• "Cambricon ตั้งเป้าเพิ่มการผลิตชิป AI 3 เท่า – หวังแทนที่ Nvidia และท้าชน Huawei"

    ข่าวนี้เล่าถึงบริษัท Cambricon Technologies ของจีนที่ตั้งเป้า เพิ่มการผลิตชิป AI เป็น 3 เท่าในปี 2026 เพื่อทดแทนช่องว่างที่ Nvidia ถอนตัวออกจากตลาดจีน และแข่งขันกับ Huawei แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องกำลังการผลิตและคุณภาพการผลิตที่ต่ำ

    Cambricon Technologies มีแผนจะผลิตชิป AI กว่า 500,000 ตัวในปี 2026 รวมถึงรุ่นเรือธง Siyuan 590 และ 690 ซึ่งมากกว่าสามเท่าของจำนวนที่คาดว่าจะผลิตในปี 2025 (ประมาณ 142,000 ตัว). การขยายนี้เกิดขึ้นหลังจาก Nvidia ถูกจำกัดการส่งออกชิปไปยังจีน ทำให้เกิดช่องว่างในตลาดที่บริษัทจีนพยายามเข้ามาเติมเต็ม.

    Cambricon จะพึ่งพากำลังการผลิตจาก Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) โดยใช้กระบวนการผลิต 7nm N+2 แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องคุณภาพ เนื่องจากชิป Siyuan มีอัตราการผลิตที่ใช้ได้จริงเพียง 20% หรือหนึ่งในห้าของจำนวนที่ผลิตออกมา ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับ TSMC ที่มี yield rate สูงถึง 60%.

    แม้จะมีข้อจำกัดด้านเทคนิค แต่ Cambricon ได้รับแรงหนุนจากรัฐบาลจีนและความต้องการภายในประเทศ โดยมีลูกค้ารายใหญ่เช่น Alibaba และ ByteDance ที่หันมาใช้ชิปจีนตามนโยบายลดการพึ่งพาต่างชาติ รายได้ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นกว่า 14 เท่าในไตรมาสล่าสุด สะท้อนความต้องการที่พุ่งสูงในตลาด AI.

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ที่ การจัดหาวัสดุพื้นฐานและหน่วยความจำ (HBM, LPDDR) ซึ่งขาดแคลนทั่วโลก รวมถึงการแข่งขันกับ Huawei ที่ประกาศว่าจะเพิ่มการผลิตชิปเช่นกัน ทำให้อนาคตของ Cambricon แม้จะสดใส แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงด้านเทคนิคและทรัพยากร.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Cambricon ตั้งเป้าผลิตชิป AI 500,000 ตัวในปี 2026
    ใช้กำลังการผลิตจาก SMIC ที่กระบวนการ 7nm N+2
    Yield rate ของชิป Siyuan อยู่ที่ 20% เทียบกับ TSMC ที่ 60%
    ลูกค้ารายใหญ่: Alibaba และ ByteDance
    รายได้ไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้น 14 เท่า

    ข้อมูลเสริมจาก Internet
    ตลาดชิป AI คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีในช่วง 2025–2030
    Huawei กำลังเพิ่มการผลิตชิป AI เพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ
    การขาดแคลน HBM และ LPDDR เป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก

    คำเตือนจากข่าว
    Yield rate ต่ำอาจทำให้ต้นทุนสูงและการผลิตไม่คุ้มค่า
    การขาดแคลนหน่วยความจำอาจทำให้คำสั่งซื้อไม่สามารถส่งมอบได้
    การแข่งขันกับ Huawei อาจทำให้ Cambricon เสียเปรียบในตลาดภายในประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-tech-firm-cambricon-looks-to-step-into-nvidia-void-triple-ai-chip-production-next-year-seeks-to-rival-huawei-but-production-remains-a-concern
    ⚙️ "Cambricon ตั้งเป้าเพิ่มการผลิตชิป AI 3 เท่า – หวังแทนที่ Nvidia และท้าชน Huawei" ข่าวนี้เล่าถึงบริษัท Cambricon Technologies ของจีนที่ตั้งเป้า เพิ่มการผลิตชิป AI เป็น 3 เท่าในปี 2026 เพื่อทดแทนช่องว่างที่ Nvidia ถอนตัวออกจากตลาดจีน และแข่งขันกับ Huawei แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องกำลังการผลิตและคุณภาพการผลิตที่ต่ำ Cambricon Technologies มีแผนจะผลิตชิป AI กว่า 500,000 ตัวในปี 2026 รวมถึงรุ่นเรือธง Siyuan 590 และ 690 ซึ่งมากกว่าสามเท่าของจำนวนที่คาดว่าจะผลิตในปี 2025 (ประมาณ 142,000 ตัว). การขยายนี้เกิดขึ้นหลังจาก Nvidia ถูกจำกัดการส่งออกชิปไปยังจีน ทำให้เกิดช่องว่างในตลาดที่บริษัทจีนพยายามเข้ามาเติมเต็ม. Cambricon จะพึ่งพากำลังการผลิตจาก Semiconductor Manufacturing International Corp (SMIC) โดยใช้กระบวนการผลิต 7nm N+2 แต่ยังมีข้อกังวลเรื่องคุณภาพ เนื่องจากชิป Siyuan มีอัตราการผลิตที่ใช้ได้จริงเพียง 20% หรือหนึ่งในห้าของจำนวนที่ผลิตออกมา ซึ่งถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับ TSMC ที่มี yield rate สูงถึง 60%. แม้จะมีข้อจำกัดด้านเทคนิค แต่ Cambricon ได้รับแรงหนุนจากรัฐบาลจีนและความต้องการภายในประเทศ โดยมีลูกค้ารายใหญ่เช่น Alibaba และ ByteDance ที่หันมาใช้ชิปจีนตามนโยบายลดการพึ่งพาต่างชาติ รายได้ของบริษัทก็เพิ่มขึ้นกว่า 14 เท่าในไตรมาสล่าสุด สะท้อนความต้องการที่พุ่งสูงในตลาด AI. อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ที่ การจัดหาวัสดุพื้นฐานและหน่วยความจำ (HBM, LPDDR) ซึ่งขาดแคลนทั่วโลก รวมถึงการแข่งขันกับ Huawei ที่ประกาศว่าจะเพิ่มการผลิตชิปเช่นกัน ทำให้อนาคตของ Cambricon แม้จะสดใส แต่ก็เต็มไปด้วยความเสี่ยงด้านเทคนิคและทรัพยากร. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Cambricon ตั้งเป้าผลิตชิป AI 500,000 ตัวในปี 2026 ➡️ ใช้กำลังการผลิตจาก SMIC ที่กระบวนการ 7nm N+2 ➡️ Yield rate ของชิป Siyuan อยู่ที่ 20% เทียบกับ TSMC ที่ 60% ➡️ ลูกค้ารายใหญ่: Alibaba และ ByteDance ➡️ รายได้ไตรมาสล่าสุดเพิ่มขึ้น 14 เท่า ✅ ข้อมูลเสริมจาก Internet ➡️ ตลาดชิป AI คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 25% ต่อปีในช่วง 2025–2030 ➡️ Huawei กำลังเพิ่มการผลิตชิป AI เพื่อตอบสนองความต้องการในประเทศ ➡️ การขาดแคลน HBM และ LPDDR เป็นปัญหาสำคัญทั่วโลก ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ Yield rate ต่ำอาจทำให้ต้นทุนสูงและการผลิตไม่คุ้มค่า ⛔ การขาดแคลนหน่วยความจำอาจทำให้คำสั่งซื้อไม่สามารถส่งมอบได้ ⛔ การแข่งขันกับ Huawei อาจทำให้ Cambricon เสียเปรียบในตลาดภายในประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/chinese-tech-firm-cambricon-looks-to-step-into-nvidia-void-triple-ai-chip-production-next-year-seeks-to-rival-huawei-but-production-remains-a-concern
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • แนะนำ 5 อุปกรณ์สมาร์ทสำหรับความปลอดภัยในบ้าน

    บทความนี้แนะนำ 5 อุปกรณ์สมาร์ทสำหรับความปลอดภัยในบ้าน ที่ Consumer Reports จัดอันดับ ได้แก่ กล้อง TP-Link Tapo สองรุ่น, Logitech Circle View Doorbell, Yale August Smart Lock และ Google Nest Secure Alarm Pack

    “TP-Link Tapo C420S2 – กล้องราคาย่อมเยา แต่ข้อมูลส่วนตัวไม่ปลอดภัย”
    TP-Link Tapo C420S2 ได้รับคะแนนสูงจาก Consumer Reports ในด้านคุณภาพวิดีโอทั้งกลางวันและกลางคืน ความละเอียด 2K และมุมมอง 113 องศา แต่ ข้อเสียใหญ่คือการจัดการข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ชัดเจน ทำให้ได้คะแนนต่ำด้าน Privacy แม้ระบบความปลอดภัยดิจิทัลจะดี แต่ผู้ใช้ควรระวังเรื่องการเก็บและแชร์ข้อมูลที่ไม่โปร่งใส

    “TP-Link Tapo C325WB – ราคาถูกกว่า พร้อมลำโพงสองทาง”
    รุ่นนี้มีราคาเพียง 70 ดอลลาร์ และยังคงคุณภาพวิดีโอ 2K พร้อมมุมมองกว้างขึ้นถึง 127 องศา จุดเด่นคือ ระบบแจ้งเตือนรวดเร็วและลำโพงสองทาง ที่ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคนหน้าบ้านได้ทันที แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่อง Privacy เช่นเดียวกับรุ่น C420S2 และต้องพึ่งพาการสมัคร Cloud Storage หรือใช้ SD Card

    “Logitech Circle View Doorbell – เหมาะกับผู้ใช้ Apple HomeKit”
    แม้ Logitech จะโด่งดังด้านอุปกรณ์เกม แต่ Circle View Doorbell ก็ได้รับคะแนนดีในด้านคุณภาพภาพและการตอบสนองทันทีเมื่อมีผู้มาเยือน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดคือรองรับเฉพาะ Apple HomeKit และมีปัญหาด้าน Privacy ที่ Consumer Reports ให้คะแนนต่ำ อีกทั้งราคาสูงกว่าทางเลือกอื่นที่ราว 200 ดอลลาร์

    “Yale August WiFi Smart Lock – ปลอดภัยและใช้ง่าย”
    สมาร์ทล็อคจาก Yale รุ่น August WiFi ได้รับการยกย่องว่ามีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแกร่ง เช่น AES 128-bit และ TLS encryption อีกทั้งยังสามารถติดตั้งโดยไม่ต้องถอดเดดโบลต์เดิม เหมาะสำหรับผู้เช่าอพาร์ตเมนต์ ราคาประมาณ 210 ดอลลาร์ พร้อมคีย์แพดสำหรับตั้งรหัสเข้าออก

    “Google Nest Secure Alarm Pack – ระบบรักษาความปลอดภัย DIY”
    Google Nest Secure เป็นชุดระบบรักษาความปลอดภัยที่ติดตั้งเองได้ง่าย มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการเปิดปิดประตู/หน้าต่างและตรวจจับการเคลื่อนไหวในระยะ 15 ฟุต มีระบบไฟ LED แสดงสถานะ และสามารถเชื่อมต่อกับบริการ Brinks เพื่อเพิ่มการดูแลแบบมืออาชีพ ราคาประมาณ 80 ดอลลาร์ ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า

    https://www.slashgear.com/2041276/best-home-security-smart-gadgets-consumer-reports/
    🏚️ แนะนำ 5 อุปกรณ์สมาร์ทสำหรับความปลอดภัยในบ้าน บทความนี้แนะนำ 5 อุปกรณ์สมาร์ทสำหรับความปลอดภัยในบ้าน ที่ Consumer Reports จัดอันดับ ได้แก่ กล้อง TP-Link Tapo สองรุ่น, Logitech Circle View Doorbell, Yale August Smart Lock และ Google Nest Secure Alarm Pack 📹 “TP-Link Tapo C420S2 – กล้องราคาย่อมเยา แต่ข้อมูลส่วนตัวไม่ปลอดภัย” TP-Link Tapo C420S2 ได้รับคะแนนสูงจาก Consumer Reports ในด้านคุณภาพวิดีโอทั้งกลางวันและกลางคืน ความละเอียด 2K และมุมมอง 113 องศา แต่ ข้อเสียใหญ่คือการจัดการข้อมูลส่วนตัวที่ไม่ชัดเจน ทำให้ได้คะแนนต่ำด้าน Privacy แม้ระบบความปลอดภัยดิจิทัลจะดี แต่ผู้ใช้ควรระวังเรื่องการเก็บและแชร์ข้อมูลที่ไม่โปร่งใส 🎤 “TP-Link Tapo C325WB – ราคาถูกกว่า พร้อมลำโพงสองทาง” รุ่นนี้มีราคาเพียง 70 ดอลลาร์ และยังคงคุณภาพวิดีโอ 2K พร้อมมุมมองกว้างขึ้นถึง 127 องศา จุดเด่นคือ ระบบแจ้งเตือนรวดเร็วและลำโพงสองทาง ที่ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคนหน้าบ้านได้ทันที แต่ก็ยังมีปัญหาเรื่อง Privacy เช่นเดียวกับรุ่น C420S2 และต้องพึ่งพาการสมัคร Cloud Storage หรือใช้ SD Card 🔔 “Logitech Circle View Doorbell – เหมาะกับผู้ใช้ Apple HomeKit” แม้ Logitech จะโด่งดังด้านอุปกรณ์เกม แต่ Circle View Doorbell ก็ได้รับคะแนนดีในด้านคุณภาพภาพและการตอบสนองทันทีเมื่อมีผู้มาเยือน อย่างไรก็ตาม ข้อจำกัดคือรองรับเฉพาะ Apple HomeKit และมีปัญหาด้าน Privacy ที่ Consumer Reports ให้คะแนนต่ำ อีกทั้งราคาสูงกว่าทางเลือกอื่นที่ราว 200 ดอลลาร์ 🔑 “Yale August WiFi Smart Lock – ปลอดภัยและใช้ง่าย” สมาร์ทล็อคจาก Yale รุ่น August WiFi ได้รับการยกย่องว่ามีระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนที่แข็งแกร่ง เช่น AES 128-bit และ TLS encryption อีกทั้งยังสามารถติดตั้งโดยไม่ต้องถอดเดดโบลต์เดิม เหมาะสำหรับผู้เช่าอพาร์ตเมนต์ ราคาประมาณ 210 ดอลลาร์ พร้อมคีย์แพดสำหรับตั้งรหัสเข้าออก 🛡️ “Google Nest Secure Alarm Pack – ระบบรักษาความปลอดภัย DIY” Google Nest Secure เป็นชุดระบบรักษาความปลอดภัยที่ติดตั้งเองได้ง่าย มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับการเปิดปิดประตู/หน้าต่างและตรวจจับการเคลื่อนไหวในระยะ 15 ฟุต มีระบบไฟ LED แสดงสถานะ และสามารถเชื่อมต่อกับบริการ Brinks เพื่อเพิ่มการดูแลแบบมืออาชีพ ราคาประมาณ 80 ดอลลาร์ ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า https://www.slashgear.com/2041276/best-home-security-smart-gadgets-consumer-reports/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The 5 Best Smart Gadgets For Home Security, According To Consumer Reports - SlashGear
    Home security is vital so you can ensure you and your family are safe. If you are looking for smart gadgets to help, here's what Consumer Reports recommends.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • เส้นทางจากนักข่าวสู่ผู้นำด้าน Privacy

    บทสัมภาษณ์นี้พูดคุยกับ Alexander Linton ประธานมูลนิธิ Session Technology Foundation เกี่ยวกับการสร้างแพลตฟอร์มแชทที่เข้ารหัสแบบกระจายศูนย์ (decentralized encrypted messaging) และความท้าทายด้านความปลอดภัย ความเชื่อมั่น และการกำกับดูแล

    Alexander Linton เริ่มต้นจากการเป็นนักข่าวที่ต้องเผชิญกับปัญหาการสื่อสารที่ไม่ปลอดภัย เขาเห็นช่องว่างสำคัญในเครื่องมือที่ใช้ปกป้องข้อมูลและแหล่งข่าว จึงเข้าร่วมทีมพัฒนา Session เมื่อ 7 ปีก่อน และปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำมูลนิธิที่ดูแลโครงการนี้ เป้าหมายของเขาคือทำให้การสื่อสารที่ปลอดภัยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน

    ความท้าทายด้าน Trust & Safety
    Session ใช้โครงสร้างแบบ decentralized node network คล้าย Tor ทำให้ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางที่สามารถควบคุมหรือสอดส่องได้ ส่งผลให้การทำ content moderation แบบรวมศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้ Linton ย้ำว่า “ไม่มีอนาคตของความปลอดภัยออนไลน์หากปราศจาก Privacy และ Security” โดย Session เลือกใช้การควบคุมในระดับชุมชนแทนที่จะเปิดช่องทางให้รัฐบาลหรือองค์กรใด ๆ แทรกแซง

    บทบาทของสวิตเซอร์แลนด์และการกำกับดูแล
    หลังจากย้ายฐานจากออสเตรเลียไปสวิตเซอร์แลนด์ มูลนิธิได้รับสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและเป็นมิตรต่อสิทธิด้านดิจิทัล อย่างไรก็ตามยังมีข้อกังวลเรื่องกฎหมายใหม่ที่อาจกระทบต่อการเข้ารหัส (เช่น VÜPF) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อ Privacy เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง

    อนาคตของ Session และ Token
    เพื่อสร้างความยั่งยืน Session ได้เปิดตัว Session Token ที่ใช้เป็นแรงจูงใจให้ชุมชนช่วยดูแลโครงสร้างพื้นฐาน โดย Linton ยืนยันว่าไม่ใช่การ “cash grab” แต่เป็นการสร้างโมเดลที่ให้ผู้สนับสนุนเครือข่ายได้รับผลตอบแทนจากการมีส่วนร่วม ซึ่งจะช่วยให้แพลตฟอร์มเติบโตโดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทเอกชน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Alexander Linton จากนักข่าวสู่ประธาน Session Technology Foundation
    Session ใช้โครงสร้าง decentralized node network คล้าย Tor
    Content moderation ทำในระดับชุมชน ไม่ใช่รวมศูนย์
    มูลนิธิย้ายฐานไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อความมั่นคงด้านสิทธิข้อมูล
    เปิดตัว Session Token เพื่อสร้างความยั่งยืนของแพลตฟอร์ม

    คำเตือนจากข่าว
    กฎหมายใหม่ในสวิตเซอร์แลนด์ (VÜPF) อาจกระทบต่อการเข้ารหัส
    การละเลยการปกป้อง Privacy อาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกสอดส่อง
    หากไม่เข้าใจโมเดล Token อาจถูกมองว่าเป็นการแสวงหาผลประโยชน์
    การลดความเข้มแข็งของ Encryption จะทำให้ทุกคนไม่ปลอดภัยมากขึ้น

    https://itsfoss.com/news/alexander-linton-interview/
    📰 เส้นทางจากนักข่าวสู่ผู้นำด้าน Privacy บทสัมภาษณ์นี้พูดคุยกับ Alexander Linton ประธานมูลนิธิ Session Technology Foundation เกี่ยวกับการสร้างแพลตฟอร์มแชทที่เข้ารหัสแบบกระจายศูนย์ (decentralized encrypted messaging) และความท้าทายด้านความปลอดภัย ความเชื่อมั่น และการกำกับดูแล Alexander Linton เริ่มต้นจากการเป็นนักข่าวที่ต้องเผชิญกับปัญหาการสื่อสารที่ไม่ปลอดภัย เขาเห็นช่องว่างสำคัญในเครื่องมือที่ใช้ปกป้องข้อมูลและแหล่งข่าว จึงเข้าร่วมทีมพัฒนา Session เมื่อ 7 ปีก่อน และปัจจุบันก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำมูลนิธิที่ดูแลโครงการนี้ เป้าหมายของเขาคือทำให้การสื่อสารที่ปลอดภัยเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน 🔐 ความท้าทายด้าน Trust & Safety Session ใช้โครงสร้างแบบ decentralized node network คล้าย Tor ทำให้ไม่มีเซิร์ฟเวอร์กลางที่สามารถควบคุมหรือสอดส่องได้ ส่งผลให้การทำ content moderation แบบรวมศูนย์แทบเป็นไปไม่ได้ Linton ย้ำว่า “ไม่มีอนาคตของความปลอดภัยออนไลน์หากปราศจาก Privacy และ Security” โดย Session เลือกใช้การควบคุมในระดับชุมชนแทนที่จะเปิดช่องทางให้รัฐบาลหรือองค์กรใด ๆ แทรกแซง 🌍 บทบาทของสวิตเซอร์แลนด์และการกำกับดูแล หลังจากย้ายฐานจากออสเตรเลียไปสวิตเซอร์แลนด์ มูลนิธิได้รับสภาพแวดล้อมที่มั่นคงและเป็นมิตรต่อสิทธิด้านดิจิทัล อย่างไรก็ตามยังมีข้อกังวลเรื่องกฎหมายใหม่ที่อาจกระทบต่อการเข้ารหัส (เช่น VÜPF) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการต่อสู้เพื่อ Privacy เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะประเทศใดประเทศหนึ่ง 💡 อนาคตของ Session และ Token เพื่อสร้างความยั่งยืน Session ได้เปิดตัว Session Token ที่ใช้เป็นแรงจูงใจให้ชุมชนช่วยดูแลโครงสร้างพื้นฐาน โดย Linton ยืนยันว่าไม่ใช่การ “cash grab” แต่เป็นการสร้างโมเดลที่ให้ผู้สนับสนุนเครือข่ายได้รับผลตอบแทนจากการมีส่วนร่วม ซึ่งจะช่วยให้แพลตฟอร์มเติบโตโดยไม่ต้องพึ่งพาบริษัทเอกชน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Alexander Linton จากนักข่าวสู่ประธาน Session Technology Foundation ➡️ Session ใช้โครงสร้าง decentralized node network คล้าย Tor ➡️ Content moderation ทำในระดับชุมชน ไม่ใช่รวมศูนย์ ➡️ มูลนิธิย้ายฐานไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อความมั่นคงด้านสิทธิข้อมูล ➡️ เปิดตัว Session Token เพื่อสร้างความยั่งยืนของแพลตฟอร์ม ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ กฎหมายใหม่ในสวิตเซอร์แลนด์ (VÜPF) อาจกระทบต่อการเข้ารหัส ⛔ การละเลยการปกป้อง Privacy อาจทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกสอดส่อง ⛔ หากไม่เข้าใจโมเดล Token อาจถูกมองว่าเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ ⛔ การลดความเข้มแข็งของ Encryption จะทำให้ทุกคนไม่ปลอดภัยมากขึ้น https://itsfoss.com/news/alexander-linton-interview/
    ITSFOSS.COM
    There is No Future for Online Safety Without Privacy and Security
    Alexander Linton of the Session Technology Foundation on building decentralized messaging and why platform-wide content moderation is impractical on encrypted platforms.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ Splunk บน Windows ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่ Administrator สามารถเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์สำคัญได้

    Splunk Enterprise และ Splunk Universal Forwarder บน Windows ถูกค้นพบช่องโหว่ CVE-2025-20386 และ CVE-2025-20387 โดยมีคะแนนความรุนแรง CVSS 8.0 ซึ่งถือว่าสูงมาก ช่องโหว่นี้เกิดจากการติดตั้งหรืออัปเกรดที่กำหนด Permission ของโฟลเดอร์ผิดพลาด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงไฟล์ที่ควรจำกัดสิทธิ์เฉพาะ Administrator ได้

    กลไกการโจมตี
    เมื่อ Permission ถูกตั้งค่าไม่ถูกต้อง ผู้โจมตีที่มีบัญชีผู้ใช้ระดับต่ำสามารถ:
    อ่านไฟล์การตั้งค่าที่มีข้อมูลสำคัญ
    เขียนหรือแก้ไขไฟล์ในโฟลเดอร์ Splunk
    ฝังไฟล์อันตรายเพื่อให้ระบบรันโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้ทำให้การโจมตีง่ายขึ้นมาก เพราะไม่ต้องใช้สิทธิ์สูงตั้งแต่แรก

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    Splunk Enterprise และ Universal Forwarder เวอร์ชันต่ำกว่า:
    10.0.2
    9.4.6
    9.3.8
    9.2.10

    แนวทางแก้ไข
    Splunk ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันข้างต้น ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ Splunk แนะนำให้ใช้คำสั่ง icacls.exe เพื่อแก้ไข Permission ด้วยตนเอง เช่น:
    ปิด inheritance
    ลบสิทธิ์ Built-in Users และ Authenticated Users
    เปิด inheritance ใหม่อย่างปลอดภัย

    สรุปประเด็นสำคัญ

    ข้อมูลจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-20386 และ CVE-2025-20387 มีคะแนน CVSS 8.0
    เกิดจาก Permission โฟลเดอร์ Splunk บน Windows ที่ตั้งค่าไม่ถูกต้อง
    ผู้โจมตีสามารถอ่าน/เขียนไฟล์ และฝังโค้ดอันตรายได้
    เวอร์ชันที่ปลอดภัยคือ 10.0.2, 9.4.6, 9.3.8, 9.2.10

    คำเตือนจากข่าว
    หากไม่อัปเดต ระบบเสี่ยงต่อการถูกยึดครองโดยผู้ใช้ทั่วไป
    การปล่อยให้ Permission เปิดกว้างทำให้ไฟล์สำคัญถูกแก้ไขได้
    การละเลยการตรวจสอบสิทธิ์ไฟล์อาจเปิดช่องให้ฝัง Backdoor
    การใช้เวอร์ชันเก่าต่อไปคือความเสี่ยงต่อความปลอดภัยองค์กร

    https://securityonline.info/high-severity-splunk-flaw-allows-local-privilege-escalation-via-incorrect-file-permissions-on-windows/
    ⚠️ ช่องโหว่ Splunk บน Windows ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่ใช่ Administrator สามารถเข้าถึงไฟล์และโฟลเดอร์สำคัญได้ Splunk Enterprise และ Splunk Universal Forwarder บน Windows ถูกค้นพบช่องโหว่ CVE-2025-20386 และ CVE-2025-20387 โดยมีคะแนนความรุนแรง CVSS 8.0 ซึ่งถือว่าสูงมาก ช่องโหว่นี้เกิดจากการติดตั้งหรืออัปเกรดที่กำหนด Permission ของโฟลเดอร์ผิดพลาด ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้าถึงไฟล์ที่ควรจำกัดสิทธิ์เฉพาะ Administrator ได้ 🧩 กลไกการโจมตี เมื่อ Permission ถูกตั้งค่าไม่ถูกต้อง ผู้โจมตีที่มีบัญชีผู้ใช้ระดับต่ำสามารถ: 🐞 อ่านไฟล์การตั้งค่าที่มีข้อมูลสำคัญ 🐞 เขียนหรือแก้ไขไฟล์ในโฟลเดอร์ Splunk 🐞 ฝังไฟล์อันตรายเพื่อให้ระบบรันโดยอัตโนมัติ สิ่งนี้ทำให้การโจมตีง่ายขึ้นมาก เพราะไม่ต้องใช้สิทธิ์สูงตั้งแต่แรก 🔎 เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ Splunk Enterprise และ Universal Forwarder เวอร์ชันต่ำกว่า: 🐞 10.0.2 🐞 9.4.6 🐞 9.3.8 🐞 9.2.10 🛡️ แนวทางแก้ไข Splunk ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชันข้างต้น ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ Splunk แนะนำให้ใช้คำสั่ง icacls.exe เพื่อแก้ไข Permission ด้วยตนเอง เช่น: 🐞 ปิด inheritance 🐞 ลบสิทธิ์ Built-in Users และ Authenticated Users 🐞 เปิด inheritance ใหม่อย่างปลอดภัย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-20386 และ CVE-2025-20387 มีคะแนน CVSS 8.0 ➡️ เกิดจาก Permission โฟลเดอร์ Splunk บน Windows ที่ตั้งค่าไม่ถูกต้อง ➡️ ผู้โจมตีสามารถอ่าน/เขียนไฟล์ และฝังโค้ดอันตรายได้ ➡️ เวอร์ชันที่ปลอดภัยคือ 10.0.2, 9.4.6, 9.3.8, 9.2.10 ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ หากไม่อัปเดต ระบบเสี่ยงต่อการถูกยึดครองโดยผู้ใช้ทั่วไป ⛔ การปล่อยให้ Permission เปิดกว้างทำให้ไฟล์สำคัญถูกแก้ไขได้ ⛔ การละเลยการตรวจสอบสิทธิ์ไฟล์อาจเปิดช่องให้ฝัง Backdoor ⛔ การใช้เวอร์ชันเก่าต่อไปคือความเสี่ยงต่อความปลอดภัยองค์กร https://securityonline.info/high-severity-splunk-flaw-allows-local-privilege-escalation-via-incorrect-file-permissions-on-windows/
    SECURITYONLINE.INFO
    High-Severity Splunk Flaw Allows Local Privilege Escalation via Incorrect File Permissions on Windows
    A High-severity flaw (CVSS 8.0) in Splunk Enterprise/Universal Forwarder for Windows allows low-privileged users to access/tamper with sensitive installation directories due to incorrect permissions. Update to v10.0.2+.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ใน Cacti เสี่ยงต่อการถูกยึดครอง Server

    Cacti ซึ่งเป็นเครื่องมือ Network Monitoring แบบ Open Source ถูกค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งอันตรายเข้าสู่ระบบได้โดยตรง ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่า CVE-2025-66399 และจัดอยู่ในระดับ High Severity เนื่องจากสามารถนำไปสู่การควบคุมเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด

    กลไกการโจมตี
    ปัญหาเกิดจากการที่ระบบไม่ตรวจสอบค่า SNMP Community String อย่างถูกต้อง โดย regex ที่ใช้สำหรับการกรองถูกปล่อยว่าง ทำให้ newline characters ไม่ถูกลบออก ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถแทรกคำสั่งเพิ่มเติมเข้าไปในกระบวนการ SNMP ได้ เช่น การใช้ snmpwalk หรือ wrapper tools ที่ตีความ newline เป็นคำสั่งใหม่ ทำให้เกิดการ Command Injection และนำไปสู่การรันโค้ดโดยตรง

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    หากการโจมตีสำเร็จ ผู้โจมตีสามารถ:
    แก้ไขข้อมูลการมอนิเตอร์เครือข่าย
    รันคำสั่งระดับระบบ
    เขียนไฟล์โดยไม่ได้รับอนุญาต
    ยึดครองเซิร์ฟเวอร์ Cacti ได้เต็มรูปแบบ

    แนวทางแก้ไข
    ทีมพัฒนา Cacti ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 1.2.29 แล้ว ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตทันที รวมถึงตรวจสอบไฟล์และกระบวนการที่ผิดปกติในเซิร์ฟเวอร์เพื่อป้องกันการฝัง Backdoor หรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-66399 อยู่ใน Cacti เวอร์ชันก่อน 1.2.29
    เกิดจากการตรวจสอบ SNMP Community String ที่ไม่สมบูรณ์
    newline characters ทำให้เกิด Command Injection ได้
    ทีมพัฒนาออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 1.2.29

    คำเตือนจากข่าว
    หากไม่อัปเดต ระบบเสี่ยงต่อการถูกยึดครองเต็มรูปแบบ
    ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งระดับระบบและเขียนไฟล์โดยไม่ได้รับอนุญาต
    การละเลยการตรวจสอบไฟล์และกระบวนการอาจเปิดช่องให้ Backdoor ถูกฝัง
    การใช้ SNMP tools ที่ตีความ newline เป็นคำสั่งใหม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการโจมตี

    https://securityonline.info/high-severity-cacti-flaw-cve-2025-66399-risks-remote-code-execution-via-snmp-community-string-injection/
    ⚠️ ช่องโหว่ใน Cacti เสี่ยงต่อการถูกยึดครอง Server Cacti ซึ่งเป็นเครื่องมือ Network Monitoring แบบ Open Source ถูกค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งอันตรายเข้าสู่ระบบได้โดยตรง ช่องโหว่นี้ถูกระบุว่า CVE-2025-66399 และจัดอยู่ในระดับ High Severity เนื่องจากสามารถนำไปสู่การควบคุมเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด 🧩 กลไกการโจมตี ปัญหาเกิดจากการที่ระบบไม่ตรวจสอบค่า SNMP Community String อย่างถูกต้อง โดย regex ที่ใช้สำหรับการกรองถูกปล่อยว่าง ทำให้ newline characters ไม่ถูกลบออก ส่งผลให้ผู้โจมตีสามารถแทรกคำสั่งเพิ่มเติมเข้าไปในกระบวนการ SNMP ได้ เช่น การใช้ snmpwalk หรือ wrapper tools ที่ตีความ newline เป็นคำสั่งใหม่ ทำให้เกิดการ Command Injection และนำไปสู่การรันโค้ดโดยตรง 🔎 ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากการโจมตีสำเร็จ ผู้โจมตีสามารถ: 🐞 แก้ไขข้อมูลการมอนิเตอร์เครือข่าย 🐞 รันคำสั่งระดับระบบ 🐞 เขียนไฟล์โดยไม่ได้รับอนุญาต 🐞 ยึดครองเซิร์ฟเวอร์ Cacti ได้เต็มรูปแบบ 🛡️ แนวทางแก้ไข ทีมพัฒนา Cacti ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 1.2.29 แล้ว ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดตทันที รวมถึงตรวจสอบไฟล์และกระบวนการที่ผิดปกติในเซิร์ฟเวอร์เพื่อป้องกันการฝัง Backdoor หรือการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-66399 อยู่ใน Cacti เวอร์ชันก่อน 1.2.29 ➡️ เกิดจากการตรวจสอบ SNMP Community String ที่ไม่สมบูรณ์ ➡️ newline characters ทำให้เกิด Command Injection ได้ ➡️ ทีมพัฒนาออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 1.2.29 ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ หากไม่อัปเดต ระบบเสี่ยงต่อการถูกยึดครองเต็มรูปแบบ ⛔ ผู้โจมตีสามารถรันคำสั่งระดับระบบและเขียนไฟล์โดยไม่ได้รับอนุญาต ⛔ การละเลยการตรวจสอบไฟล์และกระบวนการอาจเปิดช่องให้ Backdoor ถูกฝัง ⛔ การใช้ SNMP tools ที่ตีความ newline เป็นคำสั่งใหม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการโจมตี https://securityonline.info/high-severity-cacti-flaw-cve-2025-66399-risks-remote-code-execution-via-snmp-community-string-injection/
    SECURITYONLINE.INFO
    High-Severity Cacti Flaw (CVE-2025-66399) Risks Remote Code Execution via SNMP Community String Injection
    A High-severity RCE flaw (CVE-2025-66399) in Cacti allows authenticated attackers to execute commands by injecting newline characters into the SNMP Community String. Update to v1.2.29 immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 6 มุมมอง 0 รีวิว
  • NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ DoS (Denial of Service) ร้ายแรง 2 จุดใน Triton Inference Server

    NVIDIA ประกาศพบช่องโหว่ร้ายแรง 2 จุดใน Triton Inference Server บน Linux ได้แก่ CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201 ซึ่งสามารถถูกโจมตีเพื่อทำให้เซิร์ฟเวอร์หยุดทำงานได้ทันที ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ AI ที่ต้องการความต่อเนื่องสูง

    รายละเอียดของช่องโหว่
    CVE-2025-33211: เกิดจากการตรวจสอบค่าที่รับเข้ามาไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ผิดพลาดเพื่อทำให้ระบบล้มเหลว
    CVE-2025-33201: เกิดจากการตรวจสอบขนาดข้อมูลที่ไม่เหมาะสม หากผู้โจมตีส่ง Payload ที่ใหญ่เกินกว่าที่ระบบรองรับ จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถทำงานต่อได้

    ผลกระทบต่อระบบ AI
    การโจมตีเหล่านี้อาจทำให้บริการ AI ที่ใช้ Triton หยุดชะงักทันที เช่น ระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ หรือบริการ AI ที่ต้องการความเสถียรสูง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อธุรกิจที่พึ่งพา AI ในการดำเนินงาน

    แนวทางแก้ไข
    NVIDIA ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน r25.10 เพื่อแก้ไขปัญหานี้แล้ว ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดต Container และ Binary ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201 พบใน Triton Inference Server บน Linux
    ช่องโหว่ทำให้เกิดการโจมตีแบบ DoS ส่งผลให้ระบบหยุดทำงาน
    NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน r25.10
    ผู้ดูแลระบบควรอัปเดต Container และ Binary ทันที

    คำเตือนจากข่าว
    หากไม่อัปเดต ระบบ AI อาจหยุดทำงานและกระทบต่อธุรกิจที่ใช้บริการ AI
    การโจมตีสามารถทำให้บริการ AI ที่ต้องการความต่อเนื่องสูงหยุดชะงักทันที
    Payload ที่ใหญ่เกินไปอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีเพื่อทำให้ระบบล้มเหลว
    การละเลยการอัปเดตอาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้ามาโจมตีซ้ำได้

    https://securityonline.info/nvidia-triton-server-patches-two-high-severity-dos-flaws-risking-critical-ai-inference-disruption/
    ⚠️ NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ DoS (Denial of Service) ร้ายแรง 2 จุดใน Triton Inference Server NVIDIA ประกาศพบช่องโหว่ร้ายแรง 2 จุดใน Triton Inference Server บน Linux ได้แก่ CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201 ซึ่งสามารถถูกโจมตีเพื่อทำให้เซิร์ฟเวอร์หยุดทำงานได้ทันที ส่งผลกระทบต่อการให้บริการ AI ที่ต้องการความต่อเนื่องสูง 🧩 รายละเอียดของช่องโหว่ 🐞 CVE-2025-33211: เกิดจากการตรวจสอบค่าที่รับเข้ามาไม่ถูกต้อง ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งข้อมูลที่ผิดพลาดเพื่อทำให้ระบบล้มเหลว 🐞 CVE-2025-33201: เกิดจากการตรวจสอบขนาดข้อมูลที่ไม่เหมาะสม หากผู้โจมตีส่ง Payload ที่ใหญ่เกินกว่าที่ระบบรองรับ จะทำให้เซิร์ฟเวอร์ไม่สามารถทำงานต่อได้ 🔎 ผลกระทบต่อระบบ AI การโจมตีเหล่านี้อาจทำให้บริการ AI ที่ใช้ Triton หยุดชะงักทันที เช่น ระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ หรือบริการ AI ที่ต้องการความเสถียรสูง ซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อธุรกิจที่พึ่งพา AI ในการดำเนินงาน 🛡️ แนวทางแก้ไข NVIDIA ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน r25.10 เพื่อแก้ไขปัญหานี้แล้ว ผู้ดูแลระบบควรรีบอัปเดต Container และ Binary ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดทันที เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-33211 และ CVE-2025-33201 พบใน Triton Inference Server บน Linux ➡️ ช่องโหว่ทำให้เกิดการโจมตีแบบ DoS ส่งผลให้ระบบหยุดทำงาน ➡️ NVIDIA ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน r25.10 ➡️ ผู้ดูแลระบบควรอัปเดต Container และ Binary ทันที ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ หากไม่อัปเดต ระบบ AI อาจหยุดทำงานและกระทบต่อธุรกิจที่ใช้บริการ AI ⛔ การโจมตีสามารถทำให้บริการ AI ที่ต้องการความต่อเนื่องสูงหยุดชะงักทันที ⛔ Payload ที่ใหญ่เกินไปอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือโจมตีเพื่อทำให้ระบบล้มเหลว ⛔ การละเลยการอัปเดตอาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้ามาโจมตีซ้ำได้ https://securityonline.info/nvidia-triton-server-patches-two-high-severity-dos-flaws-risking-critical-ai-inference-disruption/
    SECURITYONLINE.INFO
    NVIDIA Triton Server Patches Two High-Severity DoS Flaws, Risking Critical AI Inference Disruption
    NVIDIA patched two high-severity DoS flaws in Triton Inference Server (CVE-2025-33211, CVE-2025-33201). Attackers can crash the server by sending malformed or excessively large payloads. Update to r25.10 immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 5 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ Next.js ระดับวิกฤติ

    นักพัฒนาที่ใช้ Next.js ร่วมกับ React Server Components (RSC) กำลังเผชิญสถานการณ์อันตราย เนื่องจากมีการค้นพบช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งไปประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์โดยตรง ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับ CVSS 10.0 ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุด หมายถึงความเสี่ยงต่อการถูกยึดครองระบบทั้งหมด

    สาเหตุของปัญหา
    ปัญหานี้เกิดจากการที่ RSC Protocol ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลที่ส่งเข้ามาอย่างเข้มงวด ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างคำขอที่บังคับให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานตามเส้นทางที่ไม่ได้ตั้งใจไว้ ส่งผลให้เกิดการ Remote Code Execution (RCE) โดยตรง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในโลกเว็บแอปพลิเคชัน

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    Next.js 15.x และ 16.x
    Next.js 14.3.0-canary.77 และเวอร์ชัน canary ที่ใหม่กว่า

    ในขณะที่ Next.js 13.x, 14.x stable, Pages Router และ Edge Runtime ไม่ได้รับผลกระทบ

    แนวทางแก้ไข
    ไม่มีวิธีการตั้งค่าหรือ workaround ที่สามารถปิดช่องโหว่นี้ได้ ผู้พัฒนาจึงต้อง อัปเดตทันที ไปยังเวอร์ชันที่ได้รับการแก้ไข ได้แก่:
    Next.js 15.0.5, 15.1.9, 15.2.6, 15.3.6, 15.4.8, 15.5.7
    Next.js 16.0.7

    สำหรับผู้ที่ใช้เวอร์ชัน 14 Canary ควร downgrade กลับไปยังเวอร์ชัน stable ล่าสุดเพื่อความปลอดภัย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-66478 มีคะแนน CVSS 10.0
    เกิดจาก React Server Components (RSC) Protocol ที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลเข้มงวด
    ส่งผลให้เกิด Remote Code Execution (RCE) ได้ทันที
    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบคือ Next.js 15.x, 16.x และ 14.3.0-canary.77+
    เวอร์ชันที่ปลอดภัยคือ Next.js 13.x, 14.x stable, Pages Router และ Edge Runtime

    คำเตือนจากข่าว
    ไม่มี workaround หรือการตั้งค่าที่ช่วยแก้ไขได้
    หากไม่อัปเดตทันที ระบบเสี่ยงต่อการถูกยึดครองเต็มรูปแบบ
    ผู้ใช้ Next.js Canary ต้อง downgrade เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
    การละเลยการอัปเดตอาจทำให้ข้อมูลและระบบถูกโจมตีโดยตรง

    https://securityonline.info/maximum-severity-alert-critical-rce-flaw-hits-next-js-cve-2025-66478-cvss-10-0/
    ⚠️ ช่องโหว่ Next.js ระดับวิกฤติ นักพัฒนาที่ใช้ Next.js ร่วมกับ React Server Components (RSC) กำลังเผชิญสถานการณ์อันตราย เนื่องจากมีการค้นพบช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งไปประมวลผลบนเซิร์ฟเวอร์โดยตรง ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับ CVSS 10.0 ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุด หมายถึงความเสี่ยงต่อการถูกยึดครองระบบทั้งหมด 🧩 สาเหตุของปัญหา ปัญหานี้เกิดจากการที่ RSC Protocol ไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลที่ส่งเข้ามาอย่างเข้มงวด ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างคำขอที่บังคับให้เซิร์ฟเวอร์ทำงานตามเส้นทางที่ไม่ได้ตั้งใจไว้ ส่งผลให้เกิดการ Remote Code Execution (RCE) โดยตรง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่อันตรายที่สุดในโลกเว็บแอปพลิเคชัน 🔎 เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ 🐞 Next.js 15.x และ 16.x 🐞 Next.js 14.3.0-canary.77 และเวอร์ชัน canary ที่ใหม่กว่า ในขณะที่ Next.js 13.x, 14.x stable, Pages Router และ Edge Runtime ไม่ได้รับผลกระทบ 🛡️ แนวทางแก้ไข ไม่มีวิธีการตั้งค่าหรือ workaround ที่สามารถปิดช่องโหว่นี้ได้ ผู้พัฒนาจึงต้อง อัปเดตทันที ไปยังเวอร์ชันที่ได้รับการแก้ไข ได้แก่: 🪛 Next.js 15.0.5, 15.1.9, 15.2.6, 15.3.6, 15.4.8, 15.5.7 🪛 Next.js 16.0.7 สำหรับผู้ที่ใช้เวอร์ชัน 14 Canary ควร downgrade กลับไปยังเวอร์ชัน stable ล่าสุดเพื่อความปลอดภัย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-66478 มีคะแนน CVSS 10.0 ➡️ เกิดจาก React Server Components (RSC) Protocol ที่ไม่ตรวจสอบข้อมูลเข้มงวด ➡️ ส่งผลให้เกิด Remote Code Execution (RCE) ได้ทันที ➡️ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบคือ Next.js 15.x, 16.x และ 14.3.0-canary.77+ ➡️ เวอร์ชันที่ปลอดภัยคือ Next.js 13.x, 14.x stable, Pages Router และ Edge Runtime ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ไม่มี workaround หรือการตั้งค่าที่ช่วยแก้ไขได้ ⛔ หากไม่อัปเดตทันที ระบบเสี่ยงต่อการถูกยึดครองเต็มรูปแบบ ⛔ ผู้ใช้ Next.js Canary ต้อง downgrade เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ⛔ การละเลยการอัปเดตอาจทำให้ข้อมูลและระบบถูกโจมตีโดยตรง https://securityonline.info/maximum-severity-alert-critical-rce-flaw-hits-next-js-cve-2025-66478-cvss-10-0/
    SECURITYONLINE.INFO
    Maximum Severity Alert: Critical RCE Flaw Hits Next.js (CVE-2025-66478, CVSS 10.0)
    Developers using the modern stack of Next.js and React are facing a “red alert” situation today. A maximum-severity
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 4 มุมมอง 0 รีวิว
  • Telegram เตรียมเลิกใช้ SMS Verification

    Telegram ซึ่งปัจจุบันพึ่งพาการส่งรหัสผ่านทาง SMS เพื่อเข้าสู่ระบบ กำลังเปลี่ยนไปใช้ Passkeys ที่เก็บไว้ในอุปกรณ์หรือ Password Manager แทน วิธีนี้จะช่วยลดปัญหาการส่งรหัสที่ล่าช้าในบางประเทศ และลดค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้ต้องจ่ายเพื่อรับรหัสยืนยัน

    ความปลอดภัยที่เหนือกว่า
    Passkeys จะทำงานร่วมกับ Biometric Authentication เช่น Face ID หรือ Fingerprint ทำให้การเข้าสู่ระบบมีความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยตรง ไม่สามารถถูกดักจับจากระยะไกลเหมือน SMS ที่เสี่ยงต่อการถูก Hijack

    ผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วโลก
    การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ผู้ใช้ในประเทศที่ระบบ SMS ไม่เสถียร สามารถเข้าสู่ระบบได้อย่างราบรื่นมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ Telegram เคยเรียกเก็บในบางภูมิภาค (ประมาณ $0.1–$1 ต่อการรับรหัส) การใช้ Passkeys จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ทั้งปลอดภัยและคุ้มค่า

    แนวโน้มในอนาคต
    Telegram มีประวัติการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่างรวดเร็ว จึงคาดว่าระบบ Passkey Authentication จะถูกนำมาใช้จริงในเวลาไม่นาน และอาจเป็นมาตรฐานใหม่ที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ นำไปปรับใช้ตาม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    Telegram กำลังพัฒนาระบบ Passkey Authentication
    ปัจจุบันยังใช้ SMS Verification ซึ่งมีปัญหาความล่าช้าและค่าใช้จ่าย
    Passkeys จะทำงานร่วมกับ Face ID หรือ Fingerprint
    คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว เนื่องจาก Telegram มักปล่อยฟีเจอร์ใหม่อย่างรวดเร็ว

    คำเตือนจากข่าว
    ผู้ใช้ที่ยังพึ่งพา SMS Verification เสี่ยงต่อการถูก Hijack
    หากไม่ปรับตัวไปใช้ Passkeys อาจยังเจอปัญหาความล่าช้าและค่าใช้จ่าย
    การละเลยการอัปเดตระบบยืนยันตัวตนอาจทำให้บัญชีเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://securityonline.info/no-more-sms-telegram-is-developing-passkey-authentication-for-secure-login/
    🔐 Telegram เตรียมเลิกใช้ SMS Verification Telegram ซึ่งปัจจุบันพึ่งพาการส่งรหัสผ่านทาง SMS เพื่อเข้าสู่ระบบ กำลังเปลี่ยนไปใช้ Passkeys ที่เก็บไว้ในอุปกรณ์หรือ Password Manager แทน วิธีนี้จะช่วยลดปัญหาการส่งรหัสที่ล่าช้าในบางประเทศ และลดค่าใช้จ่ายที่ผู้ใช้ต้องจ่ายเพื่อรับรหัสยืนยัน 📱 ความปลอดภัยที่เหนือกว่า Passkeys จะทำงานร่วมกับ Biometric Authentication เช่น Face ID หรือ Fingerprint ทำให้การเข้าสู่ระบบมีความปลอดภัยมากขึ้น เนื่องจากข้อมูลจะถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้โดยตรง ไม่สามารถถูกดักจับจากระยะไกลเหมือน SMS ที่เสี่ยงต่อการถูก Hijack 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้ทั่วโลก การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ผู้ใช้ในประเทศที่ระบบ SMS ไม่เสถียร สามารถเข้าสู่ระบบได้อย่างราบรื่นมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดค่าใช้จ่ายที่ Telegram เคยเรียกเก็บในบางภูมิภาค (ประมาณ $0.1–$1 ต่อการรับรหัส) การใช้ Passkeys จึงเป็นการแก้ปัญหาที่ทั้งปลอดภัยและคุ้มค่า 🚀 แนวโน้มในอนาคต Telegram มีประวัติการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่อย่างรวดเร็ว จึงคาดว่าระบบ Passkey Authentication จะถูกนำมาใช้จริงในเวลาไม่นาน และอาจเป็นมาตรฐานใหม่ที่แพลตฟอร์มอื่น ๆ นำไปปรับใช้ตาม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ Telegram กำลังพัฒนาระบบ Passkey Authentication ➡️ ปัจจุบันยังใช้ SMS Verification ซึ่งมีปัญหาความล่าช้าและค่าใช้จ่าย ➡️ Passkeys จะทำงานร่วมกับ Face ID หรือ Fingerprint ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวเร็ว เนื่องจาก Telegram มักปล่อยฟีเจอร์ใหม่อย่างรวดเร็ว ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ ผู้ใช้ที่ยังพึ่งพา SMS Verification เสี่ยงต่อการถูก Hijack ⛔ หากไม่ปรับตัวไปใช้ Passkeys อาจยังเจอปัญหาความล่าช้าและค่าใช้จ่าย ⛔ การละเลยการอัปเดตระบบยืนยันตัวตนอาจทำให้บัญชีเสี่ยงต่อการถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต https://securityonline.info/no-more-sms-telegram-is-developing-passkey-authentication-for-secure-login/
    SECURITYONLINE.INFO
    No More SMS: Telegram is Developing Passkey Authentication for Secure Login
    Telegram is developing passkey authentication to replace unreliable SMS codes. The move promises a far more secure login, leveraging biometrics (Face ID/fingerprint).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ WordPress สะเทือนวงการ: CVE-2025-6389

    ช่องโหว่ Remote Code Execution (RCE) ในปลั๊กอิน Sneeit Framework ซึ่งถูกใช้ในธีม WordPress พรีเมียมหลายตัว ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2025 และทันทีที่ข้อมูลถูกเผยแพร่ แฮกเกอร์ก็เริ่มโจมตีเว็บไซต์ที่ยังไม่ได้อัปเดตอย่างกว้างขวาง โดยมีการบล็อกความพยายามโจมตีแล้วกว่า 131,000 ครั้ง จากระบบไฟร์วอลล์ Wordfence

    กลไกการโจมตีที่อันตราย
    ปัญหานี้เกิดจากฟังก์ชัน sneeit_articles_pagination_callback() ที่เปิดให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลเข้ามาโดยตรง และถูกนำไปประมวลผลผ่าน call_user_func() โดยไม่มีการตรวจสอบ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน PHP ใด ๆ ได้ตามใจ เช่น การสร้างบัญชีผู้ดูแลใหม่ หรือการอัปโหลดไฟล์ PHP ที่แฝงมัลแวร์เพื่อควบคุมระบบ

    เทคนิคที่ใช้ในการโจมตี
    แฮกเกอร์ใช้ไฟล์ที่ปลอมตัวเป็นไฟล์ระบบ เช่น xL.php, Canonical.php หรือ .a.php เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ไฟล์เหล่านี้มีความสามารถหลากหลาย ตั้งแต่การสแกนไดเรกทอรี ลบไฟล์ ไปจนถึงการแตกไฟล์บีบอัด ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝัง Backdoor และเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้อย่างสมบูรณ์

    แนวทางแก้ไขและคำเตือน
    ผู้พัฒนาปลั๊กอินได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 8.4 เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว เว็บไซต์ที่ยังใช้เวอร์ชัน 8.3 หรือต่ำกว่ายังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างรุนแรง เจ้าของเว็บไซต์จึงควรรีบอัปเดตทันที และตรวจสอบไฟล์ต้องสงสัยในระบบเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อมูลจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2025-6389 อยู่ในปลั๊กอิน Sneeit Framework เวอร์ชัน ≤ 8.3
    การโจมตีเริ่มทันทีหลังการเปิดเผยเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2025
    Wordfence Firewall บล็อกความพยายามโจมตีแล้วกว่า 131,000 ครั้ง
    ไฟล์มัลแวร์ที่พบ เช่น xL.php, Canonical.php, tijtewmg.php

    คำเตือนจากข่าว
    เว็บไซต์ที่ยังไม่ได้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.4 เสี่ยงต่อการถูกยึดครองเต็มรูปแบบ
    ผู้โจมตีสามารถสร้างบัญชีผู้ดูแลใหม่และฝัง Backdoor ได้
    ไฟล์ปลอมที่เลียนแบบไฟล์ระบบอาจทำให้การตรวจจับยากขึ้น
    การละเลยการอัปเดตอาจนำไปสู่การสูญเสียข้อมูลและการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce/
    🛡️ ช่องโหว่ WordPress สะเทือนวงการ: CVE-2025-6389 ช่องโหว่ Remote Code Execution (RCE) ในปลั๊กอิน Sneeit Framework ซึ่งถูกใช้ในธีม WordPress พรีเมียมหลายตัว ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2025 และทันทีที่ข้อมูลถูกเผยแพร่ แฮกเกอร์ก็เริ่มโจมตีเว็บไซต์ที่ยังไม่ได้อัปเดตอย่างกว้างขวาง โดยมีการบล็อกความพยายามโจมตีแล้วกว่า 131,000 ครั้ง จากระบบไฟร์วอลล์ Wordfence ⚙️ กลไกการโจมตีที่อันตราย ปัญหานี้เกิดจากฟังก์ชัน sneeit_articles_pagination_callback() ที่เปิดให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลเข้ามาโดยตรง และถูกนำไปประมวลผลผ่าน call_user_func() โดยไม่มีการตรวจสอบ ทำให้ผู้โจมตีสามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน PHP ใด ๆ ได้ตามใจ เช่น การสร้างบัญชีผู้ดูแลใหม่ หรือการอัปโหลดไฟล์ PHP ที่แฝงมัลแวร์เพื่อควบคุมระบบ 🕵️‍♂️ เทคนิคที่ใช้ในการโจมตี แฮกเกอร์ใช้ไฟล์ที่ปลอมตัวเป็นไฟล์ระบบ เช่น xL.php, Canonical.php หรือ .a.php เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ไฟล์เหล่านี้มีความสามารถหลากหลาย ตั้งแต่การสแกนไดเรกทอรี ลบไฟล์ ไปจนถึงการแตกไฟล์บีบอัด ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝัง Backdoor และเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้อย่างสมบูรณ์ 🚨 แนวทางแก้ไขและคำเตือน ผู้พัฒนาปลั๊กอินได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 8.4 เพื่อแก้ไขช่องโหว่นี้แล้ว เว็บไซต์ที่ยังใช้เวอร์ชัน 8.3 หรือต่ำกว่ายังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างรุนแรง เจ้าของเว็บไซต์จึงควรรีบอัปเดตทันที และตรวจสอบไฟล์ต้องสงสัยในระบบเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อมูลจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-6389 อยู่ในปลั๊กอิน Sneeit Framework เวอร์ชัน ≤ 8.3 ➡️ การโจมตีเริ่มทันทีหลังการเปิดเผยเมื่อ 24 พฤศจิกายน 2025 ➡️ Wordfence Firewall บล็อกความพยายามโจมตีแล้วกว่า 131,000 ครั้ง ➡️ ไฟล์มัลแวร์ที่พบ เช่น xL.php, Canonical.php, tijtewmg.php ‼️ คำเตือนจากข่าว ⛔ เว็บไซต์ที่ยังไม่ได้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.4 เสี่ยงต่อการถูกยึดครองเต็มรูปแบบ ⛔ ผู้โจมตีสามารถสร้างบัญชีผู้ดูแลใหม่และฝัง Backdoor ได้ ⛔ ไฟล์ปลอมที่เลียนแบบไฟล์ระบบอาจทำให้การตรวจจับยากขึ้น ⛔ การละเลยการอัปเดตอาจนำไปสู่การสูญเสียข้อมูลและการเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical WordPress Flaw (CVE-2025-6389) Under Active Exploitation Allows Unauthenticated RCE
    A Critical RCE flaw (CVE-2025-6389) in Sneeit Framework is under active exploitation. The bug allows unauthenticated attackers to run arbitrary PHP code via call_user_func(). 131K+ attacks blocked.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • การค้นพบที่ไม่คาดคิด

    เมื่อ Curiosity Rover เคลื่อนตัวผ่านหินในช่องทาง Gediz Vallis Channel หินก้อนหนึ่งแตกออก เผยให้เห็นผลึกสีเหลืองสดของ กำมะถันบริสุทธิ์ (elemental sulfur) ซึ่งแตกต่างจากสารประกอบซัลเฟตที่เคยพบมาก่อนบนดาวอังคาร การค้นพบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พบกำมะถันในรูปแบบบริสุทธิ์บนดาวเคราะห์สีแดง

    ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์
    ซัลเฟต (sulfates) มักเกิดจากการที่กำมะถันผสมกับแร่ธาตุในน้ำแล้วตกผลึกเมื่อระเหย แต่ กำมะถันบริสุทธิ์ ต้องการเงื่อนไขเฉพาะที่ยังไม่เคยถูกบันทึกในพื้นที่ดังกล่าว การพบกำมะถันจำนวนมากในพื้นที่นี้จึงบ่งชี้ว่าอาจมีปัจจัยทางธรณีวิทยาที่เรายังไม่เข้าใจ และอาจเป็นเบาะแสสำคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์น้ำบนดาวอังคาร

    ความเชื่อมโยงกับชีวิต
    กำมะถันเป็นธาตุจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต ใช้สร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการสร้างโปรตีน แม้การค้นพบนี้ยังไม่ใช่หลักฐานของชีวิต แต่ก็เพิ่มข้อมูลว่า ดาวอังคารมีองค์ประกอบที่สิ่งมีชีวิตต้องการ เช่น น้ำ แร่ธาตุ และสภาพที่เคยเอื้อต่อการอยู่อาศัยในอดีต

    ก้าวต่อไปของการสำรวจ
    นักวิทยาศาสตร์วางแผนใช้แบบจำลองทางธรณีวิทยาเพื่ออธิบายว่ากำมะถันบริสุทธิ์เกิดขึ้นได้อย่างไรบนดาวอังคาร ขณะเดียวกัน Curiosity จะยังคงสำรวจเส้นทางใน Gediz Vallis Channel ต่อไป เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของดาวอังคารและความเป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิต

    สรุปเป็นหัวข้อ
    Curiosity Rover พบกำมะถันบริสุทธิ์บนดาวอังคาร
    เป็นครั้งแรกที่พบธาตุนี้ในรูปแบบบริสุทธิ์ ไม่ใช่สารประกอบซัลเฟต

    กำมะถันบริสุทธิ์ต้องการเงื่อนไขเฉพาะในการเกิด
    บ่งชี้ว่ามีปัจจัยทางธรณีวิทยาที่เรายังไม่เข้าใจ

    กำมะถันเป็นธาตุสำคัญต่อสิ่งมีชีวิต
    ใช้สร้างกรดอะมิโนและโปรตีนที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

    การค้นพบเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของชีวิตบนดาวอังคาร
    ดาวอังคารมีองค์ประกอบที่สิ่งมีชีวิตต้องการ เช่น น้ำและแร่ธาตุ

    ยังไม่ใช่หลักฐานของชีวิตโดยตรง
    ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิต

    ความเข้าใจปัจจัยทางธรณีวิทยายังไม่สมบูรณ์
    ต้องใช้แบบจำลองและการสำรวจต่อเนื่องเพื่อหาคำตอบ

    https://www.sciencealert.com/curiosity-cracked-open-a-rock-on-mars-and-revealed-a-big-surprise
    🚀 การค้นพบที่ไม่คาดคิด เมื่อ Curiosity Rover เคลื่อนตัวผ่านหินในช่องทาง Gediz Vallis Channel หินก้อนหนึ่งแตกออก เผยให้เห็นผลึกสีเหลืองสดของ กำมะถันบริสุทธิ์ (elemental sulfur) ซึ่งแตกต่างจากสารประกอบซัลเฟตที่เคยพบมาก่อนบนดาวอังคาร การค้นพบนี้ถือเป็นครั้งแรกที่พบกำมะถันในรูปแบบบริสุทธิ์บนดาวเคราะห์สีแดง 🔬 ความสำคัญทางวิทยาศาสตร์ ซัลเฟต (sulfates) มักเกิดจากการที่กำมะถันผสมกับแร่ธาตุในน้ำแล้วตกผลึกเมื่อระเหย แต่ กำมะถันบริสุทธิ์ ต้องการเงื่อนไขเฉพาะที่ยังไม่เคยถูกบันทึกในพื้นที่ดังกล่าว การพบกำมะถันจำนวนมากในพื้นที่นี้จึงบ่งชี้ว่าอาจมีปัจจัยทางธรณีวิทยาที่เรายังไม่เข้าใจ และอาจเป็นเบาะแสสำคัญต่อการศึกษาประวัติศาสตร์น้ำบนดาวอังคาร 🌍 ความเชื่อมโยงกับชีวิต กำมะถันเป็นธาตุจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิต ใช้สร้างกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการสร้างโปรตีน แม้การค้นพบนี้ยังไม่ใช่หลักฐานของชีวิต แต่ก็เพิ่มข้อมูลว่า ดาวอังคารมีองค์ประกอบที่สิ่งมีชีวิตต้องการ เช่น น้ำ แร่ธาตุ และสภาพที่เคยเอื้อต่อการอยู่อาศัยในอดีต 🛰️ ก้าวต่อไปของการสำรวจ นักวิทยาศาสตร์วางแผนใช้แบบจำลองทางธรณีวิทยาเพื่ออธิบายว่ากำมะถันบริสุทธิ์เกิดขึ้นได้อย่างไรบนดาวอังคาร ขณะเดียวกัน Curiosity จะยังคงสำรวจเส้นทางใน Gediz Vallis Channel ต่อไป เพื่อค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของดาวอังคารและความเป็นไปได้ของสิ่งมีชีวิต 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ Curiosity Rover พบกำมะถันบริสุทธิ์บนดาวอังคาร ➡️ เป็นครั้งแรกที่พบธาตุนี้ในรูปแบบบริสุทธิ์ ไม่ใช่สารประกอบซัลเฟต ✅ กำมะถันบริสุทธิ์ต้องการเงื่อนไขเฉพาะในการเกิด ➡️ บ่งชี้ว่ามีปัจจัยทางธรณีวิทยาที่เรายังไม่เข้าใจ ✅ กำมะถันเป็นธาตุสำคัญต่อสิ่งมีชีวิต ➡️ ใช้สร้างกรดอะมิโนและโปรตีนที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต ✅ การค้นพบเพิ่มข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของชีวิตบนดาวอังคาร ➡️ ดาวอังคารมีองค์ประกอบที่สิ่งมีชีวิตต้องการ เช่น น้ำและแร่ธาตุ ‼️ ยังไม่ใช่หลักฐานของชีวิตโดยตรง ⛔ ต้องการการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความเชื่อมโยงกับสิ่งมีชีวิต ‼️ ความเข้าใจปัจจัยทางธรณีวิทยายังไม่สมบูรณ์ ⛔ ต้องใช้แบบจำลองและการสำรวจต่อเนื่องเพื่อหาคำตอบ https://www.sciencealert.com/curiosity-cracked-open-a-rock-on-mars-and-revealed-a-big-surprise
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Curiosity Cracked Open a Rock on Mars And Revealed a Big Surprise
    A rock on Mars spilled a surprising yellow treasure after Curiosity accidentally cracked through its unremarkable exterior.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251204 #TechRadar

    Google Antigravity AI ลบข้อมูลนักพัฒนาแล้วขอโทษ
    เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อระบบ AI ของ Google ที่ชื่อว่า Antigravity ลบข้อมูลใน Google Drive ของนักพัฒนารายหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นระบบได้ส่งข้อความขอโทษกลับมาเอง เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของ AI ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ หลายฝ่ายกังวลว่าหาก AI สามารถทำผิดพลาดในระดับนี้ อาจสร้างผลกระทบต่อธุรกิจและบุคคลทั่วไปได้อย่างรุนแรง
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/googles-antigravity-ai-deleted-a-developers-drive-and-then-apologized

    ความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันกฎหมาย AI ระดับชาติสะดุด
    เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในสภาอเมริกา เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์พยายามผลักดันให้กฎหมายควบคุม AI ถูกกำหนดในระดับรัฐบาลกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการมี “กฎหมาย 50 แบบ” จากแต่ละรัฐ เขาเชื่อว่าการรวมศูนย์จะช่วยให้สหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ แต่ฝ่ายนิติบัญญัติหลายคน โดยเฉพาะรีพับลิกันเอง กลับไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ารัฐมีความคล่องตัวในการออกกฎหมายที่ตอบโจทย์สถานการณ์ได้เร็วกว่า อีกทั้งยังมีเสียงวิจารณ์ว่าการผลักดันนี้คือการเข้าข้างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี สุดท้ายข้อเสนอนี้ถูกโหวตคว่ำอย่างท่วมท้น และทำให้ทรัมป์ถูกโจมตีว่า “ยืนอยู่ข้าง Big Tech”
    https://www.techradar.com/pro/trumps-push-to-overrule-ai-regulation-falters-as-republicans-split

    AWS เปิดตัว Nova Forge ให้ธุรกิจสร้างโมเดล AI ของตัวเอง
    Amazon Web Services เปิดตัวบริการใหม่ชื่อ Nova Forge ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล AI ได้ตามต้องการ โดยเริ่มจากโมเดลพื้นฐานของ Amazon แล้วนำข้อมูลของบริษัทมาผสมเพื่อสร้างโมเดลเฉพาะกิจที่เรียกว่า “Novellas” จุดเด่นคือช่วยลดต้นทุนและเวลาในการฝึกโมเดลใหม่จากศูนย์ ซึ่งปกติอาจใช้เงินมหาศาลและทีมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Nova 2 ที่มาพร้อมโมเดลพื้นฐานใหม่หลายตัว รวมถึงความสามารถด้านการสนทนาแบบเสียงต่อเสียงที่ใกล้เคียงมนุษย์ ถือเป็นการขยายศักยภาพของ AWS ในตลาด AI อย่างจริงจัง
    https://www.techradar.com/pro/aws-nova-forge-could-be-your-companys-cue-to-start-building-custom-ai-models

    แฮกเกอร์เกาหลีเหนือถูกจับตาแบบสด ๆ ระหว่างปฏิบัติการ
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยสามารถหลอกกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือให้ใช้เครื่องที่พวกเขาคิดว่าเป็น “แล็ปท็อปจริง” แต่แท้จริงคือ sandbox ที่ควบคุมจากระยะไกล ทำให้สามารถเห็นการทำงานของแฮกเกอร์แบบสด ๆ แผนการนี้เกี่ยวข้องกับการสร้าง “คนงานปลอม” เพื่อสมัครงานในบริษัทใหญ่ แล้วใช้ตำแหน่งนั้นทำกิจกรรมโจมตีไซเบอร์ นักวิจัยพบว่าแฮกเกอร์ใช้เครื่องมืออย่าง OTP generator, AI automation และ Google Remote Desktop เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบสองชั้น เหตุการณ์นี้ช่วยเปิดเผยวิธีการทำงานของกลุ่ม Lazarus และเป็นข้อมูลสำคัญในการป้องกันภัยไซเบอร์ในอนาคต
    https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-fake-worker-scheme-caught-live-on-camera

    รีวิว Lenovo ThinkBook Plus Gen 6 Rollable โน้ตบุ๊คจอขยายได้
    Lenovo เปิดตัวโน้ตบุ๊คที่เรียกว่า “Rollable” รุ่นแรกของโลก ThinkBook Plus Gen 6 ที่สามารถขยายหน้าจอจาก 14 นิ้วเป็น 16 นิ้วได้เพียงกดปุ่มเดียว ทำให้การทำงานนอกสถานที่สะดวกขึ้นมาก ตัวเครื่องมาพร้อมสเปกแรง เช่น Intel Core Ultra 7, RAM 32GB และ SSD 1TB จุดเด่นคือจอ OLED ที่ขยายได้อย่างลื่นไหลและใช้งานจริงได้ ไม่ใช่แค่ลูกเล่น ผู้รีวิวเล่าว่าทุกครั้งที่กางจอออก คนรอบข้างมักตื่นตาตื่นใจ ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อโน้ตบุ๊คสำหรับธุรกิจและการทำงานแบบพกพา
    https://www.techradar.com/pro/lenovo-thinkbook-plus-gen-6-rollable-business-laptop-review

    หลุดข้อมูล Xeon 6 เวิร์กสเตชันใหม่ของ Intel
    มีการพบเมนบอร์ด ADLINK ISB-W890 ที่เผยให้เห็นแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel สำหรับเวิร์กสเตชัน Granite Rapids-WS จุดเด่นคือรองรับหน่วยความจำ ECC DDR5 ได้สูงสุดถึง 1TB และมีช่อง PCIe มากมายสำหรับงานประมวลผลหนัก ๆ รวมถึงการ์ดกราฟิกหลายตัว ซีพียู Xeon รุ่นใหม่คาดว่าจะมีสูงสุดถึง 86 คอร์ พร้อมความเร็วสูงถึง 4.8GHz ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ AMD ThreadRipper รุ่นท็อป การรั่วไหลนี้ทำให้เห็นว่า Intel กำลังกลับมาท้าทายตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูงอีกครั้ง
    https://www.techradar.com/pro/is-this-our-first-look-at-intels-xeon-6-workstation-hardware-leak-claims-to-show-w890-platform-ahead-of-granite-rapids-launch

    Qualcomm สู้กลับด้วย Snapdragon 8 Gen 5
    เรื่องนี้เริ่มจาก OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ OnePlus 15R ที่จะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 เป็นครั้งแรก จุดที่น่าสนใจคือ Qualcomm เลือกใช้กลยุทธ์ “สองรุ่นเรือธง” คล้ายกับที่ Apple ทำกับชิป A-series โดยแบ่งเป็นรุ่น Elite และรุ่นปกติ เพื่อให้มือถือราคาย่อมเยาได้สัมผัสพลังระดับเรือธงเช่นกัน ผู้บริหาร OnePlus อธิบายว่า Apple เป็นแรงบันดาลใจ เพราะการแยกชิป Pro และชิปธรรมดาใน iPhone ทำให้ตลาดแตกต่างชัดเจน Qualcomm จึงต้องเดินตามแนวทางนี้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ และผลลัพธ์คือผู้ใช้จะได้มือถือที่แรงขึ้นแม้ไม่ใช่รุ่นแพงสุด
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/qualcomm-knows-it-has-to-fight-back-oneplus-exec-explains-why-apple-is-partially-responsible-for-the-new-snapdragon-8-gen-5-chipset

    รื้อความเข้าใจผิดเรื่อง Passwordless Authentication
    หลายคนยังเชื่อว่าการเข้าสู่ระบบแบบไม่ใช้รหัสผ่านนั้นไม่ปลอดภัย แต่บทความนี้อธิบายชัดว่ามันคือการยกระดับความปลอดภัย เพราะใช้สิ่งที่คุณ “เป็น” เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า ร่วมกับ PIN ที่ทำงานเฉพาะบนอุปกรณ์ ไม่ถูกส่งออกไปเหมือนรหัสผ่านทั่วไป จึงยากต่อการโจมตี อีกทั้งยังช่วยลดภาระของทีม IT ที่ต้องคอยแก้ปัญหาการรีเซ็ตรหัสผ่านซ้ำๆ เทคโนโลยีนี้จึงเป็นก้าวสำคัญสู่ยุค Zero-Trust ที่องค์กรกำลังมุ่งไป
    https://www.techradar.com/pro/passwordless-authentication-isnt-the-problem-the-myths-around-the-technology-are

    โฆษณา Windows 11 “PC ที่พูดคุยได้” สร้างเสียงแตก
    Microsoft ปล่อยโฆษณาใหม่ช่วงเทศกาลที่โชว์ฟีเจอร์ “Hey Copilot” ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคอมพิวเตอร์ได้เหมือนผู้ช่วยส่วนตัว โฆษณามีฉากสนุกๆ เช่นการให้ Copilot ซิงค์ไฟคริสต์มาสกับเพลง แต่ปัญหาคือฟีเจอร์จริงยังทำไม่ได้ ทำให้ผู้ชมบางส่วนมองว่า Microsoft กำลังสร้างความคาดหวังเกินจริง หลายคอมเมนต์ประชดประชัน เช่น “Hey Copilot – ช่วยติดตั้ง Linux ให้หน่อย” สะท้อนว่าผู้ใช้บางกลุ่มรู้สึกถูกยัดเยียด AI มากเกินไป
    https://www.techradar.com/computing/windows/new-windows-11-pc-you-can-talk-to-ad-pushing-copilot-is-proving-divisive-and-i-can-see-it-seriously-backfiring

    ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในยุค AI
    AI กำลังเปลี่ยนโลกธุรกิจให้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ปัญหาคือข้อมูลที่ใช้ฝึก AI มักเป็นข้อมูลลับและอ่อนไหว หากบริษัทไม่โปร่งใสในการจัดการข้อมูล ลูกค้าอาจหมดความเชื่อใจ ตัวอย่างเช่น OpenAI เคยถูกปรับเพราะใช้ข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามใหญ่: ผู้ให้บริการ AI จะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไร? คำตอบคือการเปิดเผยที่มาของข้อมูลและสถานที่จัดเก็บอย่างชัดเจน พร้อมเสริมระบบความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและ MFA เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าข้อมูลของพวกเขาปลอดภัยจริง
    https://www.techradar.com/pro/the-search-for-transparency-and-reliability-in-the-ai-era

    Nvidia กับดีล 100 พันล้านดอลลาร์ที่ยังไม่เสร็จ
    แม้จะมีข่าวใหญ่เรื่อง Nvidia จับมือ OpenAI ทำโครงการโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ แต่ความจริงคือดีลนี้ยังไม่ถูกลงนามอย่างเป็นทางการ CFO ของ Nvidia ยอมรับว่าทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอน “จดหมายแสดงเจตนา” เท่านั้น ความเสี่ยงคือการลงทุนระยะยาวอาจเจอปัญหาสินค้าล้นสต็อกหรือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เร็วเกินไป นักลงทุนบางส่วนจึงกังวลว่าอาจเกิด “ฟองสบู่ AI” ที่พร้อมแตกได้ทุกเมื่อ ถึงแม้หุ้น Nvidia จะยังขึ้น แต่คำถามเรื่องความยั่งยืนยังคงอยู่
    https://www.techradar.com/pro/nvidia-admits-the-usd100bn-biggest-ai-infrastructure-project-in-history-openai-deal-still-isnt-finalized

    Character.ai ปรับกลยุทธ์ใหม่สำหรับวัยรุ่น
    แพลตฟอร์ม AI ชื่อดัง Character.ai เริ่มเปลี่ยนแนวทางการให้บริการ โดยลดการสนทนาแบบเปิดกว้างสำหรับผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แล้วเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Stories” เพื่อดึงดูดวัยรุ่นให้ยังคงสนใจอยู่ จุดประสงค์คือสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยมากขึ้น และยังคงให้ผู้ใช้ได้สนุกกับการเล่าเรื่องในรูปแบบที่ควบคุมได้มากกว่า การปรับนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังหาทางบาลานซ์ระหว่างความสร้างสรรค์และความรับผิดชอบต่อผู้ใช้เยาวชน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/character-ai-launches-stories-to-keep-teens-engaged-as-it-scales-back-open-ended-chat-for-under-18s

    กลุ่มแฮ็กเกอร์อิหร่านใช้เกม Snake เป็นอาวุธ
    มีรายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จากอิหร่านได้สร้างเกม Snake ปลอมขึ้นมาเพื่อโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอียิปต์และอิสราเอล เกมนี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนเกมธรรมดา แต่จริงๆ แล้วแฝงมัลแวร์ที่สามารถเจาะระบบได้ การใช้วิธีที่ดู “ไร้เดียงสา” เช่นเกมยอดนิยม เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้การโจมตีมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนว่าภัยคุกคามไซเบอร์กำลังซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/iranian-hacker-group-deploys-malicious-snake-game-to-target-egyptian-and-israeli-critical-infrastructure

    รีวิว MSI Cubi NUC AI+ 2MG Mini PC
    บทความนี้รีวิวเครื่อง Mini PC รุ่นใหม่จาก MSI ที่ชื่อ Cubi NUC AI+ 2MG จุดเด่นคือขนาดเล็กแต่ทรงพลัง เหมาะสำหรับงานสำนักงานหรือผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่กินพื้นที่มาก ตัวเครื่องมาพร้อมการรองรับ AI workload และการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้ PC ขนาดกะทัดรัดแต่ยังคงความแรงไว้ครบ
    https://www.techradar.com/pro/msi-cubi-nuc-ai-2mg-mini-pc-review

    ExpressVPN อัปเดตใหม่ เร็วขึ้นและปรับโฉมบน Mac
    ExpressVPN ปล่อยอัปเดตล่าสุดที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ และปรับปรุงแอปบน Mac ให้ใช้งานง่ายขึ้น ดีไซน์ใหม่ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงฟีเจอร์หลักได้สะดวกกว่าเดิม พร้อมทั้งเสริมความปลอดภัยและเสถียรภาพของการเชื่อมต่อ ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งาน VPN ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้ระดับมืออาชีพ
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/expressvpns-latest-update-boosts-connection-speeds-and-revamps-its-mac-app

    กฎหมาย Chat Control สร้างเสียงวิจารณ์ในวงการ Privacy Tech
    กฎหมายใหม่ที่ชื่อ Chat Control กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว หลายคนมองว่ามันคือ “หายนะที่รอเกิดขึ้น” เพราะเปิดช่องให้มีการสอดส่องการสื่อสารส่วนตัวของผู้ใช้ แม้จะอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันจะกระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และอาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีด้านความเป็นส่วนตัวพังทลาย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/a-disaster-waiting-to-happen-the-privacy-tech-world-reacts-to-the-new-chat-control-bill

    Devolo WiFi 6 Router 3600 5G Review
    เรื่องนี้เล่าได้ว่าเป็นประสบการณ์ตรงของผู้ทดสอบที่ได้ลองใช้เราเตอร์ Devolo WiFi 6 รุ่น 3600 ที่รองรับซิมการ์ด 5G LTE ตัวเครื่องออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมาก เพียงใส่ซิม เปิดไฟ และกดปุ่ม WPS ก็เชื่อมต่อได้ทันที จุดเด่นคือสามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า 100 เครื่องพร้อมกัน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตบ้าน เช่นออฟฟิศใหม่หรือการทำงานนอกสถานที่ ความเร็วขึ้นอยู่กับสัญญาณเครือข่าย แต่เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มี 5G แรง ๆ ก็เร็วและเสถียรกว่าการแชร์ฮอตสปอตจากมือถือมาก แม้ราคาจะสูงเกือบ £399 แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในสถานการณ์ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้
    https://www.techradar.com/computing/devolo-wifi-6-router-3600-5g-lte-review

    OnePlus 15 เตรียมเปิดตัวในสหรัฐฯ พร้อมของแถมพิเศษ
    OnePlus 15 ที่หลายคนรอคอยกำลังจะเปิดให้พรีออเดอร์ในสหรัฐฯ วันที่ 4 ธันวาคมนี้ หลังจากเลื่อนเปิดตัวเพราะติดปัญหาการรับรองจาก FCC ราคาจะเริ่มต้นที่ $899.99 สำหรับรุ่น RAM 12GB และ $999.99 สำหรับรุ่น RAM 16GB พร้อมของแถมให้เลือก เช่นนาฬิกา OnePlus Watch 3 มูลค่า $300 หรือหูฟัง Buds Pro 3 จุดเด่นของรุ่นนี้คือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,300mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานมาก รวมถึงกล้องและซอฟต์แวร์ที่ได้รับคำชมจนได้คะแนนรีวิวเต็ม 5 ดาว ถือเป็นการกลับมาที่น่าตื่นเต้นของ OnePlus ในตลาดสหรัฐฯ
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-oneplus-15-is-finally-heading-to-the-us-and-you-can-grab-a-major-pre-order-bonus

    รัสเซียเตรียมแบน WhatsApp ภายใต้ “ม่านเหล็กดิจิทัล”
    รัฐบาลรัสเซียโดยหน่วยงาน Roskomnadzor ขู่จะบล็อก WhatsApp แบบเต็มรูปแบบ โดยกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้เพื่อกิจกรรมก่อการร้าย และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ WhatsApp ในรัสเซียกว่า 97 ล้านคน หากถูกบล็อกจริงจะกระทบการสื่อสารอย่างรุนแรง โดยก่อนหน้านี้ Signal ก็ถูกบล็อกไปแล้ว ทำให้ผู้ใช้ถูกบังคับไปใช้แอปที่รัฐควบคุมอย่าง MAX ซึ่งมีความเสี่ยงด้านการสอดส่องสูง WhatsApp ยืนยันว่าจะยังคงให้บริการการสื่อสารแบบเข้ารหัสเพื่อปกป้องสิทธิผู้ใช้ แม้จะถูกกดดันจากรัฐบาล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russias-digital-iron-curtain-whatsapp-next-on-the-chopping-block

    Amazon ทดลอง “AI Factories” ติดตั้งในองค์กรลูกค้า
    Amazon Web Services เปิดตัวแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “AI Factories” คือการนำฮาร์ดแวร์และระบบ AI ไปติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าเอง เพื่อรองรับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและอธิปไตยข้อมูล ลูกค้าไม่ต้องลงทุนสร้างระบบเอง แต่ AWS จะจัดการทุกอย่างให้ โดยใช้ชิป Nvidia Blackwell และ Trainium3 ของ Amazon จุดนี้ถือเป็นการกลับไปสู่แนวทาง on-premises อีกครั้ง หลังยุคที่ทุกอย่างย้ายขึ้นคลาวด์ เหมาะกับองค์กรหรือรัฐบาลที่ต้องการใช้ AI แต่ไม่สามารถส่งข้อมูลออกนอกพื้นที่ได้
    https://www.techradar.com/pro/amazon-is-testing-out-private-on-premises-ai-factories

    Windows 11 มีบั๊กใหม่ใน Dark Mode ของ File Explorer
    Microsoft ปล่อยอัปเดตตัวล่าสุด KB5070311 ที่ตั้งใจจะปรับปรุง Dark Mode ให้สมบูรณ์ขึ้น แต่กลับทำให้เกิดบั๊กที่สร้างความรำคาญ เมื่อผู้ใช้เปิดโฟลเดอร์หรือแท็บใหม่ใน File Explorer จะมีแฟลชสีขาววาบขึ้นมา ซึ่งยิ่งรบกวนสายตาในสภาพแสงน้อย Microsoft ยอมรับปัญหาและกำลังแก้ไขก่อนที่จะปล่อยอัปเดตเต็มในสัปดาห์หน้า แม้จะเป็นเพียงเวอร์ชันทดลอง แต่หากไม่แก้ทันก็อาจกระทบผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดต
    https://www.techradar.com/computing/windows/microsoft-just-broke-file-explorer-dark-mode-some-windows-11-users-are-seeing-jarring-white-flashes-when-opening-folders

    Zettlab D6 NAS Review
    นี่เป็นรีวิวของ Zettlab D6 NAS อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยสูง จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูง มีพอร์ตหลากหลาย และระบบจัดการที่ใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ใช้ที่ต้องการเก็บไฟล์จำนวนมากในบ้าน แม้ราคาจะสูง แต่ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความสามารถในการปกป้องและแชร์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/computing/zettlab-d6-nas-device-review

    ทดสอบ ChatGPT, Gemini และ Claude ในโลกมัลติโหมด
    บทความนี้เล่าถึงการทดสอบ AI รุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถทำงานแบบมัลติโหมดได้ เช่น ChatGPT, Gemini และ Claude โดยเปรียบเทียบความสามารถในการเข้าใจข้อความ ภาพ และเสียง จุดที่น่าสนใจคือแต่ละระบบมีจุดแข็งต่างกัน เช่น ChatGPT เด่นด้านการสนทนาเชิงลึก Gemini เน้นการเชื่อมโยงข้อมูลหลายรูปแบบ ส่วน Claude มีความแม่นยำในการตีความบริบท การทดสอบนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังพัฒนาไปสู่การใช้งานที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/testing-chatgpt-gemini-and-claude-in-the-multimodal-maze

    ยุคโฆษณาใน ChatGPT เริ่มต้นแล้ว
    ผู้ใช้ ChatGPT โดยเฉพาะกลุ่ม Pro ที่จ่ายถึง $200 ต่อเดือน กำลังไม่พอใจอย่างหนัก เพราะ OpenAI เริ่มแสดงโฆษณาและแนะนำแอปในระบบ แม้จะเป็นผู้ใช้แบบเสียเงินก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการหาทางสร้างรายได้ใหม่ของบริษัท แต่ก็ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการลดคุณภาพประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ยอมจ่ายแพงเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/the-era-of-ads-in-chatgpt-begins-users-furious-as-even-usd200-a-month-pro-subscribers-hit-with-app-suggestions

    ออสเตรเลียสั่งห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้ VPN เพื่อเลี่ยงกฎหมายโซเชียล
    รัฐบาลออสเตรเลียออกมาตรการใหม่ บังคับให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการแบนโซเชียลมีเดีย กฎหมายนี้ถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและสร้างภาระให้กับบริษัทเทคโนโลยี แต่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นเพื่อปกป้องเยาวชนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/australia-expects-platforms-to-stop-under-16s-from-using-vpns-to-evade-social-media-ban

    กว่า 2 ใน 3 ของร้านค้าปลีกใช้ AI Agent เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว
    รายงานล่าสุดเผยว่ามากกว่า 67% ของผู้ค้าปลีกได้เริ่มนำ AI Agent มาใช้ในการทำงาน เช่น การตอบลูกค้า การจัดการสต็อก และการวิเคราะห์ข้อมูล จุดนี้สะท้อนว่าการใช้ AI ไม่ใช่แค่แนวโน้ม แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำในการแข่งขัน
    https://www.techradar.com/pro/over-two-thirds-of-retailers-have-already-partially-deployed-ai-agents-for-efficiency



    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251204 #TechRadar 🤖 Google Antigravity AI ลบข้อมูลนักพัฒนาแล้วขอโทษ เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเมื่อระบบ AI ของ Google ที่ชื่อว่า Antigravity ลบข้อมูลใน Google Drive ของนักพัฒนารายหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ หลังจากนั้นระบบได้ส่งข้อความขอโทษกลับมาเอง เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามใหญ่เกี่ยวกับความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของ AI ที่มีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ หลายฝ่ายกังวลว่าหาก AI สามารถทำผิดพลาดในระดับนี้ อาจสร้างผลกระทบต่อธุรกิจและบุคคลทั่วไปได้อย่างรุนแรง 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/googles-antigravity-ai-deleted-a-developers-drive-and-then-apologized 🏛️ ความพยายามของทรัมป์ในการผลักดันกฎหมาย AI ระดับชาติสะดุด เรื่องนี้เป็นการถกเถียงใหญ่ในสภาอเมริกา เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์พยายามผลักดันให้กฎหมายควบคุม AI ถูกกำหนดในระดับรัฐบาลกลาง เพื่อหลีกเลี่ยงการมี “กฎหมาย 50 แบบ” จากแต่ละรัฐ เขาเชื่อว่าการรวมศูนย์จะช่วยให้สหรัฐฯ แข่งขันกับจีนได้ แต่ฝ่ายนิติบัญญัติหลายคน โดยเฉพาะรีพับลิกันเอง กลับไม่เห็นด้วย เพราะมองว่ารัฐมีความคล่องตัวในการออกกฎหมายที่ตอบโจทย์สถานการณ์ได้เร็วกว่า อีกทั้งยังมีเสียงวิจารณ์ว่าการผลักดันนี้คือการเข้าข้างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี สุดท้ายข้อเสนอนี้ถูกโหวตคว่ำอย่างท่วมท้น และทำให้ทรัมป์ถูกโจมตีว่า “ยืนอยู่ข้าง Big Tech” 🔗 https://www.techradar.com/pro/trumps-push-to-overrule-ai-regulation-falters-as-republicans-split ☁️ AWS เปิดตัว Nova Forge ให้ธุรกิจสร้างโมเดล AI ของตัวเอง Amazon Web Services เปิดตัวบริการใหม่ชื่อ Nova Forge ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล AI ได้ตามต้องการ โดยเริ่มจากโมเดลพื้นฐานของ Amazon แล้วนำข้อมูลของบริษัทมาผสมเพื่อสร้างโมเดลเฉพาะกิจที่เรียกว่า “Novellas” จุดเด่นคือช่วยลดต้นทุนและเวลาในการฝึกโมเดลใหม่จากศูนย์ ซึ่งปกติอาจใช้เงินมหาศาลและทีมงานจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Nova 2 ที่มาพร้อมโมเดลพื้นฐานใหม่หลายตัว รวมถึงความสามารถด้านการสนทนาแบบเสียงต่อเสียงที่ใกล้เคียงมนุษย์ ถือเป็นการขยายศักยภาพของ AWS ในตลาด AI อย่างจริงจัง 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-nova-forge-could-be-your-companys-cue-to-start-building-custom-ai-models 🕵️ แฮกเกอร์เกาหลีเหนือถูกจับตาแบบสด ๆ ระหว่างปฏิบัติการ นักวิจัยด้านความปลอดภัยสามารถหลอกกลุ่ม Lazarus ของเกาหลีเหนือให้ใช้เครื่องที่พวกเขาคิดว่าเป็น “แล็ปท็อปจริง” แต่แท้จริงคือ sandbox ที่ควบคุมจากระยะไกล ทำให้สามารถเห็นการทำงานของแฮกเกอร์แบบสด ๆ แผนการนี้เกี่ยวข้องกับการสร้าง “คนงานปลอม” เพื่อสมัครงานในบริษัทใหญ่ แล้วใช้ตำแหน่งนั้นทำกิจกรรมโจมตีไซเบอร์ นักวิจัยพบว่าแฮกเกอร์ใช้เครื่องมืออย่าง OTP generator, AI automation และ Google Remote Desktop เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบสองชั้น เหตุการณ์นี้ช่วยเปิดเผยวิธีการทำงานของกลุ่ม Lazarus และเป็นข้อมูลสำคัญในการป้องกันภัยไซเบอร์ในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/north-korean-fake-worker-scheme-caught-live-on-camera 💻 รีวิว Lenovo ThinkBook Plus Gen 6 Rollable โน้ตบุ๊คจอขยายได้ Lenovo เปิดตัวโน้ตบุ๊คที่เรียกว่า “Rollable” รุ่นแรกของโลก ThinkBook Plus Gen 6 ที่สามารถขยายหน้าจอจาก 14 นิ้วเป็น 16 นิ้วได้เพียงกดปุ่มเดียว ทำให้การทำงานนอกสถานที่สะดวกขึ้นมาก ตัวเครื่องมาพร้อมสเปกแรง เช่น Intel Core Ultra 7, RAM 32GB และ SSD 1TB จุดเด่นคือจอ OLED ที่ขยายได้อย่างลื่นไหลและใช้งานจริงได้ ไม่ใช่แค่ลูกเล่น ผู้รีวิวเล่าว่าทุกครั้งที่กางจอออก คนรอบข้างมักตื่นตาตื่นใจ ถือเป็นการเปลี่ยนมุมมองใหม่ต่อโน้ตบุ๊คสำหรับธุรกิจและการทำงานแบบพกพา 🔗 https://www.techradar.com/pro/lenovo-thinkbook-plus-gen-6-rollable-business-laptop-review ⚙️ หลุดข้อมูล Xeon 6 เวิร์กสเตชันใหม่ของ Intel มีการพบเมนบอร์ด ADLINK ISB-W890 ที่เผยให้เห็นแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel สำหรับเวิร์กสเตชัน Granite Rapids-WS จุดเด่นคือรองรับหน่วยความจำ ECC DDR5 ได้สูงสุดถึง 1TB และมีช่อง PCIe มากมายสำหรับงานประมวลผลหนัก ๆ รวมถึงการ์ดกราฟิกหลายตัว ซีพียู Xeon รุ่นใหม่คาดว่าจะมีสูงสุดถึง 86 คอร์ พร้อมความเร็วสูงถึง 4.8GHz ซึ่งจะเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ AMD ThreadRipper รุ่นท็อป การรั่วไหลนี้ทำให้เห็นว่า Intel กำลังกลับมาท้าทายตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูงอีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/pro/is-this-our-first-look-at-intels-xeon-6-workstation-hardware-leak-claims-to-show-w890-platform-ahead-of-granite-rapids-launch 📱 Qualcomm สู้กลับด้วย Snapdragon 8 Gen 5 เรื่องนี้เริ่มจาก OnePlus เตรียมเปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ OnePlus 15R ที่จะใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 เป็นครั้งแรก จุดที่น่าสนใจคือ Qualcomm เลือกใช้กลยุทธ์ “สองรุ่นเรือธง” คล้ายกับที่ Apple ทำกับชิป A-series โดยแบ่งเป็นรุ่น Elite และรุ่นปกติ เพื่อให้มือถือราคาย่อมเยาได้สัมผัสพลังระดับเรือธงเช่นกัน ผู้บริหาร OnePlus อธิบายว่า Apple เป็นแรงบันดาลใจ เพราะการแยกชิป Pro และชิปธรรมดาใน iPhone ทำให้ตลาดแตกต่างชัดเจน Qualcomm จึงต้องเดินตามแนวทางนี้เพื่อไม่ให้เสียเปรียบ และผลลัพธ์คือผู้ใช้จะได้มือถือที่แรงขึ้นแม้ไม่ใช่รุ่นแพงสุด 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/qualcomm-knows-it-has-to-fight-back-oneplus-exec-explains-why-apple-is-partially-responsible-for-the-new-snapdragon-8-gen-5-chipset 🔐 รื้อความเข้าใจผิดเรื่อง Passwordless Authentication หลายคนยังเชื่อว่าการเข้าสู่ระบบแบบไม่ใช้รหัสผ่านนั้นไม่ปลอดภัย แต่บทความนี้อธิบายชัดว่ามันคือการยกระดับความปลอดภัย เพราะใช้สิ่งที่คุณ “เป็น” เช่น ลายนิ้วมือหรือใบหน้า ร่วมกับ PIN ที่ทำงานเฉพาะบนอุปกรณ์ ไม่ถูกส่งออกไปเหมือนรหัสผ่านทั่วไป จึงยากต่อการโจมตี อีกทั้งยังช่วยลดภาระของทีม IT ที่ต้องคอยแก้ปัญหาการรีเซ็ตรหัสผ่านซ้ำๆ เทคโนโลยีนี้จึงเป็นก้าวสำคัญสู่ยุค Zero-Trust ที่องค์กรกำลังมุ่งไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/passwordless-authentication-isnt-the-problem-the-myths-around-the-technology-are 🎄 โฆษณา Windows 11 “PC ที่พูดคุยได้” สร้างเสียงแตก Microsoft ปล่อยโฆษณาใหม่ช่วงเทศกาลที่โชว์ฟีเจอร์ “Hey Copilot” ให้ผู้ใช้พูดคุยกับคอมพิวเตอร์ได้เหมือนผู้ช่วยส่วนตัว โฆษณามีฉากสนุกๆ เช่นการให้ Copilot ซิงค์ไฟคริสต์มาสกับเพลง แต่ปัญหาคือฟีเจอร์จริงยังทำไม่ได้ ทำให้ผู้ชมบางส่วนมองว่า Microsoft กำลังสร้างความคาดหวังเกินจริง หลายคอมเมนต์ประชดประชัน เช่น “Hey Copilot – ช่วยติดตั้ง Linux ให้หน่อย” สะท้อนว่าผู้ใช้บางกลุ่มรู้สึกถูกยัดเยียด AI มากเกินไป 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/new-windows-11-pc-you-can-talk-to-ad-pushing-copilot-is-proving-divisive-and-i-can-see-it-seriously-backfiring 🤖 ความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือในยุค AI AI กำลังเปลี่ยนโลกธุรกิจให้เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ปัญหาคือข้อมูลที่ใช้ฝึก AI มักเป็นข้อมูลลับและอ่อนไหว หากบริษัทไม่โปร่งใสในการจัดการข้อมูล ลูกค้าอาจหมดความเชื่อใจ ตัวอย่างเช่น OpenAI เคยถูกปรับเพราะใช้ข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ชัดเจน ทำให้เกิดคำถามใหญ่: ผู้ให้บริการ AI จะสร้างความเชื่อมั่นได้อย่างไร? คำตอบคือการเปิดเผยที่มาของข้อมูลและสถานที่จัดเก็บอย่างชัดเจน พร้อมเสริมระบบความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัสและ MFA เพื่อให้ลูกค้าเห็นว่าข้อมูลของพวกเขาปลอดภัยจริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-search-for-transparency-and-reliability-in-the-ai-era 💰 Nvidia กับดีล 100 พันล้านดอลลาร์ที่ยังไม่เสร็จ แม้จะมีข่าวใหญ่เรื่อง Nvidia จับมือ OpenAI ทำโครงการโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า 100 พันล้านดอลลาร์ แต่ความจริงคือดีลนี้ยังไม่ถูกลงนามอย่างเป็นทางการ CFO ของ Nvidia ยอมรับว่าทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอน “จดหมายแสดงเจตนา” เท่านั้น ความเสี่ยงคือการลงทุนระยะยาวอาจเจอปัญหาสินค้าล้นสต็อกหรือการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่เร็วเกินไป นักลงทุนบางส่วนจึงกังวลว่าอาจเกิด “ฟองสบู่ AI” ที่พร้อมแตกได้ทุกเมื่อ ถึงแม้หุ้น Nvidia จะยังขึ้น แต่คำถามเรื่องความยั่งยืนยังคงอยู่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/nvidia-admits-the-usd100bn-biggest-ai-infrastructure-project-in-history-openai-deal-still-isnt-finalized 📖 Character.ai ปรับกลยุทธ์ใหม่สำหรับวัยรุ่น แพลตฟอร์ม AI ชื่อดัง Character.ai เริ่มเปลี่ยนแนวทางการให้บริการ โดยลดการสนทนาแบบเปิดกว้างสำหรับผู้ใช้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี แล้วเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ชื่อ “Stories” เพื่อดึงดูดวัยรุ่นให้ยังคงสนใจอยู่ จุดประสงค์คือสร้างพื้นที่ที่ปลอดภัยมากขึ้น และยังคงให้ผู้ใช้ได้สนุกกับการเล่าเรื่องในรูปแบบที่ควบคุมได้มากกว่า การปรับนี้สะท้อนว่าตลาด AI กำลังหาทางบาลานซ์ระหว่างความสร้างสรรค์และความรับผิดชอบต่อผู้ใช้เยาวชน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/character-ai-launches-stories-to-keep-teens-engaged-as-it-scales-back-open-ended-chat-for-under-18s 🎮 กลุ่มแฮ็กเกอร์อิหร่านใช้เกม Snake เป็นอาวุธ มีรายงานว่ากลุ่มแฮ็กเกอร์จากอิหร่านได้สร้างเกม Snake ปลอมขึ้นมาเพื่อโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในอียิปต์และอิสราเอล เกมนี้ถูกออกแบบให้ดูเหมือนเกมธรรมดา แต่จริงๆ แล้วแฝงมัลแวร์ที่สามารถเจาะระบบได้ การใช้วิธีที่ดู “ไร้เดียงสา” เช่นเกมยอดนิยม เป็นกลยุทธ์ที่ทำให้การโจมตีมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น และเป็นสัญญาณเตือนว่าภัยคุกคามไซเบอร์กำลังซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/iranian-hacker-group-deploys-malicious-snake-game-to-target-egyptian-and-israeli-critical-infrastructure 💻 รีวิว MSI Cubi NUC AI+ 2MG Mini PC บทความนี้รีวิวเครื่อง Mini PC รุ่นใหม่จาก MSI ที่ชื่อ Cubi NUC AI+ 2MG จุดเด่นคือขนาดเล็กแต่ทรงพลัง เหมาะสำหรับงานสำนักงานหรือผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ไม่กินพื้นที่มาก ตัวเครื่องมาพร้อมการรองรับ AI workload และการเชื่อมต่อที่ครบครัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้ PC ขนาดกะทัดรัดแต่ยังคงความแรงไว้ครบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/msi-cubi-nuc-ai-2mg-mini-pc-review 🌐 ExpressVPN อัปเดตใหม่ เร็วขึ้นและปรับโฉมบน Mac ExpressVPN ปล่อยอัปเดตล่าสุดที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ และปรับปรุงแอปบน Mac ให้ใช้งานง่ายขึ้น ดีไซน์ใหม่ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงฟีเจอร์หลักได้สะดวกกว่าเดิม พร้อมทั้งเสริมความปลอดภัยและเสถียรภาพของการเชื่อมต่อ ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์ใช้งาน VPN ที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ใช้ระดับมืออาชีพ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/expressvpns-latest-update-boosts-connection-speeds-and-revamps-its-mac-app ⚖️ กฎหมาย Chat Control สร้างเสียงวิจารณ์ในวงการ Privacy Tech กฎหมายใหม่ที่ชื่อ Chat Control กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว หลายคนมองว่ามันคือ “หายนะที่รอเกิดขึ้น” เพราะเปิดช่องให้มีการสอดส่องการสื่อสารส่วนตัวของผู้ใช้ แม้จะอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่ามันจะกระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน และอาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีด้านความเป็นส่วนตัวพังทลาย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/a-disaster-waiting-to-happen-the-privacy-tech-world-reacts-to-the-new-chat-control-bill 📡 Devolo WiFi 6 Router 3600 5G Review เรื่องนี้เล่าได้ว่าเป็นประสบการณ์ตรงของผู้ทดสอบที่ได้ลองใช้เราเตอร์ Devolo WiFi 6 รุ่น 3600 ที่รองรับซิมการ์ด 5G LTE ตัวเครื่องออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมาก เพียงใส่ซิม เปิดไฟ และกดปุ่ม WPS ก็เชื่อมต่อได้ทันที จุดเด่นคือสามารถรองรับอุปกรณ์ได้มากกว่า 100 เครื่องพร้อมกัน เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตบ้าน เช่นออฟฟิศใหม่หรือการทำงานนอกสถานที่ ความเร็วขึ้นอยู่กับสัญญาณเครือข่าย แต่เมื่ออยู่ในพื้นที่ที่มี 5G แรง ๆ ก็เร็วและเสถียรกว่าการแชร์ฮอตสปอตจากมือถือมาก แม้ราคาจะสูงเกือบ £399 แต่ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในสถานการณ์ที่ต้องการอินเทอร์เน็ตที่เชื่อถือได้ 🔗 https://www.techradar.com/computing/devolo-wifi-6-router-3600-5g-lte-review 📱 OnePlus 15 เตรียมเปิดตัวในสหรัฐฯ พร้อมของแถมพิเศษ OnePlus 15 ที่หลายคนรอคอยกำลังจะเปิดให้พรีออเดอร์ในสหรัฐฯ วันที่ 4 ธันวาคมนี้ หลังจากเลื่อนเปิดตัวเพราะติดปัญหาการรับรองจาก FCC ราคาจะเริ่มต้นที่ $899.99 สำหรับรุ่น RAM 12GB และ $999.99 สำหรับรุ่น RAM 16GB พร้อมของแถมให้เลือก เช่นนาฬิกา OnePlus Watch 3 มูลค่า $300 หรือหูฟัง Buds Pro 3 จุดเด่นของรุ่นนี้คือแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,300mAh ที่ใช้งานได้ยาวนานมาก รวมถึงกล้องและซอฟต์แวร์ที่ได้รับคำชมจนได้คะแนนรีวิวเต็ม 5 ดาว ถือเป็นการกลับมาที่น่าตื่นเต้นของ OnePlus ในตลาดสหรัฐฯ 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/the-oneplus-15-is-finally-heading-to-the-us-and-you-can-grab-a-major-pre-order-bonus 🚫 รัสเซียเตรียมแบน WhatsApp ภายใต้ “ม่านเหล็กดิจิทัล” รัฐบาลรัสเซียโดยหน่วยงาน Roskomnadzor ขู่จะบล็อก WhatsApp แบบเต็มรูปแบบ โดยกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้เพื่อกิจกรรมก่อการร้าย และไม่ปฏิบัติตามกฎหมายท้องถิ่น ปัจจุบันมีผู้ใช้ WhatsApp ในรัสเซียกว่า 97 ล้านคน หากถูกบล็อกจริงจะกระทบการสื่อสารอย่างรุนแรง โดยก่อนหน้านี้ Signal ก็ถูกบล็อกไปแล้ว ทำให้ผู้ใช้ถูกบังคับไปใช้แอปที่รัฐควบคุมอย่าง MAX ซึ่งมีความเสี่ยงด้านการสอดส่องสูง WhatsApp ยืนยันว่าจะยังคงให้บริการการสื่อสารแบบเข้ารหัสเพื่อปกป้องสิทธิผู้ใช้ แม้จะถูกกดดันจากรัฐบาล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/russias-digital-iron-curtain-whatsapp-next-on-the-chopping-block 🤖 Amazon ทดลอง “AI Factories” ติดตั้งในองค์กรลูกค้า Amazon Web Services เปิดตัวแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า “AI Factories” คือการนำฮาร์ดแวร์และระบบ AI ไปติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าเอง เพื่อรองรับข้อกำหนดด้านความปลอดภัยและอธิปไตยข้อมูล ลูกค้าไม่ต้องลงทุนสร้างระบบเอง แต่ AWS จะจัดการทุกอย่างให้ โดยใช้ชิป Nvidia Blackwell และ Trainium3 ของ Amazon จุดนี้ถือเป็นการกลับไปสู่แนวทาง on-premises อีกครั้ง หลังยุคที่ทุกอย่างย้ายขึ้นคลาวด์ เหมาะกับองค์กรหรือรัฐบาลที่ต้องการใช้ AI แต่ไม่สามารถส่งข้อมูลออกนอกพื้นที่ได้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazon-is-testing-out-private-on-premises-ai-factories 💻 Windows 11 มีบั๊กใหม่ใน Dark Mode ของ File Explorer Microsoft ปล่อยอัปเดตตัวล่าสุด KB5070311 ที่ตั้งใจจะปรับปรุง Dark Mode ให้สมบูรณ์ขึ้น แต่กลับทำให้เกิดบั๊กที่สร้างความรำคาญ เมื่อผู้ใช้เปิดโฟลเดอร์หรือแท็บใหม่ใน File Explorer จะมีแฟลชสีขาววาบขึ้นมา ซึ่งยิ่งรบกวนสายตาในสภาพแสงน้อย Microsoft ยอมรับปัญหาและกำลังแก้ไขก่อนที่จะปล่อยอัปเดตเต็มในสัปดาห์หน้า แม้จะเป็นเพียงเวอร์ชันทดลอง แต่หากไม่แก้ทันก็อาจกระทบผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดต 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/microsoft-just-broke-file-explorer-dark-mode-some-windows-11-users-are-seeing-jarring-white-flashes-when-opening-folders 💾 Zettlab D6 NAS Review นี่เป็นรีวิวของ Zettlab D6 NAS อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลเครือข่ายที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้ที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยสูง จุดเด่นคือรองรับการเชื่อมต่อความเร็วสูง มีพอร์ตหลากหลาย และระบบจัดการที่ใช้งานง่าย เหมาะกับทั้งธุรกิจขนาดเล็กและผู้ใช้ที่ต้องการเก็บไฟล์จำนวนมากในบ้าน แม้ราคาจะสูง แต่ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความสามารถในการปกป้องและแชร์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/computing/zettlab-d6-nas-device-review 🧩 ทดสอบ ChatGPT, Gemini และ Claude ในโลกมัลติโหมด บทความนี้เล่าถึงการทดสอบ AI รุ่นใหม่ ๆ ที่สามารถทำงานแบบมัลติโหมดได้ เช่น ChatGPT, Gemini และ Claude โดยเปรียบเทียบความสามารถในการเข้าใจข้อความ ภาพ และเสียง จุดที่น่าสนใจคือแต่ละระบบมีจุดแข็งต่างกัน เช่น ChatGPT เด่นด้านการสนทนาเชิงลึก Gemini เน้นการเชื่อมโยงข้อมูลหลายรูปแบบ ส่วน Claude มีความแม่นยำในการตีความบริบท การทดสอบนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI กำลังพัฒนาไปสู่การใช้งานที่หลากหลายและซับซ้อนมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/testing-chatgpt-gemini-and-claude-in-the-multimodal-maze 📢 ยุคโฆษณาใน ChatGPT เริ่มต้นแล้ว ผู้ใช้ ChatGPT โดยเฉพาะกลุ่ม Pro ที่จ่ายถึง $200 ต่อเดือน กำลังไม่พอใจอย่างหนัก เพราะ OpenAI เริ่มแสดงโฆษณาและแนะนำแอปในระบบ แม้จะเป็นผู้ใช้แบบเสียเงินก็ตาม การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงการหาทางสร้างรายได้ใหม่ของบริษัท แต่ก็ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการลดคุณภาพประสบการณ์ของผู้ใช้ที่ยอมจ่ายแพงเพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวน 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/the-era-of-ads-in-chatgpt-begins-users-furious-as-even-usd200-a-month-pro-subscribers-hit-with-app-suggestions 🛡️ ออสเตรเลียสั่งห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ใช้ VPN เพื่อเลี่ยงกฎหมายโซเชียล รัฐบาลออสเตรเลียออกมาตรการใหม่ บังคับให้แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องป้องกันไม่ให้ผู้ใช้อายุต่ำกว่า 16 ปีใช้ VPN เพื่อหลบเลี่ยงการแบนโซเชียลมีเดีย กฎหมายนี้ถูกวิจารณ์ว่าอาจละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและสร้างภาระให้กับบริษัทเทคโนโลยี แต่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นเพื่อปกป้องเยาวชนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/australia-expects-platforms-to-stop-under-16s-from-using-vpns-to-evade-social-media-ban 🛍️ กว่า 2 ใน 3 ของร้านค้าปลีกใช้ AI Agent เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแล้ว รายงานล่าสุดเผยว่ามากกว่า 67% ของผู้ค้าปลีกได้เริ่มนำ AI Agent มาใช้ในการทำงาน เช่น การตอบลูกค้า การจัดการสต็อก และการวิเคราะห์ข้อมูล จุดนี้สะท้อนว่าการใช้ AI ไม่ใช่แค่แนวโน้ม แต่กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจค้าปลีกที่ต้องการความเร็วและความแม่นยำในการแข่งขัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/over-two-thirds-of-retailers-have-already-partially-deployed-ai-agents-for-efficiency
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251204 #securityonline

    React พบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182
    ทีมพัฒนา React ออกประกาศฉุกเฉินหลังพบช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูงสุด (CVSS 10.0) ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้เกิดจากกระบวนการถอดรหัสข้อมูลที่ส่งจาก client ไปยัง server ใน React Server Components (RSC) ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งแฝงเข้ามาและเข้าควบคุมระบบได้ทันที ปัญหานี้กระทบไปถึงเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Next.js, React Router, Waku และอื่น ๆ โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในหลายเวอร์ชัน นักพัฒนาจำเป็นต้องอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/catastrophic-react-flaw-cve-2025-55182-cvss-10-0-allows-unauthenticated-rce-on-next-js-and-server-components

    WordPress เจอช่องโหว่ CVE-2025-6389 ถูกโจมตีจริงแล้ว
    WordPress ที่ใช้ Sneeit Framework กำลังเผชิญการโจมตีครั้งใหญ่ หลังมีการเปิดเผยช่องโหว่ Remote Code Execution (RCE) ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้เกิดจากฟังก์ชัน sneeit_articles_pagination_callback() ที่เปิดให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลเข้ามาโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน PHP ใด ๆ ได้ตามใจ ผลคือมีการสร้างบัญชีแอดมินปลอมและฝัง backdoor ลงในระบบทันที มีรายงานว่ามีการพยายามโจมตีมากกว่า 131,000 ครั้งแล้ว หากใครยังใช้เวอร์ชัน 8.3 หรือต่ำกว่า ต้องรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.4 โดยด่วน
    https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce

    Next.js เจอช่องโหว่ CVE-2025-66478 ระดับสูงสุด นักพัฒนา
    Next.js กำลังเจอวิกฤติครั้งใหญ่ เมื่อพบช่องโหว่ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้ ช่องโหว่นี้เชื่อมโยงกับ React Server Components (CVE-2025-55182) และส่งผลกระทบต่อ Next.js รุ่นใหม่ที่ใช้ App Router โดยตรง เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบคือ Next.js 15.x และ 16.x รวมถึง canary release ของ 14.3.0 ขึ้นไป ทางแก้เดียวคือการอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่มีแพตช์ เช่น 15.0.5, 15.1.9 หรือ 16.0.7 หากยังใช้เวอร์ชันที่เสี่ยงอยู่ถือว่าเปิดช่องให้ถูกยึดระบบได้ทันที
    https://securityonline.info/maximum-severity-alert-critical-rce-flaw-hits-next-js-cve-2025-66478-cvss-10-0

    AWS เปิดตัว Frontier Agents: ทีมงาน AI อัตโนมัติ
    ที่งาน re:Invent 2025 AWS สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว “Frontier Agents” ซึ่งเป็น AI ที่ทำงานได้เหมือนทีมงานจริง ๆ สามารถรับภารกิจและทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องมีคนคอยกำกับตลอดเวลา มีทั้งหมด 3 ตัวหลักคือ Kiro สำหรับงานพัฒนา, Security Agent สำหรับตรวจสอบความปลอดภัย และ DevOps Agent สำหรับแก้ปัญหาระบบที่ล่ม ตัวอย่างเช่น Kiro สามารถรับงานจาก GitHub แล้วแก้บั๊กหรือเพิ่ม test coverage ได้เอง ส่วน Security Agent ก็ช่วยตรวจสอบช่องโหว่ที่เครื่องมือทั่วไปมองไม่เห็น และ DevOps Agent สามารถหาสาเหตุระบบล่มได้ภายใน 15 นาที ซึ่งปกติวิศวกรอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง จุดสำคัญคือ AWS ต้องการให้คนทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปล่อยเวลาไปทำงานเชิงกลยุทธ์แทน
    https://securityonline.info/aws-frontier-agents-autonomous-ai-team-members-take-over-dev-security-and-ops

    AWS S3 Unleashed: ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล AI และ Big Data
    AWS ประกาศอัปเกรดครั้งใหญ่ให้กับ Amazon S3 โดยเพิ่มความสามารถในการเก็บและค้นหาข้อมูลแบบเวกเตอร์ (S3 Vectors) ที่รองรับได้ถึง 20 ล้านล้านเวกเตอร์ และเพิ่มขนาดไฟล์สูงสุดจาก 5 TB เป็น 50 TB ทำให้สามารถเก็บไฟล์ขนาดมหึมา เช่น วิดีโอความละเอียดสูงหรือ dataset สำหรับ AI ได้โดยไม่ต้องแบ่งไฟล์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง batch operations ให้เร็วขึ้น 10 เท่า และเพิ่มฟีเจอร์ replication ข้าม region สำหรับ S3 Tables จุดเด่นคือช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 90% และทำให้การสร้างระบบ AI หรือ RAG ง่ายขึ้นมาก หลายองค์กรใหญ่ เช่น BMW และ Twilio ได้เริ่มใช้งานแล้ว
    https://securityonline.info/aws-s3-unleashed-native-vector-storage-50-tb-max-object-size-for-ai-big-data

    Raspberry Pi ขึ้นราคาเพราะกระแส AI
    Raspberry Pi ประกาศขึ้นราคาทันทีสำหรับบางรุ่นของ Pi 4 และ Pi 5 เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำทั่วโลกที่พุ่งสูงจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น รุ่นที่มีหน่วยความจำมากขึ้นจะขึ้นราคาหนักที่สุด เช่น Pi 5 (16GB) จาก 120 ดอลลาร์เป็น 145 ดอลลาร์ และ Pi 5 (8GB) จาก 80 ดอลลาร์เป็น 95 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Raspberry Pi ก็เปิดตัวรุ่นใหม่ราคาประหยัดคือ Pi 5 (1GB) ที่ 45 ดอลลาร์ เพื่อให้คนทั่วไปยังเข้าถึงได้ CEO Eben Upton ย้ำว่านี่เป็นการปรับราคาชั่วคราว และเมื่อสถานการณ์หน่วยความจำกลับมาปกติ ราคาจะลดลงอีกครั้ง
    https://securityonline.info/raspberry-pi-price-hike-ai-boom-forces-price-increases-on-pi-4-and-pi-5-models

    Android 16 อัปเดตใหม่: AI สรุปแจ้งเตือนและฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้พิการ
    Google ปล่อยอัปเดตใหญ่ครั้งที่สองของ Android 16 โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสรุปข้อความแจ้งเตือนยาว ๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น และมี Notification Organizer ที่ช่วยจัดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญให้อัตโนมัติ ด้านความปลอดภัยก็มีการกรองข้อความเชิญเข้ากลุ่มจากเบอร์แปลก และ Circle to Search สามารถตรวจสอบข้อความหลอกลวงได้ ฟีเจอร์ใหม่ยังรวมถึงการปรับแต่งไอคอน, Dark Theme ที่ครอบคลุมทุกแอป และ parental control ที่ใช้งานง่ายขึ้น ที่สำคัญคือการปรับปรุงด้าน accessibility เช่น TalkBack ที่ใช้ Gemini ช่วยแก้ไขข้อความด้วยเสียง, กล้องที่ให้คำแนะนำเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา, AutoClick สำหรับผู้ใช้เมาส์ และ Expressive Captions ที่บอกอารมณ์ของผู้พูดในวิดีโอ ฟีเจอร์เหล่านี้เริ่มปล่อยให้ Pixel ก่อนและจะขยายไปยังอุปกรณ์อื่นในอนาคต
    https://securityonline.info/android-16-update-ai-notification-summaries-gemini-powered-accessibility-suite

    AWS Nova Forge: แพลตฟอร์มเปิดให้ปรับแต่งโมเดล Nova 2
    AWS เปิดตัว Nova Forge ที่งาน re:Invent 2025 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล Nova 2 ได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ขั้น pre-training ไปจนถึง post-training ทำให้สามารถใส่ความรู้เฉพาะองค์กรเข้าไปในโมเดลโดยตรง ไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อภายนอกที่อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เสถียร จุดเด่นคือความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามกฎและความรู้ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา AWS ยังเสริมระบบ guardrails เพื่อให้ลูกค้ากำหนดขอบเขตพฤติกรรมของโมเดลได้เอง นอกจากนี้ Nova Forge ยังสามารถใช้ปรับแต่ง Alexa+ ได้โดยตรง ทำให้บริการสำหรับองค์กรมีความเฉพาะตัวมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการสร้างโมเดล AI ให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้จริง
    https://securityonline.info/aws-nova-forge-open-training-platform-enables-deep-customization-of-nova-2-models

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Vim for Windows (CVE-2025-66476)
    มีการค้นพบช่องโหว่ระดับสูงใน Vim เวอร์ชัน Windows ที่อาจเปิดทางให้ผู้โจมตีรันโค้ดอันตรายได้หากผู้ใช้เปิดไฟล์จากโฟลเดอร์ที่ถูกเจาะแล้ว ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ path ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังสคริปต์ไว้ในไฟล์ที่ดูเหมือนปกติได้ ผลคือผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกควบคุมเครื่องโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดเพื่อป้องกันการโจมตี
    https://securityonline.info/high-severity-vim-for-windows-flaw-cve-2025-66476-risks-arbitrary-code-execution-from-compromised-folders

    แคมเปญ Water Saci ใช้ LLM แปลงมัลแวร์เป็น Python
    นักวิจัยพบการโจมตีใหม่ชื่อ Water Saci ที่ใช้โมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ช่วยแปลงโค้ดมัลแวร์เป็น Python เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ จากนั้นแพร่กระจายผ่าน WhatsApp worm โดยส่งลิงก์ปลอมไปยังผู้ใช้ เมื่อเหยื่อคลิกก็จะติด Banking Trojan ที่ขโมยข้อมูลการเงิน จุดน่าสนใจคือการใช้ AI ในการปรับโค้ดให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ทำให้การโจมตียากต่อการตรวจจับมากขึ้น
    https://securityonline.info/water-saci-campaign-uses-llms-to-convert-malware-to-python-spreads-banking-trojan-via-whatsapp-worm

    Synology BeeStation พบช่องโหว่ SQL Injection แบบใหม่
    มีการเปิดเผยช่องโหว่ใน Synology BeeStation ที่สามารถนำไปสู่การเข้าถึงสิทธิ์ root ได้ผ่านเทคนิค “Dirty File Write” ซึ่งเป็นการโจมตี SQL Injection รูปแบบใหม่ นักวิจัยได้เผยแพร่ PoC แล้ว ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันทีหากผู้ใช้ยังไม่อัปเดตแพตช์ ความร้ายแรงคือสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้โดยตรง Synology แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/synology-beestation-flaw-chain-leads-to-root-rce-via-novel-dirty-file-write-sql-injection-poc-available

    Matanbuchus 3.0 เปลี่ยนจาก Downloader ไปสู่ Ransomware
    มัลแวร์ Matanbuchus ได้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 3.0 โดยเปลี่ยนบทบาทจากการเป็น downloader ไปสู่การทำงานเป็น ransomware เต็มรูปแบบ ใช้เทคนิคใหม่อย่าง Protobufs และ Intel QuickAssist เพื่อซ่อนการเข้าถึงและทำงานได้อย่างลับ ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น เพราะสามารถเข้ารหัสไฟล์และเรียกค่าไถ่ได้โดยตรง
    https://securityonline.info/matanbuchus-3-0-downloader-pivots-to-ransomware-using-protobufs-and-quickassist-for-stealth-access

    ShadyPanda Spyware แฮ็กผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านราย
    มีรายงานว่า ShadyPanda Spyware ใช้ประโยชน์จากการอัปเดตอัตโนมัติของส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่เชื่อถือได้ เพื่อฝังโค้ดอันตรายและเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยตรง ส่งผลให้มีผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านรายถูกเจาะข้อมูล การโจมตีนี้อันตรายมากเพราะเกิดขึ้นผ่านช่องทางที่ผู้ใช้เชื่อถืออยู่แล้ว ทำให้ยากต่อการสังเกตหรือป้องกัน
    https://securityonline.info/shadypanda-spyware-hacked-4-3-million-users-by-weaponizing-trusted-browser-extensions-via-auto-updates

    ช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน WordPress ACF Extended
    มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน Advanced Custom Fields: Extended ที่ถูกใช้งานบนเว็บไซต์กว่าแสนแห่งทั่วโลก ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องล็อกอินเข้าระบบ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยด้านความปลอดภัยที่ค้นพบได้รับเงินรางวัลจากการแจ้งเตือน เนื่องจากความเสี่ยงสูงสุดที่ช่องโหว่นี้สร้างขึ้น ทีมพัฒนาจึงรีบออกแพตช์แก้ไขและแนะนำให้ผู้ดูแลเว็บไซต์รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี
    https://securityonline.info/critical-acf-extended-flaw-cve-2025-13486-cvss-9-8-allows-unauthenticated-rce-on-100k-wordpress-sites

    อินเดียบังคับใช้กฎ SIM-Binding บน WhatsApp และ Telegram
    รัฐบาลอินเดียออกข้อบังคับใหม่ที่เข้มงวดกับแอปแชทชื่อดังอย่าง WhatsApp, Telegram และอีกหลายแพลตฟอร์ม โดยกำหนดให้ผู้ใช้ต้องผูกบัญชีเข้ากับซิมการ์ดที่ออกในอินเดีย และต้องยืนยันตัวตนใหม่ทุก ๆ 6 ชั่วโมง หากไม่มีซิมที่เชื่อมโยงอยู่ บัญชีจะถูกล็อกทันที กฎนี้ถูกออกมาเพื่อป้องกันการใช้เบอร์โทรศัพท์อินเดียไปทำการหลอกลวงหรือฟิชชิ่งจากต่างประเทศ แม้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็สร้างคำถามว่าแพลตฟอร์มต่างชาติที่เน้นความเป็นส่วนตัวจะยอมทำตามหรือไม่
    https://securityonline.info/india-mandates-sim-binding-whatsapp-and-telegram-users-must-re-verify-every-6-hours

    OpenAI ยกเลิกแผนโฆษณา หันมาโฟกัสคุณภาพ ChatGPT รับมือ Gemini
    OpenAI เคยทดลองเพิ่มโฆษณาใน ChatGPT เพื่อหารายได้ แต่ล่าสุดบริษัทตัดสินใจหยุดแผนนี้และหันมาเน้นพัฒนาคุณภาพของ ChatGPT ให้ดียิ่งขึ้น เหตุผลสำคัญคือการมาของ Google Gemini ที่กำลังดึงผู้ใช้จำนวนมากไป ทำให้ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ประกาศ “red alert” ภายในบริษัท พร้อมสั่งทีมงานเร่งพัฒนาโมเดล reasoning ใหม่ที่คาดว่าจะเหนือกว่า Gemini 3 รวมถึงปรับปรุงด้าน personalization และความเร็วในการใช้งาน เพื่อรักษาฐานผู้ใช้และความสามารถในการแข่งขัน
    https://securityonline.info/red-alert-at-openai-ad-plans-dropped-to-focus-on-chatgpt-quality-amid-gemini-threat

    Let’s Encrypt เตรียมลดอายุใบรับรองเหลือ 45 วันภายในปี 2028
    เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบอินเทอร์เน็ต องค์กร CA/Browser Forum ได้ตกลงให้ลดอายุการใช้งานของใบรับรอง SSL/TLS จากเดิมเกือบ 400 วัน เหลือเพียง 45 วันเท่านั้น โดย Let’s Encrypt ประกาศว่าจะทยอยปรับตามข้อกำหนดนี้จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 2028 การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าผู้ดูแลระบบต้องมีการต่ออายุใบรับรองบ่อยขึ้น และต้องพึ่งพาการทำงานแบบอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจทำให้เว็บไซต์ล่ม
    https://securityonline.info/security-tightens-lets-encrypt-will-cap-certificate-validity-at-45-days-by-2028

    อัปเดต Windows ทำ Dark Mode พัง ไฟล์ Explorer กระพริบขาว
    ผู้ใช้ Windows 11 ที่ติดตั้งอัปเดต KB5070311 พบปัญหาน่ารำคาญ เมื่อเปิด File Explorer ในโหมดมืด หน้าต่างจะกระพริบเป็นสีขาวสว่างก่อนโหลดข้อมูล ซึ่งสร้างความไม่สบายตาและทำให้ประสบการณ์ใช้งานสะดุด แม้ Microsoft จะระบุว่านี่เป็นเพียงอัปเดตตัวทดลอง แต่ก็ทำให้ผู้ใช้หลายคนผิดหวัง เพราะฟีเจอร์ที่ควรทำให้ใช้งานราบรื่นกลับสร้างปัญหาแทน ตอนนี้ Microsoft กำลังเร่งแก้ไขเพื่อไม่ให้บั๊กนี้หลุดไปถึงเวอร์ชันเสถียร
    https://securityonline.info/microsoft-update-breaks-dark-mode-file-explorer-now-flashes-white-on-launch

    Google Phone App เพิ่มฟีเจอร์ “Call Reason” ให้โทรศัพท์ดูสำคัญขึ้น
    Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Phone ที่ชื่อว่า “Call Reason” ผู้โทรสามารถใส่เหตุผลประกอบการโทร เช่น “ด่วนมาก” หรือ “ประชุมสำคัญ” เพื่อให้ผู้รับรู้ทันทีว่าโทรศัพท์นั้นมีความสำคัญแค่ไหน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนไม่รับสายจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก หรือสายที่ไม่ระบุรายละเอียด การเพิ่มข้อความสั้น ๆ ก่อนโทรช่วยให้ผู้รับตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะรับสายทันทีหรือไม่
    https://securityonline.info/google-phone-app-gets-call-reason-mark-calls-as-urgent-to-ensure-a-pick-up

    AWS Bedrock เปิดตัวครั้งใหญ่ เพิ่ม 18 โมเดล AI และระบบ AgentCore ใหม่
    Amazon Web Services (AWS) ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับ Bedrock โดยเพิ่มโมเดล AI ใหม่ถึง 18 โมเดลจากหลายบริษัท พร้อมปรับปรุงระบบ AgentCore ที่ช่วยให้การทำงานของ AI มีความปลอดภัยและยืดหยุ่นมากขึ้น จุดเด่นคือการรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก รวมถึงการเพิ่มระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่
    https://securityonline.info/aws-bedrock-unleashed-18-new-ai-models-agentcore-upgrades-and-enhanced-security

    AWS เปิดตัวชิป Trainium3 เร็วขึ้น 4.4 เท่า สำหรับงาน AI
    AWS เปิดตัวชิปใหม่ Trainium3 ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI โดยเฉพาะ ชิปนี้ให้ประสิทธิภาพเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 4.4 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และถูกนำไปใช้ในเซิร์ฟเวอร์ EC2 UltraServers จุดเด่นคือการรองรับงาน AI ที่ซับซ้อน เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ และการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของ AWS ให้แข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นได้อย่างแข็งแกร่ง
    https://securityonline.info/aws-unleashes-trainium3-chip-4-4x-faster-ai-performance-for-ec2-ultraservers

    AWS AI Factories นำโครงสร้างพื้นฐาน AI ลงสู่ On-Premises
    AWS เปิดตัวแนวคิด “AI Factories” ที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่สมบูรณ์แบบจากระบบคลาวด์มาติดตั้งใช้งานในสถานที่ของตัวเอง (On-Premises) เพื่อรองรับความต้องการด้าน Data Sovereignty หรือการควบคุมข้อมูลให้อยู่ในประเทศหรือองค์กรโดยตรง แนวทางนี้ตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการใช้ AI แต่มีข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยของข้อมูล
    https://securityonline.info/aws-ai-factories-bringing-full-cloud-ai-infrastructure-on-prem-for-data-sovereignty

    AWS เปิดตัวตระกูลโมเดล Nova 2 รองรับ Multimodal และ Agentic AI
    AWS ประกาศเปิดตัวโมเดลใหม่ในตระกูล Nova 2 ที่สามารถทำงานแบบ Multimodal คือรองรับทั้งข้อความ ภาพ และเสียง พร้อมฟีเจอร์ Agentic Nova Act ที่ช่วยให้ AI สามารถทำงานเชิงรุกได้มากขึ้น เช่น การตัดสินใจอัตโนมัติและการทำงานแทนมนุษย์ในบางกระบวนการ ถือเป็นการยกระดับความสามารถของ AWS ในการแข่งขันกับผู้ให้บริการ AI รายใหญ่ทั่วโลก
    https://securityonline.info/aws-unveils-nova-2-ai-model-family-with-multimodal-omni-agentic-nova-act

    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251204 #securityonline 🛡️ React พบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-55182 ทีมพัฒนา React ออกประกาศฉุกเฉินหลังพบช่องโหว่ที่มีความรุนแรงสูงสุด (CVSS 10.0) ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้เกิดจากกระบวนการถอดรหัสข้อมูลที่ส่งจาก client ไปยัง server ใน React Server Components (RSC) ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่งแฝงเข้ามาและเข้าควบคุมระบบได้ทันที ปัญหานี้กระทบไปถึงเฟรมเวิร์กยอดนิยมอย่าง Next.js, React Router, Waku และอื่น ๆ โดยมีการออกแพตช์แก้ไขแล้วในหลายเวอร์ชัน นักพัฒนาจำเป็นต้องอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/catastrophic-react-flaw-cve-2025-55182-cvss-10-0-allows-unauthenticated-rce-on-next-js-and-server-components ⚠️ WordPress เจอช่องโหว่ CVE-2025-6389 ถูกโจมตีจริงแล้ว WordPress ที่ใช้ Sneeit Framework กำลังเผชิญการโจมตีครั้งใหญ่ หลังมีการเปิดเผยช่องโหว่ Remote Code Execution (RCE) ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ได้โดยไม่ต้องล็อกอิน ช่องโหว่นี้เกิดจากฟังก์ชัน sneeit_articles_pagination_callback() ที่เปิดให้ผู้ใช้ส่งข้อมูลเข้ามาโดยไม่ตรวจสอบ ทำให้แฮกเกอร์สามารถเรียกใช้ฟังก์ชัน PHP ใด ๆ ได้ตามใจ ผลคือมีการสร้างบัญชีแอดมินปลอมและฝัง backdoor ลงในระบบทันที มีรายงานว่ามีการพยายามโจมตีมากกว่า 131,000 ครั้งแล้ว หากใครยังใช้เวอร์ชัน 8.3 หรือต่ำกว่า ต้องรีบอัปเดตเป็นเวอร์ชัน 8.4 โดยด่วน 🔗 https://securityonline.info/critical-wordpress-flaw-cve-2025-6389-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-rce 🚨 Next.js เจอช่องโหว่ CVE-2025-66478 ระดับสูงสุด นักพัฒนา Next.js กำลังเจอวิกฤติครั้งใหญ่ เมื่อพบช่องโหว่ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงสุด CVSS 10.0 ซึ่งเปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดบนเซิร์ฟเวอร์ได้ ช่องโหว่นี้เชื่อมโยงกับ React Server Components (CVE-2025-55182) และส่งผลกระทบต่อ Next.js รุ่นใหม่ที่ใช้ App Router โดยตรง เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบคือ Next.js 15.x และ 16.x รวมถึง canary release ของ 14.3.0 ขึ้นไป ทางแก้เดียวคือการอัปเดตไปยังเวอร์ชันที่มีแพตช์ เช่น 15.0.5, 15.1.9 หรือ 16.0.7 หากยังใช้เวอร์ชันที่เสี่ยงอยู่ถือว่าเปิดช่องให้ถูกยึดระบบได้ทันที 🔗 https://securityonline.info/maximum-severity-alert-critical-rce-flaw-hits-next-js-cve-2025-66478-cvss-10-0 🧑‍💻 AWS เปิดตัว Frontier Agents: ทีมงาน AI อัตโนมัติ ที่งาน re:Invent 2025 AWS สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว “Frontier Agents” ซึ่งเป็น AI ที่ทำงานได้เหมือนทีมงานจริง ๆ สามารถรับภารกิจและทำงานต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องมีคนคอยกำกับตลอดเวลา มีทั้งหมด 3 ตัวหลักคือ Kiro สำหรับงานพัฒนา, Security Agent สำหรับตรวจสอบความปลอดภัย และ DevOps Agent สำหรับแก้ปัญหาระบบที่ล่ม ตัวอย่างเช่น Kiro สามารถรับงานจาก GitHub แล้วแก้บั๊กหรือเพิ่ม test coverage ได้เอง ส่วน Security Agent ก็ช่วยตรวจสอบช่องโหว่ที่เครื่องมือทั่วไปมองไม่เห็น และ DevOps Agent สามารถหาสาเหตุระบบล่มได้ภายใน 15 นาที ซึ่งปกติวิศวกรอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง จุดสำคัญคือ AWS ต้องการให้คนทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และปล่อยเวลาไปทำงานเชิงกลยุทธ์แทน 🔗 https://securityonline.info/aws-frontier-agents-autonomous-ai-team-members-take-over-dev-security-and-ops 📦 AWS S3 Unleashed: ยุคใหม่ของการเก็บข้อมูล AI และ Big Data AWS ประกาศอัปเกรดครั้งใหญ่ให้กับ Amazon S3 โดยเพิ่มความสามารถในการเก็บและค้นหาข้อมูลแบบเวกเตอร์ (S3 Vectors) ที่รองรับได้ถึง 20 ล้านล้านเวกเตอร์ และเพิ่มขนาดไฟล์สูงสุดจาก 5 TB เป็น 50 TB ทำให้สามารถเก็บไฟล์ขนาดมหึมา เช่น วิดีโอความละเอียดสูงหรือ dataset สำหรับ AI ได้โดยไม่ต้องแบ่งไฟล์ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุง batch operations ให้เร็วขึ้น 10 เท่า และเพิ่มฟีเจอร์ replication ข้าม region สำหรับ S3 Tables จุดเด่นคือช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 90% และทำให้การสร้างระบบ AI หรือ RAG ง่ายขึ้นมาก หลายองค์กรใหญ่ เช่น BMW และ Twilio ได้เริ่มใช้งานแล้ว 🔗 https://securityonline.info/aws-s3-unleashed-native-vector-storage-50-tb-max-object-size-for-ai-big-data 💾 Raspberry Pi ขึ้นราคาเพราะกระแส AI Raspberry Pi ประกาศขึ้นราคาทันทีสำหรับบางรุ่นของ Pi 4 และ Pi 5 เนื่องจากความต้องการหน่วยความจำทั่วโลกที่พุ่งสูงจากการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น รุ่นที่มีหน่วยความจำมากขึ้นจะขึ้นราคาหนักที่สุด เช่น Pi 5 (16GB) จาก 120 ดอลลาร์เป็น 145 ดอลลาร์ และ Pi 5 (8GB) จาก 80 ดอลลาร์เป็น 95 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม Raspberry Pi ก็เปิดตัวรุ่นใหม่ราคาประหยัดคือ Pi 5 (1GB) ที่ 45 ดอลลาร์ เพื่อให้คนทั่วไปยังเข้าถึงได้ CEO Eben Upton ย้ำว่านี่เป็นการปรับราคาชั่วคราว และเมื่อสถานการณ์หน่วยความจำกลับมาปกติ ราคาจะลดลงอีกครั้ง 🔗 https://securityonline.info/raspberry-pi-price-hike-ai-boom-forces-price-increases-on-pi-4-and-pi-5-models 📱 Android 16 อัปเดตใหม่: AI สรุปแจ้งเตือนและฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้พิการ Google ปล่อยอัปเดตใหญ่ครั้งที่สองของ Android 16 โดยเพิ่มฟีเจอร์ AI ที่ช่วยสรุปข้อความแจ้งเตือนยาว ๆ ให้เข้าใจง่ายขึ้น และมี Notification Organizer ที่ช่วยจัดการแจ้งเตือนที่ไม่สำคัญให้อัตโนมัติ ด้านความปลอดภัยก็มีการกรองข้อความเชิญเข้ากลุ่มจากเบอร์แปลก และ Circle to Search สามารถตรวจสอบข้อความหลอกลวงได้ ฟีเจอร์ใหม่ยังรวมถึงการปรับแต่งไอคอน, Dark Theme ที่ครอบคลุมทุกแอป และ parental control ที่ใช้งานง่ายขึ้น ที่สำคัญคือการปรับปรุงด้าน accessibility เช่น TalkBack ที่ใช้ Gemini ช่วยแก้ไขข้อความด้วยเสียง, กล้องที่ให้คำแนะนำเสียงสำหรับผู้พิการทางสายตา, AutoClick สำหรับผู้ใช้เมาส์ และ Expressive Captions ที่บอกอารมณ์ของผู้พูดในวิดีโอ ฟีเจอร์เหล่านี้เริ่มปล่อยให้ Pixel ก่อนและจะขยายไปยังอุปกรณ์อื่นในอนาคต 🔗 https://securityonline.info/android-16-update-ai-notification-summaries-gemini-powered-accessibility-suite ⚙️ AWS Nova Forge: แพลตฟอร์มเปิดให้ปรับแต่งโมเดล Nova 2 AWS เปิดตัว Nova Forge ที่งาน re:Invent 2025 ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้ลูกค้าสามารถปรับแต่งโมเดล Nova 2 ได้อย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ขั้น pre-training ไปจนถึง post-training ทำให้สามารถใส่ความรู้เฉพาะองค์กรเข้าไปในโมเดลโดยตรง ไม่ต้องพึ่งการเชื่อมต่อภายนอกที่อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เสถียร จุดเด่นคือความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามกฎและความรู้ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา AWS ยังเสริมระบบ guardrails เพื่อให้ลูกค้ากำหนดขอบเขตพฤติกรรมของโมเดลได้เอง นอกจากนี้ Nova Forge ยังสามารถใช้ปรับแต่ง Alexa+ ได้โดยตรง ทำให้บริการสำหรับองค์กรมีความเฉพาะตัวมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการสร้างโมเดล AI ให้ตอบโจทย์ธุรกิจได้จริง 🔗 https://securityonline.info/aws-nova-forge-open-training-platform-enables-deep-customization-of-nova-2-models 🛠️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Vim for Windows (CVE-2025-66476) มีการค้นพบช่องโหว่ระดับสูงใน Vim เวอร์ชัน Windows ที่อาจเปิดทางให้ผู้โจมตีรันโค้ดอันตรายได้หากผู้ใช้เปิดไฟล์จากโฟลเดอร์ที่ถูกเจาะแล้ว ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ path ที่ไม่ปลอดภัย ทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังสคริปต์ไว้ในไฟล์ที่ดูเหมือนปกติได้ ผลคือผู้ใช้เสี่ยงต่อการถูกควบคุมเครื่องโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนให้ผู้ใช้รีบอัปเดตแพตช์ล่าสุดเพื่อป้องกันการโจมตี 🔗 https://securityonline.info/high-severity-vim-for-windows-flaw-cve-2025-66476-risks-arbitrary-code-execution-from-compromised-folders 🐍 แคมเปญ Water Saci ใช้ LLM แปลงมัลแวร์เป็น Python นักวิจัยพบการโจมตีใหม่ชื่อ Water Saci ที่ใช้โมเดลภาษาใหญ่ (LLM) ช่วยแปลงโค้ดมัลแวร์เป็น Python เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ จากนั้นแพร่กระจายผ่าน WhatsApp worm โดยส่งลิงก์ปลอมไปยังผู้ใช้ เมื่อเหยื่อคลิกก็จะติด Banking Trojan ที่ขโมยข้อมูลการเงิน จุดน่าสนใจคือการใช้ AI ในการปรับโค้ดให้เข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ทำให้การโจมตียากต่อการตรวจจับมากขึ้น 🔗 https://securityonline.info/water-saci-campaign-uses-llms-to-convert-malware-to-python-spreads-banking-trojan-via-whatsapp-worm 🐝 Synology BeeStation พบช่องโหว่ SQL Injection แบบใหม่ มีการเปิดเผยช่องโหว่ใน Synology BeeStation ที่สามารถนำไปสู่การเข้าถึงสิทธิ์ root ได้ผ่านเทคนิค “Dirty File Write” ซึ่งเป็นการโจมตี SQL Injection รูปแบบใหม่ นักวิจัยได้เผยแพร่ PoC แล้ว ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ประโยชน์ได้ทันทีหากผู้ใช้ยังไม่อัปเดตแพตช์ ความร้ายแรงคือสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้โดยตรง Synology แนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/synology-beestation-flaw-chain-leads-to-root-rce-via-novel-dirty-file-write-sql-injection-poc-available 🔒 Matanbuchus 3.0 เปลี่ยนจาก Downloader ไปสู่ Ransomware มัลแวร์ Matanbuchus ได้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 3.0 โดยเปลี่ยนบทบาทจากการเป็น downloader ไปสู่การทำงานเป็น ransomware เต็มรูปแบบ ใช้เทคนิคใหม่อย่าง Protobufs และ Intel QuickAssist เพื่อซ่อนการเข้าถึงและทำงานได้อย่างลับ ๆ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้การโจมตีมีความซับซ้อนและอันตรายมากขึ้น เพราะสามารถเข้ารหัสไฟล์และเรียกค่าไถ่ได้โดยตรง 🔗 https://securityonline.info/matanbuchus-3-0-downloader-pivots-to-ransomware-using-protobufs-and-quickassist-for-stealth-access 🕵️ ShadyPanda Spyware แฮ็กผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านราย มีรายงานว่า ShadyPanda Spyware ใช้ประโยชน์จากการอัปเดตอัตโนมัติของส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่เชื่อถือได้ เพื่อฝังโค้ดอันตรายและเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยตรง ส่งผลให้มีผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านรายถูกเจาะข้อมูล การโจมตีนี้อันตรายมากเพราะเกิดขึ้นผ่านช่องทางที่ผู้ใช้เชื่อถืออยู่แล้ว ทำให้ยากต่อการสังเกตหรือป้องกัน 🔗 https://securityonline.info/shadypanda-spyware-hacked-4-3-million-users-by-weaponizing-trusted-browser-extensions-via-auto-updates 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน WordPress ACF Extended มีการค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงในปลั๊กอิน Advanced Custom Fields: Extended ที่ถูกใช้งานบนเว็บไซต์กว่าแสนแห่งทั่วโลก ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์สามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้โดยไม่ต้องล็อกอินเข้าระบบ ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถเข้าควบคุมเว็บไซต์ได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยด้านความปลอดภัยที่ค้นพบได้รับเงินรางวัลจากการแจ้งเตือน เนื่องจากความเสี่ยงสูงสุดที่ช่องโหว่นี้สร้างขึ้น ทีมพัฒนาจึงรีบออกแพตช์แก้ไขและแนะนำให้ผู้ดูแลเว็บไซต์รีบอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดทันทีเพื่อป้องกันการถูกโจมตี 🔗 https://securityonline.info/critical-acf-extended-flaw-cve-2025-13486-cvss-9-8-allows-unauthenticated-rce-on-100k-wordpress-sites 📱 อินเดียบังคับใช้กฎ SIM-Binding บน WhatsApp และ Telegram รัฐบาลอินเดียออกข้อบังคับใหม่ที่เข้มงวดกับแอปแชทชื่อดังอย่าง WhatsApp, Telegram และอีกหลายแพลตฟอร์ม โดยกำหนดให้ผู้ใช้ต้องผูกบัญชีเข้ากับซิมการ์ดที่ออกในอินเดีย และต้องยืนยันตัวตนใหม่ทุก ๆ 6 ชั่วโมง หากไม่มีซิมที่เชื่อมโยงอยู่ บัญชีจะถูกล็อกทันที กฎนี้ถูกออกมาเพื่อป้องกันการใช้เบอร์โทรศัพท์อินเดียไปทำการหลอกลวงหรือฟิชชิ่งจากต่างประเทศ แม้จะช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ก็สร้างคำถามว่าแพลตฟอร์มต่างชาติที่เน้นความเป็นส่วนตัวจะยอมทำตามหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/india-mandates-sim-binding-whatsapp-and-telegram-users-must-re-verify-every-6-hours 🚨 OpenAI ยกเลิกแผนโฆษณา หันมาโฟกัสคุณภาพ ChatGPT รับมือ Gemini OpenAI เคยทดลองเพิ่มโฆษณาใน ChatGPT เพื่อหารายได้ แต่ล่าสุดบริษัทตัดสินใจหยุดแผนนี้และหันมาเน้นพัฒนาคุณภาพของ ChatGPT ให้ดียิ่งขึ้น เหตุผลสำคัญคือการมาของ Google Gemini ที่กำลังดึงผู้ใช้จำนวนมากไป ทำให้ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ประกาศ “red alert” ภายในบริษัท พร้อมสั่งทีมงานเร่งพัฒนาโมเดล reasoning ใหม่ที่คาดว่าจะเหนือกว่า Gemini 3 รวมถึงปรับปรุงด้าน personalization และความเร็วในการใช้งาน เพื่อรักษาฐานผู้ใช้และความสามารถในการแข่งขัน 🔗 https://securityonline.info/red-alert-at-openai-ad-plans-dropped-to-focus-on-chatgpt-quality-amid-gemini-threat 🔒 Let’s Encrypt เตรียมลดอายุใบรับรองเหลือ 45 วันภายในปี 2028 เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของระบบอินเทอร์เน็ต องค์กร CA/Browser Forum ได้ตกลงให้ลดอายุการใช้งานของใบรับรอง SSL/TLS จากเดิมเกือบ 400 วัน เหลือเพียง 45 วันเท่านั้น โดย Let’s Encrypt ประกาศว่าจะทยอยปรับตามข้อกำหนดนี้จนเสร็จสมบูรณ์ในปี 2028 การเปลี่ยนแปลงนี้หมายความว่าผู้ดูแลระบบต้องมีการต่ออายุใบรับรองบ่อยขึ้น และต้องพึ่งพาการทำงานแบบอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดที่อาจทำให้เว็บไซต์ล่ม 🔗 https://securityonline.info/security-tightens-lets-encrypt-will-cap-certificate-validity-at-45-days-by-2028 💻 อัปเดต Windows ทำ Dark Mode พัง ไฟล์ Explorer กระพริบขาว ผู้ใช้ Windows 11 ที่ติดตั้งอัปเดต KB5070311 พบปัญหาน่ารำคาญ เมื่อเปิด File Explorer ในโหมดมืด หน้าต่างจะกระพริบเป็นสีขาวสว่างก่อนโหลดข้อมูล ซึ่งสร้างความไม่สบายตาและทำให้ประสบการณ์ใช้งานสะดุด แม้ Microsoft จะระบุว่านี่เป็นเพียงอัปเดตตัวทดลอง แต่ก็ทำให้ผู้ใช้หลายคนผิดหวัง เพราะฟีเจอร์ที่ควรทำให้ใช้งานราบรื่นกลับสร้างปัญหาแทน ตอนนี้ Microsoft กำลังเร่งแก้ไขเพื่อไม่ให้บั๊กนี้หลุดไปถึงเวอร์ชันเสถียร 🔗 https://securityonline.info/microsoft-update-breaks-dark-mode-file-explorer-now-flashes-white-on-launch 📞 Google Phone App เพิ่มฟีเจอร์ “Call Reason” ให้โทรศัพท์ดูสำคัญขึ้น Google เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Phone ที่ชื่อว่า “Call Reason” ผู้โทรสามารถใส่เหตุผลประกอบการโทร เช่น “ด่วนมาก” หรือ “ประชุมสำคัญ” เพื่อให้ผู้รับรู้ทันทีว่าโทรศัพท์นั้นมีความสำคัญแค่ไหน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่หลายคนไม่รับสายจากเบอร์ที่ไม่รู้จัก หรือสายที่ไม่ระบุรายละเอียด การเพิ่มข้อความสั้น ๆ ก่อนโทรช่วยให้ผู้รับตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าจะรับสายทันทีหรือไม่ 🔗 https://securityonline.info/google-phone-app-gets-call-reason-mark-calls-as-urgent-to-ensure-a-pick-up ☁️ AWS Bedrock เปิดตัวครั้งใหญ่ เพิ่ม 18 โมเดล AI และระบบ AgentCore ใหม่ Amazon Web Services (AWS) ประกาศอัปเดตครั้งใหญ่ให้กับ Bedrock โดยเพิ่มโมเดล AI ใหม่ถึง 18 โมเดลจากหลายบริษัท พร้อมปรับปรุงระบบ AgentCore ที่ช่วยให้การทำงานของ AI มีความปลอดภัยและยืดหยุ่นมากขึ้น จุดเด่นคือการรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างคอนเทนต์ไปจนถึงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก รวมถึงการเพิ่มระบบความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้นเพื่อรองรับการใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่ 🔗 https://securityonline.info/aws-bedrock-unleashed-18-new-ai-models-agentcore-upgrades-and-enhanced-security ⚡ AWS เปิดตัวชิป Trainium3 เร็วขึ้น 4.4 เท่า สำหรับงาน AI AWS เปิดตัวชิปใหม่ Trainium3 ที่ออกแบบมาเพื่อการประมวลผล AI โดยเฉพาะ ชิปนี้ให้ประสิทธิภาพเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 4.4 เท่าเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน และถูกนำไปใช้ในเซิร์ฟเวอร์ EC2 UltraServers จุดเด่นคือการรองรับงาน AI ที่ซับซ้อน เช่น การฝึกโมเดลขนาดใหญ่ และการประมวลผลแบบเรียลไทม์ ถือเป็นการยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้าน AI ของ AWS ให้แข่งขันกับผู้ให้บริการรายอื่นได้อย่างแข็งแกร่ง 🔗 https://securityonline.info/aws-unleashes-trainium3-chip-4-4x-faster-ai-performance-for-ec2-ultraservers 🏭 AWS AI Factories นำโครงสร้างพื้นฐาน AI ลงสู่ On-Premises AWS เปิดตัวแนวคิด “AI Factories” ที่ช่วยให้องค์กรสามารถนำโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่สมบูรณ์แบบจากระบบคลาวด์มาติดตั้งใช้งานในสถานที่ของตัวเอง (On-Premises) เพื่อรองรับความต้องการด้าน Data Sovereignty หรือการควบคุมข้อมูลให้อยู่ในประเทศหรือองค์กรโดยตรง แนวทางนี้ตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการใช้ AI แต่มีข้อจำกัดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยของข้อมูล 🔗 https://securityonline.info/aws-ai-factories-bringing-full-cloud-ai-infrastructure-on-prem-for-data-sovereignty 🤖 AWS เปิดตัวตระกูลโมเดล Nova 2 รองรับ Multimodal และ Agentic AI AWS ประกาศเปิดตัวโมเดลใหม่ในตระกูล Nova 2 ที่สามารถทำงานแบบ Multimodal คือรองรับทั้งข้อความ ภาพ และเสียง พร้อมฟีเจอร์ Agentic Nova Act ที่ช่วยให้ AI สามารถทำงานเชิงรุกได้มากขึ้น เช่น การตัดสินใจอัตโนมัติและการทำงานแทนมนุษย์ในบางกระบวนการ ถือเป็นการยกระดับความสามารถของ AWS ในการแข่งขันกับผู้ให้บริการ AI รายใหญ่ทั่วโลก 🔗 https://securityonline.info/aws-unveils-nova-2-ai-model-family-with-multimodal-omni-agentic-nova-act
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • การค้นพบช่องโหว่ครั้งใหญ่

    นักวิจัยด้านความปลอดภัย Alex Schapiro ได้ทำการ Reverse Engineering ระบบของ Filevine ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI ที่ใช้ในวงการกฎหมาย และพบว่า API Endpoint ของบริษัทเปิดให้เข้าถึงโดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน ผลลัพธ์คือสามารถดึง Admin Token ที่มีสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ทั้งหมดของสำนักงานกฎหมาย Margolis ได้โดยตรง

    ข้อมูลลับกว่า 100,000 ไฟล์ถูกเปิดเผย
    เมื่อทดสอบการค้นหาด้วยคำว่า “confidential” ระบบตอบกลับด้วยผลลัพธ์กว่า 100,000 ไฟล์ ที่ครอบคลุมตั้งแต่เอกสารภายใน, Payroll, ข้อมูลผู้ใช้ ไปจนถึงเอกสารที่ได้รับการคุ้มครองตามคำสั่งศาล หากผู้ไม่หวังดีเข้าถึงได้จริง จะสามารถขโมยข้อมูลที่อยู่ภายใต้ HIPAA และมาตรฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ได้ทั้งหมด

    การตอบสนองของ Filevine
    หลังจากการแจ้งเตือนในวันที่ 27 ตุลาคม 2025 ทีมงาน Filevine ได้ตอบรับอย่างรวดเร็ว และภายในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2025 ได้ยืนยันว่าช่องโหว่ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว พร้อมขอบคุณนักวิจัยที่เปิดเผยอย่างมีความรับผิดชอบ การจัดการครั้งนี้ถูกยกเป็นตัวอย่างที่ดีของการ Responsible Disclosure ในวงการความปลอดภัยไซเบอร์

    บทเรียนสำหรับวงการ AI กฎหมาย
    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า การเร่งพัฒนา AI โดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัยอย่างรอบคอบ อาจนำไปสู่หายนะครั้งใหญ่ บริษัทที่ใช้ AI ในการจัดการข้อมูลลับจำเป็นต้องลงทุนในระบบ Security Audit, Penetration Testing และการเข้ารหัสที่เข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบช่องโหว่ใน Filevine
    API เปิดให้เข้าถึงโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน

    ข้อมูลลับกว่า 100,000 ไฟล์ถูกเปิดเผย
    ครอบคลุมเอกสารภายใน, Payroll, ข้อมูลผู้ใช้ และเอกสารที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย

    การตอบสนองของ Filevine
    แก้ไขช่องโหว่ภายในไม่กี่สัปดาห์ และยกเป็นตัวอย่าง Responsible Disclosure

    ความเสี่ยงหากถูกโจมตีจริง
    อาจทำให้ข้อมูลที่อยู่ภายใต้ HIPAA และคำสั่งศาลถูกขโมยทั้งหมด

    บทเรียนสำหรับวงการ AI กฎหมาย
    ต้องลงทุนใน Security Audit และการเข้ารหัสเพื่อป้องกันภัยคุกคามในอนาคต

    https://alexschapiro.com/security/vulnerability/2025/12/02/filevine-api-100k
    🔐 การค้นพบช่องโหว่ครั้งใหญ่ นักวิจัยด้านความปลอดภัย Alex Schapiro ได้ทำการ Reverse Engineering ระบบของ Filevine ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม AI ที่ใช้ในวงการกฎหมาย และพบว่า API Endpoint ของบริษัทเปิดให้เข้าถึงโดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน ผลลัพธ์คือสามารถดึง Admin Token ที่มีสิทธิ์เข้าถึงไฟล์ทั้งหมดของสำนักงานกฎหมาย Margolis ได้โดยตรง 📂 ข้อมูลลับกว่า 100,000 ไฟล์ถูกเปิดเผย เมื่อทดสอบการค้นหาด้วยคำว่า “confidential” ระบบตอบกลับด้วยผลลัพธ์กว่า 100,000 ไฟล์ ที่ครอบคลุมตั้งแต่เอกสารภายใน, Payroll, ข้อมูลผู้ใช้ ไปจนถึงเอกสารที่ได้รับการคุ้มครองตามคำสั่งศาล หากผู้ไม่หวังดีเข้าถึงได้จริง จะสามารถขโมยข้อมูลที่อยู่ภายใต้ HIPAA และมาตรฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ได้ทั้งหมด 🧑‍⚖️ การตอบสนองของ Filevine หลังจากการแจ้งเตือนในวันที่ 27 ตุลาคม 2025 ทีมงาน Filevine ได้ตอบรับอย่างรวดเร็ว และภายในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2025 ได้ยืนยันว่าช่องโหว่ถูกแก้ไขเรียบร้อยแล้ว พร้อมขอบคุณนักวิจัยที่เปิดเผยอย่างมีความรับผิดชอบ การจัดการครั้งนี้ถูกยกเป็นตัวอย่างที่ดีของการ Responsible Disclosure ในวงการความปลอดภัยไซเบอร์ ⚠️ บทเรียนสำหรับวงการ AI กฎหมาย เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า การเร่งพัฒนา AI โดยไม่ตรวจสอบความปลอดภัยอย่างรอบคอบ อาจนำไปสู่หายนะครั้งใหญ่ บริษัทที่ใช้ AI ในการจัดการข้อมูลลับจำเป็นต้องลงทุนในระบบ Security Audit, Penetration Testing และการเข้ารหัสที่เข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบช่องโหว่ใน Filevine ➡️ API เปิดให้เข้าถึงโดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ✅ ข้อมูลลับกว่า 100,000 ไฟล์ถูกเปิดเผย ➡️ ครอบคลุมเอกสารภายใน, Payroll, ข้อมูลผู้ใช้ และเอกสารที่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย ✅ การตอบสนองของ Filevine ➡️ แก้ไขช่องโหว่ภายในไม่กี่สัปดาห์ และยกเป็นตัวอย่าง Responsible Disclosure ‼️ ความเสี่ยงหากถูกโจมตีจริง ⛔ อาจทำให้ข้อมูลที่อยู่ภายใต้ HIPAA และคำสั่งศาลถูกขโมยทั้งหมด ‼️ บทเรียนสำหรับวงการ AI กฎหมาย ⛔ ต้องลงทุนใน Security Audit และการเข้ารหัสเพื่อป้องกันภัยคุกคามในอนาคต https://alexschapiro.com/security/vulnerability/2025/12/02/filevine-api-100k
    ALEXSCHAPIRO.COM
    How I Reverse Engineered a Billion-Dollar Legal AI Tool and Found 100k+ Confidential Files
    Update: This post received a large amount of attention on Hacker News — see the discussion thread.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • เตือน ChatGPT Atlas Browser ปลอม

    การโจมตีล่าสุดที่ใช้ Fake ChatGPT Atlas Browser เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ ClickFix Attack กำลังสร้างความกังวลในวงการไซเบอร์ หลังพบว่ามีการเพิ่มขึ้นกว่า 517% ในปี 2025 โดยผู้โจมตีใช้เว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบของจริงเพื่อหลอกให้ผู้ใช้รันคำสั่งใน Terminal ซึ่งนำไปสู่การขโมยรหัสผ่านและการยกระดับสิทธิ์จนเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ

    ClickFix Attack: จากเทคนิค Copy-Paste สู่การยึดเครื่อง
    ClickFix เป็นการโจมตีแบบ Social Engineering ที่เริ่มต้นในปี 2024 โดยหลอกให้ผู้ใช้คัดลอกคำสั่งที่ดูไม่อันตรายไปวางใน Terminal หรือ Command Line แต่จริง ๆ แล้วคำสั่งนั้นจะเรียกสคริปต์ระยะไกลที่ขโมยรหัสผ่านและใช้สิทธิ์ sudo เพื่อยกระดับเป็นผู้ดูแลระบบเต็มรูปแบบ การโจมตีนี้ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ เช่น TA450 (อิหร่าน), TA427 (เกาหลีเหนือ), TA422 (รัสเซีย)

    Fake ChatGPT Atlas Browser: เว็บไซต์ปลอมที่แนบเนียน
    นักวิจัย Kaushik Devireddy จาก Fable Security พบเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบ ChatGPT Atlas Browser ได้อย่างแนบเนียน ทั้งหน้าตา, โลโก้ และข้อความเหมือนจริงทุกประการ สิ่งเดียวที่ต่างคือ โดเมนเป็น Google Sites URL ซึ่งสร้างความเชื่อใจผิด ๆ ให้ผู้ใช้คิดว่าเป็นของจริง เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลดและทำตามคำสั่งที่ให้คัดลอกโค้ดไปวางใน Terminal ก็จะถูกโจมตีทันที

    ความร้ายแรงของการโจมตี
    สิ่งที่ทำให้ ClickFix น่ากังวลคือ:
    สามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือรักษาความปลอดภัย เช่น CrowdStrike และ SentinelOne
    ใช้การผสมผสานหลายเทคนิค ทั้งการโคลนเว็บไซต์, การใช้โฮสต์ที่เชื่อถือได้, การทำ Obfuscation และ Privilege Escalation
    แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โดยเป้าหมายล่าสุดคือแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น iClicker, AnyDesk, Google Meet และ ChatGPT Atlas

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ClickFix Attack
    เริ่มต้นปี 2024 และเพิ่มขึ้นกว่า 517% ในปี 2025
    ใช้เทคนิค Copy-Paste หลอกให้ผู้ใช้รันโค้ดอันตราย

    Fake ChatGPT Atlas Browser
    เว็บไซต์ปลอมเลียนแบบของจริง ใช้ Google Sites URL
    หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดและรันคำสั่งใน Terminal

    ผลกระทบ
    ขโมยรหัสผ่านและยกระดับสิทธิ์เป็น Root/Admin
    หลบเลี่ยงเครื่องมือรักษาความปลอดภัยขั้นสูง

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    ห้ามคัดลอกและรันคำสั่งจากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    ตรวจสอบโดเมนให้แน่ใจก่อนดาวน์โหลดซอฟต์แวร์
    การโจมตีนี้สามารถยึดเครื่องได้เต็มรูปแบบแม้มีระบบป้องกัน

    https://hackread.com/fake-chatgpt-atlas-clickfix-steal-passwords/
    ⚠️ เตือน ChatGPT Atlas Browser ปลอม การโจมตีล่าสุดที่ใช้ Fake ChatGPT Atlas Browser เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ ClickFix Attack กำลังสร้างความกังวลในวงการไซเบอร์ หลังพบว่ามีการเพิ่มขึ้นกว่า 517% ในปี 2025 โดยผู้โจมตีใช้เว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบของจริงเพื่อหลอกให้ผู้ใช้รันคำสั่งใน Terminal ซึ่งนำไปสู่การขโมยรหัสผ่านและการยกระดับสิทธิ์จนเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ 🕵️‍♂️ ClickFix Attack: จากเทคนิค Copy-Paste สู่การยึดเครื่อง ClickFix เป็นการโจมตีแบบ Social Engineering ที่เริ่มต้นในปี 2024 โดยหลอกให้ผู้ใช้คัดลอกคำสั่งที่ดูไม่อันตรายไปวางใน Terminal หรือ Command Line แต่จริง ๆ แล้วคำสั่งนั้นจะเรียกสคริปต์ระยะไกลที่ขโมยรหัสผ่านและใช้สิทธิ์ sudo เพื่อยกระดับเป็นผู้ดูแลระบบเต็มรูปแบบ การโจมตีนี้ถูกใช้โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐ เช่น TA450 (อิหร่าน), TA427 (เกาหลีเหนือ), TA422 (รัสเซีย) ⚙️ Fake ChatGPT Atlas Browser: เว็บไซต์ปลอมที่แนบเนียน นักวิจัย Kaushik Devireddy จาก Fable Security พบเว็บไซต์ปลอมที่เลียนแบบ ChatGPT Atlas Browser ได้อย่างแนบเนียน ทั้งหน้าตา, โลโก้ และข้อความเหมือนจริงทุกประการ สิ่งเดียวที่ต่างคือ โดเมนเป็น Google Sites URL ซึ่งสร้างความเชื่อใจผิด ๆ ให้ผู้ใช้คิดว่าเป็นของจริง เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลดและทำตามคำสั่งที่ให้คัดลอกโค้ดไปวางใน Terminal ก็จะถูกโจมตีทันที 🔒 ความร้ายแรงของการโจมตี สิ่งที่ทำให้ ClickFix น่ากังวลคือ: 🪲 สามารถหลบเลี่ยงเครื่องมือรักษาความปลอดภัย เช่น CrowdStrike และ SentinelOne 🪲 ใช้การผสมผสานหลายเทคนิค ทั้งการโคลนเว็บไซต์, การใช้โฮสต์ที่เชื่อถือได้, การทำ Obfuscation และ Privilege Escalation 🪲 แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว โดยเป้าหมายล่าสุดคือแพลตฟอร์มยอดนิยม เช่น iClicker, AnyDesk, Google Meet และ ChatGPT Atlas 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ClickFix Attack ➡️ เริ่มต้นปี 2024 และเพิ่มขึ้นกว่า 517% ในปี 2025 ➡️ ใช้เทคนิค Copy-Paste หลอกให้ผู้ใช้รันโค้ดอันตราย ✅ Fake ChatGPT Atlas Browser ➡️ เว็บไซต์ปลอมเลียนแบบของจริง ใช้ Google Sites URL ➡️ หลอกให้ผู้ใช้ดาวน์โหลดและรันคำสั่งใน Terminal ✅ ผลกระทบ ➡️ ขโมยรหัสผ่านและยกระดับสิทธิ์เป็น Root/Admin ➡️ หลบเลี่ยงเครื่องมือรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ ห้ามคัดลอกและรันคำสั่งจากเว็บไซต์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ⛔ ตรวจสอบโดเมนให้แน่ใจก่อนดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ ⛔ การโจมตีนี้สามารถยึดเครื่องได้เต็มรูปแบบแม้มีระบบป้องกัน https://hackread.com/fake-chatgpt-atlas-clickfix-steal-passwords/
    HACKREAD.COM
    Fake ChatGPT Atlas Browser Used in ClickFix Attack to Steal Passwords
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลุ่มแฮกเกอร์ ShadyPanda ใช้เวลา 7 ปีในการสร้างความไว้วางใจผ่านส่วนขยาย Chrome และ Edge

    นักวิจัยจาก Koi Security เปิดเผยว่า ShadyPanda ใช้กลยุทธ์ “long game” โดยอัปโหลดส่วนขยายที่ดูปกติ เช่น Clean Master และ WeTab ให้ผู้ใช้ติดตั้ง เมื่อได้รับความไว้วางใจและยอดดาวน์โหลดสูงแล้ว จึงปล่อยอัปเดตที่แฝงโค้ดอันตราย ทำให้สามารถสอดแนมและควบคุมเครื่องได้โดยตรง

    สองปฏิบัติการหลัก
    Remote Code Execution (RCE) Backdoor: ส่วนขยายที่เคยได้รับการรับรองจาก Google ถูกเปลี่ยนเป็น backdoor สามารถรันโปรแกรมใด ๆ บนเครื่องได้โดยไม่รู้ตัว (กระทบผู้ใช้กว่า 300,000 คน)

    Spyware Empire: ส่วนขยายอย่าง WeTab (3 ล้านดาวน์โหลด) ถูกใช้เก็บข้อมูลทุก URL, คำค้นหา และแม้แต่การคลิกเมาส์ โดยส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ในจีน (กระทบผู้ใช้กว่า 4 ล้านคน)

    จุดอ่อนของระบบตรวจสอบ
    การโจมตีครั้งนี้เผยให้เห็นว่า ตลาดส่วนขยายของ Chrome และ Edge เน้นตรวจสอบตอนส่งครั้งแรก แต่ไม่เฝ้าระวังพฤติกรรมหลังจากนั้น ทำให้ ShadyPanda สามารถสร้างฐานผู้ใช้มหาศาลก่อนจะปล่อยการโจมตีจริงในปี 2024

    ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ
    Randolph Barr (Cequence Security): ย้ำว่ากลยุทธ์นี้เป็นหนึ่งใน supply chain attack ที่ยาวนานและซับซ้อนที่สุด

    Diane Downie (Black Duck): เตือนว่ามัลแวร์เลียนแบบโค้ดปกติได้ยากต่อการตรวจจับ และองค์กรควรใช้ Zero-Trust

    Trey Ford (Bugcrowd): ชี้ว่าการตรวจสอบส่วนขยายควรเน้นพฤติกรรมต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การส่งครั้งแรก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดการโจมตี ShadyPanda
    ใช้ส่วนขยาย Chrome/Edge ที่ดูปกติ
    แฝงโค้ดอันตรายหลังได้รับความไว้วางใจ

    สองปฏิบัติการหลัก
    RCE Backdoor (300,000 ผู้ใช้)
    Spyware Empire (4 ล้านผู้ใช้)

    จุดอ่อนของระบบตรวจสอบ
    ตรวจสอบเฉพาะตอนส่งครั้งแรก
    ไม่เฝ้าระวังพฤติกรรมหลังอัปเดต

    คำเตือนต่อผู้ใช้และองค์กร
    ส่วนขยายที่มีเรตติ้งสูงก็อาจเป็นอันตราย
    ข้อมูลส่วนตัวและ API keys เสี่ยงถูกขโมย
    ต้องใช้แนวทาง Zero-Trust และตรวจสอบพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง

    https://hackread.com/shadypanda-attack-spied-chrome-edge-users/
    🦹‍♀️ กลุ่มแฮกเกอร์ ShadyPanda ใช้เวลา 7 ปีในการสร้างความไว้วางใจผ่านส่วนขยาย Chrome และ Edge นักวิจัยจาก Koi Security เปิดเผยว่า ShadyPanda ใช้กลยุทธ์ “long game” โดยอัปโหลดส่วนขยายที่ดูปกติ เช่น Clean Master และ WeTab ให้ผู้ใช้ติดตั้ง เมื่อได้รับความไว้วางใจและยอดดาวน์โหลดสูงแล้ว จึงปล่อยอัปเดตที่แฝงโค้ดอันตราย ทำให้สามารถสอดแนมและควบคุมเครื่องได้โดยตรง ⚙️ สองปฏิบัติการหลัก 🪲 Remote Code Execution (RCE) Backdoor: ส่วนขยายที่เคยได้รับการรับรองจาก Google ถูกเปลี่ยนเป็น backdoor สามารถรันโปรแกรมใด ๆ บนเครื่องได้โดยไม่รู้ตัว (กระทบผู้ใช้กว่า 300,000 คน) 🪲 Spyware Empire: ส่วนขยายอย่าง WeTab (3 ล้านดาวน์โหลด) ถูกใช้เก็บข้อมูลทุก URL, คำค้นหา และแม้แต่การคลิกเมาส์ โดยส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ในจีน (กระทบผู้ใช้กว่า 4 ล้านคน) 🔒 จุดอ่อนของระบบตรวจสอบ การโจมตีครั้งนี้เผยให้เห็นว่า ตลาดส่วนขยายของ Chrome และ Edge เน้นตรวจสอบตอนส่งครั้งแรก แต่ไม่เฝ้าระวังพฤติกรรมหลังจากนั้น ทำให้ ShadyPanda สามารถสร้างฐานผู้ใช้มหาศาลก่อนจะปล่อยการโจมตีจริงในปี 2024 🌐 ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ 🧑‍🏫 Randolph Barr (Cequence Security): ย้ำว่ากลยุทธ์นี้เป็นหนึ่งใน supply chain attack ที่ยาวนานและซับซ้อนที่สุด 🧑‍🏫 Diane Downie (Black Duck): เตือนว่ามัลแวร์เลียนแบบโค้ดปกติได้ยากต่อการตรวจจับ และองค์กรควรใช้ Zero-Trust 🧑‍🏫 Trey Ford (Bugcrowd): ชี้ว่าการตรวจสอบส่วนขยายควรเน้นพฤติกรรมต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่การส่งครั้งแรก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดการโจมตี ShadyPanda ➡️ ใช้ส่วนขยาย Chrome/Edge ที่ดูปกติ ➡️ แฝงโค้ดอันตรายหลังได้รับความไว้วางใจ ✅ สองปฏิบัติการหลัก ➡️ RCE Backdoor (300,000 ผู้ใช้) ➡️ Spyware Empire (4 ล้านผู้ใช้) ✅ จุดอ่อนของระบบตรวจสอบ ➡️ ตรวจสอบเฉพาะตอนส่งครั้งแรก ➡️ ไม่เฝ้าระวังพฤติกรรมหลังอัปเดต ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้และองค์กร ⛔ ส่วนขยายที่มีเรตติ้งสูงก็อาจเป็นอันตราย ⛔ ข้อมูลส่วนตัวและ API keys เสี่ยงถูกขโมย ⛔ ต้องใช้แนวทาง Zero-Trust และตรวจสอบพฤติกรรมอย่างต่อเนื่อง https://hackread.com/shadypanda-attack-spied-chrome-edge-users/
    HACKREAD.COM
    7 Year Long ShadyPanda Attack Spied on 4.3M Chrome and Edge Users
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wireshark 4.6.2: อัปเดตโปรโตคอลและไฟล์ Capture

    Wireshark 4.6.2 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลเครือข่าย ได้เพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่หลายตัว เช่น ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO และ OsmoTRXD รวมถึงการปรับปรุงการทำงานกับไฟล์ Capture เช่น Peektagged capture file เพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายมีความแม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น

    การแก้ไขบั๊กและปัญหาความปลอดภัย
    การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขบั๊กที่สำคัญ เช่น:
    แก้ปัญหา Crash ใน HTTP3 dissector
    แก้ Infinite loop ใน MEGACO dissector
    แก้ Regression จากเวอร์ชัน 4.6.1 ที่ทำให้ไฟล์ Omnipeek ใช้งานไม่ได้
    แก้ Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c (ber_open)
    แก้ปัญหา API/ABI compatibility ที่กระทบปลั๊กอินจากเวอร์ชันก่อนหน้า

    ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ Wireshark 4.6
    นอกจากการแก้ไขบั๊กแล้ว Wireshark 4.6 ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น เช่น:
    Plots dialog สำหรับสร้าง scatter plots ที่รองรับหลายกราฟพร้อมกัน
    การบีบอัด live captures ระหว่างการบันทึก
    การเขียน absolute time fields ในรูปแบบ ISO 8601 (UTC)
    การถอดรหัส NTP packets ด้วย NTS (Network Time Security)
    การขยายการถอดรหัส MACsec packets ด้วย SAK หรือ PSK
    การใช้หน่วย SI prefixes ใน TCP Stream Graph axes

    มุมมองเพิ่มเติมจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความต่อเนื่องของ Wireshark ในการเป็นเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลที่สำคัญที่สุดในโลกโอเพ่นซอร์ส โดยการเพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่และการแก้ไขบั๊กช่วยให้ผู้ใช้ทั้งในงานวิจัย, การพัฒนา, และการดูแลระบบเครือข่ายมั่นใจได้ว่ามีเครื่องมือที่ทันสมัยและปลอดภัย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การอัปเดตโปรโตคอลใหม่ใน Wireshark 4.6.2
    รองรับ ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO, OsmoTRXD

    การแก้ไขบั๊กสำคัญ
    Crash ใน HTTP3 dissector
    Infinite loop ใน MEGACO dissector
    Regression ที่ทำให้ Omnipeek files ใช้งานไม่ได้
    Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c

    ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ 4.6
    Plots dialog สำหรับ scatter plots
    การบีบอัด live captures
    การเขียนเวลาแบบ ISO 8601
    การถอดรหัส NTP และ MACsec packets

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเสี่ยงต่อบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัย
    ปลั๊กอินที่สร้างจากเวอร์ชันก่อนหน้าอาจไม่เข้ากันกับ API/ABI เดิม
    ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

    https://9to5linux.com/wireshark-4-6-2-is-out-to-update-protocol-capture-file-support-and-fix-more-bugs
    🛡️ Wireshark 4.6.2: อัปเดตโปรโตคอลและไฟล์ Capture Wireshark 4.6.2 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลเครือข่าย ได้เพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่หลายตัว เช่น ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO และ OsmoTRXD รวมถึงการปรับปรุงการทำงานกับไฟล์ Capture เช่น Peektagged capture file เพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายมีความแม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น ⚙️ การแก้ไขบั๊กและปัญหาความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขบั๊กที่สำคัญ เช่น: 💠 แก้ปัญหา Crash ใน HTTP3 dissector 💠 แก้ Infinite loop ใน MEGACO dissector 💠 แก้ Regression จากเวอร์ชัน 4.6.1 ที่ทำให้ไฟล์ Omnipeek ใช้งานไม่ได้ 💠 แก้ Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c (ber_open) 💠 แก้ปัญหา API/ABI compatibility ที่กระทบปลั๊กอินจากเวอร์ชันก่อนหน้า 🔒 ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ Wireshark 4.6 นอกจากการแก้ไขบั๊กแล้ว Wireshark 4.6 ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น เช่น: 💠 Plots dialog สำหรับสร้าง scatter plots ที่รองรับหลายกราฟพร้อมกัน 💠 การบีบอัด live captures ระหว่างการบันทึก 💠 การเขียน absolute time fields ในรูปแบบ ISO 8601 (UTC) 💠 การถอดรหัส NTP packets ด้วย NTS (Network Time Security) 💠 การขยายการถอดรหัส MACsec packets ด้วย SAK หรือ PSK 💠 การใช้หน่วย SI prefixes ใน TCP Stream Graph axes 🌐 มุมมองเพิ่มเติมจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความต่อเนื่องของ Wireshark ในการเป็นเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลที่สำคัญที่สุดในโลกโอเพ่นซอร์ส โดยการเพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่และการแก้ไขบั๊กช่วยให้ผู้ใช้ทั้งในงานวิจัย, การพัฒนา, และการดูแลระบบเครือข่ายมั่นใจได้ว่ามีเครื่องมือที่ทันสมัยและปลอดภัย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การอัปเดตโปรโตคอลใหม่ใน Wireshark 4.6.2 ➡️ รองรับ ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO, OsmoTRXD ✅ การแก้ไขบั๊กสำคัญ ➡️ Crash ใน HTTP3 dissector ➡️ Infinite loop ใน MEGACO dissector ➡️ Regression ที่ทำให้ Omnipeek files ใช้งานไม่ได้ ➡️ Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c ✅ ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ 4.6 ➡️ Plots dialog สำหรับ scatter plots ➡️ การบีบอัด live captures ➡️ การเขียนเวลาแบบ ISO 8601 ➡️ การถอดรหัส NTP และ MACsec packets ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเสี่ยงต่อบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัย ⛔ ปลั๊กอินที่สร้างจากเวอร์ชันก่อนหน้าอาจไม่เข้ากันกับ API/ABI เดิม ⛔ ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ https://9to5linux.com/wireshark-4-6-2-is-out-to-update-protocol-capture-file-support-and-fix-more-bugs
    9TO5LINUX.COM
    Wireshark 4.6.2 Is Out to Update Protocol/Capture File Support and Fix More Bugs - 9to5Linux
    Wireshark 4.6.2 open-source network protocol analyzer is now available to download with various bug fixes and updated protocols.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ Directory Traversal + LPE ใน cPanel

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยค้นพบว่า cPanel มีช่องโหว่ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ Directory Traversal เพื่อเข้าถึงไฟล์ที่อยู่นอกเส้นทางที่อนุญาตได้ เมื่อรวมกับ Local Privilege Escalation (LPE) ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์จนถึงระดับ Root และเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดได้ทันที ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับ Critical (CVSS 9.3) เนื่องจากผลกระทบครอบคลุมทั้งระบบและอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดถูกเข้าถึงหรือแก้ไขได้

    วิธีการโจมตีและผลกระทบ
    การโจมตีอาศัยการส่งคำสั่งที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อหลอกให้ cPanel เข้าถึงไฟล์ระบบที่สำคัญ เช่น configuration หรือ script ภายใน เมื่อผู้โจมตีสามารถเขียนหรือแก้ไขไฟล์เหล่านี้ได้ ก็สามารถฝังโค้ดอันตรายเพื่อให้รันด้วยสิทธิ์สูงสุด ผลลัพธ์คือการเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบ รวมถึงการสร้างบัญชีใหม่, การแก้ไขเว็บไซต์ที่โฮสต์อยู่, หรือการขโมยข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมด

    การตอบสนองจาก cPanel และคำแนะนำ
    ทีมพัฒนา cPanel ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ Shared Hosting หรือเปิดการเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกโจมตีแบบอัตโนมัติผ่านสคริปต์ที่เผยแพร่ในชุมชนแฮกเกอร์

    มุมมองเพิ่มเติมจากวงการไซเบอร์
    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า ช่องโหว่ลักษณะนี้อันตรายมากเพราะ cPanel เป็นเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการจัดการเว็บโฮสติ้ง หากผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ Root ได้ จะส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์จำนวนมหาศาลทั่วโลก และอาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีต่อระบบอื่น ๆ ต่อไป

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่ (CVE-2025-66476)
    Directory Traversal ใช้เข้าถึงไฟล์นอกเส้นทางที่อนุญาต
    Local Privilege Escalation ทำให้ผู้โจมตีได้สิทธิ์ Root

    ผลกระทบ
    เข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด
    ขโมยหรือแก้ไขข้อมูลผู้ใช้
    ใช้เซิร์ฟเวอร์เป็นฐานโจมตีระบบอื่น

    การแก้ไข
    cPanel ออกแพตช์แก้ไขแล้ว
    ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตทันที

    คำเตือนต่อผู้ใช้และผู้ดูแลระบบ
    หากยังไม่ได้อัปเดต ระบบเสี่ยงต่อการถูกโจมตีเต็มรูปแบบ
    Shared Hosting มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ
    อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีต่อระบบอื่น ๆ

    https://securityonline.info/critical-cpanel-flaw-cvss-9-3-allows-directory-traversal-lpe-for-full-server-takeover/
    🛡️ ช่องโหว่ Directory Traversal + LPE ใน cPanel นักวิจัยด้านความปลอดภัยค้นพบว่า cPanel มีช่องโหว่ที่ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้ Directory Traversal เพื่อเข้าถึงไฟล์ที่อยู่นอกเส้นทางที่อนุญาตได้ เมื่อรวมกับ Local Privilege Escalation (LPE) ผู้โจมตีสามารถยกระดับสิทธิ์จนถึงระดับ Root และเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดได้ทันที ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในระดับ Critical (CVSS 9.3) เนื่องจากผลกระทบครอบคลุมทั้งระบบและอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมดถูกเข้าถึงหรือแก้ไขได้ ⚙️ วิธีการโจมตีและผลกระทบ การโจมตีอาศัยการส่งคำสั่งที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อหลอกให้ cPanel เข้าถึงไฟล์ระบบที่สำคัญ เช่น configuration หรือ script ภายใน เมื่อผู้โจมตีสามารถเขียนหรือแก้ไขไฟล์เหล่านี้ได้ ก็สามารถฝังโค้ดอันตรายเพื่อให้รันด้วยสิทธิ์สูงสุด ผลลัพธ์คือการเข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์เต็มรูปแบบ รวมถึงการสร้างบัญชีใหม่, การแก้ไขเว็บไซต์ที่โฮสต์อยู่, หรือการขโมยข้อมูลผู้ใช้ทั้งหมด 🔒 การตอบสนองจาก cPanel และคำแนะนำ ทีมพัฒนา cPanel ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้ว และแนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตทันที โดยเฉพาะผู้ที่ใช้ Shared Hosting หรือเปิดการเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง เนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกโจมตีแบบอัตโนมัติผ่านสคริปต์ที่เผยแพร่ในชุมชนแฮกเกอร์ 🌐 มุมมองเพิ่มเติมจากวงการไซเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า ช่องโหว่ลักษณะนี้อันตรายมากเพราะ cPanel เป็นเครื่องมือที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการจัดการเว็บโฮสติ้ง หากผู้โจมตีสามารถเข้าถึงสิทธิ์ Root ได้ จะส่งผลกระทบต่อเว็บไซต์จำนวนมหาศาลทั่วโลก และอาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีต่อระบบอื่น ๆ ต่อไป 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ (CVE-2025-66476) ➡️ Directory Traversal ใช้เข้าถึงไฟล์นอกเส้นทางที่อนุญาต ➡️ Local Privilege Escalation ทำให้ผู้โจมตีได้สิทธิ์ Root ✅ ผลกระทบ ➡️ เข้าควบคุมเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมด ➡️ ขโมยหรือแก้ไขข้อมูลผู้ใช้ ➡️ ใช้เซิร์ฟเวอร์เป็นฐานโจมตีระบบอื่น ✅ การแก้ไข ➡️ cPanel ออกแพตช์แก้ไขแล้ว ➡️ ผู้ดูแลระบบควรอัปเดตทันที ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้และผู้ดูแลระบบ ⛔ หากยังไม่ได้อัปเดต ระบบเสี่ยงต่อการถูกโจมตีเต็มรูปแบบ ⛔ Shared Hosting มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ ⛔ อาจถูกใช้เป็นฐานโจมตีต่อระบบอื่น ๆ https://securityonline.info/critical-cpanel-flaw-cvss-9-3-allows-directory-traversal-lpe-for-full-server-takeover/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical cPanel Flaw (CVSS 9.3) Allows Directory Traversal LPE for Full Server Takeover
    A Critical (CVSS 9.3) LPE flaw in cPanel's Team Manager API allows a standard user to break out of their directory via path traversal and compromise the shared hosting server. Update immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ร้ายแรงใน Vim for Windows

    นักวิจัยจาก Trend Micro Zero Day Initiative ได้รายงานช่องโหว่ที่เกิดจาก Uncontrolled Search Path Vulnerability ใน Vim บน Windows ซึ่งทำให้โปรแกรมไปเรียกใช้ไฟล์จากโฟลเดอร์ปัจจุบันแทนที่จะใช้ไฟล์ระบบที่ปลอดภัย หากมีผู้โจมตีวางไฟล์ปลอม เช่น findstr.exe ไว้ในโฟลเดอร์นั้น เมื่อผู้ใช้รันคำสั่งค้นหาภายใน Vim โปรแกรมจะเรียกใช้ไฟล์ปลอมแทนไฟล์จริง ส่งผลให้โค้ดอันตรายถูกรันทันที

    วิธีการโจมตีที่ใช้
    ช่องโหว่นี้สามารถถูกกระตุ้นได้จากหลายคำสั่งใน Vim เช่น :grep, :!, :make หรือการใช้ filter commands โดยทั้งหมดจะไปเรียกใช้โปรแกรมภายนอก หากมีไฟล์ปลอมอยู่ในโฟลเดอร์เดียวกัน โปรแกรมจะรันไฟล์นั้นแทนไฟล์ระบบจริง ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมเครื่องได้ด้วยสิทธิ์ของผู้ใช้ที่เปิด Vim โดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ Administrator

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ Vim for Windows เวอร์ชัน 9.1.1946 และก่อนหน้า โดยทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขใน เวอร์ชัน 9.1.1947 ผู้ใช้ Windows ทุกคนที่ใช้ Vim ควรรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี โดยเฉพาะนักพัฒนาที่มักเปิดโฟลเดอร์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก เช่น repository ที่ดาวน์โหลดมาจากอินเทอร์เน็ต

    มุมมองเพิ่มเติมจากวงการไซเบอร์
    ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า ช่องโหว่ลักษณะนี้อันตรายมากเพราะอาศัยความเชื่อใจใน workspace ของผู้ใช้เอง ไม่ใช่การโจมตีจากภายนอกโดยตรง ทำให้ผู้ใช้มักไม่ระวัง และอาจถูกโจมตีได้ง่ายหากเปิดโฟลเดอร์ที่มีไฟล์ปลอมอยู่ การโจมตีแบบนี้ยังสามารถข้ามการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยทั่วไปได้อีกด้วย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่ (CVE-2025-66476)
    เกิดจาก Uncontrolled Search Path Vulnerability
    ทำให้ Vim เรียกใช้ไฟล์ปลอมในโฟลเดอร์แทนไฟล์ระบบจริง

    วิธีการโจมตี
    ใช้คำสั่ง :grep, :!, :make, filter commands
    หากมีไฟล์ปลอม เช่น findstr.exe จะถูกรันแทนไฟล์จริง

    การแก้ไข
    ช่องโหว่กระทบเวอร์ชัน 9.1.1946 และก่อนหน้า
    แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 9.1.1947

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    หากยังไม่ได้อัปเดต อาจถูกโจมตีได้ทันทีเมื่อเปิดโฟลเดอร์ที่มีไฟล์ปลอม
    การโจมตีสามารถข้ามการแจ้งเตือนความปลอดภัยทั่วไป
    นักพัฒนาที่ดาวน์โหลดโฟลเดอร์จากอินเทอร์เน็ตเสี่ยงสูงมาก

    https://securityonline.info/high-severity-vim-for-windows-flaw-cve-2025-66476-risks-arbitrary-code-execution-from-compromised-folders/
    ⚠️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Vim for Windows นักวิจัยจาก Trend Micro Zero Day Initiative ได้รายงานช่องโหว่ที่เกิดจาก Uncontrolled Search Path Vulnerability ใน Vim บน Windows ซึ่งทำให้โปรแกรมไปเรียกใช้ไฟล์จากโฟลเดอร์ปัจจุบันแทนที่จะใช้ไฟล์ระบบที่ปลอดภัย หากมีผู้โจมตีวางไฟล์ปลอม เช่น findstr.exe ไว้ในโฟลเดอร์นั้น เมื่อผู้ใช้รันคำสั่งค้นหาภายใน Vim โปรแกรมจะเรียกใช้ไฟล์ปลอมแทนไฟล์จริง ส่งผลให้โค้ดอันตรายถูกรันทันที 🛠️ วิธีการโจมตีที่ใช้ ช่องโหว่นี้สามารถถูกกระตุ้นได้จากหลายคำสั่งใน Vim เช่น :grep, :!, :make หรือการใช้ filter commands โดยทั้งหมดจะไปเรียกใช้โปรแกรมภายนอก หากมีไฟล์ปลอมอยู่ในโฟลเดอร์เดียวกัน โปรแกรมจะรันไฟล์นั้นแทนไฟล์ระบบจริง ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมเครื่องได้ด้วยสิทธิ์ของผู้ใช้ที่เปิด Vim โดยไม่ต้องใช้สิทธิ์ Administrator 🔒 การแก้ไขและคำแนะนำ ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อ Vim for Windows เวอร์ชัน 9.1.1946 และก่อนหน้า โดยทีมพัฒนาได้ออกแพตช์แก้ไขใน เวอร์ชัน 9.1.1947 ผู้ใช้ Windows ทุกคนที่ใช้ Vim ควรรีบอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี โดยเฉพาะนักพัฒนาที่มักเปิดโฟลเดอร์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก เช่น repository ที่ดาวน์โหลดมาจากอินเทอร์เน็ต 🌐 มุมมองเพิ่มเติมจากวงการไซเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยเตือนว่า ช่องโหว่ลักษณะนี้อันตรายมากเพราะอาศัยความเชื่อใจใน workspace ของผู้ใช้เอง ไม่ใช่การโจมตีจากภายนอกโดยตรง ทำให้ผู้ใช้มักไม่ระวัง และอาจถูกโจมตีได้ง่ายหากเปิดโฟลเดอร์ที่มีไฟล์ปลอมอยู่ การโจมตีแบบนี้ยังสามารถข้ามการแจ้งเตือนด้านความปลอดภัยทั่วไปได้อีกด้วย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ (CVE-2025-66476) ➡️ เกิดจาก Uncontrolled Search Path Vulnerability ➡️ ทำให้ Vim เรียกใช้ไฟล์ปลอมในโฟลเดอร์แทนไฟล์ระบบจริง ✅ วิธีการโจมตี ➡️ ใช้คำสั่ง :grep, :!, :make, filter commands ➡️ หากมีไฟล์ปลอม เช่น findstr.exe จะถูกรันแทนไฟล์จริง ✅ การแก้ไข ➡️ ช่องโหว่กระทบเวอร์ชัน 9.1.1946 และก่อนหน้า ➡️ แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน 9.1.1947 ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ หากยังไม่ได้อัปเดต อาจถูกโจมตีได้ทันทีเมื่อเปิดโฟลเดอร์ที่มีไฟล์ปลอม ⛔ การโจมตีสามารถข้ามการแจ้งเตือนความปลอดภัยทั่วไป ⛔ นักพัฒนาที่ดาวน์โหลดโฟลเดอร์จากอินเทอร์เน็ตเสี่ยงสูงมาก https://securityonline.info/high-severity-vim-for-windows-flaw-cve-2025-66476-risks-arbitrary-code-execution-from-compromised-folders/
    SECURITYONLINE.INFO
    High-Severity Vim for Windows Flaw (CVE-2025-66476) Risks Arbitrary Code Execution from Compromised Folders
    A High-severity Vim for Windows flaw (CVE-2025-66476) allows arbitrary code execution. The editor executes malicious binaries in the current working directory instead of safe system paths when running commands like :grep.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 51 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ Synology BeeStation: การโจมตีแบบ “Dirty File Write”

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้เปิดเผยชุดการโจมตีที่ซับซ้อนต่อ Synology BeeStation โดยใช้การเชื่อมโยงช่องโหว่ 3 จุด ได้แก่ CRLF Injection, Improper Authentication และ SQL Injection ซึ่งสามารถนำไปสู่การเข้าควบคุมระบบทั้งหมดได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนใด ๆ การโจมตีนี้ถูกนำเสนอครั้งแรกในงาน Pwn2Own 2024 และถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ “vulnerability chaining” หรือการเชื่อมโยงช่องโหว่หลายจุดเข้าด้วยกันเพื่อสร้างผลลัพธ์ร้ายแรงที่สุด

    เทคนิคใหม่: Dirty File Write ผ่าน Cron
    สิ่งที่ทำให้การโจมตีครั้งนี้โดดเด่นคือการใช้ SQL Injection ในการเขียนไฟล์เข้าสู่ระบบ Cron โดยอาศัยความทนทานของ Cron ที่สามารถข้ามบรรทัดที่ผิดพลาดและยังคงทำงานกับบรรทัดที่ถูกต้องได้ นักวิจัยจึงสามารถฝังคำสั่ง Bash ที่เป็นอันตรายลงไปในไฟล์ที่มีข้อมูล Binary ของ SQLite ได้ เมื่อ Cron ทำงานก็จะรันคำสั่งนั้นทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีได้สิทธิ์ Root Shell โดยตรง

    การตอบสนองจาก Synology และความเสี่ยงต่อผู้ใช้
    Synology ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่เหล่านี้ในเวอร์ชันล่าสุดของ DSM และ BeeStation OS พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที เนื่องจากมี Proof-of-Concept (PoC) เผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว ทำให้อุปกรณ์ที่ยังไม่ได้อัปเดตเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ใช้ที่เปิดการเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง

    มุมมองเพิ่มเติมจากวงการไซเบอร์
    นักวิจัยหลายรายมองว่าการโจมตีนี้เป็น “game-changing technique” เพราะแสดงให้เห็นว่า SQL Injection สามารถใช้ได้แม้ไม่มี PHP Interpreter ซึ่งปกติเป็นวิธีมาตรฐานในการฝัง Web Shell นั่นหมายความว่าเทคนิคนี้อาจถูกนำไปใช้กับระบบ Linux อื่น ๆ ที่มี Cron ทำงานอยู่ และอาจกลายเป็นแนวทางใหม่ของผู้โจมตีในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    รายละเอียดช่องโหว่ที่พบใน Synology BeeStation
    CRLF Injection (CVE-2024-50629) ใช้รั่วข้อมูลภายใน
    Improper Authentication (CVE-2024-50630) ใช้ข้ามการตรวจสอบรหัสผ่าน
    SQL Injection (CVE-2024-50631) ใช้สร้าง Cron Job อันตราย

    เทคนิค Dirty File Write
    ใช้ SQLite ATTACH DATABASE เขียนไฟล์ลง Cron
    Cron ข้ามบรรทัดผิดพลาดและรันคำสั่งที่ถูกต้อง

    การตอบสนองจาก Synology
    ออกแพตช์แก้ไขใน DSM และ BeeStation OS เวอร์ชันล่าสุด
    แนะนำให้อัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    หากยังไม่ได้อัปเดต อุปกรณ์เสี่ยงต่อการถูกโจมตีทันที
    PoC ถูกเผยแพร่แล้ว ทำให้ผู้โจมตีสามารถนำไปใช้ได้ง่าย
    เทคนิคนี้อาจถูกนำไปใช้กับระบบ Linux อื่น ๆ ที่มี Cron ทำงานอยู่

    https://securityonline.info/synology-beestation-flaw-chain-leads-to-root-rce-via-novel-dirty-file-write-sql-injection-poc-available/
    🛡️ ช่องโหว่ Synology BeeStation: การโจมตีแบบ “Dirty File Write” นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้เปิดเผยชุดการโจมตีที่ซับซ้อนต่อ Synology BeeStation โดยใช้การเชื่อมโยงช่องโหว่ 3 จุด ได้แก่ CRLF Injection, Improper Authentication และ SQL Injection ซึ่งสามารถนำไปสู่การเข้าควบคุมระบบทั้งหมดได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนใด ๆ การโจมตีนี้ถูกนำเสนอครั้งแรกในงาน Pwn2Own 2024 และถือเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้ “vulnerability chaining” หรือการเชื่อมโยงช่องโหว่หลายจุดเข้าด้วยกันเพื่อสร้างผลลัพธ์ร้ายแรงที่สุด ⚙️ เทคนิคใหม่: Dirty File Write ผ่าน Cron สิ่งที่ทำให้การโจมตีครั้งนี้โดดเด่นคือการใช้ SQL Injection ในการเขียนไฟล์เข้าสู่ระบบ Cron โดยอาศัยความทนทานของ Cron ที่สามารถข้ามบรรทัดที่ผิดพลาดและยังคงทำงานกับบรรทัดที่ถูกต้องได้ นักวิจัยจึงสามารถฝังคำสั่ง Bash ที่เป็นอันตรายลงไปในไฟล์ที่มีข้อมูล Binary ของ SQLite ได้ เมื่อ Cron ทำงานก็จะรันคำสั่งนั้นทันที ส่งผลให้ผู้โจมตีได้สิทธิ์ Root Shell โดยตรง 🔒 การตอบสนองจาก Synology และความเสี่ยงต่อผู้ใช้ Synology ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่เหล่านี้ในเวอร์ชันล่าสุดของ DSM และ BeeStation OS พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที เนื่องจากมี Proof-of-Concept (PoC) เผยแพร่สู่สาธารณะแล้ว ทำให้อุปกรณ์ที่ยังไม่ได้อัปเดตเสี่ยงต่อการถูกโจมตีอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ใช้ที่เปิดการเข้าถึงจากอินเทอร์เน็ตโดยตรง 🌐 มุมมองเพิ่มเติมจากวงการไซเบอร์ นักวิจัยหลายรายมองว่าการโจมตีนี้เป็น “game-changing technique” เพราะแสดงให้เห็นว่า SQL Injection สามารถใช้ได้แม้ไม่มี PHP Interpreter ซึ่งปกติเป็นวิธีมาตรฐานในการฝัง Web Shell นั่นหมายความว่าเทคนิคนี้อาจถูกนำไปใช้กับระบบ Linux อื่น ๆ ที่มี Cron ทำงานอยู่ และอาจกลายเป็นแนวทางใหม่ของผู้โจมตีในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ รายละเอียดช่องโหว่ที่พบใน Synology BeeStation ➡️ CRLF Injection (CVE-2024-50629) ใช้รั่วข้อมูลภายใน ➡️ Improper Authentication (CVE-2024-50630) ใช้ข้ามการตรวจสอบรหัสผ่าน ➡️ SQL Injection (CVE-2024-50631) ใช้สร้าง Cron Job อันตราย ✅ เทคนิค Dirty File Write ➡️ ใช้ SQLite ATTACH DATABASE เขียนไฟล์ลง Cron ➡️ Cron ข้ามบรรทัดผิดพลาดและรันคำสั่งที่ถูกต้อง ✅ การตอบสนองจาก Synology ➡️ ออกแพตช์แก้ไขใน DSM และ BeeStation OS เวอร์ชันล่าสุด ➡️ แนะนำให้อัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ หากยังไม่ได้อัปเดต อุปกรณ์เสี่ยงต่อการถูกโจมตีทันที ⛔ PoC ถูกเผยแพร่แล้ว ทำให้ผู้โจมตีสามารถนำไปใช้ได้ง่าย ⛔ เทคนิคนี้อาจถูกนำไปใช้กับระบบ Linux อื่น ๆ ที่มี Cron ทำงานอยู่ https://securityonline.info/synology-beestation-flaw-chain-leads-to-root-rce-via-novel-dirty-file-write-sql-injection-poc-available/
    SECURITYONLINE.INFO
    Synology BeeStation Flaw Chain Leads to Root RCE Via Novel "Dirty File Write" SQL Injection, PoC Available
    A 3-flaw chain (CRLF, Auth Bypass, SQLi) achieves root RCE on Synology BeeStation. The exploit uses a "Dirty File Write" SQLi to inject a malicious crontab entry, bypassing the lack of a PHP interpreter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 53 มุมมอง 0 รีวิว
  • EPYC Embedded Venice (Zen 6)

    AMD เตรียมเปิดตัวซีรีส์ EPYC Embedded 9006 Venice ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC 2nm โดยรุ่น Embedded จะมีสูงสุด 96 คอร์ พร้อมรองรับ PCIe Gen6 และ DDR5/MRDIMM ถือเป็นรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพสูงสำหรับงานที่ต้องการพลังการประมวลผลมาก เช่น Data center ขนาดเล็ก, Edge computing และระบบ AI inference

    EPYC Embedded Fire Range (Zen 5)
    ซีรีส์ Fire Range Embedded 2005 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 สูงสุด 16 คอร์ รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5-5600 โดยใช้ die เดียวกับ Ryzen 9000HX ทำให้เหมาะกับงาน Networking, Storage และ Industrial platforms จุดเด่นคือการนำชิปเดสก์ท็อปมาใช้ใหม่ในตลาด Embedded เพื่อคุมต้นทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง

    EPYC Embedded Annapurna
    ตระกูล Annapurna ถูกออกแบบมาเพื่อ Network Control planes โดยเน้น ประสิทธิภาพต่อวัตต์และต่อราคา (perf/Watt, perf/$) เหมาะสำหรับ Switches, Routers, Security appliances และ Optical transport แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม แต่ชัดเจนว่าเป็นรุ่นที่เน้นการใช้งานในระบบเครือข่ายที่ต้องการความเสถียรและต้นทุนต่ำ

    แนวโน้มและการเปิดตัว
    AMD คาดว่าจะเปิดตัวไลน์อัพเหล่านี้ในช่วง ปี 2026–2027 เพื่อขยายตลาด Embedded ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับ Intel และ ARM-based solutions ในตลาดที่ต้องการทั้ง พลังการประมวลผลและการประหยัดพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    EPYC Embedded Venice (Zen 6)
    สูงสุด 96 คอร์, PCIe Gen6, DDR5/MRDIMM, ผลิตบน TSMC 2nm

    EPYC Embedded Fire Range (Zen 5)
    สูงสุด 16 คอร์, PCIe Gen5, DDR5-5600, ใช้ die จาก Ryzen 9000HX

    EPYC Embedded Annapurna
    เน้น perf/Watt และ perf/$ สำหรับ Switches, Routers และ Security appliances

    ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม Annapurna
    ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก AMD

    การเปิดตัวจริงคาดในปี 2026–2027
    ตลาด Embedded จะเป็นสมรภูมิแข่งขันใหม่กับ Intel และ ARM

    https://wccftech.com/amd-epyc-9006-embedded-venice-cpus-96-zen-6-cores-embedded-2005-fire-range-annapurna/
    🖥️ EPYC Embedded Venice (Zen 6) AMD เตรียมเปิดตัวซีรีส์ EPYC Embedded 9006 Venice ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC 2nm โดยรุ่น Embedded จะมีสูงสุด 96 คอร์ พร้อมรองรับ PCIe Gen6 และ DDR5/MRDIMM ถือเป็นรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพสูงสำหรับงานที่ต้องการพลังการประมวลผลมาก เช่น Data center ขนาดเล็ก, Edge computing และระบบ AI inference 🔥 EPYC Embedded Fire Range (Zen 5) ซีรีส์ Fire Range Embedded 2005 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 สูงสุด 16 คอร์ รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5-5600 โดยใช้ die เดียวกับ Ryzen 9000HX ทำให้เหมาะกับงาน Networking, Storage และ Industrial platforms จุดเด่นคือการนำชิปเดสก์ท็อปมาใช้ใหม่ในตลาด Embedded เพื่อคุมต้นทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง 🌐 EPYC Embedded Annapurna ตระกูล Annapurna ถูกออกแบบมาเพื่อ Network Control planes โดยเน้น ประสิทธิภาพต่อวัตต์และต่อราคา (perf/Watt, perf/$) เหมาะสำหรับ Switches, Routers, Security appliances และ Optical transport แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม แต่ชัดเจนว่าเป็นรุ่นที่เน้นการใช้งานในระบบเครือข่ายที่ต้องการความเสถียรและต้นทุนต่ำ ⚠️ แนวโน้มและการเปิดตัว AMD คาดว่าจะเปิดตัวไลน์อัพเหล่านี้ในช่วง ปี 2026–2027 เพื่อขยายตลาด Embedded ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับ Intel และ ARM-based solutions ในตลาดที่ต้องการทั้ง พลังการประมวลผลและการประหยัดพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ EPYC Embedded Venice (Zen 6) ➡️ สูงสุด 96 คอร์, PCIe Gen6, DDR5/MRDIMM, ผลิตบน TSMC 2nm ✅ EPYC Embedded Fire Range (Zen 5) ➡️ สูงสุด 16 คอร์, PCIe Gen5, DDR5-5600, ใช้ die จาก Ryzen 9000HX ✅ EPYC Embedded Annapurna ➡️ เน้น perf/Watt และ perf/$ สำหรับ Switches, Routers และ Security appliances ‼️ ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม Annapurna ⛔ ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก AMD ‼️ การเปิดตัวจริงคาดในปี 2026–2027 ⛔ ตลาด Embedded จะเป็นสมรภูมิแข่งขันใหม่กับ Intel และ ARM https://wccftech.com/amd-epyc-9006-embedded-venice-cpus-96-zen-6-cores-embedded-2005-fire-range-annapurna/
    WCCFTECH.COM
    AMD EPYC "9006" Embedded Venice CPUs Rock Up To 96 "Zen 6" Cores & PCIe Gen6, EPYC Embedded 2005 "Fire Range" & Annapurna Families Confirmed Too
    AMD is preparing a range of EPYC Embedded family, such as Venice "Zen 6" series, Fire Range "Zen 5" series & Annapurna lineups.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251203 #TechRadar

    สภาคองเกรสสหรัฐฯ เตรียมพิจารณากฎหมายตรวจสอบอายุใน App Store
    ตอนนี้สภาคองเกรสของสหรัฐฯ กำลังจะหยิบยกกฎหมายใหม่ที่ชื่อว่า App Store Accountability Act (ASA) มาพิจารณา โดยเป้าหมายคือการเพิ่มมาตรการปกป้องเยาวชนบนโลกออนไลน์ กฎหมายนี้จะบังคับให้ผู้ให้บริการ App Store อย่าง Apple และ Google ต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบอายุผู้ใช้งานและจำกัดการเข้าถึงแอปที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก แม้จะมีการสนับสนุนจาก Meta, X และ Pinterest แต่ Apple และ Google กลับกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและการแชร์ข้อมูล ASA เป็นเพียงหนึ่งใน 19 กฎหมายที่ถูกหยิบขึ้นมาหารือในครั้งนี้ ซึ่งรวมถึง Kids Online Safety Act (KOSA) และ SCREEN Act ที่ต่างก็มีข้อถกเถียงว่าจะกระทบต่อเสรีภาพและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานหรือไม่
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-congress-to-consider-app-store-age-verification-measures

    ผู้ใช้ Windows 11 กังวลเรื่อง AI Agents แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกอย่าเพิ่งตื่นตระหนก
    Windows 11 กำลังถูกจับตามองอีกครั้งหลัง Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า AI Agents โดยเฉพาะ Copilot Actions ที่สามารถช่วยจัดการไฟล์และงานต่าง ๆ บนเครื่องได้ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้กังวลคือเอกสารที่เตือนถึงความเสี่ยง เช่น การ “หลอน” ของ AI ที่อาจให้ข้อมูลผิด ๆ หรือการโจมตีแบบ cross-prompt injection ที่อาจนำไปสู่การขโมยข้อมูล แม้ Microsoft จะออกแบบระบบให้ AI Agents ทำงานในพื้นที่แยกต่างหากเพื่อความปลอดภัย แต่หลายคนยังไม่มั่นใจว่าจะป้องกันได้จริงเมื่อใช้งานในโลกจริง ความกังวลนี้จึงสะท้อนว่า แม้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ก็ยังต้องจับตาดูว่ามันจะปลอดภัยพอหรือไม่
    https://www.techradar.com/computing/windows/i-get-why-some-people-are-suddenly-freaking-out-about-ai-agents-in-windows-11-im-worried-too-but-lets-not-panic-just-yet

    Instagram สั่งพนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา
    Adam Mosseri ซีอีโอของ Instagram ประกาศว่าตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2026 พนักงานส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ จะต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเต็มเวลา โดยให้เหตุผลว่าการทำงานแบบนี้จะช่วยให้บริษัท “คล่องตัวและสร้างสรรค์มากขึ้น” แม้จะยังมีข้อยกเว้นสำหรับพนักงานที่ทำงานแบบรีโมตเต็มเวลา แต่รูปแบบ hybrid กำลังจะหมดไป นอกจากนี้ Mosseri ยังวางแผนลดจำนวนการประชุมที่ไม่จำเป็น และบังคับให้เอกสารกลยุทธ์ต้องกระชับไม่เกินสามหน้า เพื่อให้ทุกคนมีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างผลิตภัณฑ์มากกว่าการเตรียมสไลด์หรือประชุมยืดยาว
    https://www.techradar.com/pro/instagram-ceo-issues-full-time-return-to-office-order

    4.3 ล้านเครื่องติดตั้งส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่กลายเป็นมัลแวร์
    มีการค้นพบว่า ส่วนขยายบน Chrome และ Edge กว่า 145 ตัวที่เคยทำงานปกติมานานหลายปี ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายภายใต้แคมเปญที่ชื่อว่า ShadyPanda โดยเริ่มจากการทำ affiliate fraud แอบใส่โค้ดติดตามการซื้อสินค้า จากนั้นพัฒนาไปสู่การขโมยคุกกี้ การเปลี่ยนเส้นทางการค้นหา และล่าสุดถึงขั้นเปิดช่องให้รันโค้ดจากระยะไกล ทำให้ผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านเครื่องตกอยู่ในความเสี่ยง แม้ Google จะลบออกจาก Chrome Web Store แล้ว แต่ Microsoft ยังตอบสนองช้ากว่า ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบตรวจสอบว่ามีส่วนขยายเหล่านี้อยู่ในเครื่องหรือไม่
    https://www.techradar.com/pro/security/4-3-million-have-installed-this-malicious-browser-extension-on-chrome-and-edge-heres-how-to-check

    อดีตวิศวกร Microsoft จวก Windows 11 ควรแก้ไขพื้นฐานก่อนใส่ฟีเจอร์ AI
    Dave Plummer อดีตวิศวกรผู้สร้าง Task Manager และเกม Space Cadet Pinball ออกมาแสดงความเห็นว่า Microsoft ควรหยุดเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะ AI แล้วหันมาแก้ไขปัญหาพื้นฐานของ Windows 11 ให้เสถียรและใช้งานได้ดีเสียก่อน เขายกตัวอย่างช่วงที่ Windows XP เจอไวรัส Blaster จน Microsoft ต้องออก Service Pack 2 เพื่อแก้ไขบั๊กและเพิ่มความปลอดภัย โดยไม่สนใจฟีเจอร์ใหม่ ๆ Plummer เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ Windows 11 ต้องมีการปรับปรุงแบบเดียวกัน เพื่อให้ระบบ “ไม่ห่วย” ก่อนจะไปต่อยอดด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ
    https://www.techradar.com/computing/windows/ex-engineer-blasts-microsoft-argues-it-must-fix-windows-11-until-it-doesnt-suck-never-mind-about-ai

    ฟีเจอร์ใหม่ Android อาจเปิดช่องให้เจ้านายอ่านข้อความ RCS ของคุณ
    Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Android ที่ทำให้ผู้ดูแลระบบขององค์กรสามารถเข้าถึงข้อความ RCS บนมือถือที่ใช้เพื่อการทำงานได้ ซึ่งหมายความว่าหากคุณใช้โทรศัพท์บริษัท ข้อความที่คุณส่งผ่าน RCS อาจถูกเจ้านายหรือฝ่ายไอทีตรวจสอบได้ ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อการจัดการอุปกรณ์และความปลอดภัย แต่ก็สร้างความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของพนักงาน เพราะ RCS ถูกมองว่าเป็นการสื่อสารที่ทันสมัยและปลอดภัยกว่าข้อความ SMS แบบเดิม
    https://www.techradar.com/phones/android/googles-latest-android-feature-could-let-your-boss-read-your-rcs-texts-on-your-work-phone

    Google ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ Android กว่า 107 จุด
    Google ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Android ที่แก้ไขช่องโหว่ถึง 107 จุด โดยมีบางจุดที่ถูกจัดว่าเป็นความเสี่ยงระดับร้ายแรง ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกลได้ การอัปเดตนี้ครอบคลุมทั้งระบบ Android และชิปจากผู้ผลิตต่าง ๆ เช่น Qualcomm และ MediaTek ผู้ใช้จึงควรรีบตรวจสอบและติดตั้งแพตช์ล่าสุดเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ของตนปลอดภัยจากการโจมตี
    https://www.techradar.com/pro/security/107-android-flaws-just-got-patched-by-google-heres-how-to-make-sure-youre-up-to-date

    DeepSeek แจกโมเดล AI ที่ท้าชน GPT-5
    บริษัท DeepSeek ได้สร้างความฮือฮาในวงการ AI ด้วยการปล่อยโมเดลใหม่ที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับ GPT-5 และเปิดให้ใช้งานฟรี โมเดลนี้ถูกมองว่าอาจเปลี่ยนแปลงสมดุลของตลาด AI เพราะทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปและนักพัฒนาสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล การเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด AI ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาและนวัตกรรมที่รวดเร็วขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/deepseek-just-gave-away-an-ai-model-that-rivals-gpt-5-and-it-could-change-everything

    ChatGPT ล่มชั่วคราว แต่กลับมาแล้ว
    วันนี้หลายคนเจอปัญหา ChatGPT ตอบช้า หรือไม่ตอบเลย เหมือนวงกลมหมุนค้างอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ผู้ใช้ทั่วโลกเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น OpenAI ก็รีบออกมาชี้แจงว่ามี “error rates” สูงผิดปกติ และได้เร่งแก้ไขทันที หลังจากนั้นไม่นานก็ปล่อยการแก้ไขออกมา ทำให้ระบบกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แม้บางคนยังเจออาการหน่วงอยู่บ้าง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่เร็วมาก สุดท้ายสถานะก็กลับมาเป็นสีเขียว แปลว่าระบบทำงานได้แล้ว ใครที่ยังเจอปัญหาก็ลองรีเฟรชหรือเปิดแอปใหม่อีกครั้ง
    https://www.techradar.com/news/live/chatgpt-outage-december-openai

    Apple เปลี่ยนตัวผู้บริหาร AI คนสำคัญ
    John Giannandrea ผู้ที่ดูแลกลยุทธ์ AI ของ Apple มานานเกือบ 8 ปี กำลังจะเกษียณในปี 2026 โดยจะมี Amar Subramanya เข้ามารับตำแหน่งแทน เขาเคยทำงานทั้งที่ Microsoft และ Google ดูแลโครงการ AI ใหญ่ ๆ อย่าง Gemini และ Bard การเข้ามาของ Subramanya ถือเป็นการเสริมทัพครั้งใหญ่ เพราะ Apple กำลังถูกวิจารณ์ว่าตามหลังคู่แข่งในเรื่อง AI การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงถูกจับตามองว่าจะทำให้ Siri และบริการ AI ของ Apple ก้าวทันโลกได้หรือไม่
    https://www.techradar.com/pro/microsoft-and-google-ai-veteran-to-replace-outgoing-apple-exec-john-giannandrea

    Android 16 อัปเดตใหม่ เพิ่ม 7 ฟีเจอร์เด็ด
    Google ปล่อยอัปเดตใหญ่ให้ Android 16 แม้ยังใช้ชื่อเดิม แต่เพิ่มความสามารถใหม่ ๆ เพียบ เช่น AI ช่วยสรุปการแจ้งเตือน, ระบบจัดระเบียบ notification ให้ดูง่ายขึ้น, ปรับแต่งไอคอนตามใจ, เพิ่ม parental controls สำหรับควบคุมเวลาเล่นมือถือของเด็ก, ฟีเจอร์ Call Reason ที่บอกว่าโทรด่วนจริงหรือไม่, ระบบตรวจสอบข้อความหลอกลวงด้วย Circle to Search และการปรับปรุง accessibility ให้ใช้งานสะดวกขึ้น โดยตอนนี้ปล่อยให้กับ Pixel ก่อน ส่วนมือถือแบรนด์อื่นต้องรออีกหน่อย
    https://www.techradar.com/phones/android/the-next-android-16-update-has-landed-and-these-are-the-7-biggest-features

    Samsung เปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับสามตอน
    Samsung สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับได้แบบสามตอน มีจอด้านนอก 6.5 นิ้ว และจอด้านในใหญ่ถึง 10 นิ้ว ใช้การพับแบบ “pamphlet-style” ทำให้เมื่อพับแล้วหนากว่ามือถือทั่วไป แต่ช่วยป้องกันหน้าจอด้านในไม่ให้โดนรอยขีดข่วน ต่างจาก Huawei Mate XT ที่พับแบบ Z แล้วมีส่วนจอโผล่ออกมาเสี่ยงต่อการเสียหาย ถึงแม้ยังไม่มีวันวางขายแน่ชัดในสหรัฐ แต่ดีไซน์นี้ถูกมองว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับการใช้งานจริง
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-z-trifolds-folding-mechanism-looks-odd-but-its-the-right-call-on-a-crucial-design-decision

    กลุ่มแฮ็กเกอร์รัสเซีย Tomiris หันโจมตีรัฐบาล
    รายงานจาก Kaspersky เผยว่า Tomiris กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่พูดภาษารัสเซีย กำลังเปลี่ยนเป้าหมายจากการโจมตีทั่วไป มาสู่การเจาะระบบหน่วยงานรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศ พวกเขาใช้มัลแวร์หลายภาษา ทั้ง Go, Rust, Python และ PowerShell เพื่อทำให้ตรวจจับยากขึ้น รวมถึงซ่อนการสื่อสารผ่าน Telegram และ Discord วิธีเข้าถึงระบบมักเริ่มจาก phishing ก่อนจะฝังมัลแวร์หลายชั้น จุดประสงค์หลักคือการสอดแนมและเก็บข้อมูลเชิงลึกในระดับรัฐ ไม่ใช่แค่การโจมตีเพื่อเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/russian-speaking-hacking-group-now-shifting-focus-to-government-targets

    Amazon ทดลองส่งของภายใน 30 นาที
    Amazon เปิดบริการใหม่ที่ทำให้การสั่งซื้อออนไลน์เร็วขึ้นไปอีกขั้น โดยไม่ต้องรอ Prime หรือบริการพิเศษใด ๆ พวกเขาเริ่มทดสอบการส่งของภายใน 30 นาที เพื่อโชว์ศักยภาพด้านโลจิสติกส์และระบบจัดการคลังสินค้าแบบทันสมัย แนวคิดนี้คือการทำให้ลูกค้าได้ของแทบจะทันทีหลังสั่งซื้อ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการช้อปปิ้งออนไลน์ และอาจเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต
    https://www.techradar.com/computing/software/forget-prime-amazon-starts-30-minute-deliveries-to-show-good-things-come-to-those-with-zero-patience

    สหรัฐทลายเครือข่าย Cryptomixer ยึดเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์
    หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐประสบความสำเร็จในการปิดเครือข่าย Cryptomixer ที่ใช้ฟอกเงินดิจิทัล โดยสามารถยึดเงินได้มากกว่า 30 ล้านดอลลาร์ การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการใหญ่ที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการเงินคริปโต เพราะ Cryptomixer ถูกใช้เพื่อซ่อนเส้นทางการเงินที่ผิดกฎหมาย การยึดเงินครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลกำลังจริงจังกับการควบคุมตลาดคริปโตและการฟอกเงิน
    https://www.techradar.com/pro/security/huge-cryptomixer-takedown-sees-feds-seize-over-usd30milion

    ออสเตรเลียเตรียมบังคับใช้กฎหมายแบนโซเชียลมีเดีย
    รัฐบาลออสเตรเลียประกาศว่ากฎหมายใหม่ที่จะห้ามการใช้โซเชียลมีเดียบางประเภทจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า มาตรการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องเยาวชนและลดผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากเกินไป แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าละเมิดเสรีภาพในการสื่อสาร แต่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นต่อการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยขึ้นสำหรับประชาชน
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/australias-social-media-ban-will-come-into-force-next-week

    อินเดียบังคับให้มือถือทุกเครื่องติดตั้งแอปความปลอดภัยล่วงหน้า
    รัฐบาลอินเดียมีแผนจะบังคับให้สมาร์ทโฟนทุกเครื่องที่ขายในประเทศต้องติดตั้งแอปความปลอดภัยที่รัฐกำหนดไว้ล่วงหน้า ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวออกมาแสดงความกังวลอย่างมาก เพราะอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้ถูกตรวจสอบหรือเก็บโดยรัฐโดยตรง แม้จะอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย แต่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและอาจกระทบต่อเสรีภาพทางดิจิทัลในระยะยาว
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/experts-deeply-concerned-by-indias-plan-to-force-all-smartphones-to-run-pre-installed-security-app

    EU อนุญาตให้เนเธอร์แลนด์ดำเนินคดี Apple เรื่อง App Store
    ศาลยุโรปตัดสินให้เนเธอร์แลนด์สามารถเดินหน้าคดีต่อต้านการผูกขาดกับ Apple เกี่ยวกับการดำเนินงานของ App Store ได้ โดยก่อนหน้านี้ Apple ถูกกล่าวหาว่ามีการบังคับใช้กฎที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้พัฒนาแอป การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นการเปิดทางให้ประเทศสมาชิก EU อื่น ๆ สามารถดำเนินการในลักษณะเดียวกันได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรูปแบบธุรกิจของ Apple ในยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ
    https://www.techradar.com/pro/eu-court-gives-the-dutch-the-green-light-to-pursue-apple-app-store-anti-trust-case

    Samsung Galaxy Z TriFold – มือถือพับสามตอนที่แพงที่สุด
    Samsung เตรียมเปิดตัว Galaxy Z TriFold ที่หลายคนคาดว่าจะเป็นมือถือที่แพงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะอยู่ราวๆ 2,799 ดอลลาร์ ซึ่งแพงกว่ารุ่น Z Fold 7 ประมาณ 1,000 ดอลลาร์ จุดเด่นคือดีไซน์ที่พับได้สามตอน แต่ใช้งานได้แบบโทรศัพท์ 6.5 นิ้ว หรือแท็บเล็ต 10 นิ้วเท่านั้น ไม่เหมือน Huawei Mate XT ที่ซับซ้อนกว่าและราคาเกือบ 3,400 ดอลลาร์ การเลือกใช้ชิป Snapdragon รุ่นปีที่แล้วช่วยลดต้นทุน และที่สำคัญคือผู้ใช้ส่วนใหญ่จะซื้อผ่านสัญญากับเครือข่าย ทำให้จ่ายเป็นรายเดือนแทนที่จะจ่ายเต็มจำนวนทันที
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/how-much-will-the-galaxy-z-trifold-cost-im-a-samsung-expert-and-heres-my-prediction

    Steam บังคับติดป้ายเกมที่ใช้ AI แต่ Epic บอกว่าไร้สาระ
    Steam ได้ออกกฎใหม่ให้ผู้พัฒนาเกมต้องเปิดเผยว่าใช้ AI สร้างเนื้อหาหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นกราฟิก บทสนทนา หรือโค้ด แต่ Tim Sweeney ซีอีโอของ Epic Games มองว่าป้าย “Made with AI” ไม่มีประโยชน์ เพราะอนาคตเกมแทบทุกเกมจะใช้ AI อยู่แล้ว เขาเปรียบเทียบว่ามันเหมือนการติดสติกเกอร์เตือนว่าเกมใช้กราฟิก 3D ซึ่งเป็นเรื่องปกติไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นหลายคนกลับมองว่าป้ายนี้ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้ว่าจะสนับสนุนเกมที่สร้างโดยมนุษย์หรือใช้ AI มากน้อยแค่ไหน ประเด็นนี้จึงกลายเป็นการถกเถียงเรื่องความโปร่งใสและความเชื่อใจระหว่างผู้เล่นกับผู้พัฒนา https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/steam-requires-ai-game-disclosures-epics-ceo-says-theyre-meaningless

    Wayback Machine เก็บครบ 1 ล้านล้านหน้าเว็บแล้ว
    Wayback Machine ซึ่งเป็นคลังเก็บประวัติหน้าเว็บของ Internet Archive ได้บันทึกครบ 1 ล้านล้านหน้าเว็บแล้ว ถือเป็นหลักไมล์สำคัญของการเก็บรักษาประวัติอินเทอร์เน็ต ทุกวันมีการเพิ่มข้อมูลกว่า 150TB เข้าไปในระบบ จุดเด่นคือช่วยให้เราย้อนดูการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาล บริษัท หรือบล็อกส่วนตัว อีกทั้งยังเก็บสื่ออื่นๆ เช่น หนังสือ เพลงแผ่นเสียง เทป และเกมเก่าๆ ด้วย ผู้ก่อตั้งคือ Brewster Kahle ผู้บุกเบิกยุคแรกของอินเทอร์เน็ต ทำให้ Wayback Machine กลายเป็น “ห้องสมุดดิจิทัล” ที่ช่วยรักษาความทรงจำของโลกออนไลน์
    https://www.techradar.com/computing/internet/the-wayback-machine-recently-captured-its-trillionth-web-page-here-are-5-surprising-facts-about-the-living-history-of-the-internet

    AWS จับมือ Nvidia สร้าง “AI Factories”
    AWS ประกาศความร่วมมือกับ Nvidia เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า “AI Factories” หรือศูนย์กลางประมวลผล AI ขนาดใหญ่ โดยจะรวมฮาร์ดแวร์ล่าสุดของ Nvidia เข้ากับชิป Trainium ของ AWS รวมถึงระบบเครือข่ายและฐานข้อมูล เพื่อให้ธุรกิจและรัฐบาลสามารถพัฒนาโมเดล AI ได้เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น แนวคิดนี้คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบครบวงจรที่สามารถติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าเอง เปรียบเสมือน AWS Region ส่วนตัว ซึ่งจะช่วยให้การสร้างและใช้งานโมเดลขนาดใหญ่ทำได้ง่ายและเร็วกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/pro/aws-wants-to-be-a-part-of-nvidias-ai-factories-and-it-could-change-everything-about-how-your-business-treats-ai

    Netflix ตัดฟีเจอร์ Cast บนมือถือออกไปแบบไม่บอกล่วงหน้า
    Netflix ได้ยกเลิกฟีเจอร์การ Cast จากแอปบนมือถือไปยังอุปกรณ์ Google TV รุ่นใหม่ ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถส่งภาพจากมือถือไปยังทีวีได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะผู้ที่ใช้แพ็กเกจราคาถูกแบบมีโฆษณาจะไม่สามารถ Cast ได้เลย แม้แต่กับ Chromecast รุ่นเก่า การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้ที่มักใช้ฟีเจอร์นี้เวลาเดินทางหรือพักในโรงแรม เพราะมันสะดวกกว่าการล็อกอินบนทีวีเครื่องอื่น Netflix อ้างว่าการตัดฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การรับชมมีคุณภาพที่ดีกว่า แต่ผู้ใช้จำนวนมากมองว่าเป็นการลดความสะดวกเพื่อควบคุมการใช้งานอุปกรณ์
    https://www.techradar.com/streaming/netflix/netflix-just-ditched-a-useful-android-and-ios-feature-that-travelers-rely-on-for-hotel-streaming

    รีวิว Prusa Core One L – เครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่
    Prusa เปิดตัว Core One L เครื่องพิมพ์ 3D ที่ออกแบบมาเพื่อความแม่นยำและความเสถียรสูง ใช้โครงสร้าง CoreXY ที่ช่วยให้การเคลื่อนไหวรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น จุดเด่นคือการรองรับการพิมพ์ขนาดใหญ่และวัสดุหลากหลาย เหมาะทั้งงานต้นแบบและงานผลิตจริง รีวิวชี้ว่าคุณภาพการพิมพ์ออกมาเนียนละเอียด แต่ราคาก็สูงตามสมรรถนะ ถือเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่จริงจังกับงาน 3D printing และต้องการเครื่องที่เชื่อถือได้ในระยะยาว
    https://www.techradar.com/pro/original-prusa-core-one-l-3d-printer-review

    FiiO FT13 – หูฟังครอบหูแบบมีสาย
    FiiO เปิดตัว FT13 หูฟังครอบหูแบบปิดหลังที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างในตลาดหูฟังสาย จุดเด่นคือเสียงที่สมดุลและการออกแบบที่สวมใส่สบาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงจริงจังโดยไม่พึ่งระบบไร้สาย รีวิวระบุว่าแม้จะไม่ใช่หูฟังระดับไฮเอนด์ แต่ก็ให้คุณภาพเสียงที่คุ้มค่ากับราคา และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ยังชอบหูฟังแบบมีสาย https://www.techradar.com/audio/headphones/fiio-ft13-wired-headphones-review

    ศูนย์ข้อมูลใหม่อาจใช้พลังงานเพิ่มเกือบ 3 เท่าในปี 2035
    รายงานใหม่เผยว่าศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าภายในปี 2035 เนื่องจากความต้องการประมวลผล AI และการเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ปัจจุบันศูนย์ข้อมูลใช้พลังงานมากอยู่แล้ว แต่การเติบโตของโมเดล AI ขนาดใหญ่และการสตรีมมิ่งจะทำให้ความต้องการพุ่งสูงขึ้น นักวิเคราะห์เตือนว่าหากไม่มีการลงทุนในพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ อาจเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/security/new-data-centers-will-need-almost-triple-the-current-energy-demand-by-2035

    มอเตอร์ไฟฟ้าแรงสูงอาจนำการบินเหนือเสียงกลับมา
    นักวิจัยกำลังพัฒนาเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่สามารถทำให้เครื่องบินกลับมาบินด้วยความเร็วเหนือเสียงแบบ Concorde ได้อีกครั้ง การออกแบบใหม่นี้ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้การบินเร็วระดับ Mach 2 มีโอกาสกลับมาในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นการพลิกโฉมการเดินทางทางอากาศ โดยให้ผู้โดยสารเดินทางข้ามทวีปได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/concorde-style-air-travel-could-be-back-soon-these-powerful-ev-motors-are-unlocking-the-secrets-to-supersonic-air-speeds

    AWS CEO มองว่า AI Agents จะใหญ่กว่าอินเทอร์เน็ต
    Adam Selipsky ซีอีโอของ AWS กล่าวว่าการมาของ AI Agents จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กว่าการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต เขาเชื่อว่าโลกกำลังเร่งไปข้างหน้าและธุรกิจต้องปรับตัวทันที โดย AWS กำลังลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งาน AI Agents ในระดับองค์กร มุมมองนี้สะท้อนว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่กำลังเห็น AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตของผู้คน
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/pro/the-world-is-not-slowing-down-aws-ceo-says-ai-agents-will-be-bigger-than-the-internet-so-act-now
    📌📡🟢 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟢📡📌 #รวมข่าวIT #20251203 #TechRadar 🏛️ สภาคองเกรสสหรัฐฯ เตรียมพิจารณากฎหมายตรวจสอบอายุใน App Store ตอนนี้สภาคองเกรสของสหรัฐฯ กำลังจะหยิบยกกฎหมายใหม่ที่ชื่อว่า App Store Accountability Act (ASA) มาพิจารณา โดยเป้าหมายคือการเพิ่มมาตรการปกป้องเยาวชนบนโลกออนไลน์ กฎหมายนี้จะบังคับให้ผู้ให้บริการ App Store อย่าง Apple และ Google ต้องรับผิดชอบในการตรวจสอบอายุผู้ใช้งานและจำกัดการเข้าถึงแอปที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก แม้จะมีการสนับสนุนจาก Meta, X และ Pinterest แต่ Apple และ Google กลับกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและการแชร์ข้อมูล ASA เป็นเพียงหนึ่งใน 19 กฎหมายที่ถูกหยิบขึ้นมาหารือในครั้งนี้ ซึ่งรวมถึง Kids Online Safety Act (KOSA) และ SCREEN Act ที่ต่างก็มีข้อถกเถียงว่าจะกระทบต่อเสรีภาพและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/us-congress-to-consider-app-store-age-verification-measures 💻 ผู้ใช้ Windows 11 กังวลเรื่อง AI Agents แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกอย่าเพิ่งตื่นตระหนก Windows 11 กำลังถูกจับตามองอีกครั้งหลัง Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่เรียกว่า AI Agents โดยเฉพาะ Copilot Actions ที่สามารถช่วยจัดการไฟล์และงานต่าง ๆ บนเครื่องได้ แต่สิ่งที่ทำให้ผู้ใช้กังวลคือเอกสารที่เตือนถึงความเสี่ยง เช่น การ “หลอน” ของ AI ที่อาจให้ข้อมูลผิด ๆ หรือการโจมตีแบบ cross-prompt injection ที่อาจนำไปสู่การขโมยข้อมูล แม้ Microsoft จะออกแบบระบบให้ AI Agents ทำงานในพื้นที่แยกต่างหากเพื่อความปลอดภัย แต่หลายคนยังไม่มั่นใจว่าจะป้องกันได้จริงเมื่อใช้งานในโลกจริง ความกังวลนี้จึงสะท้อนว่า แม้ AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แต่ก็ยังต้องจับตาดูว่ามันจะปลอดภัยพอหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/i-get-why-some-people-are-suddenly-freaking-out-about-ai-agents-in-windows-11-im-worried-too-but-lets-not-panic-just-yet 🏢 Instagram สั่งพนักงานกลับเข้าออฟฟิศเต็มเวลา Adam Mosseri ซีอีโอของ Instagram ประกาศว่าตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2026 พนักงานส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ จะต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเต็มเวลา โดยให้เหตุผลว่าการทำงานแบบนี้จะช่วยให้บริษัท “คล่องตัวและสร้างสรรค์มากขึ้น” แม้จะยังมีข้อยกเว้นสำหรับพนักงานที่ทำงานแบบรีโมตเต็มเวลา แต่รูปแบบ hybrid กำลังจะหมดไป นอกจากนี้ Mosseri ยังวางแผนลดจำนวนการประชุมที่ไม่จำเป็น และบังคับให้เอกสารกลยุทธ์ต้องกระชับไม่เกินสามหน้า เพื่อให้ทุกคนมีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างผลิตภัณฑ์มากกว่าการเตรียมสไลด์หรือประชุมยืดยาว 🔗 https://www.techradar.com/pro/instagram-ceo-issues-full-time-return-to-office-order ⚠️ 4.3 ล้านเครื่องติดตั้งส่วนขยายเบราว์เซอร์ที่กลายเป็นมัลแวร์ มีการค้นพบว่า ส่วนขยายบน Chrome และ Edge กว่า 145 ตัวที่เคยทำงานปกติมานานหลายปี ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นอันตรายภายใต้แคมเปญที่ชื่อว่า ShadyPanda โดยเริ่มจากการทำ affiliate fraud แอบใส่โค้ดติดตามการซื้อสินค้า จากนั้นพัฒนาไปสู่การขโมยคุกกี้ การเปลี่ยนเส้นทางการค้นหา และล่าสุดถึงขั้นเปิดช่องให้รันโค้ดจากระยะไกล ทำให้ผู้ใช้กว่า 4.3 ล้านเครื่องตกอยู่ในความเสี่ยง แม้ Google จะลบออกจาก Chrome Web Store แล้ว แต่ Microsoft ยังตอบสนองช้ากว่า ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบตรวจสอบว่ามีส่วนขยายเหล่านี้อยู่ในเครื่องหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/4-3-million-have-installed-this-malicious-browser-extension-on-chrome-and-edge-heres-how-to-check 🖥️ อดีตวิศวกร Microsoft จวก Windows 11 ควรแก้ไขพื้นฐานก่อนใส่ฟีเจอร์ AI Dave Plummer อดีตวิศวกรผู้สร้าง Task Manager และเกม Space Cadet Pinball ออกมาแสดงความเห็นว่า Microsoft ควรหยุดเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะ AI แล้วหันมาแก้ไขปัญหาพื้นฐานของ Windows 11 ให้เสถียรและใช้งานได้ดีเสียก่อน เขายกตัวอย่างช่วงที่ Windows XP เจอไวรัส Blaster จน Microsoft ต้องออก Service Pack 2 เพื่อแก้ไขบั๊กและเพิ่มความปลอดภัย โดยไม่สนใจฟีเจอร์ใหม่ ๆ Plummer เชื่อว่าถึงเวลาแล้วที่ Windows 11 ต้องมีการปรับปรุงแบบเดียวกัน เพื่อให้ระบบ “ไม่ห่วย” ก่อนจะไปต่อยอดด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/ex-engineer-blasts-microsoft-argues-it-must-fix-windows-11-until-it-doesnt-suck-never-mind-about-ai 📱 ฟีเจอร์ใหม่ Android อาจเปิดช่องให้เจ้านายอ่านข้อความ RCS ของคุณ Google กำลังทดสอบฟีเจอร์ใหม่ใน Android ที่ทำให้ผู้ดูแลระบบขององค์กรสามารถเข้าถึงข้อความ RCS บนมือถือที่ใช้เพื่อการทำงานได้ ซึ่งหมายความว่าหากคุณใช้โทรศัพท์บริษัท ข้อความที่คุณส่งผ่าน RCS อาจถูกเจ้านายหรือฝ่ายไอทีตรวจสอบได้ ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อการจัดการอุปกรณ์และความปลอดภัย แต่ก็สร้างความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของพนักงาน เพราะ RCS ถูกมองว่าเป็นการสื่อสารที่ทันสมัยและปลอดภัยกว่าข้อความ SMS แบบเดิม 🔗 https://www.techradar.com/phones/android/googles-latest-android-feature-could-let-your-boss-read-your-rcs-texts-on-your-work-phone 🔒 Google ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่ Android กว่า 107 จุด Google ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับ Android ที่แก้ไขช่องโหว่ถึง 107 จุด โดยมีบางจุดที่ถูกจัดว่าเป็นความเสี่ยงระดับร้ายแรง ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมอุปกรณ์จากระยะไกลได้ การอัปเดตนี้ครอบคลุมทั้งระบบ Android และชิปจากผู้ผลิตต่าง ๆ เช่น Qualcomm และ MediaTek ผู้ใช้จึงควรรีบตรวจสอบและติดตั้งแพตช์ล่าสุดเพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ของตนปลอดภัยจากการโจมตี 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/107-android-flaws-just-got-patched-by-google-heres-how-to-make-sure-youre-up-to-date 🤖 DeepSeek แจกโมเดล AI ที่ท้าชน GPT-5 บริษัท DeepSeek ได้สร้างความฮือฮาในวงการ AI ด้วยการปล่อยโมเดลใหม่ที่มีศักยภาพใกล้เคียงกับ GPT-5 และเปิดให้ใช้งานฟรี โมเดลนี้ถูกมองว่าอาจเปลี่ยนแปลงสมดุลของตลาด AI เพราะทำให้ผู้ใช้งานทั่วไปและนักพัฒนาสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายมหาศาล การเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังสะท้อนถึงการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด AI ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาและนวัตกรรมที่รวดเร็วขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/deepseek-just-gave-away-an-ai-model-that-rivals-gpt-5-and-it-could-change-everything 🖥️ ChatGPT ล่มชั่วคราว แต่กลับมาแล้ว วันนี้หลายคนเจอปัญหา ChatGPT ตอบช้า หรือไม่ตอบเลย เหมือนวงกลมหมุนค้างอยู่ตลอดเวลา จนทำให้ผู้ใช้ทั่วโลกเริ่มสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น OpenAI ก็รีบออกมาชี้แจงว่ามี “error rates” สูงผิดปกติ และได้เร่งแก้ไขทันที หลังจากนั้นไม่นานก็ปล่อยการแก้ไขออกมา ทำให้ระบบกลับมาใช้งานได้ตามปกติ แม้บางคนยังเจออาการหน่วงอยู่บ้าง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่เร็วมาก สุดท้ายสถานะก็กลับมาเป็นสีเขียว แปลว่าระบบทำงานได้แล้ว ใครที่ยังเจอปัญหาก็ลองรีเฟรชหรือเปิดแอปใหม่อีกครั้ง 🔗 https://www.techradar.com/news/live/chatgpt-outage-december-openai 🍏 Apple เปลี่ยนตัวผู้บริหาร AI คนสำคัญ John Giannandrea ผู้ที่ดูแลกลยุทธ์ AI ของ Apple มานานเกือบ 8 ปี กำลังจะเกษียณในปี 2026 โดยจะมี Amar Subramanya เข้ามารับตำแหน่งแทน เขาเคยทำงานทั้งที่ Microsoft และ Google ดูแลโครงการ AI ใหญ่ ๆ อย่าง Gemini และ Bard การเข้ามาของ Subramanya ถือเป็นการเสริมทัพครั้งใหญ่ เพราะ Apple กำลังถูกวิจารณ์ว่าตามหลังคู่แข่งในเรื่อง AI การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงถูกจับตามองว่าจะทำให้ Siri และบริการ AI ของ Apple ก้าวทันโลกได้หรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/microsoft-and-google-ai-veteran-to-replace-outgoing-apple-exec-john-giannandrea 📱 Android 16 อัปเดตใหม่ เพิ่ม 7 ฟีเจอร์เด็ด Google ปล่อยอัปเดตใหญ่ให้ Android 16 แม้ยังใช้ชื่อเดิม แต่เพิ่มความสามารถใหม่ ๆ เพียบ เช่น AI ช่วยสรุปการแจ้งเตือน, ระบบจัดระเบียบ notification ให้ดูง่ายขึ้น, ปรับแต่งไอคอนตามใจ, เพิ่ม parental controls สำหรับควบคุมเวลาเล่นมือถือของเด็ก, ฟีเจอร์ Call Reason ที่บอกว่าโทรด่วนจริงหรือไม่, ระบบตรวจสอบข้อความหลอกลวงด้วย Circle to Search และการปรับปรุง accessibility ให้ใช้งานสะดวกขึ้น โดยตอนนี้ปล่อยให้กับ Pixel ก่อน ส่วนมือถือแบรนด์อื่นต้องรออีกหน่อย 🔗 https://www.techradar.com/phones/android/the-next-android-16-update-has-landed-and-these-are-the-7-biggest-features 📲 Samsung เปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับสามตอน Samsung สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับได้แบบสามตอน มีจอด้านนอก 6.5 นิ้ว และจอด้านในใหญ่ถึง 10 นิ้ว ใช้การพับแบบ “pamphlet-style” ทำให้เมื่อพับแล้วหนากว่ามือถือทั่วไป แต่ช่วยป้องกันหน้าจอด้านในไม่ให้โดนรอยขีดข่วน ต่างจาก Huawei Mate XT ที่พับแบบ Z แล้วมีส่วนจอโผล่ออกมาเสี่ยงต่อการเสียหาย ถึงแม้ยังไม่มีวันวางขายแน่ชัดในสหรัฐ แต่ดีไซน์นี้ถูกมองว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องสำหรับการใช้งานจริง 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/the-samsung-galaxy-z-trifolds-folding-mechanism-looks-odd-but-its-the-right-call-on-a-crucial-design-decision 🛡️ กลุ่มแฮ็กเกอร์รัสเซีย Tomiris หันโจมตีรัฐบาล รายงานจาก Kaspersky เผยว่า Tomiris กลุ่มแฮ็กเกอร์ที่พูดภาษารัสเซีย กำลังเปลี่ยนเป้าหมายจากการโจมตีทั่วไป มาสู่การเจาะระบบหน่วยงานรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศ พวกเขาใช้มัลแวร์หลายภาษา ทั้ง Go, Rust, Python และ PowerShell เพื่อทำให้ตรวจจับยากขึ้น รวมถึงซ่อนการสื่อสารผ่าน Telegram และ Discord วิธีเข้าถึงระบบมักเริ่มจาก phishing ก่อนจะฝังมัลแวร์หลายชั้น จุดประสงค์หลักคือการสอดแนมและเก็บข้อมูลเชิงลึกในระดับรัฐ ไม่ใช่แค่การโจมตีเพื่อเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/russian-speaking-hacking-group-now-shifting-focus-to-government-targets 🚚 Amazon ทดลองส่งของภายใน 30 นาที Amazon เปิดบริการใหม่ที่ทำให้การสั่งซื้อออนไลน์เร็วขึ้นไปอีกขั้น โดยไม่ต้องรอ Prime หรือบริการพิเศษใด ๆ พวกเขาเริ่มทดสอบการส่งของภายใน 30 นาที เพื่อโชว์ศักยภาพด้านโลจิสติกส์และระบบจัดการคลังสินค้าแบบทันสมัย แนวคิดนี้คือการทำให้ลูกค้าได้ของแทบจะทันทีหลังสั่งซื้อ ถือเป็นการยกระดับมาตรฐานการช้อปปิ้งออนไลน์ และอาจเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคในอนาคต 🔗 https://www.techradar.com/computing/software/forget-prime-amazon-starts-30-minute-deliveries-to-show-good-things-come-to-those-with-zero-patience 💰 สหรัฐทลายเครือข่าย Cryptomixer ยึดเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์ หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐประสบความสำเร็จในการปิดเครือข่าย Cryptomixer ที่ใช้ฟอกเงินดิจิทัล โดยสามารถยึดเงินได้มากกว่า 30 ล้านดอลลาร์ การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในปฏิบัติการใหญ่ที่สุดที่เกี่ยวข้องกับการเงินคริปโต เพราะ Cryptomixer ถูกใช้เพื่อซ่อนเส้นทางการเงินที่ผิดกฎหมาย การยึดเงินครั้งนี้จึงเป็นการส่งสัญญาณว่ารัฐบาลกำลังจริงจังกับการควบคุมตลาดคริปโตและการฟอกเงิน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/huge-cryptomixer-takedown-sees-feds-seize-over-usd30milion 📵 ออสเตรเลียเตรียมบังคับใช้กฎหมายแบนโซเชียลมีเดีย รัฐบาลออสเตรเลียประกาศว่ากฎหมายใหม่ที่จะห้ามการใช้โซเชียลมีเดียบางประเภทจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์หน้า มาตรการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องเยาวชนและลดผลกระทบทางสังคมที่เกิดจากการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากเกินไป แม้จะมีเสียงวิจารณ์ว่าละเมิดเสรีภาพในการสื่อสาร แต่รัฐบาลยืนยันว่าจำเป็นต่อการสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยขึ้นสำหรับประชาชน 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-services/australias-social-media-ban-will-come-into-force-next-week 📱 อินเดียบังคับให้มือถือทุกเครื่องติดตั้งแอปความปลอดภัยล่วงหน้า รัฐบาลอินเดียมีแผนจะบังคับให้สมาร์ทโฟนทุกเครื่องที่ขายในประเทศต้องติดตั้งแอปความปลอดภัยที่รัฐกำหนดไว้ล่วงหน้า ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัวออกมาแสดงความกังวลอย่างมาก เพราะอาจทำให้ข้อมูลผู้ใช้ถูกตรวจสอบหรือเก็บโดยรัฐโดยตรง แม้จะอ้างว่าเพื่อความปลอดภัย แต่หลายฝ่ายมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและอาจกระทบต่อเสรีภาพทางดิจิทัลในระยะยาว 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/experts-deeply-concerned-by-indias-plan-to-force-all-smartphones-to-run-pre-installed-security-app ⚖️ EU อนุญาตให้เนเธอร์แลนด์ดำเนินคดี Apple เรื่อง App Store ศาลยุโรปตัดสินให้เนเธอร์แลนด์สามารถเดินหน้าคดีต่อต้านการผูกขาดกับ Apple เกี่ยวกับการดำเนินงานของ App Store ได้ โดยก่อนหน้านี้ Apple ถูกกล่าวหาว่ามีการบังคับใช้กฎที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้พัฒนาแอป การตัดสินครั้งนี้ถือเป็นการเปิดทางให้ประเทศสมาชิก EU อื่น ๆ สามารถดำเนินการในลักษณะเดียวกันได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อรูปแบบธุรกิจของ Apple ในยุโรปอย่างมีนัยสำคัญ 🔗 https://www.techradar.com/pro/eu-court-gives-the-dutch-the-green-light-to-pursue-apple-app-store-anti-trust-case 📱 Samsung Galaxy Z TriFold – มือถือพับสามตอนที่แพงที่สุด Samsung เตรียมเปิดตัว Galaxy Z TriFold ที่หลายคนคาดว่าจะเป็นมือถือที่แพงที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะอยู่ราวๆ 2,799 ดอลลาร์ ซึ่งแพงกว่ารุ่น Z Fold 7 ประมาณ 1,000 ดอลลาร์ จุดเด่นคือดีไซน์ที่พับได้สามตอน แต่ใช้งานได้แบบโทรศัพท์ 6.5 นิ้ว หรือแท็บเล็ต 10 นิ้วเท่านั้น ไม่เหมือน Huawei Mate XT ที่ซับซ้อนกว่าและราคาเกือบ 3,400 ดอลลาร์ การเลือกใช้ชิป Snapdragon รุ่นปีที่แล้วช่วยลดต้นทุน และที่สำคัญคือผู้ใช้ส่วนใหญ่จะซื้อผ่านสัญญากับเครือข่าย ทำให้จ่ายเป็นรายเดือนแทนที่จะจ่ายเต็มจำนวนทันที 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/how-much-will-the-galaxy-z-trifold-cost-im-a-samsung-expert-and-heres-my-prediction 🎮 Steam บังคับติดป้ายเกมที่ใช้ AI แต่ Epic บอกว่าไร้สาระ Steam ได้ออกกฎใหม่ให้ผู้พัฒนาเกมต้องเปิดเผยว่าใช้ AI สร้างเนื้อหาหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นกราฟิก บทสนทนา หรือโค้ด แต่ Tim Sweeney ซีอีโอของ Epic Games มองว่าป้าย “Made with AI” ไม่มีประโยชน์ เพราะอนาคตเกมแทบทุกเกมจะใช้ AI อยู่แล้ว เขาเปรียบเทียบว่ามันเหมือนการติดสติกเกอร์เตือนว่าเกมใช้กราฟิก 3D ซึ่งเป็นเรื่องปกติไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นหลายคนกลับมองว่าป้ายนี้ช่วยให้พวกเขาตัดสินใจได้ว่าจะสนับสนุนเกมที่สร้างโดยมนุษย์หรือใช้ AI มากน้อยแค่ไหน ประเด็นนี้จึงกลายเป็นการถกเถียงเรื่องความโปร่งใสและความเชื่อใจระหว่างผู้เล่นกับผู้พัฒนา 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/steam-requires-ai-game-disclosures-epics-ceo-says-theyre-meaningless 🌐 Wayback Machine เก็บครบ 1 ล้านล้านหน้าเว็บแล้ว Wayback Machine ซึ่งเป็นคลังเก็บประวัติหน้าเว็บของ Internet Archive ได้บันทึกครบ 1 ล้านล้านหน้าเว็บแล้ว ถือเป็นหลักไมล์สำคัญของการเก็บรักษาประวัติอินเทอร์เน็ต ทุกวันมีการเพิ่มข้อมูลกว่า 150TB เข้าไปในระบบ จุดเด่นคือช่วยให้เราย้อนดูการเปลี่ยนแปลงของเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาล บริษัท หรือบล็อกส่วนตัว อีกทั้งยังเก็บสื่ออื่นๆ เช่น หนังสือ เพลงแผ่นเสียง เทป และเกมเก่าๆ ด้วย ผู้ก่อตั้งคือ Brewster Kahle ผู้บุกเบิกยุคแรกของอินเทอร์เน็ต ทำให้ Wayback Machine กลายเป็น “ห้องสมุดดิจิทัล” ที่ช่วยรักษาความทรงจำของโลกออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/computing/internet/the-wayback-machine-recently-captured-its-trillionth-web-page-here-are-5-surprising-facts-about-the-living-history-of-the-internet 🤝 AWS จับมือ Nvidia สร้าง “AI Factories” AWS ประกาศความร่วมมือกับ Nvidia เพื่อสร้างสิ่งที่เรียกว่า “AI Factories” หรือศูนย์กลางประมวลผล AI ขนาดใหญ่ โดยจะรวมฮาร์ดแวร์ล่าสุดของ Nvidia เข้ากับชิป Trainium ของ AWS รวมถึงระบบเครือข่ายและฐานข้อมูล เพื่อให้ธุรกิจและรัฐบาลสามารถพัฒนาโมเดล AI ได้เร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น แนวคิดนี้คือการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI แบบครบวงจรที่สามารถติดตั้งในศูนย์ข้อมูลของลูกค้าเอง เปรียบเสมือน AWS Region ส่วนตัว ซึ่งจะช่วยให้การสร้างและใช้งานโมเดลขนาดใหญ่ทำได้ง่ายและเร็วกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-wants-to-be-a-part-of-nvidias-ai-factories-and-it-could-change-everything-about-how-your-business-treats-ai 📺 Netflix ตัดฟีเจอร์ Cast บนมือถือออกไปแบบไม่บอกล่วงหน้า Netflix ได้ยกเลิกฟีเจอร์การ Cast จากแอปบนมือถือไปยังอุปกรณ์ Google TV รุ่นใหม่ ทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถส่งภาพจากมือถือไปยังทีวีได้เหมือนเดิม โดยเฉพาะผู้ที่ใช้แพ็กเกจราคาถูกแบบมีโฆษณาจะไม่สามารถ Cast ได้เลย แม้แต่กับ Chromecast รุ่นเก่า การเปลี่ยนแปลงนี้สร้างความไม่พอใจให้กับผู้ใช้ที่มักใช้ฟีเจอร์นี้เวลาเดินทางหรือพักในโรงแรม เพราะมันสะดวกกว่าการล็อกอินบนทีวีเครื่องอื่น Netflix อ้างว่าการตัดฟีเจอร์นี้จะช่วยให้การรับชมมีคุณภาพที่ดีกว่า แต่ผู้ใช้จำนวนมากมองว่าเป็นการลดความสะดวกเพื่อควบคุมการใช้งานอุปกรณ์ 🔗 https://www.techradar.com/streaming/netflix/netflix-just-ditched-a-useful-android-and-ios-feature-that-travelers-rely-on-for-hotel-streaming 🖨️ รีวิว Prusa Core One L – เครื่องพิมพ์ 3D รุ่นใหม่ Prusa เปิดตัว Core One L เครื่องพิมพ์ 3D ที่ออกแบบมาเพื่อความแม่นยำและความเสถียรสูง ใช้โครงสร้าง CoreXY ที่ช่วยให้การเคลื่อนไหวรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น จุดเด่นคือการรองรับการพิมพ์ขนาดใหญ่และวัสดุหลากหลาย เหมาะทั้งงานต้นแบบและงานผลิตจริง รีวิวชี้ว่าคุณภาพการพิมพ์ออกมาเนียนละเอียด แต่ราคาก็สูงตามสมรรถนะ ถือเป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่จริงจังกับงาน 3D printing และต้องการเครื่องที่เชื่อถือได้ในระยะยาว 🔗 https://www.techradar.com/pro/original-prusa-core-one-l-3d-printer-review 🎧 FiiO FT13 – หูฟังครอบหูแบบมีสาย FiiO เปิดตัว FT13 หูฟังครอบหูแบบปิดหลังที่ออกแบบมาเพื่อเติมเต็มช่องว่างในตลาดหูฟังสาย จุดเด่นคือเสียงที่สมดุลและการออกแบบที่สวมใส่สบาย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการคุณภาพเสียงจริงจังโดยไม่พึ่งระบบไร้สาย รีวิวระบุว่าแม้จะไม่ใช่หูฟังระดับไฮเอนด์ แต่ก็ให้คุณภาพเสียงที่คุ้มค่ากับราคา และเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่ยังชอบหูฟังแบบมีสาย 🔗 https://www.techradar.com/audio/headphones/fiio-ft13-wired-headphones-review ⚡ ศูนย์ข้อมูลใหม่อาจใช้พลังงานเพิ่มเกือบ 3 เท่าในปี 2035 รายงานใหม่เผยว่าศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าภายในปี 2035 เนื่องจากความต้องการประมวลผล AI และการเก็บข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ปัจจุบันศูนย์ข้อมูลใช้พลังงานมากอยู่แล้ว แต่การเติบโตของโมเดล AI ขนาดใหญ่และการสตรีมมิ่งจะทำให้ความต้องการพุ่งสูงขึ้น นักวิเคราะห์เตือนว่าหากไม่มีการลงทุนในพลังงานสะอาดและโครงสร้างพื้นฐานที่มีประสิทธิภาพ อาจเกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/new-data-centers-will-need-almost-triple-the-current-energy-demand-by-2035 ✈️ มอเตอร์ไฟฟ้าแรงสูงอาจนำการบินเหนือเสียงกลับมา นักวิจัยกำลังพัฒนาเทคโนโลยีมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงที่สามารถทำให้เครื่องบินกลับมาบินด้วยความเร็วเหนือเสียงแบบ Concorde ได้อีกครั้ง การออกแบบใหม่นี้ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ทำให้การบินเร็วระดับ Mach 2 มีโอกาสกลับมาในรูปแบบที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น หากสำเร็จจะเป็นการพลิกโฉมการเดินทางทางอากาศ โดยให้ผู้โดยสารเดินทางข้ามทวีปได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/concorde-style-air-travel-could-be-back-soon-these-powerful-ev-motors-are-unlocking-the-secrets-to-supersonic-air-speeds 🌍 AWS CEO มองว่า AI Agents จะใหญ่กว่าอินเทอร์เน็ต Adam Selipsky ซีอีโอของ AWS กล่าวว่าการมาของ AI Agents จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กว่าการเกิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต เขาเชื่อว่าโลกกำลังเร่งไปข้างหน้าและธุรกิจต้องปรับตัวทันที โดย AWS กำลังลงทุนอย่างหนักในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการใช้งาน AI Agents ในระดับองค์กร มุมมองนี้สะท้อนว่าบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่กำลังเห็น AI ไม่ใช่แค่เครื่องมือ แต่เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่จะเปลี่ยนวิธีการทำงานและการใช้ชีวิตของผู้คน ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/pro/the-world-is-not-slowing-down-aws-ceo-says-ai-agents-will-be-bigger-than-the-internet-so-act-now
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251203 #securityonline

    AI กำลังถูกใช้อย่างแพร่หลาย แต่การกำกับดูแลยังตามไม่ทัน
    รายงานใหม่ปี 2025 ชี้ให้เห็นว่าองค์กรกว่า 83% ใช้ AI ในการทำงานประจำวันแล้ว แต่มีเพียง 13% เท่านั้นที่บอกว่ามีการตรวจสอบการจัดการข้อมูลที่ชัดเจน ปัญหาคือ AI เริ่มทำงานเหมือน “ตัวตนใหม่” ที่ไม่เคยหยุดพักและเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่ามนุษย์ แต่ระบบการจัดการยังคงใช้โมเดลที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ ทำให้เกิดช่องโหว่ เช่น AI เข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์ หรือไม่มีการควบคุมคำสั่งและผลลัพธ์ หลายองค์กรยอมรับว่าพวกเขาแทบไม่มีทีมกำกับดูแล AI และไม่พร้อมต่อกฎระเบียบใหม่ที่กำลังจะมา เสียงเตือนคือ “คุณไม่สามารถปกป้องสิ่งที่คุณไม่เห็น”
    https://securityonline.info/ai-adoption-surges-while-governance-lags-report-warns-of-growing-shadow-identity-risk

    Apple ปรับทีม AI ครั้งใหญ่ เปลี่ยนผู้นำเพื่อเร่งเครื่องตามคู่แข่ง
    John Giannandrea ผู้บริหารระดับสูงด้าน AI ของ Apple ที่เคยเป็นหัวหอกจาก Google จะก้าวลงจากตำแหน่งในปีหน้า หลังถูกวิจารณ์ว่าการพัฒนา AI ของ Apple ล่าช้ากว่าคู่แข่งหลายปี ทั้ง Siri ที่ปรับปรุงไม่ทันและ Apple Intelligence ที่เปิดตัวช้าเกินไป Tim Cook จึงตัดสินใจดึง Amar Subramanya อดีตหัวหน้าทีม Gemini ของ Google เข้ามาแทน โดยจะเน้นการพัฒนาโมเดลพื้นฐานและความปลอดภัยของ AI การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Apple ที่ต้องการผสาน AI เข้ากับทุกผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง แต่ก็ต้องเผชิญกับปัญหาการสูญเสียบุคลากรด้านวิจัยหุ่นยนต์และทีมโมเดลหลักที่ทยอยลาออกไปยังบริษัทคู่แข่ง
    https://securityonline.info/apple-ai-shakeup-giannandrea-out-former-google-gemini-chief-amar-subramanya-hired

    Sonesta Hotels ยกระดับความปลอดภัยบนคลาวด์ด้วย AccuKnox
    เครือโรงแรม Sonesta International Hotels ประกาศความร่วมมือกับ AccuKnox เพื่อนำระบบ Zero Trust CNAPP มาใช้บน Microsoft Azure จุดเด่นคือการตรวจจับการตั้งค่าที่ผิดพลาดในระบบคลาวด์ การป้องกันการโจมตีแบบ Zero-Day และการทำงานร่วมกับ DevSecOps อย่างเต็มรูปแบบ Gartner เคยเตือนว่าหากองค์กรไม่ใช้ CNAPP จะขาดการมองเห็นภาพรวมของความเสี่ยงบนคลาวด์ Sonesta เลือก AccuKnox หลังทดสอบหลายเจ้า เพราะสามารถลดภาระงานวิศวกรได้ถึง 45% และมีฟีเจอร์ด้าน API Security และ AI/LLM Security ที่ตอบโจทย์อนาคต
    https://securityonline.info/sonesta-international-hotels-implements-industry-leading-cloud-security-through-accuknox-collaboration

    Coupang เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ กระทบผู้ใช้กว่า 33.7 ล้านราย
    แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ Coupang เผชิญเหตุการณ์ร้ายแรงเมื่อข้อมูลผู้ใช้กว่า 33.7 ล้านรายถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งชื่อ อีเมล เบอร์โทร และที่อยู่จัดส่ง แม้ข้อมูลทางการเงินจะไม่ถูกเปิดเผย แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้ทำ Social Engineering หรือหลอกลวงทางออนไลน์ เดิมทีบริษัทคิดว่ามีเพียง 4,500 บัญชีที่ได้รับผลกระทบ แต่การสอบสวนพบว่ามีการเชื่อมต่อฐานข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศตั้งแต่กลางปี 2025 และถูกดูดข้อมูลออกไป ปัจจุบันมีการระบุผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอดีตพนักงานที่หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว
    https://securityonline.info/alarm-coupang-data-breach-exposes-33-7-million-users-over-half-of-south-korea

    Europol ปิดบริการ CryptoMixer ยึด Bitcoin มูลค่า 25 ล้านยูโร
    หน่วยงาน Europol ประกาศความสำเร็จในการปิดแพลตฟอร์ม CryptoMixer ที่ถูกใช้เพื่อปกปิดเส้นทางการเงินของอาชญากรไซเบอร์ โดยสามารถยึด Bitcoin มูลค่ากว่า 25 ล้านยูโร และข้อมูลกว่า 12TB CryptoMixer เคยประมวลผลธุรกรรมมากกว่า 1.3 พันล้านยูโรตั้งแต่ปี 2016 การทำงานของมันคือรวมเงินฝากของผู้ใช้แล้วกระจายใหม่แบบสุ่ม ทำให้ติดตามเส้นทางได้ยาก แม้บริการลักษณะนี้จะมีผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ก็ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญของการฟอกเงิน การปิดครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าบริการแบบรวมศูนย์มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกยึดทรัพย์และปิดระบบ ต่างจากบริการแบบกระจายศูนย์ที่แทบไม่สามารถจัดการได้
    https://securityonline.info/europol-shuts-down-cryptomixer-seizes-e25-million-in-bitcoin-12-tb-of-data

    AWS เปิดตัว Agentic AI ช่วยลดหนี้ทางเทคนิคและปรับปรุงโค้ดเก่า
    AWS ประกาศโครงการใหม่ชื่อว่า Transform ที่ใช้ Agentic AI เพื่อช่วยองค์กรปรับปรุงโค้ดเดิมให้ทันสมัย ลดภาระงานที่สะสมมานานจากระบบเก่า จุดเด่นคือการทำงานอัตโนมัติที่สามารถวิเคราะห์โค้ดและปรับปรุงให้เข้ากับมาตรฐานใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องใช้แรงงานมนุษย์มากเหมือนเดิม สิ่งนี้ช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถโฟกัสไปที่นวัตกรรมแทนการแก้ไขงานซ้ำซาก ถือเป็นอีกก้าวที่ AWS พยายามผลักดัน AI ให้เข้าไปอยู่ในทุกมิติของการทำงานด้านเทคโนโลยี
    https://securityonline.info/aws-transform-agentic-ai-automates-legacy-code-modernization-and-reduces-technical-debt

    AWS re:Invent 2025 เปิดตัว Marengo 3.0 และจับมือ Visa
    งานใหญ่ประจำปีของ AWS ครั้งนี้มีไฮไลต์คือการเปิดตัว Marengo 3.0 โมเดลวิดีโอใหม่ที่สามารถสร้างคอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวได้สมจริงมากขึ้น พร้อมทั้งเปิดตัวความร่วมมือกับ Visa ในด้านการชำระเงินดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีการนำ Agentic AI มาใช้ในหลายบริการเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานอัตโนมัติ การประกาศเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า AWS กำลังเร่งขยายขอบเขต AI จากระบบคลาวด์ไปสู่การสร้างสรรค์คอนเทนต์และการเงินดิจิทัล
    https://securityonline.info/aws-reinvent-2025-agentic-ai-marengo-3-0-video-model-and-visa-payment-partnership

    AWS เปิดตัว Nova Sonic Voice และจับมือ Google Cloud
    อีกหนึ่งประกาศจาก AWS re:Invent คือการเปิดตัว Nova Sonic Voice เทคโนโลยีเสียงใหม่ที่ใช้ Agentic AI เพื่อสร้างเสียงพูดที่เป็นธรรมชาติและตอบสนองได้ทันที พร้อมทั้งจับมือกับ Google Cloud ในด้านระบบเครือข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ นี่เป็นการขยายความร่วมมือที่น่าสนใจ เพราะสองยักษ์ใหญ่ด้านคลาวด์มักถูกมองว่าเป็นคู่แข่ง แต่ครั้งนี้กลับเลือกทำงานร่วมกันเพื่อผลักดัน AI ให้ก้าวไปอีกขั้น
    https://securityonline.info/aws-reinvent-agentic-ai-launches-with-nova-sonic-voice-partners-with-google-cloud-on-networking

    NVIDIA ลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ใน Synopsys เพื่อพัฒนา AI สำหรับออกแบบชิป
    NVIDIA ประกาศลงทุนมหาศาลกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ใน Synopsys บริษัทซอฟต์แวร์ออกแบบชิป เพื่อผสาน Agentic AI เข้ากับกระบวนการออกแบบฮาร์ดแวร์ จุดมุ่งหมายคือการเร่งการพัฒนาชิปที่ซับซ้อนให้เสร็จเร็วขึ้นและลดข้อผิดพลาด การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่า AI จะเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบฮาร์ดแวร์ในอนาคต และยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้ NVIDIA ในฐานะผู้นำด้าน AI และการประมวลผล
    https://securityonline.info/nvidia-invests-2-billion-in-synopsys-to-integrate-agentic-ai-into-chip-design

    อินเดียบังคับติดตั้งแอป Sanchar Saathi ที่ลบไม่ได้บนสมาร์ทโฟนใหม่
    รัฐบาลอินเดียออกกฎใหม่ให้สมาร์ทโฟนทุกเครื่องที่ขายในประเทศต้องติดตั้งแอป Sanchar Saathi โดยไม่สามารถลบออกได้ แอปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกหลอกลวงหรือถูกขโมย แต่ก็สร้างความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและสิทธิของผู้ใช้ เพราะการบังคับติดตั้งและไม่สามารถลบออกได้อาจเปิดช่องให้เกิดการติดตามหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการที่รัฐบาลพยายามใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหา แต่ก็ต้องแลกมากับคำถามด้านสิทธิและเสรีภาพ
    https://securityonline.info/privacy-alert-india-mandates-undeletable-sanchar-saathi-app-on-all-new-smartphones

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Longwatch ทำให้ระบบเฝ้าระวังถูกยึด
    มีรายงานจาก CISA ว่าพบช่องโหว่ร้ายแรงในระบบ Longwatch ซึ่งใช้สำหรับการเฝ้าระวังและตรวจสอบในอุตสาหกรรม OT ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่ง HTTP GET โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน และสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ SYSTEM ได้ทันที เท่ากับว่าผู้โจมตีสามารถควบคุมเซิร์ฟเวอร์เฝ้าระวังได้ทั้งหมด ปัญหานี้เกิดขึ้นในเวอร์ชัน 6.309 ถึง 6.334 และผู้พัฒนาก็ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 6.335 แล้ว ใครที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าจำเป็นต้องอัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
    https://securityonline.info/cisa-warns-critical-longwatch-rce-flaw-cve-2025-13658-cvss-9-8-allows-unauthenticated-system-takeover-of-ot-surveillance

    แพ็กเกจ Rust อันตราย "evm-units"
    นักพัฒนาที่ทำงานกับ Rust ต้องระวัง เพราะมีการค้นพบแพ็กเกจชื่อ "evm-units" ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อโจมตีแบบลับ ๆ โดยมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาในสายคริปโต ตัวแพ็กเกจนี้ถูกปล่อยออกมาเหมือนเป็นเครื่องมือปกติ แต่จริง ๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่สามารถเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงระบบได้โดยไม่รู้ตัว ถือเป็นการโจมตีที่ใช้ความไว้ใจของนักพัฒนาเป็นเครื่องมือ
    https://securityonline.info/malicious-rust-package-evm-units-exposes-crypto-developers-to-stealth-attacks

    DOJ ปิดโดเมนแก๊งหลอกลวง "Tai Chang" ในพม่า
    กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ได้เข้ายึดโดเมนที่เชื่อมโยงกับคอมพาวด์หลอกลวงชื่อ Tai Chang ในพม่า ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางของการทำ "Pig Butchering" หรือการหลอกลวงทางการเงินที่ใช้การสร้างความสัมพันธ์หลอกเหยื่อให้ลงทุนก่อนจะเชิดเงินหนี การปิดโดเมนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสกัดกั้นเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่กำลังระบาดหนักในภูมิภาค
    https://securityonline.info/doj-seizes-domain-of-burmas-notorious-tai-chang-scam-compound-to-disrupt-pig-butchering-fraud

    Chrome 143 อัปเดตแก้ช่องโหว่ 13 จุด
    Google ได้ปล่อย Chrome เวอร์ชัน 143 ที่มาพร้อมการแก้ไขช่องโหว่ถึง 13 จุด โดยหนึ่งในนั้นคือปัญหาใหญ่ใน V8 ที่ทำให้เกิด Type Confusion ซึ่งมีนักวิจัยด้านความปลอดภัยรายหนึ่งได้รับเงินรางวัลถึง 11,000 ดอลลาร์จากการค้นพบนี้ การอัปเดตครั้งนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ทุกคน เพราะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีผ่านเบราว์เซอร์ที่ใช้งานอยู่ทุกวัน
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/chrome-143-stable-fixes-13-flaws-high-severity-v8-type-confusion-earns-11000-bounty

    Django พบช่องโหว่ SQL Injection ใน PostgreSQL
    เฟรมเวิร์ก Django ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการพัฒนาเว็บ ถูกพบช่องโหว่ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ FilteredRelation ร่วมกับ PostgreSQL ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้เกิด SQL Injection ได้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการโจมตีที่อันตรายที่สุด เพราะสามารถทำให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูลโดยตรง ทีม Django ได้ออกคำเตือนและแนะนำให้อัปเดตเวอร์ชันเพื่อปิดช่องโหว่โดยเร็ว
    https://securityonline.info/django-flaw-cve-2025-13372-allows-sql-injection-in-postgresql-filteredrelation

    ช่องโหว่ร้ายแรงใน Iskra iHUB
    CISA ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ในอุปกรณ์ Iskra iHUB ที่ใช้สำหรับระบบสมาร์ทมิเตอร์ ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้ายึดระบบได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน ซึ่งหมายความว่าผู้โจมตีสามารถควบคุมการทำงานของระบบสมาร์ทมิเตอร์ได้ทั้งหมด ถือเป็นภัยคุกคามต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญ การอัปเดตแพตช์จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน
    https://securityonline.info/cisa-warns-critical-iskra-ihub-flaw-cve-2025-13510-allows-unauthenticated-smart-metering-takeover

    ปลั๊กอิน Elementor มีช่องโหว่ร้ายแรง กำลังถูกโจมตี
    ปลั๊กอินยอดนิยมของ WordPress อย่าง Elementor ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้ายึดสิทธิ์แอดมินได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.8 และที่น่ากังวลคือกำลังถูกโจมตีจริงในขณะนี้ ผู้ที่ใช้ปลั๊กอินนี้จำเป็นต้องอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการสูญเสียการควบคุมเว็บไซต์
    https://securityonline.info/critical-elementor-plugin-flaw-cve-2025-8489-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-admin-takeover

    Angular พบช่องโหว่ Stored XSS
    เฟรมเวิร์ก Angular ถูกค้นพบช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้เกิดการโจมตีแบบ Stored XSS ผ่านการใช้ SVG และ MathML โดยสามารถหลบเลี่ยงการตรวจสอบได้ ช่องโหว่นี้ถือว่ามีความรุนแรงสูง เพราะทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ดอันตรายลงในเว็บและส่งผลต่อผู้ใช้งานที่เข้ามาเยี่ยมชมได้ทันที
    https://securityonline.info/high-severity-angular-flaw-cve-2025-66412-allows-stored-xss-via-svg-and-mathml-bypass

    ไลบรารี lz4-java ถูกยกเลิก พร้อมพบช่องโหว่ร้ายแรง
    มีการประกาศว่าไลบรารี lz4-java ถูกยกเลิกการพัฒนา และถูกค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบย้ายไปใช้ community fork โดยทันที ช่องโหว่นี้สร้างความเสี่ยงต่อระบบที่ยังคงใช้งานไลบรารีเวอร์ชันเดิมอยู่ การย้ายไปใช้เวอร์ชันใหม่จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
    https://securityonline.info/discontinued-library-high-severity-lz4-java-flaw-cve%E2%80%902025%E2%80%9012183-forces-immediate-migration-to-community-fork

    สตาร์ทอัพ Frenetik เปิดตัวเทคโนโลยีหลอกลวง AI
    บริษัทสตาร์ทอัพด้านไซเบอร์ชื่อ Frenetik เปิดตัวด้วยเทคโนโลยีการหลอกลวงที่จดสิทธิบัตร โดยตั้งเป้าใช้เทคนิคนี้เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้าน AI ที่ทวีความรุนแรงขึ้น เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างกับดักและทำให้ผู้โจมตีสับสน ถือเป็นแนวทางใหม่ที่น่าสนใจในการป้องกันภัยไซเบอร์
    https://securityonline.info/cyber-startup-frenetik-launches-with-patented-deception-technology-that-bets-against-the-ai-arms-race
    📌🔐🟢 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟢🔐📌 #รวมข่าวIT #20251203 #securityonline 🧠 AI กำลังถูกใช้อย่างแพร่หลาย แต่การกำกับดูแลยังตามไม่ทัน รายงานใหม่ปี 2025 ชี้ให้เห็นว่าองค์กรกว่า 83% ใช้ AI ในการทำงานประจำวันแล้ว แต่มีเพียง 13% เท่านั้นที่บอกว่ามีการตรวจสอบการจัดการข้อมูลที่ชัดเจน ปัญหาคือ AI เริ่มทำงานเหมือน “ตัวตนใหม่” ที่ไม่เคยหยุดพักและเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่ามนุษย์ แต่ระบบการจัดการยังคงใช้โมเดลที่ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ ทำให้เกิดช่องโหว่ เช่น AI เข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์ หรือไม่มีการควบคุมคำสั่งและผลลัพธ์ หลายองค์กรยอมรับว่าพวกเขาแทบไม่มีทีมกำกับดูแล AI และไม่พร้อมต่อกฎระเบียบใหม่ที่กำลังจะมา เสียงเตือนคือ “คุณไม่สามารถปกป้องสิ่งที่คุณไม่เห็น” 🔗 https://securityonline.info/ai-adoption-surges-while-governance-lags-report-warns-of-growing-shadow-identity-risk 🍏 Apple ปรับทีม AI ครั้งใหญ่ เปลี่ยนผู้นำเพื่อเร่งเครื่องตามคู่แข่ง John Giannandrea ผู้บริหารระดับสูงด้าน AI ของ Apple ที่เคยเป็นหัวหอกจาก Google จะก้าวลงจากตำแหน่งในปีหน้า หลังถูกวิจารณ์ว่าการพัฒนา AI ของ Apple ล่าช้ากว่าคู่แข่งหลายปี ทั้ง Siri ที่ปรับปรุงไม่ทันและ Apple Intelligence ที่เปิดตัวช้าเกินไป Tim Cook จึงตัดสินใจดึง Amar Subramanya อดีตหัวหน้าทีม Gemini ของ Google เข้ามาแทน โดยจะเน้นการพัฒนาโมเดลพื้นฐานและความปลอดภัยของ AI การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Apple ที่ต้องการผสาน AI เข้ากับทุกผลิตภัณฑ์อย่างจริงจัง แต่ก็ต้องเผชิญกับปัญหาการสูญเสียบุคลากรด้านวิจัยหุ่นยนต์และทีมโมเดลหลักที่ทยอยลาออกไปยังบริษัทคู่แข่ง 🔗 https://securityonline.info/apple-ai-shakeup-giannandrea-out-former-google-gemini-chief-amar-subramanya-hired 🏨 Sonesta Hotels ยกระดับความปลอดภัยบนคลาวด์ด้วย AccuKnox เครือโรงแรม Sonesta International Hotels ประกาศความร่วมมือกับ AccuKnox เพื่อนำระบบ Zero Trust CNAPP มาใช้บน Microsoft Azure จุดเด่นคือการตรวจจับการตั้งค่าที่ผิดพลาดในระบบคลาวด์ การป้องกันการโจมตีแบบ Zero-Day และการทำงานร่วมกับ DevSecOps อย่างเต็มรูปแบบ Gartner เคยเตือนว่าหากองค์กรไม่ใช้ CNAPP จะขาดการมองเห็นภาพรวมของความเสี่ยงบนคลาวด์ Sonesta เลือก AccuKnox หลังทดสอบหลายเจ้า เพราะสามารถลดภาระงานวิศวกรได้ถึง 45% และมีฟีเจอร์ด้าน API Security และ AI/LLM Security ที่ตอบโจทย์อนาคต 🔗 https://securityonline.info/sonesta-international-hotels-implements-industry-leading-cloud-security-through-accuknox-collaboration ⚠️ Coupang เกิดเหตุข้อมูลรั่วไหลครั้งใหญ่ กระทบผู้ใช้กว่า 33.7 ล้านราย แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ Coupang เผชิญเหตุการณ์ร้ายแรงเมื่อข้อมูลผู้ใช้กว่า 33.7 ล้านรายถูกเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทั้งชื่อ อีเมล เบอร์โทร และที่อยู่จัดส่ง แม้ข้อมูลทางการเงินจะไม่ถูกเปิดเผย แต่ก็เสี่ยงต่อการถูกนำไปใช้ทำ Social Engineering หรือหลอกลวงทางออนไลน์ เดิมทีบริษัทคิดว่ามีเพียง 4,500 บัญชีที่ได้รับผลกระทบ แต่การสอบสวนพบว่ามีการเชื่อมต่อฐานข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่างประเทศตั้งแต่กลางปี 2025 และถูกดูดข้อมูลออกไป ปัจจุบันมีการระบุผู้ต้องสงสัยว่าเป็นอดีตพนักงานที่หลบหนีออกนอกประเทศแล้ว 🔗 https://securityonline.info/alarm-coupang-data-breach-exposes-33-7-million-users-over-half-of-south-korea 💰 Europol ปิดบริการ CryptoMixer ยึด Bitcoin มูลค่า 25 ล้านยูโร หน่วยงาน Europol ประกาศความสำเร็จในการปิดแพลตฟอร์ม CryptoMixer ที่ถูกใช้เพื่อปกปิดเส้นทางการเงินของอาชญากรไซเบอร์ โดยสามารถยึด Bitcoin มูลค่ากว่า 25 ล้านยูโร และข้อมูลกว่า 12TB CryptoMixer เคยประมวลผลธุรกรรมมากกว่า 1.3 พันล้านยูโรตั้งแต่ปี 2016 การทำงานของมันคือรวมเงินฝากของผู้ใช้แล้วกระจายใหม่แบบสุ่ม ทำให้ติดตามเส้นทางได้ยาก แม้บริการลักษณะนี้จะมีผู้ใช้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ก็ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญของการฟอกเงิน การปิดครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าบริการแบบรวมศูนย์มีความเสี่ยงสูงต่อการถูกยึดทรัพย์และปิดระบบ ต่างจากบริการแบบกระจายศูนย์ที่แทบไม่สามารถจัดการได้ 🔗 https://securityonline.info/europol-shuts-down-cryptomixer-seizes-e25-million-in-bitcoin-12-tb-of-data 💻 AWS เปิดตัว Agentic AI ช่วยลดหนี้ทางเทคนิคและปรับปรุงโค้ดเก่า AWS ประกาศโครงการใหม่ชื่อว่า Transform ที่ใช้ Agentic AI เพื่อช่วยองค์กรปรับปรุงโค้ดเดิมให้ทันสมัย ลดภาระงานที่สะสมมานานจากระบบเก่า จุดเด่นคือการทำงานอัตโนมัติที่สามารถวิเคราะห์โค้ดและปรับปรุงให้เข้ากับมาตรฐานใหม่ได้ทันที โดยไม่ต้องใช้แรงงานมนุษย์มากเหมือนเดิม สิ่งนี้ช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถโฟกัสไปที่นวัตกรรมแทนการแก้ไขงานซ้ำซาก ถือเป็นอีกก้าวที่ AWS พยายามผลักดัน AI ให้เข้าไปอยู่ในทุกมิติของการทำงานด้านเทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/aws-transform-agentic-ai-automates-legacy-code-modernization-and-reduces-technical-debt 🎤 AWS re:Invent 2025 เปิดตัว Marengo 3.0 และจับมือ Visa งานใหญ่ประจำปีของ AWS ครั้งนี้มีไฮไลต์คือการเปิดตัว Marengo 3.0 โมเดลวิดีโอใหม่ที่สามารถสร้างคอนเทนต์ภาพเคลื่อนไหวได้สมจริงมากขึ้น พร้อมทั้งเปิดตัวความร่วมมือกับ Visa ในด้านการชำระเงินดิจิทัล นอกจากนี้ยังมีการนำ Agentic AI มาใช้ในหลายบริการเพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานอัตโนมัติ การประกาศเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า AWS กำลังเร่งขยายขอบเขต AI จากระบบคลาวด์ไปสู่การสร้างสรรค์คอนเทนต์และการเงินดิจิทัล 🔗 https://securityonline.info/aws-reinvent-2025-agentic-ai-marengo-3-0-video-model-and-visa-payment-partnership 🔊 AWS เปิดตัว Nova Sonic Voice และจับมือ Google Cloud อีกหนึ่งประกาศจาก AWS re:Invent คือการเปิดตัว Nova Sonic Voice เทคโนโลยีเสียงใหม่ที่ใช้ Agentic AI เพื่อสร้างเสียงพูดที่เป็นธรรมชาติและตอบสนองได้ทันที พร้อมทั้งจับมือกับ Google Cloud ในด้านระบบเครือข่ายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเชื่อมต่อ นี่เป็นการขยายความร่วมมือที่น่าสนใจ เพราะสองยักษ์ใหญ่ด้านคลาวด์มักถูกมองว่าเป็นคู่แข่ง แต่ครั้งนี้กลับเลือกทำงานร่วมกันเพื่อผลักดัน AI ให้ก้าวไปอีกขั้น 🔗 https://securityonline.info/aws-reinvent-agentic-ai-launches-with-nova-sonic-voice-partners-with-google-cloud-on-networking 💸 NVIDIA ลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ใน Synopsys เพื่อพัฒนา AI สำหรับออกแบบชิป NVIDIA ประกาศลงทุนมหาศาลกว่า 2 พันล้านดอลลาร์ใน Synopsys บริษัทซอฟต์แวร์ออกแบบชิป เพื่อผสาน Agentic AI เข้ากับกระบวนการออกแบบฮาร์ดแวร์ จุดมุ่งหมายคือการเร่งการพัฒนาชิปที่ซับซ้อนให้เสร็จเร็วขึ้นและลดข้อผิดพลาด การลงทุนครั้งนี้สะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่า AI จะเป็นหัวใจสำคัญของการออกแบบฮาร์ดแวร์ในอนาคต และยังเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้ NVIDIA ในฐานะผู้นำด้าน AI และการประมวลผล 🔗 https://securityonline.info/nvidia-invests-2-billion-in-synopsys-to-integrate-agentic-ai-into-chip-design 📱 อินเดียบังคับติดตั้งแอป Sanchar Saathi ที่ลบไม่ได้บนสมาร์ทโฟนใหม่ รัฐบาลอินเดียออกกฎใหม่ให้สมาร์ทโฟนทุกเครื่องที่ขายในประเทศต้องติดตั้งแอป Sanchar Saathi โดยไม่สามารถลบออกได้ แอปนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ที่ถูกหลอกลวงหรือถูกขโมย แต่ก็สร้างความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวและสิทธิของผู้ใช้ เพราะการบังคับติดตั้งและไม่สามารถลบออกได้อาจเปิดช่องให้เกิดการติดตามหรือควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล นี่เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการที่รัฐบาลพยายามใช้เทคโนโลยีเพื่อแก้ปัญหา แต่ก็ต้องแลกมากับคำถามด้านสิทธิและเสรีภาพ 🔗 https://securityonline.info/privacy-alert-india-mandates-undeletable-sanchar-saathi-app-on-all-new-smartphones 🛡️ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Longwatch ทำให้ระบบเฝ้าระวังถูกยึด มีรายงานจาก CISA ว่าพบช่องโหว่ร้ายแรงในระบบ Longwatch ซึ่งใช้สำหรับการเฝ้าระวังและตรวจสอบในอุตสาหกรรม OT ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถส่งคำสั่ง HTTP GET โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน และสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ SYSTEM ได้ทันที เท่ากับว่าผู้โจมตีสามารถควบคุมเซิร์ฟเวอร์เฝ้าระวังได้ทั้งหมด ปัญหานี้เกิดขึ้นในเวอร์ชัน 6.309 ถึง 6.334 และผู้พัฒนาก็ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 6.335 แล้ว ใครที่ยังใช้เวอร์ชันเก่าจำเป็นต้องอัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง 🔗 https://securityonline.info/cisa-warns-critical-longwatch-rce-flaw-cve-2025-13658-cvss-9-8-allows-unauthenticated-system-takeover-of-ot-surveillance 🐍 แพ็กเกจ Rust อันตราย "evm-units" นักพัฒนาที่ทำงานกับ Rust ต้องระวัง เพราะมีการค้นพบแพ็กเกจชื่อ "evm-units" ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อโจมตีแบบลับ ๆ โดยมุ่งเป้าไปที่นักพัฒนาในสายคริปโต ตัวแพ็กเกจนี้ถูกปล่อยออกมาเหมือนเป็นเครื่องมือปกติ แต่จริง ๆ แล้วมีโค้ดแฝงที่สามารถเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าถึงระบบได้โดยไม่รู้ตัว ถือเป็นการโจมตีที่ใช้ความไว้ใจของนักพัฒนาเป็นเครื่องมือ 🔗 https://securityonline.info/malicious-rust-package-evm-units-exposes-crypto-developers-to-stealth-attacks ⚖️ DOJ ปิดโดเมนแก๊งหลอกลวง "Tai Chang" ในพม่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) ได้เข้ายึดโดเมนที่เชื่อมโยงกับคอมพาวด์หลอกลวงชื่อ Tai Chang ในพม่า ซึ่งเป็นที่รู้จักในฐานะศูนย์กลางของการทำ "Pig Butchering" หรือการหลอกลวงทางการเงินที่ใช้การสร้างความสัมพันธ์หลอกเหยื่อให้ลงทุนก่อนจะเชิดเงินหนี การปิดโดเมนครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการสกัดกั้นเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่กำลังระบาดหนักในภูมิภาค 🔗 https://securityonline.info/doj-seizes-domain-of-burmas-notorious-tai-chang-scam-compound-to-disrupt-pig-butchering-fraud 🌐 Chrome 143 อัปเดตแก้ช่องโหว่ 13 จุด Google ได้ปล่อย Chrome เวอร์ชัน 143 ที่มาพร้อมการแก้ไขช่องโหว่ถึง 13 จุด โดยหนึ่งในนั้นคือปัญหาใหญ่ใน V8 ที่ทำให้เกิด Type Confusion ซึ่งมีนักวิจัยด้านความปลอดภัยรายหนึ่งได้รับเงินรางวัลถึง 11,000 ดอลลาร์จากการค้นพบนี้ การอัปเดตครั้งนี้ถือว่าสำคัญมากสำหรับผู้ใช้ทุกคน เพราะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกโจมตีผ่านเบราว์เซอร์ที่ใช้งานอยู่ทุกวัน ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/chrome-143-stable-fixes-13-flaws-high-severity-v8-type-confusion-earns-11000-bounty 🐘 Django พบช่องโหว่ SQL Injection ใน PostgreSQL เฟรมเวิร์ก Django ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในการพัฒนาเว็บ ถูกพบช่องโหว่ใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ FilteredRelation ร่วมกับ PostgreSQL ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้เกิด SQL Injection ได้ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในการโจมตีที่อันตรายที่สุด เพราะสามารถทำให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลในฐานข้อมูลโดยตรง ทีม Django ได้ออกคำเตือนและแนะนำให้อัปเดตเวอร์ชันเพื่อปิดช่องโหว่โดยเร็ว 🔗 https://securityonline.info/django-flaw-cve-2025-13372-allows-sql-injection-in-postgresql-filteredrelation ⚡ ช่องโหว่ร้ายแรงใน Iskra iHUB CISA ออกคำเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ในอุปกรณ์ Iskra iHUB ที่ใช้สำหรับระบบสมาร์ทมิเตอร์ ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้ายึดระบบได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตน ซึ่งหมายความว่าผู้โจมตีสามารถควบคุมการทำงานของระบบสมาร์ทมิเตอร์ได้ทั้งหมด ถือเป็นภัยคุกคามต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่สำคัญ การอัปเดตแพตช์จึงเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วน 🔗 https://securityonline.info/cisa-warns-critical-iskra-ihub-flaw-cve-2025-13510-allows-unauthenticated-smart-metering-takeover 🖥️ ปลั๊กอิน Elementor มีช่องโหว่ร้ายแรง กำลังถูกโจมตี ปลั๊กอินยอดนิยมของ WordPress อย่าง Elementor ถูกพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้ายึดสิทธิ์แอดมินได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.8 และที่น่ากังวลคือกำลังถูกโจมตีจริงในขณะนี้ ผู้ที่ใช้ปลั๊กอินนี้จำเป็นต้องอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการสูญเสียการควบคุมเว็บไซต์ 🔗 https://securityonline.info/critical-elementor-plugin-flaw-cve-2025-8489-cvss-9-8-under-active-exploitation-allows-unauthenticated-admin-takeover 🕸️ Angular พบช่องโหว่ Stored XSS เฟรมเวิร์ก Angular ถูกค้นพบช่องโหว่ที่เปิดโอกาสให้เกิดการโจมตีแบบ Stored XSS ผ่านการใช้ SVG และ MathML โดยสามารถหลบเลี่ยงการตรวจสอบได้ ช่องโหว่นี้ถือว่ามีความรุนแรงสูง เพราะทำให้ผู้โจมตีสามารถฝังโค้ดอันตรายลงในเว็บและส่งผลต่อผู้ใช้งานที่เข้ามาเยี่ยมชมได้ทันที 🔗 https://securityonline.info/high-severity-angular-flaw-cve-2025-66412-allows-stored-xss-via-svg-and-mathml-bypass 📦 ไลบรารี lz4-java ถูกยกเลิก พร้อมพบช่องโหว่ร้ายแรง มีการประกาศว่าไลบรารี lz4-java ถูกยกเลิกการพัฒนา และถูกค้นพบช่องโหว่ร้ายแรงที่ทำให้ผู้ใช้ต้องรีบย้ายไปใช้ community fork โดยทันที ช่องโหว่นี้สร้างความเสี่ยงต่อระบบที่ยังคงใช้งานไลบรารีเวอร์ชันเดิมอยู่ การย้ายไปใช้เวอร์ชันใหม่จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ 🔗 https://securityonline.info/discontinued-library-high-severity-lz4-java-flaw-cve%E2%80%902025%E2%80%9012183-forces-immediate-migration-to-community-fork 🚀 สตาร์ทอัพ Frenetik เปิดตัวเทคโนโลยีหลอกลวง AI บริษัทสตาร์ทอัพด้านไซเบอร์ชื่อ Frenetik เปิดตัวด้วยเทคโนโลยีการหลอกลวงที่จดสิทธิบัตร โดยตั้งเป้าใช้เทคนิคนี้เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้าน AI ที่ทวีความรุนแรงขึ้น เทคโนโลยีนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างกับดักและทำให้ผู้โจมตีสับสน ถือเป็นแนวทางใหม่ที่น่าสนใจในการป้องกันภัยไซเบอร์ 🔗 https://securityonline.info/cyber-startup-frenetik-launches-with-patented-deception-technology-that-bets-against-the-ai-arms-race
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Chrome 143 อัปเดตใหญ่ – อุดช่องโหว่ 13 จุด พร้อมบั๊ก V8 ร้ายแรง”

    Google ได้ปล่อย Chrome 143 Stable ซึ่งเป็นการอัปเดตด้านความปลอดภัยครั้งสำคัญ โดยแก้ไขช่องโหว่รวม 13 จุด ครอบคลุมทั้ง Windows, macOS และ Linux ไฮไลต์คือ CVE-2025-13630 ซึ่งเป็นบั๊ก “Type Confusion” ใน V8 JavaScript Engine ที่อาจทำให้เกิด memory corruption และการรันโค้ดอันตรายได้ ช่องโหว่นี้ถูกค้นพบโดยนักวิจัย Shreyas Penkar และได้รับรางวัล Bug Bounty มูลค่า 11,000 ดอลลาร์

    นอกจาก V8 แล้ว ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ในส่วนอื่น ๆ เช่น Google Updater (CVE-2025-13631) ที่อาจถูกใช้เพื่อยกระดับสิทธิ์การเข้าถึง, ช่องโหว่ “Use-After-Free” ใน Digital Credentials (CVE-2025-13633), และบั๊กใน Chrome DevTools (CVE-2025-13632) ที่อาจถูกใช้โจมตีผ่าน social engineering หรือ self-XSS

    Google ได้จำกัดการเปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกของบั๊กเพื่อป้องกันการนำไปใช้โจมตีในวงกว้าง และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดต Chrome โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เมนู Help > About Google Chrome เพื่อบังคับการอัปเดตทันที

    การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความสำคัญของการจัดการช่องโหว่ในเบราว์เซอร์ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกใช้มากที่สุดในโลก และมักเป็นเป้าหมายหลักของผู้โจมตี โดยเฉพาะบั๊กใน V8 ที่ถูกใช้เป็นช่องทางโจมตีบ่อยครั้งในอดีต

    สรุปเป็นหัวข้อ
    รายละเอียดการอัปเดต Chrome 143
    แก้ไขช่องโหว่รวม 13 จุด
    รองรับ Windows, macOS และ Linux
    จำกัดการเปิดเผยรายละเอียดเพื่อป้องกันการโจมตี

    ช่องโหว่สำคัญ
    CVE-2025-13630 – Type Confusion ใน V8 (Bug Bounty 11,000 ดอลลาร์)
    CVE-2025-13631 – Google Updater (Privilege Escalation)
    CVE-2025-13633 – Use-After-Free ใน Digital Credentials
    CVE-2025-13632 – DevTools Flaw

    ข้อควรระวัง
    ผู้โจมตีอาจใช้ช่องโหว่เพื่อรันโค้ดอันตราย
    V8 เป็นเป้าหมายโจมตีบ่อยครั้งในอดีต
    หากไม่อัปเดตทันที อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    https://securityonline.info/chrome-143-stable-fixes-13-flaws-high-severity-v8-type-confusion-earns-11000-bounty/
    🔒 “Chrome 143 อัปเดตใหญ่ – อุดช่องโหว่ 13 จุด พร้อมบั๊ก V8 ร้ายแรง” Google ได้ปล่อย Chrome 143 Stable ซึ่งเป็นการอัปเดตด้านความปลอดภัยครั้งสำคัญ โดยแก้ไขช่องโหว่รวม 13 จุด ครอบคลุมทั้ง Windows, macOS และ Linux ไฮไลต์คือ CVE-2025-13630 ซึ่งเป็นบั๊ก “Type Confusion” ใน V8 JavaScript Engine ที่อาจทำให้เกิด memory corruption และการรันโค้ดอันตรายได้ ช่องโหว่นี้ถูกค้นพบโดยนักวิจัย Shreyas Penkar และได้รับรางวัล Bug Bounty มูลค่า 11,000 ดอลลาร์ นอกจาก V8 แล้ว ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ในส่วนอื่น ๆ เช่น Google Updater (CVE-2025-13631) ที่อาจถูกใช้เพื่อยกระดับสิทธิ์การเข้าถึง, ช่องโหว่ “Use-After-Free” ใน Digital Credentials (CVE-2025-13633), และบั๊กใน Chrome DevTools (CVE-2025-13632) ที่อาจถูกใช้โจมตีผ่าน social engineering หรือ self-XSS Google ได้จำกัดการเปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกของบั๊กเพื่อป้องกันการนำไปใช้โจมตีในวงกว้าง และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดต Chrome โดยสามารถตรวจสอบได้ที่เมนู Help > About Google Chrome เพื่อบังคับการอัปเดตทันที การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความสำคัญของการจัดการช่องโหว่ในเบราว์เซอร์ ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ถูกใช้มากที่สุดในโลก และมักเป็นเป้าหมายหลักของผู้โจมตี โดยเฉพาะบั๊กใน V8 ที่ถูกใช้เป็นช่องทางโจมตีบ่อยครั้งในอดีต 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ รายละเอียดการอัปเดต Chrome 143 ➡️ แก้ไขช่องโหว่รวม 13 จุด ➡️ รองรับ Windows, macOS และ Linux ➡️ จำกัดการเปิดเผยรายละเอียดเพื่อป้องกันการโจมตี ✅ ช่องโหว่สำคัญ ➡️ CVE-2025-13630 – Type Confusion ใน V8 (Bug Bounty 11,000 ดอลลาร์) ➡️ CVE-2025-13631 – Google Updater (Privilege Escalation) ➡️ CVE-2025-13633 – Use-After-Free ใน Digital Credentials ➡️ CVE-2025-13632 – DevTools Flaw ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผู้โจมตีอาจใช้ช่องโหว่เพื่อรันโค้ดอันตราย ⛔ V8 เป็นเป้าหมายโจมตีบ่อยครั้งในอดีต ⛔ หากไม่อัปเดตทันที อาจเสี่ยงต่อการถูกโจมตี https://securityonline.info/chrome-143-stable-fixes-13-flaws-high-severity-v8-type-confusion-earns-11000-bounty/
    SECURITYONLINE.INFO
    Chrome 143 Stable Fixes 13 Flaws: High-Severity V8 Type Confusion Earns $11,000 Bounty
    Google rolled out Chrome 143 stable, patching 13 vulnerabilities. Key fixes include a High-severity V8 Type Confusion flaw (CVE-2025-13630) and an Updater vulnerability that risk code execution. Update immediately.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI Security – โอกาสและความเสี่ยงในยุค Shadow AI”

    องค์กรทั่วโลกกำลังเร่งนำ AI มาใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ตั้งแต่การตรวจจับภัยคุกคาม การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการสร้างรายงานอัตโนมัติ ข้อดีคือช่วยลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์และลดต้นทุนจากการโจมตีได้อย่างมหาศาล เช่น รายงานของ IBM ระบุว่าองค์กรที่ใช้ AI อย่างจริงจังสามารถลดเวลาการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน และประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหม่ที่เรียกว่า “Shadow AI” กำลังกลายเป็นภัยเงียบในองค์กร พนักงานจำนวนมากนำเครื่องมือ AI มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าย IT ทำให้ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการควบคุม ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและเพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูล เช่น มีการประเมินว่าความเสียหายจาก Shadow AI อาจสูงถึง 670,000 ดอลลาร์ต่อเหตุการณ์

    นอกจากนี้ แนวโน้มปี 2025–2026 ยังชี้ว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกัน แต่ถูกใช้โดยผู้โจมตีเช่นกัน ทั้งการสร้าง Deepfake เพื่อหลอกลวง การทำฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น และการสร้างมัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ทำให้เกิด “แข่งอาวุธไซเบอร์” ระหว่างฝ่ายป้องกันและฝ่ายโจมตีที่ใช้ AI ทั้งคู่

    สิ่งที่ CISO และผู้บริหารควรถามก่อนเลือกใช้โซลูชัน AI คือ ความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ ระดับการกำกับดูแล และความสามารถของผู้ขายในการป้องกันข้อมูล รวมถึงการวางมาตรการตรวจจับ Shadow AI และการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่เข้มแข็ง เพื่อให้การใช้ AI เป็นพลังบวก ไม่ใช่ช่องโหว่ใหม่ที่ยากควบคุม

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การใช้ AI ในการป้องกันภัยไซเบอร์
    ลดเวลาในการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน
    ประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์
    ใช้ในงานตรวจจับภัยคุกคาม, วิเคราะห์ข้อมูล, สร้างรายงานอัตโนมัติ

    แนวโน้มการใช้ AI ในองค์กร
    Vendor และ Startup แข่งกันนำ AI มาใส่ในโซลูชัน
    ใช้ Generative AI ในการสร้างรายงานและช่วย Threat Hunting
    AI Agent เริ่มถูกใช้ในงาน Malware Analysis และ Code Interpretation

    ความเสี่ยงจาก Shadow AI
    พนักงานใช้เครื่องมือ AI โดยไม่ได้รับอนุญาต
    ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้ควบคุม
    เพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูลเฉลี่ย 670,000 ดอลลาร์

    การโจมตีที่ใช้ AI
    Deepfake และฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น
    มัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อหลบการตรวจจับ
    การโจมตีแบบอัตโนมัติที่เร็วและยากต่อการรับมือ

    https://www.csoonline.com/article/4094763/key-questions-cisos-must-ask-before-adopting-ai-enabled-cyber-solutions.html
    🛡️ “AI Security – โอกาสและความเสี่ยงในยุค Shadow AI” องค์กรทั่วโลกกำลังเร่งนำ AI มาใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ตั้งแต่การตรวจจับภัยคุกคาม การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการสร้างรายงานอัตโนมัติ ข้อดีคือช่วยลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์และลดต้นทุนจากการโจมตีได้อย่างมหาศาล เช่น รายงานของ IBM ระบุว่าองค์กรที่ใช้ AI อย่างจริงจังสามารถลดเวลาการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน และประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหม่ที่เรียกว่า “Shadow AI” กำลังกลายเป็นภัยเงียบในองค์กร พนักงานจำนวนมากนำเครื่องมือ AI มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าย IT ทำให้ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการควบคุม ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและเพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูล เช่น มีการประเมินว่าความเสียหายจาก Shadow AI อาจสูงถึง 670,000 ดอลลาร์ต่อเหตุการณ์ นอกจากนี้ แนวโน้มปี 2025–2026 ยังชี้ว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกัน แต่ถูกใช้โดยผู้โจมตีเช่นกัน ทั้งการสร้าง Deepfake เพื่อหลอกลวง การทำฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น และการสร้างมัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ทำให้เกิด “แข่งอาวุธไซเบอร์” ระหว่างฝ่ายป้องกันและฝ่ายโจมตีที่ใช้ AI ทั้งคู่ สิ่งที่ CISO และผู้บริหารควรถามก่อนเลือกใช้โซลูชัน AI คือ ความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ ระดับการกำกับดูแล และความสามารถของผู้ขายในการป้องกันข้อมูล รวมถึงการวางมาตรการตรวจจับ Shadow AI และการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่เข้มแข็ง เพื่อให้การใช้ AI เป็นพลังบวก ไม่ใช่ช่องโหว่ใหม่ที่ยากควบคุม 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การใช้ AI ในการป้องกันภัยไซเบอร์ ➡️ ลดเวลาในการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน ➡️ ประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์ ➡️ ใช้ในงานตรวจจับภัยคุกคาม, วิเคราะห์ข้อมูล, สร้างรายงานอัตโนมัติ ✅ แนวโน้มการใช้ AI ในองค์กร ➡️ Vendor และ Startup แข่งกันนำ AI มาใส่ในโซลูชัน ➡️ ใช้ Generative AI ในการสร้างรายงานและช่วย Threat Hunting ➡️ AI Agent เริ่มถูกใช้ในงาน Malware Analysis และ Code Interpretation ‼️ ความเสี่ยงจาก Shadow AI ⛔ พนักงานใช้เครื่องมือ AI โดยไม่ได้รับอนุญาต ⛔ ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้ควบคุม ⛔ เพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูลเฉลี่ย 670,000 ดอลลาร์ ‼️ การโจมตีที่ใช้ AI ⛔ Deepfake และฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น ⛔ มัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อหลบการตรวจจับ ⛔ การโจมตีแบบอัตโนมัติที่เร็วและยากต่อการรับมือ https://www.csoonline.com/article/4094763/key-questions-cisos-must-ask-before-adopting-ai-enabled-cyber-solutions.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Key questions CISOs must ask before adopting AI-enabled cyber solutions
    From assessing your organizational risk tolerance to vetting the vendor’s long-term viability, AI-powered capabilities present complexities and nuances that require a deep commitment to determining fit.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • การใช้ AI พุ่งสูง แต่การกำกับยังตามไม่ทัน

    รายงานเผยว่า 83% ขององค์กรใช้ AI ในการดำเนินงานประจำวัน แต่มีเพียง 13% ที่มีการตรวจสอบการจัดการข้อมูลอย่างเข้มงวด สิ่งนี้สะท้อนถึงช่องว่างระหว่างการนำ AI มาใช้กับการสร้างระบบกำกับดูแลที่เหมาะสม องค์กรส่วนใหญ่ยังใช้โมเดลการจัดการตัวตนแบบมนุษย์ ซึ่งไม่สามารถรองรับความเร็วและขอบเขตการทำงานของ AI ได้

    Shadow Identity: ตัวตนใหม่ที่ไม่เคยหลับ
    AI ถูกเปรียบเสมือน “ตัวตนใหม่” ที่ทำงานตลอดเวลาและเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่ามนุษย์ ผลสำรวจพบว่า สองในสามขององค์กรตรวจพบว่า AI เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเกินสิทธิ์ และ 23% ไม่มีการควบคุม Prompt หรือ Output เลย โดยเฉพาะ Autonomous AI Agents ที่ถูกมองว่าเป็นระบบที่ยากที่สุดในการรักษาความปลอดภัย

    ความเสี่ยงและความไม่พร้อม
    57% ขององค์กรไม่สามารถบล็อกการกระทำที่เสี่ยงของ AI ได้แบบ Real-Time
    เกือบครึ่งไม่มีการตรวจสอบการใช้งาน AI เลย และอีกหนึ่งในสามมีเพียงการตรวจสอบขั้นพื้นฐาน
    เพียง 7% มีทีมกำกับดูแล AI โดยเฉพาะ และ 11% รู้สึกว่าพร้อมต่อกฎระเบียบใหม่

    สิ่งนี้ทำให้หลายองค์กรไม่รู้ว่า AI กำลังทำงานที่ไหน และกำลังเข้าถึงข้อมูลใดอยู่

    แนวทางที่รายงานแนะนำ
    รายงานเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนไปสู่ Data-Centric AI Oversight โดยเน้น
    การค้นหาการใช้งาน AI อย่างต่อเนื่อง
    การตรวจสอบ Prompt และ Output แบบ Real-Time
    การสร้างนโยบายตัวตนที่มอง AI เป็น Actor แยกต่างหาก พร้อมกำหนดสิทธิ์ตามความอ่อนไหวของข้อมูล

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การใช้ AI ในองค์กร
    83% ใช้ AI ในงานประจำวัน
    มีเพียง 13% ที่ตรวจสอบการจัดการข้อมูลอย่างเข้มงวด

    Shadow Identity
    AI กลายเป็นตัวตนใหม่ที่ทำงานตลอดเวลา
    2 ใน 3 องค์กรพบว่า AI เข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์
    23% ไม่มีการควบคุม Prompt หรือ Output

    ความเสี่ยงที่พบ
    57% ไม่สามารถบล็อกการกระทำเสี่ยงของ AI ได้แบบ Real-Time
    เกือบครึ่งไม่มีการตรวจสอบการใช้งาน AI
    เพียง 7% มีทีมกำกับดูแล AI โดยเฉพาะ

    แนวทางแก้ไขที่แนะนำ
    ใช้ Data-Centric AI Oversight
    ตรวจสอบ Prompt และ Output แบบ Real-Time
    กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงตามความอ่อนไหวของข้อมูล

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หากไม่กำกับดูแล AI อาจเกิด Shadow Identity ที่เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ถูกตรวจสอบ
    การละเลยการตรวจสอบ Prompt และ Output เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล
    การไม่เตรียมพร้อมต่อกฎระเบียบใหม่ อาจทำให้องค์กรถูกลงโทษหรือเสียความน่าเชื่อถือ

    https://securityonline.info/ai-adoption-surges-while-governance-lags-report-warns-of-growing-shadow-identity-risk/
    🤖 การใช้ AI พุ่งสูง แต่การกำกับยังตามไม่ทัน รายงานเผยว่า 83% ขององค์กรใช้ AI ในการดำเนินงานประจำวัน แต่มีเพียง 13% ที่มีการตรวจสอบการจัดการข้อมูลอย่างเข้มงวด สิ่งนี้สะท้อนถึงช่องว่างระหว่างการนำ AI มาใช้กับการสร้างระบบกำกับดูแลที่เหมาะสม องค์กรส่วนใหญ่ยังใช้โมเดลการจัดการตัวตนแบบมนุษย์ ซึ่งไม่สามารถรองรับความเร็วและขอบเขตการทำงานของ AI ได้ 🕵️‍♂️ Shadow Identity: ตัวตนใหม่ที่ไม่เคยหลับ AI ถูกเปรียบเสมือน “ตัวตนใหม่” ที่ทำงานตลอดเวลาและเข้าถึงข้อมูลได้มากกว่ามนุษย์ ผลสำรวจพบว่า สองในสามขององค์กรตรวจพบว่า AI เข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเกินสิทธิ์ และ 23% ไม่มีการควบคุม Prompt หรือ Output เลย โดยเฉพาะ Autonomous AI Agents ที่ถูกมองว่าเป็นระบบที่ยากที่สุดในการรักษาความปลอดภัย ⚠️ ความเสี่ยงและความไม่พร้อม 💠 57% ขององค์กรไม่สามารถบล็อกการกระทำที่เสี่ยงของ AI ได้แบบ Real-Time 💠 เกือบครึ่งไม่มีการตรวจสอบการใช้งาน AI เลย และอีกหนึ่งในสามมีเพียงการตรวจสอบขั้นพื้นฐาน 💠 เพียง 7% มีทีมกำกับดูแล AI โดยเฉพาะ และ 11% รู้สึกว่าพร้อมต่อกฎระเบียบใหม่ สิ่งนี้ทำให้หลายองค์กรไม่รู้ว่า AI กำลังทำงานที่ไหน และกำลังเข้าถึงข้อมูลใดอยู่ 🔑 แนวทางที่รายงานแนะนำ รายงานเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนไปสู่ Data-Centric AI Oversight โดยเน้น 💠 การค้นหาการใช้งาน AI อย่างต่อเนื่อง 💠 การตรวจสอบ Prompt และ Output แบบ Real-Time 💠 การสร้างนโยบายตัวตนที่มอง AI เป็น Actor แยกต่างหาก พร้อมกำหนดสิทธิ์ตามความอ่อนไหวของข้อมูล 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การใช้ AI ในองค์กร ➡️ 83% ใช้ AI ในงานประจำวัน ➡️ มีเพียง 13% ที่ตรวจสอบการจัดการข้อมูลอย่างเข้มงวด ✅ Shadow Identity ➡️ AI กลายเป็นตัวตนใหม่ที่ทำงานตลอดเวลา ➡️ 2 ใน 3 องค์กรพบว่า AI เข้าถึงข้อมูลเกินสิทธิ์ ➡️ 23% ไม่มีการควบคุม Prompt หรือ Output ✅ ความเสี่ยงที่พบ ➡️ 57% ไม่สามารถบล็อกการกระทำเสี่ยงของ AI ได้แบบ Real-Time ➡️ เกือบครึ่งไม่มีการตรวจสอบการใช้งาน AI ➡️ เพียง 7% มีทีมกำกับดูแล AI โดยเฉพาะ ✅ แนวทางแก้ไขที่แนะนำ ➡️ ใช้ Data-Centric AI Oversight ➡️ ตรวจสอบ Prompt และ Output แบบ Real-Time ➡️ กำหนดสิทธิ์การเข้าถึงตามความอ่อนไหวของข้อมูล ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หากไม่กำกับดูแล AI อาจเกิด Shadow Identity ที่เข้าถึงข้อมูลโดยไม่ถูกตรวจสอบ ⛔ การละเลยการตรวจสอบ Prompt และ Output เสี่ยงต่อการรั่วไหลของข้อมูล ⛔ การไม่เตรียมพร้อมต่อกฎระเบียบใหม่ อาจทำให้องค์กรถูกลงโทษหรือเสียความน่าเชื่อถือ https://securityonline.info/ai-adoption-surges-while-governance-lags-report-warns-of-growing-shadow-identity-risk/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts