• เป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนาและบทบาทของฌานในการบรรลุมรรคผล

    ---

    1. เป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา:

    > การหลุดพ้นจากกิเลสอย่างสิ้นเชิง (อรหัตผล)

    มิใช่เพียงศีล สมาธิ ญาณ หรือชื่อเสียง

    แต่คือ "การไม่กลับมากำเริบของกิเลสอีก"

    ---

    2. ผู้บรรลุมรรคผลรู้ได้อย่างไรว่าได้จริง?

    รู้จาก "การสิ้นไปของความยินดีในรูปนาม"

    เปรียบเหมือนตาลยอดด้วน งอกใหม่ไม่ได้อีก

    คือ "รู้ด้วยใจ" ว่าจิตหลุดพ้นแล้วอย่างถาวร

    ---

    3. ฌานมีไว้เพื่ออะไร?

    ฌาน + ปัญญา = ใกล้นิพพาน

    เพียงฌานอย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้เพื่อพิจารณากายใจว่า ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา

    ---

    4. จำเป็นไหมต้องได้ฌานก่อนถึงมรรคผล?

    ไม่จำเป็นในบางกรณี

    เช่น ท่านอนาถบิณฑิก นางวิสาขา ได้โสดาภะผลจากการฟังธรรม

    แต่ต้องมีทุนบุญและปัญญาเก่ามาก

    จิตรวมเป็นหนึ่งเพียงชั่วฟังธรรมได้

    ---

    5. สำหรับคนทั่วไป การมีฌานคือทางลัด

    ฌานช่วยให้จิตรวม สงบ ห่างจากกิเลส

    ทำให้เห็นกายใจชัดขึ้น

    ง่ายต่อการพิจารณาเพื่อบรรลุธรรม

    ---

    Essence สั้น ๆ:

    ฌานเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่เป้าหมายสุดท้ายคือการ "สิ้นกิเลส" ไม่ใช่การมีฌานเอง
    ผู้บรรลุธรรมคือผู้ที่ ‘ไม่มีทางกลับไปยึดติดในรูปนามได้อีก’
    เป้าหมายสูงสุดในพุทธศาสนาและบทบาทของฌานในการบรรลุมรรคผล --- 1. เป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา: > การหลุดพ้นจากกิเลสอย่างสิ้นเชิง (อรหัตผล) มิใช่เพียงศีล สมาธิ ญาณ หรือชื่อเสียง แต่คือ "การไม่กลับมากำเริบของกิเลสอีก" --- 2. ผู้บรรลุมรรคผลรู้ได้อย่างไรว่าได้จริง? รู้จาก "การสิ้นไปของความยินดีในรูปนาม" เปรียบเหมือนตาลยอดด้วน งอกใหม่ไม่ได้อีก คือ "รู้ด้วยใจ" ว่าจิตหลุดพ้นแล้วอย่างถาวร --- 3. ฌานมีไว้เพื่ออะไร? ฌาน + ปัญญา = ใกล้นิพพาน เพียงฌานอย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้เพื่อพิจารณากายใจว่า ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา --- 4. จำเป็นไหมต้องได้ฌานก่อนถึงมรรคผล? ไม่จำเป็นในบางกรณี เช่น ท่านอนาถบิณฑิก นางวิสาขา ได้โสดาภะผลจากการฟังธรรม แต่ต้องมีทุนบุญและปัญญาเก่ามาก จิตรวมเป็นหนึ่งเพียงชั่วฟังธรรมได้ --- 5. สำหรับคนทั่วไป การมีฌานคือทางลัด ฌานช่วยให้จิตรวม สงบ ห่างจากกิเลส ทำให้เห็นกายใจชัดขึ้น ง่ายต่อการพิจารณาเพื่อบรรลุธรรม --- Essence สั้น ๆ: ฌานเป็นเครื่องมือสำคัญ แต่เป้าหมายสุดท้ายคือการ "สิ้นกิเลส" ไม่ใช่การมีฌานเอง ผู้บรรลุธรรมคือผู้ที่ ‘ไม่มีทางกลับไปยึดติดในรูปนามได้อีก’
    0 Comments 0 Shares 98 Views 0 Reviews
  • ความเห็นมีเยอะ
    เผลอเลอเหลวไหล
    ตัณหาคุมได้
    ให้สติมี

    สติดีพา
    สมาธิดี
    ปัญญาธรรมมี
    ดีทางสายกลาง

    จิตพัฒนา
    พาแจ้งสว่าง
    ยึดมั่นคลายวาง
    ท่ามกลางปัญญา

    จิตรวมสูญกลาง
    ทางธรรมรักษา
    ชอบธรรมค้นหา
    พาทุกข์ห่างไกล

    เหตุทุกข์ดับได้
    ให้ทุกข์ดับได้
    เหตุทุกข์ยึดหมาย
    ทุกข์ไม่ดับหาย

    ขอให้พบธรรมความดีมีสุขยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง

    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ความเห็นมีเยอะ เผลอเลอเหลวไหล ตัณหาคุมได้ ให้สติมี สติดีพา สมาธิดี ปัญญาธรรมมี ดีทางสายกลาง จิตพัฒนา พาแจ้งสว่าง ยึดมั่นคลายวาง ท่ามกลางปัญญา จิตรวมสูญกลาง ทางธรรมรักษา ชอบธรรมค้นหา พาทุกข์ห่างไกล เหตุทุกข์ดับได้ ให้ทุกข์ดับได้ เหตุทุกข์ยึดหมาย ทุกข์ไม่ดับหาย ขอให้พบธรรมความดีมีสุขยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 121 Views 0 Reviews
  • ความเห็นคลุมครอบ
    ชอบจึงวิจัย
    ความเห็นมากมาย
    ให้ควบคุมได้

    เห็นทุกข์รู้ทุกข์
    เห็นสุขรู้ไว้
    อนิจจังได้
    ให้เพียรเห็นจริง

    สติให้อยู่
    รู้เท่าทุกสิ่ง
    อนิจจังจริง
    ยิ่งทันยิ่งได้

    รู้โลกเห็นธรรม
    นำพาวิจัย
    เพียรรู้ขวนขวาย
    ให้เป็นสติ

    ขวนขวายนำพา
    สมาธิจิต
    ธรรมจิตสนิท
    จิตรวมตั้งมั่น

    ขอบุญนี้จงสำเร็จ จงสำเร็จ จงสำเร็จ
    ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง
    นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    ความเห็นคลุมครอบ ชอบจึงวิจัย ความเห็นมากมาย ให้ควบคุมได้ เห็นทุกข์รู้ทุกข์ เห็นสุขรู้ไว้ อนิจจังได้ ให้เพียรเห็นจริง สติให้อยู่ รู้เท่าทุกสิ่ง อนิจจังจริง ยิ่งทันยิ่งได้ รู้โลกเห็นธรรม นำพาวิจัย เพียรรู้ขวนขวาย ให้เป็นสติ ขวนขวายนำพา สมาธิจิต ธรรมจิตสนิท จิตรวมตั้งมั่น ขอบุญนี้จงสำเร็จ จงสำเร็จ จงสำเร็จ ขอให้พบธรรมความดีมีสุข ยิ่งทำยิ่งเจริญรุ่งเรือง นิพพานะ ปัจจะโยโหตุ
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • สมาธิ: ระดับและองค์ประกอบสำคัญ

    สมาธิเริ่มต้นอย่างไร?
    สมาธิทุกระดับเริ่มต้นจาก สององค์ประกอบทางใจ:

    1. วิตักกะ (เล็ง): การตั้งจิตให้โฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง


    2. วิจาระ (เชื่อมติด): การเชื่อมกระแสจิตกับสิ่งที่เล็งจนจิตแนบแน่นกับอารมณ์นั้น



    เมื่อจิตเชื่อมติดกับอารมณ์ที่เล็งไว้ จะเกิดสมาธิ ซึ่งแบ่งได้ตามระดับของปีติสุขและความตั้งมั่นของจิต


    ---

    ระดับของสมาธิ

    1. ขณิกสมาธิ:

    สมาธิชั่วขณะ เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว

    มีปีติสุขน้อย จิตสงบได้เพียงสั้นๆ

    มักเกิดในชีวิตประจำวัน เช่น การตั้งใจอ่านหนังสือ



    2. อุปจารสมาธิ:

    สมาธิระดับกลาง

    มีปีติสุขซาบซ่าน สงบวิเวก

    จิตใกล้จะรวมเป็นหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงจุดสูงสุด



    3. อัปปนาสมาธิ:

    สมาธิระดับสูงสุด

    จิตรวมเป็นหนึ่งเดียว

    เกิดปีติสุขอันละเอียดและมั่นคง





    ---

    ตัวอย่างการเข้าสมาธิด้วยอานาปานสติ

    1. เริ่มต้นด้วยวิตักกะ (เล็ง):

    ตั้งสติรู้ลมหายใจเข้า-ออก

    โฟกัสจิตที่ลมหายใจ



    2. เข้าสู่วิจาระ (เชื่อมติด):

    รู้ลมหายใจอย่างต่อเนื่อง

    สังเกตลมหายใจที่ยาว สั้น หรือการเคลื่อนไหวของร่างกาย

    จิตเริ่มเชื่อมติดกับลมหายใจ



    3. เข้าสมาธิ:

    เมื่อจิตเชื่อมติดกับลมหายใจ จะเกิดปีติสุข

    สมาธิจะพัฒนาตามระดับของความสงบและความแน่วแน่





    ---

    สมาธิในชีวิตประจำวัน
    หลักการของวิตักกะและวิจาระเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น:

    การอ่านหนังสือแบบใจจดใจจ่อ

    การทำงานที่สนุกและมุ่งมั่นไม่วอกแวก

    การนึกถึงสิ่งที่ทำให้ใจจดจ่อและเพลิดเพลิน



    ---

    ข้อสรุป:
    สมาธิไม่จำกัดเฉพาะในรูปแบบการปฏิบัติธรรม แต่เกิดจากการ รู้เห็นกายใจ และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ จิตที่ตั้งมั่นและแนบแน่นกับอารมณ์อย่างเหมาะสมจะนำไปสู่ สัมมาสมาธิ ที่ช่วยสร้างความสงบและความเข้าใจในชีวิตอย่างลึกซึ้ง.

    สมาธิ: ระดับและองค์ประกอบสำคัญ สมาธิเริ่มต้นอย่างไร? สมาธิทุกระดับเริ่มต้นจาก สององค์ประกอบทางใจ: 1. วิตักกะ (เล็ง): การตั้งจิตให้โฟกัสกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 2. วิจาระ (เชื่อมติด): การเชื่อมกระแสจิตกับสิ่งที่เล็งจนจิตแนบแน่นกับอารมณ์นั้น เมื่อจิตเชื่อมติดกับอารมณ์ที่เล็งไว้ จะเกิดสมาธิ ซึ่งแบ่งได้ตามระดับของปีติสุขและความตั้งมั่นของจิต --- ระดับของสมาธิ 1. ขณิกสมาธิ: สมาธิชั่วขณะ เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว มีปีติสุขน้อย จิตสงบได้เพียงสั้นๆ มักเกิดในชีวิตประจำวัน เช่น การตั้งใจอ่านหนังสือ 2. อุปจารสมาธิ: สมาธิระดับกลาง มีปีติสุขซาบซ่าน สงบวิเวก จิตใกล้จะรวมเป็นหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงจุดสูงสุด 3. อัปปนาสมาธิ: สมาธิระดับสูงสุด จิตรวมเป็นหนึ่งเดียว เกิดปีติสุขอันละเอียดและมั่นคง --- ตัวอย่างการเข้าสมาธิด้วยอานาปานสติ 1. เริ่มต้นด้วยวิตักกะ (เล็ง): ตั้งสติรู้ลมหายใจเข้า-ออก โฟกัสจิตที่ลมหายใจ 2. เข้าสู่วิจาระ (เชื่อมติด): รู้ลมหายใจอย่างต่อเนื่อง สังเกตลมหายใจที่ยาว สั้น หรือการเคลื่อนไหวของร่างกาย จิตเริ่มเชื่อมติดกับลมหายใจ 3. เข้าสมาธิ: เมื่อจิตเชื่อมติดกับลมหายใจ จะเกิดปีติสุข สมาธิจะพัฒนาตามระดับของความสงบและความแน่วแน่ --- สมาธิในชีวิตประจำวัน หลักการของวิตักกะและวิจาระเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เช่น: การอ่านหนังสือแบบใจจดใจจ่อ การทำงานที่สนุกและมุ่งมั่นไม่วอกแวก การนึกถึงสิ่งที่ทำให้ใจจดจ่อและเพลิดเพลิน --- ข้อสรุป: สมาธิไม่จำกัดเฉพาะในรูปแบบการปฏิบัติธรรม แต่เกิดจากการ รู้เห็นกายใจ และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ จิตที่ตั้งมั่นและแนบแน่นกับอารมณ์อย่างเหมาะสมจะนำไปสู่ สัมมาสมาธิ ที่ช่วยสร้างความสงบและความเข้าใจในชีวิตอย่างลึกซึ้ง.
    0 Comments 0 Shares 386 Views 0 Reviews
  • สติตื่นรู้
    ดูจิตดั่งลิง
    ให้ธรรมความจริง
    พึ่งพิงอาศัย

    อบรมบ่มธรรม
    กรรมดีขวนขวาย
    ปัญญาธรรมได้
    ให้ธรรมารมณ์

    อารมณ์รวมหนึ่ง
    ถึงจิตเกลียวกลม
    จิตรวมเหมาะสม
    กลมกลืนโดดเด่น

    จากการตื่นรู้
    สู่รู้ตื่นเด่น
    สงบร่มเย็น
    โดดเด่นเบิกบาน

    จงพบกรรมดี
    มีสุขสำราญ
    ให้ธรรมขำนาญ
    การงานเจริญ
    สติตื่นรู้ ดูจิตดั่งลิง ให้ธรรมความจริง พึ่งพิงอาศัย อบรมบ่มธรรม กรรมดีขวนขวาย ปัญญาธรรมได้ ให้ธรรมารมณ์ อารมณ์รวมหนึ่ง ถึงจิตเกลียวกลม จิตรวมเหมาะสม กลมกลืนโดดเด่น จากการตื่นรู้ สู่รู้ตื่นเด่น สงบร่มเย็น โดดเด่นเบิกบาน จงพบกรรมดี มีสุขสำราญ ให้ธรรมขำนาญ การงานเจริญ
    0 Comments 0 Shares 126 Views 0 Reviews
  • คูตัวเอง#หลวงตามหาบัว #ญาณสัมปันโน #เทศน์ #จิตรวม
    คูตัวเอง#หลวงตามหาบัว #ญาณสัมปันโน #เทศน์ #จิตรวม
    Love
    1
    0 Comments 1 Shares 528 Views 133 0 Reviews
  • #หลวงตามหาบัว #ญาณสัมปันโน #เทศน์ #จิตรวม #เป็นอย่างนี้ #เมื่อ16-01-2550 #เผยแพร่เป็นธรรมทานEP1🇹🇭🇹🇭🇹🇭🙏🙏🙏🙏🙏
    #หลวงตามหาบัว #ญาณสัมปันโน #เทศน์ #จิตรวม #เป็นอย่างนี้ #เมื่อ16-01-2550 #เผยแพร่เป็นธรรมทานEP1🇹🇭🇹🇭🇹🇭🙏🙏🙏🙏🙏
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 811 Views 93 0 Reviews