• 🎉 Family Trip CHENGDU 4 วัน 3 คืน ✈️ เส้นทางสายมู ไหว้พระเสริมเฮง เที่ยวครบ จบแบบปัง! 🐼

    🛫 เดินทางโดย Thai Airways
    📅 วันนี้ - 31 ก.ค. 68
    🏨 พักดี 3 คืนที่ JINNIU EVEN HOTEL by IHG
    💼 น้ำหนักกระเป๋า 23 กก.
    💰 เริ่มต้นเพียง 26,888.-

    ไฮไลท์เสริมสิริมงคล & เที่ยวฟินๆ
    • วัดต้าสือ ขอพรโชคดี วัดที่ “พระถังซัมจั๋ง” เคยบวช
    • อารามเหวินซู ชมศิลปะโบราณราชวงศ์ถัง
    • ศาลเจ้าหลี่ปิง แห่งยุคสามก๊ก
    • ภูเขาชิงเฉิง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ระดับ A5
    • เมืองโบราณเจียจือ & ถนนโบราณจินหลี่
    • ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า สุดน่ารัก
    • ถนนคนเดินควานจ๋าย & ถนนชุนหลี่
    • ลิ้มรสของอร่อยขึ้นชื่อ: เสี่ยวหลงเปา, หม่าล่า, เต้าหู้เหม็น
    • แวะจิบชา Hey Tea สุดชิค ถ่ายรูปปังลง IG
    • 📸 เซลฟี่กับแพนด้าถือไม้เซลฟี่สีชมพู มุมห้ามพลาด!

    #เฉิงตู #สายมูต้องมา #FamilyTripChengdu #เที่ยวจีน2568 #ฟรีวีซ่าไต้หวัน #สายบุญเสริมดวง #แพนด้าเฉิงตู #เที่ยวจีนกับครอบครัว #กินเที่ยวไหว้ครบจบในทริปเดียว 🐼⛰🧧

    ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
    https://78s.me/e53048

    LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307
    Facebook: etravelway 78s.me/8a4061
    Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5
    Tiktok : https://78s.me/543eb9
    📷: etravelway 78s.me/05e8da
    ☎️: 0 2116 6395

    #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    🎉 Family Trip CHENGDU 4 วัน 3 คืน ✈️ เส้นทางสายมู ไหว้พระเสริมเฮง เที่ยวครบ จบแบบปัง! 🐼 🛫 เดินทางโดย Thai Airways 📅 วันนี้ - 31 ก.ค. 68 🏨 พักดี 3 คืนที่ JINNIU EVEN HOTEL by IHG 💼 น้ำหนักกระเป๋า 23 กก. 💰 เริ่มต้นเพียง 26,888.- ไฮไลท์เสริมสิริมงคล & เที่ยวฟินๆ • วัดต้าสือ ขอพรโชคดี วัดที่ “พระถังซัมจั๋ง” เคยบวช • อารามเหวินซู ชมศิลปะโบราณราชวงศ์ถัง • ศาลเจ้าหลี่ปิง แห่งยุคสามก๊ก • ภูเขาชิงเฉิง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ระดับ A5 • เมืองโบราณเจียจือ & ถนนโบราณจินหลี่ • ศูนย์อนุรักษ์หมีแพนด้า สุดน่ารัก • ถนนคนเดินควานจ๋าย & ถนนชุนหลี่ • ลิ้มรสของอร่อยขึ้นชื่อ: เสี่ยวหลงเปา, หม่าล่า, เต้าหู้เหม็น • แวะจิบชา Hey Tea สุดชิค ถ่ายรูปปังลง IG • 📸 เซลฟี่กับแพนด้าถือไม้เซลฟี่สีชมพู มุมห้ามพลาด! #เฉิงตู #สายมูต้องมา #FamilyTripChengdu #เที่ยวจีน2568 #ฟรีวีซ่าไต้หวัน #สายบุญเสริมดวง #แพนด้าเฉิงตู #เที่ยวจีนกับครอบครัว #กินเที่ยวไหว้ครบจบในทริปเดียว 🐼⛰🧧 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม https://78s.me/e53048 LINE ID: @etravelway 78s.me/d0c307 Facebook: etravelway 78s.me/8a4061 Twitter: @eTravelWay 78s.me/e603f5 Tiktok : https://78s.me/543eb9 📷: etravelway 78s.me/05e8da ☎️: 0 2116 6395 #แพ็คเกจทัวร์ #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • มะเร็งยังคงเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากที่สุด หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือคนส่วนใหญ่มักตรวจพบเมื่อสายเกินไป แต่ตอนนี้...ทีมวิจัยจาก Johns Hopkins นำโดย ดร.ยวี่ซวน หวัง (Dr. Yuxuan Wang) ได้เปิดเผยผลงานในวารสาร Cancer Discovery ว่าเขาสามารถตรวจพบ "DNA ของเนื้องอก" ในเลือดได้ ล่วงหน้า 3 ปี ก่อนที่อาการจะปรากฏชัด

    พวกเขาศึกษาตัวอย่างพลาสมาเลือด 52 รายที่เคยบริจาคไว้ในการศึกษาก่อนหน้า พบว่า 8 รายมีผลตรวจ “บวก” ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า MCED (Multicancer Early Detection test) และสุดท้ายทั้ง 8 รายถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน!

    ยิ่งน่าทึ่งคือ ในบางราย ทีมงานมีตัวอย่างเลือดย้อนหลังไปถึง 3.5 ปีก่อนวินิจฉัย และพบ "การกลายพันธุ์ของ DNA ที่ชี้ถึงมะเร็ง" ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว… ทั้งหมดนี้เกิดจากการตรวจหา ctDNA (circulating tumor DNA) หรือเศษดีเอ็นเอที่เซลล์เนื้องอกปล่อยออกสู่กระแสเลือด

    อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และมีราคาหลักหลายร้อยดอลลาร์ แถมประกันสุขภาพส่วนใหญ่ยังไม่ครอบคลุม และ American Cancer Society ก็เตือนว่า ผลตรวจ "บวก" ยังไม่ใช่ข้อยืนยันว่าคุณเป็นมะเร็งจริง ๆ

    แต่ที่แน่ ๆ งานนี้อาจกลายเป็นก้าวแรกของ “การตรวจสุขภาพแบบล้ำอนาคต” ที่ไม่ต้องรออาการ แค่เจาะเลือดก็รู้!

    ✅ ทีมวิจัย Johns Hopkins พัฒนาเทคนิคตรวจเลือดเพื่อหา DNA จากเนื้องอก (ctDNA)  
    • ใช้วิธี MCED (Multicancer Early Detection)  
    • ตรวจพบความผิดปกติได้ล่วงหน้าถึง 3.5 ปี ก่อนมีอาการ

    ✅ ผลการทดลองเบื้องต้น: มีผู้ที่ตรวจพบผลบวก 8 ราย และได้รับการวินิจฉัยมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน  
    • ยืนยันว่าการตรวจ ctDNA อาจใช้ช่วยวินิจฉัยล่วงหน้าได้จริง

    ✅ วิธีการศึกษาคือวิเคราะห์พลาสมาเลือดย้อนหลังที่เก็บไว้จากโครงการวิจัยอื่น  
    • โดยเปรียบเทียบเลือดจากกลุ่มที่ป่วยกับกลุ่มไม่ป่วย

    ✅ บทความตีพิมพ์ในวารสาร Cancer Discovery  
    • นำโดย ดร. ยวี่ซวน หวัง จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins

    ‼️ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และไม่ครอบคลุมโดยประกันส่วนใหญ่  
    • การตรวจนี้ยังถือเป็นการวิจัย ไม่ใช่บริการทางการแพทย์ทั่วไป  
    • อาจมีต้นทุนหลักหลายร้อยดอลลาร์ต่อครั้ง

    ‼️ ผลตรวจ “บวก” ของ MCED ยังไม่ถือเป็นหลักฐานยืนยันการเป็นมะเร็ง  
    • ต้องใช้ร่วมกับการวินิจฉัยแบบดั้งเดิม เช่น CT scan, MRI หรือการตรวจชิ้นเนื้อ  
    • อาจเกิด “ผลบวกลวง (False Positive)” และสร้างความวิตกโดยไม่จำเป็น

    ‼️ ข้อมูลชุดทดสอบยังน้อยเกินไปที่จะใช้กับประชากรทั่วไปได้ทันที  
    • กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยมีเพียง 52 ราย

    ‼️ การวิเคราะห์ ctDNA มีความซับซ้อนและต้องการห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง  
    • ยังไม่สามารถให้บริการได้ในโรงพยาบาลทั่วไป

    https://wccftech.com/this-blood-test-can-detect-cancer-tumors-years-before-clinical-symptoms-develop-claims-a-new-study/
    มะเร็งยังคงเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนทั่วโลกมากที่สุด หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือคนส่วนใหญ่มักตรวจพบเมื่อสายเกินไป แต่ตอนนี้...ทีมวิจัยจาก Johns Hopkins นำโดย ดร.ยวี่ซวน หวัง (Dr. Yuxuan Wang) ได้เปิดเผยผลงานในวารสาร Cancer Discovery ว่าเขาสามารถตรวจพบ "DNA ของเนื้องอก" ในเลือดได้ ล่วงหน้า 3 ปี ก่อนที่อาการจะปรากฏชัด พวกเขาศึกษาตัวอย่างพลาสมาเลือด 52 รายที่เคยบริจาคไว้ในการศึกษาก่อนหน้า พบว่า 8 รายมีผลตรวจ “บวก” ด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า MCED (Multicancer Early Detection test) และสุดท้ายทั้ง 8 รายถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน! ยิ่งน่าทึ่งคือ ในบางราย ทีมงานมีตัวอย่างเลือดย้อนหลังไปถึง 3.5 ปีก่อนวินิจฉัย และพบ "การกลายพันธุ์ของ DNA ที่ชี้ถึงมะเร็ง" ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว… ทั้งหมดนี้เกิดจากการตรวจหา ctDNA (circulating tumor DNA) หรือเศษดีเอ็นเอที่เซลล์เนื้องอกปล่อยออกสู่กระแสเลือด อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และมีราคาหลักหลายร้อยดอลลาร์ แถมประกันสุขภาพส่วนใหญ่ยังไม่ครอบคลุม และ American Cancer Society ก็เตือนว่า ผลตรวจ "บวก" ยังไม่ใช่ข้อยืนยันว่าคุณเป็นมะเร็งจริง ๆ แต่ที่แน่ ๆ งานนี้อาจกลายเป็นก้าวแรกของ “การตรวจสุขภาพแบบล้ำอนาคต” ที่ไม่ต้องรออาการ แค่เจาะเลือดก็รู้! ✅ ทีมวิจัย Johns Hopkins พัฒนาเทคนิคตรวจเลือดเพื่อหา DNA จากเนื้องอก (ctDNA)   • ใช้วิธี MCED (Multicancer Early Detection)   • ตรวจพบความผิดปกติได้ล่วงหน้าถึง 3.5 ปี ก่อนมีอาการ ✅ ผลการทดลองเบื้องต้น: มีผู้ที่ตรวจพบผลบวก 8 ราย และได้รับการวินิจฉัยมะเร็งจริงภายใน 4 เดือน   • ยืนยันว่าการตรวจ ctDNA อาจใช้ช่วยวินิจฉัยล่วงหน้าได้จริง ✅ วิธีการศึกษาคือวิเคราะห์พลาสมาเลือดย้อนหลังที่เก็บไว้จากโครงการวิจัยอื่น   • โดยเปรียบเทียบเลือดจากกลุ่มที่ป่วยกับกลุ่มไม่ป่วย ✅ บทความตีพิมพ์ในวารสาร Cancer Discovery   • นำโดย ดร. ยวี่ซวน หวัง จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins ‼️ MCED ยังไม่ผ่านการรับรองจาก FDA และไม่ครอบคลุมโดยประกันส่วนใหญ่   • การตรวจนี้ยังถือเป็นการวิจัย ไม่ใช่บริการทางการแพทย์ทั่วไป   • อาจมีต้นทุนหลักหลายร้อยดอลลาร์ต่อครั้ง ‼️ ผลตรวจ “บวก” ของ MCED ยังไม่ถือเป็นหลักฐานยืนยันการเป็นมะเร็ง   • ต้องใช้ร่วมกับการวินิจฉัยแบบดั้งเดิม เช่น CT scan, MRI หรือการตรวจชิ้นเนื้อ   • อาจเกิด “ผลบวกลวง (False Positive)” และสร้างความวิตกโดยไม่จำเป็น ‼️ ข้อมูลชุดทดสอบยังน้อยเกินไปที่จะใช้กับประชากรทั่วไปได้ทันที   • กลุ่มตัวอย่างในงานวิจัยมีเพียง 52 ราย ‼️ การวิเคราะห์ ctDNA มีความซับซ้อนและต้องการห้องปฏิบัติการเฉพาะทาง   • ยังไม่สามารถให้บริการได้ในโรงพยาบาลทั่วไป https://wccftech.com/this-blood-test-can-detect-cancer-tumors-years-before-clinical-symptoms-develop-claims-a-new-study/
    WCCFTECH.COM
    This Blood Test Can Detect Cancer Tumors Years Before Clinical Symptoms Develop, Claims A New Study
    Despite a lack of approval from the FDA, MCED tests can play a critical ancillary role in the early diagnosis of cancer.
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • ใครที่ใช้โน้ตบุ๊กหรือเดสก์ท็อปของ ASUS โดยเฉพาะตระกูล ROG หรือ TUF อาจรู้จัก Armoury Crate — แอปศูนย์กลางที่ใช้ปรับไฟ RGB, พัดลม, โปรไฟล์พลังงาน หรือแม้กระทั่งอัปเดตไดรเวอร์

    แต่ล่าสุดมีนักวิจัยจาก Cisco Talos ค้นพบว่ามีช่องโหว่ที่เรียกว่า CVE-2025-3464 โดยตัวไดรเวอร์ของแอปนี้ หลงเชื่อว่าโปรแกรมใดก็ตามที่มีค่าแฮช SHA-256 แบบเดียวกับโปรแกรมของ ASUS เอง เป็นโปรแกรมที่เชื่อถือได้! แฮกเกอร์เลยสามารถใช้เทคนิค “ลิงก์หลอก” เปลี่ยนเส้นทางไฟล์ให้หลอกระบบว่าเป็นของ ASUS แล้วเข้าถึงสิทธิระดับ SYSTEM ทันทีโดยไม่ต้องแฮ็กรหัสเลย

    ช่องโหว่นี้อันตรายมากเพราะมันเปิดทางให้ควบคุมอุปกรณ์แบบเต็มตัว! อย่างไรก็ตาม ผู้โจมตีต้องมีสิทธิ์เข้าระบบก่อน เช่น ขโมยรหัสผ่านหรือฝังมัลแวร์ไว้แล้ว

    ASUS ออกแพตช์เรียบร้อยแล้ว และบอกว่า ยังไม่พบการถูกโจมตีในโลกจริง แต่ก็แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนรีบอัปเดต Armoury Crate ทันที ผ่าน Settings > Update Center

    ✅ พบช่องโหว่รุนแรงใน Armoury Crate ของ ASUS  
    • รหัสช่องโหว่: CVE-2025-3464 (ระดับความรุนแรง 8.4/10)  
    • เป็นช่องโหว่ “authentication bypass” ที่อาจนำไปสู่การยึดเครื่อง

    ✅ เกิดจากการตรวจสอบความถูกต้องแบบ hardcoded hash  
    • ระบบไม่ใช้ API ของ Windows แต่ตรวจสอบไฟล์ด้วย SHA-256 แบบระบุค่าคงที่  
    • แฮกเกอร์ใช้เทคนิค hardlink หาหลอกระบบว่าเรียกใช้โปรแกรมที่เชื่อถือได้

    ✅ มีผลกับ Armoury Crate เวอร์ชัน 5.9.9.0 ถึง 6.1.18.0  
    • แอปนี้มากับโน้ตบุ๊ก/เดสก์ท็อป ROG และ TUF เป็นค่าพื้นฐาน  
    • ใช้ควบคุมพัดลม RGB ฟีเจอร์เกม และอัปเดตไดรเวอร์

    ✅ ASUS ออกแพตช์แล้ว และยืนยันว่าไม่พบการถูกโจมตีจริง  
    • วิธีอัปเดต: Settings > Update Center > Check for Updates

    ‼️ ผู้ใช้ต้องรีบอัปเดต Armoury Crate ทันทีเพื่อป้องกันภัย  
    • แม้ยังไม่มีการโจมตีจริง แต่ช่องโหว่นี้อันตรายระดับ “ยึดเครื่องได้”

    ‼️ ระบบเช็กความปลอดภัยแบบ hardcoded hash ถือว่าไม่ปลอดภัยในระดับอุตสาหกรรม  
    • ควรใช้กลไก OS-level authentication ที่ Microsoft แนะนำแทน

    ‼️ หากผู้โจมตีได้สิทธิ์ระดับผู้ใช้แล้ว ช่องโหว่นี้จะเปิดทางสู่ SYSTEM ได้ทันที  
    • อันตรายมากหากเครื่องไม่มีระบบป้องกันอื่น เช่น EDR หรือ Zero Trust

    ‼️ ผู้ใช้ควรระวังช่องทางอื่นที่อาจทำให้แฮกเกอร์เข้าระบบได้ เช่น รหัสผ่านอ่อน หรือมัลแวร์แฝง  
    • ช่องโหว่นี้ไม่ได้เปิดทาง “เริ่มต้น” แต่ใช้โจมตีขั้นต่อไป (privilege escalation)

    https://www.techradar.com/pro/security/a-key-asus-windows-tool-has-a-worrying-security-flaw-heres-how-to-stay-safe
    ใครที่ใช้โน้ตบุ๊กหรือเดสก์ท็อปของ ASUS โดยเฉพาะตระกูล ROG หรือ TUF อาจรู้จัก Armoury Crate — แอปศูนย์กลางที่ใช้ปรับไฟ RGB, พัดลม, โปรไฟล์พลังงาน หรือแม้กระทั่งอัปเดตไดรเวอร์ แต่ล่าสุดมีนักวิจัยจาก Cisco Talos ค้นพบว่ามีช่องโหว่ที่เรียกว่า CVE-2025-3464 โดยตัวไดรเวอร์ของแอปนี้ หลงเชื่อว่าโปรแกรมใดก็ตามที่มีค่าแฮช SHA-256 แบบเดียวกับโปรแกรมของ ASUS เอง เป็นโปรแกรมที่เชื่อถือได้! แฮกเกอร์เลยสามารถใช้เทคนิค “ลิงก์หลอก” เปลี่ยนเส้นทางไฟล์ให้หลอกระบบว่าเป็นของ ASUS แล้วเข้าถึงสิทธิระดับ SYSTEM ทันทีโดยไม่ต้องแฮ็กรหัสเลย ช่องโหว่นี้อันตรายมากเพราะมันเปิดทางให้ควบคุมอุปกรณ์แบบเต็มตัว! อย่างไรก็ตาม ผู้โจมตีต้องมีสิทธิ์เข้าระบบก่อน เช่น ขโมยรหัสผ่านหรือฝังมัลแวร์ไว้แล้ว ASUS ออกแพตช์เรียบร้อยแล้ว และบอกว่า ยังไม่พบการถูกโจมตีในโลกจริง แต่ก็แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนรีบอัปเดต Armoury Crate ทันที ผ่าน Settings > Update Center ✅ พบช่องโหว่รุนแรงใน Armoury Crate ของ ASUS   • รหัสช่องโหว่: CVE-2025-3464 (ระดับความรุนแรง 8.4/10)   • เป็นช่องโหว่ “authentication bypass” ที่อาจนำไปสู่การยึดเครื่อง ✅ เกิดจากการตรวจสอบความถูกต้องแบบ hardcoded hash   • ระบบไม่ใช้ API ของ Windows แต่ตรวจสอบไฟล์ด้วย SHA-256 แบบระบุค่าคงที่   • แฮกเกอร์ใช้เทคนิค hardlink หาหลอกระบบว่าเรียกใช้โปรแกรมที่เชื่อถือได้ ✅ มีผลกับ Armoury Crate เวอร์ชัน 5.9.9.0 ถึง 6.1.18.0   • แอปนี้มากับโน้ตบุ๊ก/เดสก์ท็อป ROG และ TUF เป็นค่าพื้นฐาน   • ใช้ควบคุมพัดลม RGB ฟีเจอร์เกม และอัปเดตไดรเวอร์ ✅ ASUS ออกแพตช์แล้ว และยืนยันว่าไม่พบการถูกโจมตีจริง   • วิธีอัปเดต: Settings > Update Center > Check for Updates ‼️ ผู้ใช้ต้องรีบอัปเดต Armoury Crate ทันทีเพื่อป้องกันภัย   • แม้ยังไม่มีการโจมตีจริง แต่ช่องโหว่นี้อันตรายระดับ “ยึดเครื่องได้” ‼️ ระบบเช็กความปลอดภัยแบบ hardcoded hash ถือว่าไม่ปลอดภัยในระดับอุตสาหกรรม   • ควรใช้กลไก OS-level authentication ที่ Microsoft แนะนำแทน ‼️ หากผู้โจมตีได้สิทธิ์ระดับผู้ใช้แล้ว ช่องโหว่นี้จะเปิดทางสู่ SYSTEM ได้ทันที   • อันตรายมากหากเครื่องไม่มีระบบป้องกันอื่น เช่น EDR หรือ Zero Trust ‼️ ผู้ใช้ควรระวังช่องทางอื่นที่อาจทำให้แฮกเกอร์เข้าระบบได้ เช่น รหัสผ่านอ่อน หรือมัลแวร์แฝง   • ช่องโหว่นี้ไม่ได้เปิดทาง “เริ่มต้น” แต่ใช้โจมตีขั้นต่อไป (privilege escalation) https://www.techradar.com/pro/security/a-key-asus-windows-tool-has-a-worrying-security-flaw-heres-how-to-stay-safe
    0 Comments 0 Shares 36 Views 0 Reviews
  • ปกติเราเข้าใจว่าแผงโซลาร์เซลล์ต้องใช้พื้นที่มาก เพราะวัสดุที่แปลงแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้า (เช่น ซิลิคอน หรือแบเรียมไทเทเนต) ยังมีประสิทธิภาพไม่สูงมาก แต่ที่เยอรมนี ทีมวิจัยจาก Martin Luther University กลับค้นพบว่า ถ้านำผลึกบางเฉียบ (แค่ 200 นาโนเมตร) ของวัสดุบางชนิดมาเรียงซ้อนกันอย่างแม่นยำ ผลลัพธ์คือ “กระแสไฟฟ้าที่แรงขึ้นเป็นพันเท่า” จากวัสดุปริมาณเท่าเดิม

    หัวใจของเทคนิคนี้คือการสลับชั้นของ แบเรียมไทเทเนต (BaTiO₃) กับผลึกอื่นอย่าง สตรอนเชียมไทเทเนต และ แคลเซียมไทเทเนต ทำให้พฤติกรรมของอิเล็กตรอนเปลี่ยนไป เสมือนว่าสร้าง “ทางด่วน” ให้ประจุไฟฟ้าไหลผ่านได้ง่ายขึ้น

    ยิ่งกว่านั้น พวกเขาทำโครงสร้างซ้อนชั้นแบบนี้ 500 ชั้นในแต่ละแผ่น แต่ใช้วัสดุแบบเดิมน้อยลงถึง 2 ใน 3! ประสิทธิภาพก็ยังคงเสถียรต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 เดือน—แน่นอนว่าเรื่องนี้อาจปฏิวัติการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในเมืองที่พื้นที่จำกัด หรือในอุปกรณ์พกพา เช่น โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่เซ็นเซอร์ IoT ในอนาคต

    ✅ เทคนิคใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจากแสงได้ถึง 1,000 เท่า  
    • โดยวางชั้นผลึกบางพิเศษของ BaTiO₃ สลับกับวัสดุอื่นอย่าง SrTiO₃ และ CaTiO₃  
    • โครงสร้างแบบ “แซนด์วิชผลึก” นี้มีความสามารถดูดซับแสงและกระตุ้นอิเล็กตรอนสูงมาก

    ✅ ใช้ปริมาณวัสดุหลักน้อยลง แต่ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น  
    • ใช้ BaTiO₃ น้อยลงถึง 2/3 แต่ได้กระแสไฟมากขึ้น  
    • ทำให้แผงมีขนาดเล็กลง ประหยัดพื้นที่ เหมาะกับการใช้งานในเมือง

    ✅ เสถียรภาพสูง – ประสิทธิภาพคงที่นาน 6 เดือนในการทดสอบ  
    • ไม่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์พิเศษ  
    • ง่ายต่อการผลิตและทนทานต่อสภาพแวดล้อม

    ✅ ใช้เทคนิค “Laser Deposition” สร้างชั้นผลึกได้แม่นยำระดับนาโน  
    • แต่ละชั้นบางเพียง 200 nm รวมทั้งหมด 500 ชั้น

    ✅ เหมาะสำหรับแผงโซลาร์เซลล์ขนาดเล็กหรืออุปกรณ์พกพา  
    • เช่น เซ็นเซอร์, อุปกรณ์ IoT, โน้ตบุ๊ก หรือมือถือในอนาคต

    ‼️ ยังอยู่ในขั้นวิจัย – ไม่ใช่เทคโนโลยีพร้อมผลิตเชิงพาณิชย์  
    • ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเรื่องความทนทานระยะยาวและต้นทุนการผลิต

    ‼️ กระบวนการผลิตระดับนาโนต้องใช้ความแม่นยำสูง  
    • อาจทำให้ต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่าการผลิตแบบดั้งเดิม

    ‼️ ศักยภาพขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่คุมได้เฉพาะในห้องทดลอง  
    • ยังไม่ชัดว่าจะให้ประสิทธิภาพเท่าเดิมภายใต้แสงธรรมชาติหรือแสงอาทิตย์เต็มสเปกตรัม

    ‼️ ประสิทธิภาพสูงมากในสภาพแสงเลเซอร์ แต่ต้องรอดูผลกับแสงแดดจริง  
    • ต้องรอการทดสอบภาคสนามเพื่อวัดประสิทธิภาพเชิงพาณิชย์

    https://www.techspot.com/news/108338-scientists-achieve-1000-fold-increase-solar-electricity-using.html
    ปกติเราเข้าใจว่าแผงโซลาร์เซลล์ต้องใช้พื้นที่มาก เพราะวัสดุที่แปลงแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้า (เช่น ซิลิคอน หรือแบเรียมไทเทเนต) ยังมีประสิทธิภาพไม่สูงมาก แต่ที่เยอรมนี ทีมวิจัยจาก Martin Luther University กลับค้นพบว่า ถ้านำผลึกบางเฉียบ (แค่ 200 นาโนเมตร) ของวัสดุบางชนิดมาเรียงซ้อนกันอย่างแม่นยำ ผลลัพธ์คือ “กระแสไฟฟ้าที่แรงขึ้นเป็นพันเท่า” จากวัสดุปริมาณเท่าเดิม หัวใจของเทคนิคนี้คือการสลับชั้นของ แบเรียมไทเทเนต (BaTiO₃) กับผลึกอื่นอย่าง สตรอนเชียมไทเทเนต และ แคลเซียมไทเทเนต ทำให้พฤติกรรมของอิเล็กตรอนเปลี่ยนไป เสมือนว่าสร้าง “ทางด่วน” ให้ประจุไฟฟ้าไหลผ่านได้ง่ายขึ้น ยิ่งกว่านั้น พวกเขาทำโครงสร้างซ้อนชั้นแบบนี้ 500 ชั้นในแต่ละแผ่น แต่ใช้วัสดุแบบเดิมน้อยลงถึง 2 ใน 3! ประสิทธิภาพก็ยังคงเสถียรต่อเนื่องยาวนานกว่า 6 เดือน—แน่นอนว่าเรื่องนี้อาจปฏิวัติการผลิตแผงโซลาร์เซลล์ในเมืองที่พื้นที่จำกัด หรือในอุปกรณ์พกพา เช่น โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่เซ็นเซอร์ IoT ในอนาคต ✅ เทคนิคใหม่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าจากแสงได้ถึง 1,000 เท่า   • โดยวางชั้นผลึกบางพิเศษของ BaTiO₃ สลับกับวัสดุอื่นอย่าง SrTiO₃ และ CaTiO₃   • โครงสร้างแบบ “แซนด์วิชผลึก” นี้มีความสามารถดูดซับแสงและกระตุ้นอิเล็กตรอนสูงมาก ✅ ใช้ปริมาณวัสดุหลักน้อยลง แต่ได้ประสิทธิภาพสูงขึ้น   • ใช้ BaTiO₃ น้อยลงถึง 2/3 แต่ได้กระแสไฟมากขึ้น   • ทำให้แผงมีขนาดเล็กลง ประหยัดพื้นที่ เหมาะกับการใช้งานในเมือง ✅ เสถียรภาพสูง – ประสิทธิภาพคงที่นาน 6 เดือนในการทดสอบ   • ไม่ต้องใช้บรรจุภัณฑ์พิเศษ   • ง่ายต่อการผลิตและทนทานต่อสภาพแวดล้อม ✅ ใช้เทคนิค “Laser Deposition” สร้างชั้นผลึกได้แม่นยำระดับนาโน   • แต่ละชั้นบางเพียง 200 nm รวมทั้งหมด 500 ชั้น ✅ เหมาะสำหรับแผงโซลาร์เซลล์ขนาดเล็กหรืออุปกรณ์พกพา   • เช่น เซ็นเซอร์, อุปกรณ์ IoT, โน้ตบุ๊ก หรือมือถือในอนาคต ‼️ ยังอยู่ในขั้นวิจัย – ไม่ใช่เทคโนโลยีพร้อมผลิตเชิงพาณิชย์   • ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเรื่องความทนทานระยะยาวและต้นทุนการผลิต ‼️ กระบวนการผลิตระดับนาโนต้องใช้ความแม่นยำสูง   • อาจทำให้ต้นทุนเริ่มต้นสูงกว่าการผลิตแบบดั้งเดิม ‼️ ศักยภาพขึ้นอยู่กับเงื่อนไขที่คุมได้เฉพาะในห้องทดลอง   • ยังไม่ชัดว่าจะให้ประสิทธิภาพเท่าเดิมภายใต้แสงธรรมชาติหรือแสงอาทิตย์เต็มสเปกตรัม ‼️ ประสิทธิภาพสูงมากในสภาพแสงเลเซอร์ แต่ต้องรอดูผลกับแสงแดดจริง   • ต้องรอการทดสอบภาคสนามเพื่อวัดประสิทธิภาพเชิงพาณิชย์ https://www.techspot.com/news/108338-scientists-achieve-1000-fold-increase-solar-electricity-using.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Scientists achieve 1,000-fold increase in solar electricity using ultra-thin layers
    At the core of this discovery, published in Science Advances, is barium titanate (BaTiO₃), a material known for its ability to convert light into electricity, though not...
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • ยุคนี้องค์กรไม่ค่อย “ผูกขาดใจ” กับ Cloud เจ้าเดียวแล้ว ส่วนใหญ่ใช้แบบ Multicloud เพื่อดึงจุดเด่นแต่ละแพลตฟอร์มมาใช้งาน เช่น ใช้ GCP ทำ Data Analytics, Azure ทำ Identity, AWS ทำ Compute แต่รู้ไหมว่าความปลอดภัยแบบ “ข้ามค่าย” นี่เองที่สร้างฝันร้ายให้นัก Security

    เพราะเครื่องมือของแต่ละเจ้าต่างกัน ภาษาและพฤติกรรมไม่เหมือนกัน ทำให้เกิด “จุดบอด” ที่แฮกเกอร์ชอบที่สุด ข่าวนี้เลยรวบรวม 8 เทคนิค ที่องค์กรควรใช้เพื่อควบคุมความปลอดภัย Multicloud อย่างมืออาชีพ

    เช่น การตั้งศูนย์กลางความปลอดภัยที่ไม่ขึ้นกับ Cloud ใด Cloud หนึ่ง, การใช้ระบบตรวจจับภัยแบบรวมศูนย์, หรือแม้แต่การตั้งขอบเขตความไว้ใจให้ทุกระบบ — ไม่ว่าจะเป็น AWS, Azure หรือเครื่องเก่าที่นั่งนิ่ง ๆ ในดาต้าเซ็นเตอร์ก็ตาม

    สิ่งสำคัญที่หลายคนมองข้ามคือเรื่อง “shared responsibility” — ความปลอดภัยไม่ใช่งานของทีม Security คนเดียว แต่ต้องกระจายบทบาทไปถึง DevOps, Cloud Architect และแม้แต่ทีม Compliance ด้วย

    ✅ ตั้งทีมกลางดูแลความปลอดภัย Multicloud  
    • สร้างศูนย์กลางหรือบุคคลที่คุมกลยุทธ์ ความสอดคล้อง และการบังคับใช้นโยบาย Cloud ทั้งหมด

    ✅ ใช้ระบบ Identity และ Governance แบบรวมศูนย์  
    • ลดช่องว่างระหว่าง Cloud ด้วยการจัดการสิทธิ์ผ่านระบบกลาง เช่น Microsoft Entra ID หรือ Okta

    ✅ ไม่ยึดติดกับ Security Tools ของแต่ละ Cloud โดยลำพัง  
    • สร้างมาตรฐานเดียวทั่วทุก Cloud เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและจุดอ่อน

    ✅ ใช้แนวคิด “Unified Trust Boundary”  
    • ยึดผู้ใช้ ข้อมูล และพฤติกรรมเป็นศูนย์กลาง แทนที่จะวางระบบความปลอดภัยแยกตามแพลตฟอร์ม

    ✅ กระจายความรับผิดชอบความปลอดภัยในองค์กร  
    • CISO เป็นเจ้าภาพ แต่ต้องมีทีม DevOps, Platform, Compliance มาร่วมรับผิดชอบด้วย

    ✅ เน้น Collaboration ระหว่างทีม ไม่ทำงานแบบไซโล  
    • ช่วยให้ระบบความปลอดภัยสอดคล้องกับภาพรวมธุรกิจ

    ✅ ตั้งระบบตรวจจับภัยแบบข้าม Cloud อย่างเป็นระบบ  
    • ลด Alert Fatigue และมองเห็นภาพรวมของภัยคุกคามได้ชัดเจนขึ้น

    ✅ ควบคุมการเข้าถึงด้วยแนวคิด “Session-based Access”  
    • ลดความเสี่ยงจากมัลแวร์หรือผู้บุกรุก ด้วยการจำกัดสิทธิ์และระยะเวลาการใช้งาน Cloud

    ‼️ Cloud แต่ละเจ้ามีเครื่องมือ-คำศัพท์ไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดความสับสน  
    • การพึ่ง native tools แยกเจ้า โดยไม่มีแผนรวม อาจเกิดช่องโหว่ที่ไม่รู้ตัว

    ‼️ Multicloud อาจเพิ่ม “complexity” มากกว่าที่คิด  
    • ถ้าไม่ควบคุมให้ดี Cloud หลายเจ้าจะกลายเป็น “ป่าดง Security Tools” ที่ดูแลไม่ทั่วถึง

    ‼️ ความปลอดภัยไม่ควรฝากไว้แค่ทีม Security  
    • ถ้าไม่ดึงคนอื่นมารับผิดชอบร่วมกัน ก็เหมือนมีรปภ.แค่เฝ้าประตูหน้า แต่หน้าต่างเปิดโล่งหมด

    ‼️ หากไม่มีการวาง Detection & Response ที่เป็นระบบ จะมองไม่เห็นภัยที่แทรกข้าม Cloud  
    • โดยเฉพาะพฤติกรรมแฝงที่มักกระโดดข้ามแพลตฟอร์ม

    ‼️ การควบคุมสิทธิ์แบบ Static Access ทำให้ Cloud ตกเป็นเป้าได้ง่าย  
    • ต้องใช้แนวคิด “just-in-time access” แทนสิทธิถาวร

    https://www.csoonline.com/article/4003915/8-tips-for-mastering-multicloud-security.html
    ยุคนี้องค์กรไม่ค่อย “ผูกขาดใจ” กับ Cloud เจ้าเดียวแล้ว ส่วนใหญ่ใช้แบบ Multicloud เพื่อดึงจุดเด่นแต่ละแพลตฟอร์มมาใช้งาน เช่น ใช้ GCP ทำ Data Analytics, Azure ทำ Identity, AWS ทำ Compute แต่รู้ไหมว่าความปลอดภัยแบบ “ข้ามค่าย” นี่เองที่สร้างฝันร้ายให้นัก Security เพราะเครื่องมือของแต่ละเจ้าต่างกัน ภาษาและพฤติกรรมไม่เหมือนกัน ทำให้เกิด “จุดบอด” ที่แฮกเกอร์ชอบที่สุด ข่าวนี้เลยรวบรวม 8 เทคนิค ที่องค์กรควรใช้เพื่อควบคุมความปลอดภัย Multicloud อย่างมืออาชีพ เช่น การตั้งศูนย์กลางความปลอดภัยที่ไม่ขึ้นกับ Cloud ใด Cloud หนึ่ง, การใช้ระบบตรวจจับภัยแบบรวมศูนย์, หรือแม้แต่การตั้งขอบเขตความไว้ใจให้ทุกระบบ — ไม่ว่าจะเป็น AWS, Azure หรือเครื่องเก่าที่นั่งนิ่ง ๆ ในดาต้าเซ็นเตอร์ก็ตาม สิ่งสำคัญที่หลายคนมองข้ามคือเรื่อง “shared responsibility” — ความปลอดภัยไม่ใช่งานของทีม Security คนเดียว แต่ต้องกระจายบทบาทไปถึง DevOps, Cloud Architect และแม้แต่ทีม Compliance ด้วย ✅ ตั้งทีมกลางดูแลความปลอดภัย Multicloud   • สร้างศูนย์กลางหรือบุคคลที่คุมกลยุทธ์ ความสอดคล้อง และการบังคับใช้นโยบาย Cloud ทั้งหมด ✅ ใช้ระบบ Identity และ Governance แบบรวมศูนย์   • ลดช่องว่างระหว่าง Cloud ด้วยการจัดการสิทธิ์ผ่านระบบกลาง เช่น Microsoft Entra ID หรือ Okta ✅ ไม่ยึดติดกับ Security Tools ของแต่ละ Cloud โดยลำพัง   • สร้างมาตรฐานเดียวทั่วทุก Cloud เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อนและจุดอ่อน ✅ ใช้แนวคิด “Unified Trust Boundary”   • ยึดผู้ใช้ ข้อมูล และพฤติกรรมเป็นศูนย์กลาง แทนที่จะวางระบบความปลอดภัยแยกตามแพลตฟอร์ม ✅ กระจายความรับผิดชอบความปลอดภัยในองค์กร   • CISO เป็นเจ้าภาพ แต่ต้องมีทีม DevOps, Platform, Compliance มาร่วมรับผิดชอบด้วย ✅ เน้น Collaboration ระหว่างทีม ไม่ทำงานแบบไซโล   • ช่วยให้ระบบความปลอดภัยสอดคล้องกับภาพรวมธุรกิจ ✅ ตั้งระบบตรวจจับภัยแบบข้าม Cloud อย่างเป็นระบบ   • ลด Alert Fatigue และมองเห็นภาพรวมของภัยคุกคามได้ชัดเจนขึ้น ✅ ควบคุมการเข้าถึงด้วยแนวคิด “Session-based Access”   • ลดความเสี่ยงจากมัลแวร์หรือผู้บุกรุก ด้วยการจำกัดสิทธิ์และระยะเวลาการใช้งาน Cloud ‼️ Cloud แต่ละเจ้ามีเครื่องมือ-คำศัพท์ไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดความสับสน   • การพึ่ง native tools แยกเจ้า โดยไม่มีแผนรวม อาจเกิดช่องโหว่ที่ไม่รู้ตัว ‼️ Multicloud อาจเพิ่ม “complexity” มากกว่าที่คิด   • ถ้าไม่ควบคุมให้ดี Cloud หลายเจ้าจะกลายเป็น “ป่าดง Security Tools” ที่ดูแลไม่ทั่วถึง ‼️ ความปลอดภัยไม่ควรฝากไว้แค่ทีม Security   • ถ้าไม่ดึงคนอื่นมารับผิดชอบร่วมกัน ก็เหมือนมีรปภ.แค่เฝ้าประตูหน้า แต่หน้าต่างเปิดโล่งหมด ‼️ หากไม่มีการวาง Detection & Response ที่เป็นระบบ จะมองไม่เห็นภัยที่แทรกข้าม Cloud   • โดยเฉพาะพฤติกรรมแฝงที่มักกระโดดข้ามแพลตฟอร์ม ‼️ การควบคุมสิทธิ์แบบ Static Access ทำให้ Cloud ตกเป็นเป้าได้ง่าย   • ต้องใช้แนวคิด “just-in-time access” แทนสิทธิถาวร https://www.csoonline.com/article/4003915/8-tips-for-mastering-multicloud-security.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    8 tips for mastering multicloud security
    Multicloud environments offer many benefits. Strong inherent security isn’t one of them.
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • Microsoft ออกมาประกาศจับมือกับ AMD แบบ “ระยะยาวหลายปี” เพื่อร่วมกันพัฒนา Xbox รุ่นถัดไปและอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่จะออกในอนาคต โดย Sarah Bond (ประธาน Xbox) บอกว่า เขาไม่ได้ต้องการแค่ทำกราฟิกให้สวยขึ้น แต่ต้องการ “ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้สมจริงกว่าเดิม” ผ่านการใช้ AI ผสานเข้ากับชิปประมวลผล

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft ยังยืนยันว่า Xbox ใหม่ยังคงเล่นเกมเก่าได้ (Backward Compatibility) นั่นหมายความว่าคนที่ลงทุนเกมดิจิทัลไว้เยอะ ๆ ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียเงินเปล่า

    และไม่ใช่แค่คอนโซล เพราะ Microsoft ส่งสัญญาณชัดว่า Xbox จะไม่ผูกกับเครื่องอีกต่อไป แต่จะพัฒนาให้ “เล่นเกมได้ทุกที่ ทุกอุปกรณ์” — เหมือนจะมุ่งเป้าไปยังโลกแบบ cloud gaming หรือ hybrid system มากขึ้น

    นอกจากนี้เขายังพูดถึง “Xbox Ally” เครื่องเกมพกพาที่รัน Windows 11 รุ่นเบา ซึ่งก็มาพร้อมชิป AMD เช่นกัน แปลว่าพาร์ตเนอร์รายนี้กำลังมีบทบาททั้งในคอนโซล เกมพกพา และแม้แต่บนพีซีเกมมิ่ง

    ✅ Microsoft ประกาศความร่วมมือหลายปีกับ AMD  
    • ร่วมกันพัฒนาชิปรุ่นใหม่เพื่อ Xbox และฮาร์ดแวร์เกมรุ่นถัดไป  
    • เน้นกราฟิกขั้นสูง, การผสาน AI และความสมจริงในการเล่นเกม

    ✅ เป้าหมาย: Xbox ที่ “ไร้พรมแดน” เล่นได้ทุกอุปกรณ์  
    • ไม่จำกัดเฉพาะเครื่องคอนโซลอีกต่อไป  
    • มีแนวโน้มพัฒนาแพลตฟอร์มแบบ cross-device และ cloud-based

    ✅ รองรับเกมเก่า (Backward Compatibility) ต่อเนื่อง  
    • ผู้เล่นสามารถนำคลังเกมเก่ามาใช้กับเครื่องใหม่ได้  
    • เป็นจุดแข็งสำคัญที่สร้างความมั่นใจให้ฐานลูกค้าเดิม

    ✅ Windows คือเป้าหมายใหม่ของ Xbox  
    • Sarah Bond ระบุชัดว่ากำลังทำให้ Windows เป็น “แพลตฟอร์มเกมอันดับหนึ่ง”  
    • อาจเป็นสัญญาณของการลดบทบาทคอนโซล หรือเปลี่ยนทิศไปยัง Game-as-a-platform มากขึ้น

    ✅ Xbox Ally เครื่องเล่นเกมพกพารัน Windows ก็ใช้ชิป AMD เช่นกัน  
    • ชูจุดเด่นเล่นเกม PC ได้ในรูปแบบพกพา  
    • ใช้ Windows 11 รุ่นพิเศษที่เบาและไม่มี bloatware

    ‼️ อนาคตของ Xbox อาจไม่ใช่คอนโซลแบบเดิมอีกต่อไป  
    • ผู้ที่ชอบประสบการณ์คอนโซลแบบ “เสียบเล่นได้เลย” อาจต้องปรับตัว  
    • หาก Xbox กลายเป็น platform มากกว่า product การเข้าถึงอาจซับซ้อนขึ้น

    ‼️ การใช้ AI ในฮาร์ดแวร์เกมต้องจับตาด้านความเป็นส่วนตัว  
    • ยังไม่มีรายละเอียดว่า AI จะใช้ทำอะไรบ้างในฝั่งผู้เล่น  
    • หากวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เล่นเพื่อปรับประสบการณ์แบบ dynamic ก็อาจกระทบเรื่อง Privacy

    ‼️ AMD อาจถือความลับด้านเทคโนโลยีเกมไว้มากเกินไป  
    • ทั้ง Xbox, Windows handheld, และ PC gaming ต่างก็ใช้ AMD  
    • การพึ่งพา supplier เจ้าเดียวมากเกินไปอาจมีความเสี่ยงในระยะยาว

    https://www.neowin.net/news/microsoft-announces-multi-year-partnership-with-amd-for-future-of-xbox-consoles-and-hardware/
    Microsoft ออกมาประกาศจับมือกับ AMD แบบ “ระยะยาวหลายปี” เพื่อร่วมกันพัฒนา Xbox รุ่นถัดไปและอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่จะออกในอนาคต โดย Sarah Bond (ประธาน Xbox) บอกว่า เขาไม่ได้ต้องการแค่ทำกราฟิกให้สวยขึ้น แต่ต้องการ “ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้สมจริงกว่าเดิม” ผ่านการใช้ AI ผสานเข้ากับชิปประมวลผล สิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft ยังยืนยันว่า Xbox ใหม่ยังคงเล่นเกมเก่าได้ (Backward Compatibility) นั่นหมายความว่าคนที่ลงทุนเกมดิจิทัลไว้เยอะ ๆ ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียเงินเปล่า และไม่ใช่แค่คอนโซล เพราะ Microsoft ส่งสัญญาณชัดว่า Xbox จะไม่ผูกกับเครื่องอีกต่อไป แต่จะพัฒนาให้ “เล่นเกมได้ทุกที่ ทุกอุปกรณ์” — เหมือนจะมุ่งเป้าไปยังโลกแบบ cloud gaming หรือ hybrid system มากขึ้น นอกจากนี้เขายังพูดถึง “Xbox Ally” เครื่องเกมพกพาที่รัน Windows 11 รุ่นเบา ซึ่งก็มาพร้อมชิป AMD เช่นกัน แปลว่าพาร์ตเนอร์รายนี้กำลังมีบทบาททั้งในคอนโซล เกมพกพา และแม้แต่บนพีซีเกมมิ่ง ✅ Microsoft ประกาศความร่วมมือหลายปีกับ AMD   • ร่วมกันพัฒนาชิปรุ่นใหม่เพื่อ Xbox และฮาร์ดแวร์เกมรุ่นถัดไป   • เน้นกราฟิกขั้นสูง, การผสาน AI และความสมจริงในการเล่นเกม ✅ เป้าหมาย: Xbox ที่ “ไร้พรมแดน” เล่นได้ทุกอุปกรณ์   • ไม่จำกัดเฉพาะเครื่องคอนโซลอีกต่อไป   • มีแนวโน้มพัฒนาแพลตฟอร์มแบบ cross-device และ cloud-based ✅ รองรับเกมเก่า (Backward Compatibility) ต่อเนื่อง   • ผู้เล่นสามารถนำคลังเกมเก่ามาใช้กับเครื่องใหม่ได้   • เป็นจุดแข็งสำคัญที่สร้างความมั่นใจให้ฐานลูกค้าเดิม ✅ Windows คือเป้าหมายใหม่ของ Xbox   • Sarah Bond ระบุชัดว่ากำลังทำให้ Windows เป็น “แพลตฟอร์มเกมอันดับหนึ่ง”   • อาจเป็นสัญญาณของการลดบทบาทคอนโซล หรือเปลี่ยนทิศไปยัง Game-as-a-platform มากขึ้น ✅ Xbox Ally เครื่องเล่นเกมพกพารัน Windows ก็ใช้ชิป AMD เช่นกัน   • ชูจุดเด่นเล่นเกม PC ได้ในรูปแบบพกพา   • ใช้ Windows 11 รุ่นพิเศษที่เบาและไม่มี bloatware ‼️ อนาคตของ Xbox อาจไม่ใช่คอนโซลแบบเดิมอีกต่อไป   • ผู้ที่ชอบประสบการณ์คอนโซลแบบ “เสียบเล่นได้เลย” อาจต้องปรับตัว   • หาก Xbox กลายเป็น platform มากกว่า product การเข้าถึงอาจซับซ้อนขึ้น ‼️ การใช้ AI ในฮาร์ดแวร์เกมต้องจับตาด้านความเป็นส่วนตัว   • ยังไม่มีรายละเอียดว่า AI จะใช้ทำอะไรบ้างในฝั่งผู้เล่น   • หากวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เล่นเพื่อปรับประสบการณ์แบบ dynamic ก็อาจกระทบเรื่อง Privacy ‼️ AMD อาจถือความลับด้านเทคโนโลยีเกมไว้มากเกินไป   • ทั้ง Xbox, Windows handheld, และ PC gaming ต่างก็ใช้ AMD   • การพึ่งพา supplier เจ้าเดียวมากเกินไปอาจมีความเสี่ยงในระยะยาว https://www.neowin.net/news/microsoft-announces-multi-year-partnership-with-amd-for-future-of-xbox-consoles-and-hardware/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft announces multi-year partnership with AMD for future of Xbox consoles and hardware
    Microsoft has entered a partnership with chipmaker AMD to co-develop the next generation of Xbox gaming devices. There seems to be a strategy shift happening for Xbox as well.
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • ถ้าใครยังใช้ Outlook เวอร์ชันเก่าอยู่ช่วงนี้ อาจรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนลวดหนาม เพราะมีบั๊กใหม่ที่หนักหนามากเกิดขึ้น—เปิดอีเมลปุ๊บ โปรแกรมแครชปั๊บ!

    Microsoft ยืนยันเองว่า Outlook แบบคลาสสิกเกิดอาการแครชทันทีเมื่อผู้ใช้พยายามเปิดหรือเริ่มเขียนอีเมลใหม่ สาเหตุมาจากระบบไม่สามารถเปิด Forms Library ได้ และกระทบกับ Outlook ทุกช่องทางของ Microsoft 365 โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมแบบ VDI (Virtual Desktop Infrastructure) ซึ่งใช้กันเยอะในองค์กร

    ไฟล์ที่เป็นปัญหาชื่อว่า OLMAPI32.DLL ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Messaging API ของ Microsoft โดย Microsoft แนะนำทางแก้ชั่วคราวด้วยการสร้างโฟลเดอร์ชื่อ FORMS2 ด้วยตัวเองในไดเรกทอรีของผู้ใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดนี้

    ปัญหานี้สะท้อนถึงทิศทางที่ Microsoft มุ่งไปยัง Outlook เวอร์ชันใหม่เป็นหลัก ทำให้เวอร์ชันเก่าอาจถูกลดความสำคัญลง จนเกิดบั๊กแบบพื้นฐานหลุดรอดออกมาแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่อ "เปิดอีเมล" ยังเป็นฟังก์ชันระดับพื้นฐานที่ควรใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา

    ✅ บั๊กใหม่ใน Outlook เวอร์ชันคลาสสิก  
    • เปิดหรือเริ่มอีเมลใหม่ใน Outlook แล้วโปรแกรมแครชทันที  
    • สาเหตุคือไม่สามารถเปิด Forms Library ได้  
    • ปัญหานี้เกิดในทุกช่องทางของ Microsoft 365 และเด่นชัดในระบบ VDI

    ✅ ไฟล์ที่เป็นสาเหตุ  
    • OLMAPI32.DLL คือไฟล์ที่ระบบระบุว่าเกิดข้อผิดพลาด  
    • เกี่ยวข้องกับ Microsoft Messaging API ซึ่งสำคัญต่อการเปิดอีเมล

    ✅ แนวทางแก้ปัญหาชั่วคราวโดย Microsoft  
    • แนะนำให้สร้างโฟลเดอร์ FORMS2 ด้วยตัวเองใน path นี้ -> C:\Users\<username>\AppData\Local\Microsoft\FORMS2
    • Microsoft กำลังตรวจสอบและหาทางแก้อย่างเป็นทางการอยู่

    ✅ ท่าทีของ Microsoft ต่อ Outlook เวอร์ชันใหม่  
    • Microsoft พยายามผลักดันให้ผู้ใช้ย้ายไปใช้ "New Outlook" มากขึ้น  
    • เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การใช้งานแบบออฟไลน์ และเพิ่มระบบความปลอดภัย

    ‼️ ผลกระทบจากการใช้งาน Outlook แบบคลาสสิก  
    • บั๊กที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น เปิดอีเมล ยังเกิดขึ้นบ่อย  
    • บ่งบอกว่า Microsoft อาจลดความสำคัญในการดูแลเวอร์ชันเก่า

    ‼️ ความเสี่ยงขององค์กรที่ใช้ VDI  
    • องค์กรที่ยังพึ่งพา Outlook บน VDI อาจเผชิญกับผลกระทบในวงกว้าง  
    • จำเป็นต้องพิจารณาความพร้อมในการเปลี่ยนไปใช้ Outlook เวอร์ชันใหม่

    ‼️ การแก้ปัญหาชั่วคราวมีข้อจำกัด  
    • แม้จะมีแนวทางสร้างโฟลเดอร์ FORMS2 แต่ไม่ใช่ทางแก้แบบยั่งยืน  
    • ควรติดตามการอัปเดตจาก Microsoft อย่างใกล้ชิดในช่วงนี้

    https://www.neowin.net/news/microsoft-cant-help-break-windows-outlook-as-even-opening-an-email-now-sends-it-crashing/
    ถ้าใครยังใช้ Outlook เวอร์ชันเก่าอยู่ช่วงนี้ อาจรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่บนลวดหนาม เพราะมีบั๊กใหม่ที่หนักหนามากเกิดขึ้น—เปิดอีเมลปุ๊บ โปรแกรมแครชปั๊บ! Microsoft ยืนยันเองว่า Outlook แบบคลาสสิกเกิดอาการแครชทันทีเมื่อผู้ใช้พยายามเปิดหรือเริ่มเขียนอีเมลใหม่ สาเหตุมาจากระบบไม่สามารถเปิด Forms Library ได้ และกระทบกับ Outlook ทุกช่องทางของ Microsoft 365 โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมแบบ VDI (Virtual Desktop Infrastructure) ซึ่งใช้กันเยอะในองค์กร ไฟล์ที่เป็นปัญหาชื่อว่า OLMAPI32.DLL ซึ่งเกี่ยวข้องกับ Messaging API ของ Microsoft โดย Microsoft แนะนำทางแก้ชั่วคราวด้วยการสร้างโฟลเดอร์ชื่อ FORMS2 ด้วยตัวเองในไดเรกทอรีของผู้ใช้ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดนี้ ปัญหานี้สะท้อนถึงทิศทางที่ Microsoft มุ่งไปยัง Outlook เวอร์ชันใหม่เป็นหลัก ทำให้เวอร์ชันเก่าอาจถูกลดความสำคัญลง จนเกิดบั๊กแบบพื้นฐานหลุดรอดออกมาแบบนี้ โดยเฉพาะเมื่อ "เปิดอีเมล" ยังเป็นฟังก์ชันระดับพื้นฐานที่ควรใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา ✅ บั๊กใหม่ใน Outlook เวอร์ชันคลาสสิก   • เปิดหรือเริ่มอีเมลใหม่ใน Outlook แล้วโปรแกรมแครชทันที   • สาเหตุคือไม่สามารถเปิด Forms Library ได้   • ปัญหานี้เกิดในทุกช่องทางของ Microsoft 365 และเด่นชัดในระบบ VDI ✅ ไฟล์ที่เป็นสาเหตุ   • OLMAPI32.DLL คือไฟล์ที่ระบบระบุว่าเกิดข้อผิดพลาด   • เกี่ยวข้องกับ Microsoft Messaging API ซึ่งสำคัญต่อการเปิดอีเมล ✅ แนวทางแก้ปัญหาชั่วคราวโดย Microsoft   • แนะนำให้สร้างโฟลเดอร์ FORMS2 ด้วยตัวเองใน path นี้ -> C:\Users\<username>\AppData\Local\Microsoft\FORMS2 • Microsoft กำลังตรวจสอบและหาทางแก้อย่างเป็นทางการอยู่ ✅ ท่าทีของ Microsoft ต่อ Outlook เวอร์ชันใหม่   • Microsoft พยายามผลักดันให้ผู้ใช้ย้ายไปใช้ "New Outlook" มากขึ้น   • เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น การใช้งานแบบออฟไลน์ และเพิ่มระบบความปลอดภัย ‼️ ผลกระทบจากการใช้งาน Outlook แบบคลาสสิก   • บั๊กที่เกี่ยวข้องกับฟังก์ชันพื้นฐาน เช่น เปิดอีเมล ยังเกิดขึ้นบ่อย   • บ่งบอกว่า Microsoft อาจลดความสำคัญในการดูแลเวอร์ชันเก่า ‼️ ความเสี่ยงขององค์กรที่ใช้ VDI   • องค์กรที่ยังพึ่งพา Outlook บน VDI อาจเผชิญกับผลกระทบในวงกว้าง   • จำเป็นต้องพิจารณาความพร้อมในการเปลี่ยนไปใช้ Outlook เวอร์ชันใหม่ ‼️ การแก้ปัญหาชั่วคราวมีข้อจำกัด   • แม้จะมีแนวทางสร้างโฟลเดอร์ FORMS2 แต่ไม่ใช่ทางแก้แบบยั่งยืน   • ควรติดตามการอัปเดตจาก Microsoft อย่างใกล้ชิดในช่วงนี้ https://www.neowin.net/news/microsoft-cant-help-break-windows-outlook-as-even-opening-an-email-now-sends-it-crashing/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft can't help break Windows Outlook as even opening an email now sends it crashing
    Microsoft has confirmed that it has broken Windows Outlook again as the app crashes when a user tries to open an email or write one.
    0 Comments 0 Shares 42 Views 0 Reviews
  • ฟังจากข่าวทางอิหร่านบ้าง สื่อตะวันตก พูดแต่อิหร่านขอเจรจา ซึ่งฟังแล้วไม่ค่อยสมเหตุสมผล
    อิหร่านสนับสนุน กองกำลังอิสลามหลายกลุ่ม ผ่านการสูญเสียผู้นำมาหลายครั้ง มีประสบการณ์การรบ จะยอมขอเจรจาได้ไง ขอไป พวกศัตรูก็ย่ามใจ และรุกคืบอีก

    https://youtu.be/otYEvV-qNqE?si=m3lr1DtAW2LKGZur
    ฟังจากข่าวทางอิหร่านบ้าง สื่อตะวันตก พูดแต่อิหร่านขอเจรจา ซึ่งฟังแล้วไม่ค่อยสมเหตุสมผล อิหร่านสนับสนุน กองกำลังอิสลามหลายกลุ่ม ผ่านการสูญเสียผู้นำมาหลายครั้ง มีประสบการณ์การรบ จะยอมขอเจรจาได้ไง ขอไป พวกศัตรูก็ย่ามใจ และรุกคืบอีก https://youtu.be/otYEvV-qNqE?si=m3lr1DtAW2LKGZur
    0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews
  • "มันเป็นแผนการที่ถูกกำหนดมาตลอดจากความร่วมมือของสหรัฐและอิสราเอล"

    อิสราเอลคือตัวแทนสหรัฐที่มีหน้าที่ทำงาน "สกปรก" ข้ามเส้นแดงด้านมนุษยธรรมให้สหรัฐ ประเทศที่มีหน้าที่แสร้งทำตัวเป็นฝ่ายคนดีมีคุณธรรม สหรัฐจึงมีหน้าที่ต้องปกป้องอิสราเอลมาตลอดหลายสิบปี (ซุ้มมือปืนที่มีนายเป็นนักการเมืองอิทธิพลสูงคอยคุ้มกะลาหัว)

    ย้อนดูคำสัมภาษณ์ของ เวสลีย์ คลาร์ก เมื่อปี 2003:

    "เราวางแผนจะบุกเจ็ดประเทศ"
    จากเหตุการณ์ในอิหร่านขณะนี้ โดยมีตัวเริ่มต้นคือ "อิสราเอล" ที่เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน เพียงแค่อ้องว่าอิสราเอล "กำลังจะ" มีนิวเคลียร์และ "อาจจะ" เป็นภัยกับตนเอง

    👉ย้อนไปฟังคำพูดของ นายพลเวสลีย์ คลาร์ก (Wesley Clark) อดีตผู้บัญชาการกองกำลังพันธมิตรในสงครามโคโซโวระหว่างดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรยุโรปของนาโต้ระหว่างปี 2540 ถึง 2543

    👉เขากล่าวว่า หลังเหตุการณ์ 9/11 สหรัฐมุ่งหมายที่จะ 
    "กำจัด 7 ประเทศภายใน 5 ปี ได้แก่
    -อิรัก
    -ซีเรีย
    -เลบานอน
    -ลิเบีย
    -โซมาเลีย
    -ซูดาน
    -และปิดท้ายด้วยอิหร่าน"

    👉แม้ว่าระยะเวลาไม่ได้จบลงภายใน 5 ปี ตามกำหนด แต่เส้นทางการทำลายประเทศเหล่านั้นตามรายชื่อที่ระบุ ยังคงดำเนินต่อมา


    .
    https://www.aljazeera.com/news/2003/9/22/us-plans-to-attack-seven-muslim-states

    .

    https://www.chinadaily.com.cn/a/202109/24/WS614d2604a310cdd39bc6b2f4.html


    "มันเป็นแผนการที่ถูกกำหนดมาตลอดจากความร่วมมือของสหรัฐและอิสราเอล" อิสราเอลคือตัวแทนสหรัฐที่มีหน้าที่ทำงาน "สกปรก" ข้ามเส้นแดงด้านมนุษยธรรมให้สหรัฐ ประเทศที่มีหน้าที่แสร้งทำตัวเป็นฝ่ายคนดีมีคุณธรรม สหรัฐจึงมีหน้าที่ต้องปกป้องอิสราเอลมาตลอดหลายสิบปี (ซุ้มมือปืนที่มีนายเป็นนักการเมืองอิทธิพลสูงคอยคุ้มกะลาหัว) ย้อนดูคำสัมภาษณ์ของ เวสลีย์ คลาร์ก เมื่อปี 2003: "เราวางแผนจะบุกเจ็ดประเทศ" จากเหตุการณ์ในอิหร่านขณะนี้ โดยมีตัวเริ่มต้นคือ "อิสราเอล" ที่เป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีก่อน เพียงแค่อ้องว่าอิสราเอล "กำลังจะ" มีนิวเคลียร์และ "อาจจะ" เป็นภัยกับตนเอง 👉ย้อนไปฟังคำพูดของ นายพลเวสลีย์ คลาร์ก (Wesley Clark) อดีตผู้บัญชาการกองกำลังพันธมิตรในสงครามโคโซโวระหว่างดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุดฝ่ายสัมพันธมิตรยุโรปของนาโต้ระหว่างปี 2540 ถึง 2543 👉เขากล่าวว่า หลังเหตุการณ์ 9/11 สหรัฐมุ่งหมายที่จะ  "กำจัด 7 ประเทศภายใน 5 ปี ได้แก่ -อิรัก -ซีเรีย -เลบานอน -ลิเบีย -โซมาเลีย -ซูดาน -และปิดท้ายด้วยอิหร่าน" 👉แม้ว่าระยะเวลาไม่ได้จบลงภายใน 5 ปี ตามกำหนด แต่เส้นทางการทำลายประเทศเหล่านั้นตามรายชื่อที่ระบุ ยังคงดำเนินต่อมา . https://www.aljazeera.com/news/2003/9/22/us-plans-to-attack-seven-muslim-states . https://www.chinadaily.com.cn/a/202109/24/WS614d2604a310cdd39bc6b2f4.html
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • จีนเปิดตัวการทดลองทางคลินิก BCI แบบฝังครั้งแรก
    ศูนย์วิจัย Center for Excellence in Brain Science and Intelligence Technology (CEBSIT) ในเซี่ยงไฮ้ ได้เริ่มการทดลองทางคลินิกของ อินเทอร์เฟซสมอง-คอมพิวเตอร์ (BCI) แบบฝัง ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตสี่แขนขาสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์และเล่นเกมแข่งรถได้ภายในเวลาเพียงสามสัปดาห์.

    รายละเอียดการทดลอง
    ✅ ผู้ป่วยอัมพาตสี่แขนขาได้รับการปลูกถ่าย BCI เมื่อวันที่ 25 มีนาคม และสามารถควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยความคิดได้ภายใน 2-3 สัปดาห์.
    ✅ BCI ของ CEBSIT มีขนาดเล็กและยืดหยุ่นกว่าของ Neuralink โดยมีพื้นที่หน้าตัดเพียง 1/5 ถึง 1/7 ของอิเล็กโทรดของ Neuralink และมีความยืดหยุ่นมากกว่า 100 เท่า.
    ✅ ไม่มีรายงานการติดเชื้อหรือความล้มเหลวของอิเล็กโทรดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการทดลองระยะยาว.
    ✅ แผนระยะยาวของ CEBSIT รวมถึงการควบคุมแขนกลและการฝึกฝนกับอุปกรณ์อัจฉริยะ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    ‼️ BCI แบบฝังต้องได้รับการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อเนื้อเยื่อสมอง.
    ‼️ การทดลองทางคลินิกต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล ก่อนที่จะสามารถนำไปใช้ในตลาดได้.
    ‼️ BCI อาจมีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้กับระบบประสาทของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งต้องมีการปรับแต่งเฉพาะบุคคล.

    แนวทางการพัฒนาและการนำไปใช้
    ✅ BCI สามารถช่วยผู้ป่วยอัมพาตให้มีความสามารถในการควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มคุณภาพชีวิต.
    ✅ การพัฒนา BCI ที่มีขนาดเล็กและยืดหยุ่นช่วยลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อสมอง และเพิ่มโอกาสในการใช้งานระยะยาว.
    ✅ การทดลองขนาดใหญ่ได้รับการอนุมัติแล้ว และคาดว่า BCI จะได้รับการรับรองและเข้าสู่ตลาดจีนภายในปี 2028.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BCI และเทคโนโลยีสมอง
    ✅ Neuralink ของ Elon Musk กำลังพัฒนา BCI ที่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตควบคุมคอมพิวเตอร์และแขนกล.
    ✅ Beinao-2 ซึ่งเป็น BCI อีกตัวหนึ่งของจีน กำลังถูกทดสอบในลิง และคาดว่าจะพร้อมสำหรับการทดลองในมนุษย์ภายในสิ้นปี 2025.
    ‼️ BCI ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดอาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ใช้ และต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยที่ชัดเจน.

    https://www.tomshardware.com/peripherals/wearable-tech/china-launches-first-ever-invasive-brain-computer-interface-clinical-trial-tetraplegic-patient-could-skillfully-operate-racing-games-after-just-three-weeks
    จีนเปิดตัวการทดลองทางคลินิก BCI แบบฝังครั้งแรก ศูนย์วิจัย Center for Excellence in Brain Science and Intelligence Technology (CEBSIT) ในเซี่ยงไฮ้ ได้เริ่มการทดลองทางคลินิกของ อินเทอร์เฟซสมอง-คอมพิวเตอร์ (BCI) แบบฝัง ซึ่งช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตสี่แขนขาสามารถควบคุมคอมพิวเตอร์และเล่นเกมแข่งรถได้ภายในเวลาเพียงสามสัปดาห์. รายละเอียดการทดลอง ✅ ผู้ป่วยอัมพาตสี่แขนขาได้รับการปลูกถ่าย BCI เมื่อวันที่ 25 มีนาคม และสามารถควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ด้วยความคิดได้ภายใน 2-3 สัปดาห์. ✅ BCI ของ CEBSIT มีขนาดเล็กและยืดหยุ่นกว่าของ Neuralink โดยมีพื้นที่หน้าตัดเพียง 1/5 ถึง 1/7 ของอิเล็กโทรดของ Neuralink และมีความยืดหยุ่นมากกว่า 100 เท่า. ✅ ไม่มีรายงานการติดเชื้อหรือความล้มเหลวของอิเล็กโทรดจนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการทดลองระยะยาว. ✅ แผนระยะยาวของ CEBSIT รวมถึงการควบคุมแขนกลและการฝึกฝนกับอุปกรณ์อัจฉริยะ เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ BCI แบบฝังต้องได้รับการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากอาจมีผลกระทบต่อเนื้อเยื่อสมอง. ‼️ การทดลองทางคลินิกต้องผ่านการอนุมัติจากหน่วยงานกำกับดูแล ก่อนที่จะสามารถนำไปใช้ในตลาดได้. ‼️ BCI อาจมีข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้กับระบบประสาทของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งต้องมีการปรับแต่งเฉพาะบุคคล. แนวทางการพัฒนาและการนำไปใช้ ✅ BCI สามารถช่วยผู้ป่วยอัมพาตให้มีความสามารถในการควบคุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มคุณภาพชีวิต. ✅ การพัฒนา BCI ที่มีขนาดเล็กและยืดหยุ่นช่วยลดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อสมอง และเพิ่มโอกาสในการใช้งานระยะยาว. ✅ การทดลองขนาดใหญ่ได้รับการอนุมัติแล้ว และคาดว่า BCI จะได้รับการรับรองและเข้าสู่ตลาดจีนภายในปี 2028. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ BCI และเทคโนโลยีสมอง ✅ Neuralink ของ Elon Musk กำลังพัฒนา BCI ที่สามารถช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตควบคุมคอมพิวเตอร์และแขนกล. ✅ Beinao-2 ซึ่งเป็น BCI อีกตัวหนึ่งของจีน กำลังถูกทดสอบในลิง และคาดว่าจะพร้อมสำหรับการทดลองในมนุษย์ภายในสิ้นปี 2025. ‼️ BCI ที่ไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างเข้มงวดอาจมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ใช้ และต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยที่ชัดเจน. https://www.tomshardware.com/peripherals/wearable-tech/china-launches-first-ever-invasive-brain-computer-interface-clinical-trial-tetraplegic-patient-could-skillfully-operate-racing-games-after-just-three-weeks
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • อนาคตของ HBM: จาก HBM4 สู่ HBM8 และการฝัง NAND
    สถาบันวิจัย KAIST ของเกาหลีใต้ได้เผยแพร่เอกสารความยาว 371 หน้า ที่คาดการณ์การพัฒนาเทคโนโลยี HBM (High-Bandwidth Memory) จนถึงปี 2038 โดยเน้นการเพิ่ม แบนด์วิดท์, ความจุ, ความกว้างของ I/O และการจัดการพลังงาน.

    รายละเอียดการพัฒนา HBM
    ✅ HBM4 จะมีความจุเพิ่มขึ้นเป็น 348GB ต่อสแต็ก และใช้พลังงาน 75W ต่อสแต็ก.
    ✅ HBM5 จะเปิดตัวในปี 2029 พร้อม I/O 4,096 บิต และแบนด์วิดท์ 4TB/s.
    ✅ HBM6 จะมาถึงในปี 2032 โดยเพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูลเป็น 16GT/s และแบนด์วิดท์ 8TB/s.
    ✅ HBM8 จะมี I/O สูงถึง 16,384 บิต และแบนด์วิดท์ 64TB/s ต่อสแต็ก.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    ‼️ HBM รุ่นใหม่ต้องใช้พลังงานสูงขึ้น โดย HBM8 อาจใช้พลังงานถึง 180W ต่อสแต็ก.
    ‼️ การพัฒนา HBM ต้องใช้เทคนิคการระบายความร้อนที่ซับซ้อนขึ้น เช่น ช่องระบายความร้อนแบบฝังในอินเตอร์โพเซอร์.
    ‼️ HBM7 และ HBM8 จะมีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจาก HBM ในปัจจุบัน โดยจะรวม NAND storage เพื่อให้สามารถย้ายข้อมูลโดยไม่ต้องใช้ CPU หรือ GPU.

    แนวทางการพัฒนาและการนำไปใช้
    ✅ HBM5 จะรวม L3 Cache และอินเทอร์เฟซ LPDDR/CXL เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ.
    ✅ HBM6 จะใช้การเชื่อมต่อแบบ Direct Bonding แทนการใช้ Microbump.
    ✅ HBM8 จะใช้ AI ในการจัดการพลังงานและสัญญาณแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี HBM
    ✅ Micron เริ่มส่งตัวอย่าง HBM4 ที่มีความจุ 36GB และแบนด์วิดท์ 2TB/s.
    ✅ Intel และ SoftBank กำลังพัฒนา HBM ที่ใช้พลังงานต่ำสำหรับศูนย์ข้อมูล AI.
    ‼️ HBM ที่มี NAND ฝังตัวอาจเปลี่ยนโครงสร้างของระบบประมวลผล โดยลดการพึ่งพา CPU และ GPU.

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/hbm-development-roadmap-revealed-hbm8-with-a-16-384-bit-interface-and-embedded-nand-in-2038
    อนาคตของ HBM: จาก HBM4 สู่ HBM8 และการฝัง NAND สถาบันวิจัย KAIST ของเกาหลีใต้ได้เผยแพร่เอกสารความยาว 371 หน้า ที่คาดการณ์การพัฒนาเทคโนโลยี HBM (High-Bandwidth Memory) จนถึงปี 2038 โดยเน้นการเพิ่ม แบนด์วิดท์, ความจุ, ความกว้างของ I/O และการจัดการพลังงาน. รายละเอียดการพัฒนา HBM ✅ HBM4 จะมีความจุเพิ่มขึ้นเป็น 348GB ต่อสแต็ก และใช้พลังงาน 75W ต่อสแต็ก. ✅ HBM5 จะเปิดตัวในปี 2029 พร้อม I/O 4,096 บิต และแบนด์วิดท์ 4TB/s. ✅ HBM6 จะมาถึงในปี 2032 โดยเพิ่มความเร็วในการส่งข้อมูลเป็น 16GT/s และแบนด์วิดท์ 8TB/s. ✅ HBM8 จะมี I/O สูงถึง 16,384 บิต และแบนด์วิดท์ 64TB/s ต่อสแต็ก. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ HBM รุ่นใหม่ต้องใช้พลังงานสูงขึ้น โดย HBM8 อาจใช้พลังงานถึง 180W ต่อสแต็ก. ‼️ การพัฒนา HBM ต้องใช้เทคนิคการระบายความร้อนที่ซับซ้อนขึ้น เช่น ช่องระบายความร้อนแบบฝังในอินเตอร์โพเซอร์. ‼️ HBM7 และ HBM8 จะมีสถาปัตยกรรมที่แตกต่างจาก HBM ในปัจจุบัน โดยจะรวม NAND storage เพื่อให้สามารถย้ายข้อมูลโดยไม่ต้องใช้ CPU หรือ GPU. แนวทางการพัฒนาและการนำไปใช้ ✅ HBM5 จะรวม L3 Cache และอินเทอร์เฟซ LPDDR/CXL เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ. ✅ HBM6 จะใช้การเชื่อมต่อแบบ Direct Bonding แทนการใช้ Microbump. ✅ HBM8 จะใช้ AI ในการจัดการพลังงานและสัญญาณแบบเรียลไทม์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี HBM ✅ Micron เริ่มส่งตัวอย่าง HBM4 ที่มีความจุ 36GB และแบนด์วิดท์ 2TB/s. ✅ Intel และ SoftBank กำลังพัฒนา HBM ที่ใช้พลังงานต่ำสำหรับศูนย์ข้อมูล AI. ‼️ HBM ที่มี NAND ฝังตัวอาจเปลี่ยนโครงสร้างของระบบประมวลผล โดยลดการพึ่งพา CPU และ GPU. https://www.tomshardware.com/tech-industry/hbm-development-roadmap-revealed-hbm8-with-a-16-384-bit-interface-and-embedded-nand-in-2038
    0 Comments 0 Shares 75 Views 0 Reviews
  • การอัปเกรดควอนตัมทำให้การสร้างตัวเลขสุ่มสามารถตรวจสอบได้
    นักวิจัยจาก National Institute of Standards and Technology (NIST) ในสหรัฐฯ ได้พัฒนาเทคนิคใหม่สำหรับการสร้างตัวเลขสุ่ม (Random Number Generation - RNG) ที่สามารถตรวจสอบได้อย่างสมบูรณ์ โดยใช้ ควอนตัมเอนแทงเกิลเมนต์ ร่วมกับ บล็อกเชน เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ.

    รายละเอียดเทคโนโลยีใหม่
    ✅ ใช้ควอนตัมเอนแทงเกิลเมนต์ เพื่อสร้างตัวเลขสุ่มที่แท้จริง โดยอาศัยคุณสมบัติของอนุภาคที่เชื่อมโยงกัน.
    ✅ เพิ่มระบบบล็อกเชนเพื่อบันทึกค่าที่สร้างขึ้น ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าข้อมูลไม่ถูกแก้ไข.
    ✅ พัฒนาโปรโตคอลชื่อ Twine เพื่อใช้บันทึกค่าแฮชของตัวเลขสุ่มลงในบล็อกเชน.
    ✅ เปิดตัวบริการ CURBy (University of Colorado Randomness Beacon) เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงตัวเลขสุ่มที่ตรวจสอบได้.

    ผลกระทบและข้อควรระวัง
    ‼️ ระบบ RNG ทั่วไปอาจไม่สามารถตรวจสอบได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการใช้งานด้านความปลอดภัย.
    ‼️ การใช้บล็อกเชนช่วยเพิ่มความโปร่งใส แต่ก็อาจมีข้อจำกัดด้านความเร็วและต้นทุนในการดำเนินการ.
    ‼️ การนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการทำธุรกรรมออนไลน์ อาจต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม.

    แนวทางการนำไปใช้
    ✅ ใช้ในระบบเข้ารหัสข้อมูล เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสาร.
    ✅ นำไปใช้ในเกมออนไลน์และการพนัน เพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์เป็นแบบสุ่มจริง.
    ✅ ใช้ในงานวิจัยด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ ที่ต้องการตัวเลขสุ่มที่ตรวจสอบได้.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี RNG
    ✅ IBM กำลังพัฒนาเครื่องควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุด คาดว่าจะเปิดตัวภายในปี 2029.
    ✅ การโจรกรรมคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ เกิดขึ้นจากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของระบบ RNG.
    ‼️ การใช้ตัวเลขสุ่มที่ไม่ปลอดภัยอาจนำไปสู่การแฮ็กข้อมูล โดยเฉพาะในระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง.

    https://www.techspot.com/news/108329-researchers-develop-first-fully-traceable-quantum-random-number.html
    การอัปเกรดควอนตัมทำให้การสร้างตัวเลขสุ่มสามารถตรวจสอบได้ นักวิจัยจาก National Institute of Standards and Technology (NIST) ในสหรัฐฯ ได้พัฒนาเทคนิคใหม่สำหรับการสร้างตัวเลขสุ่ม (Random Number Generation - RNG) ที่สามารถตรวจสอบได้อย่างสมบูรณ์ โดยใช้ ควอนตัมเอนแทงเกิลเมนต์ ร่วมกับ บล็อกเชน เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความน่าเชื่อถือ. รายละเอียดเทคโนโลยีใหม่ ✅ ใช้ควอนตัมเอนแทงเกิลเมนต์ เพื่อสร้างตัวเลขสุ่มที่แท้จริง โดยอาศัยคุณสมบัติของอนุภาคที่เชื่อมโยงกัน. ✅ เพิ่มระบบบล็อกเชนเพื่อบันทึกค่าที่สร้างขึ้น ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้ว่าข้อมูลไม่ถูกแก้ไข. ✅ พัฒนาโปรโตคอลชื่อ Twine เพื่อใช้บันทึกค่าแฮชของตัวเลขสุ่มลงในบล็อกเชน. ✅ เปิดตัวบริการ CURBy (University of Colorado Randomness Beacon) เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงตัวเลขสุ่มที่ตรวจสอบได้. ผลกระทบและข้อควรระวัง ‼️ ระบบ RNG ทั่วไปอาจไม่สามารถตรวจสอบได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงในการใช้งานด้านความปลอดภัย. ‼️ การใช้บล็อกเชนช่วยเพิ่มความโปร่งใส แต่ก็อาจมีข้อจำกัดด้านความเร็วและต้นทุนในการดำเนินการ. ‼️ การนำเทคโนโลยีนี้ไปใช้ในระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง เช่น การเข้ารหัสข้อมูลและการทำธุรกรรมออนไลน์ อาจต้องมีการทดสอบเพิ่มเติม. แนวทางการนำไปใช้ ✅ ใช้ในระบบเข้ารหัสข้อมูล เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสาร. ✅ นำไปใช้ในเกมออนไลน์และการพนัน เพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์เป็นแบบสุ่มจริง. ✅ ใช้ในงานวิจัยด้านฟิสิกส์และคณิตศาสตร์ ที่ต้องการตัวเลขสุ่มที่ตรวจสอบได้. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยี RNG ✅ IBM กำลังพัฒนาเครื่องควอนตัมคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังที่สุด คาดว่าจะเปิดตัวภายในปี 2029. ✅ การโจรกรรมคริปโตครั้งใหญ่ที่สุดมูลค่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ เกิดขึ้นจากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยของระบบ RNG. ‼️ การใช้ตัวเลขสุ่มที่ไม่ปลอดภัยอาจนำไปสู่การแฮ็กข้อมูล โดยเฉพาะในระบบที่ต้องการความปลอดภัยสูง. https://www.techspot.com/news/108329-researchers-develop-first-fully-traceable-quantum-random-number.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Quantum upgrade makes random number generation fully traceable
    Physicists at the National Institute of Standards and Technology in Boulder, Colorado, have upgraded their previously developed quantum-based method for true random number generation. Thanks to the...
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/3Um4N-sev9s?si=T-7uTPWaCqyBLjFM
    https://youtu.be/3Um4N-sev9s?si=T-7uTPWaCqyBLjFM
    0 Comments 0 Shares 15 Views 0 Reviews
  • ภัยคุกคามใหม่: มัลแวร์ที่ซ่อนตัวใน URL ของ Google
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยค้นพบมัลแวร์ชนิดใหม่ที่ใช้ Google OAuth URL เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากโปรแกรมแอนตี้ไวรัส โดยมัลแวร์นี้จะทำงานเฉพาะเมื่อผู้ใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ เช่น การชำระเงินผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ

    กลไกการโจมตี
    ✅ มัลแวร์ถูกฝังในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ใช้ Magento และอ้างอิง URL ที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย เช่น https://accounts.google.com/o/oauth2/revoke.
    ✅ ใช้เทคนิคการเข้ารหัสและการเรียกใช้โค้ดแบบไดนามิก เพื่อซ่อนตัวจากระบบรักษาความปลอดภัย.
    ✅ เปิด WebSocket เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ ทำให้สามารถควบคุมเบราว์เซอร์ของเหยื่อแบบเรียลไทม์.

    ผลกระทบและความเสี่ยง
    ‼️ มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลการชำระเงินได้โดยไม่ถูกตรวจจับ เนื่องจากใช้โดเมนของ Google ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากระบบรักษาความปลอดภัย.
    ‼️ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสทั่วไปไม่สามารถตรวจจับได้ เพราะมัลแวร์จะทำงานเฉพาะเมื่อพบคำว่า "checkout" ใน URL.
    ‼️ DNS และไฟร์วอลล์ไม่สามารถบล็อกการโจมตีนี้ได้ เนื่องจากการร้องขอเริ่มต้นมาจากโดเมนที่ถูกต้องตามกฎหมาย.

    แนวทางป้องกัน
    ✅ หลีกเลี่ยงการใช้เบราว์เซอร์เดียวกันสำหรับธุรกรรมทางการเงินและการท่องเว็บทั่วไป เพื่อจำกัดความเสี่ยง.
    ✅ ใช้เครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมของเว็บไซต์ เช่น Content Inspection Proxy เพื่อช่วยตรวจจับโค้ดที่น่าสงสัย.
    ✅ ตรวจสอบความผิดปกติของเว็บไซต์ก่อนทำธุรกรรม เช่น การโหลดหน้าเว็บที่ช้ากว่าปกติ หรือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดในหน้าชำระเงิน.

    ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภัยคุกคามไซเบอร์
    ✅ การโจมตีแบบฟิชชิ่งที่ใช้ Google Apps Script เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัว.
    ✅ การแฮ็กโดเมนย่อยของแบรนด์ดัง เช่น Bose และ Panasonic เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์.
    ‼️ มัลแวร์ที่สามารถขโมยบัญชีภาษีและข้อความเข้ารหัส โดยใช้เทคนิคที่ซับซ้อน

    https://www.techradar.com/pro/security/hackers-are-using-google-com-to-deliver-malware-by-bypassing-antivirus-software-heres-how-to-stay-safe
    ภัยคุกคามใหม่: มัลแวร์ที่ซ่อนตัวใน URL ของ Google นักวิจัยด้านความปลอดภัยค้นพบมัลแวร์ชนิดใหม่ที่ใช้ Google OAuth URL เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับจากโปรแกรมแอนตี้ไวรัส โดยมัลแวร์นี้จะทำงานเฉพาะเมื่อผู้ใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ เช่น การชำระเงินผ่านเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ กลไกการโจมตี ✅ มัลแวร์ถูกฝังในเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ใช้ Magento และอ้างอิง URL ที่ดูเหมือนไม่มีอันตราย เช่น https://accounts.google.com/o/oauth2/revoke. ✅ ใช้เทคนิคการเข้ารหัสและการเรียกใช้โค้ดแบบไดนามิก เพื่อซ่อนตัวจากระบบรักษาความปลอดภัย. ✅ เปิด WebSocket เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ของแฮกเกอร์ ทำให้สามารถควบคุมเบราว์เซอร์ของเหยื่อแบบเรียลไทม์. ผลกระทบและความเสี่ยง ‼️ มัลแวร์นี้สามารถขโมยข้อมูลการชำระเงินได้โดยไม่ถูกตรวจจับ เนื่องจากใช้โดเมนของ Google ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากระบบรักษาความปลอดภัย. ‼️ โปรแกรมแอนตี้ไวรัสทั่วไปไม่สามารถตรวจจับได้ เพราะมัลแวร์จะทำงานเฉพาะเมื่อพบคำว่า "checkout" ใน URL. ‼️ DNS และไฟร์วอลล์ไม่สามารถบล็อกการโจมตีนี้ได้ เนื่องจากการร้องขอเริ่มต้นมาจากโดเมนที่ถูกต้องตามกฎหมาย. แนวทางป้องกัน ✅ หลีกเลี่ยงการใช้เบราว์เซอร์เดียวกันสำหรับธุรกรรมทางการเงินและการท่องเว็บทั่วไป เพื่อจำกัดความเสี่ยง. ✅ ใช้เครื่องมือวิเคราะห์พฤติกรรมของเว็บไซต์ เช่น Content Inspection Proxy เพื่อช่วยตรวจจับโค้ดที่น่าสงสัย. ✅ ตรวจสอบความผิดปกติของเว็บไซต์ก่อนทำธุรกรรม เช่น การโหลดหน้าเว็บที่ช้ากว่าปกติ หรือการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดในหน้าชำระเงิน. ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับภัยคุกคามไซเบอร์ ✅ การโจมตีแบบฟิชชิ่งที่ใช้ Google Apps Script เพื่อหลอกให้ผู้ใช้กรอกข้อมูลส่วนตัว. ✅ การแฮ็กโดเมนย่อยของแบรนด์ดัง เช่น Bose และ Panasonic เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์. ‼️ มัลแวร์ที่สามารถขโมยบัญชีภาษีและข้อความเข้ารหัส โดยใช้เทคนิคที่ซับซ้อน https://www.techradar.com/pro/security/hackers-are-using-google-com-to-deliver-malware-by-bypassing-antivirus-software-heres-how-to-stay-safe
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • 🍏 Apple A20: ชิป 2nm รุ่นใหม่สำหรับ iPhone 18 Pro และ iPhone 18 Fold
    Apple เตรียมเปิดตัว ชิป A20 ซึ่งใช้กระบวนการผลิต 2nm จาก TSMC พร้อมเทคโนโลยี WMCM (Wafer-Level Multi-Chip Module) ที่ช่วยให้สามารถรวมส่วนประกอบต่างๆ เช่น CPU, GPU และหน่วยความจำ ไว้ในระดับเวเฟอร์ก่อนตัดเป็นชิปแยก

    ✅ รายละเอียดของ Apple A20
    - ใช้ กระบวนการผลิต 2nm ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน
    - ใช้ WMCM packaging ทำให้สามารถรวมหลายชิปเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    - คาดว่าจะมี ประสิทธิภาพสูงกว่า A19 ถึง 15% โดยใช้พลังงานเท่าเดิม
    - จะถูกใช้ใน iPhone 18 Pro, iPhone 18 Pro Max และ iPhone 18 Fold
    - TSMC จะผลิตชิป A20 ที่โรงงาน Chiayi AP7 โดยมีกำลังผลิต 50,000 ชิ้นต่อเดือนภายในปี 2026

    ‼️ ข้อควรระวัง
    - iPhone 18 รุ่นปกติอาจไม่ได้ใช้ WMCM packaging เพื่อประหยัดต้นทุนการผลิต
    - Apple จะยังคงใช้ RAM ขนาด 12GB เท่าเดิม ไม่มีการเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน
    - ต้องรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 4 ปี 2026 เพื่อยืนยันข้อมูลทั้งหมด

    🔍 แนวโน้มของตลาดชิปและเทคโนโลยีใหม่
    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีชิป
    - TSMC กำลังพัฒนาเทคโนโลยี 1.4nm ซึ่งอาจถูกใช้ใน Apple A22 ในอนาคต
    - Samsung และ Intel กำลังแข่งขันกับ TSMC ในการพัฒนากระบวนการผลิตที่เล็กลง
    - ตลาดชิป AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีการพัฒนา Neural Processing Units (NPU) ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับตลาดชิป
    - ต้นทุนการผลิตชิป 2nm สูงมาก อาจทำให้ราคาของ iPhone 18 Pro สูงขึ้น
    - ต้องจับตาดูการพัฒนาเทคโนโลยีของคู่แข่ง เช่น Qualcomm และ MediaTek
    - การเปลี่ยนไปใช้กระบวนการผลิตที่เล็กลงอาจมีความท้าทายด้านความร้อน และการจัดการพลังงาน

    https://wccftech.com/apple-a20-with-2nm-wmcm-packaging-exclusive-to-iphone-18-pro-and-foldable-flagship/
    🍏 Apple A20: ชิป 2nm รุ่นใหม่สำหรับ iPhone 18 Pro และ iPhone 18 Fold Apple เตรียมเปิดตัว ชิป A20 ซึ่งใช้กระบวนการผลิต 2nm จาก TSMC พร้อมเทคโนโลยี WMCM (Wafer-Level Multi-Chip Module) ที่ช่วยให้สามารถรวมส่วนประกอบต่างๆ เช่น CPU, GPU และหน่วยความจำ ไว้ในระดับเวเฟอร์ก่อนตัดเป็นชิปแยก ✅ รายละเอียดของ Apple A20 - ใช้ กระบวนการผลิต 2nm ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน - ใช้ WMCM packaging ทำให้สามารถรวมหลายชิปเข้าด้วยกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ - คาดว่าจะมี ประสิทธิภาพสูงกว่า A19 ถึง 15% โดยใช้พลังงานเท่าเดิม - จะถูกใช้ใน iPhone 18 Pro, iPhone 18 Pro Max และ iPhone 18 Fold - TSMC จะผลิตชิป A20 ที่โรงงาน Chiayi AP7 โดยมีกำลังผลิต 50,000 ชิ้นต่อเดือนภายในปี 2026 ‼️ ข้อควรระวัง - iPhone 18 รุ่นปกติอาจไม่ได้ใช้ WMCM packaging เพื่อประหยัดต้นทุนการผลิต - Apple จะยังคงใช้ RAM ขนาด 12GB เท่าเดิม ไม่มีการเพิ่มขึ้นจากรุ่นก่อน - ต้องรอการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาสที่ 4 ปี 2026 เพื่อยืนยันข้อมูลทั้งหมด 🔍 แนวโน้มของตลาดชิปและเทคโนโลยีใหม่ ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีชิป - TSMC กำลังพัฒนาเทคโนโลยี 1.4nm ซึ่งอาจถูกใช้ใน Apple A22 ในอนาคต - Samsung และ Intel กำลังแข่งขันกับ TSMC ในการพัฒนากระบวนการผลิตที่เล็กลง - ตลาดชิป AI กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีการพัฒนา Neural Processing Units (NPU) ที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับตลาดชิป - ต้นทุนการผลิตชิป 2nm สูงมาก อาจทำให้ราคาของ iPhone 18 Pro สูงขึ้น - ต้องจับตาดูการพัฒนาเทคโนโลยีของคู่แข่ง เช่น Qualcomm และ MediaTek - การเปลี่ยนไปใช้กระบวนการผลิตที่เล็กลงอาจมีความท้าทายด้านความร้อน และการจัดการพลังงาน https://wccftech.com/apple-a20-with-2nm-wmcm-packaging-exclusive-to-iphone-18-pro-and-foldable-flagship/
    WCCFTECH.COM
    Apple’s A20 Rumored To Be Exclusive To The iPhone 18 Pro, iPhone 18 Pro Max And The Company’s Foldable Flagship, Will Leverage TSMC’s Advanced 2nm Process Combined With The Newer WMCM Packaging
    TSMC’s next-generation 2nm process and WMCM packaging is rumored to be used for Apple’s A20 chipset, which will power selective iPhone 18 models
    0 Comments 0 Shares 90 Views 0 Reviews
  • 🔧 Micron เตรียมยุติการผลิต DDR4 แม้ยังมีความต้องการสูง
    Micron ได้แจ้งลูกค้าว่า ผลิตภัณฑ์หน่วยความจำ DDR4 จะเข้าสู่ช่วงสิ้นสุดอายุการใช้งาน โดยคาดว่าการจัดส่งจะลดลงภายใน 6-9 เดือนข้างหน้า ซึ่งสอดคล้องกับแผนของ Samsung และ SK Hynix ที่จะยุติการผลิต DDR4 และมุ่งเน้นไปที่ DDR5, LPDDR5 และหน่วยความจำความเร็วสูง (HBM)

    ✅ เหตุผลที่ Micron ยุติการผลิต DDR4
    - แม้ว่าความต้องการ DDR4 จะยังสูง แต่ ตลาดกำลังเปลี่ยนไปสู่ DDR5
    - ราคาของ DDR4 และ LPDDR4 ในตลาดจุดสูงกว่าราคา DDR5 ในบางกรณี
    - Micron จะให้ความสำคัญกับ ลูกค้าระยะยาวในอุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรม และเครือข่าย ซึ่งต้องการความเสถียรของผลิตภัณฑ์

    ‼️ ข้อควรระวัง
    - การขาดแคลน DDR4 อาจทำให้ราคาสูงขึ้น ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ DDR5
    - ผู้ใช้แพลตฟอร์มเก่า เช่น AM4 และ LGA 1700 อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจาก DDR4 จะหายไปจากตลาด
    - ผู้ผลิตชิปจีนอาจเข้ามาแทนที่ แต่คุณภาพและการสนับสนุนระยะยาวอาจไม่เทียบเท่าผู้ผลิตรายใหญ่

    🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหน่วยความจำ
    ✅ แนวโน้มตลาดหน่วยความจำ
    - AMD และ Intel กำลังผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ DDR5 โดยแพลตฟอร์มใหม่รองรับเฉพาะ DDR5
    - ตลาดเซิร์ฟเวอร์และอุตสาหกรรมกำลังปรับตัว ไปสู่ LPDDR5 และ HBM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    - ผู้ผลิตเมนบอร์ดอาจลดการผลิตรุ่นที่รองรับ DDR4 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มตลาด

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่าน
    - ผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดระบบอาจต้องซื้อ DDR4 ล่วงหน้า ก่อนที่สินค้าจะหมดตลาด
    - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของเมนบอร์ด หากต้องการเปลี่ยนไปใช้ DDR5
    - อาจเกิดปัญหาด้านราคาของ DDR5 หากความต้องการเพิ่มขึ้นเร็วกว่าการผลิต

    🔍 ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดหน่วยความจำ
    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่
    - Micron ได้เปิดตัว LPDDR5X รุ่นใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้น
    - SK Hynix กำลังพัฒนา GDDR7 ที่สามารถโอเวอร์คล็อกได้ถึง 34 Gbps
    - Samsung กำลังพัฒนา HBM4 เพื่อรองรับการประมวลผล AI และกราฟิกขั้นสูง

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่
    - ต้องมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์เพื่อรองรับหน่วยความจำใหม่ เช่น เมนบอร์ดและซีพียู
    - ราคาของหน่วยความจำรุ่นใหม่อาจสูงในช่วงแรก ก่อนที่ตลาดจะปรับตัว
    - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของระบบก่อนเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีใหม่

    https://www.techpowerup.com/338005/micron-announces-ddr4-sunset-amid-stronger-than-ever-demand
    🔧 Micron เตรียมยุติการผลิต DDR4 แม้ยังมีความต้องการสูง Micron ได้แจ้งลูกค้าว่า ผลิตภัณฑ์หน่วยความจำ DDR4 จะเข้าสู่ช่วงสิ้นสุดอายุการใช้งาน โดยคาดว่าการจัดส่งจะลดลงภายใน 6-9 เดือนข้างหน้า ซึ่งสอดคล้องกับแผนของ Samsung และ SK Hynix ที่จะยุติการผลิต DDR4 และมุ่งเน้นไปที่ DDR5, LPDDR5 และหน่วยความจำความเร็วสูง (HBM) ✅ เหตุผลที่ Micron ยุติการผลิต DDR4 - แม้ว่าความต้องการ DDR4 จะยังสูง แต่ ตลาดกำลังเปลี่ยนไปสู่ DDR5 - ราคาของ DDR4 และ LPDDR4 ในตลาดจุดสูงกว่าราคา DDR5 ในบางกรณี - Micron จะให้ความสำคัญกับ ลูกค้าระยะยาวในอุตสาหกรรมยานยนต์, อุตสาหกรรม และเครือข่าย ซึ่งต้องการความเสถียรของผลิตภัณฑ์ ‼️ ข้อควรระวัง - การขาดแคลน DDR4 อาจทำให้ราคาสูงขึ้น ในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ DDR5 - ผู้ใช้แพลตฟอร์มเก่า เช่น AM4 และ LGA 1700 อาจได้รับผลกระทบ เนื่องจาก DDR4 จะหายไปจากตลาด - ผู้ผลิตชิปจีนอาจเข้ามาแทนที่ แต่คุณภาพและการสนับสนุนระยะยาวอาจไม่เทียบเท่าผู้ผลิตรายใหญ่ 🌍 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมหน่วยความจำ ✅ แนวโน้มตลาดหน่วยความจำ - AMD และ Intel กำลังผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ DDR5 โดยแพลตฟอร์มใหม่รองรับเฉพาะ DDR5 - ตลาดเซิร์ฟเวอร์และอุตสาหกรรมกำลังปรับตัว ไปสู่ LPDDR5 และ HBM เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ - ผู้ผลิตเมนบอร์ดอาจลดการผลิตรุ่นที่รองรับ DDR4 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวโน้มตลาด ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการเปลี่ยนผ่าน - ผู้ใช้ที่ต้องการอัปเกรดระบบอาจต้องซื้อ DDR4 ล่วงหน้า ก่อนที่สินค้าจะหมดตลาด - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของเมนบอร์ด หากต้องการเปลี่ยนไปใช้ DDR5 - อาจเกิดปัญหาด้านราคาของ DDR5 หากความต้องการเพิ่มขึ้นเร็วกว่าการผลิต 🔍 ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับตลาดหน่วยความจำ ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ - Micron ได้เปิดตัว LPDDR5X รุ่นใหม่ ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงขึ้น - SK Hynix กำลังพัฒนา GDDR7 ที่สามารถโอเวอร์คล็อกได้ถึง 34 Gbps - Samsung กำลังพัฒนา HBM4 เพื่อรองรับการประมวลผล AI และกราฟิกขั้นสูง ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ - ต้องมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์เพื่อรองรับหน่วยความจำใหม่ เช่น เมนบอร์ดและซีพียู - ราคาของหน่วยความจำรุ่นใหม่อาจสูงในช่วงแรก ก่อนที่ตลาดจะปรับตัว - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของระบบก่อนเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีใหม่ https://www.techpowerup.com/338005/micron-announces-ddr4-sunset-amid-stronger-than-ever-demand
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Micron Announces DDR4 Sunset Amid Stronger‑Than‑Ever Demand
    Micron has informed its customers that its DDR4 memory products will reach the end of life in the coming quarters, with shipments expected to taper off over the next six to nine months. This announcement aligns Micron with the earlier plans of Samsung and SK Hynix to discontinue DDR4 production and ...
    0 Comments 0 Shares 89 Views 0 Reviews
  • 🎮 เมนบอร์ด PS1 ใหม่จากการย้อนรอยวิศวกรรม
    Lorentio Brodesco นักอิเล็กทรอนิกส์ชาวอิตาลีได้ออกแบบและสร้าง เมนบอร์ด PlayStation 1 ใหม่ โดยใช้เทคนิคย้อนรอยวิศวกรรม ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่มีการสร้างเมนบอร์ด PS1 ใหม่จากศูนย์

    ✅ รายละเอียดของเมนบอร์ด nsOne
    - เมนบอร์ด nsOne สามารถใช้กับ ชิปดั้งเดิมของ PS1 ได้ เช่น CPU, GPU, SPU, RAM และตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้า
    - ไม่ใช่ อีมูเลเตอร์ หรือ FPGA แต่เป็น เมนบอร์ดจริง ที่สามารถใช้กับชิ้นส่วนของ PS1 ได้โดยตรง
    - รองรับ เคสของ PS1 รุ่นดั้งเดิม และเพิ่ม พอร์ตขนาน ที่เคยถูกตัดออกจากรุ่น SCPH-900X
    - เปิดตัวผ่าน Kickstarter โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $40 สำหรับบอร์ดเปล่า และ $95 สำหรับบอร์ดที่มีชิปครบชุด

    ‼️ ข้อควรระวัง
    - ผู้ซื้อบอร์ดเปล่าต้องมีทักษะในการบัดกรีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สามารถใช้งานได้
    - การสนับสนุนโครงการ Kickstarter ไม่รับประกันว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นการลงทุนในโครงการพัฒนา
    - ต้องใช้ชิ้นส่วนจาก PS1 ดั้งเดิม ซึ่งอาจหายากหรือมีราคาสูง

    🔍 แนวโน้มของการย้อนรอยวิศวกรรมในวงการเกม
    ✅ การฟื้นฟูฮาร์ดแวร์เกมเก่า
    - มีการพัฒนา FPGA และอีมูเลเตอร์ เพื่อให้สามารถเล่นเกมเก่าได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ดั้งเดิม
    - นักพัฒนาอิสระเริ่มสร้าง เมนบอร์ดใหม่สำหรับเครื่องเกมเก่า เช่น SNES และ Sega Genesis
    - การย้อนรอยวิศวกรรมช่วยให้ นักสะสมสามารถซ่อมแซมเครื่องเกมเก่า ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนจาก Sony

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการย้อนรอยวิศวกรรม
    - ต้องมีความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์และการบัดกรี เพื่อให้สามารถใช้งานบอร์ดใหม่ได้
    - อาจมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ หากมีการใช้ชิ้นส่วนที่ออกแบบโดย Sony
    - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของชิ้นส่วน เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์

    🌍 อนาคตของการซ่อมแซมเครื่องเกมเก่า
    ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเครื่องเกมคลาสสิก
    - มีการพัฒนา ชิป FPGA ที่จำลองการทำงานของ CPU และ GPU ดั้งเดิม เพื่อให้สามารถเล่นเกมเก่าได้
    - นักพัฒนาเริ่มสร้าง อุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องเกมเก่า เช่น HDMI mod สำหรับ Nintendo 64
    - การใช้ 3D Printing ช่วยให้สามารถสร้างชิ้นส่วนที่หายากได้ เช่น ปุ่มและเคสของเครื่องเกมเก่า

    ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการซ่อมแซมเครื่องเกมเก่า
    - ต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของชิ้นส่วน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นของแท้และมีคุณภาพดี
    - ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการทำงานของระบบเกม เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการซ่อมแซม
    - ต้องมีการทดสอบก่อนใช้งานจริง เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง

    https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/first-reverse-engineered-sony-ps1-motherboard-enables-fixing-broken-systems-bare-pcbs-for-usd40-boards-with-chips-for-usd95
    🎮 เมนบอร์ด PS1 ใหม่จากการย้อนรอยวิศวกรรม Lorentio Brodesco นักอิเล็กทรอนิกส์ชาวอิตาลีได้ออกแบบและสร้าง เมนบอร์ด PlayStation 1 ใหม่ โดยใช้เทคนิคย้อนรอยวิศวกรรม ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปีที่มีการสร้างเมนบอร์ด PS1 ใหม่จากศูนย์ ✅ รายละเอียดของเมนบอร์ด nsOne - เมนบอร์ด nsOne สามารถใช้กับ ชิปดั้งเดิมของ PS1 ได้ เช่น CPU, GPU, SPU, RAM และตัวควบคุมแรงดันไฟฟ้า - ไม่ใช่ อีมูเลเตอร์ หรือ FPGA แต่เป็น เมนบอร์ดจริง ที่สามารถใช้กับชิ้นส่วนของ PS1 ได้โดยตรง - รองรับ เคสของ PS1 รุ่นดั้งเดิม และเพิ่ม พอร์ตขนาน ที่เคยถูกตัดออกจากรุ่น SCPH-900X - เปิดตัวผ่าน Kickstarter โดยมีราคาเริ่มต้นที่ $40 สำหรับบอร์ดเปล่า และ $95 สำหรับบอร์ดที่มีชิปครบชุด ‼️ ข้อควรระวัง - ผู้ซื้อบอร์ดเปล่าต้องมีทักษะในการบัดกรีชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ - การสนับสนุนโครงการ Kickstarter ไม่รับประกันว่าจะได้รับผลิตภัณฑ์ เนื่องจากเป็นการลงทุนในโครงการพัฒนา - ต้องใช้ชิ้นส่วนจาก PS1 ดั้งเดิม ซึ่งอาจหายากหรือมีราคาสูง 🔍 แนวโน้มของการย้อนรอยวิศวกรรมในวงการเกม ✅ การฟื้นฟูฮาร์ดแวร์เกมเก่า - มีการพัฒนา FPGA และอีมูเลเตอร์ เพื่อให้สามารถเล่นเกมเก่าได้โดยไม่ต้องใช้ฮาร์ดแวร์ดั้งเดิม - นักพัฒนาอิสระเริ่มสร้าง เมนบอร์ดใหม่สำหรับเครื่องเกมเก่า เช่น SNES และ Sega Genesis - การย้อนรอยวิศวกรรมช่วยให้ นักสะสมสามารถซ่อมแซมเครื่องเกมเก่า ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาชิ้นส่วนจาก Sony ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการย้อนรอยวิศวกรรม - ต้องมีความรู้ด้านอิเล็กทรอนิกส์และการบัดกรี เพื่อให้สามารถใช้งานบอร์ดใหม่ได้ - อาจมีข้อจำกัดด้านลิขสิทธิ์ หากมีการใช้ชิ้นส่วนที่ออกแบบโดย Sony - ต้องตรวจสอบความเข้ากันได้ของชิ้นส่วน เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ 🌍 อนาคตของการซ่อมแซมเครื่องเกมเก่า ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับเครื่องเกมคลาสสิก - มีการพัฒนา ชิป FPGA ที่จำลองการทำงานของ CPU และ GPU ดั้งเดิม เพื่อให้สามารถเล่นเกมเก่าได้ - นักพัฒนาเริ่มสร้าง อุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องเกมเก่า เช่น HDMI mod สำหรับ Nintendo 64 - การใช้ 3D Printing ช่วยให้สามารถสร้างชิ้นส่วนที่หายากได้ เช่น ปุ่มและเคสของเครื่องเกมเก่า ‼️ ข้อควรระวังเกี่ยวกับการซ่อมแซมเครื่องเกมเก่า - ต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของชิ้นส่วน เพื่อให้แน่ใจว่าเป็นของแท้และมีคุณภาพดี - ต้องมีความรู้เกี่ยวกับการทำงานของระบบเกม เพื่อป้องกันความเสียหายระหว่างการซ่อมแซม - ต้องมีการทดสอบก่อนใช้งานจริง เพื่อให้แน่ใจว่าเครื่องสามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/first-reverse-engineered-sony-ps1-motherboard-enables-fixing-broken-systems-bare-pcbs-for-usd40-boards-with-chips-for-usd95
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานอิสราเอลสั่งหยุดการผลิตก๊าซจากแหล่งก๊าซ Leviathan ชั่วคราว ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซที่ใหญ่ที่สุด หลังถูกอิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธที่ไฮฟา (Haifa)

    อิสราเอลผลิตก๊าซจากแหล่งก๊าซ Leviathan ได้ 11,400 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี มากที่สุดของอิสราเอล รองลงมาคือแหล่งก๊าซ Tamar ผลิตได้ 10,200 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

    สื่อฮีบรูรายงานว่า ท่อส่งก๊าซที่ส่งต่อไปให้โรงผลิตก๊าซใน Haifa ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง และโรงผลิตภายในพื้นที่หลายแห่งต้องปิดตัวลง หลังถูกอิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธเมื่อคืนนี้ ทำให้การไหลของก๊าซจากแหล่งก๊าซ Karish และ Leviathan ต้องหยุดลง

    ขณะที่บริษัท Haifa Oil Refineries ได้ประกาศว่าโรงงานแห่งหนึ่งของบริษัทได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงอันเป็นผลจากขีปนาวุธของอิหร่านที่โจมตีเมื่อคืนนี้

    (รูปแผนที่เป็นเพียงภาพประกอบให้รู้ตำแหน่ง)
    รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานอิสราเอลสั่งหยุดการผลิตก๊าซจากแหล่งก๊าซ Leviathan ชั่วคราว ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซที่ใหญ่ที่สุด หลังถูกอิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธที่ไฮฟา (Haifa) อิสราเอลผลิตก๊าซจากแหล่งก๊าซ Leviathan ได้ 11,400 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี มากที่สุดของอิสราเอล รองลงมาคือแหล่งก๊าซ Tamar ผลิตได้ 10,200 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี สื่อฮีบรูรายงานว่า ท่อส่งก๊าซที่ส่งต่อไปให้โรงผลิตก๊าซใน Haifa ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง และโรงผลิตภายในพื้นที่หลายแห่งต้องปิดตัวลง หลังถูกอิหร่านโจมตีด้วยขีปนาวุธเมื่อคืนนี้ ทำให้การไหลของก๊าซจากแหล่งก๊าซ Karish และ Leviathan ต้องหยุดลง ขณะที่บริษัท Haifa Oil Refineries ได้ประกาศว่าโรงงานแห่งหนึ่งของบริษัทได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงอันเป็นผลจากขีปนาวุธของอิหร่านที่โจมตีเมื่อคืนนี้ (รูปแผนที่เป็นเพียงภาพประกอบให้รู้ตำแหน่ง)
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • 🖥️ การตรวจสอบ PowerShell เพื่อป้องกันภัยคุกคาม
    PowerShell เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ดูแลระบบ แต่ก็เป็นช่องทางที่ผู้โจมตีใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ✅ กรณีศึกษาการโจมตี
    - ผู้โจมตีใช้ Alpha Agent และ Splashtop Streamer เพื่อเข้าถึงเครื่องของที่ปรึกษา
    - ใช้ WinGet ในการอัปเดตและติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถควบคุมเครื่องจากระยะไกล
    - ติดตั้ง Atera Agent และ Screen Connect เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึง
    - การเชื่อมต่อมาจาก เครื่องเสมือนในศูนย์ข้อมูลสหรัฐฯ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ

    ‼️ ข้อควรระวัง
    - การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้มัลแวร์ แต่ใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในระบบแทน
    - ต้องตรวจสอบกิจกรรม PowerShell อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการใช้คำสั่งที่น่าสงสัย
    - ควรมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงจากระยะไกล เช่น การจำกัดการใช้เครื่องมือควบคุมระยะไกล

    🔍 แนวทางป้องกัน
    ✅ การตั้งค่าการลดพื้นผิวการโจมตี
    - บล็อกการรันไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอีเมลและเว็บเมล
    - บล็อกการรันไฟล์ที่ไม่อยู่ในรายการที่เชื่อถือได้
    - บล็อกการรันสคริปต์ที่มีการเข้ารหัสหรือซ่อนคำสั่ง
    - บล็อกการสร้างกระบวนการจากคำสั่ง PSExec และ WMI

    ‼️ ข้อควรระวังในการตั้งค่าความปลอดภัย
    - ต้องตรวจสอบการแจ้งเตือนจาก Microsoft Defender อย่างละเอียด เพราะอาจมีข้อมูลผิดพลาด
    - ควรมีระบบตรวจสอบการใช้เครื่องมือควบคุมระยะไกล เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ควรมีการบันทึกและตรวจสอบคำสั่ง PowerShell เพื่อค้นหาพฤติกรรมที่ผิดปกติ

    🛡️ การตั้งค่าการตรวจสอบ PowerShell
    ✅ การเปิดใช้งานการบันทึกคำสั่ง PowerShell
    - ใช้ Group Policy เพื่อเปิดใช้งาน Script Block Logging
    - ใช้ Microsoft Intune เพื่อกำหนดค่าการบันทึกคำสั่ง PowerShell
    - ตรวจสอบ Event ID 4104 ในบันทึกเหตุการณ์เพื่อค้นหาคำสั่งที่น่าสงสัย

    ‼️ ข้อควรระวังในการตรวจสอบ
    - ต้องมีระบบกลางสำหรับจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้สามารถตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติได้
    - ต้องมีการตรวจสอบคำสั่งที่พยายามเข้าถึง LSASS หรือใช้ Mimikatz เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลรับรอง

    https://www.csoonline.com/article/4006326/how-to-log-and-monitor-powershell-activity-for-suspicious-scripts-and-commands.html
    🖥️ การตรวจสอบ PowerShell เพื่อป้องกันภัยคุกคาม PowerShell เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์สำหรับผู้ดูแลระบบ แต่ก็เป็นช่องทางที่ผู้โจมตีใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจจับและเข้าถึงระบบโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ กรณีศึกษาการโจมตี - ผู้โจมตีใช้ Alpha Agent และ Splashtop Streamer เพื่อเข้าถึงเครื่องของที่ปรึกษา - ใช้ WinGet ในการอัปเดตและติดตั้งซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้สามารถควบคุมเครื่องจากระยะไกล - ติดตั้ง Atera Agent และ Screen Connect เพื่อเพิ่มช่องทางการเข้าถึง - การเชื่อมต่อมาจาก เครื่องเสมือนในศูนย์ข้อมูลสหรัฐฯ ทำให้ยากต่อการตรวจจับ ‼️ ข้อควรระวัง - การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องใช้มัลแวร์ แต่ใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในระบบแทน - ต้องตรวจสอบกิจกรรม PowerShell อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการใช้คำสั่งที่น่าสงสัย - ควรมีมาตรการป้องกันการเข้าถึงจากระยะไกล เช่น การจำกัดการใช้เครื่องมือควบคุมระยะไกล 🔍 แนวทางป้องกัน ✅ การตั้งค่าการลดพื้นผิวการโจมตี - บล็อกการรันไฟล์ที่ดาวน์โหลดจากอีเมลและเว็บเมล - บล็อกการรันไฟล์ที่ไม่อยู่ในรายการที่เชื่อถือได้ - บล็อกการรันสคริปต์ที่มีการเข้ารหัสหรือซ่อนคำสั่ง - บล็อกการสร้างกระบวนการจากคำสั่ง PSExec และ WMI ‼️ ข้อควรระวังในการตั้งค่าความปลอดภัย - ต้องตรวจสอบการแจ้งเตือนจาก Microsoft Defender อย่างละเอียด เพราะอาจมีข้อมูลผิดพลาด - ควรมีระบบตรวจสอบการใช้เครื่องมือควบคุมระยะไกล เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต - ควรมีการบันทึกและตรวจสอบคำสั่ง PowerShell เพื่อค้นหาพฤติกรรมที่ผิดปกติ 🛡️ การตั้งค่าการตรวจสอบ PowerShell ✅ การเปิดใช้งานการบันทึกคำสั่ง PowerShell - ใช้ Group Policy เพื่อเปิดใช้งาน Script Block Logging - ใช้ Microsoft Intune เพื่อกำหนดค่าการบันทึกคำสั่ง PowerShell - ตรวจสอบ Event ID 4104 ในบันทึกเหตุการณ์เพื่อค้นหาคำสั่งที่น่าสงสัย ‼️ ข้อควรระวังในการตรวจสอบ - ต้องมีระบบกลางสำหรับจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้สามารถตรวจสอบพฤติกรรมที่ผิดปกติได้ - ต้องมีการตรวจสอบคำสั่งที่พยายามเข้าถึง LSASS หรือใช้ Mimikatz เพื่อป้องกันการขโมยข้อมูลรับรอง https://www.csoonline.com/article/4006326/how-to-log-and-monitor-powershell-activity-for-suspicious-scripts-and-commands.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    How to log and monitor PowerShell activity for suspicious scripts and commands
    Attackers are increasingly abusing sanctioned tools to subvert automated defenses. Tracking your Windows fleet’s PowerShell use — especially consultant workstations — can provide early indications of nefarious activity.
    0 Comments 0 Shares 69 Views 0 Reviews
  • Wine 10.10 ได้เปิดตัวแล้ว! เวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมกับ การอัปเดต Mono engine เป็นเวอร์ชัน 10.1.0 ซึ่งช่วยให้รองรับ .NET Framework ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการ ถอด OSMesa library ออกจากระบบ ทำให้การเรนเดอร์กราฟิกผ่าน OpenGL มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    นอกจากการปรับปรุงโครงสร้างแล้ว Wine 10.10 ยังได้แก้ไข 38 ข้อผิดพลาด ที่ส่งผลกระทบต่อแอปพลิเคชันและเกมหลายตัว เช่น
    - F.E.A.R. แก้ไขปัญหาเกมค้างและข้อผิดพลาด "Out of memory"
    - S.T.A.L.K.E.R.: Anomaly แก้ไขปัญหาเกมล่มเมื่อโหลดเซฟไฟล์
    - StarCraft Remastered แก้ไขปัญหาเกมไม่สามารถเริ่มต้นได้ใน Wine 10.5
    - Steam Big Picture Mode แก้ไขปัญหาหน้าจอดำเมื่อใช้ d3d10

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการรองรับ Windows Runtime metadata ใน WIDL และอัปเดตข้อมูลโลแคลให้เป็น Unicode CLDR 47

    แนวโน้มของ Wine: Wine ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รองรับแอปพลิเคชัน Windows ได้ดีขึ้นบน Linux และ macOS

    การเปลี่ยนแปลงของ OpenGL: การถอด OSMesa library อาจส่งผลให้บางแอปพลิเคชันที่พึ่งพาไลบรารีนี้ต้องปรับตัวไปใช้โซลูชันอื่น

    การพัฒนาเกมบน Linux: การแก้ไขข้อผิดพลาดในเกมยอดนิยมช่วยให้ Wine เป็นตัวเลือกที่ดีขึ้นสำหรับนักเล่นเกมที่ต้องการรันเกม Windows บน Linux

    ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Wine 10.10
    - อัปเดต Mono engine เป็นเวอร์ชัน 10.1.0
    - ถอด OSMesa library ออกจากระบบเพื่อปรับปรุงการเรนเดอร์กราฟิก
    - แก้ไขข้อผิดพลาด 38 รายการ รวมถึงปัญหาในเกมยอดนิยม

    ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง
    - การถอด OSMesa library อาจทำให้บางแอปพลิเคชันที่พึ่งพาไลบรารีนี้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
    - ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของแอปพลิเคชันก่อนอัปเดต Wine
    - แม้จะมีการแก้ไขข้อผิดพลาด แต่ยังอาจมีบั๊กใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง

    https://www.neowin.net/news/wine-1010-released-brings-updated-mono-engine-bug-fixes-for-several-games-and-more/
    Wine 10.10 ได้เปิดตัวแล้ว! เวอร์ชันใหม่นี้มาพร้อมกับ การอัปเดต Mono engine เป็นเวอร์ชัน 10.1.0 ซึ่งช่วยให้รองรับ .NET Framework ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการ ถอด OSMesa library ออกจากระบบ ทำให้การเรนเดอร์กราฟิกผ่าน OpenGL มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากการปรับปรุงโครงสร้างแล้ว Wine 10.10 ยังได้แก้ไข 38 ข้อผิดพลาด ที่ส่งผลกระทบต่อแอปพลิเคชันและเกมหลายตัว เช่น - F.E.A.R. แก้ไขปัญหาเกมค้างและข้อผิดพลาด "Out of memory" - S.T.A.L.K.E.R.: Anomaly แก้ไขปัญหาเกมล่มเมื่อโหลดเซฟไฟล์ - StarCraft Remastered แก้ไขปัญหาเกมไม่สามารถเริ่มต้นได้ใน Wine 10.5 - Steam Big Picture Mode แก้ไขปัญหาหน้าจอดำเมื่อใช้ d3d10 นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการรองรับ Windows Runtime metadata ใน WIDL และอัปเดตข้อมูลโลแคลให้เป็น Unicode CLDR 47 แนวโน้มของ Wine: Wine ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้รองรับแอปพลิเคชัน Windows ได้ดีขึ้นบน Linux และ macOS การเปลี่ยนแปลงของ OpenGL: การถอด OSMesa library อาจส่งผลให้บางแอปพลิเคชันที่พึ่งพาไลบรารีนี้ต้องปรับตัวไปใช้โซลูชันอื่น การพัฒนาเกมบน Linux: การแก้ไขข้อผิดพลาดในเกมยอดนิยมช่วยให้ Wine เป็นตัวเลือกที่ดีขึ้นสำหรับนักเล่นเกมที่ต้องการรันเกม Windows บน Linux ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน Wine 10.10 - อัปเดต Mono engine เป็นเวอร์ชัน 10.1.0 - ถอด OSMesa library ออกจากระบบเพื่อปรับปรุงการเรนเดอร์กราฟิก - แก้ไขข้อผิดพลาด 38 รายการ รวมถึงปัญหาในเกมยอดนิยม ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง - การถอด OSMesa library อาจทำให้บางแอปพลิเคชันที่พึ่งพาไลบรารีนี้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ - ผู้ใช้ควรตรวจสอบความเข้ากันได้ของแอปพลิเคชันก่อนอัปเดต Wine - แม้จะมีการแก้ไขข้อผิดพลาด แต่ยังอาจมีบั๊กใหม่ที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง https://www.neowin.net/news/wine-1010-released-brings-updated-mono-engine-bug-fixes-for-several-games-and-more/
    WWW.NEOWIN.NET
    Wine 10.10 released, brings updated Mono engine, bug fixes for several games, and more
    Wine 10.10 is now live, with an updated Mono engine and fixes for games like Rise of Nations and Burger Shop.
    0 Comments 0 Shares 63 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้เปิดตัว Microsoft 365 Copilot Notebooks ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Copilot Chat, ไฟล์, โน้ต และลิงก์ ไว้ในที่เดียวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ลูกค้าองค์กร ที่มี Microsoft 365 Copilot, SharePoint หรือ OneDrive licenses และสามารถใช้งานได้บน OneNote เวอร์ชัน 2504 (Build 18827.20128) หรือใหม่กว่า

    สรุปเนื้อหาข่าว
    ✅ Microsoft 365 Copilot Notebooks ถูกผนวกเข้ากับ OneNote บน Windows เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
    ✅ ผู้ใช้สามารถสร้าง Copilot Notebook ได้โดยไปที่ Home > Create Copilot Notebook หรือ New notebook และสามารถเพิ่มเอกสารอ้างอิง เช่น OneNote pages, .docx, .pptx, .xlsx, .pdf หรือ .loop files เพื่อให้ Copilot มีบริบทในการให้คำตอบที่แม่นยำขึ้น
    ✅ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สรุปข้อมูล, วิเคราะห์เอกสาร และสร้างเนื้อหาเสียง ได้
    ✅ มีข้อจำกัดบางประการ เช่น สามารถเพิ่มไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 20 ไฟล์ และสามารถเพิ่มได้เฉพาะ หน้า OneNote แต่ไม่สามารถเพิ่ม sections หรือ notebooks ได้
    ✅ ฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ยังไม่สามารถใช้งานได้ใน Copilot Notebooks เช่น tags, section groups, inking, templates, password protection, Immersive Reader และ offline support
    ✅ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานในรูปแบบ Insider Preview ซึ่ง Microsoft อาจปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ
    ✅ AI ในการทำงาน: การใช้ AI เช่น Copilot ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยลดเวลาที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหา
    ✅ แนวโน้มของ AI ในองค์กร: หลายองค์กรเริ่มนำ AI มาใช้เพื่อช่วยในการจัดการข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
    ✅ การเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่น: Copilot Notebooks มีความคล้ายคลึงกับเครื่องมือจัดการข้อมูลอื่น ๆ เช่น Notion หรือ Evernote แต่มีการผสานรวมกับ Microsoft 365 ทำให้สะดวกต่อผู้ใช้ที่อยู่ในระบบของ Microsoft

    ‼️ ข้อจำกัดของฟีเจอร์: ผู้ใช้ควรทราบว่า Copilot Notebooks ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น จำนวนไฟล์ที่สามารถเพิ่มได้ และฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ที่ยังไม่รองรับ
    ‼️ การใช้งานในองค์กร: เนื่องจากฟีเจอร์นี้ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กร ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงได้
    ‼️ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: การใช้ AI ในการจัดการข้อมูลอาจมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายการใช้งานของ Microsoft เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของตนได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม

    https://www.neowin.net/news/microsoft-365-copilot-notebooks-now-integrated-in-onenote-on-windows/
    Microsoft ได้เปิดตัว Microsoft 365 Copilot Notebooks ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เช่น Copilot Chat, ไฟล์, โน้ต และลิงก์ ไว้ในที่เดียวกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน โดยฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อ ลูกค้าองค์กร ที่มี Microsoft 365 Copilot, SharePoint หรือ OneDrive licenses และสามารถใช้งานได้บน OneNote เวอร์ชัน 2504 (Build 18827.20128) หรือใหม่กว่า สรุปเนื้อหาข่าว ✅ Microsoft 365 Copilot Notebooks ถูกผนวกเข้ากับ OneNote บน Windows เพื่อช่วยให้ผู้ใช้สามารถรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ผู้ใช้สามารถสร้าง Copilot Notebook ได้โดยไปที่ Home > Create Copilot Notebook หรือ New notebook และสามารถเพิ่มเอกสารอ้างอิง เช่น OneNote pages, .docx, .pptx, .xlsx, .pdf หรือ .loop files เพื่อให้ Copilot มีบริบทในการให้คำตอบที่แม่นยำขึ้น ✅ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ สรุปข้อมูล, วิเคราะห์เอกสาร และสร้างเนื้อหาเสียง ได้ ✅ มีข้อจำกัดบางประการ เช่น สามารถเพิ่มไฟล์อ้างอิงได้สูงสุด 20 ไฟล์ และสามารถเพิ่มได้เฉพาะ หน้า OneNote แต่ไม่สามารถเพิ่ม sections หรือ notebooks ได้ ✅ ฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ยังไม่สามารถใช้งานได้ใน Copilot Notebooks เช่น tags, section groups, inking, templates, password protection, Immersive Reader และ offline support ✅ ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานในรูปแบบ Insider Preview ซึ่ง Microsoft อาจปรับปรุงเพิ่มเติมก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ✅ AI ในการทำงาน: การใช้ AI เช่น Copilot ช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยลดเวลาที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูลและสร้างเนื้อหา ✅ แนวโน้มของ AI ในองค์กร: หลายองค์กรเริ่มนำ AI มาใช้เพื่อช่วยในการจัดการข้อมูลและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ✅ การเปรียบเทียบกับเครื่องมืออื่น: Copilot Notebooks มีความคล้ายคลึงกับเครื่องมือจัดการข้อมูลอื่น ๆ เช่น Notion หรือ Evernote แต่มีการผสานรวมกับ Microsoft 365 ทำให้สะดวกต่อผู้ใช้ที่อยู่ในระบบของ Microsoft ‼️ ข้อจำกัดของฟีเจอร์: ผู้ใช้ควรทราบว่า Copilot Notebooks ยังมีข้อจำกัดหลายประการ เช่น จำนวนไฟล์ที่สามารถเพิ่มได้ และฟีเจอร์บางอย่างของ OneNote ที่ยังไม่รองรับ ‼️ การใช้งานในองค์กร: เนื่องจากฟีเจอร์นี้ออกแบบมาสำหรับลูกค้าองค์กร ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงได้ ‼️ ความเป็นส่วนตัวของข้อมูล: การใช้ AI ในการจัดการข้อมูลอาจมีข้อกังวลเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว ผู้ใช้ควรตรวจสอบนโยบายการใช้งานของ Microsoft เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลของตนได้รับการปกป้องอย่างเหมาะสม https://www.neowin.net/news/microsoft-365-copilot-notebooks-now-integrated-in-onenote-on-windows/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft 365 Copilot Notebooks now integrated in OneNote on Windows
    Microsoft has announced the availability of Microsoft 365 Copilot Notebooks in OneNote for Windows as an Insider preview for Enterprise customers.
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • เรื่องราวของ Plasma 6.4 และอนาคตของ 6.5
    ทีม KDE กำลังเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Plasma 6.4 ก่อนเปิดตัววันที่ 17 มิถุนายน 2025 หลังจากที่สัปดาห์ก่อนมีการปรับปรุงเรื่องความเร็วในการโหลด ตอนนี้พวกเขาเดินหน้าต่อด้วยการเพิ่ม Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอย นี่เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Wayland ทัดเทียมกับ X11 มากขึ้น

    นอกจากนี้ การปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่:
    ✅ ปรับปรุง Blur effect โดยรวม Background Contrast effect เข้าไป
    ✅ สามารถจัดเรียง Virtual desktops จาก Pager widget ได้แล้ว
    ✅ ตั้งค่าการ Invert และ Zoom ถูกย้ายไปที่หน้า Accessibility
    ✅ ปรับปรุง Breeze application style ให้มีแอนิเมชันในเช็คบ็อกซ์และปุ่มตัวเลือกในแอปที่ใช้ QtQuick
    ✅ แก้ไขปัญหาผู้ใช้ไม่รู้วิธีหยุดบันทึกหน้าจอใน Spectacle ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

    ปรับปรุงเสถียรภาพใน Plasma 6.4
    ✅ การเพิ่มวิดเจ็ตไปที่ oversized panels ไม่ทำให้ shell ค้างอีกต่อไป
    ✅ แก้ปัญหา Discover ที่เคยแครชเมื่อแนะนำแอปแทนที่สำหรับ Flatpak ที่ไม่รองรับ
    ✅ ลากไฟล์ไปวางใน Folder View widget ไม่ทำให้เกิดภาพกระตุก
    ✅ กล่องบันทึกไฟล์จาก Flatpak browsers อนุญาตให้เปิดหน้า preview แล้ว
    ✅ การพิมพ์จาก Flatpak GTK apps แสดงขนาดที่ถูกต้อง

    ฟีเจอร์ที่กำลังพัฒนาสำหรับ Plasma 6.5
    ✅ Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland— ใช้ Wayland PiP protocol เวอร์ชันทดลอง ทำให้แอปอย่าง Firefox สามารถแสดงหน้าต่าง PiP ได้อย่างถูกต้อง
    ✅ แก้ไขปัญหา UI เพื่อปรับปรุง ความคมชัดของข้อความ ในเมนูและป้ายกำกับต่างๆ
    ✅ Kicker Application Menu สามารถเลื่อนแนวนอนได้เมื่อมีผลค้นหาจำนวนมาก

    ‼️ ถึงแม้จะมีการแก้ไขหลายจุด แต่ยังมี 3 บั๊กระดับสูง ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
    ‼️ ปัญหา "15-minute bugs" เพิ่มขึ้นถึง 23 จุด ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป

    โดยรวมแล้ว Plasma 6.4 ดูจะเป็นอัปเดตที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน ส่วน Plasma 6.5 กำลังเตรียมตัวกับฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้รอคอย

    https://www.neowin.net/news/kde-brings-wayland-pip-to-plasma-65-adds-finishing-touches-to-64-as-release-nears/
    เรื่องราวของ Plasma 6.4 และอนาคตของ 6.5 ทีม KDE กำลังเพิ่มประสิทธิภาพและเสริมฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Plasma 6.4 ก่อนเปิดตัววันที่ 17 มิถุนายน 2025 หลังจากที่สัปดาห์ก่อนมีการปรับปรุงเรื่องความเร็วในการโหลด ตอนนี้พวกเขาเดินหน้าต่อด้วยการเพิ่ม Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่หลายคนรอคอย นี่เป็นก้าวสำคัญที่ช่วยให้ Wayland ทัดเทียมกับ X11 มากขึ้น นอกจากนี้ การปรับปรุงอื่นๆ ได้แก่: ✅ ปรับปรุง Blur effect โดยรวม Background Contrast effect เข้าไป ✅ สามารถจัดเรียง Virtual desktops จาก Pager widget ได้แล้ว ✅ ตั้งค่าการ Invert และ Zoom ถูกย้ายไปที่หน้า Accessibility ✅ ปรับปรุง Breeze application style ให้มีแอนิเมชันในเช็คบ็อกซ์และปุ่มตัวเลือกในแอปที่ใช้ QtQuick ✅ แก้ไขปัญหาผู้ใช้ไม่รู้วิธีหยุดบันทึกหน้าจอใน Spectacle ให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปรับปรุงเสถียรภาพใน Plasma 6.4 ✅ การเพิ่มวิดเจ็ตไปที่ oversized panels ไม่ทำให้ shell ค้างอีกต่อไป ✅ แก้ปัญหา Discover ที่เคยแครชเมื่อแนะนำแอปแทนที่สำหรับ Flatpak ที่ไม่รองรับ ✅ ลากไฟล์ไปวางใน Folder View widget ไม่ทำให้เกิดภาพกระตุก ✅ กล่องบันทึกไฟล์จาก Flatpak browsers อนุญาตให้เปิดหน้า preview แล้ว ✅ การพิมพ์จาก Flatpak GTK apps แสดงขนาดที่ถูกต้อง ฟีเจอร์ที่กำลังพัฒนาสำหรับ Plasma 6.5 ✅ Picture-in-Picture (PiP) บน Wayland— ใช้ Wayland PiP protocol เวอร์ชันทดลอง ทำให้แอปอย่าง Firefox สามารถแสดงหน้าต่าง PiP ได้อย่างถูกต้อง ✅ แก้ไขปัญหา UI เพื่อปรับปรุง ความคมชัดของข้อความ ในเมนูและป้ายกำกับต่างๆ ✅ Kicker Application Menu สามารถเลื่อนแนวนอนได้เมื่อมีผลค้นหาจำนวนมาก ‼️ ถึงแม้จะมีการแก้ไขหลายจุด แต่ยังมี 3 บั๊กระดับสูง ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข ‼️ ปัญหา "15-minute bugs" เพิ่มขึ้นถึง 23 จุด ซึ่งยังต้องแก้ไขต่อไป โดยรวมแล้ว Plasma 6.4 ดูจะเป็นอัปเดตที่ช่วยเพิ่มเสถียรภาพและปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน ส่วน Plasma 6.5 กำลังเตรียมตัวกับฟีเจอร์ใหม่ที่ผู้ใช้รอคอย https://www.neowin.net/news/kde-brings-wayland-pip-to-plasma-65-adds-finishing-touches-to-64-as-release-nears/
    WWW.NEOWIN.NET
    KDE brings Wayland PiP to Plasma 6.5, adds finishing touches to 6.4 as release nears
    In the latest "This Week in Plasma", the KDE team outlined key updates coming to Plasma 6.4 and 6.5, including critical bug fixes and new features like Wayland Picture-in-Picture.
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • อันนี้คลิปที่สัมภาษณ์ พล.ท.กนก

    https://www.youtube.com/live/kG_XgpBHtLI?si=XgC9S6FpEVs4Mnop
    อันนี้คลิปที่สัมภาษณ์ พล.ท.กนก https://www.youtube.com/live/kG_XgpBHtLI?si=XgC9S6FpEVs4Mnop
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • เรเชล รีฟส์ (Rachel Reeves) รัฐมนตรีคลังของอังกฤษเผยกับ Sky News ว่า อังกฤษอาจพิจารณาเข้าร่วมสนับสนุนอิสราเอลในการรบกับอิหร่าน

    “อิสราเอลมีสิทธิที่จะปกป้องตัวเอง เรากำลังส่งกำลังทหารไปช่วยพันธมิตรของเรา ฉันจะไม่ตัดประเด็นใดๆ ออกไป”

    โดยรีฟส์กล่าวว่า ขณะนี้อังกฤษได้ส่งเครื่องบินรบเข้าสู่ตะวันออกกลาง เพื่อป้องกันฐานทัพและบุคลากรของอังกฤษตามมาตรการป้องกันเท่านั้น

    ทั้งนี้ รีฟส์ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ในอดีตเราเคยสนับสนุนอิสราเอลมาแล้ว เมื่อมีขีปนาวุธจากอิหร่านหรือประเทศอื่นโจมตีเข้ามา”
    เรเชล รีฟส์ (Rachel Reeves) รัฐมนตรีคลังของอังกฤษเผยกับ Sky News ว่า อังกฤษอาจพิจารณาเข้าร่วมสนับสนุนอิสราเอลในการรบกับอิหร่าน “อิสราเอลมีสิทธิที่จะปกป้องตัวเอง เรากำลังส่งกำลังทหารไปช่วยพันธมิตรของเรา ฉันจะไม่ตัดประเด็นใดๆ ออกไป” โดยรีฟส์กล่าวว่า ขณะนี้อังกฤษได้ส่งเครื่องบินรบเข้าสู่ตะวันออกกลาง เพื่อป้องกันฐานทัพและบุคลากรของอังกฤษตามมาตรการป้องกันเท่านั้น ทั้งนี้ รีฟส์ยังกล่าวเสริมอีกว่า “ในอดีตเราเคยสนับสนุนอิสราเอลมาแล้ว เมื่อมีขีปนาวุธจากอิหร่านหรือประเทศอื่นโจมตีเข้ามา”
    0 Comments 0 Shares 114 Views 10 0 Reviews
  • https://youtube.com/shorts/Y2RLCl1sTzA?si=0PWJ74P_0pEVe1zB
    https://youtube.com/shorts/Y2RLCl1sTzA?si=0PWJ74P_0pEVe1zB
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
More Results