• 17-11-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.9รัวมาเป็นชุด อีเด สายเหลือง โดนถุงดำ เจาะลึก คุกรออยู่ ไปต่อได้อีก ยังไม่จบง่ายๆ ศพไม่สวยไม่ใช่ลุงสนธิ เยเมนคลั่ง สั่งสอนไอ้กระจอกเหี้ยมะกัน เรือพิฆาตเละเป็นโจ๊ก เรือบรรทุกเครื่องบินร้องไห้หาแม่? กระจอกกว่านี้มีอีกมุย? ทะเลแดงเดือด กองเรือเหี้ยหายวับ สื่อเหี้ยเงียบกริบ ไม่แจ้งตายห่าเท่าไหร่? กลัวอายหมารึจ๊ะ? อยู่กลางทะเลเป้านิ่ง ควายกว่านี้มีอีกมั้ย? F-35 ยังหมาไม่เลิก ห้าวเป้งตอนออก เผ่นหางจุกตูดตอนเจอ จะมาเพื่อ? EV จีนคลั่ง อียุ่นปี่ช็อค! ตีตลาดรถญี่ปุ่นถึงถิ่น ตอบสนองถล่มทลาย ถูกดี ไฮเทค สวย คุ้มค่าเหี้ยๆ ไหนว่าใครเจาะไม่ได้ อเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี ไอ้ที่ว่าแน่ ถูก EV จีน เจาะเกลี้ยง มีที่ไหน แค่ 500000 ทำเอากะบะดัดแปลงหลอกควายมาหลายทศวรรษ 1.7 ล้าน หมาไปเลย? อีโต อีมาส ทุ่มสุดตัว กู้ชื่อ? ฉิบหายแล้ว! อีทรัมปป์เอาแน่ ขึ้นรับสาบานตนปุ๊บ จะยุติศึกยูเครน ภายใน 24 ชม. มรึงจะทำได้จริง ก็เมื่อปูตินเห็นด้วยเท่านั้น แปลว่า มรึงจะบีบให้อีเสี้ยนยาตายสิน่ะ? รัสเซียจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ ดอกนี้ อีทรัมปป์ต้องการเครดิต NATO จะไม่รบกับรัสเซีย เพราะรู้ดี ตายยกโคตร NATO แน่ อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน รู้ตัวแล้วว่า ปูตินเตรียมหันปากกระบอกปืนขึ้นเหนือยุโรปแล้ว ไม่รีบโยนบาป หาแพะก่อน ได้เป็นเมืองขึ้นเครมลินแน่! แผนปูตินดึงอดีตชาติโซเวียตเดิมกลับบ้าน เมื่อกลับมาหมด อำนาจต่อรองจะมากขึ้น เพราะมีทั้งประชากรเพิ่ม อาณาเขตเพิ่ม มรึงคิดว่า เหี้ยลอนดอน และขี้ข้าหางแถว จะสกัดอิทธิพลได้อยู่อีกเหรอ? ปูตินไม่รีบ 5 ปี ดูดกลับบ้าน 10 ปี ยึดทั้งทวีปยุโรป ระดับโลกเข้ามีแผนระยะยาว ไม่รีบเร่งจนเสียขบวน เมื่อยูเครนต้องถอย แผน NATO จะล้มกระดานตามเหี้ยยิว ก็แห้วแดร๊ก! ขั้วใหม่ อ่านเกมส์ขาดทะลุ ที่มาว่าใช้ BRICS เปลี่ยนแกนโลกใหม่ ดอลล่าร์ขายไม่ออก ใครจะนำมรึงพ้นปากเหวนรกนี้ได้กันล่ะ? จะหนีกรรมพ้นเหรอ? อีฟิล์มโกดัก ดิ้นรนพอทน แต่อกตัญญูเนี่ยสิ? กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง ผู้มีพระคุณมรึงแค่ทางผ่านสิน่ะ? แล้วสวรรค์ใยต้องปราณีมรึง คุณสมบัติคนดี ไม่ต้องรวย ต่อให้จน มรึงก็ขึ้นสวรรค์ได้ แค่รู้คุณ ศีลธรรมนำหน้า ไม่โลภ ไม่โกง ไม่ขายชาติ ขายแผ่นดินแดร๊ก ปลายกลียุค คือเชื้อชั่ว เสนียดจัญไรแผ่นดินทั้งหลาย จะผุดออกมาหมดเหมือนดอกเห็ด เพื่อการชำระล้างครั้งใหญ่ ทั้งครม. รัฐบาลเถื่อน ขบวนการขายชาติ ไอ้อีเหลือบเกาะกินหน่วยงานแผ่นดิน ถูกลากไส้ออกมาหมด นี่คือการทำงานของแสง ความจริง ความถูกต้อง ความชอบธรรม จะปรากฎทั่วแผ่นดินทอง จำเอาไว้ว่า มรึงไม่ต้องรวยล้นฟ้า มรึงก็มีความสุขได้ ไม่ต้องมีมากจนเหลิง ไม่ต้องอวดรวยหิวแสง คุณค่าอยู่ที่ "ทำตัว" เห็นภาพชัดยัง? กรมตำหนวด กรมคุก สภาแพทย์ กสทช อัยกวย ถูกลากไส้หมด โลกเปลี่ยน ปรับสมดุลใหม่แล้ว!3 ฮอ เฮซบอเลาะห์ ฮามาส ฮูตี ล่อจุดตายยิว ฐานบัญชาการ ฐานกำลังสำรอง ฐานดาวเทียม ฐานปฎิบัติการลับ โดนหมด ไม่มีรอด? อีมอดสาดว่าแน่ ยังแอบมีไส้ศึกแฝงตัวภายในเพี๊ยบ ขั้วใหม่รู้หมด มรึงจะทำอะไรล่วงหน้า เค้านำมรึงไป 2 ก้าวเสมอ ภาพดาวเทียม ขนย้ายกำลัง ขนส่งอาวุธ อยู่ในดวงตาสวรรค์ เห็นหมดเกลี้ยง แม้แต่โยกย้ายใต้ดิน ยังรู้ ใครส่งซิกมาล่ะ? อาวุธขั้วเก่ามันล้าหลังกว่าเค้ามาก ลำพังเพิ่งแค่ดาวเทียม หากดาวเทียมตาบอดคือจบ แต่อาวุธขั้วใหม่ ถูกผนวก AI เข้าไป ตัดสินใจเองได้ เพื่อภาระกิจเดียวคือเป้าหมายถูกทำลาย แม้จะไร้ดาวเทียมนำร่อง เพราะ DATA ประมวลผลเองได้ วิ่งตามเส้นพิกัดเดิม ดาวเทียมจิ๋วของอิหร่าน มีไว้เพื่อการณ์นี้ มรึงจะไปดับดาวเทียมจิ๋วอิหร่านยังไง มีเป็น 100 ดวง อยู่บนหัวมรึงทุกไอ้อี ยิงถูกมั้ยล่ะ?ไม่ลับอีกต่อไป มหาเทพจิ๋นซี สีจิ้นผิง เตรียมต้อนรับสงครามการค้ากับอีทรัมปป์อย่างใจเย็น มรึงจะเอาเหี้ยอะไรสู้กู ไม่ว่ามรึงจะคว่ำบาตรเหี้ยอะไรใครก็ตาม จีนจะเข้าไปอุ้ม ไปช้อนให้หมด ขี้ข้าเหี้ยถึงชอบจีนไงล่ะ? แท้จริง อเมริกาโดยทรัมปป์ไม่ได้จะทำสงครามการค้ากับจีนดอกน่ะ ไอ้ที่ประกาศมาเนี่ย ก็เพื่อจะสลัดภาระทั้งหมดที่มี ที่ต้องอุ้มขี้ข้าทั้งหลายให้พ้นออกจากตัวไปก่อน เอาแต่อเมริการอดตัวเดียวพอ เพราะรู้ดีว่า ค่าใช้จ่าย ค่าปฎิกรรมสงครามที่ผ่านมา ทำให้อเมริกาเป็นหนี้ไม่สิ้นสุด แผนแตกอเมริกา แตกยังไงให้อีทรัมป์์รอดเป็น KING ได้ นี่ต่างหากที่ต้องบอก? จับตา 7 รัฐ ที่อีทรัมปป์คั่วอยู่ จะฟื้นคืนชีพ ทิ้งรัฐยากจน ไร้ประโยชน์ เพื่อรอการแยกดินแดนในเวลาต่อมา มางวดนี้ ไม่ใช่แค่อำนาจเบ็ดเสร็จ แต่ใบสั่งที่รับมาคือต้องแตกอเมริกาให้จงได้! ปูติน สีจิ้นผิง รู้ดีว่า อีทรัมปป์กำลังจะทำอะไร ถึงไม่ห้าม? เอาให้สุดซอยเลย! เพราะยังไง มรึงต้องยกอลาสก้า ฮาวาย ให้กูอยู่ดี นี่ไงล่ะ? กลียุค กูล่ะชอบฉิงๆ พ่อแม่ติดคุก ลูกยังมีหน้าโพสโชว์ อ้างเคว้งคว้าง ล่องเรือยอร์ชหรู ตกปลาซะงั้น? สิ่งโสมม อาจม มันฝังอยู่ในกมลสันดานคน คนมันต่ำ หรือแผ่นดินมันสูงเกินไปกันแน่ ครอบครัวคือพื้นฐานหลักของความมั่นคงชาติ เลี้ยงลูกยังไง? มรึงก็ได้แบบนั้น คนรุ่นก่อน เลี้ยงลูกปากกัดตรีนถีบ สมัยนี้ ลูกแทบจะแตะต้องไม่ได้ "มรึงกลับฆ่าลูกด้วยตัวมรึงเอง" วัคซีนต้านภัยเหี้ยไม่มี มีแต่เสพอาจม หลงในลาภ ยศ เงินทอง อย่าหวังจะเห็นอนาคต ยิ่งรวย ยิ่งโง่ เพราะสะสมแต่สิ่งที่ช่วยมรึงไม่ได้ หลังวิญญานออกจากร่าง มรึงจะกลายเป็นวิญญานสัมภเวสี ร่างเปลือยเปล่า หาคนทำบุญส่งผลบุญให้มรึงหามีไม่ ตอนยังอยู่ มรึงทำอะไรอยู่ล่ะ? นรกกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับคนอย่างพวกมรึงไปแล้ว เพราะสติไม่มี เพราะยึดติด จะหาความสงบได้อย่างไร? ไม่ต้องดีเลิศประเสริฐศรี แค่หยุดการเบียดเบียนก็พอ กินเท่าที่มี อยู่เท่าที่ได้ ขยันเท่าที่ไหว แบ่งปันเท่าที่ยังอยู่ เมตตาเท่าที่ทำได้ ชีวิตเรียบง่าย คือชีวิตที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องมีรถหรู บ้านใหญ่ มรึงก็สุขใจได้เพราะคนที่มรึงรักอยู่พร้อมหน้า ไม่ต้องกลัวใครมาฆ่า ใครมาแย่งสมบัติ นี่คือสิ่งที่คนรวย ยังหาไม่มี?ปล.ปปช.ยุคใหม่ ไร้คนอุ้มโจ๊ก! ทำไม อีโจ๊กคนอร์ มันถึงได้กร่างจนสุดขั้ว เพราะมันทำงานรับใช้ ผู้ใหญ่เหี้ยทั้งแผ่นดิน ทุกภาคส่วน รู้ตื้นลึกหนาบาง วงการการเมืองดี ยามนี้ แสงทำงาน ล้างบางหน่วยงานขี้ข้ารับใช้เหี้ย ไอ้อีขี้ข้าเหี้ย ข้าราชการขายชาติ ขายแผ่นดิน มรึงถูกไล่เช็คบิลหมด หัวมาใหม่ เด็ดขาด หางกระดิกตามทันที ใครสั่ง? เบื้องบนสั่ง ทหารปฎิบัติตาม ลงมาล้างป่าช้าเองกับมือ งานถึงเดิน เรื่องถึงขยายผลได้เร็ว ปาหี่ "ละครลิง" อียิวออกสื่อ ยึดหมู่บ้านเบดูอิน สร้างรัฐยิวใหม่ พื้นที่จิ๋ว ประชากรแค่ 400 มรึงยังกล้ามาโชว์อีก ถามคำเดียว อียิวกำลังจะถูกฆ่าล้างโคตร ขับไล่ออกจากไปแผ่นดินคานาอัน มันจะมาสนใจสร้างรัฐใหม่ ยึดหมู่บ้านชาวเบดูอินทำไม? ทั้งหมดเพื่อสร้างภาพขยาย บอกอิทธิพลกูยังอยู่ พื้นที่ตรงนั้น ไม่ได้อยู่ในเป้าหมายหลัก 3 ฮอ ไงล่ะ ขยันสร้างอีเว้นต์ ปั่นกระแสจริงน่ะมรึง ไม่ตอแหล ไม่ใช่อียิว? สื่อยิวไม่เคยรายงานเลยว่า สัปดาห์นี้ มรึงถูกล่อ ยึดพื้นที่ไปเท่าไหร่แล้ว เหนือไปหมดแล้ว ใต้ก็ไม่รอด เหลือแต่กลางที่ถูกบีบอัดอยู่ มรึงยังจะเหลือใครให้ตายอีก? เกณฑ์ทหารรอบที่ 20 ได้แล้วมั้ง แล้วมีมั้ยล่ะ? ทหารนาโต้ ทหารรับจ้างตายห่าเกลื่อน ไม่เกิน 48 ชม. ที่เหยียบพื้นที่ ตายห่าทันที เชิญมรึงไปตอแหลต่อในขุมนรกเฮอะ? ไอ้สัส! มาตามนัด! ปชต.ตอแหลดับวูบ อีกีวี โชว์ตบหน้าสื่อโลก หลังสภาอีกีวี จะออกมติ ลดสิทธิชาวเมารี คนพื้นเมืองนิวซีแลนด์ สส.เมารี ไม่รีรอ ประท้วงทั้งสภา ด้วยการเต้นระบำพื้นเมืองเผ่ามารี ช็อคแดร๊กไปทั้งสภา นี่ไง ปชต.โคตรพ่อง คนอยู่แผ่นดินเดียวกัน มีสิทธิเหี้ยอะไร อำนวยคนขาว ลดทอนสิทธิคนพื้นเมือง กูบอกเลยว่า DRAMA นี้ มีคนชง แล้วมีคนตบ ส่งสัญญานเปลี่ยนรัฐบาลใหม่เหรอจ๊ะ จะปลดแอกเหี้ยสิน่ะ เล่นตามเป็นบทละครกันไปเลย? กีวี เริ่มเผยธาตุแท้ เป็นขี้ข้าอีเรปทีเรี่ยนมายาวนาน กูอยากจะไปขั้วใหม่กับเค้าแล้ว! ใครยังหิวโหย ปชต.ตอแหลไม่เลิก เชิญมรึงย้ายบ้านไปอยู่กับพ่อมรึงซะน่ะ เพราะไอ้ที่ไปก่อนหน้ามรึง เค้ากำลังจะถูกเหี้ยมันถีบส่งอยู่ หนักแผ่นดินมัน หมดประโยชน์ก็แค่หมาตัวนึง! คนหรือควาย เป็นพลเมืองชั้น 1 อยู่ดีดี อยากจะไปเป็นขี้ข้าทาส พลเมืองชั้น 8 เศษตรีนฝรั่งตาน้ำข้าว สิ้นสติแบบนี้ ไม่ใช่ลูกพ่อกู ไปตายห่าแล้วเกิดใหม่เป็นเดรัจฉานซะน่ะ คุณค่าที่มรึงคู่ควร!หมี CNN(จะเอาอะไรกับโลกใบนี้ อีกไม่นานก็ต้องแยกย้ายตามสังขาร ทำดีไม่ได้ยากเลย แค่หยุด ลด ละ เลิก ปล่อยวาง ตั้งสติ และเดินตามธรรมชาติ แค่นั้น ชีวิตเป็นสุข ไร้ทุกข์ หมดกังวล เรื่องบ้านเมือง ก็มีคนดูแลอยู่เสมอ เรื่องชาติ ก็มีผู้ภักดี จัดการไม่ขาดสาย ไม่มีใครทำอะไรแผ่นดินทองนี้ได้ พูดกันไป ลือกันไป แค่ข่าวปล่อย สื่อปั่น แค่ตื่น มรึงจะรู้ดีว่า ใครคือผู้มีอำนาจแท้จริง ตัวจริง ของจริง ไม่ต้องออกสื่อ ของจริง ไม่พูดเยอะ ทำอย่างเดียว)17 พฤศจิกายน 6715.00 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    17-11-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.9รัวมาเป็นชุด อีเด สายเหลือง โดนถุงดำ เจาะลึก คุกรออยู่ ไปต่อได้อีก ยังไม่จบง่ายๆ ศพไม่สวยไม่ใช่ลุงสนธิ เยเมนคลั่ง สั่งสอนไอ้กระจอกเหี้ยมะกัน เรือพิฆาตเละเป็นโจ๊ก เรือบรรทุกเครื่องบินร้องไห้หาแม่? กระจอกกว่านี้มีอีกมุย? ทะเลแดงเดือด กองเรือเหี้ยหายวับ สื่อเหี้ยเงียบกริบ ไม่แจ้งตายห่าเท่าไหร่? กลัวอายหมารึจ๊ะ? อยู่กลางทะเลเป้านิ่ง ควายกว่านี้มีอีกมั้ย? F-35 ยังหมาไม่เลิก ห้าวเป้งตอนออก เผ่นหางจุกตูดตอนเจอ จะมาเพื่อ? EV จีนคลั่ง อียุ่นปี่ช็อค! ตีตลาดรถญี่ปุ่นถึงถิ่น ตอบสนองถล่มทลาย ถูกดี ไฮเทค สวย คุ้มค่าเหี้ยๆ ไหนว่าใครเจาะไม่ได้ อเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี ไอ้ที่ว่าแน่ ถูก EV จีน เจาะเกลี้ยง มีที่ไหน แค่ 500000 ทำเอากะบะดัดแปลงหลอกควายมาหลายทศวรรษ 1.7 ล้าน หมาไปเลย? อีโต อีมาส ทุ่มสุดตัว กู้ชื่อ? ฉิบหายแล้ว! อีทรัมปป์เอาแน่ ขึ้นรับสาบานตนปุ๊บ จะยุติศึกยูเครน ภายใน 24 ชม. มรึงจะทำได้จริง ก็เมื่อปูตินเห็นด้วยเท่านั้น แปลว่า มรึงจะบีบให้อีเสี้ยนยาตายสิน่ะ? รัสเซียจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ ดอกนี้ อีทรัมปป์ต้องการเครดิต NATO จะไม่รบกับรัสเซีย เพราะรู้ดี ตายยกโคตร NATO แน่ อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน รู้ตัวแล้วว่า ปูตินเตรียมหันปากกระบอกปืนขึ้นเหนือยุโรปแล้ว ไม่รีบโยนบาป หาแพะก่อน ได้เป็นเมืองขึ้นเครมลินแน่! แผนปูตินดึงอดีตชาติโซเวียตเดิมกลับบ้าน เมื่อกลับมาหมด อำนาจต่อรองจะมากขึ้น เพราะมีทั้งประชากรเพิ่ม อาณาเขตเพิ่ม มรึงคิดว่า เหี้ยลอนดอน และขี้ข้าหางแถว จะสกัดอิทธิพลได้อยู่อีกเหรอ? ปูตินไม่รีบ 5 ปี ดูดกลับบ้าน 10 ปี ยึดทั้งทวีปยุโรป ระดับโลกเข้ามีแผนระยะยาว ไม่รีบเร่งจนเสียขบวน เมื่อยูเครนต้องถอย แผน NATO จะล้มกระดานตามเหี้ยยิว ก็แห้วแดร๊ก! ขั้วใหม่ อ่านเกมส์ขาดทะลุ ที่มาว่าใช้ BRICS เปลี่ยนแกนโลกใหม่ ดอลล่าร์ขายไม่ออก ใครจะนำมรึงพ้นปากเหวนรกนี้ได้กันล่ะ? จะหนีกรรมพ้นเหรอ? อีฟิล์มโกดัก ดิ้นรนพอทน แต่อกตัญญูเนี่ยสิ? กินอยู่กับปาก อยากอยู่กับท้อง ผู้มีพระคุณมรึงแค่ทางผ่านสิน่ะ? แล้วสวรรค์ใยต้องปราณีมรึง คุณสมบัติคนดี ไม่ต้องรวย ต่อให้จน มรึงก็ขึ้นสวรรค์ได้ แค่รู้คุณ ศีลธรรมนำหน้า ไม่โลภ ไม่โกง ไม่ขายชาติ ขายแผ่นดินแดร๊ก ปลายกลียุค คือเชื้อชั่ว เสนียดจัญไรแผ่นดินทั้งหลาย จะผุดออกมาหมดเหมือนดอกเห็ด เพื่อการชำระล้างครั้งใหญ่ ทั้งครม. รัฐบาลเถื่อน ขบวนการขายชาติ ไอ้อีเหลือบเกาะกินหน่วยงานแผ่นดิน ถูกลากไส้ออกมาหมด นี่คือการทำงานของแสง ความจริง ความถูกต้อง ความชอบธรรม จะปรากฎทั่วแผ่นดินทอง จำเอาไว้ว่า มรึงไม่ต้องรวยล้นฟ้า มรึงก็มีความสุขได้ ไม่ต้องมีมากจนเหลิง ไม่ต้องอวดรวยหิวแสง คุณค่าอยู่ที่ "ทำตัว" เห็นภาพชัดยัง? กรมตำหนวด กรมคุก สภาแพทย์ กสทช อัยกวย ถูกลากไส้หมด โลกเปลี่ยน ปรับสมดุลใหม่แล้ว!3 ฮอ เฮซบอเลาะห์ ฮามาส ฮูตี ล่อจุดตายยิว ฐานบัญชาการ ฐานกำลังสำรอง ฐานดาวเทียม ฐานปฎิบัติการลับ โดนหมด ไม่มีรอด? อีมอดสาดว่าแน่ ยังแอบมีไส้ศึกแฝงตัวภายในเพี๊ยบ ขั้วใหม่รู้หมด มรึงจะทำอะไรล่วงหน้า เค้านำมรึงไป 2 ก้าวเสมอ ภาพดาวเทียม ขนย้ายกำลัง ขนส่งอาวุธ อยู่ในดวงตาสวรรค์ เห็นหมดเกลี้ยง แม้แต่โยกย้ายใต้ดิน ยังรู้ ใครส่งซิกมาล่ะ? อาวุธขั้วเก่ามันล้าหลังกว่าเค้ามาก ลำพังเพิ่งแค่ดาวเทียม หากดาวเทียมตาบอดคือจบ แต่อาวุธขั้วใหม่ ถูกผนวก AI เข้าไป ตัดสินใจเองได้ เพื่อภาระกิจเดียวคือเป้าหมายถูกทำลาย แม้จะไร้ดาวเทียมนำร่อง เพราะ DATA ประมวลผลเองได้ วิ่งตามเส้นพิกัดเดิม ดาวเทียมจิ๋วของอิหร่าน มีไว้เพื่อการณ์นี้ มรึงจะไปดับดาวเทียมจิ๋วอิหร่านยังไง มีเป็น 100 ดวง อยู่บนหัวมรึงทุกไอ้อี ยิงถูกมั้ยล่ะ?ไม่ลับอีกต่อไป มหาเทพจิ๋นซี สีจิ้นผิง เตรียมต้อนรับสงครามการค้ากับอีทรัมปป์อย่างใจเย็น มรึงจะเอาเหี้ยอะไรสู้กู ไม่ว่ามรึงจะคว่ำบาตรเหี้ยอะไรใครก็ตาม จีนจะเข้าไปอุ้ม ไปช้อนให้หมด ขี้ข้าเหี้ยถึงชอบจีนไงล่ะ? แท้จริง อเมริกาโดยทรัมปป์ไม่ได้จะทำสงครามการค้ากับจีนดอกน่ะ ไอ้ที่ประกาศมาเนี่ย ก็เพื่อจะสลัดภาระทั้งหมดที่มี ที่ต้องอุ้มขี้ข้าทั้งหลายให้พ้นออกจากตัวไปก่อน เอาแต่อเมริการอดตัวเดียวพอ เพราะรู้ดีว่า ค่าใช้จ่าย ค่าปฎิกรรมสงครามที่ผ่านมา ทำให้อเมริกาเป็นหนี้ไม่สิ้นสุด แผนแตกอเมริกา แตกยังไงให้อีทรัมป์์รอดเป็น KING ได้ นี่ต่างหากที่ต้องบอก? จับตา 7 รัฐ ที่อีทรัมปป์คั่วอยู่ จะฟื้นคืนชีพ ทิ้งรัฐยากจน ไร้ประโยชน์ เพื่อรอการแยกดินแดนในเวลาต่อมา มางวดนี้ ไม่ใช่แค่อำนาจเบ็ดเสร็จ แต่ใบสั่งที่รับมาคือต้องแตกอเมริกาให้จงได้! ปูติน สีจิ้นผิง รู้ดีว่า อีทรัมปป์กำลังจะทำอะไร ถึงไม่ห้าม? เอาให้สุดซอยเลย! เพราะยังไง มรึงต้องยกอลาสก้า ฮาวาย ให้กูอยู่ดี นี่ไงล่ะ? กลียุค กูล่ะชอบฉิงๆ พ่อแม่ติดคุก ลูกยังมีหน้าโพสโชว์ อ้างเคว้งคว้าง ล่องเรือยอร์ชหรู ตกปลาซะงั้น? สิ่งโสมม อาจม มันฝังอยู่ในกมลสันดานคน คนมันต่ำ หรือแผ่นดินมันสูงเกินไปกันแน่ ครอบครัวคือพื้นฐานหลักของความมั่นคงชาติ เลี้ยงลูกยังไง? มรึงก็ได้แบบนั้น คนรุ่นก่อน เลี้ยงลูกปากกัดตรีนถีบ สมัยนี้ ลูกแทบจะแตะต้องไม่ได้ "มรึงกลับฆ่าลูกด้วยตัวมรึงเอง" วัคซีนต้านภัยเหี้ยไม่มี มีแต่เสพอาจม หลงในลาภ ยศ เงินทอง อย่าหวังจะเห็นอนาคต ยิ่งรวย ยิ่งโง่ เพราะสะสมแต่สิ่งที่ช่วยมรึงไม่ได้ หลังวิญญานออกจากร่าง มรึงจะกลายเป็นวิญญานสัมภเวสี ร่างเปลือยเปล่า หาคนทำบุญส่งผลบุญให้มรึงหามีไม่ ตอนยังอยู่ มรึงทำอะไรอยู่ล่ะ? นรกกลายเป็นเรื่องปกติสำหรับคนอย่างพวกมรึงไปแล้ว เพราะสติไม่มี เพราะยึดติด จะหาความสงบได้อย่างไร? ไม่ต้องดีเลิศประเสริฐศรี แค่หยุดการเบียดเบียนก็พอ กินเท่าที่มี อยู่เท่าที่ได้ ขยันเท่าที่ไหว แบ่งปันเท่าที่ยังอยู่ เมตตาเท่าที่ทำได้ ชีวิตเรียบง่าย คือชีวิตที่ดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องมีรถหรู บ้านใหญ่ มรึงก็สุขใจได้เพราะคนที่มรึงรักอยู่พร้อมหน้า ไม่ต้องกลัวใครมาฆ่า ใครมาแย่งสมบัติ นี่คือสิ่งที่คนรวย ยังหาไม่มี?ปล.ปปช.ยุคใหม่ ไร้คนอุ้มโจ๊ก! ทำไม อีโจ๊กคนอร์ มันถึงได้กร่างจนสุดขั้ว เพราะมันทำงานรับใช้ ผู้ใหญ่เหี้ยทั้งแผ่นดิน ทุกภาคส่วน รู้ตื้นลึกหนาบาง วงการการเมืองดี ยามนี้ แสงทำงาน ล้างบางหน่วยงานขี้ข้ารับใช้เหี้ย ไอ้อีขี้ข้าเหี้ย ข้าราชการขายชาติ ขายแผ่นดิน มรึงถูกไล่เช็คบิลหมด หัวมาใหม่ เด็ดขาด หางกระดิกตามทันที ใครสั่ง? เบื้องบนสั่ง ทหารปฎิบัติตาม ลงมาล้างป่าช้าเองกับมือ งานถึงเดิน เรื่องถึงขยายผลได้เร็ว ปาหี่ "ละครลิง" อียิวออกสื่อ ยึดหมู่บ้านเบดูอิน สร้างรัฐยิวใหม่ พื้นที่จิ๋ว ประชากรแค่ 400 มรึงยังกล้ามาโชว์อีก ถามคำเดียว อียิวกำลังจะถูกฆ่าล้างโคตร ขับไล่ออกจากไปแผ่นดินคานาอัน มันจะมาสนใจสร้างรัฐใหม่ ยึดหมู่บ้านชาวเบดูอินทำไม? ทั้งหมดเพื่อสร้างภาพขยาย บอกอิทธิพลกูยังอยู่ พื้นที่ตรงนั้น ไม่ได้อยู่ในเป้าหมายหลัก 3 ฮอ ไงล่ะ ขยันสร้างอีเว้นต์ ปั่นกระแสจริงน่ะมรึง ไม่ตอแหล ไม่ใช่อียิว? สื่อยิวไม่เคยรายงานเลยว่า สัปดาห์นี้ มรึงถูกล่อ ยึดพื้นที่ไปเท่าไหร่แล้ว เหนือไปหมดแล้ว ใต้ก็ไม่รอด เหลือแต่กลางที่ถูกบีบอัดอยู่ มรึงยังจะเหลือใครให้ตายอีก? เกณฑ์ทหารรอบที่ 20 ได้แล้วมั้ง แล้วมีมั้ยล่ะ? ทหารนาโต้ ทหารรับจ้างตายห่าเกลื่อน ไม่เกิน 48 ชม. ที่เหยียบพื้นที่ ตายห่าทันที เชิญมรึงไปตอแหลต่อในขุมนรกเฮอะ? ไอ้สัส! มาตามนัด! ปชต.ตอแหลดับวูบ อีกีวี โชว์ตบหน้าสื่อโลก หลังสภาอีกีวี จะออกมติ ลดสิทธิชาวเมารี คนพื้นเมืองนิวซีแลนด์ สส.เมารี ไม่รีรอ ประท้วงทั้งสภา ด้วยการเต้นระบำพื้นเมืองเผ่ามารี ช็อคแดร๊กไปทั้งสภา นี่ไง ปชต.โคตรพ่อง คนอยู่แผ่นดินเดียวกัน มีสิทธิเหี้ยอะไร อำนวยคนขาว ลดทอนสิทธิคนพื้นเมือง กูบอกเลยว่า DRAMA นี้ มีคนชง แล้วมีคนตบ ส่งสัญญานเปลี่ยนรัฐบาลใหม่เหรอจ๊ะ จะปลดแอกเหี้ยสิน่ะ เล่นตามเป็นบทละครกันไปเลย? กีวี เริ่มเผยธาตุแท้ เป็นขี้ข้าอีเรปทีเรี่ยนมายาวนาน กูอยากจะไปขั้วใหม่กับเค้าแล้ว! ใครยังหิวโหย ปชต.ตอแหลไม่เลิก เชิญมรึงย้ายบ้านไปอยู่กับพ่อมรึงซะน่ะ เพราะไอ้ที่ไปก่อนหน้ามรึง เค้ากำลังจะถูกเหี้ยมันถีบส่งอยู่ หนักแผ่นดินมัน หมดประโยชน์ก็แค่หมาตัวนึง! คนหรือควาย เป็นพลเมืองชั้น 1 อยู่ดีดี อยากจะไปเป็นขี้ข้าทาส พลเมืองชั้น 8 เศษตรีนฝรั่งตาน้ำข้าว สิ้นสติแบบนี้ ไม่ใช่ลูกพ่อกู ไปตายห่าแล้วเกิดใหม่เป็นเดรัจฉานซะน่ะ คุณค่าที่มรึงคู่ควร!หมี CNN(จะเอาอะไรกับโลกใบนี้ อีกไม่นานก็ต้องแยกย้ายตามสังขาร ทำดีไม่ได้ยากเลย แค่หยุด ลด ละ เลิก ปล่อยวาง ตั้งสติ และเดินตามธรรมชาติ แค่นั้น ชีวิตเป็นสุข ไร้ทุกข์ หมดกังวล เรื่องบ้านเมือง ก็มีคนดูแลอยู่เสมอ เรื่องชาติ ก็มีผู้ภักดี จัดการไม่ขาดสาย ไม่มีใครทำอะไรแผ่นดินทองนี้ได้ พูดกันไป ลือกันไป แค่ข่าวปล่อย สื่อปั่น แค่ตื่น มรึงจะรู้ดีว่า ใครคือผู้มีอำนาจแท้จริง ตัวจริง ของจริง ไม่ต้องออกสื่อ ของจริง ไม่พูดเยอะ ทำอย่างเดียว)17 พฤศจิกายน 6715.00 น.------------------------------------------------------------------------—เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnnหรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNThttps://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u**เพจหลักของหมี CNN คือ**https://www.minds.com/mheecnn2/เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnnwww.vk.com/id448335733**เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**https://twitter.com/CnnMhee**เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 347 Views 0 Reviews
  • Blockchain คือ เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล (Data Structure) ที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายผ่านการเข้ารหัสทางคอมพิวเตอร์ โดยข้อมูลที่ถูกบันทึกจะส่งต่อข้อมูลไปยังทุกคนในเครือข่าย ซึ่งยากต่อการปลอมแปลงข้อมูล เพราะทุกคนจะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ส่งผลให้ Blockchain เป็นเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูง
    Blockchain คือ เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล (Data Structure) ที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายผ่านการเข้ารหัสทางคอมพิวเตอร์ โดยข้อมูลที่ถูกบันทึกจะส่งต่อข้อมูลไปยังทุกคนในเครือข่าย ซึ่งยากต่อการปลอมแปลงข้อมูล เพราะทุกคนจะรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงข้อมูล ส่งผลให้ Blockchain เป็นเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลที่มีความปลอดภัยสูง
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • "อุตสาหกรรมที่ชี้เป็นชี้ตาย" หมายถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือโลก และหากเกิดปัญหาในอุตสาหกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยปกติจะหมายถึงอุตสาหกรรมหลัก เช่น:1. อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ2. อุตสาหกรรมพลังงาน3. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ4. อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร5. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์6. อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์7. อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์8. อุตสาหกรรมการก่อสร้าง9. อุตสาหกรรมโทรคมนาคม10. อุตสาหกรรมการธนาคารและการเงิน11. อุตสาหกรรมเหมืองแร่12. อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ13. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี14. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร15. อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอาวุธ16. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์17. อุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ18. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ19. อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ20. อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ21. อุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรม22. อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม)23. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ24. อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์25. อุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์26. อุตสาหกรรมเกมและการพัฒนาแอปพลิเคชัน27. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์พิเศษ28. อุตสาหกรรมการขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานนี่คืออุตสาหกรรมเพิ่มเติมที่มีความสำคัญ:29. อุตสาหกรรมการรีไซเคิลและการจัดการของเสีย30. อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ31. อุตสาหกรรมการประมงและผลิตภัณฑ์จากทะเล32. อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง33. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์34. อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬา35. อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว36. อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งภายใน37. อุตสาหกรรมการศึกษาออนไลน์และการเรียนรู้ดิจิทัล38. อุตสาหกรรมการค้าปลีก (ทั้งแบบดั้งเดิมและออนไลน์)39. อุตสาหกรรมการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ (เช่น ข้าวสาลี, ข้าวโพด, อ้อย)40. อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ41. อุตสาหกรรมการพัฒนาและขายซอฟต์แวร์42. อุตสาหกรรมดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง43. อุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน (เช่น บริษัทประกันภัย)44. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์45. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตแบตเตอรี่46. อุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์47. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร (เช่น พืชดัดแปลงพันธุกรรม)48. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ49. อุตสาหกรรมการพิมพ์สามมิติ (3D Printing)50. อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Data Centers)51. อุตสาหกรรมการออกแบบสถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง52. อุตสาหกรรมการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)53. อุตสาหกรรมการวิเคราะห์และวิจัยตลาด54. อุตสาหกรรมการทดสอบและควบคุมคุณภาพ55. อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์56. อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์57. อุตสาหกรรมการแพทย์ทางเลือกและการรักษาสุขภาพแบบองค์รวม58. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการจัดการโครงข่ายพลังงาน (Smart Grid)59. อุตสาหกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ60. อุตสาหกรรมโลจิสติกส์อัจฉริยะและห่วงโซ่อุปทาน61. อุตสาหกรรมการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรูหรา62. อุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุ63. อุตสาหกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีสีเขียว64. อุตสาหกรรมระบบการเกษตรแบบยั่งยืนและเทคโนโลยีเกษตร (AgriTech)65. อุตสาหกรรมที่พักอาศัยและการบริการ (Hospitality)66. อุตสาหกรรมสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศ67. อุตสาหกรรมการจัดการและบำบัดน้ำ
    "อุตสาหกรรมที่ชี้เป็นชี้ตาย" หมายถึงกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากต่อเศรษฐกิจของประเทศหรือโลก และหากเกิดปัญหาในอุตสาหกรรมเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโดยรวม โดยปกติจะหมายถึงอุตสาหกรรมหลัก เช่น:1. อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ2. อุตสาหกรรมพลังงาน3. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ4. อุตสาหกรรมการเกษตรและอาหาร5. อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์6. อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์7. อุตสาหกรรมการขนส่งและโลจิสติกส์8. อุตสาหกรรมการก่อสร้าง9. อุตสาหกรรมโทรคมนาคม10. อุตสาหกรรมการธนาคารและการเงิน11. อุตสาหกรรมเหมืองแร่12. อุตสาหกรรมเหล็กและโลหะ13. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี14. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร15. อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและอาวุธ16. อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์17. อุตสาหกรรมการผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ18. อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ19. อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ20. อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ21. อุตสาหกรรมการศึกษาและการฝึกอบรม22. อุตสาหกรรมพลังงานทดแทน (พลังงานแสงอาทิตย์, พลังงานลม)23. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ24. อุตสาหกรรมสุขภาพและการแพทย์25. อุตสาหกรรมสื่อดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์26. อุตสาหกรรมเกมและการพัฒนาแอปพลิเคชัน27. อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์พิเศษ28. อุตสาหกรรมการขนส่งสาธารณะและโครงสร้างพื้นฐานนี่คืออุตสาหกรรมเพิ่มเติมที่มีความสำคัญ:29. อุตสาหกรรมการรีไซเคิลและการจัดการของเสีย30. อุตสาหกรรมการบินและอวกาศ31. อุตสาหกรรมการประมงและผลิตภัณฑ์จากทะเล32. อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง33. อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์34. อุตสาหกรรมอุปกรณ์กีฬา35. อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว36. อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และการออกแบบตกแต่งภายใน37. อุตสาหกรรมการศึกษาออนไลน์และการเรียนรู้ดิจิทัล38. อุตสาหกรรมการค้าปลีก (ทั้งแบบดั้งเดิมและออนไลน์)39. อุตสาหกรรมการเพาะปลูกพืชเศรษฐกิจ (เช่น ข้าวสาลี, ข้าวโพด, อ้อย)40. อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ41. อุตสาหกรรมการพัฒนาและขายซอฟต์แวร์42. อุตสาหกรรมดิจิทัลมาร์เก็ตติ้ง43. อุตสาหกรรมบริการด้านการเงิน (เช่น บริษัทประกันภัย)44. อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์45. อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตแบตเตอรี่46. อุตสาหกรรมพลังงานนิวเคลียร์47. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพเกษตร (เช่น พืชดัดแปลงพันธุกรรม)48. อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ49. อุตสาหกรรมการพิมพ์สามมิติ (3D Printing)50. อุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Data Centers)51. อุตสาหกรรมการออกแบบสถาปัตยกรรมและการวางผังเมือง52. อุตสาหกรรมการบริหารจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data)53. อุตสาหกรรมการวิเคราะห์และวิจัยตลาด54. อุตสาหกรรมการทดสอบและควบคุมคุณภาพ55. อุตสาหกรรมความปลอดภัยทางไซเบอร์56. อุตสาหกรรมอุปกรณ์การแพทย์57. อุตสาหกรรมการแพทย์ทางเลือกและการรักษาสุขภาพแบบองค์รวม58. อุตสาหกรรมเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มการจัดการโครงข่ายพลังงาน (Smart Grid)59. อุตสาหกรรมการพัฒนาเทคโนโลยีรถไร้คนขับ60. อุตสาหกรรมโลจิสติกส์อัจฉริยะและห่วงโซ่อุปทาน61. อุตสาหกรรมการออกแบบและการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรูหรา62. อุตสาหกรรมการผลิตวัคซีนและยาชีววัตถุ63. อุตสาหกรรมการส่งเสริมและสนับสนุนเทคโนโลยีสีเขียว64. อุตสาหกรรมระบบการเกษตรแบบยั่งยืนและเทคโนโลยีเกษตร (AgriTech)65. อุตสาหกรรมที่พักอาศัยและการบริการ (Hospitality)66. อุตสาหกรรมสถาบันทางการเงินระหว่างประเทศ67. อุตสาหกรรมการจัดการและบำบัดน้ำ
    0 Comments 0 Shares 332 Views 0 Reviews
  • การอนุมัติใช้ยารักษาไข้หวัดใหญ่

    หลักฐานชัดเจนมีเพียงใดและแค่ไหน?

    มีการอนุมัติให้ใช้ จนกระทั่งถึงการให้สะสม stockpile ตั้งแต่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และกลายเป็นมาตรฐานสำหรับไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก จนถึงปัจจุบัน
    จากวารสารการแพทย์ของอังกฤษ British medical journal เปิดเผยและวิเคราะห์ ถึงรายงานต่างๆ ในวารสารการแพทย์ชั้นนำของโลกอื่นๆ

    พบว่าไม่มีการตรวจสอบข้อมูลในการศึกษาอย่างแท้จริง (ใช้คำว่า ไม่มี vetted underlying data = ไม่มี careful and critical examination) แต่เป็นข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิต

    และจนกระทั่งถึงปัจจุบัน “ยังไม่สามารถยืนยันประสิทธิภาพ” ได้ว่าสามารถลดอัตราการเกิดปอดบวม และการเสียชีวิต ตามรายงานจนกระทั่งถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2019

    รายงานการศึกษาประสิทธิภาพในระยะที่ 3 ของบริษัทผู้ผลิตไม่ได้ถูกเปิดเผยหรือถูกตีพิมพ์แม้ว่าจะผ่านไป 10 ปีหลังจากที่มีการสนับสนุนให้เป็นการใช้มาตรฐาน จาก WHO CDC EMA (ยุโรป)

    Tamiflu campaign BMJ
    https://www.bmj.com/tamiflu

    ยารักษาไข้หวัดใหญ่ oseltamivir peramivir, หรือ zanamivir
    รายงานในวารสาร แลนเซท 24 สิงหาคม 2024
    (https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(24)01307-2/fulltext)
    เป็น meta-analysis รายงานต่างๆที่เป็น RCT ไม่มีรายงานพิสูจน์ชัดว่าถ้าถึงกับเข้าโรงพยาบาลไปแล้วจะลดอาการหนักได้จริงอย่างชัดเจน สำหรับประสิทธิภาพในการลดระยะเวลาการเจ็บป่วยพบว่าอาจเป็นไปได้ แต่ระดับความน่าเชื่อถือยังต่ำเช่นกัน

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    การอนุมัติใช้ยารักษาไข้หวัดใหญ่ หลักฐานชัดเจนมีเพียงใดและแค่ไหน? มีการอนุมัติให้ใช้ จนกระทั่งถึงการให้สะสม stockpile ตั้งแต่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และกลายเป็นมาตรฐานสำหรับไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก จนถึงปัจจุบัน จากวารสารการแพทย์ของอังกฤษ British medical journal เปิดเผยและวิเคราะห์ ถึงรายงานต่างๆ ในวารสารการแพทย์ชั้นนำของโลกอื่นๆ พบว่าไม่มีการตรวจสอบข้อมูลในการศึกษาอย่างแท้จริง (ใช้คำว่า ไม่มี vetted underlying data = ไม่มี careful and critical examination) แต่เป็นข้อมูลจากบริษัทผู้ผลิต และจนกระทั่งถึงปัจจุบัน “ยังไม่สามารถยืนยันประสิทธิภาพ” ได้ว่าสามารถลดอัตราการเกิดปอดบวม และการเสียชีวิต ตามรายงานจนกระทั่งถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2019 รายงานการศึกษาประสิทธิภาพในระยะที่ 3 ของบริษัทผู้ผลิตไม่ได้ถูกเปิดเผยหรือถูกตีพิมพ์แม้ว่าจะผ่านไป 10 ปีหลังจากที่มีการสนับสนุนให้เป็นการใช้มาตรฐาน จาก WHO CDC EMA (ยุโรป) Tamiflu campaign BMJ https://www.bmj.com/tamiflu ยารักษาไข้หวัดใหญ่ oseltamivir peramivir, หรือ zanamivir รายงานในวารสาร แลนเซท 24 สิงหาคม 2024 (https://www.thelancet.com/journals/lancet/article/PIIS0140-6736(24)01307-2/fulltext) เป็น meta-analysis รายงานต่างๆที่เป็น RCT ไม่มีรายงานพิสูจน์ชัดว่าถ้าถึงกับเข้าโรงพยาบาลไปแล้วจะลดอาการหนักได้จริงอย่างชัดเจน สำหรับประสิทธิภาพในการลดระยะเวลาการเจ็บป่วยพบว่าอาจเป็นไปได้ แต่ระดับความน่าเชื่อถือยังต่ำเช่นกัน ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Tamiflu campaign
    The BMJ’s first open data campaign aimed to pressure companies into releasing the underlying clinical trial data for two globally stockpiled anti-influenza drugs, Tamiflu and Relenza. The campaign lasted nearly 4 years and was ultimately successful, and helped galvanize a movement towards increased transparency of clinical trial data. The bottom line
    Like
    Sad
    Love
    7
    0 Comments 2 Shares 350 Views 0 Reviews
  • “Disc” vs. “Disk”: Get Around The Different Uses For Each One

    The question of whether to use disc or disk can be a bit circular: in some cases, one is definitely preferred, but in many cases their use overlaps—meaning they’re often interchangeable. This is because both words typically refer to something round and flat (though not always, as we’ll see). The difference, when there is one, usually just depends on what the established preference is.

    The discrepancies can be disconcerting, but we hope this discussion will help you discard any confusion or discontent.

    Quick summary
    Disc and disk can be and are used interchangeably in many contexts, though disk may be slightly more common. The D in CD and DJ (usually) stands for disc, which is the spelling also used in disc golf. The spelling disk is usually used in the context of computer storage in terms like disk drive, floppy disk, and hard disk. It’s also usually used when referring to intervertebral disks—the ones in the spine.

    Should I use disc or disk?
    In most cases, disc and disk can be—and are—used interchangeably. In general, the word disk was once much more commonly used, but the two words now have a relatively similar level of use.

    This all means that there’s really no good rule to remember when to spell it one way or the other. Instead, here’s a handy list showing which spelling is more commonly used in a specific term or a particular context.

    disc golf
    The various types of flat, plastic circles that are thrown in various games (including disc golf) can all be called discs. The type of flying disc used for a casual toss—and in the sport known as Ultimate—is popularly known by the brand name Frisbee.

    compact disc, disc jockey
    In the context of music, the D in CD and DJ most often stands for disc—though you may see disk used in some cases. And, technically speaking, a musical compact disc can be considered a type of compact disk, the broader name for any 4.75-in (12-cm) optical disk (which, yes, can also be called an optical disc).

    disk drive, disk space, hard disk, magnetic disk, floppy disk
    In the context of computer data storage, the spelling is usually disk.

    Anyone just now discovering what a floppy disk is might be wondering why it’s called a disk when it’s square rather than round, but it’s because the actual disk inside the plastic shell is actually round. You can remember to use the spelling with a k in this context because floppy disks are sometimes called diskettes (not “discettes”).

    slipped disk, herniated disk
    The pads between the spinal vertebrae are usually called disks or intervertebral disks.

    flat, circular objects
    In general, any thin, flat, circular plate or object—or one that at least appears to be round and flat—can be referred to as a disk or a disc. While the spelling disc is very common in general, the spelling disk is probably even more common, especially in several specific contexts.

    astronomy
    Surfaces of heavenly bodies appear flat during regular observation, and for this reason they are often referred to as disks, as in the disk of the moon and the solar disk.

    biology
    Roundish, flat structures in a body can be called disks, as in blood disk (also called a platelet) and germinal disk (also called a blastodisk).

    geometry
    The domain bounded by a circle can be called the disk.

    plants and flowers
    The central portion of the flowerhead is called the disk.

    Examples of disc and disk used in a sentence
    That was a lot of info! Let’s see some examples of these senses in use.

    - The mysterious disc in the video—purported to be an extraterrestrial craft—turned out to be a Frisbee.
    - Growing up, I always wanted to be a radio disc jockey, but that’s only because podcasters didn’t exist yet.
    - The telescope is set up to observe the disk of the moon.
    - I want to copy the contents of the floppy disk to the hard disk—is that possible?
    - How much disk space is available?
    - She’s been out of work with a herniated disk.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Disc” vs. “Disk”: Get Around The Different Uses For Each One The question of whether to use disc or disk can be a bit circular: in some cases, one is definitely preferred, but in many cases their use overlaps—meaning they’re often interchangeable. This is because both words typically refer to something round and flat (though not always, as we’ll see). The difference, when there is one, usually just depends on what the established preference is. The discrepancies can be disconcerting, but we hope this discussion will help you discard any confusion or discontent. Quick summary Disc and disk can be and are used interchangeably in many contexts, though disk may be slightly more common. The D in CD and DJ (usually) stands for disc, which is the spelling also used in disc golf. The spelling disk is usually used in the context of computer storage in terms like disk drive, floppy disk, and hard disk. It’s also usually used when referring to intervertebral disks—the ones in the spine. Should I use disc or disk? In most cases, disc and disk can be—and are—used interchangeably. In general, the word disk was once much more commonly used, but the two words now have a relatively similar level of use. This all means that there’s really no good rule to remember when to spell it one way or the other. Instead, here’s a handy list showing which spelling is more commonly used in a specific term or a particular context. disc golf The various types of flat, plastic circles that are thrown in various games (including disc golf) can all be called discs. The type of flying disc used for a casual toss—and in the sport known as Ultimate—is popularly known by the brand name Frisbee. compact disc, disc jockey In the context of music, the D in CD and DJ most often stands for disc—though you may see disk used in some cases. And, technically speaking, a musical compact disc can be considered a type of compact disk, the broader name for any 4.75-in (12-cm) optical disk (which, yes, can also be called an optical disc). disk drive, disk space, hard disk, magnetic disk, floppy disk In the context of computer data storage, the spelling is usually disk. Anyone just now discovering what a floppy disk is might be wondering why it’s called a disk when it’s square rather than round, but it’s because the actual disk inside the plastic shell is actually round. You can remember to use the spelling with a k in this context because floppy disks are sometimes called diskettes (not “discettes”). slipped disk, herniated disk The pads between the spinal vertebrae are usually called disks or intervertebral disks. flat, circular objects In general, any thin, flat, circular plate or object—or one that at least appears to be round and flat—can be referred to as a disk or a disc. While the spelling disc is very common in general, the spelling disk is probably even more common, especially in several specific contexts. astronomy Surfaces of heavenly bodies appear flat during regular observation, and for this reason they are often referred to as disks, as in the disk of the moon and the solar disk. biology Roundish, flat structures in a body can be called disks, as in blood disk (also called a platelet) and germinal disk (also called a blastodisk). geometry The domain bounded by a circle can be called the disk. plants and flowers The central portion of the flowerhead is called the disk. Examples of disc and disk used in a sentence That was a lot of info! Let’s see some examples of these senses in use. - The mysterious disc in the video—purported to be an extraterrestrial craft—turned out to be a Frisbee. - Growing up, I always wanted to be a radio disc jockey, but that’s only because podcasters didn’t exist yet. - The telescope is set up to observe the disk of the moon. - I want to copy the contents of the floppy disk to the hard disk—is that possible? - How much disk space is available? - She’s been out of work with a herniated disk. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 Comments 0 Shares 307 Views 0 Reviews
  • ตัวอย่างหนังสือขอไม่ฉีดวัคซีนเพื่อเป็นแนวทางในการทำหนังสือส่งผู้มีอำนาจในองค์กร เผื่อวันข้างหน้ามีการบังคับฉีดอีกครับ
    นำไปปรับแก้ตามบริบทของแต่ละคนได้เลยนะครับ
    ไฟล์ https://t.me/ThaiPitaksithData/2006
    ตัวอย่างหนังสือขอไม่ฉีดวัคซีนเพื่อเป็นแนวทางในการทำหนังสือส่งผู้มีอำนาจในองค์กร เผื่อวันข้างหน้ามีการบังคับฉีดอีกครับ นำไปปรับแก้ตามบริบทของแต่ละคนได้เลยนะครับ ไฟล์ https://t.me/ThaiPitaksithData/2006
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • 💥💥สุดยอด ปรบมือ!! ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
    ประสานความร่วมมือ ยกระดับการทำหน้าที่กำกับดูแล
    ตลาดทุนร่วมกัน ให้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม มากยิ่งขึ้น

    บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้มีการปรับปรุงกรอบการ
    ทำงานร่วมกันของทั้ง 2 องค์กรในงานด้านกำกับดูแล
    ให้มีความชัดเจน ลดความซ้ำซ้อน รวมถึงสอดรับกับระบบนิเวศ
    และการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนในปัจจุบัน
    ตลอดจนสามารถรองรับกับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
    ได้แก่

    (1) การกำกับดูแลบริษัทที่เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน
    และการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน

    (2) การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสมาชิก
    ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

    (3) การติดตามดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน
    และการบังคับใช้กฎหมาย และ

    (4) การออกระเบียบข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
    อีกทั้งจะเพิ่มการสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลการกำกับดูแล
    ระหว่างกัน เพื่อให้การทำหน้าที่ของแต่ละองค์กรมีประสิทธิภาพ
    มากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมกันพิจารณาคำขอกรณีการจดทะเบียนโดยอ้อม
    (Backdoor Listing) การขอย้ายกลับมาซื้อขายของบริษัทจดทะเบียน
    หลังแก้ไขเหตุอาจถูกเพิกถอน (Resume Trading) เพื่อให้กระบวนการ
    พิจารณา มีมาตรฐานเทียบเท่าการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่
    และยังจะมีการร่วมกันกำหนดหรือปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
    หากเห็นว่ากฎเกณฑ์ที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยสนับสนุน ป้องปราม
    หรือยับยั้งพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรม
    ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น

    อีกทั้งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ยังครอบคลุมถึงแนวทางการทำงาน
    และการประสานงานร่วมกัน ทั้งในระดับคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ
    ของทั้ง 2 องค์กร เพื่อให้การขับเคลื่อนทิศทางนโยบายการพัฒนา
    ตลาดทุน การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันกับตลาดทุนอื่น
    และการกำกับดูแลตลาดทุนของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ
    มีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น

    นอกจากนี้ ทั้ง 2 องค์กรยังมีการหารือในประเด็นที่จะขับเคลื่อน
    ร่วมกันที่สำคัญ ดังนี้

    (1) การสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์
    เพื่อรองรับการพัฒนาการลงทุนในรูปแบบใหม่ ที่อยู่ระหว่างปรับปรุง
    พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

    (2) การสนับสนุนการเพิ่มมูลค่า (value up) ของบริษัทจดทะเบียน
    เพื่อสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนมุ่งมั่น
    ที่จะเสริมศักยภาพและมูลค่าของตัวเอง สื่อสารกับนักลงทุน
    อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากที่รัฐบาลได้สนับสนุน
    การขยายรายชื่อหลักทรัพย์ที่กองทุน Thai ESG สามารถลงทุนได้

    (3) การส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตามมาตรฐาน
    International Sustainability Standards Board (ISSB)
    ซึ่ง ก.ล.ต. อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและขอความร่วมมือ
    จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุนและต่อยอดการดำเนินการ
    และการทำความเข้าใจกับบริษัทจดทะเบียน

    (4) การส่งเสริมผู้ลงทุนให้มีความรู้ (investor empowerment)
    ผ่าน Open Data ของภาคตลาดทุนและภาคการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุน
    สามารถใช้ข้อมูลของตนที่อยู่กับผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างมี
    ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ที่มา ก.ล.ต.
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    💥💥สุดยอด ปรบมือ!! ก.ล.ต. และ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประสานความร่วมมือ ยกระดับการทำหน้าที่กำกับดูแล ตลาดทุนร่วมกัน ให้มีประสิทธิภาพยอดเยี่ยม มากยิ่งขึ้น บันทึกความเข้าใจฉบับนี้ได้มีการปรับปรุงกรอบการ ทำงานร่วมกันของทั้ง 2 องค์กรในงานด้านกำกับดูแล ให้มีความชัดเจน ลดความซ้ำซ้อน รวมถึงสอดรับกับระบบนิเวศ และการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนในปัจจุบัน ตลอดจนสามารถรองรับกับแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ได้แก่ (1) การกำกับดูแลบริษัทที่เสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชน และการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน (2) การกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสมาชิก ของตลาดหลักทรัพย์ฯ (3) การติดตามดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียน และการบังคับใช้กฎหมาย และ (4) การออกระเบียบข้อบังคับหรือกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ อีกทั้งจะเพิ่มการสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลการกำกับดูแล ระหว่างกัน เพื่อให้การทำหน้าที่ของแต่ละองค์กรมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น เช่น การร่วมกันพิจารณาคำขอกรณีการจดทะเบียนโดยอ้อม (Backdoor Listing) การขอย้ายกลับมาซื้อขายของบริษัทจดทะเบียน หลังแก้ไขเหตุอาจถูกเพิกถอน (Resume Trading) เพื่อให้กระบวนการ พิจารณา มีมาตรฐานเทียบเท่าการรับหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่ และยังจะมีการร่วมกันกำหนดหรือปรับปรุงกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง หากเห็นว่ากฎเกณฑ์ที่มีอยู่ยังไม่เพียงพอที่จะช่วยสนับสนุน ป้องปราม หรือยับยั้งพฤติกรรมที่อาจนำไปสู่การซื้อขายหลักทรัพย์ที่ไม่เป็นธรรม ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นต้น อีกทั้งบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ยังครอบคลุมถึงแนวทางการทำงาน และการประสานงานร่วมกัน ทั้งในระดับคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ ของทั้ง 2 องค์กร เพื่อให้การขับเคลื่อนทิศทางนโยบายการพัฒนา ตลาดทุน การส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันกับตลาดทุนอื่น และการกำกับดูแลตลาดทุนของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ มีความสอดคล้องกันมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ทั้ง 2 องค์กรยังมีการหารือในประเด็นที่จะขับเคลื่อน ร่วมกันที่สำคัญ ดังนี้ (1) การสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) หลักทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรองรับการพัฒนาการลงทุนในรูปแบบใหม่ ที่อยู่ระหว่างปรับปรุง พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (2) การสนับสนุนการเพิ่มมูลค่า (value up) ของบริษัทจดทะเบียน เพื่อสนับสนุนและสร้างแรงจูงใจให้บริษัทจดทะเบียนมุ่งมั่น ที่จะเสริมศักยภาพและมูลค่าของตัวเอง สื่อสารกับนักลงทุน อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากที่รัฐบาลได้สนับสนุน การขยายรายชื่อหลักทรัพย์ที่กองทุน Thai ESG สามารถลงทุนได้ (3) การส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนตามมาตรฐาน International Sustainability Standards Board (ISSB) ซึ่ง ก.ล.ต. อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมและขอความร่วมมือ จากตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการสนับสนุนและต่อยอดการดำเนินการ และการทำความเข้าใจกับบริษัทจดทะเบียน (4) การส่งเสริมผู้ลงทุนให้มีความรู้ (investor empowerment) ผ่าน Open Data ของภาคตลาดทุนและภาคการเงิน เพื่อให้ผู้ลงทุน สามารถใช้ข้อมูลของตนที่อยู่กับผู้ประกอบธุรกิจได้อย่างมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ที่มา ก.ล.ต. #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 344 Views 0 Reviews
  • พก Data Blocker ไว้เสมอ ปลอดภัยไว้ก่อนครับ

    #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม
    #ตัวแทนพลังบุญ
    #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
    #ประกันชีวิตควบการลงทุน
    #ที่ปรึกษาการลงทุน
    #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี🥰
    พก Data Blocker ไว้เสมอ ปลอดภัยไว้ก่อนครับ #เผยแพร่ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สู่สังคม #ตัวแทนพลังบุญ #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย #ประกันชีวิตควบการลงทุน #ที่ปรึกษาการลงทุน #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี🥰
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 40 Views 0 Reviews
  • Google ยังไม่ลงทุนเวีนดนาม เบนเข็มมาลงทุน Data center ในไทยแทน เหตุไทยไฟฟ้าผลิตเกิน ไม่มีปัญหาไฟฟ้าขาด

    #ตัวแทนพลังบุญ
    #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย
    #ประกันชีวิตควบการลงทุน
    #ที่ปรึกษาการลงทุน
    #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี
    Google ยังไม่ลงทุนเวีนดนาม เบนเข็มมาลงทุน Data center ในไทยแทน เหตุไทยไฟฟ้าผลิตเกิน ไม่มีปัญหาไฟฟ้าขาด #ตัวแทนพลังบุญ #ที่ปรึกษาประกันชีวิตและประกันวินาศภัย #ประกันชีวิตควบการลงทุน #ที่ปรึกษาการลงทุน #ประสบการณ์ด้านการประกันกว่า20ปี
    Wow
    1
    0 Comments 0 Shares 35 Views 0 Reviews
  • สำรองทองคำของโลกที่อยู่ในครอบครองของประเทศ BRICS มีมากเพียงใด?

    ประเทศ BRICS ถือครองสำรองทองคำของโลกมากกว่า ๒๐ เปอร์เซ็นต์, โดยรัสเซียและจีนครองส่วนแบ่งมากที่สุด, ตามการคำนวณของ Sputnik ซึ่งใช้ข้อมูลของ World Gold Council

    ในไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๐๒๔, สำรองทองคำของโลกมีทั้งหมด ๒๙,๐๓๐ ตัน, โดยประเทศ BRICS (ไม่รวมอิหร่านและเอธิโอเปีย) ถือครอง ๖,๒๐๐ ตัน, หรือ ๒๑.๔ เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดของโลก รัสเซียเป็นผู้นำในกลุ่ม BRICS โดยมี ๒,๓๔๐ ตัน หรือ ๘.๑ เปอร์เซ็นต์ของทองคำทั้งหมดของโลก, รองลงมาคือจีน ซึ่งมี ๒,๒๖๐ ตัน (๗.๘ เปอร์เซ็นต์)

    ประเทศสมาชิก BRICS อื่นๆ—อินเดีย, ซาอุดีอาระเบีย, บราซิล, อียิปต์, แอฟริกาใต้, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์—มีส่วนแบ่งน้อยกว่า, โดยรวมกันมีสัดส่วนน้อยกว่า ๓ เปอร์เซ็นต์ของสำรองทองคำทั่วโลก อินเดียมี ๘๔๐.๗๖ ตัน, ซาอุดีอาระเบีย ๓๒๓ ตัน, บราซิล ๑๒๙.๗ ตัน, อียิปต์ ๑๒๖.๕๗ ตัน, แอฟริกาใต้ ๑๒๕.๔๔ ตัน, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ๗๔.๕ ตัน

    📊 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม, โปรดดูอินโฟกราฟิกของ Sputnik!
    .
    HOW MUCH OF THE WORLD’S GOLD RESERVES ARE HELD BY BRICS NATIONS?

    Over 20 percent of the world's gold reserves are held by BRICS countries, with Russia and China leading the field, according to Sputnik’s calculations based on World Gold Council data.

    As of the second quarter of 2024, global gold reserves totaled 29,030 tons, with BRICS (excluding Iran and Ethiopia) holding 6,200 tons, or 21.4 percent of the world's total. Russia leads within BRICS with 2,340 tons or 8.1 percent of the world's gold, followed by China with 2,260 tons (7.8 percent).

    Other BRICS members—India, Saudi Arabia, Brazil, Egypt, South Africa, and the UAE—hold smaller shares, collectively less than 3 percent of global reserves. India has 840.76 tons, Saudi Arabia 323 tons, Brazil 129.7 tons, Egypt 126.57 tons, South Africa 125.44 tons and the UAE 74.5 tons.

    📊 For more details, check out Sputnik’s infographic!
    .
    2:39 AM · Oct 22, 2024 · 3,729 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1848449111307001975
    สำรองทองคำของโลกที่อยู่ในครอบครองของประเทศ BRICS มีมากเพียงใด? ประเทศ BRICS ถือครองสำรองทองคำของโลกมากกว่า ๒๐ เปอร์เซ็นต์, โดยรัสเซียและจีนครองส่วนแบ่งมากที่สุด, ตามการคำนวณของ Sputnik ซึ่งใช้ข้อมูลของ World Gold Council ในไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๐๒๔, สำรองทองคำของโลกมีทั้งหมด ๒๙,๐๓๐ ตัน, โดยประเทศ BRICS (ไม่รวมอิหร่านและเอธิโอเปีย) ถือครอง ๖,๒๐๐ ตัน, หรือ ๒๑.๔ เปอร์เซ็นต์ของทั้งหมดของโลก รัสเซียเป็นผู้นำในกลุ่ม BRICS โดยมี ๒,๓๔๐ ตัน หรือ ๘.๑ เปอร์เซ็นต์ของทองคำทั้งหมดของโลก, รองลงมาคือจีน ซึ่งมี ๒,๒๖๐ ตัน (๗.๘ เปอร์เซ็นต์) ประเทศสมาชิก BRICS อื่นๆ—อินเดีย, ซาอุดีอาระเบีย, บราซิล, อียิปต์, แอฟริกาใต้, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์—มีส่วนแบ่งน้อยกว่า, โดยรวมกันมีสัดส่วนน้อยกว่า ๓ เปอร์เซ็นต์ของสำรองทองคำทั่วโลก อินเดียมี ๘๔๐.๗๖ ตัน, ซาอุดีอาระเบีย ๓๒๓ ตัน, บราซิล ๑๒๙.๗ ตัน, อียิปต์ ๑๒๖.๕๗ ตัน, แอฟริกาใต้ ๑๒๕.๔๔ ตัน, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ๗๔.๕ ตัน 📊 สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม, โปรดดูอินโฟกราฟิกของ Sputnik! . HOW MUCH OF THE WORLD’S GOLD RESERVES ARE HELD BY BRICS NATIONS? Over 20 percent of the world's gold reserves are held by BRICS countries, with Russia and China leading the field, according to Sputnik’s calculations based on World Gold Council data. As of the second quarter of 2024, global gold reserves totaled 29,030 tons, with BRICS (excluding Iran and Ethiopia) holding 6,200 tons, or 21.4 percent of the world's total. Russia leads within BRICS with 2,340 tons or 8.1 percent of the world's gold, followed by China with 2,260 tons (7.8 percent). Other BRICS members—India, Saudi Arabia, Brazil, Egypt, South Africa, and the UAE—hold smaller shares, collectively less than 3 percent of global reserves. India has 840.76 tons, Saudi Arabia 323 tons, Brazil 129.7 tons, Egypt 126.57 tons, South Africa 125.44 tons and the UAE 74.5 tons. 📊 For more details, check out Sputnik’s infographic! . 2:39 AM · Oct 22, 2024 · 3,729 Views https://x.com/SputnikInt/status/1848449111307001975
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • วารสารถูกตั้งคำถามว่ามีความเที่ยงตรงหรือไม่?

    ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา วงการวิชาการ อาทิ แพทย์ วิทยาศาสตร์เป็นต้น จะให้ความเชื่อถือว่า บทความใดที่ตีพิมพ์ในวารสาร ที่เรียกว่า peer reviewed journal เป็นที่เชื่อถือได้
    เพราะมีคณะกรรมการที่อ่าน บทความ และพิจารณาหลักฐานที่มากระบวนการศึกษา และจะทำการให้ความเห็นว่า จะไม่รับ หรือรับ แต่มีเงื่อนไข ประเด็นต้องแก้ไขใหญ่ หรือเล็ก หรือต้องมีการทำการทดลองใหม่ในบางส่วนหรือไม่
    วารสารที่มีชื่อเหล่านี้จะถูกนำไปอ้างอิงในวงวิชาการต่างๆทำให้รับรู้กันทั่วไป

    ในการส่งบทความเพื่อ ไปตีพิมพ์ในวารสารนั้น
    ผู้วิจัยจะต้องประกาศว่ามีผลประโยชน์ใดหรือไม่อย่างไร กับ บริษัทผลิตภัณฑ์ ยา วัคซีน รวมทั้งได้ค่าตอบแทนในรูปลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา รับเงิน หรือสิ่งตอบแทน รวมค่าเดินทางค่าที่พัก เวลาไปบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ และเชื่อมโยงมาถึงการใช้ผลิตภัณฑ์หรือวัคซีนเป็นต้น

    แต่กรรมการผู้พิจารณา กลับไม่ต้องมีการแจงรายละเอียดชัดเจน เหล่านี้อาจมีเพียงแต่ว่า มีประเด็นที่ขัดแย้ง กับผู้ส่งบทความหรือผู้ทำวิจัย หรือไม่ หรือทำวิจัยในเรื่องเดียวกัน ที่อาจจะเป็นการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตนได้

    บทความนี้ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน (journal of American Medical Association JAMA) วันที่ 10 ตุลาคม 2024 ได้รายงานถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรรมการผู้พิจารณาบทความ (reviewers) ว่า แท้จริงแล้ว เกินครึ่งของบุคคลกรรมการเหล่านี้ ต่างได้รับเงินสนับสนุนในการศึกษาวิจัย หรือเงินสนับสนุนในด้านผลิตภัณฑ์เครื่องมือ ต่างๆ จากบริษัทที่ตรงมาเข้าบุคคลนั้น หรือที่เข้ามายังบุคคลนั้น และสถาบันที่บุคคลนั้นอยู่

    และเป็นประเด็นที่ตั้งคำถามถึง ความเที่ยงตรง integrity และ ความมีอิสระเที่ยงตรงในการตัดสิน ในการที่จะไม่รับ หรือรับตีพิมพ์บทความที่ส่งเข้ามา

    และหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ จากหลายสถาบัน ในต่างประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอังกฤษ ต่างให้ข้อมูลที่ตนเองประสบและถ่ายทอดในสื่อต่างๆโดยเฉพาะที่ประสบในช่วงโควิด
    ที่เกี่ยวข้องกับการไม่ให้ลงตีพิมพ์ การใช้ยาบางตัว ที่มีการทดสอบแล้วว่าได้ผลทั้งๆที่ราคาถูก เข้าถึงได้ และจนกระทั่งถึงงานที่ตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการถอดออก และ ที่สำคัญก็คือเรื่องผลกระทบของวัคซีนที่ ถึงชีวิตหรือพิการ
    วารสารที่ถูกเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ที่กรรมการพิจารณาบทความได้รับเงินสนับสนุน ต่างก็เป็นวารสารชั้นนำ เช่น British Medical journal Lancet New England journal เป็นต้น
    โดยมูลค่าของเงินสนับสนุนเหล่านี้มีจำนวนมากกว่า 1,000,000,000 เหรียญสหรัฐ

    สูตรสำเร็จ เช่น เมื่อมีการพูด ผลกระทบของวัคซีน จะมีกลุ่มที่ออกมาวิจารณ์ว่า ไม่ได้ลงตีพิมพ์ในวารสารชั้นดี หรือตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการสั่งถอดออกแสดงว่า เชื่อถือไม่ได้

    แม้กระทั่ง บทความเรื่องโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์หลังได้รับวัคซีนโควิดไปภายในช่วงสองสัปดาห์และเสียชีวิตภายในเวลาห้าเดือน จากคณะ ชองProf Luc Montagnier ซึ่งได้รับ รางวัล โนเบล จากการค้นพบไวรัสเอดส์ ถูกไม่รับพิจารณาในวารสาร จนกระทั่งตีพิมพ์ในวรสารในระดับรองลงมาและข้อมูลหลักฐานประกอบในบทความเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่คงเลือกได้ว่าน่าตื่นเต้นและประทับใจในการค้นพบและเชื่อมโยงการเกิดโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์กับวัคซีนได้อย่างชัดเจน

    https://jamanetwork.com/journals/jama/article-abstract/2824834?utm_source=substack&utm_medium=email

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    เชื่อถือได้หรือ? “หมอธีระวัฒน์” เผยวารสารการแพทย์ชื่อดังปล่อย กก.พิจารณาบทความรับผลประโยชน์จากบริษัทยา https://mgronline.com/qol/detail/9670000100753





    Two years ago, we discussed the lack of evidence supporting the idea that peer review improves the quality of scientific research. 
    Peer review is meant to guarantee the publication of high-quality research and enhance the quality of published manuscripts. The process should involve independent experts evaluating and assessing research for its quality and reliability.
    However, a recent JAMA publication questions the integrity and independence of peer review. The research letter addresses the Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals.
    The authors identified peer reviewers for The BMJ, JAMA, The Lancet, and The New England Journal of Medicine (NEJM) using each journal’s 2022 reviewer list. They then used a US Open payments database to identify whether reviewers had received industry payments.
    What did they find?
    Between 2020 and 2022, 1155/1962 peer reviewers (59%) received at least one industry payment. More than half (54%) accepted general payments, while 32% received research payments.
    Between 2020 and 2022, reviewers received over $1.2 billion in industry payments, including $1 billion to individuals or their institutions. Over the three years, the median general payment was $7,614.  
    What does this mean?
    Journals such as the BMJ pride themselves on their competing interest policy. Readers should know the author's competing interests if they publish an article. They ask reviewers to provide a fair, honest, and unbiased assessment of the manuscript's strengths and weaknesses. But how is that possible if you're on the payroll of pharma?
    Furthermore, no one can identify who is being paid as there is no central database like the US where you can look up who is paying who. The voluntary nature of the system means companies can often conceal payments. For example, the drug industry’s self-regulatory body reprimanded  Novo Nordisk for failing to disclose approximately 500 payments worth £7.8m to over 150 recipients between 2020 and 2022.
    This latest publication further enhances the status of peer review: it is broken.
    A system that dates back over 200 years persists because no one can be bothered to address its shortcomings, and too many journals make hefty profits out of its inadequacies to affect the status quo.
    THE JAMA authors consider that ‘additional research and transparency regarding industry payments in the peer review process are needed.” We think this will be another smokescreen to permit the current system to limp on. 
    Editorial peer reviews are largely untested; their effects are uncertain and tainted by industry influence. The system needs a radical overhaul which starts with abandoning the current journal system that sucks in vast amounts of cash and distorts the research agenda.
    The main reasons for the survival of a broken system are tied to the biomedical publication industry. For editors, peer review is a Kevlar shield, a sloping shoulders device - “it ain’t me guv” cop-out clause. For academic authors who have to climb the greasy pole, it’s a system that works both ways; for industry and all those who have to sell something, it’s a cheap advert chance. You only need to read our Antivirals series to understand how the system works and how the public was sold and continues to sell dummies. Rotten decision-makers only have to point to ghost-written trials in mega journals to justify their decisions.
    You only have to look at our recent Zum Zum posts to see the devastating effects of this broken system. Or look up the Comirnaty series, which was written without data published in journals—it was regulatory data, the closest we are ever going to get to reality.
    This post was written by two old geezers who have been peer-viewed and have peer-reviewed countless times.
    Consider becoming a paid subscriber to receive new posts and support our work.

    October 10, 2024
    Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals
    David-Dan Nguyen, MDCM, MPH1,2; Anju Muramaya3,4; Anna-Lisa Nguyen, BHSc5; et al
    วารสารถูกตั้งคำถามว่ามีความเที่ยงตรงหรือไม่? ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา วงการวิชาการ อาทิ แพทย์ วิทยาศาสตร์เป็นต้น จะให้ความเชื่อถือว่า บทความใดที่ตีพิมพ์ในวารสาร ที่เรียกว่า peer reviewed journal เป็นที่เชื่อถือได้ เพราะมีคณะกรรมการที่อ่าน บทความ และพิจารณาหลักฐานที่มากระบวนการศึกษา และจะทำการให้ความเห็นว่า จะไม่รับ หรือรับ แต่มีเงื่อนไข ประเด็นต้องแก้ไขใหญ่ หรือเล็ก หรือต้องมีการทำการทดลองใหม่ในบางส่วนหรือไม่ วารสารที่มีชื่อเหล่านี้จะถูกนำไปอ้างอิงในวงวิชาการต่างๆทำให้รับรู้กันทั่วไป ในการส่งบทความเพื่อ ไปตีพิมพ์ในวารสารนั้น ผู้วิจัยจะต้องประกาศว่ามีผลประโยชน์ใดหรือไม่อย่างไร กับ บริษัทผลิตภัณฑ์ ยา วัคซีน รวมทั้งได้ค่าตอบแทนในรูปลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา รับเงิน หรือสิ่งตอบแทน รวมค่าเดินทางค่าที่พัก เวลาไปบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ และเชื่อมโยงมาถึงการใช้ผลิตภัณฑ์หรือวัคซีนเป็นต้น แต่กรรมการผู้พิจารณา กลับไม่ต้องมีการแจงรายละเอียดชัดเจน เหล่านี้อาจมีเพียงแต่ว่า มีประเด็นที่ขัดแย้ง กับผู้ส่งบทความหรือผู้ทำวิจัย หรือไม่ หรือทำวิจัยในเรื่องเดียวกัน ที่อาจจะเป็นการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตนได้ บทความนี้ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน (journal of American Medical Association JAMA) วันที่ 10 ตุลาคม 2024 ได้รายงานถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรรมการผู้พิจารณาบทความ (reviewers) ว่า แท้จริงแล้ว เกินครึ่งของบุคคลกรรมการเหล่านี้ ต่างได้รับเงินสนับสนุนในการศึกษาวิจัย หรือเงินสนับสนุนในด้านผลิตภัณฑ์เครื่องมือ ต่างๆ จากบริษัทที่ตรงมาเข้าบุคคลนั้น หรือที่เข้ามายังบุคคลนั้น และสถาบันที่บุคคลนั้นอยู่ และเป็นประเด็นที่ตั้งคำถามถึง ความเที่ยงตรง integrity และ ความมีอิสระเที่ยงตรงในการตัดสิน ในการที่จะไม่รับ หรือรับตีพิมพ์บทความที่ส่งเข้ามา และหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ จากหลายสถาบัน ในต่างประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอังกฤษ ต่างให้ข้อมูลที่ตนเองประสบและถ่ายทอดในสื่อต่างๆโดยเฉพาะที่ประสบในช่วงโควิด ที่เกี่ยวข้องกับการไม่ให้ลงตีพิมพ์ การใช้ยาบางตัว ที่มีการทดสอบแล้วว่าได้ผลทั้งๆที่ราคาถูก เข้าถึงได้ และจนกระทั่งถึงงานที่ตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการถอดออก และ ที่สำคัญก็คือเรื่องผลกระทบของวัคซีนที่ ถึงชีวิตหรือพิการ วารสารที่ถูกเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ที่กรรมการพิจารณาบทความได้รับเงินสนับสนุน ต่างก็เป็นวารสารชั้นนำ เช่น British Medical journal Lancet New England journal เป็นต้น โดยมูลค่าของเงินสนับสนุนเหล่านี้มีจำนวนมากกว่า 1,000,000,000 เหรียญสหรัฐ สูตรสำเร็จ เช่น เมื่อมีการพูด ผลกระทบของวัคซีน จะมีกลุ่มที่ออกมาวิจารณ์ว่า ไม่ได้ลงตีพิมพ์ในวารสารชั้นดี หรือตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการสั่งถอดออกแสดงว่า เชื่อถือไม่ได้ แม้กระทั่ง บทความเรื่องโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์หลังได้รับวัคซีนโควิดไปภายในช่วงสองสัปดาห์และเสียชีวิตภายในเวลาห้าเดือน จากคณะ ชองProf Luc Montagnier ซึ่งได้รับ รางวัล โนเบล จากการค้นพบไวรัสเอดส์ ถูกไม่รับพิจารณาในวารสาร จนกระทั่งตีพิมพ์ในวรสารในระดับรองลงมาและข้อมูลหลักฐานประกอบในบทความเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่คงเลือกได้ว่าน่าตื่นเต้นและประทับใจในการค้นพบและเชื่อมโยงการเกิดโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์กับวัคซีนได้อย่างชัดเจน https://jamanetwork.com/journals/jama/article-abstract/2824834?utm_source=substack&utm_medium=email ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เชื่อถือได้หรือ? “หมอธีระวัฒน์” เผยวารสารการแพทย์ชื่อดังปล่อย กก.พิจารณาบทความรับผลประโยชน์จากบริษัทยา https://mgronline.com/qol/detail/9670000100753 Two years ago, we discussed the lack of evidence supporting the idea that peer review improves the quality of scientific research.  Peer review is meant to guarantee the publication of high-quality research and enhance the quality of published manuscripts. The process should involve independent experts evaluating and assessing research for its quality and reliability. However, a recent JAMA publication questions the integrity and independence of peer review. The research letter addresses the Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals. The authors identified peer reviewers for The BMJ, JAMA, The Lancet, and The New England Journal of Medicine (NEJM) using each journal’s 2022 reviewer list. They then used a US Open payments database to identify whether reviewers had received industry payments. What did they find? Between 2020 and 2022, 1155/1962 peer reviewers (59%) received at least one industry payment. More than half (54%) accepted general payments, while 32% received research payments. Between 2020 and 2022, reviewers received over $1.2 billion in industry payments, including $1 billion to individuals or their institutions. Over the three years, the median general payment was $7,614.   What does this mean? Journals such as the BMJ pride themselves on their competing interest policy. Readers should know the author's competing interests if they publish an article. They ask reviewers to provide a fair, honest, and unbiased assessment of the manuscript's strengths and weaknesses. But how is that possible if you're on the payroll of pharma? Furthermore, no one can identify who is being paid as there is no central database like the US where you can look up who is paying who. The voluntary nature of the system means companies can often conceal payments. For example, the drug industry’s self-regulatory body reprimanded  Novo Nordisk for failing to disclose approximately 500 payments worth £7.8m to over 150 recipients between 2020 and 2022. This latest publication further enhances the status of peer review: it is broken. A system that dates back over 200 years persists because no one can be bothered to address its shortcomings, and too many journals make hefty profits out of its inadequacies to affect the status quo. THE JAMA authors consider that ‘additional research and transparency regarding industry payments in the peer review process are needed.” We think this will be another smokescreen to permit the current system to limp on.  Editorial peer reviews are largely untested; their effects are uncertain and tainted by industry influence. The system needs a radical overhaul which starts with abandoning the current journal system that sucks in vast amounts of cash and distorts the research agenda. The main reasons for the survival of a broken system are tied to the biomedical publication industry. For editors, peer review is a Kevlar shield, a sloping shoulders device - “it ain’t me guv” cop-out clause. For academic authors who have to climb the greasy pole, it’s a system that works both ways; for industry and all those who have to sell something, it’s a cheap advert chance. You only need to read our Antivirals series to understand how the system works and how the public was sold and continues to sell dummies. Rotten decision-makers only have to point to ghost-written trials in mega journals to justify their decisions. You only have to look at our recent Zum Zum posts to see the devastating effects of this broken system. Or look up the Comirnaty series, which was written without data published in journals—it was regulatory data, the closest we are ever going to get to reality. This post was written by two old geezers who have been peer-viewed and have peer-reviewed countless times. Consider becoming a paid subscriber to receive new posts and support our work. October 10, 2024 Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals David-Dan Nguyen, MDCM, MPH1,2; Anju Muramaya3,4; Anna-Lisa Nguyen, BHSc5; et al
    JAMANETWORK.COM
    Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals
    This study characterizes payments by drug and medical device manufacturers to US peer reviewers of major medical journals.
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 520 Views 0 Reviews
  • ประโยชน์ของเทมเป้ต่อสุขภาพ
    ข้อมูลจาก

    ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภญ.จิราพร เลื่อนผลเจริญชัย

    ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิด

    1. อุดมไปด้วยโปรตีน

    ปริมาณโปรตีนที่แนะนำให้ผู้ใหญ่บริโภคต่อวันคือ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม สำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติควรได้รับโปรตีนจากถั่วเหลืองในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อทดแทนการได้รับโปรตีนไม่เพียงพอจากการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ โดยเทมเป้ให้โปรตีนสูงกว่าอาหารที่ทำจากถั่วชนิดอื่น เช่น เต้าหู้ปริมาณ 84 กรัม ให้โปรตีนประมาณ 6 กรัม ขณะที่เทมเป้ที่มีปริมาณเท่ากันให้โปรตีนสูงถึง 15 กรัม จึงเหมาะสำหรับผู้รับประทานมังสวิรัติ และผู้ที่ออกกำลังกายเพราะการรับประทานโปรตีนอย่างเพียงพอจะช่วยเสริมมวลกล้ามเนื้อที่เสียไปจากการออกกำลังกาย นอกจากนี้ เทมเป้ที่ทำจากถั่วเหลืองยังมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง และจะได้รับจากการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนอย่างเพียงพอเท่านั้น ซึ่งอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองจะให้ครบทั้ง 9 ชนิด ได้แก่ ฮิสติดีน ลิวซีน ไอโซลิวซีน วาลีน ทรีโอนีน ไลซีน เมไทโอนีน ฟีนิลอะลานีน และทริปโตเฟน ต่างจากธัญพืชอื่นๆ ที่อาจให้กรดอะมิโนจำเป็นได้ไม่ครบ

    2. ดีต่อหัวใจและช่วยควบคุมน้ำหนัก

    เทมเป้ 1 ถ้วย (166 กรัม) ประกอบด้วยไขมัน 18 กรัม โดยไขมันส่วนใหญ่ในเทมเป้จะเป็นไขมันไม่อิ่มตัวชนิดเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อน ซึ่งเป็นไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อันมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ เทมเป้ 1 ถ้วยประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตเพียง 13 กรัม และมีโปรตีนสูงที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องและยับยั้งความรู้สึกอยากอาหาร ซึ่งอาจเป็นตัวเลือกที่ดีเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย

    3. แหล่งของวิตามินและแร่ธาตุ

    การรับประทานเทมเป้ให้สารอาหารจำพวกวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ วิตามินบี 2 ที่มีส่วนช่วยในการสร้างพลังงาน การมองเห็น และบำรุงผิวพรรณ วิตามินบี 3 ที่ช่วยเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน เสริมการทำงานของสมอง ระบบย่อยอาหาร และผิวพรรณ และวิตามินบี 12 ที่มีบทบาทในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งพบมากในเนื้อสัตว์และนม จึงเป็นทางเลือกของคนที่รับประทานมังสวิรัติ นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมสูงจึงเป็นแหล่งของแคลเซียมที่เหมาะกับคนที่ไม่ดื่มนมวัว และยังมีแร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี ทองแดง เหล็ก แมงกานีส และฟอสฟอรัส ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย

    4. แหล่งของสารไอโซฟลาโวน

    เทมเป้ประกอบด้วยสารไอโซฟลาโวน ซึ่งพบมากในถั่วเหลืองและอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง โดยปกติบนห่อผลิตภัณฑ์เทมเป้จะระบุปริมาณไอโซฟลาโวนให้เห็นโดยมีปริมาณอยู่ที่ 40-50 กรัมต่อ 1 ชิ้น โดยไอโซฟลาโวนมีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลโดยรวม คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (low density lipoprotein หรือ LDL) และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งไขมันชนิดไม่ดีเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ ไอโซฟลาโวนจัดเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนจากพืช (phytoestrogen) ที่ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ ลดอาการวัยทองในหญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีระดับฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของเซลล์จากอนุมูลอิสระ และอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น

    5. เสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายของร่างกาย

    การรับประทานถั่วและธัญพืชบางชนิดอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและมีอาการท้องอืด แต่การรับประทานเทมเป้มักไม่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น โรคลำไส้แปรปรวน เป็นต้น นอกจากนี้เทมเป้ได้จากการหมักถั่วกับเชื้อรา จึงมีโพรไบโอติกส์ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบทางเดินอาหาร และมีพรีไบโอติกส์ซึ่งเป็นใยอาหารชนิดหนึ่งและเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของโพรไบโอติกส์ โดยเทมเป้ 85 กรัม มีใยอาหารสูงถึง 7 กรัม จึงมีส่วนช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ

    6. บำรุงสมองและระบบประสาท

    เทมเป้ประกอบด้วยสารเลซิตินที่ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท เนื่องจากเป็นสารตั้งต้นของการสร้างสารสื่อประสาทในสมองคือ acetylcholine หากร่างกายได้รับเลซิตินในปริมาณที่เพียงพอก็จะช่วยป้องกันและรักษาอาการผิดปกติของระบบประสาทบางประเภทได้

    7. บำรุงตับ ลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี

    สารเลซิตินในเทมเป้ยังช่วยบำรุงตับได้ดี เนื่องจากประกอบด้วยกรดไขมันคือฟอสเฟตและโคลีน ซึ่งโคลีนมีส่วนช่วยให้เซลล์ตับมีการเผาผลาญไขมันได้อย่างปกติ ลดการเกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคตับอักเสบและตับแข็ง นอกจากนี้ เลซิตินยังมีคุณสมบัติเป็นตัวทำละลายของน้ำดี ช่วยให้น้ำดีไม่จับตัวจนเป็นก้อนนิ่ว ลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้

    8. เสริมสร้างการเจริญเติบโตและสร้างเม็ดเลือดให้เป็นปกติ

    วิตามินบี 12 ถือว่าเป็นวิตามินที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในวัยเด็ก เนื่องจากช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ทำให้ทานอาหารได้มาก ในขณะที่ผู้สูงอายุการได้รับวิตามินบี 12 จะช่วยในเรื่องของการสร้างเม็ดเลือดให้เป็นปกติ และยังช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้เคลื่อนไหวได้ดี ลดอาการอ่อนแรง ซึ่งปกติแล้ว วิตามินบี 12 จะพบได้ในเนื้อสัตว์เท่านั้น แต่หากทานเทมเป้เข้าไปก็จะได้รับวิตามินชนิดนี้เช่นกัน

    ข้อควรระวังในการรับประทานเทมเป้
    คนทั่วไปสามารถรับประทานเทมเป้ได้อย่างปลอดภัยและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่คนที่มีภาวะสุขภาพบางอย่างไม่ควรรับประทานเทมเป้ เช่น (1) แพ้ถั่วเหลือง เนื่องจากเทมเป้มีส่วนประกอบหลักคือถั่วเหลือง การรับประทานเทมเป้อาจทำให้คนที่แพ้ถั่วเหลืองมีอาการคัน เกิดผื่นลมพิษ ใบหน้าและลำคอบวม หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด ปวดท้อง ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน และบางคนอาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต (2) ภาวะผิดปกติเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ เพราะเทมเป้มีสารกอยโตรเจน (goitrogen) ที่อาจยับยั้งการสังเคราะห์ไทรอยด์ฮอร์โมน และลดประสิทธิภาพการดูดซึมยารักษาไทรอยด์

    แหล่งอ้างอิง/ที่มา
    U.S. Department of Agriculture. 2023. FoodData Central: Foundation foods (April).
    Teoh SQ, Chin NL, Chong CW, Ripen AM, How S, Lim JJL. A review on health benefits and processing of tempeh with outlines on its functional microbes. Future Foods. 2024; 9: 100330.
    Pobpad. เทมเป้ อาหารเพื่อสุขภาพและวิธีรับประทานให้ได้ประโยชน์.
    #tempeh #เทมเป้ #เทมเป้โปรตีน
    #โปรตีนจากพืช
    ประโยชน์ของเทมเป้ต่อสุขภาพ ข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภญ.จิราพร เลื่อนผลเจริญชัย ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิด 1. อุดมไปด้วยโปรตีน ปริมาณโปรตีนที่แนะนำให้ผู้ใหญ่บริโภคต่อวันคือ 1 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม สำหรับผู้ที่รับประทานมังสวิรัติควรได้รับโปรตีนจากถั่วเหลืองในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อทดแทนการได้รับโปรตีนไม่เพียงพอจากการไม่รับประทานเนื้อสัตว์ โดยเทมเป้ให้โปรตีนสูงกว่าอาหารที่ทำจากถั่วชนิดอื่น เช่น เต้าหู้ปริมาณ 84 กรัม ให้โปรตีนประมาณ 6 กรัม ขณะที่เทมเป้ที่มีปริมาณเท่ากันให้โปรตีนสูงถึง 15 กรัม จึงเหมาะสำหรับผู้รับประทานมังสวิรัติ และผู้ที่ออกกำลังกายเพราะการรับประทานโปรตีนอย่างเพียงพอจะช่วยเสริมมวลกล้ามเนื้อที่เสียไปจากการออกกำลังกาย นอกจากนี้ เทมเป้ที่ทำจากถั่วเหลืองยังมีกรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นได้เอง และจะได้รับจากการรับประทานอาหารที่มีโปรตีนอย่างเพียงพอเท่านั้น ซึ่งอาหารที่ทำจากถั่วเหลืองจะให้ครบทั้ง 9 ชนิด ได้แก่ ฮิสติดีน ลิวซีน ไอโซลิวซีน วาลีน ทรีโอนีน ไลซีน เมไทโอนีน ฟีนิลอะลานีน และทริปโตเฟน ต่างจากธัญพืชอื่นๆ ที่อาจให้กรดอะมิโนจำเป็นได้ไม่ครบ 2. ดีต่อหัวใจและช่วยควบคุมน้ำหนัก เทมเป้ 1 ถ้วย (166 กรัม) ประกอบด้วยไขมัน 18 กรัม โดยไขมันส่วนใหญ่ในเทมเป้จะเป็นไขมันไม่อิ่มตัวชนิดเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อน ซึ่งเป็นไขมันดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อันมีส่วนช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดีและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง นอกจากนี้ เทมเป้ 1 ถ้วยประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรตเพียง 13 กรัม และมีโปรตีนสูงที่ช่วยให้รู้สึกอิ่มท้องและยับยั้งความรู้สึกอยากอาหาร ซึ่งอาจเป็นตัวเลือกที่ดีเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักอีกด้วย 3. แหล่งของวิตามินและแร่ธาตุ การรับประทานเทมเป้ให้สารอาหารจำพวกวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ได้แก่ วิตามินบี 2 ที่มีส่วนช่วยในการสร้างพลังงาน การมองเห็น และบำรุงผิวพรรณ วิตามินบี 3 ที่ช่วยเปลี่ยนสารอาหารให้เป็นพลังงาน เสริมการทำงานของสมอง ระบบย่อยอาหาร และผิวพรรณ และวิตามินบี 12 ที่มีบทบาทในการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งพบมากในเนื้อสัตว์และนม จึงเป็นทางเลือกของคนที่รับประทานมังสวิรัติ นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมสูงจึงเป็นแหล่งของแคลเซียมที่เหมาะกับคนที่ไม่ดื่มนมวัว และยังมีแร่ธาตุต่างๆ เช่น สังกะสี ทองแดง เหล็ก แมงกานีส และฟอสฟอรัส ซึ่งมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกาย 4. แหล่งของสารไอโซฟลาโวน เทมเป้ประกอบด้วยสารไอโซฟลาโวน ซึ่งพบมากในถั่วเหลืองและอาหารที่ทำจากถั่วเหลือง โดยปกติบนห่อผลิตภัณฑ์เทมเป้จะระบุปริมาณไอโซฟลาโวนให้เห็นโดยมีปริมาณอยู่ที่ 40-50 กรัมต่อ 1 ชิ้น โดยไอโซฟลาโวนมีส่วนช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลโดยรวม คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (low density lipoprotein หรือ LDL) และไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ซึ่งไขมันชนิดไม่ดีเหล่านี้อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ นอกจากนี้ ไอโซฟลาโวนจัดเป็นฮอร์โมนเอสโตรเจนจากพืช (phytoestrogen) ที่ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ ลดอาการวัยทองในหญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีระดับฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ชะลอความเสื่อมของเซลล์จากอนุมูลอิสระ และอาจช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นต้น 5. เสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายของร่างกาย การรับประทานถั่วและธัญพืชบางชนิดอาจทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหารและมีอาการท้องอืด แต่การรับประทานเทมเป้มักไม่ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น โรคลำไส้แปรปรวน เป็นต้น นอกจากนี้เทมเป้ได้จากการหมักถั่วกับเชื้อรา จึงมีโพรไบโอติกส์ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบทางเดินอาหาร และมีพรีไบโอติกส์ซึ่งเป็นใยอาหารชนิดหนึ่งและเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของโพรไบโอติกส์ โดยเทมเป้ 85 กรัม มีใยอาหารสูงถึง 7 กรัม จึงมีส่วนช่วยให้การขับถ่ายเป็นปกติ 6. บำรุงสมองและระบบประสาท เทมเป้ประกอบด้วยสารเลซิตินที่ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท เนื่องจากเป็นสารตั้งต้นของการสร้างสารสื่อประสาทในสมองคือ acetylcholine หากร่างกายได้รับเลซิตินในปริมาณที่เพียงพอก็จะช่วยป้องกันและรักษาอาการผิดปกติของระบบประสาทบางประเภทได้ 7. บำรุงตับ ลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดี สารเลซิตินในเทมเป้ยังช่วยบำรุงตับได้ดี เนื่องจากประกอบด้วยกรดไขมันคือฟอสเฟตและโคลีน ซึ่งโคลีนมีส่วนช่วยให้เซลล์ตับมีการเผาผลาญไขมันได้อย่างปกติ ลดการเกิดภาวะไขมันพอกตับ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคตับอักเสบและตับแข็ง นอกจากนี้ เลซิตินยังมีคุณสมบัติเป็นตัวทำละลายของน้ำดี ช่วยให้น้ำดีไม่จับตัวจนเป็นก้อนนิ่ว ลดการเกิดนิ่วในถุงน้ำดีได้ 8. เสริมสร้างการเจริญเติบโตและสร้างเม็ดเลือดให้เป็นปกติ วิตามินบี 12 ถือว่าเป็นวิตามินที่สำคัญมาก โดยเฉพาะในวัยเด็ก เนื่องจากช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ทำให้ทานอาหารได้มาก ในขณะที่ผู้สูงอายุการได้รับวิตามินบี 12 จะช่วยในเรื่องของการสร้างเม็ดเลือดให้เป็นปกติ และยังช่วยบำรุงระบบประสาท ทำให้เคลื่อนไหวได้ดี ลดอาการอ่อนแรง ซึ่งปกติแล้ว วิตามินบี 12 จะพบได้ในเนื้อสัตว์เท่านั้น แต่หากทานเทมเป้เข้าไปก็จะได้รับวิตามินชนิดนี้เช่นกัน ข้อควรระวังในการรับประทานเทมเป้ คนทั่วไปสามารถรับประทานเทมเป้ได้อย่างปลอดภัยและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ แต่คนที่มีภาวะสุขภาพบางอย่างไม่ควรรับประทานเทมเป้ เช่น (1) แพ้ถั่วเหลือง เนื่องจากเทมเป้มีส่วนประกอบหลักคือถั่วเหลือง การรับประทานเทมเป้อาจทำให้คนที่แพ้ถั่วเหลืองมีอาการคัน เกิดผื่นลมพิษ ใบหน้าและลำคอบวม หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด ปวดท้อง ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน และบางคนอาจเกิดอาการแพ้อย่างรุนแรงที่เป็นอันตรายถึงชีวิต (2) ภาวะผิดปกติเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ เพราะเทมเป้มีสารกอยโตรเจน (goitrogen) ที่อาจยับยั้งการสังเคราะห์ไทรอยด์ฮอร์โมน และลดประสิทธิภาพการดูดซึมยารักษาไทรอยด์ แหล่งอ้างอิง/ที่มา U.S. Department of Agriculture. 2023. FoodData Central: Foundation foods (April). Teoh SQ, Chin NL, Chong CW, Ripen AM, How S, Lim JJL. A review on health benefits and processing of tempeh with outlines on its functional microbes. Future Foods. 2024; 9: 100330. Pobpad. เทมเป้ อาหารเพื่อสุขภาพและวิธีรับประทานให้ได้ประโยชน์. #tempeh #เทมเป้ #เทมเป้โปรตีน #โปรตีนจากพืช
    0 Comments 0 Shares 328 Views 0 Reviews
  • กลุ่มประเทศ BRICS มีทองคำสำรองทั่วโลก ๒๐%, โดยรัสเซียและจีนเป็นผู้นำ

    ประเทศ BRICS ปัจจุบันมีทองคำสำรองทั่วโลกมากกว่า 20%, จากการคำนวณของ Sputnik, โดยอ้างอิงจากข้อมูลจากสภาทองคำโลก

    รัสเซียครองอันดับหนึ่งของรายชื่อด้วยทองคำสำรอง ๒,๓๔๐ ตัน คิดเป็น ๘.๑% ของทองคำสำรองทั่วโลก, ขณะที่จีนตามมาติดๆ ด้วยทองคำสำรอง ๒.๒๖๐ ตัน รวมกันแล้ว, คิดเป็น ๗๔% ของทองคำสำรองของกลุ่ม BRICS

    สมาชิก BRICS ที่เหลือ — อินเดีย, ซาอุดีอาระเบีย, บราซิล, อียิปต์, แอฟริกาใต้, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ — แต่ละประเทศมีทองคำสำรองรวมกันไม่ถึง ๓% ของทองคำสำรองทั่วโลก, โดยอินเดียครองอันดับหนึ่งของกลุ่มด้วยทองคำสำรอง ๘๔๐ ตัน
    .
    BRICS POSSESSES 20% OF GLOBAL GOLD RESERVES, RUSSIA AND CHINA LEAD PACK

    BRICS countries now control over 20% of the world's gold reserves, according to calculations by Sputnik, based on data from the World Gold Council.

    Russia tops the list with 2.34 thousand tons, holding 8.1% of global reserves, while China follows closely with 2.26 thousand tons. Together, they make up 74% of BRICS' gold reserves.

    The remaining BRICS members — India, Saudi Arabia, Brazil, Egypt, South Africa, and the UAE — each account for less than 3% of global reserves, with India leading the group at 840 tons.
    .
    4:06 PM · Oct 20, 2024 · 6,274 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1847927434538086490
    กลุ่มประเทศ BRICS มีทองคำสำรองทั่วโลก ๒๐%, โดยรัสเซียและจีนเป็นผู้นำ ประเทศ BRICS ปัจจุบันมีทองคำสำรองทั่วโลกมากกว่า 20%, จากการคำนวณของ Sputnik, โดยอ้างอิงจากข้อมูลจากสภาทองคำโลก รัสเซียครองอันดับหนึ่งของรายชื่อด้วยทองคำสำรอง ๒,๓๔๐ ตัน คิดเป็น ๘.๑% ของทองคำสำรองทั่วโลก, ขณะที่จีนตามมาติดๆ ด้วยทองคำสำรอง ๒.๒๖๐ ตัน รวมกันแล้ว, คิดเป็น ๗๔% ของทองคำสำรองของกลุ่ม BRICS สมาชิก BRICS ที่เหลือ — อินเดีย, ซาอุดีอาระเบีย, บราซิล, อียิปต์, แอฟริกาใต้, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ — แต่ละประเทศมีทองคำสำรองรวมกันไม่ถึง ๓% ของทองคำสำรองทั่วโลก, โดยอินเดียครองอันดับหนึ่งของกลุ่มด้วยทองคำสำรอง ๘๔๐ ตัน . BRICS POSSESSES 20% OF GLOBAL GOLD RESERVES, RUSSIA AND CHINA LEAD PACK BRICS countries now control over 20% of the world's gold reserves, according to calculations by Sputnik, based on data from the World Gold Council. Russia tops the list with 2.34 thousand tons, holding 8.1% of global reserves, while China follows closely with 2.26 thousand tons. Together, they make up 74% of BRICS' gold reserves. The remaining BRICS members — India, Saudi Arabia, Brazil, Egypt, South Africa, and the UAE — each account for less than 3% of global reserves, with India leading the group at 840 tons. . 4:06 PM · Oct 20, 2024 · 6,274 Views https://x.com/SputnikInt/status/1847927434538086490
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • ทุกวันนี้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจโลก Printed Circuit Board (PCB) หรือแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ กลายเป็นหัวใจหลักที่ช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่อุปกรณ์สมาร์ทโฟน ยานยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์การแพทย์ ไปจนถึงระบบ AI และ Data Centers

    ล่าสุด ประเทศไทยได้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีศักยภาพสูงสุดในการผลิต PCB ของอาเซียน และกำลังมุ่งหน้าสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลก ด้วยการสนับสนุนจากบีโอไอ ที่มุ่งเน้นการดึงดูดการลงทุนและการสร้างรากฐานสำหรับอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศผู้ผลิต PCB ชั้นนำของโลกภายใน 5 ปีข้างหน้า

    🔶PCB คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ

    PCB (Printed Circuit Board) คือ ส่วนประกอบสำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น ชิปหรือเซนเซอร์ ที่พบได้ในอุปกรณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน ยานยนต์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ หรือ อุปกรณ์การแพทย์ แผงวงจรเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณไฟฟ้าระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ทำให้ระบบทั้งหมดสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    การทำงานของ PCB สามารถอธิบายได้เหมือนกับ "ทางเดิน" ที่เชื่อมต่อพลังงานไฟฟ้าให้ไหลไปยังส่วนต่างๆ ของวงจร ซึ่งลายวงจรไฟฟ้านี้จะถูกสลักลงบนแผ่นทองแดงที่ยึดอยู่บนวัสดุแข็ง เช่น ไฟเบอร์กลาส วัสดุนี้เป็นตัวรองรับแผงวงจรและทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ สามารถติดตั้งและทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ และเป็นรากฐานที่ทำให้การพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีเป็นไปได้

    1. หัวใจของนวัตกรรมในทุกภาคส่วน : PCB มีบทบาทสำคัญในทุกอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่อุปกรณ์ส่วนบุคคลไปจนถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์การแพทย์ และการบิน การที่อุตสาหกรรม PCB เติบโต หมายถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สูงขึ้น

    2. ตอบโจทย์การออกแบบขนาดเล็กและประสิทธิภาพสูง : เทคโนโลยี PCB รุ่นใหม่ เช่น High-Density Interconnect (HDI) และ Flexible PCB ช่วยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีขนาดเล็กลงและเบาขึ้น ขณะเดียวกันยังคงความสามารถในการประมวลผลและการใช้งานที่ซับซ้อน เช่น ในสมาร์ทโฟน รวมทั้งตอบโจทย์การใช้งานในอุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์ทางการแพทย์

    3. ความยืดหยุ่นและความทนทานที่เพิ่มขึ้น : PCB แบบ Rigid-Flex เป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่ผสมผสานความแข็งแรงและความยืดหยุ่นในแผ่นเดียวกัน ซึ่งเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทานและความสามารถในการรับแรงกระแทก เช่น อุตสาหกรรมการบินและยานยนต์

    🔶ทำไมประเทศไทยถึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของการลงทุนใน PCB

    ข้อมูลจากบีโอไอ สะท้อนว่าการลงทุนในอุตสาหกรรม PCB ของประเทศไทยมีการเติบโตอย่างน่าสนใจ จากปี 2561 ถึงกลางปี 2567 มีการลงทุนรวมเกือบ 200,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในปี 2566 ที่มีการลงทุนสูงกว่า 100,000 ล้านบาท และในครึ่งปีแรกของปี 2567 การลงทุนเพิ่มอีก 39,732 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมและทิศทางของไทยที่กำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต PCB ในระดับโลก

    1. การเติบโตอย่างรวดเร็วของการลงทุนจากต่างประเทศ : นักลงทุนจาก จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคอื่นๆ และการมองเห็นศักยภาพในความเสถียรทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย

    2. ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ : ไทยมี แรงงานที่พร้อมพัฒนาทักษะ โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และ ห่วงโซ่อุปทานที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วน การเคลือบ การเจาะ การทดสอบทางไฟฟ้า รวมถึงการประกอบชิ้นส่วนขั้นสูง ทำให้สามารถรองรับการผลิตที่ต้องการความแม่นยำและเทคโนโลยีสูงได้อย่างเต็มที่

    3. การสนับสนุนจากบีโอไอ : ที่มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดการลงทุนผ่านการมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งการยกเว้นภาษี การยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบ และการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมทั้งยังเน้นการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะสูง ผ่านการจัดโครงการ Job matching และการฝึกอบรมบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรม PCB โดยเฉพาะ

    🔶การเติบโตสู่ระดับโลก : เป้าหมายของไทยใน 5 ปีข้างหน้า

    ประเทศไทยตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศผู้ผลิต PCB ชั้นนำของโลก ภายใน 5 ปีข้างหน้า การเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคและการเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง

    ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าไปสู่การเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรม PCB ระดับโลกภายใน 5 ปี ด้วยการสนับสนุนจากบีโอไอ ที่เน้น 3 ด้านหลัก คือ การพัฒนาบุคลากร การเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และ สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

    1. การพัฒนาบุคลากร : บีโอไอ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนในการฝึกอบรมบุคลากรและจับคู่ธุรกิจ เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรม PCB

    2. การเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทาน : นอกจากการผลิต PCB แล้ว ไทยยังสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การเคลือบ การเจาะ การเชื่อมวงจร และการผลิตชิ้นส่วนที่สนับสนุนการเติบโตของห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ ผ่านงานจับคู่ธุรกิจอย่าง Subcon Thailand และ Thailand Electronics Circuit Asia (THECA)

    3. การใช้พลังงานสะอาด : การผลิต PCB ใช้พลังงานและน้ำจำนวนมาก จึงมีการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดผ่านโครงการ Utility Green Tariff (UGT) และการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การผลิตมีความยั่งยืนและไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม

    การใช้พลังงานสะอาด : การผลิต PCB ต้องการพลังงานและน้ำในปริมาณมาก ปัจจุบันกระทรวงพลังงานกำลังดำเนินโครงการ Utility Green Tariff (UGT) ซึ่งเป็นอัตราค่าไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานสีเขียวในภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจว่ามีแหล่งพลังงานสะอาดเพียงพอ รวมถึงการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้กระบวนการผลิตยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    ✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨
    #บีโอไอส่งเสริมการลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติทุกขนาดการลงทุน
    📱 0 2553 8111
    📧 head@boi.go.th
    🌐 www.boi.go.th
    🔰ไม่มีค่าใช้จ่ายในการติดต่อ

    #PCB #SupplyChain #ThailandTechHub #PCBInnovation #TopPCBThailand
    ทุกวันนี้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจโลก Printed Circuit Board (PCB) หรือแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ กลายเป็นหัวใจหลักที่ช่วยให้การพัฒนาเทคโนโลยีเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่อุปกรณ์สมาร์ทโฟน ยานยนต์ไฟฟ้า อุปกรณ์การแพทย์ ไปจนถึงระบบ AI และ Data Centers ล่าสุด ประเทศไทยได้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำที่มีศักยภาพสูงสุดในการผลิต PCB ของอาเซียน และกำลังมุ่งหน้าสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลก ด้วยการสนับสนุนจากบีโอไอ ที่มุ่งเน้นการดึงดูดการลงทุนและการสร้างรากฐานสำหรับอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง โดยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศผู้ผลิต PCB ชั้นนำของโลกภายใน 5 ปีข้างหน้า 🔶PCB คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ PCB (Printed Circuit Board) คือ ส่วนประกอบสำคัญในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำหน้าที่ในการเชื่อมต่อและควบคุมการทำงานของชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น ชิปหรือเซนเซอร์ ที่พบได้ในอุปกรณ์หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน ยานยนต์ไฟฟ้า คอมพิวเตอร์ หรือ อุปกรณ์การแพทย์ แผงวงจรเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวส่งสัญญาณไฟฟ้าระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ ทำให้ระบบทั้งหมดสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ การทำงานของ PCB สามารถอธิบายได้เหมือนกับ "ทางเดิน" ที่เชื่อมต่อพลังงานไฟฟ้าให้ไหลไปยังส่วนต่างๆ ของวงจร ซึ่งลายวงจรไฟฟ้านี้จะถูกสลักลงบนแผ่นทองแดงที่ยึดอยู่บนวัสดุแข็ง เช่น ไฟเบอร์กลาส วัสดุนี้เป็นตัวรองรับแผงวงจรและทำให้ชิ้นส่วนต่างๆ สามารถติดตั้งและทำงานได้อย่างมีเสถียรภาพ และเป็นรากฐานที่ทำให้การพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยีเป็นไปได้ 1. หัวใจของนวัตกรรมในทุกภาคส่วน : PCB มีบทบาทสำคัญในทุกอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่อุปกรณ์ส่วนบุคคลไปจนถึงอุตสาหกรรมยานยนต์ อุปกรณ์การแพทย์ และการบิน การที่อุตสาหกรรม PCB เติบโต หมายถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สูงขึ้น 2. ตอบโจทย์การออกแบบขนาดเล็กและประสิทธิภาพสูง : เทคโนโลยี PCB รุ่นใหม่ เช่น High-Density Interconnect (HDI) และ Flexible PCB ช่วยให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีขนาดเล็กลงและเบาขึ้น ขณะเดียวกันยังคงความสามารถในการประมวลผลและการใช้งานที่ซับซ้อน เช่น ในสมาร์ทโฟน รวมทั้งตอบโจทย์การใช้งานในอุปกรณ์สวมใส่และอุปกรณ์ทางการแพทย์ 3. ความยืดหยุ่นและความทนทานที่เพิ่มขึ้น : PCB แบบ Rigid-Flex เป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งที่ผสมผสานความแข็งแรงและความยืดหยุ่นในแผ่นเดียวกัน ซึ่งเหมาะสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องการความทนทานและความสามารถในการรับแรงกระแทก เช่น อุตสาหกรรมการบินและยานยนต์ 🔶ทำไมประเทศไทยถึงกลายเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญของการลงทุนใน PCB ข้อมูลจากบีโอไอ สะท้อนว่าการลงทุนในอุตสาหกรรม PCB ของประเทศไทยมีการเติบโตอย่างน่าสนใจ จากปี 2561 ถึงกลางปี 2567 มีการลงทุนรวมเกือบ 200,000 ล้านบาท โดยเฉพาะในปี 2566 ที่มีการลงทุนสูงกว่า 100,000 ล้านบาท และในครึ่งปีแรกของปี 2567 การลงทุนเพิ่มอีก 39,732 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมและทิศทางของไทยที่กำลังก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิต PCB ในระดับโลก 1. การเติบโตอย่างรวดเร็วของการลงทุนจากต่างประเทศ : นักลงทุนจาก จีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น เข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น เนื่องจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคอื่นๆ และการมองเห็นศักยภาพในความเสถียรทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย 2. ข้อได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ : ไทยมี แรงงานที่พร้อมพัฒนาทักษะ โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และ ห่วงโซ่อุปทานที่ครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วน การเคลือบ การเจาะ การทดสอบทางไฟฟ้า รวมถึงการประกอบชิ้นส่วนขั้นสูง ทำให้สามารถรองรับการผลิตที่ต้องการความแม่นยำและเทคโนโลยีสูงได้อย่างเต็มที่ 3. การสนับสนุนจากบีโอไอ : ที่มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดการลงทุนผ่านการมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ ทั้งการยกเว้นภาษี การยกเว้นภาษีนำเข้าวัตถุดิบ และการสนับสนุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมทั้งยังเน้นการพัฒนาบุคลากรที่มีทักษะสูง ผ่านการจัดโครงการ Job matching และการฝึกอบรมบุคลากรเพื่อรองรับอุตสาหกรรม PCB โดยเฉพาะ 🔶การเติบโตสู่ระดับโลก : เป้าหมายของไทยใน 5 ปีข้างหน้า ประเทศไทยตั้งเป้าที่จะก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน 5 ประเทศผู้ผลิต PCB ชั้นนำของโลก ภายใน 5 ปีข้างหน้า การเป็นศูนย์กลางการผลิตในภูมิภาคและการเชื่อมโยงกับห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ประเทศไทยกำลังมุ่งหน้าไปสู่การเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรม PCB ระดับโลกภายใน 5 ปี ด้วยการสนับสนุนจากบีโอไอ ที่เน้น 3 ด้านหลัก คือ การพัฒนาบุคลากร การเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และ สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน 1. การพัฒนาบุคลากร : บีโอไอ ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนในการฝึกอบรมบุคลากรและจับคู่ธุรกิจ เพื่อสร้างแรงงานที่มีทักษะสูงสำหรับอุตสาหกรรม PCB 2. การเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทาน : นอกจากการผลิต PCB แล้ว ไทยยังสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การเคลือบ การเจาะ การเชื่อมวงจร และการผลิตชิ้นส่วนที่สนับสนุนการเติบโตของห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศ ผ่านงานจับคู่ธุรกิจอย่าง Subcon Thailand และ Thailand Electronics Circuit Asia (THECA) 3. การใช้พลังงานสะอาด : การผลิต PCB ใช้พลังงานและน้ำจำนวนมาก จึงมีการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดผ่านโครงการ Utility Green Tariff (UGT) และการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้การผลิตมีความยั่งยืนและไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานสะอาด : การผลิต PCB ต้องการพลังงานและน้ำในปริมาณมาก ปัจจุบันกระทรวงพลังงานกำลังดำเนินโครงการ Utility Green Tariff (UGT) ซึ่งเป็นอัตราค่าไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เพื่อสนับสนุนการใช้พลังงานสีเขียวในภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ลงทุนมั่นใจว่ามีแหล่งพลังงานสะอาดเพียงพอ รวมถึงการจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้กระบวนการผลิตยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨✨ #บีโอไอส่งเสริมการลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติทุกขนาดการลงทุน 📱 0 2553 8111 📧 head@boi.go.th 🌐 www.boi.go.th 🔰ไม่มีค่าใช้จ่ายในการติดต่อ #PCB #SupplyChain #ThailandTechHub #PCBInnovation #TopPCBThailand
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊ก ‘ปราย พันแสง

    เมื่อคืนดูคลิปบอสเล่านิทานเรื่อง“มดไต่แก้ว”แล้วนอนไม่หลับเอาเลย ยอมรับว่าเล่าเก่งโคตร

    ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม
    จึงมีเหยื่อมากมายนัก
    ก็มันชวนเคลิ้มซะขนาดนี้

    🌻

    นานมาแล้ว สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลเคยบอกว่า "The most powerful person in the world is the storyteller.“ คนที่ทรงพลังที่สุดในโลกคือนักเล่าเรื่อง จอบส์ฟันธงไว้อย่างนั้น

    เขาบอกว่า“นักเล่าเรื่อง” หรือคนที่เล่าเรื่องเป็น(storyteller) จะเป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ ค่านิยม และระเบียบวาระต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นให้กับผู้คนทั้งเจเนอเรชั่น อาจจะกล่าวได้ว่า นักเล่าเรื่องเก่งๆ นั้นสามารถกำหนดเทรนด์หรือทิศทางของสังคมได้

    ส่วนที่จอบส์ไม่ได้บอกไว้ก็คือ นักเล่าเรื่องเก่งๆ หลายคน สามารถทำให้คนคิดฆ่าตัวตาย ทำให้เกิดความฉิบหายระดับหมื่นล้านแสนล้านได้ด้วย

    สิ่งที่ปรากฏต่อสังคมไทยในวันนี้
    มันอาจเป็นประจักษ์พยานด้านมืด
    ของ storyteller อย่างชัดๆ

    🌻

    “มดไต่แก้ว” เป็นเรื่องเล่าง่ายๆ เกี่ยวกับมดที่พยายามป่ายปีนออกไปให้พ้นแก้ว มดบางตัวปีนไปจนอยู่ในจุดสูงที่สุดของปากแก้ว แต่แล้วก็ตกลงมา

    บอสบอกไว้คมเฉียบว่า ”การตกลงมาจากจุดสูงสุดอย่างนั้น มันทำให้เจ็บที่สุด ทำให้มีมดบางตัวยอมแพั แต่ก็ยังมีมดบางตัวสู้ต่อ จนได้รับอิสรภาพในที่สุด“

    เคลิ้มมั้ยล่ะ ^__^

    🌻

    เอาจริง จากอาชีพอ่านๆ เขียนๆ เรื่องเล่าประเภทนี้ไม่ได้กินเราหรอก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลี อีกทั้งยังต้องอยู่ในสถานะลูกข่ายที่ต้องไล่ล่าทำยอดขาย พลังของเรื่องเล่าแบบนี้มันพุ่งปรี๊ดทะลุปม กระแทกต่อมได้ตรงจุด จึงไม่น่าแปลกใจถ้ามันจะทำให้ใครๆ ที่ได้ฟังครั้งแรกถึงกับน้ำตาไหลพราก ซาบซึ้งตรึงใจ

    เราเองฟังเรื่องมดไต่แก้วนี้กลับไปคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้มีใครเคยฟังมั้ย เป็นนิทานเรื่องกบกระโดด เรื่องมีอยู่ว่า มีกบตัวหนึ่งพยายามปีนออกจากบ่อลึก ทุกครั้งที่มันพยายามกระโดด เพื่อนๆ กบจะพากันตะโกนห้ามว่า "เลิกเถอะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก!"

    ทว่ากบตัวนั้นไม่ยอมแพ้ สุดท้ายในการกระโดดครั้งที่ 99 มันก็กระโดดออกจากบ่อได้สำเร็จ แต่ความจริงของเรื่องนี้คือ กบตัวนี้หูหนวก มันเลยไม่ได้ยินเสียงร้องห้ามจากเพื่อนๆ เลยสักนิดเดียว

    ช่างไม่ต่างอะไรเลยกับผู้เสียหายมากมาย
    ที่ไม่ยอมฟังคำทัดทานจากใครเลย
    เหมือนกบหูหนวก

    🌻

    คดีบอสๆ นี้ เราว่านิทานเรื่องมดไต่แก้วนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ที่เรารู้สึกเองว่ามันทรงพลังแห่ง storytelling จริงๆ น่าจะเป็นนิทานเรื่องจริงที่แชร์กันเยอะๆ วันนี้ ที่เป็นคลิปเล่าเรื่องบอสพอลพาผู้ชมกลับไปทัวร์สลัมคลองเตยบ้านเกิด พาไปชมแฟลตเก่าชั้นสองห้อง 16 ที่เคยเติบโตมา

    แคปชั่นตรึงใจ “ผมไม่เคยลืม...ว่าผมเติบโตมาจากที่ไหน ชุมชนแออัด หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า "สลัม"ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนที่ยังเริ่มต้นสร้างชีวิต”

    “20 ปีที่แล้ว กับภาพในวันนี้ ทุกอย่างมันยังคงอยู่เหมือนเดิม ราวกับว่ามันหยุดเวลาไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจอะไรบางอย่าง มันคือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมไม่เคยคิดดูถูกความฝันหรือความพยายามของใคร เพราะผมก็เคยเป็นหนึ่งคน ที่ชีวิตไม่พร้อม แต่มีความฝัน ขอเป็นกำลังใจให้กับนักสู้ชีวิตทุก ๆ ท่านครับ“

    คลิปถ่ายสวย ไม่เวอร์
    ภาพดี เสียงดี เล่าเรื่องดี
    นักแสดง(บอสพอล)แอ๊คติ้งเป็นธรรมชาติ
    ไม่มีตรงไหนชวนแหวะ
    หรือชวนเอ๊ะเลย

    ยิ่งตอนโทรคุยกับแม่หน้าแฟลตเก่า พูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าอร่อยที่ยังขายอยู่นั่นก็ดูจะเป็นซีนที่น่าจดจำมากทีเดียว คือถ้าไม่ติดเรื่องข้อสงสัยว่าเป็นธุรกิจผิดกฎหมายเนี่ย อยากเชิญคนทำคลิปนี้ไปสร้างหนังไทยเลย อยากดู

    ในคลิปนี้ บอสยืนพูดหน้าแฟลตที่สกปรกรุงรังว่า ตอนที่เขายังใช้ชีวิตอยู่ในสลัมแห่งนี้ ชีวิตวัยนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าอยากดูแลแม่ให้มีความสุขเท่านั้น ตรงนี้เชื่อว่าเอฟซีอาจน้ำตาร่วง

    อีกทั้งน้ำเสียงของแม่ปลายสาย ก็ร่าเริงมีความสุข กับการพูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำที่เคยกินสมัยอยู่สลัม สื่อให้เห็นว่าเมื่อก้าวพ้นความยากจนไปแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ในสลัมธรรมดาก็ยังงดงามขึ้นมาได้

    ทุกอย่างสอดคล้องกลมกลืนลื่นไหล เป็นคลิปฟิลลิ่ง Nostalgia การรำลึกความหลังยากแค้นของเศรษฐีหมื่นล้านที่สุดละเมียดจริงแท้

    ใครไม่เคลิ้มให้มันรูัไป

    ยอดขายระเบิดเถิดเทิงหมื่นล้านแสนล้าน ไม่ใช่ได้มาแบบฟลุคๆ แน่นอน มันผ่านการเล่าเรื่องที่คัดเค้นมาแล้วอย่างประณีต เพื่อพิชิตใจมหาชนคนสามัญที่คุ้นเคยชมชอบกับเรื่องดรามาชนิดซึมเข้ากระดูกดำแบบไทยๆ เราอย่างเหมาะเหม็ง

    ดูคลิปนี้แล้วยิ่งไม่แปลกใจเลยสักนิด
    ว่าทำไมลูกข่ายหอบเงินมาประเคนให้
    เป็นหลักหมื่นแสนล้าน

    🌻

    เอาจริง เรื่องเล่าตรึงใจระคายต่อมพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรอก มันเป็นเครื่องมือสำเร็จรูปที่มีใช้กันนานแล้วในวงการต่างๆ โดยเฉพาะในแวดวงหลอกลวงต้มตุ๋น ดูเหมือนจะสร้างเม็ดเงินมหาศาลทำลายสถิติได้ทุกยุคสมัย

    เรื่องเล่ากระตุ้นต่อมที่ชาวโลกรู้จักกันแพร่หลาย ก็คงจะเป็นนิทานเรื่อง“ปลาทอง" ในคดีฉ้อฉลของเบอร์นี แมดอฟฟ์ในอเมริกา ที่น่าจะอื้อฉาวพอๆ กับคดีดิ ไอคอน ในเมืองไทยตอนนี้ก็ว่าได้

    สมัยนั้น เบอร์นี แมดอฟฟ์ ก็มักจะชอบเล่าเรื่องเปรียบเทียบการลงทุนกับการให้อาหารปลาทอง โดยบอกว่าต้องให้อาหารสม่ำเสมอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป เพื่อให้ปลาเติบโตอย่างแข็งแรง

    เขาใช้เรื่องนี้อธิบายกลยุทธ์การลงทุนที่ "สม่ำเสมอ" ของเขา ซึ่งในความเป็นจริงคือแผนการณ์หลอกลวงแบบพอนซี (Ponzi scheme- คล้ายแชร์ลูกโซ่ แต่ไม่มีสินค้า ใช้วิธีเอาเงินคนใหม่ไปจ่ายให้คนเก่าวนไปเรื่อยๆ )

    พอนซีของแมดอล์ฟฟ์มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 64.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    แมดอล์ฟฟ์ใช้เรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาทองเพื่อสื่อว่ากลยุทธ์การลงทุนของเขานั้น "สม่ำเสมอ" และ "ปลอดภัย" เขาอ้างว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่คงที่และน่าเชื่อถือได้ ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร เรื่องเล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญที่มีกลยุทธ์ที่มั่นคง

    ในความเป็นจริง แมดอล์ฟฟ์ไม่ได้นำเงินของลูกค้าไปลงทุนเลยสักนิด เขาใช้เงินจากนักลงทุนรายใหม่เพื่อจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนรายเก่า ซึ่งเป็นลักษณะของแผนพอนซี ผลตอบแทน "สม่ำเสมอ" ที่เขาอ้างถึงนั้นเป็นเพียงตัวเลขที่เขาสร้างขึ้นมาเอง

    แผนฉ้อโกงนี้ดำเนินมานานหลายทศวรรษก่อนจะถูกเปิดโปงในปี 2008 มีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมถึงบุคคลทั่วไป องค์กรการกุศล และสถาบันการเงิน

    ปัจจุบันแมดอล์ฟฟ์ถูกจับกุม
    และถูกตัดสินจำคุก 150 ปี

    🌻

    นอกจากนิทานปลาทองของแมดอล์ฟฟ์ ยังมีนิทานอีกเรื่องที่โด่งดังไม่แพ้กัน นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า “ช้างล่ามโซ่” ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงของบริษัท One Coin

    One Coin เป็นโครงการที่อ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) แต่ในความเป็นจริงเป็นแผนหลอกลวงแบบพีระมิด (pyramid scheme) ที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ต้มตุ๋น

    รูจา อิกนาโตวา (Ruja Ignatova) ผู้ก่อตั้ง One Coin
    เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1980 ที่เมืองรูส ประเทศบัลแกเรีย ย้ายไปเยอรมนีตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จบปริญญาเอกด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคอนสแตนซ์ ประเทศเยอรมนี เคยทำงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา McKinsey & Company ในปี 2014 เธอก่อตั้งบริษัท One Coin ซึ่งอ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลใหม่

    บริษัท One Coin เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสมาชิกกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก จนกระทั่งในปี 2016 เริ่มมีการสงสัยและตรวจสอบ One Coin ว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่

    วันที่ 25 ตุลาคม 2017 รูจาหายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากบินจากโซเฟียไปยังเอเธนส์ ในปี 2019 เธอถูกฟ้องในสหรัฐอเมริกาในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน

    🌻

    ในการหลอกล่อเหยื่อมาลงทุน รูจา อิกนาโตวา มักใช้นิทานเรื่องช้างล่ามโซ่ในการปราศรัยบ่อยครั้ง

    เธอเปรียบเทียบว่าคนทั่วไปเหมือนช้างที่ถูกล่ามด้วยโซ่ทางการเงิน ไม่กล้าที่จะหลุดพ้น เธอชี้ให้เห็นว่า One Coin คือโอกาสที่ทุกคนจะได้ "ตัดโซ่" และเป็นอิสระทางการเงิน

    นิทานเรื่องนี้นำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้คนรู้สึกว่าตนกำลัง "ติดกับดัก" ทางการเงิน สร้างความรู้สึกว่า One Coin เป็นทางออกเดียวที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากข้อจำกัดทางการเงิน สร้างแรงจูงใจให้คนกล้าที่จะ "ทำลายกรอบความคิดเดิมๆ" และเข้าร่วมโครงการ

    ในความเป็นจริง One Coin ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลจริง ไม่มีบล็อกเชนที่ใช้งานได้จริง เป็นระบบพีระมิดที่สร้างรายได้จากการรับสมาชิกใหม่เท่านั้น ผู้ลงทุนไม่สามารถถอนเงินหรือแลกเปลี่ยน One Coin เป็นเงินจริงได้

    One Coin มีผู้เสียหายทั่วโลกมากกว่า 3 ล้านคน ความเสียหายทางการเงินประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รูจา อิกนาโตวา ได้รับฉายาว่า “ราชินีคริปโต” หรือ Cryptoqueen เธอหายตัวไปในปี 2017 ทุกวันนี้ยังคงเป็นที่ต้องการตัวของ FBI

    ปัจจุบัน เธอกลายเป็นหนึ่งในอาชญากรทางการเงินที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย​​​​​​​​​​​​​​​​จนทุกวันนี้

    🌻

    จะเห็นได้ว่า เรื่องเล่าอย่าง "ช้างล่ามโซ่" ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมและกระตุ้นการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล จึงควรระวังโครงการที่สัญญาว่าจะทำให้รวยอย่างรวดเร็วหรือหลุดพ้นจากปัญหาทางการเงินอย่างง่ายดาย

    คดีนี้แสดงให้เห็นว่าเรื่องเล่าที่สร้างแรงบันดาลใจสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนักเช่น cryptocurrency

    🌻

    ยังมีนิทานประเภทสร้างแรงบันดาลใจอีกมากมายหลายเรื่อง ที่มักนำมาใช้ในบริบทการฉ้อโกงลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิทานเรื่อง“มีดเหลาดินสอ”ที่หลายคนอาจจะคุ้น พวกคอร์สอบรมต่างๆ จะเอามาเล่าบ่อย

    เรื่องราวมีอยู่ว่า ดินสอบ่นว่าเจ็บเมื่อถูกเหลา แต่มีดเหลาบอกว่า "การเจ็บนี้จะทำให้เธอแหลมคมและเขียนได้ดีขึ้น“ นิทานเรื่องนี้ถูกนำมาใช้เพื่อให้แง่คิดเรื่องความอดทนต่อความยากลำบากที่อาจทำให้เราได้เติบโตและพัฒนา

    🌻

    "นิทานเรื่องช้างและเชือกเส้นเล็ก"

    เรื่องมีอยู่ว่าในคณะละครสัตว์ มีช้างตัวใหญ่ถูกล่ามด้วยเชือกเส้นเล็กๆ เด็กน้อยสงสัยว่าทำไมช้างไม่ดึงเชือกให้ขาด คนเลี้ยงช้างอธิบายว่า ตั้งแต่ช้างยังเล็ก มันถูกล่ามด้วยโซ่ใหญ่ที่ไม่สามารถหลุดได้ ช้างจึงเชื่อว่าตัวเองไม่มีทางหลุดจากการล่าม แม้โตแล้วก็ยังคิดเช่นนั้น

    🌻

    "นิทานเรื่องหินสลักและค้อน"

    เรื่องราวของช่างแกะสลักกำลังทำงานบนหินก้อนใหญ่ เขาตีค้อนลงบนหินครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่เห็นผล คนผ่านไปมาสงสัยว่าทำไมเขาไม่ยอมแพ้ ในที่สุด หลังจากตีค้อนครั้งที่ 101 หินก็แตกออกตามที่เขาต้องการ ช่างแกะสลักอธิบายว่า "ไม่ใช่การตีครั้งสุดท้ายที่ทำให้หินแตก แต่มันเป็นผลรวมของการตีทุกครั้งที่ผ่านมา"

    🌻

    นิทานเหล่านี้มักถูกใช้เพื่อสื่อถึงความอดทน การไม่ยอมแพ้ และการเอาชนะข้อจำกัดทางความคิด

    นิทานไม่ได้มีพิษภัยในตัวมันเอง มันเป็นเรื่องเล่าแสนวิเศษ สร้างแรงบันดาลใจได้จริง แต่เมื่อมีการนำมาใช้ในบริบทของการลงทุนหรือธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง การตีความและการนำไปใช้ กลับเป็นสิ่งที่ต้องระวัง

    บางครั้งนิทานเหล่านี้
    มักถูกใช้เพื่อกระตุ้นอารมณ์มากกว่าเหตุผล
    อาจไม่สะท้อนความเป็นจริงของสถานการณ์
    ในบริบทของธุรกิจที่น่าสงสัย
    อาจใช้เพื่อกดดัน
    ให้คนทำในสิ่งที่ไม่ควร

    การยอมรับความจริง
    เลิกทนและถอยออกมา
    ก็อาจเป็นการตัดสินใจ
    ที่ชาญฉลาดได้เช่นกัน

    🌻

    “ในยุคข้อมูลข่าวสาร ความจริงกำลังถูกบดบังด้วยเรื่องเล่าหรือเรื่องราวที่สร้างขึ้น (narratives)”

    ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ เขียนไว้ในหนังสือ"21 Lessons for the 21st Century"เมื่อหลายปีมาแล้ว (21 บทเรียน สำหรับศตวรรษที่ 21 : ผู้แปล ธิดา จงนิรามัยสถิต, ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์ , สำนักพิมพ์ยิปซี)

    ฮาราริอธิบายว่าผู้คนมักเชื่อในเรื่องราวที่สอดคล้องกับความเชื่อและอัตลักษณ์ของตน มากกว่าข้อเท็จจริงที่อาจขัดแย้งกับความเชื่อนั้น และชี้ให้เห็นว่ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะเชื่อในเรื่องเล่าที่ให้ความหมายและอธิบายโลกรอบตัว เขาบอกว่า“เรื่องเล่าเหล่านี้มีพลังมากกว่าข้อเท็จจริงเพราะมันตอบสนองต่อความต้องการทางอารมณ์และจิตวิญญาณของมนุษย์”

    ฮาราริเตือนว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะ AI และ Big Data สามารถใช้ในการสร้างและเผยแพร่เรื่องราวที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อย่างคลิปเรื่องเล่าสารพัดที่ผลิตออกมาชักจูงใจคน) เขาชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถเข้าใจและจัดการกับอารมณ์มนุษย์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

    การให้ความสำคัญกับ“อารมณ์”มากกว่า“ความจริง”อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการประชาธิปไตยและการตัดสินใจที่สำคัญ เขาเตือนว่าสังคมอาจถูกชี้นำด้วยการปลุกเร้าอารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผลและข้อมูล

    ในอนาคต ทักษะทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์อาจมีความสำคัญมากกว่าความรู้ทางเทคนิค เขาแนะนำว่าระบบการศึกษาควรปรับตัวเพื่อเตรียมคนให้พร้อมสำหรับโลกที่อารมณ์และความคิดสร้างสรรค์มีบทบาทสำคัญ

    ฮาราริเน้นย้ำความสำคัญของการรู้จักและเข้าใจตนเอง รวมถึงอารมณ์และความรู้สึกของเราให้ได้อย่างถ่องแท้ เขาบอกว่า“การเข้าใจตนเองจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับโลกที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยการกระตุ้นทางอารมณ์ได้ดีขึ้น”

    ผู้เขียน "21 Lessons for the 21st Century" ไม่ได้บอกว่า แนวโน้มนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่ชี้ให้เห็นว่ามันเป็นความท้าทายที่สำคัญที่เราต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา การเมือง และการพัฒนาตนเอง

    เพื่อรักษาสมดุล
    ระหว่างอารมณ์และเหตุผล
    ในยุคสมัยปัจจุบัน
    ที่“อารมณ์”อาจมีอิทธิพล
    มากขึ้นเรื่อยๆ​​​​​​​​​​​​​​​​

    🌻

    จากข่าวสารประเด็นร้อนแรงในประเทศไทยวันนี้ เราก็ได้เห็นการใช้ Storytelling ในทางที่ผิดหลายเรื่อง

    เรื่องเล่าถูกใช้เพื่อบิดเบือนความจริงและสร้างภาพลวงตา มุ่งเน้นการกระตุ้นอารมณ์มากกว่าการให้ข้อมูลที่เป็นจริง

    นิทานเหล่านี้สร้างความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความสำเร็จและความมั่งคั่ง ทำให้คนมองข้ามความเสี่ยงและความเป็นจริงของสถานการณ์

    เรื่องเล่าที่น่าประทับใจอาจทำให้ผู้ฟังลดการใช้เหตุผลและการคิดวิเคราะห์ ผู้คนอาจตัดสินใจบนพื้นฐานของ“อารมณ์” มากกว่า“ความจริง” อย่างที่ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ กล่าวไว้ไม่มีผิด

    Storytelling : นิทานหรือเรื่องเล่าที่มีประสิทธิภาพสามารถสร้างความไว้วางใจได้อย่างรวดเร็ว แม้กับคนแปลกหน้า ในกรณีของการหลอกลวง Storytelling ถูกใช้เพื่อลดความระแวดระวังของเหยื่อ เรื่องเล่าที่สวยงามอาจถูกใช้เพื่อปิดบังความจริงที่น่าเป็นห่วงหรือรายละเอียดที่สำคัญ

    ในกรณีของแชร์ลูกโซ่หรือ MLM นิทาน เรื่องเล่า หรือ Storytelling ทั้งหลาย อาจถูกใช้เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่กดดันให้สมาชิกไม่ยอมแพ้ แม้จะเผชิญกับความล้มเหลว

    เรื่องเล่าเหล่านี้
    มักเล็งเป้าไปที่ความฝัน
    และความหวังของผู้คน
    ทำให้เหยื่ออ่อนไหวและเปราะบาง
    ทำให้ง่ายที่จะหลอกลวง

    🌻

    นิทาน เรื่องเล่า Storytelling ทั้งหลาย มันไม่ได้เลวร้ายในตัวมันเอง แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง สามารถใช้ในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้

    ในด้านบวก Storytelling สามารถใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สอน และสื่อสารความคิดที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สิ่งสำคัญที่คนเรายุคนี้ต้องรับมือ
    คือต้องพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
    และการรู้เท่าทันสื่อของตัวเอง
    เพื่อแยกแยะให้ออก
    ระหว่างการใช้ Storytelling
    ในทางที่สร้างสรรค์
    หรือการใช้เพื่อหลอกลวง

    🌻

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/sg5pYj1hseTp1QGK/?mibextid=CTbP7

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊ก ‘ปราย พันแสง เมื่อคืนดูคลิปบอสเล่านิทานเรื่อง“มดไต่แก้ว”แล้วนอนไม่หลับเอาเลย ยอมรับว่าเล่าเก่งโคตร ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม จึงมีเหยื่อมากมายนัก ก็มันชวนเคลิ้มซะขนาดนี้ 🌻 นานมาแล้ว สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลเคยบอกว่า "The most powerful person in the world is the storyteller.“ คนที่ทรงพลังที่สุดในโลกคือนักเล่าเรื่อง จอบส์ฟันธงไว้อย่างนั้น เขาบอกว่า“นักเล่าเรื่อง” หรือคนที่เล่าเรื่องเป็น(storyteller) จะเป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ ค่านิยม และระเบียบวาระต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นให้กับผู้คนทั้งเจเนอเรชั่น อาจจะกล่าวได้ว่า นักเล่าเรื่องเก่งๆ นั้นสามารถกำหนดเทรนด์หรือทิศทางของสังคมได้ ส่วนที่จอบส์ไม่ได้บอกไว้ก็คือ นักเล่าเรื่องเก่งๆ หลายคน สามารถทำให้คนคิดฆ่าตัวตาย ทำให้เกิดความฉิบหายระดับหมื่นล้านแสนล้านได้ด้วย สิ่งที่ปรากฏต่อสังคมไทยในวันนี้ มันอาจเป็นประจักษ์พยานด้านมืด ของ storyteller อย่างชัดๆ 🌻 “มดไต่แก้ว” เป็นเรื่องเล่าง่ายๆ เกี่ยวกับมดที่พยายามป่ายปีนออกไปให้พ้นแก้ว มดบางตัวปีนไปจนอยู่ในจุดสูงที่สุดของปากแก้ว แต่แล้วก็ตกลงมา บอสบอกไว้คมเฉียบว่า ”การตกลงมาจากจุดสูงสุดอย่างนั้น มันทำให้เจ็บที่สุด ทำให้มีมดบางตัวยอมแพั แต่ก็ยังมีมดบางตัวสู้ต่อ จนได้รับอิสรภาพในที่สุด“ เคลิ้มมั้ยล่ะ ^__^ 🌻 เอาจริง จากอาชีพอ่านๆ เขียนๆ เรื่องเล่าประเภทนี้ไม่ได้กินเราหรอก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลี อีกทั้งยังต้องอยู่ในสถานะลูกข่ายที่ต้องไล่ล่าทำยอดขาย พลังของเรื่องเล่าแบบนี้มันพุ่งปรี๊ดทะลุปม กระแทกต่อมได้ตรงจุด จึงไม่น่าแปลกใจถ้ามันจะทำให้ใครๆ ที่ได้ฟังครั้งแรกถึงกับน้ำตาไหลพราก ซาบซึ้งตรึงใจ เราเองฟังเรื่องมดไต่แก้วนี้กลับไปคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้มีใครเคยฟังมั้ย เป็นนิทานเรื่องกบกระโดด เรื่องมีอยู่ว่า มีกบตัวหนึ่งพยายามปีนออกจากบ่อลึก ทุกครั้งที่มันพยายามกระโดด เพื่อนๆ กบจะพากันตะโกนห้ามว่า "เลิกเถอะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก!" ทว่ากบตัวนั้นไม่ยอมแพ้ สุดท้ายในการกระโดดครั้งที่ 99 มันก็กระโดดออกจากบ่อได้สำเร็จ แต่ความจริงของเรื่องนี้คือ กบตัวนี้หูหนวก มันเลยไม่ได้ยินเสียงร้องห้ามจากเพื่อนๆ เลยสักนิดเดียว ช่างไม่ต่างอะไรเลยกับผู้เสียหายมากมาย ที่ไม่ยอมฟังคำทัดทานจากใครเลย เหมือนกบหูหนวก 🌻 คดีบอสๆ นี้ เราว่านิทานเรื่องมดไต่แก้วนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ที่เรารู้สึกเองว่ามันทรงพลังแห่ง storytelling จริงๆ น่าจะเป็นนิทานเรื่องจริงที่แชร์กันเยอะๆ วันนี้ ที่เป็นคลิปเล่าเรื่องบอสพอลพาผู้ชมกลับไปทัวร์สลัมคลองเตยบ้านเกิด พาไปชมแฟลตเก่าชั้นสองห้อง 16 ที่เคยเติบโตมา แคปชั่นตรึงใจ “ผมไม่เคยลืม...ว่าผมเติบโตมาจากที่ไหน ชุมชนแออัด หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า "สลัม"ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนที่ยังเริ่มต้นสร้างชีวิต” “20 ปีที่แล้ว กับภาพในวันนี้ ทุกอย่างมันยังคงอยู่เหมือนเดิม ราวกับว่ามันหยุดเวลาไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจอะไรบางอย่าง มันคือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมไม่เคยคิดดูถูกความฝันหรือความพยายามของใคร เพราะผมก็เคยเป็นหนึ่งคน ที่ชีวิตไม่พร้อม แต่มีความฝัน ขอเป็นกำลังใจให้กับนักสู้ชีวิตทุก ๆ ท่านครับ“ คลิปถ่ายสวย ไม่เวอร์ ภาพดี เสียงดี เล่าเรื่องดี นักแสดง(บอสพอล)แอ๊คติ้งเป็นธรรมชาติ ไม่มีตรงไหนชวนแหวะ หรือชวนเอ๊ะเลย ยิ่งตอนโทรคุยกับแม่หน้าแฟลตเก่า พูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าอร่อยที่ยังขายอยู่นั่นก็ดูจะเป็นซีนที่น่าจดจำมากทีเดียว คือถ้าไม่ติดเรื่องข้อสงสัยว่าเป็นธุรกิจผิดกฎหมายเนี่ย อยากเชิญคนทำคลิปนี้ไปสร้างหนังไทยเลย อยากดู ในคลิปนี้ บอสยืนพูดหน้าแฟลตที่สกปรกรุงรังว่า ตอนที่เขายังใช้ชีวิตอยู่ในสลัมแห่งนี้ ชีวิตวัยนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าอยากดูแลแม่ให้มีความสุขเท่านั้น ตรงนี้เชื่อว่าเอฟซีอาจน้ำตาร่วง อีกทั้งน้ำเสียงของแม่ปลายสาย ก็ร่าเริงมีความสุข กับการพูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำที่เคยกินสมัยอยู่สลัม สื่อให้เห็นว่าเมื่อก้าวพ้นความยากจนไปแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ในสลัมธรรมดาก็ยังงดงามขึ้นมาได้ ทุกอย่างสอดคล้องกลมกลืนลื่นไหล เป็นคลิปฟิลลิ่ง Nostalgia การรำลึกความหลังยากแค้นของเศรษฐีหมื่นล้านที่สุดละเมียดจริงแท้ ใครไม่เคลิ้มให้มันรูัไป ยอดขายระเบิดเถิดเทิงหมื่นล้านแสนล้าน ไม่ใช่ได้มาแบบฟลุคๆ แน่นอน มันผ่านการเล่าเรื่องที่คัดเค้นมาแล้วอย่างประณีต เพื่อพิชิตใจมหาชนคนสามัญที่คุ้นเคยชมชอบกับเรื่องดรามาชนิดซึมเข้ากระดูกดำแบบไทยๆ เราอย่างเหมาะเหม็ง ดูคลิปนี้แล้วยิ่งไม่แปลกใจเลยสักนิด ว่าทำไมลูกข่ายหอบเงินมาประเคนให้ เป็นหลักหมื่นแสนล้าน 🌻 เอาจริง เรื่องเล่าตรึงใจระคายต่อมพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรอก มันเป็นเครื่องมือสำเร็จรูปที่มีใช้กันนานแล้วในวงการต่างๆ โดยเฉพาะในแวดวงหลอกลวงต้มตุ๋น ดูเหมือนจะสร้างเม็ดเงินมหาศาลทำลายสถิติได้ทุกยุคสมัย เรื่องเล่ากระตุ้นต่อมที่ชาวโลกรู้จักกันแพร่หลาย ก็คงจะเป็นนิทานเรื่อง“ปลาทอง" ในคดีฉ้อฉลของเบอร์นี แมดอฟฟ์ในอเมริกา ที่น่าจะอื้อฉาวพอๆ กับคดีดิ ไอคอน ในเมืองไทยตอนนี้ก็ว่าได้ สมัยนั้น เบอร์นี แมดอฟฟ์ ก็มักจะชอบเล่าเรื่องเปรียบเทียบการลงทุนกับการให้อาหารปลาทอง โดยบอกว่าต้องให้อาหารสม่ำเสมอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป เพื่อให้ปลาเติบโตอย่างแข็งแรง เขาใช้เรื่องนี้อธิบายกลยุทธ์การลงทุนที่ "สม่ำเสมอ" ของเขา ซึ่งในความเป็นจริงคือแผนการณ์หลอกลวงแบบพอนซี (Ponzi scheme- คล้ายแชร์ลูกโซ่ แต่ไม่มีสินค้า ใช้วิธีเอาเงินคนใหม่ไปจ่ายให้คนเก่าวนไปเรื่อยๆ ) พอนซีของแมดอล์ฟฟ์มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 64.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แมดอล์ฟฟ์ใช้เรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาทองเพื่อสื่อว่ากลยุทธ์การลงทุนของเขานั้น "สม่ำเสมอ" และ "ปลอดภัย" เขาอ้างว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่คงที่และน่าเชื่อถือได้ ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร เรื่องเล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญที่มีกลยุทธ์ที่มั่นคง ในความเป็นจริง แมดอล์ฟฟ์ไม่ได้นำเงินของลูกค้าไปลงทุนเลยสักนิด เขาใช้เงินจากนักลงทุนรายใหม่เพื่อจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนรายเก่า ซึ่งเป็นลักษณะของแผนพอนซี ผลตอบแทน "สม่ำเสมอ" ที่เขาอ้างถึงนั้นเป็นเพียงตัวเลขที่เขาสร้างขึ้นมาเอง แผนฉ้อโกงนี้ดำเนินมานานหลายทศวรรษก่อนจะถูกเปิดโปงในปี 2008 มีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมถึงบุคคลทั่วไป องค์กรการกุศล และสถาบันการเงิน ปัจจุบันแมดอล์ฟฟ์ถูกจับกุม และถูกตัดสินจำคุก 150 ปี 🌻 นอกจากนิทานปลาทองของแมดอล์ฟฟ์ ยังมีนิทานอีกเรื่องที่โด่งดังไม่แพ้กัน นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า “ช้างล่ามโซ่” ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงของบริษัท One Coin One Coin เป็นโครงการที่อ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) แต่ในความเป็นจริงเป็นแผนหลอกลวงแบบพีระมิด (pyramid scheme) ที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ต้มตุ๋น รูจา อิกนาโตวา (Ruja Ignatova) ผู้ก่อตั้ง One Coin เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1980 ที่เมืองรูส ประเทศบัลแกเรีย ย้ายไปเยอรมนีตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จบปริญญาเอกด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคอนสแตนซ์ ประเทศเยอรมนี เคยทำงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา McKinsey & Company ในปี 2014 เธอก่อตั้งบริษัท One Coin ซึ่งอ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลใหม่ บริษัท One Coin เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสมาชิกกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก จนกระทั่งในปี 2016 เริ่มมีการสงสัยและตรวจสอบ One Coin ว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่ วันที่ 25 ตุลาคม 2017 รูจาหายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากบินจากโซเฟียไปยังเอเธนส์ ในปี 2019 เธอถูกฟ้องในสหรัฐอเมริกาในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน 🌻 ในการหลอกล่อเหยื่อมาลงทุน รูจา อิกนาโตวา มักใช้นิทานเรื่องช้างล่ามโซ่ในการปราศรัยบ่อยครั้ง เธอเปรียบเทียบว่าคนทั่วไปเหมือนช้างที่ถูกล่ามด้วยโซ่ทางการเงิน ไม่กล้าที่จะหลุดพ้น เธอชี้ให้เห็นว่า One Coin คือโอกาสที่ทุกคนจะได้ "ตัดโซ่" และเป็นอิสระทางการเงิน นิทานเรื่องนี้นำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้คนรู้สึกว่าตนกำลัง "ติดกับดัก" ทางการเงิน สร้างความรู้สึกว่า One Coin เป็นทางออกเดียวที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากข้อจำกัดทางการเงิน สร้างแรงจูงใจให้คนกล้าที่จะ "ทำลายกรอบความคิดเดิมๆ" และเข้าร่วมโครงการ ในความเป็นจริง One Coin ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลจริง ไม่มีบล็อกเชนที่ใช้งานได้จริง เป็นระบบพีระมิดที่สร้างรายได้จากการรับสมาชิกใหม่เท่านั้น ผู้ลงทุนไม่สามารถถอนเงินหรือแลกเปลี่ยน One Coin เป็นเงินจริงได้ One Coin มีผู้เสียหายทั่วโลกมากกว่า 3 ล้านคน ความเสียหายทางการเงินประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รูจา อิกนาโตวา ได้รับฉายาว่า “ราชินีคริปโต” หรือ Cryptoqueen เธอหายตัวไปในปี 2017 ทุกวันนี้ยังคงเป็นที่ต้องการตัวของ FBI ปัจจุบัน เธอกลายเป็นหนึ่งในอาชญากรทางการเงินที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย​​​​​​​​​​​​​​​​จนทุกวันนี้ 🌻 จะเห็นได้ว่า เรื่องเล่าอย่าง "ช้างล่ามโซ่" ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมและกระตุ้นการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล จึงควรระวังโครงการที่สัญญาว่าจะทำให้รวยอย่างรวดเร็วหรือหลุดพ้นจากปัญหาทางการเงินอย่างง่ายดาย คดีนี้แสดงให้เห็นว่าเรื่องเล่าที่สร้างแรงบันดาลใจสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนักเช่น cryptocurrency 🌻 ยังมีนิทานประเภทสร้างแรงบันดาลใจอีกมากมายหลายเรื่อง ที่มักนำมาใช้ในบริบทการฉ้อโกงลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิทานเรื่อง“มีดเหลาดินสอ”ที่หลายคนอาจจะคุ้น พวกคอร์สอบรมต่างๆ จะเอามาเล่าบ่อย เรื่องราวมีอยู่ว่า ดินสอบ่นว่าเจ็บเมื่อถูกเหลา แต่มีดเหลาบอกว่า "การเจ็บนี้จะทำให้เธอแหลมคมและเขียนได้ดีขึ้น“ นิทานเรื่องนี้ถูกนำมาใช้เพื่อให้แง่คิดเรื่องความอดทนต่อความยากลำบากที่อาจทำให้เราได้เติบโตและพัฒนา 🌻 "นิทานเรื่องช้างและเชือกเส้นเล็ก" เรื่องมีอยู่ว่าในคณะละครสัตว์ มีช้างตัวใหญ่ถูกล่ามด้วยเชือกเส้นเล็กๆ เด็กน้อยสงสัยว่าทำไมช้างไม่ดึงเชือกให้ขาด คนเลี้ยงช้างอธิบายว่า ตั้งแต่ช้างยังเล็ก มันถูกล่ามด้วยโซ่ใหญ่ที่ไม่สามารถหลุดได้ ช้างจึงเชื่อว่าตัวเองไม่มีทางหลุดจากการล่าม แม้โตแล้วก็ยังคิดเช่นนั้น 🌻 "นิทานเรื่องหินสลักและค้อน" เรื่องราวของช่างแกะสลักกำลังทำงานบนหินก้อนใหญ่ เขาตีค้อนลงบนหินครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่เห็นผล คนผ่านไปมาสงสัยว่าทำไมเขาไม่ยอมแพ้ ในที่สุด หลังจากตีค้อนครั้งที่ 101 หินก็แตกออกตามที่เขาต้องการ ช่างแกะสลักอธิบายว่า "ไม่ใช่การตีครั้งสุดท้ายที่ทำให้หินแตก แต่มันเป็นผลรวมของการตีทุกครั้งที่ผ่านมา" 🌻 นิทานเหล่านี้มักถูกใช้เพื่อสื่อถึงความอดทน การไม่ยอมแพ้ และการเอาชนะข้อจำกัดทางความคิด นิทานไม่ได้มีพิษภัยในตัวมันเอง มันเป็นเรื่องเล่าแสนวิเศษ สร้างแรงบันดาลใจได้จริง แต่เมื่อมีการนำมาใช้ในบริบทของการลงทุนหรือธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง การตีความและการนำไปใช้ กลับเป็นสิ่งที่ต้องระวัง บางครั้งนิทานเหล่านี้ มักถูกใช้เพื่อกระตุ้นอารมณ์มากกว่าเหตุผล อาจไม่สะท้อนความเป็นจริงของสถานการณ์ ในบริบทของธุรกิจที่น่าสงสัย อาจใช้เพื่อกดดัน ให้คนทำในสิ่งที่ไม่ควร การยอมรับความจริง เลิกทนและถอยออกมา ก็อาจเป็นการตัดสินใจ ที่ชาญฉลาดได้เช่นกัน 🌻 “ในยุคข้อมูลข่าวสาร ความจริงกำลังถูกบดบังด้วยเรื่องเล่าหรือเรื่องราวที่สร้างขึ้น (narratives)” ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ เขียนไว้ในหนังสือ"21 Lessons for the 21st Century"เมื่อหลายปีมาแล้ว (21 บทเรียน สำหรับศตวรรษที่ 21 : ผู้แปล ธิดา จงนิรามัยสถิต, ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์ , สำนักพิมพ์ยิปซี) ฮาราริอธิบายว่าผู้คนมักเชื่อในเรื่องราวที่สอดคล้องกับความเชื่อและอัตลักษณ์ของตน มากกว่าข้อเท็จจริงที่อาจขัดแย้งกับความเชื่อนั้น และชี้ให้เห็นว่ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะเชื่อในเรื่องเล่าที่ให้ความหมายและอธิบายโลกรอบตัว เขาบอกว่า“เรื่องเล่าเหล่านี้มีพลังมากกว่าข้อเท็จจริงเพราะมันตอบสนองต่อความต้องการทางอารมณ์และจิตวิญญาณของมนุษย์” ฮาราริเตือนว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะ AI และ Big Data สามารถใช้ในการสร้างและเผยแพร่เรื่องราวที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อย่างคลิปเรื่องเล่าสารพัดที่ผลิตออกมาชักจูงใจคน) เขาชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถเข้าใจและจัดการกับอารมณ์มนุษย์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ การให้ความสำคัญกับ“อารมณ์”มากกว่า“ความจริง”อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการประชาธิปไตยและการตัดสินใจที่สำคัญ เขาเตือนว่าสังคมอาจถูกชี้นำด้วยการปลุกเร้าอารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผลและข้อมูล ในอนาคต ทักษะทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์อาจมีความสำคัญมากกว่าความรู้ทางเทคนิค เขาแนะนำว่าระบบการศึกษาควรปรับตัวเพื่อเตรียมคนให้พร้อมสำหรับโลกที่อารมณ์และความคิดสร้างสรรค์มีบทบาทสำคัญ ฮาราริเน้นย้ำความสำคัญของการรู้จักและเข้าใจตนเอง รวมถึงอารมณ์และความรู้สึกของเราให้ได้อย่างถ่องแท้ เขาบอกว่า“การเข้าใจตนเองจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับโลกที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยการกระตุ้นทางอารมณ์ได้ดีขึ้น” ผู้เขียน "21 Lessons for the 21st Century" ไม่ได้บอกว่า แนวโน้มนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่ชี้ให้เห็นว่ามันเป็นความท้าทายที่สำคัญที่เราต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา การเมือง และการพัฒนาตนเอง เพื่อรักษาสมดุล ระหว่างอารมณ์และเหตุผล ในยุคสมัยปัจจุบัน ที่“อารมณ์”อาจมีอิทธิพล มากขึ้นเรื่อยๆ​​​​​​​​​​​​​​​​ 🌻 จากข่าวสารประเด็นร้อนแรงในประเทศไทยวันนี้ เราก็ได้เห็นการใช้ Storytelling ในทางที่ผิดหลายเรื่อง เรื่องเล่าถูกใช้เพื่อบิดเบือนความจริงและสร้างภาพลวงตา มุ่งเน้นการกระตุ้นอารมณ์มากกว่าการให้ข้อมูลที่เป็นจริง นิทานเหล่านี้สร้างความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความสำเร็จและความมั่งคั่ง ทำให้คนมองข้ามความเสี่ยงและความเป็นจริงของสถานการณ์ เรื่องเล่าที่น่าประทับใจอาจทำให้ผู้ฟังลดการใช้เหตุผลและการคิดวิเคราะห์ ผู้คนอาจตัดสินใจบนพื้นฐานของ“อารมณ์” มากกว่า“ความจริง” อย่างที่ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ กล่าวไว้ไม่มีผิด Storytelling : นิทานหรือเรื่องเล่าที่มีประสิทธิภาพสามารถสร้างความไว้วางใจได้อย่างรวดเร็ว แม้กับคนแปลกหน้า ในกรณีของการหลอกลวง Storytelling ถูกใช้เพื่อลดความระแวดระวังของเหยื่อ เรื่องเล่าที่สวยงามอาจถูกใช้เพื่อปิดบังความจริงที่น่าเป็นห่วงหรือรายละเอียดที่สำคัญ ในกรณีของแชร์ลูกโซ่หรือ MLM นิทาน เรื่องเล่า หรือ Storytelling ทั้งหลาย อาจถูกใช้เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่กดดันให้สมาชิกไม่ยอมแพ้ แม้จะเผชิญกับความล้มเหลว เรื่องเล่าเหล่านี้ มักเล็งเป้าไปที่ความฝัน และความหวังของผู้คน ทำให้เหยื่ออ่อนไหวและเปราะบาง ทำให้ง่ายที่จะหลอกลวง 🌻 นิทาน เรื่องเล่า Storytelling ทั้งหลาย มันไม่ได้เลวร้ายในตัวมันเอง แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง สามารถใช้ในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ ในด้านบวก Storytelling สามารถใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สอน และสื่อสารความคิดที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญที่คนเรายุคนี้ต้องรับมือ คือต้องพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และการรู้เท่าทันสื่อของตัวเอง เพื่อแยกแยะให้ออก ระหว่างการใช้ Storytelling ในทางที่สร้างสรรค์ หรือการใช้เพื่อหลอกลวง 🌻 ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/sg5pYj1hseTp1QGK/?mibextid=CTbP7 #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 726 Views 0 Reviews
  • เราโดนหลอกเรื่องอะไรบ้างมาดูกัน
    รับไม่ได้ข้อไหนก็ข้ามไป มันเป็นแค่ข้อมูลความเชื่อของตัวหมอเองครับ ไม่ดรามานะ จากนั้นลองชม2คลิปแนบท้าย

    1.หลอกว่าคนวิวัฒนาการมาจากลิง หลอกว่ากระดูกก้นกบเป็นส่วนที่หางหดลดรูป
    2.หลอกว่ายาฉีdยีuไวรัsเป็นวัkซีuดีเพื่อกันติดหรือติดแล้วจะไม่รุนแรง ติดตามข้อมูลได้ที่ rookon.com
    3.หลอกว่าฟลูออไรด์ดี (Dr.Dean Burk PHD.บอกว่าเป็นสารที่ทำให้คนตายมากที่สุด,เฉพาะปี2006มีผลงานวิจัยความเป็นพิษมากกว่า 180งานวิจัย) ฟังคลิปคุณหมอ นาทีที่ 58 https://youtu.be/AYAJJSOmdJo
    4.หลอกว่าบอแร็กซ์(หรือน้ำประสานทองซึ่งเคยอยู่ในยาไทย)ว่าอันตรายห้ามใช้
    5.หลอกให้เชื่อฟังและอยู่ในการควบคุมด้วยระบบการศึกษา
    6.หลอกให้คนเชื่อว่าการกินอาหารต้องตามหลัก5หมู่
    7.หลอกให้กินยาที่ไม่ทำให้โรคหายและได้โรคเพิ่ม
    8.หลอกว่าคอเลสเตอรอลอันตรายต้องกลัว ต้องกินยาลด https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10213748008611115&id=1732997516
    9.หลอกให้กินไขมันทรานส์ เช่น น้ำมันถั่วเหลืองผ่านกรรมวิธี น้ำมันผลปาล์มผ่านกรรมวิธี เนยขาว มาการีน ครีมเทียม
    10.หลอกให้กินคอลลาเจนเสริมซึ่งมันคือการกินพังผืดไม่จำเป็น
    11.หลอกให้คนติด HIV จะต้องกินยาต้านไวรัส
    12.หลอกให้กินนมสัตว์(ข้ามสายพันธุ์)
    13.หลังจากวัยทารกก็ยังหลอกให้กินนมสัตว์ไปตลอดชีวิต
    👉วันนี้คุณเลิกนมวัวหรือยัง? โดย ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ
    https://youtu.be/CDIl9ORkPcU
    👉ช่วงคลิปที่ 1ชม.9นาที อันตรายจากนมวัว โดย อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    https://youtu.be/DHGPSl2dpPc
    👉คลิป นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ เปิดเหตุผลที่ควรหยุดดื่มนมวัว
    https://youtu.be/2gNPslzrJGc
    👉นมวัวดีจริงหรือ
    https://m.youtube.com/watch?fbclid=IwAR3IhxGc1xD5hcN7TRJK51P-a_Xrs3Ws9BgGbwfAfM1sXkIaUiFVJcTyge4&v=4Y0k5UYmPio&feature=youtu.be
    👉นมวัว ปลอดโรคหรือเพิ่มโรค
    https://www.facebook.com/photo.php?fbid=340898489398513&set=a.331355487019480&type=3
    👉จริงหรือ? นมกับความสูง
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=854486941372996&id=100004350947568&mibextid=Nif5oz
    👉จริงหรือ? นมถั่วเหลือง
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=619699778185048&id=100004350947568&mibextid=Nif5oz
    👉จริงหรือ? นมวัวกับฮอร์โมน
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=553799574775069&id=100004350947568&mibextid=Nif5oz
    👉จริงหรือ? นมแพะ
    https://m.facebook.com/photo.php?fbid=529613370527023&id=100004350947568&set=a.331355487019480&mibextid=Nif5oz
    👉นม (ภาษาต่างประเทศ)
    https://www.naturalchild.org/articles/guest/linda_folden_palmer.html
    👉นมวัวกระตุ้นมะเร็ง
    https://vt.tiktok.com/ZS86EmkD6/
    👉3เหตุผลไม่ดีที่อยู่ในนมวัว
    https://www.tiktok.com/@user55682379949092/video/7347855645862841601?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351
    14.เอาเนื้อปลามาแต่งสีหลอกว่าเป็นปูอัด
    15.หลอกว่าเครื่องดื่มที่ใช้สารสังเคราะห์ให้ความหวานแทนน้ำตาลจะสุขภาพดีปลอดภัย
    16.หลอกให้เราใช้แต่เหตุผลให้เลิกจินตนาการบอกว่าเพ้อเจ้อ (จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ คำกล่าวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์)
    17.หลอกให้ใช้ X-Ray(อันตราย),CT-Scan(อันตรายมาก), mammogram(อันตราย)
    18.หลอกให้เรากินยาลดน้ำมูกเมื่อเป็นหวัด
    19.หลอกให้แบ่งคนทั้งโลกออกจากกันด้วยศาสนาเชื้อชาติเป็นประเทศ
    20.หลอกให้เป็นทาสทางการเงิน
    21.หลอกว่าโลกร้อนเพราะมีคาร์บอนไดออกไซด์มาก เป็นที่มาของคาร์บอนเครดิตเพื่อการควบคุมสู่ความเป็นทาส https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=7401566566593209&id=100002198164704
    22.หลอกว่าประชากรล้นโลกต้องคุมกำเนิด สะกดจิตให้เราคล้อยตามด้วยข้อมูลเมืองที่แออัด ทั้งๆที่โลกมีพื้นที่มากมายและทรัพยากรเพียงพอแค่ต้องบริหารให้ดี
    ✅การลดประชากรโลก
    ✍️ covid 19 roadmap https://t.me/ThaiPitaksithData/1738
    ✍️ ep6 รู้(ทัน)วาระ เห็นความเชื่อมโยงต่างๆในปัจจุบัน https://rumble.com/v1f2lbl-ep6-the-agenda-know-the-outcome-see-the-journey.html
    ✍️ ep7 จำนวนประชากรที่ลดลง ผลจากความตั้งใจ มิใช่แค่เหตุที่เป็นไปโดยธรรมชาติ
    ตอนที่ 1. https://rumble.com/v1g63xr-ep7-1-the-agenda-.html
    ตอนที่ 2. https://rumble.com/v1gwgj7-ep7-2-the-agenda-.html
    ✍️ แม่ชี มีเรียม พูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น พระสันตปาปา บิลเกตส์ และการฆาตกรรมหมู่ https://rumble.com/vo2cjl-40420353.html
    ✍️ 10ขั้นตอนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ https://rumble.com/vt3c98-10-.html
    ✍️ Dr Judy Makovits เปิดโปง Fauci แหล่งที่มาของviรัส ตั้งแต่พฤษภาคม 2020 https://rumble.com/vo1env-plandemic-dr-judy-makovits-phd-molecular-biologist-may-2020.html
    ✍️ ดร. คอฟแมน - วัkซีuเปลี่ยน DNA มนุษย์ https://rookon.com/read-blog/103
    ✍️ ประเทศไทย กำลังจะเข้าสู่ ฤดู "ใบไม้ร่วง" คำถามคือ ฤดูนี้จะอยู่นานแค่ไหน? https://rookon.com/read-blog/108
    ✍️ จากบทความ Dr. Robert Malone ผู้คิดค้นเทคโนโลยีวรรคซิu mRNA สรุปความโดย ดร.ไพรินทร์ โชติสกุลรัตน์ https://fb.watch/9Yfe6YW5dl/
    ✍️ ดร.โรเบิร์ต มาโลน นักวิจัยผู้คิดค้น mRNA ที่ยังไม่สมบูรณ์ ออกมาเปิดเผยความอันตรายของวัkซีu mRNA https://odysee.com/ChildrenVaccinationWarning:b?r=FcGprKFzZv51EZ9G13RaSbZ9V7hCWD2P
    ✍️WHO Treaty https://rookon.com/read-blog/131
    ✍️ไทม์ไลน์ สู่ทรราช https://rookon.com/read-blog/44
    ✍️มาตรการโควิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพิ่มมากขึ้น https://rookon.com/read-blog/49
    ✍️ความจริงของโควิด 19 – นพ. อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://stopthaicontrol.com/2/ความจริงของโควิด-19-นพ-อรร/
    ✍️เครือข่าย 5G, คลื่นความถี่ และ โkวิd สิบ9 https://docs.google.com/document/d/1KMlPrvr0mNSycUKik_p_dxyaEv-F6K9ZbxWuQF7p0jk/edit?usp=sharing
    ✍️โครงการ Neuralink (โดยอีลอน มัสก์) กับมนุษย์ เวอร์ชั่น 2.0 https://docs.google.com/document/d/1Ey79M2rz_BiI0YpzhKESQBLm-Z2ACYqxSly3dShaJYA/edit?usp=sharing
    ✍️มนุษย์ เวอร์ชั่น 2.0 โดย Dr.Carrie Madej https://docs.google.com/document/d/1Bxh5T9mD9K6ZXTYFM4L3uKg3s87fsnEdfNPWJ3_e4io/edit?usp=sharing
    ✍️มนุษย์ข้ามสายพันธุ์ https://docs.google.com/document/d/1eWJ4Z552HO6SSrPFuMZwLT7HE5rzmYO_r485lLtEnEQ/edit?usp=sharing
    ✍️ความรู้โดยแพทย์ – ทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งต้นที่ “ความกลัว” https://rookon.com/read-blog/16
    ✍️David Icke | โครงสร้างการควบคุมรัฐบาลทั่วโลก https://rookon.com/read-blog/35
    ✍️ ว๊ากเสร็จก่อนที่โkวิdจะระบาด https://rookon.com/read-blog/12
    ✍️ ผู้อยู่เบื้องหลัง โคขวิดและวอซอลวง https://fb.watch/aGglwXBtl5/
    ✍️ปี 1994 อดีตสายลับอังกฤษ MI6 แฉแผนการลดประชากรโลก 😱 โดยองค์กร Club of Rome https://t.me/awakened_thailand/443
    ✍️การลดประชากรโลก ใช่เรื่องจริงไหม? โดย อดิเทพ จาวลาห์
    https://www.youtube.com/live/hu0KszvGnyQ?si=0N09ufqChfFQAbrv
    ✍️ แผนลดประชากรโลก มีจริงหรือไม่ โดย อาจารย์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง
    https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7414795548814773521?is_from_webapp=1&sender_device=pc
    👉 อาจารย์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กล่าวชัดๆไม่อ้อมค้อม​ว่าวัคซีนโควิดมันคืออาวุธ​ชีวภาพ ใครฉีดให้คนคืออาชญากร​ ใครนิ่งเฉยไม่พูด​อะไรคือ​ ผู้สมรู้ร่วมคิด​ร่วม​กระทำความผิด​
    https://vm.tiktok.com/ZS2XQ5qgB/
    แผนลดประชากรโลก มีจริงหรือไม่
    https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7414795548814773521?is_from_webapp=1&sender_device=pc
    👉การลดประชากรโลก โดยอดิเทพ จาวลาห์
    https://www.youtube.com/live/hu0KszvGnyQ?si=0N09ufqChfFQAbrv
    👉รวมหลักฐานการลดประชากรโลก
    https://www.rookon.com/?p=936
    23.หลอกให้กินอาหารอุตสาหกรรมที่มีสารช่วยให้ตายผ่อนส่ง
    24.หลอกว่ามนุษย์ต่างดาวไร้สาระไม่มีอยู่จริง
    👉มนุษย์ต่างดาว (กิ้งก่า) ต้องการอะไรจากมนุษย์
    https://www.rookon.com/?p=944
    25.หลอกให้เชื่อว่านิพพานเป็นเรื่องยาก
    26.หลอกให้ถอนฟันคุดออก(กรณีที่ไม่ปวดยังใช้ชีวิตได้)
    27.หลอกให้กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์
    28.หลอกว่าจะมีภัยพิบัติล้างโลก โลกจะแตก
    29.หลอกว่าภัยพิบัติเป็นฝีมือธรรมชาติทั้งหมดแต่มีเทคโนโลยี HARRP อยู่เบื้องหลัง
    👉เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ
    https://www.rookon.com/?p=1076
    👉เค้าต้องการคอนโทรลสภาพภูมิอากาศของทั่วโลกภายในปี 2025 โปรแกรมดัดแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีกว่า 150 โปรแกรมจะถูกนำมาใช้ทั่วโลก สารพิษที่มนุษย์สร้างขึ้นมากว่า 49 ชนิด ถูกบรรจุไว้ในถังเพื่อที่จะนำไปพ่นในท้องฟ้า และที่อเมริกาได้ถูกทำการพ่นไปแล้ว ด้วยสารเคมี สารพิษ ไวรัส เชื้อรา แบคทีเรียฯลฯ ที่ได้ระบุไว้ในเอกสารซึ่งได้ทำการผลิตไว้อย่างลับๆโดยสถาบันFort Detrick(สถาบันวิจัยอาวุธเคมีชีวภาพ)💥😣
    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=421902230036059&id=100066488568961
    👉มีสารอะไรอยู่ในเคมเทรล
    https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/2
    👉ผลร้ายของเคมเทรล
    https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/75
    https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/1282
    👉HAARP คืออะไร
    https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/524
    https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/728
    👉คลิป Chemtrails WAKE UP!
    https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/812
    👉คำอธิบายหลักการทำงานของ Chembuster: https://www.youtube.com/watch?v=s4SM5PajwSM&t=686s
    👉"Video tutorial on how to build an Orgone Environmental Harmonizer, the so-called Chembuster." - Mirko Kulig: https://www.youtube.com/watch?v=QpGmOd_u0JQ
    👉ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ | Facebook: https://www.facebook.com/airpollution.CAPM/?ref=page_internal
    👉รัฐบาลไทย และอินโดนีเซีย โดนหลอกให้เซ็นสัญญาตกลงให้ปรับสภาพอากาศได้ 3 ปี สัญญานี้เซ็นปี 2020
    แปลว่า เอาอะไรมาพ่นในบ้านเราก็ได้
    https://zerogeoengineering.com/2022/thailand-and-indonesia-have-signed-a-weather-modification-deal-through-2024/
    👉สภาพอากาศถูกควบคุมด้วย เทคโนโลยี HAARP
    By น้องอองซานและอาจารย์ทีน่า
    https://www.tiktok.com/t/ZSLCRfSSw/
    https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/1281
    👉คลิป อ.ศุภวรรณกรีน กล่าวถึงเคมเทรล
    https://vt.tiktok.com/ZSNruWBLK/
    👉รายงาน: ศาสตราจารย์และนักภูมิอากาศวิทยา Dr. #JudithCurry ให้การเป็นพยานภายใต้คำสาบานต่อสภาคองเกรสว่า "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์สร้างขึ้น" เป็นเรื่องหลอกลวงโดยการปลอมแปลงข้อมูลและเยาะเย้ยนักวิทยาศาสตร์ที่กล้าไม่เห็นด้วยกับการค้นพบทางการเมือง!
    https://twitter.com/i/status/1683105847407149056
    👉ตำแหน่งที่ตั้ง HARRP ในโลก
    https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/1302
    👉ไลฟ์สด เทคโนโลยีเพื่อปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ | อดิเทพ จาวลาห์
    https://www.youtube.com/live/zCzdNrbQn0A?si=mLFvv2loaKfbiVOY
    https://www.facebook.com/share/v/nW34YL4HiESsLNZT/

    30. หลอกว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกาะฮาวายเป็นไฟป่าทั้งๆที่ใช้เทคโนโลยี DEW
    👉เกิดอะไรขึ้นที่ฮาวาย?
    https://www.rookon.com/?p=986
    31.หลอกให้รับวัkซีuอันตรายกว่า90ชนิด(ในปัจจุบัน)
    32.หลอกเรื่อง 9-11
    33.หลอกเรื่องนาซาไปถึงดวงจันทร์และดาวอังคาร
    34.หลอกให้กินกาแฟ
    35.หลอกว่ารถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า,แผงโซลาร์เซลล์ ผลิตออกมาเพื่อรักษ์โลก
    36.หลอกว่าน้ำมันปิโตรเลียมและถ่านหิน ทำร้ายโลกและกำลังจะหมดไปจากโลก
    37.หลอกให้กินสัตว์ป่วย เช่น เนื้อโกเบ(วัวกล้ามเนื้อฝ่อ,ฟัวกราส์(ไขมันลงตับห่าน)
    38.หลอกว่าดวงจันทร์เป็นดาวเคราะห์
    39.หลอกให้ผ่าตัดไส้ติ่งออกทั้งๆที่ไม่ได้อักเสบเป็นอันตราย
    40.หลอกว่าถ้าไม่กินอาหารให้ตรงเวลาน้ำย่อยจะออกมาย่อยกระเพาะ
    41.หลอกว่ากินเค็มจะทำให้ไตเสื่อม แต่การกินสัตว์ต่างหากที่ทำร้ายไต
    42.หลอกว่าเรามี Junk DNA
    43.หลอกให้เชื่อว่ามีนรกสวรรค์เพื่อเป็นกับดักให้อยู่ในโฮโลแกรม
    44.หลอกให้เชื่อว่ารัสเซียรังแกยูเครน
    45.หลอกว่าแว่นกันแดด,ครีมกันแดดดีจำเป็นต้องใช้ (ก่อมะเร็ง)
    46.หลอกว่าตาที่ 3 เปิดแล้ว ก็ไม่ต้องปฎิบัติอะไรแล้ว เปิดแล้วจะเห็นผี
    47.หลอกให้ใช้ยาอันตรายจัดการโควิด เช่น ฟาวิพิลาเวียร์ โมนูพิราเวียร์ เรมเดซิเวีย แพคโลวิด ปัดยาดีๆออก เช่น ฟ้าทะลายโจร ไอเวอร์เมคติน ไฮดรอกซีคลอโรควีน CDS บอแรกซ์ เป็นต้น
    48.หลอกว่าความฝันคือเรื่องที่เราคิดมากไปเอง
    49.หลอกว่าเสียงที่ได้ยินในหัว เพราะเป็นโรคประสาท ไบโพล่า หรือซึมเศร้า
    50.หลอกเรื่องไวรัส โkวิd19,HIV,H1N1,EBOLA,SWINE FLU,ZIKA,SARS ว่าเกิดจากธรรมชาติ
    51.หลอกเรื่อง ลิเบีย
    52.เรื่อง เปโตรดอลล่าร์
    53.หลอกเรื่องการค้ามนุษย์ /เด็ก ทรมานเพื่อทำสารอดรีโนโครมเป็นเรื่องเหลวไหล
    54.หลอกว่า LGBTQ เกิดจากธรรมชาติอย่างเดียว
    55.หลอกให้มีการจัดลำดับความวิเศษความเคารพนับถือศรัทธาแต่ละจิตวิญญาณ เช่น สัตว์ คน เทพ เทวดา ศาสดา
    56.หลอกให้ผู้หญิงตรวจแมมโมแกรมประจำปีเพื่อจะป้องกันมะเร็งเต้านม แต่ที่จริงคือจะเป็นมะเร็งจากรังสีไอออไนซ์จากการตรวจ
    57.หลอกว่าการใส่แมสก์ช่วยป้องกันไวรัสได้ นอกจากป้องกันไม่ได้แล้วยังลดออกซิเจนที่จะเข้าร่างกายลง20-30% ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รอบๆตัว จาก 200-600 ppm เมื่อใส่แมสจะขึ้นไปเกือบ1หมื่น มีผลทำร้ายร่างกาย
    👉เพื่อสุขภาพของคนไทย หมอฝากทุกท่านแชร์แหล่งข้อมูลครับ
    ✅ศึกษาข้อมูลหน้ากากอนามัยเพิ่มเติมได้ที่
    1.กลุ่มไลน์ "ความรู้เกี่ยวกับแมสก์ Harmfulmasks"
    https://line.me/ti/g2/Nf-CPF-eldbclG4WH4iEIHyawJGFT76Btq14eQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    2.เทเลแกรม “HarmfulMasks”
    https://t.me/HarmfulMasks

    58.หลอกให้เราใช้ชุดตรวจโควิดลวงโลก ATK,ct PCR
    ✅ PCR และ ATK ลวงโลก
    👉เรื่องราวของ PCR & Atk ep.2 https://rumble.com/v17e5ad-ep-2-pcr-and-atk.html
    👉PCR พลิกตัวเลขผู้ติดเชื้อเท็จ https://stopthaicontrol.com/sub/pcr-%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b8%b9%e0%b8%81%e0%b8%99%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%9b%e0%b8%97%e0%b8%b4%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%97/
    👉 ไม่ควร ตรวจเชื้อวัวขวิด ทุกรูปแบบเพราะเป็น ผลบวกลวง ลองฟัง คลิป นี้ครับ ฟัง นาที ที่ 29 และ นาที ที่ 38 https://rumble.com/vsssso-48372936.html
    👉และนาทีที่ 15 จากคลิปนี้ https://rumble.com/vw404g-q-and-a-with-dr.-atapol-md.cu..html
    👉ชุดตรวจ ATK ที่เซ็ทผลไว้แล้ว https://t.me/c/1585233417/1124
    👉คลิป สิ่งตกค้างจากการ Swap
    https://www.facebook.com/groups/426084935837716/permalink/433156291797247/
    https://t.me/ThaiPitaksithData/956
    👉ภัยจากการ Swap
    https://www.facebook.com/100002198164704/posts/4571056572977570/?
    https://t.me/ThaiPitaksithData/4282
    👉 กราฟีนอ๊อกไซด์แฝงในปลายไม้สว็อบ https://t.me/ThaiPitaksithData/1689
    👉คำเตือนชุดตรวจโkวิd- มีโซเดียมเอไซด์ซึ่งอาจเป็นพิษหรือถึงตายได้ ข้อมูล CDC เกี่ยวกับโซเดียมเอไซด์ https://emergency.cdc.gov/agent/sodiumazide/basics/facts.asp
    👉พบเชื้อ ไม่ได้แปลว่า ติดเชื้อ โดย ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ https://vt.tiktok.com/ZSLBRvdNY/

    59.หลอกให้กลัวและเชื่อแต่ข้อเสียของกระท่อม กัญชา กัญชง และเห็ดขี้ควาย
    60.หลอกเราว่าโลกกลม แต่โลกแบน มีโดมและกำแพงน้ำแข็งกั้น
    61.หลอกว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่เนปาล ตรัสรู้และปรินิพพานที่อินเดีย ติดตามข้อมูลได้ที่เพจ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่แผ่นดินไทยไม่ใช่อินเดีย https://www.facebook.com/Thanabodee.Rebirths https://www.youtube.com/@user-sv8tw5sn4b/videos ความจริงคือ ประสูตพระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่แผ่นดินไทยไม่ใช่อินเดียโคกโพธิ์ชัย ขอนแก่น แสดงธรรมจักรกัปปวัตนสูตร อิสิปตนมฤคทายวัน วัดพระพุทธบาทน้อย อ.แก่งคอย สระบุรี ปรินิพพาน : วัดพระแท่นดงรัง กาญจนบุรี

    บางทีการค้นหาคำตอบก็เสียเวลา แต่ต้องรู้ไว้บ้างเพื่อการไม่ถูกหลอกทางโลกกายภาพ มันเป็นความรู้ภายนอก แต่เพื่อ....การดำเนินชีวิตแบบทันเกมส์ และไม่ประมาท ไม่ให้ถูกหลอกไปผิดทางส่งผลเสียต่อใจกาย

    ควรจัดสรรเวลาฝึกจิตวิญญาณเชื่อมต่อจิตแท้ในตัวตนคือสิ่งที่ควรทำ นั่นคือความรู้จักตัวเอง ความรู้ภายในที่เราสะสมมา ทั้งหมด รอเราอยู่ ทุกอย่างต้องสมดุล

    https://youtu.be/YkyYWVNvz5M
    https://youtu.be/SKcv6GSm2dw

    #เชื่อมต่อกับจิตเดิมแท้หรือคุรุในตัวเราHS
    #ทุกแบบทดสอบมีมาเพื่อฝึกเกลาจิต
    #เราเลือกลงมาเกิดเพื่อหาประสบการณ์ที่เรากำหนดมา
    #เก็บไว้เป็นจิ๊กซอร์ส่วนตัวไม่ได้ชวนเชื่อ

    เวชหนุ่ม
    เราโดนหลอกเรื่องอะไรบ้างมาดูกัน รับไม่ได้ข้อไหนก็ข้ามไป มันเป็นแค่ข้อมูลความเชื่อของตัวหมอเองครับ ไม่ดรามานะ จากนั้นลองชม2คลิปแนบท้าย 1.หลอกว่าคนวิวัฒนาการมาจากลิง หลอกว่ากระดูกก้นกบเป็นส่วนที่หางหดลดรูป 2.หลอกว่ายาฉีdยีuไวรัsเป็นวัkซีuดีเพื่อกันติดหรือติดแล้วจะไม่รุนแรง ติดตามข้อมูลได้ที่ rookon.com 3.หลอกว่าฟลูออไรด์ดี (Dr.Dean Burk PHD.บอกว่าเป็นสารที่ทำให้คนตายมากที่สุด,เฉพาะปี2006มีผลงานวิจัยความเป็นพิษมากกว่า 180งานวิจัย) ฟังคลิปคุณหมอ นาทีที่ 58 https://youtu.be/AYAJJSOmdJo 4.หลอกว่าบอแร็กซ์(หรือน้ำประสานทองซึ่งเคยอยู่ในยาไทย)ว่าอันตรายห้ามใช้ 5.หลอกให้เชื่อฟังและอยู่ในการควบคุมด้วยระบบการศึกษา 6.หลอกให้คนเชื่อว่าการกินอาหารต้องตามหลัก5หมู่ 7.หลอกให้กินยาที่ไม่ทำให้โรคหายและได้โรคเพิ่ม 8.หลอกว่าคอเลสเตอรอลอันตรายต้องกลัว ต้องกินยาลด https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=10213748008611115&id=1732997516 9.หลอกให้กินไขมันทรานส์ เช่น น้ำมันถั่วเหลืองผ่านกรรมวิธี น้ำมันผลปาล์มผ่านกรรมวิธี เนยขาว มาการีน ครีมเทียม 10.หลอกให้กินคอลลาเจนเสริมซึ่งมันคือการกินพังผืดไม่จำเป็น 11.หลอกให้คนติด HIV จะต้องกินยาต้านไวรัส 12.หลอกให้กินนมสัตว์(ข้ามสายพันธุ์) 13.หลังจากวัยทารกก็ยังหลอกให้กินนมสัตว์ไปตลอดชีวิต 👉วันนี้คุณเลิกนมวัวหรือยัง? โดย ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ https://youtu.be/CDIl9ORkPcU 👉ช่วงคลิปที่ 1ชม.9นาที อันตรายจากนมวัว โดย อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://youtu.be/DHGPSl2dpPc 👉คลิป นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ เปิดเหตุผลที่ควรหยุดดื่มนมวัว https://youtu.be/2gNPslzrJGc 👉นมวัวดีจริงหรือ https://m.youtube.com/watch?fbclid=IwAR3IhxGc1xD5hcN7TRJK51P-a_Xrs3Ws9BgGbwfAfM1sXkIaUiFVJcTyge4&v=4Y0k5UYmPio&feature=youtu.be 👉นมวัว ปลอดโรคหรือเพิ่มโรค https://www.facebook.com/photo.php?fbid=340898489398513&set=a.331355487019480&type=3 👉จริงหรือ? นมกับความสูง https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=854486941372996&id=100004350947568&mibextid=Nif5oz 👉จริงหรือ? นมถั่วเหลือง https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=619699778185048&id=100004350947568&mibextid=Nif5oz 👉จริงหรือ? นมวัวกับฮอร์โมน https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=553799574775069&id=100004350947568&mibextid=Nif5oz 👉จริงหรือ? นมแพะ https://m.facebook.com/photo.php?fbid=529613370527023&id=100004350947568&set=a.331355487019480&mibextid=Nif5oz 👉นม (ภาษาต่างประเทศ) https://www.naturalchild.org/articles/guest/linda_folden_palmer.html 👉นมวัวกระตุ้นมะเร็ง https://vt.tiktok.com/ZS86EmkD6/ 👉3เหตุผลไม่ดีที่อยู่ในนมวัว https://www.tiktok.com/@user55682379949092/video/7347855645862841601?is_from_webapp=1&sender_device=pc&web_id=7359944913523705351 14.เอาเนื้อปลามาแต่งสีหลอกว่าเป็นปูอัด 15.หลอกว่าเครื่องดื่มที่ใช้สารสังเคราะห์ให้ความหวานแทนน้ำตาลจะสุขภาพดีปลอดภัย 16.หลอกให้เราใช้แต่เหตุผลให้เลิกจินตนาการบอกว่าเพ้อเจ้อ (จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ คำกล่าวของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์) 17.หลอกให้ใช้ X-Ray(อันตราย),CT-Scan(อันตรายมาก), mammogram(อันตราย) 18.หลอกให้เรากินยาลดน้ำมูกเมื่อเป็นหวัด 19.หลอกให้แบ่งคนทั้งโลกออกจากกันด้วยศาสนาเชื้อชาติเป็นประเทศ 20.หลอกให้เป็นทาสทางการเงิน 21.หลอกว่าโลกร้อนเพราะมีคาร์บอนไดออกไซด์มาก เป็นที่มาของคาร์บอนเครดิตเพื่อการควบคุมสู่ความเป็นทาส https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=7401566566593209&id=100002198164704 22.หลอกว่าประชากรล้นโลกต้องคุมกำเนิด สะกดจิตให้เราคล้อยตามด้วยข้อมูลเมืองที่แออัด ทั้งๆที่โลกมีพื้นที่มากมายและทรัพยากรเพียงพอแค่ต้องบริหารให้ดี ✅การลดประชากรโลก ✍️ covid 19 roadmap https://t.me/ThaiPitaksithData/1738 ✍️ ep6 รู้(ทัน)วาระ เห็นความเชื่อมโยงต่างๆในปัจจุบัน https://rumble.com/v1f2lbl-ep6-the-agenda-know-the-outcome-see-the-journey.html ✍️ ep7 จำนวนประชากรที่ลดลง ผลจากความตั้งใจ มิใช่แค่เหตุที่เป็นไปโดยธรรมชาติ ตอนที่ 1. https://rumble.com/v1g63xr-ep7-1-the-agenda-.html ตอนที่ 2. https://rumble.com/v1gwgj7-ep7-2-the-agenda-.html ✍️ แม่ชี มีเรียม พูดถึงเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น พระสันตปาปา บิลเกตส์ และการฆาตกรรมหมู่ https://rumble.com/vo2cjl-40420353.html ✍️ 10ขั้นตอนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษยชาติ https://rumble.com/vt3c98-10-.html ✍️ Dr Judy Makovits เปิดโปง Fauci แหล่งที่มาของviรัส ตั้งแต่พฤษภาคม 2020 https://rumble.com/vo1env-plandemic-dr-judy-makovits-phd-molecular-biologist-may-2020.html ✍️ ดร. คอฟแมน - วัkซีuเปลี่ยน DNA มนุษย์ https://rookon.com/read-blog/103 ✍️ ประเทศไทย กำลังจะเข้าสู่ ฤดู "ใบไม้ร่วง" คำถามคือ ฤดูนี้จะอยู่นานแค่ไหน? https://rookon.com/read-blog/108 ✍️ จากบทความ Dr. Robert Malone ผู้คิดค้นเทคโนโลยีวรรคซิu mRNA สรุปความโดย ดร.ไพรินทร์ โชติสกุลรัตน์ https://fb.watch/9Yfe6YW5dl/ ✍️ ดร.โรเบิร์ต มาโลน นักวิจัยผู้คิดค้น mRNA ที่ยังไม่สมบูรณ์ ออกมาเปิดเผยความอันตรายของวัkซีu mRNA https://odysee.com/ChildrenVaccinationWarning:b?r=FcGprKFzZv51EZ9G13RaSbZ9V7hCWD2P ✍️WHO Treaty https://rookon.com/read-blog/131 ✍️ไทม์ไลน์ สู่ทรราช https://rookon.com/read-blog/44 ✍️มาตรการโควิด ทำให้มีผู้เสียชีวิต เพิ่มมากขึ้น https://rookon.com/read-blog/49 ✍️ความจริงของโควิด 19 – นพ. อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://stopthaicontrol.com/2/ความจริงของโควิด-19-นพ-อรร/ ✍️เครือข่าย 5G, คลื่นความถี่ และ โkวิd สิบ9 https://docs.google.com/document/d/1KMlPrvr0mNSycUKik_p_dxyaEv-F6K9ZbxWuQF7p0jk/edit?usp=sharing ✍️โครงการ Neuralink (โดยอีลอน มัสก์) กับมนุษย์ เวอร์ชั่น 2.0 https://docs.google.com/document/d/1Ey79M2rz_BiI0YpzhKESQBLm-Z2ACYqxSly3dShaJYA/edit?usp=sharing ✍️มนุษย์ เวอร์ชั่น 2.0 โดย Dr.Carrie Madej https://docs.google.com/document/d/1Bxh5T9mD9K6ZXTYFM4L3uKg3s87fsnEdfNPWJ3_e4io/edit?usp=sharing ✍️มนุษย์ข้ามสายพันธุ์ https://docs.google.com/document/d/1eWJ4Z552HO6SSrPFuMZwLT7HE5rzmYO_r485lLtEnEQ/edit?usp=sharing ✍️ความรู้โดยแพทย์ – ทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งต้นที่ “ความกลัว” https://rookon.com/read-blog/16 ✍️David Icke | โครงสร้างการควบคุมรัฐบาลทั่วโลก https://rookon.com/read-blog/35 ✍️ ว๊ากเสร็จก่อนที่โkวิdจะระบาด https://rookon.com/read-blog/12 ✍️ ผู้อยู่เบื้องหลัง โคขวิดและวอซอลวง https://fb.watch/aGglwXBtl5/ ✍️ปี 1994 อดีตสายลับอังกฤษ MI6 แฉแผนการลดประชากรโลก 😱 โดยองค์กร Club of Rome https://t.me/awakened_thailand/443 ✍️การลดประชากรโลก ใช่เรื่องจริงไหม? โดย อดิเทพ จาวลาห์ https://www.youtube.com/live/hu0KszvGnyQ?si=0N09ufqChfFQAbrv ✍️ แผนลดประชากรโลก มีจริงหรือไม่ โดย อาจารย์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7414795548814773521?is_from_webapp=1&sender_device=pc 👉 อาจารย์ นพ.อรรถพล สุคนธาภิรมย์ ณ พัทลุง กล่าวชัดๆไม่อ้อมค้อม​ว่าวัคซีนโควิดมันคืออาวุธ​ชีวภาพ ใครฉีดให้คนคืออาชญากร​ ใครนิ่งเฉยไม่พูด​อะไรคือ​ ผู้สมรู้ร่วมคิด​ร่วม​กระทำความผิด​ https://vm.tiktok.com/ZS2XQ5qgB/ แผนลดประชากรโลก มีจริงหรือไม่ https://www.tiktok.com/@atapolhuawei/video/7414795548814773521?is_from_webapp=1&sender_device=pc 👉การลดประชากรโลก โดยอดิเทพ จาวลาห์ https://www.youtube.com/live/hu0KszvGnyQ?si=0N09ufqChfFQAbrv 👉รวมหลักฐานการลดประชากรโลก https://www.rookon.com/?p=936 23.หลอกให้กินอาหารอุตสาหกรรมที่มีสารช่วยให้ตายผ่อนส่ง 24.หลอกว่ามนุษย์ต่างดาวไร้สาระไม่มีอยู่จริง 👉มนุษย์ต่างดาว (กิ้งก่า) ต้องการอะไรจากมนุษย์ https://www.rookon.com/?p=944 25.หลอกให้เชื่อว่านิพพานเป็นเรื่องยาก 26.หลอกให้ถอนฟันคุดออก(กรณีที่ไม่ปวดยังใช้ชีวิตได้) 27.หลอกให้กินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ 28.หลอกว่าจะมีภัยพิบัติล้างโลก โลกจะแตก 29.หลอกว่าภัยพิบัติเป็นฝีมือธรรมชาติทั้งหมดแต่มีเทคโนโลยี HARRP อยู่เบื้องหลัง 👉เทคโนโลยีการปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ https://www.rookon.com/?p=1076 👉เค้าต้องการคอนโทรลสภาพภูมิอากาศของทั่วโลกภายในปี 2025 โปรแกรมดัดแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีกว่า 150 โปรแกรมจะถูกนำมาใช้ทั่วโลก สารพิษที่มนุษย์สร้างขึ้นมากว่า 49 ชนิด ถูกบรรจุไว้ในถังเพื่อที่จะนำไปพ่นในท้องฟ้า และที่อเมริกาได้ถูกทำการพ่นไปแล้ว ด้วยสารเคมี สารพิษ ไวรัส เชื้อรา แบคทีเรียฯลฯ ที่ได้ระบุไว้ในเอกสารซึ่งได้ทำการผลิตไว้อย่างลับๆโดยสถาบันFort Detrick(สถาบันวิจัยอาวุธเคมีชีวภาพ)💥😣 https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=421902230036059&id=100066488568961 👉มีสารอะไรอยู่ในเคมเทรล https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/2 👉ผลร้ายของเคมเทรล https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/75 https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/1282 👉HAARP คืออะไร https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/524 https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/728 👉คลิป Chemtrails WAKE UP! https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/812 👉คำอธิบายหลักการทำงานของ Chembuster: https://www.youtube.com/watch?v=s4SM5PajwSM&t=686s 👉"Video tutorial on how to build an Orgone Environmental Harmonizer, the so-called Chembuster." - Mirko Kulig: https://www.youtube.com/watch?v=QpGmOd_u0JQ 👉ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ | Facebook: https://www.facebook.com/airpollution.CAPM/?ref=page_internal 👉รัฐบาลไทย และอินโดนีเซีย โดนหลอกให้เซ็นสัญญาตกลงให้ปรับสภาพอากาศได้ 3 ปี สัญญานี้เซ็นปี 2020 แปลว่า เอาอะไรมาพ่นในบ้านเราก็ได้ https://zerogeoengineering.com/2022/thailand-and-indonesia-have-signed-a-weather-modification-deal-through-2024/ 👉สภาพอากาศถูกควบคุมด้วย เทคโนโลยี HAARP By น้องอองซานและอาจารย์ทีน่า https://www.tiktok.com/t/ZSLCRfSSw/ https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/1281 👉คลิป อ.ศุภวรรณกรีน กล่าวถึงเคมเทรล https://vt.tiktok.com/ZSNruWBLK/ 👉รายงาน: ศาสตราจารย์และนักภูมิอากาศวิทยา Dr. #JudithCurry ให้การเป็นพยานภายใต้คำสาบานต่อสภาคองเกรสว่า "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์สร้างขึ้น" เป็นเรื่องหลอกลวงโดยการปลอมแปลงข้อมูลและเยาะเย้ยนักวิทยาศาสตร์ที่กล้าไม่เห็นด้วยกับการค้นพบทางการเมือง! https://twitter.com/i/status/1683105847407149056 👉ตำแหน่งที่ตั้ง HARRP ในโลก https://t.me/chemtrailshaarpthaichat/1302 👉ไลฟ์สด เทคโนโลยีเพื่อปรับเปลี่ยนสภาพอากาศ | อดิเทพ จาวลาห์ https://www.youtube.com/live/zCzdNrbQn0A?si=mLFvv2loaKfbiVOY https://www.facebook.com/share/v/nW34YL4HiESsLNZT/ 30. หลอกว่าเหตุการณ์ไฟไหม้ที่เกาะฮาวายเป็นไฟป่าทั้งๆที่ใช้เทคโนโลยี DEW 👉เกิดอะไรขึ้นที่ฮาวาย? https://www.rookon.com/?p=986 31.หลอกให้รับวัkซีuอันตรายกว่า90ชนิด(ในปัจจุบัน) 32.หลอกเรื่อง 9-11 33.หลอกเรื่องนาซาไปถึงดวงจันทร์และดาวอังคาร 34.หลอกให้กินกาแฟ 35.หลอกว่ารถที่ใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า,แผงโซลาร์เซลล์ ผลิตออกมาเพื่อรักษ์โลก 36.หลอกว่าน้ำมันปิโตรเลียมและถ่านหิน ทำร้ายโลกและกำลังจะหมดไปจากโลก 37.หลอกให้กินสัตว์ป่วย เช่น เนื้อโกเบ(วัวกล้ามเนื้อฝ่อ,ฟัวกราส์(ไขมันลงตับห่าน) 38.หลอกว่าดวงจันทร์เป็นดาวเคราะห์ 39.หลอกให้ผ่าตัดไส้ติ่งออกทั้งๆที่ไม่ได้อักเสบเป็นอันตราย 40.หลอกว่าถ้าไม่กินอาหารให้ตรงเวลาน้ำย่อยจะออกมาย่อยกระเพาะ 41.หลอกว่ากินเค็มจะทำให้ไตเสื่อม แต่การกินสัตว์ต่างหากที่ทำร้ายไต 42.หลอกว่าเรามี Junk DNA 43.หลอกให้เชื่อว่ามีนรกสวรรค์เพื่อเป็นกับดักให้อยู่ในโฮโลแกรม 44.หลอกให้เชื่อว่ารัสเซียรังแกยูเครน 45.หลอกว่าแว่นกันแดด,ครีมกันแดดดีจำเป็นต้องใช้ (ก่อมะเร็ง) 46.หลอกว่าตาที่ 3 เปิดแล้ว ก็ไม่ต้องปฎิบัติอะไรแล้ว เปิดแล้วจะเห็นผี 47.หลอกให้ใช้ยาอันตรายจัดการโควิด เช่น ฟาวิพิลาเวียร์ โมนูพิราเวียร์ เรมเดซิเวีย แพคโลวิด ปัดยาดีๆออก เช่น ฟ้าทะลายโจร ไอเวอร์เมคติน ไฮดรอกซีคลอโรควีน CDS บอแรกซ์ เป็นต้น 48.หลอกว่าความฝันคือเรื่องที่เราคิดมากไปเอง 49.หลอกว่าเสียงที่ได้ยินในหัว เพราะเป็นโรคประสาท ไบโพล่า หรือซึมเศร้า 50.หลอกเรื่องไวรัส โkวิd19,HIV,H1N1,EBOLA,SWINE FLU,ZIKA,SARS ว่าเกิดจากธรรมชาติ 51.หลอกเรื่อง ลิเบีย 52.เรื่อง เปโตรดอลล่าร์ 53.หลอกเรื่องการค้ามนุษย์ /เด็ก ทรมานเพื่อทำสารอดรีโนโครมเป็นเรื่องเหลวไหล 54.หลอกว่า LGBTQ เกิดจากธรรมชาติอย่างเดียว 55.หลอกให้มีการจัดลำดับความวิเศษความเคารพนับถือศรัทธาแต่ละจิตวิญญาณ เช่น สัตว์ คน เทพ เทวดา ศาสดา 56.หลอกให้ผู้หญิงตรวจแมมโมแกรมประจำปีเพื่อจะป้องกันมะเร็งเต้านม แต่ที่จริงคือจะเป็นมะเร็งจากรังสีไอออไนซ์จากการตรวจ 57.หลอกว่าการใส่แมสก์ช่วยป้องกันไวรัสได้ นอกจากป้องกันไม่ได้แล้วยังลดออกซิเจนที่จะเข้าร่างกายลง20-30% ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์รอบๆตัว จาก 200-600 ppm เมื่อใส่แมสจะขึ้นไปเกือบ1หมื่น มีผลทำร้ายร่างกาย 👉เพื่อสุขภาพของคนไทย หมอฝากทุกท่านแชร์แหล่งข้อมูลครับ ✅ศึกษาข้อมูลหน้ากากอนามัยเพิ่มเติมได้ที่ 1.กลุ่มไลน์ "ความรู้เกี่ยวกับแมสก์ Harmfulmasks" https://line.me/ti/g2/Nf-CPF-eldbclG4WH4iEIHyawJGFT76Btq14eQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default 2.เทเลแกรม “HarmfulMasks” https://t.me/HarmfulMasks 58.หลอกให้เราใช้ชุดตรวจโควิดลวงโลก ATK,ct PCR ✅ PCR และ ATK ลวงโลก 👉เรื่องราวของ PCR & Atk ep.2 https://rumble.com/v17e5ad-ep-2-pcr-and-atk.html 👉PCR พลิกตัวเลขผู้ติดเชื้อเท็จ https://stopthaicontrol.com/sub/pcr-%e0%b8%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b8%b9%e0%b8%81%e0%b8%99%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%9b%e0%b8%97%e0%b8%b4%e0%b9%89%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%a2%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%97/ 👉 ไม่ควร ตรวจเชื้อวัวขวิด ทุกรูปแบบเพราะเป็น ผลบวกลวง ลองฟัง คลิป นี้ครับ ฟัง นาที ที่ 29 และ นาที ที่ 38 https://rumble.com/vsssso-48372936.html 👉และนาทีที่ 15 จากคลิปนี้ https://rumble.com/vw404g-q-and-a-with-dr.-atapol-md.cu..html 👉ชุดตรวจ ATK ที่เซ็ทผลไว้แล้ว https://t.me/c/1585233417/1124 👉คลิป สิ่งตกค้างจากการ Swap https://www.facebook.com/groups/426084935837716/permalink/433156291797247/ https://t.me/ThaiPitaksithData/956 👉ภัยจากการ Swap https://www.facebook.com/100002198164704/posts/4571056572977570/? https://t.me/ThaiPitaksithData/4282 👉 กราฟีนอ๊อกไซด์แฝงในปลายไม้สว็อบ https://t.me/ThaiPitaksithData/1689 👉คำเตือนชุดตรวจโkวิd- มีโซเดียมเอไซด์ซึ่งอาจเป็นพิษหรือถึงตายได้ ข้อมูล CDC เกี่ยวกับโซเดียมเอไซด์ https://emergency.cdc.gov/agent/sodiumazide/basics/facts.asp 👉พบเชื้อ ไม่ได้แปลว่า ติดเชื้อ โดย ศ.ดร.นพ.วิชัย เอกทักษิณ https://vt.tiktok.com/ZSLBRvdNY/ 59.หลอกให้กลัวและเชื่อแต่ข้อเสียของกระท่อม กัญชา กัญชง และเห็ดขี้ควาย 60.หลอกเราว่าโลกกลม แต่โลกแบน มีโดมและกำแพงน้ำแข็งกั้น 61.หลอกว่าพระพุทธเจ้าประสูติที่เนปาล ตรัสรู้และปรินิพพานที่อินเดีย ติดตามข้อมูลได้ที่เพจ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่แผ่นดินไทยไม่ใช่อินเดีย https://www.facebook.com/Thanabodee.Rebirths https://www.youtube.com/@user-sv8tw5sn4b/videos ความจริงคือ ประสูตพระพุทธเจ้าตรัสรู้ที่แผ่นดินไทยไม่ใช่อินเดียโคกโพธิ์ชัย ขอนแก่น แสดงธรรมจักรกัปปวัตนสูตร อิสิปตนมฤคทายวัน วัดพระพุทธบาทน้อย อ.แก่งคอย สระบุรี ปรินิพพาน : วัดพระแท่นดงรัง กาญจนบุรี บางทีการค้นหาคำตอบก็เสียเวลา แต่ต้องรู้ไว้บ้างเพื่อการไม่ถูกหลอกทางโลกกายภาพ มันเป็นความรู้ภายนอก แต่เพื่อ....การดำเนินชีวิตแบบทันเกมส์ และไม่ประมาท ไม่ให้ถูกหลอกไปผิดทางส่งผลเสียต่อใจกาย ควรจัดสรรเวลาฝึกจิตวิญญาณเชื่อมต่อจิตแท้ในตัวตนคือสิ่งที่ควรทำ นั่นคือความรู้จักตัวเอง ความรู้ภายในที่เราสะสมมา ทั้งหมด รอเราอยู่ ทุกอย่างต้องสมดุล https://youtu.be/YkyYWVNvz5M https://youtu.be/SKcv6GSm2dw #เชื่อมต่อกับจิตเดิมแท้หรือคุรุในตัวเราHS #ทุกแบบทดสอบมีมาเพื่อฝึกเกลาจิต #เราเลือกลงมาเกิดเพื่อหาประสบการณ์ที่เรากำหนดมา #เก็บไว้เป็นจิ๊กซอร์ส่วนตัวไม่ได้ชวนเชื่อ เวชหนุ่ม
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 1378 Views 0 Reviews
  • ❗️ หน่วยข่าวกรองของรัสเซียมีข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมโดยตรงของ #สหรัฐฯ และ #อังกฤษ ในเหตุระเบิดที่ #นอร์ดสตรีม – เซอร์เกย์ นารีชกิน, ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย

    “ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าผู้ก่อวินาศกรรมมืออาชีพจากหน่วยข่าวกรองแองโกล-แซกซอนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่นอร์ดสตรีม”, เซอร์เกย์ นารีชกิน กล่าว, ในการประชุมสภาหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยบริการพิเศษของประเทศสมาชิก CIS (อัสตานา, ๔ ตุลาคม ๒๐๒๔)

    เขายังเน้นย้ำว่าฝ่ายบริหารของ #สหรัฐฯ ถือว่าการทำลายนอร์ดสตรีมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง “เพื่อให้แน่ใจว่ายุโรป, โดยเฉพาะเยอรมนี, จะแยกตัวออกจากรัสเซีย”
    .
    ❗️ Russian Intelligence Service has reliable information about the direct involvement of the #US and #Britain in the #NordStream blasts – Sergey Naryshkin, director of Russia’s Foreign Intelligence Service

    “Data shows that professional saboteurs from Anglo-Saxon intelligence services were involved in the Nord Stream explosions”, Sergey Naryshkin stated, speaking at a meeting of the Council of Heads of Security Bodies and Special Services of the CIS member states (Astana, 4 October 2024).

    He also stressed that the #US administration considered it justified destroying Nord Stream “to ensure that Europe, especially Germany, breaks away from Russia.”
    .
    4:16 PM · Oct 8, 2024 · 95K Views
    https://x.com/EmbassyofRussia/status/1843581224196919717
    ❗️ หน่วยข่าวกรองของรัสเซียมีข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมโดยตรงของ #สหรัฐฯ และ #อังกฤษ ในเหตุระเบิดที่ #นอร์ดสตรีม – เซอร์เกย์ นารีชกิน, ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัสเซีย “ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าผู้ก่อวินาศกรรมมืออาชีพจากหน่วยข่าวกรองแองโกล-แซกซอนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่นอร์ดสตรีม”, เซอร์เกย์ นารีชกิน กล่าว, ในการประชุมสภาหัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงและหน่วยบริการพิเศษของประเทศสมาชิก CIS (อัสตานา, ๔ ตุลาคม ๒๐๒๔) เขายังเน้นย้ำว่าฝ่ายบริหารของ #สหรัฐฯ ถือว่าการทำลายนอร์ดสตรีมเป็นสิ่งที่ถูกต้อง “เพื่อให้แน่ใจว่ายุโรป, โดยเฉพาะเยอรมนี, จะแยกตัวออกจากรัสเซีย” . ❗️ Russian Intelligence Service has reliable information about the direct involvement of the #US and #Britain in the #NordStream blasts – Sergey Naryshkin, director of Russia’s Foreign Intelligence Service “Data shows that professional saboteurs from Anglo-Saxon intelligence services were involved in the Nord Stream explosions”, Sergey Naryshkin stated, speaking at a meeting of the Council of Heads of Security Bodies and Special Services of the CIS member states (Astana, 4 October 2024). He also stressed that the #US administration considered it justified destroying Nord Stream “to ensure that Europe, especially Germany, breaks away from Russia.” . 4:16 PM · Oct 8, 2024 · 95K Views https://x.com/EmbassyofRussia/status/1843581224196919717
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • ยิ่งไม่สามารถใช้ดอกเบี้ยสูงตรึงเงินดอลลาร์ได้ ยิ่งเร่งสงครามโลกและสงครามโรคเร็วขึ้น/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    ความขัดแย้งกันในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์นั้น ต้องพิจารณาในยุคนี้ด้วยว่า นอกจากมาตรการตอบโต้กันทางด้านการเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ สงครรามทุนระหว่างประเทศ สงครามค่าเงิน ถึงขนาดที่เรียกว่าเรื่องนี้อาจมีจุดจบที่ต้องมีฝ่ายใดแพ้หรือฝ่ายใดชนะกันไปข้างหนึ่ง

    โดยเฉพาะสถานภาพของเงินสกุลสหรัฐอเมริกา ก็ไม่สามารถดำรงสถานภาพเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขายปิโตรเลียมที่ไม่ได้ยึถถือเงินสกุลดอลลาร์ (ปิโตรดอลลาร์)แต่เพียงสกุลเดียวได้เหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้นสหรัฐอเมริกาก็เลือกหนทางในการทำให้เกิดการโจมตีแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช่พันธมิตรอเมริกาทั่วโลก เพื่อให้ราคาปิโตรเลียมของธุรกิจในเครือสหรัฐอเมริกายังคงดำรงสถานภาพปิโตรดอลลาร์ต่อไป

    อย่างไรก็ตามการเปลี่ยแปลงเงินสกุลหลักของโลกแม้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงแบบยืดเยื้อ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ยังคงใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเครื่องมือเป็นเงินกู้เข้าแทรกแซงช่วยเหลืออยู่หลายประเทศ โดยสถานภาพของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเป็นเจ้าหนี้ของประเทศต่างๆที่มีพันธะผูกพันจำนวน 94 ประเทศ มีมูลค่าหนี้คงค้างกว่า 112 ล้านเหรียญสหรัฐ[1]

    นอกจากนั้นทุนสำรองระหว่างประเทศของทุกประเทศทั่วโลกยังคงเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกามากถึงร้อยละ 54.06[2] โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นประเทศที่ออกพันธบัตรก่อหนี้มหาศาลมากถึง 35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐแล้ว[3] โดยยังไม่เพียงแค่ปัญหาว่าสหรัฐอเมริกาจะมีทางว่าจะชำระหนี้คืนได้อย่างไรเท่านั้น แต่ยังไม่มีแนวโน้มว่าสหรัฐอเมริกาจะหยุดการก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร

    การที่สหรัฐอเมริกาก่อหนี้อย่างมหาศาล อีกทั้งธนาคารกลางหลายประเทศเทขายพันธบัตรสหรัฐอเมริกา ส่งผลทำให้ปริมาณอุปทานเงินดอลลาร์สหรัฐล้นระบบเกินความต้องการของอุปสงค์เงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดเงิน และทำให้ธนาคารกลางได้เพิ่มสัดส่วนเงินสกุลของคู่ค้าประเทศอื่นๆและทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ

    ปัญหาที่แท้จริงในเรื่องนี้คือปัญหา “ความไม่เชื่อมั่น” ในเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ที่ก่อหนี้ไม่หยุด หรือไม่หยุดการพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์ออกมาโดยที่ไม่มีอะไรหนุนหลัง

    ส่งผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐเสื่อมค่าลง ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ข้าวยากหมากแพง และทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อดึงเงินจากทั่วโลกให้ยังคงรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐให้เป็นที่ต้องการในทุนสำรองระหว่างประเทศต่อไป

    แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงของสหรัฐอเมริกา กลับทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจอีกด้านหนึ่ง ด้วยเพราะทำให้ธุรกิจเอกชนในสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หนี้สินครัวเรือน และหนี้สินส่วนบุคคลเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การก่อหนี้เสีย ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อสถานภาพธนาคารในสหรัฐอเมริกาด้วย

    ปรากฏการณ์เพียงแค่ธนาคารกลางผ่อนปรนลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคาคารกลางลงเท่านั้น เม็ดเงินทั่วโลกก็ได้ทยอยเทขายทรัพย์สินในเงินดอลลาร์สหรัฐไหลไปสู่ทรัพย์สินที่มั่นคงกว่าทันที และทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงฉับพลันและยังมีแนวโน้มว่าจะเสื่อมค่าอย่างต่อเนื่องด้วย

    และนั่นทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐถูกเปลี่ยนมาลงทุนหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และทำให้ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินสกุลหลายประเทศในเอเชียจึงแข็งค่าขึ้น

    โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีธนาคารแห่งประเทศไทยใช้นโยบายเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศติดอันดับโลก ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเป็นเป้าหมายในการลงทุนไปด้วย ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นทะยานต่อเนื่อง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือเงินดอลลาร์ที่กำลังเสื่อมค่าถูกนำมาแปลงสภาพผ่านทุนเคลื่อนย้ายสุทธิเข้าในตลาดหุ้น กองทุน หรือพันธบัตรในเอเชีย ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางของประเทศที่เป็นเป้าหมายในการลงทุนกลับยิ่งมีเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางต้องเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินทองคำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

    ราคาทองคำจึงมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

    และเมื่อมีแนวโน้มว่าอิสราเอลจะตั้งเป้าโจมตีทำลายแหล่งปิโตรเลียมอิหร่าน ก็ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วโลกราคาเพิ่มสูงขึ้น

    อย่างไรก็ตาม ด้วยเพราะธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกพยายามจะได้พยายามลดการถือครองพันธบัตร เพื่อหวังจะทำให้การเปลี่ยนสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศจากเงินดอลลาร์สหรัฐให้น้อยลง แล้วเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นๆ หรือทองคำนั้นให้มากขึ้นนั้น เป็นการคิดพร้อมๆกันของหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้หลายประเทศไม่สามารถจะเปลี่ยนได้ตามใจชอบ

    อย่างไรก็ตามประเทศใดมีทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมเท่ากับว่าประเทศนั้นถือครองทรัพย์สินที่อ่อนค่าลงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็ย่อมทำให้สกุลเงินในประเทศที่มีทรัพย์สินเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐด้อยค่าไปด้วยอยู่ดี

    เมื่อถึงสถานการณ์ที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางกลายเป็นข้อจำกัด และถูกบีบให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง หากสหรัฐอเมริกาจะยังคงสถานภาพเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไปได้ ก็ต่อเมื่อต้องบีบให้ทุกประเทศทั่วโลกมีความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาให้มากที่สุด

    สถานการณ์ใกล้ตีบตันแล้ว จึงเหลือหนทางแค่ 2 ทางเท่านั้น

    หนทางที่หนึ่ง คือ “ก่อสงคราม” เพื่อทำให้ประเทศที่มีสงครามต้องสั่งซื้อ สั่งผลิต อาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกาให้มากขึ้น และเมื่ออาวุธ ยุทโธปกรณ์เหล่านี้ขายในรูปของดอลลาร์สหรัฐ จึงเป็นผลทำให้ประเทศคู่ขัดแย้งมีความต้องการเงินดอลลาร์ศหรัฐมากขึ้น

    การสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เกิดสงครามยังจะเป็นผลทำให้ราคาปิโตรเลียมทั่วโลกราคาสูงขึ้น และทำให้ดึงความมั่งคั่งของโลกมาซื้อทรัพยากรปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกามากขึ้น

    ตัวอย่างสมรภูมิที่เกิดขึ้นระหว่างยูเครน กับรัสเซีย ชี้ชัดว่าสหรัฐอเมริการสามารถทำกำไรอย่างมหาศาลทั้งจากธุรกิจอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และธุรกิจน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการสมรู้ร่วมคิดสนับสนุนอิสราเอลเพื่อก่อสงครามในตะวันออกลาง ก็เพื่อเร่งการซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้มากขึ้น

    อย่างไรก็ตามแสนยานุภาพของมหาอำนาจหลายขั้วอยู่ในระดับที่ไม่แพ้กัน ทำให้การก่อสงครามด้วยสหรัฐอเมริกาเป็นลักษณะของการจำกัดพื้นที่ ”ในประเทศอื่นๆ“ และให้มีความยืดเยื้อ และมีเป้าหมายในการทำลายแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ

    หนทางที่สอง “ก่อโรคระบาดใหม่” เพื่อทำให้ทุกประเทศต้องก่อหนี้สินมหาศาลในการช่วยเหลือประชาชน หากล้มละลาย และยังเป็นการดูดความมั่งคั่งเหล่านี้ไปซื้อวัคซีน และยารักษาโรคจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป

    หากประเทศเหล่านั้นยากจนเงินไม่เพียงพอ ก็ต้องให้มีการกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งก็เป็นหนทางในการบีบให้ต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐในประเทศนั้นๆอยู่ดี

    และเป็นที่แน่ชัดว่า เมื่อธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินดอลลาร์สหรัฐ ย่อมเท่ากับยอมรับว่าไม่สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยสูงในการรักษาการยอมรับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา “แบบสันติวิธี” ได้นานกว่านี้ได้แล้ว

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อมูลของดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐได้พิสูจน์ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในระดับที่ก่อสงคราม หรือการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลทำให้เกิดการก่อหนี้อันมหาศาลของหลายประเทศนั้น ได้ส่งผลดำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สูงขึ้นอย่างชัดเจน และยังคงเป็นยุทธวิธีที่ดำรงสถานภาพของเงินดอลลาร์สหรัฐได้[4]

    โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง[4] สถานการณ์นี้เป็นตัวนบีบเงื่อนไขในรักษาเงินดอลลาร์ “มีเวลาน้อยลง” เรื่อยๆ

    ดังนั้นโลกกำลังเข้าสู่ความเสี่ยงในการเร่งทำสงครามจำกัดพื้นที่แต่ยืดเยื้ออย่างชัดเจนขึ้น โดยมีเป้าหมายในการทำลาายแหล่งปิโตรเลียมของประเทศที่ออกจากการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ

    แต่หากความเสียหายเกิดขึ้นเกินกว่าที่ประเทศที่ถูกอิสราเอลหรือนาโต้จะรับได้ ทั้งต่อประเทศในตะวันออกกลางคู่ขัดแย้งกับอิสราเอล หรือ การทำสงครามรัสเซียกับยูเครนก็ตาม “ความยืดเยื้อ” ในระหว่างประเทศอาจถูกทำให้ยุติ ได้ด้วยการตอบโต้ที่รุนแรงและเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงในการทำสงครามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ด้วย

    ซึ่งเชื่อว่าประเทศมหาอำนาจทั่วโลกพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปสู่สงครามที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์​

    เพราะหากถึงจุดนั้น ก็เท่ากับสงครามต้อง “หมดยก” และต้องยุติลงด้วยชัยชนะหรือพ่ายแพ้กันไปข้างหนึ่ง และทำให้สงครามเศรษฐกิจที่เพิ่มความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐต้องยุติลงฉับพลันเช่นกัน

    เมื่อสถานการณ์การเร่งสถานการณ์สงครามมีความเสี่ยงที่ทุกฝ่ายต้องยับยั้งชั่งใจในมิติการก่อสงคราม จึงเหลืออีกหนทางหนึ่งคือ “การก่อโรคระบาด” ที่อาจจะเป็นหนทางสุดท้ายที่ทำให้ทั่วโลกต้องมาหาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกามาซื้อวัคซีนหรือยารักษาโรคที่มีราคาแพงจากสหรัฐอเมริกา

    ในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์-เศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยควรจะมีผู้นำที่มาชี้นำทางความคิดในการเตรียมตัวในการรับมือกับสถานการณสงครามโลก สงครามโรค ในสงครามความโลภทั้งหลาย

    โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมทางด้าน ”ความมั่นคงทางพลังงาน, ความมั่นคงทางอาหาร และความมั่นคงทางยาสมุนไพรเพื่อการพี่งพาตนเอง“

    เอาจริงๆแล้วยังไม่เห็นรัฐบาลเตรียมความพร้อมในเรื่องเหล่านี้เลย

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    4 ตุลาคม 2567

    อ้างอิง
    [1] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Total IMF Credit Outstanding �Movement From September 01, 2024 to October 01
    https://www.imf.org/external/np/fin/tad/balmov2.aspx?type=TOTAL

    [2] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Currency Composition of Official Foreign Exchange Reserve (COFER), World allocated Reserves by Currency for 2023 Q2
    https://data.imf.org/?sk=e6a5f467-c14b-4aa8-9f6d-5a09ec4e62a4

    [3] Peterson G. Foundation, What is the National Debt Today?,
    https://www.pgpf.org/national-debt-clock?gad_source=1&gbraid=0AAAAABdefgYCJ8Ko6Ivna9fcfHx0Y_lqt&gclid=EAIaIQobChMIhbGExczxiAMVyqpLBR2NuhvEEAAYASAAEgJXjvD_BwE

    [4] marketwatch, US Dollar Index(DXY)
    https://www.marketwatch.com/investing/index/dxy
    ยิ่งไม่สามารถใช้ดอกเบี้ยสูงตรึงเงินดอลลาร์ได้ ยิ่งเร่งสงครามโลกและสงครามโรคเร็วขึ้น/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ความขัดแย้งกันในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์นั้น ต้องพิจารณาในยุคนี้ด้วยว่า นอกจากมาตรการตอบโต้กันทางด้านการเศรษฐกิจ โดยเฉพาะด้านการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ สงครรามทุนระหว่างประเทศ สงครามค่าเงิน ถึงขนาดที่เรียกว่าเรื่องนี้อาจมีจุดจบที่ต้องมีฝ่ายใดแพ้หรือฝ่ายใดชนะกันไปข้างหนึ่ง โดยเฉพาะสถานภาพของเงินสกุลสหรัฐอเมริกา ก็ไม่สามารถดำรงสถานภาพเป็นเงินสกุลหลักของโลกได้เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้าขายปิโตรเลียมที่ไม่ได้ยึถถือเงินสกุลดอลลาร์ (ปิโตรดอลลาร์)แต่เพียงสกุลเดียวได้เหมือนเดิม แต่ถึงกระนั้นสหรัฐอเมริกาก็เลือกหนทางในการทำให้เกิดการโจมตีแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช่พันธมิตรอเมริกาทั่วโลก เพื่อให้ราคาปิโตรเลียมของธุรกิจในเครือสหรัฐอเมริกายังคงดำรงสถานภาพปิโตรดอลลาร์ต่อไป อย่างไรก็ตามการเปลี่ยแปลงเงินสกุลหลักของโลกแม้จะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ก็ยังมีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงแบบยืดเยื้อ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ยังคงใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นเครื่องมือเป็นเงินกู้เข้าแทรกแซงช่วยเหลืออยู่หลายประเทศ โดยสถานภาพของกองทุนการเงินระหว่างประเทศเป็นเจ้าหนี้ของประเทศต่างๆที่มีพันธะผูกพันจำนวน 94 ประเทศ มีมูลค่าหนี้คงค้างกว่า 112 ล้านเหรียญสหรัฐ[1] นอกจากนั้นทุนสำรองระหว่างประเทศของทุกประเทศทั่วโลกยังคงเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอเมริกามากถึงร้อยละ 54.06[2] โดยส่วนใหญ่อยู่ในรูปพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็กลายเป็นประเทศที่ออกพันธบัตรก่อหนี้มหาศาลมากถึง 35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐแล้ว[3] โดยยังไม่เพียงแค่ปัญหาว่าสหรัฐอเมริกาจะมีทางว่าจะชำระหนี้คืนได้อย่างไรเท่านั้น แต่ยังไม่มีแนวโน้มว่าสหรัฐอเมริกาจะหยุดการก่อหนี้เพิ่มขึ้นได้อย่างไร การที่สหรัฐอเมริกาก่อหนี้อย่างมหาศาล อีกทั้งธนาคารกลางหลายประเทศเทขายพันธบัตรสหรัฐอเมริกา ส่งผลทำให้ปริมาณอุปทานเงินดอลลาร์สหรัฐล้นระบบเกินความต้องการของอุปสงค์เงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดเงิน และทำให้ธนาคารกลางได้เพิ่มสัดส่วนเงินสกุลของคู่ค้าประเทศอื่นๆและทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเรื่อยๆ ปัญหาที่แท้จริงในเรื่องนี้คือปัญหา “ความไม่เชื่อมั่น” ในเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ที่ก่อหนี้ไม่หยุด หรือไม่หยุดการพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์ออกมาโดยที่ไม่มีอะไรหนุนหลัง ส่งผลทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐเสื่อมค่าลง ทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ข้าวยากหมากแพง และทำให้ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาต้องตัดสินใจเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นเวลานานในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อดึงเงินจากทั่วโลกให้ยังคงรักษาเงินดอลลาร์สหรัฐให้เป็นที่ต้องการในทุนสำรองระหว่างประเทศต่อไป แต่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงของสหรัฐอเมริกา กลับทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจอีกด้านหนึ่ง ด้วยเพราะทำให้ธุรกิจเอกชนในสหรัฐอเมริกาประสบปัญหาในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง หนี้สินครัวเรือน และหนี้สินส่วนบุคคลเพิ่มสูงขึ้น นำไปสู่การก่อหนี้เสีย ซึ่งสุ่มเสี่ยงต่อสถานภาพธนาคารในสหรัฐอเมริกาด้วย ปรากฏการณ์เพียงแค่ธนาคารกลางผ่อนปรนลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคาคารกลางลงเท่านั้น เม็ดเงินทั่วโลกก็ได้ทยอยเทขายทรัพย์สินในเงินดอลลาร์สหรัฐไหลไปสู่ทรัพย์สินที่มั่นคงกว่าทันที และทำให้ดัชนีดอลลาร์สหรัฐอ่อนลงฉับพลันและยังมีแนวโน้มว่าจะเสื่อมค่าอย่างต่อเนื่องด้วย และนั่นทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐถูกเปลี่ยนมาลงทุนหุ้นในภูมิภาคเอเชีย และทำให้ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง ค่าเงินสกุลหลายประเทศในเอเชียจึงแข็งค่าขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีธนาคารแห่งประเทศไทยใช้นโยบายเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศติดอันดับโลก ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเป็นเป้าหมายในการลงทุนไปด้วย ดัชนีราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นทะยานต่อเนื่อง และค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น หรืออีกนัยหนึ่งคือเงินดอลลาร์ที่กำลังเสื่อมค่าถูกนำมาแปลงสภาพผ่านทุนเคลื่อนย้ายสุทธิเข้าในตลาดหุ้น กองทุน หรือพันธบัตรในเอเชีย ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางของประเทศที่เป็นเป้าหมายในการลงทุนกลับยิ่งมีเงินดอลลาร์ในทุนสำรองระหว่างประเทศมากขึ้นเพิ่มมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้ธนาคารกลางต้องเปลี่ยนเป็นทรัพย์สินทองคำเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ราคาทองคำจึงมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และเมื่อมีแนวโน้มว่าอิสราเอลจะตั้งเป้าโจมตีทำลายแหล่งปิโตรเลียมอิหร่าน ก็ยิ่งทำให้ราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติทั่วโลกราคาเพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ด้วยเพราะธนาคารกลางของหลายประเทศทั่วโลกพยายามจะได้พยายามลดการถือครองพันธบัตร เพื่อหวังจะทำให้การเปลี่ยนสัดส่วนทุนสำรองระหว่างประเทศจากเงินดอลลาร์สหรัฐให้น้อยลง แล้วเปลี่ยนเป็นสกุลเงินอื่นๆ หรือทองคำนั้นให้มากขึ้นนั้น เป็นการคิดพร้อมๆกันของหลายประเทศทั่วโลก จึงทำให้หลายประเทศไม่สามารถจะเปลี่ยนได้ตามใจชอบ อย่างไรก็ตามประเทศใดมีทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีเงินดอลลาร์สหรัฐมากขึ้นเท่าไหร่ ย่อมเท่ากับว่าประเทศนั้นถือครองทรัพย์สินที่อ่อนค่าลงมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งก็ย่อมทำให้สกุลเงินในประเทศที่มีทรัพย์สินเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐด้อยค่าไปด้วยอยู่ดี เมื่อถึงสถานการณ์ที่นโยบายดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางกลายเป็นข้อจำกัด และถูกบีบให้ลดอัตราดอกเบี้ยลง หากสหรัฐอเมริกาจะยังคงสถานภาพเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาต่อไปได้ ก็ต่อเมื่อต้องบีบให้ทุกประเทศทั่วโลกมีความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกาให้มากที่สุด สถานการณ์ใกล้ตีบตันแล้ว จึงเหลือหนทางแค่ 2 ทางเท่านั้น หนทางที่หนึ่ง คือ “ก่อสงคราม” เพื่อทำให้ประเทศที่มีสงครามต้องสั่งซื้อ สั่งผลิต อาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐอเมริกาให้มากขึ้น และเมื่ออาวุธ ยุทโธปกรณ์เหล่านี้ขายในรูปของดอลลาร์สหรัฐ จึงเป็นผลทำให้ประเทศคู่ขัดแย้งมีความต้องการเงินดอลลาร์ศหรัฐมากขึ้น การสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เกิดสงครามยังจะเป็นผลทำให้ราคาปิโตรเลียมทั่วโลกราคาสูงขึ้น และทำให้ดึงความมั่งคั่งของโลกมาซื้อทรัพยากรปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกามากขึ้น ตัวอย่างสมรภูมิที่เกิดขึ้นระหว่างยูเครน กับรัสเซีย ชี้ชัดว่าสหรัฐอเมริการสามารถทำกำไรอย่างมหาศาลทั้งจากธุรกิจอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และธุรกิจน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ รวมถึงการสมรู้ร่วมคิดสนับสนุนอิสราเอลเพื่อก่อสงครามในตะวันออกลาง ก็เพื่อเร่งการซื้ออาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้มากขึ้น อย่างไรก็ตามแสนยานุภาพของมหาอำนาจหลายขั้วอยู่ในระดับที่ไม่แพ้กัน ทำให้การก่อสงครามด้วยสหรัฐอเมริกาเป็นลักษณะของการจำกัดพื้นที่ ”ในประเทศอื่นๆ“ และให้มีความยืดเยื้อ และมีเป้าหมายในการทำลายแหล่งปิโตรเลียมที่ไม่ใช้เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ หนทางที่สอง “ก่อโรคระบาดใหม่” เพื่อทำให้ทุกประเทศต้องก่อหนี้สินมหาศาลในการช่วยเหลือประชาชน หากล้มละลาย และยังเป็นการดูดความมั่งคั่งเหล่านี้ไปซื้อวัคซีน และยารักษาโรคจากสหรัฐอเมริกาและยุโรป หากประเทศเหล่านั้นยากจนเงินไม่เพียงพอ ก็ต้องให้มีการกู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งก็เป็นหนทางในการบีบให้ต้องการเงินดอลลาร์สหรัฐในประเทศนั้นๆอยู่ดี และเป็นที่แน่ชัดว่า เมื่อธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินดอลลาร์สหรัฐ ย่อมเท่ากับยอมรับว่าไม่สามารถใช้อัตราดอกเบี้ยสูงในการรักษาการยอมรับเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกา “แบบสันติวิธี” ได้นานกว่านี้ได้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากข้อมูลของดัชนีเงินดอลลาร์สหรัฐได้พิสูจน์ว่าสถานการณ์ความขัดแย้งในระดับที่ก่อสงคราม หรือการเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลทำให้เกิดการก่อหนี้อันมหาศาลของหลายประเทศนั้น ได้ส่งผลดำให้ดัชนีเงินดอลลาร์สูงขึ้นอย่างชัดเจน และยังคงเป็นยุทธวิธีที่ดำรงสถานภาพของเงินดอลลาร์สหรัฐได้[4] โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง[4] สถานการณ์นี้เป็นตัวนบีบเงื่อนไขในรักษาเงินดอลลาร์ “มีเวลาน้อยลง” เรื่อยๆ ดังนั้นโลกกำลังเข้าสู่ความเสี่ยงในการเร่งทำสงครามจำกัดพื้นที่แต่ยืดเยื้ออย่างชัดเจนขึ้น โดยมีเป้าหมายในการทำลาายแหล่งปิโตรเลียมของประเทศที่ออกจากการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐ แต่หากความเสียหายเกิดขึ้นเกินกว่าที่ประเทศที่ถูกอิสราเอลหรือนาโต้จะรับได้ ทั้งต่อประเทศในตะวันออกกลางคู่ขัดแย้งกับอิสราเอล หรือ การทำสงครามรัสเซียกับยูเครนก็ตาม “ความยืดเยื้อ” ในระหว่างประเทศอาจถูกทำให้ยุติ ได้ด้วยการตอบโต้ที่รุนแรงและเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ซึ่งรวมถึงความเสี่ยงในการทำสงครามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ด้วย ซึ่งเชื่อว่าประเทศมหาอำนาจทั่วโลกพยายามยับยั้งชั่งใจไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปสู่สงครามที่ใช้อาวุธนิวเคลียร์​ เพราะหากถึงจุดนั้น ก็เท่ากับสงครามต้อง “หมดยก” และต้องยุติลงด้วยชัยชนะหรือพ่ายแพ้กันไปข้างหนึ่ง และทำให้สงครามเศรษฐกิจที่เพิ่มความต้องการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐต้องยุติลงฉับพลันเช่นกัน เมื่อสถานการณ์การเร่งสถานการณ์สงครามมีความเสี่ยงที่ทุกฝ่ายต้องยับยั้งชั่งใจในมิติการก่อสงคราม จึงเหลืออีกหนทางหนึ่งคือ “การก่อโรคระบาด” ที่อาจจะเป็นหนทางสุดท้ายที่ทำให้ทั่วโลกต้องมาหาเงินดอลลาร์สหรัฐอเมริกามาซื้อวัคซีนหรือยารักษาโรคที่มีราคาแพงจากสหรัฐอเมริกา ในสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์-เศรษฐกิจเป็นเช่นนี้ ประเทศไทยควรจะมีผู้นำที่มาชี้นำทางความคิดในการเตรียมตัวในการรับมือกับสถานการณสงครามโลก สงครามโรค ในสงครามความโลภทั้งหลาย โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมทางด้าน ”ความมั่นคงทางพลังงาน, ความมั่นคงทางอาหาร และความมั่นคงทางยาสมุนไพรเพื่อการพี่งพาตนเอง“ เอาจริงๆแล้วยังไม่เห็นรัฐบาลเตรียมความพร้อมในเรื่องเหล่านี้เลย ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 4 ตุลาคม 2567 อ้างอิง [1] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Total IMF Credit Outstanding �Movement From September 01, 2024 to October 01 https://www.imf.org/external/np/fin/tad/balmov2.aspx?type=TOTAL [2] INTERNATIONAL MONETARY FUND, Currency Composition of Official Foreign Exchange Reserve (COFER), World allocated Reserves by Currency for 2023 Q2 https://data.imf.org/?sk=e6a5f467-c14b-4aa8-9f6d-5a09ec4e62a4 [3] Peterson G. Foundation, What is the National Debt Today?, https://www.pgpf.org/national-debt-clock?gad_source=1&gbraid=0AAAAABdefgYCJ8Ko6Ivna9fcfHx0Y_lqt&gclid=EAIaIQobChMIhbGExczxiAMVyqpLBR2NuhvEEAAYASAAEgJXjvD_BwE [4] marketwatch, US Dollar Index(DXY) https://www.marketwatch.com/investing/index/dxy
    Like
    Love
    Yay
    85
    7 Comments 5 Shares 1945 Views 1 Reviews
  • 📣📣📣โปรมาแล้วค่ะ***ภารกิจปั้นจอมมาร ***🔔🔔🔔

    📌📌เจียงหมิงเจ๋อถูกระบบปกป้องโลกนิยายดึงเข้ามาช่วยเหลือพระเอกของเขา จากผู้ทะลุมิติ แต่ช่วยไปช่วยมา นิยายแนวฮาเร็มธรรมดาดันกลายเป็นนิยายวายไปเสียแล้ว

    meb
    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNTUxMTE3NiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MjMwNSI7fQ
    รี้ดอะไรต์
    https://www.readawrite.com/a/c481e13982bdf0d680e75dbd1e446b35
    เด็กดี
    https://dekd.co/w/n/2454391

    #นิยายวาย #อีบุ๊ก #นิยายจบแล้ว #เมะลูกหมา #E-Book #readAwrite #meb #เด็กดี😍
    📣📣📣โปรมาแล้วค่ะ***ภารกิจปั้นจอมมาร ***🔔🔔🔔 📌📌เจียงหมิงเจ๋อถูกระบบปกป้องโลกนิยายดึงเข้ามาช่วยเหลือพระเอกของเขา จากผู้ทะลุมิติ แต่ช่วยไปช่วยมา นิยายแนวฮาเร็มธรรมดาดันกลายเป็นนิยายวายไปเสียแล้ว meb https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNTUxMTE3NiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MjMwNSI7fQ รี้ดอะไรต์ https://www.readawrite.com/a/c481e13982bdf0d680e75dbd1e446b35 เด็กดี https://dekd.co/w/n/2454391 #นิยายวาย #อีบุ๊ก #นิยายจบแล้ว #เมะลูกหมา #E-Book #readAwrite #meb #เด็กดี😍
    0 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • 📣📣📣โปรมาแล้วค่ะ***ภารกิจปั้นจอมมาร ***🔔🔔🔔

    📌📌เจียงหมิงเจ๋อถูกระบบปกป้องโลกนิยายดึงเข้ามาช่วยเหลือพระเอกของเขา จากผู้ทะลุมิติ แต่ช่วยไปช่วยมา นิยายแนวฮาเร็มธรรมดาดันกลายเป็นนิยายวายไปเสียแล้ว

    meb
    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNTUxMTE3NiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MjMwNSI7fQ
    รี้ดอะไรต์
    https://www.readawrite.com/a/c481e13982bdf0d680e75dbd1e446b35
    เด็กดี
    https://dekd.co/w/n/2454391

    #นิยายวาย #อีบุ๊ก #นิยายจบแล้ว #เมะลูกหมา #E-Book #readAwrite #meb #เด็กดี
    📣📣📣โปรมาแล้วค่ะ***ภารกิจปั้นจอมมาร ***🔔🔔🔔 📌📌เจียงหมิงเจ๋อถูกระบบปกป้องโลกนิยายดึงเข้ามาช่วยเหลือพระเอกของเขา จากผู้ทะลุมิติ แต่ช่วยไปช่วยมา นิยายแนวฮาเร็มธรรมดาดันกลายเป็นนิยายวายไปเสียแล้ว meb https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNTUxMTE3NiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MjMwNSI7fQ รี้ดอะไรต์ https://www.readawrite.com/a/c481e13982bdf0d680e75dbd1e446b35 เด็กดี https://dekd.co/w/n/2454391 #นิยายวาย #อีบุ๊ก #นิยายจบแล้ว #เมะลูกหมา #E-Book #readAwrite #meb #เด็กดี
    0 Comments 0 Shares 308 Views 38 0 Reviews
  • 🔥🔥สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
    และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
    ปรับปรุงหลักเกณฑ์การรายงานข้อมูล
    ของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และ
    ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ผู้ประกอบธุรกิจ)
    เพื่อให้ ก.ล.ต.มีข้อมูลเชิงลึกในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจ
    และตลาดทุน รวมทั้งการกำหนดมาตรฐานข้อมูล
    เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลในตลาดทุน

    🚩ตามที่ ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อหลักการ
    และหลักเกณฑ์ที่เสนอปรับปรุงเกี่ยวกับการยื่นรายงานทรัพย์สิน
    ของลูกค้าและการทำธุรกรรมของผู้ประกอบธุรกิจ
    โดยปรับปรุงการรายงานให้มีลักษณะเป็นข้อมูลเชิงลึก
    (granular data) เพื่อประโยชน์ในการติดตามกำกับดูแล
    ความเสี่ยงของผู้ประกอบธุรกิจ

    🚩รวมทั้งความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risk) และความเป็น
    ระเบียบเรียบร้อยในตลาดทุน (fair and orderly market)
    เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนและตลาดทุนโดยรวม รวมทั้งจะทำให้
    ผู้ประกอบธุรกิจได้รับข้อมูลภาพรวมสำหรับใช้ประกอบการ
    บริหารความเสี่ยงด้วย

    นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดมาตรฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
    เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล (open data)
    ระหว่างผู้ประกอบธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุน

    🚩ก.ล.ต. จึงออกประกาศหลักเกณฑ์ที่ปรับปรุงแล้ว โดยได้นำ
    ความเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์จากการเปิดรับฟัง
    ความคิดเห็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณา ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้

    (1) ปรับปรุงขอบเขตการยื่นรายงานของผู้ประกอบธุรกิจ
    ให้รวมถึงการนำส่งข้อมูล หรือเอกสาร โดยจำกัดให้ครอบคลุม
    เท่าที่จำเป็น ตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ ก.ล.ต.
    สามารถปฏิบัติภารกิจตามกฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ
    หรือการคุ้มครองผู้ลงทุนได้

    (2) ปรับปรุงแบบรายงานทรัพย์สินลูกค้า และการทำธุรกรรม
    ของผู้ประกอบธุรกิจ โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจรายงานข้อมูล
    รายละเอียดเชิงลึก แยกรายลูกค้าและรายหลักทรัพย์
    และกำหนดให้ยื่นต่อ ก.ล.ต. เป็นรายสัปดาห์

    ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าว* จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567
    เป็นต้นไป

    ที่มา : ก.ล.ต.

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #กลต #thaitimes
    🔥🔥สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ปรับปรุงหลักเกณฑ์การรายงานข้อมูล ของผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และ ผู้ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ผู้ประกอบธุรกิจ) เพื่อให้ ก.ล.ต.มีข้อมูลเชิงลึกในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจ และตลาดทุน รวมทั้งการกำหนดมาตรฐานข้อมูล เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลในตลาดทุน 🚩ตามที่ ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นต่อหลักการ และหลักเกณฑ์ที่เสนอปรับปรุงเกี่ยวกับการยื่นรายงานทรัพย์สิน ของลูกค้าและการทำธุรกรรมของผู้ประกอบธุรกิจ โดยปรับปรุงการรายงานให้มีลักษณะเป็นข้อมูลเชิงลึก (granular data) เพื่อประโยชน์ในการติดตามกำกับดูแล ความเสี่ยงของผู้ประกอบธุรกิจ 🚩รวมทั้งความเสี่ยงเชิงระบบ (systemic risk) และความเป็น ระเบียบเรียบร้อยในตลาดทุน (fair and orderly market) เพื่อคุ้มครองผู้ลงทุนและตลาดทุนโดยรวม รวมทั้งจะทำให้ ผู้ประกอบธุรกิจได้รับข้อมูลภาพรวมสำหรับใช้ประกอบการ บริหารความเสี่ยงด้วย นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดมาตรฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับการแลกเปลี่ยนข้อมูล (open data) ระหว่างผู้ประกอบธุรกิจ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ลงทุน 🚩ก.ล.ต. จึงออกประกาศหลักเกณฑ์ที่ปรับปรุงแล้ว โดยได้นำ ความเห็นและข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์จากการเปิดรับฟัง ความคิดเห็นดังกล่าวมาประกอบการพิจารณา ซึ่งมีสาระสำคัญดังนี้ (1) ปรับปรุงขอบเขตการยื่นรายงานของผู้ประกอบธุรกิจ ให้รวมถึงการนำส่งข้อมูล หรือเอกสาร โดยจำกัดให้ครอบคลุม เท่าที่จำเป็น ตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้ ก.ล.ต. สามารถปฏิบัติภารกิจตามกฎหมายเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือการคุ้มครองผู้ลงทุนได้ (2) ปรับปรุงแบบรายงานทรัพย์สินลูกค้า และการทำธุรกรรม ของผู้ประกอบธุรกิจ โดยให้ผู้ประกอบธุรกิจรายงานข้อมูล รายละเอียดเชิงลึก แยกรายลูกค้าและรายหลักทรัพย์ และกำหนดให้ยื่นต่อ ก.ล.ต. เป็นรายสัปดาห์ ทั้งนี้ ประกาศดังกล่าว* จะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป ที่มา : ก.ล.ต. #หุ้นติดดอย #การลงทุน #กลต #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 442 Views 0 Reviews
  • 20 กันยายน 2567 -Highlight จากงาน BOT Symposium 2024 | หนี้: The Economics of Balancing Today and Tomorrow

    ช่วงหนึ่ง ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติบอกว่า ธปท.ไม่จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยตาม Fed โดยย้ำว่า นโยบายการเงินในประเทศ ยังอิงอยู่กับปัจจัยในประเทศเป็นหลัก

    รายงานจากเพจ Today Biznews เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ’ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตอบกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ลดดอกเบี้ย ว่า Fed ลดดอกเบี้ย 0.50% หรือ 50 เบสิสพอยท์ (bps) สำหรับ Fed ถือว่าไม่น้อย

    แต่ในแง่ผลกระทบ มองว่า ตลาดรับรู้ไปแล้วระดับหนึ่ง ทำให้ผลกระทบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์อ่อนค่า ค่าเงินในภูมิภาคและค่าเงินบาทแข็งค่า สะท้อนไปแล้วระดับหนึ่ง

    ส่วนช่องทางที่กระทบเศรษฐกิจไทย หลักๆ คือ กระทบตลาดเงินและค่าเงิน ในแง่ผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ก็มีบ้าง

    แต่โดยรวมผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่ได้มากมายขนาดนั้น เพราะเราเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งระบบแบงก์เป็นส่วนใหญ่ ช่องที่เห็นที่กระทบเยอะคือค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์

    อีกอย่างที่ซ้ำเติมคือราคาทองคำที่ทำจุดสูงสุดใหม่ (All Time High) ส่วนหนึ่งก็มาจากดอลลาร์อ่อนค่า ซึ่งค่าเงินไทยมีความสัมพันธ์ (Correlation) กับทองค่อนข้างสูง สูงกว่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค

    ส่วนผลในแง่เศรษฐกิจหลัง Fed ลดดอกเบี้ย สะท้อนว่า Fed ให้ความสำคัญกับ Soft Landing หรือให้ความสำคัญกับการดูแลเรื่องเศรษฐกิจ เทียบกับความเป็นห่วงในด้านเงินเฟ้อ

    ซึ่งในแง่เศรษฐกิจ อาจจะทำให้ไทยสบายใจขึ้นได้หน่อยว่า โอกาส Soft Landing ในสหรัฐจะสูงขึ้น แต่ตัวเลขต่างๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น

    ‘นี่ (การลดดอกเบี้ยของ Fed) ก็เหมือนการซื้อประกัน Make Sure ว่าโอกาสเกิด Hard Landing ให้มันน้อยๆ’

    [ นโยบายอิงกับปัจจัยในประเทศ ]

    ส่วนผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเรา ผู้ว่าฯ บอกว่า นโยบายการเงินของไทย เน้นเรื่องภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก (ที่แบงก์ชาติบอกอยู่เสมอ) คือ

    1. เศรษฐกิจ: การเติบโตว่าจะเข้าสู่ศักยภาพหรือไม่
    2. เงินเฟ้อ: เงินเฟ้อของเราจะเข้าสู่กรอบเงินเฟ้อหรือไม่
    3. เสถียรภาพทางด้านการเงิน: ซึ่งช่วงหลังให้ความสำคัญ

    ทั้ง 3 ปัจจัย ไม่ได้เห็นอะไรที่จะทำให้ภาพการประเมินแตกต่างจากที่มองเอาไว้ ทั้งเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ มีแต่เสถียรภาพทางด้านการเงิน เริ่มเห็นความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) เพิ่มสูงขึ้นเยอะ

    แต่ก็ต้องคำนึงถึงภาพรวม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตอนที่ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ของโลกเตรียมปรับเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งจะกระทบภาพรวม และมีนัยต่อประเด็นข้างต้น ทำให้ต้องคำนึงถึง

    ‘การที่เราย้ำว่า เรา Outlook Dependent เป็นการตัดสินใจ หรือกรอบความคิดที่เหมาะสมแล้ว และถูกต้อง เพราะเราเห็นแล้วว่าที่อื่นที่เน้น Data Dependent มันสร้าง noise ต่อตลาดเยอะ’

    ส่วนการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ณ ตอนนี้ยังประชุมตามเดิม (รอบหน้า 16 ต.ค. 2567) ถ้าต้องมีการประชุมเพิ่มเติมพิเศษก็มีได้

    [ ดอกเบี้ยลด หนี้ไม่ลด ]

    เมื่อถามถึงความคาดหวังให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยเพื่อลดหนี้ครัวเรือน ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ อธิบายว่า สำหรับตัวบน (หนี้) มี 2 ส่วน คือ ผลต่อหนี้เก่า ซึ่งถ้าลดดอกเบี้ย จะทำให้ภาระหนี้ที่ต้องจ่ายบนหนี้เก่าลดลง ส่วนหนี้ใหม่ คำถามคือ ถ้าลดดอกเบี้ยแล้วทำให้สินเชื่อโตเร็วขึ้น ตัวหนี้โดยรวมมันก็จะเพิ่มขึ้น

    ซึ่งการดูตรงนี้ต้องชั่งน้ำหนักทั้ง 2 ส่วน แต่ยังไงแบงก์ชาติก็ไม่ได้อยากเห็นตัวเลขหนี้ต่อจีดีพีโตพุ่งสูงต่อเนื่อง เพราะในแง่ของเสถียรภาพมันคงไม่เหมาะ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากจะให้มันลงเร็ว ลงแรง จนเกินไป เพราะจะมีผลต่อเศรษฐกิจ

    ต้องบอกว่า ภาระหนี้เป็นอะไรที่แบงก์ชาติเป็นห่วง เพราะมีสัดส่วนครัวเรือนไม่น้อยที่มีปัญหาหนี้ แต่อยากฝากไว้ว่า การลดดอกเบี้ย ผลที่ส่งต่อภาระหนี้มันก็ไม่ได้เต็มที่

    หนี้ของเราสัดส่วนไม่น้อยไม่ได้เป็นหนี้ Floating แต่เป็น Fixed Rate และ Fixed Installment พวกนี้ภาระหนี้ไม่ได้ลด ในแง่ที่ต้องจ่ายรายเดือน เพราะฉะนั้น จะไปคาดหวังให้ดอกเบี้ยลงปุ๊ปและภาระหนี้ทุกคนลด ก็ไม่ใช่

    ‘เรื่องของ Fed มันไม่ใช่ว่า Fed ลดแล้วเราต้องลด แต่การที่ Fed ลด อย่างที่บอก มันก็กระทบปัจจัยหลายอย่าง กระทบเรื่องของภาพรวมอะไรต่างๆ กระทบตัวแปรต่างๆ ที่เราต้องคำนึงถึงในการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย’

    ผู้ว่าฯ อธิบายอีกว่า เราไม่เหมือนประเทศที่ fix ค่าเงิน เช่น ฮ่องกง หรือตะวันออกกลาง ที่ fix ค่าเงินกับดอลลาร์ เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย เขาก็ต้องลดดอกเบี้ยไปโดยปริยาย แต่ของเราไม่ใช่แบบนั้น

    [ เงินไหลออกน้อยกว่าปีก่อน ]

    ส่วนผลกระทบต่อค่าเงินบาท แน่นอนว่าแบงก์ชาติไม่ได้อยากเห็นค่าเงินที่ผันผวนขนาดนี้ และค่าความผันผวน (Volatility) ของเราก็สูง และการแข็งค่า โดยเฉพาะช่วงหลัง ก็เกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว

    ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) บาทแข็งค่าไป 2.4% แต่ก็ยังมีประเทศที่แข็งค่ามากกว่าเรา เช่น มาเลเซีย ที่ช่วงหลังแข็งค่าค่อนข้างเยอะ

    สำหรับการประเมิน แบงก์ชาติจะดูว่าที่มาของการแข็งค่าคืออะไร 1. ถ้ามาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างหรือเชิงปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งในเคสนี้มาจากเรื่องดอลลาร์อ่อนค่าและ Fed ลดดอกเบี้ย ก็เป็นการปรับตามกลไกตลาด

    แต่สิ่งที่ไม่อยากเห็นคือ 2. การเคลื่อนไหวที่เร็วและไม่ได้มาจากปัจจัยเชิงพื้นฐาน เช่น กระแสเงินที่มาจากการเก็งกำไร (Speculated Flow) หรือเงินร้อน (Hot Money) ซึ่งเข้ามาเก็งกำไรและทำให้ความผันผวนเกิดขึ้น โดยที่ไม่สะท้อนเรื่องของพื้นฐาน อันนี้แบงก์ชาติจะ sensitive กว่า

    ซึ่งภาพรวมของเงินทุนในช่วงหลัง การไหลออกน้อยกว่าปีที่แล้วเยอะ (ตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น) โดยปีก่อน (2566) เงินทุนไหลออก 9,900 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.2 แสนล้านบาท)

    ส่วนปีนี้ (2567) YTD อยู่ที่ 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 7.2 หมื่นล้านบาท) ช่วงหลังเห็นการไหลเข้าค่อนข้างเยอะ จากปัจจัยของโลกและปัจจัยแวดล้อมของเรา เช่น ความชัดเจนด้านการเมือง

    ที่มา https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/news-and-media/speeches/speechgov_20sep2024.pdf
    ชมคลิปได้ที่ https://youtu.be/_z66w8oG260?si=v16T3b9bMjKajLvF

    #Thaitimes
    20 กันยายน 2567 -Highlight จากงาน BOT Symposium 2024 | หนี้: The Economics of Balancing Today and Tomorrow ช่วงหนึ่ง ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติบอกว่า ธปท.ไม่จำเป็นต้องปรับลดดอกเบี้ยตาม Fed โดยย้ำว่า นโยบายการเงินในประเทศ ยังอิงอยู่กับปัจจัยในประเทศเป็นหลัก รายงานจากเพจ Today Biznews เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ’ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ตอบกรณีที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ลดดอกเบี้ย ว่า Fed ลดดอกเบี้ย 0.50% หรือ 50 เบสิสพอยท์ (bps) สำหรับ Fed ถือว่าไม่น้อย แต่ในแง่ผลกระทบ มองว่า ตลาดรับรู้ไปแล้วระดับหนึ่ง ทำให้ผลกระทบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์อ่อนค่า ค่าเงินในภูมิภาคและค่าเงินบาทแข็งค่า สะท้อนไปแล้วระดับหนึ่ง ส่วนช่องทางที่กระทบเศรษฐกิจไทย หลักๆ คือ กระทบตลาดเงินและค่าเงิน ในแง่ผลกระทบต่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) ก็มีบ้าง แต่โดยรวมผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่ได้มากมายขนาดนั้น เพราะเราเป็นเศรษฐกิจที่พึ่งระบบแบงก์เป็นส่วนใหญ่ ช่องที่เห็นที่กระทบเยอะคือค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นมาจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ อีกอย่างที่ซ้ำเติมคือราคาทองคำที่ทำจุดสูงสุดใหม่ (All Time High) ส่วนหนึ่งก็มาจากดอลลาร์อ่อนค่า ซึ่งค่าเงินไทยมีความสัมพันธ์ (Correlation) กับทองค่อนข้างสูง สูงกว่าเงินสกุลอื่นในภูมิภาค ส่วนผลในแง่เศรษฐกิจหลัง Fed ลดดอกเบี้ย สะท้อนว่า Fed ให้ความสำคัญกับ Soft Landing หรือให้ความสำคัญกับการดูแลเรื่องเศรษฐกิจ เทียบกับความเป็นห่วงในด้านเงินเฟ้อ ซึ่งในแง่เศรษฐกิจ อาจจะทำให้ไทยสบายใจขึ้นได้หน่อยว่า โอกาส Soft Landing ในสหรัฐจะสูงขึ้น แต่ตัวเลขต่างๆ ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ‘นี่ (การลดดอกเบี้ยของ Fed) ก็เหมือนการซื้อประกัน Make Sure ว่าโอกาสเกิด Hard Landing ให้มันน้อยๆ’ [ นโยบายอิงกับปัจจัยในประเทศ ] ส่วนผลต่อการดำเนินนโยบายการเงินของประเทศเรา ผู้ว่าฯ บอกว่า นโยบายการเงินของไทย เน้นเรื่องภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก (ที่แบงก์ชาติบอกอยู่เสมอ) คือ 1. เศรษฐกิจ: การเติบโตว่าจะเข้าสู่ศักยภาพหรือไม่ 2. เงินเฟ้อ: เงินเฟ้อของเราจะเข้าสู่กรอบเงินเฟ้อหรือไม่ 3. เสถียรภาพทางด้านการเงิน: ซึ่งช่วงหลังให้ความสำคัญ ทั้ง 3 ปัจจัย ไม่ได้เห็นอะไรที่จะทำให้ภาพการประเมินแตกต่างจากที่มองเอาไว้ ทั้งเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ มีแต่เสถียรภาพทางด้านการเงิน เริ่มเห็นความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) เพิ่มสูงขึ้นเยอะ แต่ก็ต้องคำนึงถึงภาพรวม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตอนที่ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ของโลกเตรียมปรับเปลี่ยนนโยบาย ซึ่งจะกระทบภาพรวม และมีนัยต่อประเด็นข้างต้น ทำให้ต้องคำนึงถึง ‘การที่เราย้ำว่า เรา Outlook Dependent เป็นการตัดสินใจ หรือกรอบความคิดที่เหมาะสมแล้ว และถูกต้อง เพราะเราเห็นแล้วว่าที่อื่นที่เน้น Data Dependent มันสร้าง noise ต่อตลาดเยอะ’ ส่วนการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ณ ตอนนี้ยังประชุมตามเดิม (รอบหน้า 16 ต.ค. 2567) ถ้าต้องมีการประชุมเพิ่มเติมพิเศษก็มีได้ [ ดอกเบี้ยลด หนี้ไม่ลด ] เมื่อถามถึงความคาดหวังให้แบงก์ชาติลดดอกเบี้ยเพื่อลดหนี้ครัวเรือน ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ อธิบายว่า สำหรับตัวบน (หนี้) มี 2 ส่วน คือ ผลต่อหนี้เก่า ซึ่งถ้าลดดอกเบี้ย จะทำให้ภาระหนี้ที่ต้องจ่ายบนหนี้เก่าลดลง ส่วนหนี้ใหม่ คำถามคือ ถ้าลดดอกเบี้ยแล้วทำให้สินเชื่อโตเร็วขึ้น ตัวหนี้โดยรวมมันก็จะเพิ่มขึ้น ซึ่งการดูตรงนี้ต้องชั่งน้ำหนักทั้ง 2 ส่วน แต่ยังไงแบงก์ชาติก็ไม่ได้อยากเห็นตัวเลขหนี้ต่อจีดีพีโตพุ่งสูงต่อเนื่อง เพราะในแง่ของเสถียรภาพมันคงไม่เหมาะ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากจะให้มันลงเร็ว ลงแรง จนเกินไป เพราะจะมีผลต่อเศรษฐกิจ ต้องบอกว่า ภาระหนี้เป็นอะไรที่แบงก์ชาติเป็นห่วง เพราะมีสัดส่วนครัวเรือนไม่น้อยที่มีปัญหาหนี้ แต่อยากฝากไว้ว่า การลดดอกเบี้ย ผลที่ส่งต่อภาระหนี้มันก็ไม่ได้เต็มที่ หนี้ของเราสัดส่วนไม่น้อยไม่ได้เป็นหนี้ Floating แต่เป็น Fixed Rate และ Fixed Installment พวกนี้ภาระหนี้ไม่ได้ลด ในแง่ที่ต้องจ่ายรายเดือน เพราะฉะนั้น จะไปคาดหวังให้ดอกเบี้ยลงปุ๊ปและภาระหนี้ทุกคนลด ก็ไม่ใช่ ‘เรื่องของ Fed มันไม่ใช่ว่า Fed ลดแล้วเราต้องลด แต่การที่ Fed ลด อย่างที่บอก มันก็กระทบปัจจัยหลายอย่าง กระทบเรื่องของภาพรวมอะไรต่างๆ กระทบตัวแปรต่างๆ ที่เราต้องคำนึงถึงในการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ย’ ผู้ว่าฯ อธิบายอีกว่า เราไม่เหมือนประเทศที่ fix ค่าเงิน เช่น ฮ่องกง หรือตะวันออกกลาง ที่ fix ค่าเงินกับดอลลาร์ เมื่อ Fed ลดดอกเบี้ย เขาก็ต้องลดดอกเบี้ยไปโดยปริยาย แต่ของเราไม่ใช่แบบนั้น [ เงินไหลออกน้อยกว่าปีก่อน ] ส่วนผลกระทบต่อค่าเงินบาท แน่นอนว่าแบงก์ชาติไม่ได้อยากเห็นค่าเงินที่ผันผวนขนาดนี้ และค่าความผันผวน (Volatility) ของเราก็สูง และการแข็งค่า โดยเฉพาะช่วงหลัง ก็เกิดขึ้นค่อนข้างเร็ว ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) บาทแข็งค่าไป 2.4% แต่ก็ยังมีประเทศที่แข็งค่ามากกว่าเรา เช่น มาเลเซีย ที่ช่วงหลังแข็งค่าค่อนข้างเยอะ สำหรับการประเมิน แบงก์ชาติจะดูว่าที่มาของการแข็งค่าคืออะไร 1. ถ้ามาจากปัจจัยเชิงโครงสร้างหรือเชิงปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งในเคสนี้มาจากเรื่องดอลลาร์อ่อนค่าและ Fed ลดดอกเบี้ย ก็เป็นการปรับตามกลไกตลาด แต่สิ่งที่ไม่อยากเห็นคือ 2. การเคลื่อนไหวที่เร็วและไม่ได้มาจากปัจจัยเชิงพื้นฐาน เช่น กระแสเงินที่มาจากการเก็งกำไร (Speculated Flow) หรือเงินร้อน (Hot Money) ซึ่งเข้ามาเก็งกำไรและทำให้ความผันผวนเกิดขึ้น โดยที่ไม่สะท้อนเรื่องของพื้นฐาน อันนี้แบงก์ชาติจะ sensitive กว่า ซึ่งภาพรวมของเงินทุนในช่วงหลัง การไหลออกน้อยกว่าปีที่แล้วเยอะ (ตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น) โดยปีก่อน (2566) เงินทุนไหลออก 9,900 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 3.2 แสนล้านบาท) ส่วนปีนี้ (2567) YTD อยู่ที่ 2,200 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 7.2 หมื่นล้านบาท) ช่วงหลังเห็นการไหลเข้าค่อนข้างเยอะ จากปัจจัยของโลกและปัจจัยแวดล้อมของเรา เช่น ความชัดเจนด้านการเมือง ที่มา https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/news-and-media/speeches/speechgov_20sep2024.pdf ชมคลิปได้ที่ https://youtu.be/_z66w8oG260?si=v16T3b9bMjKajLvF #Thaitimes
    Like
    Yay
    9
    0 Comments 1 Shares 1984 Views 0 Reviews
  • ระวังเทคโนโลยีตะวันตกให้ดี:

    ปลายเดือนกรกฎาคม นายอิสมาอิล ฮันนิเยห์ หัวหน้ากลุ่มฮามาสถูกสังหารเพราะไปเล่น Whatsapp ซึ่งเป็น App ของยิวไซออนิสต์

    ต่อมา เราก็ได้ข่าวว่ามอสสาดไปสืบพฤติกรรมการใช้ชีวิตในเลบานอน จนได้พบว่าชาวเลบานอนนิยมใช้เพจเจอร์ที่ผลิตในไต้หวันซึ่งจ้างบริษัทในฮังการี่ชื่อ BAC Consulting KFT ผลิตเพจเจอร์ให้ จึงขออนุญาตบริษัทนี้ฝังอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดระเบิดไว้ที่เพจเจอร์เพื่อสังหารชาวเลบานอนที่ใช้

    มอสสาดซึ่งเป็นหน่วยสืบราชการลับของกลุ่มยิวไซออนิสต์ที่วางแผนจัดระเบียบโลกพยายามรวบรวมจุดอ่อนของทุกประเทศเป็น big data เอาไว้ เพื่อการปฏิบัติการในอนาคต

    ปัจจุบันนี้ กำลังหันมาเล่นเก็บข้อมูลกับแอป AI กับบริษัทดังๆ ต่างๆ เพราะคนนิยมเล่น ระวังให้ดีครับ หน่วยความมั่นคงของไทยยังอ่อนหัดมาก ตามไม่ทันหรอกครับ ต้องเลือกอ่านข่าวและระวังกันเอง

    เมื่อก่อน ผมเคยใช้ไอโฟน แต่พอนึกถึงข่าว 9/11 และรู้เรื่องการเมืองระหว่างประเทศมากขึ้น ผมเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น คนละค่าย เพราะเครื่องโทรศัพท์จากชาตินักล่าอาณานิคมทั้งหลายเก็บรายละเอียดข้อมูลผู้ใช้ด้วย ต้องระมัดระวังกันให้ดี

    ผมไม่ฉีดวัคซีนเพราะผมรู้ว่าตะวันตกมีแผนใช้อาวุธชีวภาพ รวมทั้งวัคซีนด้วยนี่แหละ แต่จะเขียนให้คนทั่วไปอ่าน ความรู้ระหว่างคนที่รู้กับคนที่ไม่ค่อยสนใจเรียนรู้ห่างกันมาก เขียนยังไงก็คงไม่เชื่อ เพราะถูกล้างสมองมาเยอะ ผมจึงแนะนำให้แก่เฉพาะคนที่เป็นระดับบัวสามเหล่าแรกที่มาติดตามอ่านเท่านั้นซึ่งมีน้อยมากในสังคมไทย ใครตกเป็นเหยื่อแล้วตายหรือเป็นอัมพาตก็ถือเป็นกรรมของใครของมันไป

    เหมือนๆ กับอาหารจำพวก fast food นั่นแหละครับ ผมเคยเตือนเอาไว้ว่าผสมด้วยสาร GMOs ที่สามารถทำให้อายุสั้นลงหรือระบบเจริญพันธุ์แย่ลงได้ ใครจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ตามใจครับ


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    ระวังเทคโนโลยีตะวันตกให้ดี: ปลายเดือนกรกฎาคม นายอิสมาอิล ฮันนิเยห์ หัวหน้ากลุ่มฮามาสถูกสังหารเพราะไปเล่น Whatsapp ซึ่งเป็น App ของยิวไซออนิสต์ ต่อมา เราก็ได้ข่าวว่ามอสสาดไปสืบพฤติกรรมการใช้ชีวิตในเลบานอน จนได้พบว่าชาวเลบานอนนิยมใช้เพจเจอร์ที่ผลิตในไต้หวันซึ่งจ้างบริษัทในฮังการี่ชื่อ BAC Consulting KFT ผลิตเพจเจอร์ให้ จึงขออนุญาตบริษัทนี้ฝังอุปกรณ์ที่ทำให้เกิดระเบิดไว้ที่เพจเจอร์เพื่อสังหารชาวเลบานอนที่ใช้ มอสสาดซึ่งเป็นหน่วยสืบราชการลับของกลุ่มยิวไซออนิสต์ที่วางแผนจัดระเบียบโลกพยายามรวบรวมจุดอ่อนของทุกประเทศเป็น big data เอาไว้ เพื่อการปฏิบัติการในอนาคต ปัจจุบันนี้ กำลังหันมาเล่นเก็บข้อมูลกับแอป AI กับบริษัทดังๆ ต่างๆ เพราะคนนิยมเล่น ระวังให้ดีครับ หน่วยความมั่นคงของไทยยังอ่อนหัดมาก ตามไม่ทันหรอกครับ ต้องเลือกอ่านข่าวและระวังกันเอง เมื่อก่อน ผมเคยใช้ไอโฟน แต่พอนึกถึงข่าว 9/11 และรู้เรื่องการเมืองระหว่างประเทศมากขึ้น ผมเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น คนละค่าย เพราะเครื่องโทรศัพท์จากชาตินักล่าอาณานิคมทั้งหลายเก็บรายละเอียดข้อมูลผู้ใช้ด้วย ต้องระมัดระวังกันให้ดี ผมไม่ฉีดวัคซีนเพราะผมรู้ว่าตะวันตกมีแผนใช้อาวุธชีวภาพ รวมทั้งวัคซีนด้วยนี่แหละ แต่จะเขียนให้คนทั่วไปอ่าน ความรู้ระหว่างคนที่รู้กับคนที่ไม่ค่อยสนใจเรียนรู้ห่างกันมาก เขียนยังไงก็คงไม่เชื่อ เพราะถูกล้างสมองมาเยอะ ผมจึงแนะนำให้แก่เฉพาะคนที่เป็นระดับบัวสามเหล่าแรกที่มาติดตามอ่านเท่านั้นซึ่งมีน้อยมากในสังคมไทย ใครตกเป็นเหยื่อแล้วตายหรือเป็นอัมพาตก็ถือเป็นกรรมของใครของมันไป เหมือนๆ กับอาหารจำพวก fast food นั่นแหละครับ ผมเคยเตือนเอาไว้ว่าผสมด้วยสาร GMOs ที่สามารถทำให้อายุสั้นลงหรือระบบเจริญพันธุ์แย่ลงได้ ใครจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ตามใจครับ ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    Like
    Sad
    2
    0 Comments 0 Shares 550 Views 0 Reviews
  • การฝึกซ้อมร่วมของรัสเซีย-จีน Pacific Patrol -๒๐๒๔ ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย และจะกลายเป็นกิจกรรมประจำปี

    การฝึกซ้อมร่วม Pacific Patrol-๒๐๒๔ โดยเรือรัสเซียและจีนในอ่าวปีเตอร์มหาราชในภูมิภาคปรีมอร์สกีของรัสเซีย เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน

    ในระหว่างการฝึกซ้อม, เจ้าหน้าที่รักษาชายฝั่งของรัสเซียและจีนได้ฝึกซ้อมร่วมกันในการค้นหาและกักขังเรือที่ละเมิดกฎจากทะเลและอากาศ

    ผู้เข้าร่วมยังได้ยิงปืนใหญ่ร่วมกันและทดสอบความพร้อมของลูกเรือในการปฏิบัติการกู้ภัยสำหรับเรือที่ประสบภัย

    ความสำเร็จของการฝึกซ้อมทำให้ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจจัดการฝึกซ้อมดังกล่าวเป็นประจำทุกปี, ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนและความเข้มข้น

    "ปีหนึ่ง [หน่วยรักษาชายฝั่งของจีน] มาหาเรา [รัสเซีย], ปีหน้า เราจะไปที่ท่าเรือแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีนตามคำเชิญของพวกเขา และพบปะเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของเราที่นั่น, พลเรือเอกโรมัน โทล็อก หัวหน้าแผนกหน่วยรักษาชายฝั่งของหน่วยงานป้องกันชายแดนของรัสเซียกล่าว การฝึกซ้อมเป็นอย่างไรบ้าง?

    🔸หน่วยยามชายฝั่งของจีนได้รับข้อมูลว่าเรือที่ชักธงประเทศโอเชียเนียได้เข้าสู่ทะเลญี่ปุ่นผ่านช่องแคบเกาหลีและกำลังเข้าใกล้เมืองวลาดิวอสต็อก;

    🔸ตามข้อมูลปฏิบัติการจำลอง, ลูกเรือเคยลักลอบขนอาวุธ, กระสุน และอุปกรณ์ทางการทหารมาก่อน นอกจากนี้ยังมี “หลักฐาน” ว่าเรือลำดังกล่าวเป็นเรือที่ไม่มีคนโดยสาร;

    🔸รัสเซียและจีนตัดสินใจร่วมกันค้นหาเรือลำดังกล่าวโดยเครื่องบินและเรือ

    🔸จากนั้นเรือหน่วยยามชายฝั่งของรัสเซีย ๓ ลำ และของจีน ๒ ลำ ได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการเพื่อหยุดยั้ง “อาชญากร” จากโอเชียเนีย
    .
    Russian-Chinese Pacific Patrol-2024 drills beat expectations and will become annual event

    The active phase of the Pacific Patrol-2024 joint drills by Russian and Chinese ships in the Peter the Great Gulf in Russia’s Primorsky region started on September 18.

    During the exercises, Russian and Chinese coast guards practiced joint the search and detention of a rogue vessel from sea and air.

    The participants also performed joint artillery firing and tested their crew’ readiness to carry out rescue operations for vessels in distress.

    The drills’ success prompted both sides to decide to hold such exercises on an annual basis, increasing their complexity and intensity.

    “One year they [Chinese coast guard] come to us [Russia], next year we go to one of the ports of the People's Republic of China at their invitation and meet our friends and colleagues there,” said Admiral Roman Tolok, head of the Coast Guard Department of Russia’s Border Guard Service. How did the drills go?

    🔸China’s coast guard received information that a vessel under a made-up country of Oceania flag had entered the Sea of Japan through the Korean Strait and was approaching Vladivostok;

    🔸According to mock operational data, its crew members had been previously involved in smuggling weapons, ammunition and military equipment. There was also “evidence” that the vessel had uncrewed boats;

    🔸Russia and China decided to conduct a joint air and ship search for the vessel suspected of illicit activity;

    🔸Three Russian and two Chinese coast guard ships then formed an operational team to stop the “criminals” from Oceania.
    .
    3:29 AM · Sep 19, 2024 · 1,995 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1836502794850775462
    การฝึกซ้อมร่วมของรัสเซีย-จีน Pacific Patrol -๒๐๒๔ ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย และจะกลายเป็นกิจกรรมประจำปี การฝึกซ้อมร่วม Pacific Patrol-๒๐๒๔ โดยเรือรัสเซียและจีนในอ่าวปีเตอร์มหาราชในภูมิภาคปรีมอร์สกีของรัสเซีย เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ในระหว่างการฝึกซ้อม, เจ้าหน้าที่รักษาชายฝั่งของรัสเซียและจีนได้ฝึกซ้อมร่วมกันในการค้นหาและกักขังเรือที่ละเมิดกฎจากทะเลและอากาศ ผู้เข้าร่วมยังได้ยิงปืนใหญ่ร่วมกันและทดสอบความพร้อมของลูกเรือในการปฏิบัติการกู้ภัยสำหรับเรือที่ประสบภัย ความสำเร็จของการฝึกซ้อมทำให้ทั้งสองฝ่ายตัดสินใจจัดการฝึกซ้อมดังกล่าวเป็นประจำทุกปี, ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนและความเข้มข้น "ปีหนึ่ง [หน่วยรักษาชายฝั่งของจีน] มาหาเรา [รัสเซีย], ปีหน้า เราจะไปที่ท่าเรือแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีนตามคำเชิญของพวกเขา และพบปะเพื่อนและเพื่อนร่วมงานของเราที่นั่น, พลเรือเอกโรมัน โทล็อก หัวหน้าแผนกหน่วยรักษาชายฝั่งของหน่วยงานป้องกันชายแดนของรัสเซียกล่าว การฝึกซ้อมเป็นอย่างไรบ้าง? 🔸หน่วยยามชายฝั่งของจีนได้รับข้อมูลว่าเรือที่ชักธงประเทศโอเชียเนียได้เข้าสู่ทะเลญี่ปุ่นผ่านช่องแคบเกาหลีและกำลังเข้าใกล้เมืองวลาดิวอสต็อก; 🔸ตามข้อมูลปฏิบัติการจำลอง, ลูกเรือเคยลักลอบขนอาวุธ, กระสุน และอุปกรณ์ทางการทหารมาก่อน นอกจากนี้ยังมี “หลักฐาน” ว่าเรือลำดังกล่าวเป็นเรือที่ไม่มีคนโดยสาร; 🔸รัสเซียและจีนตัดสินใจร่วมกันค้นหาเรือลำดังกล่าวโดยเครื่องบินและเรือ 🔸จากนั้นเรือหน่วยยามชายฝั่งของรัสเซีย ๓ ลำ และของจีน ๒ ลำ ได้จัดตั้งทีมปฏิบัติการเพื่อหยุดยั้ง “อาชญากร” จากโอเชียเนีย . Russian-Chinese Pacific Patrol-2024 drills beat expectations and will become annual event The active phase of the Pacific Patrol-2024 joint drills by Russian and Chinese ships in the Peter the Great Gulf in Russia’s Primorsky region started on September 18. During the exercises, Russian and Chinese coast guards practiced joint the search and detention of a rogue vessel from sea and air. The participants also performed joint artillery firing and tested their crew’ readiness to carry out rescue operations for vessels in distress. The drills’ success prompted both sides to decide to hold such exercises on an annual basis, increasing their complexity and intensity. “One year they [Chinese coast guard] come to us [Russia], next year we go to one of the ports of the People's Republic of China at their invitation and meet our friends and colleagues there,” said Admiral Roman Tolok, head of the Coast Guard Department of Russia’s Border Guard Service. How did the drills go? 🔸China’s coast guard received information that a vessel under a made-up country of Oceania flag had entered the Sea of Japan through the Korean Strait and was approaching Vladivostok; 🔸According to mock operational data, its crew members had been previously involved in smuggling weapons, ammunition and military equipment. There was also “evidence” that the vessel had uncrewed boats; 🔸Russia and China decided to conduct a joint air and ship search for the vessel suspected of illicit activity; 🔸Three Russian and two Chinese coast guard ships then formed an operational team to stop the “criminals” from Oceania. . 3:29 AM · Sep 19, 2024 · 1,995 Views https://x.com/SputnikInt/status/1836502794850775462
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 540 Views 77 0 Reviews
  • แนะนำนิยายน่าอ่าน***ภารกิจปั้นจอมมาร ***
    #นิยายวาย #อีบุ๊ก #นิยายจบแล้ว #เมะลูกหมา #E-Book #readAwrite #meb #เด็กดี

    meb
    https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNTUxMTE3NiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MjMwNSI7fQ
    รี้ดอะไรต์
    https://www.readawrite.com/a/c481e13982bdf0d680e75dbd1e446b35
    เด็กดี
    https://dekd.co/w/n/2454391
    เมื่อโลกนิยายของ เจียงหมิงเจ๋อกำลังถูกแทรกแซง โดยผู้ทะลุมิติ เขาในฐานะผู้แต่ง จึงต้องเข้ามาทำภารกิจ คืนชีพพระเอกอย่างเร่งด่วน ภายใน 49 วัน ก่อนที่โลกนิยายจะล่มสลาย
    "บัดซบ!! มันผู้ใดมันกล้า แตะต้องคนของเขา!!"
    ------------------------
    ร่วมเป็นกำลังใจ ในปฏิบัติการสู้ตายเพื่อผู้กันเลยจ้า
    แนะนำนิยายน่าอ่าน***ภารกิจปั้นจอมมาร *** #นิยายวาย #อีบุ๊ก #นิยายจบแล้ว #เมะลูกหมา #E-Book #readAwrite #meb #เด็กดี meb https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiNTUxMTE3NiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjI4MjMwNSI7fQ รี้ดอะไรต์ https://www.readawrite.com/a/c481e13982bdf0d680e75dbd1e446b35 เด็กดี https://dekd.co/w/n/2454391 เมื่อโลกนิยายของ เจียงหมิงเจ๋อกำลังถูกแทรกแซง โดยผู้ทะลุมิติ เขาในฐานะผู้แต่ง จึงต้องเข้ามาทำภารกิจ คืนชีพพระเอกอย่างเร่งด่วน ภายใน 49 วัน ก่อนที่โลกนิยายจะล่มสลาย "บัดซบ!! มันผู้ใดมันกล้า แตะต้องคนของเขา!!" ------------------------ ร่วมเป็นกำลังใจ ในปฏิบัติการสู้ตายเพื่อผู้กันเลยจ้า
    Love
    1
    1 Comments 0 Shares 316 Views 0 Reviews
More Results