• เรื่องเล่าจาก Sandy Bridge ถึง GTX 1060: เมื่อเครื่องเก่ากลายเป็นขุมพลังแห่งความทรงจำ

    ผู้ใช้ Reddit ชื่อ Key-law-3005 ได้แชร์ภาพและเรื่องราวของคอมพิวเตอร์ที่เขาได้มาจากร้าน Goodwill ในราคาเพียง $9 ซึ่งเมื่อเปิดฝาเครื่องออกมา กลับพบว่าอุปกรณ์ภายในมีมูลค่ามากกว่าราคาซื้อหลายเท่า ทั้งเมนบอร์ด Gigabyte GA-Z68X-UD3H-B, เคส Corsair ATX และพาวเวอร์ซัพพลาย Seasonic S12 II 520W ที่ยังใช้งานได้ดี

    แม้เขาจะยอมรับว่าเป็นมือใหม่ด้าน DIY PC แต่ชุมชน PCMR บน Reddit ก็เข้ามาให้คำแนะนำอย่างอบอุ่น โดยเสนอให้เขาอัปเกรด CPU เป็น Core i7-2600K หรือ Xeon รุ่นที่รองรับ LGA1155 ซึ่งสามารถโอเวอร์คล็อกได้ และติดตั้ง RAM DDR3 ให้เต็ม 4 ช่อง พร้อมเพิ่มการ์ดจอแยก เช่น GTX 1060 ที่ยังรองรับเกมยุค 2010s ถึงต้น 2020s ได้ดี

    แม้ GTX 1060 จะใกล้หมดการสนับสนุนไดรเวอร์จาก Nvidia แต่ก็ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในตลาดมือสอง โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการเล่นเกมคลาสสิกหรือ eSports เช่น CS:GO, Dota 2, หรือ Overwatch

    บางคนในชุมชนแนะนำให้ขายชิ้นส่วนแยกเพื่อไปซื้อแพลตฟอร์มใหม่ที่รองรับ Windows 11 ได้เต็มรูปแบบ แต่หลายคนก็เห็นว่าการฟื้นฟูเครื่องนี้ให้กลายเป็น “nostalgic gaming rig” เป็นทางเลือกที่น่าสนุกและคุ้มค่ากว่า

    https://www.tomshardware.com/desktops/usd9-goodwill-pc-find-earns-congratulations-from-enthusiasts-the-machine-could-be-a-great-esports-or-nostalgic-gaming-powerhouse-with-the-right-upgrades
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Sandy Bridge ถึง GTX 1060: เมื่อเครื่องเก่ากลายเป็นขุมพลังแห่งความทรงจำ ผู้ใช้ Reddit ชื่อ Key-law-3005 ได้แชร์ภาพและเรื่องราวของคอมพิวเตอร์ที่เขาได้มาจากร้าน Goodwill ในราคาเพียง $9 ซึ่งเมื่อเปิดฝาเครื่องออกมา กลับพบว่าอุปกรณ์ภายในมีมูลค่ามากกว่าราคาซื้อหลายเท่า ทั้งเมนบอร์ด Gigabyte GA-Z68X-UD3H-B, เคส Corsair ATX และพาวเวอร์ซัพพลาย Seasonic S12 II 520W ที่ยังใช้งานได้ดี แม้เขาจะยอมรับว่าเป็นมือใหม่ด้าน DIY PC แต่ชุมชน PCMR บน Reddit ก็เข้ามาให้คำแนะนำอย่างอบอุ่น โดยเสนอให้เขาอัปเกรด CPU เป็น Core i7-2600K หรือ Xeon รุ่นที่รองรับ LGA1155 ซึ่งสามารถโอเวอร์คล็อกได้ และติดตั้ง RAM DDR3 ให้เต็ม 4 ช่อง พร้อมเพิ่มการ์ดจอแยก เช่น GTX 1060 ที่ยังรองรับเกมยุค 2010s ถึงต้น 2020s ได้ดี แม้ GTX 1060 จะใกล้หมดการสนับสนุนไดรเวอร์จาก Nvidia แต่ก็ยังถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าในตลาดมือสอง โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการเล่นเกมคลาสสิกหรือ eSports เช่น CS:GO, Dota 2, หรือ Overwatch บางคนในชุมชนแนะนำให้ขายชิ้นส่วนแยกเพื่อไปซื้อแพลตฟอร์มใหม่ที่รองรับ Windows 11 ได้เต็มรูปแบบ แต่หลายคนก็เห็นว่าการฟื้นฟูเครื่องนี้ให้กลายเป็น “nostalgic gaming rig” เป็นทางเลือกที่น่าสนุกและคุ้มค่ากว่า https://www.tomshardware.com/desktops/usd9-goodwill-pc-find-earns-congratulations-from-enthusiasts-the-machine-could-be-a-great-esports-or-nostalgic-gaming-powerhouse-with-the-right-upgrades
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    $9 Goodwill PC find earns congratulations from enthusiasts — the machine could be a great eSports or nostalgic gaming powerhouse with the right upgrades
    The Intel Sandy Bridge era machine’s motherboard, case, and power supply are individually worth multiples of the ticket price.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Helios 18P AI: เมื่อแล็ปท็อปเกมมิ่งกลายเป็นเครื่องมือของนักวิจัยและนักสร้างสรรค์

    ในงาน IFA 2025 ที่เบอร์ลิน Acer เปิดตัว Predator Helios 18P AI ซึ่งดูเผิน ๆ เหมือนเกมมิ่งแล็ปท็อปทั่วไป—มีโลโก้ Predator, ไฟ RGB, และดีไซน์ดุดัน แต่เมื่อดูสเปกแล้ว มันคือ “AI workstation แบบพกพา” ที่ออกแบบมาเพื่อคนทำงานจริงจัง ไม่ใช่แค่เล่นเกม

    หัวใจของเครื่องคือ Intel Core Ultra 9 285HX พร้อม vPro ซึ่งให้ความสามารถด้านการจัดการระดับองค์กร และความเสถียรแบบ workstation ส่วน RAM ก็ไม่ธรรมดา เพราะรองรับ ECC (Error-Correcting Code) สูงสุดถึง 192GB—เทคโนโลยีที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์เพื่อป้องกันข้อมูลเสียหายระหว่างการประมวลผล

    GPU ใช้ NVIDIA GeForce RTX 5090 Laptop ที่มีพลัง AI TOPS สูงถึง 1824 พร้อม DLSS 4 และ Tensor Core รุ่นที่ 5 ซึ่งเหมาะกับทั้งการเล่นเกมระดับสูงและการประมวลผล AI เช่นการเทรนโมเดล, การเรนเดอร์ภาพ 3D, หรือการจำลองทางวิทยาศาสตร์

    หน้าจอ Mini LED ขนาด 18 นิ้ว ความละเอียด 3840 × 2400 รองรับ HDR 1000 nits และ DCI-P3 เต็มช่วงสี พร้อม refresh rate 120Hz ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำด้านสี เช่นการตัดต่อวิดีโอหรือการทำงานด้านภาพยนตร์

    ระบบระบายความร้อนใช้พัดลม AeroBlade รุ่นที่ 6 ที่บางเพียง 0.05 มม. พร้อม liquid metal และ heat pipe แบบ vector เพื่อให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ร้อนเกินไป

    สเปกระดับ workstation ที่ใส่ในแล็ปท็อปเกมมิ่ง
    ใช้ Intel Core Ultra 9 285HX พร้อม vPro สำหรับการจัดการระดับองค์กร
    รองรับ ECC RAM สูงสุด 192GB เพื่อป้องกันข้อมูลเสียหาย
    GPU เป็น RTX 5090 Laptop พร้อม DLSS 4 และ Tensor Core รุ่นที่ 5

    ความสามารถด้าน AI และการประมวลผลหนัก
    รองรับ AI workload ด้วย NPU และ GPU ที่มี AI TOPS สูง
    เหมาะกับงานเทรนโมเดล, simulation, และการเรนเดอร์ระดับสูง
    ใช้ PCIe Gen 5 SSD สูงสุด 6TB สำหรับการเข้าถึงข้อมูลเร็ว

    หน้าจอและการเชื่อมต่อสำหรับ creator
    Mini LED 18 นิ้ว ความละเอียด 3840 × 2400, HDR 1000 nits, DCI-P3 เต็มช่วงสี
    มี Thunderbolt 5, HDMI 2.1, SD card reader, Wi-Fi 7 และ Killer Ethernet
    เหมาะกับงานตัดต่อวิดีโอ, color grading, และการทำงานแบบมืออาชีพ

    ระบบระบายความร้อนระดับสูง
    ใช้พัดลม AeroBlade รุ่นที่ 6 บางเพียง 0.05 มม.
    มี liquid metal thermal grease และ vector heat pipe
    ช่วยให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพโดยไม่เกิด thermal throttling

    https://www.tomshardware.com/laptops/gaming-laptops/acer-hedges-its-hardware-bets-puts-vpro-and-ecc-memory-in-new-high-end-gaming-laptop
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Helios 18P AI: เมื่อแล็ปท็อปเกมมิ่งกลายเป็นเครื่องมือของนักวิจัยและนักสร้างสรรค์ ในงาน IFA 2025 ที่เบอร์ลิน Acer เปิดตัว Predator Helios 18P AI ซึ่งดูเผิน ๆ เหมือนเกมมิ่งแล็ปท็อปทั่วไป—มีโลโก้ Predator, ไฟ RGB, และดีไซน์ดุดัน แต่เมื่อดูสเปกแล้ว มันคือ “AI workstation แบบพกพา” ที่ออกแบบมาเพื่อคนทำงานจริงจัง ไม่ใช่แค่เล่นเกม หัวใจของเครื่องคือ Intel Core Ultra 9 285HX พร้อม vPro ซึ่งให้ความสามารถด้านการจัดการระดับองค์กร และความเสถียรแบบ workstation ส่วน RAM ก็ไม่ธรรมดา เพราะรองรับ ECC (Error-Correcting Code) สูงสุดถึง 192GB—เทคโนโลยีที่ใช้ในเซิร์ฟเวอร์เพื่อป้องกันข้อมูลเสียหายระหว่างการประมวลผล GPU ใช้ NVIDIA GeForce RTX 5090 Laptop ที่มีพลัง AI TOPS สูงถึง 1824 พร้อม DLSS 4 และ Tensor Core รุ่นที่ 5 ซึ่งเหมาะกับทั้งการเล่นเกมระดับสูงและการประมวลผล AI เช่นการเทรนโมเดล, การเรนเดอร์ภาพ 3D, หรือการจำลองทางวิทยาศาสตร์ หน้าจอ Mini LED ขนาด 18 นิ้ว ความละเอียด 3840 × 2400 รองรับ HDR 1000 nits และ DCI-P3 เต็มช่วงสี พร้อม refresh rate 120Hz ทำให้เหมาะกับงานที่ต้องการความแม่นยำด้านสี เช่นการตัดต่อวิดีโอหรือการทำงานด้านภาพยนตร์ ระบบระบายความร้อนใช้พัดลม AeroBlade รุ่นที่ 6 ที่บางเพียง 0.05 มม. พร้อม liquid metal และ heat pipe แบบ vector เพื่อให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพโดยไม่ร้อนเกินไป ✅ สเปกระดับ workstation ที่ใส่ในแล็ปท็อปเกมมิ่ง ➡️ ใช้ Intel Core Ultra 9 285HX พร้อม vPro สำหรับการจัดการระดับองค์กร ➡️ รองรับ ECC RAM สูงสุด 192GB เพื่อป้องกันข้อมูลเสียหาย ➡️ GPU เป็น RTX 5090 Laptop พร้อม DLSS 4 และ Tensor Core รุ่นที่ 5 ✅ ความสามารถด้าน AI และการประมวลผลหนัก ➡️ รองรับ AI workload ด้วย NPU และ GPU ที่มี AI TOPS สูง ➡️ เหมาะกับงานเทรนโมเดล, simulation, และการเรนเดอร์ระดับสูง ➡️ ใช้ PCIe Gen 5 SSD สูงสุด 6TB สำหรับการเข้าถึงข้อมูลเร็ว ✅ หน้าจอและการเชื่อมต่อสำหรับ creator ➡️ Mini LED 18 นิ้ว ความละเอียด 3840 × 2400, HDR 1000 nits, DCI-P3 เต็มช่วงสี ➡️ มี Thunderbolt 5, HDMI 2.1, SD card reader, Wi-Fi 7 และ Killer Ethernet ➡️ เหมาะกับงานตัดต่อวิดีโอ, color grading, และการทำงานแบบมืออาชีพ ✅ ระบบระบายความร้อนระดับสูง ➡️ ใช้พัดลม AeroBlade รุ่นที่ 6 บางเพียง 0.05 มม. ➡️ มี liquid metal thermal grease และ vector heat pipe ➡️ ช่วยให้เครื่องทำงานเต็มประสิทธิภาพโดยไม่เกิด thermal throttling https://www.tomshardware.com/laptops/gaming-laptops/acer-hedges-its-hardware-bets-puts-vpro-and-ecc-memory-in-new-high-end-gaming-laptop
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Acer hedges its hardware bets, puts vPro and ECC memory in new high-end gaming laptop
    The company says the Predator Helios 18P AI is also a local AI workstation.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Kazeta: เมื่อ Linux กลายเป็นคอนโซลยุค 90 ที่ไม่ต้องต่อเน็ต ไม่ต้องล็อกอิน แค่เสียบแล้วเล่น

    ในยุคที่เกมพีซีเต็มไปด้วย launcher, DRM, cloud save, subscription และ UI ที่ซับซ้อน Kazeta OS กลับเลือกเดินทางย้อนยุค—พัฒนา Linux OS ที่ให้ประสบการณ์แบบ “เสียบตลับ กดเปิด แล้วเล่น” เหมือนเครื่องเกมในยุค 1990s โดยไม่ต้องต่ออินเทอร์เน็ต ไม่ต้องล็อกอิน และไม่ต้องอัปเดตอะไรทั้งสิ้น

    Kazeta พัฒนาโดย Alesh Slovak ผู้สร้าง ChimeraOS มาก่อน โดยมีเป้าหมายเพื่อผู้เล่นที่เบื่อความซับซ้อนของ SteamOS หรือ digital storefronts และอยากเก็บเกมแบบ physical media ที่จับต้องได้ Kazeta จึงอนุญาตให้ผู้ใช้แปลงเกม DRM-free เช่นจาก GOG หรือ itch.io ให้กลายเป็น “ตลับเกม” บน SD card ที่เสียบแล้วเล่นได้ทันที

    เมื่อไม่มีตลับเสียบ เครื่องจะบูตเข้าสู่ BIOS สไตล์เรโทรที่ให้ผู้เล่นจัดการเซฟเกมได้อย่างง่ายดาย โดยเซฟจะเก็บไว้ในเครื่อง ส่วนตลับเกมจะเป็น read-only เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของไฟล์เกม

    แม้จะฟังดูเรียบง่าย แต่ Kazeta รองรับทั้งเกมใหม่และเกมเก่าผ่าน emulator และสามารถใช้กับพีซีทั่วไปที่มี GPU ระดับกลางขึ้นไป โดยมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ไม่รองรับ dual boot, VM, hybrid graphics หรือ Bluetooth controller (แต่จะรองรับในอนาคต)

    แนวคิดหลักของ Kazeta OS
    สร้างประสบการณ์ “เสียบตลับแล้วเล่น” แบบคอนโซลยุค 90
    ไม่ต้องล็อกอิน, ไม่ต้องต่อเน็ต, ไม่มี launcher หรือ subscription
    รองรับเกม DRM-free จาก GOG, itch.io และ emulator

    วิธีใช้งาน
    ติดตั้ง Kazeta OS บนพีซีที่มีสเปกพอประมาณ
    เตรียม SD card เป็น “ตลับเกม” โดยใส่เกม DRM-free ทีละเกม
    เสียบ SD card แล้วเปิดเครื่องเพื่อเข้าเกมทันที
    หากไม่มีตลับ จะเข้าสู่ BIOS สไตล์เรโทรเพื่อจัดการเซฟเกม

    จุดเด่นด้านการเก็บเกม
    ตลับเกมเป็น read-only เพื่อรักษาไฟล์เกม
    เซฟเกมเก็บไว้ในเครื่อง และสามารถแบ็กอัปออกไปได้
    เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บเกมแบบ physical media

    ความเข้ากันได้ของระบบ
    รองรับ GPU: AMD RX 400+, NVIDIA GTX 1600+, Intel Gen 9+ (แต่ไม่แนะนำ)
    รองรับ controller: 8Bitdo Ultimate 2C (ผ่าน dongle หรือสาย)
    ไม่รองรับ VM, dual boot, hybrid graphics, Bluetooth controller (ยังไม่พร้อม)

    https://www.tomshardware.com/software/linux/linux-gaming-os-kazeta-promises-console-gaming-experience-of-the-1990s-for-pc-users-supports-almost-any-drm-free-game-past-or-present
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Kazeta: เมื่อ Linux กลายเป็นคอนโซลยุค 90 ที่ไม่ต้องต่อเน็ต ไม่ต้องล็อกอิน แค่เสียบแล้วเล่น ในยุคที่เกมพีซีเต็มไปด้วย launcher, DRM, cloud save, subscription และ UI ที่ซับซ้อน Kazeta OS กลับเลือกเดินทางย้อนยุค—พัฒนา Linux OS ที่ให้ประสบการณ์แบบ “เสียบตลับ กดเปิด แล้วเล่น” เหมือนเครื่องเกมในยุค 1990s โดยไม่ต้องต่ออินเทอร์เน็ต ไม่ต้องล็อกอิน และไม่ต้องอัปเดตอะไรทั้งสิ้น Kazeta พัฒนาโดย Alesh Slovak ผู้สร้าง ChimeraOS มาก่อน โดยมีเป้าหมายเพื่อผู้เล่นที่เบื่อความซับซ้อนของ SteamOS หรือ digital storefronts และอยากเก็บเกมแบบ physical media ที่จับต้องได้ Kazeta จึงอนุญาตให้ผู้ใช้แปลงเกม DRM-free เช่นจาก GOG หรือ itch.io ให้กลายเป็น “ตลับเกม” บน SD card ที่เสียบแล้วเล่นได้ทันที เมื่อไม่มีตลับเสียบ เครื่องจะบูตเข้าสู่ BIOS สไตล์เรโทรที่ให้ผู้เล่นจัดการเซฟเกมได้อย่างง่ายดาย โดยเซฟจะเก็บไว้ในเครื่อง ส่วนตลับเกมจะเป็น read-only เพื่อรักษาความบริสุทธิ์ของไฟล์เกม แม้จะฟังดูเรียบง่าย แต่ Kazeta รองรับทั้งเกมใหม่และเกมเก่าผ่าน emulator และสามารถใช้กับพีซีทั่วไปที่มี GPU ระดับกลางขึ้นไป โดยมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น ไม่รองรับ dual boot, VM, hybrid graphics หรือ Bluetooth controller (แต่จะรองรับในอนาคต) ✅ แนวคิดหลักของ Kazeta OS ➡️ สร้างประสบการณ์ “เสียบตลับแล้วเล่น” แบบคอนโซลยุค 90 ➡️ ไม่ต้องล็อกอิน, ไม่ต้องต่อเน็ต, ไม่มี launcher หรือ subscription ➡️ รองรับเกม DRM-free จาก GOG, itch.io และ emulator ✅ วิธีใช้งาน ➡️ ติดตั้ง Kazeta OS บนพีซีที่มีสเปกพอประมาณ ➡️ เตรียม SD card เป็น “ตลับเกม” โดยใส่เกม DRM-free ทีละเกม ➡️ เสียบ SD card แล้วเปิดเครื่องเพื่อเข้าเกมทันที ➡️ หากไม่มีตลับ จะเข้าสู่ BIOS สไตล์เรโทรเพื่อจัดการเซฟเกม ✅ จุดเด่นด้านการเก็บเกม ➡️ ตลับเกมเป็น read-only เพื่อรักษาไฟล์เกม ➡️ เซฟเกมเก็บไว้ในเครื่อง และสามารถแบ็กอัปออกไปได้ ➡️ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บเกมแบบ physical media ✅ ความเข้ากันได้ของระบบ ➡️ รองรับ GPU: AMD RX 400+, NVIDIA GTX 1600+, Intel Gen 9+ (แต่ไม่แนะนำ) ➡️ รองรับ controller: 8Bitdo Ultimate 2C (ผ่าน dongle หรือสาย) ➡️ ไม่รองรับ VM, dual boot, hybrid graphics, Bluetooth controller (ยังไม่พร้อม) https://www.tomshardware.com/software/linux/linux-gaming-os-kazeta-promises-console-gaming-experience-of-the-1990s-for-pc-users-supports-almost-any-drm-free-game-past-or-present
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก LinkedIn: เมื่อ AMD เตรียมปลุกชีพ GPU แบบหลายชิ้นส่วนอีกครั้ง

    ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา AMD ได้สร้างชื่อจากการใช้สถาปัตยกรรม chiplet ใน CPU อย่าง Ryzen และ EPYC ซึ่งช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และปรับขนาดได้ง่าย แต่ในโลกของ GPU การใช้ chiplet ยังเป็นเรื่องท้าทาย เพราะกราฟิกต้องการการประมวลผลแบบขนานที่เร็วและแม่นยำมากกว่าการคำนวณทั่วไป

    ล่าสุดจากโปรไฟล์ LinkedIn ของ Laks Pappu ซึ่งเป็น Chief SoC Architect ของ AMD มีการเปิดเผยว่าเขากำลังพัฒนา GPU แบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี packaging แบบ 2.5D และ 3.5D โดยเฉพาะในสถาปัตยกรรม RDNA 5 (Navi 5x) และ Instinct MI500 สำหรับ data center และ cloud gaming

    สิ่งที่น่าสนใจคือ AMD อาจนำแนวคิด multi-tile GPU กลับมาใช้ในตลาด consumer อีกครั้ง ซึ่งเคยถูกจำกัดไว้เฉพาะใน data center เพราะปัญหาด้าน latency, coherency และการจัดการซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนมากในงานกราฟิก

    แต่ด้วยประสบการณ์จาก Navi 31 ที่ใช้ chiplet สำหรับ cache และ memory controller รวมถึงความก้าวหน้าด้าน interconnect อย่าง Infinity Fabric และ CoWoS ทำให้ AMD อาจพร้อมแล้วสำหรับการแยก compute core ออกเป็นหลาย tile และรวมกลับมาเป็น GPU เดียวที่ OS และเกมมองว่าเป็นชิ้นเดียว

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/according-to-a-linkedin-profile-amd-is-working-on-another-chiplet-based-gpu-udna-could-herald-the-return-of-2-5d-3-5d-chiplet-based-configuration
    🎙️ เรื่องเล่าจาก LinkedIn: เมื่อ AMD เตรียมปลุกชีพ GPU แบบหลายชิ้นส่วนอีกครั้ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา AMD ได้สร้างชื่อจากการใช้สถาปัตยกรรม chiplet ใน CPU อย่าง Ryzen และ EPYC ซึ่งช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และปรับขนาดได้ง่าย แต่ในโลกของ GPU การใช้ chiplet ยังเป็นเรื่องท้าทาย เพราะกราฟิกต้องการการประมวลผลแบบขนานที่เร็วและแม่นยำมากกว่าการคำนวณทั่วไป ล่าสุดจากโปรไฟล์ LinkedIn ของ Laks Pappu ซึ่งเป็น Chief SoC Architect ของ AMD มีการเปิดเผยว่าเขากำลังพัฒนา GPU แบบใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี packaging แบบ 2.5D และ 3.5D โดยเฉพาะในสถาปัตยกรรม RDNA 5 (Navi 5x) และ Instinct MI500 สำหรับ data center และ cloud gaming สิ่งที่น่าสนใจคือ AMD อาจนำแนวคิด multi-tile GPU กลับมาใช้ในตลาด consumer อีกครั้ง ซึ่งเคยถูกจำกัดไว้เฉพาะใน data center เพราะปัญหาด้าน latency, coherency และการจัดการซอฟต์แวร์ที่ซับซ้อนมากในงานกราฟิก แต่ด้วยประสบการณ์จาก Navi 31 ที่ใช้ chiplet สำหรับ cache และ memory controller รวมถึงความก้าวหน้าด้าน interconnect อย่าง Infinity Fabric และ CoWoS ทำให้ AMD อาจพร้อมแล้วสำหรับการแยก compute core ออกเป็นหลาย tile และรวมกลับมาเป็น GPU เดียวที่ OS และเกมมองว่าเป็นชิ้นเดียว https://www.tomshardware.com/tech-industry/according-to-a-linkedin-profile-amd-is-working-on-another-chiplet-based-gpu-udna-could-herald-the-return-of-2-5d-3-5d-chiplet-based-configuration
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lisuan G100 – การ์ดจอเกมจากจีนที่กลายเป็นเครื่องมือ AI อย่างไม่คาดคิด

    ในอดีต GPU จากจีนมักถูกมองว่าเป็นของเล่นที่ยังไม่พร้อมแข่งกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง NVIDIA หรือ AMD แต่วันนี้ Lisuan G100 ได้เปลี่ยนภาพนั้นไปอย่างสิ้นเชิง

    Lisuan G100 เป็น GPU ขนาด 6nm ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน Lisuan Technology โดยใช้สถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “TrueGPU Tiantu” ซึ่งเป็นการออกแบบภายในทั้งหมด ไม่พึ่งพา IP จากต่างประเทศ และมีซอฟต์แวร์ของตัวเองที่รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3 และ OpenCL 3.0

    ในด้านเกม G100 ทำคะแนน Geekbench OpenCL ได้ถึง 111,290 คะแนน ซึ่งใกล้เคียงกับ RTX 4060 และเหนือกว่า RX 9060 XT และ Intel Arc A770 โดยมี 48 Compute Units, VRAM 12GB และความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2000 MHz

    แต่สิ่งที่ทำให้ G100 น่าสนใจยิ่งกว่าคือการรองรับ INT8 operations ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำคัญสำหรับงาน AI โดยเฉพาะการ inferencing และ edge computing ทำให้ G100 ไม่ใช่แค่การ์ดจอเกม แต่เป็นเครื่องมือสำหรับงาน AI ระดับผู้ใช้ทั่วไป

    Lisuan ยังมีแผนพัฒนาอัลกอริธึม upscaling ของตัวเองชื่อ NRSS เพื่อแข่งกับ DLSS และ FSR ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในตลาดเกมยุคใหม่ และมีแนวโน้มจะเข้าสู่ตลาด accelerator สำหรับงาน AI หากการเปิดตัว G100 ประสบความสำเร็จ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Lisuan G100 เป็น GPU ขนาด 6nm ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน Lisuan Technology
    ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU Tiantu และซอฟต์แวร์ของตัวเอง
    รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3, OpenGL 4.6 และ OpenCL 3.0
    ทำคะแนน Geekbench OpenCL ได้ 111,290 ใกล้เคียง RTX 4060
    มี 48 Compute Units, VRAM 12GB และความเร็ว 2000 MHz
    รองรับ INT8 operations สำหรับงาน AI inferencing และ edge computing
    เป็น GPU จีนรุ่นแรกที่รองรับ INT8 อย่างเป็นทางการ
    มีแผนพัฒนาอัลกอริธึม upscaling ชื่อ NRSS เพื่อแข่งกับ DLSS และ FSR
    อาจเข้าสู่ตลาด accelerator หาก G100 เปิดตัวได้สำเร็จ
    การผลิตจำนวนมากเริ่มแล้ว และคาดว่าจะวางขายปลายปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    INT8 เป็นรูปแบบการคำนวณที่ใช้ในงาน AI inferencing เพื่อประหยัดพลังงานและเพิ่มความเร็ว
    GPU ที่รองรับ INT8 มักใช้ใน edge devices เช่นกล้องอัจฉริยะหรือหุ่นยนต์
    การพัฒนา GPU ภายในประเทศช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ
    สถาปัตยกรรม TrueGPU อาจเป็นก้าวแรกของจีนในการสร้าง GPU แบบ fully independent
    การรองรับ OpenCL 3.0 ช่วยให้สามารถใช้งานกับซอฟต์แวร์ AI ได้หลากหลาย
    การแข่งขันกับ RTX 4060 แสดงถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม GPU ในจีน

    https://wccftech.com/chinas-most-capable-gaming-gpu-the-lisuan-g100-becomes-the-first-domestic-offering-to-support-fp8-operations/
    🎙️ Lisuan G100 – การ์ดจอเกมจากจีนที่กลายเป็นเครื่องมือ AI อย่างไม่คาดคิด ในอดีต GPU จากจีนมักถูกมองว่าเป็นของเล่นที่ยังไม่พร้อมแข่งกับแบรนด์ระดับโลกอย่าง NVIDIA หรือ AMD แต่วันนี้ Lisuan G100 ได้เปลี่ยนภาพนั้นไปอย่างสิ้นเชิง Lisuan G100 เป็น GPU ขนาด 6nm ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน Lisuan Technology โดยใช้สถาปัตยกรรมที่เรียกว่า “TrueGPU Tiantu” ซึ่งเป็นการออกแบบภายในทั้งหมด ไม่พึ่งพา IP จากต่างประเทศ และมีซอฟต์แวร์ของตัวเองที่รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3 และ OpenCL 3.0 ในด้านเกม G100 ทำคะแนน Geekbench OpenCL ได้ถึง 111,290 คะแนน ซึ่งใกล้เคียงกับ RTX 4060 และเหนือกว่า RX 9060 XT และ Intel Arc A770 โดยมี 48 Compute Units, VRAM 12GB และความเร็วสัญญาณนาฬิกา 2000 MHz แต่สิ่งที่ทำให้ G100 น่าสนใจยิ่งกว่าคือการรองรับ INT8 operations ซึ่งเป็นฟีเจอร์สำคัญสำหรับงาน AI โดยเฉพาะการ inferencing และ edge computing ทำให้ G100 ไม่ใช่แค่การ์ดจอเกม แต่เป็นเครื่องมือสำหรับงาน AI ระดับผู้ใช้ทั่วไป Lisuan ยังมีแผนพัฒนาอัลกอริธึม upscaling ของตัวเองชื่อ NRSS เพื่อแข่งกับ DLSS และ FSR ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในตลาดเกมยุคใหม่ และมีแนวโน้มจะเข้าสู่ตลาด accelerator สำหรับงาน AI หากการเปิดตัว G100 ประสบความสำเร็จ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Lisuan G100 เป็น GPU ขนาด 6nm ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน Lisuan Technology ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU Tiantu และซอฟต์แวร์ของตัวเอง ➡️ รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3, OpenGL 4.6 และ OpenCL 3.0 ➡️ ทำคะแนน Geekbench OpenCL ได้ 111,290 ใกล้เคียง RTX 4060 ➡️ มี 48 Compute Units, VRAM 12GB และความเร็ว 2000 MHz ➡️ รองรับ INT8 operations สำหรับงาน AI inferencing และ edge computing ➡️ เป็น GPU จีนรุ่นแรกที่รองรับ INT8 อย่างเป็นทางการ ➡️ มีแผนพัฒนาอัลกอริธึม upscaling ชื่อ NRSS เพื่อแข่งกับ DLSS และ FSR ➡️ อาจเข้าสู่ตลาด accelerator หาก G100 เปิดตัวได้สำเร็จ ➡️ การผลิตจำนวนมากเริ่มแล้ว และคาดว่าจะวางขายปลายปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ INT8 เป็นรูปแบบการคำนวณที่ใช้ในงาน AI inferencing เพื่อประหยัดพลังงานและเพิ่มความเร็ว ➡️ GPU ที่รองรับ INT8 มักใช้ใน edge devices เช่นกล้องอัจฉริยะหรือหุ่นยนต์ ➡️ การพัฒนา GPU ภายในประเทศช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติ ➡️ สถาปัตยกรรม TrueGPU อาจเป็นก้าวแรกของจีนในการสร้าง GPU แบบ fully independent ➡️ การรองรับ OpenCL 3.0 ช่วยให้สามารถใช้งานกับซอฟต์แวร์ AI ได้หลากหลาย ➡️ การแข่งขันกับ RTX 4060 แสดงถึงความก้าวหน้าของอุตสาหกรรม GPU ในจีน https://wccftech.com/chinas-most-capable-gaming-gpu-the-lisuan-g100-becomes-the-first-domestic-offering-to-support-fp8-operations/
    WCCFTECH.COM
    China's Most Capable Gaming GPU, the Lisuan G100, Now Also Supports INT8 Operations, Becoming Ideal For AI Workloads
    The Chinese GPU Lisuan G100, which recently made headlines for its competitive performance, is now claimed to support INT8 operations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 201 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อการ์ดจอเกมกลายร่างเป็นเครื่องมือ AI ระดับมืออาชีพ

    ในโลกที่กราฟิกการ์ดไม่ได้มีไว้แค่เล่นเกมอีกต่อไป AFOX ได้เปิดตัว GeForce RTX 5090 32GB Professional ซึ่งเป็นการ์ดจอแบบ blower-style ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในเซิร์ฟเวอร์ AI และเวิร์กสเตชันระดับสูง โดยวางขายในสหรัฐฯ ด้วยราคาสูงถึง $5,999

    แม้จะไม่ใช่พันธมิตรอย่างเป็นทางการของ Nvidia แต่ AFOX ก็มีประสบการณ์ผลิตการ์ด blower-style มาตั้งแต่ยุค GTX 10-series และยังคงเดินหน้าต่อแม้ Nvidia เคยพยายามห้ามการผลิตรุ่น blower ของ RTX 3090

    การ์ดรุ่นนี้มีดีไซน์แบบ dual-slot ทำให้สามารถติดตั้งได้ถึง 4 ใบในเมนบอร์ดระดับ HEDT หรือเวิร์กสเตชัน ซึ่งเหมาะกับงาน AI ที่ต้องการประสิทธิภาพแบบขนานหลายชุด

    แม้จะใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 Founders Edition แต่ AFOX ปรับตำแหน่งหัวต่อไฟ 16-pin ไปไว้ด้านหลังเหมือนการ์ดระดับมืออาชีพ และยังคงความแรงไว้ที่ base clock 2,017 MHz และ boost clock 2,407 MHz

    ราคานี้อาจดูสูงเกินไปสำหรับเกมเมอร์ทั่วไป แต่สำหรับบริษัทด้าน AI ที่ต้องการการ์ดที่เชื่อถือได้จากแบรนด์ที่มีการรับประกัน ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่าการซื้อจากโรงงานจีนที่ไม่มีชื่อเสียง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    AFOX เปิดตัว GeForce RTX 5090 32GB Professional แบบ blower-style
    วางขายในสหรัฐฯ ที่ราคา $5,999 ผ่านร้าน HydraCluster Tech
    ดีไซน์ dual-slot รองรับการติดตั้งหลายใบในระบบเวิร์กสเตชัน
    ใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 Founders Edition พร้อม base clock 2,017 MHz และ boost clock 2,407 MHz
    หัวต่อไฟ 16-pin ถูกย้ายไปด้านหลังเหมือนการ์ดระดับมืออาชีพ
    เหมาะสำหรับงาน AI มากกว่าการเล่นเกมหรือสร้างคอนเทนต์
    AFOX มีประสบการณ์ผลิตการ์ด blower-style มาตั้งแต่ GTX 10-series
    Nvidia ยังไม่ออกการ์ด blower-style อย่างเป็นทางการในรุ่น RTX 5090
    การ์ดนี้มีการรับประกันจาก AFOX ต่างจากการ์ดที่ผลิตจากโรงงานจีน
    ราคาปกติอยู่ที่ $6,500 แต่ลดเหลือ $5,999 ในช่วงเปิดตัว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-5090-blower-gpu-sells-for-usd5-999-at-u-s-retailer-dual-slot-design-converts-blackwell-gaming-flagship-into-an-ai-workhorse
    🎙️ เมื่อการ์ดจอเกมกลายร่างเป็นเครื่องมือ AI ระดับมืออาชีพ ในโลกที่กราฟิกการ์ดไม่ได้มีไว้แค่เล่นเกมอีกต่อไป AFOX ได้เปิดตัว GeForce RTX 5090 32GB Professional ซึ่งเป็นการ์ดจอแบบ blower-style ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในเซิร์ฟเวอร์ AI และเวิร์กสเตชันระดับสูง โดยวางขายในสหรัฐฯ ด้วยราคาสูงถึง $5,999 แม้จะไม่ใช่พันธมิตรอย่างเป็นทางการของ Nvidia แต่ AFOX ก็มีประสบการณ์ผลิตการ์ด blower-style มาตั้งแต่ยุค GTX 10-series และยังคงเดินหน้าต่อแม้ Nvidia เคยพยายามห้ามการผลิตรุ่น blower ของ RTX 3090 การ์ดรุ่นนี้มีดีไซน์แบบ dual-slot ทำให้สามารถติดตั้งได้ถึง 4 ใบในเมนบอร์ดระดับ HEDT หรือเวิร์กสเตชัน ซึ่งเหมาะกับงาน AI ที่ต้องการประสิทธิภาพแบบขนานหลายชุด แม้จะใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 Founders Edition แต่ AFOX ปรับตำแหน่งหัวต่อไฟ 16-pin ไปไว้ด้านหลังเหมือนการ์ดระดับมืออาชีพ และยังคงความแรงไว้ที่ base clock 2,017 MHz และ boost clock 2,407 MHz ราคานี้อาจดูสูงเกินไปสำหรับเกมเมอร์ทั่วไป แต่สำหรับบริษัทด้าน AI ที่ต้องการการ์ดที่เชื่อถือได้จากแบรนด์ที่มีการรับประกัน ก็ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่าการซื้อจากโรงงานจีนที่ไม่มีชื่อเสียง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ AFOX เปิดตัว GeForce RTX 5090 32GB Professional แบบ blower-style ➡️ วางขายในสหรัฐฯ ที่ราคา $5,999 ผ่านร้าน HydraCluster Tech ➡️ ดีไซน์ dual-slot รองรับการติดตั้งหลายใบในระบบเวิร์กสเตชัน ➡️ ใช้ชิปเดียวกับ RTX 5090 Founders Edition พร้อม base clock 2,017 MHz และ boost clock 2,407 MHz ➡️ หัวต่อไฟ 16-pin ถูกย้ายไปด้านหลังเหมือนการ์ดระดับมืออาชีพ ➡️ เหมาะสำหรับงาน AI มากกว่าการเล่นเกมหรือสร้างคอนเทนต์ ➡️ AFOX มีประสบการณ์ผลิตการ์ด blower-style มาตั้งแต่ GTX 10-series ➡️ Nvidia ยังไม่ออกการ์ด blower-style อย่างเป็นทางการในรุ่น RTX 5090 ➡️ การ์ดนี้มีการรับประกันจาก AFOX ต่างจากการ์ดที่ผลิตจากโรงงานจีน ➡️ ราคาปกติอยู่ที่ $6,500 แต่ลดเหลือ $5,999 ในช่วงเปิดตัว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/rtx-5090-blower-gpu-sells-for-usd5-999-at-u-s-retailer-dual-slot-design-converts-blackwell-gaming-flagship-into-an-ai-workhorse
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ปฏิวัติการโหลดเกมด้วย “Advanced Shader Delivery” – เล่นเร็วขึ้น 10 เท่า ไม่ต้องรอคอมไพล์

    ลองนึกภาพว่าคุณเปิดเกมใหม่บนเครื่อง ROG Xbox Ally หรือ Ally X แล้วเข้าเกมได้แทบจะทันที ไม่ต้องรอโหลดนาน ไม่ต้องเจออาการกระตุกตอนเริ่มเกม นั่นคือสิ่งที่ Microsoft กำลังทำให้เป็นจริงด้วยฟีเจอร์ใหม่ “Advanced Shader Delivery” ที่เปิดตัวผ่าน Xbox PC App

    ปัญหาเดิมของเกม PC คือการคอมไพล์ shader ซึ่งเป็นโค้ดกราฟิกที่ต้องปรับให้เข้ากับ GPU และไดรเวอร์ของแต่ละเครื่อง ทำให้เกิดการโหลดนานและกระตุกระหว่างเล่น โดยเฉพาะในเกมใหม่หรือเมื่ออัปเดตไดรเวอร์

    Microsoft แก้ปัญหานี้ด้วยการสร้างระบบใหม่ที่เรียกว่า State Object Database (SODB) ซึ่งเก็บข้อมูล shader จากเกม แล้วนำไปคอมไพล์บนคลาวด์เป็น Precompiled Shader Database (PSDB) ที่พร้อมใช้งาน เมื่อผู้เล่นดาวน์โหลดเกมผ่าน Xbox PC App ระบบจะตรวจสอบสเปกเครื่องและดาวน์โหลด PSDB ที่ตรงกับอุปกรณ์นั้นทันที

    ผลลัพธ์คือเวลาโหลดเกมลดลงสูงสุดถึง 85% (เช่นในเกม Avowed) และยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ เพราะไม่ต้องใช้พลังงานในการคอมไพล์ shader บนเครื่องเอง

    ฟีเจอร์นี้จะเริ่มใช้กับ ROG Xbox Ally และ Ally X ก่อนในวันที่ 16 ตุลาคม 2025 และจะขยายไปยังอุปกรณ์อื่นในอนาคต โดยไม่ต้องให้ผู้พัฒนาเกมทำอะไรเพิ่มเติมในช่วงแรก แต่ Microsoft มีแผนจะรวมระบบนี้เข้ากับเอนจินเกมโดยตรงในอนาคต

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ “Advanced Shader Delivery” เพื่อลดเวลาโหลดเกม
    ฟีเจอร์นี้ใช้ระบบคลาวด์ในการคอมไพล์ shader แทนการทำบนอุปกรณ์ผู้เล่น
    ใช้ฐานข้อมูลใหม่ชื่อ State Object Database (SODB) และ Precompiled Shader Database (PSDB)
    Xbox PC App จะตรวจสอบสเปกเครื่องและดาวน์โหลด PSDB ที่เหมาะสม
    ลดเวลาโหลดเกมได้สูงสุดถึง 85% เช่นในเกม Avowed
    ช่วยลดการใช้แบตเตอรี่และพลังงานของ CPU/GPU
    เริ่มใช้งานกับ ROG Xbox Ally และ Ally X วันที่ 16 ตุลาคม 2025
    ไม่ต้องให้ผู้พัฒนาเกมปรับแต่งเพิ่มเติมในช่วงแรก
    Microsoft มีแผนรวมระบบนี้เข้ากับเอนจินเกมในอนาคต
    ฟีเจอร์นี้จะขยายไปยังอุปกรณ์อื่นและ storefronts ผ่าน AgilitySDK

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ปัญหาคอมไพล์ shader เป็นสาเหตุหลักของการโหลดนานและกระตุกในเกม PC
    Steam Deck มีระบบคล้ายกันใน SteamOS แต่ยังไม่แพร่หลายเท่า
    Microsoft เริ่มใช้ระบบ “Handheld Optimized” เพื่อจัดเรตเกมสำหรับเครื่องพกพา
    การแยก shader compiler ออกจาก driver เป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดความซับซ้อน
    ฟีเจอร์นี้อาจเป็นการตอบโต้การแข่งขันจาก Steam Deck ที่ควบคุมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้ดีกว่า

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/directx-speeds-up-game-loads-up-to-10x-with-new-advanced-shader-compiling-feature-debuts-with-xbox-pc-app-on-rog-xbox-ally-and-ally-x-more-devices-later
    🎙️ Microsoft ปฏิวัติการโหลดเกมด้วย “Advanced Shader Delivery” – เล่นเร็วขึ้น 10 เท่า ไม่ต้องรอคอมไพล์ ลองนึกภาพว่าคุณเปิดเกมใหม่บนเครื่อง ROG Xbox Ally หรือ Ally X แล้วเข้าเกมได้แทบจะทันที ไม่ต้องรอโหลดนาน ไม่ต้องเจออาการกระตุกตอนเริ่มเกม นั่นคือสิ่งที่ Microsoft กำลังทำให้เป็นจริงด้วยฟีเจอร์ใหม่ “Advanced Shader Delivery” ที่เปิดตัวผ่าน Xbox PC App ปัญหาเดิมของเกม PC คือการคอมไพล์ shader ซึ่งเป็นโค้ดกราฟิกที่ต้องปรับให้เข้ากับ GPU และไดรเวอร์ของแต่ละเครื่อง ทำให้เกิดการโหลดนานและกระตุกระหว่างเล่น โดยเฉพาะในเกมใหม่หรือเมื่ออัปเดตไดรเวอร์ Microsoft แก้ปัญหานี้ด้วยการสร้างระบบใหม่ที่เรียกว่า State Object Database (SODB) ซึ่งเก็บข้อมูล shader จากเกม แล้วนำไปคอมไพล์บนคลาวด์เป็น Precompiled Shader Database (PSDB) ที่พร้อมใช้งาน เมื่อผู้เล่นดาวน์โหลดเกมผ่าน Xbox PC App ระบบจะตรวจสอบสเปกเครื่องและดาวน์โหลด PSDB ที่ตรงกับอุปกรณ์นั้นทันที ผลลัพธ์คือเวลาโหลดเกมลดลงสูงสุดถึง 85% (เช่นในเกม Avowed) และยังช่วยประหยัดแบตเตอรี่ เพราะไม่ต้องใช้พลังงานในการคอมไพล์ shader บนเครื่องเอง ฟีเจอร์นี้จะเริ่มใช้กับ ROG Xbox Ally และ Ally X ก่อนในวันที่ 16 ตุลาคม 2025 และจะขยายไปยังอุปกรณ์อื่นในอนาคต โดยไม่ต้องให้ผู้พัฒนาเกมทำอะไรเพิ่มเติมในช่วงแรก แต่ Microsoft มีแผนจะรวมระบบนี้เข้ากับเอนจินเกมโดยตรงในอนาคต 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Microsoft เปิดตัวฟีเจอร์ “Advanced Shader Delivery” เพื่อลดเวลาโหลดเกม ➡️ ฟีเจอร์นี้ใช้ระบบคลาวด์ในการคอมไพล์ shader แทนการทำบนอุปกรณ์ผู้เล่น ➡️ ใช้ฐานข้อมูลใหม่ชื่อ State Object Database (SODB) และ Precompiled Shader Database (PSDB) ➡️ Xbox PC App จะตรวจสอบสเปกเครื่องและดาวน์โหลด PSDB ที่เหมาะสม ➡️ ลดเวลาโหลดเกมได้สูงสุดถึง 85% เช่นในเกม Avowed ➡️ ช่วยลดการใช้แบตเตอรี่และพลังงานของ CPU/GPU ➡️ เริ่มใช้งานกับ ROG Xbox Ally และ Ally X วันที่ 16 ตุลาคม 2025 ➡️ ไม่ต้องให้ผู้พัฒนาเกมปรับแต่งเพิ่มเติมในช่วงแรก ➡️ Microsoft มีแผนรวมระบบนี้เข้ากับเอนจินเกมในอนาคต ➡️ ฟีเจอร์นี้จะขยายไปยังอุปกรณ์อื่นและ storefronts ผ่าน AgilitySDK ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ปัญหาคอมไพล์ shader เป็นสาเหตุหลักของการโหลดนานและกระตุกในเกม PC ➡️ Steam Deck มีระบบคล้ายกันใน SteamOS แต่ยังไม่แพร่หลายเท่า ➡️ Microsoft เริ่มใช้ระบบ “Handheld Optimized” เพื่อจัดเรตเกมสำหรับเครื่องพกพา ➡️ การแยก shader compiler ออกจาก driver เป็นนวัตกรรมที่ช่วยลดความซับซ้อน ➡️ ฟีเจอร์นี้อาจเป็นการตอบโต้การแข่งขันจาก Steam Deck ที่ควบคุมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ได้ดีกว่า https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/directx-speeds-up-game-loads-up-to-10x-with-new-advanced-shader-compiling-feature-debuts-with-xbox-pc-app-on-rog-xbox-ally-and-ally-x-more-devices-later
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าใหม่: อินเดียเตรียมแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริง – เมื่อความสนุกกลายเป็นภัยเงียบ

    ลองนึกภาพว่าคุณเล่นเกมแฟนตาซีคริกเก็ตบนมือถือ จ่ายเงินแค่ 10 เซ็นต์เพื่อสร้างทีม แล้วลุ้นเงินรางวัลหลักหมื่นรูปี ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม? แต่สำหรับรัฐบาลอินเดีย นี่คือปัญหาที่กำลังลุกลาม

    ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมาย “Promotion and Regulation of Online Gaming Act” ที่จะห้ามเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมที่อิงจากทักษะหรือโชค โดยให้เหตุผลว่าเกมเหล่านี้ส่งผลเสียทั้งด้านจิตใจและการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย

    เกมเหล่านี้มักใช้เทคนิคการออกแบบที่กระตุ้นให้เล่นซ้ำ เช่น อัลกอริธึมที่สร้างความรู้สึกใกล้ชนะ หรือการแจกรางวัลแบบสุ่ม ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นติดเกมและเสียเงินจำนวนมาก บางกรณีถึงขั้นเกิดเหตุสลด เช่น การฆ่าตัวตายหลังจากสูญเงินไปกับเกม

    อุตสาหกรรมเกมเงินจริงในอินเดียมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้าน และคาดว่าจะโตถึง $3.6 พันล้านภายในปี 2029 โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Dream11 และ Mobile Premier League ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่หากกฎหมายนี้ผ่าน จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ

    ร่างกฎหมายยังระบุโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับสูงสุด ₹10 ล้าน สำหรับผู้ให้บริการเกมเงินจริง และแม้แต่คนดังที่โฆษณาเกมเหล่านี้ก็อาจถูกลงโทษเช่นกัน

    ข้อมูลในข่าว
    รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมายแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด
    ร่างกฎหมายชื่อ Promotion and Regulation of Online Gaming Act 2025
    ห้ามโฆษณาเกมเงินจริง และห้ามสถาบันการเงินทำธุรกรรมเกี่ยวข้อง
    ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ ₹10 ล้าน
    คนดังที่โฆษณาเกมเงินจริงอาจถูกปรับ ₹5 ล้าน หรือจำคุก 2 ปี
    อุตสาหกรรมเกมเงินจริงมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้านในปี 2024
    Dream11 มีมูลค่าบริษัท $8 พันล้าน ส่วน Mobile Premier League อยู่ที่ $2.5 พันล้าน
    เกมเหล่านี้ได้รับความนิยมสูงช่วงการแข่งขัน IPL
    กระทรวง IT ของอินเดียจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตามร่างกฎหมาย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    เกมเงินจริงมักใช้เทคนิค “near win” และ “variable rewards” เพื่อกระตุ้นให้เล่นต่อ
    การติดเกมสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางการเงิน
    อินเดียเคยเก็บภาษีเกมออนไลน์ 28% ตั้งแต่ปี 2023 และอาจเพิ่มเป็น 40%
    รัฐบาลอินเดียเคยบล็อกเว็บไซต์พนันกว่า 1,400 แห่งระหว่างปี 2022–2025
    การควบคุมเกมออนไลน์เป็นเรื่องท้าทาย เพราะบางแพลตฟอร์มตั้งเซิร์ฟเวอร์นอกประเทศ
    หลายประเทศ เช่น จีนและเกาหลีใต้ ก็มีมาตรการควบคุมเกมเงินจริงอย่างเข้มงวด

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/india-plans-to-ban-online-games-played-with-money-citing-addiction-risks
    🎯 เรื่องเล่าใหม่: อินเดียเตรียมแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริง – เมื่อความสนุกกลายเป็นภัยเงียบ ลองนึกภาพว่าคุณเล่นเกมแฟนตาซีคริกเก็ตบนมือถือ จ่ายเงินแค่ 10 เซ็นต์เพื่อสร้างทีม แล้วลุ้นเงินรางวัลหลักหมื่นรูปี ฟังดูน่าสนุกใช่ไหม? แต่สำหรับรัฐบาลอินเดีย นี่คือปัญหาที่กำลังลุกลาม ในเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมาย “Promotion and Regulation of Online Gaming Act” ที่จะห้ามเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมที่อิงจากทักษะหรือโชค โดยให้เหตุผลว่าเกมเหล่านี้ส่งผลเสียทั้งด้านจิตใจและการเงิน โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนและผู้มีรายได้น้อย เกมเหล่านี้มักใช้เทคนิคการออกแบบที่กระตุ้นให้เล่นซ้ำ เช่น อัลกอริธึมที่สร้างความรู้สึกใกล้ชนะ หรือการแจกรางวัลแบบสุ่ม ซึ่งส่งผลให้ผู้เล่นติดเกมและเสียเงินจำนวนมาก บางกรณีถึงขั้นเกิดเหตุสลด เช่น การฆ่าตัวตายหลังจากสูญเงินไปกับเกม อุตสาหกรรมเกมเงินจริงในอินเดียมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้าน และคาดว่าจะโตถึง $3.6 พันล้านภายในปี 2029 โดยมีบริษัทใหญ่เช่น Dream11 และ Mobile Premier League ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ แต่หากกฎหมายนี้ผ่าน จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อธุรกิจเหล่านี้ รวมถึงนักลงทุนต่างชาติ ร่างกฎหมายยังระบุโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี และปรับสูงสุด ₹10 ล้าน สำหรับผู้ให้บริการเกมเงินจริง และแม้แต่คนดังที่โฆษณาเกมเหล่านี้ก็อาจถูกลงโทษเช่นกัน ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ รัฐบาลอินเดียเสนอร่างกฎหมายแบนเกมออนไลน์ที่ใช้เงินจริงทั้งหมด ➡️ ร่างกฎหมายชื่อ Promotion and Regulation of Online Gaming Act 2025 ➡️ ห้ามโฆษณาเกมเงินจริง และห้ามสถาบันการเงินทำธุรกรรมเกี่ยวข้อง ➡️ ผู้ฝ่าฝืนอาจถูกจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ ₹10 ล้าน ➡️ คนดังที่โฆษณาเกมเงินจริงอาจถูกปรับ ₹5 ล้าน หรือจำคุก 2 ปี ➡️ อุตสาหกรรมเกมเงินจริงมีมูลค่ากว่า $2.4 พันล้านในปี 2024 ➡️ Dream11 มีมูลค่าบริษัท $8 พันล้าน ส่วน Mobile Premier League อยู่ที่ $2.5 พันล้าน ➡️ เกมเหล่านี้ได้รับความนิยมสูงช่วงการแข่งขัน IPL ➡️ กระทรวง IT ของอินเดียจะเป็นหน่วยงานกำกับดูแลตามร่างกฎหมาย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ เกมเงินจริงมักใช้เทคนิค “near win” และ “variable rewards” เพื่อกระตุ้นให้เล่นต่อ ➡️ การติดเกมสามารถนำไปสู่ภาวะซึมเศร้าและปัญหาทางการเงิน ➡️ อินเดียเคยเก็บภาษีเกมออนไลน์ 28% ตั้งแต่ปี 2023 และอาจเพิ่มเป็น 40% ➡️ รัฐบาลอินเดียเคยบล็อกเว็บไซต์พนันกว่า 1,400 แห่งระหว่างปี 2022–2025 ➡️ การควบคุมเกมออนไลน์เป็นเรื่องท้าทาย เพราะบางแพลตฟอร์มตั้งเซิร์ฟเวอร์นอกประเทศ ➡️ หลายประเทศ เช่น จีนและเกาหลีใต้ ก็มีมาตรการควบคุมเกมเงินจริงอย่างเข้มงวด https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/20/india-plans-to-ban-online-games-played-with-money-citing-addiction-risks
    WWW.THESTAR.COM.MY
    India plans to ban online games played with money, citing addiction risks
    NEW DELHI (Reuters) -India's government plans to ban online games played with money, a proposed bill showed on Tuesday, in what would be a heavy blow for an industry that has attracted billions of dollars of foreign investment.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึกกราฟิกการ์ดระดับกลาง: จาก RTX 2070 สู่ RTX 5070

    ในโลกของเกมพีซี กราฟิกการ์ดระดับกลางของ NVIDIA ถือเป็นจุดสมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ และในปี 2025 นี้ RTX 5070 ได้เปิดตัวพร้อมความแรงที่เหนือกว่าเดิม แต่คำถามคือ “คุ้มไหมถ้าอัปเกรด?”

    จากการทดสอบของ ComputerBase และ NanoReview พบว่า RTX 5070 มีประสิทธิภาพสูงสุดในกลุ่ม โดยเฉพาะในเกมที่ใช้ ray tracing และความละเอียด 4K เช่น Cyberpunk 2077, Horizon Forbidden West และ Ghost of Tsushima

    ที่ความละเอียด 1080p การเปลี่ยนแปลงไม่ชัดเจนมากนัก เพราะเกมมักถูกจำกัดด้วย CPU แต่ที่ 4K ความต่างเริ่มชัดเจน—RTX 5070 ทำเฟรมเรตได้สูงกว่า RTX 4070 ถึง 20–30% ในหลายเกม

    อย่างไรก็ตาม RTX 4070 กลับโดดเด่นในด้าน “ประสิทธิภาพต่อวัตต์” และ “ความเย็น” ทำให้เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการความสมดุลระหว่างแรงกับความเงียบ

    RTX 3070 และ 2070 ยังถือว่า “เล่นได้ดี” ในหลายเกม แต่เริ่มตามไม่ทันในงานที่ใช้ ray tracing หนัก ๆ หรือความละเอียดสูง

    ประสิทธิภาพของแต่ละรุ่น
    RTX 5070 ทำเฟรมเรตสูงสุดในทุกความละเอียด โดยเฉพาะ 4K
    Cyberpunk 2077 ที่ 4K: 2070 = 19 FPS, 3070 = 31 FPS, 4070 = 48 FPS, 5070 = 63 FPS
    Ratchet & Clank: 2070 = 19 FPS, 4070 = 92 FPS, 5070 = 119 FPS
    Overwatch 2 ที่ 4K: 2070 = 99 FPS, 5070 = 275 FPS
    RTX 4070 มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่า 5070 ถึง 25%
    RTX 5070 ใช้พลังงานมากขึ้น (231W) แต่ให้เฟรมเรตสูงกว่า

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    RTX 5070 ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ 4nm และหน่วยความจำ GDDR7
    รองรับ DLSS 4 ที่ใช้โมเดล Transformer ทำให้ภาพลื่นขึ้น
    RTX 4070 เหมาะกับผู้เล่นที่เน้นความเย็นและเสียงเงียบ
    RTX 3070 ยังเล่นเกม AAA ได้ดีที่ 1080p และ 1440p
    RTX 2070 เริ่มล้าหลังในเกมที่ใช้ ray tracing หนัก ๆ
    การอัปเกรดจาก 4070 ไป 5070 อาจไม่คุ้มในแง่ประสิทธิภาพต่อราคา

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-midrange-gpus-through-the-years-revisited-pitting-the-rtx-5070-versus-the-4070-3070-and-2070-in-an-all-encompassing-gaming-showdown
    🎯 ศึกกราฟิกการ์ดระดับกลาง: จาก RTX 2070 สู่ RTX 5070 ในโลกของเกมพีซี กราฟิกการ์ดระดับกลางของ NVIDIA ถือเป็นจุดสมดุลระหว่างราคาและประสิทธิภาพ และในปี 2025 นี้ RTX 5070 ได้เปิดตัวพร้อมความแรงที่เหนือกว่าเดิม แต่คำถามคือ “คุ้มไหมถ้าอัปเกรด?” จากการทดสอบของ ComputerBase และ NanoReview พบว่า RTX 5070 มีประสิทธิภาพสูงสุดในกลุ่ม โดยเฉพาะในเกมที่ใช้ ray tracing และความละเอียด 4K เช่น Cyberpunk 2077, Horizon Forbidden West และ Ghost of Tsushima ที่ความละเอียด 1080p การเปลี่ยนแปลงไม่ชัดเจนมากนัก เพราะเกมมักถูกจำกัดด้วย CPU แต่ที่ 4K ความต่างเริ่มชัดเจน—RTX 5070 ทำเฟรมเรตได้สูงกว่า RTX 4070 ถึง 20–30% ในหลายเกม อย่างไรก็ตาม RTX 4070 กลับโดดเด่นในด้าน “ประสิทธิภาพต่อวัตต์” และ “ความเย็น” ทำให้เหมาะกับผู้เล่นที่ต้องการความสมดุลระหว่างแรงกับความเงียบ RTX 3070 และ 2070 ยังถือว่า “เล่นได้ดี” ในหลายเกม แต่เริ่มตามไม่ทันในงานที่ใช้ ray tracing หนัก ๆ หรือความละเอียดสูง ✅ ประสิทธิภาพของแต่ละรุ่น ➡️ RTX 5070 ทำเฟรมเรตสูงสุดในทุกความละเอียด โดยเฉพาะ 4K ➡️ Cyberpunk 2077 ที่ 4K: 2070 = 19 FPS, 3070 = 31 FPS, 4070 = 48 FPS, 5070 = 63 FPS ➡️ Ratchet & Clank: 2070 = 19 FPS, 4070 = 92 FPS, 5070 = 119 FPS ➡️ Overwatch 2 ที่ 4K: 2070 = 99 FPS, 5070 = 275 FPS ➡️ RTX 4070 มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงกว่า 5070 ถึง 25% ➡️ RTX 5070 ใช้พลังงานมากขึ้น (231W) แต่ให้เฟรมเรตสูงกว่า ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ RTX 5070 ใช้สถาปัตยกรรมใหม่ 4nm และหน่วยความจำ GDDR7 ➡️ รองรับ DLSS 4 ที่ใช้โมเดล Transformer ทำให้ภาพลื่นขึ้น ➡️ RTX 4070 เหมาะกับผู้เล่นที่เน้นความเย็นและเสียงเงียบ ➡️ RTX 3070 ยังเล่นเกม AAA ได้ดีที่ 1080p และ 1440p ➡️ RTX 2070 เริ่มล้าหลังในเกมที่ใช้ ray tracing หนัก ๆ ➡️ การอัปเกรดจาก 4070 ไป 5070 อาจไม่คุ้มในแง่ประสิทธิภาพต่อราคา https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidias-midrange-gpus-through-the-years-revisited-pitting-the-rtx-5070-versus-the-4070-3070-and-2070-in-an-all-encompassing-gaming-showdown
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ryzen 5 5500X3D: ตัวเลือกใหม่สำหรับเกมเมอร์สายประหยัด

    ในยุคที่ซีพียูแรง ๆ ราคาทะลุหมื่น AMD กลับเลือกเดินเกมแหวกแนวด้วยการเปิดตัว Ryzen 5 5500X3D ซึ่งเป็นซีพียู Zen 3 รุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache แต่เปิดขายเฉพาะในละตินอเมริกาเท่านั้น!

    แม้จะเป็นรุ่นใหม่ แต่จริง ๆ แล้วมันคือ “รุ่นลดสเปก” ของ Ryzen 5 5600X3D โดยมีคล็อกต่ำกว่าเล็กน้อย (ประมาณ 9%) แต่ยังคงจำนวนคอร์ 6 คอร์ 12 เธรด และแคช L3 ขนาด 96MB เท่ากัน

    จากการทดสอบเบื้องต้นใน PassMark พบว่า 5500X3D มีประสิทธิภาพด้อยกว่า 5600X3D ประมาณ 6% ทั้งแบบ single-thread และ multi-thread แต่เมื่อดูจากราคาเปิดตัวที่ราว $185 ก็ถือว่า “คุ้ม” สำหรับคนที่ยังใช้เมนบอร์ด AM4 และอยากอัปเกรดแบบไม่ต้องเปลี่ยนแพลตฟอร์ม

    ที่น่าสนใจคือ แม้จะยังไม่มี benchmark เกมโดยตรง แต่จากการเปรียบเทียบในเกมจริง เช่น Starfield และ Counter-Strike 2 พบว่า 5500X3D ทำเฟรมเรตได้ใกล้เคียงกับ 5600X3D มาก โดยเฉพาะในเกมที่ใช้แคชหนัก ๆ

    นอกจากนี้ ยังมีข้อดีที่หลายคนอาจมองข้าม เช่น รองรับ PCIe 4.0, ใช้แรม DDR4 ได้สูงสุด 128GB และมี TDP 105W เท่ากับรุ่นพี่ ทำให้สามารถใช้กับพาวเวอร์ซัพพลายเดิมได้เลย

    AMD เปิดตัว Ryzen 5 5500X3D สำหรับตลาดละตินอเมริกา
    ใช้สถาปัตยกรรม Zen 3 พร้อม 3D V-Cache ขนาด 96MB
    มี 6 คอร์ 12 เธรด เหมือนกับ Ryzen 5 5600X3D
    คล็อกต่ำกว่า 5600X3D ประมาณ 9%
    ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ $185–$216 แล้วแต่ประเทศ

    ประสิทธิภาพจากการทดสอบเบื้องต้น
    คะแนน PassMark ต่ำกว่า 5600X3D ประมาณ 6%
    คะแนน multi-thread สูงกว่า Ryzen 5 5500 รุ่นธรรมดา
    ยังไม่มี benchmark เกมโดยตรง แต่มีแนวโน้มดีในเกมที่ใช้แคช

    จุดเด่นด้านเทคโนโลยีและการใช้งาน
    รองรับ PCIe 4.0 และแรม DDR4 สูงสุด 128GB
    ใช้ TDP 105W เท่ากับรุ่นพี่ ไม่ต้องเปลี่ยน PSU
    ไม่มี iGPU ต้องใช้การ์ดจอแยกในการใช้งาน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-new-budget-am4-gaming-cpu-looks-solid-in-new-benchmarks-zen-3-based-ryzen-5-5500x3d-trails-ryzen-5-5600x3d-by-6-percent-in-passmark
    🧠 Ryzen 5 5500X3D: ตัวเลือกใหม่สำหรับเกมเมอร์สายประหยัด ในยุคที่ซีพียูแรง ๆ ราคาทะลุหมื่น AMD กลับเลือกเดินเกมแหวกแนวด้วยการเปิดตัว Ryzen 5 5500X3D ซึ่งเป็นซีพียู Zen 3 รุ่นใหม่ที่ใช้เทคโนโลยี 3D V-Cache แต่เปิดขายเฉพาะในละตินอเมริกาเท่านั้น! แม้จะเป็นรุ่นใหม่ แต่จริง ๆ แล้วมันคือ “รุ่นลดสเปก” ของ Ryzen 5 5600X3D โดยมีคล็อกต่ำกว่าเล็กน้อย (ประมาณ 9%) แต่ยังคงจำนวนคอร์ 6 คอร์ 12 เธรด และแคช L3 ขนาด 96MB เท่ากัน จากการทดสอบเบื้องต้นใน PassMark พบว่า 5500X3D มีประสิทธิภาพด้อยกว่า 5600X3D ประมาณ 6% ทั้งแบบ single-thread และ multi-thread แต่เมื่อดูจากราคาเปิดตัวที่ราว $185 ก็ถือว่า “คุ้ม” สำหรับคนที่ยังใช้เมนบอร์ด AM4 และอยากอัปเกรดแบบไม่ต้องเปลี่ยนแพลตฟอร์ม ที่น่าสนใจคือ แม้จะยังไม่มี benchmark เกมโดยตรง แต่จากการเปรียบเทียบในเกมจริง เช่น Starfield และ Counter-Strike 2 พบว่า 5500X3D ทำเฟรมเรตได้ใกล้เคียงกับ 5600X3D มาก โดยเฉพาะในเกมที่ใช้แคชหนัก ๆ นอกจากนี้ ยังมีข้อดีที่หลายคนอาจมองข้าม เช่น รองรับ PCIe 4.0, ใช้แรม DDR4 ได้สูงสุด 128GB และมี TDP 105W เท่ากับรุ่นพี่ ทำให้สามารถใช้กับพาวเวอร์ซัพพลายเดิมได้เลย ✅ AMD เปิดตัว Ryzen 5 5500X3D สำหรับตลาดละตินอเมริกา ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Zen 3 พร้อม 3D V-Cache ขนาด 96MB ➡️ มี 6 คอร์ 12 เธรด เหมือนกับ Ryzen 5 5600X3D ➡️ คล็อกต่ำกว่า 5600X3D ประมาณ 9% ➡️ ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ $185–$216 แล้วแต่ประเทศ ✅ ประสิทธิภาพจากการทดสอบเบื้องต้น ➡️ คะแนน PassMark ต่ำกว่า 5600X3D ประมาณ 6% ➡️ คะแนน multi-thread สูงกว่า Ryzen 5 5500 รุ่นธรรมดา ➡️ ยังไม่มี benchmark เกมโดยตรง แต่มีแนวโน้มดีในเกมที่ใช้แคช ✅ จุดเด่นด้านเทคโนโลยีและการใช้งาน ➡️ รองรับ PCIe 4.0 และแรม DDR4 สูงสุด 128GB ➡️ ใช้ TDP 105W เท่ากับรุ่นพี่ ไม่ต้องเปลี่ยน PSU ➡️ ไม่มี iGPU ต้องใช้การ์ดจอแยกในการใช้งาน https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amds-new-budget-am4-gaming-cpu-looks-solid-in-new-benchmarks-zen-3-based-ryzen-5-5500x3d-trails-ryzen-5-5600x3d-by-6-percent-in-passmark
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เปิดทางให้เกมเมอร์สาย Arm ได้เล่นเกม Xbox แบบติดตั้งจริง

    ก่อนหน้านี้ ถ้าใครใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Arm เช่น Snapdragon X Elite หรือ Surface Laptop 7 แล้วอยากเล่นเกม Xbox บน Windows 11 ก็ต้องพึ่งพา “Xbox Cloud Gaming” เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าต้องมีอินเทอร์เน็ตแรง ๆ และไม่สามารถเล่นแบบออฟไลน์ได้เลย

    แต่ตอนนี้ Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตใหม่ให้กับแอป Xbox บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm โดยเปิดให้ “ดาวน์โหลดเกมและเล่นแบบ native” ได้แล้ว!

    ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider เท่านั้น โดยต้องอัปเดตแอป Xbox PC เป็นเวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป

    การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมันเป็นสัญญาณว่า Microsoft กำลังเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะการมาของชิป Arm จาก Nvidia ที่ร่วมมือกับ MediaTek ซึ่งมีข่าวลือว่าจะเปิดตัวในปี 2025–2026 พร้อม GPU ระดับ RTX 5070!

    นอกจากนี้ Microsoft ยังร่วมมือกับ Epic Games เพื่อให้ระบบ Easy Anti-Cheat รองรับ Arm แล้ว ทำให้เกมออนไลน์หลายเกม เช่น Fortnite หรือ DOTA 2 สามารถเล่นได้บนเครื่อง Arm โดยไม่โดนบล็อกจากระบบป้องกันโกง

    แม้ว่า Arm จะยังไม่แรงเท่า x86 จาก Intel หรือ AMD แต่การพัฒนาเหล่านี้กำลังเปลี่ยนภาพของ “เกมเมอร์สายประหยัดพลังงาน” ให้กลายเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองในอนาคต

    Microsoft เปิดให้เล่นเกม Xbox แบบ native บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm
    ต้องเข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider
    ใช้แอป Xbox PC เวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป
    สามารถดาวน์โหลดเกมจาก Game Pass และเล่นแบบออฟไลน์ได้

    ความร่วมมือระหว่าง Windows และ Xbox เพื่อขยายเกมที่รองรับ
    Microsoft กำลังพัฒนาให้เกมใน Game Pass เล่นได้บน Arm มากขึ้น
    มีการปรับปรุงระบบเพื่อรองรับ anti-cheat บน Arm เช่น Easy Anti-Cheat

    การมาของชิป Arm จาก Nvidia อาจเปลี่ยนเกมในตลาด PC
    Nvidia ร่วมมือกับ MediaTek พัฒนาชิป N1X และ N1 สำหรับ Windows
    N1X อาจมี GPU ระดับ Blackwell เทียบเท่า RTX 5070
    คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 ถึงต้นปี 2026

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/microsoft-brings-native-xbox-app-gaming-to-windows-on-arm-pcs-hints-at-bigger-hardware-shift-ahead
    🎮 Microsoft เปิดทางให้เกมเมอร์สาย Arm ได้เล่นเกม Xbox แบบติดตั้งจริง ก่อนหน้านี้ ถ้าใครใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Arm เช่น Snapdragon X Elite หรือ Surface Laptop 7 แล้วอยากเล่นเกม Xbox บน Windows 11 ก็ต้องพึ่งพา “Xbox Cloud Gaming” เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าต้องมีอินเทอร์เน็ตแรง ๆ และไม่สามารถเล่นแบบออฟไลน์ได้เลย แต่ตอนนี้ Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตใหม่ให้กับแอป Xbox บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm โดยเปิดให้ “ดาวน์โหลดเกมและเล่นแบบ native” ได้แล้ว! 🎉 ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider เท่านั้น โดยต้องอัปเดตแอป Xbox PC เป็นเวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมันเป็นสัญญาณว่า Microsoft กำลังเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะการมาของชิป Arm จาก Nvidia ที่ร่วมมือกับ MediaTek ซึ่งมีข่าวลือว่าจะเปิดตัวในปี 2025–2026 พร้อม GPU ระดับ RTX 5070! นอกจากนี้ Microsoft ยังร่วมมือกับ Epic Games เพื่อให้ระบบ Easy Anti-Cheat รองรับ Arm แล้ว ทำให้เกมออนไลน์หลายเกม เช่น Fortnite หรือ DOTA 2 สามารถเล่นได้บนเครื่อง Arm โดยไม่โดนบล็อกจากระบบป้องกันโกง แม้ว่า Arm จะยังไม่แรงเท่า x86 จาก Intel หรือ AMD แต่การพัฒนาเหล่านี้กำลังเปลี่ยนภาพของ “เกมเมอร์สายประหยัดพลังงาน” ให้กลายเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองในอนาคต ✅ Microsoft เปิดให้เล่นเกม Xbox แบบ native บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm ➡️ ต้องเข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider ➡️ ใช้แอป Xbox PC เวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป ➡️ สามารถดาวน์โหลดเกมจาก Game Pass และเล่นแบบออฟไลน์ได้ ✅ ความร่วมมือระหว่าง Windows และ Xbox เพื่อขยายเกมที่รองรับ ➡️ Microsoft กำลังพัฒนาให้เกมใน Game Pass เล่นได้บน Arm มากขึ้น ➡️ มีการปรับปรุงระบบเพื่อรองรับ anti-cheat บน Arm เช่น Easy Anti-Cheat ✅ การมาของชิป Arm จาก Nvidia อาจเปลี่ยนเกมในตลาด PC ➡️ Nvidia ร่วมมือกับ MediaTek พัฒนาชิป N1X และ N1 สำหรับ Windows ➡️ N1X อาจมี GPU ระดับ Blackwell เทียบเท่า RTX 5070 ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 ถึงต้นปี 2026 https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/microsoft-brings-native-xbox-app-gaming-to-windows-on-arm-pcs-hints-at-bigger-hardware-shift-ahead
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากยุค 90 ที่กลับมาอีกครั้ง: Settlers II บุก Amiga หลังรอคอยเกือบ 30 ปี

    ย้อนกลับไปในปี 1993 เกม The Settlers ภาคแรกเปิดตัวบนเครื่อง Amiga และกลายเป็นหนึ่งในเกมแนววางแผนสร้างเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคนั้น ด้วยกราฟิกน่ารัก ระบบเศรษฐกิจซับซ้อน และการเล่นที่ลื่นไหล มันกลายเป็นตำนานของแฟน Amiga ทั่วโลก

    แต่เมื่อภาคต่อ The Settlers II: Veni, Vidi, Vici เปิดตัวในปี 1996 กลับมีให้เล่นเฉพาะบน PC/DOS เท่านั้น ทำให้แฟน Amiga ต้องมองอย่างอิจฉาและผิดหวังมานานหลายสิบปี

    จนกระทั่งปี 2025 ทีมพัฒนา Look Behind You จากเยอรมนี ได้รับลิขสิทธิ์จาก Ubisoft และนำภาค Gold Edition มาสู่ Amiga อย่างเป็นทางการ พร้อมปรับแต่งให้เหมาะกับฮาร์ดแวร์ของ Amiga โดยเฉพาะ

    เกมเวอร์ชันนี้รองรับทั้ง Amiga แบบ 68k และ PowerPC พร้อมเนื้อหาเต็มรูปแบบ ทั้ง 10 แคมเปญโรมัน 9 แคมเปญโลก และแผนที่โบนัสกว่า 130 แบบ รวมถึง 4 เผ่าพันธุ์ให้เลือกเล่น ได้แก่ โรมัน, เอเชีย, นูเบียน และไวกิ้ง

    สำหรับแฟนพันธุ์แท้ ยังมีให้เลือกซื้อถึง 3 รุ่น: Digital Edition, Boxed Edition และ Collector’s Edition ที่มาในกล่องไม้สุดคลาสสิก พร้อมของสะสมสุดพรีเมียม

    การกลับมาของ The Settlers II บน Amiga
    เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ตุลาคม 2025 โดยทีม Look Behind You
    ได้รับลิขสิทธิ์จาก Ubisoft ซึ่งเป็นเจ้าของ Blue Byte ผู้สร้างเกมต้นฉบับ

    เนื้อหาเกมที่ครบถ้วนและขยายเพิ่มเติม
    มี 10 แคมเปญโรมัน, 9 แคมเปญโลก และแผนที่โบนัสกว่า 130 แบบ
    รองรับ 4 เผ่าพันธุ์: โรมัน, เอเชีย, นูเบียน และไวกิ้ง พร้อมระบบเศรษฐกิจซับซ้อน

    เวอร์ชันที่วางจำหน่าย
    Digital Edition ราคา €29.90 สำหรับดาวน์โหลด
    Boxed Edition ราคา €49.90 มาพร้อม DVD, โค้ดดาวน์โหลด, แผนที่โลก, คู่มือ และโปสการ์ด
    Collector’s Edition ราคา €99.90 มาในกล่องไม้พร้อมแม่เหล็กลายปราสาท และของสะสมครบชุด

    ความต้องการระบบของเวอร์ชัน Amiga
    สำหรับ 68k: ต้องใช้ Amiga AGA พร้อม CPU 68040 ที่ 40 MHz และ RAM 32MB
    สำหรับ PowerPC: ต้องใช้ CPU 175 MHz ขึ้นไป และ AmigaOS 4.1 หรือ 3.1 พร้อม WarpUP
    การเล่นที่ความละเอียดสูงต้องใช้กราฟิกการ์ดและ CPU ที่แรงขึ้น เช่น 68060 หรือ PiStorm

    https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/after-nearly-30-years-settlers-ii-arrives-on-amiga-classic-rts-sequel-finally-gets-the-commodore-version-it-deserved
    🎮 เรื่องเล่าจากยุค 90 ที่กลับมาอีกครั้ง: Settlers II บุก Amiga หลังรอคอยเกือบ 30 ปี ย้อนกลับไปในปี 1993 เกม The Settlers ภาคแรกเปิดตัวบนเครื่อง Amiga และกลายเป็นหนึ่งในเกมแนววางแผนสร้างเมืองที่ได้รับความนิยมสูงสุดในยุคนั้น ด้วยกราฟิกน่ารัก ระบบเศรษฐกิจซับซ้อน และการเล่นที่ลื่นไหล มันกลายเป็นตำนานของแฟน Amiga ทั่วโลก แต่เมื่อภาคต่อ The Settlers II: Veni, Vidi, Vici เปิดตัวในปี 1996 กลับมีให้เล่นเฉพาะบน PC/DOS เท่านั้น ทำให้แฟน Amiga ต้องมองอย่างอิจฉาและผิดหวังมานานหลายสิบปี จนกระทั่งปี 2025 ทีมพัฒนา Look Behind You จากเยอรมนี ได้รับลิขสิทธิ์จาก Ubisoft และนำภาค Gold Edition มาสู่ Amiga อย่างเป็นทางการ พร้อมปรับแต่งให้เหมาะกับฮาร์ดแวร์ของ Amiga โดยเฉพาะ เกมเวอร์ชันนี้รองรับทั้ง Amiga แบบ 68k และ PowerPC พร้อมเนื้อหาเต็มรูปแบบ ทั้ง 10 แคมเปญโรมัน 9 แคมเปญโลก และแผนที่โบนัสกว่า 130 แบบ รวมถึง 4 เผ่าพันธุ์ให้เลือกเล่น ได้แก่ โรมัน, เอเชีย, นูเบียน และไวกิ้ง สำหรับแฟนพันธุ์แท้ ยังมีให้เลือกซื้อถึง 3 รุ่น: Digital Edition, Boxed Edition และ Collector’s Edition ที่มาในกล่องไม้สุดคลาสสิก พร้อมของสะสมสุดพรีเมียม ✅ การกลับมาของ The Settlers II บน Amiga ➡️ เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 18 ตุลาคม 2025 โดยทีม Look Behind You ➡️ ได้รับลิขสิทธิ์จาก Ubisoft ซึ่งเป็นเจ้าของ Blue Byte ผู้สร้างเกมต้นฉบับ ✅ เนื้อหาเกมที่ครบถ้วนและขยายเพิ่มเติม ➡️ มี 10 แคมเปญโรมัน, 9 แคมเปญโลก และแผนที่โบนัสกว่า 130 แบบ ➡️ รองรับ 4 เผ่าพันธุ์: โรมัน, เอเชีย, นูเบียน และไวกิ้ง พร้อมระบบเศรษฐกิจซับซ้อน ✅ เวอร์ชันที่วางจำหน่าย ➡️ Digital Edition ราคา €29.90 สำหรับดาวน์โหลด ➡️ Boxed Edition ราคา €49.90 มาพร้อม DVD, โค้ดดาวน์โหลด, แผนที่โลก, คู่มือ และโปสการ์ด ➡️ Collector’s Edition ราคา €99.90 มาในกล่องไม้พร้อมแม่เหล็กลายปราสาท และของสะสมครบชุด ✅ ความต้องการระบบของเวอร์ชัน Amiga ➡️ สำหรับ 68k: ต้องใช้ Amiga AGA พร้อม CPU 68040 ที่ 40 MHz และ RAM 32MB ➡️ สำหรับ PowerPC: ต้องใช้ CPU 175 MHz ขึ้นไป และ AmigaOS 4.1 หรือ 3.1 พร้อม WarpUP ➡️ การเล่นที่ความละเอียดสูงต้องใช้กราฟิกการ์ดและ CPU ที่แรงขึ้น เช่น 68060 หรือ PiStorm https://www.tomshardware.com/video-games/retro-gaming/after-nearly-30-years-settlers-ii-arrives-on-amiga-classic-rts-sequel-finally-gets-the-commodore-version-it-deserved
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 229 มุมมอง 0 รีวิว
  • RX 9060: การ์ดลับจาก AMD ที่แรงเกินคาด แม้จะยังขายแค่ในเครื่อง OEM

    AMD เปิดตัว Radeon RX 9060 แบบเงียบ ๆ โดยไม่มีวางขายแยก แต่ใส่มาในเครื่องพีซี OEM ที่จำหน่ายในบางประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ซึ่ง YouTuber ชื่อ Technosaurus ได้แกะเครื่องออกมาและทดสอบประสิทธิภาพของการ์ดนี้อย่างละเอียด

    RX 9060 ใช้ชิป Navi 44 แบบลดสเปก มี 28 compute units, 1,792 shaders, 28 ray tracing cores และแรม GDDR6 ขนาด 8GB บนบัส 128-bit ความเร็วใกล้ 3 GHz ใช้พลังงานเพียง 135W และมาในรูปแบบการ์ดขนาดเล็กจาก Sapphire

    ผลการทดสอบในเกมระดับ AAA ที่ความละเอียด 1080p พบว่า RX 9060 มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 5060 โดยช้ากว่าเพียง 2% และห่างจาก RX 9060 XT แค่ 6% แต่กลับแรงกว่า RTX 5050 ถึง 20% ซึ่งถือว่าเป็นการ์ดที่คุ้มค่ามากสำหรับเกมเมอร์สายประหยัด

    ในด้าน benchmark เช่น 3DMark Time Spy และ Fire Strike ก็แสดงผลลัพธ์ที่เหนือกว่า RTX 5050 อย่างชัดเจน และใกล้เคียงกับ RTX 5060 ทั้งในด้านเกมและ productivity

    อย่างไรก็ตาม RX 9060 ยังมีข้อจำกัดคือแรมแค่ 8GB ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับเกมรุ่นใหม่ที่ใช้ ray tracing หรือ texture ขนาดใหญ่ และ AMD ยังไม่มีแผนวางขายแยกในตลาดทั่วไป

    AMD เปิดตัว RX 9060 แบบ OEM เท่านั้น ยังไม่มีขายแยก
    พบในเครื่องพีซี OEM บางประเทศ เช่น เกาหลีใต้

    ใช้ชิป Navi 44 แบบลดสเปก มี 28 CUs และแรม 8GB GDDR6
    ความเร็วใกล้ 3 GHz ใช้พลังงาน 135W

    ประสิทธิภาพใกล้เคียง RTX 5060 และ RX 9060 XT
    ช้ากว่า RTX 5060 เพียง 2% และ RX 9060 XT แค่ 6%

    แรงกว่า RTX 5050 ถึง 20% ในเกมระดับ AAA
    เช่น Cyberpunk 2077, God of War, Warhammer 40K

    ผล benchmark ใน 3DMark สูงกว่า RTX 5050 อย่างชัดเจน
    Time Spy: 14,132 คะแนน, Fire Strike: 35,511 คะแนน

    ประสิทธิภาพเสถียรแม้ใช้กับ CPU ระดับกลาง
    เช่น Ryzen 5 7500F ก็ยังได้เฟรมเรตใกล้เคียง Ryzen 7 9800X3D

    RX 9060 อาจผลิตจากชิปที่มี yield ต่ำของรุ่น XT แล้วปิดบาง core
    เป็นวิธีลดต้นทุนและใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า

    RX 9060 XT รุ่น 16GB มีประสิทธิภาพสูงกว่า แต่กินไฟมากกว่า
    เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการเล่นเกมในระดับ ultra หรือ ray tracing

    ตลาดการ์ดจอระดับกลางกำลังแข่งขันกันดุเดือด
    โดยเฉพาะระหว่าง AMD RX 9060 XT และ Nvidia RTX 5060

    การ์ด OEM มักมีราคาถูกกว่าแต่ไม่สามารถซื้อแยกได้
    เหมาะกับผู้ที่ซื้อเครื่องพีซีแบบ prebuilt

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-new-rx-9060-ripped-out-of-oem-pc-and-benchmarked-beats-the-rtx-5050-by-20-percent-basically-ties-the-rtx-5060-in-gaming-and-productivity
    🎮⚙️ RX 9060: การ์ดลับจาก AMD ที่แรงเกินคาด แม้จะยังขายแค่ในเครื่อง OEM AMD เปิดตัว Radeon RX 9060 แบบเงียบ ๆ โดยไม่มีวางขายแยก แต่ใส่มาในเครื่องพีซี OEM ที่จำหน่ายในบางประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ซึ่ง YouTuber ชื่อ Technosaurus ได้แกะเครื่องออกมาและทดสอบประสิทธิภาพของการ์ดนี้อย่างละเอียด RX 9060 ใช้ชิป Navi 44 แบบลดสเปก มี 28 compute units, 1,792 shaders, 28 ray tracing cores และแรม GDDR6 ขนาด 8GB บนบัส 128-bit ความเร็วใกล้ 3 GHz ใช้พลังงานเพียง 135W และมาในรูปแบบการ์ดขนาดเล็กจาก Sapphire ผลการทดสอบในเกมระดับ AAA ที่ความละเอียด 1080p พบว่า RX 9060 มีประสิทธิภาพใกล้เคียงกับ RTX 5060 โดยช้ากว่าเพียง 2% และห่างจาก RX 9060 XT แค่ 6% แต่กลับแรงกว่า RTX 5050 ถึง 20% ซึ่งถือว่าเป็นการ์ดที่คุ้มค่ามากสำหรับเกมเมอร์สายประหยัด ในด้าน benchmark เช่น 3DMark Time Spy และ Fire Strike ก็แสดงผลลัพธ์ที่เหนือกว่า RTX 5050 อย่างชัดเจน และใกล้เคียงกับ RTX 5060 ทั้งในด้านเกมและ productivity อย่างไรก็ตาม RX 9060 ยังมีข้อจำกัดคือแรมแค่ 8GB ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับเกมรุ่นใหม่ที่ใช้ ray tracing หรือ texture ขนาดใหญ่ และ AMD ยังไม่มีแผนวางขายแยกในตลาดทั่วไป ✅ AMD เปิดตัว RX 9060 แบบ OEM เท่านั้น ยังไม่มีขายแยก ➡️ พบในเครื่องพีซี OEM บางประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ✅ ใช้ชิป Navi 44 แบบลดสเปก มี 28 CUs และแรม 8GB GDDR6 ➡️ ความเร็วใกล้ 3 GHz ใช้พลังงาน 135W ✅ ประสิทธิภาพใกล้เคียง RTX 5060 และ RX 9060 XT ➡️ ช้ากว่า RTX 5060 เพียง 2% และ RX 9060 XT แค่ 6% ✅ แรงกว่า RTX 5050 ถึง 20% ในเกมระดับ AAA ➡️ เช่น Cyberpunk 2077, God of War, Warhammer 40K ✅ ผล benchmark ใน 3DMark สูงกว่า RTX 5050 อย่างชัดเจน ➡️ Time Spy: 14,132 คะแนน, Fire Strike: 35,511 คะแนน ✅ ประสิทธิภาพเสถียรแม้ใช้กับ CPU ระดับกลาง ➡️ เช่น Ryzen 5 7500F ก็ยังได้เฟรมเรตใกล้เคียง Ryzen 7 9800X3D ✅ RX 9060 อาจผลิตจากชิปที่มี yield ต่ำของรุ่น XT แล้วปิดบาง core ➡️ เป็นวิธีลดต้นทุนและใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า ✅ RX 9060 XT รุ่น 16GB มีประสิทธิภาพสูงกว่า แต่กินไฟมากกว่า ➡️ เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการเล่นเกมในระดับ ultra หรือ ray tracing ✅ ตลาดการ์ดจอระดับกลางกำลังแข่งขันกันดุเดือด ➡️ โดยเฉพาะระหว่าง AMD RX 9060 XT และ Nvidia RTX 5060 ✅ การ์ด OEM มักมีราคาถูกกว่าแต่ไม่สามารถซื้อแยกได้ ➡️ เหมาะกับผู้ที่ซื้อเครื่องพีซีแบบ prebuilt https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-new-rx-9060-ripped-out-of-oem-pc-and-benchmarked-beats-the-rtx-5050-by-20-percent-basically-ties-the-rtx-5060-in-gaming-and-productivity
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากสนามเกม: Copilot Gaming ผู้ช่วย AI ที่เข้าใจเกมของคุณ

    Microsoft กำลังเปลี่ยนวิธีที่เราสื่อสารกับเกม ด้วยการเปิดตัว “Copilot for Gaming” เวอร์ชัน Beta สำหรับผู้ใช้ Xbox Insiders บน Windows PC ผ่าน Game Bar โดยเป้าหมายคือการสร้าง “ผู้ช่วยเกม” ที่รู้ว่าเรากำลังเล่นอะไร และสามารถให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์เมื่อเราติดอยู่ในด่านยากหรือไม่รู้จะทำอะไรต่อ

    ฟีเจอร์เด่นของ Copilot Gaming ได้แก่:
    - Voice Mode: พูดคุยกับ AI ได้ทันทีระหว่างเล่นเกม โดยไม่ต้องพิมพ์หรือออกจากหน้าจอ
    - Screenshot Analysis: AI สามารถดูภาพหน้าจอของเกมที่เรากำลังเล่น เพื่อให้คำแนะนำที่ตรงจุด
    - Game Awareness: รู้ว่าเรากำลังเล่นเกมอะไร และสามารถให้คำแนะนำเฉพาะเกม เช่น วิธีผ่านบอส หรือเลือกตัวละครที่เหมาะกับทีม

    Copilot ยังสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับบัญชี Xbox, ประวัติการเล่น, และแนะนำเกมใหม่ที่น่าสนใจ โดยไม่ต้องออกจากเกมหรือเปิดเบราว์เซอร์ค้นหา

    แม้จะยังอยู่ในช่วง Beta และเปิดให้ใช้เฉพาะบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และออสเตรเลีย แต่ Microsoft มีแผนจะขยายฟีเจอร์นี้ไปยังผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต พร้อมเพิ่มความสามารถด้านการโค้ชเกมแบบ proactive และการปรับแต่งตามผู้เล่นแต่ละคน

    Microsoft เปิดตัว Copilot for Gaming (Beta) สำหรับ Xbox Insiders บน Windows PC
    ใช้งานผ่าน Game Bar โดยกด Windows + G แล้วเลือกไอคอน Gaming Copilot

    ฟีเจอร์ Voice Mode ช่วยให้ผู้เล่นพูดคุยกับ AI ได้ทันทีระหว่างเล่นเกม
    ไม่ต้องพิมพ์หรือออกจากหน้าจอเกม

    AI สามารถวิเคราะห์ภาพหน้าจอเพื่อให้คำแนะนำที่ตรงจุด
    เช่น วิธีผ่านด่านหรือแก้ปริศนา

    Copilot รู้ว่าเรากำลังเล่นเกมอะไร และให้คำแนะนำเฉพาะเกม
    เช่น Minecraft, Overwatch 2, หรือเกมอื่น ๆ ที่รองรับ

    ผู้ใช้สามารถถามเกี่ยวกับบัญชี Xbox, ประวัติการเล่น, และแนะนำเกมใหม่
    ทำให้ประสบการณ์เกมเป็นส่วนตัวมากขึ้น

    เปิดให้ใช้เฉพาะบางประเทศและเฉพาะผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป
    เช่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอื่น ๆ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-brings-ai-powered-assistance-to-gaming-copilot-gaming-beta-and-copilot-3d-creative-features-went-live-this-week
    🎮🤖 เรื่องเล่าจากสนามเกม: Copilot Gaming ผู้ช่วย AI ที่เข้าใจเกมของคุณ Microsoft กำลังเปลี่ยนวิธีที่เราสื่อสารกับเกม ด้วยการเปิดตัว “Copilot for Gaming” เวอร์ชัน Beta สำหรับผู้ใช้ Xbox Insiders บน Windows PC ผ่าน Game Bar โดยเป้าหมายคือการสร้าง “ผู้ช่วยเกม” ที่รู้ว่าเรากำลังเล่นอะไร และสามารถให้คำแนะนำแบบเรียลไทม์เมื่อเราติดอยู่ในด่านยากหรือไม่รู้จะทำอะไรต่อ ฟีเจอร์เด่นของ Copilot Gaming ได้แก่: - Voice Mode: พูดคุยกับ AI ได้ทันทีระหว่างเล่นเกม โดยไม่ต้องพิมพ์หรือออกจากหน้าจอ - Screenshot Analysis: AI สามารถดูภาพหน้าจอของเกมที่เรากำลังเล่น เพื่อให้คำแนะนำที่ตรงจุด - Game Awareness: รู้ว่าเรากำลังเล่นเกมอะไร และสามารถให้คำแนะนำเฉพาะเกม เช่น วิธีผ่านบอส หรือเลือกตัวละครที่เหมาะกับทีม Copilot ยังสามารถตอบคำถามเกี่ยวกับบัญชี Xbox, ประวัติการเล่น, และแนะนำเกมใหม่ที่น่าสนใจ โดยไม่ต้องออกจากเกมหรือเปิดเบราว์เซอร์ค้นหา แม้จะยังอยู่ในช่วง Beta และเปิดให้ใช้เฉพาะบางประเทศ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และออสเตรเลีย แต่ Microsoft มีแผนจะขยายฟีเจอร์นี้ไปยังผู้ใช้ทั่วไปในอนาคต พร้อมเพิ่มความสามารถด้านการโค้ชเกมแบบ proactive และการปรับแต่งตามผู้เล่นแต่ละคน ✅ Microsoft เปิดตัว Copilot for Gaming (Beta) สำหรับ Xbox Insiders บน Windows PC ➡️ ใช้งานผ่าน Game Bar โดยกด Windows + G แล้วเลือกไอคอน Gaming Copilot ✅ ฟีเจอร์ Voice Mode ช่วยให้ผู้เล่นพูดคุยกับ AI ได้ทันทีระหว่างเล่นเกม ➡️ ไม่ต้องพิมพ์หรือออกจากหน้าจอเกม ✅ AI สามารถวิเคราะห์ภาพหน้าจอเพื่อให้คำแนะนำที่ตรงจุด ➡️ เช่น วิธีผ่านด่านหรือแก้ปริศนา ✅ Copilot รู้ว่าเรากำลังเล่นเกมอะไร และให้คำแนะนำเฉพาะเกม ➡️ เช่น Minecraft, Overwatch 2, หรือเกมอื่น ๆ ที่รองรับ ✅ ผู้ใช้สามารถถามเกี่ยวกับบัญชี Xbox, ประวัติการเล่น, และแนะนำเกมใหม่ ➡️ ทำให้ประสบการณ์เกมเป็นส่วนตัวมากขึ้น ✅ เปิดให้ใช้เฉพาะบางประเทศและเฉพาะผู้ที่อายุ 18 ปีขึ้นไป ➡️ เช่น สหรัฐฯ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และอื่น ๆ https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/microsoft-brings-ai-powered-assistance-to-gaming-copilot-gaming-beta-and-copilot-3d-creative-features-went-live-this-week
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกโมดิฟาย: Game Boy Color โปร่งใสที่ใช้งานได้จริง—ศิลปะบนวงจร

    Natalie (@natalie_thenerd) นักโมดิฟายคอนโซลแบบ self-taught ได้สร้าง Game Boy Color ที่ไม่เหมือนใคร—ด้วยแผงวงจรโปร่งใส (transparent PCB) ที่ใช้งานได้จริง! เธอออกแบบ schematic เอง และเลือกใช้วัสดุคล้ายอะคริลิกที่ไม่มี ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน

    แม้จะดูเหมือนของเล่น แต่การ solder บนวัสดุที่มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะผิดพลาดนิดเดียวอาจทำให้แผงวงจรเสียหายได้

    เธอประกอบเครื่องด้วยชิ้นส่วนโปร่งใสเกือบทั้งหมด—รวมถึง cartridge reader จากเครื่องจีน และเปลือกใสพร้อมปุ่ม translucent ทำให้ได้เครื่อง Game Boy Color ที่ “เห็นทะลุทุกชั้น” อย่างแท้จริง

    แม้จะเป็นโปรเจกต์ศิลปะที่ไม่ได้ผลิตขาย แต่ก็จุดประกายให้ชุมชน modding สนใจเทคนิคนี้มากขึ้น เช่น การใช้ลายเงินแทนทองแดง หรือเพิ่ม backlight เพื่อความสวยงาม

    ชุมชน modding อย่าง Modded Gameboy Club และโปรเจกต์อย่าง SZ-CGB-L หรือ Ultra Boy Color ต่างก็พัฒนา PCB แบบใหม่ที่รองรับการใช้งานจริง พร้อมปรับแต่งให้เหมาะกับจอ IPS และการใช้งานยุคใหม่

    แต่ความท้าทายยังคงอยู่—PCB โปร่งใสยังเปราะบาง ไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก และต้นทุนการผลิตยังสูง ทำให้ยังไม่พร้อมเข้าสู่ตลาด mass production

    Natalie สร้าง Game Boy Color ด้วยแผงวงจรโปร่งใสที่ใช้งานได้จริง
    เธอออกแบบ schematic เองและใช้วัสดุคล้ายอะคริลิก

    ลบ ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน
    แม้จะสำคัญในอุปกรณ์สมัยใหม่ แต่ไม่เป็นปัญหากับ Game Boy

    PCB มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้อง solder อย่างระวัง
    หากร้อนเกินไปอาจทำให้แผงวงจรเสียหาย

    ใช้ cartridge reader จากเครื่องจีนที่โปร่งใส
    ประกอบกับเปลือกใสและปุ่ม translucent

    เป็นโปรเจกต์ศิลปะ ไม่ได้ผลิตขาย
    สร้างเพื่อความสนุกและความสวยงาม

    ชุมชนเสนอไอเดียเพิ่ม เช่น ลายเงินหรือ backlight
    เพื่อเพิ่มความสวยงามและความโดดเด่น

    https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/self-taught-modder-builds-completely-transparent-game-boy-color-circuit-board-that-actually-works-pcb-looks-stunning-when-matched-with-fully-transparent-shell
    🎮✨ เรื่องเล่าจากโลกโมดิฟาย: Game Boy Color โปร่งใสที่ใช้งานได้จริง—ศิลปะบนวงจร Natalie (@natalie_thenerd) นักโมดิฟายคอนโซลแบบ self-taught ได้สร้าง Game Boy Color ที่ไม่เหมือนใคร—ด้วยแผงวงจรโปร่งใส (transparent PCB) ที่ใช้งานได้จริง! เธอออกแบบ schematic เอง และเลือกใช้วัสดุคล้ายอะคริลิกที่ไม่มี ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน แม้จะดูเหมือนของเล่น แต่การ solder บนวัสดุที่มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะผิดพลาดนิดเดียวอาจทำให้แผงวงจรเสียหายได้ เธอประกอบเครื่องด้วยชิ้นส่วนโปร่งใสเกือบทั้งหมด—รวมถึง cartridge reader จากเครื่องจีน และเปลือกใสพร้อมปุ่ม translucent ทำให้ได้เครื่อง Game Boy Color ที่ “เห็นทะลุทุกชั้น” อย่างแท้จริง แม้จะเป็นโปรเจกต์ศิลปะที่ไม่ได้ผลิตขาย แต่ก็จุดประกายให้ชุมชน modding สนใจเทคนิคนี้มากขึ้น เช่น การใช้ลายเงินแทนทองแดง หรือเพิ่ม backlight เพื่อความสวยงาม ชุมชน modding อย่าง Modded Gameboy Club และโปรเจกต์อย่าง SZ-CGB-L หรือ Ultra Boy Color ต่างก็พัฒนา PCB แบบใหม่ที่รองรับการใช้งานจริง พร้อมปรับแต่งให้เหมาะกับจอ IPS และการใช้งานยุคใหม่ แต่ความท้าทายยังคงอยู่—PCB โปร่งใสยังเปราะบาง ไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก และต้นทุนการผลิตยังสูง ทำให้ยังไม่พร้อมเข้าสู่ตลาด mass production ✅ Natalie สร้าง Game Boy Color ด้วยแผงวงจรโปร่งใสที่ใช้งานได้จริง ➡️ เธอออกแบบ schematic เองและใช้วัสดุคล้ายอะคริลิก ✅ ลบ ground zone เพื่อให้เห็นลายทองแดงชัดเจน ➡️ แม้จะสำคัญในอุปกรณ์สมัยใหม่ แต่ไม่เป็นปัญหากับ Game Boy ✅ PCB มีจุดหลอมต่ำเพียง 200°C ต้อง solder อย่างระวัง ➡️ หากร้อนเกินไปอาจทำให้แผงวงจรเสียหาย ✅ ใช้ cartridge reader จากเครื่องจีนที่โปร่งใส ➡️ ประกอบกับเปลือกใสและปุ่ม translucent ✅ เป็นโปรเจกต์ศิลปะ ไม่ได้ผลิตขาย ➡️ สร้างเพื่อความสนุกและความสวยงาม ✅ ชุมชนเสนอไอเดียเพิ่ม เช่น ลายเงินหรือ backlight ➡️ เพื่อเพิ่มความสวยงามและความโดดเด่น https://www.tomshardware.com/video-games/handheld-gaming/self-taught-modder-builds-completely-transparent-game-boy-color-circuit-board-that-actually-works-pcb-looks-stunning-when-matched-with-fully-transparent-shell
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากตลาดการ์ดจอ: AMD เปิดตัว Radeon RX 7400 การ์ดจอราคาประหยัดที่ยังรองรับ Ray Tracing

    ในเดือนสิงหาคม 2025 AMD เปิดตัว Radeon RX 7400 แบบเงียบ ๆ โดยไม่ได้จัดงานเปิดตัวใหญ่โต เพราะนี่คือการ์ดจอระดับเริ่มต้นในตระกูล RDNA 3 ที่ใช้ชิป Navi 33 ซึ่งเป็นชิ้นเล็กที่สุดในสายการผลิตนี้ และเคยใช้ในรุ่น RX 7600 มาก่อน

    RX 7400 มาพร้อม 28 Compute Units หรือ 1,792 Stream Processors ซึ่งลดลงจาก RX 7600 ประมาณ 12.5% แต่ยังคงรองรับ Ray Tracing ด้วย 28 Ray Accelerators และมี AI Accelerators 56 ตัว แม้จะเป็นรุ่นเล็กที่สุดในซีรีส์ แต่ก็ยังให้ฟีเจอร์ครบถ้วนสำหรับการเล่นเกมระดับ 1080p

    หน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 8GB ถูกลดความเร็วลงเหลือ 10.8 Gbps ทำให้ bandwidth อยู่ที่ 173 GB/s ซึ่งต่ำกว่า RX 7600 ถึง 40% แต่ข้อดีคือ RX 7400 ใช้พลังงานเพียง 55W และไม่ต้องต่อสายไฟเพิ่ม เหมาะสำหรับเครื่องพีซีขนาดเล็กหรือระบบ OEM ที่ต้องการประหยัดพลังงาน

    AMD เปิดตัว Radeon RX 7400 การ์ดจอ RDNA 3 รุ่นเริ่มต้น
    ใช้ชิป Navi 33 เหมือน RX 7600 แต่ลดจำนวน Compute Units

    RX 7400 มี 28 Compute Units และ 1,792 Stream Processors
    ลดลง 12.5% จาก RX 7600 ที่มี 2,048 SPs

    รองรับ Ray Tracing ด้วย 28 Ray Accelerators และ 56 AI Accelerators
    เป็นรุ่นราคาประหยัดที่ยังมีฟีเจอร์ครบ

    ใช้ GDDR6 ขนาด 8GB ความเร็ว 10.8 Gbps
    Bandwidth อยู่ที่ 173 GB/s ต่ำกว่า RX 7600 ถึง 40%

    ใช้พลังงานเพียง 55W ไม่ต้องต่อสายไฟเพิ่ม
    เหมาะสำหรับเครื่องพีซีขนาดเล็กหรือระบบ OEM

    ขนาดการ์ด 167 มม. แบบ single-slot
    ติดตั้งง่ายในเคสขนาดเล็ก

    RX 7400 เหมาะสำหรับเกม 1080p และงานสตรีมมิ่งพื้นฐาน
    แม้ไม่แรงเท่า RX 7600 แต่ดีกว่า iGPU ในซีพียูทั่วไป

    มีการใช้งานในเครื่องพีซีของ Dell สำหรับตลาดองค์กร
    บ่งชี้ว่าอาจเป็นรุ่น OEM เป็นหลัก

    ยังไม่มีการประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการ
    แต่คาดว่าจะต่ำกว่า RX 7600 ที่เปิดตัวที่ $269

    AMD ยังไม่ยืนยันว่าจะมีรุ่น RX 7300 ตามมา
    แม้มีข่าวหลุดว่ามีรุ่น 6GB และ 1,536 SPs อยู่ในแผน

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-quietly-launches-radeon-rx-7400-8gb-budget-gaming-gpu-rdna-3-goes-another-rung-lower-on-the-ladder
    🎮💸 เรื่องเล่าจากตลาดการ์ดจอ: AMD เปิดตัว Radeon RX 7400 การ์ดจอราคาประหยัดที่ยังรองรับ Ray Tracing ในเดือนสิงหาคม 2025 AMD เปิดตัว Radeon RX 7400 แบบเงียบ ๆ โดยไม่ได้จัดงานเปิดตัวใหญ่โต เพราะนี่คือการ์ดจอระดับเริ่มต้นในตระกูล RDNA 3 ที่ใช้ชิป Navi 33 ซึ่งเป็นชิ้นเล็กที่สุดในสายการผลิตนี้ และเคยใช้ในรุ่น RX 7600 มาก่อน RX 7400 มาพร้อม 28 Compute Units หรือ 1,792 Stream Processors ซึ่งลดลงจาก RX 7600 ประมาณ 12.5% แต่ยังคงรองรับ Ray Tracing ด้วย 28 Ray Accelerators และมี AI Accelerators 56 ตัว แม้จะเป็นรุ่นเล็กที่สุดในซีรีส์ แต่ก็ยังให้ฟีเจอร์ครบถ้วนสำหรับการเล่นเกมระดับ 1080p หน่วยความจำ GDDR6 ขนาด 8GB ถูกลดความเร็วลงเหลือ 10.8 Gbps ทำให้ bandwidth อยู่ที่ 173 GB/s ซึ่งต่ำกว่า RX 7600 ถึง 40% แต่ข้อดีคือ RX 7400 ใช้พลังงานเพียง 55W และไม่ต้องต่อสายไฟเพิ่ม เหมาะสำหรับเครื่องพีซีขนาดเล็กหรือระบบ OEM ที่ต้องการประหยัดพลังงาน ✅ AMD เปิดตัว Radeon RX 7400 การ์ดจอ RDNA 3 รุ่นเริ่มต้น ➡️ ใช้ชิป Navi 33 เหมือน RX 7600 แต่ลดจำนวน Compute Units ✅ RX 7400 มี 28 Compute Units และ 1,792 Stream Processors ➡️ ลดลง 12.5% จาก RX 7600 ที่มี 2,048 SPs ✅ รองรับ Ray Tracing ด้วย 28 Ray Accelerators และ 56 AI Accelerators ➡️ เป็นรุ่นราคาประหยัดที่ยังมีฟีเจอร์ครบ ✅ ใช้ GDDR6 ขนาด 8GB ความเร็ว 10.8 Gbps ➡️ Bandwidth อยู่ที่ 173 GB/s ต่ำกว่า RX 7600 ถึง 40% ✅ ใช้พลังงานเพียง 55W ไม่ต้องต่อสายไฟเพิ่ม ➡️ เหมาะสำหรับเครื่องพีซีขนาดเล็กหรือระบบ OEM ✅ ขนาดการ์ด 167 มม. แบบ single-slot ➡️ ติดตั้งง่ายในเคสขนาดเล็ก ✅ RX 7400 เหมาะสำหรับเกม 1080p และงานสตรีมมิ่งพื้นฐาน ➡️ แม้ไม่แรงเท่า RX 7600 แต่ดีกว่า iGPU ในซีพียูทั่วไป ✅ มีการใช้งานในเครื่องพีซีของ Dell สำหรับตลาดองค์กร ➡️ บ่งชี้ว่าอาจเป็นรุ่น OEM เป็นหลัก ✅ ยังไม่มีการประกาศราคาขายอย่างเป็นทางการ ➡️ แต่คาดว่าจะต่ำกว่า RX 7600 ที่เปิดตัวที่ $269 ✅ AMD ยังไม่ยืนยันว่าจะมีรุ่น RX 7300 ตามมา ➡️ แม้มีข่าวหลุดว่ามีรุ่น 6GB และ 1,536 SPs อยู่ในแผน https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-quietly-launches-radeon-rx-7400-8gb-budget-gaming-gpu-rdna-3-goes-another-rung-lower-on-the-ladder
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกเกม: AMD จับมือ Microsoft สร้างชิปเดียวใช้ได้ทั้ง Xbox, PC และเครื่องพกพา

    ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 AMD ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่กับ Microsoft ในการพัฒนาชิปแบบกึ่งสั่งทำ (semi-custom SoC) สำหรับอุปกรณ์ Xbox รุ่นถัดไป ซึ่งไม่ใช่แค่คอนโซลเท่านั้น แต่รวมถึง PC และเครื่องเล่นเกมแบบพกพาด้วย

    แนวคิดนี้คือการสร้าง “ชิปเดียวใช้ได้ทุกแพลตฟอร์ม” โดยใช้สถาปัตยกรรม x86 “Zen” สำหรับ CPU และ “RDNA” สำหรับ GPU ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกับที่ใช้ใน Xbox Series X/S และ Ryzen Z2 ที่อยู่ใน ROG Ally รุ่น Xbox

    AMD ระบุว่าชิปใหม่นี้จะช่วยให้ Microsoft สร้าง ecosystem ที่เชื่อมโยงกันระหว่างคอนโซล เครื่องพกพา และ PC ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยมีเป้าหมายให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกม Xbox ได้ทุกที่ โดยไม่ต้องผูกกับอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง

    แม้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็มีข้อกังวล เช่น ชิปแบบนี้อาจถูกบัดกรีติดกับเมนบอร์ด ทำให้ไม่สามารถอัปเกรดได้เหมือน PC แบบประกอบเอง และอาจจำกัดตลาดเฉพาะกลุ่มที่ต้องการความสะดวกมากกว่าความยืดหยุ่น

    AMD และ Microsoft ร่วมพัฒนาชิปกึ่งสั่งทำสำหรับ Xbox รุ่นถัดไป
    ใช้ได้กับคอนโซล PC และเครื่องเล่นเกมพกพา

    ชิปใช้สถาปัตยกรรม Zen สำหรับ CPU และ RDNA สำหรับ GPU
    เป็นพื้นฐานเดียวกับ Xbox Series X/S และ Ryzen Z2

    AMD รายงานรายได้จากกลุ่ม Client และ Gaming เพิ่มขึ้น 71.4%
    โดยเฉพาะยอดขาย Ryzen 9000X3D และ Radeon RX 9000

    Ecosystem ใหม่จะใช้ชิปเดียวกันในหลายอุปกรณ์
    ช่วยให้เกม Xbox เล่นได้ทุกที่อย่างไร้รอยต่อ

    AMD ยังร่วมมือกับ Sony ในการพัฒนา FSR 4 สำหรับ PlayStation
    แสดงถึงบทบาทกลางของ AMD ในอุตสาหกรรมเกม

    Microsoft วางแผนให้ Xbox เป็น “พอร์ตโฟลิโอของอุปกรณ์”
    รวมคอนโซล เครื่องพกพา และ PC ที่ใช้ชิปเดียวกัน

    ชิปใหม่จะรองรับ AI-based rendering และ upscaling
    เพิ่มประสิทธิภาพภาพและเฟรมเรตในเกม

    AMD เตรียมสร้าง roadmap ของชิปเกมที่ใช้ Ryzen และ Radeon
    ครอบคลุมคอนโซล เครื่องพกพา PC และ cloud gaming

    Xbox รุ่นใหม่จะมี backward compatibility กับเกมเก่า
    ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องซื้อเกมใหม่ซ้ำ

    Ecosystem นี้อาจทำให้ Xbox แข่งกับ PlayStation ได้ในหลายระดับราคา
    ตั้งแต่ $199 สำหรับเครื่องพกพา ไปจนถึง $699 สำหรับคอนโซลระดับสูง

    https://wccftech.com/amd-confirms-developing-custom-chips-microsoft-power-next-gen-xbox-consoles-pcs-handhelds/
    🎮🔧 เรื่องเล่าจากโลกเกม: AMD จับมือ Microsoft สร้างชิปเดียวใช้ได้ทั้ง Xbox, PC และเครื่องพกพา ในไตรมาสที่ 2 ปี 2025 AMD ประกาศความร่วมมือครั้งใหญ่กับ Microsoft ในการพัฒนาชิปแบบกึ่งสั่งทำ (semi-custom SoC) สำหรับอุปกรณ์ Xbox รุ่นถัดไป ซึ่งไม่ใช่แค่คอนโซลเท่านั้น แต่รวมถึง PC และเครื่องเล่นเกมแบบพกพาด้วย แนวคิดนี้คือการสร้าง “ชิปเดียวใช้ได้ทุกแพลตฟอร์ม” โดยใช้สถาปัตยกรรม x86 “Zen” สำหรับ CPU และ “RDNA” สำหรับ GPU ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกับที่ใช้ใน Xbox Series X/S และ Ryzen Z2 ที่อยู่ใน ROG Ally รุ่น Xbox AMD ระบุว่าชิปใหม่นี้จะช่วยให้ Microsoft สร้าง ecosystem ที่เชื่อมโยงกันระหว่างคอนโซล เครื่องพกพา และ PC ได้อย่างไร้รอยต่อ โดยมีเป้าหมายให้ผู้ใช้สามารถเล่นเกม Xbox ได้ทุกที่ โดยไม่ต้องผูกกับอุปกรณ์ใดอุปกรณ์หนึ่ง แม้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่ก็มีข้อกังวล เช่น ชิปแบบนี้อาจถูกบัดกรีติดกับเมนบอร์ด ทำให้ไม่สามารถอัปเกรดได้เหมือน PC แบบประกอบเอง และอาจจำกัดตลาดเฉพาะกลุ่มที่ต้องการความสะดวกมากกว่าความยืดหยุ่น ✅ AMD และ Microsoft ร่วมพัฒนาชิปกึ่งสั่งทำสำหรับ Xbox รุ่นถัดไป ➡️ ใช้ได้กับคอนโซล PC และเครื่องเล่นเกมพกพา ✅ ชิปใช้สถาปัตยกรรม Zen สำหรับ CPU และ RDNA สำหรับ GPU ➡️ เป็นพื้นฐานเดียวกับ Xbox Series X/S และ Ryzen Z2 ✅ AMD รายงานรายได้จากกลุ่ม Client และ Gaming เพิ่มขึ้น 71.4% ➡️ โดยเฉพาะยอดขาย Ryzen 9000X3D และ Radeon RX 9000 ✅ Ecosystem ใหม่จะใช้ชิปเดียวกันในหลายอุปกรณ์ ➡️ ช่วยให้เกม Xbox เล่นได้ทุกที่อย่างไร้รอยต่อ ✅ AMD ยังร่วมมือกับ Sony ในการพัฒนา FSR 4 สำหรับ PlayStation ➡️ แสดงถึงบทบาทกลางของ AMD ในอุตสาหกรรมเกม ✅ Microsoft วางแผนให้ Xbox เป็น “พอร์ตโฟลิโอของอุปกรณ์” ➡️ รวมคอนโซล เครื่องพกพา และ PC ที่ใช้ชิปเดียวกัน ✅ ชิปใหม่จะรองรับ AI-based rendering และ upscaling ➡️ เพิ่มประสิทธิภาพภาพและเฟรมเรตในเกม ✅ AMD เตรียมสร้าง roadmap ของชิปเกมที่ใช้ Ryzen และ Radeon ➡️ ครอบคลุมคอนโซล เครื่องพกพา PC และ cloud gaming ✅ Xbox รุ่นใหม่จะมี backward compatibility กับเกมเก่า ➡️ ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องซื้อเกมใหม่ซ้ำ ✅ Ecosystem นี้อาจทำให้ Xbox แข่งกับ PlayStation ได้ในหลายระดับราคา ➡️ ตั้งแต่ $199 สำหรับเครื่องพกพา ไปจนถึง $699 สำหรับคอนโซลระดับสูง https://wccftech.com/amd-confirms-developing-custom-chips-microsoft-power-next-gen-xbox-consoles-pcs-handhelds/
    WCCFTECH.COM
    AMD Confirms It's Developing Custom Chips With Microsoft: Will Power Next-Gen Xbox Devices Including Consoles, PCs, & Handhelds
    AMD has confirmed the development of custom chips that will power future Microsoft Xbox platforms such as consoles, PCs & handhelds.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 269 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อเกมแห่งโชคต้องพึ่งพาความปลอดภัยระดับ Zero Trust

    ในยุคที่แม้แต่ลอตเตอรี่แห่งชาติยังต้องปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัล LONACI หรือสำนักงานลอตเตอรี่แห่งชาติของโกตดิวัวร์ ได้จับมือกับสองยักษ์ใหญ่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์—AccuKnox และ SecuVerse.ai—เพื่อยกระดับความปลอดภัยของระบบเกมและข้อมูลผู้ใช้อย่างเต็มรูปแบบ

    AccuKnox ซึ่งเป็นผู้นำด้าน Zero Trust CNAPP (Cloud Native Application Protection Platform) ได้ร่วมกับ SecuVerse.ai จากโมร็อกโก เพื่อส่งมอบโซลูชัน ASPM (Application Security Posture Management) ที่ผสานเทคโนโลยี SAST, DAST และ SCA เข้าด้วยกัน พร้อมระบบ AI ที่ช่วยแนะนำวิธีแก้ไขช่องโหว่แบบเจาะจงตามบริบทของแต่ละระบบ

    เป้าหมายของ LONACI คือการรวมเครื่องมือที่กระจัดกระจายให้เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ปลอดภัย โปร่งใส และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น PCI-DSS, ISO 27001 และ GDPR เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ดิจิทัลระยะยาวถึงปี 2030

    CNAPP คือแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรสำหรับแอปพลิเคชันบนคลาวด์
    ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาไปจนถึงการใช้งานจริง

    Zero Trust คือแนวคิดที่ไม่เชื่อถือใครโดยอัตโนมัติ
    ทุกการเข้าถึงต้องได้รับการตรวจสอบและอนุญาตอย่างเข้มงวด

    AccuKnox เป็นผู้ร่วมพัฒนา KubeArmor ซึ่งมีการดาวน์โหลดมากกว่า 2 ล้านครั้ง
    เป็นระบบรักษาความปลอดภัย runtime สำหรับ Kubernetes

    การใช้ AI ในระบบความปลอดภัยช่วยลดภาระของทีมงาน
    ทำให้สามารถโฟกัสกับภัยคุกคามที่สำคัญได้มากขึ้น

    LONACI จับมือ AccuKnox และ SecuVerse.ai เพื่อเสริมความปลอดภัยของระบบลอตเตอรี่แห่งชาติ
    เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ดิจิทัล 2025–2030

    โซลูชันที่ใช้คือ ASPM ที่รวม SAST, DAST และ SCA
    ช่วยตรวจสอบความปลอดภัยของโค้ดทั้งแบบสถิตและแบบไดนามิก

    ใช้ AI เพื่อช่วยแนะนำวิธีแก้ไขช่องโหว่แบบอัตโนมัติ
    ลดเวลาในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา

    มีระบบ SOAR สำหรับจัดการแจ้งเตือนอย่างมีประสิทธิภาพ
    ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยตอบสนองได้เร็วขึ้น

    LONACI ต้องการรวมเครื่องมือหลายตัวให้เป็นแพลตฟอร์มเดียว
    เพื่อเพิ่ม ROI และลดความซับซ้อนในการบริหารจัดการ

    AccuKnox มีความสามารถในการปกป้องทั้ง public cloud และ private cloud
    รองรับ Kubernetes, AI/LLM, Edge/IoT และ VM แบบดั้งเดิม

    SecuVerse.ai มีเครือข่ายในแอฟริกาเหนือ ตะวันตก และกลาง
    ให้บริการด้าน AppSec, CloudSec, DataSec และโครงสร้างพื้นฐาน

    https://hackread.com/accuknox-partners-with-secuverse-ai-to-deliver-zero-trust-cnapp-security-for-national-gaming-infrastructure/
    🎰🔐 เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อเกมแห่งโชคต้องพึ่งพาความปลอดภัยระดับ Zero Trust ในยุคที่แม้แต่ลอตเตอรี่แห่งชาติยังต้องปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัล LONACI หรือสำนักงานลอตเตอรี่แห่งชาติของโกตดิวัวร์ ได้จับมือกับสองยักษ์ใหญ่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์—AccuKnox และ SecuVerse.ai—เพื่อยกระดับความปลอดภัยของระบบเกมและข้อมูลผู้ใช้อย่างเต็มรูปแบบ AccuKnox ซึ่งเป็นผู้นำด้าน Zero Trust CNAPP (Cloud Native Application Protection Platform) ได้ร่วมกับ SecuVerse.ai จากโมร็อกโก เพื่อส่งมอบโซลูชัน ASPM (Application Security Posture Management) ที่ผสานเทคโนโลยี SAST, DAST และ SCA เข้าด้วยกัน พร้อมระบบ AI ที่ช่วยแนะนำวิธีแก้ไขช่องโหว่แบบเจาะจงตามบริบทของแต่ละระบบ เป้าหมายของ LONACI คือการรวมเครื่องมือที่กระจัดกระจายให้เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่ปลอดภัย โปร่งใส และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เช่น PCI-DSS, ISO 27001 และ GDPR เพื่อรองรับยุทธศาสตร์ดิจิทัลระยะยาวถึงปี 2030 ✅ CNAPP คือแพลตฟอร์มรักษาความปลอดภัยแบบครบวงจรสำหรับแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ➡️ ครอบคลุมตั้งแต่การพัฒนาไปจนถึงการใช้งานจริง ✅ Zero Trust คือแนวคิดที่ไม่เชื่อถือใครโดยอัตโนมัติ ➡️ ทุกการเข้าถึงต้องได้รับการตรวจสอบและอนุญาตอย่างเข้มงวด ✅ AccuKnox เป็นผู้ร่วมพัฒนา KubeArmor ซึ่งมีการดาวน์โหลดมากกว่า 2 ล้านครั้ง ➡️ เป็นระบบรักษาความปลอดภัย runtime สำหรับ Kubernetes ✅ การใช้ AI ในระบบความปลอดภัยช่วยลดภาระของทีมงาน ➡️ ทำให้สามารถโฟกัสกับภัยคุกคามที่สำคัญได้มากขึ้น ✅ LONACI จับมือ AccuKnox และ SecuVerse.ai เพื่อเสริมความปลอดภัยของระบบลอตเตอรี่แห่งชาติ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ดิจิทัล 2025–2030 ✅ โซลูชันที่ใช้คือ ASPM ที่รวม SAST, DAST และ SCA ➡️ ช่วยตรวจสอบความปลอดภัยของโค้ดทั้งแบบสถิตและแบบไดนามิก ✅ ใช้ AI เพื่อช่วยแนะนำวิธีแก้ไขช่องโหว่แบบอัตโนมัติ ➡️ ลดเวลาในการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหา ✅ มีระบบ SOAR สำหรับจัดการแจ้งเตือนอย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ ช่วยให้ทีมรักษาความปลอดภัยตอบสนองได้เร็วขึ้น ✅ LONACI ต้องการรวมเครื่องมือหลายตัวให้เป็นแพลตฟอร์มเดียว ➡️ เพื่อเพิ่ม ROI และลดความซับซ้อนในการบริหารจัดการ ✅ AccuKnox มีความสามารถในการปกป้องทั้ง public cloud และ private cloud ➡️ รองรับ Kubernetes, AI/LLM, Edge/IoT และ VM แบบดั้งเดิม ✅ SecuVerse.ai มีเครือข่ายในแอฟริกาเหนือ ตะวันตก และกลาง ➡️ ให้บริการด้าน AppSec, CloudSec, DataSec และโครงสร้างพื้นฐาน https://hackread.com/accuknox-partners-with-secuverse-ai-to-deliver-zero-trust-cnapp-security-for-national-gaming-infrastructure/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: Intel Core 5 120F—รีแบรนด์หรือรีเฟรช? เมื่อชิปเก่ากลับมาในชื่อใหม่

    Intel เปิดตัวชิป Core 5 120 และ Core 5 120F (รุ่นไม่มี iGPU) โดยระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “Core Series 1” แต่เมื่อดูสเปกแล้วกลับพบว่ามันแทบจะเหมือนกับ Core i5-12400 ทุกประการ:
    - 6 P-core / 12 threads
    - L3 cache 18MB, L2 cache 7.5MB
    - Base clock 2.5GHz, Boost clock 4.5GHz (เพิ่มจาก 4.4GHz เดิมเพียง 100MHz)
    - ไม่มี E-core และไม่รองรับการโอเวอร์คล็อก

    แม้จะใช้ชื่อใหม่ แต่สถาปัตยกรรมภายในยังคงเป็น Alder Lake หรืออาจเป็น Raptor Cove แบบตัด E-core ออก ซึ่งทำให้หลายคนมองว่าเป็นการ “แต่งหน้าชิปเก่า” เพื่อขายใหม่ในราคาที่สูงขึ้น

    Intel ยังไม่เปิดเผยราคาทางการ แต่คาดว่าจะอยู่ในช่วง $130–150 ซึ่งสูงกว่า i5-12400F ที่เคยขายต่ำกว่า $110 ในบางช่วง

    Intel เปิดตัว Core 5 120 และ Core 5 120F สำหรับตลาดเกมเมอร์งบน้อย
    ใช้ชื่อใหม่ “Core Series 1” แต่สเปกคล้าย i5-12400 มาก
    รุ่น 120F ไม่มี iGPU เหมาะกับผู้ใช้ที่มีการ์ดจอแยก

    สเปกของ Core 5 120F แทบจะเหมือนกับ i5-12400F
    6 P-core / 12 threads, ไม่มี E-core
    Boost clock เพิ่มขึ้นเพียง 100MHz เป็น 4.5GHz

    รองรับ DDR5-4800 และ DDR4-3200 บนเมนบอร์ด LGA1700 เดิม
    ใช้งานร่วมกับเมนบอร์ด Alder Lake และ Raptor Lake ได้
    ต้องอัปเดต BIOS ก่อนใช้งาน

    Intel อาจใช้ die รุ่นเก่า (H0 หรือ C0) เพื่อผลิตชิปนี้ในต้นทุนต่ำ
    ไม่มีการระบุ stepping อย่างเป็นทางการ
    อาจมีความแตกต่างด้านความร้อนและประสิทธิภาพเล็กน้อย

    ชิปนี้ถูกวางตำแหน่งเป็นตัวเลือกสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการเล่น AAA 1080p โดยไม่ต้องจ่ายแพง
    เหมาะกับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพพื้นฐานโดยไม่เน้นฟีเจอร์พิเศษ
    ใช้พลังงานเพียง 65W

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-quietly-rolls-out-new-core-5-cpus-that-look-suspiciously-like-12th-gen-chips-core-5-120-and-core-5-120f-enter-the-budget-gaming-market-with-i5-12400-specs-and-100-mhz-boost
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: Intel Core 5 120F—รีแบรนด์หรือรีเฟรช? เมื่อชิปเก่ากลับมาในชื่อใหม่ Intel เปิดตัวชิป Core 5 120 และ Core 5 120F (รุ่นไม่มี iGPU) โดยระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “Core Series 1” แต่เมื่อดูสเปกแล้วกลับพบว่ามันแทบจะเหมือนกับ Core i5-12400 ทุกประการ: - 6 P-core / 12 threads - L3 cache 18MB, L2 cache 7.5MB - Base clock 2.5GHz, Boost clock 4.5GHz (เพิ่มจาก 4.4GHz เดิมเพียง 100MHz) - ไม่มี E-core และไม่รองรับการโอเวอร์คล็อก แม้จะใช้ชื่อใหม่ แต่สถาปัตยกรรมภายในยังคงเป็น Alder Lake หรืออาจเป็น Raptor Cove แบบตัด E-core ออก ซึ่งทำให้หลายคนมองว่าเป็นการ “แต่งหน้าชิปเก่า” เพื่อขายใหม่ในราคาที่สูงขึ้น Intel ยังไม่เปิดเผยราคาทางการ แต่คาดว่าจะอยู่ในช่วง $130–150 ซึ่งสูงกว่า i5-12400F ที่เคยขายต่ำกว่า $110 ในบางช่วง ✅ Intel เปิดตัว Core 5 120 และ Core 5 120F สำหรับตลาดเกมเมอร์งบน้อย ➡️ ใช้ชื่อใหม่ “Core Series 1” แต่สเปกคล้าย i5-12400 มาก ➡️ รุ่น 120F ไม่มี iGPU เหมาะกับผู้ใช้ที่มีการ์ดจอแยก ✅ สเปกของ Core 5 120F แทบจะเหมือนกับ i5-12400F ➡️ 6 P-core / 12 threads, ไม่มี E-core ➡️ Boost clock เพิ่มขึ้นเพียง 100MHz เป็น 4.5GHz ✅ รองรับ DDR5-4800 และ DDR4-3200 บนเมนบอร์ด LGA1700 เดิม ➡️ ใช้งานร่วมกับเมนบอร์ด Alder Lake และ Raptor Lake ได้ ➡️ ต้องอัปเดต BIOS ก่อนใช้งาน ✅ Intel อาจใช้ die รุ่นเก่า (H0 หรือ C0) เพื่อผลิตชิปนี้ในต้นทุนต่ำ ➡️ ไม่มีการระบุ stepping อย่างเป็นทางการ ➡️ อาจมีความแตกต่างด้านความร้อนและประสิทธิภาพเล็กน้อย ✅ ชิปนี้ถูกวางตำแหน่งเป็นตัวเลือกสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการเล่น AAA 1080p โดยไม่ต้องจ่ายแพง ➡️ เหมาะกับผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพพื้นฐานโดยไม่เน้นฟีเจอร์พิเศษ ➡️ ใช้พลังงานเพียง 65W https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-quietly-rolls-out-new-core-5-cpus-that-look-suspiciously-like-12th-gen-chips-core-5-120-and-core-5-120f-enter-the-budget-gaming-market-with-i5-12400-specs-and-100-mhz-boost
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากแดนมังกร: เมื่อ “TrueGPU” จุดไฟความหวังให้จีนเป็นเจ้าตลาดกราฟิก

    ในเดือนกรกฎาคม 2025 บริษัท Lisuan Technology จากจีนได้เปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นแรกของตนเอง—Lisuan 7G106 และ 7G105—ที่ใช้สถาปัตยกรรม “TrueGPU” ซึ่งออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยทีมงานอดีตวิศวกรจาก Silicon Valley

    GPU ทั้งสองรุ่นผลิตบนเทคโนโลยี 6nm ของ TSMC และมีเป้าหมายชัดเจน: แข่งกับ NVIDIA RTX 4060 ในตลาดกลาง โดย 7G106 เน้นเกม ส่วน 7G105 เน้นงาน AI และองค์กร

    ที่น่าทึ่งคือ แม้จะเป็นรุ่นแรก แต่สามารถรันเกมระดับ AAA อย่าง Black Myth: Wukong และ Shadow of the Tomb Raider ที่ 4K High ได้เกิน 70 FPS! และยังมีฟีเจอร์ล้ำๆ อย่างการเรนเดอร์แบบ out-of-order, การจัดการงานแบบ multitasking 48 งานพร้อมกัน และระบบอัปสเกลภาพ NRSS ที่ตั้งใจชนกับ DLSS และ FSR

    Lisuan เปิดตัว GPU รุ่นแรกของจีนที่ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU
    ผลิตบนเทคโนโลยี 6nm ของ TSMC
    ออกแบบ instruction set, compute core และ software stack เองทั้งหมด

    Lisuan 7G106 (เกมมิ่ง) และ 7G105 (มืออาชีพ/AI) มีสเปกใกล้เคียงกัน
    FP32 throughput สูงสุด 24 TFLOP/s
    ใช้ GDDR6 ขนาด 12 GB และ 24 GB (ECC) ตามลำดับ
    รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3, OpenGL 4.6, OpenCL 3.0

    รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสวิดีโอระดับ 8K
    Decode AV1 และ HEVC ได้ถึง 8K60
    Encode HEVC ที่ 8K30 และ AV1 ที่ 4K30

    รองรับการใช้งานแบบ virtual GPU ได้ถึง 16 หน่วย
    เหมาะกับงาน cloud gaming, metaverse, robotics และ AI ขนาดใหญ่
    ใช้พลังงานประมาณ 225W ด้วยหัวต่อ PCIe 8-pin

    ผลทดสอบเบื้องต้นเทียบเคียง RTX 4060 ได้อย่างสูสี
    3DMark Fire Strike: 26,800 คะแนน
    Geekbench 6 OpenCL: 111,290 คะแนน (สูงกว่า RTX 4060 ประมาณ 10%)

    เกมดังรันได้ลื่นไหลในระดับ 4K High settings
    Black Myth: Wukong และ Wuchang: Fallen Feathers เกิน 70 FPS
    Shadow of the Tomb Raider เกิน 80 FPS

    เริ่มผลิตจริงกันยายน 2025 หลังจากทดลองในเดือนสิงหาคม
    ยังไม่ประกาศราคาหรือความเร็วสัญญาณนาฬิกา
    เน้นตลาดจีนเป็นหลักเพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ

    ยังไม่มีการทดสอบจากผู้ผลิตอิสระเพื่อยืนยันประสิทธิภาพจริง
    ผลทดสอบทั้งหมดมาจากบริษัท Lisuan เอง
    ต้องรอการรีวิวจากสื่อและผู้ใช้งานจริงเพื่อความน่าเชื่อถือ

    ยังไม่รองรับ ray tracing แม้จะใช้ DirectX 12
    ไม่มี DirectX 12 Ultimate
    อาจไม่เหมาะกับเกมที่เน้นกราฟิกแสงเงาขั้นสูง

    ยังไม่มี HDMI output บนการ์ดรุ่นนี้
    ใช้ DisplayPort 1.4 ทั้งหมด
    อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการต่อกับทีวีหรือจอ HDMI

    ยังไม่ประกาศราคาขายและรุ่นย่อย (SKU)
    อาจมีความเสี่ยงด้านความพร้อมของตลาด
    ต้องจับตาว่าจะสามารถแข่งขันด้านราคากับแบรนด์ระดับโลกได้หรือไม่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/china-advances-toward-tech-independence-with-new-homegrown-6nm-gaming-and-ai-gpus-lisuan-7g106-runs-chinese-aaa-titles-at-4k-over-70-fps-and-matches-rtx-4060-in-synthetic-benchmarks
    🎮 เรื่องเล่าจากแดนมังกร: เมื่อ “TrueGPU” จุดไฟความหวังให้จีนเป็นเจ้าตลาดกราฟิก ในเดือนกรกฎาคม 2025 บริษัท Lisuan Technology จากจีนได้เปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นแรกของตนเอง—Lisuan 7G106 และ 7G105—ที่ใช้สถาปัตยกรรม “TrueGPU” ซึ่งออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมดโดยทีมงานอดีตวิศวกรจาก Silicon Valley GPU ทั้งสองรุ่นผลิตบนเทคโนโลยี 6nm ของ TSMC และมีเป้าหมายชัดเจน: แข่งกับ NVIDIA RTX 4060 ในตลาดกลาง โดย 7G106 เน้นเกม ส่วน 7G105 เน้นงาน AI และองค์กร ที่น่าทึ่งคือ แม้จะเป็นรุ่นแรก แต่สามารถรันเกมระดับ AAA อย่าง Black Myth: Wukong และ Shadow of the Tomb Raider ที่ 4K High ได้เกิน 70 FPS! และยังมีฟีเจอร์ล้ำๆ อย่างการเรนเดอร์แบบ out-of-order, การจัดการงานแบบ multitasking 48 งานพร้อมกัน และระบบอัปสเกลภาพ NRSS ที่ตั้งใจชนกับ DLSS และ FSR ✅ Lisuan เปิดตัว GPU รุ่นแรกของจีนที่ใช้สถาปัตยกรรม TrueGPU ➡️ ผลิตบนเทคโนโลยี 6nm ของ TSMC ➡️ ออกแบบ instruction set, compute core และ software stack เองทั้งหมด ✅ Lisuan 7G106 (เกมมิ่ง) และ 7G105 (มืออาชีพ/AI) มีสเปกใกล้เคียงกัน ➡️ FP32 throughput สูงสุด 24 TFLOP/s ➡️ ใช้ GDDR6 ขนาด 12 GB และ 24 GB (ECC) ตามลำดับ ➡️ รองรับ DirectX 12, Vulkan 1.3, OpenGL 4.6, OpenCL 3.0 ✅ รองรับการเข้ารหัส/ถอดรหัสวิดีโอระดับ 8K ➡️ Decode AV1 และ HEVC ได้ถึง 8K60 ➡️ Encode HEVC ที่ 8K30 และ AV1 ที่ 4K30 ✅ รองรับการใช้งานแบบ virtual GPU ได้ถึง 16 หน่วย ➡️ เหมาะกับงาน cloud gaming, metaverse, robotics และ AI ขนาดใหญ่ ➡️ ใช้พลังงานประมาณ 225W ด้วยหัวต่อ PCIe 8-pin ✅ ผลทดสอบเบื้องต้นเทียบเคียง RTX 4060 ได้อย่างสูสี ➡️ 3DMark Fire Strike: 26,800 คะแนน ➡️ Geekbench 6 OpenCL: 111,290 คะแนน (สูงกว่า RTX 4060 ประมาณ 10%) ✅ เกมดังรันได้ลื่นไหลในระดับ 4K High settings ➡️ Black Myth: Wukong และ Wuchang: Fallen Feathers เกิน 70 FPS ➡️ Shadow of the Tomb Raider เกิน 80 FPS ✅ เริ่มผลิตจริงกันยายน 2025 หลังจากทดลองในเดือนสิงหาคม ➡️ ยังไม่ประกาศราคาหรือความเร็วสัญญาณนาฬิกา ➡️ เน้นตลาดจีนเป็นหลักเพื่อลดการพึ่งพาต่างชาติ ‼️ ยังไม่มีการทดสอบจากผู้ผลิตอิสระเพื่อยืนยันประสิทธิภาพจริง ⛔ ผลทดสอบทั้งหมดมาจากบริษัท Lisuan เอง ⛔ ต้องรอการรีวิวจากสื่อและผู้ใช้งานจริงเพื่อความน่าเชื่อถือ ‼️ ยังไม่รองรับ ray tracing แม้จะใช้ DirectX 12 ⛔ ไม่มี DirectX 12 Ultimate ⛔ อาจไม่เหมาะกับเกมที่เน้นกราฟิกแสงเงาขั้นสูง ‼️ ยังไม่มี HDMI output บนการ์ดรุ่นนี้ ⛔ ใช้ DisplayPort 1.4 ทั้งหมด ⛔ อาจไม่สะดวกสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการต่อกับทีวีหรือจอ HDMI ‼️ ยังไม่ประกาศราคาขายและรุ่นย่อย (SKU) ⛔ อาจมีความเสี่ยงด้านความพร้อมของตลาด ⛔ ต้องจับตาว่าจะสามารถแข่งขันด้านราคากับแบรนด์ระดับโลกได้หรือไม่ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/china-advances-toward-tech-independence-with-new-homegrown-6nm-gaming-and-ai-gpus-lisuan-7g106-runs-chinese-aaa-titles-at-4k-over-70-fps-and-matches-rtx-4060-in-synthetic-benchmarks
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ AI กลายเป็น “เจ้านายใหม่” ที่ทำให้คนตกงาน

    ปี 2025 กลายเป็นปีที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีต้องเผชิญกับคลื่นพายุแห่งการปลดพนักงานครั้งใหญ่ — มากกว่า 100,000 คนถูกเลิกจ้างภายในครึ่งปีแรก และตัวเลขยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Intel, Microsoft, Meta, Google, Amazon และ Cisco ต่างทยอยปลดพนักงานหลายหมื่นคน โดยมีเหตุผลหลักคือการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อมุ่งสู่ยุค AI อย่างเต็มตัว

    Intel ซึ่งเคยเป็นยักษ์ใหญ่ด้านชิป PC กำลังเผชิญกับยอดขายที่ตกต่ำ และหันไปเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI แทน โดยคาดว่าจะปลดพนักงานถึง 75,000 คนภายในสิ้นปีนี้

    Microsoft ก็ไม่ต่างกัน — ปลดพนักงานไปแล้ว 15,000 คน แม้จะมีกำไรดี แต่กลับเลือกลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI และใช้ Copilot เขียนโค้ดแทนมนุษย์ถึง 30% แล้ว

    หลายบริษัทอ้างว่า AI ไม่ได้ “แทนที่” คน แต่เป็นการ “ปรับโครงสร้าง” เพื่อให้มีงบลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ แต่สำหรับพนักงานที่ถูกปลด คำอธิบายนี้อาจฟังดูเย็นชาเกินไป

    ยอดปลดพนักงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีปี 2025 ทะลุ 100,000 คนแล้ว
    เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
    เป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในหลายบริษัท

    Intel มีแผนปลดพนักงานมากที่สุด
    ประกาศปลด 24,000 คน และคาดว่าจะถึง 75,000 คนภายในสิ้นปี
    สาเหตุหลักคือยอดขาย CPU ลดลง และหันไปเน้นธุรกิจ AI

    Microsoft ปลดพนักงาน 15,000 คน
    ครอบคลุมหลายแผนก เช่น cloud, gaming, hardware
    ใช้ AI เขียนโค้ดถึง 30% และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $80 พันล้าน

    บริษัทอื่น ๆ ก็ปรับตัวเช่นกัน
    Meta, Google, Amazon, Cisco ปลดพนักงานหลายพันคน
    นำงบไปลงทุนในโมเดล AI และระบบอัตโนมัติ

    สาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดการปลดพนักงาน
    การจ้างงานเกินในช่วงโควิดที่ไม่สามารถรักษาไว้ได้
    ความไม่แน่นอนจากภาษีและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

    AI กลายเป็นปัจจัยหลักในการปรับโครงสร้าง
    งานที่เคยทำโดยมนุษย์ถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ
    บริษัทเน้น “การจ้างงานแบบแม่นยำ” มากกว่าการจ้างงานจำนวนมาก

    https://www.techspot.com/news/108818-layoffs-surge-tech-more-than-100000-jobs-cut.html
    🧠 เรื่องเล่าจากข่าว: เมื่อ AI กลายเป็น “เจ้านายใหม่” ที่ทำให้คนตกงาน ปี 2025 กลายเป็นปีที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีต้องเผชิญกับคลื่นพายุแห่งการปลดพนักงานครั้งใหญ่ — มากกว่า 100,000 คนถูกเลิกจ้างภายในครึ่งปีแรก และตัวเลขยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทใหญ่ ๆ อย่าง Intel, Microsoft, Meta, Google, Amazon และ Cisco ต่างทยอยปลดพนักงานหลายหมื่นคน โดยมีเหตุผลหลักคือการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อมุ่งสู่ยุค AI อย่างเต็มตัว Intel ซึ่งเคยเป็นยักษ์ใหญ่ด้านชิป PC กำลังเผชิญกับยอดขายที่ตกต่ำ และหันไปเน้นการพัฒนาเทคโนโลยี AI แทน โดยคาดว่าจะปลดพนักงานถึง 75,000 คนภายในสิ้นปีนี้ Microsoft ก็ไม่ต่างกัน — ปลดพนักงานไปแล้ว 15,000 คน แม้จะมีกำไรดี แต่กลับเลือกลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI และใช้ Copilot เขียนโค้ดแทนมนุษย์ถึง 30% แล้ว หลายบริษัทอ้างว่า AI ไม่ได้ “แทนที่” คน แต่เป็นการ “ปรับโครงสร้าง” เพื่อให้มีงบลงทุนในเทคโนโลยีใหม่ แต่สำหรับพนักงานที่ถูกปลด คำอธิบายนี้อาจฟังดูเย็นชาเกินไป ✅ ยอดปลดพนักงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีปี 2025 ทะลุ 100,000 คนแล้ว ➡️ เกิดขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก และยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ➡️ เป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในหลายบริษัท ✅ Intel มีแผนปลดพนักงานมากที่สุด ➡️ ประกาศปลด 24,000 คน และคาดว่าจะถึง 75,000 คนภายในสิ้นปี ➡️ สาเหตุหลักคือยอดขาย CPU ลดลง และหันไปเน้นธุรกิจ AI ✅ Microsoft ปลดพนักงาน 15,000 คน ➡️ ครอบคลุมหลายแผนก เช่น cloud, gaming, hardware ➡️ ใช้ AI เขียนโค้ดถึง 30% และลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI มูลค่า $80 พันล้าน ✅ บริษัทอื่น ๆ ก็ปรับตัวเช่นกัน ➡️ Meta, Google, Amazon, Cisco ปลดพนักงานหลายพันคน ➡️ นำงบไปลงทุนในโมเดล AI และระบบอัตโนมัติ ✅ สาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดการปลดพนักงาน ➡️ การจ้างงานเกินในช่วงโควิดที่ไม่สามารถรักษาไว้ได้ ➡️ ความไม่แน่นอนจากภาษีและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ✅ AI กลายเป็นปัจจัยหลักในการปรับโครงสร้าง ➡️ งานที่เคยทำโดยมนุษย์ถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ ➡️ บริษัทเน้น “การจ้างงานแบบแม่นยำ” มากกว่าการจ้างงานจำนวนมาก https://www.techspot.com/news/108818-layoffs-surge-tech-more-than-100000-jobs-cut.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Layoffs surge in tech: More than 100,000 jobs cut in 2025 so far
    We've now entered the second half of the year, and tech-related layoffs have already skyrocketed past the 100,000 mark. The Bridge Chronicle has compiled a list of...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากเมนบอร์ดไซส์เล็ก: เมื่อ “Strix Halo” มาอยู่ในร่างบางพร้อม RAM 128GB

    Sixunited เปิดตัวเมนบอร์ดรหัส STHT1 ที่ใช้ซีพียู Strix Halo (Ryzen AI Max) ซึ่งเป็นรุ่นเดสก์ท็อปที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และกราฟิก RDNA 3.5 โดยซีพียูมีให้เลือกตั้งแต่ 8 ถึง 16 คอร์ ส่วนกราฟิก Radeon 8060S มีถึง 40 compute units — เทียบเท่ากับ GPU แบบแยกระดับกลาง

    เมนบอร์ดนี้ยังจัดเต็มแรม LPDDR5X ขนาด 128GB แบบ on-board (ฝังไว้) โดยใช้ชิป 16GB × 8 ตัว ล้อมรอบซีพียู ซึ่งแม้จะไม่สามารถอัปเกรดได้ แต่ก็เพียงพอสำหรับงาน AI inference, training เบื้องต้น หรือการสร้าง content ที่กิน RAM มาก

    จุดเด่นอีกอย่างคือขนาด “thin Mini-ITX” ขนาด 170×170 มม. แต่ความสูง (z-height) ต่ำมาก เหมาะกับเคสบาง หรือ AIO ที่ต้องการประหยัดพื้นที่

    เมนบอร์ด STHT1 จาก Sixunited ใช้ AMD Ryzen AI Max 300-series “Strix Halo”
    ซีพียู Zen 5 พร้อมกราฟิก RDNA 3.5 สูงสุด 16 คอร์ และ 40 CU

    แรม LPDDR5X ขนาด 128GB ติดตั้งแบบฝังบนบอร์ด
    ใช้ชิป 16GB × 8 ตัว ล้อมรอบตัวซีพียู

    ใช้ฟอร์มแฟกเตอร์ thin Mini-ITX ขนาด 170×170 มม. แต่บางกว่าปกติ
    เหมาะสำหรับเคส AIO และ SFF ที่มีพื้นที่จำกัด

    รองรับการติดตั้ง SSD M.2 แบบ PCIe 4.0 ได้ 2 ตัว
    สำหรับ M.2 2280 และมีสล็อต M.2 เพิ่มสำหรับโมดูล Wi-Fi (2230)

    มีพอร์ต HDMI 2.1 ×2 และ VGA ที่สามารถปรับเป็น DisplayPort หรือ COM ได้
    รองรับการต่อจอหลายแบบตามความต้องการ

    มีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 ×2 และ USB 2.0 ×2 พร้อม header เพิ่มขยาย
    รองรับการต่ออุปกรณ์เสริม

    ใช้ไฟผ่านพอร์ต DC IN ขนาด 19V สำหรับการจ่ายพลังงานตรง
    รองรับซีพียูที่มีค่า cTDP ตั้งแต่ 45–120W ได้สบาย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amd-strix-halo-mini-itx-motherboard-flaunts-128gb-lpddr5x-add-a-cpu-cooler-boot-drive-and-power-supply-for-a-slim-gaming-or-ai-rig
    🎙️ เรื่องเล่าจากเมนบอร์ดไซส์เล็ก: เมื่อ “Strix Halo” มาอยู่ในร่างบางพร้อม RAM 128GB Sixunited เปิดตัวเมนบอร์ดรหัส STHT1 ที่ใช้ซีพียู Strix Halo (Ryzen AI Max) ซึ่งเป็นรุ่นเดสก์ท็อปที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 และกราฟิก RDNA 3.5 โดยซีพียูมีให้เลือกตั้งแต่ 8 ถึง 16 คอร์ ส่วนกราฟิก Radeon 8060S มีถึง 40 compute units — เทียบเท่ากับ GPU แบบแยกระดับกลาง เมนบอร์ดนี้ยังจัดเต็มแรม LPDDR5X ขนาด 128GB แบบ on-board (ฝังไว้) โดยใช้ชิป 16GB × 8 ตัว ล้อมรอบซีพียู ซึ่งแม้จะไม่สามารถอัปเกรดได้ แต่ก็เพียงพอสำหรับงาน AI inference, training เบื้องต้น หรือการสร้าง content ที่กิน RAM มาก จุดเด่นอีกอย่างคือขนาด “thin Mini-ITX” ขนาด 170×170 มม. แต่ความสูง (z-height) ต่ำมาก เหมาะกับเคสบาง หรือ AIO ที่ต้องการประหยัดพื้นที่ ✅ เมนบอร์ด STHT1 จาก Sixunited ใช้ AMD Ryzen AI Max 300-series “Strix Halo” ➡️ ซีพียู Zen 5 พร้อมกราฟิก RDNA 3.5 สูงสุด 16 คอร์ และ 40 CU ✅ แรม LPDDR5X ขนาด 128GB ติดตั้งแบบฝังบนบอร์ด ➡️ ใช้ชิป 16GB × 8 ตัว ล้อมรอบตัวซีพียู ✅ ใช้ฟอร์มแฟกเตอร์ thin Mini-ITX ขนาด 170×170 มม. แต่บางกว่าปกติ ➡️ เหมาะสำหรับเคส AIO และ SFF ที่มีพื้นที่จำกัด ✅ รองรับการติดตั้ง SSD M.2 แบบ PCIe 4.0 ได้ 2 ตัว ➡️ สำหรับ M.2 2280 และมีสล็อต M.2 เพิ่มสำหรับโมดูล Wi-Fi (2230) ✅ มีพอร์ต HDMI 2.1 ×2 และ VGA ที่สามารถปรับเป็น DisplayPort หรือ COM ได้ ➡️ รองรับการต่อจอหลายแบบตามความต้องการ ✅ มีพอร์ต USB 3.2 Gen 2 ×2 และ USB 2.0 ×2 พร้อม header เพิ่มขยาย ➡️ รองรับการต่ออุปกรณ์เสริม ✅ ใช้ไฟผ่านพอร์ต DC IN ขนาด 19V สำหรับการจ่ายพลังงานตรง ➡️ รองรับซีพียูที่มีค่า cTDP ตั้งแต่ 45–120W ได้สบาย https://www.tomshardware.com/pc-components/motherboards/amd-strix-halo-mini-itx-motherboard-flaunts-128gb-lpddr5x-add-a-cpu-cooler-boot-drive-and-power-supply-for-a-slim-gaming-or-ai-rig
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจาก Vice City: GTA VI กับความทะเยอทะยานที่จะเป็นปรากฏการณ์โลก

    หลังจาก GTA V สร้างตำนานด้วยยอดขายกว่า 210 ล้านชุดตั้งแต่ปี 2013 และทำให้ “เกมแนวเปิดโลกกว้าง” กลายเป็นมาตรฐานของวงการ วันนี้สายตาโลกจับจ้องไปที่ GTA VI ซึ่งเตรียมเปิดตัวในวันที่ 26 พฤษภาคม 2026 พร้อมความหวังใหม่ที่จะ “เขย่าทุกสถิติ”

    Josh Chapman จากบริษัทลงทุน Konvoy เชื่อว่า GTA VI ไม่ใช่แค่เกม AAA ใหญ่ธรรมดา แต่เป็น เกมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งในแง่ยอดขาย เงินลงทุน และวัฒนธรรมออนไลน์:

    - คาดว่าจะทำรายได้ $7.6B ภายใน 60 วันแรก (เทียบกับ Fortnite ที่ทำได้ $5.4B สูงสุดในปี 2018)
    - ยอดขายคาดว่าจะทะลุ 85 ล้านชุดภายใน 2 เดือน
    - ลงทุนพัฒนาไปแล้วกว่า $2B และคาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 30 วันแรก

    ที่น่าตื่นเต้นคือ GTA VI จะมาพร้อมระบบ User-Generated Content (UGC) แบบใหม่หมดจด — เหมือนการผสมผสาน Roblox, Fortnite และ GTA Online ในแพลตฟอร์มเดียว:

    - มีระบบสร้างเซิร์ฟเวอร์พร้อมจ่ายเงินให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์
    - รองรับการปรับแต่ง (modding) อย่างเป็นทางการ
    - มี lobby รองรับผู้เล่นได้ถึง 200 คนต่อเซสชัน พร้อมระบบ risk/reward
    - ให้ผู้เล่น “ปล้นของ” ได้ง่ายขึ้นในระบบ gameplay ที่ออกแบบมาเพื่อความดิบเถื่อน

    เมื่อดูจากภาคก่อนที่ยังทำเงินได้แม้ผ่านมา 12 ปี — Rockstar ไม่ได้สร้างแค่เกม แต่สร้าง “แพลตฟอร์ม” สำหรับความบันเทิงระยะยาวที่คนจะเล่นไม่รู้จบ

    https://www.techspot.com/news/108725-analyst-projects-grand-theft-auto-vi-biggest-gaming.html
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Vice City: GTA VI กับความทะเยอทะยานที่จะเป็นปรากฏการณ์โลก หลังจาก GTA V สร้างตำนานด้วยยอดขายกว่า 210 ล้านชุดตั้งแต่ปี 2013 และทำให้ “เกมแนวเปิดโลกกว้าง” กลายเป็นมาตรฐานของวงการ วันนี้สายตาโลกจับจ้องไปที่ GTA VI ซึ่งเตรียมเปิดตัวในวันที่ 26 พฤษภาคม 2026 พร้อมความหวังใหม่ที่จะ “เขย่าทุกสถิติ” Josh Chapman จากบริษัทลงทุน Konvoy เชื่อว่า GTA VI ไม่ใช่แค่เกม AAA ใหญ่ธรรมดา แต่เป็น เกมที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งในแง่ยอดขาย เงินลงทุน และวัฒนธรรมออนไลน์: - คาดว่าจะทำรายได้ $7.6B ภายใน 60 วันแรก (เทียบกับ Fortnite ที่ทำได้ $5.4B สูงสุดในปี 2018) - ยอดขายคาดว่าจะทะลุ 85 ล้านชุดภายใน 2 เดือน - ลงทุนพัฒนาไปแล้วกว่า $2B และคาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 30 วันแรก ที่น่าตื่นเต้นคือ GTA VI จะมาพร้อมระบบ User-Generated Content (UGC) แบบใหม่หมดจด — เหมือนการผสมผสาน Roblox, Fortnite และ GTA Online ในแพลตฟอร์มเดียว: - มีระบบสร้างเซิร์ฟเวอร์พร้อมจ่ายเงินให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์ - รองรับการปรับแต่ง (modding) อย่างเป็นทางการ - มี lobby รองรับผู้เล่นได้ถึง 200 คนต่อเซสชัน พร้อมระบบ risk/reward - ให้ผู้เล่น “ปล้นของ” ได้ง่ายขึ้นในระบบ gameplay ที่ออกแบบมาเพื่อความดิบเถื่อน เมื่อดูจากภาคก่อนที่ยังทำเงินได้แม้ผ่านมา 12 ปี — Rockstar ไม่ได้สร้างแค่เกม แต่สร้าง “แพลตฟอร์ม” สำหรับความบันเทิงระยะยาวที่คนจะเล่นไม่รู้จบ https://www.techspot.com/news/108725-analyst-projects-grand-theft-auto-vi-biggest-gaming.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Rockstar's GTA VI poised to become the biggest gaming release of all time
    Analysts have little doubt that Grand Theft Auto VI will be a massive release across all supported platforms. Josh Chapman, Managing Director at venture capital firm Konvoy,...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกชิปโน้ตบุ๊ก: Nova Lake-AX จาก Intel กับภารกิจโค่น Strix Halo

    Intel กำลังพัฒนา Nova Lake-AX ซึ่งเป็นชิปโน้ตบุ๊กแบบ APU ที่รวม CPU และ GPU ไว้ในตัวเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ AMD Strix Halo ที่สามารถให้ประสิทธิภาพกราฟิกเทียบเท่าการ์ดจอแยกระดับ RTX 4070

    Nova Lake-AX จะเป็นครั้งแรกที่ Intel ใช้รหัส “AX” ในสายผลิตภัณฑ์ โดยคาดว่าจะมีสเปกใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 285HX ที่มี GPU 4 คอร์ และ Arrow Lake-HX ที่มี 6–8 P-core และ 8–16 E-core โดยไม่มี hyperthreading เพื่อประหยัดพลังงาน

    ในฝั่ง AMD Strix Halo รุ่นสูงสุดคือ Ryzen AI Max+ 395 ที่มี 40 GPU compute units และรองรับ RAM แบบ soldered สูงสุดถึง 128GB ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงแต่ไม่สามารถอัปเกรด RAM ได้

    Nova Lake-AX คาดว่าจะใช้แพ็กเกจ BGA2540 แบบเดียวกับ Panther Lake-HX และเปิดตัวในปี 2026 โดยรุ่นสำหรับโน้ตบุ๊กอาจวางจำหน่ายจริงในต้นปี 2027

    Intel เตรียมเปิดตัวชิปโน้ตบุ๊ก Nova Lake-AX แบบ APU
    รวม CPU และ GPU ไว้ในตัวเดียวเพื่อรองรับงานกราฟิกระดับสูง

    Nova Lake-AX ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ AMD Strix Halo
    โดยเฉพาะรุ่น Ryzen AI Max+ 395 ที่มี GPU 40 compute units

    เป็นครั้งแรกที่ Intel ใช้รหัส “AX” ในสายผลิตภัณฑ์
    สื่อถึงชิปที่เน้นกราฟิกในระดับสูงสำหรับเกมและงานสร้างสรรค์

    Arrow Lake-HX ไม่มี hyperthreading เพื่อประหยัดพลังงาน
    มี 6–8 P-core และ 8–16 E-core พร้อม TDP 55–160W

    AMD Strix Halo รองรับ RAM แบบ soldered สูงสุด 128GB
    ให้ประสิทธิภาพสูงแต่ไม่สามารถอัปเกรด RAM ได้ภายหลัง

    Nova Lake-AX คาดว่าจะใช้แพ็กเกจ BGA2540
    แบบเดียวกับ Panther Lake-HX สำหรับโน้ตบุ๊กระดับสูง

    ชิป Nova Lake คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026
    รุ่นโน้ตบุ๊กอาจวางจำหน่ายจริงในต้นปี 2027

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-reportedly-prepping-supercharged-nova-lake-ax-mobile-chips-for-gaming-team-blues-high-performance-apu-to-rival-amds-strix-halo
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกชิปโน้ตบุ๊ก: Nova Lake-AX จาก Intel กับภารกิจโค่น Strix Halo Intel กำลังพัฒนา Nova Lake-AX ซึ่งเป็นชิปโน้ตบุ๊กแบบ APU ที่รวม CPU และ GPU ไว้ในตัวเดียว โดยมีเป้าหมายเพื่อแข่งขันกับ AMD Strix Halo ที่สามารถให้ประสิทธิภาพกราฟิกเทียบเท่าการ์ดจอแยกระดับ RTX 4070 Nova Lake-AX จะเป็นครั้งแรกที่ Intel ใช้รหัส “AX” ในสายผลิตภัณฑ์ โดยคาดว่าจะมีสเปกใกล้เคียงกับ Core Ultra 9 285HX ที่มี GPU 4 คอร์ และ Arrow Lake-HX ที่มี 6–8 P-core และ 8–16 E-core โดยไม่มี hyperthreading เพื่อประหยัดพลังงาน ในฝั่ง AMD Strix Halo รุ่นสูงสุดคือ Ryzen AI Max+ 395 ที่มี 40 GPU compute units และรองรับ RAM แบบ soldered สูงสุดถึง 128GB ซึ่งให้ประสิทธิภาพสูงแต่ไม่สามารถอัปเกรด RAM ได้ Nova Lake-AX คาดว่าจะใช้แพ็กเกจ BGA2540 แบบเดียวกับ Panther Lake-HX และเปิดตัวในปี 2026 โดยรุ่นสำหรับโน้ตบุ๊กอาจวางจำหน่ายจริงในต้นปี 2027 ✅ Intel เตรียมเปิดตัวชิปโน้ตบุ๊ก Nova Lake-AX แบบ APU ➡️ รวม CPU และ GPU ไว้ในตัวเดียวเพื่อรองรับงานกราฟิกระดับสูง ✅ Nova Lake-AX ถูกออกแบบมาเพื่อแข่งขันกับ AMD Strix Halo ➡️ โดยเฉพาะรุ่น Ryzen AI Max+ 395 ที่มี GPU 40 compute units ✅ เป็นครั้งแรกที่ Intel ใช้รหัส “AX” ในสายผลิตภัณฑ์ ➡️ สื่อถึงชิปที่เน้นกราฟิกในระดับสูงสำหรับเกมและงานสร้างสรรค์ ✅ Arrow Lake-HX ไม่มี hyperthreading เพื่อประหยัดพลังงาน ➡️ มี 6–8 P-core และ 8–16 E-core พร้อม TDP 55–160W ✅ AMD Strix Halo รองรับ RAM แบบ soldered สูงสุด 128GB ➡️ ให้ประสิทธิภาพสูงแต่ไม่สามารถอัปเกรด RAM ได้ภายหลัง ✅ Nova Lake-AX คาดว่าจะใช้แพ็กเกจ BGA2540 ➡️ แบบเดียวกับ Panther Lake-HX สำหรับโน้ตบุ๊กระดับสูง ✅ ชิป Nova Lake คาดว่าจะเปิดตัวในปี 2026 ➡️ รุ่นโน้ตบุ๊กอาจวางจำหน่ายจริงในต้นปี 2027 https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/intel-reportedly-prepping-supercharged-nova-lake-ax-mobile-chips-for-gaming-team-blues-high-performance-apu-to-rival-amds-strix-halo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกกราฟิกเกม: Intel เปิดตัว CGVQM เครื่องมือ AI วัดคุณภาพภาพเกมแบบเรียลไทม์

    ในยุคที่เกมสมัยใหม่ใช้เทคนิคเรนเดอร์ขั้นสูง เช่น supersampling, denoising, frame interpolation และ shading แบบปรับอัตราอัตโนมัติ การประเมินคุณภาพภาพด้วยสายตาอาจไม่แม่นยำพอ Intel จึงเปิดตัว CGVQM ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่สามารถวิเคราะห์และให้คะแนนคุณภาพภาพของเกมได้อย่างแม่นยำและเป็นกลาง

    CGVQM ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก:
    1️⃣ ชุดข้อมูลวิดีโอ CGVQD ที่รวบรวมตัวอย่างภาพผิดเพี้ยนจากเทคนิคเรนเดอร์ต่าง ๆ
    2️⃣ โมเดล AI แบบ 3D-ResNet ที่ถูกฝึกให้รู้จักความผิดเพี้ยน เช่น ghosting, flicker, aliasing และ disocclusion โดยเทียบกับการให้คะแนนจากมนุษย์

    ผลการทดสอบพบว่า CGVQM-5 มีความแม่นยำใกล้เคียงกับการประเมินของมนุษย์ ส่วน CGVQM-2 ก็ยังติดอันดับ 3 จากเครื่องมือทั้งหมดที่นำมาทดสอบ

    เครื่องมือนี้เปิดให้ใช้งานฟรีบน GitHub ในรูปแบบ PyTorch application และสามารถนำไปใช้วิเคราะห์คุณภาพภาพของเกมหรือแอปพลิเคชันกราฟิกแบบเรียลไทม์ได้ทันที

    Intel เปิดตัว CGVQM เครื่องมือ AI สำหรับวัดคุณภาพภาพเกม
    ใช้โมเดล 3D convolutional neural network (3D-ResNet-18)

    CGVQM ประเมินภาพผิดเพี้ยนจากเทคนิคเรนเดอร์สมัยใหม่
    เช่น DLSS, FSR, XeSS, Gaussian splatting, frame gen, denoising

    สร้างชุดข้อมูล CGVQD เพื่อฝึกโมเดล AI
    ประกอบด้วยวิดีโอที่มี distortions หลากหลายรูปแบบ

    ใช้การให้คะแนนจากมนุษย์เป็น baseline
    เพื่อฝึกโมเดลให้เข้าใจความรู้สึกต่อภาพผิดเพี้ยน

    CGVQM-5 มีความแม่นยำใกล้เคียงกับมนุษย์
    ส่วน CGVQM-2 ก็ยังติดอันดับ 3 จากเครื่องมือที่ทดสอบ

    เปิดให้ใช้งานฟรีบน GitHub ในรูปแบบ PyTorch
    เหมาะสำหรับนักพัฒนาเกมและนักวิจัยด้านกราฟิก

    CGVQM ยังไม่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม
    ต้องรอการยอมรับจากนักพัฒนาและผู้ผลิตเกมในวงกว้าง

    โมเดล AI อาจไม่แม่นยำกับวิดีโอที่อยู่นอกชุดข้อมูลฝึก
    แม้จะมีความสามารถในการ generalize แต่ยังต้องทดสอบเพิ่มเติม

    การใช้โมเดล 3D-CNN ต้องใช้ทรัพยากรค่อนข้างสูง
    อาจไม่เหมาะกับการประเมินแบบเรียลไทม์ในระบบที่จำกัด

    ยังไม่มีการเปรียบเทียบกับโมเดลแบบ transformer อย่างละเอียด
    ซึ่งอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในอนาคตแต่ต้องใช้พลังประมวลผลมาก

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/intel-releases-new-tool-to-measure-gaming-image-quality-in-real-time-ai-tool-measures-impact-of-upscalers-frame-gen-others-computer-graphics-video-quality-metric-now-available-on-github
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกกราฟิกเกม: Intel เปิดตัว CGVQM เครื่องมือ AI วัดคุณภาพภาพเกมแบบเรียลไทม์ ในยุคที่เกมสมัยใหม่ใช้เทคนิคเรนเดอร์ขั้นสูง เช่น supersampling, denoising, frame interpolation และ shading แบบปรับอัตราอัตโนมัติ การประเมินคุณภาพภาพด้วยสายตาอาจไม่แม่นยำพอ Intel จึงเปิดตัว CGVQM ซึ่งเป็นโมเดล AI ที่สามารถวิเคราะห์และให้คะแนนคุณภาพภาพของเกมได้อย่างแม่นยำและเป็นกลาง CGVQM ประกอบด้วย 2 ส่วนหลัก: 1️⃣ ชุดข้อมูลวิดีโอ CGVQD ที่รวบรวมตัวอย่างภาพผิดเพี้ยนจากเทคนิคเรนเดอร์ต่าง ๆ 2️⃣ โมเดล AI แบบ 3D-ResNet ที่ถูกฝึกให้รู้จักความผิดเพี้ยน เช่น ghosting, flicker, aliasing และ disocclusion โดยเทียบกับการให้คะแนนจากมนุษย์ ผลการทดสอบพบว่า CGVQM-5 มีความแม่นยำใกล้เคียงกับการประเมินของมนุษย์ ส่วน CGVQM-2 ก็ยังติดอันดับ 3 จากเครื่องมือทั้งหมดที่นำมาทดสอบ เครื่องมือนี้เปิดให้ใช้งานฟรีบน GitHub ในรูปแบบ PyTorch application และสามารถนำไปใช้วิเคราะห์คุณภาพภาพของเกมหรือแอปพลิเคชันกราฟิกแบบเรียลไทม์ได้ทันที ✅ Intel เปิดตัว CGVQM เครื่องมือ AI สำหรับวัดคุณภาพภาพเกม ➡️ ใช้โมเดล 3D convolutional neural network (3D-ResNet-18) ✅ CGVQM ประเมินภาพผิดเพี้ยนจากเทคนิคเรนเดอร์สมัยใหม่ ➡️ เช่น DLSS, FSR, XeSS, Gaussian splatting, frame gen, denoising ✅ สร้างชุดข้อมูล CGVQD เพื่อฝึกโมเดล AI ➡️ ประกอบด้วยวิดีโอที่มี distortions หลากหลายรูปแบบ ✅ ใช้การให้คะแนนจากมนุษย์เป็น baseline ➡️ เพื่อฝึกโมเดลให้เข้าใจความรู้สึกต่อภาพผิดเพี้ยน ✅ CGVQM-5 มีความแม่นยำใกล้เคียงกับมนุษย์ ➡️ ส่วน CGVQM-2 ก็ยังติดอันดับ 3 จากเครื่องมือที่ทดสอบ ✅ เปิดให้ใช้งานฟรีบน GitHub ในรูปแบบ PyTorch ➡️ เหมาะสำหรับนักพัฒนาเกมและนักวิจัยด้านกราฟิก ‼️ CGVQM ยังไม่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม ⛔ ต้องรอการยอมรับจากนักพัฒนาและผู้ผลิตเกมในวงกว้าง ‼️ โมเดล AI อาจไม่แม่นยำกับวิดีโอที่อยู่นอกชุดข้อมูลฝึก ⛔ แม้จะมีความสามารถในการ generalize แต่ยังต้องทดสอบเพิ่มเติม ‼️ การใช้โมเดล 3D-CNN ต้องใช้ทรัพยากรค่อนข้างสูง ⛔ อาจไม่เหมาะกับการประเมินแบบเรียลไทม์ในระบบที่จำกัด ‼️ ยังไม่มีการเปรียบเทียบกับโมเดลแบบ transformer อย่างละเอียด ⛔ ซึ่งอาจให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าในอนาคตแต่ต้องใช้พลังประมวลผลมาก https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/intel-releases-new-tool-to-measure-gaming-image-quality-in-real-time-ai-tool-measures-impact-of-upscalers-frame-gen-others-computer-graphics-video-quality-metric-now-available-on-github
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Intel releases new tool to measure gaming image quality — AI tool measures impact of upscalers, frame gen, others; Computer Graphics Video Quality Metric now available on GitHub
    New dataset and companion AI model chart a new path forward for objectively quantifying image quality from modern rendering techniques
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 365 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts