: สันติภาพ แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ภาพอินทรีบนจอภาพขนาดยักษ์ด้านหลังเขา แสดงให้เห็นหัวอินทรีหันไปทางสิ่งที่เราเห็น คงไม่ใช่อะไรอื่น ทรัมป์และอเมริกากำลังจะมีสงคราม (สงครามกับใครคือคำถาม) "ชนชั้นยอด" มักจะใช้สัญลักษณ์เพื่อสื่อสารข้อความถึงกัน พวกเขายังกล่าวอีกว่า "ชนชั้นสูง" ใช้สัญลักษณ์เหล่านี้เพื่อล้อเลียนคนอเมริกันซึ่งพวกเขามองว่าโง่เขลา ซีรีส์ทางโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง “West Wing” ยังได้พูดถึงประเด็นนี้ในตอนหนึ่งด้วย นี่คือคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้อง: https://youtu.be/1qkLXiuEUdE ทรัมป์และอเมริกาจะทำสงครามกับใคร อิหร่าน หรือรัสเซีย หรือ สงครามกับระชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 999 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทำความสะอาดตัวกรองไอเสีย
    #interesting #interestingfacts #uniquefacts #satisfying

    ◆YouTube : https://www.youtube.com/@MrZERO2077
    ◆Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=100095428599918
    ◆Thaitimes : https://thaitimes.co/pages/MrZERO2077

    💵สนับสนุน ได้ที่🔻

    Wallet (ทรู วอเล็ต) 💸

    [ 092-038-1957 ]
    การทำความสะอาดตัวกรองไอเสีย #interesting #interestingfacts #uniquefacts #satisfying ◆YouTube : https://www.youtube.com/@MrZERO2077 ◆Facebook : https://www.facebook.com/profile.php?id=100095428599918 ◆Thaitimes : https://thaitimes.co/pages/MrZERO2077 💵สนับสนุน ได้ที่🔻 Wallet (ทรู วอเล็ต) 💸 [ 092-038-1957 ]
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 527 มุมมอง 18 0 รีวิว
  • ทรัมป์กำลังพิจารณากลับเข้าร่วม WHO อีกครั้ง! หลังจากเพิ่งลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อถอนสหรัฐออกจากการเป็นสมาชิกได้เพียงไม่กี่วัน

    “บางทีเราอาจพิจารณาอีกครั้ง ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่พวกเขาควรต้องจัดการทำความสะอาดองค์กรนี้สักหน่อย” ประธานาธิบดีกล่าวในการชุมนุมที่ Circa Resort & Casino ในลาสเวกัส

    ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์มักจะวิจารณ์องค์การอนามัยโลกมายาวนานในสิ่งที่เขาเรียกว่า “ความล้มเหลวในการปฏิรูปที่จำเป็นเร่งด่วน” และได้กล่าวถึงการสนับสนุนทางการเงินของสหรัฐว่า “เป็นภาระหนัก”
    ทรัมป์กำลังพิจารณากลับเข้าร่วม WHO อีกครั้ง! หลังจากเพิ่งลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อถอนสหรัฐออกจากการเป็นสมาชิกได้เพียงไม่กี่วัน “บางทีเราอาจพิจารณาอีกครั้ง ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่พวกเขาควรต้องจัดการทำความสะอาดองค์กรนี้สักหน่อย” ประธานาธิบดีกล่าวในการชุมนุมที่ Circa Resort & Casino ในลาสเวกัส ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์มักจะวิจารณ์องค์การอนามัยโลกมายาวนานในสิ่งที่เขาเรียกว่า “ความล้มเหลวในการปฏิรูปที่จำเป็นเร่งด่วน” และได้กล่าวถึงการสนับสนุนทางการเงินของสหรัฐว่า “เป็นภาระหนัก”
    Like
    4
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 265 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts