• Lai Ching-te ประธานาธิบดีไต้หวัน ได้หารือกับผู้บริหารด้านเทคโนโลยีชั้นนำเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2025 เกี่ยวกับมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงภาษีสูงถึง 32% สำหรับสินค้าจากไต้หวัน เนื่องจากไต้หวันมีการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มากเป็นอันดับต้น ๆ อย่างไรก็ตาม ภาษีดังกล่าวไม่ครอบคลุม เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักที่ไต้หวันส่งออก

    ✅ เน้นความสามารถในการแข่งขันและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
    - ประธานาธิบดี Lai เน้นย้ำการสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและป้องกันผลกระทบจากภาษี
    - มีการหารือเกี่ยวกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและการค้าระดับโลกที่เกิดจากมาตรการภาษี

    ✅ การประชุมกับผู้บริหารเทคโนโลยีหลายราย
    - แม้ไม่มีการเปิดเผยรายชื่อบริษัทที่เข้าร่วม แต่คาดว่าเป็นตัวแทนจากอุตสาหกรรม ICT (Information and Communications Technology) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญของไต้หวัน

    ✅ TSMC เป็นผู้เล่นหลักในตลาดโลกที่ยังได้รับผลกระทบ
    - ไต้หวันเป็นบ้านของ TSMC บริษัทผลิตชิประดับโลกที่ให้บริการแก่ Apple และ Nvidia
    - TSMC กำลังอยู่ในช่วงเตรียมประกาศรายได้ไตรมาสแรกในวันที่ 17 เมษายน

    ✅ มาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลไต้หวัน
    - รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินกว่า T$88 พันล้าน (2.67 พันล้านดอลลาร์) สำหรับบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาษี
    - ขณะเดียวกัน ไต้หวันยังคงหารือกับสหรัฐฯ เพื่อหาทางลดผลกระทบ และยังไม่ประกาศมาตรการตอบโต้

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/05/taiwan-president-discusses-us-tariff-response-with-tech-execs
    Lai Ching-te ประธานาธิบดีไต้หวัน ได้หารือกับผู้บริหารด้านเทคโนโลยีชั้นนำเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2025 เกี่ยวกับมาตรการภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงภาษีสูงถึง 32% สำหรับสินค้าจากไต้หวัน เนื่องจากไต้หวันมีการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯ มากเป็นอันดับต้น ๆ อย่างไรก็ตาม ภาษีดังกล่าวไม่ครอบคลุม เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักที่ไต้หวันส่งออก ✅ เน้นความสามารถในการแข่งขันและปกป้องผลประโยชน์ของชาติ - ประธานาธิบดี Lai เน้นย้ำการสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของประเทศ เพื่อสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและป้องกันผลกระทบจากภาษี - มีการหารือเกี่ยวกับความท้าทายทางเศรษฐกิจและการค้าระดับโลกที่เกิดจากมาตรการภาษี ✅ การประชุมกับผู้บริหารเทคโนโลยีหลายราย - แม้ไม่มีการเปิดเผยรายชื่อบริษัทที่เข้าร่วม แต่คาดว่าเป็นตัวแทนจากอุตสาหกรรม ICT (Information and Communications Technology) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญของไต้หวัน ✅ TSMC เป็นผู้เล่นหลักในตลาดโลกที่ยังได้รับผลกระทบ - ไต้หวันเป็นบ้านของ TSMC บริษัทผลิตชิประดับโลกที่ให้บริการแก่ Apple และ Nvidia - TSMC กำลังอยู่ในช่วงเตรียมประกาศรายได้ไตรมาสแรกในวันที่ 17 เมษายน ✅ มาตรการสนับสนุนจากรัฐบาลไต้หวัน - รัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือทางการเงินกว่า T$88 พันล้าน (2.67 พันล้านดอลลาร์) สำหรับบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากภาษี - ขณะเดียวกัน ไต้หวันยังคงหารือกับสหรัฐฯ เพื่อหาทางลดผลกระทบ และยังไม่ประกาศมาตรการตอบโต้ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/04/05/taiwan-president-discusses-us-tariff-response-with-tech-execs
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Taiwan president discusses US tariff response with tech execs
    TAIPEI (Reuters) - Taiwan President Lai Ching-te met tech executives on Saturday to discuss how to respond to new U.S. tariffs, promising to ensure Taiwan's global competitiveness and safeguard the island's interests.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 15 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนึ่งในเครื่องมือที่นำมาใช้ในการช่วยค้นหาผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในซากอาคาร สตง. ซึ่งถล่มมาจาก #แผ่นดินไหว ก็คือเครื่องมือค้นหาผู้ประสบภัยของบริษัทอิสราเอลอย่างที่เราทราบก็คือกระทรวงกลาโหมอิสราเอลส่งทหารและหน่วยกู้ภัยมายังประเทศไทยจำนวน 21 คนเพื่อสนับสนุนการกู้ภัย ซึ่งโดยปกติแล้วอิสราเอลมักจะสนับสนุนให้บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ต่าง ๆ ในประเทศที่มีจำนวนมากส่งเครื่องมือเข้ามาช่วยสนับสนุนด้วย เช่นในกรณีการช่วยเหลือทีมหมูป่าที่ถ้ำหลวง เป็นต้น ซึ่งอิสราเอลใช้เทคนิคนี้ในการทำประโยชน์สองด้านคือ การช่วยเหลือประเทศอื่นที่ประสบภาวะวิกฤตเพื่อกระชับความสัมพันธ์ และเป็นการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของอิสราเอลให้เกิดการใช้งานจริงเป็นตัวอย่างเพื่อโอกาสทางธุรกิจในอนาคตในกรณีแผ่นดินไหวครั้งนี้ก็เช่นกัน โดยเครื่องมือที่บริษัทของอิสราเอลนำมาช่วยเหลือด้วยคือ Xaver 400 และ Xaver 100 ของบริษัท Camero Technology ซึ่งเครื่องมือในลักษณะนี้ไม่ได้ใช้ดาวเทียมหรือการ X-Ray เนื่องจากคลื่นของอุปกรณ์ทั้งสองอย่างนี้ไม่สามารถเจาะทะลุผนังหรือสิ่งกีดขวางได้ แต่ใช้เรดาร์ซึ่งเป็นการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปใต้ดินหรือสิ่งกีดขวางต่าง ๆ และรับคลื่นที่สะท้อนกลับมาสร้างแผนภาพของสิ่งที่ค้นพบ ลักษณะคล้ายกับ Ground-Penetrating Radar นั่นเอง โดยเรดาร์แบบนี้สามารถเจาะทะลุคอนกรีต อิฐ ดิน หิน หรือกระจกต่าง ๆ ที่มีความหนามากได้ โดยในกรณีนี้อุปกรณ์ใช้คลื่นในย่าน 3 - 10 GHzที่จริงแล้วเครื่องมือนี้ออกแบบมาสำหรับการใช้งานทางทหาร เพื่อให้กำลังพลที่จะบุกเข้าอาคารหรือสิ่งกีดขวางสามารถทราบได้ว่ามีฝ่ายตรงข้ามซ่อนอยู่ด้านหลังอาคารกี่คน อยู่ในตำแแหน่งไหน รวมถึงสร้างภาพ Layout ด้านหลังแพงว่าเป็นแบบใด ซึ่งจะทำให้ทราบว่าฝ่ายเราจะต้องไปเจอกับอะไรก่อนที่จะบุกเข้าไป และทำให้ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะซ่อนตัวมิดชิดขนาดไหนฝ่ายเราก็จะทราบตำแหน่งและจำนวนได้อย่างแม่นยำดังนั้น คุณสมบัตินี้สามารถประยุกต์ใช้งานกับการกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ดีกว่าอุปกรณ์ Life Locator ทั่วไป เพราะนอกจากจะสามารถตรวจจับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหลังซากอาคารได้แล้ว ยังสามารถทำ Layout เส้นทางและช่องว่างต่าง ๆ ที่จะเข้าถึงตัวผู้ประสบภัยได้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการวางแผนเพื่อเข้าถึงตัวผู้ประสบภัย โดยสามารถตรวจจับทะลุซากอาคารได้ลึกถึง 20 เมตร ถือเป็นอุปกรณ์ที่น่าสนใจที่อิสราเอลนำมาใช้ในการสนับสนุนการกู้ภัยในประเทศไทยครั้งนี้ https://www.facebook.com/share/p/1A9a8E4yaz/?mibextid=wwXIfr
    หนึ่งในเครื่องมือที่นำมาใช้ในการช่วยค้นหาผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในซากอาคาร สตง. ซึ่งถล่มมาจาก #แผ่นดินไหว ก็คือเครื่องมือค้นหาผู้ประสบภัยของบริษัทอิสราเอลอย่างที่เราทราบก็คือกระทรวงกลาโหมอิสราเอลส่งทหารและหน่วยกู้ภัยมายังประเทศไทยจำนวน 21 คนเพื่อสนับสนุนการกู้ภัย ซึ่งโดยปกติแล้วอิสราเอลมักจะสนับสนุนให้บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ต่าง ๆ ในประเทศที่มีจำนวนมากส่งเครื่องมือเข้ามาช่วยสนับสนุนด้วย เช่นในกรณีการช่วยเหลือทีมหมูป่าที่ถ้ำหลวง เป็นต้น ซึ่งอิสราเอลใช้เทคนิคนี้ในการทำประโยชน์สองด้านคือ การช่วยเหลือประเทศอื่นที่ประสบภาวะวิกฤตเพื่อกระชับความสัมพันธ์ และเป็นการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของอิสราเอลให้เกิดการใช้งานจริงเป็นตัวอย่างเพื่อโอกาสทางธุรกิจในอนาคตในกรณีแผ่นดินไหวครั้งนี้ก็เช่นกัน โดยเครื่องมือที่บริษัทของอิสราเอลนำมาช่วยเหลือด้วยคือ Xaver 400 และ Xaver 100 ของบริษัท Camero Technology ซึ่งเครื่องมือในลักษณะนี้ไม่ได้ใช้ดาวเทียมหรือการ X-Ray เนื่องจากคลื่นของอุปกรณ์ทั้งสองอย่างนี้ไม่สามารถเจาะทะลุผนังหรือสิ่งกีดขวางได้ แต่ใช้เรดาร์ซึ่งเป็นการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปใต้ดินหรือสิ่งกีดขวางต่าง ๆ และรับคลื่นที่สะท้อนกลับมาสร้างแผนภาพของสิ่งที่ค้นพบ ลักษณะคล้ายกับ Ground-Penetrating Radar นั่นเอง โดยเรดาร์แบบนี้สามารถเจาะทะลุคอนกรีต อิฐ ดิน หิน หรือกระจกต่าง ๆ ที่มีความหนามากได้ โดยในกรณีนี้อุปกรณ์ใช้คลื่นในย่าน 3 - 10 GHzที่จริงแล้วเครื่องมือนี้ออกแบบมาสำหรับการใช้งานทางทหาร เพื่อให้กำลังพลที่จะบุกเข้าอาคารหรือสิ่งกีดขวางสามารถทราบได้ว่ามีฝ่ายตรงข้ามซ่อนอยู่ด้านหลังอาคารกี่คน อยู่ในตำแแหน่งไหน รวมถึงสร้างภาพ Layout ด้านหลังแพงว่าเป็นแบบใด ซึ่งจะทำให้ทราบว่าฝ่ายเราจะต้องไปเจอกับอะไรก่อนที่จะบุกเข้าไป และทำให้ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะซ่อนตัวมิดชิดขนาดไหนฝ่ายเราก็จะทราบตำแหน่งและจำนวนได้อย่างแม่นยำดังนั้น คุณสมบัตินี้สามารถประยุกต์ใช้งานกับการกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ดีกว่าอุปกรณ์ Life Locator ทั่วไป เพราะนอกจากจะสามารถตรวจจับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหลังซากอาคารได้แล้ว ยังสามารถทำ Layout เส้นทางและช่องว่างต่าง ๆ ที่จะเข้าถึงตัวผู้ประสบภัยได้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการวางแผนเพื่อเข้าถึงตัวผู้ประสบภัย โดยสามารถตรวจจับทะลุซากอาคารได้ลึกถึง 20 เมตร ถือเป็นอุปกรณ์ที่น่าสนใจที่อิสราเอลนำมาใช้ในการสนับสนุนการกู้ภัยในประเทศไทยครั้งนี้ https://www.facebook.com/share/p/1A9a8E4yaz/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • Claude for Education คือ AI ตัวใหม่จาก Anthropic ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการศึกษาในมหาวิทยาลัยด้วยโหมด Socratic ที่ช่วยให้นักศึกษาคิดอย่างมีระบบ ไม่ใช่แค่หาคำตอบ นอกจากนี้ Claude ยังช่วยสร้าง Study Guide และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Northeastern เพื่อผลักดันให้ AI เป็นผู้ช่วยการเรียนรู้ ไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้เพื่อเลี่ยงการเรียน

    ✅ โหมดการเรียนรู้แบบ Socratic Method
    - Claude ไม่เพียงแต่ตอบคำถาม แต่จะใช้วิธีการถามกลับ เช่น “คุณคิดว่าข้อพิสูจน์อะไรสามารถสนับสนุนแนวคิดนี้ได้?” เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งานพิจารณาคำตอบอย่างลึกซึ้ง
    - ช่วยนักศึกษาสร้างแนวคิดใหม่ โดยไม่ใช่แค่พึ่ง AI ในการแก้ปัญหาโดยตรง

    ✅ สร้าง Study Guide จากเอกสารที่อัปโหลด
    - Claude สามารถสร้างคู่มือการเรียนจากเอกสารที่ผู้ใช้ส่งเข้ามา ซึ่งเหมาะสำหรับการเตรียมตัวสอบหรือสรุปบทเรียน

    ✅ ขยายการใช้งานในมหาวิทยาลัยระดับโลก
    - มหาวิทยาลัยเช่น Northeastern University และ London School of Economics เป็นกลุ่มแรกที่เริ่มใช้งาน Claude for Education เพื่อสนับสนุนการศึกษา
    - Anthropic ยังเปิดตัวโปรแกรม “Claude Campus Ambassadors” ที่ให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการพัฒนาและขยาย AI ในสถาบันการศึกษา

    ✅ เครื่องมือสำหรับนวัตกร
    - Anthropic เสนอบริการ API credits ฟรี สำหรับนักศึกษาที่ต้องการสร้างโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ด้วย Claude

    https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/claude-goes-to-college-and-wants-to-be-your-study-buddy
    Claude for Education คือ AI ตัวใหม่จาก Anthropic ที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการศึกษาในมหาวิทยาลัยด้วยโหมด Socratic ที่ช่วยให้นักศึกษาคิดอย่างมีระบบ ไม่ใช่แค่หาคำตอบ นอกจากนี้ Claude ยังช่วยสร้าง Study Guide และร่วมมือกับมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง Northeastern เพื่อผลักดันให้ AI เป็นผู้ช่วยการเรียนรู้ ไม่ใช่เครื่องมือที่ใช้เพื่อเลี่ยงการเรียน ✅ โหมดการเรียนรู้แบบ Socratic Method - Claude ไม่เพียงแต่ตอบคำถาม แต่จะใช้วิธีการถามกลับ เช่น “คุณคิดว่าข้อพิสูจน์อะไรสามารถสนับสนุนแนวคิดนี้ได้?” เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้งานพิจารณาคำตอบอย่างลึกซึ้ง - ช่วยนักศึกษาสร้างแนวคิดใหม่ โดยไม่ใช่แค่พึ่ง AI ในการแก้ปัญหาโดยตรง ✅ สร้าง Study Guide จากเอกสารที่อัปโหลด - Claude สามารถสร้างคู่มือการเรียนจากเอกสารที่ผู้ใช้ส่งเข้ามา ซึ่งเหมาะสำหรับการเตรียมตัวสอบหรือสรุปบทเรียน ✅ ขยายการใช้งานในมหาวิทยาลัยระดับโลก - มหาวิทยาลัยเช่น Northeastern University และ London School of Economics เป็นกลุ่มแรกที่เริ่มใช้งาน Claude for Education เพื่อสนับสนุนการศึกษา - Anthropic ยังเปิดตัวโปรแกรม “Claude Campus Ambassadors” ที่ให้นักศึกษามีส่วนร่วมในการพัฒนาและขยาย AI ในสถาบันการศึกษา ✅ เครื่องมือสำหรับนวัตกร - Anthropic เสนอบริการ API credits ฟรี สำหรับนักศึกษาที่ต้องการสร้างโปรเจ็กต์ใหม่ ๆ ด้วย Claude https://www.techradar.com/computing/artificial-intelligence/claude-goes-to-college-and-wants-to-be-your-study-buddy
    WWW.TECHRADAR.COM
    Claude goes to college and wants to be your study buddy
    Anthropic’s AI is enrolling across campuses for calculus tutoring and thesis feedback editing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • Donald Trump ได้ออกมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์สำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (wafer fabrication equipment - WFE) ที่ผลิตนอกสหรัฐฯ โดยภาษีใหม่นี้ตั้งไว้ที่ 20%-32% ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของอุปกรณ์ มาตรการนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ เช่น Intel, Samsung Foundry และ TSMC ซึ่งต้องรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และอาจมีผลต่อต้นทุนการผลิตชิปในประเทศ

    ✅ ต้นทุนอุปกรณ์พุ่งสูงขึ้น
    - อุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการผลิตชิป เช่น เครื่องมือจาก ASML ในยุโรป ถูกตั้งภาษีที่ 20% ถึง 32%
    - ราคาของเครื่องมือสำคัญ เช่น Low-NA EUV Lithography จาก ASML จะเพิ่มขึ้นจาก $235 ล้านเป็น $282 ล้านต่อหน่วย

    ✅ อุปสรรคในการหาอุปกรณ์ทดแทนในสหรัฐฯ
    - ผู้ผลิตในสหรัฐฯ เช่น Applied Materials, KLA และ Lam Research มีความสามารถในการผลิตอุปกรณ์บางชนิด
    - อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ที่ซับซ้อน เช่น EUV Lithography จาก ASML นั้น ไม่มีผู้ผลิตในสหรัฐฯ ทดแทนได้

    ✅ ผลกระทบต่อตลาดชิปในประเทศและระหว่างประเทศ
    - แม้จะมีการปรับขึ้นภาษีชิปที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เพื่อปกป้องตลาดในประเทศ แต่การเพิ่มต้นทุนผลิตในสหรัฐฯ อาจลดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
    - แผนการลงทุนที่ใช้เงินมหาศาลในโรงงานชิป เช่นของ Intel และ Samsung อาจต้องปรับเปลี่ยนหรือชะลอออกไป

    ✅ บทบาทของประเทศที่เป็นแหล่งผลิตอุปกรณ์
    - อุปกรณ์จากญี่ปุ่น (Tokyo Electron), เกาหลีใต้ และไต้หวัน กำลังเผชิญภาษีที่ทำให้อุปกรณ์ของพวกเขา แพงขึ้นถึง 24% ในตลาดสหรัฐฯ

    ✅ ทิศทางการผลิตในอนาคต
    - ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้สหรัฐฯ ลงทุนในเทคโนโลยี การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในประเทศ เพื่อแข่งขันในระยะยาว
    - แต่การเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตใหม่ใช้เวลามากและอาจเกิดการสะดุดในซัพพลายเชน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/trumps-tariffs-on-chipmaking-tools-could-make-processors-made-in-the-u-s-more-expensive
    Donald Trump ได้ออกมาตรการปรับขึ้นภาษีนำเข้าอุปกรณ์สำหรับการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (wafer fabrication equipment - WFE) ที่ผลิตนอกสหรัฐฯ โดยภาษีใหม่นี้ตั้งไว้ที่ 20%-32% ขึ้นอยู่กับแหล่งที่มาของอุปกรณ์ มาตรการนี้ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตชิปในสหรัฐฯ เช่น Intel, Samsung Foundry และ TSMC ซึ่งต้องรับมือกับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น และอาจมีผลต่อต้นทุนการผลิตชิปในประเทศ ✅ ต้นทุนอุปกรณ์พุ่งสูงขึ้น - อุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการผลิตชิป เช่น เครื่องมือจาก ASML ในยุโรป ถูกตั้งภาษีที่ 20% ถึง 32% - ราคาของเครื่องมือสำคัญ เช่น Low-NA EUV Lithography จาก ASML จะเพิ่มขึ้นจาก $235 ล้านเป็น $282 ล้านต่อหน่วย ✅ อุปสรรคในการหาอุปกรณ์ทดแทนในสหรัฐฯ - ผู้ผลิตในสหรัฐฯ เช่น Applied Materials, KLA และ Lam Research มีความสามารถในการผลิตอุปกรณ์บางชนิด - อย่างไรก็ตาม อุปกรณ์ที่ซับซ้อน เช่น EUV Lithography จาก ASML นั้น ไม่มีผู้ผลิตในสหรัฐฯ ทดแทนได้ ✅ ผลกระทบต่อตลาดชิปในประเทศและระหว่างประเทศ - แม้จะมีการปรับขึ้นภาษีชิปที่ผลิตนอกสหรัฐฯ เพื่อปกป้องตลาดในประเทศ แต่การเพิ่มต้นทุนผลิตในสหรัฐฯ อาจลดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก - แผนการลงทุนที่ใช้เงินมหาศาลในโรงงานชิป เช่นของ Intel และ Samsung อาจต้องปรับเปลี่ยนหรือชะลอออกไป ✅ บทบาทของประเทศที่เป็นแหล่งผลิตอุปกรณ์ - อุปกรณ์จากญี่ปุ่น (Tokyo Electron), เกาหลีใต้ และไต้หวัน กำลังเผชิญภาษีที่ทำให้อุปกรณ์ของพวกเขา แพงขึ้นถึง 24% ในตลาดสหรัฐฯ ✅ ทิศทางการผลิตในอนาคต - ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้สหรัฐฯ ลงทุนในเทคโนโลยี การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในประเทศ เพื่อแข่งขันในระยะยาว - แต่การเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตใหม่ใช้เวลามากและอาจเกิดการสะดุดในซัพพลายเชน https://www.tomshardware.com/tech-industry/trumps-tariffs-on-chipmaking-tools-could-make-processors-made-in-the-u-s-more-expensive
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • Apache Parquet ซึ่งเป็นรูปแบบไฟล์ที่ใช้ในระบบ Big Data ถูกพบว่ามีช่องโหว่ที่อาจเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้ ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อระบบที่ใช้ไลบรารี Java ของ Parquet เช่น Hadoop และ Spark แม้ Apache จะออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า องค์กรควรรีบอัปเดตไลบรารีและหลีกเลี่ยงการ import ไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต

    ✅ ช่องโหว่ส่งผลกระทบต่อระบบ Big Data ที่ใช้ Parquet
    - ระบบที่ใช้ Hadoop, Spark และ Flink ซึ่งพึ่งพาไลบรารี Java ของ Parquet อาจตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี
    - ผู้โจมตีสามารถ ควบคุมระบบ, ขโมยข้อมูล, ติดตั้งมัลแวร์ หรือทำให้บริการหยุดชะงัก

    ✅ การแก้ไขปัญหา—Apache ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 1.15.1
    - Apache ได้ แก้ไขช่องโหว่ในวันที่ 16 มีนาคม 2025 โดยแนะนำให้ผู้ใช้ อัปเดตไลบรารี Java ของ Parquet เป็นเวอร์ชันล่าสุด
    - Endor Labs เตือนว่า แม้ยังไม่มีการโจมตีที่รายงาน แต่ช่องโหว่นี้เป็นที่รู้จักในวงกว้างแล้ว

    ✅ ความเสี่ยงที่ต้องการการโต้ตอบจากผู้ใช้
    - การโจมตีจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ใช้ import ไฟล์ Parquet ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่ปลอดภัย
    - อย่างไรก็ตาม ช่องโหว่ใน Apache Tomcat เมื่อเดือนก่อนถูกโจมตีภายใน 30 ชั่วโมงหลังการเปิดเผย ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว

    ✅ คำแนะนำสำหรับองค์กรที่ใช้ Parquet
    - ตรวจสอบและอัปเดตไลบรารี Java ให้เป็นเวอร์ชัน 1.15.1
    - หลีกเลี่ยงการ import ไฟล์ Parquet จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ
    - ใช้ เครื่องมือวิเคราะห์ความปลอดภัย เพื่อตรวจจับไฟล์ที่อาจมีความเสี่ยง

    https://www.csoonline.com/article/3954647/big-hole-in-big-data-critical-deserialization-bug-in-apache-parquet-allows-rce.html
    Apache Parquet ซึ่งเป็นรูปแบบไฟล์ที่ใช้ในระบบ Big Data ถูกพบว่ามีช่องโหว่ที่อาจเปิดโอกาสให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดจากระยะไกลได้ ช่องโหว่นี้ส่งผลกระทบต่อระบบที่ใช้ไลบรารี Java ของ Parquet เช่น Hadoop และ Spark แม้ Apache จะออกแพตช์แก้ไขแล้ว แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า องค์กรควรรีบอัปเดตไลบรารีและหลีกเลี่ยงการ import ไฟล์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในอนาคต ✅ ช่องโหว่ส่งผลกระทบต่อระบบ Big Data ที่ใช้ Parquet - ระบบที่ใช้ Hadoop, Spark และ Flink ซึ่งพึ่งพาไลบรารี Java ของ Parquet อาจตกเป็นเป้าหมายของการโจมตี - ผู้โจมตีสามารถ ควบคุมระบบ, ขโมยข้อมูล, ติดตั้งมัลแวร์ หรือทำให้บริการหยุดชะงัก ✅ การแก้ไขปัญหา—Apache ออกแพตช์ในเวอร์ชัน 1.15.1 - Apache ได้ แก้ไขช่องโหว่ในวันที่ 16 มีนาคม 2025 โดยแนะนำให้ผู้ใช้ อัปเดตไลบรารี Java ของ Parquet เป็นเวอร์ชันล่าสุด - Endor Labs เตือนว่า แม้ยังไม่มีการโจมตีที่รายงาน แต่ช่องโหว่นี้เป็นที่รู้จักในวงกว้างแล้ว ✅ ความเสี่ยงที่ต้องการการโต้ตอบจากผู้ใช้ - การโจมตีจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ ผู้ใช้ import ไฟล์ Parquet ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างไม่ปลอดภัย - อย่างไรก็ตาม ช่องโหว่ใน Apache Tomcat เมื่อเดือนก่อนถูกโจมตีภายใน 30 ชั่วโมงหลังการเปิดเผย ทำให้ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ดำเนินการแก้ไขโดยเร็ว ✅ คำแนะนำสำหรับองค์กรที่ใช้ Parquet - ตรวจสอบและอัปเดตไลบรารี Java ให้เป็นเวอร์ชัน 1.15.1 - หลีกเลี่ยงการ import ไฟล์ Parquet จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ - ใช้ เครื่องมือวิเคราะห์ความปลอดภัย เพื่อตรวจจับไฟล์ที่อาจมีความเสี่ยง https://www.csoonline.com/article/3954647/big-hole-in-big-data-critical-deserialization-bug-in-apache-parquet-allows-rce.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Big hole in big data: Critical deserialization bug in Apache Parquet allows RCE
    Successful exploitation could allow attackers to steal data, install malware, or take full control over affected big data systems.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 44 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia ช่วยแก้ปัญหาไดรเวอร์ AMD บน Linux แม้ตัวเองกำลังเจอปัญหาไดรเวอร์บน Windows สำหรับ RTX 50 Series โดยปัญหาเกิดจากการเปิด DMA bounce buffers ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพเกม การแก้ไข commit ที่ไม่เหมาะสมช่วยคืนค่าการทำงานที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ชุมชน Linux และวิศวกรจากหลายบริษัทร่วมมือกันอย่างดีในการช่วยแก้ไข

    ✅ ข้อผิดพลาดเกิดจากการ commit ก่อนหน้าของ Nvidia เอง
    - Bert Karwatzki ซึ่งเป็นผู้แจ้งปัญหาพบว่า เกม Stellaris บน Steam มีอาการโหลดช้า และการควบคุมด้วยคีย์บอร์ดหรือเมาส์ล้มเหลว
    - การ revert commit ที่มีปัญหาแก้ไขอาการนี้ได้

    ✅ KASLR คืออะไร และส่งผลอย่างไรต่อ DMA
    - KASLR (Kernel Address Space Layout Randomization) เป็น ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ช่วยปกป้องหน่วยความจำโดยเปลี่ยนตำแหน่ง kernel แบบสุ่ม
    - เมื่อปิด KASLR ระบบ DMA อาจเกิดข้อผิดพลาด โดยเฉพาะเมื่อ private memory ถูกเพิ่มผ่าน add_pages()

    ✅ การเปลี่ยนแปลงช่วยแก้ไขการใช้ DMA zone อย่างไม่เหมาะสม
    - ก่อนหน้า DMA32 zone ถูกใช้ในการจัดสรร GPU allocations ซึ่งทำให้ ประสิทธิภาพของเกมลดลงอย่างมาก
    - แพตช์แก้ไขช่วยคืนค่าประสิทธิภาพให้ระบบ

    ✅ บทบาทของ Linux Community
    - การแก้ไขนี้เป็นตัวอย่าง ความร่วมมือของชุมชน Linux และวิศวกรจากหลากหลายบริษัท
    - Nvidia และ AMD ต่างแสดงให้เห็นถึง ความพร้อมในการช่วยเหลือแก้ปัญหานอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ตนเอง

    https://www.neowin.net/news/nvidia-just-fixed-an-amd-linux-bug-while-it-struggles-itself-with-windows-driver-issues/
    Nvidia ช่วยแก้ปัญหาไดรเวอร์ AMD บน Linux แม้ตัวเองกำลังเจอปัญหาไดรเวอร์บน Windows สำหรับ RTX 50 Series โดยปัญหาเกิดจากการเปิด DMA bounce buffers ที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพเกม การแก้ไข commit ที่ไม่เหมาะสมช่วยคืนค่าการทำงานที่สมบูรณ์ นอกจากนี้ ชุมชน Linux และวิศวกรจากหลายบริษัทร่วมมือกันอย่างดีในการช่วยแก้ไข ✅ ข้อผิดพลาดเกิดจากการ commit ก่อนหน้าของ Nvidia เอง - Bert Karwatzki ซึ่งเป็นผู้แจ้งปัญหาพบว่า เกม Stellaris บน Steam มีอาการโหลดช้า และการควบคุมด้วยคีย์บอร์ดหรือเมาส์ล้มเหลว - การ revert commit ที่มีปัญหาแก้ไขอาการนี้ได้ ✅ KASLR คืออะไร และส่งผลอย่างไรต่อ DMA - KASLR (Kernel Address Space Layout Randomization) เป็น ฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ช่วยปกป้องหน่วยความจำโดยเปลี่ยนตำแหน่ง kernel แบบสุ่ม - เมื่อปิด KASLR ระบบ DMA อาจเกิดข้อผิดพลาด โดยเฉพาะเมื่อ private memory ถูกเพิ่มผ่าน add_pages() ✅ การเปลี่ยนแปลงช่วยแก้ไขการใช้ DMA zone อย่างไม่เหมาะสม - ก่อนหน้า DMA32 zone ถูกใช้ในการจัดสรร GPU allocations ซึ่งทำให้ ประสิทธิภาพของเกมลดลงอย่างมาก - แพตช์แก้ไขช่วยคืนค่าประสิทธิภาพให้ระบบ ✅ บทบาทของ Linux Community - การแก้ไขนี้เป็นตัวอย่าง ความร่วมมือของชุมชน Linux และวิศวกรจากหลากหลายบริษัท - Nvidia และ AMD ต่างแสดงให้เห็นถึง ความพร้อมในการช่วยเหลือแก้ปัญหานอกเหนือจากผลิตภัณฑ์ตนเอง https://www.neowin.net/news/nvidia-just-fixed-an-amd-linux-bug-while-it-struggles-itself-with-windows-driver-issues/
    WWW.NEOWIN.NET
    Nvidia just fixed an AMD Linux bug while it struggles itself with Windows driver issues
    An Nvidia engineer has helped resolve an AMD driver issue while it itself deals with Windows problems. There's some back-story here.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 25 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI เปิดให้ใช้ ChatGPT Plus ฟรีสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยในสหรัฐฯ และแคนาดาจนถึงเดือนพฤษภาคม นักศึกษาต้องยืนยันตัวตนผ่าน SheerID หากมีบัญชี ChatGPT Plus อยู่แล้ว จะได้รับเครดิตการใช้งานเพิ่ม สองเดือน ฟีเจอร์พิเศษที่นักศึกษาได้รับรวมถึง การใช้ GPT-4.5, โหมดเสียงขั้นสูง และการสร้าง Custom GPTs ขณะนี้ OpenAI กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นมหาศาล

    ✅ ChatGPT Plus เปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับนักศึกษาทั้งแบบเต็มเวลาและพาร์ทไทม์
    - นักศึกษาต้องผ่านระบบ SheerID Verification เพื่อยืนยันสถานะ
    - หากมีบัญชี ChatGPT Plus อยู่แล้ว จะได้รับเครดิตการใช้งานฟรีสองเดือน

    ✅ สิทธิ์ที่นักศึกษาได้รับจาก ChatGPT Plus
    - ขยายขีดจำกัดการส่งข้อความและวิเคราะห์ข้อมูล
    - สามารถใช้โหมดเสียงขั้นสูง พร้อมวิดีโอและแชร์หน้าจอ
    - เข้าถึง GPT-4.5 ซึ่งเป็นโมเดลที่ใหญ่ที่สุดของ OpenAI
    - สามารถสร้าง Custom GPTs และใช้ Sora Video Generation

    ✅ OpenAI กำลังเผชิญความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน
    - ผู้ใช้ ChatGPT เพิ่มขึ้นถึง 500 ล้านคนต่อสัปดาห์ ทำให้เซิร์ฟเวอร์รองรับการใช้งานหนัก
    - CEO Sam Altman ขอความช่วยเหลือในการหา GPU เพิ่มเพื่อรองรับบริการ

    ✅ ChatGPT กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในภาคการศึกษา
    - การให้บริการฟรีแก่นักศึกษาอาจช่วยขยายฐานผู้ใช้และทำให้ AI มีบทบาทมากขึ้นในมหาวิทยาลัย
    - นักศึกษาสามารถใช้ AI เพื่อ วิเคราะห์ข้อมูล, เขียนเอกสาร และช่วยแก้โจทย์วิจัย

    https://www.neowin.net/news/chatgpt-plus-is-now-free-for-college-students-in-the-us-and-canada/
    OpenAI เปิดให้ใช้ ChatGPT Plus ฟรีสำหรับนักศึกษาวิทยาลัยในสหรัฐฯ และแคนาดาจนถึงเดือนพฤษภาคม นักศึกษาต้องยืนยันตัวตนผ่าน SheerID หากมีบัญชี ChatGPT Plus อยู่แล้ว จะได้รับเครดิตการใช้งานเพิ่ม สองเดือน ฟีเจอร์พิเศษที่นักศึกษาได้รับรวมถึง การใช้ GPT-4.5, โหมดเสียงขั้นสูง และการสร้าง Custom GPTs ขณะนี้ OpenAI กำลังเผชิญกับความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากจำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นมหาศาล ✅ ChatGPT Plus เปิดให้ใช้งานฟรีสำหรับนักศึกษาทั้งแบบเต็มเวลาและพาร์ทไทม์ - นักศึกษาต้องผ่านระบบ SheerID Verification เพื่อยืนยันสถานะ - หากมีบัญชี ChatGPT Plus อยู่แล้ว จะได้รับเครดิตการใช้งานฟรีสองเดือน ✅ สิทธิ์ที่นักศึกษาได้รับจาก ChatGPT Plus - ขยายขีดจำกัดการส่งข้อความและวิเคราะห์ข้อมูล - สามารถใช้โหมดเสียงขั้นสูง พร้อมวิดีโอและแชร์หน้าจอ - เข้าถึง GPT-4.5 ซึ่งเป็นโมเดลที่ใหญ่ที่สุดของ OpenAI - สามารถสร้าง Custom GPTs และใช้ Sora Video Generation ✅ OpenAI กำลังเผชิญความท้าทายด้านโครงสร้างพื้นฐาน - ผู้ใช้ ChatGPT เพิ่มขึ้นถึง 500 ล้านคนต่อสัปดาห์ ทำให้เซิร์ฟเวอร์รองรับการใช้งานหนัก - CEO Sam Altman ขอความช่วยเหลือในการหา GPU เพิ่มเพื่อรองรับบริการ ✅ ChatGPT กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในภาคการศึกษา - การให้บริการฟรีแก่นักศึกษาอาจช่วยขยายฐานผู้ใช้และทำให้ AI มีบทบาทมากขึ้นในมหาวิทยาลัย - นักศึกษาสามารถใช้ AI เพื่อ วิเคราะห์ข้อมูล, เขียนเอกสาร และช่วยแก้โจทย์วิจัย https://www.neowin.net/news/chatgpt-plus-is-now-free-for-college-students-in-the-us-and-canada/
    WWW.NEOWIN.NET
    ChatGPT Plus is now free for college students in the US and Canada
    To further expand its user base, OpenAI is offering free ChatGPT Plus subscriptions to students, while also facing infrastructure challenges due to the high demand.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 107 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เปิดตัว Windows App บน Android เพื่อแทนที่ Remote Desktop โดยรวมบริการ Virtualization ไว้ในแอปเดียว มี UI ใหม่ รองรับ Chrome OS และเพิ่มระบบ Passkey เพื่อความปลอดภัย แอป Remote Desktop จะถูกยกเลิกใน 27 พฤษภาคม 2025 ขณะที่ Windows App ได้รับการใช้งานไปแล้วกว่า 425 ล้านชั่วโมง แต่บางคนยังไม่ชอบชื่อใหม่เพราะฟังดูสับสน

    ✅ Windows App เป็นศูนย์กลางของบริการ Virtualization ทั้งหมดของ Microsoft
    - รวมการเข้าถึง Windows 365, Azure Virtual Desktop, Microsoft Dev Box และ Remote Desktop ไว้ในแอปเดียว

    ✅ การปรับปรุง UI และฟีเจอร์ใหม่
    - รองรับ Chrome OS (เวอร์ชัน Android)
    - เพิ่มระบบ Passkey Authentication เพื่อความปลอดภัยที่ดีขึ้น

    ✅ Remote Desktop จะถูกยกเลิกในวันที่ 27 พฤษภาคม 2025
    - ผู้ใช้ Windows ต้องเปลี่ยนไปใช้ Windows App จาก Microsoft Store

    ✅ Windows App มียอดใช้งานมากกว่า 425 ล้านชั่วโมงแล้ว
    - Microsoft ระบุว่าได้รับการตอบรับดี แต่บางคนยังไม่ชอบชื่อแอปใหม่ เพราะฟังดูสับสนมากกว่า Remote Desktop

    https://www.neowin.net/news/windows-app-is-now-available-on-android-replaces-remote-desktop/
    Microsoft เปิดตัว Windows App บน Android เพื่อแทนที่ Remote Desktop โดยรวมบริการ Virtualization ไว้ในแอปเดียว มี UI ใหม่ รองรับ Chrome OS และเพิ่มระบบ Passkey เพื่อความปลอดภัย แอป Remote Desktop จะถูกยกเลิกใน 27 พฤษภาคม 2025 ขณะที่ Windows App ได้รับการใช้งานไปแล้วกว่า 425 ล้านชั่วโมง แต่บางคนยังไม่ชอบชื่อใหม่เพราะฟังดูสับสน ✅ Windows App เป็นศูนย์กลางของบริการ Virtualization ทั้งหมดของ Microsoft - รวมการเข้าถึง Windows 365, Azure Virtual Desktop, Microsoft Dev Box และ Remote Desktop ไว้ในแอปเดียว ✅ การปรับปรุง UI และฟีเจอร์ใหม่ - รองรับ Chrome OS (เวอร์ชัน Android) - เพิ่มระบบ Passkey Authentication เพื่อความปลอดภัยที่ดีขึ้น ✅ Remote Desktop จะถูกยกเลิกในวันที่ 27 พฤษภาคม 2025 - ผู้ใช้ Windows ต้องเปลี่ยนไปใช้ Windows App จาก Microsoft Store ✅ Windows App มียอดใช้งานมากกว่า 425 ล้านชั่วโมงแล้ว - Microsoft ระบุว่าได้รับการตอบรับดี แต่บางคนยังไม่ชอบชื่อแอปใหม่ เพราะฟังดูสับสนมากกว่า Remote Desktop https://www.neowin.net/news/windows-app-is-now-available-on-android-replaces-remote-desktop/
    WWW.NEOWIN.NET
    Windows App is now available on Android, replaces Remote Desktop
    Say goodbye to the Remote Desktop app on Android, as Microsoft replaces it with the new Windows App.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานจาก Igor’s Lab พบว่าการ์ดจอ PowerColor RX 9070 XT Hellhound บางตัวมี พื้นผิวชิปที่เป็นหลุมเล็ก ๆ (pitted silicon surface) ส่งผลให้เกิดอุณหภูมิสูงผิดปกติ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าปัญหานี้เป็นกรณีเฉพาะ หรือเกิดจากสายการผลิตที่มีข้อบกพร่อง

    ✅ พื้นผิวชิปมีรอยผิดปกติจากกระบวนการขัดหลัง (Backgrinding Process)
    - พบ รอยหลุมกว่า 1,934 จุดบนพื้นผิวชิป ซึ่งมากกว่ามาตรฐานที่ยอมรับได้
    - มีบางจุดที่ลึกถึง 12.59 µm และกว้าง 212.36 µm ซึ่งอยู่นอกมาตรฐานอุตสาหกรรม

    ✅ GPU เกิดอุณหภูมิสูงถึง 113°C และทำให้เกิด Thermal Throttling
    - อุณหภูมิเฉลี่ยของชิปอยู่ที่ 67°C แต่มีจุดร้อนที่สูงถึง 113°C
    - อุณหภูมิสูงสุดที่ RDNA 4 รองรับคือ 110°C ทำให้การ์ดถูกจำกัดความเร็ว (Throttling) และใช้งานไม่ได้

    ✅ PowerColor, AMD และ TSMC ไม่ตรวจพบปัญหานี้ก่อนปล่อยสินค้า
    - คาดว่าระบบตรวจสอบคุณภาพอาจพลาดไปเนื่องจาก AI Inspection Algorithm ขาดการฝึกฝนในจุดนี้

    ✅ AMD ระบุว่าเป็นกรณีเฉพาะ ไม่ใช่ปัญหาที่พบในทุกการ์ด RX 9070 XT
    - แหล่งข่าวจาก AMD ยืนยันว่าการ์ดที่มีปัญหานี้เป็น กรณีเฉพาะ และไม่ใช่ปัญหาที่แพร่หลาย
    - ผู้ใช้ที่พบปัญหาควรขอ เคลมสินค้า (RMA) กับผู้ผลิต

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/defective-rx-9070-xt-card-with-pitted-silicon-gpu-surface-runs-extremely-hot-report-indicates-its-unclear-if-this-was-an-isolated-incident
    รายงานจาก Igor’s Lab พบว่าการ์ดจอ PowerColor RX 9070 XT Hellhound บางตัวมี พื้นผิวชิปที่เป็นหลุมเล็ก ๆ (pitted silicon surface) ส่งผลให้เกิดอุณหภูมิสูงผิดปกติ ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าปัญหานี้เป็นกรณีเฉพาะ หรือเกิดจากสายการผลิตที่มีข้อบกพร่อง ✅ พื้นผิวชิปมีรอยผิดปกติจากกระบวนการขัดหลัง (Backgrinding Process) - พบ รอยหลุมกว่า 1,934 จุดบนพื้นผิวชิป ซึ่งมากกว่ามาตรฐานที่ยอมรับได้ - มีบางจุดที่ลึกถึง 12.59 µm และกว้าง 212.36 µm ซึ่งอยู่นอกมาตรฐานอุตสาหกรรม ✅ GPU เกิดอุณหภูมิสูงถึง 113°C และทำให้เกิด Thermal Throttling - อุณหภูมิเฉลี่ยของชิปอยู่ที่ 67°C แต่มีจุดร้อนที่สูงถึง 113°C - อุณหภูมิสูงสุดที่ RDNA 4 รองรับคือ 110°C ทำให้การ์ดถูกจำกัดความเร็ว (Throttling) และใช้งานไม่ได้ ✅ PowerColor, AMD และ TSMC ไม่ตรวจพบปัญหานี้ก่อนปล่อยสินค้า - คาดว่าระบบตรวจสอบคุณภาพอาจพลาดไปเนื่องจาก AI Inspection Algorithm ขาดการฝึกฝนในจุดนี้ ✅ AMD ระบุว่าเป็นกรณีเฉพาะ ไม่ใช่ปัญหาที่พบในทุกการ์ด RX 9070 XT - แหล่งข่าวจาก AMD ยืนยันว่าการ์ดที่มีปัญหานี้เป็น กรณีเฉพาะ และไม่ใช่ปัญหาที่แพร่หลาย - ผู้ใช้ที่พบปัญหาควรขอ เคลมสินค้า (RMA) กับผู้ผลิต https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/defective-rx-9070-xt-card-with-pitted-silicon-gpu-surface-runs-extremely-hot-report-indicates-its-unclear-if-this-was-an-isolated-incident
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจาก University of California, Berkeley และ University of California, San Francisco ได้พัฒนา Brain-Computer Interface (BCI) ที่ช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตสามารถ สื่อสารด้วยเสียงตามธรรมชาติในเวลาจริง ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนา Neuroprosthesis สำหรับการสื่อสาร

    ✅ AI ช่วยแก้ปัญหาความล่าช้าในการแปลงสัญญาณสมองเป็นเสียง
    - เทคโนโลยีใหม่นี้ใช้ อัลกอริธึมแบบเดียวกับ Alexa และ Siri เพื่อถอดรหัส สัญญาณประสาทในเวลาจริง
    - ก่อนหน้านี้ BCI ต้องใช้เวลาถึง 8 วินาทีในการถอดรหัสหนึ่งประโยค แต่ระบบใหม่นี้สามารถ สร้างเสียงแรกได้ภายใน 1 วินาที

    ✅ ตัวอย่างผู้ใช้—Ann หญิงวัย 47 ปีที่เป็นอัมพาตหลังจากโรคหลอดเลือดสมอง
    - เธอเข้าร่วมทดลองและได้รับการฝัง อิเล็กโทรดบนพื้นผิวสมอง
    - เมื่อเธอคิดถึงคำพูด AI จะถอดรหัสสัญญาณประสาท และสร้างเสียงของเธอเองขึ้นมา
    - Ann ระบุว่า การได้ยินเสียงของตัวเองในเวลาจริงช่วยให้รู้สึกเหมือนเป็นตัวเองอีกครั้ง

    ✅ ระบบสามารถสร้างเสียงที่เป็นธรรมชาติ พร้อมโทนเสียงที่ผู้ใช้ต้องการ
    - นักวิจัยกำลังเพิ่มความสามารถด้าน โทน, ความสูงของเสียง และระดับเสียงพูด เพื่อให้ BCI เลียนแบบเสียงของผู้ใช้ได้อย่างสมบูรณ์

    ✅ เทคโนโลยีนี้ใช้ได้กับหลายประเภทของเซ็นเซอร์สมอง
    - ทดลองกับ Microelectrode Arrays (MEAs) และ Surface Electromyography (sEMG) เพื่อดูความเป็นไปได้ของ BCI แบบไม่รุกราน

    ✅ อนาคตของ BCI—อาจพร้อมใช้งานในอีกไม่ถึง 10 ปี
    - ทีมวิจัยได้รับทุนจาก National Institute on Deafness and Other Communication Disorders (NIDCD) และหน่วยงานอื่น ๆ
    - พวกเขามองว่า BCI สำหรับการสื่อสารด้วยเสียงจะกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้จริงในเร็ว ๆ นี้

    https://www.techspot.com/news/107382-breakthrough-brain-voice-tech-brings-natural-speech-within.html
    นักวิจัยจาก University of California, Berkeley และ University of California, San Francisco ได้พัฒนา Brain-Computer Interface (BCI) ที่ช่วยให้ผู้ป่วยอัมพาตสามารถ สื่อสารด้วยเสียงตามธรรมชาติในเวลาจริง ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการพัฒนา Neuroprosthesis สำหรับการสื่อสาร ✅ AI ช่วยแก้ปัญหาความล่าช้าในการแปลงสัญญาณสมองเป็นเสียง - เทคโนโลยีใหม่นี้ใช้ อัลกอริธึมแบบเดียวกับ Alexa และ Siri เพื่อถอดรหัส สัญญาณประสาทในเวลาจริง - ก่อนหน้านี้ BCI ต้องใช้เวลาถึง 8 วินาทีในการถอดรหัสหนึ่งประโยค แต่ระบบใหม่นี้สามารถ สร้างเสียงแรกได้ภายใน 1 วินาที ✅ ตัวอย่างผู้ใช้—Ann หญิงวัย 47 ปีที่เป็นอัมพาตหลังจากโรคหลอดเลือดสมอง - เธอเข้าร่วมทดลองและได้รับการฝัง อิเล็กโทรดบนพื้นผิวสมอง - เมื่อเธอคิดถึงคำพูด AI จะถอดรหัสสัญญาณประสาท และสร้างเสียงของเธอเองขึ้นมา - Ann ระบุว่า การได้ยินเสียงของตัวเองในเวลาจริงช่วยให้รู้สึกเหมือนเป็นตัวเองอีกครั้ง ✅ ระบบสามารถสร้างเสียงที่เป็นธรรมชาติ พร้อมโทนเสียงที่ผู้ใช้ต้องการ - นักวิจัยกำลังเพิ่มความสามารถด้าน โทน, ความสูงของเสียง และระดับเสียงพูด เพื่อให้ BCI เลียนแบบเสียงของผู้ใช้ได้อย่างสมบูรณ์ ✅ เทคโนโลยีนี้ใช้ได้กับหลายประเภทของเซ็นเซอร์สมอง - ทดลองกับ Microelectrode Arrays (MEAs) และ Surface Electromyography (sEMG) เพื่อดูความเป็นไปได้ของ BCI แบบไม่รุกราน ✅ อนาคตของ BCI—อาจพร้อมใช้งานในอีกไม่ถึง 10 ปี - ทีมวิจัยได้รับทุนจาก National Institute on Deafness and Other Communication Disorders (NIDCD) และหน่วยงานอื่น ๆ - พวกเขามองว่า BCI สำหรับการสื่อสารด้วยเสียงจะกลายเป็นเครื่องมือที่ใช้งานได้จริงในเร็ว ๆ นี้ https://www.techspot.com/news/107382-breakthrough-brain-voice-tech-brings-natural-speech-within.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Breakthrough brain-to-voice tech brings natural speech within reach for paralyzed patients
    The research team overcame the issue of latency – the delay between a person's intent to speak and the production of sound – by leveraging advances in...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษะด้าน AI และ Cloud ทำให้เงินเดือนในสายไอทีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2024 โดยเฉพาะผู้ที่เชี่ยวชาญ Natural Language Processing, AWS และ Blockchain คาดว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในปี 2025 นอกจากนี้ คนที่ทำงานด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าค่าเฉลี่ย เนื่องจากเป็นงานที่ท้าทายและเปิดโอกาสให้เรียนรู้มากขึ้น Dice ยังแนะนำว่า การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงานเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตของเงินเดือน

    ✅ ทักษะที่ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2024
    - Natural Language Processing (NLP): $131,621 (+21%)
    - AWS CodeWhisperer: $117,821 (+16%)
    - Amazon Redshift: $134,103 (+15%)
    - BigQuery: $120,434 (+15%)
    - COBOL: $130,243 (+15%)
    - Ruby: $136,920 (+13%)
    - AI ทั่วไป: $130,277 (+12%)
    - Blockchain: $113,143 (+12%)
    - Oracle eBusiness: $121,227 (+12%)
    - Application Delivery: $123,336 (+11%)

    ✅ AI ช่วยให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น
    - ผู้ที่ทำงานในโครงการด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าผู้ที่ทำงานในสายอื่น แม้จะได้รับเงินเดือนเท่ากัน
    - Dice ระบุว่า AI มอบผลประโยชน์ที่มากกว่าการเงิน เช่น ความท้าทายและโอกาสในการเรียนรู้

    ✅ แนวคิด "Goldilocks Zone" ของการเปลี่ยนงานในสายไอที
    - การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงาน ส่งผลให้เงินเดือนเฉลี่ยสูงถึง $142,000
    - อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนงานมากกว่า 10 ครั้งอาจส่งผลเสียต่อรายได้
    - Dice แนะนำให้เลือกเปลี่ยนงาน อย่างมีกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต

    ✅ แนวโน้มของสภาพแวดล้อมการทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - ผู้หญิงที่ทำงานในวงการเทคโนโลยีมาเกิน 20 ปี มีโอกาสมากกว่า 1.5 เท่า ที่จะระบุว่า วัฒนธรรมองค์กรดีขึ้นกว่าชายในอุตสาหกรรมเดียวกัน

    https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/these-tech-skills-drove-the-biggest-salary-increases-over-the-past-year/
    ทักษะด้าน AI และ Cloud ทำให้เงินเดือนในสายไอทีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2024 โดยเฉพาะผู้ที่เชี่ยวชาญ Natural Language Processing, AWS และ Blockchain คาดว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในปี 2025 นอกจากนี้ คนที่ทำงานด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าค่าเฉลี่ย เนื่องจากเป็นงานที่ท้าทายและเปิดโอกาสให้เรียนรู้มากขึ้น Dice ยังแนะนำว่า การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงานเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตของเงินเดือน ✅ ทักษะที่ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2024 - Natural Language Processing (NLP): $131,621 (+21%) - AWS CodeWhisperer: $117,821 (+16%) - Amazon Redshift: $134,103 (+15%) - BigQuery: $120,434 (+15%) - COBOL: $130,243 (+15%) - Ruby: $136,920 (+13%) - AI ทั่วไป: $130,277 (+12%) - Blockchain: $113,143 (+12%) - Oracle eBusiness: $121,227 (+12%) - Application Delivery: $123,336 (+11%) ✅ AI ช่วยให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น - ผู้ที่ทำงานในโครงการด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าผู้ที่ทำงานในสายอื่น แม้จะได้รับเงินเดือนเท่ากัน - Dice ระบุว่า AI มอบผลประโยชน์ที่มากกว่าการเงิน เช่น ความท้าทายและโอกาสในการเรียนรู้ ✅ แนวคิด "Goldilocks Zone" ของการเปลี่ยนงานในสายไอที - การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงาน ส่งผลให้เงินเดือนเฉลี่ยสูงถึง $142,000 - อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนงานมากกว่า 10 ครั้งอาจส่งผลเสียต่อรายได้ - Dice แนะนำให้เลือกเปลี่ยนงาน อย่างมีกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต ✅ แนวโน้มของสภาพแวดล้อมการทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี - ผู้หญิงที่ทำงานในวงการเทคโนโลยีมาเกิน 20 ปี มีโอกาสมากกว่า 1.5 เท่า ที่จะระบุว่า วัฒนธรรมองค์กรดีขึ้นกว่าชายในอุตสาหกรรมเดียวกัน https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/these-tech-skills-drove-the-biggest-salary-increases-over-the-past-year/
    WWW.ZDNET.COM
    These tech skills drove the biggest salary increases over the past year
    A new tech salaries report suggests that working with AI boosts both pay and satisfaction - but it also cautions that excessive job hopping can work against you.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 195 มุมมอง 0 รีวิว
  • รายงานล่าสุดจาก Cisco Talos เปิดเผยว่า การโจมตีไซเบอร์ในปี 2024 กว่าครึ่งหนึ่งมีสาเหตุมาจากการใช้บัญชีที่ถูกขโมย โดยผู้โจมตีสามารถ เข้าถึงระบบโดยไม่ต้องใช้มัลแวร์ ทำให้หลีกเลี่ยงการตรวจจับ และบางครั้งถึงขั้นควบคุมเครือข่ายทั้งหมดได้

    ✅ ช่องทางหลักที่แฮกเกอร์ใช้เพื่อเข้าถึงองค์กร
    - ข้อมูลล็อกอินที่ถูกขโมย รวมถึง รหัสผ่าน, session tokens, API keys และใบรับรองดิจิทัล
    - การแฮกผ่านมัลแวร์ประเภท Infostealer ซึ่งดึงข้อมูลจากเครื่องเป้าหมาย
    - การซื้อข้อมูลล็อกอินจากตลาดมืด โดยราคาสำหรับบัญชีทั่วไปอยู่ที่ $10-$15 แต่บัญชีระดับสูงอาจมีราคาถึง $3,000

    ✅ การแฮกบัญชีช่วยให้แฮกเกอร์โจมตีองค์กรได้ง่ายขึ้น
    - การใช้บัญชีที่ถูกเจาะเข้าสู่ระบบโดยตรง ง่ายกว่าการใช้ช่องโหว่ของซอฟต์แวร์
    - กว่า 60% ของเหตุการณ์ที่ Cisco Talos ตรวจสอบพบว่ามีการใช้บัญชีที่ถูกขโมย
    - ในกรณีของแรนซัมแวร์ ตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 70%

    ✅ วิธีแฮกบัญชีที่ซับซ้อนมากขึ้น
    - MFA Bombing หรือ Push Spray ส่งข้อความแจ้งเตือน MFA ไปยังผู้ใช้ซ้ำ ๆ จนกว่าพวกเขาจะกดยอมรับ
    - การปลอมแปลงเว็บเพื่อหลอกให้ผู้ใช้ลงทะเบียนอุปกรณ์ MFA ใหม่
    - การใช้ฟิชชิ่งที่ล้ำขึ้น เช่น AI-generated phishing attacks ที่ถูกออกแบบมาอย่างแนบเนียน

    ✅ บัญชีผู้ดูแลระบบมักตกเป็นเป้าหมายหลัก
    - ระบบ Active Directory เป็นจุดอ่อนสำคัญ—แฮกเกอร์มักเจาะข้อมูลที่เก็บอยู่ใน LSASS, SAM databases และ cached domain credentials
    - เครื่องมือยอดนิยมของแฮกเกอร์ เช่น Mimikatz และ PsExec ถูกใช้เพื่อขยายการเข้าถึงระบบ
    - องค์กรที่มีบัญชีแอดมินจำนวนมาก เพิ่มความเสี่ยงให้การโจมตีประสบความสำเร็จ

    ✅ แนวทางป้องกันที่ Cisco Talos แนะนำ
    - เปิดใช้ MFA และตั้งค่าความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น
    - ตรวจสอบกิจกรรมที่ผิดปกติของบัญชีผู้ใช้และแอดมิน
    - ลดจำนวนบัญชีที่มีสิทธิ์แอดมินในองค์กร
    - ใช้วิธี Challenge-Response Authentication เพื่อเพิ่มระดับการตรวจสอบ

    https://www.csoonline.com/article/3952041/malicious-actors-increasingly-put-privileged-identity-access-to-work-across-attack-chains.html
    รายงานล่าสุดจาก Cisco Talos เปิดเผยว่า การโจมตีไซเบอร์ในปี 2024 กว่าครึ่งหนึ่งมีสาเหตุมาจากการใช้บัญชีที่ถูกขโมย โดยผู้โจมตีสามารถ เข้าถึงระบบโดยไม่ต้องใช้มัลแวร์ ทำให้หลีกเลี่ยงการตรวจจับ และบางครั้งถึงขั้นควบคุมเครือข่ายทั้งหมดได้ ✅ ช่องทางหลักที่แฮกเกอร์ใช้เพื่อเข้าถึงองค์กร - ข้อมูลล็อกอินที่ถูกขโมย รวมถึง รหัสผ่าน, session tokens, API keys และใบรับรองดิจิทัล - การแฮกผ่านมัลแวร์ประเภท Infostealer ซึ่งดึงข้อมูลจากเครื่องเป้าหมาย - การซื้อข้อมูลล็อกอินจากตลาดมืด โดยราคาสำหรับบัญชีทั่วไปอยู่ที่ $10-$15 แต่บัญชีระดับสูงอาจมีราคาถึง $3,000 ✅ การแฮกบัญชีช่วยให้แฮกเกอร์โจมตีองค์กรได้ง่ายขึ้น - การใช้บัญชีที่ถูกเจาะเข้าสู่ระบบโดยตรง ง่ายกว่าการใช้ช่องโหว่ของซอฟต์แวร์ - กว่า 60% ของเหตุการณ์ที่ Cisco Talos ตรวจสอบพบว่ามีการใช้บัญชีที่ถูกขโมย - ในกรณีของแรนซัมแวร์ ตัวเลขเพิ่มขึ้นถึง 70% ✅ วิธีแฮกบัญชีที่ซับซ้อนมากขึ้น - MFA Bombing หรือ Push Spray ส่งข้อความแจ้งเตือน MFA ไปยังผู้ใช้ซ้ำ ๆ จนกว่าพวกเขาจะกดยอมรับ - การปลอมแปลงเว็บเพื่อหลอกให้ผู้ใช้ลงทะเบียนอุปกรณ์ MFA ใหม่ - การใช้ฟิชชิ่งที่ล้ำขึ้น เช่น AI-generated phishing attacks ที่ถูกออกแบบมาอย่างแนบเนียน ✅ บัญชีผู้ดูแลระบบมักตกเป็นเป้าหมายหลัก - ระบบ Active Directory เป็นจุดอ่อนสำคัญ—แฮกเกอร์มักเจาะข้อมูลที่เก็บอยู่ใน LSASS, SAM databases และ cached domain credentials - เครื่องมือยอดนิยมของแฮกเกอร์ เช่น Mimikatz และ PsExec ถูกใช้เพื่อขยายการเข้าถึงระบบ - องค์กรที่มีบัญชีแอดมินจำนวนมาก เพิ่มความเสี่ยงให้การโจมตีประสบความสำเร็จ ✅ แนวทางป้องกันที่ Cisco Talos แนะนำ - เปิดใช้ MFA และตั้งค่าความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น - ตรวจสอบกิจกรรมที่ผิดปกติของบัญชีผู้ใช้และแอดมิน - ลดจำนวนบัญชีที่มีสิทธิ์แอดมินในองค์กร - ใช้วิธี Challenge-Response Authentication เพื่อเพิ่มระดับการตรวจสอบ https://www.csoonline.com/article/3952041/malicious-actors-increasingly-put-privileged-identity-access-to-work-across-attack-chains.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Malicious actors increasingly put privileged identity access to work across attack chains
    Identity-based attacks fueled over half of security breaches last year, according to research from Cisco Talos, providing attackers initial access and valid means for lateral movement.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัท AI Anthropic ได้เปิดตัว Claude for Education ซึ่งช่วยให้นักศึกษาพัฒนาทักษะ การคิดวิเคราะห์แทนการรับคำตอบตรง ๆ ฟีเจอร์ Learning Mode จะตั้งคำถามให้นักศึกษาคิดเอง Claude ยังช่วย ออกแบบหลักสูตร, ให้คะแนนงานเขียน และช่วยฝ่ายบริหารจัดการข้อมูลนักศึกษา ล่าสุดมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง London School of Economics และ Northeastern University ได้นำ Claude มาใช้กับนักศึกษาทุกคน

    ✅ Learning Mode คืออะไร?
    - ช่วยให้นักศึกษาใช้เหตุผลแทนการรับคำตอบโดยตรง
    - Claude จะถามเช่น "คุณจะเข้าถึงปัญหานี้อย่างไร?" หรือ "หลักฐานอะไรสนับสนุนข้อสรุปของคุณ?" เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้คิดเองก่อน

    ✅ Claude สามารถช่วยนักศึกษาจัดทำเอกสารและศึกษาข้อมูลได้
    - สร้างโครงร่างงานวิจัย พร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับหลักการสำคัญ
    - จัดทำ Study Guides เพื่อช่วยให้เข้าใจหัวข้อยาก ๆ ได้ง่ายขึ้น
    - ช่วยอาจารย์ออกแบบหลักสูตรและให้คะแนนงานเขียนของนักศึกษา

    ✅ ช่วยฝ่ายบริหารวิเคราะห์ข้อมูลการลงทะเบียนและตอบอีเมลอัตโนมัติ
    - สามารถ แปลงเอกสารนโยบายเป็นรูปแบบ FAQ เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น
    - ช่วยมหาวิทยาลัยวิเคราะห์แนวโน้มการลงทะเบียน และบริหารจัดการข้อมูล

    ✅ Claude ได้รับการใช้งานในมหาวิทยาลัยชั้นนำแล้ว
    - London School of Economics (LSE), Northeastern University และ Champlain College ได้เซ็นสัญญาให้ใช้ Claude กับนักศึกษาทุกคน
    - Northeastern University เป็นมหาวิทยาลัยแรกในสหรัฐฯ ที่มีหลักสูตรเน้น AI อย่างจริงจัง

    ✅ เปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้าร่วมโครงการนักพัฒนาและได้รับทุนสนับสนุน
    - Anthropic เปิดโปรแกรม Campus Ambassadors ให้ผู้ใช้ทำงานร่วมกับทีม AI เพื่อพัฒนาโครงการ
    - นักศึกษาที่สร้างโปรเจ็กต์กับ Claude สามารถขอ ทุน API Credits เพื่อพัฒนางานของตนเอง

    https://www.neowin.net/news/anthropics-claude-ai-now-prompts-students-to-do-the-thinking-part/
    บริษัท AI Anthropic ได้เปิดตัว Claude for Education ซึ่งช่วยให้นักศึกษาพัฒนาทักษะ การคิดวิเคราะห์แทนการรับคำตอบตรง ๆ ฟีเจอร์ Learning Mode จะตั้งคำถามให้นักศึกษาคิดเอง Claude ยังช่วย ออกแบบหลักสูตร, ให้คะแนนงานเขียน และช่วยฝ่ายบริหารจัดการข้อมูลนักศึกษา ล่าสุดมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่าง London School of Economics และ Northeastern University ได้นำ Claude มาใช้กับนักศึกษาทุกคน ✅ Learning Mode คืออะไร? - ช่วยให้นักศึกษาใช้เหตุผลแทนการรับคำตอบโดยตรง - Claude จะถามเช่น "คุณจะเข้าถึงปัญหานี้อย่างไร?" หรือ "หลักฐานอะไรสนับสนุนข้อสรุปของคุณ?" เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้คิดเองก่อน ✅ Claude สามารถช่วยนักศึกษาจัดทำเอกสารและศึกษาข้อมูลได้ - สร้างโครงร่างงานวิจัย พร้อมคำแนะนำเกี่ยวกับหลักการสำคัญ - จัดทำ Study Guides เพื่อช่วยให้เข้าใจหัวข้อยาก ๆ ได้ง่ายขึ้น - ช่วยอาจารย์ออกแบบหลักสูตรและให้คะแนนงานเขียนของนักศึกษา ✅ ช่วยฝ่ายบริหารวิเคราะห์ข้อมูลการลงทะเบียนและตอบอีเมลอัตโนมัติ - สามารถ แปลงเอกสารนโยบายเป็นรูปแบบ FAQ เพื่อให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น - ช่วยมหาวิทยาลัยวิเคราะห์แนวโน้มการลงทะเบียน และบริหารจัดการข้อมูล ✅ Claude ได้รับการใช้งานในมหาวิทยาลัยชั้นนำแล้ว - London School of Economics (LSE), Northeastern University และ Champlain College ได้เซ็นสัญญาให้ใช้ Claude กับนักศึกษาทุกคน - Northeastern University เป็นมหาวิทยาลัยแรกในสหรัฐฯ ที่มีหลักสูตรเน้น AI อย่างจริงจัง ✅ เปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้าร่วมโครงการนักพัฒนาและได้รับทุนสนับสนุน - Anthropic เปิดโปรแกรม Campus Ambassadors ให้ผู้ใช้ทำงานร่วมกับทีม AI เพื่อพัฒนาโครงการ - นักศึกษาที่สร้างโปรเจ็กต์กับ Claude สามารถขอ ทุน API Credits เพื่อพัฒนางานของตนเอง https://www.neowin.net/news/anthropics-claude-ai-now-prompts-students-to-do-the-thinking-part/
    WWW.NEOWIN.NET
    Anthropic's Claude AI now prompts students to do the thinking part
    Anthropic's new Learning Mode for the Claude chatbot allows humans to do the thinking part. It's available through a new education offering.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปิดตัว Windows Hotpatch บน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตั้ง อัปเดตความปลอดภัยได้ทันทีโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง ฟีเจอร์นี้เคยมีเฉพาะบน Windows Server แต่ตอนนี้เริ่มถูกนำมาใช้กับ Windows 11 Enterprise เพื่อให้การอัปเดตเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น

    ✅ Windows Hotpatch ทำงานอย่างไร?
    - แทนที่จะต้องรีบูตเครื่องทุกครั้งเมื่อมีอัปเดตสำคัญ Windows Hotpatch จะใช้เทคนิคการอัปเดตกระบวนการที่ทำงานอยู่ในหน่วยความจำ (in-memory processes)
    - ผู้ใช้ยังต้องรีสตาร์ททุก ๆ 3 เดือน เพื่อรับ Baseline Update แต่ Hotpatches รายเดือนจะไม่ต้องรีบูตเครื่อง

    ✅ ข้อดีสำหรับองค์กร
    - IT Admin ไม่ต้องกังวลว่าพนักงานจะ เลื่อนการอัปเดตออกไป
    - ช่วยลดปัญหาที่เกิดจาก ระบบที่ยังไม่ได้รับแพตช์ล่าสุด และทำให้ระบบมีความปลอดภัยสูงขึ้น

    ✅ ข้อจำกัดของ Windows Hotpatch
    - รองรับเฉพาะ Windows 11 Enterprise เวอร์ชัน 24H2 เช่น Enterprise E3, E5, F3 และ Education A3, A5
    - Windows 11 Home และ Professional ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้
    - อุปกรณ์ที่ใช้ ARM CPUs ยังอยู่ในช่วงทดลอง และต้องรออัปเดตเพิ่มเติมจาก Microsoft

    ✅ Microsoft กำลังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่สำหรับทุกเวอร์ชันของ Windows 11
    - Quick Machine Recovery (QMR) จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถ แก้ไขเครื่องที่บูตไม่ติดโดยติดตั้งแพตช์จาก Windows RE
    - QMR อยู่ระหว่างการทดสอบ และจะรองรับ Windows 11 Home และ Professional

    https://www.neowin.net/news/windows-11-can-now-install-security-updates-without-asking-you-to-reboot/
    Microsoft ได้เปิดตัว Windows Hotpatch บน Windows 11 เวอร์ชัน 24H2 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตั้ง อัปเดตความปลอดภัยได้ทันทีโดยไม่ต้องรีบูตเครื่อง ฟีเจอร์นี้เคยมีเฉพาะบน Windows Server แต่ตอนนี้เริ่มถูกนำมาใช้กับ Windows 11 Enterprise เพื่อให้การอัปเดตเป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น ✅ Windows Hotpatch ทำงานอย่างไร? - แทนที่จะต้องรีบูตเครื่องทุกครั้งเมื่อมีอัปเดตสำคัญ Windows Hotpatch จะใช้เทคนิคการอัปเดตกระบวนการที่ทำงานอยู่ในหน่วยความจำ (in-memory processes) - ผู้ใช้ยังต้องรีสตาร์ททุก ๆ 3 เดือน เพื่อรับ Baseline Update แต่ Hotpatches รายเดือนจะไม่ต้องรีบูตเครื่อง ✅ ข้อดีสำหรับองค์กร - IT Admin ไม่ต้องกังวลว่าพนักงานจะ เลื่อนการอัปเดตออกไป - ช่วยลดปัญหาที่เกิดจาก ระบบที่ยังไม่ได้รับแพตช์ล่าสุด และทำให้ระบบมีความปลอดภัยสูงขึ้น ✅ ข้อจำกัดของ Windows Hotpatch - รองรับเฉพาะ Windows 11 Enterprise เวอร์ชัน 24H2 เช่น Enterprise E3, E5, F3 และ Education A3, A5 - Windows 11 Home และ Professional ไม่สามารถใช้ฟีเจอร์นี้ได้ - อุปกรณ์ที่ใช้ ARM CPUs ยังอยู่ในช่วงทดลอง และต้องรออัปเดตเพิ่มเติมจาก Microsoft ✅ Microsoft กำลังพัฒนาฟีเจอร์ใหม่สำหรับทุกเวอร์ชันของ Windows 11 - Quick Machine Recovery (QMR) จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถ แก้ไขเครื่องที่บูตไม่ติดโดยติดตั้งแพตช์จาก Windows RE - QMR อยู่ระหว่างการทดสอบ และจะรองรับ Windows 11 Home และ Professional https://www.neowin.net/news/windows-11-can-now-install-security-updates-without-asking-you-to-reboot/
    WWW.NEOWIN.NET
    Windows 11 can now install security updates without asking you to reboot
    Are you tired of Windows 11 constantly asking you to restart to apply updates? Good news: the latest feature is here to fix that, but there is a catch.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 80 มุมมอง 0 รีวิว
  • Catching the grasshopper
    #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    Catching the grasshopper #AiImage #IamAmatureAiCreator #ตามหากลุ่มAiCreator
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • SpaceX และ Apple อาจมีข้อพิพาทเกี่ยวกับคลื่นความถี่ดาวเทียม โดย SpaceX พยายาม กดดันหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ไม่ให้อนุญาตให้ Globalstar (ที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก Apple) ขยายการใช้คลื่นความถี่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ บริการฉุกเฉินผ่านดาวเทียมของ iPhone หาก SpaceX ควบคุมตลาดมากเกินไป อาจทำให้บริการดาวเทียม มีราคาแพงขึ้น และเกิดจุดอับสัญญาณ ได้

    ✅ SpaceX เคยเจรจาร่วมมือกับ Apple แต่ล้มเหลว
    - ก่อนหน้านี้ SpaceX และ Apple เคยพูดคุยกันเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน เพื่อสนับสนุนบริการสื่อสารผ่านดาวเทียมของ iPhone
    - อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ส่งผลให้ Apple หันไปใช้เครือข่ายดาวเทียมอื่นแทน SpaceX

    ✅ SpaceX ต้องการควบคุมคลื่นความถี่ให้มากที่สุด
    - ดาวเทียมทุกดวงใช้ คลื่นวิทยุส่งสัญญาณมายังโลก ซึ่งต้องมีการจัดสรรเพื่อให้สัญญาณไม่รบกวนกัน
    - หาก SpaceX ได้รับสิทธิ์ควบคุมคลื่นความถี่จำนวนมาก บริษัทอื่นจะ ไม่สามารถให้บริการที่มีคุณภาพ หรืออาจเกิด จุดอับสัญญาณ ในพื้นที่บางแห่ง

    ✅ การแข่งขันอุตสาหกรรมดาวเทียมอาจส่งผลต่อราคาบริการ
    - หาก SpaceX ครอบครองความถี่จำนวนมาก อาจทำให้เกิดสถานการณ์ กึ่งผูกขาด ซึ่งทำให้บริษัทสามารถ ตั้งราคาสูงขึ้นได้

    ✅ บริการ SOS ผ่านดาวเทียมของ iPhone อาจได้รับผลกระทบ
    - Apple ใช้ Globalstar สำหรับ บริการฉุกเฉินผ่านดาวเทียมบน iPhone ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือแม้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์
    - หาก SpaceX จำกัดการเข้าถึงคลื่นความถี่ Globalstar อาจ ไม่สามารถให้บริการที่มีคุณภาพ ได้

    https://www.techradar.com/phones/iphone/spacex-and-apple-reported-spat-could-spell-bad-news-for-starlink-and-your-iphones-satellite-communication-features
    SpaceX และ Apple อาจมีข้อพิพาทเกี่ยวกับคลื่นความถี่ดาวเทียม โดย SpaceX พยายาม กดดันหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ไม่ให้อนุญาตให้ Globalstar (ที่ได้รับเงินสนับสนุนจาก Apple) ขยายการใช้คลื่นความถี่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ บริการฉุกเฉินผ่านดาวเทียมของ iPhone หาก SpaceX ควบคุมตลาดมากเกินไป อาจทำให้บริการดาวเทียม มีราคาแพงขึ้น และเกิดจุดอับสัญญาณ ได้ ✅ SpaceX เคยเจรจาร่วมมือกับ Apple แต่ล้มเหลว - ก่อนหน้านี้ SpaceX และ Apple เคยพูดคุยกันเกี่ยวกับการทำงานร่วมกัน เพื่อสนับสนุนบริการสื่อสารผ่านดาวเทียมของ iPhone - อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ส่งผลให้ Apple หันไปใช้เครือข่ายดาวเทียมอื่นแทน SpaceX ✅ SpaceX ต้องการควบคุมคลื่นความถี่ให้มากที่สุด - ดาวเทียมทุกดวงใช้ คลื่นวิทยุส่งสัญญาณมายังโลก ซึ่งต้องมีการจัดสรรเพื่อให้สัญญาณไม่รบกวนกัน - หาก SpaceX ได้รับสิทธิ์ควบคุมคลื่นความถี่จำนวนมาก บริษัทอื่นจะ ไม่สามารถให้บริการที่มีคุณภาพ หรืออาจเกิด จุดอับสัญญาณ ในพื้นที่บางแห่ง ✅ การแข่งขันอุตสาหกรรมดาวเทียมอาจส่งผลต่อราคาบริการ - หาก SpaceX ครอบครองความถี่จำนวนมาก อาจทำให้เกิดสถานการณ์ กึ่งผูกขาด ซึ่งทำให้บริษัทสามารถ ตั้งราคาสูงขึ้นได้ ✅ บริการ SOS ผ่านดาวเทียมของ iPhone อาจได้รับผลกระทบ - Apple ใช้ Globalstar สำหรับ บริการฉุกเฉินผ่านดาวเทียมบน iPhone ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือแม้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ - หาก SpaceX จำกัดการเข้าถึงคลื่นความถี่ Globalstar อาจ ไม่สามารถให้บริการที่มีคุณภาพ ได้ https://www.techradar.com/phones/iphone/spacex-and-apple-reported-spat-could-spell-bad-news-for-starlink-and-your-iphones-satellite-communication-features
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังจากการโจมตีทางไซเบอร์โดยกลุ่ม Salt Typhoon หลายฝ่ายเรียกร้องให้สหรัฐฯ ตอบโต้จีน อย่างไรก็ตาม Marcus Hutchins เตือนว่าการตอบโต้ไซเบอร์อาจทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงต่อการโจมตีครั้งใหญ่จากจีน เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ล้าสมัยและไม่ได้รับการปกป้องที่เพียงพอ Hutchins เสนอให้สหรัฐฯ ลงทุนในระบบป้องกันไซเบอร์ก่อนดำเนินยุทธวิธีตอบโต้

    ✅ Salt Typhoon เจาะระบบผ่านช่องโหว่ของกฎหมาย CALEA
    - กฎหมาย Communications Assistance for Law Enforcement Act (CALEA) ที่ออกในปี 1994 กำหนดให้มี ช่องทางเข้าถึงข้อมูลสื่อสารของผู้ต้องสงสัย
    - อย่างไรก็ตาม ระบบที่ออกแบบเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามอาชญากร กลับกลายเป็นช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถใช้โจมตี

    ✅ สหรัฐฯ มีขีดความสามารถในการโจมตีไซเบอร์ แต่ไม่พร้อมรับมือการตอบโต้จากจีน
    - Hutchins เตือนว่า โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ ล้าสมัย และไม่ได้รับการปกป้องที่เพียงพอ
    - ะบบบางส่วน ไม่ได้รับการอัปเดตมานานกว่า 10 ปี ทำให้จีนสามารถใช้การโจมตีขนาดใหญ่เพื่อตอบโต้ได้ทันที

    ✅ จีนใช้เวลากว่าทศวรรษในการศึกษาระบบของสหรัฐฯ
    - นักวิเคราะห์เชื่อว่ากลุ่ม Typhoon ใช้การโจมตีขนาดเล็กเพื่อทดสอบความสามารถในการตอบโต้ของสหรัฐฯ
    - หากเกิดความขัดแย้งระดับสูง จีนสามารถใช้ข้อมูลที่เก็บสะสมไว้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ได้อย่างแม่นยำ

    ✅ ภาคเอกชนของสหรัฐฯ ไม่มีมาตรการป้องกันที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน
    - ในสหรัฐฯ แต่ละองค์กรต้องรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์ของตนเอง
    - Hutchins วิจารณ์ว่า ภาคเอกชนมักมองว่าการเพิกเฉยต่อการโจมตีไซเบอร์มีต้นทุนต่ำกว่าการป้องกัน

    ✅ ข้อเสนอให้สหรัฐฯ ปรับปรุงมาตรการป้องกันก่อนดำเนินยุทธวิธีตอบโต้
    - Hutchins ย้ำว่า สหรัฐฯ ควรสร้างระบบป้องกันที่แข็งแกร่งก่อนเข้าสู่สงครามไซเบอร์
    - นักวิเคราะห์หลายคนเห็นด้วยว่า การโจมตีจีนโดยไม่มีการป้องกันที่ดี อาจกลายเป็นหายนะสำหรับสหรัฐฯ เอง

    https://www.techradar.com/pro/security/american-cyber-brass-calls-for-retaliatory-strikes-against-china-but-is-the-us-really-ready
    หลังจากการโจมตีทางไซเบอร์โดยกลุ่ม Salt Typhoon หลายฝ่ายเรียกร้องให้สหรัฐฯ ตอบโต้จีน อย่างไรก็ตาม Marcus Hutchins เตือนว่าการตอบโต้ไซเบอร์อาจทำให้สหรัฐฯ เสี่ยงต่อการโจมตีครั้งใหญ่จากจีน เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ล้าสมัยและไม่ได้รับการปกป้องที่เพียงพอ Hutchins เสนอให้สหรัฐฯ ลงทุนในระบบป้องกันไซเบอร์ก่อนดำเนินยุทธวิธีตอบโต้ ✅ Salt Typhoon เจาะระบบผ่านช่องโหว่ของกฎหมาย CALEA - กฎหมาย Communications Assistance for Law Enforcement Act (CALEA) ที่ออกในปี 1994 กำหนดให้มี ช่องทางเข้าถึงข้อมูลสื่อสารของผู้ต้องสงสัย - อย่างไรก็ตาม ระบบที่ออกแบบเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามอาชญากร กลับกลายเป็นช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถใช้โจมตี ✅ สหรัฐฯ มีขีดความสามารถในการโจมตีไซเบอร์ แต่ไม่พร้อมรับมือการตอบโต้จากจีน - Hutchins เตือนว่า โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ ล้าสมัย และไม่ได้รับการปกป้องที่เพียงพอ - ะบบบางส่วน ไม่ได้รับการอัปเดตมานานกว่า 10 ปี ทำให้จีนสามารถใช้การโจมตีขนาดใหญ่เพื่อตอบโต้ได้ทันที ✅ จีนใช้เวลากว่าทศวรรษในการศึกษาระบบของสหรัฐฯ - นักวิเคราะห์เชื่อว่ากลุ่ม Typhoon ใช้การโจมตีขนาดเล็กเพื่อทดสอบความสามารถในการตอบโต้ของสหรัฐฯ - หากเกิดความขัดแย้งระดับสูง จีนสามารถใช้ข้อมูลที่เก็บสะสมไว้โจมตีโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐฯ ได้อย่างแม่นยำ ✅ ภาคเอกชนของสหรัฐฯ ไม่มีมาตรการป้องกันที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน - ในสหรัฐฯ แต่ละองค์กรต้องรับผิดชอบเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์ของตนเอง - Hutchins วิจารณ์ว่า ภาคเอกชนมักมองว่าการเพิกเฉยต่อการโจมตีไซเบอร์มีต้นทุนต่ำกว่าการป้องกัน ✅ ข้อเสนอให้สหรัฐฯ ปรับปรุงมาตรการป้องกันก่อนดำเนินยุทธวิธีตอบโต้ - Hutchins ย้ำว่า สหรัฐฯ ควรสร้างระบบป้องกันที่แข็งแกร่งก่อนเข้าสู่สงครามไซเบอร์ - นักวิเคราะห์หลายคนเห็นด้วยว่า การโจมตีจีนโดยไม่มีการป้องกันที่ดี อาจกลายเป็นหายนะสำหรับสหรัฐฯ เอง https://www.techradar.com/pro/security/american-cyber-brass-calls-for-retaliatory-strikes-against-china-but-is-the-us-really-ready
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 141 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจาก Sucuri พบว่าผู้โจมตีกำลังใช้ mu-plugins (Must-Use Plugins) ของ WordPress เป็นช่องทางแอบซ่อน โค้ดอันตราย ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์ ฝังมัลแวร์, แสดงโฆษณาสแปม, รีไดเรกต์ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ปลอม และรันโค้ดระยะไกล โดยที่เจ้าของเว็บไซต์อาจไม่ทันสังเกต

    ✅ mu-plugins ทำงานอย่างไร และทำไมถึงเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์?
    - mu-plugins เป็นปลั๊กอินที่ เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติและไม่สามารถปิดได้จากแผงควบคุม WordPress
    - ปลั๊กอินเหล่านี้มักใช้เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ที่จำเป็นสำหรับเว็บไซต์ เช่น การปรับแต่งประสิทธิภาพและการจัดการระบบ

    ✅ ตัวอย่างมัลแวร์ที่ถูกค้นพบ
    - redirect.php: รีไดเรกต์ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ปลอม
    - index.php: เปิดช่องทางให้รันโค้ดระยะไกลและปล่อยมัลแวร์ลงเครื่องเป้าหมาย
    - custom-js-loader.php: ฉีดโค้ด JavaScript สแปมเข้าไปในหน้าเว็บ

    ✅ เว็บไซต์ถูกแฮกได้อย่างไร?
    - ใช้ปลั๊กอินหรือธีมที่มีช่องโหว่
    - แฮกผ่านรหัสผ่านของแอดมินที่ไม่แข็งแกร่งพอ
    - เซิร์ฟเวอร์โฮสติ้งที่มีการรักษาความปลอดภัยต่ำ

    ✅ แนวทางป้องกันสำหรับผู้ดูแลเว็บไซต์
    - สแกนหาไฟล์อันตรายใน mu-plugins directory
    - ตรวจสอบบัญชีแอดมินที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - อัปเดต WordPress, ปลั๊กอิน และธีมให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด
    - เปลี่ยนรหัสผ่านของแอดมินและเปิดใช้งาน 2FA (Two-Factor Authentication)
    - ติดตั้งปลั๊กอินความปลอดภัยเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟล์

    https://www.techradar.com/pro/security/a-popular-wordpress-plugin-has-been-hijacked-to-show-malicious-code-spam-images
    นักวิจัยจาก Sucuri พบว่าผู้โจมตีกำลังใช้ mu-plugins (Must-Use Plugins) ของ WordPress เป็นช่องทางแอบซ่อน โค้ดอันตราย ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์ ฝังมัลแวร์, แสดงโฆษณาสแปม, รีไดเรกต์ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ปลอม และรันโค้ดระยะไกล โดยที่เจ้าของเว็บไซต์อาจไม่ทันสังเกต ✅ mu-plugins ทำงานอย่างไร และทำไมถึงเป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์? - mu-plugins เป็นปลั๊กอินที่ เปิดใช้งานโดยอัตโนมัติและไม่สามารถปิดได้จากแผงควบคุม WordPress - ปลั๊กอินเหล่านี้มักใช้เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ที่จำเป็นสำหรับเว็บไซต์ เช่น การปรับแต่งประสิทธิภาพและการจัดการระบบ ✅ ตัวอย่างมัลแวร์ที่ถูกค้นพบ - redirect.php: รีไดเรกต์ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์ปลอม - index.php: เปิดช่องทางให้รันโค้ดระยะไกลและปล่อยมัลแวร์ลงเครื่องเป้าหมาย - custom-js-loader.php: ฉีดโค้ด JavaScript สแปมเข้าไปในหน้าเว็บ ✅ เว็บไซต์ถูกแฮกได้อย่างไร? - ใช้ปลั๊กอินหรือธีมที่มีช่องโหว่ - แฮกผ่านรหัสผ่านของแอดมินที่ไม่แข็งแกร่งพอ - เซิร์ฟเวอร์โฮสติ้งที่มีการรักษาความปลอดภัยต่ำ ✅ แนวทางป้องกันสำหรับผู้ดูแลเว็บไซต์ - สแกนหาไฟล์อันตรายใน mu-plugins directory - ตรวจสอบบัญชีแอดมินที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่ได้รับอนุญาต - อัปเดต WordPress, ปลั๊กอิน และธีมให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด - เปลี่ยนรหัสผ่านของแอดมินและเปิดใช้งาน 2FA (Two-Factor Authentication) - ติดตั้งปลั๊กอินความปลอดภัยเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของไฟล์ https://www.techradar.com/pro/security/a-popular-wordpress-plugin-has-been-hijacked-to-show-malicious-code-spam-images
    WWW.TECHRADAR.COM
    A key WordPress feature has been hijacked to show malicious code, spam images
    A directory hosting essential plugins is a great place to store malware
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพัฒนาสร้าง WattWise ซึ่งเป็น เครื่องมือโอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของ PC และเซิร์ฟเวอร์ ตามราคาค่าไฟ ระบบนี้ใช้ สมาร์ทปลั๊ก Kasa และปรับความเร็วซีพียู โดยอัตโนมัติ ตามช่วงเวลาที่ค่าไฟแพง นักพัฒนาวางแผนให้ WattWise รองรับสมาร์ทปลั๊กหลายแบรนด์และสามารถควบคุมพลังงานของจีพียูได้ด้วย

    ✅ WattWise ทำงานอย่างไร?
    - ใช้ สมาร์ทปลั๊ก Kasa และ Home Assistant เพื่อติดตามการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์
    - ใช้อัลกอริธึม Proportional-Integral (PI) Controller เพื่อปรับความเร็วซีพียูตาม โหลดของระบบและราคาพลังงาน
    - ตัวอย่างเช่น การลดความเร็ว AMD EPYC จาก 3.7 GHz เหลือ 1.5 GHz สามารถลดการใช้ไฟได้ 225 วัตต์

    ✅ การควบคุมการทำงานของซีพียูและจีพียูแบบอัตโนมัติ
    - แอปสามารถปรับลดความเร็วของ ซีพียูและจีพียู ตามช่วงเวลาที่ค่าไฟสูง
    - นักพัฒนาตั้งเป้าให้ รองรับสมาร์ทปลั๊กหลายตัวและแบรนด์อื่น ๆ นอกเหนือจาก Kasa ในอนาคต

    ✅ ลดต้นทุนค่าไฟสำหรับผู้ใช้เซิร์ฟเวอร์และ Workstation
    - ระบบ สามารถลดค่าไฟฟ้าสำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานสูง
    - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์และลดค่าใช้จ่าย

    ✅ โอเพ่นซอร์สภายใต้ MIT License—ทุกคนสามารถใช้ได้ฟรี
    - นักพัฒนาเปิดให้ดาวน์โหลดจาก GitHub และเปิดรับความคิดเห็นเพื่อพัฒนาเพิ่มเติม
    - ปัจจุบันยังมีเฉพาะ Dashboard UI และระบบปรับลดพลังงานกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา

    https://www.tomshardware.com/software/applications/open-source-tool-designed-to-throttle-pc-and-server-performance-based-on-electricity-pricing-lightweight-cli-can-automatically-limit-clocks-during-peak-hours
    นักพัฒนาสร้าง WattWise ซึ่งเป็น เครื่องมือโอเพ่นซอร์ส ที่ช่วยลดการใช้พลังงานของ PC และเซิร์ฟเวอร์ ตามราคาค่าไฟ ระบบนี้ใช้ สมาร์ทปลั๊ก Kasa และปรับความเร็วซีพียู โดยอัตโนมัติ ตามช่วงเวลาที่ค่าไฟแพง นักพัฒนาวางแผนให้ WattWise รองรับสมาร์ทปลั๊กหลายแบรนด์และสามารถควบคุมพลังงานของจีพียูได้ด้วย ✅ WattWise ทำงานอย่างไร? - ใช้ สมาร์ทปลั๊ก Kasa และ Home Assistant เพื่อติดตามการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์ - ใช้อัลกอริธึม Proportional-Integral (PI) Controller เพื่อปรับความเร็วซีพียูตาม โหลดของระบบและราคาพลังงาน - ตัวอย่างเช่น การลดความเร็ว AMD EPYC จาก 3.7 GHz เหลือ 1.5 GHz สามารถลดการใช้ไฟได้ 225 วัตต์ ✅ การควบคุมการทำงานของซีพียูและจีพียูแบบอัตโนมัติ - แอปสามารถปรับลดความเร็วของ ซีพียูและจีพียู ตามช่วงเวลาที่ค่าไฟสูง - นักพัฒนาตั้งเป้าให้ รองรับสมาร์ทปลั๊กหลายตัวและแบรนด์อื่น ๆ นอกเหนือจาก Kasa ในอนาคต ✅ ลดต้นทุนค่าไฟสำหรับผู้ใช้เซิร์ฟเวอร์และ Workstation - ระบบ สามารถลดค่าไฟฟ้าสำหรับเซิร์ฟเวอร์ขนาดใหญ่ที่ใช้พลังงานสูง - ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ควบคุมการใช้พลังงานแบบเรียลไทม์และลดค่าใช้จ่าย ✅ โอเพ่นซอร์สภายใต้ MIT License—ทุกคนสามารถใช้ได้ฟรี - นักพัฒนาเปิดให้ดาวน์โหลดจาก GitHub และเปิดรับความคิดเห็นเพื่อพัฒนาเพิ่มเติม - ปัจจุบันยังมีเฉพาะ Dashboard UI และระบบปรับลดพลังงานกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา https://www.tomshardware.com/software/applications/open-source-tool-designed-to-throttle-pc-and-server-performance-based-on-electricity-pricing-lightweight-cli-can-automatically-limit-clocks-during-peak-hours
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google กำลังผลักดันมาตรฐานความปลอดภัยใหม่สำหรับการเข้ารหัส HTTPS โดยมุ่งเน้นไปที่ TLS Certificates ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ต ล่าสุดได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ Multi-Perspective Issuance Corroboration (MPIC) และระบบตรวจสอบอัตโนมัติ Linting เพื่อป้องกัน การออกใบรับรองปลอมและจุดอ่อนในการเข้ารหัสข้อมูล

    ✅ MPIC: เพิ่มการตรวจสอบก่อนออกใบรับรอง
    - MPIC ช่วยให้ระบบตรวจสอบ ความถูกต้องของโดเมน ก่อนออก TLS Certificate
    - ลดความเสี่ยงที่แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ Domain Control Validation เพื่อขอใบรับรองปลอม

    ✅ Linting: ตรวจสอบความถูกต้องของใบรับรองก่อนใช้งาน
    - Linting ช่วยวิเคราะห์ X.509 Certificates เพื่อป้องกันปัญหาความเข้ากันไม่ได้
    - ตรวจจับ การเข้ารหัสที่ล้าสมัยและไม่ปลอดภัย เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์

    ✅ Google ได้รับการสนับสนุนจาก CA/Browser Forum
    - องค์กรที่กำหนดมาตรฐาน TLS Certificates ลงมติรับรอง MPIC และ Linting
    - Linting กลายเป็นมาตรฐานบังคับสำหรับใบรับรองที่ออกตั้งแต่ 15 มีนาคม 2025

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเว็บ
    - Certificate Authorities (CAs) ต้องปรับระบบให้รองรับ MPIC และ Linting
    - ระบบเข้ารหัสเว็บจะมีความ น่าเชื่อถือมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากใบรับรองปลอม

    https://www.techspot.com/news/107378-google-promotes-new-security-requirements-https-encryption-providers.html
    Google กำลังผลักดันมาตรฐานความปลอดภัยใหม่สำหรับการเข้ารหัส HTTPS โดยมุ่งเน้นไปที่ TLS Certificates ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยบนอินเทอร์เน็ต ล่าสุดได้เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ Multi-Perspective Issuance Corroboration (MPIC) และระบบตรวจสอบอัตโนมัติ Linting เพื่อป้องกัน การออกใบรับรองปลอมและจุดอ่อนในการเข้ารหัสข้อมูล ✅ MPIC: เพิ่มการตรวจสอบก่อนออกใบรับรอง - MPIC ช่วยให้ระบบตรวจสอบ ความถูกต้องของโดเมน ก่อนออก TLS Certificate - ลดความเสี่ยงที่แฮกเกอร์ใช้ช่องโหว่ Domain Control Validation เพื่อขอใบรับรองปลอม ✅ Linting: ตรวจสอบความถูกต้องของใบรับรองก่อนใช้งาน - Linting ช่วยวิเคราะห์ X.509 Certificates เพื่อป้องกันปัญหาความเข้ากันไม่ได้ - ตรวจจับ การเข้ารหัสที่ล้าสมัยและไม่ปลอดภัย เพื่อป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ ✅ Google ได้รับการสนับสนุนจาก CA/Browser Forum - องค์กรที่กำหนดมาตรฐาน TLS Certificates ลงมติรับรอง MPIC และ Linting - Linting กลายเป็นมาตรฐานบังคับสำหรับใบรับรองที่ออกตั้งแต่ 15 มีนาคม 2025 ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเว็บ - Certificate Authorities (CAs) ต้องปรับระบบให้รองรับ MPIC และ Linting - ระบบเข้ารหัสเว็บจะมีความ น่าเชื่อถือมากขึ้น และลดความเสี่ยงจากใบรับรองปลอม https://www.techspot.com/news/107378-google-promotes-new-security-requirements-https-encryption-providers.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google promotes new security requirements for HTTPS encryption providers
    Google recently announced two major initiatives aimed at enhancing web security, with the ultimate goal of making encryption and certificate management more reliable and resilient against cybercrime....
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft พยายามบล็อกการใช้ BYPASSNRO เพื่อบังคับให้ผู้ใช้ Windows 11 เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft แต่ผู้ใช้ค้นพบวิธีใหม่ที่ช่วยให้สามารถสร้างบัญชีแบบ Local ได้โดยใช้คำสั่ง WinJS-Microsoft-Account-Bypass ผ่าน Developer Console วิธีนี้สามารถใช้ได้ทุกเวอร์ชันของ Windows 11 และกำลังเป็นที่นิยมในชุมชนผู้ใช้

    == ขั้นตอนการตั้งค่าบัญชีแบบ Local โดยไม่ต้องใช้บัญชี Microsoft==
    1. เริ่มต้นกระบวนการติดตั้ง Windows 11
    - เปิดเครื่องด้วย USB หรือ ISO สำหรับการติดตั้ง Windows 11
    - เลือก ภูมิภาค (Region) และ รูปแบบแป้นพิมพ์ (Keyboard Layout)

    2. หยุดที่หน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout
    - เมื่อถึงหน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout อย่ากดข้าม (Skip)
    - หากคุณกดข้ามไปแล้วและอยู่ที่หน้าตั้งค่าเครือข่าย (Network Setup), ไม่ต้องกังวล คุณสามารถย้อนกลับมาได้ตามคำแนะนำในส่วนแก้ปัญหา

    3. เปิด Developer Console
    - กด Ctrl + Shift + J เพื่อเปิด Developer Console
    - หน้าจอจะมืดลงและปรากฏ Prompt (>) ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ

    4. ป้อนคำสั่งเพื่อรีสตาร์ทในโหมด Local Account
    - พิมพ์คำสั่งนี้ใน Developer Console:
    ==================================
    WinJS.Application.restart("ms-cxh://LOCALONLY")
    ==================================
    - หมายเหตุ: คำสั่งนี้ ต้องตรงตามตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก (Case-Sensitive)
    - คุณสามารถใช้ Tab-completion เพื่อช่วยพิมพ์คำสั่งให้ถูกต้อง

    5. ออกจาก Developer Console
    - กด Enter เพื่อเรียกใช้คำสั่ง
    - กด Escape เพื่อออกจาก Developer Console และกลับไปที่ OOBE

    6. ตั้งค่าบัญชี Local
    - หน้าจอ Secondary Keyboard Layout จะรีเฟรช
    - Windows จะปรากฏ หน้าตั้งค่าบัญชีแบบ Local ในสไตล์ Windows 10
    - ป้อน ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน, และ คำถามเพื่อความปลอดภัย
    - กด Next เพื่อดำเนินการต่อ

    7. เสร็จสิ้นการติดตั้ง
    - หลังจากตั้งค่าบัญชี Local หน้าจอจะมืดลง และ Windows 11 จะเข้าสู่ระบบของคุณ
    - รอให้ Windows ตั้งค่าผู้ใช้ไม่กี่วินาที
    - ดำเนินการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวตามปกติ

    https://www.neowin.net/news/forget-bypassnro-a-new-internetaccount-bypass-during-windows-11-installs-already-exists/
    Microsoft พยายามบล็อกการใช้ BYPASSNRO เพื่อบังคับให้ผู้ใช้ Windows 11 เชื่อมต่อกับบัญชี Microsoft แต่ผู้ใช้ค้นพบวิธีใหม่ที่ช่วยให้สามารถสร้างบัญชีแบบ Local ได้โดยใช้คำสั่ง WinJS-Microsoft-Account-Bypass ผ่าน Developer Console วิธีนี้สามารถใช้ได้ทุกเวอร์ชันของ Windows 11 และกำลังเป็นที่นิยมในชุมชนผู้ใช้ == ขั้นตอนการตั้งค่าบัญชีแบบ Local โดยไม่ต้องใช้บัญชี Microsoft== 1. เริ่มต้นกระบวนการติดตั้ง Windows 11 - เปิดเครื่องด้วย USB หรือ ISO สำหรับการติดตั้ง Windows 11 - เลือก ภูมิภาค (Region) และ รูปแบบแป้นพิมพ์ (Keyboard Layout) 2. หยุดที่หน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout - เมื่อถึงหน้าการตั้งค่า Secondary Keyboard Layout อย่ากดข้าม (Skip) - หากคุณกดข้ามไปแล้วและอยู่ที่หน้าตั้งค่าเครือข่าย (Network Setup), ไม่ต้องกังวล คุณสามารถย้อนกลับมาได้ตามคำแนะนำในส่วนแก้ปัญหา 3. เปิด Developer Console - กด Ctrl + Shift + J เพื่อเปิด Developer Console - หน้าจอจะมืดลงและปรากฏ Prompt (>) ที่มุมบนซ้ายของหน้าจอ 4. ป้อนคำสั่งเพื่อรีสตาร์ทในโหมด Local Account - พิมพ์คำสั่งนี้ใน Developer Console: ================================== WinJS.Application.restart("ms-cxh://LOCALONLY") ================================== - หมายเหตุ: คำสั่งนี้ ต้องตรงตามตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก (Case-Sensitive) - คุณสามารถใช้ Tab-completion เพื่อช่วยพิมพ์คำสั่งให้ถูกต้อง 5. ออกจาก Developer Console - กด Enter เพื่อเรียกใช้คำสั่ง - กด Escape เพื่อออกจาก Developer Console และกลับไปที่ OOBE 6. ตั้งค่าบัญชี Local - หน้าจอ Secondary Keyboard Layout จะรีเฟรช - Windows จะปรากฏ หน้าตั้งค่าบัญชีแบบ Local ในสไตล์ Windows 10 - ป้อน ชื่อผู้ใช้, รหัสผ่าน, และ คำถามเพื่อความปลอดภัย - กด Next เพื่อดำเนินการต่อ 7. เสร็จสิ้นการติดตั้ง - หลังจากตั้งค่าบัญชี Local หน้าจอจะมืดลง และ Windows 11 จะเข้าสู่ระบบของคุณ - รอให้ Windows ตั้งค่าผู้ใช้ไม่กี่วินาที - ดำเนินการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวตามปกติ https://www.neowin.net/news/forget-bypassnro-a-new-internetaccount-bypass-during-windows-11-installs-already-exists/
    WWW.NEOWIN.NET
    Forget BYPASSNRO, a new internet/account bypass during Windows 11 installs already exists
    While Microsoft is bloacking the popular BYPASSNRO method of bypassing the internet and MSA requirements, a new way to do so had already existed but flew under the radar.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้ว่า Redline และ Meta Stealer จะถูกปราบปราม แต่ตลาด Infostealer malware ยังคงเติบโต โดยขโมยข้อมูลไปกว่า 2.1 พันล้านรายการในปี 2024 มัลแวร์เหล่านี้มีต้นทุนต่ำและเข้าถึงง่าย ทำให้กลุ่มอาชญากรใช้โจมตีองค์กรอย่างต่อเนื่อง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการใช้ MFA, EDR และการฝึกอบรมพนักงานเพื่อลดความเสี่ยง

    ขนาดความเสียหายจาก Infostealers
    - ในปี 2024 มัลแวร์ประเภทนี้ขโมยข้อมูลไปกว่า 2.1 พันล้านรายการ คิดเป็น 75% ของข้อมูลที่ถูกขโมยทั้งหมด
    - สายพันธุ์ที่เป็นอันตรายเช่น RisePro, StealC และ Lumma มีผลต่ออุปกรณ์และเซิร์ฟเวอร์กว่า 23 ล้านเครื่อง

    การพัฒนาอย่างรวดเร็วของมัลแวร์
    - เมื่อ Google Chrome เพิ่มมาตรการป้องกัน cookie encryption ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว Lumma, Vidar และ Meduza สามารถอัปเดตโค้ดภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือ
    - กลุ่มแฮกเกอร์พัฒนามัลแวร์แบบต่อเนื่อง คล้ายกับทีมพัฒนาแอปพลิเคชัน

    ต้นทุนที่ต่ำและการเข้าถึงง่าย
    - Infostealers มีค่าใช้จ่ายเพียง $200 ต่อเดือน ทำให้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับอาชญากรไซเบอร์
    - มีมัลแวร์ 24 สายพันธุ์ จำหน่ายในตลาดมืด โดยสามารถซื้อขายผ่าน Telegram และแพลตฟอร์มอื่น ๆ

    Infostealers กับ Ransomware
    - มัลแวร์ประเภทนี้มักถูกใช้ร่วมกับ RATs (Remote Access Trojans) ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมระบบจากระยะไกล
    - กลุ่มแฮกเกอร์ Hellcat ใช้ Infostealer โจมตี Telefonica ในเดือนมกราคม โดยขโมยข้อมูลพนักงาน 24,000 คน และเอกสารภายใน 5,000 ชุด

    == แนวทางรับมือสำหรับองค์กร ==
    - ใช้ Multi-Factor Authentication (MFA) และ Least Privilege Access เพื่อป้องกันการบุกรุก
    - ใช้ Endpoint Detection and Response (EDR) และระบบ Anti-malware เพื่อตรวจจับและกักกันมัลแวร์
    - อัปเดตระบบและแพตช์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อปิดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์ใช้ในการเจาะระบบ
    - ฝึกอบรมพนักงานให้สามารถระบุ Phishing และ Malvertising เพื่อป้องกันการหลอกลวง

    https://www.csoonline.com/article/3951147/infostealer-malware-poses-potent-threat-despite-recent-takedowns.html
    แม้ว่า Redline และ Meta Stealer จะถูกปราบปราม แต่ตลาด Infostealer malware ยังคงเติบโต โดยขโมยข้อมูลไปกว่า 2.1 พันล้านรายการในปี 2024 มัลแวร์เหล่านี้มีต้นทุนต่ำและเข้าถึงง่าย ทำให้กลุ่มอาชญากรใช้โจมตีองค์กรอย่างต่อเนื่อง การป้องกันที่ดีที่สุดคือการใช้ MFA, EDR และการฝึกอบรมพนักงานเพื่อลดความเสี่ยง ขนาดความเสียหายจาก Infostealers - ในปี 2024 มัลแวร์ประเภทนี้ขโมยข้อมูลไปกว่า 2.1 พันล้านรายการ คิดเป็น 75% ของข้อมูลที่ถูกขโมยทั้งหมด - สายพันธุ์ที่เป็นอันตรายเช่น RisePro, StealC และ Lumma มีผลต่ออุปกรณ์และเซิร์ฟเวอร์กว่า 23 ล้านเครื่อง การพัฒนาอย่างรวดเร็วของมัลแวร์ - เมื่อ Google Chrome เพิ่มมาตรการป้องกัน cookie encryption ในเดือนกันยายนปีที่แล้ว Lumma, Vidar และ Meduza สามารถอัปเดตโค้ดภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อรับมือ - กลุ่มแฮกเกอร์พัฒนามัลแวร์แบบต่อเนื่อง คล้ายกับทีมพัฒนาแอปพลิเคชัน ต้นทุนที่ต่ำและการเข้าถึงง่าย - Infostealers มีค่าใช้จ่ายเพียง $200 ต่อเดือน ทำให้กลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับอาชญากรไซเบอร์ - มีมัลแวร์ 24 สายพันธุ์ จำหน่ายในตลาดมืด โดยสามารถซื้อขายผ่าน Telegram และแพลตฟอร์มอื่น ๆ Infostealers กับ Ransomware - มัลแวร์ประเภทนี้มักถูกใช้ร่วมกับ RATs (Remote Access Trojans) ซึ่งช่วยให้แฮกเกอร์สามารถควบคุมระบบจากระยะไกล - กลุ่มแฮกเกอร์ Hellcat ใช้ Infostealer โจมตี Telefonica ในเดือนมกราคม โดยขโมยข้อมูลพนักงาน 24,000 คน และเอกสารภายใน 5,000 ชุด == แนวทางรับมือสำหรับองค์กร == - ใช้ Multi-Factor Authentication (MFA) และ Least Privilege Access เพื่อป้องกันการบุกรุก - ใช้ Endpoint Detection and Response (EDR) และระบบ Anti-malware เพื่อตรวจจับและกักกันมัลแวร์ - อัปเดตระบบและแพตช์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อปิดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์ใช้ในการเจาะระบบ - ฝึกอบรมพนักงานให้สามารถระบุ Phishing และ Malvertising เพื่อป้องกันการหลอกลวง https://www.csoonline.com/article/3951147/infostealer-malware-poses-potent-threat-despite-recent-takedowns.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Infostealer malware poses potent threat despite recent takedowns
    Law enforcement action has failed to dent the impact of infostealer malware, a potent and growing threat to enterprise security.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • Null's Brawl is a private server version of Brawl Stars that allows players to access unlimited resources, unlock all brawlers instantly, and experiment with different game mechanics without restrictions. While it can be fun to explore all the features without grinding, it's important to remember that private servers are unofficial and may not always be safe. They can pose risks like malware, account bans, or lack of updates compared to the official game. If you're just looking to test brawlers or play casually, Nulls Brawl can be entertaining, but for a fair and competitive experience, sticking to the official version is recommended. Always be cautious when downloading third-party applications to protect your device and personal data. https://brawlnulls.net/
    Null's Brawl is a private server version of Brawl Stars that allows players to access unlimited resources, unlock all brawlers instantly, and experiment with different game mechanics without restrictions. While it can be fun to explore all the features without grinding, it's important to remember that private servers are unofficial and may not always be safe. They can pose risks like malware, account bans, or lack of updates compared to the official game. If you're just looking to test brawlers or play casually, Nulls Brawl can be entertaining, but for a fair and competitive experience, sticking to the official version is recommended. Always be cautious when downloading third-party applications to protect your device and personal data. https://brawlnulls.net/
    Nulls Brawl APK Download v60.420 Update April 2025
    Nulls Brawl is a privately hosted modified game of Brawl Stars, the publisher of the original game "Brawl Stars" is Supercell. The same developer who
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้อนรับฤดูร้อนนี้ ด้วยการมาดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ทานอาหารอร่อย ๆ นั่งชมวิว กันที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲 ⛱️

    𝐖𝐞𝐥𝐜𝐨𝐦𝐞 𝐬𝐮𝐦𝐦𝐞𝐫𝐭𝐢𝐦𝐞! 𝐋𝐞𝐭'𝐬 𝐞𝐧𝐣𝐨𝐲 𝐚 𝐜𝐨𝐨𝐥 𝐝𝐫𝐢𝐧𝐤 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐚𝐤𝐞 𝐢𝐧 𝐭𝐡𝐞 𝐯𝐢𝐞𝐰 𝐰𝐢𝐭𝐡 𝐮𝐬. - Ao Luek Ocean View 🌤

    เมนูแนะนำ:
    ☕ อเมริกาโน่มะพร้าว, คาราเมล มัคคิอาโต้, มัจฉะลาเต้
    🍹 บลูโอเชี่ยน สมูทตี้, คุกกี้แอนด์ครีมมิลค์เชค
    🍝 สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ
    🥞 ฮันนี่โทสต์ เค้กตามฤดูกาล

    📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น.
    • Call: 065-081-0581
    🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้
    ...................................
    #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylover
    ต้อนรับฤดูร้อนนี้ ด้วยการมาดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ ทานอาหารอร่อย ๆ นั่งชมวิว กันที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲 ⛱️ 𝐖𝐞𝐥𝐜𝐨𝐦𝐞 𝐬𝐮𝐦𝐦𝐞𝐫𝐭𝐢𝐦𝐞! 𝐋𝐞𝐭'𝐬 𝐞𝐧𝐣𝐨𝐲 𝐚 𝐜𝐨𝐨𝐥 𝐝𝐫𝐢𝐧𝐤 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐚𝐤𝐞 𝐢𝐧 𝐭𝐡𝐞 𝐯𝐢𝐞𝐰 𝐰𝐢𝐭𝐡 𝐮𝐬. - Ao Luek Ocean View 🌤 เมนูแนะนำ: ☕ อเมริกาโน่มะพร้าว, คาราเมล มัคคิอาโต้, มัจฉะลาเต้ 🍹 บลูโอเชี่ยน สมูทตี้, คุกกี้แอนด์ครีมมิลค์เชค 🍝 สปาเก็ตตี้ซอสมะเขือเทศ 🥞 ฮันนี่โทสต์ เค้กตามฤดูกาล 📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น. • Call: 065-081-0581 🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้ ................................... #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylover
    Yay
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 376 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เปลี่ยนโฉมระบบล็อกอิน เน้นการยืนยันตัวตนแบบไร้รหัสผ่าน

    Microsoft กำลังปรับเปลี่ยน ระบบล็อกอินใหม่ ให้มีความปลอดภัยและใช้งานง่ายขึ้น โดยเน้นการใช้ Passkeys แทนรหัสผ่านแบบเดิม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ ระบบใหม่นี้ถูกออกแบบด้วย Fluent 2 UI ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจขั้นตอนการยืนยันตัวตนได้ง่ายขึ้น และรองรับทั้งเวอร์ชันเว็บ, มือถือ และจะทยอยเปิดให้ใช้บน Windows ภายในปลายเดือนเมษายน

    Passkeys ปลอดภัยและเร็วขึ้น
    - Microsoft เน้นให้ผู้ใช้เลือกใช้ Passkeys ซึ่งปลอดภัยกว่ารหัสผ่านถึง 3 เท่า และช่วยให้การล็อกอินรวดเร็วขึ้น

    ออกแบบ UI ใหม่ ลดความซับซ้อน
    - Fluent 2 UI ถูกออกแบบให้ช่วยลด "ภาระทางความคิด" ของผู้ใช้ ทำให้การล็อกอินลื่นไหล ลดสิ่งรบกวน และจัดเรียงขั้นตอนใหม่ให้มีตรรกะมากขึ้น

    รองรับการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม
    - UI ใหม่สามารถปรับขนาดให้ใช้งานได้ดีทั้งบนหน้าจอ PC, มือถือ และ Xbox ซึ่งผู้ใช้กลุ่มนี้ได้ทดลองใช้ระบบใหม่แล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์

    Microsoft กับการผลักดันยุคไร้รหัสผ่าน
    - การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่หลายแห่งมุ่งไปสู่ อนาคตที่ไร้รหัสผ่าน เช่นเดียวกับ Apple และ Google

    https://www.techspot.com/news/107353-new-microsoft-login-screens-emphasize-passkeys-passwordless-authentication.html
    Microsoft เปลี่ยนโฉมระบบล็อกอิน เน้นการยืนยันตัวตนแบบไร้รหัสผ่าน Microsoft กำลังปรับเปลี่ยน ระบบล็อกอินใหม่ ให้มีความปลอดภัยและใช้งานง่ายขึ้น โดยเน้นการใช้ Passkeys แทนรหัสผ่านแบบเดิม ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาการรักษาความปลอดภัยออนไลน์ ระบบใหม่นี้ถูกออกแบบด้วย Fluent 2 UI ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจขั้นตอนการยืนยันตัวตนได้ง่ายขึ้น และรองรับทั้งเวอร์ชันเว็บ, มือถือ และจะทยอยเปิดให้ใช้บน Windows ภายในปลายเดือนเมษายน Passkeys ปลอดภัยและเร็วขึ้น - Microsoft เน้นให้ผู้ใช้เลือกใช้ Passkeys ซึ่งปลอดภัยกว่ารหัสผ่านถึง 3 เท่า และช่วยให้การล็อกอินรวดเร็วขึ้น ออกแบบ UI ใหม่ ลดความซับซ้อน - Fluent 2 UI ถูกออกแบบให้ช่วยลด "ภาระทางความคิด" ของผู้ใช้ ทำให้การล็อกอินลื่นไหล ลดสิ่งรบกวน และจัดเรียงขั้นตอนใหม่ให้มีตรรกะมากขึ้น รองรับการใช้งานข้ามแพลตฟอร์ม - UI ใหม่สามารถปรับขนาดให้ใช้งานได้ดีทั้งบนหน้าจอ PC, มือถือ และ Xbox ซึ่งผู้ใช้กลุ่มนี้ได้ทดลองใช้ระบบใหม่แล้วตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ Microsoft กับการผลักดันยุคไร้รหัสผ่าน - การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มที่บริษัทเทคโนโลยีใหญ่หลายแห่งมุ่งไปสู่ อนาคตที่ไร้รหัสผ่าน เช่นเดียวกับ Apple และ Google https://www.techspot.com/news/107353-new-microsoft-login-screens-emphasize-passkeys-passwordless-authentication.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    New Microsoft login screens emphasize passkeys and "passwordless" authentication
    Microsoft recently announced that it is rolling out a new authentication experience for over one billion consumers. The redesign focuses on more secure login screens with a...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 142 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts