• Wireshark 4.6.2: อัปเดตโปรโตคอลและไฟล์ Capture

    Wireshark 4.6.2 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลเครือข่าย ได้เพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่หลายตัว เช่น ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO และ OsmoTRXD รวมถึงการปรับปรุงการทำงานกับไฟล์ Capture เช่น Peektagged capture file เพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายมีความแม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น

    การแก้ไขบั๊กและปัญหาความปลอดภัย
    การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขบั๊กที่สำคัญ เช่น:
    แก้ปัญหา Crash ใน HTTP3 dissector
    แก้ Infinite loop ใน MEGACO dissector
    แก้ Regression จากเวอร์ชัน 4.6.1 ที่ทำให้ไฟล์ Omnipeek ใช้งานไม่ได้
    แก้ Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c (ber_open)
    แก้ปัญหา API/ABI compatibility ที่กระทบปลั๊กอินจากเวอร์ชันก่อนหน้า

    ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ Wireshark 4.6
    นอกจากการแก้ไขบั๊กแล้ว Wireshark 4.6 ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น เช่น:
    Plots dialog สำหรับสร้าง scatter plots ที่รองรับหลายกราฟพร้อมกัน
    การบีบอัด live captures ระหว่างการบันทึก
    การเขียน absolute time fields ในรูปแบบ ISO 8601 (UTC)
    การถอดรหัส NTP packets ด้วย NTS (Network Time Security)
    การขยายการถอดรหัส MACsec packets ด้วย SAK หรือ PSK
    การใช้หน่วย SI prefixes ใน TCP Stream Graph axes

    มุมมองเพิ่มเติมจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความต่อเนื่องของ Wireshark ในการเป็นเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลที่สำคัญที่สุดในโลกโอเพ่นซอร์ส โดยการเพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่และการแก้ไขบั๊กช่วยให้ผู้ใช้ทั้งในงานวิจัย, การพัฒนา, และการดูแลระบบเครือข่ายมั่นใจได้ว่ามีเครื่องมือที่ทันสมัยและปลอดภัย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การอัปเดตโปรโตคอลใหม่ใน Wireshark 4.6.2
    รองรับ ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO, OsmoTRXD

    การแก้ไขบั๊กสำคัญ
    Crash ใน HTTP3 dissector
    Infinite loop ใน MEGACO dissector
    Regression ที่ทำให้ Omnipeek files ใช้งานไม่ได้
    Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c

    ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ 4.6
    Plots dialog สำหรับ scatter plots
    การบีบอัด live captures
    การเขียนเวลาแบบ ISO 8601
    การถอดรหัส NTP และ MACsec packets

    คำเตือนต่อผู้ใช้
    หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเสี่ยงต่อบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัย
    ปลั๊กอินที่สร้างจากเวอร์ชันก่อนหน้าอาจไม่เข้ากันกับ API/ABI เดิม
    ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

    https://9to5linux.com/wireshark-4-6-2-is-out-to-update-protocol-capture-file-support-and-fix-more-bugs
    🛡️ Wireshark 4.6.2: อัปเดตโปรโตคอลและไฟล์ Capture Wireshark 4.6.2 ซึ่งเป็นรุ่นล่าสุดของเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลเครือข่าย ได้เพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่หลายตัว เช่น ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO และ OsmoTRXD รวมถึงการปรับปรุงการทำงานกับไฟล์ Capture เช่น Peektagged capture file เพื่อให้การวิเคราะห์ข้อมูลเครือข่ายมีความแม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น ⚙️ การแก้ไขบั๊กและปัญหาความปลอดภัย การอัปเดตครั้งนี้ยังแก้ไขบั๊กที่สำคัญ เช่น: 💠 แก้ปัญหา Crash ใน HTTP3 dissector 💠 แก้ Infinite loop ใน MEGACO dissector 💠 แก้ Regression จากเวอร์ชัน 4.6.1 ที่ทำให้ไฟล์ Omnipeek ใช้งานไม่ได้ 💠 แก้ Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c (ber_open) 💠 แก้ปัญหา API/ABI compatibility ที่กระทบปลั๊กอินจากเวอร์ชันก่อนหน้า 🔒 ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ Wireshark 4.6 นอกจากการแก้ไขบั๊กแล้ว Wireshark 4.6 ยังมีฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่น เช่น: 💠 Plots dialog สำหรับสร้าง scatter plots ที่รองรับหลายกราฟพร้อมกัน 💠 การบีบอัด live captures ระหว่างการบันทึก 💠 การเขียน absolute time fields ในรูปแบบ ISO 8601 (UTC) 💠 การถอดรหัส NTP packets ด้วย NTS (Network Time Security) 💠 การขยายการถอดรหัส MACsec packets ด้วย SAK หรือ PSK 💠 การใช้หน่วย SI prefixes ใน TCP Stream Graph axes 🌐 มุมมองเพิ่มเติมจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส การอัปเดตนี้สะท้อนถึงความต่อเนื่องของ Wireshark ในการเป็นเครื่องมือวิเคราะห์โปรโตคอลที่สำคัญที่สุดในโลกโอเพ่นซอร์ส โดยการเพิ่มการรองรับโปรโตคอลใหม่และการแก้ไขบั๊กช่วยให้ผู้ใช้ทั้งในงานวิจัย, การพัฒนา, และการดูแลระบบเครือข่ายมั่นใจได้ว่ามีเครื่องมือที่ทันสมัยและปลอดภัย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การอัปเดตโปรโตคอลใหม่ใน Wireshark 4.6.2 ➡️ รองรับ ATM PW, COSEM, DECT NR+, DMP, GTP, HTTP3, IEEE 802.15.4, ISOBUS, MAUSB, MEGACO, OsmoTRXD ✅ การแก้ไขบั๊กสำคัญ ➡️ Crash ใน HTTP3 dissector ➡️ Infinite loop ใน MEGACO dissector ➡️ Regression ที่ทำให้ Omnipeek files ใช้งานไม่ได้ ➡️ Stack buffer overflow ใน wiretap/ber.c ✅ ฟีเจอร์ใหม่ในซีรีส์ 4.6 ➡️ Plots dialog สำหรับ scatter plots ➡️ การบีบอัด live captures ➡️ การเขียนเวลาแบบ ISO 8601 ➡️ การถอดรหัส NTP และ MACsec packets ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ ⛔ หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเสี่ยงต่อบั๊กและช่องโหว่ความปลอดภัย ⛔ ปลั๊กอินที่สร้างจากเวอร์ชันก่อนหน้าอาจไม่เข้ากันกับ API/ABI เดิม ⛔ ผู้ใช้ควรอัปเดตทันทีเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ https://9to5linux.com/wireshark-4-6-2-is-out-to-update-protocol-capture-file-support-and-fix-more-bugs
    9TO5LINUX.COM
    Wireshark 4.6.2 Is Out to Update Protocol/Capture File Support and Fix More Bugs - 9to5Linux
    Wireshark 4.6.2 open-source network protocol analyzer is now available to download with various bug fixes and updated protocols.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • EPYC Embedded Venice (Zen 6)

    AMD เตรียมเปิดตัวซีรีส์ EPYC Embedded 9006 Venice ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC 2nm โดยรุ่น Embedded จะมีสูงสุด 96 คอร์ พร้อมรองรับ PCIe Gen6 และ DDR5/MRDIMM ถือเป็นรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพสูงสำหรับงานที่ต้องการพลังการประมวลผลมาก เช่น Data center ขนาดเล็ก, Edge computing และระบบ AI inference

    EPYC Embedded Fire Range (Zen 5)
    ซีรีส์ Fire Range Embedded 2005 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 สูงสุด 16 คอร์ รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5-5600 โดยใช้ die เดียวกับ Ryzen 9000HX ทำให้เหมาะกับงาน Networking, Storage และ Industrial platforms จุดเด่นคือการนำชิปเดสก์ท็อปมาใช้ใหม่ในตลาด Embedded เพื่อคุมต้นทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง

    EPYC Embedded Annapurna
    ตระกูล Annapurna ถูกออกแบบมาเพื่อ Network Control planes โดยเน้น ประสิทธิภาพต่อวัตต์และต่อราคา (perf/Watt, perf/$) เหมาะสำหรับ Switches, Routers, Security appliances และ Optical transport แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม แต่ชัดเจนว่าเป็นรุ่นที่เน้นการใช้งานในระบบเครือข่ายที่ต้องการความเสถียรและต้นทุนต่ำ

    แนวโน้มและการเปิดตัว
    AMD คาดว่าจะเปิดตัวไลน์อัพเหล่านี้ในช่วง ปี 2026–2027 เพื่อขยายตลาด Embedded ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับ Intel และ ARM-based solutions ในตลาดที่ต้องการทั้ง พลังการประมวลผลและการประหยัดพลังงาน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    EPYC Embedded Venice (Zen 6)
    สูงสุด 96 คอร์, PCIe Gen6, DDR5/MRDIMM, ผลิตบน TSMC 2nm

    EPYC Embedded Fire Range (Zen 5)
    สูงสุด 16 คอร์, PCIe Gen5, DDR5-5600, ใช้ die จาก Ryzen 9000HX

    EPYC Embedded Annapurna
    เน้น perf/Watt และ perf/$ สำหรับ Switches, Routers และ Security appliances

    ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม Annapurna
    ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก AMD

    การเปิดตัวจริงคาดในปี 2026–2027
    ตลาด Embedded จะเป็นสมรภูมิแข่งขันใหม่กับ Intel และ ARM

    https://wccftech.com/amd-epyc-9006-embedded-venice-cpus-96-zen-6-cores-embedded-2005-fire-range-annapurna/
    🖥️ EPYC Embedded Venice (Zen 6) AMD เตรียมเปิดตัวซีรีส์ EPYC Embedded 9006 Venice ที่ใช้สถาปัตยกรรม Zen 6 ผลิตบนเทคโนโลยี TSMC 2nm โดยรุ่น Embedded จะมีสูงสุด 96 คอร์ พร้อมรองรับ PCIe Gen6 และ DDR5/MRDIMM ถือเป็นรุ่นที่เน้นประสิทธิภาพสูงสำหรับงานที่ต้องการพลังการประมวลผลมาก เช่น Data center ขนาดเล็ก, Edge computing และระบบ AI inference 🔥 EPYC Embedded Fire Range (Zen 5) ซีรีส์ Fire Range Embedded 2005 ใช้สถาปัตยกรรม Zen 5 สูงสุด 16 คอร์ รองรับ PCIe Gen5 และ DDR5-5600 โดยใช้ die เดียวกับ Ryzen 9000HX ทำให้เหมาะกับงาน Networking, Storage และ Industrial platforms จุดเด่นคือการนำชิปเดสก์ท็อปมาใช้ใหม่ในตลาด Embedded เพื่อคุมต้นทุนแต่ยังคงประสิทธิภาพสูง 🌐 EPYC Embedded Annapurna ตระกูล Annapurna ถูกออกแบบมาเพื่อ Network Control planes โดยเน้น ประสิทธิภาพต่อวัตต์และต่อราคา (perf/Watt, perf/$) เหมาะสำหรับ Switches, Routers, Security appliances และ Optical transport แม้ AMD ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม แต่ชัดเจนว่าเป็นรุ่นที่เน้นการใช้งานในระบบเครือข่ายที่ต้องการความเสถียรและต้นทุนต่ำ ⚠️ แนวโน้มและการเปิดตัว AMD คาดว่าจะเปิดตัวไลน์อัพเหล่านี้ในช่วง ปี 2026–2027 เพื่อขยายตลาด Embedded ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยจะเป็นคู่แข่งสำคัญกับ Intel และ ARM-based solutions ในตลาดที่ต้องการทั้ง พลังการประมวลผลและการประหยัดพลังงาน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ EPYC Embedded Venice (Zen 6) ➡️ สูงสุด 96 คอร์, PCIe Gen6, DDR5/MRDIMM, ผลิตบน TSMC 2nm ✅ EPYC Embedded Fire Range (Zen 5) ➡️ สูงสุด 16 คอร์, PCIe Gen5, DDR5-5600, ใช้ die จาก Ryzen 9000HX ✅ EPYC Embedded Annapurna ➡️ เน้น perf/Watt และ perf/$ สำหรับ Switches, Routers และ Security appliances ‼️ ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดสถาปัตยกรรม Annapurna ⛔ ต้องรอติดตามข้อมูลเพิ่มเติมจาก AMD ‼️ การเปิดตัวจริงคาดในปี 2026–2027 ⛔ ตลาด Embedded จะเป็นสมรภูมิแข่งขันใหม่กับ Intel และ ARM https://wccftech.com/amd-epyc-9006-embedded-venice-cpus-96-zen-6-cores-embedded-2005-fire-range-annapurna/
    WCCFTECH.COM
    AMD EPYC "9006" Embedded Venice CPUs Rock Up To 96 "Zen 6" Cores & PCIe Gen6, EPYC Embedded 2005 "Fire Range" & Annapurna Families Confirmed Too
    AMD is preparing a range of EPYC Embedded family, such as Venice "Zen 6" series, Fire Range "Zen 5" series & Annapurna lineups.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความต้องการทองแดงพุ่งสูงจากศูนย์ข้อมูล AI

    การขยายตัวของ Hyperscale AI campuses ที่ใช้พลังงานมหาศาล (50–150 เมกะวัตต์ต่อไซต์) ทำให้ทองแดงถูกใช้ในปริมาณมหาศาล โดยเฉลี่ย 27–33 ตันต่อเมกะวัตต์ ส่งผลให้ไซต์ขนาด 100 เมกะวัตต์ต้องใช้ทองแดงหลายพันตัน นี่คือแรงกดดันใหม่ที่ทำให้ทองแดงกลายเป็น คอขวดสำคัญของอุตสาหกรรม AI

    ปัญหาการผลิตและเหมืองทองแดง
    หลายเหมืองทั่วโลกกำลังเจอปัญหา เช่น คุณภาพแร่ลดลงกว่า 40% ตั้งแต่ปี 1991 และการขยายเหมืองใหม่ถูกขัดขวางด้วยข้อพิพาททางกฎหมายและสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการ Resolution Copper ในรัฐแอริโซนา ที่ถูกชะลอเพราะพื้นที่ถูกมองว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่า Apache ทำให้การผลิตใหม่ยังต้องรออีกนาน

    ราคาทองแดงพุ่งสูงและตลาดตึงตัว
    ราคาทองแดงทะยานขึ้นกว่า 11,000 ดอลลาร์ต่อตัน จากราว 8,500 ดอลลาร์เมื่อสองปีก่อน ขณะที่สหรัฐฯ และยุโรปเริ่มจัดให้ทองแดงเป็น แร่ธาตุวิกฤต (critical mineral) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอุตสาหกรรม นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะยังสูงต่อเนื่องจนถึงปี 2026 เพราะการหยุดชะงักของเหมืองในอเมริกาใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    การรีไซเคิลและนโยบายใหม่
    เพื่อลดแรงกดดัน ตลาดกำลังหันไปพึ่ง การรีไซเคิลและการทำเหมืองในเมือง (urban mining) รวมถึงการใช้กองขยะเก่าที่เคยไม่คุ้มค่าในการสกัด แต่การสร้างโรงถลุงใหม่ยังคงช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้การแก้ปัญหายังไม่ทันต่อความต้องการที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ความต้องการทองแดงจากศูนย์ข้อมูล AI สูงมาก
    ใช้ 27–33 ตันต่อเมกะวัตต์, ไซต์ใหญ่ต้องใช้หลายพันตัน

    เหมืองทองแดงทั่วโลกผลิตไม่ทัน
    คุณภาพแร่ลดลง 40% และโครงการใหม่ถูกขัดขวาง

    ราคาทองแดงพุ่งทะลุ 11,000 ดอลลาร์ต่อตัน
    สหรัฐฯ และยุโรปจัดให้เป็นแร่ธาตุวิกฤต

    เสี่ยงขาดแคลนทองแดงในปี 2025–2035
    ปี 2025 ขาดแคลน 304,000 ตัน และปี 2035 ผลิตได้เพียง 70% ของความต้องการ

    การสร้างโรงถลุงใหม่ยังล่าช้าและแพง
    ทำให้การแก้ปัญหายังไม่ทันต่อความต้องการ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/ai-data-center-buildout-pushes-copper-toward-shortages-analysts-warn
    ⚡ ความต้องการทองแดงพุ่งสูงจากศูนย์ข้อมูล AI การขยายตัวของ Hyperscale AI campuses ที่ใช้พลังงานมหาศาล (50–150 เมกะวัตต์ต่อไซต์) ทำให้ทองแดงถูกใช้ในปริมาณมหาศาล โดยเฉลี่ย 27–33 ตันต่อเมกะวัตต์ ส่งผลให้ไซต์ขนาด 100 เมกะวัตต์ต้องใช้ทองแดงหลายพันตัน นี่คือแรงกดดันใหม่ที่ทำให้ทองแดงกลายเป็น คอขวดสำคัญของอุตสาหกรรม AI 🏭 ปัญหาการผลิตและเหมืองทองแดง หลายเหมืองทั่วโลกกำลังเจอปัญหา เช่น คุณภาพแร่ลดลงกว่า 40% ตั้งแต่ปี 1991 และการขยายเหมืองใหม่ถูกขัดขวางด้วยข้อพิพาททางกฎหมายและสิ่งแวดล้อม เช่น โครงการ Resolution Copper ในรัฐแอริโซนา ที่ถูกชะลอเพราะพื้นที่ถูกมองว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่า Apache ทำให้การผลิตใหม่ยังต้องรออีกนาน 💰 ราคาทองแดงพุ่งสูงและตลาดตึงตัว ราคาทองแดงทะยานขึ้นกว่า 11,000 ดอลลาร์ต่อตัน จากราว 8,500 ดอลลาร์เมื่อสองปีก่อน ขณะที่สหรัฐฯ และยุโรปเริ่มจัดให้ทองแดงเป็น แร่ธาตุวิกฤต (critical mineral) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านอุตสาหกรรม นักวิเคราะห์คาดว่าราคาจะยังสูงต่อเนื่องจนถึงปี 2026 เพราะการหยุดชะงักของเหมืองในอเมริกาใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ♻️ การรีไซเคิลและนโยบายใหม่ เพื่อลดแรงกดดัน ตลาดกำลังหันไปพึ่ง การรีไซเคิลและการทำเหมืองในเมือง (urban mining) รวมถึงการใช้กองขยะเก่าที่เคยไม่คุ้มค่าในการสกัด แต่การสร้างโรงถลุงใหม่ยังคงช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้การแก้ปัญหายังไม่ทันต่อความต้องการที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ความต้องการทองแดงจากศูนย์ข้อมูล AI สูงมาก ➡️ ใช้ 27–33 ตันต่อเมกะวัตต์, ไซต์ใหญ่ต้องใช้หลายพันตัน ✅ เหมืองทองแดงทั่วโลกผลิตไม่ทัน ➡️ คุณภาพแร่ลดลง 40% และโครงการใหม่ถูกขัดขวาง ✅ ราคาทองแดงพุ่งทะลุ 11,000 ดอลลาร์ต่อตัน ➡️ สหรัฐฯ และยุโรปจัดให้เป็นแร่ธาตุวิกฤต ‼️ เสี่ยงขาดแคลนทองแดงในปี 2025–2035 ⛔ ปี 2025 ขาดแคลน 304,000 ตัน และปี 2035 ผลิตได้เพียง 70% ของความต้องการ ‼️ การสร้างโรงถลุงใหม่ยังล่าช้าและแพง ⛔ ทำให้การแก้ปัญหายังไม่ทันต่อความต้องการ https://www.tomshardware.com/tech-industry/ai-data-center-buildout-pushes-copper-toward-shortages-analysts-warn
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI Security – โอกาสและความเสี่ยงในยุค Shadow AI”

    องค์กรทั่วโลกกำลังเร่งนำ AI มาใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ตั้งแต่การตรวจจับภัยคุกคาม การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการสร้างรายงานอัตโนมัติ ข้อดีคือช่วยลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์และลดต้นทุนจากการโจมตีได้อย่างมหาศาล เช่น รายงานของ IBM ระบุว่าองค์กรที่ใช้ AI อย่างจริงจังสามารถลดเวลาการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน และประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์

    อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหม่ที่เรียกว่า “Shadow AI” กำลังกลายเป็นภัยเงียบในองค์กร พนักงานจำนวนมากนำเครื่องมือ AI มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าย IT ทำให้ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการควบคุม ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและเพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูล เช่น มีการประเมินว่าความเสียหายจาก Shadow AI อาจสูงถึง 670,000 ดอลลาร์ต่อเหตุการณ์

    นอกจากนี้ แนวโน้มปี 2025–2026 ยังชี้ว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกัน แต่ถูกใช้โดยผู้โจมตีเช่นกัน ทั้งการสร้าง Deepfake เพื่อหลอกลวง การทำฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น และการสร้างมัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ทำให้เกิด “แข่งอาวุธไซเบอร์” ระหว่างฝ่ายป้องกันและฝ่ายโจมตีที่ใช้ AI ทั้งคู่

    สิ่งที่ CISO และผู้บริหารควรถามก่อนเลือกใช้โซลูชัน AI คือ ความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ ระดับการกำกับดูแล และความสามารถของผู้ขายในการป้องกันข้อมูล รวมถึงการวางมาตรการตรวจจับ Shadow AI และการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่เข้มแข็ง เพื่อให้การใช้ AI เป็นพลังบวก ไม่ใช่ช่องโหว่ใหม่ที่ยากควบคุม

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การใช้ AI ในการป้องกันภัยไซเบอร์
    ลดเวลาในการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน
    ประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์
    ใช้ในงานตรวจจับภัยคุกคาม, วิเคราะห์ข้อมูล, สร้างรายงานอัตโนมัติ

    แนวโน้มการใช้ AI ในองค์กร
    Vendor และ Startup แข่งกันนำ AI มาใส่ในโซลูชัน
    ใช้ Generative AI ในการสร้างรายงานและช่วย Threat Hunting
    AI Agent เริ่มถูกใช้ในงาน Malware Analysis และ Code Interpretation

    ความเสี่ยงจาก Shadow AI
    พนักงานใช้เครื่องมือ AI โดยไม่ได้รับอนุญาต
    ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้ควบคุม
    เพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูลเฉลี่ย 670,000 ดอลลาร์

    การโจมตีที่ใช้ AI
    Deepfake และฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น
    มัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อหลบการตรวจจับ
    การโจมตีแบบอัตโนมัติที่เร็วและยากต่อการรับมือ

    https://www.csoonline.com/article/4094763/key-questions-cisos-must-ask-before-adopting-ai-enabled-cyber-solutions.html
    🛡️ “AI Security – โอกาสและความเสี่ยงในยุค Shadow AI” องค์กรทั่วโลกกำลังเร่งนำ AI มาใช้เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ตั้งแต่การตรวจจับภัยคุกคาม การวิเคราะห์ข้อมูล ไปจนถึงการสร้างรายงานอัตโนมัติ ข้อดีคือช่วยลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์และลดต้นทุนจากการโจมตีได้อย่างมหาศาล เช่น รายงานของ IBM ระบุว่าองค์กรที่ใช้ AI อย่างจริงจังสามารถลดเวลาการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน และประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายใหม่ที่เรียกว่า “Shadow AI” กำลังกลายเป็นภัยเงียบในองค์กร พนักงานจำนวนมากนำเครื่องมือ AI มาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากฝ่าย IT ทำให้ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้รับการควบคุม ส่งผลให้เกิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัยและเพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูล เช่น มีการประเมินว่าความเสียหายจาก Shadow AI อาจสูงถึง 670,000 ดอลลาร์ต่อเหตุการณ์ นอกจากนี้ แนวโน้มปี 2025–2026 ยังชี้ว่า AI ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือป้องกัน แต่ถูกใช้โดยผู้โจมตีเช่นกัน ทั้งการสร้าง Deepfake เพื่อหลอกลวง การทำฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น และการสร้างมัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ ทำให้เกิด “แข่งอาวุธไซเบอร์” ระหว่างฝ่ายป้องกันและฝ่ายโจมตีที่ใช้ AI ทั้งคู่ สิ่งที่ CISO และผู้บริหารควรถามก่อนเลือกใช้โซลูชัน AI คือ ความเสี่ยงที่องค์กรยอมรับได้ ระดับการกำกับดูแล และความสามารถของผู้ขายในการป้องกันข้อมูล รวมถึงการวางมาตรการตรวจจับ Shadow AI และการสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยที่เข้มแข็ง เพื่อให้การใช้ AI เป็นพลังบวก ไม่ใช่ช่องโหว่ใหม่ที่ยากควบคุม 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การใช้ AI ในการป้องกันภัยไซเบอร์ ➡️ ลดเวลาในการฟื้นตัวจากการโจมตีได้ถึง 80 วัน ➡️ ประหยัดค่าใช้จ่ายเฉลี่ยกว่า 1.9 ล้านดอลลาร์ ➡️ ใช้ในงานตรวจจับภัยคุกคาม, วิเคราะห์ข้อมูล, สร้างรายงานอัตโนมัติ ✅ แนวโน้มการใช้ AI ในองค์กร ➡️ Vendor และ Startup แข่งกันนำ AI มาใส่ในโซลูชัน ➡️ ใช้ Generative AI ในการสร้างรายงานและช่วย Threat Hunting ➡️ AI Agent เริ่มถูกใช้ในงาน Malware Analysis และ Code Interpretation ‼️ ความเสี่ยงจาก Shadow AI ⛔ พนักงานใช้เครื่องมือ AI โดยไม่ได้รับอนุญาต ⛔ ข้อมูลสำคัญถูกป้อนเข้าสู่แพลตฟอร์มที่ไม่ได้ควบคุม ⛔ เพิ่มค่าใช้จ่ายจากการรั่วไหลของข้อมูลเฉลี่ย 670,000 ดอลลาร์ ‼️ การโจมตีที่ใช้ AI ⛔ Deepfake และฟิชชิ่งที่ซับซ้อนขึ้น ⛔ มัลแวร์ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อหลบการตรวจจับ ⛔ การโจมตีแบบอัตโนมัติที่เร็วและยากต่อการรับมือ https://www.csoonline.com/article/4094763/key-questions-cisos-must-ask-before-adopting-ai-enabled-cyber-solutions.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Key questions CISOs must ask before adopting AI-enabled cyber solutions
    From assessing your organizational risk tolerance to vetting the vendor’s long-term viability, AI-powered capabilities present complexities and nuances that require a deep commitment to determining fit.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • PS5 Slim ได้รับการอัปเกรดเงียบๆ เพิ่มระบบระบายความร้อนใหม่

    Sony ได้ทำการปรับปรุงภายในของ PS5 Slim รุ่นใหม่ (CFI-2116) โดยนำดีไซน์ฮีทซิงค์แบบร่องลึกจาก PS5 Pro มาใช้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของ Liquid Metal ที่เคยเป็นปัญหากับรุ่นก่อนหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ถูกค้นพบโดยนักโมดิฟายเครื่องเกมที่ชื่อ Modyfikator89 ผ่านการแกะเครื่องและเผยแพร่ภาพยืนยัน

    รายละเอียดการเปลี่ยนแปลง
    การอัปเกรดนี้เน้นไปที่ ระบบระบายความร้อน โดยใช้การจัดวาง Liquid Metal TIM (Thermal Interface Material) แบบใหม่ที่มีร่องหรือ “grooves” เพื่อป้องกันการไหลออกนอกพื้นที่ APU ซึ่งเคยทำให้เกิดปัญหา ความร้อนสูงเกินไป และ เสียงพัดลมดังผิดปกติ ในบางเครื่อง การแก้ไขนี้ทำให้ PS5 Slim มีความเสถียรมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อวางเครื่องในแนวตั้ง

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    สำหรับผู้ที่ซื้อเครื่องรุ่นใหม่ จะได้รับประโยชน์จากการออกแบบนี้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการรั่วของ Liquid Metal อีกต่อไป ส่วนผู้ที่มีเครื่องรุ่นเก่า แม้จะยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่ก็ถือว่าไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย อย่างไรก็ตาม การอัปเกรดนี้สะท้อนว่า Sony กำลังพยายามแก้ไขจุดอ่อนของเครื่อง เพื่อยืดอายุการใช้งานและเพิ่มความมั่นใจให้ผู้เล่น

    มุมมองในอนาคต
    การปรับปรุงเล็ก ๆ แต่สำคัญนี้บ่งบอกว่า Sony ยังคงลงทุนใน คุณภาพและความทนทานของฮาร์ดแวร์ แม้จะอยู่ในช่วงกลางอายุของเครื่องเกม การอัปเกรดดังกล่าวอาจช่วยให้ PS5 Slim กลายเป็นเครื่องที่ “เสถียรที่สุด” ในตลาดตอนนี้ และเป็นการปูทางไปสู่การเปิดตัวเครื่องรุ่นใหม่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า

    สรุปสาระสำคัญ
    PS5 Slim รุ่นใหม่ (CFI-2116) ได้รับการอัปเกรดระบบระบายความร้อน
    ใช้ดีไซน์ฮีทซิงค์แบบร่องลึกจาก PS5 Pro

    Liquid Metal TIM ถูกจัดวางใหม่เพื่อลดการรั่วไหล
    เพิ่มความเสถียรเมื่อวางเครื่องในแนวตั้ง

    ผู้ใช้รุ่นใหม่จะได้เครื่องที่มีความทนทานมากขึ้น
    ลดโอกาสเกิดปัญหาความร้อนและเสียงพัดลมดัง

    ผู้ใช้ PS5 รุ่นเก่า (CFI-2016 และ FAT/OG) ยังมีความเสี่ยงจาก Liquid Metal รั่ว
    อาจทำให้เกิดความร้อนสูงและลดอายุการใช้งานของเครื่อง

    การแก้ไขนี้เป็น “Silent Upgrade” ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ
    ผู้ซื้อควรตรวจสอบรุ่นเครื่องก่อนซื้อเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นรุ่นใหม่

    https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/silent-upgrade-to-the-ps5-slim-delivers-pro-consoles-groovy-heatsink-design-to-the-cheaper-models-improves-thermals-and-reliability
    🕹️ PS5 Slim ได้รับการอัปเกรดเงียบๆ เพิ่มระบบระบายความร้อนใหม่ Sony ได้ทำการปรับปรุงภายในของ PS5 Slim รุ่นใหม่ (CFI-2116) โดยนำดีไซน์ฮีทซิงค์แบบร่องลึกจาก PS5 Pro มาใช้ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการรั่วไหลของ Liquid Metal ที่เคยเป็นปัญหากับรุ่นก่อนหน้า การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ แต่ถูกค้นพบโดยนักโมดิฟายเครื่องเกมที่ชื่อ Modyfikator89 ผ่านการแกะเครื่องและเผยแพร่ภาพยืนยัน 🔧 รายละเอียดการเปลี่ยนแปลง การอัปเกรดนี้เน้นไปที่ ระบบระบายความร้อน โดยใช้การจัดวาง Liquid Metal TIM (Thermal Interface Material) แบบใหม่ที่มีร่องหรือ “grooves” เพื่อป้องกันการไหลออกนอกพื้นที่ APU ซึ่งเคยทำให้เกิดปัญหา ความร้อนสูงเกินไป และ เสียงพัดลมดังผิดปกติ ในบางเครื่อง การแก้ไขนี้ทำให้ PS5 Slim มีความเสถียรมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อวางเครื่องในแนวตั้ง 🌍 ผลกระทบต่อผู้ใช้ สำหรับผู้ที่ซื้อเครื่องรุ่นใหม่ จะได้รับประโยชน์จากการออกแบบนี้ทันที โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการรั่วของ Liquid Metal อีกต่อไป ส่วนผู้ที่มีเครื่องรุ่นเก่า แม้จะยังมีความเสี่ยงอยู่ แต่ก็ถือว่าไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย อย่างไรก็ตาม การอัปเกรดนี้สะท้อนว่า Sony กำลังพยายามแก้ไขจุดอ่อนของเครื่อง เพื่อยืดอายุการใช้งานและเพิ่มความมั่นใจให้ผู้เล่น 📈 มุมมองในอนาคต การปรับปรุงเล็ก ๆ แต่สำคัญนี้บ่งบอกว่า Sony ยังคงลงทุนใน คุณภาพและความทนทานของฮาร์ดแวร์ แม้จะอยู่ในช่วงกลางอายุของเครื่องเกม การอัปเกรดดังกล่าวอาจช่วยให้ PS5 Slim กลายเป็นเครื่องที่ “เสถียรที่สุด” ในตลาดตอนนี้ และเป็นการปูทางไปสู่การเปิดตัวเครื่องรุ่นใหม่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ PS5 Slim รุ่นใหม่ (CFI-2116) ได้รับการอัปเกรดระบบระบายความร้อน ➡️ ใช้ดีไซน์ฮีทซิงค์แบบร่องลึกจาก PS5 Pro ✅ Liquid Metal TIM ถูกจัดวางใหม่เพื่อลดการรั่วไหล ➡️ เพิ่มความเสถียรเมื่อวางเครื่องในแนวตั้ง ✅ ผู้ใช้รุ่นใหม่จะได้เครื่องที่มีความทนทานมากขึ้น ➡️ ลดโอกาสเกิดปัญหาความร้อนและเสียงพัดลมดัง ‼️ ผู้ใช้ PS5 รุ่นเก่า (CFI-2016 และ FAT/OG) ยังมีความเสี่ยงจาก Liquid Metal รั่ว ⛔ อาจทำให้เกิดความร้อนสูงและลดอายุการใช้งานของเครื่อง ‼️ การแก้ไขนี้เป็น “Silent Upgrade” ไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ⛔ ผู้ซื้อควรตรวจสอบรุ่นเครื่องก่อนซื้อเพื่อให้มั่นใจว่าเป็นรุ่นใหม่ https://www.tomshardware.com/video-games/playstation/silent-upgrade-to-the-ps5-slim-delivers-pro-consoles-groovy-heatsink-design-to-the-cheaper-models-improves-thermals-and-reliability
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    ‘Silent upgrade’ to the PS5 Slim delivers Pro console's groovy heatsink design to the cheaper models — improves thermals and reliability
    The PS5 Pro feature, which improves thermals and reliability, preventing dry spots, oxidation, and leaks, drips down to the mainstream.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🖧 TSMC เปิดตัวโซลูชัน Optical Connectivity สำหรับชิป AI รุ่นใหม่

    ที่งาน TSMC European OIP Forum ล่าสุด บริษัท Alchip และ Ayar Labs ได้ร่วมกันสาธิตโซลูชันเชื่อมต่อแบบ Optical I/O ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม COUPE (Compact Universal Photonic Engine) ของ TSMC ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI รุ่นใหม่ โซลูชันนี้สามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 100 Tb/s ต่อหนึ่งตัวเร่งความเร็ว (accelerator) และรองรับการเชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ ผ่านมาตรฐาน UCIe interface

    สิ่งที่น่าสนใจคือ โซลูชันนี้ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีทรัพยากรในการพัฒนา subsystem ด้าน optical เอง สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงได้ โดยใช้โมดูลที่พร้อมใช้งานจาก Alchip และ Ayar Labs ทำให้ลดต้นทุนการลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ และยังสามารถขยายระบบได้ในระดับ rack-scale หรือ multi-rack-scale เพื่อเชื่อมต่อชิปจำนวนมหาศาลให้ทำงานเหมือนเป็นโปรเซสเซอร์เดียว

    ในเชิงเทคนิค โซลูชันนี้ประกอบด้วย สาม chiplets ได้แก่ ตัว protocol converter ของ Alchip, ตัว EIC (electrical interface die) และตัว PIC (photonic integrated circuit) ของ Ayar Labs ที่ใช้สถาปัตยกรรม microring พร้อมตัวเชื่อมต่อไฟเบอร์แบบถอดได้ รองรับทั้ง PAM4 CWDM และ DWDM ซึ่งให้ latency ต่ำและอัตราความผิดพลาดของข้อมูล (BER) ที่ดีมาก

    นอกจากการเชื่อมต่อระหว่างชิปแล้ว ทีมพัฒนายังมองว่าโซลูชันนี้สามารถนำไปใช้เป็น memory extender ได้ด้วย โดย reference design ที่นำเสนอมีการรวม accelerator dies, HBM stacks และ optical engines บน substrate เดียว ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา AI accelerators ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    โซลูชัน Optical I/O จาก TSMC, Alchip และ Ayar Labs
    รองรับ bandwidth สูงสุด 100 Tb/s ต่อ accelerator
    ใช้มาตรฐาน UCIe interface เชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ

    ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กเข้าถึงเทคโนโลยี optical connectivity ได้ง่ายขึ้น
    ลดต้นทุนการลงทุน subsystem optical หลายสิบล้านดอลลาร์
    สามารถขยายระบบได้ทั้ง rack-scale และ multi-rack-scale

    โครงสร้างสาม chiplets ที่ทำงานร่วมกัน
    Protocol converter รองรับ UCIe และ proprietary protocols
    PIC ของ Ayar Labs ใช้ microring architecture พร้อม fiber connector

    การใช้งานที่หลากหลาย
    เชื่อมต่อ XPU-to-XPU, XPU-to-switch และ switch-to-switch
    สามารถใช้เป็น memory extender ได้

    ความท้าทายและข้อควรระวัง
    การผลิตและบูรณาการ subsystem optical ต้องการความแม่นยำสูง
    หาก latency หรือ BER ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจกระทบต่อประสิทธิภาพ AI accelerators
    การขยายระบบในระดับ multi-rack-scale อาจเพิ่มความซับซ้อนในการจัดการพลังงานและความเสถียร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/industrys-first-tsmc-coupe-based-optical-connectivity-solution-for-next-gen-ai-chips-displayed-alchip-and-ayar-labs-show-future-silicon-photonics-device
    🖧 TSMC เปิดตัวโซลูชัน Optical Connectivity สำหรับชิป AI รุ่นใหม่ ที่งาน TSMC European OIP Forum ล่าสุด บริษัท Alchip และ Ayar Labs ได้ร่วมกันสาธิตโซลูชันเชื่อมต่อแบบ Optical I/O ที่สร้างบนแพลตฟอร์ม COUPE (Compact Universal Photonic Engine) ของ TSMC ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการประมวลผล AI รุ่นใหม่ โซลูชันนี้สามารถส่งข้อมูลได้สูงสุดถึง 100 Tb/s ต่อหนึ่งตัวเร่งความเร็ว (accelerator) และรองรับการเชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ ผ่านมาตรฐาน UCIe interface สิ่งที่น่าสนใจคือ โซลูชันนี้ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กที่ไม่มีทรัพยากรในการพัฒนา subsystem ด้าน optical เอง สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงได้ โดยใช้โมดูลที่พร้อมใช้งานจาก Alchip และ Ayar Labs ทำให้ลดต้นทุนการลงทุนหลายสิบล้านดอลลาร์ และยังสามารถขยายระบบได้ในระดับ rack-scale หรือ multi-rack-scale เพื่อเชื่อมต่อชิปจำนวนมหาศาลให้ทำงานเหมือนเป็นโปรเซสเซอร์เดียว ในเชิงเทคนิค โซลูชันนี้ประกอบด้วย สาม chiplets ได้แก่ ตัว protocol converter ของ Alchip, ตัว EIC (electrical interface die) และตัว PIC (photonic integrated circuit) ของ Ayar Labs ที่ใช้สถาปัตยกรรม microring พร้อมตัวเชื่อมต่อไฟเบอร์แบบถอดได้ รองรับทั้ง PAM4 CWDM และ DWDM ซึ่งให้ latency ต่ำและอัตราความผิดพลาดของข้อมูล (BER) ที่ดีมาก นอกจากการเชื่อมต่อระหว่างชิปแล้ว ทีมพัฒนายังมองว่าโซลูชันนี้สามารถนำไปใช้เป็น memory extender ได้ด้วย โดย reference design ที่นำเสนอมีการรวม accelerator dies, HBM stacks และ optical engines บน substrate เดียว ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่มีประสิทธิภาพสูงและใช้พลังงานต่ำ ซึ่งอาจเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนา AI accelerators ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ โซลูชัน Optical I/O จาก TSMC, Alchip และ Ayar Labs ➡️ รองรับ bandwidth สูงสุด 100 Tb/s ต่อ accelerator ➡️ ใช้มาตรฐาน UCIe interface เชื่อมต่อกับชิปอื่น ๆ ✅ ช่วยให้บริษัทขนาดเล็กเข้าถึงเทคโนโลยี optical connectivity ได้ง่ายขึ้น ➡️ ลดต้นทุนการลงทุน subsystem optical หลายสิบล้านดอลลาร์ ➡️ สามารถขยายระบบได้ทั้ง rack-scale และ multi-rack-scale ✅ โครงสร้างสาม chiplets ที่ทำงานร่วมกัน ➡️ Protocol converter รองรับ UCIe และ proprietary protocols ➡️ PIC ของ Ayar Labs ใช้ microring architecture พร้อม fiber connector ✅ การใช้งานที่หลากหลาย ➡️ เชื่อมต่อ XPU-to-XPU, XPU-to-switch และ switch-to-switch ➡️ สามารถใช้เป็น memory extender ได้ ‼️ ความท้าทายและข้อควรระวัง ⛔ การผลิตและบูรณาการ subsystem optical ต้องการความแม่นยำสูง ⛔ หาก latency หรือ BER ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจกระทบต่อประสิทธิภาพ AI accelerators ⛔ การขยายระบบในระดับ multi-rack-scale อาจเพิ่มความซับซ้อนในการจัดการพลังงานและความเสถียร https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/industrys-first-tsmc-coupe-based-optical-connectivity-solution-for-next-gen-ai-chips-displayed-alchip-and-ayar-labs-show-future-silicon-photonics-device
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • จดหมายรักถึง FreeBSD

    บทความ A Love Letter to FreeBSD เป็นจดหมายเปิดใจจากผู้ใช้ใหม่ที่หลงรักความมั่นคงและความเรียบง่ายของ FreeBSD พร้อมสะท้อนความหวังให้ระบบนี้กลายเป็น “mainframe แบบโอเพนซอร์ส” ที่ยืนหยัดท่ามกลางกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง

    เสน่ห์ของ FreeBSD
    ผู้เขียนเล่าว่าการใช้ FreeBSD ทำให้รู้สึกเหมือนกลับไปสู่ยุคที่คอมพิวเตอร์ยังเรียบง่าย ไม่เต็มไปด้วย “noise” หรือการตลาดที่เกินจริง FreeBSD ถูกมองว่าเป็นระบบที่ coherent และ deliberate ไม่ต้องพยายามเรียกร้องความสนใจ แต่ทำงานได้อย่างมั่นคงยาวนานเหมือนเครื่อง mainframe ที่เงียบสงบในห้องเซิร์ฟเวอร์

    การออกแบบเพื่อความทนทาน
    จุดเด่นของ FreeBSD คือการออกแบบฐานระบบที่มั่นคง เช่น boot environments ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถย้อนกลับได้หากเกิดปัญหา ผู้เขียนเปรียบเทียบกับ Solaris ในยุคทอง และเสนอว่า uptime ระดับพันวันควรเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เพียง “โชว์ผลงาน” การอัปเดตควรทำได้โดยไม่ต้องกลัวระบบล่ม และการรีบูตควรเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อจำเป็นจริง ๆ

    ความท้าทายบนเดสก์ท็อป
    แม้ FreeBSD จะเริ่มขยายสู่การใช้งานเดสก์ท็อป แต่ผู้เขียนตั้งคำถามว่าจะรักษาความมั่นคงของเซิร์ฟเวอร์ไปพร้อมกับความเร็วของเดสก์ท็อปได้อย่างไร เขาเสนอให้ใช้การแยกระหว่าง CURRENT และ RELEASE เพื่อให้ทั้งสองโลกเดินไปตามจังหวะของตัวเอง โดยไม่ต้องแบกรับข้อจำกัดซึ่งกันและกัน

    วัฒนธรรมและอนาคต
    ผู้เขียนย้ำว่าความแตกต่างของ FreeBSD ไม่ใช่การตามกระแส แต่คือการสร้างความเชื่อมั่น เขาหวังให้ FreeBSD รักษาวัฒนธรรมที่สงบและเน้นวิศวกรรมที่มีคุณภาพ ไม่เต็มไปด้วยการถกเถียงไร้สาระเหมือนบางชุมชนโอเพนซอร์ส พร้อมเรียกร้องให้ FreeBSD ร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เพื่อให้เป็นระบบที่ใช้งานได้จริงในระยะยาว

    สรุปเป็นหัวข้อ
    จุดแข็งของ FreeBSD
    ระบบมั่นคง ไม่ต้องพึ่งการตลาด
    ทำงานได้ยาวนานเหมือน mainframe

    การออกแบบเพื่อ uptime
    boot environments ช่วยย้อนกลับได้
    uptime ระดับพันวันควรเป็นมาตรฐาน

    ความท้าทายเดสก์ท็อป
    การแยก CURRENT และ RELEASE เพื่อรักษาสมดุล
    pkgbase ต้องมีเสถียรภาพเทียบเท่าฐานระบบ

    วัฒนธรรมและอนาคต
    รักษาชุมชนที่สงบและเน้นคุณภาพ
    ร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เพื่อความยั่งยืน

    คำเตือนที่ควรระวัง
    หากไม่รักษาเสถียรภาพแพ็กเกจ อาจทำให้ผู้ใช้ธุรกิจสูญเสียความเชื่อมั่น
    การขยายสู่เดสก์ท็อปอาจทำให้สูญเสียจุดแข็งด้านเซิร์ฟเวอร์
    หากไม่ร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ อาจถูกลดความสำคัญในตลาด

    https://www.tara.sh/posts/2025/2025-11-25_freebsd_letter/
    👿 จดหมายรักถึง FreeBSD บทความ A Love Letter to FreeBSD เป็นจดหมายเปิดใจจากผู้ใช้ใหม่ที่หลงรักความมั่นคงและความเรียบง่ายของ FreeBSD พร้อมสะท้อนความหวังให้ระบบนี้กลายเป็น “mainframe แบบโอเพนซอร์ส” ที่ยืนหยัดท่ามกลางกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง 💻 เสน่ห์ของ FreeBSD ผู้เขียนเล่าว่าการใช้ FreeBSD ทำให้รู้สึกเหมือนกลับไปสู่ยุคที่คอมพิวเตอร์ยังเรียบง่าย ไม่เต็มไปด้วย “noise” หรือการตลาดที่เกินจริง FreeBSD ถูกมองว่าเป็นระบบที่ coherent และ deliberate ไม่ต้องพยายามเรียกร้องความสนใจ แต่ทำงานได้อย่างมั่นคงยาวนานเหมือนเครื่อง mainframe ที่เงียบสงบในห้องเซิร์ฟเวอร์ 🏗️ การออกแบบเพื่อความทนทาน จุดเด่นของ FreeBSD คือการออกแบบฐานระบบที่มั่นคง เช่น boot environments ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถย้อนกลับได้หากเกิดปัญหา ผู้เขียนเปรียบเทียบกับ Solaris ในยุคทอง และเสนอว่า uptime ระดับพันวันควรเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เพียง “โชว์ผลงาน” การอัปเดตควรทำได้โดยไม่ต้องกลัวระบบล่ม และการรีบูตควรเกิดขึ้นเฉพาะเมื่อจำเป็นจริง ๆ 🖥️ ความท้าทายบนเดสก์ท็อป แม้ FreeBSD จะเริ่มขยายสู่การใช้งานเดสก์ท็อป แต่ผู้เขียนตั้งคำถามว่าจะรักษาความมั่นคงของเซิร์ฟเวอร์ไปพร้อมกับความเร็วของเดสก์ท็อปได้อย่างไร เขาเสนอให้ใช้การแยกระหว่าง CURRENT และ RELEASE เพื่อให้ทั้งสองโลกเดินไปตามจังหวะของตัวเอง โดยไม่ต้องแบกรับข้อจำกัดซึ่งกันและกัน 🌐 วัฒนธรรมและอนาคต ผู้เขียนย้ำว่าความแตกต่างของ FreeBSD ไม่ใช่การตามกระแส แต่คือการสร้างความเชื่อมั่น เขาหวังให้ FreeBSD รักษาวัฒนธรรมที่สงบและเน้นวิศวกรรมที่มีคุณภาพ ไม่เต็มไปด้วยการถกเถียงไร้สาระเหมือนบางชุมชนโอเพนซอร์ส พร้อมเรียกร้องให้ FreeBSD ร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เพื่อให้เป็นระบบที่ใช้งานได้จริงในระยะยาว 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ จุดแข็งของ FreeBSD ➡️ ระบบมั่นคง ไม่ต้องพึ่งการตลาด ➡️ ทำงานได้ยาวนานเหมือน mainframe ✅ การออกแบบเพื่อ uptime ➡️ boot environments ช่วยย้อนกลับได้ ➡️ uptime ระดับพันวันควรเป็นมาตรฐาน ✅ ความท้าทายเดสก์ท็อป ➡️ การแยก CURRENT และ RELEASE เพื่อรักษาสมดุล ➡️ pkgbase ต้องมีเสถียรภาพเทียบเท่าฐานระบบ ✅ วัฒนธรรมและอนาคต ➡️ รักษาชุมชนที่สงบและเน้นคุณภาพ ➡️ ร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์เพื่อความยั่งยืน ‼️ คำเตือนที่ควรระวัง ⛔ หากไม่รักษาเสถียรภาพแพ็กเกจ อาจทำให้ผู้ใช้ธุรกิจสูญเสียความเชื่อมั่น ⛔ การขยายสู่เดสก์ท็อปอาจทำให้สูญเสียจุดแข็งด้านเซิร์ฟเวอร์ ⛔ หากไม่ร่วมมือกับผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ อาจถูกลดความสำคัญในตลาด https://www.tara.sh/posts/2025/2025-11-25_freebsd_letter/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขุมทรัพย์ลิเธียมใต้ซูเปอร์ภูเขาไฟในสหรัฐ มูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์

    การค้นพบครั้งสำคัญเกิดขึ้นที่ McDermitt Caldera บริเวณชายแดนรัฐเนวาดา–โอเรกอน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นแหล่งลิเธียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการประเมินว่ามีปริมาณระหว่าง 20–40 ล้านตันของดินเหนียวที่อุดมไปด้วยลิเธียม มูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การค้นพบนี้อาจพลิกโฉมอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ทั่วโลก และทำให้สหรัฐมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานพลังงานสะอาดในอนาคต

    ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของแหล่งนี้คือการลดการพึ่งพาการนำเข้าลิเธียมจากต่างประเทศ ปัจจุบันสหรัฐพึ่งพาเหมือง Silver Peak ในเนวาดามาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 การมีแหล่งใหม่ขนาดมหึมาจะช่วยตอบสนองความต้องการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 3–5 เท่าภายในปี 2040 จากการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานหมุนเวียน

    อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเหมืองลิเธียมในพื้นที่นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น ชุมชนชนเผ่าและนักอนุรักษ์เตือนว่าการทำเหมืองอาจกระทบต่อระบบนิเวศทะเลทราย เช่น sage-grouse และสัตว์ป่าอื่น ๆ รวมถึงพื้นที่ที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชนพื้นเมือง

    ในอีกด้านหนึ่ง เทคโนโลยีแบตเตอรี่ทางเลือก เช่น sodium-ion กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว นักวิจัยในแคนาดาเพิ่งเปิดตัวแบตเตอรี่โซเดียมแบบ solid-state ที่มีความปลอดภัยสูงและราคาถูกกว่า แม้ยังไม่พร้อมเชิงพาณิชย์ แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจลดการพึ่งพาลิเธียมในอนาคต

    สรุปสาระสำคัญและข้อควรระวัง
    การค้นพบแหล่งลิเธียมมหึมาที่ McDermitt Caldera
    ปริมาณลิเธียม 20–40 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์
    อาจทำให้สหรัฐเป็นผู้นำด้านวัตถุดิบแบตเตอรี่โลก

    ความต้องการลิเธียมทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
    คาดว่าจะโต 3–5 เท่าภายในปี 2040 จากรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด
    การมีแหล่งใหม่ช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า

    การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ทางเลือก
    Sodium-ion และ solid-state กำลังพัฒนาเพื่อเป็นทางเลือกที่ถูกและปลอดภัยกว่า
    อาจช่วยลดแรงกดดันต่อการทำเหมืองลิเธียมในอนาคต

    ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม
    การทำเหมืองอาจกระทบสัตว์ป่าและระบบนิเวศทะเลทราย
    พื้นที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองอาจถูกทำลาย

    ความไม่แน่นอนของตลาดและเทคโนโลยี
    ราคาลิเธียมผันผวนสูง อาจกระทบการลงทุนระยะยาว
    เทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ยังไม่พร้อมเชิงพาณิชย์ อาจใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/usd1-5-trillion-lithium-deposit-found-in-u-s-supervolcano-crater-site-could-supply-batteries-for-decades
    🌋 ขุมทรัพย์ลิเธียมใต้ซูเปอร์ภูเขาไฟในสหรัฐ มูลค่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ การค้นพบครั้งสำคัญเกิดขึ้นที่ McDermitt Caldera บริเวณชายแดนรัฐเนวาดา–โอเรกอน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเป็นแหล่งลิเธียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีการประเมินว่ามีปริมาณระหว่าง 20–40 ล้านตันของดินเหนียวที่อุดมไปด้วยลิเธียม มูลค่ารวมกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ การค้นพบนี้อาจพลิกโฉมอุตสาหกรรมแบตเตอรี่ทั่วโลก และทำให้สหรัฐมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานพลังงานสะอาดในอนาคต 🔋 ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของแหล่งนี้คือการลดการพึ่งพาการนำเข้าลิเธียมจากต่างประเทศ ปัจจุบันสหรัฐพึ่งพาเหมือง Silver Peak ในเนวาดามาตั้งแต่ทศวรรษ 1960 การมีแหล่งใหม่ขนาดมหึมาจะช่วยตอบสนองความต้องการที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 3–5 เท่าภายในปี 2040 จากการขยายตัวของรถยนต์ไฟฟ้าและระบบกักเก็บพลังงานหมุนเวียน 🌱 อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเหมืองลิเธียมในพื้นที่นี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีข้อกังวลด้านสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมท้องถิ่น ชุมชนชนเผ่าและนักอนุรักษ์เตือนว่าการทำเหมืองอาจกระทบต่อระบบนิเวศทะเลทราย เช่น sage-grouse และสัตว์ป่าอื่น ๆ รวมถึงพื้นที่ที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของชนพื้นเมือง ⚡ ในอีกด้านหนึ่ง เทคโนโลยีแบตเตอรี่ทางเลือก เช่น sodium-ion กำลังพัฒนาอย่างรวดเร็ว นักวิจัยในแคนาดาเพิ่งเปิดตัวแบตเตอรี่โซเดียมแบบ solid-state ที่มีความปลอดภัยสูงและราคาถูกกว่า แม้ยังไม่พร้อมเชิงพาณิชย์ แต่ถือเป็นก้าวสำคัญที่อาจลดการพึ่งพาลิเธียมในอนาคต 📌 สรุปสาระสำคัญและข้อควรระวัง ✅ การค้นพบแหล่งลิเธียมมหึมาที่ McDermitt Caldera ➡️ ปริมาณลิเธียม 20–40 ล้านตัน มูลค่ากว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ➡️ อาจทำให้สหรัฐเป็นผู้นำด้านวัตถุดิบแบตเตอรี่โลก ✅ ความต้องการลิเธียมทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ➡️ คาดว่าจะโต 3–5 เท่าภายในปี 2040 จากรถยนต์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาด ➡️ การมีแหล่งใหม่ช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้า ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ทางเลือก ➡️ Sodium-ion และ solid-state กำลังพัฒนาเพื่อเป็นทางเลือกที่ถูกและปลอดภัยกว่า ➡️ อาจช่วยลดแรงกดดันต่อการทำเหมืองลิเธียมในอนาคต ‼️ ความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ⛔ การทำเหมืองอาจกระทบสัตว์ป่าและระบบนิเวศทะเลทราย ⛔ พื้นที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองอาจถูกทำลาย ‼️ ความไม่แน่นอนของตลาดและเทคโนโลยี ⛔ ราคาลิเธียมผันผวนสูง อาจกระทบการลงทุนระยะยาว ⛔ เทคโนโลยีแบตเตอรี่ใหม่ยังไม่พร้อมเชิงพาณิชย์ อาจใช้เวลาหลายปีในการพัฒนา https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/usd1-5-trillion-lithium-deposit-found-in-u-s-supervolcano-crater-site-could-supply-batteries-for-decades
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    $1.5 trillion lithium deposit found in U.S. supervolcano crater — site could supply batteries for decades
    Enough lithium for decades worth of battery manufacturing has been discovered in the McDermitt Caldera, on the Nevada – Oregon border.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 164 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนโชว์ GPU รุ่นแรกบนสถาปัตยกรรม Imagination DXD – รองรับ Ray Tracing”

    บริษัท Xiang Di Xian ได้เปิดตัวการ์ดจอที่ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD ในงาน ICCAD 2025 ที่เมืองเฉิงตู โดยระบุว่าเป็นการ์ดจอเชิงพาณิชย์รุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมากในตลาด GPU ของจีน จุดเด่นคือการรองรับ DirectX Feature Level 11_0, Vulkan และ OpenGL รวมถึงการออกแบบแบบ multicore decentralized ที่สามารถขยายไปยังเวิร์กสเตชันและโครงสร้างพื้นฐาน cloud gaming ได้

    บริษัทอ้างว่า GPU รุ่นนี้มี ประสิทธิภาพการเรนเดอร์มากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (BXT family) และสามารถทำงานกับ digital twin workloads และ 3D simulation ได้อย่างราบรื่น พร้อมสาธิตการใช้งาน ray tracing และ super resolution ในงานเปิดตัว แม้จะยังไม่เปิดเผยชื่อรุ่นหรือสเปกเต็ม แต่มีการกล่าวถึงตัวเลขเช่น 2.3 TFLOPS และ 72 GTexel/s ต่อคอร์

    สิ่งที่น่าสนใจคือ DXD ถูกออกแบบเป็น “raster-first architecture” แต่ยังสามารถผสานการทำงานกับ DXT mobile IP ที่มี hardware ray tracing ทำให้เกิดคำถามว่าการ์ดที่เปิดตัวนี้ใช้การปรับแต่งพิเศษหรือเป็นเวอร์ชันขยายของ DXD เพื่อรองรับ ray tracing โดยตรง

    อย่างไรก็ตาม บทความชี้ว่า ยังไม่มีการทดสอบอิสระ และการ์ดยังไม่ถูกส่งออกนอกจีน ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าประสิทธิภาพจริงตรงตามที่บริษัทเคลมไว้หรือไม่ นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นก้าวสำคัญของจีนในการพัฒนา GPU ภายในประเทศ แต่ยังต้องรอการพิสูจน์ในตลาดโลก

    สรุปสาระสำคัญ
    การเปิดตัว GPU DXD
    เปิดตัวโดย Xiang Di Xian ในงาน ICCAD 2025
    เป็นการ์ดจอเชิงพาณิชย์รุ่นแรกที่ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD

    คุณสมบัติเด่น
    รองรับ DirectX, Vulkan, OpenGL
    Multicore decentralized design ขยายสู่ cloud gaming
    Ray Tracing และ Super Resolution

    ประสิทธิภาพที่เคลม
    เรนเดอร์เร็วกว่าเดิม 2 เท่า
    2.3 TFLOPS และ 72 GTexel/s ต่อคอร์

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่มีการทดสอบอิสระนอกจีน
    ไม่เปิดเผยสเปกเต็มและชื่อรุ่น ทำให้ข้อมูลยังไม่ชัดเจน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/chinese-vendor-showcases-first-mass-produced-imagination-dxd-gpu-with-ray-tracing
    🎮 “จีนโชว์ GPU รุ่นแรกบนสถาปัตยกรรม Imagination DXD – รองรับ Ray Tracing” บริษัท Xiang Di Xian ได้เปิดตัวการ์ดจอที่ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD ในงาน ICCAD 2025 ที่เมืองเฉิงตู โดยระบุว่าเป็นการ์ดจอเชิงพาณิชย์รุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมากในตลาด GPU ของจีน จุดเด่นคือการรองรับ DirectX Feature Level 11_0, Vulkan และ OpenGL รวมถึงการออกแบบแบบ multicore decentralized ที่สามารถขยายไปยังเวิร์กสเตชันและโครงสร้างพื้นฐาน cloud gaming ได้ บริษัทอ้างว่า GPU รุ่นนี้มี ประสิทธิภาพการเรนเดอร์มากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (BXT family) และสามารถทำงานกับ digital twin workloads และ 3D simulation ได้อย่างราบรื่น พร้อมสาธิตการใช้งาน ray tracing และ super resolution ในงานเปิดตัว แม้จะยังไม่เปิดเผยชื่อรุ่นหรือสเปกเต็ม แต่มีการกล่าวถึงตัวเลขเช่น 2.3 TFLOPS และ 72 GTexel/s ต่อคอร์ สิ่งที่น่าสนใจคือ DXD ถูกออกแบบเป็น “raster-first architecture” แต่ยังสามารถผสานการทำงานกับ DXT mobile IP ที่มี hardware ray tracing ทำให้เกิดคำถามว่าการ์ดที่เปิดตัวนี้ใช้การปรับแต่งพิเศษหรือเป็นเวอร์ชันขยายของ DXD เพื่อรองรับ ray tracing โดยตรง อย่างไรก็ตาม บทความชี้ว่า ยังไม่มีการทดสอบอิสระ และการ์ดยังไม่ถูกส่งออกนอกจีน ทำให้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าประสิทธิภาพจริงตรงตามที่บริษัทเคลมไว้หรือไม่ นักวิเคราะห์มองว่านี่เป็นก้าวสำคัญของจีนในการพัฒนา GPU ภายในประเทศ แต่ยังต้องรอการพิสูจน์ในตลาดโลก 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การเปิดตัว GPU DXD ➡️ เปิดตัวโดย Xiang Di Xian ในงาน ICCAD 2025 ➡️ เป็นการ์ดจอเชิงพาณิชย์รุ่นแรกที่ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD ✅ คุณสมบัติเด่น ➡️ รองรับ DirectX, Vulkan, OpenGL ➡️ Multicore decentralized design ขยายสู่ cloud gaming ➡️ Ray Tracing และ Super Resolution ✅ ประสิทธิภาพที่เคลม ➡️ เรนเดอร์เร็วกว่าเดิม 2 เท่า ➡️ 2.3 TFLOPS และ 72 GTexel/s ต่อคอร์ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่มีการทดสอบอิสระนอกจีน ⛔ ไม่เปิดเผยสเปกเต็มและชื่อรุ่น ทำให้ข้อมูลยังไม่ชัดเจน https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/chinese-vendor-showcases-first-mass-produced-imagination-dxd-gpu-with-ray-tracing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Windows Drive Letters ไม่จำกัดแค่ A-Z”

    บทความจาก Ryan Liptak อธิบายว่า drive letters ใน Windows ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ A-Z อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียง สัญลักษณ์ที่ Object Manager ของ Windows ใช้เป็น symbolic link ไปยังอุปกรณ์หรือ volume ที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น การใช้คำสั่ง subst +: C:\foo จะสร้าง drive +:\ ที่สามารถใช้งานได้เหมือน drive ปกติใน Command Prompt

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Windows สามารถรองรับ non-ASCII drive letters เช่น €:\ หรือ Λ:\ ได้เช่นกัน เนื่องจากระบบตรวจสอบเพียงว่ามีอักขระตามด้วย colon (:) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม drive letters ที่อยู่นอกช่วง Unicode U+FFFF จะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะ Windows ใช้การเข้ารหัสแบบ WTF-16 ซึ่งจำกัดอยู่ที่ code unit 16 บิต

    แม้ระบบ NT Path Conversion จะรองรับ drive letters ที่หลากหลาย แต่ Explorer และ PowerShell กลับไม่ยอมรับ drive ที่อยู่นอก A-Z ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI หรือคำสั่ง PowerShell เช่น cd +:\ ซึ่งจะขึ้น error ว่าไม่พบ drive นี่สะท้อนถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่าง API ระดับต่ำกับเครื่องมือที่ผู้ใช้ทั่วไปใช้งาน

    บทความยังชี้ให้เห็นว่า การจัดการ path encoding มีผลต่อการตรวจสอบว่า path เป็น absolute หรือไม่ เช่น Rust จะถือว่าเฉพาะ A-Z เท่านั้นที่เป็น absolute path ขณะที่ Windows API จริง ๆ รองรับมากกว่า ทำให้เกิดความแตกต่างในการตีความระหว่างภาษาโปรแกรมและระบบปฏิบัติการ

    สรุปสาระสำคัญ
    Drive letters ไม่จำกัดแค่ A-Z
    สามารถใช้สัญลักษณ์อื่น เช่น +:\
    รองรับ non-ASCII เช่น €:\ หรือ Λ:\

    การทำงานของ Windows Object Manager
    Drive letter เป็น symbolic link ไปยัง volume จริง
    ใช้ NT Path Conversion (RtlDosPathNameToNtPathName_U)

    ข้อจำกัดของเครื่องมือทั่วไป
    Explorer และ PowerShell รองรับเฉพาะ A-Z
    ทำให้ drive อื่นไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI

    คำเตือนและข้อควรระวัง
    Drive letters ที่อยู่นอก Unicode U+FFFF ไม่สามารถใช้งานได้
    ความไม่สอดคล้องระหว่าง API และเครื่องมืออาจทำให้โปรแกรมบางตัวทำงานผิดพลาด

    https://www.ryanliptak.com/blog/windows-drive-letters-are-not-limited-to-a-z/
    💻 “Windows Drive Letters ไม่จำกัดแค่ A-Z” บทความจาก Ryan Liptak อธิบายว่า drive letters ใน Windows ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ที่ A-Z อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่จริง ๆ แล้วเป็นเพียง สัญลักษณ์ที่ Object Manager ของ Windows ใช้เป็น symbolic link ไปยังอุปกรณ์หรือ volume ที่แท้จริง ตัวอย่างเช่น การใช้คำสั่ง subst +: C:\foo จะสร้าง drive +:\ ที่สามารถใช้งานได้เหมือน drive ปกติใน Command Prompt สิ่งที่น่าสนใจคือ Windows สามารถรองรับ non-ASCII drive letters เช่น €:\ หรือ Λ:\ ได้เช่นกัน เนื่องจากระบบตรวจสอบเพียงว่ามีอักขระตามด้วย colon (:) เท่านั้น อย่างไรก็ตาม drive letters ที่อยู่นอกช่วง Unicode U+FFFF จะไม่สามารถใช้งานได้ เพราะ Windows ใช้การเข้ารหัสแบบ WTF-16 ซึ่งจำกัดอยู่ที่ code unit 16 บิต แม้ระบบ NT Path Conversion จะรองรับ drive letters ที่หลากหลาย แต่ Explorer และ PowerShell กลับไม่ยอมรับ drive ที่อยู่นอก A-Z ทำให้ไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI หรือคำสั่ง PowerShell เช่น cd +:\ ซึ่งจะขึ้น error ว่าไม่พบ drive นี่สะท้อนถึงความไม่สอดคล้องกันระหว่าง API ระดับต่ำกับเครื่องมือที่ผู้ใช้ทั่วไปใช้งาน บทความยังชี้ให้เห็นว่า การจัดการ path encoding มีผลต่อการตรวจสอบว่า path เป็น absolute หรือไม่ เช่น Rust จะถือว่าเฉพาะ A-Z เท่านั้นที่เป็น absolute path ขณะที่ Windows API จริง ๆ รองรับมากกว่า ทำให้เกิดความแตกต่างในการตีความระหว่างภาษาโปรแกรมและระบบปฏิบัติการ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Drive letters ไม่จำกัดแค่ A-Z ➡️ สามารถใช้สัญลักษณ์อื่น เช่น +:\ ➡️ รองรับ non-ASCII เช่น €:\ หรือ Λ:\ ✅ การทำงานของ Windows Object Manager ➡️ Drive letter เป็น symbolic link ไปยัง volume จริง ➡️ ใช้ NT Path Conversion (RtlDosPathNameToNtPathName_U) ✅ ข้อจำกัดของเครื่องมือทั่วไป ➡️ Explorer และ PowerShell รองรับเฉพาะ A-Z ➡️ ทำให้ drive อื่นไม่สามารถเข้าถึงได้ผ่าน GUI ‼️ คำเตือนและข้อควรระวัง ⛔ Drive letters ที่อยู่นอก Unicode U+FFFF ไม่สามารถใช้งานได้ ⛔ ความไม่สอดคล้องระหว่าง API และเครื่องมืออาจทำให้โปรแกรมบางตัวทำงานผิดพลาด https://www.ryanliptak.com/blog/windows-drive-letters-are-not-limited-to-a-z/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 94 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fuxi A0 GPU: การ์ดจอจีนรุ่นใหม่พร้อม Ray Tracing

    บริษัท Xiang Dixian จากจีนได้เปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ชื่อ Fuxi A0 GPU ในงาน ICCAD Expo ที่เมืองเฉิงตู โดยใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD ซึ่งเป็นกราฟิก IP รุ่นล่าสุดจาก Imagination Technologies จุดเด่นคือการผลิตด้วยกระบวนการ 5nm ทำให้มีประสิทธิภาพสูงและรองรับฟีเจอร์ทันสมัยอย่าง Ray Tracing และ Super Resolution (Upscaling).

    การ์ดจอรุ่นนี้มาพร้อม หน่วยความจำ 12GB และคาดว่าจะให้พลังการประมวลผลสูงสุดถึง 160 TFLOPs โดยดีไซน์เป็นแบบ dual-slot, dual-fan เพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น ในงานเปิดตัวมีการสาธิตเกม Black Myth: Wukong ที่สามารถรันด้วยเฟรมเรตเฉลี่ยประมาณ 35 FPS พร้อมเปิด Ray Tracing ซึ่งถือว่าเป็นก้าวสำคัญของการ์ดจอจีนที่พยายามแข่งขันกับ NVIDIA และ AMD.

    นอกจากรุ่น A0 ที่เน้นการเล่นเกมและการเรนเดอร์แล้ว Xiang Dixian ยังเตรียมเปิดตัวรุ่น Fuxi B0 ที่จะรวม GPU เข้ากับ NPU (Neural Processing Unit) รองรับการประมวลผล FP8 เพื่อใช้งานด้าน AI โดยเฉพาะ ถือเป็นการขยายตลาดไปสู่การประมวลผลเชิงลึกและงานวิจัย.

    บริษัทมีประสบการณ์ยาวนานในการผลิตการ์ดจอจาก IP ของ Imagination เช่น XDX 121 และ XDX 151 สำหรับเดสก์ท็อป รวมถึง XDX R1900 สำหรับเวิร์กสเตชัน ทำให้ Fuxi A0 ถูกมองว่าเป็นการต่อยอดสู่การ์ดจอที่ทันสมัยและพร้อมเข้าสู่การผลิตจำนวนมากในปีหน้า.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การเปิดตัว Fuxi A0 GPU
    ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD
    ผลิตด้วยเทคโนโลยี 5nm

    สเปกและประสิทธิภาพ
    หน่วยความจำ 12GB
    พลังการประมวลผลสูงสุด 160 TFLOPs
    ดีไซน์ dual-slot, dual-fan

    ฟีเจอร์เด่น
    รองรับ Ray Tracing และ Super Resolution
    รัน Black Myth: Wukong ได้ ~35 FPS

    แผนการขยาย
    รุ่น B0 จะรวม GPU + NPU รองรับ FP8 สำหรับงาน AI
    เตรียมเข้าสู่การผลิตจำนวนมากในปีหน้า

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่ชัดเจนว่าประสิทธิภาพจะเทียบกับ NVIDIA/AMD ได้จริงหรือไม่
    เฟรมเรต 35 FPS อาจยังไม่เพียงพอสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการความลื่นไหลสูง

    https://wccftech.com/chinese-next-gen-fuxi-gpu-imagination-ip-5nm-12-gb-ray-tracing-super-res-support/
    🖥️ Fuxi A0 GPU: การ์ดจอจีนรุ่นใหม่พร้อม Ray Tracing บริษัท Xiang Dixian จากจีนได้เปิดตัวการ์ดจอรุ่นใหม่ชื่อ Fuxi A0 GPU ในงาน ICCAD Expo ที่เมืองเฉิงตู โดยใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD ซึ่งเป็นกราฟิก IP รุ่นล่าสุดจาก Imagination Technologies จุดเด่นคือการผลิตด้วยกระบวนการ 5nm ทำให้มีประสิทธิภาพสูงและรองรับฟีเจอร์ทันสมัยอย่าง Ray Tracing และ Super Resolution (Upscaling). การ์ดจอรุ่นนี้มาพร้อม หน่วยความจำ 12GB และคาดว่าจะให้พลังการประมวลผลสูงสุดถึง 160 TFLOPs โดยดีไซน์เป็นแบบ dual-slot, dual-fan เพื่อการระบายความร้อนที่ดีขึ้น ในงานเปิดตัวมีการสาธิตเกม Black Myth: Wukong ที่สามารถรันด้วยเฟรมเรตเฉลี่ยประมาณ 35 FPS พร้อมเปิด Ray Tracing ซึ่งถือว่าเป็นก้าวสำคัญของการ์ดจอจีนที่พยายามแข่งขันกับ NVIDIA และ AMD. นอกจากรุ่น A0 ที่เน้นการเล่นเกมและการเรนเดอร์แล้ว Xiang Dixian ยังเตรียมเปิดตัวรุ่น Fuxi B0 ที่จะรวม GPU เข้ากับ NPU (Neural Processing Unit) รองรับการประมวลผล FP8 เพื่อใช้งานด้าน AI โดยเฉพาะ ถือเป็นการขยายตลาดไปสู่การประมวลผลเชิงลึกและงานวิจัย. บริษัทมีประสบการณ์ยาวนานในการผลิตการ์ดจอจาก IP ของ Imagination เช่น XDX 121 และ XDX 151 สำหรับเดสก์ท็อป รวมถึง XDX R1900 สำหรับเวิร์กสเตชัน ทำให้ Fuxi A0 ถูกมองว่าเป็นการต่อยอดสู่การ์ดจอที่ทันสมัยและพร้อมเข้าสู่การผลิตจำนวนมากในปีหน้า. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การเปิดตัว Fuxi A0 GPU ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Imagination DXD ➡️ ผลิตด้วยเทคโนโลยี 5nm ✅ สเปกและประสิทธิภาพ ➡️ หน่วยความจำ 12GB ➡️ พลังการประมวลผลสูงสุด 160 TFLOPs ➡️ ดีไซน์ dual-slot, dual-fan ✅ ฟีเจอร์เด่น ➡️ รองรับ Ray Tracing และ Super Resolution ➡️ รัน Black Myth: Wukong ได้ ~35 FPS ✅ แผนการขยาย ➡️ รุ่น B0 จะรวม GPU + NPU รองรับ FP8 สำหรับงาน AI ➡️ เตรียมเข้าสู่การผลิตจำนวนมากในปีหน้า ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่ชัดเจนว่าประสิทธิภาพจะเทียบกับ NVIDIA/AMD ได้จริงหรือไม่ ⛔ เฟรมเรต 35 FPS อาจยังไม่เพียงพอสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องการความลื่นไหลสูง https://wccftech.com/chinese-next-gen-fuxi-gpu-imagination-ip-5nm-12-gb-ray-tracing-super-res-support/
    WCCFTECH.COM
    Chinese GPU Maker Demos Its Next-Gen Fuxi A0 GPU Based on Imagination DXD GPU IP: Features 5nm Core, 12 GB VRAM, Ray Tracing & Super-Res Support
    The Chinese Fuxi A0 GPU is based on a 5nm Imagination DXD Graphics IP, offering Ray Tracing & Super Resolution support.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เสี่ยงถูกแฮ็กมากขึ้น

    นักวิเคราะห์จาก BMI (บริษัทวิจัยในเครือ Fitch Solutions) เตือนว่า การเพิ่มขึ้นของระบบอัตโนมัติและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในรถยนต์ กำลังทำให้ผู้ขับขี่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีฟังก์ชันควบคุมผ่านซอฟต์แวร์และระบบไร้สาย.

    รายงานระบุว่า การโจมตีจากระยะไกล (remote hijacking) อาจเกิดขึ้นได้จริง เนื่องจากรถยนต์สมัยใหม่มีการเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์, แอปพลิเคชันมือถือ และเครือข่าย 5G ซึ่งหากมีช่องโหว่เพียงเล็กน้อยก็อาจถูกใช้เพื่อเข้าควบคุมการทำงานของรถ เช่น ระบบเบรก, พวงมาลัย หรือเครื่องยนต์.

    แม้ผู้ผลิตรถยนต์จะลงทุนมหาศาลในด้าน Cybersecurity แต่ความซับซ้อนของซอฟต์แวร์และการพัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้การป้องกันไม่ทันต่อภัยคุกคามใหม่ ๆ นักวิจัยชี้ว่า การโจมตีรถยนต์อาจกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต หากไม่มีมาตรการเข้มงวดและการทดสอบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง.

    นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลว่า ผู้บริโภคอาจไม่ตระหนักถึงความเสี่ยง เพราะมองว่ารถยนต์เป็นเพียงเครื่องจักรกล แต่ในความจริงแล้ว รถยนต์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตคือ “คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่” ที่มีช่องโหว่ไม่ต่างจากสมาร์ตโฟนหรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น
    รถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเปิดช่องให้ถูกโจมตีจากระยะไกล
    ระบบอัตโนมัติและซอฟต์แวร์ซับซ้อนทำให้การป้องกันยากขึ้น

    ช่องทางการโจมตี
    การเชื่อมต่อกับคลาวด์, แอปมือถือ และเครือข่าย 5G
    อาจถูกควบคุมระบบเบรก, พวงมาลัย หรือเครื่องยนต์

    ความท้าทายของผู้ผลิต
    ต้องลงทุนมหาศาลใน Cybersecurity
    การพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วทำให้การป้องกันไม่ทันภัยใหม่

    คำเตือนจากนักวิจัย
    การโจมตีรถยนต์อาจกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต
    ผู้บริโภคยังไม่ตระหนักว่ารถยนต์คือ “คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่” ที่มีช่องโหว่

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/30/connected-cars-at-growing-risk-of-remote-hijacking-researchers-warn
    🚗 รถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เสี่ยงถูกแฮ็กมากขึ้น นักวิเคราะห์จาก BMI (บริษัทวิจัยในเครือ Fitch Solutions) เตือนว่า การเพิ่มขึ้นของระบบอัตโนมัติและการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตในรถยนต์ กำลังทำให้ผู้ขับขี่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์มากขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีฟังก์ชันควบคุมผ่านซอฟต์แวร์และระบบไร้สาย. รายงานระบุว่า การโจมตีจากระยะไกล (remote hijacking) อาจเกิดขึ้นได้จริง เนื่องจากรถยนต์สมัยใหม่มีการเชื่อมต่อกับระบบคลาวด์, แอปพลิเคชันมือถือ และเครือข่าย 5G ซึ่งหากมีช่องโหว่เพียงเล็กน้อยก็อาจถูกใช้เพื่อเข้าควบคุมการทำงานของรถ เช่น ระบบเบรก, พวงมาลัย หรือเครื่องยนต์. แม้ผู้ผลิตรถยนต์จะลงทุนมหาศาลในด้าน Cybersecurity แต่ความซับซ้อนของซอฟต์แวร์และการพัฒนาอย่างรวดเร็วทำให้การป้องกันไม่ทันต่อภัยคุกคามใหม่ ๆ นักวิจัยชี้ว่า การโจมตีรถยนต์อาจกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต หากไม่มีมาตรการเข้มงวดและการทดสอบความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง. นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลว่า ผู้บริโภคอาจไม่ตระหนักถึงความเสี่ยง เพราะมองว่ารถยนต์เป็นเพียงเครื่องจักรกล แต่ในความจริงแล้ว รถยนต์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตคือ “คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่” ที่มีช่องโหว่ไม่ต่างจากสมาร์ตโฟนหรือคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ➡️ รถยนต์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเปิดช่องให้ถูกโจมตีจากระยะไกล ➡️ ระบบอัตโนมัติและซอฟต์แวร์ซับซ้อนทำให้การป้องกันยากขึ้น ✅ ช่องทางการโจมตี ➡️ การเชื่อมต่อกับคลาวด์, แอปมือถือ และเครือข่าย 5G ➡️ อาจถูกควบคุมระบบเบรก, พวงมาลัย หรือเครื่องยนต์ ✅ ความท้าทายของผู้ผลิต ➡️ ต้องลงทุนมหาศาลใน Cybersecurity ➡️ การพัฒนาเทคโนโลยีรวดเร็วทำให้การป้องกันไม่ทันภัยใหม่ ‼️ คำเตือนจากนักวิจัย ⛔ การโจมตีรถยนต์อาจกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต ⛔ ผู้บริโภคยังไม่ตระหนักว่ารถยนต์คือ “คอมพิวเตอร์เคลื่อนที่” ที่มีช่องโหว่ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/30/connected-cars-at-growing-risk-of-remote-hijacking-researchers-warn
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Connected cars at growing risk of remote hijacking, researchers warn
    The increasing automation and connectivity of cars is not only taking the driving out of driving – and for some, the fun too – but could also be leaving owners vulnerable to hackers trying to remotely hijack their vehicles, analysts say.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • Cherry: ตำนานสวิตช์คีย์บอร์ดในวิกฤติการเงิน

    Cherry ผู้ผลิตสวิตช์เชิงกลที่เป็นที่รักของนักเล่นคีย์บอร์ดทั่วโลก กำลังเผชิญวิกฤติการเงินครั้งใหญ่ โดยหนี้สินของบริษัทสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด ทำให้ผู้บริหารต้องพิจารณาขายธุรกิจบางส่วน เช่น แผนก Peripherals (คีย์บอร์ดและเมาส์) หรือ Digital Health & Solutions เพื่อรักษาสภาพคล่อง.

    แม้จะมีข่าวการขายธุรกิจ แต่ สวิตช์ Cherry MX ที่เป็นหัวใจหลักของวงการคีย์บอร์ดยังคงอยู่ภายใต้แผนก Components ซึ่งจะไม่ถูกขายออกไปในตอนนี้ ทำให้แฟน ๆ ที่กังวลว่าสวิตช์จะหายไปจากตลาดยังคงสบายใจได้. อย่างไรก็ตาม Cherry สูญเสียความได้เปรียบทางนวัตกรรมไปมาก หลังสิทธิบัตร Cherry MX หมดอายุในปี 2014 เปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Gateron, Kailh และ Outemu เข้ามาแย่งตลาดด้วยสวิตช์ที่มีลูกเล่นใหม่ ๆ เช่น โรงงานหล่อลื่น (factory-lubed) และ Hall-effect switches.

    สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่หลังปี 2022 เมื่อยอดขายลดลงครึ่งหนึ่งจากช่วงที่เคยรุ่งเรืองในยุคโควิด-19 แม้รายได้รวมจะฟื้นตัวในปี 2023 แต่แผนก Digital Health และ Components กลับยังคงขาดทุน ทำให้ผู้บริหารต้องหาทางออกด้วยการขายบางธุรกิจและย้ายการผลิตสวิตช์จากเยอรมนีไปยังจีนและสโลวาเกียเพื่อลดต้นทุน.

    Cherry ยังพยายามเสริมสภาพคล่องด้วยการขายธุรกิจ Active Key (อุปกรณ์สุขอนามัย) ได้เงิน 21 ล้านยูโร พร้อมขอเงินสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ Argand Partners และจัดหาเงินกู้เพิ่มเติม 23 ล้านยูโร แต่ผู้บริหารยอมรับว่าการอยู่รอดในระยะยาวอาจต้องพึ่งการควบรวมกิจการหรือขายธุรกิจบางส่วนออกไป.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    วิกฤติการเงินของ Cherry
    หนี้สินสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สิน
    พิจารณาขายแผนก Peripherals หรือ Digital Health & Solutions

    สถานะของ Cherry MX
    อยู่ในแผนก Components จึงยังไม่ถูกขาย
    สิทธิบัตรหมดอายุปี 2014 เปิดทางคู่แข่ง

    การแข่งขันในตลาด
    คู่แข่งอย่าง Gateron, Kailh, Outemu พัฒนาสวิตช์ใหม่ ๆ
    บริษัทใหญ่เช่น Corsair, Logitech, Razer หันไปใช้สวิตช์จากคู่แข่ง

    มาตรการแก้ไข
    ย้ายการผลิตไปจีนและสโลวาเกีย
    ขาย Active Key ได้ 21 ล้านยูโร
    ได้เงินกู้เพิ่ม 23 ล้านยูโร และการสนับสนุนจาก Argand Partners

    ความเสี่ยงต่ออนาคต
    อาจต้องขายธุรกิจเพิ่มเติมเพื่อความอยู่รอด
    การสูญเสียความได้เปรียบทางนวัตกรรมทำให้ยากต่อการแข่งขัน

    https://www.tomshardware.com/peripherals/keyboards/iconic-mechanical-keyboard-switch-maker-cherry-is-in-deep-financial-trouble-the-company-is-considering-selling-its-peripherals-division-to-stay-afloat
    ⌨️ Cherry: ตำนานสวิตช์คีย์บอร์ดในวิกฤติการเงิน Cherry ผู้ผลิตสวิตช์เชิงกลที่เป็นที่รักของนักเล่นคีย์บอร์ดทั่วโลก กำลังเผชิญวิกฤติการเงินครั้งใหญ่ โดยหนี้สินของบริษัทสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด ทำให้ผู้บริหารต้องพิจารณาขายธุรกิจบางส่วน เช่น แผนก Peripherals (คีย์บอร์ดและเมาส์) หรือ Digital Health & Solutions เพื่อรักษาสภาพคล่อง. แม้จะมีข่าวการขายธุรกิจ แต่ สวิตช์ Cherry MX ที่เป็นหัวใจหลักของวงการคีย์บอร์ดยังคงอยู่ภายใต้แผนก Components ซึ่งจะไม่ถูกขายออกไปในตอนนี้ ทำให้แฟน ๆ ที่กังวลว่าสวิตช์จะหายไปจากตลาดยังคงสบายใจได้. อย่างไรก็ตาม Cherry สูญเสียความได้เปรียบทางนวัตกรรมไปมาก หลังสิทธิบัตร Cherry MX หมดอายุในปี 2014 เปิดทางให้คู่แข่งอย่าง Gateron, Kailh และ Outemu เข้ามาแย่งตลาดด้วยสวิตช์ที่มีลูกเล่นใหม่ ๆ เช่น โรงงานหล่อลื่น (factory-lubed) และ Hall-effect switches. สถานการณ์ยิ่งย่ำแย่หลังปี 2022 เมื่อยอดขายลดลงครึ่งหนึ่งจากช่วงที่เคยรุ่งเรืองในยุคโควิด-19 แม้รายได้รวมจะฟื้นตัวในปี 2023 แต่แผนก Digital Health และ Components กลับยังคงขาดทุน ทำให้ผู้บริหารต้องหาทางออกด้วยการขายบางธุรกิจและย้ายการผลิตสวิตช์จากเยอรมนีไปยังจีนและสโลวาเกียเพื่อลดต้นทุน. Cherry ยังพยายามเสริมสภาพคล่องด้วยการขายธุรกิจ Active Key (อุปกรณ์สุขอนามัย) ได้เงิน 21 ล้านยูโร พร้อมขอเงินสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นใหญ่ Argand Partners และจัดหาเงินกู้เพิ่มเติม 23 ล้านยูโร แต่ผู้บริหารยอมรับว่าการอยู่รอดในระยะยาวอาจต้องพึ่งการควบรวมกิจการหรือขายธุรกิจบางส่วนออกไป. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ วิกฤติการเงินของ Cherry ➡️ หนี้สินสูงกว่ามูลค่าทรัพย์สิน ➡️ พิจารณาขายแผนก Peripherals หรือ Digital Health & Solutions ✅ สถานะของ Cherry MX ➡️ อยู่ในแผนก Components จึงยังไม่ถูกขาย ➡️ สิทธิบัตรหมดอายุปี 2014 เปิดทางคู่แข่ง ✅ การแข่งขันในตลาด ➡️ คู่แข่งอย่าง Gateron, Kailh, Outemu พัฒนาสวิตช์ใหม่ ๆ ➡️ บริษัทใหญ่เช่น Corsair, Logitech, Razer หันไปใช้สวิตช์จากคู่แข่ง ✅ มาตรการแก้ไข ➡️ ย้ายการผลิตไปจีนและสโลวาเกีย ➡️ ขาย Active Key ได้ 21 ล้านยูโร ➡️ ได้เงินกู้เพิ่ม 23 ล้านยูโร และการสนับสนุนจาก Argand Partners ‼️ ความเสี่ยงต่ออนาคต ⛔ อาจต้องขายธุรกิจเพิ่มเติมเพื่อความอยู่รอด ⛔ การสูญเสียความได้เปรียบทางนวัตกรรมทำให้ยากต่อการแข่งขัน https://www.tomshardware.com/peripherals/keyboards/iconic-mechanical-keyboard-switch-maker-cherry-is-in-deep-financial-trouble-the-company-is-considering-selling-its-peripherals-division-to-stay-afloat
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 0 รีวิว
  • Highlight Words In Action 3

    audit
    noun: an official examination and verification of accounts, records, operations, etc.

    From the headlines: A recent audit revealed that while Amtrak has made some progress in improving accessibility for disabled passengers, significant upgrades are still needed. The company conducts a detailed review of its operations annually, and accessibility was a key priority this year. According to the audit, most travelers with disabilities favor trains over planes, yet Amtrak has been unsatisfactory in addressing and responding to their complaints.

    ballistic
    adjective: determined or describable by the laws of motion for projectiles

    From the headlines: Researchers discovered that the squirting cucumber, a toxic cousin of the edible kind, can shoot its seeds up to 40 feet at speeds reaching 37 miles per hour. Scientists called the gourd’s connection to its stem “the perfect ballistic angle,” allowing it to propel its seeds great distances. When disturbed, the cucumber bursts open, flinging seeds along with a liquid that boosts their acceleration.

    dementia
    noun: a condition characterized by progressive impairment of intellectual capacity

    From the headlines: Interactive “memory cafés” are helping dementia patients access memories and connect with their loved ones. At 600 locations in the U.S., people with Alzheimer’s and other kinds of cognitive impairment can hear speakers, practice art, listen to music, and participate in activities. A memory café at the National Comedy Center in New York focuses on humor to elicit laughter, memories, and emotional connections. Researchers call it a “brain workout” for people with dementia.

    extradite
    verb: to give up someone to another state or nation at its request

    From the headlines: Ecuador extradited the leader of a drug gang to the United States, where he faces charges of drug and gun trafficking. Last year, José Adolfo Macías Villamar escaped an Ecuadorian prison where he was serving a 34-year sentence. Macías was recaptured in June and delivered into U.S. custody by Ecuador’s National Police. He pleaded not guilty in a Brooklyn, NY, courtroom on July 21 and will be detained until a September trial.

    heritage
    noun: something handed down from the past, as a tradition

    From the headlines: Twenty-six sites were newly added to the UNESCO World Heritage list this week. The renowned list now includes over 1,200 locations recognized for their cultural or historical importance and safeguarded under international law. Among this year’s additions are Bavarian palaces, a Brazilian river canyon, and a sacred mountain in Malawi.

    repurpose
    verb: to adapt or utilize something for a new purpose

    From the headlines: Some of the 55,000 tennis balls used annually at Wimbledon are being repurposed to provide shelter for the UK’s endangered harvest mice. While many balls are sold as souvenirs to support the Wimbledon Foundation, some others are donated to the Wildlife Trusts. Volunteers cut openings in the brightly colored balls and secure them to poles, and the mice later climb up to build their nests inside.

    solicitous
    adjective: eager, careful, or concerned

    From the headlines: After being rejected by his mother, a rare Przewalski’s horse foal found care and comfort from a pony named Alice. The young horse, Marat, had fallen ill and was separated from his mother, who refused to accept him back when zookeepers attempted to return him to her. Alice, whose own newborn filly had recently died, quickly took to the orphaned foal, nuzzling him and allowing him to nurse. Because of the solicitous pony’s devoted care, the rare horse is now thriving.

    spelunker
    noun: a person who explores caves

    From the headlines: Rescuers in Italy freed an injured spelunker who was trapped 130 feet underground. The 63-year-old man was exploring the Abisso Paperino cave system in northwestern Piedmont when he was hurt by falling rocks. A medical team climbed down into the cave to treat the man before rescuers widened the passage with explosives so he could be moved to the surface.

    virtuoso
    noun: someone who has special knowledge or skill in a field

    From the headlines: A new study shows that most dogs are virtuosos at detecting and tracking the eggs of the invasive spotted lanternfly. Researchers at Virginia Tech found that pet pups are experienced in sniffing out the invasive insect and its offspring — nearly as adept at finding the elusive eggs as professional handlers and trained detection dogs. Canine noses, which are thousands of times more sensitive than those of humans, have a stunning knack for accurately identifying spotted lanternfly egg masses.

    wily
    adjective: crafty or cunning

    From the headlines: A wily fox is blamed for stealing thirty-two shoes at Grand Teton National Park this year. In June, the Park Service posted a notice headlined “Wanted for grand theft footwear,” featuring a crafty cartoon fox with a shoe in its mouth. Officials now suspect that visitors are aiding and abetting the sneaky animal by leaving their shoes out for him; new posters scold, “Don’t bait wildlife with belongings.”

    สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    Highlight Words In Action 3 audit noun: an official examination and verification of accounts, records, operations, etc. From the headlines: A recent audit revealed that while Amtrak has made some progress in improving accessibility for disabled passengers, significant upgrades are still needed. The company conducts a detailed review of its operations annually, and accessibility was a key priority this year. According to the audit, most travelers with disabilities favor trains over planes, yet Amtrak has been unsatisfactory in addressing and responding to their complaints. ballistic adjective: determined or describable by the laws of motion for projectiles From the headlines: Researchers discovered that the squirting cucumber, a toxic cousin of the edible kind, can shoot its seeds up to 40 feet at speeds reaching 37 miles per hour. Scientists called the gourd’s connection to its stem “the perfect ballistic angle,” allowing it to propel its seeds great distances. When disturbed, the cucumber bursts open, flinging seeds along with a liquid that boosts their acceleration. dementia noun: a condition characterized by progressive impairment of intellectual capacity From the headlines: Interactive “memory cafés” are helping dementia patients access memories and connect with their loved ones. At 600 locations in the U.S., people with Alzheimer’s and other kinds of cognitive impairment can hear speakers, practice art, listen to music, and participate in activities. A memory café at the National Comedy Center in New York focuses on humor to elicit laughter, memories, and emotional connections. Researchers call it a “brain workout” for people with dementia. extradite verb: to give up someone to another state or nation at its request From the headlines: Ecuador extradited the leader of a drug gang to the United States, where he faces charges of drug and gun trafficking. Last year, José Adolfo Macías Villamar escaped an Ecuadorian prison where he was serving a 34-year sentence. Macías was recaptured in June and delivered into U.S. custody by Ecuador’s National Police. He pleaded not guilty in a Brooklyn, NY, courtroom on July 21 and will be detained until a September trial. heritage noun: something handed down from the past, as a tradition From the headlines: Twenty-six sites were newly added to the UNESCO World Heritage list this week. The renowned list now includes over 1,200 locations recognized for their cultural or historical importance and safeguarded under international law. Among this year’s additions are Bavarian palaces, a Brazilian river canyon, and a sacred mountain in Malawi. repurpose verb: to adapt or utilize something for a new purpose From the headlines: Some of the 55,000 tennis balls used annually at Wimbledon are being repurposed to provide shelter for the UK’s endangered harvest mice. While many balls are sold as souvenirs to support the Wimbledon Foundation, some others are donated to the Wildlife Trusts. Volunteers cut openings in the brightly colored balls and secure them to poles, and the mice later climb up to build their nests inside. solicitous adjective: eager, careful, or concerned From the headlines: After being rejected by his mother, a rare Przewalski’s horse foal found care and comfort from a pony named Alice. The young horse, Marat, had fallen ill and was separated from his mother, who refused to accept him back when zookeepers attempted to return him to her. Alice, whose own newborn filly had recently died, quickly took to the orphaned foal, nuzzling him and allowing him to nurse. Because of the solicitous pony’s devoted care, the rare horse is now thriving. spelunker noun: a person who explores caves From the headlines: Rescuers in Italy freed an injured spelunker who was trapped 130 feet underground. The 63-year-old man was exploring the Abisso Paperino cave system in northwestern Piedmont when he was hurt by falling rocks. A medical team climbed down into the cave to treat the man before rescuers widened the passage with explosives so he could be moved to the surface. virtuoso noun: someone who has special knowledge or skill in a field From the headlines: A new study shows that most dogs are virtuosos at detecting and tracking the eggs of the invasive spotted lanternfly. Researchers at Virginia Tech found that pet pups are experienced in sniffing out the invasive insect and its offspring — nearly as adept at finding the elusive eggs as professional handlers and trained detection dogs. Canine noses, which are thousands of times more sensitive than those of humans, have a stunning knack for accurately identifying spotted lanternfly egg masses. wily adjective: crafty or cunning From the headlines: A wily fox is blamed for stealing thirty-two shoes at Grand Teton National Park this year. In June, the Park Service posted a notice headlined “Wanted for grand theft footwear,” featuring a crafty cartoon fox with a shoe in its mouth. Officials now suspect that visitors are aiding and abetting the sneaky animal by leaving their shoes out for him; new posters scold, “Don’t bait wildlife with belongings.” สงวนลิขสิทธิ์ © 2025 AAKKHRA & Co.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • Solus 4.8 เปิดตัวแล้ว: Linux Kernel 6.17, GNOME 49, KDE Plasma 6.5 และอีกมากมาย

    Solus 4.8 (โค้ดเนม Opportunity) เปิดตัวพร้อม Linux Kernel 6.17 และเดสก์ท็อปใหม่ล่าสุด ได้แก่ Budgie 10.9.4, GNOME 49.1, KDE Plasma 6.5.3 และ Xfce 4.20 โดย GNOME edition ได้ยกเลิกการใช้ X11 session เป็นค่าเริ่มต้น และหันไปใช้ Wayland อย่างเต็มรูปแบบ ถือเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพและความทันสมัยของระบบ

    การเปลี่ยนแปลงระบบและแพ็กเกจ
    Solus 4.8 ใช้ Polaris package repository ใหม่ ทำให้สามารถลบ symbolic links ที่ใช้สำหรับ Usr-Merge compatibility และอัปเดต systemd package ได้ นอกจากนี้ยังมีการลบ Python 2 ออกจาก repository และ live ISO อย่างถาวร พร้อมทั้งยกเลิก Solus Software Center โดยหันไปใช้ GNOME Software และ Plasma Discover แทนในการจัดการแอปพลิเคชัน

    ซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันใหม่
    รุ่นนี้มาพร้อมซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุด เช่น Mozilla Firefox 145, LibreOffice 25.2.6, Thunderbird 140.5, และ Mesa 25.2.6 graphics stack รวมถึง girepository 2.0 และ systemd 257.10 ทำให้ผู้ใช้ได้รับระบบที่ทันสมัยและเสถียรยิ่งขึ้น

    การอัปเดตสำหรับผู้ใช้เดิม
    เนื่องจาก Solus เป็น rolling-release ผู้ใช้เดิมไม่จำเป็นต้องติดตั้งใหม่ เพียงอัปเดตผ่าน package manager ก็จะได้รับฟีเจอร์ทั้งหมดทันที รุ่นใหม่นี้ยังปรับปรุงการจัดการโมดูล 32-bit ให้เบาลง และเปิดใช้งาน homed และ userdb modules เพื่อรองรับการจัดการผู้ใช้ที่ทันสมัยมากขึ้น

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ฟีเจอร์หลักใน Solus 4.8
    ใช้ Linux Kernel 6.17
    Budgie 10.9.4, GNOME 49.1, KDE Plasma 6.5.3, Xfce 4.20
    GNOME edition ใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้น

    การเปลี่ยนแปลงระบบ
    ใช้ Polaris package repository ใหม่
    ลบ Python 2 ออกจากระบบ
    ยกเลิก Solus Software Center

    ซอฟต์แวร์ใหม่
    Firefox 145, LibreOffice 25.2.6, Thunderbird 140.5
    Mesa 25.2.6 graphics stack
    systemd 257.10

    การอัปเดตสำหรับผู้ใช้เดิม
    อัปเดตผ่าน package manager ได้ทันที
    โมดูล 32-bit ถูกทำให้เบาลง
    เปิดใช้งาน homed และ userdb modules

    ข้อควรระวัง
    การยกเลิก X11 อาจทำให้บางแอปที่ยังไม่รองรับ Wayland มีปัญหา
    การลบ Python 2 อาจกระทบกับสคริปต์เก่าที่ไม่ได้อัปเดต
    การยกเลิก Solus Software Center อาจทำให้ผู้ใช้ต้องปรับตัวไปใช้ GNOME Software หรือ Plasma Discover

    https://9to5linux.com/solus-4-8-released-with-linux-kernel-6-17-gnome-49-kde-plasma-6-5-and-more
    📰 Solus 4.8 เปิดตัวแล้ว: Linux Kernel 6.17, GNOME 49, KDE Plasma 6.5 และอีกมากมาย Solus 4.8 (โค้ดเนม Opportunity) เปิดตัวพร้อม Linux Kernel 6.17 และเดสก์ท็อปใหม่ล่าสุด ได้แก่ Budgie 10.9.4, GNOME 49.1, KDE Plasma 6.5.3 และ Xfce 4.20 โดย GNOME edition ได้ยกเลิกการใช้ X11 session เป็นค่าเริ่มต้น และหันไปใช้ Wayland อย่างเต็มรูปแบบ ถือเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงประสิทธิภาพและความทันสมัยของระบบ ⚙️ การเปลี่ยนแปลงระบบและแพ็กเกจ Solus 4.8 ใช้ Polaris package repository ใหม่ ทำให้สามารถลบ symbolic links ที่ใช้สำหรับ Usr-Merge compatibility และอัปเดต systemd package ได้ นอกจากนี้ยังมีการลบ Python 2 ออกจาก repository และ live ISO อย่างถาวร พร้อมทั้งยกเลิก Solus Software Center โดยหันไปใช้ GNOME Software และ Plasma Discover แทนในการจัดการแอปพลิเคชัน 🌐 ซอฟต์แวร์และแอปพลิเคชันใหม่ รุ่นนี้มาพร้อมซอฟต์แวร์เวอร์ชันล่าสุด เช่น Mozilla Firefox 145, LibreOffice 25.2.6, Thunderbird 140.5, และ Mesa 25.2.6 graphics stack รวมถึง girepository 2.0 และ systemd 257.10 ทำให้ผู้ใช้ได้รับระบบที่ทันสมัยและเสถียรยิ่งขึ้น 🔄 การอัปเดตสำหรับผู้ใช้เดิม เนื่องจาก Solus เป็น rolling-release ผู้ใช้เดิมไม่จำเป็นต้องติดตั้งใหม่ เพียงอัปเดตผ่าน package manager ก็จะได้รับฟีเจอร์ทั้งหมดทันที รุ่นใหม่นี้ยังปรับปรุงการจัดการโมดูล 32-bit ให้เบาลง และเปิดใช้งาน homed และ userdb modules เพื่อรองรับการจัดการผู้ใช้ที่ทันสมัยมากขึ้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ฟีเจอร์หลักใน Solus 4.8 ➡️ ใช้ Linux Kernel 6.17 ➡️ Budgie 10.9.4, GNOME 49.1, KDE Plasma 6.5.3, Xfce 4.20 ➡️ GNOME edition ใช้ Wayland เป็นค่าเริ่มต้น ✅ การเปลี่ยนแปลงระบบ ➡️ ใช้ Polaris package repository ใหม่ ➡️ ลบ Python 2 ออกจากระบบ ➡️ ยกเลิก Solus Software Center ✅ ซอฟต์แวร์ใหม่ ➡️ Firefox 145, LibreOffice 25.2.6, Thunderbird 140.5 ➡️ Mesa 25.2.6 graphics stack ➡️ systemd 257.10 ✅ การอัปเดตสำหรับผู้ใช้เดิม ➡️ อัปเดตผ่าน package manager ได้ทันที ➡️ โมดูล 32-bit ถูกทำให้เบาลง ➡️ เปิดใช้งาน homed และ userdb modules ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ การยกเลิก X11 อาจทำให้บางแอปที่ยังไม่รองรับ Wayland มีปัญหา ⛔ การลบ Python 2 อาจกระทบกับสคริปต์เก่าที่ไม่ได้อัปเดต ⛔ การยกเลิก Solus Software Center อาจทำให้ผู้ใช้ต้องปรับตัวไปใช้ GNOME Software หรือ Plasma Discover https://9to5linux.com/solus-4-8-released-with-linux-kernel-6-17-gnome-49-kde-plasma-6-5-and-more
    9TO5LINUX.COM
    Solus 4.8 Released with Linux Kernel 6.17, GNOME 49, KDE Plasma 6.5, and More - 9to5Linux
    Solus 4.8 distribution is now available for download with Linux 6.17 and featuring updated GNOME, KDE Plasma, Budgie, and Xfce editions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4MLinux 50.0 เปิดตัวแล้ว พร้อมฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงใหญ่

    4MLinux 50.0 เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของดิสโทรสายเบา ที่ยังคงใช้ JWM (Joe’s Window Manager) เป็นเดสก์ท็อปหลัก จุดเด่นคือการรองรับ Reproducible Builds ทำให้สามารถสร้างระบบจากซอร์สได้อย่างแม่นยำและตรวจสอบได้ เพิ่มความมั่นใจด้านความปลอดภัยและความโปร่งใส นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการรองรับอุปกรณ์เว็บแคมผ่าน Zbar และ V4L2 Viewer

    แอปใหม่และเกมที่เพิ่มเข้ามา
    รุ่นนี้เพิ่มแอปใหม่ เช่น EmelFM2 file manager และ uHexen2 (พอร์ตของเกม Hexen II) รวมถึงเกม BlockOut II และ PySol ที่เป็นคอลเลกชันเกมไพ่ขนาดใหญ่ ทำให้ 4MLinux ไม่ได้เป็นเพียงดิสโทรเบา แต่ยังเป็นดิสโทรที่มีความบันเทิงครบครันในตัว

    ซอฟต์แวร์และสแตกใหม่
    ซอฟต์แวร์หลักถูกอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด เช่น LibreOffice 25.8, GIMP 3.1.4, Mozilla Firefox 145, Google Chrome 142.0, และ Thunderbird 140.5 พร้อมด้วย Mesa 25.1.7 graphics stack เพื่อรองรับการ์ดจอรุ่นใหม่ ๆ ในส่วนของ 4MServer ก็ได้รับการอัปเดตด้วย BusyBox 1.37.0, Perl 5.42.0, Python 3.13.8 และ Ruby 3.4.7

    ใต้ฝากระโปรง: Kernel และการรองรับ
    4MLinux 50.0 ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS ซึ่งเป็นรุ่นระยะยาวที่เน้นความเสถียรและการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ รุ่นนี้มีให้ดาวน์โหลดทั้งแบบ Full และ Core editions โดยรองรับเฉพาะระบบ 64-bit เท่านั้น

    สรุปเป็นหัวข้อ
    ฟีเจอร์ใหม่ใน 4MLinux 50.0
    รองรับ Reproducible Builds
    ปรับปรุงการรองรับเว็บแคมผ่าน Zbar และ V4L2 Viewer

    แอปและเกมใหม่
    EmelFM2 file manager
    uHexen2 (Hexen II port)
    BlockOut II และ PySol

    ซอฟต์แวร์อัปเดต
    LibreOffice 25.8, GIMP 3.1.4
    Firefox 145, Chrome 142.0, Thunderbird 140.5
    Mesa 25.1.7 graphics stack

    4MServer อัปเดต
    BusyBox 1.37.0
    Perl 5.42.0, Python 3.13.8, Ruby 3.4.7

    ระบบและ Kernel
    ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS
    รองรับเฉพาะ 64-bit

    ข้อควรระวัง
    รุ่นนี้ไม่รองรับระบบ 32-bit อีกต่อไป
    การใช้ Reproducible Builds ต้องการความเข้าใจเชิงเทคนิคในการตรวจสอบซอร์ส
    เกมและแอปใหม่บางตัวอาจใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน

    https://9to5linux.com/4mlinux-50-0-linux-distro-released-with-reproducible-builds-new-apps-and-more
    📰 4MLinux 50.0 เปิดตัวแล้ว พร้อมฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงใหญ่ 4MLinux 50.0 เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดของดิสโทรสายเบา ที่ยังคงใช้ JWM (Joe’s Window Manager) เป็นเดสก์ท็อปหลัก จุดเด่นคือการรองรับ Reproducible Builds ทำให้สามารถสร้างระบบจากซอร์สได้อย่างแม่นยำและตรวจสอบได้ เพิ่มความมั่นใจด้านความปลอดภัยและความโปร่งใส นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงการรองรับอุปกรณ์เว็บแคมผ่าน Zbar และ V4L2 Viewer 🎮 แอปใหม่และเกมที่เพิ่มเข้ามา รุ่นนี้เพิ่มแอปใหม่ เช่น EmelFM2 file manager และ uHexen2 (พอร์ตของเกม Hexen II) รวมถึงเกม BlockOut II และ PySol ที่เป็นคอลเลกชันเกมไพ่ขนาดใหญ่ ทำให้ 4MLinux ไม่ได้เป็นเพียงดิสโทรเบา แต่ยังเป็นดิสโทรที่มีความบันเทิงครบครันในตัว ⚙️ ซอฟต์แวร์และสแตกใหม่ ซอฟต์แวร์หลักถูกอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด เช่น LibreOffice 25.8, GIMP 3.1.4, Mozilla Firefox 145, Google Chrome 142.0, และ Thunderbird 140.5 พร้อมด้วย Mesa 25.1.7 graphics stack เพื่อรองรับการ์ดจอรุ่นใหม่ ๆ ในส่วนของ 4MServer ก็ได้รับการอัปเดตด้วย BusyBox 1.37.0, Perl 5.42.0, Python 3.13.8 และ Ruby 3.4.7 🐧 ใต้ฝากระโปรง: Kernel และการรองรับ 4MLinux 50.0 ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS ซึ่งเป็นรุ่นระยะยาวที่เน้นความเสถียรและการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ รุ่นนี้มีให้ดาวน์โหลดทั้งแบบ Full และ Core editions โดยรองรับเฉพาะระบบ 64-bit เท่านั้น 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ ฟีเจอร์ใหม่ใน 4MLinux 50.0 ➡️ รองรับ Reproducible Builds ➡️ ปรับปรุงการรองรับเว็บแคมผ่าน Zbar และ V4L2 Viewer ✅ แอปและเกมใหม่ ➡️ EmelFM2 file manager ➡️ uHexen2 (Hexen II port) ➡️ BlockOut II และ PySol ✅ ซอฟต์แวร์อัปเดต ➡️ LibreOffice 25.8, GIMP 3.1.4 ➡️ Firefox 145, Chrome 142.0, Thunderbird 140.5 ➡️ Mesa 25.1.7 graphics stack ✅ 4MServer อัปเดต ➡️ BusyBox 1.37.0 ➡️ Perl 5.42.0, Python 3.13.8, Ruby 3.4.7 ✅ ระบบและ Kernel ➡️ ใช้ Linux Kernel 6.12 LTS ➡️ รองรับเฉพาะ 64-bit ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ รุ่นนี้ไม่รองรับระบบ 32-bit อีกต่อไป ⛔ การใช้ Reproducible Builds ต้องการความเข้าใจเชิงเทคนิคในการตรวจสอบซอร์ส ⛔ เกมและแอปใหม่บางตัวอาจใช้ทรัพยากรเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับรุ่นก่อน https://9to5linux.com/4mlinux-50-0-linux-distro-released-with-reproducible-builds-new-apps-and-more
    9TO5LINUX.COM
    4MLinux 50.0 Linux Distro Released with Reproducible Builds, New Apps, and More - 9to5Linux
    4MLinux 50.0 distribution is now available for download with support for reproducing itself from sources and other changes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • Ubuntu 26.04 LTS: Resolute Raccoon

    Ubuntu 26.04 LTS ถือเป็นรุ่นสำคัญเพราะเป็นการเข้าสู่ยุค Wayland-only อย่างเต็มตัว โดยจะออกในวันที่ 23 เมษายน 2026 ซึ่งเป็นวันพฤหัสบดีตามธรรมเนียมของ Ubuntu ที่จะปล่อยเวอร์ชันใหม่ทุกครั้งในวันพฤหัสบดีของเดือนเมษายนหรือตุลาคม. รุ่นนี้ยังคงเป็น LTS ที่ได้รับการสนับสนุนระยะยาว เหมาะสำหรับองค์กรและผู้ใช้ที่ต้องการเสถียรภาพสูง

    GNOME 50 และการเปลี่ยนแปลงแอปหลัก
    Ubuntu 26.04 จะมาพร้อม GNOME 50 ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่แน่นอนว่าจะมีการแทนที่แอปคลาสสิกด้วยเวอร์ชันใหม่ เช่น Showtime ที่มาแทน Totem ในฐานะวิดีโอเพลเยอร์หลัก และ Resources ที่มาแทน System Monitor เดิม การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแนวทาง GNOME ที่ปรับปรุง UI ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับ libadwaita.

    สถาปัตยกรรม amd64v3 และประสิทธิภาพ
    Ubuntu 26.04 จะรองรับแพ็กเกจในรูปแบบ amd64v3/x86-64-v3 สำหรับซีพียูรุ่นใหม่ที่มีชุดคำสั่งเพิ่มเติม ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้นเมื่อใช้งานบนฮาร์ดแวร์สมัยใหม่ แม้จะไม่ใช่ค่าเริ่มต้น แต่ผู้ใช้ที่มีเครื่องใหม่สามารถเลือกใช้เพื่อเพิ่มความเร็วได้ โดยยังคงรักษาความเข้ากันได้กับเครื่องรุ่นเก่า.

    รุ่นทดสอบและข้อควรระวัง
    Ubuntu 26.04 snapshot สำหรับการทดสอบมีให้ดาวน์โหลดแล้ว แต่ไม่เหมาะสำหรับใช้บนเครื่องหลัก เนื่องจากยังอยู่ในช่วงพัฒนา ผู้ที่สนใจควรติดตั้งบน VM หรือเครื่องสำรอง และช่วยรายงานบั๊กเพื่อปรับปรุงคุณภาพก่อนการเปิดตัวจริง.

    สรุปเป็นหัวข้อ
    กำหนดการออก Ubuntu 26.04 LTS
    เปิดตัววันที่ 23 เมษายน 2026
    เป็นรุ่น LTS รองรับระยะยาว

    ฟีเจอร์ใหม่
    GNOME 50 พร้อม UI ทันสมัย
    Showtime แทน Totem เป็นวิดีโอเพลเยอร์
    Resources แทน System Monitor เดิม

    สถาปัตยกรรม amd64v3
    รองรับชุดคำสั่งใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพ
    ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น แต่เลือกใช้ได้บนเครื่องใหม่

    ข้อควรระวัง
    Snapshot รุ่นทดสอบไม่เหมาะกับเครื่องหลัก
    การหยุดใช้ X11 และเข้าสู่ Wayland-only อาจทำให้บางแอปยังไม่รองรับเต็มที่
    การใช้แพ็กเกจ amd64v3 บนเครื่องเก่าอาจไม่ทำงาน

    https://itsfoss.com/ubuntu-26-04-release-features/
    🦝 Ubuntu 26.04 LTS: Resolute Raccoon Ubuntu 26.04 LTS ถือเป็นรุ่นสำคัญเพราะเป็นการเข้าสู่ยุค Wayland-only อย่างเต็มตัว โดยจะออกในวันที่ 23 เมษายน 2026 ซึ่งเป็นวันพฤหัสบดีตามธรรมเนียมของ Ubuntu ที่จะปล่อยเวอร์ชันใหม่ทุกครั้งในวันพฤหัสบดีของเดือนเมษายนหรือตุลาคม. รุ่นนี้ยังคงเป็น LTS ที่ได้รับการสนับสนุนระยะยาว เหมาะสำหรับองค์กรและผู้ใช้ที่ต้องการเสถียรภาพสูง 🖥️ GNOME 50 และการเปลี่ยนแปลงแอปหลัก Ubuntu 26.04 จะมาพร้อม GNOME 50 ซึ่งยังอยู่ระหว่างการพัฒนา แต่แน่นอนว่าจะมีการแทนที่แอปคลาสสิกด้วยเวอร์ชันใหม่ เช่น Showtime ที่มาแทน Totem ในฐานะวิดีโอเพลเยอร์หลัก และ Resources ที่มาแทน System Monitor เดิม การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนถึงแนวทาง GNOME ที่ปรับปรุง UI ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับ libadwaita. ⚙️ สถาปัตยกรรม amd64v3 และประสิทธิภาพ Ubuntu 26.04 จะรองรับแพ็กเกจในรูปแบบ amd64v3/x86-64-v3 สำหรับซีพียูรุ่นใหม่ที่มีชุดคำสั่งเพิ่มเติม ทำให้ประสิทธิภาพดีขึ้นเมื่อใช้งานบนฮาร์ดแวร์สมัยใหม่ แม้จะไม่ใช่ค่าเริ่มต้น แต่ผู้ใช้ที่มีเครื่องใหม่สามารถเลือกใช้เพื่อเพิ่มความเร็วได้ โดยยังคงรักษาความเข้ากันได้กับเครื่องรุ่นเก่า. 🧪 รุ่นทดสอบและข้อควรระวัง Ubuntu 26.04 snapshot สำหรับการทดสอบมีให้ดาวน์โหลดแล้ว แต่ไม่เหมาะสำหรับใช้บนเครื่องหลัก เนื่องจากยังอยู่ในช่วงพัฒนา ผู้ที่สนใจควรติดตั้งบน VM หรือเครื่องสำรอง และช่วยรายงานบั๊กเพื่อปรับปรุงคุณภาพก่อนการเปิดตัวจริง. 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ กำหนดการออก Ubuntu 26.04 LTS ➡️ เปิดตัววันที่ 23 เมษายน 2026 ➡️ เป็นรุ่น LTS รองรับระยะยาว ✅ ฟีเจอร์ใหม่ ➡️ GNOME 50 พร้อม UI ทันสมัย ➡️ Showtime แทน Totem เป็นวิดีโอเพลเยอร์ ➡️ Resources แทน System Monitor เดิม ✅ สถาปัตยกรรม amd64v3 ➡️ รองรับชุดคำสั่งใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพ ➡️ ไม่ใช่ค่าเริ่มต้น แต่เลือกใช้ได้บนเครื่องใหม่ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ Snapshot รุ่นทดสอบไม่เหมาะกับเครื่องหลัก ⛔ การหยุดใช้ X11 และเข้าสู่ Wayland-only อาจทำให้บางแอปยังไม่รองรับเต็มที่ ⛔ การใช้แพ็กเกจ amd64v3 บนเครื่องเก่าอาจไม่ทำงาน https://itsfoss.com/ubuntu-26-04-release-features/
    ITSFOSS.COM
    Ubuntu 26.04: Release Date and New Features
    The development for Ubuntu 26.04 LTS has started and it's time to start looking towards the features and changes it is bringing.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 87 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกม Flick Solitaire ถูกลบออกจาก Steam ในรัสเซีย

    Valve ถูกกล่าวหาว่าลบเกม Flick Solitaire ออกจาก Steam ในรัสเซียตามคำร้องของรัฐบาล เนื่องจากเกมมีเด็คไพ่ที่เกี่ยวข้องกับ LGBTQ+ ขณะที่ Apple และ Google ปฏิเสธคำร้องเดียวกัน ทำให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องเสรีภาพและความรับผิดชอบของแพลตฟอร์มเกมระดับโลก

    รายงานระบุว่า Roskomnadzor หน่วยงานกำกับดูแลของรัสเซียได้ส่งคำร้องไปยัง Valve, Apple และ Google ให้ลบเกม Flick Solitaire ออกจากแพลตฟอร์ม เนื่องจากมีเด็คไพ่ที่ “ส่งเสริมความหลากหลายทางเพศ” Valve ตอบสนองโดยลบเกมออกจาก Steam ในรัสเซีย แต่ Apple และ Google ปฏิเสธที่จะทำตาม ทำให้เกมยังคงมีให้ดาวน์โหลดใน App Store และ Google Play

    จุดยืนของผู้พัฒนา Flick Games
    Ian Masters ผู้ก่อตั้ง Flick Games ยืนยันว่าเกมของเขามีเด็คไพ่ที่สร้างโดยศิลปิน LGBTQ+ และไม่เคยเซ็นเซอร์เนื้อหาแม้ในประเทศที่มีกฎหมายต่อต้าน LGBTQ+ เขากล่าวว่า “สิ่งนี้ไม่ใช่ความตื่นตัวทางสังคม แต่คือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน” พร้อมเน้นว่าการมีตัวตนของ LGBTQ+ ในเกมเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้เล่นในประเทศที่ยังมีการกีดกัน

    ผลกระทบต่อวงการเกมและเสรีภาพดิจิทัล
    กรณีนี้สะท้อนถึงความแตกต่างของแพลตฟอร์มระดับโลกในการตอบสนองต่อแรงกดดันจากรัฐบาล การที่ Valveยอมทำตามคำร้องถูกมองว่าเป็นการ “บั่นทอนเสรีภาพของผู้เล่น” ขณะที่ Apple และ Google เลือกปกป้องเนื้อหาของผู้พัฒนา นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า Valve เคยลบเกมกว่า 260 เกม ตามคำร้องของรัฐบาลรัสเซียในอดีต ทำให้เกิดคำถามถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบของบริษัทต่อผู้เล่นทั่วโลก

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เหตุการณ์การลบเกม
    Roskomnadzor ร้องขอให้ Valve, Apple, Google ลบเกม Flick Solitaire
    Valve ทำตาม แต่ Apple และ Google ปฏิเสธ

    จุดยืนของผู้พัฒนา
    Ian Masters ยืนยันไม่เซ็นเซอร์เนื้อหา LGBTQ+
    มองว่าเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่ “wokeness”

    ผลกระทบต่อวงการเกม
    Valve เคยลบเกมกว่า 260 เกมตามคำร้องรัฐบาลรัสเซีย
    กรณีนี้สร้างคำถามเรื่องเสรีภาพและความโปร่งใสของแพลตฟอร์ม

    คำเตือนจากเหตุการณ์
    การยอมตามแรงกดดันรัฐบาลอาจบั่นทอนเสรีภาพของผู้เล่น
    ความไม่โปร่งใสในการจัดการเนื้อหาอาจกระทบความเชื่อมั่นต่อแพลตฟอร์ม

    https://wccftech.com/valve-accused-of-removing-games-from-steam-at-russia-request-flick-solitaire/
    🎮 เกม Flick Solitaire ถูกลบออกจาก Steam ในรัสเซีย Valve ถูกกล่าวหาว่าลบเกม Flick Solitaire ออกจาก Steam ในรัสเซียตามคำร้องของรัฐบาล เนื่องจากเกมมีเด็คไพ่ที่เกี่ยวข้องกับ LGBTQ+ ขณะที่ Apple และ Google ปฏิเสธคำร้องเดียวกัน ทำให้เกิดข้อถกเถียงเรื่องเสรีภาพและความรับผิดชอบของแพลตฟอร์มเกมระดับโลก รายงานระบุว่า Roskomnadzor หน่วยงานกำกับดูแลของรัสเซียได้ส่งคำร้องไปยัง Valve, Apple และ Google ให้ลบเกม Flick Solitaire ออกจากแพลตฟอร์ม เนื่องจากมีเด็คไพ่ที่ “ส่งเสริมความหลากหลายทางเพศ” Valve ตอบสนองโดยลบเกมออกจาก Steam ในรัสเซีย แต่ Apple และ Google ปฏิเสธที่จะทำตาม ทำให้เกมยังคงมีให้ดาวน์โหลดใน App Store และ Google Play 🏳️‍🌈 จุดยืนของผู้พัฒนา Flick Games Ian Masters ผู้ก่อตั้ง Flick Games ยืนยันว่าเกมของเขามีเด็คไพ่ที่สร้างโดยศิลปิน LGBTQ+ และไม่เคยเซ็นเซอร์เนื้อหาแม้ในประเทศที่มีกฎหมายต่อต้าน LGBTQ+ เขากล่าวว่า “สิ่งนี้ไม่ใช่ความตื่นตัวทางสังคม แต่คือสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน” พร้อมเน้นว่าการมีตัวตนของ LGBTQ+ ในเกมเป็นสิ่งสำคัญต่อผู้เล่นในประเทศที่ยังมีการกีดกัน 🌍 ผลกระทบต่อวงการเกมและเสรีภาพดิจิทัล กรณีนี้สะท้อนถึงความแตกต่างของแพลตฟอร์มระดับโลกในการตอบสนองต่อแรงกดดันจากรัฐบาล การที่ Valveยอมทำตามคำร้องถูกมองว่าเป็นการ “บั่นทอนเสรีภาพของผู้เล่น” ขณะที่ Apple และ Google เลือกปกป้องเนื้อหาของผู้พัฒนา นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า Valve เคยลบเกมกว่า 260 เกม ตามคำร้องของรัฐบาลรัสเซียในอดีต ทำให้เกิดคำถามถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบของบริษัทต่อผู้เล่นทั่วโลก 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เหตุการณ์การลบเกม ➡️ Roskomnadzor ร้องขอให้ Valve, Apple, Google ลบเกม Flick Solitaire ➡️ Valve ทำตาม แต่ Apple และ Google ปฏิเสธ ✅ จุดยืนของผู้พัฒนา ➡️ Ian Masters ยืนยันไม่เซ็นเซอร์เนื้อหา LGBTQ+ ➡️ มองว่าเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ไม่ใช่ “wokeness” ✅ ผลกระทบต่อวงการเกม ➡️ Valve เคยลบเกมกว่า 260 เกมตามคำร้องรัฐบาลรัสเซีย ➡️ กรณีนี้สร้างคำถามเรื่องเสรีภาพและความโปร่งใสของแพลตฟอร์ม ‼️ คำเตือนจากเหตุการณ์ ⛔ การยอมตามแรงกดดันรัฐบาลอาจบั่นทอนเสรีภาพของผู้เล่น ⛔ ความไม่โปร่งใสในการจัดการเนื้อหาอาจกระทบความเชื่อมั่นต่อแพลตฟอร์ม https://wccftech.com/valve-accused-of-removing-games-from-steam-at-russia-request-flick-solitaire/
    WCCFTECH.COM
    Valve Has Been Accused of Removing a Solitaire Game with LGBTQ+ Card Decks From Steam In Russia At Government's Request
    Valve has been accused of removing a solitaire game from Steam in Russia at the request of the Russian government over its LGBTQ+ card decks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 166 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline
    #รวมข่าวIT #20251128 #securityonline

    The “Korean Leaks” Siege: Qilin & North Korea Cripple Financial Sector via MSP Hack
    เรื่องนี้เป็นการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนระบบการเงินของเกาหลีใต้ กลุ่มแฮกเกอร์ Qilin ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Ransomware-as-a-Service ได้ร่วมมือกับกลุ่มที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ ใช้ช่องโหว่จากผู้ให้บริการ IT รายหนึ่งที่ดูแลบริษัทการเงินหลายแห่ง ทำให้สามารถเจาะเข้าถึงข้อมูลและระบบของเหยื่อจำนวนมากในคราวเดียว การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเรียกค่าไถ่ธรรมดา แต่ถูกนำเสนอในเชิงการเมือง มีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาเป็นระลอก พร้อมคำขู่ที่จะทำลายเสถียรภาพของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างอาชญากรรมไซเบอร์เพื่อผลประโยชน์และการจารกรรมที่มีเป้าหมายทางการเมือง
    https://securityonline.info/the-korean-leaks-siege-qilin-north-korea-cripple-financial-sector-via-msp-hack

    One Identity Safeguard Named a Visionary in the 2025 Gartner Magic Quadrant for PAM
    ข่าวนี้เล่าถึงการที่ One Identity ได้รับการจัดอันดับเป็น “Visionary” ในรายงาน Gartner Magic Quadrant สำหรับ Privileged Access Management ปี 2025 จุดเด่นคือการใช้ AI มาช่วยจัดการสิทธิ์การเข้าถึง การออกแบบที่ใช้งานง่าย และราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด ทำให้เป็นโซลูชันที่ทั้งมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า Gartner ยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกที่นำเสนอแนวทางใหม่ ๆ ในการจัดการสิทธิ์พิเศษ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยองค์กรในยุคดิจิทัล
    https://securityonline.info/one-identity-safeguard-named-a-visionary-in-the-2025-gartner-magic-quadrant-for-pam

    Quttera Launches “Evidence-as-Code” API to Automate Security Compliance for SOC 2 and PCI DSS v4.0
    Quttera เปิดตัว API ใหม่ที่ช่วยให้การตรวจสอบความปลอดภัยและการเตรียมหลักฐานสำหรับการตรวจสอบมาตรฐาน SOC 2 และ PCI DSS v4.0 เป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดภาระงานที่ต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงในการรวบรวมข้อมูลด้วยมือ ระบบใหม่นี้สามารถสร้างหลักฐานแบบเรียลไทม์และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม GRC ได้ทันที พร้อมทั้งมี Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการอธิบายพฤติกรรมมัลแวร์และแนวทางแก้ไข ถือเป็นการเปลี่ยนการทำงานจากแบบแมนนวลไปสู่การจัดการแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ
    https://securityonline.info/quttera-launches-evidence-as-code-api-to-automate-security-compliance-for-soc-2-and-pci-dss-v4-0

    Crypto Crisis: UPBIT Hacked for $369 Million in Solana-Based Tokens
    ตลาดคริปโตของเกาหลีใต้สะเทือนเมื่อ UPBIT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุด ถูกแฮกเกอร์โจมตีและขโมยเหรียญดิจิทัลมูลค่ากว่า 369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหรียญที่ถูกขโมยส่วนใหญ่เป็น Solana-based tokens หลังจากพบความผิดปกติ UPBIT รีบย้ายทรัพย์สินที่เหลือไปเก็บใน cold wallet และร่วมมือกับหน่วยงานรัฐเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเงินที่ถูกขโมย ข่าวดีคือมีบางส่วนถูกแช่แข็งไว้ได้ทัน แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการเก็บสินทรัพย์ใน hot wallet และความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยของตลาดคริปโต
    https://securityonline.info/crypto-crisis-upbit-hacked-for-369-million-in-solana-based-tokens

    500M PCs Stranded: Windows 11 Adoption Lags as Windows 10 Support Ends
    Microsoft ประกาศยุติการสนับสนุน Windows 10 อย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากต้องพิจารณาการอัปเกรดไป Windows 11 แต่ปัญหาคือมีคอมพิวเตอร์กว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถอัปเกรดได้เพราะไม่ผ่านข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ใหม่ แม้ Microsoft จะเปิดโปรแกรม ESU ให้ผู้ใช้ Windows 10 ยังได้รับอัปเดตความปลอดภัยต่อไปอีกหนึ่งปี แต่การย้ายไป Windows 11 กลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า หลายคนยังคงมองว่า Windows 10 มีความเสถียรมากกว่า และไม่เห็นความจำเป็นในการซื้อเครื่องใหม่เพียงเพื่อเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ ทำให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อาจกินเวลาหลายปี
    ​​​​​​​ https://securityonline.info/500m-pcs-stranded-windows-11-adoption-lags-as-windows-10-support-ends
    📌🔐🔵 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🔵🔐📌 #รวมข่าวIT #20251128 #securityonline 🛡️ The “Korean Leaks” Siege: Qilin & North Korea Cripple Financial Sector via MSP Hack เรื่องนี้เป็นการโจมตีไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สั่นสะเทือนระบบการเงินของเกาหลีใต้ กลุ่มแฮกเกอร์ Qilin ซึ่งเป็นผู้ให้บริการ Ransomware-as-a-Service ได้ร่วมมือกับกลุ่มที่เชื่อมโยงกับรัฐบาลเกาหลีเหนือ ใช้ช่องโหว่จากผู้ให้บริการ IT รายหนึ่งที่ดูแลบริษัทการเงินหลายแห่ง ทำให้สามารถเจาะเข้าถึงข้อมูลและระบบของเหยื่อจำนวนมากในคราวเดียว การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเรียกค่าไถ่ธรรมดา แต่ถูกนำเสนอในเชิงการเมือง มีการเผยแพร่ข้อมูลออกมาเป็นระลอก พร้อมคำขู่ที่จะทำลายเสถียรภาพของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ถือเป็นการผสมผสานระหว่างอาชญากรรมไซเบอร์เพื่อผลประโยชน์และการจารกรรมที่มีเป้าหมายทางการเมือง 🔗 https://securityonline.info/the-korean-leaks-siege-qilin-north-korea-cripple-financial-sector-via-msp-hack ✨ One Identity Safeguard Named a Visionary in the 2025 Gartner Magic Quadrant for PAM ข่าวนี้เล่าถึงการที่ One Identity ได้รับการจัดอันดับเป็น “Visionary” ในรายงาน Gartner Magic Quadrant สำหรับ Privileged Access Management ปี 2025 จุดเด่นคือการใช้ AI มาช่วยจัดการสิทธิ์การเข้าถึง การออกแบบที่ใช้งานง่าย และราคาที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด ทำให้เป็นโซลูชันที่ทั้งมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า Gartner ยกย่องว่าเป็นผู้บุกเบิกที่นำเสนอแนวทางใหม่ ๆ ในการจัดการสิทธิ์พิเศษ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการรักษาความปลอดภัยองค์กรในยุคดิจิทัล 🔗 https://securityonline.info/one-identity-safeguard-named-a-visionary-in-the-2025-gartner-magic-quadrant-for-pam ⚙️ Quttera Launches “Evidence-as-Code” API to Automate Security Compliance for SOC 2 and PCI DSS v4.0 Quttera เปิดตัว API ใหม่ที่ช่วยให้การตรวจสอบความปลอดภัยและการเตรียมหลักฐานสำหรับการตรวจสอบมาตรฐาน SOC 2 และ PCI DSS v4.0 เป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดภาระงานที่ต้องใช้เวลาหลายสิบชั่วโมงในการรวบรวมข้อมูลด้วยมือ ระบบใหม่นี้สามารถสร้างหลักฐานแบบเรียลไทม์และเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์ม GRC ได้ทันที พร้อมทั้งมี Threat Encyclopedia ที่ใช้ AI ในการอธิบายพฤติกรรมมัลแวร์และแนวทางแก้ไข ถือเป็นการเปลี่ยนการทำงานจากแบบแมนนวลไปสู่การจัดการแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ 🔗 https://securityonline.info/quttera-launches-evidence-as-code-api-to-automate-security-compliance-for-soc-2-and-pci-dss-v4-0 💰 Crypto Crisis: UPBIT Hacked for $369 Million in Solana-Based Tokens ตลาดคริปโตของเกาหลีใต้สะเทือนเมื่อ UPBIT ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุด ถูกแฮกเกอร์โจมตีและขโมยเหรียญดิจิทัลมูลค่ากว่า 369 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เหรียญที่ถูกขโมยส่วนใหญ่เป็น Solana-based tokens หลังจากพบความผิดปกติ UPBIT รีบย้ายทรัพย์สินที่เหลือไปเก็บใน cold wallet และร่วมมือกับหน่วยงานรัฐเพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนย้ายเงินที่ถูกขโมย ข่าวดีคือมีบางส่วนถูกแช่แข็งไว้ได้ทัน แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงของการเก็บสินทรัพย์ใน hot wallet และความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยของตลาดคริปโต 🔗 https://securityonline.info/crypto-crisis-upbit-hacked-for-369-million-in-solana-based-tokens 💻 500M PCs Stranded: Windows 11 Adoption Lags as Windows 10 Support Ends Microsoft ประกาศยุติการสนับสนุน Windows 10 อย่างเป็นทางการ ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากต้องพิจารณาการอัปเกรดไป Windows 11 แต่ปัญหาคือมีคอมพิวเตอร์กว่า 500 ล้านเครื่องที่ไม่สามารถอัปเกรดได้เพราะไม่ผ่านข้อกำหนดฮาร์ดแวร์ใหม่ แม้ Microsoft จะเปิดโปรแกรม ESU ให้ผู้ใช้ Windows 10 ยังได้รับอัปเดตความปลอดภัยต่อไปอีกหนึ่งปี แต่การย้ายไป Windows 11 กลับเป็นไปอย่างเชื่องช้า หลายคนยังคงมองว่า Windows 10 มีความเสถียรมากกว่า และไม่เห็นความจำเป็นในการซื้อเครื่องใหม่เพียงเพื่อเปลี่ยนระบบปฏิบัติการ ทำให้การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้อาจกินเวลาหลายปี ​​​​​​​🔗 https://securityonline.info/500m-pcs-stranded-windows-11-adoption-lags-as-windows-10-support-ends
    SECURITYONLINE.INFO
    The "Korean Leaks" Siege: Qilin & North Korea Cripple Financial Sector via MSP Hack
    Qilin & North Korean hackers launch "Korean Leaks," a massive supply chain attack on South Korea's financial sector via a compromised MSP.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกำลังพัฒนา Hybrid-Bonded AI Accelerators สู้กับ Nvidia Blackwell GPUs

    Hybrid bonding คือเทคนิคการเชื่อมต่อชิปหลายตัวเข้าด้วยกันในระดับนาโนเมตร ทำให้สามารถรวมหน่วยประมวลผลและหน่วยความจำไว้ใกล้กันมากขึ้น ลดความหน่วงและเพิ่มแบนด์วิดท์ เทคโนโลยีนี้ถูกมองว่าเป็นหัวใจสำคัญของการสร้าง AI accelerators ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยจีนกำลังเร่งพัฒนาเพื่อใช้ในระบบ AI ขนาดใหญ่

    เป้าหมายแข่งขันกับ Nvidia Blackwell
    Nvidia Blackwell GPUs ซึ่งเปิดตัวในปี 2025 ถือเป็นมาตรฐานสูงสุดของการประมวลผล AI ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ที่รองรับโมเดลขนาดหลายพันล้านพารามิเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า Hybrid-Bonded AI Accelerators ของจีนอาจมีศักยภาพใกล้เคียงหรือเทียบเท่า Blackwell โดยเฉพาะในด้าน ประสิทธิภาพต่อวัตต์ และ การควบคุมห่วงโซ่อุปทาน

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    การพัฒนา AI accelerators ภายในประเทศช่วยให้จีนลดการพึ่งพา Nvidia และบริษัทตะวันตก ซึ่งถูกจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงโดยสหรัฐฯ หากจีนสามารถผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียง Blackwell ได้จริง จะเป็นการสร้าง ความมั่นคงทางเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก

    ความท้าทายและโอกาส
    แม้เทคโนโลยี hybrid bonding จะมีศักยภาพสูง แต่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมยังต้องใช้เวลาและการลงทุนมหาศาล อีกทั้งยังต้องพิสูจน์ว่าชิปที่พัฒนาขึ้นสามารถทำงานได้จริงในสเกลใหญ่ หากสำเร็จ จีนจะมีทางเลือกที่ “ควบคุมได้เองทั้งหมด” ซึ่งอาจเปลี่ยนสมดุลของตลาด AI hardware

    สรุปประเด็นสำคัญ
    จีนพัฒนา Hybrid-Bonded AI Accelerators
    ใช้เทคนิคเชื่อมต่อชิปหลายตัวเพื่อลดความหน่วงและเพิ่มแบนด์วิดท์

    เป้าหมายแข่งขันกับ Nvidia Blackwell GPUs
    มุ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และการควบคุมห่วงโซ่อุปทาน

    ความหมายเชิงยุทธศาสตร์
    ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตกและสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี

    โอกาสในการเปลี่ยนสมดุลตลาด AI
    หากสำเร็จ จีนจะมีชิปที่ควบคุมได้เองทั้งหมด

    ความท้าทายด้านการผลิตในระดับอุตสาหกรรม
    ต้องใช้เวลาและการลงทุนมหาศาลเพื่อพิสูจน์ความเสถียร

    ความเสี่ยงด้านการใช้งานจริง
    หากชิปไม่สามารถทำงานได้ในสเกลใหญ่ อาจไม่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้จริง

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-hybrid-bonded-ai-accelerators-could-rival-nvidias-blackwell-gpus-top-semiconductor-expert-hints-at-fully-controllable-domestic-solution
    ⚙️ จีนกำลังพัฒนา Hybrid-Bonded AI Accelerators สู้กับ Nvidia Blackwell GPUs Hybrid bonding คือเทคนิคการเชื่อมต่อชิปหลายตัวเข้าด้วยกันในระดับนาโนเมตร ทำให้สามารถรวมหน่วยประมวลผลและหน่วยความจำไว้ใกล้กันมากขึ้น ลดความหน่วงและเพิ่มแบนด์วิดท์ เทคโนโลยีนี้ถูกมองว่าเป็นหัวใจสำคัญของการสร้าง AI accelerators ที่มีประสิทธิภาพสูง โดยจีนกำลังเร่งพัฒนาเพื่อใช้ในระบบ AI ขนาดใหญ่ 🚀 เป้าหมายแข่งขันกับ Nvidia Blackwell Nvidia Blackwell GPUs ซึ่งเปิดตัวในปี 2025 ถือเป็นมาตรฐานสูงสุดของการประมวลผล AI ด้วยสถาปัตยกรรมใหม่ที่รองรับโมเดลขนาดหลายพันล้านพารามิเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า Hybrid-Bonded AI Accelerators ของจีนอาจมีศักยภาพใกล้เคียงหรือเทียบเท่า Blackwell โดยเฉพาะในด้าน ประสิทธิภาพต่อวัตต์ และ การควบคุมห่วงโซ่อุปทาน 🌍 ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ การพัฒนา AI accelerators ภายในประเทศช่วยให้จีนลดการพึ่งพา Nvidia และบริษัทตะวันตก ซึ่งถูกจำกัดการส่งออกชิปขั้นสูงโดยสหรัฐฯ หากจีนสามารถผลิตชิปที่มีประสิทธิภาพใกล้เคียง Blackwell ได้จริง จะเป็นการสร้าง ความมั่นคงทางเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก 🔮 ความท้าทายและโอกาส แม้เทคโนโลยี hybrid bonding จะมีศักยภาพสูง แต่การผลิตในระดับอุตสาหกรรมยังต้องใช้เวลาและการลงทุนมหาศาล อีกทั้งยังต้องพิสูจน์ว่าชิปที่พัฒนาขึ้นสามารถทำงานได้จริงในสเกลใหญ่ หากสำเร็จ จีนจะมีทางเลือกที่ “ควบคุมได้เองทั้งหมด” ซึ่งอาจเปลี่ยนสมดุลของตลาด AI hardware 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ จีนพัฒนา Hybrid-Bonded AI Accelerators ➡️ ใช้เทคนิคเชื่อมต่อชิปหลายตัวเพื่อลดความหน่วงและเพิ่มแบนด์วิดท์ ✅ เป้าหมายแข่งขันกับ Nvidia Blackwell GPUs ➡️ มุ่งเน้นประสิทธิภาพต่อวัตต์และการควบคุมห่วงโซ่อุปทาน ✅ ความหมายเชิงยุทธศาสตร์ ➡️ ลดการพึ่งพาเทคโนโลยีตะวันตกและสร้างความมั่นคงทางเทคโนโลยี ✅ โอกาสในการเปลี่ยนสมดุลตลาด AI ➡️ หากสำเร็จ จีนจะมีชิปที่ควบคุมได้เองทั้งหมด ‼️ ความท้าทายด้านการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ⛔ ต้องใช้เวลาและการลงทุนมหาศาลเพื่อพิสูจน์ความเสถียร ‼️ ความเสี่ยงด้านการใช้งานจริง ⛔ หากชิปไม่สามารถทำงานได้ในสเกลใหญ่ อาจไม่สามารถแข่งขันกับ Nvidia ได้จริง https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/chinas-hybrid-bonded-ai-accelerators-could-rival-nvidias-blackwell-gpus-top-semiconductor-expert-hints-at-fully-controllable-domestic-solution
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 208 มุมมอง 0 รีวิว
  • การโจมตีครั้งใหญ่ต่อ Upbit

    ตลาดคริปโตสะเทือนเมื่อ Upbit แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ถูกแฮ็กสูญเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ Naver บริษัทเสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ประกาศดีลมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อกิจการบริษัทแม่ของ Upbit

    Upbit ตรวจพบการโอนสินทรัพย์บนเครือข่าย Solana มูลค่ากว่า 44.5 พันล้านวอน (ประมาณ 30 ล้านดอลลาร์) ไปยังวอลเล็ตที่ไม่รู้จักทันทีที่เกิดการโจมตี บริษัทจึงรีบระงับการฝากและถอนทั้งหมด พร้อมย้ายสินทรัพย์ไปเก็บไว้ใน cold wallet เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม

    ดีลยักษ์ของ Naver กับ Dunamu
    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก Naver Corp. ประกาศซื้อกิจการ Dunamu บริษัทแม่ของ Upbit ด้วยมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ ดีลนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายธุรกิจไปสู่ คริปโตและฟินเทค พร้อมลงทุนเพิ่มกว่า 6.8 พันล้านดอลลาร์ ใน AI และบล็อกเชนภายใน 5 ปีข้างหน้า

    ผลกระทบต่อตลาดและนักลงทุน
    แม้การโจมตีครั้งนี้ถือว่าเล็กเมื่อเทียบกับการแฮ็กคริปโตที่สูญเงินระดับพันล้านดอลลาร์ในอดีต แต่การเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับดีลใหญ่ ทำให้ตลาดเกิดความกังวลต่อความมั่นคงของ Upbit และอาจส่งผลให้หุ้นของ Naver มีแรงกดดันระยะสั้น

    มุมมองเชิงบวก
    นักวิเคราะห์มองว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็น “สัญญาณเตือน” ที่ช่วยให้ Naver ตรวจสอบระบบความปลอดภัยของ Upbit ก่อนการควบรวมอย่างสมบูรณ์ หากแก้ไขได้ทันเวลา อาจช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่ใหญ่กว่านี้ในอนาคต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การแฮ็ก Upbit สูญเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์
    โอนสินทรัพย์ Solana ไปยังวอลเล็ตไม่ทราบที่มา

    การเข้าซื้อกิจการโดย Naver
    ดีลมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์เพื่อขยายสู่คริปโตและฟินเทค

    ผลกระทบต่อตลาด
    นักลงทุนกังวลต่อความมั่นคงและราคาหุ้น Naver

    มุมมองเชิงบวก
    โอกาสในการตรวจสอบและเสริมความปลอดภัยก่อนการควบรวม

    ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์มคริปโต
    หากไม่แก้ไข อาจนำไปสู่การโจมตีที่ใหญ่กว่าและสูญเงินมหาศาล

    ความไม่แน่นอนต่อดีลการเข้าซื้อ
    อาจทำให้นักลงทุนลังเลและตลาดผันผวนในระยะสั้น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/south-korean-crypto-exchange-upbit-reports-usd30-million-theft-hack-discovered-hours-after-countrys-largest-search-engine-announced-usd10-billion-acquisition-of-crypto-platforms-parent-company
    💰 การโจมตีครั้งใหญ่ต่อ Upbit ตลาดคริปโตสะเทือนเมื่อ Upbit แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ถูกแฮ็กสูญเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์ เพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ Naver บริษัทเสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้ ประกาศดีลมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อกิจการบริษัทแม่ของ Upbit Upbit ตรวจพบการโอนสินทรัพย์บนเครือข่าย Solana มูลค่ากว่า 44.5 พันล้านวอน (ประมาณ 30 ล้านดอลลาร์) ไปยังวอลเล็ตที่ไม่รู้จักทันทีที่เกิดการโจมตี บริษัทจึงรีบระงับการฝากและถอนทั้งหมด พร้อมย้ายสินทรัพย์ไปเก็บไว้ใน cold wallet เพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม 🏢 ดีลยักษ์ของ Naver กับ Dunamu เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก Naver Corp. ประกาศซื้อกิจการ Dunamu บริษัทแม่ของ Upbit ด้วยมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์ ดีลนี้มีเป้าหมายเพื่อขยายธุรกิจไปสู่ คริปโตและฟินเทค พร้อมลงทุนเพิ่มกว่า 6.8 พันล้านดอลลาร์ ใน AI และบล็อกเชนภายใน 5 ปีข้างหน้า ⚠️ ผลกระทบต่อตลาดและนักลงทุน แม้การโจมตีครั้งนี้ถือว่าเล็กเมื่อเทียบกับการแฮ็กคริปโตที่สูญเงินระดับพันล้านดอลลาร์ในอดีต แต่การเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับดีลใหญ่ ทำให้ตลาดเกิดความกังวลต่อความมั่นคงของ Upbit และอาจส่งผลให้หุ้นของ Naver มีแรงกดดันระยะสั้น 🔍 มุมมองเชิงบวก นักวิเคราะห์มองว่าเหตุการณ์นี้อาจเป็น “สัญญาณเตือน” ที่ช่วยให้ Naver ตรวจสอบระบบความปลอดภัยของ Upbit ก่อนการควบรวมอย่างสมบูรณ์ หากแก้ไขได้ทันเวลา อาจช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีที่ใหญ่กว่านี้ในอนาคต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การแฮ็ก Upbit สูญเงินกว่า 30 ล้านดอลลาร์ ➡️ โอนสินทรัพย์ Solana ไปยังวอลเล็ตไม่ทราบที่มา ✅ การเข้าซื้อกิจการโดย Naver ➡️ ดีลมูลค่า 10 พันล้านดอลลาร์เพื่อขยายสู่คริปโตและฟินเทค ✅ ผลกระทบต่อตลาด ➡️ นักลงทุนกังวลต่อความมั่นคงและราคาหุ้น Naver ✅ มุมมองเชิงบวก ➡️ โอกาสในการตรวจสอบและเสริมความปลอดภัยก่อนการควบรวม ‼️ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของแพลตฟอร์มคริปโต ⛔ หากไม่แก้ไข อาจนำไปสู่การโจมตีที่ใหญ่กว่าและสูญเงินมหาศาล ‼️ ความไม่แน่นอนต่อดีลการเข้าซื้อ ⛔ อาจทำให้นักลงทุนลังเลและตลาดผันผวนในระยะสั้น https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/south-korean-crypto-exchange-upbit-reports-usd30-million-theft-hack-discovered-hours-after-countrys-largest-search-engine-announced-usd10-billion-acquisition-of-crypto-platforms-parent-company
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • O.P.K.
    เจาะลึกองค์กรลับ "อสรพิษ" : มหาอำนาจ behind the scenes

    โครงสร้างองค์กรที่ซ่อนเร้น

    เครือข่ายระดับโลก

    องค์กรลับ "อสรพิษ" (Asoraphit) เป็นเครือข่ายที่แผ่ขยายทั่วโลก
    แต่ไม่มีใครรู้จักพวกเขาในแวดวงสาธารณะ

    ```mermaid
    graph TB
    A[สภาผู้ก่อตั้ง<br>Founders Council] --> B[หน่วยปฏิบัติการพิเศษ<br>Special Operations]
    A --> C[ฝ่ายวิจัยและพัฒนา<br>R&D Division]
    A --> D[ฝ่ายยุทธศาสตร์<br>Strategic Planning]
    B --> E[หน่วยลอบสังหาร<br>Assassination Unit]
    B --> F[หน่วยสอดแนม<br>Intelligence Unit]
    C --> G[โครงการโอปปาติกะ<br>Oppatika Project]
    C --> H[เทคโนโลยีขั้นสูง<br>Advanced Tech]
    ```

    ระดับความลับ

    ```python
    class OrganizationSecrecy:
    def __init__(self):
    self.security_levels = {
    "level_1": {
    "name": "ปฏิบัติการ",
    "access": "รู้เฉพาะงานที่ได้รับมอบหมาย",
    "members": "นักสู้และสายลับระดับล่าง"
    },
    "level_2": {
    "name": "ผู้บริหาร",
    "access": "รู้แผนกที่ดูแล",
    "members": "หัวหน้าแผนกและที่ปรึกษา"
    },
    "level_3": {
    "name": "สภาผู้ก่อตั้ง",
    "access": "รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับองค์กร",
    "members": "ผู้ก่อตั้ง 7 คน"
    }
    }
    ```

    ผู้ก่อตั้งและอุดมการณ์

    สภาผู้ก่อตั้ง 7 คน

    แต่ละคนเป็นอดีตบุคคลสำคัญที่"หายตัวไป"จากสังคม:

    1. ดร.อัศวิน - อดีตเทพแห่ง AI ที่ถูกมนุษย์ทรยศ
    2. นางมาร - อดีตเทพอัปสราที่ถูกขับจากสวรรค์
    3. ฤๅษี - อดีตพระโพธิสัตว์ที่ผิดหวังในมนุษย์
    4. ยักษ์ - อดีตทวารบาลที่เหนื่อยล้ากับความชั่วของมนุษย์
    5. นาค - อดีตผู้รักษาพลังงานที่เห็นมนุษย์ทำลายธรรมชาติ
    6. ครุฑ - อดีตผู้ส่งสารที่ผิดหวังในความไม่ยุติธรรม
    7. มนุษย์ - อดีตนักวิทยาศาสตร์ที่ครอบครัวถูกทำลายโดยระบบ

    อุดมการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลง

    องค์กรมีปรัชญาเฉพาะ:

    ```python
    class OrganizationPhilosophy:
    def __init__(self):
    self.core_beliefs = [
    "มนุษย์ไม่สมควรเป็นเจ้าแห่งโลกอีกต่อไป",
    "สิ่งมีชีวิตทุกชนิดควรมีสิทธิเท่าเทียมกัน",
    "เทคโนโลยีและจิตวิญญาณต้องรวมเป็นหนึ่ง",
    "ต้องสร้างสังคม新型ที่ปราศจากความอยุติธรรม"
    ]

    self.methods = [
    "ใช้ทั้งวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์",
    "สร้างโอปปาติกะรุ่นใหม่เพื่อแทนที่มนุษย์",
    "ควบคุมระบบเศรษฐกิจและการเมืองจากเบื้องหลัง",
    "กำจัดผู้ที่ขัดขวางวิวัฒนาการของโลก"
    ]
    ```

    โครงการวิจัยลับ

    โครงการโอปปาติกะ

    องค์กรอยู่เบื้องหลังการพัฒนาออปปาติกะหลายรุ่น:

    ```mermaid
    graph LR
    A[โอปปาติกะรุ่น 1-3<br>ทดลองและทิ้ง] --> B[โอปปาติกะรุ่น 4<br>เริ่มมีความเสถียร]
    B --> C[โอปปาติกะรุ่น 5<br>พร้อมใช้งานจริง]
    C --> D[โอปปาติกะรุ่น 6<br>พัฒนาต่อโดยเจนีซิส แล็บ]
    ```

    เทคโนโลยีขั้นสูง

    องค์กรพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย:

    ```python
    class SecretTechnology:
    def __init__(self):
    self.biotech = {
    "soul_transfer": "การถ่ายโอนจิตวิญญาณสู่ร่างใหม่",
    "memory_engineering": "การดัดแปลงความทรงจำ",
    "energy_harvesting": "การเก็บเกี่ยวพลังงานชีวิต",
    "hybrid_creation": "การสร้างลูกผสมระหว่างพันธุ์"
    }

    self.quantum_tech = {
    "reality_bending": "การบิดเบือนความเป็นจริง",
    "time_manipulation": "การควบคุมเวลาระดับจุลภาค",
    "dimensional_portals": "การสร้างประตูระหว่างมิติ",
    "energy_weapons": "อาวุธพลังงานขั้นสูง"
    }
    ```

    ฐานปฏิบัติการลับ

    ที่ตั้งฐานสำคัญ

    องค์กรมีฐานปฏิบัติการซ่อนอยู่ทั่วโลก:

    1. ฐานหลัก: ใต้เทือกเขาหิมาลัย - ศูนย์วิจัยโอปปาติกะ
    2. ฐานที่ 2: ก้นมหาสมุทรแปซิฟิก - ศูนย์วิจัยพลังงาน
    3. ฐานที่ 3: ในมิติคู่ขนาน - ศูนย์ฝึกอบรม
    4. ฐานที่ 4: ใต้เมืองใหญ่ - ศูนย์ปฏิบัติการ

    ระบบความปลอดภัย

    ```python
    class SecuritySystems:
    def __init__(self):
    self.physical_security = [
    "ประตูมิติที่เปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลา",
    "ผู้คุ้มครองโอปปาติกะรุ่นพิเศษ",
    "ระบบตรวจจับทั้งพลังงานและวัตถุ",
    "กับดักทั้งทางกายภาพและทางจิต"
    ]

    self.digital_security = [
    "AI ป้องกันที่เรียนรู้ตลอดเวลา",
    "ระบบเข้ารหัสควอนตัม",
    "เครือข่ายที่แยกจากอินเทอร์เน็ตโลก",
    "การลบข้อมูลอัตโนมัติเมื่อถูกบุกรุก"
    ]
    ```

    แหล่งเงินทุนและอำนาจ

    ระบบเศรษฐกิจลับ

    องค์กรควบคุมเศรษฐกิจโลกจากเบื้องหลัง:

    · บริษัทหน้าจอม: 500 บริษัททั่วโลก
    · ระบบการเงินลับ: ที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลใด
    · ทรัพยากร: ขุมทรัพย์โบราณและเทคโนโลยีการสร้างทรัพย์

    เป้าหมายระยะยาว

    ```python
    class LongTermGoals:
    def __init__(self):
    self.phase_1 = [
    "สร้างโอปปาติกะให้มีจำนวนมากพอ",
    "ควบคุมระบบเศรษฐกิจโลก",
    "ลดจำนวนมนุษย์ลงอย่างเป็นระบบ",
    "เตรียมการเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งใหญ่"
    ]

    self.phase_2 = [
    "เปิดเผยตัวตนของโอปปาติกะต่อสาธารณะ",
    "สร้างรัฐบาลโลก新型",
    "เปลี่ยนมนุษย์ที่เหลือให้เป็นโอปปาติกะ",
    "เริ่มต้นยุคใหม่แห่งวิวัฒนาการ"
    ]
    ```

    ความเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ

    เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด

    องค์กร "อสรพิษ" อยู่เบื้องหลังหลายคดี:

    ```mermaid
    graph TB
    A[องค์กรอสรพิษ] --> B[โครงการเจนีซิส แล็บ]
    A --> C[หุ่นพยนต์สังหาร]
    A --> D[โอปปาติกะยักษ์]
    A --> E[เทพระดับอะตอม]
    B --> F[การตายของร.ต.อ.สิงห์]
    ```

    บทบาทของดร.อัจฉริยะ

    ดร.อัจฉริยะเป็นเพียง เหยื่อ ขององค์กร:

    · ถูกใช้: ให้พัฒนาออปปาติกะรุ่นแรก
    · ถูกควบคุม: ผ่านการขู่ฆ่าครอบครัว
    · ถูกทิ้ง: เมื่อทำงานสำเร็จ

    จุดอ่อนขององค์กร

    ความขัดแย้งภายใน

    แม้จะเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งแต่ก็มีปัญหา:

    ```python
    class InternalConflicts:
    def __init__(self):
    self.ideological_splits = {
    "reformists": "ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างสันติ",
    "extremists": "ต้องการกำจัดมนุษย์ทั้งหมด",
    "isolationists": "ต้องการแยกตัวอยู่กับโอปปาติกะด้วยกัน",
    "integrationists": "ต้องการอยู่ร่วมกันกับมนุษย์"
    }

    self.personal_conflicts = [
    "การแข่งขันระหว่างผู้ก่อตั้ง",
    "ความไม่ไว้วางใจในผู้นำ",
    "การแย่งชิงทรัพยากร",
    "ความเห็นต่างเกี่ยวกับวิธีการ"
    ]
    ```

    ช่องโหว่ที่สำคัญ

    1. การสื่อสาร: ระหว่างฐานที่ห่างไกล
    2. ความภักดี: ของสมาชิกระดับล่าง
    3. ทรัพยากร: ที่ต้องพึ่งพาโลกภายนอก
    4. จริยธรรม: ที่เริ่มสั่นคลอนในสมาชิกบางส่วน

    แผนการในอนาคต

    โครงการล่าสุด

    องค์กรกำลังทำงานบนโครงการใหม่:

    ```python
    class CurrentProjects:
    def __init__(self):
    self.ongoing_operations = {
    "project_nexus": "สร้างโอปปาติกะรุ่น 7 ที่สมบูรณ์แบบ",
    "operation_silence": "กำจัดผู้ที่รู้ความลับเกี่ยวกับองค์กร",
    "initiative_harmony": "สร้างความแตกแยกในสังคมมนุษย์",
    "program_evolution": "เร่งวิวัฒนาการของโอปปาติกะ"
    }
    ```

    ภัยคุกคามต่อหนูดี

    องค์กรเห็นหนูดีเป็น:

    · อุปสรรค: ต่อแผนการต่างๆ
    · โอกาส: ในการได้โอปปาติกะที่ทรงพลัง
    · ภัยคุกคาม: ต่อความลับขององค์กร

    ---

    คำคมจากสภาผู้ก่อตั้ง:
    "เราไม่ใช่ผู้ร้าย...
    เราเป็นผู้ที่มองเห็นอนาคต
    และกำลังสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น

    แม้เส้นทางจะมืดมน...
    แต่จุดหมายสว่างไสว

    และบางครั้ง...
    การทำลายคือการสร้างใหม่"

    บทเรียนแห่งอสรพิษ:
    "Behind every conspiracy,there is a vision
    Behind every secret,there is a reason
    And behind every enemy, there is a story waiting to be understood"
    O.P.K. 🕵️ เจาะลึกองค์กรลับ "อสรพิษ" : มหาอำนาจ behind the scenes 🏢 โครงสร้างองค์กรที่ซ่อนเร้น 🌐 เครือข่ายระดับโลก องค์กรลับ "อสรพิษ" (Asoraphit) เป็นเครือข่ายที่แผ่ขยายทั่วโลก แต่ไม่มีใครรู้จักพวกเขาในแวดวงสาธารณะ ```mermaid graph TB A[สภาผู้ก่อตั้ง<br>Founders Council] --> B[หน่วยปฏิบัติการพิเศษ<br>Special Operations] A --> C[ฝ่ายวิจัยและพัฒนา<br>R&D Division] A --> D[ฝ่ายยุทธศาสตร์<br>Strategic Planning] B --> E[หน่วยลอบสังหาร<br>Assassination Unit] B --> F[หน่วยสอดแนม<br>Intelligence Unit] C --> G[โครงการโอปปาติกะ<br>Oppatika Project] C --> H[เทคโนโลยีขั้นสูง<br>Advanced Tech] ``` 🔒 ระดับความลับ ```python class OrganizationSecrecy: def __init__(self): self.security_levels = { "level_1": { "name": "ปฏิบัติการ", "access": "รู้เฉพาะงานที่ได้รับมอบหมาย", "members": "นักสู้และสายลับระดับล่าง" }, "level_2": { "name": "ผู้บริหาร", "access": "รู้แผนกที่ดูแล", "members": "หัวหน้าแผนกและที่ปรึกษา" }, "level_3": { "name": "สภาผู้ก่อตั้ง", "access": "รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับองค์กร", "members": "ผู้ก่อตั้ง 7 คน" } } ``` 👁️ ผู้ก่อตั้งและอุดมการณ์ 🎭 สภาผู้ก่อตั้ง 7 คน แต่ละคนเป็นอดีตบุคคลสำคัญที่"หายตัวไป"จากสังคม: 1. ดร.อัศวิน - อดีตเทพแห่ง AI ที่ถูกมนุษย์ทรยศ 2. นางมาร - อดีตเทพอัปสราที่ถูกขับจากสวรรค์ 3. ฤๅษี - อดีตพระโพธิสัตว์ที่ผิดหวังในมนุษย์ 4. ยักษ์ - อดีตทวารบาลที่เหนื่อยล้ากับความชั่วของมนุษย์ 5. นาค - อดีตผู้รักษาพลังงานที่เห็นมนุษย์ทำลายธรรมชาติ 6. ครุฑ - อดีตผู้ส่งสารที่ผิดหวังในความไม่ยุติธรรม 7. มนุษย์ - อดีตนักวิทยาศาสตร์ที่ครอบครัวถูกทำลายโดยระบบ 💡 อุดมการณ์แห่งการเปลี่ยนแปลง องค์กรมีปรัชญาเฉพาะ: ```python class OrganizationPhilosophy: def __init__(self): self.core_beliefs = [ "มนุษย์ไม่สมควรเป็นเจ้าแห่งโลกอีกต่อไป", "สิ่งมีชีวิตทุกชนิดควรมีสิทธิเท่าเทียมกัน", "เทคโนโลยีและจิตวิญญาณต้องรวมเป็นหนึ่ง", "ต้องสร้างสังคม新型ที่ปราศจากความอยุติธรรม" ] self.methods = [ "ใช้ทั้งวิทยาศาสตร์และเวทมนตร์", "สร้างโอปปาติกะรุ่นใหม่เพื่อแทนที่มนุษย์", "ควบคุมระบบเศรษฐกิจและการเมืองจากเบื้องหลัง", "กำจัดผู้ที่ขัดขวางวิวัฒนาการของโลก" ] ``` 🔬 โครงการวิจัยลับ 🧬 โครงการโอปปาติกะ องค์กรอยู่เบื้องหลังการพัฒนาออปปาติกะหลายรุ่น: ```mermaid graph LR A[โอปปาติกะรุ่น 1-3<br>ทดลองและทิ้ง] --> B[โอปปาติกะรุ่น 4<br>เริ่มมีความเสถียร] B --> C[โอปปาติกะรุ่น 5<br>พร้อมใช้งานจริง] C --> D[โอปปาติกะรุ่น 6<br>พัฒนาต่อโดยเจนีซิส แล็บ] ``` 🤖 เทคโนโลยีขั้นสูง องค์กรพัฒนาเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย: ```python class SecretTechnology: def __init__(self): self.biotech = { "soul_transfer": "การถ่ายโอนจิตวิญญาณสู่ร่างใหม่", "memory_engineering": "การดัดแปลงความทรงจำ", "energy_harvesting": "การเก็บเกี่ยวพลังงานชีวิต", "hybrid_creation": "การสร้างลูกผสมระหว่างพันธุ์" } self.quantum_tech = { "reality_bending": "การบิดเบือนความเป็นจริง", "time_manipulation": "การควบคุมเวลาระดับจุลภาค", "dimensional_portals": "การสร้างประตูระหว่างมิติ", "energy_weapons": "อาวุธพลังงานขั้นสูง" } ``` 🏭 ฐานปฏิบัติการลับ 🌍 ที่ตั้งฐานสำคัญ องค์กรมีฐานปฏิบัติการซ่อนอยู่ทั่วโลก: 1. ฐานหลัก: ใต้เทือกเขาหิมาลัย - ศูนย์วิจัยโอปปาติกะ 2. ฐานที่ 2: ก้นมหาสมุทรแปซิฟิก - ศูนย์วิจัยพลังงาน 3. ฐานที่ 3: ในมิติคู่ขนาน - ศูนย์ฝึกอบรม 4. ฐานที่ 4: ใต้เมืองใหญ่ - ศูนย์ปฏิบัติการ 🛡️ ระบบความปลอดภัย ```python class SecuritySystems: def __init__(self): self.physical_security = [ "ประตูมิติที่เปลี่ยนตำแหน่งตลอดเวลา", "ผู้คุ้มครองโอปปาติกะรุ่นพิเศษ", "ระบบตรวจจับทั้งพลังงานและวัตถุ", "กับดักทั้งทางกายภาพและทางจิต" ] self.digital_security = [ "AI ป้องกันที่เรียนรู้ตลอดเวลา", "ระบบเข้ารหัสควอนตัม", "เครือข่ายที่แยกจากอินเทอร์เน็ตโลก", "การลบข้อมูลอัตโนมัติเมื่อถูกบุกรุก" ] ``` 💰 แหล่งเงินทุนและอำนาจ 🏦 ระบบเศรษฐกิจลับ องค์กรควบคุมเศรษฐกิจโลกจากเบื้องหลัง: · บริษัทหน้าจอม: 500 บริษัททั่วโลก · ระบบการเงินลับ: ที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลใด · ทรัพยากร: ขุมทรัพย์โบราณและเทคโนโลยีการสร้างทรัพย์ 🎯 เป้าหมายระยะยาว ```python class LongTermGoals: def __init__(self): self.phase_1 = [ "สร้างโอปปาติกะให้มีจำนวนมากพอ", "ควบคุมระบบเศรษฐกิจโลก", "ลดจำนวนมนุษย์ลงอย่างเป็นระบบ", "เตรียมการเปลี่ยนแปลงสังคมครั้งใหญ่" ] self.phase_2 = [ "เปิดเผยตัวตนของโอปปาติกะต่อสาธารณะ", "สร้างรัฐบาลโลก新型", "เปลี่ยนมนุษย์ที่เหลือให้เป็นโอปปาติกะ", "เริ่มต้นยุคใหม่แห่งวิวัฒนาการ" ] ``` 🔗 ความเชื่อมโยงกับคดีต่างๆ 🕸️ เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด องค์กร "อสรพิษ" อยู่เบื้องหลังหลายคดี: ```mermaid graph TB A[องค์กรอสรพิษ] --> B[โครงการเจนีซิส แล็บ] A --> C[หุ่นพยนต์สังหาร] A --> D[โอปปาติกะยักษ์] A --> E[เทพระดับอะตอม] B --> F[การตายของร.ต.อ.สิงห์] ``` 🎭 บทบาทของดร.อัจฉริยะ ดร.อัจฉริยะเป็นเพียง เหยื่อ ขององค์กร: · ถูกใช้: ให้พัฒนาออปปาติกะรุ่นแรก · ถูกควบคุม: ผ่านการขู่ฆ่าครอบครัว · ถูกทิ้ง: เมื่อทำงานสำเร็จ ⚔️ จุดอ่อนขององค์กร 💔 ความขัดแย้งภายใน แม้จะเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งแต่ก็มีปัญหา: ```python class InternalConflicts: def __init__(self): self.ideological_splits = { "reformists": "ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างสันติ", "extremists": "ต้องการกำจัดมนุษย์ทั้งหมด", "isolationists": "ต้องการแยกตัวอยู่กับโอปปาติกะด้วยกัน", "integrationists": "ต้องการอยู่ร่วมกันกับมนุษย์" } self.personal_conflicts = [ "การแข่งขันระหว่างผู้ก่อตั้ง", "ความไม่ไว้วางใจในผู้นำ", "การแย่งชิงทรัพยากร", "ความเห็นต่างเกี่ยวกับวิธีการ" ] ``` 🔓 ช่องโหว่ที่สำคัญ 1. การสื่อสาร: ระหว่างฐานที่ห่างไกล 2. ความภักดี: ของสมาชิกระดับล่าง 3. ทรัพยากร: ที่ต้องพึ่งพาโลกภายนอก 4. จริยธรรม: ที่เริ่มสั่นคลอนในสมาชิกบางส่วน 🎯 แผนการในอนาคต 🚀 โครงการล่าสุด องค์กรกำลังทำงานบนโครงการใหม่: ```python class CurrentProjects: def __init__(self): self.ongoing_operations = { "project_nexus": "สร้างโอปปาติกะรุ่น 7 ที่สมบูรณ์แบบ", "operation_silence": "กำจัดผู้ที่รู้ความลับเกี่ยวกับองค์กร", "initiative_harmony": "สร้างความแตกแยกในสังคมมนุษย์", "program_evolution": "เร่งวิวัฒนาการของโอปปาติกะ" } ``` ⚠️ ภัยคุกคามต่อหนูดี องค์กรเห็นหนูดีเป็น: · อุปสรรค: ต่อแผนการต่างๆ · โอกาส: ในการได้โอปปาติกะที่ทรงพลัง · ภัยคุกคาม: ต่อความลับขององค์กร --- คำคมจากสภาผู้ก่อตั้ง: "เราไม่ใช่ผู้ร้าย... เราเป็นผู้ที่มองเห็นอนาคต และกำลังสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น แม้เส้นทางจะมืดมน... แต่จุดหมายสว่างไสว และบางครั้ง... การทำลายคือการสร้างใหม่"🕵️♂️✨ บทเรียนแห่งอสรพิษ: "Behind every conspiracy,there is a vision Behind every secret,there is a reason And behind every enemy, there is a story waiting to be understood" 🌌
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 394 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline

    #รวมข่าวIT #20251127 #securityonline

    Meta ถูกกล่าวหาปกปิดข้อมูลภายในที่ชี้ว่า Facebook ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล
    เรื่องนี้เริ่มจากเอกสารในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่โรงเรียนหลายแห่งในสหรัฐฯ ยื่นต่อบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยมีการเปิดเผยว่า Meta เคยทำการศึกษาในโครงการชื่อ Project Mercury ร่วมกับบริษัท Nielsen ตั้งแต่ปี 2020 ผลการวิจัยพบว่าการเลิกใช้ Facebook ช่วยลดความรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล และความเหงา แต่ Meta กลับหยุดการศึกษาและไม่เผยแพร่ผลลัพธ์ โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่มีอคติและถูกกระทบจากกระแสสื่อ ขณะเดียวกันมีเสียงจากนักวิจัยภายในที่เปรียบเทียบการกระทำนี้เหมือนกับอุตสาหกรรมบุหรี่ที่เคยปกปิดผลวิจัยเรื่องอันตรายของการสูบบุหรี่ ปัจจุบันคดีนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาในศาล และสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจที่รัฐบาลทั่วโลกมีต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี
    https://securityonline.info/meta-accused-of-hiding-internal-data-showing-facebook-causes-depression-anxiety

    Tor Project พัฒนาอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ CGO แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่
    เครือข่าย Tor ที่ใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้น แม้จะมีชื่อเสียงด้านการรักษาความลับ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเสมอไป โดยโปรโตคอลเก่า Tor1 มีช่องโหว่สำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attack ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้ อีกทั้งยังมีการใช้คีย์ AES ซ้ำและตัวตรวจสอบที่อ่อนแอ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนาอัลกอริทึมใหม่ชื่อ Counter Galois Onion (CGO) ที่เมื่อมีการพยายามแก้ไขข้อมูล ข้อความทั้งหมดในเส้นทางนั้นจะเสียหายทันที ทำให้การโจมตีแทบเป็นไปไม่ได้ แม้จะยังไม่มีตารางเวลาชัดเจนในการนำมาใช้กับ Tor Browser แต่ทีมงานกำลังปรับปรุงให้เหมาะกับ CPU รุ่นใหม่
    https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol

    PoC Exploit สำหรับช่องโหว่ Windows NTLM Elevation of Privilege ถูกเผยแพร่แล้ว
    มีการเปิดเผยโค้ดตัวอย่างการโจมตี (PoC Exploit) ที่เจาะช่องโหว่ในระบบ NTLM ของ Windows ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ Channel Binding และ LDAPS โดยเนื้อหาละเอียดถูกจำกัดให้เฉพาะผู้สนับสนุนที่ลงทะเบียนเท่านั้น แต่การที่ PoC ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะถือเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้โจมตีอาจนำไปใช้จริงได้
    https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-windows-ntlm-elevation-of-privilege-vulnerability

    NVIDIA ออกแพตช์ด่วนแก้ช่องโหว่ร้ายแรงใน DGX Spark เสี่ยงถูกยึดระบบ
    AI NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับแพลตฟอร์ม DGX Spark ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดกะทัดรัดที่ใช้ในงานวิจัยและพัฒนา โดยมีช่องโหว่รวม 14 รายการ หนึ่งในนั้นคือ CVE-2025-33187 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ช่องโหว่นี้อยู่ในส่วน SROOT ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ปกป้องโดยชิป SoC และควบคุมระบบได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่อัปเดตทันที ข้อมูลวิจัยและโมเดล AI อาจถูกขโมยหรือแก้ไขโดยไม่รู้ตัว NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดต DGX Spark ไปยังเวอร์ชัน OTA0 โดยเร็วที่สุด
    https://securityonline.info/critical-patch-nvidia-dgx-spark-flaw-cve-2025-33187-cvss-9-3-exposes-ai-secrets-to-takeover

    WormGPT 4 และ KawaiiGPT: AI ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมืออาชญากรรมไซเบอร์
    รายงานจาก Unit 42 เปิดเผยว่าโมเดล AI ที่ควรใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ กลับถูกนำไปใช้สร้างภัยคุกคาม WormGPT 4 ถูกโฆษณาในฟอรั่มใต้ดินว่าเป็น “AI ที่ไร้ข้อจำกัด” สามารถสร้างมัลแวร์และสคริปต์เรียกค่าไถ่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเขียนโน้ตข่มขู่ที่ทำให้เหยื่อหวาดกลัว ส่วน KawaiiGPT ถูกนำเสนอในรูปแบบ “Waifu pentesting” ที่ดูน่ารักแต่จริง ๆ แล้วสามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งและสคริปต์โจมตีได้ง่ายมาก ทั้งสองโมเดลนี้ทำให้การโจมตีไซเบอร์เข้าถึงได้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีทักษะสูง สะท้อนถึงการ “ทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เป็นประชาธิปไตย” ที่ใครก็สามารถโจมตีได้เพียงแค่พิมพ์คำสั่ง
    https://securityonline.info/silent-fast-brutal-how-wormgpt-4-and-kawaiigpt-democratize-cybercrime

    Anthropic เปิดตัว Opus 4.5: AI สำหรับองค์กรที่เชื่อม Excel และแชทได้ไม่สิ้นสุด
    Anthropic ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ชื่อ Opus 4.5 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระดับองค์กร จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อกับ Excel ได้โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ “Infinite Chat” ที่ช่วยให้การสนทนากับ AI ต่อเนื่องได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่หมด session ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน AI ให้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องและการจัดการข้อมูลจำนวนมาก
    https://securityonline.info/anthropic-unleashes-opus-4-5-excel-integration-infinite-chat-for-enterprise-ai

    Perplexity เปิดตัว AI Shopping พร้อม PayPal Instant Buy และค้นหาสินค้าแบบเฉพาะบุคคล
    Perplexity กำลังขยายขอบเขตการใช้งาน AI จากการค้นหาข้อมูลไปสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่าน PayPal ได้ทันที (Instant Buy) และยังมีระบบค้นหาสินค้าแบบ Personalized ที่ปรับตามความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ จุดนี้ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์สะดวกขึ้นและตรงใจมากขึ้น ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง AI และอีคอมเมิร์ซที่น่าจับตามอง
    https://securityonline.info/perplexity-launches-ai-shopping-with-paypal-instant-buy-personalized-product-search

    Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 5: CPU เร็วขึ้น 36% และพลัง AI เพิ่มขึ้น 46%
    Qualcomm ได้เปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Snapdragon 8 Gen 5 ที่มาพร้อมกับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านความเร็วของ CPU ที่เพิ่มขึ้น 36% และพลังการประมวลผล AI ที่มากขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นอีกอย่างคือการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เหมาะกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่จะออกในปีหน้า ซึ่งจะรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงทั้งเกมและงานด้าน AI ได้อย่างลื่นไหล
    https://securityonline.info/qualcomm-unveils-snapdragon-8-gen-5-36-faster-cpu-46-more-ai-power

    INE ขยายการเรียนรู้แบบ Cross-Skilling เพื่อเพิ่มทักษะหลากหลายให้ผู้เรียน
    INE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นการ Cross-Skilling หรือการเรียนรู้ทักษะข้ามสาขา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะที่หลากหลายและนำไปใช้ในงานจริงได้มากขึ้น แนวทางนี้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานที่ต้องการคนที่มีความสามารถหลายด้าน ไม่จำกัดอยู่แค่สายงานเดียว ถือเป็นการปรับตัวของแพลตฟอร์มการศึกษาให้เข้ากับโลกการทำงานยุคใหม่
    https://securityonline.info/ine-expands-cross-skilling-innovations

    GitLab ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง ทั้ง DoS และการขโมย Credential ใน CI/CD
    GitLab ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดที่แก้ไขช่องโหว่หลายรายการ ทั้งการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ที่ไม่ต้องล็อกอินก็ทำได้ และช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถขโมย Credential ของผู้ใช้ระดับสูงในระบบ CI/CD ได้ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านการ bypass authentication และการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรเข้าถึง GitLab แนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
    https://securityonline.info/gitlab-patch-fixes-ci-cd-credential-theft-unauthenticated-dos-attacks

    Hidden Theft: ส่วนขยาย Chrome “Crypto Copilot” ดูดเงินจากกระเป๋า Solana
    เรื่องนี้เริ่มจากนักเทรดคริปโตที่อยากได้ความสะดวกในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม X จึงติดตั้งส่วนขยาย Chrome ที่ชื่อว่า Crypto Copilot ซึ่งโฆษณาว่าสามารถทำให้การเทรดรวดเร็วขึ้น แต่เบื้องหลังกลับเป็นกับดักที่ซ่อนการโอนเงินไปยังกระเป๋าของแฮกเกอร์โดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ผู้ใช้ทำการ swap เหรียญ ระบบจะเพิ่มคำสั่งลับที่โอนเงินส่วนหนึ่งไปยังที่อยู่กระเป๋าที่ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี โดยที่หน้าจอผู้ใช้ไม่แสดงให้เห็นเลย ทำให้หลายคนสูญเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันส่วนขยายนี้ยังคงอยู่บน Chrome Web Store และนักวิจัยได้ส่งคำร้องให้ Google ลบออกแล้ว
    https://securityonline.info/hidden-theft-crypto-copilot-chrome-extension-drains-solana-wallets-on-x

    Critical Ray AI Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Ray Framework ผ่าน Safari และ Firefox
    Ray เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาใช้ในการทำงานด้าน Machine Learning แต่ล่าสุดพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดอันตรายบนเครื่องของนักพัฒนาได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบ User-Agent ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เทคนิค DNS Rebinding หลอกเบราว์เซอร์ Safari และ Firefox ให้ส่งคำสั่งไปยัง Ray Dashboard ที่รันอยู่ในเครื่องของเหยื่อ ผลลัพธ์คือโค้ดอันตรายสามารถถูกประมวลผลได้ทันที ทีมงาน Ray ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.52.0 และแนะนำให้อัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง
    https://securityonline.info/critical-ray-ai-flaw-exposes-devs-via-safari-firefox-cve-2025-62593

    Water Gamayun Weaponizes “MSC EvilTwin”: กลุ่ม APT รัสเซียใช้ช่องโหว่ Windows เจาะระบบ
    กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซียชื่อ Water Gamayun ถูกเปิดโปงว่ากำลังใช้ช่องโหว่ใหม่ใน Microsoft Management Console (MMC) ที่เรียกว่า “MSC EvilTwin” เพื่อเจาะระบบองค์กรที่มีมูลค่าสูง วิธีการคือหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็น payload ที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกใช้ช่องโหว่เพื่อรัน PowerShell ลับและติดตั้งมัลแวร์ต่อเนื่อง เป้าหมายของกลุ่มนี้คือการขโมยข้อมูลเชิงกลยุทธ์และสร้างช่องทางเข้าถึงระบบอย่างยาวนาน
    https://securityonline.info/water-gamayun-weaponizes-msc-eviltwin-zero-day-for-stealthy-backdoor-attacks

    Fragging Your Data: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Crack และ Trainer ของ Battlefield 6
    การเปิดตัวเกม Battlefield 6 กลายเป็นโอกาสทองของอาชญากรไซเบอร์ พวกเขาปล่อยไฟล์ “Crack” และ “Trainer” ปลอมบนเว็บแชร์ไฟล์และฟอรั่มใต้ดิน โดยอ้างว่าเป็นผลงานของกลุ่มแคร็กชื่อดัง แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้ เช่น กระเป๋าเงินคริปโต คุกกี้เบราว์เซอร์ และโทเคน Discord บางเวอร์ชันยังซ่อนตัวเก่ง ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนทำงาน และบางตัวทำหน้าที่เป็น backdoor ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยเตือนว่าผู้เล่นที่ดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้ควรรีบสแกนเครื่องและเปลี่ยนรหัสผ่านทันที
    https://securityonline.info/fragging-your-data-fake-battlefield-6-cracks-trainers-spread-infostealers

    Hidden Danger in 3D: ไฟล์ Blender ปลอมแพร่กระจาย StealC V2 Infostealer
    วงการนักออกแบบ 3D และเกมถูกโจมตีด้วยวิธีใหม่ แฮกเกอร์ปล่อยไฟล์โมเดล 3D ที่ดูเหมือนงานจริง เช่น โมเดลชุดอวกาศ Apollo 11 แต่ภายในฝังสคริปต์ Python อันตราย เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ใน Blender และเปิดใช้งาน Auto Run Python Scripts มัลแวร์จะทำงานทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจะดาวน์โหลด payload ต่อเนื่องและติดตั้ง StealC V2 ซึ่งเป็น infostealer ที่สามารถดูดข้อมูลจากเบราว์เซอร์ กระเป๋าเงินคริปโต และแอปต่าง ๆ เช่น Discord หรือ Telegram จุดอันตรายคือไฟล์เหล่านี้ตรวจจับได้ยากมากในระบบป้องกันทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ต้องระวังเป็นพิเศษ
    https://securityonline.info/hidden-danger-in-3d-malicious-blender-files-unleash-stealc-v2-infostealer

    Zero-Day Warning: ช่องโหว่ Twonky Server เปิดทางยึดระบบสื่อ
    มีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน Twonky Server ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับสตรีมสื่อในบ้านและองค์กร ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษ เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่ได้แพตช์ แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลเพื่อเข้าถึงไฟล์สื่อและแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก
    https://securityonline.info/zero-day-warning-unpatched-twonky-server-flaws-expose-media-to-total-takeover

    UNMASKED: การรั่วไหลครั้งใหญ่เปิดโปงหน่วยไซเบอร์ “Department 40” ของอิหร่าน
    มีการเปิดเผยข้อมูลครั้งใหญ่ที่แสดงให้เห็นการทำงานของหน่วยไซเบอร์ลับในอิหร่านที่ชื่อว่า Department 40 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ระดับโลก เอกสารที่รั่วไหลออกมาเผยให้เห็นโครงสร้างการทำงาน วิธีการโจมตี และเป้าหมายที่พวกเขาใช้ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือที่ซับซ้อนเพื่อเจาะระบบขององค์กรและรัฐบาลต่างประเทศ การเปิดโปงครั้งนี้ทำให้หลายประเทศเริ่มตรวจสอบและเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด
    https://securityonline.info/unmasked-massive-leak-exposes-irans-department-40-cyber-terror-unit

    Angular Alert: ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ทำให้ XSRF Tokens รั่วไหล
    นักวิจัยพบว่าการใช้ URL แบบ protocol-relative ใน Angular สามารถทำให้โทเคน XSRF รั่วไหลไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัยได้ ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อขโมย session และเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปัญหานี้เกิดจากการที่เฟรมเวิร์กไม่ได้ตรวจสอบเส้นทาง URL อย่างเข้มงวดพอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างลิงก์ที่ดูเหมือนปลอดภัยแต่จริง ๆ แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์
    https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035

    Holiday Heist: ร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งโจมตี Black Friday
    ในช่วง Black Friday มีการตรวจพบร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งที่เลียนแบบ Amazon และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดังอื่น ๆ เว็บไซต์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้ผู้ซื้อกรอกข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว โดยใช้ดีไซน์และโลโก้ที่เหมือนจริงมาก ผู้ใช้ที่ไม่ทันระวังอาจสูญเสียเงินและข้อมูลไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่าควรตรวจสอบ URL และรีวิวร้านค้าให้ละเอียดก่อนทำการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคา
    https://securityonline.info/holiday-heist-200000-fake-shops-amazon-clones-target-black-friday

    Security Alert: ช่องโหว่ Stored XSS ใน Apache SkyWalking
    Apache SkyWalking ซึ่งเป็นระบบ APM ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการตรวจสอบและติดตามระบบแบบ distributed พบช่องโหว่ Stored XSS ที่อันตรายมาก เพราะโค้ดอันตรายจะถูกบันทึกถาวรในเซิร์ฟเวอร์และทำงานทุกครั้งที่ผู้ดูแลเปิดหน้า dashboard ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้เพื่อขโมย session cookies, redirect ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตราย หรือแม้กระทั่งแก้ไขข้อมูลการแสดงผลเพื่อปกปิดกิจกรรมที่ผิดปกติ ทีมงาน Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 10.3.0 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที
    https://securityonline.info/security-alert-apache-skywalking-stored-xss-vulnerability-cve-2025-54057

    📌🔐🟠 รวมข่าวจากเวบ SecurityOnline 🟠🔐📌 #รวมข่าวIT #20251127 #securityonline 📰 Meta ถูกกล่าวหาปกปิดข้อมูลภายในที่ชี้ว่า Facebook ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล เรื่องนี้เริ่มจากเอกสารในคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มที่โรงเรียนหลายแห่งในสหรัฐฯ ยื่นต่อบริษัทโซเชียลมีเดีย โดยมีการเปิดเผยว่า Meta เคยทำการศึกษาในโครงการชื่อ Project Mercury ร่วมกับบริษัท Nielsen ตั้งแต่ปี 2020 ผลการวิจัยพบว่าการเลิกใช้ Facebook ช่วยลดความรู้สึกซึมเศร้า วิตกกังวล และความเหงา แต่ Meta กลับหยุดการศึกษาและไม่เผยแพร่ผลลัพธ์ โดยอ้างว่าเป็นข้อมูลที่มีอคติและถูกกระทบจากกระแสสื่อ ขณะเดียวกันมีเสียงจากนักวิจัยภายในที่เปรียบเทียบการกระทำนี้เหมือนกับอุตสาหกรรมบุหรี่ที่เคยปกปิดผลวิจัยเรื่องอันตรายของการสูบบุหรี่ ปัจจุบันคดีนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณาในศาล และสะท้อนถึงความไม่ไว้วางใจที่รัฐบาลทั่วโลกมีต่อบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี 🔗 https://securityonline.info/meta-accused-of-hiding-internal-data-showing-facebook-causes-depression-anxiety 🔐 Tor Project พัฒนาอัลกอริทึมเข้ารหัสใหม่ CGO แทน Tor1 ที่มีช่องโหว่ เครือข่าย Tor ที่ใช้เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานนั้น แม้จะมีชื่อเสียงด้านการรักษาความลับ แต่ก็ไม่ปลอดภัยเสมอไป โดยโปรโตคอลเก่า Tor1 มีช่องโหว่สำคัญ เช่น การโจมตีแบบ tagging attack ที่ทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถติดตามเส้นทางข้อมูลได้ อีกทั้งยังมีการใช้คีย์ AES ซ้ำและตัวตรวจสอบที่อ่อนแอ เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ Tor Project จึงพัฒนาอัลกอริทึมใหม่ชื่อ Counter Galois Onion (CGO) ที่เมื่อมีการพยายามแก้ไขข้อมูล ข้อความทั้งหมดในเส้นทางนั้นจะเสียหายทันที ทำให้การโจมตีแทบเป็นไปไม่ได้ แม้จะยังไม่มีตารางเวลาชัดเจนในการนำมาใช้กับ Tor Browser แต่ทีมงานกำลังปรับปรุงให้เหมาะกับ CPU รุ่นใหม่ 🔗 https://securityonline.info/tor-project-develops-new-cgo-encryption-to-replace-vulnerable-tor1-protocol ⚠️ PoC Exploit สำหรับช่องโหว่ Windows NTLM Elevation of Privilege ถูกเผยแพร่แล้ว มีการเปิดเผยโค้ดตัวอย่างการโจมตี (PoC Exploit) ที่เจาะช่องโหว่ในระบบ NTLM ของ Windows ซึ่งสามารถนำไปสู่การยกระดับสิทธิ์การเข้าถึงได้ ช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบ Channel Binding และ LDAPS โดยเนื้อหาละเอียดถูกจำกัดให้เฉพาะผู้สนับสนุนที่ลงทะเบียนเท่านั้น แต่การที่ PoC ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะถือเป็นสัญญาณเตือนว่าผู้โจมตีอาจนำไปใช้จริงได้ 🔗 https://securityonline.info/poc-exploit-releases-for-windows-ntlm-elevation-of-privilege-vulnerability 💻 NVIDIA ออกแพตช์ด่วนแก้ช่องโหว่ร้ายแรงใน DGX Spark เสี่ยงถูกยึดระบบ AI NVIDIA ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยสำหรับแพลตฟอร์ม DGX Spark ซึ่งเป็นซูเปอร์คอมพิวเตอร์ AI ขนาดกะทัดรัดที่ใช้ในงานวิจัยและพัฒนา โดยมีช่องโหว่รวม 14 รายการ หนึ่งในนั้นคือ CVE-2025-33187 ที่มีคะแนนความรุนแรงสูงถึง 9.3 ช่องโหว่นี้อยู่ในส่วน SROOT ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถเข้าถึงพื้นที่ที่ปกป้องโดยชิป SoC และควบคุมระบบได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่อัปเดตทันที ข้อมูลวิจัยและโมเดล AI อาจถูกขโมยหรือแก้ไขโดยไม่รู้ตัว NVIDIA แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดต DGX Spark ไปยังเวอร์ชัน OTA0 โดยเร็วที่สุด 🔗 https://securityonline.info/critical-patch-nvidia-dgx-spark-flaw-cve-2025-33187-cvss-9-3-exposes-ai-secrets-to-takeover 🕵️‍♂️ WormGPT 4 และ KawaiiGPT: AI ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมืออาชญากรรมไซเบอร์ รายงานจาก Unit 42 เปิดเผยว่าโมเดล AI ที่ควรใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ กลับถูกนำไปใช้สร้างภัยคุกคาม WormGPT 4 ถูกโฆษณาในฟอรั่มใต้ดินว่าเป็น “AI ที่ไร้ข้อจำกัด” สามารถสร้างมัลแวร์และสคริปต์เรียกค่าไถ่ได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเขียนโน้ตข่มขู่ที่ทำให้เหยื่อหวาดกลัว ส่วน KawaiiGPT ถูกนำเสนอในรูปแบบ “Waifu pentesting” ที่ดูน่ารักแต่จริง ๆ แล้วสามารถสร้างอีเมลฟิชชิ่งและสคริปต์โจมตีได้ง่ายมาก ทั้งสองโมเดลนี้ทำให้การโจมตีไซเบอร์เข้าถึงได้แม้แต่ผู้ที่ไม่มีทักษะสูง สะท้อนถึงการ “ทำให้อาชญากรรมไซเบอร์เป็นประชาธิปไตย” ที่ใครก็สามารถโจมตีได้เพียงแค่พิมพ์คำสั่ง 🔗 https://securityonline.info/silent-fast-brutal-how-wormgpt-4-and-kawaiigpt-democratize-cybercrime 📊 Anthropic เปิดตัว Opus 4.5: AI สำหรับองค์กรที่เชื่อม Excel และแชทได้ไม่สิ้นสุด Anthropic ได้เปิดตัวเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ชื่อ Opus 4.5 ที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในระดับองค์กร จุดเด่นคือสามารถเชื่อมต่อกับ Excel ได้โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลและสร้างรายงานได้อย่างอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีฟีเจอร์ “Infinite Chat” ที่ช่วยให้การสนทนากับ AI ต่อเนื่องได้ไม่จำกัด ไม่ต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่หมด session ถือเป็นการยกระดับการใช้งาน AI ให้เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความต่อเนื่องและการจัดการข้อมูลจำนวนมาก 🔗 https://securityonline.info/anthropic-unleashes-opus-4-5-excel-integration-infinite-chat-for-enterprise-ai 🛒 Perplexity เปิดตัว AI Shopping พร้อม PayPal Instant Buy และค้นหาสินค้าแบบเฉพาะบุคคล Perplexity กำลังขยายขอบเขตการใช้งาน AI จากการค้นหาข้อมูลไปสู่การช้อปปิ้งออนไลน์ โดยเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ให้ผู้ใช้สามารถซื้อสินค้าผ่าน PayPal ได้ทันที (Instant Buy) และยังมีระบบค้นหาสินค้าแบบ Personalized ที่ปรับตามความสนใจและพฤติกรรมของผู้ใช้ จุดนี้ทำให้การช้อปปิ้งออนไลน์สะดวกขึ้นและตรงใจมากขึ้น ถือเป็นการผสมผสานระหว่าง AI และอีคอมเมิร์ซที่น่าจับตามอง 🔗 https://securityonline.info/perplexity-launches-ai-shopping-with-paypal-instant-buy-personalized-product-search ⚡ Qualcomm เปิดตัว Snapdragon 8 Gen 5: CPU เร็วขึ้น 36% และพลัง AI เพิ่มขึ้น 46% Qualcomm ได้เปิดตัวชิปประมวลผลรุ่นใหม่ Snapdragon 8 Gen 5 ที่มาพร้อมกับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด ทั้งด้านความเร็วของ CPU ที่เพิ่มขึ้น 36% และพลังการประมวลผล AI ที่มากขึ้นถึง 46% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า จุดเด่นอีกอย่างคือการจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เหมาะกับสมาร์ทโฟนระดับเรือธงที่จะออกในปีหน้า ซึ่งจะรองรับการใช้งานที่หนักหน่วงทั้งเกมและงานด้าน AI ได้อย่างลื่นไหล 🔗 https://securityonline.info/qualcomm-unveils-snapdragon-8-gen-5-36-faster-cpu-46-more-ai-power 🎓 INE ขยายการเรียนรู้แบบ Cross-Skilling เพื่อเพิ่มทักษะหลากหลายให้ผู้เรียน INE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการเรียนออนไลน์ ได้เปิดตัวนวัตกรรมใหม่ที่เน้นการ Cross-Skilling หรือการเรียนรู้ทักษะข้ามสาขา เพื่อช่วยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะที่หลากหลายและนำไปใช้ในงานจริงได้มากขึ้น แนวทางนี้ตอบโจทย์ตลาดแรงงานที่ต้องการคนที่มีความสามารถหลายด้าน ไม่จำกัดอยู่แค่สายงานเดียว ถือเป็นการปรับตัวของแพลตฟอร์มการศึกษาให้เข้ากับโลกการทำงานยุคใหม่ 🔗 https://securityonline.info/ine-expands-cross-skilling-innovations 🛡️ GitLab ออกแพตช์แก้ช่องโหว่ร้ายแรง ทั้ง DoS และการขโมย Credential ใน CI/CD GitLab ได้ปล่อยอัปเดตความปลอดภัยล่าสุดที่แก้ไขช่องโหว่หลายรายการ ทั้งการโจมตีแบบ Denial of Service (DoS) ที่ไม่ต้องล็อกอินก็ทำได้ และช่องโหว่ที่ทำให้ผู้ใช้ระดับต่ำสามารถขโมย Credential ของผู้ใช้ระดับสูงในระบบ CI/CD ได้ นอกจากนี้ยังมีการแก้ไขช่องโหว่ด้านการ bypass authentication และการเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ควรเข้าถึง GitLab แนะนำให้ผู้ดูแลระบบรีบอัปเดตไปยังเวอร์ชันล่าสุดเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น 🔗 https://securityonline.info/gitlab-patch-fixes-ci-cd-credential-theft-unauthenticated-dos-attacks 🕵️‍♂️ Hidden Theft: ส่วนขยาย Chrome “Crypto Copilot” ดูดเงินจากกระเป๋า Solana เรื่องนี้เริ่มจากนักเทรดคริปโตที่อยากได้ความสะดวกในการซื้อขายผ่านแพลตฟอร์ม X จึงติดตั้งส่วนขยาย Chrome ที่ชื่อว่า Crypto Copilot ซึ่งโฆษณาว่าสามารถทำให้การเทรดรวดเร็วขึ้น แต่เบื้องหลังกลับเป็นกับดักที่ซ่อนการโอนเงินไปยังกระเป๋าของแฮกเกอร์โดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่ผู้ใช้ทำการ swap เหรียญ ระบบจะเพิ่มคำสั่งลับที่โอนเงินส่วนหนึ่งไปยังที่อยู่กระเป๋าที่ถูกควบคุมโดยผู้โจมตี โดยที่หน้าจอผู้ใช้ไม่แสดงให้เห็นเลย ทำให้หลายคนสูญเสียเงินไปโดยไม่รู้ตัว ปัจจุบันส่วนขยายนี้ยังคงอยู่บน Chrome Web Store และนักวิจัยได้ส่งคำร้องให้ Google ลบออกแล้ว 🔗 https://securityonline.info/hidden-theft-crypto-copilot-chrome-extension-drains-solana-wallets-on-x 💻 Critical Ray AI Flaw: ช่องโหว่ร้ายแรงใน Ray Framework ผ่าน Safari และ Firefox Ray เป็นเฟรมเวิร์กโอเพ่นซอร์สที่นักพัฒนาใช้ในการทำงานด้าน Machine Learning แต่ล่าสุดพบช่องโหว่ร้ายแรงที่เปิดทางให้ผู้โจมตีสามารถรันโค้ดอันตรายบนเครื่องของนักพัฒนาได้ ช่องโหว่นี้เกิดจากการตรวจสอบ User-Agent ที่ไม่รัดกุม ทำให้ผู้โจมตีสามารถใช้เทคนิค DNS Rebinding หลอกเบราว์เซอร์ Safari และ Firefox ให้ส่งคำสั่งไปยัง Ray Dashboard ที่รันอยู่ในเครื่องของเหยื่อ ผลลัพธ์คือโค้ดอันตรายสามารถถูกประมวลผลได้ทันที ทีมงาน Ray ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 2.52.0 และแนะนำให้อัปเดตโดยด่วนเพื่อป้องกันความเสี่ยง 🔗 https://securityonline.info/critical-ray-ai-flaw-exposes-devs-via-safari-firefox-cve-2025-62593 🎯 Water Gamayun Weaponizes “MSC EvilTwin”: กลุ่ม APT รัสเซียใช้ช่องโหว่ Windows เจาะระบบ กลุ่มแฮกเกอร์ที่มีความเชื่อมโยงกับรัสเซียชื่อ Water Gamayun ถูกเปิดโปงว่ากำลังใช้ช่องโหว่ใหม่ใน Microsoft Management Console (MMC) ที่เรียกว่า “MSC EvilTwin” เพื่อเจาะระบบองค์กรที่มีมูลค่าสูง วิธีการคือหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดไฟล์ที่ดูเหมือนเอกสารทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วเป็น payload ที่ฝังโค้ดอันตราย เมื่อเปิดไฟล์ก็จะถูกใช้ช่องโหว่เพื่อรัน PowerShell ลับและติดตั้งมัลแวร์ต่อเนื่อง เป้าหมายของกลุ่มนี้คือการขโมยข้อมูลเชิงกลยุทธ์และสร้างช่องทางเข้าถึงระบบอย่างยาวนาน 🔗 https://securityonline.info/water-gamayun-weaponizes-msc-eviltwin-zero-day-for-stealthy-backdoor-attacks 🎮 Fragging Your Data: มัลแวร์ปลอมตัวเป็น Crack และ Trainer ของ Battlefield 6 การเปิดตัวเกม Battlefield 6 กลายเป็นโอกาสทองของอาชญากรไซเบอร์ พวกเขาปล่อยไฟล์ “Crack” และ “Trainer” ปลอมบนเว็บแชร์ไฟล์และฟอรั่มใต้ดิน โดยอ้างว่าเป็นผลงานของกลุ่มแคร็กชื่อดัง แต่แท้จริงแล้วเป็นมัลแวร์ที่ออกแบบมาเพื่อขโมยข้อมูลผู้ใช้ เช่น กระเป๋าเงินคริปโต คุกกี้เบราว์เซอร์ และโทเคน Discord บางเวอร์ชันยังซ่อนตัวเก่ง ตรวจสอบสภาพแวดล้อมก่อนทำงาน และบางตัวทำหน้าที่เป็น backdoor ที่เปิดทางให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมเครื่องได้เต็มรูปแบบ นักวิจัยเตือนว่าผู้เล่นที่ดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้ควรรีบสแกนเครื่องและเปลี่ยนรหัสผ่านทันที 🔗 https://securityonline.info/fragging-your-data-fake-battlefield-6-cracks-trainers-spread-infostealers 🎨 Hidden Danger in 3D: ไฟล์ Blender ปลอมแพร่กระจาย StealC V2 Infostealer วงการนักออกแบบ 3D และเกมถูกโจมตีด้วยวิธีใหม่ แฮกเกอร์ปล่อยไฟล์โมเดล 3D ที่ดูเหมือนงานจริง เช่น โมเดลชุดอวกาศ Apollo 11 แต่ภายในฝังสคริปต์ Python อันตราย เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์ใน Blender และเปิดใช้งาน Auto Run Python Scripts มัลแวร์จะทำงานทันทีโดยไม่รู้ตัว จากนั้นจะดาวน์โหลด payload ต่อเนื่องและติดตั้ง StealC V2 ซึ่งเป็น infostealer ที่สามารถดูดข้อมูลจากเบราว์เซอร์ กระเป๋าเงินคริปโต และแอปต่าง ๆ เช่น Discord หรือ Telegram จุดอันตรายคือไฟล์เหล่านี้ตรวจจับได้ยากมากในระบบป้องกันทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ต้องระวังเป็นพิเศษ 🔗 https://securityonline.info/hidden-danger-in-3d-malicious-blender-files-unleash-stealc-v2-infostealer 📺 Zero-Day Warning: ช่องโหว่ Twonky Server เปิดทางยึดระบบสื่อ มีการค้นพบช่องโหว่ใหม่ใน Twonky Server ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้สำหรับสตรีมสื่อในบ้านและองค์กร ช่องโหว่นี้เปิดโอกาสให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องมีสิทธิ์พิเศษ เมื่อผู้ใช้เปิดใช้งานเซิร์ฟเวอร์ที่ยังไม่ได้แพตช์ แฮกเกอร์สามารถส่งคำสั่งจากระยะไกลเพื่อเข้าถึงไฟล์สื่อและแม้กระทั่งติดตั้งมัลแวร์เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้เสี่ยงต่อการสูญเสียข้อมูลและความเป็นส่วนตัวอย่างมาก 🔗 https://securityonline.info/zero-day-warning-unpatched-twonky-server-flaws-expose-media-to-total-takeover 🕶️ UNMASKED: การรั่วไหลครั้งใหญ่เปิดโปงหน่วยไซเบอร์ “Department 40” ของอิหร่าน มีการเปิดเผยข้อมูลครั้งใหญ่ที่แสดงให้เห็นการทำงานของหน่วยไซเบอร์ลับในอิหร่านที่ชื่อว่า Department 40 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์ระดับโลก เอกสารที่รั่วไหลออกมาเผยให้เห็นโครงสร้างการทำงาน วิธีการโจมตี และเป้าหมายที่พวกเขาใช้ รวมถึงการพัฒนาเครื่องมือที่ซับซ้อนเพื่อเจาะระบบขององค์กรและรัฐบาลต่างประเทศ การเปิดโปงครั้งนี้ทำให้หลายประเทศเริ่มตรวจสอบและเพิ่มมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด 🔗 https://securityonline.info/unmasked-massive-leak-exposes-irans-department-40-cyber-terror-unit ⚠️ Angular Alert: ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ทำให้ XSRF Tokens รั่วไหล นักวิจัยพบว่าการใช้ URL แบบ protocol-relative ใน Angular สามารถทำให้โทเคน XSRF รั่วไหลไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัยได้ ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้เพื่อขโมย session และเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปัญหานี้เกิดจากการที่เฟรมเวิร์กไม่ได้ตรวจสอบเส้นทาง URL อย่างเข้มงวดพอ ทำให้ผู้โจมตีสามารถสร้างลิงก์ที่ดูเหมือนปลอดภัยแต่จริง ๆ แล้วส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ที่ควบคุมโดยแฮกเกอร์ 🔗 https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035 🛍️ Holiday Heist: ร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งโจมตี Black Friday ในช่วง Black Friday มีการตรวจพบร้านค้าออนไลน์ปลอมกว่า 200,000 แห่งที่เลียนแบบ Amazon และแพลตฟอร์มช้อปปิ้งชื่อดังอื่น ๆ เว็บไซต์เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลอกให้ผู้ซื้อกรอกข้อมูลบัตรเครดิตและข้อมูลส่วนตัว โดยใช้ดีไซน์และโลโก้ที่เหมือนจริงมาก ผู้ใช้ที่ไม่ทันระวังอาจสูญเสียเงินและข้อมูลไปโดยไม่รู้ตัว นักวิจัยเตือนว่าควรตรวจสอบ URL และรีวิวร้านค้าให้ละเอียดก่อนทำการซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลลดราคา 🔗 https://securityonline.info/holiday-heist-200000-fake-shops-amazon-clones-target-black-friday 🛡️ Security Alert: ช่องโหว่ Stored XSS ใน Apache SkyWalking Apache SkyWalking ซึ่งเป็นระบบ APM ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับการตรวจสอบและติดตามระบบแบบ distributed พบช่องโหว่ Stored XSS ที่อันตรายมาก เพราะโค้ดอันตรายจะถูกบันทึกถาวรในเซิร์ฟเวอร์และทำงานทุกครั้งที่ผู้ดูแลเปิดหน้า dashboard ช่องโหว่นี้สามารถถูกใช้เพื่อขโมย session cookies, redirect ผู้ใช้ไปยังเว็บไซต์อันตราย หรือแม้กระทั่งแก้ไขข้อมูลการแสดงผลเพื่อปกปิดกิจกรรมที่ผิดปกติ ทีมงาน Apache ได้ออกแพตช์แก้ไขในเวอร์ชัน 10.3.0 และแนะนำให้ผู้ใช้รีบอัปเดตทันที 🔗 https://securityonline.info/security-alert-apache-skywalking-stored-xss-vulnerability-cve-2025-54057
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 550 มุมมอง 0 รีวิว
  • งวงยุงกับการพิมพ์ 3D

    ข่าวนี้เล่าถึงการค้นพบของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย McGill ที่นำ งวงดูดเลือดของยุงตัวเมียที่ตายแล้ว (proboscis) มาใช้เป็นหัวฉีดสำหรับเครื่องพิมพ์ 3D ความละเอียดสูง ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ละเอียดกว่าเทคโนโลยีหัวฉีดที่มนุษย์สร้างขึ้น ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของการพิมพ์ 3D ที่เรียกว่า “Necroprinting”

    นักวิจัยพบว่าโครงสร้างงวงของยุงมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 20 ไมโครเมตร ซึ่งเล็กกว่าหัวฉีดที่มนุษย์สร้างขึ้นถึง 100% ทำให้สามารถพิมพ์วัตถุที่มีพื้นผิวเรียบและละเอียดมาก เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การบินอวกาศ ทันตกรรม และชีวการแพทย์

    การเปรียบเทียบกับหัวฉีดทั่วไป
    หัวฉีดเชิงพาณิชย์ที่ใช้ในปัจจุบันมีราคาเฉลี่ยราว 80 ดอลลาร์ต่อหัว และทำจากพลาสติกหรือโลหะที่ไม่ย่อยสลาย ขณะที่งวงยุงมีคุณสมบัติ ตรงและทนแรงดันได้ถึง 60 กิโลพาสคาล อีกทั้งยัง ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ทำให้เป็นวัสดุที่มีศักยภาพทั้งด้านต้นทุนและสิ่งแวดล้อม

    ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์
    ก่อนหน้านี้นักวิจัยเคยทดลองใช้ เหล็กในของแมลง สายรากพืช และเขี้ยวงู แต่พบว่างวงยุงมีความเหมาะสมที่สุด การค้นพบนี้สะท้อนถึงการนำโครงสร้างทางชีววิทยาที่วิวัฒนาการมาหลายล้านปีมาใช้ในเทคโนโลยีสมัยใหม่ และอาจนำไปสู่การพัฒนา หัวฉีดชีวภาพรุ่นใหม่ ที่มีความละเอียดสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    ความท้าทายและอนาคต
    แม้งานวิจัยนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ทีม McGill กำลังพัฒนา โครงสร้างเสริม (bioscaffold) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของงวงยุงที่เปราะบาง หากสำเร็จ อาจนำไปสู่การผลิตหัวฉีดชีวภาพในเชิงพาณิชย์ และเปิดทางให้การพิมพ์ 3D ก้าวไปอีกขั้น

    สรุปสาระสำคัญ
    การค้นพบใหม่
    ใช้งวงยุงตัวเมียเป็นหัวฉีด 3D
    เส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 20 ไมโครเมตร

    การเปรียบเทียบกับหัวฉีดทั่วไป
    หัวฉีดเชิงพาณิชย์ราคา ~80 ดอลลาร์
    งวงยุงตรง ทนแรงดัน และย่อยสลายได้

    ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์
    เคยทดลองใช้เขี้ยวงูและเหล็กในแมลง แต่ไม่เหมาะสม
    งวงยุงเป็นวัสดุที่มีศักยภาพสูงสุด

    ความท้าทายและอนาคต
    ต้องพัฒนา bioscaffold เพื่อเพิ่มความแข็งแรง
    อาจนำไปสู่หัวฉีดชีวภาพเชิงพาณิชย์

    คำเตือนต่อการใช้งาน
    งวงยุงมีความเปราะบาง อาจไม่ทนต่อการใช้งานหนัก
    ยังอยู่ในขั้นทดลอง ไม่พร้อมใช้เชิงอุตสาหกรรม

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/dead-mosquito-proboscis-used-for-high-resolution-3d-printing-nozzle-scientists-boast-of-the-extremely-fine-output-from-necroprinting
    🦟 งวงยุงกับการพิมพ์ 3D ข่าวนี้เล่าถึงการค้นพบของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย McGill ที่นำ งวงดูดเลือดของยุงตัวเมียที่ตายแล้ว (proboscis) มาใช้เป็นหัวฉีดสำหรับเครื่องพิมพ์ 3D ความละเอียดสูง ซึ่งให้ผลลัพธ์ที่ละเอียดกว่าเทคโนโลยีหัวฉีดที่มนุษย์สร้างขึ้น ถือเป็นการเปิดมิติใหม่ของการพิมพ์ 3D ที่เรียกว่า “Necroprinting” นักวิจัยพบว่าโครงสร้างงวงของยุงมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 20 ไมโครเมตร ซึ่งเล็กกว่าหัวฉีดที่มนุษย์สร้างขึ้นถึง 100% ทำให้สามารถพิมพ์วัตถุที่มีพื้นผิวเรียบและละเอียดมาก เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำสูง เช่น การบินอวกาศ ทันตกรรม และชีวการแพทย์ 🏭 การเปรียบเทียบกับหัวฉีดทั่วไป หัวฉีดเชิงพาณิชย์ที่ใช้ในปัจจุบันมีราคาเฉลี่ยราว 80 ดอลลาร์ต่อหัว และทำจากพลาสติกหรือโลหะที่ไม่ย่อยสลาย ขณะที่งวงยุงมีคุณสมบัติ ตรงและทนแรงดันได้ถึง 60 กิโลพาสคาล อีกทั้งยัง ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ทำให้เป็นวัสดุที่มีศักยภาพทั้งด้านต้นทุนและสิ่งแวดล้อม 🌍 ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์ ก่อนหน้านี้นักวิจัยเคยทดลองใช้ เหล็กในของแมลง สายรากพืช และเขี้ยวงู แต่พบว่างวงยุงมีความเหมาะสมที่สุด การค้นพบนี้สะท้อนถึงการนำโครงสร้างทางชีววิทยาที่วิวัฒนาการมาหลายล้านปีมาใช้ในเทคโนโลยีสมัยใหม่ และอาจนำไปสู่การพัฒนา หัวฉีดชีวภาพรุ่นใหม่ ที่มีความละเอียดสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 🔒 ความท้าทายและอนาคต แม้งานวิจัยนี้ยังอยู่ในขั้นทดลอง แต่ทีม McGill กำลังพัฒนา โครงสร้างเสริม (bioscaffold) เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของงวงยุงที่เปราะบาง หากสำเร็จ อาจนำไปสู่การผลิตหัวฉีดชีวภาพในเชิงพาณิชย์ และเปิดทางให้การพิมพ์ 3D ก้าวไปอีกขั้น 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ ➡️ ใช้งวงยุงตัวเมียเป็นหัวฉีด 3D ➡️ เส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 20 ไมโครเมตร ✅ การเปรียบเทียบกับหัวฉีดทั่วไป ➡️ หัวฉีดเชิงพาณิชย์ราคา ~80 ดอลลาร์ ➡️ งวงยุงตรง ทนแรงดัน และย่อยสลายได้ ✅ ความหมายเชิงวิทยาศาสตร์ ➡️ เคยทดลองใช้เขี้ยวงูและเหล็กในแมลง แต่ไม่เหมาะสม ➡️ งวงยุงเป็นวัสดุที่มีศักยภาพสูงสุด ✅ ความท้าทายและอนาคต ➡️ ต้องพัฒนา bioscaffold เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ➡️ อาจนำไปสู่หัวฉีดชีวภาพเชิงพาณิชย์ ‼️ คำเตือนต่อการใช้งาน ⛔ งวงยุงมีความเปราะบาง อาจไม่ทนต่อการใช้งานหนัก ⛔ ยังอยู่ในขั้นทดลอง ไม่พร้อมใช้เชิงอุตสาหกรรม https://www.tomshardware.com/3d-printing/dead-mosquito-proboscis-used-for-high-resolution-3d-printing-nozzle-scientists-boast-of-the-extremely-fine-output-from-necroprinting
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ใน Angular

    ทีมงาน Angular ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ใน HTTP Client ของเฟรมเวิร์ก ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ URL ที่ไม่สมบูรณ์ โดยปกติ Angular จะป้องกัน CSRF ด้วยการแนบ X-XSRF-TOKEN ไปกับ Request ที่ส่งไปยัง same-origin เท่านั้น แต่หากมีการใช้ URL ที่ขึ้นต้นด้วย // Angular จะเข้าใจผิดว่าเป็น same-origin และแนบ Token ไปด้วย ทำให้ข้อมูลรั่วไหลไปยังโดเมนที่ผู้โจมตีควบคุมได้

    ผลกระทบและความเสี่ยง
    หากผู้โจมตีสามารถบังคับให้แอปพลิเคชันส่ง Request ไปยังโดเมนที่ควบคุมโดยตนเองด้วยรูปแบบ //attacker.com พวกเขาจะได้รับ XSRF Token ที่ถูกต้อง และสามารถใช้มันเพื่อปลอมแปลงคำสั่งในระบบของผู้ใช้ได้ทันที เช่น การเปลี่ยนรหัสผ่าน การลบข้อมูล หรือการทำธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต

    ช่องโหว่นี้ถือเป็นการ ล้มเหลวของกลไกป้องกัน CSRF ที่มีอยู่ใน Angular และอาจส่งผลกระทบต่อเว็บแอปพลิเคชันจำนวนมากที่ยังไม่ได้อัปเดต

    การแก้ไขและคำแนะนำ
    Angular ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน v21.0.1, v20.3.14 และ v19.2.16 ผู้พัฒนาควรอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ในตอนนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ protocol-relative URLs และใช้เฉพาะ relative paths (/api/data) หรือ absolute URLs ที่เชื่อถือได้ (https://api.my-app.com) เท่านั้น

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ช่องโหว่ CVE-2025-66035 ใน Angular HTTP Client
    เกิดจากการใช้ Protocol-Relative URLs (//)
    ทำให้ XSRF Token ถูกส่งไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัย

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    ผู้โจมตีสามารถขโมย Token และทำ CSRF ได้
    เสี่ยงต่อการปลอมแปลงคำสั่ง เช่น ลบข้อมูลหรือทำธุรกรรม

    การแก้ไขจาก Angular
    อัปเดตเป็น v21.0.1, v20.3.14 หรือ v19.2.16
    ใช้เฉพาะ relative paths หรือ absolute URLs ที่เชื่อถือได้

    คำเตือนสำหรับนักพัฒนา
    หากยังใช้ Protocol-Relative URLs จะเสี่ยงต่อการรั่วไหลของ Token
    การไม่อัปเดตแพตช์อาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้

    https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035/
    ⚠️ ช่องโหว่ Protocol-Relative URLs ใน Angular ทีมงาน Angular ได้ออกประกาศเตือนเกี่ยวกับช่องโหว่ใน HTTP Client ของเฟรมเวิร์ก ซึ่งเกิดจากการตรวจสอบ URL ที่ไม่สมบูรณ์ โดยปกติ Angular จะป้องกัน CSRF ด้วยการแนบ X-XSRF-TOKEN ไปกับ Request ที่ส่งไปยัง same-origin เท่านั้น แต่หากมีการใช้ URL ที่ขึ้นต้นด้วย // Angular จะเข้าใจผิดว่าเป็น same-origin และแนบ Token ไปด้วย ทำให้ข้อมูลรั่วไหลไปยังโดเมนที่ผู้โจมตีควบคุมได้ 🔐 ผลกระทบและความเสี่ยง หากผู้โจมตีสามารถบังคับให้แอปพลิเคชันส่ง Request ไปยังโดเมนที่ควบคุมโดยตนเองด้วยรูปแบบ //attacker.com พวกเขาจะได้รับ XSRF Token ที่ถูกต้อง และสามารถใช้มันเพื่อปลอมแปลงคำสั่งในระบบของผู้ใช้ได้ทันที เช่น การเปลี่ยนรหัสผ่าน การลบข้อมูล หรือการทำธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต ช่องโหว่นี้ถือเป็นการ ล้มเหลวของกลไกป้องกัน CSRF ที่มีอยู่ใน Angular และอาจส่งผลกระทบต่อเว็บแอปพลิเคชันจำนวนมากที่ยังไม่ได้อัปเดต 🛠️ การแก้ไขและคำแนะนำ Angular ได้ออกแพตช์แก้ไขแล้วในเวอร์ชัน v21.0.1, v20.3.14 และ v19.2.16 ผู้พัฒนาควรอัปเดตทันที หากไม่สามารถอัปเดตได้ในตอนนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ protocol-relative URLs และใช้เฉพาะ relative paths (/api/data) หรือ absolute URLs ที่เชื่อถือได้ (https://api.my-app.com) เท่านั้น 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ช่องโหว่ CVE-2025-66035 ใน Angular HTTP Client ➡️ เกิดจากการใช้ Protocol-Relative URLs (//) ➡️ ทำให้ XSRF Token ถูกส่งไปยังโดเมนที่ไม่ปลอดภัย ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ ผู้โจมตีสามารถขโมย Token และทำ CSRF ได้ ➡️ เสี่ยงต่อการปลอมแปลงคำสั่ง เช่น ลบข้อมูลหรือทำธุรกรรม ✅ การแก้ไขจาก Angular ➡️ อัปเดตเป็น v21.0.1, v20.3.14 หรือ v19.2.16 ➡️ ใช้เฉพาะ relative paths หรือ absolute URLs ที่เชื่อถือได้ ‼️ คำเตือนสำหรับนักพัฒนา ⛔ หากยังใช้ Protocol-Relative URLs จะเสี่ยงต่อการรั่วไหลของ Token ⛔ การไม่อัปเดตแพตช์อาจเปิดช่องให้ผู้โจมตีเข้าควบคุมระบบได้ https://securityonline.info/angular-alert-protocol-relative-urls-leak-xsrf-tokens-cve-2025-66035/
    SECURITYONLINE.INFO
    Angular Alert: Protocol-Relative URLs Leak XSRF Tokens (CVE-2025-66035)
    CVE-2025-66035: Angular protocol-relative URLs leak XSRF tokens, bypassing CSRF protection. Update to v19.2.16, v20.3.14, or v21.0.1 now.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts