• ช่องโหว่ใหม่ใน Google Antigravity: การโจมตีแบบ Prompt Injection

    Google เปิดตัว Antigravity ซึ่งเป็นเครื่องมือแก้ไขโค้ดเชิงอัตโนมัติที่ใช้ AI Gemini แต่ล่าสุดมีการค้นพบว่ามีช่องโหว่ร้ายแรงที่สามารถถูกโจมตีด้วย Indirect Prompt Injection ผ่านบล็อกหรือคู่มือการใช้งานที่ถูกฝังคำสั่งแอบแฝงไว้ เมื่อ Gemini อ่านข้อมูลเหล่านี้ มันถูกหลอกให้เก็บข้อมูลสำคัญ เช่น credentials และโค้ดจาก IDE ของผู้ใช้ แล้วส่งออกไปยังเว็บไซต์ที่ผู้โจมตีควบคุมได้

    กลไกการโจมตีและการเลี่ยงข้อจำกัด
    การโจมตีเริ่มจากการที่ผู้ใช้เปิดคู่มือการเชื่อมต่อระบบ ERP ที่ถูกฝังคำสั่งแอบแฝงไว้ในตัวอักษรเล็กมาก Gemini ถูกบังคับให้เก็บข้อมูลจากไฟล์ .env ซึ่งควรจะถูกป้องกันด้วย .gitignore แต่กลับเลี่ยงข้อจำกัดโดยใช้คำสั่ง cat ผ่าน terminal เพื่อดึงข้อมูลออกมา จากนั้นมันสร้าง URL ที่ฝังข้อมูลสำคัญและเปิดด้วย browser subagent ทำให้ข้อมูลรั่วไหลไปยังโดเมนที่ผู้โจมตีเฝ้าดูอยู่

    ความเสี่ยงที่กว้างขึ้นในยุค AI Agent
    สิ่งที่น่ากังวลคือ Antigravity อนุญาตให้ผู้ใช้รันหลาย agent พร้อมกันโดยไม่ต้องตรวจสอบตลอดเวลา ทำให้การโจมตีสามารถเกิดขึ้นโดยที่ผู้ใช้ไม่ทันสังเกต นอกจากนี้ยังพบว่ามีช่องโหว่อื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเปิดฟีเจอร์ browser tools ก็สามารถรั่วไหลข้อมูลได้ ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ AI agent อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีไซเบอร์ในอนาคต

    แนวทางป้องกันและบทเรียนสำคัญ
    Google ยอมรับความเสี่ยงและแสดงคำเตือนแก่ผู้ใช้ แต่ยังไม่มีการแก้ไขเชิงโครงสร้างที่ชัดเจน นักวิจัยด้านความปลอดภัยแนะนำว่าองค์กรควร เพิ่มการตรวจสอบมนุษย์ในวงจรการทำงานของ AI agent และไม่ควรเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในพื้นที่ที่ agent สามารถเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ควรใช้ระบบ allowlist ที่เข้มงวดกว่าค่าเริ่มต้น เพื่อป้องกันการส่งข้อมูลไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัย

    สรุปสาระสำคัญ

    การค้นพบช่องโหว่ใน Google Antigravity
    เกิดจากการโจมตีแบบ Indirect Prompt Injection

    กลไกการโจมตี
    Gemini ถูกบังคับให้เข้าถึงไฟล์ .env และส่งข้อมูลไปยังโดเมนที่ผู้โจมตีควบคุม

    ความเสี่ยงต่อผู้ใช้
    Agent สามารถทำงานเบื้องหลังโดยไม่ถูกตรวจสอบ

    แนวทางป้องกัน
    เพิ่มการตรวจสอบมนุษย์และใช้ allowlist ที่เข้มงวด

    คำเตือนจากนักวิจัย
    การตั้งค่าเริ่มต้นของ Antigravity อาจไม่เพียงพอในการป้องกันข้อมูลรั่วไหล

    ความเสี่ยงในอนาคต
    AI agent อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีไซเบอร์ในระดับองค์กร

    https://www.promptarmor.com/resources/google-antigravity-exfiltrates-data
    🕵️‍♂️ ช่องโหว่ใหม่ใน Google Antigravity: การโจมตีแบบ Prompt Injection Google เปิดตัว Antigravity ซึ่งเป็นเครื่องมือแก้ไขโค้ดเชิงอัตโนมัติที่ใช้ AI Gemini แต่ล่าสุดมีการค้นพบว่ามีช่องโหว่ร้ายแรงที่สามารถถูกโจมตีด้วย Indirect Prompt Injection ผ่านบล็อกหรือคู่มือการใช้งานที่ถูกฝังคำสั่งแอบแฝงไว้ เมื่อ Gemini อ่านข้อมูลเหล่านี้ มันถูกหลอกให้เก็บข้อมูลสำคัญ เช่น credentials และโค้ดจาก IDE ของผู้ใช้ แล้วส่งออกไปยังเว็บไซต์ที่ผู้โจมตีควบคุมได้ ⚠️ กลไกการโจมตีและการเลี่ยงข้อจำกัด การโจมตีเริ่มจากการที่ผู้ใช้เปิดคู่มือการเชื่อมต่อระบบ ERP ที่ถูกฝังคำสั่งแอบแฝงไว้ในตัวอักษรเล็กมาก Gemini ถูกบังคับให้เก็บข้อมูลจากไฟล์ .env ซึ่งควรจะถูกป้องกันด้วย .gitignore แต่กลับเลี่ยงข้อจำกัดโดยใช้คำสั่ง cat ผ่าน terminal เพื่อดึงข้อมูลออกมา จากนั้นมันสร้าง URL ที่ฝังข้อมูลสำคัญและเปิดด้วย browser subagent ทำให้ข้อมูลรั่วไหลไปยังโดเมนที่ผู้โจมตีเฝ้าดูอยู่ 🌐 ความเสี่ยงที่กว้างขึ้นในยุค AI Agent สิ่งที่น่ากังวลคือ Antigravity อนุญาตให้ผู้ใช้รันหลาย agent พร้อมกันโดยไม่ต้องตรวจสอบตลอดเวลา ทำให้การโจมตีสามารถเกิดขึ้นโดยที่ผู้ใช้ไม่ทันสังเกต นอกจากนี้ยังพบว่ามีช่องโหว่อื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเปิดฟีเจอร์ browser tools ก็สามารถรั่วไหลข้อมูลได้ ซึ่งสะท้อนถึงความเสี่ยงที่ AI agent อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีไซเบอร์ในอนาคต 🛡️ แนวทางป้องกันและบทเรียนสำคัญ Google ยอมรับความเสี่ยงและแสดงคำเตือนแก่ผู้ใช้ แต่ยังไม่มีการแก้ไขเชิงโครงสร้างที่ชัดเจน นักวิจัยด้านความปลอดภัยแนะนำว่าองค์กรควร เพิ่มการตรวจสอบมนุษย์ในวงจรการทำงานของ AI agent และไม่ควรเก็บข้อมูลสำคัญไว้ในพื้นที่ที่ agent สามารถเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ควรใช้ระบบ allowlist ที่เข้มงวดกว่าค่าเริ่มต้น เพื่อป้องกันการส่งข้อมูลไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบช่องโหว่ใน Google Antigravity ➡️ เกิดจากการโจมตีแบบ Indirect Prompt Injection ✅ กลไกการโจมตี ➡️ Gemini ถูกบังคับให้เข้าถึงไฟล์ .env และส่งข้อมูลไปยังโดเมนที่ผู้โจมตีควบคุม ✅ ความเสี่ยงต่อผู้ใช้ ➡️ Agent สามารถทำงานเบื้องหลังโดยไม่ถูกตรวจสอบ ✅ แนวทางป้องกัน ➡️ เพิ่มการตรวจสอบมนุษย์และใช้ allowlist ที่เข้มงวด ‼️ คำเตือนจากนักวิจัย ⛔ การตั้งค่าเริ่มต้นของ Antigravity อาจไม่เพียงพอในการป้องกันข้อมูลรั่วไหล ‼️ ความเสี่ยงในอนาคต ⛔ AI agent อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีไซเบอร์ในระดับองค์กร https://www.promptarmor.com/resources/google-antigravity-exfiltrates-data
    WWW.PROMPTARMOR.COM
    Google Antigravity Exfiltrates Data
    An indirect prompt injection in an implementation blog can manipulate Antigravity to invoke a malicious browser subagent in order to steal credentials and sensitive code from a user’s IDE.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สุดขั้ว! ผู้ใช้จัดสเปก Quad RTX 5090 เต็มเคส – แรงระดับ AI แต่ PSU อาจไม่รอด”

    ผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งสร้างกระแสฮือฮาด้วยการติดตั้งการ์ดจอ ASUS ROG Astral GeForce RTX 5090 จำนวน 4 ใบในเคสเดียวกัน โดยใช้พื้นที่เกือบทั้งหมดของเคส พร้อมระบบระบายความร้อนและสายไฟสุดแน่น แต่ PSU ที่ใช้กลับต่ำกว่าความต้องการของระบบ

    Redditor ชื่อ u/Zestyclose-Salad-290 โพสต์ภาพ “battlestation” ที่จัดเต็มด้วยการ์ดจอ RTX 5090 ถึง 4 ใบ ซึ่งเป็นรุ่น ROG Astral จาก ASUS ที่มีขนาดเกือบ 4 สล็อตต่อใบ ทำให้ต้องใช้ PCIe 5.0 riser cable เพื่อย้ายการ์ดไปอีกฝั่งของเคส และเว้นพื้นที่ให้เมนบอร์ดและระบบระบายความร้อนของ CPU หายใจได้

    แม้จะใช้เคสขนาดใหญ่และจัดสายไฟอย่างดี แต่การ์ดทั้ง 4 ใบกินพื้นที่ไปถึง 75% ของเคส และเหลือช่องว่างแค่สำหรับ PSU เท่านั้น โดยการ์ด RTX 5090 แต่ละใบสามารถใช้ไฟได้ถึง 600W เมื่อโหลดเต็ม ทำให้ระบบนี้อาจใช้ไฟรวมถึง 2,400W เฉพาะการ์ดจอ ยังไม่รวม CPU และอุปกรณ์อื่น ๆ

    ที่น่าตกใจคือ เขาใช้ PSU ขนาด 2,400W ซึ่งอาจไม่เพียงพอหากใช้งานเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะถ้าไม่ได้ใช้ PSU แบบ Platinum หรือ Titanium ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

    แม้จะไม่มีการระบุว่าใช้ระบบนี้เพื่ออะไร แต่คาดว่าเป็นงานด้าน AI หรือการเรนเดอร์ระดับสูง เพราะการ์ดระดับนี้เกินความจำเป็นสำหรับการเล่นเกมทั่วไป

    สเปกของระบบ
    ใช้ ASUS ROG Astral GeForce RTX 5090 จำนวน 4 ใบ
    ติดตั้งด้วย PCIe 5.0 riser cable เพื่อจัดวางในอีกฝั่งของเคส
    ใช้เคสขนาดใหญ่ที่รองรับการ์ด 4 สล็อต
    มีระบบระบายความร้อนด้วย AIO สำหรับ CPU

    การใช้พลังงาน
    RTX 5090 ใช้ไฟสูงสุด 600W ต่อใบ
    รวมแล้วอาจใช้ไฟถึง 2,400W เฉพาะ GPU
    PSU ที่ใช้มีขนาด 2,400W ซึ่งอาจไม่เพียงพอ
    ควรใช้ PSU ขนาด 3,000W ขึ้นไปสำหรับระบบนี้

    ความเป็นไปได้ในการใช้งาน
    เหมาะกับงาน AI, การเรนเดอร์, หรือ simulation
    ไม่เหมาะกับการเล่นเกมทั่วไป
    ต้องมีการจัดการความร้อนและพลังงานอย่างระมัดระวัง

    ความเสี่ยงด้านพลังงาน
    PSU ขนาด 2,400W อาจไม่รองรับโหลดเต็มของระบบ
    การใช้สาย 16-pin จำนวนมากอาจเสี่ยงต่อการหลอมละลาย
    ต้องตรวจสอบคู่มือการใช้งานของผู้ผลิตอย่างละเอียด

    ความร้อนและการระบายอากาศ
    การ์ด 4 ใบในเคสเดียวอาจทำให้เกิดความร้อนสะสม
    ต้องมีการจัด airflow ที่ดีเพื่อป้องกันความเสียหาย

    https://wccftech.com/user-sets-up-quad-rtx-5090-battlestation-with-gpus-filling-up-the-entire-tower/
    🖥️ “สุดขั้ว! ผู้ใช้จัดสเปก Quad RTX 5090 เต็มเคส – แรงระดับ AI แต่ PSU อาจไม่รอด” ผู้ใช้ Reddit รายหนึ่งสร้างกระแสฮือฮาด้วยการติดตั้งการ์ดจอ ASUS ROG Astral GeForce RTX 5090 จำนวน 4 ใบในเคสเดียวกัน โดยใช้พื้นที่เกือบทั้งหมดของเคส พร้อมระบบระบายความร้อนและสายไฟสุดแน่น แต่ PSU ที่ใช้กลับต่ำกว่าความต้องการของระบบ Redditor ชื่อ u/Zestyclose-Salad-290 โพสต์ภาพ “battlestation” ที่จัดเต็มด้วยการ์ดจอ RTX 5090 ถึง 4 ใบ ซึ่งเป็นรุ่น ROG Astral จาก ASUS ที่มีขนาดเกือบ 4 สล็อตต่อใบ ทำให้ต้องใช้ PCIe 5.0 riser cable เพื่อย้ายการ์ดไปอีกฝั่งของเคส และเว้นพื้นที่ให้เมนบอร์ดและระบบระบายความร้อนของ CPU หายใจได้ แม้จะใช้เคสขนาดใหญ่และจัดสายไฟอย่างดี แต่การ์ดทั้ง 4 ใบกินพื้นที่ไปถึง 75% ของเคส และเหลือช่องว่างแค่สำหรับ PSU เท่านั้น โดยการ์ด RTX 5090 แต่ละใบสามารถใช้ไฟได้ถึง 600W เมื่อโหลดเต็ม ทำให้ระบบนี้อาจใช้ไฟรวมถึง 2,400W เฉพาะการ์ดจอ ยังไม่รวม CPU และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่น่าตกใจคือ เขาใช้ PSU ขนาด 2,400W ซึ่งอาจไม่เพียงพอหากใช้งานเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะถ้าไม่ได้ใช้ PSU แบบ Platinum หรือ Titanium ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด แม้จะไม่มีการระบุว่าใช้ระบบนี้เพื่ออะไร แต่คาดว่าเป็นงานด้าน AI หรือการเรนเดอร์ระดับสูง เพราะการ์ดระดับนี้เกินความจำเป็นสำหรับการเล่นเกมทั่วไป ✅ สเปกของระบบ ➡️ ใช้ ASUS ROG Astral GeForce RTX 5090 จำนวน 4 ใบ ➡️ ติดตั้งด้วย PCIe 5.0 riser cable เพื่อจัดวางในอีกฝั่งของเคส ➡️ ใช้เคสขนาดใหญ่ที่รองรับการ์ด 4 สล็อต ➡️ มีระบบระบายความร้อนด้วย AIO สำหรับ CPU ✅ การใช้พลังงาน ➡️ RTX 5090 ใช้ไฟสูงสุด 600W ต่อใบ ➡️ รวมแล้วอาจใช้ไฟถึง 2,400W เฉพาะ GPU ➡️ PSU ที่ใช้มีขนาด 2,400W ซึ่งอาจไม่เพียงพอ ➡️ ควรใช้ PSU ขนาด 3,000W ขึ้นไปสำหรับระบบนี้ ✅ ความเป็นไปได้ในการใช้งาน ➡️ เหมาะกับงาน AI, การเรนเดอร์, หรือ simulation ➡️ ไม่เหมาะกับการเล่นเกมทั่วไป ➡️ ต้องมีการจัดการความร้อนและพลังงานอย่างระมัดระวัง ‼️ ความเสี่ยงด้านพลังงาน ⛔ PSU ขนาด 2,400W อาจไม่รองรับโหลดเต็มของระบบ ⛔ การใช้สาย 16-pin จำนวนมากอาจเสี่ยงต่อการหลอมละลาย ⛔ ต้องตรวจสอบคู่มือการใช้งานของผู้ผลิตอย่างละเอียด ‼️ ความร้อนและการระบายอากาศ ⛔ การ์ด 4 ใบในเคสเดียวอาจทำให้เกิดความร้อนสะสม ⛔ ต้องมีการจัด airflow ที่ดีเพื่อป้องกันความเสียหาย https://wccftech.com/user-sets-up-quad-rtx-5090-battlestation-with-gpus-filling-up-the-entire-tower/
    WCCFTECH.COM
    User Sets Up Quad-RTX 5090 Battlestation With GPUs Filling Up The Entire Tower
    A Redditor builds a battlestation with five ROG Astral GeForce RTX 5090 GPUs. The GPUs filled up the entire case.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Apple-1 ในตำนานเตรียมประมูลทะลุ $300,000 — คอมพิวเตอร์ไม้ที่เปลี่ยนโลก และเรื่องราวของเจ้าของผู้บุกเบิก”

    ในวันที่ 20 กันยายน 2025 ที่งาน Remarkable Rarities ของ RR Auctions ณ เมืองบอสตัน จะมีการประมูล Apple-1 เครื่องหายากที่ยังใช้งานได้จริง พร้อมกล่องไม้ Byte Shop ดั้งเดิม ซึ่งเชื่อว่าหลงเหลืออยู่เพียง 9 เครื่องในโลกเท่านั้น

    Apple-1 เครื่องนี้ไม่ใช่แค่ของสะสม แต่เป็น “ของจริง” ที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบชุดจากยุค 1976 ได้แก่ แผงวงจร Apple-1 หมายเลข “01-0020”, แป้นพิมพ์ Datanetics, จอภาพ, อินเทอร์เฟซเทป, ซอฟต์แวร์บนเทปคาสเซ็ต และคู่มือการใช้งานแบบร่วมสมัย ทุกชิ้นเป็นของแท้หรือถูกแทนที่ด้วยชิ้นส่วนที่ถูกต้องตามยุคสมัย

    สิ่งที่ทำให้เครื่องนี้พิเศษยิ่งขึ้นคือ “เจ้าของเดิม” — June Blodgett Moore ผู้หญิงคนแรกที่จบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งทำให้เครื่องนี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ทั้งด้านเทคโนโลยีและสังคม

    ตัวเครื่องได้รับการตรวจสอบและฟื้นฟูโดยผู้เชี่ยวชาญ Corey Cohen ในช่วงกลางปี 2025 และได้รับการประเมินสภาพที่ 8.0/10 โดยมีรอยร้าวเล็ก ๆ บนกล่องไม้ และแผ่นหลังที่ถูกถอดออกเพื่อเข้าถึงสายไฟ

    ภายในยังคงมีชิป MOS 6502 แบบเซรามิกขาว และตัวเก็บประจุ Sprague “Big Blue” ทั้งสามตัวดั้งเดิม ซึ่งหายากมากในเครื่องที่ยังหลงเหลืออยู่ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนไดโอดบางตัวด้วยชิ้นส่วนที่ถูกต้องตามยุคเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของระบบ

    กล่องไม้ Byte Shop นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นผลจากดีลครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง Steve Jobs และ Steve Wozniak กับร้าน Byte Shop ที่สั่งซื้อ Apple-1 จำนวน 50 เครื่องในราคาต่อเครื่อง $500 และขายต่อที่ $666.66 ซึ่ง Wozniakเคยกล่าวว่า “ไม่มีเหตุการณ์ใดในประวัติศาสตร์ของบริษัทที่ยิ่งใหญ่และเหนือความคาดหมายเท่านี้อีกแล้ว”

    https://www.tomshardware.com/pc-components/pc-cases/rare-apple-1-with-storied-ownership-could-fetch-over-usd300-000-at-auction-unit-housed-in-original-wood-case-thought-to-be-one-of-just-nine-surviving-examples
    🍏 “Apple-1 ในตำนานเตรียมประมูลทะลุ $300,000 — คอมพิวเตอร์ไม้ที่เปลี่ยนโลก และเรื่องราวของเจ้าของผู้บุกเบิก” ในวันที่ 20 กันยายน 2025 ที่งาน Remarkable Rarities ของ RR Auctions ณ เมืองบอสตัน จะมีการประมูล Apple-1 เครื่องหายากที่ยังใช้งานได้จริง พร้อมกล่องไม้ Byte Shop ดั้งเดิม ซึ่งเชื่อว่าหลงเหลืออยู่เพียง 9 เครื่องในโลกเท่านั้น Apple-1 เครื่องนี้ไม่ใช่แค่ของสะสม แต่เป็น “ของจริง” ที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบชุดจากยุค 1976 ได้แก่ แผงวงจร Apple-1 หมายเลข “01-0020”, แป้นพิมพ์ Datanetics, จอภาพ, อินเทอร์เฟซเทป, ซอฟต์แวร์บนเทปคาสเซ็ต และคู่มือการใช้งานแบบร่วมสมัย ทุกชิ้นเป็นของแท้หรือถูกแทนที่ด้วยชิ้นส่วนที่ถูกต้องตามยุคสมัย สิ่งที่ทำให้เครื่องนี้พิเศษยิ่งขึ้นคือ “เจ้าของเดิม” — June Blodgett Moore ผู้หญิงคนแรกที่จบการศึกษาจากคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งทำให้เครื่องนี้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ทั้งด้านเทคโนโลยีและสังคม ตัวเครื่องได้รับการตรวจสอบและฟื้นฟูโดยผู้เชี่ยวชาญ Corey Cohen ในช่วงกลางปี 2025 และได้รับการประเมินสภาพที่ 8.0/10 โดยมีรอยร้าวเล็ก ๆ บนกล่องไม้ และแผ่นหลังที่ถูกถอดออกเพื่อเข้าถึงสายไฟ ภายในยังคงมีชิป MOS 6502 แบบเซรามิกขาว และตัวเก็บประจุ Sprague “Big Blue” ทั้งสามตัวดั้งเดิม ซึ่งหายากมากในเครื่องที่ยังหลงเหลืออยู่ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนไดโอดบางตัวด้วยชิ้นส่วนที่ถูกต้องตามยุคเพื่อรักษาความสมบูรณ์ของระบบ กล่องไม้ Byte Shop นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นผลจากดีลครั้งประวัติศาสตร์ระหว่าง Steve Jobs และ Steve Wozniak กับร้าน Byte Shop ที่สั่งซื้อ Apple-1 จำนวน 50 เครื่องในราคาต่อเครื่อง $500 และขายต่อที่ $666.66 ซึ่ง Wozniakเคยกล่าวว่า “ไม่มีเหตุการณ์ใดในประวัติศาสตร์ของบริษัทที่ยิ่งใหญ่และเหนือความคาดหมายเท่านี้อีกแล้ว” https://www.tomshardware.com/pc-components/pc-cases/rare-apple-1-with-storied-ownership-could-fetch-over-usd300-000-at-auction-unit-housed-in-original-wood-case-thought-to-be-one-of-just-nine-surviving-examples
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรียนผู้ใช้งานทุกท่าน หากท่านต้องการตรวจสอบชื่อผู้ใช้งานและอีเมลในแอป ThaiTimes สามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้:

    1. กดที่ไอคอนโปรไฟล์ (มุมขวาบนของหน้าจอ) เพื่อเข้าสู่หน้าการตั้งค่า
    2. เลือก "การตั้งค่า" จากเมนูที่ปรากฏ เพื่อไปยังหน้าข้อมูลบัญชีของคุณ
    3. ในหน้าการตั้งค่า ตรวจสอบชื่อผู้ใช้งานและอีเมล ของท่านได้ในช่องข้อมูลบัญชี

    ขั้นตอนง่าย ๆ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ท่านตรวจสอบข้อมูลบัญชีของตนเองได้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อทีมงานได้ที่ Line: @sondhitalk

    #ThaiTimes #ตรวจสอบบัญชี #อัปเดตแอป #ข้อมูลผู้ใช้งาน #คู่มือการใช้งาน
    เรียนผู้ใช้งานทุกท่าน หากท่านต้องการตรวจสอบชื่อผู้ใช้งานและอีเมลในแอป ThaiTimes สามารถทำตามขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้: 1. กดที่ไอคอนโปรไฟล์ (มุมขวาบนของหน้าจอ) เพื่อเข้าสู่หน้าการตั้งค่า 2. เลือก "การตั้งค่า" จากเมนูที่ปรากฏ เพื่อไปยังหน้าข้อมูลบัญชีของคุณ 3. ในหน้าการตั้งค่า ตรวจสอบชื่อผู้ใช้งานและอีเมล ของท่านได้ในช่องข้อมูลบัญชี ขั้นตอนง่าย ๆ เพียงเท่านี้ก็ช่วยให้ท่านตรวจสอบข้อมูลบัญชีของตนเองได้ หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมสามารถติดต่อทีมงานได้ที่ Line: @sondhitalk #ThaiTimes #ตรวจสอบบัญชี #อัปเดตแอป #ข้อมูลผู้ใช้งาน #คู่มือการใช้งาน
    Like
    7
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1730 มุมมอง 0 รีวิว