• เดชากลับลำแทบไม่ทัน ระบุคดีทนายตั้มรอดยาก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจ
    .
    ทนายเดชากลับลำไม่อุ้มษิทรา ชี้หลักฐานจากเพจ "ดาวแปดแฉก" สแกมเมอร์คือใคร อาจเป็นจุดจบทนายดัง น่าจะรอดยากปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจ ชาวเน็ตแห่แซวพลิกลิ้น 360 องศา ถามหันหัวเรือแล้วหรือ พบเมื่อคืนตำหนิน้องรักทะเลาะกับสื่อขาดสติทำให้เพิ่มศัตรู
    .
    วันนี้ (6 พ.ย.) เฟซบุ๊ก "ทนายเดชา" ของนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ และประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ โพสต์ข้อความถึงคดีฉ้อโกงของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ระบุว่า "จุดจบทนายตั้มคดีฉ้อโกงลูกความ? ให้ไปดูที่ #เพจดาวแปดแฉก #อาจเป็นจุดจบทนายดัง" พร้อมระบุคอมเมนต์เพิ่มเติมว่า "พยานหลักฐานที่เพจดาวแปดแฉกนำมาเสนอ มีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจว่า สแกมเมอร์คือใคร คือผู้ต้องหาในคดีนี้หรือไม่ และที่สำคัญมีการนำแคชเชียร์เช็คไปเบิกเงิน หลังจากนั้นใครรับแคชเชียร์เช็คไป ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำ แคชเชียร์เช็คไปเข้าบัญชีใคร ใครได้เงินจากการหลอกลวง อาจเป็นจุดจบทนายดัง พยานหลักฐานสำคัญกว่าน้ำลาย บิ๊กโจ๊ก (พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล) กล่าวไว้ว่ากรรมใครกรรมมัน" และว่า "พยานหลักฐานล่าสุดจนถึงวันนี้ทนายตั้มน่าจะรอดยากแล้วครับ"
    .
    เมื่อชาวเน็ตถามว่า "วันนี้อาจารย์เดชากินยาผิดเหรอครับ" นายเดชา กล่าวว่า "ข้อมูลเพิ่มเติม การวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องเปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ได้รับมา" เมื่อถามว่า คิดว่าทนายตั้มจะรอดไหม นายเดชา กล่าวว่า "จนถึงเวลานี้เท่าที่ได้ข้อมูลรอดยาก" นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นอื่นๆ เช่น "ถ้าหลักฐานไม่แน่นพอ คุณสนธิไม่ลงเล่นด้วยหรอก ระดับไหนแล้ว" "น่าจะมีคนพลิกลิ้น 360 องศาแล้วล่ะครับ" "โดนลุงสนธิพูดไปหน่อย หันหัวเรือเเล้วหรอครับ" "ตอนแรกเหมือนเข้าข้างทนายด้วยกันอยู่เลย" "อาจารย์จะมาทิ้งน้องรักแบบนี้ไม่ได้นะครับ" "อ้าวน้าเดย์ สละเรือแล้วเหรอครับ ไม่หนุกเลย" เป็นต้น
    .
    ต่อมานายเดชาโพสต์ภาพเซลฟี่ตัวเอง ภายในท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ พร้อมข้อความระบุว่า "รอขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองไปว่าความที่พิษณุโลกครับ คดีทนายดังปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจครับ ชีวิตมีอะไรที่น่าค้นหามากกว่านี้ เย็นนี้แเพื่อนัดเพื่อนดื่มไวน์ตามประสาคนขี้เมาครับ"
    .
    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า เมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) เวลาประมาณ 22.11 น. นายเดชาโพสต์ข้อความว่า "วันนี้ทนายตั้มพลาดเป็นอย่างมาก ทะเลาะกับสื่อขาดสติทำให้เพิ่มศัตรู" และคอมเมนต์ว่า "ศัตรูเก่าศัตรูใหม่รวมทั้งสื่อมวลชนสหบาทาเล่นงานทนายตั้มจนแทบไม่มีที่ยืนในสังคม" "ทนายตั้มเติบโตมาจากโซเชียลเติบโตมาจากการใช้ประโยชน์จากสื่อมวลชนแต่วันนี้กลับไปพูดในลักษณะดูถูกสื่อมวลชนโดยเฉพาะคุณพุทธอภิวันท์เป็นเรื่องที่ผิดพลาดเป็นอย่างมาก" และ "การไม่ควบคุมอารมณ์ขณะให้สัมภาษณ์เช่นกรณีไม่ให้ดาวแปดแฉกสัมภาษณ์ ส่วนตัวผมถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติสื่อมวลชน"
    .
    ข้อความดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่นายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 จัดรายการลุยชนข่าว ตอบโต้นายษิทราที่ไปกล่าวหาว่ามีนักข่าวไปคุกคามชีวิตถึงบ้าน และขอให้นายพุทธอภิวรรณเลิกคุกคามชีวิตส่วนตัวก่อน และยังกล่าวว่า ไม่ให้สัมภาษณ์กับเพจดาวแปดแฉก ระหว่างปรากฎตัวครั้งแรกหลังตกเป็นข่าวคดีฉ้อโกง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ที่กองปราบปราม โดยนายพุทธอภิวรรณยืนยันว่าตนและทีมข่าวช่อง 8 ไม่เคยคุกคาม อีกทั้งคดีหวย 30 ล้าน นายษิทราเคยแนะให้ถามคู่กรณี และฝ่ายคู่กรณีก็ไม่เคยพูดว่าสื่อคุกคาม
    ..............
    Sondhi X
    เดชากลับลำแทบไม่ทัน ระบุคดีทนายตั้มรอดยาก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจ . ทนายเดชากลับลำไม่อุ้มษิทรา ชี้หลักฐานจากเพจ "ดาวแปดแฉก" สแกมเมอร์คือใคร อาจเป็นจุดจบทนายดัง น่าจะรอดยากปล่อยให้เป็นหน้าที่ตำรวจ ชาวเน็ตแห่แซวพลิกลิ้น 360 องศา ถามหันหัวเรือแล้วหรือ พบเมื่อคืนตำหนิน้องรักทะเลาะกับสื่อขาดสติทำให้เพิ่มศัตรู . วันนี้ (6 พ.ย.) เฟซบุ๊ก "ทนายเดชา" ของนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความ และประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ โพสต์ข้อความถึงคดีฉ้อโกงของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ระบุว่า "จุดจบทนายตั้มคดีฉ้อโกงลูกความ? ให้ไปดูที่ #เพจดาวแปดแฉก #อาจเป็นจุดจบทนายดัง" พร้อมระบุคอมเมนต์เพิ่มเติมว่า "พยานหลักฐานที่เพจดาวแปดแฉกนำมาเสนอ มีข้อเท็จจริงที่น่าสนใจว่า สแกมเมอร์คือใคร คือผู้ต้องหาในคดีนี้หรือไม่ และที่สำคัญมีการนำแคชเชียร์เช็คไปเบิกเงิน หลังจากนั้นใครรับแคชเชียร์เช็คไป ทุกคนแบ่งหน้าที่กันทำ แคชเชียร์เช็คไปเข้าบัญชีใคร ใครได้เงินจากการหลอกลวง อาจเป็นจุดจบทนายดัง พยานหลักฐานสำคัญกว่าน้ำลาย บิ๊กโจ๊ก (พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล) กล่าวไว้ว่ากรรมใครกรรมมัน" และว่า "พยานหลักฐานล่าสุดจนถึงวันนี้ทนายตั้มน่าจะรอดยากแล้วครับ" . เมื่อชาวเน็ตถามว่า "วันนี้อาจารย์เดชากินยาผิดเหรอครับ" นายเดชา กล่าวว่า "ข้อมูลเพิ่มเติม การวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องเปลี่ยนไป ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานที่ได้รับมา" เมื่อถามว่า คิดว่าทนายตั้มจะรอดไหม นายเดชา กล่าวว่า "จนถึงเวลานี้เท่าที่ได้ข้อมูลรอดยาก" นอกจากนี้ ยังมีชาวเน็ตแสดงความคิดเห็นอื่นๆ เช่น "ถ้าหลักฐานไม่แน่นพอ คุณสนธิไม่ลงเล่นด้วยหรอก ระดับไหนแล้ว" "น่าจะมีคนพลิกลิ้น 360 องศาแล้วล่ะครับ" "โดนลุงสนธิพูดไปหน่อย หันหัวเรือเเล้วหรอครับ" "ตอนแรกเหมือนเข้าข้างทนายด้วยกันอยู่เลย" "อาจารย์จะมาทิ้งน้องรักแบบนี้ไม่ได้นะครับ" "อ้าวน้าเดย์ สละเรือแล้วเหรอครับ ไม่หนุกเลย" เป็นต้น . ต่อมานายเดชาโพสต์ภาพเซลฟี่ตัวเอง ภายในท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ พร้อมข้อความระบุว่า "รอขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองไปว่าความที่พิษณุโลกครับ คดีทนายดังปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจครับ ชีวิตมีอะไรที่น่าค้นหามากกว่านี้ เย็นนี้แเพื่อนัดเพื่อนดื่มไวน์ตามประสาคนขี้เมาครับ" . รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า เมื่อวานนี้ (5 พ.ย.) เวลาประมาณ 22.11 น. นายเดชาโพสต์ข้อความว่า "วันนี้ทนายตั้มพลาดเป็นอย่างมาก ทะเลาะกับสื่อขาดสติทำให้เพิ่มศัตรู" และคอมเมนต์ว่า "ศัตรูเก่าศัตรูใหม่รวมทั้งสื่อมวลชนสหบาทาเล่นงานทนายตั้มจนแทบไม่มีที่ยืนในสังคม" "ทนายตั้มเติบโตมาจากโซเชียลเติบโตมาจากการใช้ประโยชน์จากสื่อมวลชนแต่วันนี้กลับไปพูดในลักษณะดูถูกสื่อมวลชนโดยเฉพาะคุณพุทธอภิวันท์เป็นเรื่องที่ผิดพลาดเป็นอย่างมาก" และ "การไม่ควบคุมอารมณ์ขณะให้สัมภาษณ์เช่นกรณีไม่ให้ดาวแปดแฉกสัมภาษณ์ ส่วนตัวผมถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติสื่อมวลชน" . ข้อความดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากที่นายพุทธอภิวรรณ องค์พระบารมี ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว สถานีโทรทัศน์ช่อง 8 จัดรายการลุยชนข่าว ตอบโต้นายษิทราที่ไปกล่าวหาว่ามีนักข่าวไปคุกคามชีวิตถึงบ้าน และขอให้นายพุทธอภิวรรณเลิกคุกคามชีวิตส่วนตัวก่อน และยังกล่าวว่า ไม่ให้สัมภาษณ์กับเพจดาวแปดแฉก ระหว่างปรากฎตัวครั้งแรกหลังตกเป็นข่าวคดีฉ้อโกง น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือคุณอ้อย ที่กองปราบปราม โดยนายพุทธอภิวรรณยืนยันว่าตนและทีมข่าวช่อง 8 ไม่เคยคุกคาม อีกทั้งคดีหวย 30 ล้าน นายษิทราเคยแนะให้ถามคู่กรณี และฝ่ายคู่กรณีก็ไม่เคยพูดว่าสื่อคุกคาม .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Yay
    11
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 996 มุมมอง 0 รีวิว
  • ห๊ะ!โดนทนายดังเก็บค่าเซลฟี่หมื่นห้า! 02/11/67 #ทนายตั้ม #เสี่ยหมู #เก็บค่าเซลฟี่
    ห๊ะ!โดนทนายดังเก็บค่าเซลฟี่หมื่นห้า! 02/11/67 #ทนายตั้ม #เสี่ยหมู #เก็บค่าเซลฟี่
    Haha
    Like
    Love
    Wow
    13
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1247 มุมมอง 543 0 รีวิว
  • "รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์" ทนายดัง กล่าวถึงทนายตั้ม ทำวิบากกรรมอะไรไว้ไปชี้แจงเอง อย่าลากไปเกี่ยวเพราะไม่รู้เรื่อง เผยไปทำบุญกลับมาฝันว่าเพื่อนถูกหิ้วหัวขาด ตื่นมาเจอบ้านพระอาทิตย์เปิด แต่ไม่กล้าเล่าเพราะวิบากใครวิบากมัน ชี้ไม่มีใครเชื่อได้มาโดยเสน่หา ตั้งข้อสังเกตทำไมแอคทีฟผิดปกติ ระบุเรื่องนี้อย่าว่าเป็นปลาเน่า เพราะเรื่องที่ทำหนักกว่า

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000104750

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "รณณรงค์ แก้วเพ็ชร์" ทนายดัง กล่าวถึงทนายตั้ม ทำวิบากกรรมอะไรไว้ไปชี้แจงเอง อย่าลากไปเกี่ยวเพราะไม่รู้เรื่อง เผยไปทำบุญกลับมาฝันว่าเพื่อนถูกหิ้วหัวขาด ตื่นมาเจอบ้านพระอาทิตย์เปิด แต่ไม่กล้าเล่าเพราะวิบากใครวิบากมัน ชี้ไม่มีใครเชื่อได้มาโดยเสน่หา ตั้งข้อสังเกตทำไมแอคทีฟผิดปกติ ระบุเรื่องนี้อย่าว่าเป็นปลาเน่า เพราะเรื่องที่ทำหนักกว่า อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000104750 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    35
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2999 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลขานุการส่วนตัวของคุณอ้อย เศรษฐีนี ยืนยันไม่ได้ยุยงปลุกปั่นให้แตกกันกับทนายตั้ม ย้ำทำตามหน้าที่ ตามคำสั่ง ทวงถามเล่มทะเบียนรถเบนซ์ เปิดใจเจอทนายดังโกรธ ปัดให้เช็กอินก่อน ไม่อยากร่วมเฟรมไปเที่ยวฟินแลนด์ ต้องยอมทิ้งตั๋วกลับปากช่อง พอคุณอ้อยร้องไห้เสียใจเท่านั้นแหละ เมียทนายตั้มส่งข้อความขอโทษรัวๆ แต่เผยสายไปแล้ว ไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000104260

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เลขานุการส่วนตัวของคุณอ้อย เศรษฐีนี ยืนยันไม่ได้ยุยงปลุกปั่นให้แตกกันกับทนายตั้ม ย้ำทำตามหน้าที่ ตามคำสั่ง ทวงถามเล่มทะเบียนรถเบนซ์ เปิดใจเจอทนายดังโกรธ ปัดให้เช็กอินก่อน ไม่อยากร่วมเฟรมไปเที่ยวฟินแลนด์ ต้องยอมทิ้งตั๋วกลับปากช่อง พอคุณอ้อยร้องไห้เสียใจเท่านั้นแหละ เมียทนายตั้มส่งข้อความขอโทษรัวๆ แต่เผยสายไปแล้ว ไม่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000104260 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    27
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2662 มุมมอง 0 รีวิว
  • พปชร.ทิ้งระเบิด สาวไส้ คนในรัฐบาล พท.เอี่ยว ดิไอคอนหรือไม่ แฉ 6 ชื่อ ย่อ ในลิสต์เทวดา ท้า “วันนอร์“ กล้าสอบคนนักการเมืองหรือไม่ เย้ย ทนายดังป้ายสี พปชร.เวรกรรมตามทัน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000104220

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    พปชร.ทิ้งระเบิด สาวไส้ คนในรัฐบาล พท.เอี่ยว ดิไอคอนหรือไม่ แฉ 6 ชื่อ ย่อ ในลิสต์เทวดา ท้า “วันนอร์“ กล้าสอบคนนักการเมืองหรือไม่ เย้ย ทนายดังป้ายสี พปชร.เวรกรรมตามทัน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000104220 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    21
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2716 มุมมอง 1 รีวิว
  • เล็งพิจารณาหลักฐาน “ทนายตั้ม“ หลอกเงิน “มาดามอ้อย” ส่ออุปโลกน์หนี้ 39 ล้าน
    .
    ตำรวจกองปราบปราม เล็งพิจารณาหลักฐาน ทนายตั้มหลอกเงิน “มาดามอ้อย” หลังพยานยันชัดโดนหลอกหลายเคส เสียหายรวม 100 ล้าน หากพบพฤติกรรมเข้าข่าย “ฉ้อโกงปกติธุระ” อาจบานปลายถึงขั้นโดน “ฟอกเงิน”
    .
    เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานที่ผ่านมา (28 ต.ค.) พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. นำคณะพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เดินทางลงพื้นที่ไปยัง จ.นครราชสีมา เพื่อทำการสอบปากคำ “มาดามอ้อย” หรือ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ ผู้เสียหายในคดีถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง ฉ้อโกงเงิน จำนวน 71 ล้านบาท แต่ด้วยเนื้อหาทางคดีที่ค่อนข้างซับซ้อนและมีรายละเอียดมาก รวมไปถึงพยานบุคคลที่ต้องสอบปากคำมีจำนวนหลายปาก ทำให้จนถึงตอนนี้การสอบปากคำมาดามอ้อย รวมไปถึงพยานคนอื่นๆ จึงยังไม่แล้วเสร็จ แม้จะกินเวลามาเกือบ 2 วันแล้วก็ตาม
    .
    ขณะเดียวกัน ทางพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการซื้อรถเบนซ์ G-Class สีดำ ที่ผู้เสียหายฝากให้ทนายคนดังกล่าวซื้อให้เพื่อใช้ตอนที่กลับมาไทย หลังพบว่าทนายคนดังกล่าวมีการเบิกเงินจากผู้เสียหายไปจำนวน 13-14 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อรถ แต่รถคันดังกล่าวจริงๆ นั้นราคาเพียงแค่ 8 ล้านบาท ทำให้เกิดส่วนต่าง 5-6 ล้านบาท
    .
    นอกจากนี้ จากการสอบปากคำมาดามอ้อย เจ้าหน้าที่ยังทราบว่า นอกเหนือจากการหลอกเงินลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ 71 ล้านบาท กับ ซื้อรถเบนซ์ G-Class แพงเกินราคาแล้ว ยังพบว่ามีการหลอกให้นำเงินไปช่วยใช้หนี้ให้กับคนใกล้ชิดอีก จำนวน 39 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของกรณีนี้ยังพบว่ามีการอุปโลกน์หรือสร้างตัวละครเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือด้วยอีกหลายคน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
    .
    อย่างไรก็ตาม หากผู้เสียหายมีความประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับกรณีรถเบนซ์ รวมไปถึงกรณีหลอกให้ช่วยใช้หนี้ให้กับคนใกล้ชิดของทนายดังเพิ่มเติมอีก 2 คดี ก็จะทำให้พฤติกรรมของทนายคนดังกล่าวเข้าข่ายความผิด ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐาน แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งจะมีเรื่องของการยึดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดตามมา
    ..............
    Sondhi X
    เล็งพิจารณาหลักฐาน “ทนายตั้ม“ หลอกเงิน “มาดามอ้อย” ส่ออุปโลกน์หนี้ 39 ล้าน . ตำรวจกองปราบปราม เล็งพิจารณาหลักฐาน ทนายตั้มหลอกเงิน “มาดามอ้อย” หลังพยานยันชัดโดนหลอกหลายเคส เสียหายรวม 100 ล้าน หากพบพฤติกรรมเข้าข่าย “ฉ้อโกงปกติธุระ” อาจบานปลายถึงขั้นโดน “ฟอกเงิน” . เมื่อวันที่ 29 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานที่ผ่านมา (28 ต.ค.) พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ รอง ผบก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. นำคณะพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. เดินทางลงพื้นที่ไปยัง จ.นครราชสีมา เพื่อทำการสอบปากคำ “มาดามอ้อย” หรือ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ ผู้เสียหายในคดีถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ทนายความชื่อดัง ฉ้อโกงเงิน จำนวน 71 ล้านบาท แต่ด้วยเนื้อหาทางคดีที่ค่อนข้างซับซ้อนและมีรายละเอียดมาก รวมไปถึงพยานบุคคลที่ต้องสอบปากคำมีจำนวนหลายปาก ทำให้จนถึงตอนนี้การสอบปากคำมาดามอ้อย รวมไปถึงพยานคนอื่นๆ จึงยังไม่แล้วเสร็จ แม้จะกินเวลามาเกือบ 2 วันแล้วก็ตาม . ขณะเดียวกัน ทางพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ป. ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีการซื้อรถเบนซ์ G-Class สีดำ ที่ผู้เสียหายฝากให้ทนายคนดังกล่าวซื้อให้เพื่อใช้ตอนที่กลับมาไทย หลังพบว่าทนายคนดังกล่าวมีการเบิกเงินจากผู้เสียหายไปจำนวน 13-14 ล้านบาท เพื่อนำไปซื้อรถ แต่รถคันดังกล่าวจริงๆ นั้นราคาเพียงแค่ 8 ล้านบาท ทำให้เกิดส่วนต่าง 5-6 ล้านบาท . นอกจากนี้ จากการสอบปากคำมาดามอ้อย เจ้าหน้าที่ยังทราบว่า นอกเหนือจากการหลอกเงินลงทุนแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ 71 ล้านบาท กับ ซื้อรถเบนซ์ G-Class แพงเกินราคาแล้ว ยังพบว่ามีการหลอกให้นำเงินไปช่วยใช้หนี้ให้กับคนใกล้ชิดอีก จำนวน 39 ล้านบาท ซึ่งในส่วนของกรณีนี้ยังพบว่ามีการอุปโลกน์หรือสร้างตัวละครเข้ามาเกี่ยวข้องเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือด้วยอีกหลายคน อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบุคคลเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ . อย่างไรก็ตาม หากผู้เสียหายมีความประสงค์ที่จะดำเนินคดีกับกรณีรถเบนซ์ รวมไปถึงกรณีหลอกให้ช่วยใช้หนี้ให้กับคนใกล้ชิดของทนายดังเพิ่มเติมอีก 2 คดี ก็จะทำให้พฤติกรรมของทนายคนดังกล่าวเข้าข่ายความผิด ฉ้อโกงอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐาน แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งจะมีเรื่องของการยึดทรัพย์ที่ได้จากการกระทำผิดตามมา .............. Sondhi X
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 774 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากปากผู้เสียหาย ลากไส้ ทนายมหาเสน่ห์ : [sondhiX]
    เปิดสัมภาษณ์พิเศษ ที่นี้เท่านั้น
    .
    ความจริงมีหนึ่งเดียวจากปาก “พี่อ้อย” ผู้เสียหาย จะมาเปิดหน้าชน พร้อมพยานหลักฐาน 71 ล้านให้โดยเสน่หาหรือว่าฉ้อโกงกันแน่
    …พลาดไม่ได้เด็ดขาด ที่นี่ ที่เดียว “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ทุกแฟลตฟอร์ม กดติดตามไว้
    #Sondhix #Sondhitalk #ทนายมหาเสน่ห์ #พี่อ้อย #71ล้าน #ทนายดัง
    จากปากผู้เสียหาย ลากไส้ ทนายมหาเสน่ห์ : [sondhiX] เปิดสัมภาษณ์พิเศษ ที่นี้เท่านั้น . ความจริงมีหนึ่งเดียวจากปาก “พี่อ้อย” ผู้เสียหาย จะมาเปิดหน้าชน พร้อมพยานหลักฐาน 71 ล้านให้โดยเสน่หาหรือว่าฉ้อโกงกันแน่ …พลาดไม่ได้เด็ดขาด ที่นี่ ที่เดียว “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” ทุกแฟลตฟอร์ม กดติดตามไว้ #Sondhix #Sondhitalk #ทนายมหาเสน่ห์ #พี่อ้อย #71ล้าน #ทนายดัง
    Like
    Love
    Wow
    Angry
    32
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 2220 มุมมอง 1293 4 รีวิว
  • นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา
    .
    แหล่งข่าวเชื่อถือได้เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้นางสาวจตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจสาวที่มีกิจการในต่างประเทศและในไทยในฐานะผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรปากช่องจังหวัดนครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดังฉ้อโกง
    .
    ทั้งนี้ ทนายความผู้เสียหายได้ให้ปากคำถึงพฤติการณ์ของทนายตั้ม โดยเริ่มจากผู้เสียหายได้ว่าจ้าง บริษัทษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยทำสัญญาตกลงว่าจ้างกันเดือนละ 300,000 บาท
    .
    หลังจากที่ว่าจ้างกันแล้วก็ไปมาหาสู่ดูแลกันฉันมิตรจนเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจต่อตัวทนายตั้มและภรรยา ผู้เสียหายได้ดูแลการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับท่องเที่ยวของทนายตั้มและครอบครัวหลายต่อหลายครั้ง
    .
    นายษิทรายังเคยพาผู้เสียหายไปเจอกับนักการเมืองระดับประเทศที่ฮ่องกง และ เคยบอกว่า สามารถเอาโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาลงทุนเพื่อแสวงหากำไรได้รวมถึงสัมปทานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ โดยนายษิทรากล่าวอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมืองหลายคน
    .
    ต่อมาเมื่อปลายปี 2565 ต่อเนื่องต้นปี 2566 นายษิทรามาบอกกับผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งมาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ซึ่งทนายตั้ม อ้างว่า รับปากกับผู้ใหญ่ไว้แล้วสามารถทำได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเงินลงทุนจึงมาปรึกษาผู้เสียหายว่าหากตัวเขาได้ทำธุรกิจนี้จะทำให้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้
    .
    นักธุรกิจสาว เห็นว่า การขายสลากออนไลน์เป็นโอกาสจึงซักถามถึงวิธีการและขอทราบรายละเอียดอื่นๆ
    .
    ทนายษิทราได้อธิบายว่า หากจะทำจะต้องมี แอปพลิเคชั่น และ รายละเอียดอื่นๆ เช่น โปรแกรม และ ระบบ โดยตัวเองรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาเว็บไซต์และระบบโปรแกรม
    .
    ผู้เสียหายหลังจากได้ปรึกษาครอบครัวเห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็ตรงกับความตั้งใจของผู้เสียหายที่จะลงทุนอะไรสักอย่างไว้เอาไว้ให้บุตรชายจึงตอบตกลงจะทำหวยออนไลน์และให้ทนายตั้มไปติดต่อว่าจ้างโปรแกรมเมอร์และให้ทำรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาซึ่งทนายตั้มตอบตกลง
    .
    ต่อมาก็ได้นำสัญญาใบเสนอราคามาให้ผู้เสียหายดู และผู้เสียหายได้ลงนามในสัญญาเรียบร้อย ทนายตั้มก็รับปากว่าจะดำเนินการตามสัญญา
    .
    ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าจ้างเขียนแบบโปรแกรมให้กับคู่สัญญาแต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการโอนเงินได้เนื่องจากเป็นเวลาที่ธนาคารปิดทำการแล้วจึงนัดทนายตั้มให้มาดูแลจัดการโอนชำระเงิน แต่นายษิทราก็ไม่ได้บอกกล่าวรายละเอียดกับผู้เสียหายว่าต้องโอนชำระให้คู่สัญญาภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จึงนัดมาดำเนินการโอนเงินในวันรุ่งขึ้นคือ 16 กุมภาพันธ์ 2566
    .
    ต่อมาในวันดังกล่าวเมื่อทนายตั้มเดินทางมาถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัส ปากช่อง ได้บอกกับผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่ตัวเองก่อนเขาจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง พร้อมกับเจรจาตกลงกับคู่สัญญาถึงปัญหาดังกล่าวเอง
    .
    โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่อง ในชื่อนายษิทธา เบี้ยบังเกิด ขึ้นมาเพื่อโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีของทนายตั้ม เป็นจำนวน 71 ล้านบาทเศษ
    .
    หลังจากที่จ่ายเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมไปแล้วผู้เสียหายก็ได้ติดตามความคืบหน้าการซื้อระบบโปรแกรมสลากออนไลน์จากทนายตั้มเรื่อยมา แต่ได้รับคำตอบว่ายังทำไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ในเวลาต่อมาผู้เสียหายได้ยกเลิกสัญญาจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม เป็นที่ปรึกษา โดยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างที่ปรึกษา ลงวันที่ 25 มกราคม 2567
    .
    จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดการส่งมอบงานตามสัญญา ฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้รับการตอบรับหรือรับมอบระบบโปรแกรมตามสัญญา ดังนั้นในวันที่ 8 กันยายน 2567 ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ทนายติดตามทวงเงินจำนวน 71 ล้านบาทคืนจากทนายตั้ม
    .
    ทนายตั้มได้รับหนังสือดังกล่าวแต่เมื่อถึงกำหนดเวลาให้คืนเงินตามหนังสือทวงหนี้ทนายตั้มก็ไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหายและไม่ได้ติดต่อกลับมา จึงมอบอำนาจให้ทนายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด
    .
    ขณะเดียวกัน เจ้าของผู้พัฒนาระบบหวยออนไลน์ที่มีชื่อเรียกว่า "นาคี" ซึ่งเป็นลูกความว่าจ้างบริษัทษิทราฯ เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ เป็นคู่สัญญากับผู้เสียหายหรือนักธุรกิจสาว ให้การเป็นพยานยืนยันว่า บริษัทตนเองพัฒนาโปรแกรม "นาคี" เพื่อเสนอขายระบบให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไป โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 20 ล้านบาท ซึ่งราคานี้รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องสแกนล็อตเตอรี่เข้าระบบตู้เซฟที่เก็บลอตเตอรี่รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อซื้อไปแล้วสามารถใช้งานได้ทันที
    .
    แต่ช่วงที่พัฒนาแล้วเสร็จปรากฏว่า บรรดาแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อาทิ มังกรฟ้า สลากพลัส ถูกทางการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่กล้าทำการตลาดหรือเปิดตัวแนะนำ จึงนำเรื่องมาปรึกษาทนายตั๊ม ได้รับคำตอบว่า รอให้เรื่องเงียบค่อยทำการตลาดเพื่อเปิดตัวนาคี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทนายตั้มรู้ว่าบริษัทฯ มีระบบโปรแกรมนาคีอยู่ในครอบครอง
    .
    ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ทนายตั้มได้นัดให้บริษัทผู้พัฒนานาคีไปที่ร้านอาหารในห้างสยามพารากอนและทนายตั้มได้บอกว่าหานายทุนที่จะมาซื้อระบบโปรแกรมนาคีได้แล้วจึงให้ไปเตรียมสัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรมเอาไว้ 2 ชุดโดยทนายตั้มบอกว่า จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ซื้อด้วยตนเองเพราะต้องลงชื่อและสั่งกำชับไม่ให้ติดต่อกับนายทุนผู้ซื้อโดยตรง
    .
    ต่อมาทนายตั้มบอกให้นำสัญญาที่ลงลายมือชื่อเอามามอบให้เขาโดยที่เขาจะส่งมอบสัญญาและให้อีกฝ่ายลงชื่อ แต่หลังจากที่มอบสัญญาให้ทนายตั้ม ทนายคนดังก็ไม่เคยส่งคู่ฉบับสัญญากลับคืนและไม่มีความคืบหน้าใดๆ ของโครงการเกิดขึ้น
    .
    จนเมื่อถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการชำระเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมตามสัญญา บริษัทก็ไม่ได้รับการชำระเงินจากคู่สัญญาแต่อย่างใด จึงโทรหาทนายตั้มเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายษิทราตอบกลับมาว่า ลูกค้ายกเลิกโครงการแล้วโดยที่ไม่บอกกล่าวให้เจ้าของแพลตฟอร์มนาคีให้ทราบมาก่อน
    .
    ดังนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 จึงพากันเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแก่งคอย บันทึกรายงานประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าบริษัทไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขตามสัญญา
    .
    ในตอนแรก บริษัทเจ้าของ "นาคี" ไม่ทราบว่านายทุนได้ชำระเงินแล้วต่อมาได้ทราบว่า นักธุรกิจสาวได้จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาให้กับทนายตั๊ม 71 ล้านบาทแต่นายษิทราไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้กับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าว
    .
    เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่เรื่องราวนี้จะเปิดเผยขึ้น ในรายการโหนกระแสวันนี้(23 ตุลาคม) ซึ่งได้เชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มมาเป็นแขกรับเชิญ ช่วงหนึ่ง นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม ได้ถามนายษิทรา ถึงที่มาของความร่ำรวยที่หลายคนสงสัยว่า ร่ำรวยมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่รายได้จากค่าทนายไม่ได้มากเป็นทนายสายโจร หรือ ทนายสีเทาหรือไม่?!
    .
    นายษิทราได้ตอบว่า แต่ละปีบริษัทของตัวเองมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท แต่ก็มีรายได้ที่ได้มาโดยเสน่หาจากลูกความที่เป็นมหาเศรษฐีซึ่งอยู่ต่างประเทศว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา จากเดือนละ 300,000บาท ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็นให้ทุน 2 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 70 ล้านบาท
    .
    คำตอบดังกล่าวถึงกลับทำให้ “หนุ่ม-กรรชัย” แสดงท่าทางตกใจและถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือจะมีคนให้เงินทนายตั้มจำนวนมากเช่นนั้นซึ่งทนายคนดังยืนยันว่าได้เงินมาจริง
    ..............
    Sondhi X
    นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา . แหล่งข่าวเชื่อถือได้เปิดเผย "ผู้จัดการรายวัน" ว่า เมื่อเร็วๆ นี้นางสาวจตุพร อุบลเลิศ นักธุรกิจสาวที่มีกิจการในต่างประเทศและในไทยในฐานะผู้เสียหายได้มอบอำนาจให้ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่สถานีตำรวจภูธรปากช่องจังหวัดนครราชสีมา โดยแจ้งข้อกล่าวหานายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความชื่อดังฉ้อโกง . ทั้งนี้ ทนายความผู้เสียหายได้ให้ปากคำถึงพฤติการณ์ของทนายตั้ม โดยเริ่มจากผู้เสียหายได้ว่าจ้าง บริษัทษิทรา ลอว์เฟิร์ม จำกัด ของทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ดูแลผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยทำสัญญาตกลงว่าจ้างกันเดือนละ 300,000 บาท . หลังจากที่ว่าจ้างกันแล้วก็ไปมาหาสู่ดูแลกันฉันมิตรจนเกิดความไว้วางใจและเชื่อใจต่อตัวทนายตั้มและภรรยา ผู้เสียหายได้ดูแลการเดินทางไปต่างประเทศพร้อมกับท่องเที่ยวของทนายตั้มและครอบครัวหลายต่อหลายครั้ง . นายษิทรายังเคยพาผู้เสียหายไปเจอกับนักการเมืองระดับประเทศที่ฮ่องกง และ เคยบอกว่า สามารถเอาโควต้าสลากกินแบ่งรัฐบาลมาลงทุนเพื่อแสวงหากำไรได้รวมถึงสัมปทานกับหน่วยงานราชการอื่นๆ โดยนายษิทรากล่าวอ้างว่ารู้จักกับผู้หลักผู้ใหญ่หรือนักการเมืองหลายคน . ต่อมาเมื่อปลายปี 2565 ต่อเนื่องต้นปี 2566 นายษิทรามาบอกกับผู้เสียหายว่าได้รับโควตาสลากกินแบ่งมาจากผู้ใหญ่ที่นับถือให้มาจำหน่ายทางออนไลน์ซึ่งทนายตั้ม อ้างว่า รับปากกับผู้ใหญ่ไว้แล้วสามารถทำได้ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเงินลงทุนจึงมาปรึกษาผู้เสียหายว่าหากตัวเขาได้ทำธุรกิจนี้จะทำให้สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ . นักธุรกิจสาว เห็นว่า การขายสลากออนไลน์เป็นโอกาสจึงซักถามถึงวิธีการและขอทราบรายละเอียดอื่นๆ . ทนายษิทราได้อธิบายว่า หากจะทำจะต้องมี แอปพลิเคชั่น และ รายละเอียดอื่นๆ เช่น โปรแกรม และ ระบบ โดยตัวเองรู้จักผู้เชี่ยวชาญที่พัฒนาเว็บไซต์และระบบโปรแกรม . ผู้เสียหายหลังจากได้ปรึกษาครอบครัวเห็นว่าโครงการดังกล่าวน่าจะเป็นไปได้ ขณะเดียวกันก็ตรงกับความตั้งใจของผู้เสียหายที่จะลงทุนอะไรสักอย่างไว้เอาไว้ให้บุตรชายจึงตอบตกลงจะทำหวยออนไลน์และให้ทนายตั้มไปติดต่อว่าจ้างโปรแกรมเมอร์และให้ทำรายละเอียดเป็นลายลักษณ์อักษรมาซึ่งทนายตั้มตอบตกลง . ต่อมาก็ได้นำสัญญาใบเสนอราคามาให้ผู้เสียหายดู และผู้เสียหายได้ลงนามในสัญญาเรียบร้อย ทนายตั้มก็รับปากว่าจะดำเนินการตามสัญญา . ต่อมาวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ผู้เสียหายโอนเงินชำระค่าจ้างเขียนแบบโปรแกรมให้กับคู่สัญญาแต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการโอนเงินได้เนื่องจากเป็นเวลาที่ธนาคารปิดทำการแล้วจึงนัดทนายตั้มให้มาดูแลจัดการโอนชำระเงิน แต่นายษิทราก็ไม่ได้บอกกล่าวรายละเอียดกับผู้เสียหายว่าต้องโอนชำระให้คู่สัญญาภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ จึงนัดมาดำเนินการโอนเงินในวันรุ่งขึ้นคือ 16 กุมภาพันธ์ 2566 . ต่อมาในวันดังกล่าวเมื่อทนายตั้มเดินทางมาถึงธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัส ปากช่อง ได้บอกกับผู้เสียหายให้โอนเงินมาที่ตัวเองก่อนเขาจะนำเงินไปชำระให้คู่สัญญาด้วยตัวเอง พร้อมกับเจรจาตกลงกับคู่สัญญาถึงปัญหาดังกล่าวเอง . โดยทนายตั้มได้เปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาโลตัสปากช่อง ในชื่อนายษิทธา เบี้ยบังเกิด ขึ้นมาเพื่อโอนเงินจากบัญชีของผู้เสียหายไปยังบัญชีของทนายตั้ม เป็นจำนวน 71 ล้านบาทเศษ . หลังจากที่จ่ายเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมไปแล้วผู้เสียหายก็ได้ติดตามความคืบหน้าการซื้อระบบโปรแกรมสลากออนไลน์จากทนายตั้มเรื่อยมา แต่ได้รับคำตอบว่ายังทำไม่แล้วเสร็จ จึงเป็นสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ในเวลาต่อมาผู้เสียหายได้ยกเลิกสัญญาจ้างบริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม เป็นที่ปรึกษา โดยมีหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างที่ปรึกษา ลงวันที่ 25 มกราคม 2567 . จนกระทั่งวันที่ 1 กันยายน 2567 ซึ่งเป็นวันที่ครบกำหนดการส่งมอบงานตามสัญญา ฝ่ายผู้เสียหายยังไม่ได้รับการตอบรับหรือรับมอบระบบโปรแกรมตามสัญญา ดังนั้นในวันที่ 8 กันยายน 2567 ผู้เสียหายจึงมอบอำนาจให้ทนายติดตามทวงเงินจำนวน 71 ล้านบาทคืนจากทนายตั้ม . ทนายตั้มได้รับหนังสือดังกล่าวแต่เมื่อถึงกำหนดเวลาให้คืนเงินตามหนังสือทวงหนี้ทนายตั้มก็ไม่ได้คืนเงินให้กับผู้เสียหายและไม่ได้ติดต่อกลับมา จึงมอบอำนาจให้ทนายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ต้องหาอย่างถึงที่สุด . ขณะเดียวกัน เจ้าของผู้พัฒนาระบบหวยออนไลน์ที่มีชื่อเรียกว่า "นาคี" ซึ่งเป็นลูกความว่าจ้างบริษัทษิทราฯ เป็นที่ปรึกษากฎหมาย และ เป็นคู่สัญญากับผู้เสียหายหรือนักธุรกิจสาว ให้การเป็นพยานยืนยันว่า บริษัทตนเองพัฒนาโปรแกรม "นาคี" เพื่อเสนอขายระบบให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไป โดยตั้งราคาขายไว้ที่ 20 ล้านบาท ซึ่งราคานี้รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เครื่องสแกนล็อตเตอรี่เข้าระบบตู้เซฟที่เก็บลอตเตอรี่รวมทั้งอุปกรณ์อื่นๆ เมื่อซื้อไปแล้วสามารถใช้งานได้ทันที . แต่ช่วงที่พัฒนาแล้วเสร็จปรากฏว่า บรรดาแพลตฟอร์มหวยออนไลน์ อาทิ มังกรฟ้า สลากพลัส ถูกทางการตรวจสอบ จึงทำให้ไม่กล้าทำการตลาดหรือเปิดตัวแนะนำ จึงนำเรื่องมาปรึกษาทนายตั๊ม ได้รับคำตอบว่า รอให้เรื่องเงียบค่อยทำการตลาดเพื่อเปิดตัวนาคี จากเหตุการณ์นี้ทำให้ทนายตั้มรู้ว่าบริษัทฯ มีระบบโปรแกรมนาคีอยู่ในครอบครอง . ต่อมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ทนายตั้มได้นัดให้บริษัทผู้พัฒนานาคีไปที่ร้านอาหารในห้างสยามพารากอนและทนายตั้มได้บอกว่าหานายทุนที่จะมาซื้อระบบโปรแกรมนาคีได้แล้วจึงให้ไปเตรียมสัญญาจ้างเขียนและพัฒนาโปรแกรมเอาไว้ 2 ชุดโดยทนายตั้มบอกว่า จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้ซื้อด้วยตนเองเพราะต้องลงชื่อและสั่งกำชับไม่ให้ติดต่อกับนายทุนผู้ซื้อโดยตรง . ต่อมาทนายตั้มบอกให้นำสัญญาที่ลงลายมือชื่อเอามามอบให้เขาโดยที่เขาจะส่งมอบสัญญาและให้อีกฝ่ายลงชื่อ แต่หลังจากที่มอบสัญญาให้ทนายตั้ม ทนายคนดังก็ไม่เคยส่งคู่ฉบับสัญญากลับคืนและไม่มีความคืบหน้าใดๆ ของโครงการเกิดขึ้น . จนเมื่อถึงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดการชำระเงินค่าจ้างเขียนโปรแกรมตามสัญญา บริษัทก็ไม่ได้รับการชำระเงินจากคู่สัญญาแต่อย่างใด จึงโทรหาทนายตั้มเพื่อแจ้งเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายษิทราตอบกลับมาว่า ลูกค้ายกเลิกโครงการแล้วโดยที่ไม่บอกกล่าวให้เจ้าของแพลตฟอร์มนาคีให้ทราบมาก่อน . ดังนั้นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 จึงพากันเดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรแก่งคอย บันทึกรายงานประจำวันไว้เป็นหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าบริษัทไม่ได้เป็นฝ่ายผิดเงื่อนไขตามสัญญา . ในตอนแรก บริษัทเจ้าของ "นาคี" ไม่ทราบว่านายทุนได้ชำระเงินแล้วต่อมาได้ทราบว่า นักธุรกิจสาวได้จ่ายเงินค่าจ้างตามสัญญาให้กับทนายตั๊ม 71 ล้านบาทแต่นายษิทราไม่ได้นำเงินมาจ่ายให้กับบริษัทผู้พัฒนาโปรแกรมดังกล่าว . เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนที่เรื่องราวนี้จะเปิดเผยขึ้น ในรายการโหนกระแสวันนี้(23 ตุลาคม) ซึ่งได้เชิญนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้มมาเป็นแขกรับเชิญ ช่วงหนึ่ง นายกรรชัย กำเนิดพลอย หรือ หนุ่ม ได้ถามนายษิทรา ถึงที่มาของความร่ำรวยที่หลายคนสงสัยว่า ร่ำรวยมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่รายได้จากค่าทนายไม่ได้มากเป็นทนายสายโจร หรือ ทนายสีเทาหรือไม่?! . นายษิทราได้ตอบว่า แต่ละปีบริษัทของตัวเองมีรายได้ประมาณ 20 ล้านบาท แต่ก็มีรายได้ที่ได้มาโดยเสน่หาจากลูกความที่เป็นมหาเศรษฐีซึ่งอยู่ต่างประเทศว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา จากเดือนละ 300,000บาท ต่อมาภายหลังเปลี่ยนเป็นให้ทุน 2 ล้านยูโร หรือ ประมาณ 70 ล้านบาท . คำตอบดังกล่าวถึงกลับทำให้ “หนุ่ม-กรรชัย” แสดงท่าทางตกใจและถามย้ำว่า เป็นไปได้หรือจะมีคนให้เงินทนายตั้มจำนวนมากเช่นนั้นซึ่งทนายคนดังยืนยันว่าได้เงินมาจริง .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 914 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000102244

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นักธุรกิจสาวอดีตลูกความ "ทนายตั้ม-ษิทรา" แจ้งความทนายดัง "ฉ้อโกง" ฮุบเงิน 71 ล้าน! เผยถูกหลอกให้ลงทุนซื้อแพลตฟอร์ม "หวยออนไลน์" เจ้าตัวร้อนตัวรีบชิงออกสื่ออ้างได้มาโดยเสน่หา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000102244 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    Sad
    Angry
    24
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2665 มุมมอง 0 รีวิว