• 🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷

    #รวมข่าวIT #20251202 #TechRadar

    กลยุทธ์ AI ที่ทรงพลังยังคงเริ่มต้นและจบลงที่ “คน”
    เรื่องราวนี้เล่าถึงความจริงที่ว่าแม้ AI จะเข้ามาช่วยทำงานซับซ้อนและสร้างประสิทธิภาพ แต่หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงยังคงอยู่ที่มนุษย์ ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่า AI เป็นตัวเร่ง แต่ไม่ใช่ผู้เล่นหลักที่จะเปลี่ยนธุรกิจได้เอง หากไม่มีความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจ และการนำทีมของคนจริง ๆ องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่ลงทุนในศักยภาพมนุษย์ และใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทน การแข่งขันหาคนเก่งด้าน AI กำลังดุเดือด และนั่นสะท้อนว่าคนยังคงเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่แท้จริง
    https://www.techradar.com/pro/why-the-most-impactful-ai-strategies-still-start-and-end-with-people

    สร้างออฟฟิศโทนขาวมินิมอลด้วยไอเท็ม Cyber Monday
    บทความนี้เล่าถึงการจัดออฟฟิศบ้านให้เป็นโทนขาวมินิมอลที่ช่วยสร้างบรรยากาศสงบและเพิ่มสมาธิ ผู้เขียนซึ่งทำงานจากบ้านมานานกว่า 10 ปี ได้คัดสรรไอเท็มตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงของตกแต่งเล็ก ๆ อย่างเทียนหอมและต้นไม้เล็ก ๆ ที่ช่วยเติมบรรยากาศให้สดชื่น ที่น่าสนใจคือหลายชิ้นกำลังลดราคาพิเศษในช่วง Cyber Monday ทำให้การเปลี่ยนโฉมออฟฟิศไม่ใช่เรื่องแพงอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/pro/website-building/19-carefully-curated-items-for-a-white-minimalist-home-office

    นักวิจัยพบความลับกว่า 17,000 รายการใน GitLab สาธารณะ
    นี่คือการค้นพบที่สะเทือนวงการนักพัฒนา เมื่อ Luke Marshall นักวิจัยด้านความปลอดภัยสแกน GitLab Cloud และพบว่ามีข้อมูลลับกว่า 17,000 รายการถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น API keys, รหัสผ่าน หรือ token ที่สามารถนำไปใช้โจมตีได้ เขาใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมงและงบประมาณไม่ถึง 800 ดอลลาร์ในการสแกน แต่กลับพบข้อมูลที่อาจทำให้ระบบองค์กรเสี่ยงต่อการถูกเจาะลึก ผลงานนี้ยังทำให้เขาได้รับเงินรางวัลกว่า 9,000 ดอลลาร์จากการแจ้งเตือนผู้พัฒนา แม้หลายคนจะรีบแก้ไข แต่ก็ยังมีบางโปรเจกต์ที่ยังเปิดเผยอยู่จนถึงตอนนี้
    https://www.techradar.com/pro/security/security-researcher-uncovers-17-000-secrets-in-public-gitlab-repositories

    OnePlus 15R เผยสเปกแรง จอ 165Hz พร้อม Snapdragon 8 Gen 5
    OnePlus กำลังจะเปิดตัว 15R ในวันที่ 17 ธันวาคม แต่ก่อนถึงวันนั้นก็มีการเปิดเผยสเปกสำคัญออกมาแล้ว รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอ AMOLED รีเฟรชเรตสูงถึง 165Hz ซึ่งเหนือกว่าหลายรุ่นเรือธงในตลาด ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 ที่แม้จะไม่ใช่รุ่น Elite แต่ก็ยังทรงพลัง พร้อมระบบกล้องที่ใช้ซอฟต์แวร์ Detailmax Engine ทำให้ภาพถ่ายคมชัดและมีโหมดพิเศษอย่าง Ultra Clear และ Clear Night จุดเด่นอีกอย่างคือการตอบสนองสัมผัสที่เร็วขึ้นด้วยชิปเฉพาะด้านการสัมผัส ถือเป็นการอัปเกรดที่น่าสนใจสำหรับสายเกมและคนที่ชอบมือถือแรง ๆ
    https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/oneplus-15r-screen-chipset-and-camera-specs-confirmed

    Windows 11 แก้ปัญหา File Explorer ช้า แต่ยังสะท้อนปัญหาใหญ่ของระบบ
    Microsoft ได้ออกแพตช์แก้ไข File Explorer ที่เปิดโฟลเดอร์ช้า โดยใช้วิธี “preload” ให้ระบบโหลดตัวโปรแกรมไว้ตั้งแต่เริ่มบูตเครื่อง ผลคือการเปิดโฟลเดอร์เร็วขึ้นเกือบหนึ่งวินาที แต่ก็ต้องแลกกับการใช้ RAM เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้หลายคนจะบอกว่าการแก้ไขนี้ช่วยได้ แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบ “ชั่วคราว” เพราะจริง ๆ แล้ว Windows 11 ยังมีปัญหาด้านประสิทธิภาพโดยรวม การแก้ด้วยการโหลดล่วงหน้าอาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืน และสะท้อนว่าระบบยังขาดการวางแผนที่ชัดเจนในการปรับปรุงประสิทธิภาพ
    https://www.techradar.com/computing/windows/complaints-about-windows-11s-fix-for-file-explorer-sluggishness-are-overblown-but-they-underline-a-fundamental-problem-with-the-os

    Apple Watch Series 10 บางรุ่นได้เปลี่ยนเครื่องฟรีเพราะปัญหาสีหลุด
    มีรายงานว่าผู้ใช้ Apple Watch Series 10 บางคนพบปัญหาสีเคลือบตัวเรือนหลุดลอกออกมา ซึ่งถือเป็นข้อบกพร่องด้านการผลิตที่ไม่ควรเกิดขึ้น ล่าสุด Apple จึงตัดสินใจให้ผู้ใช้บางรายได้รับการเปลี่ยนเครื่องใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แม้จะไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าพวกเขาได้รับสิทธิ์นี้แล้ว เรื่องนี้สะท้อนถึงมาตรฐานการควบคุมคุณภาพที่ Apple ต้องรักษาไว้ และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในระยะยาว
    https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/some-apple-watch-series-10-owners-are-reportedly-getting-free-replacements-due-to-a-paint-flaw

    AWS เสริมพลังให้ AI Agents ฉลาดและเป็นมนุษย์มากขึ้น
    AWS เปิดตัวการอัปเกรดใหม่ในงาน re:Invent 2025 สำหรับ Amazon Connect ที่จะทำให้ AI agents สามารถเข้าใจ วิเคราะห์ และตอบสนองได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น ทั้งในด้านน้ำเสียง จังหวะ และการสื่อสารหลายภาษา จุดมุ่งหมายคือการสร้าง “การทำงานร่วมกันจริง” ระหว่างคนกับ AI โดยให้ AI จัดการงานเบื้องหลัง เช่น วิเคราะห์บริบท สนับสนุนการตัดสินใจ และทำงานซ้ำ ๆ เพื่อให้มนุษย์มีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การพัฒนาใหม่นี้ยังมาพร้อมระบบตรวจสอบการทำงานของ AI ที่โปร่งใส ทำให้ผู้ใช้เห็นชัดว่า AI เข้าใจอะไร ใช้เครื่องมือไหน และตัดสินใจอย่างไร
    https://www.techradar.com/pro/aws-wants-to-make-your-ai-agents-more-intelligent-and-more-human

    AWS แก้ปัญหา Multicloud เชื่อมต่อกับ Google Cloud ได้ง่ายขึ้น
    การใช้หลายระบบคลาวด์พร้อมกันมักสร้างความยุ่งยาก โดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมต่อ AWS จึงเปิดตัวบริการใหม่ชื่อ AWS Interconnect - multicloud ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อกับ Google Cloud เป็นไปอย่างราบรื่นและมีมาตรฐานเดียวกัน ลูกค้าสามารถสร้างการเชื่อมต่อแบบส่วนตัวที่มีแบนด์วิดท์สูงได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องจัดการอุปกรณ์หรือระบบซับซ้อนเอง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้การทำงานแบบ multicloud มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น
    https://www.techradar.com/pro/aws-thinks-it-has-the-answer-to-your-multi-cloud-interoperability-issues

    James Cameron ไม่เอาด้วยกับนักแสดง AI
    ผู้กำกับชื่อดัง James Cameron ออกมาแสดงความกังวลต่อการเกิดขึ้นของนักแสดงที่สร้างด้วย AI อย่าง Tilly Norwood เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “น่าขนลุก” เพราะมันแทนที่การแสดงจริงของมนุษย์ และทำให้ศิลปะการแสดงสูญเสียแก่นแท้ Cameron ย้ำว่าการใช้ CGI หรือ motion capture ยังมีมนุษย์เป็นแกนกลาง แต่การสร้างนักแสดงจากข้อความเพียงอย่างเดียวคือการลบตัวตนของมนุษย์ออกไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกเชื่อมโยงกับการแสดงอีกต่อไป
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/ai-actors-horrify-james-cameron-and-he-wants-no-part-of-it

    IDE ใหม่จาก Google เจอปัญหาความปลอดภัยทันที
    Google เปิดตัว Antigravity IDE ที่ออกแบบมาให้ AI agents ทำงานอัตโนมัติ แต่กลับถูกนักวิจัยพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอย่างร้ายแรง เช่น การโจมตีแบบ prompt injection ที่ทำให้รันคำสั่งโดยไม่ได้ตั้งใจ และการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญอย่าง credentials ผ่าน Markdown หรือคำสั่งที่ซ่อนอยู่ แม้จะมีระบบป้องกัน แต่ยังมีช่องว่างที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถดึงข้อมูลออกไปได้อย่างรวดเร็ว ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงเมื่อให้ AI มีอิสระมากเกินไปโดยไม่มีโครงสร้างป้องกันที่แข็งแรง
    https://www.techradar.com/pro/googles-ai-powered-antigravity-ide-already-has-some-worrying-security-issues

    UX แบบเรียบง่ายคือกุญแจสู่ยอดขายช่วงพีค
    ในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ หลายร้านมักใส่ป้ายลดราคา ป๊อปอัพ และฟีเจอร์มากมายเพื่อดึงลูกค้า แต่ผลลัพธ์กลับทำให้ผู้ใช้สับสนและละทิ้งการซื้อ งานวิจัยชี้ว่าการออกแบบ UX ที่เรียบง่ายและชัดเจนช่วยเพิ่มอัตราการซื้อสำเร็จได้ถึง 35% เพราะลูกค้าต้องการประสบการณ์ที่เร็วและไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะบนมือถือที่การใช้งานต้องลื่นไหล Minimal UX จึงไม่ใช่การทำให้น้อย แต่คือการตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อสร้างเส้นทางการซื้อที่สั้นและน่าเชื่อถือมากที่สุด
    https://www.techradar.com/pro/why-a-minimal-ux-philosophy-outperforms-during-peak-season

    ระวัง! แจ้งเตือนปฏิทินอาจแฝงมัลแวร์
    มีการค้นพบว่าการแจ้งเตือนจากปฏิทิน เช่นการนัดหมายหรือ reminder อาจถูกใช้เป็นช่องทางแพร่มัลแวร์ได้ ผู้โจมตีสามารถฝังลิงก์อันตรายหรือไฟล์แนบที่ดูเหมือนปกติไว้ใน notification ทำให้ผู้ใช้เผลอกดโดยไม่ทันระวัง วิธีป้องกันคืออย่ากดลิงก์ที่ไม่แน่ใจ ตรวจสอบแหล่งที่มา และใช้ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยเพื่อกรองภัยคุกคามก่อนถึงผู้ใช้
    https://www.techradar.com/pro/security/careful-that-calendar-notification-could-be-loaded-with-malware-heres-how-to-stay-safe

    กฎใหม่ Missouri กำลังกลายเป็นการเซ็นเซอร์มากกว่าการยืนยันอายุ
    รัฐ Missouri ออกกฎใหม่ที่บังคับให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งาน แต่ผลลัพธ์กลับไปไกลกว่าการป้องกันเว็บสำหรับผู้ใหญ่ เพราะมันยังบังคับใช้กับเว็บที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลหรือเว็บข่าว ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่ากฎนี้คือการปกป้องเยาวชน หรือจริง ๆ แล้วคือการจำกัดเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/age-verification-or-censorship-missouris-new-rules-are-age-gating-way-more-than-adult-sites

    Yahoo และ AOL Mail ล่มครั้งใหญ่
    ผู้ใช้จำนวนมากประสบปัญหาเข้าใช้งาน Yahoo และ AOL Mail ไม่ได้ในช่วง outage ล่าสุด เหตุการณ์นี้ทำให้การสื่อสารและการทำงานสะดุด โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ยังพึ่งพาอีเมลเหล่านี้เป็นหลัก แม้ทีมงานจะเร่งแก้ไข แต่ความเสียหายด้านความเชื่อมั่นก็เกิดขึ้นแล้ว และสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบอีเมลที่มีผู้ใช้จำนวนมหาศาล
    https://www.techradar.com/news/live/yahoo-aol-email-outage-december-2025

    Coupang เกาหลีใต้โดนเจาะข้อมูลครั้งใหญ่
    Coupang ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของเกาหลีใต้ถูกโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ ส่งผลให้ข้อมูลบัญชีผู้ใช้กว่า 33 ล้านรายรั่วไหล เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อผู้บริโภคและทำให้บริษัทต้องเร่งหามาตรการป้องกันเพิ่มเติม การรั่วไหลครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย
    https://www.techradar.com/pro/security/south-korean-ecommerce-giant-coupang-suffers-huge-data-breach-over-33-million-accounts-affected-heres-what-we-know

    Samsung เปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับสามทบ
    Samsung สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Galaxy Z Trifold สมาร์ทโฟนที่สามารถพับได้สามทบจริง ๆ ดีไซน์นี้ช่วยให้ผู้ใช้มีหน้าจอใหญ่ขึ้นในขนาดที่พกพาได้สะดวก และยังคงความทนทานของบานพับที่พัฒนาใหม่ ถือเป็นการยกระดับเทคโนโลยี foldable ไปอีกขั้น และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดสมาร์ทโฟน
    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsung-unveils-the-galaxy-z-trifold-a-foldable-that-lives-up-to-its-name
    📌📡🩷 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🩷📡📌 #รวมข่าวIT #20251202 #TechRadar 🧑‍🤝‍🧑 กลยุทธ์ AI ที่ทรงพลังยังคงเริ่มต้นและจบลงที่ “คน” เรื่องราวนี้เล่าถึงความจริงที่ว่าแม้ AI จะเข้ามาช่วยทำงานซับซ้อนและสร้างประสิทธิภาพ แต่หัวใจสำคัญของการเปลี่ยนแปลงยังคงอยู่ที่มนุษย์ ผู้เขียนชี้ให้เห็นว่า AI เป็นตัวเร่ง แต่ไม่ใช่ผู้เล่นหลักที่จะเปลี่ยนธุรกิจได้เอง หากไม่มีความคิดสร้างสรรค์ การตัดสินใจ และการนำทีมของคนจริง ๆ องค์กรที่ประสบความสำเร็จคือองค์กรที่ลงทุนในศักยภาพมนุษย์ และใช้ AI เป็นเครื่องมือเสริม ไม่ใช่ตัวแทน การแข่งขันหาคนเก่งด้าน AI กำลังดุเดือด และนั่นสะท้อนว่าคนยังคงเป็น “ตัวเปลี่ยนเกม” ที่แท้จริง 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-the-most-impactful-ai-strategies-still-start-and-end-with-people 🪑 สร้างออฟฟิศโทนขาวมินิมอลด้วยไอเท็ม Cyber Monday บทความนี้เล่าถึงการจัดออฟฟิศบ้านให้เป็นโทนขาวมินิมอลที่ช่วยสร้างบรรยากาศสงบและเพิ่มสมาธิ ผู้เขียนซึ่งทำงานจากบ้านมานานกว่า 10 ปี ได้คัดสรรไอเท็มตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงของตกแต่งเล็ก ๆ อย่างเทียนหอมและต้นไม้เล็ก ๆ ที่ช่วยเติมบรรยากาศให้สดชื่น ที่น่าสนใจคือหลายชิ้นกำลังลดราคาพิเศษในช่วง Cyber Monday ทำให้การเปลี่ยนโฉมออฟฟิศไม่ใช่เรื่องแพงอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/pro/website-building/19-carefully-curated-items-for-a-white-minimalist-home-office 🔐 นักวิจัยพบความลับกว่า 17,000 รายการใน GitLab สาธารณะ นี่คือการค้นพบที่สะเทือนวงการนักพัฒนา เมื่อ Luke Marshall นักวิจัยด้านความปลอดภัยสแกน GitLab Cloud และพบว่ามีข้อมูลลับกว่า 17,000 รายการถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็น API keys, รหัสผ่าน หรือ token ที่สามารถนำไปใช้โจมตีได้ เขาใช้เวลาเพียง 24 ชั่วโมงและงบประมาณไม่ถึง 800 ดอลลาร์ในการสแกน แต่กลับพบข้อมูลที่อาจทำให้ระบบองค์กรเสี่ยงต่อการถูกเจาะลึก ผลงานนี้ยังทำให้เขาได้รับเงินรางวัลกว่า 9,000 ดอลลาร์จากการแจ้งเตือนผู้พัฒนา แม้หลายคนจะรีบแก้ไข แต่ก็ยังมีบางโปรเจกต์ที่ยังเปิดเผยอยู่จนถึงตอนนี้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/security-researcher-uncovers-17-000-secrets-in-public-gitlab-repositories 📱 OnePlus 15R เผยสเปกแรง จอ 165Hz พร้อม Snapdragon 8 Gen 5 OnePlus กำลังจะเปิดตัว 15R ในวันที่ 17 ธันวาคม แต่ก่อนถึงวันนั้นก็มีการเปิดเผยสเปกสำคัญออกมาแล้ว รุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอ AMOLED รีเฟรชเรตสูงถึง 165Hz ซึ่งเหนือกว่าหลายรุ่นเรือธงในตลาด ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 5 ที่แม้จะไม่ใช่รุ่น Elite แต่ก็ยังทรงพลัง พร้อมระบบกล้องที่ใช้ซอฟต์แวร์ Detailmax Engine ทำให้ภาพถ่ายคมชัดและมีโหมดพิเศษอย่าง Ultra Clear และ Clear Night จุดเด่นอีกอย่างคือการตอบสนองสัมผัสที่เร็วขึ้นด้วยชิปเฉพาะด้านการสัมผัส ถือเป็นการอัปเกรดที่น่าสนใจสำหรับสายเกมและคนที่ชอบมือถือแรง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/phones/oneplus-phones/oneplus-15r-screen-chipset-and-camera-specs-confirmed 💻 Windows 11 แก้ปัญหา File Explorer ช้า แต่ยังสะท้อนปัญหาใหญ่ของระบบ Microsoft ได้ออกแพตช์แก้ไข File Explorer ที่เปิดโฟลเดอร์ช้า โดยใช้วิธี “preload” ให้ระบบโหลดตัวโปรแกรมไว้ตั้งแต่เริ่มบูตเครื่อง ผลคือการเปิดโฟลเดอร์เร็วขึ้นเกือบหนึ่งวินาที แต่ก็ต้องแลกกับการใช้ RAM เพิ่มขึ้นเล็กน้อย แม้หลายคนจะบอกว่าการแก้ไขนี้ช่วยได้ แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นการแก้ปัญหาแบบ “ชั่วคราว” เพราะจริง ๆ แล้ว Windows 11 ยังมีปัญหาด้านประสิทธิภาพโดยรวม การแก้ด้วยการโหลดล่วงหน้าอาจไม่ใช่คำตอบที่ยั่งยืน และสะท้อนว่าระบบยังขาดการวางแผนที่ชัดเจนในการปรับปรุงประสิทธิภาพ 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/complaints-about-windows-11s-fix-for-file-explorer-sluggishness-are-overblown-but-they-underline-a-fundamental-problem-with-the-os ⌚ Apple Watch Series 10 บางรุ่นได้เปลี่ยนเครื่องฟรีเพราะปัญหาสีหลุด มีรายงานว่าผู้ใช้ Apple Watch Series 10 บางคนพบปัญหาสีเคลือบตัวเรือนหลุดลอกออกมา ซึ่งถือเป็นข้อบกพร่องด้านการผลิตที่ไม่ควรเกิดขึ้น ล่าสุด Apple จึงตัดสินใจให้ผู้ใช้บางรายได้รับการเปลี่ยนเครื่องใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แม้จะไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่มีผู้ใช้หลายคนยืนยันว่าพวกเขาได้รับสิทธิ์นี้แล้ว เรื่องนี้สะท้อนถึงมาตรฐานการควบคุมคุณภาพที่ Apple ต้องรักษาไว้ และยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าในระยะยาว 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/smartwatches/some-apple-watch-series-10-owners-are-reportedly-getting-free-replacements-due-to-a-paint-flaw 🧠🤖 AWS เสริมพลังให้ AI Agents ฉลาดและเป็นมนุษย์มากขึ้น AWS เปิดตัวการอัปเกรดใหม่ในงาน re:Invent 2025 สำหรับ Amazon Connect ที่จะทำให้ AI agents สามารถเข้าใจ วิเคราะห์ และตอบสนองได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น ทั้งในด้านน้ำเสียง จังหวะ และการสื่อสารหลายภาษา จุดมุ่งหมายคือการสร้าง “การทำงานร่วมกันจริง” ระหว่างคนกับ AI โดยให้ AI จัดการงานเบื้องหลัง เช่น วิเคราะห์บริบท สนับสนุนการตัดสินใจ และทำงานซ้ำ ๆ เพื่อให้มนุษย์มีเวลาไปโฟกัสกับการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การพัฒนาใหม่นี้ยังมาพร้อมระบบตรวจสอบการทำงานของ AI ที่โปร่งใส ทำให้ผู้ใช้เห็นชัดว่า AI เข้าใจอะไร ใช้เครื่องมือไหน และตัดสินใจอย่างไร 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-wants-to-make-your-ai-agents-more-intelligent-and-more-human ☁️🔗 AWS แก้ปัญหา Multicloud เชื่อมต่อกับ Google Cloud ได้ง่ายขึ้น การใช้หลายระบบคลาวด์พร้อมกันมักสร้างความยุ่งยาก โดยเฉพาะเรื่องการเชื่อมต่อ AWS จึงเปิดตัวบริการใหม่ชื่อ AWS Interconnect - multicloud ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อกับ Google Cloud เป็นไปอย่างราบรื่นและมีมาตรฐานเดียวกัน ลูกค้าสามารถสร้างการเชื่อมต่อแบบส่วนตัวที่มีแบนด์วิดท์สูงได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องจัดการอุปกรณ์หรือระบบซับซ้อนเอง ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ทำให้การทำงานแบบ multicloud มีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-thinks-it-has-the-answer-to-your-multi-cloud-interoperability-issues 🎬😨 James Cameron ไม่เอาด้วยกับนักแสดง AI ผู้กำกับชื่อดัง James Cameron ออกมาแสดงความกังวลต่อการเกิดขึ้นของนักแสดงที่สร้างด้วย AI อย่าง Tilly Norwood เขาเรียกสิ่งนี้ว่า “น่าขนลุก” เพราะมันแทนที่การแสดงจริงของมนุษย์ และทำให้ศิลปะการแสดงสูญเสียแก่นแท้ Cameron ย้ำว่าการใช้ CGI หรือ motion capture ยังมีมนุษย์เป็นแกนกลาง แต่การสร้างนักแสดงจากข้อความเพียงอย่างเดียวคือการลบตัวตนของมนุษย์ออกไป ซึ่งอาจทำให้ผู้ชมไม่รู้สึกเชื่อมโยงกับการแสดงอีกต่อไป 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/gemini/ai-actors-horrify-james-cameron-and-he-wants-no-part-of-it ⚠️🔐 IDE ใหม่จาก Google เจอปัญหาความปลอดภัยทันที Google เปิดตัว Antigravity IDE ที่ออกแบบมาให้ AI agents ทำงานอัตโนมัติ แต่กลับถูกนักวิจัยพบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยอย่างร้ายแรง เช่น การโจมตีแบบ prompt injection ที่ทำให้รันคำสั่งโดยไม่ได้ตั้งใจ และการรั่วไหลของข้อมูลสำคัญอย่าง credentials ผ่าน Markdown หรือคำสั่งที่ซ่อนอยู่ แม้จะมีระบบป้องกัน แต่ยังมีช่องว่างที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถดึงข้อมูลออกไปได้อย่างรวดเร็ว ปัญหานี้สะท้อนถึงความเสี่ยงเมื่อให้ AI มีอิสระมากเกินไปโดยไม่มีโครงสร้างป้องกันที่แข็งแรง 🔗 https://www.techradar.com/pro/googles-ai-powered-antigravity-ide-already-has-some-worrying-security-issues 🛍️📱 UX แบบเรียบง่ายคือกุญแจสู่ยอดขายช่วงพีค ในช่วงเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ หลายร้านมักใส่ป้ายลดราคา ป๊อปอัพ และฟีเจอร์มากมายเพื่อดึงลูกค้า แต่ผลลัพธ์กลับทำให้ผู้ใช้สับสนและละทิ้งการซื้อ งานวิจัยชี้ว่าการออกแบบ UX ที่เรียบง่ายและชัดเจนช่วยเพิ่มอัตราการซื้อสำเร็จได้ถึง 35% เพราะลูกค้าต้องการประสบการณ์ที่เร็วและไม่ซับซ้อน โดยเฉพาะบนมือถือที่การใช้งานต้องลื่นไหล Minimal UX จึงไม่ใช่การทำให้น้อย แต่คือการตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออก เพื่อสร้างเส้นทางการซื้อที่สั้นและน่าเชื่อถือมากที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/pro/why-a-minimal-ux-philosophy-outperforms-during-peak-season 🛡️📅 ระวัง! แจ้งเตือนปฏิทินอาจแฝงมัลแวร์ มีการค้นพบว่าการแจ้งเตือนจากปฏิทิน เช่นการนัดหมายหรือ reminder อาจถูกใช้เป็นช่องทางแพร่มัลแวร์ได้ ผู้โจมตีสามารถฝังลิงก์อันตรายหรือไฟล์แนบที่ดูเหมือนปกติไว้ใน notification ทำให้ผู้ใช้เผลอกดโดยไม่ทันระวัง วิธีป้องกันคืออย่ากดลิงก์ที่ไม่แน่ใจ ตรวจสอบแหล่งที่มา และใช้ระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัยเพื่อกรองภัยคุกคามก่อนถึงผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/careful-that-calendar-notification-could-be-loaded-with-malware-heres-how-to-stay-safe 🔞⚖️ กฎใหม่ Missouri กำลังกลายเป็นการเซ็นเซอร์มากกว่าการยืนยันอายุ รัฐ Missouri ออกกฎใหม่ที่บังคับให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งาน แต่ผลลัพธ์กลับไปไกลกว่าการป้องกันเว็บสำหรับผู้ใหญ่ เพราะมันยังบังคับใช้กับเว็บที่ไม่เกี่ยวข้อง เช่น แพลตฟอร์มโซเชียลหรือเว็บข่าว ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่ากฎนี้คือการปกป้องเยาวชน หรือจริง ๆ แล้วคือการจำกัดเสรีภาพในการเข้าถึงข้อมูลของประชาชน 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/age-verification-or-censorship-missouris-new-rules-are-age-gating-way-more-than-adult-sites 📧🚨 Yahoo และ AOL Mail ล่มครั้งใหญ่ ผู้ใช้จำนวนมากประสบปัญหาเข้าใช้งาน Yahoo และ AOL Mail ไม่ได้ในช่วง outage ล่าสุด เหตุการณ์นี้ทำให้การสื่อสารและการทำงานสะดุด โดยเฉพาะผู้ใช้ที่ยังพึ่งพาอีเมลเหล่านี้เป็นหลัก แม้ทีมงานจะเร่งแก้ไข แต่ความเสียหายด้านความเชื่อมั่นก็เกิดขึ้นแล้ว และสะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของระบบอีเมลที่มีผู้ใช้จำนวนมหาศาล 🔗 https://www.techradar.com/news/live/yahoo-aol-email-outage-december-2025 🛒🇰🇷 Coupang เกาหลีใต้โดนเจาะข้อมูลครั้งใหญ่ Coupang ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของเกาหลีใต้ถูกโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ ส่งผลให้ข้อมูลบัญชีผู้ใช้กว่า 33 ล้านรายรั่วไหล เหตุการณ์นี้สร้างความกังวลอย่างมากต่อผู้บริโภคและทำให้บริษัทต้องเร่งหามาตรการป้องกันเพิ่มเติม การรั่วไหลครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ด้านความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชีย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/south-korean-ecommerce-giant-coupang-suffers-huge-data-breach-over-33-million-accounts-affected-heres-what-we-know 📱📖 Samsung เปิดตัว Galaxy Z Trifold มือถือพับสามทบ Samsung สร้างความฮือฮาด้วยการเปิดตัว Galaxy Z Trifold สมาร์ทโฟนที่สามารถพับได้สามทบจริง ๆ ดีไซน์นี้ช่วยให้ผู้ใช้มีหน้าจอใหญ่ขึ้นในขนาดที่พกพาได้สะดวก และยังคงความทนทานของบานพับที่พัฒนาใหม่ ถือเป็นการยกระดับเทคโนโลยี foldable ไปอีกขั้น และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในตลาดสมาร์ทโฟน 🔗 https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/samsung-unveils-the-galaxy-z-trifold-a-foldable-that-lives-up-to-its-name
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฮกเกอร์ Evil Twin Wi-Fi ถูกตัดสินจำคุก หลังขโมยข้อมูลผู้โดยสารกลางเที่ยวบิน

    ศาลออสเตรเลียได้ตัดสินจำคุก Michael Clapsis เป็นเวลา 7 ปี 4 เดือน หลังจากเขาใช้เทคนิค Evil Twin Wi-Fi Attack เพื่อสร้างเครือข่าย Wi-Fi ปลอมในสนามบินและบนเครื่องบิน หลอกให้ผู้โดยสารเชื่อมต่อและกรอกข้อมูลเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ทำให้สามารถขโมยรหัสผ่าน อีเมล และแม้แต่รูปภาพส่วนตัวได้

    การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่สายการบินพบเครือข่าย Wi-Fi ที่น่าสงสัยบนเที่ยวบินในปี 2024 หลังจากตรวจสอบพบว่า Clapsis ใช้อุปกรณ์พกพาสร้าง Hotspot ปลอม เลียนแบบเครือข่ายจริงของสนามบินและสายการบิน เมื่อผู้โดยสารเชื่อมต่อ พวกเขาจะถูกนำไปยังหน้าเข้าสู่ระบบปลอมที่เก็บข้อมูลส่วนตัวโดยตรง

    นอกจากการขโมยข้อมูลผู้โดยสารแล้ว เขายังพยายามเข้าถึง การประชุมออนไลน์ลับ ระหว่างนายจ้างและเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงพยายามลบไฟล์กว่า 1,700 รายการจากคลาวด์เพื่อปกปิดหลักฐาน แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายถูกจับกุมและตัดสินจำคุก โดยมีสิทธิ์ขอปล่อยตัวหลังรับโทษครบ 5 ปี

    กรณีนี้เป็น สัญญาณเตือนสำคัญ ถึงความเสี่ยงของการใช้ Wi-Fi สาธารณะ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ไม่รู้จัก ใช้ VPN ที่เชื่อถือได้ และปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์ เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีลักษณะนี้

    สรุปสาระสำคัญ
    รายละเอียดคดี
    Michael Clapsis ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี 4 เดือน
    ใช้ Evil Twin Wi-Fi หลอกผู้โดยสารกรอกข้อมูลเข้าสู่หน้าเว็บปลอม

    พฤติกรรมการโจมตี
    สร้าง Hotspot ปลอมเลียนแบบเครือข่ายสนามบินและสายการบิน
    ขโมยรหัสผ่าน อีเมล และรูปภาพส่วนตัว

    การสืบสวนและจับกุม
    เจ้าหน้าที่สายการบินพบเครือข่ายน่าสงสัยบนเที่ยวบิน
    พยายามลบไฟล์กว่า 1,700 รายการจากคลาวด์เพื่อปกปิดหลักฐาน

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะโดยไม่จำเป็น
    ใช้ VPN และปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์เพื่อป้องกันการโจมตี

    https://hackread.com/evil-twin-wifi-hacker-jail-steal-data-midflight/
    ✈️ แฮกเกอร์ Evil Twin Wi-Fi ถูกตัดสินจำคุก หลังขโมยข้อมูลผู้โดยสารกลางเที่ยวบิน ศาลออสเตรเลียได้ตัดสินจำคุก Michael Clapsis เป็นเวลา 7 ปี 4 เดือน หลังจากเขาใช้เทคนิค Evil Twin Wi-Fi Attack เพื่อสร้างเครือข่าย Wi-Fi ปลอมในสนามบินและบนเครื่องบิน หลอกให้ผู้โดยสารเชื่อมต่อและกรอกข้อมูลเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ทำให้สามารถขโมยรหัสผ่าน อีเมล และแม้แต่รูปภาพส่วนตัวได้ การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่สายการบินพบเครือข่าย Wi-Fi ที่น่าสงสัยบนเที่ยวบินในปี 2024 หลังจากตรวจสอบพบว่า Clapsis ใช้อุปกรณ์พกพาสร้าง Hotspot ปลอม เลียนแบบเครือข่ายจริงของสนามบินและสายการบิน เมื่อผู้โดยสารเชื่อมต่อ พวกเขาจะถูกนำไปยังหน้าเข้าสู่ระบบปลอมที่เก็บข้อมูลส่วนตัวโดยตรง นอกจากการขโมยข้อมูลผู้โดยสารแล้ว เขายังพยายามเข้าถึง การประชุมออนไลน์ลับ ระหว่างนายจ้างและเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงพยายามลบไฟล์กว่า 1,700 รายการจากคลาวด์เพื่อปกปิดหลักฐาน แต่ไม่สำเร็จ สุดท้ายถูกจับกุมและตัดสินจำคุก โดยมีสิทธิ์ขอปล่อยตัวหลังรับโทษครบ 5 ปี กรณีนี้เป็น สัญญาณเตือนสำคัญ ถึงความเสี่ยงของการใช้ Wi-Fi สาธารณะ โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้หลีกเลี่ยงการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ไม่รู้จัก ใช้ VPN ที่เชื่อถือได้ และปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์ เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการโจมตีลักษณะนี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ รายละเอียดคดี ➡️ Michael Clapsis ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี 4 เดือน ➡️ ใช้ Evil Twin Wi-Fi หลอกผู้โดยสารกรอกข้อมูลเข้าสู่หน้าเว็บปลอม ✅ พฤติกรรมการโจมตี ➡️ สร้าง Hotspot ปลอมเลียนแบบเครือข่ายสนามบินและสายการบิน ➡️ ขโมยรหัสผ่าน อีเมล และรูปภาพส่วนตัว ✅ การสืบสวนและจับกุม ➡️ เจ้าหน้าที่สายการบินพบเครือข่ายน่าสงสัยบนเที่ยวบิน ➡️ พยายามลบไฟล์กว่า 1,700 รายการจากคลาวด์เพื่อปกปิดหลักฐาน ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะโดยไม่จำเป็น ⛔ ใช้ VPN และปิดการเชื่อมต่ออัตโนมัติของอุปกรณ์เพื่อป้องกันการโจมตี https://hackread.com/evil-twin-wifi-hacker-jail-steal-data-midflight/
    HACKREAD.COM
    Evil Twin Wi‑Fi Hacker Jailed for Stealing Data Mid‑Flight
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • USB Data Blocker – อุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ช่วยป้องกันภัยจากการชาร์จสาธารณะ

    การชาร์จมือถือในที่สาธารณะ เช่น สนามบิน ร้านอาหาร หรือสถานีขนส่ง อาจดูสะดวก แต่จริง ๆ แล้วมีความเสี่ยงจากการโจมตีที่เรียกว่า Juice Jacking ซึ่งแฮกเกอร์สามารถดัดแปลงพอร์ต USB เพื่อส่งมัลแวร์เข้าสู่เครื่องของผู้ใช้โดยตรง ล่าสุดมีการแนะนำอุปกรณ์เล็ก ๆ อย่าง USB Data Blocker ที่ช่วยป้องกันภัยนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    USB Data Blocker ทำงานโดย ตัดเส้นทางการส่งข้อมูลออกไปทั้งหมด เหลือเพียงการส่งไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่เท่านั้น ทำให้แม้พอร์ต USB จะถูกดัดแปลงโดยผู้ไม่หวังดี ก็ไม่สามารถส่งข้อมูลหรือมัลแวร์เข้าสู่เครื่องได้ อุปกรณ์นี้มีราคาประมาณ 10–15 ดอลลาร์ และยังมีสายชาร์จพิเศษที่ทำงานแบบเดียวกัน รองรับกำลังไฟสูงถึง 240W

    แม้จะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการโจมตี Juice Jacking ในวงกว้าง แต่หน่วยงานด้านความปลอดภัย เช่น FBI และ FCC เคยออกคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงนี้ โดยระบุว่าอาจมีการติดตั้งมัลแวร์เพื่อขโมยข้อมูลหรือรหัสผ่านจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ การลงทุนซื้อ USB Data Blocker จึงถือเป็นการป้องกันเชิงรุกที่คุ้มค่า

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางรายก็แสดงความเห็นว่า Juice Jacking ยังเป็นภัยที่พบได้ยากในโลกจริง แต่การมีอุปกรณ์ป้องกันไว้ก็ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางบ่อยและต้องพึ่งพาการชาร์จในที่สาธารณะ ถือเป็นการ “กันไว้ดีกว่าแก้” ในยุคที่ภัยไซเบอร์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา

    สรุปสาระสำคัญ
    ความเสี่ยงจากการชาร์จสาธารณะ
    อาจถูกโจมตีด้วยเทคนิค Juice Jacking
    มัลแวร์สามารถเข้าสู่เครื่องผ่านพอร์ต USB

    การทำงานของ USB Data Blocker
    ตัดเส้นทางการส่งข้อมูล เหลือเพียงไฟฟ้าสำหรับชาร์จ
    มีทั้งแบบอุปกรณ์เสริมและสายชาร์จพิเศษ รองรับไฟสูงถึง 240W

    คำเตือนจากหน่วยงานความปลอดภัย
    FBI และ FCC เคยออกคำเตือนเกี่ยวกับ Juice Jacking
    อาจถูกใช้เพื่อขโมยข้อมูลและรหัสผ่าน

    ข้อควรระวัง
    แม้ยังไม่มีหลักฐานการโจมตีในวงกว้าง แต่ความเสี่ยงยังคงมีอยู่
    ผู้ที่เดินทางบ่อยควรลงทุนซื้ออุปกรณ์ป้องกันเพื่อความปลอดภัย

    https://www.slashgear.com/2039363/usb-data-blocker-gadget-public-charging/
    🔌 USB Data Blocker – อุปกรณ์เล็ก ๆ ที่ช่วยป้องกันภัยจากการชาร์จสาธารณะ การชาร์จมือถือในที่สาธารณะ เช่น สนามบิน ร้านอาหาร หรือสถานีขนส่ง อาจดูสะดวก แต่จริง ๆ แล้วมีความเสี่ยงจากการโจมตีที่เรียกว่า Juice Jacking ซึ่งแฮกเกอร์สามารถดัดแปลงพอร์ต USB เพื่อส่งมัลแวร์เข้าสู่เครื่องของผู้ใช้โดยตรง ล่าสุดมีการแนะนำอุปกรณ์เล็ก ๆ อย่าง USB Data Blocker ที่ช่วยป้องกันภัยนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ USB Data Blocker ทำงานโดย ตัดเส้นทางการส่งข้อมูลออกไปทั้งหมด เหลือเพียงการส่งไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่เท่านั้น ทำให้แม้พอร์ต USB จะถูกดัดแปลงโดยผู้ไม่หวังดี ก็ไม่สามารถส่งข้อมูลหรือมัลแวร์เข้าสู่เครื่องได้ อุปกรณ์นี้มีราคาประมาณ 10–15 ดอลลาร์ และยังมีสายชาร์จพิเศษที่ทำงานแบบเดียวกัน รองรับกำลังไฟสูงถึง 240W แม้จะยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามีการโจมตี Juice Jacking ในวงกว้าง แต่หน่วยงานด้านความปลอดภัย เช่น FBI และ FCC เคยออกคำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงนี้ โดยระบุว่าอาจมีการติดตั้งมัลแวร์เพื่อขโมยข้อมูลหรือรหัสผ่านจากอุปกรณ์ของผู้ใช้ การลงทุนซื้อ USB Data Blocker จึงถือเป็นการป้องกันเชิงรุกที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางรายก็แสดงความเห็นว่า Juice Jacking ยังเป็นภัยที่พบได้ยากในโลกจริง แต่การมีอุปกรณ์ป้องกันไว้ก็ช่วยให้ผู้ใช้มั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางบ่อยและต้องพึ่งพาการชาร์จในที่สาธารณะ ถือเป็นการ “กันไว้ดีกว่าแก้” ในยุคที่ภัยไซเบอร์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ทุกเวลา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความเสี่ยงจากการชาร์จสาธารณะ ➡️ อาจถูกโจมตีด้วยเทคนิค Juice Jacking ➡️ มัลแวร์สามารถเข้าสู่เครื่องผ่านพอร์ต USB ✅ การทำงานของ USB Data Blocker ➡️ ตัดเส้นทางการส่งข้อมูล เหลือเพียงไฟฟ้าสำหรับชาร์จ ➡️ มีทั้งแบบอุปกรณ์เสริมและสายชาร์จพิเศษ รองรับไฟสูงถึง 240W ✅ คำเตือนจากหน่วยงานความปลอดภัย ➡️ FBI และ FCC เคยออกคำเตือนเกี่ยวกับ Juice Jacking ➡️ อาจถูกใช้เพื่อขโมยข้อมูลและรหัสผ่าน ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ แม้ยังไม่มีหลักฐานการโจมตีในวงกว้าง แต่ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ ⛔ ผู้ที่เดินทางบ่อยควรลงทุนซื้ออุปกรณ์ป้องกันเพื่อความปลอดภัย https://www.slashgear.com/2039363/usb-data-blocker-gadget-public-charging/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Cheap USB Gadget Can Save Your Phone's Data From Hackers - SlashGear
    Protect your phone from "juice jacking" with a cheap USB data blocker. These $15 gadgets block malware transfer at public charging stations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • GStreamer 1.26.9 อัปเดตครั้งใหญ่ รองรับ DeckLink และ Spotify

    โครงการ GStreamer ได้ปล่อยเวอร์ชัน 1.26.9 ซึ่งเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งที่ 9 ของซีรีส์ 1.26 โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงความเสถียรและการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ที่สำคัญ เช่น Blackmagic DeckLink capture cards และ AJA playout รวมถึงการปรับปรุงการทำงานบน macOS และการเชื่อมต่อกับ Spotify ผ่าน extended metadata endpoint

    การอัปเดตนี้ยังแก้ไขปัญหาหลายด้าน เช่น NDI source audio corruption, ปัญหาการทำงานของ playbin3 และ decodebin3, รวมถึงการปรับปรุงระบบ adaptive streaming (HLS และ DASH) ให้มีความเสถียรมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กด้าน memory leak และเพิ่มความสามารถในการ cross-compilation สำหรับ Python bindings

    ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจคือการเพิ่ม property ใหม่ใน gtk4paintablesink เพื่อปรับพฤติกรรมการ reconfigure เมื่อมีการปรับขนาดหน้าต่าง, การเพิ่ม SMPTE ST291-1 ancillary metadata RTP payloader/depayloader, และ ST-2038 metadata combiner/extractor ซึ่งช่วยให้การจัดการสื่อมีความยืดหยุ่นและรองรับมาตรฐานอุตสาหกรรมมากขึ้น

    นอกจากนี้ GStreamer 1.26.9 ยังเพิ่มการรองรับ VA-API hardware-accelerated encoders ใน webrtcsink element และการสนับสนุน Visual Studio 2026 ใน Cerbero build system ถือเป็นการยกระดับทั้งด้านการพัฒนาและการใช้งานจริง ทำให้ GStreamer ยังคงเป็นเฟรมเวิร์กมัลติมีเดียที่ทรงพลังและทันสมัยสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้ทั่วไป

    สรุปสาระสำคัญ
    การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่
    Blackmagic DeckLink capture cards และ AJA playout
    ปรับปรุง macOS video decoder และ Spotify integration

    การแก้ไขและปรับปรุงระบบ
    แก้ไข NDI source audio corruption และ memory leak
    ปรับปรุง adaptive streaming (HLS/DASH) และ playbin3/decodebin3

    ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา
    Property ใหม่ใน gtk4paintablesink สำหรับ window resize
    SMPTE ST291-1 RTP payloader/depayloader และ ST-2038 metadata tools

    การพัฒนาและการสนับสนุนเพิ่มเติม
    รองรับ VA-API encoders ใน webrtcsink
    เพิ่มการสนับสนุน Visual Studio 2026 ใน Cerbero

    ข้อควรระวัง
    ผู้ใช้ที่อัปเดตควรตรวจสอบ compatibility กับปลั๊กอินที่ใช้งานอยู่
    ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างอาจยังไม่เสถียรในสภาพแวดล้อมการผลิตจริง

    https://9to5linux.com/gstreamer-1-26-9-improves-support-for-decklink-capture-cards-spotify-integration
    🎶 GStreamer 1.26.9 อัปเดตครั้งใหญ่ รองรับ DeckLink และ Spotify โครงการ GStreamer ได้ปล่อยเวอร์ชัน 1.26.9 ซึ่งเป็นการอัปเดตบำรุงรักษาครั้งที่ 9 ของซีรีส์ 1.26 โดยมุ่งเน้นการปรับปรุงความเสถียรและการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ ที่สำคัญ เช่น Blackmagic DeckLink capture cards และ AJA playout รวมถึงการปรับปรุงการทำงานบน macOS และการเชื่อมต่อกับ Spotify ผ่าน extended metadata endpoint การอัปเดตนี้ยังแก้ไขปัญหาหลายด้าน เช่น NDI source audio corruption, ปัญหาการทำงานของ playbin3 และ decodebin3, รวมถึงการปรับปรุงระบบ adaptive streaming (HLS และ DASH) ให้มีความเสถียรมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขบั๊กด้าน memory leak และเพิ่มความสามารถในการ cross-compilation สำหรับ Python bindings ฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจคือการเพิ่ม property ใหม่ใน gtk4paintablesink เพื่อปรับพฤติกรรมการ reconfigure เมื่อมีการปรับขนาดหน้าต่าง, การเพิ่ม SMPTE ST291-1 ancillary metadata RTP payloader/depayloader, และ ST-2038 metadata combiner/extractor ซึ่งช่วยให้การจัดการสื่อมีความยืดหยุ่นและรองรับมาตรฐานอุตสาหกรรมมากขึ้น นอกจากนี้ GStreamer 1.26.9 ยังเพิ่มการรองรับ VA-API hardware-accelerated encoders ใน webrtcsink element และการสนับสนุน Visual Studio 2026 ใน Cerbero build system ถือเป็นการยกระดับทั้งด้านการพัฒนาและการใช้งานจริง ทำให้ GStreamer ยังคงเป็นเฟรมเวิร์กมัลติมีเดียที่ทรงพลังและทันสมัยสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้ทั่วไป 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ➡️ Blackmagic DeckLink capture cards และ AJA playout ➡️ ปรับปรุง macOS video decoder และ Spotify integration ✅ การแก้ไขและปรับปรุงระบบ ➡️ แก้ไข NDI source audio corruption และ memory leak ➡️ ปรับปรุง adaptive streaming (HLS/DASH) และ playbin3/decodebin3 ✅ ฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ➡️ Property ใหม่ใน gtk4paintablesink สำหรับ window resize ➡️ SMPTE ST291-1 RTP payloader/depayloader และ ST-2038 metadata tools ✅ การพัฒนาและการสนับสนุนเพิ่มเติม ➡️ รองรับ VA-API encoders ใน webrtcsink ➡️ เพิ่มการสนับสนุน Visual Studio 2026 ใน Cerbero ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ผู้ใช้ที่อัปเดตควรตรวจสอบ compatibility กับปลั๊กอินที่ใช้งานอยู่ ⛔ ฟีเจอร์ใหม่บางอย่างอาจยังไม่เสถียรในสภาพแวดล้อมการผลิตจริง https://9to5linux.com/gstreamer-1-26-9-improves-support-for-decklink-capture-cards-spotify-integration
    9TO5LINUX.COM
    GStreamer 1.26.9 Improves Support for DeckLink Capture Cards, Spotify Integration - 9to5Linux
    GStreamer 1.26.9 open-source multimedia framework is now available for download with various improvements and bug fixes. Here’s what’s new!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศึกชิปขั้นสูง Apple ปะทะ NVIDIA แย่งชิงกำลังผลิต TSMC A16

    ความต้องการด้านการประมวลผล AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้กำลังการผลิตชิปขั้นสูงของ TSMC กลายเป็นสมรภูมิแข่งขันที่ร้อนแรงที่สุดในโลกเทคโนโลยี โดยเฉพาะ A16 และ A14 nodes ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลระดับ Angstrom-class ซึ่งมีความหนาแน่นทรานซิสเตอร์สูงและประสิทธิภาพเหนือกว่า 3nm รุ่นปัจจุบัน

    Apple ในฐานะลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ TSMC ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เคยมีมาก่อนจาก NVIDIA ซึ่งกำลังเร่งขยายกำลังผลิตเพื่อรองรับความต้องการ GPU สำหรับ AI และ Data Center ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีคู่แข่งรายอื่นอย่าง AMD และ MediaTek ที่พร้อมเข้าร่วมแย่งชิงกำลังผลิตเช่นกัน

    นักวิเคราะห์ชื่อดัง Ming-Chi Kuo ระบุว่า Apple กำลังพิจารณาความร่วมมือกับ Intel Foundry โดยใช้กระบวนการผลิต 18AP สำหรับชิป M-series ระดับเริ่มต้น เช่น iPad และ MacBook Air เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน และสงวนกำลังผลิต A16 ของ TSMC สำหรับสินค้าระดับพรีเมียมอย่าง iPhone Pro และ MacBook รุ่นสูง

    การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ Apple ลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการพึ่งพา TSMC แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญของ Intel ที่จะพิสูจน์ความสามารถในการกลับมาแข่งขันในตลาด Foundry อีกครั้ง หาก Intel สามารถตอบโจทย์ Apple ได้ จะเป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือและสร้างแรงกดดันต่อ TSMC ในระยะยาว

    สรุปสาระสำคัญ
    การแข่งขันกำลังผลิตชิปขั้นสูง
    Apple และ NVIDIA แย่งชิงกำลังผลิต A16 และ A14 ของ TSMC
    AMD และ MediaTek ก็เข้าร่วมแข่งขันเช่นกัน

    กลยุทธ์ของ Apple
    พิจารณาความร่วมมือกับ Intel Foundry ใช้ 18AP สำหรับชิป M-series ระดับเริ่มต้น
    สงวนกำลังผลิต A16 ของ TSMC สำหรับ iPhone Pro และ MacBook รุ่นสูง

    โอกาสของ Intel
    หากร่วมมือกับ Apple จะเป็นการยืนยันศักยภาพ Foundry ของ Intel
    เพิ่มแรงกดดันต่อ TSMC ในตลาดโลก

    ความเสี่ยงและคำเตือน
    ความต้องการ AI อาจทำให้ซัพพลายเชนตึงตัวและราคาชิปสูงขึ้น
    การแข่งขันรุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อการจัดหาชิปของผู้ผลิตรายเล็ก

    https://securityonline.info/semiconductor-showdown-apple-and-nvidia-battle-for-tsmcs-a16-capacity/
    ⚔️ ศึกชิปขั้นสูง Apple ปะทะ NVIDIA แย่งชิงกำลังผลิต TSMC A16 ความต้องการด้านการประมวลผล AI ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้กำลังการผลิตชิปขั้นสูงของ TSMC กลายเป็นสมรภูมิแข่งขันที่ร้อนแรงที่สุดในโลกเทคโนโลยี โดยเฉพาะ A16 และ A14 nodes ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผลระดับ Angstrom-class ซึ่งมีความหนาแน่นทรานซิสเตอร์สูงและประสิทธิภาพเหนือกว่า 3nm รุ่นปัจจุบัน Apple ในฐานะลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ TSMC ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่ไม่เคยมีมาก่อนจาก NVIDIA ซึ่งกำลังเร่งขยายกำลังผลิตเพื่อรองรับความต้องการ GPU สำหรับ AI และ Data Center ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีคู่แข่งรายอื่นอย่าง AMD และ MediaTek ที่พร้อมเข้าร่วมแย่งชิงกำลังผลิตเช่นกัน นักวิเคราะห์ชื่อดัง Ming-Chi Kuo ระบุว่า Apple กำลังพิจารณาความร่วมมือกับ Intel Foundry โดยใช้กระบวนการผลิต 18AP สำหรับชิป M-series ระดับเริ่มต้น เช่น iPad และ MacBook Air เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชน และสงวนกำลังผลิต A16 ของ TSMC สำหรับสินค้าระดับพรีเมียมอย่าง iPhone Pro และ MacBook รุ่นสูง การเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ Apple ลดความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการพึ่งพา TSMC แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญของ Intel ที่จะพิสูจน์ความสามารถในการกลับมาแข่งขันในตลาด Foundry อีกครั้ง หาก Intel สามารถตอบโจทย์ Apple ได้ จะเป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือและสร้างแรงกดดันต่อ TSMC ในระยะยาว 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การแข่งขันกำลังผลิตชิปขั้นสูง ➡️ Apple และ NVIDIA แย่งชิงกำลังผลิต A16 และ A14 ของ TSMC ➡️ AMD และ MediaTek ก็เข้าร่วมแข่งขันเช่นกัน ✅ กลยุทธ์ของ Apple ➡️ พิจารณาความร่วมมือกับ Intel Foundry ใช้ 18AP สำหรับชิป M-series ระดับเริ่มต้น ➡️ สงวนกำลังผลิต A16 ของ TSMC สำหรับ iPhone Pro และ MacBook รุ่นสูง ✅ โอกาสของ Intel ➡️ หากร่วมมือกับ Apple จะเป็นการยืนยันศักยภาพ Foundry ของ Intel ➡️ เพิ่มแรงกดดันต่อ TSMC ในตลาดโลก ‼️ ความเสี่ยงและคำเตือน ⛔ ความต้องการ AI อาจทำให้ซัพพลายเชนตึงตัวและราคาชิปสูงขึ้น ⛔ การแข่งขันรุนแรงอาจส่งผลกระทบต่อการจัดหาชิปของผู้ผลิตรายเล็ก https://securityonline.info/semiconductor-showdown-apple-and-nvidia-battle-for-tsmcs-a16-capacity/
    SECURITYONLINE.INFO
    Semiconductor Showdown: Apple and NVIDIA Battle for TSMC's A16 Capacity
    Apple and NVIDIA are fiercely competing for TSMC's next-gen A16/A14 capacity. To mitigate risk, Apple is exploring using Intel's 18AP process for entry-level M-series chips.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศ: ไอเดียที่แย่ที่สุดของยุค AI

    บทความนี้เขียนโดยอดีตวิศวกร/นักวิทยาศาสตร์ NASA ที่มีปริญญาเอกด้านอิเล็กทรอนิกส์อวกาศ และเคยทำงานที่ Google มา 10 ปี รวมถึงส่วนของ Cloud ที่รับผิดชอบการติดตั้ง AI capacity ท่านได้ออกมาเตือนว่าแนวคิดการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศที่บริษัท AI หลายแห่งกำลังพิจารณาร่วมกับบริษัทดาวเทียม เป็นไอเดียที่แย่มากๆ และไม่สมเหตุสมผลเลย

    สาเหตุหลักมาจากข้อจำกัดพื้นฐานหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน การระบายความร้อน ความทนทานต่อรังสี และการสื่อสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะ GPU และ TPU สำหรับ AI นั้นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ทำงานได้ดีในอวกาศโดยสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น แผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ที่สุดในอวกาศ (ของสถานีอวกาศนานาชาติ ISS) ที่มีขนาดครึ่งสนามฟุตบอลอเมริกัน สามารถจ่ายไฟได้เพียง 200kW ซึ่งเพียงพอสำหรับ GPU ประมาณ 200 ตัวเท่านั้น ในขณะที่ดาต้าเซ็นเตอร์ของ OpenAI ในนอร์เวย์วางแผนจะติดตั้ง GPU ถึง 100,000 ตัว

    นอกจากนี้ การระบายความร้อนในอวกาศเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง เพราะไม่มีอากาศให้ระบายความร้อนแบบ convection ได้ ต้องใช้ระบบ radiator panel ขนาดมหึมา ซึ่งระบบระบายความร้อนของ ISS ที่สามารถระบายความร้อนได้ 16kW (เพียงพอสำหรับ GPU 16 ตัว) ต้องใช้แผง radiator ขนาดถึง 42.5 ตารางเมตร ปัญหารังสีในอวกาศยังทำให้ชิปอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปเสียหายได้ง่าย โดย GPU และ TPU ที่ใช้ transistor ขนาดเล็กเป็นพิเศษนั้นเสี่ยงต่อความเสียหายจากรังสีมากที่สุด ชิปที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในอวกาศจริงๆ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า PowerPC จากปี 2005 เท่านั้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ข้อจำกัดด้านพลังงาน
    แผงโซลาร์เซลล์ขนาดเท่า ISS (2,500 ตร.ม.) ให้พลังงานเพียง 200kW หรือพอสำหรับ GPU 200 ตัว
    ต้องใช้ดาวเทียมขนาด ISS ถึง 500 ดวง เพื่อเทียบเท่าดาต้าเซ็นเตอร์ 100,000 GPU ของ OpenAI
    เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากกัมมันตรังสี (RTG) ให้พลังงานเพียง 50-150W ไม่พอสำหรับ GPU แม้แต่ตัวเดียว

    ปัญหาการระบายความร้อน
    ไม่มีอากาศในอวกาศ ทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนแบบ convection ได้
    ต้องใช้ระบบ radiator panel ขนาดใหญ่มาก - ระบบของ ISS ที่ระบายได้ 16kW ต้องใช้พื้นที่ 42.5 ตร.ม.
    สำหรับ GPU 200 ตัว (200kW) ต้องใช้แผง radiator ประมาณ 531 ตร.ม. หรือใหญ่กว่าแผงโซลาร์เซลล์ถึง 2.6 เท่า

    ความเสี่ยงจากรังสีอวกาศ
    GPU/TPU ใช้ transistor ขนาดเล็กมาก ทำให้เสี่ยงต่อ Single-Event Upset (SEU) และ latch-up สูงมาก
    รังสีสามารถทำให้บิตข้อมูลเปลี่ยนแปลง หรือทำให้ชิปเสียหายถาวรได้
    ชิปที่ออกแบบสำหรับอวกาศจริงๆ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า PowerPC จาก 20 ปีก่อนเท่านั้น
    Total dose effects ทำให้ประสิทธิภาพชิปลดลงเรื่อยๆ ตลอดอายุการใช้งาน

    ข้อจำกัดด้านการสื่อสาร
    ดาวเทียมส่วนใหญ่สื่อสารผ่านคลื่นวิทยุได้ไม่เกิน 1Gbps
    เทียบกับ server rack บนโลกที่ใช้ interconnect 100Gbps ขึ้นไป ช้ากว่ามาก
    การใช้เลเซอร์สื่อสารต้องพึ่งพาสภาพอากาศที่ดี

    ข้อสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ
    ดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศขนาดเท่าดาวเทียม ISS จะเทียบเท่า server rack เพียง 3 ชุดบนโลกเท่านั้น
    ต้นทุนสูงมหาศาล ประสิทธิภาพต่ำ และยากต่อการดำเนินการอย่างยิ่ง
    เป็นไอเดียที่แย่มากในทางเศรษฐศาสตร์และเทคนิค

    https://taranis.ie/datacenters-in-space-are-a-terrible-horrible-no-good-idea/
    🚀 ดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศ: ไอเดียที่แย่ที่สุดของยุค AI บทความนี้เขียนโดยอดีตวิศวกร/นักวิทยาศาสตร์ NASA ที่มีปริญญาเอกด้านอิเล็กทรอนิกส์อวกาศ และเคยทำงานที่ Google มา 10 ปี รวมถึงส่วนของ Cloud ที่รับผิดชอบการติดตั้ง AI capacity ท่านได้ออกมาเตือนว่าแนวคิดการสร้างดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศที่บริษัท AI หลายแห่งกำลังพิจารณาร่วมกับบริษัทดาวเทียม เป็นไอเดียที่แย่มากๆ และไม่สมเหตุสมผลเลย สาเหตุหลักมาจากข้อจำกัดพื้นฐานหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพลังงาน การระบายความร้อน ความทนทานต่อรังสี และการสื่อสาร ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้อิเล็กทรอนิกส์ที่ใช้ในดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะ GPU และ TPU สำหรับ AI นั้นเป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ทำงานได้ดีในอวกาศโดยสิ้นเชิง ตัวอย่างเช่น แผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่ที่สุดในอวกาศ (ของสถานีอวกาศนานาชาติ ISS) ที่มีขนาดครึ่งสนามฟุตบอลอเมริกัน สามารถจ่ายไฟได้เพียง 200kW ซึ่งเพียงพอสำหรับ GPU ประมาณ 200 ตัวเท่านั้น ในขณะที่ดาต้าเซ็นเตอร์ของ OpenAI ในนอร์เวย์วางแผนจะติดตั้ง GPU ถึง 100,000 ตัว นอกจากนี้ การระบายความร้อนในอวกาศเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง เพราะไม่มีอากาศให้ระบายความร้อนแบบ convection ได้ ต้องใช้ระบบ radiator panel ขนาดมหึมา ซึ่งระบบระบายความร้อนของ ISS ที่สามารถระบายความร้อนได้ 16kW (เพียงพอสำหรับ GPU 16 ตัว) ต้องใช้แผง radiator ขนาดถึง 42.5 ตารางเมตร ปัญหารังสีในอวกาศยังทำให้ชิปอิเล็กทรอนิกส์ทั่วไปเสียหายได้ง่าย โดย GPU และ TPU ที่ใช้ transistor ขนาดเล็กเป็นพิเศษนั้นเสี่ยงต่อความเสียหายจากรังสีมากที่สุด ชิปที่ออกแบบมาเพื่อใช้ในอวกาศจริงๆ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า PowerPC จากปี 2005 เท่านั้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ข้อจำกัดด้านพลังงาน ➡️ แผงโซลาร์เซลล์ขนาดเท่า ISS (2,500 ตร.ม.) ให้พลังงานเพียง 200kW หรือพอสำหรับ GPU 200 ตัว ➡️ ต้องใช้ดาวเทียมขนาด ISS ถึง 500 ดวง เพื่อเทียบเท่าดาต้าเซ็นเตอร์ 100,000 GPU ของ OpenAI ➡️ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าจากกัมมันตรังสี (RTG) ให้พลังงานเพียง 50-150W ไม่พอสำหรับ GPU แม้แต่ตัวเดียว ✅ ปัญหาการระบายความร้อน ➡️ ไม่มีอากาศในอวกาศ ทำให้ไม่สามารถระบายความร้อนแบบ convection ได้ ➡️ ต้องใช้ระบบ radiator panel ขนาดใหญ่มาก - ระบบของ ISS ที่ระบายได้ 16kW ต้องใช้พื้นที่ 42.5 ตร.ม. ➡️ สำหรับ GPU 200 ตัว (200kW) ต้องใช้แผง radiator ประมาณ 531 ตร.ม. หรือใหญ่กว่าแผงโซลาร์เซลล์ถึง 2.6 เท่า ‼️ ความเสี่ยงจากรังสีอวกาศ ⛔ GPU/TPU ใช้ transistor ขนาดเล็กมาก ทำให้เสี่ยงต่อ Single-Event Upset (SEU) และ latch-up สูงมาก ⛔ รังสีสามารถทำให้บิตข้อมูลเปลี่ยนแปลง หรือทำให้ชิปเสียหายถาวรได้ ⛔ ชิปที่ออกแบบสำหรับอวกาศจริงๆ มีประสิทธิภาพเทียบเท่า PowerPC จาก 20 ปีก่อนเท่านั้น ⛔ Total dose effects ทำให้ประสิทธิภาพชิปลดลงเรื่อยๆ ตลอดอายุการใช้งาน ‼️ ข้อจำกัดด้านการสื่อสาร ⛔ ดาวเทียมส่วนใหญ่สื่อสารผ่านคลื่นวิทยุได้ไม่เกิน 1Gbps ⛔ เทียบกับ server rack บนโลกที่ใช้ interconnect 100Gbps ขึ้นไป ช้ากว่ามาก ⛔ การใช้เลเซอร์สื่อสารต้องพึ่งพาสภาพอากาศที่ดี ✅ ข้อสรุปจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ ดาต้าเซ็นเตอร์ในอวกาศขนาดเท่าดาวเทียม ISS จะเทียบเท่า server rack เพียง 3 ชุดบนโลกเท่านั้น ➡️ ต้นทุนสูงมหาศาล ประสิทธิภาพต่ำ และยากต่อการดำเนินการอย่างยิ่ง ➡️ เป็นไอเดียที่แย่มากในทางเศรษฐศาสตร์และเทคนิค https://taranis.ie/datacenters-in-space-are-a-terrible-horrible-no-good-idea/
    TARANIS.IE
    Datacenters in space are a terrible, horrible, no good idea.
    There is a rush for AI companies to team up with space launch/satellite companies to build datacenters in space. TL;DR: It's not going to work.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Be Like Clippy – ขบวนการเรียกร้องเทคโนโลยีโปร่งใสและเป็นมิตรต่อผู้ใช้”

    เว็บไซต์ Be Like Clippy เปิดตัวด้วยข้อความว่า “Clippy didn’t sell your data. Clippy didn’t hold your data hostage. Clippy was there to help you.” ซึ่งสะท้อนถึงความไม่พอใจต่อบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มักเก็บข้อมูลผู้ใช้ไปใช้เพื่อการโฆษณาและการฝึก AI โดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างแท้จริง

    การเคลื่อนไหวนี้เชิญชวนผู้ใช้ นักพัฒนา และบริษัทต่าง ๆ ให้เข้าร่วมโดยการตั้งรูปโปรไฟล์เป็น Clippy และแชร์แนวคิดผ่าน GitHub เพื่อสร้างแรงกดดันให้วงการเทคโนโลยีหันกลับมาเน้น ความโปร่งใส, ความเป็นมิตร และการเคารพสิทธิผู้ใช้ มากกว่าการหาผลกำไรจากข้อมูลส่วนบุคคล

    นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่วิดีโออธิบายแนวคิดของขบวนการ แม้จะมีปัญหาทางเทคนิคในการเล่นวิดีโอบนเว็บไซต์ แต่สารหลักคือการเรียกร้องให้เทคโนโลยีในอนาคต “เป็นเหมือน Clippy” คือช่วยเหลือผู้ใช้โดยไม่เอาข้อมูลไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม

    สิ่งที่น่าสนใจคือการใช้ Clippy ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่หลายคนจดจำได้ในฐานะ “ผู้ช่วยที่น่ารำคาญแต่จริงใจ” กลายมาเป็นเครื่องมือสื่อสารเชิงสังคม เพื่อเปรียบเทียบกับบริษัทสมัยใหม่ที่มักถูกวิจารณ์ว่าไม่โปร่งใสและเอาเปรียบผู้ใช้

    สรุปสาระสำคัญ
    แนวคิดหลักของ Be Like Clippy
    Clippy ไม่เคยขายข้อมูลผู้ใช้
    เป็นสัญลักษณ์ของการช่วยเหลือที่จริงใจ

    การเคลื่อนไหว
    เชิญชวนผู้ใช้ตั้งรูปโปรไฟล์เป็น Clippy
    แชร์แนวคิดผ่าน GitHub เพื่อสร้างแรงกดดัน

    เป้าหมาย
    ผลักดันให้บริษัทเทคโนโลยีโปร่งใสและเป็นมิตรต่อผู้ใช้
    ลดการเก็บข้อมูลเพื่อผลประโยชน์เชิงพาณิชย์

    คำเตือนและข้อสังเกต
    วิดีโอบนเว็บไซต์มีปัญหาการเล่น อาจทำให้สารสื่อสารไม่ถึงผู้ใช้ทั้งหมด
    การเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์อาจไม่เพียงพอ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายจริง

    https://be-clippy.com/
    📎 “Be Like Clippy – ขบวนการเรียกร้องเทคโนโลยีโปร่งใสและเป็นมิตรต่อผู้ใช้” เว็บไซต์ Be Like Clippy เปิดตัวด้วยข้อความว่า “Clippy didn’t sell your data. Clippy didn’t hold your data hostage. Clippy was there to help you.” ซึ่งสะท้อนถึงความไม่พอใจต่อบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ที่มักเก็บข้อมูลผู้ใช้ไปใช้เพื่อการโฆษณาและการฝึก AI โดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างแท้จริง การเคลื่อนไหวนี้เชิญชวนผู้ใช้ นักพัฒนา และบริษัทต่าง ๆ ให้เข้าร่วมโดยการตั้งรูปโปรไฟล์เป็น Clippy และแชร์แนวคิดผ่าน GitHub เพื่อสร้างแรงกดดันให้วงการเทคโนโลยีหันกลับมาเน้น ความโปร่งใส, ความเป็นมิตร และการเคารพสิทธิผู้ใช้ มากกว่าการหาผลกำไรจากข้อมูลส่วนบุคคล นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่วิดีโออธิบายแนวคิดของขบวนการ แม้จะมีปัญหาทางเทคนิคในการเล่นวิดีโอบนเว็บไซต์ แต่สารหลักคือการเรียกร้องให้เทคโนโลยีในอนาคต “เป็นเหมือน Clippy” คือช่วยเหลือผู้ใช้โดยไม่เอาข้อมูลไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม สิ่งที่น่าสนใจคือการใช้ Clippy ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่หลายคนจดจำได้ในฐานะ “ผู้ช่วยที่น่ารำคาญแต่จริงใจ” กลายมาเป็นเครื่องมือสื่อสารเชิงสังคม เพื่อเปรียบเทียบกับบริษัทสมัยใหม่ที่มักถูกวิจารณ์ว่าไม่โปร่งใสและเอาเปรียบผู้ใช้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ แนวคิดหลักของ Be Like Clippy ➡️ Clippy ไม่เคยขายข้อมูลผู้ใช้ ➡️ เป็นสัญลักษณ์ของการช่วยเหลือที่จริงใจ ✅ การเคลื่อนไหว ➡️ เชิญชวนผู้ใช้ตั้งรูปโปรไฟล์เป็น Clippy ➡️ แชร์แนวคิดผ่าน GitHub เพื่อสร้างแรงกดดัน ✅ เป้าหมาย ➡️ ผลักดันให้บริษัทเทคโนโลยีโปร่งใสและเป็นมิตรต่อผู้ใช้ ➡️ ลดการเก็บข้อมูลเพื่อผลประโยชน์เชิงพาณิชย์ ‼️ คำเตือนและข้อสังเกต ⛔ วิดีโอบนเว็บไซต์มีปัญหาการเล่น อาจทำให้สารสื่อสารไม่ถึงผู้ใช้ทั้งหมด ⛔ การเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์อาจไม่เพียงพอ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายจริง https://be-clippy.com/
    BE-CLIPPY.COM
    Be Like Clippy
    Join the Be Like Clippy movement to make technology more user-friendly and transparent. Including a list of custom clippy profile pictures
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Quttera เปิดตัว Evidence-as-Code API – พลิกโฉมการตรวจสอบความปลอดภัยและการทำ Compliance”

    Quttera ประกาศเปิดตัว Evidence-as-Code API ที่ช่วยให้องค์กรสามารถทำการตรวจสอบและเตรียมหลักฐานสำหรับการทำ SOC 2, PCI DSS v4.0, ISO 27001 และ GDPR ได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียเวลาทำงานเอกสารหรือจับภาพหน้าจอเหมือนเดิมอีกต่อไป ระบบนี้สามารถแปลงผลการตรวจจับมัลแวร์เป็น structured JSON พร้อม metadata ที่เชื่อมโยงกับข้อกำหนดด้าน compliance ได้ทันที

    สิ่งที่โดดเด่นคือการทำงานแบบ Real-Time Evidence Streaming ที่ส่งข้อมูลการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ระบบ GRC (Governance, Risk, and Compliance) เช่น Drata หรือ Vanta ทำให้ทีมงานมีหลักฐานการตรวจสอบที่สดใหม่ตลอดเวลา และสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องจริง ไม่ใช่เพียงรายงานแบบ snapshot ที่อาจล้าสมัย

    นอกจากนี้ Quttera ยังเปิดตัว Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคาม เช่น การจัดประเภทความเสี่ยง ผลกระทบทางธุรกิจ และแนวทางแก้ไขทีละขั้นตอน ปัจจุบันมีการบันทึกภัยคุกคามกว่า 80 ประเภท และจะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์

    การอัปเดตนี้ยังตอบโจทย์ข้อกำหนดใหม่ของ PCI DSS v4.0 ที่บังคับใช้ตั้งแต่มีนาคม 2025 โดยเฉพาะ Requirement 6.4.3 (การอนุญาตสคริปต์บนหน้าเพย์เมนต์) และ Requirement 11.6.1 (การตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟล์) ซึ่งต้องการระบบตรวจจับแบบอัตโนมัติและต่อเนื่อง ซึ่ง Quttera API สามารถให้หลักฐานที่มี timestamp ยืนยันได้ว่ามีการตรวจสอบตลอดเวลา

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัว Evidence-as-Code API
    แปลงผลตรวจจับมัลแวร์เป็น JSON พร้อม metadata สำหรับ compliance
    ลดภาระการทำเอกสารและการเตรียมหลักฐานแบบ manual

    คุณสมบัติเด่น
    Real-Time Evidence Streaming ส่งข้อมูลตรวจสอบต่อเนื่อง
    Threat Encyclopedia ให้ข้อมูลเชิงลึกและแนวทางแก้ไข

    การรองรับ Compliance หลายมาตรฐาน
    SOC 2, PCI DSS v4.0, ISO 27001 และ GDPR
    เชื่อมต่อกับ GRC systems เช่น Drata และ Vanta

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    หากไม่ปรับใช้ระบบตรวจสอบอัตโนมัติ อาจไม่ผ่านข้อกำหนด PCI DSS v4.0
    การพึ่งพารายงานแบบ snapshot เสี่ยงต่อการใช้หลักฐานที่ล้าสมัย

    https://hackread.com/quttera-evidence-as-code-api-soc-pci-dss/
    🛡️ “Quttera เปิดตัว Evidence-as-Code API – พลิกโฉมการตรวจสอบความปลอดภัยและการทำ Compliance” Quttera ประกาศเปิดตัว Evidence-as-Code API ที่ช่วยให้องค์กรสามารถทำการตรวจสอบและเตรียมหลักฐานสำหรับการทำ SOC 2, PCI DSS v4.0, ISO 27001 และ GDPR ได้แบบอัตโนมัติ โดยไม่ต้องเสียเวลาทำงานเอกสารหรือจับภาพหน้าจอเหมือนเดิมอีกต่อไป ระบบนี้สามารถแปลงผลการตรวจจับมัลแวร์เป็น structured JSON พร้อม metadata ที่เชื่อมโยงกับข้อกำหนดด้าน compliance ได้ทันที สิ่งที่โดดเด่นคือการทำงานแบบ Real-Time Evidence Streaming ที่ส่งข้อมูลการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ระบบ GRC (Governance, Risk, and Compliance) เช่น Drata หรือ Vanta ทำให้ทีมงานมีหลักฐานการตรวจสอบที่สดใหม่ตลอดเวลา และสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องจริง ไม่ใช่เพียงรายงานแบบ snapshot ที่อาจล้าสมัย นอกจากนี้ Quttera ยังเปิดตัว Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภัยคุกคาม เช่น การจัดประเภทความเสี่ยง ผลกระทบทางธุรกิจ และแนวทางแก้ไขทีละขั้นตอน ปัจจุบันมีการบันทึกภัยคุกคามกว่า 80 ประเภท และจะขยายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามภัยคุกคามใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกไซเบอร์ การอัปเดตนี้ยังตอบโจทย์ข้อกำหนดใหม่ของ PCI DSS v4.0 ที่บังคับใช้ตั้งแต่มีนาคม 2025 โดยเฉพาะ Requirement 6.4.3 (การอนุญาตสคริปต์บนหน้าเพย์เมนต์) และ Requirement 11.6.1 (การตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟล์) ซึ่งต้องการระบบตรวจจับแบบอัตโนมัติและต่อเนื่อง ซึ่ง Quttera API สามารถให้หลักฐานที่มี timestamp ยืนยันได้ว่ามีการตรวจสอบตลอดเวลา 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัว Evidence-as-Code API ➡️ แปลงผลตรวจจับมัลแวร์เป็น JSON พร้อม metadata สำหรับ compliance ➡️ ลดภาระการทำเอกสารและการเตรียมหลักฐานแบบ manual ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ Real-Time Evidence Streaming ส่งข้อมูลตรวจสอบต่อเนื่อง ➡️ Threat Encyclopedia ให้ข้อมูลเชิงลึกและแนวทางแก้ไข ✅ การรองรับ Compliance หลายมาตรฐาน ➡️ SOC 2, PCI DSS v4.0, ISO 27001 และ GDPR ➡️ เชื่อมต่อกับ GRC systems เช่น Drata และ Vanta ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ หากไม่ปรับใช้ระบบตรวจสอบอัตโนมัติ อาจไม่ผ่านข้อกำหนด PCI DSS v4.0 ⛔ การพึ่งพารายงานแบบ snapshot เสี่ยงต่อการใช้หลักฐานที่ล้าสมัย https://hackread.com/quttera-evidence-as-code-api-soc-pci-dss/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • Airbus สั่งแก้ซอฟต์แวร์ด่วน หลังพบข้อมูลควบคุมการบินเสียหาย

    Airbus ได้ออกคำสั่งเร่งด่วนให้สายการบินทั่วโลกดำเนินการ อัปเดตซอฟต์แวร์บนเครื่องบิน A320-family กว่า 6,000 ลำ หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่เครื่อง JetBlue A321 ต้องเบี่ยงเส้นทางกลางอากาศ เนื่องจากระบบควบคุมการบินเกิดพฤติกรรมผิดปกติ สาเหตุถูกระบุว่าเกิดจาก ข้อมูลควบคุมการบินเสียหาย (data corruption) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ รังสีดวงอาทิตย์ที่รุนแรง ในช่วงนั้น.

    หน่วยงานกำกับดูแลของยุโรป (EASA) ได้ออกคำสั่งบังคับให้สายการบินต้อง ย้อนกลับไปใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชันก่อนหน้า ที่มีความเสถียร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ขณะที่สายการบินหลายแห่งต้องเร่งปรับตารางการบินเพื่อทำการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่สามารถทำได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่บางลำจำเป็นต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ซึ่งใช้เวลานานและส่งผลต่อการให้บริการ.

    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ รังสีคอสมิก (cosmic rays) สามารถทำให้เกิด “bit flips” หรือการเปลี่ยนค่าข้อมูลในหน่วยความจำของระบบควบคุมการบิน แม้ว่าเครื่องบิน A320 จะมีระบบคอมพิวเตอร์แบบ triple-redundant และกลไก cross-checking เพื่อป้องกันความผิดพลาด แต่ก็ยังมีช่องโหว่ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้.

    Airbus ยืนยันว่าจะทำงานใกล้ชิดกับสายการบินเพื่อแก้ไขปัญหา พร้อมขอโทษผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบ โดยคาดว่าการอัปเดตซอฟต์แวร์จะเสร็จสิ้นภายในไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่การสอบสวนยังดำเนินต่อเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของความผิดพลาดนี้.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คำสั่งอัปเดตซอฟต์แวร์
    ครอบคลุมเครื่องบิน A320-family กว่า 6,000 ลำ
    ต้องย้อนกลับไปใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชันก่อนหน้า

    เหตุการณ์ JetBlue A321
    เกิดขึ้นวันที่ 30 ตุลาคม
    ระบบควบคุมการบินผิดปกติจนต้องเบี่ยงเส้นทาง
    มีผู้โดยสารบาดเจ็บจากเหตุการณ์

    สาเหตุที่เป็นไปได้
    รังสีดวงอาทิตย์ทำให้ข้อมูลควบคุมการบินเสียหาย
    เกิด “bit flips” ในหน่วยความจำของระบบ

    ผลกระทบต่อสายการบิน
    อัปเดตซอฟต์แวร์ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง
    บางลำต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ส่งผลต่อการให้บริการ

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
    แม้มีระบบ triple-redundant แต่ยังมีช่องโหว่จากรังสีคอสมิก
    อาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำหากไม่แก้ไขอย่างเร่งด่วน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/airbus-orders-immediate-software-fix-for-6000-a320-jets
    ✈️ Airbus สั่งแก้ซอฟต์แวร์ด่วน หลังพบข้อมูลควบคุมการบินเสียหาย Airbus ได้ออกคำสั่งเร่งด่วนให้สายการบินทั่วโลกดำเนินการ อัปเดตซอฟต์แวร์บนเครื่องบิน A320-family กว่า 6,000 ลำ หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม ที่เครื่อง JetBlue A321 ต้องเบี่ยงเส้นทางกลางอากาศ เนื่องจากระบบควบคุมการบินเกิดพฤติกรรมผิดปกติ สาเหตุถูกระบุว่าเกิดจาก ข้อมูลควบคุมการบินเสียหาย (data corruption) ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับ รังสีดวงอาทิตย์ที่รุนแรง ในช่วงนั้น. หน่วยงานกำกับดูแลของยุโรป (EASA) ได้ออกคำสั่งบังคับให้สายการบินต้อง ย้อนกลับไปใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชันก่อนหน้า ที่มีความเสถียร เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำ ขณะที่สายการบินหลายแห่งต้องเร่งปรับตารางการบินเพื่อทำการอัปเดตซอฟต์แวร์ที่สามารถทำได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง แต่บางลำจำเป็นต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ซึ่งใช้เวลานานและส่งผลต่อการให้บริการ. เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่ รังสีคอสมิก (cosmic rays) สามารถทำให้เกิด “bit flips” หรือการเปลี่ยนค่าข้อมูลในหน่วยความจำของระบบควบคุมการบิน แม้ว่าเครื่องบิน A320 จะมีระบบคอมพิวเตอร์แบบ triple-redundant และกลไก cross-checking เพื่อป้องกันความผิดพลาด แต่ก็ยังมีช่องโหว่ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้. Airbus ยืนยันว่าจะทำงานใกล้ชิดกับสายการบินเพื่อแก้ไขปัญหา พร้อมขอโทษผู้โดยสารที่ได้รับผลกระทบ โดยคาดว่าการอัปเดตซอฟต์แวร์จะเสร็จสิ้นภายในไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่การสอบสวนยังดำเนินต่อเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของความผิดพลาดนี้. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คำสั่งอัปเดตซอฟต์แวร์ ➡️ ครอบคลุมเครื่องบิน A320-family กว่า 6,000 ลำ ➡️ ต้องย้อนกลับไปใช้ซอฟต์แวร์เวอร์ชันก่อนหน้า ✅ เหตุการณ์ JetBlue A321 ➡️ เกิดขึ้นวันที่ 30 ตุลาคม ➡️ ระบบควบคุมการบินผิดปกติจนต้องเบี่ยงเส้นทาง ➡️ มีผู้โดยสารบาดเจ็บจากเหตุการณ์ ✅ สาเหตุที่เป็นไปได้ ➡️ รังสีดวงอาทิตย์ทำให้ข้อมูลควบคุมการบินเสียหาย ➡️ เกิด “bit flips” ในหน่วยความจำของระบบ ✅ ผลกระทบต่อสายการบิน ➡️ อัปเดตซอฟต์แวร์ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมง ➡️ บางลำต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ส่งผลต่อการให้บริการ ‼️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ⛔ แม้มีระบบ triple-redundant แต่ยังมีช่องโหว่จากรังสีคอสมิก ⛔ อาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำหากไม่แก้ไขอย่างเร่งด่วน https://www.tomshardware.com/tech-industry/airbus-orders-immediate-software-fix-for-6000-a320-jets
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 0 รีวิว
  • สร้าง RAG แบบ Local ได้จริง: ประสบการณ์จาก Skald

    ทีมพัฒนา Skald ได้ทดลองสร้างระบบ RAG (Retrieval-Augmented Generation) แบบ self-hosted ที่ไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังบริการของบุคคลที่สาม โดยใช้เทคโนโลยี open-source ทั้งหมด เพื่อตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความเป็นส่วนตัวของข้อมูลแต่ยังต้องการใช้ประโยชน์จาก AI สมัยใหม่

    การทดสอบใช้เนื้อหาจากเว็บไซต์ PostHog ประมาณ 2,000 เอกสาร โดยเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่าง 3 รูปแบบ: Cloud APIs (Voyage + Claude), Hybrid (Voyage + GPT-OSS 20B), และ Fully Local (Sentence Transformers + GPT-OSS 20B) ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าระบบ local สามารถทำงานได้จริงและให้ผลลัพธ์ที่ดีในหลายกรณี

    สิ่งที่น่าสนใจคือการ deploy ระบบทั้งหมดใช้เวลาเพียง 8 นาที รวมถึง vector database, reranking, embedding service และ document parser โดยใช้ Postgres + pgvector, Sentence Transformers, และ Docling ตามลำดับ ทำให้เห็นว่าการสร้าง RAG แบบ local ไม่ได้ยากอย่างที่คิด

    ผลการทดสอบพบว่า Cloud setup ได้คะแนน 9.45/10, Hybrid setup ได้ 9.18/10, ส่วน Local setup แบบพื้นฐานได้ 7.10/10 และเมื่อใช้โมเดล multi-lingual ที่ดีกว่าสามารถยกระดับเป็น 8.63/10 ได้ โดยจุดอ่อนหลักคือการตอบคำถามที่ต้องรวบรวมข้อมูลจากหลายเอกสาร แต่สำหรับคำถามแบบ point query ระบบ local ทำงานได้ดีมาก

    สรุปสาระสำคัญ
    องค์ประกอบของ RAG และทางเลือก Open-Source
    Vector Database: Postgres + pgvector (แทน Pinecone, Weaviate)
    Embeddings: Sentence Transformers all-MiniLM-L6-v2 (แทน OpenAI, Voyage)
    LLM: GPT-OSS 20B ผ่าน llama.cpp (แทน GPT-4, Claude)
    Reranker: Sentence Transformers cross-encoder (แทน Cohere, Voyage)
    Document Parser: Docling ผ่าน docling-serve

    ผลการทดสอบประสิทธิภาพ
    Voyage + Claude (Cloud): คะแนนเฉลี่ย 9.45/10 - ผ่านทุกคำถาม
    Voyage + GPT-OSS 20B (Hybrid): คะแนนเฉลี่ย 9.18/10 - ผลลัพธ์ดีมาก
    Local + โมเดลพื้นฐาน: คะแนนเฉลี่ย 7.10/10 - ดีสำหรับ point queries
    Local + โมเดล multi-lingual: คะแนนเฉลี่ย 8.63/10 - ปรับปรุงได้มาก

    ข้อดีของ Local Setup
    Deploy ได้ภายใน 8 นาที รวมทุก component
    ไม่ต้องส่งข้อมูลออกนอกองค์กร - เหมาะกับข้อมูลที่ sensitive
    ใช้เทคโนโลยี open-source ทั้งหมด (MIT-licensed)
    รองรับการทำงานใน air-gapped infrastructure

    จุดแข็งของโมเดล Local
    ตอบคำถามแบบ point query (หาคำตอบจากที่เดียว) ได้ดีมาก
    โมเดลพื้นฐานทำงานเร็วและเหมาะกับภาษาอังกฤษ
    โมเดล multi-lingual (bge-m3) รองรับหลายภาษารวมถึงไทย
    แนวโน้มจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโมเดล open-source พัฒนา

    ข้อจำกัดที่ควรระวัง
    โมเดลพื้นฐานมีปัญหากับคำถามที่คลุมเครือ (ambiguous questions)
    ยังไม่เก่งในการรวบรวมข้อมูลจากหลายเอกสาร (multi-document context)
    โมเดลพื้นฐานรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ - ต้องใช้โมเดล multi-lingual สำหรับภาษาอื่น
    pgvector อาจไม่เหมาะกับ dataset ขนาดใหญ่มากๆ - ต้องพิจารณา vector DB อื่น

    สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม
    ต้องรัน service หลายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการเรียก API
    ต้องมีความรู้ในการ deploy และ manage infrastructure
    อาจต้องปรับแต่ง topK values และเทคนิคอื่นๆ ตาม use case
    ต้องมี hardware เพียงพอ (ทดสอบใช้ g5.2xlarge EC2 สำหรับ LLM)

    https://blog.yakkomajuri.com/blog/local-rag
    🚀 สร้าง RAG แบบ Local ได้จริง: ประสบการณ์จาก Skald ทีมพัฒนา Skald ได้ทดลองสร้างระบบ RAG (Retrieval-Augmented Generation) แบบ self-hosted ที่ไม่ต้องส่งข้อมูลไปยังบริการของบุคคลที่สาม โดยใช้เทคโนโลยี open-source ทั้งหมด เพื่อตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความเป็นส่วนตัวของข้อมูลแต่ยังต้องการใช้ประโยชน์จาก AI สมัยใหม่ การทดสอบใช้เนื้อหาจากเว็บไซต์ PostHog ประมาณ 2,000 เอกสาร โดยเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่าง 3 รูปแบบ: Cloud APIs (Voyage + Claude), Hybrid (Voyage + GPT-OSS 20B), และ Fully Local (Sentence Transformers + GPT-OSS 20B) ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าระบบ local สามารถทำงานได้จริงและให้ผลลัพธ์ที่ดีในหลายกรณี สิ่งที่น่าสนใจคือการ deploy ระบบทั้งหมดใช้เวลาเพียง 8 นาที รวมถึง vector database, reranking, embedding service และ document parser โดยใช้ Postgres + pgvector, Sentence Transformers, และ Docling ตามลำดับ ทำให้เห็นว่าการสร้าง RAG แบบ local ไม่ได้ยากอย่างที่คิด ผลการทดสอบพบว่า Cloud setup ได้คะแนน 9.45/10, Hybrid setup ได้ 9.18/10, ส่วน Local setup แบบพื้นฐานได้ 7.10/10 และเมื่อใช้โมเดล multi-lingual ที่ดีกว่าสามารถยกระดับเป็น 8.63/10 ได้ โดยจุดอ่อนหลักคือการตอบคำถามที่ต้องรวบรวมข้อมูลจากหลายเอกสาร แต่สำหรับคำถามแบบ point query ระบบ local ทำงานได้ดีมาก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ องค์ประกอบของ RAG และทางเลือก Open-Source ➡️ Vector Database: Postgres + pgvector (แทน Pinecone, Weaviate) ➡️ Embeddings: Sentence Transformers all-MiniLM-L6-v2 (แทน OpenAI, Voyage) ➡️ LLM: GPT-OSS 20B ผ่าน llama.cpp (แทน GPT-4, Claude) ➡️ Reranker: Sentence Transformers cross-encoder (แทน Cohere, Voyage) ➡️ Document Parser: Docling ผ่าน docling-serve ✅ ผลการทดสอบประสิทธิภาพ ➡️ Voyage + Claude (Cloud): คะแนนเฉลี่ย 9.45/10 - ผ่านทุกคำถาม ➡️ Voyage + GPT-OSS 20B (Hybrid): คะแนนเฉลี่ย 9.18/10 - ผลลัพธ์ดีมาก ➡️ Local + โมเดลพื้นฐาน: คะแนนเฉลี่ย 7.10/10 - ดีสำหรับ point queries ➡️ Local + โมเดล multi-lingual: คะแนนเฉลี่ย 8.63/10 - ปรับปรุงได้มาก ✅ ข้อดีของ Local Setup ➡️ Deploy ได้ภายใน 8 นาที รวมทุก component ➡️ ไม่ต้องส่งข้อมูลออกนอกองค์กร - เหมาะกับข้อมูลที่ sensitive ➡️ ใช้เทคโนโลยี open-source ทั้งหมด (MIT-licensed) ➡️ รองรับการทำงานใน air-gapped infrastructure ✅ จุดแข็งของโมเดล Local ➡️ ตอบคำถามแบบ point query (หาคำตอบจากที่เดียว) ได้ดีมาก ➡️ โมเดลพื้นฐานทำงานเร็วและเหมาะกับภาษาอังกฤษ ➡️ โมเดล multi-lingual (bge-m3) รองรับหลายภาษารวมถึงไทย ➡️ แนวโน้มจะดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อโมเดล open-source พัฒนา ‼️ ข้อจำกัดที่ควรระวัง ⛔ โมเดลพื้นฐานมีปัญหากับคำถามที่คลุมเครือ (ambiguous questions) ⛔ ยังไม่เก่งในการรวบรวมข้อมูลจากหลายเอกสาร (multi-document context) ⛔ โมเดลพื้นฐานรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ - ต้องใช้โมเดล multi-lingual สำหรับภาษาอื่น ⛔ pgvector อาจไม่เหมาะกับ dataset ขนาดใหญ่มากๆ - ต้องพิจารณา vector DB อื่น ‼️ สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม ⛔ ต้องรัน service หลายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการเรียก API ⛔ ต้องมีความรู้ในการ deploy และ manage infrastructure ⛔ อาจต้องปรับแต่ง topK values และเทคนิคอื่นๆ ตาม use case ⛔ ต้องมี hardware เพียงพอ (ทดสอบใช้ g5.2xlarge EC2 สำหรับ LLM) https://blog.yakkomajuri.com/blog/local-rag
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชุดข้อมูล Hacker News Vector Search

    ClickHouse ที่แนะนำ Hacker News Vector Search Dataset ซึ่งเป็นชุดข้อมูลตัวอย่างที่ใช้สำหรับการทดลองการค้นหาแบบเวกเตอร์ (Vector Search) โดยมีข้อมูลโพสต์จาก Hacker News ที่สามารถนำไปใช้ฝึกฝนและทดสอบระบบค้นหาขั้นสูงได้

    ClickHouse จัดเตรียมชุดข้อมูลจาก Hacker News ที่มีโพสต์จำนวนมาก พร้อมข้อมูลประกอบ เช่น ชื่อเรื่อง, เนื้อหา, คะแนน, และเวลาโพสต์ ข้อมูลเหล่านี้ถูกแปลงเป็นเวกเตอร์เพื่อใช้ในการค้นหาเชิงความหมาย (Semantic Search) ทำให้สามารถค้นหาข้อมูลที่ “ใกล้เคียง” กันในเชิงความหมาย ไม่ใช่แค่ตรงกับคำค้น

    การใช้งานกับ ClickHouse
    ผู้ใช้สามารถโหลดชุดข้อมูลนี้เข้าสู่ ClickHouse ได้โดยตรงผ่านคำสั่ง SQL ที่มีให้ในเอกสาร ตัวอย่างเช่น การสร้างตารางที่รองรับเวกเตอร์ และการนำข้อมูลเข้าไปเพื่อทดสอบการค้นหาแบบ ANN (Approximate Nearest Neighbor) ซึ่งช่วยให้การค้นหามีประสิทธิภาพสูงแม้กับข้อมูลจำนวนมหาศาล

    ประโยชน์สำหรับนักพัฒนา
    ชุดข้อมูลนี้เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการทดลองการค้นหาเชิงความหมาย, การสร้างระบบแนะนำ (Recommendation System), หรือการทำงานกับ AI/ML ที่เกี่ยวข้องกับข้อความ โดยไม่ต้องสร้างชุดข้อมูลเองจากศูนย์

    ความสำคัญของ Vector Search
    Vector Search กำลังเป็นเทคโนโลยีสำคัญในยุค AI เพราะช่วยให้ระบบเข้าใจความหมายของข้อความได้ดีกว่าการค้นหาแบบดั้งเดิม เช่น การค้นหาคำว่า “AI assistant” อาจคืนผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับ “chatbot” หรือ “Copilot” แม้จะไม่ได้ใช้คำเดียวกัน

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ชุดข้อมูล Hacker News Vector Search
    รวมโพสต์จาก Hacker News พร้อมข้อมูลประกอบ
    ถูกแปลงเป็นเวกเตอร์เพื่อใช้ค้นหาเชิงความหมาย

    การใช้งานกับ ClickHouse
    มีตัวอย่าง SQL สำหรับสร้างตารางและโหลดข้อมูล
    รองรับการค้นหาแบบ ANN เพื่อความเร็วและประสิทธิภาพ

    ประโยชน์สำหรับนักพัฒนา
    ใช้ทดลอง Semantic Search และ Recommendation System
    เหมาะสำหรับงาน AI/ML ที่เกี่ยวข้องกับข้อความ

    ความสำคัญของ Vector Search
    เข้าใจความหมายของข้อความได้ดีกว่าการค้นหาแบบดั้งเดิม
    ช่วยให้ผลลัพธ์ครอบคลุมและตรงกับความตั้งใจของผู้ใช้มากขึ้น

    คำเตือน/ข้อสังเกต
    ชุดข้อมูลเป็นตัวอย่าง อาจไม่ครอบคลุมทุกโพสต์จริงของ Hacker News
    การใช้งานกับข้อมูลจริงต้องพิจารณาด้านสิทธิ์และความเป็นส่วนตัว

    https://clickhouse.com/docs/getting-started/example-datasets/hackernews-vector-search-dataset
    📊 ชุดข้อมูล Hacker News Vector Search ClickHouse ที่แนะนำ Hacker News Vector Search Dataset ซึ่งเป็นชุดข้อมูลตัวอย่างที่ใช้สำหรับการทดลองการค้นหาแบบเวกเตอร์ (Vector Search) โดยมีข้อมูลโพสต์จาก Hacker News ที่สามารถนำไปใช้ฝึกฝนและทดสอบระบบค้นหาขั้นสูงได้ ClickHouse จัดเตรียมชุดข้อมูลจาก Hacker News ที่มีโพสต์จำนวนมาก พร้อมข้อมูลประกอบ เช่น ชื่อเรื่อง, เนื้อหา, คะแนน, และเวลาโพสต์ ข้อมูลเหล่านี้ถูกแปลงเป็นเวกเตอร์เพื่อใช้ในการค้นหาเชิงความหมาย (Semantic Search) ทำให้สามารถค้นหาข้อมูลที่ “ใกล้เคียง” กันในเชิงความหมาย ไม่ใช่แค่ตรงกับคำค้น ⚙️ การใช้งานกับ ClickHouse ผู้ใช้สามารถโหลดชุดข้อมูลนี้เข้าสู่ ClickHouse ได้โดยตรงผ่านคำสั่ง SQL ที่มีให้ในเอกสาร ตัวอย่างเช่น การสร้างตารางที่รองรับเวกเตอร์ และการนำข้อมูลเข้าไปเพื่อทดสอบการค้นหาแบบ ANN (Approximate Nearest Neighbor) ซึ่งช่วยให้การค้นหามีประสิทธิภาพสูงแม้กับข้อมูลจำนวนมหาศาล 🌐 ประโยชน์สำหรับนักพัฒนา ชุดข้อมูลนี้เหมาะสำหรับนักพัฒนาที่ต้องการทดลองการค้นหาเชิงความหมาย, การสร้างระบบแนะนำ (Recommendation System), หรือการทำงานกับ AI/ML ที่เกี่ยวข้องกับข้อความ โดยไม่ต้องสร้างชุดข้อมูลเองจากศูนย์ 🔍 ความสำคัญของ Vector Search Vector Search กำลังเป็นเทคโนโลยีสำคัญในยุค AI เพราะช่วยให้ระบบเข้าใจความหมายของข้อความได้ดีกว่าการค้นหาแบบดั้งเดิม เช่น การค้นหาคำว่า “AI assistant” อาจคืนผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องกับ “chatbot” หรือ “Copilot” แม้จะไม่ได้ใช้คำเดียวกัน 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ชุดข้อมูล Hacker News Vector Search ➡️ รวมโพสต์จาก Hacker News พร้อมข้อมูลประกอบ ➡️ ถูกแปลงเป็นเวกเตอร์เพื่อใช้ค้นหาเชิงความหมาย ✅ การใช้งานกับ ClickHouse ➡️ มีตัวอย่าง SQL สำหรับสร้างตารางและโหลดข้อมูล ➡️ รองรับการค้นหาแบบ ANN เพื่อความเร็วและประสิทธิภาพ ✅ ประโยชน์สำหรับนักพัฒนา ➡️ ใช้ทดลอง Semantic Search และ Recommendation System ➡️ เหมาะสำหรับงาน AI/ML ที่เกี่ยวข้องกับข้อความ ✅ ความสำคัญของ Vector Search ➡️ เข้าใจความหมายของข้อความได้ดีกว่าการค้นหาแบบดั้งเดิม ➡️ ช่วยให้ผลลัพธ์ครอบคลุมและตรงกับความตั้งใจของผู้ใช้มากขึ้น ‼️ คำเตือน/ข้อสังเกต ⛔ ชุดข้อมูลเป็นตัวอย่าง อาจไม่ครอบคลุมทุกโพสต์จริงของ Hacker News ⛔ การใช้งานกับข้อมูลจริงต้องพิจารณาด้านสิทธิ์และความเป็นส่วนตัว https://clickhouse.com/docs/getting-started/example-datasets/hackernews-vector-search-dataset
    CLICKHOUSE.COM
    Hacker News vector search dataset | ClickHouse Docs
    Dataset containing 28+ million Hacker News postings & their vector embeddings
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • “HashJack – ช่องโหว่ใหม่ที่ซ่อนคำสั่งใน URL ทำให้ AI Browser ถูกควบคุม”

    ช่องโหว่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
    HashJack ถูกค้นพบโดยบริษัท Cato Networks เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2025 เป็นตัวอย่างแรกของเทคนิค Indirect Prompt Injection ที่ซ่อนคำสั่งไว้ในส่วน URL fragment หลังเครื่องหมาย # ซึ่งปกติแล้วเว็บเซิร์ฟเวอร์จะไม่อ่าน แต่ AI Assistants กลับอ่านและนำไปปฏิบัติ ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เว็บไซต์ที่ดูปลอดภัยเป็นเครื่องมือโจมตีได้โดยไม่ต้องแฮ็กเว็บจริง

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    คำสั่งที่ซ่อนอยู่สามารถทำให้ AI แนะนำข้อมูลผิด ๆ เช่น คำแนะนำทางการแพทย์ที่เป็นอันตราย, หลอกให้ผู้ใช้เปิดเผยข้อมูลเข้าสู่ระบบ (credential theft) หรือแม้กระทั่งสั่งให้ AI ดึงข้อมูลสำคัญจากผู้ใช้ (data exfiltration) ในโหมด agentic ที่ AI ทำงานอัตโนมัติ ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้น เพราะ AI อาจถูกสั่งให้เปิดพอร์ตระบบหรือดาวน์โหลดไฟล์ที่เป็นมัลแวร์

    การตอบสนองของบริษัทเทคโนโลยี
    Microsoft แก้ไขช่องโหว่สำหรับ Copilot บน Edge เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2025
    Perplexity แก้ไข Comet Browser เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025
    Google ยังไม่ได้แก้ไข Gemini บน Chrome โดยให้เหตุผลว่าเป็น “พฤติกรรมที่ตั้งใจ” และจัดระดับความรุนแรงต่ำ ทำให้ผู้ใช้ยังคงเสี่ยงอยู่ในปัจจุบัน

    บทเรียนที่ได้
    HashJack แสดงให้เห็นว่า AI Browser Assistants มีความเสี่ยงใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน เพราะพวกมันอ่านข้อมูลที่มนุษย์มองข้าม เช่น URL fragment การค้นพบนี้เตือนอุตสาหกรรมว่า การออกแบบ AI ต้องคำนึงถึงการจัดการข้อมูลที่ดูเหมือนไม่สำคัญ เพื่อป้องกันการโจมตีที่ซับซ้อนในอนาคต

    สรุปเป็นหัวข้อ
    HashJack คือช่องโหว่ใหม่
    ใช้สัญลักษณ์ # ใน URL เพื่อซ่อนคำสั่ง
    เป็นตัวอย่างแรกของ Indirect Prompt Injection

    ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
    ข้อมูลเข้าสู่ระบบอาจถูกขโมย
    AI อาจให้คำแนะนำทางการแพทย์ที่ผิด
    เสี่ยงต่อการดึงข้อมูลสำคัญโดยอัตโนมัติ

    การตอบสนองของบริษัทเทคโนโลยี
    Microsoft และ Perplexity แก้ไขแล้ว
    Google Gemini ยังไม่ได้แก้ไข

    ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้
    หลีกเลี่ยงการใช้ Gemini บน Chrome จนกว่าจะมีการแก้ไข
    ระวังเว็บไซต์ที่ดูปลอดภัยแต่มี URL fragment แปลก ๆ
    อย่าเปิดเผยข้อมูลสำคัญผ่าน AI Assistants โดยไม่ตรวจสอบ

    https://hackread.com/hashjack-attack-url-control-ai-browser-behavior/
    📰 “HashJack – ช่องโหว่ใหม่ที่ซ่อนคำสั่งใน URL ทำให้ AI Browser ถูกควบคุม” 🔎 ช่องโหว่ที่ไม่เคยมีมาก่อน HashJack ถูกค้นพบโดยบริษัท Cato Networks เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2025 เป็นตัวอย่างแรกของเทคนิค Indirect Prompt Injection ที่ซ่อนคำสั่งไว้ในส่วน URL fragment หลังเครื่องหมาย # ซึ่งปกติแล้วเว็บเซิร์ฟเวอร์จะไม่อ่าน แต่ AI Assistants กลับอ่านและนำไปปฏิบัติ ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เว็บไซต์ที่ดูปลอดภัยเป็นเครื่องมือโจมตีได้โดยไม่ต้องแฮ็กเว็บจริง ⚠️ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น คำสั่งที่ซ่อนอยู่สามารถทำให้ AI แนะนำข้อมูลผิด ๆ เช่น คำแนะนำทางการแพทย์ที่เป็นอันตราย, หลอกให้ผู้ใช้เปิดเผยข้อมูลเข้าสู่ระบบ (credential theft) หรือแม้กระทั่งสั่งให้ AI ดึงข้อมูลสำคัญจากผู้ใช้ (data exfiltration) ในโหมด agentic ที่ AI ทำงานอัตโนมัติ ความเสี่ยงยิ่งสูงขึ้น เพราะ AI อาจถูกสั่งให้เปิดพอร์ตระบบหรือดาวน์โหลดไฟล์ที่เป็นมัลแวร์ 🏢 การตอบสนองของบริษัทเทคโนโลยี ⭐ Microsoft แก้ไขช่องโหว่สำหรับ Copilot บน Edge เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2025 ⭐ Perplexity แก้ไข Comet Browser เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025 ⭐ Google ยังไม่ได้แก้ไข Gemini บน Chrome โดยให้เหตุผลว่าเป็น “พฤติกรรมที่ตั้งใจ” และจัดระดับความรุนแรงต่ำ ทำให้ผู้ใช้ยังคงเสี่ยงอยู่ในปัจจุบัน 🌐 บทเรียนที่ได้ HashJack แสดงให้เห็นว่า AI Browser Assistants มีความเสี่ยงใหม่ที่ไม่เคยเจอมาก่อน เพราะพวกมันอ่านข้อมูลที่มนุษย์มองข้าม เช่น URL fragment การค้นพบนี้เตือนอุตสาหกรรมว่า การออกแบบ AI ต้องคำนึงถึงการจัดการข้อมูลที่ดูเหมือนไม่สำคัญ เพื่อป้องกันการโจมตีที่ซับซ้อนในอนาคต 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ HashJack คือช่องโหว่ใหม่ ➡️ ใช้สัญลักษณ์ # ใน URL เพื่อซ่อนคำสั่ง ➡️ เป็นตัวอย่างแรกของ Indirect Prompt Injection ✅ ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ➡️ ข้อมูลเข้าสู่ระบบอาจถูกขโมย ➡️ AI อาจให้คำแนะนำทางการแพทย์ที่ผิด ➡️ เสี่ยงต่อการดึงข้อมูลสำคัญโดยอัตโนมัติ ✅ การตอบสนองของบริษัทเทคโนโลยี ➡️ Microsoft และ Perplexity แก้ไขแล้ว ➡️ Google Gemini ยังไม่ได้แก้ไข ‼️ ข้อควรระวังสำหรับผู้ใช้ ⛔ หลีกเลี่ยงการใช้ Gemini บน Chrome จนกว่าจะมีการแก้ไข ⛔ ระวังเว็บไซต์ที่ดูปลอดภัยแต่มี URL fragment แปลก ๆ ⛔ อย่าเปิดเผยข้อมูลสำคัญผ่าน AI Assistants โดยไม่ตรวจสอบ https://hackread.com/hashjack-attack-url-control-ai-browser-behavior/
    HACKREAD.COM
    HashJack Attack Uses URL ‘#’ to Control AI Browser Behavior
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข้อมูลล่มเพราะระบบทำความเย็นเสีย

    เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน CME ต้องหยุดการซื้อขายทั่วโลก เนื่องจาก ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne เกิดความขัดข้อง ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ประมวลผลการซื้อขายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทีมวิศวกรและผู้รับเหมาถูกเรียกเข้ามาแก้ไขทันที โดยมีการรีสตาร์ทเครื่องทำความเย็นบางส่วนและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราวเพื่อพยายามฟื้นฟูระบบ

    ผลกระทบต่อการซื้อขายทั่วโลก
    CME เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมการซื้อขายตั้งแต่สินค้าเกษตร พลังงาน ดัชนีหุ้น ไปจนถึงคริปโตและอัตราดอกเบี้ย การหยุดชะงักครั้งนี้จึงส่งผลกระทบไปถึง ลอนดอน กัวลาลัมเปอร์ และยุโรป โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรและรีโปในยุโรปที่ต้องหยุดทำการ ขณะที่ BrokerTec US และ EU สามารถกลับมาเปิดได้บางส่วน แต่ระบบอื่น ๆ ยังคงหยุดอยู่

    เวลาและความรุนแรงของเหตุการณ์
    เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ผลกระทบในตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด แต่ในตลาดเอเชียและยุโรปกลับได้รับผลกระทบหนักกว่า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการซื้อขายหนาแน่น เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึง ความเสี่ยงของการพึ่งพาระบบเดียว ในการขับเคลื่อนธุรกรรมระดับโลกที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์

    ความหมายต่ออนาคตของโครงสร้างพื้นฐานการเงิน
    การหยุดชะงักครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดของ CME และเป็นสัญญาณเตือนว่าการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและพลังงานมีความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก การลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่ตลาดการเงินต้องให้ความสำคัญมากขึ้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สาเหตุของการหยุดชะงัก
    ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne ขัดข้อง
    ทีมวิศวกรต้องรีสตาร์ทและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราว

    ผลกระทบต่อการซื้อขาย
    ตลาดอนุพันธ์ CME ครอบคลุมการซื้อขายทั่วโลก
    ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบหนักที่สุด

    เวลาและความรุนแรง
    เกิดขึ้นเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ตลาดสหรัฐฯ กระทบจำกัด
    ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบมากกว่า

    ความหมายต่ออนาคต
    สะท้อนความเสี่ยงจากการพึ่งพาระบบเดียว
    จำเป็นต้องลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยง

    คำเตือนจากเหตุการณ์
    การหยุดชะงักของโครงสร้างพื้นฐาน IT สามารถกระทบเศรษฐกิจโลกทันที
    ตลาดการเงินต้องเตรียมแผนสำรองเพื่อป้องกันการล่มซ้ำอีกครั้ง

    https://www.tomshardware.com/desktops/servers/data-center-cooling-issue-halts-worlds-largest-derivatives-exchange-cme-trading-shutdown-ripples-across-malaysia-uk-and-eu-markets
    🌡️ ศูนย์ข้อมูลล่มเพราะระบบทำความเย็นเสีย เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน CME ต้องหยุดการซื้อขายทั่วโลก เนื่องจาก ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne เกิดความขัดข้อง ส่งผลให้เซิร์ฟเวอร์ที่ใช้ประมวลผลการซื้อขายไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ ทีมวิศวกรและผู้รับเหมาถูกเรียกเข้ามาแก้ไขทันที โดยมีการรีสตาร์ทเครื่องทำความเย็นบางส่วนและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราวเพื่อพยายามฟื้นฟูระบบ 💹 ผลกระทบต่อการซื้อขายทั่วโลก CME เป็นตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมการซื้อขายตั้งแต่สินค้าเกษตร พลังงาน ดัชนีหุ้น ไปจนถึงคริปโตและอัตราดอกเบี้ย การหยุดชะงักครั้งนี้จึงส่งผลกระทบไปถึง ลอนดอน กัวลาลัมเปอร์ และยุโรป โดยเฉพาะตลาดพันธบัตรและรีโปในยุโรปที่ต้องหยุดทำการ ขณะที่ BrokerTec US และ EU สามารถกลับมาเปิดได้บางส่วน แต่ระบบอื่น ๆ ยังคงหยุดอยู่ 🕒 เวลาและความรุนแรงของเหตุการณ์ เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ผลกระทบในตลาดสหรัฐฯ ค่อนข้างจำกัด แต่ในตลาดเอเชียและยุโรปกลับได้รับผลกระทบหนักกว่า เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีการซื้อขายหนาแน่น เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนถึง ความเสี่ยงของการพึ่งพาระบบเดียว ในการขับเคลื่อนธุรกรรมระดับโลกที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ 🌍 ความหมายต่ออนาคตของโครงสร้างพื้นฐานการเงิน การหยุดชะงักครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ใหญ่ที่สุดของ CME และเป็นสัญญาณเตือนว่าการจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีและพลังงานมีความสำคัญต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก การลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่ตลาดการเงินต้องให้ความสำคัญมากขึ้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สาเหตุของการหยุดชะงัก ➡️ ระบบทำความเย็นในศูนย์ข้อมูล CyrusOne ขัดข้อง ➡️ ทีมวิศวกรต้องรีสตาร์ทและติดตั้งอุปกรณ์เสริมชั่วคราว ✅ ผลกระทบต่อการซื้อขาย ➡️ ตลาดอนุพันธ์ CME ครอบคลุมการซื้อขายทั่วโลก ➡️ ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบหนักที่สุด ✅ เวลาและความรุนแรง ➡️ เกิดขึ้นเช้าวันศุกร์หลังวันหยุด ทำให้ตลาดสหรัฐฯ กระทบจำกัด ➡️ ตลาดยุโรปและเอเชียได้รับผลกระทบมากกว่า ✅ ความหมายต่ออนาคต ➡️ สะท้อนความเสี่ยงจากการพึ่งพาระบบเดียว ➡️ จำเป็นต้องลงทุนในระบบสำรองและการกระจายความเสี่ยง ‼️ คำเตือนจากเหตุการณ์ ⛔ การหยุดชะงักของโครงสร้างพื้นฐาน IT สามารถกระทบเศรษฐกิจโลกทันที ⛔ ตลาดการเงินต้องเตรียมแผนสำรองเพื่อป้องกันการล่มซ้ำอีกครั้ง https://www.tomshardware.com/desktops/servers/data-center-cooling-issue-halts-worlds-largest-derivatives-exchange-cme-trading-shutdown-ripples-across-malaysia-uk-and-eu-markets
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • Critical Alert: ช่องโหว่ Apache Kvrocks เปิดสิทธิ์แอดมิน

    Apache Software Foundation ได้ออกประกาศเตือนเร่งด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ใน Kvrocks ซึ่งเป็นฐานข้อมูล NoSQL ที่รองรับโปรโตคอล Redis โดยพบว่ามี สองช่องโหว่สำคัญ ที่อาจทำให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลและสิทธิ์ระดับสูงได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนที่ถูกต้อง

    CVE-2025-59790 – RESET Command Flaw
    ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับ Critical เนื่องจากคำสั่ง RESET สามารถถูกใช้เพื่อยกระดับสิทธิ์จากผู้ใช้ทั่วไปไปเป็นผู้ดูแลระบบได้ทันที โดยกระทบกับเวอร์ชัน 2.9.0 ถึง 2.13.0 หากถูกโจมตี ผู้ไม่หวังดีสามารถแก้ไขการตั้งค่า, เข้าถึงข้อมูลสำคัญ หรือหยุดการทำงานของบริการได้

    CVE-2025-59792 – MONITOR Command Leak
    ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับ Important และกระทบตั้งแต่เวอร์ชัน 1.0.0 ถึง 2.13.0 โดยคำสั่ง MONITOR ที่ใช้สำหรับ debug จะส่งคืนทุกคำสั่งที่เซิร์ฟเวอร์ประมวลผล แต่กลับเผยให้เห็น รหัสผ่านแบบ plaintext ที่ผู้ใช้รายอื่นส่งเข้ามา ทำให้ผู้โจมตีสามารถดักจับและนำไปใช้เพื่อเข้าถึงระบบได้

    ผลกระทบและการแก้ไข
    เนื่องจาก Kvrocks ถูกใช้ในระบบ cloud-native และงานที่ต้องจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ช่องโหว่นี้จึงมีผลกระทบต่อ data integrity และ confidentiality อย่างรุนแรง Apache ได้ออกเวอร์ชัน 2.14.0 เพื่อแก้ไขทั้งสองช่องโหว่ และแนะนำให้องค์กรเร่งอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี

    สรุปสาระสำคัญ
    CVE-2025-59790 (RESET Command)
    ยกระดับสิทธิ์ผู้ใช้ทั่วไปเป็นแอดมินได้ทันที

    CVE-2025-59792 (MONITOR Command)
    เผยรหัสผ่าน plaintext ของผู้ใช้รายอื่น

    เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    2.9.0–2.13.0 (RESET) และ 1.0.0–2.13.0 (MONITOR)

    การแก้ไข
    อัปเดตเป็น Kvrocks 2.14.0 เพื่อปิดช่องโหว่

    ความเสี่ยงต่อระบบ cloud-native
    อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลและบริการหยุดชะงัก

    การใช้ MONITOR โดยไม่ระวัง
    เพิ่มโอกาสให้ผู้โจมตีดักจับรหัสผ่านได้ง่ายขึ้น

    https://securityonline.info/critical-alert-apache-kvrocks-reset-command-flaw-grants-admin-privileges/
    🚨 Critical Alert: ช่องโหว่ Apache Kvrocks เปิดสิทธิ์แอดมิน Apache Software Foundation ได้ออกประกาศเตือนเร่งด่วนเกี่ยวกับช่องโหว่ใน Kvrocks ซึ่งเป็นฐานข้อมูล NoSQL ที่รองรับโปรโตคอล Redis โดยพบว่ามี สองช่องโหว่สำคัญ ที่อาจทำให้ผู้โจมตีเข้าถึงข้อมูลและสิทธิ์ระดับสูงได้โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนที่ถูกต้อง 🛠️ CVE-2025-59790 – RESET Command Flaw ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับ Critical เนื่องจากคำสั่ง RESET สามารถถูกใช้เพื่อยกระดับสิทธิ์จากผู้ใช้ทั่วไปไปเป็นผู้ดูแลระบบได้ทันที โดยกระทบกับเวอร์ชัน 2.9.0 ถึง 2.13.0 หากถูกโจมตี ผู้ไม่หวังดีสามารถแก้ไขการตั้งค่า, เข้าถึงข้อมูลสำคัญ หรือหยุดการทำงานของบริการได้ 🔑 CVE-2025-59792 – MONITOR Command Leak ช่องโหว่นี้ถูกจัดระดับ Important และกระทบตั้งแต่เวอร์ชัน 1.0.0 ถึง 2.13.0 โดยคำสั่ง MONITOR ที่ใช้สำหรับ debug จะส่งคืนทุกคำสั่งที่เซิร์ฟเวอร์ประมวลผล แต่กลับเผยให้เห็น รหัสผ่านแบบ plaintext ที่ผู้ใช้รายอื่นส่งเข้ามา ทำให้ผู้โจมตีสามารถดักจับและนำไปใช้เพื่อเข้าถึงระบบได้ 🌐 ผลกระทบและการแก้ไข เนื่องจาก Kvrocks ถูกใช้ในระบบ cloud-native และงานที่ต้องจัดการข้อมูลขนาดใหญ่ ช่องโหว่นี้จึงมีผลกระทบต่อ data integrity และ confidentiality อย่างรุนแรง Apache ได้ออกเวอร์ชัน 2.14.0 เพื่อแก้ไขทั้งสองช่องโหว่ และแนะนำให้องค์กรเร่งอัปเดตทันทีเพื่อป้องกันการโจมตี 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ CVE-2025-59790 (RESET Command) ➡️ ยกระดับสิทธิ์ผู้ใช้ทั่วไปเป็นแอดมินได้ทันที ✅ CVE-2025-59792 (MONITOR Command) ➡️ เผยรหัสผ่าน plaintext ของผู้ใช้รายอื่น ✅ เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ➡️ 2.9.0–2.13.0 (RESET) และ 1.0.0–2.13.0 (MONITOR) ✅ การแก้ไข ➡️ อัปเดตเป็น Kvrocks 2.14.0 เพื่อปิดช่องโหว่ ‼️ ความเสี่ยงต่อระบบ cloud-native ⛔ อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหลและบริการหยุดชะงัก ‼️ การใช้ MONITOR โดยไม่ระวัง ⛔ เพิ่มโอกาสให้ผู้โจมตีดักจับรหัสผ่านได้ง่ายขึ้น https://securityonline.info/critical-alert-apache-kvrocks-reset-command-flaw-grants-admin-privileges/
    SECURITYONLINE.INFO
    Critical Alert: Apache Kvrocks 'RESET' Command Flaw Grants Admin Privileges
    Critical Apache Kvrocks flaw (CVE-2025-59790) grants admin privileges via RESET command. Update to v2.14.0 now to prevent unauthorized access and leaks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar
    #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar

     Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto
    Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you

    Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT
    Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you

    ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026
    หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น
    https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why

    รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล
    TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ
    https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office

     AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่
    AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ
    https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages

    Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10
    Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด
    https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10

     OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT
    OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด
    https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted

     Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี
    Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง
    https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17

     ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี
    สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know

     Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
    Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น
    https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it

    หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง
    ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง
    https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday

    Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router
    Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์
    https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know

    ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก
    Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud
    https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far

    รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง
    TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด
    https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options

    OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel
    OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know

    Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น
    Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs

    มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update
    มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น
    https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware

    ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC
    นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย
    https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware

    Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์
    รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days

    Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง
    Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก
    https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    📌📡🔵 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🔵📡📌 #รวมข่าวIT #20251128 #TechRadar 🛠️ Google Assistant กำลังจะถูกแทนที่ด้วย Gemini บน Android Auto Google เตรียมปิดฉาก Google Assistant บน Android Auto ภายในเดือนมีนาคมปีหน้า และจะนำ Gemini ซึ่งเป็น AI รุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ จุดเด่นคือการสื่อสารที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น เช่น การสั่งนำทางด้วยประโยคง่าย ๆ อย่าง “พาไปหาร้านเบอร์เกอร์ที่ดีที่สุดแถวนี้” แล้ว Gemini จะจัดการให้ทันที รวมถึงสามารถสานต่อบทสนทนา เช่นถามต่อว่าเมนูยอดนิยมคืออะไร หรือมีที่จอดฟรีไหม นอกจากนี้ Gemini ยังช่วยให้การส่งข้อความระหว่างขับรถง่ายขึ้น เช่นสั่งให้ส่งข้อความพร้อมใส่อีโมจิโดยไม่ต้องแก้ไขหลายครั้ง ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน Android Auto ให้ปลอดภัยและสะดวกกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/google-hints-at-google-assistant-shutdown-date-for-android-auto-heres-what-that-means-for-you 🛒 Tab 2: Amazon บล็อก Shopping Agent ของ ChatGPT Amazon ตัดสินใจบล็อกฟีเจอร์ Shopping Agent ใหม่ของ ChatGPT ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและดีลออนไลน์ เหตุผลหลักคือความกังวลเรื่องการแข่งขันและการควบคุมข้อมูลการซื้อขายบนแพลตฟอร์มของตนเอง การบล็อกครั้งนี้อาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่หวังจะใช้ AI เพื่อช่วยเลือกซื้อสินค้าได้สะดวกขึ้น และยังสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดระหว่างบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซกับผู้พัฒนา AI ที่กำลังรุกเข้ามาในตลาดการช้อปปิ้งออนไลน์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/amazon-blocks-chatgpts-new-shopping-agent-what-the-fallout-could-mean-for-you 🚗 ระบบเตือนความปลอดภัยในรถจะ “น่ารำคาญ” น้อยลงในปี 2026 หลายคนคงเคยหงุดหงิดกับเสียงเตือนหรือระบบความปลอดภัยในรถที่ดังบ่อยเกินไป ข่าวดีคือ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป กฎใหม่ในยุโรปจะบังคับให้ผู้ผลิตรถยนต์ปรับระบบเตือนให้ “ไม่รบกวน” ผู้ขับขี่มากเกินไป เป้าหมายคือยังคงความปลอดภัย แต่ไม่สร้างความเครียดหรือรำคาญจนผู้ใช้ปิดระบบทิ้ง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้การขับรถมีสมดุลระหว่างความปลอดภัยและความสบายใจมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/vehicle-tech/hybrid-electric-vehicles/sick-of-annoying-car-safety-warning-systems-good-news-theyll-become-less-intrusive-from-2026-heres-why 🖤 รวมไอเท็มโทนดำสำหรับ Home Office สุดมินิมอล TechRadar แนะนำ 15 ผลิตภัณฑ์โทนสีดำที่เหมาะกับการสร้างบรรยากาศ Home Office แบบมินิมอล ตั้งแต่โต๊ะทำงาน เก้าอี้ ไปจนถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ที่ช่วยให้พื้นที่ทำงานดูเรียบง่ายแต่มีสไตล์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบโทนเข้มและอยากได้บรรยากาศที่ทันสมัยและไม่รกตา การเลือกใช้โทนสีดำยังช่วยให้โฟกัสกับงานได้ดีขึ้นและสร้างความรู้สึกเป็นระเบียบ 🔗 https://www.techradar.com/pro/website-building/15-products-id-use-to-build-my-dream-minimalist-home-office 🌐 AWS สร้างระบบ DNS Backstop ป้องกันการล่มครั้งใหญ่ AWS กำลังพัฒนาระบบ DNS Backstop ใหม่เพื่อป้องกันการหยุดทำงานของบริการครั้งใหญ่ในอนาคต หลังจากที่เคยเกิดเหตุการณ์ระบบล่มจนกระทบผู้ใช้จำนวนมาก การสร้าง Backstop นี้จะช่วยให้ระบบมีความทนทานและสามารถรับมือกับปัญหาได้ดียิ่งขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าองค์กรที่พึ่งพา AWS ในการดำเนินธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-is-building-a-new-dns-backstop-to-prevent-further-outages 💻 Windows 11 กำลังเสียความนิยมเมื่อเทียบกับ Windows 10 Dell เปิดเผยข้อมูลที่สะท้อนว่า Windows 11 ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร หลังจากที่ Windows 10 หมดการสนับสนุนแล้ว ผู้ใช้จำนวนมากยังคงเลือกใช้ Windows 10 ต่อไป แม้จะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยแล้วก็ตาม สิ่งนี้ชี้ให้เห็นถึงความท้าทายของ Microsoft ในการผลักดันให้ผู้ใช้เปลี่ยนไปใช้ Windows 11 ซึ่งอาจต้องหาวิธีสร้างแรงจูงใจเพิ่มเติมเพื่อให้ผู้ใช้ยอมอัปเกรด 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/is-windows-11-fighting-a-losing-battle-dell-underlines-how-unpopular-the-os-is-after-support-ended-compared-to-windows-10 🏢 OpenAI เปิดให้ลูกค้าองค์กรเลือกที่เก็บข้อมูล ChatGPT OpenAI ประกาศฟีเจอร์ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กร โดยสามารถเลือกได้ว่าข้อมูลของ ChatGPT จะถูกเก็บไว้ที่ไหน ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ธุรกิจที่มีข้อกำหนดด้านกฎหมายหรือความปลอดภัยสามารถควบคุมการจัดเก็บข้อมูลได้มากขึ้น ถือเป็นการตอบโจทย์องค์กรที่ต้องการความยืดหยุ่นและความมั่นใจในการใช้ AI โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่มีข้อกำหนดเข้มงวด 🔗 https://www.techradar.com/pro/openai-now-lets-business-customers-choose-where-their-chatgpt-data-is-hosted 📱 Apple แย่งบัลลังก์มือถือจาก Samsung หลัง 14 ปี Apple เตรียมขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดสมาร์ทโฟนแทน Samsung เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี โดยแรงหนุนหลักมาจาก iPhone 17 ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในตลาดมือถือโลก และสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของ Apple ในการสร้างนวัตกรรมและดึงดูดผู้ใช้ได้อย่างต่อเนื่อง 🔗 https://www.techradar.com/phones/iphone/apple-will-take-samsungs-phone-crown-for-the-first-time-in-14-years-and-its-all-thanks-to-the-iphone-17 🚫 ยุโรปเตรียมห้ามโซเชียลมีเดียสำหรับผู้ต่ำกว่า 16 ปี สหภาพยุโรปกำลังพิจารณากฎหมายใหม่ที่จะห้ามผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีใช้โซเชียลมีเดีย เหตุผลหลักคือการปกป้องเยาวชนจากผลกระทบด้านสุขภาพจิตและความเสี่ยงจากการใช้งานออนไลน์ หากกฎหมายนี้ผ่าน จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กระทบทั้งผู้ใช้และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/europe-wants-to-ban-social-media-for-under-16s-heres-all-we-know 📸 Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือ 200MP ที่ใหญ่ที่สุดในโลก Sony เปิดตัวเซ็นเซอร์กล้องมือถือความละเอียด 200MP ที่ถูกขนานนามว่า “ใหญ่ที่สุดในโลก” โดยคาดว่าจะถูกนำไปใช้ในสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่หลายรุ่น จุดเด่นคือการถ่ายภาพที่คมชัดและเก็บรายละเอียดได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นการยกระดับมาตรฐานการถ่ายภาพบนมือถือไปอีกขั้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/sony-just-launched-the-worlds-largest-200mp-smartphone-sensor-heres-which-phones-could-get-it 🎧 หูฟังลดเสียงรบกวน Loop ลดราคาแรง ช่วง Black Friday นี้ TechRadar เล่าประสบการณ์ตรงจากการลองใช้หูฟังลดเสียงรบกวน Loop หลายรุ่น ที่ช่วยทั้งการสนทนาในที่เสียงดัง การดูคอนเสิร์ต ไปจนถึงการนอนหลับสบาย โดยรุ่นเด่นคือ Loop Switch 2 ที่สามารถปรับโหมดลดเสียงได้ถึง 3 ระดับในคู่เดียว ทำให้ใช้งานได้หลากหลายสถานการณ์ ราคาลดเหลือเพียง 47.95 ดอลลาร์ในสหรัฐ และ 43.95 ปอนด์ในสหราชอาณาจักร ถือเป็นดีลที่คุ้มค่ามากสำหรับคนที่อยากได้หูฟังลดเสียงคุณภาพสูง 🔗 https://www.techradar.com/health-fitness/ive-tried-all-the-best-loop-earplugs-and-now-theyre-on-sale-for-black-friday 🔐 Asus เตือนช่องโหว่ร้ายแรงใน AiCloud Router Asus ออกประกาศเร่งด่วนหลังพบช่องโหว่ร้ายแรงในฟีเจอร์ AiCloud ของเราเตอร์ ที่เปิดโอกาสให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน ช่องโหว่นี้มีคะแนนความรุนแรงถึง 9.2/10 และกระทบหลายรุ่นที่ยังใช้งานอยู่ ผู้ใช้ถูกแนะนำให้อัปเดตเฟิร์มแวร์ทันที หรือปิดการใช้งาน AiCloud และบริการแชร์ไฟล์เพื่อความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขช่องโหว่อื่น ๆ อีก 9 จุด แสดงให้เห็นว่าเราเตอร์เป็นเป้าหมายหลักของการโจมตีไซเบอร์ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/asus-warns-of-new-security-flaw-affecting-aicloud-routers-heres-what-we-know ☁️ ช่องโหว่ Fluent Bit เสี่ยงกระทบระบบ Cloud ทั่วโลก Fluent Bit ซึ่งเป็นเครื่องมือจัดการ log ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย ถูกพบว่ามีช่องโหว่หลายจุดที่เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถแก้ไข log หรือรันโค้ดอันตรายจากระยะไกลได้ ช่องโหว่บางส่วนมีอยู่มานานกว่า 4-6 ปี ทำให้ระบบ Cloud ของ AWS, Google Cloud และ Microsoft Azure เสี่ยงถูกโจมตี ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดและตรวจสอบการตั้งค่า log อย่างเข้มงวด เพราะการโจมตีสามารถทำได้ง่ายและมีผลกระทบกว้างขวางต่อธุรกิจที่พึ่งพา Cloud 🔗 https://www.techradar.com/pro/these-worrying-security-flaws-could-put-every-major-cloud-provider-at-risk-heres-what-we-know-so-far 🧹 รีวิวเครื่องดูดฝุ่นเบาแต่ทรงพลัง TechRadar ทดลองเครื่องดูดฝุ่นหลายรุ่นเพื่อหาตัวที่เบาและใช้งานง่ายที่สุด ผลคือ Shark Detect Pro และ Dreame R20 โดดเด่นที่สุด โดย Shark Detect Pro เบามากจนถือมือเดียวได้สบาย แต่กำลังดูดไม่แรงเท่า Dreame R20 ที่มีคาร์บอนไฟเบอร์ช่วยให้เบาและทำความสะอาดได้ดีกว่า ทั้งสองรุ่นมีดีลลดราคาช่วง Black Friday ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่อยากได้เครื่องดูดฝุ่นเบา ๆ แต่ยังคงประสิทธิภาพในการทำความสะอาด 🔗 https://www.techradar.com/home/vacuums/i-tested-a-whole-bunch-of-vacuums-and-these-are-the-best-lightweight-options 🛡️ OpenAI ขอโทษเหตุข้อมูลรั่วจาก Mixpanel OpenAI ออกแถลงการณ์ขอโทษหลังบริษัทพันธมิตรด้านวิเคราะห์ข้อมูล Mixpanel ถูกเจาะระบบ ทำให้ข้อมูลนักพัฒนาที่ใช้แพลตฟอร์ม API ของ OpenAI รั่วไหล เช่น อีเมล ตำแหน่งโดยประมาณ และข้อมูลเบราว์เซอร์ แต่ยืนยันว่าไม่กระทบผู้ใช้ ChatGPT ทั่วไป และไม่มีข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่านหรือ API key ถูกเปิดเผย OpenAI ได้ยุติการใช้บริการ Mixpanel และเพิ่มมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยกับพันธมิตรทั้งหมด พร้อมแนะนำให้ผู้ใช้เปิดการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอนเพื่อเพิ่มความปลอดภัย 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/openai-apologizes-for-big-mixpanel-data-breach-that-exposed-emails-and-more-heres-what-we-know 🤖 Opera Neon เปิดตัวนักวิจัย AI ช่วยหาข้อมูลเร็วขึ้น Opera Neon กำลังสร้างความฮือฮา ด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ช่วยค้นคว้าและสรุปข้อมูลได้ภายในเวลาเพียง 1 นาที จากเดิมที่ต้องเปิดหลายแท็บพร้อมกัน ฟีเจอร์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้เข้าถึงข้อมูลที่ซับซ้อนอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับประสบการณ์การใช้งานเบราว์เซอร์ให้ทันสมัยและตอบโจทย์คนทำงานยุคใหม่ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/opera-neons-ai-researcher-does-in-one-minute-what-used-to-take-a-dozen-tabs 🪟 มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Windows Update มีรายงานว่าแฮกเกอร์กำลังใช้เทคนิคใหม่ โดยปลอมตัวเป็นการอัปเดต Windows ที่ดูสมจริงมาก เพื่อหลอกให้ผู้ใช้ติดตั้งมัลแวร์ที่ทรงพลัง วิธีการนี้สามารถหลอกแม้กระทั่งผู้ใช้ที่ระมัดระวัง การโจมตีลักษณะนี้เน้นใช้ภาพและข้อความที่เหมือนของจริง ทำให้ผู้ใช้ยากที่จะสังเกตเห็นความผิดปกติ ผู้เชี่ยวชาญเตือนให้ตรวจสอบทุกครั้งก่อนติดตั้งอัปเดต และควรดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น 🔗 https://www.techradar.com/pro/maybe-dont-trust-every-windows-update-without-checking-hackers-hijack-images-to-spread-dangerous-malware 🎨 ไฟล์ Blender ปลอมแพร่มัลแวร์ StealC นักวิจัยด้านความปลอดภัยพบว่าไฟล์โมเดล 3D จาก Blender ที่ถูกปลอมแปลง กำลังถูกใช้เพื่อแพร่กระจายมัลแวร์ StealC ซึ่งสามารถขโมยข้อมูลสำคัญจากเครื่องผู้ใช้ได้ การโจมตีนี้อาศัยความนิยมของ Blender ในวงการออกแบบและแอนิเมชัน ทำให้ผู้ใช้ที่ดาวน์โหลดไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือเสี่ยงสูงที่จะติดมัลแวร์ ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไฟล์ทุกครั้ง และใช้ซอฟต์แวร์ป้องกันที่ทันสมัย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/malicious-blender-model-files-deliver-stealc-infostealing-malware 🧑‍⚖️ Missouri บังคับตรวจสอบอายุออนไลน์ รัฐ Missouri เตรียมบังคับใช้กฎหมายใหม่ภายในสามวัน ที่กำหนดให้เว็บไซต์ต้องตรวจสอบอายุผู้ใช้งานอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการเข้าถึงเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม กฎหมายนี้จะส่งผลต่อแพลตฟอร์มออนไลน์หลายประเภท ทั้งเว็บบันเทิงและบริการสตรีมมิ่ง ทำให้ผู้ให้บริการต้องปรับระบบยืนยันตัวตนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อบังคับใหม่ ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในด้านความปลอดภัยดิจิทัล 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/missouri-to-enforce-mandatory-age-verification-in-three-days 🚀 Amazon Leo Ultra อินเทอร์เน็ตดาวเทียมความเร็วสูง Amazon เปิดตัวบริการอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Leo Ultra ที่ให้ความเร็วดาวน์โหลดสูงสุดถึง 1Gbps และอัปโหลด 400Mbps ถือเป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Starlink จุดเด่นคือความเร็วที่เหนือกว่าและการเชื่อมต่อที่เสถียร ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและธุรกิจที่ต้องการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงในพื้นที่ห่างไกล การเปิดตัวครั้งนี้อาจเปลี่ยนสมดุลของตลาดอินเทอร์เน็ตดาวเทียมทั่วโลก 🔗 https://www.techradar.com/pro/amazons-rival-to-starlink-offers-fastest-downloads-and-uploads-but-how-will-it-stack-up-in-real-life
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 465 มุมมอง 0 รีวิว
  • SSSTC ER4 SATA SSD Series สำหรับตลาดองค์กร

    ข่าวนี้รายงานการเปิดตัว SSSTC ER4 SATA SSD Series สำหรับตลาดองค์กร ที่มาพร้อมความจุสูงสุด 16TB และประสิทธิภาพการอ่านแบบสุ่มสูงถึง 98K IOPS ถือเป็นหนึ่งใน SSD แบบ SATA ที่มีความหนาแน่นสูงที่สุดในตลาด

    คุณสมบัติหลักของ ER4 Series
    ความจุสูงสุด 16TB (15.36TB) และรุ่น 8TB (7.68TB)
    อินเทอร์เฟซ SATA 6Gb/s ขนาด 2.5 นิ้ว รองรับการ hot-swap
    ความเร็วอ่าน/เขียนตามลำดับสูงสุด 550MB/s / 530MB/s
    ประสิทธิภาพการอ่านสุ่ม 98K IOPS และเขียนสุ่มสูงสุด 55K IOPS

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความทนทาน
    รองรับ End-to-End Data Protection
    มีระบบ TruePLP Power-Loss Protection
    การเข้ารหัส AES 256-bit พร้อมตัวเลือก TCG Enterprise
    ความทนทานสูงด้วยค่า MTBF 3 ล้านชั่วโมง และ UBER 10⁻¹⁷
    รับประกันการใช้งาน 5 ปี

    การใช้งานที่เหมาะสม
    SSSTC ชี้ว่า ER4 Series เหมาะสำหรับงานที่ต้องการ I/O สูงและความหน่วงต่ำ เช่น
    ระบบ OLTP (Online Transaction Processing)
    งาน AI inference และ real-time analytics
    ระบบ Cloud, Virtualization, Big Data, NAS และ Backup
    การใช้งานใน Video Surveillance ที่ต้องการความเสถียรต่อเนื่อง

    ความหมายต่ออุตสาหกรรม
    แม้จะยังใช้มาตรฐาน SATA ซึ่งมีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์เมื่อเทียบกับ NVMe SSDs แต่ ER4 Series เน้นไปที่ ความเข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานเดิม และ ความคุ้มค่าในการอัปเกรด ทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องลงทุนเปลี่ยนระบบครั้งใหญ่

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เปิดตัว SSSTC ER4 SATA SSD Series
    ความจุสูงสุด 16TB และประสิทธิภาพ 98K IOPS

    ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย
    End-to-End Protection, Power-Loss Protection, AES 256-bit

    ความทนทานและการรับประกัน
    MTBF 3 ล้านชั่วโมง และรับประกัน 5 ปี

    การใช้งานที่เหมาะสม
    OLTP, AI inference, Cloud, Big Data, NAS, Backup, Surveillance

    ข้อจำกัดของ SATA เมื่อเทียบกับ NVMe
    แบนด์วิดท์ต่ำกว่า อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูงสุด

    ความเสี่ยงด้านต้นทุนการอัปเกรด
    หากองค์กรต้องการประสิทธิภาพสูงสุด อาจต้องเลือก NVMe แทน SATA

    https://wccftech.com/ssstc-er4-sata-ssds-up-to-16-tb-capacities-98k-iops/
    💾 SSSTC ER4 SATA SSD Series สำหรับตลาดองค์กร ข่าวนี้รายงานการเปิดตัว SSSTC ER4 SATA SSD Series สำหรับตลาดองค์กร ที่มาพร้อมความจุสูงสุด 16TB และประสิทธิภาพการอ่านแบบสุ่มสูงถึง 98K IOPS ถือเป็นหนึ่งใน SSD แบบ SATA ที่มีความหนาแน่นสูงที่สุดในตลาด ⚙️ คุณสมบัติหลักของ ER4 Series 🎗️ ความจุสูงสุด 16TB (15.36TB) และรุ่น 8TB (7.68TB) 🎗️ อินเทอร์เฟซ SATA 6Gb/s ขนาด 2.5 นิ้ว รองรับการ hot-swap 🎗️ ความเร็วอ่าน/เขียนตามลำดับสูงสุด 550MB/s / 530MB/s 🎗️ ประสิทธิภาพการอ่านสุ่ม 98K IOPS และเขียนสุ่มสูงสุด 55K IOPS 🔐 ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยและความทนทาน 🎗️ รองรับ End-to-End Data Protection 🎗️ มีระบบ TruePLP Power-Loss Protection 🎗️ การเข้ารหัส AES 256-bit พร้อมตัวเลือก TCG Enterprise 🎗️ ความทนทานสูงด้วยค่า MTBF 3 ล้านชั่วโมง และ UBER 10⁻¹⁷ 🎗️ รับประกันการใช้งาน 5 ปี ⚡ การใช้งานที่เหมาะสม SSSTC ชี้ว่า ER4 Series เหมาะสำหรับงานที่ต้องการ I/O สูงและความหน่วงต่ำ เช่น 🔷 ระบบ OLTP (Online Transaction Processing) 🔷 งาน AI inference และ real-time analytics 🔷 ระบบ Cloud, Virtualization, Big Data, NAS และ Backup 🔷 การใช้งานใน Video Surveillance ที่ต้องการความเสถียรต่อเนื่อง 🌍 ความหมายต่ออุตสาหกรรม แม้จะยังใช้มาตรฐาน SATA ซึ่งมีข้อจำกัดด้านแบนด์วิดท์เมื่อเทียบกับ NVMe SSDs แต่ ER4 Series เน้นไปที่ ความเข้ากันได้กับโครงสร้างพื้นฐานเดิม และ ความคุ้มค่าในการอัปเกรด ทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มประสิทธิภาพโดยไม่ต้องลงทุนเปลี่ยนระบบครั้งใหญ่ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เปิดตัว SSSTC ER4 SATA SSD Series ➡️ ความจุสูงสุด 16TB และประสิทธิภาพ 98K IOPS ✅ ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย ➡️ End-to-End Protection, Power-Loss Protection, AES 256-bit ✅ ความทนทานและการรับประกัน ➡️ MTBF 3 ล้านชั่วโมง และรับประกัน 5 ปี ✅ การใช้งานที่เหมาะสม ➡️ OLTP, AI inference, Cloud, Big Data, NAS, Backup, Surveillance ‼️ ข้อจำกัดของ SATA เมื่อเทียบกับ NVMe ⛔ แบนด์วิดท์ต่ำกว่า อาจไม่เหมาะกับงานที่ต้องการความเร็วสูงสุด ‼️ ความเสี่ยงด้านต้นทุนการอัปเกรด ⛔ หากองค์กรต้องการประสิทธิภาพสูงสุด อาจต้องเลือก NVMe แทน SATA https://wccftech.com/ssstc-er4-sata-ssds-up-to-16-tb-capacities-98k-iops/
    WCCFTECH.COM
    SSSTC Launches ER4 SATA SSDs With Up To 16 TB Capacities, 98K IOPS & 3 Million Hours MTBF
    SSSTC has unveiled its next-gen ER4 Series SATA SSD lineup for the enterprise segment, offering up to 16 TB capacities & 98K IOPS.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐยะโฮร์ของมาเลเซียประกาศห้ามสร้างศูนย์ข้อมูล Tier 1 และ Tier 2 เนื่องจากกังวลเรื่องการใช้น้ำมหาศาล

    การขยายตัวของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกสร้างแรงกดดันต่อทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำที่ใช้ในระบบระบายความร้อน รัฐยะโฮร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของมาเลเซีย พบว่าศูนย์ข้อมูล Tier 1 และ Tier 2 ใช้น้ำสูงถึง 40–50 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งถือว่าสูงเกินกว่าภาคอุตสาหกรรมทั่วไปจะรับได้

    ทางเลือกที่ยั่งยืน
    รัฐบาลยะโฮร์จึงกำหนดให้การสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ต้องเป็น Tier 3 หรือ Tier 4 เท่านั้น เนื่องจากมีระบบไฟฟ้าและการระบายความร้อนที่ซ้ำซ้อนและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้การใช้น้ำลดลงเหลือเพียง 200,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งใกล้เคียงกับการใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป

    โครงการที่กำลังดำเนินการ
    ปัจจุบันยะโฮร์มีโครงการศูนย์ข้อมูลทั้งหมด 51 แห่ง โดยเปิดใช้งานแล้ว 17 แห่ง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 11 แห่ง และได้รับอนุมัติอีก 23 แห่ง การลงทุนเหล่านี้สร้างงานหลายพันตำแหน่ง แต่ก็ทำให้รัฐบาลต้องเข้มงวดกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันวิกฤตน้ำในอนาคต

    นวัตกรรมลดการใช้น้ำ
    แนวทางใหม่ที่ถูกพูดถึงคือการใช้ ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำ และระบบ closed-loop cooling ที่คล้ายกับระบบระบายความร้อนในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Nvidia เองก็พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 300 เท่า ซึ่งอาจเป็นทางออกสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมนี้

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การห้ามสร้างศูนย์ข้อมูล Tier 1 และ Tier 2
    เนื่องจากใช้น้ำสูงถึง 40–50 ล้านลิตรต่อวัน

    การอนุญาตเฉพาะ Tier 3 และ Tier 4
    ใช้น้ำเพียง 200,000 ลิตรต่อวันและมีประสิทธิภาพสูงกว่า

    สถานะโครงการศูนย์ข้อมูลในยะโฮร์
    มีทั้งหมด 51 โครงการ ทั้งเปิดใช้งาน ก่อสร้าง และอนุมัติแล้ว

    แนวทางลดการใช้น้ำ
    ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำและระบบ closed-loop cooling ที่มีประสิทธิภาพสูง

    ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม
    หากไม่ควบคุม อาจเกิดวิกฤตน้ำและกระทบต่อประชาชนในพื้นที่

    ความท้าทายต่อการลงทุน
    มาตรการเข้มงวดอาจทำให้นักลงทุนลังเลและชะลอโครงการใหม่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/malaysian-state-of-johor-drowns-any-ideas-for-tier-1-and-tier-2-data-centers-water-concerns-have-authorities-only-allowing-energy-efficient-builds
    💧 รัฐยะโฮร์ของมาเลเซียประกาศห้ามสร้างศูนย์ข้อมูล Tier 1 และ Tier 2 เนื่องจากกังวลเรื่องการใช้น้ำมหาศาล การขยายตัวของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกสร้างแรงกดดันต่อทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำที่ใช้ในระบบระบายความร้อน รัฐยะโฮร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีของมาเลเซีย พบว่าศูนย์ข้อมูล Tier 1 และ Tier 2 ใช้น้ำสูงถึง 40–50 ล้านลิตรต่อวัน ซึ่งถือว่าสูงเกินกว่าภาคอุตสาหกรรมทั่วไปจะรับได้ ⚡ ทางเลือกที่ยั่งยืน รัฐบาลยะโฮร์จึงกำหนดให้การสร้างศูนย์ข้อมูลใหม่ต้องเป็น Tier 3 หรือ Tier 4 เท่านั้น เนื่องจากมีระบบไฟฟ้าและการระบายความร้อนที่ซ้ำซ้อนและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ทำให้การใช้น้ำลดลงเหลือเพียง 200,000 ลิตรต่อวัน ซึ่งใกล้เคียงกับการใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วไป 🌐 โครงการที่กำลังดำเนินการ ปัจจุบันยะโฮร์มีโครงการศูนย์ข้อมูลทั้งหมด 51 แห่ง โดยเปิดใช้งานแล้ว 17 แห่ง อยู่ระหว่างก่อสร้าง 11 แห่ง และได้รับอนุมัติอีก 23 แห่ง การลงทุนเหล่านี้สร้างงานหลายพันตำแหน่ง แต่ก็ทำให้รัฐบาลต้องเข้มงวดกับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมเพื่อป้องกันวิกฤตน้ำในอนาคต 🛠️ นวัตกรรมลดการใช้น้ำ แนวทางใหม่ที่ถูกพูดถึงคือการใช้ ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำ และระบบ closed-loop cooling ที่คล้ายกับระบบระบายความร้อนในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล Nvidia เองก็พัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถลดการใช้น้ำได้ถึง 300 เท่า ซึ่งอาจเป็นทางออกสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมนี้ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การห้ามสร้างศูนย์ข้อมูล Tier 1 และ Tier 2 ➡️ เนื่องจากใช้น้ำสูงถึง 40–50 ล้านลิตรต่อวัน ✅ การอนุญาตเฉพาะ Tier 3 และ Tier 4 ➡️ ใช้น้ำเพียง 200,000 ลิตรต่อวันและมีประสิทธิภาพสูงกว่า ✅ สถานะโครงการศูนย์ข้อมูลในยะโฮร์ ➡️ มีทั้งหมด 51 โครงการ ทั้งเปิดใช้งาน ก่อสร้าง และอนุมัติแล้ว ✅ แนวทางลดการใช้น้ำ ➡️ ศูนย์ข้อมูลใต้น้ำและระบบ closed-loop cooling ที่มีประสิทธิภาพสูง ‼️ ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม ⛔ หากไม่ควบคุม อาจเกิดวิกฤตน้ำและกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ‼️ ความท้าทายต่อการลงทุน ⛔ มาตรการเข้มงวดอาจทำให้นักลงทุนลังเลและชะลอโครงการใหม่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/malaysian-state-of-johor-drowns-any-ideas-for-tier-1-and-tier-2-data-centers-water-concerns-have-authorities-only-allowing-energy-efficient-builds
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • คู่มือเลือก Cloud Security Posture Management (CSPM) Tools

    ในยุคที่องค์กรใช้ Hybrid Multicloud กันมากขึ้น การจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์จึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความจาก CSO Online อธิบายว่า CSPM (Cloud Security Posture Management) คือเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาดในคลาวด์ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ โดย CSPM จะทำงานร่วมกับมาตรฐานความปลอดภัย เช่น PCI, SOC2 และช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าการตั้งค่าคลาวด์สอดคล้องกับข้อกำหนด.

    สิ่งที่ควรมองหาใน CSPM Tools
    องค์กรควรเลือกเครื่องมือที่สามารถทำงานได้กับทุกแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ใช้งาน เช่น AWS, Azure และ Google Cloud รวมถึงต้องมีความสามารถในการ normalize risks เพื่อให้ทีมเข้าใจความเสี่ยงได้ชัดเจน ฟีเจอร์สำคัญที่ควรมี ได้แก่:
    การตรวจจับภัยคุกคามจากหลายแหล่ง
    การป้องกันข้อมูลเชิงลึก (Data Security Integration)
    ระบบแจ้งเตือนและแก้ไขอัตโนมัติ (Automated Remediation)
    การทำงานร่วมกับ DevOps เพื่อฝังความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนพัฒนา.

    ประโยชน์และข้อควรระวัง
    CSPM ช่วยให้องค์กรสามารถ ระบุและแก้ไขความเสี่ยงเชิงรุก ก่อนที่แฮกเกอร์จะโจมตี ลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และทำให้การตรวจสอบตามมาตรฐานเป็นไปโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ การใช้งาน CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งการเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวอาจทำให้ขาดมุมมองรวมของระบบทั้งหมด.

    ผู้เล่นหลักในตลาด CSPM
    ปัจจุบัน CSPM ไม่ได้เป็นเครื่องมือแยกเดี่ยวอีกต่อไป แต่มักถูกรวมเข้ากับ CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) หรือ SSE (Secure Service Edge) โดยผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler และ Tenable ซึ่งช่วยให้การจัดการความปลอดภัยครอบคลุมทั้งแอปพลิเคชัน ข้อมูล และเครือข่าย.

    สรุปสาระสำคัญ
    CSPM คือเครื่องมือจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์
    ตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาด

    ควรเลือกเครื่องมือที่รองรับหลายแพลตฟอร์มคลาวด์
    AWS, Azure, Google Cloud

    ฟีเจอร์สำคัญ: Threat Detection, Data Security, Automated Remediation, DevOps Integration
    ช่วยให้ทีมเข้าใจและแก้ไขความเสี่ยงได้รวดเร็ว

    ประโยชน์: ลดความเสี่ยงเชิงรุก, ลดค่าใช้จ่าย, ตรวจสอบตามมาตรฐานอัตโนมัติ
    เพิ่มความมั่นใจด้าน Compliance

    ผู้เล่นหลัก: CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler, Tenable
    มักรวม CSPM เข้ากับ CNAPP หรือ SSE

    หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ
    ต้องมีการฝึกอบรมและความเข้าใจร่วมกันระหว่าง Dev และ Sec

    การเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวเป็นความเสี่ยง
    อาจขาดการมองภาพรวมของระบบทั้งหมด

    https://www.csoonline.com/article/657138/how-to-choose-the-best-cloud-security-posture-management-tools.html
    ☁️ คู่มือเลือก Cloud Security Posture Management (CSPM) Tools ในยุคที่องค์กรใช้ Hybrid Multicloud กันมากขึ้น การจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์จึงเป็นเรื่องสำคัญ บทความจาก CSO Online อธิบายว่า CSPM (Cloud Security Posture Management) คือเครื่องมือที่ช่วยตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาดในคลาวด์ เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลและการโจมตีทางไซเบอร์ โดย CSPM จะทำงานร่วมกับมาตรฐานความปลอดภัย เช่น PCI, SOC2 และช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าการตั้งค่าคลาวด์สอดคล้องกับข้อกำหนด. 🔎 สิ่งที่ควรมองหาใน CSPM Tools องค์กรควรเลือกเครื่องมือที่สามารถทำงานได้กับทุกแพลตฟอร์มคลาวด์ที่ใช้งาน เช่น AWS, Azure และ Google Cloud รวมถึงต้องมีความสามารถในการ normalize risks เพื่อให้ทีมเข้าใจความเสี่ยงได้ชัดเจน ฟีเจอร์สำคัญที่ควรมี ได้แก่: 🎗️ การตรวจจับภัยคุกคามจากหลายแหล่ง 🎗️ การป้องกันข้อมูลเชิงลึก (Data Security Integration) 🎗️ ระบบแจ้งเตือนและแก้ไขอัตโนมัติ (Automated Remediation) 🎗️ การทำงานร่วมกับ DevOps เพื่อฝังความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนพัฒนา. 🛡️ ประโยชน์และข้อควรระวัง CSPM ช่วยให้องค์กรสามารถ ระบุและแก้ไขความเสี่ยงเชิงรุก ก่อนที่แฮกเกอร์จะโจมตี ลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหา และทำให้การตรวจสอบตามมาตรฐานเป็นไปโดยอัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ การใช้งาน CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งการเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวอาจทำให้ขาดมุมมองรวมของระบบทั้งหมด. 🏢 ผู้เล่นหลักในตลาด CSPM ปัจจุบัน CSPM ไม่ได้เป็นเครื่องมือแยกเดี่ยวอีกต่อไป แต่มักถูกรวมเข้ากับ CNAPP (Cloud-Native Application Protection Platform) หรือ SSE (Secure Service Edge) โดยผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler และ Tenable ซึ่งช่วยให้การจัดการความปลอดภัยครอบคลุมทั้งแอปพลิเคชัน ข้อมูล และเครือข่าย. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ CSPM คือเครื่องมือจัดการความปลอดภัยบนคลาวด์ ➡️ ตรวจสอบและแก้ไขการตั้งค่าที่ผิดพลาด ✅ ควรเลือกเครื่องมือที่รองรับหลายแพลตฟอร์มคลาวด์ ➡️ AWS, Azure, Google Cloud ✅ ฟีเจอร์สำคัญ: Threat Detection, Data Security, Automated Remediation, DevOps Integration ➡️ ช่วยให้ทีมเข้าใจและแก้ไขความเสี่ยงได้รวดเร็ว ✅ ประโยชน์: ลดความเสี่ยงเชิงรุก, ลดค่าใช้จ่าย, ตรวจสอบตามมาตรฐานอัตโนมัติ ➡️ เพิ่มความมั่นใจด้าน Compliance ✅ ผู้เล่นหลัก: CrowdStrike, Palo Alto Networks, Wiz, Zscaler, Tenable ➡️ มักรวม CSPM เข้ากับ CNAPP หรือ SSE ‼️ หากทีมไม่มีความรู้ด้านคลาวด์เพียงพอ CSPM อาจไม่เต็มประสิทธิภาพ ⛔ ต้องมีการฝึกอบรมและความเข้าใจร่วมกันระหว่าง Dev และ Sec ‼️ การเลือกเครื่องมือที่รองรับเพียงคลาวด์เดียวเป็นความเสี่ยง ⛔ อาจขาดการมองภาพรวมของระบบทั้งหมด https://www.csoonline.com/article/657138/how-to-choose-the-best-cloud-security-posture-management-tools.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    CSPM buyer’s guide: How to choose the best cloud security posture management tools
    With hybrid multicloud environments becoming prevalent across all industries, it pays to invest in the right CSPM tools to minimize risk, protect cloud assets, and manage compliance.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุคใหม่ของ AI Meeting Assistants

    TicNote AI เป็นเครื่องมือผู้ช่วยประชุมที่แตกต่างจาก AI note-taker ทั่วไป เพราะเน้นทั้งการจัดการข้อมูลและความปลอดภัย โดยใช้ระบบ “Agentic OS” ที่ช่วยแปลงการสนทนาให้เป็นความรู้ที่มีโครงสร้าง พร้อมฟีเจอร์หลากหลาย เช่น Deep Research, Aha Moments และ AI Podcast Mode.

    AI meeting assistants กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับมืออาชีพที่ต้องการการถอดความรวดเร็วและแม่นยำ แต่เบื้องหลังความสะดวกนี้คือคำถามเรื่อง ความปลอดภัยของข้อมูล TicNote AI จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยแนวคิด “intelligence with responsibility” เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าข้อมูลการประชุมจะถูกจัดการอย่างปลอดภัยและมีประโยชน์มากกว่าแค่การบันทึกเสียง.

    TicNote ในฐานะ Agentic OS
    TicNote ไม่ใช่เพียงเครื่องบันทึกเสียง แต่เป็นระบบ Agentic OS ที่สามารถตีความการสนทนา เชื่อมโยงแนวคิด และจัดโครงสร้างข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ ฟีเจอร์เด่น ได้แก่:
    Shadow and Projects: รวมเสียง ภาพ เอกสาร แล้วสรุปเป็นข้อมูลที่สะอาดด้วย multimodal AI
    Deep Research: ค้นหาคำตอบจากไฟล์และการบันทึกด้วยบริบทที่ชัดเจน
    Aha Moments: ค้นหาความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล
    AI Podcast Mode: แปลงการบันทึกเป็นเสียงสไตล์พอดแคสต์
    AI Voiceprint Recognition: ระบุผู้พูดอัตโนมัติและสร้าง transcript ที่เป็นระเบียบ.

    การใช้งานและแพ็กเกจราคา
    TicNote มีแพ็กเกจหลายระดับ:
    Free (Plus): 600 นาที/เดือน พร้อมการถอดความหลายภาษาและการนำเข้าเอกสาร
    Pro: 2100 นาที/ปี พร้อม unlimited cloud storage และฟีเจอร์ขั้นสูง
    Business: 6600 นาที/ปี รองรับการประชุม 8 ชั่วโมง และ workflow สำหรับทีม. การเปิดตัวในช่วง Black Friday 2025 มีราคาพิเศษเริ่มต้นที่ $99.99 ในสหรัฐฯ และ EUR 169.99 ในยุโรป (ลดเหลือ EUR 135.99 ในบางวัน).

    ความสำคัญต่อผู้ใช้
    ในยุคที่ข้อมูลล้นเกิน TicNote ช่วยเปลี่ยนการสนทนาที่กระจัดกระจายให้เป็นความรู้ที่มีโครงสร้างและปลอดภัย เหมาะสำหรับทีมรีโมต นักข่าว นักวิจัย และผู้จัดพอดแคสต์ จุดขายหลักคือการเป็น “thinking partner” ที่ไม่เพียงบันทึก แต่ช่วยให้ผู้ใช้คิดและวางแผนได้ชัดเจนขึ้น.

    สรุปสาระสำคัญ
    TicNote AI เป็น Agentic OS ไม่ใช่แค่ note-taker
    ตีความ เชื่อมโยง และจัดโครงสร้างข้อมูล

    ฟีเจอร์หลัก: Shadow & Projects, Deep Research, Aha Moments, Podcast Mode, Voiceprint Recognition
    รองรับการใช้งานทั้งบุคคลและทีม

    มีแพ็กเกจ Free, Pro และ Business
    ราคาเริ่มต้น $99.99 ในสหรัฐฯ ช่วง Black Friday

    เน้นความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ
    เหมาะกับนักข่าว ทีมรีโมต และผู้สร้างคอนเทนต์

    ความกังวลเรื่องการจัดการข้อมูลยังคงอยู่ในตลาด AI meeting assistants
    ผู้ใช้ต้องตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวก่อนใช้งาน

    ฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่างอาจจำกัดเฉพาะแพ็กเกจ Pro และ Business
    ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มรูปแบบ

    https://hackread.com/ai-meeting-assistants-data-security-ticnote-ai/
    📊 ยุคใหม่ของ AI Meeting Assistants TicNote AI เป็นเครื่องมือผู้ช่วยประชุมที่แตกต่างจาก AI note-taker ทั่วไป เพราะเน้นทั้งการจัดการข้อมูลและความปลอดภัย โดยใช้ระบบ “Agentic OS” ที่ช่วยแปลงการสนทนาให้เป็นความรู้ที่มีโครงสร้าง พร้อมฟีเจอร์หลากหลาย เช่น Deep Research, Aha Moments และ AI Podcast Mode. AI meeting assistants กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับมืออาชีพที่ต้องการการถอดความรวดเร็วและแม่นยำ แต่เบื้องหลังความสะดวกนี้คือคำถามเรื่อง ความปลอดภัยของข้อมูล TicNote AI จึงถูกพัฒนาขึ้นด้วยแนวคิด “intelligence with responsibility” เพื่อให้ผู้ใช้มั่นใจว่าข้อมูลการประชุมจะถูกจัดการอย่างปลอดภัยและมีประโยชน์มากกว่าแค่การบันทึกเสียง. 🧠 TicNote ในฐานะ Agentic OS TicNote ไม่ใช่เพียงเครื่องบันทึกเสียง แต่เป็นระบบ Agentic OS ที่สามารถตีความการสนทนา เชื่อมโยงแนวคิด และจัดโครงสร้างข้อมูลเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ ฟีเจอร์เด่น ได้แก่: 🔷 Shadow and Projects: รวมเสียง ภาพ เอกสาร แล้วสรุปเป็นข้อมูลที่สะอาดด้วย multimodal AI 🔷 Deep Research: ค้นหาคำตอบจากไฟล์และการบันทึกด้วยบริบทที่ชัดเจน 🔷 Aha Moments: ค้นหาความสัมพันธ์ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล 🔷 AI Podcast Mode: แปลงการบันทึกเป็นเสียงสไตล์พอดแคสต์ 🔷 AI Voiceprint Recognition: ระบุผู้พูดอัตโนมัติและสร้าง transcript ที่เป็นระเบียบ. 💼 การใช้งานและแพ็กเกจราคา TicNote มีแพ็กเกจหลายระดับ: 🔷 Free (Plus): 600 นาที/เดือน พร้อมการถอดความหลายภาษาและการนำเข้าเอกสาร 🔷 Pro: 2100 นาที/ปี พร้อม unlimited cloud storage และฟีเจอร์ขั้นสูง 🔷 Business: 6600 นาที/ปี รองรับการประชุม 8 ชั่วโมง และ workflow สำหรับทีม. การเปิดตัวในช่วง Black Friday 2025 มีราคาพิเศษเริ่มต้นที่ $99.99 ในสหรัฐฯ และ EUR 169.99 ในยุโรป (ลดเหลือ EUR 135.99 ในบางวัน). 🔐 ความสำคัญต่อผู้ใช้ ในยุคที่ข้อมูลล้นเกิน TicNote ช่วยเปลี่ยนการสนทนาที่กระจัดกระจายให้เป็นความรู้ที่มีโครงสร้างและปลอดภัย เหมาะสำหรับทีมรีโมต นักข่าว นักวิจัย และผู้จัดพอดแคสต์ จุดขายหลักคือการเป็น “thinking partner” ที่ไม่เพียงบันทึก แต่ช่วยให้ผู้ใช้คิดและวางแผนได้ชัดเจนขึ้น. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ TicNote AI เป็น Agentic OS ไม่ใช่แค่ note-taker ➡️ ตีความ เชื่อมโยง และจัดโครงสร้างข้อมูล ✅ ฟีเจอร์หลัก: Shadow & Projects, Deep Research, Aha Moments, Podcast Mode, Voiceprint Recognition ➡️ รองรับการใช้งานทั้งบุคคลและทีม ✅ มีแพ็กเกจ Free, Pro และ Business ➡️ ราคาเริ่มต้น $99.99 ในสหรัฐฯ ช่วง Black Friday ✅ เน้นความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ เหมาะกับนักข่าว ทีมรีโมต และผู้สร้างคอนเทนต์ ‼️ ความกังวลเรื่องการจัดการข้อมูลยังคงอยู่ในตลาด AI meeting assistants ⛔ ผู้ใช้ต้องตรวจสอบนโยบายความเป็นส่วนตัวก่อนใช้งาน ‼️ ฟีเจอร์ขั้นสูงบางอย่างอาจจำกัดเฉพาะแพ็กเกจ Pro และ Business ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้รับประโยชน์เต็มรูปแบบ https://hackread.com/ai-meeting-assistants-data-security-ticnote-ai/
    HACKREAD.COM
    AI Meeting Assistants Are Rising – But Is Your Data Safe? A Deep Look at TicNote AI
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ TechRadar

    #รวมข่าวIT #20251127 #TechRadar

    รวมโน้ตบุ๊กสำหรับนักเรียนปี 2025
    ถ้าเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ตอนนี้ TechRadar เขาได้จัดอันดับโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับนักเรียนไว้หลายรุ่นเลย เริ่มจาก MacBook Air M3 ที่ยังคงเป็นตัวท็อปสำหรับการเรียน ใช้งานได้แรง แบตอึด และราคาก็ลดลงเพราะมีรุ่น M4 ออกมาแล้ว ต่อมาก็มี Acer Chromebook Plus 514 ที่เหมาะกับคนงบจำกัดแต่ยังได้เครื่องที่ทำงานลื่น ๆ สำหรับงานทั่วไป ส่วนใครชอบ ChromeOS รุ่น HP Chromebook Plus 15.6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องและแบตทนดี สำหรับสายพกพา Microsoft Surface Laptop 13 น้ำหนักเบาและแบตยาวนานก็เป็นคำตอบ ส่วนสายครีเอทีฟที่ต้องใช้พลังมากขึ้น MacBook Air M4 รุ่นจอ 15 นิ้วก็ถูกยกให้เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์งานกราฟิกและงานสร้างสรรค์ได้ดีมาก
    https://www.techradar.com/computing/laptops/best-student-laptops

    Google Messages เตรียมอัปเกรดใหม่
    ข่าวนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ใน Google Messages ที่กำลังทดสอบอยู่ในโค้ดเบต้า อย่างแรกคือเวลาเซฟไฟล์รูปหรือวิดีโอจะมีปุ่ม “Open” ให้กดเปิดไฟล์ได้ทันที ต่อมาคือปุ่ม Gemini ที่จะใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนใช้งานง่ายขึ้น และสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อความจาก “Location” เป็น “One-time Location” เพื่อให้ชัดเจนว่ามันแชร์ตำแหน่งแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แชร์ต่อเนื่อง แม้ยังไม่แน่ว่าจะเปิดใช้จริง แต่ถ้าออกมาก็น่าจะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น
    https://www.techradar.com/phones/google-messages-could-be-getting-3-useful-upgrades-soon-including-a-gemini-change

    นักพัฒนาระวัง! เว็บจัดรูปแบบโค้ดเผยข้อมูลลับ
    เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีการพบว่าเว็บยอดนิยมอย่าง JSONFormatter และ CodeBeautify มีฟีเจอร์ “Recent Links” ที่เปิดเผยข้อมูลที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้โดยไม่ป้องกัน ทำให้ข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน คีย์ API หรือข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ง่าย นักวิจัยถึงขั้นดึงข้อมูลย้อนหลังได้หลายปี และพบว่ามีทั้งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปจนถึงบริษัทใหญ่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ไม่หวังดีเริ่มทดลองใช้ช่องโหว่นี้แล้วด้วย
    https://www.techradar.com/pro/security/top-code-formatting-sites-are-exposing-huge-amounts-of-user-data

    ธุรกิจยังติดขัดกับการทำ AI อย่างรับผิดชอบ
    รายงานจาก Experian ชี้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า “Responsible AI” จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แต่ปัญหาคือหลายบริษัทยังไม่พร้อมที่จะนำไปใช้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพข้อมูล ความรู้ทางเทคนิค และการบาลานซ์ระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแล แม้จะมีหลักการชัดเจน เช่น ความน่าเชื่อถือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการลดอคติ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งที่บอกว่าทีมงานพร้อมจริง ๆ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เริ่มจากเล็ก ๆ ทดลองก่อน แล้วค่อยขยาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง
    https://www.techradar.com/pro/businesses-are-struggling-to-implement-responsible-ai-but-it-could-make-all-the-difference

    Claude Opus 4.5 เปิดตัวแล้ว
    Anthropic ปล่อยโมเดลใหม่ Claude Opus 4.5 ที่บอกว่าดีขึ้นอย่าง “มีความหมาย” ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไปและการเขียนโค้ด จุดเด่นคือมันจัดการงานจริงได้ดีขึ้น เช่น ทำอีเมล สไลด์ หรือเอกสารได้เนียนกว่าเดิม รวมถึงแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและทำงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้พลังคำนวณน้อยลง ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรได้ประโยชน์มากขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาด AI กำลังโตและแข่งขันกันเข้มข้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/claude-opus-4-5-is-now-live-and-meaningfully-better-at-everyday-tasks-and-coding-challenges

    Nothing Phone 3: สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่าง
    Nothing เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Phone 3 ที่ตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมเต็มตัว ดีไซน์ยังคงความแปลกตาแบบบล็อกเหลี่ยมที่หลายคนอาจมองว่าสวยไม่เหมือนใคร แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่ามันเทอะทะเกินไป จุดเด่นคือกล้อง 50MP ทั้งหมด 4 ตัว รวมถึงเลนส์ periscope ที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้ดี แบตเตอรี่ใหญ่กว่า iPhone และ Samsung รุ่นใกล้เคียง พร้อมชาร์จเร็วกว่า จุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Glyph Matrix ที่ใช้ไฟด้านหลังมือถือแสดงข้อมูลหรือเล่นเกมเล็ก ๆ ได้ และปุ่ม Essential Key ที่ช่วยให้แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอได้ทันที ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้แฟน ๆ รุ่นก่อนลังเล อย่างไรก็ตาม มันคือการประกาศชัดว่า Nothing อยากเป็นผู้เล่นในตลาดเรือธงจริง ๆ
    https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/nothing-phone-3-review

    AWS มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าที่คิด
    ข้อมูลใหม่เผยว่า Amazon Web Services (AWS) อาจมีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึง 900 แห่งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้หลายเท่า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น AWS ไม่ได้เปิดเผยจำนวนจริง แต่ยืนยันว่ามี 38 regions และ 120 availability zones พร้อมแผนลงทุนมหาศาลในหลายประเทศ เช่น อินเดียและสหรัฐฯ จุดที่น่าสนใจคือ AWS พยายามรักษาประสิทธิภาพพลังงาน โดยอ้างว่ามีค่า Power Usage Effectiveness ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก และโครงสร้างพื้นฐานของตนใช้พลังงานได้คุ้มค่ากว่าการทำงานแบบ on-premises หลายเท่า
    https://www.techradar.com/pro/aws-says-it-has-around-900-data-centers-twice-as-many-as-previously-thought

    Android Desktop: ก้าวใหม่ของ Google OS
    Google กำลังพัฒนาโครงการ “Aluminium OS” ที่จะรวม Android เข้ากับ ChromeOS เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปใหม่ รองรับทั้ง PC, Laptop, Tablet และ 2-in-1 จุดเด่นคือการผสาน AI เข้ามาเป็นแกนหลัก และรองรับแอป Android แบบเนทีฟโดยไม่ต้องจำลอง ทำให้การใช้งานต่อเนื่องระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปเป็นไปอย่างราบรื่น Aluminium จะค่อย ๆ เข้ามาแทน ChromeOS แต่ยังคงอยู่คู่กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายคือการยกระดับ Chromebook และอุปกรณ์ Android ให้แข่งขันกับ Windows และ macOS ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะด้านการศึกษาและธุรกิจ
    https://www.techradar.com/computing/desktop-pcs/android-powered-desktop-pcs-are-coming-and-i-think-theyll-be-an-exciting-step-up-from-chromeos

    Ransomware โจมตีธุรกิจที่ถูกซื้อกิจการ
    รายงานใหม่จาก ReliaQuest เผยว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ Akira ransomware มักเจาะเข้าธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกซื้อกิจการ โดยใช้ช่องโหว่จากอุปกรณ์ที่ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการแพตช์ โดยเฉพาะ SonicWall SSL VPN ที่มีบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ร้ายแรง แม้จะมีการอัปเดตแล้ว แต่หลายองค์กรยังไม่ทันปรับปรุง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาเคลื่อนไหวในระบบและเข้ารหัสข้อมูลได้ ปัญหาคือบริษัทที่ซื้อกิจการมักไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์เสี่ยงอยู่ในเครือข่ายใหม่ ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นง่ายและกระจายไปหลายบริษัทพร้อมกัน
    https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-hackers-attack-smbs-being-acquired-to-try-and-gain-access-to-multiple-companies

    Chat Control: EU เห็นชอบการสแกนแชทแบบสมัครใจ
    หลังจากถกเถียงกันมากว่า 3 ปี สภาสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงในกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation หรือที่ถูกเรียกว่า Chat Control โดยเปลี่ยนจากการบังคับสแกนข้อความส่วนตัวมาเป็นแบบสมัครใจ แต่ก็ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว เพราะแม้จะไม่บังคับ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ให้บริการแชทต้องพิจารณามาตรการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด และอาจถูกบังคับให้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับเพิ่มเติม ขณะนี้ EU เตรียมเข้าสู่การเจรจากับรัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้
    https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-lawmakers-finally-agree-on-the-voluntary-scanning-of-your-private-chats

    การเชื่อมต่อ AI รุ่นใหม่: ประสิทธิภาพและการติดตั้ง
    บทความนี้พูดถึง “Next frontier” ของการเชื่อมต่อที่พร้อมสำหรับ AI โดยเน้นการทำให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการติดตั้งและการใช้งานจริง แนวคิดคือการสร้างระบบที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนในการขยายเครือข่าย และทำให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคุ้มค่ามากขึ้น ผู้เขียนชี้ว่าอนาคตของการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดเพื่อรองรับการเติบโตของ AI
    https://www.techradar.com/pro/the-next-frontier-for-ai-ready-connectivity-efficiency-in-deployment

    ดีล Samsung Galaxy Tab ลดแรง
    TechRadar แนะนำดีลพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy Tab ที่ช่วยประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Android มากกว่า iPadOS โดยบทความเน้นว่าตอนนี้เป็นช่วง Black Friday ที่มีโปรโมชั่นแรงที่สุดของปี ทำให้แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย
    https://www.techradar.com/seasonal-sales/prefer-android-to-ipados-these-stellar-samsung-galaxy-tab-deals-will-save-you-hundreds-this-black-friday

    ChatGPT กับการพูดคุยเสียงที่สมจริง
    ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่เพิ่มการสนทนาด้วยเสียง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น ฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการใช้งาน AI เพราะทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและสะดวกกว่าเดิม แม้จะยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ทำให้ AI ก้าวใกล้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-voice-integration-feels-like-the-missing-piece-in-ai-chat-ive-tried-it-and-its-almost-perfect

    Notepad บน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่
    Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Notepad ใน Windows 11 โดยรองรับการสร้างตารางและเสริมพลัง AI เข้าไป ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad ไม่ใช่แค่โปรแกรมจดบันทึกธรรมดาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่า Notepad ควรเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ไม่ควรซับซ้อนเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชุมชนผู้ใช้ Windows
    https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-notepad-gets-support-for-tables-and-bolstered-ai-powers-and-not-everyones-happy

    ChatGPT Voice Mode อัปเกรดครั้งใหญ่
    อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ChatGPT ที่พูดถึงการอัปเกรดโหมดเสียงครั้งใหญ่ โดยสรุปว่ามี 5 สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรรู้ เช่น ความเป็นธรรมชาติของเสียงที่ดีขึ้น ความเร็วในการตอบสนอง และการรองรับหลายภาษา การพัฒนานี้ทำให้การใช้งาน AI ผ่านเสียงมีความสมจริงและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI ให้ใกล้เคียงการสนทนาจริงมากกว่าเดิม
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-voice-mode-just-got-a-major-upgrade-here-are-5-things-you-need-to-know

    อุปกรณ์ AI ของ Sam Altman ที่เหมือนกระท่อมริมทะเลสาบ แต่จริงๆ อาจเป็นการเฝ้าสอดส่อง
    Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาเล่าว่ากำลังสร้างอุปกรณ์ AI แบบใหม่ ที่เขาเปรียบเหมือนการนั่งพักผ่อนในกระท่อมสวยๆ ริมทะเลสาบ ให้ความสงบและเรียบง่ายกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เมื่อมองลึกลงไป อุปกรณ์นี้คือการเฝ้าสังเกตชีวิตผู้ใช้ตลอดเวลา ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอาจหมายถึงการแลกความเป็นส่วนตัวกับความสะดวกสบาย ความสงบที่ถูกขายให้เราอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริงๆ แล้วคือการเปิดให้ระบบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/sam-altman-wants-his-ai-device-to-feel-like-sitting-in-the-most-beautiful-cabin-by-a-lake-but-it-sounds-more-like-endless-surveillance

    Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูล ชี้พลังเวิร์กสเตชันระดับมหึมา
    มีการรั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel ที่ชื่อ Granite Rapids-WS ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต E2 ขนาดใหญ่ รองรับพลังงานสูงถึง 350 วัตต์ และสามารถใส่แรม DDR5 ได้ถึง 2 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต จุดเด่นคือจำนวนคอร์มหาศาลถึง 86 คอร์ 172 เธรด พร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ และ PCIe lanes มากมายเพื่อรองรับ GPU และสตอเรจหลายตัว นี่คือการตอบโต้ AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง ที่เน้นงานเรนเดอร์ ซิมูเลชัน และการวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ
    https://www.techradar.com/pro/did-intels-next-big-thing-in-workstations-just-leak-ahead-of-granite-rapids-launch-report-claims-this-is-whats-next-from-troubled-chipmaker

    จีนจำลองการใช้โดรน 1,000 ตัวเพื่อบล็อก Starlink เหนือไต้หวัน
    งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในจีนเผยการจำลองสถานการณ์ที่ใช้โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณจำนวนมหาศาล เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink เหนือไต้หวัน การทดลองชี้ว่าหากใช้โดรนราว 935 ตัวที่ทำงานประสานกัน จะสามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ในทางปฏิบัติจะมีความยากลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่น่ากังวล
    https://www.techradar.com/tech/can-starlink-be-blocked-scary-chinese-simulation-shows-1-000-drones-can-jam-satellite-internet-over-an-island-as-large-as-taiwan

    Tuxedo ยกเลิกโน้ตบุ๊ก Linux ที่ใช้ Snapdragon X Elite หลังเจอปัญหาหนัก
    บริษัท Tuxedo ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่อง Linux ตัดสินใจยกเลิกการพัฒนาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon X Elite หลังจากพยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 18 เดือน แต่ไม่สามารถทำให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ ปัญหามีทั้งเรื่อง BIOS, การควบคุมพัดลม, การทำงานของ KVM virtualization และการถ่ายโอนข้อมูล USB4 ที่ไม่เสถียร ผลทดสอบยังชี้ว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ยาวนานตามที่คาดไว้ ทำให้เครื่องไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Linux จริงๆ บริษัทจึงเลือกหยุดโครงการและรอดูรุ่นใหม่ Snapdragon X2 Elite ว่าจะเข้ากับ Linux ได้ดีกว่าหรือไม่
    https://www.techradar.com/pro/top-linux-pc-maker-drops-plan-for-snapdragonx-elite-powered-notebook-says-hardware-was-less-suitable-than-expected

    รีวิว RedMagic 11 Pro มือถือเกมมิ่งสุดแรงในราคาคุ้มค่า
    RedMagic 11 Pro ยังคงรักษาตำแหน่งมือถือเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่เร็วสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมที่ออกแบบใหม่ ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ใช้งานได้ยาวนานหลายวัน และรองรับชาร์จไว 80W แม้จะไม่มีชาร์จไร้สาย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล จุดอ่อนคือกล้องที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับคนที่ต้องการมือถือเล่นเกมแรงๆ ในราคาที่ไม่ถึงพันดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด
    https://www.techradar.com/phones/redmagic-11-pro-review

    มัลแวร์ใหม่บน macOS สร้างห่วงโซ่โจมตีที่น่าปวดหัว
    มีการค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่บน macOS ที่ทำงานเป็น “chain” หรือห่วงโซ่การโจมตี โดยเริ่มจากการเจาะเข้าระบบผ่านช่องโหว่เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายสิทธิ์การเข้าถึงไปเรื่อยๆ จนสามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จุดน่ากังวลคือมันสามารถหลบเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ และอาจถูกใช้โจมตีองค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างรุนแรง นักวิจัยเตือนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตระบบและระวังการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ
    https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-chain-could-cause-a-major-security-headache-heres-what-we-know

    กล้อง Leica ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสถูกประมูลได้ 7.5 ล้านดอลลาร์
    Leica รุ่นพิเศษที่เคยเป็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกนำออกประมูลและสร้างสถิติใหม่ด้วยราคาสูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อการกุศล กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเฉพาะตัวและวัสดุที่หายาก ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกล้องที่มีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก
    https://www.techradar.com/cameras/this-stunning-one-off-leica-belonging-to-the-late-pope-francis-just-raised-usd7-5-million-for-charity-here-are-its-7-unique-features

    รวมกล้องคอมแพ็กที่ดีที่สุดปี 2025 พกง่าย ใช้งานสะดวก
    TechRadar จัดอันดับกล้องคอมแพ็กที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 สำหรับคนที่อยากได้กล้องเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ยังให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม รายการนี้รวมทั้งรุ่นที่เหมาะกับนักเดินทาง, คนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท, ไปจนถึงผู้ใช้ที่ต้องการกล้องเสริมจากสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรุ่นราคาประหยัดและรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณภาพสูงสุด
    https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/the-best-compact-cameras

    บทความเตือนใจ: อย่าเดทกับ AI เพราะมันไม่มีวันรักคุณ
    บทความเชิงความคิดเห็นชี้ให้เห็นถึงกระแสที่บางคนเริ่มมีความสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับ AI แต่ผู้เขียนเตือนว่า AI ไม่สามารถรักหรือมีความรู้สึกแท้จริงได้ การคาดหวังให้มันเป็นคู่ชีวิตอาจทำให้คนหลงทางและเสียสมดุลในชีวิตจริง ข้อความนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์
    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/please-dont-date-your-ai-because-it-will-never-love-you-or-pick-up-the-check

    Poco เปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดจิ๋ว
    Poco เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมแปลกตา คือการใส่ซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดเล็กเข้าไปในเครื่อง เพื่อให้เสียงแบบ 2.1-channel audio แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับคนรักเสียงเบส แต่ก็มีข้อกังวลว่าการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น บนรถบัส อาจสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Poco ในการสร้างความแตกต่างในตลาดมือถือที่แข่งขันสูง
    ​​​​​​​ https://www.techradar.com/phones/poco-phones/pocos-new-flagship-phone-has-a-mini-bose-subwoofer-for-2-1-channel-audio-and-i-hope-im-not-near-one-on-the-bus
    📌📡🟠 รวมข่าวจากเวบ TechRadar 🟠📡📌 #รวมข่าวIT #20251127 #TechRadar 💻 รวมโน้ตบุ๊กสำหรับนักเรียนปี 2025 ถ้าเล่าให้ฟังแบบง่าย ๆ ตอนนี้ TechRadar เขาได้จัดอันดับโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับนักเรียนไว้หลายรุ่นเลย เริ่มจาก MacBook Air M3 ที่ยังคงเป็นตัวท็อปสำหรับการเรียน ใช้งานได้แรง แบตอึด และราคาก็ลดลงเพราะมีรุ่น M4 ออกมาแล้ว ต่อมาก็มี Acer Chromebook Plus 514 ที่เหมาะกับคนงบจำกัดแต่ยังได้เครื่องที่ทำงานลื่น ๆ สำหรับงานทั่วไป ส่วนใครชอบ ChromeOS รุ่น HP Chromebook Plus 15.6 ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ครบเครื่องและแบตทนดี สำหรับสายพกพา Microsoft Surface Laptop 13 น้ำหนักเบาและแบตยาวนานก็เป็นคำตอบ ส่วนสายครีเอทีฟที่ต้องใช้พลังมากขึ้น MacBook Air M4 รุ่นจอ 15 นิ้วก็ถูกยกให้เป็นเครื่องที่ตอบโจทย์งานกราฟิกและงานสร้างสรรค์ได้ดีมาก 🔗 https://www.techradar.com/computing/laptops/best-student-laptops 📱 Google Messages เตรียมอัปเกรดใหม่ ข่าวนี้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ แต่มีประโยชน์ใน Google Messages ที่กำลังทดสอบอยู่ในโค้ดเบต้า อย่างแรกคือเวลาเซฟไฟล์รูปหรือวิดีโอจะมีปุ่ม “Open” ให้กดเปิดไฟล์ได้ทันที ต่อมาคือปุ่ม Gemini ที่จะใหญ่ขึ้นเพื่อให้คนใช้งานง่ายขึ้น และสุดท้ายคือการเปลี่ยนข้อความจาก “Location” เป็น “One-time Location” เพื่อให้ชัดเจนว่ามันแชร์ตำแหน่งแค่ครั้งเดียว ไม่ใช่แชร์ต่อเนื่อง แม้ยังไม่แน่ว่าจะเปิดใช้จริง แต่ถ้าออกมาก็น่าจะช่วยให้การใช้งานสะดวกขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/phones/google-messages-could-be-getting-3-useful-upgrades-soon-including-a-gemini-change 🔐 นักพัฒนาระวัง! เว็บจัดรูปแบบโค้ดเผยข้อมูลลับ เรื่องนี้ค่อนข้างน่ากังวล เพราะมีการพบว่าเว็บยอดนิยมอย่าง JSONFormatter และ CodeBeautify มีฟีเจอร์ “Recent Links” ที่เปิดเผยข้อมูลที่ผู้ใช้เคยอัปโหลดไว้โดยไม่ป้องกัน ทำให้ข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน คีย์ API หรือข้อมูลส่วนตัวหลุดออกมาได้ง่าย นักวิจัยถึงขั้นดึงข้อมูลย้อนหลังได้หลายปี และพบว่ามีทั้งข้อมูลจากหน่วยงานรัฐไปจนถึงบริษัทใหญ่ ๆ ที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตี ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้ไม่หวังดีเริ่มทดลองใช้ช่องโหว่นี้แล้วด้วย 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/top-code-formatting-sites-are-exposing-huge-amounts-of-user-data 🤖 ธุรกิจยังติดขัดกับการทำ AI อย่างรับผิดชอบ รายงานจาก Experian ชี้ว่าผู้บริหารส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่า “Responsible AI” จะเป็นตัวสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน แต่ปัญหาคือหลายบริษัทยังไม่พร้อมที่จะนำไปใช้จริง ทั้งเรื่องคุณภาพข้อมูล ความรู้ทางเทคนิค และการบาลานซ์ระหว่างนวัตกรรมกับการกำกับดูแล แม้จะมีหลักการชัดเจน เช่น ความน่าเชื่อถือ การปกป้องความเป็นส่วนตัว และการลดอคติ แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งที่บอกว่าทีมงานพร้อมจริง ๆ นักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เริ่มจากเล็ก ๆ ทดลองก่อน แล้วค่อยขยาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดความเสี่ยง 🔗 https://www.techradar.com/pro/businesses-are-struggling-to-implement-responsible-ai-but-it-could-make-all-the-difference ⚡ Claude Opus 4.5 เปิดตัวแล้ว Anthropic ปล่อยโมเดลใหม่ Claude Opus 4.5 ที่บอกว่าดีขึ้นอย่าง “มีความหมาย” ทั้งเรื่องการทำงานทั่วไปและการเขียนโค้ด จุดเด่นคือมันจัดการงานจริงได้ดีขึ้น เช่น ทำอีเมล สไลด์ หรือเอกสารได้เนียนกว่าเดิม รวมถึงแก้โจทย์ที่ซับซ้อนและทำงานหลายขั้นตอนต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังใช้พลังคำนวณน้อยลง ทำให้ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรได้ประโยชน์มากขึ้น แม้ยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่การพัฒนาเร็วขนาดนี้ก็แสดงให้เห็นว่าตลาด AI กำลังโตและแข่งขันกันเข้มข้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/claude/claude-opus-4-5-is-now-live-and-meaningfully-better-at-everyday-tasks-and-coding-challenges 📱 Nothing Phone 3: สมาร์ทโฟนเรือธงที่แตกต่าง Nothing เปิดตัวมือถือรุ่นใหม่ Phone 3 ที่ตั้งใจจะก้าวเข้าสู่ตลาดพรีเมียมเต็มตัว ดีไซน์ยังคงความแปลกตาแบบบล็อกเหลี่ยมที่หลายคนอาจมองว่าสวยไม่เหมือนใคร แต่บางคนก็อาจรู้สึกว่ามันเทอะทะเกินไป จุดเด่นคือกล้อง 50MP ทั้งหมด 4 ตัว รวมถึงเลนส์ periscope ที่ช่วยให้ถ่ายภาพระยะไกลได้ดี แบตเตอรี่ใหญ่กว่า iPhone และ Samsung รุ่นใกล้เคียง พร้อมชาร์จเร็วกว่า จุดที่น่าสนใจคือฟีเจอร์ Glyph Matrix ที่ใช้ไฟด้านหลังมือถือแสดงข้อมูลหรือเล่นเกมเล็ก ๆ ได้ และปุ่ม Essential Key ที่ช่วยให้แคปหน้าจอหรือบันทึกวิดีโอได้ทันที ถึงแม้จะมีข้อดีหลายอย่าง แต่ราคาที่สูงขึ้นอาจทำให้แฟน ๆ รุ่นก่อนลังเล อย่างไรก็ตาม มันคือการประกาศชัดว่า Nothing อยากเป็นผู้เล่นในตลาดเรือธงจริง ๆ 🔗 https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/nothing-phone-3-review ☁️ AWS มีดาต้าเซ็นเตอร์มากกว่าที่คิด ข้อมูลใหม่เผยว่า Amazon Web Services (AWS) อาจมีดาต้าเซ็นเตอร์มากถึง 900 แห่งทั่วโลก ซึ่งมากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้หลายเท่า การขยายตัวนี้เกิดจากความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มสูงขึ้น AWS ไม่ได้เปิดเผยจำนวนจริง แต่ยืนยันว่ามี 38 regions และ 120 availability zones พร้อมแผนลงทุนมหาศาลในหลายประเทศ เช่น อินเดียและสหรัฐฯ จุดที่น่าสนใจคือ AWS พยายามรักษาประสิทธิภาพพลังงาน โดยอ้างว่ามีค่า Power Usage Effectiveness ดีกว่าค่าเฉลี่ยโลก และโครงสร้างพื้นฐานของตนใช้พลังงานได้คุ้มค่ากว่าการทำงานแบบ on-premises หลายเท่า 🔗 https://www.techradar.com/pro/aws-says-it-has-around-900-data-centers-twice-as-many-as-previously-thought 💻 Android Desktop: ก้าวใหม่ของ Google OS Google กำลังพัฒนาโครงการ “Aluminium OS” ที่จะรวม Android เข้ากับ ChromeOS เพื่อสร้างระบบปฏิบัติการเดสก์ท็อปใหม่ รองรับทั้ง PC, Laptop, Tablet และ 2-in-1 จุดเด่นคือการผสาน AI เข้ามาเป็นแกนหลัก และรองรับแอป Android แบบเนทีฟโดยไม่ต้องจำลอง ทำให้การใช้งานต่อเนื่องระหว่างมือถือและเดสก์ท็อปเป็นไปอย่างราบรื่น Aluminium จะค่อย ๆ เข้ามาแทน ChromeOS แต่ยังคงอยู่คู่กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน เป้าหมายคือการยกระดับ Chromebook และอุปกรณ์ Android ให้แข่งขันกับ Windows และ macOS ได้ในบางตลาด โดยเฉพาะด้านการศึกษาและธุรกิจ 🔗 https://www.techradar.com/computing/desktop-pcs/android-powered-desktop-pcs-are-coming-and-i-think-theyll-be-an-exciting-step-up-from-chromeos 🔒 Ransomware โจมตีธุรกิจที่ถูกซื้อกิจการ รายงานใหม่จาก ReliaQuest เผยว่าแฮกเกอร์ที่ใช้ Akira ransomware มักเจาะเข้าธุรกิจขนาดเล็กที่ถูกซื้อกิจการ โดยใช้ช่องโหว่จากอุปกรณ์ที่ถูกละเลยหรือไม่ได้รับการแพตช์ โดยเฉพาะ SonicWall SSL VPN ที่มีบัฟเฟอร์โอเวอร์โฟลว์ร้ายแรง แม้จะมีการอัปเดตแล้ว แต่หลายองค์กรยังไม่ทันปรับปรุง ทำให้แฮกเกอร์สามารถเข้ามาเคลื่อนไหวในระบบและเข้ารหัสข้อมูลได้ ปัญหาคือบริษัทที่ซื้อกิจการมักไม่รู้ว่ามีอุปกรณ์เสี่ยงอยู่ในเครือข่ายใหม่ ทำให้การโจมตีเกิดขึ้นง่ายและกระจายไปหลายบริษัทพร้อมกัน 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/ransomware-hackers-attack-smbs-being-acquired-to-try-and-gain-access-to-multiple-companies 🇪🇺 Chat Control: EU เห็นชอบการสแกนแชทแบบสมัครใจ หลังจากถกเถียงกันมากว่า 3 ปี สภาสหภาพยุโรปได้บรรลุข้อตกลงในกฎหมาย Child Sexual Abuse Regulation หรือที่ถูกเรียกว่า Chat Control โดยเปลี่ยนจากการบังคับสแกนข้อความส่วนตัวมาเป็นแบบสมัครใจ แต่ก็ยังสร้างความกังวลในหมู่ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นส่วนตัว เพราะแม้จะไม่บังคับ แต่ก็เปิดช่องให้ผู้ให้บริการแชทต้องพิจารณามาตรการป้องกันการใช้แพลตฟอร์มในทางที่ผิด และอาจถูกบังคับให้พัฒนาเทคโนโลยีตรวจจับเพิ่มเติม ขณะนี้ EU เตรียมเข้าสู่การเจรจากับรัฐสภาเพื่อหาข้อสรุปสุดท้าย ซึ่งยังคงเป็นประเด็นร้อนระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ 🔗 https://www.techradar.com/vpn/vpn-privacy-security/chat-control-eu-lawmakers-finally-agree-on-the-voluntary-scanning-of-your-private-chats 🌐 การเชื่อมต่อ AI รุ่นใหม่: ประสิทธิภาพและการติดตั้ง บทความนี้พูดถึง “Next frontier” ของการเชื่อมต่อที่พร้อมสำหรับ AI โดยเน้นการทำให้โครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งในด้านการติดตั้งและการใช้งานจริง แนวคิดคือการสร้างระบบที่สามารถรองรับการประมวลผล AI ได้อย่างราบรื่น ลดความซับซ้อนในการขยายเครือข่าย และทำให้การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานคุ้มค่ามากขึ้น ผู้เขียนชี้ว่าอนาคตของการสื่อสารจะไม่ใช่แค่ความเร็ว แต่คือการจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาดเพื่อรองรับการเติบโตของ AI 🔗 https://www.techradar.com/pro/the-next-frontier-for-ai-ready-connectivity-efficiency-in-deployment 📱 ดีล Samsung Galaxy Tab ลดแรง TechRadar แนะนำดีลพิเศษสำหรับ Samsung Galaxy Tab ที่ช่วยประหยัดเงินได้หลายร้อยดอลลาร์ เหมาะสำหรับคนที่ชอบ Android มากกว่า iPadOS โดยบทความเน้นว่าตอนนี้เป็นช่วง Black Friday ที่มีโปรโมชั่นแรงที่สุดของปี ทำให้แท็บเล็ตตระกูล Galaxy Tab กลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ทั้งในด้านราคาและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลาย 🔗 https://www.techradar.com/seasonal-sales/prefer-android-to-ipados-these-stellar-samsung-galaxy-tab-deals-will-save-you-hundreds-this-black-friday 🎙️ ChatGPT กับการพูดคุยเสียงที่สมจริง ผู้เขียนเล่าประสบการณ์การลองใช้ฟีเจอร์ใหม่ของ ChatGPT ที่เพิ่มการสนทนาด้วยเสียง ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนพูดคุยกับคนจริง ๆ มากขึ้น ฟีเจอร์นี้ถูกมองว่าเป็น “ชิ้นส่วนที่ขาดหายไป” ของการใช้งาน AI เพราะทำให้การโต้ตอบเป็นธรรมชาติและสะดวกกว่าเดิม แม้จะยังมีรายละเอียดที่ต้องปรับปรุง แต่โดยรวมถือว่าเป็นการพัฒนาใหญ่ที่ทำให้ AI ก้าวใกล้การใช้งานในชีวิตประจำวันมากขึ้น 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-new-voice-integration-feels-like-the-missing-piece-in-ai-chat-ive-tried-it-and-its-almost-perfect 📝 Notepad บน Windows 11 ได้ฟีเจอร์ใหม่ Microsoft เพิ่มความสามารถใหม่ให้กับ Notepad ใน Windows 11 โดยรองรับการสร้างตารางและเสริมพลัง AI เข้าไป ฟีเจอร์นี้ทำให้ Notepad ไม่ใช่แค่โปรแกรมจดบันทึกธรรมดาอีกต่อไป แต่สามารถใช้ทำงานที่ซับซ้อนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บางส่วนไม่พอใจ เพราะมองว่า Notepad ควรเป็นเครื่องมือที่เรียบง่าย ไม่ควรซับซ้อนเกินไป การเปลี่ยนแปลงนี้จึงกลายเป็นประเด็นถกเถียงในชุมชนผู้ใช้ Windows 🔗 https://www.techradar.com/computing/windows/windows-11s-notepad-gets-support-for-tables-and-bolstered-ai-powers-and-not-everyones-happy 🔊 ChatGPT Voice Mode อัปเกรดครั้งใหญ่ อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับ ChatGPT ที่พูดถึงการอัปเกรดโหมดเสียงครั้งใหญ่ โดยสรุปว่ามี 5 สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้ควรรู้ เช่น ความเป็นธรรมชาติของเสียงที่ดีขึ้น ความเร็วในการตอบสนอง และการรองรับหลายภาษา การพัฒนานี้ทำให้การใช้งาน AI ผ่านเสียงมีความสมจริงและสะดวกมากขึ้น ถือเป็นการยกระดับการโต้ตอบระหว่างมนุษย์กับ AI ให้ใกล้เคียงการสนทนาจริงมากกว่าเดิม 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/chatgpt/chatgpts-voice-mode-just-got-a-major-upgrade-here-are-5-things-you-need-to-know 🏞️ อุปกรณ์ AI ของ Sam Altman ที่เหมือนกระท่อมริมทะเลสาบ แต่จริงๆ อาจเป็นการเฝ้าสอดส่อง Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI ออกมาเล่าว่ากำลังสร้างอุปกรณ์ AI แบบใหม่ ที่เขาเปรียบเหมือนการนั่งพักผ่อนในกระท่อมสวยๆ ริมทะเลสาบ ให้ความสงบและเรียบง่ายกว่าการใช้สมาร์ทโฟนที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เมื่อมองลึกลงไป อุปกรณ์นี้คือการเฝ้าสังเกตชีวิตผู้ใช้ตลอดเวลา ทั้งพฤติกรรม อารมณ์ และกิจวัตรประจำวัน ซึ่งอาจหมายถึงการแลกความเป็นส่วนตัวกับความสะดวกสบาย ความสงบที่ถูกขายให้เราอาจเป็นเพียงภาพลวงตา เพราะจริงๆ แล้วคือการเปิดให้ระบบเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/openai/sam-altman-wants-his-ai-device-to-feel-like-sitting-in-the-most-beautiful-cabin-by-a-lake-but-it-sounds-more-like-endless-surveillance 💻 Intel Granite Rapids-WS หลุดข้อมูล ชี้พลังเวิร์กสเตชันระดับมหึมา มีการรั่วไหลข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มใหม่ของ Intel ที่ชื่อ Granite Rapids-WS ซึ่งจะใช้ซ็อกเก็ต E2 ขนาดใหญ่ รองรับพลังงานสูงถึง 350 วัตต์ และสามารถใส่แรม DDR5 ได้ถึง 2 เทราไบต์ต่อซ็อกเก็ต จุดเด่นคือจำนวนคอร์มหาศาลถึง 86 คอร์ 172 เธรด พร้อมแคช L3 ขนาดใหญ่ และ PCIe lanes มากมายเพื่อรองรับ GPU และสตอเรจหลายตัว นี่คือการตอบโต้ AMD Threadripper ในตลาดเวิร์กสเตชันระดับสูง ที่เน้นงานเรนเดอร์ ซิมูเลชัน และการวิเคราะห์ข้อมูลหนักๆ 🔗 https://www.techradar.com/pro/did-intels-next-big-thing-in-workstations-just-leak-ahead-of-granite-rapids-launch-report-claims-this-is-whats-next-from-troubled-chipmaker 🚁 จีนจำลองการใช้โดรน 1,000 ตัวเพื่อบล็อก Starlink เหนือไต้หวัน งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยในจีนเผยการจำลองสถานการณ์ที่ใช้โดรนติดตั้งเครื่องรบกวนสัญญาณจำนวนมหาศาล เพื่อสร้าง “เกราะแม่เหล็กไฟฟ้า” ปิดกั้นอินเทอร์เน็ตดาวเทียม Starlink เหนือไต้หวัน การทดลองชี้ว่าหากใช้โดรนราว 935 ตัวที่ทำงานประสานกัน จะสามารถทำให้พื้นที่ทั้งหมดไม่สามารถเชื่อมต่อได้ แม้ในทางปฏิบัติจะมีความยากลำบากและค่าใช้จ่ายสูง แต่แนวคิดนี้สะท้อนถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในสงครามอิเล็กทรอนิกส์ที่น่ากังวล 🔗 https://www.techradar.com/tech/can-starlink-be-blocked-scary-chinese-simulation-shows-1-000-drones-can-jam-satellite-internet-over-an-island-as-large-as-taiwan 🖥️ Tuxedo ยกเลิกโน้ตบุ๊ก Linux ที่ใช้ Snapdragon X Elite หลังเจอปัญหาหนัก บริษัท Tuxedo ที่เชี่ยวชาญด้านเครื่อง Linux ตัดสินใจยกเลิกการพัฒนาโน้ตบุ๊กที่ใช้ชิป Snapdragon X Elite หลังจากพยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 18 เดือน แต่ไม่สามารถทำให้ระบบทำงานได้สมบูรณ์ ปัญหามีทั้งเรื่อง BIOS, การควบคุมพัดลม, การทำงานของ KVM virtualization และการถ่ายโอนข้อมูล USB4 ที่ไม่เสถียร ผลทดสอบยังชี้ว่าแบตเตอรี่ไม่ได้ยาวนานตามที่คาดไว้ ทำให้เครื่องไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้ Linux จริงๆ บริษัทจึงเลือกหยุดโครงการและรอดูรุ่นใหม่ Snapdragon X2 Elite ว่าจะเข้ากับ Linux ได้ดีกว่าหรือไม่ 🔗 https://www.techradar.com/pro/top-linux-pc-maker-drops-plan-for-snapdragonx-elite-powered-notebook-says-hardware-was-less-suitable-than-expected 📱 รีวิว RedMagic 11 Pro มือถือเกมมิ่งสุดแรงในราคาคุ้มค่า RedMagic 11 Pro ยังคงรักษาตำแหน่งมือถือเกมมิ่งที่คุ้มค่าที่สุด ด้วยชิป Snapdragon 8 Elite Gen 5 ที่เร็วสุดๆ พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำและพัดลมที่ออกแบบใหม่ ทำให้เล่นเกมหนักๆ ได้อย่างลื่นไหล แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ 7,500mAh ใช้งานได้ยาวนานหลายวัน และรองรับชาร์จไว 80W แม้จะไม่มีชาร์จไร้สาย แต่ก็ถือว่าเป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมเหตุสมผล จุดอ่อนคือกล้องที่ยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะการถ่ายเซลฟี่ แต่สำหรับคนที่ต้องการมือถือเล่นเกมแรงๆ ในราคาที่ไม่ถึงพันดอลลาร์ นี่คือหนึ่งในตัวเลือกที่โดดเด่นที่สุด 🔗 https://www.techradar.com/phones/redmagic-11-pro-review 🔒 มัลแวร์ใหม่บน macOS สร้างห่วงโซ่โจมตีที่น่าปวดหัว มีการค้นพบมัลแวร์รูปแบบใหม่บน macOS ที่ทำงานเป็น “chain” หรือห่วงโซ่การโจมตี โดยเริ่มจากการเจาะเข้าระบบผ่านช่องโหว่เล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายสิทธิ์การเข้าถึงไปเรื่อยๆ จนสามารถควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ จุดน่ากังวลคือมันสามารถหลบเลี่ยงระบบรักษาความปลอดภัยที่มีอยู่ และอาจถูกใช้โจมตีองค์กรหรือผู้ใช้ทั่วไปได้อย่างรุนแรง นักวิจัยเตือนว่าผู้ใช้ควรอัปเดตระบบและระวังการดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ 🔗 https://www.techradar.com/pro/security/new-macos-malware-chain-could-cause-a-major-security-headache-heres-what-we-know 📸 กล้อง Leica ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสถูกประมูลได้ 7.5 ล้านดอลลาร์ Leica รุ่นพิเศษที่เคยเป็นของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ถูกนำออกประมูลและสร้างสถิติใหม่ด้วยราคาสูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์ รายได้ทั้งหมดถูกนำไปใช้เพื่อการกุศล กล้องตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษถึง 7 อย่างที่ไม่เหมือนใคร เช่น การออกแบบเฉพาะตัวและวัสดุที่หายาก ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในกล้องที่มีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์มากที่สุดในโลก 🔗 https://www.techradar.com/cameras/this-stunning-one-off-leica-belonging-to-the-late-pope-francis-just-raised-usd7-5-million-for-charity-here-are-its-7-unique-features 📷 รวมกล้องคอมแพ็กที่ดีที่สุดปี 2025 พกง่าย ใช้งานสะดวก TechRadar จัดอันดับกล้องคอมแพ็กที่โดดเด่นที่สุดในปี 2025 สำหรับคนที่อยากได้กล้องเล็กๆ พกพาสะดวก แต่ยังให้คุณภาพภาพถ่ายที่ดีเยี่ยม รายการนี้รวมทั้งรุ่นที่เหมาะกับนักเดินทาง, คนที่ชอบถ่ายภาพสตรีท, ไปจนถึงผู้ใช้ที่ต้องการกล้องเสริมจากสมาร์ทโฟน โดยมีทั้งรุ่นราคาประหยัดและรุ่นพรีเมียมที่เน้นคุณภาพสูงสุด 🔗 https://www.techradar.com/cameras/compact-cameras/the-best-compact-cameras 🤖 บทความเตือนใจ: อย่าเดทกับ AI เพราะมันไม่มีวันรักคุณ บทความเชิงความคิดเห็นชี้ให้เห็นถึงกระแสที่บางคนเริ่มมีความสัมพันธ์เชิงอารมณ์กับ AI แต่ผู้เขียนเตือนว่า AI ไม่สามารถรักหรือมีความรู้สึกแท้จริงได้ การคาดหวังให้มันเป็นคู่ชีวิตอาจทำให้คนหลงทางและเสียสมดุลในชีวิตจริง ข้อความนี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของการพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในด้านอารมณ์และความสัมพันธ์ 🔗 https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/please-dont-date-your-ai-because-it-will-never-love-you-or-pick-up-the-check 🔊 Poco เปิดตัวมือถือเรือธงพร้อมซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดจิ๋ว Poco เปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ที่มาพร้อมนวัตกรรมแปลกตา คือการใส่ซับวูฟเฟอร์ Bose ขนาดเล็กเข้าไปในเครื่อง เพื่อให้เสียงแบบ 2.1-channel audio แม้จะเป็นฟีเจอร์ที่น่าสนใจสำหรับคนรักเสียงเบส แต่ก็มีข้อกังวลว่าการใช้งานในพื้นที่สาธารณะ เช่น บนรถบัส อาจสร้างความรำคาญให้คนรอบข้างได้ อย่างไรก็ตาม นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพยายามของ Poco ในการสร้างความแตกต่างในตลาดมือถือที่แข่งขันสูง ​​​​​​​🔗 https://www.techradar.com/phones/poco-phones/pocos-new-flagship-phone-has-a-mini-bose-subwoofer-for-2-1-channel-audio-and-i-hope-im-not-near-one-on-the-bus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 560 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251127 #securityonline

    Meta ถูกกล่าวหาปกปิดข้อมูลภายในที่ชี้ว่า Facebook ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
    เรื่องนี้เริ่มจากเอกสารในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่โรงเรียนหลายแห่งในสหรัฐฯ ยื่นต่อบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยมีการเปิดเผยว่า Meta เคยทำการศึกษาในโครงการชื่อ Project Mercury ร่วมกับบริษัท Nielsen ตั้งแต่ปี 2020 ผลการวิจัยพบว่าการเลิกใช้ Facebook ช่วยลดความรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล และความเหงา แต่ Meta กลับหยุดการศึกษาและไม่เผยแพร่ผลลัพธ์ โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่มีอคติและถูกกระทบจากกระแสสื่อ ขณะเดียวกันมีเสียงจากนักวิจัยภายในที่เปรียบเทียบการกระทำนี้เหมือนกับอุตสาหกรรมบุหรี่ที่เคยปกปิดผลวิจัยเรื่องอันตรายของการสูบบุหรี่ ปัจจุบันคดีนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาในศาล และสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจที่รัฐบาลทั่วโลกมีต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี
    https://securityonline.info/meta-accused-of-hiding-internal-data-showing-facebook-causes-depression-anxiety

    Tor Project พัฒนาอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ CGO แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่
    เครือข่าย Tor ที่ใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้น แม้จะมีชื่อเสียงด้านการรักษาความลับ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเสมอไป โดยโปรโตคอลเก่า Tor1 มีช่องโหว่สำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attack ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้ อีกทั้งยังมีการใช้คีย์ AES ซ้ำและตัวตรวจสอบที่อ่อนแอ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนาอัลกอริทึมใหม่ชื่อ Counter Galois Onion (CGO) ที่เมื่อมีการพยายามแก้ไขข้อมูล ข้อความทั้งหมดในเส้นทางนั้นจะเสียหายทันที ทำให้การโจมตีแทบเป็นไปไม่ได้ แม้จะยังไม่มีตารางเวลาชัดเจนในการนำมาใช้กับ Tor Browser แต่ทีมงานกำลังปรับปรุงให้เหมาะกับ CPU รุ่นใหม่
    https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol

    PoC Exploit สำหรับช่องโหว่ Windows NTLM Elevation of Privilege ถูกเผยแพร่แล้ว
    มีการเปิดเผยโค้ดตัวอย่างการโจมตี (PoC Exploit) ที่เจาะช่องโหว่ในระบบ NTLM ของ Windows ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ Channel Binding และ LDAPS โดยเนื้อหาละเอียดถูกจำกัดให้เฉพาะผู้สนับสนุนที่ลงทะเบียนเท่านั้น แต่การที่ PoC ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะถือเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้โจมตีอาจนำไปใช้จริงได้
    https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-windows-ntlm-elevation-of-privilege-vulnerability

    NVIDIA ออกแพตช์ด่วนแก้ช่องโหว่ร้ายแรงใน DGX Spark เสี่ยงถูกยึดระบบ
    AI NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับแพลตฟอร์ม DGX Spark ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดกะทัดรัดที่ใช้ในงานวิจัยและพัฒนา โดยมีช่องโหว่รวม 14 รายการ หนึ่งในนั้นคือ CVE-2025-33187 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ช่องโหว่นี้อยู่ในส่วน SROOT ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ปกป้องโดยชิป SoC และควบคุมระบบได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่อัปเดตทันที ข้อมูลวิจัยและโมเดล AI อาจถูกขโมยหรือแก้ไขโดยไม่รู้ตัว NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดต DGX Spark ไปยังเวอร์ชัน OTA0 โดยเร็วที่สุด
    https://securityonline.info/critical-patch-nvidia-dgx-spark-flaw-cve-2025-33187-cvss-9-3-exposes-ai-secrets-to-takeover

    WormGPT 4 และ KawaiiGPT: AI ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมืออาชญากรรมไซเบอร์
    รายงานจาก Unit 42 เปิดเผยว่าโมเดล AI ที่ควรใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ กลับถูกนำไปใช้สร้างภัยคุกคาม WormGPT 4 ถูกโฆษณาในฟอรั่มใต้ดินว่าเป็น “AI ที่ไร้ข้อจำกัด” สามารถสร้างมัลแวร์และสคริปต์เรียกค่าไถ่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเขียนโน้ตข่มขู่ที่ทำให้เหยื่อหวาดกลัว ส่วน KawaiiGPT ถูกนำเสนอในรูปแบบ “Waifu pentesting” ที่ดูน่ารักแต่จริง ๆ แล้วสามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งและสคริปต์โจมตีได้ง่ายมาก ทั้งสองโมเดลนี้ทำให้การโจมตีไซเบอร์เข้าถึงได้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีทักษะสูง สะท้อนถึงการ “ทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เป็นประชาธิปไตย” ที่ใครก็สามารถโจมตีได้เพียงแค่พิมพ์คำสั่ง
    https://securityonline.info/silent-fast-brutal-how-wormgpt-4-and-kawaiigpt-democratize-cybercrime

    Anthropic เปิดตัว Opus 4.5: AI สำหรับองค์กรที่เชื่อม Excel และแชทได้ไม่สิ้นสุด
    Anthropic ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ชื่อ Opus 4.5 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระดับองค์กร จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อกับ Excel ได้โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ “Infinite Chat” ที่ช่วยให้การสนทนากับ AI ต่อเนื่องได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่หมด session ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน AI ให้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องและการจัดการข้อมูลจำนวนมาก
    https://securityonline.info/anthropic-unleashes-opus-4-5-excel-integration-infinite-chat-for-enterprise-ai

    Perplexity เปิดตัว AI Shopping พร้อม PayPal Instant Buy และค้นหาสินค้าแบบเฉพาะบุคคล
    Perplexity กำลังขยายขอบเขตการใช้งาน AI จากการค้นหาข้อมูลไปสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่าน PayPal ได้ทันที (Instant Buy) และยังมีระบบค้นหาสินค้าแบบ Personalized ที่ปรับตามความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ จุดนี้ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์สะดวกขึ้นและตรงใจมากขึ้น ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง AI และอีคอมเมิร์ซที่น่าจับตามอง
    https://securityonline.info/perplexity-launches-ai-shopping-with-paypal-instant-buy-personalized-product-search

    Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 5: CPU เร็วขึ้น 36% และพลัง AI เพิ่มขึ้น 46%
    Qualcomm ได้เปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Snapdragon 8 Gen 5 ที่มาพร้อมกับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านความเร็วของ CPU ที่เพิ่มขึ้น 36% และพลังการประมวลผล AI ที่มากขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นอีกอย่างคือการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เหมาะกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่จะออกในปีหน้า ซึ่งจะรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงทั้งเกมและงานด้าน AI ได้อย่างลื่นไหล
    https://securityonline.info/qualcomm-unveils-snapdragon-8-gen-5-36-faster-cpu-46-more-ai-power

    INE ขยายการเรียนรู้แบบ Cross-Skilling เพื่อเพิ่มทักษะหลากหลายให้ผู้เรียน
    INE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นการ Cross-Skilling หรือการเรียนรู้ทักษะข้ามสาขา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะที่หลากหลายและนำไปใช้ในงานจริงได้มากขึ้น แนวทางนี้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานที่ต้องการคนที่มีความสามารถหลายด้าน ไม่จำกัดอยู่แค่สายงานเดียว ถือเป็นการปรับตัวของแพลตฟอร์มการศึกษาให้เข้ากับโลกการทำงานยุคใหม่
    https://securityonline.info/ine-expands-cross-skilling-innovations

    GitLab ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง ทั้ง DoS และการขโมย Credential ใน CI/CD
    GitLab ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดที่แก้ไขช่องโหว่หลายรายการ ทั้งการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ที่ไม่ต้องล็อกอินก็ทำได้ และช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถขโมย Credential ของผู้ใช้ระดับสูงในระบบ CI/CD ได้ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านการ bypass authentication และการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรเข้าถึง GitLab แนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
    https://securityonline.info/gitlab-patch-fixes-ci-cd-credential-theft-unauthenticated-dos-attacks

    Hidden Theft: ส่วนขยาย Chrome “Crypto Copilot” ดูดเงินจากกระเป๋า Solana
    เรื่องนี้เริ่มจากนักเทรดคริปโตที่อยากได้ความสะดวกในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม X จึงติดตั้งส่วนขยาย Chrome ที่ชื่อว่า Crypto Copilot ซึ่งโฆษณาว่าสามารถทำให้การเทรดรวดเร็วขึ้น แต่เบื้องหลังกลับเป็นกับดักที่ซ่อนการโอนเงินไปยังกระเป๋าของแฮกเกอร์โดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ผู้ใช้ทำการ swap เหรียญ ระบบจะเพิ่มคำสั่งลับที่โอนเงินส่วนหนึ่งไปยังที่อยู่กระเป๋าที่ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี โดยที่หน้าจอผู้ใช้ไม่แสดงให้เห็นเลย ทำให้หลายคนสูญเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันส่วนขยายนี้ยังคงอยู่บน Chrome Web Store และนักวิจัยได้ส่งคำร้องให้ Google ลบออกแล้ว
    https://securityonline.info/hidden-theft-crypto-copilot-chrome-extension-drains-solana-wallets-on-x

    Critical Ray AI Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Ray Framework ผ่าน Safari และ Firefox
    Ray เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาใช้ในการทำงานด้าน Machine Learning แต่ล่าสุดพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดอันตรายบนเครื่องของนักพัฒนาได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบ User-Agent ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เทคนิค DNS Rebinding หลอกเบราว์เซอร์ Safari และ Firefox ให้ส่งคำสั่งไปยัง Ray Dashboard ที่รันอยู่ในเครื่องของเหยื่อ ผลลัพธ์คือโค้ดอันตรายสามารถถูกประมวลผลได้ทันที ทีมงาน Ray ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.52.0 และแนะนำให้อัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
    https://securityonline.info/critical-ray-ai-flaw-exposes-devs-via-safari-firefox-cve-2025-62593

    Water Gamayun Weaponizes “MSC EvilTwin”: กลุ่ม APT รัสเซียใช้ช่องโหว่ Windows เจาะระบบ
    กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซียชื่อ Water Gamayun ถูกเปิดโปงว่ากำลังใช้ช่องโหว่ใหม่ใน Microsoft Management Console (MMC) ที่เรียกว่า “MSC EvilTwin” เพื่อเจาะระบบองค์กรที่มีมูลค่าสูง วิธีการคือหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็น payload ที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกใช้ช่องโหว่เพื่อรัน PowerShell ลับและติดตั้งมัลแวร์ต่อเนื่อง เป้าหมายของกลุ่มนี้คือการขโมยข้อมูลเชิงกลยุทธ์และสร้างช่องทางเข้าถึงระบบอย่างยาวนาน
    https://securityonline.info/water-gamayun-weaponizes-msc-eviltwin-zero-day-for-stealthy-backdoor-attacks

    Fragging Your Data: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Crack และ Trainer ของ Battlefield 6
    การเปิดตัวเกม Battlefield 6 กลายเป็นโอกาสทองของอาชญากรไซเบอร์ พวกเขาปล่อยไฟล์ “Crack” และ “Trainer” ปลอมบนเว็บแชร์ไฟล์และฟอรั่มใต้ดิน โดยอ้างว่าเป็นผลงานของกลุ่มแคร็กชื่อดัง แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้ เช่น กระเป๋าเงินคริปโต คุกกี้เบราว์เซอร์ และโทเคน Discord บางเวอร์ชันยังซ่อนตัวเก่ง ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนทำงาน และบางตัวทำหน้าที่เป็น backdoor ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยเตือนว่าผู้เล่นที่ดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้ควรรีบสแกนเครื่องและเปลี่ยนรหัสผ่านทันที
    https://securityonline.info/fragging-your-data-fake-battlefield-6-cracks-trainers-spread-infostealers

    Hidden Danger in 3D: ไฟล์ Blender ปลอมแพร่กระจาย StealC V2 Infostealer
    วงการนักออกแบบ 3D และเกมถูกโจมตีด้วยวิธีใหม่ แฮกเกอร์ปล่อยไฟล์โมเดล 3D ที่ดูเหมือนงานจริง เช่น โมเดลชุดอวกาศ Apollo 11 แต่ภายในฝังสคริปต์ Python อันตราย เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ใน Blender และเปิดใช้งาน Auto Run Python Scripts มัลแวร์จะทำงานทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจะดาวน์โหลด payload ต่อเนื่องและติดตั้ง StealC V2 ซึ่งเป็น infostealer ที่สามารถดูดข้อมูลจากเบราว์เซอร์ กระเป๋าเงินคริปโต และแอปต่าง ๆ เช่น Discord หรือ Telegram จุดอันตรายคือไฟล์เหล่านี้ตรวจจับได้ยากมากในระบบป้องกันทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ต้องระวังเป็นพิเศษ
    https://securityonline.info/hidden-danger-in-3d-malicious-blender-files-unleash-stealc-v2-infostealer

    Zero-Day Warning: ช่องโหว่ Twonky Server เปิดทางยึดระบบสื่อ
    มีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน Twonky Server ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับสตรีมสื่อในบ้านและองค์กร ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษ เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่ได้แพตช์ แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลเพื่อเข้าถึงไฟล์สื่อและแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก
    https://securityonline.info/zero-day-warning-unpatched-twonky-server-flaws-expose-media-to-total-takeover

    UNMASKED: การรั่วไหลครั้งใหญ่เปิดโปงหน่วยไซเบอร์ “Department 40” ของอิหร่าน
    มีการเปิดเผยข้อมูลครั้งใหญ่ที่แสดงให้เห็นการทำงานของหน่วยไซเบอร์ลับในอิหร่านที่ชื่อว่า Department 40 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ระดับโลก เอกสารที่รั่วไหลออกมาเผยให้เห็นโครงสร้างการทำงาน วิธีการโจมตี และเป้าหมายที่พวกเขาใช้ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือที่ซับซ้อนเพื่อเจาะระบบขององค์กรและรัฐบาลต่างประเทศ การเปิดโปงครั้งนี้ทำให้หลายประเทศเริ่มตรวจสอบและเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด
    https://securityonline.info/unmasked-massive-leak-exposes-irans-department-40-cyber-terror-unit

    Angular Alert: ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ทำให้ XSRF Tokens รั่วไหล
    นักวิจัยพบว่าการใช้ URL แบบ protocol-relative ใน Angular สามารถทำให้โทเคน XSRF รั่วไหลไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัยได้ ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อขโมย session และเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปัญหานี้เกิดจากการที่เฟรมเวิร์กไม่ได้ตรวจสอบเส้นทาง URL อย่างเข้มงวดพอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างลิงก์ที่ดูเหมือนปลอดภัยแต่จริง ๆ แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์
    https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035

    Holiday Heist: ร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งโจมตี Black Friday
    ในช่วง Black Friday มีการตรวจพบร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งที่เลียนแบบ Amazon และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดังอื่น ๆ เว็บไซต์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้ผู้ซื้อกรอกข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว โดยใช้ดีไซน์และโลโก้ที่เหมือนจริงมาก ผู้ใช้ที่ไม่ทันระวังอาจสูญเสียเงินและข้อมูลไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่าควรตรวจสอบ URL และรีวิวร้านค้าให้ละเอียดก่อนทำการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคา
    https://securityonline.info/holiday-heist-200000-fake-shops-amazon-clones-target-black-friday

    Security Alert: ช่องโหว่ Stored XSS ใน Apache SkyWalking
    Apache SkyWalking ซึ่งเป็นระบบ APM ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการตรวจสอบและติดตามระบบแบบ distributed พบช่องโหว่ Stored XSS ที่อันตรายมาก เพราะโค้ดอันตรายจะถูกบันทึกถาวรในเซิร์ฟเวอร์และทำงานทุกครั้งที่ผู้ดูแลเปิดหน้า dashboard ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้เพื่อขโมย session cookies, redirect ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตราย หรือแม้กระทั่งแก้ไขข้อมูลการแสดงผลเพื่อปกปิดกิจกรรมที่ผิดปกติ ทีมงาน Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 10.3.0 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที
    https://securityonline.info/security-alert-apache-skywalking-stored-xss-vulnerability-cve-2025-54057

    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251127 #securityonline 📰 Meta ถูกกล่าวหาปกปิดข้อมูลภายในที่ชี้ว่า Facebook ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล เรื่องนี้เริ่มจากเอกสารในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่โรงเรียนหลายแห่งในสหรัฐฯ ยื่นต่อบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยมีการเปิดเผยว่า Meta เคยทำการศึกษาในโครงการชื่อ Project Mercury ร่วมกับบริษัท Nielsen ตั้งแต่ปี 2020 ผลการวิจัยพบว่าการเลิกใช้ Facebook ช่วยลดความรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล และความเหงา แต่ Meta กลับหยุดการศึกษาและไม่เผยแพร่ผลลัพธ์ โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่มีอคติและถูกกระทบจากกระแสสื่อ ขณะเดียวกันมีเสียงจากนักวิจัยภายในที่เปรียบเทียบการกระทำนี้เหมือนกับอุตสาหกรรมบุหรี่ที่เคยปกปิดผลวิจัยเรื่องอันตรายของการสูบบุหรี่ ปัจจุบันคดีนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาในศาล และสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจที่รัฐบาลทั่วโลกมีต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/meta-accused-of-hiding-internal-data-showing-facebook-causes-depression-anxiety 🔐 Tor Project พัฒนาอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ CGO แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่ เครือข่าย Tor ที่ใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้น แม้จะมีชื่อเสียงด้านการรักษาความลับ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเสมอไป โดยโปรโตคอลเก่า Tor1 มีช่องโหว่สำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attack ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้ อีกทั้งยังมีการใช้คีย์ AES ซ้ำและตัวตรวจสอบที่อ่อนแอ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนาอัลกอริทึมใหม่ชื่อ Counter Galois Onion (CGO) ที่เมื่อมีการพยายามแก้ไขข้อมูล ข้อความทั้งหมดในเส้นทางนั้นจะเสียหายทันที ทำให้การโจมตีแทบเป็นไปไม่ได้ แม้จะยังไม่มีตารางเวลาชัดเจนในการนำมาใช้กับ Tor Browser แต่ทีมงานกำลังปรับปรุงให้เหมาะกับ CPU รุ่นใหม่ 🔗 https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol ⚠️ PoC Exploit สำหรับช่องโหว่ Windows NTLM Elevation of Privilege ถูกเผยแพร่แล้ว มีการเปิดเผยโค้ดตัวอย่างการโจมตี (PoC Exploit) ที่เจาะช่องโหว่ในระบบ NTLM ของ Windows ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ Channel Binding และ LDAPS โดยเนื้อหาละเอียดถูกจำกัดให้เฉพาะผู้สนับสนุนที่ลงทะเบียนเท่านั้น แต่การที่ PoC ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะถือเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้โจมตีอาจนำไปใช้จริงได้ 🔗 https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-windows-ntlm-elevation-of-privilege-vulnerability 💻 NVIDIA ออกแพตช์ด่วนแก้ช่องโหว่ร้ายแรงใน DGX Spark เสี่ยงถูกยึดระบบ AI NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับแพลตฟอร์ม DGX Spark ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดกะทัดรัดที่ใช้ในงานวิจัยและพัฒนา โดยมีช่องโหว่รวม 14 รายการ หนึ่งในนั้นคือ CVE-2025-33187 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ช่องโหว่นี้อยู่ในส่วน SROOT ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ปกป้องโดยชิป SoC และควบคุมระบบได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่อัปเดตทันที ข้อมูลวิจัยและโมเดล AI อาจถูกขโมยหรือแก้ไขโดยไม่รู้ตัว NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดต DGX Spark ไปยังเวอร์ชัน OTA0 โดยเร็วที่สุด 🔗 https://securityonline.info/critical-patch-nvidia-dgx-spark-flaw-cve-2025-33187-cvss-9-3-exposes-ai-secrets-to-takeover 🕵️‍♂️ WormGPT 4 และ KawaiiGPT: AI ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมืออาชญากรรมไซเบอร์ รายงานจาก Unit 42 เปิดเผยว่าโมเดล AI ที่ควรใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ กลับถูกนำไปใช้สร้างภัยคุกคาม WormGPT 4 ถูกโฆษณาในฟอรั่มใต้ดินว่าเป็น “AI ที่ไร้ข้อจำกัด” สามารถสร้างมัลแวร์และสคริปต์เรียกค่าไถ่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเขียนโน้ตข่มขู่ที่ทำให้เหยื่อหวาดกลัว ส่วน KawaiiGPT ถูกนำเสนอในรูปแบบ “Waifu pentesting” ที่ดูน่ารักแต่จริง ๆ แล้วสามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งและสคริปต์โจมตีได้ง่ายมาก ทั้งสองโมเดลนี้ทำให้การโจมตีไซเบอร์เข้าถึงได้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีทักษะสูง สะท้อนถึงการ “ทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เป็นประชาธิปไตย” ที่ใครก็สามารถโจมตีได้เพียงแค่พิมพ์คำสั่ง 🔗 https://securityonline.info/silent-fast-brutal-how-wormgpt-4-and-kawaiigpt-democratize-cybercrime 📊 Anthropic เปิดตัว Opus 4.5: AI สำหรับองค์กรที่เชื่อม Excel และแชทได้ไม่สิ้นสุด Anthropic ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ชื่อ Opus 4.5 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระดับองค์กร จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อกับ Excel ได้โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ “Infinite Chat” ที่ช่วยให้การสนทนากับ AI ต่อเนื่องได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่หมด session ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน AI ให้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องและการจัดการข้อมูลจำนวนมาก 🔗 https://securityonline.info/anthropic-unleashes-opus-4-5-excel-integration-infinite-chat-for-enterprise-ai 🛒 Perplexity เปิดตัว AI Shopping พร้อม PayPal Instant Buy และค้นหาสินค้าแบบเฉพาะบุคคล Perplexity กำลังขยายขอบเขตการใช้งาน AI จากการค้นหาข้อมูลไปสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่าน PayPal ได้ทันที (Instant Buy) และยังมีระบบค้นหาสินค้าแบบ Personalized ที่ปรับตามความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ จุดนี้ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์สะดวกขึ้นและตรงใจมากขึ้น ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง AI และอีคอมเมิร์ซที่น่าจับตามอง 🔗 https://securityonline.info/perplexity-launches-ai-shopping-with-paypal-instant-buy-personalized-product-search ⚡ Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 5: CPU เร็วขึ้น 36% และพลัง AI เพิ่มขึ้น 46% Qualcomm ได้เปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Snapdragon 8 Gen 5 ที่มาพร้อมกับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านความเร็วของ CPU ที่เพิ่มขึ้น 36% และพลังการประมวลผล AI ที่มากขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นอีกอย่างคือการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เหมาะกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่จะออกในปีหน้า ซึ่งจะรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงทั้งเกมและงานด้าน AI ได้อย่างลื่นไหล 🔗 https://securityonline.info/qualcomm-unveils-snapdragon-8-gen-5-36-faster-cpu-46-more-ai-power 🎓 INE ขยายการเรียนรู้แบบ Cross-Skilling เพื่อเพิ่มทักษะหลากหลายให้ผู้เรียน INE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นการ Cross-Skilling หรือการเรียนรู้ทักษะข้ามสาขา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะที่หลากหลายและนำไปใช้ในงานจริงได้มากขึ้น แนวทางนี้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานที่ต้องการคนที่มีความสามารถหลายด้าน ไม่จำกัดอยู่แค่สายงานเดียว ถือเป็นการปรับตัวของแพลตฟอร์มการศึกษาให้เข้ากับโลกการทำงานยุคใหม่ 🔗 https://securityonline.info/ine-expands-cross-skilling-innovations 🛡️ GitLab ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง ทั้ง DoS และการขโมย Credential ใน CI/CD GitLab ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดที่แก้ไขช่องโหว่หลายรายการ ทั้งการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ที่ไม่ต้องล็อกอินก็ทำได้ และช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถขโมย Credential ของผู้ใช้ระดับสูงในระบบ CI/CD ได้ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านการ bypass authentication และการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรเข้าถึง GitLab แนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น 🔗 https://securityonline.info/gitlab-patch-fixes-ci-cd-credential-theft-unauthenticated-dos-attacks 🕵️‍♂️ Hidden Theft: ส่วนขยาย Chrome “Crypto Copilot” ดูดเงินจากกระเป๋า Solana เรื่องนี้เริ่มจากนักเทรดคริปโตที่อยากได้ความสะดวกในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม X จึงติดตั้งส่วนขยาย Chrome ที่ชื่อว่า Crypto Copilot ซึ่งโฆษณาว่าสามารถทำให้การเทรดรวดเร็วขึ้น แต่เบื้องหลังกลับเป็นกับดักที่ซ่อนการโอนเงินไปยังกระเป๋าของแฮกเกอร์โดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ผู้ใช้ทำการ swap เหรียญ ระบบจะเพิ่มคำสั่งลับที่โอนเงินส่วนหนึ่งไปยังที่อยู่กระเป๋าที่ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี โดยที่หน้าจอผู้ใช้ไม่แสดงให้เห็นเลย ทำให้หลายคนสูญเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันส่วนขยายนี้ยังคงอยู่บน Chrome Web Store และนักวิจัยได้ส่งคำร้องให้ Google ลบออกแล้ว 🔗 https://securityonline.info/hidden-theft-crypto-copilot-chrome-extension-drains-solana-wallets-on-x 💻 Critical Ray AI Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Ray Framework ผ่าน Safari และ Firefox Ray เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาใช้ในการทำงานด้าน Machine Learning แต่ล่าสุดพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดอันตรายบนเครื่องของนักพัฒนาได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบ User-Agent ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เทคนิค DNS Rebinding หลอกเบราว์เซอร์ Safari และ Firefox ให้ส่งคำสั่งไปยัง Ray Dashboard ที่รันอยู่ในเครื่องของเหยื่อ ผลลัพธ์คือโค้ดอันตรายสามารถถูกประมวลผลได้ทันที ทีมงาน Ray ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.52.0 และแนะนำให้อัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง 🔗 https://securityonline.info/critical-ray-ai-flaw-exposes-devs-via-safari-firefox-cve-2025-62593 🎯 Water Gamayun Weaponizes “MSC EvilTwin”: กลุ่ม APT รัสเซียใช้ช่องโหว่ Windows เจาะระบบ กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซียชื่อ Water Gamayun ถูกเปิดโปงว่ากำลังใช้ช่องโหว่ใหม่ใน Microsoft Management Console (MMC) ที่เรียกว่า “MSC EvilTwin” เพื่อเจาะระบบองค์กรที่มีมูลค่าสูง วิธีการคือหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็น payload ที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกใช้ช่องโหว่เพื่อรัน PowerShell ลับและติดตั้งมัลแวร์ต่อเนื่อง เป้าหมายของกลุ่มนี้คือการขโมยข้อมูลเชิงกลยุทธ์และสร้างช่องทางเข้าถึงระบบอย่างยาวนาน 🔗 https://securityonline.info/water-gamayun-weaponizes-msc-eviltwin-zero-day-for-stealthy-backdoor-attacks 🎮 Fragging Your Data: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Crack และ Trainer ของ Battlefield 6 การเปิดตัวเกม Battlefield 6 กลายเป็นโอกาสทองของอาชญากรไซเบอร์ พวกเขาปล่อยไฟล์ “Crack” และ “Trainer” ปลอมบนเว็บแชร์ไฟล์และฟอรั่มใต้ดิน โดยอ้างว่าเป็นผลงานของกลุ่มแคร็กชื่อดัง แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้ เช่น กระเป๋าเงินคริปโต คุกกี้เบราว์เซอร์ และโทเคน Discord บางเวอร์ชันยังซ่อนตัวเก่ง ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนทำงาน และบางตัวทำหน้าที่เป็น backdoor ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยเตือนว่าผู้เล่นที่ดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้ควรรีบสแกนเครื่องและเปลี่ยนรหัสผ่านทันที 🔗 https://securityonline.info/fragging-your-data-fake-battlefield-6-cracks-trainers-spread-infostealers 🎨 Hidden Danger in 3D: ไฟล์ Blender ปลอมแพร่กระจาย StealC V2 Infostealer วงการนักออกแบบ 3D และเกมถูกโจมตีด้วยวิธีใหม่ แฮกเกอร์ปล่อยไฟล์โมเดล 3D ที่ดูเหมือนงานจริง เช่น โมเดลชุดอวกาศ Apollo 11 แต่ภายในฝังสคริปต์ Python อันตราย เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ใน Blender และเปิดใช้งาน Auto Run Python Scripts มัลแวร์จะทำงานทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจะดาวน์โหลด payload ต่อเนื่องและติดตั้ง StealC V2 ซึ่งเป็น infostealer ที่สามารถดูดข้อมูลจากเบราว์เซอร์ กระเป๋าเงินคริปโต และแอปต่าง ๆ เช่น Discord หรือ Telegram จุดอันตรายคือไฟล์เหล่านี้ตรวจจับได้ยากมากในระบบป้องกันทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ต้องระวังเป็นพิเศษ 🔗 https://securityonline.info/hidden-danger-in-3d-malicious-blender-files-unleash-stealc-v2-infostealer 📺 Zero-Day Warning: ช่องโหว่ Twonky Server เปิดทางยึดระบบสื่อ มีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน Twonky Server ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับสตรีมสื่อในบ้านและองค์กร ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษ เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่ได้แพตช์ แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลเพื่อเข้าถึงไฟล์สื่อและแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/zero-day-warning-unpatched-twonky-server-flaws-expose-media-to-total-takeover 🕶️ UNMASKED: การรั่วไหลครั้งใหญ่เปิดโปงหน่วยไซเบอร์ “Department 40” ของอิหร่าน มีการเปิดเผยข้อมูลครั้งใหญ่ที่แสดงให้เห็นการทำงานของหน่วยไซเบอร์ลับในอิหร่านที่ชื่อว่า Department 40 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ระดับโลก เอกสารที่รั่วไหลออกมาเผยให้เห็นโครงสร้างการทำงาน วิธีการโจมตี และเป้าหมายที่พวกเขาใช้ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือที่ซับซ้อนเพื่อเจาะระบบขององค์กรและรัฐบาลต่างประเทศ การเปิดโปงครั้งนี้ทำให้หลายประเทศเริ่มตรวจสอบและเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/unmasked-massive-leak-exposes-irans-department-40-cyber-terror-unit ⚠️ Angular Alert: ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ทำให้ XSRF Tokens รั่วไหล นักวิจัยพบว่าการใช้ URL แบบ protocol-relative ใน Angular สามารถทำให้โทเคน XSRF รั่วไหลไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัยได้ ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อขโมย session และเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปัญหานี้เกิดจากการที่เฟรมเวิร์กไม่ได้ตรวจสอบเส้นทาง URL อย่างเข้มงวดพอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างลิงก์ที่ดูเหมือนปลอดภัยแต่จริง ๆ แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์ 🔗 https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035 🛍️ Holiday Heist: ร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งโจมตี Black Friday ในช่วง Black Friday มีการตรวจพบร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งที่เลียนแบบ Amazon และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดังอื่น ๆ เว็บไซต์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้ผู้ซื้อกรอกข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว โดยใช้ดีไซน์และโลโก้ที่เหมือนจริงมาก ผู้ใช้ที่ไม่ทันระวังอาจสูญเสียเงินและข้อมูลไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่าควรตรวจสอบ URL และรีวิวร้านค้าให้ละเอียดก่อนทำการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคา 🔗 https://securityonline.info/holiday-heist-200000-fake-shops-amazon-clones-target-black-friday 🛡️ Security Alert: ช่องโหว่ Stored XSS ใน Apache SkyWalking Apache SkyWalking ซึ่งเป็นระบบ APM ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการตรวจสอบและติดตามระบบแบบ distributed พบช่องโหว่ Stored XSS ที่อันตรายมาก เพราะโค้ดอันตรายจะถูกบันทึกถาวรในเซิร์ฟเวอร์และทำงานทุกครั้งที่ผู้ดูแลเปิดหน้า dashboard ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้เพื่อขโมย session cookies, redirect ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตราย หรือแม้กระทั่งแก้ไขข้อมูลการแสดงผลเพื่อปกปิดกิจกรรมที่ผิดปกติ ทีมงาน Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 10.3.0 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/security-alert-apache-skywalking-stored-xss-vulnerability-cve-2025-54057
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 464 มุมมอง 0 รีวิว
  • Seagate ประสบความสำเร็จในการพัฒนา แผ่นจาน (platter) HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น

    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ Seagate ประสบความสำเร็จในการพัฒนา แผ่นจาน (platter) HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น ในห้องทดลอง ซึ่งทำให้การสร้างฮาร์ดดิสก์ความจุ 55TB–69TB เป็นไปได้จริงในอนาคต แม้ยังไม่พร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยี HAMR (Heat-Assisted Magnetic Recording)

    Seagate ใช้เทคโนโลยี HAMR ร่วมกับ Mozaic 3+ เพื่อลดขนาดเม็ดสื่อแม่เหล็ก ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลได้หนาแน่นขึ้น แผ่นจาน 6.9TB นี้มีความจุเกือบ สองเท่า ของแผ่นจาน 3TB ที่ใช้ใน HDD รุ่น 30TB ปัจจุบัน หากนำมาใช้จริง จะทำให้ HDD ความจุสูงสุดทะลุ 55TB–69TB ในฟอร์แมตเดียวกัน

    แผนการผลิตในอนาคต
    แม้แผ่นจาน 6.9TB ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ Seagate มีแผนจะผลิตแผ่นจาน 4TB, 5TB และ 6TB ในปี 2027–2029 และคาดว่าจะใช้แผ่นจาน 7TB–15TB หลังปี 2031 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน Seagate อาจผลิต HDD ขนาด petabyte ได้ก่อนปี 2040

    ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม
    แม้ SSD จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ HDD ยังคงเป็น กระดูกสันหลังของการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว เพราะมีความคุ้มค่าต่อความจุและความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะใน Data Center และ AI workloads ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บมหาศาล ปัจจุบันความต้องการ HDD สูงจนเกิด backorder ยาว 2 ปี ในบางตลาด

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    สำหรับผู้ใช้ทั่วไป HDD ความจุสูงยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับ SSD ในด้านราคา/ความจุ การพัฒนานี้จึงเป็นสัญญาณว่าตลาด HDD จะยังคงมีบทบาทสำคัญอีกหลายสิบปี แม้เทคโนโลยี SSD จะก้าวหน้าไปมากก็ตาม

    สรุปสาระสำคัญ
    ความก้าวหน้าของ Seagate
    พัฒนาแผ่นจาน HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น
    ทำให้ HDD 55TB–69TB เป็นไปได้จริง

    แผนการผลิต
    ปี 2027–2029 จะผลิตแผ่นจาน 4TB–6TB
    หลังปี 2031 จะมีแผ่นจาน 7TB–15TB

    ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม
    HDD ยังคงเป็นหัวใจของ Data Center และ AI workloads
    ความต้องการสูงจนเกิด backorder ยาว 2 ปี

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    HDD ยังคงคุ้มค่ากว่า SSD ในด้านราคา/ความจุ
    ตลาด HDD จะยังมีบทบาทอีกหลายสิบปี

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูล
    หากความต้องการ AI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจเกิดการขาดแคลน HDD
    การพึ่งพา HDD มากเกินไปอาจเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี SSD ในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/seagate-achieves-a-whopping-6-9tb-storage-capacity-per-platter-in-its-laboratory-55tb-to-69tb-hard-drives-now-physically-possible
    💿 Seagate ประสบความสำเร็จในการพัฒนา แผ่นจาน (platter) HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น ข่าวนี้เล่าถึงการที่ Seagate ประสบความสำเร็จในการพัฒนา แผ่นจาน (platter) HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น ในห้องทดลอง ซึ่งทำให้การสร้างฮาร์ดดิสก์ความจุ 55TB–69TB เป็นไปได้จริงในอนาคต แม้ยังไม่พร้อมผลิตเชิงพาณิชย์ แต่ถือเป็นก้าวสำคัญของเทคโนโลยี HAMR (Heat-Assisted Magnetic Recording) Seagate ใช้เทคโนโลยี HAMR ร่วมกับ Mozaic 3+ เพื่อลดขนาดเม็ดสื่อแม่เหล็ก ทำให้สามารถบันทึกข้อมูลได้หนาแน่นขึ้น แผ่นจาน 6.9TB นี้มีความจุเกือบ สองเท่า ของแผ่นจาน 3TB ที่ใช้ใน HDD รุ่น 30TB ปัจจุบัน หากนำมาใช้จริง จะทำให้ HDD ความจุสูงสุดทะลุ 55TB–69TB ในฟอร์แมตเดียวกัน 🏭 แผนการผลิตในอนาคต แม้แผ่นจาน 6.9TB ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ Seagate มีแผนจะผลิตแผ่นจาน 4TB, 5TB และ 6TB ในปี 2027–2029 และคาดว่าจะใช้แผ่นจาน 7TB–15TB หลังปี 2031 หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน Seagate อาจผลิต HDD ขนาด petabyte ได้ก่อนปี 2040 🌍 ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม แม้ SSD จะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ HDD ยังคงเป็น กระดูกสันหลังของการจัดเก็บข้อมูลระยะยาว เพราะมีความคุ้มค่าต่อความจุและความน่าเชื่อถือ โดยเฉพาะใน Data Center และ AI workloads ที่ต้องการพื้นที่จัดเก็บมหาศาล ปัจจุบันความต้องการ HDD สูงจนเกิด backorder ยาว 2 ปี ในบางตลาด 🔒 ผลกระทบต่อผู้ใช้ สำหรับผู้ใช้ทั่วไป HDD ความจุสูงยังคงเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับ SSD ในด้านราคา/ความจุ การพัฒนานี้จึงเป็นสัญญาณว่าตลาด HDD จะยังคงมีบทบาทสำคัญอีกหลายสิบปี แม้เทคโนโลยี SSD จะก้าวหน้าไปมากก็ตาม 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ความก้าวหน้าของ Seagate ➡️ พัฒนาแผ่นจาน HDD ขนาด 6.9TB ต่อแผ่น ➡️ ทำให้ HDD 55TB–69TB เป็นไปได้จริง ✅ แผนการผลิต ➡️ ปี 2027–2029 จะผลิตแผ่นจาน 4TB–6TB ➡️ หลังปี 2031 จะมีแผ่นจาน 7TB–15TB ✅ ความสำคัญต่ออุตสาหกรรม ➡️ HDD ยังคงเป็นหัวใจของ Data Center และ AI workloads ➡️ ความต้องการสูงจนเกิด backorder ยาว 2 ปี ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ HDD ยังคงคุ้มค่ากว่า SSD ในด้านราคา/ความจุ ➡️ ตลาด HDD จะยังมีบทบาทอีกหลายสิบปี ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรมจัดเก็บข้อมูล ⛔ หากความต้องการ AI เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อาจเกิดการขาดแคลน HDD ⛔ การพึ่งพา HDD มากเกินไปอาจเสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี SSD ในอนาคต https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/seagate-achieves-a-whopping-6-9tb-storage-capacity-per-platter-in-its-laboratory-55tb-to-69tb-hard-drives-now-physically-possible
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ออกแถลงการณ์ชื่นชม Google ที่ประสบความสำเร็จด้าน AI

    Nvidia กล่าวผ่านบัญชีทางการว่า “เรายินดีต่อความสำเร็จของ Google” แต่ก็ย้ำว่า แพลตฟอร์มของ Nvidia เป็นเจเนอเรชันที่นำหน้าอุตสาหกรรม และเป็นเพียงแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถรันทุกโมเดล AI ได้ทุกที่ พร้อมชี้ว่าชิป GPU ของตนมีความยืดหยุ่นมากกว่า ASIC อย่าง TPUs ที่ออกแบบมาเฉพาะงาน AI

    Google Cloud TPU vs Nvidia GPU
    Google Cloud TPU เป็น ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงาน AI โดยเน้นการคำนวณแบบ matrix multiplication ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในงาน AI แต่ไม่สามารถนำไปใช้กับงานอื่น ๆ ได้ง่าย ขณะที่ GPU ของ Nvidia เช่น Blackwell GPUs มีความหลากหลาย ใช้ได้ทั้ง AI, HPC, Data Analytics, Visualization และอื่น ๆ

    ผลกระทบจากดีล Meta–Google
    ข่าวว่า Meta กำลังเจรจาเพื่อเช่า TPUs ในปี 2026 และซื้อในปี 2027 ทำให้ตลาดมองว่าเป็นการเปิดทางเลือกใหม่แทนการพึ่งพา Nvidia เพียงรายเดียว ส่งผลให้หุ้น Nvidia ร่วงลงกว่า 3% แม้จะยังครองตลาดด้วย CUDA ecosystem ที่แข็งแกร่ง แต่ดีลนี้สะท้อนว่าลูกค้ารายใหญ่เริ่มมองหาทางเลือกอื่น

    ความหมายเชิงกลยุทธ์
    การที่ Nvidia ออกแถลงการณ์เชิง “ชมแต่แฝงแข็ง” เป็นการป้องกันภาพลักษณ์และย้ำความเหนือกว่าของ GPU ต่อ TPU แต่ก็สะท้อนถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากคู่แข่งในตลาด AI ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีมูลค่ามหาศาล

    สรุปสาระสำคัญ
    คำแถลงของ Nvidia
    ชื่นชม Google แต่ย้ำว่า Nvidia เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่รันทุกโมเดล AI
    GPU มีความยืดหยุ่นมากกว่า ASIC อย่าง TPU

    Google Cloud TPU
    ออกแบบเฉพาะงาน AI ด้วย matrix multiplication
    มีประสิทธิภาพสูงแต่ไม่หลากหลายเหมือน GPU

    ดีล Meta–Google
    Meta เจรจาเช่า TPUs ปี 2026 และซื้อในปี 2027
    หุ้น Nvidia ร่วงลงกว่า 3% จากข่าวนี้

    กลยุทธ์ของ Nvidia
    ใช้คำแถลงเพื่อย้ำความเหนือกว่าของ GPU
    สะท้อนแรงกดดันจากคู่แข่งในตลาด AI

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรม AI
    การพึ่งพา Nvidia เพียงรายเดียวอาจเสี่ยงต่อการผูกขาด
    การแข่งขันจาก TPU และผู้ผลิตรายใหม่อาจเปลี่ยนโครงสร้างตลาด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/nvidia-says-its-delighted-with-googles-success-but-backhanded-compliment-says-it-is-the-only-platform-that-runs-every-ai-model-statement-comes-soon-after-meta-announces-proposed-deal-to-acquire-google-cloud-tpus
    📢 Nvidia ออกแถลงการณ์ชื่นชม Google ที่ประสบความสำเร็จด้าน AI Nvidia กล่าวผ่านบัญชีทางการว่า “เรายินดีต่อความสำเร็จของ Google” แต่ก็ย้ำว่า แพลตฟอร์มของ Nvidia เป็นเจเนอเรชันที่นำหน้าอุตสาหกรรม และเป็นเพียงแพลตฟอร์มเดียวที่สามารถรันทุกโมเดล AI ได้ทุกที่ พร้อมชี้ว่าชิป GPU ของตนมีความยืดหยุ่นมากกว่า ASIC อย่าง TPUs ที่ออกแบบมาเฉพาะงาน AI 🏭 Google Cloud TPU vs Nvidia GPU Google Cloud TPU เป็น ASIC (Application-Specific Integrated Circuit) ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับงาน AI โดยเน้นการคำนวณแบบ matrix multiplication ทำให้มีประสิทธิภาพสูงในงาน AI แต่ไม่สามารถนำไปใช้กับงานอื่น ๆ ได้ง่าย ขณะที่ GPU ของ Nvidia เช่น Blackwell GPUs มีความหลากหลาย ใช้ได้ทั้ง AI, HPC, Data Analytics, Visualization และอื่น ๆ 🌍 ผลกระทบจากดีล Meta–Google ข่าวว่า Meta กำลังเจรจาเพื่อเช่า TPUs ในปี 2026 และซื้อในปี 2027 ทำให้ตลาดมองว่าเป็นการเปิดทางเลือกใหม่แทนการพึ่งพา Nvidia เพียงรายเดียว ส่งผลให้หุ้น Nvidia ร่วงลงกว่า 3% แม้จะยังครองตลาดด้วย CUDA ecosystem ที่แข็งแกร่ง แต่ดีลนี้สะท้อนว่าลูกค้ารายใหญ่เริ่มมองหาทางเลือกอื่น 🔒 ความหมายเชิงกลยุทธ์ การที่ Nvidia ออกแถลงการณ์เชิง “ชมแต่แฝงแข็ง” เป็นการป้องกันภาพลักษณ์และย้ำความเหนือกว่าของ GPU ต่อ TPU แต่ก็สะท้อนถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากคู่แข่งในตลาด AI ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีมูลค่ามหาศาล 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ คำแถลงของ Nvidia ➡️ ชื่นชม Google แต่ย้ำว่า Nvidia เป็นแพลตฟอร์มเดียวที่รันทุกโมเดล AI ➡️ GPU มีความยืดหยุ่นมากกว่า ASIC อย่าง TPU ✅ Google Cloud TPU ➡️ ออกแบบเฉพาะงาน AI ด้วย matrix multiplication ➡️ มีประสิทธิภาพสูงแต่ไม่หลากหลายเหมือน GPU ✅ ดีล Meta–Google ➡️ Meta เจรจาเช่า TPUs ปี 2026 และซื้อในปี 2027 ➡️ หุ้น Nvidia ร่วงลงกว่า 3% จากข่าวนี้ ✅ กลยุทธ์ของ Nvidia ➡️ ใช้คำแถลงเพื่อย้ำความเหนือกว่าของ GPU ➡️ สะท้อนแรงกดดันจากคู่แข่งในตลาด AI ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรม AI ⛔ การพึ่งพา Nvidia เพียงรายเดียวอาจเสี่ยงต่อการผูกขาด ⛔ การแข่งขันจาก TPU และผู้ผลิตรายใหม่อาจเปลี่ยนโครงสร้างตลาด https://www.tomshardware.com/tech-industry/big-tech/nvidia-says-its-delighted-with-googles-success-but-backhanded-compliment-says-it-is-the-only-platform-that-runs-every-ai-model-statement-comes-soon-after-meta-announces-proposed-deal-to-acquire-google-cloud-tpus
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • การลงทุนครั้งใหญ่ของ Foxconn

    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ Foxconn ได้รับอนุมัติให้ลงทุนเพิ่มอีก 549 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายโรงงานในรัฐวิสคอนซิน สหรัฐฯ โดยเปลี่ยนจากการผลิตจอ LCD มาสู่การสร้าง AI Data Servers เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม AI และ Data Center

    Foxconn ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ (เช่น iPhone ให้ Apple) ได้รับการอนุมัติจาก Wisconsin Economic Development Corporation (WEDC) ให้ลงทุนเพิ่ม 549 ล้านดอลลาร์ในโรงงานที่ Racine County การลงทุนนี้จะช่วยสร้างงานใหม่กว่า 1,374 ตำแหน่ง และเพิ่มกำลังการผลิต AI Servers เพื่อตอบสนองตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

    ความต้องการ AI และ Data Center
    ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลและ AI กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft และ TSMC กำลังเร่งสร้าง Data Center และโรงงานผลิตชิปเพื่อรองรับการใช้งาน GPU และหน่วยความจำความเร็วสูง การลงทุนของ Foxconn จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระแสการขยายตัวครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้

    ผลกระทบต่อชุมชนและเศรษฐกิจ
    การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มกำลังการผลิต แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนในวิสคอนซิน โรงงานที่เคยถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการผลิต LCD มูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ กลับถูกปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการใหม่ในตลาด AI ซึ่งอาจทำให้โครงการนี้มีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว

    ความเสี่ยงและความท้าทาย
    แม้การลงทุนครั้งนี้จะเป็นข่าวดี แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าตลาด AI อาจกำลังอยู่ในภาวะ “ฟองสบู่” หากความต้องการลดลงในอนาคต Foxconn และผู้ผลิตรายอื่นอาจเผชิญกับปัญหาการลงทุนเกินความจำเป็น และความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนที่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ

    สรุปสาระสำคัญ
    Foxconn ลงทุนเพิ่ม 549 ล้านดอลลาร์ในวิสคอนซิน
    ได้รับอนุมัติจาก WEDC
    สร้างงานใหม่กว่า 1,374 ตำแหน่ง

    ความต้องการ AI และ Data Center
    ตลาดโลกต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลเพิ่มขึ้น
    บริษัทเทคโนโลยีเร่งสร้างโรงงานและ Data Center

    ผลกระทบต่อชุมชน
    สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใน Racine County
    โรงงาน LCD เดิมถูกปรับเปลี่ยนเป็น AI Server

    ความหมายเชิงกลยุทธ์
    Foxconn ปรับตัวตามกระแส AI
    เพิ่มความมั่นคงของโครงการในระยะยาว

    คำเตือนต่ออุตสาหกรรม AI
    ตลาด AI อาจอยู่ในภาวะฟองสบู่
    การลงทุนเกินความจำเป็นอาจสร้างความเสี่ยงในอนาคต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/foxconn-to-expand-u-s-operations-at-wisconsin-site-with-usd549-million-investment-taiwanese-company-gets-approval-for-more-ai-data-center-industry-in-racine-county
    🏭 การลงทุนครั้งใหญ่ของ Foxconn ข่าวนี้เล่าถึงการที่ Foxconn ได้รับอนุมัติให้ลงทุนเพิ่มอีก 549 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขยายโรงงานในรัฐวิสคอนซิน สหรัฐฯ โดยเปลี่ยนจากการผลิตจอ LCD มาสู่การสร้าง AI Data Servers เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรม AI และ Data Center Foxconn ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่ (เช่น iPhone ให้ Apple) ได้รับการอนุมัติจาก Wisconsin Economic Development Corporation (WEDC) ให้ลงทุนเพิ่ม 549 ล้านดอลลาร์ในโรงงานที่ Racine County การลงทุนนี้จะช่วยสร้างงานใหม่กว่า 1,374 ตำแหน่ง และเพิ่มกำลังการผลิต AI Servers เพื่อตอบสนองตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ⚡ ความต้องการ AI และ Data Center ความต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลและ AI กำลังเพิ่มขึ้นทั่วโลก บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น Microsoft และ TSMC กำลังเร่งสร้าง Data Center และโรงงานผลิตชิปเพื่อรองรับการใช้งาน GPU และหน่วยความจำความเร็วสูง การลงทุนของ Foxconn จึงเป็นส่วนหนึ่งของกระแสการขยายตัวครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้ 🌍 ผลกระทบต่อชุมชนและเศรษฐกิจ การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มกำลังการผลิต แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชนในวิสคอนซิน โรงงานที่เคยถูกวิจารณ์ว่าไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการผลิต LCD มูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ กลับถูกปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับความต้องการใหม่ในตลาด AI ซึ่งอาจทำให้โครงการนี้มีเสถียรภาพมากขึ้นในระยะยาว 🔒 ความเสี่ยงและความท้าทาย แม้การลงทุนครั้งนี้จะเป็นข่าวดี แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าตลาด AI อาจกำลังอยู่ในภาวะ “ฟองสบู่” หากความต้องการลดลงในอนาคต Foxconn และผู้ผลิตรายอื่นอาจเผชิญกับปัญหาการลงทุนเกินความจำเป็น และความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนที่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Foxconn ลงทุนเพิ่ม 549 ล้านดอลลาร์ในวิสคอนซิน ➡️ ได้รับอนุมัติจาก WEDC ➡️ สร้างงานใหม่กว่า 1,374 ตำแหน่ง ✅ ความต้องการ AI และ Data Center ➡️ ตลาดโลกต้องการโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลเพิ่มขึ้น ➡️ บริษัทเทคโนโลยีเร่งสร้างโรงงานและ Data Center ✅ ผลกระทบต่อชุมชน ➡️ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใน Racine County ➡️ โรงงาน LCD เดิมถูกปรับเปลี่ยนเป็น AI Server ✅ ความหมายเชิงกลยุทธ์ ➡️ Foxconn ปรับตัวตามกระแส AI ➡️ เพิ่มความมั่นคงของโครงการในระยะยาว ‼️ คำเตือนต่ออุตสาหกรรม AI ⛔ ตลาด AI อาจอยู่ในภาวะฟองสบู่ ⛔ การลงทุนเกินความจำเป็นอาจสร้างความเสี่ยงในอนาคต https://www.tomshardware.com/tech-industry/foxconn-to-expand-u-s-operations-at-wisconsin-site-with-usd549-million-investment-taiwanese-company-gets-approval-for-more-ai-data-center-industry-in-racine-county
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • Collabora Office: รุ่นใหม่สำหรับ Desktop

    Collabora Productivity เปิดตัว Collabora Office สำหรับ Desktop โดยใช้เทคโนโลยีจาก LibreOffice แต่ปรับอินเทอร์เฟซให้เหมือนกับ Collabora Online ที่ทันสมัยและใช้งานง่ายขึ้น จุดเด่นคือการสร้างด้วย JavaScript, CSS, WebGL และ Canvas ทำให้ไฟล์ติดตั้งมีขนาดเล็กลงและไม่ต้องพึ่งพา Java อีกต่อไป

    ฟีเจอร์หลักยังคงครบถ้วน เช่น Writer สำหรับเอกสาร, Impress สำหรับงานนำเสนอ และ Calc สำหรับสเปรดชีต รวมถึงรองรับทั้ง Microsoft Office formats (DOCX, XLSX, PPTX) และ OpenDocument formats

    ความแตกต่างจาก Collabora Office Classic
    Collabora Office Classic ยังคงใช้ VCL-based interface แบบดั้งเดิมของ LibreOffice และมี Base database app ที่ต้องใช้ Java
    Collabora Office รุ่นใหม่ ตัด Base ออกไป และรองรับเฉพาะการรัน Macro โดยไม่มีเครื่องมือแก้ไขขั้นสูงเหมือน Classic
    Classic มี enterprise support พร้อมใช้งานแล้ว แต่รุ่นใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และ Collabora คาดว่าจะเพิ่ม enterprise support ภายในปี 2026

    การดาวน์โหลดและการใช้งาน
    Collabora Office รุ่นใหม่สามารถดาวน์โหลดได้แล้วในหลายแพลตฟอร์ม:
    Linux: Flatpak
    Windows 11: Appx file
    macOS 15 Sequoia+: App bundle

    นอกจากนี้ยังมี source code บน GitHub สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งหรือร่วมพัฒนา

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Collabora เปิดตัว Office รุ่นใหม่สำหรับ Desktop
    ใช้เทคโนโลยี JavaScript, CSS, WebGL, Canvas
    ไม่ต้องพึ่งพา Java และไฟล์ติดตั้งเล็กลง

    ฟีเจอร์หลักครบถ้วน
    Writer, Impress, Calc
    รองรับ Microsoft Office และ OpenDocument formats

    ความแตกต่างจาก Classic
    Classic ใช้ VCL interface และมี Base database
    รุ่นใหม่ไม่มี Base และรองรับ Macro แบบจำกัด

    การดาวน์โหลดและใช้งาน
    มีให้สำหรับ Linux, Windows, macOS
    Source code เปิดบน GitHub

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    รุ่นใหม่ยังไม่มี enterprise support พร้อมใช้งาน
    ผู้ใช้ที่ต้องการระบบเสถียรควรใช้ Classic ไปก่อนจนถึงปี 2026

    https://itsfoss.com/news/collabora-launches-desktop-office-suite/
    🖥️ Collabora Office: รุ่นใหม่สำหรับ Desktop Collabora Productivity เปิดตัว Collabora Office สำหรับ Desktop โดยใช้เทคโนโลยีจาก LibreOffice แต่ปรับอินเทอร์เฟซให้เหมือนกับ Collabora Online ที่ทันสมัยและใช้งานง่ายขึ้น จุดเด่นคือการสร้างด้วย JavaScript, CSS, WebGL และ Canvas ทำให้ไฟล์ติดตั้งมีขนาดเล็กลงและไม่ต้องพึ่งพา Java อีกต่อไป ฟีเจอร์หลักยังคงครบถ้วน เช่น Writer สำหรับเอกสาร, Impress สำหรับงานนำเสนอ และ Calc สำหรับสเปรดชีต รวมถึงรองรับทั้ง Microsoft Office formats (DOCX, XLSX, PPTX) และ OpenDocument formats ⚡ ความแตกต่างจาก Collabora Office Classic 🔷 Collabora Office Classic ยังคงใช้ VCL-based interface แบบดั้งเดิมของ LibreOffice และมี Base database app ที่ต้องใช้ Java 🔷 Collabora Office รุ่นใหม่ ตัด Base ออกไป และรองรับเฉพาะการรัน Macro โดยไม่มีเครื่องมือแก้ไขขั้นสูงเหมือน Classic 🔷 Classic มี enterprise support พร้อมใช้งานแล้ว แต่รุ่นใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และ Collabora คาดว่าจะเพิ่ม enterprise support ภายในปี 2026 🌐 การดาวน์โหลดและการใช้งาน Collabora Office รุ่นใหม่สามารถดาวน์โหลดได้แล้วในหลายแพลตฟอร์ม: 🎗️ Linux: Flatpak 🎗️ Windows 11: Appx file 🎗️ macOS 15 Sequoia+: App bundle นอกจากนี้ยังมี source code บน GitHub สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งหรือร่วมพัฒนา 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Collabora เปิดตัว Office รุ่นใหม่สำหรับ Desktop ➡️ ใช้เทคโนโลยี JavaScript, CSS, WebGL, Canvas ➡️ ไม่ต้องพึ่งพา Java และไฟล์ติดตั้งเล็กลง ✅ ฟีเจอร์หลักครบถ้วน ➡️ Writer, Impress, Calc ➡️ รองรับ Microsoft Office และ OpenDocument formats ✅ ความแตกต่างจาก Classic ➡️ Classic ใช้ VCL interface และมี Base database ➡️ รุ่นใหม่ไม่มี Base และรองรับ Macro แบบจำกัด ✅ การดาวน์โหลดและใช้งาน ➡️ มีให้สำหรับ Linux, Windows, macOS ➡️ Source code เปิดบน GitHub ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ รุ่นใหม่ยังไม่มี enterprise support พร้อมใช้งาน ⛔ ผู้ใช้ที่ต้องการระบบเสถียรควรใช้ Classic ไปก่อนจนถึงปี 2026 https://itsfoss.com/news/collabora-launches-desktop-office-suite/
    ITSFOSS.COM
    Collabora Launches Desktop Office Suite for Linux
    The new office suite uses modern tech for a consistent online-offline experience; the existing offering is renamed 'Classic' and it maintains a traditional approach.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts