• ไฟป่าในเกาหลีใต้ลุกลามกินพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าวันนี้ (27 มี.ค.) เมื่อเทียบกับหนึ่งวันก่อนหน้า ขณะที่ทางการระบุว่าภัยพิบัติไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดของประเทศได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 26 คน และมีวัดวาอารามเก่าแก่ถูกเพลิงเผาวอดไปหลายแห่ง

    ไฟป่าในเทศมณฑลอุยซอง (Uiseong) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในตอนนี้ได้ลุกลามขยายวงกว้างกินพื้นที่มากกว่า 33,000 เฮกตาร์ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นไฟป่าจุดเดียวที่มีขนาดใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ เอาชนะสถิติไฟป่าเมื่อเดือน มี.ค. ปี 2000 ซึ่งเผาผลาญผืนป่าไป 24,000 เฮกตาร์

    “เราทั้งประเทศกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ขั้นวิกฤตและมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สืบเนื่องจากไฟป่าที่ลุกลามรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” ฮัน ดักซู รักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวในการประชุมคณะทำงานตอบสนองไฟป่าของรัฐบาล

    กองทัพเกาหลีใต้ได้เบิกน้ำมันในคลังสำรองออกมาช่วยเติมเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าตามเขตภูเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ โดยขณะนี้ไฟป่าได้เผาไหม้พื้นที่มานานเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000029078

    #MGROnline #กองทัพเกาหลีใต้ ##ไฟป่า #เกาหลีใต้
    ไฟป่าในเกาหลีใต้ลุกลามกินพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าวันนี้ (27 มี.ค.) เมื่อเทียบกับหนึ่งวันก่อนหน้า ขณะที่ทางการระบุว่าภัยพิบัติไฟป่าครั้งเลวร้ายที่สุดของประเทศได้คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วไม่ต่ำกว่า 26 คน และมีวัดวาอารามเก่าแก่ถูกเพลิงเผาวอดไปหลายแห่ง • ไฟป่าในเทศมณฑลอุยซอง (Uiseong) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในตอนนี้ได้ลุกลามขยายวงกว้างกินพื้นที่มากกว่า 33,000 เฮกตาร์ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นไฟป่าจุดเดียวที่มีขนาดใหญ่สุดในประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ เอาชนะสถิติไฟป่าเมื่อเดือน มี.ค. ปี 2000 ซึ่งเผาผลาญผืนป่าไป 24,000 เฮกตาร์ • “เราทั้งประเทศกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ขั้นวิกฤตและมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก สืบเนื่องจากไฟป่าที่ลุกลามรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน” ฮัน ดักซู รักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ กล่าวในการประชุมคณะทำงานตอบสนองไฟป่าของรัฐบาล • กองทัพเกาหลีใต้ได้เบิกน้ำมันในคลังสำรองออกมาช่วยเติมเฮลิคอปเตอร์ดับไฟป่าตามเขตภูเขาทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ โดยขณะนี้ไฟป่าได้เผาไหม้พื้นที่มานานเกือบ 1 สัปดาห์แล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/around/detail/9680000029078 • #MGROnline #กองทัพเกาหลีใต้ ##ไฟป่า #เกาหลีใต้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า เปียงยางยิงมิสไซล์พิสัยใกล้ไม่กี่ลูกตกทะเลตะวันออก บังเอิญเกิดในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวายะ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างเยือนโซลเป็นทางการ
    .
    เอเอฟพีรายงาน(14 ม.ค.) ว่า การยิงทดสอบมิสไซล์ของเกาหลีเหนือเช้าวันอังคาร (14) นี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นเสมือนสัญญาณส่งไปให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.ที่จะถึง
    .
    คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ออกแถลงการณ์มีใจความว่า "มิสไซล์เดินทางราว 250 กม.หลังถูกปล่อยจากฐานเมื่อเวลาราว 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นจาก Kanggye จังหวัดจากัง (Jagang) ติดพรมแดนจีน" อ้างอิงจากรอยเตอร์
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า เป็นการยิงมิสไซล์พิสัยใกล้จำนวนไม่กี่ลูกลงทะเลตะวันออกในวันอังคาร (14)
    .
    เปียงยางยิงทดสอบเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวาระ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างการเยือนกรุงโซลอย่างเป็นทางการ และร่วมประชุมหลายคณะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน สัปดาห์หน้า
    .
    สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้และสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ ได้เฝ้าจับตาการเตรียมพร้อมยิงของเปียงยาง กองทัพเกาหลีใต้แถลง พร้อมยืนยันว่า โซลยังคงอยู่ในการเตรียมความพร้อมสูงสุดและมีการแชร์ข้อมูลร่วมกับทั้งวอชิงตันและโตเกียว
    .
    การยิงทดสอบมิสไซล์เกาหลีเหนือเรียกเสียงประณามจากรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ชเว ซังมก (Choi Sang-mok) ที่ชี้ว่าเป็นการละเมิดมติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ
    .
    “โซลจะตอบโต้อย่างรุนแรงมากกว่าในการยั่วยุของเกาหลีเหนือบนพื้นฐานของจุดยืนทางความมั่นคงที่แข็งแกร่งและความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ”
    .
    ขณะเดียวกัน กองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ประณามการทดสอบของเปียงยาง พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดจากการทดสอบที่ไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายและการกระทำที่สร้างความไร้เสถียรภาพ
    .
    ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า การยิงทดสอบก่อนสัปดาห์พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่นี้ “มันอาจชี้ไปว่าถึงความตั้งใจในการกดดันก่อนหน้ารัฐบาลทรัมป์ สมัยที่ 2 ก็เป็นได้” ยาง มู-จิน (Yang Moo-jin) อธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษาเกาหลีเหนือในกรุงโซลแสดงความเห็น
    .
    ขณะที่ อาห์น ชาน-อิล (Ahn Chan-il) อดีตเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่ผันตัวกลายเป็นนักวิจัยบริหารสถาบันโลกเพื่อการศึกษาเกาหลีเหนือ (World Institute for North Korea Studies) ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า นอกจากจะเป็นการแสดงตนให้รู้ต่อรัฐบาลทรัมป์แล้ว อาจจะมีเป้าหมายไปที่สร้างความไร้เสถียรภาพให้โซลในช่วงที่เกาหลีใต้กำลังตกอยู่ในความอลหม่านทางการเมืองภายในจากปัญหาผู้นำ ยุน ซอกยอล ประกาศใช้กฎอัยการศึกและทำให้ต้องโดนถอดถอนออกจากตำแหน่ง
    .
    เอเอฟพีรายงานว่า พิกัดที่ตั้งจุดการทดสอบไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ทว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA แสดงให้เห็นประธานาธิบดี คิม จองอึน พร้อมบุตรสาว คิมจูแอ (Kim Ju Ae) กำลังเฝ้ากำกับการทดสอบสัปดาห์ที่แล้ว
    .
    KCNA รายงานถึงการใช้วัสดุใหม่คาร์บอนไฟเบอร์ (carbon fibre) ในเครื่องยนต์ของขีปนาวุธที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาเตือนว่า อาจช่วยให้เปียงยางสามารถส่งขีปนาวุธไปไกลมากขึ้นที่ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมิสไซล์นี้มีแต่แค่สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน เท่านั้นที่ครอบครอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004282
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้แถลงว่า เปียงยางยิงมิสไซล์พิสัยใกล้ไม่กี่ลูกตกทะเลตะวันออก บังเอิญเกิดในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวายะ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างเยือนโซลเป็นทางการ . เอเอฟพีรายงาน(14 ม.ค.) ว่า การยิงทดสอบมิสไซล์ของเกาหลีเหนือเช้าวันอังคาร (14) นี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่าเป็นเสมือนสัญญาณส่งไปให้รัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่ของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังจะเข้าสู่พิธีสาบานตนรับตำแหน่งในวันจันทร์ที่ 20 ม.ค.ที่จะถึง . คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) ออกแถลงการณ์มีใจความว่า "มิสไซล์เดินทางราว 250 กม.หลังถูกปล่อยจากฐานเมื่อเวลาราว 09.30 น.ตามเวลาท้องถิ่นจาก Kanggye จังหวัดจากัง (Jagang) ติดพรมแดนจีน" อ้างอิงจากรอยเตอร์ . เอเอฟพีชี้ว่า เป็นการยิงมิสไซล์พิสัยใกล้จำนวนไม่กี่ลูกลงทะเลตะวันออกในวันอังคาร (14) . เปียงยางยิงทดสอบเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ทาเคชิ อิวาระ (Takeshi Iwaya) อยู่ระหว่างการเยือนกรุงโซลอย่างเป็นทางการ และร่วมประชุมหลายคณะกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีก่อนที่ทรัมป์จะรับตำแหน่งต่อจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน สัปดาห์หน้า . สำนักงานข่าวกรองเกาหลีใต้และสำนักงานข่าวกรองสหรัฐฯ ได้เฝ้าจับตาการเตรียมพร้อมยิงของเปียงยาง กองทัพเกาหลีใต้แถลง พร้อมยืนยันว่า โซลยังคงอยู่ในการเตรียมความพร้อมสูงสุดและมีการแชร์ข้อมูลร่วมกับทั้งวอชิงตันและโตเกียว . การยิงทดสอบมิสไซล์เกาหลีเหนือเรียกเสียงประณามจากรักษาการประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ชเว ซังมก (Choi Sang-mok) ที่ชี้ว่าเป็นการละเมิดมติที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติ . “โซลจะตอบโต้อย่างรุนแรงมากกว่าในการยั่วยุของเกาหลีเหนือบนพื้นฐานของจุดยืนทางความมั่นคงที่แข็งแกร่งและความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐฯ” . ขณะเดียวกัน กองบัญชาการอินโด-แปซิฟิกของสหรัฐฯ ได้ประณามการทดสอบของเปียงยาง พร้อมเรียกร้องให้เกาหลีเหนือหยุดจากการทดสอบที่ไม่ชอบธรรมด้วยกฎหมายและการกระทำที่สร้างความไร้เสถียรภาพ . ผู้เชี่ยวชาญออกมาเตือนว่า การยิงทดสอบก่อนสัปดาห์พิธีสาบานตนของประธานาธิบดีอเมริกันคนใหม่นี้ “มันอาจชี้ไปว่าถึงความตั้งใจในการกดดันก่อนหน้ารัฐบาลทรัมป์ สมัยที่ 2 ก็เป็นได้” ยาง มู-จิน (Yang Moo-jin) อธิการบดีมหาวิทยาลัยการศึกษาเกาหลีเหนือในกรุงโซลแสดงความเห็น . ขณะที่ อาห์น ชาน-อิล (Ahn Chan-il) อดีตเกาหลีเหนือแปรพักตร์ที่ผันตัวกลายเป็นนักวิจัยบริหารสถาบันโลกเพื่อการศึกษาเกาหลีเหนือ (World Institute for North Korea Studies) ให้ความเห็นกับเอเอฟพีว่า นอกจากจะเป็นการแสดงตนให้รู้ต่อรัฐบาลทรัมป์แล้ว อาจจะมีเป้าหมายไปที่สร้างความไร้เสถียรภาพให้โซลในช่วงที่เกาหลีใต้กำลังตกอยู่ในความอลหม่านทางการเมืองภายในจากปัญหาผู้นำ ยุน ซอกยอล ประกาศใช้กฎอัยการศึกและทำให้ต้องโดนถอดถอนออกจากตำแหน่ง . เอเอฟพีรายงานว่า พิกัดที่ตั้งจุดการทดสอบไม่เป็นที่เปิดเผย แต่ทว่า ภาพที่เผยแพร่ออกมาจากสำนักข่าวทางการเกาหลีเหนือ KCNA แสดงให้เห็นประธานาธิบดี คิม จองอึน พร้อมบุตรสาว คิมจูแอ (Kim Ju Ae) กำลังเฝ้ากำกับการทดสอบสัปดาห์ที่แล้ว . KCNA รายงานถึงการใช้วัสดุใหม่คาร์บอนไฟเบอร์ (carbon fibre) ในเครื่องยนต์ของขีปนาวุธที่มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนออกมาเตือนว่า อาจช่วยให้เปียงยางสามารถส่งขีปนาวุธไปไกลมากขึ้นที่ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีมิสไซล์นี้มีแต่แค่สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน เท่านั้นที่ครอบครอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000004282 .............. Sondhi X
    Like
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1920 มุมมอง 0 รีวิว
  • คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือระบุว่า ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกใหม่ที่ถูกใช้ในการทดสอบ จะช่วยป้องปรามบรรดาอริศัตรูของประเทศในภูมิภาคแปซิฟิก ตามรายงานของเคซีเอ็นเอ สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ
    .
    "ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก จะช่วยควบคุมอย่างน่าเชือถือต่อคู่อริใดๆ ในภูมิภาคแปซิฟิก ที่สามารถก่อผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐของเรา" คิมกล่าว หลังจากเดินทางไปตรวจตราการยิงทดสอบด้วยตนเอง ตามรายงานของเคซีเอ็นเอ
    .
    การยิงทดสอบครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนเกาหลีใต้ พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาและคู่อริตัวฉกาจของเกาหลีเหนือ ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว โซลและเปียงยาง ยังอยู่ในภาวะสงคราม
    .
    ในถ้อยแถลง คิม กล่าวอ้างว่าขีปนาวุธพุ่งเป็นระยะทาง 1,500 กิโลเมตร มากกว่าตัวเลข 1,100 กิโลเมตรที่ทางกองทัพเกาหลีใต้ระบุก่อนหน้านี้ และเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียง 12 เท่า ก่อนดิ่งลงสู่ทะเล "นี่คือแผนและความพยายามที่ชัดเจนสำหรับการป้องกันตนเอง ไม่ใช่แผนหรือปฏิบัติการรุกรานใดๆ" ผู้นำเกาหลีเหนือระบุ
    .
    อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าด้วยสมรรถนะของระบบขีปนาวุธนี้ "ทั่วโลกไม่อาจมองข้ามได้" พร้อมระบุมันสามารถจัดการกับการโจมตีทางทหารร้ายแรงใดๆ จากคู่อริหนึ่งๆ ขณะเดียวกัน ก็สามารถทำลายแนวป้องกันที่หนาแน่นใดๆ
    .
    "พัฒนาการในแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองของเกาหลีเหนือ มีเป้าหมายเพื่อเร่งยกระดับแสนยานุภาพทางทหารให้รวดเร็วยิ่งขึ้น" คิมกล่าว
    .
    บลิงเคน และโช แท-ย็อล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ประณามการยิงทดสอบดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วม โดยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่ามันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการกระชับความเป็นพันธมิตรของ 3 ฝ่าย ที่ประกอบด้วยวอชิงตัน โซล และโตเกียว
    .
    การยิงทดสอบเมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.) ถือเป็นครั้งแรกของเกาหลีเหนือ นับตั้งแต่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน เกาหลีเหนือเคยทดสอบในสิ่งที่กล่าวอ้างว่าเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เชื้อเพลิงแข็ง ที่ล้ำสมัยและทรงแสนยานุภาพที่สุดของประเทศ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001576
    ..............
    Sondhi X
    คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือระบุว่า ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกใหม่ที่ถูกใช้ในการทดสอบ จะช่วยป้องปรามบรรดาอริศัตรูของประเทศในภูมิภาคแปซิฟิก ตามรายงานของเคซีเอ็นเอ สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ . "ระบบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก จะช่วยควบคุมอย่างน่าเชือถือต่อคู่อริใดๆ ในภูมิภาคแปซิฟิก ที่สามารถก่อผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐของเรา" คิมกล่าว หลังจากเดินทางไปตรวจตราการยิงทดสอบด้วยตนเอง ตามรายงานของเคซีเอ็นเอ . การยิงทดสอบครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนเกาหลีใต้ พันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาและคู่อริตัวฉกาจของเกาหลีเหนือ ซึ่งในทางเทคนิคแล้ว โซลและเปียงยาง ยังอยู่ในภาวะสงคราม . ในถ้อยแถลง คิม กล่าวอ้างว่าขีปนาวุธพุ่งเป็นระยะทาง 1,500 กิโลเมตร มากกว่าตัวเลข 1,100 กิโลเมตรที่ทางกองทัพเกาหลีใต้ระบุก่อนหน้านี้ และเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียง 12 เท่า ก่อนดิ่งลงสู่ทะเล "นี่คือแผนและความพยายามที่ชัดเจนสำหรับการป้องกันตนเอง ไม่ใช่แผนหรือปฏิบัติการรุกรานใดๆ" ผู้นำเกาหลีเหนือระบุ . อย่างไรก็ตาม เขาเตือนว่าด้วยสมรรถนะของระบบขีปนาวุธนี้ "ทั่วโลกไม่อาจมองข้ามได้" พร้อมระบุมันสามารถจัดการกับการโจมตีทางทหารร้ายแรงใดๆ จากคู่อริหนึ่งๆ ขณะเดียวกัน ก็สามารถทำลายแนวป้องกันที่หนาแน่นใดๆ . "พัฒนาการในแสนยานุภาพด้านการป้องกันตนเองของเกาหลีเหนือ มีเป้าหมายเพื่อเร่งยกระดับแสนยานุภาพทางทหารให้รวดเร็วยิ่งขึ้น" คิมกล่าว . บลิงเคน และโช แท-ย็อล รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ ประณามการยิงทดสอบดังกล่าวระหว่างแถลงข่าวร่วม โดยรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่ามันแสดงให้เห็นถึงความสำคัญในการกระชับความเป็นพันธมิตรของ 3 ฝ่าย ที่ประกอบด้วยวอชิงตัน โซล และโตเกียว . การยิงทดสอบเมื่อวันจันทร์ (6 ม.ค.) ถือเป็นครั้งแรกของเกาหลีเหนือ นับตั้งแต่ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ . ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤศจิกายน เกาหลีเหนือเคยทดสอบในสิ่งที่กล่าวอ้างว่าเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เชื้อเพลิงแข็ง ที่ล้ำสมัยและทรงแสนยานุภาพที่สุดของประเทศ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000001576 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1118 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้ระบุ ตรวจพบสัญญาณเกาหลีเหนือกำลังเตรียมพร้อมส่งทหารและอาวุธ ในนั้นรวมถึงโดรนพลีชีพ เข้าไปยังรัสเซียเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนมอสโกทำสงครามกับยูเครน ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวอ้างว่ามีกำลังพลโสมแดงเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามไปแล้วกว่า 3,000 นาย
    .
    ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้มอบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง 240 มม.และปืนใหญ่อัตตาจรฮาวอิตเซอร์ 170 มม. แก่มอสโก และดูเหมือนกำลังเตรียมการผลิตโดรนพลีชีพเพิ่มเติมสำหรับป้อนแก่รัสเซีย หลังจาก คิม จองอึน ผู้นำของประเทศเดินทางไปตรวจตราการทดสอบด้วยตนเองเมื่อเดือนที่แล้ว จากคำกล่าวอ้างของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JCS)
    .
    "โดรนพลีชีพคือหนึ่งในภารกิจหลักที่ คิม จองอึน มุ่งเน้น" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ JCS กล่าว พร้อมระบุว่าเกาหลีเหนือแสดงความตั้งใจที่จะมอบโดรนพลีชีพเหล่านั้นให้แก่รัสเซีย
    .
    ทั้งนี้ โดรนดังกล่าวถูกใช้อย่างกว้างขวางในสงครามยูเครน และคิม ออกคำสั่งให้ดำเนินการผลิตอาวุธทางอากาศนี้เป็นจำนวนมาก รวมถึงยกระดับศึกษาทฤษฎีทางทหาร อ้างถึงการแข่งขันในระดับโลกที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ
    .
    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือตามคำกล่าวอ้างของ JCS มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ โซล วอชิงตัน และเคียฟ ระบุว่ามีทหารเกาหลีเหนืออยู่ในรัสเซียราว 12,000 นาย และทาง JCS เชื่อว่าในนั้นมีอย่างน้อย 1,100 นาย ที่เสียชีวิตหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นไปตามแถลงสรุปของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่รายงานว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตไปแล้ว 100 นายและบาดเจ็บอีก 1,000 นาย ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างว่ามีทหารเกาหลีเหนือที่ถูกสังหารหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย เพิ่มเป็นมากกว่า 3,000 นายแล้ว และเตือนเช่นกันว่าเปียงยางอาจส่งบุคลากรและยุทโธปกรณ์เข้าไปเสริมกำลังแก่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม
    .
    "มีความเสี่ยงที่เกาหลีเหนือจะส่งทหารและยุทโธปกรณ์ป้อนเข้าสู่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม" เซเลนสกีเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังได้รับรายงานฉบับหนึ่งจาก โอเล็กซานด์ร ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของเขา "เราจะต้องตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องนี้"
    .
    พวกเจ้าหน้าที่บอกว่า ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย อาจก่อภัยคุกคามสาหัสขึ้นแก่เกาหลีใต้ ในขณะที่พวกเขายกระดับความทันสมัยแก่กองกำลังตามแบบของตนเอง ที่เคยถูกมองว่าด้อยกว่าของโซล รวมถึงมีประสบการณ์ในการสู้รบในสมรภูมิจริงด้วย
    .
    ตามแนวชายแดนเกาหลีที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เกาหลีเหนือส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าไปปรับเปลี่ยนพื้นที่หนึ่งเป็นที่ดินเปล่า จัดตั้งแนวรั้วและขึงลวดหนามในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จำนวนกำลังพลดังกล่าวลดลงสู่หลักหลายร้อยนายในช่วงสุดสัปดาห์ จากคำกล่าวอ้างของ JCS
    .
    JCS เผยแพร่ภาพถ่ายต่างๆ ที่เผยให้เห็นว่าทหารเกาหลีเหนือกลุ่มหนึ่งกำลังใช้แพะตัวหนึ่งทดสอบรั้วลวดหนามกระแสไฟฟ้า
    .
    นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางในช่วงสิ้นปี ก่อนหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า ขณะเดียวกันก็อาจปล่อยบอลลูนขยะเข้าไปยังเกาหลีใต้เพิ่มเติม
    .
    เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนขยะหลายร้อยลูกเข้าไปยังเกาหลีใต้มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม อ้างว่าเพื่อเป็นการตอบโต้บอลลูนบรรทุกใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อที่พวกนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ปล่อยเข้าสู่ดินแดนของพวกเขา
    .
    "ภายใต้การสนับสนุนของรัสเซีย มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจดำเนินยุทธศาสตร์ยั่วยุต่างๆ ในปีหน้า อย่างเช่นยิงขีปนาวุธข้ามทวีปและทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อเสริมอำนาจของพวกเขาในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ" เจ้าหน้าที่ระบุ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123172
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้ระบุ ตรวจพบสัญญาณเกาหลีเหนือกำลังเตรียมพร้อมส่งทหารและอาวุธ ในนั้นรวมถึงโดรนพลีชีพ เข้าไปยังรัสเซียเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนมอสโกทำสงครามกับยูเครน ความเคลื่อนไหวซึ่งมีขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวอ้างว่ามีกำลังพลโสมแดงเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามไปแล้วกว่า 3,000 นาย . ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้มอบเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง 240 มม.และปืนใหญ่อัตตาจรฮาวอิตเซอร์ 170 มม. แก่มอสโก และดูเหมือนกำลังเตรียมการผลิตโดรนพลีชีพเพิ่มเติมสำหรับป้อนแก่รัสเซีย หลังจาก คิม จองอึน ผู้นำของประเทศเดินทางไปตรวจตราการทดสอบด้วยตนเองเมื่อเดือนที่แล้ว จากคำกล่าวอ้างของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JCS) . "โดรนพลีชีพคือหนึ่งในภารกิจหลักที่ คิม จองอึน มุ่งเน้น" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของ JCS กล่าว พร้อมระบุว่าเกาหลีเหนือแสดงความตั้งใจที่จะมอบโดรนพลีชีพเหล่านั้นให้แก่รัสเซีย . ทั้งนี้ โดรนดังกล่าวถูกใช้อย่างกว้างขวางในสงครามยูเครน และคิม ออกคำสั่งให้ดำเนินการผลิตอาวุธทางอากาศนี้เป็นจำนวนมาก รวมถึงยกระดับศึกษาทฤษฎีทางทหาร อ้างถึงการแข่งขันในระดับโลกที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ตามรายงานของสื่อมวลชนแห่งรัฐ . ความเคลื่อนไหวล่าสุดของเกาหลีเหนือตามคำกล่าวอ้างของ JCS มีขึ้นหลังจากก่อนหน้านี้ โซล วอชิงตัน และเคียฟ ระบุว่ามีทหารเกาหลีเหนืออยู่ในรัสเซียราว 12,000 นาย และทาง JCS เชื่อว่าในนั้นมีอย่างน้อย 1,100 นาย ที่เสียชีวิตหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเป็นไปตามแถลงสรุปของหน่วยข่าวกรองเกาหลีใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ที่รายงานว่ามีทหารเกาหลีเหนือเสียชีวิตไปแล้ว 100 นายและบาดเจ็บอีก 1,000 นาย ในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย . อย่างไรก็ตาม ล่าสุดในวันจันทร์ (23 ธ.ค.) ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวอ้างว่ามีทหารเกาหลีเหนือที่ถูกสังหารหรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บในแคว้นคูร์สก์ของรัสเซีย เพิ่มเป็นมากกว่า 3,000 นายแล้ว และเตือนเช่นกันว่าเปียงยางอาจส่งบุคลากรและยุทโธปกรณ์เข้าไปเสริมกำลังแก่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม . "มีความเสี่ยงที่เกาหลีเหนือจะส่งทหารและยุทโธปกรณ์ป้อนเข้าสู่กองทัพรัสเซียเพิ่มเติม" เซเลนสกีเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ หลังได้รับรายงานฉบับหนึ่งจาก โอเล็กซานด์ร ซีร์สกี ผู้บัญชาการทหารระดับสูงของเขา "เราจะต้องตอบโต้อย่างเป็นรูปธรรมในเรื่องนี้" . พวกเจ้าหน้าที่บอกว่า ความสัมพันธ์ทางทหารที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่างเกาหลีเหนือกับรัสเซีย อาจก่อภัยคุกคามสาหัสขึ้นแก่เกาหลีใต้ ในขณะที่พวกเขายกระดับความทันสมัยแก่กองกำลังตามแบบของตนเอง ที่เคยถูกมองว่าด้อยกว่าของโซล รวมถึงมีประสบการณ์ในการสู้รบในสมรภูมิจริงด้วย . ตามแนวชายแดนเกาหลีที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เกาหลีเหนือส่งทหารมากกว่า 10,000 นาย เข้าไปปรับเปลี่ยนพื้นที่หนึ่งเป็นที่ดินเปล่า จัดตั้งแนวรั้วและขึงลวดหนามในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จำนวนกำลังพลดังกล่าวลดลงสู่หลักหลายร้อยนายในช่วงสุดสัปดาห์ จากคำกล่าวอ้างของ JCS . JCS เผยแพร่ภาพถ่ายต่างๆ ที่เผยให้เห็นว่าทหารเกาหลีเหนือกลุ่มหนึ่งกำลังใช้แพะตัวหนึ่งทดสอบรั้วลวดหนามกระแสไฟฟ้า . นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่เกาหลีเหนือจะทดสอบขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกพิสัยปานกลางในช่วงสิ้นปี ก่อนหน้าที่ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปีหน้า ขณะเดียวกันก็อาจปล่อยบอลลูนขยะเข้าไปยังเกาหลีใต้เพิ่มเติม . เกาหลีเหนือปล่อยบอลลูนขยะหลายร้อยลูกเข้าไปยังเกาหลีใต้มาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคม อ้างว่าเพื่อเป็นการตอบโต้บอลลูนบรรทุกใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อที่พวกนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ปล่อยเข้าสู่ดินแดนของพวกเขา . "ภายใต้การสนับสนุนของรัสเซีย มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจดำเนินยุทธศาสตร์ยั่วยุต่างๆ ในปีหน้า อย่างเช่นยิงขีปนาวุธข้ามทวีปและทำการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อเสริมอำนาจของพวกเขาในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐฯ" เจ้าหน้าที่ระบุ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000123172 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1024 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ได้เริ่มกระบวนการสอบสวนประธานาธิบดีในข้อหากบฏแล้ว

    ยังมีรายงานอีกว่า ผู้บัญชาการกองทัพเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจโดยตรงตามกฎอัยการศึกที่ประกาศโดยประธานาธิบดี ได้ลาออกแล้วเช่นกัน

    นอกจากนี้ ส.ส. 191 คนจากทั้งหมด 300 คน ได้ลงนามเกี่ยวกับการถอดถอนประธานาธิบดีแล้ว การลงมติอาจเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม นี้
    สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเกาหลีใต้ได้เริ่มกระบวนการสอบสวนประธานาธิบดีในข้อหากบฏแล้ว ยังมีรายงานอีกว่า ผู้บัญชาการกองทัพเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจโดยตรงตามกฎอัยการศึกที่ประกาศโดยประธานาธิบดี ได้ลาออกแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ ส.ส. 191 คนจากทั้งหมด 300 คน ได้ลงนามเกี่ยวกับการถอดถอนประธานาธิบดีแล้ว การลงมติอาจเกิดขึ้นในวันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม นี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## ยุน ซ็อก-ย็อล ประกาศกฎอัยการศึก รัฐประหารตัวเอง รวบอำนาจเบ็ดเสร็จ ##
    ..
    ..
    สถานการณ์ใน กรุงโซล เกาหลีใต้ ตึงเครียดถึงขีดสุด หลังตำรวจปราบจลาจล ปิดกั้นสมาชิกรัฐสภาไม่ให้เข้าสู่อาคารรัฐสภา
    .
    เมื่อประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซ็อก-ย็อล ประกาศ "กฎอัยการศึกฉุกเฉิน" อย่างเป็นทางการ
    .
    โดยอ้างเหตุผลเพื่อ ปกป้องประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ และ เสรีนิยมของประเทศจาก "กองกำลังคอมมิวนิสต์" ของเกาหลีเหนือ
    .
    และ เพื่อกำจัดกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่กำลังเคลื่อนไหว...
    .
    โดยมี มติเด็ดขาด สื่อทุกสำนักต้องถูกควบคุมโดยรัฐบาล...!!!
    .
    ขณะที่รัฐสภาถูก "ล็อคดาวน์" สมาชิกรัฐสภาไม่สามารถเข้าไปได้ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงการปิดกั้นการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ
    .
    การประกาศดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่ลุกลามเป็นวิกฤติระดับชาติ ส่งผลให้การดำเนินงานของรัฐสภาต้องหยุดชะงัก
    .
    ขณะที่สมาชิกรัฐสภาหลายคนพยายามเข้าไปภายในอาคารเพื่อปฏิบัติหน้าที่ แต่ถูกสกัดกั้นโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล
    .
    ความตึงเครียดยิ่งทวีคูณเมื่อ กองทัพเกาหลีใต้ ส่งรถถังและยานเกราะเข้าประจำการในกรุงโซลเพื่อแสดงความพร้อมรับสถานการณ์หลังคำสั่งประกาศกฎอัยการศึกมีผลบังคับทันที
    .
    การตัดสินใจของประธานาธิบดี ยุน ซ็อก-ยอล ในการประกาศกฎอัยการศึก สร้างความกังวลต่อประชาชน และ นักการเมืองที่มองว่าอาจเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต
    .
    ขณะเดียวกัน ประชาคมระหว่างประเทศก็กำลังจับตามองสถานการณ์ใน เกาหลีใต้ อย่างใกล้ชิด...
    ...
    ...
    ยุน ซ็อก-ย็อล ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติในเวลา 23.00 น.
    .
    พูดถึงเรื่อง ความมั่นคงของชาติ และ ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ
    .
    ก่อนจะกล่าวโจมตีพรรคฝ่ายค้านอย่างหนัก...!!!
    .
    จนเห็นได้ชัดเจนว่า ความเคลื่อนไหวของเขา น่าจะมีแรงจูงใจมาจาก ความพ่ายแพ้ทางการเมือง หลายต่อหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ซึ่ง ฝ่ายค้าน เป็นผู้ครองเสียงข้างมากใน รัฐสภา...
    ## ยุน ซ็อก-ย็อล ประกาศกฎอัยการศึก รัฐประหารตัวเอง รวบอำนาจเบ็ดเสร็จ ## .. .. สถานการณ์ใน กรุงโซล เกาหลีใต้ ตึงเครียดถึงขีดสุด หลังตำรวจปราบจลาจล ปิดกั้นสมาชิกรัฐสภาไม่ให้เข้าสู่อาคารรัฐสภา . เมื่อประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซ็อก-ย็อล ประกาศ "กฎอัยการศึกฉุกเฉิน" อย่างเป็นทางการ . โดยอ้างเหตุผลเพื่อ ปกป้องประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ และ เสรีนิยมของประเทศจาก "กองกำลังคอมมิวนิสต์" ของเกาหลีเหนือ . และ เพื่อกำจัดกลุ่มต่อต้านรัฐบาลที่กำลังเคลื่อนไหว... . โดยมี มติเด็ดขาด สื่อทุกสำนักต้องถูกควบคุมโดยรัฐบาล...!!! . ขณะที่รัฐสภาถูก "ล็อคดาวน์" สมาชิกรัฐสภาไม่สามารถเข้าไปได้ ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงการปิดกั้นการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติ . การประกาศดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมืองที่ลุกลามเป็นวิกฤติระดับชาติ ส่งผลให้การดำเนินงานของรัฐสภาต้องหยุดชะงัก . ขณะที่สมาชิกรัฐสภาหลายคนพยายามเข้าไปภายในอาคารเพื่อปฏิบัติหน้าที่ แต่ถูกสกัดกั้นโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจปราบจลาจล . ความตึงเครียดยิ่งทวีคูณเมื่อ กองทัพเกาหลีใต้ ส่งรถถังและยานเกราะเข้าประจำการในกรุงโซลเพื่อแสดงความพร้อมรับสถานการณ์หลังคำสั่งประกาศกฎอัยการศึกมีผลบังคับทันที . การตัดสินใจของประธานาธิบดี ยุน ซ็อก-ยอล ในการประกาศกฎอัยการศึก สร้างความกังวลต่อประชาชน และ นักการเมืองที่มองว่าอาจเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขต . ขณะเดียวกัน ประชาคมระหว่างประเทศก็กำลังจับตามองสถานการณ์ใน เกาหลีใต้ อย่างใกล้ชิด... ... ... ยุน ซ็อก-ย็อล ประกาศผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติในเวลา 23.00 น. . พูดถึงเรื่อง ความมั่นคงของชาติ และ ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ . ก่อนจะกล่าวโจมตีพรรคฝ่ายค้านอย่างหนัก...!!! . จนเห็นได้ชัดเจนว่า ความเคลื่อนไหวของเขา น่าจะมีแรงจูงใจมาจาก ความพ่ายแพ้ทางการเมือง หลายต่อหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ซึ่ง ฝ่ายค้าน เป็นผู้ครองเสียงข้างมากใน รัฐสภา...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่ากฎอัยการศึกจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป แม้ว่ารัฐสภาจะลงมติไม่เห็นชอบก็ตาม
    กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่ากฎอัยการศึกจะยังคงมีผลบังคับใช้ต่อไป แม้ว่ารัฐสภาจะลงมติไม่เห็นชอบก็ตาม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • พบเห็นระบบปืนต่อสู้อากาศยานล้อยาง KW2 ขนาด 30 มม. และรถลำเลียงพลหุ้มเกราะ K808 “White Tiger” ของกองทัพเกาหลีใต้ ลาดตระเวนบนถนนในกรุงโซล

    นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารของเกาหลีใต้ประกาศระงับการดำเนินกิจกรรมของรัฐสภาและกิจกรรมของพรรคการเมืองทั้งหมด

    และยังประกาศใช้มาตรการควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด ส่งผลทำให้เกิดการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางทันที

    บางรายงานของสื่อระบุว่า กฎอัยการศึกถูกประกาศใช้เพื่อตอบโต้ความพยายามในการดำเนินกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี ซึ่งเป็นสัญญาณว่าวิกฤตทางการเมืองในประเทศกำลังทวีความรุนแรงขึ้น
    พบเห็นระบบปืนต่อสู้อากาศยานล้อยาง KW2 ขนาด 30 มม. และรถลำเลียงพลหุ้มเกราะ K808 “White Tiger” ของกองทัพเกาหลีใต้ ลาดตระเวนบนถนนในกรุงโซล นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารของเกาหลีใต้ประกาศระงับการดำเนินกิจกรรมของรัฐสภาและกิจกรรมของพรรคการเมืองทั้งหมด และยังประกาศใช้มาตรการควบคุมสื่ออย่างเข้มงวด ส่งผลทำให้เกิดการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลางทันที บางรายงานของสื่อระบุว่า กฎอัยการศึกถูกประกาศใช้เพื่อตอบโต้ความพยายามในการดำเนินกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี ซึ่งเป็นสัญญาณว่าวิกฤตทางการเมืองในประเทศกำลังทวีความรุนแรงขึ้น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยว่าจะทำการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯและญี่ปุ่น เป็นเวลา 3 วัน ซึ่งจะร่วมด้วย ฝูงบินขับไล่และเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล รวมไปถึงเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ "ยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน"
    .
    การซ้อมรบร่วมครั้งนี้ที่มีชื่อว่า "ฟรีดอม เอดจ์" คือการตอบโต้ในสิ่งที่ทางกองทัพเกาหลีใต้ ระบุว่าภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ได้ทำการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ที่เรียกเสียงประณามจากทั้งโซล วอชิงตันและโตเกียว
    .
    นอกจากนี้แล้วมันยังมีขึ้นในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวอ้างว่าทหารเกาหลีเหนือเริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิบัติการสู้รบของรัสเซีย ที่กำลังทำศึกสงครามกับยูเครน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    .
    ถ้อยแถลงของเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ระบุว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะรวมถึงฝูงบินขับไล่และอากาศยานลาดตระเวนทางทะเลของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เช่นเดียวกับเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน ของสหรัฐฯ
    .
    ทั้งนี้การซ้อมรบไตรภาคีดังกล่าว ถือเป็นหนที่ 2 ในรอบปีนี้ ตามหลังรอบแรกที่จัดขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางปี หลังจากผู้นำทั้ง 3 ชาติ เห็นพ้องกันระหว่างการประชุมซัมมิตหนึ่งเมื่อปี 2023 เกี่ยวกับการจัดซ้อมรบไตรภาคีเป็นประจำทุกปี
    .
    ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือประณามการซ้อมรบรวมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯมาช้านาน โดยเรียกมันว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการรุกราน
    .
    เสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ระบุในถ้อยแถลงด้วยว่า การซ้อมรบไตรภาคีครั้งนี้ จะร่วมไปถึงการฝึกฝนป้องกันขีปนาวุธทางทะเล และการป้องกันทางไซเบอร์
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร(12พ.ย.) กองทัพอากาศสหรัฐฯแถลงว่า พวกเขาจะทำการปลดประจำการเครื่องบิน A-10 ธันเดอร์โบลต์ 2 ในภูมิภาคสำคัญๆ ในนั้นรวมถึงในเกาหลีใต้ ในปีงบประมาณ 2025 ส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ปรับปรุงให้มีความทันสมัย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109497
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยว่าจะทำการซ้อมรบร่วมกับสหรัฐฯและญี่ปุ่น เป็นเวลา 3 วัน ซึ่งจะร่วมด้วย ฝูงบินขับไล่และเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล รวมไปถึงเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ "ยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน" . การซ้อมรบร่วมครั้งนี้ที่มีชื่อว่า "ฟรีดอม เอดจ์" คือการตอบโต้ในสิ่งที่ทางกองทัพเกาหลีใต้ ระบุว่าภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ได้ทำการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ที่เรียกเสียงประณามจากทั้งโซล วอชิงตันและโตเกียว . นอกจากนี้แล้วมันยังมีขึ้นในขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวอ้างว่าทหารเกาหลีเหนือเริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิบัติการสู้รบของรัสเซีย ที่กำลังทำศึกสงครามกับยูเครน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว . ถ้อยแถลงของเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ระบุว่าการซ้อมรบครั้งนี้จะรวมถึงฝูงบินขับไล่และอากาศยานลาดตระเวนทางทะเลของเกาหลีใต้และญี่ปุ่น เช่นเดียวกับเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส จอร์จ วอชิงตัน ของสหรัฐฯ . ทั้งนี้การซ้อมรบไตรภาคีดังกล่าว ถือเป็นหนที่ 2 ในรอบปีนี้ ตามหลังรอบแรกที่จัดขึ้นก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางปี หลังจากผู้นำทั้ง 3 ชาติ เห็นพ้องกันระหว่างการประชุมซัมมิตหนึ่งเมื่อปี 2023 เกี่ยวกับการจัดซ้อมรบไตรภาคีเป็นประจำทุกปี . ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือประณามการซ้อมรบรวมระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯมาช้านาน โดยเรียกมันว่าเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการรุกราน . เสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ระบุในถ้อยแถลงด้วยว่า การซ้อมรบไตรภาคีครั้งนี้ จะร่วมไปถึงการฝึกฝนป้องกันขีปนาวุธทางทะเล และการป้องกันทางไซเบอร์ . ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร(12พ.ย.) กองทัพอากาศสหรัฐฯแถลงว่า พวกเขาจะทำการปลดประจำการเครื่องบิน A-10 ธันเดอร์โบลต์ 2 ในภูมิภาคสำคัญๆ ในนั้นรวมถึงในเกาหลีใต้ ในปีงบประมาณ 2025 ส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์ปรับปรุงให้มีความทันสมัย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000109497 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1311 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ทำการซ้อมรบร่วมทางอากาศ เกี่ยวข้องกับเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักลำหนึ่ง จากการเปิดเผยของกองทัพโซล ความเคลื่อนไหวตอบโต้เกาหลีเหนือ ที่เพิ่งทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลหนล่าสุดไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    การซ้อมรบมีขึ้น 3 วันหลังจากเปียงยาง ทำการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เชื้อเพลิงแข็งล้ำสมัย หนึ่งในขีปนาวุธที่ทรงแสนยานุภาพที่สุดของพวกเขา ที่พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอาจสามารถพุ่งไปถึงเป้าหมายต่างๆ ที่อยู่ในผืนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เลยทีเดียว
    .
    กองทัพโซลเปิดเผยว่า การซ้อมรบครั้งนี้เป็นการระดมพลเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B ของสหรัฐฯ ฝูงบิน F-15K และ KF-16 ของเกาหลีใต้ รวมไปถึงฝูงบิน F-2 ของญี่ปุ่น
    .
    ในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ผยแพร่โดยเสนาธิการทหารร่วมแห่งกองทัพเกาหลีใต้ ระบุว่า "การซ้อมรบครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาแห่งความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ในการบูรณาการการป้องปรามอย่างครอบคลุม ตอบโต้ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากเกาหลีเหนือ"
    .
    ระหว่างการซ้อมรบทางอากาศ ฝูงบินของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้เข้าอารักขาเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ไปยังจุดแห่งหนึ่งที่กำหนดไว้บริเวณทางใต้คาบสมุทรเกาหลี "เพื่อแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพอย่างท่วมท้นในการโจมตีเป้าหมายจำลองอย่างรวดเร็วและแม่นยำ" ถ้อยแถลงระบุ
    .
    B-1B แลนเซอร์ เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักซูเปอร์โซนิก ที่รู้จักกันดีในด้านมีสมรรถนะความเร็วสูงและสามารถบรรทุกกระสุนหนักถึง 34,000 กิโลกรัม ในนั้นรวมถึงอาวุธทั่วไปและอาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูง
    .
    มันเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ถูกส่งเข้าไปประจำการในคาบสมุทรเกาหลี จากการเปิดผยของกองทัพเกาหลีใต้ แต่เป็นครั้งที่ 2 ที่มีการซ้อมรบทางอากาศร่วมไตรภาคี ตอบโต้ภัยคุกคามทางทหารจากเปียงยาง
    .
    ว่ากันว่าการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปหนล่าสุดของเกาหลีเหนือ พุ่งสูงกว่าเดิมและพุ่งไปไกลกว่าขีปนาวุธลูกก่อนๆ จากคำกล่าวอ้างของเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับกองทัพเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งติดตามการยิงทดสอบแบบเรียลไทม์
    .
    สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ สื่อแห่งรัฐเกาหลีเหนือ ยกย่องขีปนาวุธนี้ว่าเป็นขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และ คิม จองอีน ผู้นำเกาหลีเหนือ แสดงความพึงพอใจเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จในการยิงทดสอบดังกล่าว "เกาหลีเหนือจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเส้นทางการยกระดับขุมกำลังทางนิวเคลียร์ของตนเอง" สื่อมวลชนแห่งนี้ระบุ
    .
    ปฏิบัติการทดสอบดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นานาชาติกำลังจับตาอย่างเข้มข้น ต่อคำกล่าวหาที่ว่าเปียงยางส่งทหารหลายพันนายเข้าประจำการในรัสเซีย เพื่อสนับสนุนมอสโกในการทำสงครามในยูเครน โหมกระพือความกังวลว่าทหารเกาหลีเหนือในชุดเครื่องแบบรัสเซียอาจเข้าร่วมในการสู้รบในเร็ววัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105982
    ..............
    Sondhi X
    เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ทำการซ้อมรบร่วมทางอากาศ เกี่ยวข้องกับเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักลำหนึ่ง จากการเปิดเผยของกองทัพโซล ความเคลื่อนไหวตอบโต้เกาหลีเหนือ ที่เพิ่งทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลหนล่าสุดไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . การซ้อมรบมีขึ้น 3 วันหลังจากเปียงยาง ทำการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) เชื้อเพลิงแข็งล้ำสมัย หนึ่งในขีปนาวุธที่ทรงแสนยานุภาพที่สุดของพวกเขา ที่พวกผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าอาจสามารถพุ่งไปถึงเป้าหมายต่างๆ ที่อยู่ในผืนแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐฯ ได้เลยทีเดียว . กองทัพโซลเปิดเผยว่า การซ้อมรบครั้งนี้เป็นการระดมพลเครื่องบินทิ้งระเบิด B-1B ของสหรัฐฯ ฝูงบิน F-15K และ KF-16 ของเกาหลีใต้ รวมไปถึงฝูงบิน F-2 ของญี่ปุ่น . ในข่าวประชาสัมพันธ์ที่ผยแพร่โดยเสนาธิการทหารร่วมแห่งกองทัพเกาหลีใต้ ระบุว่า "การซ้อมรบครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาแห่งความเป็นพันธมิตรระหว่างเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ในการบูรณาการการป้องปรามอย่างครอบคลุม ตอบโต้ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธที่มากขึ้นเรื่อยๆ จากเกาหลีเหนือ" . ระหว่างการซ้อมรบทางอากาศ ฝูงบินของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้เข้าอารักขาเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ไปยังจุดแห่งหนึ่งที่กำหนดไว้บริเวณทางใต้คาบสมุทรเกาหลี "เพื่อแสดงให้เห็นถึงแสนยานุภาพอย่างท่วมท้นในการโจมตีเป้าหมายจำลองอย่างรวดเร็วและแม่นยำ" ถ้อยแถลงระบุ . B-1B แลนเซอร์ เป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดหนักซูเปอร์โซนิก ที่รู้จักกันดีในด้านมีสมรรถนะความเร็วสูงและสามารถบรรทุกกระสุนหนักถึง 34,000 กิโลกรัม ในนั้นรวมถึงอาวุธทั่วไปและอาวุธนำวิถีที่มีความแม่นยำสูง . มันเป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เครื่องบินทิ้งระเบิดของสหรัฐฯ ถูกส่งเข้าไปประจำการในคาบสมุทรเกาหลี จากการเปิดผยของกองทัพเกาหลีใต้ แต่เป็นครั้งที่ 2 ที่มีการซ้อมรบทางอากาศร่วมไตรภาคี ตอบโต้ภัยคุกคามทางทหารจากเปียงยาง . ว่ากันว่าการยิงขีปนาวุธข้ามทวีปหนล่าสุดของเกาหลีเหนือ พุ่งสูงกว่าเดิมและพุ่งไปไกลกว่าขีปนาวุธลูกก่อนๆ จากคำกล่าวอ้างของเกาหลีเหนือ เช่นเดียวกับกองทัพเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งติดตามการยิงทดสอบแบบเรียลไทม์ . สำนักข่าวเคซีเอ็นเอ สื่อแห่งรัฐเกาหลีเหนือ ยกย่องขีปนาวุธนี้ว่าเป็นขีปนาวุธทางยุทธศาสตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก และ คิม จองอีน ผู้นำเกาหลีเหนือ แสดงความพึงพอใจเป็นอย่างมากต่อความสำเร็จในการยิงทดสอบดังกล่าว "เกาหลีเหนือจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเส้นทางการยกระดับขุมกำลังทางนิวเคลียร์ของตนเอง" สื่อมวลชนแห่งนี้ระบุ . ปฏิบัติการทดสอบดังกล่าวมีขึ้นในขณะที่นานาชาติกำลังจับตาอย่างเข้มข้น ต่อคำกล่าวหาที่ว่าเปียงยางส่งทหารหลายพันนายเข้าประจำการในรัสเซีย เพื่อสนับสนุนมอสโกในการทำสงครามในยูเครน โหมกระพือความกังวลว่าทหารเกาหลีเหนือในชุดเครื่องแบบรัสเซียอาจเข้าร่วมในการสู้รบในเร็ววัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000105982 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1222 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯมีความกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่าทหารเกาหลีเหนือกำลังสู้รบเคียงข้างรัสเซียในยูเครน จากความเห็นของโฆษกทำเนียบขาวรายหนึ่งในวันอังคาร(15ต.ค.) ขณะเดียวกันสื่อมวลชนแห่งรัฐของเปียงยาง คุยโวว่ามีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1.4 ล้านคนที่เข้าร่วมหรือกลับสู่กองทัพในสัปดาห์นี้ พร้อมความมุ่งมั่นทำลายอริศัตรู

    ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในสัปดาห์นี้ กล่าวหาเกาหลีเหนือ โอนถ่ายบุคลากรไปยังกองทัพรัสเซีย อ้างบรรดาหน่วยข่าวกรองบรรยายสรุปกับเขา เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องที่แท้จริงของเกาหลีเหนือในสงครามในยูเครน

    เครมลิน ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยบอกว่ามันเป็น "ข่าวปลอม"

    ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า ความเกี่ยวข้องของทหารเกาหลีเหนือในยูเครน ถ้าเป็นจริง มันจะบ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือและรัสเซียได้ยกระดับความสัมพันธ์ทางกลาโหมขึ้นอย่างมาก"

    "และความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะบ่งชี้เช่นกันถึงระดับความสิ้นหวังครั้งใหม่ของรัสเซีย ในขณะที่พวกเขาเผชิญกับความสูญเสียอย่างมากอย่างต่อเนื่อง ในสมรภูมิรบในสงครามป่าเถื่อนของพวกเขากับยูเครน" โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ

    วอชิงตันเคยกล่าวอ้างว่าเกาหลีเหนือจัดหาขีปนาวุธและกระสุนแก่รัสเซีย กระตุ้นให้ทางมอสโกและเปียงยางออกมาปฏิเสธ แต่ทั้ง 2 ชาติประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทางทหาร ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดการซ้อมรบร่วม

    ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ สื่อมวลชนแห่งรัฐของเกาหลีเหนือรายงานในวันพุธ(16ต.ค.) ว่ามีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1.4 ล้านคน ในนั้นรวมถึงพวกนักศึกษาและเจ้าหน้าที่จากองค์กรเยาวชน ที่เข้าร่วมหรือกลับสู่กองทัพในสัปดาห์นี้

    เคซีเอ็นเอรายงานว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้มีความมุ่งมั่นในการ "ทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ ทำลายล้างศัตรูด้วยอาวุธแห่งการปฏิวัติ"

    รอยเตอร์ระบุว่า เกาหลีเหนือมักกล่าวอ้างมีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1 ล้านคน เข้าร่วมในกองทัพสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ราวๆ 1 หรือ 2 วัน ในแทบทุกๆครั้งที่ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีพุ่งสูง

    เมื่อปีที่แล้ว สื่อมวลชนเกาหลีเหนือรายงานคำกล่าวอ้างแบบเดียวกัน ว่ามีพลเมืองเข้าร่วมกองทัพ เพื่อสู้รบกับสหรัฐฯ

    เกาหลีเหนือได้ระเบิดทำลายถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อสองเกาหลีในฝั่งของตนเอง ตามแนวชายแดนที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่นระหว่าง 2 ชาติเกาหลีในวันอังคาร(15ต.ค.) กระตุ้นให้กองทัพเกาหลีใต้ต้องทำการยิงเตือน

    กองทัพประชาชนเกาหลีเหนือแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ามาตรการนี้จะช่วยแยกดินแดนเกาหลีเหนือจากเกาหลีใต้โดยสิ้นเชิง

    ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นจากความเดือดดาล โดยเกาหลีเหนือกล่าวหาเกาหลีใต้ ส่งโดรนบินเข้าไปมายังกรุงเปียงบาง ขณะที่ 2 ชาติเกาหลี มีปัญหากระทบกระทั่งกันเกี่ยวกับการปล่อยบอลลูนขยะของเกาหลีเหนือมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เปียงยางบอกว่าปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการตอบโต้บอลลูนแพร่กระจายใบปลิวต่อต้านระบอบคิม จองอึน ที่ปล่อยออกมาโดยเกาหลีใต้

    "ถ้าสงครามปะทุขึ้น เกาหลีใต้จะถูกกำจัดออกจากแผนที่ ถ้าพวกเขาต้องการสงคราม เราจะทำให้ความมีอยู่ของพวกเขาถึงจุดจบ" เคซีเอ็นเอรายงาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099601
    ..............
    Sondhi X
    สหรัฐฯมีความกังวลต่อรายงานข่าวที่ว่าทหารเกาหลีเหนือกำลังสู้รบเคียงข้างรัสเซียในยูเครน จากความเห็นของโฆษกทำเนียบขาวรายหนึ่งในวันอังคาร(15ต.ค.) ขณะเดียวกันสื่อมวลชนแห่งรัฐของเปียงยาง คุยโวว่ามีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1.4 ล้านคนที่เข้าร่วมหรือกลับสู่กองทัพในสัปดาห์นี้ พร้อมความมุ่งมั่นทำลายอริศัตรู ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ในสัปดาห์นี้ กล่าวหาเกาหลีเหนือ โอนถ่ายบุคลากรไปยังกองทัพรัสเซีย อ้างบรรดาหน่วยข่าวกรองบรรยายสรุปกับเขา เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องที่แท้จริงของเกาหลีเหนือในสงครามในยูเครน เครมลิน ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว โดยบอกว่ามันเป็น "ข่าวปลอม" ฌอน ซาเวตต์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลงว่า ความเกี่ยวข้องของทหารเกาหลีเหนือในยูเครน ถ้าเป็นจริง มันจะบ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือและรัสเซียได้ยกระดับความสัมพันธ์ทางกลาโหมขึ้นอย่างมาก" "และความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะบ่งชี้เช่นกันถึงระดับความสิ้นหวังครั้งใหม่ของรัสเซีย ในขณะที่พวกเขาเผชิญกับความสูญเสียอย่างมากอย่างต่อเนื่อง ในสมรภูมิรบในสงครามป่าเถื่อนของพวกเขากับยูเครน" โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ วอชิงตันเคยกล่าวอ้างว่าเกาหลีเหนือจัดหาขีปนาวุธและกระสุนแก่รัสเซีย กระตุ้นให้ทางมอสโกและเปียงยางออกมาปฏิเสธ แต่ทั้ง 2 ชาติประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทางทหาร ในนั้นรวมถึงความเป็นไปได้ที่จะจัดการซ้อมรบร่วม ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดที่ร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ สื่อมวลชนแห่งรัฐของเกาหลีเหนือรายงานในวันพุธ(16ต.ค.) ว่ามีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1.4 ล้านคน ในนั้นรวมถึงพวกนักศึกษาและเจ้าหน้าที่จากองค์กรเยาวชน ที่เข้าร่วมหรือกลับสู่กองทัพในสัปดาห์นี้ เคซีเอ็นเอรายงานว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้มีความมุ่งมั่นในการ "ทำสงครามศักดิ์สิทธิ์ ทำลายล้างศัตรูด้วยอาวุธแห่งการปฏิวัติ" รอยเตอร์ระบุว่า เกาหลีเหนือมักกล่าวอ้างมีคนหนุ่มสาวมากกว่า 1 ล้านคน เข้าร่วมในกองทัพสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี ราวๆ 1 หรือ 2 วัน ในแทบทุกๆครั้งที่ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีพุ่งสูง เมื่อปีที่แล้ว สื่อมวลชนเกาหลีเหนือรายงานคำกล่าวอ้างแบบเดียวกัน ว่ามีพลเมืองเข้าร่วมกองทัพ เพื่อสู้รบกับสหรัฐฯ เกาหลีเหนือได้ระเบิดทำลายถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อสองเกาหลีในฝั่งของตนเอง ตามแนวชายแดนที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่นระหว่าง 2 ชาติเกาหลีในวันอังคาร(15ต.ค.) กระตุ้นให้กองทัพเกาหลีใต้ต้องทำการยิงเตือน กองทัพประชาชนเกาหลีเหนือแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ามาตรการนี้จะช่วยแยกดินแดนเกาหลีเหนือจากเกาหลีใต้โดยสิ้นเชิง ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นจากความเดือดดาล โดยเกาหลีเหนือกล่าวหาเกาหลีใต้ ส่งโดรนบินเข้าไปมายังกรุงเปียงบาง ขณะที่ 2 ชาติเกาหลี มีปัญหากระทบกระทั่งกันเกี่ยวกับการปล่อยบอลลูนขยะของเกาหลีเหนือมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม เปียงยางบอกว่าปฏิบัติการดังกล่าวเป็นการตอบโต้บอลลูนแพร่กระจายใบปลิวต่อต้านระบอบคิม จองอึน ที่ปล่อยออกมาโดยเกาหลีใต้ "ถ้าสงครามปะทุขึ้น เกาหลีใต้จะถูกกำจัดออกจากแผนที่ ถ้าพวกเขาต้องการสงคราม เราจะทำให้ความมีอยู่ของพวกเขาถึงจุดจบ" เคซีเอ็นเอรายงาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099601 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1337 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปียงยางระเบิดถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อสองเกาหลีในฝั่งของตน ขณะที่คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำคิม ยันมีหลักฐานชัดเจนว่า กองทัพเกาหลีใต้อยู่เบื้องหลังการส่งโดรนรุกล้ำไปถึงเมืองหลวงเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมประกาศว่าผู้ยั่วยุจะต้องจ่ายราคาแพงมาก ด้านจีนเรียกร้องทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการทำให้ความขัดแย้งลุกลาม
    .
    คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (เจซีเอส) แถลงในวันอังคาร (15 ต.ค.) ว่า เกาหลีเหนือระเบิดทำลายถนนและทางรถไฟบางส่วนที่เชื่อมต่อกับเกาหลีใต้เมื่อราวเที่ยงวันเดียวกัน และกองทัพเกาหลีใต้ได้ยิงเตือนจากบริเวณเส้นแบ่งเขตแดนทางทหารในฝั่งของตนเพื่อเป็นการตอบโต้ แม้การระเบิดดังกล่าวไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายในฝั่งโสมขาวก็ตาม
    .
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางประกาศจะตัดขาดถนนและทางรถไฟทุกสายที่เชื่อมต่อระหว่างสองเกาหลี และสร้างกำแพงตลอดแนวพรมแดน จากนั้นเกาหลีใต้เตือนเมื่อวันจันทร์ (14) ว่า เกาหลีเหนือพร้อมระเบิดถนนและทางรถไฟแล้ว
    .
    เจซีเอสเสริมว่า เกาหลีเหนือยังฝังทุ่นระเบิดและสร้างแนวเครื่องกีดขวางรถถังตลอดชายแดน และจากการสังเกตการณ์เมื่อวันจันทร์พบว่า เปียงยางติดตั้งอุปกรณ์หนักเพิ่มเติมที่แนวป้องกันดังกล่าว ขณะที่เกาหลีใต้ก็ได้ยกระดับการเฝ้าระวังและการเตรียมพร้อมสำหรับรับมือกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของเปียงยางแล้ว
    .
    เวลาเดียวกัน กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ได้แถลงประณามการกระทำล่าสุดของเปียงยางว่า เป็นการยั่วยุที่ผิดปกติมาก และสำทับว่า เกาหลีใต้หมดเงินหลายล้านดอลลาร์กับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ และทางเกาหลีเหนือยังคงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ในส่วนของพวกเขาเอง
    .
    ปัจจุบันทั้งเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ในทางเทคนิคแล้วยังคงถือว่าอยู่ในภาวะทำสงครามกัน เนื่องจากสงครามเกาหลีในช่วงระหว่างปี 1950-1953 สิ้นสุดลงด้วยการทำข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ
    .
    เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางกล่าวหาโซลส่งโดรนไปปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านตนถึงในกรุงเปียงยางมาแล้วหลายครั้ง และผู้นำคิม จองอึน เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงเพื่อบัญชาการแผนการทางทหารเพื่อตอบโต้
    .
    ทางด้านกองทัพเกาหลีใต้นั้นแรกเริ่มได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ต่อมาก็งดแสดงความคิดเห็น แม้กระทั่งเมื่อเปียงยางเตือนสำทับว่า หากยังพบโดรนรุกล้ำเข้าไปอีก จะถือเป็นการประกาศสงคราม
    .
    ในวันอังคาร (15) คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำคิม ยังได้ออกคำแถลงระบุว่า มีหลักฐานชัดเจนว่ากองทัพเกาหลีใต้คืออยู่เบื้องหลังการส่งโดรนรุกล้ำไปถึงเปียงยาง พร้อมกับบอกว่าผู้ยั่วยุจะต้องจ่ายราคาแพงมาก
    .
    ที่ผ่านมา กลุ่มนักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้มักส่งบอลลูนไปปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือและเนื้อหาอื่นๆ รวมถึงอุปกรณ์ยูเอสบีที่บรรจุเพลงเค-ป็อป และซีรีส์เกาหลีเข้าไปในแดนโสมแดง อย่างไรก็ดี เป็นที่รับรู้ว่า มีนักเคลื่อนไหวหัวรุนแรงบางคนเคยส่งโดรนขนาดเล็กที่ทำจากเอ็กซ์แพนด์โพลีโพรพีลีน ซึ่งทำให้ตรวจจับได้ยาก เข้าไปในเกาหลีเหนือเช่นกัน
    .
    สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางรายงานว่า ในการประชุมฝ่ายความมั่นคงเมื่อวันจันทร์ มีการรายงานเกี่ยวกับการยั่วยุอันตรายของศัตรู และผู้นำคิมแสดงจุดยืนทางการเมืองและการทหารอย่างแข็งกร้าว
    .
    เกาหลีเหนือยังระบุว่า อเมริกาที่เป็นพันธมิตรทางการทหารกับเกาหลีใต้ ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
    .
    เปียงยางเองเคยส่งโดรน 5 ลำเข้าไปในเกาหลีใต้ในปี 2022 ทำให้กองทัพเกาหลีใต้ยิงเตือนและส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นไปสกัด แต่ไม่สามารถยิงโดรนเหล่านั้นได้
    .
    กระทั่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โซลประกาศว่า ภายในปีนี้จะใช้ระบบเลเซอร์ทำลายโดรน ซึ่งมีชื่อว่า “โครงการสตาร์วอร์” ยิงลำแสงที่มองไม่เห็นและไม่มีเสียง โจมตีโดรนให้ระเบิด โดยใช้ต้นทุนต่ำมากเพียง 1.45 ดอลลาร์ต่อการใช้งานหนึ่งครั้ง และสำทับว่า ด้วยระบบเช่นนี้ ศักยภาพของโซลในการตอบโต้การยั่วยุจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
    .
    ทางด้าน ชอง ซองชาง จากสถาบันเซจอง ในเกาหลีใต้ ชี้ว่า ภายหลังการประชุมของผู้นำคิม ความสนใจได้โฟกัสไปยังเรื่องที่ว่า เกาหลีเหนือจะตอบโต้ด้วยการส่งโดรนเข้าไปในเกาหลีใต้ หรือใช้มาตรการแข็งกร้าวหากโดรนจากเกาหลีใต้ยังรุกล้ำเข้าไปอีก
    .
    ส่วนที่ปักกิ่ง เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างแถลงข่าวประจำวันตามปกติในวันอังคารว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีไม่ได้เป็นประโยชน์กับฝ่ายใด สิ่งสำคัญที่สุดคือหลีกเลี่ยงการทำให้ความขัดแย้งลุกลาม และย้ำว่า จุดยืนของจีนคือการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคดังกล่าว รวมทั้งส่งเสริมการแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางการเมือง และหวังว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้เช่นเดียวกัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099598
    ..............
    Sondhi X
    เปียงยางระเบิดถนนและทางรถไฟเชื่อมต่อสองเกาหลีในฝั่งของตน ขณะที่คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำคิม ยันมีหลักฐานชัดเจนว่า กองทัพเกาหลีใต้อยู่เบื้องหลังการส่งโดรนรุกล้ำไปถึงเมืองหลวงเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมประกาศว่าผู้ยั่วยุจะต้องจ่ายราคาแพงมาก ด้านจีนเรียกร้องทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการทำให้ความขัดแย้งลุกลาม . คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ (เจซีเอส) แถลงในวันอังคาร (15 ต.ค.) ว่า เกาหลีเหนือระเบิดทำลายถนนและทางรถไฟบางส่วนที่เชื่อมต่อกับเกาหลีใต้เมื่อราวเที่ยงวันเดียวกัน และกองทัพเกาหลีใต้ได้ยิงเตือนจากบริเวณเส้นแบ่งเขตแดนทางทหารในฝั่งของตนเพื่อเป็นการตอบโต้ แม้การระเบิดดังกล่าวไม่ได้ทำให้เกิดความเสียหายในฝั่งโสมขาวก็ตาม . เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางประกาศจะตัดขาดถนนและทางรถไฟทุกสายที่เชื่อมต่อระหว่างสองเกาหลี และสร้างกำแพงตลอดแนวพรมแดน จากนั้นเกาหลีใต้เตือนเมื่อวันจันทร์ (14) ว่า เกาหลีเหนือพร้อมระเบิดถนนและทางรถไฟแล้ว . เจซีเอสเสริมว่า เกาหลีเหนือยังฝังทุ่นระเบิดและสร้างแนวเครื่องกีดขวางรถถังตลอดชายแดน และจากการสังเกตการณ์เมื่อวันจันทร์พบว่า เปียงยางติดตั้งอุปกรณ์หนักเพิ่มเติมที่แนวป้องกันดังกล่าว ขณะที่เกาหลีใต้ก็ได้ยกระดับการเฝ้าระวังและการเตรียมพร้อมสำหรับรับมือกับความเคลื่อนไหวล่าสุดของเปียงยางแล้ว . เวลาเดียวกัน กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ได้แถลงประณามการกระทำล่าสุดของเปียงยางว่า เป็นการยั่วยุที่ผิดปกติมาก และสำทับว่า เกาหลีใต้หมดเงินหลายล้านดอลลาร์กับการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้ และทางเกาหลีเหนือยังคงต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ในส่วนของพวกเขาเอง . ปัจจุบันทั้งเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ในทางเทคนิคแล้วยังคงถือว่าอยู่ในภาวะทำสงครามกัน เนื่องจากสงครามเกาหลีในช่วงระหว่างปี 1950-1953 สิ้นสุดลงด้วยการทำข้อตกลงหยุดยิง แต่ยังไม่มีการทำสนธิสัญญาสันติภาพ . เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเปียงยางกล่าวหาโซลส่งโดรนไปปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านตนถึงในกรุงเปียงยางมาแล้วหลายครั้ง และผู้นำคิม จองอึน เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงเพื่อบัญชาการแผนการทางทหารเพื่อตอบโต้ . ทางด้านกองทัพเกาหลีใต้นั้นแรกเริ่มได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่ต่อมาก็งดแสดงความคิดเห็น แม้กระทั่งเมื่อเปียงยางเตือนสำทับว่า หากยังพบโดรนรุกล้ำเข้าไปอีก จะถือเป็นการประกาศสงคราม . ในวันอังคาร (15) คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของผู้นำคิม ยังได้ออกคำแถลงระบุว่า มีหลักฐานชัดเจนว่ากองทัพเกาหลีใต้คืออยู่เบื้องหลังการส่งโดรนรุกล้ำไปถึงเปียงยาง พร้อมกับบอกว่าผู้ยั่วยุจะต้องจ่ายราคาแพงมาก . ที่ผ่านมา กลุ่มนักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้มักส่งบอลลูนไปปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือและเนื้อหาอื่นๆ รวมถึงอุปกรณ์ยูเอสบีที่บรรจุเพลงเค-ป็อป และซีรีส์เกาหลีเข้าไปในแดนโสมแดง อย่างไรก็ดี เป็นที่รับรู้ว่า มีนักเคลื่อนไหวหัวรุนแรงบางคนเคยส่งโดรนขนาดเล็กที่ทำจากเอ็กซ์แพนด์โพลีโพรพีลีน ซึ่งทำให้ตรวจจับได้ยาก เข้าไปในเกาหลีเหนือเช่นกัน . สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเปียงยางรายงานว่า ในการประชุมฝ่ายความมั่นคงเมื่อวันจันทร์ มีการรายงานเกี่ยวกับการยั่วยุอันตรายของศัตรู และผู้นำคิมแสดงจุดยืนทางการเมืองและการทหารอย่างแข็งกร้าว . เกาหลีเหนือยังระบุว่า อเมริกาที่เป็นพันธมิตรทางการทหารกับเกาหลีใต้ ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย . เปียงยางเองเคยส่งโดรน 5 ลำเข้าไปในเกาหลีใต้ในปี 2022 ทำให้กองทัพเกาหลีใต้ยิงเตือนและส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นไปสกัด แต่ไม่สามารถยิงโดรนเหล่านั้นได้ . กระทั่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โซลประกาศว่า ภายในปีนี้จะใช้ระบบเลเซอร์ทำลายโดรน ซึ่งมีชื่อว่า “โครงการสตาร์วอร์” ยิงลำแสงที่มองไม่เห็นและไม่มีเสียง โจมตีโดรนให้ระเบิด โดยใช้ต้นทุนต่ำมากเพียง 1.45 ดอลลาร์ต่อการใช้งานหนึ่งครั้ง และสำทับว่า ด้วยระบบเช่นนี้ ศักยภาพของโซลในการตอบโต้การยั่วยุจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน . ทางด้าน ชอง ซองชาง จากสถาบันเซจอง ในเกาหลีใต้ ชี้ว่า ภายหลังการประชุมของผู้นำคิม ความสนใจได้โฟกัสไปยังเรื่องที่ว่า เกาหลีเหนือจะตอบโต้ด้วยการส่งโดรนเข้าไปในเกาหลีใต้ หรือใช้มาตรการแข็งกร้าวหากโดรนจากเกาหลีใต้ยังรุกล้ำเข้าไปอีก . ส่วนที่ปักกิ่ง เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวระหว่างแถลงข่าวประจำวันตามปกติในวันอังคารว่า ความตึงเครียดบนคาบสมุทรเกาหลีไม่ได้เป็นประโยชน์กับฝ่ายใด สิ่งสำคัญที่สุดคือหลีกเลี่ยงการทำให้ความขัดแย้งลุกลาม และย้ำว่า จุดยืนของจีนคือการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคดังกล่าว รวมทั้งส่งเสริมการแก้ปัญหาด้วยวิธีการทางการเมือง และหวังว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะพยายามเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้เช่นเดียวกัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099598 .............. Sondhi X
    Like
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1488 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยพวกเขาพร้อมเต็มพิกัดสำหรับการตอบโต้ หลังเกาหลีเหนือสั่งการทหารตามแนวชายแดนให้อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมสำหรับเปิดฉากยิง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ร้อนระอุขึ้นอย่างฉับพลันในคาบสมุทรเกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากโซลส่งโดรนบินไปถึงกรุงเปียงยางเมื่อเร็วๆนี้
    .
    เกาหลีเหนือ ชาติติดอาวุธนิวเคลียร์ กล่าวหาโซลส่งโดรนบินเหนือเมืองหลวงของพวกเขา เพื่อปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อที่เต็มไปด้วยข่าวลือที่อันเป็นเท็จและไร้สาระ พร้อมเตือนในวันอาทิตย์(13ต.ค.) ว่าพวกเขาจะพิจารณาว่ามันเท่ากับเป็นการประกาศสงคราม หากว่ามีการตรวจพบโดรนอีกรอบ
    .
    กองทัพเกาหลีใต้ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังโดรนเหล่านั้น ในขณะที่พวกนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ ดำเนินการมาช้านานในการส่งโฆษณาชวนเชื่อต่างๆนานา ส่วนใหญ่ผ่านการปล่อยลูกโป่ง มุ่งหน้าขึ้นสู่ทางเหนือ
    .
    แม้พวกเจ้าหน้าที่มีความพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น แต่บรรดานักเคลื่อนไหวเกาเหลีใต้มักปล่อยลูกโป่งที่ลอยไปได้ไกล บรรจุใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือและเนื้อหาอื่นๆ ในนั้นรวมถึงอุปกรณ์ยูเอสบีที่บรรจุเพลงเค-ป็อป และซีรีส์เกาหลี ข้ามชายแดนเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ในกลยุทธ์ที่ทางเกาหลีเหนือประท้วงด้วยความเดือดดาลมาตลอด
    .
    อย่างไรก็ตามเกาหลีเหนือยืนยันว่าโซลต้องเป็นผู้รับผิดชอบอย่างเป็นทางการ และแถลงในช่วงเย็นวันอาทิตย์(13ต.ค.) ว่าได้สั่งการให้กองพันทหารปืนใหญ่ 8 กองพัน ที่เตรียมตัวสำหรับทำสงครามอยู่ก่อนแล้ว "ให้พร้อมอย่างเต็มพิกัดในการเปิดฉากยิง" และเสริมกำลังตามป้อมสังเกตการณ์ทางอากาศในกรุงเปียงยาง
    .
    "กองทัพของเรากำลังจับตาสถานการณ์และพร้อมอย่างเต็มกำลัง" โฆษกของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้กล่าวระหว่างแถลงข่าว
    .
    ขณะเดียวกันสื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือ รายงานว่าท่านผู้นำคิม จองอึน เรียกประชุมด้านความมั่นคงแห่งชาติในวันจันทร์(14ต.ค.) พร้อมสั่งการให้วางแผนหนึ่งๆ สำหรับปฏิบติการทางทหารในทันที ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดกับเกาหลีใต้พุ่งสูงขึ้น
    .
    การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นในกรุงเปียงยาง และมีบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของประเทศเข้าร่วม ในนั้นรวมถึงผู้บัญชาการกองทัพและเจ้าหน้าที่ทหารอื่นๆ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐและกระทรวงกลาโหม
    .
    เปียงยางอ้างว่าโดรนโฆษณาชวนเชื่อแทรกซึมเข้ามาในน่านฟ้าเมืองหลวงของพวกเขาถึง 3 ครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะที่ คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของ คิม จองอึน ขุ่เกาหลีใต้ว่าจะต้องเจอกับหายนะอันน่าสยดสยองหากไม่ยอมหยุดการกระทำดังกล่าว
    .
    เสขาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ในวันจันทร์(14ต.ค.) ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่ากองทัพโซลอยู่เบื้องหลังการส่งโดรนข้ามชายแดน แต่เรียกคำกล่าวหาของเกาหลีเหนือว่า "น่าละอาย"
    .
    "เกาหลีเหนือไม่สามารถยืนยันแหล่งที่มาของโดรนลำหนึ่งเหนือน่านฟ้าเปียงยางได้ด้วยซ้ำ แต่กลับมากล่าวโทษเกาหลีใต้ ขณะเดียวกันพวกเขาปิดปากเงียบ กรณีที่วางโดรนมุ่งหน้ามาทางทิศใต้มาแล้วกว่า 10 รอบ" โฆษกเสขาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ระบุ
    .
    ในวันจันทร์(14ต.ค.) กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยด้วยว่าดูเหมือนเกาหลีเหนือกำลังเตรียมการระเบิดถนนสายต่างๆที่เชื่อมต่อกับเกาหลีใต้ ไม่กี่วันหลังจากเปียงยางบอกว่าพวกเขาจะปิดผนึกชายแดน
    .
    กองทัพประชาชนเกาหลีเหนือแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ามาตรการนี้จะช่วยแยกดินแดนเกาหลีเหนือจากเกาหลีใต้โดยสิ้นเชิง ขณะที่โฆษกของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ สันนิษฐานว่าการระเบิดถนนน่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในวันจันทร์(14ต.ค.)
    .
    กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ ระบุว่าคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับโดรน อาจเป็นความพยายามของเกาหลีเหนือในการยกระดับความเป็นหนึ่งเดียวกันภายชาติ ขณะเดียวกันเกาหลีเหนืออาจกำลังมองหาข้ออ้างสำหรับ "ก่อการยั่วยุ สร้างความหวาดวิตกและความสับสนในสังคมของเรา"
    .
    อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งมองว่าผู้อยู่เบื้องหลังโดรนดังกล่าวน่าจะเป็นพวกนักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้ มากว่าที่จะเป็นการจัดฉากของเกาหลีเหนือ เพราะว่าในถ้อยแถลงของเปียงยาง อีกด้านหนึ่งก็เท่ากับเป็นการยอมรับว่ามาตรการคุ้มกันทางอากาศของพวกเขานั้นมีช่องโหว่
    .
    "แม้กระทั่งหากมันเป็นความพยายามจัดฉากของพวกเขา มันเท่ากับเป็นการเปิดเผยให้เห็นถึงความอ่อนแออย่างมากในน่านฟ้าต่างๆของตนเอง" ยาง อุค นักวิจัยจากสถาบันเอเชียเพื่อการศึกษานโยบายกล่าว
    .
    ตระกูลคิม พึ่งพิงการควบคุมข้อมูลข่าวสารโดยสิ้นเชิงเพื่อรักษาอำนาจไว้ โดยที่ชาวเกาหลีเหนือส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือและข้อมูลข่าวสารจากภายนอก "หากการส่งข้อมูลผ่านโดรนกลายเป็นกิจกรรมที่เป็นปกติมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับเกาหลีเหนือ" ยาง กล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099223
    ..............
    Sondhi X
    กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยพวกเขาพร้อมเต็มพิกัดสำหรับการตอบโต้ หลังเกาหลีเหนือสั่งการทหารตามแนวชายแดนให้อยู่ในภาวะเตรียมพร้อมสำหรับเปิดฉากยิง ท่ามกลางสถานการณ์ที่ร้อนระอุขึ้นอย่างฉับพลันในคาบสมุทรเกาหลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากโซลส่งโดรนบินไปถึงกรุงเปียงยางเมื่อเร็วๆนี้ . เกาหลีเหนือ ชาติติดอาวุธนิวเคลียร์ กล่าวหาโซลส่งโดรนบินเหนือเมืองหลวงของพวกเขา เพื่อปล่อยใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อที่เต็มไปด้วยข่าวลือที่อันเป็นเท็จและไร้สาระ พร้อมเตือนในวันอาทิตย์(13ต.ค.) ว่าพวกเขาจะพิจารณาว่ามันเท่ากับเป็นการประกาศสงคราม หากว่ามีการตรวจพบโดรนอีกรอบ . กองทัพเกาหลีใต้ปฏิเสธว่าไม่ได้อยู่เบื้องหลังโดรนเหล่านั้น ในขณะที่พวกนักเคลื่อนไหวเกาหลีใต้ ดำเนินการมาช้านานในการส่งโฆษณาชวนเชื่อต่างๆนานา ส่วนใหญ่ผ่านการปล่อยลูกโป่ง มุ่งหน้าขึ้นสู่ทางเหนือ . แม้พวกเจ้าหน้าที่มีความพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น แต่บรรดานักเคลื่อนไหวเกาเหลีใต้มักปล่อยลูกโป่งที่ลอยไปได้ไกล บรรจุใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือและเนื้อหาอื่นๆ ในนั้นรวมถึงอุปกรณ์ยูเอสบีที่บรรจุเพลงเค-ป็อป และซีรีส์เกาหลี ข้ามชายแดนเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ในกลยุทธ์ที่ทางเกาหลีเหนือประท้วงด้วยความเดือดดาลมาตลอด . อย่างไรก็ตามเกาหลีเหนือยืนยันว่าโซลต้องเป็นผู้รับผิดชอบอย่างเป็นทางการ และแถลงในช่วงเย็นวันอาทิตย์(13ต.ค.) ว่าได้สั่งการให้กองพันทหารปืนใหญ่ 8 กองพัน ที่เตรียมตัวสำหรับทำสงครามอยู่ก่อนแล้ว "ให้พร้อมอย่างเต็มพิกัดในการเปิดฉากยิง" และเสริมกำลังตามป้อมสังเกตการณ์ทางอากาศในกรุงเปียงยาง . "กองทัพของเรากำลังจับตาสถานการณ์และพร้อมอย่างเต็มกำลัง" โฆษกของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้กล่าวระหว่างแถลงข่าว . ขณะเดียวกันสื่อมวลชนแห่งรัฐเกาหลีเหนือ รายงานว่าท่านผู้นำคิม จองอึน เรียกประชุมด้านความมั่นคงแห่งชาติในวันจันทร์(14ต.ค.) พร้อมสั่งการให้วางแผนหนึ่งๆ สำหรับปฏิบติการทางทหารในทันที ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดกับเกาหลีใต้พุ่งสูงขึ้น . การประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นในกรุงเปียงยาง และมีบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงระดับสูงของประเทศเข้าร่วม ในนั้นรวมถึงผู้บัญชาการกองทัพและเจ้าหน้าที่ทหารอื่นๆ เช่นเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐและกระทรวงกลาโหม . เปียงยางอ้างว่าโดรนโฆษณาชวนเชื่อแทรกซึมเข้ามาในน่านฟ้าเมืองหลวงของพวกเขาถึง 3 ครั้งในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ในขณะที่ คิม โยจอง น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของ คิม จองอึน ขุ่เกาหลีใต้ว่าจะต้องเจอกับหายนะอันน่าสยดสยองหากไม่ยอมหยุดการกระทำดังกล่าว . เสขาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ ในวันจันทร์(14ต.ค.) ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธคำกล่าวอ้างที่ว่ากองทัพโซลอยู่เบื้องหลังการส่งโดรนข้ามชายแดน แต่เรียกคำกล่าวหาของเกาหลีเหนือว่า "น่าละอาย" . "เกาหลีเหนือไม่สามารถยืนยันแหล่งที่มาของโดรนลำหนึ่งเหนือน่านฟ้าเปียงยางได้ด้วยซ้ำ แต่กลับมากล่าวโทษเกาหลีใต้ ขณะเดียวกันพวกเขาปิดปากเงียบ กรณีที่วางโดรนมุ่งหน้ามาทางทิศใต้มาแล้วกว่า 10 รอบ" โฆษกเสขาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ระบุ . ในวันจันทร์(14ต.ค.) กองทัพเกาหลีใต้เปิดเผยด้วยว่าดูเหมือนเกาหลีเหนือกำลังเตรียมการระเบิดถนนสายต่างๆที่เชื่อมต่อกับเกาหลีใต้ ไม่กี่วันหลังจากเปียงยางบอกว่าพวกเขาจะปิดผนึกชายแดน . กองทัพประชาชนเกาหลีเหนือแถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ามาตรการนี้จะช่วยแยกดินแดนเกาหลีเหนือจากเกาหลีใต้โดยสิ้นเชิง ขณะที่โฆษกของเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ สันนิษฐานว่าการระเบิดถนนน่าจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดในวันจันทร์(14ต.ค.) . กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ ระบุว่าคำกล่าวอ้างเกี่ยวกับโดรน อาจเป็นความพยายามของเกาหลีเหนือในการยกระดับความเป็นหนึ่งเดียวกันภายชาติ ขณะเดียวกันเกาหลีเหนืออาจกำลังมองหาข้ออ้างสำหรับ "ก่อการยั่วยุ สร้างความหวาดวิตกและความสับสนในสังคมของเรา" . อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งมองว่าผู้อยู่เบื้องหลังโดรนดังกล่าวน่าจะเป็นพวกนักเคลื่อนไหวในเกาหลีใต้ มากว่าที่จะเป็นการจัดฉากของเกาหลีเหนือ เพราะว่าในถ้อยแถลงของเปียงยาง อีกด้านหนึ่งก็เท่ากับเป็นการยอมรับว่ามาตรการคุ้มกันทางอากาศของพวกเขานั้นมีช่องโหว่ . "แม้กระทั่งหากมันเป็นความพยายามจัดฉากของพวกเขา มันเท่ากับเป็นการเปิดเผยให้เห็นถึงความอ่อนแออย่างมากในน่านฟ้าต่างๆของตนเอง" ยาง อุค นักวิจัยจากสถาบันเอเชียเพื่อการศึกษานโยบายกล่าว . ตระกูลคิม พึ่งพิงการควบคุมข้อมูลข่าวสารโดยสิ้นเชิงเพื่อรักษาอำนาจไว้ โดยที่ชาวเกาหลีเหนือส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ต โทรศัพท์มือถือและข้อมูลข่าวสารจากภายนอก "หากการส่งข้อมูลผ่านโดรนกลายเป็นกิจกรรมที่เป็นปกติมากขึ้นเรื่อยๆ มันจะเป็นปัญหาร้ายแรงสำหรับเกาหลีเหนือ" ยาง กล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000099223 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1215 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เตือนเกาหลีใต้จะต้องเจอกับ "หายนะอันน่าสยดสยอง" หากว่าอากาศยานไร้คนขับบินมาถึงกรุงเปียงยางอีกรอบ หนึ่งวันหลังจากกล่าวหาโซลส่งอากาศยานดังกล่าวฝ่ามาถึงเมืองหลวงของเกาหลีเหนือ
    .
    เกาหลีเหนือเมื่อวันศุกร์ (11 ต.ค.) กล่าวหาเกาหลีใต้ส่งโดรนหลายลำบรรทุกใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อเข้าสู่น่านฟ้าของกรุงเปียงยางเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม และอีกครั้งในวันพุธ (9 ต.ค.) และวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.) ที่ผ่านมา
    .
    เบื้องต้น คิม ยอง-ฮยุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว แต่ต่อมาเสนาธิการทหารร่วมปรับเปลี่ยนจุดยืน ระบุในถ้อยแถลงว่าพวกเขา "ไม่อาจยืนยันได้ว่าคำกล่าวหาของเกาลีเหนือเป็นจริงหรือไม่"
    .
    คิม โยจอง น้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวว่าท่าทีของโซลที่ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธคำกล่าวหา หมายความว่าโดรนเหล่านั้นถูกส่งมาโดย "กองทัพอันธพาล" เธอกล่าวอ้างถึงกองทัพเกาหลีใต้
    .
    "ทันทีโดรนลำหนึ่งลำใดของเกาหลีใต้ถูกพบเหนือน่านฟ้าเมืองหลวงของเราอีกรอบ แน่นอนว่ามันจะนำไปซึ่งหายนะอันน่าขนลุกขนพอง" เธอระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในช่วงเย็นวันเสาร์ (12 ต.ค.)
    .
    ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) รายงานในวันศุกร์ (11 ต.ค.) ว่าโดรนของเกาหลีใต้หย่อนโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐบาล และใบปลิวที่เต็มไปด้วยข่าวลืออันเป็นเท็จและขยะ" พร้อมให้คำจำกัดความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "ละเมิดอย่างป่าเถื่อนต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นการโจมตีทางทหารอย่างเลวร้าย"
    .
    แม้พวกเจ้าหน้าที่มีความพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น แต่บรรดานักเคลื่อนไหวเกาเหลีใต้มักปล่อยลูกโป่งที่ลอยไปได้ไกล บรรจุใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือและเนื้อหาอื่นๆ ในนั้นรวมถึงอุปกรณ์ยูเอสบีที่บรรจุเพลงเค-ป็อป และซีรีส์เกาหลี ข้ามชายแดนเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ในกลยุทธ์ที่ทางเกาหลีเหนือประท้วงด้วยความเดือดดาลมาตลอด
    .
    ในการตอบโต้ เกาหลีเหนือที่รัฐบาลมีความอ่อนไหวอย่างยิ่งต่อการที่ประชาชนกำลังเข้าถึงสินค้าวัฒนธรรมเค-ป็อปของเกาหลีใต้มากขึ้นเรื่อยๆ ได้ปล่อยบอลลูนบรรทุกขยะมากกว่า 6,000 ลูก มุ่งหน้าสู่ทางใต้มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
    .
    ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเกาหลีดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี หลังจากข้อตกลงทางทหารหนึ่ง ซึ่งมีเจตนาลดความตึงเครียด ได้ถูกระงับอย่างสมบูรณ์ ตามหลังเหตุการณ์ปล่อยบอลลูนเมื่อเดือนมิถุนายน
    .
    คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวเตือนหลายรอบ ว่าประเทศของเขาจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยปราศจากความลังเลใดๆ หากถูกเกาหลีใต้โจมตี
    .
    ในปี 2022 โดรนของเกาหลีเหนือ 5 ลำ ล่วงล้ำเข้าสู่เกาหลีใต้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว กระตุ้นให้กองทัพเกาหลีใต้ยิงเตือนและส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นสู่ท้องฟ้า อย่างไรก็ตาม เครื่องบินรบเหล่านั้นไม่สามารถสอยร่วงโดรนใดๆ ของเกาหลีเหนือ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000097937
    ..............
    Sondhi X
    น้องสาวผู้ทรงอิทธิพลของคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เตือนเกาหลีใต้จะต้องเจอกับ "หายนะอันน่าสยดสยอง" หากว่าอากาศยานไร้คนขับบินมาถึงกรุงเปียงยางอีกรอบ หนึ่งวันหลังจากกล่าวหาโซลส่งอากาศยานดังกล่าวฝ่ามาถึงเมืองหลวงของเกาหลีเหนือ . เกาหลีเหนือเมื่อวันศุกร์ (11 ต.ค.) กล่าวหาเกาหลีใต้ส่งโดรนหลายลำบรรทุกใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อเข้าสู่น่านฟ้าของกรุงเปียงยางเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม และอีกครั้งในวันพุธ (9 ต.ค.) และวันพฤหัสบดี (10 ต.ค.) ที่ผ่านมา . เบื้องต้น คิม ยอง-ฮยุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของเกาหลีใต้ ปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว แต่ต่อมาเสนาธิการทหารร่วมปรับเปลี่ยนจุดยืน ระบุในถ้อยแถลงว่าพวกเขา "ไม่อาจยืนยันได้ว่าคำกล่าวหาของเกาลีเหนือเป็นจริงหรือไม่" . คิม โยจอง น้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวว่าท่าทีของโซลที่ไม่ยืนยันหรือปฏิเสธคำกล่าวหา หมายความว่าโดรนเหล่านั้นถูกส่งมาโดย "กองทัพอันธพาล" เธอกล่าวอ้างถึงกองทัพเกาหลีใต้ . "ทันทีโดรนลำหนึ่งลำใดของเกาหลีใต้ถูกพบเหนือน่านฟ้าเมืองหลวงของเราอีกรอบ แน่นอนว่ามันจะนำไปซึ่งหายนะอันน่าขนลุกขนพอง" เธอระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในช่วงเย็นวันเสาร์ (12 ต.ค.) . ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) รายงานในวันศุกร์ (11 ต.ค.) ว่าโดรนของเกาหลีใต้หย่อนโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐบาล และใบปลิวที่เต็มไปด้วยข่าวลืออันเป็นเท็จและขยะ" พร้อมให้คำจำกัดความเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า "ละเมิดอย่างป่าเถื่อนต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นการโจมตีทางทหารอย่างเลวร้าย" . แม้พวกเจ้าหน้าที่มีความพยายามป้องกันไม่ให้เกิดขึ้น แต่บรรดานักเคลื่อนไหวเกาเหลีใต้มักปล่อยลูกโป่งที่ลอยไปได้ไกล บรรจุใบปลิวโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านผู้นำเกาหลีเหนือและเนื้อหาอื่นๆ ในนั้นรวมถึงอุปกรณ์ยูเอสบีที่บรรจุเพลงเค-ป็อป และซีรีส์เกาหลี ข้ามชายแดนเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านแห่งนี้ ในกลยุทธ์ที่ทางเกาหลีเหนือประท้วงด้วยความเดือดดาลมาตลอด . ในการตอบโต้ เกาหลีเหนือที่รัฐบาลมีความอ่อนไหวอย่างยิ่งต่อการที่ประชาชนกำลังเข้าถึงสินค้าวัฒนธรรมเค-ป็อปของเกาหลีใต้มากขึ้นเรื่อยๆ ได้ปล่อยบอลลูนบรรทุกขยะมากกว่า 6,000 ลูก มุ่งหน้าสู่ทางใต้มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม . ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเกาหลีดำดิ่งสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี หลังจากข้อตกลงทางทหารหนึ่ง ซึ่งมีเจตนาลดความตึงเครียด ได้ถูกระงับอย่างสมบูรณ์ ตามหลังเหตุการณ์ปล่อยบอลลูนเมื่อเดือนมิถุนายน . คิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ กล่าวเตือนหลายรอบ ว่าประเทศของเขาจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ โดยปราศจากความลังเลใดๆ หากถูกเกาหลีใต้โจมตี . ในปี 2022 โดรนของเกาหลีเหนือ 5 ลำ ล่วงล้ำเข้าสู่เกาหลีใต้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 5 ปี ที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว กระตุ้นให้กองทัพเกาหลีใต้ยิงเตือนและส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นสู่ท้องฟ้า อย่างไรก็ตาม เครื่องบินรบเหล่านั้นไม่สามารถสอยร่วงโดรนใดๆ ของเกาหลีเหนือ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000097937 .............. Sondhi X
    Like
    Yay
    Haha
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1254 มุมมอง 0 รีวิว