• หลังจากรอกันมาหลายปี ในที่สุดกล้อง “LSST” ที่ติดตั้งอยู่บนหอดูดาว Vera C. Rubin Observatory ในประเทศชิลี ก็ได้ฤกษ์ถ่ายภาพทดสอบเป็นครั้งแรก — และผลลัพธ์เรียกได้ว่า “สมกับที่รอ”

    กล้องตัวนี้มีขนาดใหญ่มากระดับ “เท่ารถคันหนึ่ง” แถมน้ำหนักถึง 2.8 ตัน ใช้เลนส์กระจกหลักขนาด 27.5 ฟุต สะท้อนแสงผ่านกระจกอีก 2 ชิ้น ก่อนจะเข้าสู่เซนเซอร์ที่มีความละเอียดถึง 3.2 กิกะพิกเซล (ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้)

    ภาพที่ได้จากการทดสอบเพียง 10 ชั่วโมงแรกนั้น…จับภาพได้ทั้งกาแล็กซีห่างไกล, กลุ่มเนบิวลานับพันปีแสง และ — ไฮไลต์เลย — ค้นพบดาวเคราะห์น้อยใหม่กว่า 2,000 ดวง! รวมถึงวัตถุใกล้โลก (Near-Earth Asteroids) อย่างน้อย 7 ดวง แต่ข่าวดีคือไม่มีดวงไหนเข้ามาชนโลกแน่นอน

    กล้องนี้มีมุมมองกว้างมาก จับภาพท้องฟ้าได้มากถึง 40 เท่าของดวงจันทร์เต็มดวงในครั้งเดียว และจะถ่ายภาพท้องฟ้าทั้งซีกใต้ทุก 3–4 วันวนไปเรื่อย ๆ เป็นเวลา 10 ปี รวมแล้วจะได้แผนที่ของ กาแล็กซี 20,000 ล้านแห่ง และอาจไขปริศนาเรื่องสสารมืด (dark matter) หรือแม้แต่เจอดาวเคราะห์หมายเลข 9 ในระบบสุริยะก็เป็นได้!

    Vera C. Rubin Observatory ใช้กล้อง LSST ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (3.2 กิกะพิกเซล)  
    • ประกอบด้วยระบบกระจก 3 ชั้นเพื่อรวมแสงก่อนเข้าสู่เซนเซอร์  
    • ตัวกล้องใหญ่ขนาดรถยนต์ หนัก 2.8 ตัน

    ภาพทดสอบแรกใช้เวลาเพียง 10 ชั่วโมง แต่ได้ผลเกินคาด  
    • จับภาพกาแล็กซี, กลุ่มเนบิวลา Trifid และ Lagoon  
    • จับภาพวัตถุใหม่ได้มากถึง 2,104 ดวง รวมถึงดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก

    พื้นที่มองเห็นของกล้องกว้างถึง 40 เท่าของดวงจันทร์เต็มดวงต่อภาพ  
    • ถ่ายท้องฟ้าซ้ำทุก 3–4 วัน เป็นเวลารวมกว่า 10 ปี  
    • คาดว่าระบบนี้จะผลิตข้อมูลกว่า 500 เพตะไบต์

    จุดติดตั้งอยู่บนยอดเขาในเทือกเขาแอนดีส ประเทศชิลี  
    • สภาพแวดล้อมมืดสนิท เหมาะที่สุดในการสังเกตท้องฟ้า  
    • ถึงขนาดห้ามเปิดไฟสูงเมื่อขับรถขึ้นภูเขา

    ภารกิจหลักของกล้อง LSST คือทำแผนที่ท้องฟ้าใหม่ทั้งซีกใต้ และศึกษาปรากฏการณ์ลึกลับ เช่น สสารมืด, พลังงานมืด และดาวเคราะห์นอกระบบ

    https://www.techspot.com/news/108413-first-images-vera-c-rubin-observatory-car-sized.html
    หลังจากรอกันมาหลายปี ในที่สุดกล้อง “LSST” ที่ติดตั้งอยู่บนหอดูดาว Vera C. Rubin Observatory ในประเทศชิลี ก็ได้ฤกษ์ถ่ายภาพทดสอบเป็นครั้งแรก — และผลลัพธ์เรียกได้ว่า “สมกับที่รอ” กล้องตัวนี้มีขนาดใหญ่มากระดับ “เท่ารถคันหนึ่ง” แถมน้ำหนักถึง 2.8 ตัน ใช้เลนส์กระจกหลักขนาด 27.5 ฟุต สะท้อนแสงผ่านกระจกอีก 2 ชิ้น ก่อนจะเข้าสู่เซนเซอร์ที่มีความละเอียดถึง 3.2 กิกะพิกเซล (ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้) ภาพที่ได้จากการทดสอบเพียง 10 ชั่วโมงแรกนั้น…จับภาพได้ทั้งกาแล็กซีห่างไกล, กลุ่มเนบิวลานับพันปีแสง และ — ไฮไลต์เลย — ค้นพบดาวเคราะห์น้อยใหม่กว่า 2,000 ดวง! รวมถึงวัตถุใกล้โลก (Near-Earth Asteroids) อย่างน้อย 7 ดวง แต่ข่าวดีคือไม่มีดวงไหนเข้ามาชนโลกแน่นอน 😅 กล้องนี้มีมุมมองกว้างมาก จับภาพท้องฟ้าได้มากถึง 40 เท่าของดวงจันทร์เต็มดวงในครั้งเดียว และจะถ่ายภาพท้องฟ้าทั้งซีกใต้ทุก 3–4 วันวนไปเรื่อย ๆ เป็นเวลา 10 ปี รวมแล้วจะได้แผนที่ของ กาแล็กซี 20,000 ล้านแห่ง และอาจไขปริศนาเรื่องสสารมืด (dark matter) หรือแม้แต่เจอดาวเคราะห์หมายเลข 9 ในระบบสุริยะก็เป็นได้! ✅ Vera C. Rubin Observatory ใช้กล้อง LSST ที่ใหญ่ที่สุดในโลก (3.2 กิกะพิกเซล)   • ประกอบด้วยระบบกระจก 3 ชั้นเพื่อรวมแสงก่อนเข้าสู่เซนเซอร์   • ตัวกล้องใหญ่ขนาดรถยนต์ หนัก 2.8 ตัน ✅ ภาพทดสอบแรกใช้เวลาเพียง 10 ชั่วโมง แต่ได้ผลเกินคาด   • จับภาพกาแล็กซี, กลุ่มเนบิวลา Trifid และ Lagoon   • จับภาพวัตถุใหม่ได้มากถึง 2,104 ดวง รวมถึงดาวเคราะห์น้อยใกล้โลก ✅ พื้นที่มองเห็นของกล้องกว้างถึง 40 เท่าของดวงจันทร์เต็มดวงต่อภาพ   • ถ่ายท้องฟ้าซ้ำทุก 3–4 วัน เป็นเวลารวมกว่า 10 ปี   • คาดว่าระบบนี้จะผลิตข้อมูลกว่า 500 เพตะไบต์ ✅ จุดติดตั้งอยู่บนยอดเขาในเทือกเขาแอนดีส ประเทศชิลี   • สภาพแวดล้อมมืดสนิท เหมาะที่สุดในการสังเกตท้องฟ้า   • ถึงขนาดห้ามเปิดไฟสูงเมื่อขับรถขึ้นภูเขา ✅ ภารกิจหลักของกล้อง LSST คือทำแผนที่ท้องฟ้าใหม่ทั้งซีกใต้ และศึกษาปรากฏการณ์ลึกลับ เช่น สสารมืด, พลังงานมืด และดาวเคราะห์นอกระบบ https://www.techspot.com/news/108413-first-images-vera-c-rubin-observatory-car-sized.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    First incredible images from Vera Rubin observatory's car-sized camera reveal distant galaxies and asteroids
    The Legacy Survey of Space and Time (LSST) camera at the $810 million 18-storey Vera C. Rubin observatory in Chile, named after the US astronomer who discovered...
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • เทคนิคใหม่ในการสร้างภาพบนแผ่น CD โดยใช้ข้อมูลดิจิทัล
    นักพัฒนาได้รื้อฟื้น โปรเจคซอฟต์แวร์อายุเกือบ 20 ปี ที่ช่วยให้สามารถ สร้างภาพบนพื้นผิวบันทึกข้อมูลของแผ่น CD โดยใช้ การจัดเรียงข้อมูลแบบ 1s และ 0s ซึ่งแตกต่างจากเทคโนโลยี Lightscribe และ LabelTag ที่เคยใช้กันมาก่อน

    วิธีการทำงานของเทคนิคนี้
    เทคนิคนี้ใช้ การบันทึกข้อมูลเสียงเป็นภาพ ซึ่งหมายความว่า แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้ เนื่องจาก พื้นที่ทั้งหมดถูกใช้เพื่อสร้างภาพ

    ข้อมูลจากข่าว
    - เทคนิคนี้ใช้การบันทึกข้อมูลเสียงเพื่อสร้างภาพบนแผ่น CD
    = ไม่ต้องใช้ Lightscribe, LabelTag หรือฮาร์ดแวร์พิเศษ
    - สามารถใช้กับแผ่น CD ทั่วไปและไดรฟ์ CD-RW มาตรฐาน
    = อาศัยหลักการที่ว่า 1s และ 0s ที่บันทึกลงบนแผ่น CD จะสะท้อนแสงแตกต่างกัน
    - แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะกลายเป็นงานศิลปะและไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลได้

    ความแตกต่างจาก Lightscribe และ LabelTag
    Lightscribe และ LabelTag ใช้ พื้นผิวพิเศษบนแผ่น CD เพื่อให้สามารถ บันทึกภาพบนด้านที่ไม่ได้ใช้เก็บข้อมูล ขณะที่เทคนิคใหม่นี้ ใช้พื้นที่บันทึกข้อมูลโดยตรง

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้
    - ต้องใช้แผ่น CD ที่รองรับการสร้างภาพ เนื่องจากแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน
    = มีเพียง 4 แบรนด์ที่ได้รับการทดสอบ ได้แก่ Verbatim (2 รุ่น), TDK และ ePerformance
    - ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะในการสร้างไฟล์เสียงที่มีรูปแบบข้อมูล 1s และ 0s ที่เหมาะสม

    เทคนิคนี้ อาจช่วยให้ศิลปินสามารถสร้างงานศิลปะบนแผ่น CD ได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาเพิ่มเติมจะช่วยให้สามารถใช้กับแผ่น CD ได้หลากหลายขึ้นหรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-tool-burns-images-onto-compact-discs-recording-area-using-ones-and-zeros-unlike-lightscribe-the-technique-works-on-any-disc
    💿 เทคนิคใหม่ในการสร้างภาพบนแผ่น CD โดยใช้ข้อมูลดิจิทัล นักพัฒนาได้รื้อฟื้น โปรเจคซอฟต์แวร์อายุเกือบ 20 ปี ที่ช่วยให้สามารถ สร้างภาพบนพื้นผิวบันทึกข้อมูลของแผ่น CD โดยใช้ การจัดเรียงข้อมูลแบบ 1s และ 0s ซึ่งแตกต่างจากเทคโนโลยี Lightscribe และ LabelTag ที่เคยใช้กันมาก่อน 🔍 วิธีการทำงานของเทคนิคนี้ เทคนิคนี้ใช้ การบันทึกข้อมูลเสียงเป็นภาพ ซึ่งหมายความว่า แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้ เนื่องจาก พื้นที่ทั้งหมดถูกใช้เพื่อสร้างภาพ ✅ ข้อมูลจากข่าว - เทคนิคนี้ใช้การบันทึกข้อมูลเสียงเพื่อสร้างภาพบนแผ่น CD = ไม่ต้องใช้ Lightscribe, LabelTag หรือฮาร์ดแวร์พิเศษ - สามารถใช้กับแผ่น CD ทั่วไปและไดรฟ์ CD-RW มาตรฐาน = อาศัยหลักการที่ว่า 1s และ 0s ที่บันทึกลงบนแผ่น CD จะสะท้อนแสงแตกต่างกัน - แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะกลายเป็นงานศิลปะและไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลได้ 🔥 ความแตกต่างจาก Lightscribe และ LabelTag Lightscribe และ LabelTag ใช้ พื้นผิวพิเศษบนแผ่น CD เพื่อให้สามารถ บันทึกภาพบนด้านที่ไม่ได้ใช้เก็บข้อมูล ขณะที่เทคนิคใหม่นี้ ใช้พื้นที่บันทึกข้อมูลโดยตรง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - แผ่น CD ที่ผ่านกระบวนการนี้จะไม่สามารถใช้เก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้ - ต้องใช้แผ่น CD ที่รองรับการสร้างภาพ เนื่องจากแต่ละแบรนด์มีความแตกต่างกัน = มีเพียง 4 แบรนด์ที่ได้รับการทดสอบ ได้แก่ Verbatim (2 รุ่น), TDK และ ePerformance - ต้องใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะในการสร้างไฟล์เสียงที่มีรูปแบบข้อมูล 1s และ 0s ที่เหมาะสม เทคนิคนี้ อาจช่วยให้ศิลปินสามารถสร้างงานศิลปะบนแผ่น CD ได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์พิเศษ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามว่าการพัฒนาเพิ่มเติมจะช่วยให้สามารถใช้กับแผ่น CD ได้หลากหลายขึ้นหรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/new-tool-burns-images-onto-compact-discs-recording-area-using-ones-and-zeros-unlike-lightscribe-the-technique-works-on-any-disc
    0 Comments 0 Shares 171 Views 0 Reviews
  • ควันหลงจากงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่ประเทศจีน สืบเนื่องจาก ‘เงื่อนจีน’ หรือที่เรียกว่า ‘จงกั๋วเจี๋ย’ (中国结) ถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของงาน แม้แต่พิธีปิดยังมีให้เห็น เพื่อนเพจหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้างอยู่แล้ว วันนี้เรามาคุยกันเบาๆ เกี่ยวกับเงื่อนจีน

    คำว่าเงื่อนหรือ ‘เจี๋ย’ นั้น ในความหมายจีนแปลได้อีกว่าความผูกพันหรือความเชื่อมโยงหรือความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน จึงเป็นที่มาของการถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ภายใต้คำขวัญ “ก้าวสู่อนาคตไปด้วยกัน”

    เงื่อนจีนถูกค้นพบขึ้นเมื่อใดไม่ชัดเจน ทราบแต่ว่ามนุษย์เรารู้จักการผูกเงื่อนมาตั้งแต่สมัยยุคหิน ในสมัยดึกดำบรรพ์ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องมือล่าสัตว์หรือเครื่องมือช่วยดำรงชีพอื่นๆ และลวดลายและวิธีผูกเงื่อนพัฒนามาเรื่อยๆ หลังจากนั้น ในยุคสมัยชุนชิว เงื่อนจีนถูกนำมาใช้อย่างหลากหลาย เช่นเป็นกระดุม ใช้ผูกพวงเหรียญไว้พกพา และถูกนำมาใช้ในการสื่อสารหรือจดจำเหตุการณ์ ในบันทึกเกี่ยวกับราชวงศ์ฮั่น (ปี 202 ก่อนคริสตกาล - ปีค.ศ. 220) มีการกล่าวถึงหลักการจารึกเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ว่า ‘เหตุการณ์ใหญ่ ใช้เงื่อนใหญ่ เรื่องเล็ก ใช้เงื่อนเล็ก’ และมีการใช้ลายเงื่อนที่แตกต่างกันสำหรับหมวดหมู่ที่แตกต่างของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

    เงื่อนจีนถูกยกระดับเป็นศิลปะอย่างหนึ่งและแพร่หลายเป็นอย่างมากในยุคสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง มีการนำมาใช้เป็นสร้อยหรืออุบะสำหรับเครื่องประดับหลายชนิดเช่นป้ายหยก พัด ขลุ่ย กระบี่ ถุงหอม ฯลฯ และในยุคสมัยราชวงศ์หมิงและชิงก็ยิ่งพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นในเรื่องของความหลากหลายของลวดลายและความวิจิตร มีการตั้งชื่อและคิดค้นลายใหม่ๆ ขึ้นมากมาย รวมถึงการนำมาใช้ประดับบ้านเรือน

    เงื่อนจีนแตกต่างจากเงื่อนในวัฒนธรรมฟากตะวันตกอย่างไร? เอกลักษณ์ของเงื่อนจีนคือผูกขึ้นด้วยเชือกเส้นเดียวเท่านั้น เป็นการผูกสองชั้นดังนั้นลายหน้าหลังจะเหมือนกัน Storyฯ อ่านเจอว่าเงื่อนจีนที่วางขายในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้เชือกยาวมาตรฐานประมาณหนึ่งเมตร

    ลายเงื่อนจีนมีใช้เป็นสัญลักษณ์ในหลายกรณี เช่นเพื่อเป็นของมงคล หรือปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความผูกพัน ชื่อเรียกก็มีหลากหลาย โดยลายที่เราเห็นในงานโอลิมปิกฤดูหนาวปีนี้ (ดูภาพประกอบ) มีชื่อเรียกว่า ‘เงื่อนมงคล’ (จี๋เสียงเจี๋ย/吉祥结) ว่ากันว่าลายพื้นฐานนี้เป็นหนึ่งในลายที่เก่าแก่ที่สุดของเงื่อนจีน พัฒนาขึ้นมาในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุข โชคลาภ รวมถึงช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย

    (หมายเหตุ เพื่อนเพจที่สนใจชนิดของเงื่อนต่างๆ ดูได้ที่นี่ค่ะ https://tcm.dtam.moph.go.th/images/files/kch002.pdf)

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.fudan.edu.cn/en/2022/0208/c1092a130100/page.htm
    https://www.chinadaily.com.cn/a/202202/21/WS62134c14a310cdd39bc87f6d_5.html
    https://kknews.cc/culture/25y4r.html
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://kknews.cc/culture/yjgakzn.html
    https://baike.baidu.com/item/中国结/187053
    https://www.aizsg.com/post/9365.html

    #สัญลักษณ์โอลิมปิก2022 #เงื่อนจีน #ผูกเชือกจีน #จงกั๋วเจี๋ย #จี๋เสียงเจี๋ยน
    ควันหลงจากงานโอลิมปิกฤดูหนาวที่ประเทศจีน สืบเนื่องจาก ‘เงื่อนจีน’ หรือที่เรียกว่า ‘จงกั๋วเจี๋ย’ (中国结) ถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของงาน แม้แต่พิธีปิดยังมีให้เห็น เพื่อนเพจหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้างอยู่แล้ว วันนี้เรามาคุยกันเบาๆ เกี่ยวกับเงื่อนจีน คำว่าเงื่อนหรือ ‘เจี๋ย’ นั้น ในความหมายจีนแปลได้อีกว่าความผูกพันหรือความเชื่อมโยงหรือความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน จึงเป็นที่มาของการถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ของงานโอลิมปิกฤดูหนาว 2022 ภายใต้คำขวัญ “ก้าวสู่อนาคตไปด้วยกัน” เงื่อนจีนถูกค้นพบขึ้นเมื่อใดไม่ชัดเจน ทราบแต่ว่ามนุษย์เรารู้จักการผูกเงื่อนมาตั้งแต่สมัยยุคหิน ในสมัยดึกดำบรรพ์ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องมือล่าสัตว์หรือเครื่องมือช่วยดำรงชีพอื่นๆ และลวดลายและวิธีผูกเงื่อนพัฒนามาเรื่อยๆ หลังจากนั้น ในยุคสมัยชุนชิว เงื่อนจีนถูกนำมาใช้อย่างหลากหลาย เช่นเป็นกระดุม ใช้ผูกพวงเหรียญไว้พกพา และถูกนำมาใช้ในการสื่อสารหรือจดจำเหตุการณ์ ในบันทึกเกี่ยวกับราชวงศ์ฮั่น (ปี 202 ก่อนคริสตกาล - ปีค.ศ. 220) มีการกล่าวถึงหลักการจารึกเหตุการณ์ต่างๆ ไว้ว่า ‘เหตุการณ์ใหญ่ ใช้เงื่อนใหญ่ เรื่องเล็ก ใช้เงื่อนเล็ก’ และมีการใช้ลายเงื่อนที่แตกต่างกันสำหรับหมวดหมู่ที่แตกต่างของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เงื่อนจีนถูกยกระดับเป็นศิลปะอย่างหนึ่งและแพร่หลายเป็นอย่างมากในยุคสมัยราชวงศ์ถังและซ่ง มีการนำมาใช้เป็นสร้อยหรืออุบะสำหรับเครื่องประดับหลายชนิดเช่นป้ายหยก พัด ขลุ่ย กระบี่ ถุงหอม ฯลฯ และในยุคสมัยราชวงศ์หมิงและชิงก็ยิ่งพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นในเรื่องของความหลากหลายของลวดลายและความวิจิตร มีการตั้งชื่อและคิดค้นลายใหม่ๆ ขึ้นมากมาย รวมถึงการนำมาใช้ประดับบ้านเรือน เงื่อนจีนแตกต่างจากเงื่อนในวัฒนธรรมฟากตะวันตกอย่างไร? เอกลักษณ์ของเงื่อนจีนคือผูกขึ้นด้วยเชือกเส้นเดียวเท่านั้น เป็นการผูกสองชั้นดังนั้นลายหน้าหลังจะเหมือนกัน Storyฯ อ่านเจอว่าเงื่อนจีนที่วางขายในปัจจุบันส่วนใหญ่ใช้เชือกยาวมาตรฐานประมาณหนึ่งเมตร ลายเงื่อนจีนมีใช้เป็นสัญลักษณ์ในหลายกรณี เช่นเพื่อเป็นของมงคล หรือปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และใช้เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความผูกพัน ชื่อเรียกก็มีหลากหลาย โดยลายที่เราเห็นในงานโอลิมปิกฤดูหนาวปีนี้ (ดูภาพประกอบ) มีชื่อเรียกว่า ‘เงื่อนมงคล’ (จี๋เสียงเจี๋ย/吉祥结) ว่ากันว่าลายพื้นฐานนี้เป็นหนึ่งในลายที่เก่าแก่ที่สุดของเงื่อนจีน พัฒนาขึ้นมาในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นสัญลักษณ์ของความสงบสุข โชคลาภ รวมถึงช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย (หมายเหตุ เพื่อนเพจที่สนใจชนิดของเงื่อนต่างๆ ดูได้ที่นี่ค่ะ https://tcm.dtam.moph.go.th/images/files/kch002.pdf) (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.fudan.edu.cn/en/2022/0208/c1092a130100/page.htm https://www.chinadaily.com.cn/a/202202/21/WS62134c14a310cdd39bc87f6d_5.html https://kknews.cc/culture/25y4r.html Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://kknews.cc/culture/yjgakzn.html https://baike.baidu.com/item/中国结/187053 https://www.aizsg.com/post/9365.html #สัญลักษณ์โอลิมปิก2022 #เงื่อนจีน #ผูกเชือกจีน #จงกั๋วเจี๋ย #จี๋เสียงเจี๋ยน
    1 Comments 0 Shares 579 Views 0 Reviews
  • KDE เตรียมเปิดตัว "Karton" ระบบจัดการเครื่องเสมือนแบบเนทีฟ

    KDE กำลังพัฒนา Karton ซึ่งเป็น Virtual Machine Manager (VMM) ที่ออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบภายใน Plasma Desktop โดยโครงการนี้เริ่มต้นจาก Aaron Rainbolt ที่พัฒนา QEMU frontend และต่อมาถูกพัฒนาโดย Harald Sitter ในโครงการ Google Summer of Code (GSoC) ปัจจุบัน Derek Lin นักศึกษาจาก University of Waterloo กำลังพัฒนา Karton ใน GSoC 2025

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Karton
    Karton ใช้ Qt Quick และ Kirigami เพื่อให้เข้ากับ KDE Plasma
    - ทำให้ UI มีความสวยงามและใช้งานง่าย

    ใช้ libvirt API ในการจัดการเครื่องเสมือน
    - รองรับ การตั้งค่า VM อย่างละเอียดและสามารถทำงานข้ามแพลตฟอร์มได้

    พัฒนา SPICE viewer แบบกำหนดเองโดยใช้ Qt Quick
    - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถดูและโต้ตอบกับ VM ได้โดยไม่ต้องใช้ virt-viewer

    เพิ่มฟีเจอร์ snapshot เพื่อให้สามารถกู้คืนสถานะก่อนหน้าได้
    - ทำให้ การสำรองข้อมูลและการกู้คืน VM ทำได้ง่ายขึ้น

    รองรับการติดตั้ง OS ผ่าน libosinfo แทน virt-install CLI
    - ช่วยให้ สามารถตรวจจับ OS images และสร้าง libvirt XML ได้แม่นยำขึ้น

    มี UI ที่ออกแบบให้ใช้งานง่ายและรองรับอุปกรณ์พกพา
    - อ้างอิงดีไซน์จาก MacOS UTM และปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของชุมชน KDE

    รองรับการเชื่อมต่อกับ QEMU hypervisor ทั้งแบบ session (user) และ system (root)
    - GNOME Boxes รองรับเฉพาะ session แต่ Karton จะเพิ่มการรองรับ system เพื่อให้ใช้งานกับ Hyper-V และ bhyve ได้

    https://www.neowin.net/news/kde-is-finally-getting-a-native-virtual-machine-manager-called-karton/
    KDE เตรียมเปิดตัว "Karton" ระบบจัดการเครื่องเสมือนแบบเนทีฟ KDE กำลังพัฒนา Karton ซึ่งเป็น Virtual Machine Manager (VMM) ที่ออกแบบมาให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบภายใน Plasma Desktop โดยโครงการนี้เริ่มต้นจาก Aaron Rainbolt ที่พัฒนา QEMU frontend และต่อมาถูกพัฒนาโดย Harald Sitter ในโครงการ Google Summer of Code (GSoC) ปัจจุบัน Derek Lin นักศึกษาจาก University of Waterloo กำลังพัฒนา Karton ใน GSoC 2025 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ Karton ✅ Karton ใช้ Qt Quick และ Kirigami เพื่อให้เข้ากับ KDE Plasma - ทำให้ UI มีความสวยงามและใช้งานง่าย ✅ ใช้ libvirt API ในการจัดการเครื่องเสมือน - รองรับ การตั้งค่า VM อย่างละเอียดและสามารถทำงานข้ามแพลตฟอร์มได้ ✅ พัฒนา SPICE viewer แบบกำหนดเองโดยใช้ Qt Quick - ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถดูและโต้ตอบกับ VM ได้โดยไม่ต้องใช้ virt-viewer ✅ เพิ่มฟีเจอร์ snapshot เพื่อให้สามารถกู้คืนสถานะก่อนหน้าได้ - ทำให้ การสำรองข้อมูลและการกู้คืน VM ทำได้ง่ายขึ้น ✅ รองรับการติดตั้ง OS ผ่าน libosinfo แทน virt-install CLI - ช่วยให้ สามารถตรวจจับ OS images และสร้าง libvirt XML ได้แม่นยำขึ้น ✅ มี UI ที่ออกแบบให้ใช้งานง่ายและรองรับอุปกรณ์พกพา - อ้างอิงดีไซน์จาก MacOS UTM และปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของชุมชน KDE ✅ รองรับการเชื่อมต่อกับ QEMU hypervisor ทั้งแบบ session (user) และ system (root) - GNOME Boxes รองรับเฉพาะ session แต่ Karton จะเพิ่มการรองรับ system เพื่อให้ใช้งานกับ Hyper-V และ bhyve ได้ https://www.neowin.net/news/kde-is-finally-getting-a-native-virtual-machine-manager-called-karton/
    WWW.NEOWIN.NET
    KDE is finally getting a native virtual machine manager called "Karton"
    For years, KDE users had to use Virtual Machine Managers outside the KDE ecosystem, like GNOME Boxes. Now that's changing with a new native VMM in development for KDE.
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • FreeBSD 14.3 Beta 3 เปิดตัวพร้อม KDE Plasma 6 และการปรับปรุงระบบ

    FreeBSD 14.3 Beta 3 พร้อมให้ทดสอบแล้ว โดยเป็นอีกก้าวสำคัญก่อนเปิดตัว FreeBSD 14.3-RELEASE ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 FreeBSD เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Unix-like ที่มีความเสถียรสูงและได้รับความนิยมในเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร รวมถึงบางเครื่องเล่นเกม

    รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ FreeBSD 14.3 Beta 3
    เพิ่ม KDE Plasma 6 ลงใน DVD installation images
    - ทำให้ ติดตั้งเดสก์ท็อป KDE ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องดาวน์โหลดแพ็กเกจเพิ่มเติม

    แก้ไขบั๊กที่ทำให้เครื่อง powerpc64le บูตล้มเหลว
    - ปรับปรุง ความเสถียรของระบบสำหรับสถาปัตยกรรมนี้

    ปรับปรุงการตั้งค่า PATH ใน post-install shell จาก bsdinstall
    - ช่วยให้ การตั้งค่าหลังติดตั้งทำงานได้ถูกต้องมากขึ้น

    ปรับปรุงการจัดการเฟรม 802.11 AUTH เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง BSS
    - ลด ปัญหาการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ไม่เสถียร

    สำหรับ SD card images บน ARM อุปกรณ์ยังคงใช้ชื่อผู้ใช้ "freebsd" และ "root" เป็นค่าเริ่มต้น
    - ผู้ใช้ ต้องเปลี่ยนรหัสผ่านทันทีเพื่อความปลอดภัย

    https://www.neowin.net/news/freebsd-143-beta-3-ships-with-kde-plasma-6-and-general-improvements/
    FreeBSD 14.3 Beta 3 เปิดตัวพร้อม KDE Plasma 6 และการปรับปรุงระบบ FreeBSD 14.3 Beta 3 พร้อมให้ทดสอบแล้ว โดยเป็นอีกก้าวสำคัญก่อนเปิดตัว FreeBSD 14.3-RELEASE ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวในช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2025 FreeBSD เป็นระบบปฏิบัติการแบบ Unix-like ที่มีความเสถียรสูงและได้รับความนิยมในเซิร์ฟเวอร์ระดับองค์กร รวมถึงบางเครื่องเล่นเกม 🔍 รายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับ FreeBSD 14.3 Beta 3 ✅ เพิ่ม KDE Plasma 6 ลงใน DVD installation images - ทำให้ ติดตั้งเดสก์ท็อป KDE ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องดาวน์โหลดแพ็กเกจเพิ่มเติม ✅ แก้ไขบั๊กที่ทำให้เครื่อง powerpc64le บูตล้มเหลว - ปรับปรุง ความเสถียรของระบบสำหรับสถาปัตยกรรมนี้ ✅ ปรับปรุงการตั้งค่า PATH ใน post-install shell จาก bsdinstall - ช่วยให้ การตั้งค่าหลังติดตั้งทำงานได้ถูกต้องมากขึ้น ✅ ปรับปรุงการจัดการเฟรม 802.11 AUTH เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง BSS - ลด ปัญหาการเชื่อมต่อ Wi-Fi ที่ไม่เสถียร ✅ สำหรับ SD card images บน ARM อุปกรณ์ยังคงใช้ชื่อผู้ใช้ "freebsd" และ "root" เป็นค่าเริ่มต้น - ผู้ใช้ ต้องเปลี่ยนรหัสผ่านทันทีเพื่อความปลอดภัย https://www.neowin.net/news/freebsd-143-beta-3-ships-with-kde-plasma-6-and-general-improvements/
    WWW.NEOWIN.NET
    FreeBSD 14.3 Beta 3 ships with KDE Plasma 6 and general improvements
    FreeBSD 14.3 Beta 3 has just dropped, and it brings support for the KDE Plasma 6 Desktop Environment and fixes several issues.
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้ประกาศว่า Fedora Linux เป็นดิสโทรที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการบน Windows Subsystem for Linux (WSL) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ รัน Fedora บน Windows ได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องเสมือน

    Fedora Project ใช้ สถาปัตยกรรม tar-based ใหม่ของ WSL เพื่อสร้าง WSL images โดยเริ่มต้นที่ Fedora 42 และกำลังพัฒนาให้ รองรับแอป GUI ที่ใช้ hardware acceleration บน Windows ในอนาคต

    Fedora Linux เป็นดิสโทรที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการบน WSL
    - ช่วยให้สามารถ รัน Fedora บน Windows ได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องเสมือน
    - ใช้ สถาปัตยกรรม tar-based ใหม่ของ WSL

    Fedora 42 เป็นเวอร์ชันแรกที่รองรับ WSL
    - สามารถติดตั้งได้โดยใช้คำสั่ง:

    wsl --install FedoraLinux-42
    wsl -d FedoraLinux-42

    - ผู้ใช้สามารถ ตั้งค่าชื่อผู้ใช้ได้ทันทีหลังติดตั้ง

    Fedora กำลังพัฒนาให้รองรับแอป GUI ที่ใช้ hardware acceleration บน Windows
    - จะช่วยให้ การใช้งานแอป Linux บน Windows มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    Fedora WSL image รองรับเครื่องมือยอดนิยม
    - เช่น GCC 15, LLVM 20, Golang 1.24, Ruby 3.4, PHP 8.4, Python 3.9

    Flatpak ไม่ได้รวมอยู่ใน Fedora WSL image โดยค่าเริ่มต้น
    - ผู้ใช้ที่ต้องการ Flatpak ต้องติดตั้งแยกต่างหาก

    การรองรับแอป GUI ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา
    - อาจต้องรอ การอัปเดตเพิ่มเติมในอนาคต

    https://www.neowin.net/news/fedora-linux-is-now-an-officially-supported-wsl-distro/
    Microsoft ได้ประกาศว่า Fedora Linux เป็นดิสโทรที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการบน Windows Subsystem for Linux (WSL) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถ รัน Fedora บน Windows ได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องเสมือน Fedora Project ใช้ สถาปัตยกรรม tar-based ใหม่ของ WSL เพื่อสร้าง WSL images โดยเริ่มต้นที่ Fedora 42 และกำลังพัฒนาให้ รองรับแอป GUI ที่ใช้ hardware acceleration บน Windows ในอนาคต ✅ Fedora Linux เป็นดิสโทรที่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการบน WSL - ช่วยให้สามารถ รัน Fedora บน Windows ได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องเสมือน - ใช้ สถาปัตยกรรม tar-based ใหม่ของ WSL ✅ Fedora 42 เป็นเวอร์ชันแรกที่รองรับ WSL - สามารถติดตั้งได้โดยใช้คำสั่ง: wsl --install FedoraLinux-42 wsl -d FedoraLinux-42 - ผู้ใช้สามารถ ตั้งค่าชื่อผู้ใช้ได้ทันทีหลังติดตั้ง ✅ Fedora กำลังพัฒนาให้รองรับแอป GUI ที่ใช้ hardware acceleration บน Windows - จะช่วยให้ การใช้งานแอป Linux บน Windows มีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ Fedora WSL image รองรับเครื่องมือยอดนิยม - เช่น GCC 15, LLVM 20, Golang 1.24, Ruby 3.4, PHP 8.4, Python 3.9 ‼️ Flatpak ไม่ได้รวมอยู่ใน Fedora WSL image โดยค่าเริ่มต้น - ผู้ใช้ที่ต้องการ Flatpak ต้องติดตั้งแยกต่างหาก ‼️ การรองรับแอป GUI ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา - อาจต้องรอ การอัปเดตเพิ่มเติมในอนาคต https://www.neowin.net/news/fedora-linux-is-now-an-officially-supported-wsl-distro/
    WWW.NEOWIN.NET
    Fedora Linux is now an officially supported WSL distro
    Microsoft has officially announced support for Fedora Linux as a Windows Subsystem for Linux (WSL) distribution. Users can now install Fedora 42 on WSL
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Gemini ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพได้โดยตรงภายในแอป ซึ่งเป็นการนำความสามารถด้านการปรับแต่งภาพมาไว้ในบทสนทนากับ AI

    ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่สร้างขึ้นด้วย Gemini หรืออัปโหลดภาพจากโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เพื่อปรับแต่งได้ โดยใช้ ข้อความคำสั่ง เช่น เปลี่ยนสีผมในภาพส่วนตัว เปลี่ยนพื้นหลัง หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ

    Google ระบุว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่มีบริบทมากขึ้น โดยสามารถรวมข้อความและภาพเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ภาพที่สร้างหรือแก้ไขโดย Gemini จะมี SynthID watermark แบบมองไม่เห็นเพื่อระบุว่าเป็นภาพที่สร้างโดย AI และ Google กำลังทดลองเพิ่ม watermark แบบมองเห็น ให้กับภาพทั้งหมดที่สร้างโดย Gemini

    ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานในกว่า 45 ภาษา และในหลายประเทศทั่วโลก แต่ยังไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี Google Workspace หรือ Education

    การแก้ไขภาพโดยใช้ข้อความคำสั่ง
    - ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่สร้างด้วย Gemini หรืออัปโหลดภาพเพื่อปรับแต่ง
    - สามารถเปลี่ยนสีผม เปลี่ยนพื้นหลัง หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ

    การรวมข้อความและภาพในบทสนทนา
    - ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่มีบริบทมากขึ้น
    - สามารถสร้างภาพประกอบสำหรับเรื่องราวหรือเนื้อหาที่ต้องการ

    การใช้ SynthID watermark
    - ภาพที่สร้างหรือแก้ไขโดย Gemini จะมี SynthID watermark แบบมองไม่เห็น
    - Google กำลังทดลองเพิ่ม watermark แบบมองเห็นให้กับภาพทั้งหมด

    การเปิดใช้งานทั่วโลก
    - ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานในกว่า 45 ภาษา
    - ยังไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี Google Workspace หรือ Education

    https://www.neowin.net/news/the-gemini-app-now-lets-you-edit-images-directly/
    Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Gemini ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพได้โดยตรงภายในแอป ซึ่งเป็นการนำความสามารถด้านการปรับแต่งภาพมาไว้ในบทสนทนากับ AI ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่สร้างขึ้นด้วย Gemini หรืออัปโหลดภาพจากโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เพื่อปรับแต่งได้ โดยใช้ ข้อความคำสั่ง เช่น เปลี่ยนสีผมในภาพส่วนตัว เปลี่ยนพื้นหลัง หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ Google ระบุว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่มีบริบทมากขึ้น โดยสามารถรวมข้อความและภาพเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ภาพที่สร้างหรือแก้ไขโดย Gemini จะมี SynthID watermark แบบมองไม่เห็นเพื่อระบุว่าเป็นภาพที่สร้างโดย AI และ Google กำลังทดลองเพิ่ม watermark แบบมองเห็น ให้กับภาพทั้งหมดที่สร้างโดย Gemini ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานในกว่า 45 ภาษา และในหลายประเทศทั่วโลก แต่ยังไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี Google Workspace หรือ Education ✅ การแก้ไขภาพโดยใช้ข้อความคำสั่ง - ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่สร้างด้วย Gemini หรืออัปโหลดภาพเพื่อปรับแต่ง - สามารถเปลี่ยนสีผม เปลี่ยนพื้นหลัง หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ ✅ การรวมข้อความและภาพในบทสนทนา - ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่มีบริบทมากขึ้น - สามารถสร้างภาพประกอบสำหรับเรื่องราวหรือเนื้อหาที่ต้องการ ✅ การใช้ SynthID watermark - ภาพที่สร้างหรือแก้ไขโดย Gemini จะมี SynthID watermark แบบมองไม่เห็น - Google กำลังทดลองเพิ่ม watermark แบบมองเห็นให้กับภาพทั้งหมด ✅ การเปิดใช้งานทั่วโลก - ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานในกว่า 45 ภาษา - ยังไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี Google Workspace หรือ Education https://www.neowin.net/news/the-gemini-app-now-lets-you-edit-images-directly/
    WWW.NEOWIN.NET
    The Gemini app now lets you edit images directly
    Do you use the Gemini chatbot? Google says it is now possible to edit images just by using text prompts.
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 Reviews
  • Google Photos ได้เพิ่มฟีเจอร์ Ultra HDR ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มความสดใสของภาพถ่ายได้ แม้จะเป็นภาพที่ถ่ายไปแล้วก่อนหน้านี้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ภาพมีช่วงสีที่กว้างขึ้นและสามารถปรับระดับความเข้มของ HDR ได้ผ่าน Google Photos Editor

    Ultra HDR ช่วยเพิ่มความสดใสของภาพถ่ายได้ แม้จะเป็นภาพที่ถ่ายไปแล้ว
    - ผู้ใช้สามารถเพิ่มเอฟเฟกต์ HDR ให้กับภาพที่มีอยู่ในคลังภาพ
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ภาพมีช่วงสีที่กว้างขึ้นและดูมีชีวิตชีวามากขึ้น

    สามารถปรับระดับความเข้มของ HDR ได้ผ่าน Google Photos Editor
    - ผู้ใช้สามารถเลือกความเข้มของเอฟเฟกต์ HDR ผ่าน Adjust section ในแอป Google Photos
    - ฟีเจอร์นี้จะมาแทนที่ตัวเลือก HDR Effect ที่มีอยู่เดิม

    Ultra HDR รองรับการแสดงผลบนหน้าจอ HDR และสามารถปรับให้เข้ากับหน้าจอทั่วไป
    - หากใช้งานบนอุปกรณ์ที่รองรับ HDR จะสามารถเห็นความแตกต่างของสีได้ชัดเจน
    - หากดูบนหน้าจอทั่วไป ภาพจะถูกปรับให้เข้ากับช่วงสีมาตรฐาน

    ฟีเจอร์นี้เริ่มเปิดให้ใช้งานใน Google Photos เวอร์ชัน 7.24.0.747539053
    - คาดว่าจะทยอยเปิดให้ใช้งานกับผู้ใช้ Android ในช่วงเวลาต่อไป

    https://www.techradar.com/phones/google-photos-is-letting-you-add-ultra-hdr-magic-to-your-images-after-youve-taken-them
    Google Photos ได้เพิ่มฟีเจอร์ Ultra HDR ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเพิ่มความสดใสของภาพถ่ายได้ แม้จะเป็นภาพที่ถ่ายไปแล้วก่อนหน้านี้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ภาพมีช่วงสีที่กว้างขึ้นและสามารถปรับระดับความเข้มของ HDR ได้ผ่าน Google Photos Editor ✅ Ultra HDR ช่วยเพิ่มความสดใสของภาพถ่ายได้ แม้จะเป็นภาพที่ถ่ายไปแล้ว - ผู้ใช้สามารถเพิ่มเอฟเฟกต์ HDR ให้กับภาพที่มีอยู่ในคลังภาพ - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ภาพมีช่วงสีที่กว้างขึ้นและดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ✅ สามารถปรับระดับความเข้มของ HDR ได้ผ่าน Google Photos Editor - ผู้ใช้สามารถเลือกความเข้มของเอฟเฟกต์ HDR ผ่าน Adjust section ในแอป Google Photos - ฟีเจอร์นี้จะมาแทนที่ตัวเลือก HDR Effect ที่มีอยู่เดิม ✅ Ultra HDR รองรับการแสดงผลบนหน้าจอ HDR และสามารถปรับให้เข้ากับหน้าจอทั่วไป - หากใช้งานบนอุปกรณ์ที่รองรับ HDR จะสามารถเห็นความแตกต่างของสีได้ชัดเจน - หากดูบนหน้าจอทั่วไป ภาพจะถูกปรับให้เข้ากับช่วงสีมาตรฐาน ✅ ฟีเจอร์นี้เริ่มเปิดให้ใช้งานใน Google Photos เวอร์ชัน 7.24.0.747539053 - คาดว่าจะทยอยเปิดให้ใช้งานกับผู้ใช้ Android ในช่วงเวลาต่อไป https://www.techradar.com/phones/google-photos-is-letting-you-add-ultra-hdr-magic-to-your-images-after-youve-taken-them
    0 Comments 0 Shares 230 Views 0 Reviews
  • Fedora Workstation 42 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมนำเสนอ GNOME 48 ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมาย รวมถึง การปรับปรุงแอนิเมชัน, ฟีเจอร์ด้านสุขภาพดิจิทัล และการรองรับ Windows Subsystem for Linux (WSL)

    Fedora Workstation 42 มาพร้อมกับ GNOME 48
    - มี ฟอนต์ใหม่ ได้แก่ Adwaita Sans และ Adwaita Mono
    - รองรับ dynamic triple buffering เพื่อให้แอนิเมชันลื่นไหลขึ้น
    - เพิ่ม ฟีเจอร์ด้านสุขภาพดิจิทัล เช่น การติดตามเวลาหน้าจอ, โหมด grayscale และการแจ้งเตือนให้พักสายตา

    Fedora 42 รองรับ Windows Subsystem for Linux (WSL)
    - มี ภาพติดตั้งเฉพาะสำหรับ WSL เพื่อให้ผู้ใช้ Windows สามารถทดลองใช้ Fedora ได้ง่ายขึ้น
    - รองรับการติดตั้งผ่าน tarballs, Appx packages และ Windows Store

    การปรับปรุง DNF5 (ตัวจัดการแพ็กเกจของ Fedora)
    - มี ตรรกะใหม่ ที่ช่วยลบ repository keys ที่หมดอายุหรือไม่ถูกต้อง เพื่อลดข้อผิดพลาดในการติดตั้งแพ็กเกจ

    การติดตั้งและอัปเดต Fedora 42
    - ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Fedora Workstation 42 ได้จาก เว็บไซต์ของ Fedora
    - หากใช้ Fedora อยู่แล้ว สามารถตรวจสอบการอัปเดตได้ใน Software’s updates tab

    ผลกระทบต่อผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ GNOME รุ่นก่อนหน้า
    - ผู้ใช้ที่เคยใช้ GNOME 47 อาจต้องปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลงของ UI และฟีเจอร์ใหม่

    ความท้าทายในการติดตั้ง Fedora บน WSL
    - แม้จะมีภาพติดตั้งเฉพาะสำหรับ WSL แต่ต้องตรวจสอบว่า การทำงานร่วมกับ Windows มีข้อจำกัดหรือไม่

    แนวโน้มของการพัฒนา Fedora ในอนาคต
    - Fedora อาจเพิ่ม ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการปรับแต่ง UI ในเวอร์ชันถัดไป

    https://www.neowin.net/news/fedora-workstation-42-arrives-with-gnome-48-wsl-images-and-more/
    Fedora Workstation 42 ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมนำเสนอ GNOME 48 ซึ่งมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่มากมาย รวมถึง การปรับปรุงแอนิเมชัน, ฟีเจอร์ด้านสุขภาพดิจิทัล และการรองรับ Windows Subsystem for Linux (WSL) ✅ Fedora Workstation 42 มาพร้อมกับ GNOME 48 - มี ฟอนต์ใหม่ ได้แก่ Adwaita Sans และ Adwaita Mono - รองรับ dynamic triple buffering เพื่อให้แอนิเมชันลื่นไหลขึ้น - เพิ่ม ฟีเจอร์ด้านสุขภาพดิจิทัล เช่น การติดตามเวลาหน้าจอ, โหมด grayscale และการแจ้งเตือนให้พักสายตา ✅ Fedora 42 รองรับ Windows Subsystem for Linux (WSL) - มี ภาพติดตั้งเฉพาะสำหรับ WSL เพื่อให้ผู้ใช้ Windows สามารถทดลองใช้ Fedora ได้ง่ายขึ้น - รองรับการติดตั้งผ่าน tarballs, Appx packages และ Windows Store ✅ การปรับปรุง DNF5 (ตัวจัดการแพ็กเกจของ Fedora) - มี ตรรกะใหม่ ที่ช่วยลบ repository keys ที่หมดอายุหรือไม่ถูกต้อง เพื่อลดข้อผิดพลาดในการติดตั้งแพ็กเกจ ✅ การติดตั้งและอัปเดต Fedora 42 - ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด Fedora Workstation 42 ได้จาก เว็บไซต์ของ Fedora - หากใช้ Fedora อยู่แล้ว สามารถตรวจสอบการอัปเดตได้ใน Software’s updates tab ℹ️ ผลกระทบต่อผู้ใช้ที่คุ้นเคยกับ GNOME รุ่นก่อนหน้า - ผู้ใช้ที่เคยใช้ GNOME 47 อาจต้องปรับตัวกับ การเปลี่ยนแปลงของ UI และฟีเจอร์ใหม่ ℹ️ ความท้าทายในการติดตั้ง Fedora บน WSL - แม้จะมีภาพติดตั้งเฉพาะสำหรับ WSL แต่ต้องตรวจสอบว่า การทำงานร่วมกับ Windows มีข้อจำกัดหรือไม่ ℹ️ แนวโน้มของการพัฒนา Fedora ในอนาคต - Fedora อาจเพิ่ม ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและการปรับแต่ง UI ในเวอร์ชันถัดไป https://www.neowin.net/news/fedora-workstation-42-arrives-with-gnome-48-wsl-images-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Fedora Workstation 42 arrives with GNOME 48, WSL images, and more
    Fedora Workstation 42 is now available for download. It includes loads of new features, including GNOME 48, which has notification stacking, new fonts, well-being settings, and more.
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 Reviews
  • Google Cloud Platform (GCP) พบช่องโหว่ ImageRunner ซึ่งอาจช่วยให้แฮกเกอร์เข้าถึงภาพคอนเทนเนอร์ที่ควรเป็น ข้อมูลลับ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาต ส่งผลต่อความเสี่ยงด้าน Privilege Escalation, การโจรกรรมข้อมูล และการสอดแนมทางไซเบอร์ อย่างไรก็ตาม Google ได้แก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 ก่อนที่จะถูกนำไปใช้โจมตีจริง

    ช่องโหว่เกิดจากการทำงานของ Cloud Run
    - Cloud Run เป็นแพลตฟอร์ม Serverless ที่ใช้ในการรันแอปพลิเคชันแบบคอนเทนเนอร์
    - ช่องโหว่นี้เกิดจาก "Service Agent" ซึ่งเป็น บัญชีระบบที่ Google Cloud ใช้เพื่อดึงภาพคอนเทนเนอร์ขณะทำการอัปเดต (Revision Deployment)
    - แฮกเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่นี้ เพื่อดึงภาพคอนเทนเนอร์ส่วนตัวที่มีข้อมูลลับจาก Google Container Registry และ Google Artifact Registry

    ImageRunner สามารถใช้เพื่อโจรกรรมข้อมูลได้
    - หากแฮกเกอร์ ได้รับสิทธิ์ run.services.update และ iam.serviceAccounts.actAs พวกเขาสามารถ สร้าง Revision ใหม่ใน Cloud Run และดึงภาพคอนเทนเนอร์ที่เป็นความลับขององค์กรได้
    - สามารถ สแกนหาข้อมูลสำคัญ, ดึงข้อมูลรหัสผ่าน หรือส่งออกข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก

    Google ออกมาตรการแก้ไขอย่างเข้มงวด
    - ตอนนี้ ผู้ใช้ที่สร้างหรืออัปเดต Cloud Run จะต้องมีสิทธิ์เข้าถึงคอนเทนเนอร์ภาพโดยตรง
    - Google ออก "Breaking Change" ในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งทำให้ การตั้งค่า IAM ของ Cloud Run เข้มงวดขึ้น
    - Google แจ้งเตือนผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ ผ่าน Mandatory Service Announcement ตั้งแต่ปลายปี 2024

    ผลกระทบของช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    - ช่องโหว่คล้ายกันสามารถ ถูกนำไปใช้ในรูปแบบ Supply Chain Attack เพื่อเจาะระบบคลาวด์ขององค์กร
    - หากไม่มีมาตรการป้องกัน แฮกเกอร์อาจใช้เทคนิคเดียวกันนี้เพื่อเจาะระบบคลาวด์ของบริษัทอื่น ๆ


    https://www.csoonline.com/article/3952518/google-fixes-gcp-flaw-that-could-expose-sensitive-container-images.html
    Google Cloud Platform (GCP) พบช่องโหว่ ImageRunner ซึ่งอาจช่วยให้แฮกเกอร์เข้าถึงภาพคอนเทนเนอร์ที่ควรเป็น ข้อมูลลับ โดยไม่ต้องได้รับอนุญาต ส่งผลต่อความเสี่ยงด้าน Privilege Escalation, การโจรกรรมข้อมูล และการสอดแนมทางไซเบอร์ อย่างไรก็ตาม Google ได้แก้ไขช่องโหว่ดังกล่าวตั้งแต่เดือนมกราคม 2025 ก่อนที่จะถูกนำไปใช้โจมตีจริง ✅ ช่องโหว่เกิดจากการทำงานของ Cloud Run - Cloud Run เป็นแพลตฟอร์ม Serverless ที่ใช้ในการรันแอปพลิเคชันแบบคอนเทนเนอร์ - ช่องโหว่นี้เกิดจาก "Service Agent" ซึ่งเป็น บัญชีระบบที่ Google Cloud ใช้เพื่อดึงภาพคอนเทนเนอร์ขณะทำการอัปเดต (Revision Deployment) - แฮกเกอร์สามารถใช้ช่องโหว่นี้ เพื่อดึงภาพคอนเทนเนอร์ส่วนตัวที่มีข้อมูลลับจาก Google Container Registry และ Google Artifact Registry ✅ ImageRunner สามารถใช้เพื่อโจรกรรมข้อมูลได้ - หากแฮกเกอร์ ได้รับสิทธิ์ run.services.update และ iam.serviceAccounts.actAs พวกเขาสามารถ สร้าง Revision ใหม่ใน Cloud Run และดึงภาพคอนเทนเนอร์ที่เป็นความลับขององค์กรได้ - สามารถ สแกนหาข้อมูลสำคัญ, ดึงข้อมูลรหัสผ่าน หรือส่งออกข้อมูลลับไปยังเซิร์ฟเวอร์ภายนอก ✅ Google ออกมาตรการแก้ไขอย่างเข้มงวด - ตอนนี้ ผู้ใช้ที่สร้างหรืออัปเดต Cloud Run จะต้องมีสิทธิ์เข้าถึงคอนเทนเนอร์ภาพโดยตรง - Google ออก "Breaking Change" ในเดือนมกราคม 2025 ซึ่งทำให้ การตั้งค่า IAM ของ Cloud Run เข้มงวดขึ้น - Google แจ้งเตือนผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ ผ่าน Mandatory Service Announcement ตั้งแต่ปลายปี 2024 ✅ ผลกระทบของช่องโหว่ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข - ช่องโหว่คล้ายกันสามารถ ถูกนำไปใช้ในรูปแบบ Supply Chain Attack เพื่อเจาะระบบคลาวด์ขององค์กร - หากไม่มีมาตรการป้องกัน แฮกเกอร์อาจใช้เทคนิคเดียวกันนี้เพื่อเจาะระบบคลาวด์ของบริษัทอื่น ๆ https://www.csoonline.com/article/3952518/google-fixes-gcp-flaw-that-could-expose-sensitive-container-images.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Google fixes GCP flaw that could expose sensitive container images
    The flaw could allow attackers to access restricted container images, potentially leading to privilege escalation, data theft, and espionage attacks.
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจาก Sucuri พบว่าผู้โจมตีกำลังใช้ mu-plugins (Must-Use Plugins) ของ WordPress เป็นช่องทางแอบซ่อน โค้ดอันตราย ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์ ฝังมัลแวร์, แสดงโฆษณาสแปม, รีไดเรกต์ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ปลอม และรันโค้ดระยะไกล โดยที่เจ้าของเว็บไซต์อาจไม่ทันสังเกต

    mu-plugins ทำงานอย่างไร และทำไมถึงเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์?
    - mu-plugins เป็นปลั๊กอินที่ เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติและไม่สามารถปิดได้จากแผงควบคุม WordPress
    - ปลั๊กอินเหล่านี้มักใช้เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ที่จำเป็นสำหรับเว็บไซต์ เช่น การปรับแต่งประสิทธิภาพและการจัดการระบบ

    ตัวอย่างมัลแวร์ที่ถูกค้นพบ
    - redirect.php: รีไดเรกต์ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ปลอม
    - index.php: เปิดช่องทางให้รันโค้ดระยะไกลและปล่อยมัลแวร์ลงเครื่องเป้าหมาย
    - custom-js-loader.php: ฉีดโค้ด JavaScript สแปมเข้าไปในหน้าเว็บ

    เว็บไซต์ถูกแฮกได้อย่างไร?
    - ใช้ปลั๊กอินหรือธีมที่มีช่องโหว่
    - แฮกผ่านรหัสผ่านของแอดมินที่ไม่แข็งแกร่งพอ
    - เซิร์ฟเวอร์โฮสติ้งที่มีการรักษาความปลอดภัยต่ำ

    แนวทางป้องกันสำหรับผู้ดูแลเว็บไซต์
    - สแกนหาไฟล์อันตรายใน mu-plugins directory
    - ตรวจสอบบัญชีแอดมินที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - อัปเดต WordPress, ปลั๊กอิน และธีมให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
    - เปลี่ยนรหัสผ่านของแอดมินและเปิดใช้งาน 2FA (Two-Factor Authentication)
    - ติดตั้งปลั๊กอินความปลอดภัยเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟล์

    https://www.techradar.com/pro/security/a-popular-wordpress-plugin-has-been-hijacked-to-show-malicious-code-spam-images
    นักวิจัยจาก Sucuri พบว่าผู้โจมตีกำลังใช้ mu-plugins (Must-Use Plugins) ของ WordPress เป็นช่องทางแอบซ่อน โค้ดอันตราย ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์ ฝังมัลแวร์, แสดงโฆษณาสแปม, รีไดเรกต์ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ปลอม และรันโค้ดระยะไกล โดยที่เจ้าของเว็บไซต์อาจไม่ทันสังเกต ✅ mu-plugins ทำงานอย่างไร และทำไมถึงเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์? - mu-plugins เป็นปลั๊กอินที่ เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติและไม่สามารถปิดได้จากแผงควบคุม WordPress - ปลั๊กอินเหล่านี้มักใช้เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ที่จำเป็นสำหรับเว็บไซต์ เช่น การปรับแต่งประสิทธิภาพและการจัดการระบบ ✅ ตัวอย่างมัลแวร์ที่ถูกค้นพบ - redirect.php: รีไดเรกต์ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ปลอม - index.php: เปิดช่องทางให้รันโค้ดระยะไกลและปล่อยมัลแวร์ลงเครื่องเป้าหมาย - custom-js-loader.php: ฉีดโค้ด JavaScript สแปมเข้าไปในหน้าเว็บ ✅ เว็บไซต์ถูกแฮกได้อย่างไร? - ใช้ปลั๊กอินหรือธีมที่มีช่องโหว่ - แฮกผ่านรหัสผ่านของแอดมินที่ไม่แข็งแกร่งพอ - เซิร์ฟเวอร์โฮสติ้งที่มีการรักษาความปลอดภัยต่ำ ✅ แนวทางป้องกันสำหรับผู้ดูแลเว็บไซต์ - สแกนหาไฟล์อันตรายใน mu-plugins directory - ตรวจสอบบัญชีแอดมินที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต - อัปเดต WordPress, ปลั๊กอิน และธีมให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด - เปลี่ยนรหัสผ่านของแอดมินและเปิดใช้งาน 2FA (Two-Factor Authentication) - ติดตั้งปลั๊กอินความปลอดภัยเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟล์ https://www.techradar.com/pro/security/a-popular-wordpress-plugin-has-been-hijacked-to-show-malicious-code-spam-images
    WWW.TECHRADAR.COM
    A key WordPress feature has been hijacked to show malicious code, spam images
    A directory hosting essential plugins is a great place to store malware
    0 Comments 0 Shares 273 Views 0 Reviews
  • Google กำลังพัฒนา ดีไซน์ใหม่ สำหรับแอป Google Photos โดยเน้น การค้นหารูปภาพให้แม่นยำขึ้น และ ปรับปรุงฟังก์ชัน Memories ให้ใหญ่ขึ้นพร้อมขอบภาพที่โค้งมนมากขึ้น รายงานจาก Android Authority เผยว่า Google ได้ทำ แบบสำรวจดีไซน์ใหม่ กับผู้ใช้ โดยเปรียบเทียบระหว่างเลย์เอาต์ปัจจุบันกับเวอร์ชันใหม่ เพื่อวัดระดับความทันสมัย

    ปรับรูปแบบการค้นหาให้ใช้งานง่ายขึ้น
    - หน้าตาของ Google Photos อาจมีการเปลี่ยนแปลงใน ส่วน Today heading โดยแทนที่เครื่องหมายติ๊กถูกด้วย ไอคอนตัวกรอง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถกรองภาพตามสถานที่หรือบุคคลที่อยู่ในภาพได้ง่ายขึ้น

    ดีไซน์ของแท็บเปลี่ยนไป
    - แท็บ Photos, Collections และ Search อาจถูกแทนที่ด้วย แถบค้นหาลอยตัว และ ไอคอนใหม่ ที่นำไปสู่หน้า Collections

    เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน AI Search
    - Google Photos กำลังพัฒนา AI Search ให้สามารถเข้าใจคำสั่งได้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น ค้นหารูปภาพเฉพาะที่มีสัตว์เลี้ยง หรือภาพจากสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง

    การเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่แน่นอน
    - แม้จะมีการเปิดเผยดีไซน์ใหม่ในแบบสำรวจ แต่ Google อาจไม่ใช้แบบเดียวกันในการเปิดตัวจริง

    https://www.techradar.com/phones/android/google-photos-tipped-to-get-a-major-design-overhaul-and-itll-make-the-app-much-better-for-finding-specific-images
    Google กำลังพัฒนา ดีไซน์ใหม่ สำหรับแอป Google Photos โดยเน้น การค้นหารูปภาพให้แม่นยำขึ้น และ ปรับปรุงฟังก์ชัน Memories ให้ใหญ่ขึ้นพร้อมขอบภาพที่โค้งมนมากขึ้น รายงานจาก Android Authority เผยว่า Google ได้ทำ แบบสำรวจดีไซน์ใหม่ กับผู้ใช้ โดยเปรียบเทียบระหว่างเลย์เอาต์ปัจจุบันกับเวอร์ชันใหม่ เพื่อวัดระดับความทันสมัย ปรับรูปแบบการค้นหาให้ใช้งานง่ายขึ้น - หน้าตาของ Google Photos อาจมีการเปลี่ยนแปลงใน ส่วน Today heading โดยแทนที่เครื่องหมายติ๊กถูกด้วย ไอคอนตัวกรอง ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถกรองภาพตามสถานที่หรือบุคคลที่อยู่ในภาพได้ง่ายขึ้น ดีไซน์ของแท็บเปลี่ยนไป - แท็บ Photos, Collections และ Search อาจถูกแทนที่ด้วย แถบค้นหาลอยตัว และ ไอคอนใหม่ ที่นำไปสู่หน้า Collections เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน AI Search - Google Photos กำลังพัฒนา AI Search ให้สามารถเข้าใจคำสั่งได้แม่นยำยิ่งขึ้น เช่น ค้นหารูปภาพเฉพาะที่มีสัตว์เลี้ยง หรือภาพจากสถานที่ใดสถานที่หนึ่ง การเปลี่ยนแปลงนี้ยังไม่แน่นอน - แม้จะมีการเปิดเผยดีไซน์ใหม่ในแบบสำรวจ แต่ Google อาจไม่ใช้แบบเดียวกันในการเปิดตัวจริง https://www.techradar.com/phones/android/google-photos-tipped-to-get-a-major-design-overhaul-and-itll-make-the-app-much-better-for-finding-specific-images
    0 Comments 0 Shares 465 Views 0 Reviews
  • Amazon Photos เพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ระบุและค้นหาสินค้าในรูปภาพผ่าน AI เพียงแตะที่ไอคอน Lens ระบบจะสแกนภาพและแสดงรายการสินค้าที่ตรงกัน แม้ว่าบางคนจะมองว่าเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การช้อปปิ้งสะดวกขึ้น แต่บางคนกังวลว่าอาจเป็นการเปลี่ยนคลังรูปภาพของผู้ใช้ให้กลายเป็นโฆษณาแฝง

    บทบาทของ Panos Panay ในการพัฒนา
    - อดีตผู้บริหารของ Microsoft Panos Panay ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานฝ่ายอุปกรณ์และบริการของ Amazon ได้ประกาศฟีเจอร์นี้ผ่าน Threads พร้อมสาธิตการใช้งาน

    การเชื่อมต่อ AI กับการค้นหาสินค้า
    - ฟีเจอร์นี้เริ่มต้นจากการค้นหาด้วยคำถามแบบภาษาธรรมชาติ เช่น "Max playing with robot dog" ระบบจะดึงภาพที่ตรงกับคำค้นหาและแสดงสินค้าในภาพที่สามารถซื้อได้

    มุมมองที่หลากหลายจากผู้ใช้
    - มีความเห็นจากผู้ใช้ทั้งด้านบวกและลบ บางคนมองว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้ค้นหาสินค้าได้ง่ายขึ้น ขณะที่บางคนกังวลว่าอาจเป็นเพียงการเปลี่ยนภาพถ่ายของผู้ใช้ให้กลายเป็นโฆษณาแฝง

    ความคลุมเครือเรื่องการตั้งค่า
    - Amazon ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าการปิดฟีเจอร์ Tag Photos จะหยุดการทำงานของระบบค้นหาสินค้าหรือไม่

    https://www.techspot.com/news/107352-amazon-photos-app-can-now-identify-products-images.html
    Amazon Photos เพิ่มฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้ระบุและค้นหาสินค้าในรูปภาพผ่าน AI เพียงแตะที่ไอคอน Lens ระบบจะสแกนภาพและแสดงรายการสินค้าที่ตรงกัน แม้ว่าบางคนจะมองว่าเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้การช้อปปิ้งสะดวกขึ้น แต่บางคนกังวลว่าอาจเป็นการเปลี่ยนคลังรูปภาพของผู้ใช้ให้กลายเป็นโฆษณาแฝง บทบาทของ Panos Panay ในการพัฒนา - อดีตผู้บริหารของ Microsoft Panos Panay ซึ่งปัจจุบันเป็นรองประธานฝ่ายอุปกรณ์และบริการของ Amazon ได้ประกาศฟีเจอร์นี้ผ่าน Threads พร้อมสาธิตการใช้งาน การเชื่อมต่อ AI กับการค้นหาสินค้า - ฟีเจอร์นี้เริ่มต้นจากการค้นหาด้วยคำถามแบบภาษาธรรมชาติ เช่น "Max playing with robot dog" ระบบจะดึงภาพที่ตรงกับคำค้นหาและแสดงสินค้าในภาพที่สามารถซื้อได้ มุมมองที่หลากหลายจากผู้ใช้ - มีความเห็นจากผู้ใช้ทั้งด้านบวกและลบ บางคนมองว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้ค้นหาสินค้าได้ง่ายขึ้น ขณะที่บางคนกังวลว่าอาจเป็นเพียงการเปลี่ยนภาพถ่ายของผู้ใช้ให้กลายเป็นโฆษณาแฝง ความคลุมเครือเรื่องการตั้งค่า - Amazon ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่าการปิดฟีเจอร์ Tag Photos จะหยุดการทำงานของระบบค้นหาสินค้าหรือไม่ https://www.techspot.com/news/107352-amazon-photos-app-can-now-identify-products-images.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Amazon Photos app can now identify products in your images and link to store pages
    Former Microsoft executive Panos Panay, now senior vice president of Amazon's Devices and Services division, announced the update to Amazon Photos on Threads.
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 Reviews
  • สัปดาห์นี้มาโพสต์เร็วกว่าปกติเพราะ Storyฯ จะไปเที่ยววีคเอนด์นี้ เลยรีบมาคุยให้ฟังเกี่ยวกับเกร็ดเล็กๆ จากละครจีนโบราณเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีเรื่องราวให้พูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมไม่น้อย มีตอนหนึ่งที่หนึ่งในตัวละครสมทบคือซูวุ่ยถูกกักบริเวณโดยแม่ของนาง และจะสามารถก้าวเท้าออกจากบ้านได้ก็ต่อเมื่อนางเรียนงานปัก ‘เปี้ยนซิ่ว’ ได้สำเร็จ สร้างความหนักใจให้แก่นางนัก เป็นการบอกเล่าให้พวกเราทราบได้ว่า งานปักชนิดนี้ยากนักหนา

    ‘เปี้ยนซิ่ว’ (汴绣)คืออะไร? มันคือสไตล์การปักที่มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ มีชื่อมาจากเมืองหลวงเปี้ยนจิง (หรือที่เราคุ้นหูว่าตงจิง) บ้างเรียกว่า ‘ซ่งซิ่ว’ (宋绣) บ้างจำแนกละเอียดกว่านั้นว่า เปี้ยนซิ่วเป็นงานชาววังในขณะที่ซ่งซิ่วเป็นงานของชาวบ้านทั่วไป

    Storyฯ ลองไปหาข้อมูลดูเลยพบเจอคลิปวีดีโอนี้ https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk เลยอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองดูกัน อาจจะยาวสักนิด แต่จะเห็นภาพได้ดีถึงขั้นตอนการทำต่างๆ ตั้งแต่เลือกผ้าจนปลดออกจากสะดึง และที่สำคัญมีการซูมให้ดูถึงรายละเอียดของงานปักที่ทำเอา Storyฯ รู้สึกทึ่งไม่น้อย

    งานปักจีนโบราณพัฒนาขึ้นมากในสมัยถังแต่ในสมัยนั้นยังมีเทคนิคการปักไม่กี่แบบ และเมื่อมาถึงสมัยซ่งก็ได้รับการพัฒนายิ่งขึ้นไปอีกเป็นกว่ายี่สิบเทคนิค จากบันทึกโบราณพบว่างานปักเปี้ยนซิ่วโดยหลักเกิดขึ้นจากในวัง เรียกได้ว่าเป็นงานปักชาววัง รับผิดชอบงานฉลองพระองค์และของใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวัง ความนิยมและเทคนิคการปักได้รับความสำคัญจนถึงกับมีการก่อตั้งวิทยาลัยเฉพาะทาง (เหวินซิ่วย่วน / 文绣院) ขึ้นเมื่อปี 1005 มีช่างปักกว่าสามร้อยคน

    เปี้ยนซิ่วถูกหลงลืมไปตามกาลเวลาจนแทบจะสูญหาย มีไม่กี่คนที่ยังสืบทอดมาภายหลังจากสิ้นราชวงศ์ งานเปี้ยนซิ่วรับการฟื้นฟูเมื่อมีผู้ที่สืบทอดเอาผลงานเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครบสิบปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปีค.ศ. 1959 โดยผลงานที่สร้างชื่อเสียงชิ้นนี้ก็คืองานปัก <ชิงหมิงซ่างเหอถู> เป็นผลงานที่ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากจากประธานเหมา และปัจจุบันถูกจัดเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วังต้องห้าม (ดูได้จากรูป 1 และรูป 2 บน และจากคลิปวีดีโอที่เป็นการสาธิตการปัก) ต่อมาเปี้ยนซิ่วถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในห้าของสไตล์การปักที่โด่งดังที่สุดของจีน จัดเป็นศิลปะแห่งชาติแขนงหนึ่ง มีการสืบทอดอย่างเป็นทางการ

    เอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วคืออะไร?

    เปี้ยนซิ่วขึ้นชื่อว่าเป็นงานละเอียด ใช้เส้นด้ายเพียงหนึ่งหรือสองเส้นเท่านั้น (หมายเหตุ หากสังเกตดีๆ ไหมปักที่เราใช้ทั่วไปปัจจุบันนี้เป็นเกลียวที่ประกอบขึ้นจากด้ายปักหลายเส้น) นำมาปักจนทึบโดยไม่เห็นรอยช่องไฟใดๆ ริมขอบลายปักเลย และอาศัยเทคนิคการปักต่างๆ ไม่ว่าจะความหนานูน ทิศทางของฝีเข็มที่แตกต่าง หรือการคัดสีไหม เพื่อสร้างมิติให้แก่ภาพปัก เพราะเอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วนี้คือการนำงานศิลปะภาพวาดพู่กันจีนมาถ่ายทอดลงบนผืนผ้า ไม่ว่าจะเป็นลายภูผาวารี นก ดอกไม้ คนและสัตว์ รวมถึงบทกวีโคลงกลอนด้วย (ดูตัวอย่างได้ในรูป 2) เรียกได้ว่า งานปักสมัยซ่งนี้ ไม่เพียงปักสิ่งของใช้สอย แต่เป็นงานศิลปะที่มีไว้ชมอีกด้วย (เช่นภาพติดผนัง ภาพติดฉากกั้น ฯลฯ) นอกจากนี้ ยังมีการปักแบบสองด้าน ไม่แพ้งานปักสไตล์ชื่อดังอื่นๆ ของจีนที่เราอาจเคยผ่านตากันมา

    Storyฯ รู้สึกว่า เขียนอย่างไรก็บรรยายความงามของเปี้ยนซิ่วออกมาไม่ได้เพียงพอ ยังอยากให้เพื่อนเพจเข้าไปดูคลิปวีดิโอตามคลิปข้างบน ชอบไม่ชอบอะไรมาเม้นท์ให้ฟังกันบ้างนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://baike.baidu.com/item/雁归西窗月
    https://www.tvzn.com/15774/role/226234.html
    https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk
    http://m.news.xixik.com/content/55c6bf156997ce9f/
    http://5b0988e595225.cdn.sohucs.com/images/20190514/7e22d3dd9d0244ddada007df51228ee0.jpeg
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    http://www.yxhenan.com/info/kf/scyjl_13025_1289.html
    https://kknews.cc/collect/4xyn5m2.html
    https://baike.baidu.com/item/汴绣/1124193
    #ดุจฝันบันดาลใจ #เปี้ยนซิ่ว #ซ่งซิ่ว #งานปักจีนโบราณ #ชิงหมิงซ่างเหอถู
    สัปดาห์นี้มาโพสต์เร็วกว่าปกติเพราะ Storyฯ จะไปเที่ยววีคเอนด์นี้ เลยรีบมาคุยให้ฟังเกี่ยวกับเกร็ดเล็กๆ จากละครจีนโบราณเรื่อง <ดุจฝันบันดาลใจ> ซึ่งมีเรื่องราวให้พูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมไม่น้อย มีตอนหนึ่งที่หนึ่งในตัวละครสมทบคือซูวุ่ยถูกกักบริเวณโดยแม่ของนาง และจะสามารถก้าวเท้าออกจากบ้านได้ก็ต่อเมื่อนางเรียนงานปัก ‘เปี้ยนซิ่ว’ ได้สำเร็จ สร้างความหนักใจให้แก่นางนัก เป็นการบอกเล่าให้พวกเราทราบได้ว่า งานปักชนิดนี้ยากนักหนา ‘เปี้ยนซิ่ว’ (汴绣)คืออะไร? มันคือสไตล์การปักที่มีมาแต่สมัยซ่งเหนือ มีชื่อมาจากเมืองหลวงเปี้ยนจิง (หรือที่เราคุ้นหูว่าตงจิง) บ้างเรียกว่า ‘ซ่งซิ่ว’ (宋绣) บ้างจำแนกละเอียดกว่านั้นว่า เปี้ยนซิ่วเป็นงานชาววังในขณะที่ซ่งซิ่วเป็นงานของชาวบ้านทั่วไป Storyฯ ลองไปหาข้อมูลดูเลยพบเจอคลิปวีดีโอนี้ https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk เลยอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองดูกัน อาจจะยาวสักนิด แต่จะเห็นภาพได้ดีถึงขั้นตอนการทำต่างๆ ตั้งแต่เลือกผ้าจนปลดออกจากสะดึง และที่สำคัญมีการซูมให้ดูถึงรายละเอียดของงานปักที่ทำเอา Storyฯ รู้สึกทึ่งไม่น้อย งานปักจีนโบราณพัฒนาขึ้นมากในสมัยถังแต่ในสมัยนั้นยังมีเทคนิคการปักไม่กี่แบบ และเมื่อมาถึงสมัยซ่งก็ได้รับการพัฒนายิ่งขึ้นไปอีกเป็นกว่ายี่สิบเทคนิค จากบันทึกโบราณพบว่างานปักเปี้ยนซิ่วโดยหลักเกิดขึ้นจากในวัง เรียกได้ว่าเป็นงานปักชาววัง รับผิดชอบงานฉลองพระองค์และของใช้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในวัง ความนิยมและเทคนิคการปักได้รับความสำคัญจนถึงกับมีการก่อตั้งวิทยาลัยเฉพาะทาง (เหวินซิ่วย่วน / 文绣院) ขึ้นเมื่อปี 1005 มีช่างปักกว่าสามร้อยคน เปี้ยนซิ่วถูกหลงลืมไปตามกาลเวลาจนแทบจะสูญหาย มีไม่กี่คนที่ยังสืบทอดมาภายหลังจากสิ้นราชวงศ์ งานเปี้ยนซิ่วรับการฟื้นฟูเมื่อมีผู้ที่สืบทอดเอาผลงานเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองครบสิบปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อปีค.ศ. 1959 โดยผลงานที่สร้างชื่อเสียงชิ้นนี้ก็คืองานปัก <ชิงหมิงซ่างเหอถู> เป็นผลงานที่ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากจากประธานเหมา และปัจจุบันถูกจัดเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์วังต้องห้าม (ดูได้จากรูป 1 และรูป 2 บน และจากคลิปวีดีโอที่เป็นการสาธิตการปัก) ต่อมาเปี้ยนซิ่วถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในห้าของสไตล์การปักที่โด่งดังที่สุดของจีน จัดเป็นศิลปะแห่งชาติแขนงหนึ่ง มีการสืบทอดอย่างเป็นทางการ เอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วคืออะไร? เปี้ยนซิ่วขึ้นชื่อว่าเป็นงานละเอียด ใช้เส้นด้ายเพียงหนึ่งหรือสองเส้นเท่านั้น (หมายเหตุ หากสังเกตดีๆ ไหมปักที่เราใช้ทั่วไปปัจจุบันนี้เป็นเกลียวที่ประกอบขึ้นจากด้ายปักหลายเส้น) นำมาปักจนทึบโดยไม่เห็นรอยช่องไฟใดๆ ริมขอบลายปักเลย และอาศัยเทคนิคการปักต่างๆ ไม่ว่าจะความหนานูน ทิศทางของฝีเข็มที่แตกต่าง หรือการคัดสีไหม เพื่อสร้างมิติให้แก่ภาพปัก เพราะเอกลักษณ์ของเปี้ยนซิ่วนี้คือการนำงานศิลปะภาพวาดพู่กันจีนมาถ่ายทอดลงบนผืนผ้า ไม่ว่าจะเป็นลายภูผาวารี นก ดอกไม้ คนและสัตว์ รวมถึงบทกวีโคลงกลอนด้วย (ดูตัวอย่างได้ในรูป 2) เรียกได้ว่า งานปักสมัยซ่งนี้ ไม่เพียงปักสิ่งของใช้สอย แต่เป็นงานศิลปะที่มีไว้ชมอีกด้วย (เช่นภาพติดผนัง ภาพติดฉากกั้น ฯลฯ) นอกจากนี้ ยังมีการปักแบบสองด้าน ไม่แพ้งานปักสไตล์ชื่อดังอื่นๆ ของจีนที่เราอาจเคยผ่านตากันมา Storyฯ รู้สึกว่า เขียนอย่างไรก็บรรยายความงามของเปี้ยนซิ่วออกมาไม่ได้เพียงพอ ยังอยากให้เพื่อนเพจเข้าไปดูคลิปวีดิโอตามคลิปข้างบน ชอบไม่ชอบอะไรมาเม้นท์ให้ฟังกันบ้างนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://baike.baidu.com/item/雁归西窗月 https://www.tvzn.com/15774/role/226234.html https://www.youtube.com/watch?v=y0eKsCI4cVk http://m.news.xixik.com/content/55c6bf156997ce9f/ http://5b0988e595225.cdn.sohucs.com/images/20190514/7e22d3dd9d0244ddada007df51228ee0.jpeg Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: http://www.yxhenan.com/info/kf/scyjl_13025_1289.html https://kknews.cc/collect/4xyn5m2.html https://baike.baidu.com/item/汴绣/1124193 #ดุจฝันบันดาลใจ #เปี้ยนซิ่ว #ซ่งซิ่ว #งานปักจีนโบราณ #ชิงหมิงซ่างเหอถู
    0 Comments 0 Shares 1070 Views 0 Reviews
  • ตามรอยเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> ผ่านเส้นทางสายไหม

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> คงจำได้ว่าฉากหลังของเรื่องคือการค้าอัญมณีในสมัยถัง ซึ่งเส้นทางการเดินทางมีทั้งการเดินเรือทะเลและข้ามทะเลทรายเข้าเขตซีอวี้ ชวนให้ Storyฯ งงไม่น้อยเลยลองไปหาข้อมูลดู

    มีบทสัมภาษณ์ของศาสตราจารย์ท่านหนึ่งของมหาวิทยาลัยเหอหนานกล่าวไว้ว่าจริงๆ แล้วซีรีส์เรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> นี้คือการเดินทางผ่านเส้นทางสายไหม ซึ่งก็ตรงกับตอนจบของเรื่องที่กล่าวถึงการพัฒนาด้านการค้าผ่านเส้นทางสายไหม

    Storyฯ เลยลองเอาการเดินทางของพระเอกนางเอกจากในซีรีส์มาปักหมุดลง เราลองมาดูกันค่ะ

    มีบทความและแผนที่เกี่ยวกับเส้นทางสายไหมจำนวนไม่น้อยในหลากหลายภาษา ดังนั้น Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียด แต่จากการเปรียบเทียบดู Storyฯ พบว่ามีความแตกต่างกันบ้าง จึงขอใช้เวอร์ชั่นที่แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์หนิงเซี่ยกู้หยวนเป็นหลักเพราะถือว่าเป็นไปตามข้อมูลประวัติศาสตร์ที่จีนบันทึกเอง (ดูรูปประกอบ 2) เราจะเห็นว่าเส้นทางสายไหมมีเส้นทางบกและเส้นทางทะเล และเส้นทางบกไม่ได้จบลงที่เมืองฉางอัน (ซีอันปัจจุบัน) อย่างที่หลายคนเข้าใจ หากแต่มีการเชื่อมต่อไปจรดทะเลเชื่อมต่อเข้ากับเส้นทางทะเล

    Storyฯ ลองใส่ข้อมูลอื่นเพิ่มเข้าไปในแผนที่เต็มนี้ (ดูรูปประกอบ 1) ก่อนอื่นคือใส่แผนที่ของราชวงศ์ถังซ้อนลงไปเพื่อให้เห็นภาพอาณาเขตโดยคร่าว ทั้งนี้ตลอดสามร้อยกว่าปีการปกครองของถังในเขตซีอวี้ (ซินเกียงปัจจุบัน) แตกต่างกันไป เลยลองใช้แผนที่ของช่วงประมาณปีค.ศ. 700 ก็จะเห็นเขตพื้นที่ซีอวี้ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือที่มีเมืองตุนหวงเป็นเสมือนประตูทางผ่าน จากนั้นใส่เขตพื้นที่มณฑลหยางโจวในสมัยนั้นซึ่งอยู่ทางใต้ของแผนที่ติดทะเล (คือเส้นประเล็กๆ) (หมายเหตุ เส้นขอบทั้งหมดอาจไม่เป๊ะด้วยข้อจำกัดการวาดของ Storyฯ เอง)

    เมื่อใส่เสร็จแล้วก็เห็นได้เลยว่าตวนอู่และเยี่ยจื่อจิงของเราในเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> เขาเดินทางตามเส้นทางสายใหม่จริงๆ

    เริ่มกันที่ด้านล่างของแผนที่ซึ่งเป็นแถบพื้นที่เหอผู่อันเป็นแหล่งเก็บมุกทะเล (ปัจจุบันเรียกเป๋ยไห่ คือพื้นที่สีแดง) ที่นี่เป็นฉากเริ่มต้นของเรื่อง (ย้อนอ่านเรื่องการเก็บมุกได้จากบทความสัปดาห์ที่แล้ว) จากนั้นเดินทางผ่านกวางเจาขึ้นเหนือและสู้รบปรบมือกับคนตระกูลชุยและศัตรูอื่นเป็นระยะตั้งแต่เมืองซ่าวโจวถึงเมืองอู่หลิง จากนั้นเดินทางเรื่อยขึ้นไปจนถึงเมืองเปี้ยนโจวซึ่งคือเมืองไคฟงปัจจุบัน แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านนครฉางอัน ข้ามเขตทะเลทรายเข้าเขตซีอวี้ซึ่งการเข้าเขตซีอวี้ในสมัยนั้นจะผ่านเมืองตุนหวง ณ จุดนี้ เรื่องราวผ่านไปแล้วประมาณ 1/3 ของเรื่อง

    หลังจากนั้นเหล่าตัวละครกลับมาจากซีอวี้แล้วเดินทางมาถึงเมืองหยางโจวข้ามผ่านระยะทางอย่างไกลได้อย่างไรไม่ทราบได้ Storyฯ ดูจากแผนที่แล้วน่าจะย้อนกลับมาทางเมืองเปี้ยนเฉิงและจากจุดนั้นมีเส้นทาง (ที่ไม่ใช่เส้นทางสายไหมและไม่ได้วาดไว้ในรูปประกอบ) เชื่อมลงมายังเมืองหยางโจว ซึ่งมีทั้งเส้นทางบกและเส้นทางคลองใหญ่ต้าอวิ้นเหอที่สามารถใช้ได้ (หมายเหตุ เส้นทางต้าอวิ้นเหอมีการเปลี่ยนแปลงไปในยุคสมัยหมิงเป็นต้นมา) และเรื่องราวที่เหลือของเรื่องก็จะมีฉากหลังอยู่ที่การค้าอัญมณีที่เมืองหยางโจวนี้

    ในเรื่องมีกล่าวถึงอัญมณีหนึ่งที่น่าสนใจชื่อว่า ‘เซ่อเซ่อ’ (瑟瑟 ไม่แน่ใจว่าแปลซับไทยไว้ว่าอย่างไร) ซึ่งเป็นพลอยประเภท Beryl Stone มีสีเขียวฟ้าและฟ้า บอกว่าเป็นพลอยที่มีค่าหายากมาก ในความเป็นจริง Beryl Stone แบ่งเป็นประเภทย่อยอีกตามสี แต่เรามักเรียกรวมพลอยสีฟ้าเขียวว่าพลอยอะความารีน (Aquamarine) และในละครมีการกล่าวว่าพลอยเซ่อเซ่อเกรดดีส่วนใหญ่มาจากเขตซีอวี้ แต่แถวหยางโจวก็พอให้หาซื้อได้ ซึ่งเป็นข้อมูลจริงตามประวัติศาสตร์ เพราะพลอยเซ่อเซ่อในจีนหาได้ในสามพื้นที่หลักคือซินเกียง (ซีอวี้) ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ และที่ยูนนานและหูเป่ย (ไม่ไกลจากเมืองอู่หลิงในภาพ ซึ่งเป็นจุดที่น้องชุยสือจิ่วของเราถูกจับขังในเหมือง)

    เมืองหยางโจวเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมทั้งทางบกและทางเรือของจีนโบราณ จึงไม่แปลกที่เรามักเห็นในซีรีส์และนิยายจีนโบราณกล่าวถึงหยางโจวว่าเป็นเขตค้าขายมีตระกูลพ่อค้าร่ำรวย ที่นี่ไม่เพียงเป็นจุดเชื่อมเส้นทางสายไหมทางบกและทะเลโดยผ่านแม่น้ำแยงซีเกียง และยังมีคลองต้าอวิ้นเหอเชื่อมขึ้นเหนือ ในสมัยถังที่นี่เป็นศูนย์กลางการค้าเสบียงอาหาร เกลือและเหล็กไปยังพื้นที่ต่างๆ ของจีน อีกทั้งค้าขายส่งออกผ้าไหมและงานกระเบื้องรวมถึงนำเข้าสินค้าหลากชนิดผ่านเส้นทางบกและเรือ นอกจากนี้ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องงานช่างงานฝีมือและมีการพบเจอซากเรือสมัยถังพร้อมเครื่องประดับมากมายที่แสดงให้เห็นว่าในสมัยถังมีการค้าขายเครื่องประดับด้วยเช่นกัน

    หวังว่าเพื่อนเพจจะเห็นภาพแล้วว่าการเดินเรื่องของ <ม่านมุกม่านหยก> ผ่านพื้นที่ไหนบ้าง และทำไมเหล่าคู่อริทางการค้าจึงพบหน้ากันบ่อย... เพราะทุกคนล้วนค้าขายและใช้เส้นทางสายไหมกันนั่นเอง

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://m.bjnews.com.cn/detail/1730788116168379.html
    https://www.chinadiscovery.com/assets/images/silk-road/history/tang-silk-road-map-llsboc-qunar.jpg
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.163.com/dy/article/JG5GE87L0512D3VJ.html
    https://www.163.com/dy/article/JGCT7TAP0530WJTO.html
    https://baike.baidu.com/item/扬州市
    https://turnstone.ca/rom186be.htm

    #ม่านมุกม่านหยก #เส้นทางสายไหม #พลอยจีน #หยางโจว #สาระจีน
    ตามรอยเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> ผ่านเส้นทางสายไหม สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> คงจำได้ว่าฉากหลังของเรื่องคือการค้าอัญมณีในสมัยถัง ซึ่งเส้นทางการเดินทางมีทั้งการเดินเรือทะเลและข้ามทะเลทรายเข้าเขตซีอวี้ ชวนให้ Storyฯ งงไม่น้อยเลยลองไปหาข้อมูลดู มีบทสัมภาษณ์ของศาสตราจารย์ท่านหนึ่งของมหาวิทยาลัยเหอหนานกล่าวไว้ว่าจริงๆ แล้วซีรีส์เรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> นี้คือการเดินทางผ่านเส้นทางสายไหม ซึ่งก็ตรงกับตอนจบของเรื่องที่กล่าวถึงการพัฒนาด้านการค้าผ่านเส้นทางสายไหม Storyฯ เลยลองเอาการเดินทางของพระเอกนางเอกจากในซีรีส์มาปักหมุดลง เราลองมาดูกันค่ะ มีบทความและแผนที่เกี่ยวกับเส้นทางสายไหมจำนวนไม่น้อยในหลากหลายภาษา ดังนั้น Storyฯ ขอไม่ลงรายละเอียด แต่จากการเปรียบเทียบดู Storyฯ พบว่ามีความแตกต่างกันบ้าง จึงขอใช้เวอร์ชั่นที่แสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์หนิงเซี่ยกู้หยวนเป็นหลักเพราะถือว่าเป็นไปตามข้อมูลประวัติศาสตร์ที่จีนบันทึกเอง (ดูรูปประกอบ 2) เราจะเห็นว่าเส้นทางสายไหมมีเส้นทางบกและเส้นทางทะเล และเส้นทางบกไม่ได้จบลงที่เมืองฉางอัน (ซีอันปัจจุบัน) อย่างที่หลายคนเข้าใจ หากแต่มีการเชื่อมต่อไปจรดทะเลเชื่อมต่อเข้ากับเส้นทางทะเล Storyฯ ลองใส่ข้อมูลอื่นเพิ่มเข้าไปในแผนที่เต็มนี้ (ดูรูปประกอบ 1) ก่อนอื่นคือใส่แผนที่ของราชวงศ์ถังซ้อนลงไปเพื่อให้เห็นภาพอาณาเขตโดยคร่าว ทั้งนี้ตลอดสามร้อยกว่าปีการปกครองของถังในเขตซีอวี้ (ซินเกียงปัจจุบัน) แตกต่างกันไป เลยลองใช้แผนที่ของช่วงประมาณปีค.ศ. 700 ก็จะเห็นเขตพื้นที่ซีอวี้ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือที่มีเมืองตุนหวงเป็นเสมือนประตูทางผ่าน จากนั้นใส่เขตพื้นที่มณฑลหยางโจวในสมัยนั้นซึ่งอยู่ทางใต้ของแผนที่ติดทะเล (คือเส้นประเล็กๆ) (หมายเหตุ เส้นขอบทั้งหมดอาจไม่เป๊ะด้วยข้อจำกัดการวาดของ Storyฯ เอง) เมื่อใส่เสร็จแล้วก็เห็นได้เลยว่าตวนอู่และเยี่ยจื่อจิงของเราในเรื่อง <ม่านมุกม่านหยก> เขาเดินทางตามเส้นทางสายใหม่จริงๆ เริ่มกันที่ด้านล่างของแผนที่ซึ่งเป็นแถบพื้นที่เหอผู่อันเป็นแหล่งเก็บมุกทะเล (ปัจจุบันเรียกเป๋ยไห่ คือพื้นที่สีแดง) ที่นี่เป็นฉากเริ่มต้นของเรื่อง (ย้อนอ่านเรื่องการเก็บมุกได้จากบทความสัปดาห์ที่แล้ว) จากนั้นเดินทางผ่านกวางเจาขึ้นเหนือและสู้รบปรบมือกับคนตระกูลชุยและศัตรูอื่นเป็นระยะตั้งแต่เมืองซ่าวโจวถึงเมืองอู่หลิง จากนั้นเดินทางเรื่อยขึ้นไปจนถึงเมืองเปี้ยนโจวซึ่งคือเมืองไคฟงปัจจุบัน แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านนครฉางอัน ข้ามเขตทะเลทรายเข้าเขตซีอวี้ซึ่งการเข้าเขตซีอวี้ในสมัยนั้นจะผ่านเมืองตุนหวง ณ จุดนี้ เรื่องราวผ่านไปแล้วประมาณ 1/3 ของเรื่อง หลังจากนั้นเหล่าตัวละครกลับมาจากซีอวี้แล้วเดินทางมาถึงเมืองหยางโจวข้ามผ่านระยะทางอย่างไกลได้อย่างไรไม่ทราบได้ Storyฯ ดูจากแผนที่แล้วน่าจะย้อนกลับมาทางเมืองเปี้ยนเฉิงและจากจุดนั้นมีเส้นทาง (ที่ไม่ใช่เส้นทางสายไหมและไม่ได้วาดไว้ในรูปประกอบ) เชื่อมลงมายังเมืองหยางโจว ซึ่งมีทั้งเส้นทางบกและเส้นทางคลองใหญ่ต้าอวิ้นเหอที่สามารถใช้ได้ (หมายเหตุ เส้นทางต้าอวิ้นเหอมีการเปลี่ยนแปลงไปในยุคสมัยหมิงเป็นต้นมา) และเรื่องราวที่เหลือของเรื่องก็จะมีฉากหลังอยู่ที่การค้าอัญมณีที่เมืองหยางโจวนี้ ในเรื่องมีกล่าวถึงอัญมณีหนึ่งที่น่าสนใจชื่อว่า ‘เซ่อเซ่อ’ (瑟瑟 ไม่แน่ใจว่าแปลซับไทยไว้ว่าอย่างไร) ซึ่งเป็นพลอยประเภท Beryl Stone มีสีเขียวฟ้าและฟ้า บอกว่าเป็นพลอยที่มีค่าหายากมาก ในความเป็นจริง Beryl Stone แบ่งเป็นประเภทย่อยอีกตามสี แต่เรามักเรียกรวมพลอยสีฟ้าเขียวว่าพลอยอะความารีน (Aquamarine) และในละครมีการกล่าวว่าพลอยเซ่อเซ่อเกรดดีส่วนใหญ่มาจากเขตซีอวี้ แต่แถวหยางโจวก็พอให้หาซื้อได้ ซึ่งเป็นข้อมูลจริงตามประวัติศาสตร์ เพราะพลอยเซ่อเซ่อในจีนหาได้ในสามพื้นที่หลักคือซินเกียง (ซีอวี้) ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ และที่ยูนนานและหูเป่ย (ไม่ไกลจากเมืองอู่หลิงในภาพ ซึ่งเป็นจุดที่น้องชุยสือจิ่วของเราถูกจับขังในเหมือง) เมืองหยางโจวเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการคมนาคมทั้งทางบกและทางเรือของจีนโบราณ จึงไม่แปลกที่เรามักเห็นในซีรีส์และนิยายจีนโบราณกล่าวถึงหยางโจวว่าเป็นเขตค้าขายมีตระกูลพ่อค้าร่ำรวย ที่นี่ไม่เพียงเป็นจุดเชื่อมเส้นทางสายไหมทางบกและทะเลโดยผ่านแม่น้ำแยงซีเกียง และยังมีคลองต้าอวิ้นเหอเชื่อมขึ้นเหนือ ในสมัยถังที่นี่เป็นศูนย์กลางการค้าเสบียงอาหาร เกลือและเหล็กไปยังพื้นที่ต่างๆ ของจีน อีกทั้งค้าขายส่งออกผ้าไหมและงานกระเบื้องรวมถึงนำเข้าสินค้าหลากชนิดผ่านเส้นทางบกและเรือ นอกจากนี้ที่นี่ยังขึ้นชื่อเรื่องงานช่างงานฝีมือและมีการพบเจอซากเรือสมัยถังพร้อมเครื่องประดับมากมายที่แสดงให้เห็นว่าในสมัยถังมีการค้าขายเครื่องประดับด้วยเช่นกัน หวังว่าเพื่อนเพจจะเห็นภาพแล้วว่าการเดินเรื่องของ <ม่านมุกม่านหยก> ผ่านพื้นที่ไหนบ้าง และทำไมเหล่าคู่อริทางการค้าจึงพบหน้ากันบ่อย... เพราะทุกคนล้วนค้าขายและใช้เส้นทางสายไหมกันนั่นเอง (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://m.bjnews.com.cn/detail/1730788116168379.html https://www.chinadiscovery.com/assets/images/silk-road/history/tang-silk-road-map-llsboc-qunar.jpg Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.163.com/dy/article/JG5GE87L0512D3VJ.html https://www.163.com/dy/article/JGCT7TAP0530WJTO.html https://baike.baidu.com/item/扬州市 https://turnstone.ca/rom186be.htm #ม่านมุกม่านหยก #เส้นทางสายไหม #พลอยจีน #หยางโจว #สาระจีน
    M.BJNEWS.COM.CN
    赵露思、刘宇宁新剧《珠帘玉幕》今日卫视开播
    赵露思、刘宇宁新剧《珠帘玉幕》今日卫视开播
    0 Comments 0 Shares 1392 Views 0 Reviews
  • วันนี้ยังคงคุยกันเรื่องสิบสองภาพวาด ‘กงซวิ่นถู’ (宫训图 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+ภาพ) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ซึ่งก่อนหน้านี้ Storyฯ เคยคุยถึงภาพ ‘ปันจีฉือเหนี่ยน’ แห่งพระตำหนักหย่งโซ่วกงว่าเป็นภาพตอนหนึ่งของภาพม้วนยาวที่มีชื่อเรียกว่าภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ (女史箴图 / ข้าราชสำนักหญิงเตือนสติ)

    ภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ เป็นผลงานของกู้ข่ายจือ ซึ่งเดิมมี 12 ตอนแต่สูญหายไปแล้ว ปัจจุบันเหลือเพียงฉบับคัดลอก 9 ตอน มีความยาวเกือบ 3.5 เมตร มีเนื้อหาเป็นเรื่องเล่าในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (ปี 52-7 ก่อนคริสตกาล) โดยภาพ ‘ปันจีฉือเหนี่ยน’ นั้นกล่าวถึงเมื่อครั้งฮั่นเฉิงตี้เสด็จประพาสทอดพระเนตรสัตว์สู้กัน โดยมีนางในและพระโอรสตามเสด็จ (https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/750792533715708)

    วันนี้คุยกันถึงอีกภาพที่เกี่ยวข้องกัน คือภาพ ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ (婕妤当熊图 / เจี๋ยอวี๋ขวางหมี) เป็นภาพที่แขวนไว้ที่พระตำหนักเสียนฝูกง ดูเหมือนในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> จะไม่ได้บอกไว้ว่าใครประทับอยู่ที่พระตำหนักนี้ แต่ในประวัติศาสตร์จริง สมัยองค์เฉียนหลงนั้น พระตำหนักเสียนฝูกงนี้เคยถูกใช้เป็นที่ประทับขององค์เฉียนหลงก่อนที่ต่อมาจะย้ายไปประทับที่พระที่นั่งหยั่งซินเตี้ยน

    หน้าตาของภาพนี้เป็นอย่างไร Storyฯ ก็หาไม่พบ ภาพที่นำมาให้ดูในรูปประกอบ 1(กลาง) เป็นภาพที่วาดขึ้นในสมัยองค์คังซีโดยช่างวาดหลวงจินคุน ส่วนภาพที่วาดขึ้นในสมัยขององค์เฉียนหลงนั้น คือรูปประกอบ 1(ขวา) ซึ่งทรงให้ช่างวาดหลวงวาดขึ้นใหม่เมื่อปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 30 ภายหลังจากเกิดเรื่องราวของฮองเฮาอูลาน่าลาตัดผม (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์)

    แต่ก่อนจะคุยเรื่องภาพวาด ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ สองภาพในสมัยเฉียนหลง คงต้องคุยเกี่ยวกับเรื่องราวที่กล่าวถึงในภาพเสียก่อน ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวมีต้นตอมาจากอีกตอนหนึ่งของภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ (ดูรูปประกอบ 2)

    เจี๋ยอวี๋เป็นตำแหน่งพระสนม แล้วเจี๋ยอวี๋ที่กล่าวถึงในภาพคือใคร?

    นางคือเฝิงเจี๋ยอวี๋ เป็นพระสนมในองค์ฮั่นหยวนตี้ (ครองราชย์ปี 48-33 ก่อนคริสตกาล คือพระบิดาขององค์ฮั่นเฉิงตี้ที่กล่าวถึงในภาพ ‘ปันจีฉือเหนี่ยน’) นามเดิมว่าเฝิงเยวี่ยน ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นจาวอี๋ บันทึกเกี่ยวกับฮั่นหยวนตี้มีไม่มากเพราะไม่ได้มีผลงานสร้างชื่ออะไรมาก ที่เพื่อนเพจอาจเคยได้ยินถึงก็คือทรงส่งหวางเจาจวินไปแต่งงานเพื่อผูกมิตรกับเผ่าซวงหนู และชีวประวัติเกี่ยวกับเฝิงเจี๋ยอวี๋เองก็มีไม่มาก นอกจากกล่าวไว้ว่ามาจากตระกูลเฝิงซึ่งเป็นตระกูลขุนนางที่มากด้วยความสามารถและอำนาจ ตัวพระนางเองก็เป็นที่โปรดปรานนักขององค์ฮั่นหยวนตี้ ต่อมาบุตรชายเป็นอ๋องครองแคว้นจงซาน พระนางดำรงพระยศไทเฮาแห่งแคว้นจงซาน

    เรื่องราวที่กล่าวถึงในภาพนั้น คือเหตุการณ์ที่ฮั่นหยวนตี้ไปดูสัตว์สู้กัน (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) จู่ๆ มีหมีดำโผล่มาและทำท่าว่าจะจู่โจมถึงที่ประทับของฮั่นหยวนตี้ นอกเหนือจากราชองครักษ์แล้ว ผู้ที่ตามเสด็จล้วนพยายามหนีตาย แต่เฝิงเจี๋ยอวี๋กลับถลันขึ้นหน้าเอาตัวเองไปขวางไว้ระหว่างองค์ฮั่นหยวนตี้กับหมีดำ สุดท้ายนางไม่ได้รับอันตรายใดๆ เพราะว่าราชองครักษ์ฆ่าหมีได้สำเร็จ ครั้นฮั่นหยวนตี้ถามว่าทำไมนางถึงไม่กลัวหมี นางตอบว่า หมีเมื่อจับได้คนหนึ่งคนก็จะไม่จู่โจมคนอื่น นางกลัวว่าหมีจะจู่โจมถึงตัวฮั่นหยวนตี้ จึงคิดพลีชีพเป็นเหยื่อล่อหมีแทน เรื่องนี้ทำให้ฮั่นหยวนตี้รักนางมากขึ้นกว่าเดิมและยิ่งทำให้นางเป็นที่เกลียดชังของคู่แข่งในวังหลังยิ่งขึ้นไปอีก กลายเป็นเรื่องราวความกล้าหาญและความจงรักภักดีที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์

    ความนัยที่แฝงไว้ในภาพ ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ ขององค์เฉียนหลงนี้ก็คือความกล้าหาญ และป้ายอักษรที่คู่กันกับภาพนี้คือ ‘เน่ยจื๋อชินเฟิ่ง’ (内职钦奉) แปลได้ประมาณว่า ชื่นชมยกย่องฝ่ายใน

    แต่... อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เมื่อปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 30 ภายหลังจากเหตุการณ์ฮองเฮาสกุลอูลาน่าลาตัดผม องค์เฉียนหลงได้ให้ช่างวาดหลวงจินถิงเปียววาดภาพ ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ ขึ้นอีกภาพหนึ่ง มีการเล่าขานกันต่อมาว่า จากที่เดิมองค์เฉียนหลงยกย่องเฝิงเจี๋ยอวี๋ว่ากล้าหาญ กลับกลายเป็นดูถูกเสียดสีว่า เฝิงเจี๋ยอวี๋ไม่เจียมตัว ไม่มีความสามารถก็ยังจะรนหาที่ตาย เป็นการเสียสละแบบโง่ๆ เพื่อสร้างความเด่นความดีให้กับตนเอง ควรเป็นที่น่าละอายของราชสกุล โดยประพันธ์ขึ้นเป็นบทกวีและให้ช่างวาดวาดขึ้นใหม่ให้ได้อารมณ์ตามบทกวีนี้

    ว่ากันว่าภาพเดิมที่วาดขึ้นในรัชศกเฉียนหลงปีที่ 6 พร้อมกับภาพกงซวิ่นถูอื่นนั้น สะท้อนความองอาจกล้าหาญของเฝิงเยวี่ยน (ให้อารมณ์คล้ายคลึงกับภาพ ‘เฝิงเยวี่ยนขวางหมี’ ที่เป็นผลงานเก่าในสมัยองค์คังซีที่ Storyฯ แปะมาให้ดู) แต่ภาพใหม่ให้ความรู้สึกว่าเฝิงเยวี่ยนดูบอบบางไร้ความน่าเกรงขาม สะท้อนถึงความรนหาที่ตายอย่างโง่ๆ ตามบทกวี ภาพใหม่นี้วาดเสร็จในปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 31 ปัจจุบันเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม

    ข้อเท็จจริงเบื้องหลังภาพที่วาดขึ้นใหม่เป็นเช่นนี้หรือไม่ Storyฯ ก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่เรื่องของเฝิงเยวี่ยนที่ใช้ตัวเองมาขวางหมีไว้ยังคงเป็นเรื่องเล่าขานกันต่อมาในแง่ความกล้าหาญและความจงรักภักดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    http://ent.sina.com.cn/v/m/2018-08-10/doc-ihhnunsq6262060.shtml
    https://topimage.design/images/5f2ec355ccb56d496c4eeaa4.html
    https://baike.baidu.com/item/女史箴图
    https://www.tongyangapp.com/standard/sdetail?id=7056912
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/冯媛/3311193
    https://new.qq.com/rain/a/20210618A034TY00
    https://www.youtube.com/watch?v=SsSfNW9c2mM

    #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #เฝิงเจี๋ยอวี๋ #เฝิงเยวี่ยน #ฮั่นหยวนตี้ #เฝิงเจี๋ยอวี๋ขวางหมี #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    วันนี้ยังคงคุยกันเรื่องสิบสองภาพวาด ‘กงซวิ่นถู’ (宫训图 แปลตรงตัวว่า พระราชวัง+คำสอน+ภาพ) ที่ในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> ซึ่งก่อนหน้านี้ Storyฯ เคยคุยถึงภาพ ‘ปันจีฉือเหนี่ยน’ แห่งพระตำหนักหย่งโซ่วกงว่าเป็นภาพตอนหนึ่งของภาพม้วนยาวที่มีชื่อเรียกว่าภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ (女史箴图 / ข้าราชสำนักหญิงเตือนสติ) ภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ เป็นผลงานของกู้ข่ายจือ ซึ่งเดิมมี 12 ตอนแต่สูญหายไปแล้ว ปัจจุบันเหลือเพียงฉบับคัดลอก 9 ตอน มีความยาวเกือบ 3.5 เมตร มีเนื้อหาเป็นเรื่องเล่าในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก (ปี 52-7 ก่อนคริสตกาล) โดยภาพ ‘ปันจีฉือเหนี่ยน’ นั้นกล่าวถึงเมื่อครั้งฮั่นเฉิงตี้เสด็จประพาสทอดพระเนตรสัตว์สู้กัน โดยมีนางในและพระโอรสตามเสด็จ (https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/750792533715708) วันนี้คุยกันถึงอีกภาพที่เกี่ยวข้องกัน คือภาพ ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ (婕妤当熊图 / เจี๋ยอวี๋ขวางหมี) เป็นภาพที่แขวนไว้ที่พระตำหนักเสียนฝูกง ดูเหมือนในละคร <เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่> จะไม่ได้บอกไว้ว่าใครประทับอยู่ที่พระตำหนักนี้ แต่ในประวัติศาสตร์จริง สมัยองค์เฉียนหลงนั้น พระตำหนักเสียนฝูกงนี้เคยถูกใช้เป็นที่ประทับขององค์เฉียนหลงก่อนที่ต่อมาจะย้ายไปประทับที่พระที่นั่งหยั่งซินเตี้ยน หน้าตาของภาพนี้เป็นอย่างไร Storyฯ ก็หาไม่พบ ภาพที่นำมาให้ดูในรูปประกอบ 1(กลาง) เป็นภาพที่วาดขึ้นในสมัยองค์คังซีโดยช่างวาดหลวงจินคุน ส่วนภาพที่วาดขึ้นในสมัยขององค์เฉียนหลงนั้น คือรูปประกอบ 1(ขวา) ซึ่งทรงให้ช่างวาดหลวงวาดขึ้นใหม่เมื่อปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 30 ภายหลังจากเกิดเรื่องราวของฮองเฮาอูลาน่าลาตัดผม (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) แต่ก่อนจะคุยเรื่องภาพวาด ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ สองภาพในสมัยเฉียนหลง คงต้องคุยเกี่ยวกับเรื่องราวที่กล่าวถึงในภาพเสียก่อน ซึ่งเรื่องราวดังกล่าวมีต้นตอมาจากอีกตอนหนึ่งของภาพ ‘หนีว์สื่อเจิน’ (ดูรูปประกอบ 2) เจี๋ยอวี๋เป็นตำแหน่งพระสนม แล้วเจี๋ยอวี๋ที่กล่าวถึงในภาพคือใคร? นางคือเฝิงเจี๋ยอวี๋ เป็นพระสนมในองค์ฮั่นหยวนตี้ (ครองราชย์ปี 48-33 ก่อนคริสตกาล คือพระบิดาขององค์ฮั่นเฉิงตี้ที่กล่าวถึงในภาพ ‘ปันจีฉือเหนี่ยน’) นามเดิมว่าเฝิงเยวี่ยน ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นจาวอี๋ บันทึกเกี่ยวกับฮั่นหยวนตี้มีไม่มากเพราะไม่ได้มีผลงานสร้างชื่ออะไรมาก ที่เพื่อนเพจอาจเคยได้ยินถึงก็คือทรงส่งหวางเจาจวินไปแต่งงานเพื่อผูกมิตรกับเผ่าซวงหนู และชีวประวัติเกี่ยวกับเฝิงเจี๋ยอวี๋เองก็มีไม่มาก นอกจากกล่าวไว้ว่ามาจากตระกูลเฝิงซึ่งเป็นตระกูลขุนนางที่มากด้วยความสามารถและอำนาจ ตัวพระนางเองก็เป็นที่โปรดปรานนักขององค์ฮั่นหยวนตี้ ต่อมาบุตรชายเป็นอ๋องครองแคว้นจงซาน พระนางดำรงพระยศไทเฮาแห่งแคว้นจงซาน เรื่องราวที่กล่าวถึงในภาพนั้น คือเหตุการณ์ที่ฮั่นหยวนตี้ไปดูสัตว์สู้กัน (ขออภัยไม่ใช้ราชาศัพท์) จู่ๆ มีหมีดำโผล่มาและทำท่าว่าจะจู่โจมถึงที่ประทับของฮั่นหยวนตี้ นอกเหนือจากราชองครักษ์แล้ว ผู้ที่ตามเสด็จล้วนพยายามหนีตาย แต่เฝิงเจี๋ยอวี๋กลับถลันขึ้นหน้าเอาตัวเองไปขวางไว้ระหว่างองค์ฮั่นหยวนตี้กับหมีดำ สุดท้ายนางไม่ได้รับอันตรายใดๆ เพราะว่าราชองครักษ์ฆ่าหมีได้สำเร็จ ครั้นฮั่นหยวนตี้ถามว่าทำไมนางถึงไม่กลัวหมี นางตอบว่า หมีเมื่อจับได้คนหนึ่งคนก็จะไม่จู่โจมคนอื่น นางกลัวว่าหมีจะจู่โจมถึงตัวฮั่นหยวนตี้ จึงคิดพลีชีพเป็นเหยื่อล่อหมีแทน เรื่องนี้ทำให้ฮั่นหยวนตี้รักนางมากขึ้นกว่าเดิมและยิ่งทำให้นางเป็นที่เกลียดชังของคู่แข่งในวังหลังยิ่งขึ้นไปอีก กลายเป็นเรื่องราวความกล้าหาญและความจงรักภักดีที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ ความนัยที่แฝงไว้ในภาพ ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ ขององค์เฉียนหลงนี้ก็คือความกล้าหาญ และป้ายอักษรที่คู่กันกับภาพนี้คือ ‘เน่ยจื๋อชินเฟิ่ง’ (内职钦奉) แปลได้ประมาณว่า ชื่นชมยกย่องฝ่ายใน แต่... อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เมื่อปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 30 ภายหลังจากเหตุการณ์ฮองเฮาสกุลอูลาน่าลาตัดผม องค์เฉียนหลงได้ให้ช่างวาดหลวงจินถิงเปียววาดภาพ ‘เจี๋ยอวี๋ตั่งสยง’ ขึ้นอีกภาพหนึ่ง มีการเล่าขานกันต่อมาว่า จากที่เดิมองค์เฉียนหลงยกย่องเฝิงเจี๋ยอวี๋ว่ากล้าหาญ กลับกลายเป็นดูถูกเสียดสีว่า เฝิงเจี๋ยอวี๋ไม่เจียมตัว ไม่มีความสามารถก็ยังจะรนหาที่ตาย เป็นการเสียสละแบบโง่ๆ เพื่อสร้างความเด่นความดีให้กับตนเอง ควรเป็นที่น่าละอายของราชสกุล โดยประพันธ์ขึ้นเป็นบทกวีและให้ช่างวาดวาดขึ้นใหม่ให้ได้อารมณ์ตามบทกวีนี้ ว่ากันว่าภาพเดิมที่วาดขึ้นในรัชศกเฉียนหลงปีที่ 6 พร้อมกับภาพกงซวิ่นถูอื่นนั้น สะท้อนความองอาจกล้าหาญของเฝิงเยวี่ยน (ให้อารมณ์คล้ายคลึงกับภาพ ‘เฝิงเยวี่ยนขวางหมี’ ที่เป็นผลงานเก่าในสมัยองค์คังซีที่ Storyฯ แปะมาให้ดู) แต่ภาพใหม่ให้ความรู้สึกว่าเฝิงเยวี่ยนดูบอบบางไร้ความน่าเกรงขาม สะท้อนถึงความรนหาที่ตายอย่างโง่ๆ ตามบทกวี ภาพใหม่นี้วาดเสร็จในปีรัชศกเฉียนหลงปีที่ 31 ปัจจุบันเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์พระราชวังต้องห้าม ข้อเท็จจริงเบื้องหลังภาพที่วาดขึ้นใหม่เป็นเช่นนี้หรือไม่ Storyฯ ก็ไม่ทราบแน่ชัด แต่เรื่องของเฝิงเยวี่ยนที่ใช้ตัวเองมาขวางหมีไว้ยังคงเป็นเรื่องเล่าขานกันต่อมาในแง่ความกล้าหาญและความจงรักภักดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: http://ent.sina.com.cn/v/m/2018-08-10/doc-ihhnunsq6262060.shtml https://topimage.design/images/5f2ec355ccb56d496c4eeaa4.html https://baike.baidu.com/item/女史箴图 https://www.tongyangapp.com/standard/sdetail?id=7056912 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/冯媛/3311193 https://new.qq.com/rain/a/20210618A034TY00 https://www.youtube.com/watch?v=SsSfNW9c2mM #เล่ห์รักตำหนักเหยียนสี่ #เฝิงเจี๋ยอวี๋ #เฝิงเยวี่ยน #ฮั่นหยวนตี้ #เฝิงเจี๋ยอวี๋ขวางหมี #กงซวิ่นถู #เฉียนหลงสิบสองภาพวาด
    0 Comments 0 Shares 1121 Views 0 Reviews
  • สี่อาชีพในสังคมจีนโบราณ

    ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ยอดบุรุษพลิกคดี> จะยังจำได้ไหมว่าในตอนต้นเรื่องนั้น จางผิงผู้เป็นบัณฑิตตกยากออกมาขายของกินยามค่ำคืนกับเพื่อนซี้ เขาโดนคนที่เดินผ่านมาถากถางว่าเป็นบัณฑิตแต่กลับไม่รักดีมาขายของโดยสาธยายว่า “ในบรรดาบัณฑิต เกษตรกร ช่าง และพ่อค้านั้น พ่อค้าคือต่ำต้อยสุด” (士农工商 商为最贱)

    ‘บัณฑิต เกษตรกร ช่าง และพ่อค้า’ หรือที่เรียกว่า ‘ซื่อหนงกงซัง” (士农工商) นั้น เป็นสี่หมวดอาชีพในสังคมจีนโบราณโดยในประโยคที่ยกมาจากในละครข้างต้นได้จัดเรียงลำดับชนชั้นจากความสูงส่งไปจนต่ำต้อย

    แล้วในสมัยจีนโบราณอาชีพพ่อค้าต่ำต้อยที่สุดจริงหรือ?

    จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ แรกเริ่มเลยในสมัยราชวงศ์ซาง (1600-1050 ก่อนคริสตกาล) การเป็นพ่อค้าเป็นอาชีพที่คนชอบ ทำให้มีเกษตรกรน้อย ต่อมาในราชวงศ์ถัดๆ ไปจึงถูกมองว่านั่นทำให้รากฐานสังคมไม่แข็งแรงและเป็นหนึ่งในสาเหตุของการล่มสลายของราชวงศ์ซาง ในสมัยราชวงศ์โจวจึงมีการสนับสนุนให้ประชาชนทำการเกษตรมากกว่าการค้า

    ในยุคสมัยชุนชิว (770-476 ปีก่อนคริสตกาล) สี่หมวดอาชีพ ‘ซื่อหนงกงซัง’ นี้ถูกรวมกันเป็น ‘ซื่อหมิน’ (四民 แปลตรงตัวว่า ‘สี่ประชาชน’ หมายถึงสี่อาชีพ) ในบันทึกสั้นโบราณว่าด้วยปรัชญาการปกครองที่มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวควง’ ของก่วนจ้ง อัครมหาเสนาบดีของแคว้นฉีในยุคสมัยชุนชิว ซึ่งต่อมาถูกผนวกรวมเข้าไปไว้ในหมวดที่สามของประมวลสาส์นสี่พระคลัง (四库全书 / ซื่อคู่เฉวียนซู) ที่จัดทำขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง

    ก่วนจ้งเองมาจากครอบครัวพ่อค้า เขามองอาชีพพ่อค้าเป็นอาชีพเท่าเทียมกับอาชีพอื่น ข้อความเดิมของเขาระบุไว้ว่า ‘ซื่อหนงกงซังสี่ประชาชนนั้น ล้วนเป็นศิลารากฐานแห่งประเทศชาติ’ โดยมีนัยว่าสังคมจะขาดหนึ่งกลุ่มอาชีพใดไม่ได้ และก่วนจ้งไม่ได้มีการจัดแบ่งชนชั้นต่ำสูง แต่ให้แง่คิดสำหรับระบบการปกครองว่าควรจัดสรรที่ดินทำกินและเขตพำนักให้เหมาะสมกับกลุ่มอาชีพ เพราะแต่ละกลุ่มจะมีความสันทัดและมีรูปแบบชีวิตของตน และหากคนในวิชาชีพเดียวกันได้อยู่ด้วยกันจะสืบทอดและพัฒนาความรู้ในวิชาชีพนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า อีกทั้งยังเอื้อต่อการปกครอง (หมายเหตุ ‘ซื่อ’ ไม่เพียงหมายถึงบัณฑิต หากแต่หมายรวมถึงผู้มีการศึกษาสามารถดูแลปกครองผู้อื่นได้ และหมายรวมถึงผู้ที่เข้ารับราชการด้วย)

    จะเห็นได้ว่า แรกเริ่มเลย ‘สี่ประชาชน’ นั้นเป็นการวางระบบการปกครองตามหมวดหมู่วิชาชีพโดยมองทุกกลุ่มชนเท่าเทียมกัน แต่ผลที่ตามมาก็คือ เกษตรกรเกิดในครอบครัวเกษตรกร คนมีการศึกษาเกิดในตระกูลคนมีการศึกษาด้วยกัน พอผ่านไปหลายชั่วคน ประชาชนจะถูกจำกัดให้อยู่ภายในกลุ่มหมวดอาชีพของตนโดยปริยาย

    ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น ปรัชญาขงจื๊อได้รับการยกย่องและยอมรับอย่างแพร่หลายและมีอิทธิพลอย่างมากต่อการปกครองบ้านเมือง ผลที่ตามมาคือการยกระดับกลุ่มคนมีการศึกษาขึ้นสูงเหนือกลุ่มอื่น และเริ่มมีการมองอย่างดูแคลนว่าพ่อค้าเอาผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้งมากกว่าความเจริญของส่วนรวม นี่ไม่ใช่คำสอนของขงจื๊อ แต่เป็นวิวัฒนาการทางความคิดของสังคมที่ไปในทิศทางนั้น

    ในตำราประวัติศาสตร์สมัยถังต้น (旧唐书¬) มีการบันทึกไว้ว่า ‘ผู้ที่รับเบี้ยหวัดราชการ ห้ามแก่งแย่งผลประโยชน์จากผู้ที่ต่ำกว่า ช่างและพ่อค้าหลากประเภท ห้ามมิให้เข้ารับราชการ’ (食禄之家,不得与下人争利。工商杂类,不得预于士伍。) เป็นที่สังเกตได้ว่ามีการใช้คำ ‘ผู้ที่ต่ำกว่า’ และ ‘หลากประเภท’ ซึ่งสะท้อนถึงการแบ่งแยกต่ำและสูง (หมายเหตุ ‘หลากประเภท’ ในที่นี้เป็นคำเรียกที่สะท้อนความหมายถึงชนชั้นต่ำ) และในสมัยถังไท่จงมีกฎว่า ห้ามไม่ให้ขุนนางขั้นที่ห้าขึ้นไปทำการค้า วัตถุประสงค์ของกฎเกณฑ์ต่างๆ เหล่านี้เป็นการจัดระเบียบสังคมและป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ แต่อย่างไรก็ดี มันเสริมสร้างการแบ่งแยกทางชนชั้นด้วยอาชีพ สุดท้ายกลายเป็นการตอกย้ำความเชื่อของสังคมที่ว่า ‘ในบรรดาบัณฑิต เกษตรกร ช่าง และพ่อค้านั้น พ่อค้าคือต่ำต้อยสุด’

    แต่ความคิดนี้เริ่มเปลี่ยนไปในช่วงกลางและปลายของสมัยถัง และได้มีการผ่อนคลายกฏเกณฑ์บางอย่าง การเปลี่ยนแปลงนี้ค่อยๆ มีอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในสมัยซ่ง การค้าเจริญรุ่งเรือง เกิดการคบค้าสมาคมกันอย่างกว้างขวางข้ามกลุ่มอาชีพ และพ่อค้ากลับกลายมาเป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของสังคม โดยมีบทบาทเข้ามาช่วยเหลือจุนเจือสังคมมากขึ้น จะเห็นได้ว่า บทบาทและสถานะทางสังคมของอาชีพต่างๆ แปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

    Storyฯ ไม่ได้ค้นคว้าอย่างลึกซึ้งในรายละเอียดของวิวัฒนาการต่างๆ ทางด้านการปกครองและเศรษฐกิจเพราะเป็นสองศาสตร์วิชาที่ทั้งกว้างทั้งลึก วันนี้จึงเพียงคุยโดยคร่าวให้เพื่อนเพจฟังในแง่ที่ว่า สี่หมวดหมู่อาชีพนี้ เป็นการจัดหมวดหมู่เพื่อการปกครองมาแต่โบราณกาลและเดิมไม่ได้เป็นการตั้งใจแบ่งชนชั้นวรรณะตามอาชีพ เพียงแต่เมื่อสังคมเปลี่ยนไป มุมมองก็เปลี่ยนไปจนเกิดเป็นการแบ่งแยกให้ชนชั้นที่มีการศึกษาเป็นชั้นสูงและให้พ่อค้าเป็นชนชั้นล่างสุด แต่นี่ไม่ใช่สถานะที่ถาวร หากแต่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยเช่นกัน

    ละครเรื่อง <ยอดบุรุษพลิกคดี> เป็นเรื่องราวในรัชสมัยสมมุติ แต่ดูจากการแต่งกายและเครื่องแบบข้าราชการแล้วเป็นการอิงตามสมัยถัง จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นวลีที่ว่า ‘ในบรรดาบัณฑิต เกษตรกร ช่าง และพ่อค้านั้น พ่อค้าคือต่ำต้อยสุด’ นี้ในละครเรื่องนี้

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.themoviedb.org/tv/128712/images/posters?language=zh-HK
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/531009133
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://ctext.org/guanzi/xiao-kuang/zhs
    http://www.qulishi.com/article/201909/363094.html
    https://www.163.com/dy/article/FLEULDGE0543KAMS.html
    https://www.sxlib.org.cn/dfzy/sczl/wwgjp/qb/201808/t20180806_929973.html
    http://www.rmlt.com.cn/2018/1116/533321.shtml
    http://www.jjckb.cn/2016-12/05/c_135881236.htm#
    http://economy.guoxue.com/?p=888

    #ยอดบุรุษพลิกคดี #สี่อาชีพจีนโบราณ #ซี่อหนงกงซัง #ซื่อหมิน #สี่ประชาชน
    สี่อาชีพในสังคมจีนโบราณ ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูเรื่อง <ยอดบุรุษพลิกคดี> จะยังจำได้ไหมว่าในตอนต้นเรื่องนั้น จางผิงผู้เป็นบัณฑิตตกยากออกมาขายของกินยามค่ำคืนกับเพื่อนซี้ เขาโดนคนที่เดินผ่านมาถากถางว่าเป็นบัณฑิตแต่กลับไม่รักดีมาขายของโดยสาธยายว่า “ในบรรดาบัณฑิต เกษตรกร ช่าง และพ่อค้านั้น พ่อค้าคือต่ำต้อยสุด” (士农工商 商为最贱) ‘บัณฑิต เกษตรกร ช่าง และพ่อค้า’ หรือที่เรียกว่า ‘ซื่อหนงกงซัง” (士农工商) นั้น เป็นสี่หมวดอาชีพในสังคมจีนโบราณโดยในประโยคที่ยกมาจากในละครข้างต้นได้จัดเรียงลำดับชนชั้นจากความสูงส่งไปจนต่ำต้อย แล้วในสมัยจีนโบราณอาชีพพ่อค้าต่ำต้อยที่สุดจริงหรือ? จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ แรกเริ่มเลยในสมัยราชวงศ์ซาง (1600-1050 ก่อนคริสตกาล) การเป็นพ่อค้าเป็นอาชีพที่คนชอบ ทำให้มีเกษตรกรน้อย ต่อมาในราชวงศ์ถัดๆ ไปจึงถูกมองว่านั่นทำให้รากฐานสังคมไม่แข็งแรงและเป็นหนึ่งในสาเหตุของการล่มสลายของราชวงศ์ซาง ในสมัยราชวงศ์โจวจึงมีการสนับสนุนให้ประชาชนทำการเกษตรมากกว่าการค้า ในยุคสมัยชุนชิว (770-476 ปีก่อนคริสตกาล) สี่หมวดอาชีพ ‘ซื่อหนงกงซัง’ นี้ถูกรวมกันเป็น ‘ซื่อหมิน’ (四民 แปลตรงตัวว่า ‘สี่ประชาชน’ หมายถึงสี่อาชีพ) ในบันทึกสั้นโบราณว่าด้วยปรัชญาการปกครองที่มีชื่อเรียกว่า ‘เสี่ยวควง’ ของก่วนจ้ง อัครมหาเสนาบดีของแคว้นฉีในยุคสมัยชุนชิว ซึ่งต่อมาถูกผนวกรวมเข้าไปไว้ในหมวดที่สามของประมวลสาส์นสี่พระคลัง (四库全书 / ซื่อคู่เฉวียนซู) ที่จัดทำขึ้นในสมัยราชวงศ์ชิง ก่วนจ้งเองมาจากครอบครัวพ่อค้า เขามองอาชีพพ่อค้าเป็นอาชีพเท่าเทียมกับอาชีพอื่น ข้อความเดิมของเขาระบุไว้ว่า ‘ซื่อหนงกงซังสี่ประชาชนนั้น ล้วนเป็นศิลารากฐานแห่งประเทศชาติ’ โดยมีนัยว่าสังคมจะขาดหนึ่งกลุ่มอาชีพใดไม่ได้ และก่วนจ้งไม่ได้มีการจัดแบ่งชนชั้นต่ำสูง แต่ให้แง่คิดสำหรับระบบการปกครองว่าควรจัดสรรที่ดินทำกินและเขตพำนักให้เหมาะสมกับกลุ่มอาชีพ เพราะแต่ละกลุ่มจะมีความสันทัดและมีรูปแบบชีวิตของตน และหากคนในวิชาชีพเดียวกันได้อยู่ด้วยกันจะสืบทอดและพัฒนาความรู้ในวิชาชีพนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า อีกทั้งยังเอื้อต่อการปกครอง (หมายเหตุ ‘ซื่อ’ ไม่เพียงหมายถึงบัณฑิต หากแต่หมายรวมถึงผู้มีการศึกษาสามารถดูแลปกครองผู้อื่นได้ และหมายรวมถึงผู้ที่เข้ารับราชการด้วย) จะเห็นได้ว่า แรกเริ่มเลย ‘สี่ประชาชน’ นั้นเป็นการวางระบบการปกครองตามหมวดหมู่วิชาชีพโดยมองทุกกลุ่มชนเท่าเทียมกัน แต่ผลที่ตามมาก็คือ เกษตรกรเกิดในครอบครัวเกษตรกร คนมีการศึกษาเกิดในตระกูลคนมีการศึกษาด้วยกัน พอผ่านไปหลายชั่วคน ประชาชนจะถูกจำกัดให้อยู่ภายในกลุ่มหมวดอาชีพของตนโดยปริยาย ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์ฮั่น ปรัชญาขงจื๊อได้รับการยกย่องและยอมรับอย่างแพร่หลายและมีอิทธิพลอย่างมากต่อการปกครองบ้านเมือง ผลที่ตามมาคือการยกระดับกลุ่มคนมีการศึกษาขึ้นสูงเหนือกลุ่มอื่น และเริ่มมีการมองอย่างดูแคลนว่าพ่อค้าเอาผลประโยชน์ส่วนตนเป็นที่ตั้งมากกว่าความเจริญของส่วนรวม นี่ไม่ใช่คำสอนของขงจื๊อ แต่เป็นวิวัฒนาการทางความคิดของสังคมที่ไปในทิศทางนั้น ในตำราประวัติศาสตร์สมัยถังต้น (旧唐书¬) มีการบันทึกไว้ว่า ‘ผู้ที่รับเบี้ยหวัดราชการ ห้ามแก่งแย่งผลประโยชน์จากผู้ที่ต่ำกว่า ช่างและพ่อค้าหลากประเภท ห้ามมิให้เข้ารับราชการ’ (食禄之家,不得与下人争利。工商杂类,不得预于士伍。) เป็นที่สังเกตได้ว่ามีการใช้คำ ‘ผู้ที่ต่ำกว่า’ และ ‘หลากประเภท’ ซึ่งสะท้อนถึงการแบ่งแยกต่ำและสูง (หมายเหตุ ‘หลากประเภท’ ในที่นี้เป็นคำเรียกที่สะท้อนความหมายถึงชนชั้นต่ำ) และในสมัยถังไท่จงมีกฎว่า ห้ามไม่ให้ขุนนางขั้นที่ห้าขึ้นไปทำการค้า วัตถุประสงค์ของกฎเกณฑ์ต่างๆ เหล่านี้เป็นการจัดระเบียบสังคมและป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบ แต่อย่างไรก็ดี มันเสริมสร้างการแบ่งแยกทางชนชั้นด้วยอาชีพ สุดท้ายกลายเป็นการตอกย้ำความเชื่อของสังคมที่ว่า ‘ในบรรดาบัณฑิต เกษตรกร ช่าง และพ่อค้านั้น พ่อค้าคือต่ำต้อยสุด’ แต่ความคิดนี้เริ่มเปลี่ยนไปในช่วงกลางและปลายของสมัยถัง และได้มีการผ่อนคลายกฏเกณฑ์บางอย่าง การเปลี่ยนแปลงนี้ค่อยๆ มีอย่างต่อเนื่อง ต่อมาในสมัยซ่ง การค้าเจริญรุ่งเรือง เกิดการคบค้าสมาคมกันอย่างกว้างขวางข้ามกลุ่มอาชีพ และพ่อค้ากลับกลายมาเป็นหนึ่งในรากฐานสำคัญของสังคม โดยมีบทบาทเข้ามาช่วยเหลือจุนเจือสังคมมากขึ้น จะเห็นได้ว่า บทบาทและสถานะทางสังคมของอาชีพต่างๆ แปรเปลี่ยนไปตามยุคสมัย Storyฯ ไม่ได้ค้นคว้าอย่างลึกซึ้งในรายละเอียดของวิวัฒนาการต่างๆ ทางด้านการปกครองและเศรษฐกิจเพราะเป็นสองศาสตร์วิชาที่ทั้งกว้างทั้งลึก วันนี้จึงเพียงคุยโดยคร่าวให้เพื่อนเพจฟังในแง่ที่ว่า สี่หมวดหมู่อาชีพนี้ เป็นการจัดหมวดหมู่เพื่อการปกครองมาแต่โบราณกาลและเดิมไม่ได้เป็นการตั้งใจแบ่งชนชั้นวรรณะตามอาชีพ เพียงแต่เมื่อสังคมเปลี่ยนไป มุมมองก็เปลี่ยนไปจนเกิดเป็นการแบ่งแยกให้ชนชั้นที่มีการศึกษาเป็นชั้นสูงและให้พ่อค้าเป็นชนชั้นล่างสุด แต่นี่ไม่ใช่สถานะที่ถาวร หากแต่เปลี่ยนไปตามยุคสมัยเช่นกัน ละครเรื่อง <ยอดบุรุษพลิกคดี> เป็นเรื่องราวในรัชสมัยสมมุติ แต่ดูจากการแต่งกายและเครื่องแบบข้าราชการแล้วเป็นการอิงตามสมัยถัง จึงไม่แปลกที่เราจะเห็นวลีที่ว่า ‘ในบรรดาบัณฑิต เกษตรกร ช่าง และพ่อค้านั้น พ่อค้าคือต่ำต้อยสุด’ นี้ในละครเรื่องนี้ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.themoviedb.org/tv/128712/images/posters?language=zh-HK https://zhuanlan.zhihu.com/p/531009133 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://ctext.org/guanzi/xiao-kuang/zhs http://www.qulishi.com/article/201909/363094.html https://www.163.com/dy/article/FLEULDGE0543KAMS.html https://www.sxlib.org.cn/dfzy/sczl/wwgjp/qb/201808/t20180806_929973.html http://www.rmlt.com.cn/2018/1116/533321.shtml http://www.jjckb.cn/2016-12/05/c_135881236.htm# http://economy.guoxue.com/?p=888 #ยอดบุรุษพลิกคดี #สี่อาชีพจีนโบราณ #ซี่อหนงกงซัง #ซื่อหมิน #สี่ประชาชน
    WWW.THEMOVIEDB.ORG
    神探同盟
    故事改編自內地網絡作家大風颳過撰寫嘅原創長篇網絡小說《張公案》.
    0 Comments 0 Shares 1132 Views 0 Reviews
  • หนึ่งรำลึกกวนซาน

    สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ไม่รู้ภาษาจีนอาจไม่ทราบว่าชื่อจีนของซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> นั้นมีความหมายแตกต่างจากชื่อไทย (หรือแม้แต่ชื่อภาษาอังกฤษ) ชื่อจีนที่ว่านี้คือ ‘อี๋เนี่ยนกวนซาน’ (一念关山แปลตรงตัวว่า หนึ่งความคิด/รำลึก + เขากวนซาน) วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง ‘กวนซาน’ กัน

    ภูเขาที่มีชื่อว่า ‘กวนซาน’ นี้เป็นสถานที่จริงหรือไม่?

    จากข้อมูลที่หาได้ กวนซานคือบริเวณที่ในสมัยโบราณเรียกว่าเขาหล่งซานบรรจบเขตพื้นที่ราบกวนจง (ไม่ไกลจากอดีตเมืองฉางอัน) (ดูแผนที่ภาพ 2) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมโบราณที่เชื่อมจีนและดินแดนทางตะวันตก และเป็นพื้นที่สมรภูมิอยู่หลายครั้งหลายคราเพราะเป็นเส้นทางผ่านเขตแดนที่เชื่อมขึ้นไปตะวันตกเฉียงเหนือก่อนจะเข้าสู่อาณาเขตเหลียวหรือชี่ตัน มันเป็นเทือกเขาสูงและชัน สูงกว่า 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยากต่อการเดินทางและการป้องกัน

    แต่ในซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> ไม่ได้เอ่ยชัดเจนถึงภูเขาหรือสถานที่ที่ชื่อว่า ‘กวนซาน’ จึงเป็นไปได้ว่าชื่อของซีรีส์นี้ไม่ได้หมายถึงสถานที่จริง Storyฯ เลยวางแผนที่ลงแล้วไปหยิบบทกวีโบราณมาดูกันว่าจริงแล้ว ‘กวนซาน’ หมายถึงอะไร

    ‘กวนซาน’ ปรากฏในบทกวีโบราณกว่าหนึ่งร้อยบท มักอยู่ในบริบทของบทกวีที่รำพันถึงความยากลำบากของชีวิต เปรียบเสมือนการเดินทางข้ามเขากวนซานที่ทั้งสูงทั้งอันตราย และเมื่อข้ามผ่านแล้วจะเดินทางกลับบ้านก็ยากยิ่งนัก

    มีบทกวีที่เตะตามาก ด้วยวรรคลงท้ายสองวรรคของบทกวีที่ใกล้เคียงกับชื่อซีรีส์นี้ คือวรรคที่กล่าวว่า “หนึ่งรำลึกถึงกวนซัน พันลี้พะวงถึงถ้ำรังจิ้งจอก” (一念起关山 千里顾丘窟) ซึ่งในที่นี้ ถ้ำรังจิ้งจอกเป็นการอุปมาอุปไมยถึงบ้านเกิด เพราะว่ากันว่าเวลาจิ้งจอกบาดเจ็บใกล้ตายจะพยายามกลับรัง บทกวีนี้มีชื่อว่า ‘เชวี่ยตงซีเหมินสิง’ (却东西门行 แปลได้ประมาณว่า ละทิ้ง(เมือง)ตะวันออกเดินทางออกประตูตะวันตก) ของเสิ่นเยวี้ย ประพันธ์ขึ้นในสมัยราชวงศ์ใต้ บรรยายถึงการเดินทางของคนคนหนึ่งที่ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกข้ามผ่านแนวเขา ย้อนมองเมืองหลวง (เมืองตะวันออก) แต่เมืองหลวงค่อยๆ เลือนหายไปในหมอกควัน วันเวลาที่ผันผ่านยิ่งทำให้รำลึกถึงอดีต ยามมองทิวเขานึกถึงถ้ำรังจิ้งจอกคือหวนคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน สะท้อนถึงชีวิตจริงของกวีที่ต้องจากลาเมืองหลวงเมื่อตระกูลตกต่ำ

    ดังนั้น ‘กวนซาน’ ในบทกวีนี้คือหมายถึงมาตุภูมิ และในอีกหลายบทกวีคำว่า ‘กวนซาน’ ก็ถูกนำมาใช้เพื่อสะท้อนถึงความหมายนี้เช่นกัน และ Storyฯ คิดว่าชื่อภาษาจีนของ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> สะท้อนได้ดีถึงการเดินเรื่องด้วยเรื่องราวความพยายามที่จะพาฮ่องเต้แคว้นอู๋กลับบ้าน และเรื่องราวความรักและความเสียสละของเหล่าตัวละครที่มีต่อแผ่นดินเกิด

    ... หนึ่งรำลึกคือกวนซาน
    ... หนึ่งรำลึกคือมาตุภูมิ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://star.tom.com/202311/1572406490.html
    https://topimage.design/images/5cffdf94ccb56d3ea8caeb7d.html
    https://collection.sina.com.cn/plfx/20141223/1032174072.shtml?from=wap
    https://www.sohu.com/a/414709176_100091417
    https://www.sohu.com/a/497600136_100185418
    https://www.sohu.com/a/730286086_121157391
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://mt.sohu.com/20170416/n488714328.shtml
    https://www.sohu.com/a/730286086_121157391
    https://www.cidianwang.com/lishi/diming/6/63246lp.htm
    https://www.gushiju.net/ju/1703370

    #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #กวนซาน
    หนึ่งรำลึกกวนซาน สวัสดีค่ะ เพื่อนเพจที่ไม่รู้ภาษาจีนอาจไม่ทราบว่าชื่อจีนของซีรีส์เรื่อง <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> นั้นมีความหมายแตกต่างจากชื่อไทย (หรือแม้แต่ชื่อภาษาอังกฤษ) ชื่อจีนที่ว่านี้คือ ‘อี๋เนี่ยนกวนซาน’ (一念关山แปลตรงตัวว่า หนึ่งความคิด/รำลึก + เขากวนซาน) วันนี้เรามาคุยกันเรื่อง ‘กวนซาน’ กัน ภูเขาที่มีชื่อว่า ‘กวนซาน’ นี้เป็นสถานที่จริงหรือไม่? จากข้อมูลที่หาได้ กวนซานคือบริเวณที่ในสมัยโบราณเรียกว่าเขาหล่งซานบรรจบเขตพื้นที่ราบกวนจง (ไม่ไกลจากอดีตเมืองฉางอัน) (ดูแผนที่ภาพ 2) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมโบราณที่เชื่อมจีนและดินแดนทางตะวันตก และเป็นพื้นที่สมรภูมิอยู่หลายครั้งหลายคราเพราะเป็นเส้นทางผ่านเขตแดนที่เชื่อมขึ้นไปตะวันตกเฉียงเหนือก่อนจะเข้าสู่อาณาเขตเหลียวหรือชี่ตัน มันเป็นเทือกเขาสูงและชัน สูงกว่า 2,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ยากต่อการเดินทางและการป้องกัน แต่ในซีรีส์ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> ไม่ได้เอ่ยชัดเจนถึงภูเขาหรือสถานที่ที่ชื่อว่า ‘กวนซาน’ จึงเป็นไปได้ว่าชื่อของซีรีส์นี้ไม่ได้หมายถึงสถานที่จริง Storyฯ เลยวางแผนที่ลงแล้วไปหยิบบทกวีโบราณมาดูกันว่าจริงแล้ว ‘กวนซาน’ หมายถึงอะไร ‘กวนซาน’ ปรากฏในบทกวีโบราณกว่าหนึ่งร้อยบท มักอยู่ในบริบทของบทกวีที่รำพันถึงความยากลำบากของชีวิต เปรียบเสมือนการเดินทางข้ามเขากวนซานที่ทั้งสูงทั้งอันตราย และเมื่อข้ามผ่านแล้วจะเดินทางกลับบ้านก็ยากยิ่งนัก มีบทกวีที่เตะตามาก ด้วยวรรคลงท้ายสองวรรคของบทกวีที่ใกล้เคียงกับชื่อซีรีส์นี้ คือวรรคที่กล่าวว่า “หนึ่งรำลึกถึงกวนซัน พันลี้พะวงถึงถ้ำรังจิ้งจอก” (一念起关山 千里顾丘窟) ซึ่งในที่นี้ ถ้ำรังจิ้งจอกเป็นการอุปมาอุปไมยถึงบ้านเกิด เพราะว่ากันว่าเวลาจิ้งจอกบาดเจ็บใกล้ตายจะพยายามกลับรัง บทกวีนี้มีชื่อว่า ‘เชวี่ยตงซีเหมินสิง’ (却东西门行 แปลได้ประมาณว่า ละทิ้ง(เมือง)ตะวันออกเดินทางออกประตูตะวันตก) ของเสิ่นเยวี้ย ประพันธ์ขึ้นในสมัยราชวงศ์ใต้ บรรยายถึงการเดินทางของคนคนหนึ่งที่ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกข้ามผ่านแนวเขา ย้อนมองเมืองหลวง (เมืองตะวันออก) แต่เมืองหลวงค่อยๆ เลือนหายไปในหมอกควัน วันเวลาที่ผันผ่านยิ่งทำให้รำลึกถึงอดีต ยามมองทิวเขานึกถึงถ้ำรังจิ้งจอกคือหวนคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอน สะท้อนถึงชีวิตจริงของกวีที่ต้องจากลาเมืองหลวงเมื่อตระกูลตกต่ำ ดังนั้น ‘กวนซาน’ ในบทกวีนี้คือหมายถึงมาตุภูมิ และในอีกหลายบทกวีคำว่า ‘กวนซาน’ ก็ถูกนำมาใช้เพื่อสะท้อนถึงความหมายนี้เช่นกัน และ Storyฯ คิดว่าชื่อภาษาจีนของ <ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก> สะท้อนได้ดีถึงการเดินเรื่องด้วยเรื่องราวความพยายามที่จะพาฮ่องเต้แคว้นอู๋กลับบ้าน และเรื่องราวความรักและความเสียสละของเหล่าตัวละครที่มีต่อแผ่นดินเกิด ... หนึ่งรำลึกคือกวนซาน ... หนึ่งรำลึกคือมาตุภูมิ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://star.tom.com/202311/1572406490.html https://topimage.design/images/5cffdf94ccb56d3ea8caeb7d.html https://collection.sina.com.cn/plfx/20141223/1032174072.shtml?from=wap https://www.sohu.com/a/414709176_100091417 https://www.sohu.com/a/497600136_100185418 https://www.sohu.com/a/730286086_121157391 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://mt.sohu.com/20170416/n488714328.shtml https://www.sohu.com/a/730286086_121157391 https://www.cidianwang.com/lishi/diming/6/63246lp.htm https://www.gushiju.net/ju/1703370 #ข้ามภูผาหาญท้าลิขิตรัก #กวนซาน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 930 Views 0 Reviews
  • 7 มกราคม 2568-รายงานข่าวจากBlognone ระบุว่า Getty Images และ Shutterstock สองบริการขายไลเซนส์รูปภาพสต็อกรายใหญ่ ประกาศบรรลุข้อตกลงเพื่อควบรวมกิจการกัน ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ โดยประเมินมูลค่ากิจการหลังการควบรวมที่ราว 3.7 พันล้านดอลลาร์ทั้งสองบริษัทอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยบริษัทใหม่หลังการควบรวมจะใช้ชื่อว่า Getty Images Holdings ตามชื่อบริษัทปัจจุบันของ Getty Images และใช้ตัวย่อในการซื้อขายหุ้น GETY ซึ่ง Craig Peters ซีอีโอ Getty Images จะเป็นซีอีโอของบริษัทหลังการควบรวม ส่วน Paul Hennessy ซีอีโอ Shutterstock จะมีตำแหน่งในบอร์ดของบริษัทCraig Peters ซีอีโอ Getty Images กล่าวว่าการรวมกิจการนี้ เป็นการเพิ่มโอกาสทั้งความแข็งแกร่งทางการเงิน การลงทุน และทำให้พอร์ตโฟลิโอมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้นกระบวนการควบรวมกิจการนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ฝั่งผู้ถือหุ้น Shutterstock โดยมีตัวเลือกทั้งรับเป็นเงินสดทั้งหมด หรือได้หุ้นใหม่ของ Getty Images ตามอัตราส่วน หรือได้ทั้งหุ้นและเงินสดการควบรวมกิจการนี้ยังต้องผ่านการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของสองบริษัท รวมทั้งการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
    7 มกราคม 2568-รายงานข่าวจากBlognone ระบุว่า Getty Images และ Shutterstock สองบริการขายไลเซนส์รูปภาพสต็อกรายใหญ่ ประกาศบรรลุข้อตกลงเพื่อควบรวมกิจการกัน ตามที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ โดยประเมินมูลค่ากิจการหลังการควบรวมที่ราว 3.7 พันล้านดอลลาร์ทั้งสองบริษัทอยู่ในตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยบริษัทใหม่หลังการควบรวมจะใช้ชื่อว่า Getty Images Holdings ตามชื่อบริษัทปัจจุบันของ Getty Images และใช้ตัวย่อในการซื้อขายหุ้น GETY ซึ่ง Craig Peters ซีอีโอ Getty Images จะเป็นซีอีโอของบริษัทหลังการควบรวม ส่วน Paul Hennessy ซีอีโอ Shutterstock จะมีตำแหน่งในบอร์ดของบริษัทCraig Peters ซีอีโอ Getty Images กล่าวว่าการรวมกิจการนี้ เป็นการเพิ่มโอกาสทั้งความแข็งแกร่งทางการเงิน การลงทุน และทำให้พอร์ตโฟลิโอมีความสมบูรณ์แบบมากขึ้นกระบวนการควบรวมกิจการนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ฝั่งผู้ถือหุ้น Shutterstock โดยมีตัวเลือกทั้งรับเป็นเงินสดทั้งหมด หรือได้หุ้นใหม่ของ Getty Images ตามอัตราส่วน หรือได้ทั้งหุ้นและเงินสดการควบรวมกิจการนี้ยังต้องผ่านการอนุมัติจากผู้ถือหุ้นของสองบริษัท รวมทั้งการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้อง
    0 Comments 0 Shares 477 Views 0 Reviews
  • portrait and landscapes images.. for aspect ratio check
    portrait and landscapes images.. for aspect ratio check
    0 Comments 0 Shares 502 Views 0 Reviews
  • images i
    images i
    0 Comments 0 Shares 434 Views 0 Reviews
  • แฮกเกอร์ชาวอิหร่านแฮ็กโทรศัพท์ของ เบนนี กันต์ซ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล, เผยเรื่องอื้อฉาวทางเพศระหว่างเขากับแพทย์ประจำตัวของเนทันยาฮู

    ขณะนี้ภาพดังกล่าวถูกแชร์กันอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย
    .
    ⚡️JUST IN

    Iranian hackers broke into the phone of former Israeli Defense Minister Benny Gantz, revealing his sex scandal with Netanyahu's personal physician

    The images are now being widely circulated on social media
    .
    9:39 PM · Nov 11, 2024 · 1.7M Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1855983570361131218
    แฮกเกอร์ชาวอิหร่านแฮ็กโทรศัพท์ของ เบนนี กันต์ซ อดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล, เผยเรื่องอื้อฉาวทางเพศระหว่างเขากับแพทย์ประจำตัวของเนทันยาฮู ขณะนี้ภาพดังกล่าวถูกแชร์กันอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย . ⚡️JUST IN Iranian hackers broke into the phone of former Israeli Defense Minister Benny Gantz, revealing his sex scandal with Netanyahu's personal physician The images are now being widely circulated on social media . 9:39 PM · Nov 11, 2024 · 1.7M Views https://x.com/IranObserver0/status/1855983570361131218
    Wow
    1
    0 Comments 0 Shares 538 Views 0 Reviews
  • ระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกลอาร์มานของอิหร่านเข้าสู่ระยะทดสอบปฏิบัติการแล้ว, ตามภาพถ่ายดาวเทียม

    อาร์มานสามารถตรวจจับขีปนาวุธและโดรนได้ในระยะ ๑๘๐ กิโลเมตร
    .
    ⚡️BREAKING

    Iran's Arman Ballistic Missile Defence System has reached the Operational Test Phase, according to Satellite Images

    Arman can detect missiles and drones at a range of 180 kilometres
    .
    8:30 PM · Oct 21, 2024 · 212.4K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1848356241979924893
    ระบบป้องกันขีปนาวุธพิสัยไกลอาร์มานของอิหร่านเข้าสู่ระยะทดสอบปฏิบัติการแล้ว, ตามภาพถ่ายดาวเทียม อาร์มานสามารถตรวจจับขีปนาวุธและโดรนได้ในระยะ ๑๘๐ กิโลเมตร . ⚡️BREAKING Iran's Arman Ballistic Missile Defence System has reached the Operational Test Phase, according to Satellite Images Arman can detect missiles and drones at a range of 180 kilometres . 8:30 PM · Oct 21, 2024 · 212.4K Views https://x.com/IranObserver0/status/1848356241979924893
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 291 Views 0 Reviews
  • #images #videos
    #images #videos
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 Reviews
  • รายงานว่า ยาห์ยา ซินวาร์ ถูกสังหารโดยการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา

    จากภาพที่เผยแพร่ พบว่าร่างที่ปรากฏดูเหมือนกับซินวาร์ ๑๐๐%
    .
    Reports that Yahya Sinwar has been killed by an Israeli air strike a few hours ago

    According to the images that have circulated, the body shown looks 100% like Sinwar's
    .
    8:48 PM · Oct 17, 2024 · 277.2K Views
    https://x.com/IranObserver0/status/1846911068133626327
    🚨 รายงานว่า ยาห์ยา ซินวาร์ ถูกสังหารโดยการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา จากภาพที่เผยแพร่ พบว่าร่างที่ปรากฏดูเหมือนกับซินวาร์ ๑๐๐% . 🚨 Reports that Yahya Sinwar has been killed by an Israeli air strike a few hours ago According to the images that have circulated, the body shown looks 100% like Sinwar's . 8:48 PM · Oct 17, 2024 · 277.2K Views https://x.com/IranObserver0/status/1846911068133626327
    Wow
    1
    0 Comments 0 Shares 174 Views 0 Reviews
More Results