• เมื่อ AI เข้าควบคุมข่าวสารทั่วโลก อาจส่งผลทั้งด้านบวกและลบต่อสังคม ดังนี้

    ### ด้านบวก:
    1. **การกรองข้อมูล**: AI สามารถกรองข่าวปลอมและข้อมูลผิดๆ ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดการแพร่กระจายของข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
    2. **การปรับเนื้อหาให้ตรงกับผู้ใช้**: AI สามารถปรับข่าวสารให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้แต่ละคน ทำให้เข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น
    3. **การวิเคราะห์ข้อมูล**: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้เข้าใจแนวโน้มและสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น
    4. **การเข้าถึงข้อมูล**: AI ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น โดยไม่จำกัดด้วยภาษาและเวลา

    ### ด้านลบ:
    1. **การควบคุมข้อมูล**: หาก AI ถูกควบคุมโดยกลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่มีอำนาจ อาจนำไปสู่การเซ็นเซอร์หรือบิดเบือนข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว
    2. **การละเมิดความเป็นส่วนตัว**: AI อาจรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้มากเกินไป ทำให้ความเป็นส่วนตัวถูกคุกคาม
    3. **การสูญเสียงาน**: AI อาจเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ในวงการข่าวสาร ทำให้เกิดการว่างงานในอุตสาหกรรมสื่อ
    4. **การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป**: การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้มนุษย์สูญเสียทักษะการคิดวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตนเอง

    ### สรุป:
    การที่ AI เข้าควบคุมข่าวสารทั่วโลกมีทั้งโอกาสและความท้าทาย สิ่งสำคัญคือต้องมีการกำกับดูแลและตรวจสอบอย่างเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่า AI ถูกใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะและไม่ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล
    เมื่อ AI เข้าควบคุมข่าวสารทั่วโลก อาจส่งผลทั้งด้านบวกและลบต่อสังคม ดังนี้ ### ด้านบวก: 1. **การกรองข้อมูล**: AI สามารถกรองข่าวปลอมและข้อมูลผิดๆ ได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดการแพร่กระจายของข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง 2. **การปรับเนื้อหาให้ตรงกับผู้ใช้**: AI สามารถปรับข่าวสารให้ตรงกับความสนใจของผู้ใช้แต่ละคน ทำให้เข้าถึงข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น 3. **การวิเคราะห์ข้อมูล**: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ ช่วยให้เข้าใจแนวโน้มและสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น 4. **การเข้าถึงข้อมูล**: AI ช่วยให้ผู้คนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารจากทั่วโลกได้ง่ายขึ้น โดยไม่จำกัดด้วยภาษาและเวลา ### ด้านลบ: 1. **การควบคุมข้อมูล**: หาก AI ถูกควบคุมโดยกลุ่มบุคคลหรือองค์กรที่มีอำนาจ อาจนำไปสู่การเซ็นเซอร์หรือบิดเบือนข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว 2. **การละเมิดความเป็นส่วนตัว**: AI อาจรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้มากเกินไป ทำให้ความเป็นส่วนตัวถูกคุกคาม 3. **การสูญเสียงาน**: AI อาจเข้ามาทำงานแทนมนุษย์ในวงการข่าวสาร ทำให้เกิดการว่างงานในอุตสาหกรรมสื่อ 4. **การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป**: การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้มนุษย์สูญเสียทักษะการคิดวิเคราะห์และตัดสินใจด้วยตนเอง ### สรุป: การที่ AI เข้าควบคุมข่าวสารทั่วโลกมีทั้งโอกาสและความท้าทาย สิ่งสำคัญคือต้องมีการกำกับดูแลและตรวจสอบอย่างเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจว่า AI ถูกใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะและไม่ละเมิดสิทธิ์ส่วนบุคคล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวนี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Google ในเรื่อง "fingerprinting" ซึ่งเป็นวิธีการที่สามารถเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยไม่ต้องใช้คุกกี้ และผู้ใช้แทบไม่สามารถควบคุมข้อมูลที่ถูกเก็บไปให้กับผู้โฆษณาได้

    เทคนิค "fingerprinting" นี้สามารถติดตามข้อมูลต่างๆ เช่น ที่อยู่ IP ความละเอียดหน้าจอ ระบบปฏิบัติการ และแม้กระทั่งระดับแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ การเปลี่ยนแปลงนี้ของ Google ทำให้ผู้ใช้อาจรู้สึกว่าขาดความเป็นส่วนตัวและไม่มีสิทธิ์ควบคุมข้อมูลของตนเอง แม้ว่าก่อนหน้านี้ Google เองจะเคยประณามวิธีการนี้ในปี 2019 โดยระบุว่าเป็นการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้

    แม้ว่าผู้ใช้สามารถปิดการใช้งานคุกกี้หรือใช้เบราว์เซอร์ส่วนตัวและ VPN ที่ดีที่สุด แต่ก็ยังสามารถถูกติดตามได้ผ่าน "fingerprinting" การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกวิจารณ์โดยผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัวอย่างมาก เนื่องจากการเก็บข้อมูลในลักษณะนี้ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกและการควบคุมข้อมูลน้อยลง

    แม้ว่าเบราว์เซอร์บางตัว เช่น Firefox และ Brave จะมีฟีเจอร์ป้องกันการติดตามด้วย "fingerprinting" แต่ก็ยังยากที่จะหลีกเลี่ยงการติดตามทั้งหมดได้ ทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ใช้อาจเป็นการใช้เบราว์เซอร์ที่มีฟีเจอร์ป้องกันการติดตามแบบครบวงจร และการใช้ส่วนขยายเช่น Canvas Blocker บน Google Chrome ที่สามารถช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้

    สุดท้าย ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการป้องกันตัวเองจากการติดตามด้วย "fingerprinting" ผ่านแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยให้รู้จักวิธีการป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ได้รับความยินยอม

    https://www.techradar.com/pro/security/profit-over-privacy-google-gives-advertisers-more-personal-info-in-major-fingerprinting-u-turn
    ข่าวนี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Google ในเรื่อง "fingerprinting" ซึ่งเป็นวิธีการที่สามารถเก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยไม่ต้องใช้คุกกี้ และผู้ใช้แทบไม่สามารถควบคุมข้อมูลที่ถูกเก็บไปให้กับผู้โฆษณาได้ เทคนิค "fingerprinting" นี้สามารถติดตามข้อมูลต่างๆ เช่น ที่อยู่ IP ความละเอียดหน้าจอ ระบบปฏิบัติการ และแม้กระทั่งระดับแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ การเปลี่ยนแปลงนี้ของ Google ทำให้ผู้ใช้อาจรู้สึกว่าขาดความเป็นส่วนตัวและไม่มีสิทธิ์ควบคุมข้อมูลของตนเอง แม้ว่าก่อนหน้านี้ Google เองจะเคยประณามวิธีการนี้ในปี 2019 โดยระบุว่าเป็นการล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ แม้ว่าผู้ใช้สามารถปิดการใช้งานคุกกี้หรือใช้เบราว์เซอร์ส่วนตัวและ VPN ที่ดีที่สุด แต่ก็ยังสามารถถูกติดตามได้ผ่าน "fingerprinting" การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกวิจารณ์โดยผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัวอย่างมาก เนื่องจากการเก็บข้อมูลในลักษณะนี้ทำให้ผู้ใช้มีทางเลือกและการควบคุมข้อมูลน้อยลง แม้ว่าเบราว์เซอร์บางตัว เช่น Firefox และ Brave จะมีฟีเจอร์ป้องกันการติดตามด้วย "fingerprinting" แต่ก็ยังยากที่จะหลีกเลี่ยงการติดตามทั้งหมดได้ ทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ใช้อาจเป็นการใช้เบราว์เซอร์ที่มีฟีเจอร์ป้องกันการติดตามแบบครบวงจร และการใช้ส่วนขยายเช่น Canvas Blocker บน Google Chrome ที่สามารถช่วยปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ได้ สุดท้าย ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการป้องกันตัวเองจากการติดตามด้วย "fingerprinting" ผ่านแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจะช่วยให้รู้จักวิธีการป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเก็บข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ได้รับความยินยอม https://www.techradar.com/pro/security/profit-over-privacy-google-gives-advertisers-more-personal-info-in-major-fingerprinting-u-turn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 97 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สถานีตำรวจภูธรแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่” เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหลังพบ “ผู้กองปอยเปต” โผล่อีกหนึ่งราย อ้างเป็น ตร.สภ.แม่โจ้ หลอกโอนเงิน-ล้วงข้อมูลส่วนตัวเหยื่อ

    วันนี้ (17 ก.พ.) เพจ “สถานีตำรวจภูธรแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่” โพสต์เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหลังพบ “ผู้กองปอยเปต” โผล่อีกหนึ่งราย โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่โจ้ หลอกโอนเงิน-ล้วงข้อมูลส่วนตัวเหยื่อ

    ทางเพจระบุข้อความว่า “ขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่ใช้วิธีโทรศัพท์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่โจ้ เพื่อหลอกลวงให้โอนเงินหรือให้ข้อมูลส่วนตัว โดยมักใช้ข้ออ้าง เช่น

    1. แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ - โทรศัพท์มาหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานใหญ่ของบริษัทโทรคมนาคม (ทรู) หรือหน่วยงานรัฐ

    2. อ้างว่ามีข้อมูลรั่วไหล - หลอกว่าข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อถูกนำไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การเชื่อมต่อกล่องมือถือเพื่อรับสัญญาณจากต่างประเทศ หรือโทร.หลอกลวงผู้อื่น

    3. ใช้ศัพท์เทคนิคเพื่อทำให้ดูน่าเชื่อถือ - พูดถึงเรื่อง “อาชญากรรมทางเทคโนโลยี” และ “การดัดแปลงสัญญาณ” เพื่อให้เหยื่อตกใจและสับสน

    4. ขอให้เหยื่อติดต่อกลับด่วน - อ้างว่าต้องแจ้งกลับด่วนภายในเวลาที่กำหนด เพื่อสร้างความกดดันให้เหยื่อรีบตัดสินใจ

    5. ให้เบอร์โทร./แฟกซ์ปลอม - มักให้เบอร์ที่ดูเหมือนเป็นหน่วยงานจริงเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ

    6. อาจนำไปสู่การหลอกให้โอนเงิน - หากเหยื่อติดต่อกลับ อาจถูกหลอกให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบหรือปลดล็อกปัญหาที่ถูกกล่าวหา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000015684

    #MGROnline
    “สถานีตำรวจภูธรแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่” เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหลังพบ “ผู้กองปอยเปต” โผล่อีกหนึ่งราย อ้างเป็น ตร.สภ.แม่โจ้ หลอกโอนเงิน-ล้วงข้อมูลส่วนตัวเหยื่อ • วันนี้ (17 ก.พ.) เพจ “สถานีตำรวจภูธรแม่โจ้ จังหวัดเชียงใหม่” โพสต์เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อหลังพบ “ผู้กองปอยเปต” โผล่อีกหนึ่งราย โดยแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่โจ้ หลอกโอนเงิน-ล้วงข้อมูลส่วนตัวเหยื่อ • ทางเพจระบุข้อความว่า “ขอเตือนประชาชนให้ระมัดระวังมิจฉาชีพที่ใช้วิธีโทรศัพท์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่โจ้ เพื่อหลอกลวงให้โอนเงินหรือให้ข้อมูลส่วนตัว โดยมักใช้ข้ออ้าง เช่น • 1. แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ - โทรศัพท์มาหลอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานใหญ่ของบริษัทโทรคมนาคม (ทรู) หรือหน่วยงานรัฐ • 2. อ้างว่ามีข้อมูลรั่วไหล - หลอกว่าข้อมูลส่วนตัวของเหยื่อถูกนำไปใช้ในกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การเชื่อมต่อกล่องมือถือเพื่อรับสัญญาณจากต่างประเทศ หรือโทร.หลอกลวงผู้อื่น • 3. ใช้ศัพท์เทคนิคเพื่อทำให้ดูน่าเชื่อถือ - พูดถึงเรื่อง “อาชญากรรมทางเทคโนโลยี” และ “การดัดแปลงสัญญาณ” เพื่อให้เหยื่อตกใจและสับสน • 4. ขอให้เหยื่อติดต่อกลับด่วน - อ้างว่าต้องแจ้งกลับด่วนภายในเวลาที่กำหนด เพื่อสร้างความกดดันให้เหยื่อรีบตัดสินใจ • 5. ให้เบอร์โทร./แฟกซ์ปลอม - มักให้เบอร์ที่ดูเหมือนเป็นหน่วยงานจริงเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อ • 6. อาจนำไปสู่การหลอกให้โอนเงิน - หากเหยื่อติดต่อกลับ อาจถูกหลอกให้โอนเงินเพื่อตรวจสอบหรือปลดล็อกปัญหาที่ถูกกล่าวหา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000015684 • #MGROnline
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้แก้ไขช่องโหว่สองประการที่หากถูกโจมตีร่วมกันจะสามารถเผยให้เห็นที่อยู่อีเมลของบัญชี YouTube ได้ ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้ YouTube ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวต้องเผชิญกับความเสี่ยงสูงในการถูกรวบรวมข้อมูล ช่องโหว่นี้ถูกค้นพบโดยนักวิจัยความปลอดภัยสองคนชื่อ Brutecat และ Nathan พวกเขาพบว่าการใช้ API ของ YouTube และ Pixel Recorder สามารถแปลง Gaia ID ของผู้ใช้ให้เป็นที่อยู่อีเมลได้

    การโจมตีเกิดขึ้นโดยการใช้ฟีเจอร์การบล็อกของ YouTube ที่เมื่อพยายามบล็อกผู้ใช้ในแชทสด จะได้รับ Gaia ID ที่ถูกเข้ารหัส และเมื่อทำการแปลง ID นี้ด้วย API ของ Pixel Recorder จะได้เป็นที่อยู่อีเมลของผู้ใช้ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นนิรนาม

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/google-fixes-flaw-that-could-unmask-youtube-users-email-addresses/
    Google ได้แก้ไขช่องโหว่สองประการที่หากถูกโจมตีร่วมกันจะสามารถเผยให้เห็นที่อยู่อีเมลของบัญชี YouTube ได้ ซึ่งส่งผลให้ผู้ใช้ YouTube ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวต้องเผชิญกับความเสี่ยงสูงในการถูกรวบรวมข้อมูล ช่องโหว่นี้ถูกค้นพบโดยนักวิจัยความปลอดภัยสองคนชื่อ Brutecat และ Nathan พวกเขาพบว่าการใช้ API ของ YouTube และ Pixel Recorder สามารถแปลง Gaia ID ของผู้ใช้ให้เป็นที่อยู่อีเมลได้ การโจมตีเกิดขึ้นโดยการใช้ฟีเจอร์การบล็อกของ YouTube ที่เมื่อพยายามบล็อกผู้ใช้ในแชทสด จะได้รับ Gaia ID ที่ถูกเข้ารหัส และเมื่อทำการแปลง ID นี้ด้วย API ของ Pixel Recorder จะได้เป็นที่อยู่อีเมลของผู้ใช้ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นนิรนาม https://www.bleepingcomputer.com/news/security/google-fixes-flaw-that-could-unmask-youtube-users-email-addresses/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    Google fixes flaw that could unmask YouTube users' email addresses
    Google has fixed two vulnerabilities that, when chained together, could expose the email addresses of YouTube accounts, causing a massive privacy breach for those using the site anonymously.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชัยนาท - ข้าราชการหญิงซี 7 ภรรยาอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปเปิดรีสอร์ต์ เพื่อหลอกให้โอนเงิน โชคดีสามีกับตำรวจ เข้าไปช่วยไว้ได้ทัน

    วันนี้(5 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท ได้รับแจ้งจาก ดร.ณัชรัตน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แล้ว ให้ช่วยติดตามหาภรรยา ที่เข้าไปเปิดห้องพักในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในตัวอำเภอเมืองชัยนาท เนื่องจากสงสัยว่า ภรรยาจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้มาเปิดห้องพัก เพื่อคุยหลอกให้โอนเงิน เมื่อตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท และ ดร.ณัชรัตน์ เข้าไปตรวจสอบที่รีสอร์ตดังกล่าว ก็พบหญิง อายุ 44 ปี ทราบว่าเป็นข้าราชการ ระดับซี 7 อยู่ในห้องพัก และกำลังโทรศัพท์พูดคุยกับใครคนหนึ่ง

    ตำรวจและสามีของหญิงข้าราชการ จึงเข้าไปบอกว่าปลายสายเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่าหลงเชื่อให้วางสาย แต่หญิงข้าราชการ กลับพยายามบอกให้ตำรวจจริงและสามีเข้าใจว่า ปลายสายที่โทร.มาหาตนนั้นเป็นตำรวจชื่อว่า ร.ต.อ.ธนาวิทย์ วงศ์มูน สังกัด สภ.เมืองอุบลราชธานี และมีข้อมูลส่วนตัวของตน บอกว่าตนไปพัวพันกับการฟอกเงิน 14 ล้านบาท เตรียมจะออกหมายจับตนด้วย

    หญิงข้าราชการ พยายามโทรศัพท์กลับไปหาปลายสาย แต่ก็ไม่มีคนรับ และหญิงข้าราชการ ยังเชื่อว่าปลายสายเป็นตำรวจ ทำให้ทั้ง ตำรวจตัวจริง สามีของหญิงข้าราชการ และพนักงานของรีสอร์ต ถึงกับปวดหัว เพราะทุกคนต่างพูดย้ำแล้วย้ำอีก เพื่อให้หญิงข้าราชการเข้าใจว่ามันคือแก๊งคลอเซ็นเตอร์ ก่อนที่จะพาหญิงข้าราชการ ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยนาท เพื่อเข้าแจ้งความ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000011828

    #MGROnline #ข้าราชการหญิงซี7 #ภรรยา #อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #เปิดรีสอร์ต #หลอกให้โอนเงิน
    ชัยนาท - ข้าราชการหญิงซี 7 ภรรยาอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกให้ไปเปิดรีสอร์ต์ เพื่อหลอกให้โอนเงิน โชคดีสามีกับตำรวจ เข้าไปช่วยไว้ได้ทัน • วันนี้(5 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท ได้รับแจ้งจาก ดร.ณัชรัตน์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่แล้ว ให้ช่วยติดตามหาภรรยา ที่เข้าไปเปิดห้องพักในรีสอร์ตแห่งหนึ่งในตัวอำเภอเมืองชัยนาท เนื่องจากสงสัยว่า ภรรยาจะถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอกให้มาเปิดห้องพัก เพื่อคุยหลอกให้โอนเงิน เมื่อตำรวจ สภ.เมืองชัยนาท และ ดร.ณัชรัตน์ เข้าไปตรวจสอบที่รีสอร์ตดังกล่าว ก็พบหญิง อายุ 44 ปี ทราบว่าเป็นข้าราชการ ระดับซี 7 อยู่ในห้องพัก และกำลังโทรศัพท์พูดคุยกับใครคนหนึ่ง • ตำรวจและสามีของหญิงข้าราชการ จึงเข้าไปบอกว่าปลายสายเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่าหลงเชื่อให้วางสาย แต่หญิงข้าราชการ กลับพยายามบอกให้ตำรวจจริงและสามีเข้าใจว่า ปลายสายที่โทร.มาหาตนนั้นเป็นตำรวจชื่อว่า ร.ต.อ.ธนาวิทย์ วงศ์มูน สังกัด สภ.เมืองอุบลราชธานี และมีข้อมูลส่วนตัวของตน บอกว่าตนไปพัวพันกับการฟอกเงิน 14 ล้านบาท เตรียมจะออกหมายจับตนด้วย • หญิงข้าราชการ พยายามโทรศัพท์กลับไปหาปลายสาย แต่ก็ไม่มีคนรับ และหญิงข้าราชการ ยังเชื่อว่าปลายสายเป็นตำรวจ ทำให้ทั้ง ตำรวจตัวจริง สามีของหญิงข้าราชการ และพนักงานของรีสอร์ต ถึงกับปวดหัว เพราะทุกคนต่างพูดย้ำแล้วย้ำอีก เพื่อให้หญิงข้าราชการเข้าใจว่ามันคือแก๊งคลอเซ็นเตอร์ ก่อนที่จะพาหญิงข้าราชการ ไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยนาท เพื่อเข้าแจ้งความ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000011828 • #MGROnline #ข้าราชการหญิงซี7 #ภรรยา #อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ #แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #เปิดรีสอร์ต #หลอกให้โอนเงิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ใครรู้ตัวว่าถูกสืบข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนบุคคล
    แจ้งโอมด่วน หรือถ้าไม่รู้จะทักโอมทางไหน
    ทักพี่คิงส์ได้ เดี๋ยวให้ว๊าป
    จะไม่ปล่อยให้ใครต้องถูกละเมิด
    โดนซ่องJONEอั้งยี่ พวกมันไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ
    ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ อิฉัด
    คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    ทักโอมทางเพจนี้ก็ได้ >>> ประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน
    แต่ถ้าไม่มีคนตอบรับ ทักมาเพจพี่คิงส์ละกัน
    ตามนี้
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #ใครรู้ตัวว่าถูกสืบข้อมูลส่วนตัวข้อมูลส่วนบุคคล แจ้งโอมด่วน หรือถ้าไม่รู้จะทักโอมทางไหน ทักพี่คิงส์ได้ เดี๋ยวให้ว๊าป จะไม่ปล่อยให้ใครต้องถูกละเมิด โดนซ่องJONEอั้งยี่ พวกมันไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้ อิฉัด คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3 ทักโอมทางเพจนี้ก็ได้ >>> ประชาภักดิ์พิทักษ์สถาบัน แต่ถ้าไม่มีคนตอบรับ ทักมาเพจพี่คิงส์ละกัน ตามนี้ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สถานบริการสุขภาพไทยได้อย่างไร?

    ณ ใจกลางเมืองที่วุ่นวาย ศักดิ์สิทธิ์ก้มหน้าก้มตากับกองเอกสารทางการแพทย์ที่สูงเป็นภูเขา เขาเป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และวันนี้เขาต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายของระบบสาธารณสุขไทย นั่นคือความล่าช้าและซับซ้อนในการเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย
    "ทำไมมันยากขนาดนี้นะ" เขาพึมพำกับตัวเองขณะที่พยายามค้นหาประวัติการรักษาของผู้ป่วยรายหนึ่ง "ถ้าเรามีระบบที่เชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยทั้งหมดเข้าด้วยกัน มันคงจะง่ายกว่านี้มาก"
    ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ เพื่อนร่วมงานของเขาหลายคนก็ประสบปัญหาเดียวกัน พวกเขาต้องเสียเวลาอันมีค่าไปกับการค้นหาข้อมูลผู้ป่วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานและการดูแลผู้ป่วย
    วันหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ได้อ่านรายงานนักลงทุนด้านสุขภาพดิจิทัล หัวข้อ "ตลาดแพลตฟอร์มที่น่าสนใจที่สุดในอุตสาหกรรมสุขภาพ" ข้อความในรายงานสะกิดใจเขาอย่างจัง เมื่อเขาได้อ่านถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถปฏิวัติวงการสาธารณสุขได้
    "นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการ!" ศักดิ์สิทธิ์อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น "แพลตฟอร์มดิจิทัลจะช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย"
    เขาเริ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างจริงจัง และพบว่ามีหลายแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่าของร้านขายยา ทำให้การจัดการใบสั่งยาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการการทดลองทางคลินิก การรับสมัครผู้เข้าร่วมการทดลอง และการแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์
    ศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยแก้ไขปัญหาที่เขาและเพื่อนร่วมงานกำลังเผชิญอยู่ เขาตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าแผนกและผู้บริหารโรงพยาบาล ซึ่งทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง
    หลังจากนั้นไม่นาน โรงพยาบาลได้เริ่มนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้ในการทำงานจริง ผลลัพธ์ที่ได้น่าทึ่งมาก ศักดิ์สิทธิ์และเพื่อนร่วมงานสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขามีเวลามากขึ้นในการดูแลผู้ป่วย
    "ผมดีใจมากที่เราตัดสินใจนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้" ศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม "มันช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นและดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น ผมหวังว่าในอนาคตเราจะสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้การดูแลสุขภาพของคนไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่าย"
    จากเรื่องราวของศักดิ์สิทธิ์ เราจะเห็นได้ว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติวงการสาธารณสุข ช่วยให้การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ

    แพลตฟอร์มที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมสุขภาพ
    ระบบนิเวศของทุกอย่างมีส่วนที่ส่งเสริมกัน นิเวศแพลตฟอร์มที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมสุขภาพก็เช่นกัน เรามาลงรายละเอียดในเรื่องนี้กัน

    แพลตฟอร์ม
    บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกส่วนใหญ่เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม ในระดับโลก บริษัทที่ใหญ่ที่สุด 6 ใน 10 แห่งคือแพลตฟอร์ม ในตลาดเอกชน บริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าเกินพันล้านดอลลาร์ (ยูนิคอร์น) 60-70% เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม
    แพลตฟอร์มในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล
    ในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล แพลตฟอร์มมีผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วไปอย่างมาก โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวนมากขึ้น มีมูลค่าประเมินที่สูงกว่า ได้รับเงินทุนต่อเนื่องอย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตในอัตราที่สูงกว่า
    ตลาดแพลตฟอร์มด้านการดูแลสุขภาพ
    การวิเคราะห์ชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางการตลาดมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับแพลตฟอร์มในการดูแลสุขภาพ เนื่องจากธุรกิจแพลตฟอร์มสามารถจัดการกับความท้าทายด้านการดูแลสุขภาพที่สำคัญที่สุดได้มากมาย ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มสามารถช่วยลดต้นทุนการดูแลสุขภาพ ปรับปรุงการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบการดูแลสุขภาพ

    แพลตฟอร์มที่มีอยู่ในปัจจุบัน
    1.ห่วงโซ่คุณค่าของร้านขายยา (ใบสั่งยา)
    แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงร้านขายยา ผู้ให้บริการทางการแพทย์ และผู้ป่วย เพื่อให้การจัดการใบสั่งยาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
    2.การจัดการการทดลองทางคลินิก
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการและติดตามการทดลองทางคลินิก ตั้งแต่การออกแบบ การรับสมัครผู้เข้าร่วม ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล
    3.การรับสมัครการทดลองทางคลินิก
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการค้นหาและคัดเลือกผู้เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกที่เหมาะสม
    4.การแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์
    5.การทำสัญญาและการรับรอง
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการสัญญาและการรับรองระหว่างผู้ให้บริการทางการแพทย์และผู้ชำระเงิน
    6.การอ้างอิงผู้เชี่ยวชาญ
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการอ้างอิงผู้ป่วยไปยังผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่เหมาะสม
    7.การเคลมทางการแพทย์
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการและดำเนินการเคลมทางการแพทย์
    8.ตลาดพนักงาน
    แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ให้บริการทางการแพทย์กับผู้ที่กำลังมองหางานในอุตสาหกรรมสุขภาพ
    9.การอ้างอิงการจำหน่าย/LTPAC
    แพลตฟอร์มที่ช่วยในการอ้างอิงผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลหรือศูนย์ดูแลระยะยาว

    แพลตฟอร์มเกิดใหม่
    1.การเสริมสร้างศักยภาพผู้ให้บริการอิสระ
    แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์อิสระสามารถเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นในการให้บริการที่มีคุณภาพ
    2.การเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพ
    แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลสุขภาพของตนเองได้อย่างปลอดภัย
    3.เครือข่ายที่ไม่ใช่ทางคลินิก
    แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ป่วยกับชุมชนและกลุ่มสนับสนุนต่างๆ เพื่อให้ได้รับการดูแลที่ครอบคลุม
    4.ตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยผู้บริโภค
    แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและเลือกบริการทางการแพทย์ที่ตรงกับความต้องการของตนเอง
    5.ไดเรกทอรี/ข้อมูลรับรองที่ผู้ให้บริการควบคุม
    แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถจัดการข้อมูลรับรองและข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้

    แล้วปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สถานบริการสุขภาพไทยได้อย่างไร? อย่าลืมติดตามตอนต่อไปครับ

    ที่มาของรูปภาพ: https://cellworks.life/technology/pipeline
    #เมื่อมีของจงแบ่งปันสู่ผู้คน
    www.10-xconsulting
    www.lifealignmentor.com
    ปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สถานบริการสุขภาพไทยได้อย่างไร? ณ ใจกลางเมืองที่วุ่นวาย ศักดิ์สิทธิ์ก้มหน้าก้มตากับกองเอกสารทางการแพทย์ที่สูงเป็นภูเขา เขาเป็นแพทย์ประจำบ้านที่โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และวันนี้เขาต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายของระบบสาธารณสุขไทย นั่นคือความล่าช้าและซับซ้อนในการเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วย "ทำไมมันยากขนาดนี้นะ" เขาพึมพำกับตัวเองขณะที่พยายามค้นหาประวัติการรักษาของผู้ป่วยรายหนึ่ง "ถ้าเรามีระบบที่เชื่อมโยงข้อมูลผู้ป่วยทั้งหมดเข้าด้วยกัน มันคงจะง่ายกว่านี้มาก" ศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกแบบนี้ เพื่อนร่วมงานของเขาหลายคนก็ประสบปัญหาเดียวกัน พวกเขาต้องเสียเวลาอันมีค่าไปกับการค้นหาข้อมูลผู้ป่วย ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานและการดูแลผู้ป่วย วันหนึ่ง ศักดิ์สิทธิ์ได้อ่านรายงานนักลงทุนด้านสุขภาพดิจิทัล หัวข้อ "ตลาดแพลตฟอร์มที่น่าสนใจที่สุดในอุตสาหกรรมสุขภาพ" ข้อความในรายงานสะกิดใจเขาอย่างจัง เมื่อเขาได้อ่านถึงศักยภาพของแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สามารถปฏิวัติวงการสาธารณสุขได้ "นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องการ!" ศักดิ์สิทธิ์อุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น "แพลตฟอร์มดิจิทัลจะช่วยให้เราเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น ลดความซ้ำซ้อนในการทำงาน และเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลผู้ป่วย" เขาเริ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างจริงจัง และพบว่ามีหลายแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นคือแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่าของร้านขายยา ทำให้การจัดการใบสั่งยาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการการทดลองทางคลินิก การรับสมัครผู้เข้าร่วมการทดลอง และการแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์ ศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้จะช่วยแก้ไขปัญหาที่เขาและเพื่อนร่วมงานกำลังเผชิญอยู่ เขาตัดสินใจนำเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้าแผนกและผู้บริหารโรงพยาบาล ซึ่งทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าการนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง หลังจากนั้นไม่นาน โรงพยาบาลได้เริ่มนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้ในการทำงานจริง ผลลัพธ์ที่ได้น่าทึ่งมาก ศักดิ์สิทธิ์และเพื่อนร่วมงานสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยได้ง่ายขึ้น การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่สำคัญที่สุดคือพวกเขามีเวลามากขึ้นในการดูแลผู้ป่วย "ผมดีใจมากที่เราตัดสินใจนำแพลตฟอร์มดิจิทัลมาใช้" ศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยรอยยิ้ม "มันช่วยให้เราทำงานได้ดีขึ้นและดูแลผู้ป่วยได้ดียิ่งขึ้น ผมหวังว่าในอนาคตเราจะสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เพื่อให้การดูแลสุขภาพของคนไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงได้ง่าย" จากเรื่องราวของศักดิ์สิทธิ์ เราจะเห็นได้ว่าแพลตฟอร์มดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติวงการสาธารณสุข ช่วยให้การทำงานของบุคลากรทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ที่มีคุณภาพ แพลตฟอร์มที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมสุขภาพ ระบบนิเวศของทุกอย่างมีส่วนที่ส่งเสริมกัน นิเวศแพลตฟอร์มที่น่าสนใจในอุตสาหกรรมสุขภาพก็เช่นกัน เรามาลงรายละเอียดในเรื่องนี้กัน แพลตฟอร์ม บริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกส่วนใหญ่เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม ในระดับโลก บริษัทที่ใหญ่ที่สุด 6 ใน 10 แห่งคือแพลตฟอร์ม ในตลาดเอกชน บริษัทสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าเกินพันล้านดอลลาร์ (ยูนิคอร์น) 60-70% เป็นธุรกิจแพลตฟอร์ม แพลตฟอร์มในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล ในอุตสาหกรรมสุขภาพดิจิทัล แพลตฟอร์มมีผลการดำเนินงานที่เหนือกว่าบริษัทซอฟต์แวร์ทั่วไปอย่างมาก โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวนมากขึ้น มีมูลค่าประเมินที่สูงกว่า ได้รับเงินทุนต่อเนื่องอย่างต่อเนื่อง และมีการเติบโตในอัตราที่สูงกว่า ตลาดแพลตฟอร์มด้านการดูแลสุขภาพ การวิเคราะห์ชี้ให้เห็นถึงโอกาสทางการตลาดมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สำหรับแพลตฟอร์มในการดูแลสุขภาพ เนื่องจากธุรกิจแพลตฟอร์มสามารถจัดการกับความท้าทายด้านการดูแลสุขภาพที่สำคัญที่สุดได้มากมาย ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์มสามารถช่วยลดต้นทุนการดูแลสุขภาพ ปรับปรุงการเข้าถึงบริการทางการแพทย์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบการดูแลสุขภาพ แพลตฟอร์มที่มีอยู่ในปัจจุบัน 1.ห่วงโซ่คุณค่าของร้านขายยา (ใบสั่งยา) แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงร้านขายยา ผู้ให้บริการทางการแพทย์ และผู้ป่วย เพื่อให้การจัดการใบสั่งยาเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ 2.การจัดการการทดลองทางคลินิก แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการและติดตามการทดลองทางคลินิก ตั้งแต่การออกแบบ การรับสมัครผู้เข้าร่วม ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูล 3.การรับสมัครการทดลองทางคลินิก แพลตฟอร์มที่ช่วยในการค้นหาและคัดเลือกผู้เข้าร่วมการทดลองทางคลินิกที่เหมาะสม 4.การแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์ แพลตฟอร์มที่ช่วยในการแบ่งปันและแลกเปลี่ยนภาพทางการแพทย์ระหว่างผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ 5.การทำสัญญาและการรับรอง แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการสัญญาและการรับรองระหว่างผู้ให้บริการทางการแพทย์และผู้ชำระเงิน 6.การอ้างอิงผู้เชี่ยวชาญ แพลตฟอร์มที่ช่วยในการอ้างอิงผู้ป่วยไปยังผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ที่เหมาะสม 7.การเคลมทางการแพทย์ แพลตฟอร์มที่ช่วยในการจัดการและดำเนินการเคลมทางการแพทย์ 8.ตลาดพนักงาน แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ให้บริการทางการแพทย์กับผู้ที่กำลังมองหางานในอุตสาหกรรมสุขภาพ 9.การอ้างอิงการจำหน่าย/LTPAC แพลตฟอร์มที่ช่วยในการอ้างอิงผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลหรือศูนย์ดูแลระยะยาว แพลตฟอร์มเกิดใหม่ 1.การเสริมสร้างศักยภาพผู้ให้บริการอิสระ แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์อิสระสามารถเข้าถึงเครื่องมือและทรัพยากรที่จำเป็นในการให้บริการที่มีคุณภาพ 2.การเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพ แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงและจัดการข้อมูลสุขภาพของตนเองได้อย่างปลอดภัย 3.เครือข่ายที่ไม่ใช่ทางคลินิก แพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงผู้ป่วยกับชุมชนและกลุ่มสนับสนุนต่างๆ เพื่อให้ได้รับการดูแลที่ครอบคลุม 4.ตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยผู้บริโภค แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเปรียบเทียบและเลือกบริการทางการแพทย์ที่ตรงกับความต้องการของตนเอง 5.ไดเรกทอรี/ข้อมูลรับรองที่ผู้ให้บริการควบคุม แพลตฟอร์มที่ช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถจัดการข้อมูลรับรองและข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้ แล้วปัญญาประดิษฐ์และดิจิทัลเทคโนโลยีขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สถานบริการสุขภาพไทยได้อย่างไร? อย่าลืมติดตามตอนต่อไปครับ ที่มาของรูปภาพ: https://cellworks.life/technology/pipeline #เมื่อมีของจงแบ่งปันสู่ผู้คน www.10-xconsulting www.lifealignmentor.com
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 309 มุมมอง 0 รีวิว
  • LinkedIn ถูกฟ้องร้องในคดีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม แม้กระทั่งจากผู้ใช้ที่จ่ายเงินสำหรับบริการ Premium ผู้ใช้ LinkedIn Premium ได้ยื่นฟ้องร้องในศาลรัฐบาลกลางที่ซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยอ้างว่า LinkedIn ใช้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาในการฝึกอบรมอัลกอริทึม AI โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

    คดีนี้เกิดขึ้นหลังจาก LinkedIn ได้ปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวในเดือนกันยายน 2024 โดยระบุว่าจะใช้ข้อมูลของผู้ใช้ในการฝึกอบรมอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง ผู้ใช้กล่าวหาว่า LinkedIn ได้เริ่มใช้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ประวัติการทำงาน รายละเอียดส่วนบุคคล และข้อความส่วนตัว ก่อนที่จะประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้

    LinkedIn ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ โดยกล่าวว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง และระบุว่าการใช้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกค้าในยุโรป สหราชอาณาจักร หรือสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงเรียกร้องค่าชดเชยและกล่าวหาว่า LinkedIn พยายามปกปิดการกระทำที่ผิดกฎหมายนี้

    น่าสนใจที่เห็นว่า LinkedIn และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังลงทุนใน AI และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อเพิ่มผลกำไรและโอกาสทางธุรกิจในอนาคต แต่การใช้ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับความยินยอมอาจเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ.

    https://www.techspot.com/news/106474-premium-users-sue-linkedin-abusing-their-data-train.html
    LinkedIn ถูกฟ้องร้องในคดีการใช้ข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้โดยไม่ได้รับความยินยอม แม้กระทั่งจากผู้ใช้ที่จ่ายเงินสำหรับบริการ Premium ผู้ใช้ LinkedIn Premium ได้ยื่นฟ้องร้องในศาลรัฐบาลกลางที่ซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยอ้างว่า LinkedIn ใช้ข้อมูลส่วนตัวของพวกเขาในการฝึกอบรมอัลกอริทึม AI โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือแจ้งให้ทราบล่วงหน้า คดีนี้เกิดขึ้นหลังจาก LinkedIn ได้ปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัวในเดือนกันยายน 2024 โดยระบุว่าจะใช้ข้อมูลของผู้ใช้ในการฝึกอบรมอัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง ผู้ใช้กล่าวหาว่า LinkedIn ได้เริ่มใช้ข้อมูลส่วนตัว เช่น ประวัติการทำงาน รายละเอียดส่วนบุคคล และข้อความส่วนตัว ก่อนที่จะประกาศการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ LinkedIn ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ โดยกล่าวว่าเป็นข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง และระบุว่าการใช้ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมไม่ได้เกี่ยวข้องกับลูกค้าในยุโรป สหราชอาณาจักร หรือสวิตเซอร์แลนด์ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ยังคงเรียกร้องค่าชดเชยและกล่าวหาว่า LinkedIn พยายามปกปิดการกระทำที่ผิดกฎหมายนี้ น่าสนใจที่เห็นว่า LinkedIn และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ กำลังลงทุนใน AI และการเรียนรู้ของเครื่องเพื่อเพิ่มผลกำไรและโอกาสทางธุรกิจในอนาคต แต่การใช้ข้อมูลส่วนตัวโดยไม่ได้รับความยินยอมอาจเป็นปัญหาที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ. https://www.techspot.com/news/106474-premium-users-sue-linkedin-abusing-their-data-train.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    LinkedIn accused of using personal data without consent, even from paid users
    Millions of LinkedIn Premium customers intend to fight the social network in court. A lawsuit filed in a San Jose, California federal court states that users are...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ⛔️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    เมื่อกว่า 1 ปีก่อนมีภาพยนตร์จีนชื่อว่า #NoMoreBets เปิดเผยเรื่องขบวนการคอลเซนเตอร์ จนทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดกลัว และไม่กล้าเดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย....แต่ว่า นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รมต. สำนักนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้แก้ปัญหาด้วยการ⛔️ สั่งห้ามภาพยนต์เรื่องดังกล่าวฉายในประเทศไทย.วันนี้ดูได้ทาง Netflix เรื่องราวในหนังยังเหมือนเดิม และคราวนี้ ไทยจะได้รับผลกระทบที่หนักกว่าด้วย เพราะ "มาตรการเด็ดขาด" จากจีนกำลังจะเริ่มขึ้น⛔หนังที่ถูกอ้างว่า "ทำลายการท่องเที่ยว" ทำให้นักท่องเที่ยวจีนหวาดหวั่นไม่มาเที่ยวเมืองไทย ถึงขนาดที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ต้องไปพบกับทูต #จีน เพื่อชี้แจงว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในหนังไม่ใช่ประเทศไทย ทั้งขบวนการหลอกลวงออนไลน์, แก็งคอลเซนเตอร์, ขบวนการค้ามนุษย์ ที่หลอกคนมาทำงาน มีการลักพาตัว, กักขัง, ทรมาน จนถึงฆาตกรรม.หนังเรื่อง No More Bets ทำรายได้ในจีนได้สูงถึง 20,000 ล้านบาท ( ไม่ได้พิมพ์ผิด ! "2 หมื่นล้าน") และมีผู้เข้าชมในประเทศจีนมากกว่า 100 ล้านคน ผู้ที่ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ต่างพูดกันปากต่อปากว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เปิดเผยถึงความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงออนไลน์ จนเกิดกระแสว่า "ถ้าคนไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มขึ้น 1 คน ก็จะมีคนที่ถูกหลอกลวงลดน้อยลงอีก 1 คน" .ในเมืองไทย สำนักข่าวต่าง ๆ รายงานเรื่องผลกระทบต่อการท่องที่ยวจากหนังเรื่องนี้มากมาย แต่ว่าน่าจะไม่มีใครได้ดูหนังเรื่องนี้อย่างเด็มๆ ส่วนใหญ่จะแค่ "ฟังเขาเล่ามา" อีกที ...แต่ฉันได้ดูหนังเรื่องนี้ 3 รอบ และคิดว่าถ้ามี DVD หรือให้ดาวน์โหลด ก็เต็มใจจะซื้อเก็บไว้.No More Bets หรือชื่อภาษาจีนคือ "กูจู้อีจื้อ" #孤注一掷 ซึ่งเป็นสำนวนจีน ที่แปลว่า "เดิมพันครั้งสุดท้าย" ตัวเอกในหนังมี 2 คน คนหนึ่งเป็นชายหนุ่มที่เป็นโปรแกรมเมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ อีกคนหนึ่งเป็นนางแบบสาวสวย ทั้งสองคนถูกหลอกลวงว่า จะว่าได้ไปทำงานได้เงินเดือนสูง ๆ ในต่างประเทศ แต่เมื่อเดินทางไปถึงแล้ว กลับพบว่านี่คือขบวนการหลอกลวงออนไลน์.ภาพยนตร์มีฉากที่หัวหน้าขบวนการคอลเซนเตอร์พูดกับ คนที่มาทำงานด้วยว่า มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือหลอกเงินเข้ามา สองก็คือหลอกคนให้มาทำงานด้วย.ขบวนการนี้จะใช้อุบายต่าง ๆ เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินจากเหยื่อ คนที่ทำงานกับขบวนการนี้เล่าว่า ถึงขนาดมีคู่มือ มีการอบรมวิธีการพูด มีการสร้างเรื่องราวต่าง ๆ เป็นเหมือนบทละครเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง เพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจหลงเชื่อ .นอกจากการหลอกลวงให้โอนเงิน และการขโมยข้อมูลส่วนตัวแล้ว แหล่งรายได้หลักของขบวนการนี้ก็คือ การพนันออนไลน์.สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการหลอกลวงและพนันออนไลน์แพร่หลายอย่างมาก ก็คือ ผู้ที่เข้าร่วมในขบวนการนี้ ไม่รู้สึกผิด คนเหล่านี้คิดว่าเหยื่อคือคนโลภ แต่ความจริงแล้ว เหยื่อจำนวนมากถูกหลอกลวงจนสิ้นเนื้อประดาตัว สูญเงินเกษียณ เงินที่ใช้เลี้ยงดูครอบครัว เหยื่อบางรายบ้านแตกสาแหรกขาด หรือถึงกับฆ่าตัวตายจบชีวิตตัวเองก็มี⚓️เพลงนำของหนังใช้ชื่อว่า "หมดเนื้อหมดตัว" #千金散尽 เปรียบเทียบว่า เรือลำหนึ่งที่อยากจะกลับเข้าฝั่ง แต่ว่าเมื่อถอนสมอ กางใบเรือกลับพบว่าเต็มไปด้วยรอยทะลุจนแทบจะแล่นต่อไปไม่ไหว...ความ "กล้าหาญ" ถ้ามากเกินไปก็จะเป็น "ลำพอง" ความ "ฉลาด" ถ้าใช้ไม่ถูกก็จะกลายเป็น "เล่ห์เหลี่ยม" .ความน่ากลัวของขบวนการหลอกลวงก็คือ เหยื่อจำนวนมากไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกหลอก พอนึกจะ "กลับเนื้อกลัวตัว" ก็สายไปแล้ว "กลับไม่ได้ไปไม่ถึง".No More Bets ทำให้ผู้คนตระหนักว่า ขบวนการหลอกลวงใกล้ตัวกว่าที่เราคาดคิด หลายคนคงเคยได้รับโทรศัพท์ SMS หรือข้อความในโซเชียลมีเดีย ที่มาจากแก็งค์เหล่านี้ และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า โทรศัพท์และข้อความเหล่านี้มีมากขึ้นทุกวัน พวกเราหลายคนอาจจะกดลบข้อความทิ้งหรือวางสายโทรศัพท์ไป แต่ว่ายังมีผู้สูงอายุ เยาวชน และคนอีกมากมายที่ไม่รู้เท่าทันจนตกเป็นเหยื่อ .มีอีกหลายกรณีที่เหยื่อเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เป็นคนที่มีการศึกษา เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ก็ยังถูกหลอกลวงได้...อย่าคิดว่าไม่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อขบวนการหลอกลวง .ในภาพยนตร์บอกว่า คนเรามีจุดอ่อน 2 อย่าง คือ ความโลภ และความหลง เพราะว่า ใครๆ ก็อยากมีงานที่ดี มีเงินใช้ และก็หลงคิดไปว่า ตัวเองคงจะไม่โชคร้ายถึงขนาดที่ต้อง "ทุ่มสุดตัว วางเดิมพันครั้งสุดท้าย" เหมือนกับชื่อของภาพยนตร์ คือ No More Bets ที่มา เพจบูรพาไม่แพ้ .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 794 มุมมอง 0 รีวิว
  • 14 มกราคม 2568-รายงานพิเศษจากเพจ Blognone ระบุว่าจากกรณีที่มีการติดตั้งแอปพลิเคชัน ‘Fineasy’ และ ‘สินเชื่อความสุข’ ในสมาร์ทโฟน OPPO และ realme ซึ่งเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน และไม่สามารถลบออกได้ ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อย อดสงสัยไม่ได้ว่า "ใครเป็นเจ้าของ OPPO?" และ "OPPO-realme เป็นอะไรกัน?"
    .
    Blognone สืบสวน (อีกแล้ว) พบว่า OPPO และ realme เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนสัญชาติจีนภายใต้ 'BBK Electronics' และยังมีแบรนด์อื่นที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันด้วย
    .
    BBK Electronics บริษัทข้ามชาติสัญชาติจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 โดย ‘Duan Yongping’ ผู้ประกอบการและมหาเศรษฐีชาวจีน โดยเริ่มจากการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เครื่องเล่น CD, DVD, และ MP3 ต่อมาได้ขยายธุรกิจสู่ตลาดสมาร์ทโฟน จนกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ระดับโลก
    .
    ล่าสุด Counterpoint Research ออกรายงานยอดขายสมาร์ทโฟนประจำปี 2024 พบว่า 'OPPO' ติดอันดับ 4 สมาร์ทโฟนขายดีที่สุดในปี 2024 ด้วยส่วนแบ่ง 8% แม้จะลดลงมากที่สุดในบรรดาห้าอันดับแบรนด์แรกก็ตาม ส่วน 'vivo' ติดอันดับ 5 ด้วยส่วนแบ่ง 8% เช่นกัน
    .
    #blognone #bnnews
    14 มกราคม 2568-รายงานพิเศษจากเพจ Blognone ระบุว่าจากกรณีที่มีการติดตั้งแอปพลิเคชัน ‘Fineasy’ และ ‘สินเชื่อความสุข’ ในสมาร์ทโฟน OPPO และ realme ซึ่งเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน และไม่สามารถลบออกได้ ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อย อดสงสัยไม่ได้ว่า "ใครเป็นเจ้าของ OPPO?" และ "OPPO-realme เป็นอะไรกัน?" . Blognone สืบสวน (อีกแล้ว) พบว่า OPPO และ realme เป็นแบรนด์สมาร์ทโฟนสัญชาติจีนภายใต้ 'BBK Electronics' และยังมีแบรนด์อื่นที่หลายคนคุ้นหน้าคุ้นตากันด้วย . BBK Electronics บริษัทข้ามชาติสัญชาติจีน ก่อตั้งขึ้นในปี 1995 โดย ‘Duan Yongping’ ผู้ประกอบการและมหาเศรษฐีชาวจีน โดยเริ่มจากการผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน เช่น เครื่องเล่น CD, DVD, และ MP3 ต่อมาได้ขยายธุรกิจสู่ตลาดสมาร์ทโฟน จนกลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ระดับโลก . ล่าสุด Counterpoint Research ออกรายงานยอดขายสมาร์ทโฟนประจำปี 2024 พบว่า 'OPPO' ติดอันดับ 4 สมาร์ทโฟนขายดีที่สุดในปี 2024 ด้วยส่วนแบ่ง 8% แม้จะลดลงมากที่สุดในบรรดาห้าอันดับแบรนด์แรกก็ตาม ส่วน 'vivo' ติดอันดับ 5 ด้วยส่วนแบ่ง 8% เช่นกัน . #blognone #bnnews
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 401 มุมมอง 0 รีวิว
  • OPPO และ Realme โทรศัพท์ดีย์ๆที่ไม่ควรมีติดบ้าน
    สภาองค์กรของผู้บริโภคได้แจ้งเตือนอันตรายจากแอปพลิเคชันเถื่อนที่อยู่นอก Play Store ของทาง Google โดยเฉพาะแอปฯ ‘สินเชื่อความสุข’ หรือ ‘Fineasy’ ที่ฝังมาพร้อมระบบปฏิบัติการหลังการอัปเดตสมาร์ทโฟน Oppo และ realme
    ทางสภาองค์กรผู้บริโภคให้ข้อมูลว่าแอปฯ ดังกล่าวไม่สามารถลบออกจากเครื่องได้ และยังสามารถส่งการแจ้งเตือนเชิญชวนให้กู้เงิน รวมถึงเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์ การที่แอปฯ นี้ฝังตัวอยู่ในระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่สามารถควบคุม ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว หรือถอนการติดตั้งได้ด้วย
    ล่าสุดวันนี้ นาย อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เรียกร้องให้บริษัท OPPO และ Realme เร่งเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแอปกู้เงินเถื่อน “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” ที่แอบติดตั้งมากับสมาร์ทโฟน โดยให้เปิดเผยว่าใครเป็นผู้พัฒนาแอปฯ และใครเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเงินกู้ดังกล่าวด้วย
    สภาผู้บริโภคเสนอให้ทั้ง 2 บริษัทปรับปรุงระบบปฏิบัติการหรืออัปเดตแอปฯ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถถอนการติดตั้งได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเดินทางไปศูนย์บริการ เนื่องจากขณะนี้พบเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคว่าการปลดล็อกแอปฯ ทำได้เฉพาะที่ศูนย์บริการขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างภาระให้ผู้บริโภค หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ ควรจ่ายเงินเยียวยาค่าเดินทางค่าเสียเวลาให้ผู้บริโภค 2,000 บาทต่อรายเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาที่ศูนย์บริการ
    “แม้ทั้งสองบริษัทจะออกแถลงการณ์ว่าจะแก้ไขปัญหาโดยการลบแอปฯ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรม สภาผู้บริโภคจึงตั้งคำถามว่า การที่ OPPO และ Realme ไม่เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดนั้น อาจเป็นเพราะมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือส่วนแบ่งรายได้ร่วมกับผู้พัฒนาแอปฯ กู้เงินเถื่อนหรือไม่ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ
    OPPO และ Realme โทรศัพท์ดีย์ๆที่ไม่ควรมีติดบ้าน สภาองค์กรของผู้บริโภคได้แจ้งเตือนอันตรายจากแอปพลิเคชันเถื่อนที่อยู่นอก Play Store ของทาง Google โดยเฉพาะแอปฯ ‘สินเชื่อความสุข’ หรือ ‘Fineasy’ ที่ฝังมาพร้อมระบบปฏิบัติการหลังการอัปเดตสมาร์ทโฟน Oppo และ realme ทางสภาองค์กรผู้บริโภคให้ข้อมูลว่าแอปฯ ดังกล่าวไม่สามารถลบออกจากเครื่องได้ และยังสามารถส่งการแจ้งเตือนเชิญชวนให้กู้เงิน รวมถึงเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ เช่น รายชื่อผู้ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์ การที่แอปฯ นี้ฝังตัวอยู่ในระบบปฏิบัติการของสมาร์ทโฟน ทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปไม่สามารถควบคุม ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัว หรือถอนการติดตั้งได้ด้วย ล่าสุดวันนี้ นาย อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการสำนักงานสภาผู้บริโภค เรียกร้องให้บริษัท OPPO และ Realme เร่งเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับแอปกู้เงินเถื่อน “Fineasy” และ “สินเชื่อความสุข” ที่แอบติดตั้งมากับสมาร์ทโฟน โดยให้เปิดเผยว่าใครเป็นผู้พัฒนาแอปฯ และใครเป็นผู้ดำเนินธุรกิจเงินกู้ดังกล่าวด้วย สภาผู้บริโภคเสนอให้ทั้ง 2 บริษัทปรับปรุงระบบปฏิบัติการหรืออัปเดตแอปฯ เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถถอนการติดตั้งได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเดินทางไปศูนย์บริการ เนื่องจากขณะนี้พบเสียงสะท้อนจากผู้บริโภคว่าการปลดล็อกแอปฯ ทำได้เฉพาะที่ศูนย์บริการขนาดใหญ่ ซึ่งสร้างภาระให้ผู้บริโภค หากบริษัทไม่สามารถดำเนินการได้ ควรจ่ายเงินเยียวยาค่าเดินทางค่าเสียเวลาให้ผู้บริโภค 2,000 บาทต่อรายเพื่อชดเชยค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาที่ศูนย์บริการ “แม้ทั้งสองบริษัทจะออกแถลงการณ์ว่าจะแก้ไขปัญหาโดยการลบแอปฯ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีมาตรการที่เป็นรูปธรรม สภาผู้บริโภคจึงตั้งคำถามว่า การที่ OPPO และ Realme ไม่เร่งแก้ไขปัญหาอย่างเด็ดขาดนั้น อาจเป็นเพราะมีผลประโยชน์ทางธุรกิจ หรือส่วนแบ่งรายได้ร่วมกับผู้พัฒนาแอปฯ กู้เงินเถื่อนหรือไม่ ติดตามข่าวซีพๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 489 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google เตรียมอัปเกรด Google TV ครั้งใหญ่ในปี 2025 ด้วยฟีเจอร์ใหม่ 3 อย่างที่น่าตื่นเต้นครับ

    Google ได้ประกาศการอัปเกรดครั้งใหญ่สำหรับ Google TV ในปี 2025 โดยจะมีการนำ Gemini assistant เข้ามาใช้แทน Google Assistant เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองคำสั่งเสียงและการค้นหาข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้น

    ฟีเจอร์ใหม่มีดังนี้

    1) Gemini assistant จะเข้ามาแทนที่ Google Assistant บน Google TV ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยไม่ต้องพูดคำว่า "Hey Google" และสามารถใช้คำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้นได้
    2) ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น "บอกเกี่ยวกับระบบสุริยะสำหรับเด็กประถม" หรือ "ช่วยวางแผนสถานที่พักผ่อนที่มีชายหาดสวย" และ Gemini จะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและแสดงผลบนหน้าจอทีวี
    3) Google มีแผนที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่ออัปเกรดฮาร์ดแวร์ของ Google TV โดยจะมีการติดตั้งไมโครโฟนระยะไกลเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานทีวีได้โดยไม่ต้องใช้รีโมท และมีการพัฒนาประสบการณ์การใช้งานแบบ ambient ที่สามารถแสดงข้อมูลส่วนตัวและวิดเจ็ตที่น่าสนใจเมื่อผู้ใช้เข้าใกล้ทีวี

    การอัปเกรดครั้งนี้จะทำให้การใช้งาน Google TV เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการนำ Gemini assistant เข้ามาใช้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานทีวีได้อย่างเป็นธรรมชาติและสะดวกสบายมากขึ้น

    ลุงว่า การใส่ไมค์มาใน TV มันจะน่ากลัวว่าจะโดนเก็บข้อมูลตลอดเวลาหน่ะสิ

    https://www.zdnet.com/home-and-office/home-entertainment/google-tvs-are-getting-a-major-gemini-upgrade-in-2025-here-are-the-3-best-features/
    Google เตรียมอัปเกรด Google TV ครั้งใหญ่ในปี 2025 ด้วยฟีเจอร์ใหม่ 3 อย่างที่น่าตื่นเต้นครับ Google ได้ประกาศการอัปเกรดครั้งใหญ่สำหรับ Google TV ในปี 2025 โดยจะมีการนำ Gemini assistant เข้ามาใช้แทน Google Assistant เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองคำสั่งเสียงและการค้นหาข้อมูลที่ซับซ้อนมากขึ้น ฟีเจอร์ใหม่มีดังนี้ 1) Gemini assistant จะเข้ามาแทนที่ Google Assistant บน Google TV ทำให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานด้วยเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น โดยไม่ต้องพูดคำว่า "Hey Google" และสามารถใช้คำสั่งที่ซับซ้อนมากขึ้นได้ 2) ผู้ใช้สามารถถามคำถามที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น "บอกเกี่ยวกับระบบสุริยะสำหรับเด็กประถม" หรือ "ช่วยวางแผนสถานที่พักผ่อนที่มีชายหาดสวย" และ Gemini จะสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็วและแสดงผลบนหน้าจอทีวี 3) Google มีแผนที่จะทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่ออัปเกรดฮาร์ดแวร์ของ Google TV โดยจะมีการติดตั้งไมโครโฟนระยะไกลเพื่อให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานทีวีได้โดยไม่ต้องใช้รีโมท และมีการพัฒนาประสบการณ์การใช้งานแบบ ambient ที่สามารถแสดงข้อมูลส่วนตัวและวิดเจ็ตที่น่าสนใจเมื่อผู้ใช้เข้าใกล้ทีวี การอัปเกรดครั้งนี้จะทำให้การใช้งาน Google TV เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการนำ Gemini assistant เข้ามาใช้จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานทีวีได้อย่างเป็นธรรมชาติและสะดวกสบายมากขึ้น ลุงว่า การใส่ไมค์มาใน TV มันจะน่ากลัวว่าจะโดนเก็บข้อมูลตลอดเวลาหน่ะสิ https://www.zdnet.com/home-and-office/home-entertainment/google-tvs-are-getting-a-major-gemini-upgrade-in-2025-here-are-the-3-best-features/
    WWW.ZDNET.COM
    Google TVs are getting a major Gemini upgrade in 2025 - here are the 3 best features
    You will finally be able to speak to your Google TV like you would speak to a person. And future models will support ambient sensors for a hands-free viewing experience.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 310 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข่าวขอนแก่น - นักเที่ยวโพสต์ไม่เห็นด้วยร้านเหล้า SNAP กลางเมืองขอนแก่นใช้เครื่องสแกนข้อมูลบัตรประชาชนก่อนให้เข้า หวั่นหลุดไปอยู่ในมือมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวเน็ตได้อ่านแล้ววิจารณ์สนั่น ด้านทางร้านอ้างทำตามนโยบายจังหวัดให้เข้มงวดอายุผู้ใช้บริการ สุดท้ายปกครองอำเภอสั่งหยุดใช้ชั่วคราวจนกว่าจะมีหนังสืออนุญาตหรือไม่จากกรมการปกครอง

    กลายเป็นกระแสร้อนขึ้นมาทันทีหลังจากมีแฟนเพจ ขอนแก่นร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่โพสต์ข้อความเชิงสงสัย โดยระบุว่า...มีร้านเหล้าร้านหนึ่งในขอนแก่น เวลาตรวจบัตร การ์ดเอามือถือขึ้นมาถ่ายบัตรประชาชน อันนี้คือครั้งแรก ครั้งที่ 2 มีเครื่องสแกนข้อมูลพร้อม เอาจริงๆ ไม่สบายใจเลย กลัวโดนเอาข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตรวจบัตรปกติก็พอมั้ย แล้วเวลาถ่ายไม่ขออนุญาตด้วย งงว่าถ่ายทำไม สแกนข้อมูลทำไม คือบัตรประชาชนมันเป็นข้อมูลส่วนตัวมั้ย…

    หลังจากมีการแชร์โพสต์ออกไปมีผู้คนแสดงความเห็นจำนวนมากในทำนองเดียวกันว่า ทางร้านไม่มีสิทธิถ่ายรูปหรือสแกนบัตรประชาชนของคนอื่นเพราะเป็นข้อมูลส่วนตัว น่าวิตกกังวลว่าข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้ ซึ่งถูกจัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของทางร้านอาจหลุดไปอยู่ในมือของพวกมิจฉาชีพ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากการตรวจสอบพบว่าร้านดังกล่าวคือร้านเหล้าที่ชื่อว่า SNAP อยู่ในพื้นที่ของโรงแรมขอนแก่น โฮเต็ล ตั้งอยู่ใจกลางเมืองขอนแก่น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001271

    #MGROnline #ขอนแก่น #สแกนบัตรประชาชน #ข้อมูลส่วนตัว
    ศูนย์ข่าวขอนแก่น - นักเที่ยวโพสต์ไม่เห็นด้วยร้านเหล้า SNAP กลางเมืองขอนแก่นใช้เครื่องสแกนข้อมูลบัตรประชาชนก่อนให้เข้า หวั่นหลุดไปอยู่ในมือมิจฉาชีพหรือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชาวเน็ตได้อ่านแล้ววิจารณ์สนั่น ด้านทางร้านอ้างทำตามนโยบายจังหวัดให้เข้มงวดอายุผู้ใช้บริการ สุดท้ายปกครองอำเภอสั่งหยุดใช้ชั่วคราวจนกว่าจะมีหนังสืออนุญาตหรือไม่จากกรมการปกครอง • กลายเป็นกระแสร้อนขึ้นมาทันทีหลังจากมีแฟนเพจ ขอนแก่นร้องเรียนอะไรบอกไว้ที่นี่โพสต์ข้อความเชิงสงสัย โดยระบุว่า...มีร้านเหล้าร้านหนึ่งในขอนแก่น เวลาตรวจบัตร การ์ดเอามือถือขึ้นมาถ่ายบัตรประชาชน อันนี้คือครั้งแรก ครั้งที่ 2 มีเครื่องสแกนข้อมูลพร้อม เอาจริงๆ ไม่สบายใจเลย กลัวโดนเอาข้อมูลไปขายให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตรวจบัตรปกติก็พอมั้ย แล้วเวลาถ่ายไม่ขออนุญาตด้วย งงว่าถ่ายทำไม สแกนข้อมูลทำไม คือบัตรประชาชนมันเป็นข้อมูลส่วนตัวมั้ย… • หลังจากมีการแชร์โพสต์ออกไปมีผู้คนแสดงความเห็นจำนวนมากในทำนองเดียวกันว่า ทางร้านไม่มีสิทธิถ่ายรูปหรือสแกนบัตรประชาชนของคนอื่นเพราะเป็นข้อมูลส่วนตัว น่าวิตกกังวลว่าข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านี้ ซึ่งถูกจัดเก็บไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์ของทางร้านอาจหลุดไปอยู่ในมือของพวกมิจฉาชีพ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จากการตรวจสอบพบว่าร้านดังกล่าวคือร้านเหล้าที่ชื่อว่า SNAP อยู่ในพื้นที่ของโรงแรมขอนแก่น โฮเต็ล ตั้งอยู่ใจกลางเมืองขอนแก่น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/local/detail/9680000001271 • #MGROnline #ขอนแก่น #สแกนบัตรประชาชน #ข้อมูลส่วนตัว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 331 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายรณณรงค์ ชี้ผับดังนำข้อมูลส่วนตัวไปขายมีความผิดแพ่ง อาญา ปกครอง ปรับสูงสุดถึง 5 ล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000001133

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ทนายรณณรงค์ ชี้ผับดังนำข้อมูลส่วนตัวไปขายมีความผิดแพ่ง อาญา ปกครอง ปรับสูงสุดถึง 5 ล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000001133 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1180 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ทรัมป์' ยื่นขอศาลสูงสุดสหรัฐฯ ระงับแบน TikTok ชั่วคราว!

    28 ธันวาคม 2567 #โดนัลด์ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพื่อขอให้ "ระงับการบังคับใช้กฎหมาย" ที่ห้าม #แอปพลิเคชัน #TikTok ในสหรัฐฯ กรณีที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้มาตรการที่อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของบริษัทแม่ของ TikTok, ByteDance
    .
    การขอระงับมาตรการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจาก การตัดสินของศาลล่างที่ให้ความเห็นว่า #TikTok อาจเป็น #ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยความกังวลเกี่ยวกับการ #เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย ถึงการเชื่อมโยงกับ #รัฐบาลจีน
    .
    ทรัมป์และทีมกฎหมาย ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยุค ปธน.โจ ไบเดน แบน TikTok อาจสร้างผลกระทบที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้งานและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึง #กระทบต่อเสรีภาพทางดิจิทัล และการเข้าถึงข้อมูลในโลกออนไลน์
    .
    ซึ่งทรัมป์ มีบัญชี Tiktok ในชื่อ realdonaldtrump
    President Donald J Trump
    .
    รัฐบาลโจ ไบเดน แบน TikTok เพราะกังวลถึงความมั่นคงแห่งชาติ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่อาจตกอยู่ในมือของรัฐบาลจีน
    .
    .
    #Thaitribune

    ขณะนี้ ศาลสูงสุดสหรัฐฯ กำลังพิจารณาคำขอของทรัมป์ เพื่อจะตัดสินว่าจะระงับคำสั่งแบน TikTok ชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินกิจการของแอปพลิเคชันดังกล่าวในสหรัฐฯ.

    ที่มา: https://www.facebook.com/share/p/14mSLz1Xvb6/?mibextid=wwXIfr
    'ทรัมป์' ยื่นขอศาลสูงสุดสหรัฐฯ ระงับแบน TikTok ชั่วคราว! 28 ธันวาคม 2567 #โดนัลด์ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพื่อขอให้ "ระงับการบังคับใช้กฎหมาย" ที่ห้าม #แอปพลิเคชัน #TikTok ในสหรัฐฯ กรณีที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้มาตรการที่อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมของบริษัทแม่ของ TikTok, ByteDance . การขอระงับมาตรการดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจาก การตัดสินของศาลล่างที่ให้ความเห็นว่า #TikTok อาจเป็น #ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ ด้วยความกังวลเกี่ยวกับการ #เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายฝ่ายตั้งข้อสงสัย ถึงการเชื่อมโยงกับ #รัฐบาลจีน . ทรัมป์และทีมกฎหมาย ระบุว่า รัฐบาลสหรัฐฯ ยุค ปธน.โจ ไบเดน แบน TikTok อาจสร้างผลกระทบที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ใช้งานและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึง #กระทบต่อเสรีภาพทางดิจิทัล และการเข้าถึงข้อมูลในโลกออนไลน์ . ซึ่งทรัมป์ มีบัญชี Tiktok ในชื่อ realdonaldtrump President Donald J Trump . รัฐบาลโจ ไบเดน แบน TikTok เพราะกังวลถึงความมั่นคงแห่งชาติ โดยเฉพาะข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ในสหรัฐฯ ที่อาจตกอยู่ในมือของรัฐบาลจีน . . #Thaitribune ขณะนี้ ศาลสูงสุดสหรัฐฯ กำลังพิจารณาคำขอของทรัมป์ เพื่อจะตัดสินว่าจะระงับคำสั่งแบน TikTok ชั่วคราวหรือไม่ ซึ่งจะมีผลกระทบอย่างมากต่อการดำเนินกิจการของแอปพลิเคชันดังกล่าวในสหรัฐฯ. ที่มา: https://www.facebook.com/share/p/14mSLz1Xvb6/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 481 มุมมอง 0 รีวิว
  • มัลแวร์ BadBox แพร่กระจายโจมตีอุปกรณ์ Android กว่า 192,000 เครื่องทั่วโลก

    มัลแวร์ BadBox กำลังเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง โดยมีรายงานการแพร่กระจายไปยังอุปกรณ์ Android กว่า 192,000 เครื่องทั่วโลก แม้ว่าหน่วยงานความมั่นคงในเยอรมนีจะพยายามยับยั้งการแพร่ระบาดแล้ว แต่มัลแวร์นี้ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง

    =ต้นกำเนิดและเป้าหมายของ BadBox=
    BadBox เริ่มต้นจากการโจมตีอุปกรณ์ที่ผลิตโดยแบรนด์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก ก่อนจะขยายเป้าหมายไปยังอุปกรณ์ที่มีชื่อเสียง เช่น โทรทัศน์ Yandex และสมาร์ทโฟน Hisense
    เป้าหมายหลักของ BadBox คือผลประโยชน์ทางการเงิน โดยมัลแวร์นี้จะเปลี่ยนอุปกรณ์ให้เป็น พร็อกซี สำหรับการโจมตีหรือฉ้อโกงโฆษณา นอกจากนี้ ยังสามารถติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติมในอุปกรณ์ Android เพื่อดำเนินกิจกรรมที่อันตรายยิ่งขึ้น

    =ความพยายามหยุดยั้งและสถานการณ์ปัจจุบัน=
    เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานความมั่นคงในเยอรมนีสามารถปิดการทำงานบางส่วนของเซิร์ฟเวอร์ควบคุมมัลแวร์นี้ได้ แต่การแพร่กระจายยังคงดำเนินต่อไป

    นักวิจัยจาก BitSight พบว่ามัลแวร์ BadBox ติดตั้งในโทรทัศน์และสมาร์ทโฟนกว่า 192,000 เครื่อง โดยอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ได้แก่
    - โทรทัศน์ Yandex 4K QLED Smart TV ซึ่งได้รับความนิยมในรัสเซีย
    - สมาร์ทโฟน Hisense T9631

    =การป้องกันมัลแวร์ BadBox=
    เพื่อป้องกันอุปกรณ์จากการติดมัลแวร์ ผู้ใช้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้:
    - อัปเดตเฟิร์มแวร์ ของอุปกรณ์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
    - แยกอุปกรณ์สมาร์ท ออกจากเครือข่ายที่สำคัญ
    - ตัดการเชื่อมต่อจากอินเทอร์เน็ต เมื่อไม่ใช้งาน
    - หากอุปกรณ์ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยหรือเฟิร์มแวร์ ผู้ใช้ควรพิจารณาตัดการเชื่อมต่อจากเครือข่ายหรือปิดเครื่อง

    =สัญญาณการติดมัลแวร์ BadBox=
    ผู้ใช้สามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้จากอาการดังต่อไปนี้:
    - อุปกรณ์ร้อนผิดปกติ
    - ประสิทธิภาพลดลงจากการใช้งานโปรเซสเซอร์ที่สูง
    - มีการใช้ bandwidth สูงผิดปกติ
    - การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าที่ไม่ได้ตั้งใจ
    การรับรู้และป้องกันภัยคุกคามเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อปกป้องอุปกรณ์และข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ.

    https://www.bleepingcomputer.com/news/security/badbox-malware-botnet-infects-192-000-android-devices-despite-disruption/
    มัลแวร์ BadBox แพร่กระจายโจมตีอุปกรณ์ Android กว่า 192,000 เครื่องทั่วโลก มัลแวร์ BadBox กำลังเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรง โดยมีรายงานการแพร่กระจายไปยังอุปกรณ์ Android กว่า 192,000 เครื่องทั่วโลก แม้ว่าหน่วยงานความมั่นคงในเยอรมนีจะพยายามยับยั้งการแพร่ระบาดแล้ว แต่มัลแวร์นี้ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง =ต้นกำเนิดและเป้าหมายของ BadBox= BadBox เริ่มต้นจากการโจมตีอุปกรณ์ที่ผลิตโดยแบรนด์ที่ไม่เป็นที่รู้จัก ก่อนจะขยายเป้าหมายไปยังอุปกรณ์ที่มีชื่อเสียง เช่น โทรทัศน์ Yandex และสมาร์ทโฟน Hisense เป้าหมายหลักของ BadBox คือผลประโยชน์ทางการเงิน โดยมัลแวร์นี้จะเปลี่ยนอุปกรณ์ให้เป็น พร็อกซี สำหรับการโจมตีหรือฉ้อโกงโฆษณา นอกจากนี้ ยังสามารถติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติมในอุปกรณ์ Android เพื่อดำเนินกิจกรรมที่อันตรายยิ่งขึ้น =ความพยายามหยุดยั้งและสถานการณ์ปัจจุบัน= เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หน่วยงานความมั่นคงในเยอรมนีสามารถปิดการทำงานบางส่วนของเซิร์ฟเวอร์ควบคุมมัลแวร์นี้ได้ แต่การแพร่กระจายยังคงดำเนินต่อไป นักวิจัยจาก BitSight พบว่ามัลแวร์ BadBox ติดตั้งในโทรทัศน์และสมาร์ทโฟนกว่า 192,000 เครื่อง โดยอุปกรณ์ที่ได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ได้แก่ - โทรทัศน์ Yandex 4K QLED Smart TV ซึ่งได้รับความนิยมในรัสเซีย - สมาร์ทโฟน Hisense T9631 =การป้องกันมัลแวร์ BadBox= เพื่อป้องกันอุปกรณ์จากการติดมัลแวร์ ผู้ใช้ควรปฏิบัติตามคำแนะนำดังนี้: - อัปเดตเฟิร์มแวร์ ของอุปกรณ์ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ - แยกอุปกรณ์สมาร์ท ออกจากเครือข่ายที่สำคัญ - ตัดการเชื่อมต่อจากอินเทอร์เน็ต เมื่อไม่ใช้งาน - หากอุปกรณ์ไม่มีการอัปเดตความปลอดภัยหรือเฟิร์มแวร์ ผู้ใช้ควรพิจารณาตัดการเชื่อมต่อจากเครือข่ายหรือปิดเครื่อง =สัญญาณการติดมัลแวร์ BadBox= ผู้ใช้สามารถตรวจสอบเบื้องต้นได้จากอาการดังต่อไปนี้: - อุปกรณ์ร้อนผิดปกติ - ประสิทธิภาพลดลงจากการใช้งานโปรเซสเซอร์ที่สูง - มีการใช้ bandwidth สูงผิดปกติ - การเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าที่ไม่ได้ตั้งใจ การรับรู้และป้องกันภัยคุกคามเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อปกป้องอุปกรณ์และข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้อย่างมีประสิทธิภาพ. https://www.bleepingcomputer.com/news/security/badbox-malware-botnet-infects-192-000-android-devices-despite-disruption/
    WWW.BLEEPINGCOMPUTER.COM
    BadBox malware botnet infects 192,000 Android devices despite disruption
    The BadBox Android malware botnet has grown to over 192,000 infected devices worldwide despite a recent sinkhole operation that attempted to disrupt the operation in Germany.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิธีแก้ไขชื่อ-นามสกุลในแอป ThaiTimes (4 ขั้นตอนง่าย ๆ)

    Step 1:
    เปิดแอปและไปที่เมนูการตั้งค่า
    - คลิกที่ไอคอน เมนู (มุมซ้ายล่าง) ตามที่ลูกศรในภาพชี้

    Step 2:
    เลือก "แก้ไขโปรไฟล์"
    - เมื่อเข้าสู่หน้าเมนู ให้คลิกที่ "แก้ไขโปรไฟล์" เพื่อเข้าสู่หน้าจัดการข้อมูลส่วนตัว

    Step 3:
    เลือก "พื้นฐาน"
    - ในหน้าเมนู แก้ไขโปรไฟล์ ให้เลือกหัวข้อ "พื้นฐาน" เพื่อเข้าไปแก้ไขข้อมูลชื่อ-นามสกุล

    Step 4:
    แก้ไขชื่อ-นามสกุล และบันทึกการเปลี่ยนแปลง
    - กรอกชื่อจริงและนามสกุลใหม่ในช่องที่กำหนด
    - คลิกปุ่ม "บันทึกการเปลี่ยนแปลง" ที่ด้านล่าง
    - ระบบจะอัปเดตข้อมูลของคุณทันที

    หมายเหตุ:
    - ชื่อและนามสกุลที่แก้ไขจะแสดงในทุกโพสต์และกิจกรรมที่คุณทำบน Social ของ ThaiTimes
    - หากมีปัญหาในการแก้ไข สามารถติดต่อฝ่ายสนับสนุนผ่าน Line: @sondhitalk เพื่อขอความช่วยเหลือครับ/ค่ะ!

    #thaitimes #Howto
    วิธีแก้ไขชื่อ-นามสกุลในแอป ThaiTimes (4 ขั้นตอนง่าย ๆ) Step 1: เปิดแอปและไปที่เมนูการตั้งค่า - คลิกที่ไอคอน เมนู (มุมซ้ายล่าง) ตามที่ลูกศรในภาพชี้ Step 2: เลือก "แก้ไขโปรไฟล์" - เมื่อเข้าสู่หน้าเมนู ให้คลิกที่ "แก้ไขโปรไฟล์" เพื่อเข้าสู่หน้าจัดการข้อมูลส่วนตัว Step 3: เลือก "พื้นฐาน" - ในหน้าเมนู แก้ไขโปรไฟล์ ให้เลือกหัวข้อ "พื้นฐาน" เพื่อเข้าไปแก้ไขข้อมูลชื่อ-นามสกุล Step 4: แก้ไขชื่อ-นามสกุล และบันทึกการเปลี่ยนแปลง - กรอกชื่อจริงและนามสกุลใหม่ในช่องที่กำหนด - คลิกปุ่ม "บันทึกการเปลี่ยนแปลง" ที่ด้านล่าง - ระบบจะอัปเดตข้อมูลของคุณทันที หมายเหตุ: - ชื่อและนามสกุลที่แก้ไขจะแสดงในทุกโพสต์และกิจกรรมที่คุณทำบน Social ของ ThaiTimes - หากมีปัญหาในการแก้ไข สามารถติดต่อฝ่ายสนับสนุนผ่าน Line: @sondhitalk เพื่อขอความช่วยเหลือครับ/ค่ะ! #thaitimes #Howto
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 913 มุมมอง 0 รีวิว
  • [Thaitimes App Version3.0]
    วิธีการลงทะเบียน Thaitimes

    1. เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน
    - หากยังไม่มีบัญชี ให้คลิกที่ปุ่ม "ลงทะเบียน" ด้านล่าง
    - หากมีบัญชีอยู่แล้ว ให้กรอก อีเมล/ชื่อผู้ใช้ และ รหัสผ่าน จากนั้นกด "เข้าสู่ระบบ"

    2. ลงทะเบียนสร้างบัญชี
    - กรอก ชื่อ-นามสกุล
    - ใส่ Username (อาจเป็นเบอร์โทรหรือชื่อผู้ใช้งาน)
    - ใส่ Email (สำหรับรับรหัส OTP)
    - ตั้ง รหัสผ่าน ความยาวอย่างน้อย 6 ตัวอักษร
    - ติ๊กยอมรับเงื่อนไข จากนั้นกด "Sign Up"

    3. ยืนยันตัวตนด้วย OTP
    - ระบบจะส่งรหัส OTP ไปที่อีเมลของคุณ
    - ใส่รหัส 6 หลักที่ได้รับในช่องที่กำหนด
    - กด "Next" เพื่อดำเนินการต่อ

    4. หาก OTP ไม่ถูกต้องหรือไม่ได้รับ
    - กด "ส่งรหัสใหม่" เพื่อขอ OTP อีกครั้ง
    - ตรวจสอบอีเมลที่ลงทะเบียนว่าถูกต้อง
    - หากยังไม่ได้ ให้ลอง Sign Out และเข้าสู่ระบบใหม่
    - หรือต้องการความช่วยเหลือให้ทักไปที่ Line: @sondhitalk

    5. เริ่มตั้งค่าบัญชี (Step 1)
    - อัปโหลดรูปภาพของคุณโดยกดที่ไอคอนกล้อง
    - เลือกรูปจากเครื่องหรือถ่ายใหม่
    - กด "Next Step" เพื่อไปต่อ

    6. อัปเดตข้อมูลส่วนตัว (Step 2)
    - หากยังไม่พร้อม สามารถข้ามขั้นตอนนี้ได้โดยกด "Next Step"

    7. เสร็จสิ้นการตั้งค่า (Step 3)
    - เพิ่มเพื่อนจากระบบแนะนำได้ หรือ ข้ามไปได้เลย
    - กด "Finish" เพื่อเริ่มใช้งานระบบ

    8. หน้าหลักของ Thaitimes
    - มุมซ้ายบน: เปิดเมนูหลักเพื่อเข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น บทความ กลุ่ม หรือ เพจ
    - ตรงกลาง: ใช้โพสต์เรื่องราว รูปภาพ หรือวิดีโอ แชร์ลงโซเชียลของ Thaitimes
    - มุมขวาบน: เข้าโปรไฟล์ของคุณ

    พร้อมใช้งาน Thaitimes ได้เลย!

    ต้องความช่วยเหลือแจ้งไปได้ที่ Line: @sondhitalk

    #thaitimes #sondhitalk
    [Thaitimes App Version3.0] วิธีการลงทะเบียน Thaitimes 1. เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน - หากยังไม่มีบัญชี ให้คลิกที่ปุ่ม "ลงทะเบียน" ด้านล่าง - หากมีบัญชีอยู่แล้ว ให้กรอก อีเมล/ชื่อผู้ใช้ และ รหัสผ่าน จากนั้นกด "เข้าสู่ระบบ" 2. ลงทะเบียนสร้างบัญชี - กรอก ชื่อ-นามสกุล - ใส่ Username (อาจเป็นเบอร์โทรหรือชื่อผู้ใช้งาน) - ใส่ Email (สำหรับรับรหัส OTP) - ตั้ง รหัสผ่าน ความยาวอย่างน้อย 6 ตัวอักษร - ติ๊กยอมรับเงื่อนไข จากนั้นกด "Sign Up" 3. ยืนยันตัวตนด้วย OTP - ระบบจะส่งรหัส OTP ไปที่อีเมลของคุณ - ใส่รหัส 6 หลักที่ได้รับในช่องที่กำหนด - กด "Next" เพื่อดำเนินการต่อ 4. หาก OTP ไม่ถูกต้องหรือไม่ได้รับ - กด "ส่งรหัสใหม่" เพื่อขอ OTP อีกครั้ง - ตรวจสอบอีเมลที่ลงทะเบียนว่าถูกต้อง - หากยังไม่ได้ ให้ลอง Sign Out และเข้าสู่ระบบใหม่ - หรือต้องการความช่วยเหลือให้ทักไปที่ Line: @sondhitalk 5. เริ่มตั้งค่าบัญชี (Step 1) - อัปโหลดรูปภาพของคุณโดยกดที่ไอคอนกล้อง - เลือกรูปจากเครื่องหรือถ่ายใหม่ - กด "Next Step" เพื่อไปต่อ 6. อัปเดตข้อมูลส่วนตัว (Step 2) - หากยังไม่พร้อม สามารถข้ามขั้นตอนนี้ได้โดยกด "Next Step" 7. เสร็จสิ้นการตั้งค่า (Step 3) - เพิ่มเพื่อนจากระบบแนะนำได้ หรือ ข้ามไปได้เลย - กด "Finish" เพื่อเริ่มใช้งานระบบ 8. หน้าหลักของ Thaitimes - มุมซ้ายบน: เปิดเมนูหลักเพื่อเข้าถึงฟังก์ชันต่าง ๆ เช่น บทความ กลุ่ม หรือ เพจ - ตรงกลาง: ใช้โพสต์เรื่องราว รูปภาพ หรือวิดีโอ แชร์ลงโซเชียลของ Thaitimes - มุมขวาบน: เข้าโปรไฟล์ของคุณ พร้อมใช้งาน Thaitimes ได้เลย! ต้องความช่วยเหลือแจ้งไปได้ที่ Line: @sondhitalk #thaitimes #sondhitalk
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 935 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผย Top 5 #หลอกออนไลน์

    5 อันดับแรกคดีออนไลน์ ที่มีการ #แจ้งความออนไลน์ สูงสุด

    เจอแบบนี้ เอะใจสักนิด

    - เบอร์แปลกโทรมาหา อ้างเป็นเจ้าหน้าที่มีข้อมูลส่วนตัวของเราทุกอย่าง
    -สินค้าโปรฯ ดี ราคาถูกเว่อร์
    -ชวนลงทุน เทรดง่าย กำไร
    #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผย Top 5 #หลอกออนไลน์ 5 อันดับแรกคดีออนไลน์ ที่มีการ #แจ้งความออนไลน์ สูงสุด เจอแบบนี้ เอะใจสักนิด - เบอร์แปลกโทรมาหา อ้างเป็นเจ้าหน้าที่มีข้อมูลส่วนตัวของเราทุกอย่าง -สินค้าโปรฯ ดี ราคาถูกเว่อร์ -ชวนลงทุน เทรดง่าย กำไร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 339 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อิสราเอลและสหรัฐ สองประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการหักหลังเพื่อน"

    อิตาลีกำลังเผชิญเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่เกี่ยวกับการจารกรรมข้อมูลข่าวกรองของรัฐบาลอิตาลี โดยมีเจ้าหน้าที่ Mossad ของอิสราเอลตกเป็นผู้ต้องสงสัยร่วมกับบริษัทเอกชนด้านการสืบสวนของอิตาลี

    จากการรายงานของสื่อระบุว่า เจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน Mossad ของอิสราเอล ได้ว่าจ้างบริษัทสืบสวนเอกชน "Equalize" ในอิตาลี ซึ่งมีอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานความมั่นคงอิตาลีเป็นผู้บริหารของบริษัทแห่งนี้ เจาะข้อมูลในกระทรวงมหาดไทยอิตาลี รวมทั้งกระทรวงอื่นๆ เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของนักการเมืองรวมถึงนายกรัฐมนตรี Giorgia Meloni รวมทั้งนักการเมืองและบุคคลสำคัญอีกหลายราย

    สื่อยังรายงานอีกว่า อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิตาลีซึ่งเป็นผู้บริหารรายนี้ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลักในการสอบสวน ส่วนผู้ต้องสงสัยซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนแห่งนี้ถูกจับไปแล้ว 4 ราย ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเจาะระบบเซิร์ฟเวอร์ของกระทรวงต่างๆ รวมทั้งโทรศัพท์และอุปกรณ์ส่วนบุคคล ระหว่างปี 2019-2024 เพื่อรวบรวมข้อมูลลับและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนโดยขายให้เจ้าหน้าที่หน่วยงาน Mossad

    ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอิตาลี นอกจากการเจาะข้อมูลของอิตาลีแล้ว เจ้าหน้าที่ Mossad ยังได้ขอให้บริษัทแห่งนี้เจาะข้อมูลกลุ่ม Wagner ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของรัสเซีย รวมถึงเส้นทางการเงินในยุโรปอีกด้วย

    Meloni นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประณามการกระทำครั้งนี้ว่าเป็น “ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย” ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมอิตาลี Guido Crosetto เรียกร้องให้มีการเร่งสอบสวนโดยด่วนเพื่อป้องกันความลับรั่วไหลไปมากกว่านี้

    สื่อของอิตาลีวิจารณ์เหตุการณ์นี้ว่าเป็น “การสมคบคิดระดับสูงที่สุด” ที่เกี่ยวข้องกับข่าวกรองของรัฐบาล
    "อิสราเอลและสหรัฐ สองประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการหักหลังเพื่อน" อิตาลีกำลังเผชิญเรื่องอื้อฉาวครั้งใหญ่เกี่ยวกับการจารกรรมข้อมูลข่าวกรองของรัฐบาลอิตาลี โดยมีเจ้าหน้าที่ Mossad ของอิสราเอลตกเป็นผู้ต้องสงสัยร่วมกับบริษัทเอกชนด้านการสืบสวนของอิตาลี จากการรายงานของสื่อระบุว่า เจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน Mossad ของอิสราเอล ได้ว่าจ้างบริษัทสืบสวนเอกชน "Equalize" ในอิตาลี ซึ่งมีอดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานความมั่นคงอิตาลีเป็นผู้บริหารของบริษัทแห่งนี้ เจาะข้อมูลในกระทรวงมหาดไทยอิตาลี รวมทั้งกระทรวงอื่นๆ เพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของนักการเมืองรวมถึงนายกรัฐมนตรี Giorgia Meloni รวมทั้งนักการเมืองและบุคคลสำคัญอีกหลายราย สื่อยังรายงานอีกว่า อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิตาลีซึ่งเป็นผู้บริหารรายนี้ ตกเป็นผู้ต้องสงสัยหลักในการสอบสวน ส่วนผู้ต้องสงสัยซึ่งทำงานเกี่ยวข้องกับบริษัทเอกชนแห่งนี้ถูกจับไปแล้ว 4 ราย ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเจาะระบบเซิร์ฟเวอร์ของกระทรวงต่างๆ รวมทั้งโทรศัพท์และอุปกรณ์ส่วนบุคคล ระหว่างปี 2019-2024 เพื่อรวบรวมข้อมูลลับและข้อมูลที่ละเอียดอ่อนโดยขายให้เจ้าหน้าที่หน่วยงาน Mossad ตามรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจอิตาลี นอกจากการเจาะข้อมูลของอิตาลีแล้ว เจ้าหน้าที่ Mossad ยังได้ขอให้บริษัทแห่งนี้เจาะข้อมูลกลุ่ม Wagner ซึ่งเป็นกองกำลังติดอาวุธของรัสเซีย รวมถึงเส้นทางการเงินในยุโรปอีกด้วย Meloni นายกรัฐมนตรีอิตาลี ประณามการกระทำครั้งนี้ว่าเป็น “ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย” ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมอิตาลี Guido Crosetto เรียกร้องให้มีการเร่งสอบสวนโดยด่วนเพื่อป้องกันความลับรั่วไหลไปมากกว่านี้ สื่อของอิตาลีวิจารณ์เหตุการณ์นี้ว่าเป็น “การสมคบคิดระดับสูงที่สุด” ที่เกี่ยวข้องกับข่าวกรองของรัฐบาล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 189 มุมมอง 0 รีวิว
  • โบราณไม่ได้ว่าไว้ คนล้ม กระทืบซ้ำเลย
    น้ำลดตอผุดสภาวะนี้กําลังเกิดขึ้นกับชีวิตทนายตั้มนายสิทรา เบี้ยบังเกิด หลังโดนอ้อยจตุพร เศรษฐีนีหมื่นล้านแจ้งจับคดีฉ้อโกงและยังจะได้แถมอีกคดีในข้อหาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว กรณีผู้ออกรายการทีวีและให้สัมภาษณ์สื่อหลายครั้งเรื่องเจ๊อ้อยถูกหวยได้เงินมาหมื่นล้านบาททําให้ครอบครัวเขาเดือดร้อนกระแสสังคมรุมถล่มทนายตั้มเหมือนพายุอุกกาบาตพัดถล่มหัวหมา
    โลกโซเชียลจากการเปลี่ยนชื่อเขาจากทนายตั้มเป็นทนายต้ม จังหวะนี้เองบรรดาเจ้ากรรมนายเวรเก่าเก่าของทนายตั้มก็เฮโลออกมาเปิดโปงความเน่าใน เพื่อล้างแค้นในสิ่งที่ทนายตั้มเคยกระทําไว้กับพวกเขาเริ่มจากคนบนเรือคดีแตงโมคือไฮโซ ปอออกมาพบสื่อในฐานะผู้ประสบภัยจากทนายความโดยระบุว่า
    ทนายตั้มเป็นศาลตั้งต้นของจริง ที่ทําให้ชีวิตเขาและคนบนเรือทุกคนเดือดร้อนแสนสาหัสเมื่อมีการนัดพบกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์และอีกฝ่ายทนายตั้ม ปรากฏว่าทนายตั้มพอฟังเรื่องราวของแตงโมตกเรือแล้ว
    เสนอแนวทางเอาตัวรอดให้ทั้งสองคนว่าต้องสร้างสตอรี่ให้มีคนผิด ซึ่งคนคนนั้นก็คือแซนด์ ซึ่งอยู่ท้ายเรือใกล้ชิดวินาทีที่แตงโมตกเรือมากกว่าใคร ว่าแล้วทนายตั้มก็เรียกค่าทําคดีสูงลิบซึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์ตปฏิเสธไป
    เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาคือรับไม่ได้กับการสร้างสตอรี่เพื่อโยนคุกให้เพื่อนดื้อๆพอไฮโซปอล์เปิดประเด็นนี้ แซนก็บุกมาที่กองปราบประกาศว่ามาจองกระถินทนายตั้มเพราะเธอเกือบต้องติดคุกติดตารางไปคนเดียว ด้วยการชี้แนะของทนายตั้มซึ่งแซนด์ แทบไม่มีที่ยืนในสังคมพูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ
    ตอนนี้เหตุการณ์คล้ายๆ กันบังเกิดขึ้นกับชีวิตของทนายตั้มบ้างแล้วโดนทัวร์ลงอย่างหนักหน่วง ด้วยดีกรีรุนแรงไม่แพ้กันในส่วนของเจ๊อ้อย จตุพรยังคงสาวไส้เล่ห์เหลี่ยมของทนายตั้มออกมาทีละขด
    โดยเฉพาะเรื่องการแอบอ้างว่ารู้จักกับนักการเมืองใหญ่ที่จะให้โควต้าหวยรัฐบาลถึงขั้นพาคุณอ้อยบินไปพบถึงฮ่องกง เพื่อสร้างเครดิตให้หลงเชื่อนักการเมืองคนนั้นก็คือเสียหนูอนุทินชาญวีรกูล
    ซึ่งเสียหนูก็ยอมรับว่าเจอกับทนายตั้มจริงแต่เจอโดยบังเอิญไม่ได้นัดหมายอะไรกันแจงว่าตัวเองไม่มีทางไปให้โควต้าหวยใครได้ เพราะตอนเจอกันยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเลยดอกนี้คือเสี่ยหนูลอยแพทนายตั้มไปแบบไม่มีเยื่อใย
    เพราะก่อนหน้านี้เสี่ยหนูก็เคยใช้บริการทนายตั้มให้ออกมาสู้กับชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ซึ่งผลก็คือทนายตั้มพ่ายแพ้ในสนามโซเชียลจนหลบหน้าหายไปพักใหญ่ ตอนนี้คิงส์โพดำคิดว่า ตั๊มเอ้ย หายหน้าหายตาไปจากโลกเลยก็ได้เด้อ ยาวๆโลด ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่
    #คิงส์โพธิ์ดำ

    โบราณไม่ได้ว่าไว้ คนล้ม กระทืบซ้ำเลย น้ำลดตอผุดสภาวะนี้กําลังเกิดขึ้นกับชีวิตทนายตั้มนายสิทรา เบี้ยบังเกิด หลังโดนอ้อยจตุพร เศรษฐีนีหมื่นล้านแจ้งจับคดีฉ้อโกงและยังจะได้แถมอีกคดีในข้อหาเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว กรณีผู้ออกรายการทีวีและให้สัมภาษณ์สื่อหลายครั้งเรื่องเจ๊อ้อยถูกหวยได้เงินมาหมื่นล้านบาททําให้ครอบครัวเขาเดือดร้อนกระแสสังคมรุมถล่มทนายตั้มเหมือนพายุอุกกาบาตพัดถล่มหัวหมา โลกโซเชียลจากการเปลี่ยนชื่อเขาจากทนายตั้มเป็นทนายต้ม จังหวะนี้เองบรรดาเจ้ากรรมนายเวรเก่าเก่าของทนายตั้มก็เฮโลออกมาเปิดโปงความเน่าใน เพื่อล้างแค้นในสิ่งที่ทนายตั้มเคยกระทําไว้กับพวกเขาเริ่มจากคนบนเรือคดีแตงโมคือไฮโซ ปอออกมาพบสื่อในฐานะผู้ประสบภัยจากทนายความโดยระบุว่า ทนายตั้มเป็นศาลตั้งต้นของจริง ที่ทําให้ชีวิตเขาและคนบนเรือทุกคนเดือดร้อนแสนสาหัสเมื่อมีการนัดพบกันในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ฝ่ายหนึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์และอีกฝ่ายทนายตั้ม ปรากฏว่าทนายตั้มพอฟังเรื่องราวของแตงโมตกเรือแล้ว เสนอแนวทางเอาตัวรอดให้ทั้งสองคนว่าต้องสร้างสตอรี่ให้มีคนผิด ซึ่งคนคนนั้นก็คือแซนด์ ซึ่งอยู่ท้ายเรือใกล้ชิดวินาทีที่แตงโมตกเรือมากกว่าใคร ว่าแล้วทนายตั้มก็เรียกค่าทําคดีสูงลิบซึ่งไฮโซปอลกับโรเบิร์ตปฏิเสธไป เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาแต่ปัญหาคือรับไม่ได้กับการสร้างสตอรี่เพื่อโยนคุกให้เพื่อนดื้อๆพอไฮโซปอล์เปิดประเด็นนี้ แซนก็บุกมาที่กองปราบประกาศว่ามาจองกระถินทนายตั้มเพราะเธอเกือบต้องติดคุกติดตารางไปคนเดียว ด้วยการชี้แนะของทนายตั้มซึ่งแซนด์ แทบไม่มีที่ยืนในสังคมพูดอะไรไปก็ไม่มีใครเชื่อ ตอนนี้เหตุการณ์คล้ายๆ กันบังเกิดขึ้นกับชีวิตของทนายตั้มบ้างแล้วโดนทัวร์ลงอย่างหนักหน่วง ด้วยดีกรีรุนแรงไม่แพ้กันในส่วนของเจ๊อ้อย จตุพรยังคงสาวไส้เล่ห์เหลี่ยมของทนายตั้มออกมาทีละขด โดยเฉพาะเรื่องการแอบอ้างว่ารู้จักกับนักการเมืองใหญ่ที่จะให้โควต้าหวยรัฐบาลถึงขั้นพาคุณอ้อยบินไปพบถึงฮ่องกง เพื่อสร้างเครดิตให้หลงเชื่อนักการเมืองคนนั้นก็คือเสียหนูอนุทินชาญวีรกูล ซึ่งเสียหนูก็ยอมรับว่าเจอกับทนายตั้มจริงแต่เจอโดยบังเอิญไม่ได้นัดหมายอะไรกันแจงว่าตัวเองไม่มีทางไปให้โควต้าหวยใครได้ เพราะตอนเจอกันยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเลยดอกนี้คือเสี่ยหนูลอยแพทนายตั้มไปแบบไม่มีเยื่อใย เพราะก่อนหน้านี้เสี่ยหนูก็เคยใช้บริการทนายตั้มให้ออกมาสู้กับชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ซึ่งผลก็คือทนายตั้มพ่ายแพ้ในสนามโซเชียลจนหลบหน้าหายไปพักใหญ่ ตอนนี้คิงส์โพดำคิดว่า ตั๊มเอ้ย หายหน้าหายตาไปจากโลกเลยก็ได้เด้อ ยาวๆโลด ติดตามข่าวซีฟๆแบบนี้ได้ที่ #คิงส์โพธิ์ดำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 843 มุมมอง 0 รีวิว
  • ให้มากก็เจ็บมาก เจ๊อ้อย เพิ่มข้อหา ตั้มปูดข้อมูลส่วนตัว!

    รักมาก ก็เจ็บใจมาก (ภาคจบ) เปิดใจพี่น้อย เลขาพี่อ้อย เพิ่มข้อหาให้ทนายตั้มอีก โดยคุณนพรัฐ พรวนสุข

    #sondhix #sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ทนายตั้ม #ให้มากเจ็บมาก
    ให้มากก็เจ็บมาก เจ๊อ้อย เพิ่มข้อหา ตั้มปูดข้อมูลส่วนตัว! รักมาก ก็เจ็บใจมาก (ภาคจบ) เปิดใจพี่น้อย เลขาพี่อ้อย เพิ่มข้อหาให้ทนายตั้มอีก โดยคุณนพรัฐ พรวนสุข #sondhix #sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #ทนายตั้ม #ให้มากเจ็บมาก
    Like
    Love
    17
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2318 มุมมอง 775 0 รีวิว
  • #โจรอ้างจับโจร#
    ..มุขมาใหม่ เปิดให้ประจาน ร้องทุกข์ และขอข้อมูลส่วนตัวเรา .อ้างว่าลงในระบบเพื่อทำเรื่องคืนเงินให้...คนก็ชะล่าใจ.คิดว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ..ก็ให้ไป..สรุป โดนอีกรอบ..!!
    #โจรอ้างจับโจร# ..มุขมาใหม่ เปิดให้ประจาน ร้องทุกข์ และขอข้อมูลส่วนตัวเรา .อ้างว่าลงในระบบเพื่อทำเรื่องคืนเงินให้...คนก็ชะล่าใจ.คิดว่าเป็นหน่วยงานของรัฐ..ก็ให้ไป..สรุป โดนอีกรอบ..!!
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 184 มุมมอง 0 รีวิว
  • ใน Thaitimes Help Center คุณสามารถค้นหาคำแนะนำและบทความช่วยเหลือต่างๆ ที่ครอบคลุมการใช้งานทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว การจัดการหน้าเพจ และการใช้ฟีเจอร์ที่หลากหลายของ Thaitimes นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการโพสต์ การแชร์เนื้อหา การจัดการความคิดเห็น การเชื่อมต่อกับเพื่อนและเครือข่ายสังคม ที่จะทำให้คุณสามารถใช้งาน Thaitimes ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

    #thaitimes #ThaitimesHelpCenter
    ใน Thaitimes Help Center คุณสามารถค้นหาคำแนะนำและบทความช่วยเหลือต่างๆ ที่ครอบคลุมการใช้งานทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการตั้งค่าบัญชีผู้ใช้ การเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนตัว การจัดการหน้าเพจ และการใช้ฟีเจอร์ที่หลากหลายของ Thaitimes นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำเกี่ยวกับการโพสต์ การแชร์เนื้อหา การจัดการความคิดเห็น การเชื่อมต่อกับเพื่อนและเครือข่ายสังคม ที่จะทำให้คุณสามารถใช้งาน Thaitimes ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ #thaitimes #ThaitimesHelpCenter
    Like
    Love
    Wow
    38
    27 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 20633 มุมมอง 3 รีวิว
  • ขั้นตอนการสมัครสมาชิกในแอป Thaitimes

    ###ขั้นตอนที่ 1: การดาวน์โหลดและติดตั้งแอป

    1. ไปที่ Play Store หรือ App Store พิมพ์ค้นหา “Thaitimes” แล้วกดปุ่ม “Get” หรือ “Install” เพื่อติดตั้งแอปลงในอุปกรณ์ของคุณ
    2. หลังจากการติดตั้งเสร็จสิ้น เปิดแอป Thaitimes ขึ้นมาเพื่อเริ่มต้นการสมัครสมาชิก

    ###ขั้นตอนที่ 2: การสมัครสมาชิก

    3. เมื่อเปิดแอปแล้วจะเห็นหน้าจอเข้าสู่ระบบ (Sign In) ถ้าคุณยังไม่มีบัญชี ให้คลิกที่ “Sign Up” หรือ “สมัครสมาชิก” ที่ด้านล่างของหน้าจอ

    ###ขั้นตอนที่ 3: การกรอกข้อมูลสมัครสมาชิก

    4. กรอกข้อมูลในช่องที่กำหนดให้ครบถ้วน

    1. ช่องรูปคน (👤): ชื่อ นามสกุล
    • “ใส่ ชื่อ และ นามสกุล ของคุณให้ครบถ้วน”
    2. ช่องรูปโลก (🌐): Login App (ชื่อผู้ใช้/เบอร์โทรศัพท์สำหรับเข้าสู่ระบบ)
    • “ใส่เบอร์โทรศัพท์หรือชื่อผู้ใช้สำหรับการเข้าสู่ระบบครับ/ค่ะ (ห้ามเว้นวรรค)”
    3. ช่องรูปซองจดหมาย (✉️): Email (อีเมล)
    • “ใส่อีเมลของคุณ เพื่อรับรหัส OTP สำหรับการยืนยันตัวตน”
    4. ช่องรูปแม่กุญแจ (🔒): Password (รหัสผ่าน)
    • “ตั้งรหัสผ่านที่มีความยาวอย่างน้อย 6 ตัวอักษร”
    5. เมื่อกรอกข้อมูลครบแล้ว ให้ตรวจสอบและคลิก “Sign Up” เพื่อสมัครสมาชิก

    ###ขั้นตอนที่ 4: การยืนยันตัวตน

    6. ระบบจะส่งรหัส OTP ไปยังอีเมลที่คุณกรอกไว้ ให้คุณเปิดอีเมลของคุณเพื่อนำรหัส OTP มากรอกในช่อง “Enter OTP”
    7. หลังจากกรอกรหัส OTP แล้ว ให้คลิก “Verify” เพื่อยืนยันตัวตน

    ###ขั้นตอนที่ 5: การตั้งค่าขั้นต้น

    8. ระบบจะนำคุณเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งค่าขั้นต้น 3 ขั้นตอน
    • Step 1: อัปโหลดรูปภาพโปรไฟล์ของคุณ
    • Step 2: อัปเดตข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่หรือข้อมูลเพิ่มเติม
    • Step 3: เพิ่มเพื่อนในแอป
    คุณสามารถข้ามแต่ละขั้นตอนโดยการคลิกที่ “Next Step”

    ###ขั้นตอนที่ 6: เสร็จสิ้นการสมัคร

    9. เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย Step 3 หลังจากเพิ่มเพื่อนหรือข้ามไป ให้คลิกปุ่ม “Finish” เพื่อเสร็จสิ้นการสมัครสมาชิก เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเริ่มใช้งานแอป Thaitimes ได้ทันที

    #thaitimes #howto
    ขั้นตอนการสมัครสมาชิกในแอป Thaitimes ###ขั้นตอนที่ 1: การดาวน์โหลดและติดตั้งแอป 1. ไปที่ Play Store หรือ App Store พิมพ์ค้นหา “Thaitimes” แล้วกดปุ่ม “Get” หรือ “Install” เพื่อติดตั้งแอปลงในอุปกรณ์ของคุณ 2. หลังจากการติดตั้งเสร็จสิ้น เปิดแอป Thaitimes ขึ้นมาเพื่อเริ่มต้นการสมัครสมาชิก ###ขั้นตอนที่ 2: การสมัครสมาชิก 3. เมื่อเปิดแอปแล้วจะเห็นหน้าจอเข้าสู่ระบบ (Sign In) ถ้าคุณยังไม่มีบัญชี ให้คลิกที่ “Sign Up” หรือ “สมัครสมาชิก” ที่ด้านล่างของหน้าจอ ###ขั้นตอนที่ 3: การกรอกข้อมูลสมัครสมาชิก 4. กรอกข้อมูลในช่องที่กำหนดให้ครบถ้วน 1. ช่องรูปคน (👤): ชื่อ นามสกุล • “ใส่ ชื่อ และ นามสกุล ของคุณให้ครบถ้วน” 2. ช่องรูปโลก (🌐): Login App (ชื่อผู้ใช้/เบอร์โทรศัพท์สำหรับเข้าสู่ระบบ) • “ใส่เบอร์โทรศัพท์หรือชื่อผู้ใช้สำหรับการเข้าสู่ระบบครับ/ค่ะ (ห้ามเว้นวรรค)” 3. ช่องรูปซองจดหมาย (✉️): Email (อีเมล) • “ใส่อีเมลของคุณ เพื่อรับรหัส OTP สำหรับการยืนยันตัวตน” 4. ช่องรูปแม่กุญแจ (🔒): Password (รหัสผ่าน) • “ตั้งรหัสผ่านที่มีความยาวอย่างน้อย 6 ตัวอักษร” 5. เมื่อกรอกข้อมูลครบแล้ว ให้ตรวจสอบและคลิก “Sign Up” เพื่อสมัครสมาชิก ###ขั้นตอนที่ 4: การยืนยันตัวตน 6. ระบบจะส่งรหัส OTP ไปยังอีเมลที่คุณกรอกไว้ ให้คุณเปิดอีเมลของคุณเพื่อนำรหัส OTP มากรอกในช่อง “Enter OTP” 7. หลังจากกรอกรหัส OTP แล้ว ให้คลิก “Verify” เพื่อยืนยันตัวตน ###ขั้นตอนที่ 5: การตั้งค่าขั้นต้น 8. ระบบจะนำคุณเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งค่าขั้นต้น 3 ขั้นตอน • Step 1: อัปโหลดรูปภาพโปรไฟล์ของคุณ • Step 2: อัปเดตข้อมูลส่วนตัว เช่น ที่อยู่หรือข้อมูลเพิ่มเติม • Step 3: เพิ่มเพื่อนในแอป คุณสามารถข้ามแต่ละขั้นตอนโดยการคลิกที่ “Next Step” ###ขั้นตอนที่ 6: เสร็จสิ้นการสมัคร 9. เมื่อถึงขั้นตอนสุดท้าย Step 3 หลังจากเพิ่มเพื่อนหรือข้ามไป ให้คลิกปุ่ม “Finish” เพื่อเสร็จสิ้นการสมัครสมาชิก เพียงเท่านี้คุณก็สามารถเริ่มใช้งานแอป Thaitimes ได้ทันที #thaitimes #howto
    Like
    Love
    6
    4 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1802 มุมมอง 1 รีวิว
Pages Boosts