• บริษัทใหญ่ ๆ ช่วงนี้มักพูดถึง AI อย่างตื่นเต้น—แต่หลายที่ก็หลบประเด็น “เรื่องตกงาน” เอาไว้ แต่ไม่ใช่กับ Andy Jassy ซีอีโอของ Amazon ที่ออกจดหมายถึงพนักงานแบบตรงไปตรงมาเลยว่า…

    “เราจะต้องใช้คนน้อยลงในงานบางอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ และใช้คนมากขึ้นในงานแบบใหม่”

    เขาเล่าว่า Amazon มีโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับ Generative AI มากกว่า 1,000 รายการ และจะมีเพิ่มอีกเรื่อย ๆ สิ่งที่ชัดที่สุดคือ งานบางประเภทจะถูก AI มาแทน เพราะมันมีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนกว่า

    แต่ใช่ว่าทุกคนจะได้ใช้ AI แล้วทำงานสนุกขึ้นนะครับ บางทีมวิศวกรถูกลดจำนวนครึ่งหนึ่ง และถูกกดดันให้ทำงานเร็วกว่าเดิม โดยต้องใช้เครื่องมือ AI อย่าง Copilot ของ Microsoft หรือ Assistant ของ Amazon เองเพื่อเร่งงานให้เสร็จเร็วแบบสายพาน!

    Jassy ยังแนะนำพนักงานแบบจริงใจ (หรือประชดแอบ ๆ?): “ให้ลองอยากรู้อยากเห็นเรื่อง AI, ไปอบรม, ทดลองใช้งาน, และเข้าร่วมระดมไอเดียในทีม” — ซึ่งฟังดูแล้วอาจหมายถึง “เตรียมตัวหางานใหม่ที่ใช้ AI ให้เป็น”

    Amazon เตรียมลดจำนวนพนักงานองค์กร (corporate workforce) ในอีกไม่กี่ปี  
    • ผลจากการใช้ AI อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพสูง  
    • จดหมายจาก CEO ระบุชัดว่า “เราจะใช้คนน้อยลงในบางงาน”

    มีโปรเจกต์ด้าน AI ในองค์กรมากกว่า 1,000 รายการ  
    • ครอบคลุมทั้งด้านลูกค้า การพัฒนา การขาย และปฏิบัติการ  
    • บางระบบใช้ Agent หรือ GPT ช่วยตอบคำถาม สั่งซื้อ หรือสรุปรายงาน

    Jassy แนะพนักงานให้ “เรียนรู้ AI ให้มากที่สุด”  
    • สนับสนุนให้ไปอบรม ทดลองใช้งาน และเสนอไอเดียใหม่ในการใช้ AI  
    • ถือเป็นการ “เสริมความอยู่รอด” ในยุคที่ AI กำลังกลืนตำแหน่งงาน

    AI ไม่ได้แทนแค่คนออฟฟิศ แต่รวมถึงพนักงานคลังสินค้าและขนส่ง  
    • มีการใช้หุ่นยนต์กว่าแสนตัว และเริ่มทดลองหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์  
    • หุ่นยนต์บางรุ่นมี “ระบบรับรู้การสัมผัส” แล้ว

    มีเสียงสะท้อนจากวิศวกรว่า “เหมือนอยู่ในสายพาน AI”  
    • ถูกลดทีม พ่วงงานเพิ่ม พร้อมกดดันใช้ AI มาทำงานแทนมนุษย์

    ตำแหน่งระดับต้นในสายขาวกำลังเสี่ยงสูงจากการเข้ามาของ AI  
    • CEO ของ Anthropic เคยคาดว่า 50% ของงานระดับ Entry จะหายไปภายใน 5 ปี

    บางคนอาจถูกแทนที่ ไม่ใช่โดย AI แต่โดย “คนที่ใช้ AI ได้ดีกว่า”  
    • ต้องรีบ Upskill โดยไม่รอให้องค์กรจัดให้

    การใช้งาน AI อย่างเร่งรีบ อาจกลายเป็นการเพิ่มภาระให้พนักงานแทนที่จะช่วยลด  
    • มีกรณีทีมวิศวกรใน Amazon ถูกลดครึ่ง แต่กำหนดส่งงานกลับไม่ลด

    แม้จะมีสิทธิใช้ GPT ได้ในองค์กร แต่คนที่ไม่ปรับตัวจะถูกแซงทันที  
    • ช่องว่างระหว่าง “ผู้ใช้ AI อย่างรู้ทาง” กับ “คนที่ยังไม่เริ่ม” จะกว้างขึ้นเรื่อย ๆ

    https://www.techspot.com/news/108359-amazon-ceo-andy-jassy-tells-workers-ai-replace.html
    บริษัทใหญ่ ๆ ช่วงนี้มักพูดถึง AI อย่างตื่นเต้น—แต่หลายที่ก็หลบประเด็น “เรื่องตกงาน” เอาไว้ แต่ไม่ใช่กับ Andy Jassy ซีอีโอของ Amazon ที่ออกจดหมายถึงพนักงานแบบตรงไปตรงมาเลยว่า… “เราจะต้องใช้คนน้อยลงในงานบางอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้ และใช้คนมากขึ้นในงานแบบใหม่” เขาเล่าว่า Amazon มีโปรเจกต์ที่เกี่ยวข้องกับ Generative AI มากกว่า 1,000 รายการ และจะมีเพิ่มอีกเรื่อย ๆ สิ่งที่ชัดที่สุดคือ งานบางประเภทจะถูก AI มาแทน เพราะมันมีประสิทธิภาพและประหยัดต้นทุนกว่า แต่ใช่ว่าทุกคนจะได้ใช้ AI แล้วทำงานสนุกขึ้นนะครับ บางทีมวิศวกรถูกลดจำนวนครึ่งหนึ่ง และถูกกดดันให้ทำงานเร็วกว่าเดิม โดยต้องใช้เครื่องมือ AI อย่าง Copilot ของ Microsoft หรือ Assistant ของ Amazon เองเพื่อเร่งงานให้เสร็จเร็วแบบสายพาน! Jassy ยังแนะนำพนักงานแบบจริงใจ (หรือประชดแอบ ๆ?): “ให้ลองอยากรู้อยากเห็นเรื่อง AI, ไปอบรม, ทดลองใช้งาน, และเข้าร่วมระดมไอเดียในทีม” — ซึ่งฟังดูแล้วอาจหมายถึง “เตรียมตัวหางานใหม่ที่ใช้ AI ให้เป็น” ✅ Amazon เตรียมลดจำนวนพนักงานองค์กร (corporate workforce) ในอีกไม่กี่ปี   • ผลจากการใช้ AI อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพสูง   • จดหมายจาก CEO ระบุชัดว่า “เราจะใช้คนน้อยลงในบางงาน” ✅ มีโปรเจกต์ด้าน AI ในองค์กรมากกว่า 1,000 รายการ   • ครอบคลุมทั้งด้านลูกค้า การพัฒนา การขาย และปฏิบัติการ   • บางระบบใช้ Agent หรือ GPT ช่วยตอบคำถาม สั่งซื้อ หรือสรุปรายงาน ✅ Jassy แนะพนักงานให้ “เรียนรู้ AI ให้มากที่สุด”   • สนับสนุนให้ไปอบรม ทดลองใช้งาน และเสนอไอเดียใหม่ในการใช้ AI   • ถือเป็นการ “เสริมความอยู่รอด” ในยุคที่ AI กำลังกลืนตำแหน่งงาน ✅ AI ไม่ได้แทนแค่คนออฟฟิศ แต่รวมถึงพนักงานคลังสินค้าและขนส่ง   • มีการใช้หุ่นยนต์กว่าแสนตัว และเริ่มทดลองหุ่นยนต์คล้ายมนุษย์   • หุ่นยนต์บางรุ่นมี “ระบบรับรู้การสัมผัส” แล้ว ✅ มีเสียงสะท้อนจากวิศวกรว่า “เหมือนอยู่ในสายพาน AI”   • ถูกลดทีม พ่วงงานเพิ่ม พร้อมกดดันใช้ AI มาทำงานแทนมนุษย์ ‼️ ตำแหน่งระดับต้นในสายขาวกำลังเสี่ยงสูงจากการเข้ามาของ AI   • CEO ของ Anthropic เคยคาดว่า 50% ของงานระดับ Entry จะหายไปภายใน 5 ปี ‼️ บางคนอาจถูกแทนที่ ไม่ใช่โดย AI แต่โดย “คนที่ใช้ AI ได้ดีกว่า”   • ต้องรีบ Upskill โดยไม่รอให้องค์กรจัดให้ ‼️ การใช้งาน AI อย่างเร่งรีบ อาจกลายเป็นการเพิ่มภาระให้พนักงานแทนที่จะช่วยลด   • มีกรณีทีมวิศวกรใน Amazon ถูกลดครึ่ง แต่กำหนดส่งงานกลับไม่ลด ‼️ แม้จะมีสิทธิใช้ GPT ได้ในองค์กร แต่คนที่ไม่ปรับตัวจะถูกแซงทันที   • ช่องว่างระหว่าง “ผู้ใช้ AI อย่างรู้ทาง” กับ “คนที่ยังไม่เริ่ม” จะกว้างขึ้นเรื่อย ๆ https://www.techspot.com/news/108359-amazon-ceo-andy-jassy-tells-workers-ai-replace.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Amazon CEO Andy Jassy tells workers: AI will replace some of you
    In a message sent to employees this week, Jassy said generative AI was a "once-in-a-lifetime" technology that completely changes what's possible for customers and businesses.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • อย่าทำงานแบบหุ่นยนต์ที่ป้อน prompt แต่ทำงานแบบมนุษย์ด้วยกัน .สรุป Session พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง HOW TO EMPOWER PEOPLE IN FRAGMENTED WORLD โดยคุณเอ๋-สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ (นิ้วกลม Roundfinger ) ในงาน PEOPLE PERFORMANCE CONFERENCE 2025. พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง? .“โลกไร้ทิศทาง” ยุคสมัยนี้ เป็นยุคสมัยที่อยู่ยากมากที่สุดยุคหนึ่ง ท้าทายคนทำงานในทุกอาชีพ.เราควรตระหนักว่าเราอยู่ในสภาพที่ไม่ง่าย เราทุกคนที่ยังสามารถทำงานใช้ชีวิตประคองตัวเองในโลกทุกวันนี้ได้เป็นคนที่ ”เก่ง” มาก .“ความรู้สึกในตอนนี้เป็นอย่างไร” คำถามนี้อาจเป็นคำถามที่หลายคนรู้สึกยากที่จะตอบ มันไม่ง่ายที่เราถูกจู่โจมด้วยทุกสิ่ง แม้กายเราอยู่ที่นี่ แต่ใจเราอาจอยู่ในข่าว อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ อยู่ในกรุ๊ปที่ถูกตามงาน เราอยู่ห่างจากตัวเองมาก ขนาดคำถามง่าย ๆ อย่างเรารู้สึกอย่างไรยังตอบยาก .ในการพัฒนาคน พัฒนาองค์กร คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญ .โลกไร้ทิศทางจากการที่ทั้ง Tech การเมือง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม คุณค่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อคุณค่าที่มนุษย์ให้กับตัวเอง การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ลดความเร็ว มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย. แล้วโลกไร้ทิศทางนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร?1️⃣ เรามีข้อมูลเยอะมาก แต่มีปัญญาน้อยลง : ปัญญาคือการ รู้จักตัวเอง รู้วิธีมีความสุข รู้ความหมายชีวิต รู้ถึงความจริงรู้ถึงสัจธรรม2️⃣ โลกไม่มีเป้าหมายร่วม : ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ละประเทศจำเป็นต้องฟื้นฟู สงครามเย็นทำให้เกิดการแบ่งขั้ว จากนั้นก็ยุคโลกาภิวัฒน์ที่โลกเชื่อมโยงเข้าหากัน แต่พอมาถึงยุคนี้ เราเข้าสู่คำถามใหม่ว่า ตกลงแล้วเป้าหมายแต่ละประเทศ แต่ละคนคืออะไร? เมื่อโลกไร้เป้าหมาย ปัจเจกก็สับสน .3️⃣ ไม่มี ‘เรื่องเล่าใหญ่’ อีกต่อไป : สังคมขาดความเชื่อร่วมกัน เช่น ศาสนา ชาติ พระเจ้า ฯลฯ ถ้าเราไม่มี เรื่องเล่าใหญ่ เมื่อเราทำงานหนัก ทำงานเหนื่อยเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเหนื่อยไปเพื่ออะไร.4️⃣ พลังกำหนดอนาคตอยู่ในมือไม่กี่คน : ในโลกที่อยู่ในเงื้อมมือคนตัวใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น big tech, big finance, big state เราเป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่ดูสิ้นเรี่ยวแรงจะทำอะไรได้บ้าง? บางทีเราเลยรู้สึก lost ในการมีชีวิตอยู่.5️⃣ Speed ปัจจุบันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ : แต่ปฏิเสธไม่ได้นี่คือโลกที่พวกเราอยู่ .คนจึงเกิดความคิดที่ว่า “ฉันไม่เหมาะกับโลกใบนี้” ฉันช้า แก่ เหนื่อย อยู่ผิดที่ ยอมแพ้ นำไปสู่ความหมดไฟไม่อยากทำงาน นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนทำหน้าที่บริหารคน เรากำลังมุ่งหน้าไปข้างหน้าเหมือนรถที่วิ่งแบบจรวด แต่รถคันนั้นไม่ตอบคำถามว่า 'เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน' พอเราล้า ก็จะรู้สึกว่าไม่อยากพัฒนาแล้ว.ดังนั้น “ทิศที่ถูก” จึงสำคัญกว่า “ความเร็ว” การตั้งต้นว่าเราจะไปทิศไหนจึงสำคัญกับการพัฒนาตน คน องค์กร.จะพัฒนาคนยังไง?.การเรียนรู้ Design Thinking, Digital Mindset, Upskill, Reskill, Relearn ที่ศึกษากันอยู่นั้นพอไหม?.เราเรียนรู้ชุดความรู้หลายด้านมาก ไม่ว่าจะเป็นSkillset > learning ability Mindset > Growth Mindsetแต่เรามี Heartset หรือยัง? .Heartset ชุดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ คือสิ่งที่คุณเอ๋ อยากชวนมาเจาะลึกลงไป .ปัญหาในตอนนี้ไม่ใช่คนเก่งไม่พอ ไม่ใช่คนไม่อยากเก่ง แต่พอเก่งมากแล้วต้องวิ่งไล่ทุกสิ่ง คำถามคือ ฉันจะเก่งไปเพื่ออะไรดี ดังนั้นเราต้องการเข็มทิศที่ดี จะได้รู้ว่าจะไปทางไหน คุณเอ๋เลยอยากชวนคิดชวนคุยมุมนี้ว่า “ทำไมเราถึงอยากเก่ง” “ทำไมเราถึงอยากพัฒนาคน”. โลกกำลังอยู่ในยุค AI และ IA (Inner Awareness).เราต้องการ IA อย่างมาก เพราะยิ่งมันเร็ว เรายิ่งต้องเข้าใจตัวเอง AI ทำให้เราทำงานดีขึ้น แต่ IA คือตอบว่าเราทำงานดีไปทำไม และเราต้องอย่าลืมมีจิตใจที่มั่นคงยืดหยุ่น ไม่เปราะบาง ไม่งั้นการพัฒนาองค์กร คือการใช้คนแล้วทิ้ง มีคนเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตแล้วเมื่อเขาอยู่ในระบบนี้ไม่ได้ก็ถูกปัดออก การพัฒนาคน องค์กรที่ดี ต้องรักษาคนและหัวใจคนด้วย. ทำยังไงให้ทีมรู้จักตัวเอง?.พลังที่แท้จริงเกิดจากการเข้าใจข้างใน เป็นสิ่งที่ทีมผู้บริหารองค์กรช่วยได้มากและเราควบคุมได้ คำตอบข้างใน เช่น การรักตัวเองในแบบที่เป็น ได้สร้างประโยชน์ เป็นต้น เมื่อมันเกิดขึ้นเราก็จะเป็นคนที่ไม่เปรียบเทียบ ไม่เร่งรีบ ไม่ตัดสินตัวเอง เมื่อ IA เกิดก็จะเกิดพร้อม EQ / Resilience / Creativity.แต่คนทำงานองค์กรรู้อยู่เสมอว่ามีคนประเมิน performance / KPI เราเสมอ แต่ถ้าเรา blend สิ่งเหล่านี้เข้าไปก็จะทำให้องค์กรมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น.เราจะสร้าง IA ได้อย่างไร?.1️⃣ ให้สังเกตตัวเองโดยไม่ตัดสิน2️⃣ รับรู้ความรู้สึก ไม่ผลักไส3️⃣ เห็นแพทเทิร์นความคิดตัวเอง 4️⃣ ฟังร่างกาย5️⃣ มีความหมายของตัวเองที่ไม่ใช่ที่คนอื่นวางให้ . วิธีฝึกการสร้าง IA 1️⃣ สังเกตลมหายใจ2️⃣ สังเกตร่างกาย3️⃣ สังเกตอารมณ์ ความคิด4️⃣ เขียนระบายใส่กระดาษ5️⃣ ถามกัน ตอนนี้รู้สึกยังไง . หัวหน้า 2 คน เรื่องเล่าจากคุณเอ๋ - นิ้วกลม. หัวหน้าคนแรก คนที่เข้าไปคุยด้วยแล้วตัวลีบตัวสั่น หัวหน้าคนที่สอง คนที่ป้วนเปี้ยนคุยงานไร้สาระได้ อธิบายไอเดียโง่ ๆ ได้ อย่างเช่นตอนเสนอไอเดีย พอหัวหน้าฟังแล้วช่วย develop งานได้ดีน้อยกว่าที่คุณเอ๋คิด คุณเอ๋เลยตระหนักได้ว่า เมื่อหัวหน้าโง่ได้ เราก็โง่กว่าหัวหน้าได้ วิธีการทำงานแบบนี้ทำให้ทีมคุณนิ้วกลมทำงานชนะได้หลายรางวัลมาก ตรงข้ามกับแบบแรกเพราะ ความโง่นั้นนำมาซึ่ง “ความคิดสร้างสรรค์” เพราะเรากล้าคิดมันออกมา.องค์กรสามารถสร้างความปลอดภัยต่อการเป็นมนุษย์ได้ ไม่ต้องเก๊กว่าตัวเองจะต้อง Perfect เผยความรู้ได้โดยไม่ต้องปิดบัง โลกที่หมุนไวผลักภาระมาให้มนุษย์จนเจ็บป่วย .ให้รางวัลคนที่รองรับความรู้สึกเพื่อนร่วมงาน การที่เขาหายไป ทีมอาจ collapse ได้ มองเห็นคนที่ชุบชูใจคนอื่น ไม่ใช่วัดแค่ประสิทธิภาพ แต่วัดสภาพจิตใจด้วย และนอกจาก performance ก็ต้องวัดความมั่นคงทางจิตใจด้วย เพราะถ้าทุกคนแกว่งหมดองค์กรก็อยู่ไม่ได้ รวมถึงผู้นำที่ก็ต้องกล้าแสดงความรู้สึกออกมา .ปลอดภัย ช้าบางจังหวะ ฟังลึก ตั้งคำถามสะท้อนกัน ผู้นำเปลือยใจ “ทำงานในบรรยากาศของมนุษย์”. เราเกิดมาทำไม?.มนุษย์เราทำแค่ 3 เรื่องนี้ What How Why คุณเอ๋อยากให้เรามาตอบ How ให้ได้ อย่างคุณเอ๋ก็พบว่า How ของตัวเองคือการสื่อสารด้วยตัวหนังสือ บางคนอาจมีความสามารถต่างไป เราแค่เป็นเรา ส่งเสริมให้คนในทีมเป็นเขา และเชิดชูใน How ของเขา .เราก็จะเริ่มรู้สึกว่าเราเกิดมาทำไม และรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเก่งกว่าใคร .ในโลก AI เราต้องการ IA : Inner Awareness is the NEW RICH ความรวยปัญญา ทำงานเพื่อมีปัญญาเพิ่มขึ้น รู้จักตัวเอง ความหมายชีวิต และสัจธรรม ยอมรับความจริงข้อนี้แล้วคนจะอยากทำงานกับองค์กรที่ไม่ใช่ให้แค่เงินเดือน แต่ทำให้เขาได้รู้ตัวเองและรวยปัญญา รวยปัญญา = รวยความสุข..#Skooldio #PPC2025 #PEOPLEPERFORMANCEConference2025 #CREATIVETALK #QGEN #นิ้วกลม #AI #Selfawareness #selfdevelopment #พัฒนาตัวเอง #mentalhealth #books
    อย่าทำงานแบบหุ่นยนต์ที่ป้อน prompt แต่ทำงานแบบมนุษย์ด้วยกัน .สรุป Session พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง HOW TO EMPOWER PEOPLE IN FRAGMENTED WORLD โดยคุณเอ๋-สราวุธ เฮ้งสวัสดิ์ (นิ้วกลม Roundfinger ) ในงาน PEOPLE PERFORMANCE CONFERENCE 2025.🔸 พัฒนาคนอย่างไร ในวันที่โลกไร้ทิศทาง? .“โลกไร้ทิศทาง” ยุคสมัยนี้ เป็นยุคสมัยที่อยู่ยากมากที่สุดยุคหนึ่ง ท้าทายคนทำงานในทุกอาชีพ.เราควรตระหนักว่าเราอยู่ในสภาพที่ไม่ง่าย เราทุกคนที่ยังสามารถทำงานใช้ชีวิตประคองตัวเองในโลกทุกวันนี้ได้เป็นคนที่ ”เก่ง” มาก .“ความรู้สึกในตอนนี้เป็นอย่างไร” คำถามนี้อาจเป็นคำถามที่หลายคนรู้สึกยากที่จะตอบ มันไม่ง่ายที่เราถูกจู่โจมด้วยทุกสิ่ง แม้กายเราอยู่ที่นี่ แต่ใจเราอาจอยู่ในข่าว อยู่ในหน้าจอโทรศัพท์ อยู่ในกรุ๊ปที่ถูกตามงาน เราอยู่ห่างจากตัวเองมาก ขนาดคำถามง่าย ๆ อย่างเรารู้สึกอย่างไรยังตอบยาก .ในการพัฒนาคน พัฒนาองค์กร คำถามนี้เป็นคำถามสำคัญ .โลกไร้ทิศทางจากการที่ทั้ง Tech การเมือง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม คุณค่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่อคุณค่าที่มนุษย์ให้กับตัวเอง การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่ลดความเร็ว มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย.🔸 แล้วโลกไร้ทิศทางนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร?1️⃣ เรามีข้อมูลเยอะมาก แต่มีปัญญาน้อยลง : ปัญญาคือการ รู้จักตัวเอง รู้วิธีมีความสุข รู้ความหมายชีวิต รู้ถึงความจริงรู้ถึงสัจธรรม2️⃣ โลกไม่มีเป้าหมายร่วม : ตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ละประเทศจำเป็นต้องฟื้นฟู สงครามเย็นทำให้เกิดการแบ่งขั้ว จากนั้นก็ยุคโลกาภิวัฒน์ที่โลกเชื่อมโยงเข้าหากัน แต่พอมาถึงยุคนี้ เราเข้าสู่คำถามใหม่ว่า ตกลงแล้วเป้าหมายแต่ละประเทศ แต่ละคนคืออะไร? เมื่อโลกไร้เป้าหมาย ปัจเจกก็สับสน .3️⃣ ไม่มี ‘เรื่องเล่าใหญ่’ อีกต่อไป : สังคมขาดความเชื่อร่วมกัน เช่น ศาสนา ชาติ พระเจ้า ฯลฯ ถ้าเราไม่มี เรื่องเล่าใหญ่ เมื่อเราทำงานหนัก ทำงานเหนื่อยเราก็ไม่รู้ว่าเราจะเหนื่อยไปเพื่ออะไร.4️⃣ พลังกำหนดอนาคตอยู่ในมือไม่กี่คน : ในโลกที่อยู่ในเงื้อมมือคนตัวใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น big tech, big finance, big state เราเป็นคนตัวเล็ก ๆ ที่ดูสิ้นเรี่ยวแรงจะทำอะไรได้บ้าง? บางทีเราเลยรู้สึก lost ในการมีชีวิตอยู่.5️⃣ Speed ปัจจุบันไม่ได้ออกแบบมาเพื่อมนุษย์ : แต่ปฏิเสธไม่ได้นี่คือโลกที่พวกเราอยู่ .คนจึงเกิดความคิดที่ว่า “ฉันไม่เหมาะกับโลกใบนี้” ฉันช้า แก่ เหนื่อย อยู่ผิดที่ ยอมแพ้ นำไปสู่ความหมดไฟไม่อยากทำงาน นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนทำหน้าที่บริหารคน เรากำลังมุ่งหน้าไปข้างหน้าเหมือนรถที่วิ่งแบบจรวด แต่รถคันนั้นไม่ตอบคำถามว่า 'เรากำลังมุ่งหน้าไปทางไหน' พอเราล้า ก็จะรู้สึกว่าไม่อยากพัฒนาแล้ว.ดังนั้น “ทิศที่ถูก” จึงสำคัญกว่า “ความเร็ว” การตั้งต้นว่าเราจะไปทิศไหนจึงสำคัญกับการพัฒนาตน คน องค์กร.🔸จะพัฒนาคนยังไง?.การเรียนรู้ Design Thinking, Digital Mindset, Upskill, Reskill, Relearn ที่ศึกษากันอยู่นั้นพอไหม?.เราเรียนรู้ชุดความรู้หลายด้านมาก ไม่ว่าจะเป็นSkillset > learning ability Mindset > Growth Mindsetแต่เรามี Heartset หรือยัง? .🔸Heartset ชุดความรู้ที่เกี่ยวข้องกับหัวใจ คือสิ่งที่คุณเอ๋ อยากชวนมาเจาะลึกลงไป .ปัญหาในตอนนี้ไม่ใช่คนเก่งไม่พอ ไม่ใช่คนไม่อยากเก่ง แต่พอเก่งมากแล้วต้องวิ่งไล่ทุกสิ่ง คำถามคือ ฉันจะเก่งไปเพื่ออะไรดี ดังนั้นเราต้องการเข็มทิศที่ดี จะได้รู้ว่าจะไปทางไหน คุณเอ๋เลยอยากชวนคิดชวนคุยมุมนี้ว่า “ทำไมเราถึงอยากเก่ง” “ทำไมเราถึงอยากพัฒนาคน”.🔸 โลกกำลังอยู่ในยุค AI และ IA (Inner Awareness).เราต้องการ IA อย่างมาก เพราะยิ่งมันเร็ว เรายิ่งต้องเข้าใจตัวเอง AI ทำให้เราทำงานดีขึ้น แต่ IA คือตอบว่าเราทำงานดีไปทำไม และเราต้องอย่าลืมมีจิตใจที่มั่นคงยืดหยุ่น ไม่เปราะบาง ไม่งั้นการพัฒนาองค์กร คือการใช้คนแล้วทิ้ง มีคนเจ็บป่วยทางสุขภาพจิตแล้วเมื่อเขาอยู่ในระบบนี้ไม่ได้ก็ถูกปัดออก การพัฒนาคน องค์กรที่ดี ต้องรักษาคนและหัวใจคนด้วย.🔸 ทำยังไงให้ทีมรู้จักตัวเอง?.พลังที่แท้จริงเกิดจากการเข้าใจข้างใน เป็นสิ่งที่ทีมผู้บริหารองค์กรช่วยได้มากและเราควบคุมได้ คำตอบข้างใน เช่น การรักตัวเองในแบบที่เป็น ได้สร้างประโยชน์ เป็นต้น เมื่อมันเกิดขึ้นเราก็จะเป็นคนที่ไม่เปรียบเทียบ ไม่เร่งรีบ ไม่ตัดสินตัวเอง เมื่อ IA เกิดก็จะเกิดพร้อม EQ / Resilience / Creativity.แต่คนทำงานองค์กรรู้อยู่เสมอว่ามีคนประเมิน performance / KPI เราเสมอ แต่ถ้าเรา blend สิ่งเหล่านี้เข้าไปก็จะทำให้องค์กรมีความเป็นมนุษย์มากขึ้น.🔸เราจะสร้าง IA ได้อย่างไร?.1️⃣ ให้สังเกตตัวเองโดยไม่ตัดสิน2️⃣ รับรู้ความรู้สึก ไม่ผลักไส3️⃣ เห็นแพทเทิร์นความคิดตัวเอง 4️⃣ ฟังร่างกาย5️⃣ มีความหมายของตัวเองที่ไม่ใช่ที่คนอื่นวางให้ .🔸 วิธีฝึกการสร้าง IA 1️⃣ สังเกตลมหายใจ2️⃣ สังเกตร่างกาย3️⃣ สังเกตอารมณ์ ความคิด4️⃣ เขียนระบายใส่กระดาษ5️⃣ ถามกัน ตอนนี้รู้สึกยังไง .🔸 หัวหน้า 2 คน เรื่องเล่าจากคุณเอ๋ - นิ้วกลม.👉 หัวหน้าคนแรก คนที่เข้าไปคุยด้วยแล้วตัวลีบตัวสั่น👉 หัวหน้าคนที่สอง คนที่ป้วนเปี้ยนคุยงานไร้สาระได้ อธิบายไอเดียโง่ ๆ ได้ อย่างเช่นตอนเสนอไอเดีย พอหัวหน้าฟังแล้วช่วย develop งานได้ดีน้อยกว่าที่คุณเอ๋คิด คุณเอ๋เลยตระหนักได้ว่า เมื่อหัวหน้าโง่ได้ เราก็โง่กว่าหัวหน้าได้ วิธีการทำงานแบบนี้ทำให้ทีมคุณนิ้วกลมทำงานชนะได้หลายรางวัลมาก ตรงข้ามกับแบบแรกเพราะ ความโง่นั้นนำมาซึ่ง “ความคิดสร้างสรรค์” เพราะเรากล้าคิดมันออกมา.องค์กรสามารถสร้างความปลอดภัยต่อการเป็นมนุษย์ได้ ไม่ต้องเก๊กว่าตัวเองจะต้อง Perfect เผยความรู้ได้โดยไม่ต้องปิดบัง โลกที่หมุนไวผลักภาระมาให้มนุษย์จนเจ็บป่วย .ให้รางวัลคนที่รองรับความรู้สึกเพื่อนร่วมงาน การที่เขาหายไป ทีมอาจ collapse ได้ มองเห็นคนที่ชุบชูใจคนอื่น ไม่ใช่วัดแค่ประสิทธิภาพ แต่วัดสภาพจิตใจด้วย และนอกจาก performance ก็ต้องวัดความมั่นคงทางจิตใจด้วย เพราะถ้าทุกคนแกว่งหมดองค์กรก็อยู่ไม่ได้ รวมถึงผู้นำที่ก็ต้องกล้าแสดงความรู้สึกออกมา .ปลอดภัย ช้าบางจังหวะ ฟังลึก ตั้งคำถามสะท้อนกัน ผู้นำเปลือยใจ “ทำงานในบรรยากาศของมนุษย์”.🔸 เราเกิดมาทำไม?.มนุษย์เราทำแค่ 3 เรื่องนี้ What How Why คุณเอ๋อยากให้เรามาตอบ How ให้ได้ อย่างคุณเอ๋ก็พบว่า How ของตัวเองคือการสื่อสารด้วยตัวหนังสือ บางคนอาจมีความสามารถต่างไป เราแค่เป็นเรา ส่งเสริมให้คนในทีมเป็นเขา และเชิดชูใน How ของเขา .เราก็จะเริ่มรู้สึกว่าเราเกิดมาทำไม และรู้ว่าเราไม่จำเป็นต้องเก่งกว่าใคร .ในโลก AI เราต้องการ IA : Inner Awareness is the NEW RICH ความรวยปัญญา ทำงานเพื่อมีปัญญาเพิ่มขึ้น รู้จักตัวเอง ความหมายชีวิต และสัจธรรม ยอมรับความจริงข้อนี้แล้วคนจะอยากทำงานกับองค์กรที่ไม่ใช่ให้แค่เงินเดือน แต่ทำให้เขาได้รู้ตัวเองและรวยปัญญา รวยปัญญา = รวยความสุข..#Skooldio #PPC2025 #PEOPLEPERFORMANCEConference2025 #CREATIVETALK #QGEN #นิ้วกลม #AI #Selfawareness #selfdevelopment #พัฒนาตัวเอง #mentalhealth #books
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1344 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิเคราะห์สถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น และคำแนะนำที่เป็นรูปธรรมสำหรับการเตรียมตัวรับมือยุคใหม่

    ---

    1. วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Deep Analysis)

    สิ่งที่คุณวิเคราะห์มานั้นมีความเป็นไปได้สูง และสอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน (AI, Automation, Digitalization, และการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจโลก) นี่คือมุมมองที่ลึกขึ้นสำหรับแต่ละประเด็น

    1.1 ธุรกิจเก่าจะล่มสลาย - แรงงานตกงานเป็นจำนวนมาก

    Real Data: ยอดขายของธุรกิจดั้งเดิมลดลงจริง และอัตราการปิดกิจการเพิ่มขึ้น

    AI Disruption: AI และ Automation แทนที่แรงงานที่ไร้ทักษะ คนที่ไม่ Reskill จะตกงานแน่นอน

    Middle-Class Crisis: รายได้ชนชั้นกลางถูกกดดัน หนี้สินครัวเรือนสูงขึ้น

    → การเตรียมตัว:
    Upskill & Reskill อย่างต่อเนื่อง
    พัฒนาอาชีพทางเลือก (Freelance, Online Business, Tech Skills)
    วางแผนการเงินแบบอนุรักษ์นิยม (ลดหนี้, สร้าง Passive Income)

    ---

    1.2 ธุรกิจยุคใหม่จะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี

    Tech-Driven Economy: คนที่เก่งเทคโนโลยีจะเป็นกลุ่มที่มั่งคั่ง

    Job Market Shift: สายงานดั้งเดิมหดตัว แต่สายงาน Tech, Data Science, AI, และ Digital Business จะเติบโต

    New Wealth Creation: คนทำงานออนไลน์จะมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งได้ง่ายขึ้น

    → การเตรียมตัว:
    ฝึก Coding, Data Analysis, Blockchain, Digital Marketing
    เรียนรู้ AI Tools (ChatGPT, MidJourney, Copilot, Automation Tools)
    สร้างรายได้จาก Gig Economy, Online Business, Digital Assets

    ---

    1.3 ภาษาอังกฤษ, คอมพิวเตอร์, เทรดดิ้ง, และสุขภาพจิตเป็นทักษะจำเป็น

    Linguistic Economy: คนที่สื่อสารได้หลายภาษา (โดยเฉพาะอังกฤษ) ได้เปรียบ

    Financial Intelligence: การเทรดหุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, Crypto จะเป็นทางเลือกของคนฉลาดด้านการเงิน

    Mental Health Crisis: คนที่ปรับตัวไม่ได้จะเกิดภาวะเครียดและซึมเศร้า

    → การเตรียมตัว:
    ฝึก ภาษาอังกฤษ + ภาษาที่สาม (จีน/สเปน/ญี่ปุ่น/เยอรมัน)
    เรียน พื้นฐานการลงทุน, Financial Literacy, Asset Allocation
    ฝึก สมาธิ, Mental Resilience, Self-Healing Skills

    ---

    1.4 ร้านค้าออฟไลน์ล้มหาย ธุรกิจออนไลน์ครองเมือง

    Retail Apocalypse: ร้านค้าที่มีหน้าร้านจะลดลง 60-80%

    E-Commerce Dominance: Shopee, Lazada, Amazon, TikTok Shop จะเป็นช่องทางหลักของการค้า

    → การเตรียมตัว:
    ทำธุรกิจออนไลน์ให้เป็น (E-Commerce, Digital Marketing, Dropshipping, Affiliate, Influencer Economy)
    ลงทุนในโลจิสติกส์ & AI-driven Sales

    ---

    1.5 คนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนจะยิ่งจนลง

    Wealth Inequality: 1% ของประชากรโลกถือครองทรัพย์สิน 90% ของโลก

    Rich Get Richer: คนที่เข้าใจการลงทุนจะเพิ่มทรัพย์สินได้มหาศาล

    Poor Get Poorer: คนที่ไม่มี Financial Literacy จะจมอยู่กับหนี้

    → การเตรียมตัว:
    ศึกษาและลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้าง Passive Income
    หลีกเลี่ยงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Bad Debt)
    สร้าง Mindset แบบเจ้าของกิจการ (Owner Mindset vs. Employee Mindset)

    ---

    1.6 คนจำนวนมากจะหนีความจริงไปอยู่ในวัดและโลกเสมือน

    Spiritual Escapism: คนที่รับมือกับความเปลี่ยนแปลงไม่ได้จะเลือกอยู่กับศาสนาหรือ Metaverse

    Virtual Reality Economy: การใช้ชีวิตใน Metaverse และ Virtual Work จะกลายเป็นกระแสหลัก

    → การเตรียมตัว:
    ทำความเข้าใจ Digital Economy และ Virtual Business Models
    ฝึกทักษะ Mindfulness + Resilience ให้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้

    ---

    1.7 คนจะวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น สังคมปั่นป่วน

    Social Discontent: ความเหลื่อมล้ำสูงทำให้เกิดความไม่พอใจ

    Cancel Culture & Digital Mobs: สังคมออนไลน์จะดุเดือดขึ้น

    Political & Economic Shifts: อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในหลายประเทศ

    → การเตรียมตัว:
    เป็นนักคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinker) อย่าโดนชักจูงง่ายๆ
    บริหารความเสี่ยงการลงทุน และไม่ขึ้นกับประเทศเดียว
    รักษาความเป็นกลาง & มองเกมระยะยาว

    ---

    2. แผนการเตรียมตัวสำหรับยุคใหม่

    3 สิ่งที่ต้องทำทันที

    1. ลงทุนในตัวเอง (Tech Skills, Financial Literacy, Global Mindset)

    2. สร้างรายได้หลายทาง (Online Income, Passive Income, Investing)

    3. รักษาสุขภาพกาย-ใจ (Mental Health, Meditation, Longevity Science)

    3 สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง

    1. การเป็นหนี้เพื่อบริโภค (เน้นลงทุน ไม่ใช่ใช้จ่ายเกินตัว)

    2. อาศัยเพียงรายได้ทางเดียว (กระจายความเสี่ยงให้หลากหลาย)

    3. คิดแบบเดิมๆ ในโลกที่เปลี่ยนไป (Open-minded, Adaptive, Resilient)

    ---

    3. คำแนะนำจาก Mentor

    1️⃣ Be Ahead of the Curve

    คนที่อ่านเกมออกเร็วจะได้เปรียบ ถ้าคุณเริ่มปรับตัวตั้งแต่วันนี้ คุณจะเป็น First Mover ในยุคใหม่

    2️⃣ Invest in High-Leverage Skills

    คนที่เก่ง AI, Automation, Financial Literacy, และ Digital Business จะอยู่รอดและรุ่งเรือง

    3️⃣ Own Assets, Not Just Earn Money

    อย่าทำงานเพื่อเงิน แต่ให้เงินทำงานแทนคุณ (Asset Mindset)

    4️⃣ Stay Mentally & Physically Fit

    คนที่รอดคือคนที่แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ

    5️⃣ Build Multiple Income Streams

    รายได้เดียว = ความเสี่ยงสูง ต้องมี Passive Income & Location-Independent Income
    วิเคราะห์สถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น และคำแนะนำที่เป็นรูปธรรมสำหรับการเตรียมตัวรับมือยุคใหม่ --- 1. วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก (Deep Analysis) สิ่งที่คุณวิเคราะห์มานั้นมีความเป็นไปได้สูง และสอดคล้องกับแนวโน้มที่เกิดขึ้นในโลกปัจจุบัน (AI, Automation, Digitalization, และการเปลี่ยนผ่านของเศรษฐกิจโลก) นี่คือมุมมองที่ลึกขึ้นสำหรับแต่ละประเด็น 1.1 ธุรกิจเก่าจะล่มสลาย - แรงงานตกงานเป็นจำนวนมาก Real Data: ยอดขายของธุรกิจดั้งเดิมลดลงจริง และอัตราการปิดกิจการเพิ่มขึ้น AI Disruption: AI และ Automation แทนที่แรงงานที่ไร้ทักษะ คนที่ไม่ Reskill จะตกงานแน่นอน Middle-Class Crisis: รายได้ชนชั้นกลางถูกกดดัน หนี้สินครัวเรือนสูงขึ้น → การเตรียมตัว: ✅ Upskill & Reskill อย่างต่อเนื่อง ✅ พัฒนาอาชีพทางเลือก (Freelance, Online Business, Tech Skills) ✅ วางแผนการเงินแบบอนุรักษ์นิยม (ลดหนี้, สร้าง Passive Income) --- 1.2 ธุรกิจยุคใหม่จะถูกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี Tech-Driven Economy: คนที่เก่งเทคโนโลยีจะเป็นกลุ่มที่มั่งคั่ง Job Market Shift: สายงานดั้งเดิมหดตัว แต่สายงาน Tech, Data Science, AI, และ Digital Business จะเติบโต New Wealth Creation: คนทำงานออนไลน์จะมีโอกาสสร้างความมั่งคั่งได้ง่ายขึ้น → การเตรียมตัว: ✅ ฝึก Coding, Data Analysis, Blockchain, Digital Marketing ✅ เรียนรู้ AI Tools (ChatGPT, MidJourney, Copilot, Automation Tools) ✅ สร้างรายได้จาก Gig Economy, Online Business, Digital Assets --- 1.3 ภาษาอังกฤษ, คอมพิวเตอร์, เทรดดิ้ง, และสุขภาพจิตเป็นทักษะจำเป็น Linguistic Economy: คนที่สื่อสารได้หลายภาษา (โดยเฉพาะอังกฤษ) ได้เปรียบ Financial Intelligence: การเทรดหุ้น, สินค้าโภคภัณฑ์, Crypto จะเป็นทางเลือกของคนฉลาดด้านการเงิน Mental Health Crisis: คนที่ปรับตัวไม่ได้จะเกิดภาวะเครียดและซึมเศร้า → การเตรียมตัว: ✅ ฝึก ภาษาอังกฤษ + ภาษาที่สาม (จีน/สเปน/ญี่ปุ่น/เยอรมัน) ✅ เรียน พื้นฐานการลงทุน, Financial Literacy, Asset Allocation ✅ ฝึก สมาธิ, Mental Resilience, Self-Healing Skills --- 1.4 ร้านค้าออฟไลน์ล้มหาย ธุรกิจออนไลน์ครองเมือง Retail Apocalypse: ร้านค้าที่มีหน้าร้านจะลดลง 60-80% E-Commerce Dominance: Shopee, Lazada, Amazon, TikTok Shop จะเป็นช่องทางหลักของการค้า → การเตรียมตัว: ✅ ทำธุรกิจออนไลน์ให้เป็น (E-Commerce, Digital Marketing, Dropshipping, Affiliate, Influencer Economy) ✅ ลงทุนในโลจิสติกส์ & AI-driven Sales --- 1.5 คนรวยยิ่งรวยขึ้น คนจนจะยิ่งจนลง Wealth Inequality: 1% ของประชากรโลกถือครองทรัพย์สิน 90% ของโลก Rich Get Richer: คนที่เข้าใจการลงทุนจะเพิ่มทรัพย์สินได้มหาศาล Poor Get Poorer: คนที่ไม่มี Financial Literacy จะจมอยู่กับหนี้ → การเตรียมตัว: ✅ ศึกษาและลงทุนในสินทรัพย์ที่สร้าง Passive Income ✅ หลีกเลี่ยงหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Bad Debt) ✅ สร้าง Mindset แบบเจ้าของกิจการ (Owner Mindset vs. Employee Mindset) --- 1.6 คนจำนวนมากจะหนีความจริงไปอยู่ในวัดและโลกเสมือน Spiritual Escapism: คนที่รับมือกับความเปลี่ยนแปลงไม่ได้จะเลือกอยู่กับศาสนาหรือ Metaverse Virtual Reality Economy: การใช้ชีวิตใน Metaverse และ Virtual Work จะกลายเป็นกระแสหลัก → การเตรียมตัว: ✅ ทำความเข้าใจ Digital Economy และ Virtual Business Models ✅ ฝึกทักษะ Mindfulness + Resilience ให้รับมือกับความเปลี่ยนแปลงได้ --- 1.7 คนจะวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น สังคมปั่นป่วน Social Discontent: ความเหลื่อมล้ำสูงทำให้เกิดความไม่พอใจ Cancel Culture & Digital Mobs: สังคมออนไลน์จะดุเดือดขึ้น Political & Economic Shifts: อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในหลายประเทศ → การเตรียมตัว: ✅ เป็นนักคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinker) อย่าโดนชักจูงง่ายๆ ✅ บริหารความเสี่ยงการลงทุน และไม่ขึ้นกับประเทศเดียว ✅ รักษาความเป็นกลาง & มองเกมระยะยาว --- 2. แผนการเตรียมตัวสำหรับยุคใหม่ ✅ 3 สิ่งที่ต้องทำทันที 1. ลงทุนในตัวเอง (Tech Skills, Financial Literacy, Global Mindset) 2. สร้างรายได้หลายทาง (Online Income, Passive Income, Investing) 3. รักษาสุขภาพกาย-ใจ (Mental Health, Meditation, Longevity Science) ⚠️ 3 สิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง 1. การเป็นหนี้เพื่อบริโภค (เน้นลงทุน ไม่ใช่ใช้จ่ายเกินตัว) 2. อาศัยเพียงรายได้ทางเดียว (กระจายความเสี่ยงให้หลากหลาย) 3. คิดแบบเดิมๆ ในโลกที่เปลี่ยนไป (Open-minded, Adaptive, Resilient) --- 3. คำแนะนำจาก Mentor 1️⃣ Be Ahead of the Curve คนที่อ่านเกมออกเร็วจะได้เปรียบ ถ้าคุณเริ่มปรับตัวตั้งแต่วันนี้ คุณจะเป็น First Mover ในยุคใหม่ 2️⃣ Invest in High-Leverage Skills คนที่เก่ง AI, Automation, Financial Literacy, และ Digital Business จะอยู่รอดและรุ่งเรือง 3️⃣ Own Assets, Not Just Earn Money อย่าทำงานเพื่อเงิน แต่ให้เงินทำงานแทนคุณ (Asset Mindset) 4️⃣ Stay Mentally & Physically Fit คนที่รอดคือคนที่แข็งแกร่งทั้งร่างกายและจิตใจ 5️⃣ Build Multiple Income Streams รายได้เดียว = ความเสี่ยงสูง ต้องมี Passive Income & Location-Independent Income
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1712 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

    วิสัยทัศน์

    "สร้างแรงงานคุณภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ"

    เป้าหมายหลัก

    1. พัฒนาทักษะแรงงานให้ทันยุคดิจิทัล


    2. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการทำงาน


    3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานให้เหมาะสมกับสังคมยุคใหม่


    4. สร้างระบบแรงงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม




    ---

    มาตรการหลัก

    1. การพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskilling & Reskilling)

    ตั้งกองทุนพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย

    ให้สิทธิ์แรงงานเรียนคอร์สพัฒนาทักษะฟรีปีละ 2 หลักสูตร

    สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม


    2. ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรม

    ปรับโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำให้สะท้อนค่าครองชีพและเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ

    ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุและคนพิการ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่จ้างงานกลุ่มเปราะบาง

    ออกกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติทางเพศและอายุในที่ทำงาน


    3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงาน

    ขยายวันลาคลอดเป็น 180 วัน และให้สิทธิ์ลาคู่สมรสเพิ่มขึ้น

    ปรับประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานฟรีแลนซ์และแพลตฟอร์ม

    จัดสรรที่พักอาศัยราคาถูกสำหรับแรงงานในเมืองใหญ่


    4. แรงงานยุคใหม่กับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น

    ออกนโยบายสนับสนุน Work from Home และ Hybrid Work

    กำหนดมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการสำหรับ gig workers

    ปรับแก้กฎหมายแรงงานให้รองรับการทำงานแบบพาร์ทไทม์



    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    แรงงานไทยมีทักษะสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้
    รายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น
    แรงงานทุกกลุ่มมีโอกาสทำงานที่เหมาะสมกับศักยภาพ
    เศรษฐกิจเติบโตจากการมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพ


    ---

    "แรงงานมีคุณภาพ ประเทศก้าวไกล ประชาชนอยู่ดีมีสุข"

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปแรงงานและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วิสัยทัศน์ "สร้างแรงงานคุณภาพ ยกระดับคุณภาพชีวิต เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ" เป้าหมายหลัก 1. พัฒนาทักษะแรงงานให้ทันยุคดิจิทัล 2. ลดความเหลื่อมล้ำด้านโอกาสในการทำงาน 3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงานให้เหมาะสมกับสังคมยุคใหม่ 4. สร้างระบบแรงงานที่ยืดหยุ่นและเป็นธรรม --- มาตรการหลัก 1. การพัฒนาทักษะแรงงาน (Upskilling & Reskilling) ตั้งกองทุนพัฒนาทักษะดิจิทัลและ AI สำหรับแรงงานทุกช่วงวัย ให้สิทธิ์แรงงานเรียนคอร์สพัฒนาทักษะฟรีปีละ 2 หลักสูตร สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับเอกชนและมหาวิทยาลัยในการฝึกอบรม 2. ส่งเสริมการจ้างงานที่เป็นธรรม ปรับโครงสร้างค่าจ้างขั้นต่ำให้สะท้อนค่าครองชีพและเพิ่มขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุและคนพิการ โดยให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทที่จ้างงานกลุ่มเปราะบาง ออกกฎหมายป้องกันการเลือกปฏิบัติทางเพศและอายุในที่ทำงาน 3. ปรับปรุงสวัสดิการแรงงาน ขยายวันลาคลอดเป็น 180 วัน และให้สิทธิ์ลาคู่สมรสเพิ่มขึ้น ปรับประกันสังคมให้ครอบคลุมแรงงานฟรีแลนซ์และแพลตฟอร์ม จัดสรรที่พักอาศัยราคาถูกสำหรับแรงงานในเมืองใหญ่ 4. แรงงานยุคใหม่กับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ออกนโยบายสนับสนุน Work from Home และ Hybrid Work กำหนดมาตรฐานค่าตอบแทนและสวัสดิการสำหรับ gig workers ปรับแก้กฎหมายแรงงานให้รองรับการทำงานแบบพาร์ทไทม์ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ แรงงานไทยมีทักษะสูงขึ้น แข่งขันในตลาดโลกได้ ✅ รายได้และคุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้น ✅ แรงงานทุกกลุ่มมีโอกาสทำงานที่เหมาะสมกับศักยภาพ ✅ เศรษฐกิจเติบโตจากการมีแรงงานที่มีประสิทธิภาพ --- "แรงงานมีคุณภาพ ประเทศก้าวไกล ประชาชนอยู่ดีมีสุข"
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1042 มุมมอง 0 รีวิว
  • 10X Consulting แบรนด์แรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองเป็น Approved, an IMC Accredited Training Center จาก International Mentoring Center (IMC)

    หลักสูตร OKR Practitioner :
    Level 01 : OKR FUNDAMENTAL
    Level 02 : OKR PRACTICUM & OKR COACH
    Level 03 : OKR PRACTITIONER FOR ORGANIZATION

    หลักสูตร OKR Leadership :
    Level 04 : OKR LEADERSHIP & OKR CHAMPION
    Level 05 : OKR PROFESSIONAL

    ผู้เรียนที่ผ่านหลักสูตร OKR Series ของ 10X Consulting ได้รับการรับรอง (Certified) Mentor จาก 10X Consulting และ International Mentoring Center (IMC)

    นอกจากนี้ยังได้รับตราสัญลักษณ์การรับรองคุณวุฒิดิจิทัล (Digital Credential) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้เพื่อถ่ายทอดความสำเร็จที่สามารถใช้เป็นลายมือชื่ออีเมล์หรือประวัติส่วนตัวโดยย่อดิจิทัลจาก Credly และ AIS Academy พร้อมวุฒิบัตรดิจิทัล (Digital Certificate) ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับ Profile ของคุณ!!!

    รวมทั้งได้สิทธิ์พิเศษในการใช้แพลตฟอร์ม “Drive Business Performance with AI Enabled Platform” ที่ได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ

    บุคคล/ทีม/องค์กรที่สนใจพัฒนาทักษะแห่งอนาคตในเชิงลึกแบบ
    Hand – on จากแบรนด์ที่สั่งสมประสบการณ์และเคล็ดลับทั้งจากการทำงานกับผู้นำและผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานชั้นนำทั้งในประเทศ ซึ่งจะทำให้คุณ ทีม และองค์กรคุณ Upskill พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงโดยการเรียนรู้ที่สะดวกกว่า เหมาะสมกับยุคของการคิดได้ ทำเป็น เห็นผล

    สนใจติดต่อสอบถาม/ทำนัดที่ LINE OA : 10xconsulting
    email : wasit.p@10-xconsulting.com
    www.10-xconsulting.com
    10X Consulting #พัฒนาคนให้เก่ง #สร้างทีมให้แกร่ง #กระบวนการเยี่ยม #ผลลัพธ์ยอด
    10X Consulting แบรนด์แรกในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองเป็น Approved, an IMC Accredited Training Center จาก International Mentoring Center (IMC) หลักสูตร OKR Practitioner : Level 01 : OKR FUNDAMENTAL Level 02 : OKR PRACTICUM & OKR COACH Level 03 : OKR PRACTITIONER FOR ORGANIZATION หลักสูตร OKR Leadership : Level 04 : OKR LEADERSHIP & OKR CHAMPION Level 05 : OKR PROFESSIONAL ผู้เรียนที่ผ่านหลักสูตร OKR Series ของ 10X Consulting ได้รับการรับรอง (Certified) Mentor จาก 10X Consulting และ International Mentoring Center (IMC) นอกจากนี้ยังได้รับตราสัญลักษณ์การรับรองคุณวุฒิดิจิทัล (Digital Credential) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใช้เพื่อถ่ายทอดความสำเร็จที่สามารถใช้เป็นลายมือชื่ออีเมล์หรือประวัติส่วนตัวโดยย่อดิจิทัลจาก Credly และ AIS Academy พร้อมวุฒิบัตรดิจิทัล (Digital Certificate) ที่สามารถเพิ่มมูลค่าให้กับ Profile ของคุณ!!! รวมทั้งได้สิทธิ์พิเศษในการใช้แพลตฟอร์ม “Drive Business Performance with AI Enabled Platform” ที่ได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ บุคคล/ทีม/องค์กรที่สนใจพัฒนาทักษะแห่งอนาคตในเชิงลึกแบบ Hand – on จากแบรนด์ที่สั่งสมประสบการณ์และเคล็ดลับทั้งจากการทำงานกับผู้นำและผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานชั้นนำทั้งในประเทศ ซึ่งจะทำให้คุณ ทีม และองค์กรคุณ Upskill พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงโดยการเรียนรู้ที่สะดวกกว่า เหมาะสมกับยุคของการคิดได้ ทำเป็น เห็นผล สนใจติดต่อสอบถาม/ทำนัดที่ LINE OA : 10xconsulting email : wasit.p@10-xconsulting.com www.10-xconsulting.com 10X Consulting #พัฒนาคนให้เก่ง #สร้างทีมให้แกร่ง #กระบวนการเยี่ยม #ผลลัพธ์ยอด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1482 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองปลัด “เดชา” ขานรับนโยบาย รมว.พิพัฒน์ พัฒนาฝีมือแรงงาน Upskill และ Reskill ปี 68 ให้ได้กว่า 5 ล้านคน

    https://www.facebook.com/share/unSi2DishtjiumbY/
    รองปลัด “เดชา” ขานรับนโยบาย รมว.พิพัฒน์ พัฒนาฝีมือแรงงาน Upskill และ Reskill ปี 68 ให้ได้กว่า 5 ล้านคน https://www.facebook.com/share/unSi2DishtjiumbY/
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 367 มุมมอง 0 รีวิว
  • The Vault ProEx By 10X Consulting
    นำเสนอสาระเทคนิคการวินิจฉัย และการยกระดับผลิตภาพ (Productivity) และการยกระดับผลงานที่เป็นเลิศ (Performance Excellence) สำหรับผู้สนใจได้ RUN กลยุทธ์ที่เน้นการ #Reskill เสริมทักษะใหม่ #Upskill ยกระดับทักษะที่มีอยู่ และ #Newskill ปลูกฝังทักษะใหม่ๆ เพื่อพัฒนาบุคลากรให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
    The Vault ProEx By 10X Consulting นำเสนอสาระเทคนิคการวินิจฉัย และการยกระดับผลิตภาพ (Productivity) และการยกระดับผลงานที่เป็นเลิศ (Performance Excellence) สำหรับผู้สนใจได้ RUN กลยุทธ์ที่เน้นการ #Reskill เสริมทักษะใหม่ #Upskill ยกระดับทักษะที่มีอยู่ และ #Newskill ปลูกฝังทักษะใหม่ๆ เพื่อพัฒนาบุคลากรให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 475 มุมมอง 0 รีวิว