• “10 พฤติกรรมที่ทำลายอาชีพผู้นำด้านความปลอดภัยไซเบอร์ โดยไม่รู้ตัว!”

    ลองจินตนาการว่าคุณเป็น CISO หรือหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยขององค์กรใหญ่ ทุกอย่างดูไปได้สวย…จนกระทั่งคุณเริ่มถูกมองว่าเป็น “ตัวขัดขวางธุรกิจ” หรือ “คนที่พูดแต่เรื่องเทคนิค” แล้วเส้นทางอาชีพที่เคยมั่นคงก็เริ่มสั่นคลอน

    บทความนี้จาก CSO Online ได้รวบรวม 10 พฤติกรรมที่อาจทำลายอาชีพของผู้นำด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แม้จะไม่ได้ผิดกฎหมายหรือผิดจรรยาบรรณ แต่ก็สามารถทำให้คุณถูกมองข้าม ถูกลดบทบาท หรือแม้แต่ถูกปลดออกจากตำแหน่งได้ หากไม่รู้จักปรับตัว

    สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายข้อไม่ใช่เรื่องเทคนิคเลย แต่เป็นเรื่องของ “ทัศนคติ” และ “วิธีคิด” เช่น การไม่เข้าใจธุรกิจ, การไม่ยืดหยุ่น, การไม่สื่อสาร หรือแม้แต่การไม่เข้าใจ AI ว่ามันเปลี่ยนภูมิทัศน์ภัยคุกคามไปอย่างไร

    1. ไม่เชื่อมโยงกลยุทธ์ความปลอดภัยกับเป้าหมายธุรกิจ
    ผู้นำที่ยังมองความปลอดภัยเป็น “ต้นทุน” จะถูกมองว่าไม่สนับสนุนการเติบโต
    ต้องเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้เฝ้าประตู” เป็น “ผู้สนับสนุนความก้าวหน้า”

    2. เป็นแค่คนเทคนิค ไม่ใช่ผู้นำธุรกิจ
    ขาดทักษะในการวัดผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อรายได้
    ควรหาที่ปรึกษานอกสายงาน IT เพื่อพัฒนาทักษะธุรกิจ

    3. ไม่สามารถพูดคำว่า “ใช่” ได้
    ต้องเข้าใจระดับความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้
    คำว่า “ใช่ แต่ขอให้ปลอดภัย” จะสร้างความร่วมมือมากกว่า “ไม่”

    4. ขีดเส้นแดงกับธุรกิจ
    การปฏิเสธแบบแข็งกร้าวจะทำให้ธุรกิจหาทางเลี่ยงคุณ
    ควรหาทางออกที่ปลอดภัยแทนการปิดประตูใส่กัน

    5. ยึดติดกับกฎเกินไป
    การยืดหยุ่นในบางกรณี เช่น การอนุญาตแอปชั่วคราว พร้อมควบคุมความเสี่ยง
    แสดงให้เห็นว่าทีมความปลอดภัยเป็น “พันธมิตร” ไม่ใช่ “อุปสรรค”

    6. เข้าใจ AI ผิด
    AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็น “ภูมิประเทศใหม่” ที่เปลี่ยนรูปแบบภัยคุกคาม
    ผู้นำที่ยังใช้ตรรกะเก่า จะตอบสนองต่อภัยที่ไม่มีอยู่จริง

    7. มองไม่เห็นระบบที่ต้องปกป้อง
    ต้องเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างระบบต่างๆ ทั้งเทคนิค เศรษฐกิจ วัฒนธรรม
    การขาด “การรับรู้แบบสังเคราะห์” จะทำให้การควบคุมล้มเหลว

    8. ทำงานคนเดียว ไม่สร้างเครือข่าย
    การสร้างความสัมพันธ์ในองค์กรคือกุญแจสู่ความสำเร็จ
    ควรเปิดใจ เรียนรู้จากผู้อื่น และแสดงความสนใจในงานของคนอื่น

    9. ไม่ให้เวลาและความสนใจ
    การปฏิเสธคำถามหรือข้อกังวลเล็กๆ อาจทำให้คนไม่กล้ารายงานปัญหาอีก
    การรับฟังอย่างจริงใจอาจเปิดเผยช่องโหว่สำคัญที่ซ่อนอยู่

    10. รับมือเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลผิดพลาด
    การมีแผนรับมือที่ซ้อมมาแล้วจะช่วยลดผลกระทบ
    การสื่อสารอย่างชัดเจนและควบคุมสถานการณ์คือสิ่งที่องค์กรต้องการ

    https://www.csoonline.com/article/4051656/10-security-leadership-career-killers-and-how-to-avoid-them.html
    🧨 “10 พฤติกรรมที่ทำลายอาชีพผู้นำด้านความปลอดภัยไซเบอร์ โดยไม่รู้ตัว!” ลองจินตนาการว่าคุณเป็น CISO หรือหัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยขององค์กรใหญ่ ทุกอย่างดูไปได้สวย…จนกระทั่งคุณเริ่มถูกมองว่าเป็น “ตัวขัดขวางธุรกิจ” หรือ “คนที่พูดแต่เรื่องเทคนิค” แล้วเส้นทางอาชีพที่เคยมั่นคงก็เริ่มสั่นคลอน บทความนี้จาก CSO Online ได้รวบรวม 10 พฤติกรรมที่อาจทำลายอาชีพของผู้นำด้านความปลอดภัยไซเบอร์ แม้จะไม่ได้ผิดกฎหมายหรือผิดจรรยาบรรณ แต่ก็สามารถทำให้คุณถูกมองข้าม ถูกลดบทบาท หรือแม้แต่ถูกปลดออกจากตำแหน่งได้ หากไม่รู้จักปรับตัว สิ่งที่น่าสนใจคือ หลายข้อไม่ใช่เรื่องเทคนิคเลย แต่เป็นเรื่องของ “ทัศนคติ” และ “วิธีคิด” เช่น การไม่เข้าใจธุรกิจ, การไม่ยืดหยุ่น, การไม่สื่อสาร หรือแม้แต่การไม่เข้าใจ AI ว่ามันเปลี่ยนภูมิทัศน์ภัยคุกคามไปอย่างไร ✅ 1. ไม่เชื่อมโยงกลยุทธ์ความปลอดภัยกับเป้าหมายธุรกิจ ➡️ ผู้นำที่ยังมองความปลอดภัยเป็น “ต้นทุน” จะถูกมองว่าไม่สนับสนุนการเติบโต ➡️ ต้องเปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้เฝ้าประตู” เป็น “ผู้สนับสนุนความก้าวหน้า” ✅ 2. เป็นแค่คนเทคนิค ไม่ใช่ผู้นำธุรกิจ ➡️ ขาดทักษะในการวัดผลกระทบด้านความปลอดภัยต่อรายได้ ➡️ ควรหาที่ปรึกษานอกสายงาน IT เพื่อพัฒนาทักษะธุรกิจ ✅ 3. ไม่สามารถพูดคำว่า “ใช่” ได้ ➡️ ต้องเข้าใจระดับความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ ➡️ คำว่า “ใช่ แต่ขอให้ปลอดภัย” จะสร้างความร่วมมือมากกว่า “ไม่” ✅ 4. ขีดเส้นแดงกับธุรกิจ ➡️ การปฏิเสธแบบแข็งกร้าวจะทำให้ธุรกิจหาทางเลี่ยงคุณ ➡️ ควรหาทางออกที่ปลอดภัยแทนการปิดประตูใส่กัน ✅ 5. ยึดติดกับกฎเกินไป ➡️ การยืดหยุ่นในบางกรณี เช่น การอนุญาตแอปชั่วคราว พร้อมควบคุมความเสี่ยง ➡️ แสดงให้เห็นว่าทีมความปลอดภัยเป็น “พันธมิตร” ไม่ใช่ “อุปสรรค” ✅ 6. เข้าใจ AI ผิด ➡️ AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็น “ภูมิประเทศใหม่” ที่เปลี่ยนรูปแบบภัยคุกคาม ➡️ ผู้นำที่ยังใช้ตรรกะเก่า จะตอบสนองต่อภัยที่ไม่มีอยู่จริง ✅ 7. มองไม่เห็นระบบที่ต้องปกป้อง ➡️ ต้องเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างระบบต่างๆ ทั้งเทคนิค เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ➡️ การขาด “การรับรู้แบบสังเคราะห์” จะทำให้การควบคุมล้มเหลว ✅ 8. ทำงานคนเดียว ไม่สร้างเครือข่าย ➡️ การสร้างความสัมพันธ์ในองค์กรคือกุญแจสู่ความสำเร็จ ➡️ ควรเปิดใจ เรียนรู้จากผู้อื่น และแสดงความสนใจในงานของคนอื่น ✅ 9. ไม่ให้เวลาและความสนใจ ➡️ การปฏิเสธคำถามหรือข้อกังวลเล็กๆ อาจทำให้คนไม่กล้ารายงานปัญหาอีก ➡️ การรับฟังอย่างจริงใจอาจเปิดเผยช่องโหว่สำคัญที่ซ่อนอยู่ ✅ 10. รับมือเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลผิดพลาด ➡️ การมีแผนรับมือที่ซ้อมมาแล้วจะช่วยลดผลกระทบ ➡️ การสื่อสารอย่างชัดเจนและควบคุมสถานการณ์คือสิ่งที่องค์กรต้องการ https://www.csoonline.com/article/4051656/10-security-leadership-career-killers-and-how-to-avoid-them.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    10 security leadership career-killers — and how to avoid them
    From failing to align security strategy to business priorities, to fumbling a breach, CISOs and aspiring security leaders can hamper their professional ambitions through a range of preventable missteps.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากออฟฟิศแห่งอนาคต: เมื่อทุกงานกลายเป็นเรื่องของ AI

    Yahoo Japan ซึ่งบริหาร LINE ด้วยเช่นกัน ได้เริ่มใช้ internal tool ชื่อว่า SeekAI ซึ่งเป็นระบบ AI ช่วยจัดการหลายเรื่องที่กินเวลางาน เช่น:
    - สรุปบันทึกการประชุม
    - เขียนและตรวจแก้รายงาน
    - จัดการคำขอคืนค่าใช้จ่าย
    - ค้นข้อมูลคู่แข่งหรือแนวโน้มทางธุรกิจ

    โดยในระยะแรกบริษัทตั้งเป้า “อัตโนมัติ 30% ของงานที่กินเวลามากที่สุด” เช่นการพิมพ์เอกสาร หาข้อมูล และเขียนอีเมล — เพื่อเปลี่ยนเวลาเหล่านั้นให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และการสื่อสารแบบมนุษย์

    สิ่งที่ Yahoo Japan ย้ำคือ “AI เป็นเลเยอร์ช่วยงาน ไม่ใช่ตัวแทนมนุษย์” — ต่างจากบางองค์กรที่ใช้ AI เพื่อทดแทนคนแล้วมักเจอปัญหา เช่นบริษัทในอังกฤษหลายแห่งที่ “เสียใจหลังจากใช้ AI แทนแรงงานจริง” เพราะงานบางประเภทต้องอาศัยบริบท, ความเข้าใจ, และความเห็นอกเห็นใจ ซึ่ง AI ยังทำไม่ได้ดีพอ

    Yahoo Japan ใช้ Generative AI กับพนักงานกว่า 11,000 คนแบบ "ทุกคนต้องใช้"
    ตั้งเป้าเพิ่ม productivity ขึ้น 2 เท่า ภายในปี 2028

    เริ่มจากอัตโนมัติงานพื้นฐาน 30% เช่น drafting, meeting notes, research
    เพื่อให้คนมีเวลาสำหรับตัดสินใจและคิดเชิงกลยุทธ์มากขึ้น

    ใช้ SeekAI เป็นเครื่องมือหลักภายในองค์กรสำหรับจัดการงานเอกสารและข้อมูล
    เช่นสรุปรายงาน, proofread, ค้นหาข้อมูลจาก template prompt

    AI ถูกใช้ในงาน competitive research และ expense management ด้วย
    ไม่ใช่แค่เรื่องเอกสาร แต่ครอบคลุมทุกส่วนที่ใช้เวลาเยอะ

    แนวทางนี้มองว่า AI คือ support layer สำหรับงานมนุษย์ ไม่ใช่ตัวแทน
    เป้าหมายคือความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพ ไม่ใช่ลดต้นทุนโดยตรง

    อ้างอิงจากรายงานของ Orgvue: บริษัทอังกฤษที่ใช้ AI แทนคนกว่า “ครึ่งหนึ่งเสียใจ” ภายหลัง
    แสดงว่าแนวคิดแทนคนโดยตรงอาจไม่เวิร์กในระยะยาว

    การบังคับใช้ AI กับพนักงานทุกคนต้องมีการฝึกและวางระบบความเข้าใจอย่างดี
    หากพนักงานรู้สึกว่าใช้ AI แทนตนเอง อาจเกิดความต้านทานและลด morale

    งานบางอย่างยังต้องใช้ “ความเข้าใจมนุษย์” เช่นการตัดสินใจเชิงบริบท หรือการสื่อสารแบบเห็นอกเห็นใจ
    หากใช้ AI เกินไปในงานเหล่านี้ อาจทำให้คุณภาพและความสัมพันธ์ในองค์กรลดลง

    การผลักดัน productivity โดยใช้ AI อาจไม่สำเร็จ หากไม่มีการประเมิน impact เชิงคุณภาพควบคู่
    เพราะ productivity สูงขึ้นไม่เท่ากับความคิดสร้างสรรค์หรือสุขภาพองค์กรดีขึ้น

    ความสำเร็จขึ้นกับ “การนำ AI มาใช้ให้เหมาะ” มากกว่า “ใช้ให้ครบทุกคนทุกงาน”
    ถ้าขาดความยืดหยุ่นและเลือกใช้แบบ blanket policy อาจกลายเป็นข้อจำกัดแทนที่จะเป็นนวัตกรรม

    https://www.techradar.com/pro/yahoo-japan-wants-all-its-11-000-employees-to-use-gen-ai-to-double-their-productivity-by-2028-is-it-a-sign-of-things-to-come
    🎙️ เรื่องเล่าจากออฟฟิศแห่งอนาคต: เมื่อทุกงานกลายเป็นเรื่องของ AI Yahoo Japan ซึ่งบริหาร LINE ด้วยเช่นกัน ได้เริ่มใช้ internal tool ชื่อว่า SeekAI ซึ่งเป็นระบบ AI ช่วยจัดการหลายเรื่องที่กินเวลางาน เช่น: - สรุปบันทึกการประชุม - เขียนและตรวจแก้รายงาน - จัดการคำขอคืนค่าใช้จ่าย - ค้นข้อมูลคู่แข่งหรือแนวโน้มทางธุรกิจ โดยในระยะแรกบริษัทตั้งเป้า “อัตโนมัติ 30% ของงานที่กินเวลามากที่สุด” เช่นการพิมพ์เอกสาร หาข้อมูล และเขียนอีเมล — เพื่อเปลี่ยนเวลาเหล่านั้นให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และการสื่อสารแบบมนุษย์ สิ่งที่ Yahoo Japan ย้ำคือ “AI เป็นเลเยอร์ช่วยงาน ไม่ใช่ตัวแทนมนุษย์” — ต่างจากบางองค์กรที่ใช้ AI เพื่อทดแทนคนแล้วมักเจอปัญหา เช่นบริษัทในอังกฤษหลายแห่งที่ “เสียใจหลังจากใช้ AI แทนแรงงานจริง” เพราะงานบางประเภทต้องอาศัยบริบท, ความเข้าใจ, และความเห็นอกเห็นใจ ซึ่ง AI ยังทำไม่ได้ดีพอ ✅ Yahoo Japan ใช้ Generative AI กับพนักงานกว่า 11,000 คนแบบ "ทุกคนต้องใช้" ➡️ ตั้งเป้าเพิ่ม productivity ขึ้น 2 เท่า ภายในปี 2028 ✅ เริ่มจากอัตโนมัติงานพื้นฐาน 30% เช่น drafting, meeting notes, research ➡️ เพื่อให้คนมีเวลาสำหรับตัดสินใจและคิดเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ✅ ใช้ SeekAI เป็นเครื่องมือหลักภายในองค์กรสำหรับจัดการงานเอกสารและข้อมูล ➡️ เช่นสรุปรายงาน, proofread, ค้นหาข้อมูลจาก template prompt ✅ AI ถูกใช้ในงาน competitive research และ expense management ด้วย ➡️ ไม่ใช่แค่เรื่องเอกสาร แต่ครอบคลุมทุกส่วนที่ใช้เวลาเยอะ ✅ แนวทางนี้มองว่า AI คือ support layer สำหรับงานมนุษย์ ไม่ใช่ตัวแทน ➡️ เป้าหมายคือความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพ ไม่ใช่ลดต้นทุนโดยตรง ✅ อ้างอิงจากรายงานของ Orgvue: บริษัทอังกฤษที่ใช้ AI แทนคนกว่า “ครึ่งหนึ่งเสียใจ” ภายหลัง ➡️ แสดงว่าแนวคิดแทนคนโดยตรงอาจไม่เวิร์กในระยะยาว ‼️ การบังคับใช้ AI กับพนักงานทุกคนต้องมีการฝึกและวางระบบความเข้าใจอย่างดี ⛔ หากพนักงานรู้สึกว่าใช้ AI แทนตนเอง อาจเกิดความต้านทานและลด morale ‼️ งานบางอย่างยังต้องใช้ “ความเข้าใจมนุษย์” เช่นการตัดสินใจเชิงบริบท หรือการสื่อสารแบบเห็นอกเห็นใจ ⛔ หากใช้ AI เกินไปในงานเหล่านี้ อาจทำให้คุณภาพและความสัมพันธ์ในองค์กรลดลง ‼️ การผลักดัน productivity โดยใช้ AI อาจไม่สำเร็จ หากไม่มีการประเมิน impact เชิงคุณภาพควบคู่ ⛔ เพราะ productivity สูงขึ้นไม่เท่ากับความคิดสร้างสรรค์หรือสุขภาพองค์กรดีขึ้น ‼️ ความสำเร็จขึ้นกับ “การนำ AI มาใช้ให้เหมาะ” มากกว่า “ใช้ให้ครบทุกคนทุกงาน” ⛔ ถ้าขาดความยืดหยุ่นและเลือกใช้แบบ blanket policy อาจกลายเป็นข้อจำกัดแทนที่จะเป็นนวัตกรรม https://www.techradar.com/pro/yahoo-japan-wants-all-its-11-000-employees-to-use-gen-ai-to-double-their-productivity-by-2028-is-it-a-sign-of-things-to-come
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 318 มุมมอง 0 รีวิว
  • การพูดคุยเจรจา: วิธีแก้ปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ในองค์กรอย่างมีเป้าหมายในองค์กรที่มีความซับซ้อนและประกอบด้วยบุคคลหลากหลายความคิด การเกิดปัญหาและความขัดแย้งเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ การพูดคุยเจรจา (Negotiation and Communication) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของการพูดคุยเจรจา วิธีการนำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ และผลลัพธ์ที่องค์กรจะได้รับจากการใช้ทักษะนี้ความสำคัญของการพูดคุยเจรจา1. แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดการพูดคุยเจรจาช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาได้โดยตรง ซึ่งนำไปสู่การหาข้อตกลงหรือแนวทางแก้ไขที่ทุกฝ่ายยอมรับได้2. ลดความขัดแย้งในองค์กรเมื่อมีการสื่อสารอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือทีมจะลดลง และส่งผลให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น3. สร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือการพูดคุยอย่างเปิดใจและมีเป้าหมายช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างบุคคล และกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันวิธีการพูดคุยเจรจาอย่างมีประสิทธิภาพ1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนเริ่มการพูดคุย ควรกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้ชัดเจน เช่น การหาข้อตกลง การลดความเข้าใจผิด หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น2. ฟังอย่างตั้งใจการฟังเป็นหัวใจสำคัญของการพูดคุยที่มีประสิทธิภาพ การให้โอกาสผู้อื่นได้แสดงความคิดเห็นจะช่วยสร้างความไว้วางใจและเพิ่มความเข้าใจซึ่งกันและกัน3. ใช้ภาษาที่เหมาะสมเลือกใช้คำพูดที่สุภาพ ชัดเจน และเหมาะสมกับบริบท หลีกเลี่ยงการใช้คำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง4. ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ร่วมมุ่งเน้นหาทางออกที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์หรือยอมรับได้ ไม่ใช่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง5. ติดตามผลหลังการเจรจาหลังการพูดคุย ควรมีการติดตามผลเพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหรือแนวทางแก้ปัญหาถูกนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องผลลัพธ์จากการพูดคุยเจรจาที่มีเป้าหมายความสัมพันธ์ในองค์กรดีขึ้นเมื่อบุคลากรมีความเข้าใจกันและสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น จะส่งผลให้บรรยากาศในที่ทำงานดีขึ้นประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นการสื่อสารที่ดีช่วยลดอุปสรรคในการทำงาน และส่งเสริมให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพูดคุยเจรจาอย่างสร้างสรรค์จะเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่สนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือสรุปการพูดคุยเจรจาไม่เพียงแค่เป็นวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นในองค์กร แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรและส่งเสริมความสำเร็จในระยะยาว หากองค์กรสามารถปลูกฝังและสนับสนุนการพูดคุยเจรจาอย่างมีเป้าหมายได้ ย่อมเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน.
    การพูดคุยเจรจา: วิธีแก้ปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ในองค์กรอย่างมีเป้าหมายในองค์กรที่มีความซับซ้อนและประกอบด้วยบุคคลหลากหลายความคิด การเกิดปัญหาและความขัดแย้งเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ การพูดคุยเจรจา (Negotiation and Communication) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของการพูดคุยเจรจา วิธีการนำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ และผลลัพธ์ที่องค์กรจะได้รับจากการใช้ทักษะนี้ความสำคัญของการพูดคุยเจรจา1. แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดการพูดคุยเจรจาช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาได้โดยตรง ซึ่งนำไปสู่การหาข้อตกลงหรือแนวทางแก้ไขที่ทุกฝ่ายยอมรับได้2. ลดความขัดแย้งในองค์กรเมื่อมีการสื่อสารอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือทีมจะลดลง และส่งผลให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น3. สร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือการพูดคุยอย่างเปิดใจและมีเป้าหมายช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างบุคคล และกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันวิธีการพูดคุยเจรจาอย่างมีประสิทธิภาพ1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนเริ่มการพูดคุย ควรกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้ชัดเจน เช่น การหาข้อตกลง การลดความเข้าใจผิด หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น2. ฟังอย่างตั้งใจการฟังเป็นหัวใจสำคัญของการพูดคุยที่มีประสิทธิภาพ การให้โอกาสผู้อื่นได้แสดงความคิดเห็นจะช่วยสร้างความไว้วางใจและเพิ่มความเข้าใจซึ่งกันและกัน3. ใช้ภาษาที่เหมาะสมเลือกใช้คำพูดที่สุภาพ ชัดเจน และเหมาะสมกับบริบท หลีกเลี่ยงการใช้คำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง4. ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ร่วมมุ่งเน้นหาทางออกที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์หรือยอมรับได้ ไม่ใช่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง5. ติดตามผลหลังการเจรจาหลังการพูดคุย ควรมีการติดตามผลเพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหรือแนวทางแก้ปัญหาถูกนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องผลลัพธ์จากการพูดคุยเจรจาที่มีเป้าหมายความสัมพันธ์ในองค์กรดีขึ้นเมื่อบุคลากรมีความเข้าใจกันและสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น จะส่งผลให้บรรยากาศในที่ทำงานดีขึ้นประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นการสื่อสารที่ดีช่วยลดอุปสรรคในการทำงาน และส่งเสริมให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพูดคุยเจรจาอย่างสร้างสรรค์จะเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่สนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือสรุปการพูดคุยเจรจาไม่เพียงแค่เป็นวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นในองค์กร แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรและส่งเสริมความสำเร็จในระยะยาว หากองค์กรสามารถปลูกฝังและสนับสนุนการพูดคุยเจรจาอย่างมีเป้าหมายได้ ย่อมเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 546 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงจันทร์ (Moon) ในโหราศาสตร์ธุรกิจ

    ดวงจันทร์ เป็นสัญลักษณ์ของความรู้สึก สัญชาตญาณ และการปรับตัว ในโหราศาสตร์ธุรกิจ ดวงจันทร์สามารถบ่งบอกถึงความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของพนักงานและลูกค้า การเชื่อมต่อกับความต้องการที่แท้จริง และการสร้างความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงในองค์กร

    ความหมายของดวงจันทร์ในโหราศาสตร์ธุรกิจ

    ดวงจันทร์มีความเกี่ยวข้องกับ การดูแลและบริหารจัดการภายในองค์กร แสดงถึงการสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตร การดูแลความเป็นอยู่ของพนักงาน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีความผูกพันต่อกัน ดวงจันทร์ยังบอกถึงความสามารถในการ เข้าใจความต้องการของลูกค้า และการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้ดี

    วิธีใช้พลังของดวงจันทร์ในธุรกิจ

    1️⃣ การสร้างความสัมพันธ์ในองค์กร: แผนกที่ดวงจันทร์เด่นชัด เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ควรเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน การดูแลสวัสดิการ และการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทำให้พนักงานรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย

    2️⃣ การปรับตัวและการตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณ: ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วหรือเมื่อตลาดเปลี่ยนแปลง ธุรกิจที่มีดวงจันทร์แข็งแรงจะสามารถใช้สัญชาตญาณในการวางแผนและปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    3️⃣ การบริหารจัดการความรู้สึกของลูกค้า: การเข้าใจความรู้สึกของลูกค้าช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความพึงพอใจและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนได้ เช่น การใช้ดวงจันทร์ในการกำหนดช่วงเวลาในการสื่อสาร หรือการจัดกิจกรรมที่เข้าถึงอารมณ์และความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

    สรุป: พลังของดวงจันทร์ในโหราศาสตร์ธุรกิจ

    ดวงจันทร์เป็นมากกว่าดาวแห่งอารมณ์และความรู้สึก แต่ยังสะท้อนถึงการดูแล การปรับตัว และการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงในองค์กร หากธุรกิจของคุณต้องการเน้นการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี การเข้าใจความรู้สึกของลูกค้า หรือการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง ดวงจันทร์ในดวงชะตาธุรกิจจะช่วยบอกถึงแนวทางในการบริหารงานได้อย่างลึกซึ้ง

    #โหราศาสตร์ธุรกิจ #BusinessAstrology #ดวงจันทร์ #การวางแผนธุรกิจ #การบริหารองค์กร #ความสัมพันธ์ในองค์กร #เข้าใจลูกค้า #การจัดการธุรกิจ #วัฒนธรรมองค์กร
    ดวงจันทร์ (Moon) ในโหราศาสตร์ธุรกิจ 🌕✨ ดวงจันทร์ เป็นสัญลักษณ์ของความรู้สึก สัญชาตญาณ และการปรับตัว ในโหราศาสตร์ธุรกิจ ดวงจันทร์สามารถบ่งบอกถึงความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของพนักงานและลูกค้า 💬 การเชื่อมต่อกับความต้องการที่แท้จริง และการสร้างความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงในองค์กร 🌟 ความหมายของดวงจันทร์ในโหราศาสตร์ธุรกิจ 🏢 ดวงจันทร์มีความเกี่ยวข้องกับ การดูแลและบริหารจัดการภายในองค์กร 💼 แสดงถึงการสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตร การดูแลความเป็นอยู่ของพนักงาน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีความผูกพันต่อกัน 🤝 ดวงจันทร์ยังบอกถึงความสามารถในการ เข้าใจความต้องการของลูกค้า และการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้ดี 📈 วิธีใช้พลังของดวงจันทร์ในธุรกิจ 💡 1️⃣ การสร้างความสัมพันธ์ในองค์กร: แผนกที่ดวงจันทร์เด่นชัด เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ควรเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน การดูแลสวัสดิการ และการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทำให้พนักงานรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย 👥 2️⃣ การปรับตัวและการตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณ: ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วหรือเมื่อตลาดเปลี่ยนแปลง ธุรกิจที่มีดวงจันทร์แข็งแรงจะสามารถใช้สัญชาตญาณในการวางแผนและปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ 💪 3️⃣ การบริหารจัดการความรู้สึกของลูกค้า: การเข้าใจความรู้สึกของลูกค้าช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความพึงพอใจและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนได้ 🔄 เช่น การใช้ดวงจันทร์ในการกำหนดช่วงเวลาในการสื่อสาร หรือการจัดกิจกรรมที่เข้าถึงอารมณ์และความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น 🛍️ สรุป: พลังของดวงจันทร์ในโหราศาสตร์ธุรกิจ 🌕✨ ดวงจันทร์เป็นมากกว่าดาวแห่งอารมณ์และความรู้สึก แต่ยังสะท้อนถึงการดูแล การปรับตัว และการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงในองค์กร หากธุรกิจของคุณต้องการเน้นการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี การเข้าใจความรู้สึกของลูกค้า หรือการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง ดวงจันทร์ในดวงชะตาธุรกิจจะช่วยบอกถึงแนวทางในการบริหารงานได้อย่างลึกซึ้ง ✨💼 #โหราศาสตร์ธุรกิจ #BusinessAstrology #ดวงจันทร์ #การวางแผนธุรกิจ #การบริหารองค์กร #ความสัมพันธ์ในองค์กร #เข้าใจลูกค้า #การจัดการธุรกิจ #วัฒนธรรมองค์กร
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1012 มุมมอง 0 รีวิว