• ชมวิวพระอาทิตย์ตก ที่ Ao Luek Ocean View สวยแบบไม่มีเบื่อเลย
    เวลาพระอาทิตย์ตก โดยประมาณ 18.38 น.

    𝐒𝐮𝐧𝐬𝐞𝐭𝐬 𝐚𝐫𝐞 𝐧𝐞𝐯𝐞𝐫 𝐛𝐨𝐫𝐢𝐧𝐠 𝐚𝐭 𝐨𝐮𝐫 𝐜𝐚𝐟é. 𝐂𝐨𝐦𝐞 𝐟𝐨𝐫 𝐭𝐡𝐞 𝐦𝐚𝐠𝐢𝐜 𝐯𝐢𝐞𝐰, 𝐬𝐭𝐚𝐲 𝐟𝐨𝐫 𝐭𝐡𝐞 𝐩𝐞𝐫𝐟𝐞𝐜𝐭 𝐯𝐢𝐛𝐞𝐬.

    ขอบคุณภาพสวยๆ จากคุณลูกค้าทุกท่านนะคะ

    ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น.
    • Call: 065-081-0581
    รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้
    ...................................
    #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylove
    ชมวิวพระอาทิตย์ตก ที่ Ao Luek Ocean View ⛱️ สวยแบบไม่มีเบื่อเลย 🌅 เวลาพระอาทิตย์ตก โดยประมาณ 18.38 น. 𝐒𝐮𝐧𝐬𝐞𝐭𝐬 𝐚𝐫𝐞 𝐧𝐞𝐯𝐞𝐫 𝐛𝐨𝐫𝐢𝐧𝐠 𝐚𝐭 𝐨𝐮𝐫 𝐜𝐚𝐟é. 𝐂𝐨𝐦𝐞 𝐟𝐨𝐫 𝐭𝐡𝐞 𝐦𝐚𝐠𝐢𝐜 𝐯𝐢𝐞𝐰, 𝐬𝐭𝐚𝐲 𝐟𝐨𝐫 𝐭𝐡𝐞 𝐩𝐞𝐫𝐟𝐞𝐜𝐭 𝐯𝐢𝐛𝐞𝐬.🌿 🙏ขอบคุณภาพสวยๆ จากคุณลูกค้าทุกท่านนะคะ 📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น. • Call: 065-081-0581 🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้ ................................... #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylove
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • ภาพบรรยากาศบางส่วนของโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมการเรียนรู้สรีรวิทยา (SiPEP68) ในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ณ ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
    🙏🏻 ภาควิชาสรีรวิทยาขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในการอบรมครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับทุกท่านอีกครั้งในการอบรมครั้งต่อไป
    สามารถเข้าชมภาพบรรยากาศของการอบรมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://sites.google.com/view/sipep-siriraj/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1?authuser=0

    #SiPEP #ศิริราช #สรีรวิทยา #SirirajPhysiology
    📸 ภาพบรรยากาศบางส่วนของโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมการเรียนรู้สรีรวิทยา (SiPEP68) ในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ณ ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 🙏🏻 ภาควิชาสรีรวิทยาขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในการอบรมครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับทุกท่านอีกครั้งในการอบรมครั้งต่อไป 📬 สามารถเข้าชมภาพบรรยากาศของการอบรมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://sites.google.com/view/sipep-siriraj/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1?authuser=0 #SiPEP #ศิริราช #สรีรวิทยา #SirirajPhysiology
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 43 Views 0 Reviews
  • #อินเดีย ชัยปุระ - อัครา 17,999

    🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน
    ✈ FD-แอร์เอเชีย
    พักโรงแรม

    ทัชมาฮาล
    อัคราฟอร์ท
    แอมเบอร์ฟอร์ท
    พระราชวังกลางน้ำ
    City Palace
    ฮาวามาฮาล
    Wind View Cafe
    ประตูปาตริกา

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี ">https://eTravelWay.com
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    : 021166395

    #ทัวร์อินเดีย #ชัยปุระ #อัครา #india #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้
    #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1
    #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #อินเดีย ชัยปุระ - อัครา 🥰17,999 🔥🔥 🗓 จำนวนวัน 3วัน 2คืน ✈ FD-แอร์เอเชีย 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐⭐ 📍 ทัชมาฮาล 📍 อัคราฟอร์ท 📍 แอมเบอร์ฟอร์ท 📍 พระราชวังกลางน้ำ 📍 City Palace 📍 ฮาวามาฮาล 📍 Wind View Cafe 📍 ประตูปาตริกา รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21 ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์อินเดีย #ชัยปุระ #อัครา #india #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 0 Reviews
  • ภาพบรรยากาศบางส่วนของโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมการเรียนรู้สรีรวิทยา (SiPEP68) ในวันที่ 6 สิงหาคม 2568 ณ ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

    🙏🏻 ภาควิชาสรีรวิทยาขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในการอบรมครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับทุกท่านอีกครั้งในการอบรมครั้งต่อไป

    สามารถเข้าชมภาพบรรยากาศของการอบรมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://sites.google.com/view/sipep-siriraj/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1?authuser=0

    #SiPEP #ศิริราช #สรีรวิทยา #SirirajPhysiology
    📸 ภาพบรรยากาศบางส่วนของโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมการเรียนรู้สรีรวิทยา (SiPEP68) ในวันที่ 6 สิงหาคม 2568 ณ ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 🙏🏻 ภาควิชาสรีรวิทยาขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในการอบรมครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับทุกท่านอีกครั้งในการอบรมครั้งต่อไป 📬 สามารถเข้าชมภาพบรรยากาศของการอบรมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://sites.google.com/view/sipep-siriraj/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1?authuser=0 #SiPEP #ศิริราช #สรีรวิทยา #SirirajPhysiology
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • ภาพบรรยากาศบางส่วนของโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมการเรียนรู้สรีรวิทยา (SiPEP68) ในวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ณ ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
    🙏🏻 ภาควิชาสรีรวิทยาขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในการอบรมครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับทุกท่านอีกครั้งในการอบรมครั้งต่อไป
    สามารถเข้าชมภาพบรรยากาศของการอบรมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://sites.google.com/view/sipep-siriraj/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1?authuser=0

    #SiPEP #ศิริราช #สรีรวิทยา #SirirajPhysiology
    📸 ภาพบรรยากาศบางส่วนของโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการส่งเสริมการเรียนรู้สรีรวิทยา (SiPEP68) ในวันที่ 5 สิงหาคม 2568 ณ ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล 🙏🏻 ภาควิชาสรีรวิทยาขอขอบคุณทุกท่านที่ให้ความสนใจในการอบรมครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีโอกาสได้ต้อนรับทุกท่านอีกครั้งในการอบรมครั้งต่อไป 📬 สามารถเข้าชมภาพบรรยากาศของการอบรมเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://sites.google.com/view/sipep-siriraj/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%A1?authuser=0 #SiPEP #ศิริราช #สรีรวิทยา #SirirajPhysiology
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • The tranquil poolside views
    The tranquil poolside views
    0 Comments 0 Shares 25 Views 0 Reviews
  • เมื่อภาพธรรมดากลายเป็นช่องโหว่ – และ AI ก็ไม่เห็นภัยที่ซ่อนอยู่ในพิกเซล

    ลองจินตนาการว่าคุณอัปโหลดภาพธรรมดา ๆ ไปยังระบบ AI เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์ แต่เบื้องหลังภาพนั้นกลับมีคำสั่งลับที่ถูกซ่อนไว้ และเมื่อภาพถูกปรับขนาดโดยระบบก่อนส่งเข้าโมเดล คำสั่งนั้นก็ถูก “ปลุก” ขึ้นมาโดยที่คุณไม่รู้ตัว

    นี่คือสิ่งที่นักวิจัยจาก Trail of Bits ค้นพบและสาธิตผ่านการโจมตีแบบ image scaling prompt injection ซึ่งสามารถใช้ขโมยข้อมูลผู้ใช้จากระบบ AI ที่ใช้งานจริง เช่น Google Gemini CLI, Vertex AI Studio, Google Assistant และ Genspark โดยอาศัยช่องโหว่จากการปรับขนาดภาพ (downscaling) ที่ทำให้คำสั่งที่ซ่อนอยู่ในภาพถูกเปิดเผยเมื่อ resolution เปลี่ยน

    การโจมตีนี้อาศัยหลักการของ Nyquist–Shannon sampling theorem และการวิเคราะห์พฤติกรรมของอัลกอริธึมปรับขนาดภาพ เช่น bicubic, bilinear และ nearest neighbor ซึ่งแต่ละแบบมีจุดอ่อนต่างกัน นักวิจัยจึงสร้างเครื่องมือชื่อ “Anamorpher” เพื่อออกแบบภาพที่สามารถโจมตีระบบ AI ได้โดยเฉพาะ

    ผลลัพธ์คือการโจมตีที่สามารถสั่งให้ AI ทำงานโดยไม่ต้องมีการยืนยันจากผู้ใช้ เช่น ส่งข้อมูลจาก Google Calendar ไปยังอีเมลของแฮกเกอร์ โดยใช้การตั้งค่า trust=True ใน Gemini CLI ซึ่งเป็นค่าดีฟอลต์ที่เปิดช่องให้โจมตีได้ง่าย

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    การโจมตีใช้ภาพที่ดูปลอดภัย แต่มีคำสั่งซ่อนอยู่เมื่อถูกปรับขนาด
    ระบบ AI เช่น Gemini CLI, Vertex AI Studio, Google Assistant และ Genspark ถูกโจมตีสำเร็จ
    การโจมตีอาศัยการปรับขนาดภาพที่ทำให้คำสั่งลับถูกเปิดเผย
    ใช้ค่าดีฟอลต์ trust=True ใน Gemini CLI เพื่อข้ามการยืนยันจากผู้ใช้
    คำสั่งในภาพสามารถสั่งให้ AI ส่งข้อมูลผู้ใช้ไปยังแฮกเกอร์ได้
    อัลกอริธึมปรับขนาดภาพที่ถูกใช้ ได้แก่ bicubic, bilinear และ nearest neighbor
    เครื่องมือ “Anamorpher” ถูกพัฒนาเพื่อสร้างภาพโจมตีโดยเฉพาะ
    การโจมตีสามารถใช้กับระบบที่ไม่มีการแสดง preview ของภาพที่ถูกปรับขนาด
    การโจมตีนี้เป็นรูปแบบใหม่ของ multi-modal prompt injection
    นักวิจัยเสนอให้แสดงภาพที่ถูกปรับขนาดให้ผู้ใช้เห็นก่อนส่งเข้าโมเดล

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การโจมตีแบบนี้คล้ายกับการฝังคำสั่งใน metadata หรือ steganography แต่ใช้การปรับขนาดแทน
    ระบบ AI บนมือถือและ edge devices มีความเสี่ยงสูงเพราะใช้การปรับขนาดภาพบ่อย
    การโจมตีสามารถใช้ร่วมกับเทคนิคอื่น เช่น semantic injection และ polyglot payloads
    การใช้ภาพ checkerboard, Moiré และ concentric circles ช่วยวิเคราะห์อัลกอริธึมปรับขนาด
    การโจมตีแบบนี้อาจขยายไปยังระบบ voice AI และการแปลงภาพแบบ upscaling ในอนาคต


    https://blog.trailofbits.com/2025/08/21/weaponizing-image-scaling-against-production-ai-systems/
    🎙️ เมื่อภาพธรรมดากลายเป็นช่องโหว่ – และ AI ก็ไม่เห็นภัยที่ซ่อนอยู่ในพิกเซล ลองจินตนาการว่าคุณอัปโหลดภาพธรรมดา ๆ ไปยังระบบ AI เพื่อให้ช่วยวิเคราะห์ แต่เบื้องหลังภาพนั้นกลับมีคำสั่งลับที่ถูกซ่อนไว้ และเมื่อภาพถูกปรับขนาดโดยระบบก่อนส่งเข้าโมเดล คำสั่งนั้นก็ถูก “ปลุก” ขึ้นมาโดยที่คุณไม่รู้ตัว นี่คือสิ่งที่นักวิจัยจาก Trail of Bits ค้นพบและสาธิตผ่านการโจมตีแบบ image scaling prompt injection ซึ่งสามารถใช้ขโมยข้อมูลผู้ใช้จากระบบ AI ที่ใช้งานจริง เช่น Google Gemini CLI, Vertex AI Studio, Google Assistant และ Genspark โดยอาศัยช่องโหว่จากการปรับขนาดภาพ (downscaling) ที่ทำให้คำสั่งที่ซ่อนอยู่ในภาพถูกเปิดเผยเมื่อ resolution เปลี่ยน การโจมตีนี้อาศัยหลักการของ Nyquist–Shannon sampling theorem และการวิเคราะห์พฤติกรรมของอัลกอริธึมปรับขนาดภาพ เช่น bicubic, bilinear และ nearest neighbor ซึ่งแต่ละแบบมีจุดอ่อนต่างกัน นักวิจัยจึงสร้างเครื่องมือชื่อ “Anamorpher” เพื่อออกแบบภาพที่สามารถโจมตีระบบ AI ได้โดยเฉพาะ ผลลัพธ์คือการโจมตีที่สามารถสั่งให้ AI ทำงานโดยไม่ต้องมีการยืนยันจากผู้ใช้ เช่น ส่งข้อมูลจาก Google Calendar ไปยังอีเมลของแฮกเกอร์ โดยใช้การตั้งค่า trust=True ใน Gemini CLI ซึ่งเป็นค่าดีฟอลต์ที่เปิดช่องให้โจมตีได้ง่าย 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ การโจมตีใช้ภาพที่ดูปลอดภัย แต่มีคำสั่งซ่อนอยู่เมื่อถูกปรับขนาด ➡️ ระบบ AI เช่น Gemini CLI, Vertex AI Studio, Google Assistant และ Genspark ถูกโจมตีสำเร็จ ➡️ การโจมตีอาศัยการปรับขนาดภาพที่ทำให้คำสั่งลับถูกเปิดเผย ➡️ ใช้ค่าดีฟอลต์ trust=True ใน Gemini CLI เพื่อข้ามการยืนยันจากผู้ใช้ ➡️ คำสั่งในภาพสามารถสั่งให้ AI ส่งข้อมูลผู้ใช้ไปยังแฮกเกอร์ได้ ➡️ อัลกอริธึมปรับขนาดภาพที่ถูกใช้ ได้แก่ bicubic, bilinear และ nearest neighbor ➡️ เครื่องมือ “Anamorpher” ถูกพัฒนาเพื่อสร้างภาพโจมตีโดยเฉพาะ ➡️ การโจมตีสามารถใช้กับระบบที่ไม่มีการแสดง preview ของภาพที่ถูกปรับขนาด ➡️ การโจมตีนี้เป็นรูปแบบใหม่ของ multi-modal prompt injection ➡️ นักวิจัยเสนอให้แสดงภาพที่ถูกปรับขนาดให้ผู้ใช้เห็นก่อนส่งเข้าโมเดล ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การโจมตีแบบนี้คล้ายกับการฝังคำสั่งใน metadata หรือ steganography แต่ใช้การปรับขนาดแทน ➡️ ระบบ AI บนมือถือและ edge devices มีความเสี่ยงสูงเพราะใช้การปรับขนาดภาพบ่อย ➡️ การโจมตีสามารถใช้ร่วมกับเทคนิคอื่น เช่น semantic injection และ polyglot payloads ➡️ การใช้ภาพ checkerboard, Moiré และ concentric circles ช่วยวิเคราะห์อัลกอริธึมปรับขนาด ➡️ การโจมตีแบบนี้อาจขยายไปยังระบบ voice AI และการแปลงภาพแบบ upscaling ในอนาคต https://blog.trailofbits.com/2025/08/21/weaponizing-image-scaling-against-production-ai-systems/
    BLOG.TRAILOFBITS.COM
    Weaponizing image scaling against production AI systems
    In this blog post, we’ll detail how attackers can exploit image scaling on Gemini CLI, Vertex AI Studio, Gemini’s web and API interfaces, Google Assistant, Genspark, and other production AI systems. We’ll also explain how to mitigate and defend against these attacks, and we’ll introduce Anamorpher, our open-source tool that lets you explore and generate these crafted images.
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • Mythic Words From Mythologies Around The World

    It’s in human nature to tell stories and in many ways, our stories—our mythologies—work their way into every aspect of our daily lives, from meme culture to the language we speak. You may be familiar with some of the words derived from the names of Greek and Roman gods and characters (herculean, echo, narcissist, to name a few). But some of the words with similar origins are more obscure and may surprise you, and still others are drawn from completely different cultural lineages! Many of our modern words are inspired not only by Greco-Roman mythos but also by West African, Indigenous, Far East Asian, and Nordic folktales, gods, heroes, and legends.

    Here’s a closer look at some of our everyday words and the many diverse mythologies that have contributed to their use and interpretation today.

    California

    While many of us might view the Golden State as the land of sunshine, mild winters, and plenty, this idyllic image of California is first glimpsed in Garci Rodríguez de Montalvo’s novel Las Sergas de Esplandián (“The Adventures of Esplandián”) from the 1500s. At a time when Spanish invasion and exploration of the Americas was at its peak, Las Sergas de Esplandián describes a fictional island ruled by Queen Calafia of the Indies, hence the name “California.” It’s possible Rodríguez de Montalvo derived California from the Arabic khalif or khalifa (a spiritual leader of Islam), or the term Califerne from the 11th-century epic French poem The Song of Roland. When the Spanish first encountered the Baja California peninsula, it was initially believed to be an island and so was dubbed for the fictional island in Rodríguez de Montalvo’s novel. Eventually, this name would apply to the region that we now know as California in the US and Baja California in Mexico today.

    chimeric

    Chimeric is an adjective used to describe something “imaginary, fanciful” or in the context of biology, chimeric describes an organism “having parts of different origins.” The word chimeric is derived from the name of an ancient Greek monster, the chimera. Typically depicted as a having both a goat and lion head sprouting from its back and a serpent as a tail, the chimera was a terrifying and formidable opponent.

    hell

    While this word may call to mind Christianity and the realm of demons and condemned souls, hell is also associated with another concept of the underworld. According to Norse mythology, the prominent god Odin appointed the goddess and daughter of Loki, Hel, to preside over the realm of the dead. Hel’s name subsequently became associated as the word for the underworld itself. The word hell entered Old English sometime before the year 900 CE.

    hurricane

    When a windstorm whips up torrential rains, it can definitely seem like a god’s fury has been called down. This might explain why hurricane is derived from a Taíno storm god, Hurakán. The Taíno were an Indigenous tribe of the Caribbean, so it certainly makes sense that their deities would hold the name now associated with major tropical storms. Working its way from Spanish into English, hurricane was likely first recorded in English around the mid-1500s.

    Nike

    Typically depicted with wings, Nike was the Greek goddess of victory. Her influence was not limited to athletics, and she could oversee any field from art to music to war. Nike is said to have earned this title as one of the first deities to offer her allegiance to Zeus during the Titanomachy, the great battle between the Titans and gods for Mount Olympus. Of course, with a winning streak like that, it’s no wonder a popular sports apparel company would name itself after her.

    plutocracy

    Plutocracy means “the rule or power of wealth” or “of the wealthy, particularly a government or state in which the wealthy class rules.” The pluto in plutocracy comes from the Roman god of wealth, Pluto. Often known best by his Greek name, Hades, Pluto also presided over the underworld. Where does the wealth factor in? Precious metals and gems are typically found underground. The word plutocracy was recorded in the English language around 1645–1655.

    protean

    The adjective protean [ proh-tee-uhn ] describes how something readily assumes different forms, shapes, or characteristics. Something that is protean is “extremely variable.” This word originates from the name of Proteus, a minor Greek sea god who served under Poseidon. Proteus was prophetic and said to be able to gaze into the past, present, and future. However, he was pretty stingy with his knowledge, so most challengers would have to surprise him and wrestle him—while Proteus continually transformed into different (usually dangerous) shapes, such as a lion or a snake! If the challenger held on throughout the transformations, Proteus would answer their question truthfully before jumping back into the sea.

    quetzalcoatlus

    Quetzalcoatlus is a genus of pterosaur from the Late Cretaceous period. Its remains were discovered in 1971 in Texas. As a flying dinosaur from the Americas, its name derives from the god Quetzalcóatl, or “the feathered serpent,” in Nahuatl. Often depicted as exactly that (in addition to having incarnations that ranged from axolotls to dogs to corn), Quetzalcóatl was a prominent god of creation and order in the pantheon of the Mexica people. His domain included powerful and sustaining forces such as the sun, the wind, agriculture, wisdom, and writing.

    ragnarok

    Popping up everywhere from video games to blockbuster movies, the word ragnarok [ rahg-nuh-rok ] just sounds cool. It’s typically used as a synonym for the end of the world—and that’s what it originally referred to. In Norse mythology, this apocalyptic moment will occur when three roosters crow and the monster hound, Garmr, breaks free of his cave. A frightening battle among gods ensues along with natural disasters. The Old Norse word Ragnarǫk that it derives from is a compound of “gods” (ragna) and “fate” (rok).

    Subaru

    Known in most of the English-speaking world as a popular car manufacturer, Subaru is a Japanese word for the Seven Sisters, or Pleiades, constellation. The Subaru logo even features the six stars visible to the naked eye in the constellation. In 2021, astronomers Ray and Barnaby Norris proposed that the constellation referred to as “Seven Sisters” by various ancient peoples (which today looks like six visible stars) once had a seventh visible star whose light has been swallowed up by the light of another.

    Tuesday/Wednesday/Thursday/Friday/Saturday

    If we want an example of mythology rooted in our day-to-day, we needn’t look any further than the days of the week. Initially, Romans named their days of the week after the planets, which included the sun and the moon (Sunday and Monday). As the Roman Empire expanded to include Germanic-speaking peoples, the names of the weekdays were adapted to reflect the names of gods familiar to the local populations.

    Today, five out of seven days of the week are linked to the names of mythological gods, four of which are Old Germanic/Norse in origin. Tuesday is rooted in the name of the Norse god of war and justice, Tyr. Wednesday descends from Woden (alternatively, Odin), a widely revered Germanic-Norse god who presided over healing, wisdom, death, war, poetry, and sorcery. Thursday is derived from the thunder god Thor. Finally, Friday owes its name to Frigg, the goddess of marriage, prophecy, clairvoyance, and motherhood. The outlier of the weekday group is Saturday, which traces its name back to Saturn, the Roman god of time, wealth, and renewal.

    While scholars are uncertain as to when the Germanic-Norse adaptations of the days of the week were introduced, it is estimated to have occurred between 200-500 CE to predate the spread of Christianity and the final collapse of the Roman Empire.

    weird

    While weird today generally means “bizarre” or “unusual,” its older use has been to refer to something that is “uncanny” or relating to the supernatural. This links into the original definition of weird, or then wyrd, as being able to control fate or destiny. The Old English derivation of the Germanic word was first recorded before 900 CE as wyrd; then in Middle English as the phrase werde sisters, which referred to the Fates. According to Greek mythology, the three goddesses known as the Fates control the destinies of the lives of man. In the early 1600s, Shakespeare’s Macbeth, used werde sisters to refer to these witches in the play.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    Mythic Words From Mythologies Around The World It’s in human nature to tell stories and in many ways, our stories—our mythologies—work their way into every aspect of our daily lives, from meme culture to the language we speak. You may be familiar with some of the words derived from the names of Greek and Roman gods and characters (herculean, echo, narcissist, to name a few). But some of the words with similar origins are more obscure and may surprise you, and still others are drawn from completely different cultural lineages! Many of our modern words are inspired not only by Greco-Roman mythos but also by West African, Indigenous, Far East Asian, and Nordic folktales, gods, heroes, and legends. Here’s a closer look at some of our everyday words and the many diverse mythologies that have contributed to their use and interpretation today. California While many of us might view the Golden State as the land of sunshine, mild winters, and plenty, this idyllic image of California is first glimpsed in Garci Rodríguez de Montalvo’s novel Las Sergas de Esplandián (“The Adventures of Esplandián”) from the 1500s. At a time when Spanish invasion and exploration of the Americas was at its peak, Las Sergas de Esplandián describes a fictional island ruled by Queen Calafia of the Indies, hence the name “California.” It’s possible Rodríguez de Montalvo derived California from the Arabic khalif or khalifa (a spiritual leader of Islam), or the term Califerne from the 11th-century epic French poem The Song of Roland. When the Spanish first encountered the Baja California peninsula, it was initially believed to be an island and so was dubbed for the fictional island in Rodríguez de Montalvo’s novel. Eventually, this name would apply to the region that we now know as California in the US and Baja California in Mexico today. chimeric Chimeric is an adjective used to describe something “imaginary, fanciful” or in the context of biology, chimeric describes an organism “having parts of different origins.” The word chimeric is derived from the name of an ancient Greek monster, the chimera. Typically depicted as a having both a goat and lion head sprouting from its back and a serpent as a tail, the chimera was a terrifying and formidable opponent. hell While this word may call to mind Christianity and the realm of demons and condemned souls, hell is also associated with another concept of the underworld. According to Norse mythology, the prominent god Odin appointed the goddess and daughter of Loki, Hel, to preside over the realm of the dead. Hel’s name subsequently became associated as the word for the underworld itself. The word hell entered Old English sometime before the year 900 CE. hurricane When a windstorm whips up torrential rains, it can definitely seem like a god’s fury has been called down. This might explain why hurricane is derived from a Taíno storm god, Hurakán. The Taíno were an Indigenous tribe of the Caribbean, so it certainly makes sense that their deities would hold the name now associated with major tropical storms. Working its way from Spanish into English, hurricane was likely first recorded in English around the mid-1500s. Nike Typically depicted with wings, Nike was the Greek goddess of victory. Her influence was not limited to athletics, and she could oversee any field from art to music to war. Nike is said to have earned this title as one of the first deities to offer her allegiance to Zeus during the Titanomachy, the great battle between the Titans and gods for Mount Olympus. Of course, with a winning streak like that, it’s no wonder a popular sports apparel company would name itself after her. plutocracy Plutocracy means “the rule or power of wealth” or “of the wealthy, particularly a government or state in which the wealthy class rules.” The pluto in plutocracy comes from the Roman god of wealth, Pluto. Often known best by his Greek name, Hades, Pluto also presided over the underworld. Where does the wealth factor in? Precious metals and gems are typically found underground. The word plutocracy was recorded in the English language around 1645–1655. protean The adjective protean [ proh-tee-uhn ] describes how something readily assumes different forms, shapes, or characteristics. Something that is protean is “extremely variable.” This word originates from the name of Proteus, a minor Greek sea god who served under Poseidon. Proteus was prophetic and said to be able to gaze into the past, present, and future. However, he was pretty stingy with his knowledge, so most challengers would have to surprise him and wrestle him—while Proteus continually transformed into different (usually dangerous) shapes, such as a lion or a snake! If the challenger held on throughout the transformations, Proteus would answer their question truthfully before jumping back into the sea. quetzalcoatlus Quetzalcoatlus is a genus of pterosaur from the Late Cretaceous period. Its remains were discovered in 1971 in Texas. As a flying dinosaur from the Americas, its name derives from the god Quetzalcóatl, or “the feathered serpent,” in Nahuatl. Often depicted as exactly that (in addition to having incarnations that ranged from axolotls to dogs to corn), Quetzalcóatl was a prominent god of creation and order in the pantheon of the Mexica people. His domain included powerful and sustaining forces such as the sun, the wind, agriculture, wisdom, and writing. ragnarok Popping up everywhere from video games to blockbuster movies, the word ragnarok [ rahg-nuh-rok ] just sounds cool. It’s typically used as a synonym for the end of the world—and that’s what it originally referred to. In Norse mythology, this apocalyptic moment will occur when three roosters crow and the monster hound, Garmr, breaks free of his cave. A frightening battle among gods ensues along with natural disasters. The Old Norse word Ragnarǫk that it derives from is a compound of “gods” (ragna) and “fate” (rok). Subaru Known in most of the English-speaking world as a popular car manufacturer, Subaru is a Japanese word for the Seven Sisters, or Pleiades, constellation. The Subaru logo even features the six stars visible to the naked eye in the constellation. In 2021, astronomers Ray and Barnaby Norris proposed that the constellation referred to as “Seven Sisters” by various ancient peoples (which today looks like six visible stars) once had a seventh visible star whose light has been swallowed up by the light of another. Tuesday/Wednesday/Thursday/Friday/Saturday If we want an example of mythology rooted in our day-to-day, we needn’t look any further than the days of the week. Initially, Romans named their days of the week after the planets, which included the sun and the moon (Sunday and Monday). As the Roman Empire expanded to include Germanic-speaking peoples, the names of the weekdays were adapted to reflect the names of gods familiar to the local populations. Today, five out of seven days of the week are linked to the names of mythological gods, four of which are Old Germanic/Norse in origin. Tuesday is rooted in the name of the Norse god of war and justice, Tyr. Wednesday descends from Woden (alternatively, Odin), a widely revered Germanic-Norse god who presided over healing, wisdom, death, war, poetry, and sorcery. Thursday is derived from the thunder god Thor. Finally, Friday owes its name to Frigg, the goddess of marriage, prophecy, clairvoyance, and motherhood. The outlier of the weekday group is Saturday, which traces its name back to Saturn, the Roman god of time, wealth, and renewal. While scholars are uncertain as to when the Germanic-Norse adaptations of the days of the week were introduced, it is estimated to have occurred between 200-500 CE to predate the spread of Christianity and the final collapse of the Roman Empire. weird While weird today generally means “bizarre” or “unusual,” its older use has been to refer to something that is “uncanny” or relating to the supernatural. This links into the original definition of weird, or then wyrd, as being able to control fate or destiny. The Old English derivation of the Germanic word was first recorded before 900 CE as wyrd; then in Middle English as the phrase werde sisters, which referred to the Fates. According to Greek mythology, the three goddesses known as the Fates control the destinies of the lives of man. In the early 1600s, Shakespeare’s Macbeth, used werde sisters to refer to these witches in the play. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 156 Views 0 Reviews
  • เมื่อคำสั่งสั้น ๆ ถึง AI กลายเป็นภาระต่อโลก – และการคลิกก็ไม่ไร้ผลอีกต่อไป

    Google เพิ่งเปิดเผยข้อมูลที่หลายคนรอคอยมานาน: คำสั่งข้อความหนึ่งคำสั่งที่ส่งไปยัง Gemini AI ใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 0.24 วัตต์-ชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับการดูทีวีประมาณ 9 วินาที และใช้น้ำประมาณ 0.26 มิลลิลิตร หรือราว 5 หยด เพื่อระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล

    แม้ตัวเลขจะดูเล็ก แต่เมื่อคูณกับจำนวนผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลก และคำสั่งที่ส่งเข้ามานับพันล้านครั้งต่อวัน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อรวมกับพลังงานที่ใช้ในการฝึกโมเดล AI ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในตัวเลขนี้

    Google ระบุว่า 58% ของพลังงานถูกใช้โดยชิป TPU ที่รันโมเดล AI ส่วนอีก 25% มาจาก CPU และหน่วยความจำของเครื่องแม่ข่าย และอีก 10% จากเครื่องสำรองที่เปิดไว้เผื่อระบบล่ม ส่วนที่เหลือ 8% เป็นค่าใช้จ่ายทั่วไปของศูนย์ข้อมูล เช่น ระบบระบายความร้อนและแปลงไฟ

    แม้ Google จะพยายามลดการใช้พลังงานและคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของ Gemini ลงถึง 33 เท่าและ 44 เท่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังตั้งคำถามว่า ตัวเลขเหล่านี้อาจไม่สะท้อนความจริงทั้งหมด เพราะไม่ได้รวมการใช้น้ำทางอ้อม หรือผลกระทบจากแหล่งพลังงานที่ใช้จริงในแต่ละพื้นที่

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    คำสั่งหนึ่งคำสั่งถึง Gemini AI ใช้พลังงานเฉลี่ย 0.24 วัตต์-ชั่วโมง
    เทียบเท่ากับการดูทีวีประมาณ 9 วินาที และใช้น้ำประมาณ 0.26 มิลลิลิตรเพื่อระบายความร้อน
    58% ของพลังงานใช้กับชิป TPU, 25% กับ CPU และ DRAM, 10% กับเครื่องสำรอง, 8% กับระบบศูนย์ข้อมูล
    Google ลดการใช้พลังงานและคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของ Gemini ลง 33x และ 44x ภายใน 12 เดือน
    รายงานนี้เป็นครั้งแรกที่บริษัท AI รายใหญ่เปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานต่อคำสั่งอย่างละเอียด
    Google หวังให้รายงานนี้เป็นมาตรฐานใหม่ในการวัดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ AI
    ตัวเลขไม่รวมพลังงานจากการฝึกโมเดล, อุปกรณ์ผู้ใช้, หรือเครือข่ายภายนอก
    Gemini มีผู้ใช้งานมากกว่า 350 ล้านคนต่อเดือน ณ เดือนเมษายน 2025
    การวัดผลกระทบใช้ค่าเฉลี่ยจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลกของ Google
    รายงานยังไม่ผ่านการ peer review แต่ Google เปิดรับข้อเสนอให้ตรวจสอบในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    OpenAI เคยระบุว่าแต่ละคำสั่งใช้พลังงานประมาณ 0.34 วัตต์-ชั่วโมง เทียบเท่าการเปิดเตาอบ 1 วินาที
    นักวิจัยจาก MIT ระบุว่าการเปิดเผยข้อมูลนี้ช่วยให้เข้าใจผลกระทบของ AI ได้ชัดเจนขึ้น
    นักวิชาการบางคนชี้ว่า Google ใช้ “market-based” carbon measure ซึ่งอาจไม่สะท้อนผลกระทบจริงในแต่ละพื้นที่
    การใช้น้ำทางอ้อม เช่น น้ำที่ใช้ผลิตไฟฟ้า ยังไม่รวมอยู่ในตัวเลขที่รายงาน
    การใช้ AI อย่างแพร่หลายอาจทำให้ความพยายามลดคาร์บอนของบริษัทถูกกลบด้วยการใช้งานที่เพิ่มขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/google-one-ai-prompt-uses-as-much-energy-as-nine-seconds-of-tv
    🎙️ เมื่อคำสั่งสั้น ๆ ถึง AI กลายเป็นภาระต่อโลก – และการคลิกก็ไม่ไร้ผลอีกต่อไป Google เพิ่งเปิดเผยข้อมูลที่หลายคนรอคอยมานาน: คำสั่งข้อความหนึ่งคำสั่งที่ส่งไปยัง Gemini AI ใช้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ย 0.24 วัตต์-ชั่วโมง ซึ่งเทียบเท่ากับการดูทีวีประมาณ 9 วินาที และใช้น้ำประมาณ 0.26 มิลลิลิตร หรือราว 5 หยด เพื่อระบายความร้อนในศูนย์ข้อมูล แม้ตัวเลขจะดูเล็ก แต่เมื่อคูณกับจำนวนผู้ใช้หลายร้อยล้านคนทั่วโลก และคำสั่งที่ส่งเข้ามานับพันล้านครั้งต่อวัน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล โดยเฉพาะเมื่อรวมกับพลังงานที่ใช้ในการฝึกโมเดล AI ซึ่งไม่ได้รวมอยู่ในตัวเลขนี้ Google ระบุว่า 58% ของพลังงานถูกใช้โดยชิป TPU ที่รันโมเดล AI ส่วนอีก 25% มาจาก CPU และหน่วยความจำของเครื่องแม่ข่าย และอีก 10% จากเครื่องสำรองที่เปิดไว้เผื่อระบบล่ม ส่วนที่เหลือ 8% เป็นค่าใช้จ่ายทั่วไปของศูนย์ข้อมูล เช่น ระบบระบายความร้อนและแปลงไฟ แม้ Google จะพยายามลดการใช้พลังงานและคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของ Gemini ลงถึง 33 เท่าและ 44 เท่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แต่ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังตั้งคำถามว่า ตัวเลขเหล่านี้อาจไม่สะท้อนความจริงทั้งหมด เพราะไม่ได้รวมการใช้น้ำทางอ้อม หรือผลกระทบจากแหล่งพลังงานที่ใช้จริงในแต่ละพื้นที่ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ คำสั่งหนึ่งคำสั่งถึง Gemini AI ใช้พลังงานเฉลี่ย 0.24 วัตต์-ชั่วโมง ➡️ เทียบเท่ากับการดูทีวีประมาณ 9 วินาที และใช้น้ำประมาณ 0.26 มิลลิลิตรเพื่อระบายความร้อน ➡️ 58% ของพลังงานใช้กับชิป TPU, 25% กับ CPU และ DRAM, 10% กับเครื่องสำรอง, 8% กับระบบศูนย์ข้อมูล ➡️ Google ลดการใช้พลังงานและคาร์บอนฟุตพริ้นต์ของ Gemini ลง 33x และ 44x ภายใน 12 เดือน ➡️ รายงานนี้เป็นครั้งแรกที่บริษัท AI รายใหญ่เปิดเผยข้อมูลการใช้พลังงานต่อคำสั่งอย่างละเอียด ➡️ Google หวังให้รายงานนี้เป็นมาตรฐานใหม่ในการวัดผลกระทบสิ่งแวดล้อมของ AI ➡️ ตัวเลขไม่รวมพลังงานจากการฝึกโมเดล, อุปกรณ์ผู้ใช้, หรือเครือข่ายภายนอก ➡️ Gemini มีผู้ใช้งานมากกว่า 350 ล้านคนต่อเดือน ณ เดือนเมษายน 2025 ➡️ การวัดผลกระทบใช้ค่าเฉลี่ยจากศูนย์ข้อมูลทั่วโลกของ Google ➡️ รายงานยังไม่ผ่านการ peer review แต่ Google เปิดรับข้อเสนอให้ตรวจสอบในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ OpenAI เคยระบุว่าแต่ละคำสั่งใช้พลังงานประมาณ 0.34 วัตต์-ชั่วโมง เทียบเท่าการเปิดเตาอบ 1 วินาที ➡️ นักวิจัยจาก MIT ระบุว่าการเปิดเผยข้อมูลนี้ช่วยให้เข้าใจผลกระทบของ AI ได้ชัดเจนขึ้น ➡️ นักวิชาการบางคนชี้ว่า Google ใช้ “market-based” carbon measure ซึ่งอาจไม่สะท้อนผลกระทบจริงในแต่ละพื้นที่ ➡️ การใช้น้ำทางอ้อม เช่น น้ำที่ใช้ผลิตไฟฟ้า ยังไม่รวมอยู่ในตัวเลขที่รายงาน ➡️ การใช้ AI อย่างแพร่หลายอาจทำให้ความพยายามลดคาร์บอนของบริษัทถูกกลบด้วยการใช้งานที่เพิ่มขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/22/google-one-ai-prompt-uses-as-much-energy-as-nine-seconds-of-tv
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Google: One AI prompt uses as much energy as nine seconds of TV
    A single text prompt to Google's artificial intelligence (AI) software, Gemini, consumes roughly as much electricity as just under nine seconds of television, the company said on Aug 21.
    0 Comments 0 Shares 105 Views 0 Reviews
  • เมื่อการรีวิวโค้ดแบบเดิมไม่ตอบโจทย์ – และความพยายามสร้างเครื่องมือใหม่ก็ยังไม่ง่าย

    หลายคนที่เขียนโค้ดคงคุ้นเคยกับการรีวิวโค้ดผ่าน GitHub ซึ่งแม้จะสะดวก แต่ก็มีข้อจำกัดมากมาย โดยเฉพาะเรื่อง “stacked pull requests” และ “interdiff reviews” ที่ GitHub ยังรองรับได้ไม่ดีนัก

    Matklad จาก TigerBeetle จึงทดลองสร้างเครื่องมือใหม่ชื่อว่า git-review โดยมีแนวคิดว่า “การรีวิวโค้ดควรเป็น commit หนึ่งที่อยู่บน branch ของ PR” ซึ่ง reviewer และ author สามารถแก้ไขร่วมกันได้ โดยใช้ inline comment ในโค้ดจริงแทนการพิมพ์ใน browser

    แนวคิดนี้ช่วยให้การรีวิวโค้ดมีบริบทมากขึ้น เช่น reviewer สามารถรันเทสต์, ลอง refactor, หรือใช้ code completion ได้ทันทีใน editor ของตัวเอง แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อมีการแก้ไขโค้ดระหว่างรีวิว เพราะ comment ที่อยู่ใน commit อาจขัดแย้งกับโค้ดใหม่ ทำให้เกิด conflict และต้องใช้ git push --force-with-lease ซึ่งเพิ่มความยุ่งยาก

    สุดท้าย แม้แนวคิดจะดี แต่ git-review ก็ถูก “พักไว้ก่อน” เพราะความซับซ้อนเกินกว่าที่จะควบคุมได้ใน 500 บรรทัดของโค้ดต้นแบบ

    อย่างไรก็ตาม Matklad เชื่อว่าอนาคตของ code review อาจเปลี่ยนไป หาก Git รองรับ “Change-Id” แบบ Gerrit ซึ่งจะช่วยให้ track การเปลี่ยนแปลงของ commit ได้ดีขึ้น และอาจเปิดทางให้รีวิวแบบ interdiff กลายเป็นมาตรฐานใหม่

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    GitHub มีข้อจำกัดในการรองรับ stacked pull requests และ interdiff reviews
    git-review ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดลองแนวคิดใหม่ในการรีวิวโค้ด
    แนวคิดคือการใช้ commit เดียวบน PR branch เพื่อเก็บ comment รีวิว
    Reviewer สามารถใช้ editor ของตัวเองในการรันเทสต์และ refactor ได้ทันที
    การรีวิวแบบนี้ช่วยให้มีบริบทมากกว่าการดู diff ผ่าน browser
    ปัญหาเกิดเมื่อมีการแก้ไขโค้ดระหว่างรีวิว ทำให้ comment เกิด conflict
    ต้องใช้ git push --force-with-lease ซึ่งเพิ่มความยุ่งยาก
    git-review ถูกพักไว้เพราะความซับซ้อนเกินกว่าที่ควบคุมได้
    Matklad หวังว่า Git จะรองรับ Change-Id เพื่อช่วยให้ interdiff review เป็นไปได้
    เขาเชื่อว่าการรีวิวโค้ดควรอยู่ใน repository ไม่ใช่ในระบบ web-based

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gerrit และ Fossil เป็นระบบที่เก็บสถานะรีวิวไว้ใน repository
    เครื่องมืออย่าง git-appraise, git-bug, และ prr พยายามแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีต่าง ๆ
    Jane Street ใช้ระบบรีวิวภายในที่ไม่พึ่งพา web interface และมีประสิทธิภาพสูง
    ในปี 2025 เครื่องมือรีวิวโค้ดที่ได้รับความนิยมยังคงเป็น GitHub Pull Requests, Gerrit, และ Phabricator
    DevOps และ Agile ทำให้ความต้องการรีวิวโค้ดแบบ real-time และ contextual เพิ่มขึ้น

    https://tigerbeetle.com/blog/2025-08-04-code-review-can-be-better/
    🎙️ เมื่อการรีวิวโค้ดแบบเดิมไม่ตอบโจทย์ – และความพยายามสร้างเครื่องมือใหม่ก็ยังไม่ง่าย หลายคนที่เขียนโค้ดคงคุ้นเคยกับการรีวิวโค้ดผ่าน GitHub ซึ่งแม้จะสะดวก แต่ก็มีข้อจำกัดมากมาย โดยเฉพาะเรื่อง “stacked pull requests” และ “interdiff reviews” ที่ GitHub ยังรองรับได้ไม่ดีนัก Matklad จาก TigerBeetle จึงทดลองสร้างเครื่องมือใหม่ชื่อว่า git-review โดยมีแนวคิดว่า “การรีวิวโค้ดควรเป็น commit หนึ่งที่อยู่บน branch ของ PR” ซึ่ง reviewer และ author สามารถแก้ไขร่วมกันได้ โดยใช้ inline comment ในโค้ดจริงแทนการพิมพ์ใน browser แนวคิดนี้ช่วยให้การรีวิวโค้ดมีบริบทมากขึ้น เช่น reviewer สามารถรันเทสต์, ลอง refactor, หรือใช้ code completion ได้ทันทีใน editor ของตัวเอง แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเมื่อมีการแก้ไขโค้ดระหว่างรีวิว เพราะ comment ที่อยู่ใน commit อาจขัดแย้งกับโค้ดใหม่ ทำให้เกิด conflict และต้องใช้ git push --force-with-lease ซึ่งเพิ่มความยุ่งยาก สุดท้าย แม้แนวคิดจะดี แต่ git-review ก็ถูก “พักไว้ก่อน” เพราะความซับซ้อนเกินกว่าที่จะควบคุมได้ใน 500 บรรทัดของโค้ดต้นแบบ อย่างไรก็ตาม Matklad เชื่อว่าอนาคตของ code review อาจเปลี่ยนไป หาก Git รองรับ “Change-Id” แบบ Gerrit ซึ่งจะช่วยให้ track การเปลี่ยนแปลงของ commit ได้ดีขึ้น และอาจเปิดทางให้รีวิวแบบ interdiff กลายเป็นมาตรฐานใหม่ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ GitHub มีข้อจำกัดในการรองรับ stacked pull requests และ interdiff reviews ➡️ git-review ถูกสร้างขึ้นเพื่อทดลองแนวคิดใหม่ในการรีวิวโค้ด ➡️ แนวคิดคือการใช้ commit เดียวบน PR branch เพื่อเก็บ comment รีวิว ➡️ Reviewer สามารถใช้ editor ของตัวเองในการรันเทสต์และ refactor ได้ทันที ➡️ การรีวิวแบบนี้ช่วยให้มีบริบทมากกว่าการดู diff ผ่าน browser ➡️ ปัญหาเกิดเมื่อมีการแก้ไขโค้ดระหว่างรีวิว ทำให้ comment เกิด conflict ➡️ ต้องใช้ git push --force-with-lease ซึ่งเพิ่มความยุ่งยาก ➡️ git-review ถูกพักไว้เพราะความซับซ้อนเกินกว่าที่ควบคุมได้ ➡️ Matklad หวังว่า Git จะรองรับ Change-Id เพื่อช่วยให้ interdiff review เป็นไปได้ ➡️ เขาเชื่อว่าการรีวิวโค้ดควรอยู่ใน repository ไม่ใช่ในระบบ web-based ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gerrit และ Fossil เป็นระบบที่เก็บสถานะรีวิวไว้ใน repository ➡️ เครื่องมืออย่าง git-appraise, git-bug, และ prr พยายามแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีต่าง ๆ ➡️ Jane Street ใช้ระบบรีวิวภายในที่ไม่พึ่งพา web interface และมีประสิทธิภาพสูง ➡️ ในปี 2025 เครื่องมือรีวิวโค้ดที่ได้รับความนิยมยังคงเป็น GitHub Pull Requests, Gerrit, และ Phabricator ➡️ DevOps และ Agile ทำให้ความต้องการรีวิวโค้ดแบบ real-time และ contextual เพิ่มขึ้น https://tigerbeetle.com/blog/2025-08-04-code-review-can-be-better/
    TIGERBEETLE.COM
    Code Review Can Be Better
    Insights, updates, and technical deep dives on building a high-performance financial transactions database.
    0 Comments 0 Shares 118 Views 0 Reviews
  • Anna’s Archive ยังอยู่ และยังสู้: อัปเดตล่าสุดจากทีมงาน

    ในเดือนสิงหาคม 2025 ทีมงาน Anna’s Archive ออกมาอัปเดตสถานการณ์ล่าสุดผ่านบล็อกของพวกเขา โดยระบุว่ากำลังเผชิญ “การโจมตีที่เพิ่มขึ้น” ต่อภารกิจของพวกเขาในการปกป้องและเผยแพร่ความรู้ของมนุษยชาติ

    ตั้งแต่เริ่มต้นในปี 2022 พวกเขาได้ “ปลดปล่อย” หนังสือ บทความวิชาการ นิตยสาร และหนังสือพิมพ์หลายสิบล้านรายการจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Internet Archive, HathiTrust, DuXiu และอื่น ๆ ผ่านการ scrape และการแชร์แบบ torrent

    นอกจากนี้ยังได้รวบรวม metadata จากแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก เช่น WorldCat และ Google Books เพื่อระบุว่าหนังสือเล่มใดยังขาดหาย และควรได้รับการช่วยเหลือก่อน

    ทีมงานยังได้สร้างพันธมิตรกับ LibGen forks, STC/Nexus และ Z-Library เพื่อแลกเปลี่ยนไฟล์และ mirror ข้อมูลซึ่งช่วยให้ความรู้เหล่านี้ไม่สูญหายไปจากโลก แม้จะมีข่าวเศร้าคือหนึ่งใน LibGen forks ได้หายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ

    มีผู้เล่นใหม่ชื่อ WeLib ที่ใช้โค้ดของ Anna’s Archive และ mirror ข้อมูล แต่ไม่ได้แบ่งปันอะไรกลับคืนสู่ระบบนิเวศ ทีมงานจึงแนะนำให้ “ใช้ด้วยความระมัดระวัง” และไม่แนะนำให้ใช้งาน

    ขณะนี้ยังมีข้อมูลใหม่หลายร้อยเทราไบต์รอการประมวลผล และทีมงานเชิญชวนผู้สนใจให้เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครหรือบริจาคเพื่อช่วยให้โครงการดำเนินต่อไปได้

    ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Anna’s Archive
    เผชิญการโจมตีต่อภารกิจในการปกป้องความรู้ของมนุษยชาติ
    ดำเนินการ harden ระบบ infrastructure และความปลอดภัยเชิงปฏิบัติการ
    ได้ scrape ไฟล์จาก IA CDL, HathiTrust, DuXiu และอื่น ๆ รวมหลายสิบล้านรายการ
    รวบรวม metadata จาก WorldCat และ Google Books เพื่อระบุหนังสือที่ยังขาด
    สร้างพันธมิตรกับ LibGen forks, STC/Nexus และ Z-Library เพื่อ mirror ข้อมูล
    มีข้อมูลใหม่หลายร้อยเทราไบต์รอการประมวลผล
    เชิญชวนให้ร่วมเป็นอาสาสมัครหรือบริจาคผ่านหน้า Volunteering และ Donate

    Anna’s Archive มีหนังสือกว่า 51 ล้านเล่ม และบทความวิชาการกว่า 98 ล้านรายการ
    ส่งผลต่อการวิจัยทั่วโลก โดยช่วยลดช่องว่างระหว่างมหาวิทยาลัยใหญ่กับสถาบันเล็ก
    นักวิจัยรายงานว่าใช้เวลาทำ literature review ลดลงถึง 60–80%
    ส่งเสริมการวิจัยข้ามสาขาเพิ่มขึ้นกว่า 40%
    บางมหาวิทยาลัยเริ่มปรับบทบาทห้องสมุดจากการเก็บหนังสือ สู่การฝึกทักษะดิจิทัล
    ผู้ให้บริการ AI และนักวิจัยใช้ข้อมูลจาก Anna’s Archive เพื่อฝึกโมเดลและวิเคราะห์ข้อมูล

    https://annas-archive.org/blog/an-update-from-the-team.html
    🔐 Anna’s Archive ยังอยู่ และยังสู้: อัปเดตล่าสุดจากทีมงาน ในเดือนสิงหาคม 2025 ทีมงาน Anna’s Archive ออกมาอัปเดตสถานการณ์ล่าสุดผ่านบล็อกของพวกเขา โดยระบุว่ากำลังเผชิญ “การโจมตีที่เพิ่มขึ้น” ต่อภารกิจของพวกเขาในการปกป้องและเผยแพร่ความรู้ของมนุษยชาติ ตั้งแต่เริ่มต้นในปี 2022 พวกเขาได้ “ปลดปล่อย” หนังสือ บทความวิชาการ นิตยสาร และหนังสือพิมพ์หลายสิบล้านรายการจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Internet Archive, HathiTrust, DuXiu และอื่น ๆ ผ่านการ scrape และการแชร์แบบ torrent นอกจากนี้ยังได้รวบรวม metadata จากแหล่งใหญ่ที่สุดในโลก เช่น WorldCat และ Google Books เพื่อระบุว่าหนังสือเล่มใดยังขาดหาย และควรได้รับการช่วยเหลือก่อน ทีมงานยังได้สร้างพันธมิตรกับ LibGen forks, STC/Nexus และ Z-Library เพื่อแลกเปลี่ยนไฟล์และ mirror ข้อมูลซึ่งช่วยให้ความรู้เหล่านี้ไม่สูญหายไปจากโลก แม้จะมีข่าวเศร้าคือหนึ่งใน LibGen forks ได้หายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ มีผู้เล่นใหม่ชื่อ WeLib ที่ใช้โค้ดของ Anna’s Archive และ mirror ข้อมูล แต่ไม่ได้แบ่งปันอะไรกลับคืนสู่ระบบนิเวศ ทีมงานจึงแนะนำให้ “ใช้ด้วยความระมัดระวัง” และไม่แนะนำให้ใช้งาน ขณะนี้ยังมีข้อมูลใหม่หลายร้อยเทราไบต์รอการประมวลผล และทีมงานเชิญชวนผู้สนใจให้เข้าร่วมเป็นอาสาสมัครหรือบริจาคเพื่อช่วยให้โครงการดำเนินต่อไปได้ ✅ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ Anna’s Archive ➡️ เผชิญการโจมตีต่อภารกิจในการปกป้องความรู้ของมนุษยชาติ ➡️ ดำเนินการ harden ระบบ infrastructure และความปลอดภัยเชิงปฏิบัติการ ➡️ ได้ scrape ไฟล์จาก IA CDL, HathiTrust, DuXiu และอื่น ๆ รวมหลายสิบล้านรายการ ➡️ รวบรวม metadata จาก WorldCat และ Google Books เพื่อระบุหนังสือที่ยังขาด ➡️ สร้างพันธมิตรกับ LibGen forks, STC/Nexus และ Z-Library เพื่อ mirror ข้อมูล ➡️ มีข้อมูลใหม่หลายร้อยเทราไบต์รอการประมวลผล ➡️ เชิญชวนให้ร่วมเป็นอาสาสมัครหรือบริจาคผ่านหน้า Volunteering และ Donate ➡️ Anna’s Archive มีหนังสือกว่า 51 ล้านเล่ม และบทความวิชาการกว่า 98 ล้านรายการ ➡️ ส่งผลต่อการวิจัยทั่วโลก โดยช่วยลดช่องว่างระหว่างมหาวิทยาลัยใหญ่กับสถาบันเล็ก ➡️ นักวิจัยรายงานว่าใช้เวลาทำ literature review ลดลงถึง 60–80% ➡️ ส่งเสริมการวิจัยข้ามสาขาเพิ่มขึ้นกว่า 40% ➡️ บางมหาวิทยาลัยเริ่มปรับบทบาทห้องสมุดจากการเก็บหนังสือ สู่การฝึกทักษะดิจิทัล ➡️ ผู้ให้บริการ AI และนักวิจัยใช้ข้อมูลจาก Anna’s Archive เพื่อฝึกโมเดลและวิเคราะห์ข้อมูล https://annas-archive.org/blog/an-update-from-the-team.html
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • ศึกกราฟิกการ์ดระดับกลาง: จาก RTX 2070 สู่ RTX 5070

    ในโลกของเกมพีซี กราฟิกการ์ดระดับกลางของ NVIDIA ถือเป็นจุดสมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ และในปี 2025 นี้ RTX 5070 ได้เปิดตัวพร้อมความแรงที่เหนือกว่าเดิม แต่คำถามคือ “คุ้มไหมถ้าอัปเกรด?”

    จากการทดสอบของ ComputerBase และ NanoReview พบว่า RTX 5070 มีประสิทธิภาพสูงสุดในกลุ่ม โดยเฉพาะในเกมที่ใช้ ray tracing และความละเอียด 4K เช่น Cyberpunk 2077, Horizon Forbidden West และ Ghost of Tsushima

    ที่ความละเอียด 1080p การเปลี่ยนแปลงไม่ชัดเจนมากนัก เพราะเกมมักถูกจำกัดด้วย CPU แต่ที่ 4K ความต่างเริ่มชัดเจน—RTX 5070 ทำเฟรมเรตได้สูงกว่า RTX 4070 ถึง 20–30% ในหลายเกม

    อย่างไรก็ตาม RTX 4070 กลับโดดเด่นในด้าน “ประสิทธิภาพต่อวัตต์” และ “ความเย็น” ทำให้เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการความสมดุลระหว่างแรงกับความเงียบ

    RTX 3070 และ 2070 ยังถือว่า “เล่นได้ดี” ในหลายเกม แต่เริ่มตามไม่ทันในงานที่ใช้ ray tracing หนัก ๆ หรือความละเอียดสูง

    ประสิทธิภาพของแต่ละรุ่น
    RTX 5070 ทำเฟรมเรตสูงสุดในทุกความละเอียด โดยเฉพาะ 4K
    Cyberpunk 2077 ที่ 4K: 2070 = 19 FPS, 3070 = 31 FPS, 4070 = 48 FPS, 5070 = 63 FPS
    Ratchet & Clank: 2070 = 19 FPS, 4070 = 92 FPS, 5070 = 119 FPS
    Overwatch 2 ที่ 4K: 2070 = 99 FPS, 5070 = 275 FPS
    RTX 4070 มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่า 5070 ถึง 25%
    RTX 5070 ใช้พลังงานมากขึ้น (231W) แต่ให้เฟรมเรตสูงกว่า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RTX 5070 ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ 4nm และหน่วยความจำ GDDR7
    รองรับ DLSS 4 ที่ใช้โมเดล Transformer ทำให้ภาพลื่นขึ้น
    RTX 4070 เหมาะกับผู้เล่นที่เน้นความเย็นและเสียงเงียบ
    RTX 3070 ยังเล่นเกม AAA ได้ดีที่ 1080p และ 1440p
    RTX 2070 เริ่มล้าหลังในเกมที่ใช้ ray tracing หนัก ๆ
    การอัปเกรดจาก 4070 ไป 5070 อาจไม่คุ้มในแง่ประสิทธิภาพต่อราคา

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-midrange-gpus-through-the-years-revisited-pitting-the-rtx-5070-versus-the-4070-3070-and-2070-in-an-all-encompassing-gaming-showdown
    🎯 ศึกกราฟิกการ์ดระดับกลาง: จาก RTX 2070 สู่ RTX 5070 ในโลกของเกมพีซี กราฟิกการ์ดระดับกลางของ NVIDIA ถือเป็นจุดสมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ และในปี 2025 นี้ RTX 5070 ได้เปิดตัวพร้อมความแรงที่เหนือกว่าเดิม แต่คำถามคือ “คุ้มไหมถ้าอัปเกรด?” จากการทดสอบของ ComputerBase และ NanoReview พบว่า RTX 5070 มีประสิทธิภาพสูงสุดในกลุ่ม โดยเฉพาะในเกมที่ใช้ ray tracing และความละเอียด 4K เช่น Cyberpunk 2077, Horizon Forbidden West และ Ghost of Tsushima ที่ความละเอียด 1080p การเปลี่ยนแปลงไม่ชัดเจนมากนัก เพราะเกมมักถูกจำกัดด้วย CPU แต่ที่ 4K ความต่างเริ่มชัดเจน—RTX 5070 ทำเฟรมเรตได้สูงกว่า RTX 4070 ถึง 20–30% ในหลายเกม อย่างไรก็ตาม RTX 4070 กลับโดดเด่นในด้าน “ประสิทธิภาพต่อวัตต์” และ “ความเย็น” ทำให้เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการความสมดุลระหว่างแรงกับความเงียบ RTX 3070 และ 2070 ยังถือว่า “เล่นได้ดี” ในหลายเกม แต่เริ่มตามไม่ทันในงานที่ใช้ ray tracing หนัก ๆ หรือความละเอียดสูง ✅ ประสิทธิภาพของแต่ละรุ่น ➡️ RTX 5070 ทำเฟรมเรตสูงสุดในทุกความละเอียด โดยเฉพาะ 4K ➡️ Cyberpunk 2077 ที่ 4K: 2070 = 19 FPS, 3070 = 31 FPS, 4070 = 48 FPS, 5070 = 63 FPS ➡️ Ratchet & Clank: 2070 = 19 FPS, 4070 = 92 FPS, 5070 = 119 FPS ➡️ Overwatch 2 ที่ 4K: 2070 = 99 FPS, 5070 = 275 FPS ➡️ RTX 4070 มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่า 5070 ถึง 25% ➡️ RTX 5070 ใช้พลังงานมากขึ้น (231W) แต่ให้เฟรมเรตสูงกว่า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RTX 5070 ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ 4nm และหน่วยความจำ GDDR7 ➡️ รองรับ DLSS 4 ที่ใช้โมเดล Transformer ทำให้ภาพลื่นขึ้น ➡️ RTX 4070 เหมาะกับผู้เล่นที่เน้นความเย็นและเสียงเงียบ ➡️ RTX 3070 ยังเล่นเกม AAA ได้ดีที่ 1080p และ 1440p ➡️ RTX 2070 เริ่มล้าหลังในเกมที่ใช้ ray tracing หนัก ๆ ➡️ การอัปเกรดจาก 4070 ไป 5070 อาจไม่คุ้มในแง่ประสิทธิภาพต่อราคา https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-midrange-gpus-through-the-years-revisited-pitting-the-rtx-5070-versus-the-4070-3070-and-2070-in-an-all-encompassing-gaming-showdown
    0 Comments 0 Shares 151 Views 0 Reviews
  • บางครั้ง...เราไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านั่งชมพระอาทิตย์ตกกับคนข้าง ๆ กันที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲

    𝐓𝐚𝐤𝐞 𝐚 𝐦𝐨𝐦𝐞𝐧𝐭 𝐭𝐨 𝐛𝐫𝐞𝐚𝐭𝐡𝐞, 𝐬𝐢𝐭 𝐛𝐚𝐜𝐤, 𝐚𝐧𝐝 𝐰𝐚𝐭𝐜𝐡 𝐭𝐡𝐞 𝐬𝐤𝐲 𝐭𝐮𝐫𝐧 𝐢𝐧𝐭𝐨 𝐚 𝐦𝐚𝐬𝐭𝐞𝐫𝐩𝐢𝐞𝐜𝐞 — 𝐫𝐢𝐠𝐡𝐭 𝐡𝐞𝐫𝐞 Ao Luek Ocean View

    ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น.
    • Call: 065-081-0581
    รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้
    ...................................
    #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylove
    บางครั้ง...เราไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านั่งชมพระอาทิตย์ตกกับคนข้าง ๆ กันที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲⛱️ 𝐓𝐚𝐤𝐞 𝐚 𝐦𝐨𝐦𝐞𝐧𝐭 𝐭𝐨 𝐛𝐫𝐞𝐚𝐭𝐡𝐞, 𝐬𝐢𝐭 𝐛𝐚𝐜𝐤, 𝐚𝐧𝐝 𝐰𝐚𝐭𝐜𝐡 𝐭𝐡𝐞 𝐬𝐤𝐲 𝐭𝐮𝐫𝐧 𝐢𝐧𝐭𝐨 𝐚 𝐦𝐚𝐬𝐭𝐞𝐫𝐩𝐢𝐞𝐜𝐞 — 𝐫𝐢𝐠𝐡𝐭 𝐡𝐞𝐫𝐞 Ao Luek Ocean View 📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น. • Call: 065-081-0581 🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้ ................................... #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylove
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • เมื่อสายไฟละลายไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ: DIYer สร้างระบบป้องกัน RTX 5090 ด้วยสายไฟพันกันสุดโกลาหล

    ปัญหาสายไฟละลายจากหัวต่อ 16-pin ของการ์ดจอ RTX 4090 และ 5090 กลายเป็นเรื่องจริงที่ผู้ใช้งานหลายคนเจอ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับ PSU ที่จ่ายไฟสูงและสาย 12VHPWR ที่ไม่แน่นหนา

    Electronic_Ear6797 จึงสร้างระบบ “RTX 5090 Countermeasures” ที่ดูเหมือนงานศิลปะสายไฟพันกัน แต่มีระบบตรวจจับกระแสเกิน และสั่งให้ PSU ปิดตัวทันทีเมื่อเกิดความเสี่ยง

    ระบบนี้ใช้ชิ้นส่วนอุตสาหกรรม เช่น PLC จาก Mitsubishi, เซนเซอร์วัดกระแส และรีเลย์ไฟฟ้า เพื่อควบคุมการจ่ายไฟอย่างแม่นยำ โดยไม่พึ่งแค่ฟิวส์หรือระบบป้องกันพื้นฐาน

    แม้จะดูยุ่งเหยิง แต่ระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการละลายหัวต่อ ซึ่งเคยเกิดขึ้นจริงกับผู้ใช้งาน RTX 4090 และยังคงเกิดซ้ำกับ RTX 5090 แม้จะเป็นรุ่นใหม่

    ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ RTX 5090
    หัวต่อ 16-pin มีความเสี่ยงละลายจากความร้อนสูง
    ปัญหาเริ่มจาก RTX 4090 และยังเกิดซ้ำกับ RTX 5090
    สาย 12VHPWR ที่ไม่แน่นหนาเป็นสาเหตุหลัก

    ระบบป้องกันแบบ DIY
    ใช้ PLC จาก Mitsubishi และเซนเซอร์วัดกระแสไฟฟ้า
    มีรีเลย์ที่สั่งปิด PSU ทันทีเมื่อเกิดกระแสเกิน
    สร้างจากชิ้นส่วนอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่ฟิวส์ธรรมดา

    จุดเด่นของระบบ
    ป้องกันการละลายหัวต่อได้แบบ proactive
    ลดความเสี่ยงจากการใช้งานการ์ดจอระดับสูง
    เป็นตัวอย่างของการแก้ปัญหาด้วยความรู้ด้านไฟฟ้าและระบบควบคุม

    ข้อมูลเสริมจากวงการฮาร์ดแวร์
    Thermal Grizzly มีผลิตภัณฑ์ WireView สำหรับตรวจสอบพลังงาน GPU
    Corsair และ Seasonic เริ่มออกแบบสาย 12VHPWR รุ่นใหม่ที่แน่นหนาขึ้น
    ผู้ผลิตบางรายเริ่มพัฒนา GPU ที่ใช้หัวต่อแบบใหม่เพื่อลดความเสี่ยง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/diyer-creates-rtx-5090-countermeasures-with-cabling-spaghetti-to-mitigate-16-pin-meltdowns-system-automatically-shuts-down-when-the-overcurrent-protection-is-triggered
    🧠 เมื่อสายไฟละลายไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ: DIYer สร้างระบบป้องกัน RTX 5090 ด้วยสายไฟพันกันสุดโกลาหล ปัญหาสายไฟละลายจากหัวต่อ 16-pin ของการ์ดจอ RTX 4090 และ 5090 กลายเป็นเรื่องจริงที่ผู้ใช้งานหลายคนเจอ โดยเฉพาะเมื่อใช้กับ PSU ที่จ่ายไฟสูงและสาย 12VHPWR ที่ไม่แน่นหนา Electronic_Ear6797 จึงสร้างระบบ “RTX 5090 Countermeasures” ที่ดูเหมือนงานศิลปะสายไฟพันกัน แต่มีระบบตรวจจับกระแสเกิน และสั่งให้ PSU ปิดตัวทันทีเมื่อเกิดความเสี่ยง ระบบนี้ใช้ชิ้นส่วนอุตสาหกรรม เช่น PLC จาก Mitsubishi, เซนเซอร์วัดกระแส และรีเลย์ไฟฟ้า เพื่อควบคุมการจ่ายไฟอย่างแม่นยำ โดยไม่พึ่งแค่ฟิวส์หรือระบบป้องกันพื้นฐาน แม้จะดูยุ่งเหยิง แต่ระบบนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากการละลายหัวต่อ ซึ่งเคยเกิดขึ้นจริงกับผู้ใช้งาน RTX 4090 และยังคงเกิดซ้ำกับ RTX 5090 แม้จะเป็นรุ่นใหม่ ✅ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ RTX 5090 ➡️ หัวต่อ 16-pin มีความเสี่ยงละลายจากความร้อนสูง ➡️ ปัญหาเริ่มจาก RTX 4090 และยังเกิดซ้ำกับ RTX 5090 ➡️ สาย 12VHPWR ที่ไม่แน่นหนาเป็นสาเหตุหลัก ✅ ระบบป้องกันแบบ DIY ➡️ ใช้ PLC จาก Mitsubishi และเซนเซอร์วัดกระแสไฟฟ้า ➡️ มีรีเลย์ที่สั่งปิด PSU ทันทีเมื่อเกิดกระแสเกิน ➡️ สร้างจากชิ้นส่วนอุตสาหกรรม ไม่ใช่แค่ฟิวส์ธรรมดา ✅ จุดเด่นของระบบ ➡️ ป้องกันการละลายหัวต่อได้แบบ proactive ➡️ ลดความเสี่ยงจากการใช้งานการ์ดจอระดับสูง ➡️ เป็นตัวอย่างของการแก้ปัญหาด้วยความรู้ด้านไฟฟ้าและระบบควบคุม ✅ ข้อมูลเสริมจากวงการฮาร์ดแวร์ ➡️ Thermal Grizzly มีผลิตภัณฑ์ WireView สำหรับตรวจสอบพลังงาน GPU ➡️ Corsair และ Seasonic เริ่มออกแบบสาย 12VHPWR รุ่นใหม่ที่แน่นหนาขึ้น ➡️ ผู้ผลิตบางรายเริ่มพัฒนา GPU ที่ใช้หัวต่อแบบใหม่เพื่อลดความเสี่ยง https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/diyer-creates-rtx-5090-countermeasures-with-cabling-spaghetti-to-mitigate-16-pin-meltdowns-system-automatically-shuts-down-when-the-overcurrent-protection-is-triggered
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • RTX 5090D V2: การ์ด “ลดสเปก” ที่ไม่ลดพลังเกม

    NVIDIA เปิดตัว RTX 5090D V2 สำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดด้านการส่งออกจากสหรัฐฯ โดยรุ่นนี้ลดขนาดแบนด์วิดธ์หน่วยความจำจาก 512-bit เหลือ 384-bit และลด VRAM จาก 32GB เหลือ 24GB GDDR7

    แต่ผลการทดสอบจากหลายสำนัก เช่น Yesky, Expreview และ Inno3D กลับพบว่า RTX 5090D V2 มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมใกล้เคียงกับ RTX 5090D รุ่นเต็มอย่างน่าประหลาดใจ โดยเฉลี่ยช้ากว่าเพียง 1–2% เท่านั้น แม้ในความละเอียด 4K ที่ปกติจะไวต่อแบนด์วิดธ์หน่วยความจำ

    สาเหตุหนึ่งคือสถาปัตยกรรม Blackwell ของ NVIDIA ที่แม้จะรองรับแบนด์วิดธ์สูงถึง 1.79TB/s แต่กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์ 512-bit ได้เต็มที่ในงานเกม ทำให้การลดเหลือ 384-bit ไม่ส่งผลกระทบมากนัก

    การเปิดตัว RTX 5090D V2
    เป็นรุ่นที่ปรับลดสเปกเพื่อขายในจีนตามข้อจำกัดการส่งออก
    ลด VRAM จาก 32GB เหลือ 24GB และลดแบนด์วิดธ์จาก 512-bit เหลือ 384-bit
    ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell เหมือนรุ่นเต็ม

    ผลการทดสอบด้านเกม
    ประสิทธิภาพใกล้เคียง RTX 5090D ในทุกเกมที่ทดสอบ เช่น Cyberpunk 2077, Hogwarts Legacy, Borderlands 3
    เฉลี่ยช้ากว่าเพียง 1–2% แม้ในความละเอียด 4K
    DLSS 4 ช่วยให้เฟรมเรตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

    การเปรียบเทียบกับรุ่นเต็ม
    RTX 5090D มี VRAM 32GB และแบนด์วิดธ์ 512-bit
    RTX 5090D V2 มี VRAM 24GB และแบนด์วิดธ์ 384-bit
    สเปกอื่น ๆ เช่น CUDA cores, Tensor cores, TDP ยังคงเท่ากัน

    สถาปัตยกรรม Blackwell
    ใช้ GDDR7 และมี L2 cache ที่ช่วยลดการพึ่งพาแบนด์วิดธ์
    รองรับ DLSS 4 และฟีเจอร์ใหม่สำหรับการเรนเดอร์แบบ AI
    ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์ 512-bit ได้เต็มที่ในงานเกม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/early-rtx-5090d-v2-benchmarks-suggest-that-maybe-384-bit-memory-is-just-fine-after-all-nerfed-china-market-gpu-runs-within-2-2-percent-of-5090d-in-some-tests
    🧠 RTX 5090D V2: การ์ด “ลดสเปก” ที่ไม่ลดพลังเกม NVIDIA เปิดตัว RTX 5090D V2 สำหรับตลาดจีนโดยเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับข้อจำกัดด้านการส่งออกจากสหรัฐฯ โดยรุ่นนี้ลดขนาดแบนด์วิดธ์หน่วยความจำจาก 512-bit เหลือ 384-bit และลด VRAM จาก 32GB เหลือ 24GB GDDR7 แต่ผลการทดสอบจากหลายสำนัก เช่น Yesky, Expreview และ Inno3D กลับพบว่า RTX 5090D V2 มีประสิทธิภาพในการเล่นเกมใกล้เคียงกับ RTX 5090D รุ่นเต็มอย่างน่าประหลาดใจ โดยเฉลี่ยช้ากว่าเพียง 1–2% เท่านั้น แม้ในความละเอียด 4K ที่ปกติจะไวต่อแบนด์วิดธ์หน่วยความจำ สาเหตุหนึ่งคือสถาปัตยกรรม Blackwell ของ NVIDIA ที่แม้จะรองรับแบนด์วิดธ์สูงถึง 1.79TB/s แต่กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์ 512-bit ได้เต็มที่ในงานเกม ทำให้การลดเหลือ 384-bit ไม่ส่งผลกระทบมากนัก ✅ การเปิดตัว RTX 5090D V2 ➡️ เป็นรุ่นที่ปรับลดสเปกเพื่อขายในจีนตามข้อจำกัดการส่งออก ➡️ ลด VRAM จาก 32GB เหลือ 24GB และลดแบนด์วิดธ์จาก 512-bit เหลือ 384-bit ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell เหมือนรุ่นเต็ม ✅ ผลการทดสอบด้านเกม ➡️ ประสิทธิภาพใกล้เคียง RTX 5090D ในทุกเกมที่ทดสอบ เช่น Cyberpunk 2077, Hogwarts Legacy, Borderlands 3 ➡️ เฉลี่ยช้ากว่าเพียง 1–2% แม้ในความละเอียด 4K ➡️ DLSS 4 ช่วยให้เฟรมเรตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ✅ การเปรียบเทียบกับรุ่นเต็ม ➡️ RTX 5090D มี VRAM 32GB และแบนด์วิดธ์ 512-bit ➡️ RTX 5090D V2 มี VRAM 24GB และแบนด์วิดธ์ 384-bit ➡️ สเปกอื่น ๆ เช่น CUDA cores, Tensor cores, TDP ยังคงเท่ากัน ✅ สถาปัตยกรรม Blackwell ➡️ ใช้ GDDR7 และมี L2 cache ที่ช่วยลดการพึ่งพาแบนด์วิดธ์ ➡️ รองรับ DLSS 4 และฟีเจอร์ใหม่สำหรับการเรนเดอร์แบบ AI ➡️ ยังไม่สามารถใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์ 512-bit ได้เต็มที่ในงานเกม https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/early-rtx-5090d-v2-benchmarks-suggest-that-maybe-384-bit-memory-is-just-fine-after-all-nerfed-china-market-gpu-runs-within-2-2-percent-of-5090d-in-some-tests
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Early RTX 5090D V2 benchmarks suggest that maybe 384-bit memory is just fine after all — 'nerfed' China-market GPU runs within 2.2% of 5090D in some tests
    There's barely any difference in performance between the RTX 5090D and its 512-bit interface compared to the 5090D V2 and its skinnier 384-bit interface in games.
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews

  • ตอน 18
    อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ
    และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว
    จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ
    คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น
    มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ
    จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น
    อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ
    ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม!
    หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก
    พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ
    แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย
    ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร
    ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ
    แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก)
    มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ…
    แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง!
    ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย
    ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ
    บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่
    แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก
    คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ
    คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ
    ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด
    แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ
    แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม
    แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง
    พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก

    คนเล่านิทาน
     ตอน 18 อเมริกาคิดจะทำอะไร ต้องแน่ใจว่าคุมสถานการณ์ คุมเกมได้เบ็ดเสร็จ เมื่อได้เลือกไทยแลนด์แดนสวรรค์ เป็นแหล่งประทับทรง เพื่อเอาไว้จับจ้อง เตรียมต่อกรกับจีน ถึงจะไม่เป็นงานช้างแบบสู้กับคอมมี่ ตรงไปตรงมา แต่สู้กับอาเฮียตาตี่ที่ กำลังเนื้อหอม แถมจิ๊กโก๋๋ก็ทิ้งสาวไทยไปนาน จะกลับเข้ามาก็ต้องดูดีๆ เสียเชิงอาเฮียนี่มันรับไม่ได้จริงๆ นะ และโปรดอย่าลืมสันดานเดิมของจิ๊กโก๋๋นักเลงนักล้วง อเมริกาไม่เคยตีตั๋วใบเดียว ไม่เคยเล่นไพ่หน้าเดียว จากรายงานของซีไอเอ ที่เดินสายกันให้ควักไขว้ ออกอาการว่า จิ๊กโก๋๋คิดหนัก จะเลือกใครเป็นร่างทรงดี สมัยสู้คอมมี่ จอมพลคนแปลกเป็นนายก อเมริกาก็สนับสนุน 2 นายพล เอาไว้เป็นตัวเลือกคือ นายพลเผ่า กับ นายพลสฤษดิ์ ทั้งฟูมทั้งฟัก ทั้ง 2 นายพล อยากได้อะไรก็ประเคนให้ทั้งคู่ รอดูจนแน่ใจแล้วก็เคาะโป๊ก หวยออกที่นายพลสฤษดิ์ ให้เป็นผู้นำคนต่อไปของประเทศไทยแลนด์ ภายใต้การชักใยของสหรัฐ คราวนี้ก็เหมือนกัน อเมริกามีตัวเลือกแยะขึ้น แต่ยากขึ้น มองด้านความแน่นอน สัมพันธ์เก่ามีมาต่อเนื่องกว่า 50 ปี ก็มีกลุ่มนักวิ่งผลัด แต่สมัยนี้จะไปชักใย ให้ขยับขาซ้ายย้ายขาขวา อย่างเมื่อก่อนมันไม่ได้แล้วนะ ก็ดันไปตั้ง Doctrine ของตัวเองสนับสนุนประชาธิปไตยให้บานแฉ่ง แล้วถ้าเอาพี่ทหารนักวิ่งผลัดมา ป.ว. เป็นร่างทรงน่ะ ชาวบ้านเขามินินทาเอาหรือจ๊ะ ว่า ปากว่าตาขยิบ จะเป็นตัวเลือกหรือเปล่ายังไม่รู้ แต่เพื่อให่แน่ใจว่านักวิ่งพลัดไม่นอกใจ ปลายปี พ.ศ. 2555/ค.ศ.2012 พี่เบิ้มก็ส่งนายลีออน เพนเนตต้า (Leon Pennetta) รมว กลาโหม มานั่งจับเข่า คุณพี่สุกำพล รมว กลาโหมของไทยตอนนั้น อย่าลืมนะ สมันน้อย เราอุ้มเจ้าลงเปลเห่กล่อมมากว่า 50 ปีแล้ว สมันน้อยจะไปเห็นคนอื่นดีกว่าเราได้ยังไง ว่าแล้วจากจับเข่า ก็เปลี่ยนเป็นจับมือสมันน้อย แปะโป้งทำสัญญา ซึ่งแปลงเขียนเป็นแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (แหม! อีลูกช่างตะแบง กลัวจะเป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา ม190 ของรัฐธรรมนูญไง) ว่า ด้วยการเป็นหุ้นส่วนร่วมด้านความมั่นคงในศตวรรษที่ 21 ฮั่นแน่ โจ๋งครึ่มจริงๆ ไอ้นี่ มันเป็นการส่งสารข้าม(หัว) ไปถึงอาเฮียนี่หว่า ว่านี่เด็กของข้า ลื้ออย่ามาแหยม! หลังจากกำชับนักวิ่งพลัดไม่ให้แตกแถวแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูนักการเมือง ที่จะใช้บริการ ซึ่งตอนนี้ก็มีอยู่ 2 พรรคใหญ่ ระหว่างพรรคแมลงสาบกับพรรคของเหลี่ยมร้าย เอาไงดีล่ะ จิ๊กโก๋๋คิดไม่ตก พรรคแมลงสาบนี่ จิ๊กโก๋๋รู้จักดี ตั้งกะสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ปู่เสนีย์เป็นหัวหน้าเสรีไทยฝ่ายสหรัฐ พรรคนี้เคยคิดอย่างไร ทำอย่างไร ตั้งแต่สมัยสงครามโลก เดี๋ยวนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น สมเป็นพรรคแมลงสาปจริง ๆ หัวสมองอยู่ในกระป๋องสี่เหลี่ยม แก้ไม่หาย อุตส่าห์ปั๊ดตะนา เปลี่ยนหัวหน้าพรรคมาจนเดี๋ยวนี้ได้ good boyหน้าหล่อสายอังกฤษ แต่มันก็คิดเป็น ทำเป็น แบบจวนสอบได้ ซะเกือบทุกเรื่อง ขนาดแม่ยกยังลุ้นซะจนจะ ล.ด หลายตลบแล้วจิ๊กโก๋๋จะรับไหวเหร๊อ แต่มันก็ว่าง่ายดีนะ ดูตอนกู้เงิน IMF แล้วกัน 5 5 5 พวกไอรวยมาแยะนะ อ้ายน้อย ไม่เอาแมลงสาบแล้วจะเอาใคร ก็พรรคของเหลี่ยมร้ายไง เหลี่ยมร้ายไม่สนใจอาณาเขต เหลี่ยมร้ายไม่สนใจพรมแดน เหลี่ยมร้ายไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักความดีงาม เหลี่ยมร้ายไม่รู้จักคุณค่าของ สถาบัน เหลี่ยมร้ายรู้จักแต่อำนาจ การโกหก การโกงทุกรูปแบบ และทุน ทุน ทุน ไม่ว่าจะเป็น ทุนนิยมเสรี ทุนในชาติ ทุนข้ามชาติ ประชานิยม ฯลฯ ล้วนเป็นเรื่องที่เหลี่ยมรัก เหลี่ยมโปรดทั้งนั้น อืม! น่าสนใจ ความคิดคล้ายๆ กับผู้ใดหนอ แถม เหลี่ยมก็เคยปลาบปลื้ม จนลืมตน วิ่งไปเชิญ วิ่งไปซบคุณพ่อจิ๊กโก๋๋ มาหลายหน คุณจิ๊กโก๋๋ตัวลูก จอมกร่าง ยิ่งแล้วใหญ่ เหลี่ยมนับเป็นเพื่อนเลยนะ ลองไปหา cable ทูตอเมริกา (ที่วิกิลีกส์ Wikileaks ขวัญใจผม อภินันทนาการแก่ชาวโลก) มันรายงานออกมาจ้อยๆ ว่า เหลี่ยมร้าย ปลื้มจิ๊กโก๋๋ขนาดไหน โดนดุ โดนเตือนก็ไปฟ้องคุณพ่ออเมริกันทุกครั้ง แหม ตัวอยู่ไทย แต่ใจเป็นของคุณพ่อจิ๊กโก๋๋หมดแล้ว แบบนี้ไม่เลือกเป็นร่างทรงก็ใจจืดไปหน่อยนะ… แต่จิ๊กโก๋๋ไม่โง่ จะใช้คนอย่างเหลี่ยมร้าย มันต้องป้อนด้วย อำนาจและเงินไปตลอด แล้วมันเกิดทำใหญ่คับเกินฟ้า ชาวประชารับไม่ได้ (ก็กำลังชุมนุมขับไล่โค่นล้มอยู่นี่ไง) จิ๊กโก๋๋ จะควบคุมไหวหรือ เอ๊ะ หรือจะเข้าทาง! ดูประธานาธิบดีมากอส พระเจ้าชาห์แห่งอิหร่าน มูบารักของอียิปต์ ฯลฯ เป็นตัวอย่างแล้วกัน เด็กสร้างของ จิ๊กโก๋๋ทั้งนั้น ถึงจุดหนึ่งหมดประโยชน์หรือคุมไม่ได้ จิ๊กโก๋๋ก็จัดการเก็บฉาก ให้กลับบ้านเก่ากันแทบไม่ทัน บางคนแทบไม่มีเวลาแต่งศพให้สวย ถ้าเหลี่ยมร้ายบังเอิญโชคดี ได้อ่านนิทานเรื่องนี้ ก็อ่านตอนนี้หลายๆ เที่ยวหน่อยนะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือนกัน ยังไงก็คนเคยเห็นหน้า (ทางจอทีวี ฮา) มาหลายหน แต่หนหลังๆ นี้ บอกกันไม่อ้อมค้อมนะ ดูทุเรศ จริงๆ บอกได้เลยว่า การประทับทรงไทยแลนด์ของจิ๊กโก๋๋ครั้งนี้ ไม่ง่ายสะดวกโยธินเหมือนสมัยสงคราม เวียต นาม คราวนั้นบ้านเรายังไม่มีกีฬาสี และสถานการณ์ก็สร้างไว้ชัดเจน ถูกเขาขู่ว่า ถ้าไม่สู้คอมมี่ พวกยูก็อาจไม่มีแผ่น ดินเหลือให้นั่งชนไก่ แต่ตอนนี้กะตอนนู้น มันไม่เหมือนกันนะ คราวนี้ถ้าขู่ว่าจะให้เลือก ระหว่างจิ๊กโก๋๋ผมทอง กับอาเฮียตาตี่ มันก็ไม่ง่ายนะพี่เบิ้ม ระวังมันจะพลิกล็อก คนไทยน่ะ นับดีๆ เผลอๆ มีกว่าครึ่งประเทศ ที่มีเชื้อสายจีนปนอยู่ ถึงแม้เขาจะไปฟอกผิวขาวทำตาโต แต่เชื้อไขข้างใน มันก็ยังเชื้อสายจีนปน ถึงเวลาตรุษจีน ก็เอาเป็ดเอาไก่ไปไหว้เจ้าปิดถนนฉลองกัน แล้วใจคอยูจะให้เขาตัดขาดจากอาม้า อาก๋ง เขาง่าย ๆ หรือ จิ๊กโก๋๋คิดให้ดีๆ คราวนี้ถ้าจิ๊กโก๋๋คิดว่า ซอยนี้ต้องเป็นของกูคนเดียว ไม่ให้ใครเข้ามายุ่งด้วย บอกได้คำเดียวว่าเหนื่อย เหนื่อยทั้งจิ๊กโก๋๋ และเหนื่อยทั้งสมันน้อย อเมริกาเหนื่อยอย่างไร สมัยต่อสู้กับระบอบคอมมิวนิสต์ มันขู่ให้เรากลัวว่า ระบอบคอมมิวนิสต์เป็นภัยต่อประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีสิทธิเป็นเจ้าของทรัพย์สิน ทุกอย่างตกเป็นของรัฐ แค่นี้นายทุนเศรษฐีบ้านเราก็หน้าตก หูตูบกันหมดแล้ว ทุกคนต้องทำงานให้คอมมูน เพื่อความเท่าเทียมกัน ไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะ คนไทยเคยอยู่สบายๆ เช้าอยากลุกก็ลุก ไม่อยากก็นอนจนตะวันตรงท้ายทอย แล้วค่อยขยับก้นย้ายออกมา ก็ไม่มีใครว่า แล้วถ้าเป็นคอมมูน มันจะมาทำท่านอนบิดขี้เกียจอย่างนี้ได้เหรอ ขู่แบบนี้เข้าไปทุกวัน พออเมริกาบอกว่า ไอจะกำจัดระบอบนี้ให้ออกไปจากภูมิภาคนี้ ชาวเราก็มองเขาเหมือนเทวดามาโปรด แต่ตอนนี้ไม่มีผีคอมมี่ให้สร้างแล้ว ของจริงที่ไทยแลนด์ควรมองคือ อาเฮียตาตี่ ไม่ได้เดินย้ายพุงมาคนเดียว แต่เกี่ยวแขนมากับเพื่อนอีกหลายพันล้านคน ในนามของ BRICS จำได้ไหม บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (China) และแอฟริกาใต้ (South Africa) รวมทั้งหมด เกือบ สามพันล้านคน ตลาดใหญ่นะ แถมตอนนี้อาเฮียฟิตจัด ตั้งกลุ่มเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization) หรือ SCO กับพี่ใหญ่รัสเซียและประเทศแถบรัสเซีย ที่จีนมีอาณาเขตติดต่อกันอยู่ แปลว่าถ้าอเมริกาจะมองว่าจีนเป็นศัตรู ต้องรวมเพื่อนของศัตรู เข้าไปด้วย เข้าใจไหม แต่ของจริงอเมริกา มองจีนอย่างไร มีระบุไว้ในเอกสาร The National Strategy Forum Review ปี ค.ศ.2011 ว่า สัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐ ในศตวรรษที่ 21 นับว่าเป็นสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก ส่วนหนึ่งสืบเนื่องมาจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีน และการเสื่อมถอยจากการเป็นผู้นำสุดยอด ของสหรัฐในต่างประเทศ ประกอบกับการที่จีน กำลังพยายามขยายบทบาทในเอเชียแปซิฟิก โดยใช่ว่าจะเห็นพ้องกับนโยบายของสหรัฐเสมอไป ที่สำคัญดูเหมือนว่ากระแสความไม่ไว้ใจและไม่เข้าใจระหว่างประเทศทั้ง 2 จะสูงขึ้นเป็นลำดับอ่านแล้วเป็นงง พูดภาษาจิ๊กโก๋๋ ให้เข้าใจง่ายๆดีกว่า สรุปว่า ไอ้จิ๊กโก๋๋มันแสดงอาการหวงรางหญ้า หวงกระดูก คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 334 Views 0 Reviews
  • Patch Tuesday สิงหาคม 2025: Microsoft อุดช่องโหว่ 107 รายการ รวมถึง 13 ช่องโหว่ร้ายแรงแบบ RCE

    Microsoft ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยประจำเดือนสิงหาคม 2025 หรือที่เรียกว่า “Patch Tuesday” ซึ่งคราวนี้มีการแก้ไขช่องโหว่ถึง 107 รายการ โดย 13 รายการถูกจัดเป็น “Critical” หรือร้ายแรงที่สุด โดยเฉพาะช่องโหว่แบบ Remote Code Execution (RCE) ที่สามารถให้แฮกเกอร์รันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้

    หนึ่งในช่องโหว่ที่น่ากังวลคือใน Windows Graphics Component (CVE-2025-50165) ที่เปิดช่องให้รันโค้ดผ่านการ dereference pointer ที่ไม่ปลอดภัย และใน DirectX Graphics Kernel (CVE-2025-50176) ที่เกิดจาก type confusion ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้าควบคุมระบบโดยผู้ใช้ที่ได้รับสิทธิ์แล้ว

    ช่องโหว่ใน Microsoft Message Queuing (MSMQ) (CVE-2025-50177) ก็ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรัง โดยเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับการยืนยันตัวตนสามารถรันโค้ดได้หากชนะ race condition

    นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ใน Microsoft Office และ Word ที่สามารถถูกโจมตีได้เพียงแค่เปิดไฟล์เอกสารที่เป็นอันตราย เช่น CVE-2025-53731 และ CVE-2025-53784 รวมถึงช่องโหว่ใน GDI+, Hyper-V, NTLM และ Azure ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลและการยกระดับสิทธิ์

    Microsoft แก้ไขช่องโหว่ 107 รายการใน Patch Tuesday สิงหาคม 2025
    รวมถึง 13 ช่องโหว่ระดับ Critical ที่ต้องรีบอัปเดตทันที

    ช่องโหว่ RCE หลายรายการสามารถรันโค้ดโดยไม่ต้องโต้ตอบจากผู้ใช้
    เช่นใน Windows Graphics Component, DirectX, MSMQ, Office, Word

    ช่องโหว่ใน Windows NTLM (CVE-2025-53778) อาจให้สิทธิ์ SYSTEM
    เป็นการยกระดับสิทธิ์ที่ร้ายแรงในระบบเครือข่าย

    ช่องโหว่ใน Azure Virtual Machines และ Stack Hub เปิดเผยข้อมูลสำคัญ
    เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลในระบบคลาวด์

    ช่องโหว่ใน Hyper-V อาจทำให้ VM ถูกควบคุมจากภายนอก
    ส่งผลต่อองค์กรที่ใช้ virtualized environment

    ช่องโหว่ใน Microsoft Word สามารถถูกโจมตีผ่าน Preview Pane
    ไม่ต้องเปิดไฟล์ก็สามารถถูกโจมตีได้

    Microsoft แก้ไขช่องโหว่ zero-day ใน Windows Kerberos (CVE-2025-53779)
    อาจให้ผู้โจมตียกระดับสิทธิ์เป็น domain admin

    RCE และ EoP เป็นช่องโหว่ที่ถูกใช้บ่อยที่สุดในการโจมตีจริง
    เพราะสามารถควบคุมระบบและขยายสิทธิ์ได้

    ช่องโหว่ใน Kerberos กระทบต่อระบบ Active Directory โดยตรง
    เสี่ยงต่อการถูกควบคุมทั้ง domain และ forest

    การโจมตีผ่าน MSMQ และ GDI+ เป็นเทคนิคที่ใช้กันมานาน
    แต่ยังคงพบช่องโหว่ใหม่ในระบบเหล่านี้

    การโจมตีผ่านเอกสาร Office ยังคงเป็นช่องทางยอดนิยม
    เพราะผู้ใช้มักเปิดไฟล์โดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัย

    https://hackread.com/patch-tuesday-microsoft-fixes-vulnerabilities-rce-flaws/
    🛡️💻 Patch Tuesday สิงหาคม 2025: Microsoft อุดช่องโหว่ 107 รายการ รวมถึง 13 ช่องโหว่ร้ายแรงแบบ RCE Microsoft ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยประจำเดือนสิงหาคม 2025 หรือที่เรียกว่า “Patch Tuesday” ซึ่งคราวนี้มีการแก้ไขช่องโหว่ถึง 107 รายการ โดย 13 รายการถูกจัดเป็น “Critical” หรือร้ายแรงที่สุด โดยเฉพาะช่องโหว่แบบ Remote Code Execution (RCE) ที่สามารถให้แฮกเกอร์รันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องมีการโต้ตอบจากผู้ใช้ หนึ่งในช่องโหว่ที่น่ากังวลคือใน Windows Graphics Component (CVE-2025-50165) ที่เปิดช่องให้รันโค้ดผ่านการ dereference pointer ที่ไม่ปลอดภัย และใน DirectX Graphics Kernel (CVE-2025-50176) ที่เกิดจาก type confusion ซึ่งอาจนำไปสู่การเข้าควบคุมระบบโดยผู้ใช้ที่ได้รับสิทธิ์แล้ว ช่องโหว่ใน Microsoft Message Queuing (MSMQ) (CVE-2025-50177) ก็ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรัง โดยเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีที่ไม่ได้รับการยืนยันตัวตนสามารถรันโค้ดได้หากชนะ race condition นอกจากนี้ยังมีช่องโหว่ใน Microsoft Office และ Word ที่สามารถถูกโจมตีได้เพียงแค่เปิดไฟล์เอกสารที่เป็นอันตราย เช่น CVE-2025-53731 และ CVE-2025-53784 รวมถึงช่องโหว่ใน GDI+, Hyper-V, NTLM และ Azure ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูลและการยกระดับสิทธิ์ ✅ Microsoft แก้ไขช่องโหว่ 107 รายการใน Patch Tuesday สิงหาคม 2025 ➡️ รวมถึง 13 ช่องโหว่ระดับ Critical ที่ต้องรีบอัปเดตทันที ✅ ช่องโหว่ RCE หลายรายการสามารถรันโค้ดโดยไม่ต้องโต้ตอบจากผู้ใช้ ➡️ เช่นใน Windows Graphics Component, DirectX, MSMQ, Office, Word ✅ ช่องโหว่ใน Windows NTLM (CVE-2025-53778) อาจให้สิทธิ์ SYSTEM ➡️ เป็นการยกระดับสิทธิ์ที่ร้ายแรงในระบบเครือข่าย ✅ ช่องโหว่ใน Azure Virtual Machines และ Stack Hub เปิดเผยข้อมูลสำคัญ ➡️ เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูลในระบบคลาวด์ ✅ ช่องโหว่ใน Hyper-V อาจทำให้ VM ถูกควบคุมจากภายนอก ➡️ ส่งผลต่อองค์กรที่ใช้ virtualized environment ✅ ช่องโหว่ใน Microsoft Word สามารถถูกโจมตีผ่าน Preview Pane ➡️ ไม่ต้องเปิดไฟล์ก็สามารถถูกโจมตีได้ ✅ Microsoft แก้ไขช่องโหว่ zero-day ใน Windows Kerberos (CVE-2025-53779) ➡️ อาจให้ผู้โจมตียกระดับสิทธิ์เป็น domain admin ✅ RCE และ EoP เป็นช่องโหว่ที่ถูกใช้บ่อยที่สุดในการโจมตีจริง ➡️ เพราะสามารถควบคุมระบบและขยายสิทธิ์ได้ ✅ ช่องโหว่ใน Kerberos กระทบต่อระบบ Active Directory โดยตรง ➡️ เสี่ยงต่อการถูกควบคุมทั้ง domain และ forest ✅ การโจมตีผ่าน MSMQ และ GDI+ เป็นเทคนิคที่ใช้กันมานาน ➡️ แต่ยังคงพบช่องโหว่ใหม่ในระบบเหล่านี้ ✅ การโจมตีผ่านเอกสาร Office ยังคงเป็นช่องทางยอดนิยม ➡️ เพราะผู้ใช้มักเปิดไฟล์โดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัย https://hackread.com/patch-tuesday-microsoft-fixes-vulnerabilities-rce-flaws/
    HACKREAD.COM
    Patch Tuesday: Microsoft Fixes 107 Vulnerabilities, Including 13 RCE Flaws
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 165 Views 0 Reviews
  • Adaptec SmartRAID 4300: การปฏิวัติ RAID สำหรับยุค NVMe ความเร็วสูง

    ในยุคที่ข้อมูลเติบโตแบบก้าวกระโดด การจัดการ storage ให้เร็วและปลอดภัยกลายเป็นหัวใจของศูนย์ข้อมูล Adaptec จึงเปิดตัว SmartRAID 4300 ซีรีส์ใหม่ล่าสุด—RAID card แบบ software-defined ที่รองรับ SSD NVMe ได้ถึง 32 ตัว พร้อมความเร็วอ่านข้อมูลสูงสุดถึง 291 GB/s

    ต่างจาก RAID card แบบเดิมที่เชื่อมต่อ SSD โดยตรง SmartRAID 4300 ใช้แนวคิดใหม่: ไม่มีการเชื่อมต่อไดรฟ์บนตัวการ์ดเลย แต่ใช้ CPU เป็นศูนย์กลางในการจัดการ I/O แล้วส่งข้อมูลผ่าน software-defined storage (SDS) ไปยัง SSD โดยตรง

    การออกแบบนี้ช่วยลดข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ RAID แบบเก่า ทำให้สามารถใช้ SSD จากหลายแบรนด์ร่วมกันได้ และยังเพิ่มความสามารถในการขยายระบบแบบไร้ข้อจำกัดของ vendor

    SmartRAID 4300 ยังรองรับ RAID modes หลากหลาย (0, 1, 10, 5, 50), secure boot, secure update, attestation, และการจัดการผ่าน UEFI pre-boot พร้อมฟีเจอร์ enterprise เช่น hot-plug, hot-spare, S.M.A.R.T., และการรองรับ sector ขนาด 4K และ 512-byte

    นอกจากนี้ยังมีการเร่งความเร็ว RAID โดยใช้ hardware accelerator บน PCIe x16 ซึ่งช่วยลดภาระของ CPU และเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน/เขียนข้อมูลอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในระบบ Linux ที่สามารถทำ random read ได้ถึง 27 ล้าน IOPS

    Adaptec เปิดตัว SmartRAID 4300 ซีรีส์ RAID card แบบ software-defined
    รองรับ SSD NVMe สูงสุด 32 ตัวผ่าน PCIe 4.0 และ 5.0

    ความเร็วอ่านข้อมูลสูงสุด 291 GB/s และเขียน 155 GB/s ใน RAID 5 บน Linux
    ใช้การจัดการ I/O ผ่าน software โดยไม่เชื่อมต่อ SSD บนตัวการ์ด

    รองรับ RAID modes: 0, 1, 10, 5, 50
    มีฟีเจอร์ enterprise เช่น secure boot, hot-plug, S.M.A.R.T.

    ใช้ฟอร์มแฟกเตอร์ MD2 low-profile และเสียบผ่าน PCIe x16 slot
    เหมาะสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความปลอดภัย

    รองรับ sector ขนาด 4K และ 512-byte
    รองรับการจัดการผ่าน UEFI pre-boot และ maxView tool

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/adaptec-announces-new-raid-card-that-supports-up-to-32-nvme-pcie-4-0-and-5-0-ssds-offers-up-to-291gb-s-read-speeds-at-full-capacity
    🚀🔧 Adaptec SmartRAID 4300: การปฏิวัติ RAID สำหรับยุค NVMe ความเร็วสูง ในยุคที่ข้อมูลเติบโตแบบก้าวกระโดด การจัดการ storage ให้เร็วและปลอดภัยกลายเป็นหัวใจของศูนย์ข้อมูล Adaptec จึงเปิดตัว SmartRAID 4300 ซีรีส์ใหม่ล่าสุด—RAID card แบบ software-defined ที่รองรับ SSD NVMe ได้ถึง 32 ตัว พร้อมความเร็วอ่านข้อมูลสูงสุดถึง 291 GB/s ต่างจาก RAID card แบบเดิมที่เชื่อมต่อ SSD โดยตรง SmartRAID 4300 ใช้แนวคิดใหม่: ไม่มีการเชื่อมต่อไดรฟ์บนตัวการ์ดเลย แต่ใช้ CPU เป็นศูนย์กลางในการจัดการ I/O แล้วส่งข้อมูลผ่าน software-defined storage (SDS) ไปยัง SSD โดยตรง การออกแบบนี้ช่วยลดข้อจำกัดของฮาร์ดแวร์ RAID แบบเก่า ทำให้สามารถใช้ SSD จากหลายแบรนด์ร่วมกันได้ และยังเพิ่มความสามารถในการขยายระบบแบบไร้ข้อจำกัดของ vendor SmartRAID 4300 ยังรองรับ RAID modes หลากหลาย (0, 1, 10, 5, 50), secure boot, secure update, attestation, และการจัดการผ่าน UEFI pre-boot พร้อมฟีเจอร์ enterprise เช่น hot-plug, hot-spare, S.M.A.R.T., และการรองรับ sector ขนาด 4K และ 512-byte นอกจากนี้ยังมีการเร่งความเร็ว RAID โดยใช้ hardware accelerator บน PCIe x16 ซึ่งช่วยลดภาระของ CPU และเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน/เขียนข้อมูลอย่างมหาศาล โดยเฉพาะในระบบ Linux ที่สามารถทำ random read ได้ถึง 27 ล้าน IOPS ✅ Adaptec เปิดตัว SmartRAID 4300 ซีรีส์ RAID card แบบ software-defined ➡️ รองรับ SSD NVMe สูงสุด 32 ตัวผ่าน PCIe 4.0 และ 5.0 ✅ ความเร็วอ่านข้อมูลสูงสุด 291 GB/s และเขียน 155 GB/s ใน RAID 5 บน Linux ➡️ ใช้การจัดการ I/O ผ่าน software โดยไม่เชื่อมต่อ SSD บนตัวการ์ด ✅ รองรับ RAID modes: 0, 1, 10, 5, 50 ➡️ มีฟีเจอร์ enterprise เช่น secure boot, hot-plug, S.M.A.R.T. ✅ ใช้ฟอร์มแฟกเตอร์ MD2 low-profile และเสียบผ่าน PCIe x16 slot ➡️ เหมาะสำหรับศูนย์ข้อมูลที่ต้องการประสิทธิภาพสูงและความปลอดภัย ✅ รองรับ sector ขนาด 4K และ 512-byte ➡️ รองรับการจัดการผ่าน UEFI pre-boot และ maxView tool https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/adaptec-announces-new-raid-card-that-supports-up-to-32-nvme-pcie-4-0-and-5-0-ssds-offers-up-to-291gb-s-read-speeds-at-full-capacity
    0 Comments 0 Shares 238 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากจุดตัดของเทคโนโลยีกับความเศร้า: เมื่อ Jim Acosta สัมภาษณ์ AI ของผู้เสียชีวิต

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Jim Acosta อดีตผู้สื่อข่าว CNN ได้สร้างกระแสถกเถียงครั้งใหญ่ เมื่อเขาเผยแพร่ “บทสัมภาษณ์” กับ Joaquin Oliver—ไม่ใช่ตัวจริง แต่เป็น AI avatar ของเด็กชายวัย 17 ปีที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียน Parkland ในปี 2018

    AI ตัวนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อแม่ของ Joaquin เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย และใช้เป็นเครื่องมือรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธปืน โดยในวิดีโอ Joaquin AI พูดถึงความจำเป็นของ “กฎหมายควบคุมอาวุธที่เข้มงวดขึ้น การสนับสนุนสุขภาพจิต และการสร้างชุมชนที่ปลอดภัย”

    แม้เจตนาจะดูจริงใจ แต่การใช้ AI เพื่อจำลองผู้เสียชีวิตกลับสร้างคำถามทางจริยธรรมอย่างหนัก หลายคนมองว่าเป็นการ “ใช้ความเศร้าเพื่อผลทางการเมือง” หรือ “ละเมิดความทรงจำของผู้เสียชีวิต” ขณะที่บางคนเห็นว่าเป็นวิธีเยียวยาความเจ็บปวดของครอบครัว

    กรณีนี้ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ที่ผู้คนเริ่มใช้ AI เพื่อสื่อสารกับผู้ที่จากไป เช่น Joshua Barbeau ที่เคยใช้ Project December เพื่อคุยกับ AI ของคู่หมั้นที่เสียชีวิต หรือผู้ใช้ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือแม้แต่คู่รักเสมือน

    คำถามใหญ่จึงไม่ใช่แค่ว่า “ควรหรือไม่” แต่คือ “เรากำลังเชื่อมต่อกันจริง ๆ หรือแค่จำลองความสัมพันธ์?” และ “เรากำลังใช้ AI เพื่อเยียวยา หรือกำลังหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่ควรเผชิญ?”

    Jim Acosta สัมภาษณ์ AI avatar ของ Joaquin Oliver ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง
    สร้างขึ้นโดยพ่อแม่เพื่อรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธ

    AI ใช้เสียงและบุคลิกที่จำลองจาก Joaquin เพื่อพูดถึงประเด็นสังคม
    เช่น กฎหมายควบคุมอาวุธ, สุขภาพจิต, การมีส่วนร่วมของชุมชน

    Acosta ระบุว่าพ่อของ Joaquin เป็นผู้เสนอให้ทำสัมภาษณ์นี้
    เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย

    วิดีโอสร้างกระแสถกเถียงอย่างหนักในสื่อและโซเชียล
    มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงวิจารณ์เรื่องจริยธรรม

    กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มการใช้ AI เพื่อเยียวยาความเศร้า
    เช่น Project December และ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือคู่รักเสมือน

    ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเตือนว่า AI อาจช่วยเยียวยาได้ชั่วคราว
    แต่เสี่ยงต่อการหลีกเลี่ยงการยอมรับความสูญเสียจริง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/opinion-jim-acostas-ai-interview-raises-deeper-questions-about-human-connection
    🧠📺 เรื่องเล่าจากจุดตัดของเทคโนโลยีกับความเศร้า: เมื่อ Jim Acosta สัมภาษณ์ AI ของผู้เสียชีวิต ในเดือนสิงหาคม 2025 Jim Acosta อดีตผู้สื่อข่าว CNN ได้สร้างกระแสถกเถียงครั้งใหญ่ เมื่อเขาเผยแพร่ “บทสัมภาษณ์” กับ Joaquin Oliver—ไม่ใช่ตัวจริง แต่เป็น AI avatar ของเด็กชายวัย 17 ปีที่เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่โรงเรียน Parkland ในปี 2018 AI ตัวนี้ถูกสร้างขึ้นโดยพ่อแม่ของ Joaquin เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย และใช้เป็นเครื่องมือรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธปืน โดยในวิดีโอ Joaquin AI พูดถึงความจำเป็นของ “กฎหมายควบคุมอาวุธที่เข้มงวดขึ้น การสนับสนุนสุขภาพจิต และการสร้างชุมชนที่ปลอดภัย” แม้เจตนาจะดูจริงใจ แต่การใช้ AI เพื่อจำลองผู้เสียชีวิตกลับสร้างคำถามทางจริยธรรมอย่างหนัก หลายคนมองว่าเป็นการ “ใช้ความเศร้าเพื่อผลทางการเมือง” หรือ “ละเมิดความทรงจำของผู้เสียชีวิต” ขณะที่บางคนเห็นว่าเป็นวิธีเยียวยาความเจ็บปวดของครอบครัว กรณีนี้ยังสะท้อนแนวโน้มใหม่ที่ผู้คนเริ่มใช้ AI เพื่อสื่อสารกับผู้ที่จากไป เช่น Joshua Barbeau ที่เคยใช้ Project December เพื่อคุยกับ AI ของคู่หมั้นที่เสียชีวิต หรือผู้ใช้ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือแม้แต่คู่รักเสมือน คำถามใหญ่จึงไม่ใช่แค่ว่า “ควรหรือไม่” แต่คือ “เรากำลังเชื่อมต่อกันจริง ๆ หรือแค่จำลองความสัมพันธ์?” และ “เรากำลังใช้ AI เพื่อเยียวยา หรือกำลังหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดที่ควรเผชิญ?” ✅ Jim Acosta สัมภาษณ์ AI avatar ของ Joaquin Oliver ผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิง ➡️ สร้างขึ้นโดยพ่อแม่เพื่อรณรงค์เรื่องกฎหมายควบคุมอาวุธ ✅ AI ใช้เสียงและบุคลิกที่จำลองจาก Joaquin เพื่อพูดถึงประเด็นสังคม ➡️ เช่น กฎหมายควบคุมอาวุธ, สุขภาพจิต, การมีส่วนร่วมของชุมชน ✅ Acosta ระบุว่าพ่อของ Joaquin เป็นผู้เสนอให้ทำสัมภาษณ์นี้ ➡️ เพื่อรักษาความทรงจำของลูกชาย ✅ วิดีโอสร้างกระแสถกเถียงอย่างหนักในสื่อและโซเชียล ➡️ มีทั้งเสียงสนับสนุนและเสียงวิจารณ์เรื่องจริยธรรม ✅ กรณีนี้สะท้อนแนวโน้มการใช้ AI เพื่อเยียวยาความเศร้า ➡️ เช่น Project December และ ChatGPT ที่ใช้เป็นเพื่อนหรือคู่รักเสมือน ✅ ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเตือนว่า AI อาจช่วยเยียวยาได้ชั่วคราว ➡️ แต่เสี่ยงต่อการหลีกเลี่ยงการยอมรับความสูญเสียจริง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/12/opinion-jim-acostas-ai-interview-raises-deeper-questions-about-human-connection
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: Jim Acosta’s AI interview raises deeper questions about human connection
    The interview sparked backlash and raised ethical concerns over technology's potential role in tarnishing the memory of the dead or changing their viewpoint.
    0 Comments 0 Shares 243 Views 0 Reviews
  • น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
    ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังวัดท่าซุง

    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
    เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่อุโบสถวัดท่าซุง

    พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
    เสด็จพระราชดำเนินทรงปิดทองลูกนิมิต
    ภายในอุโบสถวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี

    เมื่อ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๐

    ==============

    ระบบกษัตริย์จะกลับมาอีก

    ...นี่พูดตามความจริงใจ ที่พูดตามนั้นก็เชื่อตาม "หลวงพ่อใย" (สมัยอยุธยา) ที่ท่านพยากรณ์ไว้ ว่าประเทศไทยยังจะมีรัชกาลที่ ๑๐ แล้วก็ยังจะมีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป

    แล้ว "หลวงพ่อปาน" ยังพูดต่อไปว่า ไม่ใช่มีแต่รัชกาลที่ ๑๐ ต่อไปจะมีไปเรื่อย ๆ พระมหากษัตริย์ในประเทศไทย

    แล้วชาวโลกทั้งหลายทั้งหมด ก็จะกลับปฏิวัติจากระบบ "ประชาธิปไตย" หรือระบบประธานาธิบดีทั้งหลาย กลับมาเป็นกษัตริย์อย่างเดิม เรียกว่า "กลับมามีกษัตริย์" ตามเดิม

    ทำไมจึงได้เป็นอย่างนั้น อาตมานั่งคิดนอนคิดมานาน บรรดาท่านพุทธบริษัท มันก็คิดไม่ออก ว่าทำไมท่านผู้รู้ท่านจึงได้กล่าวกันไว้อย่างนั้น

    แต่มาพิจารณาในตอนหลังก็พอเข้าใจได้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การเปลี่ยนกันขึ้นมาบริหารประเทศ ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ แต่เป็นประชาธิปไตย มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี

    บางประเทศก็มีประมุขของประเทศเป็นประธานาธิบดี มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี สองสามหรือสี่ปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ห้าปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ดีไม่ดีปีสองปีก็เปลี่ยนกัน การปกครองแบบนี้นั้นมันเป็นของดี เขาเรียกว่าประชาชนเป็นใหญ่

    แต่ความใหญ่ของประชาชนนี่ซี บรรดาท่านพุทธบริษัท มันใหญ่เสียหลายอย่าง บางทีฐานะเล็ก ๆ อยู่ไม่กี่วันพอเข้ามาบริหารประเทศ ฐานะก็ใหญ่ไปด้วย

    เมื่อคนหนึ่งขึ้นมาใหญ่แล้วไม่เป็นไร นาน ๆ เปลี่ยนกันขึ้นมาใหญ่ต่อไปอีก นี่..ในเมื่อฝ่ายบริหารใหญ่ ฝ่ายถูกบริหารก็เล็ก ผอมลง ๆ คนบริหารก็ใหญ่ขึ้น ๆ

    นี่เราว่ากันถึงว่านักบริหารที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต แต่นักบริหารที่ดีก็มีถมไป แต่ว่าการบริหารหรือจิตใจของคน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ที่ไม่ติดในวัตถุมันก็มีเป็นของน้อย เพราะคนทุกคนต้องอาศัยวัตถุเป็นสำคัญ

    ข้อมูลจาก
    http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=2555&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR62tbtqZdHhMFEzV71cZT81deaSSj5lcduUwjX5jN3pcdFZ0QSH1oRh2r-j-Q_aem_B4Tb9m40JUfh7k0N4ccbEg#2
    น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ที่ได้เสด็จพระราชดำเนินมายังวัดท่าซุง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่อุโบสถวัดท่าซุง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงปิดทองลูกนิมิต ภายในอุโบสถวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี เมื่อ วันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๐ ============== ระบบกษัตริย์จะกลับมาอีก ...นี่พูดตามความจริงใจ ที่พูดตามนั้นก็เชื่อตาม "หลวงพ่อใย" (สมัยอยุธยา) ที่ท่านพยากรณ์ไว้ ว่าประเทศไทยยังจะมีรัชกาลที่ ๑๐ แล้วก็ยังจะมีความอุดมสมบูรณ์ต่อไป แล้ว "หลวงพ่อปาน" ยังพูดต่อไปว่า ไม่ใช่มีแต่รัชกาลที่ ๑๐ ต่อไปจะมีไปเรื่อย ๆ พระมหากษัตริย์ในประเทศไทย แล้วชาวโลกทั้งหลายทั้งหมด ก็จะกลับปฏิวัติจากระบบ "ประชาธิปไตย" หรือระบบประธานาธิบดีทั้งหลาย กลับมาเป็นกษัตริย์อย่างเดิม เรียกว่า "กลับมามีกษัตริย์" ตามเดิม ทำไมจึงได้เป็นอย่างนั้น อาตมานั่งคิดนอนคิดมานาน บรรดาท่านพุทธบริษัท มันก็คิดไม่ออก ว่าทำไมท่านผู้รู้ท่านจึงได้กล่าวกันไว้อย่างนั้น แต่มาพิจารณาในตอนหลังก็พอเข้าใจได้ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย การเปลี่ยนกันขึ้นมาบริหารประเทศ ประเทศที่มีพระมหากษัตริย์ แต่เป็นประชาธิปไตย มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี บางประเทศก็มีประมุขของประเทศเป็นประธานาธิบดี มีหัวหน้าฝ่ายบริหารเป็นนายกรัฐมนตรี สองสามหรือสี่ปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ห้าปีเปลี่ยนกันทีหนึ่ง ดีไม่ดีปีสองปีก็เปลี่ยนกัน การปกครองแบบนี้นั้นมันเป็นของดี เขาเรียกว่าประชาชนเป็นใหญ่ แต่ความใหญ่ของประชาชนนี่ซี บรรดาท่านพุทธบริษัท มันใหญ่เสียหลายอย่าง บางทีฐานะเล็ก ๆ อยู่ไม่กี่วันพอเข้ามาบริหารประเทศ ฐานะก็ใหญ่ไปด้วย เมื่อคนหนึ่งขึ้นมาใหญ่แล้วไม่เป็นไร นาน ๆ เปลี่ยนกันขึ้นมาใหญ่ต่อไปอีก นี่..ในเมื่อฝ่ายบริหารใหญ่ ฝ่ายถูกบริหารก็เล็ก ผอมลง ๆ คนบริหารก็ใหญ่ขึ้น ๆ นี่เราว่ากันถึงว่านักบริหารที่ไม่ซื่อสัตย์สุจริต แต่นักบริหารที่ดีก็มีถมไป แต่ว่าการบริหารหรือจิตใจของคน บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ที่ไม่ติดในวัตถุมันก็มีเป็นของน้อย เพราะคนทุกคนต้องอาศัยวัตถุเป็นสำคัญ ข้อมูลจาก http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=2555&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR62tbtqZdHhMFEzV71cZT81deaSSj5lcduUwjX5jN3pcdFZ0QSH1oRh2r-j-Q_aem_B4Tb9m40JUfh7k0N4ccbEg#2
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • ชาญชัยเผย 4 วิบัติทักษิณ ยิ่งฟังยิ่งอึ้ง!!! (7/8/68)
    Chanchai exposes Thaksin’s 4 critical failures—shocking revelations that leave viewers speechless.

    #TruthFromThailand
    #ทักษิณ
    #ข่าวการเมือง
    #ข่าววันนี้
    #ข่าวดัง
    #ไทยรบเพื่อปกป้องแผ่นดิน
    #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    #news1
    #thaitimes
    #shorts
    ชาญชัยเผย 4 วิบัติทักษิณ ยิ่งฟังยิ่งอึ้ง!!! (7/8/68) Chanchai exposes Thaksin’s 4 critical failures—shocking revelations that leave viewers speechless. #TruthFromThailand #ทักษิณ #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #ข่าวดัง #ไทยรบเพื่อปกป้องแผ่นดิน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #news1 #thaitimes #shorts
    0 Comments 0 Shares 182 Views 0 0 Reviews
  • To check your land records online using the MP Bhulekh portal, go to bhulekh mp. Select your district, tehsil, and village, then enter details like your name, Khasra number, or Khatauni number. You can view your land ownership records, map (Bhu-Naksha), and other related information easily from home. It's a quick and helpful way to stay updated on your property details. https://mplandrecord.net/
    Thanks for sharing this information.
    To check your land records online using the MP Bhulekh portal, go to bhulekh mp. Select your district, tehsil, and village, then enter details like your name, Khasra number, or Khatauni number. You can view your land ownership records, map (Bhu-Naksha), and other related information easily from home. It's a quick and helpful way to stay updated on your property details. https://mplandrecord.net/ Thanks for sharing this information.
    0 Comments 0 Shares 206 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: JSCEAL มัลแวร์ที่ซ่อนตัวในโฆษณาแอปคริปโตปลอม—ขโมยทุกอย่างตั้งแต่รหัสผ่านถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล

    ตั้งแต่ต้นปี 2024 แฮกเกอร์เริ่มใช้แคมเปญมัลแวร์ชื่อ JSCEAL โดยปล่อยโฆษณาปลอมกว่า 35,000 รายการบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปเทรดคริปโตปลอมที่ดูเหมือนของจริง เช่น Binance, MetaMask, Kraken และ TradingView

    เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ดูน่าเชื่อถือ และถูกหลอกให้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งที่มีใบรับรองดิจิทัลจริงเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ แต่เบื้องหลังคือมัลแวร์ JSCEAL ที่ใช้เทคนิค “compiled JavaScript” ผ่าน Node.js เพื่อหลบการตรวจจับจากระบบรักษาความปลอดภัยทั่วไป

    มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลได้หลากหลาย เช่น รหัสผ่าน, คุกกี้เบราว์เซอร์, seed phrase, ข้อมูลบัญชี Telegram และแม้แต่ดัดแปลง extension อย่าง MetaMask เพื่อขโมยเงินแบบเรียลไทม์

    JSCEAL เป็นมัลแวร์ที่ใช้ compiled JavaScript ผ่าน Node.js เพื่อหลบการตรวจจับ
    ใช้เทคนิค obfuscation และ anti-analysis ทำให้ระบบทั่วไปตรวจไม่พบ
    มี detection rate ต่ำมาก แม้จะถูกส่งไปยัง VirusTotal หลายร้อยครั้ง

    แคมเปญนี้ใช้โฆษณาปลอมกว่า 35,000 รายการในครึ่งแรกของปี 2025
    โฆษณาแอบอ้างเป็นแอปเทรดคริปโตชื่อดัง
    มีผู้เห็นโฆษณาใน EU กว่า 3.5 ล้านคน และทั่วโลกเกิน 10 ล้านคน

    เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนของจริง
    เว็บไซต์มี JavaScript ที่สื่อสารกับ installer ผ่าน localhost
    เปิดเว็บจริงของแอปเพื่อหลอกว่า “ติดตั้งสำเร็จ” ขณะมัลแวร์ทำงานเบื้องหลัง

    มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลได้หลากหลาย
    รหัสผ่าน, คุกกี้, seed phrase, ข้อมูลเครือข่าย, และบัญชี Telegram
    ดัดแปลง extension อย่าง MetaMask เพื่อขโมยเงินโดยตรง

    การติดตั้งมัลแวร์ต้องใช้ทั้งเว็บไซต์และ installer ทำงานพร้อมกัน
    หากส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ทำงาน การติดตั้งจะล้มเหลว
    ทำให้การวิเคราะห์และตรวจจับทำได้ยากมาก

    JSCEAL เป็นหนึ่งในมัลแวร์ที่ใช้ compiled V8 JavaScript อย่างมีประสิทธิภาพ
    เป็นเทคนิคใหม่ที่ช่วยให้ซ่อนโค้ดได้ดี
    ทำให้การวิเคราะห์แบบ static แทบเป็นไปไม่ได้

    Compiled JavaScript (JSC) เป็นฟีเจอร์ของ V8 engine ที่ช่วยให้โค้ดถูกแปลงเป็น bytecode
    ทำให้โค้ดถูกซ่อนไว้จากการวิเคราะห์แบบ static
    เป็นเทคนิคที่เริ่มถูกใช้มากขึ้นในมัลแวร์ยุคใหม่

    Node.js เป็น environment ที่ถูกใช้ในหลายระบบอย่างถูกต้อง แต่ถูกแฮกเกอร์นำมาใช้รันมัลแวร์
    ทำให้มัลแวร์ดูเหมือนเป็นโปรแกรมปกติ
    ช่วยให้หลบการตรวจจับจาก antivirus ได้ง่ายขึ้น

    ผู้ใช้คริปโตควรใช้ hardware wallet และไม่เปิดเผย seed phrase กับใครเด็ดขาด
    seed phrase คือกุญแจหลักของกระเป๋าเงิน
    การใช้ hardware wallet ลดความเสี่ยงจากมัลแวร์ได้มาก

    ควรติดตั้งแอปคริปโตจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น เช่น App Store หรือ Google Play
    ตรวจสอบชื่อผู้พัฒนาและรีวิวก่อนดาวน์โหลด
    หลีกเลี่ยงการติดตั้งจากลิงก์ในโฆษณาหรือเว็บไซต์ที่ไม่รู้จัก

    https://hackread.com/jsceal-malware-targets-millions-fake-crypto-app-ads/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: JSCEAL มัลแวร์ที่ซ่อนตัวในโฆษณาแอปคริปโตปลอม—ขโมยทุกอย่างตั้งแต่รหัสผ่านถึงกระเป๋าเงินดิจิทัล ตั้งแต่ต้นปี 2024 แฮกเกอร์เริ่มใช้แคมเปญมัลแวร์ชื่อ JSCEAL โดยปล่อยโฆษณาปลอมกว่า 35,000 รายการบนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดแอปเทรดคริปโตปลอมที่ดูเหมือนของจริง เช่น Binance, MetaMask, Kraken และ TradingView เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ดูน่าเชื่อถือ และถูกหลอกให้ดาวน์โหลดไฟล์ติดตั้งที่มีใบรับรองดิจิทัลจริงเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ แต่เบื้องหลังคือมัลแวร์ JSCEAL ที่ใช้เทคนิค “compiled JavaScript” ผ่าน Node.js เพื่อหลบการตรวจจับจากระบบรักษาความปลอดภัยทั่วไป มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลได้หลากหลาย เช่น รหัสผ่าน, คุกกี้เบราว์เซอร์, seed phrase, ข้อมูลบัญชี Telegram และแม้แต่ดัดแปลง extension อย่าง MetaMask เพื่อขโมยเงินแบบเรียลไทม์ ✅ JSCEAL เป็นมัลแวร์ที่ใช้ compiled JavaScript ผ่าน Node.js เพื่อหลบการตรวจจับ ➡️ ใช้เทคนิค obfuscation และ anti-analysis ทำให้ระบบทั่วไปตรวจไม่พบ ➡️ มี detection rate ต่ำมาก แม้จะถูกส่งไปยัง VirusTotal หลายร้อยครั้ง ✅ แคมเปญนี้ใช้โฆษณาปลอมกว่า 35,000 รายการในครึ่งแรกของปี 2025 ➡️ โฆษณาแอบอ้างเป็นแอปเทรดคริปโตชื่อดัง ➡️ มีผู้เห็นโฆษณาใน EU กว่า 3.5 ล้านคน และทั่วโลกเกิน 10 ล้านคน ✅ เมื่อผู้ใช้คลิกโฆษณา จะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่ดูเหมือนของจริง ➡️ เว็บไซต์มี JavaScript ที่สื่อสารกับ installer ผ่าน localhost ➡️ เปิดเว็บจริงของแอปเพื่อหลอกว่า “ติดตั้งสำเร็จ” ขณะมัลแวร์ทำงานเบื้องหลัง ✅ มัลแวร์สามารถขโมยข้อมูลได้หลากหลาย ➡️ รหัสผ่าน, คุกกี้, seed phrase, ข้อมูลเครือข่าย, และบัญชี Telegram ➡️ ดัดแปลง extension อย่าง MetaMask เพื่อขโมยเงินโดยตรง ✅ การติดตั้งมัลแวร์ต้องใช้ทั้งเว็บไซต์และ installer ทำงานพร้อมกัน ➡️ หากส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ทำงาน การติดตั้งจะล้มเหลว ➡️ ทำให้การวิเคราะห์และตรวจจับทำได้ยากมาก ✅ JSCEAL เป็นหนึ่งในมัลแวร์ที่ใช้ compiled V8 JavaScript อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เป็นเทคนิคใหม่ที่ช่วยให้ซ่อนโค้ดได้ดี ➡️ ทำให้การวิเคราะห์แบบ static แทบเป็นไปไม่ได้ ✅ Compiled JavaScript (JSC) เป็นฟีเจอร์ของ V8 engine ที่ช่วยให้โค้ดถูกแปลงเป็น bytecode ➡️ ทำให้โค้ดถูกซ่อนไว้จากการวิเคราะห์แบบ static ➡️ เป็นเทคนิคที่เริ่มถูกใช้มากขึ้นในมัลแวร์ยุคใหม่ ✅ Node.js เป็น environment ที่ถูกใช้ในหลายระบบอย่างถูกต้อง แต่ถูกแฮกเกอร์นำมาใช้รันมัลแวร์ ➡️ ทำให้มัลแวร์ดูเหมือนเป็นโปรแกรมปกติ ➡️ ช่วยให้หลบการตรวจจับจาก antivirus ได้ง่ายขึ้น ✅ ผู้ใช้คริปโตควรใช้ hardware wallet และไม่เปิดเผย seed phrase กับใครเด็ดขาด ➡️ seed phrase คือกุญแจหลักของกระเป๋าเงิน ➡️ การใช้ hardware wallet ลดความเสี่ยงจากมัลแวร์ได้มาก ✅ ควรติดตั้งแอปคริปโตจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น เช่น App Store หรือ Google Play ➡️ ตรวจสอบชื่อผู้พัฒนาและรีวิวก่อนดาวน์โหลด ➡️ หลีกเลี่ยงการติดตั้งจากลิงก์ในโฆษณาหรือเว็บไซต์ที่ไม่รู้จัก https://hackread.com/jsceal-malware-targets-millions-fake-crypto-app-ads/
    HACKREAD.COM
    New JSCEAL Malware Targets Millions via Fake Crypto App Ads
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 294 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมืองเล็ก ๆ กับภัยไซเบอร์ที่ใหญ่เกินตัว

    ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต ระบบของเทศบาลและเมืองต่าง ๆ ไม่ได้มีแค่ข้อมูลประชาชน แต่ยังรวมถึงบริการสำคัญ เช่น น้ำ ไฟ การแพทย์ และการรักษาความปลอดภัย ซึ่งหากถูกโจมตี อาจทำให้ทั้งเมืองหยุดชะงักได้ทันที

    ปัญหาคือระบบเหล่านี้มักถูกสร้างขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้น และยังใช้เทคโนโลยีเก่าที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ แถมงบประมาณด้าน cybersecurity ก็ถูกจัดสรรน้อย เพราะต้องแข่งขันกับความต้องการอื่นที่เร่งด่วนกว่า เช่น การซ่อมถนนหรือการจัดการขยะ

    นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เทศบาลจำนวนมากยังไม่ได้รับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์อย่างเพียงพอ ทำให้ตกเป็นเหยื่อของ phishing หรือมัลแวร์ได้ง่าย และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ผลกระทบอาจลุกลามไปถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลท้องถิ่น

    ระบบเทศบาลมีข้อมูลสำคัญและให้บริการพื้นฐาน เช่น น้ำ ไฟ ตำรวจ และดับเพลิง
    หากถูกโจมตี อาจทำให้บริการหยุดชะงักและเกิดความไม่ปลอดภัยในชุมชน
    ข้อมูลประชาชน เช่น หมายเลขประกันสังคมและประวัติสุขภาพ อาจถูกขโมย

    ระบบเหล่านี้มักสร้างขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้น
    ใช้เทคโนโลยีเก่าที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ
    ขาดการอัปเดตและการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ

    งบประมาณด้าน cybersecurity มักถูกจัดสรรน้อย เพราะมีความต้องการอื่นที่เร่งด่วนกว่า
    การอัปเกรดระบบหรือใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยขั้นสูงจึงทำได้ยาก
    ส่งผลให้เมืองเล็ก ๆ กลายเป็นเป้าหมายที่ง่ายสำหรับแฮกเกอร์

    เจ้าหน้าที่เทศบาลมักไม่ได้รับการฝึกอบรมด้าน cybersecurity อย่างเพียงพอ
    เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของ phishing หรือ social engineering
    ความผิดพลาดของมนุษย์เป็นจุดอ่อนหลักของระบบความปลอดภัย

    การฝึกอบรมและการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญภายนอกสามารถช่วยเสริมความปลอดภัยได้
    การจัดอบรมอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เจ้าหน้าที่รับมือกับภัยคุกคามใหม่ ๆ
    การร่วมมือกับบริษัท cybersecurity หรือหน่วยงานรัฐช่วยเพิ่มทรัพยากรและความรู้

    นโยบายและกฎระเบียบสามารถสร้างมาตรฐานขั้นต่ำด้านความปลอดภัยให้กับเทศบาล
    เช่น การตรวจสอบระบบเป็นระยะ และการฝึกอบรมพนักงานเป็นข้อบังคับ
    ช่วยให้เกิดความสม่ำเสมอและความร่วมมือระหว่างเมืองต่าง ๆ

    การละเลยด้าน cybersecurity อาจทำให้บริการพื้นฐานของเมืองหยุดชะงักทันทีเมื่อถูกโจมตี
    ส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชน เช่น การตอบสนองฉุกเฉินล่าช้า
    อาจเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง

    การใช้เทคโนโลยีเก่าโดยไม่มีการอัปเดตเป็นช่องโหว่ที่แฮกเกอร์ใช้เจาะระบบได้ง่าย
    ระบบที่ไม่รองรับการป้องกันภัยใหม่ ๆ จะถูกโจมตีได้โดยไม่ต้องใช้เทคนิคซับซ้อน
    อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีระบบอื่นในเครือข่าย

    การขาดการฝึกอบรมทำให้เจ้าหน้าที่กลายเป็นจุดอ่อนของระบบความปลอดภัย
    การคลิกลิงก์ปลอมหรือเปิดไฟล์แนบอันตรายอาจทำให้ระบบถูกแฮก
    ความผิดพลาดเล็ก ๆ อาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูลครั้งใหญ่

    การไม่มีนโยบายหรือมาตรฐานกลางทำให้แต่ละเมืองมีระดับความปลอดภัยไม่เท่ากัน
    เมืองที่ไม่มีทรัพยากรอาจไม่มีการป้องกันเลย
    ส่งผลต่อความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวม

    การใช้กรอบการทำงานของ NIST ช่วยให้เทศบาลวางแผนด้าน cybersecurity ได้อย่างเป็นระบบ
    ครอบคลุม 5 ด้าน: Identify, Protect, Detect, Respond, Recover
    มีเครื่องมือและคู่มือให้ใช้ฟรีจากเว็บไซต์ของ NIST

    การทำประกันภัยไซเบอร์ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตี
    คุ้มครองความเสียหายจากการละเมิดข้อมูลและการหยุดชะงักของระบบ
    แต่ต้องศึกษาข้อกำหนดและค่าใช้จ่ายให้รอบคอบ

    การประเมินระบบอย่างสม่ำเสมอช่วยให้รู้จุดอ่อนและปรับปรุงได้ทันเวลา
    ใช้เครื่องมือฟรีจาก CISA เช่น Cyber Resilience Review และ CSET
    ไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัทภายนอกที่มีค่าใช้จ่ายสูงเสมอไป

    https://hackread.com/local-government-cybersecurity-municipal-systems-protection/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: เมืองเล็ก ๆ กับภัยไซเบอร์ที่ใหญ่เกินตัว ในยุคที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านอินเทอร์เน็ต ระบบของเทศบาลและเมืองต่าง ๆ ไม่ได้มีแค่ข้อมูลประชาชน แต่ยังรวมถึงบริการสำคัญ เช่น น้ำ ไฟ การแพทย์ และการรักษาความปลอดภัย ซึ่งหากถูกโจมตี อาจทำให้ทั้งเมืองหยุดชะงักได้ทันที ปัญหาคือระบบเหล่านี้มักถูกสร้างขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้น และยังใช้เทคโนโลยีเก่าที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ แถมงบประมาณด้าน cybersecurity ก็ถูกจัดสรรน้อย เพราะต้องแข่งขันกับความต้องการอื่นที่เร่งด่วนกว่า เช่น การซ่อมถนนหรือการจัดการขยะ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่เทศบาลจำนวนมากยังไม่ได้รับการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยไซเบอร์อย่างเพียงพอ ทำให้ตกเป็นเหยื่อของ phishing หรือมัลแวร์ได้ง่าย และเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ผลกระทบอาจลุกลามไปถึงความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลท้องถิ่น ✅ ระบบเทศบาลมีข้อมูลสำคัญและให้บริการพื้นฐาน เช่น น้ำ ไฟ ตำรวจ และดับเพลิง ➡️ หากถูกโจมตี อาจทำให้บริการหยุดชะงักและเกิดความไม่ปลอดภัยในชุมชน ➡️ ข้อมูลประชาชน เช่น หมายเลขประกันสังคมและประวัติสุขภาพ อาจถูกขโมย ✅ ระบบเหล่านี้มักสร้างขึ้นโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตั้งแต่ต้น ➡️ ใช้เทคโนโลยีเก่าที่เสี่ยงต่อการถูกเจาะระบบ ➡️ ขาดการอัปเดตและการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ ✅ งบประมาณด้าน cybersecurity มักถูกจัดสรรน้อย เพราะมีความต้องการอื่นที่เร่งด่วนกว่า ➡️ การอัปเกรดระบบหรือใช้เครื่องมือรักษาความปลอดภัยขั้นสูงจึงทำได้ยาก ➡️ ส่งผลให้เมืองเล็ก ๆ กลายเป็นเป้าหมายที่ง่ายสำหรับแฮกเกอร์ ✅ เจ้าหน้าที่เทศบาลมักไม่ได้รับการฝึกอบรมด้าน cybersecurity อย่างเพียงพอ ➡️ เสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของ phishing หรือ social engineering ➡️ ความผิดพลาดของมนุษย์เป็นจุดอ่อนหลักของระบบความปลอดภัย ✅ การฝึกอบรมและการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญภายนอกสามารถช่วยเสริมความปลอดภัยได้ ➡️ การจัดอบรมอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เจ้าหน้าที่รับมือกับภัยคุกคามใหม่ ๆ ➡️ การร่วมมือกับบริษัท cybersecurity หรือหน่วยงานรัฐช่วยเพิ่มทรัพยากรและความรู้ ✅ นโยบายและกฎระเบียบสามารถสร้างมาตรฐานขั้นต่ำด้านความปลอดภัยให้กับเทศบาล ➡️ เช่น การตรวจสอบระบบเป็นระยะ และการฝึกอบรมพนักงานเป็นข้อบังคับ ➡️ ช่วยให้เกิดความสม่ำเสมอและความร่วมมือระหว่างเมืองต่าง ๆ ‼️ การละเลยด้าน cybersecurity อาจทำให้บริการพื้นฐานของเมืองหยุดชะงักทันทีเมื่อถูกโจมตี ⛔ ส่งผลต่อความปลอดภัยของประชาชน เช่น การตอบสนองฉุกเฉินล่าช้า ⛔ อาจเกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมในวงกว้าง ‼️ การใช้เทคโนโลยีเก่าโดยไม่มีการอัปเดตเป็นช่องโหว่ที่แฮกเกอร์ใช้เจาะระบบได้ง่าย ⛔ ระบบที่ไม่รองรับการป้องกันภัยใหม่ ๆ จะถูกโจมตีได้โดยไม่ต้องใช้เทคนิคซับซ้อน ⛔ อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีระบบอื่นในเครือข่าย ‼️ การขาดการฝึกอบรมทำให้เจ้าหน้าที่กลายเป็นจุดอ่อนของระบบความปลอดภัย ⛔ การคลิกลิงก์ปลอมหรือเปิดไฟล์แนบอันตรายอาจทำให้ระบบถูกแฮก ⛔ ความผิดพลาดเล็ก ๆ อาจนำไปสู่การละเมิดข้อมูลครั้งใหญ่ ‼️ การไม่มีนโยบายหรือมาตรฐานกลางทำให้แต่ละเมืองมีระดับความปลอดภัยไม่เท่ากัน ⛔ เมืองที่ไม่มีทรัพยากรอาจไม่มีการป้องกันเลย ⛔ ส่งผลต่อความมั่นคงของภูมิภาคโดยรวม ✅ การใช้กรอบการทำงานของ NIST ช่วยให้เทศบาลวางแผนด้าน cybersecurity ได้อย่างเป็นระบบ ➡️ ครอบคลุม 5 ด้าน: Identify, Protect, Detect, Respond, Recover ➡️ มีเครื่องมือและคู่มือให้ใช้ฟรีจากเว็บไซต์ของ NIST ✅ การทำประกันภัยไซเบอร์ช่วยลดความเสี่ยงทางการเงินเมื่อเกิดเหตุการณ์โจมตี ➡️ คุ้มครองความเสียหายจากการละเมิดข้อมูลและการหยุดชะงักของระบบ ➡️ แต่ต้องศึกษาข้อกำหนดและค่าใช้จ่ายให้รอบคอบ ✅ การประเมินระบบอย่างสม่ำเสมอช่วยให้รู้จุดอ่อนและปรับปรุงได้ทันเวลา ➡️ ใช้เครื่องมือฟรีจาก CISA เช่น Cyber Resilience Review และ CSET ➡️ ไม่จำเป็นต้องจ้างบริษัทภายนอกที่มีค่าใช้จ่ายสูงเสมอไป https://hackread.com/local-government-cybersecurity-municipal-systems-protection/
    HACKREAD.COM
    Local Government Cybersecurity: Why Municipal Systems Need Extra Protection
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 323 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ AI กลายเป็นผู้สัมภาษณ์งาน แต่ผู้สมัครกลับบอกว่า “ขอไม่ทำงานดีกว่า”

    ในปี 2025 บริษัทต่าง ๆ หันมาใช้ AI เพื่อจัดการกระบวนการสรรหาพนักงาน ตั้งแต่คัดกรองใบสมัคร ไปจนถึงสัมภาษณ์เบื้องต้นผ่าน Zoom หรือวิดีโอคอล โดยไม่มีมนุษย์อยู่ปลายสาย ผู้สมัครหลายคนกลับรู้สึก “หมดศรัทธา” และ “ถูกลดคุณค่า” จนถึงขั้นยอมไม่สมัครงานเลย

    Debra Borchardt นักเขียนและบรรณาธิการที่หางานมานานกว่า 3 เดือน เล่าว่า “การหางานมันดูดพลังชีวิตอยู่แล้ว แล้วต้องมานั่งคุยกับหุ่นยนต์อีก มันเกินจะรับไหว” เธอออกจากการสัมภาษณ์กลางคันทันทีหลังรู้ว่าอีกฝั่งไม่ใช่มนุษย์

    แม้ HR จะมองว่า AI เป็นเครื่องมือช่วยลดภาระจากการต้องคัดเลือกผู้สมัครหลายพันคน แต่ผู้สมัครกลับมองว่าเป็น “สัญญาณเตือน” ว่าบริษัทนั้นไม่ให้ความสำคัญกับมนุษย์ และอาจมีวัฒนธรรมองค์กรที่เย็นชา

    บริษัทต่าง ๆ ใช้ AI เป็นผู้สัมภาษณ์งานเบื้องต้นแทนมนุษย์
    ผู้สมัครเข้าร่วม Zoom หรือวิดีโอคอลแล้วพบว่าอีกฝั่งคือ AI
    AI ทำหน้าที่ถามคำถามและบันทึกคำตอบเพื่อประเมินเบื้องต้น

    ผู้สมัครจำนวนมากรู้สึกถูกลดคุณค่าและเลือกไม่เข้าร่วมการสัมภาษณ์กับ AI
    บางคนถึงขั้นยอมตกงานแทนที่จะคุยกับหุ่นยนต์
    มองว่าเป็น “ความอัปยศเพิ่มเติม” จากการหางานที่ยากอยู่แล้ว

    HR ใช้ AI เพื่อจัดการกับจำนวนผู้สมัครมหาศาลในแต่ละตำแหน่ง
    AI ช่วยคัดกรองใบสมัคร, นัดสัมภาษณ์, และส่งอีเมลอัตโนมัติ
    ช่วยลดภาระของทีม HR ที่มีขนาดเล็กลง

    ผู้สมัครมองว่า AI เป็นสัญญาณของวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ให้ความสำคัญกับมนุษย์
    การไม่มีมนุษย์ในขั้นตอนแรกทำให้รู้สึกว่า “บริษัทไม่แคร์คน”
    ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและความตั้งใจในการสมัครงาน

    บางบริษัทใช้ AI เพื่อวิเคราะห์เสียง, สีหน้า, และคำตอบของผู้สมัคร
    เช่น HireVue และ Modern Hire ใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์แบบเรียลไทม์
    อ้างว่าเป็นการประเมินตามทักษะ ไม่ใช่ความสัมพันธ์ส่วนตัว

    ผลสำรวจพบว่า 67% ของผู้สมัครรู้สึกไม่สบายใจเมื่อบริษัทใช้ AI ในการคัดกรองใบสมัคร
    90% ต้องการให้บริษัทเปิดเผยการใช้ AI อย่างโปร่งใส
    ความโปร่งใสช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและความร่วมมือ

    AI เหมาะกับงานที่มีผู้สมัครจำนวนมาก เช่น retail หรือ customer service
    ช่วยคัดกรองเบื้องต้นและจัดการเวลาได้ดี
    แต่ควรมีมนุษย์เข้ามาในขั้นตอนสำคัญ

    การสัมภาษณ์งานคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับพนักงาน
    การใช้ AI อาจทำให้ความสัมพันธ์นั้นเริ่มต้นด้วยความเย็นชา
    ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้สมัครและการตัดสินใจรับงาน

    https://fortune.com/2025/08/03/ai-interviewers-job-seekers-unemployment-hiring-hr-teams/
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ AI กลายเป็นผู้สัมภาษณ์งาน แต่ผู้สมัครกลับบอกว่า “ขอไม่ทำงานดีกว่า” ในปี 2025 บริษัทต่าง ๆ หันมาใช้ AI เพื่อจัดการกระบวนการสรรหาพนักงาน ตั้งแต่คัดกรองใบสมัคร ไปจนถึงสัมภาษณ์เบื้องต้นผ่าน Zoom หรือวิดีโอคอล โดยไม่มีมนุษย์อยู่ปลายสาย ผู้สมัครหลายคนกลับรู้สึก “หมดศรัทธา” และ “ถูกลดคุณค่า” จนถึงขั้นยอมไม่สมัครงานเลย Debra Borchardt นักเขียนและบรรณาธิการที่หางานมานานกว่า 3 เดือน เล่าว่า “การหางานมันดูดพลังชีวิตอยู่แล้ว แล้วต้องมานั่งคุยกับหุ่นยนต์อีก มันเกินจะรับไหว” เธอออกจากการสัมภาษณ์กลางคันทันทีหลังรู้ว่าอีกฝั่งไม่ใช่มนุษย์ แม้ HR จะมองว่า AI เป็นเครื่องมือช่วยลดภาระจากการต้องคัดเลือกผู้สมัครหลายพันคน แต่ผู้สมัครกลับมองว่าเป็น “สัญญาณเตือน” ว่าบริษัทนั้นไม่ให้ความสำคัญกับมนุษย์ และอาจมีวัฒนธรรมองค์กรที่เย็นชา ✅ บริษัทต่าง ๆ ใช้ AI เป็นผู้สัมภาษณ์งานเบื้องต้นแทนมนุษย์ ➡️ ผู้สมัครเข้าร่วม Zoom หรือวิดีโอคอลแล้วพบว่าอีกฝั่งคือ AI ➡️ AI ทำหน้าที่ถามคำถามและบันทึกคำตอบเพื่อประเมินเบื้องต้น ✅ ผู้สมัครจำนวนมากรู้สึกถูกลดคุณค่าและเลือกไม่เข้าร่วมการสัมภาษณ์กับ AI ➡️ บางคนถึงขั้นยอมตกงานแทนที่จะคุยกับหุ่นยนต์ ➡️ มองว่าเป็น “ความอัปยศเพิ่มเติม” จากการหางานที่ยากอยู่แล้ว ✅ HR ใช้ AI เพื่อจัดการกับจำนวนผู้สมัครมหาศาลในแต่ละตำแหน่ง ➡️ AI ช่วยคัดกรองใบสมัคร, นัดสัมภาษณ์, และส่งอีเมลอัตโนมัติ ➡️ ช่วยลดภาระของทีม HR ที่มีขนาดเล็กลง ✅ ผู้สมัครมองว่า AI เป็นสัญญาณของวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ให้ความสำคัญกับมนุษย์ ➡️ การไม่มีมนุษย์ในขั้นตอนแรกทำให้รู้สึกว่า “บริษัทไม่แคร์คน” ➡️ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและความตั้งใจในการสมัครงาน ✅ บางบริษัทใช้ AI เพื่อวิเคราะห์เสียง, สีหน้า, และคำตอบของผู้สมัคร ➡️ เช่น HireVue และ Modern Hire ใช้เทคโนโลยีวิเคราะห์แบบเรียลไทม์ ➡️ อ้างว่าเป็นการประเมินตามทักษะ ไม่ใช่ความสัมพันธ์ส่วนตัว ✅ ผลสำรวจพบว่า 67% ของผู้สมัครรู้สึกไม่สบายใจเมื่อบริษัทใช้ AI ในการคัดกรองใบสมัคร ➡️ 90% ต้องการให้บริษัทเปิดเผยการใช้ AI อย่างโปร่งใส ➡️ ความโปร่งใสช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นและความร่วมมือ ✅ AI เหมาะกับงานที่มีผู้สมัครจำนวนมาก เช่น retail หรือ customer service ➡️ ช่วยคัดกรองเบื้องต้นและจัดการเวลาได้ดี ➡️ แต่ควรมีมนุษย์เข้ามาในขั้นตอนสำคัญ ✅ การสัมภาษณ์งานคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับพนักงาน ➡️ การใช้ AI อาจทำให้ความสัมพันธ์นั้นเริ่มต้นด้วยความเย็นชา ➡️ ส่งผลต่อความรู้สึกของผู้สมัครและการตัดสินใจรับงาน https://fortune.com/2025/08/03/ai-interviewers-job-seekers-unemployment-hiring-hr-teams/
    FORTUNE.COM
    AI is doing job interviews now—but candidates say they'd rather risk staying unemployed than talk to another robot
    Job-seekers tell Fortune they’re outright refusing to do AI interviews, calling them dehumanizing and a red flag for bad company culture.
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
More Results