• Support ผู้หญิงคนนี้หน่อยได้ไหมคะ !!!Support ผู้หญิงคนนี้หน่อยได้ไหมคะ !!!Support ผู้หญิงคนนี้หน่อยได้ไหมคะ !!!ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา อร่อยโดนใจทั้งครอบครัว… จะทานเล่น จะทานกับข้าว หรือ เอาไปทำยำสามกรอบได้หมดเลยค่าาาหิวเมื่อไหร่ก็แวะมาาาาา … นี่นะ..นึกอะไรไม่ออก หิวก็กิน🤤 ง่วงก็นอน 🛏️🥱🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน TikTok (มีราคา Flash Sale !!!!! ⭕️⭕️⭕️✅✅✅): https://vt.tiktok.com/ZSMvkycFt/ปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน Shopee: https://th.shp.ee/AdvUJrZเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#คือจึ้งมาก #คือเจ๋งมาก #คืออร่อย #คือดีย์#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลากระพงทุบ #ปลากระพงทุบ #อร่อยกี่โมง #กะปิเคย #หมึกกะตอย #ปลาทูมัน #ปลาทูหอม #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาจิ้งจั้งทอด #หมึกกะตอยแห้ง
    Support ผู้หญิงคนนี้หน่อยได้ไหมคะ !!!Support ผู้หญิงคนนี้หน่อยได้ไหมคะ !!!Support ผู้หญิงคนนี้หน่อยได้ไหมคะ !!!ปลาจิ๊งจ๊างไม่งา อร่อยโดนใจทั้งครอบครัว… จะทานเล่น จะทานกับข้าว หรือ เอาไปทำยำสามกรอบได้หมดเลยค่าาาหิวเมื่อไหร่ก็แวะมาาาาา … นี่นะ..นึกอะไรไม่ออก หิวก็กิน🤤 ง่วงก็นอน 🛏️🥱🌶️♨️⭕️ น่าทานมากกกกกกค่าาาปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน TikTok (มีราคา Flash Sale !!!!! ⭕️⭕️⭕️✅✅✅): https://vt.tiktok.com/ZSMvkycFt/ปลาจิ้งจ้างไม่งา 🙂 ใน Shopee: https://th.shp.ee/AdvUJrZเลือกชมสินค้าอื่นๆของเราได้ทั้งสองช่องทาง1. Shopee : shopee.co.th/kinjubjibshop2. TikTok : https://www.tiktok.com/@kinjubjibshop?_t=ZS-8txYHQWejyM&_r=1เลือกช้อปได้ตามความชอบและคูปองของแต่ละช่องทางได้เลยค่ะ#คือจึ้งมาก #คือเจ๋งมาก #คืออร่อย #คือดีย์#ร้านกินจุ๊บจิ๊บ #kinjubjibshop #นึกถึงอาหารทะเลแห้งนึกถึงเราร้านกินจุ๊บจิ๊บ #อร่อยดีบอกต่อ #ของอร่อยต้องลอง #ปลากระพงทุบ #ปลากระพงทุบ #อร่อยกี่โมง #กะปิเคย #หมึกกะตอย #ปลาทูมัน #ปลาทูหอม #ปลาซิวทอดกรอบ #ปลาเกล็ดขาว #ปลาจิ้งจั้งทอด #หมึกกะตอยแห้ง
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 0 Reviews
  • Samsung ประสบปัญหาขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์ หลังจากตัดสินใจ ยกเลิกการใช้ชิป Exynos 2500 ในสมาร์ทโฟน Galaxy S25 Series เนื่องจากปัญหาด้าน ผลผลิตต่ำและประสิทธิภาพที่ไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon 8 Elite ได้

    เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ในอนาคต Samsung มีแผนที่จะเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy S26 Series โดยคาดว่าจะใช้เฉพาะใน รุ่นที่จำหน่ายในยุโรป เนื่องจากปัญหาด้านผลผลิตที่ยังคงต่ำ

    ✅ Samsung ขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์จากการยกเลิก Exynos 2500
    - ตัดสินใจใช้ Snapdragon 8 Elite ใน Galaxy S25 Series
    - ผลผลิตของ Exynos 2500 ต่ำและไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon ได้

    ✅ Exynos 2600 อาจถูกใช้ใน Galaxy S26 รุ่นยุโรป
    - ผลผลิตยังคงต่ำ ทำให้มีการจำกัดการใช้งานในบางรุ่น
    - คาดว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 จะยังคงมีประสิทธิภาพเหนือกว่า

    ✅ Samsung ตั้งเป้าปรับปรุงกระบวนการผลิต 2nm GAA
    - ตั้งเป้าให้ ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 60% เพื่อรองรับการผลิตเต็มรูปแบบ
    - คาดว่าจะเริ่มการผลิตจำนวนมากใน ครึ่งหลังของปี 2025

    ✅ ผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ Samsung ในตลาดชิปเซ็ต
    - Samsung ต้องการลดต้นทุนการผลิตชิปโดยใช้ Exynos 2600
    - อาจมีการเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy Z Flip 7

    https://wccftech.com/samsung-lost-400-million-for-dropping-exynos-2500-in-the-galaxy-s25-series/
    Samsung ประสบปัญหาขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์ หลังจากตัดสินใจ ยกเลิกการใช้ชิป Exynos 2500 ในสมาร์ทโฟน Galaxy S25 Series เนื่องจากปัญหาด้าน ผลผลิตต่ำและประสิทธิภาพที่ไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon 8 Elite ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์เช่นนี้ในอนาคต Samsung มีแผนที่จะเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy S26 Series โดยคาดว่าจะใช้เฉพาะใน รุ่นที่จำหน่ายในยุโรป เนื่องจากปัญหาด้านผลผลิตที่ยังคงต่ำ ✅ Samsung ขาดทุน 400 ล้านดอลลาร์จากการยกเลิก Exynos 2500 - ตัดสินใจใช้ Snapdragon 8 Elite ใน Galaxy S25 Series - ผลผลิตของ Exynos 2500 ต่ำและไม่สามารถแข่งขันกับ Snapdragon ได้ ✅ Exynos 2600 อาจถูกใช้ใน Galaxy S26 รุ่นยุโรป - ผลผลิตยังคงต่ำ ทำให้มีการจำกัดการใช้งานในบางรุ่น - คาดว่า Snapdragon 8 Elite Gen 2 จะยังคงมีประสิทธิภาพเหนือกว่า ✅ Samsung ตั้งเป้าปรับปรุงกระบวนการผลิต 2nm GAA - ตั้งเป้าให้ ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 60% เพื่อรองรับการผลิตเต็มรูปแบบ - คาดว่าจะเริ่มการผลิตจำนวนมากใน ครึ่งหลังของปี 2025 ✅ ผลกระทบต่อกลยุทธ์ของ Samsung ในตลาดชิปเซ็ต - Samsung ต้องการลดต้นทุนการผลิตชิปโดยใช้ Exynos 2600 - อาจมีการเปิดตัว Exynos 2600 ใน Galaxy Z Flip 7 https://wccftech.com/samsung-lost-400-million-for-dropping-exynos-2500-in-the-galaxy-s25-series/
    WCCFTECH.COM
    Samsung Was Estimated To Lose Around $400 Million After It Decided To Drop The Exynos 2500 For The Galaxy S25 Series; European Galaxy S26 Models To Be Equipped With Exynos 2600
    The Exynos 2600 will apparently be found in some Galaxy S26 variants, as Samsung was estimated to lose $400 million for dropping the Exynos 2500
    0 Comments 0 Shares 48 Views 0 Reviews
  • Lenovo ได้เปิดตัว ThinkCentre neo Ultra 2025 ซึ่งเป็น มินิพีซีระดับเวิร์กสเตชัน ที่มาพร้อมกับ Intel Core Ultra 9 285 และ RTX 5060 Ti 16GB โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ AI, การเรนเดอร์ 3D และงานวิดีโอความละเอียดสูง

    ThinkCentre neo Ultra 2025 มีขนาดเพียง 3.6 ลิตร แต่สามารถให้ ประสิทธิภาพสูงถึง 825 TOPS และรองรับ โมเดล AI ขนาดใหญ่ถึง 14 พันล้านพารามิเตอร์ นอกจากนี้ Lenovo ยังได้รับรางวัล CES 2025 Best New Tech for Home and Workplace สำหรับผลิตภัณฑ์นี้

    ✅ ThinkCentre neo Ultra 2025 เป็นมินิพีซีระดับเวิร์กสเตชัน
    - ใช้ Intel Core Ultra 9 285 และ RTX 5060 Ti 16GB
    - รองรับ AI และงานเรนเดอร์ 3D

    ✅ ขนาดกะทัดรัดแต่ประสิทธิภาพสูง
    - มีขนาดเพียง 3.6 ลิตร
    - ให้ ประสิทธิภาพสูงถึง 825 TOPS

    ✅ รองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่
    - สามารถประมวลผล โมเดล AI ขนาด 14 พันล้านพารามิเตอร์
    - อาจมี NPU แยกต่างหาก สำหรับงาน AI

    ✅ ได้รับรางวัล CES 2025 Best New Tech
    - ได้รับการยอมรับว่าเป็น เทคโนโลยีใหม่ที่ดีที่สุดสำหรับบ้านและที่ทำงาน

    ✅ ราคาและการวางจำหน่าย
    - รุ่น Core Ultra 5 + RTX 5060 ราคา 14,999 RMB (~$2,056)
    - รุ่น Core Ultra 7 + RTX 5060 Ti ราคา 19,999 RMB (~$2,741)
    - ยังไม่มีข้อมูลราคาสำหรับ Core Ultra 9 + RTX 5060 Ti 16GB

    https://www.techradar.com/pro/lenovos-rival-to-apples-mac-studio-gets-one-of-intels-fastest-cpu-and-a-dedicated-geforce-rtx-5060-ti-gpu
    Lenovo ได้เปิดตัว ThinkCentre neo Ultra 2025 ซึ่งเป็น มินิพีซีระดับเวิร์กสเตชัน ที่มาพร้อมกับ Intel Core Ultra 9 285 และ RTX 5060 Ti 16GB โดยออกแบบมาเพื่อรองรับ AI, การเรนเดอร์ 3D และงานวิดีโอความละเอียดสูง ThinkCentre neo Ultra 2025 มีขนาดเพียง 3.6 ลิตร แต่สามารถให้ ประสิทธิภาพสูงถึง 825 TOPS และรองรับ โมเดล AI ขนาดใหญ่ถึง 14 พันล้านพารามิเตอร์ นอกจากนี้ Lenovo ยังได้รับรางวัล CES 2025 Best New Tech for Home and Workplace สำหรับผลิตภัณฑ์นี้ ✅ ThinkCentre neo Ultra 2025 เป็นมินิพีซีระดับเวิร์กสเตชัน - ใช้ Intel Core Ultra 9 285 และ RTX 5060 Ti 16GB - รองรับ AI และงานเรนเดอร์ 3D ✅ ขนาดกะทัดรัดแต่ประสิทธิภาพสูง - มีขนาดเพียง 3.6 ลิตร - ให้ ประสิทธิภาพสูงถึง 825 TOPS ✅ รองรับโมเดล AI ขนาดใหญ่ - สามารถประมวลผล โมเดล AI ขนาด 14 พันล้านพารามิเตอร์ - อาจมี NPU แยกต่างหาก สำหรับงาน AI ✅ ได้รับรางวัล CES 2025 Best New Tech - ได้รับการยอมรับว่าเป็น เทคโนโลยีใหม่ที่ดีที่สุดสำหรับบ้านและที่ทำงาน ✅ ราคาและการวางจำหน่าย - รุ่น Core Ultra 5 + RTX 5060 ราคา 14,999 RMB (~$2,056) - รุ่น Core Ultra 7 + RTX 5060 Ti ราคา 19,999 RMB (~$2,741) - ยังไม่มีข้อมูลราคาสำหรับ Core Ultra 9 + RTX 5060 Ti 16GB https://www.techradar.com/pro/lenovos-rival-to-apples-mac-studio-gets-one-of-intels-fastest-cpu-and-a-dedicated-geforce-rtx-5060-ti-gpu
    WWW.TECHRADAR.COM
    Lenovo’s ThinkCentre neo Ultra just got supercharged - why this workstation could crush your $3,000 Mac
    ThinkCentre neo Ultra 2025 enjoys massive gains thanks to Intel’s new Core Ultra 9 285 CPU
    0 Comments 0 Shares 68 Views 0 Reviews
  • บทความนี้กล่าวถึง ความจำเป็นของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสแยกต่างหาก โดยผู้เขียนให้ความเห็นว่า ผู้ใช้ Windows 11 ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องซื้อซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสเพิ่มเติม เนื่องจาก Windows Defender มีฟีเจอร์ป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมอยู่แล้ว

    Microsoft และ Apple ต่างมี ระบบป้องกันไวรัสในตัว และเบราว์เซอร์อย่าง Google Chrome ก็มีระบบแจ้งเตือนเมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตราย นอกจากนี้ ผู้ให้บริการอีเมล เช่น Google, Microsoft และ Yahoo ยังมีระบบสแกนไฟล์แนบเพื่อป้องกันมัลแวร์

    ✅ Windows Defender มีฟีเจอร์ป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุม
    - สามารถตรวจจับ ไวรัส, มัลแวร์ และภัยคุกคามออนไลน์
    - มี ระบบแจ้งเตือนและอัปเดตฐานข้อมูลไวรัสอัตโนมัติ

    ✅ เบราว์เซอร์และอีเมลมีระบบป้องกันในตัว
    - Google Chrome แจ้งเตือนเมื่อเข้าเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตราย
    - Google, Microsoft และ Yahoo สแกนไฟล์แนบในอีเมลเพื่อป้องกันมัลแวร์

    ✅ ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยเพิ่มเติม
    - สามารถใช้ Malwarebytes เพื่อตรวจสอบและลบมัลแวร์
    - ควรอัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ

    ✅ ข้อดีของการใช้ Windows Defender แทนซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสแยกต่างหาก
    - ไม่ทำให้ระบบช้าลงเหมือนซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสบางตัว
    - ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/04/opinion-do-you-really-need-separate-antivirus-software-probably-not
    บทความนี้กล่าวถึง ความจำเป็นของซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสแยกต่างหาก โดยผู้เขียนให้ความเห็นว่า ผู้ใช้ Windows 11 ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องซื้อซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสเพิ่มเติม เนื่องจาก Windows Defender มีฟีเจอร์ป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุมอยู่แล้ว Microsoft และ Apple ต่างมี ระบบป้องกันไวรัสในตัว และเบราว์เซอร์อย่าง Google Chrome ก็มีระบบแจ้งเตือนเมื่อผู้ใช้เข้าเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตราย นอกจากนี้ ผู้ให้บริการอีเมล เช่น Google, Microsoft และ Yahoo ยังมีระบบสแกนไฟล์แนบเพื่อป้องกันมัลแวร์ ✅ Windows Defender มีฟีเจอร์ป้องกันภัยคุกคามที่ครอบคลุม - สามารถตรวจจับ ไวรัส, มัลแวร์ และภัยคุกคามออนไลน์ - มี ระบบแจ้งเตือนและอัปเดตฐานข้อมูลไวรัสอัตโนมัติ ✅ เบราว์เซอร์และอีเมลมีระบบป้องกันในตัว - Google Chrome แจ้งเตือนเมื่อเข้าเว็บไซต์ที่อาจเป็นอันตราย - Google, Microsoft และ Yahoo สแกนไฟล์แนบในอีเมลเพื่อป้องกันมัลแวร์ ✅ ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการความปลอดภัยเพิ่มเติม - สามารถใช้ Malwarebytes เพื่อตรวจสอบและลบมัลแวร์ - ควรอัปเดตระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ ✅ ข้อดีของการใช้ Windows Defender แทนซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสแยกต่างหาก - ไม่ทำให้ระบบช้าลงเหมือนซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสบางตัว - ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/04/opinion-do-you-really-need-separate-antivirus-software-probably-not
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: Do you really need separate antivirus software? Probably not
    I had a conversation with a friend the other day at the gym. He is buying a new Windows PC and he's thinking of investing in new antivirus software, and he asked me what I used for antivirus software.
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • https://youtu.be/RaFQ171EoR8?si=ZIEc_RuLK1FTkzPp
    https://youtu.be/RaFQ171EoR8?si=ZIEc_RuLK1FTkzPp
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • 9 Skillful Ways To Answer: “What Are You Doing With Your Future?”

    “What do you plan to do with your life?” It’s one of those big, intimidating questions that people tend to ask all the time when they find out you’re graduating high school or college. One minute you’re eating a piece of graduation cake and enjoying the relief of having no homework, and then suddenly all of your relatives are staring at you, waiting for you to walk them point-by-point through a map of the next five years.

    When you’re in this situation, it might be tempting to scream and run away as soon as they ask the question. Unfortunately, that kind of behavior is generally frowned upon. But there are ways to answer the question that take some of the pressure off of you, make the situation less awkward, and help you navigate the conversation with ease. Here are nine different approaches you can take when someone asks what you’re doing with your future.

    1. Shorten the time frame.
    You may not have your long-term future mapped out (you aren’t alone!), but you might have plans coming up this summer or even just for the next semester. Talk about those more immediate plans instead. When people ask what you’re up to after graduation, they generally just want to know what the next step is. It’s totally okay to limit your answer to the next few months. Try an answer like:

    - I’m going camping with some friends this summer before I start my job search.
    - I’m finishing up my prerequisites at the community college while I decide on a university.

    2. Talk about your passions.
    You don’t have to focus solely on accomplishments, job offers, or acceptance letters when someone asks about the future. Instead, talk about what you’re passionate about and the kinds of work or study you’d like to do in the following years. Try a phrase like:

    - I’m really interested in [subject], so I’m considering options related to that.
    - I know someone who works in [career field], and I really want to learn more about it.

    3. Share the one thing you’re most excited about.
    If you got an exciting new job or acceptance into a dream school, that’s a great thing to share. If you’re still working towards your big goals, talk about something coming up on the horizon of your life that makes you really excited. Maybe it’s a trip you’re taking, a summer internship, tours of different schools, or even some interviews with various companies that you’re really interested in. Allow others to share in the excitement!

    4. Ask for advice.
    Graduation is the start of a new chapter in life, and everyone who’s gone through that transition had to make important decisions about the future. When someone asks about your future, try asking them how they handled some of those big decisions. People love to talk about their own lives and offer advice. They might even have good suggestions on different steps to take that you hadn’t thought about yet. Say:

    - I’m still deciding on my next step. What did you do when you were my age?
    - I have two options I’m really excited about. Which one would you pick?

    5. Use humor.
    Let’s be honest: this is a tricky question to answer, and it can make you feel like you’re being put on the spot. If it makes you more comfortable, lighten the mood by injecting some humor into the conversation. Humor can be a great way to deflect when you feel like someone is judging your responses, and it’s also an easy way to change the subject if you’d rather avoid the topic entirely. Try something like:

    - Well, my first commitment is catching up on all the TV shows I missed this semester. What about you?
    - You mean to tell me there’s more work after graduation?

    6. Focus on mental health.
    It’s normal to need some breathing room between big life changes, especially when a part of your academic life took place during a pandemic! If you’re taking some time off, using the next few months to relax and regroup, or just taking your time while you consider different options, it’s OK to say that. It can be as simple as:

    - Finishing school took a lot of work, so I’m taking some time to consider my next steps.
    - I’m taking some time off to reset, so I’m fresh for my next opportunities.

    7. Turn the question around.
    If being asked about your future feels like an interrogation, invite the other person to share their future plans as well. Making the question more conversational can help ease any tension you might feel or even change the subject if that’s what you’re aiming for. When there’s more of a back-and-forth happening, it won’t feel so much like you’re sitting in the hot seat. You could say:

    - I have a few trips lined up and then I’m thinking about doing [x]. What do you have coming up this year?
    - I’m thinking about [X], but haven’t decided. What have you been up to?

    8. Talk about the big picture.
    You may not know exactly what you want to do next, but you likely have some ideas about what you want your life to look like in the future. Go big! Talk about your overarching goals and what really makes you tick. You’re working towards something, even if you don’t know every single step along the path yet. You might say something like:

    - I’d like to work towards a career in publishing.
    - I want to open my own business one day, so I’m hoping to major in business management or economics.
    - I’m really focused on trying new things and honing in on the right career for myself.

    9. Challenge expectations.
    When people ask you about the future, they’re often expecting you to brag about a new job or school you’ll be attending, but jobs and school aren’t the only things you’re allowed to be proud of. Maybe you’re prioritizing volunteer opportunities, personal enrichment, time with family and friends, or even just the freedom of having finally graduated. You get to decide what to focus on when you answer this question, even if it doesn’t follow the typical script. Take advantage of that and steer the conversation towards what makes you tick.

    - School kept me so busy that I’m really looking forward to spending time with my friends and family over the next few months.
    - I’m planning on grad school later on, but in the meantime I’m spending a lot of time volunteering with [organization].
    - I haven’t made a final decision about work yet, but I’m really excited to figure out what’s next.

    © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    9 Skillful Ways To Answer: “What Are You Doing With Your Future?” “What do you plan to do with your life?” It’s one of those big, intimidating questions that people tend to ask all the time when they find out you’re graduating high school or college. One minute you’re eating a piece of graduation cake and enjoying the relief of having no homework, and then suddenly all of your relatives are staring at you, waiting for you to walk them point-by-point through a map of the next five years. When you’re in this situation, it might be tempting to scream and run away as soon as they ask the question. Unfortunately, that kind of behavior is generally frowned upon. But there are ways to answer the question that take some of the pressure off of you, make the situation less awkward, and help you navigate the conversation with ease. Here are nine different approaches you can take when someone asks what you’re doing with your future. 1. Shorten the time frame. You may not have your long-term future mapped out (you aren’t alone!), but you might have plans coming up this summer or even just for the next semester. Talk about those more immediate plans instead. When people ask what you’re up to after graduation, they generally just want to know what the next step is. It’s totally okay to limit your answer to the next few months. Try an answer like: - I’m going camping with some friends this summer before I start my job search. - I’m finishing up my prerequisites at the community college while I decide on a university. 2. Talk about your passions. You don’t have to focus solely on accomplishments, job offers, or acceptance letters when someone asks about the future. Instead, talk about what you’re passionate about and the kinds of work or study you’d like to do in the following years. Try a phrase like: - I’m really interested in [subject], so I’m considering options related to that. - I know someone who works in [career field], and I really want to learn more about it. 3. Share the one thing you’re most excited about. If you got an exciting new job or acceptance into a dream school, that’s a great thing to share. If you’re still working towards your big goals, talk about something coming up on the horizon of your life that makes you really excited. Maybe it’s a trip you’re taking, a summer internship, tours of different schools, or even some interviews with various companies that you’re really interested in. Allow others to share in the excitement! 4. Ask for advice. Graduation is the start of a new chapter in life, and everyone who’s gone through that transition had to make important decisions about the future. When someone asks about your future, try asking them how they handled some of those big decisions. People love to talk about their own lives and offer advice. They might even have good suggestions on different steps to take that you hadn’t thought about yet. Say: - I’m still deciding on my next step. What did you do when you were my age? - I have two options I’m really excited about. Which one would you pick? 5. Use humor. Let’s be honest: this is a tricky question to answer, and it can make you feel like you’re being put on the spot. If it makes you more comfortable, lighten the mood by injecting some humor into the conversation. Humor can be a great way to deflect when you feel like someone is judging your responses, and it’s also an easy way to change the subject if you’d rather avoid the topic entirely. Try something like: - Well, my first commitment is catching up on all the TV shows I missed this semester. What about you? - You mean to tell me there’s more work after graduation? 6. Focus on mental health. It’s normal to need some breathing room between big life changes, especially when a part of your academic life took place during a pandemic! If you’re taking some time off, using the next few months to relax and regroup, or just taking your time while you consider different options, it’s OK to say that. It can be as simple as: - Finishing school took a lot of work, so I’m taking some time to consider my next steps. - I’m taking some time off to reset, so I’m fresh for my next opportunities. 7. Turn the question around. If being asked about your future feels like an interrogation, invite the other person to share their future plans as well. Making the question more conversational can help ease any tension you might feel or even change the subject if that’s what you’re aiming for. When there’s more of a back-and-forth happening, it won’t feel so much like you’re sitting in the hot seat. You could say: - I have a few trips lined up and then I’m thinking about doing [x]. What do you have coming up this year? - I’m thinking about [X], but haven’t decided. What have you been up to? 8. Talk about the big picture. You may not know exactly what you want to do next, but you likely have some ideas about what you want your life to look like in the future. Go big! Talk about your overarching goals and what really makes you tick. You’re working towards something, even if you don’t know every single step along the path yet. You might say something like: - I’d like to work towards a career in publishing. - I want to open my own business one day, so I’m hoping to major in business management or economics. - I’m really focused on trying new things and honing in on the right career for myself. 9. Challenge expectations. When people ask you about the future, they’re often expecting you to brag about a new job or school you’ll be attending, but jobs and school aren’t the only things you’re allowed to be proud of. Maybe you’re prioritizing volunteer opportunities, personal enrichment, time with family and friends, or even just the freedom of having finally graduated. You get to decide what to focus on when you answer this question, even if it doesn’t follow the typical script. Take advantage of that and steer the conversation towards what makes you tick. - School kept me so busy that I’m really looking forward to spending time with my friends and family over the next few months. - I’m planning on grad school later on, but in the meantime I’m spending a lot of time volunteering with [organization]. - I haven’t made a final decision about work yet, but I’m really excited to figure out what’s next. © 2025, Aakkhra, All rights reserved.
    0 Comments 0 Shares 103 Views 0 Reviews
  • แท็บเล็ต หรือเศษขยะทางการศึกษา? : SondhitalkEP291 VDO
    แจกแท็บเลต แก้ปัญหาการศึกษาไทย !?! หรือหาเรื่องผลาญงบ?
    #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #SondhiX #การศึกษาไทย #ปัญหาการศึกษาไทย #แจกแท็บเล็ต
    • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    แท็บเล็ต หรือเศษขยะทางการศึกษา? : SondhitalkEP291 VDO แจกแท็บเลต แก้ปัญหาการศึกษาไทย !?! หรือหาเรื่องผลาญงบ? #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #SondhiX #การศึกษาไทย #ปัญหาการศึกษาไทย #แจกแท็บเล็ต • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    Like
    Love
    Angry
    9
    0 Comments 0 Shares 751 Views 26 1 Reviews
  • Dynatron ได้เปิดตัว ชุดระบายความร้อนใหม่ ที่สามารถรองรับ พลังงานสูงสุดถึง 660W สำหรับ Intel Diamond Rapids และ AMD Venice CPUs ซึ่งเป็น ชิปรุ่นใหม่สำหรับเซิร์ฟเวอร์

    AMD ได้ยืนยันว่า Venice จะเป็นชิป EPYC รุ่นแรกที่ใช้กระบวนการผลิต TSMC N2 และคาดว่าจะใช้ สถาปัตยกรรม Zen 6 โดย Venice อาจเปลี่ยนไปใช้ ซ็อกเก็ต SP7 แทน SP5 ที่ใช้ในรุ่นก่อนหน้า

    Intel กำลังพัฒนา Diamond Rapids ซึ่งคาดว่าจะเป็น Xeon 7 และใช้ ซ็อกเก็ต LGA 9324 โดยมีการปรับปรุง I/O ให้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า

    ✅ Dynatron เปิดตัวชุดระบายความร้อนใหม่
    - รองรับ พลังงานสูงสุดถึง 660W
    - ออกแบบมาสำหรับ Intel Diamond Rapids และ AMD Venice

    ✅ รายละเอียดของ AMD Venice
    - ใช้กระบวนการผลิต TSMC N2
    - คาดว่าจะใช้ สถาปัตยกรรม Zen 6
    - อาจเปลี่ยนไปใช้ ซ็อกเก็ต SP7

    ✅ รายละเอียดของ Intel Diamond Rapids
    - คาดว่าจะเป็น Xeon 7
    - ใช้ ซ็อกเก็ต LGA 9324
    - มีการปรับปรุง I/O ให้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า

    ✅ การออกแบบของ Dynatron Coolers
    - รุ่น J24 และ J25 รองรับ AMD Venice และสามารถระบายความร้อนได้ถึง 600W
    - รุ่น C21 รองรับ Intel Diamond Rapids และสามารถระบายความร้อนได้ถึง 660W

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/dynatron-coolers-support-up-to-660w-for-intel-diamond-rapids-and-amd-venice-cpus
    Dynatron ได้เปิดตัว ชุดระบายความร้อนใหม่ ที่สามารถรองรับ พลังงานสูงสุดถึง 660W สำหรับ Intel Diamond Rapids และ AMD Venice CPUs ซึ่งเป็น ชิปรุ่นใหม่สำหรับเซิร์ฟเวอร์ AMD ได้ยืนยันว่า Venice จะเป็นชิป EPYC รุ่นแรกที่ใช้กระบวนการผลิต TSMC N2 และคาดว่าจะใช้ สถาปัตยกรรม Zen 6 โดย Venice อาจเปลี่ยนไปใช้ ซ็อกเก็ต SP7 แทน SP5 ที่ใช้ในรุ่นก่อนหน้า Intel กำลังพัฒนา Diamond Rapids ซึ่งคาดว่าจะเป็น Xeon 7 และใช้ ซ็อกเก็ต LGA 9324 โดยมีการปรับปรุง I/O ให้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ✅ Dynatron เปิดตัวชุดระบายความร้อนใหม่ - รองรับ พลังงานสูงสุดถึง 660W - ออกแบบมาสำหรับ Intel Diamond Rapids และ AMD Venice ✅ รายละเอียดของ AMD Venice - ใช้กระบวนการผลิต TSMC N2 - คาดว่าจะใช้ สถาปัตยกรรม Zen 6 - อาจเปลี่ยนไปใช้ ซ็อกเก็ต SP7 ✅ รายละเอียดของ Intel Diamond Rapids - คาดว่าจะเป็น Xeon 7 - ใช้ ซ็อกเก็ต LGA 9324 - มีการปรับปรุง I/O ให้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ✅ การออกแบบของ Dynatron Coolers - รุ่น J24 และ J25 รองรับ AMD Venice และสามารถระบายความร้อนได้ถึง 600W - รุ่น C21 รองรับ Intel Diamond Rapids และสามารถระบายความร้อนได้ถึง 660W https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/dynatron-coolers-support-up-to-660w-for-intel-diamond-rapids-and-amd-venice-cpus
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • Xiaomi และกลุ่มผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจีนกำลังพัฒนา ระบบปฏิบัติการทางเลือกที่ไม่มีบริการของ Google โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดการพึ่งพา Android และ Google Play Services ซึ่งอาจเป็นผลมาจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และจีน

    Xiaomi, Oppo, Vivo และ OnePlus ได้หารือเกี่ยวกับการ สร้างระบบปฏิบัติการของตัวเอง โดยเริ่มต้นจาก HyperOS 3 ซึ่งอาจเป็นก้าวแรกของยุคใหม่ที่สมาร์ทโฟนจีน ไม่มีซอฟต์แวร์จาก Google

    แนวคิดนี้มีรากฐานมาจาก กรณีของ Huawei ที่ถูกแบนจาก Google ในปี 2019 และต้องพัฒนา HarmonyOS ซึ่งปัจจุบันมี ผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคน และมีแอปมากกว่า 20,000 แอป

    ✅ Xiaomi และพันธมิตรพัฒนา OS ที่ไม่มีบริการของ Google
    - Xiaomi, Oppo, Vivo และ OnePlus กำลังพัฒนา ระบบปฏิบัติการของตัวเอง
    - HyperOS 3 อาจเป็น ก้าวแรกของยุคใหม่ที่ไม่มีซอฟต์แวร์จาก Google

    ✅ แรงจูงใจในการพัฒนา OS ใหม่
    - ความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และจีน
    - Huawei ถูกแบนจาก Google และต้องพัฒนา HarmonyOS

    ✅ ความสำเร็จของ HarmonyOS
    - มีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคน
    - มีแอปมากกว่า 20,000 แอป

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน
    - หาก Xiaomi และพันธมิตรเลิกใช้ Android อาจส่งผลต่อ ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก
    - อาจเกิดการแข่งขันระหว่าง Android และระบบปฏิบัติการใหม่จากจีน

    https://www.neowin.net/news/chinese-smartphone-makers-reportedly-want-a-google-free-android-alternative/
    Xiaomi และกลุ่มผู้ผลิตสมาร์ทโฟนจีนกำลังพัฒนา ระบบปฏิบัติการทางเลือกที่ไม่มีบริการของ Google โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดการพึ่งพา Android และ Google Play Services ซึ่งอาจเป็นผลมาจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และจีน Xiaomi, Oppo, Vivo และ OnePlus ได้หารือเกี่ยวกับการ สร้างระบบปฏิบัติการของตัวเอง โดยเริ่มต้นจาก HyperOS 3 ซึ่งอาจเป็นก้าวแรกของยุคใหม่ที่สมาร์ทโฟนจีน ไม่มีซอฟต์แวร์จาก Google แนวคิดนี้มีรากฐานมาจาก กรณีของ Huawei ที่ถูกแบนจาก Google ในปี 2019 และต้องพัฒนา HarmonyOS ซึ่งปัจจุบันมี ผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคน และมีแอปมากกว่า 20,000 แอป ✅ Xiaomi และพันธมิตรพัฒนา OS ที่ไม่มีบริการของ Google - Xiaomi, Oppo, Vivo และ OnePlus กำลังพัฒนา ระบบปฏิบัติการของตัวเอง - HyperOS 3 อาจเป็น ก้าวแรกของยุคใหม่ที่ไม่มีซอฟต์แวร์จาก Google ✅ แรงจูงใจในการพัฒนา OS ใหม่ - ความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และจีน - Huawei ถูกแบนจาก Google และต้องพัฒนา HarmonyOS ✅ ความสำเร็จของ HarmonyOS - มีผู้ใช้กว่า 1 พันล้านคน - มีแอปมากกว่า 20,000 แอป ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน - หาก Xiaomi และพันธมิตรเลิกใช้ Android อาจส่งผลต่อ ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลก - อาจเกิดการแข่งขันระหว่าง Android และระบบปฏิบัติการใหม่จากจีน https://www.neowin.net/news/chinese-smartphone-makers-reportedly-want-a-google-free-android-alternative/
    WWW.NEOWIN.NET
    Chinese smartphone makers reportedly want a Google-free Android alternative
    A coalition of Chinese smartphone makers have ventilated the idea of ditching Google-owned Android from their devices due to fear of threats from the US government.
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging Choawalit Chotwattanaphong หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ Choawalit Chotwattanaphong https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    จากนักวิจัย AI ไทยที่ MIT ถึงบอร์ด AI เเห่งชาติ:ในฐานะที่พีพีเป็นนักวิจัย AI จากประเทศไทยที่ทำวิจัยใน frontier ของ Human-AI Interaction ที่ MIT เเละมีโอกาสร่วมมือกับบริษัทเเละสถาบัน AI ชั้นนำหลายๆที่ พีพีคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ที่จะนำประสบการณ์เเละสิ่งที่ตัวเองได้เรียนรู้เขียนออกมาเป็นไอเดียเผื่อจะเป็นประโยชน์กับบอร์ด AI เเห่งชาติ การที่รัฐบาลที่เล็งเห็นความสำคัญของ AI ในประเทศไทยเเละได้ตั้งบอร์ด AI เเห่งชาติ ซึ่งเป็นก้าวเเรกที่สำคัญมากๆ พีพีเลยอยากเเชร์มุมมองของ AI ในอนาคตจากในฝั่งงานวิจัย การศึกษา เเละชวนให้เห็นถึงคนไทยเก่งๆ ที่น่าจะช่วยกันสร้างอนาคตได้ครับ1) เราควรมอง AI อย่างไรในอนาคต?โดยส่วนตัวมองว่าพลังของ AI ไม่ใช่ตัวมันเองเเต่คือการที่ AI ไปเชื่อมกับสิ่งต่างๆ เเบบเดียวกับที่ internet หรือ social media กลายไปเป็น platform ที่อยู่ตรงกลางระหว่างมนุษย์กับ reality AI จะมีบทบาทอยู่เบื้องหลังอาหารที่เรากิน คนที่เราคบ สิ่งที่เราเสพ ความเชื่อที่เราเชื่อ ดังนั้นเราต้องตั้งคำถามว่าเราจะออกเเบบ AI ที่เป็นตัวบงการประสบการณ์ของมนุษย์เเบบไหน? เราต้องมอง AI ไม่ใช่เเค่โครงสร้างพื้นฐานอย่าง server หรือ data center เเต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานของประสบการณ์ความเป็นมนุษย์ การมองเเบบนี้ทำให้เราต้องตั้งคำถามกับ AI ในมิติที่มากกว่าเเค่ “Artificial Intelligence” เเต่รวมไปถึง: AI ในฐานะ "Augmented Intuition” หรือ สัญชาติญาณใหม่ของมนุษย์ ที่อาจจะทำให้มนุษย์คิดได้ไกลขึ้นหรือเเคบลงขึ้นอยู่กับการออกเเบบวิธีการที่มนุษย์สัมพันกับ AI ตัวอย่าง เช่น งานวิจัยที่พีพีทำที่ MIT ใน project “Wearable Reasoner” ซึ่งเป็น AI ที่กระตุ้น critical thinking ของคนเวลาเจอข้อมูลต่างๆ ผ่านกระบวนการ nudging [1] หรือ AI ในฐานะ "Addictive Intelligence” หรือสิ่งเสพติดที่รู้จักมนุษย์คนนั้นดีกว่าตัวเค้าเอง เช่น AI companion ที่ถูกออกเเบบมาเเทนที่ความสัมพันธ์มนุษย์ เป็น romance scammer เเบบใหม่ที่อันตรายมาก [2] ซึ่งเป็นหัวข้อที่ทั่วโลกให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ โดยล่าสุด OpenAI ได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT ในการศึกษาผลกระทบของเทคโนโลยีนี้ในวงกว้าง [3]เเละ AI ในฐานะ “Algorithmic Inequality” หรือตัวเร่งความเหลื่อมล้ำในสังคม งานวิจัยของ ดร Nattavudh Powdthavee โชว์ให้เห็นว่าในไทย AI คัดเลือกคนเข้าทำงานจากนามสกุลเเทนที่จะเป็นความสามารถซึ่งจะทำให้ช่องว่างระหว่างชนชั้นกว้างขึ้นเรื่อยๆ [4]ดังนั้นเวลาเรามอง AI เราต้องมองให้ไกลว่าเทคโนโลยี หรือ ธุรกิจเเต่มองให้เห็นผลกระทบต่อประสบการณ์ของมนุษย์ในหลายๆมิติ โดยเฉพาะมิติทางการศึกษาที่จะเป็นรากฐานของประเทศ2) เราควรออกเเบบการศึกษาในยุค AI อย่างไร?การที่หลายประเทศเข้าถึง internet ได้เเต่ไม่ได้ทำให้ทุกประเทศพัฒนาเท่ากัน ส่วนนึงเป็นเพราะผลลัพธ์ของเทคโนโลยีขึ้นกับวิธีที่คนใช้ด้วย ดังนั้น AI จะทำให้คนมีศักยภาพมากขึ้นหรือน้อยลงขึ้นกับ HI หรือ Human Intelligence ด้วย การศึกษาในยุค AI ควรมองไปไกลกว่าเเค่การใช้เป็น หรือ การสร้างคนเข้าสู่อุตสาหกรรม เพราะเครื่องมือเหล่านี้จะเปลี่ยนเร็วขึ้นเรื่อยๆ เเละอุตสาหกรรมวันนี้จะไม่ใช่อุตสาหกรรมในวันข้างหน้า Steve Jobs เคยกล่าวว่า technology is a bicycle for the mind ทุกๆเครื่องมือคือสิ่งที่สมองขับเคลื่อนไปเร็วขึ้น สิ่งที่เราต้องช่วยให้เด็กๆได้ขบคิดคือเค้าจะจะขับ AI ไปไหน เเละขับอย่างไรไม่ให้ชน การศึกษาในอนาคตในยุคที่ AI ทำให้เด็กๆเป็น “Cyborg Generation” คือคนที่ความคิดเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีตลอดเวลา เราควร focus ที่การทำให้เด็กๆมีความเป็นมนุษย์ รู้จักตัวเองมี meta-cognitive thinking คือคิดเกี่ยวกับการคิดได้ลึกซึ้งขึ้น เข้าใจว่าสิ่งภายนอกส่งผลกับความรู้สึกภายในอย่างไร เเละมีความกล้าที่จะนำความคิดนั้นออกมาเเสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สิ่งนี้เเทบจะไม่เกี่ยวกับ AI เลยเเต่จะเป็นพื้นฐานให้เค้ารับมือกับโลกที่เปลี่ยนไปได้ เมื่อโตขึ้นเราควรส่งเสริมให้เด็กๆ มองเห็นศักยภาพตัวเองกับโจทย์ที่ท้าทาย ซึ่งโจทย์เหล่านี้ไม่ว่าจะเป็น climate change, ความเหลื่อมล้ำ, ปัญหาต่างๆจะไม่เเก้ตัวเอง เเละ AI ก็จะไม่เเก้สิ่งนี้ด้วยตัวมันเอง เราไม่ควรให้เด็กมองตัวเองผ่านอาชีพเเคบๆ ว่าเป็นหมอ วิศวะ หรืออะไรก็เเล้วเเต่ เเต่มองเป็นคนที่มีศักยภาพที่สามารถจะใช้เครื่องมือขยายศักยภาพตัวเองไปเเก้ปัญหาใหญ่ๆ เเละสร้างสิ่งที่มีคุณค่าได้ สิ่งสุดท้ายเลยคือเราต้องช่วยให้เด็กๆ ไม่ติดกับดักใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสพติด AI ที่ถูกออกเเบบมาให้มีความเสพติดมากขึ้น หรือ การรู้สึกหมดพลังเพราะเก่งไม่เท่ากับ AI เราต้องสร้าง narrative ใหม่ที่ช่วยให้เด็กรู้ทันกับความท้าทายในวันข้างหน้า3) ทิศทางของ AI ในอนาคต เเละไทย?เมื่อมองภาพใหญ่กว่านั้นว่าสิ่งที่จะเป็น next frontier ของ AI คืออะไร หลายๆคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องของ agent หรือ physical AI เเต่โดยส่วนตัวคิดว่าทั้ง agent หรือ physical AI เป็นปลายทาง สิ่งที่พื้นฐานที่สุดคือเรื่องของ mechanistic interpretability [5] หรือการพยายามเข้าใจ AI ลงไปในระดับกลไกผ่านการศึกษา cluster ของ neural networks ใน large models ซึ่งพีพีคิดว่าสิ่งนี้สำคัญเพราะไม่ใช่เเค่เราจะเข้าใจ model มากขึ้นเเต่จะทำให้เราควบคุมโมเดลได้ดีขึ้นด้วย เช่น ถ้าเรารู้ว่า cluster ทำหน้าทีอะไร เราก็จะเช็คได้ว่ามี cluster ของ neurons ไม่พึงประสงค์ทำงานรึเปล่า (อาจจะลด hallucination ได้) หรือ เราสามารถปิด neuron cluster ในส่วนที่ไม่จำเป็นออกได้จะทำให้ลดทรัพยากรณ์เเละนำมาสู่ model ขนาดเล็กที่เป็นมิตรกับสิ่งเเวดล้อมขึ้นได้ นี่คือเหตุผลว่าตอนนี้ยักใหญ่ในวงการ AI หลายๆที่เเข่งกันทำ interpretability เพราะมันจะลด lost, เพิ่ม trust, เเละ robutness ได้ อย่างที่ CEO ของ Anthropic ประกาศว่าจะต้องเปิด blackbox ของ AI ให้ได้ภายในปี 2027 [6]ในไทยการวิจัยด้านนี้อาจจะทำได้ยากเพราะต้องการ compute มหาศาล เเละโจทย์นี้เป็นโจทย์ใหญ่ของระดับโลก ดังนั้นสิ่งที่เราควรสนใจอาจจะเป็นเรื่องของ research เเละ innovation ที่ connect AI เพื่อเข้ามา enhance อุตสาหกรรมไทยให้มีมูลค่าสูงขึ้นผ่าน network ของ AI services ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว หรือ อาหาร วัฒนธรรม เเละ creative industry โดยสิ่งที่เราต้องทำคือต้องคิดเเตกต่างเเละไม่ยึดกับ AI เเบบเดิมๆที่เป็นมาพีพีได้รับเชิญจากทั้งรัฐบาลเเละเอกชนให้ไปเเชร์งานวิจัยเกี่ยวกับ Human-AI Interaction ที่เกาหลี 3 ครั้งในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีความตื่นตัวเรื่อง AI กับ creative industry มาก ครั้งเเรกเป็นงานของรัฐบาลที่ focus เรื่อง AI & cultural innovation เเละอีกสองครั้งเป็นงานของ Busan International Fim Festival เเละ Busan AI Fim Festival ซึ่งทำให้เห็นว่าเกาหลีมองเรื่องของ AI ในฐานะ creative medium เเบบใหม่ที่จะสร้างงานสร้างสรรค์เเบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน (ไม่ใช่เเค่การเอา AI มาเเทนที่สื่อเเบบเดิม) เช่นการสร้าง interactive cinema ที่ทำให้ character ในภาพยนต์หรือ series ออกมาอยู่ในโลกจริงร่วมกับคนดูได้ เเถมยังกลายเป็น interfaces ที่ช่วยขายสินค้าเเละวัฒนธรรมเกาหลีได้อีก นี่เป็นตัวอย่างของการมอง AI เเละ network ของ AI เป็น infrastructure ที่ connect กับวัฒนธรรมเเละ soft power ได้ครับในไทยเองก็มีโปรเจคที่พีพีเกี่ยวข้องอยู่อย่าง Cyber Subin กับพี่ Pichet Klunchun [7] ที่พยายามใช้ AI ถอดรหัสวัฒนธรรมไทยออกมาซึ่งถูกเชิญไปนำเสนอเเละโชว์ทั่วโลกในฐานะงาน AI ที่เชื่อมโยงกับการสร้างศิลปะเเละวัฒนธรรมเเบบใหม่ ดังนั้นพีพีโดยส่วนตัวค่อนข้าง optimistic ว่าไทยสามารถมีบทบาทต่อวงการ AI โลกเเละสร้างมูลค่าให้เกิดขึ้นได้ในประเทศได้ถ้าได้รับการสนับสนุนที่ถูกต้อง เพราะไทยมีคนไทยเก่งๆ อีกมากมายที่อยู่เบื้องหลังวงการ AI ระดับโลกอย่าง ดร Supasorn Aek Suwajanakorn ที่เป็น pioneer ของ generative AI คนเเรกๆของโลก มี TED talk ที่คนดูเป็นล้าน [8] หรือ วีระ บุญจริง ที่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง Siri ที่กลายมาเป็น conversational AI ที่มีคนใช้ทั่วโลกอย่าง Apple [9] ล่าสุดพีพีไปงานประชุม Human-Computer Interaction ที่สำคัญที่สุดในสาขาเจอคนไทยเก่งๆ หลายคนที่อยู่ทั่วโลก หรือ ในภาคเอกชนก็คนเก่งๆ มากมายอย่างพี่ผลักดันวงการ AI ใน industry ของไทย ดังนั้นก็อยากฝากไปถึงบอร์ด AI เเห่งชาตินะครับว่าประเทศไทยจะมีอนาคตทางด้าน AI ได้เเน่ๆ ถ้าเรามอง AI ให้ครบทุกมิติ ออกเเบบการศึกษาในยุค AI เเบบ all of education เเละ education for all เเละรวมพลังเอาคนเก่งๆ มาช่วยกันครับ คิดว่าสิ่งที่รัฐบาลพยายามทำถ้าตั้งใจให้เกิด impact จริงๆ เชื่อว่าจะพลิกประเทศไทยได้ครับ เพราะคำว่า Th[AI]land จะขาด AI ไปไม่ได้ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ [1] https://www.media.mit.edu/projects/wearable-reasoner/overview/[2] https://mit-serc.pubpub.org/pub/iopjyxcx/release/2[3] https://openai.com/index/affective-use-study/[4] https://ui.adsabs.harvard.edu/abs/2025arXiv250119407P/abstract[5] https://www.neelnanda.io/mechanistic-interpretability/glossary[6] https://techsauce.co/news/anthropic-aims-to-unlock-ai-black-box-by-2027[7] https://cybersubin.media.mit.edu/[8] https://www.ted.com/speakers/supasorn_suwajanakorn[9] https://www.salika.co/2018/10/16/siri-artificial-intelligence-thai-owned/
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 184 Views 0 Reviews
  • Xiaomi กำลังพัฒนา HyperOS 3 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ไม่มีบริการและแอปของ Google โดยได้รับความร่วมมือจาก Huawei และ BBK Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ OPPO, Vivo และ OnePlus

    การพัฒนานี้เกิดขึ้นเนื่องจาก ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งส่งผลให้ Huawei ถูกคว่ำบาตร และ Xiaomi อาจเผชิญชะตากรรมเดียวกันในอนาคต

    แม้ว่า Xiaomi ยังมีใบอนุญาตให้ใช้ Android และ Google Play Services แต่บริษัทอาจกำลังเตรียม HyperOS 3 เป็นทางเลือกสำรอง หากถูกแบนจากสหรัฐฯ

    ✅ Xiaomi พัฒนา HyperOS 3 โดยไม่มีบริการของ Google
    - ได้รับความร่วมมือจาก Huawei และ BBK Group
    - คล้ายกับ HarmonyOS ของ Huawei

    ✅ เหตุผลในการพัฒนา HyperOS 3
    - ความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และจีน
    - Xiaomi อาจถูกแบนจาก Google Play Services ในอนาคต

    ✅ ความท้าทายของ HyperOS 3
    - ต้องสร้าง App Store ที่มีแอปสำคัญครบถ้วน
    - อาจได้รับความนิยมเฉพาะใน ตลาดจีน

    ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต
    - หาก Xiaomi ถูกแบน HyperOS 3 อาจกลายเป็น ระบบหลักของบริษัท
    - อาจมีการขยายไปยัง ตลาดอื่น ๆ นอกจีน

    https://wccftech.com/xiaomi-rumored-to-be-making-google-free-hyperos-with-help-from-huawei/
    Xiaomi กำลังพัฒนา HyperOS 3 ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการที่ไม่มีบริการและแอปของ Google โดยได้รับความร่วมมือจาก Huawei และ BBK Group ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ OPPO, Vivo และ OnePlus การพัฒนานี้เกิดขึ้นเนื่องจาก ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ซึ่งส่งผลให้ Huawei ถูกคว่ำบาตร และ Xiaomi อาจเผชิญชะตากรรมเดียวกันในอนาคต แม้ว่า Xiaomi ยังมีใบอนุญาตให้ใช้ Android และ Google Play Services แต่บริษัทอาจกำลังเตรียม HyperOS 3 เป็นทางเลือกสำรอง หากถูกแบนจากสหรัฐฯ ✅ Xiaomi พัฒนา HyperOS 3 โดยไม่มีบริการของ Google - ได้รับความร่วมมือจาก Huawei และ BBK Group - คล้ายกับ HarmonyOS ของ Huawei ✅ เหตุผลในการพัฒนา HyperOS 3 - ความตึงเครียดทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯ และจีน - Xiaomi อาจถูกแบนจาก Google Play Services ในอนาคต ✅ ความท้าทายของ HyperOS 3 - ต้องสร้าง App Store ที่มีแอปสำคัญครบถ้วน - อาจได้รับความนิยมเฉพาะใน ตลาดจีน ✅ แนวโน้มของการพัฒนาในอนาคต - หาก Xiaomi ถูกแบน HyperOS 3 อาจกลายเป็น ระบบหลักของบริษัท - อาจมีการขยายไปยัง ตลาดอื่น ๆ นอกจีน https://wccftech.com/xiaomi-rumored-to-be-making-google-free-hyperos-with-help-from-huawei/
    WCCFTECH.COM
    Xiaomi Rumored To Be Collaborating With Huawei And The BBK Group to Develop Its HyperOS 3 As A Google-Free Alternative Without The Company’s Pre-Loaded Services Or Apps
    Huawei and the BBK Group could be aiding Xiaomi to develop a HyperOS platform without the addition of Google’s services or apps
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • Apple ยังคงพึ่งพาการผลิตในจีนอย่างหนัก แม้ว่าจะมีความพยายามในการกระจายฐานการผลิตไปยัง อินเดีย, เวียดนาม และไทย แต่กว่า 80% ของ iPhones ยังคงผลิตในจีน

    ก่อนที่ Donald Trump จะเข้าสู่การเมือง Apple และพันธมิตรได้สร้างโรงงานขนาดใหญ่ทั่วจีนเพื่อประกอบ iPhones ซึ่ง Trump เคยหาเสียงโดยสัญญาว่าจะบังคับให้ Apple ย้ายการผลิตกลับไปยังสหรัฐฯ แต่จนถึงปัจจุบัน Apple ยังคงพึ่งพาจีนเป็นหลัก

    แม้ว่าจะมีการย้ายบางส่วนของการผลิตไปยัง อินเดียและเวียดนาม แต่ Apple ยังคงต้องพึ่งพา ซัพพลายเชนของจีน ซึ่งมีความซับซ้อนและมีประสิทธิภาพสูง

    ✅ Apple ยังคงพึ่งพาการผลิตในจีน
    - กว่า 80% ของ iPhones ยังคงผลิตในจีน
    - แม้ว่าจะมีการย้ายบางส่วนไปยัง อินเดีย, เวียดนาม และไทย

    ✅ ความพยายามในการกระจายฐานการผลิต
    - Apple ได้เริ่มผลิต iPhones ใน อินเดีย มากขึ้น
    - มีการลงทุนใน โรงงานผลิตชิ้นส่วนในเวียดนามและไทย

    ✅ บทบาทของจีนในซัพพลายเชนของ Apple
    - จีนมี เครือข่ายซัพพลายเออร์ที่มีประสิทธิภาพสูง
    - Apple ยังคงต้องพึ่งพา แรงงานและเทคโนโลยีของจีน

    ✅ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
    - การพึ่งพาจีนอาจส่งผลต่อ ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
    - หาก Apple ลดการผลิตในจีน อาจส่งผลต่อ เศรษฐกิจจีนและตลาดแรงงาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/03/could-apple-exist-without-its-ties-to-china-probably-not
    Apple ยังคงพึ่งพาการผลิตในจีนอย่างหนัก แม้ว่าจะมีความพยายามในการกระจายฐานการผลิตไปยัง อินเดีย, เวียดนาม และไทย แต่กว่า 80% ของ iPhones ยังคงผลิตในจีน ก่อนที่ Donald Trump จะเข้าสู่การเมือง Apple และพันธมิตรได้สร้างโรงงานขนาดใหญ่ทั่วจีนเพื่อประกอบ iPhones ซึ่ง Trump เคยหาเสียงโดยสัญญาว่าจะบังคับให้ Apple ย้ายการผลิตกลับไปยังสหรัฐฯ แต่จนถึงปัจจุบัน Apple ยังคงพึ่งพาจีนเป็นหลัก แม้ว่าจะมีการย้ายบางส่วนของการผลิตไปยัง อินเดียและเวียดนาม แต่ Apple ยังคงต้องพึ่งพา ซัพพลายเชนของจีน ซึ่งมีความซับซ้อนและมีประสิทธิภาพสูง ✅ Apple ยังคงพึ่งพาการผลิตในจีน - กว่า 80% ของ iPhones ยังคงผลิตในจีน - แม้ว่าจะมีการย้ายบางส่วนไปยัง อินเดีย, เวียดนาม และไทย ✅ ความพยายามในการกระจายฐานการผลิต - Apple ได้เริ่มผลิต iPhones ใน อินเดีย มากขึ้น - มีการลงทุนใน โรงงานผลิตชิ้นส่วนในเวียดนามและไทย ✅ บทบาทของจีนในซัพพลายเชนของ Apple - จีนมี เครือข่ายซัพพลายเออร์ที่มีประสิทธิภาพสูง - Apple ยังคงต้องพึ่งพา แรงงานและเทคโนโลยีของจีน ✅ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก - การพึ่งพาจีนอาจส่งผลต่อ ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน - หาก Apple ลดการผลิตในจีน อาจส่งผลต่อ เศรษฐกิจจีนและตลาดแรงงาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/03/could-apple-exist-without-its-ties-to-china-probably-not
    0 Comments 0 Shares 102 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้ประกาศว่า Project for the web และแอป Project และ Roadmap ใน Microsoft Teams จะถูกยกเลิกในเดือนสิงหาคม โดยจะมีการเปลี่ยนไปใช้ Planner ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวมฟีเจอร์จาก Project for the web, To Do และ Planner ไว้ในที่เดียว

    Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยลดความสับสนของผู้ใช้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ Project for the web, Project ใน Teams และ Roadmap ใน Teams ทำงานแยกจาก Planner แม้ว่าจะมีฟีเจอร์ที่คล้ายกัน

    อย่างไรก็ตาม Planner จะไม่มีฟีเจอร์บางอย่างที่เคยมีใน Project for the web เช่น Roadmaps และการนำเข้าไฟล์ .mpp ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่ต้องการฟังก์ชันเหล่านี้

    ✅ Project for the web และแอปที่เกี่ยวข้องจะถูกยกเลิก
    - Microsoft จะเปลี่ยนไปใช้ Planner เป็นแพลตฟอร์มหลัก
    - รวมฟีเจอร์จาก Project for the web, To Do และ Planner

    ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง
    - ลดความสับสนของผู้ใช้ที่ต้องเลือกใช้หลายแพลตฟอร์ม
    - Planner มีฟีเจอร์เดียวกับ Project for the web แต่รวมอยู่ในระบบเดียว

    ✅ ฟีเจอร์ที่ Planner ไม่มี
    - Roadmaps จะไม่สามารถเปิดได้ใน Planner
    - การนำเข้าไฟล์ .mpp จาก Project desktop ไม่สามารถทำได้โดยตรง

    ✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ
    - Microsoft แนะนำให้ใช้ Planner Portfolio แทน Roadmaps
    - สามารถใช้ Planner Power Apps เพื่อย้ายข้อมูลจาก Project desktop

    https://www.neowin.net/news/microsoft-planner-transition-set-for-august-here-is-what-will-be-retired/
    Microsoft ได้ประกาศว่า Project for the web และแอป Project และ Roadmap ใน Microsoft Teams จะถูกยกเลิกในเดือนสิงหาคม โดยจะมีการเปลี่ยนไปใช้ Planner ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวมฟีเจอร์จาก Project for the web, To Do และ Planner ไว้ในที่เดียว Microsoft ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยลดความสับสนของผู้ใช้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ Project for the web, Project ใน Teams และ Roadmap ใน Teams ทำงานแยกจาก Planner แม้ว่าจะมีฟีเจอร์ที่คล้ายกัน อย่างไรก็ตาม Planner จะไม่มีฟีเจอร์บางอย่างที่เคยมีใน Project for the web เช่น Roadmaps และการนำเข้าไฟล์ .mpp ซึ่งอาจส่งผลต่อผู้ใช้ที่ต้องการฟังก์ชันเหล่านี้ ✅ Project for the web และแอปที่เกี่ยวข้องจะถูกยกเลิก - Microsoft จะเปลี่ยนไปใช้ Planner เป็นแพลตฟอร์มหลัก - รวมฟีเจอร์จาก Project for the web, To Do และ Planner ✅ เหตุผลในการเปลี่ยนแปลง - ลดความสับสนของผู้ใช้ที่ต้องเลือกใช้หลายแพลตฟอร์ม - Planner มีฟีเจอร์เดียวกับ Project for the web แต่รวมอยู่ในระบบเดียว ✅ ฟีเจอร์ที่ Planner ไม่มี - Roadmaps จะไม่สามารถเปิดได้ใน Planner - การนำเข้าไฟล์ .mpp จาก Project desktop ไม่สามารถทำได้โดยตรง ✅ แนวทางสำหรับผู้ใช้ที่ได้รับผลกระทบ - Microsoft แนะนำให้ใช้ Planner Portfolio แทน Roadmaps - สามารถใช้ Planner Power Apps เพื่อย้ายข้อมูลจาก Project desktop https://www.neowin.net/news/microsoft-planner-transition-set-for-august-here-is-what-will-be-retired/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft Planner transition set for August, here is what will be retired
    Microsoft has announced that it will transition more people to Planner in August while retiring several other apps.
    0 Comments 0 Shares 74 Views 0 Reviews
  • ไม่มีสัจจะในหมู่โจร : SondhitalkEP291 VDO
    “นุ-สา” สองผัวเมียกลับลำสารภาพผิด ยัน “ทนายตั้ม” บงการหลอก 39 ล้าน
    #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #SondhiX #ทนายตั้ม #ษิทราเบี้ยบังเกิด #คดีโกงพี่อ้อย #จตุพรอุบลเลิศ
    • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    ไม่มีสัจจะในหมู่โจร : SondhitalkEP291 VDO “นุ-สา” สองผัวเมียกลับลำสารภาพผิด ยัน “ทนายตั้ม” บงการหลอก 39 ล้าน #Sondhitalk #สนธิทอล์ค #สนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #sondhiapp #SondhiX #ทนายตั้ม #ษิทราเบี้ยบังเกิด #คดีโกงพี่อ้อย #จตุพรอุบลเลิศ • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube : https://www.youtube.com/@sondhitalk/join • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    Like
    Love
    12
    0 Comments 0 Shares 1004 Views 45 0 Reviews
  • Apple วางแผนที่จะจัดหาชิปมากกว่า 19 พันล้านตัว จากโรงงานในสหรัฐฯ ในปี 2025 โดย TSMC ในรัฐแอริโซนา จะผลิตชิปหลายสิบล้านตัวให้กับ Apple แม้ว่าชิประดับสูงสุดของ Apple จะยังคงผลิตในไต้หวัน

    Tim Cook CEO ของ Apple เปิดเผยว่า Apple มีซัพพลายเออร์มากกว่า 9,000 รายในสหรัฐฯ และกำลังลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 4 ปีข้างหน้าเพื่อขยายการดำเนินงานในหลายรัฐ รวมถึง มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และเนวาดา

    แม้ว่าโรงงาน Fab 21 ของ TSMC ในแอริโซนา จะผลิตชิปที่ใช้ 4nm และ 5nm-class nodes ซึ่งไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุด แต่ Apple ยังคงมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ใช้ชิปเหล่านี้

    ✅ Apple จะจัดหาชิปมากกว่า 19 พันล้านตัวจากโรงงานในสหรัฐฯ
    - รวมถึง หลายสิบล้านตัวจาก TSMC ในแอริโซนา
    - Apple มี ซัพพลายเออร์มากกว่า 9,000 รายในสหรัฐฯ

    ✅ การลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ของ Apple
    - ขยายการดำเนินงานใน มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และเนวาดา
    - ตั้งโรงงานใหม่ใน เท็กซัส เพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI

    ✅ บทบาทของ TSMC ในแอริโซนา
    - โรงงาน Fab 21 ผลิตชิปที่ใช้ 4nm และ 5nm-class nodes
    - Apple ยังคงมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ใช้ชิปเหล่านี้

    ✅ การผลิตชิประดับสูงสุดของ Apple
    - ชิปหลัก เช่น SoC, หน่วยความจำ และเซ็นเซอร์กล้อง ยังคงผลิตใน ไต้หวัน, สิงคโปร์, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/apple-expects-to-source-over-19-billion-chips-from-u-s-factories-this-year
    Apple วางแผนที่จะจัดหาชิปมากกว่า 19 พันล้านตัว จากโรงงานในสหรัฐฯ ในปี 2025 โดย TSMC ในรัฐแอริโซนา จะผลิตชิปหลายสิบล้านตัวให้กับ Apple แม้ว่าชิประดับสูงสุดของ Apple จะยังคงผลิตในไต้หวัน Tim Cook CEO ของ Apple เปิดเผยว่า Apple มีซัพพลายเออร์มากกว่า 9,000 รายในสหรัฐฯ และกำลังลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ ในช่วง 4 ปีข้างหน้าเพื่อขยายการดำเนินงานในหลายรัฐ รวมถึง มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และเนวาดา แม้ว่าโรงงาน Fab 21 ของ TSMC ในแอริโซนา จะผลิตชิปที่ใช้ 4nm และ 5nm-class nodes ซึ่งไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุด แต่ Apple ยังคงมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ใช้ชิปเหล่านี้ ✅ Apple จะจัดหาชิปมากกว่า 19 พันล้านตัวจากโรงงานในสหรัฐฯ - รวมถึง หลายสิบล้านตัวจาก TSMC ในแอริโซนา - Apple มี ซัพพลายเออร์มากกว่า 9,000 รายในสหรัฐฯ ✅ การลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ของ Apple - ขยายการดำเนินงานใน มิชิแกน, เท็กซัส, แคลิฟอร์เนีย, แอริโซนา และเนวาดา - ตั้งโรงงานใหม่ใน เท็กซัส เพื่อผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ✅ บทบาทของ TSMC ในแอริโซนา - โรงงาน Fab 21 ผลิตชิปที่ใช้ 4nm และ 5nm-class nodes - Apple ยังคงมีผลิตภัณฑ์จำนวนมากที่ใช้ชิปเหล่านี้ ✅ การผลิตชิประดับสูงสุดของ Apple - ชิปหลัก เช่น SoC, หน่วยความจำ และเซ็นเซอร์กล้อง ยังคงผลิตใน ไต้หวัน, สิงคโปร์, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/apple-expects-to-source-over-19-billion-chips-from-u-s-factories-this-year
    0 Comments 0 Shares 99 Views 0 Reviews
  • Microsoft ได้เปลี่ยนระบบการยืนยันตัวตนสำหรับบัญชีใหม่ โดยใช้ Passkeys เป็นค่าเริ่มต้น แทนรหัสผ่าน ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ เนื่องจาก Passkeys ไม่สามารถถูกขโมยผ่านฟิชชิ่งหรือคีย์ล็อกเกอร์ได้

    เมื่อผู้ใช้สร้างบัญชี Microsoft ใหม่ ระบบจะขอ อีเมลเพื่อส่งรหัสยืนยัน และหลังจากลงทะเบียนแล้ว ผู้ใช้จะถูกขอให้ เพิ่ม Passkey ซึ่งสามารถใช้ Windows Hello หรือระบบไบโอเมตริกของอุปกรณ์ เพื่อเข้าถึงบัญชี

    Microsoft มีเป้าหมายที่จะ กำจัดรหัสผ่านออกจากระบบทั้งหมด โดยปรับปรุงประสบการณ์การเข้าสู่ระบบให้ ตรวจจับวิธีการยืนยันตัวตนที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดการใช้รหัสผ่านลง 20% และคาดว่าจะลดลงเรื่อย ๆ จนกว่ารหัสผ่านจะถูกยกเลิกอย่างสมบูรณ์

    ✅ Passkeys เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับบัญชีใหม่
    - ลดความเสี่ยงจาก ฟิชชิ่ง, คีย์ล็อกเกอร์ และ SIM swapping
    - ใช้ Windows Hello หรือไบโอเมตริกของอุปกรณ์ เพื่อเข้าถึงบัญชี

    ✅ กระบวนการลงทะเบียนบัญชีใหม่
    - ผู้ใช้ต้อง ยืนยันตัวตนผ่านอีเมล
    - หลังจากลงทะเบียนแล้ว ต้องเพิ่ม Passkey

    ✅ เป้าหมายของ Microsoft
    - ต้องการ กำจัดรหัสผ่านออกจากระบบทั้งหมด
    - ปรับปรุงระบบให้ ตรวจจับวิธีการยืนยันตัวตนที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ

    ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้
    - ลดการใช้รหัสผ่านลง 20%
    - ป้องกันการเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/microsoft-makes-passkeys-the-default-authentication-method-for-all-new-accounts
    Microsoft ได้เปลี่ยนระบบการยืนยันตัวตนสำหรับบัญชีใหม่ โดยใช้ Passkeys เป็นค่าเริ่มต้น แทนรหัสผ่าน ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ เนื่องจาก Passkeys ไม่สามารถถูกขโมยผ่านฟิชชิ่งหรือคีย์ล็อกเกอร์ได้ เมื่อผู้ใช้สร้างบัญชี Microsoft ใหม่ ระบบจะขอ อีเมลเพื่อส่งรหัสยืนยัน และหลังจากลงทะเบียนแล้ว ผู้ใช้จะถูกขอให้ เพิ่ม Passkey ซึ่งสามารถใช้ Windows Hello หรือระบบไบโอเมตริกของอุปกรณ์ เพื่อเข้าถึงบัญชี Microsoft มีเป้าหมายที่จะ กำจัดรหัสผ่านออกจากระบบทั้งหมด โดยปรับปรุงประสบการณ์การเข้าสู่ระบบให้ ตรวจจับวิธีการยืนยันตัวตนที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดการใช้รหัสผ่านลง 20% และคาดว่าจะลดลงเรื่อย ๆ จนกว่ารหัสผ่านจะถูกยกเลิกอย่างสมบูรณ์ ✅ Passkeys เป็นค่าเริ่มต้นสำหรับบัญชีใหม่ - ลดความเสี่ยงจาก ฟิชชิ่ง, คีย์ล็อกเกอร์ และ SIM swapping - ใช้ Windows Hello หรือไบโอเมตริกของอุปกรณ์ เพื่อเข้าถึงบัญชี ✅ กระบวนการลงทะเบียนบัญชีใหม่ - ผู้ใช้ต้อง ยืนยันตัวตนผ่านอีเมล - หลังจากลงทะเบียนแล้ว ต้องเพิ่ม Passkey ✅ เป้าหมายของ Microsoft - ต้องการ กำจัดรหัสผ่านออกจากระบบทั้งหมด - ปรับปรุงระบบให้ ตรวจจับวิธีการยืนยันตัวตนที่ดีที่สุดโดยอัตโนมัติ ✅ ผลกระทบต่อความปลอดภัยของผู้ใช้ - ลดการใช้รหัสผ่านลง 20% - ป้องกันการเข้าถึงบัญชีโดยไม่ได้รับอนุญาต https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/microsoft-makes-passkeys-the-default-authentication-method-for-all-new-accounts
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • Apple ได้ปรับนโยบาย App Store ใหม่ หลังจากแพ้คดีในศาล โดยอนุญาตให้ นักพัฒนาแอปสามารถใช้ระบบชำระเงินภายนอกได้โดยไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันให้ Apple ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่มีผลเฉพาะใน App Store ของสหรัฐฯ

    ก่อนหน้านี้ Apple เคยพยายามหลีกเลี่ยงคำสั่งศาลโดย เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากแอปที่ใช้ระบบชำระเงินภายนอก แต่คำตัดสินล่าสุดของ ศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย ได้บังคับให้ Apple ต้อง ยกเลิกค่าธรรมเนียมดังกล่าว

    Spotify เป็นหนึ่งในบริษัทแรกที่ใช้ประโยชน์จากนโยบายใหม่นี้ โดยออกอัปเดตแอปที่ ให้ผู้ใช้สามารถสมัครสมาชิกผ่านระบบชำระเงินภายนอกได้ ซึ่ง Spotify เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "ชัยชนะของผู้บริโภค ศิลปิน และนักสร้างสรรค์"

    ✅ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบชำระเงินภายนอก
    - นักพัฒนาแอปสามารถใช้ ปุ่ม, ลิงก์ภายนอก และช่องทางชำระเงินอื่น ๆ
    - ไม่มีค่าคอมมิชชัน "Apple Tax" สำหรับการชำระเงินภายนอก

    ✅ ผลกระทบต่อแอปในสหรัฐฯ
    - นโยบายนี้มีผลเฉพาะใน App Store ของสหรัฐฯ
    - ตลาดอื่น ๆ ยังคงอยู่ภายใต้ข้อกำหนดเดิม

    ✅ Spotify ใช้ประโยชน์จากนโยบายใหม่
    - ออกอัปเดตแอปที่ให้ผู้ใช้ สมัครสมาชิกผ่านระบบชำระเงินภายนอก
    - เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "ชัยชนะของผู้บริโภค ศิลปิน และนักสร้างสรรค์"

    ✅ คำตัดสินของศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย
    - Apple ถูกบังคับให้ ยกเลิกค่าธรรมเนียม 27% สำหรับระบบชำระเงินภายนอก
    - ศาลตำหนิ Apple ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก่อนหน้านี้

    https://www.techspot.com/news/107775-apple-revises-app-store-policy-allows-third-party.html
    Apple ได้ปรับนโยบาย App Store ใหม่ หลังจากแพ้คดีในศาล โดยอนุญาตให้ นักพัฒนาแอปสามารถใช้ระบบชำระเงินภายนอกได้โดยไม่ต้องเสียค่าคอมมิชชันให้ Apple ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่มีผลเฉพาะใน App Store ของสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ Apple เคยพยายามหลีกเลี่ยงคำสั่งศาลโดย เรียกเก็บค่าธรรมเนียม 27% จากแอปที่ใช้ระบบชำระเงินภายนอก แต่คำตัดสินล่าสุดของ ศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย ได้บังคับให้ Apple ต้อง ยกเลิกค่าธรรมเนียมดังกล่าว Spotify เป็นหนึ่งในบริษัทแรกที่ใช้ประโยชน์จากนโยบายใหม่นี้ โดยออกอัปเดตแอปที่ ให้ผู้ใช้สามารถสมัครสมาชิกผ่านระบบชำระเงินภายนอกได้ ซึ่ง Spotify เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "ชัยชนะของผู้บริโภค ศิลปิน และนักสร้างสรรค์" ✅ Apple อนุญาตให้ใช้ระบบชำระเงินภายนอก - นักพัฒนาแอปสามารถใช้ ปุ่ม, ลิงก์ภายนอก และช่องทางชำระเงินอื่น ๆ - ไม่มีค่าคอมมิชชัน "Apple Tax" สำหรับการชำระเงินภายนอก ✅ ผลกระทบต่อแอปในสหรัฐฯ - นโยบายนี้มีผลเฉพาะใน App Store ของสหรัฐฯ - ตลาดอื่น ๆ ยังคงอยู่ภายใต้ข้อกำหนดเดิม ✅ Spotify ใช้ประโยชน์จากนโยบายใหม่ - ออกอัปเดตแอปที่ให้ผู้ใช้ สมัครสมาชิกผ่านระบบชำระเงินภายนอก - เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า "ชัยชนะของผู้บริโภค ศิลปิน และนักสร้างสรรค์" ✅ คำตัดสินของศาลแขวงแคลิฟอร์เนีย - Apple ถูกบังคับให้ ยกเลิกค่าธรรมเนียม 27% สำหรับระบบชำระเงินภายนอก - ศาลตำหนิ Apple ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งก่อนหน้านี้ https://www.techspot.com/news/107775-apple-revises-app-store-policy-allows-third-party.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Apple revises App Store policy, allows third-party payments 'without tax' after losing in court
    According to Apple's revised guidelines, apps listed on the iOS and macOS App Stores will no longer be prohibited from including "buttons, external links, or other calls...
    0 Comments 0 Shares 94 Views 0 Reviews
  • Meta, Spotify, Garmin, Match Group และบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ได้ร่วมมือกันจัดตั้ง Coalition for a Competitive Mobile Experience เพื่อท้าทาย การผูกขาดของ Apple และ Google ในตลาดแอปมือถือ

    กลุ่มพันธมิตรนี้มีเป้าหมายหลักในการ ผลักดันให้แพลตฟอร์มแอปสโตร์มีความเป็นธรรมมากขึ้น โดยเริ่มจากการเรียกร้องให้ Apple และ Google รับผิดชอบการตรวจสอบอายุของผู้ใช้แทนที่จะผลักภาระให้กับนักพัฒนาแอป ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐยูทาห์เคยออกกฎหมายบังคับใช้แล้ว

    นอกจากนี้ กลุ่มพันธมิตรยังสนับสนุน คดีต่อต้านการผูกขาดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ต่อ Apple และ Google และเรียกร้องให้แพลตฟอร์มแอปสโตร์ หยุดการเลือกปฏิบัติต่อแอปของคู่แข่ง และเปิดทางให้ผู้พัฒนาแอปสามารถใช้ระบบชำระเงินทางเลือกได้

    ✅ การจัดตั้ง Coalition for a Competitive Mobile Experience
    - นำโดย Meta, Spotify, Garmin และ Match Group
    - มีเป้าหมายเพื่อ ท้าทายการผูกขาดของ Apple และ Google

    ✅ ข้อเรียกร้องหลักของกลุ่มพันธมิตร
    - ผลักดันให้ Apple และ Google รับผิดชอบการตรวจสอบอายุของผู้ใช้
    - สนับสนุน คดีต่อต้านการผูกขาดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
    - เรียกร้องให้ แพลตฟอร์มแอปสโตร์เปิดทางให้ผู้พัฒนาใช้ระบบชำระเงินทางเลือก

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแอปมือถือ
    - หากข้อเรียกร้องได้รับการตอบรับ อาจทำให้ นักพัฒนาแอปมีอิสระมากขึ้น
    - อาจส่งผลให้ ค่าธรรมเนียมแอปสโตร์ลดลง

    ✅ การสนับสนุนจากภาครัฐและศาล
    - ศาลสหรัฐฯ เพิ่งตัดสินให้ Apple ต้องเปิดทางให้แอปสามารถใช้ระบบชำระเงินภายนอกได้
    - กลุ่มพันธมิตรหวังว่า แรงกดดันจากหลายฝ่ายจะช่วยเปลี่ยนแปลงตลาดแอปมือถือ

    https://www.techspot.com/news/107765-meta-spotify-others-form-coalition-challenge-applegoogle-duopoly.html
    Meta, Spotify, Garmin, Match Group และบริษัทเทคโนโลยีอื่น ๆ ได้ร่วมมือกันจัดตั้ง Coalition for a Competitive Mobile Experience เพื่อท้าทาย การผูกขาดของ Apple และ Google ในตลาดแอปมือถือ กลุ่มพันธมิตรนี้มีเป้าหมายหลักในการ ผลักดันให้แพลตฟอร์มแอปสโตร์มีความเป็นธรรมมากขึ้น โดยเริ่มจากการเรียกร้องให้ Apple และ Google รับผิดชอบการตรวจสอบอายุของผู้ใช้แทนที่จะผลักภาระให้กับนักพัฒนาแอป ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐยูทาห์เคยออกกฎหมายบังคับใช้แล้ว นอกจากนี้ กลุ่มพันธมิตรยังสนับสนุน คดีต่อต้านการผูกขาดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ต่อ Apple และ Google และเรียกร้องให้แพลตฟอร์มแอปสโตร์ หยุดการเลือกปฏิบัติต่อแอปของคู่แข่ง และเปิดทางให้ผู้พัฒนาแอปสามารถใช้ระบบชำระเงินทางเลือกได้ ✅ การจัดตั้ง Coalition for a Competitive Mobile Experience - นำโดย Meta, Spotify, Garmin และ Match Group - มีเป้าหมายเพื่อ ท้าทายการผูกขาดของ Apple และ Google ✅ ข้อเรียกร้องหลักของกลุ่มพันธมิตร - ผลักดันให้ Apple และ Google รับผิดชอบการตรวจสอบอายุของผู้ใช้ - สนับสนุน คดีต่อต้านการผูกขาดของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ - เรียกร้องให้ แพลตฟอร์มแอปสโตร์เปิดทางให้ผู้พัฒนาใช้ระบบชำระเงินทางเลือก ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมแอปมือถือ - หากข้อเรียกร้องได้รับการตอบรับ อาจทำให้ นักพัฒนาแอปมีอิสระมากขึ้น - อาจส่งผลให้ ค่าธรรมเนียมแอปสโตร์ลดลง ✅ การสนับสนุนจากภาครัฐและศาล - ศาลสหรัฐฯ เพิ่งตัดสินให้ Apple ต้องเปิดทางให้แอปสามารถใช้ระบบชำระเงินภายนอกได้ - กลุ่มพันธมิตรหวังว่า แรงกดดันจากหลายฝ่ายจะช่วยเปลี่ยนแปลงตลาดแอปมือถือ https://www.techspot.com/news/107765-meta-spotify-others-form-coalition-challenge-applegoogle-duopoly.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Meta, Spotify, and others unite to challenge the Apple-Google app store duopoly
    Meta, Spotify, Garmin, Match Group, and others have joined forces to form a lobbying partnership targeting the control Apple and Google exert over their mobile app ecosystems....
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • AMD กำลังพัฒนา Ryzen 9000G "Gorgon Point" สำหรับ AM5 socket และ Medusa Point ซึ่งเป็นซีพียู Zen 6 สำหรับ FP10 socket โดยข้อมูลนี้มาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ซึ่งพบรายละเอียดใน repository ของ AMD

    ซีพียู Gorgon Point จะมีทั้งเวอร์ชันสำหรับเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป โดยรุ่นเดสก์ท็อปจะใช้ AM5 socket และเป็นรุ่นต่อจาก Ryzen 8000G ส่วนรุ่นแล็ปท็อปจะใช้ FP8 socket และมีสามเวอร์ชัน ได้แก่ Gorgon Point 1, Gorgon Point 2 และ Gorgon Point 3

    นอกจากนี้ AMD ยังมีแผนเปิดตัว Threadripper 9000 series "Shimada Peak" ซึ่งจะเปิดตัวในงาน Computex 2025 หรือในงาน Advancing AI ในเดือนมิถุนายน

    ✅ Ryzen 9000G "Gorgon Point"
    - ใช้ Zen 5 CPU cores และ RDNA 3.5 graphics
    - รุ่นเดสก์ท็อปใช้ AM5 socket
    - รุ่นแล็ปท็อปใช้ FP8 socket และมีสามเวอร์ชัน

    ✅ Medusa Point และ Zen 6
    - ใช้ FP10 socket ซึ่งไม่สามารถใช้ร่วมกับแพลตฟอร์มปัจจุบันได้
    - คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีหน้า

    ✅ Threadripper 9000 "Shimada Peak"
    - คาดว่าจะเปิดตัวใน Computex 2025 หรือ Advancing AI
    - มีรุ่น 900WX สำหรับตลาดระดับสูง

    ✅ แผนการพัฒนาของ AMD
    - มีการพัฒนา Kraken Point 2 ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงของ Kraken Point
    - กำลังพัฒนา Soundwave series ซึ่งเป็นซีพียู Arm-based สำหรับ FF5 socket

    https://www.techspot.com/news/107758-amd-working-ryzen-9000g-gorgon-point-am5-socket.html
    AMD กำลังพัฒนา Ryzen 9000G "Gorgon Point" สำหรับ AM5 socket และ Medusa Point ซึ่งเป็นซีพียู Zen 6 สำหรับ FP10 socket โดยข้อมูลนี้มาจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ซึ่งพบรายละเอียดใน repository ของ AMD ซีพียู Gorgon Point จะมีทั้งเวอร์ชันสำหรับเดสก์ท็อปและแล็ปท็อป โดยรุ่นเดสก์ท็อปจะใช้ AM5 socket และเป็นรุ่นต่อจาก Ryzen 8000G ส่วนรุ่นแล็ปท็อปจะใช้ FP8 socket และมีสามเวอร์ชัน ได้แก่ Gorgon Point 1, Gorgon Point 2 และ Gorgon Point 3 นอกจากนี้ AMD ยังมีแผนเปิดตัว Threadripper 9000 series "Shimada Peak" ซึ่งจะเปิดตัวในงาน Computex 2025 หรือในงาน Advancing AI ในเดือนมิถุนายน ✅ Ryzen 9000G "Gorgon Point" - ใช้ Zen 5 CPU cores และ RDNA 3.5 graphics - รุ่นเดสก์ท็อปใช้ AM5 socket - รุ่นแล็ปท็อปใช้ FP8 socket และมีสามเวอร์ชัน ✅ Medusa Point และ Zen 6 - ใช้ FP10 socket ซึ่งไม่สามารถใช้ร่วมกับแพลตฟอร์มปัจจุบันได้ - คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีหน้า ✅ Threadripper 9000 "Shimada Peak" - คาดว่าจะเปิดตัวใน Computex 2025 หรือ Advancing AI - มีรุ่น 900WX สำหรับตลาดระดับสูง ✅ แผนการพัฒนาของ AMD - มีการพัฒนา Kraken Point 2 ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงของ Kraken Point - กำลังพัฒนา Soundwave series ซึ่งเป็นซีพียู Arm-based สำหรับ FF5 socket https://www.techspot.com/news/107758-amd-working-ryzen-9000g-gorgon-point-am5-socket.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    AMD working on Ryzen 9000G "Gorgon Point" for AM5 socket, "Medusa Point" Zen 6 CPUs for FP10
    Noted tipster Olrak29 first identified the next-gen Threadripper 9000 series, codenamed Shimada Peak, in a now-deleted X post. Some details surfaced earlier when Gigabyte and Asus added...
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ (FCC) กำลังพิจารณา ห้ามไม่ให้ห้องปฏิบัติการในจีนทำการทดสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่จะจำหน่ายในสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ

    ปัจจุบัน 75% ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการที่ตั้งอยู่ในจีน ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์จาก Apple, Samsung, Sony และ LG อย่างไรก็ตาม FCC ระบุว่า บางห้องปฏิบัติการอาจมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ถูกแบน เช่น Huawei และ ZTE

    FCC จะลงมติในวันที่ 22 พฤษภาคม 2025 หากข้อเสนอผ่านการอนุมัติ ห้องปฏิบัติการที่มีความเกี่ยวข้องกับ บริษัทที่อยู่ในรายชื่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงของ FCC จะถูกตัดสิทธิ์จากกระบวนการรับรองอุปกรณ์

    ✅ การห้ามห้องปฏิบัติการจีนจากการทดสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
    - FCC ต้องการ ลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ
    - ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับ Huawei และ ZTE จะถูกตัดสิทธิ์

    ✅ สถิติที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบอุปกรณ์
    - 75% ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ผ่านการทดสอบในจีน
    - มีห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง 168 แห่งในจีน, 111 แห่งในสหรัฐฯ และ 114 แห่งในไต้หวัน

    ✅ กระบวนการลงมติและผลกระทบ
    - FCC จะลงมติในวันที่ 22 พฤษภาคม 2025
    - หากข้อเสนอผ่าน ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับ บริษัทที่อยู่ในรายชื่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงของ FCC จะถูกตัดสิทธิ์

    ✅ การขยายข้อเสนอไปยังห้องปฏิบัติการอื่น
    - FCC กำลังพิจารณาขยายข้อจำกัดไปยัง ห้องปฏิบัติการทั้งหมดในจีนและประเทศคู่แข่งอื่นๆ

    https://www.techspot.com/news/107755-fcc-moves-ban-chinese-labs-testing-electronics-sold.html
    คณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐฯ (FCC) กำลังพิจารณา ห้ามไม่ให้ห้องปฏิบัติการในจีนทำการทดสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่จะจำหน่ายในสหรัฐฯ โดยมีเป้าหมายเพื่อ ลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ ปัจจุบัน 75% ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ผ่านการทดสอบในห้องปฏิบัติการที่ตั้งอยู่ในจีน ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์จาก Apple, Samsung, Sony และ LG อย่างไรก็ตาม FCC ระบุว่า บางห้องปฏิบัติการอาจมีความเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ถูกแบน เช่น Huawei และ ZTE FCC จะลงมติในวันที่ 22 พฤษภาคม 2025 หากข้อเสนอผ่านการอนุมัติ ห้องปฏิบัติการที่มีความเกี่ยวข้องกับ บริษัทที่อยู่ในรายชื่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงของ FCC จะถูกตัดสิทธิ์จากกระบวนการรับรองอุปกรณ์ ✅ การห้ามห้องปฏิบัติการจีนจากการทดสอบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ - FCC ต้องการ ลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของชาติ - ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับ Huawei และ ZTE จะถูกตัดสิทธิ์ ✅ สถิติที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบอุปกรณ์ - 75% ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ผ่านการทดสอบในจีน - มีห้องปฏิบัติการที่ได้รับการรับรอง 168 แห่งในจีน, 111 แห่งในสหรัฐฯ และ 114 แห่งในไต้หวัน ✅ กระบวนการลงมติและผลกระทบ - FCC จะลงมติในวันที่ 22 พฤษภาคม 2025 - หากข้อเสนอผ่าน ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับ บริษัทที่อยู่ในรายชื่อความเสี่ยงด้านความมั่นคงของ FCC จะถูกตัดสิทธิ์ ✅ การขยายข้อเสนอไปยังห้องปฏิบัติการอื่น - FCC กำลังพิจารณาขยายข้อจำกัดไปยัง ห้องปฏิบัติการทั้งหมดในจีนและประเทศคู่แข่งอื่นๆ https://www.techspot.com/news/107755-fcc-moves-ban-chinese-labs-testing-electronics-sold.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    FCC moves to ban Chinese labs from testing electronics sold in the US
    FCC chairman Brendan Carr writes that before any electronic devices, such as smartphones or computers, can be imported or sold in the US, they must be tested...
    0 Comments 0 Shares 83 Views 0 Reviews
  • Apple เผชิญกับผลกระทบจาก Trump tariffs ซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนมิถุนายน 2025 แม้ว่าผลประกอบการของ Apple จะยังคงแข็งแกร่ง แต่ CEO Tim Cook ยอมรับว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง

    Apple ได้ดำเนินมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากภาษี เช่น การขยายโรงงานผลิตในอินเดียและบราซิล และ การนำเข้า iPhone กว่า 600 ตันเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีที่สูงถึง 145% สำหรับสินค้าจากจีน และ 27% สำหรับสินค้าจากอินเดีย อาจส่งผลต่อแผนการผลิตของ Apple ในอนาคต

    ✅ ผลกระทบต่อ Apple
    - อาจต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนมิถุนายน 2025
    - CEO Tim Cook ยอมรับว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง

    ✅ มาตรการลดผลกระทบของ Apple
    - ขยายโรงงานผลิตในอินเดียและบราซิล
    - นำเข้า iPhone กว่า 600 ตันเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้

    ✅ อัตราภาษีที่ส่งผลต่อ Apple
    - 145% สำหรับสินค้าจากจีน
    - 27% สำหรับสินค้าจากอินเดีย

    ✅ แนวโน้มของตลาดและการผลิต
    - Apple อาจต้องปรับกลยุทธ์การผลิตเพื่อลดผลกระทบจากภาษี
    - อาจมีการเพิ่มการผลิตในประเทศที่มีภาษีต่ำกว่า

    https://www.neowin.net/news/tim-cook-says-tariffs-had-limited-impact-on-apple-but-it-may-still-lose-close-to-a-billion/
    Apple เผชิญกับผลกระทบจาก Trump tariffs ซึ่งอาจทำให้บริษัทต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้นถึง 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนมิถุนายน 2025 แม้ว่าผลประกอบการของ Apple จะยังคงแข็งแกร่ง แต่ CEO Tim Cook ยอมรับว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง Apple ได้ดำเนินมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากภาษี เช่น การขยายโรงงานผลิตในอินเดียและบราซิล และ การนำเข้า iPhone กว่า 600 ตันเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม อัตราภาษีที่สูงถึง 145% สำหรับสินค้าจากจีน และ 27% สำหรับสินค้าจากอินเดีย อาจส่งผลต่อแผนการผลิตของ Apple ในอนาคต ✅ ผลกระทบต่อ Apple - อาจต้องแบกรับต้นทุนเพิ่มขึ้น 900 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดือนมิถุนายน 2025 - CEO Tim Cook ยอมรับว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องจับตามอง ✅ มาตรการลดผลกระทบของ Apple - ขยายโรงงานผลิตในอินเดียและบราซิล - นำเข้า iPhone กว่า 600 ตันเข้าสหรัฐฯ ก่อนที่ภาษีจะมีผลบังคับใช้ ✅ อัตราภาษีที่ส่งผลต่อ Apple - 145% สำหรับสินค้าจากจีน - 27% สำหรับสินค้าจากอินเดีย ✅ แนวโน้มของตลาดและการผลิต - Apple อาจต้องปรับกลยุทธ์การผลิตเพื่อลดผลกระทบจากภาษี - อาจมีการเพิ่มการผลิตในประเทศที่มีภาษีต่ำกว่า https://www.neowin.net/news/tim-cook-says-tariffs-had-limited-impact-on-apple-but-it-may-still-lose-close-to-a-billion/
    WWW.NEOWIN.NET
    Tim Cook says tariffs had "limited" impact on Apple but it may still lose close to a billion
    Apple CEO says the company could manage tariffs impact on its business, but it is difficult to predict beyond June.
    0 Comments 0 Shares 81 Views 0 Reviews
  • เครื่องหั่น #268 #หั่นเนื้อวัว ทำ #เนื้อกระทะ #หมูกระทะ
    สามารถหั่นได้บางงงงง...ตั้งแต่ขนาด 2.5 มิล - 25 มิล
    ไม่ว่าจะหั่นผัก เนื้อสัตว์ ปลาหมึก ใบมะกรูด กระดาษ เห็ด ปลาดุก และอีกมายมาย

    👉 มอเตอร์ 1 แรง ม้า ไฟบ้าน 220V
    👉 ระบการทำงานแบบใช้เฟืองขับ
    👉 มีเซนเซอร์ความปลอดภัย
    👉 ขนาดหัวหั่นมีให้เลือกตามความต้องการ
    👉 ตัวถาดสามารถแกะถอดล้างได้
    👉 มีล้อเคลื่อนย้ายสะดวก
    👉 ใช้งานได้หลากหลาย
    👉 รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี ดูแลตลอดอายุการใช้งาน

    #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY !!!!
    สามารถเข้ามาเลือกชมสินค้าได้นะครับ
    เวลาเปิดทำการ :
    จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00
    และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00
    แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7

    ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน
    m.me/yonghahheng👈👈 แชทเลย
    LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า)
    หรือ https://lin.ee/5H812n9
    02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 , 098-8307905 , 098-8307906
    www.yoryonghahheng.com
    E-mail : sales@yoryonghahheng.com
    yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องหั่นพริก #หั่นพริก #พริกแห้ง #เครื่องผ่าพริก
    #เครื่องหั่น #เครื่องสไลซ์ #หั่นไส้กรอก #เครื่องหั่นหมู
    #เครื่องหั่นเนื้อ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #อุปกรณ์ร้านอาหาร
    #เครื่องมือในครัว #เครื่องหั่นอุตสาหกรรม #เครื่องหั่นเนื้ออัตโนมัติ
    #เครื่องใช้ในครัว #อุปกรณ์ธุรกิจอาหาร #ขายเครื่องหั่นหมู
    #เครื่องหั่นมืออาชีพ #เครื่องหั่นเนื้อราคาถูก #อุปกรณ์ร้านอาหารคุณภาพ
    #เครื่องหั่นเนื้อเพื่อธุรกิจ
    เครื่องหั่น #268 #หั่นเนื้อวัว ทำ #เนื้อกระทะ #หมูกระทะ สามารถหั่นได้บางงงงง...ตั้งแต่ขนาด 2.5 มิล - 25 มิล ไม่ว่าจะหั่นผัก เนื้อสัตว์ ปลาหมึก ใบมะกรูด กระดาษ เห็ด ปลาดุก และอีกมายมาย 👉 มอเตอร์ 1 แรง ม้า ไฟบ้าน 220V 👉 ระบการทำงานแบบใช้เฟืองขับ 👉 มีเซนเซอร์ความปลอดภัย 👉 ขนาดหัวหั่นมีให้เลือกตามความต้องการ 👉 ตัวถาดสามารถแกะถอดล้างได้ 👉 มีล้อเคลื่อนย้ายสะดวก 👉 ใช้งานได้หลากหลาย 👉 รับประกันตัวเครื่อง 1 ปี ดูแลตลอดอายุการใช้งาน #เลือกคุณภาพ #เลือกBONNY !!!! สามารถเข้ามาเลือกชมสินค้าได้นะครับ เวลาเปิดทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00-17.00 และวันเสาร์ เวลา 8.00-16.00 แผนที่ https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 ย่งฮะเฮง เครื่องบด ย่อย หั่น สับ สไลซ์ คั้น อัด เลื่อย สำหรับ อาหาร ยา พลังงานหมุนเวียน m.me/yonghahheng👈👈 แชทเลย LINE Business ID : @yonghahheng (มี@ข้างหน้า) หรือ https://lin.ee/5H812n9 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 , 098-8307905 , 098-8307906 www.yoryonghahheng.com E-mail : sales@yoryonghahheng.com yonghahheng@gmail.com #เครื่องหั่นพริก #หั่นพริก #พริกแห้ง #เครื่องผ่าพริก #เครื่องหั่น #เครื่องสไลซ์ #หั่นไส้กรอก #เครื่องหั่นหมู #เครื่องหั่นเนื้อ #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #อุปกรณ์ร้านอาหาร #เครื่องมือในครัว #เครื่องหั่นอุตสาหกรรม #เครื่องหั่นเนื้ออัตโนมัติ #เครื่องใช้ในครัว #อุปกรณ์ธุรกิจอาหาร #ขายเครื่องหั่นหมู #เครื่องหั่นมืออาชีพ #เครื่องหั่นเนื้อราคาถูก #อุปกรณ์ร้านอาหารคุณภาพ #เครื่องหั่นเนื้อเพื่อธุรกิจ
    0 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • จีนกำลังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยดึงดูดนักวิจัยจากต่างประเทศ ล่าสุด Lee Young-hee นักวิจัยชาวเกาหลีใต้ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยวัสดุควอนตัมที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหูเป่ย หลังจากไม่สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมในเกาหลีใต้

    ศูนย์วิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่ วัสดุใหม่, พลังงานใหม่, ออปโตอิเล็กทรอนิกส์, เทคโนโลยีสารสนเทศ และชีวการแพทย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาอุตสาหกรรมในมณฑลหูเป่ย

    การแต่งตั้ง Lee Young-hee เป็นหนึ่งในหลายกรณีที่จีน ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านเซมิคอนดักเตอร์ แม้ว่าการวิจัยของเขาอาจไม่ได้ส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน แต่มีแนวโน้มจะมีบทบาทสำคัญในทศวรรษหน้า

    ✅ Lee Young-hee ได้รับตำแหน่งหัวหน้าศูนย์วิจัยวัสดุควอนตัม
    - ศูนย์วิจัยตั้งอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหูเป่ย
    - มุ่งเน้นไปที่ วัสดุใหม่, พลังงานใหม่, ออปโตอิเล็กทรอนิกส์, เทคโนโลยีสารสนเทศ และชีวการแพทย์

    ✅ เหตุผลที่ Lee Young-hee ย้ายไปจีน
    - ไม่สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมในเกาหลีใต้หลังเกษียณ
    - เคยเสนอแผนวิจัยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของเกาหลีใต้ แต่ไม่ได้รับการตอบรับ

    ✅ แนวโน้มของจีนในการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ
    - มีรายงานว่าจีน ดึงดูดวิศวกรจาก Apple และ TSMC ด้วยข้อเสนอเงินเดือนสูง
    - Huawei เคยเสนอเงินเดือน สามเท่า ให้กับพนักงาน TSMC เพื่อดึงดูดให้ย้ายไปทำงานในจีน

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
    - การวิจัยวัสดุควอนตัมอาจมีบทบาทสำคัญในทศวรรษหน้า
    - อาจช่วยให้จีนลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ

    https://wccftech.com/china-appoints-south-korean-semiconductor-research-for-quantum-materials-research/
    จีนกำลังเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยดึงดูดนักวิจัยจากต่างประเทศ ล่าสุด Lee Young-hee นักวิจัยชาวเกาหลีใต้ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยวัสดุควอนตัมที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหูเป่ย หลังจากไม่สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมในเกาหลีใต้ ศูนย์วิจัยนี้มุ่งเน้นไปที่ วัสดุใหม่, พลังงานใหม่, ออปโตอิเล็กทรอนิกส์, เทคโนโลยีสารสนเทศ และชีวการแพทย์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาอุตสาหกรรมในมณฑลหูเป่ย การแต่งตั้ง Lee Young-hee เป็นหนึ่งในหลายกรณีที่จีน ดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความสามารถด้านเซมิคอนดักเตอร์ แม้ว่าการวิจัยของเขาอาจไม่ได้ส่งผลต่อการแข่งขันในตลาดปัจจุบัน แต่มีแนวโน้มจะมีบทบาทสำคัญในทศวรรษหน้า ✅ Lee Young-hee ได้รับตำแหน่งหัวหน้าศูนย์วิจัยวัสดุควอนตัม - ศูนย์วิจัยตั้งอยู่ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีหูเป่ย - มุ่งเน้นไปที่ วัสดุใหม่, พลังงานใหม่, ออปโตอิเล็กทรอนิกส์, เทคโนโลยีสารสนเทศ และชีวการแพทย์ ✅ เหตุผลที่ Lee Young-hee ย้ายไปจีน - ไม่สามารถหาตำแหน่งที่เหมาะสมในเกาหลีใต้หลังเกษียณ - เคยเสนอแผนวิจัยให้กระทรวงวิทยาศาสตร์ของเกาหลีใต้ แต่ไม่ได้รับการตอบรับ ✅ แนวโน้มของจีนในการดึงดูดผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ - มีรายงานว่าจีน ดึงดูดวิศวกรจาก Apple และ TSMC ด้วยข้อเสนอเงินเดือนสูง - Huawei เคยเสนอเงินเดือน สามเท่า ให้กับพนักงาน TSMC เพื่อดึงดูดให้ย้ายไปทำงานในจีน ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ - การวิจัยวัสดุควอนตัมอาจมีบทบาทสำคัญในทศวรรษหน้า - อาจช่วยให้จีนลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ https://wccftech.com/china-appoints-south-korean-semiconductor-research-for-quantum-materials-research/
    WCCFTECH.COM
    China Has Recruited South Korean Semiconductor Researcher And Appointed Him Head Of Quantum Materials Research After He Was Unable To Find A Suitable Position In His Home Country
    After being unable to find a suitable research position in his home country, a South Korean semiconductor expert has been recruited by China
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุดจากการสำรวจของ TechRadar Pro โดย 39% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เลือกใช้บริการนี้ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและมีอยู่ใน Chrome และ Android

    อย่างไรก็ตาม 20% ของผู้ใช้ยังคงเลือกจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจะเตือนว่าการใช้รหัสผ่านซ้ำและไม่เปลี่ยนรหัสผ่านบ่อย ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์

    Apple Passwords เป็นตัวเลือกอันดับสอง โดย 23% ของผู้ใช้เลือกใช้บริการนี้ ซึ่งมีฟีเจอร์ตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลและสุขภาพของรหัสผ่าน

    ✅ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุด
    - 39% ของผู้ใช้เลือกใช้ เนื่องจากใช้งานง่ายและมีอยู่ใน Chrome และ Android
    - มีฟีเจอร์ช่วยจัดการรหัสผ่านและแจ้งเตือนเมื่อพบข้อมูลรั่วไหล

    ✅ Apple Passwords เป็นตัวเลือกอันดับสอง
    - 23% ของผู้ใช้เลือกใช้
    - มีฟีเจอร์ตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลและสุขภาพของรหัสผ่าน

    ✅ ผู้ใช้บางส่วนยังคงจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง
    - 20% ของผู้ใช้เลือกไม่ใช้ Password Manager
    - ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการใช้รหัสผ่านซ้ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

    ✅ ข้อเสนอพิเศษจากผู้ให้บริการ Password Manager
    - Keeper ลดราคาสูงสุด 50% สำหรับแผน Personal และ Family
    - RoboForm Premium ลดราคา 60% พร้อมฟีเจอร์ 2FA และ Cloud Backup
    - NordPass Business ลดราคา 20% เมื่อใช้โค้ด PASSDAY20

    https://www.techradar.com/pro/security/google-password-manager-is-a-favourite-amongst-techradar-pro-readers-whats-yours
    Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุดจากการสำรวจของ TechRadar Pro โดย 39% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เลือกใช้บริการนี้ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่ายและมีอยู่ใน Chrome และ Android อย่างไรก็ตาม 20% ของผู้ใช้ยังคงเลือกจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจะเตือนว่าการใช้รหัสผ่านซ้ำและไม่เปลี่ยนรหัสผ่านบ่อย ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีทางไซเบอร์ Apple Passwords เป็นตัวเลือกอันดับสอง โดย 23% ของผู้ใช้เลือกใช้บริการนี้ ซึ่งมีฟีเจอร์ตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลและสุขภาพของรหัสผ่าน ✅ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุด - 39% ของผู้ใช้เลือกใช้ เนื่องจากใช้งานง่ายและมีอยู่ใน Chrome และ Android - มีฟีเจอร์ช่วยจัดการรหัสผ่านและแจ้งเตือนเมื่อพบข้อมูลรั่วไหล ✅ Apple Passwords เป็นตัวเลือกอันดับสอง - 23% ของผู้ใช้เลือกใช้ - มีฟีเจอร์ตรวจสอบข้อมูลรั่วไหลและสุขภาพของรหัสผ่าน ✅ ผู้ใช้บางส่วนยังคงจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง - 20% ของผู้ใช้เลือกไม่ใช้ Password Manager - ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการใช้รหัสผ่านซ้ำอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี ✅ ข้อเสนอพิเศษจากผู้ให้บริการ Password Manager - Keeper ลดราคาสูงสุด 50% สำหรับแผน Personal และ Family - RoboForm Premium ลดราคา 60% พร้อมฟีเจอร์ 2FA และ Cloud Backup - NordPass Business ลดราคา 20% เมื่อใช้โค้ด PASSDAY20 https://www.techradar.com/pro/security/google-password-manager-is-a-favourite-amongst-techradar-pro-readers-whats-yours
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • World Password Day 2025 เป็นโอกาสสำคัญในการตระหนักถึงความปลอดภัยของรหัสผ่านและแนวทางใหม่ ๆ ในการปกป้องบัญชีออนไลน์ โดยในปีนี้มีการเน้นไปที่ Passkeys ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้รหัสผ่านแบบเดิมและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้

    จากการสำรวจของ FIDO Alliance พบว่า 74% ของผู้บริโภคทั่วโลกรู้จัก Passkeys และ 69% ได้เปิดใช้งาน Passkeys อย่างน้อยหนึ่งบัญชี นอกจากนี้ 38% ของผู้ใช้ที่เคยใช้ Passkeys เลือกเปิดใช้งานทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ใช้เริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น

    นอกจากนี้ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุดจากการสำรวจของ TechRadar Pro โดยมีผู้ใช้จำนวนมากเลือกใช้บริการนี้แทนการจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง

    ✅ Passkeys กำลังมาแทนที่รหัสผ่าน
    - 74% ของผู้บริโภครู้จัก Passkeys
    - 69% เปิดใช้งาน Passkeys อย่างน้อยหนึ่งบัญชี
    - 38% ของผู้ใช้ที่เคยใช้ Passkeys เลือกเปิดใช้งานทุกครั้งที่มีโอกาส

    ✅ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุด
    - จากการสำรวจของ TechRadar Pro พบว่า Google Password Manager เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของผู้ใช้
    - ผู้ใช้บางส่วนยังคงเลือกไม่ใช้ Password Manager แต่มีแนวโน้มลดลง

    ✅ ข้อเสนอพิเศษจากผู้ให้บริการ Password Manager
    - Keeper ลดราคาสูงสุด 50% สำหรับแผน Personal และ Family
    - RoboForm Premium ลดราคา 60% พร้อมฟีเจอร์ 2FA และ Cloud Backup
    - NordPass Business ลดราคา 20% เมื่อใช้โค้ด PASSDAY20

    ✅ แนวโน้มของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบที่ไม่มีรหัสผ่าน
    - Amazon, Apple, Google, Microsoft และ Samsung ลงนามใน Passkey Pledge เพื่อสนับสนุนอนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น

    https://www.techradar.com/pro/live/world-password-day-2025-all-the-news-updates-and-advice-from-our-experts
    World Password Day 2025 เป็นโอกาสสำคัญในการตระหนักถึงความปลอดภัยของรหัสผ่านและแนวทางใหม่ ๆ ในการปกป้องบัญชีออนไลน์ โดยในปีนี้มีการเน้นไปที่ Passkeys ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้รหัสผ่านแบบเดิมและเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ จากการสำรวจของ FIDO Alliance พบว่า 74% ของผู้บริโภคทั่วโลกรู้จัก Passkeys และ 69% ได้เปิดใช้งาน Passkeys อย่างน้อยหนึ่งบัญชี นอกจากนี้ 38% ของผู้ใช้ที่เคยใช้ Passkeys เลือกเปิดใช้งานทุกครั้งที่มีโอกาส ซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มที่ผู้ใช้เริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีนี้มากขึ้น นอกจากนี้ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุดจากการสำรวจของ TechRadar Pro โดยมีผู้ใช้จำนวนมากเลือกใช้บริการนี้แทนการจัดการรหัสผ่านด้วยตนเอง ✅ Passkeys กำลังมาแทนที่รหัสผ่าน - 74% ของผู้บริโภครู้จัก Passkeys - 69% เปิดใช้งาน Passkeys อย่างน้อยหนึ่งบัญชี - 38% ของผู้ใช้ที่เคยใช้ Passkeys เลือกเปิดใช้งานทุกครั้งที่มีโอกาส ✅ Google Password Manager ได้รับความนิยมสูงสุด - จากการสำรวจของ TechRadar Pro พบว่า Google Password Manager เป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของผู้ใช้ - ผู้ใช้บางส่วนยังคงเลือกไม่ใช้ Password Manager แต่มีแนวโน้มลดลง ✅ ข้อเสนอพิเศษจากผู้ให้บริการ Password Manager - Keeper ลดราคาสูงสุด 50% สำหรับแผน Personal และ Family - RoboForm Premium ลดราคา 60% พร้อมฟีเจอร์ 2FA และ Cloud Backup - NordPass Business ลดราคา 20% เมื่อใช้โค้ด PASSDAY20 ✅ แนวโน้มของการเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบที่ไม่มีรหัสผ่าน - Amazon, Apple, Google, Microsoft และ Samsung ลงนามใน Passkey Pledge เพื่อสนับสนุนอนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น https://www.techradar.com/pro/live/world-password-day-2025-all-the-news-updates-and-advice-from-our-experts
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
More Results