• แฉ!!..ฮั้วเลือก สว. มวยล้มต้มคนดู : คนเคาะข่าว 05-03-68

    ร่วมสนทนา สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา
    ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์

    #ฮั้วเลือกสว #มวยล้มต้มคนดู #เลือกตั้งสว #การเมืองไทย #คนเคาะข่าว #สมชายแสวงการ #วุฒิสภา #ประชาธิปไตยไทย #วิเคราะห์การเมือง #ข่าวการเมือง #เลือกตั้ง2568 #ThaiTimes #ตรวจสอบอำนาจ #Transparency #รัฐสภาไทย
    แฉ!!..ฮั้วเลือก สว. มวยล้มต้มคนดู : คนเคาะข่าว 05-03-68 ร่วมสนทนา สมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา ดำเนินรายการโดย กรองทอง เศรษฐสุทธิ์ #ฮั้วเลือกสว #มวยล้มต้มคนดู #เลือกตั้งสว #การเมืองไทย #คนเคาะข่าว #สมชายแสวงการ #วุฒิสภา #ประชาธิปไตยไทย #วิเคราะห์การเมือง #ข่าวการเมือง #เลือกตั้ง2568 #ThaiTimes #ตรวจสอบอำนาจ #Transparency #รัฐสภาไทย
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 206 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้

    1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

    รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)

    2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

    กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

    บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน


    สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

    เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ


    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

    พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง



    3. มาตรการเชิงรุก

    โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government

    ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

    ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)


    การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)

    มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต



    4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ

    ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)

    มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International


    5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน

    โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ

    การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต

    การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ


    ผลลัพธ์และความท้าทาย

    แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ

    หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
    นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI) 2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง 3. มาตรการเชิงรุก โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์) การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection) มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต 4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC) มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International 5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ ผลลัพธ์และความท้าทาย แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 443 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้

    1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

    รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)

    2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

    กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

    บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน


    สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

    เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ


    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

    พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง



    3. มาตรการเชิงรุก

    โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government

    ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

    ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)


    การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)

    มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต



    4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ

    ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)

    มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International


    5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน

    โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ

    การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต

    การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ


    ผลลัพธ์และความท้าทาย

    แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ

    หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย ผมสามารถค้นหาข้อมูลใหม่ให้ได้นะ

    นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI) 2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง 3. มาตรการเชิงรุก โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์) การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection) มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต 4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC) มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International 5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ ผลลัพธ์และความท้าทาย แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย ผมสามารถค้นหาข้อมูลใหม่ให้ได้นะ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 443 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทรัมป์ฟันฉับ! ตัดงบ USAID ทุบเครือข่าย Soros – สื่อฝ่ายค้านฮังการีสะดุ้ง!"

    เนื้อข่าว:
    สื่อต่อต้านรัฐบาลฮังการีกำลังร้อนเป็นไฟ หลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศจาก USAID และสถานทูตสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้เงินทุนที่เคยไหลเข้ากลุ่ม NGO และสื่อฮังการีที่เชื่อมโยงกับมหาเศรษฐี George Soros ต้องหยุดชะงัก สะท้อนให้เห็นว่าความ "อิสระ" ของพวกเขาอาจไม่ได้อยู่ที่อุดมการณ์…แต่อยู่ที่งบหนุนจากต่างชาติ

    "Soros หมดฤทธิ์! เมื่อเงินหนุนฝ่ายค้านฮังการีถูกตัดขาด"

    Balázs Orbán ผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองของนายกรัฐมนตรีฮังการี ได้แฉว่าหนึ่งในสื่อฝ่ายค้านรายใหญ่ของประเทศไม่พอใจอย่างหนัก หลังสูญเสียแหล่งทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ พร้อมตั้งคำถามว่า "สื่อที่ต้องพึ่งพาเงินจากรัฐบาลต่างชาติ จะเรียกว่าอิสระได้อย่างไร?"

    ด้าน Elon Musk นักธุรกิจพันล้านและที่ปรึกษาคนสนิทของทรัมป์ รีโพสต์ข้อความของ Orbán พร้อมซัดแรงว่า "ฝ่ายซ้ายสุดโต่งของสหรัฐฯ ใช้เงินภาษีของประชาชนเพื่ออุ้มพรรคการเมืองและสื่อฝ่ายซ้ายทั่วโลก!" ทำให้โพสต์นี้กลายเป็นกระแสร้อนในโลกออนไลน์

    "เครือข่าย Soros สะเทือน! USAID โดนทรัมป์เชือด"

    คำสั่งของทรัมป์ไม่ได้กระทบแค่สื่อฝ่ายค้าน แต่ยังส่งผลไปถึง NGO ฮังการีที่มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ George Soros ซึ่งเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนหลักผ่าน USAID และสถานทูตสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ David Pressman

    ก่อนหน้านี้ ในวันเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ สถานทูตสหรัฐฯ ที่บูดาเปสต์เคยประกาศแจกจ่ายงบกว่า 200 ล้านฟอรินต์ (ประมาณ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้กับกลุ่มสื่อและ NGO ผ่านโครงการ Free Media Tender ซึ่งขณะนี้ถูกสั่งระงับ สื่อที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่ 444, Jelen, G7, Magyar Hang และ Transparency International
    Mérték Media Monitor ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลโครงการนี้ยืนยันว่า "ใช่ โครงการนี้ถูกระงับแล้ว ตอนนี้เราได้แต่รอ ไม่มีการทำสัญญาหรือรับเงินเพิ่มเติม"

    "ตัดท่อน้ำเลี้ยง! สื่อและ NGO ในเครือข่าย Soros โดนเท"

    การระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศครั้งนี้ถือเป็นหมัดหนักที่โจมตีเครือข่ายของ Soros ซึ่งถูกวิจารณ์ว่ามีบทบาทสำคัญในการใช้เงินทุนเพื่อผลักดันแนวคิดเสรีนิยมทั่วโลก ทรัมป์เคยเตือนหลายครั้งว่า USAID ไม่ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเครื่องมือแทรกแซงทางการเมืองของฝ่ายซ้าย

    "ตัดเงินสนับสนุน = เปิดโปงความจริง!" ฝ่ายสนับสนุนทรัมป์มองว่านี่คือการคืนความโปร่งใสให้กับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ และลดการใช้เงินภาษีอุ้มกลุ่มการเมืองต่างชาติ ขณะที่ฝ่ายค้านฮังการีและ NGO ที่เคยได้รับทุนต่างออกมาโวยวายว่าการตัดงบนี้คือการทำลาย "ประชาธิปไตย"

    อย่างไรก็ตาม คำถามที่ชัดเจนขึ้นก็คือ "ถ้าต้องพึ่งเงิน Soros และรัฐบาลสหรัฐฯ มาตลอด... ยังกล้าเรียกตัวเองว่าสื่ออิสระหรือ?"

    .
    https://web.facebook.com/share/p/1WpNbXhfxE/
    "ทรัมป์ฟันฉับ! ตัดงบ USAID ทุบเครือข่าย Soros – สื่อฝ่ายค้านฮังการีสะดุ้ง!" เนื้อข่าว: สื่อต่อต้านรัฐบาลฮังการีกำลังร้อนเป็นไฟ หลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศจาก USAID และสถานทูตสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้เงินทุนที่เคยไหลเข้ากลุ่ม NGO และสื่อฮังการีที่เชื่อมโยงกับมหาเศรษฐี George Soros ต้องหยุดชะงัก สะท้อนให้เห็นว่าความ "อิสระ" ของพวกเขาอาจไม่ได้อยู่ที่อุดมการณ์…แต่อยู่ที่งบหนุนจากต่างชาติ "Soros หมดฤทธิ์! เมื่อเงินหนุนฝ่ายค้านฮังการีถูกตัดขาด" Balázs Orbán ผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองของนายกรัฐมนตรีฮังการี ได้แฉว่าหนึ่งในสื่อฝ่ายค้านรายใหญ่ของประเทศไม่พอใจอย่างหนัก หลังสูญเสียแหล่งทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ พร้อมตั้งคำถามว่า "สื่อที่ต้องพึ่งพาเงินจากรัฐบาลต่างชาติ จะเรียกว่าอิสระได้อย่างไร?" ด้าน Elon Musk นักธุรกิจพันล้านและที่ปรึกษาคนสนิทของทรัมป์ รีโพสต์ข้อความของ Orbán พร้อมซัดแรงว่า "ฝ่ายซ้ายสุดโต่งของสหรัฐฯ ใช้เงินภาษีของประชาชนเพื่ออุ้มพรรคการเมืองและสื่อฝ่ายซ้ายทั่วโลก!" ทำให้โพสต์นี้กลายเป็นกระแสร้อนในโลกออนไลน์ "เครือข่าย Soros สะเทือน! USAID โดนทรัมป์เชือด" คำสั่งของทรัมป์ไม่ได้กระทบแค่สื่อฝ่ายค้าน แต่ยังส่งผลไปถึง NGO ฮังการีที่มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ George Soros ซึ่งเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนหลักผ่าน USAID และสถานทูตสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ David Pressman ก่อนหน้านี้ ในวันเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ สถานทูตสหรัฐฯ ที่บูดาเปสต์เคยประกาศแจกจ่ายงบกว่า 200 ล้านฟอรินต์ (ประมาณ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้กับกลุ่มสื่อและ NGO ผ่านโครงการ Free Media Tender ซึ่งขณะนี้ถูกสั่งระงับ สื่อที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่ 444, Jelen, G7, Magyar Hang และ Transparency International Mérték Media Monitor ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลโครงการนี้ยืนยันว่า "ใช่ โครงการนี้ถูกระงับแล้ว ตอนนี้เราได้แต่รอ ไม่มีการทำสัญญาหรือรับเงินเพิ่มเติม" "ตัดท่อน้ำเลี้ยง! สื่อและ NGO ในเครือข่าย Soros โดนเท" การระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศครั้งนี้ถือเป็นหมัดหนักที่โจมตีเครือข่ายของ Soros ซึ่งถูกวิจารณ์ว่ามีบทบาทสำคัญในการใช้เงินทุนเพื่อผลักดันแนวคิดเสรีนิยมทั่วโลก ทรัมป์เคยเตือนหลายครั้งว่า USAID ไม่ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเครื่องมือแทรกแซงทางการเมืองของฝ่ายซ้าย "ตัดเงินสนับสนุน = เปิดโปงความจริง!" ฝ่ายสนับสนุนทรัมป์มองว่านี่คือการคืนความโปร่งใสให้กับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ และลดการใช้เงินภาษีอุ้มกลุ่มการเมืองต่างชาติ ขณะที่ฝ่ายค้านฮังการีและ NGO ที่เคยได้รับทุนต่างออกมาโวยวายว่าการตัดงบนี้คือการทำลาย "ประชาธิปไตย" อย่างไรก็ตาม คำถามที่ชัดเจนขึ้นก็คือ "ถ้าต้องพึ่งเงิน Soros และรัฐบาลสหรัฐฯ มาตลอด... ยังกล้าเรียกตัวเองว่าสื่ออิสระหรือ?" . https://web.facebook.com/share/p/1WpNbXhfxE/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • Bhulekh MP is a highly beneficial and user-friendly digital platform that enables the citizens of Madhya Pradesh to access land records online. It provides a seamless and transparent way for people to view details of their land, including ownership, land type, and historical information. This initiative significantly reduces the need for physical visits to government offices and ensures quicker resolution of land-related queries. The platform enhances transparency in the land management system and is a major step towards digitizing land records in the state. Bhulekh MP is especially useful for those looking to verify property details, track ownership changes, or settle land disputes. Additionally, it saves both time and effort for landowners, buyers, and government officials. As more people embrace digital tools, Bhulekh MP plays a crucial role in ensuring better governance and empowering citizens with the information they need for making informed decisions regarding land and property matters. https://bhulekhmp.net/
    Bhulekh MP is a highly beneficial and user-friendly digital platform that enables the citizens of Madhya Pradesh to access land records online. It provides a seamless and transparent way for people to view details of their land, including ownership, land type, and historical information. This initiative significantly reduces the need for physical visits to government offices and ensures quicker resolution of land-related queries. The platform enhances transparency in the land management system and is a major step towards digitizing land records in the state. Bhulekh MP is especially useful for those looking to verify property details, track ownership changes, or settle land disputes. Additionally, it saves both time and effort for landowners, buyers, and government officials. As more people embrace digital tools, Bhulekh MP plays a crucial role in ensuring better governance and empowering citizens with the information they need for making informed decisions regarding land and property matters. https://bhulekhmp.net/
    BHULEKHMP.NET
    MP Bhulekh 2025: मध्यप्रदेश भूलेख, खसरा / खतौनी B1, भू-नक्शा देखें [Online]
    MP Bhulekh पोर्टल एक वेब पोर्टल है जो मध्य प्रदेश सरकार द्वारा शुरू किया गया है | यहाँ राज्य के नागरिक अपनी भूमि से संबंधित सभी जानकारी प्राप्त कर सकते हैं |
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • Imagination Technologies ได้ตัดสินใจยุติธุรกิจ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V เพื่อมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา GPU และ AI บริษัทนี้เป็นที่รู้จักในวงการเทคโนโลยีว่ามี IP (Intellectual Property) หรือ "ทรัพย์สินทางปัญญา" ของ GPU มากมาย ที่ใช้โดยบริษัทต่างๆ ทั่วโลก แต่ในปี 2021 บริษัทได้ขยายธุรกิจด้วยการเปิดตัว RISC-V Catapult CPU IP เพื่อรองรับตลาดที่หลากหลายด้วยโซลูชัน CPU+GPU ที่ครบวงจร

    แต่ธุรกิจเหล่านี้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของบริษัท ทำให้ Imagination ตัดสินใจถอนตัวจากธุรกิจ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V และเพิ่มการลงทุนในกราฟิก, AI และการประมวลผลข้อมูลที่อุปกรณ์ปลายทาง ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับธุรกิจของตน

    แม้ว่า Imagination จะถอนตัวจากธุรกิจ CPU แต่บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนระบบนิเวศของ RISC-V โดยพร้อมที่จะทำงานร่วมกับนักพัฒนา CPU และ IP ของ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V เพื่อเป็นผู้ให้บริการ GPU ที่เลือกใช้สำหรับระบบนิเวศทั้งหมด

    การตัดสินใจของ Imagination ที่จะมุ่งเน้นไปที่ GPU นั้นมีความสำคัญเนื่องจากประวัติศาสตร์ของบริษัทกับ MIPS ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาซีพียูตามสถาปัตยกรรมของตนเอง และถูกซื้อกิจการโดย Imagination ในปี 2013 ก่อนที่จะถูกขายในปี 2017 และกลับมาเป็นผู้พัฒนาซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V ในปี 2020

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่องค์กร UK-China Transparency กล่าวหา Imagination Technologies และเจ้าของบริษัทซึ่งถูกควบคุมโดยรัฐบาลจีน ว่ามีส่วนช่วยในการถ่ายโอนทรัพย์สินทางปัญญาที่สำคัญของ Imagination ไปยังนักออกแบบ GPU ในจีน ได้แก่ Biren Technology, InnoSilicon และ Moore Threads. เทคโนโลยีเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าช่วยให้บริษัทจีนพัฒนา GPU ขั้นสูงที่สามารถใช้ในการพัฒนา AI, การทหาร และการประมวลผลขั้นสูงได้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/imagination-quits-risc-v-cpu-business-to-focus-on-gpus-and-ai
    Imagination Technologies ได้ตัดสินใจยุติธุรกิจ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V เพื่อมุ่งเน้นไปที่การพัฒนา GPU และ AI บริษัทนี้เป็นที่รู้จักในวงการเทคโนโลยีว่ามี IP (Intellectual Property) หรือ "ทรัพย์สินทางปัญญา" ของ GPU มากมาย ที่ใช้โดยบริษัทต่างๆ ทั่วโลก แต่ในปี 2021 บริษัทได้ขยายธุรกิจด้วยการเปิดตัว RISC-V Catapult CPU IP เพื่อรองรับตลาดที่หลากหลายด้วยโซลูชัน CPU+GPU ที่ครบวงจร แต่ธุรกิจเหล่านี้ไม่เป็นไปตามความคาดหวังของบริษัท ทำให้ Imagination ตัดสินใจถอนตัวจากธุรกิจ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V และเพิ่มการลงทุนในกราฟิก, AI และการประมวลผลข้อมูลที่อุปกรณ์ปลายทาง ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญสำหรับธุรกิจของตน แม้ว่า Imagination จะถอนตัวจากธุรกิจ CPU แต่บริษัทยังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนระบบนิเวศของ RISC-V โดยพร้อมที่จะทำงานร่วมกับนักพัฒนา CPU และ IP ของ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V เพื่อเป็นผู้ให้บริการ GPU ที่เลือกใช้สำหรับระบบนิเวศทั้งหมด การตัดสินใจของ Imagination ที่จะมุ่งเน้นไปที่ GPU นั้นมีความสำคัญเนื่องจากประวัติศาสตร์ของบริษัทกับ MIPS ซึ่งเป็นบริษัทที่พัฒนาซีพียูตามสถาปัตยกรรมของตนเอง และถูกซื้อกิจการโดย Imagination ในปี 2013 ก่อนที่จะถูกขายในปี 2017 และกลับมาเป็นผู้พัฒนาซีพียูที่ใช้สถาปัตยกรรม RISC-V ในปี 2020 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่องค์กร UK-China Transparency กล่าวหา Imagination Technologies และเจ้าของบริษัทซึ่งถูกควบคุมโดยรัฐบาลจีน ว่ามีส่วนช่วยในการถ่ายโอนทรัพย์สินทางปัญญาที่สำคัญของ Imagination ไปยังนักออกแบบ GPU ในจีน ได้แก่ Biren Technology, InnoSilicon และ Moore Threads. เทคโนโลยีเหล่านี้ถูกกล่าวหาว่าช่วยให้บริษัทจีนพัฒนา GPU ขั้นสูงที่สามารถใช้ในการพัฒนา AI, การทหาร และการประมวลผลขั้นสูงได้ https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/imagination-quits-risc-v-cpu-business-to-focus-on-gpus-and-ai
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 387 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานจาก UK-China Transparency organization ซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ข้อมูลที่โปร่งใสเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรและจีน ว่าบริษัท Imagination Technologies ของอังกฤษได้ส่งมอบเทคโนโลยี GPU ที่สำคัญให้กับบริษัทจีนหลายแห่ง เช่น Biren, InnoSilicon และ Moore Threads

    อีกทั้งยังกล่าวหาว่าผู้จัดการของ Imagination และนักลงทุน Canyon Bridge ซึ่งถูกควบคุมโดย China Reform ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลจีน ได้อำนวยความสะดวกในการถ่ายโอนทรัพย์สินทางเทคโนโลยีที่สำคัญไปยังบริษัทจีน เทคโนโลยีเหล่านี้อาจถูกใช้ในแอปพลิเคชันของรัฐบาลจีน, ทหาร, และหน่วยงานลับ

    แต่ทาง magination Technologies ปฏิเสธการกระทำผิดใดๆ และยืนยันว่าการทำงานร่วมกับลูกค้าจีนเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinese-gpu-designers-received-key-technologies-from-imagination-technology-report
    มีรายงานจาก UK-China Transparency organization ซึ่งเป็นองค์กรที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อให้ข้อมูลที่โปร่งใสเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างสหราชอาณาจักรและจีน ว่าบริษัท Imagination Technologies ของอังกฤษได้ส่งมอบเทคโนโลยี GPU ที่สำคัญให้กับบริษัทจีนหลายแห่ง เช่น Biren, InnoSilicon และ Moore Threads อีกทั้งยังกล่าวหาว่าผู้จัดการของ Imagination และนักลงทุน Canyon Bridge ซึ่งถูกควบคุมโดย China Reform ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลจีน ได้อำนวยความสะดวกในการถ่ายโอนทรัพย์สินทางเทคโนโลยีที่สำคัญไปยังบริษัทจีน เทคโนโลยีเหล่านี้อาจถูกใช้ในแอปพลิเคชันของรัฐบาลจีน, ทหาร, และหน่วยงานลับ แต่ทาง magination Technologies ปฏิเสธการกระทำผิดใดๆ และยืนยันว่าการทำงานร่วมกับลูกค้าจีนเป็นไปตามมาตรฐานอุตสาหกรรม https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/chinese-gpu-designers-received-key-technologies-from-imagination-technology-report
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Chinese GPU designers received key technologies from British company Imagination Technology: Report
    Biren, InnoSilicon, and Moore Threads could all use an ISA developed by Imagination.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • The Rajasthan SSO portal has transformed the way citizens, businesses, and government employees interact with the state government. By consolidating a multitude of services under a single platform, the portal has simplified access, reduced bureaucratic red tape, and enhanced transparency. The ease of use, security features, and wide-ranging services offered through the SSO ID have made it an essential tool for anyone seeking to engage with the government efficiently and effectively. https://ssoidportal.org/
    The Rajasthan SSO portal has transformed the way citizens, businesses, and government employees interact with the state government. By consolidating a multitude of services under a single platform, the portal has simplified access, reduced bureaucratic red tape, and enhanced transparency. The ease of use, security features, and wide-ranging services offered through the SSO ID have made it an essential tool for anyone seeking to engage with the government efficiently and effectively. https://ssoidportal.org/
    SSOIDPORTAL.ORG
    SSO Portal Rajasthan : SSO ID, SSO Login & Registration 2024
    SSO (Single Sign-On) Portal with ✅ SSO ID Registration and ✅ SSO ID Login. Complete Guide on Rajasthan SSO for beginner in Hindi (हिंदी).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 244 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧵บริษัทตะวันตกเข้ามาควบคุมที่ดินของยูเครนอย่างเงียบๆได้อย่างไร

    ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๐๒๔, การปฏิรูปที่ดินของยูเครนอนุญาตให้บริษัทในพื้นที่ซื้อที่ดินได้ แต่ห้ามชาวต่างชาติเข้าจนกว่าจะมีการลงประชามติ อย่างไรก็ตาม, บริษัทตะวันตกได้เข้ามาในตลาดอย่างเงียบๆ, โดยได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าของที่ดินรายใหญ่ ๕ รายในพื้นที่
    .
    รายชื่อผู้ถือหุ้นต่างชาติของบริษัทเกษตรกรรมชั้นนำของยูเครน, สถาบันโอ๊คแลนด์, ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา, อ้างถึงข้อมูลที่จำกัดและการขาดความโปร่งใสในบริษัทที่ขับเคลื่อนโดยกลุ่มผู้มีอำนาจในยูเครน, ซึ่งยังมีหนี้สินจำนวนมากต่อสถาบันการเงินในอเมริกาเหนือและยุโรป

    ใครคือเจ้าของที่ดินรายใหญ่ ๕ อันดับแรกของยูเครน และใครอยู่เบื้องหลังพวกเขา?
    .
    #๑ Kernel Holdings SA, จดทะเบียนในลักเซมเบิร์ก: ๓๖๓,๐๐๐ เฮกตาร์

    ภูมิภาคที่ดำเนินกิจกรรม, ตามเว็บไซต์ Ukrainian Latifundist: ภูมิภาค Ternopol, Odessa, Nikolaev, Kirovograd, Cherkasy, Poltava, Sumy, Chernigov, Kharkov, Dnepropetrovsk และ Khmelnytsky

    ผู้ถือหุ้นตามการศึกษาของ Oakland Institute ในปี ๒๐๒๓ ได้แก่:

    🔴 Namsen Ltd. (เป็นเจ้าของโดย Andriy Verevsky ผู้มีอำนาจในยูเครน) – ๔๒.๖๒%

    🔴 Kopernik Global Investors LLC, สหรัฐอเมริกา – ๓.๒%

    🔴 Heptagon Capital LLP, สหราชอาณาจักร – ๑.๙%

    🔴 Vanguard Group Inc., สหรัฐอเมริกา – ๑.๘๗%

    🔴 NN Investment Partners Holdings N.V., เนเธอร์แลนด์ – ซึ่งเป็นของ Goldman Sachs ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Vanguard, BlackRock และ State Street Global Advisors เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ ๑.๑๘ และผู้ถือหุ้นรายย่อยชาวต่างชาติรายอื่นๆ

    🔴 ตามเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Kernel ปัจจุบันหุ้นร้อยละ ๙๔.๓๗ เป็นของ Namsen LTD และร้อยละ ๕.๖๓ อยู่ในมือของนักลงทุนรายย่อย
    .
    #๒ MHP S.E., จดทะเบียนในไซปรัส: ๓๕๑,๖๐๐ เฮกตาร์

    ภูมิภาคที่ดำเนินการ: เคียฟ, เชอร์คาซี, โปลตาวา, ซูมี, ดนีโปรเปตรอฟสค์, โดเนตสค์, เคอร์ซอน, วินนิตซา, และอีวาโน-ฟรังคอฟสค์

    ผู้ถือหุ้น:

    🔴 ยูริ เอ. โคซิอุค มหาเศรษฐีชาวยูเครน (ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง) – ๕๙.๗%

    🔴 Kopernik Global Investors LLC, สหรัฐอเมริกา – ๓.๙%

    🔴 Norges Bank Investment Management, นอร์เวย์ – ๓.๑๑%

    🔴 Heptagon Capital LLP, สหราชอาณาจักร – ๒.๒๕%

    🔴 BNP Asset Management Holding, ฝรั่งเศส – ๑.๓๖% และอื่นๆ
    .
    #๓ UkrLandFarming PLC, จดทะเบียนในไซปรัส: ๓๓๐,๐๐๐ เฮกตาร์

    พื้นที่ที่ดำเนินการ: ที่ดินและบริษัทตั้งอยู่ใน ๒๒ ภูมิภาคของยูเครน

    ผู้ถือหุ้น:

    🔴 Oleg Bakhmatyuk มหาเศรษฐีชาวยูเครน – ๙๕%

    🔴 Cargill, US – ๕%
    .
    #๔ NCH Capital, จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา: ๒๙๐,๐๐๐ เฮกตาร์

    ภูมิภาคที่ดำเนินการ: ภูมิภาค Sumy, Chernigov, Kharkov, Poltava, Vinnytsa, Zhitomir, Khmelnytsky, Ternopol, Rovno, Volyn และ Lvov

    ผู้ถือหุ้น: NCH Capital เป็นบริษัททุนเอกชนที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินการในยูเครนผ่านบริษัท AgroProsperis
    .
    #๕ Astarta Holding, จดทะเบียนในเนเธอร์แลนด์: ๒๑๒,๐๐๐ เฮกตาร์

    ภูมิภาคที่ดำเนินการ: ภูมิภาค Poltava, Vinnytsa, Khmelnytsky, Ternopol, Chernigov และ Zhitomir

    ผู้ถือหุ้น:

    🔴 Viktor Ivanchyk มหาเศรษฐีชาวยูเครน (ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง) – ๔๑.๒๔%

    🔴 Hamblin Watsa Investment Counsel Ltd., แคนาดา – ๓๐.๘๔%

    🔴 Kopernik Global Investors LLC, สหรัฐอเมริกา – ๒.๗๒%

    🔴 Heptagon Capital LLP, สหราชอาณาจักร – ๑.๙๓%

    🔴 NN Investment Partners Holdings N.V, เนเธอร์แลนด์ (เป็นของ Goldman Sachs) – ๐.๔๖%

    🔴 และผู้ถือหุ้นรายย่อยชาวต่างชาติรายอื่นๆ
    .
    🧵HOW WESTERN COMPANIES ARE QUIETLY TAKING CONTROL OVER UKRAINE'S LAND

    From Jan 1, 2024, Ukraine's land reform allows local firms to buy land but bars foreigners until a referendum. However, Western companies have quietly entered the market, aided by top five local landowners.
    .
    Listing foreign shareholders of Ukrainian top agriculture firms, the Oakland Institute, a US-based think tank, refers to limited information and lack of transparency in the Ukrainian oligarch-driven companies, who are also highly indebted to North American and European financial institutions.

    Who are Ukraine's top five landowners and who is behind them?
    .
    #1 Kernel Holdings SA, registered in Luxembourg: 363,000 ha

    Regions of activity, according to the Ukrainian Latifundist website: Ternopol, Odessa, Nikolaev, Kirovograd, Cherkasy, Poltava, Sumy, Chernigov, Kharkov, Dnepropetrovsk and Khmelnytsky regions

    Shareholders, according to the Oakland Institute's 2023 study, include:

    🔴 Namsen Ltd. (owned by Ukrainian oligarch Andriy Verevsky) – 42.62%

    🔴 Kopernik Global Investors LLC, US – 3.2%

    🔴 Heptagon Capital LLP, UK – 1.9%

    🔴 Vanguard Group Inc., US – 1.87%

    🔴 NN Investment Partners Holdings N.V., Netherlands – which belongs to Goldman Sachs, which, in its turn lists Vanguard, BlackRock and State Street Global Advisors as its shareholders – 1.18% and other foreign minority shareholders

    🔴 According to Kernel's official website, 94.37% of its shares now belongs to Namsen LTD and 5.63% are in hands of private investors
    .
    #2 MHP S.E., registered Cyprus: 351,600 ha

    Active regions: Kiev, Cherkasy, Poltava, Sumy, Dnepropetrovsk, Donetsk, Kherson, Vinnytsa and Ivano-Frankovsk regions

    Shareholders:

    🔴 Ukrainian oligarch Yuriy A. Kosyuk (CEO and founder) – 59.7%

    🔴 Kopernik Global Investors LLC, US – 3.9%

    🔴 Norges Bank Investment Management, Norway – 3.11%

    🔴 Heptagon Capital LLP, UK – 2.25%

    🔴 BNP Asset Management Holding, France – 1.36% and others
    .
    #3 UkrLandFarming PLC, registered in Cyprus: 330,000 ha

    Active regions: Land and enterprises are located in 22 regions of Ukraine.

    Shareholders:

    🔴 Ukrainian oligarch Oleg Bakhmatyuk – 95%

    🔴 Cargill, US – 5%
    .
    #4 NCH Capital, registered in US: 290,000 ha

    Active regions: Sumy, Chernigov, Kharkov, Poltava, Vinnytsa, Zhitomir, Khmelnytsky, Ternopol, Rovno, Volyn and Lvov regions

    Shareholders: NCH Capital is a US-based private equity firm that operates in Ukraine through the company AgroProsperis
    .
    #5 Astarta Holding, registered in Netherlands: 212,000 ha

    Active regions: Poltava, Vinnytsa, Khmelnytsky, Ternopol, Chernigov and Zhitomir regions

    Shareholders:

    🔴 Ukrainian oligarch Viktor Ivanchyk (CEO and founder) – 41.24%

    🔴 Hamblin Watsa Investment Counsel Ltd., Canada – 30.84%

    🔴 Kopernik Global Investors LLC, US – 2.72%

    🔴 Heptagon Capital LLP, UK – 1.93%

    🔴 NN Investment Partners Holdings N.V, Netherlands (belongs to Goldman Sachs) – 0.46%

    🔴 and other foreign minority shareholders.
    .
    2:40 AM · Nov 26, 2024 · 4,673 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1861132785898893708
    🧵บริษัทตะวันตกเข้ามาควบคุมที่ดินของยูเครนอย่างเงียบๆได้อย่างไร ตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ๒๐๒๔, การปฏิรูปที่ดินของยูเครนอนุญาตให้บริษัทในพื้นที่ซื้อที่ดินได้ แต่ห้ามชาวต่างชาติเข้าจนกว่าจะมีการลงประชามติ อย่างไรก็ตาม, บริษัทตะวันตกได้เข้ามาในตลาดอย่างเงียบๆ, โดยได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าของที่ดินรายใหญ่ ๕ รายในพื้นที่ . รายชื่อผู้ถือหุ้นต่างชาติของบริษัทเกษตรกรรมชั้นนำของยูเครน, สถาบันโอ๊คแลนด์, ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา, อ้างถึงข้อมูลที่จำกัดและการขาดความโปร่งใสในบริษัทที่ขับเคลื่อนโดยกลุ่มผู้มีอำนาจในยูเครน, ซึ่งยังมีหนี้สินจำนวนมากต่อสถาบันการเงินในอเมริกาเหนือและยุโรป ใครคือเจ้าของที่ดินรายใหญ่ ๕ อันดับแรกของยูเครน และใครอยู่เบื้องหลังพวกเขา? . #๑ Kernel Holdings SA, จดทะเบียนในลักเซมเบิร์ก: ๓๖๓,๐๐๐ เฮกตาร์ ภูมิภาคที่ดำเนินกิจกรรม, ตามเว็บไซต์ Ukrainian Latifundist: ภูมิภาค Ternopol, Odessa, Nikolaev, Kirovograd, Cherkasy, Poltava, Sumy, Chernigov, Kharkov, Dnepropetrovsk และ Khmelnytsky ผู้ถือหุ้นตามการศึกษาของ Oakland Institute ในปี ๒๐๒๓ ได้แก่: 🔴 Namsen Ltd. (เป็นเจ้าของโดย Andriy Verevsky ผู้มีอำนาจในยูเครน) – ๔๒.๖๒% 🔴 Kopernik Global Investors LLC, สหรัฐอเมริกา – ๓.๒% 🔴 Heptagon Capital LLP, สหราชอาณาจักร – ๑.๙% 🔴 Vanguard Group Inc., สหรัฐอเมริกา – ๑.๘๗% 🔴 NN Investment Partners Holdings N.V., เนเธอร์แลนด์ – ซึ่งเป็นของ Goldman Sachs ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Vanguard, BlackRock และ State Street Global Advisors เป็นผู้ถือหุ้นร้อยละ ๑.๑๘ และผู้ถือหุ้นรายย่อยชาวต่างชาติรายอื่นๆ 🔴 ตามเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Kernel ปัจจุบันหุ้นร้อยละ ๙๔.๓๗ เป็นของ Namsen LTD และร้อยละ ๕.๖๓ อยู่ในมือของนักลงทุนรายย่อย . #๒ MHP S.E., จดทะเบียนในไซปรัส: ๓๕๑,๖๐๐ เฮกตาร์ ภูมิภาคที่ดำเนินการ: เคียฟ, เชอร์คาซี, โปลตาวา, ซูมี, ดนีโปรเปตรอฟสค์, โดเนตสค์, เคอร์ซอน, วินนิตซา, และอีวาโน-ฟรังคอฟสค์ ผู้ถือหุ้น: 🔴 ยูริ เอ. โคซิอุค มหาเศรษฐีชาวยูเครน (ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง) – ๕๙.๗% 🔴 Kopernik Global Investors LLC, สหรัฐอเมริกา – ๓.๙% 🔴 Norges Bank Investment Management, นอร์เวย์ – ๓.๑๑% 🔴 Heptagon Capital LLP, สหราชอาณาจักร – ๒.๒๕% 🔴 BNP Asset Management Holding, ฝรั่งเศส – ๑.๓๖% และอื่นๆ . #๓ UkrLandFarming PLC, จดทะเบียนในไซปรัส: ๓๓๐,๐๐๐ เฮกตาร์ พื้นที่ที่ดำเนินการ: ที่ดินและบริษัทตั้งอยู่ใน ๒๒ ภูมิภาคของยูเครน ผู้ถือหุ้น: 🔴 Oleg Bakhmatyuk มหาเศรษฐีชาวยูเครน – ๙๕% 🔴 Cargill, US – ๕% . #๔ NCH Capital, จดทะเบียนในสหรัฐอเมริกา: ๒๙๐,๐๐๐ เฮกตาร์ ภูมิภาคที่ดำเนินการ: ภูมิภาค Sumy, Chernigov, Kharkov, Poltava, Vinnytsa, Zhitomir, Khmelnytsky, Ternopol, Rovno, Volyn และ Lvov ผู้ถือหุ้น: NCH Capital เป็นบริษัททุนเอกชนที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งดำเนินการในยูเครนผ่านบริษัท AgroProsperis . #๕ Astarta Holding, จดทะเบียนในเนเธอร์แลนด์: ๒๑๒,๐๐๐ เฮกตาร์ ภูมิภาคที่ดำเนินการ: ภูมิภาค Poltava, Vinnytsa, Khmelnytsky, Ternopol, Chernigov และ Zhitomir ผู้ถือหุ้น: 🔴 Viktor Ivanchyk มหาเศรษฐีชาวยูเครน (ซีอีโอและผู้ก่อตั้ง) – ๔๑.๒๔% 🔴 Hamblin Watsa Investment Counsel Ltd., แคนาดา – ๓๐.๘๔% 🔴 Kopernik Global Investors LLC, สหรัฐอเมริกา – ๒.๗๒% 🔴 Heptagon Capital LLP, สหราชอาณาจักร – ๑.๙๓% 🔴 NN Investment Partners Holdings N.V, เนเธอร์แลนด์ (เป็นของ Goldman Sachs) – ๐.๔๖% 🔴 และผู้ถือหุ้นรายย่อยชาวต่างชาติรายอื่นๆ . 🧵HOW WESTERN COMPANIES ARE QUIETLY TAKING CONTROL OVER UKRAINE'S LAND From Jan 1, 2024, Ukraine's land reform allows local firms to buy land but bars foreigners until a referendum. However, Western companies have quietly entered the market, aided by top five local landowners. . Listing foreign shareholders of Ukrainian top agriculture firms, the Oakland Institute, a US-based think tank, refers to limited information and lack of transparency in the Ukrainian oligarch-driven companies, who are also highly indebted to North American and European financial institutions. Who are Ukraine's top five landowners and who is behind them? . #1 Kernel Holdings SA, registered in Luxembourg: 363,000 ha Regions of activity, according to the Ukrainian Latifundist website: Ternopol, Odessa, Nikolaev, Kirovograd, Cherkasy, Poltava, Sumy, Chernigov, Kharkov, Dnepropetrovsk and Khmelnytsky regions Shareholders, according to the Oakland Institute's 2023 study, include: 🔴 Namsen Ltd. (owned by Ukrainian oligarch Andriy Verevsky) – 42.62% 🔴 Kopernik Global Investors LLC, US – 3.2% 🔴 Heptagon Capital LLP, UK – 1.9% 🔴 Vanguard Group Inc., US – 1.87% 🔴 NN Investment Partners Holdings N.V., Netherlands – which belongs to Goldman Sachs, which, in its turn lists Vanguard, BlackRock and State Street Global Advisors as its shareholders – 1.18% and other foreign minority shareholders 🔴 According to Kernel's official website, 94.37% of its shares now belongs to Namsen LTD and 5.63% are in hands of private investors . #2 MHP S.E., registered Cyprus: 351,600 ha Active regions: Kiev, Cherkasy, Poltava, Sumy, Dnepropetrovsk, Donetsk, Kherson, Vinnytsa and Ivano-Frankovsk regions Shareholders: 🔴 Ukrainian oligarch Yuriy A. Kosyuk (CEO and founder) – 59.7% 🔴 Kopernik Global Investors LLC, US – 3.9% 🔴 Norges Bank Investment Management, Norway – 3.11% 🔴 Heptagon Capital LLP, UK – 2.25% 🔴 BNP Asset Management Holding, France – 1.36% and others . #3 UkrLandFarming PLC, registered in Cyprus: 330,000 ha Active regions: Land and enterprises are located in 22 regions of Ukraine. Shareholders: 🔴 Ukrainian oligarch Oleg Bakhmatyuk – 95% 🔴 Cargill, US – 5% . #4 NCH Capital, registered in US: 290,000 ha Active regions: Sumy, Chernigov, Kharkov, Poltava, Vinnytsa, Zhitomir, Khmelnytsky, Ternopol, Rovno, Volyn and Lvov regions Shareholders: NCH Capital is a US-based private equity firm that operates in Ukraine through the company AgroProsperis . #5 Astarta Holding, registered in Netherlands: 212,000 ha Active regions: Poltava, Vinnytsa, Khmelnytsky, Ternopol, Chernigov and Zhitomir regions Shareholders: 🔴 Ukrainian oligarch Viktor Ivanchyk (CEO and founder) – 41.24% 🔴 Hamblin Watsa Investment Counsel Ltd., Canada – 30.84% 🔴 Kopernik Global Investors LLC, US – 2.72% 🔴 Heptagon Capital LLP, UK – 1.93% 🔴 NN Investment Partners Holdings N.V, Netherlands (belongs to Goldman Sachs) – 0.46% 🔴 and other foreign minority shareholders. . 2:40 AM · Nov 26, 2024 · 4,673 Views https://x.com/SputnikInt/status/1861132785898893708
    Wow
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 893 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥 BLINKEN กำลังโดนโจมตีจาก "CRY SESSIONS" ที่กระทรวงการต่างประเทศ – รายงาน

    แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากมีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมบำบัดให้กับพนักงานที่รู้สึกไม่สบายใจกับชัยชนะในการเลือกตั้งของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในปี ๒๐๒๔ นักวิจารณ์ตั้งคำถามถึงการใช้เงินภาษีของประชาชนในการประชุมดังกล่าว, ซึ่งรายงานว่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้พนักงานรับมือกับการกลับมาดำรงตำแหน่งของทรัมป์

    💬 “พวกนี้เป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ! พวกเขาจะจัดการกับศัตรูต่างชาติอย่างไรหากพวกเขาไม่สามารถจัดการกับประชาธิปไตยได้?” เคย์ลีห์ แมคเอแนนี พิธีกรร่วมของ Fox News ถาม “รายงานฉบับใหม่ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศใช้เงินภาษีของประชาชน—เงินของคุณ—เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับการบำบัดพนักงานหลังจากที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะ พวกนี้เป็นพนักงานของรัฐบาลกลาง,” เธอกล่าวเสริม

    ✍️ ส.ส. ดาร์เรล อิสซา, จากรัฐแคลิฟอร์เนีย แสดงความกังวลในจดหมายถึงบลิงเคน โดยระบุว่า 🤣“เป็นเรื่องน่ากังวลที่เจ้าหน้าที่รัฐที่แม้จะเป็นกลางกลับต้องประสบกับวิกฤตส่วนตัวจากผลการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม, ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯผลักดันไปทั่วโลก”🤣

    ✍️ อิสซาวิพากษ์วิจารณ์ความคิดริเริ่มดังกล่าวเพิ่มเติม, โดยเขียนว่า, 🤣
    “ฉันกังวลที่กระทรวงกำลังเอาใจพนักงานของรัฐบาลกลาง ซึ่งรู้สึกหดหู่ใจกับการทำงานตามปกติของประชาธิปไตยในอเมริกาผ่านการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล เนื่องจาก กมลา แฮร์ริส ไม่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา”🤣

    ในจดหมายของเขา, อิสซายังเรียกร้องความโปร่งใสเกี่ยวกับเซสชันต่างๆ, รวมไปถึงค่าใช้จ่าย, วัสดุที่ใช้, และว่าเคยเกิดแนวทางปฏิบัติที่คล้ายคลึงกันในอดีตหรือไม่
    .
    🔥 BLINKEN UNDER FIRE FOR "CRY SESSIONS" AT THE STATE DEPARTMENT – REPORTS

    US Secretary of State Antony Blinken is under scrutiny following reports that the State Department organized therapy sessions for employees distressed by Donald Trump’s 2024 election victory. Critics are questioning the use of taxpayer funds for these sessions, which were reportedly aimed at helping staff cope with Trump’s return to office.

    💬 “These are foreign service officers of the United States! How do they handle foreign adversaries if they can’t handle democracy?” asked Fox News co-host Kayleigh McEnany. “A new report claims that the State Department used taxpayer dollars—your money—to fund therapy sessions for employees after Trump's win. These are federal employees,” she added.

    ✍️ Rep. Darrell Issa, R-Calif., expressed concern in a letter to Blinken, stating, “It is disturbing that ostensibly nonpartisan government officials would suffer a personal meltdown over the results of a free and fair election, something the United States champions around the world.”

    ✍️ Issa further criticized the initiative, writing, “I am concerned that the Department is catering to federal employees who are personally devastated by the normal functioning of American democracy through the provision of government-funded mental health counseling because Kamala Harris was not elected President of the United States.”

    In his letter, Issa also demanded transparency regarding the sessions, including their cost, materials used, and whether similar practices have occurred in the past.
    .
    10:27 AM · Nov 25, 2024 · 3,797 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1860888099116503049
    🔥 BLINKEN กำลังโดนโจมตีจาก "CRY SESSIONS" ที่กระทรวงการต่างประเทศ – รายงาน แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ หลังจากมีรายงานว่า กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมบำบัดให้กับพนักงานที่รู้สึกไม่สบายใจกับชัยชนะในการเลือกตั้งของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในปี ๒๐๒๔ นักวิจารณ์ตั้งคำถามถึงการใช้เงินภาษีของประชาชนในการประชุมดังกล่าว, ซึ่งรายงานว่ามีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยให้พนักงานรับมือกับการกลับมาดำรงตำแหน่งของทรัมป์ 💬 “พวกนี้เป็นเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ! พวกเขาจะจัดการกับศัตรูต่างชาติอย่างไรหากพวกเขาไม่สามารถจัดการกับประชาธิปไตยได้?” เคย์ลีห์ แมคเอแนนี พิธีกรร่วมของ Fox News ถาม “รายงานฉบับใหม่ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศใช้เงินภาษีของประชาชน—เงินของคุณ—เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับการบำบัดพนักงานหลังจากที่ทรัมป์ได้รับชัยชนะ พวกนี้เป็นพนักงานของรัฐบาลกลาง,” เธอกล่าวเสริม ✍️ ส.ส. ดาร์เรล อิสซา, จากรัฐแคลิฟอร์เนีย แสดงความกังวลในจดหมายถึงบลิงเคน โดยระบุว่า 🤣“เป็นเรื่องน่ากังวลที่เจ้าหน้าที่รัฐที่แม้จะเป็นกลางกลับต้องประสบกับวิกฤตส่วนตัวจากผลการเลือกตั้งที่เสรีและยุติธรรม, ซึ่งเป็นสิ่งที่สหรัฐฯผลักดันไปทั่วโลก”🤣 ✍️ อิสซาวิพากษ์วิจารณ์ความคิดริเริ่มดังกล่าวเพิ่มเติม, โดยเขียนว่า, 🤣 “ฉันกังวลที่กระทรวงกำลังเอาใจพนักงานของรัฐบาลกลาง ซึ่งรู้สึกหดหู่ใจกับการทำงานตามปกติของประชาธิปไตยในอเมริกาผ่านการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล เนื่องจาก กมลา แฮร์ริส ไม่ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา”🤣 ในจดหมายของเขา, อิสซายังเรียกร้องความโปร่งใสเกี่ยวกับเซสชันต่างๆ, รวมไปถึงค่าใช้จ่าย, วัสดุที่ใช้, และว่าเคยเกิดแนวทางปฏิบัติที่คล้ายคลึงกันในอดีตหรือไม่ . 🔥 BLINKEN UNDER FIRE FOR "CRY SESSIONS" AT THE STATE DEPARTMENT – REPORTS US Secretary of State Antony Blinken is under scrutiny following reports that the State Department organized therapy sessions for employees distressed by Donald Trump’s 2024 election victory. Critics are questioning the use of taxpayer funds for these sessions, which were reportedly aimed at helping staff cope with Trump’s return to office. 💬 “These are foreign service officers of the United States! How do they handle foreign adversaries if they can’t handle democracy?” asked Fox News co-host Kayleigh McEnany. “A new report claims that the State Department used taxpayer dollars—your money—to fund therapy sessions for employees after Trump's win. These are federal employees,” she added. ✍️ Rep. Darrell Issa, R-Calif., expressed concern in a letter to Blinken, stating, “It is disturbing that ostensibly nonpartisan government officials would suffer a personal meltdown over the results of a free and fair election, something the United States champions around the world.” ✍️ Issa further criticized the initiative, writing, “I am concerned that the Department is catering to federal employees who are personally devastated by the normal functioning of American democracy through the provision of government-funded mental health counseling because Kamala Harris was not elected President of the United States.” In his letter, Issa also demanded transparency regarding the sessions, including their cost, materials used, and whether similar practices have occurred in the past. . 10:27 AM · Nov 25, 2024 · 3,797 Views https://x.com/SputnikInt/status/1860888099116503049
    Like
    Haha
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 839 มุมมอง 0 รีวิว
  • วารสารถูกตั้งคำถามว่ามีความเที่ยงตรงหรือไม่?

    ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา วงการวิชาการ อาทิ แพทย์ วิทยาศาสตร์เป็นต้น จะให้ความเชื่อถือว่า บทความใดที่ตีพิมพ์ในวารสาร ที่เรียกว่า peer reviewed journal เป็นที่เชื่อถือได้
    เพราะมีคณะกรรมการที่อ่าน บทความ และพิจารณาหลักฐานที่มากระบวนการศึกษา และจะทำการให้ความเห็นว่า จะไม่รับ หรือรับ แต่มีเงื่อนไข ประเด็นต้องแก้ไขใหญ่ หรือเล็ก หรือต้องมีการทำการทดลองใหม่ในบางส่วนหรือไม่
    วารสารที่มีชื่อเหล่านี้จะถูกนำไปอ้างอิงในวงวิชาการต่างๆทำให้รับรู้กันทั่วไป

    ในการส่งบทความเพื่อ ไปตีพิมพ์ในวารสารนั้น
    ผู้วิจัยจะต้องประกาศว่ามีผลประโยชน์ใดหรือไม่อย่างไร กับ บริษัทผลิตภัณฑ์ ยา วัคซีน รวมทั้งได้ค่าตอบแทนในรูปลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา รับเงิน หรือสิ่งตอบแทน รวมค่าเดินทางค่าที่พัก เวลาไปบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ และเชื่อมโยงมาถึงการใช้ผลิตภัณฑ์หรือวัคซีนเป็นต้น

    แต่กรรมการผู้พิจารณา กลับไม่ต้องมีการแจงรายละเอียดชัดเจน เหล่านี้อาจมีเพียงแต่ว่า มีประเด็นที่ขัดแย้ง กับผู้ส่งบทความหรือผู้ทำวิจัย หรือไม่ หรือทำวิจัยในเรื่องเดียวกัน ที่อาจจะเป็นการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตนได้

    บทความนี้ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน (journal of American Medical Association JAMA) วันที่ 10 ตุลาคม 2024 ได้รายงานถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรรมการผู้พิจารณาบทความ (reviewers) ว่า แท้จริงแล้ว เกินครึ่งของบุคคลกรรมการเหล่านี้ ต่างได้รับเงินสนับสนุนในการศึกษาวิจัย หรือเงินสนับสนุนในด้านผลิตภัณฑ์เครื่องมือ ต่างๆ จากบริษัทที่ตรงมาเข้าบุคคลนั้น หรือที่เข้ามายังบุคคลนั้น และสถาบันที่บุคคลนั้นอยู่

    และเป็นประเด็นที่ตั้งคำถามถึง ความเที่ยงตรง integrity และ ความมีอิสระเที่ยงตรงในการตัดสิน ในการที่จะไม่รับ หรือรับตีพิมพ์บทความที่ส่งเข้ามา

    และหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ จากหลายสถาบัน ในต่างประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอังกฤษ ต่างให้ข้อมูลที่ตนเองประสบและถ่ายทอดในสื่อต่างๆโดยเฉพาะที่ประสบในช่วงโควิด
    ที่เกี่ยวข้องกับการไม่ให้ลงตีพิมพ์ การใช้ยาบางตัว ที่มีการทดสอบแล้วว่าได้ผลทั้งๆที่ราคาถูก เข้าถึงได้ และจนกระทั่งถึงงานที่ตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการถอดออก และ ที่สำคัญก็คือเรื่องผลกระทบของวัคซีนที่ ถึงชีวิตหรือพิการ
    วารสารที่ถูกเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ที่กรรมการพิจารณาบทความได้รับเงินสนับสนุน ต่างก็เป็นวารสารชั้นนำ เช่น British Medical journal Lancet New England journal เป็นต้น
    โดยมูลค่าของเงินสนับสนุนเหล่านี้มีจำนวนมากกว่า 1,000,000,000 เหรียญสหรัฐ

    สูตรสำเร็จ เช่น เมื่อมีการพูด ผลกระทบของวัคซีน จะมีกลุ่มที่ออกมาวิจารณ์ว่า ไม่ได้ลงตีพิมพ์ในวารสารชั้นดี หรือตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการสั่งถอดออกแสดงว่า เชื่อถือไม่ได้

    แม้กระทั่ง บทความเรื่องโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์หลังได้รับวัคซีนโควิดไปภายในช่วงสองสัปดาห์และเสียชีวิตภายในเวลาห้าเดือน จากคณะ ชองProf Luc Montagnier ซึ่งได้รับ รางวัล โนเบล จากการค้นพบไวรัสเอดส์ ถูกไม่รับพิจารณาในวารสาร จนกระทั่งตีพิมพ์ในวรสารในระดับรองลงมาและข้อมูลหลักฐานประกอบในบทความเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่คงเลือกได้ว่าน่าตื่นเต้นและประทับใจในการค้นพบและเชื่อมโยงการเกิดโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์กับวัคซีนได้อย่างชัดเจน

    https://jamanetwork.com/journals/jama/article-abstract/2824834?utm_source=substack&utm_medium=email

    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต

    เชื่อถือได้หรือ? “หมอธีระวัฒน์” เผยวารสารการแพทย์ชื่อดังปล่อย กก.พิจารณาบทความรับผลประโยชน์จากบริษัทยา https://mgronline.com/qol/detail/9670000100753





    Two years ago, we discussed the lack of evidence supporting the idea that peer review improves the quality of scientific research. 
    Peer review is meant to guarantee the publication of high-quality research and enhance the quality of published manuscripts. The process should involve independent experts evaluating and assessing research for its quality and reliability.
    However, a recent JAMA publication questions the integrity and independence of peer review. The research letter addresses the Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals.
    The authors identified peer reviewers for The BMJ, JAMA, The Lancet, and The New England Journal of Medicine (NEJM) using each journal’s 2022 reviewer list. They then used a US Open payments database to identify whether reviewers had received industry payments.
    What did they find?
    Between 2020 and 2022, 1155/1962 peer reviewers (59%) received at least one industry payment. More than half (54%) accepted general payments, while 32% received research payments.
    Between 2020 and 2022, reviewers received over $1.2 billion in industry payments, including $1 billion to individuals or their institutions. Over the three years, the median general payment was $7,614.  
    What does this mean?
    Journals such as the BMJ pride themselves on their competing interest policy. Readers should know the author's competing interests if they publish an article. They ask reviewers to provide a fair, honest, and unbiased assessment of the manuscript's strengths and weaknesses. But how is that possible if you're on the payroll of pharma?
    Furthermore, no one can identify who is being paid as there is no central database like the US where you can look up who is paying who. The voluntary nature of the system means companies can often conceal payments. For example, the drug industry’s self-regulatory body reprimanded  Novo Nordisk for failing to disclose approximately 500 payments worth £7.8m to over 150 recipients between 2020 and 2022.
    This latest publication further enhances the status of peer review: it is broken.
    A system that dates back over 200 years persists because no one can be bothered to address its shortcomings, and too many journals make hefty profits out of its inadequacies to affect the status quo.
    THE JAMA authors consider that ‘additional research and transparency regarding industry payments in the peer review process are needed.” We think this will be another smokescreen to permit the current system to limp on. 
    Editorial peer reviews are largely untested; their effects are uncertain and tainted by industry influence. The system needs a radical overhaul which starts with abandoning the current journal system that sucks in vast amounts of cash and distorts the research agenda.
    The main reasons for the survival of a broken system are tied to the biomedical publication industry. For editors, peer review is a Kevlar shield, a sloping shoulders device - “it ain’t me guv” cop-out clause. For academic authors who have to climb the greasy pole, it’s a system that works both ways; for industry and all those who have to sell something, it’s a cheap advert chance. You only need to read our Antivirals series to understand how the system works and how the public was sold and continues to sell dummies. Rotten decision-makers only have to point to ghost-written trials in mega journals to justify their decisions.
    You only have to look at our recent Zum Zum posts to see the devastating effects of this broken system. Or look up the Comirnaty series, which was written without data published in journals—it was regulatory data, the closest we are ever going to get to reality.
    This post was written by two old geezers who have been peer-viewed and have peer-reviewed countless times.
    Consider becoming a paid subscriber to receive new posts and support our work.

    October 10, 2024
    Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals
    David-Dan Nguyen, MDCM, MPH1,2; Anju Muramaya3,4; Anna-Lisa Nguyen, BHSc5; et al
    วารสารถูกตั้งคำถามว่ามีความเที่ยงตรงหรือไม่? ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา วงการวิชาการ อาทิ แพทย์ วิทยาศาสตร์เป็นต้น จะให้ความเชื่อถือว่า บทความใดที่ตีพิมพ์ในวารสาร ที่เรียกว่า peer reviewed journal เป็นที่เชื่อถือได้ เพราะมีคณะกรรมการที่อ่าน บทความ และพิจารณาหลักฐานที่มากระบวนการศึกษา และจะทำการให้ความเห็นว่า จะไม่รับ หรือรับ แต่มีเงื่อนไข ประเด็นต้องแก้ไขใหญ่ หรือเล็ก หรือต้องมีการทำการทดลองใหม่ในบางส่วนหรือไม่ วารสารที่มีชื่อเหล่านี้จะถูกนำไปอ้างอิงในวงวิชาการต่างๆทำให้รับรู้กันทั่วไป ในการส่งบทความเพื่อ ไปตีพิมพ์ในวารสารนั้น ผู้วิจัยจะต้องประกาศว่ามีผลประโยชน์ใดหรือไม่อย่างไร กับ บริษัทผลิตภัณฑ์ ยา วัคซีน รวมทั้งได้ค่าตอบแทนในรูปลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา รับเงิน หรือสิ่งตอบแทน รวมค่าเดินทางค่าที่พัก เวลาไปบรรยายในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ และเชื่อมโยงมาถึงการใช้ผลิตภัณฑ์หรือวัคซีนเป็นต้น แต่กรรมการผู้พิจารณา กลับไม่ต้องมีการแจงรายละเอียดชัดเจน เหล่านี้อาจมีเพียงแต่ว่า มีประเด็นที่ขัดแย้ง กับผู้ส่งบทความหรือผู้ทำวิจัย หรือไม่ หรือทำวิจัยในเรื่องเดียวกัน ที่อาจจะเป็นการนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ส่วนตนได้ บทความนี้ที่ตีพิมพ์ในวารสารสมาคมแพทย์อเมริกัน (journal of American Medical Association JAMA) วันที่ 10 ตุลาคม 2024 ได้รายงานถึงหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับกรรมการผู้พิจารณาบทความ (reviewers) ว่า แท้จริงแล้ว เกินครึ่งของบุคคลกรรมการเหล่านี้ ต่างได้รับเงินสนับสนุนในการศึกษาวิจัย หรือเงินสนับสนุนในด้านผลิตภัณฑ์เครื่องมือ ต่างๆ จากบริษัทที่ตรงมาเข้าบุคคลนั้น หรือที่เข้ามายังบุคคลนั้น และสถาบันที่บุคคลนั้นอยู่ และเป็นประเด็นที่ตั้งคำถามถึง ความเที่ยงตรง integrity และ ความมีอิสระเที่ยงตรงในการตัดสิน ในการที่จะไม่รับ หรือรับตีพิมพ์บทความที่ส่งเข้ามา และหลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์ จากหลายสถาบัน ในต่างประเทศ รวมทั้งในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และอังกฤษ ต่างให้ข้อมูลที่ตนเองประสบและถ่ายทอดในสื่อต่างๆโดยเฉพาะที่ประสบในช่วงโควิด ที่เกี่ยวข้องกับการไม่ให้ลงตีพิมพ์ การใช้ยาบางตัว ที่มีการทดสอบแล้วว่าได้ผลทั้งๆที่ราคาถูก เข้าถึงได้ และจนกระทั่งถึงงานที่ตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการถอดออก และ ที่สำคัญก็คือเรื่องผลกระทบของวัคซีนที่ ถึงชีวิตหรือพิการ วารสารที่ถูกเปิดเผยเรื่องเหล่านี้ ที่กรรมการพิจารณาบทความได้รับเงินสนับสนุน ต่างก็เป็นวารสารชั้นนำ เช่น British Medical journal Lancet New England journal เป็นต้น โดยมูลค่าของเงินสนับสนุนเหล่านี้มีจำนวนมากกว่า 1,000,000,000 เหรียญสหรัฐ สูตรสำเร็จ เช่น เมื่อมีการพูด ผลกระทบของวัคซีน จะมีกลุ่มที่ออกมาวิจารณ์ว่า ไม่ได้ลงตีพิมพ์ในวารสารชั้นดี หรือตีพิมพ์ไปแล้วแต่บรรณาธิการสั่งถอดออกแสดงว่า เชื่อถือไม่ได้ แม้กระทั่ง บทความเรื่องโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์หลังได้รับวัคซีนโควิดไปภายในช่วงสองสัปดาห์และเสียชีวิตภายในเวลาห้าเดือน จากคณะ ชองProf Luc Montagnier ซึ่งได้รับ รางวัล โนเบล จากการค้นพบไวรัสเอดส์ ถูกไม่รับพิจารณาในวารสาร จนกระทั่งตีพิมพ์ในวรสารในระดับรองลงมาและข้อมูลหลักฐานประกอบในบทความเป็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่คงเลือกได้ว่าน่าตื่นเต้นและประทับใจในการค้นพบและเชื่อมโยงการเกิดโรคคล้ายวัวบ้าในมนุษย์กับวัคซีนได้อย่างชัดเจน https://jamanetwork.com/journals/jama/article-abstract/2824834?utm_source=substack&utm_medium=email ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เชื่อถือได้หรือ? “หมอธีระวัฒน์” เผยวารสารการแพทย์ชื่อดังปล่อย กก.พิจารณาบทความรับผลประโยชน์จากบริษัทยา https://mgronline.com/qol/detail/9670000100753 Two years ago, we discussed the lack of evidence supporting the idea that peer review improves the quality of scientific research.  Peer review is meant to guarantee the publication of high-quality research and enhance the quality of published manuscripts. The process should involve independent experts evaluating and assessing research for its quality and reliability. However, a recent JAMA publication questions the integrity and independence of peer review. The research letter addresses the Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals. The authors identified peer reviewers for The BMJ, JAMA, The Lancet, and The New England Journal of Medicine (NEJM) using each journal’s 2022 reviewer list. They then used a US Open payments database to identify whether reviewers had received industry payments. What did they find? Between 2020 and 2022, 1155/1962 peer reviewers (59%) received at least one industry payment. More than half (54%) accepted general payments, while 32% received research payments. Between 2020 and 2022, reviewers received over $1.2 billion in industry payments, including $1 billion to individuals or their institutions. Over the three years, the median general payment was $7,614.   What does this mean? Journals such as the BMJ pride themselves on their competing interest policy. Readers should know the author's competing interests if they publish an article. They ask reviewers to provide a fair, honest, and unbiased assessment of the manuscript's strengths and weaknesses. But how is that possible if you're on the payroll of pharma? Furthermore, no one can identify who is being paid as there is no central database like the US where you can look up who is paying who. The voluntary nature of the system means companies can often conceal payments. For example, the drug industry’s self-regulatory body reprimanded  Novo Nordisk for failing to disclose approximately 500 payments worth £7.8m to over 150 recipients between 2020 and 2022. This latest publication further enhances the status of peer review: it is broken. A system that dates back over 200 years persists because no one can be bothered to address its shortcomings, and too many journals make hefty profits out of its inadequacies to affect the status quo. THE JAMA authors consider that ‘additional research and transparency regarding industry payments in the peer review process are needed.” We think this will be another smokescreen to permit the current system to limp on.  Editorial peer reviews are largely untested; their effects are uncertain and tainted by industry influence. The system needs a radical overhaul which starts with abandoning the current journal system that sucks in vast amounts of cash and distorts the research agenda. The main reasons for the survival of a broken system are tied to the biomedical publication industry. For editors, peer review is a Kevlar shield, a sloping shoulders device - “it ain’t me guv” cop-out clause. For academic authors who have to climb the greasy pole, it’s a system that works both ways; for industry and all those who have to sell something, it’s a cheap advert chance. You only need to read our Antivirals series to understand how the system works and how the public was sold and continues to sell dummies. Rotten decision-makers only have to point to ghost-written trials in mega journals to justify their decisions. You only have to look at our recent Zum Zum posts to see the devastating effects of this broken system. Or look up the Comirnaty series, which was written without data published in journals—it was regulatory data, the closest we are ever going to get to reality. This post was written by two old geezers who have been peer-viewed and have peer-reviewed countless times. Consider becoming a paid subscriber to receive new posts and support our work. October 10, 2024 Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals David-Dan Nguyen, MDCM, MPH1,2; Anju Muramaya3,4; Anna-Lisa Nguyen, BHSc5; et al
    JAMANETWORK.COM
    Payments by Drug and Medical Device Manufacturers to US Peer Reviewers of Major Medical Journals
    This study characterizes payments by drug and medical device manufacturers to US peer reviewers of major medical journals.
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 987 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥🔥 6 กันยายน 2567
    "วันต่อต้านการคอรัปชันแห่งชาติ"
    กับความท้าทายที่สำคัญของประเทศไทย
    ในการยกระดับ การปราบปราม การต่อต้าน
    การทุจริต คอรัปชั่น การต่อต้านโกง ในทุกรูปแบบ
    เพื่อยกระดับมาตรฐาน สร้างความโปร่งใส
    และภาพลักษณ์ที่ดีในการลงทุน
    ของในประเทศ และต่างประเทศ

    🚩โดยสำนักงาน คณะกรรมการการป้องกัน
    และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
    ได้เผยแพร่ข้อมูล ดัชนีการรับรู้การทุจริต
    (Corruption Perception Index : CPI)
    ประจำปี 2565 จัดทำโดยองค์กรความโปร่งใสแห่งชาติ
    (Transparency International : TI)
    จากประเทศที่ถูกจัดอันดับทั่วโลกทั้งสิ้น 180 ประเทศ
    พบประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 110 ของโลก
    ได้คะแนน 36 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน
    และเป็นอันดับที่ 5 ของอาเซียน รองจาก สิงคโปร์,
    มาเลเซีย, ติมอร์เลสเต และ เวียดนาม
    ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #วันต่อต้านการคอรัปชันแห่งชาติ
    #thaitimes
    🔥🔥 6 กันยายน 2567 "วันต่อต้านการคอรัปชันแห่งชาติ" กับความท้าทายที่สำคัญของประเทศไทย ในการยกระดับ การปราบปราม การต่อต้าน การทุจริต คอรัปชั่น การต่อต้านโกง ในทุกรูปแบบ เพื่อยกระดับมาตรฐาน สร้างความโปร่งใส และภาพลักษณ์ที่ดีในการลงทุน ของในประเทศ และต่างประเทศ 🚩โดยสำนักงาน คณะกรรมการการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ข้อมูล ดัชนีการรับรู้การทุจริต (Corruption Perception Index : CPI) ประจำปี 2565 จัดทำโดยองค์กรความโปร่งใสแห่งชาติ (Transparency International : TI) จากประเทศที่ถูกจัดอันดับทั่วโลกทั้งสิ้น 180 ประเทศ พบประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 110 ของโลก ได้คะแนน 36 คะแนน จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน และเป็นอันดับที่ 5 ของอาเซียน รองจาก สิงคโปร์, มาเลเซีย, ติมอร์เลสเต และ เวียดนาม ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #วันต่อต้านการคอรัปชันแห่งชาติ #thaitimes
    Like
    Yay
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 988 มุมมอง 0 รีวิว