• ซีเรียประกาศห้ามเผยแพร่เนื้อหาสร้างความแตกแยกภายในประเทศ!!

    “เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีของพลเมืองในชาติและรักษาโครงสร้างของซีเรียและองค์ประกอบทั้งหมด ห้ามมิให้เผยแพร่เนื้อหาสื่อหรือเนื้อหาข่าวที่มีลักษณะแบ่งแยกนิกายใดๆ ที่มุ่งหมายให้เกิดความแตกแยกและการเลือกปฏิบัติในหมู่ประชาชนซีเรียโดยเด็ดขาด”

    - โมฮัมหมัด อัล-โอมาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศซีเรีย

    ข้อสังเกตุ:
    ประกาศนี้เพิ่งออกมาเมื่อสองชั่วโมงก่อน ในขณะที่สถานการณ์ต่อต้านรัฐบาลใหม่ซีเรียทางตะวันตกนั้นรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นี่อาจจะเป็นคำสั่งเพื่อป้องกันไม่ให้การต่อต้านขยายวงกว้าง
    ซีเรียประกาศห้ามเผยแพร่เนื้อหาสร้างความแตกแยกภายในประเทศ!! “เพื่อเสริมสร้างความสามัคคีของพลเมืองในชาติและรักษาโครงสร้างของซีเรียและองค์ประกอบทั้งหมด ห้ามมิให้เผยแพร่เนื้อหาสื่อหรือเนื้อหาข่าวที่มีลักษณะแบ่งแยกนิกายใดๆ ที่มุ่งหมายให้เกิดความแตกแยกและการเลือกปฏิบัติในหมู่ประชาชนซีเรียโดยเด็ดขาด” - โมฮัมหมัด อัล-โอมาร์ รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศซีเรีย ข้อสังเกตุ: ประกาศนี้เพิ่งออกมาเมื่อสองชั่วโมงก่อน ในขณะที่สถานการณ์ต่อต้านรัฐบาลใหม่ซีเรียทางตะวันตกนั้นรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ นี่อาจจะเป็นคำสั่งเพื่อป้องกันไม่ให้การต่อต้านขยายวงกว้าง
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 151 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้แทนยูเอ็นเตือนความขัดแย้งในซีเรีย “ยังไม่จบ” แม้ระบอบอัสซาดล่มสลาย พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการตั้งถิ่นฐานในที่ราบสูงโกลัน รวมทั้งยุติการโจมตีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียและสำทับว่า การยกเลิกมาตรการแซงก์ชันคือกุญแจสำคัญในการช่วยเหลือซีเรีย
    .
    เกียร์ เพเดอร์เซน ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำซีเรีย แถลงในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นเมื่อวันอังคาร (17 ธ.ค.) เกี่ยวกับกลุ่มนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกีและกลุ่มนักรบเคิร์ด โดยเตือนว่า มีการสู้รบกันอย่างหนักในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และขณะนี้มีการต่ออายุข้อตกลงออกไปอีก 5 วัน แต่เขายังกังวลเกี่ยวกับรายงานการสู้รบที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นหายนะ
    .
    หลังการแถลงของเพเดอร์เซนไม่นาน อเมริกาประกาศว่า ได้ผลักดันให้มีการขยายข้อตกลงหยุดยิงระหว่างนักรบที่สนับสนุนตุรกีกับนักรบเคิร์ดในซีเรียที่เมืองแมนบิจไปจนถึงสิ้นสัปดาห์นี้
    .
    เพเดอร์เซนตั้งข้อสังเกตว่า อิสราเอลโจมตีซีเรียกว่า 350 ระลอกภายหลังรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดล่ม ซึ่งทำให้พลเรือนเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น และบ่อนทำลายแนวโน้มการผ่องถ่ายอำนาจทางการเมืองอย่างราบรื่น
    .
    เขายังเรียกร้องให้อิสราเอลยุติกิจกรรมการตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ยึดครองในที่ราบสูงโกลันในซีเรียตามที่คณะรัฐมนตรีอิสราเอลประกาศก่อนหน้านี้ซึ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งขอให้ยุติการโจมตีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรีย
    .
    เพเดอร์เซนเสริมว่า เขาได้พบผู้นำใหม่ของซีเรีย รวมทั้งเดินทางไปตรวจสอบคุกใต้ดินและสถานที่ทรมานและประหารชีวิตในเรือนจำเซดนายาภายใต้ระบอบอัสซาด
    .
    ผู้แทนพิเศษของยูเอ็นผู้นี้เรียกร้องการสนับสนุนอย่างกว้างขวางสำหรับซีเรีย และยุติมาตรการแซงก์ชันเพื่อเปิดทางสำหรับการฟื้นฟูบูรณะประเทศที่ย่อยยับจากสงคราม
    .
    ขณะเดียวกัน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นเรียกร้องให้มีการดำเนินการกระบวนการทางการเมืองที่รวมคนทุกกลุ่มและนำโดยชาวซีเรีย หลังจากกลุ่มกบฏโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด
    .
    ขณะนี้ ชาติตะวันตกหลายแห่งรีบรุดติดต่อกับกลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ที่เป็นแกนนำเข้ายึดกรุงดามัสกัส แม้กลุ่มกบฏนี้มีรากเหง้ามาจากเครือข่ายอัล-กออิดะห์สาขาซีเรีย รวมทั้งยังถูกชาติตะวันตกส่วนใหญ่ขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายก็ตาม
    .
    ทอม เฟลตเชอร์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนคนใหม่ของยูเอ็น แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงว่า การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในสนามรบในซีเรียไม่ได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความยากลำบากของประชาชนเกือบ 13 ล้านคนที่เผชิญความไม่มั่นคงด้านอาหารเฉียบพลัน นอกจากนั้นชาวซีเรียกว่า 1 ล้านคนยังต้องทิ้งถิ่นฐานในช่วงเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์
    .
    เฟลตเชอร์เสริมว่า ได้พบผู้ปกครองใหม่ของซีเรียที่แสดงความมุ่งมั่นในการขยายโครงการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมที่สำคัญ อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่า สถานการณ์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียมีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบด้านมนุษยธรรม และจำเป็นต้องหาทางคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าว
    .
    ทางด้านลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตอเมริกาประจำยูเอ็น แสดงความยินดีกับการล่มสลายของระบอบอัสซาด แต่เตือนว่า ซีเรียอาจกลายเป็นที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายอย่างกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอซิส)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121639
    ..............
    Sondhi X
    ผู้แทนยูเอ็นเตือนความขัดแย้งในซีเรีย “ยังไม่จบ” แม้ระบอบอัสซาดล่มสลาย พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการตั้งถิ่นฐานในที่ราบสูงโกลัน รวมทั้งยุติการโจมตีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียและสำทับว่า การยกเลิกมาตรการแซงก์ชันคือกุญแจสำคัญในการช่วยเหลือซีเรีย . เกียร์ เพเดอร์เซน ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำซีเรีย แถลงในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นเมื่อวันอังคาร (17 ธ.ค.) เกี่ยวกับกลุ่มนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกีและกลุ่มนักรบเคิร์ด โดยเตือนว่า มีการสู้รบกันอย่างหนักในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และขณะนี้มีการต่ออายุข้อตกลงออกไปอีก 5 วัน แต่เขายังกังวลเกี่ยวกับรายงานการสู้รบที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นหายนะ . หลังการแถลงของเพเดอร์เซนไม่นาน อเมริกาประกาศว่า ได้ผลักดันให้มีการขยายข้อตกลงหยุดยิงระหว่างนักรบที่สนับสนุนตุรกีกับนักรบเคิร์ดในซีเรียที่เมืองแมนบิจไปจนถึงสิ้นสัปดาห์นี้ . เพเดอร์เซนตั้งข้อสังเกตว่า อิสราเอลโจมตีซีเรียกว่า 350 ระลอกภายหลังรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดล่ม ซึ่งทำให้พลเรือนเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น และบ่อนทำลายแนวโน้มการผ่องถ่ายอำนาจทางการเมืองอย่างราบรื่น . เขายังเรียกร้องให้อิสราเอลยุติกิจกรรมการตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ยึดครองในที่ราบสูงโกลันในซีเรียตามที่คณะรัฐมนตรีอิสราเอลประกาศก่อนหน้านี้ซึ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งขอให้ยุติการโจมตีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรีย . เพเดอร์เซนเสริมว่า เขาได้พบผู้นำใหม่ของซีเรีย รวมทั้งเดินทางไปตรวจสอบคุกใต้ดินและสถานที่ทรมานและประหารชีวิตในเรือนจำเซดนายาภายใต้ระบอบอัสซาด . ผู้แทนพิเศษของยูเอ็นผู้นี้เรียกร้องการสนับสนุนอย่างกว้างขวางสำหรับซีเรีย และยุติมาตรการแซงก์ชันเพื่อเปิดทางสำหรับการฟื้นฟูบูรณะประเทศที่ย่อยยับจากสงคราม . ขณะเดียวกัน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นเรียกร้องให้มีการดำเนินการกระบวนการทางการเมืองที่รวมคนทุกกลุ่มและนำโดยชาวซีเรีย หลังจากกลุ่มกบฏโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด . ขณะนี้ ชาติตะวันตกหลายแห่งรีบรุดติดต่อกับกลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ที่เป็นแกนนำเข้ายึดกรุงดามัสกัส แม้กลุ่มกบฏนี้มีรากเหง้ามาจากเครือข่ายอัล-กออิดะห์สาขาซีเรีย รวมทั้งยังถูกชาติตะวันตกส่วนใหญ่ขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายก็ตาม . ทอม เฟลตเชอร์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนคนใหม่ของยูเอ็น แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงว่า การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในสนามรบในซีเรียไม่ได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความยากลำบากของประชาชนเกือบ 13 ล้านคนที่เผชิญความไม่มั่นคงด้านอาหารเฉียบพลัน นอกจากนั้นชาวซีเรียกว่า 1 ล้านคนยังต้องทิ้งถิ่นฐานในช่วงเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ . เฟลตเชอร์เสริมว่า ได้พบผู้ปกครองใหม่ของซีเรียที่แสดงความมุ่งมั่นในการขยายโครงการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมที่สำคัญ อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่า สถานการณ์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียมีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบด้านมนุษยธรรม และจำเป็นต้องหาทางคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าว . ทางด้านลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตอเมริกาประจำยูเอ็น แสดงความยินดีกับการล่มสลายของระบอบอัสซาด แต่เตือนว่า ซีเรียอาจกลายเป็นที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายอย่างกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอซิส) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121639 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 839 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายพลระดับท็อปของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน ถูกลอบสังหารอุกอาจด้วยระเบิดในกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร (17 ธ.ค.) โดยที่หน่วยข่าวกรอง เอสยูบี ของยูเครนกระพือข่าวว่าเป็นฝีมือของตน ซึ่งหากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นการก่อเหตุเข่นฆ่าลักษณะนี้ครั้งอึกทึกครึกโครมที่สุดทีเดียว
    .
    พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย พร้อมผู้ช่วยคนหนึ่งของเขา เสียชีวิตจากระเบิดซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่จอดอยู่ใกล้ทางเข้าอพาร์ตเมนต์บนถนนรยาแซนสกี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร ทั้งนี้ตามการแถลงคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของรัสเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการสืบสวนคดีอุกฉกรรจ์ โดยระบุว่าได้เปิดการสอบสวนเหตุการณ์นี้แล้ว คาดกันว่าคดีนี้จะถูกจัดให้เป็นคดีก่อการร้าย
    .
    เวลาเดียวกัน สื่อมวลชนหลายแห่ง รวมทั้งสำนักข่าวรอยเตอร์ และสำนักข่าวเอเอฟพี ต่างอ้างอิงแหล่งข่าวรายหนึ่งในหน่วยข่าวกรองเอสบียูของยูเครน ได้ยืนยันว่า เอสบียูอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ โดยถือเป็นการปฏิบัติการพิเศษเพื่อสังหารอาชญากรสงคราม เนื่องจากคิริลลอฟเป็นผู้ออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน โดยที่เมื่อวันจันทร์ (16) เช่นกัน เอสบียูเพิ่งกล่าวหารัสเซียใช้กระสุนที่เป็นอาวุธเคมีโจมตีใส่ทหารยูเครนมากกว่า 4,800 กรณี นับตั้งแต่เริ่มต้นรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
    .
    ก่อนหน้านี้ ชาติตะวันตกที่เป็นพันธมิตรของเคียฟ อย่างสหราชอาณาจักรและอเมริกา ก็ได้กล่าวหาว่ารัสเซียใช้สารพิษคลอโรพิกรินกับทหารยูเครน ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาห้ามใช้อาวุธเคมี และเมื่อเดือนตุลาคมสหราชอาณาจักรยังได้ประกาศแซงก์ชันคว่ำบาตร คิริลลอฟและหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของเขา ในข้อหาช่วยเหลือให้มีการใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านั้น
    .
    สำหรับกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย ที่คิริลลอฟ เป็นผู้บังคับบัญชา และเป็นที่รู้จักกันด้วยชื่อย่อว่า RKhBZ นั้น ทางรัสเซียระบุว่าเป็นกองกำลังพิเศษซึ่งปฏิบัติการภายใต้สภาพที่เกิดการปนเปื้อนทางรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพ และภารกิจของทหารหน่วยนี้คือการพิทักษ์ปกป้องพวกกองกำลังภาคพื้นดินที่กำลังปฏิบัติการในสภาพเงื่อนไขแบบสุดขั้ว
    .
    ถ้าหากการกล่าวอ้างของเคียฟได้รับการยืนยัน คิริลลอฟ วัย 54 ปี ก็จะถือเป็นนายทหารอาวุโสที่สุดที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย และมีแนวโน้มว่า เหตุการณ์นี้จะกระตุ้นให้รัสเซียทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยนายทหารระดับสูงของกองทัพ รวมทั้งหาวิธีแก้แค้น
    .
    สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้
    .
    รัสเซียยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนเรื่องการใช้อาวุธเคมีในสนามรบในยูเครน โดยบางครั้งคิริลลอฟเองได้บรรยายสรุปทางสถานีทีวีของรัฐบาล กล่าวหาตอบโต้กลับว่า ยูเครนและฝ่ายตะวันตกมีเครือข่ายห้องปฏิบัติการชีววิทยาลับ ที่พัฒนาอาวุธเคมีต้องห้ามทั่วยูเครน
    .
    ด้าน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงยกย่องคิริลลอฟว่า อุทิศตนให้ประเทศชาติอย่างกล้าหาญในการเปิดโปงอาชญากรรมสงครามที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีและโครงการลับของฝ่ายตะวันตกทั้งในซีเรียและประเทศอื่นๆ
    .
    ก่อนหน้าคิริลลอฟเสียชีวิต 1 วัน อัยการรัฐบาลยูเครนได้ตั้งข้อหานายทหารรัสเซียผู้นี้ใช้อาวุธเคมีที่ถูกนานาชาติห้ามใช้ นอกจากนั้นคิริลลอฟยังมีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการของบุคคลที่ถือเป็นศัตรูของยูเครน
    .
    การลอบสังหารคิริลลอฟยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (16) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างว่า ปีนี้เป็นปีสำคัญของปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยที่กองทหารรัสเซียอยู่ในสถานะได้เปรียบในทุกสมรภูมิ
    .
    ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มอสโกเชื่อว่า เคียฟอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารบุคคลสำคัญของรัสเซียมาแล้วหลายคนเพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของแดนหมีขาว รวมทั้งเพื่อลงโทษผู้ที่เคียฟระบุว่า มีบทบาทในอาชญากรรมสงคราม โดยยูเครนประกาศชัดเจนว่า การสังหารคนเหล่านั้นเป็นการกระทำอันชอบธรรม
    .
    บุคคลที่เป็นที่รู้จักซึ่งถูกลอบสังหารนับจากที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อต้นปี 2022 มีอาทิ ดาร์ยา ดูกินา นักเขียนแนวชาตินิยมและเป็นบุตรสาวของนักปรัชญาการเมืองชื่อดัง อเล็กซานเดอร์ ดูกิน โดยเธอถูกโจมตีด้วยคาร์บอมบ์นอกมอสโก, วลาเดน ตาตาร์สกี บล็อกเกอร์ที่สนับสนุนสงครามยูเครนซึ่งเสียชีวิตจากการลอบวางระเบิดคาเฟ่ในปี 2023 และการลอบยิงผู้บังคับการเรือดำน้ำรัสเซียที่ถูกเคียฟกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามเมื่อปีที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121236
    ..............
    Sondhi X
    นายพลระดับท็อปของรัสเซีย ที่ถูกยูเครนกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน ถูกลอบสังหารอุกอาจด้วยระเบิดในกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร (17 ธ.ค.) โดยที่หน่วยข่าวกรอง เอสยูบี ของยูเครนกระพือข่าวว่าเป็นฝีมือของตน ซึ่งหากเป็นจริงก็ถือว่าเป็นการก่อเหตุเข่นฆ่าลักษณะนี้ครั้งอึกทึกครึกโครมที่สุดทีเดียว . พลโทอิกอร์ คิริลลอฟ ผู้บัญชาการกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย พร้อมผู้ช่วยคนหนึ่งของเขา เสียชีวิตจากระเบิดซึ่งซุกซ่อนอยู่ในรถสกูตเตอร์ไฟฟ้าที่จอดอยู่ใกล้ทางเข้าอพาร์ตเมนต์บนถนนรยาแซนสกี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงมอสโกเมื่อเช้าวันอังคาร ทั้งนี้ตามการแถลงคณะกรรมการสืบสวนสอบสวนของรัสเซีย ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการสืบสวนคดีอุกฉกรรจ์ โดยระบุว่าได้เปิดการสอบสวนเหตุการณ์นี้แล้ว คาดกันว่าคดีนี้จะถูกจัดให้เป็นคดีก่อการร้าย . เวลาเดียวกัน สื่อมวลชนหลายแห่ง รวมทั้งสำนักข่าวรอยเตอร์ และสำนักข่าวเอเอฟพี ต่างอ้างอิงแหล่งข่าวรายหนึ่งในหน่วยข่าวกรองเอสบียูของยูเครน ได้ยืนยันว่า เอสบียูอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ โดยถือเป็นการปฏิบัติการพิเศษเพื่อสังหารอาชญากรสงคราม เนื่องจากคิริลลอฟเป็นผู้ออกคำสั่งให้ใช้อาวุธเคมีกับทหารยูเครน โดยที่เมื่อวันจันทร์ (16) เช่นกัน เอสบียูเพิ่งกล่าวหารัสเซียใช้กระสุนที่เป็นอาวุธเคมีโจมตีใส่ทหารยูเครนมากกว่า 4,800 กรณี นับตั้งแต่เริ่มต้นรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 . ก่อนหน้านี้ ชาติตะวันตกที่เป็นพันธมิตรของเคียฟ อย่างสหราชอาณาจักรและอเมริกา ก็ได้กล่าวหาว่ารัสเซียใช้สารพิษคลอโรพิกรินกับทหารยูเครน ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาห้ามใช้อาวุธเคมี และเมื่อเดือนตุลาคมสหราชอาณาจักรยังได้ประกาศแซงก์ชันคว่ำบาตร คิริลลอฟและหน่วยงานใต้บังคับบัญชาของเขา ในข้อหาช่วยเหลือให้มีการใช้อาวุธร้ายแรงเหล่านั้น . สำหรับกองทหารหน่วยอาวุธรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพของรัสเซีย ที่คิริลลอฟ เป็นผู้บังคับบัญชา และเป็นที่รู้จักกันด้วยชื่อย่อว่า RKhBZ นั้น ทางรัสเซียระบุว่าเป็นกองกำลังพิเศษซึ่งปฏิบัติการภายใต้สภาพที่เกิดการปนเปื้อนทางรังสีนิวเคลียร์ เคมี และชีวภาพ และภารกิจของทหารหน่วยนี้คือการพิทักษ์ปกป้องพวกกองกำลังภาคพื้นดินที่กำลังปฏิบัติการในสภาพเงื่อนไขแบบสุดขั้ว . ถ้าหากการกล่าวอ้างของเคียฟได้รับการยืนยัน คิริลลอฟ วัย 54 ปี ก็จะถือเป็นนายทหารอาวุโสที่สุดที่ถูกยูเครนลอบสังหารในรัสเซีย และมีแนวโน้มว่า เหตุการณ์นี้จะกระตุ้นให้รัสเซียทบทวนมาตรการรักษาความปลอดภัยนายทหารระดับสูงของกองทัพ รวมทั้งหาวิธีแก้แค้น . สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียรายงานว่า ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านความมั่นคงของรัสเซีย ประกาศว่า จะชำระแค้นเอากับผู้นำกองทัพและรัฐบาลยูเครนเร็วๆ นี้ . รัสเซียยังปฏิเสธข้อกล่าวหาของยูเครนเรื่องการใช้อาวุธเคมีในสนามรบในยูเครน โดยบางครั้งคิริลลอฟเองได้บรรยายสรุปทางสถานีทีวีของรัฐบาล กล่าวหาตอบโต้กลับว่า ยูเครนและฝ่ายตะวันตกมีเครือข่ายห้องปฏิบัติการชีววิทยาลับ ที่พัฒนาอาวุธเคมีต้องห้ามทั่วยูเครน . ด้าน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงยกย่องคิริลลอฟว่า อุทิศตนให้ประเทศชาติอย่างกล้าหาญในการเปิดโปงอาชญากรรมสงครามที่เกี่ยวข้องกับอาวุธเคมีและโครงการลับของฝ่ายตะวันตกทั้งในซีเรียและประเทศอื่นๆ . ก่อนหน้าคิริลลอฟเสียชีวิต 1 วัน อัยการรัฐบาลยูเครนได้ตั้งข้อหานายทหารรัสเซียผู้นี้ใช้อาวุธเคมีที่ถูกนานาชาติห้ามใช้ นอกจากนั้นคิริลลอฟยังมีชื่ออยู่ในฐานข้อมูลอย่างไม่เป็นทางการของบุคคลที่ถือเป็นศัตรูของยูเครน . การลอบสังหารคิริลลอฟยังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันจันทร์ (16) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน อวดอ้างว่า ปีนี้เป็นปีสำคัญของปฏิบัติการพิเศษทางทหารของรัสเซียในยูเครน โดยที่กองทหารรัสเซียอยู่ในสถานะได้เปรียบในทุกสมรภูมิ . ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ มอสโกเชื่อว่า เคียฟอยู่เบื้องหลังการลอบสังหารบุคคลสำคัญของรัสเซียมาแล้วหลายคนเพื่อทำลายขวัญและกำลังใจของแดนหมีขาว รวมทั้งเพื่อลงโทษผู้ที่เคียฟระบุว่า มีบทบาทในอาชญากรรมสงคราม โดยยูเครนประกาศชัดเจนว่า การสังหารคนเหล่านั้นเป็นการกระทำอันชอบธรรม . บุคคลที่เป็นที่รู้จักซึ่งถูกลอบสังหารนับจากที่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเมื่อต้นปี 2022 มีอาทิ ดาร์ยา ดูกินา นักเขียนแนวชาตินิยมและเป็นบุตรสาวของนักปรัชญาการเมืองชื่อดัง อเล็กซานเดอร์ ดูกิน โดยเธอถูกโจมตีด้วยคาร์บอมบ์นอกมอสโก, วลาเดน ตาตาร์สกี บล็อกเกอร์ที่สนับสนุนสงครามยูเครนซึ่งเสียชีวิตจากการลอบวางระเบิดคาเฟ่ในปี 2023 และการลอบยิงผู้บังคับการเรือดำน้ำรัสเซียที่ถูกเคียฟกล่าวหาก่ออาชญากรรมสงครามเมื่อปีที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121236 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 877 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ชัดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!!"
    ซีเรียจะไม่ถูกใช้เป็นฐานยิงโจมตี "อิสราเอล" ยืนยันอีกครั้งโดยผู้นำหุ่นเชิด "โจลานี"

    โจลานี ก็แค่หุ่นเชิด ถ้าหากไม่คิดจะปกป้องดินแดนซีเรีย จะโค่นล้มอัสซาดทำไม "ปลดปล่อยซีเรีย" จึงเป็นแค่วาทะกรรมลวงโลก ของผู้ชักใยเบื้องหลัง ที่ต้องการให้รัสเซียและอิหร่านเสียผลประโยชน์ และขาดพันธมิตร

    ผู้บัญชาการ IRGC ของอิหร่านกล่าวว่า การขัดขวางกลุ่มก่อการร้ายโดยกองกำลังอิหร่าน ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เงื่อนไขอยู่ที่กองทัพซีเรียและกองกำลังต่างชาติที่แฝงตัวมาในรูปแบบกลุ่มกบฏที่อ้างตัวว่าต้องการปลดปล่อยซีเรีย

    ล่าสุดสหภาพยุโรปโดย "คาจา คัลลาส" ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้แทนด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงและยังเป็นถึงรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ยื่นคำขาดที่ชัดเจนไปถึง "โจลานี" ผู้นำคนใหม่ของซีเรีย ต้องยุติการมีอยู่ของฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศของรัสเซีย มิฉะนั้นยุโรปจะคงการคว่ำบาตรไว้ และจะไม่ยอมรับรัฐบาลซีเรีย

    “รัสเซียและอิหร่านไม่ใช่เพื่อนของคุณ และจะไม่ช่วยคุณหากคุณประสบปัญหา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทิ้งระบอบการปกครองของอัสซาด และนั่นเป็นข้อความที่ชัดเจนมากที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาช่วยใครไม่ได้ เพราะความอ่อนแอของพวกเขาเอง”
    คัลลาส ไม่ได้เรียกร้องแค่นี้ แต่ยังรวมไปถึงเรียกร้องให้ซีเรียต้องเป็นพันธมิตรที่ดีกับอิสราเอล และเปิดโอกาสให้ยุโรปเข้าไปช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับซีเรีย

    เห็นได้ชัดว่า ลำพังเพียง โจลานี คงไม่สามารถโค่นล้มอัสซาดได้ และการที่เขาประกาศหลายครั้งว่าจะไม่ก่อสงครามกับอิสราเอล ยิ่งเป็นสิ่งยืนยันว่า เขาไม่มีอำนาจในการตัดสินใจอย่างอิสระ
    "ชัดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!!" ซีเรียจะไม่ถูกใช้เป็นฐานยิงโจมตี "อิสราเอล" ยืนยันอีกครั้งโดยผู้นำหุ่นเชิด "โจลานี" โจลานี ก็แค่หุ่นเชิด ถ้าหากไม่คิดจะปกป้องดินแดนซีเรีย จะโค่นล้มอัสซาดทำไม "ปลดปล่อยซีเรีย" จึงเป็นแค่วาทะกรรมลวงโลก ของผู้ชักใยเบื้องหลัง ที่ต้องการให้รัสเซียและอิหร่านเสียผลประโยชน์ และขาดพันธมิตร ผู้บัญชาการ IRGC ของอิหร่านกล่าวว่า การขัดขวางกลุ่มก่อการร้ายโดยกองกำลังอิหร่าน ไม่ใช่เรื่องยาก แต่เงื่อนไขอยู่ที่กองทัพซีเรียและกองกำลังต่างชาติที่แฝงตัวมาในรูปแบบกลุ่มกบฏที่อ้างตัวว่าต้องการปลดปล่อยซีเรีย ล่าสุดสหภาพยุโรปโดย "คาจา คัลลาส" ซึ่งเพิ่งเข้ารับตำแหน่งเป็นผู้แทนด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคงและยังเป็นถึงรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ยื่นคำขาดที่ชัดเจนไปถึง "โจลานี" ผู้นำคนใหม่ของซีเรีย ต้องยุติการมีอยู่ของฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศของรัสเซีย มิฉะนั้นยุโรปจะคงการคว่ำบาตรไว้ และจะไม่ยอมรับรัฐบาลซีเรีย “รัสเซียและอิหร่านไม่ใช่เพื่อนของคุณ และจะไม่ช่วยคุณหากคุณประสบปัญหา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทิ้งระบอบการปกครองของอัสซาด และนั่นเป็นข้อความที่ชัดเจนมากที่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาช่วยใครไม่ได้ เพราะความอ่อนแอของพวกเขาเอง” คัลลาส ไม่ได้เรียกร้องแค่นี้ แต่ยังรวมไปถึงเรียกร้องให้ซีเรียต้องเป็นพันธมิตรที่ดีกับอิสราเอล และเปิดโอกาสให้ยุโรปเข้าไปช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจให้กับซีเรีย เห็นได้ชัดว่า ลำพังเพียง โจลานี คงไม่สามารถโค่นล้มอัสซาดได้ และการที่เขาประกาศหลายครั้งว่าจะไม่ก่อสงครามกับอิสราเอล ยิ่งเป็นสิ่งยืนยันว่า เขาไม่มีอำนาจในการตัดสินใจอย่างอิสระ
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำแถลงการณ์ครั้งแรกของอดีตประธานาธิบดีซีเรีย ระบุว่ามีความพยายามสร้างข่าวปลอมว่าเป็นการปลดปล่อยซีเรีย แต่แท้จริงแล้วเป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศ พร้อมทั้งระบุไม่เคยเตรียมการล่วงหน้าเพื่อหลบหนี แต่สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการพังทลายของกองทัพ และจำเป็นต้องตัดสินใจที่ยากลำบาก และยังกล่าวอีกว่า จำเป็นต้องแก้ไขการบิดเบือนข้อมูลเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งจะมีการอธิบายเหตุการณ์อย่างละเอียดถี่ถ้วนในภายหลัง

    รายละเอียดคำแถลงฉบับแรกที่ออกโดยอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย:

    'ด้วยการขยายตัวของการก่อการร้ายในซีเรียและการมาถึงกรุงดามัสกัสในตอนเย็นของวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2024 คำถามเกี่ยวกับที่อยู่และชะตากรรมของประธานาธิบดีก็เริ่มเกิดขึ้น ท่ามกลางความสับสนและข่าวลือที่ห่างไกลจากความจริง เพื่อสนับสนุนการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศที่หลอกลวงว่าเป้าหมายคือ "การปฏิวัติเพื่อปลดปล่อยซีเรีย"

    ในช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ในชีวิตของประเทศของเรา ความจริงควรต้องถูกเปิดเผย และจำเป็นต้องชี้แจงผ่านแถลงการณ์สั้นๆของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น แต่ข้าพเจ้าจำเป็นต้องยกเลิกไปด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ทำให้ไม่สามารถออกแถลงการณ์ได้ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านั้นไม่สามารถบรรยายรายละเอียดของทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้หมดในแถลงการณ์นี้ ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงอย่างละเอียดในภายหลังเมื่อมีโอกาส

    ก่อนอื่นเลย ข้าพเจ้าไม่ได้วางแผนออกจากประเทศอย่างที่มีข่าวลือกัน และไม่ได้ออกจากประเทศในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการสู้รบ แต่ข้าพเจ้ายังคงอยู่ในดามัสกัสเพื่อปฏิบัติหน้าที่จนถึงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2024 เมื่อการก่อการร้ายขยายตัวมาในดามัสกัส ข้าพเจ้าจำเป็นต้องย้ายการบัญชาการไปที่ลาตาเกียพร้อมกับเพื่อนชาวรัสเซียเพื่อติดตามการปฏิบัติการรบจากที่นั่น

    เมื่อมาถึงฐานทัพอากาศฮไมมิมในตอนเช้า เห็นได้ชัดว่ากองกำลังของเราได้ถอนตัวออกจากแนวป้องกันทั้งหมดแล้ว และตำแหน่งสุดท้ายของกองทัพก็ถูกพังทลายลง โดยสถานการณ์ภาคสนามในพื้นที่นั้นเลวร้ายลงเรื่อยๆ และการโจมตีฐานทัพทหารรัสเซียเองก็ทวีความรุนแรงขึ้นจากการถูกโจมตีจากโดรน เนื่องจากไม่สามารถออกจากฐานทัพไปทางใดทางหนึ่งได้ มอสโกจึงขอให้ผู้นำฐานทัพทำงานเพื่อเตรียมอพยพไปยังรัสเซียทันทีในเย็นวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันถัดจากการยึดกรุงดามัสกัส และหลังจากการยึดตำแหน่งทางทหารสุดท้ายและสถาบันของรัฐที่เหลือทั้งหมดได้ปิดตัวลงในเวลาต่อมา

    ในระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว ประเด็นเรื่องการขอสถานะผู้ลี้ภัยหรือการลาออกไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาโดยข้าพเจ้าหรือบุคคลหรือฝ่ายใด และทางเลือกเดียวที่นำเสนอคือการต่อสู้ต่อไปเพื่อป้องกันการโจมตีของผู้ก่อการร้าย

    ในบริบทนี้ ข้าพเจ้าขอเน้นย้ำว่าตั้งแต่วันแรกของสงคราม ข้าพเจ้าปฏิเสธที่จะแลกความอยู่รอดของประเทศกับความปลอดภัยของตัวเอง หรือต่อรองกับประชาชนของข้าพเจ้าด้วยข้อเสนอและสิ่งจูงใจต่างๆ ข้าพเจ้ายังคงเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ยืนเคียงข้างกับเจ้าหน้าที่และทหารของกองทัพในแนวหน้า ห่างจากผู้ก่อการร้ายเพียงไม่กี่สิบเมตรในสถานการณ์ที่ร้อนแรงและอันตรายที่สุดของความขัดแย้ง ข้าพเจ้ายังเป็นคนเดิม คนที่ไม่เคยจากไปในช่วงปีที่ยากลำบากที่สุดของสงคราม ยังอยู่กับครอบครัวและประชาชนของข้าพเจ้าเพื่อเผชิญหน้ากับการก่อการร้ายภายใต้การโจมตีและอันตรายจากผู้ก่อการร้ายที่บุกโจมตีเมืองหลวงมากกว่าหนึ่งครั้งในช่วงสิบสี่ปีของสงคราม และยังเป็นคนเดียวกับที่ไม่เคยละทิ้งการต่อต้านที่ไม่ใช่เรื่องของซีเรียในปาเลสไตน์และเลบานอน และไม่เคยทรยศต่อพันธมิตรที่ยืนเคียงข้าง แน่นอนว่าข้าพเจ้าไม่ใช่คนที่ละทิ้งประชาชน หรือทรยศต่อพวกเขาและกองทัพของเขาได้

    ข้าพเจ้าไม่ใช่คนที่แสวงหาความมั่นคงให้กับตัวเอง แต่ข้าพเจ้าถือว่าตัวเองคือโครงการระดับชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่เชื่อมั่นในโครงการนั้น ข้าพเจ้ามีความมั่นคงในเจตจำนงของประชาชนเหล่านั้น แต่เมื่อรัฐตกอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย และสูญเสียความสามารถในการจัดหาสิ่งใดๆ ตำแหน่งนั้นก็จะว่างเปล่าและไม่มีความหมาย และไม่มีความหมายที่จะรับผิดชอบในเรื่องนี้ต่อไป นี่ไม่ได้หมายความว่าจะละทิ้งความเป็นชาติที่แท้จริงของซีเรียและประชาชนชาวซีเรีย ความเป็นชาติจะยังมั่นคงแน่นอนซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ความเป็นชาติที่เต็มไปด้วยความหวังว่าซีเรียจะกลับมาอย่างเสรีและเป็นอิสระ

    หมายเหตุ:
    เป็นบัญชีของประธานาธิบดีซีเรียที่เผยแพร่แถลงการณ์ แต่ขณะนี้ทุกช่องทางสื่อสารอยู่ภายใต้การควบคุมของ HTS สื่อของรัฐ และช่องทางสื่อสารของรัฐบาล ฯลฯ

    โปรดพิจารณาให้ดีก่อนเชื่อ เนื่องจากยังไม่มีคำยืนยันจากอัสซาดโดยตรง
    คำแถลงการณ์ครั้งแรกของอดีตประธานาธิบดีซีเรีย ระบุว่ามีความพยายามสร้างข่าวปลอมว่าเป็นการปลดปล่อยซีเรีย แต่แท้จริงแล้วเป็นการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศ พร้อมทั้งระบุไม่เคยเตรียมการล่วงหน้าเพื่อหลบหนี แต่สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการพังทลายของกองทัพ และจำเป็นต้องตัดสินใจที่ยากลำบาก และยังกล่าวอีกว่า จำเป็นต้องแก้ไขการบิดเบือนข้อมูลเหล่านี้ตั้งแต่เริ่มต้น ซึ่งจะมีการอธิบายเหตุการณ์อย่างละเอียดถี่ถ้วนในภายหลัง รายละเอียดคำแถลงฉบับแรกที่ออกโดยอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย: 'ด้วยการขยายตัวของการก่อการร้ายในซีเรียและการมาถึงกรุงดามัสกัสในตอนเย็นของวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม 2024 คำถามเกี่ยวกับที่อยู่และชะตากรรมของประธานาธิบดีก็เริ่มเกิดขึ้น ท่ามกลางความสับสนและข่าวลือที่ห่างไกลจากความจริง เพื่อสนับสนุนการกระทำของกลุ่มก่อการร้ายระหว่างประเทศที่หลอกลวงว่าเป้าหมายคือ "การปฏิวัติเพื่อปลดปล่อยซีเรีย" ในช่วงเวลาสำคัญทางประวัติศาสตร์ในชีวิตของประเทศของเรา ความจริงควรต้องถูกเปิดเผย และจำเป็นต้องชี้แจงผ่านแถลงการณ์สั้นๆของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น แต่ข้าพเจ้าจำเป็นต้องยกเลิกไปด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย ทำให้ไม่สามารถออกแถลงการณ์ได้ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านั้นไม่สามารถบรรยายรายละเอียดของทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้หมดในแถลงการณ์นี้ ข้าพเจ้าจะกล่าวถึงอย่างละเอียดในภายหลังเมื่อมีโอกาส ก่อนอื่นเลย ข้าพเจ้าไม่ได้วางแผนออกจากประเทศอย่างที่มีข่าวลือกัน และไม่ได้ออกจากประเทศในช่วงชั่วโมงสุดท้ายของการสู้รบ แต่ข้าพเจ้ายังคงอยู่ในดามัสกัสเพื่อปฏิบัติหน้าที่จนถึงเช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2024 เมื่อการก่อการร้ายขยายตัวมาในดามัสกัส ข้าพเจ้าจำเป็นต้องย้ายการบัญชาการไปที่ลาตาเกียพร้อมกับเพื่อนชาวรัสเซียเพื่อติดตามการปฏิบัติการรบจากที่นั่น เมื่อมาถึงฐานทัพอากาศฮไมมิมในตอนเช้า เห็นได้ชัดว่ากองกำลังของเราได้ถอนตัวออกจากแนวป้องกันทั้งหมดแล้ว และตำแหน่งสุดท้ายของกองทัพก็ถูกพังทลายลง โดยสถานการณ์ภาคสนามในพื้นที่นั้นเลวร้ายลงเรื่อยๆ และการโจมตีฐานทัพทหารรัสเซียเองก็ทวีความรุนแรงขึ้นจากการถูกโจมตีจากโดรน เนื่องจากไม่สามารถออกจากฐานทัพไปทางใดทางหนึ่งได้ มอสโกจึงขอให้ผู้นำฐานทัพทำงานเพื่อเตรียมอพยพไปยังรัสเซียทันทีในเย็นวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันถัดจากการยึดกรุงดามัสกัส และหลังจากการยึดตำแหน่งทางทหารสุดท้ายและสถาบันของรัฐที่เหลือทั้งหมดได้ปิดตัวลงในเวลาต่อมา ในระหว่างเหตุการณ์ดังกล่าว ประเด็นเรื่องการขอสถานะผู้ลี้ภัยหรือการลาออกไม่ได้ถูกหยิบยกขึ้นมาโดยข้าพเจ้าหรือบุคคลหรือฝ่ายใด และทางเลือกเดียวที่นำเสนอคือการต่อสู้ต่อไปเพื่อป้องกันการโจมตีของผู้ก่อการร้าย ในบริบทนี้ ข้าพเจ้าขอเน้นย้ำว่าตั้งแต่วันแรกของสงคราม ข้าพเจ้าปฏิเสธที่จะแลกความอยู่รอดของประเทศกับความปลอดภัยของตัวเอง หรือต่อรองกับประชาชนของข้าพเจ้าด้วยข้อเสนอและสิ่งจูงใจต่างๆ ข้าพเจ้ายังคงเป็นบุคคลเดียวกันกับที่ยืนเคียงข้างกับเจ้าหน้าที่และทหารของกองทัพในแนวหน้า ห่างจากผู้ก่อการร้ายเพียงไม่กี่สิบเมตรในสถานการณ์ที่ร้อนแรงและอันตรายที่สุดของความขัดแย้ง ข้าพเจ้ายังเป็นคนเดิม คนที่ไม่เคยจากไปในช่วงปีที่ยากลำบากที่สุดของสงคราม ยังอยู่กับครอบครัวและประชาชนของข้าพเจ้าเพื่อเผชิญหน้ากับการก่อการร้ายภายใต้การโจมตีและอันตรายจากผู้ก่อการร้ายที่บุกโจมตีเมืองหลวงมากกว่าหนึ่งครั้งในช่วงสิบสี่ปีของสงคราม และยังเป็นคนเดียวกับที่ไม่เคยละทิ้งการต่อต้านที่ไม่ใช่เรื่องของซีเรียในปาเลสไตน์และเลบานอน และไม่เคยทรยศต่อพันธมิตรที่ยืนเคียงข้าง แน่นอนว่าข้าพเจ้าไม่ใช่คนที่ละทิ้งประชาชน หรือทรยศต่อพวกเขาและกองทัพของเขาได้ ข้าพเจ้าไม่ใช่คนที่แสวงหาความมั่นคงให้กับตัวเอง แต่ข้าพเจ้าถือว่าตัวเองคือโครงการระดับชาติที่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนที่เชื่อมั่นในโครงการนั้น ข้าพเจ้ามีความมั่นคงในเจตจำนงของประชาชนเหล่านั้น แต่เมื่อรัฐตกอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย และสูญเสียความสามารถในการจัดหาสิ่งใดๆ ตำแหน่งนั้นก็จะว่างเปล่าและไม่มีความหมาย และไม่มีความหมายที่จะรับผิดชอบในเรื่องนี้ต่อไป นี่ไม่ได้หมายความว่าจะละทิ้งความเป็นชาติที่แท้จริงของซีเรียและประชาชนชาวซีเรีย ความเป็นชาติจะยังมั่นคงแน่นอนซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์ ความเป็นชาติที่เต็มไปด้วยความหวังว่าซีเรียจะกลับมาอย่างเสรีและเป็นอิสระ หมายเหตุ: เป็นบัญชีของประธานาธิบดีซีเรียที่เผยแพร่แถลงการณ์ แต่ขณะนี้ทุกช่องทางสื่อสารอยู่ภายใต้การควบคุมของ HTS สื่อของรัฐ และช่องทางสื่อสารของรัฐบาล ฯลฯ โปรดพิจารณาให้ดีก่อนเชื่อ เนื่องจากยังไม่มีคำยืนยันจากอัสซาดโดยตรง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ออกคำสั่งให้ทหารของประเทศเตรียมพร้อมสำหรับปักหลักอยู่ในดินแดนของซีเรียที่เพิ่งบุกยึดมาได้ใหม่ ตลอดทั้งฤดูหนาว แม้นานาชาติส่งเสียงเรียกร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ให้ถอนกำลังออกมา
    .
    กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) บุกยึดเขตกันชนปลอดทหาร (DMZ) ตามแนวชายแดนติดกับซีเรีย ที่กำหนดขึ้นในปี 1974 และรุกเข้าไปเกินกว่าพื้นที่ของที่ราบสูงโกลัน ที่พวกเขายึดครองอย่างผิดกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2967 ในขณะที่ คาทซ์ บอกเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ว่า IDF จะจัดตั้งเขตป้องกันตนเองชั่วคราวในภาคใต้ของซีเรีย สกัดภัยคุกคามก่อการร้ายใดๆ ตามหลังการล่มสลายของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-ฮัสซาด แห่งซีเรีย
    .
    ในวันศุกร์ (12ธ.ค.) คาทซ์ บอกว่าได้สั่งการให้ IDF จัดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เหมาะสม และให้ทหารเตรียมพร้อมเป็นพิเศษสำหรับการยังคงปักหลักอยู่ในแถบภูเขาเฮอร์มอน ภายในรัสเซีย
    .
    ภูเขาเฮอร์มอน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนเลบานอน คือตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่สามารถมองไปได้ไกลเกินกรุงดามัสกัส ในฐานะภูเขาสูงที่สุดในซีเรีย มันมีที่ราบสูงแห่งหนึ่งสำหรับสังเกตการณ์ทั่วภูมิภาค ในนั้นรวมถึงพื้นที่ต่างๆ ในเลบานอน และหากติดตั้งเรดาร์บนภูเขาแห่งนี้ อิสราเอลจะสามารถสังเกตการณ์พื้นที่ได้กว้างขวางขึ้นอย่างมาก
    .
    "สืบเนื่องกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรีย การยึดครองจุดสูงสุดของภูเขาเฮอร์มอน มีความสำคัญใหญ่หลวงต่อความมั่นคงของเรา" คาทซ์กล่าว ตามรายงานของสื่อมวลชน
    .
    มีรายงานว่าเมื่อวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค.) เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล บอกกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ว่าอิสราเอลจะยังคงอยู่ในเขตกันชน "จนกว่าจะมีกองกำลังที่มีประสิทธิภาพเข้าสนับสนุนข้อตกลงสงบศึกปี 1974 ที่หยุดความขัดแย้งระหว่างซีเรียและอิสราเอล
    .
    อิสราเอลเริ่มความเคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้นในซีเรีย หลังจากพวกฝ่ายค้านติดอาวุธ ที่มีกลุ่มญิฮาด กบฏฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham) เป็นหัวหอก เปิดปฏิบัติการจู่โจมแบบสายฟ้าแลบเล่นงานกองกำลังรัฐบาล จนนำมาซึ่งการล่มสลายอย่างรวดเร็วของรัฐบาลอัสซาด และทำให้อดีตประธานาธิบดีรายนี้ต้องไปลี้ภัยในรัสเซีย
    .
    จากคำกล่าวอ้างของ IDF ระบุว่าปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ทั่วซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ทำลายสินทรัพย์ทางทหารมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศอันครอบคลุมของซีเรีย ฝูงบินของกองทัพอากาศอย่างน้อย 5 ฝูงบิน และโรงงานผลิตขีปนาวุธแห่งหนึ่ง "ราว 90% ของขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ยิงจากพื้นผิวสู่อากาศของซีเรียถูกกำจัดแล้ว"
    .
    การรุกรานของอิสราเอลเรียกเสียงประณามของนานาชาติ โดยทางสหประชาชาติบอกว่ามันละเมิดข้อตกลงถอนกำลัง และในวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค.) ทางสหประชาชาติเรียกร้องทุกฝ่ายให้ "หยุดทุกการประจำการโดยไม่ได้รับอนุญาตในดินแดนแยกแห่งนี้"
    .
    สหรัฐฯ ปกป้องอิสราเอลต่อการรุกรานทางทหารเข้าไปยังซีเรีย อ้างว่าปฏิบัติการต่างๆ เหล่านั้นเป็นการป้องกันตนเอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120165
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอล คาทซ์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ออกคำสั่งให้ทหารของประเทศเตรียมพร้อมสำหรับปักหลักอยู่ในดินแดนของซีเรียที่เพิ่งบุกยึดมาได้ใหม่ ตลอดทั้งฤดูหนาว แม้นานาชาติส่งเสียงเรียกร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ให้ถอนกำลังออกมา . กองกำลังป้องกันตนเองของอิสราเอล (IDF) บุกยึดเขตกันชนปลอดทหาร (DMZ) ตามแนวชายแดนติดกับซีเรีย ที่กำหนดขึ้นในปี 1974 และรุกเข้าไปเกินกว่าพื้นที่ของที่ราบสูงโกลัน ที่พวกเขายึดครองอย่างผิดกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2967 ในขณะที่ คาทซ์ บอกเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ว่า IDF จะจัดตั้งเขตป้องกันตนเองชั่วคราวในภาคใต้ของซีเรีย สกัดภัยคุกคามก่อการร้ายใดๆ ตามหลังการล่มสลายของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-ฮัสซาด แห่งซีเรีย . ในวันศุกร์ (12ธ.ค.) คาทซ์ บอกว่าได้สั่งการให้ IDF จัดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่เหมาะสม และให้ทหารเตรียมพร้อมเป็นพิเศษสำหรับการยังคงปักหลักอยู่ในแถบภูเขาเฮอร์มอน ภายในรัสเซีย . ภูเขาเฮอร์มอน ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชายแดนเลบานอน คือตำแหน่งยุทธศาสตร์ที่สามารถมองไปได้ไกลเกินกรุงดามัสกัส ในฐานะภูเขาสูงที่สุดในซีเรีย มันมีที่ราบสูงแห่งหนึ่งสำหรับสังเกตการณ์ทั่วภูมิภาค ในนั้นรวมถึงพื้นที่ต่างๆ ในเลบานอน และหากติดตั้งเรดาร์บนภูเขาแห่งนี้ อิสราเอลจะสามารถสังเกตการณ์พื้นที่ได้กว้างขวางขึ้นอย่างมาก . "สืบเนื่องกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรีย การยึดครองจุดสูงสุดของภูเขาเฮอร์มอน มีความสำคัญใหญ่หลวงต่อความมั่นคงของเรา" คาทซ์กล่าว ตามรายงานของสื่อมวลชน . มีรายงานว่าเมื่อวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค.) เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล บอกกับ เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ว่าอิสราเอลจะยังคงอยู่ในเขตกันชน "จนกว่าจะมีกองกำลังที่มีประสิทธิภาพเข้าสนับสนุนข้อตกลงสงบศึกปี 1974 ที่หยุดความขัดแย้งระหว่างซีเรียและอิสราเอล . อิสราเอลเริ่มความเคลื่อนไหวอย่างกระตือรือร้นในซีเรีย หลังจากพวกฝ่ายค้านติดอาวุธ ที่มีกลุ่มญิฮาด กบฏฮายัต ทาห์รีร์ อัล-ชาม (Hayat Tahrir al-Sham) เป็นหัวหอก เปิดปฏิบัติการจู่โจมแบบสายฟ้าแลบเล่นงานกองกำลังรัฐบาล จนนำมาซึ่งการล่มสลายอย่างรวดเร็วของรัฐบาลอัสซาด และทำให้อดีตประธานาธิบดีรายนี้ต้องไปลี้ภัยในรัสเซีย . จากคำกล่าวอ้างของ IDF ระบุว่าปฏิบัติการโจมตีครั้งใหญ่ทั่วซีเรียเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ทำลายสินทรัพย์ทางทหารมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ในนั้นรวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศอันครอบคลุมของซีเรีย ฝูงบินของกองทัพอากาศอย่างน้อย 5 ฝูงบิน และโรงงานผลิตขีปนาวุธแห่งหนึ่ง "ราว 90% ของขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ยิงจากพื้นผิวสู่อากาศของซีเรียถูกกำจัดแล้ว" . การรุกรานของอิสราเอลเรียกเสียงประณามของนานาชาติ โดยทางสหประชาชาติบอกว่ามันละเมิดข้อตกลงถอนกำลัง และในวันพฤหัสบดี (12 ธ.ค.) ทางสหประชาชาติเรียกร้องทุกฝ่ายให้ "หยุดทุกการประจำการโดยไม่ได้รับอนุญาตในดินแดนแยกแห่งนี้" . สหรัฐฯ ปกป้องอิสราเอลต่อการรุกรานทางทหารเข้าไปยังซีเรีย อ้างว่าปฏิบัติการต่างๆ เหล่านั้นเป็นการป้องกันตนเอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120165 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 902 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองกำลังอิสราเอลปฏิบัติการภาคพื้นดินครั้งใหญ่อีกครั้งในซีเรีย ขณะนี้ห่างจากดามัสกัสเพียง 19 กม. แล้ว

    หลังจากอิสราเอลทำลายสนามบินทหารซีเรียและระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรียจนหมดสิ้น ขณะนี้กองกำลังอิสราเอลได้รุกคืบและแทรกซึมเข้าไปถึงเขตชนบทชานเมืองของกรุงดามัสกัส โดยไม่มีการต่อต้านใดๆจากกองกำลังติดอาวุธในซีเรีย ซึ่งกองกำลังอิสราเอลได้รุกคืบและยึดเมืองและนิคมหลายแห่งในซีเรีย รวมทั้ง Beit Tema, Heeneh, Erneh และ Beqassem ล่าสุดขณะนี้กองกำลังอิสราเอลอยู่ห่างจากดามัสกัสเพียง 19 กม. เท่านั้น
    กองกำลังอิสราเอลปฏิบัติการภาคพื้นดินครั้งใหญ่อีกครั้งในซีเรีย ขณะนี้ห่างจากดามัสกัสเพียง 19 กม. แล้ว หลังจากอิสราเอลทำลายสนามบินทหารซีเรียและระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรียจนหมดสิ้น ขณะนี้กองกำลังอิสราเอลได้รุกคืบและแทรกซึมเข้าไปถึงเขตชนบทชานเมืองของกรุงดามัสกัส โดยไม่มีการต่อต้านใดๆจากกองกำลังติดอาวุธในซีเรีย ซึ่งกองกำลังอิสราเอลได้รุกคืบและยึดเมืองและนิคมหลายแห่งในซีเรีย รวมทั้ง Beit Tema, Heeneh, Erneh และ Beqassem ล่าสุดขณะนี้กองกำลังอิสราเอลอยู่ห่างจากดามัสกัสเพียง 19 กม. เท่านั้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • บาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีผู้ถูกขับไล่ของรัสเซียและครอบครัวเวลานี้อยู่ในกรุงมอสโก แหล่งข่าววังเครมลินรายหนึ่งบอกกับเหล่าสำนักข่าวรัสเซีย ไม่กี่ชั่วโมงหลังเขาหลบหนีออกนอกประเทศ หลังจากพวกกบฏบุกจู่โจมเข้าถึงกรุงดามัสกัส ขณะเดียวกัน ว่าที่ประธานาธิบดีสหัฐฯ ชี้ว่าการล่มสลายของรัฐบาลอัสซาด เป็นผลจากการถูกรัสเซียทอดทิ้ง เนื่องจากต้องหันไปเพ่งเล็งกับสงครามในยูเครน
    .
    การเปิดเผยของแหล่งข่าวเกี่ยวกับแหล่งพำนักของอัสซาด มีขึ้นในขณะที่รัสเซีย พันธมิตรสำคัญของประธานาธิบดีผู้หลบหนีรายนี้ ได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเรียกประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับสถานการณ์ในภาคสนามที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในประเทศที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆแห่งนี้
    .
    "อัสซาดและสมาชิกในครอบครัวของเขาเดินทางถึงมอสโกแล้ว" แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวทาสส์นิวส์และอาร์ไอเอ โนวอสติ "รัสเซียอนุมัติการลี้ภัยของพวกเขาบนเหตุผลด้านมนุษยธรรม" เขากล่าว
    .
    เมื่อถูกขอให้ยืนยันว่าอัสซาดอยู่ในมอสโกหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตะวันตกรายหนึ่งระบุพวกเขาเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ในกรณีเช่นนั้น และไม่มีเหตุผลที่ต้องไปสงสัยกับคำกลาวอ้างของมอสโก
    .
    แหล่งข่าววังเครมลินยังบอกด้วยว่าพวกกบฏที่โค่นอำนาจอัสซาดในการจู่โจมสายฟ้าแลบ "ให้คำรับประกันความปลอดภัยแก่ฐานทัพทหารต่างๆ ของรัสเซียและสถาบันทางการทูตของรัสเซียในดินแดนของซีเรีย"
    .
    รัสเซียผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของอัสซาด เช่นเดียวกับอิหร่าน มีฐานทัพเรือแห่งหนึ่งในเมืองตาร์ตุส และมีสนามบินทหารในเมืองคเมมีม
    .
    กองกำลังมอสโกเข้าไปเกี่ยวข้องทางทหารในความขัดแย้งซีเรียในปี 2015 เพื่อมอบแรงสนับสนุนแก่กองกำลังของอัสซาด ในการกำราบฝ่ายต่อต้าน ในสงครามกลางเมืองนองเลือด
    .
    อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ล่าสุด แหล่งข่าววังเครมลิน ระบุว่า "รัสเซียอยากหาทางออกทางการเมืองแก่วิกฤตซีเรียอยู่เสมอ จุดเริ่มต้นของเราคือจำเป็นต้องกลับมาเจรจาภายใต้การอุปถัมภ์ของสหประชาชาติ" แหล่งข่าววังเครมลินระบุ
    .
    ผู้แทนรายหนึ่งของรัสเซียประจำสหประชาชาติ แถลงว่ามอสโกได้ร้องขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จัดประชุมฉุกเฉินแบบลับเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย ในช่วงบ่ายวันจันทร์ (9 ธ.ค.) "ผลกระทบของเหตุการณ์ต่างๆ ในซีเรีย สำหรับประเทศซีเรียและทั่วทั้งภูมิภาคยังไม่สามารถวัดได้" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเขียนบนเทเลแกรม
    .
    พัฒนาการล่าสุดนี้ มีขึ้นในขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ว่าการที่รัสเซียทอดทิ้งประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย คือปัจจัยสำคัญที่นำมาซึ่งการล่มสลายของผู้นำรายนี้ พร้อมระบุว่ามอสโกไม่ควรให้การปกป้องอัสซาดตั้งแต่แรก จนสุดท้ายก็หมดความสนใจ เพราะสงครามในยูเครนที่ไม่ควรเริ่มต้นขึ้น
    .
    "อัสซาดไปแล้ว เขาหนีออกนอกประเทศ ผู้ปกป้องเขา รัสเซีย ที่นำโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่สนใจที่จะปกป้องเขาอีกต่อไป" ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง "ไม่มีเหตุผลสำหรับรัสเซียที่จะเข้าไปในนั้นตั้งแต่แรก พวกเขาสูญเสียความสนใจทั้งหมดทั้งมวลในซีเรียเพราะยูเครน สงครามหนึ่งใดไม่ควรเริ่มต้นขึ้นและควรสูญหายไปตลอดกาล"
    .
    ทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ระบุต่อว่ารัสเซียและอิหร่าน อีกหนึ่งผู้สนับสนุนหลักของอัสซาด "ตอนนี้อยู่ในสถานะที่อ่อนแอ หนึ่งชาติเพราะยูเครนและความย่ำแย่ทางเศรษฐกิจ ส่วนอีกชาติเพราะอิสราเอลและการสู้รบอย่างต่อเนื่องของพวกเขา"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118048
    ..................
    Sondhi X
    บาชาร์ อัล-อัสซาด ประธานาธิบดีผู้ถูกขับไล่ของรัสเซียและครอบครัวเวลานี้อยู่ในกรุงมอสโก แหล่งข่าววังเครมลินรายหนึ่งบอกกับเหล่าสำนักข่าวรัสเซีย ไม่กี่ชั่วโมงหลังเขาหลบหนีออกนอกประเทศ หลังจากพวกกบฏบุกจู่โจมเข้าถึงกรุงดามัสกัส ขณะเดียวกัน ว่าที่ประธานาธิบดีสหัฐฯ ชี้ว่าการล่มสลายของรัฐบาลอัสซาด เป็นผลจากการถูกรัสเซียทอดทิ้ง เนื่องจากต้องหันไปเพ่งเล็งกับสงครามในยูเครน . การเปิดเผยของแหล่งข่าวเกี่ยวกับแหล่งพำนักของอัสซาด มีขึ้นในขณะที่รัสเซีย พันธมิตรสำคัญของประธานาธิบดีผู้หลบหนีรายนี้ ได้เรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเรียกประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับสถานการณ์ในภาคสนามที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในประเทศที่ถูกสงครามฉีกเป็นชิ้นๆแห่งนี้ . "อัสซาดและสมาชิกในครอบครัวของเขาเดินทางถึงมอสโกแล้ว" แหล่งข่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวทาสส์นิวส์และอาร์ไอเอ โนวอสติ "รัสเซียอนุมัติการลี้ภัยของพวกเขาบนเหตุผลด้านมนุษยธรรม" เขากล่าว . เมื่อถูกขอให้ยืนยันว่าอัสซาดอยู่ในมอสโกหรือไม่ เจ้าหน้าที่ตะวันตกรายหนึ่งระบุพวกเขาเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ในกรณีเช่นนั้น และไม่มีเหตุผลที่ต้องไปสงสัยกับคำกลาวอ้างของมอสโก . แหล่งข่าววังเครมลินยังบอกด้วยว่าพวกกบฏที่โค่นอำนาจอัสซาดในการจู่โจมสายฟ้าแลบ "ให้คำรับประกันความปลอดภัยแก่ฐานทัพทหารต่างๆ ของรัสเซียและสถาบันทางการทูตของรัสเซียในดินแดนของซีเรีย" . รัสเซียผู้สนับสนุนรายใหญ่ที่สุดของอัสซาด เช่นเดียวกับอิหร่าน มีฐานทัพเรือแห่งหนึ่งในเมืองตาร์ตุส และมีสนามบินทหารในเมืองคเมมีม . กองกำลังมอสโกเข้าไปเกี่ยวข้องทางทหารในความขัดแย้งซีเรียในปี 2015 เพื่อมอบแรงสนับสนุนแก่กองกำลังของอัสซาด ในการกำราบฝ่ายต่อต้าน ในสงครามกลางเมืองนองเลือด . อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ล่าสุด แหล่งข่าววังเครมลิน ระบุว่า "รัสเซียอยากหาทางออกทางการเมืองแก่วิกฤตซีเรียอยู่เสมอ จุดเริ่มต้นของเราคือจำเป็นต้องกลับมาเจรจาภายใต้การอุปถัมภ์ของสหประชาชาติ" แหล่งข่าววังเครมลินระบุ . ผู้แทนรายหนึ่งของรัสเซียประจำสหประชาชาติ แถลงว่ามอสโกได้ร้องขอให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จัดประชุมฉุกเฉินแบบลับเกี่ยวกับสถานการณ์ในซีเรีย ในช่วงบ่ายวันจันทร์ (9 ธ.ค.) "ผลกระทบของเหตุการณ์ต่างๆ ในซีเรีย สำหรับประเทศซีเรียและทั่วทั้งภูมิภาคยังไม่สามารถวัดได้" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเขียนบนเทเลแกรม . พัฒนาการล่าสุดนี้ มีขึ้นในขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นในวันอาทิตย์ (8 ธ.ค.) ว่าการที่รัสเซียทอดทิ้งประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แห่งซีเรีย คือปัจจัยสำคัญที่นำมาซึ่งการล่มสลายของผู้นำรายนี้ พร้อมระบุว่ามอสโกไม่ควรให้การปกป้องอัสซาดตั้งแต่แรก จนสุดท้ายก็หมดความสนใจ เพราะสงครามในยูเครนที่ไม่ควรเริ่มต้นขึ้น . "อัสซาดไปแล้ว เขาหนีออกนอกประเทศ ผู้ปกป้องเขา รัสเซีย ที่นำโดยประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่สนใจที่จะปกป้องเขาอีกต่อไป" ทรัมป์ เขียนบนทรัสต์โซเชียล แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเอง "ไม่มีเหตุผลสำหรับรัสเซียที่จะเข้าไปในนั้นตั้งแต่แรก พวกเขาสูญเสียความสนใจทั้งหมดทั้งมวลในซีเรียเพราะยูเครน สงครามหนึ่งใดไม่ควรเริ่มต้นขึ้นและควรสูญหายไปตลอดกาล" . ทรัมป์ ซึ่งมีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ระบุต่อว่ารัสเซียและอิหร่าน อีกหนึ่งผู้สนับสนุนหลักของอัสซาด "ตอนนี้อยู่ในสถานะที่อ่อนแอ หนึ่งชาติเพราะยูเครนและความย่ำแย่ทางเศรษฐกิจ ส่วนอีกชาติเพราะอิสราเอลและการสู้รบอย่างต่อเนื่องของพวกเขา" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118048 .................. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 771 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇺🇸🇸🇾 ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้สหรัฐฯอยู่นอกซีเรียและหลีกเลี่ยงการเข้าไปเกี่ยวข้อง

    “สหรัฐฯไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ นี่ไม่ใช่การต่อสู้ของเรา”
    .
    JUST IN: 🇺🇸🇸🇾 US President-elect Trump demands the United States to stay out of Syria and avoid getting involved.

    "The United States should have nothing to do with it. This is not our fight."
    .
    10:27 PM · Dec 7, 2024 · 552.1K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1865417955791516133
    🇺🇸🇸🇾 ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐฯ เรียกร้องให้สหรัฐฯอยู่นอกซีเรียและหลีกเลี่ยงการเข้าไปเกี่ยวข้อง “สหรัฐฯไม่ควรมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ นี่ไม่ใช่การต่อสู้ของเรา” . JUST IN: 🇺🇸🇸🇾 US President-elect Trump demands the United States to stay out of Syria and avoid getting involved. "The United States should have nothing to do with it. This is not our fight." . 10:27 PM · Dec 7, 2024 · 552.1K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1865417955791516133
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • สิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรียวันนี้ถือว่า "หักปากกาเซียน" แบบไม่เคยมีมาก่อน จนถึงขณะนี้การวิเคราะห์ก็ยังแตกเป็นหลายกระแส ต่างจากสถานการณ์ที่อื่นที่มักจะวิเคราะห์ต่างกันไม่กี่สาย นั่นหมายความไม่มีใครรู้จริงว่าเบื้องหลังการโค่นล้มรัฐบาลซีเรียคือใครแผนที่นี้ผมยืมมาจาก Council on Foreign Relations (CFR) ระบุพื้นที่ของกลุ่มต่างๆ ก่อนการยึดดามัสกัส เราจะเห็น 1) สีส้มของรัฐบาลอัสซาด 2) สีชมพูกลุ่ม HTS กองกำลังอัลกออิดะห์เดิมที่เข้ายึดดามัสกัสได้ 3.) สีเหลืองคือพื้นที่ตุรกีคุมไว้รวมกลุ่มถึง SNA ที่ตุรกีหนุน 4.) พื้นที่ยึดครองของชาวเคิร์ด และยังมีฐานกำลังของสหรัฐฯ (เทา) กับรัสเซีย (แดง)บทวิเคราะห์ของ CFR ให้น้ำหนักไปที่การแทรกแซงโดยตุรกี เพราะกลุ่ม HTS ได้รับการหนุนด้านอาวุธจากตุรกี และกลุ่มติดอาวุธซีเรียที่ตุรกีหนุนก็มาเป็นแนวร่วมให้ HTS เป้าหมายการหนุนก็เพื่อทำลายรัฐบาลอัสซาดที่เป็นภัยคุกคามต่อตุรกี และเพื่อสร้างแนวร่วมต่อต้านพวกเคิร์ด ซึ่งต้องการแยกดินแดนในซีเรียและตุรกีและในอิรักมาตั้งเป็นประเทศเอกราชแต่ถึงที่สุดแล้ว CFR ก็ฟันธงไม่ได้ว่าตุรกีอยู่เบื้องหลัง 100% เพราะแม้ตุรกีจะได้ประโยชน์ แต่โทษของการแทรกแซงก็มี นั่นคือจะเกิดความไร้เสถียรภาพในซีเรียอย่างหนัก (กลุ่มต่างๆ ฆ่าฟันกันเองหลังจากนี้เพราะไม่มีเป้าหมายร่วมกันอีกต่อไป) จากนั้นคลื่นผู้อพยพจะทะลักเข้าไปในตุรกี แม้จะเป็นได้สูงที่ตุรกีอยู่เบื้องหลัง อย่างที่สื่อตุรกีอ้างผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อว่าการโจมตีของกลุ่ม HTS จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากตุรกีไม่อนุมัติ การสนับสนุนกองทัพแห่งชาติซีเรีย (SNA) ซึ่งสนับสนุนกลุ่มที่เป็นกองหนุนให้กับ HTS ในการรุกยึดประเทศจนสำเร็จแต่สื่อตุรกี คือ Medyascope กลับกังวลมากกว่ากับการแทรกแซง โดยบอกว่า "ที่สำคัญกว่านั้น เมื่อคุณดูแผนที่ ซีเรียจะถูกปกครองโดยองค์กรสองแห่งที่ตุรกีมองว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย (HTS อัลกออิดะห์เก่า และ PYD กลุ่มชาวเคิร์ดที่รัฐบาลตุรกีถือว่าช่วยชาวเคิร์ดในตุรกีแยกดินแดน) เราต้องการสถานที่ที่องค์กรก่อการร้ายทั้งหมดกำลังก่อความวุ่นวายในซีเรียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเราหรือไม่ ตุรกีได้รับอะไรจากเรื่องนี้? การก่อตั้งรัฐก่อการร้ายแห่งใหม่งั้นหรือ?"ดังนั้น การฟันธงว่าตุรกีมีแต่ได้จากสถานการณ์นี้น่าจะไม่ถูกต้องทั้งหมด ดังนั้นคำถามก็คือใครก็แน่นที่น่าจะได้ประโยชน์?โดนัลก์ ทรัมป์ บอกว่าแค่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรีย Not our war แต่มันจริงแค่ไหน? ก็ในเมื่อกองทัพสหรัฐฯ อยู่ที่นั่น และสนับสนุกองต่างๆ รวมถึงกองกำลังเคิร์ดมีมุมมองที่น่าใจจากฝ่ายค้านของตุรกี คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งตุรกี (TKP) ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่าแผนการแบ่งซีเรียที่จักรวรรดินิยมสหรัฐและกลุ่มปฏิกิริยาในภูมิภาคที่เริ่มต้นเมื่อประมาณ 15 ปีก่อนประสบความสำเร็จเมื่อวานนี้ และ 'ผู้ชนะ' ทั้งหมดในซีเรียล้วนเป็นพันธมิตรของสหรัฐและอิสราเอล' และเน้นย้ำว่าเสถียรภาพและสันติภาพจะไม่เกิดขึ้นกับซีเรีย "ตรงกันข้าม ช่วงเวลาแห่งความป่าเถื่อนจะเริ่มต้นขึ้นในซีเรีย ซึ่งการสังหารหมู่ การยึดครอง การปล้นสะดม และการขัดแย้งไม่รู้จบเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เนื่องจากกองกำลังต่อต้านกลุ่มสุดท้ายที่คอยสกัดกั้นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว"ในแถลงการณ์ของ TKP ได้เน้นย้ำว่าผู้ชนะในภาพในซีเรียคืออิสราเอล "ในตอนนี้" และได้รับการพิสูจน์อีกครั้งแล้วว่าปัญหาอิสราเอลไม่ใช่ปัญหาทางศาสนา "กลุ่มญิฮาด (หมายถึง HTS) และอิสราเอลได้ทำงานร่วมกันอย่างสอดประสานกันเพื่อยึดครองซีเรีย รัฐบาลตุรกีเป็นองค์ประกอบที่รับประกันความกลมเกลียวนี้การที่อิสราเอลชนะก็คือการที่จักรวรรดินิยมของสหรัฐฯ ชนะ ในปัจจุบัน ผู้ชนะทั้งหมดในซีเรียเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ และอิสราเอล บางทีการปะทะกันอย่างนองเลือดอาจเกิดขึ้นระหว่าง "ผู้ชนะ" หรือบางที "ความกลมกลืน" ที่เห็นบนภาคพื้นดินเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์อาจได้รับการสถาปนาโดยสหรัฐฯแต่ "สันติภาพ" ของสหรัฐฯ นั้นเต็มไปด้วยเลือดเสมอและเต็มไปด้วยความขัดแย้งใหม่ๆ เสมอ สันติภาพ เสถียรภาพ และความสงบสุขสามารถสถาปนาได้ในซีเรียก็ต่อเมื่อจักรวรรดินิยมและญิฮาดพ่ายแพ้เท่านั้น"แน่นอนว่าจะมีการต่อต้านจักรวรรดินิยมและลัทธิไซออนิสต์ในซีเรีย การต่อต้านนี้จะดำเนินการด้วยมุมมองปฏิวัติ ปกป้องลัทธิฆราวาส และสร้างความเป็นหนึ่งเดียวโดยไม่ต้องพึ่งพาอำนาจระหว่างประเทศอื่น ๆ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพัฒนาในตุรกีในระดับหนึ่ง”'ประเทศของเรา (ตุรกี) และพลเมืองของเรากำลังเผชิญกับการทดสอบครั้งใหญ่'********************ป.ล. - ยังมีอีกกระแสการวิเคราะห์หนึ่ง เช่น BBC บอกว่าตุรกีกับรัสเซียน่าจะตกลงกันไม่ได้ในการประชุมระหว่างผู้นำตุรกีกับรัสเซียเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม นำไปสู่การเผด็จศึกดามัสกัสในที่สุดแต่สื่อตุรกีก็แย้งว่า รัสเซียไม่มีแรงช่วยรัฐบาลอัสซาดอีกต่อไปเพราะต้องแบกสงครามยูเครนที่จู่ๆ ก็หนักขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่อิหร่านที่ช่วยฐบาลอัสซาดมาโดยตลอด ตอนนี้ก็ช่วยไม่ไหวเพราะกรำศึกกับอิสราเอลจนงอม (ทั้งรบกันโดยตรงและผ่านกลุ่มฮิซบอลลอฮ์ในเลบานอนเป็นต้น)ดังนั้น แต่ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายนเป็นต้นมา อันเป็นวันที่ฝ่ายต่อต้าน "เสียงปืนแตก" อีกครั้งหลายเงียบมา 4 ปี ในเวลานั้นอัสซาดไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างที่เขาคาดหวังจากอิหร่านหรือรัสเซียเลยKornkit Disthan
    สิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรียวันนี้ถือว่า "หักปากกาเซียน" แบบไม่เคยมีมาก่อน จนถึงขณะนี้การวิเคราะห์ก็ยังแตกเป็นหลายกระแส ต่างจากสถานการณ์ที่อื่นที่มักจะวิเคราะห์ต่างกันไม่กี่สาย นั่นหมายความไม่มีใครรู้จริงว่าเบื้องหลังการโค่นล้มรัฐบาลซีเรียคือใครแผนที่นี้ผมยืมมาจาก Council on Foreign Relations (CFR) ระบุพื้นที่ของกลุ่มต่างๆ ก่อนการยึดดามัสกัส เราจะเห็น 1) สีส้มของรัฐบาลอัสซาด 2) สีชมพูกลุ่ม HTS กองกำลังอัลกออิดะห์เดิมที่เข้ายึดดามัสกัสได้ 3.) สีเหลืองคือพื้นที่ตุรกีคุมไว้รวมกลุ่มถึง SNA ที่ตุรกีหนุน 4.) พื้นที่ยึดครองของชาวเคิร์ด และยังมีฐานกำลังของสหรัฐฯ (เทา) กับรัสเซีย (แดง)บทวิเคราะห์ของ CFR ให้น้ำหนักไปที่การแทรกแซงโดยตุรกี เพราะกลุ่ม HTS ได้รับการหนุนด้านอาวุธจากตุรกี และกลุ่มติดอาวุธซีเรียที่ตุรกีหนุนก็มาเป็นแนวร่วมให้ HTS เป้าหมายการหนุนก็เพื่อทำลายรัฐบาลอัสซาดที่เป็นภัยคุกคามต่อตุรกี และเพื่อสร้างแนวร่วมต่อต้านพวกเคิร์ด ซึ่งต้องการแยกดินแดนในซีเรียและตุรกีและในอิรักมาตั้งเป็นประเทศเอกราชแต่ถึงที่สุดแล้ว CFR ก็ฟันธงไม่ได้ว่าตุรกีอยู่เบื้องหลัง 100% เพราะแม้ตุรกีจะได้ประโยชน์ แต่โทษของการแทรกแซงก็มี นั่นคือจะเกิดความไร้เสถียรภาพในซีเรียอย่างหนัก (กลุ่มต่างๆ ฆ่าฟันกันเองหลังจากนี้เพราะไม่มีเป้าหมายร่วมกันอีกต่อไป) จากนั้นคลื่นผู้อพยพจะทะลักเข้าไปในตุรกี แม้จะเป็นได้สูงที่ตุรกีอยู่เบื้องหลัง อย่างที่สื่อตุรกีอ้างผู้เชี่ยวชาญที่เชื่อว่าการโจมตีของกลุ่ม HTS จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากตุรกีไม่อนุมัติ การสนับสนุนกองทัพแห่งชาติซีเรีย (SNA) ซึ่งสนับสนุนกลุ่มที่เป็นกองหนุนให้กับ HTS ในการรุกยึดประเทศจนสำเร็จแต่สื่อตุรกี คือ Medyascope กลับกังวลมากกว่ากับการแทรกแซง โดยบอกว่า "ที่สำคัญกว่านั้น เมื่อคุณดูแผนที่ ซีเรียจะถูกปกครองโดยองค์กรสองแห่งที่ตุรกีมองว่าเป็นองค์กรก่อการร้าย (HTS อัลกออิดะห์เก่า และ PYD กลุ่มชาวเคิร์ดที่รัฐบาลตุรกีถือว่าช่วยชาวเคิร์ดในตุรกีแยกดินแดน) เราต้องการสถานที่ที่องค์กรก่อการร้ายทั้งหมดกำลังก่อความวุ่นวายในซีเรียซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านของเราหรือไม่ ตุรกีได้รับอะไรจากเรื่องนี้? การก่อตั้งรัฐก่อการร้ายแห่งใหม่งั้นหรือ?"ดังนั้น การฟันธงว่าตุรกีมีแต่ได้จากสถานการณ์นี้น่าจะไม่ถูกต้องทั้งหมด ดังนั้นคำถามก็คือใครก็แน่นที่น่าจะได้ประโยชน์?โดนัลก์ ทรัมป์ บอกว่าแค่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในซีเรีย Not our war แต่มันจริงแค่ไหน? ก็ในเมื่อกองทัพสหรัฐฯ อยู่ที่นั่น และสนับสนุกองต่างๆ รวมถึงกองกำลังเคิร์ดมีมุมมองที่น่าใจจากฝ่ายค้านของตุรกี คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งตุรกี (TKP) ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยระบุว่าแผนการแบ่งซีเรียที่จักรวรรดินิยมสหรัฐและกลุ่มปฏิกิริยาในภูมิภาคที่เริ่มต้นเมื่อประมาณ 15 ปีก่อนประสบความสำเร็จเมื่อวานนี้ และ 'ผู้ชนะ' ทั้งหมดในซีเรียล้วนเป็นพันธมิตรของสหรัฐและอิสราเอล' และเน้นย้ำว่าเสถียรภาพและสันติภาพจะไม่เกิดขึ้นกับซีเรีย "ตรงกันข้าม ช่วงเวลาแห่งความป่าเถื่อนจะเริ่มต้นขึ้นในซีเรีย ซึ่งการสังหารหมู่ การยึดครอง การปล้นสะดม และการขัดแย้งไม่รู้จบเกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว เนื่องจากกองกำลังต่อต้านกลุ่มสุดท้ายที่คอยสกัดกั้นสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดได้ถูกกำจัดออกไปแล้ว"ในแถลงการณ์ของ TKP ได้เน้นย้ำว่าผู้ชนะในภาพในซีเรียคืออิสราเอล "ในตอนนี้" และได้รับการพิสูจน์อีกครั้งแล้วว่าปัญหาอิสราเอลไม่ใช่ปัญหาทางศาสนา "กลุ่มญิฮาด (หมายถึง HTS) และอิสราเอลได้ทำงานร่วมกันอย่างสอดประสานกันเพื่อยึดครองซีเรีย รัฐบาลตุรกีเป็นองค์ประกอบที่รับประกันความกลมเกลียวนี้การที่อิสราเอลชนะก็คือการที่จักรวรรดินิยมของสหรัฐฯ ชนะ ในปัจจุบัน ผู้ชนะทั้งหมดในซีเรียเป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ และอิสราเอล บางทีการปะทะกันอย่างนองเลือดอาจเกิดขึ้นระหว่าง "ผู้ชนะ" หรือบางที "ความกลมกลืน" ที่เห็นบนภาคพื้นดินเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์อาจได้รับการสถาปนาโดยสหรัฐฯแต่ "สันติภาพ" ของสหรัฐฯ นั้นเต็มไปด้วยเลือดเสมอและเต็มไปด้วยความขัดแย้งใหม่ๆ เสมอ สันติภาพ เสถียรภาพ และความสงบสุขสามารถสถาปนาได้ในซีเรียก็ต่อเมื่อจักรวรรดินิยมและญิฮาดพ่ายแพ้เท่านั้น"แน่นอนว่าจะมีการต่อต้านจักรวรรดินิยมและลัทธิไซออนิสต์ในซีเรีย การต่อต้านนี้จะดำเนินการด้วยมุมมองปฏิวัติ ปกป้องลัทธิฆราวาส และสร้างความเป็นหนึ่งเดียวโดยไม่ต้องพึ่งพาอำนาจระหว่างประเทศอื่น ๆ หรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพัฒนาในตุรกีในระดับหนึ่ง”'ประเทศของเรา (ตุรกี) และพลเมืองของเรากำลังเผชิญกับการทดสอบครั้งใหญ่'********************ป.ล. - ยังมีอีกกระแสการวิเคราะห์หนึ่ง เช่น BBC บอกว่าตุรกีกับรัสเซียน่าจะตกลงกันไม่ได้ในการประชุมระหว่างผู้นำตุรกีกับรัสเซียเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม นำไปสู่การเผด็จศึกดามัสกัสในที่สุดแต่สื่อตุรกีก็แย้งว่า รัสเซียไม่มีแรงช่วยรัฐบาลอัสซาดอีกต่อไปเพราะต้องแบกสงครามยูเครนที่จู่ๆ ก็หนักขึ้นกว่าเดิม ในขณะที่อิหร่านที่ช่วยฐบาลอัสซาดมาโดยตลอด ตอนนี้ก็ช่วยไม่ไหวเพราะกรำศึกกับอิสราเอลจนงอม (ทั้งรบกันโดยตรงและผ่านกลุ่มฮิซบอลลอฮ์ในเลบานอนเป็นต้น)ดังนั้น แต่ตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายนเป็นต้นมา อันเป็นวันที่ฝ่ายต่อต้าน "เสียงปืนแตก" อีกครั้งหลายเงียบมา 4 ปี ในเวลานั้นอัสซาดไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างที่เขาคาดหวังจากอิหร่านหรือรัสเซียเลยKornkit Disthan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 413 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองกำลังรัฐบาลซีเรียล่าถอยจากฮอมส์ เมืองสำคัญ ไม่ถึงวันของการสู้รบ ที่ทำให้ระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่อยู่ในอำนาจมานานกว่า 24 ปี แขวนอยู่บนเส้นด้าย ในขณะที่พวกกบฏกำลังรุกคืบอย่างต่อเนื่อง ในนั้นรวมถึงการเดินหน้าเข้าหากรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศ
    .
    นับตั้งแต่พวกกบฏบุกจู่โจมสายฟ้าแลบเข้าสู่เมืองอเลปโปเมื่อสัปดาห์ก่อน กองกำลังป้องกันตนเองต้องดิ้นรนรับมือกับความรวดเร็วของฝ่ายกบฏที่จู่โจมยึดเมืองหลักๆและจุดประกายการก่อขบถตามพื้นที่ต่างๆในดูเหมือนจะมอดไหม้มาช้านานแล้ว
    .
    การล่มสลายของเมืองฮอมส์และภัยคุกคามที่มีต่อเมืองหลวง เวลานี้เสี่ยงก่ออันตรายต่อความอยู่รอดของอำนาจการปกครองซีเรียของอัสซาด ที่เขาครอบครองมานานกว่า 5 ทศวรรษ เช่นเดียวกับความอยู่รอดของอิทธิพลของอิหร่าน ผู้สนับสนุนหลักในภูมิภาคแห่งนี้ของซีเรีย
    .
    อาบู โมฮัมเมด อัล-โกลานี หัวหน้ากลุ่มกบฏที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด ระบุในถ้อยแถลงว่าพวกกบฏกำลังอยู่บนจุดสูงสุดของการยึดครองทั่วประเทศ และ "จุดจบของระบอบการปกครองอาชญากรใกล้มาถึงแล้ว"
    .
    รอยเตอร์อ้างคำกล่าวของพวกเจ้าหน้าที่ต่างประเทศ ที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามระบุรัฐบาลของอัสซาด อาจกำลังอยู่บนขอบเหวแห่งการล่มสลาย โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯรายหนึ่งถึงขั้นคาดการณ์กรอบเวลาราวๆ 5 ถึง 10 วัน ส่วนอีกคนบอกว่า อัสซาด อาจถูกโค่นอำนาจในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ตะวันตกรายหนึ่งก็เห็นด้วยกับคำประเมินดังกล่าว
    .
    การยึดเมืองฮอมส์ ซึ่งเป็นเส้นทางจุดตัดสำคัญระหว่างเมืองหลวงกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เท่ากับเป็นการตัดขาดกรุงดามัสกัสออกจากชายฝั่งทะเล อันเป็นป้อมปราการของชนกลุ่มนิกายชีอะห์อะลาไวต์ ที่สนับสนุนอัสซาด และจากฐานทัพและฐานทัพเรือของรัสเซีย
    .
    บรรดาผู้บัญชาการกองทัพซีเรียและผู้บัญชาการด้านความมั่นคง ออกจากเมืองฮอมส์ด้วยเฮลิคอปเตอร์ในวันเสาร์(7ธ.ค.) ส่วนขบวนทหารขนาดใหญ่ล่าถอยด้วยการเดินเท้า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง ในขณะที่ฝ่ายกบฏบอกว่าพวกเขากำลังรุกเข้าไปยังย่านใจกลางเมือง
    .
    พวกกบฏอ้างว่าสามารถยึดพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ได้เกือบทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง และพวกเขารุกคืบเข้าไปอยู่ในรัศมีห่างจากกรุงดามัสกัส ไม่ถึง 30 กิโลเมตร หลังจากกองกำลังรัฐบาลล่าถอยไป
    .
    ในสถานการณ์ที่ตอกย้ำความเป็นไปได้ของการเกิดการลุกฮือในเมืองหลวง พวกผู้ประท้วงลงสู่ท้องถนสายต่างๆในแถบชานเมืองหลายแห่งของกรุงดามัสกัส ฉีกโปสเตอร์ภาพของอัสซาดและช่วยกันโค่นรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดีฮาเฟซ อัล-อัสซาด บิดาของเขา โดยไม่มีทหารหรือตำรวจเข้ามาห้ามปรามแต่อย่างใด ขณะที่ชาวบ้านหลายคนบอกว่าทหารบางส่วนถึงขั้นเปลี่ยนชุดเป็นชุดพลเรือนเข้าร่วมด้วย
    .
    อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวแห่งรัฐรายงานว่า อัสซาด ยังคงอยู่ในกรุงดามัสกัส และกองทัพเผยว่าพวกเขากำลังเสริมกำลังรอบเมืองหลวงและทางใต้
    .
    ความคืบหน้าของสถานการณ์ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว สร้างความตกตะลึงแก่เหล่าประเทศอาหรับ และโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับภาวะไร้เสถียรภาพระลอกใหม่ในภูมิภาค
    .
    กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, จอร์แดน, อียิปต์, อิรัก, อิหร่าน, ตุรกีและรัสเซีย ออกถ้อยแถลงร่วม บอกว่าวิกฤตนี้กำลังมีวิวัฒนาการที่อันตราย และเรียกร้องให้หาทางออกทางการเมือง อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าพวกเขาเห็นพ้องในก้าวย่างที่เป็นรูปธรรมใดๆ ในฐานะสถานการณ์ภายในซีเรีย เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเป็นรายชั่วโมง
    .
    สงครามกลางเมืองของซีเรีย ซึ่งปะทุขึ้นในปี 2011 เป็นการลุกฮือต่อต้านการปกครองของอัสซาด ก่อนที่ต่อมามันจะลากบรรดามหาอำนาจจากสงนอกเข้าร่วมวงด้วย ก่อพื้นที่ให้พวกนักรบญิฮาดวางแผนโจมตีทั่วโลแและก่อคลื่นผู้ลี้ภัยหลายล้านคนไหลบ่าเข้าสู่บรรดาประเทศเพื่อนบ้าน
    .
    อัสซาด พึ่งพิงเหล่าพันธมิตรมาช้านานในการกำราบฝ่ายกบฏ โดยมีฝูงบินรบรัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ส่วนอิหร่านส่งกองกำลังพันธมิตร ในนั้นรวมถึงฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนและกลุ่มติดอาวุธในอิรัก เข้าเสริมกำลังแก่กองทัพซีเรียและบุกจู่โจมป้อมปราการของกบฏ
    .
    อย่างไรก็ตามด้วยที่รัสเซียต้องหันไปโฟกัสกับสงครามยูเครนมาตั้งแต่ปี 2022 และฮิซบอลเลาะห์ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ในการทำสงครามกองโจรกับอิสราเอล มันจึงจำกัดศักยภาพของพวกเขาหรือของอิหร่าน ในการสนับสนุนอัสซาด
    .
    ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่าอเมริกาจะไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง และควรปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินไปด้วยตัวมันเอง
    .
    รัสเซีย มีฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศในซีเรีย ซึ่งไม่ได้มีความสำคัญแก่สนับสนุนอัสซาดเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพในการสำแดงอิทธิพลของพวกเขาในเมดิเตอร์เรเนียนและแอฟริกา
    .
    ที่ผ่านมา มอสโกให้การสนับสนุนกองกำลังรัฐบาลซีเรียด้วยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วง แต่สำหรับหนนี้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขาจะยกระดับยุทธการได้อย่างง่ายๆหรือไม่ ส่วนอิหร่านบอกว่าพวกเขาจะพิจารณาส่งกองกำลังไปยังซีเรีย แต่ความช่วยเหลือพิเศษในช่วงเร็วๆนี้ ดูเหมือนจะต้องพึ่งพวกฮิซบอลเลาะห์และกลุ่มติดอาวุธในอิรักไปก่อน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000117846
    ..................
    Sondhi X
    กองกำลังรัฐบาลซีเรียล่าถอยจากฮอมส์ เมืองสำคัญ ไม่ถึงวันของการสู้รบ ที่ทำให้ระบอบการปกครองของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่อยู่ในอำนาจมานานกว่า 24 ปี แขวนอยู่บนเส้นด้าย ในขณะที่พวกกบฏกำลังรุกคืบอย่างต่อเนื่อง ในนั้นรวมถึงการเดินหน้าเข้าหากรุงดามัสกัส เมืองหลวงของประเทศ . นับตั้งแต่พวกกบฏบุกจู่โจมสายฟ้าแลบเข้าสู่เมืองอเลปโปเมื่อสัปดาห์ก่อน กองกำลังป้องกันตนเองต้องดิ้นรนรับมือกับความรวดเร็วของฝ่ายกบฏที่จู่โจมยึดเมืองหลักๆและจุดประกายการก่อขบถตามพื้นที่ต่างๆในดูเหมือนจะมอดไหม้มาช้านานแล้ว . การล่มสลายของเมืองฮอมส์และภัยคุกคามที่มีต่อเมืองหลวง เวลานี้เสี่ยงก่ออันตรายต่อความอยู่รอดของอำนาจการปกครองซีเรียของอัสซาด ที่เขาครอบครองมานานกว่า 5 ทศวรรษ เช่นเดียวกับความอยู่รอดของอิทธิพลของอิหร่าน ผู้สนับสนุนหลักในภูมิภาคแห่งนี้ของซีเรีย . อาบู โมฮัมเมด อัล-โกลานี หัวหน้ากลุ่มกบฏที่ทรงอิทธิพลมากที่สุด ระบุในถ้อยแถลงว่าพวกกบฏกำลังอยู่บนจุดสูงสุดของการยึดครองทั่วประเทศ และ "จุดจบของระบอบการปกครองอาชญากรใกล้มาถึงแล้ว" . รอยเตอร์อ้างคำกล่าวของพวกเจ้าหน้าที่ต่างประเทศ ที่ไม่ประสงค์เอ่ยนามระบุรัฐบาลของอัสซาด อาจกำลังอยู่บนขอบเหวแห่งการล่มสลาย โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯรายหนึ่งถึงขั้นคาดการณ์กรอบเวลาราวๆ 5 ถึง 10 วัน ส่วนอีกคนบอกว่า อัสซาด อาจถูกโค่นอำนาจในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งเจ้าหน้าที่ตะวันตกรายหนึ่งก็เห็นด้วยกับคำประเมินดังกล่าว . การยึดเมืองฮอมส์ ซึ่งเป็นเส้นทางจุดตัดสำคัญระหว่างเมืองหลวงกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เท่ากับเป็นการตัดขาดกรุงดามัสกัสออกจากชายฝั่งทะเล อันเป็นป้อมปราการของชนกลุ่มนิกายชีอะห์อะลาไวต์ ที่สนับสนุนอัสซาด และจากฐานทัพและฐานทัพเรือของรัสเซีย . บรรดาผู้บัญชาการกองทัพซีเรียและผู้บัญชาการด้านความมั่นคง ออกจากเมืองฮอมส์ด้วยเฮลิคอปเตอร์ในวันเสาร์(7ธ.ค.) ส่วนขบวนทหารขนาดใหญ่ล่าถอยด้วยการเดินเท้า จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง ในขณะที่ฝ่ายกบฏบอกว่าพวกเขากำลังรุกเข้าไปยังย่านใจกลางเมือง . พวกกบฏอ้างว่าสามารถยึดพื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ได้เกือบทั้งหมดภายใน 24 ชั่วโมง และพวกเขารุกคืบเข้าไปอยู่ในรัศมีห่างจากกรุงดามัสกัส ไม่ถึง 30 กิโลเมตร หลังจากกองกำลังรัฐบาลล่าถอยไป . ในสถานการณ์ที่ตอกย้ำความเป็นไปได้ของการเกิดการลุกฮือในเมืองหลวง พวกผู้ประท้วงลงสู่ท้องถนสายต่างๆในแถบชานเมืองหลายแห่งของกรุงดามัสกัส ฉีกโปสเตอร์ภาพของอัสซาดและช่วยกันโค่นรูปปั้นของอดีตประธานาธิบดีฮาเฟซ อัล-อัสซาด บิดาของเขา โดยไม่มีทหารหรือตำรวจเข้ามาห้ามปรามแต่อย่างใด ขณะที่ชาวบ้านหลายคนบอกว่าทหารบางส่วนถึงขั้นเปลี่ยนชุดเป็นชุดพลเรือนเข้าร่วมด้วย . อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวแห่งรัฐรายงานว่า อัสซาด ยังคงอยู่ในกรุงดามัสกัส และกองทัพเผยว่าพวกเขากำลังเสริมกำลังรอบเมืองหลวงและทางใต้ . ความคืบหน้าของสถานการณ์ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว สร้างความตกตะลึงแก่เหล่าประเทศอาหรับ และโหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับภาวะไร้เสถียรภาพระลอกใหม่ในภูมิภาค . กาตาร์, ซาอุดีอาระเบีย, จอร์แดน, อียิปต์, อิรัก, อิหร่าน, ตุรกีและรัสเซีย ออกถ้อยแถลงร่วม บอกว่าวิกฤตนี้กำลังมีวิวัฒนาการที่อันตราย และเรียกร้องให้หาทางออกทางการเมือง อย่างไรก็ตามไม่มีสิ่งบ่งชี้ว่าพวกเขาเห็นพ้องในก้าวย่างที่เป็นรูปธรรมใดๆ ในฐานะสถานการณ์ภายในซีเรีย เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเป็นรายชั่วโมง . สงครามกลางเมืองของซีเรีย ซึ่งปะทุขึ้นในปี 2011 เป็นการลุกฮือต่อต้านการปกครองของอัสซาด ก่อนที่ต่อมามันจะลากบรรดามหาอำนาจจากสงนอกเข้าร่วมวงด้วย ก่อพื้นที่ให้พวกนักรบญิฮาดวางแผนโจมตีทั่วโลแและก่อคลื่นผู้ลี้ภัยหลายล้านคนไหลบ่าเข้าสู่บรรดาประเทศเพื่อนบ้าน . อัสซาด พึ่งพิงเหล่าพันธมิตรมาช้านานในการกำราบฝ่ายกบฏ โดยมีฝูงบินรบรัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ส่วนอิหร่านส่งกองกำลังพันธมิตร ในนั้นรวมถึงฮิซบอลเลาะห์ของเลบานอนและกลุ่มติดอาวุธในอิรัก เข้าเสริมกำลังแก่กองทัพซีเรียและบุกจู่โจมป้อมปราการของกบฏ . อย่างไรก็ตามด้วยที่รัสเซียต้องหันไปโฟกัสกับสงครามยูเครนมาตั้งแต่ปี 2022 และฮิซบอลเลาะห์ประสบความสูญเสียครั้งใหญ่ในการทำสงครามกองโจรกับอิสราเอล มันจึงจำกัดศักยภาพของพวกเขาหรือของอิหร่าน ในการสนับสนุนอัสซาด . ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกว่าอเมริกาจะไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง และควรปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินไปด้วยตัวมันเอง . รัสเซีย มีฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศในซีเรีย ซึ่งไม่ได้มีความสำคัญแก่สนับสนุนอัสซาดเท่านั้น แต่ยังมีศักยภาพในการสำแดงอิทธิพลของพวกเขาในเมดิเตอร์เรเนียนและแอฟริกา . ที่ผ่านมา มอสโกให้การสนับสนุนกองกำลังรัฐบาลซีเรียด้วยปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วง แต่สำหรับหนนี้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าพวกเขาจะยกระดับยุทธการได้อย่างง่ายๆหรือไม่ ส่วนอิหร่านบอกว่าพวกเขาจะพิจารณาส่งกองกำลังไปยังซีเรีย แต่ความช่วยเหลือพิเศษในช่วงเร็วๆนี้ ดูเหมือนจะต้องพึ่งพวกฮิซบอลเลาะห์และกลุ่มติดอาวุธในอิรักไปก่อน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000117846 .................. Sondhi X
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 869 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่ประชุมตามข้อตกลงอัสตานาซึ่งจัดขึ้นในโดฮา ประเทศกาตาร์ เรียกร้องให้ซีเรียเข้าสู่การเจรจาระหว่างรัฐบาลซีเรียและกลุ่มฝ่ายค้านที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    รมว.ต่างประเทศอิหร่าน Araghchi กล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย และตุรกี ในช่วงท้ายของการประชุม นาย Pederson ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเข้าร่วมด้วย และผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าความขัดแย้งควรยุติลงทันที บูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของซีเรียควรได้รับการเคารพ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเริ่มการเจรจาทางการเมืองระหว่างรัฐบาลซีเรียและกลุ่มฝ่ายต่อต้าน "ที่ถูกต้องตามกฎหมาย" นี่คือข้อเรียกร้องของการประชุม และมีการตัดสินใจว่าเราควรแจ้งให้กับรัฐบาลซีเรียรับทราบในเรื่องนี้
    .
    ทางด้าน เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า:
    - เราเรียกร้องให้เริ่มการเจรจาระหว่างรัฐบาลซีเรียและฝ่ายต่อต้าน กลุ่มก่อการร้าย HTS ไม่มีสิทธิ์เข้าควบคุมซีเรีย การปล่อยให้กลุ่มก่อการร้ายควบคุมดินแดนซีเรียเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เราเน้นย้ำถึงความสามัคคีของดินแดนซีเรียและความจำเป็นเร่งด่วนในการยุติการสู้รบ

    - เราขอเน้นย้ำถึงอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียอีกครั้ง ซึ่งเราได้ตกลงกับอิหร่านและตุรกีในการแสวงหาความมั่นคงและเสถียรภาพ

    - วันนี้กลุ่มก่อการร้ายฮายัต ตาห์รีร อัลชาม (HTS) ในซีเรียยังคงสถานะเป็น “กลุ่มก่อการร้าย”

    - วิธีแก้ปัญหาวิกฤตซีเรียอย่างยั่งยืนต้องรวมถึงการขจัดการก่อการร้ายทุกรูปแบบและการถอนกำลังจากต่างประเทศที่ยึดครองดินแดนซีเรียโดยไม่ได้รับความยินยอม

    - ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในปาเลสไตน์และซีเรียเกิดจากนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งพยายามที่จะรักษาอำนาจของตนเองเหนือดินแดนต่อไป

    - เราสนับสนุนสิทธิอธิปไตยของซีเรียอย่างเต็มที่ และคัดค้านการแทรกแซงจากภายนอกใดๆ ที่บั่นทอนเสถียรภาพหรือบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรีย
    ที่ประชุมตามข้อตกลงอัสตานาซึ่งจัดขึ้นในโดฮา ประเทศกาตาร์ เรียกร้องให้ซีเรียเข้าสู่การเจรจาระหว่างรัฐบาลซีเรียและกลุ่มฝ่ายค้านที่ถูกต้องตามกฎหมาย รมว.ต่างประเทศอิหร่าน Araghchi กล่าวว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของรัสเซีย และตุรกี ในช่วงท้ายของการประชุม นาย Pederson ผู้แทนพิเศษของเลขาธิการสหประชาชาติเข้าร่วมด้วย และผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าความขัดแย้งควรยุติลงทันที บูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของซีเรียควรได้รับการเคารพ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเริ่มการเจรจาทางการเมืองระหว่างรัฐบาลซีเรียและกลุ่มฝ่ายต่อต้าน "ที่ถูกต้องตามกฎหมาย" นี่คือข้อเรียกร้องของการประชุม และมีการตัดสินใจว่าเราควรแจ้งให้กับรัฐบาลซีเรียรับทราบในเรื่องนี้ . ทางด้าน เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า: - เราเรียกร้องให้เริ่มการเจรจาระหว่างรัฐบาลซีเรียและฝ่ายต่อต้าน กลุ่มก่อการร้าย HTS ไม่มีสิทธิ์เข้าควบคุมซีเรีย การปล่อยให้กลุ่มก่อการร้ายควบคุมดินแดนซีเรียเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เราเน้นย้ำถึงความสามัคคีของดินแดนซีเรียและความจำเป็นเร่งด่วนในการยุติการสู้รบ - เราขอเน้นย้ำถึงอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียอีกครั้ง ซึ่งเราได้ตกลงกับอิหร่านและตุรกีในการแสวงหาความมั่นคงและเสถียรภาพ - วันนี้กลุ่มก่อการร้ายฮายัต ตาห์รีร อัลชาม (HTS) ในซีเรียยังคงสถานะเป็น “กลุ่มก่อการร้าย” - วิธีแก้ปัญหาวิกฤตซีเรียอย่างยั่งยืนต้องรวมถึงการขจัดการก่อการร้ายทุกรูปแบบและการถอนกำลังจากต่างประเทศที่ยึดครองดินแดนซีเรียโดยไม่ได้รับความยินยอม - ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในปาเลสไตน์และซีเรียเกิดจากนโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งพยายามที่จะรักษาอำนาจของตนเองเหนือดินแดนต่อไป - เราสนับสนุนสิทธิอธิปไตยของซีเรียอย่างเต็มที่ และคัดค้านการแทรกแซงจากภายนอกใดๆ ที่บั่นทอนเสถียรภาพหรือบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตามรายงานสื่อในพื้นที่ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกลุ่มก่อการร้ายซีเรียเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศและขีปนาวุธของซีเรียและรัสเซียอย่างน้อย 3,000 ราย
    ตามรายงานสื่อในพื้นที่ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกลุ่มก่อการร้ายซีเรียเสียชีวิตจากการโจมตีทางอากาศและขีปนาวุธของซีเรียและรัสเซียอย่างน้อย 3,000 ราย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 8 0 รีวิว
  • จอร์แดนปฏิเสธรายงานของ WSJ โดยสิ้นเชิง ที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่จอร์แดนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรียออกจากซีเรียและจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น

    ➤ จอร์แดนกำลังติดตามสถานการณ์ในซีเรียอย่างใกล้ชิด โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของเอกภาพ อธิปไตย และความปลอดภัยของพลเมืองของซีเรีย

    ที่มา: อัลจาซีรา
    จอร์แดนปฏิเสธรายงานของ WSJ โดยสิ้นเชิง ที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่จอร์แดนเรียกร้องให้ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดของซีเรียออกจากซีเรียและจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่น ➤ จอร์แดนกำลังติดตามสถานการณ์ในซีเรียอย่างใกล้ชิด โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของเอกภาพ อธิปไตย และความปลอดภัยของพลเมืองของซีเรีย ที่มา: อัลจาซีรา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สหรัฐต้องการให้อิหร่านเลิกยุ่งกับซีเรีย"
    เวดันต์ ปาเทล รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวในระหว่างการบรรยายสรุปประจำวันว่า "สหรัฐต้องการให้อิหร่านยุติกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงภายในซีเรียและในภูมิภาคโดยรวม และเราคิดว่าอิหร่านคือกุญแจสำคัญในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ในบริบทของซีเรียขณนี้"
    "สหรัฐต้องการให้อิหร่านเลิกยุ่งกับซีเรีย" เวดันต์ ปาเทล รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวในระหว่างการบรรยายสรุปประจำวันว่า "สหรัฐต้องการให้อิหร่านยุติกิจกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงภายในซีเรียและในภูมิภาคโดยรวม และเราคิดว่าอิหร่านคือกุญแจสำคัญในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างน้อยก็ในบริบทของซีเรียขณนี้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 173 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองบัญชาการกลางของสหรัฐฯ(CENTCOM) ยืนยันว่า เมื่อสามวันก่อนนี้ ได้ปฏิบัติหน้าที่ในหมู่บ้านต่างๆ บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำยูเฟรตีส์ใกล้กับเมืองเดย์เอซซอร์ (Deir ez-Zor) เพื่อทำลายกองกำลังที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐ

    แม้สหรัฐไม่ได้ระบุชัดเจนโดยตรงว่ากองกำลังที่เป็นภัยคุกคามนั้นหมายถึงใคร แต่เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายทราบดีว่า ในเวลานั้นบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำยูเฟรตีส์คือที่ตั้งของกองกำลังอิหร่านและซีเรีย ซึ่งกำลังถูกโจมตีจากกองกำลังภาคพื้นดินของกลุ่มก่อการร้าย SDF (Syrian Democratic Forces) ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สหรัฐเปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่ฐานที่มั่นของซีเรียและอิหร่าน

    และนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งสหรัฐฯยืนยันว่าได้ให้การสนับสนุนทางอากาศแก่กองกำลังก่อการร้าย SDF


    กลุ่มก่อการร้าย SDF (Syrian Democratic Forces) หรือ กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย เป็นกลุ่มพันธมิตรที่ชาวเคิร์ดที่ทราบกันดีว่าได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และทำหน้าที่เป็นกองกำลังแนวหน้าที่คอยปกป้องสหรัฐในเขตซีเรียเหนือและตะวันออก
    กองบัญชาการกลางของสหรัฐฯ(CENTCOM) ยืนยันว่า เมื่อสามวันก่อนนี้ ได้ปฏิบัติหน้าที่ในหมู่บ้านต่างๆ บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำยูเฟรตีส์ใกล้กับเมืองเดย์เอซซอร์ (Deir ez-Zor) เพื่อทำลายกองกำลังที่เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐ แม้สหรัฐไม่ได้ระบุชัดเจนโดยตรงว่ากองกำลังที่เป็นภัยคุกคามนั้นหมายถึงใคร แต่เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายทราบดีว่า ในเวลานั้นบนฝั่งซ้ายของแม่น้ำยูเฟรตีส์คือที่ตั้งของกองกำลังอิหร่านและซีเรีย ซึ่งกำลังถูกโจมตีจากกองกำลังภาคพื้นดินของกลุ่มก่อการร้าย SDF (Syrian Democratic Forces) ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่สหรัฐเปิดฉากโจมตีทางอากาศใส่ฐานที่มั่นของซีเรียและอิหร่าน และนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งสหรัฐฯยืนยันว่าได้ให้การสนับสนุนทางอากาศแก่กองกำลังก่อการร้าย SDF กลุ่มก่อการร้าย SDF (Syrian Democratic Forces) หรือ กองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย เป็นกลุ่มพันธมิตรที่ชาวเคิร์ดที่ทราบกันดีว่าได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และทำหน้าที่เป็นกองกำลังแนวหน้าที่คอยปกป้องสหรัฐในเขตซีเรียเหนือและตะวันออก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายพลจาวาด กาฟารี แห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) เดินทางถึงซีเรียแล้ว และเริ่มเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันทันที เขาเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในการประสานงานทางทหารของกองทัพซีเรียและกลุ่มพันธมิตรของแกนต่อต้าน เช่น ฟาติมียูนและเซเนบียูน การกลับมาของเขามีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเตรียมการสำหรับปฏิบัติการตอบโต้ทางทหารครั้งใหญ่

    นายพลวากาฟารี เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้บัญชาการทหารรัสเซีย คือ พลเอกซูโรวิกินและพลเอกไชโก(ปัจจุบันกลับมารับหน้าที่ผู้บัญชาการกองกำลังรัสเซียในซีเรียอีกครั้ง) พวกเขาพิสูจน์แล้วว่า ที่ผ่านมามีประสิทธิภาพในการปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายในอดีต ทำให้กองทัพซีเรียได้รับชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์ การที่เขาอยู่ในภูมิภาคนี้แสดงให้เห็นว่า "ทุกฝ่ายพร้อมสำหรับการดำเนินการที่เด็ดขาดและรุนแรง"
    นายพลจาวาด กาฟารี แห่งกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) เดินทางถึงซีเรียแล้ว และเริ่มเข้าปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันทันที เขาเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในการประสานงานทางทหารของกองทัพซีเรียและกลุ่มพันธมิตรของแกนต่อต้าน เช่น ฟาติมียูนและเซเนบียูน การกลับมาของเขามีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อเตรียมการสำหรับปฏิบัติการตอบโต้ทางทหารครั้งใหญ่ นายพลวากาฟารี เป็นที่รู้จักกันดีว่ามีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้บัญชาการทหารรัสเซีย คือ พลเอกซูโรวิกินและพลเอกไชโก(ปัจจุบันกลับมารับหน้าที่ผู้บัญชาการกองกำลังรัสเซียในซีเรียอีกครั้ง) พวกเขาพิสูจน์แล้วว่า ที่ผ่านมามีประสิทธิภาพในการปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อการร้ายในอดีต ทำให้กองทัพซีเรียได้รับชัยชนะเชิงยุทธศาสตร์ การที่เขาอยู่ในภูมิภาคนี้แสดงให้เห็นว่า "ทุกฝ่ายพร้อมสำหรับการดำเนินการที่เด็ดขาดและรุนแรง"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 9 0 รีวิว
  • การออกแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยเน้นย้ำถึงนโยบายเกี่ยวกับซีเรียยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือประกาศให้อัสซาด ผู้นำซีเรียเป็นเผด็จการที่โหดร้ายและมือเปื้อนเลือด เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าแถลงการณ์ฉบับนี้ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับสหรัฐอเมริกา ในการเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้าย บุกโจมตีฐานที่มั่นของกองทัพซีเรียและอิหร่านในพื้นที่ เดียร์ อัซซอร์ (Deir Ezzor) แนวแม่น้ำยูเฟรตีส์ (Euphrates River)

    ขณะนี้ สหรัฐฯ เข้าร่วมกับไอเอส อัลเคดา และอัลนุสราอย่างเป็นทางการแล้ว และให้การสนับสนุนทางอากาศแก่พวกเขา

    นี่คือประเทศที่โกหกหลอกลวง และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แม้แต่ประธษนาธิบดีของพวกเขา ยังประกาศอภัยโทษให้กับลูกชายตัวเอง!!!
    การออกแถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเมื่อวานนี้ โดยเน้นย้ำถึงนโยบายเกี่ยวกับซีเรียยังคงไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือประกาศให้อัสซาด ผู้นำซีเรียเป็นเผด็จการที่โหดร้ายและมือเปื้อนเลือด เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าแถลงการณ์ฉบับนี้ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับสหรัฐอเมริกา ในการเข้าร่วมกลุ่มก่อการร้าย บุกโจมตีฐานที่มั่นของกองทัพซีเรียและอิหร่านในพื้นที่ เดียร์ อัซซอร์ (Deir Ezzor) แนวแม่น้ำยูเฟรตีส์ (Euphrates River) ขณะนี้ สหรัฐฯ เข้าร่วมกับไอเอส อัลเคดา และอัลนุสราอย่างเป็นทางการแล้ว และให้การสนับสนุนทางอากาศแก่พวกเขา นี่คือประเทศที่โกหกหลอกลวง และพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง แม้แต่ประธษนาธิบดีของพวกเขา ยังประกาศอภัยโทษให้กับลูกชายตัวเอง!!!
    ภาพหลักฐาน สหรัฐฉวยโอกาสทำการโจมตีทางอากาศ(วิดีโอ1) โดยร่วมมือกับกองกำลังติดอาวุธภาคพื้นดินจาก "สภาทหารเดียร์ อัซซอร์" (Deir Ezzor Council) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ เข้าโจมตีฐานที่มั่นของกองทัพซีเรียและอิหร่าน

    การปะทะกันครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่ชนบททางตอนเหนือของเดียร์ อัซซอร์ (Deir Ezzor) ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรตีส์ (Euphrates River) เป็นหลัก โดยมีเป้าหมายในพื้นที่ซึ่งเรียกว่า "หมู่บ้านทั้งเจ็ด" (Seven Villages) ได้แก่ อัลฮุสไซนียา(Al-Hussainiya) - อัลซาลิฮิยา (Al-Salihiya) - ฮัตลา (Hatlah) - มารัต (Marrat) - มาซลูม (Mazloum) - คชาม (Khsham) และอัลตาบียะห์ (Al Tabiyyah)

    การสู้รบทวีความรุนแรงขึ้น และการปะทะกันอย่างรุนแรงยังคงดำเนินต่อไปในพื้นที่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพหลักฐาน สหรัฐฉวยโอกาสทำการโจมตีทางอากาศ(วิดีโอ1) โดยร่วมมือกับกองกำลังติดอาวุธภาคพื้นดินจาก "สภาทหารเดียร์ อัซซอร์" (Deir Ezzor Council) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ เข้าโจมตีฐานที่มั่นของกองทัพซีเรียและอิหร่าน

    การปะทะกันครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่ชนบททางตอนเหนือของเดียร์ อัซซอร์ (Deir Ezzor) ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรตีส์ (Euphrates River) เป็นหลัก โดยมีเป้าหมายในพื้นที่ซึ่งเรียกว่า "หมู่บ้านทั้งเจ็ด" (Seven Villages) ได้แก่ อัลฮุสไซนียา(Al-Hussainiya) - อัลซาลิฮิยา (Al-Salihiya) - ฮัตลา (Hatlah) - มารัต (Marrat) - มาซลูม (Mazloum) - คชาม (Khsham) และอัลตาบียะห์ (Al Tabiyyah)

    การสู้รบทวีความรุนแรงขึ้น และการปะทะกันอย่างรุนแรงยังคงดำเนินต่อไปในพื้นที่
    ภาพหลักฐาน สหรัฐฉวยโอกาสทำการโจมตีทางอากาศ(วิดีโอ1) โดยร่วมมือกับกองกำลังติดอาวุธภาคพื้นดินจาก "สภาทหารเดียร์ อัซซอร์" (Deir Ezzor Council) ที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐ เข้าโจมตีฐานที่มั่นของกองทัพซีเรียและอิหร่าน การปะทะกันครั้งนี้มุ่งเป้าไปที่ชนบททางตอนเหนือของเดียร์ อัซซอร์ (Deir Ezzor) ซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรตีส์ (Euphrates River) เป็นหลัก โดยมีเป้าหมายในพื้นที่ซึ่งเรียกว่า "หมู่บ้านทั้งเจ็ด" (Seven Villages) ได้แก่ อัลฮุสไซนียา(Al-Hussainiya) - อัลซาลิฮิยา (Al-Salihiya) - ฮัตลา (Hatlah) - มารัต (Marrat) - มาซลูม (Mazloum) - คชาม (Khsham) และอัลตาบียะห์ (Al Tabiyyah) การสู้รบทวีความรุนแรงขึ้น และการปะทะกันอย่างรุนแรงยังคงดำเนินต่อไปในพื้นที่
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซีเรีย-รัสเซีย ระดมโจมตีทางอากาศในเมืองอิดลิบ ซึ่งเป็นที่มั่นของกลุ่มกบฏ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 คน กองทัพซีเรียยังอ้างว่า สามารถยึดคืนเมืองหลายแห่งจากกลุ่มกบฏ และได้ส่งทหารไปเสริมเพื่อตอบโต้การรุกสายฟ้าแลบของกลุ่มกบฏในอะเลปโป เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ
    .
    ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ย่านที่พักอาศัยที่มีคนแออัดกลางเมืองอิดลิบซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดที่กลุ่มกบฏยึดครองและอยู่ใกล้ชายแดนตุรกี ถูกโจมตีมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนและบาดเจ็บอีกหลายสิบคน ทว่า กองทัพซีเรีย ตลอดจนรัสเซียที่เป็นพันธมิตรของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ยืนยันว่า เล็งเป้าหมายที่กบดานของกลุ่มกบฏ และไม่ได้โจมตีพลเรือน
    .
    กองทัพรัสเซียยังออกคำแถลงสั้นๆ บนเว็บไซต์ว่า รัสเซียกำลังช่วยกองทัพซีเรียขับไล่กลุ่มกบฏในจังหวัดอิดลิบ ฮามา และอะเลปโป
    .
    กลุ่มหมวกเหล็กขาว (ไวต์เฮลเมตส์) หน่วยกู้ภัยของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียแถลงว่า การโจมตีทางอากาศทั้งในและรอบๆ เมืองอิดลิบ รวมทั้งเป้าหมายอื่นๆ ในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏใกล้เมืองอะเลปโปเมื่อวันอาทิตย์ ทำให้เด็กถูกลูกหลงเสียชีวิต 10 คน และยอดผู้เสียชีวิตรวมนับจากที่ซีเรียและรัสเซียเปิดฉากโจมตีเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ขณะนี้อยู่ที่ 56 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 20 คน
    .
    การก่อความไม่สงบระลอกล่าสุดคราวนี้ เป็นฝีมือของแนวร่วมกลุ่มติดอาวุธฝ่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี กับ ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ซึ่งมีชื่อเดิมว่า กลุ่มแนวร่วมอัลนุสรา ซึ่งเดิมทีคือกลุ่มอัลกออิดะห์สาขาซีเรีย และถูกอเมริกา รัสเซีย ตุรกี ตลอดจนอีกหลายประเทศตราหน้าว่า เป็นกลุ่มก่อการร้าย
    .
    ทางด้าน อเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ ร่วมกันออกคำแถลงในวันอาทิตย์ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยุติการทำให้สถานการณ์บานปลาย รวมทั้งปกป้องพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อไม่ให้ผู้คนต้องทิ้งบ้านเรือน รวมทั้งขัดขวางการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
    .
    กลุ่มกบฏเข้ายึดจังหวัดอิดลิบเบ็ดเสร็จเมื่อหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีในสงครามกลางเมืองของซีเรียที่การสู้รบตามแนวรบส่วนใหญ่หยุดนิ่งนับจากปี 2020
    .
    กลุ่มกบฏเหล่านี้ยังจู่โจมเข้าสู่เมืองอะเลปโปทางตะวันออกของอิดลิบเมื่อคืนวันศุกร์ (29 พ.ย.) บีบให้กองทัพซีเรียถอยร่นออกจากเมืองไปตั้งหลัก และรัฐบาลซีเรียยอมรับว่า มีทหารหลายสิบคนถูกสังหารในการสู้รบในเมืองดังกล่าว
    .
    ในวันอาทิตย์ บล็อกเกอร์สายสงครามของรัสเซียรายงานว่า มอสโกปลดพลเอกเซียร์เก คีเซล ที่รับผิดชอบกองกำลังรัสเซียในซีเรีย
    .
    สำหรับบรรยากาศในเมืองอะเลปโปเมื่อวันอาทิตย์นั้น ถนนส่วนใหญ่ยังว่างเปล่า ร้านค้ามากมายปิดทำการ ขณะที่ประชาชนยังคงหวาดกลัวและหลบอยู่ในบ้าน นอกจากนั้นยังมีคนจำนวนมากอพยพออกจากเมือง
    .
    ชาวบ้านคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับรอยเตอร์ว่า นักรบกลุ่มกบฏโบกธงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลไปทั่วเมือง และพ่อค้าคนหนึ่งบอกว่า แปลกใจที่กองทัพซีเรียทิ้งเมืองไปเร็วขนาดนี้
    .
    อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในกองทัพซีเรียเผยว่า ทหารที่ทิ้งเมืองกำลังรวมพลอีกครั้ง นอกจากนั้นยังมีการส่งกำลังไปเพิ่มเพื่อจัดการกับกลุ่มกบฏในอะเลปโป
    .
    ทั้งนี้ อะเลปโปที่เคยเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของซีเรีย อยู่ในการควบคุมของรัฐบาลซีเรียมาตั้งแต่ชัยชนะในปี 2016 ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนของสงคราม หลังจากกองกำลังซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียปิดล้อมและบดขยี้พื้นที่ด้านตะวันออกของเมืองที่กลุ่มกบฏยึดครอง
    .
    แหล่งข่าวในกองทัพสองคนเผยว่า การขาดกำลังพลเป็นเหตุผลที่ทำให้กองทัพซีเรียถอยร่นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
    .
    ขณะเดียวกัน การรุกคืบของกลุ่มกบฏเกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลระดมโจมตีที่มั่นของอิหร่านในซีเรียและกองกำลังฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน โดยกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มที่เป็นพันธมิตรของอิหร่าน นำโดยฮิซบอลเลาะห์ มีที่มั่นอยู่ในเมืองอะเลปโป
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง มาซลูม อับดี ผู้บัญชาการกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (เอสดีเอฟ) ที่เป็นกลุ่มกบฎซีเรียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา แถลงในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) ว่า นักรบของเอสดีเอฟทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ถูกโจมตีอย่างหนักจากหลายด้านโดยกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี ขณะพยายามสร้าง “ระเบียงมนุษยธรรม” เชื่อมต่อพื้นที่ยึดครองของกลุ่มเคิร์ดทางตะวันออกเฉียงเหนือกับ เตลริฟอัต ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอะเลปโป เพื่อปกป้องประชาชนจากแนวโน้มการสังหารหมู่
    .
    ทั้งนี้ ตุรกีถือว่า กลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดในซีเรีย คือ เคอร์ดิสถาน เวิร์กเกอร์ส ปาร์ตี้ (พีเคเค) และซีเรียน เคอร์ดิช วายพีจี เป็นกลุ่มก่อการร้ายเช่นเดียวกับฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม
    .
    แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของตุรกีเผยว่า กลุ่มกบฏซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกีเป็นผู้ขัดขวางความพยายามของกลุ่มเคิร์ดในการสร้างระเบียงมนุษยธรรมดังกล่าว
    .
    เมื่อวันอาทิตย์ ฮาคัน ฟิดาน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี บอกกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระหว่างการหารือกัน ว่า ตุรกีจะไม่ปล่อยให้กลุ่มก่อการร้ายคุกคามความมั่นคงของตนหรือของพลเรือนซีเรีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000116068
    ..............
    Sondhi X
    ซีเรีย-รัสเซีย ระดมโจมตีทางอากาศในเมืองอิดลิบ ซึ่งเป็นที่มั่นของกลุ่มกบฏ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 25 คน กองทัพซีเรียยังอ้างว่า สามารถยึดคืนเมืองหลายแห่งจากกลุ่มกบฏ และได้ส่งทหารไปเสริมเพื่อตอบโต้การรุกสายฟ้าแลบของกลุ่มกบฏในอะเลปโป เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ . ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ย่านที่พักอาศัยที่มีคนแออัดกลางเมืองอิดลิบซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดที่กลุ่มกบฏยึดครองและอยู่ใกล้ชายแดนตุรกี ถูกโจมตีมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 7 คนและบาดเจ็บอีกหลายสิบคน ทว่า กองทัพซีเรีย ตลอดจนรัสเซียที่เป็นพันธมิตรของรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ยืนยันว่า เล็งเป้าหมายที่กบดานของกลุ่มกบฏ และไม่ได้โจมตีพลเรือน . กองทัพรัสเซียยังออกคำแถลงสั้นๆ บนเว็บไซต์ว่า รัสเซียกำลังช่วยกองทัพซีเรียขับไล่กลุ่มกบฏในจังหวัดอิดลิบ ฮามา และอะเลปโป . กลุ่มหมวกเหล็กขาว (ไวต์เฮลเมตส์) หน่วยกู้ภัยของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียแถลงว่า การโจมตีทางอากาศทั้งในและรอบๆ เมืองอิดลิบ รวมทั้งเป้าหมายอื่นๆ ในพื้นที่ยึดครองของกลุ่มกบฏใกล้เมืองอะเลปโปเมื่อวันอาทิตย์ ทำให้เด็กถูกลูกหลงเสียชีวิต 10 คน และยอดผู้เสียชีวิตรวมนับจากที่ซีเรียและรัสเซียเปิดฉากโจมตีเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ขณะนี้อยู่ที่ 56 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 20 คน . การก่อความไม่สงบระลอกล่าสุดคราวนี้ เป็นฝีมือของแนวร่วมกลุ่มติดอาวุธฝ่ายที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี กับ ฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ซึ่งมีชื่อเดิมว่า กลุ่มแนวร่วมอัลนุสรา ซึ่งเดิมทีคือกลุ่มอัลกออิดะห์สาขาซีเรีย และถูกอเมริกา รัสเซีย ตุรกี ตลอดจนอีกหลายประเทศตราหน้าว่า เป็นกลุ่มก่อการร้าย . ทางด้าน อเมริกา ฝรั่งเศส เยอรมนี และอังกฤษ ร่วมกันออกคำแถลงในวันอาทิตย์ เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยุติการทำให้สถานการณ์บานปลาย รวมทั้งปกป้องพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อไม่ให้ผู้คนต้องทิ้งบ้านเรือน รวมทั้งขัดขวางการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม . กลุ่มกบฏเข้ายึดจังหวัดอิดลิบเบ็ดเสร็จเมื่อหลายวันที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายปีในสงครามกลางเมืองของซีเรียที่การสู้รบตามแนวรบส่วนใหญ่หยุดนิ่งนับจากปี 2020 . กลุ่มกบฏเหล่านี้ยังจู่โจมเข้าสู่เมืองอะเลปโปทางตะวันออกของอิดลิบเมื่อคืนวันศุกร์ (29 พ.ย.) บีบให้กองทัพซีเรียถอยร่นออกจากเมืองไปตั้งหลัก และรัฐบาลซีเรียยอมรับว่า มีทหารหลายสิบคนถูกสังหารในการสู้รบในเมืองดังกล่าว . ในวันอาทิตย์ บล็อกเกอร์สายสงครามของรัสเซียรายงานว่า มอสโกปลดพลเอกเซียร์เก คีเซล ที่รับผิดชอบกองกำลังรัสเซียในซีเรีย . สำหรับบรรยากาศในเมืองอะเลปโปเมื่อวันอาทิตย์นั้น ถนนส่วนใหญ่ยังว่างเปล่า ร้านค้ามากมายปิดทำการ ขณะที่ประชาชนยังคงหวาดกลัวและหลบอยู่ในบ้าน นอกจากนั้นยังมีคนจำนวนมากอพยพออกจากเมือง . ชาวบ้านคนหนึ่งให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับรอยเตอร์ว่า นักรบกลุ่มกบฏโบกธงฝ่ายต่อต้านรัฐบาลไปทั่วเมือง และพ่อค้าคนหนึ่งบอกว่า แปลกใจที่กองทัพซีเรียทิ้งเมืองไปเร็วขนาดนี้ . อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในกองทัพซีเรียเผยว่า ทหารที่ทิ้งเมืองกำลังรวมพลอีกครั้ง นอกจากนั้นยังมีการส่งกำลังไปเพิ่มเพื่อจัดการกับกลุ่มกบฏในอะเลปโป . ทั้งนี้ อะเลปโปที่เคยเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของซีเรีย อยู่ในการควบคุมของรัฐบาลซีเรียมาตั้งแต่ชัยชนะในปี 2016 ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนของสงคราม หลังจากกองกำลังซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียปิดล้อมและบดขยี้พื้นที่ด้านตะวันออกของเมืองที่กลุ่มกบฏยึดครอง . แหล่งข่าวในกองทัพสองคนเผยว่า การขาดกำลังพลเป็นเหตุผลที่ทำให้กองทัพซีเรียถอยร่นอย่างรวดเร็วในช่วงหลายวันที่ผ่านมา . ขณะเดียวกัน การรุกคืบของกลุ่มกบฏเกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลระดมโจมตีที่มั่นของอิหร่านในซีเรียและกองกำลังฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน โดยกลุ่มติดอาวุธหลายกลุ่มที่เป็นพันธมิตรของอิหร่าน นำโดยฮิซบอลเลาะห์ มีที่มั่นอยู่ในเมืองอะเลปโป . ในอีกด้านหนึ่ง มาซลูม อับดี ผู้บัญชาการกองกำลังประชาธิปไตยซีเรีย (เอสดีเอฟ) ที่เป็นกลุ่มกบฎซีเรียซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา แถลงในวันจันทร์ (2 ธ.ค.) ว่า นักรบของเอสดีเอฟทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย ถูกโจมตีอย่างหนักจากหลายด้านโดยกลุ่มติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกี ขณะพยายามสร้าง “ระเบียงมนุษยธรรม” เชื่อมต่อพื้นที่ยึดครองของกลุ่มเคิร์ดทางตะวันออกเฉียงเหนือกับ เตลริฟอัต ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอะเลปโป เพื่อปกป้องประชาชนจากแนวโน้มการสังหารหมู่ . ทั้งนี้ ตุรกีถือว่า กลุ่มติดอาวุธชาวเคิร์ดในซีเรีย คือ เคอร์ดิสถาน เวิร์กเกอร์ส ปาร์ตี้ (พีเคเค) และซีเรียน เคอร์ดิช วายพีจี เป็นกลุ่มก่อการร้ายเช่นเดียวกับฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม . แหล่งข่าวด้านความมั่นคงของตุรกีเผยว่า กลุ่มกบฏซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกีเป็นผู้ขัดขวางความพยายามของกลุ่มเคิร์ดในการสร้างระเบียงมนุษยธรรมดังกล่าว . เมื่อวันอาทิตย์ ฮาคัน ฟิดาน รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี บอกกับแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระหว่างการหารือกัน ว่า ตุรกีจะไม่ปล่อยให้กลุ่มก่อการร้ายคุกคามความมั่นคงของตนหรือของพลเรือนซีเรีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000116068 .............. Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 881 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มกบฏซึ่งเป็นมุสลิมหัวรุนแรงทำลายแอลกอฮอล์ในร้านปลอดภาษีภายในสนามบินเมือง Aleppo

    ก่อนหน้านี้ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกลุ่มกบฏ HTS ประกาศว่าชาวคริสเตียนและชาวเคิร์ดเป็นส่วนหนึ่งของซีเรียและสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ถูกรบกวน แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น กลุ่มกบฏเหล่านี้กำลังใช้กฎหมายมุสลิมมาปกครองพื้นที่ที่พวกเขายึดครองได้ชั่วคราวจากซีเรีย
    กลุ่มกบฏซึ่งเป็นมุสลิมหัวรุนแรงทำลายแอลกอฮอล์ในร้านปลอดภาษีภายในสนามบินเมือง Aleppo ก่อนหน้านี้ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกลุ่มกบฏ HTS ประกาศว่าชาวคริสเตียนและชาวเคิร์ดเป็นส่วนหนึ่งของซีเรียและสามารถอยู่ร่วมกันได้โดยไม่ถูกรบกวน แต่ในความเป็นจริงไม่เป็นเช่นนั้น กลุ่มกบฏเหล่านี้กำลังใช้กฎหมายมุสลิมมาปกครองพื้นที่ที่พวกเขายึดครองได้ชั่วคราวจากซีเรีย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • ภาพถ่ายจากภูมิภาคคาร์คิฟของยูเครนเมื่อ กันยายน 2022

    บ่งบอกถึงความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มกบฏซีเรียและยูเครน
    ภาพถ่ายจากภูมิภาคคาร์คิฟของยูเครนเมื่อ กันยายน 2022 บ่งบอกถึงความเชื่อมโยงระหว่างกลุ่มกบฏซีเรียและยูเครน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • "นี่คือเกมสกปรกที่ประเทศตะวันตกหลายแห่งกำลังเล่นอยู่”
    คาริน ไนสเซิล อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรียกล่าวถึงสถานการณ์ในซีเรียว่า

    เห็นได้ชัดว่าอาวุธ เครื่องแบบ การใช้โดรน และการทักษะของกลุ่มก่อการร้ายที่โจมตีเมืองต่างๆในซีเรีย บ่งชี้ว่ากองกำลังเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนและสนับสนุนจากนานาชาติ ซีเรียและยูเครนเป็นเพียงสนามรบแห่งหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกัน อาวุธ ยาเสพติด เงินสด และทหารรับจ้างไหลที่ไหลบ่าเข้าสู่สนามรบ
    "นี่คือเกมสกปรกที่ประเทศตะวันตกหลายแห่งกำลังเล่นอยู่” คาริน ไนสเซิล อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรียกล่าวถึงสถานการณ์ในซีเรียว่า เห็นได้ชัดว่าอาวุธ เครื่องแบบ การใช้โดรน และการทักษะของกลุ่มก่อการร้ายที่โจมตีเมืองต่างๆในซีเรีย บ่งชี้ว่ากองกำลังเหล่านี้ได้รับการฝึกฝนและสนับสนุนจากนานาชาติ ซีเรียและยูเครนเป็นเพียงสนามรบแห่งหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกัน อาวุธ ยาเสพติด เงินสด และทหารรับจ้างไหลที่ไหลบ่าเข้าสู่สนามรบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความบังเอิญที่น่าสนใจเกี่ยวกับกลุ่มกบฏซีเรีย Hayat Tahrir al-Sham (HTS) ในการประกาศเปิดปฏิบัติการโจมตีดินแดนซีเรียเพื่อยึดครองเมือง Aleppo ของประเทศซีเรีย:

    - กลุ่มกบฏซีเรีย HTS ปฏิบัติการครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2020 หลังจากนั้นก็หยุดนิ่งไป

    - กลุ่ม HTS มีข้อมูลว่า แท้จริงแล้วมีความเกี่ยวข้องกับแนวร่วมอัล-นุสรา (Front al-Nusra) และอัลกออิดะห์

    - 26 พฤศจิกายน วอชิงตันเปลี่ยนใจและอาจยังคงอนุมัติการจัดหาเครื่องบินรบ F-35 ให้กับอังการา สถานีโทรทัศน์ของรัฐ TRT Haber รายงานโดยอ้างคำพูดของ "ยาซาร์ กูเลอร์" รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมตุรกี

    - 26 พฤศจิกายน อิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน สหรัฐโดยประธานาธิบดีไบเดน เป็นผู้ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่นี้

    - 27 พฤศจิกายน กลุ่มกบฏซีเรีย หรือกลุ่มติดอาวุธโปรตุรกี ประกาศเริ่มการรุกครั้งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดที่สำคัญในเขตผลประโยชน์ของสหพันธรัฐรัสเซีย

    - สถานการณ์ล่าสุด 28 พฤศจิกายน กองกำลังกบฏซีเรียยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ใกล้เมืองอาเลปโปจากกองทัพซีเนรียได้เพิ่มเติมในวันนี้ และอยู่ห่างจาก Aleppo ไม่กี่กิโลเมตร

    - เป็นที่ทราบกันดีว่า ฮิซบอลเลาะห์ได้รับอาวุธในการต่อต้านอิสราเอล โดยผ่านทางซีเรียเป็นหลัก การเปิดฉากโจมตีซีเรียโดยกลุ่มกบฏโดยไม่มีวี่แววมาก่อนจึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เกิดจากการตกลงของ "บางประเทศ" กับชาติตะวันตก เพื่อทำลายความมั่นคงของซีเรียและขัดขวางการส่งอาวุธให้กลุ่มฮิซบุลเลาะห์เพื่อที่กลุ่มฮิซบุลเลาะห์จะไม่สามารถเติมเสบียงได้
    ความบังเอิญที่น่าสนใจเกี่ยวกับกลุ่มกบฏซีเรีย Hayat Tahrir al-Sham (HTS) ในการประกาศเปิดปฏิบัติการโจมตีดินแดนซีเรียเพื่อยึดครองเมือง Aleppo ของประเทศซีเรีย: - กลุ่มกบฏซีเรีย HTS ปฏิบัติการครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2020 หลังจากนั้นก็หยุดนิ่งไป - กลุ่ม HTS มีข้อมูลว่า แท้จริงแล้วมีความเกี่ยวข้องกับแนวร่วมอัล-นุสรา (Front al-Nusra) และอัลกออิดะห์ - 26 พฤศจิกายน วอชิงตันเปลี่ยนใจและอาจยังคงอนุมัติการจัดหาเครื่องบินรบ F-35 ให้กับอังการา สถานีโทรทัศน์ของรัฐ TRT Haber รายงานโดยอ้างคำพูดของ "ยาซาร์ กูเลอร์" รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมตุรกี - 26 พฤศจิกายน อิสราเอลบรรลุข้อตกลงหยุดยิงกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน สหรัฐโดยประธานาธิบดีไบเดน เป็นผู้ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่นี้ - 27 พฤศจิกายน กลุ่มกบฏซีเรีย หรือกลุ่มติดอาวุธโปรตุรกี ประกาศเริ่มการรุกครั้งใหญ่อีกครั้ง ซึ่งทำให้เกิดความตึงเครียดที่สำคัญในเขตผลประโยชน์ของสหพันธรัฐรัสเซีย - สถานการณ์ล่าสุด 28 พฤศจิกายน กองกำลังกบฏซีเรียยึดพื้นที่ส่วนใหญ่ใกล้เมืองอาเลปโปจากกองทัพซีเนรียได้เพิ่มเติมในวันนี้ และอยู่ห่างจาก Aleppo ไม่กี่กิโลเมตร - เป็นที่ทราบกันดีว่า ฮิซบอลเลาะห์ได้รับอาวุธในการต่อต้านอิสราเอล โดยผ่านทางซีเรียเป็นหลัก การเปิดฉากโจมตีซีเรียโดยกลุ่มกบฏโดยไม่มีวี่แววมาก่อนจึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เกิดจากการตกลงของ "บางประเทศ" กับชาติตะวันตก เพื่อทำลายความมั่นคงของซีเรียและขัดขวางการส่งอาวุธให้กลุ่มฮิซบุลเลาะห์เพื่อที่กลุ่มฮิซบุลเลาะห์จะไม่สามารถเติมเสบียงได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนทันยาฮู กล่าวเมื่อวันอาทิตย์(วันนี้)ว่า การโจมตีอิหร่านของอิสราเอลเมื่อวันเสาร์นั้น "แม่นยำและทรงพลัง และบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งหมด"

    นอกจากการโจมตีไปที่ตัวแทนของอิหร่านแล้ว(ซีเรียและอิรัก) อิสราเอลยังเล็งเป้าหมายด้วยความแม่นยำไปที่ "หัวปลาหมึกยักษ์" ด้วยการโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านอย่างหนัก และโครงสร้างการผลิตขีปนาวุธของสาธารณรัฐอิสลาม" เนทันยาฮูกล่าว

    เขายังกล่าวอีกว่า "เรากำลังเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่"
    เนทันยาฮู กล่าวเมื่อวันอาทิตย์(วันนี้)ว่า การโจมตีอิหร่านของอิสราเอลเมื่อวันเสาร์นั้น "แม่นยำและทรงพลัง และบรรลุวัตถุประสงค์ทั้งหมด" นอกจากการโจมตีไปที่ตัวแทนของอิหร่านแล้ว(ซีเรียและอิรัก) อิสราเอลยังเล็งเป้าหมายด้วยความแม่นยำไปที่ "หัวปลาหมึกยักษ์" ด้วยการโจมตีระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านอย่างหนัก และโครงสร้างการผลิตขีปนาวุธของสาธารณรัฐอิสลาม" เนทันยาฮูกล่าว เขายังกล่าวอีกว่า "เรากำลังเขียนประวัติศาสตร์ขึ้นใหม่"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts