• เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6”
    ซาอุดิ 5
การป้อน เหยื่อของอเมริกาแบบไม่อั้น ทำให้อังกฤษทนดูไม่ไหว เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1944 นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Winston Churchill ลงทุนบินไปหาประธานาธิบดี Roosevelt เพื่อถามว่าอเมริกาจะเอาอย่างไรในตะวันออกกลาง อังกฤษพร้อมจะถอยจากการแย่งกันป้อนเหยื่อในซาอุดิอารเบีย ถ้า อเมริกา ถอยจากอิหร่านและอิรักเช่นกัน
    หลอด Churchill คงได้คำตอบกลับไปชัดเจน เพราะหลังจากนั้น Aramco Camp ที่อยู่ในเมือง Casoc ของซาอุดิ ก็เปลี่ยนโฉมหน้า กลายเป็นรัฐใหม่ของอเมริกา
    นัก ล่าหน้าใหม่ เรียนรู้จากวิธีการล่าเหยื่อ ของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วฯ ว่า แม้จะได้อาณาจักรเขามา แต่ไม่ได้ใจชาวเมือง การดูถูก กดขี่ แบ่งชั้น มีให้เห็นอยู่ตลอด แล้วมันจะกินเหยื่อได้นานอย่างไร
    อเมริกา เปลี่ยนรูปแบบอาณานิคม โดยป้อนวัฒนธรรมอเมริกันให้แทน เหยื่อเสพเข้าไปทุกเมนู โดยไม่รู้ว่านั่นเป็นกับดักการล่าชนิดใหม่ ที่มีอานุภาพรุนแรงเกินต้านทาน อเมริกาเอา International Telephone and Telegraph (ITT) และ Trans World Airways (TWA) เข้าไปให้การสื่อสารและการเดินทางในซาอุดิอารเบียสะดวกขึ้น อูฐและนกพิราบจะได้มีเวลาหยุดพักร้อน อเมริกาส่งความสะดวกทุกอย่างให้เหยื่อ เสพจนติดใจอย่างไม่รู้ตัว ถึงรู้ตัวก็สายเกินถอน
    ในช่วง ค.ศ.1940 กว่าเป็นต้นมา อเมริกาเลี้ยงซาอุดิอารเบีย ด้วยกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์จนอิ่มแปร้ เจ้าหน้าที่สถานฑูตและกองทัพของอเมริกาที่อยู่ในซาอุดิเปิดเผยว่า หน้าที่หลักของพวกเขาคือ ทำอะไรก็ได้ ที่จะทำให้ซาอุดิอาราเบียพอใจและอยู่ใน(กำ) มือของอเมริกาตลอดกาล
    ค.ศ.1945 อเมริกาตั้งฐานทัพที่ Dhahram เป็นฐานทัพที่มีทหารอเมริกันประจำการอยู่เต็มอัตรา Aramco ได้รับอนุญาตให้ใช้ฐานทัพ เพื่อธุรกิจน้ำมันอย่างสะดวกเช่นกัน เสียงนกเสียงกาบอกว่า ฐานทัพนี้จัดขึ้นเพื่อ Aramco แท้ๆ อย่าไปฟัง มันเป็นเสียงของความอิจฉาหมั่นไส้ทั้งนั้น ด้านทหารบอก ฐานทัพนี้มีไว้เพื่อยุทธศาสตร์การป้องกันตะวันออกกลางและเมดิเตอร์เรเนียน ต่างหาก เป็นการดูแลเชื่อมกันระหว่างยุโรปกับตะวันออกไกล
ไม่รู้ว่าทหารก็ แถเก่ง ไม่ว่าชาติไหน
    วัน หนึ่งใน ค.ศ.1945 กษัตริย์ซาอุดิ จับเข่าถามประธานาธิบดี Roosevelt ที่ Great Bitter Lake (ชื่อไม่เป็นมงคลเลย ! ) กษัตริย์ต้องการคำมั่นในการสนับสนุนจากอเมริกา ประธานาธิบดีรับปากว่า อเมริกาจะป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ให้กับประเทศท่านตลอดไป และจะสนับสนุนฝ่ายอาหรับในกรณีปาเลสไตน์ รับปากเสร็จ ไม่นานประธานาธิบดี Roosevelt ก็เสียชีวิต
    ประธานาธิบดี Truman มารับงานต่อ เขาไม่ลืมคำรับปากของ Roosevelt เขาป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ให้ซาอุดิอารเบียต่อ เพียงแต่ขอเปลี่ยนแหล่งส่งกระ ดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ จากกระทรวงต่างประเทศ เป็น Export Import Bank (EXIM) แต่ท่านก็ได้กระดาษสีเขียว ตรานกอินทรีย์เหมือนกันแหละ ไม่ต้องตกใจนะ
    เหยื่อ เสพติดกระดาษสีเขียว จนถอนตัวไม่ขึ้น ก็ยอมรับ เงินให้กู้ ของ EXIM ที่มีเงื่อนไขติดมา ว่าเงินกู้นี้ ต้องใช้ ในการซื้อสินค้า หรือการจ้างงานสัญชาติอเมริกันเท่านั้น !
    การป้อนเหยื่อด้วยวิธีการนี้ ทำให้เศรษฐกิจของซาอุดิอารเบีย ตกอยู่ในวงล้อมและกำมือของอเมริกาโดยสมบูรณ์ ซาอุดิอารเบียกลัวตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อยากให้อเมริกาเข้ามาช่วย อเมริกาก็มาช่วยสมใจ แต่ซาอุดิอารเบียจะรู้ไหมว่า อาณานิคมแบบใหม่ กับแบบเก่า มันก็เป็นเหยื่อเขาเช่นเดียวกัน
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6” ซาอุดิ 5
การป้อน เหยื่อของอเมริกาแบบไม่อั้น ทำให้อังกฤษทนดูไม่ไหว เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ.1944 นายกรัฐมนตรีอังกฤษ Winston Churchill ลงทุนบินไปหาประธานาธิบดี Roosevelt เพื่อถามว่าอเมริกาจะเอาอย่างไรในตะวันออกกลาง อังกฤษพร้อมจะถอยจากการแย่งกันป้อนเหยื่อในซาอุดิอารเบีย ถ้า อเมริกา ถอยจากอิหร่านและอิรักเช่นกัน หลอด Churchill คงได้คำตอบกลับไปชัดเจน เพราะหลังจากนั้น Aramco Camp ที่อยู่ในเมือง Casoc ของซาอุดิ ก็เปลี่ยนโฉมหน้า กลายเป็นรัฐใหม่ของอเมริกา นัก ล่าหน้าใหม่ เรียนรู้จากวิธีการล่าเหยื่อ ของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วฯ ว่า แม้จะได้อาณาจักรเขามา แต่ไม่ได้ใจชาวเมือง การดูถูก กดขี่ แบ่งชั้น มีให้เห็นอยู่ตลอด แล้วมันจะกินเหยื่อได้นานอย่างไร อเมริกา เปลี่ยนรูปแบบอาณานิคม โดยป้อนวัฒนธรรมอเมริกันให้แทน เหยื่อเสพเข้าไปทุกเมนู โดยไม่รู้ว่านั่นเป็นกับดักการล่าชนิดใหม่ ที่มีอานุภาพรุนแรงเกินต้านทาน อเมริกาเอา International Telephone and Telegraph (ITT) และ Trans World Airways (TWA) เข้าไปให้การสื่อสารและการเดินทางในซาอุดิอารเบียสะดวกขึ้น อูฐและนกพิราบจะได้มีเวลาหยุดพักร้อน อเมริกาส่งความสะดวกทุกอย่างให้เหยื่อ เสพจนติดใจอย่างไม่รู้ตัว ถึงรู้ตัวก็สายเกินถอน ในช่วง ค.ศ.1940 กว่าเป็นต้นมา อเมริกาเลี้ยงซาอุดิอารเบีย ด้วยกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์จนอิ่มแปร้ เจ้าหน้าที่สถานฑูตและกองทัพของอเมริกาที่อยู่ในซาอุดิเปิดเผยว่า หน้าที่หลักของพวกเขาคือ ทำอะไรก็ได้ ที่จะทำให้ซาอุดิอาราเบียพอใจและอยู่ใน(กำ) มือของอเมริกาตลอดกาล ค.ศ.1945 อเมริกาตั้งฐานทัพที่ Dhahram เป็นฐานทัพที่มีทหารอเมริกันประจำการอยู่เต็มอัตรา Aramco ได้รับอนุญาตให้ใช้ฐานทัพ เพื่อธุรกิจน้ำมันอย่างสะดวกเช่นกัน เสียงนกเสียงกาบอกว่า ฐานทัพนี้จัดขึ้นเพื่อ Aramco แท้ๆ อย่าไปฟัง มันเป็นเสียงของความอิจฉาหมั่นไส้ทั้งนั้น ด้านทหารบอก ฐานทัพนี้มีไว้เพื่อยุทธศาสตร์การป้องกันตะวันออกกลางและเมดิเตอร์เรเนียน ต่างหาก เป็นการดูแลเชื่อมกันระหว่างยุโรปกับตะวันออกไกล
ไม่รู้ว่าทหารก็ แถเก่ง ไม่ว่าชาติไหน วัน หนึ่งใน ค.ศ.1945 กษัตริย์ซาอุดิ จับเข่าถามประธานาธิบดี Roosevelt ที่ Great Bitter Lake (ชื่อไม่เป็นมงคลเลย ! ) กษัตริย์ต้องการคำมั่นในการสนับสนุนจากอเมริกา ประธานาธิบดีรับปากว่า อเมริกาจะป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ให้กับประเทศท่านตลอดไป และจะสนับสนุนฝ่ายอาหรับในกรณีปาเลสไตน์ รับปากเสร็จ ไม่นานประธานาธิบดี Roosevelt ก็เสียชีวิต ประธานาธิบดี Truman มารับงานต่อ เขาไม่ลืมคำรับปากของ Roosevelt เขาป้อนกระดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ ให้ซาอุดิอารเบียต่อ เพียงแต่ขอเปลี่ยนแหล่งส่งกระ ดาษสีเขียวตรานกอินทรีย์ จากกระทรวงต่างประเทศ เป็น Export Import Bank (EXIM) แต่ท่านก็ได้กระดาษสีเขียว ตรานกอินทรีย์เหมือนกันแหละ ไม่ต้องตกใจนะ เหยื่อ เสพติดกระดาษสีเขียว จนถอนตัวไม่ขึ้น ก็ยอมรับ เงินให้กู้ ของ EXIM ที่มีเงื่อนไขติดมา ว่าเงินกู้นี้ ต้องใช้ ในการซื้อสินค้า หรือการจ้างงานสัญชาติอเมริกันเท่านั้น ! การป้อนเหยื่อด้วยวิธีการนี้ ทำให้เศรษฐกิจของซาอุดิอารเบีย ตกอยู่ในวงล้อมและกำมือของอเมริกาโดยสมบูรณ์ ซาอุดิอารเบียกลัวตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ อยากให้อเมริกาเข้ามาช่วย อเมริกาก็มาช่วยสมใจ แต่ซาอุดิอารเบียจะรู้ไหมว่า อาณานิคมแบบใหม่ กับแบบเก่า มันก็เป็นเหยื่อเขาเช่นเดียวกัน สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
15 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 4

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6”
    ซาอุดิ 4
    ซาอุดิอาราเบีย เหมือนสามล้อถูกหวย อยู่ดีๆเงินหล่นใส่หัว ตั้งตัวไม่ทัน นับเงินไม่ถูก เดี๋ยวๆก็เงินขาดมือ กษัตริย์ซาอุดิ ก็เลยต้องขอให้อเมริกาจ่ายเงินค่าสัมปทานล่วงหน้าอยู่เรื่อย อเมริกาก็หงุดหงิด แต่ไม่กล้าออกอาการ เดี๋ยวสัมปทานหลุดมือ
    ค.ศ.1937 บริษัทน้ำมันอเมริกา วิ่งไปหารัฐบาลอเมริกา บอกว่า เราต้องสร้างสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับซาอุดิเสียทีแล้ว จะได้ช่วยดูแลธุรกิจและคนอเมริกัน ที่เข้าไปทำงานขุดน้ำมันอยู่ในซาอุดิ ยังกะเป็นเมืองอเมริกันเล็กๆอยู่ในนั้นแล้วนะ กระทรวงต่างประเทศอเมริกาบอก ยังก่อน !
    ค.ศ.1939 กษัตริย์ซาอุ ฉลองการก่อสร้างท่อน้ำมันยาว 49 ไมล์ จากแคมป์ของบริษัทน้ำมันอเมริกันยาวไปถึงอ่าวเปอร์เซีย ในวันฉลอง ฝ่ายอเมริกันมีแต่เจ้าหน้าที่บริษัท ไม่มีตัวแทนของรัฐบาลมาด้วย แต่กษัตริย์บอกไม่เป็นไร เราก็ไม่ชอบคุยกับพวกรัฐบาล เราเข็ดจากพวกรัฐบาลของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ยิ่งไม่หาย เรารังเกียจอังกฤษกับฝรั่งเศสอย่างบอกไม่ถูก อันที่จริงเราไม่ชอบคนตะวันตกทั้งนั้นแหละ ที่เราให้สัมปทานกับอเมริกา ก็เพราะท่านยื่นประมูลได้สูงถึงใจเราเท่านั้น
    เมื่อกระทรวงต่าง ประเทศอเมริกา ยังไม่เปิดสัมพันธ์กับทางซาอุดิอารเบียเต็มรูปแบบ ยังใช้เมืองไคโร อิยิปต์ เป็นสถานกงสุลคอยประสานงาน บริษัทน้ำมันคิดว่า น่าจะใช้วิธีเดียวกับอังกฤษ ( ที่ตั้ง บริษัท East India ดูแลกิจการในอาณานิคม) จึงตั้งหน่วยงานของตนเองชื่อ “Government Relations Organization (GRO) ขึ้น หน่วยงานนี้เป็นตัวกลางคอยประสานงานระหว่างซาอุดิอารเบีย รัฐบาลอเมริกา และบริษัทน้ำมัน ในที่สุด GRO ก็ได้กลายเป็นที่ปรึกษาใหญ่ ของซาอุดิอารเบีย ในการสร้างทางรถไฟและด้านเกษตรกรรม
    ระหว่างที่อเมริกากำลังป้อนอาหารให้ซาอุดิ อังกฤษก็ไม่ยอมปล่อยมือ อังกฤษ แว่วว่า กษัตริย์ซาอุดิกระเป๋ารั่วบ่อย คอยตามข่าว หาโอกาส ที่จะป้อนอาหารบ้าง ปี ค.ศ.1941 กษัตริย์ซาอุดิกระเป๋าขาดอีก ไม่มีเงินจ่ายสำหรับงบประมาณในปีนั้น กษัตริย์ซาอุดิขอให้ California-Arabian ช่วยหาเงินจำนวน 6 ล้านเหรียญให้ เพื่อมาอุดรูขาด
    California-Arabian แบกไม่ไหว ขอให้รัฐบาลอเมริกาช่วย ในตอนแรกประธานาธิบดี Roosevelt ปฏิเสธ แต่พอถึงเดือนธันวาคม ค.ศ.1941 อเมริกาประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ อเมริกาเห็นความจำเป็นของการมีบ่อน้ำมันไว้ข้างตัว คราวนี้กระทรวงต่างประเทศอเมริกา รีบแต่งตัวมาจับมือกับกษัตริย์ซาอุดิ แล้วเปิดสถานฑูตอเมริกา อย่างเป็นทางการที่เมือง Jidda ในปี ค.ศ.1942
    สถาน ฑูตอเมริกาตกลงจ่ายค่ากระเป๋ารั่วให้กษัตริย์ซาอุดิ และกลายมาเป็นผู้บริหารซาอุดิอารเบียในยามสงคราม อเมริกาอ้างว่าเพื่อดูแลบ่อน้ำมัน จำเป็นต้องนำกองทัพมาปกป้อง อังกฤษพยายามแทรกตัวเข้ามา แต่คราวนี้ไม่ใช่กระทรวงต่างประเทศ เท่านั้นที่ขวาง กระทรวงกลาโหมอเมริกา ก็ร่วมขวางด้วย และร่วมมือกันป้อนอาหาร อเมริกาขนเสบียงมูลค่า 20 ล้านเหรียญ ลงเรือบรรทุกมาให้ซาอุดิอารเบียในยามสงคราม รวมทั้งส่งเครื่องบินบรรทุกเครื่องเวชภัณท์มาให้เป็นพิเศษ
    ถึงตอน นี้ ประธานาธิบดี Roosevelt ตั้งหน่วยงานชื่อ Petroleum Reserves Coperation (PRC) สำหรับดูแลเหยื่อชื่อ ซาอุดิอารเบีย โดยเฉพาะ ค.ศ.1944 PRC เสนอให้มีการสร้างท่อส่งน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียข้ามไปยังเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อประโยชน์ทางการหทาร ซาอุดิก็ไม่ขัดใจ ตราบใดที่…อิ่ม
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    15 ก.ย. 57
    เหยื่อ – เคี้ยว ตอนที่ 6 – ซาอุดิฯ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 3 : “เคี้ยว 6” ซาอุดิ 4 ซาอุดิอาราเบีย เหมือนสามล้อถูกหวย อยู่ดีๆเงินหล่นใส่หัว ตั้งตัวไม่ทัน นับเงินไม่ถูก เดี๋ยวๆก็เงินขาดมือ กษัตริย์ซาอุดิ ก็เลยต้องขอให้อเมริกาจ่ายเงินค่าสัมปทานล่วงหน้าอยู่เรื่อย อเมริกาก็หงุดหงิด แต่ไม่กล้าออกอาการ เดี๋ยวสัมปทานหลุดมือ ค.ศ.1937 บริษัทน้ำมันอเมริกา วิ่งไปหารัฐบาลอเมริกา บอกว่า เราต้องสร้างสัมพันธ์อย่างเป็นทางการกับซาอุดิเสียทีแล้ว จะได้ช่วยดูแลธุรกิจและคนอเมริกัน ที่เข้าไปทำงานขุดน้ำมันอยู่ในซาอุดิ ยังกะเป็นเมืองอเมริกันเล็กๆอยู่ในนั้นแล้วนะ กระทรวงต่างประเทศอเมริกาบอก ยังก่อน ! ค.ศ.1939 กษัตริย์ซาอุ ฉลองการก่อสร้างท่อน้ำมันยาว 49 ไมล์ จากแคมป์ของบริษัทน้ำมันอเมริกันยาวไปถึงอ่าวเปอร์เซีย ในวันฉลอง ฝ่ายอเมริกันมีแต่เจ้าหน้าที่บริษัท ไม่มีตัวแทนของรัฐบาลมาด้วย แต่กษัตริย์บอกไม่เป็นไร เราก็ไม่ชอบคุยกับพวกรัฐบาล เราเข็ดจากพวกรัฐบาลของนักล่าชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยฯ ยิ่งไม่หาย เรารังเกียจอังกฤษกับฝรั่งเศสอย่างบอกไม่ถูก อันที่จริงเราไม่ชอบคนตะวันตกทั้งนั้นแหละ ที่เราให้สัมปทานกับอเมริกา ก็เพราะท่านยื่นประมูลได้สูงถึงใจเราเท่านั้น เมื่อกระทรวงต่าง ประเทศอเมริกา ยังไม่เปิดสัมพันธ์กับทางซาอุดิอารเบียเต็มรูปแบบ ยังใช้เมืองไคโร อิยิปต์ เป็นสถานกงสุลคอยประสานงาน บริษัทน้ำมันคิดว่า น่าจะใช้วิธีเดียวกับอังกฤษ ( ที่ตั้ง บริษัท East India ดูแลกิจการในอาณานิคม) จึงตั้งหน่วยงานของตนเองชื่อ “Government Relations Organization (GRO) ขึ้น หน่วยงานนี้เป็นตัวกลางคอยประสานงานระหว่างซาอุดิอารเบีย รัฐบาลอเมริกา และบริษัทน้ำมัน ในที่สุด GRO ก็ได้กลายเป็นที่ปรึกษาใหญ่ ของซาอุดิอารเบีย ในการสร้างทางรถไฟและด้านเกษตรกรรม ระหว่างที่อเมริกากำลังป้อนอาหารให้ซาอุดิ อังกฤษก็ไม่ยอมปล่อยมือ อังกฤษ แว่วว่า กษัตริย์ซาอุดิกระเป๋ารั่วบ่อย คอยตามข่าว หาโอกาส ที่จะป้อนอาหารบ้าง ปี ค.ศ.1941 กษัตริย์ซาอุดิกระเป๋าขาดอีก ไม่มีเงินจ่ายสำหรับงบประมาณในปีนั้น กษัตริย์ซาอุดิขอให้ California-Arabian ช่วยหาเงินจำนวน 6 ล้านเหรียญให้ เพื่อมาอุดรูขาด California-Arabian แบกไม่ไหว ขอให้รัฐบาลอเมริกาช่วย ในตอนแรกประธานาธิบดี Roosevelt ปฏิเสธ แต่พอถึงเดือนธันวาคม ค.ศ.1941 อเมริกาประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ อเมริกาเห็นความจำเป็นของการมีบ่อน้ำมันไว้ข้างตัว คราวนี้กระทรวงต่างประเทศอเมริกา รีบแต่งตัวมาจับมือกับกษัตริย์ซาอุดิ แล้วเปิดสถานฑูตอเมริกา อย่างเป็นทางการที่เมือง Jidda ในปี ค.ศ.1942 สถาน ฑูตอเมริกาตกลงจ่ายค่ากระเป๋ารั่วให้กษัตริย์ซาอุดิ และกลายมาเป็นผู้บริหารซาอุดิอารเบียในยามสงคราม อเมริกาอ้างว่าเพื่อดูแลบ่อน้ำมัน จำเป็นต้องนำกองทัพมาปกป้อง อังกฤษพยายามแทรกตัวเข้ามา แต่คราวนี้ไม่ใช่กระทรวงต่างประเทศ เท่านั้นที่ขวาง กระทรวงกลาโหมอเมริกา ก็ร่วมขวางด้วย และร่วมมือกันป้อนอาหาร อเมริกาขนเสบียงมูลค่า 20 ล้านเหรียญ ลงเรือบรรทุกมาให้ซาอุดิอารเบียในยามสงคราม รวมทั้งส่งเครื่องบินบรรทุกเครื่องเวชภัณท์มาให้เป็นพิเศษ ถึงตอน นี้ ประธานาธิบดี Roosevelt ตั้งหน่วยงานชื่อ Petroleum Reserves Coperation (PRC) สำหรับดูแลเหยื่อชื่อ ซาอุดิอารเบีย โดยเฉพาะ ค.ศ.1944 PRC เสนอให้มีการสร้างท่อส่งน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซียข้ามไปยังเมดิเตอร์เรเนียน เพื่อประโยชน์ทางการหทาร ซาอุดิก็ไม่ขัดใจ ตราบใดที่…อิ่ม สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 15 ก.ย. 57
    0 Comments 0 Shares 272 Views 0 Reviews
  • เหลือเชื่อ! หิมะตกในทะเลทราย (10/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #หิมะตกในทะเลทราย #ซาอุดิอาราเบีย #สภาพอากาศแปรปรวน
    เหลือเชื่อ! หิมะตกในทะเลทราย (10/11/67) #news1 #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #หิมะตกในทะเลทราย #ซาอุดิอาราเบีย #สภาพอากาศแปรปรวน
    Like
    Wow
    6
    0 Comments 1 Shares 1627 Views 405 1 Reviews