• 232 ปี กิโยตินสำเร็จโทษ “พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส” ผิดข้อหาหนัก สมคบประทุษร้าย ต่อเสรีภาพปวงชน และความมั่นคงแห่งรัฐ

    เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2336 หรือ 232 ปี ที่ผ่านมา พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส ถูกสำเร็จโทษด้วยเครื่องกิโยติน ณ ปลัสเดอลาเรวอลูซียง (Place de la Révolution) ใจกลางกรุงปารีส พระองค์ถูกตัดสินโทษ ในข้อหาสมคบคิด ต่อต้านเสรีภาพของประชาชน และบ่อนทำลายความมั่นคงของรัฐ เหตุการณ์นี้เป็นจุดพลิกผันสำคัญ ของประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ซึ่งสะท้อนถึงความวุ่นวาย ทางการเมืองและสังคม ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ที่ยิ่งใหญ่

    พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เสด็จขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2317 ต่อจากพระอัยกา พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ในช่วงเวลานั้น ฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับ ปัญหาทางเศรษฐกิจ และความไม่เท่าเทียมทางสังคม ระบบศักดินาที่ให้สิทธิพิเศษ แก่ชนชั้นสูงและศาสนจักร ทำให้ชนชั้นกลาง และประชาชนทั่วไป ตกอยู่ในภาวะกดดันอย่างหนัก ในขณะเดียวกัน หนี้สินมหาศาล ที่เกิดจากสงคราม และการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของราชวงศ์ ยิ่งซ้ำเติมความยากลำบาก ของประชาชน

    พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับปัญหาของประเทศ
    พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มีความตั้งใจที่จะแก้ไข ปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศ ทรงสนับสนุนการปฏิรูปบางอย่าง เช่น การยกเลิกภาษีบางประเภท สำหรับชนชั้นล่าง และการลดอำนาจของศาสนจักร แต่แผนการปฏิรูปดังกล่าว กลับถูกคัดค้านโดยชนชั้นสูง และชนชั้นอภิสิทธิ์ชน ซึ่งมีอิทธิพล ในสภาฐานันดร (Estates-General)

    เมื่อการปฏิรูปล้มเหลว ประชาชนเริ่มรวมตัวกัน และเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง ที่รุนแรงมากขึ้น ในปี พ.ศ. 2332 เหตุการณ์บุกยึดคุกบาสตีย์ (Storming of the Bastille) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของอำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ได้ปะทุขึ้น และจุดชนวนให้เกิดการปฏิวัติทั่วประเทศ

    การสูญเสียอำนาจของราชวงศ์
    หลังจากการปฏิวัติเริ่มต้น พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระราชินี มารี อ็องตัวแน็ต (Marie Antoinette) ถูกลดทอนอำนาจลงอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2334 ฝรั่งเศสประกาศใช้ รัฐธรรมนูญฉบับแรก ที่จำกัดอำนาจของกษัตริย์ และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง เป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ความไม่สงบในประเทศ ยังคงดำเนินต่อไป และมีการต่อต้านจากฝ่ายกษัตริย์นิยม และชาติยุโรปอื่น ๆ ที่สนับสนุนราชวงศ์

    ความพยายามหลบหนีที่ล้มเหลว
    ในปี พ.ศ. 2334 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงพยายามหลบหนีออกจากกรุงปารีส เพื่อไปรวมตัวกับ กองกำลังฝ่ายกษัตริย์นิยม ใกล้ชายแดนออสเตรีย แต่แผนการดังกล่าวล้มเหลว เมื่อพระองค์ถูกจับกุมที่เมืองวาแรน (Varennes) และถูกนำกลับมายังกรุงปารีส เหตุการณ์นี้ ยิ่งตอกย้ำความไม่ไว้วางใจของประชาชน ที่มีต่อพระองค์ และทำให้กระแสต่อต้านราชวงศ์ เพิ่มมากขึ้น

    คำตัดสินประหารชีวิต
    ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2335 สมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศส (National Assembly) ประกาศยกเลิกระบอบกษัตริย์ และสถาปนาฝรั่งเศสเป็นสาธารณรัฐ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกจับกุมและตั้งข้อหา กบฏต่อชาติ และสมคบคิดกับชาวต่างชาติ โดยหลักฐานสำคัญคือ เอกสารลับใน “ตู้เหล็ก” (Armoire de fer) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พระองค์มีการติดต่อกับชาติยุโรปอื่น ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ ในการต่อต้านการปฏิวัติ

    ลงคะแนนเสียงตัดสินโทษ
    ในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2336 สภากงว็องซียง (Convention) ได้ลงคะแนนเสียงตัดสินโทษ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 สมาชิกสภาทั้งหมด 721 คน มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พระองค์มีความผิดจริง ในการลงคะแนนครั้งต่อมา สมาชิกส่วนใหญ่ เห็นชอบให้สำเร็จโทษ ด้วยการประหารชีวิต

    สำเร็จโทษด้วยกิโยติน
    เช้าของวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2336 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกนำพระองค์ไปยัง ปลัสเดอลาเรวอลูซียง พระองค์ทรงแสดงท่าทีสง่างาม และสงบนิ่ง พร้อมกล่าวพระดำรัสสั้น ๆ แสดงความบริสุทธิ์ และภาวนาให้ฝรั่งเศส พบกับสันติภาพ

    ผู้สำเร็จโทษ ชาลส์ อ็องรี ซ็องซง (Charles-Henri Sanson) รายงานว่า พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงยอมรับชะตากรรมของพระองค์ อย่างสง่างาม ท่ามกลางฝูงชน ที่มาร่วมชมเหตุการณ์นับหมื่นคน บางคนได้นำผ้าเช็ดหน้าของตน ไปรองรับพระโลหิต ซึ่งตกลงบนพื้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ถูกกล่าวขานถึง ในหน้าประวัติศาสตร์

    "กิโยติน" เครื่องมือแห่งการปฏิวัติ
    "กิโยติน" กลายเป็นสัญลักษณ์ ของความเท่าเทียมทางกฎหมาย ในยุคปฏิวัติฝรั่งเศส อุปกรณ์นี้ถูกคิดค้นขึ้น เพื่อใช้สำเร็จโทษ นักโทษทุกชนชั้น อย่างเท่าเทียมกัน โดยมีคุณลักษณะเด่นคือ ความรวดเร็วและ “ปราศจากความเจ็บปวด” ใบมีดน้ำหนักประมาณ 40 กิโลกรัม ถูกแขวนไว้เหนือโครงไม้และปล่อยลงมาอย่างรวดเร็ว เพื่อตัดศีรษะ

    ระหว่างปี พ.ศ. 2336–2337 หรือที่เรียกว่า ยุคแห่งความหวาดกลัว (Reign of Terror) กิโยตินถูกนำมาใช้สำเร็จโทษ บุคคลสำคัญจำนวนมาก รวมถึงพระราชินี มารี อ็องตัวแน็ต และ มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์ ผู้นำฝ่ายปฏิวัติ

    มรดกแห่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 16
    การสำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ไม่เพียงเป็นจุดจบ ของระบอบกษัตริย์ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในฝรั่งเศส แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ที่ประชาชนมีสิทธิและเสียงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ในช่วงการปฏิวัติ ได้สร้างคำถามเกี่ยวกับ การใช้ความรุนแรง ในการบรรลุเป้าหมายทางการเมือง นักประวัติศาสตร์ยังคงถกเถียง ถึงบทบาทและความผิดพลาด ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้เคราะห์ร้าย จากเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่าพระองค์ หรือเป็นผู้นำที่ล้มเหลว ในการรับมือกับปัญหาของประเทศ

    เหตุการณ์สำเร็จโทษ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ด้วยกิโยติน สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้ง ของสังคมฝรั่งเศส และเป็นบทเรียนสำคัญ เกี่ยวกับความซับซ้อน ของการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง มรดกที่พระองค์ทิ้งไว้ ไม่ใช่เพียงการสิ้นสุดของราชวงศ์ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้เกิดการปฏิวัติ และการเปลี่ยนแปลง ในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก

    คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
    1. พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงมีบทบาทอย่างไร ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส?
    พระองค์ทรงพยายามรักษาอำนาจ และตำแหน่งของราชวงศ์ แต่การตัดสินใจที่ผิดพลาดหลายครั้งทำให้สูญเสียความไว้วางใจ จากประชาชน

    2. เหตุใดกิโยติน จึงถูกใช้ในยุคปฏิวัติ?
    กิโยตินถูกมองว่า เป็นเครื่องมือที่ยุติธรรมและรวดเร็ว ในการสำเร็จโทษนักโทษทุกชนชั้น อย่างเท่าเทียม

    3. พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงถูกกล่าวหาว่าอะไร?
    ทรงถูกกล่าวหาว่า สมคบคิดกับชาวต่างชาติ และกบฏต่อประชาชนฝรั่งเศส

    4. ใครคือผู้สำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์?
    ชาลส์ อ็องรี ซ็องซง เป็นผู้สำเร็จโทษพระองค์ ด้วยกิโยติน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 210947 ม.ค. 2568

    #พระเจ้าหลุยส์ที่16 #การปฏิวัติฝรั่งเศส #กิโยติน #ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส #การปลงพระชนม์ #MarieAntoinette #ReignOfTerror #FrenchRevolution
    232 ปี กิโยตินสำเร็จโทษ “พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส” ผิดข้อหาหนัก สมคบประทุษร้าย ต่อเสรีภาพปวงชน และความมั่นคงแห่งรัฐ เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2336 หรือ 232 ปี ที่ผ่านมา พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส ถูกสำเร็จโทษด้วยเครื่องกิโยติน ณ ปลัสเดอลาเรวอลูซียง (Place de la Révolution) ใจกลางกรุงปารีส พระองค์ถูกตัดสินโทษ ในข้อหาสมคบคิด ต่อต้านเสรีภาพของประชาชน และบ่อนทำลายความมั่นคงของรัฐ เหตุการณ์นี้เป็นจุดพลิกผันสำคัญ ของประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ซึ่งสะท้อนถึงความวุ่นวาย ทางการเมืองและสังคม ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ที่ยิ่งใหญ่ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เสด็จขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ. 2317 ต่อจากพระอัยกา พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ในช่วงเวลานั้น ฝรั่งเศสกำลังเผชิญกับ ปัญหาทางเศรษฐกิจ และความไม่เท่าเทียมทางสังคม ระบบศักดินาที่ให้สิทธิพิเศษ แก่ชนชั้นสูงและศาสนจักร ทำให้ชนชั้นกลาง และประชาชนทั่วไป ตกอยู่ในภาวะกดดันอย่างหนัก ในขณะเดียวกัน หนี้สินมหาศาล ที่เกิดจากสงคราม และการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยของราชวงศ์ ยิ่งซ้ำเติมความยากลำบาก ของประชาชน พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กับปัญหาของประเทศ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 มีความตั้งใจที่จะแก้ไข ปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศ ทรงสนับสนุนการปฏิรูปบางอย่าง เช่น การยกเลิกภาษีบางประเภท สำหรับชนชั้นล่าง และการลดอำนาจของศาสนจักร แต่แผนการปฏิรูปดังกล่าว กลับถูกคัดค้านโดยชนชั้นสูง และชนชั้นอภิสิทธิ์ชน ซึ่งมีอิทธิพล ในสภาฐานันดร (Estates-General) เมื่อการปฏิรูปล้มเหลว ประชาชนเริ่มรวมตัวกัน และเรียกร้องการเปลี่ยนแปลง ที่รุนแรงมากขึ้น ในปี พ.ศ. 2332 เหตุการณ์บุกยึดคุกบาสตีย์ (Storming of the Bastille) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ ของอำนาจสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ได้ปะทุขึ้น และจุดชนวนให้เกิดการปฏิวัติทั่วประเทศ การสูญเสียอำนาจของราชวงศ์ หลังจากการปฏิวัติเริ่มต้น พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระราชินี มารี อ็องตัวแน็ต (Marie Antoinette) ถูกลดทอนอำนาจลงอย่างต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2334 ฝรั่งเศสประกาศใช้ รัฐธรรมนูญฉบับแรก ที่จำกัดอำนาจของกษัตริย์ และเปลี่ยนแปลงรูปแบบการปกครอง เป็นราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตาม ความไม่สงบในประเทศ ยังคงดำเนินต่อไป และมีการต่อต้านจากฝ่ายกษัตริย์นิยม และชาติยุโรปอื่น ๆ ที่สนับสนุนราชวงศ์ ความพยายามหลบหนีที่ล้มเหลว ในปี พ.ศ. 2334 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงพยายามหลบหนีออกจากกรุงปารีส เพื่อไปรวมตัวกับ กองกำลังฝ่ายกษัตริย์นิยม ใกล้ชายแดนออสเตรีย แต่แผนการดังกล่าวล้มเหลว เมื่อพระองค์ถูกจับกุมที่เมืองวาแรน (Varennes) และถูกนำกลับมายังกรุงปารีส เหตุการณ์นี้ ยิ่งตอกย้ำความไม่ไว้วางใจของประชาชน ที่มีต่อพระองค์ และทำให้กระแสต่อต้านราชวงศ์ เพิ่มมากขึ้น คำตัดสินประหารชีวิต ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2335 สมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศส (National Assembly) ประกาศยกเลิกระบอบกษัตริย์ และสถาปนาฝรั่งเศสเป็นสาธารณรัฐ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกจับกุมและตั้งข้อหา กบฏต่อชาติ และสมคบคิดกับชาวต่างชาติ โดยหลักฐานสำคัญคือ เอกสารลับใน “ตู้เหล็ก” (Armoire de fer) ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พระองค์มีการติดต่อกับชาติยุโรปอื่น ๆ เพื่อขอความช่วยเหลือ ในการต่อต้านการปฏิวัติ ลงคะแนนเสียงตัดสินโทษ ในวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2336 สภากงว็องซียง (Convention) ได้ลงคะแนนเสียงตัดสินโทษ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 สมาชิกสภาทั้งหมด 721 คน มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า พระองค์มีความผิดจริง ในการลงคะแนนครั้งต่อมา สมาชิกส่วนใหญ่ เห็นชอบให้สำเร็จโทษ ด้วยการประหารชีวิต สำเร็จโทษด้วยกิโยติน เช้าของวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2336 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกนำพระองค์ไปยัง ปลัสเดอลาเรวอลูซียง พระองค์ทรงแสดงท่าทีสง่างาม และสงบนิ่ง พร้อมกล่าวพระดำรัสสั้น ๆ แสดงความบริสุทธิ์ และภาวนาให้ฝรั่งเศส พบกับสันติภาพ ผู้สำเร็จโทษ ชาลส์ อ็องรี ซ็องซง (Charles-Henri Sanson) รายงานว่า พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงยอมรับชะตากรรมของพระองค์ อย่างสง่างาม ท่ามกลางฝูงชน ที่มาร่วมชมเหตุการณ์นับหมื่นคน บางคนได้นำผ้าเช็ดหน้าของตน ไปรองรับพระโลหิต ซึ่งตกลงบนพื้น ซึ่งเป็นการกระทำที่ถูกกล่าวขานถึง ในหน้าประวัติศาสตร์ "กิโยติน" เครื่องมือแห่งการปฏิวัติ "กิโยติน" กลายเป็นสัญลักษณ์ ของความเท่าเทียมทางกฎหมาย ในยุคปฏิวัติฝรั่งเศส อุปกรณ์นี้ถูกคิดค้นขึ้น เพื่อใช้สำเร็จโทษ นักโทษทุกชนชั้น อย่างเท่าเทียมกัน โดยมีคุณลักษณะเด่นคือ ความรวดเร็วและ “ปราศจากความเจ็บปวด” ใบมีดน้ำหนักประมาณ 40 กิโลกรัม ถูกแขวนไว้เหนือโครงไม้และปล่อยลงมาอย่างรวดเร็ว เพื่อตัดศีรษะ ระหว่างปี พ.ศ. 2336–2337 หรือที่เรียกว่า ยุคแห่งความหวาดกลัว (Reign of Terror) กิโยตินถูกนำมาใช้สำเร็จโทษ บุคคลสำคัญจำนวนมาก รวมถึงพระราชินี มารี อ็องตัวแน็ต และ มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์ ผู้นำฝ่ายปฏิวัติ มรดกแห่งพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 การสำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ไม่เพียงเป็นจุดจบ ของระบอบกษัตริย์ สมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในฝรั่งเศส แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของยุคใหม่ ที่ประชาชนมีสิทธิและเสียงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ความวุ่นวายที่เกิดขึ้น ในช่วงการปฏิวัติ ได้สร้างคำถามเกี่ยวกับ การใช้ความรุนแรง ในการบรรลุเป้าหมายทางการเมือง นักประวัติศาสตร์ยังคงถกเถียง ถึงบทบาทและความผิดพลาด ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ว่าพระองค์ทรงเป็นผู้เคราะห์ร้าย จากเหตุการณ์ที่ใหญ่กว่าพระองค์ หรือเป็นผู้นำที่ล้มเหลว ในการรับมือกับปัญหาของประเทศ เหตุการณ์สำเร็จโทษ พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ด้วยกิโยติน สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้ง ของสังคมฝรั่งเศส และเป็นบทเรียนสำคัญ เกี่ยวกับความซับซ้อน ของการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง มรดกที่พระองค์ทิ้งไว้ ไม่ใช่เพียงการสิ้นสุดของราชวงศ์ แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจ ให้เกิดการปฏิวัติ และการเปลี่ยนแปลง ในประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก คำถามที่พบบ่อย (FAQs) 1. พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงมีบทบาทอย่างไร ในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส? พระองค์ทรงพยายามรักษาอำนาจ และตำแหน่งของราชวงศ์ แต่การตัดสินใจที่ผิดพลาดหลายครั้งทำให้สูญเสียความไว้วางใจ จากประชาชน 2. เหตุใดกิโยติน จึงถูกใช้ในยุคปฏิวัติ? กิโยตินถูกมองว่า เป็นเครื่องมือที่ยุติธรรมและรวดเร็ว ในการสำเร็จโทษนักโทษทุกชนชั้น อย่างเท่าเทียม 3. พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ทรงถูกกล่าวหาว่าอะไร? ทรงถูกกล่าวหาว่า สมคบคิดกับชาวต่างชาติ และกบฏต่อประชาชนฝรั่งเศส 4. ใครคือผู้สำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์? ชาลส์ อ็องรี ซ็องซง เป็นผู้สำเร็จโทษพระองค์ ด้วยกิโยติน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 210947 ม.ค. 2568 #พระเจ้าหลุยส์ที่16 #การปฏิวัติฝรั่งเศส #กิโยติน #ประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส #การปลงพระชนม์ #MarieAntoinette #ReignOfTerror #FrenchRevolution
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • 04-04-62/14 : หมี CNN / ระบอบกษัตริย์ชาติอื่นเป็นยังไง? กูไม่รู้ กูไม่สนใจ? แต่ระบบกษัตริย์ไทย หล่อมว๊าก! หัวใจล้วนๆ เทใจให้ราษฎรแบบที่ไหนในโลกก็ไม่มี? อย่าคิดว่าเหี้ยโปรยเศษเงินมาให้ แล้วพวกมรึงคิดจะล้มล้างสถาบัน ตราบใดที่ยังมีคนไทยหัวใจหล่อมว๊ากอยู่อีกมหาศาลเกลื่อนแผ่นดิน?

    พ่อสู้เรื่องระบบน้ำชลประทาน ให้น้ำหมุนเวียนไปทั่ว
    พ่อสู้เรื่องเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ยามท่วม
    พ่อสู้เรื่องฝนเทียม ให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ำใช้ยามแล้งหนัก
    พ่อสู้เรื่องความยากจน กระจายรายได้ โครงการท้องถิ่น
    พ่อสู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง สอนช่วยตัวเอง
    พ่อสู้เรื่องความช่วยเหลือ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว
    พ่อสู้เรื่องการเกษตร การใช้พื้นที่ การพัฒนายั่งยืน
    พ่อสู้เรื่องความเท่าเทียม แบ่งปัน และยกระดับการศึกษา
    พ่อสู้เรื่องการดนตรี ศิลปะ รากเหง้า อนุรักษ์ประเพณีไทย
    พ่อสู้เรื่องแนวคิด ปรัชญา สติ ปัญญา เหตุและผล สั่งสอน
    พ่อสู้เรื่องความประหยัด อดออมคุ้มค่า รีไซเคิล กลับมาใช้
    พ่อสู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า สมดุลธรรมชาติ พันธุ์ไทย ปลูกป่า
    พ่อสู้เรื่องสินค้าไทย แปรรูป อาหาร ทะเล ผ้าไหม ผ้าฝ้าย
    พ่อสู้เรื่องความสามัคคี ปองครอง ยุติความขัดแย้งภายใน
    พ่อสู้เรื่องความเป็นชาตินิยม ภูมิใจความเป็นไทย ชื่อเสียง
    พ่อปกป้องแผ่นดินไทย การรุกรานจากต่างชาติ และมั่นคง
    พ่อเสียสละตนเอง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย
    พ่อเตือนสติ ให้ปัญญา พระบรมราโชวาททุกปี ตื่นคิด มีสติ
    พ่อแบ่งปันความรัก ความรู้ ไปยังเพื่อนบ้านรอบข้างด้วย
    พ่อสร้างมิตร เป็นที่รักชื่นชอบของทุกราชวงศ์ทั่วโลก
    พ่อไม่เคยโอ้อวดตนเอง และไม่ใช้อำนาจที่มี เพื่อแสดง
    พ่อทำนุบำรุงทุกศาสนาในชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้
    พ่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านทุกพื้นที่ทั้งแผ่นดิน ไปเยี่ยมเสมอ
    พ่อยึดถือทศพิษราชธรรมได้อย่างสมบูรณ์ จนวันสุดท้าย
    พ่อรู้ทุกอย่าง เข้าใจ เข้าถึง แก้ปัญหา พระบารมีเปี่ยมล้น

    มีอีกมากมายมหาศาล จนระลึกถึงน้ำพระคุณได้ไม่หมดสิ้น เป็นบุญของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่หัวใจหล่อมว๊ากที่สุดใน 3 โลก ไม่มีพ่อ ก็คงไม่มีวันนี้ ไม่มีบรรพกษัตริย์ไทย ก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน "ราชวงศ์จักรี" จงเจริญยิ่งยืนนาน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย!

    หมี CNN(ด้วยจิตสำนึกรักพ่อ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์)
    04 เม.ย. 62
    16.53 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    Jeerachart Jongsomchai / “ปฏิวัติฝรั่งเศส ของใคร โดยใคร เพื่อใคร ?”

    ... “สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศส” มีหลายแนวคิดหลักๆคือ

    ... มูลเหตุของการปฏิวัติมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ เช่นปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจาก “สภาพอากาศ” ความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์

    ... ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับ “ราคาอาหารที่สูงขึ้น” และ “ระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ” ซึ่งขัดขวาง “การส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่” ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง

    ... สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ “ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปี (1756 จนถึง 1763 หรือ “สงครามโลกครั้งที่ศูนย์” โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่ พร้อมด้วยปรัสเซียและกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมัน กับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศส พร้อมด้วยออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน และซัคเซิน โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม ) และ “สงครามปฏิวัติอเมริกา” สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของ “บริเตนใหญ่”ที่เพิ่มขึ้น ทั้ง “ระบบการเงิน” ที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม

    … การที่ฝรั่งเศส ช่วย “อเมริกา” รบกับ “อังกฤษ” นั้น ไม่ได้ต้องการให้เอกราช กับอเมริกาแต่เพราะต้องการตัดกำลังของอังกฤษคู่แข่งอาณานิคมของตัวเอง ( เหมือนตอนที่ อเมริกา หลังได้เอกราช ก็ได้ช่วย “ฟิลิปปินส์” กับ “คิวบา” เป็นเอกราชจากสเปนนั้น ไม่ได้ต้องการให้ทั้งสองชาติสัมผัสกับอิสรภาพ หรือตัวเองซาบซึ้งกับระบอบปประชาธิปไตย แต่ต้องการจะเป็นเจ้าอาณานิคมแทนเจ้าเดิม )

    ... หลังการปฏิวัติมีการ ยกเลิกระบบศักดินา ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด มีการพยายาม “รวมศูนย์อำนาจ” เข้าสู่ศูนย์เดียวที่ปารีส ไม่ยินยอมให้เป็นเอกเทศ จึงมีการต่อต้านขัดขืน

    ... กระแสความตื่นตัวและอารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนทิศทางของการปฏิวัติจนลึกลงไปถึงรากฐาน ซึ่งปูทางให้กับการขึ้นสู่อำนาจของ “มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์” ที่เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง และ “กลุ่มฌากอแบ็ง” และกลายมาเป็น “เผด็จการโดยแท้” ภายใต้ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” ในระหว่างปี ค.ศ. 1793 ถึง 1794 มีผู้ต่อต้านพวกเขาถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน ( ในตอนนั้นมันคือการเปลี่ยนจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช” ไปสู่ระบอบ “เผด็จการ” )

    ... สโมสรฌากอแบ็ง Club des Jacobins เป็นสโมสรทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อตั้งในช่วงการประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789 จากการรวมกลุ่มของ “พวกผู้แทน” จากแคว้น “ดัชชีเบรอตาญ” ที่เป็นแคว้นศักดินาแห่งหนึ่งนัฝรั่งเศส ที่เน้นการ “ต่อต้านราชวงศ์” หรือ “ล้มเจ้า” อันเป็นพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์ เริ่มแรกมีสมาชิกไม่กี่คนและเป็นการรวมตัวอย่างลับ ๆ ก่อนที่ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นขบวนการระดับชาติที่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งสาธารณรัฐซึ่งมีสมาชิกมากกว่าครึ่งล้านคน อย่างไรก็ตาม หลังจากโค่นล้มระบบกษัตริย์สำเร็จและจัดตั&#3657
    04-04-62/14 : หมี CNN / ระบอบกษัตริย์ชาติอื่นเป็นยังไง? กูไม่รู้ กูไม่สนใจ? แต่ระบบกษัตริย์ไทย หล่อมว๊าก! หัวใจล้วนๆ เทใจให้ราษฎรแบบที่ไหนในโลกก็ไม่มี? อย่าคิดว่าเหี้ยโปรยเศษเงินมาให้ แล้วพวกมรึงคิดจะล้มล้างสถาบัน ตราบใดที่ยังมีคนไทยหัวใจหล่อมว๊ากอยู่อีกมหาศาลเกลื่อนแผ่นดิน? พ่อสู้เรื่องระบบน้ำชลประทาน ให้น้ำหมุนเวียนไปทั่ว พ่อสู้เรื่องเขื่อน เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ยามแล้ง ยามท่วม พ่อสู้เรื่องฝนเทียม ให้ชาวนา ชาวไร่ มีน้ำใช้ยามแล้งหนัก พ่อสู้เรื่องความยากจน กระจายรายได้ โครงการท้องถิ่น พ่อสู้เรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พึ่งพาตนเอง สอนช่วยตัวเอง พ่อสู้เรื่องความช่วยเหลือ อุทกภัย วาตภัย แผ่นดินไหว พ่อสู้เรื่องการเกษตร การใช้พื้นที่ การพัฒนายั่งยืน พ่อสู้เรื่องความเท่าเทียม แบ่งปัน และยกระดับการศึกษา พ่อสู้เรื่องการดนตรี ศิลปะ รากเหง้า อนุรักษ์ประเพณีไทย พ่อสู้เรื่องแนวคิด ปรัชญา สติ ปัญญา เหตุและผล สั่งสอน พ่อสู้เรื่องความประหยัด อดออมคุ้มค่า รีไซเคิล กลับมาใช้ พ่อสู้เรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า สมดุลธรรมชาติ พันธุ์ไทย ปลูกป่า พ่อสู้เรื่องสินค้าไทย แปรรูป อาหาร ทะเล ผ้าไหม ผ้าฝ้าย พ่อสู้เรื่องความสามัคคี ปองครอง ยุติความขัดแย้งภายใน พ่อสู้เรื่องความเป็นชาตินิยม ภูมิใจความเป็นไทย ชื่อเสียง พ่อปกป้องแผ่นดินไทย การรุกรานจากต่างชาติ และมั่นคง พ่อเสียสละตนเอง เพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย พ่อเตือนสติ ให้ปัญญา พระบรมราโชวาททุกปี ตื่นคิด มีสติ พ่อแบ่งปันความรัก ความรู้ ไปยังเพื่อนบ้านรอบข้างด้วย พ่อสร้างมิตร เป็นที่รักชื่นชอบของทุกราชวงศ์ทั่วโลก พ่อไม่เคยโอ้อวดตนเอง และไม่ใช้อำนาจที่มี เพื่อแสดง พ่อทำนุบำรุงทุกศาสนาในชาติ อยู่ร่วมกันอย่างสันติได้ พ่อเยี่ยมเยียนชาวบ้านทุกพื้นที่ทั้งแผ่นดิน ไปเยี่ยมเสมอ พ่อยึดถือทศพิษราชธรรมได้อย่างสมบูรณ์ จนวันสุดท้าย พ่อรู้ทุกอย่าง เข้าใจ เข้าถึง แก้ปัญหา พระบารมีเปี่ยมล้น มีอีกมากมายมหาศาล จนระลึกถึงน้ำพระคุณได้ไม่หมดสิ้น เป็นบุญของปวงชนชาวไทย ที่มีพระมหากษัตริย์ที่หัวใจหล่อมว๊ากที่สุดใน 3 โลก ไม่มีพ่อ ก็คงไม่มีวันนี้ ไม่มีบรรพกษัตริย์ไทย ก็คงไม่มีวันนี้เช่นกัน "ราชวงศ์จักรี" จงเจริญยิ่งยืนนาน ตราบชั่วฟ้าดินสลาย! หมี CNN(ด้วยจิตสำนึกรักพ่อ รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์) 04 เม.ย. 62 16.53 น. ------------------------------------------------------------------------— Jeerachart Jongsomchai / “ปฏิวัติฝรั่งเศส ของใคร โดยใคร เพื่อใคร ?” ... “สาเหตุของการปฏิวัติฝรั่งเศส” มีหลายแนวคิดหลักๆคือ ... มูลเหตุของการปฏิวัติมีความซับซ้อนและยังเป็นที่ถกเถียงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ เช่นปัจจัยภายในต่าง ๆ ของระบอบเก่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจรวมถึงความหิวโหยและทุพโภชนาการในประชากรกลุ่มที่ยากแค้นที่สุด ซึ่งบางส่วนเกิดจากสภาพอากาศผิดปกติจาก “สภาพอากาศ” ความหนาวเย็นผิดฤดู ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากกิจกรรมของภูเขาไฟที่ลากีและกริมสวอทน์ ... ใน ค.ศ. 1783-1784 ประกอบกับ “ราคาอาหารที่สูงขึ้น” และ “ระบบการขนส่งที่ไม่เพียงพอ” ซึ่งขัดขวาง “การส่งสินค้าอาหารปริมาณมากจากพื้นที่ชนบทไปยังศูนย์กลางประชากรขนาดใหญ่” ปัจจัยเหล่านี้มีส่วนทำให้สังคมฝรั่งเศสขาดเสถียรภาพในช่วงก่อนการปฏิวัติอย่างยิ่ง ... สาเหตุอีกประการหนึ่งคือ “ภาวะใกล้จะล้มละลายของรัฐบาลจากค่าใช้จ่ายในสงครามที่ฝรั่งเศสเข้าร่วมรบจำนวนมหาศาล” โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเจ็ดปี (1756 จนถึง 1763 หรือ “สงครามโลกครั้งที่ศูนย์” โดยเกี่ยวข้องกับทุกประเทศมหาอำนาจในยุโรป มีการสู้รบเกิดขึ้นในห้าทวีป สงครามเจ็ดปีเป็นสงครามระหว่างสองข้างด้วยกัน ข้างหนึ่งนำโดยบริเตนใหญ่ พร้อมด้วยปรัสเซียและกลุ่มนครรัฐเล็กในเยอรมัน กับอีกข้างหนึ่งที่นำด้วยฝรั่งเศส พร้อมด้วยออสเตรีย, รัสเซีย, สวีเดน และซัคเซิน โดยรัสเซียเปลี่ยนข้างอยู่ระยะหนึ่งในช่วงปลายของสงคราม ) และ “สงครามปฏิวัติอเมริกา” สงครามใหญ่เหล่านี้ก่อหนี้จำนวนมหาศาลให้แก่รัฐบาลฝรั่งเศส ซึ่งสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงจากการสูญเสียการครอบครองพื้นที่อาณานิคมของฝรั่งเศสในทวีปอเมริกาเหนือ และการครอบงำทางพาณิชย์ของ “บริเตนใหญ่”ที่เพิ่มขึ้น ทั้ง “ระบบการเงิน” ที่ไม่มีประสิทธิภาพและล้าสมัยของฝรั่งเศสก็ไม่สามารถจัดการกับหนี้สาธารณะได้ ทางรัฐบาลพยายามจะแก้ไขสถานการณ์ทางการเงินด้วยการเก็บภาษีเพิ่ม … การที่ฝรั่งเศส ช่วย “อเมริกา” รบกับ “อังกฤษ” นั้น ไม่ได้ต้องการให้เอกราช กับอเมริกาแต่เพราะต้องการตัดกำลังของอังกฤษคู่แข่งอาณานิคมของตัวเอง ( เหมือนตอนที่ อเมริกา หลังได้เอกราช ก็ได้ช่วย “ฟิลิปปินส์” กับ “คิวบา” เป็นเอกราชจากสเปนนั้น ไม่ได้ต้องการให้ทั้งสองชาติสัมผัสกับอิสรภาพ หรือตัวเองซาบซึ้งกับระบอบปประชาธิปไตย แต่ต้องการจะเป็นเจ้าอาณานิคมแทนเจ้าเดิม ) ... หลังการปฏิวัติมีการ ยกเลิกระบบศักดินา ยุบมณฑลต่าง ๆ แบ่งประเทศออกเป็น 83 จังหวัด มีการพยายาม “รวมศูนย์อำนาจ” เข้าสู่ศูนย์เดียวที่ปารีส ไม่ยินยอมให้เป็นเอกเทศ จึงมีการต่อต้านขัดขืน ... กระแสความตื่นตัวและอารมณ์ของประชาชนได้เปลี่ยนทิศทางของการปฏิวัติจนลึกลงไปถึงรากฐาน ซึ่งปูทางให้กับการขึ้นสู่อำนาจของ “มักซีมีเลียง รอแบ็สปีแยร์” ที่เป็นนักกฎหมาย นักการเมือง และ “กลุ่มฌากอแบ็ง” และกลายมาเป็น “เผด็จการโดยแท้” ภายใต้ “สมัยแห่งความน่าสะพรึงกลัว” ในระหว่างปี ค.ศ. 1793 ถึง 1794 มีผู้ต่อต้านพวกเขาถูกสังหารถึงระหว่าง 16,000 ถึง 40,000 คน ( ในตอนนั้นมันคือการเปลี่ยนจาก “ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช” ไปสู่ระบอบ “เผด็จการ” ) ... สโมสรฌากอแบ็ง Club des Jacobins เป็นสโมสรทางการเมืองที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส ก่อตั้งในช่วงการประชุมสภาฐานันดร ค.ศ. 1789 จากการรวมกลุ่มของ “พวกผู้แทน” จากแคว้น “ดัชชีเบรอตาญ” ที่เป็นแคว้นศักดินาแห่งหนึ่งนัฝรั่งเศส ที่เน้นการ “ต่อต้านราชวงศ์” หรือ “ล้มเจ้า” อันเป็นพวกต่อต้านระบอบกษัตริย์ เริ่มแรกมีสมาชิกไม่กี่คนและเป็นการรวมตัวอย่างลับ ๆ ก่อนที่ต่อมาได้พัฒนากลายเป็นขบวนการระดับชาติที่เคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้จัดตั้งสาธารณรัฐซึ่งมีสมาชิกมากกว่าครึ่งล้านคน อย่างไรก็ตาม หลังจากโค่นล้มระบบกษัตริย์สำเร็จและจัดตั&#3657
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 593 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรค………นี้ออกจะยุ่งๆหน่อย...!!!

    ค่ะ ยุ่งจริงๆ เพราะเหล่าผองเพื่อนต่างกลับมาจากการพักเย็นที่เหมือนจะเป็นธรรมเนียมของคนฝรั่งเศส คือ หน้าร้อน ก็พักร้อน ไปเที่ยวกันไกลๆ
    หน้าหนาวก็ไปเล่นสกี หรือบินตามเกาะต่างๆที่มีอากาศอุ่นๆตามประสาความอู้ฟู่ของใครของมัน

    ดิฉันไม่มีฤดูกาลพักผ่อนอะไรกับเขาทั้งสิ้น เพราะขี้เกียจตัวเป็นขน
    อีกทั้งไปไหนไม่ได้นาน เพราะหมาสามตัวที่นั่งเฝ้าหน้าประตูคอยนั่นทำให้รู้สึก”ผิด” มากกว่าอาการค้อนควักของสามี...ที่คอยรับประทานดันบ่อยๆว่า “ชีวิตดี๊ ดี นะยะเธอ”
    ชั่งเหอะ...เข้าหูซ้ายออกหูขวา ไปลั้ลลา ตีกอล์ฟพร้อมอาหารกลางวัน น้ำชากาแฟยามบ่ายแทบทุกวัน
    ไม่ใช่ว่า...เลิศหรูอะไรหรอกค่ะ สนามกอล์ฟก็จ่ายสมาชิกรายปีอยู่แล้ว
    เพื่อนฝูงก็มากมาย ผลัดกันเป็นเจ้าภาพ มีเรื่องคุยกันแบบสามวันไม่มีจบ
    กลับถึงบ้าน...ก็หมดแรง

    แต่อ่านและติดตามข่าวเมืองไทยอย่างหายใจรดต้นคอเลยเชียว
    โค้งนี้และครั้งนี้...เป็นการเดิมพันที่น่าใจหายใจคว่ำ เพราะมันไม่ใช่การเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีใครมาพูดถึงนโยบายแบบฉลาดๆ
    มีแต่คิดที่จะเลิกนั่นเลิกนี่ ทำแก้แค้นเอาคืนคนโน้นคนนี้ และ จะแจกนั่นแจกนี่ โดยที่ไม่ได้บอกว่าจะหาเงินมาจากไหนและอย่างไร

    ที่สำคัญที่สุด คือการแสดงออกชัดเจนว่า เรามีเพียงสองขั้วเท่านั้นที่จะเลือก คือ ขั้วเอาเจ้า กับ ไม่เอาเจ้า

    สายสีส้มออกมาโจมตีบ้านเมืองทุกวัน ไอ้นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็ไม่ยุติธรรม
    ทุกอย่างที่หล่อเลี้ยงเขามาจนถึงบัดนี้ ก็เพราะประเทศเลวๆที่ไม่มีความสมดุลย์นี่แหละ...
    ยิ่งฟังก็ยิ่งมองเห็นเงาของกลุ่มอิลลูมินาติ กับ OSF (Open Society Foundation) ของ จอร์จ โซรอส ชัดแบบไม่ต้องใช้แว่นขยาย
    เพราะมันคือหลักการพื้นๆของเขาที่ใช้ในทุกประเทศ คือ สนับสนุนคนรุ่นใหม่วัยเยาว์, เชิดชูประชาธิปไตย, ล้างสมองให้เชื่อว่าสิทธิของมนุษยชนต้องเท่ากัน โดยใช้กลุ่ม NGO และ HRW เป็นพี่เลี้ยงให้ในทุกเวที,
    ต้องเปิดพรมแดน รับผู้ลี้ภัย, และต้องไม่”ชาตินิยม” ขนบธรรมเนียม
    อะไรเก่าๆทิ้งไป..เพราะมันไม่สร้างสรรค์ รวมถึงสถาบันกษัตริย์ที่ไม่จำเป็นต้องมี...

    ทั้งหมดทั้งมวล เห็นได้ในนโยบายของพรรคสีส้ม จนเหมือนกับว่า...พวกเขาคือสาวกที่ได้ขายวิญญาณไปแล้ว...
    ที่แน่ๆคือ...พวกเขาได้”ก้าวข้าม” นายทุนท่อน้ำเลี้ยง ณ.ทางไกลไปหลายก้าวแล้วด้วยซ้ำ...คือไม่อ้อมแอ้ม...กล้าที่จะประกาศว่า...ไม่เอาสถาบัน!!

    ที่เหลือก็อยู่ที่คนไทย...จะเลือกทางไหนก็แล้วแต่ แต่เชื่อได้ว่า ข่าวที่มีเรื่องข้าว เรื่องสารพาราควอท นั่น...มันมีมูล
    ฟังแล้วจะว่าเป็นข่าวลวง ลับ พรางอะไรก็ตามที แต่เคยเขียนถึง มอนซานโต้กับไบเออร์ให้อ่านกันแล้ว นั่นคือการทำงานของเขาล้วนๆ
    เรื่องข้าว...คือการนำเมล็ดพันธุ์ไปทำ GMO เพื่อคุณภาพจะได้ทนต่อแมลงและโรคติดต่อ และทำ DNA ในแต่ละสายพันธุ์ เพื่อไม่ให้มีการปลอมปน
    จกการลงทุนขนาดใหญ่นี้ หมายถึงว่า เขาจะเข้ามาควบคุมเมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งหมด และใส่ถุงกลับมาขายให้ชาวนา ที่ต้องใช้ตามที่เขากำหนด
    เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว....จะส่งขายต่างประเทศไม่ได้………!!!!
    ข้าวคือสินค้าขาออกที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ที่มีอนาคตที่ล่อแหลมมาก
    ส่วนเรื่องสารพิษนั่น...ขอขำแปล๊บ...ก็ต้องขอต่ออายุให้ใช้ไปอีกระยะหนึ่ง ใครจะตายก็ชั่งมันปะไร เพราะนายทุนเขายังมีอยู่ในสต๊อก ก็ต้องให้เขาปล่อยให้หมดก่อน จะไปแบนได้ยังไง รับนาฬิ...เอ๊ย รับซองเขามาแล้ว...คิดได้ไม่ยากเลย..!!

    ดิฉันฟังนักวิชาการของพรรคสีส้มที่เขาพูดถึงสถาบัน การเมืองกับประชาธิปไตย ว่าเป็นสิ่งที่ย้อนแย้ง และไม่มีวันที่จะเข้ากันได้
    และเขาได้ยกตัวอย่างถึง ปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 ที่………”เขาช่างกล้า”
    ยกเอาคำพูดการตัดสินของ Louis Antoine de Saint-Just หนึ่งในผู้นำบองคณะปฏิวัติ (Jacobin Club) ที่ประกาศชี้โทษให้ทำการใช้กิโยติน
    กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในวันที่ 21 มกราคม 1793

    การอภิปรายแบบนี้ ถือว่าพวกเขาได้แทรก”นัยยะ”ไว้ให้คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับความทันสมัยของโลกเทคโนโลยี ทุกอย่างสั่งได้เหมือนพิซซ่า เด็กรุ่นนี้ไม่มีความเข้าใจถึงความซับซ้อนของการเมือง และการปกครอง
    เพราะขนาดที่ฝรั่งเศสเรียกร้องหาความเป็นประชาธิปไตย ถึงขนาดล้มล้างกษัตริย์ของตัวเอง เอาพระโอรสองค์เล็กของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกที่มีอายุเพียงหกเจ็ดขวบ (ตามตำแหน่งคือ พระเจ้าหลุยส์ที่ สิบเจ็ด)ไปจองจำ ขังไว้จนสิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชนมายุได้ สิบขวบ
    ต่อมาก็พระอนุชา (ตามตำแหน่งที่ชอบธรรมคือ พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปด) ที่ต้องเสด็จออกไปอยู่นอกประเทศ เยอรมันบ้าง อังกฤษบ้าง)
    ในช่วงนี้เองที่ นโปเลียนได้ก้าวขึ้นมาเป็นพระจักรพรรดิ เพราะกษัตริย์พระองค์จริงยังอยู่.………
    พอนโปเลียนไปถูกเนรเทศไปจองจำที่เกาะ Alba
    พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็เสด็จกลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศส
    นโปเลียนแหกเกาะออกมา...พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็ออกไปนอกประเทศอีก
    พอนโปเลียนแพ้สงครามที่วอเตอร์ลู (กับอังกฤษ) พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็กลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศสเหมือนเดิมจนสิ้นพระชนม์ในปี 1824

    กษัตริย์ที่ครองบัลลังก์ต่อมา คือ พระเจ้าชารลส์ที่สิบ ( Charles X )
    ที่เป็นหลาน เพราะพระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดไม่มีรัชทายาท
    ฝรั่งเศสได้มีกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ พระเจ้า Louis-Philippe (โดยตำแหน่ง) แต่พระองค์ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษเป็นส่วนใหญ่ สิ้นพระชนม์ในปี 1850

    ฝรั่งเศสได้มีประธานาธิบดีคนแรกในปี 1848 เขาคือ Louis-Napoléon Bonaparte หรือเป็นที่รู้จักกันใน Napoléon III ผู้ซึ่งเป็นหลานชายของ
    นโปเลียน

    ฉะนั้น ถ้าใครจะมาบังอาจเล่าเรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศสก็ควรจะเล่าให้จบว่า หลังจากที่สำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกด้วยกิโยตินแล้ว ก็ไม่ใช่จะหลุดออกจากการปกครองของกษัตริย์และพระจักรพรรดิโดยสิ้นเชิงเสียเมื่อไหร่ กว่าประชาชนจะหาทางออกให้กับประเทศของตัวเอง จัดแจงการปกครองแบบใหม่ได้ก็ใช้เวลาร่วมร้อยปี
    ในช่วงของเกือบร้อยปีนั่น ต้องผ่านสงครามมากี่ครั้ง ทหารตายไปเท่าไหร่ อับอายขายหน้าที่ผู้นำประเทศ (นโปเลียนที่สาม) แพ้สงคราม ต้องโดนเยอรมันจับไปเป็นเชลย
    บ้านเมืองระส่ำระสาย ประชาชนแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า
    นี่ไง...ประชาธิปไตยของประเทศตัวอย่างที่ชอบอ้างกันนัก
    ที่ทุกวันนี้...ประชาชนต้องออกมาไล่ผู้นำติดต่อกันสิบสี่อาทิตย์แล้ว
    ทั้งๆที่เขามาจากการเลือกตั้ง....

    แล้วอย่านึกว่า ฝรั่งเศสมีเอกเทศในการปกครองนะคะ ทั้งยุโรปเรากำลังจะอยู่ควบรวมไว้ในหม้อเดียวกัน ในนามว่า Bilderberg Group
    จะมีการจัดตั้งกองกำลังยุโรปให้มีประสิทธิภาพเพื่อที่จะมีเขี้ยวเล็บให้น่าเกรงขาม
    เฉพาะที่ฝรั่งเศส เรามีคลังแสงของระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่เป็นที่สามของโลกค่าาา พี่น้องงงงง....
    งบประมาณในการณ์นี้ คือ สามถึงสี่พันล้านยูโรต่อปี

    ในขณะที่ในบางประเทศคนหลายคนยังถามรัฐบาลตัวเองว่า มีทหารไว้ทำไม???

    ฟังแล้วเหมือนกับโดนลากมาตบกลางสี่แยกยังไงไม่รู้.……เมื่อก่อนหน้านั้นก็โดนไปทีนึงแล้ว ที่หนังสือพิมพ์ฝรั่งเขาขยี้เรื่องเด็กของเราใส่เสื้อ
    สวัสดิกะขึ้นเวที หลังจากที่ขอโทษขอโพยกันแล้ว เขายังเขียนว่า
    ผู้คนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องความเป็นไปของโลก เพราะนักเรียนจะเรียนแค่ไทยทำสงครามกับพม่าเท่านั้น...!!!

    แค่พูดเบาๆยังเจ็บจี๊ดไปทั้งร่าง....!!!

    Wiwanda W. Vichit
    พรรค………นี้ออกจะยุ่งๆหน่อย...!!! ค่ะ ยุ่งจริงๆ เพราะเหล่าผองเพื่อนต่างกลับมาจากการพักเย็นที่เหมือนจะเป็นธรรมเนียมของคนฝรั่งเศส คือ หน้าร้อน ก็พักร้อน ไปเที่ยวกันไกลๆ หน้าหนาวก็ไปเล่นสกี หรือบินตามเกาะต่างๆที่มีอากาศอุ่นๆตามประสาความอู้ฟู่ของใครของมัน ดิฉันไม่มีฤดูกาลพักผ่อนอะไรกับเขาทั้งสิ้น เพราะขี้เกียจตัวเป็นขน อีกทั้งไปไหนไม่ได้นาน เพราะหมาสามตัวที่นั่งเฝ้าหน้าประตูคอยนั่นทำให้รู้สึก”ผิด” มากกว่าอาการค้อนควักของสามี...ที่คอยรับประทานดันบ่อยๆว่า “ชีวิตดี๊ ดี นะยะเธอ” ชั่งเหอะ...เข้าหูซ้ายออกหูขวา ไปลั้ลลา ตีกอล์ฟพร้อมอาหารกลางวัน น้ำชากาแฟยามบ่ายแทบทุกวัน ไม่ใช่ว่า...เลิศหรูอะไรหรอกค่ะ สนามกอล์ฟก็จ่ายสมาชิกรายปีอยู่แล้ว เพื่อนฝูงก็มากมาย ผลัดกันเป็นเจ้าภาพ มีเรื่องคุยกันแบบสามวันไม่มีจบ กลับถึงบ้าน...ก็หมดแรง แต่อ่านและติดตามข่าวเมืองไทยอย่างหายใจรดต้นคอเลยเชียว โค้งนี้และครั้งนี้...เป็นการเดิมพันที่น่าใจหายใจคว่ำ เพราะมันไม่ใช่การเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีใครมาพูดถึงนโยบายแบบฉลาดๆ มีแต่คิดที่จะเลิกนั่นเลิกนี่ ทำแก้แค้นเอาคืนคนโน้นคนนี้ และ จะแจกนั่นแจกนี่ โดยที่ไม่ได้บอกว่าจะหาเงินมาจากไหนและอย่างไร ที่สำคัญที่สุด คือการแสดงออกชัดเจนว่า เรามีเพียงสองขั้วเท่านั้นที่จะเลือก คือ ขั้วเอาเจ้า กับ ไม่เอาเจ้า สายสีส้มออกมาโจมตีบ้านเมืองทุกวัน ไอ้นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็ไม่ยุติธรรม ทุกอย่างที่หล่อเลี้ยงเขามาจนถึงบัดนี้ ก็เพราะประเทศเลวๆที่ไม่มีความสมดุลย์นี่แหละ... ยิ่งฟังก็ยิ่งมองเห็นเงาของกลุ่มอิลลูมินาติ กับ OSF (Open Society Foundation) ของ จอร์จ โซรอส ชัดแบบไม่ต้องใช้แว่นขยาย เพราะมันคือหลักการพื้นๆของเขาที่ใช้ในทุกประเทศ คือ สนับสนุนคนรุ่นใหม่วัยเยาว์, เชิดชูประชาธิปไตย, ล้างสมองให้เชื่อว่าสิทธิของมนุษยชนต้องเท่ากัน โดยใช้กลุ่ม NGO และ HRW เป็นพี่เลี้ยงให้ในทุกเวที, ต้องเปิดพรมแดน รับผู้ลี้ภัย, และต้องไม่”ชาตินิยม” ขนบธรรมเนียม อะไรเก่าๆทิ้งไป..เพราะมันไม่สร้างสรรค์ รวมถึงสถาบันกษัตริย์ที่ไม่จำเป็นต้องมี... ทั้งหมดทั้งมวล เห็นได้ในนโยบายของพรรคสีส้ม จนเหมือนกับว่า...พวกเขาคือสาวกที่ได้ขายวิญญาณไปแล้ว... ที่แน่ๆคือ...พวกเขาได้”ก้าวข้าม” นายทุนท่อน้ำเลี้ยง ณ.ทางไกลไปหลายก้าวแล้วด้วยซ้ำ...คือไม่อ้อมแอ้ม...กล้าที่จะประกาศว่า...ไม่เอาสถาบัน!! ที่เหลือก็อยู่ที่คนไทย...จะเลือกทางไหนก็แล้วแต่ แต่เชื่อได้ว่า ข่าวที่มีเรื่องข้าว เรื่องสารพาราควอท นั่น...มันมีมูล ฟังแล้วจะว่าเป็นข่าวลวง ลับ พรางอะไรก็ตามที แต่เคยเขียนถึง มอนซานโต้กับไบเออร์ให้อ่านกันแล้ว นั่นคือการทำงานของเขาล้วนๆ เรื่องข้าว...คือการนำเมล็ดพันธุ์ไปทำ GMO เพื่อคุณภาพจะได้ทนต่อแมลงและโรคติดต่อ และทำ DNA ในแต่ละสายพันธุ์ เพื่อไม่ให้มีการปลอมปน จกการลงทุนขนาดใหญ่นี้ หมายถึงว่า เขาจะเข้ามาควบคุมเมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งหมด และใส่ถุงกลับมาขายให้ชาวนา ที่ต้องใช้ตามที่เขากำหนด เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว....จะส่งขายต่างประเทศไม่ได้………!!!! ข้าวคือสินค้าขาออกที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ที่มีอนาคตที่ล่อแหลมมาก ส่วนเรื่องสารพิษนั่น...ขอขำแปล๊บ...ก็ต้องขอต่ออายุให้ใช้ไปอีกระยะหนึ่ง ใครจะตายก็ชั่งมันปะไร เพราะนายทุนเขายังมีอยู่ในสต๊อก ก็ต้องให้เขาปล่อยให้หมดก่อน จะไปแบนได้ยังไง รับนาฬิ...เอ๊ย รับซองเขามาแล้ว...คิดได้ไม่ยากเลย..!! ดิฉันฟังนักวิชาการของพรรคสีส้มที่เขาพูดถึงสถาบัน การเมืองกับประชาธิปไตย ว่าเป็นสิ่งที่ย้อนแย้ง และไม่มีวันที่จะเข้ากันได้ และเขาได้ยกตัวอย่างถึง ปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 ที่………”เขาช่างกล้า” ยกเอาคำพูดการตัดสินของ Louis Antoine de Saint-Just หนึ่งในผู้นำบองคณะปฏิวัติ (Jacobin Club) ที่ประกาศชี้โทษให้ทำการใช้กิโยติน กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในวันที่ 21 มกราคม 1793 การอภิปรายแบบนี้ ถือว่าพวกเขาได้แทรก”นัยยะ”ไว้ให้คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับความทันสมัยของโลกเทคโนโลยี ทุกอย่างสั่งได้เหมือนพิซซ่า เด็กรุ่นนี้ไม่มีความเข้าใจถึงความซับซ้อนของการเมือง และการปกครอง เพราะขนาดที่ฝรั่งเศสเรียกร้องหาความเป็นประชาธิปไตย ถึงขนาดล้มล้างกษัตริย์ของตัวเอง เอาพระโอรสองค์เล็กของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกที่มีอายุเพียงหกเจ็ดขวบ (ตามตำแหน่งคือ พระเจ้าหลุยส์ที่ สิบเจ็ด)ไปจองจำ ขังไว้จนสิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชนมายุได้ สิบขวบ ต่อมาก็พระอนุชา (ตามตำแหน่งที่ชอบธรรมคือ พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปด) ที่ต้องเสด็จออกไปอยู่นอกประเทศ เยอรมันบ้าง อังกฤษบ้าง) ในช่วงนี้เองที่ นโปเลียนได้ก้าวขึ้นมาเป็นพระจักรพรรดิ เพราะกษัตริย์พระองค์จริงยังอยู่.……… พอนโปเลียนไปถูกเนรเทศไปจองจำที่เกาะ Alba พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็เสด็จกลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศส นโปเลียนแหกเกาะออกมา...พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็ออกไปนอกประเทศอีก พอนโปเลียนแพ้สงครามที่วอเตอร์ลู (กับอังกฤษ) พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็กลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศสเหมือนเดิมจนสิ้นพระชนม์ในปี 1824 กษัตริย์ที่ครองบัลลังก์ต่อมา คือ พระเจ้าชารลส์ที่สิบ ( Charles X ) ที่เป็นหลาน เพราะพระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดไม่มีรัชทายาท ฝรั่งเศสได้มีกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ พระเจ้า Louis-Philippe (โดยตำแหน่ง) แต่พระองค์ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษเป็นส่วนใหญ่ สิ้นพระชนม์ในปี 1850 ฝรั่งเศสได้มีประธานาธิบดีคนแรกในปี 1848 เขาคือ Louis-Napoléon Bonaparte หรือเป็นที่รู้จักกันใน Napoléon III ผู้ซึ่งเป็นหลานชายของ นโปเลียน ฉะนั้น ถ้าใครจะมาบังอาจเล่าเรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศสก็ควรจะเล่าให้จบว่า หลังจากที่สำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกด้วยกิโยตินแล้ว ก็ไม่ใช่จะหลุดออกจากการปกครองของกษัตริย์และพระจักรพรรดิโดยสิ้นเชิงเสียเมื่อไหร่ กว่าประชาชนจะหาทางออกให้กับประเทศของตัวเอง จัดแจงการปกครองแบบใหม่ได้ก็ใช้เวลาร่วมร้อยปี ในช่วงของเกือบร้อยปีนั่น ต้องผ่านสงครามมากี่ครั้ง ทหารตายไปเท่าไหร่ อับอายขายหน้าที่ผู้นำประเทศ (นโปเลียนที่สาม) แพ้สงคราม ต้องโดนเยอรมันจับไปเป็นเชลย บ้านเมืองระส่ำระสาย ประชาชนแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า นี่ไง...ประชาธิปไตยของประเทศตัวอย่างที่ชอบอ้างกันนัก ที่ทุกวันนี้...ประชาชนต้องออกมาไล่ผู้นำติดต่อกันสิบสี่อาทิตย์แล้ว ทั้งๆที่เขามาจากการเลือกตั้ง.... แล้วอย่านึกว่า ฝรั่งเศสมีเอกเทศในการปกครองนะคะ ทั้งยุโรปเรากำลังจะอยู่ควบรวมไว้ในหม้อเดียวกัน ในนามว่า Bilderberg Group จะมีการจัดตั้งกองกำลังยุโรปให้มีประสิทธิภาพเพื่อที่จะมีเขี้ยวเล็บให้น่าเกรงขาม เฉพาะที่ฝรั่งเศส เรามีคลังแสงของระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่เป็นที่สามของโลกค่าาา พี่น้องงงงง.... งบประมาณในการณ์นี้ คือ สามถึงสี่พันล้านยูโรต่อปี ในขณะที่ในบางประเทศคนหลายคนยังถามรัฐบาลตัวเองว่า มีทหารไว้ทำไม??? ฟังแล้วเหมือนกับโดนลากมาตบกลางสี่แยกยังไงไม่รู้.……เมื่อก่อนหน้านั้นก็โดนไปทีนึงแล้ว ที่หนังสือพิมพ์ฝรั่งเขาขยี้เรื่องเด็กของเราใส่เสื้อ สวัสดิกะขึ้นเวที หลังจากที่ขอโทษขอโพยกันแล้ว เขายังเขียนว่า ผู้คนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องความเป็นไปของโลก เพราะนักเรียนจะเรียนแค่ไทยทำสงครามกับพม่าเท่านั้น...!!! แค่พูดเบาๆยังเจ็บจี๊ดไปทั้งร่าง....!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 964 มุมมอง 0 รีวิว