• เรื่องเล่าจากออฟฟิศแห่งอนาคต: เมื่อทุกงานกลายเป็นเรื่องของ AI

    Yahoo Japan ซึ่งบริหาร LINE ด้วยเช่นกัน ได้เริ่มใช้ internal tool ชื่อว่า SeekAI ซึ่งเป็นระบบ AI ช่วยจัดการหลายเรื่องที่กินเวลางาน เช่น:
    - สรุปบันทึกการประชุม
    - เขียนและตรวจแก้รายงาน
    - จัดการคำขอคืนค่าใช้จ่าย
    - ค้นข้อมูลคู่แข่งหรือแนวโน้มทางธุรกิจ

    โดยในระยะแรกบริษัทตั้งเป้า “อัตโนมัติ 30% ของงานที่กินเวลามากที่สุด” เช่นการพิมพ์เอกสาร หาข้อมูล และเขียนอีเมล — เพื่อเปลี่ยนเวลาเหล่านั้นให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และการสื่อสารแบบมนุษย์

    สิ่งที่ Yahoo Japan ย้ำคือ “AI เป็นเลเยอร์ช่วยงาน ไม่ใช่ตัวแทนมนุษย์” — ต่างจากบางองค์กรที่ใช้ AI เพื่อทดแทนคนแล้วมักเจอปัญหา เช่นบริษัทในอังกฤษหลายแห่งที่ “เสียใจหลังจากใช้ AI แทนแรงงานจริง” เพราะงานบางประเภทต้องอาศัยบริบท, ความเข้าใจ, และความเห็นอกเห็นใจ ซึ่ง AI ยังทำไม่ได้ดีพอ

    Yahoo Japan ใช้ Generative AI กับพนักงานกว่า 11,000 คนแบบ "ทุกคนต้องใช้"
    ตั้งเป้าเพิ่ม productivity ขึ้น 2 เท่า ภายในปี 2028

    เริ่มจากอัตโนมัติงานพื้นฐาน 30% เช่น drafting, meeting notes, research
    เพื่อให้คนมีเวลาสำหรับตัดสินใจและคิดเชิงกลยุทธ์มากขึ้น

    ใช้ SeekAI เป็นเครื่องมือหลักภายในองค์กรสำหรับจัดการงานเอกสารและข้อมูล
    เช่นสรุปรายงาน, proofread, ค้นหาข้อมูลจาก template prompt

    AI ถูกใช้ในงาน competitive research และ expense management ด้วย
    ไม่ใช่แค่เรื่องเอกสาร แต่ครอบคลุมทุกส่วนที่ใช้เวลาเยอะ

    แนวทางนี้มองว่า AI คือ support layer สำหรับงานมนุษย์ ไม่ใช่ตัวแทน
    เป้าหมายคือความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพ ไม่ใช่ลดต้นทุนโดยตรง

    อ้างอิงจากรายงานของ Orgvue: บริษัทอังกฤษที่ใช้ AI แทนคนกว่า “ครึ่งหนึ่งเสียใจ” ภายหลัง
    แสดงว่าแนวคิดแทนคนโดยตรงอาจไม่เวิร์กในระยะยาว

    การบังคับใช้ AI กับพนักงานทุกคนต้องมีการฝึกและวางระบบความเข้าใจอย่างดี
    หากพนักงานรู้สึกว่าใช้ AI แทนตนเอง อาจเกิดความต้านทานและลด morale

    งานบางอย่างยังต้องใช้ “ความเข้าใจมนุษย์” เช่นการตัดสินใจเชิงบริบท หรือการสื่อสารแบบเห็นอกเห็นใจ
    หากใช้ AI เกินไปในงานเหล่านี้ อาจทำให้คุณภาพและความสัมพันธ์ในองค์กรลดลง

    การผลักดัน productivity โดยใช้ AI อาจไม่สำเร็จ หากไม่มีการประเมิน impact เชิงคุณภาพควบคู่
    เพราะ productivity สูงขึ้นไม่เท่ากับความคิดสร้างสรรค์หรือสุขภาพองค์กรดีขึ้น

    ความสำเร็จขึ้นกับ “การนำ AI มาใช้ให้เหมาะ” มากกว่า “ใช้ให้ครบทุกคนทุกงาน”
    ถ้าขาดความยืดหยุ่นและเลือกใช้แบบ blanket policy อาจกลายเป็นข้อจำกัดแทนที่จะเป็นนวัตกรรม

    https://www.techradar.com/pro/yahoo-japan-wants-all-its-11-000-employees-to-use-gen-ai-to-double-their-productivity-by-2028-is-it-a-sign-of-things-to-come
    🎙️ เรื่องเล่าจากออฟฟิศแห่งอนาคต: เมื่อทุกงานกลายเป็นเรื่องของ AI Yahoo Japan ซึ่งบริหาร LINE ด้วยเช่นกัน ได้เริ่มใช้ internal tool ชื่อว่า SeekAI ซึ่งเป็นระบบ AI ช่วยจัดการหลายเรื่องที่กินเวลางาน เช่น: - สรุปบันทึกการประชุม - เขียนและตรวจแก้รายงาน - จัดการคำขอคืนค่าใช้จ่าย - ค้นข้อมูลคู่แข่งหรือแนวโน้มทางธุรกิจ โดยในระยะแรกบริษัทตั้งเป้า “อัตโนมัติ 30% ของงานที่กินเวลามากที่สุด” เช่นการพิมพ์เอกสาร หาข้อมูล และเขียนอีเมล — เพื่อเปลี่ยนเวลาเหล่านั้นให้กลายเป็นพื้นที่สำหรับการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และการสื่อสารแบบมนุษย์ สิ่งที่ Yahoo Japan ย้ำคือ “AI เป็นเลเยอร์ช่วยงาน ไม่ใช่ตัวแทนมนุษย์” — ต่างจากบางองค์กรที่ใช้ AI เพื่อทดแทนคนแล้วมักเจอปัญหา เช่นบริษัทในอังกฤษหลายแห่งที่ “เสียใจหลังจากใช้ AI แทนแรงงานจริง” เพราะงานบางประเภทต้องอาศัยบริบท, ความเข้าใจ, และความเห็นอกเห็นใจ ซึ่ง AI ยังทำไม่ได้ดีพอ ✅ Yahoo Japan ใช้ Generative AI กับพนักงานกว่า 11,000 คนแบบ "ทุกคนต้องใช้" ➡️ ตั้งเป้าเพิ่ม productivity ขึ้น 2 เท่า ภายในปี 2028 ✅ เริ่มจากอัตโนมัติงานพื้นฐาน 30% เช่น drafting, meeting notes, research ➡️ เพื่อให้คนมีเวลาสำหรับตัดสินใจและคิดเชิงกลยุทธ์มากขึ้น ✅ ใช้ SeekAI เป็นเครื่องมือหลักภายในองค์กรสำหรับจัดการงานเอกสารและข้อมูล ➡️ เช่นสรุปรายงาน, proofread, ค้นหาข้อมูลจาก template prompt ✅ AI ถูกใช้ในงาน competitive research และ expense management ด้วย ➡️ ไม่ใช่แค่เรื่องเอกสาร แต่ครอบคลุมทุกส่วนที่ใช้เวลาเยอะ ✅ แนวทางนี้มองว่า AI คือ support layer สำหรับงานมนุษย์ ไม่ใช่ตัวแทน ➡️ เป้าหมายคือความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพ ไม่ใช่ลดต้นทุนโดยตรง ✅ อ้างอิงจากรายงานของ Orgvue: บริษัทอังกฤษที่ใช้ AI แทนคนกว่า “ครึ่งหนึ่งเสียใจ” ภายหลัง ➡️ แสดงว่าแนวคิดแทนคนโดยตรงอาจไม่เวิร์กในระยะยาว ‼️ การบังคับใช้ AI กับพนักงานทุกคนต้องมีการฝึกและวางระบบความเข้าใจอย่างดี ⛔ หากพนักงานรู้สึกว่าใช้ AI แทนตนเอง อาจเกิดความต้านทานและลด morale ‼️ งานบางอย่างยังต้องใช้ “ความเข้าใจมนุษย์” เช่นการตัดสินใจเชิงบริบท หรือการสื่อสารแบบเห็นอกเห็นใจ ⛔ หากใช้ AI เกินไปในงานเหล่านี้ อาจทำให้คุณภาพและความสัมพันธ์ในองค์กรลดลง ‼️ การผลักดัน productivity โดยใช้ AI อาจไม่สำเร็จ หากไม่มีการประเมิน impact เชิงคุณภาพควบคู่ ⛔ เพราะ productivity สูงขึ้นไม่เท่ากับความคิดสร้างสรรค์หรือสุขภาพองค์กรดีขึ้น ‼️ ความสำเร็จขึ้นกับ “การนำ AI มาใช้ให้เหมาะ” มากกว่า “ใช้ให้ครบทุกคนทุกงาน” ⛔ ถ้าขาดความยืดหยุ่นและเลือกใช้แบบ blanket policy อาจกลายเป็นข้อจำกัดแทนที่จะเป็นนวัตกรรม https://www.techradar.com/pro/yahoo-japan-wants-all-its-11-000-employees-to-use-gen-ai-to-double-their-productivity-by-2028-is-it-a-sign-of-things-to-come
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • การพูดคุยเจรจา: วิธีแก้ปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ในองค์กรอย่างมีเป้าหมายในองค์กรที่มีความซับซ้อนและประกอบด้วยบุคคลหลากหลายความคิด การเกิดปัญหาและความขัดแย้งเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ การพูดคุยเจรจา (Negotiation and Communication) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของการพูดคุยเจรจา วิธีการนำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ และผลลัพธ์ที่องค์กรจะได้รับจากการใช้ทักษะนี้ความสำคัญของการพูดคุยเจรจา1. แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดการพูดคุยเจรจาช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาได้โดยตรง ซึ่งนำไปสู่การหาข้อตกลงหรือแนวทางแก้ไขที่ทุกฝ่ายยอมรับได้2. ลดความขัดแย้งในองค์กรเมื่อมีการสื่อสารอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือทีมจะลดลง และส่งผลให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น3. สร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือการพูดคุยอย่างเปิดใจและมีเป้าหมายช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างบุคคล และกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันวิธีการพูดคุยเจรจาอย่างมีประสิทธิภาพ1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนเริ่มการพูดคุย ควรกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้ชัดเจน เช่น การหาข้อตกลง การลดความเข้าใจผิด หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น2. ฟังอย่างตั้งใจการฟังเป็นหัวใจสำคัญของการพูดคุยที่มีประสิทธิภาพ การให้โอกาสผู้อื่นได้แสดงความคิดเห็นจะช่วยสร้างความไว้วางใจและเพิ่มความเข้าใจซึ่งกันและกัน3. ใช้ภาษาที่เหมาะสมเลือกใช้คำพูดที่สุภาพ ชัดเจน และเหมาะสมกับบริบท หลีกเลี่ยงการใช้คำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง4. ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ร่วมมุ่งเน้นหาทางออกที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์หรือยอมรับได้ ไม่ใช่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง5. ติดตามผลหลังการเจรจาหลังการพูดคุย ควรมีการติดตามผลเพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหรือแนวทางแก้ปัญหาถูกนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องผลลัพธ์จากการพูดคุยเจรจาที่มีเป้าหมายความสัมพันธ์ในองค์กรดีขึ้นเมื่อบุคลากรมีความเข้าใจกันและสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น จะส่งผลให้บรรยากาศในที่ทำงานดีขึ้นประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นการสื่อสารที่ดีช่วยลดอุปสรรคในการทำงาน และส่งเสริมให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพูดคุยเจรจาอย่างสร้างสรรค์จะเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่สนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือสรุปการพูดคุยเจรจาไม่เพียงแค่เป็นวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นในองค์กร แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรและส่งเสริมความสำเร็จในระยะยาว หากองค์กรสามารถปลูกฝังและสนับสนุนการพูดคุยเจรจาอย่างมีเป้าหมายได้ ย่อมเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน.
    การพูดคุยเจรจา: วิธีแก้ปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ในองค์กรอย่างมีเป้าหมายในองค์กรที่มีความซับซ้อนและประกอบด้วยบุคคลหลากหลายความคิด การเกิดปัญหาและความขัดแย้งเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ การพูดคุยเจรจา (Negotiation and Communication) จึงเป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ บทความนี้จะอธิบายถึงความสำคัญของการพูดคุยเจรจา วิธีการนำไปใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ และผลลัพธ์ที่องค์กรจะได้รับจากการใช้ทักษะนี้ความสำคัญของการพูดคุยเจรจา1. แก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดการพูดคุยเจรจาช่วยให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับปัญหาได้โดยตรง ซึ่งนำไปสู่การหาข้อตกลงหรือแนวทางแก้ไขที่ทุกฝ่ายยอมรับได้2. ลดความขัดแย้งในองค์กรเมื่อมีการสื่อสารอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมา ความเข้าใจผิดและความขัดแย้งระหว่างบุคคลหรือทีมจะลดลง และส่งผลให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น3. สร้างความเชื่อมั่นและความร่วมมือการพูดคุยอย่างเปิดใจและมีเป้าหมายช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจระหว่างบุคคล และกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือเพื่อบรรลุเป้าหมายร่วมกันวิธีการพูดคุยเจรจาอย่างมีประสิทธิภาพ1. ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนก่อนเริ่มการพูดคุย ควรกำหนดเป้าหมายที่ต้องการให้ชัดเจน เช่น การหาข้อตกลง การลดความเข้าใจผิด หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น2. ฟังอย่างตั้งใจการฟังเป็นหัวใจสำคัญของการพูดคุยที่มีประสิทธิภาพ การให้โอกาสผู้อื่นได้แสดงความคิดเห็นจะช่วยสร้างความไว้วางใจและเพิ่มความเข้าใจซึ่งกันและกัน3. ใช้ภาษาที่เหมาะสมเลือกใช้คำพูดที่สุภาพ ชัดเจน และเหมาะสมกับบริบท หลีกเลี่ยงการใช้คำที่อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง4. ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ร่วมมุ่งเน้นหาทางออกที่ทุกฝ่ายได้รับประโยชน์หรือยอมรับได้ ไม่ใช่เพียงแค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง5. ติดตามผลหลังการเจรจาหลังการพูดคุย ควรมีการติดตามผลเพื่อให้มั่นใจว่าข้อตกลงหรือแนวทางแก้ปัญหาถูกนำไปปฏิบัติอย่างถูกต้องผลลัพธ์จากการพูดคุยเจรจาที่มีเป้าหมายความสัมพันธ์ในองค์กรดีขึ้นเมื่อบุคลากรมีความเข้าใจกันและสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น จะส่งผลให้บรรยากาศในที่ทำงานดีขึ้นประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นการสื่อสารที่ดีช่วยลดอุปสรรคในการทำงาน และส่งเสริมให้ทีมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแกร่งองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพูดคุยเจรจาอย่างสร้างสรรค์จะเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่สนับสนุนการพัฒนาความร่วมมือสรุปการพูดคุยเจรจาไม่เพียงแค่เป็นวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้นในองค์กร แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคลากรและส่งเสริมความสำเร็จในระยะยาว หากองค์กรสามารถปลูกฝังและสนับสนุนการพูดคุยเจรจาอย่างมีเป้าหมายได้ ย่อมเป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างองค์กรที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน.
    0 Comments 0 Shares 527 Views 0 Reviews
  • ดวงจันทร์ (Moon) ในโหราศาสตร์ธุรกิจ

    ดวงจันทร์ เป็นสัญลักษณ์ของความรู้สึก สัญชาตญาณ และการปรับตัว ในโหราศาสตร์ธุรกิจ ดวงจันทร์สามารถบ่งบอกถึงความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของพนักงานและลูกค้า การเชื่อมต่อกับความต้องการที่แท้จริง และการสร้างความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงในองค์กร

    ความหมายของดวงจันทร์ในโหราศาสตร์ธุรกิจ

    ดวงจันทร์มีความเกี่ยวข้องกับ การดูแลและบริหารจัดการภายในองค์กร แสดงถึงการสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตร การดูแลความเป็นอยู่ของพนักงาน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีความผูกพันต่อกัน ดวงจันทร์ยังบอกถึงความสามารถในการ เข้าใจความต้องการของลูกค้า และการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้ดี

    วิธีใช้พลังของดวงจันทร์ในธุรกิจ

    1️⃣ การสร้างความสัมพันธ์ในองค์กร: แผนกที่ดวงจันทร์เด่นชัด เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ควรเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน การดูแลสวัสดิการ และการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทำให้พนักงานรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย

    2️⃣ การปรับตัวและการตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณ: ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วหรือเมื่อตลาดเปลี่ยนแปลง ธุรกิจที่มีดวงจันทร์แข็งแรงจะสามารถใช้สัญชาตญาณในการวางแผนและปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    3️⃣ การบริหารจัดการความรู้สึกของลูกค้า: การเข้าใจความรู้สึกของลูกค้าช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความพึงพอใจและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนได้ เช่น การใช้ดวงจันทร์ในการกำหนดช่วงเวลาในการสื่อสาร หรือการจัดกิจกรรมที่เข้าถึงอารมณ์และความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น

    สรุป: พลังของดวงจันทร์ในโหราศาสตร์ธุรกิจ

    ดวงจันทร์เป็นมากกว่าดาวแห่งอารมณ์และความรู้สึก แต่ยังสะท้อนถึงการดูแล การปรับตัว และการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงในองค์กร หากธุรกิจของคุณต้องการเน้นการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี การเข้าใจความรู้สึกของลูกค้า หรือการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง ดวงจันทร์ในดวงชะตาธุรกิจจะช่วยบอกถึงแนวทางในการบริหารงานได้อย่างลึกซึ้ง

    #โหราศาสตร์ธุรกิจ #BusinessAstrology #ดวงจันทร์ #การวางแผนธุรกิจ #การบริหารองค์กร #ความสัมพันธ์ในองค์กร #เข้าใจลูกค้า #การจัดการธุรกิจ #วัฒนธรรมองค์กร
    ดวงจันทร์ (Moon) ในโหราศาสตร์ธุรกิจ 🌕✨ ดวงจันทร์ เป็นสัญลักษณ์ของความรู้สึก สัญชาตญาณ และการปรับตัว ในโหราศาสตร์ธุรกิจ ดวงจันทร์สามารถบ่งบอกถึงความสามารถในการเข้าใจอารมณ์ของพนักงานและลูกค้า 💬 การเชื่อมต่อกับความต้องการที่แท้จริง และการสร้างความรู้สึกปลอดภัยและมั่นคงในองค์กร 🌟 ความหมายของดวงจันทร์ในโหราศาสตร์ธุรกิจ 🏢 ดวงจันทร์มีความเกี่ยวข้องกับ การดูแลและบริหารจัดการภายในองค์กร 💼 แสดงถึงการสร้างบรรยากาศการทำงานที่เป็นมิตร การดูแลความเป็นอยู่ของพนักงาน และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มีความผูกพันต่อกัน 🤝 ดวงจันทร์ยังบอกถึงความสามารถในการ เข้าใจความต้องการของลูกค้า และการปรับตัวให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงได้ดี 📈 วิธีใช้พลังของดวงจันทร์ในธุรกิจ 💡 1️⃣ การสร้างความสัมพันธ์ในองค์กร: แผนกที่ดวงจันทร์เด่นชัด เช่น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ควรเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน การดูแลสวัสดิการ และการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ทำให้พนักงานรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย 👥 2️⃣ การปรับตัวและการตัดสินใจด้วยสัญชาตญาณ: ในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็วหรือเมื่อตลาดเปลี่ยนแปลง ธุรกิจที่มีดวงจันทร์แข็งแรงจะสามารถใช้สัญชาตญาณในการวางแผนและปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพ 💪 3️⃣ การบริหารจัดการความรู้สึกของลูกค้า: การเข้าใจความรู้สึกของลูกค้าช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างความพึงพอใจและความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนได้ 🔄 เช่น การใช้ดวงจันทร์ในการกำหนดช่วงเวลาในการสื่อสาร หรือการจัดกิจกรรมที่เข้าถึงอารมณ์และความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น 🛍️ สรุป: พลังของดวงจันทร์ในโหราศาสตร์ธุรกิจ 🌕✨ ดวงจันทร์เป็นมากกว่าดาวแห่งอารมณ์และความรู้สึก แต่ยังสะท้อนถึงการดูแล การปรับตัว และการสร้างความสัมพันธ์ที่มั่นคงในองค์กร หากธุรกิจของคุณต้องการเน้นการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี การเข้าใจความรู้สึกของลูกค้า หรือการปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง ดวงจันทร์ในดวงชะตาธุรกิจจะช่วยบอกถึงแนวทางในการบริหารงานได้อย่างลึกซึ้ง ✨💼 #โหราศาสตร์ธุรกิจ #BusinessAstrology #ดวงจันทร์ #การวางแผนธุรกิจ #การบริหารองค์กร #ความสัมพันธ์ในองค์กร #เข้าใจลูกค้า #การจัดการธุรกิจ #วัฒนธรรมองค์กร
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 951 Views 0 Reviews