• การโจมตีตอบโต้ของอิหร่านทำให้หลายประเทศได้เห็นแล้วว่า "ทรงพลังมากกว่าที่คาดไว้"

    ที่ผ่านมา ตะวันตกมักจะประเมินฝ่ายตรงข้ามต่ำเกินไปอยู่เสมอ เช่น ระบอบการปกครองของอิหร่านจะล่มสลาย รัสเซียจะพ่ายแพ้ได้ง่าย อาวุธใกล้จะหมด เศรษฐกิจจะล่มสลาย จีนประเทศชาวนนาไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆได้ เหล่านี้เป็นต้น

    ตะวันตกไม่เคยประเมินสถานการณ์จริงอย่างมีข้อมูล เพราะอะไร!?! เพราะพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงความเห็นต่าง ทั้งๆที่ปากพร่ำสอนเรื่องประชาธิปไตย ยอมรับความเห็นต่าง แต่กลายเป็นว่าการเปิดปากพูดเพื่อยอมรับความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม จะถูกประณามทันทีว่าเป็นผู้ "สนับสนุนอิหร่าน" "สนับสนุนรัสเซีย" หรือ "สนับสนุนจีน"

    ทำให้ทุกคนในโลกประชาธิปไตย ต้องชื่นชมกันเอง และกดฝ่ายตรงข้ามให้ต่ำเข้าไว้ แต่นั่นคือการวิเคราะห์ที่ไม่ดีส่งผลให้เกิดนโยบายที่ไม่ดีออกมาปฏิบัติ

    เราจะได้นโยบายแบบไหน หากเมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้พูดความจริง ไม่ได้รับอนุญาตให้มีการอภิปรายอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม ไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับฝ่ายตรงข้ามอย่างตรงไปตรงมาเพื่อศึกษาพวกเขา วัฒนธรรมการปิดกั้นและการไม่คบค้าสมาคมกับพวกเขา กลับทำให้เราตาบอด หูหนวก และใบ้

    Glenn Diesen
    ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย ยูเรเซีย
    การโจมตีตอบโต้ของอิหร่านทำให้หลายประเทศได้เห็นแล้วว่า "ทรงพลังมากกว่าที่คาดไว้" ที่ผ่านมา ตะวันตกมักจะประเมินฝ่ายตรงข้ามต่ำเกินไปอยู่เสมอ เช่น ระบอบการปกครองของอิหร่านจะล่มสลาย รัสเซียจะพ่ายแพ้ได้ง่าย อาวุธใกล้จะหมด เศรษฐกิจจะล่มสลาย จีนประเทศชาวนนาไม่สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆได้ เหล่านี้เป็นต้น ตะวันตกไม่เคยประเมินสถานการณ์จริงอย่างมีข้อมูล เพราะอะไร!?! เพราะพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงความเห็นต่าง ทั้งๆที่ปากพร่ำสอนเรื่องประชาธิปไตย ยอมรับความเห็นต่าง แต่กลายเป็นว่าการเปิดปากพูดเพื่อยอมรับความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม จะถูกประณามทันทีว่าเป็นผู้ "สนับสนุนอิหร่าน" "สนับสนุนรัสเซีย" หรือ "สนับสนุนจีน" ทำให้ทุกคนในโลกประชาธิปไตย ต้องชื่นชมกันเอง และกดฝ่ายตรงข้ามให้ต่ำเข้าไว้ แต่นั่นคือการวิเคราะห์ที่ไม่ดีส่งผลให้เกิดนโยบายที่ไม่ดีออกมาปฏิบัติ เราจะได้นโยบายแบบไหน หากเมื่อไม่ได้รับอนุญาตให้พูดความจริง ไม่ได้รับอนุญาตให้มีการอภิปรายอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม ไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับฝ่ายตรงข้ามอย่างตรงไปตรงมาเพื่อศึกษาพวกเขา วัฒนธรรมการปิดกั้นและการไม่คบค้าสมาคมกับพวกเขา กลับทำให้เราตาบอด หูหนวก และใบ้ Glenn Diesen ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายต่างประเทศของรัสเซีย ยูเรเซีย
    2 Comments 0 Shares 93 Views 16 0 Reviews
  • เศษซากของ 'THAAD' (Terminal High Altitude Area Defense) ระบบป้องกันขีปนาวุธขั้นสูงที่ทรงพลังที่สุดระบบหนึ่งของอิสราเอล ที่ได้รับความอนุเคราะห์มาจากสหรัฐ

    ราคาประมาณ 12.6 ล้านดอลลาร์ต่อขีปนาวุธหนึ่งลูก
    เศษซากของ 'THAAD' (Terminal High Altitude Area Defense) ระบบป้องกันขีปนาวุธขั้นสูงที่ทรงพลังที่สุดระบบหนึ่งของอิสราเอล ที่ได้รับความอนุเคราะห์มาจากสหรัฐ ราคาประมาณ 12.6 ล้านดอลลาร์ต่อขีปนาวุธหนึ่งลูก
    0 Comments 0 Shares 78 Views 11 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน เพิ่งออกแถลงการณ์สั้นๆ:

    ประชาชนอิหร่านและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่นิ่งเฉยเมื่อเผชิญกับอาชญากรรมนี้ของระบอบไซออนิสต์ การตอบโต้ที่ชอบธรรมและทรงพลังของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะทำให้ศัตรูรู้สึกเสียใจกับการกระทำที่โง่เขลาของตน
    ประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซชเคียน เพิ่งออกแถลงการณ์สั้นๆ: ประชาชนอิหร่านและเจ้าหน้าที่ของรัฐจะไม่นิ่งเฉยเมื่อเผชิญกับอาชญากรรมนี้ของระบอบไซออนิสต์ การตอบโต้ที่ชอบธรรมและทรงพลังของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะทำให้ศัตรูรู้สึกเสียใจกับการกระทำที่โง่เขลาของตน
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • 🏭 Besi ปรับเป้าหมายทางการเงินระยะยาว คาดการณ์ความต้องการชิปเพิ่มขึ้น
    BE Semiconductor Industries (Besi) ปรับเป้าหมายทางการเงินระยะยาว โดยคาดการณ์ว่า ตลาดสำหรับเทคโนโลยีการจัดเรียงชิปขั้นสูงจะเติบโตอย่างมาก เนื่องจาก การพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูล

    Besi เป็นผู้ผลิต เครื่องมือ Hybrid Bonding ที่แม่นยำที่สุดในโลก ซึ่งช่วยให้ สามารถเชื่อมต่อชิปหลายตัวเข้าด้วยกันโดยตรง ทำให้ ชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยไม่ต้องลดขนาดทรานซิสเตอร์

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Besi ปรับเป้าหมายรายได้ระยะยาวเป็น 1.5-1.9 พันล้านยูโร จากเดิม 1 พันล้านยูโร
    - อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 40%-55% จากเดิม 35%-50%
    - การพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูลช่วยเพิ่มความต้องการเทคโนโลยี Hybrid Bonding
    - หุ้นของ Besi เพิ่มขึ้น 7.5% หลังประกาศปรับเป้าหมาย
    - นักวิเคราะห์จาก ING ระบุว่าตลาดสำหรับเทคโนโลยีการจัดเรียงชิปเติบโตขึ้นอย่างมาก

    🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    เมื่อการลดขนาดทรานซิสเตอร์ เริ่มถึงขีดจำกัดทางกายภาพ ผู้ผลิตชิป ต้องหาทางเพิ่มประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยีการจัดเรียงชิปขั้นสูง

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้ Hybrid Bonding จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ซับซ้อน
    - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น TSMC และ Intel จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้มากน้อยแค่ไหน
    - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและซัพพลายเชน
    - ต้องรอดูว่า Besi จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้หรือไม่

    Besi เชื่อว่า เทคโนโลยี Hybrid Bonding จะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาชิปที่เร็วขึ้นและทรงพลังขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าตลาดจะตอบรับเทคโนโลยีนี้อย่างไร

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/12/besi-lifts-its-forecast-expects-higher-demand-for-its-advanced-solutions
    🏭 Besi ปรับเป้าหมายทางการเงินระยะยาว คาดการณ์ความต้องการชิปเพิ่มขึ้น BE Semiconductor Industries (Besi) ปรับเป้าหมายทางการเงินระยะยาว โดยคาดการณ์ว่า ตลาดสำหรับเทคโนโลยีการจัดเรียงชิปขั้นสูงจะเติบโตอย่างมาก เนื่องจาก การพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูล Besi เป็นผู้ผลิต เครื่องมือ Hybrid Bonding ที่แม่นยำที่สุดในโลก ซึ่งช่วยให้ สามารถเชื่อมต่อชิปหลายตัวเข้าด้วยกันโดยตรง ทำให้ ชิปมีประสิทธิภาพสูงขึ้นโดยไม่ต้องลดขนาดทรานซิสเตอร์ ✅ ข้อมูลจากข่าว - Besi ปรับเป้าหมายรายได้ระยะยาวเป็น 1.5-1.9 พันล้านยูโร จากเดิม 1 พันล้านยูโร - อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเป็น 40%-55% จากเดิม 35%-50% - การพัฒนา AI และศูนย์ข้อมูลช่วยเพิ่มความต้องการเทคโนโลยี Hybrid Bonding - หุ้นของ Besi เพิ่มขึ้น 7.5% หลังประกาศปรับเป้าหมาย - นักวิเคราะห์จาก ING ระบุว่าตลาดสำหรับเทคโนโลยีการจัดเรียงชิปเติบโตขึ้นอย่างมาก 🔥 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เมื่อการลดขนาดทรานซิสเตอร์ เริ่มถึงขีดจำกัดทางกายภาพ ผู้ผลิตชิป ต้องหาทางเพิ่มประสิทธิภาพผ่านเทคโนโลยีการจัดเรียงชิปขั้นสูง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้ Hybrid Bonding จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ยังต้องใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ซับซ้อน - ต้องติดตามว่าผู้ผลิตชิปรายใหญ่ เช่น TSMC และ Intel จะนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้มากน้อยแค่ไหน - ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนด้านเศรษฐกิจและซัพพลายเชน - ต้องรอดูว่า Besi จะสามารถรักษาอัตราการเติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้หรือไม่ Besi เชื่อว่า เทคโนโลยี Hybrid Bonding จะเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาชิปที่เร็วขึ้นและทรงพลังขึ้น อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าตลาดจะตอบรับเทคโนโลยีนี้อย่างไร https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/12/besi-lifts-its-forecast-expects-higher-demand-for-its-advanced-solutions
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Besi lifts long-term financial targets, eyeing demand growth
    AMSTERDAM (Reuters) -BE Semiconductor Industries (Besi) raised its long-term financial targets on Thursday ahead of its investor day, saying the future is bright for its advanced chip stacking tools.
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • 🎮 MSI เปิดตัว RTX 5060 Inspire ITX: การ์ดจอขนาดเล็กที่ทรงพลัง
    MSI ได้เปิดตัว GeForce RTX 5060 8G Inspire ITX ซึ่งเป็น หนึ่งในการ์ดจอ RTX 5060 ที่เล็กที่สุด โดยมีขนาดเพียง 145 x 120 x 45 มม. และใช้ พัดลมเดี่ยว

    แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่ RTX 5060 Inspire ITX ยังคงใช้พลังงาน 145W และต้องการช่องเสียบ 8-pin เช่นเดียวกับรุ่นมาตรฐาน

    MSI ได้เปิดตัว สองรุ่น ได้แก่ รุ่นปกติและรุ่น OC ซึ่งมี ความเร็วบูสต์สูงสุด 2.527 GHz ขณะที่รุ่นมาตรฐานมี ความเร็วบูสต์ 2.497 GHz

    นอกจากนี้ MSI ยังมี RTX 5060 Cyclone ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ใช้พัดลมเดี่ยว แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยที่ 161 x 125 x 42 มม.

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - MSI เปิดตัว RTX 5060 Inspire ITX ซึ่งเป็นหนึ่งในการ์ดจอ RTX 5060 ที่เล็กที่สุด
    - ขนาดเพียง 145 x 120 x 45 มม. และใช้พัดลมเดี่ยว
    - ใช้พลังงาน 145W และต้องการช่องเสียบ 8-pin
    - มีสองรุ่น ได้แก่ รุ่นปกติ (2.497 GHz) และรุ่น OC (2.527 GHz)
    - MSI ยังมี RTX 5060 Cyclone ซึ่งเป็นรุ่นพัดลมเดี่ยวที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ยังคงใช้พื้นที่สองสล็อตในเคส
    - ต้องรอดูว่าประสิทธิภาพการระบายความร้อนจะเป็นอย่างไรเมื่อใช้งานหนัก
    - รุ่น OC มีความเร็วบูสต์สูงกว่ารุ่นปกติเล็กน้อย แต่ต้องติดตามว่ามีผลต่ออุณหภูมิหรือไม่
    - การ์ดจอขนาดเล็กอาจมีเสียงรบกวนมากกว่ารุ่นที่ใช้พัดลมหลายตัว

    RTX 5060 Inspire ITX อาจเป็น ตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการการ์ดจอขนาดเล็กแต่ทรงพลัง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพการระบายความร้อนและเสียงรบกวนจะเป็นอย่างไรเมื่อใช้งานจริง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/msi-unveils-one-of-the-tiniest-rtx-5060-gpus-yet-single-fan-inspire-rtx-model-measures-just-145-x-120-x-45mm
    🎮 MSI เปิดตัว RTX 5060 Inspire ITX: การ์ดจอขนาดเล็กที่ทรงพลัง MSI ได้เปิดตัว GeForce RTX 5060 8G Inspire ITX ซึ่งเป็น หนึ่งในการ์ดจอ RTX 5060 ที่เล็กที่สุด โดยมีขนาดเพียง 145 x 120 x 45 มม. และใช้ พัดลมเดี่ยว แม้ว่าจะมีขนาดเล็ก แต่ RTX 5060 Inspire ITX ยังคงใช้พลังงาน 145W และต้องการช่องเสียบ 8-pin เช่นเดียวกับรุ่นมาตรฐาน MSI ได้เปิดตัว สองรุ่น ได้แก่ รุ่นปกติและรุ่น OC ซึ่งมี ความเร็วบูสต์สูงสุด 2.527 GHz ขณะที่รุ่นมาตรฐานมี ความเร็วบูสต์ 2.497 GHz นอกจากนี้ MSI ยังมี RTX 5060 Cyclone ซึ่งเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ใช้พัดลมเดี่ยว แต่มีขนาดใหญ่กว่าเล็กน้อยที่ 161 x 125 x 42 มม. ✅ ข้อมูลจากข่าว - MSI เปิดตัว RTX 5060 Inspire ITX ซึ่งเป็นหนึ่งในการ์ดจอ RTX 5060 ที่เล็กที่สุด - ขนาดเพียง 145 x 120 x 45 มม. และใช้พัดลมเดี่ยว - ใช้พลังงาน 145W และต้องการช่องเสียบ 8-pin - มีสองรุ่น ได้แก่ รุ่นปกติ (2.497 GHz) และรุ่น OC (2.527 GHz) - MSI ยังมี RTX 5060 Cyclone ซึ่งเป็นรุ่นพัดลมเดี่ยวที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แม้จะมีขนาดเล็ก แต่ยังคงใช้พื้นที่สองสล็อตในเคส - ต้องรอดูว่าประสิทธิภาพการระบายความร้อนจะเป็นอย่างไรเมื่อใช้งานหนัก - รุ่น OC มีความเร็วบูสต์สูงกว่ารุ่นปกติเล็กน้อย แต่ต้องติดตามว่ามีผลต่ออุณหภูมิหรือไม่ - การ์ดจอขนาดเล็กอาจมีเสียงรบกวนมากกว่ารุ่นที่ใช้พัดลมหลายตัว RTX 5060 Inspire ITX อาจเป็น ตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ใช้ที่ต้องการการ์ดจอขนาดเล็กแต่ทรงพลัง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพการระบายความร้อนและเสียงรบกวนจะเป็นอย่างไรเมื่อใช้งานจริง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/msi-unveils-one-of-the-tiniest-rtx-5060-gpus-yet-single-fan-inspire-rtx-model-measures-just-145-x-120-x-45mm
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • 🌕 กล้องโทรทรรศน์ที่ไกลที่สุด: NASA เตรียมสร้างหอดูดาวบนดวงจันทร์
    NASA กำลังพัฒนา Lunar Crater Radio Telescope (LCRT) ซึ่งเป็น กล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ตั้งอยู่บนด้านไกลของดวงจันทร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อศึกษายุคมืดของจักรวาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ดาวฤกษ์ดวงแรกจะถือกำเนิดขึ้น

    LCRT จะใช้ โครงสร้างตาข่ายขนาด 1,150 ฟุต ที่ถูกแขวนไว้ภายใน ปล่องภูเขาไฟบนดวงจันทร์ โดยอาศัย หุ่นยนต์ขั้นสูง ในการติดตั้งและควบคุมระบบ

    ด้านไกลของดวงจันทร์เป็น สถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ เนื่องจาก ปราศจากสัญญาณรบกวนจากโลก เช่น คลื่นวิทยุจากดาวเทียมและมลภาวะทางแสง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - NASA กำลังพัฒนา Lunar Crater Radio Telescope (LCRT) บนด้านไกลของดวงจันทร์
    - กล้องโทรทรรศน์นี้จะใช้โครงสร้างตาข่ายขนาด 1,150 ฟุต แขวนไว้ในปล่องภูเขาไฟ
    - ด้านไกลของดวงจันทร์เป็นสถานที่ที่ปราศจากสัญญาณรบกวนจากโลก
    - โครงการนี้มีงบประมาณกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ และอาจเริ่มใช้งานในช่วงปี 2030
    - LCRT จะช่วยให้สามารถศึกษายุคมืดของจักรวาล ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ดาวฤกษ์ดวงแรกจะถือกำเนิดขึ้น

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - โครงการนี้มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องแข่งขันกับงบประมาณของ NASA ที่จำกัด
    - แม้จะมีแผนการติดตั้ง แต่ยังต้องผ่านการทดสอบต้นแบบที่ Owens Valley Radio Observatory ในแคลิฟอร์เนีย
    - ต้องติดตามว่าการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์จะสามารถรองรับการติดตั้งบนดวงจันทร์ได้หรือไม่
    - การศึกษายุคมืดของจักรวาลต้องใช้เทคนิคใหม่ในการตรวจจับคลื่นวิทยุที่มีความยาวคลื่นมากกว่า 33 ฟุต

    หากโครงการนี้สำเร็จ LCRT จะเป็นหนึ่งในกล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ และอาจช่วยให้ นักดาราศาสตร์สามารถไขปริศนาเกี่ยวกับสสารมืด, พลังงานมืด และการเกิดขึ้นของจักรวาล

    https://www.techspot.com/news/108147-far-side-moon-may-soon-host-world-most.html
    🌕 กล้องโทรทรรศน์ที่ไกลที่สุด: NASA เตรียมสร้างหอดูดาวบนดวงจันทร์ NASA กำลังพัฒนา Lunar Crater Radio Telescope (LCRT) ซึ่งเป็น กล้องโทรทรรศน์วิทยุที่ตั้งอยู่บนด้านไกลของดวงจันทร์ โดยมีเป้าหมายเพื่อศึกษายุคมืดของจักรวาล ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่ดาวฤกษ์ดวงแรกจะถือกำเนิดขึ้น LCRT จะใช้ โครงสร้างตาข่ายขนาด 1,150 ฟุต ที่ถูกแขวนไว้ภายใน ปล่องภูเขาไฟบนดวงจันทร์ โดยอาศัย หุ่นยนต์ขั้นสูง ในการติดตั้งและควบคุมระบบ ด้านไกลของดวงจันทร์เป็น สถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ เนื่องจาก ปราศจากสัญญาณรบกวนจากโลก เช่น คลื่นวิทยุจากดาวเทียมและมลภาวะทางแสง ✅ ข้อมูลจากข่าว - NASA กำลังพัฒนา Lunar Crater Radio Telescope (LCRT) บนด้านไกลของดวงจันทร์ - กล้องโทรทรรศน์นี้จะใช้โครงสร้างตาข่ายขนาด 1,150 ฟุต แขวนไว้ในปล่องภูเขาไฟ - ด้านไกลของดวงจันทร์เป็นสถานที่ที่ปราศจากสัญญาณรบกวนจากโลก - โครงการนี้มีงบประมาณกว่า 2.6 พันล้านดอลลาร์ และอาจเริ่มใช้งานในช่วงปี 2030 - LCRT จะช่วยให้สามารถศึกษายุคมืดของจักรวาล ซึ่งเป็นช่วงก่อนที่ดาวฤกษ์ดวงแรกจะถือกำเนิดขึ้น ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - โครงการนี้มีค่าใช้จ่ายสูง และต้องแข่งขันกับงบประมาณของ NASA ที่จำกัด - แม้จะมีแผนการติดตั้ง แต่ยังต้องผ่านการทดสอบต้นแบบที่ Owens Valley Radio Observatory ในแคลิฟอร์เนีย - ต้องติดตามว่าการพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์จะสามารถรองรับการติดตั้งบนดวงจันทร์ได้หรือไม่ - การศึกษายุคมืดของจักรวาลต้องใช้เทคนิคใหม่ในการตรวจจับคลื่นวิทยุที่มีความยาวคลื่นมากกว่า 33 ฟุต หากโครงการนี้สำเร็จ LCRT จะเป็นหนึ่งในกล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ และอาจช่วยให้ นักดาราศาสตร์สามารถไขปริศนาเกี่ยวกับสสารมืด, พลังงานมืด และการเกิดขึ้นของจักรวาล https://www.techspot.com/news/108147-far-side-moon-may-soon-host-world-most.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The far side of the Moon may soon host the world's most sensitive telescope, shielded from earthly interference
    NASA is advancing plans to construct a radio telescope on the Moon's far side – a location uniquely shielded from the ever-increasing interference caused by Earth's expanding...
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • เกมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน: การพึ่งพาฮาร์ดแวร์ กับการรีดความสามารถผ่านการเขียนโค้ด

    ในยุคปัจจุบัน เกมคอมพิวเตอร์ได้ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านกราฟิกที่สมจริงราวกับภาพยนตร์ โลกเปิดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรายละเอียด และฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น การจำลองฟิสิกส์ขั้นสูงหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ชาญฉลาด อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าเหล่านี้มาพร้อมกับความต้องการทรัพยากรระบบที่สูงขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU หรือหน่วยความจำที่ต้องทรงพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ คำถามที่เกิดขึ้นคือ เกมที่ดีควรพึ่งพาฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังเพียงอย่างเดียว หรือควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรีดประสิทธิภาพสูงสุด? บทความนี้จะวิเคราะห์ทั้งสองแนวทาง พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และมองไปยังอนาคตของการพัฒนาเกม

    1️⃣ การพึ่งพาฮาร์ดแวร์ที่แรงขึ้น
    ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ เช่น GPU และ CPU รุ่นใหม่ ๆ ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีอย่าง NVIDIA RTX ที่รองรับ Ray Tracing ซึ่งช่วยให้แสง สะท้อน และเงาในเกมสมจริงยิ่งขึ้น หรือ CPU ที่มีจำนวนคอร์และเธรดมากขึ้นเพื่อรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อน เช่น AI Physics ในเกม AAA (เกมที่มีงบประมาณสูง) ตัวอย่างเช่น Cyberpunk 2077 หรือ Starfield ที่ใช้ทรัพยากรระบบมหาศาลเพื่อสร้างประสบการณ์ภาพที่ตระการตา

    นักพัฒนาเกม AAA มักเลือกแนวทาง “ปล่อยให้ฮาร์ดแวร์จัดการ” โดยอาศัยพลังของเครื่องรุ่นใหม่เพื่อลดความซับซ้อนในการพัฒนา

    ✅ ข้อดี ของแนวทางนี้คือ:
    - การพัฒนาเกมเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลา optimize มาก
    - สามารถใช้ฟีเจอร์สมัยใหม่ เช่น Ray Tracing หรือ AI-driven NPC
    - กราฟิกที่สวยงามและสมจริง ตรงตามความคาดหวังของผู้เล่น

    ❌ ข้อเสีย:
    - ผู้เล่นที่ใช้เครื่องระดับกลางหรือล่างอาจไม่สามารถเล่นได้ หรือต้องลดกราฟิกลงจนเสียประสบการณ์
    - การใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็น อาจทำให้เครื่องร้อนหรือสิ้นเปลืองพลังงาน
    - ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดฮาร์ดแวร์สูงสำหรับผู้เล่น

    2️⃣ การรีดประสิทธิภาพผ่านการเขียนโค้ด
    ในทางตรงกันข้าม การเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพหรือ optimization เป็นหัวใจสำคัญของเกมที่ต้องการให้เล่นได้ลื่นไหลบนเครื่องหลากหลายระดับ เทคนิคที่นิยมใช้ ได้แก่:
    - ลด Draw Calls: ลดจำนวนครั้งที่ GPU ต้องวาดวัตถุในฉาก
    - Occlusion Culling: ตัดการประมวลผลวัตถุที่อยู่นอกมุมมองของผู้เล่น
    - Level of Detail (LOD): ปรับความละเอียดของโมเดลตามระยะห่างจากกล้อง
    - Multithreading: กระจายงานไปยังคอร์ CPU หลายตัวเพื่อประมวลผลพร้อมกัน
    - ตัวอย่างเกมอินดี้ เช่น Hollow Knight หรือ Stardew Valley แสดงให้เห็นว่า การ optimize ที่ดีสามารถสร้างเกมที่ลื่นไหลและสวยงามได้ แม้จะใช้ทรัพยากรน้อย

    ✅ ข้อดี ของแนวทางนี้:
    - รองรับเครื่องสเปคหลากหลาย ทำให้เข้าถึงผู้เล่นได้มากขึ้น
    - ระหยัดพลังงานและลดความร้อนของเครื่อง
    - มีเสถียรภาพสูง ลดปัญหาค้างหรือกระตุก

    ❌ ข้อเสีย:
    - ใช้เวลาและทรัพยากรในการพัฒนานานขึ้น
    - ต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ของนักพัฒนาในระดับสูง

    3️⃣ ตัวอย่างเปรียบเทียบ
    ลองเปรียบเทียบเกม AAA เช่น Cyberpunk 2077 ที่ต้องการสเปคสูง (เช่น RTX 3080 เพื่อ Ray Tracing เต็มรูปแบบ) กับเกมอินดี้อย่าง Hollow Knight ที่ใช้ทรัพยากรน้อยแต่ให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม:

    👉 ความลื่นไหล: Cyberpunk 2077 อาจกระตุกบนเครื่องสเปคต่ำ แม้ลดกราฟิกแล้ว ส่วน Hollow Knight ลื่นไหลแม้บนเครื่องเก่า
    👉 ความร้อนของเครื่อง: เกม AAA มักทำให้เครื่องร้อนและพัดลมทำงานหนัก ขณะที่เกมอินดี้ใช้พลังงานน้อยกว่า
    👉 ความเสถียร: เกมที่ optimize ดีมักมีบั๊กน้อยกว่าและรันได้นานโดยไม่ crash

    ประสบการณ์ของผู้เล่นจึงขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีเครื่องที่แรงพอหรือไม่ และนักพัฒนาให้ความสำคัญกับ optimization มากน้อยเพียงใด

    4️⃣ สรุปและมุมมองอนาคต
    นักพัฒนาในปัจจุบันต้องเผชิญกับทางเลือกที่ท้าทาย: ใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ทรงพลังเพื่อสร้างเกมที่อลังการ หรือทุ่มเทให้กับการ optimize เพื่อให้เข้าถึงผู้เล่นทุกกลุ่ม? เกมเอนจินอย่าง Unreal Engine และ Unity ช่วยลดช่องว่างนี้ โดยมีเครื่องมือในตัวที่ช่วยทั้งด้านกราฟิกและ optimization เช่น การจัดการ LOD หรือการเรนเดอร์ที่มีประสิทธิภาพ

    ในอนาคต การบาลานซ์ระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จะสำคัญยิ่งขึ้น นักพัฒนาควรคำนึงถึง ประสบการณ์ของผู้เล่น เป็นหลัก ไม่ใช่แค่กราฟิกที่สวยงาม การ optimize ที่ดีจะช่วยให้เกมเข้าถึงผู้เล่นได้กว้างขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องอัปเกรดเครื่องใหม่เสมอไป

    ℹ️ℹ️ บทส่งท้าย ℹ️ℹ️
    การพัฒนาเกมในอนาคตไม่ควรยึดติดที่กราฟิกหรือพลังของฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว แต่ควรเน้นที่ ประสบการณ์ที่สมดุล นักพัฒนาควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกมสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลบนเครื่องทุกระดับ สร้างความพึงพอใจให้ผู้เล่นโดยไม่ต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์ราคาแพง การ optimize ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือกุญแจสู่การสร้างเกมที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
    เกมคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน: การพึ่งพาฮาร์ดแวร์ กับการรีดความสามารถผ่านการเขียนโค้ด ในยุคปัจจุบัน เกมคอมพิวเตอร์ได้ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด ทั้งในด้านกราฟิกที่สมจริงราวกับภาพยนตร์ โลกเปิดขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยรายละเอียด และฟีเจอร์ที่หลากหลาย เช่น การจำลองฟิสิกส์ขั้นสูงหรือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่ชาญฉลาด อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าเหล่านี้มาพร้อมกับความต้องการทรัพยากรระบบที่สูงขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น CPU, GPU หรือหน่วยความจำที่ต้องทรงพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ คำถามที่เกิดขึ้นคือ เกมที่ดีควรพึ่งพาฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลังเพียงอย่างเดียว หรือควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ดอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรีดประสิทธิภาพสูงสุด? บทความนี้จะวิเคราะห์ทั้งสองแนวทาง พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และมองไปยังอนาคตของการพัฒนาเกม 1️⃣ การพึ่งพาฮาร์ดแวร์ที่แรงขึ้น ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ เช่น GPU และ CPU รุ่นใหม่ ๆ ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีอย่าง NVIDIA RTX ที่รองรับ Ray Tracing ซึ่งช่วยให้แสง สะท้อน และเงาในเกมสมจริงยิ่งขึ้น หรือ CPU ที่มีจำนวนคอร์และเธรดมากขึ้นเพื่อรองรับการประมวลผลที่ซับซ้อน เช่น AI Physics ในเกม AAA (เกมที่มีงบประมาณสูง) ตัวอย่างเช่น Cyberpunk 2077 หรือ Starfield ที่ใช้ทรัพยากรระบบมหาศาลเพื่อสร้างประสบการณ์ภาพที่ตระการตา นักพัฒนาเกม AAA มักเลือกแนวทาง “ปล่อยให้ฮาร์ดแวร์จัดการ” โดยอาศัยพลังของเครื่องรุ่นใหม่เพื่อลดความซับซ้อนในการพัฒนา ✅ ข้อดี ของแนวทางนี้คือ: - การพัฒนาเกมเร็วขึ้น เพราะไม่ต้องเสียเวลา optimize มาก - สามารถใช้ฟีเจอร์สมัยใหม่ เช่น Ray Tracing หรือ AI-driven NPC - กราฟิกที่สวยงามและสมจริง ตรงตามความคาดหวังของผู้เล่น ❌ ข้อเสีย: - ผู้เล่นที่ใช้เครื่องระดับกลางหรือล่างอาจไม่สามารถเล่นได้ หรือต้องลดกราฟิกลงจนเสียประสบการณ์ - การใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็น อาจทำให้เครื่องร้อนหรือสิ้นเปลืองพลังงาน - ค่าใช้จ่ายในการอัปเกรดฮาร์ดแวร์สูงสำหรับผู้เล่น 2️⃣ การรีดประสิทธิภาพผ่านการเขียนโค้ด ในทางตรงกันข้าม การเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพหรือ optimization เป็นหัวใจสำคัญของเกมที่ต้องการให้เล่นได้ลื่นไหลบนเครื่องหลากหลายระดับ เทคนิคที่นิยมใช้ ได้แก่: - ลด Draw Calls: ลดจำนวนครั้งที่ GPU ต้องวาดวัตถุในฉาก - Occlusion Culling: ตัดการประมวลผลวัตถุที่อยู่นอกมุมมองของผู้เล่น - Level of Detail (LOD): ปรับความละเอียดของโมเดลตามระยะห่างจากกล้อง - Multithreading: กระจายงานไปยังคอร์ CPU หลายตัวเพื่อประมวลผลพร้อมกัน - ตัวอย่างเกมอินดี้ เช่น Hollow Knight หรือ Stardew Valley แสดงให้เห็นว่า การ optimize ที่ดีสามารถสร้างเกมที่ลื่นไหลและสวยงามได้ แม้จะใช้ทรัพยากรน้อย ✅ ข้อดี ของแนวทางนี้: - รองรับเครื่องสเปคหลากหลาย ทำให้เข้าถึงผู้เล่นได้มากขึ้น - ระหยัดพลังงานและลดความร้อนของเครื่อง - มีเสถียรภาพสูง ลดปัญหาค้างหรือกระตุก ❌ ข้อเสีย: - ใช้เวลาและทรัพยากรในการพัฒนานานขึ้น - ต้องใช้ความรู้และประสบการณ์ของนักพัฒนาในระดับสูง 3️⃣ ตัวอย่างเปรียบเทียบ ลองเปรียบเทียบเกม AAA เช่น Cyberpunk 2077 ที่ต้องการสเปคสูง (เช่น RTX 3080 เพื่อ Ray Tracing เต็มรูปแบบ) กับเกมอินดี้อย่าง Hollow Knight ที่ใช้ทรัพยากรน้อยแต่ให้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม: 👉 ความลื่นไหล: Cyberpunk 2077 อาจกระตุกบนเครื่องสเปคต่ำ แม้ลดกราฟิกแล้ว ส่วน Hollow Knight ลื่นไหลแม้บนเครื่องเก่า 👉 ความร้อนของเครื่อง: เกม AAA มักทำให้เครื่องร้อนและพัดลมทำงานหนัก ขณะที่เกมอินดี้ใช้พลังงานน้อยกว่า 👉 ความเสถียร: เกมที่ optimize ดีมักมีบั๊กน้อยกว่าและรันได้นานโดยไม่ crash ประสบการณ์ของผู้เล่นจึงขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีเครื่องที่แรงพอหรือไม่ และนักพัฒนาให้ความสำคัญกับ optimization มากน้อยเพียงใด 4️⃣ สรุปและมุมมองอนาคต นักพัฒนาในปัจจุบันต้องเผชิญกับทางเลือกที่ท้าทาย: ใช้ประโยชน์จากฮาร์ดแวร์ทรงพลังเพื่อสร้างเกมที่อลังการ หรือทุ่มเทให้กับการ optimize เพื่อให้เข้าถึงผู้เล่นทุกกลุ่ม? เกมเอนจินอย่าง Unreal Engine และ Unity ช่วยลดช่องว่างนี้ โดยมีเครื่องมือในตัวที่ช่วยทั้งด้านกราฟิกและ optimization เช่น การจัดการ LOD หรือการเรนเดอร์ที่มีประสิทธิภาพ ในอนาคต การบาลานซ์ระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์จะสำคัญยิ่งขึ้น นักพัฒนาควรคำนึงถึง ประสบการณ์ของผู้เล่น เป็นหลัก ไม่ใช่แค่กราฟิกที่สวยงาม การ optimize ที่ดีจะช่วยให้เกมเข้าถึงผู้เล่นได้กว้างขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องอัปเกรดเครื่องใหม่เสมอไป ℹ️ℹ️ บทส่งท้าย ℹ️ℹ️ การพัฒนาเกมในอนาคตไม่ควรยึดติดที่กราฟิกหรือพลังของฮาร์ดแวร์เพียงอย่างเดียว แต่ควรเน้นที่ ประสบการณ์ที่สมดุล นักพัฒนาควรให้ความสำคัญกับการเขียนโค้ดที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกมสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลบนเครื่องทุกระดับ สร้างความพึงพอใจให้ผู้เล่นโดยไม่ต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์ราคาแพง การ optimize ไม่ใช่แค่เทคนิค แต่คือกุญแจสู่การสร้างเกมที่ยั่งยืนและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน
    0 Comments 0 Shares 223 Views 0 Reviews
  • 📱 Xiaomi 16: สมาร์ทโฟนเรือธงแห่งปี 2025
    Xiaomi เตรียมเปิดตัว Xiaomi 16 ในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมกับ Snapdragon 8 Elite 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm ในขณะนี้

    Xiaomi 16 ได้รับการออกแบบใหม่ให้มี ดีไซน์แบบ dual-tone glass และ metal finish ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ หน้าจอ 6.3 นิ้ว 2K AMOLED ที่รองรับ 120Hz adaptive refresh rate และ LTPO technology

    ระบบกล้องของ Xiaomi 16 ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ 50MP สามตัว ได้แก่ เลนส์หลักขนาด 1/1.3 นิ้ว, เลนส์ ultra-wide และเลนส์ telephoto ที่มี AI-assisted macro support

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Xiaomi 16 ใช้ Snapdragon 8 Elite 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm
    - หน้าจอ 6.3 นิ้ว 2K AMOLED พร้อม 120Hz adaptive refresh rate และ LTPO technology
    - ระบบกล้องประกอบด้วยเซ็นเซอร์ 50MP สามตัว พร้อม AI-assisted macro support
    - แบตเตอรี่ 6,800mAh รองรับการชาร์จเร็ว 100W แบบมีสาย และ 50W แบบไร้สาย
    - ดีไซน์ dual-tone glass และ metal finish ได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพของ Snapdragon 8 Elite 2 จะสามารถแข่งขันกับ Apple A19 ได้หรือไม่
    - การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 อาจทำให้ Xiaomi 16 ถูกเปรียบเทียบกับคู่แข่งโดยตรง
    - ต้องรอดูว่าระบบ AI-assisted macro จะสามารถเพิ่มคุณภาพของภาพถ่ายได้จริงหรือไม่
    - ราคาของ Xiaomi 16 อาจสูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า เนื่องจากการใช้วัสดุระดับพรีเมียม

    Xiaomi 16 อาจเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ทรงพลังที่สุดของปี 2025 โดยเน้น AI integration และประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะตอบรับดีไซน์ใหม่และฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างไร

    https://computercity.com/phones/xiaomi-16-the-next-flagship-powerhouse-arrives-late-2025
    📱 Xiaomi 16: สมาร์ทโฟนเรือธงแห่งปี 2025 Xiaomi เตรียมเปิดตัว Xiaomi 16 ในเดือนตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมกับ Snapdragon 8 Elite 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm ในขณะนี้ Xiaomi 16 ได้รับการออกแบบใหม่ให้มี ดีไซน์แบบ dual-tone glass และ metal finish ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับ หน้าจอ 6.3 นิ้ว 2K AMOLED ที่รองรับ 120Hz adaptive refresh rate และ LTPO technology ระบบกล้องของ Xiaomi 16 ประกอบด้วย เซ็นเซอร์ 50MP สามตัว ได้แก่ เลนส์หลักขนาด 1/1.3 นิ้ว, เลนส์ ultra-wide และเลนส์ telephoto ที่มี AI-assisted macro support ✅ ข้อมูลจากข่าว - Xiaomi 16 ใช้ Snapdragon 8 Elite 2 ซึ่งเป็นชิปเซ็ตที่ทรงพลังที่สุดของ Qualcomm - หน้าจอ 6.3 นิ้ว 2K AMOLED พร้อม 120Hz adaptive refresh rate และ LTPO technology - ระบบกล้องประกอบด้วยเซ็นเซอร์ 50MP สามตัว พร้อม AI-assisted macro support - แบตเตอรี่ 6,800mAh รองรับการชาร์จเร็ว 100W แบบมีสาย และ 50W แบบไร้สาย - ดีไซน์ dual-tone glass และ metal finish ได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพของ Snapdragon 8 Elite 2 จะสามารถแข่งขันกับ Apple A19 ได้หรือไม่ - การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก iPhone 17 อาจทำให้ Xiaomi 16 ถูกเปรียบเทียบกับคู่แข่งโดยตรง - ต้องรอดูว่าระบบ AI-assisted macro จะสามารถเพิ่มคุณภาพของภาพถ่ายได้จริงหรือไม่ - ราคาของ Xiaomi 16 อาจสูงขึ้นจากรุ่นก่อนหน้า เนื่องจากการใช้วัสดุระดับพรีเมียม Xiaomi 16 อาจเป็นหนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ทรงพลังที่สุดของปี 2025 โดยเน้น AI integration และประสิทธิภาพสูง อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าผู้ใช้จะตอบรับดีไซน์ใหม่และฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาอย่างไร https://computercity.com/phones/xiaomi-16-the-next-flagship-powerhouse-arrives-late-2025
    COMPUTERCITY.COM
    Xiaomi 16: The Next Flagship Powerhouse Arrives Late 2025
    Xiaomi is once again poised to shake up the premium smartphone market with the upcoming launch of the Xiaomi 16, expected to debut in October 2025. Building
    0 Comments 0 Shares 157 Views 0 Reviews
  • การใช้ AI ปราบคอร์รัปชันในวงการเมืองเป็นแนวทางที่น่าสนใจและหลายประเทศกำลังทดลองใช้ โดยมีทั้งโอกาสและความท้าทาย ดังนี้

    ### ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ต้านคอร์รัปชัน:
    1. **วิเคราะห์ข้อมูลการเงิน (Financial Forensics)**
    - AI ตรวจสอบบัญชีธนาคาร ภาษี และรายงานทรัพย์สินของนักการเมืองเพื่อหา "รายได้ไม่สมทรัพย์สิน"
    - ตัวอย่าง: ยูเครนใช้ระบบ **ProZorro** + AI วิเคราะห์การจัดซื้อจัดจ้างรัฐ ส่งผลให้ประหยัดงบประมาณได้ 6 พันล้านดอลลาร์ใน 5 ปี

    2. **ตรวจจับการทุจริตโครงการรัฐ (Public Procurement Monitoring)**
    - ระบบ Machine Learning วิเคราะห์ราคากลาง/ผู้ชนะประมูลซ้ำๆ เช่น หากพบบริษัทเดียวกันชนะประมูลเกิน 70% ในเขตเลือกตั้งหนึ่ง อาจส่อพฤติกรรมเอื้อประโยชน์
    - อินโดนีเซียใช้ **e-LPSE** + AI ตรวจจับความผิดปกติในโครงการก่อสร้าง

    3. **เฝ้าระวังเครือข่ายทุจริต (Network Analysis)**
    - AI แมปความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง-ธุรกิจ-ข้าราชการผ่านข้อมูลธุรกรรม การโอนหุ้น หรือการประชุมลับ
    - เกาหลีใต้ใช้วิธีนี้สืบสวนคดีทุจริตระดับสูง

    4. **แพลตฟอร์มรายงานแบบเปิด (Whistleblower Platforms)**
    - Chatbot ช่วยประชาชนรายงานการทุจริตแบบไม่เปิดเผยตัวตน พร้อม AI คัดกรองข้อมูล
    - ตัวอย่าง: **DoNotPay** (สหรัฐฯ) และ **I Paid a Bribe** (อินเดีย)

    ### ความท้าทายสำคัญ:
    - **ความแม่นยำของข้อมูล**: AI ต้องการข้อมูลเปิด (Open Data) ที่ครบถ้วน ในขณะที่หลายประเทศยังปิดบังข้อมูลสาธารณะ
    - **อคติของระบบ (Bias)**: หากข้อมูลฝึกสอนมาจากหน่วยงานทุจริต AI อาจถูกบิดเบือน
    - **การโจมตีทางไซเบอร์**: กลุ่มผลประโยชน์อาจแฮ็กระบบเพื่อทำลายหลักฐาน
    - **อุปสรรคทางกฎหมาย**: บางประเทศขาดกฎหมายรองรับการใช้ AI ในการสืบสวน

    ### กรณีศึกษาประเทศไทย:
    - **โครงการ "ไทยติดตาม" (Thai Open Data)**: ใช้ Data Visualization ตรวจสอบงบประมาณรัฐ
    - **สำนักงาน ป.ป.ช.**: ทดลอง AI วิเคราะห์รายงานทรัพย์สินส่อพิรุธ
    - **ความก้าวหน้า**: ยังต้องการการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และปรับกฎหมายให้สอดคล้อง

    ### แนวทางเสริมประสิทธิภาพ:
    1. **ออกกฎหมายบังคับเปิดข้อมูลภาครัฐ** (Open Data Law)
    2. **สร้างระบบตรวจสอบอิสระ** เพื่อป้องกันการแทรกแซง AI
    3. **พัฒนาความรู้ AI ให้ประชาชน** เพื่อร่วมเป็น "ตาทิพย์" ตรวจสอบ
    4. **ผสานกับกลไกดั้งเดิม** เช่น สื่อมวลชน และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน

    > สรุป: AI ไม่ใช่ "ไม้เท้าวิเศษ" ที่แก้คอร์รัปชันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ต้องใช้ควบคู่กับ **ความโปร่งใสทางการเมือง (Political Will)** และ **การมีส่วนร่วมของประชาชน** เท่านั้นจึงจะได้ผลยั่งยืน

    ประเทศที่ประสบความสำเร็จเช่น **จอร์เจีย** และ **เอสโตเนีย** พิสูจน์แล้วว่าเทคโนโลยีช่วยลดคอร์รัปชันได้จริง หากมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน!
    การใช้ AI ปราบคอร์รัปชันในวงการเมืองเป็นแนวทางที่น่าสนใจและหลายประเทศกำลังทดลองใช้ โดยมีทั้งโอกาสและความท้าทาย ดังนี้ ### ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ AI ต้านคอร์รัปชัน: 1. **วิเคราะห์ข้อมูลการเงิน (Financial Forensics)** - AI ตรวจสอบบัญชีธนาคาร ภาษี และรายงานทรัพย์สินของนักการเมืองเพื่อหา "รายได้ไม่สมทรัพย์สิน" - ตัวอย่าง: ยูเครนใช้ระบบ **ProZorro** + AI วิเคราะห์การจัดซื้อจัดจ้างรัฐ ส่งผลให้ประหยัดงบประมาณได้ 6 พันล้านดอลลาร์ใน 5 ปี 2. **ตรวจจับการทุจริตโครงการรัฐ (Public Procurement Monitoring)** - ระบบ Machine Learning วิเคราะห์ราคากลาง/ผู้ชนะประมูลซ้ำๆ เช่น หากพบบริษัทเดียวกันชนะประมูลเกิน 70% ในเขตเลือกตั้งหนึ่ง อาจส่อพฤติกรรมเอื้อประโยชน์ - อินโดนีเซียใช้ **e-LPSE** + AI ตรวจจับความผิดปกติในโครงการก่อสร้าง 3. **เฝ้าระวังเครือข่ายทุจริต (Network Analysis)** - AI แมปความสัมพันธ์ระหว่างนักการเมือง-ธุรกิจ-ข้าราชการผ่านข้อมูลธุรกรรม การโอนหุ้น หรือการประชุมลับ - เกาหลีใต้ใช้วิธีนี้สืบสวนคดีทุจริตระดับสูง 4. **แพลตฟอร์มรายงานแบบเปิด (Whistleblower Platforms)** - Chatbot ช่วยประชาชนรายงานการทุจริตแบบไม่เปิดเผยตัวตน พร้อม AI คัดกรองข้อมูล - ตัวอย่าง: **DoNotPay** (สหรัฐฯ) และ **I Paid a Bribe** (อินเดีย) ### ความท้าทายสำคัญ: - **ความแม่นยำของข้อมูล**: AI ต้องการข้อมูลเปิด (Open Data) ที่ครบถ้วน ในขณะที่หลายประเทศยังปิดบังข้อมูลสาธารณะ - **อคติของระบบ (Bias)**: หากข้อมูลฝึกสอนมาจากหน่วยงานทุจริต AI อาจถูกบิดเบือน - **การโจมตีทางไซเบอร์**: กลุ่มผลประโยชน์อาจแฮ็กระบบเพื่อทำลายหลักฐาน - **อุปสรรคทางกฎหมาย**: บางประเทศขาดกฎหมายรองรับการใช้ AI ในการสืบสวน ### กรณีศึกษาประเทศไทย: - **โครงการ "ไทยติดตาม" (Thai Open Data)**: ใช้ Data Visualization ตรวจสอบงบประมาณรัฐ - **สำนักงาน ป.ป.ช.**: ทดลอง AI วิเคราะห์รายงานทรัพย์สินส่อพิรุธ - **ความก้าวหน้า**: ยังต้องการการบูรณาการฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน และปรับกฎหมายให้สอดคล้อง ### แนวทางเสริมประสิทธิภาพ: 1. **ออกกฎหมายบังคับเปิดข้อมูลภาครัฐ** (Open Data Law) 2. **สร้างระบบตรวจสอบอิสระ** เพื่อป้องกันการแทรกแซง AI 3. **พัฒนาความรู้ AI ให้ประชาชน** เพื่อร่วมเป็น "ตาทิพย์" ตรวจสอบ 4. **ผสานกับกลไกดั้งเดิม** เช่น สื่อมวลชน และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน > สรุป: AI ไม่ใช่ "ไม้เท้าวิเศษ" ที่แก้คอร์รัปชันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เป็นเครื่องมือทรงพลังที่ต้องใช้ควบคู่กับ **ความโปร่งใสทางการเมือง (Political Will)** และ **การมีส่วนร่วมของประชาชน** เท่านั้นจึงจะได้ผลยั่งยืน ประเทศที่ประสบความสำเร็จเช่น **จอร์เจีย** และ **เอสโตเนีย** พิสูจน์แล้วว่าเทคโนโลยีช่วยลดคอร์รัปชันได้จริง หากมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน!
    0 Comments 0 Shares 287 Views 0 Reviews
  • งาน Dell Technologies World 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2568 ณ ลาสเวกัส มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ๆ ที่เน้นเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับองค์กร ดังนี้:
    1️⃣ Dell AI Factory with NVIDIA 2.0
    - อัปเกรดจากเวอร์ชันแรกที่เปิดตัวในปี 2024 เป็นโซลูชันที่รวมโครงสร้างพื้นฐาน AI อันทรงพลังและประหยัดพลังงาน รองรับการประมวลผล AI ในระดับองค์กร
    - รองรับการใช้งาน Large Language Models (LLMs) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีค่าใช้จ่ายในการประมวลผลบน On-Premises ถูกกว่าการใช้ Public Cloud สูงสุดถึง 62%
    - รองรับ GPU สูงสุด 256 ตัวในเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge เพื่อประมวลผล AI ขนาดใหญ่
    2️⃣ เซิร์ฟเวอร์ PowerEdge รุ่นใหม่
    - ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI โดยเฉพาะ รองรับ NVIDIA GPUs เช่น GB10 และ GB300 รวมถึง RTX Pro Enterprise Server Edition สำหรับงาน AI ในระดับองค์กร
    - มีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงานให้เหมาะสมกับ AI Factories
    3️⃣ Dell Project Lightning
    - ระบบไฟล์แบบ Parallel ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วย Throughput สูงกว่าคู่แข่งถึง 2 เท่า ช่วยเร่งการฝึกอบรม AI และจัดการเวิร์กโหลดที่ซับซ้อน
    - เหมาะสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น Recommendation Engines และ Semantic Search
    4️⃣ Dell Data Lakehouse Enhancements
    - ปรับปรุงเพื่อลดความซับซ้อนของเวิร์กโฟลว์ AI ช่วยให้สร้างและจัดการชุดข้อมูลที่พร้อมสำหรับ AI ได้ง่ายขึ้น รองรับ use cases เช่น การตรวจจับเจตนาของลูกค้า
    5️⃣ พีซี AI รุ่นใหม่
    - เปิดตัวพีซีเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อม Qualcomm AI Accelerator แบบ Discrete เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล AI ที่ Edge
    - Dell Pro Max และ Pro Max Plus รุ่นใหม่ ใช้ชิป Qualcomm แทน NVIDIA เพื่อการประมวลผล AI ที่ Edge อย่างมีประสิทธิภาพ
    6️⃣ Dell Linear Pluggable Optics
    - เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ลด Latency และประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับ High Performance Computing (HPC) และ AI Fabrics
    7️⃣ Dell AI Security and Resiliency Services
    - บริการด้านความปลอดภัยและความยืดหยุ่นสำหรับ AI คาดว่าจะวางจำหน่ายในบางประเทศตั้งแต่มิถุนายน 2568
    8️⃣ จอภาพและอุปกรณ์ใหม่
    - จอ Dell UltraSharp 32 4K Thunderbolt Hub Monitor: จอแรกของโลกที่มี IPS Black Contrast Ratio 3000:1 ได้รับคะแนน 5 ดาวด้าน Eye Comfort
    - จอ Dell 32 Plus 4K QD-OLED Monitor: มาพร้อม 3D Spatial Audio และ Dolby Vision
    - Area-51 Desktop และ Laptop (16 และ 18 นิ้ว): ออกแบบใหม่สำหรับเกมเมอร์ ด้วยเทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูงและดีไซน์ Sci-Fi
    9️⃣ Dell NativeEdge AI Updates
    - อัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับการจัดการ AI ที่ Edge วางจำหน่ายแล้วในบางประเทศ
    ℹ️ℹ️ หมายเหตุ ℹ️ℹ️
    - งานนี้เน้นหนักไปที่ AI และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง NVIDIA, AMD, Intel, และ Qualcomm เพื่อเสริมแกร่งโซลูชัน
    - ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เน้นการใช้งานในระดับองค์กร แต่ก็มีบางส่วน เช่น จอภาพและพีซี Area-51 ที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคและเกมเมอร์
    - ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ อาจมีการอัปเดตเพิ่มเติม สามารถติดตามผ่านเว็บไซต์ Dell หรือ session recaps จากงาน

    งาน Dell Technologies World 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19-22 พฤษภาคม 2568 ณ ลาสเวกัส มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และโซลูชันใหม่ๆ ที่เน้นเทคโนโลยี AI และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับองค์กร ดังนี้: 1️⃣ Dell AI Factory with NVIDIA 2.0 - อัปเกรดจากเวอร์ชันแรกที่เปิดตัวในปี 2024 เป็นโซลูชันที่รวมโครงสร้างพื้นฐาน AI อันทรงพลังและประหยัดพลังงาน รองรับการประมวลผล AI ในระดับองค์กร - รองรับการใช้งาน Large Language Models (LLMs) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีค่าใช้จ่ายในการประมวลผลบน On-Premises ถูกกว่าการใช้ Public Cloud สูงสุดถึง 62% - รองรับ GPU สูงสุด 256 ตัวในเซิร์ฟเวอร์ PowerEdge เพื่อประมวลผล AI ขนาดใหญ่ 2️⃣ เซิร์ฟเวอร์ PowerEdge รุ่นใหม่ - ออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI โดยเฉพาะ รองรับ NVIDIA GPUs เช่น GB10 และ GB300 รวมถึง RTX Pro Enterprise Server Edition สำหรับงาน AI ในระดับองค์กร - มีการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพและการใช้พลังงานให้เหมาะสมกับ AI Factories 3️⃣ Dell Project Lightning - ระบบไฟล์แบบ Parallel ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วย Throughput สูงกว่าคู่แข่งถึง 2 เท่า ช่วยเร่งการฝึกอบรม AI และจัดการเวิร์กโหลดที่ซับซ้อน - เหมาะสำหรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น Recommendation Engines และ Semantic Search 4️⃣ Dell Data Lakehouse Enhancements - ปรับปรุงเพื่อลดความซับซ้อนของเวิร์กโฟลว์ AI ช่วยให้สร้างและจัดการชุดข้อมูลที่พร้อมสำหรับ AI ได้ง่ายขึ้น รองรับ use cases เช่น การตรวจจับเจตนาของลูกค้า 5️⃣ พีซี AI รุ่นใหม่ - เปิดตัวพีซีเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อม Qualcomm AI Accelerator แบบ Discrete เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล AI ที่ Edge - Dell Pro Max และ Pro Max Plus รุ่นใหม่ ใช้ชิป Qualcomm แทน NVIDIA เพื่อการประมวลผล AI ที่ Edge อย่างมีประสิทธิภาพ 6️⃣ Dell Linear Pluggable Optics - เทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ช่วยลดการใช้พลังงาน ลด Latency และประหยัดค่าใช้จ่ายสำหรับ High Performance Computing (HPC) และ AI Fabrics 7️⃣ Dell AI Security and Resiliency Services - บริการด้านความปลอดภัยและความยืดหยุ่นสำหรับ AI คาดว่าจะวางจำหน่ายในบางประเทศตั้งแต่มิถุนายน 2568 8️⃣ จอภาพและอุปกรณ์ใหม่ - จอ Dell UltraSharp 32 4K Thunderbolt Hub Monitor: จอแรกของโลกที่มี IPS Black Contrast Ratio 3000:1 ได้รับคะแนน 5 ดาวด้าน Eye Comfort - จอ Dell 32 Plus 4K QD-OLED Monitor: มาพร้อม 3D Spatial Audio และ Dolby Vision - Area-51 Desktop และ Laptop (16 และ 18 นิ้ว): ออกแบบใหม่สำหรับเกมเมอร์ ด้วยเทคโนโลยีระบายความร้อนขั้นสูงและดีไซน์ Sci-Fi 9️⃣ Dell NativeEdge AI Updates - อัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับการจัดการ AI ที่ Edge วางจำหน่ายแล้วในบางประเทศ ℹ️ℹ️ หมายเหตุ ℹ️ℹ️ - งานนี้เน้นหนักไปที่ AI และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์อย่าง NVIDIA, AMD, Intel, และ Qualcomm เพื่อเสริมแกร่งโซลูชัน - ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เน้นการใช้งานในระดับองค์กร แต่ก็มีบางส่วน เช่น จอภาพและพีซี Area-51 ที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคและเกมเมอร์ - ข้อมูลจากแหล่งต่างๆ อาจมีการอัปเดตเพิ่มเติม สามารถติดตามผ่านเว็บไซต์ Dell หรือ session recaps จากงาน
    0 Comments 0 Shares 394 Views 0 Reviews
  • สรุปงาน Computex 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 พฤษภาคม 2568 ณ กรุงไทเป ไต้หวัน ภายใต้ธีม “AI Next” ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เน้น AI, หุ่นยนต์, เทคโนโลยีรุ่นถัดไป และการเคลื่อนที่แห่งอนาคต นี่คือสรุปผลิตภัณฑ์ใหม่เด่นๆ จากงาน:

    1️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก NVIDIA
    • GeForce RTX 50 Series: การ์ดจอรุ่นใหม่ เช่น RTX 5060, 5070 Ti, 5080, และ 5090 เน้นประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมและงาน AI มีฟีเจอร์ DLSS 4 และ Multi Frame Generation เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด.
    • DGX Spark และ DGX Station: อุปกรณ์สำหรับการวิจัยและพัฒนา AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล AI.
    • NVLink Fusion: เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบกึ่งสำเร็จรูป ช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อและประสิทธิภาพสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI.
    • AI Infrastructure: NVIDIA ผลักดันวิสัยทัศน์โรงงาน AI และการพัฒนา agentic AI รวมถึง physical AI สำหรับหุ่นยนต์และโทรคมนาคม.

    2️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Intel
    • Core Ultra 200V Series Processors: ได้รับรางวัล COMPUTEX 2025 Best Choice Award เน้นประสิทธิภาพ AI, ความปลอดภัย และความเร็วสำหรับงานทุกประเภท.
    • Xeon 6 Processors และ Gaudi 3 AI Accelerators: ออกแบบสำหรับศูนย์ข้อมูลสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น.
    • Intel Arc Pro B50 และ B60: การ์ดกราฟิกสำหรับงาน AI และเวิร์คสเตชันระดับมืออาชีพ.

    3️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก AMD
    • Radeon RX 9060 XT: การ์ดจอรุ่นใหม่ ใช้สถาปัตยกรรม Navi 44 มีหน่วยความจำ GDDR6 สูงสุด 16GB และเพิ่มประสิทธิภาพ Ray Tracing 2 เท่า ราคาเริ่มต้น 299 ดอลลาร์.
    • Ryzen Threadripper 9000 Series: CPU สำหรับเดสก์ท็อปและเวิร์คสเตชัน รุ่นท็อป Ryzen 9 9995WX มี 96 คอร์ 192 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.4GHz.
    • Ryzen AI Max: CPU สำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์ เพิ่มประสิทธิภาพและแบตเตอรี่.

    4️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก MSI
    • Claw A8 BZ2EM และ Claw 7 A2HM: เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์รุ่นใหม่ รองรับทั้งโปรเซสเซอร์ Intel และ AMD มีรุ่น Polar Tempest Edition สีขาวพร้อมสตอเรจเพิ่มเป็น 2 เท่า.
    • QD-OLED Monitor และ MEG Vision X AI PC: จอมอนิเตอร์และพีซีที่ผสาน AI เช่น AI Care Sensor และ AI Navigator เพื่อป้องกัน burn-in และปรับแต่งการตั้งค่า.
    • Titan 18 HX Dragon Edition: เดสก์ท็อปพรีเมียมพร้อมจอสัมผัส 13 นิ้วที่ด้านหน้า รองรับ RTX 5090 และ Intel Core Ultra 9 CPU.

    5️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก ASUS
    • ROG Ally X และ ROG Ally 2 (คาดการณ์): เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์รุ่นใหม่ ใช้โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen Z2 Extreme และอาจมี Windows รุ่นปรับแต่งให้เหมาะกับแฮนด์เฮลด์.
    • ProArt RTX 5080: การ์ดจอสำหรับครีเอเตอร์ มีพอร์ต USB-C และสล็อต M.2 SSD พร้อมดีไซน์ไม้เทียม.
    • ROG Bulwark Dock: ด็อก 7-in-1 สำหรับแฮนด์เฮลด์ รองรับ 4K 144Hz ผ่าน HDMI 2.1.

    6️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก MediaTek
    • AI Solutions: นำเสนอวิสัยทัศน์ “AI for Everyone: From Edge to Cloud” รวมถึง AI ในสมาร์ทโฟน บ้านอัจฉริยะ รถยนต์ และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ผสานกับ NVIDIA สำหรับโซลูชัน AI ครบวงจร.
    • Smart Auto Central และ Hybrid AI Computing: โซลูชันสำหรับยานยนต์และการประมวลผลแบบผสมผสานระหว่าง edge และ cloud.

    7️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Kingston
    • XS1000 และ XS2000 SSD: SSD แบบพกพาดีไซน์ใหม่ เน้นความเร็วและพกพาสะดวก.
    • DataTraveler Exodia S USB Flash Drive: แฟลชไดรฟ์ USB 3.2 Gen 1 ดีไซน์เพรียวบาง ใช้งานง่าย.
    • Future City Showcase: นำเสนอโซลูชันหน่วยความจำสำหรับ AI, หุ่นยนต์, เกมมิ่ง และอุตสาหกรรมการบิน.

    8️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก GIGABYTE
    • AORUS MASTER 16 AI PC: ได้รับรางวัล COMPUTEX 2025 Best Choice Award เน้นประสิทธิภาพ AI.
    • GIGAPOD และ AIOps Platform: โซลูชันซูเปอร์คอมพิวติ้งสำหรับ AI และศูนย์ข้อมูล.
    • BRIX AI Mini-PCs: มินิพีซีที่ใช้ AMD Ryzen 7 PRO และ Intel Core Ultra CPU พร้อม NPU สำหรับ edge computing.

    9️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Supermicro
    • High-Performance Server Architectures: เซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงและโซลูชันระบายความร้อนด้วยของเหลวสำหรับ AI และ HPC.
    • Green Computing Initiatives: เทคโนโลยีประหยัดพลังงานสำหรับศูนย์ข้อมูล.

    🔟 ผลิตภัณฑ์อื่นๆ
    • Acer Predator Triton 14 AI: แล็ปท็อปเกมมิ่งดีไซน์พรีเมียม ใช้ RTX 50-series และมีสารเคลือบป้องกันรอยนิ้วมือ.
    • Acer PD243Y E: จอมอนิเตอร์พกพาแบบ dual-screen สำหรับการทำงานนอกสถานที่.
    • Cherry MX Honey Switches: สวิตช์คีย์บอร์ดที่ให้ความรู้สึกแบบเมคานิคอลแต่ลดเสียงรบกวน.
    • Phison aiDAPTIV+: โซลูชันสำหรับการฝึก LLM ในสถานที่โดยไม่ต้องใช้ GPU จำนวนมาก เน้นความเป็นส่วนตัวและประหยัดต้นทุน.
    • V-Color Xfinity Manta DDR5 RAM: RAM พร้อมจอ LCD แสดงข้อมูลเช่น ความเร็วและแรงดันไฟ.
    • Thermaltake MineCube 360: ระบบระบายความร้อน AIO พร้อมจอ 720x720 แสดงภาพ Minecraft.

    💯 สรุป 💯
    งาน Computex 2025 เน้นหนักไปที่ AI ในทุกมิติ ตั้งแต่การ์ดจอ, CPU, เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์, แล็ปท็อป, ไปจนถึงโซลูชันสำหรับศูนย์ข้อมูลและ edge computing นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพการเล่นเกม, การประหยัดพลังงาน และอุปกรณ์พกพาที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ผู้ผลิตอย่าง NVIDIA, Intel, AMD, MSI, ASUS, MediaTek และ Kingston ต่างนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคทั่วไปและภาคธุรกิจ
    สรุปงาน Computex 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-23 พฤษภาคม 2568 ณ กรุงไทเป ไต้หวัน ภายใต้ธีม “AI Next” ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เน้น AI, หุ่นยนต์, เทคโนโลยีรุ่นถัดไป และการเคลื่อนที่แห่งอนาคต นี่คือสรุปผลิตภัณฑ์ใหม่เด่นๆ จากงาน: 1️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก NVIDIA • GeForce RTX 50 Series: การ์ดจอรุ่นใหม่ เช่น RTX 5060, 5070 Ti, 5080, และ 5090 เน้นประสิทธิภาพสำหรับการเล่นเกมและงาน AI มีฟีเจอร์ DLSS 4 และ Multi Frame Generation เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด. • DGX Spark และ DGX Station: อุปกรณ์สำหรับการวิจัยและพัฒนา AI ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประมวลผล AI. • NVLink Fusion: เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบกึ่งสำเร็จรูป ช่วยเพิ่มการเชื่อมต่อและประสิทธิภาพสำหรับซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI. • AI Infrastructure: NVIDIA ผลักดันวิสัยทัศน์โรงงาน AI และการพัฒนา agentic AI รวมถึง physical AI สำหรับหุ่นยนต์และโทรคมนาคม. 2️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Intel • Core Ultra 200V Series Processors: ได้รับรางวัล COMPUTEX 2025 Best Choice Award เน้นประสิทธิภาพ AI, ความปลอดภัย และความเร็วสำหรับงานทุกประเภท. • Xeon 6 Processors และ Gaudi 3 AI Accelerators: ออกแบบสำหรับศูนย์ข้อมูลสมัยใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุ่น. • Intel Arc Pro B50 และ B60: การ์ดกราฟิกสำหรับงาน AI และเวิร์คสเตชันระดับมืออาชีพ. 3️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก AMD • Radeon RX 9060 XT: การ์ดจอรุ่นใหม่ ใช้สถาปัตยกรรม Navi 44 มีหน่วยความจำ GDDR6 สูงสุด 16GB และเพิ่มประสิทธิภาพ Ray Tracing 2 เท่า ราคาเริ่มต้น 299 ดอลลาร์. • Ryzen Threadripper 9000 Series: CPU สำหรับเดสก์ท็อปและเวิร์คสเตชัน รุ่นท็อป Ryzen 9 9995WX มี 96 คอร์ 192 เธรด ความเร็วสูงสุด 5.4GHz. • Ryzen AI Max: CPU สำหรับอุปกรณ์พกพา เช่น เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์ เพิ่มประสิทธิภาพและแบตเตอรี่. 4️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก MSI • Claw A8 BZ2EM และ Claw 7 A2HM: เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์รุ่นใหม่ รองรับทั้งโปรเซสเซอร์ Intel และ AMD มีรุ่น Polar Tempest Edition สีขาวพร้อมสตอเรจเพิ่มเป็น 2 เท่า. • QD-OLED Monitor และ MEG Vision X AI PC: จอมอนิเตอร์และพีซีที่ผสาน AI เช่น AI Care Sensor และ AI Navigator เพื่อป้องกัน burn-in และปรับแต่งการตั้งค่า. • Titan 18 HX Dragon Edition: เดสก์ท็อปพรีเมียมพร้อมจอสัมผัส 13 นิ้วที่ด้านหน้า รองรับ RTX 5090 และ Intel Core Ultra 9 CPU. 5️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก ASUS • ROG Ally X และ ROG Ally 2 (คาดการณ์): เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์รุ่นใหม่ ใช้โปรเซสเซอร์ AMD Ryzen Z2 Extreme และอาจมี Windows รุ่นปรับแต่งให้เหมาะกับแฮนด์เฮลด์. • ProArt RTX 5080: การ์ดจอสำหรับครีเอเตอร์ มีพอร์ต USB-C และสล็อต M.2 SSD พร้อมดีไซน์ไม้เทียม. • ROG Bulwark Dock: ด็อก 7-in-1 สำหรับแฮนด์เฮลด์ รองรับ 4K 144Hz ผ่าน HDMI 2.1. 6️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก MediaTek • AI Solutions: นำเสนอวิสัยทัศน์ “AI for Everyone: From Edge to Cloud” รวมถึง AI ในสมาร์ทโฟน บ้านอัจฉริยะ รถยนต์ และซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ผสานกับ NVIDIA สำหรับโซลูชัน AI ครบวงจร. • Smart Auto Central และ Hybrid AI Computing: โซลูชันสำหรับยานยนต์และการประมวลผลแบบผสมผสานระหว่าง edge และ cloud. 7️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Kingston • XS1000 และ XS2000 SSD: SSD แบบพกพาดีไซน์ใหม่ เน้นความเร็วและพกพาสะดวก. • DataTraveler Exodia S USB Flash Drive: แฟลชไดรฟ์ USB 3.2 Gen 1 ดีไซน์เพรียวบาง ใช้งานง่าย. • Future City Showcase: นำเสนอโซลูชันหน่วยความจำสำหรับ AI, หุ่นยนต์, เกมมิ่ง และอุตสาหกรรมการบิน. 8️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก GIGABYTE • AORUS MASTER 16 AI PC: ได้รับรางวัล COMPUTEX 2025 Best Choice Award เน้นประสิทธิภาพ AI. • GIGAPOD และ AIOps Platform: โซลูชันซูเปอร์คอมพิวติ้งสำหรับ AI และศูนย์ข้อมูล. • BRIX AI Mini-PCs: มินิพีซีที่ใช้ AMD Ryzen 7 PRO และ Intel Core Ultra CPU พร้อม NPU สำหรับ edge computing. 9️⃣ ผลิตภัณฑ์จาก Supermicro • High-Performance Server Architectures: เซิร์ฟเวอร์ประสิทธิภาพสูงและโซลูชันระบายความร้อนด้วยของเหลวสำหรับ AI และ HPC. • Green Computing Initiatives: เทคโนโลยีประหยัดพลังงานสำหรับศูนย์ข้อมูล. 🔟 ผลิตภัณฑ์อื่นๆ • Acer Predator Triton 14 AI: แล็ปท็อปเกมมิ่งดีไซน์พรีเมียม ใช้ RTX 50-series และมีสารเคลือบป้องกันรอยนิ้วมือ. • Acer PD243Y E: จอมอนิเตอร์พกพาแบบ dual-screen สำหรับการทำงานนอกสถานที่. • Cherry MX Honey Switches: สวิตช์คีย์บอร์ดที่ให้ความรู้สึกแบบเมคานิคอลแต่ลดเสียงรบกวน. • Phison aiDAPTIV+: โซลูชันสำหรับการฝึก LLM ในสถานที่โดยไม่ต้องใช้ GPU จำนวนมาก เน้นความเป็นส่วนตัวและประหยัดต้นทุน. • V-Color Xfinity Manta DDR5 RAM: RAM พร้อมจอ LCD แสดงข้อมูลเช่น ความเร็วและแรงดันไฟ. • Thermaltake MineCube 360: ระบบระบายความร้อน AIO พร้อมจอ 720x720 แสดงภาพ Minecraft. 💯 สรุป 💯 งาน Computex 2025 เน้นหนักไปที่ AI ในทุกมิติ ตั้งแต่การ์ดจอ, CPU, เกมมิ่งแฮนด์เฮลด์, แล็ปท็อป, ไปจนถึงโซลูชันสำหรับศูนย์ข้อมูลและ edge computing นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพการเล่นเกม, การประหยัดพลังงาน และอุปกรณ์พกพาที่ทรงพลังยิ่งขึ้น ผู้ผลิตอย่าง NVIDIA, Intel, AMD, MSI, ASUS, MediaTek และ Kingston ต่างนำเสนอนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภคทั่วไปและภาคธุรกิจ
    0 Comments 0 Shares 475 Views 0 Reviews
  • RTX 5090: การ์ดจอสุดทรงพลังที่ต้องการฮาร์ดแวร์ระดับสูงเพื่อรองรับ

    NVIDIA เปิดตัว GeForce RTX 5090 ซึ่งเป็นการ์ดจอระดับเรือธงที่มาพร้อมสถาปัตยกรรม Blackwell โดยมี VRAM GDDR7 ขนาด 32GB และใช้พลังงานสูงถึง 575W ทำให้ ต้องการระบบที่มีพลังงานและการระบายความร้อนที่เหมาะสม

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ RTX 5090
    ✅ ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
    - รองรับ Ray Tracing รุ่นที่ 4 และ Tensor Cores รุ่นที่ 5
    - มีฟีเจอร์ DLSS 4 และ Multi-Frame Generation ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม

    ✅ VRAM GDDR7 ขนาด 32GB
    - ช่วยให้ สามารถเล่นเกมระดับ 8K และรองรับงาน AI ได้ดีขึ้น

    ✅ ต้องใช้พลังงานสูงถึง 575W
    - NVIDIA แนะนำให้ใช้ PSU ขนาด 1000W–1200W ที่มีมาตรฐาน 80+ Platinum

    ✅ ใช้ขั้วต่อพลังงานแบบ 16-pin 12V-2×6 PCIe Gen 5
    - ต้องใช้ PSU ที่รองรับหรืออะแดปเตอร์จากแบรนด์ชั้นนำ เช่น Corsair หรือ Seasonic

    ✅ ต้องการระบบระบายความร้อนที่ดี
    - การ์ดจอมีขนาดใหญ่ ต้องใช้เคสแบบ Full Tower หรือ Super Tower
    - แนะนำให้ใช้ ระบบระบายความร้อนแบบ AIO Liquid Cooling

    ✅ รองรับ PCIe 5.0 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด
    - ควรใช้ เมนบอร์ดที่รองรับ เช่น Intel Z790 หรือ AMD X870

    ✅ ต้องใช้ CPU และ RAM ที่ทรงพลังเพื่อป้องกันคอขวด
    - แนะนำให้ใช้ Core i9-14900K หรือ Ryzen 9 9950X พร้อม RAM DDR5 ขนาด 32GB

    ✅ มีปัญหาสต็อกในช่วงแรก แต่คาดว่าจะมีสินค้าพร้อมในไตรมาสที่ 2 ปี 2025
    - NVIDIA แนะนำให้ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้

    ‼️ ต้องใช้ PSU ขนาดใหญ่และระบบระบายความร้อนที่ดี
    - หากระบบไม่รองรับ อาจเกิดปัญหาความร้อนสูงและไฟฟ้าดับ

    ‼️ ต้องใช้เคสที่มีพื้นที่เพียงพอ
    - RTX 5090 มีขนาดใหญ่กว่า RTX 4090 และอาจไม่พอดีกับเคสขนาดเล็ก

    https://computercity.com/hardware/video-cards/is-your-pc-ready-for-the-rtx-5090-specs-power-supply-and-cooling-guide
    RTX 5090: การ์ดจอสุดทรงพลังที่ต้องการฮาร์ดแวร์ระดับสูงเพื่อรองรับ NVIDIA เปิดตัว GeForce RTX 5090 ซึ่งเป็นการ์ดจอระดับเรือธงที่มาพร้อมสถาปัตยกรรม Blackwell โดยมี VRAM GDDR7 ขนาด 32GB และใช้พลังงานสูงถึง 575W ทำให้ ต้องการระบบที่มีพลังงานและการระบายความร้อนที่เหมาะสม 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ RTX 5090 ✅ ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น - รองรับ Ray Tracing รุ่นที่ 4 และ Tensor Cores รุ่นที่ 5 - มีฟีเจอร์ DLSS 4 และ Multi-Frame Generation ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม ✅ VRAM GDDR7 ขนาด 32GB - ช่วยให้ สามารถเล่นเกมระดับ 8K และรองรับงาน AI ได้ดีขึ้น ✅ ต้องใช้พลังงานสูงถึง 575W - NVIDIA แนะนำให้ใช้ PSU ขนาด 1000W–1200W ที่มีมาตรฐาน 80+ Platinum ✅ ใช้ขั้วต่อพลังงานแบบ 16-pin 12V-2×6 PCIe Gen 5 - ต้องใช้ PSU ที่รองรับหรืออะแดปเตอร์จากแบรนด์ชั้นนำ เช่น Corsair หรือ Seasonic ✅ ต้องการระบบระบายความร้อนที่ดี - การ์ดจอมีขนาดใหญ่ ต้องใช้เคสแบบ Full Tower หรือ Super Tower - แนะนำให้ใช้ ระบบระบายความร้อนแบบ AIO Liquid Cooling ✅ รองรับ PCIe 5.0 เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด - ควรใช้ เมนบอร์ดที่รองรับ เช่น Intel Z790 หรือ AMD X870 ✅ ต้องใช้ CPU และ RAM ที่ทรงพลังเพื่อป้องกันคอขวด - แนะนำให้ใช้ Core i9-14900K หรือ Ryzen 9 9950X พร้อม RAM DDR5 ขนาด 32GB ✅ มีปัญหาสต็อกในช่วงแรก แต่คาดว่าจะมีสินค้าพร้อมในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 - NVIDIA แนะนำให้ซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายที่เชื่อถือได้ ‼️ ต้องใช้ PSU ขนาดใหญ่และระบบระบายความร้อนที่ดี - หากระบบไม่รองรับ อาจเกิดปัญหาความร้อนสูงและไฟฟ้าดับ ‼️ ต้องใช้เคสที่มีพื้นที่เพียงพอ - RTX 5090 มีขนาดใหญ่กว่า RTX 4090 และอาจไม่พอดีกับเคสขนาดเล็ก https://computercity.com/hardware/video-cards/is-your-pc-ready-for-the-rtx-5090-specs-power-supply-and-cooling-guide
    COMPUTERCITY.COM
    Is Your PC Ready for the RTX 5090? Specs, Power Supply, and Cooling Guide
    The NVIDIA GeForce RTX 5090 is here—and it’s a beast. Launched on January 30, 2025, after its debut at CES, this $1,999 flagship GPU from NVIDIA is built for
    0 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • Anthropic เปิดตัว Claude 4 รุ่นใหม่ พร้อมความสามารถ AI ที่ทรงพลังที่สุด

    Anthropic เปิดตัวโมเดล AI ใหม่สองรุ่น ได้แก่ Claude Opus 4 และ Claude Sonnet 4 โดยเน้น ความสามารถในการเขียนโค้ดและการทำงานแบบอิสระเป็นเวลานาน

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Claude 4
    ✅ Claude Opus 4 เป็นโมเดล AI ที่ดีที่สุดสำหรับการเขียนโค้ด
    - สามารถ จัดการงานที่ซับซ้อนและแบ่งออกเป็นหลายพันขั้นตอนเพื่อดำเนินการต่อเนื่อง

    ✅ Claude Sonnet 4 เป็นรุ่นที่เล็กกว่า แต่มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า (Sonnet 3.7)
    - ได้รับการปรับปรุง ให้สามารถทำตามคำสั่งและเขียนโค้ดได้ดีขึ้น

    ✅ Sonnet 4 ถูกนำไปใช้ใน GitHub Copilot เพื่อช่วยนักพัฒนาเขียนโค้ด
    - เป็นโมเดล ที่ใช้ในเวอร์ชันฟรีของ Claude chatbot

    ✅ Opus 4 มีฟีเจอร์ "Extended Thinking" ที่ช่วยให้ AI สามารถหยุดคิดและค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตอบกลับ
    - ช่วยให้ สามารถใช้เครื่องมือภายนอกเพื่อเพิ่มความแม่นยำของคำตอบ

    ✅ Claude 4 สามารถใช้เครื่องมือหลายตัวพร้อมกันและสลับระหว่างการวิเคราะห์และการค้นหา
    - มีระบบ บันทึกและดึงข้อมูลสำคัญจากไฟล์ภายนอกเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องอธิบายซ้ำ

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/anthropics-new-claude-4-models-promise-the-biggest-ai-brains-ever
    Anthropic เปิดตัว Claude 4 รุ่นใหม่ พร้อมความสามารถ AI ที่ทรงพลังที่สุด Anthropic เปิดตัวโมเดล AI ใหม่สองรุ่น ได้แก่ Claude Opus 4 และ Claude Sonnet 4 โดยเน้น ความสามารถในการเขียนโค้ดและการทำงานแบบอิสระเป็นเวลานาน 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Claude 4 ✅ Claude Opus 4 เป็นโมเดล AI ที่ดีที่สุดสำหรับการเขียนโค้ด - สามารถ จัดการงานที่ซับซ้อนและแบ่งออกเป็นหลายพันขั้นตอนเพื่อดำเนินการต่อเนื่อง ✅ Claude Sonnet 4 เป็นรุ่นที่เล็กกว่า แต่มีประสิทธิภาพสูงกว่ารุ่นก่อนหน้า (Sonnet 3.7) - ได้รับการปรับปรุง ให้สามารถทำตามคำสั่งและเขียนโค้ดได้ดีขึ้น ✅ Sonnet 4 ถูกนำไปใช้ใน GitHub Copilot เพื่อช่วยนักพัฒนาเขียนโค้ด - เป็นโมเดล ที่ใช้ในเวอร์ชันฟรีของ Claude chatbot ✅ Opus 4 มีฟีเจอร์ "Extended Thinking" ที่ช่วยให้ AI สามารถหยุดคิดและค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตอบกลับ - ช่วยให้ สามารถใช้เครื่องมือภายนอกเพื่อเพิ่มความแม่นยำของคำตอบ ✅ Claude 4 สามารถใช้เครื่องมือหลายตัวพร้อมกันและสลับระหว่างการวิเคราะห์และการค้นหา - มีระบบ บันทึกและดึงข้อมูลสำคัญจากไฟล์ภายนอกเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องอธิบายซ้ำ https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/anthropics-new-claude-4-models-promise-the-biggest-ai-brains-ever
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews
  • Phison เปิดตัว SSD X200Z ที่ทำลายสถิติด้านความเร็วและความทนทาน

    Phison เปิดตัว SSD รุ่นใหม่ X200Z ซึ่งเป็น SSD ระดับองค์กรที่มีความเร็วและความทนทานสูงสุดในตลาด โดยสามารถ เขียนข้อมูลเต็มไดรฟ์ทุก 24 นาที และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ารุ่นอื่น ๆ

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Phison X200Z
    ✅ ใช้เทคโนโลยี SLC Flash และอินเทอร์เฟซ PCIe Gen5 x4
    - ช่วยให้ มีความเร็วในการอ่านสูงสุดถึง 15,026 MB/s และเขียนมากกว่า 10,200 MB/s

    ✅ มีความสามารถในการเขียนข้อมูล 60 DWPD (Drive Writes Per Day)
    - เทียบเท่ากับ การเขียนข้อมูลเต็มไดรฟ์ทุก 24 นาที

    ✅ ออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการความทนทานสูง เช่น ศูนย์ข้อมูลและแพลตฟอร์มวิดีโอ
    - มีอายุการใช้งาน สูงถึง 350 Petabytes

    ✅ รองรับฟอร์มแฟกเตอร์ U.2 และ E3.S พร้อมการเชื่อมต่อแบบ Dual-Port
    - ช่วยให้ สามารถใช้งานในระบบที่ต้องการความเร็วและความเสถียรสูง

    ✅ ได้รับการทดสอบโดย TweakTown และได้รับคำชมว่าเป็น SSD ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา
    - มีประสิทธิภาพ สูงสุดในงานที่ต้องใช้การอ่านและเขียนแบบสุ่ม

    https://www.techradar.com/pro/this-extraordinary-ssd-can-do-something-no-other-ssd-can-do-a-full-groundhog-day-write-every-24-minutes
    Phison เปิดตัว SSD X200Z ที่ทำลายสถิติด้านความเร็วและความทนทาน Phison เปิดตัว SSD รุ่นใหม่ X200Z ซึ่งเป็น SSD ระดับองค์กรที่มีความเร็วและความทนทานสูงสุดในตลาด โดยสามารถ เขียนข้อมูลเต็มไดรฟ์ทุก 24 นาที และมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่ารุ่นอื่น ๆ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Phison X200Z ✅ ใช้เทคโนโลยี SLC Flash และอินเทอร์เฟซ PCIe Gen5 x4 - ช่วยให้ มีความเร็วในการอ่านสูงสุดถึง 15,026 MB/s และเขียนมากกว่า 10,200 MB/s ✅ มีความสามารถในการเขียนข้อมูล 60 DWPD (Drive Writes Per Day) - เทียบเท่ากับ การเขียนข้อมูลเต็มไดรฟ์ทุก 24 นาที ✅ ออกแบบมาเพื่อรองรับงานที่ต้องการความทนทานสูง เช่น ศูนย์ข้อมูลและแพลตฟอร์มวิดีโอ - มีอายุการใช้งาน สูงถึง 350 Petabytes ✅ รองรับฟอร์มแฟกเตอร์ U.2 และ E3.S พร้อมการเชื่อมต่อแบบ Dual-Port - ช่วยให้ สามารถใช้งานในระบบที่ต้องการความเร็วและความเสถียรสูง ✅ ได้รับการทดสอบโดย TweakTown และได้รับคำชมว่าเป็น SSD ที่ทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมา - มีประสิทธิภาพ สูงสุดในงานที่ต้องใช้การอ่านและเขียนแบบสุ่ม https://www.techradar.com/pro/this-extraordinary-ssd-can-do-something-no-other-ssd-can-do-a-full-groundhog-day-write-every-24-minutes
    WWW.TECHRADAR.COM
    Built for endurance, Phison X200Z hits speeds and lifespans never seen before
    Phison Pascari X200Z SSD declared "incredible" in first review
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • ZEUS: เลเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดในสหรัฐฯ ทำลายสถิติ 2 เพตะวัตต์

    มหาวิทยาลัยมิชิแกน เปิดตัว ZEUS ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดในสหรัฐฯ โดยสามารถ สร้างพลังงานสูงถึง 2 เพตะวัตต์ ซึ่งมากกว่ากำลังไฟฟ้าทั้งหมดของโลกถึง 100 เท่า แม้ว่าพลังงานนี้จะคงอยู่เพียง 25 ควินทริลเลียนวินาที แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ ZEUS
    ✅ ZEUS เป็นเลเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดในสหรัฐฯ ด้วยกำลัง 2 เพตะวัตต์
    - มากกว่ากำลังไฟฟ้าทั้งหมดของโลกถึง 100 เท่า

    ✅ ใช้เทคโนโลยี Double Chirped Pulse Amplifier และ Acousto-Optic Filters
    - ช่วยให้ สามารถสร้างพัลส์เลเซอร์ที่สั้นและทรงพลังได้

    ✅ มีพื้นที่ทดลอง 3 ส่วน รองรับการทดลองด้านฟิสิกส์พลาสมาและการเร่งอนุภาค
    - สามารถ เร่งอิเล็กตรอนได้ถึง 5 GeV

    ✅ ได้รับการสนับสนุนจาก National Science Foundation และเปิดให้ทีมนักวิจัยทั่วโลกใช้งาน
    - ผ่านกระบวนการคัดเลือกโครงการทดลองอย่างเข้มงวด

    ✅ มีแผนพัฒนาไปสู่ระดับ 3 เพตะวัตต์ภายในปีนี้
    - จะช่วยให้ สามารถศึกษาปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่ซับซ้อนมากขึ้น

    https://www.techspot.com/news/107997-america-most-powerful-laser-reaches-2-petawatts-raising.html
    ZEUS: เลเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดในสหรัฐฯ ทำลายสถิติ 2 เพตะวัตต์ มหาวิทยาลัยมิชิแกน เปิดตัว ZEUS ซึ่งเป็นเลเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดในสหรัฐฯ โดยสามารถ สร้างพลังงานสูงถึง 2 เพตะวัตต์ ซึ่งมากกว่ากำลังไฟฟ้าทั้งหมดของโลกถึง 100 เท่า แม้ว่าพลังงานนี้จะคงอยู่เพียง 25 ควินทริลเลียนวินาที แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ ZEUS ✅ ZEUS เป็นเลเซอร์ที่ทรงพลังที่สุดในสหรัฐฯ ด้วยกำลัง 2 เพตะวัตต์ - มากกว่ากำลังไฟฟ้าทั้งหมดของโลกถึง 100 เท่า ✅ ใช้เทคโนโลยี Double Chirped Pulse Amplifier และ Acousto-Optic Filters - ช่วยให้ สามารถสร้างพัลส์เลเซอร์ที่สั้นและทรงพลังได้ ✅ มีพื้นที่ทดลอง 3 ส่วน รองรับการทดลองด้านฟิสิกส์พลาสมาและการเร่งอนุภาค - สามารถ เร่งอิเล็กตรอนได้ถึง 5 GeV ✅ ได้รับการสนับสนุนจาก National Science Foundation และเปิดให้ทีมนักวิจัยทั่วโลกใช้งาน - ผ่านกระบวนการคัดเลือกโครงการทดลองอย่างเข้มงวด ✅ มีแผนพัฒนาไปสู่ระดับ 3 เพตะวัตต์ภายในปีนี้ - จะช่วยให้ สามารถศึกษาปรากฏการณ์ทางฟิสิกส์ที่ซับซ้อนมากขึ้น https://www.techspot.com/news/107997-america-most-powerful-laser-reaches-2-petawatts-raising.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    The most powerful laser in the US reaches 2 petawatts, setting new records
    The ZEUS laser facility at the University of Michigan has vaulted the United States to the forefront of high-intensity laser science. In its first official experiment, ZEUS...
    0 Comments 0 Shares 153 Views 0 Reviews
  • AMD เปิดตัว Threadripper 9000: โปรเซสเซอร์ระดับ HEDT ที่ทรงพลังที่สุด

    AMD เปิดตัวซีรีส์ Threadripper 9000 ในงาน Computex 2025 โดยเน้นไปที่ ตลาดเวิร์กสเตชันและเดสก์ท็อประดับสูง (HEDT) ซึ่งใช้ สถาปัตยกรรม Zen 5 และมีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 96 คอร์ 192 เธรด

    🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ AMD Threadripper 9000
    ✅ รุ่นสูงสุดคือ Ryzen Threadripper PRO 9995WX ที่มี 96 คอร์ 192 เธรด
    - เหมาะสำหรับ งานด้านสถาปัตยกรรม, วิศวกรรม, การผลิตสื่อ และ AI

    ✅ มีแคช L3 สูงสุด 384MB และแบนด์วิดท์หน่วยความจำ 409.6GB/s
    - ช่วยให้ สามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว

    ✅ รองรับ PCIe 5.0 สูงสุด 128 เลน
    - เพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อกับ GPU และ SSD รุ่นใหม่

    ✅ TDP 350W สำหรับทุกรุ่นในซีรีส์ WX ตั้งแต่ 9995WX (96 คอร์) ถึง 9945WX (12 คอร์)
    - รุ่นที่มีคอร์น้อยกว่ามี ความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงขึ้น เช่น 9945WX มี Base Clock 4.7GHz

    ✅ AMD PRO Technologies ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและการจัดการระยะไกลสำหรับองค์กร
    - เหมาะสำหรับ IT ที่ต้องการความเสถียรและความปลอดภัยของระบบ

    https://www.neowin.net/news/amd-threadripper-9000-launches-with-up-to-96-zen-5-cores-so-you-wont-need-moar-cores/
    AMD เปิดตัว Threadripper 9000: โปรเซสเซอร์ระดับ HEDT ที่ทรงพลังที่สุด AMD เปิดตัวซีรีส์ Threadripper 9000 ในงาน Computex 2025 โดยเน้นไปที่ ตลาดเวิร์กสเตชันและเดสก์ท็อประดับสูง (HEDT) ซึ่งใช้ สถาปัตยกรรม Zen 5 และมีจำนวนคอร์สูงสุดถึง 96 คอร์ 192 เธรด 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ AMD Threadripper 9000 ✅ รุ่นสูงสุดคือ Ryzen Threadripper PRO 9995WX ที่มี 96 คอร์ 192 เธรด - เหมาะสำหรับ งานด้านสถาปัตยกรรม, วิศวกรรม, การผลิตสื่อ และ AI ✅ มีแคช L3 สูงสุด 384MB และแบนด์วิดท์หน่วยความจำ 409.6GB/s - ช่วยให้ สามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว ✅ รองรับ PCIe 5.0 สูงสุด 128 เลน - เพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อกับ GPU และ SSD รุ่นใหม่ ✅ TDP 350W สำหรับทุกรุ่นในซีรีส์ WX ตั้งแต่ 9995WX (96 คอร์) ถึง 9945WX (12 คอร์) - รุ่นที่มีคอร์น้อยกว่ามี ความเร็วสัญญาณนาฬิกาสูงขึ้น เช่น 9945WX มี Base Clock 4.7GHz ✅ AMD PRO Technologies ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและการจัดการระยะไกลสำหรับองค์กร - เหมาะสำหรับ IT ที่ต้องการความเสถียรและความปลอดภัยของระบบ https://www.neowin.net/news/amd-threadripper-9000-launches-with-up-to-96-zen-5-cores-so-you-wont-need-moar-cores/
    WWW.NEOWIN.NET
    AMD Threadripper 9000 launches with up to 96 Zen 5 cores so you won't need 'moar cores'
    AMD has released its new Threadripper Ryzen 9000 WX and 9000 series HEDT processors with up to 96 Zen 5 cores.
    0 Comments 0 Shares 173 Views 0 Reviews
  • [Technology] ‘โลกใหม่ ที่ AI ทำงาน แทนคุณได้ทุกอย่าง’ สรุป 10 ไฮไลต์ จาก Google I/O 2025 กับยุคใหม่ของ Agentic AI ที่ฉลาด คิด วิเคราะห์ และทำงานแทนคุณได้ทุกที่..หากคุณคาดหวังว่า Google I/O 2025 จะเป็นเวทีที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ๆ อาจจะผิดหวัง เพราะปีนี้ถือเป็นปีที่นำเสนอจุดเปลี่ยนสำคัญของยุคดิจิทัล ที่มีมากกว่าแค่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เปรียบเสมือนว่า Google กำลังส่งสัญญาณบางอย่าง เพื่อบอกกับเราว่า “AI ไม่ใช่แค่ผู้ช่วยที่รับคำสั่งไปวันๆ เท่านั้น”.Agentic AI ยังคงเป็นดาวเด่นสำหรับแวดวงเทคโนโลยีในปีนี้ Google เรียกมันว่าเป็นโมเดลที่ฉลาดมากพอจะคิด วิเคราะห์ ประสานงาน และจัดการสิ่งต่างๆ ให้เราได้แบบอัตโนมัติ.และนี่คือ 10 ไฮไลต์สำคัญจากงาน Google I/O 2025 ที่สะท้อนยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์อย่างชัดเจน อีกทั้งยังตอกย้ำอีกว่าปีนี้ Google เอาจริง!..[ 10 ไฮไลต์สำคัญจากงาน Google I/O 2025 ] .1️⃣ 🌐 Gemini 2.5 Pro และ Flash ก้าวกระโดดของโมเดล AI ที่เร็ว ฉลาด และพร้อมใช้จริง.Google เปิดตัวโมเดลเรือธง Gemini 2.5 Pro ที่ครองอันดับ 1 ทุกหมวดใน LM Arena ซึ่งเป็นสนามประเมินศักยภาพของโมเดลภาษา ตัวเลขบ่งชี้ความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน โดยโมเดลใหม่ได้คะแนน ELO เพิ่มขึ้นกว่า 300 แต้มจาก Gemini รุ่นแรก.จุดเด่นของ 2.5 Pro ไม่ใช่แค่ความเข้าใจภาษาหรือตรรกะที่ลึกซึ้งขึ้น แต่คือความสามารถในการ ‘ใช้เหตุผลหลายขั้น’ และตอบคำถามที่ซับซ้อนได้ใกล้เคียงมนุษย์.ขณะเดียวกัน Google ยังเปิดตัว ‘Gemini 2.5 Flash’ โมเดลเวอร์ชันที่เล็กลงมาหน่อยแต่ยังคงทรงพลัง เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วและต้นทุนต่ำ เช่น Chatbots, Customer Service หรือ Data Analysis แบบเรียลไทม์.ทั้งสองโมเดลนี้จะเปิดให้ใช้งานใน Gemini API ภายในเดือนมิถุนายน และหลังจากนั้นจะถูกนำมาเป็นแกนหลักของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในผลิตภัณฑ์ของ Google..2️⃣ 🧠 Agent Mode & Project Mariner - Agentic AI ในแบบของ Google.Google เปิดตัว Agent Mode ภายใน Gemini App ซึ่งไม่เพียงตอบคำถาม แต่สามารถทำสิ่งนั้นแทนเราได้จริง เช่น หากคุณต้องการหาอพาร์ตเมนต์ใน Austin สำหรับ 3 คน พร้อมเครื่องซักผ้า และงบไม่เกินคนละ $1,200.Agent Mode จะทำงานโดยการดึงข้อมูลจาก Zillow กรองข้อมูลตามเงื่อนไข แนะนำห้อง นัดดูห้องใน Google Calendar ให้เรียบร้อย.โดยเบื้องหลังความสามารถนี้คือ Project Mariner ซึ่งทำให้ AI มีทักษะในการ ‘ใช้คอมพิวเตอร์ได้เหมือนมนุษย์’ เช่น เปิดเว็บ คลิก กรอกแบบฟอร์ม อีกทั้งยังมีความสามารถในการเรียนรู้จากการเห็นวิธีการทำงานเพียงครั้งเดียวด้วยฟีเจอร์ ‘Teach & Repeat’.นอกจากนี้ Mariner ยังรองรับ Multitasking สูงสุด 10 งานพร้อมกัน และจะเปิดให้ใช้งานช่วงฤดูร้อนนี้ผ่าน Gemini API..3️⃣ 🎥 Google Beam การสื่อสารผ่านวิดีโอที่ ‘เหมือนอยู่ต่อหน้า’ จริงๆ.Google เปิดตัว Google Beam แพลตฟอร์มวิดีโอคอลแบบใหม่ที่ใช้กล้อง 6 ตัวและ AI เพื่อสร้างภาพ 3D เสมือนจริงบนจอ Light-field ที่มีความละเอียดสูง รองรับ 60 fps และ Head Tracking แบบมิลลิเมตร.สิ่งที่น่าทึ่งคือความสามารถในการจับภาพบุคคลจากมุมต่างๆ แล้วนำมาสร้างโมเดลภาพ 3 มิติแบบเรียลไทม์เพื่อใช้ใน Video Call เหมือนกับว่าคู่สนทนาอยู่ตรงหน้า.นอกจากนี้ Google Beam ยังพัฒนาร่วมกับ HP และจะเปิดให้ใช้งานกับลูกค้าชุดแรกภายในปีนี้..4️⃣ 🔊 Gemini Live & Project Astra AI ที่เข้าใจโลกจริงผ่านกล้องและเสียง.หนึ่งในจุดเด่นของ Gemini 2.5 คือความสามารถแบบ Multimodal เข้าใจภาพ เสียง ข้อความ และบริบทพร้อมกัน.Gemini Live เป็นประสบการณ์ใหม่ของ AI ที่ให้คุณพูดคุยกับ AI แบบเรียลไทม์ผ่านเสียง พร้อมใช้กล้องมือถือเพื่อให้ AI เห็นสิ่งเดียวกันกับคุณ เช่น.⭐ ชี้กล้องไปที่หน้าปัดรถ → AI บอกวิธีใช้⭐ แชร์หน้าจอสัมภาษณ์ → AI วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน⭐ อ่านลายมือจากโน้ต → เปลี่ยนเป็น Checklists ใน Google Keep.ทั้งหมดนี้จะใช้งานได้ผ่าน Android และ iOS โดยจะเชื่อมต่อกับ Maps, Calendar, Tasks ได้เร็วๆ นี้..5️⃣ 🧑‍💻 AI Mode ใน Google Search ค้นหาแบบฉลาด สนทนาได้ พร้อมทำงานแทน.Google Search กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ใช้ AI มากที่สุดในโลก โดยมีผู้ใช้กว่า 1.5 พันล้านคนต่อเดือน ที่ได้สัมผัส AI Overviews.แต่ปีนี้ Google ยกระดับอีกขั้นด้วย ‘AI Mode’ แท็บใหม่ใน Google Search ที่ให้คุณพิมพ์คำถามยาว ซับซ้อน หรือพูดผ่านกล้องได้เลย เช่น.“เปรียบเทียบโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับงานตัดต่อ ราคาไม่เกิน 50,000 พร้อมร้านที่ไว้ใจได้”“นี่คือประตูหน้าบ้านฉัน มีอะไรผิดปกติมั้ย?” (ใช้กล้อง).นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Search Live สำหรับการค้นหาขณะใช้งานจริง และระบบ Agentic Checkout ที่ช่วยติดตามราคา สั่งซื้ออัตโนมัติ และจ่ายเงินผ่าน Google Pay ได้แบบเรียบง่าย..6️⃣ 💌 Smart Reply ด้วยน้ำเสียงและสำนวนของคุณ ตอบอีเมลให้เหมือนคุณเขียนเอง.Google นำ Gemini มาประยุกต์ใช้กับ Gmail โดยต่อยอดจากฟีเจอร์ Smart Reply ให้กลายเป็น Personalized Smart Reply ตัวอย่าง เพื่อนคุณถามถึงทริป Zion National Park ที่คุณเคยไป Gemini จะไปดึงข้อมูลจากอีเมลเก่า โน้ตใน Google Docs หรือเอกสารการจอง แล้วสร้างคำตอบให้พร้อมใช้น้ำเสียงเดียวกับที่คุณเคยใช้.Gemini จะเรียนรู้ว่าคุณชอบใช้คำทักทายแบบไหน มีสำนวนเฉพาะอะไร และเขียนตอบให้ในแบบที่อ่านแล้วเหมือนคุณจริง ๆ ไม่ใช่แค่คำตอบจาก AI.โดยจะเปิดใช้งานใน Gmail สำหรับผู้ใช้แบบเสียเงินช่วงฤดูร้อนนี้..7️⃣ 🖼️ V3 & Flow สร้างภาพ เสียง และบทพูดด้วย AI อย่างสมจริง.Google เปิดตัวโมเดล V3 ที่รองรับการสร้างเสียง และบทสนทนา จากข้อความธรรมดา เช่น.“นกฮูกแก่กับแบดเจอร์น้อยคุยกันกลางป่า” → ได้ทั้งเสียงสัตว์ เสียงป่า และบทสนทนาจริง.ไม่เพียงเท่านั้น เครื่องมือสร้างสรรค์ใหม่ชื่อ Flow ผสาน Gemini + V3 + Imagine 4 เพื่อให้ผู้สร้างสามารถสร้างวิดีโอแบบมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นภาพเคลื่อนไหว เสียงพื้นหลัง หรือบทพูดที่น่าดึงดูด..8️⃣ 🕶️ Android XR ระบบปฏิบัติการสำหรับแว่นตาและโลกเสมือน.Google ร่วมกับ Samsung และ Qualcomm เปิดตัว Android XR ระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับอุปกรณ์ XR (Extended Reality).Project Muhan ของ Samsung คืออุปกรณ์ XR เครื่องแรกที่ใช้ Android XR ตามมาด้วยแว่นตาอัจฉริยะจาก Gentle Monster และ Warby Parker ซึ่งจะเริ่มเปิดให้นักพัฒนาทดลองภายในปีนี้.เป้าหมายคือสร้างอุปกรณ์ที่เบา ใส่สบาย ใช้งานได้ทั้งวัน เพื่อใช้ดูข้อมูล แปลภาษา รับการแจ้งเตือน หรือใช้ Gemini แบบ AR ได้ทุกที่ที่ต้องการเลย..9️⃣ 🛡️ AI เพื่อมนุษยธรรม Firesat และโดรนช่วยเหลือภัยพิบัติ.Google ใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาจริง เช่นการรับมือภัยพิบัติ อย่าง Firesat คือดาวเทียม AI ที่สามารถตรวจจับไฟป่าได้ในพื้นที่ขนาดเท่ากับโรงรถเพียงหลังเดียว และอัปเดตรูปภาพทุก 20 นาที (จากเดิม 12 ชั่วโมง).โครงการร่วมกับ Red Cross, Walmart, และ Wing ใช้โดรนส่งอาหาร ยา และของจำเป็นไปยังพื้นที่ประสบภัยแบบเรียลไทม์ เช่นตอนพายุ Hurricane Helen.นี่คือการยืนยันว่า AI ไม่ได้มาเพื่อแค่แย่งงานคน แต่กำลังช่วยชีวิตคนจริงๆ..🔟 💼 Google AI Ultra แผนสมาชิกพรีเมียมสำหรับคนที่ต้องการ AI ขั้นสูงสุด.Google AI Ultra คือแผนการสมัครสมาชิก AI ระดับพรีเมียมใหม่ของ Google โดยแผนนี้ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ นักพัฒนา และมืออาชีพด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากความสามารถ AI ขั้นสูงสุดของ Google.สำหรับราคา แผน Google AI Ultra มีค่าใช้จ่าย 249.99 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับสิ่งที่ผู้สมัครสมาชิก Google AI Ultra จะได้รับ ได้แก่.⭐ สิทธิ์การเข้าถึงโมเดลที่มีความสามารถสูงสุดของ Google ⭐ ขีดจำกัดการใช้งานสูงสุด ⭐ คุณสมบัติพรีเมียมต่างๆ เช่น การเข้าถึง Deep Research ในแอป Gemini ⭐ การสร้างวิดีโอด้วย Veo 2 และการเข้าถึง Veo 3 ก่อนใคร ⭐ พื้นที่เก็บข้อมูล 30TB + YouTube Premium⭐ เครื่องมือสร้างภาพยนตร์ AI ใหม่ Flow สำหรับสร้างวิดีโอระดับ 1080p⭐ การเข้าถึง Project Mariner ซึ่งสามารถจัดการงานที่ใช้เวลานานได้สูงสุด 10 งานพร้อมกัน⭐ NotebookLM เวอร์ชันเต็ม⭐ เข้าถึง Gemini 2.5 Pro ก่อนใคร พร้อม Deep Think Mode⭐ เข้าถึงฟีเจอร์ทดลองก่อนเปิดตัว.เป็นแผนสมาชิกที่น่าสนใจมากๆ หากใครสนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้..📌 Google I/O 2025 คือการยืนยันว่าเราได้ก้าวข้ามยุค ‘AI ที่รอรับคำสั่ง’ มาเป็นยุคของ ‘AI ที่ลงมือทำแทน’ แล้วอย่างแท้จริง ตอนนี้ AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเบื้องหลังอีกต่อไป แต่มันกำลังเข้าไปในอีเมลของคุณ (Smart Reply) อยู่ในกล้องของคุณ (Search Live) คุยกับคุณแบบเห็นภาพจริง (Gemini Live) จองห้อง ดูตาราง เปรียบเทียบราคาแทนคุณ (Agent Mode) ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะมาให้คุณใช้จริงในปี 2025..เขียนและเรียบเรียงโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์
    [Technology] ‘โลกใหม่ ที่ AI ทำงาน แทนคุณได้ทุกอย่าง’ สรุป 10 ไฮไลต์ จาก Google I/O 2025 กับยุคใหม่ของ Agentic AI ที่ฉลาด คิด วิเคราะห์ และทำงานแทนคุณได้ทุกที่..หากคุณคาดหวังว่า Google I/O 2025 จะเป็นเวทีที่เปิดตัวผลิตภัณฑ์ AI ใหม่ๆ อาจจะผิดหวัง เพราะปีนี้ถือเป็นปีที่นำเสนอจุดเปลี่ยนสำคัญของยุคดิจิทัล ที่มีมากกว่าแค่การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ เปรียบเสมือนว่า Google กำลังส่งสัญญาณบางอย่าง เพื่อบอกกับเราว่า “AI ไม่ใช่แค่ผู้ช่วยที่รับคำสั่งไปวันๆ เท่านั้น”.Agentic AI ยังคงเป็นดาวเด่นสำหรับแวดวงเทคโนโลยีในปีนี้ Google เรียกมันว่าเป็นโมเดลที่ฉลาดมากพอจะคิด วิเคราะห์ ประสานงาน และจัดการสิ่งต่างๆ ให้เราได้แบบอัตโนมัติ.และนี่คือ 10 ไฮไลต์สำคัญจากงาน Google I/O 2025 ที่สะท้อนยุคใหม่ของปัญญาประดิษฐ์อย่างชัดเจน อีกทั้งยังตอกย้ำอีกว่าปีนี้ Google เอาจริง!..[ 10 ไฮไลต์สำคัญจากงาน Google I/O 2025 ] .1️⃣ 🌐 Gemini 2.5 Pro และ Flash ก้าวกระโดดของโมเดล AI ที่เร็ว ฉลาด และพร้อมใช้จริง.Google เปิดตัวโมเดลเรือธง Gemini 2.5 Pro ที่ครองอันดับ 1 ทุกหมวดใน LM Arena ซึ่งเป็นสนามประเมินศักยภาพของโมเดลภาษา ตัวเลขบ่งชี้ความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน โดยโมเดลใหม่ได้คะแนน ELO เพิ่มขึ้นกว่า 300 แต้มจาก Gemini รุ่นแรก.จุดเด่นของ 2.5 Pro ไม่ใช่แค่ความเข้าใจภาษาหรือตรรกะที่ลึกซึ้งขึ้น แต่คือความสามารถในการ ‘ใช้เหตุผลหลายขั้น’ และตอบคำถามที่ซับซ้อนได้ใกล้เคียงมนุษย์.ขณะเดียวกัน Google ยังเปิดตัว ‘Gemini 2.5 Flash’ โมเดลเวอร์ชันที่เล็กลงมาหน่อยแต่ยังคงทรงพลัง เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วและต้นทุนต่ำ เช่น Chatbots, Customer Service หรือ Data Analysis แบบเรียลไทม์.ทั้งสองโมเดลนี้จะเปิดให้ใช้งานใน Gemini API ภายในเดือนมิถุนายน และหลังจากนั้นจะถูกนำมาเป็นแกนหลักของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดในผลิตภัณฑ์ของ Google..2️⃣ 🧠 Agent Mode & Project Mariner - Agentic AI ในแบบของ Google.Google เปิดตัว Agent Mode ภายใน Gemini App ซึ่งไม่เพียงตอบคำถาม แต่สามารถทำสิ่งนั้นแทนเราได้จริง เช่น หากคุณต้องการหาอพาร์ตเมนต์ใน Austin สำหรับ 3 คน พร้อมเครื่องซักผ้า และงบไม่เกินคนละ $1,200.Agent Mode จะทำงานโดยการดึงข้อมูลจาก Zillow กรองข้อมูลตามเงื่อนไข แนะนำห้อง นัดดูห้องใน Google Calendar ให้เรียบร้อย.โดยเบื้องหลังความสามารถนี้คือ Project Mariner ซึ่งทำให้ AI มีทักษะในการ ‘ใช้คอมพิวเตอร์ได้เหมือนมนุษย์’ เช่น เปิดเว็บ คลิก กรอกแบบฟอร์ม อีกทั้งยังมีความสามารถในการเรียนรู้จากการเห็นวิธีการทำงานเพียงครั้งเดียวด้วยฟีเจอร์ ‘Teach & Repeat’.นอกจากนี้ Mariner ยังรองรับ Multitasking สูงสุด 10 งานพร้อมกัน และจะเปิดให้ใช้งานช่วงฤดูร้อนนี้ผ่าน Gemini API..3️⃣ 🎥 Google Beam การสื่อสารผ่านวิดีโอที่ ‘เหมือนอยู่ต่อหน้า’ จริงๆ.Google เปิดตัว Google Beam แพลตฟอร์มวิดีโอคอลแบบใหม่ที่ใช้กล้อง 6 ตัวและ AI เพื่อสร้างภาพ 3D เสมือนจริงบนจอ Light-field ที่มีความละเอียดสูง รองรับ 60 fps และ Head Tracking แบบมิลลิเมตร.สิ่งที่น่าทึ่งคือความสามารถในการจับภาพบุคคลจากมุมต่างๆ แล้วนำมาสร้างโมเดลภาพ 3 มิติแบบเรียลไทม์เพื่อใช้ใน Video Call เหมือนกับว่าคู่สนทนาอยู่ตรงหน้า.นอกจากนี้ Google Beam ยังพัฒนาร่วมกับ HP และจะเปิดให้ใช้งานกับลูกค้าชุดแรกภายในปีนี้..4️⃣ 🔊 Gemini Live & Project Astra AI ที่เข้าใจโลกจริงผ่านกล้องและเสียง.หนึ่งในจุดเด่นของ Gemini 2.5 คือความสามารถแบบ Multimodal เข้าใจภาพ เสียง ข้อความ และบริบทพร้อมกัน.Gemini Live เป็นประสบการณ์ใหม่ของ AI ที่ให้คุณพูดคุยกับ AI แบบเรียลไทม์ผ่านเสียง พร้อมใช้กล้องมือถือเพื่อให้ AI เห็นสิ่งเดียวกันกับคุณ เช่น.⭐ ชี้กล้องไปที่หน้าปัดรถ → AI บอกวิธีใช้⭐ แชร์หน้าจอสัมภาษณ์ → AI วิเคราะห์จุดแข็งจุดอ่อน⭐ อ่านลายมือจากโน้ต → เปลี่ยนเป็น Checklists ใน Google Keep.ทั้งหมดนี้จะใช้งานได้ผ่าน Android และ iOS โดยจะเชื่อมต่อกับ Maps, Calendar, Tasks ได้เร็วๆ นี้..5️⃣ 🧑‍💻 AI Mode ใน Google Search ค้นหาแบบฉลาด สนทนาได้ พร้อมทำงานแทน.Google Search กลายเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มีผู้ใช้ AI มากที่สุดในโลก โดยมีผู้ใช้กว่า 1.5 พันล้านคนต่อเดือน ที่ได้สัมผัส AI Overviews.แต่ปีนี้ Google ยกระดับอีกขั้นด้วย ‘AI Mode’ แท็บใหม่ใน Google Search ที่ให้คุณพิมพ์คำถามยาว ซับซ้อน หรือพูดผ่านกล้องได้เลย เช่น.“เปรียบเทียบโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับงานตัดต่อ ราคาไม่เกิน 50,000 พร้อมร้านที่ไว้ใจได้”“นี่คือประตูหน้าบ้านฉัน มีอะไรผิดปกติมั้ย?” (ใช้กล้อง).นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Search Live สำหรับการค้นหาขณะใช้งานจริง และระบบ Agentic Checkout ที่ช่วยติดตามราคา สั่งซื้ออัตโนมัติ และจ่ายเงินผ่าน Google Pay ได้แบบเรียบง่าย..6️⃣ 💌 Smart Reply ด้วยน้ำเสียงและสำนวนของคุณ ตอบอีเมลให้เหมือนคุณเขียนเอง.Google นำ Gemini มาประยุกต์ใช้กับ Gmail โดยต่อยอดจากฟีเจอร์ Smart Reply ให้กลายเป็น Personalized Smart Reply ตัวอย่าง เพื่อนคุณถามถึงทริป Zion National Park ที่คุณเคยไป Gemini จะไปดึงข้อมูลจากอีเมลเก่า โน้ตใน Google Docs หรือเอกสารการจอง แล้วสร้างคำตอบให้พร้อมใช้น้ำเสียงเดียวกับที่คุณเคยใช้.Gemini จะเรียนรู้ว่าคุณชอบใช้คำทักทายแบบไหน มีสำนวนเฉพาะอะไร และเขียนตอบให้ในแบบที่อ่านแล้วเหมือนคุณจริง ๆ ไม่ใช่แค่คำตอบจาก AI.โดยจะเปิดใช้งานใน Gmail สำหรับผู้ใช้แบบเสียเงินช่วงฤดูร้อนนี้..7️⃣ 🖼️ V3 & Flow สร้างภาพ เสียง และบทพูดด้วย AI อย่างสมจริง.Google เปิดตัวโมเดล V3 ที่รองรับการสร้างเสียง และบทสนทนา จากข้อความธรรมดา เช่น.“นกฮูกแก่กับแบดเจอร์น้อยคุยกันกลางป่า” → ได้ทั้งเสียงสัตว์ เสียงป่า และบทสนทนาจริง.ไม่เพียงเท่านั้น เครื่องมือสร้างสรรค์ใหม่ชื่อ Flow ผสาน Gemini + V3 + Imagine 4 เพื่อให้ผู้สร้างสามารถสร้างวิดีโอแบบมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นภาพเคลื่อนไหว เสียงพื้นหลัง หรือบทพูดที่น่าดึงดูด..8️⃣ 🕶️ Android XR ระบบปฏิบัติการสำหรับแว่นตาและโลกเสมือน.Google ร่วมกับ Samsung และ Qualcomm เปิดตัว Android XR ระบบปฏิบัติการใหม่สำหรับอุปกรณ์ XR (Extended Reality).Project Muhan ของ Samsung คืออุปกรณ์ XR เครื่องแรกที่ใช้ Android XR ตามมาด้วยแว่นตาอัจฉริยะจาก Gentle Monster และ Warby Parker ซึ่งจะเริ่มเปิดให้นักพัฒนาทดลองภายในปีนี้.เป้าหมายคือสร้างอุปกรณ์ที่เบา ใส่สบาย ใช้งานได้ทั้งวัน เพื่อใช้ดูข้อมูล แปลภาษา รับการแจ้งเตือน หรือใช้ Gemini แบบ AR ได้ทุกที่ที่ต้องการเลย..9️⃣ 🛡️ AI เพื่อมนุษยธรรม Firesat และโดรนช่วยเหลือภัยพิบัติ.Google ใช้ AI เพื่อแก้ปัญหาจริง เช่นการรับมือภัยพิบัติ อย่าง Firesat คือดาวเทียม AI ที่สามารถตรวจจับไฟป่าได้ในพื้นที่ขนาดเท่ากับโรงรถเพียงหลังเดียว และอัปเดตรูปภาพทุก 20 นาที (จากเดิม 12 ชั่วโมง).โครงการร่วมกับ Red Cross, Walmart, และ Wing ใช้โดรนส่งอาหาร ยา และของจำเป็นไปยังพื้นที่ประสบภัยแบบเรียลไทม์ เช่นตอนพายุ Hurricane Helen.นี่คือการยืนยันว่า AI ไม่ได้มาเพื่อแค่แย่งงานคน แต่กำลังช่วยชีวิตคนจริงๆ..🔟 💼 Google AI Ultra แผนสมาชิกพรีเมียมสำหรับคนที่ต้องการ AI ขั้นสูงสุด.Google AI Ultra คือแผนการสมัครสมาชิก AI ระดับพรีเมียมใหม่ของ Google โดยแผนนี้ออกแบบมาสำหรับผู้ใช้ระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ นักพัฒนา และมืออาชีพด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ต้องการใช้ประโยชน์จากความสามารถ AI ขั้นสูงสุดของ Google.สำหรับราคา แผน Google AI Ultra มีค่าใช้จ่าย 249.99 ดอลลาร์ต่อเดือน สำหรับสิ่งที่ผู้สมัครสมาชิก Google AI Ultra จะได้รับ ได้แก่.⭐ สิทธิ์การเข้าถึงโมเดลที่มีความสามารถสูงสุดของ Google ⭐ ขีดจำกัดการใช้งานสูงสุด ⭐ คุณสมบัติพรีเมียมต่างๆ เช่น การเข้าถึง Deep Research ในแอป Gemini ⭐ การสร้างวิดีโอด้วย Veo 2 และการเข้าถึง Veo 3 ก่อนใคร ⭐ พื้นที่เก็บข้อมูล 30TB + YouTube Premium⭐ เครื่องมือสร้างภาพยนตร์ AI ใหม่ Flow สำหรับสร้างวิดีโอระดับ 1080p⭐ การเข้าถึง Project Mariner ซึ่งสามารถจัดการงานที่ใช้เวลานานได้สูงสุด 10 งานพร้อมกัน⭐ NotebookLM เวอร์ชันเต็ม⭐ เข้าถึง Gemini 2.5 Pro ก่อนใคร พร้อม Deep Think Mode⭐ เข้าถึงฟีเจอร์ทดลองก่อนเปิดตัว.เป็นแผนสมาชิกที่น่าสนใจมากๆ หากใครสนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้..📌 Google I/O 2025 คือการยืนยันว่าเราได้ก้าวข้ามยุค ‘AI ที่รอรับคำสั่ง’ มาเป็นยุคของ ‘AI ที่ลงมือทำแทน’ แล้วอย่างแท้จริง ตอนนี้ AI ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีเบื้องหลังอีกต่อไป แต่มันกำลังเข้าไปในอีเมลของคุณ (Smart Reply) อยู่ในกล้องของคุณ (Search Live) คุยกับคุณแบบเห็นภาพจริง (Gemini Live) จองห้อง ดูตาราง เปรียบเทียบราคาแทนคุณ (Agent Mode) ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นแล้ว และกำลังจะมาให้คุณใช้จริงในปี 2025..เขียนและเรียบเรียงโดย ธนพนธ์ หัสกรรัตน์
    0 Comments 0 Shares 498 Views 0 Reviews
  • Microsoft ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 โดยไม่มีรุ่นทดแทน

    Microsoft ได้ ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 ซึ่งเป็นแล็ปท็อปที่ทรงพลังที่สุดของบริษัทและมีดีไซน์บานพับจอที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดตัวรุ่นทดแทน ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์ Surface

    ✅ Microsoft หยุดการผลิต Surface Laptop Studio 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2025
    - สินค้าจะ หมดสต็อกในร้านค้าต่าง ๆ และจะไม่มีการผลิตเพิ่มเติม

    ✅ Surface Laptop Studio 2 จะยังคงได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029
    - ผู้ใช้ยังสามารถ รับการอัปเดตเฟิร์มแวร์และระบบปฏิบัติการต่อไป

    ✅ Microsoft ค่อย ๆ ยุติการผลิตอุปกรณ์ Surface ที่มีดีไซน์แปลกใหม่
    - ก่อนหน้านี้ Surface Studio, Surface Duo, Surface Book และ Surface Neo ก็ถูกยกเลิกไปแล้ว

    ✅ Surface รุ่นใหม่เน้นไปที่ดีไซน์มาตรฐานมากขึ้น
    - Microsoft มุ่งเน้นไปที่แล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ใช้งานทั่วไปมากกว่าการออกแบบที่แปลกใหม่

    ✅ Surface Laptop Studio 2 เป็นอุปกรณ์ Surface รุ่นสุดท้ายที่มีดีไซน์แหวกแนว
    - ทำให้ โอกาสที่ Microsoft จะกลับไปพัฒนาอุปกรณ์ที่มีดีไซน์แปลกใหม่มีน้อยลง

    https://www.tomshardware.com/tablets/microsoft-surface/microsoft-may-have-killed-the-surface-laptop-studio-2
    Microsoft ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 โดยไม่มีรุ่นทดแทน Microsoft ได้ ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 ซึ่งเป็นแล็ปท็อปที่ทรงพลังที่สุดของบริษัทและมีดีไซน์บานพับจอที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดตัวรุ่นทดแทน ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์ Surface ✅ Microsoft หยุดการผลิต Surface Laptop Studio 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2025 - สินค้าจะ หมดสต็อกในร้านค้าต่าง ๆ และจะไม่มีการผลิตเพิ่มเติม ✅ Surface Laptop Studio 2 จะยังคงได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029 - ผู้ใช้ยังสามารถ รับการอัปเดตเฟิร์มแวร์และระบบปฏิบัติการต่อไป ✅ Microsoft ค่อย ๆ ยุติการผลิตอุปกรณ์ Surface ที่มีดีไซน์แปลกใหม่ - ก่อนหน้านี้ Surface Studio, Surface Duo, Surface Book และ Surface Neo ก็ถูกยกเลิกไปแล้ว ✅ Surface รุ่นใหม่เน้นไปที่ดีไซน์มาตรฐานมากขึ้น - Microsoft มุ่งเน้นไปที่แล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ใช้งานทั่วไปมากกว่าการออกแบบที่แปลกใหม่ ✅ Surface Laptop Studio 2 เป็นอุปกรณ์ Surface รุ่นสุดท้ายที่มีดีไซน์แหวกแนว - ทำให้ โอกาสที่ Microsoft จะกลับไปพัฒนาอุปกรณ์ที่มีดีไซน์แปลกใหม่มีน้อยลง https://www.tomshardware.com/tablets/microsoft-surface/microsoft-may-have-killed-the-surface-laptop-studio-2
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Microsoft may have killed the Surface Laptop Studio
    The streamlining of the Surface lineup continues, as Microsoft sticks with what it knows will work.
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • Meta เลื่อนการเปิดตัวโมเดล AI "Behemoth" เนื่องจากปัญหาด้านประสิทธิภาพ

    Meta Platforms ได้ตัดสินใจ เลื่อนการเปิดตัวโมเดล AI "Behemoth" ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่มีความสามารถสูงสุดของบริษัท เนื่องจากวิศวกรของ Meta ยังไม่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของโมเดลได้มากพอ ทำให้เกิดข้อสงสัยภายในบริษัทว่า การอัปเกรดครั้งนี้มีความคุ้มค่าพอที่จะเปิดตัวสู่สาธารณะหรือไม่

    ✅ Meta วางแผนเปิดตัว Behemoth ในเดือนเมษายน 2025 แต่เลื่อนเป็นมิถุนายน และล่าสุดเลื่อนไปช่วงปลายปี
    - เดิมที ตั้งใจเปิดตัวในงาน AI Developer Conference ของ Meta

    ✅ ทีมวิศวกรของ Meta กำลังพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพของโมเดล
    - มีข้อสงสัยว่า การอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อนหน้ามีความคุ้มค่าพอหรือไม่

    ✅ Meta เปิดตัว Llama 4 Scout และ Llama 4 Maverick ในเดือนเมษายน 2025
    - Behemoth ถูกวางให้เป็น โมเดลที่ฉลาดที่สุดและทรงพลังที่สุดของ Meta

    ✅ Meta ยังไม่ได้ให้คำชี้แจงเกี่ยวกับการเลื่อนเปิดตัว Behemoth
    - บริษัท ไม่ได้ตอบกลับคำขอความคิดเห็นจาก Reuters

    ✅ Behemoth ถูกออกแบบให้เป็น "ครู" สำหรับโมเดล AI รุ่นใหม่ของ Meta
    - คาดว่า จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา AI ของบริษัทในอนาคต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/16/meta-is-delaying-release-of-its-039behemoth039-ai-model-wsj-reports
    Meta เลื่อนการเปิดตัวโมเดล AI "Behemoth" เนื่องจากปัญหาด้านประสิทธิภาพ Meta Platforms ได้ตัดสินใจ เลื่อนการเปิดตัวโมเดล AI "Behemoth" ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่มีความสามารถสูงสุดของบริษัท เนื่องจากวิศวกรของ Meta ยังไม่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพของโมเดลได้มากพอ ทำให้เกิดข้อสงสัยภายในบริษัทว่า การอัปเกรดครั้งนี้มีความคุ้มค่าพอที่จะเปิดตัวสู่สาธารณะหรือไม่ ✅ Meta วางแผนเปิดตัว Behemoth ในเดือนเมษายน 2025 แต่เลื่อนเป็นมิถุนายน และล่าสุดเลื่อนไปช่วงปลายปี - เดิมที ตั้งใจเปิดตัวในงาน AI Developer Conference ของ Meta ✅ ทีมวิศวกรของ Meta กำลังพยายามปรับปรุงประสิทธิภาพของโมเดล - มีข้อสงสัยว่า การอัปเกรดจากเวอร์ชันก่อนหน้ามีความคุ้มค่าพอหรือไม่ ✅ Meta เปิดตัว Llama 4 Scout และ Llama 4 Maverick ในเดือนเมษายน 2025 - Behemoth ถูกวางให้เป็น โมเดลที่ฉลาดที่สุดและทรงพลังที่สุดของ Meta ✅ Meta ยังไม่ได้ให้คำชี้แจงเกี่ยวกับการเลื่อนเปิดตัว Behemoth - บริษัท ไม่ได้ตอบกลับคำขอความคิดเห็นจาก Reuters ✅ Behemoth ถูกออกแบบให้เป็น "ครู" สำหรับโมเดล AI รุ่นใหม่ของ Meta - คาดว่า จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา AI ของบริษัทในอนาคต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/16/meta-is-delaying-release-of-its-039behemoth039-ai-model-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Meta delays release of its 'Behemoth' AI model, WSJ reports
    (Reuters) -Meta Platforms is delaying the release of its flagship "Behemoth" AI model due to concerns about its capabilities, the Wall Street Journal reported on Thursday, citing people familiar with the matter.
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • Microsoft ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 โดยไม่มีรุ่นทดแทน

    Microsoft ได้ ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 ซึ่งเป็น แล็ปท็อปที่ทรงพลังที่สุดของบริษัท และมีดีไซน์บานพับจอที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดตัวรุ่นทดแทน ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์ Surface

    ✅ Microsoft หยุดการผลิต Surface Laptop Studio 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2025
    - สินค้าจะ หมดสต็อกในร้านค้าต่าง ๆ และจะไม่มีการผลิตเพิ่มเติม

    ✅ Surface Laptop Studio 2 จะยังคงได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029
    - ผู้ใช้ยังสามารถ รับการอัปเดตเฟิร์มแวร์และระบบปฏิบัติการต่อไป

    ✅ Microsoft ค่อย ๆ ยุติการผลิตอุปกรณ์ Surface ที่มีดีไซน์แปลกใหม่
    - ก่อนหน้านี้ Surface Studio, Surface Duo, Surface Book และ Surface Neo ก็ถูกยกเลิกไปแล้ว

    ✅ Surface รุ่นใหม่เน้นไปที่ดีไซน์มาตรฐานมากขึ้น
    - Microsoft มุ่งเน้นไปที่แล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ใช้งานทั่วไปมากกว่าการออกแบบที่แปลกใหม่

    ✅ Surface Laptop Studio 2 เป็นอุปกรณ์ Surface รุ่นสุดท้ายที่มีดีไซน์แหวกแนว
    - ทำให้ โอกาสที่ Microsoft จะกลับไปพัฒนาอุปกรณ์ที่มีดีไซน์แปลกใหม่มีน้อยลง

    https://www.neowin.net/news/microsoft-kills-another-quirky-surface-without-a-replacement/
    Microsoft ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 โดยไม่มีรุ่นทดแทน Microsoft ได้ ยุติการผลิต Surface Laptop Studio 2 ซึ่งเป็น แล็ปท็อปที่ทรงพลังที่สุดของบริษัท และมีดีไซน์บานพับจอที่เป็นเอกลักษณ์ อย่างไรก็ตาม ไม่มีการเปิดตัวรุ่นทดแทน ทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับอนาคตของผลิตภัณฑ์ Surface ✅ Microsoft หยุดการผลิต Surface Laptop Studio 2 ตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม 2025 - สินค้าจะ หมดสต็อกในร้านค้าต่าง ๆ และจะไม่มีการผลิตเพิ่มเติม ✅ Surface Laptop Studio 2 จะยังคงได้รับการสนับสนุนจนถึงปี 2029 - ผู้ใช้ยังสามารถ รับการอัปเดตเฟิร์มแวร์และระบบปฏิบัติการต่อไป ✅ Microsoft ค่อย ๆ ยุติการผลิตอุปกรณ์ Surface ที่มีดีไซน์แปลกใหม่ - ก่อนหน้านี้ Surface Studio, Surface Duo, Surface Book และ Surface Neo ก็ถูกยกเลิกไปแล้ว ✅ Surface รุ่นใหม่เน้นไปที่ดีไซน์มาตรฐานมากขึ้น - Microsoft มุ่งเน้นไปที่แล็ปท็อปและแท็บเล็ตที่ใช้งานทั่วไปมากกว่าการออกแบบที่แปลกใหม่ ✅ Surface Laptop Studio 2 เป็นอุปกรณ์ Surface รุ่นสุดท้ายที่มีดีไซน์แหวกแนว - ทำให้ โอกาสที่ Microsoft จะกลับไปพัฒนาอุปกรณ์ที่มีดีไซน์แปลกใหม่มีน้อยลง https://www.neowin.net/news/microsoft-kills-another-quirky-surface-without-a-replacement/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft kills another quirky Surface without a replacement
    Another Surface bites the dust. This time, Microsoft killed its most powerful laptop with a quirky hinge without providing a replacement.
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • TOMA JAPAN เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง 400 บาร์ 3,800 วัตต์ JET Series รุ่น KR-99U JET มอเตอร์ทรงพลัง Carbon Brush Motor สามารถดูดน้ำได้ด้วยตัวเอง และมีระบบ Auto Stop พร้อม อุปกรณ์ ครบชุด High Pressure Washer เครื่องฉีดน้ำ ล้างรถ ล้างพื้น ล้างแอร์
    พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.DFBVi?cc
    TOMA JAPAN เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง 400 บาร์ 3,800 วัตต์ JET Series รุ่น KR-99U JET มอเตอร์ทรงพลัง Carbon Brush Motor สามารถดูดน้ำได้ด้วยตัวเอง และมีระบบ Auto Stop พร้อม อุปกรณ์ ครบชุด High Pressure Washer เครื่องฉีดน้ำ ล้างรถ ล้างพื้น ล้างแอร์ พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.DFBVi?cc
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • John Carmack เสนอแนวคิดให้โลกใช้ฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า หากมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้ดีขึ้น

    John Carmack นักพัฒนาซอฟต์แวร์ชื่อดัง ได้เสนอแนวคิดว่า โลกสามารถใช้ฮาร์ดแวร์รุ่นเก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้เหมาะสม โดยแนวคิดนี้เกิดขึ้นจากการตอบคำถามของนักวิจัยที่ตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับ Zero Tape-out Day (Z-Day) ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีการผลิตชิปใหม่อีกต่อไป

    ✅ Zero Tape-out Day (Z-Day) คือสมมติฐานที่ไม่มีการผลิตชิปใหม่อีกต่อไป
    - ส่งผลให้ ราคาคอมพิวเตอร์พุ่งสูงขึ้น และความจุของคลาวด์ลดลง

    ✅ Carmack เชื่อว่าหากมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ โลกสามารถใช้ฮาร์ดแวร์รุ่นเก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - นักพัฒนาควร เปลี่ยนจากระบบไมโครเซอร์วิสไปเป็นโค้ดเนทีฟที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า

    ✅ การพัฒนาเกมในอดีตใช้ฮาร์ดแวร์ที่ล้าสมัย แต่ยังสามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้
    - เช่น Doom ถูกพัฒนาในเวลาเพียง 28 ชั่วโมงบนฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า

    ✅ แนวคิดนี้สามารถนำไปใช้กับระบบปฏิบัติการ เช่น Windows 11
    - หาก Microsoft ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงซอฟต์แวร์มากกว่าการเพิ่มข้อกำหนดฮาร์ดแวร์

    ✅ อุตสาหกรรมเกมสามารถได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - ลด ความต้องการฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลัง และช่วยให้เกมทำงานได้ดีขึ้นบนอุปกรณ์รุ่นเก่า

    https://www.techspot.com/news/107918-john-carmack-suggests-return-software-optimization-could-stave.html
    John Carmack เสนอแนวคิดให้โลกใช้ฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า หากมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้ดีขึ้น John Carmack นักพัฒนาซอฟต์แวร์ชื่อดัง ได้เสนอแนวคิดว่า โลกสามารถใช้ฮาร์ดแวร์รุ่นเก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้เหมาะสม โดยแนวคิดนี้เกิดขึ้นจากการตอบคำถามของนักวิจัยที่ตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับ Zero Tape-out Day (Z-Day) ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีการผลิตชิปใหม่อีกต่อไป ✅ Zero Tape-out Day (Z-Day) คือสมมติฐานที่ไม่มีการผลิตชิปใหม่อีกต่อไป - ส่งผลให้ ราคาคอมพิวเตอร์พุ่งสูงขึ้น และความจุของคลาวด์ลดลง ✅ Carmack เชื่อว่าหากมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ โลกสามารถใช้ฮาร์ดแวร์รุ่นเก่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ - นักพัฒนาควร เปลี่ยนจากระบบไมโครเซอร์วิสไปเป็นโค้ดเนทีฟที่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ✅ การพัฒนาเกมในอดีตใช้ฮาร์ดแวร์ที่ล้าสมัย แต่ยังสามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้ - เช่น Doom ถูกพัฒนาในเวลาเพียง 28 ชั่วโมงบนฮาร์ดแวร์รุ่นเก่า ✅ แนวคิดนี้สามารถนำไปใช้กับระบบปฏิบัติการ เช่น Windows 11 - หาก Microsoft ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงซอฟต์แวร์มากกว่าการเพิ่มข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ ✅ อุตสาหกรรมเกมสามารถได้รับประโยชน์จากการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น - ลด ความต้องการฮาร์ดแวร์ที่ทรงพลัง และช่วยให้เกมทำงานได้ดีขึ้นบนอุปกรณ์รุ่นเก่า https://www.techspot.com/news/107918-john-carmack-suggests-return-software-optimization-could-stave.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    John Carmack suggests the world could run on older hardware – if we optimized software better
    LaurieWired proposes the idea of a "Zero Tape-out Day" (Z-Day), an event causing manufacturers to stop producing new silicon designs. Considering the existing supply, the researcher predicts...
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • Beelink เปิดตัว AI Mini: มินิพีซีที่ทรงพลังที่สุด พร้อมแข่งกับ Mac Studio

    Beelink บริษัทจากจีนได้เปิดตัว AI Mini ซึ่งเป็นมินิพีซีที่ออกแบบมาเพื่อ นักพัฒนาและผู้สร้างเนื้อหาที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสำหรับงาน AI โดยใช้ AMD Ryzen AI Max+ 395 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ที่รวม สถาปัตยกรรม Zen 5 และกราฟิก Radeon 8060S

    ✅ ใช้ AMD Ryzen AI Max+ 395 พร้อม 16 คอร์ และ 32 เธรด
    - ให้พลังประมวลผล AI สูงถึง 126 TOPS

    ✅ สามารถทำงานเป็นเซิร์ฟเวอร์ AI ในพื้นที่โดยไม่ต้องใช้คลาวด์
    - รองรับ โมเดล AI ขนาดใหญ่ เช่น DeepSeek R1

    ✅ รองรับ RAM สูงสุด 128GB
    - เหมาะสำหรับ งานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก เช่น การเรนเดอร์วิดีโอ และแมชชีนเลิร์นนิง

    ✅ มีพอร์ต USB4 สองพอร์ต รองรับความเร็วสูงสุด 40 Gbps
    - พร้อม USB Type-C และพอร์ต Ethernet 10 Gbps สองพอร์ต

    ✅ ราคาอยู่ที่ $1,999
    - สูงกว่ารุ่นก่อนหน้า SER9 HX-370 ที่มีราคาเพียงครึ่งหนึ่ง

    https://www.techradar.com/pro/beelink-targets-mac-studio-audience-with-second-mini-pc-based-on-amds-formidable-ryzen-ai-max-395-cpu-but-it-wont-be-cheap
    Beelink เปิดตัว AI Mini: มินิพีซีที่ทรงพลังที่สุด พร้อมแข่งกับ Mac Studio Beelink บริษัทจากจีนได้เปิดตัว AI Mini ซึ่งเป็นมินิพีซีที่ออกแบบมาเพื่อ นักพัฒนาและผู้สร้างเนื้อหาที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสำหรับงาน AI โดยใช้ AMD Ryzen AI Max+ 395 ซึ่งเป็นโปรเซสเซอร์ที่รวม สถาปัตยกรรม Zen 5 และกราฟิก Radeon 8060S ✅ ใช้ AMD Ryzen AI Max+ 395 พร้อม 16 คอร์ และ 32 เธรด - ให้พลังประมวลผล AI สูงถึง 126 TOPS ✅ สามารถทำงานเป็นเซิร์ฟเวอร์ AI ในพื้นที่โดยไม่ต้องใช้คลาวด์ - รองรับ โมเดล AI ขนาดใหญ่ เช่น DeepSeek R1 ✅ รองรับ RAM สูงสุด 128GB - เหมาะสำหรับ งานที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมาก เช่น การเรนเดอร์วิดีโอ และแมชชีนเลิร์นนิง ✅ มีพอร์ต USB4 สองพอร์ต รองรับความเร็วสูงสุด 40 Gbps - พร้อม USB Type-C และพอร์ต Ethernet 10 Gbps สองพอร์ต ✅ ราคาอยู่ที่ $1,999 - สูงกว่ารุ่นก่อนหน้า SER9 HX-370 ที่มีราคาเพียงครึ่งหนึ่ง https://www.techradar.com/pro/beelink-targets-mac-studio-audience-with-second-mini-pc-based-on-amds-formidable-ryzen-ai-max-395-cpu-but-it-wont-be-cheap
    0 Comments 0 Shares 223 Views 0 Reviews
  • 1 ¥ear Oƒ Genocide โดย BBOBBYY
    เพลงที่อิสราเอลไม่อยากให้ใครได้ยิน
    เพลงเย้ยโลกที่บัดซบ
    เพลงที่ทรงพลังที่สุดสำหรับผมในตอนนี้
    ความจริงที่น่าเศร้าของประเทศชั่วๆ ประเทศหนึ่ง
    .
    หมายเหตุ : อาจไม่ได้ยินเพลง แต่แค่ภาพก็เพียงพอแล้ว
    .
    https://youtu.be/BlFvGy7NO3w?si=zwGMCHeMZDcMnGUt
    1 ¥ear Oƒ Genocide โดย BBOBBYY เพลงที่อิสราเอลไม่อยากให้ใครได้ยิน เพลงเย้ยโลกที่บัดซบ เพลงที่ทรงพลังที่สุดสำหรับผมในตอนนี้ ความจริงที่น่าเศร้าของประเทศชั่วๆ ประเทศหนึ่ง . หมายเหตุ : อาจไม่ได้ยินเพลง แต่แค่ภาพก็เพียงพอแล้ว . https://youtu.be/BlFvGy7NO3w?si=zwGMCHeMZDcMnGUt
    0 Comments 0 Shares 241 Views 25 0 Reviews
  • นักโอเวอร์คล็อกชื่อดัง Der8auer ได้เปิดเผย ต้นแบบของ RTX Titan Ada ซึ่งเป็น การ์ดจอที่ทรงพลังที่สุดในยุค RTX 40 แต่ไม่เคยถูกวางจำหน่ายจริง โดยการ์ดจอรุ่นนี้มี 18,432 CUDA cores และหน่วยความจำ GDDR6X ขนาด 48GB ซึ่งมากกว่า RTX 4090 ถึง 12.5%

    ✅ ใช้ชิป AD102 ที่เปิดใช้งานทุก Streaming Multiprocessor (SM)
    - มี 18,432 CUDA cores ซึ่งมากกว่า RTX 4090 ถึง 12.5%

    ✅ มาพร้อมหน่วยความจำ GDDR6X ขนาด 48GB
    - ใช้ 24 โมดูล 16Gb ในโหมด Clamshell

    ✅ มีดีไซน์ระบายความร้อนแบบ Quad-slot ขนาดใหญ่
    - ใหญ่กว่า RTX 4090 Founders Edition

    ✅ ใช้พลังงานสูงสุด 450W
    - แม้จะมี หัวจ่ายไฟแบบ 12V-2x6 สองตัว

    ✅ ประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 4090 ใน 3DMark Time Spy Extreme ถึง 15%
    - แต่ใช้พลังงานมากขึ้น 14%

    ✅ RTX 5090 ยังคงเร็วกว่า RTX Titan Ada ประมาณ 11%
    - แต่ใช้พลังงานมากขึ้น 21%

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/unreleased-rtx-titan-ada-prototype-showcased-with-18-432-cuda-cores-48gb-vram-and-dual-16-pin-connectors
    นักโอเวอร์คล็อกชื่อดัง Der8auer ได้เปิดเผย ต้นแบบของ RTX Titan Ada ซึ่งเป็น การ์ดจอที่ทรงพลังที่สุดในยุค RTX 40 แต่ไม่เคยถูกวางจำหน่ายจริง โดยการ์ดจอรุ่นนี้มี 18,432 CUDA cores และหน่วยความจำ GDDR6X ขนาด 48GB ซึ่งมากกว่า RTX 4090 ถึง 12.5% ✅ ใช้ชิป AD102 ที่เปิดใช้งานทุก Streaming Multiprocessor (SM) - มี 18,432 CUDA cores ซึ่งมากกว่า RTX 4090 ถึง 12.5% ✅ มาพร้อมหน่วยความจำ GDDR6X ขนาด 48GB - ใช้ 24 โมดูล 16Gb ในโหมด Clamshell ✅ มีดีไซน์ระบายความร้อนแบบ Quad-slot ขนาดใหญ่ - ใหญ่กว่า RTX 4090 Founders Edition ✅ ใช้พลังงานสูงสุด 450W - แม้จะมี หัวจ่ายไฟแบบ 12V-2x6 สองตัว ✅ ประสิทธิภาพสูงกว่า RTX 4090 ใน 3DMark Time Spy Extreme ถึง 15% - แต่ใช้พลังงานมากขึ้น 14% ✅ RTX 5090 ยังคงเร็วกว่า RTX Titan Ada ประมาณ 11% - แต่ใช้พลังงานมากขึ้น 21% https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/unreleased-rtx-titan-ada-prototype-showcased-with-18-432-cuda-cores-48gb-vram-and-dual-16-pin-connectors
    0 Comments 0 Shares 152 Views 0 Reviews
More Results