• Amazon listed "The Last Equation of Elias Voltaire 📘" under Machine Theory.

    Maybe because it's not just a book. It's a system test.

    🧠 This isn’t fiction. It’s cognition in disguise.
    What if Amazon’s algorithm recognized the truth-function of a book—before humans did?

    The Last Equation of Elias Voltaire isn’t just categorized under Machine Theory. It’s redefining it.

    https://www.facebook.com/photo?fbid=10162656494888588
    https://www.amazon.com/dp/B0F1FH8LLG

    The Last Equation of Elias Voltaire

    Machine Theory novel

    AI consciousness fiction

    philosophical science fiction

    narrative epistemology

    cognitive frontier literature

    Elias Voltaire book

    books about AI and identity

    metaphysical sci-fi

    knowledge creation through story

    fiction for thinkers

    speculative fiction philosophy

    Amazon algorithm book placement

    best books about human and machine mind

    consciousness dissolution novel

    cognitive science in literature

    #TheLastEquation
    #EliasVoltaire
    #MachineTheoryFiction
    #PhilosophyThroughFiction
    #CognitiveFrontier
    #AIAndConsciousness
    #BooksThatThink
    #SpeculativeScience
    #NarrativeIntelligence
    #KnowledgeCreation
    #LogicThroughLanguage
    #EpistemologyInFiction
    #MetaphysicalSciFi
    #TransformativeLiterature
    #FictionBeyondGenres
    #FutureOfThinking
    #NotJustAFiction
    #WitnessTheEquation
    #LiteratureOfBecoming
    #BeyondClassification
    #HumanMachineParadox
    #UnknowableKnowing
    #ThinkingThroughStory
    #RewritingUnderstanding
    #FeelBeforeYouKnow
    Amazon listed "The Last Equation of Elias Voltaire 📘" under Machine Theory. Maybe because it's not just a book. It's a system test. 🧠 This isn’t fiction. It’s cognition in disguise. What if Amazon’s algorithm recognized the truth-function of a book—before humans did? The Last Equation of Elias Voltaire isn’t just categorized under Machine Theory. It’s redefining it. https://www.facebook.com/photo?fbid=10162656494888588 https://www.amazon.com/dp/B0F1FH8LLG The Last Equation of Elias Voltaire Machine Theory novel AI consciousness fiction philosophical science fiction narrative epistemology cognitive frontier literature Elias Voltaire book books about AI and identity metaphysical sci-fi knowledge creation through story fiction for thinkers speculative fiction philosophy Amazon algorithm book placement best books about human and machine mind consciousness dissolution novel cognitive science in literature #TheLastEquation #EliasVoltaire #MachineTheoryFiction #PhilosophyThroughFiction #CognitiveFrontier #AIAndConsciousness #BooksThatThink #SpeculativeScience #NarrativeIntelligence #KnowledgeCreation #LogicThroughLanguage #EpistemologyInFiction #MetaphysicalSciFi #TransformativeLiterature #FictionBeyondGenres #FutureOfThinking #NotJustAFiction #WitnessTheEquation #LiteratureOfBecoming #BeyondClassification #HumanMachineParadox #UnknowableKnowing #ThinkingThroughStory #RewritingUnderstanding #FeelBeforeYouKnow
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งเปิดเรือนจำอัลคาทราซอีกครั้งเพื่อใช้คุมขังผู้กระทำความผิดที่โหดเหี้ยมและรุนแรงที่สุดในอเมริกา

    “วันนี้ ผมกำลังสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม เอฟบีไอ และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เปิดเรือนจำอัลคาทราซที่ขยายใหญ่ขึ้นและสร้างขึ้นใหม่ เพื่อใช้คุมขังผู้กระทำความผิดที่โหดร้ายและรุนแรงที่สุดในอเมริกา”
    .

    เกี่ยวกับ "อัลคาทราซ"

    เรือนจำอัลคาทราซ เป็นอดีตเรือนจำซึ่งตั้งอยู่บนเกาะนอกชายฝั่งซานฟรานซิสโก ที่ปิดมานานกว่า 60 ปี โดยปิดตัวลงตั้งแต่ปี 2506 และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง

    ในปี 1962 นักโทษชายสามคนประสบผลสำเร็จในการหลบหนีออกจากเรือนจำ “อัลคาทราซ” (Alcatraz) สถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาที่สุดของสหรัฐ ประกอบไปด้วย แฟรงก์ มอร์ริส และสองพี่น้องตระกูลแอนกลิน

    เริ่มต้นนั้น "อัลคาทราซ" คือป้อมปืนของกองทัพเรือ ซึ่งใช้ป้องกันศัตรูไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาในน่านน้ำของอ่าวซานฟรานซิสโก

    ต่อมาในช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐ ถูกดัดแปลงใช้เป็นที่คุมขังนักโทษที่เป็นฝ่ายสมาพันธรัฐ เนื่องจากเป็นเกาะที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวและมีหน้าผาสูงชัน ทั้งยังมีกระแสน้ำเย็นยะเยือกที่ไหลเชี่ยวล้อมรอบ

    ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีการปรับปรุงป้อมปราการเก่าให้กลายเป็นเรือนจำทหาร และต่อมาในช่วงทศวรรษ 1930 ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามจัดการกับบรรดาแก๊งอาชญากรรมที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เพราะนโยบายห้ามผลิตและค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Prohibition) กระทรวงยุติธรรมได้เข้าควบคุมเรือนจำอัลคาทราซ และเริ่มโยกย้ายนักโทษตัวอันตรายที่อยู่ในระบบเรือนจำของรัฐบาลกลางมาที่นั่น ในจำนวนนี้มีอาชญากรชื่อดังอย่างเจ้าพ่ออัลคาโปน, มิกกี โคเฮน, จอร์จ เคลลี เจ้าของฉายา “ปืนกล”, และฆาตกรตัวฉกาจอย่างโรเบิร์ต สตราวด์ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันดีในฉายา “คนเลี้ยงนกแห่งอัลคาทราซ” (Birdman of Alcatraz)

    รายละเอียดเพิ่มเติม
    https://www.bbc.com/thai/articles/cv225351q59o

    ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งเปิดเรือนจำอัลคาทราซอีกครั้งเพื่อใช้คุมขังผู้กระทำความผิดที่โหดเหี้ยมและรุนแรงที่สุดในอเมริกา “วันนี้ ผมกำลังสั่งการให้กรมราชทัณฑ์ ร่วมกับกระทรวงยุติธรรม เอฟบีไอ และกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ เปิดเรือนจำอัลคาทราซที่ขยายใหญ่ขึ้นและสร้างขึ้นใหม่ เพื่อใช้คุมขังผู้กระทำความผิดที่โหดร้ายและรุนแรงที่สุดในอเมริกา” . เกี่ยวกับ "อัลคาทราซ" เรือนจำอัลคาทราซ เป็นอดีตเรือนจำซึ่งตั้งอยู่บนเกาะนอกชายฝั่งซานฟรานซิสโก ที่ปิดมานานกว่า 60 ปี โดยปิดตัวลงตั้งแต่ปี 2506 และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง ในปี 1962 นักโทษชายสามคนประสบผลสำเร็จในการหลบหนีออกจากเรือนจำ “อัลคาทราซ” (Alcatraz) สถานที่ที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาที่สุดของสหรัฐ ประกอบไปด้วย แฟรงก์ มอร์ริส และสองพี่น้องตระกูลแอนกลิน เริ่มต้นนั้น "อัลคาทราซ" คือป้อมปืนของกองทัพเรือ ซึ่งใช้ป้องกันศัตรูไม่ให้ล่วงล้ำเข้ามาในน่านน้ำของอ่าวซานฟรานซิสโก ต่อมาในช่วงสงครามกลางเมืองของสหรัฐ ถูกดัดแปลงใช้เป็นที่คุมขังนักโทษที่เป็นฝ่ายสมาพันธรัฐ เนื่องจากเป็นเกาะที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวและมีหน้าผาสูงชัน ทั้งยังมีกระแสน้ำเย็นยะเยือกที่ไหลเชี่ยวล้อมรอบ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 มีการปรับปรุงป้อมปราการเก่าให้กลายเป็นเรือนจำทหาร และต่อมาในช่วงทศวรรษ 1930 ขณะที่รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามจัดการกับบรรดาแก๊งอาชญากรรมที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เพราะนโยบายห้ามผลิตและค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (Prohibition) กระทรวงยุติธรรมได้เข้าควบคุมเรือนจำอัลคาทราซ และเริ่มโยกย้ายนักโทษตัวอันตรายที่อยู่ในระบบเรือนจำของรัฐบาลกลางมาที่นั่น ในจำนวนนี้มีอาชญากรชื่อดังอย่างเจ้าพ่ออัลคาโปน, มิกกี โคเฮน, จอร์จ เคลลี เจ้าของฉายา “ปืนกล”, และฆาตกรตัวฉกาจอย่างโรเบิร์ต สตราวด์ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันดีในฉายา “คนเลี้ยงนกแห่งอัลคาทราซ” (Birdman of Alcatraz) รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.bbc.com/thai/articles/cv225351q59o
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • Lenovo ได้เปิดตัว ThinkCentre neo Ultra 2025 ซึ่งเป็น มินิพีซีระดับเวิร์กสเตชัน ที่มาพร้อมกับ Intel Core Ultra 9 285 และ RTX 5060 Ti 16GB โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ AI, การเรนเดอร์ 3D และงานวิดีโอความละเอียดสูง

    ThinkCentre neo Ultra 2025 มีขนาดเพียง 3.6 ลิตร แต่สามารถให้ ประสิทธิภาพสูงถึง 825 TOPS และรองรับ โมเดล AI ขนาดใหญ่ถึง 14 พันล้านพารามิเตอร์ นอกจากนี้ Lenovo ยังได้รับรางวัล CES 2025 Best New Tech for Home and Workplace สำหรับผลิตภัณฑ์นี้

    ✅ ThinkCentre neo Ultra 2025 เป็นมินิพีซีระดับเวิร์กสเตชัน
    - ใช้ Intel Core Ultra 9 285 และ RTX 5060 Ti 16GB
    - รองรับ AI และงานเรนเดอร์ 3D

    ✅ ขนาดกะทัดรัดแต่ประสิทธิภาพสูง
    - มีขนาดเพียง 3.6 ลิตร
    - ให้ ประสิทธิภาพสูงถึง 825 TOPS

    ✅ รองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่
    - สามารถประมวลผล โมเดล AI ขนาด 14 พันล้านพารามิเตอร์
    - อาจมี NPU แยกต่างหาก สำหรับงาน AI

    ✅ ได้รับรางวัล CES 2025 Best New Tech
    - ได้รับการยอมรับว่าเป็น เทคโนโลยีใหม่ที่ดีที่สุดสำหรับบ้านและที่ทำงาน

    ✅ ราคาและการวางจำหน่าย
    - รุ่น Core Ultra 5 + RTX 5060 ราคา 14,999 RMB (~$2,056)
    - รุ่น Core Ultra 7 + RTX 5060 Ti ราคา 19,999 RMB (~$2,741)
    - ยังไม่มีข้อมูลราคาสำหรับ Core Ultra 9 + RTX 5060 Ti 16GB

    https://www.techradar.com/pro/lenovos-rival-to-apples-mac-studio-gets-one-of-intels-fastest-cpu-and-a-dedicated-geforce-rtx-5060-ti-gpu
    Lenovo ได้เปิดตัว ThinkCentre neo Ultra 2025 ซึ่งเป็น มินิพีซีระดับเวิร์กสเตชัน ที่มาพร้อมกับ Intel Core Ultra 9 285 และ RTX 5060 Ti 16GB โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ AI, การเรนเดอร์ 3D และงานวิดีโอความละเอียดสูง ThinkCentre neo Ultra 2025 มีขนาดเพียง 3.6 ลิตร แต่สามารถให้ ประสิทธิภาพสูงถึง 825 TOPS และรองรับ โมเดล AI ขนาดใหญ่ถึง 14 พันล้านพารามิเตอร์ นอกจากนี้ Lenovo ยังได้รับรางวัล CES 2025 Best New Tech for Home and Workplace สำหรับผลิตภัณฑ์นี้ ✅ ThinkCentre neo Ultra 2025 เป็นมินิพีซีระดับเวิร์กสเตชัน - ใช้ Intel Core Ultra 9 285 และ RTX 5060 Ti 16GB - รองรับ AI และงานเรนเดอร์ 3D ✅ ขนาดกะทัดรัดแต่ประสิทธิภาพสูง - มีขนาดเพียง 3.6 ลิตร - ให้ ประสิทธิภาพสูงถึง 825 TOPS ✅ รองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ - สามารถประมวลผล โมเดล AI ขนาด 14 พันล้านพารามิเตอร์ - อาจมี NPU แยกต่างหาก สำหรับงาน AI ✅ ได้รับรางวัล CES 2025 Best New Tech - ได้รับการยอมรับว่าเป็น เทคโนโลยีใหม่ที่ดีที่สุดสำหรับบ้านและที่ทำงาน ✅ ราคาและการวางจำหน่าย - รุ่น Core Ultra 5 + RTX 5060 ราคา 14,999 RMB (~$2,056) - รุ่น Core Ultra 7 + RTX 5060 Ti ราคา 19,999 RMB (~$2,741) - ยังไม่มีข้อมูลราคาสำหรับ Core Ultra 9 + RTX 5060 Ti 16GB https://www.techradar.com/pro/lenovos-rival-to-apples-mac-studio-gets-one-of-intels-fastest-cpu-and-a-dedicated-geforce-rtx-5060-ti-gpu
    WWW.TECHRADAR.COM
    Lenovo’s ThinkCentre neo Ultra just got supercharged - why this workstation could crush your $3,000 Mac
    ThinkCentre neo Ultra 2025 enjoys massive gains thanks to Intel’s new Core Ultra 9 285 CPU
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • JPMorganChase ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ SaaS (Software as a Service) โดยระบุว่า การเติบโตของ SaaS กำลังแซงหน้าการพัฒนาด้านความปลอดภัย และอาจทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญตกอยู่ในความเสี่ยง

    Patrick Opet ซึ่งเป็น CISO ของ JPMorganChase ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึก โดยเตือนว่า ผู้ให้บริการ SaaS มุ่งเน้นการพัฒนาฟีเจอร์อย่างรวดเร็วมากกว่าการสร้างสถาปัตยกรรมที่ปลอดภัย ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ใน ซัพพลายเชนซอฟต์แวร์

    ✅ การเติบโตของ SaaS กำลังแซงหน้าการพัฒนาด้านความปลอดภัย
    - ผู้ให้บริการ SaaS มุ่งเน้นการพัฒนาฟีเจอร์มากกว่าความปลอดภัย
    - ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ใน ซัพพลายเชนซอฟต์แวร์

    ✅ ปัญหาของการผสานรวม SaaS กับระบบองค์กร
    - SaaS บางตัวใช้ OAuth และ Authentication Tokens ซึ่งอาจถูกโจมตีได้
    - การผสานรวมโดยตรงกับ ระบบอีเมลและข้อมูลภายใน อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหล

    ✅ ผลกระทบต่อองค์กรที่พึ่งพา SaaS
    - หากผู้ให้บริการ SaaS รายใหญ่ถูกโจมตี อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง
    - ระบบการตรวจสอบสิทธิ์และการอนุญาต อาจถูกลดความซับซ้อนจนกลายเป็นช่องโหว่

    ✅ แนวทางแก้ไขที่แนะนำ
    - ปฏิเสธ โมเดลการผสานรวม SaaS ที่ไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ
    - พัฒนา มาตรฐานใหม่สำหรับการรักษาความปลอดภัยของ SaaS

    https://www.techradar.com/pro/security/largest-bank-in-the-world-issues-stark-security-warning-about-technology-that-billions-use-every-single-day
    JPMorganChase ซึ่งเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของ SaaS (Software as a Service) โดยระบุว่า การเติบโตของ SaaS กำลังแซงหน้าการพัฒนาด้านความปลอดภัย และอาจทำให้โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญตกอยู่ในความเสี่ยง Patrick Opet ซึ่งเป็น CISO ของ JPMorganChase ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึก โดยเตือนว่า ผู้ให้บริการ SaaS มุ่งเน้นการพัฒนาฟีเจอร์อย่างรวดเร็วมากกว่าการสร้างสถาปัตยกรรมที่ปลอดภัย ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ใน ซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ ✅ การเติบโตของ SaaS กำลังแซงหน้าการพัฒนาด้านความปลอดภัย - ผู้ให้บริการ SaaS มุ่งเน้นการพัฒนาฟีเจอร์มากกว่าความปลอดภัย - ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ใน ซัพพลายเชนซอฟต์แวร์ ✅ ปัญหาของการผสานรวม SaaS กับระบบองค์กร - SaaS บางตัวใช้ OAuth และ Authentication Tokens ซึ่งอาจถูกโจมตีได้ - การผสานรวมโดยตรงกับ ระบบอีเมลและข้อมูลภายใน อาจทำให้ข้อมูลรั่วไหล ✅ ผลกระทบต่อองค์กรที่พึ่งพา SaaS - หากผู้ให้บริการ SaaS รายใหญ่ถูกโจมตี อาจส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง - ระบบการตรวจสอบสิทธิ์และการอนุญาต อาจถูกลดความซับซ้อนจนกลายเป็นช่องโหว่ ✅ แนวทางแก้ไขที่แนะนำ - ปฏิเสธ โมเดลการผสานรวม SaaS ที่ไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ - พัฒนา มาตรฐานใหม่สำหรับการรักษาความปลอดภัยของ SaaS https://www.techradar.com/pro/security/largest-bank-in-the-world-issues-stark-security-warning-about-technology-that-billions-use-every-single-day
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • 9 Skillful Ways To Answer: “What Are You Doing With Your Future?”

    “What do you plan to do with your life?” It’s one of those big, intimidating questions that people tend to ask all the time when they find out you’re graduating high school or college. One minute you’re eating a piece of graduation cake and enjoying the relief of having no homework, and then suddenly all of your relatives are staring at you, waiting for you to walk them point-by-point through a map of the next five years.

    When you’re in this situation, it might be tempting to scream and run away as soon as they ask the question. Unfortunately, that kind of behavior is generally frowned upon. But there are ways to answer the question that take some of the pressure off of you, make the situation less awkward, and help you navigate the conversation with ease. Here are nine different approaches you can take when someone asks what you’re doing with your future.

    1. Shorten the time frame.
    You may not have your long-term future mapped out (you aren’t alone!), but you might have plans coming up this summer or even just for the next semester. Talk about those more immediate plans instead. When people ask what you’re up to after graduation, they generally just want to know what the next step is. It’s totally okay to limit your answer to the next few months. Try an answer like:

    - I’m going camping with some friends this summer before I start my job search.
    - I’m finishing up my prerequisites at the community college while I decide on a university.

    2. Talk about your passions.
    You don’t have to focus solely on accomplishments, job offers, or acceptance letters when someone asks about the future. Instead, talk about what you’re passionate about and the kinds of work or study you’d like to do in the following years. Try a phrase like:

    - I’m really interested in [subject], so I’m considering options related to that.
    - I know someone who works in [career field], and I really want to learn more about it.

    3. Share the one thing you’re most excited about.
    If you got an exciting new job or acceptance into a dream school, that’s a great thing to share. If you’re still working towards your big goals, talk about something coming up on the horizon of your life that makes you really excited. Maybe it’s a trip you’re taking, a summer internship, tours of different schools, or even some interviews with various companies that you’re really interested in. Allow others to share in the excitement!

    4. Ask for advice.
    Graduation is the start of a new chapter in life, and everyone who’s gone through that transition had to make important decisions about the future. When someone asks about your future, try asking them how they handled some of those big decisions. People love to talk about their own lives and offer advice. They might even have good suggestions on different steps to take that you hadn’t thought about yet. Say:

    - I’m still deciding on my next step. What did you do when you were my age?
    - I have two options I’m really excited about. Which one would you pick?

    5. Use humor.
    Let’s be honest: this is a tricky question to answer, and it can make you feel like you’re being put on the spot. If it makes you more comfortable, lighten the mood by injecting some humor into the conversation. Humor can be a great way to deflect when you feel like someone is judging your responses, and it’s also an easy way to change the subject if you’d rather avoid the topic entirely. Try something like:

    - Well, my first commitment is catching up on all the TV shows I missed this semester. What about you?
    - You mean to tell me there’s more work after graduation?

    6. Focus on mental health.
    It’s normal to need some breathing room between big life changes, especially when a part of your academic life took place during a pandemic! If you’re taking some time off, using the next few months to relax and regroup, or just taking your time while you consider different options, it’s OK to say that. It can be as simple as:

    - Finishing school took a lot of work, so I’m taking some time to consider my next steps.
    - I’m taking some time off to reset, so I’m fresh for my next opportunities.

    7. Turn the question around.
    If being asked about your future feels like an interrogation, invite the other person to share their future plans as well. Making the question more conversational can help ease any tension you might feel or even change the subject if that’s what you’re aiming for. When there’s more of a back-and-forth happening, it won’t feel so much like you’re sitting in the hot seat. You could say:

    - I have a few trips lined up and then I’m thinking about doing [x]. What do you have coming up this year?
    - I’m thinking about [X], but haven’t decided. What have you been up to?

    8. Talk about the big picture.
    You may not know exactly what you want to do next, but you likely have some ideas about what you want your life to look like in the future. Go big! Talk about your overarching goals and what really makes you tick. You’re working towards something, even if you don’t know every single step along the path yet. You might say something like:

    - I’d like to work towards a career in publishing.
    - I want to open my own business one day, so I’m hoping to major in business management or economics.
    - I’m really focused on trying new things and honing in on the right career for myself.

    9. Challenge expectations.
    When people ask you about the future, they’re often expecting you to brag about a new job or school you’ll be attending, but jobs and school aren’t the only things you’re allowed to be proud of. Maybe you’re prioritizing volunteer opportunities, personal enrichment, time with family and friends, or even just the freedom of having finally graduated. You get to decide what to focus on when you answer this question, even if it doesn’t follow the typical script. Take advantage of that and steer the conversation towards what makes you tick.

    - School kept me so busy that I’m really looking forward to spending time with my friends and family over the next few months.
    - I’m planning on grad school later on, but in the meantime I’m spending a lot of time volunteering with [organization].
    - I haven’t made a final decision about work yet, but I’m really excited to figure out what’s next.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    9 Skillful Ways To Answer: “What Are You Doing With Your Future?” “What do you plan to do with your life?” It’s one of those big, intimidating questions that people tend to ask all the time when they find out you’re graduating high school or college. One minute you’re eating a piece of graduation cake and enjoying the relief of having no homework, and then suddenly all of your relatives are staring at you, waiting for you to walk them point-by-point through a map of the next five years. When you’re in this situation, it might be tempting to scream and run away as soon as they ask the question. Unfortunately, that kind of behavior is generally frowned upon. But there are ways to answer the question that take some of the pressure off of you, make the situation less awkward, and help you navigate the conversation with ease. Here are nine different approaches you can take when someone asks what you’re doing with your future. 1. Shorten the time frame. You may not have your long-term future mapped out (you aren’t alone!), but you might have plans coming up this summer or even just for the next semester. Talk about those more immediate plans instead. When people ask what you’re up to after graduation, they generally just want to know what the next step is. It’s totally okay to limit your answer to the next few months. Try an answer like: - I’m going camping with some friends this summer before I start my job search. - I’m finishing up my prerequisites at the community college while I decide on a university. 2. Talk about your passions. You don’t have to focus solely on accomplishments, job offers, or acceptance letters when someone asks about the future. Instead, talk about what you’re passionate about and the kinds of work or study you’d like to do in the following years. Try a phrase like: - I’m really interested in [subject], so I’m considering options related to that. - I know someone who works in [career field], and I really want to learn more about it. 3. Share the one thing you’re most excited about. If you got an exciting new job or acceptance into a dream school, that’s a great thing to share. If you’re still working towards your big goals, talk about something coming up on the horizon of your life that makes you really excited. Maybe it’s a trip you’re taking, a summer internship, tours of different schools, or even some interviews with various companies that you’re really interested in. Allow others to share in the excitement! 4. Ask for advice. Graduation is the start of a new chapter in life, and everyone who’s gone through that transition had to make important decisions about the future. When someone asks about your future, try asking them how they handled some of those big decisions. People love to talk about their own lives and offer advice. They might even have good suggestions on different steps to take that you hadn’t thought about yet. Say: - I’m still deciding on my next step. What did you do when you were my age? - I have two options I’m really excited about. Which one would you pick? 5. Use humor. Let’s be honest: this is a tricky question to answer, and it can make you feel like you’re being put on the spot. If it makes you more comfortable, lighten the mood by injecting some humor into the conversation. Humor can be a great way to deflect when you feel like someone is judging your responses, and it’s also an easy way to change the subject if you’d rather avoid the topic entirely. Try something like: - Well, my first commitment is catching up on all the TV shows I missed this semester. What about you? - You mean to tell me there’s more work after graduation? 6. Focus on mental health. It’s normal to need some breathing room between big life changes, especially when a part of your academic life took place during a pandemic! If you’re taking some time off, using the next few months to relax and regroup, or just taking your time while you consider different options, it’s OK to say that. It can be as simple as: - Finishing school took a lot of work, so I’m taking some time to consider my next steps. - I’m taking some time off to reset, so I’m fresh for my next opportunities. 7. Turn the question around. If being asked about your future feels like an interrogation, invite the other person to share their future plans as well. Making the question more conversational can help ease any tension you might feel or even change the subject if that’s what you’re aiming for. When there’s more of a back-and-forth happening, it won’t feel so much like you’re sitting in the hot seat. You could say: - I have a few trips lined up and then I’m thinking about doing [x]. What do you have coming up this year? - I’m thinking about [X], but haven’t decided. What have you been up to? 8. Talk about the big picture. You may not know exactly what you want to do next, but you likely have some ideas about what you want your life to look like in the future. Go big! Talk about your overarching goals and what really makes you tick. You’re working towards something, even if you don’t know every single step along the path yet. You might say something like: - I’d like to work towards a career in publishing. - I want to open my own business one day, so I’m hoping to major in business management or economics. - I’m really focused on trying new things and honing in on the right career for myself. 9. Challenge expectations. When people ask you about the future, they’re often expecting you to brag about a new job or school you’ll be attending, but jobs and school aren’t the only things you’re allowed to be proud of. Maybe you’re prioritizing volunteer opportunities, personal enrichment, time with family and friends, or even just the freedom of having finally graduated. You get to decide what to focus on when you answer this question, even if it doesn’t follow the typical script. Take advantage of that and steer the conversation towards what makes you tick. - School kept me so busy that I’m really looking forward to spending time with my friends and family over the next few months. - I’m planning on grad school later on, but in the meantime I’m spending a lot of time volunteering with [organization]. - I haven’t made a final decision about work yet, but I’m really excited to figure out what’s next. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 92 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีไอนด์โฮเวน (TU/e) ได้สร้างสถิติใหม่ในการส่งข้อมูลไร้สายผ่าน แสงอินฟราเรด ด้วยความเร็ว 5.7 เทราบิตต่อวินาที ซึ่งเทียบเท่ากับการสตรีม Netflix HD พร้อมกัน 1.9 ล้านรายการ

    เทคโนโลยีนี้ใช้ เสาอากาศออปติคขั้นสูงจาก Aircision ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนา การสื่อสารด้วยแสงในอากาศ (Free-Space Optical Communication - FSO) ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้โดยไม่มีสัญญาณรบกวน

    ✅ นักวิจัยส่งข้อมูลไร้สายด้วยความเร็ว 5.7 เทราบิตต่อวินาที
    - เทียบเท่ากับการสตรีม Netflix HD พร้อมกัน 1.9 ล้านรายการ
    - ใช้ แสงอินฟราเรดแทนสายเคเบิลหรือคลื่นวิทยุ

    ✅ เทคโนโลยี Free-Space Optical Communication (FSO)
    - ใช้ เสาอากาศออปติคขั้นสูงจาก Aircision
    - ส่งข้อมูลผ่าน ลำแสงอินฟราเรดที่มองไม่เห็น

    ✅ ข้อดีของเทคโนโลยีนี้
    - ไม่มี สัญญาณรบกวนจากคลื่นวิทยุ
    - สามารถเพิ่ม จำนวนช่องสัญญาณได้ไม่จำกัด

    ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต
    - อาจถูกนำไปใช้ใน เครือข่าย 5G และ 6G
    - สามารถช่วย เชื่อมต่อพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน

    https://www.techradar.com/pro/wi-fi-more-like-wow-fi-researchers-transmit-almost-2-million-netflix-hd-streams-simultaneously-using-a-single-beam-of-infrared-light
    นักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีไอนด์โฮเวน (TU/e) ได้สร้างสถิติใหม่ในการส่งข้อมูลไร้สายผ่าน แสงอินฟราเรด ด้วยความเร็ว 5.7 เทราบิตต่อวินาที ซึ่งเทียบเท่ากับการสตรีม Netflix HD พร้อมกัน 1.9 ล้านรายการ เทคโนโลยีนี้ใช้ เสาอากาศออปติคขั้นสูงจาก Aircision ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพที่พัฒนา การสื่อสารด้วยแสงในอากาศ (Free-Space Optical Communication - FSO) ทำให้สามารถส่งข้อมูลได้โดยไม่มีสัญญาณรบกวน ✅ นักวิจัยส่งข้อมูลไร้สายด้วยความเร็ว 5.7 เทราบิตต่อวินาที - เทียบเท่ากับการสตรีม Netflix HD พร้อมกัน 1.9 ล้านรายการ - ใช้ แสงอินฟราเรดแทนสายเคเบิลหรือคลื่นวิทยุ ✅ เทคโนโลยี Free-Space Optical Communication (FSO) - ใช้ เสาอากาศออปติคขั้นสูงจาก Aircision - ส่งข้อมูลผ่าน ลำแสงอินฟราเรดที่มองไม่เห็น ✅ ข้อดีของเทคโนโลยีนี้ - ไม่มี สัญญาณรบกวนจากคลื่นวิทยุ - สามารถเพิ่ม จำนวนช่องสัญญาณได้ไม่จำกัด ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต - อาจถูกนำไปใช้ใน เครือข่าย 5G และ 6G - สามารถช่วย เชื่อมต่อพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีโครงสร้างพื้นฐาน https://www.techradar.com/pro/wi-fi-more-like-wow-fi-researchers-transmit-almost-2-million-netflix-hd-streams-simultaneously-using-a-single-beam-of-infrared-light
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ได้ประกาศว่าจะ ยกเลิกฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านในแอป Authenticator ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายเพื่อ ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใช้ Microsoft Edge ซึ่งมีระบบจัดการรหัสผ่านที่ครอบคลุมมากกว่า

    การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้ ผู้ใช้ไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านใหม่ใน Authenticator ได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน และในเดือนกรกฎาคม แอปจะหยุดการเติมข้อมูลอัตโนมัติในเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน รวมถึง ลบข้อมูลการชำระเงินทั้งหมด สุดท้ายในเดือนสิงหาคม รหัสผ่านที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะถูกลบออกจากแอป

    Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้การจัดการรหัสผ่านง่ายขึ้น โดยแนะนำให้ผู้ใช้ ย้ายข้อมูลไปยัง Microsoft Edge หรือใช้ตัวจัดการรหัสผ่านอื่น ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2025

    =========================================

    🔍 วิธีการย้ายข้อมูลรหัสผ่านจาก Microsoft Authenticator
    ✅ ใช้ฟีเจอร์ Export ใน Microsoft Authenticator
    - เปิดแอป Microsoft Authenticator
    - ไปที่ Settings และเลือก Export Verified IDs
    - กด Export Now เพื่อบันทึกข้อมูล

    ✅ นำเข้าข้อมูลไปยังตัวจัดการรหัสผ่านอื่น
    - สามารถนำเข้าข้อมูลไปยัง Microsoft Edge หรือแอปจัดการรหัสผ่านอื่น
    - หากใช้ Google Chrome สามารถนำเข้าไฟล์ CSV ได้โดยตรง

    ✅ ตรวจสอบข้อมูลหลังการย้าย
    - ตรวจสอบว่ารหัสผ่านทั้งหมดถูกย้ายไปยังตัวจัดการรหัสผ่านใหม่เรียบร้อย
    - ลบข้อมูลจาก Microsoft Authenticator หลังจากย้ายเสร็จ

    =========================================

    ✅ Microsoft จะยกเลิกฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านใน Authenticator
    - ตั้งแต่ มิถุนายน 2025 จะไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านใหม่ได้
    - ตั้งแต่ กรกฎาคม 2025 แอปจะหยุดการเติมข้อมูลอัตโนมัติ
    - ตั้งแต่ สิงหาคม 2025 รหัสผ่านที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะถูกลบ

    ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง
    - Microsoft ต้องการ ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใช้ Edge
    - Edge มี ระบบจัดการรหัสผ่านที่ครอบคลุมมากกว่า

    ✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ
    - สามารถ ย้ายข้อมูลไปยัง Microsoft Edge
    - หรือ ใช้ตัวจัดการรหัสผ่านอื่น ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2025

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้
    - ผู้ใช้ที่พึ่งพา Authenticator ในการจัดการรหัสผ่านต้อง หาทางเลือกใหม่
    - อาจต้อง เรียนรู้การใช้ Edge หรือแอปจัดการรหัสผ่านอื่น

    https://www.neowin.net/news/microsoft-is-killing-its-password-manager-in-authenticator-to-make-everyone-use-edge/
    Microsoft ได้ประกาศว่าจะ ยกเลิกฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านในแอป Authenticator ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 เป็นต้นไป โดยมีเป้าหมายเพื่อ ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใช้ Microsoft Edge ซึ่งมีระบบจัดการรหัสผ่านที่ครอบคลุมมากกว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลให้ ผู้ใช้ไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านใหม่ใน Authenticator ได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน และในเดือนกรกฎาคม แอปจะหยุดการเติมข้อมูลอัตโนมัติในเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน รวมถึง ลบข้อมูลการชำระเงินทั้งหมด สุดท้ายในเดือนสิงหาคม รหัสผ่านที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะถูกลบออกจากแอป Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้การจัดการรหัสผ่านง่ายขึ้น โดยแนะนำให้ผู้ใช้ ย้ายข้อมูลไปยัง Microsoft Edge หรือใช้ตัวจัดการรหัสผ่านอื่น ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ========================================= 🔍 วิธีการย้ายข้อมูลรหัสผ่านจาก Microsoft Authenticator ✅ ใช้ฟีเจอร์ Export ใน Microsoft Authenticator - เปิดแอป Microsoft Authenticator - ไปที่ Settings และเลือก Export Verified IDs - กด Export Now เพื่อบันทึกข้อมูล ✅ นำเข้าข้อมูลไปยังตัวจัดการรหัสผ่านอื่น - สามารถนำเข้าข้อมูลไปยัง Microsoft Edge หรือแอปจัดการรหัสผ่านอื่น - หากใช้ Google Chrome สามารถนำเข้าไฟล์ CSV ได้โดยตรง ✅ ตรวจสอบข้อมูลหลังการย้าย - ตรวจสอบว่ารหัสผ่านทั้งหมดถูกย้ายไปยังตัวจัดการรหัสผ่านใหม่เรียบร้อย - ลบข้อมูลจาก Microsoft Authenticator หลังจากย้ายเสร็จ ========================================= ✅ Microsoft จะยกเลิกฟีเจอร์จัดการรหัสผ่านใน Authenticator - ตั้งแต่ มิถุนายน 2025 จะไม่สามารถบันทึกรหัสผ่านใหม่ได้ - ตั้งแต่ กรกฎาคม 2025 แอปจะหยุดการเติมข้อมูลอัตโนมัติ - ตั้งแต่ สิงหาคม 2025 รหัสผ่านที่บันทึกไว้ทั้งหมดจะถูกลบ ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง - Microsoft ต้องการ ผลักดันให้ผู้ใช้หันมาใช้ Edge - Edge มี ระบบจัดการรหัสผ่านที่ครอบคลุมมากกว่า ✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ - สามารถ ย้ายข้อมูลไปยัง Microsoft Edge - หรือ ใช้ตัวจัดการรหัสผ่านอื่น ก่อนวันที่ 1 สิงหาคม 2025 ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ - ผู้ใช้ที่พึ่งพา Authenticator ในการจัดการรหัสผ่านต้อง หาทางเลือกใหม่ - อาจต้อง เรียนรู้การใช้ Edge หรือแอปจัดการรหัสผ่านอื่น https://www.neowin.net/news/microsoft-is-killing-its-password-manager-in-authenticator-to-make-everyone-use-edge/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft is killing its password manager in Authenticator to make everyone use Edge
    Microsoft is changing how its Authenticator app works, and you are not going to like it if you use it to store and autofill passwords.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging Choawalit Chotwattanaphong หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ Choawalit Chotwattanaphong https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging [1] หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ [1] https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 165 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร้านเปิดให้บริการทุกวัน มาทานอาหารและเค้กอร่อยๆ ที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲 ⛱️ กันนะคะ

    𝐂𝐚𝐤𝐞, 𝐜𝐨𝐟𝐟𝐞𝐞, 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐩𝐞𝐫𝐟𝐞𝐜𝐭 𝐬𝐮𝐧𝐬𝐞𝐭 𝐯𝐢𝐞𝐰—𝐲𝐨𝐮𝐫 𝐫𝐞𝐜𝐢𝐩𝐞 𝐟𝐨𝐫 𝐩𝐮𝐫𝐞 𝐛𝐥𝐢𝐬𝐬. 🍰☕

    📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น.
    • Call: 065-081-0581
    🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้
    ...................................
    #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylover #sky
    ร้านเปิดให้บริการทุกวัน มาทานอาหารและเค้กอร่อยๆ ที่ 𝐀𝐨 𝐋𝐮𝐞𝐤 𝐎𝐜𝐞𝐚𝐧 𝐕𝐢𝐞𝐰 𝐂𝐚𝐟𝐞' & 𝐄𝐚𝐭𝐞𝐫𝐲 ⛱️ กันนะคะ 𝐂𝐚𝐤𝐞, 𝐜𝐨𝐟𝐟𝐞𝐞, 𝐚𝐧𝐝 𝐭𝐡𝐞 𝐩𝐞𝐫𝐟𝐞𝐜𝐭 𝐬𝐮𝐧𝐬𝐞𝐭 𝐯𝐢𝐞𝐰—𝐲𝐨𝐮𝐫 𝐫𝐞𝐜𝐢𝐩𝐞 𝐟𝐨𝐫 𝐩𝐮𝐫𝐞 𝐛𝐥𝐢𝐬𝐬. 🍰☕ 📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น. • Call: 065-081-0581 🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้ ................................... #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylover #sky
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปิดช่องโหว่! สวมสิทธิ ‘ไทย’ ส่งของไปขาย ‘สหรัฐ’ : [Biz Talk]

    สกัด ‘สินค้าสวมสิทธิ’ หนึ่งในแผนเจรจาไทย-สหรัฐ เพราะส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดเกินดุลการค้าของไทยกับสหรัฐ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มาจากการส่งออกสินค้า ที่สวมสิทธิใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O:Certificate of Origin ) จากไทย ส่งไปขายสหรัฐ โดยเฉพาะสินค้าจีน /รัฐบาล หวังพลิกวิกฤติเป็นโอกาส แก้สวมสิทธิสินค้าไทย+นอมินี
    ปิดช่องโหว่! สวมสิทธิ ‘ไทย’ ส่งของไปขาย ‘สหรัฐ’ : [Biz Talk] สกัด ‘สินค้าสวมสิทธิ’ หนึ่งในแผนเจรจาไทย-สหรัฐ เพราะส่วนหนึ่งที่ทำให้ยอดเกินดุลการค้าของไทยกับสหรัฐ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มาจากการส่งออกสินค้า ที่สวมสิทธิใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า (C/O:Certificate of Origin ) จากไทย ส่งไปขายสหรัฐ โดยเฉพาะสินค้าจีน /รัฐบาล หวังพลิกวิกฤติเป็นโอกาส แก้สวมสิทธิสินค้าไทย+นอมินี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • Microsoft ได้เปลี่ยนระบบการยืนยันตัวตนสำหรับบัญชีใหม่ โดยใช้ Passkeys เป็นค่าเริ่มต้น แทนรหัสผ่าน ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ เนื่องจาก Passkeys ไม่สามารถถูกขโมยผ่านฟิชชิ่งหรือคีย์ล็อกเกอร์ได้

    เมื่อผู้ใช้สร้างบัญชี Microsoft ใหม่ ระบบจะขอ อีเมลเพื่อส่งรหัสยืนยัน และหลังจากลงทะเบียนแล้ว ผู้ใช้จะถูกขอให้ เพิ่ม Passkey ซึ่งสามารถใช้ Windows Hello หรือระบบไบโอเมตริกของอุปกรณ์ เพื่อเข้าถึงบัญชี

    Microsoft มีเป้าหมายที่จะ กำจัดรหัสผ่านออกจากระบบทั้งหมด โดยปรับปรุงประสบการณ์การเข้าสู่ระบบให้ ตรวจจับวิธีการยืนยันตัวตนที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดการใช้รหัสผ่านลง 20% และคาดว่าจะลดลงเรื่อย ๆ จนกว่ารหัสผ่านจะถูกยกเลิกอย่างสมบูรณ์

    ✅ Passkeys เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับบัญชีใหม่
    - ลดความเสี่ยงจาก ฟิชชิ่ง, คีย์ล็อกเกอร์ และ SIM swapping
    - ใช้ Windows Hello หรือไบโอเมตริกของอุปกรณ์ เพื่อเข้าถึงบัญชี

    ✅ กระบวนการลงทะเบียนบัญชีใหม่
    - ผู้ใช้ต้อง ยืนยันตัวตนผ่านอีเมล
    - หลังจากลงทะเบียนแล้ว ต้องเพิ่ม Passkey

    ✅ เป้าหมายของ Microsoft
    - ต้องการ กำจัดรหัสผ่านออกจากระบบทั้งหมด
    - ปรับปรุงระบบให้ ตรวจจับวิธีการยืนยันตัวตนที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ

    ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้
    - ลดการใช้รหัสผ่านลง 20%
    - ป้องกันการเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/microsoft-makes-passkeys-the-default-authentication-method-for-all-new-accounts
    Microsoft ได้เปลี่ยนระบบการยืนยันตัวตนสำหรับบัญชีใหม่ โดยใช้ Passkeys เป็นค่าเริ่มต้น แทนรหัสผ่าน ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ เนื่องจาก Passkeys ไม่สามารถถูกขโมยผ่านฟิชชิ่งหรือคีย์ล็อกเกอร์ได้ เมื่อผู้ใช้สร้างบัญชี Microsoft ใหม่ ระบบจะขอ อีเมลเพื่อส่งรหัสยืนยัน และหลังจากลงทะเบียนแล้ว ผู้ใช้จะถูกขอให้ เพิ่ม Passkey ซึ่งสามารถใช้ Windows Hello หรือระบบไบโอเมตริกของอุปกรณ์ เพื่อเข้าถึงบัญชี Microsoft มีเป้าหมายที่จะ กำจัดรหัสผ่านออกจากระบบทั้งหมด โดยปรับปรุงประสบการณ์การเข้าสู่ระบบให้ ตรวจจับวิธีการยืนยันตัวตนที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดการใช้รหัสผ่านลง 20% และคาดว่าจะลดลงเรื่อย ๆ จนกว่ารหัสผ่านจะถูกยกเลิกอย่างสมบูรณ์ ✅ Passkeys เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับบัญชีใหม่ - ลดความเสี่ยงจาก ฟิชชิ่ง, คีย์ล็อกเกอร์ และ SIM swapping - ใช้ Windows Hello หรือไบโอเมตริกของอุปกรณ์ เพื่อเข้าถึงบัญชี ✅ กระบวนการลงทะเบียนบัญชีใหม่ - ผู้ใช้ต้อง ยืนยันตัวตนผ่านอีเมล - หลังจากลงทะเบียนแล้ว ต้องเพิ่ม Passkey ✅ เป้าหมายของ Microsoft - ต้องการ กำจัดรหัสผ่านออกจากระบบทั้งหมด - ปรับปรุงระบบให้ ตรวจจับวิธีการยืนยันตัวตนที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ - ลดการใช้รหัสผ่านลง 20% - ป้องกันการเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/microsoft-makes-passkeys-the-default-authentication-method-for-all-new-accounts
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Drive ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Gemini side panel ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกไฟล์ที่ต้องการให้ Gemini ใช้ในการตอบคำถามได้โดยตรง

    ก่อนหน้านี้ Gemini สามารถสรุปเนื้อหาทั้งโฟลเดอร์หรือหลายเอกสารพร้อมกัน แต่ฟีเจอร์ใหม่นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลที่ AI ใช้ได้มากขึ้น โดยสามารถ เลือกไฟล์ผ่านปุ่ม "Add sources" หรือลากไฟล์เข้าไปในแผงด้านข้าง

    ฟีเจอร์นี้เริ่มเปิดให้ใช้งานตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2025 สำหรับ Rapid Release domains และจะเริ่มเปิดตัวสำหรับ Scheduled Release domains ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2025 โดยอาจใช้เวลาสูงสุด 15 วัน กว่าฟีเจอร์จะปรากฏให้ผู้ใช้ทุกคน

    ✅ การเลือกไฟล์ที่ AI ใช้ในการตอบคำถาม
    - ผู้ใช้สามารถเลือกไฟล์ผ่านปุ่ม "Add sources"
    - สามารถลากไฟล์เข้าไปในแผงด้านข้างเพื่อให้ Gemini ใช้ข้อมูลจากไฟล์นั้น

    ✅ ช่วงเวลาการเปิดตัว
    - เริ่มเปิดให้ใช้งานตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2025 สำหรับ Rapid Release domains
    - จะเปิดตัวสำหรับ Scheduled Release domains ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2025

    ✅ การเข้าถึงฟีเจอร์นี้
    - ใช้ได้กับ Google Workspace Business Standard และ Plus, Enterprise Standard และ Plus
    - ลูกค้าที่มี Gemini Education หรือ Gemini Education Premium add-ons สามารถใช้งานได้
    - ผู้ใช้ Google One AI Premium และผู้ที่ซื้อ Gemini Business หรือ Gemini Enterprise add-ons สามารถเข้าถึงได้

    ✅ ข้อกำหนดในการใช้งาน
    - ผู้ดูแลระบบต้องเปิดใช้งาน Workspace smart features and personalization เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้ Gemini ในแผงด้านข้างได้

    https://www.neowin.net/news/google-drive-now-lets-you-chat-with-gemini-in-the-side-panel-about-specific-files/
    Google Drive ได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ให้กับ Gemini side panel ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเลือกไฟล์ที่ต้องการให้ Gemini ใช้ในการตอบคำถามได้โดยตรง ก่อนหน้านี้ Gemini สามารถสรุปเนื้อหาทั้งโฟลเดอร์หรือหลายเอกสารพร้อมกัน แต่ฟีเจอร์ใหม่นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลที่ AI ใช้ได้มากขึ้น โดยสามารถ เลือกไฟล์ผ่านปุ่ม "Add sources" หรือลากไฟล์เข้าไปในแผงด้านข้าง ฟีเจอร์นี้เริ่มเปิดให้ใช้งานตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2025 สำหรับ Rapid Release domains และจะเริ่มเปิดตัวสำหรับ Scheduled Release domains ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2025 โดยอาจใช้เวลาสูงสุด 15 วัน กว่าฟีเจอร์จะปรากฏให้ผู้ใช้ทุกคน ✅ การเลือกไฟล์ที่ AI ใช้ในการตอบคำถาม - ผู้ใช้สามารถเลือกไฟล์ผ่านปุ่ม "Add sources" - สามารถลากไฟล์เข้าไปในแผงด้านข้างเพื่อให้ Gemini ใช้ข้อมูลจากไฟล์นั้น ✅ ช่วงเวลาการเปิดตัว - เริ่มเปิดให้ใช้งานตั้งแต่ 1 พฤษภาคม 2025 สำหรับ Rapid Release domains - จะเปิดตัวสำหรับ Scheduled Release domains ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2025 ✅ การเข้าถึงฟีเจอร์นี้ - ใช้ได้กับ Google Workspace Business Standard และ Plus, Enterprise Standard และ Plus - ลูกค้าที่มี Gemini Education หรือ Gemini Education Premium add-ons สามารถใช้งานได้ - ผู้ใช้ Google One AI Premium และผู้ที่ซื้อ Gemini Business หรือ Gemini Enterprise add-ons สามารถเข้าถึงได้ ✅ ข้อกำหนดในการใช้งาน - ผู้ดูแลระบบต้องเปิดใช้งาน Workspace smart features and personalization เพื่อให้ผู้ใช้สามารถใช้ Gemini ในแผงด้านข้างได้ https://www.neowin.net/news/google-drive-now-lets-you-chat-with-gemini-in-the-side-panel-about-specific-files/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Drive now lets you chat with Gemini in the side panel about specific files
    Google is now rolling out a feature that allows you to select specific files for Gemini in the Drive side panel to use as sources.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • Co-op กำลังเผชิญกับ ความพยายามโจมตีทางไซเบอร์ และได้ตัดสินใจ ปิดระบบไอทีบางส่วน เพื่อป้องกันการเข้าถึงของแฮกเกอร์

    แม้ว่าการโจมตีจะมี ผลกระทบเพียงเล็กน้อย ต่อระบบหลังบ้านและศูนย์บริการลูกค้า แต่ Co-op ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก Marks & Spencer (M&S) ประสบปัญหาจาก ScatteredSpider ransomware ซึ่งทำให้ระบบ การสั่งซื้อออนไลน์, การชำระเงินแบบไร้สัมผัส และบริการ Click and Collect ล่ม

    Co-op ได้ส่งจดหมายถึงพนักงานเพื่อแจ้งว่าบริษัทได้ ถอนการเข้าถึงบางระบบเป็นการชั่วคราว เพื่อรักษาความปลอดภัย และยังไม่สามารถระบุได้ว่าการโจมตีนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ของ M&S หรือไม่

    ✅ มาตรการป้องกันของ Co-op
    - ปิดระบบไอทีบางส่วนเพื่อป้องกันการเข้าถึงของแฮกเกอร์
    - ส่งจดหมายแจ้งพนักงานเกี่ยวกับการถอนการเข้าถึงบางระบบ

    ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจ
    - มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อระบบหลังบ้านและศูนย์บริการลูกค้า
    - ร้านค้าและธุรกิจด้านงานศพยังคงดำเนินการตามปกติ

    ✅ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ M&S
    - M&S ถูกโจมตีด้วย ScatteredSpider ransomware
    - ระบบการสั่งซื้อออนไลน์และการชำระเงินได้รับผลกระทบ

    ✅ การสอบสวนของตำรวจ
    - ตำรวจนครบาลกำลังสอบสวนการโจมตีของ M&S
    - เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียหายหลายล้านปอนด์

    https://www.techradar.com/pro/security/co-op-fending-off-hackers-by-shutting-down-it-systems
    Co-op กำลังเผชิญกับ ความพยายามโจมตีทางไซเบอร์ และได้ตัดสินใจ ปิดระบบไอทีบางส่วน เพื่อป้องกันการเข้าถึงของแฮกเกอร์ แม้ว่าการโจมตีจะมี ผลกระทบเพียงเล็กน้อย ต่อระบบหลังบ้านและศูนย์บริการลูกค้า แต่ Co-op ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจาก Marks & Spencer (M&S) ประสบปัญหาจาก ScatteredSpider ransomware ซึ่งทำให้ระบบ การสั่งซื้อออนไลน์, การชำระเงินแบบไร้สัมผัส และบริการ Click and Collect ล่ม Co-op ได้ส่งจดหมายถึงพนักงานเพื่อแจ้งว่าบริษัทได้ ถอนการเข้าถึงบางระบบเป็นการชั่วคราว เพื่อรักษาความปลอดภัย และยังไม่สามารถระบุได้ว่าการโจมตีนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ของ M&S หรือไม่ ✅ มาตรการป้องกันของ Co-op - ปิดระบบไอทีบางส่วนเพื่อป้องกันการเข้าถึงของแฮกเกอร์ - ส่งจดหมายแจ้งพนักงานเกี่ยวกับการถอนการเข้าถึงบางระบบ ✅ ผลกระทบต่อธุรกิจ - มีผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อระบบหลังบ้านและศูนย์บริการลูกค้า - ร้านค้าและธุรกิจด้านงานศพยังคงดำเนินการตามปกติ ✅ เหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ M&S - M&S ถูกโจมตีด้วย ScatteredSpider ransomware - ระบบการสั่งซื้อออนไลน์และการชำระเงินได้รับผลกระทบ ✅ การสอบสวนของตำรวจ - ตำรวจนครบาลกำลังสอบสวนการโจมตีของ M&S - เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียหายหลายล้านปอนด์ https://www.techradar.com/pro/security/co-op-fending-off-hackers-by-shutting-down-it-systems
    WWW.TECHRADAR.COM
    Co-op fending off hackers by shutting down IT systems
    Systems are cordoned off as Co-op defends against a cyberattack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง 14 ใบรับรองด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่มีมูลค่าสูงที่สุด ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรม และมีผลต่อโอกาสในการทำงาน รวมถึงระดับเงินเดือนของผู้ถือใบรับรอง

    ใบรับรองเหล่านี้ถูกคัดเลือกโดยพิจารณาจาก การยอมรับในอุตสาหกรรม, เครือข่ายมืออาชีพ, และ ผลตอบแทนทางการเงิน โดยใช้ข้อมูลจาก CyberSeek, Skillsoft, และ Foote Partners เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด

    ใบรับรองที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด ได้แก่ AWS Certified Security — Specialty, Certified Cloud Security Professional (CCSP), Certified Ethical Hacker (C|EH), Certified Information Security Manager (CISM), และ Certified Information Systems Security Professional (CISSP) ซึ่งแต่ละใบรับรองมีข้อกำหนดและข้อดีที่แตกต่างกัน

    นอกจากนี้ บทความยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเลือกใบรับรองที่เหมาะสมกับเป้าหมายอาชีพของแต่ละบุคคล โดยเน้นไปที่ ความต้องการของตลาด, โอกาสในการสร้างเครือข่าย, และ ผลตอบแทนทางการเงิน

    ✅ ใบรับรองที่ได้รับการยอมรับสูงสุด
    - AWS Certified Security — Specialty
    - Certified Cloud Security Professional (CCSP)
    - Certified Ethical Hacker (C|EH)
    - Certified Information Privacy Professional (CIPP)
    - Certified Information Security Manager (CISM)
    - Certified Information Systems Auditor (CISA)
    - Certified Information Systems Security Professional (CISSP)
    - Certified in Risk and Information Systems Control (CRISC)
    - Cisco Certified Network Professional (CCNP) Security
    - CompTIA Advanced Security Practitioner (CASP+)
    - CompTIA Security+
    - GIAC Security Essentials Certification (GSEC)
    - Offensive Security Certified Professional (OSCP)
    - Systems Security Certified Practitioner (SSCP)

    ✅ เกณฑ์การคัดเลือกใบรับรอง
    - การยอมรับในอุตสาหกรรม
    - เครือข่ายมืออาชีพและโอกาสในการสร้างเครือข่าย
    - ผลตอบแทนทางการเงินและระดับเงินเดือน

    ✅ แนวโน้มของตลาดใบรับรอง
    - ใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับ Cloud Security กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น
    - ใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับ Risk Management มีผลต่อโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง

    ✅ คำแนะนำในการเลือกใบรับรอง
    - ควรเลือกใบรับรองที่สอดคล้องกับเป้าหมายอาชีพ
    - พิจารณาค่าใช้จ่ายและระยะเวลาที่ต้องใช้ในการสอบ

    https://www.csoonline.com/article/3970107/the-14-most-valuable-cybersecurity-certifications.html
    บทความนี้กล่าวถึง 14 ใบรับรองด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่มีมูลค่าสูงที่สุด ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรม และมีผลต่อโอกาสในการทำงาน รวมถึงระดับเงินเดือนของผู้ถือใบรับรอง ใบรับรองเหล่านี้ถูกคัดเลือกโดยพิจารณาจาก การยอมรับในอุตสาหกรรม, เครือข่ายมืออาชีพ, และ ผลตอบแทนทางการเงิน โดยใช้ข้อมูลจาก CyberSeek, Skillsoft, และ Foote Partners เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด ใบรับรองที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด ได้แก่ AWS Certified Security — Specialty, Certified Cloud Security Professional (CCSP), Certified Ethical Hacker (C|EH), Certified Information Security Manager (CISM), และ Certified Information Systems Security Professional (CISSP) ซึ่งแต่ละใบรับรองมีข้อกำหนดและข้อดีที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ บทความยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเลือกใบรับรองที่เหมาะสมกับเป้าหมายอาชีพของแต่ละบุคคล โดยเน้นไปที่ ความต้องการของตลาด, โอกาสในการสร้างเครือข่าย, และ ผลตอบแทนทางการเงิน ✅ ใบรับรองที่ได้รับการยอมรับสูงสุด - AWS Certified Security — Specialty - Certified Cloud Security Professional (CCSP) - Certified Ethical Hacker (C|EH) - Certified Information Privacy Professional (CIPP) - Certified Information Security Manager (CISM) - Certified Information Systems Auditor (CISA) - Certified Information Systems Security Professional (CISSP) - Certified in Risk and Information Systems Control (CRISC) - Cisco Certified Network Professional (CCNP) Security - CompTIA Advanced Security Practitioner (CASP+) - CompTIA Security+ - GIAC Security Essentials Certification (GSEC) - Offensive Security Certified Professional (OSCP) - Systems Security Certified Practitioner (SSCP) ✅ เกณฑ์การคัดเลือกใบรับรอง - การยอมรับในอุตสาหกรรม - เครือข่ายมืออาชีพและโอกาสในการสร้างเครือข่าย - ผลตอบแทนทางการเงินและระดับเงินเดือน ✅ แนวโน้มของตลาดใบรับรอง - ใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับ Cloud Security กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น - ใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับ Risk Management มีผลต่อโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง ✅ คำแนะนำในการเลือกใบรับรอง - ควรเลือกใบรับรองที่สอดคล้องกับเป้าหมายอาชีพ - พิจารณาค่าใช้จ่ายและระยะเวลาที่ต้องใช้ในการสอบ https://www.csoonline.com/article/3970107/the-14-most-valuable-cybersecurity-certifications.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The 14 most valuable cybersecurity certifications
    Widely recognized across the industry, these blue-chip certs are highly valued by employers, offer competitive salaries, and are backed by strong professional communities.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Gemini ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพได้โดยตรงภายในแอป ซึ่งเป็นการนำความสามารถด้านการปรับแต่งภาพมาไว้ในบทสนทนากับ AI

    ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่สร้างขึ้นด้วย Gemini หรืออัปโหลดภาพจากโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เพื่อปรับแต่งได้ โดยใช้ ข้อความคำสั่ง เช่น เปลี่ยนสีผมในภาพส่วนตัว เปลี่ยนพื้นหลัง หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ

    Google ระบุว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่มีบริบทมากขึ้น โดยสามารถรวมข้อความและภาพเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ภาพที่สร้างหรือแก้ไขโดย Gemini จะมี SynthID watermark แบบมองไม่เห็นเพื่อระบุว่าเป็นภาพที่สร้างโดย AI และ Google กำลังทดลองเพิ่ม watermark แบบมองเห็น ให้กับภาพทั้งหมดที่สร้างโดย Gemini

    ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานในกว่า 45 ภาษา และในหลายประเทศทั่วโลก แต่ยังไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี Google Workspace หรือ Education

    ✅ การแก้ไขภาพโดยใช้ข้อความคำสั่ง
    - ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่สร้างด้วย Gemini หรืออัปโหลดภาพเพื่อปรับแต่ง
    - สามารถเปลี่ยนสีผม เปลี่ยนพื้นหลัง หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ

    ✅ การรวมข้อความและภาพในบทสนทนา
    - ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่มีบริบทมากขึ้น
    - สามารถสร้างภาพประกอบสำหรับเรื่องราวหรือเนื้อหาที่ต้องการ

    ✅ การใช้ SynthID watermark
    - ภาพที่สร้างหรือแก้ไขโดย Gemini จะมี SynthID watermark แบบมองไม่เห็น
    - Google กำลังทดลองเพิ่ม watermark แบบมองเห็นให้กับภาพทั้งหมด

    ✅ การเปิดใช้งานทั่วโลก
    - ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานในกว่า 45 ภาษา
    - ยังไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี Google Workspace หรือ Education

    https://www.neowin.net/news/the-gemini-app-now-lets-you-edit-images-directly/
    Google ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ในแอป Gemini ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพได้โดยตรงภายในแอป ซึ่งเป็นการนำความสามารถด้านการปรับแต่งภาพมาไว้ในบทสนทนากับ AI ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่สร้างขึ้นด้วย Gemini หรืออัปโหลดภาพจากโทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์เพื่อปรับแต่งได้ โดยใช้ ข้อความคำสั่ง เช่น เปลี่ยนสีผมในภาพส่วนตัว เปลี่ยนพื้นหลัง หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ Google ระบุว่าฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่มีบริบทมากขึ้น โดยสามารถรวมข้อความและภาพเข้าด้วยกัน นอกจากนี้ ภาพที่สร้างหรือแก้ไขโดย Gemini จะมี SynthID watermark แบบมองไม่เห็นเพื่อระบุว่าเป็นภาพที่สร้างโดย AI และ Google กำลังทดลองเพิ่ม watermark แบบมองเห็น ให้กับภาพทั้งหมดที่สร้างโดย Gemini ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานในกว่า 45 ภาษา และในหลายประเทศทั่วโลก แต่ยังไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี Google Workspace หรือ Education ✅ การแก้ไขภาพโดยใช้ข้อความคำสั่ง - ผู้ใช้สามารถแก้ไขภาพที่สร้างด้วย Gemini หรืออัปโหลดภาพเพื่อปรับแต่ง - สามารถเปลี่ยนสีผม เปลี่ยนพื้นหลัง หรือเพิ่มองค์ประกอบใหม่ๆ ✅ การรวมข้อความและภาพในบทสนทนา - ช่วยให้ผู้ใช้ได้รับคำตอบที่มีบริบทมากขึ้น - สามารถสร้างภาพประกอบสำหรับเรื่องราวหรือเนื้อหาที่ต้องการ ✅ การใช้ SynthID watermark - ภาพที่สร้างหรือแก้ไขโดย Gemini จะมี SynthID watermark แบบมองไม่เห็น - Google กำลังทดลองเพิ่ม watermark แบบมองเห็นให้กับภาพทั้งหมด ✅ การเปิดใช้งานทั่วโลก - ฟีเจอร์นี้กำลังทยอยเปิดให้ใช้งานในกว่า 45 ภาษา - ยังไม่สามารถใช้ได้กับบัญชี Google Workspace หรือ Education https://www.neowin.net/news/the-gemini-app-now-lets-you-edit-images-directly/
    WWW.NEOWIN.NET
    The Gemini app now lets you edit images directly
    Do you use the Gemini chatbot? Google says it is now possible to edit images just by using text prompts.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 81 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น.
    • Call: 065-081-0581
    🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้
    ...................................
    #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylover
    📍ร้านเปิดบริการทุกวัน เวลา 09:30-19:30 น. • Call: 065-081-0581 🚗 รถยนต์ส่วนตัวสามารถขึ้นมาได้ ................................... #AoLuekOceanViewKrabi #AoLuekOceanView #aoluek #krabi #view #food #cake #cafekrabi #sunset #อ่าวลึกโอเชี่ยนวิว #อ่าวลึก #โอเชี่ยนวิว #coffeetime #coffeeaddict #cafe #คาเฟ่ #panoramaview #ไทยแลนด์ #AmazingThailand #Thailand #VisitThailand #Travel #Vacation #Travelphotography #Traveladdict #อย่าปิดการมองเห็น #อย่าปิดกั้นการมองเห็น #sunsetlover #skylover
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 239 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • XConn Technologies ได้แสดงการสาธิตการจัดสรรหน่วยความจำแบบไดนามิกโดยใช้เทคโนโลยี Compute Express Link (CXL) Switch ร่วมกับ AMD ในงาน CXL DevCon 2025 การสาธิตนี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้านความยืดหยุ่นของหน่วยความจำ โดยใช้ XConn Apollo CXL Switch ซึ่งเป็นชิปตัวแรกในอุตสาหกรรมที่รองรับทั้ง CXL 2.0 และ PCIe 5.0

    เทคโนโลยีนี้ช่วยให้สามารถขยายหน่วยความจำในระดับเทราไบต์ด้วยความหน่วงต่ำและการเข้าถึงหน่วยความจำที่สอดคล้องกันระหว่าง CPU, GPU และตัวเร่งความเร็ว รวมถึงโปรเซสเซอร์ AMD EPYC รุ่นที่ 5 โดยการจัดสรรหน่วยความจำแบบไดนามิกนี้ช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) และเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับงานด้าน AI, HPC และฐานข้อมูลในหน่วยความจำ

    ✅ การจัดสรรหน่วยความจำแบบไดนามิก
    - ใช้ XConn Apollo CXL Switch เพื่อจัดสรรหน่วยความจำแบบเรียลไทม์
    - ลดการจัดสรรหน่วยความจำเกินความจำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพ

    ✅ การรองรับเทคโนโลยี CXL 2.0 และ PCIe 5.0
    - XConn Apollo CXL Switch รองรับทั้ง CXL 2.0 และ PCIe 5.0 บนชิปเดียว
    - ช่วยให้การขยายหน่วยความจำในระดับเทราไบต์มีความหน่วงต่ำ

    ✅ การใช้งานร่วมกับ AMD EPYC รุ่นที่ 5
    - รองรับการเข้าถึงหน่วยความจำที่สอดคล้องกันระหว่าง CPU, GPU และตัวเร่งความเร็ว
    - เหมาะสำหรับงานด้าน AI, HPC และฐานข้อมูลในหน่วยความจำ

    ✅ ผลกระทบต่อศูนย์ข้อมูล
    - ลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) และเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับงานด้านข้อมูล

    https://www.techpowerup.com/336103/xconn-technologies-demonstrates-dynamic-memory-allocation-using-cxl-switch-and-amd-technologies-at-cxl-devcon-2025
    XConn Technologies ได้แสดงการสาธิตการจัดสรรหน่วยความจำแบบไดนามิกโดยใช้เทคโนโลยี Compute Express Link (CXL) Switch ร่วมกับ AMD ในงาน CXL DevCon 2025 การสาธิตนี้แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าครั้งสำคัญในด้านความยืดหยุ่นของหน่วยความจำ โดยใช้ XConn Apollo CXL Switch ซึ่งเป็นชิปตัวแรกในอุตสาหกรรมที่รองรับทั้ง CXL 2.0 และ PCIe 5.0 เทคโนโลยีนี้ช่วยให้สามารถขยายหน่วยความจำในระดับเทราไบต์ด้วยความหน่วงต่ำและการเข้าถึงหน่วยความจำที่สอดคล้องกันระหว่าง CPU, GPU และตัวเร่งความเร็ว รวมถึงโปรเซสเซอร์ AMD EPYC รุ่นที่ 5 โดยการจัดสรรหน่วยความจำแบบไดนามิกนี้ช่วยลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) และเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับงานด้าน AI, HPC และฐานข้อมูลในหน่วยความจำ ✅ การจัดสรรหน่วยความจำแบบไดนามิก - ใช้ XConn Apollo CXL Switch เพื่อจัดสรรหน่วยความจำแบบเรียลไทม์ - ลดการจัดสรรหน่วยความจำเกินความจำเป็นและเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ การรองรับเทคโนโลยี CXL 2.0 และ PCIe 5.0 - XConn Apollo CXL Switch รองรับทั้ง CXL 2.0 และ PCIe 5.0 บนชิปเดียว - ช่วยให้การขยายหน่วยความจำในระดับเทราไบต์มีความหน่วงต่ำ ✅ การใช้งานร่วมกับ AMD EPYC รุ่นที่ 5 - รองรับการเข้าถึงหน่วยความจำที่สอดคล้องกันระหว่าง CPU, GPU และตัวเร่งความเร็ว - เหมาะสำหรับงานด้าน AI, HPC และฐานข้อมูลในหน่วยความจำ ✅ ผลกระทบต่อศูนย์ข้อมูล - ลดต้นทุนการเป็นเจ้าของ (TCO) และเพิ่มประสิทธิภาพสำหรับงานด้านข้อมูล https://www.techpowerup.com/336103/xconn-technologies-demonstrates-dynamic-memory-allocation-using-cxl-switch-and-amd-technologies-at-cxl-devcon-2025
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    XConn Technologies Demonstrates Dynamic Memory Allocation Using CXL Switch and AMD Technologies at CXL DevCon 2025
    XConn Technologies, the innovation leader in next-generation interconnect technology for the future of high-performance computing and AI applications, today announced a groundbreaking demonstration of dynamic memory allocation using Compute Express Link (CXL) switch technology at CXL DevCon 2025, ta...
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ได้ขยายฟีเจอร์ Audio Overviews ใน NotebookLM ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI สำหรับการวิจัยและจดบันทึก โดยเพิ่มการรองรับมากกว่า 50 ภาษา ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถฟังสรุปเนื้อหาจากเอกสาร สไลด์ หรือแผนภูมิในรูปแบบเสียงที่มีการสนทนาระหว่าง AI สองตัว ซึ่งเหมาะสำหรับการเรียนรู้ขณะเดินทาง

    ฟีเจอร์นี้เคยรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้ผู้ใช้สามารถเลือกภาษาที่ต้องการได้จากเมนู Settings > Output Language ใน NotebookLM โดยฟีเจอร์นี้มีให้ใช้งานในหลายแผนของ Google Workspace เช่น Business Starter, Nonprofits และ Education Fundamentals

    อย่างไรก็ตาม โหมดการสนทนาแบบโต้ตอบกับ AI ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Audio Overviews ยังคงอยู่ในช่วงเบต้าและรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ

    ✅ การขยายการรองรับภาษา
    - รองรับมากกว่า 50 ภาษา
    - ผู้ใช้สามารถเลือกภาษาที่ต้องการได้จากเมนู Settings

    ✅ ฟีเจอร์ Audio Overviews
    - สรุปเนื้อหาในรูปแบบเสียงที่มีการสนทนาระหว่าง AI สองตัว
    - เหมาะสำหรับการเรียนรู้ขณะเดินทาง

    ✅ การใช้งานใน Google Workspace
    - มีให้ใช้งานในแผน Business Starter, Nonprofits และ Education Fundamentals
    - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การเรียนรู้และการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ โหมดการสนทนาแบบโต้ตอบ
    - ยังคงอยู่ในช่วงเบต้าและรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ

    https://www.neowin.net/news/google-is-expanding-audio-overviews-in-notebooklm-to-more-than-50-languages/
    Google ได้ขยายฟีเจอร์ Audio Overviews ใน NotebookLM ซึ่งเป็นเครื่องมือ AI สำหรับการวิจัยและจดบันทึก โดยเพิ่มการรองรับมากกว่า 50 ภาษา ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถฟังสรุปเนื้อหาจากเอกสาร สไลด์ หรือแผนภูมิในรูปแบบเสียงที่มีการสนทนาระหว่าง AI สองตัว ซึ่งเหมาะสำหรับการเรียนรู้ขณะเดินทาง ฟีเจอร์นี้เคยรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้ผู้ใช้สามารถเลือกภาษาที่ต้องการได้จากเมนู Settings > Output Language ใน NotebookLM โดยฟีเจอร์นี้มีให้ใช้งานในหลายแผนของ Google Workspace เช่น Business Starter, Nonprofits และ Education Fundamentals อย่างไรก็ตาม โหมดการสนทนาแบบโต้ตอบกับ AI ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Audio Overviews ยังคงอยู่ในช่วงเบต้าและรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ ✅ การขยายการรองรับภาษา - รองรับมากกว่า 50 ภาษา - ผู้ใช้สามารถเลือกภาษาที่ต้องการได้จากเมนู Settings ✅ ฟีเจอร์ Audio Overviews - สรุปเนื้อหาในรูปแบบเสียงที่มีการสนทนาระหว่าง AI สองตัว - เหมาะสำหรับการเรียนรู้ขณะเดินทาง ✅ การใช้งานใน Google Workspace - มีให้ใช้งานในแผน Business Starter, Nonprofits และ Education Fundamentals - ฟีเจอร์นี้ช่วยให้การเรียนรู้และการทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ โหมดการสนทนาแบบโต้ตอบ - ยังคงอยู่ในช่วงเบต้าและรองรับเฉพาะภาษาอังกฤษ https://www.neowin.net/news/google-is-expanding-audio-overviews-in-notebooklm-to-more-than-50-languages/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google is expanding Audio Overviews in NotebookLM to more than 50 languages
    NotebookLM is Google Labs' AI research and note-taking tool for documents. Now, Google is bringing more language support to one of the service's star features, Audio Overviews.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนังสือเศรษฐศาสตร์ จากแบงค์ชาติ https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/research-and-publications/articles-and-publications/publications/economics-book.pdf
    หนังสือเศรษฐศาสตร์ จากแบงค์ชาติ https://www.bot.or.th/content/dam/bot/documents/th/research-and-publications/articles-and-publications/publications/economics-book.pdf
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • Marks & Spencer กำลังเผชิญกับเหตุการณ์ cyber incident ที่ส่งผลกระทบต่อระบบของบริษัทมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ โดยมีรายงานว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นฝีมือของ Scattered Spider ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีทางไซเบอร์

    แม้ว่าบริษัทจะยังไม่ได้ยืนยันว่าเป็นการโจมตีด้วย ransomware แต่แหล่งข่าวจาก BleepingComputer ระบุว่า Scattered Spider ได้ใช้ DragonForce encryptor เพื่อเข้ารหัส VMware ESXi hosts ของ Marks & Spencer เมื่อวันที่ 24 เมษายน

    ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ทำให้ Marks & Spencer ต้อง ปิดระบบบางส่วน และหยุดให้บริการ Click and Collect ในทุกสาขา รวมถึงการสั่งซื้อออนไลน์

    ✅ ผลกระทบต่อระบบของบริษัท
    - Marks & Spencer ต้องปิดระบบบางส่วนเพื่อควบคุมสถานการณ์
    - บริการ Click and Collect ถูกระงับในทุกสาขา

    ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง
    - Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีทางไซเบอร์
    - ใช้ DragonForce encryptor เพื่อเข้ารหัส VMware ESXi hosts

    ✅ การตอบสนองของ Marks & Spencer
    - บริษัทนำระบบบางส่วนออฟไลน์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของมัลแวร์
    - CrowdStrike, Microsoft และ Fenix24 ถูกเรียกเข้ามาช่วยตรวจสอบและกู้คืนระบบ

    ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงาน
    - ร้านค้าบางแห่งไม่สามารถรับชำระเงินแบบ contactless ได้
    - การสั่งซื้อออนไลน์ถูกระงับชั่วคราว

    https://www.techradar.com/pro/security/marks-and-spencer-outage-allegedly-linked-to-scatteredspider-ransomware-attack
    Marks & Spencer กำลังเผชิญกับเหตุการณ์ cyber incident ที่ส่งผลกระทบต่อระบบของบริษัทมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ โดยมีรายงานว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็นฝีมือของ Scattered Spider ซึ่งเป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีทางไซเบอร์ แม้ว่าบริษัทจะยังไม่ได้ยืนยันว่าเป็นการโจมตีด้วย ransomware แต่แหล่งข่าวจาก BleepingComputer ระบุว่า Scattered Spider ได้ใช้ DragonForce encryptor เพื่อเข้ารหัส VMware ESXi hosts ของ Marks & Spencer เมื่อวันที่ 24 เมษายน ผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ทำให้ Marks & Spencer ต้อง ปิดระบบบางส่วน และหยุดให้บริการ Click and Collect ในทุกสาขา รวมถึงการสั่งซื้อออนไลน์ ✅ ผลกระทบต่อระบบของบริษัท - Marks & Spencer ต้องปิดระบบบางส่วนเพื่อควบคุมสถานการณ์ - บริการ Click and Collect ถูกระงับในทุกสาขา ✅ กลุ่มแฮกเกอร์ที่อยู่เบื้องหลัง - Scattered Spider เป็นกลุ่มแฮกเกอร์ที่มีชื่อเสียงด้านการโจมตีทางไซเบอร์ - ใช้ DragonForce encryptor เพื่อเข้ารหัส VMware ESXi hosts ✅ การตอบสนองของ Marks & Spencer - บริษัทนำระบบบางส่วนออฟไลน์เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของมัลแวร์ - CrowdStrike, Microsoft และ Fenix24 ถูกเรียกเข้ามาช่วยตรวจสอบและกู้คืนระบบ ✅ ผลกระทบต่อการดำเนินงาน - ร้านค้าบางแห่งไม่สามารถรับชำระเงินแบบ contactless ได้ - การสั่งซื้อออนไลน์ถูกระงับชั่วคราว https://www.techradar.com/pro/security/marks-and-spencer-outage-allegedly-linked-to-scatteredspider-ransomware-attack
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • xMEMS Labs ได้ขยายเทคโนโลยี µCooling Fan-on-a-Chip ไปยังศูนย์ข้อมูล AI โดยนำเสนอระบบระบายความร้อนแบบ active cooling สำหรับ optical transceivers ที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน AI รุ่นใหม่

    เทคโนโลยีนี้ช่วยลดอุณหภูมิของ DSPs ที่ทำงานที่ 18W TDP หรือสูงกว่า โดยสามารถลดอุณหภูมิได้มากกว่า 15% และลด thermal resistance ลงกว่า 20% ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโมดูลและยืดอายุการใช้งาน

    µCooling ใช้ monolithic MEMS fan ที่ผลิตด้วยกระบวนการ silicon fabrication ซึ่งสามารถสร้างกระแสลมความเร็วสูงแบบ silent และ vibration-free โดยไม่มีมอเตอร์หรือชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว ทำให้มีความทนทานสูงและไม่ต้องบำรุงรักษา

    ✅ การขยายเทคโนโลยีไปยังศูนย์ข้อมูล AI
    - นำเสนอระบบระบายความร้อนแบบ active cooling สำหรับ optical transceivers
    - ช่วยลดอุณหภูมิของ DSPs ที่ทำงานที่ 18W TDP หรือสูงกว่า

    ✅ ผลกระทบต่อประสิทธิภาพของโมดูล
    - ลดอุณหภูมิได้มากกว่า 15%
    - ลด thermal resistance ลงกว่า 20%

    ✅ การออกแบบที่ทนทานและไม่ต้องบำรุงรักษา
    - ใช้ monolithic MEMS fan ที่ไม่มีมอเตอร์หรือชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว
    - สร้างกระแสลมความเร็วสูงแบบ silent และ vibration-free

    ✅ แนวโน้มของตลาด optical transceivers
    - Dell'Oro Group คาดการณ์ว่า optical transceiver รุ่น 800G และ 1.6T จะเติบโตมากกว่า 35% CAGR จนถึงปี 2028

    https://www.techpowerup.com/336083/xmems-extends-ucooling-fan-on-a-chip-technology-to-ai-data-centers
    xMEMS Labs ได้ขยายเทคโนโลยี µCooling Fan-on-a-Chip ไปยังศูนย์ข้อมูล AI โดยนำเสนอระบบระบายความร้อนแบบ active cooling สำหรับ optical transceivers ที่มีความหนาแน่นสูง ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในโครงสร้างพื้นฐาน AI รุ่นใหม่ เทคโนโลยีนี้ช่วยลดอุณหภูมิของ DSPs ที่ทำงานที่ 18W TDP หรือสูงกว่า โดยสามารถลดอุณหภูมิได้มากกว่า 15% และลด thermal resistance ลงกว่า 20% ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของโมดูลและยืดอายุการใช้งาน µCooling ใช้ monolithic MEMS fan ที่ผลิตด้วยกระบวนการ silicon fabrication ซึ่งสามารถสร้างกระแสลมความเร็วสูงแบบ silent และ vibration-free โดยไม่มีมอเตอร์หรือชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว ทำให้มีความทนทานสูงและไม่ต้องบำรุงรักษา ✅ การขยายเทคโนโลยีไปยังศูนย์ข้อมูล AI - นำเสนอระบบระบายความร้อนแบบ active cooling สำหรับ optical transceivers - ช่วยลดอุณหภูมิของ DSPs ที่ทำงานที่ 18W TDP หรือสูงกว่า ✅ ผลกระทบต่อประสิทธิภาพของโมดูล - ลดอุณหภูมิได้มากกว่า 15% - ลด thermal resistance ลงกว่า 20% ✅ การออกแบบที่ทนทานและไม่ต้องบำรุงรักษา - ใช้ monolithic MEMS fan ที่ไม่มีมอเตอร์หรือชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหว - สร้างกระแสลมความเร็วสูงแบบ silent และ vibration-free ✅ แนวโน้มของตลาด optical transceivers - Dell'Oro Group คาดการณ์ว่า optical transceiver รุ่น 800G และ 1.6T จะเติบโตมากกว่า 35% CAGR จนถึงปี 2028 https://www.techpowerup.com/336083/xmems-extends-ucooling-fan-on-a-chip-technology-to-ai-data-centers
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    xMEMS Extends µCooling Fan-on-a-Chip Technology to AI Data Centers
    xMEMS Labs, Inc., the pioneer of monolithic MEMS-based solutions, today announced the expansion of its revolutionary µCooling fan-on-a-chip platform into AI data centers, bringing the industry's first in-module active thermal management solution to high-performance optical transceivers. Originall...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • Huntress ได้ขยายความสามารถของ Identity Threat Detection and Response (ITDR) เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวและการโจมตีแบบ Business Email Compromise (BEC) โดยเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access ที่ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น การใช้ VPN ที่ไม่คาดคิด หรือการเดินทางที่เป็นไปไม่ได้

    นอกจากนี้ Huntress ยังเพิ่มระบบตรวจจับ Rogue Applications ซึ่งช่วยวิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยระบบนี้สามารถตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไป หรือมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย และให้คำแนะนำในการลบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย

    Huntress ยังเปิดตัว Shadow Workflows ซึ่งช่วยป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย และประกาศความพร้อมใช้งานของ Managed SIEM ที่มีการรวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย เช่น 1Password, Fortinet, Palo Alto Networks, Sophos และ LastPass

    ✅ การเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access
    - ตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น VPN ที่ไม่คาดคิด
    - แยกบัญชีที่ถูกบุกรุกออกจากระบบแบบเรียลไทม์

    ✅ ระบบตรวจจับ Rogue Applications
    - วิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
    - ตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไปและให้คำแนะนำในการลบ

    ✅ การเปิดตัว Shadow Workflows
    - ป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย
    - ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ BEC

    ✅ Managed SIEM พร้อมใช้งาน
    - รวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย
    - ช่วยให้การตรวจจับภัยคุกคามมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3972409/huntress-expands-itdr-capabilities-to-combat-credential-theft-and-bec.html
    Huntress ได้ขยายความสามารถของ Identity Threat Detection and Response (ITDR) เพื่อป้องกันการโจรกรรมข้อมูลประจำตัวและการโจมตีแบบ Business Email Compromise (BEC) โดยเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access ที่ช่วยตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น การใช้ VPN ที่ไม่คาดคิด หรือการเดินทางที่เป็นไปไม่ได้ นอกจากนี้ Huntress ยังเพิ่มระบบตรวจจับ Rogue Applications ซึ่งช่วยวิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยระบบนี้สามารถตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไป หรือมีพฤติกรรมที่น่าสงสัย และให้คำแนะนำในการลบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย Huntress ยังเปิดตัว Shadow Workflows ซึ่งช่วยป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย และประกาศความพร้อมใช้งานของ Managed SIEM ที่มีการรวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย เช่น 1Password, Fortinet, Palo Alto Networks, Sophos และ LastPass ✅ การเพิ่มฟีเจอร์ Unwanted Access - ตรวจจับพฤติกรรมการเข้าสู่ระบบที่ผิดปกติ เช่น VPN ที่ไม่คาดคิด - แยกบัญชีที่ถูกบุกรุกออกจากระบบแบบเรียลไทม์ ✅ ระบบตรวจจับ Rogue Applications - วิเคราะห์แอปพลิเคชันที่ใช้ OAuth เพื่อเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต - ตรวจจับแอปพลิเคชันที่มีสิทธิ์มากเกินไปและให้คำแนะนำในการลบ ✅ การเปิดตัว Shadow Workflows - ป้องกันการตั้งค่ากฎการส่งต่ออีเมลที่เป็นอันตราย - ลดความเสี่ยงจากการโจมตีแบบ BEC ✅ Managed SIEM พร้อมใช้งาน - รวมระบบรักษาความปลอดภัยจากแบรนด์ชั้นนำกว่า 20 ราย - ช่วยให้การตรวจจับภัยคุกคามมีประสิทธิภาพมากขึ้น https://www.csoonline.com/article/3972409/huntress-expands-itdr-capabilities-to-combat-credential-theft-and-bec.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Huntress expands ITDR capabilities to combat credential theft and BEC
    The identity-based improvements target rogue applications, credential theft, and BEC attacks while fully managed SIEM adds to Huntress’ SOC workflows.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • THE MALL LIFESTORE SUMMER-CATION FOOD FEST 2025🌞
    ตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. 68 – 30 เม.ย. 68 ที่ GRAND HALL ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช
    .
    👉พบกับสินค้าหัตกรรม และสินค้า OTOP จากชุมชน อาทิ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย เครื่องจักสาน เครื่องเงิน และสินค้าอหารแปรรูป จากร้าน ผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น , โหราศาสตร์ไทยประยุกต์ , SEECHA , HOMI HOME , ชิ้นปลาสนุก , เจ๊พริกกุยช่ายตลาดพลู , แซลม่อนย่าง กุ้งแช่น้ำปลา , หมึกเจี๊ยวจ๊าว , หวานพอดีสวีท คาเฟ่ , ริมปิง , กรอบแก้วโคราช , รุ่งเรืองการแว่น , COWAY , จิวแกลลอรี่ , ราชาเกี๊ยวต้ม , สามพี่น้องปากหม้อกุ่ยช่าย , หมูยอวชาลิสา , Ricco ลาซานญ่า , เจ้าสัวแต่เตี้ยม , ปลาแดดเดียว แม่สำรวย , KUNNOOK ORANGEJUICE , ข้าวเกรียบเฮเดย์ฟาร์ม , ไอติมปากช่อง , มีนาผ้าไทย , THE QUEEN ,ผ้าใยชากัญชง , ฮงเยาวราช , หยกมณี ก๋วยจั๊บญวน , อินากะซูชิ , MOCHI FACTORY , ครบเครื่องปูหลน , รุ่งลัดดา , DUCK DUCK , ขนมเบื้องป้าใหญ่ , ชามสุข , กุ๊กไก่ก๋วยเตี๋ยวเรือ เขาใหญ่ มาจัดรายการพิเศษ
    .
    🔥 ซัมเมอร์นี้ ชีเสิร์ฟเมนูอร่อยคลายร้อนมากมาย ที่รอทุกคนอยู่
    🗓️ 24 เม.ย. 68 – 30 เม.ย. 68
    📍 GRAND HALL ชั้น 1 #เดอะมอลล์โคราช
    #TheMallKorat
    #TheMallGroup
    #TheMallThailand
    #Themallshoppingcenter
    THE MALL LIFESTORE SUMMER-CATION FOOD FEST 2025🌞 ตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. 68 – 30 เม.ย. 68 ที่ GRAND HALL ชั้น 1 เดอะมอลล์ โคราช . 👉พบกับสินค้าหัตกรรม และสินค้า OTOP จากชุมชน อาทิ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย เครื่องจักสาน เครื่องเงิน และสินค้าอหารแปรรูป จากร้าน ผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่น , โหราศาสตร์ไทยประยุกต์ , SEECHA , HOMI HOME , ชิ้นปลาสนุก , เจ๊พริกกุยช่ายตลาดพลู , แซลม่อนย่าง กุ้งแช่น้ำปลา , หมึกเจี๊ยวจ๊าว , หวานพอดีสวีท คาเฟ่ , ริมปิง , กรอบแก้วโคราช , รุ่งเรืองการแว่น , COWAY , จิวแกลลอรี่ , ราชาเกี๊ยวต้ม , สามพี่น้องปากหม้อกุ่ยช่าย , หมูยอวชาลิสา , Ricco ลาซานญ่า , เจ้าสัวแต่เตี้ยม , ปลาแดดเดียว แม่สำรวย , KUNNOOK ORANGEJUICE , ข้าวเกรียบเฮเดย์ฟาร์ม , ไอติมปากช่อง , มีนาผ้าไทย , THE QUEEN ,ผ้าใยชากัญชง , ฮงเยาวราช , หยกมณี ก๋วยจั๊บญวน , อินากะซูชิ , MOCHI FACTORY , ครบเครื่องปูหลน , รุ่งลัดดา , DUCK DUCK , ขนมเบื้องป้าใหญ่ , ชามสุข , กุ๊กไก่ก๋วยเตี๋ยวเรือ เขาใหญ่ มาจัดรายการพิเศษ . 🔥 ซัมเมอร์นี้ ชีเสิร์ฟเมนูอร่อยคลายร้อนมากมาย ที่รอทุกคนอยู่ 🗓️ 24 เม.ย. 68 – 30 เม.ย. 68 📍 GRAND HALL ชั้น 1 #เดอะมอลล์โคราช #TheMallKorat #TheMallGroup #TheMallThailand #Themallshoppingcenter
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เน้นการขโมยข้อมูลประจำตัว (identity-based attacks) ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อธุรกิจ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย (rogue applications) ที่ถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหานี้ จากรายงานของ Huntress 2025 พบว่าองค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประจำตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และกว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีประเภทนี้

    การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการขโมยข้อมูล เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ คุกกี้เซสชัน และโทเค็นการเข้าถึง เพื่อหลีกเลี่ยงการป้องกันของระบบ โดยมีการเตือนว่าผลกระทบทางการเงินจากการโจมตีเหล่านี้มีความรุนแรง โดย 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000

    Huntress ยังแนะนำให้ใช้วิธีการป้องกัน เช่น การเข้าถึงเครือข่ายแบบ Zero-Trust (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี

    ✅ การเพิ่มขึ้นของการโจมตีข้อมูลประจำตัว
    - องค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
    - กว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีข้อมูลประจำตัว

    ✅ แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย
    - แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหา
    - 45% ขององค์กรเคยพบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย

    ✅ ผลกระทบทางการเงิน
    - 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 จากการโจมตี
    - การโจมตีส่งผลต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานขององค์กร

    ✅ วิธีการป้องกัน
    - ใช้ Zero-Trust Network Access (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยง
    - เพิ่มการตรวจสอบและการตอบสนองต่อเหตุการณ์

    https://www.techradar.com/pro/security/businesses-are-facing-increased-identity-based-attacks-and-rouge-applications-are-a-top-culprit
    บทความนี้กล่าวถึงการเพิ่มขึ้นของการโจมตีทางไซเบอร์ที่เน้นการขโมยข้อมูลประจำตัว (identity-based attacks) ซึ่งกำลังเป็นภัยคุกคามสำคัญต่อธุรกิจ โดยเฉพาะแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย (rogue applications) ที่ถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหานี้ จากรายงานของ Huntress 2025 พบว่าองค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประจำตัวเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และกว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีประเภทนี้ การโจมตีเหล่านี้มักใช้วิธีการขโมยข้อมูล เช่น ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ คุกกี้เซสชัน และโทเค็นการเข้าถึง เพื่อหลีกเลี่ยงการป้องกันของระบบ โดยมีการเตือนว่าผลกระทบทางการเงินจากการโจมตีเหล่านี้มีความรุนแรง โดย 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 Huntress ยังแนะนำให้ใช้วิธีการป้องกัน เช่น การเข้าถึงเครือข่ายแบบ Zero-Trust (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตี ✅ การเพิ่มขึ้นของการโจมตีข้อมูลประจำตัว - องค์กรกว่า 67% รายงานว่ามีเหตุการณ์โจมตีเพิ่มขึ้นในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา - กว่า 35% ของเหตุการณ์ความปลอดภัยในปีที่ผ่านมาเกี่ยวข้องกับการโจมตีข้อมูลประจำตัว ✅ แอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย - แอปพลิเคชันที่เป็นอันตรายถูกระบุว่าเป็นปัจจัยหลักของปัญหา - 45% ขององค์กรเคยพบแอปพลิเคชันที่เป็นอันตราย ✅ ผลกระทบทางการเงิน - 32% ของธุรกิจสูญเสียเงินอย่างน้อย $100,000 จากการโจมตี - การโจมตีส่งผลต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานขององค์กร ✅ วิธีการป้องกัน - ใช้ Zero-Trust Network Access (ZTNA) เพื่อช่วยลดความเสี่ยง - เพิ่มการตรวจสอบและการตอบสนองต่อเหตุการณ์ https://www.techradar.com/pro/security/businesses-are-facing-increased-identity-based-attacks-and-rouge-applications-are-a-top-culprit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google Wallet อาจได้รับการอัปเกรดครั้งสำคัญที่ช่วยให้การเพิ่มบัตรชำระเงินแบบไร้สัมผัสง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยฟีเจอร์ใหม่นี้จะใช้เทคโนโลยี NFC (Near-Field Communication) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มบัตรชำระเงินได้เพียงแค่แตะบัตรกับโทรศัพท์มือถือ เช่นเดียวกับการแตะบัตรบนเครื่องอ่านบัตรไร้สัมผัส

    ฟีเจอร์นี้จะปรากฏในหน้าจอ “Add payment method” พร้อมกับวิธีการเพิ่มบัตรแบบเดิม เช่น การกรอกข้อมูลบัตรด้วยตนเอง แม้ว่าการใช้ NFC จะช่วยลดเวลาในการเพิ่มบัตร แต่ยังคงต้องกรอกหมายเลข CVV หรือ CVC เพื่อความปลอดภัย

    อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของบัตรและผู้ให้บริการ หรือว่าฟีเจอร์นี้จะมาพร้อมกับ Android 16 หรือเป็นส่วนหนึ่งของการอัปเดตเล็กๆ

    ✅ การเพิ่มบัตรด้วย NFC
    - ใช้เทคโนโลยี NFC เพื่อเพิ่มบัตรชำระเงินแบบไร้สัมผัส
    - ลดเวลาในการเพิ่มบัตรเมื่อเทียบกับการกรอกข้อมูลด้วยตนเอง

    ✅ ความปลอดภัย
    - ยังคงต้องกรอกหมายเลข CVV หรือ CVC เพื่อป้องกันการเพิ่มบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต

    ✅ การใช้งานและความเข้ากันได้
    - ฟีเจอร์นี้จะปรากฏในหน้าจอ “Add payment method”
    - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของบัตรและผู้ให้บริการ

    ✅ เป้าหมายของฟีเจอร์
    - เพิ่มความสะดวกและลดเวลาในการเพิ่มบัตรชำระเงิน

    https://www.techradar.com/phones/android/google-wallet-could-soon-let-you-add-cards-by-tapping-them-on-your-phone-and-i-cant-believe-this-isnt-already-a-thing
    Google Wallet อาจได้รับการอัปเกรดครั้งสำคัญที่ช่วยให้การเพิ่มบัตรชำระเงินแบบไร้สัมผัสง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยฟีเจอร์ใหม่นี้จะใช้เทคโนโลยี NFC (Near-Field Communication) ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มบัตรชำระเงินได้เพียงแค่แตะบัตรกับโทรศัพท์มือถือ เช่นเดียวกับการแตะบัตรบนเครื่องอ่านบัตรไร้สัมผัส ฟีเจอร์นี้จะปรากฏในหน้าจอ “Add payment method” พร้อมกับวิธีการเพิ่มบัตรแบบเดิม เช่น การกรอกข้อมูลบัตรด้วยตนเอง แม้ว่าการใช้ NFC จะช่วยลดเวลาในการเพิ่มบัตร แต่ยังคงต้องกรอกหมายเลข CVV หรือ CVC เพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของบัตรและผู้ให้บริการ หรือว่าฟีเจอร์นี้จะมาพร้อมกับ Android 16 หรือเป็นส่วนหนึ่งของการอัปเดตเล็กๆ ✅ การเพิ่มบัตรด้วย NFC - ใช้เทคโนโลยี NFC เพื่อเพิ่มบัตรชำระเงินแบบไร้สัมผัส - ลดเวลาในการเพิ่มบัตรเมื่อเทียบกับการกรอกข้อมูลด้วยตนเอง ✅ ความปลอดภัย - ยังคงต้องกรอกหมายเลข CVV หรือ CVC เพื่อป้องกันการเพิ่มบัตรโดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ การใช้งานและความเข้ากันได้ - ฟีเจอร์นี้จะปรากฏในหน้าจอ “Add payment method” - ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเข้ากันได้ของบัตรและผู้ให้บริการ ✅ เป้าหมายของฟีเจอร์ - เพิ่มความสะดวกและลดเวลาในการเพิ่มบัตรชำระเงิน https://www.techradar.com/phones/android/google-wallet-could-soon-let-you-add-cards-by-tapping-them-on-your-phone-and-i-cant-believe-this-isnt-already-a-thing
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts